เธอคือ...ลมหายใจ by Anonymus
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เธอคือ...ลมหายใจ by Anonymus  (อ่าน 2512988 ครั้ง)

ออฟไลน์ nunamicky

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-3

ออฟไลน์ aeecd

  • :: 8018 ::
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0

พูดได้คำเดียวว่าเศร้าๆ ฮือออ
 :impress3:

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
เทศกาลมาม่า  :o12:

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
โอ๊ยเศร้าอ่า :m15:

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
T^T
โฮๆ สงสารพี่ไผ่มากๆเลยนะ ,,
ไม่อยากให้พี่ไผ่โทษตัวเองเลย
ฮือๆๆๆๆ
ตอนหน้าจะหายเศร้าหรือยัง
เป็นห่วงพี่ไผ่จัง!!

darajoy

  • บุคคลทั่วไป
เศร้าใจไปกับไผ่อีกคน

แต่ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป

น้องริวก็ช่วยกันประคองพี่ไผ่ไปแล้วกัน

ออฟไลน์ eddiam

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เมื่อไหร่พ่อไผ่จะโดนกรรมตามสนองซะที  รอๆๆๆๆ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
ขนาดทำใจไว้แล้วก่อนอ่าน ก็ยังไม่ไหว ขอเวลาสักพัก หายมาม่าแล้วจะมาใหม่ได้ไหมคะ >.<

belzaaa

  • บุคคลทั่วไป
ครั้งก่อนสงสารริว
มาครั้งนี้พี่ไผ่ ทั้งน่าสงสาร น่าเวทนา
ฮือ ฮือ ..
เป็นกำลังให้พี่ไผ่ สู้ สู้

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่คงอยู่ไปตลอดกาลหรอกนะคะไผ่
อย่าคิดโทษตัวเอง
แม่ดาคงเสียใจถ้ารู้ว่าไผ่ยังคงคิดว่าตัวเองผิดอย่างนี้
แม่ดารักไผ่มาก

ขอให้ไผ่หายในเร็ววันนะคะ :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
เศร้า  :impress3:
สงสารพี่ไผ่

ออฟไลน์ โน๊อา

  • อยู่เป็นคู่ เช่น ฉันคู่เธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
น้ำตาท่วมใจ ขอบคุณค่ะ
บวก 1 ให้กับเรื่องราวที่แสนจะประทับใจค่ะ

ออฟไลน์ kungyung

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
มาม่าคราวนี้ไม่ได้มาเป็นชามค่ะ

มาเป็นโอ่งเลย  :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ DarKLasT

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 595
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ช่วงนี้เป็นอะไรกันนะ

มาม่าเต็มชามเลย

แวะมารอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
 :เศร้า2:
เศร้าที่สุดเรยอ่า....
ทำไมมันถึงได้พลิกผันขนาดนี้หนอ
พี่ไผ่คร้า ใจเย็นน้า
เวลาจะช่วยพี่ได้ ริวสู้ๆ เอาพี่ไผ่คนเดิมกลับมาให้ได้นะ

ออฟไลน์ Anonymus

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-1
อ้างถึง
มาม่าคราวนี้ไม่ได้มาเป็นชามค่ะ

มาเป็นโอ่งเลย  :o12: :o12: :o12: 


ง่า...มันก็มีบ้างอะไรบ้าง  เพราะทั้งเรื่องก็มีมาม่าอยู่เซตเดียวนี่แหละค่า ก็เลยออกจะเซตใหญ่สักหน่อย อย่าเพิ่งนอยกันหมดน๊า

ส่วนใครที่รอฉาก NC  ขอยืนยันว่ามีแน่นอนค่ะ  มาช้าแต่มาทีมาแบบซึนามิ(ไม่นับรวมNC อนุบาลนะคะ) 

แนะนำว่าหลังกินมาม่าให้รีบหาธาตุเหล็กมาเสริมด่วน

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
หลังเหตุการณ์นี้ทั้งสองคนคงยิ่งผูกพันธ์กันมากขึ้น


ออฟไลน์ akihito

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สงสารพี่ไผ่นะ
แต่สงสารริวมากกว่า เสียแม่ไปคนนึงแล้ว
ยังต้องเสียแม่อีกคนนึงไป
แถมคนที่ตัวเองรักยังจมอยู่กับความทุกข์อีก เฮ้อออ :เฮ้อ:

ปล.เมื่อไหร่ทุกคนจะรู้ความจริงเรื่องริว อยากรู้ๆ :m13:

CIndY59

  • บุคคลทั่วไป
ยกโพสแรกให้เรื่องนี้เลย :impress2:

ปกติเราเป็นพวกไม่อ่านนิยายที่ยังแต่งไม่จบ
แต่เรื่องนี้ไม่ไหวจริงๆ เผลออ่านไปพาร์ทแรก ก็หยุดไม่อยู่เลย
แล้วก็เกิดออาการลงแดง ต้องเข้าบอร์ดทุกวัน เข้ากระทู้มาดูว่าอัพเดทไหม
พอได้อ่านก็เหมือนได้เสพย์ยา ลันล้า โลกนี้เป็นสีชมพู   

ขอบอกว่าชอบเรื่องนี้มาก มาก มากกกกกกก *ยกขึ้นหิ้งบูชา แล้วอ่านวันละหลายรอบ*
ทั้งคาแรคเตอร์ตัวละคร เนื้อเรื่องที่ไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน แต่ว่าอินในทุกบรรทัด ทุกตัวอักษร ร้องไห้น้ำตาซึมตลอดแต่บทจะยิ้มได้ก็ปากถึงฉีกถึงหูเลย
ทั้งหัวเราะ ทั้งร้อง ทั้งลุ้นทั้งเขิลไปพร้อมกับตัวละคร
ได้รู้จักริว มีความรู้สึกดีๆให้ ได้สัมผัสความรักความสึกของริวที่มีให้พี่ไผ่ มันงดงามมากๆเลย
จนลูกสึกรักริวเหมือน้องชายเห็นพี่ไผ่เป็นพี่ชาย *ขอกริ๊ดดด ให้คนแต่งที่ให้กำเนิดริวที่ขี้อ้อน พี่ไผ่ที่น่ารักและทุกๆคน ยกเว้น+ อีตาชินกิ!!* :-[


ปล.ยังรอตอนต่อไปนะค่ะ และร้องไห้รอไว้ก่อนเลยยยย :o12: :m15:


รักคนเขียนมากกกกกกกกก :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MrTeddy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-1
ไผ่น่าสงสารและคงกดดันมาก เพราะยิ่งเป็นคนที่ห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองนี่
ก็คงจะยิ่งเจ็บปวด  ที่ไม่ได้ไปดูแลแม่ของตัวเองเพราะมัวแต่ทำงาน
และยิ่งโกรธพ่อตัวเองเข้าไปอีกเพราะเป็นสาเหตุให้แม่ต้องตาย
เฮ้อ...เศร้าใจ

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-15
"....ทำไมคนเราต้องรอให้สูญเสีย  ถึงจะรู้คุณค่าของคนที่เรารัก.."

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
พี่ไผ่น่าสงสารมาก :monkeysad: :monkeysad:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
รออย่ด้วยอีกคน อิอิ

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
เข้ามารอน้องริว
><

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
อ้างถึง
มาม่าคราวนี้ไม่ได้มาเป็นชามค่ะ

มาเป็นโอ่งเลย  :o12: :o12: :o12: 


ง่า...มันก็มีบ้างอะไรบ้าง  เพราะทั้งเรื่องก็มีมาม่าอยู่เซตเดียวนี่แหละค่า ก็เลยออกจะเซตใหญ่สักหน่อย อย่าเพิ่งนอยกันหมดน๊า

ส่วนใครที่รอฉาก NC  ขอยืนยันว่ามีแน่นอนค่ะ  มาช้าแต่มาทีมาแบบซึนามิ(ไม่นับรวมNC อนุบาลนะคะ) 

แนะนำว่าหลังกินมาม่าให้รีบหาธาตุเหล็กมาเสริมด่วน

กรี๊ด!!! รอ  :-[

konmaidee

  • บุคคลทั่วไป

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
NC น่าจะมาเป็นโอ่งแบบ มาม่าบ้างเนอะ อิอิ

กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆอยากอ่านอีกเยอะๆ อยากอ่านบ่อยๆ 5555

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
เวลาแห่งความเศร้ามันยาวนานเสมอ
 :กอด1:พี่ไผ่น้องริว

ออฟไลน์ spring

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-7
สงสัยปร้าแกเห็นเป็นช่วงปลายเดือน เลยส่งพายุมาม่าตะร๊อดๆๆๆ
 :laugh:


ตอนที่ 80


กรเวชเดินลิ่วเข้าไปในศาลาเมื่อเจ้าหน้าของวัดมาบอกว่ามีผู้หญิงมาดักรอพสุ  เมื่อไปถึงกรเวชก็เห็นเด็กสาวร่างอวบสวมเสื้อยืดสีส้มแจ๊ดเหมือนไม่รู้จักกาลเทศะนั่งพิงเสาหน้าซีดเซียวอยู่เพียงลำพัง


“เอ่อคุณครับ  ขอโทษนะครับเรายังไม่เปิดให้แฟนคลับเข้ามานะครับ  ขอความกรุณาช่วยออกไปรอด้านหน้าก่อนนะครับ” กรเวชยังคงรักษาน้ำเสียงให้สุภาพ  แม้จะไม่ค่อยพอใจนัก

“หนูไม่ใช่แฟนคลับหรอกค่ะ  หนูมีเรื่องด่วนจะต้องคุยกับคุณพสุ”

“ขอโทษนะครับ  ตอนนี้พสุคงไม่สะดวกที่จะคุย” กรเวชยืนยันด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น  แล้วหันไปบุ้ยใบ้ให้พนักงานของบริษัทที่เขมชาติส่งมาคอยช่วยงาน  พาเด็กสาวคนนี้ออกไป  แต่เธอปราดมายึดแขนกรเวชไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวค่ะคุณ  หนูเป็น..เอ่อ..เป็นคนของคุณพรเทพค่ะ” เด็กสาวตอบอึกอักจนกรเวชลังเลใจ  แต่ถ้าเธอเป็นแฟนคลับที่คิดจะมาหาพสุจริง  ก็ไม่น่าจะยกชื่อพรเทพมาอ้าง

“คุณพรเทพมาเหรอ  อยู่ตรงไหน?” กรเวชถามแล้วกวาดตามองไปรอบๆ  แต่ไม่เห็นวี่แววบิดาของพสุ

“คุณพรเทพมาไม่ได้หรอกค่ะ  ตอนนี้คุณพรเทพอยู่ในห้องไอซียู  ท่านหัวใจวายตั้งแต่เมื่อคืน”

“อะไรนะ!”

“หนูไม่มีเบอร์ของคุณพสุ  ติดต่อไปที่บริษัทที่บริษัทก็ไม่ยอมให้เบอร์  ก็เลยต้องมาบอกด้วยตัวเอง”

“คุณพูดจริงๆ เหรอเนี่ย” กรเวชถามย้ำ  แต่เห็นหน้าซื่อๆ  ตาใสๆ ของคนตรงหน้าแล้วชักไม่แน่ใจว่าหน้าตาซื่อๆ นี้จะโกหก

“จริงสิคะ  เรื่องใหญ่แบบนี้หนูไม่กล้าล้อเล่นหรอกค่ะ”

“คุณตามผมมาทางนี้” กรเวชตัดสินใจเดินนำเด็กสาวไปที่อาคารอีกด้าน  ที่จัดให้พสุและทีมงานได้อาศัยพักผ่อนที่นี่  ขณะรอเตรียมงานในตอนเย็น  พสุกับริว  นั่งสนทนาอยู่กับป้าใจเบาๆ  ส่วนเพื่อนร่วมวงคนอื่นๆ นั้นกลับไปที่บริษัทหมดแล้ว  และจะมาอีกครั้งในตอนเย็น

“ไผ่...มีเอ่อ...มีคนของคุณพรเทพมาขอพบน่ะ”

“...ครับ?...” พสุรับคำงงๆ  แล้วลุกมาหา  ริวกับป้าใจจึงลุกตามมาติดๆ  เด็กสาวยกมือไหว้ แล้วรีบพูดละล่ำละลักที่เห็นพสุทำท่าชะงักเมื่อจำเธอได้

“คุณเทพไม่สบายมากค่ะ เมื่อคืนท่านมาไหว้ศพคุณนายแล้วก็ล้มฟุบไป  ตอนนี้ยังอยู่ในไอซียูค่ะ”

“อะไรนะ!...ทำไม?...เมื่อคืนพ่อมาตอนไหน  ทำไมผมไม่เห็น” พสุผงะ  หน้าขาวซีดด้วยความตกใจ ก่อนจะหลุดคำพูดออกมาราวกับละเมอ

“มีคนโทรไปบอกข่าวคุณเทพเรื่องคุณนายค่ะ  พอท่านรู้ก็เป็นลมล้มฟุบไป  พอรู้สึกตัวก็จะมาที่วัดให้ได้  หนูก็เลยขับรถมาให้  แต่ตอนที่มาถึงมันดึกมากแล้ว  ศาลาก็ปิดไปแล้ว  ยังดีที่คนเฝ้าจำคุณเทพได้ก็เลยเปิดให้เข้าไป...หนูรออยู่ข้างนอกค่ะ  รออยู่นานแต่ไม่เห็นคุณเทพออกมาก็เลยเข้าไปตาม  ก็เจอท่านฟุบหมดสติอยู่หน้ารูปคุณนาย  หมอบอกว่าคุณเทพหัวใจวายเฉียบพลัน”

“โธ่เอ๊ยคุณเทพ....” ป้าใจยกมือทาบอกด้วยความตกใจ ขณะที่พสุยืนนิ่งขึง...

“ไผ่จะไปเยี่ยมพ่อก็ไปเถอะ  เดี๋ยวทางนี้พี่ดูให้”  กรเวชบอกอย่างร้อนใจ  ใจจริงอยากไปกับพสุด้วย  แต่ติดที่ทางนี้จะไม่มีใครรับแขก  ทั้งแขกของพสุและแขกของบริษัท

“เดี๋ยวริวขับรถให้พี่” ริวบอกเสียงเบาแล้วจับมือเย็นเฉียบของพสุไว้แน่น 

“ขับระวังๆ นะริว...ป้าใจจะไปกับไผ่ก็ได้นะครับ” กรเวชรีบอนุญาต  เพราะเห็นสีหน้าซีดเผือดของพสุแล้วก็อดสงสารไม่ได้  แม่ตายเพิ่งตั้งศพได้คืนเดียว  พ่อก็มาป่วยหนักจนต้องเข้าไอซียู  ทำไมเรื่องร้ายๆ ถึงรุมเข้ามาหาพสุหนักหนาสาหัสขนาดนี้

“ป้าไม่ไปดีกว่าค่ะ...ใจคอไม่ค่อยดี  กลัวไปเป็นลมเป็นแล้งให้เป็นภาระคุณไผ่เปล่าๆ...คุณริวคะ  ฝากคุณไผ่ด้วยนะคะ” ป้าใจบอกเสียงสั่น  พยายามกลั้นน้ำตาเต็มที่  เพราะไม่อยากให้พสุไม่สบายใจไปมากกว่านี้

“ครับ” ริวรับคำแล้วดึงมือพสุให้ลุกตามไปที่รถ  ขับตามรถเด็กสาวคนนั้นไปติดๆ  พสุนั่งเงียบกริบใบหน้าขาวซีด ไปตลอดทาง  ริวได้แต่ลอบมองด้วยความกังวล  พอเลี้ยวรถเข้าไปในโรงพยาบาล  เด็กสาวคนนั้นก็มายืนรออยู่ก่อนแล้ว  ริวจับมือเย็นเฉียบของพสุไว้ตลอดเวลาจึงรู้สึกได้ถึงอาการสั่นสะท้านของชายหนุ่ม  ยิ่งเดินใกล้ถึงห้องไอซียู  พสุก็ยิ่งเดินช้าลงจนแทบเป็นลากเท้า  ใบหน้าที่ค่อนข้างซีดอยู่แล้วบัดนี้ขาวเหมือนกระดาษ


อาการของพรเทพยังไม่ปลอดภัยพอที่จะให้เข้าเยี่ยมได้  แพทย์อนุญาตให้เพียงยืนดูอยู่ข้างนอก 


‘คุณพรเทพมีอาการหัวใจวายเฉียบพลันครับ  เท่าที่ดูจากสภาพร่างกาย  คุณพรเทพคงป่วยมานานแล้ว  แต่ไม่ได้รับการรักษาอย่างจริงจัง  แล้วยังมาเจอเรื่องสะเทือนใจจนเกิดอาการเครียดอย่างหนัก   อาการของคุณพรเทพ  ควรรับการผ่าตัดให้เร็วที่สุด   แต่สภาพร่างกายของเขาอ่อนแอเกินกว่าที่จะรับการผ่าตัดในตอนนี้  แล้วคุณพรเทพยังมีอาการเส้นเลือดในสมองซีกขวาแตก  ทำให้ร่างกายซีกซ้ายเป็นอัมพาตและไม่สามารถให้ยาละลายลิ่มเลือดได้....ตอนนี้เราทำได้แค่ให้ยาบรรเทาอาการ  ต้องรอให้ร่างกายคุณพรเทพแข็งแรงขึ้นกว่านี้ก่อนนะครับ  ถึงจะผ่าตัดได้’


ชายหนุ่มมองผ่านกระจกไปยังใบหน้าตอบซูบของบิดาด้วยความสะเทือนใจ  สายระโยงระยางและเครื่องมือทางการแพทย์รอบตัวบิดาทำให้ชายหนุ่มใจหาย  เขาเสียแม่ไปแล้ว  ตอนนี้เขายังไม่พร้อมจะสูญเสียใครอีก


 “...พ่อ...” พสุกระซิบเรียกบิดาผ่านกระจก ตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว  ชายหนุ่มเกาะกระจกจ้องมองเข้าไปข้างในนิ่ง...นาน...สายตาจับจ้องร่างบนเตียงแทบไม่กะพริบตา 


ริวจ้องมองพสุด้วยความห่วงใย  แต่ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่าเข้าไปยืนซ้อนหลังพสุแล้วกุมมือของชายหนุ่มไว้  จนรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนในกระเป๋า  ริวจึงเดินเลี่ยงออกมารับสายให้พ้นเขตห้ามใช้โทรศัพท์......


“พี่...เราต้องกลับไปที่วัดแล้ว  พี่กรโทรมาตาม...มีแขกของแม่พี่มากันมาก...พวกสื่อมวลชนด้วย  ตอนนี้คุณเขมกับพี่กรรับหน้าแทนอยู่” ริวกลับไปบอกพสุเบาๆ  แม้จะเข้าใจว่าพสุอยากอยู่กับพรเทพให้นานที่สุด  แต่งานที่วัดพสุก็ต้องกลับไปต้อนรับแขกอยู่ดี


พสุเม้มปากนิ่งอย่างลำบากใจแล้วเหลียวมองบิดาด้วยความเป็นห่วง  ไม่รู้จะตัดสินใจยังไง


“คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ  เดี๋ยวหนูจะเฝ้าคุณเทพเอง  ถ้ามีอะไรคืบหน้าหนูจะโทรไปบอก” เด็กสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องเอ่ยอาสาขึ้นมา  ทำให้พสุเพิ่งตระหนักว่าเธอก็นั่งอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่สายๆ แล้ว  เด็กสาววัยไม่เกิน 18 ปีคนนี้เป็นเมียน้อยของบิดา  ซึ่งดูท่าทางบิดาของเขาจะรักเธอมากถึงขนาดหนีเจ้าหนี้ยังหอบหิ้วเอาเด็กคนนี้ไปด้วย  แม้จะยอกแสยงใจในเรื่องนี้แต่พสุก็อดนึกขอบคุณไม่ได้ที่เธออยู่ด้วยตอนที่บิดาของเขาหมดสติ  ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครพาท่านมาส่งโรงพยาบาล

“ขอบใจนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ  ยังไงคุณเทพก็มีบุญคุณกับหนู”


พสุพยักหน้ารับ  แล้วเหลียวมองบิดาอย่างอาลัยอาวรณ์  เสียงท้องร้องทำให้เขาต้องหันกลับไปมอง  ผู้หญิงของบิดาส่งยิ้มแหยด้วยความกระดากอาย


“ยังไม่ได้กินอะไรใช่มั๊ย”

“ค่ะ...หนูมัวแต่ตกใจ  ตั้งแต่เมื่อวานกินขนมปังไปถุงเดียว” เด็กสาวตอบเสียงซื่อ  ไม่ได้มีท่าทางว่าจะพูดเพื่อเรียกคะแนนสงสารแต่อย่างใด  แต่ก็ทำให้พสุใจอ่อนยวบด้วยความเวทนา

“งั้นไปกินข้าวก่อน  แล้วค่อยมาเฝ้า...มีเงินหรือเปล่า?”

“...มีค่ะ...”


พสุเห็นอาการอึกอักของเด็กสาวก็พอเดาได้ว่าเธอคงไม่มีเงิน  เพราะระยะหลังๆ ฐานะการเงินของบิดาไม่ค่อยดีนัก  คงไม่ค่อยมีเงินให้เธอใช้เหมือนแต่ก่อน  การที่เธอไม่ทิ้งไปทั้งๆ ที่พ่อของเขาไม่มีเงินให้  ก็แสดงถึงน้ำใจของเด็กสาวตรงหน้า


“เอาเก็บไว้ใช้ก่อนนะ  แล้วถ้าขาดเหลืออะไรก็บอก” พสุหยิบธนบัตรใบละพันบาทหลายใบส่งให้  แต่เด็กสาวกลับส่ายหน้าแล้วถอยหนี  ไม่ยอมรับเงินที่พสุให้

“หนูรับไม่ได้หรอกค่ะ  ถ้าคุณเทพรู้ว่าหนูรับเงินจากคุณ  คุณเทพฆ่าหนูแน่เลย”

“เอาไปเถอะ  เธอต้องกินต้องใช้  อีกอย่าง  ช่วงนี้ฉันคงดูแลพ่อไม่ได้เต็มที่  ก็ต้องพึ่งให้เธอช่วยดูแลให้ด้วย  ถือซะว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากฉันก็แล้วกัน”

“...แต่...ถ้าคุณเทพรู้...” เด็กสาวลังเล  เหลียวไปมองพรเทพในห้องไอซียูอย่างหวาดๆ

“พ่อไม่รู้หรอกถ้าเธอไม่บอก...รับไปเถอะ  แล้วถ้าขาดเหลืออะไรก็บอก  ฉันจะโอนเข้าบัญชีให้”

“ขอบคุณค่ะ...งั้นหนูฝากคุณเทพแป๊บนึงนะคะ  หนูขอไปซื้อข้าวเดี๋ยวเดียว”

“ไปกินให้เรียบร้อยแล้วค่อยมาก็ได้”

“ค่ะ”


พสุยังยืนมองบิดานิ่ง  ชายหนุ่มไม่ได้ขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียวจนกระทั่งเมียเด็กของพรเทพกลับมา  ถุงที่มีแต่ขนมของเธอทำให้พสุสะท้อนใจ  ผู้หญิงของบิดาเขายังเด็กเหลือเกิน  เธอควรอยู่ในวัยเรียน  ไม่ใช่ต้องมาเป็นเมียเก็บเมียน้อยของใครแบบนี้

เมื่อกลับไปถึงที่วัดก็พบกับกองทัพนักข่าวและแขกเหรื่อที่มารอเต็มศาลาแล้ว  พสุถูกยิงคำถามเข้าใส่ตั้งแต่วินาทีแรกที่นักข่าวเห็นหน้า


“ตกลงคุณพรเทพป่วยเป็นอะไรครับ”

“จริงหรือเปล่าคะที่ว่าคุณพ่อช็อกเพราะเรื่องคุณแม่  ใช่มั๊ยคะน้องไผ่”

“ตอนนี้อาการคุณพรเทพเป็นยังไงบ้างครับ”

“แล้วคุณพ่อจะมาร่วมงานไหวหรือเปล่าคะ”

 “ขอโทษนะครับทุกคน ขอให้ไผ่พักสักครู่ก่อนได้มั๊ยครับ” กรเวชเข้าไปแทรกเมื่อเห็นนักข่าวรุมล้อมจนพสุขยับไปไหนไม่ได้ 

“ไม่เป็นไรครับพี่กร...” พสุหันไปบอกกรเวชแล้วสูดลมหายใจลึกเมื่อหันกลับมาหานักข่าว  ใบหน้าขาวซีดเหมือนกระดาษของเขา  ทำให้นักข่าวหยุดยิงคำถามเข้าใส่  แล้วรอให้พสุเป็นฝ่ายตอบเอง

“...คุณพ่อมีอาการหัวใจวายเฉียบพลันครับ  ตอนนี้ยังอยู่ในห้องไอซียู  คุณหมอยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมครับ”


นักข่าวพากันส่งเสียงฮือฮาด้วยความตกใจแกมสงสาร  เมื่อรู้ว่าอาการของพรเทพหนักกว่าที่คิด  ไม่ใช่ไม่มีใครโทรไปเช็คอาการพรเทพที่โรงพยาบาล  แต่ทางโรงพยาบาลปิดปากเงียบไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆ  รวมถึงห้ามเข้าเยี่ยม  จึงไม่มีใครรู้ว่าอาการของพรเทพหนักหนาแค่ไหน 


 “คุณพ่อป่วยแบบนี้ไผ่จะทำยังไงคะ  ต้องวิ่งไปวิ่งมาระหว่างโรงพยาบาลกับวัดหรือเปล่า”

“ครับ...คงต้องเป็นแบบนั้น” เสียงนักข่าวถามเซ็งแซ่  แต่พสุก็ยังคงรักษาอาการให้สงบนิ่งไว้ได้

“คุณหมอบอกหรือเปล่าคะว่าจะเข้าเยี่ยมได้เมื่อไหร่”

“ยังไม่ทราบครับ  ต้องรอดูอาการก่อน  ถ้าเข้าเยี่ยมได้ทางโรงพยาบาลจะโทรมาบอกครับ”

“ตอนนี้ไผ่รู้สึกยังไงบ้างคะ  ที่คุณพ่อมาป่วยไปอีกคนแบบนี้”

“...ผมก็ได้แต่หวังว่าอาการคุณพ่อจะดีขึ้นเร็วๆ...อยากให้ท่านหายทัน...วันเผาคุณแม่” พสุตอบเสียงพร่า เบา  เพราะเริ่มสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ไหว  ริวจับต้นแขนของพสุเพื่อประคองไว้กันชายหนุ่มล้ม  กรเวชเห็นอย่างนั้นก็รีบแทรกเข้าไปกันพสุออกมาให้พ้นนักข่าว

“เอ่อ  ขอให้ไผ่ได้พักก่อนนะครับ  อีกอย่างตอนนี้แขกผู้ใหญ่ก็มากันหลายท่านแล้ว  ขอให้น้องไปต้อนรับแขกก่อนนะครับ” แม้จะมีหลายคนทำท่าไม่พอใจ  แต่ส่วนใหญ่ก็เห็นใจพสุ  จึงยอมถอยแต่โดยดี  พสุถูกพาเข้ามาในศาลา  ป้าใจที่รออยู่แล้วรีบปราดเข้าไปหาอย่างร้อนใจ

“คุณไผ่ขา  คุณเทพเป็นไงมั่งคะ”

“หัวใจวายเฉียบพลัน  กับเส้นเลือดในสมองแตกครับ...” พสุตอบเสียงแผ่วแล้วลูบแขนป้าใจเบาๆ เพื่อปลอบโยนเมื่อเห็นป้าใจน้ำตาร่วงทันทีที่ได้รับรู้

“โธ่เอ๊ยคุณเทพ...แล้วอย่างนี้ก็คงมางานคุณดาไม่ได้สินะคะ” ป้าใจถามแล้วเช็ดน้ำตาป้อย

“พ่อยังไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำครับ...หมอยังไม่ให้เยี่ยม...ตอนนี้หมอให้ยาบรรเทาอาการไปก่อน ต้องรอจนกว่าจะแข็งแรงกว่านี้ถึงจะผ่าตัดได้” พสุตอบเสียงแห้ง  หน้าซีดเผือดด้วยความเป็นห่วงบิดา

“พี่...ไปนั่งพักก่อนมั๊ย  พี่หน้าซีดมากเลยนะ” ริวถามขณะประคองต้นแขนพสุไว้แน่น  เพราะกลัวพสุจะล้มลงไป

“ไม่เป็นไรริว  พี่ยังไหว” พสุตอบพร้อมกับตบหลังมือที่ประคองบนต้นแขนเขาเบาๆ

“ไปพักก่อนดีกว่าไผ่  พี่รู้สึกเหมือนไผ่จะทรุดอยู่แล้ว” กรเวชเตือนซ้ำด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรครับพี่กร  ผมขอไปไหว้แขกผู้ใหญ่ก่อน”


พสุเข้าไปไหว้ขอบคุณแขกผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน  ซึ่งส่วนใหญ่ก็ซักถามถึงอาการของพรเทพ  พอรู้ว่าพรเทพอาการหนักถึงขนาดยังห้ามเยี่ยมก็พากันตกใจและปลอบใจพสุไม่ให้วิตกกังวล  เพราะเชื่อว่าอีกไม่นานอาการของพรเทพก็น่าจะดีขึ้น...............


…………………………………………………..


เช้าวันนี้ริวขับรถพาพสุไปเยี่ยมบิดาที่โรงพยาบาลแต่เช้า  ส่วนป้าใจกับพี่แมวนั้นกรเวชจะให้รถตู้มารับไปที่วัดตอนสาย

ทันทีที่เดินเข้าไปในตึกผู้ป่วยหนัก  ผู้หญิงของพรเทพวิ่งมาดึงแขนพสุลากให้ไปอีกทาง


“ไปเร็วค่ะคุณ  อย่าเพิ่งเข้าไปหาคุณเทพตอนนี้เลยค่ะ”

“เกิดอะไรขึ้น?”  ริวขมวดคิ้วด้วยความงุนงงเมื่อเห็นอาการลุกลี้ลุกลนของเธอ

“นั่นพสุนี่...ลูกชายนายพรเทพมาแล้ว”  เสียงแหวแปร๋นดังมาแต่ไกล  แล้วคนที่ยืนอออยู่หน้าห้องไอซียูก็ตรงรี่เข้ามาหาพสุอย่างรวดเร็ว

“นี่มันอะไรกัน?” พสุถามด้วยความงุนงงเมื่อเห็นคนกลุ่มนั้นดาหน้าเข้ามาหาเขา 

“เจ้าหนี้ค่ะ  เจ้าหนี้คุณเทพ...หนีเถอะค่ะ  เร็วๆ เข้า” เด็กสาวบอกด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้  แต่พสุเพียงแค่ชะงักไปชั่วขณะ  แล้วหยุดยืนรอคนกลุ่มนั้น

“นั่นจะไปไหน  คิดจะหนีหนี้กันหรือไงห๋า!...พวกเราเร็วๆ เข้า”  ผู้หญิงร่างอ้วนกลมที่วิ่งนำหน้าโวยวายดังลั่นก่อนจะปรี่เข้ามาถึงตัวพสุอย่างว่องไวผิดกับรูปร่าง

 “คุณมาก็ดีแล้ว  พ่อคุณน่ะเป็นหนี้ผมตั้งหลายสิบล้าน  คุณต้องรับผิดชอบนะ”

“ของผมก็เป็นสิบๆ ล้าน  ผมมีสัญญาเงินกู้ด้วย  ถ้าไม่ใช้ละก็  ผมจะฟ้องให้หมดตัวเลย  อยากขึ้นหน้าหนึ่งก็เอา”

“ของผมน่ะผัดผ่อนมาหลายหนแล้ว  ผมก็อุตส่าห์ยืดเวลาให้  คราวนี้ไม่มีผ่อนผันแล้วนะ  ถ้าไม่จ่ายผมทั้งต้นทั้งดอกในเดือนนี้ละก็  ผมฟ้องคุณแน่”

“ชั้นก็ไม่ยอมผ่อนผันเหมือนกัน  แล้วอย่าคิดนะว่าจะหนีชั้นพ้น  เป็นหนี้ก็ต้องใช้สิ  ไม่ใช่จะมาหนีกันหน้าด้านๆ”

“หยุด!  หยุดตะโกนใส่พี่ไผ่ซะทีได้มั๊ย” ริวแทรกเข้าไปกั้นระหว่างพสุกับเจ้าหนี้เหล่านั้น  แล้วตวาดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด  จนทุกคนชะงัก

“แล้วเธอมาเกี่ยวอะไรด้วย” ผู้ชายคนหนึ่งถามกลับมาด้วยความไม่พอใจ  หลังจากหายตกใจแล้ว

“ผมเกี่ยวอะไรมันไม่สำคัญหรอก  แต่พี่เขาไปเป็นหนี้พวกคุณตั้งแต่เมื่อไหร่  ถึงมาโวยวายใส่เขาแบบนี้” ริวตอบโต้ด้วยสีหน้าเอาจริง  เสียจนคนฟังบางคนเริ่มขยับถอยหลังด้วยอาการหวาดๆ

“...ริว...พอเถอะ...” พสุแตะไหล่เด็กหนุ่มแล้วแทรกเข้าไปประจันหน้ากับบรรดาเจ้าหนี้ของพรเทพแทน

“พ่อคุณเป็นหนี้พวกเรา  เงินไม่ใช่น้อยๆ นะ  เป็นสิบๆ ล้าน  แล้วคุณจะทำเฉยไม่รับไม่รู้หรือไง” พอเห็นพสุยอมคุยหลายคนก็เริ่มแสดงอาการฮึดฮัดเพื่อแก้หน้าที่เผลอแสดงความเกรงกลัวริวเมื่อสักครู่

“ขอผมไปเยี่ยมพ่อก่อนได้ไหมครับ...แล้วค่อยคุยกันเรื่องหนี้สินของพ่อ...” พสุตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หลังจากที่ตั้งสติได้แล้ว

“ได้ไงกัน!  เงินไม่ใช่น้อยๆ จะมาโยกโย้ผัดผ่อนไปเรื่อยได้ยังไง  ไม่รู้แหละ  ถ้าไม่คุยตอนนี้ก็ไม่ต้องไปย่งไปเยี่ยมกันหรอก” สตรีร่างอ้วนตวาดแหว  ราวกับโกรธแค้นกับพสุมาสัก 10 ชาติ 

“งั้นพี่ไม่ต้องคุย  ริวจะโทรตามทนายมาคุยแทน”  ริวสวนกลับด้วยความโกรธ  แต่คนฟังอึ้งไปตามๆ กัน  หลายคนเริ่มมองหน้ากันแล้วถอยไปซุบซิบกันเบาๆ  ทำให้ริวรู้ทันทีว่าเขาเป็นต่อแล้ว  ดูเหมือนคนกลุ่มนี้จะไม่ค่อยอยากให้ทนาย เข้ามาเกี่ยวข้อง   แม้เด็กหนุ่มจะไม่รู้รายละเอียดในข้อกฎหมาย  แต่ทุกครั้งที่มีปัญหาแล้วให้ทนายจัดการ  เรื่องมักจะเรียบร้อยเสมอ 

“เอ่อ...คุณไปเยี่ยมพ่อคุณก่อนก็ได้  พวกเราจะรออยู่แถวนี้ละกัน”  ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มเป็นฝ่ายประนีประนอมขึ้นมาก่อน  พสุหันไปขอบคุณแล้วรีบไปหาบิดาที่ห้องไอซียู  ปล่อยให้บรรดาเจ้าหนี้ของบิดาถกเถียงกันเองอยู่ตรงนั้น

“คุณหมอ...สวัสดีครับ” พสุทักทันทีที่เห็นนายแพทย์เจ้าของไข้  ออกมาจากห้องของบิดา

“สวัสดีครับ  คุณมาพอดี  ทางเรากำลังโทรไปตามเลยครับ  คุณพรเทพฟื้นแล้ว...คุณเข้าไปเยี่ยมได้นะครับ  แต่อย่าเพิ่งชวนพูดคุยมากนัก  เพราะคุณพรเทพยังอ่อนแออยู่มาก”

“ขอบคุณครับหมอ”  พสุไหว้ขอบคุณหมอแล้วหันไปยิ้มกับริวด้วยความดีใจ  ความหวังที่พ่อจะหายในเร็ววันเรืองรองขึ้นมาอีกครั้ง

“พ่อ...”  พสุตรงเข้าไปกุมมือคนบนเตียง  ความผ่ายผอมของมือที่เขาจับทำให้ชายหนุ่มใจหาย  ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน  พรเทพยังค่อนข้างท้วม  แต่ตอนนี้กลับผอมลงราวกับคนละคน  แสดงว่าช่วงที่ผ่านมาพรเทพคงลำบากมากหรือไม่ก็ต้องมีอาการป่วยอยู่แล้วถึงได้ผอมขนาดนี้


ดวงตาในเบ้าตาลึกกระตุกถี่ๆ ก่อนจะลืมขึ้นมามองเพดานห้องนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง  ถึงเหลือบมามองพสุนิ่ง  นาน  กว่าจะกะพริบถี่อีกครั้ง  แววตาเป็นประกายกล้าแทนความเลื่อนลอยแต่แรก  แสดงให้รู้ว่าพรเทพเองก็จำพสุได้ 


“พ่อครับ...ไผ่มาแล้วนะครับ...”

“...”  พรเทพพยายามจะเปล่งเสียง  แต่ปากกระตุกเบี้ยวไปข้างเพราะไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อได้  ท่อยางของเครื่องช่วยหายใจที่คาอยู่ในปากทำให้พูดไม่ได้  แต่พรเทพก็พยายามจะฝืนพูดจนพสุต้องรีบห้าม

“อย่าเพิ่งพูดครับพ่อ...หมออยากให้พ่อพักมากๆ...”


พรเทพกะพริบตา  แล้วพยายามจะเปล่งเสียงอีกครั้ง แต่ก็ไร้ผล


“ให้เขียนหนังสือได้นะคะ  แขนข้างขวายังพอมีแรง” พยาบาลสาวเดินเข้ามาหยิบไวท์บอร์ดและปากกาส่งให้พสุ  ชายหนุ่มรับอุปกรณ์มาแล้วมองหน้าบิดาเพราะไม่แน่ใจว่าพรเทพจะเขียนไหว  แต่สายตาของพรเทพที่เหลือบมองปากแล้วมองหน้าพสุ  ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจสอดปากกาเข้าไปในมือขวาให้พรเทพ  แล้วถือไวท์บอร์ดไว้ให้ใกล้มือบิดา  มือสั่นเทิ้มกระตุกเป็นระยะๆ  พยายามจะเขียนตัวหนังสือลงบนไวท์บอร์ด  แต่กลับเขียน ข. ไข่ อ.อ่าง โย้เย้  กับสระโอ ได้แค่สามตัวแล้วหมดแรงจะเขียนต่อได้แต่นอนหอบหายใจแรง


แม้ตัวหนังสือของพรเทพจะลากยึกยือแทบไม่เป็นตัว  แต่พสุกลับเข้าใจสิ่งที่พรเทพพยายามจะบอก


“ขอ...ขอโทษ...ขอโทษเหรอครับพ่อ?” พสุถามบิดาด้วยความงุนงง  พรเทพพยายามพยักหน้าแล้วหอบหายใจ สายตาที่มองพสุเป็นประกายเศร้าโศกจนชายหนุ่มแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่

“ขอโทษทำไมครับ  ไผ่ต่างหากที่ต้องขอโทษพ่อ...ที่ผ่านมา  ไผ่พูดไม่ดีกับพ่อไว้เยอะแยะ...ไผ่ขอโทษนะครับ  พ่อยกโทษให้ลูกอกตัญญูคนนี้ได้มั๊ยครับ”


พสุก้มกราบบนต้นแขนบิดาเพื่อขออภัยในสิ่งที่เคยทำก่อนจะกุมมือผอมไว้   พรเทพถอนใจยาว  หลับตาแล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง  มือที่พสุกุมไว้บีบตอบเบาๆ  ชายหนุ่มจึงยกมือของบิดาขึ้นวางบนศีรษะ  นิ้วผอม  จับผมนิ่มเบาๆ เท่าที่เรี่ยวแรงจะมี  ขณะที่น้ำตาไหลลงมาเป็นทาง 


“พ่อครับ...อย่าร้องไห้...พ่อร้องไห้ไผ่ยิ่งบาปนะครับ...” พสุพยายามฝืนทำเสียงร่าเริงเพื่อให้บิดาสบายใจ  พรเทพจ้องมองหน้าลูกอยู่ครู่หนึ่งก็เหลือบมองปากกา  พสุจึงหยิบมาใส่มือให้บิดาอีกครั้ง 


ตัวหนังสือยึกยือ  ดูรู้ว่าพรเทพพยายามจะเขียนคำว่า รั......ล.... แล้วหมดแรงเพียงเท่านั้น  แต่พสุก็เข้าใจ  ชายหนุ่มยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความตื้นตันใจที่รู้ว่าพ่อจะบอกอะไร


“ไผ่ก็รักพ่อครับ...พ่อรู้ใช่มั๊ยว่าพ่อเป็นไอด้อลของไผ่...ที่ไผ่พยายามประกวดร้องเพลง  หัดเล่นดนตรี  ก็เพราะอยากเก่งเหมือนพ่อ  ไผ่เคยฝัน...ว่าสักวัน เราพ่อลูกจะได้ยืนบนเวทีเดียวกัน  ร้องเพลงด้วยกัน...พ่อหายเร็วๆ นะครับ  เราจะได้ร้องเพลงด้วยกันอีก”


พรเทพส่ายหน้าขณะที่น้ำตายังไหลไม่หยุด  สายตาที่จ้องมองพสุ  เต็มไปด้วยคำพูดมากมาย  ที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้  แม้จะยังมีเรื่องที่อยากบอกลูก  แต่ด้วยสภาพร่างกาย  ทำให้พรเทพทนฝืนลืมตาอยู่ไม่นานก็ผล็อยหลับไปอีก  พสุนั่งกุมมือพ่อไว้แน่น  ขณะที่ริวก็ยืนรอนิ่งๆ อยู่ข้างหลังโดยไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย  ในห้องจึงมีเพียงเสียงเครื่องปั๊มของเครื่องช่วยหายใจ  กับเสียงสัญญาณชีพจรที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ  กระทั่งมีเสียงเคาะประตูเบาๆ  พสุหันกลับไปมอง  ก็เห็นพยาบาลมายืนคอยอยู่หน้าห้องกระจกแล้ว


“พี่...เขาคงให้เราเยี่ยมได้แค่นี้...”

“พ่อครับ...หมอให้เยี่ยมแค่นี้  แต่ไผ่จะอยู่ที่หน้าห้องนะครับ...พ่อหายเร็วๆ นะ...ตอนนี้ไผ่ไม่มีใครอีกแล้ว  นอกจากพ่อคนเดียว  พ่ออย่าทิ้งไผ่ไปนะครับ”  พสุกระซิบบอกบิดาเบาๆ  ก่อนจะจูบบนหลังมือผอมแล้ววางไว้ข้างตัวอย่างเดิม 


พยาบาลในชุดปลอดเชื้อเช่นเดียวกับพสุและริว  เข้ามาตรวจดูน้ำเกลือ  พสุกับริวจึงจำต้องออกไปยืนดูอยู่หน้าห้อง จนกระทั่งได้เวลาต้องกลับไปที่วัด 


…………………………………………………………………….


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด