ไข้'
Fever'
อ่านข้างบนแล้วรู้สึกถึงอะไรครับ ผมถามไอ้เต๋า มันบอก ‘กูว่ามึงพูดถึงเรื่อง กระแสบอลไทยลีก..ใช่ป่าววะ?’ ส่วนเมียรักอย่างไอ้วิน ‘กูจะรู้มั้ย? พี่โต รู้ป่ะครับ’ ฟังคำตอบของมันแต่ละผู้แล้วอยากจะพ่นลมหายใจกลิ่นมิ้นต์ออกมาแรง ๆ เหลือเกิน คำนี้มันก็แปลได้ตรงตัวอยู่แล้วว่า..
Fever (ฟี'เวอะ) n. ไข้,อุณหภูมิร่างกายที่สูงกว่าปกติ,โรคที่มีอาการไข้,ความตื่นเต้นอย่างมาก. vt. เป็นไข้. อันนี้มาจากดิกชันนารีเลยทีเดียว แน่นอนว่าผมกำลังมีอาการนี้อยู่ ผมมีไข้ครับ นอกจากจะมีไข่แล้วยังมีไข้อีกด้วย มึนหัว ตัวรุม ๆ ตุ่มขึ้นตามตัวเป็นพัก ๆ เพราะขนลุกหนาว ๆ ร้อน ๆ ไม่มีสาเหตุ ถอนหายใจยาวเหยียดแล้วเอนตัวซบพนักวางแขน เมื่อยเอวแต่ก็ยังอยากนอนท่านี้ มันเปล่าเปลี่ยว มันเหงา ว้าเหว่ ไม่เหลือใคร ไม่มีใคร..ให้อ้อนเลยซักคน
เหลือบมองเสื้อสูทสีเทาเข้มที่แขวนตรงมุมห้อง ผงกหัวขึ้นจ้องเสื้อตัวนั้นเหมือนว่ากำลังได้มองตากับเจ้าของเสื้อจริง ๆ ลุกนั่งตัวตรง สูดลมเข้าปอดสั้น ๆ แล้วลุกขึ้นปรี่เข้าไปที่เสื้อสูท กระชากออกมาจากไม้แขวนแล้วตะเบ็งเสียงแหบห้าวใส่ไม่ยั้ง
“กูป่วยไอ้เหี้ย! ปวดหัว ตัวรุม ๆ ไม่รีบกลับมาซักทีห๊า! กูหนาวจนขนที่ตูดลุกซู่แล้วนะไอ้ไท!” ขว้างเสื้อลงกับพื้นแล้วจัดการกระโดดนั่งทับ ถูตูดใส่จนเสื้อจนยับถึงได้ยอมหยุดความบ๊องของตัวเอง นั่งปรับลมหายใจพักใหญ่แล้วลุกจากเสื้อที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ปัด 2-3 ทีแล้วกระซิบที่คอเสื้อเบา ๆ ‘..ขอโทษนะ’ ถอนหายใจยาวทิ้งหลายหน เอาเสื้อไปแขวนที่เดิมแล้วล้วงมือถือออกมาจ้อง
เด็กญี่ปุ่นของผมไปติดต่องานแทนพี่เรย์ที่ติดภารกิจระดับชาติ พาน้องกระต่ายไปหาหมอ แหล่งข่าวว่าแม่กระต่ายท้องเสียหนัก น้องสอง(ของผม)ก็เลยร้อนใจ พี่เรย์เลยต้องหยุดงานพากระต่ายไปหาหมอ เด็กญี่ปุ่นห่างอกผมนี่ก็ 3 วันแล้วครับ ผมที่หาอะไรทำเพื่อจะได้ไม่ต้องคิดถึงแต่ไทโยเลยวิ่งออกกำลังกายตอนเย็น ฝนเสือกตก ผมก็อินจัด ยิ่งตากฝนมันก็ยิ่งคิดถึงเด็กญี่ปุ่น วิ่งไปด้วย คร่ำครวญไปด้วย ผลมันก็เป็นแบบที่เห็นกันนี่ล่ะ
ป่วย..แต่ก็ต้องอดทนไม่ให้คนอื่นรู้ ไม่ได้แข็งแกร่ง แต่จะได้มีแต่คนสมน้ำหน้าสิถ้ารู้เหตุของไข้อ่ะ ยาก็ไม่อยากกิน ธรรมดากินยากอยู่แล้ว พอไทโยไม่อยู่ ผมยิ่งละเลียดยากเข้าไปใหญ่ นั่งกระสับกระส่ายอยากโทรหามัน แต่อีกใจก็ห้ามไว้เต็มที่ เพิ่งจะห่างกันแค่ 3 วันก็แต๋วแตกร้องหาแล้วเหรอ?! เพราะงั้นผมเลยต้องนั่งคอตก สูดน้ำมูกใสที่ไหลออกมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกเข้ามาในหลอดลมเหมือนเดิม สมเพชตัวเองเกินจะกล่าวครับ
เดินออกมาจากห้องทำงานอุดอู้ มองสิ่งรอบตัวแล้วพยายามยิ้มแย้มแจ่มใส อ๊ะ! ต้นชวนชมในกระถางออกดอกด้วย ดอกสีชมพูที่เด็กญี่ปุ่นชอบ ถ้ามันเห็นมันต้องดีใจมากจนอดขโมยไปเก็บที่ห้องทำงานไม่ได้แน่ ๆ อ้าวนั่น! ลิฟท์มาพอดีเลย ถ้ามาตอนไทอยู่นะ มันต้องรีบปรี่เข้าไปกดแล้วกวักมือเรียกผมให้เข้ามา พอเข้าไปได้มันก็จะดึงเข้ามากอด แล้วฟัดผมจนเมื่อยแก้มแน่ ๆ ถอนหายใจกับความเพ้อเจ้อในหัว เดินออกมาจากลิฟต์ก็ต้องตาค้าง เด็กญี่ปุ่นนี่!
“หนูยูจะไปหายายครับพี่พิ พาไปหน่อย” ยิ้มป่วยทางจิตให้หนูยูแล้วจูงมือเดินขึ้นลิฟต์ตัวเดิมพาไปหาแม่ เดินงงงวยลงมานั่งที่ล็อบบี้โรงแรม ถ้าเด็กญี่ปุ่นมีธุระ หรือไม่อยู่บ้านมันก็จะพาผมมาอยู่ที่โรงแรม หรือไม่ก็บ้านใหญ่ ไม่มีทางให้อยู่ที่รีสอร์ทคนเดียว
“หนูพิ..เหงารึเปล่าลูก?” ม่านตาขยายแล้วยิ้มกว้างให้พ่อไทโยทันที พ่อเห็นยิ้มสดชื่นของผมก็ยิ้มตอบแล้วเดินผ่านไปทำงาน ยิ้มค้างแล้วพาตัวเองล่องลอยขึ้นไปชั้นบนสุดของโรงแรม นั่งรับลมจุ่มเท้าแกว่งเล่นน้ำฆ่าเวลา ไม่อยากยอมรับว่า..
ผมเหงา..แค่ไหน
เมื่อก่อนตอนไทไม่อยู่ผมยังมีพี่เรย์ไว้คอยกวนตีนเล่น แต่ตอนนี้ รอบตัวผมไม่มีใครเลย แหงล่ะ..ก็ผมลากป้ายกำลังทำความสะอาดสระมาวางหน้าทางเข้านี่หว่า ใครมันจะเข้ามากันล่ะ นั่งแกว่งขาสะเทือนถึงไข่เล่นน้ำจนถึงยามค่ำ เมินท้องที่ร้องจ้อกอย่างไม่น่าเชื่อ ผมไม่อยากกินข้าว ไม่อยากทำอะไรเลย..อยากนั่งเฉย ๆ มองความเคลื่อนไหวรอบตัวแบบนี้มากกว่า ความเคลื่อนไหวของผืนน้ำที่ผมกำลังใช้เท้าจุ่มขยับไปมา ลมบนพัดหวิวแรงจนผ้าที่คลุมเก้าอี้อาบแดดปลิวไหว กิ่งของต้นปาล์มโยกตามแรงลม รับรู้ถึงกลิ่นฝนที่กำลังจะคลานเข้ามาเยี่ยมผมอีกครั้ง
ถอนหายใจยาวแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม สะดุ้งโหยงเมื่อเห็นเมฆดำตั้งเค้าอยู่บนหัว ยกขาขึ้นพ้นน้ำแต่ไม่พ้นฝนที่เทลงมายังกับฟ้ารั่ว สบถคำผู้ดีออกมาอย่างเหลืออด ‘เหี้ยเอ้ย!’ เดินกึ่งวิ่งเข้ามาในเคาน์เตอร์เหล้า ลื่นล้มจับกบเพราะน้ำเฉอะแฉะที่พื้นจนหัวเข่าถลอก เดินเขยกเข้ามานั่ง พับขากางเกงดูรอยถลอกแล้วถอนหายใจยาว ยังกะทุ่งเห็ดนางฟ้า ใช้เล็บจิกหนังกำพร้าที่ถลอกออกจนเรียบเนียน รอยแดงเป็นปื้นบวกกับเลือดซิบนิด ๆ ทำให้ผมดูน่าสมเพชเวทนามากยิ่งขึ้น
ผมอยากอ้อนคนที่อยู่ไกลมากเลย..ตอนนี้
เงยหน้ามองฝนสาดซัดใส่สระน้ำสีฟ้าสด ผืนน้ำกระเซ็นเป็นฝอยสวย..สวยซะจนทำให้ผมเหงาเลยล่ะ ยกขาขึ้นมากอด คางเกยลงบนหัวเข่า ซี๊ดปากแสบแผลนิด ๆ เงยหน้าจากเลือดซิบที่ปลายคางแล้วจับจ้องเม็ดฝน ในหัวผมคิดถึงแต่เรื่องของเด็กญี่ปุ่น ความอ่อนแอของร่างกายทำให้หัวใจผมมันอ่อนล้าตามไปด้วย น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ผิวแก้มร้อนผ่าวตามหยดน้ำตาที่ไหลออกมา ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ มองหยาดฝนที่ไหลลู่ตามร่องกระเบื้องตกกระทบพื้นสีหม่น กอดเข่าแน่นขึ้นกลั้นเสียงสะอื้น เป็นครั้งแรกที่ผมเกลียดฝน..จับใจ
นั่งนิ่งอยู่จนรอบตัวมืดมิด ฝนที่ตกกระหน่ำหยุดการทำงานชั่วคราว ทุกอย่างรอบกายตกอยู่ในความเงียบ รวมถึงหัวใจของผม..ที่ถูกความเหงาเข้ามาครอบงำจนเต็มดวง เดินกะเผลกออกมาจากชั้นบนสุด ปฏิเสธความช่วยเหลือจากพี่การ์ดที่เห็นสภาพผม สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วเดินมาเข้าลิฟท์ ยิ้มบางให้แม่ที่มาเจอผมเข้าพอดี
“น้องพิ! ไปทำอะไรมาลูก ตายแล้ว..” หลับตาให้แม่ใช้หลังมือแตะหน้าผาก ยืนนิ่งประคองตัวเมื่อพี่ปอเลขาแม่เข้ามาช่วยจับแขนพยุงตัวผม เดินเข้าห้องแล้วหย่อนก้นนั่งที่เก้าอี้โต๊ะคอม เสตาหลบดวงตาของแม่ที่กำลังมองหน้าผมอยู่ เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังหลายครั้งก่อนจะถูกแทนที่ด้วยเสียงเคาะประตู มองชามข้าวต้นควันฉุยที่แม่สั่งให้แม่บ้านเอาขึ้นมาส่งถึงในห้อง ยกมือไหว้ขอบคุณแม่แล้วลงมือตักกิน
กินได้ไม่ถึงครึ่งชามก็หยุดกิน ผมกินไม่ลงครับ มันเจ็บคอ เหมือนกล้ามเนื้อที่คอมันบีบเข้ามาหากัน ปวดหัวตุบ ๆ แถมเลยมาปวดตามเนื้อตามตัว เลยไปจนถึงลูกกลม 2 ลูกที่อยู่แถวเป้ากางเกงด้วยครับ ไม่ยักรู้ว่าเป็นไข้มันจะปวดจนทั่วทั้งตัวไม่มีพื้นที่ที่ยกเว้นไว้บ้างเลยแบบนี้ รับยาแก้ไข้ที่พี่ปอส่งมาให้แล้วเงยหน้าขนานกับพื้นโลก หย่อนให้ลงช่อง กะไม่ให้เม็ดยามันแตะโดนพื้นที่ในปากเลยทีเดียว รีบเทน้ำลงไปล้างคอแล้วถอนหายใจอกมายาว ๆ เมื่อทำสำเร็จแล้ว
“น้องพิกินยายากจังค่ะ..” ยิ้มบางตอบพี่ปอแล้วเอาหัวไปถูแถวไหล่ พี่ปอหัวเราะคิกก่อนจะเอามือมาลูบ ๆ หัวผมเล่น ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ แล้วยกมือไหว้ขอบคุณแม่กับพี่ปอที่ดูแลผม แม่ยิ้มบางแล้วยื่นมือมาลูบแก้มผมเบา ๆ หัวใจผมมันหนักอึ้ง หัวตามันร้อนผ่าวจนต้องกลืนก้อนแข็งที่จุกอยู่ที่คอลงไป ผมไม่มีแม่..ไม่เคยรับสัมผัสแบบนี้จากแม่ ตั้งแต่จำคามได้ผมก็มีแต่มือสากของตา จับมือแม่เบา ๆ แล้วยิ้มกว้างส่งให้
“นอนเถอะลูก..” ยิ้มรับคำแล้วลุกไปหยิบเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำ เปิดน้ำอุ่นอาบน้ำล้างตัว เช็ดตัวจนแห้งแล้วแต่งตัวเดินออกมาจากห้องน้ำ แม่กับพี่ปอออกไปแล้ว เดินมานั่งที่เตียงแล้วหยิบเบตาดีนมาหยดที่หัวเข่า ขยับหัวเข่าซ้ายขวาเพราะขี้เกียจเอาสำลีมาเช็ดให้ยามันซึมทั่วแผล เป่าจนมันแห้งก็ล้มตัวลงนอน จับผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงคอ นิ่งมองเพดาน มองสีฟ้าอ่อนของมันจนหลับไป
ขยับตัวเปลี่ยนท่านอนเพราะเมื่อย หัวไหล่สัมผัสกับวัตถุประหลาดบนเตียงนอนตัวเอง กะพริบตาฝืนลืมตื่น เพ่งมองฝ่าความมืดแล้วก็เจอเจ้าสิ่งนั้น น้ำตารื้นเพราะวัตถุใหญ่โตที่กินพื้นที่ในเตียงผมจนทำให้ผมเมื่อยกับท่านอนตะแคง น้ำตาไหลออกมาช้า ๆ ผ่านสันจมูกตัวเองไปถึงแก้มอีกข้างเบา ๆ หยดลงบนผ้าขนหนูที่ชื้นนิด ๆ เม้มปากแน่นเก็บเสียงสะอื้นของตัวเอง ไทนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาผม มืออุ่นแตะอยู่ข้างเอว กะพริบตาปริบไล่น้ำตาก่อนจะหลับลงเมื่อเห็นไทลืมตาขึ้นมองหน้าผม
มืออุ่นที่แตะข้างเอวยกขึ้นช้า ๆ กลั้นหายใจเมื่อมือข้างนั้นจับแถวแก้มผม ปลายนิ้วแตะแก้มเบา ๆ ไล้ปลายนิ้วไปตามความเย็นจากน้ำตาจนถึงหางตาผม ลมร้อนจากปลายจมูกเป่าลงมาที่แก้มแล้วกดเนื้อแข็ง ๆ ลงมา สูดลมเข้าปอดฟอดใหญ่ แบบนี้..มันทำให้ผม..อ่อนแอจนต้องเสียน้ำตาอีกรอบ
“ร้องไห้ทำไมครับ?..ป่วยแบบนี้ตอนไทไม่อยู่ได้ยังไง? หืม?” สะอื้นฮักไม่ตอบคำถามมัน สวมกอดคอหนาแล้วดึงเข้าหาตัว หลับตาแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลจนกว่ามันจะหยุดเอง เด็กญี่ปุ่นดันไหล่ผมออกมากดปลายจมูกไล่เช็ดน้ำตาให้ ริมฝีปากสีแดงของไทก็คอยกระซิบเบา ๆ ..
“..รัก..” สะอื้นเบา ๆ กัดเนื้อในริมฝีปากล่างกลั้นสะอื้นก้อนโตที่มาจุกอยู่แถวคอหอย นอนหงายให้ไทจูบซับน้ำตาให้จนแห้ง นิ่งมองแววตาอ่อนโยน มือจับมือสากที่บีบเบา ๆ ส่งความห่วงใย ขยับเข้าไปเอาหัวซุกซอกคอ มือผละจากมือสากโอบเอวมันแน่น
“..ปวดหัว มีไข้ ป่วยอ่ะ” มืออุ่นลูบหลังผมเบามือ แขนแกร่งของไทอีกข้างสอดเข้ามารวบผมกอดไว้ทั้งตัว ริมฝีปากชื้นพรมจูบปลอบจนหัวใจผมกลับมาอุ่นเหมือนเดิม นอนซุกซบไหล่หนา หลับไปเพราะฤทธิ์ยา
ผมอยากอ้อนมันมากกว่านี้ แต่ร่างกายมันตื่นตัวอยู่ไม่ไหวครับ
การที่ร่างกายถูกโรคเข้ามารุมเร้ามันทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเองครับ คุณป่วยกันอยู่รึเปล่าครับ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ เด็กญี่ปุ่นมานอนข้างผมมันก็ทำท่าจะป่วยตามครับ เพราะเด็กญี่ปุ่นกระซิบบอกผมก่อนผมจะหลับตานอนเมื่อกี้ว่า.. ‘ผมปวดไข่จนทนไม่ไหว เลยรีบกลับมาหาพิก่อน คิดถึงจะแย่..’
เห็นมั้ยครับว่าเด็กญี่ปุ่นก็เป็นไข้ลงไข่เหมือนกัน แค่นี้ก่อนนะครับ..
ผมจะรีบนอนเอาแรง ฟื้นไข้เมื่อไหร่ก็จะหาอะไรให้ไทกิน..
แก้ปวดครับ555+
.................................................
กอดรวบ!
คิดถึงเด็กคนนี้ก็เลยปั่นมาค่ะ สั้นชะมัดเนอะคะ555+ เกือบจะน่าสงสารนะคะ แต่ความทะลึ่งของเด็กคนนี้ก็กลบความน่าสงสารจนมิดในตอนสุดท้าย ฮาหน้ามึน ๆ ได้อีก กร๊ากกกกก
ไม่อยากจะบอกว่าพลาดโพสต์ที่ 1,000 ก็หาเรื่องเลยมาในโพสต์ที่ 1,009 แทน เลขงามได้อีก แล้วจะมาแบบมือเปล่ามันก็กระไร เอาตอนป่วยแบบพิดีกว่าเนอะคะ อาศัยอาการที่จิเป็นอยู่ตอนนี้ มันช่าง..ง่ายดายในการบรรยายเหลือเกิน
รักษาสุขภาพนะคะทุกคน จิใกล้แล้วค่ะ อีกไม่กี่วันก็คงหายเป็นปกติ จะได้ไม่ต้องถึงมือหมอ เอิ้กกกกกก
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
ปล.แก้คำผิดค่ะ พิมพ์ตกเพียบ กร๊ากกกกกก