เธอคือ...ลมหายใจ by Anonymus
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เธอคือ...ลมหายใจ by Anonymus  (อ่าน 2507894 ครั้ง)

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
เมื่อไหร่จะพูดเรื่องจริงกันนะ    ความเข้าใจผิดจะได้ไม่เกิด

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อ..เมื่ออยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ มันก็ต้องมีเรื่องยุ่งๆวุ่นวายๆบ้างเป็นธรรมดา
แต่เชื่อว่าเรื่องยุ่งๆ จะต้องเรียบร้อยลงและเป็นไปในทางที่ดีแน่ๆ
เพราะแต่ละคนที่อยู่ร่วมกันที่นี่ แม้จะมาจากคนละครอบครัว คนละสังคม
แต่เท่าที่สังเกต สิ่งที่ทุกคนมีให้กันคือ ความรักความจริงใจต่อกัน เป็นพี่เป็นน้องกัน
ดูแล ห่วงใยกัน เตือนกันด้วยหวังดีจริงๆ ไม่อิจฉาริษยากัน  
และขอชื่นชมคุณกรเวชผู้จัดการด้วย ดูเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมากคนหนึ่งทีเดียว
เพราะดูแล้วเค้าใส่ใจศิลปินในสังกัดทุกคนด้วยความเป็นห่วงเป็นใยจริงๆนะ 
แล้วคุณกรเค้าฉลาด ช่างสังเกต และค่อนข้างมีความละเอียดอ่อนด้วย
เห็นใจคุณกรนะตัวเอง ต้องรับผิดชอบอะไรๆเยอะเชียว  เหนื่อยแทนอ่ะ

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
พี่ตะวัน เกิดอะไรขึ้น

dragonfly08

  • บุคคลทั่วไป
 :sad4: เริ่มเค้าความเครียดมาแหละ
ไวย์อารมณ์รุนแรงจริงจัง  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ไวย์ใจร้อนแล้วก็ใจน้อยด้วยดิ ขอให้เข้าใจกันไวๆน้ะจ๊ะ แต่ที่แน่ๆ ฮุๆๆ น้องริวต้องพยาบาลพี่ไผ่แล้วมั้ง น่าจะเจ็บนะนั่น คริ คริ :z2:

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
ไวย์เอ้ยยยย

chae

  • บุคคลทั่วไป
=[]= พี่ไผ่!!! เป็นไรป่าวอ่า
ไวย์เองก็ใจร้อนเกินเหตุ

ออฟไลน์ aeecd

  • :: 8018 ::
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0


ขอ :beat:ไวย์
ได้มั้ยอ่ะ

lasom

  • บุคคลทั่วไป
เด็กน้อยขี้อิฉา :z6:ขอสักทีทำพี่ไผ่ตกบันได

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-15
เด็กมีปัญหา หา..........จัดการด่วน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






hahn

  • บุคคลทั่วไป
รอบนี้งานเข้าทุกคนเลยอ่ะ

ออฟไลน์ *4_m3*

  • ~เธอคือของขวัญจากฟ้าไกล คือคำตอบของหัวใจ~
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-1
เฮ้อ ปัญหาจะลุกลามไปขนาดไหนนะ
รอตอนต่อไปค่ะ :เฮ้อ:

fungfung

  • บุคคลทั่วไป
เป็นเรื่องละสิงานนี้
ตัวเองหึงแล้วพาลคนอื่นไปหมดเลย

ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:เฮ้อรู้สึกสงสารทุกคนเลย หวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิมค่ะ :man1: :man1:
รอตอนต่อไปค่ะ
สู้ๆๆๆค่ะ :z3: :z3: :z3:

SweetSmile

  • บุคคลทั่วไป
ไวย์อารมณ์ร้อนจริง ๆ
ใจเย็น ๆ หน่อยสิจ๊ะ
มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดกันนะ
เคลียร์กันให้เรียบร้อย
จะได้ไม่มีอะไรคาใจกันเนอะ

ว่าแต่ตะวันเคยมีเรื่องไรเหรอ

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15

ออฟไลน์ Wr@iTh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
โห...แค่แก้วกุดั่นเค้าเอาของขวัญวันเกิดให้พี่ไผ่ก็หึงขนาดนี้เชียว  :m16:
เป็นเอามากนะเนี่ยไวย์เอ๊ยยยย...  :เฮ้อ:
ส่วนตะวันก็ดูแปลกๆกะนายไวย์จัง
จะเป็นอีกคู่อ๊ะป่าวน้อออ  o18

phoeniix

  • บุคคลทั่วไป
ไวย์ใจเย็น

ออฟไลน์ ~prince™~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +161/-2
คนประเภทไวย์ต้องใช้เหตุผลหนักๆ และคนที่มีความอดทนมากๆเข้าข่มถึงจะเอาอยู่
คนประเภทนี้คิดอะไรไม่ชอบอะไรก็แสดงออกมาทางกริยาอาการ มีความซื่อในตัว
แต่มีข้อเสียอย่างหนึ่งคืออาจถูกชักจูงจากคนอื่นได้ง่ายๆ
และอาจหลงเชื่อและทำร้ายคนอื่นได้ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

ส่วนเรื่องไวย์ที่ชอบแก้วกุดัน ก็คงจะไม่แปลกที่แก้วกุดันจะเมินและไม่สนใจ
เมื่อไวย์ยังคงทำตัวเป็นเพลย์บอยมีอะไรกับคนอื่นอยู่เหมือนทุกวันนี้
ไม่แสดงความมั่นใจและความจริงใจที่มีให้แก้วกุดันได้รู้สึก
มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เค้าหันมาสนใจในตัวเองได้

ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายเรื่องนี้ครับ  :L2:


KM

  • บุคคลทั่วไป
ไอ่คุณไวย์ทำตัวงี้ แก้วไม่ต้องมาชอบมันนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
ไม่อยากให้วงที่น่ารักๆแบบนี้ต้องมาผิดใจกันเลย :sad4:

ไวย์ก็เพลาๆเรื่องอารมณ์ลงมาหน่อย รู้ว่ากำลังโกรธ แต่อย่าให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผลสิ ทำตัวไม่น่ารัก เดี๋ยวแก้วก็ไม่รักหรอก
สงสารไผ่กะตะวันที่ต้องมารองรับอารมณ์ง่ะ :sad11:

ออฟไลน์ £.Ma|e¥

  • ชั้นคือผู้หญิงโรคจิต!! โฮะๆๆ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
เฮ้อ~ สงสารไวย์
ก็อย่างว่าแหละ คนมีความรักก็แบบนี้แหละเนอะ ยิ่งไวย์เป็นคนอารมณ์ร้อนอีก
อยากรู้ข่าวเรื่องตะวันจังเลยยยย

ใจเย็นๆกันเน้อ~
ไวย์นี่ก็นะ ดูไม่ออกหรือยังไง ว่าริวไม่ได้ชอบแก้วซะหน่อย
แต่ริวรักพี่ไผ่!! ว๊ากกกๆๆ 55+  :m20:

ออฟไลน์ justlove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
 :m31: อ่านแรกๆยังชิลๆ  แต่อ่านไปจนจบมาม่าเริ่มมาเป็นชาม เริ่มที่ไวย์กะตะวัน หวังว่าจะไม่ลามมาถึงพี่ไผ่กะริวนะ

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
เบื่อ .....
พสุกับริวนั่นแหละ
ผูกปมเรื่องยัยแก้ว
งานเลยเข้าทุกคน

ออฟไลน์ milky way

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
ไวย์เอ้ย เด็กมากๆเลย
ฟังพี่ๆ เค้าบ้างน่ะ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เฮ้อออออ...เรื่องมันดูวุ่นวายละนะ

แต่จริงๆมันก็วุ่นวายกว่านี้เยอะนี่เนอะ...

humanculus

  • บุคคลทั่วไป
แบบว่า  คือว่า


โอ้ยยยยยยยยยยยย




เอาเข้าไป



ฉันละกลุ้มแทน  ปวดตับ ดับอนาถ 

ออฟไลน์ spring

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-7
ตอนที่ 40



“พี่...เจ็บมากไหม...ไปหาหมอนะ”  ริวถามขณะประคองเท้าพสุไว้  เห็นข้อเท้าพสุบวมต่อหน้าต่อตาแล้วเด็กหนุ่มก็ใจเสีย

“พี่ไผ่เป็นไงบ้าง”  ไวยากรณ์เอื้อมมือมาแตะขาพสุ  แต่ริวปัดมือเขาออก  แล้วยังผลักไหล่ไวยากรณ์ซ้ำ

“ริว! ไม่เอาน่า  อย่าทำแบบนี้”  พสุห้ามแล้วยึดไหล่ริวไว้แน่น  เด็กหนุ่มเม้มปากตาวาววับด้วยความโกรธ

“ไวย์...วันนี้อย่าออกไปข้างนอกเลยนะ  ไวย์อารมณ์แบบนี้พี่ไม่อยากให้ขับรถ” พสุเตือนเสียงเรียบ  ไม่อยากให้ไวยากรณ์รู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม

“แต่ผม...”  ไวยากรณ์อึกอัก  สถานการณ์คุกรุ่นน่าอึดอัดใจแบบนี้เขาอยากหนีไปให้พ้นๆ มากกว่า

“คิดเสียว่าพี่ขอร้อง  ได้ไหมไวย์”  พสุถามซ้ำ ขณะที่ริวประคองเขาลุกขึ้น

“...ครับ” ไวยากรณ์รับคำหงอยๆ  แล้วกลับขึ้นไปบนห้อง 

“ให้ริวอุ้มพี่นะ  หรือพี่จะขี่หลังริวไปที่รถ”

“ไม่ต้องริวไม่ต้อง  พี่ยังเดินไหว”

“แต่ขาพี่...บวมมากเลยนะ”  ริวเสียงสั่น  เขาไม่เคยเห็นพสุเจ็บตัวมาก่อน  พอมาเห็นแบบนี้แล้วน้ำตาจะไหล

“พี่ไม่เป็นไรหรอกริว  คงแค่เคล็ดเท่านั้นแหละ...ช่วยประคองไปก็พอนะ” พสุลูบหัวริวเบาๆ  ก่อนจะคล้องแขนข้างเดียวกับขาที่เจ็บเข้าที่คอของริว  เพื่อให้เด็กหนุ่มช่วยประคอง  ริวสอดแขนเข้าไปยกเอวพสุขึ้นจนเท้าแทบไม่แตะพื้น  แล้วพาพสุไปขึ้นรถ



พสุให้ริวพาไปโรงพยาบาลเอกชนเพื่อไม่ให้เป็นข่าว  หลังจากเอ็กซเรย์ก็พบว่าพสุเพียงแค่กล้ามเนื้อข้อเท้าอักเสบเท่านั้น  ไม่มีอันตรายถึงกระดูก  แต่ก็ต้องพักเท้านิ่งๆไม่เคลื่อนไหว 3 - 4 วัน

กลับมาจากโรงพยาบาลริวไม่ยอมให้พสุคัดค้าน  แต่อุ้มเขาลงมาจากรถเลย  พสุเพิ่งรู้ว่าริวแข็งแรงกว่าที่คิดมาก  ทั้งที่ขนาดตัวของพวกเขาก็ไล่เลี่ยกันแต่ริวกลับอุ้มเขาขึ้นมาชั้นสองได้สบายๆ



“ริว...ยังโกรธไวย์อยู่อีกเหรอ”  พสุถามเบาๆ  ขณะที่ริวประคองเขานั่งลงบนที่นอน  เด็กหนุ่มทรุดลงนั่งที่พื้นข้างเตียงยกเท้าที่พันผ้าไว้ของพสุขึ้นมาวางบนตัก  แล้วลูบนิ้วเท้าเขาเบาๆ  เหมือนกลัวจะเจ็บถ้าแตะแรงกว่านั้น

 “ก็เขาทำให้พี่เจ็บตัว”  ริวตอบเสียงเบาแล้วเม้มปาก  ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตา  จนพสุต้องจับหน้าริวให้เงยขึ้นมอง



ดวงตาโตแดงก่ำ  น้ำตาไม่ไหลแต่ก็คลอครองเต็มสองตา  สีหน้าของริวดูเจ็บปวดจนพสุใจหาย  มิน่าตอนริวออกไปรับยาให้  คุณหมอที่สนิทกับพสุ ถึงได้แซวว่าญาติท่าทางจะเจ็บหนักกว่าคนป่วย



“ทั้งตะวัน  ไวย์  ดล  ริวแล้วก็พี่  พวกเราเป็นเหมือนคนในครอบครัวเดียวกันนะ  ทำงานด้วยกัน  นอนบ้านเดียวกัน  หนักนิดเบาหน่อย  เราก็ควรอภัยให้กันไม่ใช่เหรอ”  พสุถามเสียงนุ่ม  ริวไม่ตอบแต่ซุกหน้าลงบนตักพสุ  สองแขนกอดรัดรอบเอวชายหนุ่มไว้แน่น 

“ริวก็รู้ว่าไวย์ใจร้อนขี้โมโหแค่ไหน  แล้วพอโกรธก็ขาดสติ  คิดแต่จะพูดให้อีกฝ่ายเจ็บปวดมากๆ  จนไม่ทันคิดถึงผลที่จะตามมา...พี่ว่าป่านนี้ไวย์เองคงเจ็บปวดกับคำพูดไร้สติของตัวเองเหมือนกัน....” พสุลูบผมนุ่มเบาๆ  เพื่อปลอบขวัญและเพื่อให้ริวใจเย็นลง

“แต่...”

“ริวครับ...พี่อยากให้ริวรู้จักให้อภัย...อยากให้ริวมองในอีกมุมว่า  ถ้าเป็นตัวริว  เผอิญทำเรื่องผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ  แล้วไม่มีใครยอมให้อภัยเลย  ทุกคนโกรธเกลียดริวกันหมด  ทั้งๆ ที่ครั้งหนึ่งก็เคยเป็นเพื่อนสนิทกัน  ริวจะเสียใจไหม”

“...เสียใจครับ” ริวตอบหลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“อภัยให้ไวย์เถอะนะริว...คราวนี้ไวย์คงได้บทเรียนจากการพูดไม่คิดไปเยอะเลยล่ะ  เพราะไวย์เขาสนิทกับตะวันมากกว่าใครเพื่อน  ตะวันน่ะเป็นเหมือนไอด้อลของไวย์เขาด้วยซ้ำ  แต่ความที่เขิน  ไวย์ก็เลยไม่กล้าบอกใคร”

“จริงเหรอครับ” ริวเงยหน้าขึ้นจ้องพสุตาโต  เพิ่งรู้ว่าไวยากรณ์ปลื้มตะวัน  เขานึกว่าไวยากรณ์สนิทกับธีรดลหรือพสุมากกว่าเสียอีก

“จริงสิ”

“...เฮ้อ...”

“เป็นอะไรไป  ถอนหายใจซะยืดยาวเชียว”

“พี่ไผ่ครับ...ริวขอไปดูพี่ตะวันก่อนนะ”

“แค่ไปดูนะ...ตะวันเป็นพวกโลกส่วนตัวสูง  ตอนนี้คงไม่อยากให้ใครไปพูดอะไรด้วย  คงอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ มากกว่า”

“ครับ”  ริวคว้าถุงขนมที่ซื้อมาจากร้านดังในโรงพยาบาลออกไปด้วย  พอเปิดประตูออกไปก็เจอไวยากรณ์ยืนอยู่หน้าห้อง  แต่ริววิ่งผ่านขึ้นไปชั้นบนเหมือนไม่เห็นไวยากรณ์ยืนอยู่ตรงนั้น




ก๊อกๆ


“ริวเองครับพี่ตะวัน” ริวบอกแล้วนิ่งรอ  ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าตะวันจะยอมเปิดประตูรับเขาหรือเปล่า



แกร๊ก...เสียงลูกบิดลั่นเบาๆ  แล้วประตูก็เปิดออก  ตะวันยืนหน้านิ่งอยู่หลังประตู  ดวงตาที่มองริวว่างเปล่าจนเด็กหนุ่มใจหาย



“ขนมเจ้านี้อร่อย  ริวซื้อมาฝาก”  ริวยื่นถุงขนมไปให้แล้วถอยออกมา  ปล่อยให้ตะวันอยู่คนเดียวแบบที่พสุบอก  เมื่อลงมาชั้นล่างก็เจอไวยากรณ์ยืนอยู่ที่เดิม  แม้จะทำใจว่าจะให้อภัยแล้ว  แต่เด็กหนุ่มก็ยังรู้สึกโกรธกรุ่นขึ้นมาอีกเมื่อเห็นหน้าไวยากรณ์  จึงคิดจะเลี่ยงเข้าห้องเสีย

“นี่นายก็โกรธพี่เหรอ”ไวยากรณ์เป็นฝ่ายทนไม่ไหวตามมาดึงแขนริวไว้

“โกรธ” ริวตอบเสียงเรียบๆ แล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับไวยากรณ์  เห็นไวยากรณ์หน้าซีดก็สงสาร  แต่ก็ยังโกรธไม่หาย

“...โกรธที่พี่ทำให้พี่ไผ่เจ็บขา...โกรธที่พี่พูดให้พี่ตะวันเสียใจ...แล้วก็โกรธที่พี่ทำร้ายตัวเอง” 



ไวยากรณ์มองหน้าริวอย่างงุนงงไม่เข้าใจว่าประโยคสุดท้ายเด็กหนุ่มหมายความว่ายังไง  ริวเอื้อมมือไปแตะที่กลางอกของไวยากรณ์แล้วเคาะเบาๆด้วยปลายนิ้ว



“ในนี้...มันเจ็บใช่มั๊ย  ทำร้ายคนที่เรารัก  มันเจ็บหรือเปล่าพี่...ถ้าเป็นริว  ในนี้คงเจ็บที่สุด”

“เฮอะ! ....” ไวยากรณ์อ้าปากพ่นลมหายใจแรงๆ  เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ไม่มีคำพูดหลุดออกมา  ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ  ขณะที่ใบหน้าเงยขึ้นสูงเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล

“คนที่พี่ควรจะไปคุยด้วยตอนนี้  เป็นใครพี่ก็รู้ใช่ไหม” ริวถามแล้วยืนมองหน้าไวยากรณ์นิ่งๆ  เห็นอีกฝ่ายเอาแต่เมินมองไปทางอื่นด้วยใบหน้าแดงก่ำก็ได้แต่ถอนใจแล้วกลับเข้าห้อง 



พสุเงยหน้าขึ้นจากโน้ตเพลงเมื่อริวเดินไปทิ้งตัวลงที่พื้นข้างเตียงแล้วเอียงหัวไปวางบนตัก



“...ปล่อยให้ตะวันเขาได้พักสักหน่อย  เดี๋ยวเขาก็ดีขึ้น”

“พี่...แล้วพี่ไวย์ละครับ  ริวต้องทำยังไง”  ริวแหงนหน้าขึ้นมองพสุ  เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองขมวดคิ้วตอนที่พสุแตะปลายนิ้วลงมาลูบหัวคิ้วให้คลายออก

“ริวก็แค่อย่าโกรธไวย์อีกคนก็พอ...ส่วนเรื่องระหว่างตะวันกับไวย์  เขาคงต้องคุยกันเอง”



ริวถอนหายใจยาวจนพสุขำ  ชายหนุ่มรู้ดีว่าริวเป็นห่วงตะวันกับไวยากรณ์มาก  แต่เรื่องบางเรื่อง  ก็ต้องปล่อยให้เจ้าตัวจัดการเอง  พวกเขาคงทำได้เพียงเอาใจช่วยเท่านั้น.......




.....................................




พสุตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะรู้สึกว่าร้อนกว่าเคย  คงเพราะเขาชักชินกับการนอนเปิดแอร์เย็นจัดๆ แล้วก็ได้  ชายหนุ่มขยับตัวถึงรู้สึกว่ามือเขาถูกกุมไว้แน่น  แต่ที่นอนข้างตัวว่างเปล่า  พสุเอื้อมไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียง  ก็พบว่าริวลงไปนอนอยู่ข้างเตียง  แต่ยังยื่นมือขึ้นมากุมมือเขาไว้แน่น  ซึ่งดูยังไงก็ไม่น่าจะนอนสบาย พสุจึงดึงมือออก  แต่ริวรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเสียก่อน



“พี่จะเอาอะไรครับ” ริวผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว  ทั้งที่ปกติริวไม่ใช่คนนอนตื่นไว

“ทำไมลงไปนอนข้างล่างล่ะริว?”

“ริวกลัวเผลอไปทับโดนขาพี่เข้า”



พสุเหลือบมองขาตัวเองที่หนุนไว้ด้วยหมอนจนสูง  คงเป็นริวที่หนุนไว้ให้เพื่อกันไม่ให้ขาเขาบวม



“แล้วทำไมต้องจับมือพี่ไว้ตลอดล่ะ  กลัวเหรอ?”

“ริวกลัวพี่ตื่นจะเข้าห้องน้ำแล้วไม่รู้...ก็เลยจับมือพี่ไว้ก่อน”

“อย่างนี้พอพี่ขยับตัวทีริวก็ตื่นทีสิ  จะได้หลับเหรอ  พรุ่งนี้ต้องอัดเสียงนะอย่าลืม”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ  ริวแค่ร้องท่อนฮุคนิดเดียว  ส่วนใหญ่เป็นพี่กับพี่ตะวันมากกว่า”



คำตอบของริวทำให้พสุอดชื่นชมไม่ได้  เท่าที่ฟังจากริวเล่า  เด็กหนุ่มเหมือนเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวนับตั้งแต่เสียแม่ไป  แต่การที่ริวกลับรู้จักเอาใจใส่คนรอบๆ ข้าง  ก็แปลว่าเด็กหนุ่มเคยถูกอบรมเลี้ยงดูมาแบบนั้น  แม่ ‘นามิ’ ของริวจะต้องเป็นผู้หญิงที่วิเศษที่สุด  ถึงได้เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กดีมีน้ำใจได้ขนาดนี้



“นอนไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงพี่” พสุบอกเสียงอ่อน  แล้วขยับผ้าห่มขึ้นจะนอน  แต่ริวกลับคว้ามือเขาไปกุมไว้แน่น

“ไม่ได้หรอก  เดี๋ยวพี่จะเข้าห้องน้ำแล้วริวไม่รู้”

“เฮ้อ! งั้นก็ขึ้นมานอนบนนี้” พสุตบที่นอนข้างตัวเบาๆ  ริวเหลือบไปมองขาข้างเจ็บของพสุแล้วทำหน้ากังวล

“...แต่ขาพี่เจ็บอยู่”

“เกี่ยวอะไรล่ะ ริวนอนคนละฝั่งกับขาที่เจ็บอยู่แล้วนี่”

“ครับ”  ริวรับคำหน้าชื่น  รีบขึ้นมานอนข้างๆ พสุ  แล้วขยับผ้าขึ้นห่มให้พสุถึงคอ  พสุเหลือบไปมองแอร์เป็นเชิงถามแต่ริวส่ายหน้า

“เย็นจัดๆ เดี๋ยวพี่ปวดขาอีก”

“ไม่เป็นไร  เปิดไปเถอะ  เดี๋ยวริวนอนไม่หลับเปล่าๆ”



ริวยังลังเล พสุก็เลยหยิบรีโมทแอร์มาลดอุณหภูมิให้เอง  ริวขยับเข้ามาซุกหน้ากับไหล่ของพสุแล้วเอาแต่จ้องมองหน้าเขาจนพสุอดขำไม่ได้



“มีอะไรอีก  มาจ้องพี่ตาแป๋วแบบนี้”

“พี่ไผ่ใจดีจัง...เข้าใจใครต่อใครไปหมดทุกคน...ริวยังไม่เคยเห็นพี่โกรธใครเลย...พี่เคยโกรธใครไหมครับ?”

“เคยสิ...หึหึ...พี่ก็เป็นคนธรรมดาๆ นะ  ก็ต้องมีอารมณ์โกรธเกลียดเป็นธรรมดา  เพียงแต่พี่ต้องฝึกที่จะควบคุมตัวเอง ยิ่งเราเป็นคนสาธารณะ  เรายิ่งต้องระวังทุกอย่าง ทั้งคำพูดแล้วก็การกระทำ...เพราะถ้าเราทำอะไรผิดพลาดไปสักอย่าง  แม้จะแค่ครั้งเดียว  แต่คนจะพูดถึงไม่รู้จบ  จนเหมือนเราทำผิดซ้ำๆ  ไปๆมาๆกลายเป็นว่าเราเป็นพวกไร้มารยาท  ชอบวีนใส่คนอื่น  หรือไม่ก็เป็นอันธพาลชอบหาเรื่องไปเลยก็มี” พสุอธิบายยิ้มๆ  จะว่าไปเขาก็เคยดุริวหลายครั้ง  แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะจำไม่ได้


“ทำไมเงียบไปเลย...หรือว่าง่วงแล้ว?” พสุถามพลางก้มมองศีรษะที่ซุกอยู่กับไหล่  ก็พบว่าริวยังนอนมองผนังห้องตาแป๋ว  ไม่มีท่าทางว่าจะง่วงสักนิด  เด็กหนุ่มเงยขึ้นมาสบตาแล้วจ้องเขาเขม็งด้วยสายตาครุ่นคิด

“ริวกำลังคิด...ถ้าวงการนี้มันไม่มีอะไรดีสักอย่าง  แล้วพี่จะทนอยู่ทำไม?”

“ไม่ใช่วงการนี้ไม่มีสิ่งดีๆ นะริว  ไม่ว่าวงการไหนๆ มันก็มีดีมีเลวทั้งนั้น  เพียงแต่คนที่ต้องออกสื่อเป็นประจำแบบเราก็เหมือนคนที่ยืนอยู่กลางที่โล่งแจ้ง  ทุกคนเห็นเราหมด  ไม่ว่าเราจะขยับทำอะไร  เราถึงต้องระวังตัวอย่างไรล่ะ...แล้วอีกอย่างการร้องเพลงก็เป็นสิ่งที่พี่รักที่สุดด้วย  เพื่อให้ได้ร้องเพลงไม่ว่าจะมีปัญหาเล็กใหญ่แค่ไหน  พี่ก็จะพยายามฝ่าฟันไปให้ได้  พี่จะไม่ทิ้งการร้องเพลงไปเป็นอันขาด  จนกว่าจะถึงวันที่คนฟังเขาไม่ต้องการพี่อีก” พสุอธิบายเสียงเรียบๆ  แต่แววตาเป็นประกายวาววับด้วยความมุ่งมั่น  การได้ร้องเพลงเป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาตลอด  นับตั้งแต่ออกอัลบั้มกับคิสมี  ความรู้สึกที่ต้องอยู่ใต้เงาปีกของพ่อค่อยๆ จางหายไป  เขากำลังก้าวไปข้างหน้าด้วยขาของเขาเอง  ไม่ใช่ในฐานะลูกของอดีตนักร้องดัง

“ริวก็สัญญาว่าริวจะทำทุกอย่าง ให้พี่ได้ร้องเพลงไปจนกว่าพี่จะไม่อยากร้องอีก” ริวยืนยันเสียงหนักแน่น  ดวงตาที่จับจ้องพสุเต็มไปด้วยความมั่นใจจนพสุอดยิ้มให้ไม่ได้ 



ชายหนุ่มรู้ว่าริวพูดจริง  และที่เขาได้กลับมาเป็นนักร้องอย่างเต็มภาคภูมิก็เพราะเพลงของริว  น้ำใจที่ริวมีให้ทำให้เขาตื้นตันใจเสมอ  พสุรู้สึกว่าเขาช่างโชคดีที่มีน้องชายคนนี้เข้ามาในชีวิต  โลกที่เคยเงียบเหงา  ไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป 



“ขอบคุณนะครับ” พสุตอบเสียงเบาแล้วขยับผ้าห่มขึ้นถึงคอ  ขณะที่ริวเอื้อมไปปิดโคมไฟ



..............................................



วันนี้กรเวชให้คนขับรถตู้มารอรับที่บ้านพักเหมือนทุกครั้งก็จริง  แต่ไวยากรณ์ไม่ได้นั่งรถมาด้วย  เขาขับรถมาเอง  ดูจากเครื่องแต่งกายคาดว่าพออัดเสียงเสร็จอาจจะออกไปข้างนอก


“ไผ่เป็นอะไรไป  ขาเจ็บเหรอ” ทรงเผ่าทักทันทีที่เห็นริวประคองพสุเข้าไปในห้องอัดเสียง 

“ครับ...ผมตกบันไดเมื่อวาน”

“เอ้า! ไผ่เนี่ยนะตกบันได?  ทำไมถึงตกลงมาได้ล่ะ” ไมตรีถามพลางเดินมาดูจนใกล้

“เสียศูนย์นิดหน่อยครับ  แต่พักแค่ 2-3 วันก็คงหาย  นี่ก็ไม่เจ็บเท่าไหร่แล้ว”  พสุตอบยิ้มๆ  ไม่แสดงสีหน้าอาการใดๆที่เป็นการตำหนิคนที่ทำให้เขาเจ็บ  กระนั้นไวยากรณ์ก็ยังหน้าม้านด้วยความรู้สึกผิด  เด็กหนุ่มเดินเลี่ยงเข้าไปดูผู้ช่วยของไมตรีที่ทำหน้าที่บันทึกเสียงอยู่ในห้องอัด 



วันนี้เป็นวันอัดเสียงที่เงียบที่สุด  ปกติตะวันก็เป็นคนขรึมๆอยู่แล้ว  มาวันนี้ยิ่งเงียบจนแทบไม่ได้ยินคำพูดใดๆ หลุดจากปากเขาเลย  นอกจากตอนร้องเพลง  ส่วนไวยากรณ์ที่เคยเจื้อยแจ้วเจรจา ก็กลับเงียบกริบ  ตั้งหน้าตั้งตาร้องเพลงโดยไม่ยอมสบตาใคร  จนธีรดลยังผิดสังเกต คอยเหลียวมองไวยากรณ์บ่อยๆด้วยความเป็นห่วง

ดีว่าวันนี้เป็นเพลงของพสุ  ซึ่งคนอื่นๆ ในวงมีช่วยร้องท่อนฮุคนิดเดียวเท่านั้น  การอัดเสียงวันนี้จึงผ่านไปอย่างเรียบร้อย  แต่กว่าจะถูกใจทรงเผ่าก็ปาเข้าไปเกือบ 5 โมงเย็น  ทรงเผ่าจึงนัดทุกคนมาอัดเพลงของตะวันในวันพรุ่งนี้



“พี่ตะวัน...ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมพี่”  ไวยากรณ์ถามเสียงสั่นเบา  ด้วยท่าทางไม่มั่นใจผิดเคย  ธีรดลอ้าปากจะถามแต่พสุแตะศอกเขาเป็นเชิงให้เงียบก่อน



ตะวันมองหน้าไวยากรณ์นิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า  แล้วตามไวยากรณ์ออกไปขึ้นรถขับออกไปข้างนอกด้วยกัน  นี่คือเหตุผลที่ไวยากรณ์ขับรถมาเอง  ไม่ใช่เพราะจะหลบหน้าตะวัน  แต่เพราะต้องการพาตะวันออกไปคุยกันที่อื่น



“เกิดอะไรขึ้นเหรอไผ่?”

“เด็กๆ ทะเลาะกัน” พสุบอกยิ้มๆ  ธีรดลทำตาโต  แล้วก็หัวเราะลั่น  คำว่าเด็กๆ ทะเลาะกัน  น่าจะเป็นไวยากรณ์กับริวมากกว่า  แต่พอมาใช้กับตะวัน...ฟังดูไม่เข้ากันจนน่าขัน   



ตะวันกับไวยากรณ์หายไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ  ก็กลับมาพร้อมหอบข้าวของพะรุงพะรัง  โดยที่ตะวันเดินตัวปลิวไม่ช่วย  ปล่อยให้ไวยากรณ์บ่นออดแอดมาตลอดทาง



“ซื้ออะไรมาเยอะแยะครับ”  ริวถามขณะเข้าไปช่วยไวยากรณ์หิ้วของเข้าบ้าน

“พี่ตะวันสิ  จะกินสุกี้หม้อไฟ...เนี่ยให้พี่หอบของคนเดียวเลย  ดีนะว่าพาไปร้านประจำของพี่ไผ่  เขาจัดเป็นชุดมาให้เรียบร้อย  ถ้าไปเดินซื้อเองทีละอย่างสงสัยได้กินชาติหน้าโน่นแหละ”

“บ่นอะไรไวย์”

“ป่าวบ่นค๊าบบบบบ”  ไวยากรณ์ทำคอหดแลบลิ้นยาว  ไม่นึกว่าตะวันจะหูดีขนาดนี้  ริวอมยิ้มช่วยไวยากรณ์หิ้วของเข้าไปวางที่โต๊ะเตรียมอาหาร  พอแม่บ้านรู้ว่าจะทำอะไรก็ไปเตรียมอุปกรณ์ออกมาจัดให้บนโต๊ะ  เนื่องจากซื้อแบบสำเร็จรูปจากร้าน  เพียงแค่ต้มน้ำซุปให้เดือด  ก็ลงมือกินกันได้เลย 



แม้ตะวันจะยังคงมีสีหน้านิ่งสนิท  แต่ดวงตาก็เป็นประกายสดใสจนพสุโล่งใจ  ส่วนไวยากรณ์นั้นไม่ต้องพูดถึง  พอรู้ว่าตะวันยกโทษให้ก็กลับมาโหวกเหวกโวยวายได้เหมือนเดิม

ยังไม่ทันที่น้ำจะเดือด  กรเวชก็เข้ามา  ไวยากรณ์ปราดไปรับหน้า  แล้วไหว้ขอโทษกรเวช  แม้ทุกคนจะไม่ได้ยินว่าทั้งสองคุยอะไรกัน  แต่สีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งของกรเวชก็ทำให้ทุกคนโล่งใจ  โดยเฉพาะเมื่อกรเวชเขกหัวไวยากรณ์เบาๆ แล้วปล่อยให้ไวยากรณ์รุนมานั่งที่โต๊ะ

ดูเหมือนคนที่ดีใจที่สุดไม่ใช่ไวยากรณ์  พสุเหลือบมองริวแล้วอดขำไม่ได้  เด็กหนุ่มเหลียวมองคนโน้นคนนี้  แล้วก็ก้มลงยิ้มกับชามสุกี้ที่มีแต่ผักของตัวเอง  เพราะคีบเนื้อมาลวกไม่ทันไรก็โดนไวยากรณ์แย่งไปจากตะเกียบทุกที  จนพสุอดรนทนไม่ได้  ต้องลวกให้เสียเองนั่นแหละริวถึงจะได้กิน
พอกลับเข้าห้องนอน  ริวก็มากอดเอวซุกหน้ากับหลังพสุแน่น 



“เป็นอะไรไป”

“ริวดีใจครับ  เพราะพี่ไผ่เลยนะ  ทุกอย่างถึงได้กลับมาเหมือนเดิม...พี่ไผ่เหมือนเป็นแองเจิ้ลของวงเราเลย”

“ขนาดนั้น?...ฮะๆๆ  ไม่ไหวมั๊ย”  พสุหัวเราะแล้วเอื้อมมือข้ามไหล่ไปขยี้ผมริว  เด็กหนุ่มก็เลยเอาหัวโขกไหล่พสุเบาๆเป็นเชิงหยอกกลับ  เสียงริงโทนเฉพาะเบอร์พิเศษของพสุดังขึ้นมาพสุจึงหันไปรับสาย  ขณะที่ริวเลี่ยงไปเปิดโน้ตบุ๊ค  แต่หูก็เผลอตะแคงฟังบทสนทนาอย่างไม่ตั้งใจ

“ครับแม่...อาทิตย์นี้ไผ่ทำงานทุกวันเลยครับ  พรุ่งนี้อัดเพลงของตะวัน  มะรืนก็ต้องไปอัดรายการให้เสร็จ  เพราะต้องรีบไปถ่ายเอ็มวีที่อัมพวาครับ...คิดว่าคงหลายวันครับ...ถ้ายังไงกลับมาจากถ่ายเอ็มวี  ไผ่จะไปรับแม่ทานข้าวด้วยกันนะครับ...บ้านใครนะครับ...อ๋อ...ครับนึกออกแล้ว  ตอนไผ่เด็กๆคุณตาชอบให้ไปจัดงานวันเกิดให้คุณยายที่นั่น...ไม่ลืมครับ  ถ้าไผ่ทำงานเสร็จจะแวะไปเยี่ยมน้าสายให้นะครับ...ครับแม่ สวัสดีครับ”

“ริว...แม่ฝากบอกว่าคิดถึง  กลับจากอัมพวาให้พี่พาริวไปหาให้ได้”

“ริวก็คิดถึงแม่...อยากไปหาเร็วๆ จัง”

“ทำไงได้ล่ะ  คิวงานแน่นเอี๊ยดทุกวัน...เสร็จจากอัดเสียงพี่ต้องรีบอัดรายการให้เสร็จภายในวันเดียว  ไม่รู้ทางทีมงานเขาจะโวยไหม...แต่ไม่เร่งก็ไม่ได้  เพราะต้องรีบไปอัมพวาต่ออีก”

“เราจะไปสมุทรสงครามไม่ใช่เหรอครับ?”

“ก็ที่เดียวกันแหละริว  แต่ที่เราจะไปถ่ายทำน่ะ  เขาเรียกอัมพวา...พูดถึงอัมพวา บ้านญาติพี่อยู่ที่นั่นเยอะเหมือนกัน  แต่ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วตั้งแต่คุณตาคุณยายเสีย  มีแต่แม่ที่ไปบ่อยๆ  ตอนพี่เด็กๆนะ  คุณตาชอบไปจัดงานวันเกิดให้คุณยายที่อัมพวา  แล้วตอนกลางคืนนะคุณตาก็พายเรือพาคุณยายไปดูหิ่งห้อยเหมือนตอนที่จีบกันใหม่ๆ...จำได้ว่าพี่ชอบตามไปด้วย  นอนดูหิงห้อยจนหลับคาเรือต้องให้คุณตาแบกขึ้นบ้านทุกครั้ง...คุณตาพี่โรแมนติกไหมล่ะ”  พสุหันไปยักคิ้วให้ริว  เด็กหนุ่มนั่งฟังตาแป๋ว  พอพสุถามก็พยักหน้ารับหงึกๆ อย่างเห็นด้วย

“ไปอาบน้ำไป  เดี๋ยวจะได้มานอน...พรุ่งนี้พี่เผ่านัดตั้งแต่เช้า  เพราะเห็นว่าตอนเย็นทีมคอสตูมจะเอาเสื้อผ้าเข้ามาให้ลอง...ดีนะที่ริวหายเกลียดสัมผัสแล้ว  ไม่อย่างนั้นต้องโทรตามคุณยูกิกลับมาแต่งหน้าให้อีกแน่ๆเลย...เอ้า! ยืนตาลอยแล้ว  ง่วงก็รีบไปอาบน้ำไป” พสุเย้ายิ้มๆ  ก่อนจะยัดผ้าเช็ดตัวใส่มือริวเพราะเห็นเด็กหนุ่มเหม่อๆ  ริวทำหน้าเหรอหรารีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป

............................................................




ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
จิ้มมมมมมมมมมมมมมมมมไว้ก่อน

ชอบความใสซื่อของน้องริวจัง
พี่ไผ่ ดูไปดูมา ยังกะคุณพ่อเลยนะคะ คอยสอนลูกริวตลอด อิอิ  :laugh:

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่นะคะ  :L2: :L1:
 :กอด1:กอดคนโพสต์&คนแต่งจ้ะ :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2010 02:08:34 โดย ZakuPz »

ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ชอบๆ เข้าใจกันซะทีเนอะ แต่ว่าน้องริวเป็นรุกเหรอ เง้อๆๆๆ เค้าอยากให้น้องริวรับมากกว่านี่นา ฮุๆๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด