มาแล้วจ้า
มาต่อให้แล้วนะคะ ตอนที่แล้วหลายคนแอบร้องไห้ไปกับน้องเพลินเนอะ...
คนแต่งเขียนไปยังแอบน้ำตาซึมไปเลย...
แต่น้องเพลินเธอเข้มแข็งค่ะ เธอไม่ร้องไห้เลยนะ
พี่พายซะอีกร้องโฮเลย...
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้น้องพายเธอต่อไปนะคะ
ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่มีให้ Mercy ด้วยค่ะ
ตอนนี้งานก็มากมายจริงๆ ค่ะ กว่าจะมาเข็นได้แต่ละตอนแบบว่าเกือบแย่
คำพ่งคำผิดอะไรก็ไม่ได้ตรวจทานเลยค่ะ อาศัยเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ อ่านๆ แล้วเจอก็บอกๆ มา เดี๋ยว Mercy แก้ให้ค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 10“น้องพายร้องไห้ทำไมกันลูก ไอ้ลูกชายแม่มันแกล้งเอารึเปล่า เดี๋ยวแม่จัดการให้ หรือว่าหนูปวดหัวรึเปล่า ไปหาหมอกันไหม” แม่ผมเดินนำหน้าป้าอุ่นที่ถือถาดไอศครีมเข้ามาในห้องนั่งเล่น พอเห็นไอ้พายกอดยัยตัวเล็กตัวสั่นเทาน้ำตาไหลอาบไม่หยุด เลยตกอกตกใจ รีบเข้ามาลูบหัวลูบหางมันยกใหญ่เลยครับ
“ไหนบอกแม่ซิ๊ลูก…โอ๋ๆๆๆ น้องเพลิน เดี๋ยวขอคุณย่ากอดพี่พายบ้างนะคะ” แม่ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆ ไอ้พายก่อนที่จะค่อยๆ ดึงตัวมันเข้ามากอด ตอนแรกยัยน้องเพลินยังยึดโอบรอบคอพี่พายเอาไว้แน่น จนคุณย่าต้องเอ่ยปากนั่นแหละครับ
“ฮึก….ฮืออออ ฮืออออ” คราวนี้เลยร้องโฮเลยครับ จากที่ไม่มีเสียงสะอื้น คราวนี้หยุดไม่อยู่แล้วฮะ กอดแม่ผมแน่นเลย
“โอ๋ๆๆๆ ร้องซะลูก ถ้าหนูมีอะไรอึดอัดใจ อยากร้องไห้ ก็ร้องมันออกมาซะ แต่ถ้าอยากระบายกับใครซักคน แม่ก็ยินดีรับฟังนะลูก” ไอ้พายมันก็ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่มันคงมองเห็นผม และแม่ก็คงรู้สึกได้เหมือนกัน แม่ก็เลยพยักพเยิดไล่ส่งให้ผมออกไปก่อน ผมเลยต้องเดินมาอุ้มยัยลูกหมูติดมือออกไปด้วยอย่างเสียไม่ได้
เฮ้ออออ ก็คนมันอยากรู้นี่หว่า จะไปแอบฟังก็ไม่ได้อีก เดี๋ยวมันรู้มันจับได้เกลียดกูตายเลยคราวนี้
ผมก็เลยทำได้แค่พายัยหลานสาวเดินไปหยิบกีตาร์โปร่งในห้องผม แล้วก็พากันเข้าไปนั่งร้องเพลงกล่อมยัยน้องเพลินที่ห้องนอน…
“อาริวขา อาริวตื่นๆ อาริวววววววววว ตื๊นนนนนนน!!!! น้องเพลินจะไปโรงเรียนแล้วนะ”
หืออออ!!! เสียงยัยหลานสาว แว่วๆ ข้างหู…กูฝันไปหรือยังไงวะ ทำไมเหมือนมันคุ้นๆ เหตุการณ์แบบนี้
“อาริว ถ้าอาริวไม่ตื่น น้องเพลินจะงอนจริงๆ ด้วยนะ ตื่นเร็วๆ สิคะ” อึก!!! คราวนี้ไม่ได้มาแค่เสียงครับ มาทั้งตัวเลย แม่หลานสาวตัวดีน่ะสิฮะ กระโดดขึ้นมาล้มทับผมทั้งตัว ตื่นเต็มตาเลยทีนี้
“โอ๊ยๆ อาริวตื่นแล้วค่ะน้องเพลิน อาริวแบนแล้วเนี่ยแม่ลูกหมูน้อย” ผมค่อยๆ พลิกตัวเองหันมาจับยัยน้องเพลินฟัดให้หายหมั่นเขี้ยว ลงโทษที่เล่นซะผมตื่นแบบทิ้งความง่วงไปเลย
“คิ๊กๆๆ ฮ่าๆๆ อาริวพอก่อน ฮ่าๆๆๆ เดี๋ยว เดี๋ยว คิ๊กๆๆๆ ชุดนักเรียนน้องเพลินยับ ฮ่าๆๆๆๆ” ห่วงสวยน่ะเองแม่หนูน้อย
“โอเคๆ แล้วทานข้าวรึยังคะเนี่ย” ผมจับยัยตัวดีให้นั่งลงตรงขอบเตียง แล้วโยกหัวน้อยๆ นั้นเล่น
“ทานแล้วค่ะ เดี๋ยวคุณปู่กำลังจะไปส่งแล้ว คุณย่าเลยให้ขึ้นมาปลุกอาริวก่อน คุณย่ากับพี่พายรอทานข้าวอยู่ค่ะ” เออ ว่าแต่เมื่อคืนไอ้แรดมันนอนไหนวะเนี่ย ผมก็ดันเผลอหลับไปซะอีก
“งั้นมาให้อาริวหอมอีกหนึ่งทีก่อนไปเรียน” ผมก็เลยจัดการหอมแก้มยัยตัวน้อยฟอดใหญ่ก่อนที่จะปล่อยตัว ส่วนผมก็ลุกขึ้นกลับห้องไปจัดการกับตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วก็ลงมาที่โต๊ะอาหาร
“พ่อลูกชายฉัน ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนยะ แทนที่กลับมาหาแม่จะมาอยู่คุยกับแม่บ้าง ดันหลับเอาๆ ต้องให้หลานไปปลุกตลอด” ยังไม่ทันจะหย่อนก้นลงนั่ง ก็โดนแม่บ่นซะงั้น…ผมเหลือบตามองไอ้คนข้างๆ ก็เห็นมันอยู่ในชุดใหม่แล้ว ใหม่ของมันแต่เป็นเสื้อยืดตัวเก่งของผม กับกางเกงเลสีเข้ม เห็นมันแต่งตัวแบบนี้แล้วน่ารักดีนะฮะ
“มองอะไร” วันนี้ไม่มีต่อคำว่า ของมึง เข้าไปด้วย สงสัยเกรงใจแม่ผม
“มองเมียตัวเอง” แต่ผมหน้าด้าน ไม่อายแม่ตัวเองอยู่แล้ว
“ไอ้…..” อ่านปากของมันนะ….ว่า ไอ้เหี้ย…ชัดเจนแต่ไม่มีเสียง หึหึ
“ริว ไปช่วยแม่ยกผลไม้ในครัวหน่อยไปลูก” ผมกำลังจะตั้งท่าจ้วงข้าวต้มเข้าปาก แต่แม่ก็สกัดดาวรุ่งซะก่อน…แต่ผมว่าแม่คงมีเรื่องจะคุยกับผม เพราะปกติหน้าที่ยกผลไม้เนี่ย ป้าอุ่นแกทำอยู่แล้ว…ด้วยความไม่ค่อยจะขี้เสือกของผม ผมรีบเดินนำแม่ไปในครัวเลยครับ
“ว่าไงแม่” ผมรีบเปิดประเด็น
“ว่าไงอะไร ก็ให้มายกผลไม้จะว่าอะไร” อ้าววววววววว
“โหยยย แม่มีกั๊กอะ…เรื่องไอ้พายใช่มะ แม่คุยกับมันแล้วใช่เปล่าๆ”
“แหมมม…ใจร้อนนะเรา บอกก็ได้ย่ะ เห็นแก่ที่แกเคยเป็นลูกชายคนโปรดหรอกนะ” ขอบคุณครับแม่ ที่ทำให้รู้ว่าตอนนี้ตกกระป๋องแล้วจริงๆ
“เมื่อคืน หลังจากที่น้องพายนั่งกอดแม่ร้องไห้อยู่สักพักใหญ่ๆ แม่ก็พาน้องพายไปกินยาแล้วนอน ห้องเรานั่นแหละ ก่อนจะกินยา น้องพายก็ยังสะอื้นนิดๆ แม่เลยรีบจับให้กินยา ห่มผ้านอน แต่พอแม่จะลุกเดินออกจากห้องไป น้องพายก็ดึงมือแม่ไว้ แล้วให้แม่อยู่ด้วยก่อน…น้องพายก็ค่อยๆ เล่าเรื่องราวของตัวเองให้แม่ฟังบ้าง แต่น้องเล่าไม่หมดหรอกนะ น้องก็ยังลังเลอยู่ในใจ เรื่องบางเรื่องมันยากที่จะพูดมันออกมานะริว นี่ก็ถือว่าโชคดีมากที่น้องพายยอมเล่าอะไรให้ฟังบ้าง ถึงแม้จะไม่มากก็ตาม บางเคส กว่าจะขุดคุ้ย กว่าจะเจอเรื่องลึกบาดแผลแบบตรงๆ ก็ใช่เวลามากพอดู บางคนคุยกันสิบกว่าครั้งแล้ว ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ”
“แล้วสรุปมันเรื่องอะไรล่ะแม่”
“แม่เองก็พอรู้แค่คร่าวๆ แล้วก็มาวิเคราะห์เอา พอจับเรื่องเดาทางถูกแหละนะ แต่แม่ขอไม่บอกริวแล้วกันนะลูก แม่ถือว่ามันคือจรรยาบรรณของหมอ แล้วก็น้องพายเองก็ขอแม่เอาไว้ด้วยว่าห้ามบอกใคร…เอาตรงๆ นะ เขายังไม่ไว้ใจริวหรอกลูก ถ้าริวจริงจัง ริวก็ต้องอดทนนะ เพื่อตัวริวเองและก็เพื่อตัวพายด้วย”
“ก็…ก็ได้ฮะแม่ ริวจะรอให้มันเชื่อใจริว แล้วมันกล้าจะพูดจากปากของมันเอง” ตอนนี้ก็ทำได้แค่นี้หละนะ
“อ่อ…แล้วก็สัญญากับแม่อีกสักอย่างได้ไหม…ต่อไปนี้ ห้ามทำอะไรรุ่นแรงกับน้องพายนะริว ถึงจะโมโห จะอะไรยังไงก็ตาม…ห้าม ขืน ใจ น้องอีก เข้าใจนะ…ถ้าอยากช่วยให้น้องหาย ริวก็ต้องไม่เพิ่มแผลให้พายอีก”
“เอ่อ…ครับแม่ แหะๆ ริวไม่ได้ขืนใจมันนะแม่…มันนั่นแหละขืนใจริว โอ๊ยยยย แม่อะหยิกริวตลอดเลยนะ ตั้งแต่มีลูกสะใภ้เนี่ย ไม่ทะนุถนอมลูกชายเลยนะ”
“ย่ะ ต่อไปนี้ฉันจะรักแต่ลูกสะใภ้กับหลานสาวพอและ…ไปๆ ยกจานผลไม้ออกไปเร็ว หายมานานเดี๋ยวน้องสงสัย”
เราสามคนนั่งทานข้าวกันไปก็คุยกันไป แต่เห็นจะเป็นแค่แม่ผมกับไอ้พายเท่านั้นที่ผูกขาดการสนทนาอยู่สองคน…จนแม่ทานเสร็จก่อน เลยขอตัวเข้าไปที่รีสอร์ตเพื่อดูความเรียบร้อยประจำวัน เลยเหลือผมกับมันสองคน มันก็ทำท่าจะลุกเดินหนีผมเหมือนกัน แต่ผมรั้งไว้ก่อน
“มึง…เอ่อ…อยู่คุยกันก่อนได้ไหม” ไพเราะที่สุดเท่าที่เคยคุยกันมา
“……………” มันหันมามองหน้าผมนิ่งๆ กึ่งเหวี่ยงๆ แต่ก็ยอมนั่งลงที่เดิม
“เมื่อไหร่มึงจะพากูกลับซักที กูมีงานต้องทำนะ แล้วโทรศัพท์กูเนี่ยจะยึดไว้ถึงชาติไหน เอาคืนกูมาเลยนะไอ้สัตว์” นั่นไง สามคำดีสี่คำด่า
“เออ มึงอยากกลับแล้วเหรอ ไม่ชอบที่นี่เหรอ หรือว่าอึดอัดอะไรรึเปล่า…กู เอ่อ กู ก็แค่อยากให้มึงมาเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”
“………..เปล่า กูไม่ใช่ไม่ชอบ กูไม่ได้อึดอัด แต่กูมีงานต้องทำ มึงเข้าใจไหม กูไม่ได้เป็นคนไร้ความรับผิดชอบแบบมึงนี่ หรือวงมึงเขาตัดมึงออกไปแล้วฮะ มึงถึงมาชิลล์ทำตัวไร้กังวลแบบนี้ไปได้”
“มึงไม่ต้องห่วงเรื่องงาน กูโทรไปบอกพี่นุชแล้วไง เขาเคลียร์คิวให้มึงแล้ว กูบอกไปแล้วว่ามึงไม่สบาย…ตัวกูเองช่วงนี้ก็รอเข้าห้องอัดยังไม่มีงานนอกที่ไหน ก็เลยพามึงมานี่…แต่เดี๋ยวกูคืนโทรศัพท์ให้ก็ได้” ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการทำดีไถ่โทษครับ
“ถ้ากลับไปแล้ว…ครั้งนี้ มึงช่วยกรุณาเลิกยุ่งกับกูจริงๆ สักทีเถอะ กูขอร้องล่ะ กูด่าก็แล้วมึงก็ไม่เลิก นี่กูลงทุนพูดดีๆ แล้วนะ มึงฟังภาษาคนรู้เรื่องใช่ไหมวะริว เลิก ยุ่ง กับ กู ได้แล้ว” เฮ้อออ ฟังแล้วปวดใจฉิบหายเลย ไม่รู้ทำไม พอมันบอกให้เลิกยุ่งกับมัน มันก็หนึบๆ ที่หน้าอกแล้ว
“พาย…ที่ผ่านมาน่ะ กูขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ มึงจะโกรธ จะด่า จะว่า จะหยาบคายใส่กูยังไงก็ได้พาย แต่กูขอเถอะนะ อย่าให้กูเลิกยุ่งกับมึงเลย…กูทำไม่ได้…กู กู ชอบมึงนะพาย…ให้โอกาสกูบ้างไม่ได้เหรอ ให้กูได้ดูแลมึง ให้กูได้อยู่ใกล้ๆ มึง…ไม่ได้เหรอพาย” ในที่สุดผมก็บอกชอบมันไปแล้ว เฮ้ออออออ
“ฮ่าๆๆๆๆ กูขำหวะ น้ำหน้าอย่างมึงเนี่ยนะ จะชอบกู คนที่ด่ากันทุกครั้งที่เจอหน้า คนที่หาว่ากูแรด ร่าน สำส่อน นอนกับชาวบ้านไปทั่วเนี่ยนะจะมาชอบกูจริง ให้มึงบอกว่ามึงมีเมียเป็นควายซะกูยังจะเชื่อกว่าอีก ฮ่าๆๆๆ”
“มีเมียเป็นควายห่าอะไร เมียกูเป็นแรดต่างหาก” อุ๊บส์!!! ฉิบหาย หลุดปาก
“ไอ้เหี้ยริว เห็นไหมไม่ทันไรมึงก็ต้องวกมาด่ากูว่าแรดอีกจนได้ กูบอกแล้วว่าไม่ได้ไปแรดบนหัวมึง เสือกมาเดือดร้อนกับกูเองปัญญาอ่อน…ไปเอาโทรศัพท์มาให้กูเลยไป”
แม่งเอ๊ย ไอ้ห่า สุดท้ายกูก็ตายเพราะปากอีกและ…แต่แหม ยอมรับแล้วสินะว่าเป็นเมียกู ฮ่าๆ ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองไหม ผมว่าไอ้ห่าพายมันด่าผมน้อยลงแล้วนะ ปกติมันจะจิก กัด ด่าทอ จนกว่าผมจะจี๊ดนั่นแหละ ถึงจะยอมเลิกลา นี่จะถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีรึเปล่านะ
สุดท้ายแล้วเย็นวันนั้นผมกับไอ้พายก็ต้องพากันกับกลับกรุงเทพฯ ครับ เพราะไอ้ห่าพายมันไปอ้อนแม่ผมต่างๆ นาๆ บอกว่าต้องรีบกลับไปซ้อม ไปนู่น ไปนี่ ไปนั่น แม่ก็เลยบังคับให้ผมพามันกลับ…ยัยหลานสาวผมทั้งกอดทั้งหอมพี่พายซะยกใหญ่ แถมยังขอที่อยู่ไอ้พาย บอกว่าจะวาดรูปทำการ์ดแล้วส่งไปรษณีย์ไปให้ พี่พายเห็นแล้วจะได้คิดถึงน้องเพลิน ดีจ่ะหลานรัก วาดรูปแรดเยอะๆ เลยนะ แล้วส่งมันไปซักยี่สิบใบเพื่อความสะใจของอา โหะๆ
“นี่มึงปล่อยกูลงตรงรถไฟฟ้าก็ได้ กูกลับเองได้” มันพูดประโยคนี้มาเกือบสิบรอบแล้วครับ ตั้งแต่ยังไม่เห็นสถานีรถไฟฟ้า จนตอนนี้มองเห็นอยู่รำไร
“กูรู้จักคอนโดมึง เดี๋ยวกูไปส่ง จะให้กูอุ้มให้ถึงห้องยังได้เลยเอาไหมล่ะ” ผมแอบสืบมาหมดแล้วว่ามันอยู่ที่ไหน ห้องไหน ชั้นไหน
“ไอ้เหี้ยริว มึงนี่นอกจากขี้เสือกแล้วยังจะโรคจิตอีกนะ ไม่ต้องเลยกูจะกลับเอง ไอ้สัตว์จอดดิ” ด่าไปเล๊ย ที่รัก กูไม่ปล่อยมึงลงหรอก
“ตามสบายเลยนะจ๊ะคนดี พี่ริวไม่จอดจนกว่าจะถึงแน่นอน…อ่อๆ แล้วอย่ามาทำเป็นนางเอกมิวสิค พอรถติดก็เปิดประตูวิ่งหนีนะ…กูกล้าเปิดประตูวิ่งตามมึงเหมือนกัน” ฮ่าๆๆๆ สะใจ สุดท้ายมันก็ทำไรไม่ได้ ได้แต่นั่งฮึดฮัด ด่าผมไปเป็นระยะๆ ไอ้ผมที่มันชินแล้ว หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว แค่นี้ถือว่าเด็กๆ
“นี่ถึงแล้วก็เปิดล็อคสิวะ เป็นเหี้ยอะไรขึ้นมาอีก” แม่งด่าจนกูคิดว่าตัวเองเป็นตัวเหี้ยจริงๆ แล้วเนี่ย
“ก็หยิบของอยู่ เดี๋ยวกูไปส่งถึงห้องเลย” ผมหันไปเอื้อมหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่เบาะหลัง ก่อนจะรีบเปิดประตูรถ แล้วรีบวิ่งไปด้านที่มันนั่ง จัดการลากมันออกมาจากรถ ล็อครถ และลากกันไป ลากกันมาจนถึงห้องของมัน
“ไอ้เหี้ยยยยย…เมื่อไหร่มึงจะกลับบ้านมึงไปซักทีเนี่ย กูจะนอน” สุดท้ายผมก็อาศัยความพริ้วไหวแทรกตัวเองเข้ามาในห้องมันจนได้ แล้วก็อาศัยความหน้าด้านสิงสถิตอยู่ในห้องมันกว่าสามชั่วโมงแล้วครับ
“ฮ้าวววว…ง่วงจังเลย คืนนี้กูนอนนี่แหละนะ ขับรถไม่ไหวและ” ไม่พูดพร่ำทำเพลง ผมก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟาในห้องนั่งเล่นมันซะ แล้วหลับตานิ่งสนิท…เอาซิ๊ ถ้ามึงจะไล่กู มึงก็ต้องอุ้มกูโยนออกไปเองแล้วล่ะ กูไม่มีทางลุกขึ้นแน่ๆ
ได้ยินเสียงมันสบถฟึดฟัด ฮึดฮัด อยู่ซักพักก่อนจะเดินกระแทกเท้าปั้งๆ เข้าห้องนอนมันไป…ผมก็นอนกระดิกเท้ายิ้มให้กับชัยชนะเล็กๆ ของตัวเอง ก่อนที่จะรอจังหวะสำหรับชัยชนะครั้งใหญ่ในค่ำคืนนี้
แล้วครึ่งชั่วโมงผ่านไป ผมก็ลุกขึ้นเดินไปเคาะห้องมันครับ…
“พายๆ ไอ้พาย พาย” ปั้งๆๆๆๆ “ไอ้พายยยย เปิดประตูหน่อย กูอยากอาบน้ำ เปิดหน่อย” มุขควายๆ แต่ก็เคาะไปเรื่อยๆ หึหึ
“ไปไกลๆ ตีนกูไปไอ้สัตว์ กูจะหลับจะนอน เสี้ยนนักกูอนุญาตให้ไปชักว่าวที่นอกระเบียง เอาน้ำชั่วมึงออกจากตัวซะบ้างเผื่อจะเลิกงุ่นง่านซักที” อืม…ตะโกนมาได้แสบทรวงเหมือนเดิม ไอ้ห่าาาาา
“พายยยยเปิดหน่อยเร็ว กูจะอาบน้ำจริงๆ กูเหนียวตัว กูนอนไม่สบายตัวเลย นะๆ ไม่งั้นกูก็เคาะแม่งทั้งคืนแหละ ถ้ากูไม่ได้หลับ มึงก็อย่าหวังว่าจะได้นอนอย่างสงบสุข” ผมเคาะอยูซักยี่สิบนาที จนเริ่มจะเจ็บมึงแล้วครับ กะว่าถ้าซักครึ่งชั่วโมงแล้วมันไม่เปิด ผมจะเดินกลับไปนอนแม่งแล้ว เหนื่อย!!! แต่แล้ว…
“ไอ้เหี้ยหยุดเคาะซักที จะอาบน้ำ ทำเหี้ยไรก็รีบๆ มา ห้องกูไม่ใช่โรงแรมห้าดาวนะไอ้สัตว์ จะได้รีเควสนู่น นี่นั่น ได้ตามใจชอบ เร็วๆ เลยด้วย” มันมาเปิดประตูให้ผมเสร็จก็เดินหันหลังกลับไปที่เตียง ท่าทางมันคงจะนอนไปแล้วนะครับ อาจจะกินยาแล้วง่วงด้วยแหละ
ผมเข้าไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว แล้วรีบออกมา ก็เห็นมันนั่งสัปหงกอยู่บนเตียง ผมเลยค่อยๆ ย่องเข้าไปกอดตัวมันไว้…มันสะดุ้งพรวดสุดตัว ตาเบิดโพล่งอย่างตกใจ
“ชู่!!!! ขอโทษนะ กูเองไม่ต้องตกใจ นอนกันเถอะนะ” ผมค่อยๆ ดึงตัวมันให้ลงมานอน มันก็ขืนสุดฤทธิ์ครับ
“ปล่อยกู แล้วออกไปซะไอ้สัตว์ มึงแม่งก็คิดจะทำเหี้ยๆ กับกูอีกแล้วสินะ ไป ออกไปให้พ้นจากห้องกูไป ไป๊” ไอ้พายมันเริ่มตวาด และตะโกนอย่างตื่นกลัว อาการตัวสั่น และเกร็งตัวอย่างอัตโนมัติ ทำให้ผมรู้ได้เลยว่าตอนนี้มันคงคิดว่าผมคงอยากมีอะไรกับมันแน่ๆ
“พาย กูแค่จะมานอนด้วย กูไม่ได้จะมาทำอะไรกับมึง ชู่!!! เงียบก่อนๆ นอนซะนะ…กูแค่ขอกอดมึงเอง…ได้ไหม ขอกูนอนกอดมึงได้ไหม หืมม” ผมก้มลงไปหอมเบาๆ ที่ขมับมัน สูดกลิ่นแชมพูอ่อนๆ ที่ผมนิ่ม ก่อนจะกระชับอ้อมแขนไม่ได้คนที่ดิ้นไปมาได้หลุดออกไปได้
“ไม่…กูจะนอนคนเดียว ปล่อยกู ไอ้เหี้ย ปล่อยกู” ผมไม่สนใจเสียงด่าของมัน พอลากมันลงมานอนได้เสร็จก็กดหัวมันเบาๆ ให้ซุกกับอกผม แล้วก็หลับตานิ่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ซะ เพราะก่อนที่ผมจะเข้ามากอดมัน ผมปิดไฟเรียบร้อยพร้อมนอนแล้วครับ
มันดิ้นไปมาอยู่ซักพัก พอเห็นว่าทำอะไรผมไม่ได้อีกแล้ว มันก็เริ่มที่จะนิ่งบ้าง และอาจจะด้วยฤทธิ์ยา จึงทำให้มันหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ และหลับลงไปในไม่ช้า ตัวที่แข็งเกร็งก็เริ่มผ่อนคลาย เพราะผมลูบหลังมันเบาๆ อย่างปลอบโยน พอเห็นมันหลับสนิท ผมก็ค่อยๆ คลายอ้อมแขนออกเล็กน้อย ให้มันได้นอนหลับสบายตัวขึ้น แต่ก็ยังไม่ปล่อยมันออกจากอ้อมอก…ผมก้มไปสูดเอาความหอมจากหน้าผากและขมับมันอีกหลายครั้ง ถึงจะเหนื่อย แต่ก็คุ้มล่ะวะคราวนี้ ทำไมมันชื่นใจ อบอุ่นใจ แล้วก็มีความสุขอย่างงี้วะกู
ถึงแม้ตอนนี้จะต้องใช้กำลังบังคับขู่เข็นกันอยู่บ้าง แต่อีกไม่นานหรอกครับ อีกไม่นาน มันจะพร้อมอ้าแขนรับอ้อมกอดผมเองแน่ๆ
ปั้งๆๆๆ ปั้งๆๆๆๆๆๆ
เสียงใครมาเคาะอะไรแต่เช้าวะเนี่ย…
ปั้งๆๆๆ ปั้งๆๆๆๆๆๆๆ
โว้ยยยยยยย รู้แล้วๆ ตื่นก็ได้วะ…อ้าว นี่กูอยู่ห้องไอ้พายนี่หว่า มันก็ยังนอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอดผมอยู่เลย…แล้วใครมาเคาะอะไรวะ…
ผมค่อยๆ ดึงยกมือไอ้พายที่โอบตัวผมอยู่ออกช้าๆ ค่อยๆ ดึงมือตัวเองที่สอดอยู่ใต้คอมันออก จัดท่าทางให้มันนอนอย่างสบายๆ แล้วห่มผ้าห่มให้ ก่อนที่ผมจะเดินไปดูว่าใครมาเคาะห้องเมียผมแต่เช้า
อ้าว ฉิบหาย!! พี่นุชนี่หว่า สงสัยไอ้ห่าพายจะมีงานเช้ามั้ง
“สวัสดีครับพี่นุช” ผมเปิดประตูให้พี่นุช พี่นุชเบิกตามองผมซะอย่างกับเห็นนกแพนกวินกำลังผสมพันธุ์กับฮิปโป
“แล้วทำไมเรามาอยู่นี่ได้ล่ะ แล้วพายไปไหน นี่อย่าบอกนะ….โอ๊ยยยยย อะไรมันจะวุ่นวาย ยุ่งเหยิงขนาดนี้วะเนี่ย” พี่นุชดูรีบร้อน และก็ดูวุ่นวายใจยังไงบอกไม่ถูกครับ พี่แกรีบวิ่งไปที่ห้องนอนไอ้พายทันที
“พายๆ พาย ตื่นก่อนเถอะเกิดเรื่องใหญ่แล้วพาย” พี่นุชไปเขย่าเรียกมันสองสามที มันก็งัวเงียตื่นขึ้นมา
“อ้าวพี่นุช ดีฮะ มีอะไรเหรอ”
“ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเลยพาย เดี๋ยวรีบไปออฟฟิศกัน คุณคิวรออยู่ ด่วนเลยนะ เอ่อ…คือ มันเกิดเรื่องใหญ่มากจริงๆ เดี๋ยวไว้รอคุยพร้อมคุณคิวเลย ไปอาบน้ำเถอะ”
ว่าแต่เรื่องอะไรวะเนี่ย ผมไม่เคยเห็นพี่นุชดูร้อนใจขนาดนี้มาก่อน ต่อให้ศิลปินมีข่าวซุบซิบอะไรกันก็ตาม พี่นุชก็จะแค่หงุดหงิดเล็กน้อยเท่านั้น แต่ครั้งนี้จากสีหน้าและคำพูดของพี่เขา ผมรู้สึกว่า เรื่องคราวนี้มันคงจะใหญ่ และส่งผลกระทบอะไรกับไอ้พายมากๆ จริงๆ แน่นอน
ลางสังหรณ์ผมรู้สึกแปลกๆ ครับ รู้สึกว่าเรื่องครั้งนี้มันจะเป็นเรื่องร้ายมากกว่าเรื่องดีแน่ๆ แล้วน่าจะร้ายมากๆ ซะด้วย