
6
ผลการตรวจร่างกายนอกจากแผลภายนอกที่ศรีษะที่เย็บเรียบร้อยไม่มีอะไรน่าห่วง นอกนั้นทุกอย่างปกติแต่ก็15 วันแล้วพี่วุฒิยังไม่ฟื้น ที่พี่วุฒิยังนอนเหมือนเจ้าชายนิทรา
เมื่อเช้าพยาบาลมาวัดไข้ ตรวจดูรอบเช้าเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างปกติ เหมือนเช่นทุกวัน
“…………………..” ผมยกกะละมังใบเล็กๆวางไว้บนโต๊ะคร่อมเตียง แล้วบิดผ้าในที่แช่อยู่จนหมาด เพื่อเอามาเช็ดตัวพี่วุฒิ
“ พี่ครับ วันนี้ วันเสาร์ คุณแม่พี่กับคุณพ่อจะมาเยี่ยมพี่ตอน10 โมง ถ้าท่านมาแล้วพี่ฟื้น ท่านต้องดีใจมาก เพราะงั้นฟื้นขึ้นมาเถอะครับ” ผมเอาเช็ดแขนพี่วุฒิไปด้วย ก่อนที่หันไปมองหน้าพี่วุฒิที่สงบนิ่ง ผมยิ้มเผื่อพี่วุฒิลืมตามาจะได้เห็นผมกำลังยิ้มให้
พี่วุฒิยังคงหลับตาไม่มีเปลี่ยนแปลง แต่ผมไม่ท้อ ผมมีความหวังว่าเราจะต้องได้อยู่ด้วยกัน
ผมต้องขอบคุณแม่คุณพ่อพี่วุฒิที่ท่านยอมให้ผมดูแลพี่วุฒิแบบนี้ และแม่ผมด้วยที่ท่านเข้าใจผม
ผมกำลังเช็ดหน้าอกพี่วุฒิ ก่อนที่ก้มลงกอด แนบหน้าลงบนข้างซ้ายเพื่อฟังเสียงหัวใจเต้น เสียงหัวใจสม่ำเสมอเหมือนคนกำลังหลับลึก
“ ผมคิดถึงพี่ ทั้งที่ตอนนี้ผมกำลังกอดพี่อยู่” แต่ใน3 ปีที่ผ่านมา ผมกลับไม่เคยคิดว่าผมห่างจากพี่เลย เพราะไม่ว่าผมจะมองไปไหนผมก็คิดว่าผมเห็นพี่ แม้แต่ยามหลับพี่ก็เข้ามาอยู่ในฝัน
น้ำตาไหล…
ถึงแม้ในฝัน พี่จะไม่เคยใจดีกับผมเลย แต่ผมก็คิดว่าดีกว่าที่พี่เป็นแบบนี้
พี่คงไม่รู้หรอกว่า พี่ทำร้ายผมเป็นร้อยครั้งสู้ที่พี่ใจดีกับผมแค่เสี้ยววินาทีไม่ได้ แค่นั้นผมก็มีความสุขแล้ว แค่พี่หอมแก้มผมเบาๆผมก็พอใจแม้ว่าหลังจากนั้นพี่ตบผม ต่อยผม หรือแม้อะไรก็ตามแต่…
ซึ่งไม่ยุติธรรมเลย ทว่าผมยอมรับ
“…………………..” ผมลุกขึ้นเอามือปาดน้ำตา แล้วเช็ดคราบน้ำตาที่อกพี่วุฒิ พยายามที่จะไม่คิดถึงเรื่องเก่าอีก พอแล้ว อย่าคิดเลยเรื่องเลวร้าย คิดแต่เรื่องดีๆ คิดแต่เรื่องที่มีความสุข
ก็อกๆ
เสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้ผมปั้นสีหน้าให้ปกติ และเอามือเช็ดดวงตาอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู
“ชิด?”ชิดยืนอยู่หน้าประตู
“ เข้าไปได้ไหม?” ชิดถาม ยกกระเช้าผลไม้ขึ้นบอกให้รู้ว่ามาเยี่ยมพี่วุฒิ ผมถอยให้ชิดเข้าไปในห้อง แล้วเดินตามชิดเข้ามา
“ พี่วุฒิยังไม่ฟื้นอีกเหรอ?” ชิดถามพลางวางกระเช้าบนโต๊ะ แล้วหันมามองผม
“ ยัง” ผมบอก เมื่อวานนี้เองที่ชิดโทรมาที่บ้าน ผมได้บอกเรื่องพี่วุฒิกับชิด
“……………………………อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้” ชิดว่าก่อนที่จะเข้ามากอดผม!?
หมับ!?
“ ชิด?” ผมผวาถอยแต่ไม่ทัน ชิดกอดผมแล้ว
“ ขอโทษที่ทำแบบนี้ แต่ว่าชิดทนไม่ไหวยิ่งจุมทำหน้าเหมือนกำลังทรมานแบบนี้ ชิดก็ยิ่งอยากกอดจุมไว้ เพราะชิดไม่รู้ว่าจะช่วยจุมได้ยังไง”
“……………………” ชิด ไม่ต้องทำอะไรหรอก ชิดไม่ต้องทำอะไรเลย
ก๊อกๆเสียงเคาะประตูอีกครั้งและทันทีประตูก็เปิดออก คุณแพรพลอย คุณวชิระ !?เดินเข้ามา
ผมผลักชิดออกไปราวกับเป็นสิ่งที่ผิด คุณพ่อคุณแม่พี่วุฒิชะงักก่อนที่จะเดินเข้ามาอย่างปกติ
“สวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้ท่านทั้งสอง ชิดก็ด้วย
“ วุฒิ!?” คุณแพรพลอยว่าเสียงดังก่อนที่จะเดินตรงไปที่เตียงแล้วกุมมือพี่วุฒิไว้
“ วุฒิลูก” “คุณ?”(คุณวชิระ)
“ เมื่อกี้มือลูกขยับค่ะคุณ”
มือพี่วุฒิขยับ หรือว่าพี่วุฒิจะรู้สึกตัวแล้ว!?
“…………………” ผมไปเตียงอีกด้านพร้อมทั้งกุมมือพี่วุฒิเช่นกันแต่คนละข้างกับคุณแพรพลอย
พี่วุฒินอนนิ่ง
“ พี่ครับ” ผมเรียกพี่วุฒิอย่างมีความหวัง พร้อมทั้งบีบมือพี่วุฒิเบาๆ
“ พี่ครับ” ผมเรียกแล้ว รอคอย…………การรอคอยทำให้เวลายาวนาน
“…………………”
ขนตาพี่วุฒิเริ่มขยับไหวๆ และขยับพร้อมๆกับเปลือกตาที่มีปฎิกิริยาจากด้านใน เหมือนนัยย์ตากำลังกรอกไปมา
“ วุฒิ ลูก” คุณแพรพลอยเรียกจ้องมองพี่วุฒิด้วยความหวัง ดวงตามีน้ำตาเอ่อ
พี่ครับ
“…………………”
เวลาเดินช้ายิ่งกว่าช้ากว่าจะผ่านพ้นเสี้ยววินาทีไปได้เมื่อต้องรอคอยแบบนี้ เปลือกตาพี่วุฒิค่อยๆลืมขึ้น และเพียงเล็กน้อยก็หลับลงไปอีก
พี่วุฒิฟื้นแล้ว ผมตะโกนในใจ เอามือปาดน้ำตาก่อนที่มันจะไหลลงมา ริมฝีปากยิ้ม จ้องหน้าสีซีดพี่วุฒิด้วยความสุข
คุณวชิระกดกริ่งเรียกพยาบาล คุณแพรพลอยยังคงกุมมือพี่วุฒิเหมือนกำลังส่งความห่วงใยให้พี่วุฒิลืมตาขึ้นมาอีก
“ ……………” พี่ครับ ลืมตาขึ้นอีกสิครับ หมอกำลังมาแล้ว หมอจะช่วยพี่
“ วุฒิลูก เป็นไงบ้างนี่แม่นะ” (คุณแพรพลอย)
“ พี่วุฒิ” ผมเรียกชื่อคนที่รักในลำคอ เสียงที่เปล่งออกมาช่างแผ่วเบา ความตื้นตันที่เห็นพี่เขากำลังลืมตา ไม่มีความรู้สึกใดจะบรรยายได้
พี่วุฒิลืมขึ้นมาอีก มองเพดาน แล้วกวาดตาไปรอบๆอย่างเชื่องช้า จากคุณวชิระ คุณแพรพลอย และมาหยุดที่ผม (ชิดยืนอยู่ข้างหลังผม)
“ ……………” ปากผมขยับ แต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา พี่ครับในที่สุดพี่ก็ฟื้นแล้ว
“ วุฒิ” (คุณแพรพลอย)
“ ที่ นี่ ?” เสียงพี่วุฒิลอดผ่านริมฝีปากแห้งนั้นแทบจะไม่ได้ยิน ถ้าห้องไม่ได้อยู่ในความเงียบแบบนี้
“ ตอนนี้วุฒิอยู่โรงพยาบาล ไม่เป็นไรแล้วนะ” คุณแพรพลอยบอกร้อนรนแต่ปากกำลังยิ้มด้วยความดีใจที่พี่วุฒิฟื้น เหมือนกับผมที่คลี่ยิ้มเหมือนกัน
ผมบีบมือพี่วุฒิเบาๆ บอกให้พี่วุฒิรู้ว่าผมก็อยู่ตรงนี้ด้วย
“ วุฒิเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าลูก?” คุณแพรพลอยถามทั้งน้ำตาคลอ คุณวชิระแม้จะไม่พูดอะไรออกมาแต่สีหน้าก็เต็มไปด้วยความห่วงใยพี่วุฒิอย่างแท้จริง
“………………” พี่วุฒิจ้องหน้าผม ก่อนที่หันไปมองคุณแพรพลอย แล้วสะบัดแขนทั้ง2สองออกจากมือผมกับคุณแพรพลอย แม้จะแค่เบาๆเท่าที่พี่วุฒิมีแรงก็ตาม
ผมปล่อยมือพี่วุฒิ
ในอกของผมเบาหวิว จนคิดว่าได้ยินเสียงลมในหัวใจ สายตาที่วุฒิที่มองผมนั้น ช่างแตกต่างจากพี่วุฒิที่ป้อนข้าวต้มผมเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว นัยน์ตาพี่วุฒิไม่ได้สะท้อนความรู้สึกใดๆออกมาเลย
“ ปล่อย!” พี่วุฒิว่า เพราะคุณแพรพลอยยังกุมมือพี่วุฒิอยู่
“ น้ำ” พี่วุฒิว่า คุณวชิระรีบเทน้ำจากขวดที่อยู่ด้านหลังมาให้พี่วุฒิ พร้อมกับกดปุ่มปรับเตียงให้พี่วุฒิอยู่ในท่านั่ง
ผมถอยออกมา ทั้งที่ขามันกำลังสั่น
พี่วุฒิ…
“………………” พี่วุฒิกินน้ำที่เทแค่ค่อนแก้วจนหมด
“ ปวด หัว” พี่วุฒิว่าเอามือกุมหัว หน้าเคร่ง
“ หมอกำลังมาแล้วลูก” คุณแพรพลอยบอก พี่วุฒิหลับตาลง
“ พะพี่ครับ” ผมพลั้งปากเรียกออกไป ในทันทีพี่วุฒิลืมขึ้นมาอีก หันหน้าบนหมอนมองผม
“………….” ยิ่งเห็นสายตาพี่วุฒิ ผมยิ่งรับรู้ถึงบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป อะไรที่เปลี่ยนไป……
“ ใคร?” พี่วุฒิว่า
“………….……………………………….………….”
แม้แต่คุณวชิระ และคุณแพรพลอยท่านก็หันมาจ้องผม ชิดเดินเข้าโอบไหล่ผมพลางช่วยพยุงตัวผมที่จะทรงตัวไม่อยู่แล้ว
ใคร?
ใคร?
“………….”
ผมชื่อจุม พี่ไม่รู้หรือครับ?
แอ๊ด?! หมอและพยาบาลเปิดประตูและพุ่งพรวดเข้ามา ผมหลีกทางให้หมอตรวจพี่วุฒิได้สะดวก
“ จุมทำใจดีๆไว้” ชิดบอก พร้อมทั้งพาผมเดินออกมานอกห้องก่อน
นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไม?? ผมตะโกนในใจ
“…………” ถ้าไม่มีชิดพยุงผมไว้ตอนนี้ ผมคงลงไปกองกับพื้นอย่างแน่นอน
“ ชิด เมื่อกี้ พี่วุฒิ ถามว่าจุมเป็นใครใช่ไหม?” ผมถาม อยากได้ยินชิดตอบว่า ‘ไม่ใช่’
“ อย่าเพิ่งคิดอะไรตอนนี้เลย ให้หมอตรวจดูก่อน”
“ แต่ว่าชิด สายตาที่พี่วุฒิมองจุมไม่เหมือนเดิม เหมือนไม่เคยเห็นจุมด้วยซ้ำ” ผมพูด และน้ำตาที่คลออยู่ก็ไหลลงมา
“…………”( ชิด )
ใจผมสั่นหายลึกเข้าไปในอก สัมผัสได้แค่เสียงหัวใจเต้นแต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน
จะ..หมายความว่า พี่วุฒิลืมผม ไม่รู้จักผม ไม่ได้รักผมอย่างที่เคยบอก ในโลกของพี่วุฒิไม่มีคนที่ชื่อว่าจุมฟ้า เหมือนก่อนที่พี่วุฒิได้ขอเบอร์ผมในห้องน้ำวันนั้น
สาเหตุที่เป็นแบบนี้ เพราะอะไรผมไม่รู้ หรือว่าฟ้าเบื้องบนต้องการอะไรกันแน่ แต่ยังไงก็ตามพี่วุฒิก็ฟื้นมาแล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วใช่ไหม? ใช่แล้ว ผมต้องคิดอย่างงั้น เพราะแค่พี่วุฒิปลอดภัยไม่ต้องคิดว่าพี่วุฒิจะรู้จักผมหรือไม่ นั่นไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญอะไร
แต่ผมกำลังร้องไห้ คนที่ผมรักหมดหัวใจ ถามว่าผมเป็นใคร? เจ็บปวดราวจนนึกว่าโดนลิ่มตอกเข้าที่อก
แต่ทุกอย่างอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด
พี่วุฒิเพิ่งรู้สึกตัว เลยทำให้หลงลืมบางสิ่งไปบ้าง แต่ไม่นาน อาจจะพรุ่งนี้ มะรืนนี้ หรืออาทิตย์หน้า หรือเดือนหน้าพี่วุฒิก็จะจำอะไรได้ดังเดิม และจำผมได้
ทว่าผมกลัวเหลือเกินว่า พี่วุฒิจะไม่เคยรู้จักผม
“ ฮึก ฮือๆ” ผมร้องไห้
“ จุม” ชิดจับท้ายทอยผมซบลงบนไหล่ และลูบเบาๆ
…
…
….. ….
ผมนั่งเก้าอี้โซฟาตัวเดี่ยว คุณแพรพลอยและคุณวชิระนั่งตัวยาว ส่วนพี่วุฒิหลับอยู่บนเตียงด้านซ้ายมือของผม( ผมให้ชิดกลับไปก่อน) ผลการตรวจไม่ผลสิ่งใดผิดปกติ ถึงแม้ว่าสมองจะเคยบวมก่อนหน้านี้ ตอนนี้ที่พี่วุฒิหลับอยู่ก็เพราะความอ่อนเพลีย และก็ยังจำผมไม่ได้
คุณหมอได้ชักประวัติพี่วุฒิคร่าวๆเลยรู้ว่าความทรงจำพี่วุฒิอยู่ช่วงมอ5 นั่นทำให้ทราบว่าทำไมตอนนี้พี่เขาถึงไม่รู้จักผม
“จุม”(คุณแพรพลอย)
“ครับ?” ผมหันหน้าจากเตียงพี่วุฒิไปหาคุณแพรพลอย
“ ตอนนี้ จุมจะเอายังไง?” คุณแพรพลอยถาม ผมไม่เข้าใจคำถามว่า ผมจะต้องเอายังไง???
“เอายังไงอะไรหรือครับ?”
“ ก็เรื่องของวุฒิ…………” คุณแพรพลอยพูดแล้วหยุดไป
“ ครับ?” (ผม)
“ ตอนนี้วุฒิจำ..อะไรไม่ได้ จุมจะเอายังไง?” คุณแพรพลอยถามย้ำอีก
“……………..” ผมหันหน้ากลับไปมองพี่วุฒิที่หลับอยู่
ตอนนี้พี่วุฒิไม่รู้จักผม แต่พี่วุฒิก็อาจจะจำผมได้ถ้าพี่วุฒิตื่นขึ้นมาหลังจากนี้
พี่วุฒิไม่รู้จักผม ………..
“ แม้ตอนนี้คุณหมอจะไม่แน่ใจว่าวุฒิจะความจำเสื่อมแบบถาวรหรือชั่วคราวแบบที่จุมเคยเป็น แต่ตอนนี้คือจำอะไรไม่ได้เกี่ยวกับจุม แม่เลยอยากจะให้จุมลองคิดดูว่าจะเอายังไง?” คุณแพรพลอยว่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ
ผมนึกถึงเรื่องที่คุณแพรพลอยและคุณวชิระหลอกเรื่องผมกับพี่วุฒิ ท่านคงไม่อยากให้พี่วุฒิเจอผม
“…………”
“ ที่แม่พูดแบบนี้ก็เพราะสุดท้ายแล้ว ….แม่ก็ตามใจวุฒิ แต่แม่ก็คิดว่ามากเกินไปแล้วที่วุฒิจะทำร้ายจุม อี ก”
“ ครับ” ผมพูดได้แค่คำนี้ ผมเข้าใจที่คุณแพรพลอยพูดดีแล้ว ท่านอยากให้ผมกับพี่วุฒิเป็นคนอื่นที่ไม่รู้จัก
ท่านก็คงมีเหตุผลของท่าน
“ นี่คงเป็นทางออกที่ดีแล้ว”
“ 3ปีที่หนีไป ถึงจะถูกตามเจอ แต่หลังจากนี้เราก็ไม่ต้องหนีแล้ว”(คุณวชิระ)
“ครับ” แต่ผมจะไม่ไปไหน ถ้าพี่วุฒิไม่ไล่
“ อย่ามาเจอวุฒิอีกจะดีกว่า” คุณวชิระว่า ผมมองหน้าท่านไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดที่ทำร้ายจิตใจผมได้ขนาดนี้ แม้ว่าคุณวชิระจะไม่ได้มีท่าทีแบบนั้นก็ตาม
“ ทำไมครับ?” ผมถาม น้ำตาหนองหน้าแล้ว
ทำไมถึงไม่ให้ผมมาเจอพี่วุฒิอีก
“ เพราะถ้าเป็นตอนนี้คนที่จะลำบาก คือจุม ”
“…………….”
“ ครับผมรู้ ว่าตอนนี้พี่วุฒิไม่รู้จักผม แต่ แต่ ถ้าต่อไปพี่วุฒิจำอะไรได้ล่ะครับ?”
“……………………….” คุณแพรพลอยและคุณวชิระไม่ได้ตอบคำถามผม นอกจากมองผมด้วยแววตาเห็นใจ
# . #
ผมไขกุญแจประตูรั้วก่อนที่จะล็อคไว้เหมือนเดิมเมื่อเข้ามาแล้ว เดินเข้าไปในบ้านมองซ้ายมองขวาเข้าไปในครัว ไม่เห็นแม่ คงจะขึ้นไปข้างบนแล้ว
ผมเดินเข้าไปในครัว อาหารเหมือนเพิ่งวางอยู่บนโต๊ะ เพราะยังอุ่นอยู่
“……………” ผมเดินขึ้นไปขั้นบน เห็นห้องตัวเองเปิดอยู่ เลยเดินเข้าไป
? แม่นั่งอยู่บนเตียงของผม
“ แม่” ผมเรียกเดินไปนั่งข้างๆแม่
“ กลับมาแล้วเหรอ? กินข้าวมาหรือยัง?”
“ ยังครับ แล้วแม่ล่ะกินข้าวหรืออีก?” ผมถาม แม่จับมือผม
“ แม่รอจุม” แม่ว่า แล้วผมก็ยื่นแขนไปกอดท่านไว้
ผมยังมีแม่ ผมยังมีแม่ คนที่รักผมที่สุด คนที่รักผมโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
“ แม่ครับ จุมขอโทษที่ทิ้งแม่อีกแล้ว”
“ ไม่เป็นไร แม่รู้ว่าจุมรักวุฒิ และวุฒิก็ตามหาจุมมาตลอด” แม่ว่า 3 ปีมานี้พี่วุฒิมาที่นี่บ่อยๆ บ้างก็มาส่งข่าวเรื่องผม บ้างก็มาหาแม่เฉยๆ และพี่วุฒิยังเล่าเนื่องที่ผมหนีว่า ว่าพี่เขาทำร้ายร่างกายผม ซึ่งจากที่แม่เล่าให้ผมฟัง แม่คงจะไม่รู้เรื่องทั้งหมด และแม่เองก็คงไม่ได้อยากฟังพี่วุฒิเล่า แม่บอกว่าในเมื่อสำนึกผิดแล้ว เรื่องเก่าก็อย่าไปรื้อฟื้นให้เจ็บปวดกันอีกเลย
“ พี่เขาเป็นไงบ้าง?” แม่ถามถึงพี่วุฒิ
“ พี่วุฒิฟื้นแล้วครับ แต่ พี่เขา จำผมไม่ได้”
“ หมายความยังไง?” แม่ถามเสียงดังกว่าปกติ
“ พี่วุฒิความจำเสื่อมครับ” ผมว่า อยากจะร้องไห้
ทำไมต้องลืมกันด้วย ทำไมครับ ทำไมพี่ถึงได้ลืมเวลาที่ได้เจอผมไปแล้ว เพราะว่าไม่อยากจำ ว่าเคยมีเวลาร่วมกับผม
แต่ผมก็ปฎิเสธความจริงไม่ได้ ว่า พี่ไม่ได้รู้จักผม
ผมนึกถึง คำพูดที่คุณแม่กับคุณพ่อวุฒิพูดกับผม
ผมกับพี่วุฒิเป็นแบบนี้ก็อาจจะดีกว่าได้ ตอนนี้ผมมีโอกาสที่จะเลือกว่าจะกลับไปเป็นอย่างเดิม หรือเลือกที่จะให้พี่วุฒิไม่รู้จักผมต่อไป
“ ฮือๆ” ผมร้องไห้เหมือนว่าเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ เพราะผมอยู่กับมันจนชิน
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ให้ผมได้มีความสุขเล็กๆน้อยๆกับความฝันที่คิดเองเออเอง ให้พี่วุฒิเป็นคนที่ผมเอื้อมไม่ถึงอย่างเช่นที่เคยเป็น แล้วสักวันหนึ่งผมก็คงทำใจได้ แล้วเก็บความทรงจำดีๆไว้ในใจ เรื่องเลวร้ายทั้งหลายให้คิดว่าฝันไป
เวลาร่วมกันที่เคยมี ก็เคยมีเหมือนเดิม แต่มีเพียงผมที่สัมผัสได้ก็ไม่เป็นไร
# . #
มาช้าหน่อยเน้อเจ้าค่ะ เพราะงั้นแถม ตอนต่อไปนิดหนึ่งหนอท่าน
ผมล่ะสายตาจากหน้าตัวหนังสือไปมองโทรศัพท์ที่ส่งเสียงอยู่ แล้วหยิบขึ้นมา
พี่ชนะ? โทรมา
“…………..” ผมกดรับ
“ สวัดดีครับ” ผมว่า
“ จุม สอบวันไหน?” พี่ชนะถามวันที่ผมไปสอบตรงที่มหาลัย ตอนนี้ถ้าจะเรียนให้ทันปีการศึกษานี้ ผมต้องสอบตรงแบบนี้เท่านั้น และคะแนนที่ผมสอบไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้วใช้ไม่ได้ ถึงแม้ว่าที่ผมสอบตรงครั้งนี้จะเป็นภาคพิเศษก็ตาม แต่ผมก็อยากทำให้แม่ภูมิใจที่เรียนจบ และผมคิดว่าการเรียนจะทำให้ผมลืมเรื่องต่างๆได้
“ วันจันทร์ครับ” ผมบอก ยืนขึ้น เสียงแหวนกระทบกันที่คอทำให้ชะงักนิ่ง
“ อืม จุมพี่มีเรื่องจะเล่า”
“ครับ?” ผมเอามือกำสร้อยที่คอไว้
“ เรื่องไอ้วุฒิ”
“………………………………………………..ครับ” ผมกลั้นหายใจไม่มีสาเหตุ เพียงแค่ได้ยินชื่อ ร่างกายก็มีปฎิกิริยา
“ มันถามพี่เรื่องจุม ซึ่งมันก็เคยถามพี่หลายครั้งแล้วว่าจุมไปอยู่โรง-บาลได้ไง ซึ่งพี่ก็บอกอย่างที่เคยเล่าให้จุมฟังว่า จุมเป็นเพื่อนจักร และรู้จักมันด้วยเลยไปเยี่ยมมันพร้อมพวกพี่ แต่พวกพี่มีธุระด่วนเลยต้องกลับก่อน และนมขมิ้นก็ยังไม่มาเฝ้ามันเพราะยังเช้าอยู่ จุมเลยอาสาเฝ้าให้ก่อน”
“ครับ?” พี่วุฒิจะทำไม? ผมใจหายกำสร้อยแน่นกว่าเดิม
“ มันบอกพี่ว่า อยากเลี้ยงขอบคุณจุม”
“…………………………… พี่ ช นะบอกให้ผมหน่อยครับ ว่าไม่เป็นไร” ผมว่า ผมยังไม่อยากเจอพี่วุฒิตอนนี้
เรื่องเก่าๆทั้งหลายยังประทังเข้ามาหาผมเหมือนย้ำว่าเมื่อก่อนผมกับพี่เขาเคยมีเวลาด้วยกัน ทั้งเรื่องที่ทำให้ยิ้มไม่หุบ ทั้งเรื่องที่ทำให้หวาดกลัว ทั้งอ้อมแขนที่แสนอบอุ่น ทั้งแรงฝ่ามือที่ทำให้ปวดไปทั้งหน้าทั้งใจ
“ พี่บอกมันแล้ว แต่มันบอกไม่อยากเป็นหนีบุญคุณใคร”
“…………….”
“ พี่ว่ามันหาเรื่องอยากเจอจุม”
เร็วๆนี้ 