เธอคือ...ลมหายใจ by Anonymus
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เธอคือ...ลมหายใจ by Anonymus  (อ่าน 2512742 ครั้ง)

ออฟไลน์ jamesnaka

  • วิหคเหมันต์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
อ่านตอนนี้ละสงสารธีรดลจับใจเลย  :m15: 
เด็กเล็กๆก็ยังไม่เว้น เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองแท้ๆ เป็นปู่กับย่าภาษาอะไร  :z6:

ขอบคุณสำหรับตอนที่ 119 ค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ MRchai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 286
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ขอบคุณสำหรับนิยายดีแบบนี้นะครับชอบมากเลย

iPeteb

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ jakkee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
รอ อ่านอยู่น่ะคร๊าบ เพราะสั่งหนังสือมะทัน T^T

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6

zemicolon

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อเถอะคร้าบบบ....อยากอ่านจะแย่ T^T

Narutear

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาเพื่อ......................................................


กรี๊ด!!!!!!!!!!! อลันเมะเรอะ!!!?   :a5:


กรี๊ดดดดดดดด!!!!!!!!!!!! เสียดาย!!!!  :sad4:


แต่.......คิดอีกที คุณพ่อเป็นเคะก็......(เคะหนุ่มใหญ่เอาแต่ใจ VS. เมะหนุ่มใหญ่(น้อยกว่า)ช่างตามใจ หรือสรุปคือ เมะอายุน้อยกว่ากับเคะราชินี เท่ากับ ตรงสเป็คเราสายโอจิ)


อย่างนั้นก็เอาเลยค่า ปูเสื่อรอเรื่องคู่นี้เรียบร้อย   :mc4:


โอ้! เคะราชินีมาเฟีย คึๆๆๆ    :m25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2011 18:42:32 โดย Narutear »

PAAPAENG~

  • บุคคลทั่วไป
อ่านรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบภายในสองวัน!!
บอกตรงๆว่าหลงรักริวไผ่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ชอบมากจริงๆค่ะ  ชอบทุกฉาก  ทุกตอน  ทุกอารมณ์และความรู้สึก  น้ำตาไหลเป็นทาง
นักเขียนถ่ายทอดออกมาได้ดีมากจริงๆ
ทั้งภาษาในตอนปกติ  และภาษาในฉาก NC  ช่างอ่อนโยนและอ่อนหวานจนอดที่จะเขินอายไม่ได้
ไหนจะบุคลิกของริวที่อยากจะตะโกนออกมาดังๆว่า  "น่ารักจริงๆไอ้เด็กโข่งเอ้ย!!"
แม้ว่าตอนแรกจะแอบตกใจว่าเฮ้ย!!  ริวเป็นเมะ  ไผ่เป็นเคะงั้นรึ
แต่พออ่านไปหลายๆตอนแล้วรู้ซึ้งเลยว่าริวเหมาะแล้วที่จะเป็นเมะโข่งให้พี่ไผ่คอยดูแล  ฮ่า~    :o8:


ต้องขอบคุณแม่เมย์  gayraygirl  ที่แนะนำเรื่องนี้มาให้อ่าน
ไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ  เป็นครั้งแรกเลยที่อ่านจบภายในสองวัน  ทั้งๆที่ยาวขนาดนี้
จะติดตามและรอต่อไปนะคะ  ขาดไม่ได้แล้ว
เพราะ  "เธอคือ.....ลมหายใจ"  จริงๆนะ    :man1:


ปล.ทุกครั้งที่อ่านชื่อเรื่องนี้  ปากต้องฮัมเพลงเธอคือลมหายใจทุกครั้งเลย
ประหนึ่งเล่นมิวสิคค่อนเรื่องนี้ซะเอง  หุหุ    :z1:

chayanit

  • บุคคลทั่วไป
รอ อ่านอยู่น่ะคร๊าบT^T เพราะสั่งหนังสือมะทัน T^T

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
เราไม่ได้สั่งหนังสือ ขอตามอ่านในนี้นะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ spring

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-7
มาต่อแล้วจ้า ช้าไปหน่อยขอโทษด้วย เมื่อคืนเร่งทำงานให้เสร็จน่ะ  :laugh:

***********************


ตอนที่ 120


พสุมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตะวันและธีรดลเงียบๆ  แต่ภายในใจของเขาไม่เงียบเลยแม้แต่น้อย  เรื่องของตะวันตอกย้ำความจริงที่ว่า  ถึงเวลาที่เขาต้องเลือกทางเดินให้ชีวิตแล้ว
หากเลือกที่จะใช้ชีวิตกับริว  เขาต้องออกจากวงการ  แต่หากเลือกที่จะอยู่วงการนี้ต่อไป  เขาต้องเลิกกับริว  เขาไม่มีสิทธิ์โลภมากยึดไว้ทั้งสองอย่าง  เพราะความลับไม่มีในโลก  ในไม่ช้าก็ต้องมีคนระแคะระคายเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับริวอยู่ดี  ถ้ารอให้ถึงวันนั้น  เขาจะไม่มีหนทางให้เดินยิ่งกว่าตอนนี้  สิ่งที่ดีที่สุดคือ  วางมือเสียทางใดทางหนึ่ง  และเขาก็รู้ดีว่าตัวเองตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้วว่าจะเลือกทางไหน


“ริว”

“ครับ” เด็กหนุ่มนั่งอยู่ที่เปียโนในห้องนั่งเล่นพอเห็นพสุก็วางดินสอลงทันที

“แต่งเพลงเหรอ”

“ครับ...พี่เผ่าอยากให้ริวแต่งเนื้อร้องด้วย” ริวบอกเขินๆ หลังจากได้ลองแต่งเนื้อเพลงเอง  ดูเหมือนจะทำให้เด็กหนุ่มมั่นใจในตัวเองมากขึ้น

“ขอพี่คุยด้วยเดี๋ยวสิ”

“คร้าบผม” ริวยิ้มร่า  แล้วลุกตามพสุเข้าไปในห้องนอน

“มีอะไรเหรอครับ...เกิดอะไรขึ้น” ริวถามด้วยน้ำเสียงกังวล  เมื่อเห็นสีหน้าเยือกเย็นของพสุ  เป็นสีหน้าที่พสุมักจะแสดงเสมอ  เวลาที่ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่สำคัญ

“ริวก็เห็นแล้วใช่มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตะวัน...ขนาดน้องเกนเป็นผู้หญิง  สื่อยังเล่นงานเสียยับ” 


แทนที่จะตอบคำถามเขา  พี่กลับพูดไปถึงเรื่องของตะวัน  ทำให้ริวเริ่มใจคอไม่ดี 


“ก็เข้าใจผิดกันนี่ครับ” ริวตอบกลางๆ ไว้ก่อน  เพราะยังไม่รู้ว่าพสุเจตนาพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม

“ถูก...แล้วถ้าเป็นเราล่ะ  ริวคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

“พี่จะบอกว่า...”  ริวใจหายวูบ  รู้สึกมือไม้อ่อนขึ้นมากะทันหัน   

“ปล่อยไว้แบบนี้  สักวันก็ต้องมีข่าวหลุดออกไปจนได้  พี่ไม่อยากเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกอีกต่อไปแล้ว” พสุอธิบายแล้วเม้มปากนิ่งเบือนหน้าออก ไปมองต้นไม้นอกบ้าน

“พี่ไผ่ครับ  มันยังไม่มีอะไรสักหน่อย” ริวค้านด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะให้เหมือนขำขัน  แต่ใบหน้าซีดเผือด

“พี่จะไม่รอจนมันเกิดปัญหา แล้วค่อยมาแก้หรอกนะ พี่คิดว่าคงถึงเวลาที่พี่ต้องเลือกแล้วล่ะ” พสุพูดพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันมาจ้องตาริว

“เลือกอะไร...”  ริวถามเสียงสั่น  ตัวสั่น  มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน

“เลือกร้องเพลง หรือเลือกริว” พสุตอบด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง  แม้แต่ดวงตาที่ทอดมองก็นิ่งจนริวแทบร้องไห้  เด็กหนุ่มโถมเข้าใส่แล้วกอดพสุไว้แน่น  ตัวสั่นสะท้านด้วยความเสียใจ

“ไม่นะ! ไม่เอา  ริวไม่เลิกกับพี่  เราจะไม่เลิกกัน  พี่สัญญาแล้วว่าพี่จะไม่ปล่อยมือ  พี่ไม่...”


พสุหยุดเสียงละล่ำละลักจนแทบเป็นตะโกนของเด็กหนุ่มด้วยการกอดตอบ  แล้วลูบหัว  ลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ อย่างปลอบประโลม


“ริวครับ...เฮ้! ใจเย็นสิ...พี่ก็ไม่ได้บอกว่าพี่จะเลิกกับริวนี่” น้ำเสียงและอ้อมแขนอ่อนโยนของพสุ  ทำให้อาการสั่นสะท้านของริวลดลง  เด็กหนุ่มคลายอ้อมแขนออกเล็กน้อย  เพื่อมองหน้าพสุให้ถนัดกว่าเดิม

“หมายความว่า”

“พี่จะออกจากวงการ  จะเลิกร้องเพลง” พสุตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“พี่!”  ริวใจหายวูบด้วยความตกใจ  เขาไม่เคยคิดว่าพสุจะเลือกหนทางนี้  ไม่เคยแม้แต่จะฝัน เพราะรู้ดีว่าพสุรักการร้องเพลงแค่ไหน  พสุต้องพยายามมากเพียงใดกว่าจะมีวันนี้

“เดินออกไปเอง  ดีกว่ารอจนถูกไล่ออกไปไม่ใช่เหรอ” พสุบอกยิ้มๆ  แม้จะทำใจไว้แล้ว  แต่ก็ยังเหลือรอยขื่นในน้ำเสียงของชายหนุ่มอยู่ดี 

“แต่พี่รักการร้องเพลงมากนี่ครับ  พี่ทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อให้ได้ร้องเพลง  ทำไมพี่ถึงยอมถอยง่ายๆ”  พสุยิ้มอ่อนโยน  ขณะไล้ปลายนิ้วไปบนผิวหน้าเนียนใสของริว 

“มันไม่ใช่แค่ตัวพี่แล้วนี่...แต่มีริวด้วย...พี่ไม่อยากเห็นริวมัวหมอง  พี่อยากเห็นริวก้าวเดินต่อไปอย่างสง่างามบนถนนเส้นนี้  ความสามารถของริว  ยังไปได้อีกไกลมาก  พี่ไม่อยากให้เรื่องของเรา  ทำลายอนาคตที่ควรรุ่งโรจน์ของริว”

“ริวไม่แคร์หรอก  คนเดียวที่ริวแคร์ก็คือพี่” ริวยืนยันแล้วกอดพสุแน่น  ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ  แล้วโอบกอดตอบ

“เหมือนกัน...คนเดียวที่พี่แคร์  ก็คือริว  พี่ถึงเลือกทางนี้ไงล่ะ”


แม้จะปลาบปลื้มในคำตอบของพสุ  แต่ริวก็ไม่สบายใจอยู่ดี  เด็กหนุ่มถอยออกมาจ้องหน้าพสุนิ่ง  กว่าจะหลุดคำถามแสลงใจตัวเองออกมา


“แต่พี่จะเสียใจมากๆ เลยใช่มั้ย  ที่เลือกริว  แทนที่จะเลือกร้องเพลง...”

“ไม่หรอก...พี่ร้องเพลงเพราะใจรักก็จริง  แต่พี่รักริวมากกว่านี่ครับ”


ดวงตาที่ทอดมองเด็กหนุ่มเปี่ยมด้วยความรักใคร่  และห่วงใยจนริวเต็มตื้น...

แม้พสุจะเคยพูดว่าเขาคือคนสำคัญที่สุด  แต่ริวเชื่อมาตลอดว่าสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของพสุคือการร้องเพลง  ไม่เคยนึกฝันว่าเขาต่างหากที่สำคัญจนพสุยอมทิ้งการร้องเพลงเพื่อเขา


“พี่ไผ่ครับ  ริวรักพี่นะ  รักที่สุดเลย” ริวบอกเสียงหนักแน่น  แล้วพรมจูบทั่วไปหน้าพสุด้วยความรักอัดแน่นในอก

“พี่รู้...เพราะรู้อย่างนี้  พี่ถึงไม่ลังเลที่จะเลือก...ริวเป็นคนสำคัญที่สุดของพี่นี่นา  จริงมั้ย”  พสุบอกแล้วจูบตอบริวอยู่ครู่หนึ่ง  ชายหนุ่มค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกช้าๆ  แล้วประคองใบหน้าริวไว้ให้ดวงตาสบกันนิ่ง


“เธอคือ...ลม...หายใจ...เธอคือทุกสิ่ง...จะให้ทิ้งอะไร...ก็ยอมทุกอย่าง  จากนี้...ใจฉันจะมีแต่เธอ”


พสุร้องเพลงเสียงเบา นุ่ม  แต่ริวน้ำตาร่วงผล็อยด้วยความปรีติ เด็กหนุ่มซุกตัวในอ้อมแขนของพสุ ขณะที่ชายหนุ่มยังกระซิบร้องเพลงท่อนนั้นซ้ำอีกครั้งเพื่อยืนยันว่า  เพื่อริวแล้วเขายอมทิ้งทุกอย่างได้จริงๆ


..................................................


เช้าวันรุ่งขึ้นพสุไปหาเขมชาติแต่เช้า  ก่อนจะเข้าไปพบทรงเผ่ากับไมตรีตามนัดเพื่อคุยเรื่องอัลบั้มใหม่


“ไผ่เห็นเนื้อเพลงที่ริวส่งมาแล้วใช่มั้ย...พี่ว่าโดนดี  แต่บางคำมันตรงไปหน่อยคงต้องเปลี่ยนจะได้ไม่กระด้าง” ทรงเผ่าบอกยิ้มๆทันทีที่เห็นหน้าพสุ  ก่อนจะยืนเนื้อเพลงให้  พสุรับมาดูแล้วคลี่ยิ้มบาง

“ครับ เห็นบ้างแล้ว แต่ผมไม่ได้เกลา คิดว่าให้ริวมาคุยกับพี่เผ่าเองน่าจะได้ให้คำแนะนำที่ตรงจุดกว่าผม”

“แต่อัลบั้มนี้เพลงเพราะมากเลยนะไผ่  พี่ว่าเผลอๆ จะดีที่สุดในสามอัลบั้มเลยด้วยซ้ำ”  ไมตรีบอกยิ้มๆ  ขณะที่ทรงเผ่าพยักหน้าเห็นด้วย

“เหรอครับ...ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงอำลาวงการได้อย่างน่าภาคภูมิสินะครับ” พสุบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม  แต่ทรงเผ่ากับไมตรีจ้องหน้าชายหนุ่มตาค้าง

“อำลาวงการ?” ทรงเผ่าทวนคำแล้วเลิกคิ้วขึ้น

“หมายความว่าไงไผ่” ไมตรีถามเสียงหลงด้วยความตกใจ 


พสุสูดลมหายใจลึก  แล้วสบตาโปรดิวเซอร์ทั้งสองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


“อัลบั้มนี้จะเป็นอัลบั้มสุดท้ายในฐานะนักร้องครับ  หลังจากนี้  ผมจะลาออกจากคิสมี...ผมจะออกจากวงการครับ”

“ทำไมละไผ่  มีปัญหาอะไรเหรอ  หรือมีเรื่องกับใคร?” ไมตรีถามร้อนรน  แค่ได้ยินก็ใจหายแล้ว  เสียดายเสียง  เสียดายฝีมือ  เสียดายความพยายามและความสามารถของพสุจนแทบเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก

“เปล่าครับพี่ตรี ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครทั้งนั้น...มัน...ถึงจุดที่ผมไปต่อไม่ได้ครับ  ผมรู้สึกว่าตัวเอง อิ่ม และเต็มกับอาชีพนักร้องแล้ว  ตอนนี้อยากทำงานอย่างอื่นมากกว่า  อย่าง...เปิดโรงเรียนสอนดนตรีเด็กๆ หรือไม่ก็เปิดร้านขายเครื่องดนตรีเล็กๆสักร้าน  อยากเอาเวลาไปทุ่มทำตรงนั้นให้ดีที่สุดครับ”

“แล้วคุณเขมว่าไงบ้าง” ทรงเผ่าถามเสียงเรียบ  หลังจากที่หายตกใจ 


คนส่วนใหญ่ออกจากวงการเพราะทางตัน  ชื่อเสียงซบเซาเกินกว่าจะมีใครจ้าง  หรือเพราะมีเรื่องมีราวจนไม่สามารถอยู่ในวงการนี้ได้อีก  แทบไม่เคยเห็นใครออกจากวงการตอนที่กำลังโด่งดังสุดขีดอย่างพสุ


“คุณเขมก็แล้วแต่ผมครับ จริงๆ คิสมีในตอนนี้ก็แทบจะแยกกันทำอัลบั้มเดี่ยวอยู่แล้ว  เราตกลงกันว่าจะขอออกรวมกันอีกอัลบั้มก่อน  แล้วถึงแยกย้ายกันไป” พสุอธิบายแล้วเหลือบมองไมตรีอย่างขอลุแก่โทษ  เพราะสีหน้าไมตรียังเผือดสีด้วยความผิดหวังและเสียดาย  ไมตรีพึมพำขอตัวออกไปชงกาแฟ  แล้วออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

“อืม  แล้วเรื่องเพลงของครูภิรมย์ที่คิดจะทำล่ะ  ล้มเลิกแล้วเหรอ” ทรงเผ่าถามแล้วทรุดลงนั่งแทนที่ไมตรี

“เปล่าครับ  พอดีผมติดต่อน้องคนหนึ่งไว้แล้ว  เขามาจากนักร้องประกวดสายลูกทุ่งก็จริง  แต่เนื้อเสียงเขาเหมาะกับลูกกรุงมากกว่า  อีกอย่างเจ้าตัวก็อยากร้องลูกกรุงมากกว่าอยู่แล้วด้วย”

“งั้นพี่มีข่าวดี  ครูผดุงตกลงรับเป็นโปรดิวเซอร์อัลบั้มนี้ให้แล้วนะ  เห็นว่าจะดึงครูศร เข้ามาช่วยอีกแรง  พี่ว่าไผ่หาเวลาว่างพานักร้องเข้าไปหาครูผดุงให้เร็วที่สุดเถอะ  คิดว่าไม่เกินเดือนหน้าคงเริ่มอัดเสียงได้” ทรงเผ่าบอกยิ้มๆ  แล้ววางนามบัตรครูผดุงลงตรงหน้าพสุ  ชายหนุ่มหยิบนามบัตรไปดูแล้วยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่ครูผดุงยอมมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้

“ขอบคุณครับพี่เผ่า  ผมจะรีบพาน้องเขาไปพบครูผดุงให้เร็วที่สุดเลยครับ”  ชายหนุ่มไหว้ลาทรงเผ่า  แล้วเดินเลยไปลาไมตรีที่ห้องกาแฟ  ไมตรีตบไหล่พสุเบาๆ  แล้วมองตามหลังชายหนุ่มไปด้วยความเสียดายจนลับตา


..................................................


อัลบั้มที่สามของคิสมีที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามตามที่ทรงเผ่าและไมตรีคำนวณไว้  เกือบทุกเพลงได้ขึ้นชาร์ตอันดับ 1 จนกว่าเพลงซิงเกิ้ลใหม่ในอัลบั้มจะออกมา  ตั้งแต่เริ่มปล่อยเพลงแรกตอนปลายเดือนกรกฎาคมไปจนถึงสิ้นปี เพลงของคิสมีก็ยังเป็นเพลงติดอยู่ในอันดับที่ 1-10 ของชาร์ตทุกสถานีทั้งรายการวิทยุและโทรทัศน์

แต่ที่น่าปลาบปลื้มไม่แพ้กัน  ก็คือความสำเร็จของอัลบั้มลูกกรุงของครูภิรมย์  ที่ได้นักร้องหนุ่มน้อยรูปหล่อ  เสียงใสมาเป็นคนขับร้อง  ทั้งที่เป็นเพลงลูกกรุงแต่ก็ยังได้รับความสนใจจากประชาชน  จนทำให้นักร้องหนุ่มน้อยหน้าใหม่  ก้าวขึ้นแท่นนักร้องดังอย่างเต็มตัว  จากความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้เขมชาติตัดสินใจจัดคอนเสิร์ตใหญ่ให้  โดยเชิญนักร้องลูกกรุงชื่อดังในอดีตมากมายมาร่วมร้องเพลง  และครูภิรมย์ในวัย 82 ปีก็เดินทางจากอเมริกามาเป็นแขกพิเศษ  ท่านขึ้นบรรเลงไวโอลินเพลง ‘เพียงเพราะรัก’ ในแบบฉบับลูกกรุงแท้ๆ ให้ฟังกันสดๆ  เรียกเสียงปรบมือด้วยความชื่นชมดังกึกก้องเมื่อเพลงจบลง

แม้งานนี้พสุจะไม่ยอมออกหน้า  โดยอ้างว่าความสำเร็จทั้งหมด  ตนมีส่วนร่วมเพียงเล็กน้อย  แต่ครูภิรมย์ก็ยังกล่าวขอบใจกลางเวที  และท่านยังประกาศรับข้อเสนอของเขมชาติ  จะกลับมาแต่งเพลงอีกครั้ง  เป็นข่าวใหญ่ที่ทำให้วงการเพลงลูกกรุงกลับมาคึกคัก  นักแต่งเพลงรุ่นบรมครูหลายท่านถูกค่ายอื่นๆ ติดต่อทาบทามให้หวนกลับมาสร้างผลงานเพื่อแย่งตลาดเพลงลูกกรุงจากบริษัทเขมชาติ  ตามกลไกการตลาดของวงการนี้


..................................................


หลังงานคอนเสิร์ตใหญ่ของอัลบั้มที่ 3 คิสมียังคงต้องออกงานทุกวัน  แต่พสุงดรับละครทุกเรื่อง  หรือแม้แต่งานโชว์ตัวเดี่ยวๆ  สร้างความแปลกใจให้เพื่อนร่วมวงทั้งสามคน  จนคนที่อดรนทนไม่ได้กลับเป็นไวยากรณ์

“พี่ไผ่ไม่รับละครเลยเหรอครับ” ไวยากรณ์ถามทันทีที่ออกจากห้องประชุมเล็กด้วยกัน  ตารางงานของคิสมีแน่นทุกวันก็จริง  แต่การที่พสุไม่รับงานเดี่ยวเลย  ดูเป็นเรื่องแปลกจนน่าตกใจ

“ไม่ได้รับแล้วล่ะไวย์” พสุตอบยิ้มๆ แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้รับรองกลางล็อบบี้ของบริษัท  ช่วงบ่ายแบบนี้คนมักจะบางตา  และจะกลับมาคึกคักอีกครั้งตอนเย็น  บรรยากาศตอนนี้จึงเหมาะที่จะนั่งสนทนากัน

“ทำไมละพี่” ไวยากรณ์ถามแล้วเดินตามไปนั่งเก้าอี้ข้างพสุอย่างใคร่รู้ 

“พี่ว่า...หมดคอนเสิร์ตอัลบั้มนี้แล้ว  พี่จะออกจากวงการ” พสุตอบเสียงเรียบ  แต่ทำให้ทุกคนอ้าปากค้างไปตามๆ กัน

“หา!” ไวยากรณ์หลุดเสียงอุทานออกมา  ขณะที่ธีรดลยังนั่งตัวแข็งทื่อ

“คือ...หมดทัวร์คอนเสิร์ตแล้ว  พี่จะลาออก แล้วก็เลิกเล่นละครด้วย” พสุขยายความให้ชัดขึ้น แม้จะยังรักษาน้ำเสียงให้ราบเรียบเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร  แต่ดวงตาคมก็หม่นแสงลงจนริวแปลบในใจด้วยความเป็นห่วง

“ทำไมล่ะไผ่” ธีรดลถามเสียงแผ่วเหมือนละเมอ  ทั้งที่เพิ่งคุยเรื่องจะทำโรงเรียนสอนดนตรีด้วยกันเมื่อไม่กี่วันมานี้  แต่พสุไม่เคยบอกเขาสักคำว่าจะออกจากวง

“อืม...เหนื่อยน่ะ  อยากพักแล้ว” พสุตอบแล้วยิ้มน้อยๆ 


ตะวันจ้องมองพสุนิ่ง เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเหตุผลแค่นั้นจะทำให้พสุยอมทิ้งการร้องเพลงที่รักนักหนา ชายหนุ่มเหลือบไปมองริวเห็นเด็กหนุ่มทำหน้าเฉยๆ  มีเพียงประกายไหววูบในดวงตาเท่านั้นที่สื่อว่าริวเองก็ไม่สบายใจนัก


“ทำไมต้องออกล่ะพี่...เฮ้ย!ริว รู้เรื่องนี้หรือเปล่า” ไวยากรณ์หันไปหาพวก  เขาคิดว่าริวต้องไม่ยอมแน่และอาจช่วยเกลี้ยกล่อมพสุไม่ให้ออก

“รู้ครับ...ริวเองก็จะออกเหมือนกัน” ริวตอบแล้วยิ้มแหยให้ไวยากรณ์ 

“อะไรนะ!...เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน เราจะแตกวงเหรอ” ไวยากรณ์โวยวายด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้  ทั้งที่คิดว่าคิสมีกำลังโด่งดังถึงขีดสุด แต่จู่ๆ พสุกับริว จะออกจากวงดื้อๆ  ทำให้ไวยากรณ์ทำใจไม่ได้

“คงไม่หรอกไวย์  พี่คิดว่าคุณเขมคงรับคนใหม่เข้ามาแทนพี่กับริว...อีกอย่าง ริวก็ยังไม่ได้ออกจากวงการเสียทีเดียวหรอก เพราะพี่เผ่าชวนไปทำเบื้อง หลังด้วยกัน”


ไวยากรณ์เม้มปากแน่น  ดวงตาแดงก่ำ  เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นเดินหนีไปดื้อๆ ธีรดลจึงลุกขึ้นตบไหล่พสุอย่างเข้าใจ แล้วตามไปปลอบใจตัวป่วนประจำวง


“นายแน่ใจเหรอไผ่  นายรักการร้องเพลงมากนี่  ทำไมถึงตัดสินใจปุบปับนัก” ตะวันถามเสียงเรียบ ขณะที่ริวกลับนิ่งฟังเพียงอย่างเดียว

“แน่ใจ...ฉันคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วตะวัน  แต่ที่ไม่ได้บอก  เพราะคิดว่าจะขอจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน” พสุตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  ชายหนุ่มเหลือบไปสบตาริวด้วยความเป็นห่วง  ไม่อยากให้ริวไม่สบายใจกับปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมวง

“น้องไผ่คะ...คุณเขมเชิญไปพบค่ะ” เลขาของเขมชาติร้องทักมาทันทีที่ลิฟต์เปิด  เธอรีบกดลิฟต์ให้เปิดรอ  เพื่อจะได้ไม่เสียเวลา

“ขอบคุณครับพี่”  พสุรีบลุกตามไปทันทีด้วยความเกรงใจ

“คุยกันหน่อยได้มั้ยริว” ตะวันเอ่ยเสียงเรียบ  หลังจากรอจนพสุขึ้นลิฟต์ไปแล้ว

“ครับ”  ริวลุกตามตะวันออกไปที่สวนข้างออฟฟิศ  เด็กหนุ่มทรุดลงนั่งบนพื้นสนามหญ้าเขียวขจีที่ถูกตัดไว้เรียบกริบ  ทั้งที่สวนร่มรื่นและสวยงามขนาดนี้  แต่แทบไม่มีคนใช้บริการเพราะต่างยุ่งกับงานของตนเอง

“ทำไมไผ่ต้องเลิกร้องเพลงริว” ตะวันยิงคำถามเข้าใส่ทันทีที่เห็นริวนั่งลงเรียบร้อย

“พี่ไผ่ก็บอกไปแล้วนี่ครับ” ริวสบตาตะวันด้วยสีหน้านิ่งๆ  แต่ประกายไหววูบวาบในดวงตานั้นปิดไม่มิด

“ริวคิดว่าพี่ควรเชื่อเหรอ...ไผ่รักการร้องเพลงมาก  มากยิ่งกว่าพี่หลายเท่า  ขนาดพี่ยังไม่เคยคิดจะเลิกร้องเพลง  แล้วไผ่จะเลิกง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง...บอกพี่มาตรงๆ ได้มั้ยว่าทำไมไผ่ต้องเลิกร้องเพลง” ตะวันถามตรงๆ  และจ้องมองเด็กหนุ่มเขม็ง 

“เพราะ...เพราะริวครับ” ริวอึกอักเล็กน้อยก่อนจะหลุดปากออกมา  เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างไม่สบายใจนัก

“....เฮ้อ!...นึกอยู่แล้วเชียว” ตะวันพลอยถอนหายใจยาวตามไปด้วย  เขาเดาอยู่แล้วว่าต้องเหตุผลนี้  คนอย่างพสุไม่มีวันทำอะไรด้วยอารมณ์ชั่ววูบ  นั่นหมายความว่า  พสุเลือกที่จะกอดความรักไว้  แล้วยอมปล่อยมือจากชื่อเสียงและอาชีพที่เขารัก

“พี่ไผ่บอกว่า ขอเดินออกไปเองอย่างสง่างาม ดีกว่ารอให้โดนบีบออกไป”

“ไผ่ก็คิดมากเกินไป...แต่ถ้าลองตัดสินใจแบบนี้  ไผ่คงเตรียมใจไว้แล้ว”

“ริวก็ไม่อยากให้พี่ไผ่เลือกแบบนี้เลย  จริงๆ แค่ริวออกจากวงคนเดียวก็พอ” ริวบ่นด้วยสีหน้าไม่สดใสนัก 

“คนอย่างไผ่  ถ้าลองจะทำอะไรเขาต้องทำให้ดีที่สุด  แม้แต่เรื่องของหัวใจ...”

“ริวรู้ว่าพี่ไผ่รักการร้องเพลงมากแค่ไหน...ริวไม่อยากเห็นพี่ไผ่เจ็บปวดแบบนี้เลย” เด็กหนุ่มครุ่นคิดเรื่องนี้มาตลอด  ถึงจะดีใจที่พสุให้ความสำคัญกับเขาที่สุด แต่ทุกครั้งที่เห็นประกายเจ็บปวดในดวงตาพสุ เด็กหนุ่มก็อดเสียใจไม่ได้

“ไม่หรอกริว...ถ้าไผ่พร้อมจะทิ้งทุกอย่างเพื่อความรัก  เขาก็จะทำด้วยความตั้งใจทั้งหมดจริงๆ  พี่เชื่อว่าไผ่จะไม่ย้อนกลับไปเสียใจอีกหรอก  เพราะไผ่คงมั่นใจแล้วว่าได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองและคนที่รัก”


แม้คำตอบของตะวันจะคล้ายกับพสุ  แต่กลับทำริวรู้สึกสบายใจทันทีที่ได้ยิน  คงเพราะเด็กหนุ่มรู้สึกว่าพสุทำทุกอย่างเพื่อเขา  จนริวไม่แน่ใจว่าพสุตัดใจได้แล้วจริงๆ หรือพูดเพื่อปกป้องความรู้สึกของเขากันแน่  เมื่อตะวันที่เป็นคนนอกสำหรับเรื่องนี้ยังยืนยันตรงกับพสุ  ก็ทำให้ริวรู้สึกผิดต่อพสุน้อยลง 


“ริวรู้สึกเหมือนเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกเลยครับ” เด็กหนุ่มพูดขึ้นมาเบาๆ  หลังจากนิ่งไปครู่ใหญ่  ตะวันเหลือบมองหน้าริวแล้วคลี่ยิ้มบาง

“ยินดีด้วย...รักษาโชคของเราไว้ให้ดีก็แล้วกันริว  เพราะโชคดีแบบนี้  ไม่มีหนที่สองหรอกนะ” แม้น้ำเสียงจะเรียบเรื่อย  แต่ก็มีความจริงจังแฝงอยู่อย่างเต็มเปี่ยม

“ครับ  ริวไม่มีวันปล่อยให้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตหลุดมือไปเป็นอันขาด” ริวยืนยันหนักแน่นแล้วส่งยิ้มกว้างให้ตะวัน

“ดลรู้เรื่องนี้มั้ย” ตะวันถามเมื่อเหลือบไปเห็นธีรดลกอดคอกึ่งลากไวยากรณ์กลับเข้าออฟฟิศได้สำเร็จ  แม้จะอยู่ค่อนข้างห่าง  แต่สีหน้าไวยากรณ์ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  ถึงจะดูเหมือนทะเลาะกันตลอดเวลา  แต่ทุกครั้งที่ไวยากรณ์มีปัญหา  ธีรดลจะเป็นคนแรกที่คอยปลอบและช่วยประคองให้เด็กหนุ่มกลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง

“ยังไม่มีใครรู้ครับ  แค่พี่คนเดียว” ริวตอบเสียงเรียบ  อย่าว่าแต่ธีรดลเลย  แม้แต่กรเวชหรือเขมชาติก็ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้  เพราะริวไม่เห็นความสำคัญที่จะต้องป่าวประกาศความสัมพันธ์ของพวกเขาให้ใครรู้  ในเมื่อพสุเลือกจะก้าวออกจากถนนสายนี้  เด็กหนุ่มก็อยากให้พสุก้าวออกไปอย่างสง่างาม  ไร้มลทินติดกาย

“นะ...จะไม่รู้ได้ยังไง  ก็โดนบอกทางอ้อมตั้งแต่ที่เกาหลีแล้วนี่”


ริวยิ้มเขินๆ  แต่ไม่ปฏิเสธว่าเขาตั้งใจจะให้ตะวันรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับพสุ  ตะวันยิ้มแล้วส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อเห็นพสุออกมาจากลิฟต์ริวก็ลุกขึ้นวิ่งปร๋อไปหาแล้วนัวเนียเกาะหน้าเกาะหลังพสุ  ครู่เดียวพสุก็โบกมือลาทุกคนแล้วตามเด็กเจ้าเล่ห์ไปขึ้นรถอย่างว่าง่าย


“ไผ่เอ๊ย!...ท่าทางจะตกหลุมพรางเด็กเจ้าเล่ห์จนหมดทางหนีแล้วเพื่อน” ตะวันบ่นพึมพำอยู่คนเดียว
..................................................


********************

ตอนหน้าก็จะเป็นตอนสุดท้ายแล้วเน้อ  :sad4:


อาจจะมาต่อช้าหน่อยเพราะต้องกลับบ้านนอกนะจ๊ะ


เอ๊ะ! หรือจะไม่ลงตอนจบดี เราจะได้ไม่ต้องจากกันนนน   :m13:


ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
ไม่ได้ป้ารออ่านตอนจบอยู่นะคะ รออย่างลุ้นตัวโก่งตัวงอเลยละค่ะ  :laugh:

ถ้าไม่มาจะแช่งชักหักกระดูกด้วยคอยดูสิ

ออฟไลน์ MRchai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 286
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ไกล้จาจบเระเสัยดายจังอยากไห้ยาวๆกว่านี้จังเลยครับอ่านแล้วนำ้ตาร่วงหลายตอนเลย

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ตอนหน้าจะจบแล้ว  แต่ยังไม่อยากให้จบเลย
ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักริวกับไผ่ และตะวันด้วยนะตอนนี้
เค้ายังไม่อยากให้จบเลย จะทำยังไงดี จะทำยังไงดี
คุณ Anonymus เอาเป็นตอนพิเศษสิค่ะ ที่ไม่เหมือนในหนังสือ
เค้ายังอยากอ่านต่อนะ  :z3:

 :กอด1: รักคนแต่งนะ  :L1:

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
ตอนหน้าตอนสุดท้ายแล้วเหรอT^Tแง้ๆ

มีตอนพิเศษแถมมาหน่อยน๊าๆ

ออฟไลน์ Piaanie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
อ้างถึง
อาจจะมาต่อช้าหน่อยเพราะต้องกลับบ้านนอกนะจ๊ะ


เอ๊ะ! หรือจะไม่ลงตอนจบดี เราจะได้ไม่ต้องจากกันนนน   

ลงเต๊อะ มาช้าดีกว่าไม่มาเลย งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา แต่เราก็จัดงานใหม่ขึ้นได้อีก เจอกันอีก เย้ๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ ASSASSIN

  • หรือว่า..ความรัก
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1551
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
มะมี NC ส่งท้ายหรา อิอิ  :o8:

ออฟไลน์ aeecd

  • :: 8018 ::
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0


ตอนหน้าจะจบแล้วแอบเสียดายเหมือนกัน
 :เฮ้อ:
แต่ก็ดีแล้วอ่ะที่จบลงด้วยดี
 :man1:

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
ปลิ้มค่า พี่ไผ่ก็ทำตามเสียงหัวใจตัวเองซะที ปล่อยให้หนูริวคิดไปเองหลายตอนเลย..
+1 ค่ะ

ออฟไลน์ kabung

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 468
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-3
อบอุ่นมากจริงๆกับความรักของไผ่กับริว งื๊ออ

รอคู่อลัน ฮิฮิ ตกลงเป็น.....?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
ใจหาย

เหงา

ทำใจลำบากจังเลย กระซิกๆ

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
มาลงเถอะ  แล้วจะมีตอนพิเศษไหมคะเนี่ย

Narutear

  • บุคคลทั่วไป
คึๆ รอตอนจบ (แล้วจะได้ลงเรื่องใหม่ต่อ) อย่างใจจดใจจ่อ

ladymoon_yy

  • บุคคลทั่วไป
 :o8: :o8:  :sad11: :sad11: พี่ไผ่ทำทุกอย่างเพื่อริว

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
พี่ไผ่นี่เป็นคนที่พอหายสับสนก็ชัดเจนทุกอย่างจริงๆ  o13

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
 รออ่านตอนหน้าที่เป็นตอนจบจ้ะ
รอช้าก็ไม่เป็นไร รอได้อยู่แล้ว                                                                                                                                                                                                                                                           

bellity

  • บุคคลทั่วไป
อ่ะ ไม่ลงไม่ได้นะ TT^TT

ถึงจะจากกันแต่เราจากกันด้วยดี(อิอิ)

ปอลิง เหมือนไผ่ไง เดินออกจากวงการด้วยความสง่างาม ถึงนิยายจะจบแต่อารมณ์เราจะไม่จบ -..-

namwaan1992

  • บุคคลทั่วไป
อ้างถึง
อาจจะมาต่อช้าหน่อยเพราะต้องกลับบ้านนอกนะจ๊ะ


เอ๊ะ! หรือจะไม่ลงตอนจบดี เราจะได้ไม่ต้องจากกันนนน   

ลงเต๊อะ มาช้าดีกว่าไม่มาเลย งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา แต่เราก็จัดงานใหม่ขึ้นได้อีก เจอกันอีก เย้ๆ  :กอด1:

ใช่แล้ว,,,,   เลิกราก็ยังเจอกันได้ >.<

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
จะจบแล้วเหรอ  ใจหาย!!!!!

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
จะจบแล้ว เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจ อิอิ ตามอ่านหลายวันเลยค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด