เธอคือ...ลมหายใจ by Anonymus
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เธอคือ...ลมหายใจ by Anonymus  (อ่าน 2512701 ครั้ง)

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
นี่ขนาดแค่จูบอนุบาลน้า


แล้วถ้า? :impress2:  จะเป็นไง อิอิ

darajoy

  • บุคคลทั่วไป
บอกได้คำเดียวว่า

พี่ไผ่ไม่รอดมือน้องริวหรอก

SweetSmile

  • บุคคลทั่วไป
น้องริวรุกพี่ไผ่อีกแระ
คราวนี้มีอาการตอบสนอง
ทั้งสองคนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
อา~น้องชายตื่นทั้งคู่ อิอิ
น้องริวรุกเข้าไปเรื่อย ๆ นะ
พี่ไผ่ไม่รอดมือน้องริวแน่นอน

พี่ไผ่มองตาน้องริวคราวนี้
เห็นแววตาและรอยยิ้มหวานของน้องริว
ถึงกับใจละลายเลยเหรอ
อ่า~เขิน เขิน

ออฟไลน์ ammer

  • มีหัวใจแต่ไร้ความรู้สึก
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-0
ริวรุกอีกเยอะๆเลย
พี่ไผ่เริ่มหวั่นไหวแล้ว :impress2:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
ต๊ายๆๆแล้วริวซนะเริ่ดค่ะ ใกล้แล้วๆๆๆๆๆ

lovevva

  • บุคคลทั่วไป
 :impress2:หนูริวขี้อ้อนจริงๆ ทำเอาพี่ไผ่หวั่นไหว

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
ยังคงสงสัยปัญหาเดิม แล้วใครจะรุกละเนี่ย  :o8:

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
พี่ไผ่ตกหลุมเด็กแล้ว

ออฟไลน์ amito

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-0
ริวใจเย็นๆ ต้อนพี่ไผ่จนหมดทางหนี ทำดีแล้วริว คราวหน้ารุกฆาต

ออฟไลน์ treerat002

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
อลัน มาสอนหนูริวแบบฟลูออฟชั่นหน่อยซิ  :fire:

กดเลยจ๊ะกด ปากเวลาจูบไม่ได้เอาไว้แตะเฉย ๆ นะจ๊ะ ลิ้นอะเอาไรทำอะไร  o9

ลุ้นให้หนูริวกดพี่ไผ่อยู่ทุกตอน อ่านตอนนี้แล้วก็เขิน มีพัฒนาการขึ้นมาติ๊ดนึง  o18

สู้ ๆ ค่ะ รอต่อไป o13  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ qq_oo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +143/-4
น้องริวเริ่มรุกแล้ว
พี่ไผ้ระวังตัวไว้น้า อิอิอิอิ

ออฟไลน์ kissme

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 457
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
 :laugh: เริ่มใกล้เข้าไปอีกนิดแล้ว

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
พี่ไผ่แย่แล้วววววววว หนีออกจากบ้านเลยมั้ยมาอยู่กับนู๋แทน ^//^

ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1
ฝึกบ่อยๆนะริว เดี๋ยวก็เก่งง   :laugh:

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
กรี๊ด น้องริวเริ่มรุกพี่ไผ่แล้ว    :z2:

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ EunJin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
อ่านไป ก็รู้สึกเขิลหนูริวแทนพี่ไผ่จริงๆ ฮ่าาาาาาา
ค่อยๆหยอดไปทีละนิดนะหนูริว เดี๋ยวพี่ไผ่เค้าก็ใจอ่อนเอง
สู้ๆๆๆ ^ ^b

ออฟไลน์ aehJTS

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-8
เหมือนจะใกล้ความเป็นจริงเข้าไปทุกทีแล้ว

 :pig4: คะ

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
เมื่อไหร่พสุจะยอมรับใจตัวเองน๊อ อิชั้นล่ะกลัวเรื่องนี้มาม่าซะจริ๊ง

ออฟไลน์ mahmeow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
แอบขำพี่ไผ่...ว่าอะไรน้องไม่ได้เลย...55+
ริวบอกไม่สู้แต่ไม่ยอมปล่อยมือเลยอะ...จะเชื่อดีไหมเนี่ย..
ริวยิ้มหวานเน้อ...ถ้ายิ้มให้พี่ไผ่แบบนั้นทุกวัน.พี่ไผ่จะใจอ่อนละป่าวคะ...^O^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ChiOln

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
ไผ่ยิ่งหนีน้องยิ่งทำให้น้องเจ็บนะ

ออฟไลน์ aeecd

  • :: 8018 ::
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0

วุ้ยๆๆๆ เขิลลลลลล
 :o8:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
พี่ไผ่ งานนี้แย่แน่
ตกหลุมเด็กทานเเบบนี้
หนีไม่รอดแน่น๊อน~~~~!!!
แต่ริว เราสนับสนุน
555+

lasom

  • บุคคลทั่วไป
ไม่รอดแล้วพี่ไผ่ :-[

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย
น้องริวมาแนวเจ้าเล่ห์นะ
แอ๊บ จนได้จูบน่ะ
แต่จูบเบบี๋ไปนะคะหนู ^^
พี่ไผ่อย่างตั้งแง่เซ่!!
ไม่เคยฟังเพลง พี่ครัว วงฟิว เหรอ ที่บอกว่า ปล่อยไปตามหัวใจจจจจ
ฮ่าๆๆๆ  อยากอ่านเรื่องนี้ทุกวันเลยค่ะ
><

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
ขนาดริวรุกแบบ "อนุบาล"
พี่ไผ่ยังอ่อนปวกเปียกขนาดนี้

แต่อย่าลืมว่าเด็กสมัยนี้โตเร็ว
แป๊บเดียวก็ระดับมหาลัยแล้ว
พี่ไฝ่ท่าจะรอดยาก อิอิ

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
อยากอีกแล้ว อยากอ่านนนนนนนนนนนนนนนนนนน กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ spring

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-7
^
^
^

กรี๊ดจนต้องตื่นมาลงเรยยย
 
:z10:

ประกาศ! ประกาศ! ขณะนี้ต้นฉบับหมดสต๊อกที่ปร้าไรท์เตอร์ให้ไว้แล้ว เชิญกดและดันปร้ากันตามสบายนะเคอะ




ตอนที่ 78



คอนเสิร์ตเริ่มด้วยความสนุกสนาน  วงที่มาเล่นเปิดเป็นวงสมัครเล่นที่ฝีมือไม่สมัครเล่นแม้แต่น้อย  รวมถึงนักร้องสาวน้อยแรกรุ่นเกือบ 10 คนที่มาสร้างสีสันและความสนุกสนานให้คนดู

ขณะที่หน้าเวทีกำลังสนุกกันสุดเหวี่ยง  หลังเวทีก็กำลังชุลมุนวุ่นวายไปหมด  ยกเว้นทั้ง 5 หนุ่มของคิสมี  ที่แต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยแล้วและนั่งนิ่งๆ เพื่อทำสมาธิอยู่ในห้อง


“เอาละ  พร้อมกันหรือยัง” ทรงเผ่าถามทันทีที่เปิดประตูเข้ามา  ทั้ง 5 หนุ่มจึงผุดลุกขึ้นแล้วจับมือกันและกันไว้

“ครับ...ไปลุยกันเลย!” ทั้ง 5 หนุ่มตะโกนพร้อมกัน  แล้ววิ่งออกไปหาเสียงกรี๊ดที่ดังต้อนรับลั่นฮอลเมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น.......


เสียงกรีดร้องด้วยความสุขและความสนุกของคนดูยังดังกระหึ่มระหว่างที่ 5 หนุ่มลงมาเปลี่ยนเสื้อผ้าและนั่งพักเพื่อรอขึ้นเวทีอีกครั้งหลังพักเบรก  ช่างแต่งหน้าทำผม  รีบเข้ามาเช็คหน้าเช็คผมของ 5 หนุ่มเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนจะยังคงหล่อใสเมื่อขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง

เขมชาติออกไปส่งสาวๆ MG ที่รถตู้เพราะหมดคิวของแขกรับเชิญสาวกลุ่มนี้แล้ว  พวกเธอจะต้องกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อนจะเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้  เขมชาติกลับเข้ามาหลังเวทีอีกครั้งด้วยใบหน้าซีดเผือด   เขาเดินลิ่วๆ ไปหาทรงเผ่ากับไมตรีที่คุยอยู่กับฝ่ายเวทีอีกด้าน 

ตะวันมองอากัปกิริยาของเขมชาติและโปรดิวเซอร์ทั้งสองแล้วขมวดคิ้วมุ่น  เมื่อสังเกตเห็นว่าทุกคนเหลียวมามองทางพวกเขา  แล้วพอเห็นเขามองก็หลบตากันวูบอย่างมีพิรุธ


“มีอะไรหรือเปล่าตะวัน?” พสุถามเบาๆ เมื่อช่างแต่งหน้าที่มาซับหน้าให้เขาถอยออกไป  ชายหนุ่มไม่ทันเห็นกิริยาแปลกๆของเขมชาติ  แต่จับสังเกตได้จากอาการคิ้วขมวดของตะวัน
   
“ไม่รู้เหมือนกัน  แค่รู้สึก...แปลกๆ” ตะวันตอบแล้วขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นเขมชาติ  ทรงเผ่าและไมตรีเดินออกไปข้างนอกกันหมด
   
“แปลกยังไง?” พสุมองตามสายตาของตะวัน  แต่ก็เห็นเพียงแผ่นหลังของเขมชาติและโปรดิวเซอร์ทั้งสองที่กำลังออกไปข้างนอกเท่านั้น

“ช่างเถอะ...เตรียมขึ้นเวทีกันดีกว่า” ตะวันตัดบท  แล้วหันไปหยิบขวดน้ำของตัวเองมาดื่ม 


หลังพักเบรก  ความสุขและสนุกก็ยังไม่ลดน้อยลง  มีแต่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  ทั้งที่เพลงเพิ่งปล่อยไปไม่นานนัก  แต่เสียงกระหึ่มของคนดูที่สามารถร้องตามได้ทุกเพลงก็ทำให้ทั้ง 5 หนุ่มยิ่งปลาบปลื้มที่เพลงของพวกเขาถูกใจผู้ฟังขนาดนี้

คอนเสิร์ตจบลงด้วยความสุขและรอยยิ้มเต็มหน้าของคนดูและนักร้องทุกคน  ทั้ง 5 หนุ่มวิ่งเข้ามาหลังเวทีด้วยรอยยิ้ม  หลังจากต้องรับช่อดอกไม้และของขวัญกันจนเหนื่อย

เสียงปรบมือต้อนรับของทีมงานข้างหลังฟังดูดังกว่าเคย  ทุกคนมีแต่รอยยิ้มแห่งความสุขเต็มหน้ายกเว้น เขมชาติ  ทรงเผ่า  และไมตรี  ที่รอยยิ้มดูจะจืดจางกว่าคนอื่น


“ขอบคุณครับคุณเขม  ขอบคุณครับพี่เผ่า  ขอบคุณครับพี่ตรี” ทั้ง 5 หนุ่มเข้าไปไหว้ขอบคุณเขมชาติ  และโปรดิวเซอร์ทั้งสอง 

“เอ่อ  ไผ่  ผม...” เขมชาติทำท่าจะพูดแล้วกลับอึกอัก  ชายหนุ่มเหลียวไปมองทรงเผ่ากับไมตรีเหมือนจะขอความช่วยเหลือ  แต่สองโปรดิวเซอร์กลับหลบตาแล้วเมินมองไปทางอื่น

“เป็นอะไรไปครับคุณเขม  ทำหน้ายังกะปวดห้องน้ำ” ไวยากรณ์แซวยิ้มๆ  ด้วยความสุขความตื่นเต้นยังไม่จางหาย  เด็กหนุ่มจึงยังกล้าพูดกล้าแหย่กระทั่งบอสใหญ่ของตนเอง

“ไวย์! ลามแระ  ลามปามเกิ๊น” ธีรดลเข้ามาตบหัวไวยากรณ์แล้วลากเด็กหนุ่มให้ถอยห่าง  เพราะสังเกตเห็นสีหน้าลำบากใจของเขมชาติ

“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณเขม?” พสุถามแล้วชะงัก  สีหน้าและแววตาของเขมชาติทำให้เขาหนาวเยือกไปตลอดไขสันหลัง

“...ทางโรงพยาบาล  โทรมาแจ้งว่า ...แม่คุณประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์”


พสุยืนนิ่งขึง  ตัวชาวาบด้วยความตกใจ!!


“...แล้ว...แม่...เป็นยังไงบ้างครับ” พสุถามเสียงสั่นเล็กน้อย  แต่ใบหน้าซีดขาวด้วยความเป็นห่วงมารดา

“ผมก็ไม่ทราบ  แต่ผมให้เขาเตรียมรถไว้แล้ว  รีบไปโรงพยาบาลเถอะ”

“ครับ”

“ริวไปด้วย” ริวตามมาคว้ามือเย็นเฉียบของพสุไว้  ชายหนุ่มพยักหน้ารับขณะที่คนอื่นๆ ก็ตามไปขึ้นรถกันหมด  ท่ามกลางสีหน้าวิตกกังวลของทีมงาน  ที่เพิ่งรับรู้ข่าวนี้เช่นกัน


ตลอดทางทุกคนนั่งเงียบกันหมด  แม้แต่ไวยากรณ์ก็พูดอะไรไม่ออก  ได้แต่ชะเง้อมองพสุที่นั่งอยู่เบาะหน้าคู่กับริว  มือของพสุกับริวจับกันไว้แน่น  พสุแม้ใบหน้าจะซีดเผือดแต่ก็ยังคงรักษาอาการสงบนิ่งไว้ได้  พอไปถึงโรงพยาบาลทุกคนก็เดินแกมวิ่งตามพสุไปติดๆ 

พยาบาลที่ประจำเคาน์เตอร์หน้าห้องฉุกเฉินรีบออกมารับหน้าเมื่อเห็นทุกคนไปยืนละล้าละลังอยู่หน้าห้อง


“ผมเป็นญาติของ สุดา  ศิระศาสตร์ครับ  ไม่ทราบว่าคุณแม่ผมเป็นยังไงบ้าง?”


พยาบาลสาวก้มลงดูที่จอคอมพิวเตอร์ก่อนจะผายมือไปทางเก้าอี้ยาวหน้าห้องฉุกเฉิน


“เดี๋ยวดิฉันจะเชิญคุณหมอเจ้าของไข้มาคุยด้วย  รอสักครู่นะคะ” 


พสุถอยไปยืนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน  ครู่เดียวหมอวัยกลางคนก็เดินลิ่วๆ ตรงมาหา  แล้วยกมือรับไหว้ทุกคน


“ญาติของคุณสุดา  ศิระศาสตร์ใช่ไหมครับ” คุณหมอหันมาถามย้ำทั้งที่พอจะรู้จักพสุในฐานะดาราดัง

“ครับคุณหมอ  แม่ผมเป็นยังไงบ้างครับ” พสุถามอย่างร้อนใจ  ขณะที่ริวจับมือเขาไว้แน่นด้วยความกังวล

“หมอต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ทางเราได้ทำเต็มที่แล้ว...แต่คุณสุดาเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุครับ...”


คำว่า ‘คุณสุดา เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ’  เหมือนจะสะท้อนก้องไปมาในหัว  พสุยืนตัวชา  หูอื้อไปหมด  เขาเห็นปากหมอขยับ  แต่ไม่เข้าใจว่าพูดอะไรและคนรอบข้างพูดอะไร... 

แม่ตายแล้ว?...ไม่จริงหรอก  เมื่อคืนแม่ยังโทรมาอวยพรเขากับริว  แล้วยังนัดกันกินข้าวคืนนี้...อาจจะเป็นการเข้าใจผิดกัน...แม่เขายังมีชีวิตอยู่...แม่คงมีเรื่องไม่สบายใจก็เลยไปถือศีลอยู่ที่วัดถึงไม่ได้มาดูคอนเสิร์ต...ต้องเป็นการเข้าใจผิดกันอย่างแน่นอน...ในสมองเขามีแต่หน้าของแม่  รอยยิ้มของแม่วนเวียนเหมือนภาพฉายซ้ำไปซ้ำมา


 “...พี่!...พี่พูดกับริวหน่อย  พี่...พี่...พี่อย่าเป็นอย่างนี้สิ...พี่!...” เสียงเรียกละล่ำละลักพร้อมๆ กับแรงกอดรัดแน่นจนเจ็บดึงสติของพสุกลับมา 


ชายหนุ่มกะพริบตาอย่างงุนงง  ก่อนจะพบว่าเขาอยู่ตรงกลางวงล้อมของเพื่อนๆ  มือของตะวันกับธีรดลจับมือเขาไว้แน่น  ขณะที่ริวและไวยากรณ์กอดเขาไว้จนขยับตัวไม่ได้


‘...แม่...’ พสุขยับตัว  ทำให้ทุกคนยอมปล่อยเขาเป็นอิสระยกเว้นริว 


“พี่...แม่ตายแล้วจริงๆเหรอ...แม่ไม่อยู่แล้วจริงๆ เหรอ...ริวไม่เอาแบบนี้นะพี่...ไม่เอา...” เด็กหนุ่มถามละล่ำละลักแล้วกอดซุกหน้าร้องไห้อยู่กับไหล่เขาจนรู้สึกได้ถึงความร้อนชื้นบนไหล่

“...ริว...” พสุหลุดเรียกชื่อเด็กหนุ่มออกมาเพียงคำเดียวแล้วรู้สึกจุกแน่นในอก  เขาพูดอะไรออกมาอีกไม่ได้  ความรู้สึกเจ็บปวดพลุ่งวาบเข้ามาแทนที่อาการชาแต่แรก...เจ็บจนเหมือนหัวใจถูกบีบคั้นให้หดเล็กจนแทบไม่มีแรงเต้นต่อ


สองมือชื้นเหงื่อกำแน่นไว้ข้างตัว  ขณะที่ริวกอดเขาร้องไห้สะอึกสะอื้น  แต่ชายหนุ่มกลับไม่มีน้ำตาสักหยด  เพราะภายในใจของเขามันกลวงว่าง  มันเจ็บจนบอกไม่ได้ว่าเจ็บที่ไหน  รู้แต่เพียงว่าเจ็บเสียจนไม่อยากหายใจอีกต่อไป....ชายหนุ่มมองผ่านไหล่ริวไปเห็นเขมชาติผละจากคุณหมอตรงมาหาเขา  แล้วทำหน้าลำบากใจ
   

“ไผ่...ไผ่ต้องเข้าไป...เอ่อ...ไปยืนยันว่าเป็นคุณแม่  ทางโรงพยาบาลเขาถึงจะออกใบมรณะบัตรให้ได้”

“ไม่ต้องตอนนี้ได้มั๊ยคุณเขม! อะไรนักหนา” กรเวชที่ยืนเกาะประตูห้องฉุกเฉินร้องไห้  หันมาเสียงเขียวใส่เขมชาติอย่างไม่เกรงกลัวความเป็นเจ้านาย  จนเขมชาติหน้าจืดไปทันที

“...ผม...อยากเห็นแม่ครับ...” พสุเค้นเสียงตอบออกไปจนได้ 

“ริวไปด้วยนะพี่” ริวเงยหน้าแดงก่ำขึ้นมาจากไหล่ของเขา  พสุพยักหน้ารับแล้วพยายามรวบรวมสติเดินตามเจ้าหน้าที่เข้าไปในห้องฉุกเฉิน 


ร่างที่คลุมผ้าขาวมิดชิดบนเตียงคนไข้ทำให้พสุเดินต่อไปไม่ได้  ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเฉยๆ  หากไม่มีอ้อมแขนของริวคอยประคองไว้เขาคงทรุดลงนั่งเพียงหน้าประตูเท่านั้น  เจ้าหน้าที่ที่นำมาออกไปรออยู่นอกห้อง  ปล่อยให้พสุกับริวเข้าไปหาร่างบนเตียง  พสุยกมือสั่นๆ ขึ้นจับชายผ้า...วูบหนึ่งเขาแอบหวังว่าใบหน้าใต้ผ้าขาวจะไม่ใช่ใบหน้าที่คุ้นเคย  อาจเป็นการเข้าใจผิด  และแม่ยังมีชีวิตอยู่...

เส้นผมยาวสยายเป็นสิ่งแรกที่เห็นขณะที่ผ้าเลื่อนลงมาช้าๆ  หน้าผากขาวไล่ลงมาถึงคิ้วเรียวโก่ง  เปลือกตาปิดสนิท  และจมูกโด่งแหลมที่ถ่ายทอดมาถึงลูกชาย  ปากอิ่มซีดขาว...แม้ใบหน้านั้นจะซีดไปเล็กน้อย  แต่ก็ไร้ร่องรอยความเจ็บปวด  ดูสงบนิ่งจนเหมือนกำลังหลับสนิทมากกว่าจะไร้ชีวิต...


“...แม่...แม่ครับ...ไผ่มาแล้วนะแม่...แม่ลืมตามามองไผ่สักนิดไม่ได้เหรอครับ...” พสุก้มลงพูดจนชิดแล้วจูบบนแก้มเย็นเยือกเบาๆ  หยาดน้ำร่วงลงบนแก้มเย็นๆ  พสุรีบเช็ดออกอย่างรวดเร็วก่อนจะฟุบหน้าลงกับอกแม่...แม้ร่างนี้จะเย็นเยือก และไร้สรรพเสียงแห่งชีวิต  แต่เขาก็ยังอยากกอด....เขาเข้าใจแล้ว  ว่าทำไมริวถึงนอนกอดศพของแม่…แม้จะไม่เหลือความอบอุ่นทางกายให้สัมผัส  แต่เพียงได้กอด...ความอบอุ่นในใจก็ยังคงอยู่...


พสุกอดร่างเย็นเฉียบไว้แน่น  ชายหนุ่มลูบมือไปบนท่อนแขนเย็นจนถึงปลายนิ้วช้าๆ  ผิวสัมผัสยังคงนุ่มนวล  หากเพียงจะยังมีเสียงหัวใจเต้น  แม่ก็เพียงแค่หลับไปเท่านั้น...

พสุกัดกรามแน่นแล้วหลับตาลงด้วยความปวดร้าวและโกรธแค้น   โกรธตัวเองที่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ค่า   แค้นใจที่เขาเอาแต่ทุ่มเทกับงานจนไม่ได้ไปหาแม่  หากเขารู้ว่าจะต้องเสียแม่ไป  เขาคงเลือกจะใช้ทุกวินาทีอยู่กับแม่ให้นานที่สุด  ไม่ปล่อยให้ทุกอย่างสายเกินไปอย่างนี้...ทั้งหมดนี้เป็นความผิดเขาเอง  เขามัวแต่รอให้ว่าง  สุดท้ายก็ไม่มีโอกาสได้เจอแม่อีกเลย...

พสุจมอยู่กับความเจ็บปวดเนิ่นนาน  จนสัมผัสได้ถึงหยาดน้ำอุ่นๆ บนต้นคอและแรงกอดรัดแน่นหนารอบตัว  เขาถึงรู้สึกตัวว่ายังมีคนอยู่ข้างๆ เขาอีกคน

เสียงสะอื้นจากข้างตัวทำให้พสุต้องหันกลับไปมอง  พอเขาขยับตัว  ริวก็เงยหน้าเปื้อนน้ำตาขึ้นแล้วคลายอ้อมแขนออก  เด็กหนุ่มก้มลงกราบบนอกแม่ข้างๆ เขา


“แม่ครับ...ริวจะดูแลพี่ไผ่แทนแม่นะ...ริวสัญญา” ริวจูบมือของสุดาแล้วยกขึ้นวางบนศีรษะนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง  แล้วถึงวางมือของสุดาลงเตียงอย่างเดิม 


ดวงตากลมโตหันกลับมาสบตาเขา  แววตาแห่งความสูญเสียที่มีเพียงเขาและริวเท่านั้นที่เข้าใจ...


“...ริว...” พสุดึงเด็กหนุ่มเข้ามากอดไว้แน่น  ปล่อยให้น้ำตาหยดลงบนผมนิ่มที่ซุกอยู่กับบ่า

“พี่มีริวนะ  ริวจะอยู่กับพี่ ริวจะไม่ไปไหน” ริวกระซิบบอกเสียงหนักแน่น  พสุพยักหน้ารับแล้วกระชับอ้อมแขนรอบตัวเด็กหนุ่มแน่นขึ้นเช่นเดียวกับที่ริวกอดเขา  เหมือนจะให้สัมผัสนี้ช่วยคลายความเจ็บปวดและหนาวเหน็บในหัวใจของกันและกัน
   
“เอ่อ...ไม่ทราบว่า...”  เสียงถามอึกอักไม่คุ้นหูทำให้พสุกับริวหันกลับไปมอง  เจ้าหน้าที่ที่นำเข้ามาเมื่อครู่มายืนทำหน้าลำบากใจ และเห็นใจจนไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

“...ผม...จะพาแม่กลับบ้านได้เมื่อไหร่ครับ...”

“พรุ่งนี้เตรียมเอกสารมานะครับ  ทางโรงพยาบาลจะออกใบ...เอ่อ  จะทำเอกสารไว้ให้  แล้วสายๆ ก็คงรับ...คงพาคุณแม่คุณกลับได้”

“ครับ”  พสุรับคำเสียงเบาแล้วหันกลับไปมองหน้าแม่อีกครั้ง  ชายหนุ่มก้มลงจูบหน้าผาก  แก้ม  ก่อนจะยกมือเย็นเฉียบขึ้นมาจูบแล้ววางไว้ในท่าที่แม่เคยนอน  ชายหนุ่มลูบมือไปตามร่างเย็นเฉียบช้าๆ  ลงมาจนถึงปลายเท้า  พสุก้มลงจูบหลังเท้าเย็นเยือกเป็นครั้งสุดท้าย  ก่อนจะคลุมผ้าไว้ให้อย่างเดิม 

“แม่ครับ...ไผ่กลับก่อนนะครับ...พรุ่งนี้...ไผ่จะมารับแม่นะ...” พสุกระซิบบอกแม่เสียงแผ่ว  แล้วหยิบผ้าขึ้นคลุมหน้า  ชายหนุ่มคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอีกนาน  ถ้าริวไม่ดึงเขาออกจากห้องเพื่อให้เจ้าหน้าที่จัดการกับศพของสุดา


พอออกมาถึงหน้าตึก  นักข่าวจากหลายสำนักก็วิ่งกรูเกรียวเข้ามาหา  ตามด้วยแสงแฟลชสว่างวาบจนตาพร่า พสุเดินไปตามแรงดึงของริวโดยไม่รับรู้ถึงแสงแฟลชและเสียงนักข่าวรอบด้าน  ขณะที่เขมชาติและกรเวชไหว้นักข่าวขอร้องไม่ให้สัมภาษณ์พสุในตอนนี้  ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยินยอมเพราะเห็นสภาพเหม่อลอย  ใบหน้าขาวซีดของพสุ  ก็เข้าใจว่าชายหนุ่มอยู่ในสภาวะช็อกเกินกว่าจะตอบคำถามมีเพียงบางคนเท่านั้นที่พยายามจะตั้งคำถามให้ได้   กรเวชจึงเข้าไปรับหน้าแทน

   พสุถูกพากลับมาที่บ้านพักบริษัท  เพราะสภาพจิตใจเขายังย่ำแย่เกินกว่าที่เขมชาติจะกล้าปล่อยให้พสุอยู่คนเดียว  ชายหนุ่มเดินตามแรงจูงเหมือนไร้จิตใจ  พอเข้าห้องริวก็คว้าตัวพสุไปกอดแน่น  ชายหนุ่มก็ยืนเฉยให้กอด  ดวงตาเหม่อมองไร้จุดหมาย  แต่ภายในกลับปั่นป่วนด้วยความทุกข์ทรมาน


“พี่...อาบน้ำนะครับ  เดี๋ยวจะได้นอนพัก...”  ริวกล้ำกลืนคำพูดปลอบโยนเอาไว้เมื่อพบว่านาทีนี้ไม่มีคำพูดใดมีประโยชน์อีกต่อไป  พสุไม่พร้อมที่จะพูดคุยอะไรอีกแล้ว  ไม่ว่าเด็กหนุ่มจะให้ทำอะไร  พสุก็ทำตามเหมือนเป็นไปตามความเคยชินมากกว่าความรู้สึก


ริวรอจนพสุออกมาจากห้องน้ำ  แล้วหยิบเสื้อผ้าที่เตรียมไว้มาให้  ชายหนุ่มรับไปสวมแล้วเดินตามแรงจูงไปที่เตียง  ยินยอมนอนง่ายๆ ตามที่ริวต้องการ

ทุกอย่างที่ทำ ทำไปโดยอัตโนมัติเหมือนหุ่นยนต์  เพียงแต่เป็นหุ่นยนต์ที่ดวงตาแห้งผากด้วยความทุกข์  ริวปิดไฟแล้วสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับพสุเหมือนทุกคืน  แต่ถึงจะหนุนหมอนใบเดียวกัน  ผ้าห่มผืนเดียวกัน  แต่ริวรู้สึกราวกับเขาและพสุนอนกันคนละห้อง  พสุปิดกั้นใจจากเขาจนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกว่างเปล่า  ห่างเหิน  เสียจนเด็กหนุ่มต้องกอดพสุไว้แน่น  เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้นอนอยู่เพียงคนเดียว

พสุรู้สึกเหมือนในหัวมีพายุลูกใหญ่พัดวน  ทุกอย่างสบสนวุ่นวาย  พร่ามัว  ในอกเหมือนถูกฉีกทึ้งด้วยกรงเล็บที่มองไม่เห็น  เจ็บจนต้องนอนอยู่นิ่งๆ  เพียงเพื่อรับรู้ว่าเขายังเหลือลมหายใจอยู่  ความอ่อนเพลียของร่างกายไม่อาจเอาชนะความทุกข์ทรมานได้  ชายหนุ่มนอนเงียบกริบในความมืด  ได้ยินเสียงถอนใจหนักๆ อยู่ข้างตัว ไม่ใช่แต่เขาที่นอนไม่หลับ  ริวเองก็เช่นกัน

จู่ๆ ไฟหัวเตียงก็สว่างพรึบ  ริวหันกลับมาหาพสุแล้วสอดตัวเข้ามาในผ้าห่มอีกครั้ง  แต่คราวนี้เด็กหนุ่มดึงพสุเข้าไปกอดซุกอยู่กับอกเขา  แทนที่จะเป็นฝ่ายซุกอกพสุเหมือนทุกครั้ง


“พี่มีริวนะ...พี่ยังเหลือริวอีกคน...” ริวบอกเสียงแผ่ว  ฝ่ามืออุ่นลูบแผ่นหลังของพสุเบาๆ เพื่อปลอบประโลม


เสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ  ในอกอุ่นกว้างที่ซุกซบกลับทำให้น้ำตาของพสุไหลออกมา  เมื่อใจประหวัดไปถึงอกเย็นและเงียบสนิทที่เขาซบร้องไห้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน....


 “...ถ้าพี่ไม่มัวผัดผ่อน...ถ้าพี่ไปหาแม่ตั้งแต่แรก  พี่ก็คงจะได้เจอแม่...อย่างน้อยพี่ก็ยังจะได้เห็นหน้าแม่อีกสักครั้ง  ได้กอดแม่อีกสักครั้ง...พี่ไม่ควรผลัดไปก่อน  พี่ผิดเอง...” พสุเปิดปากพูดเป็นครั้งแรกตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาล  น้ำเสียงแหบพร่า...สั่นสะท้านจนแทบฟังไม่เป็นคำ...

“พี่อย่าพูดอย่างนี้  มันไม่จริงเลย  ตารางงานของเราแน่นขนาดนั้น   พี่จะปลีกตัวไปไหนได้ครับ...แล้วยังคิวละครอีก...พี่ได้นอนวันละไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเองนะ  มันไม่ใช่ความผิดพี่หรอก  เชื่อริวนะพี่ มันเป็นอุบัติเหตุ”  ริวปลอบละล่ำละลัก  แล้วกระชับอ้อมแขนรอบตัวพสุแน่น

“พี่จะห่วงงานทำไม  ทำไมพี่ไม่คิดว่าแม่ต่างหากที่พี่ควรห่วงที่สุด  แม่ต่างหากที่สำคัญที่สุด...พี่มัวแต่ห่วงอย่างอื่น พี่ไม่สนใจคนที่พี่รักเลยสักนิด...มันสายเกินไปแล้วที่จะมาเสียใจ  มันสายเกินไปแล้ว”

“พี่...ทำไมพูดแบบนี้...ไม่มีใครรู้นี่ครับว่าอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้น...” ริวกระซิบปลอบ  พลางลูบน้ำตาออกจากแก้มของพสุแล้วกดจูบบนแก้มเย็น  โดยที่พสุไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านใดๆ

“พี่มันลูกอกตัญญูเหมือนที่พ่อพูดไม่มีผิด...พี่รักแต่ตัวเอง  พี่ไม่ได้ใส่ใจแม่เลย...พี่มันคนเห็นแก่ตัว...สมน้ำหน้าแล้วที่ต้องเสียแม่ไป...” หางเสียงเยาะหยัน  พยายามจะเค้นหัวเราะ  แต่กลับติดสะอื้นแทน   ริวประคองใบหน้าของพสุไว้ด้วยสองมือ  แล้วใช้หัวแม่มือปาดน้ำตาออก  แต่น้ำตากลับยิ่งไหลปรี่ลงมามากกว่าเดิม

“พี่ไผ่...หยุดเถอะพี่...หยุดเถอะครับ  อย่าโทษตัวเองอีกเลย  พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยครับ  มันเป็นอุบัติเหตุนะ...พี่ไม่ใช่พระเจ้า...พี่ไม่รู้ล่วงหน้าว่าอะไรมันจะเกิดนี่ครับ...พี่ไผ่ครับ...พี่โทษตัวเองแบบนี้  ถ้าแม่รู้  แม่จะต้องเสียใจที่พี่เป็นทุกข์...เชื่อริวนะครับ”   ริวปลอบแล้วพรมจูบไปบนใบหน้าเปียกน้ำตาเบาๆ  ขณะที่ฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของพสุเพื่อปลอบประโลม  เด็กหนุ่มยกมือเย็นเฉียบของพสุขึ้นมาจูบแล้ววางไว้ระหว่างอกเพื่อให้อบอุ่นขณะที่เขากอดพสุแน่นขึ้น 


พสุหลับตานิ่ง  ปล่อยให้ริวกอดจูบไปทั่วโดยไม่ปัดป้องขัดขืนใดๆ  หวังเพียงให้ความอบอุ่นจากอ้อมแขนที่โอบกระชับอยู่รอบตัวจะช่วยให้เขาผ่านคืนอันเจ็บปวดและทรมานนี้ไปได้


........................................................

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
สงสารพี่ไผ่   :monkeysad:

@StaR@

  • บุคคลทั่วไป
เอ้ยยยยยยย ทำไมมันเป็นเยี่ยงนี้
ตอนแรกๆก็มีความสุขสนุกสนานกันดี
แล้วก็มาตัดอารมณ์กันด้วยเรื่องพี่ไผ่
สงสารพี่ไผ่ที่สุดเลยอ่ะคงช็อคน่าดูเลย
เพราะงั้นริวต้องดูแลพี่ไผ่ดีน่ะริว
 :กอด1: :L2: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด