ตอนที่ 9
ฮือ....เจ็บ...
ฮะ? อะไรนะ เปล่าๆ ไม่ได้เจ็บก้นค่ะ เจ็บหัวต่างหากอ่ะ คิดกันไปถึงไหนเนี่ย?
ถึงจะอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแต่ท้ายที่สุด ความไร้เดียงสาก็ทำให้หนูรอดพ้นจากการถูกกระทำชำเรามาได้หวุดหวิด เพราะหลังจากที่ไอ้บ้ากามมันเริ่ม......
ลวนลามหนู.......
แล้วมันก็.....
ปลดกางเกง แล้วก็......
อร๊าย...เขิน
อะไรนะเลิกเขินแล้วเล่าต่อสักทีเหรอ? แหม อะไรอ่ะ ใจร้อนชะมัด
ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ หนูก็ได้มีโอกาสบ๊วบของจริงเท่านั้นเอง ซึ่งทำให้รับรู้ว่ามันไม่ได้กรอบแบบแตงไม่ได้หักกันได้ง่ายๆ แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือ พอส่วนนั้นโดนฟันแล้วมันเจ็บด้วย... ฮือ.... ขนาดหนูตั้งใจสุดชีวิตแล้วนะเนี่ย เพราะโคตรๆ กลัวถูกฆ่า ขืนทำให้น้องชายไอ้หมาบ้าเป็นรอยขีดข่วนต้องแย่แน่ๆ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่รอด...ความอ่อนด้อยประสบการณ์ของหนูก็เลยเป็นเหตุให้ไอ้โรจน์มันเจ็บ.....กลางตัว แล้วมันก็เลยหันมาตบกะโหลกหนูเป็นการตอบแทนจนหน้าคะมำไปกับพื้นห้องยังกับอีเย็นโดนคุณหลวงตบตอนถูกเข้าใจผิดว่ามีชู้อะไรอย่างนั้นเลย จากนั้นมันก็หมดอารมณ์ทางเพศ สวมเสื้อผ้าแล้วออกจากห้องไปอย่างอารมณ์เสีย
ว้า.....เสียดายจัง.... อุ๊ย ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าโล่งใจต่างหากล่ะ....
ตอนหลังน้องฐาเป็นลูกค้าประจำของเซเว่นอีเลฟเว่นแล้วค่ะ ถ้ามีโอกาสจะต้องซื้อบิ๊กชีสไบท์ หรือไม่ก็ฟุตลองชีส แบบไม่หั่นนะคะกลับบ้านมาฝึกแทนแตงกวาทุกที เพราะจากเหตุการณ์ล่มปากอ่าว ไม่สิ ล่มคาปากกะเทยนี่ล่ะ ก็ทำให้หนูสูญเสียความมั่นใจไปอีกหลายขุม ถึงจะดีใจที่ไม่ต้องเสียความบริสุทธ์ไปด้วยเหตุการณ์นี้ แต่ก็อดเศร้าไม่ได้อยู่ดี ก็ไอ้โรจน์มันยิ่งว่าหนูอ่อนอย่างนั้นอย่างนี้ หนูรึอุตส่าห์ฝึกวิทยายุทธบ๊วบแตงมาจนชำนาญ แค่ห่างหายเลิกหมกมุ่นเพราะมัวแต่สนใจเรื่องกีฬาสี จนไม่ได้ซ้อมแป๊บเดียว ทำไมกลายเป็นอย่างนี้ได้ก็ไม่รู้ อับอายขายขี้หน้าไม่กล้าสบตาไอ้โรจน์เลยสักวัน หมดกันอนาคตสาวมั่น เซ็กซี่ สุดฮอต .... หรือหนูจะต้องขึ้นคานจริงๆ เนี่ย
แง้..... ร่ำไห้คาไส้กรอก
ชีวิตน้องฐามันรันทดอดสูเสียยิ่งนัก
ด้วยความอับอายดังที่ว่ามา ประกอบกับกลัวว่าถ้าบอกเพื่อนๆ ไปแล้วพวกนั้นจะพากันกระหน่ำซ้ำเติมไม่ได้ผุดได้เกิด น้องฐาก็เลยต้องเก็บเรื่องน่าอายนั้นไว้กับตัวไม่กล้าบอกใคร รวมทั้งพยายามอย่างยิ่งที่จะหลบหน้าไอ้โรจน์ด้วยทั้งๆ ที่สุดแสนจะยากเย็นก็เราดันนั่งข้างๆ กันทุกวันนี่นา แต่ก็ดีตรงที่ว่าปกติเราจะไม่ค่อยได้คุยกันอยู่แล้ว ส่วนไอ้โรจน์มันก็ไปตามเอาอกเอาใจจอยเด็กมันตามเดิม
xxxxxxxxxxxxxxx
ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือพรหมลิขิตที่เย็นวันหนึ่งตอนที่กำลังรอไส้กรอกที่เซเว่น ดันได้เจอพี่ชล
สุดหล่อค่ะ หมดกีฬาสีแล้วก็เลยไม่ได้เจอพี่เขามาหลายวัน ยังหล่อเหมือนเดิมเลย แล้วก็ใจดีมากด้วย นึกยังไงก็ไม่รู้พี่เขาถึงชวนหนูไปกินไอติม มายก๊อด.... ปฏิเสธก็บ้าเต็มทนแล้วอ่ะ
ระหว่างที่นั่งกินไอติมอยู่นั้น หนูก็เฝ้าแต่ถามตัวเองว่า ทำแบบนี้ดีแล้วเหรอ ถูกแล้วเหรอ หนูคิดจะตัดใจไปแล้ว แต่ก็กลับทำไม่ได้สักที ยิ่งได้มานั่งอยู่ตรงนี้ก็ยิ่งไม่อยากจะลุกหนีไปไหน สตอร์เบอร์รี่ซันเดอร่อยดี แต่สิ่งที่เรียกร้องความสนใจมากกว่านั้นคือผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้า พี่ชลเป็นคนผิวขาว นิ้วเรียวยาวดูน่ามองดี เสียงพูดก็นุ่มนวล แถมยังใจดีอีกต่างหาก แล้วทำไม... ต้องมาเป็นคนๆ เดียวกับที่เพื่อนหนูชอบด้วยล่ะ สวรรค์ช่างโหดร้ายกับกะเทยตัวน้อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด กระซิกๆ
จบการเดทลงด้วยรอยยิ้มหวานของพี่ชล กับยิ้มเศร้าๆ ของหนูหลังจากจ่ายค่าไอติมแล้วพี่ชลก็ขอตัวกลับไปก่อนเพราะมีธุระ หนูยืนมองพี่ชลขับรถห่างออกไปเตรียมตัวจะโบกวินกลับบ้าน บังเอิญพนักงานร้านไอศกรีมเปิดประตูออกมาแล้วยื่นแฟลชไดรฟ์ให้บอกว่าเก็บได้ที่โต๊ะของหนู แสดงว่าคงเป็นของพี่ชลแน่ๆ เลย
เบอร์ที่ออยให้ไว้เมื่อนานมาแล้ว ที่หนูไม่กล้าโทร คราวนี้ก็ได้ใช้กับเขาเสียที หนูโทรไปถามเรื่องแฟลชไดรฟ์ และพี่ชลก็ตอบรับว่าของพี่เขาหายพอดี ใจจริงหนูก็อยากจะเอาไปคืนให้เร็วๆ แต่หนูกลัวเพื่อนๆ จะซักไซ้ไล่เลียง ถ้าเรื่องที่ไปกินไอติมกับพี่ชลแตกขึ้นมา หนูจะมองหน้าออยยังไง หนูก็เลยบอกว่าจะเอาของไปคืนให้ตอนเลิกเรียน พี่ชลก็เลยนัดเจอที่โรงยิม
เย็นวันนั้นหนูก็ไปหาพี่ชลตามที่นัดไว้ เนื่องจากกีฬาสีจบลงไปแล้ว หลังเลิกเรียนจึงไม่คึกคักอย่างแต่ก่อนที่ยังพอมีคนมาซ้อมกีฬาบ้าง แต่วันนี้กลับเงียบกริบ หนูคืนแฟลชไดรฟ์พี่ชลไป แต่พี่เขาก็เอาแต่ยิ้มแล้วส่งคืนมาให้
“น้องฐาเก็บไว้เถอะครับ มันคงไม่จำเป็นสำหรับพี่แล้วล่ะ”
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็มันไม่ใช่ของพี่นี่นา” พี่เขาตอบกลั้วหัวเราะ ทำเราหนูงงเต้ก
“แล้วทำไมตอนที่หนูโทรไปถามพี่ต้องตอบว่าใช่ด้วยล่ะ”
“ก็พี่จะได้เจอน้องอีกไง” เจอไม้นี้ก็อึ้งสิคะ หมายความว่ายังไง งงไปหมดแล้วอ่ะ ยิ่งพี่ชลเลื่อนมือมาจับมือหนูยิ่งแล้วใหญ่ หัวใจเต้นโครมครามไม่ยอมหยุด หัวใจจะวายแล้วทำไงดี หนูต้องรีบดึงมือออกแล้วเอาไปลูบท้ายทอยแก้เขิน
“เอ่อ... ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ” หนูรีบตัดบทหลบฉาก
“จะรีบไปไหนล่ะ อยู่คุยกันอีกแป๊บนึงไม่ได้เหรอไง?”
“เอ่อ... คือผม....” หนูทำท่าลำบากใจมากๆ ออกไป ถ้าไม่มีออยล่ะก็ มันจะเป็นข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมที่สุด อะไรจะแจ๊กพอตขนาดนี้อีก ไม่มีแล้ว...
“อือ...เข้าใจแล้ว ไม่อยากคุย...” พี่ชลว่า ด้วยน้ำเสียงเศร้าจนหนูแอบรู้สึกผิดเล็ก “จะกลับก็ได้ แต่ก่อนกลับ ช่วยอะไรพี่หน่อยได้ไหมครับ”
“อะไรเหรอครับ?” หนูถามกล้าๆ กลัวๆ กลัวจะโดนขออะไรแปลกๆ
“ระหว่างที่รอน้องมาที่นี่พี่เบื่อๆ ก็เลยเสิร์ฟลูกฆ่าเวลา ขอแรงน้องช่วยพี่เก็บลูกบอลหน่อยได้ไหมครับ”
เฮ้อ... โล่งอก นึกว่าจะขออะไร
“ได้สิครับ” หนูตอบฉะฉานพร้อมยิ้มกว้าง ช่วยพี่ชลเก็บลูกบอลลงตระกร้าแล้วช่วยกันเข็นเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์ และแล้ว...ก็เพิ่งจะรู้ว่า เจตนาที่แท้จริงไม่ได้อยู่ตรงนั้น พอเราสองคนเข้ามาอยู่ห้องเก็บอุปกรณ์กีฬาสองต่อสอง พี่ชลที่เดิมตามหลังเข้ามาก็กดล็อคทันที
เสียงล็อคประตูมันดังจนหนูแทบสะดุ้ง หันไปมองหน้าพี่ชลพลางกลืนน้ำลาย ไม่กล้าจะถา คำถามโง่ๆ ออกไปอีก ตอนนี้ทำไมฉลาดขึ้นมาก็ไม่รู้ว่า มันต้องเป็นแผนแน่ๆ เลย ทำไมไม่คิดให้ได้ก่อนหน้านี้?
“พี่รู้นะว่าน้องก็คงใจตรงกับพี่... พี่ก็ไม่รู้นะว่าน้องกำลังกลัวอะไรอยู่ แต่...อยากให้รู้ว่าบางอย่างอาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด” มายก๊อด เสียงทุ้มนุ่มลึกที่เอ่ยวาจากล่อมช่างไพเราะน่าฟัง ร่างกำยำที่เยื้องย่างเข้ามานั้นช่างทรงเสน่ห์น่าหลงใหล ชวนปล่อยกายปล่อยใจให้เหลือเกิน
ไม่นานนักร่างของพี่ชลก็มายืนอยู่ตรงหน้าโอ๊ย ... ยิ่งมองใกล้ๆ ก็ยิ่งหล่อ น่าเสียตัวให้มากมาย ....
อ่ะเดี๋ยวสิ แล้วออยล่ะ ....
ความคิดนั้นเด้งขึ้นมาขัดขวางความสุขสุดยอด? ทำให้หนูต้องรวบรวมพลังอันน้อยนิดผลักพี่ชลออกไปอย่างฝืนใจเต็มทน
“อย่าครับ”
“ทำไมล่ะ”เป็นคำถามที่แฝงความแปลกใจระคนอยู่ หากแต่ร่างของเขากลับไปมิได้ล่าถอยออกไป ซ้ำยิ่งคุกคามยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ
บางครั้งถ้ามันบาปมันหวานเกินไป.... มนุษย์ทั่วไปก็ยากเกินกว่าหลีกเลี่ยงมันได้ .....
ปัง...ปัง...ปัง....
เสียงทุบประตูดังลั่นจนร่างของเรานั้นผละออกจากกันก่อนจะได้ “ทำบาป” อย่างจริงจัง
น้องฐาได้สติรีบรุดไปที่ประตูห้องเพื่อเปิดออกแล้วก็ตาโตมันทีเมื่อคนที่มาขัดจังหวะเป็นไอ้โรจน์เจ้าเก่า จะบอกว่าดวงสมพงศ์ หรือดวงกาลกินีต่อกันแน่นะแบบนี้
“มาทำอะไรกันในนี้สองคน” เสียงไอ้โรจน์เรียบๆ แต่เหมือนทะเลสงบก่อนพายุมายังไงก็ไม่รู้สิ
“ช่วยกันเก็บลูกบอล” พี่ชลตอบทำเสียงให้สงบลงอย่างยากลำบาก รู้เลยว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี
“แล้วทำไมต้องล็อกห้องด้วยล่ะ” จะอยากรู้ไปทำเขืออะไรอ่ะคะแหม ซักจริงๆ
“ไม่ได้ล็อกซะหน่อย สงสัยลูกบิดมันจะไม่ค่อยดีมั้ง” นี่ก็แก้ตัวน้ำขุ่นๆ เลย
“งั้นเหรอครับ” ไอ้โรจน์พยักหน้ารับรู้แบบกวนๆ “เจอก็ดีแล้ว ออกมานี่ดิ๊ จะถามเรื่องการบ้านหน่อย”
มันหันมามองหน้าหนู ทำให้หนูงงเล็กน้อย ความตกใจยังคงอยู่จนได้แต่ยืนนิ่งจนไอ้โรจน์ต้องเป็นฝ่ายเดินเข้ามาในห้องแล้วจับแขนหนูลากออกไปแทน
ไอ้โรจน์มันฉุดกระชากแขนหนูออกมา หนูพยายามจะขัดขืนแต่ก็ต้านไม่ไหว พอออกมานอกโรงยิมมันก็สะบัดแขนหนูอย่างแรงจนแอบเจ็บ ทำหน้าโหดเหมือนคนโกรธจัด ไม่รู้อะไรอีก... พายุจะเข้าอีกแล้วหรือไงนะเนี่ย..
“คิดว่าทำแบบนี้ ดีแล้วเหรอ?” มันตะคอกถามมาอีกครั้ง ไม่เคยเลยที่จะพูดกันดีๆ เจอกี่ทีๆ มีแต่โมโห ไม่รู้ว่ามันเป็นโรคประสาทหรือเปล่า อารมณ์ถึงได้รุนแรงตลอดแบบนี้
“หา?” งงสิคะ ไก่ตาแตกเป็นยังไงคะ น้องฐาตาใกล้แตกแล้วค่ะตอนนี้
“ก็ที่มึงทำเป็นหลบหน้ากูไง พอกูไม่สนก็หันไปเจ๊อะแจ๊ะกับคนอื่น คงคิดล่ะสิ ว่าจะทำให้กูหึงได้”
ตายแล้ว ไปไหนแล้วเนี่ย? กลับมาก๊อนนนนนน พอดีด้วยก็หาว่ายุ่งวุ่นวาย พอไม่สนใจก็หาว่าประชดเรียกร้องความสนใจ แล้วจะให้ทำยังไงเนี่ย งงไปหมดแล้ว
“แล้วไงอ่ะ ทำแบบนี้แล้วทำไมเหรอ?” ขี้เกียจจะเถียงแล้วนะ พูดไปก็ไม่เข้าใจ อยากจะคิดอะไรก็เชิญเลย
“ก็เสียเวลาเปล่า ใครจะมาสนใจตุ๊ดห่วยๆ อย่างมึง” ดูมันสิคะ สุดจะทน พอกันที ไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัวอีกต่อไป ขอตอกกลับให้หายแค้นหน่อยเถอะ
“แน่ใจเหรอว่าไม่สำเร็จจริงๆ ถ้าอย่างนั้นทำไมโรจน์ถึงได้มาพูดกับเราอย่างนี้ล่ะ ถ้าไม่สนใจจริงๆ ก็คงไม่ลากเราออกมาแบบนี้หรอก หมูเขาจะหามไม่ว่าเอาคานเข้ามา....” แล้วหนูก็ยั้งปากไว้ ไอ้โรจน์จ้องหนูตาแทบถลน โกรธจนหนวดกระดิก แต่ก็แปลกที่ไม่เห็นมันจะลงมือทำร้ายร่างกายหนูอีกเหมือนที่หนูคาดการณ์ไว้ เพียงแต่เอากำปั้นทุบกำแพงโรงยิมให้หนูแอบตกใจเล่น จนหนูต้องแอบเอาตัวรอดด้วยการแหลสดเล่นละครเต็มๆ
“แหม... ถ้าไม่สนกันจริงๆ น่ะ ก็ไม่น่าจะขัดขวางกันแบบนี้เลยเลยนะ เราก็หลงดีใจนึกว่า...ที่แท้...ก็...” หนูหยุดพูดแล้วแสร้งทำตาโศก เหมือนตัวอิจฉาในละครที่ร้องไห้ตบตาพระเอก ทำให้มันหน้าเครียด พูดไม่ออก เห็นแล้วตลกยังไงก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า สะใจเล็กๆ อ่ะที่ได้ป่วนมันบ้างสักเล็กน้อยก็ยังดี
หลังจากนั้น พี่ชลพยายามโทรหาหนูด้วยนะคะ แต่พอไม่ได้อยู่ในสถานการณ์น่าเคลิ้มแบบนั้นหนูก็สำนึกรู้ผิดรู้ชอบ ก็เลยไม่ยอมรับสาย ถ้าพบเจอพี่ชลในโรงเรียนก็พยายามหลบหน้า เฮ้อ... ชีวิตมันเศร้า น้องฐาเศร้า....
สุดสัปดาห์ต่อมา ตอนออกไปกินข้าวมันไก่เจ้าอร่อย บังเอิญไปเจอไอ้โรจน์กับคุณแม่นั่งทานอยู่ก่อน แล้วคุณแม่แสนใจดีของไอ้โรจน์ก็เลยเรียกหนูเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะเพราะจำหน้าได้ว่าเป็นเพื่อน “สนิท”
“เอาอีกจานไหมหนู ทานเยอะๆ เดี๋ยวแม่เลี้ยงเอง” คุณแม่ใจดีมากๆ ค่ะ
“ไม่เป็นไรครับ” ใจจริงอยากจะขออีกจานแต่แค่นี้หนูก็เก๊กแมนจนเหงื่อแตกพลั่กๆ ขืนอยู่นานกว่านี้แล้วแต๋วแตกออกมาต่อหน้าคุณแม่ หนูได้โดนตีนไอ้โรจน์เป็นแน่แท้ ไม่เสี่ยงดีกว่า
“เหรอ? วันไหนว่างก็มาเที่ยวที่บ้านอีกนะ นอกจากมิ่งแล้ว โรจน์ไม่เคยพาเพื่อนมาเที่ยวบ้านหรอก นิสัยก็ขวางโลกแบบนี้ แม่นึกว่าจะไม่มีคนคบเสียอีก” คุณแม่พูดไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดีที่ได้นินทาลูก
“แม่อ่ะ” ไอ้โรจน์มีส่งเสียงปรามเบาๆ แต่คนข้างกายไม่สนใจ ทำให้หนูโคตรๆ จะขำ ไอ้โรจน์มันรักและกลัวแม่จริงๆ นะ นานๆ จะเห็นตอนมันหงอสักที บุญตามากๆ เลยอ่ะ
“เย็นนี้ไปซื้อของเป็นเพื่อนกูหน่อยสิ” ประโยคนี้ของไอ้โรจน์ทำเอาหนูเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เงยหน้าจากโต๊ะเรียนหันไปถาม
“ซื้ออะไรเหรอ?”
“ซื้อของขวัญ” แหม ขยายความซะเข้าใจเลยอ่ะ สงสัยมันจะเห็นสายตาระอานิดๆ มันจึงพูดต่อ “ซื้อของขวัญ ง้อผู้หญิงน่ะ งี่เง่าฉิบหาย ตอนแรกยังดีๆ อยู่เลย พอนึกจะโกรธก็โกรธ พอถามก็ไม่ตอบว่าเป็นอะไร เอาใจยากชะมัด” ไอ้โรจน์บ่นอย่างอารมณ์เสีย ฟังได้ใจความว่า ทะเลาะกับแฟนมาแล้วให้เราไปช่วยเลือกซื้อของเอาไปง้อนั่นเอง น้องฐาสุดแสนจะใจดีมีหรือจะขัด ตอนเย็นก็เลยออกไปเลือกซื้อของขวัญที่ร้านกิฟท์ชอป ไอ้โรจน์ก็บ้า ของแฟนตัวเองแท้ๆ ดันให้หนูมาช่วยเลือกให้ แถมบอกว่าให้เลือกของที่หนูชอบอีกต่างหาก หนูก็เลยเลือกกล่องดนตรีค่ะ สวยแล้วก็ไม่แพงด้วย
เราสองคนออกจากร้านมาเจอรถขายผลไม้พอดี หนูก็หันไปมองด้วยความอยากกิน ควักเงินออกมาจากกระเป๋า
สิบห้าบาท มายก๊อดดดด
“อยากกินเหรอ? อยากกินก็ซื้อดิ”
“เอ่อ เราต้องเก็บไว้จ่ายค่ารถสองแถวอ่ะ” หนูตอบกลับไปด้วยเสียงเศร้า
“งั้นเดี๋ยวกูไปส่ง” อุ๊ย.... ทำไมใจดีจัง
“ขอบใจนะ” หนูตอบด้วยเสียงดีใจเว่อร์ แล้วเดินไปเกาะตู้ผลไม้ ใจจริงอยากกินแตงโมเพราะตอนนี้โรงเรียนเขาเลิกขายแล้ว แต่ไอ้โรจน์มันไม่ชอบอ่ะ เมื่อก่อนตอนยังซื้อผลไม้เผื่อมันวันไหนมีแตงโมจะโดนบ่นทุกที เลยต้องสั่งฝรั่งแทนเผื่อมันอยากกินด้วย
“แตงโมถุงนึงด้วยนะลุง” หนูหันไปมองไอ้โรจน์ตาโต นึกบ้าอะไรสั่งแตงโม...
พอคนขายส่งผลไม้ให้แล้ว โรจน์มันก็ดึงถุงฝรั่งไปแล้วยื่นแตงโมมาให้หนูแทน พอหนูมองหน้ามันเหมือนจะถามมันก็ทำเป็นไม่เห็น เดินนำไปที่รถมอเตอร์ไซคที่จอดอยู่
คิดไปเองหรือเปล่านะ.... ที่แตงโมมันอร่อยกว่าทุกครั้งที่เคยกินน่ะ!!
“ทำไมพามาที่นี่ล่ะ?” หนูทำเสียงผิดหวังใส่ ใจร้าย ไหนสัญญาว่าจะไปส่ง แล้วไหงมาโผล่ที่บ้านมันได้ล่ะเนี่ย
“เข้ามาเถอะน่า เดี๋ยวกูก็พาไปส่งเองแหละ” ดูมันสิ... ใจร้าย... คำว่าเดี๋ยวนี่กี่โมงกี่ยามกันคะ?
เฮ้อ.... ตังค์ก็หมด จะเดินก็ไกลเกิ๊น.... คงต้องรอจนกว่ามันจะสำนึกแล้วล่ะ เฮ้อ....ไม่รู้ต้องรออีกกี่ปีแสง....
เดินตามไอ้หมาบ้าเข้าบ้านไป ไอ้โรจน์โยนกระเป๋าลงที่โต๊ะกระจกแล้วทรุดกายลงหน้าทีวีที่เก่า อันเป็นที่ซึ่งเคยมีเหตุการณ์ระทึกใจเมื่อนานมาแล้ว
บ้าจริง! ทำไมต้องมาความจำดีกับเรื่องพันนั้นด้วยนะ
“คุณป้าไม่อยู่เหรอ?” หนูถามทำลายความเงียบ ชั่งใจว่าจะไปนั่งข้างมันดีหรือจะนั่งเป็นข้ารับใช้ที่พื้นหรือจะยืนค้ำหัวมันต่อไปดีถึงจะไม่โดนด่า
“ไม่อยู่ ไม่มีใครอยู่บ้าน” หนูพยักหน้าเอออออย่างไม่ใส่ใจนัก แล้วก็ฉุกใจขึ้นมาว่า ถ้าอย่างนั้นเราสองคนก็อยู่ในบ้านสองต่อสองน่ะสิ กรี๊ดดดดดด สถานการณ์ล่อแหลมอีกแล้ว
“ไหนๆ ก็มาแล้ว เจียวไข่ให้กินหน่อยดิ๊” คำสั่งประกาศิตดังขึ้นลบล้างความกังวลในใจ ค่อยโล่งอก มันคงแค่อยากจะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วก็หาของกินให้เท่านั้นเอง
หนูเข้าครัวไปเจียวไข่ตามบัญชา ซึ่งแทนที่ไอ้โรจน์จะรออยู่ที่เดิม มันดันเดินเข้ามายืนมองหนูงกๆ เงิ่นๆ อยู่กับการหาอุปกรณ์ตีไข่ เวลามีใครมาคอยมองมันก็ทำให้เขินอยู่เหมือนกันนะ โดยเฉพาะตาคมๆ ดุๆ ของไอ้หมาบ้ายิ่งแล้วใหญ่ทำให้ขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
“อุ๊ย....” หนูอุทานขึ้น ความซุ่มซ่ามเป็นคุณสมบัติส่วนตัว ระหว่างตีไข่อยู่นั้นไข่มันก็กระฉอกขึ้นมาโดนเสื้อค่ะ เล่นเอาหนูตาโตทันที แถมเบะหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกต่างหาก
“เรื่องซุ่มซ่ามล่ะไม่มีใครเกิน วางไว้ตรงนั้นแหละ ไปห้องน้ำเถอะ ไข่มันเลอะเสื้อเหนียวหนืดแล้ว” ไอ้โรจน์เดินเข้ามาฉวยชามไข่ แล้วส่งเสียงดุๆ มาบงการ จนหนูต้องละมือจากชามแล้วพลิกกายเดินออกจากครัว
เข้าห้องน้ำเอาน้ำถูคราบไข่ที่เสื้อนักเรียนอยู่ดีๆ ประตูห้องน้ำที่แง้มอยู่ก็เปิดออก พร้อมผ้าขนหนูผืนโตที่โปะลงมาที่ศีรษะทุยๆ ของหนู หนูคว้าผ้ามาถือไว้แล้วหันไปมอง ก็เห็นไอ้โรจน์ยืนอยู่ไม่ห่างมากนัก
“ไหนๆ ไหนๆแล้ว อาบน้ำไปเลยแล้วกัน จะได้ถอดเสื้อออกมาซัก” มันว่าแล้วถอยห่างออกไป ปิดประตูห้องน้ำให้
ยืนงงกับปฏิกิริยาแปลกๆ ของมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสลัดความคลางแคลงใจทิ้ง มันอาจจะกินยาลืมเขย่าขวดมาก็เลยใจดีเป็นพิเศษก็ได้
อาบน้ำเสร็จแล้วแอบซักเสื้อที่เปื้อนเรียบร้อย พาดตากไว้ในห้องน้ำ แล้วให้ซักเสื้อแบบนี้หนูจะเอาเสื้อผ้าที่ไหนใส่ล่ะคะเนี่ย ทำให้หนูต้องเอาผ้าขนหนูพันกายตั้งแต่หน้าอกลงมา ถึงจะแบนแต่ก็อายนะคะ ค่อยๆ กระมิดกระเมี้ยนออกจากห้องน้ำไป ไอ้โรจน์นั่งดูทีวีที่เก่า มันคงรู้ว่าหนูออกมาแล้วเลยพูดลอยๆ ว่า
“ยืมเสื้อผ้ากูใส่ก่อนก็ได้” ใจดี... ใจดีเกินไปแล้ว นึกว่าจะบอกว่าให้แก้ผ้าจนกว่าเสื้อจะแห้งหรือใส่เสื้อผ้าชุดเดิมเสียอีก ช่วงปลายปีอากาศเย็นๆ เมื่อได้รับอนุญาตหนูก็ไม่รอช้ารีบขึ้นบันไดไปชั้นสอง เพื่อหาเสื้อผ้าของมันมาเปลี่ยนทันทีเลย
ตัวไหนดีนะ .... เผื่อใส่มาแล้วเป็นตัวโปรด แล้วมันหวงขึ้นมาโดนเตะเอวหักพอดีกัน หนูเลื่อนไม้แขวนเสื้อในตู้ไปมาก็ยังไม่หยิบเสื้อออกมาสักที จนได้ยินเสียงประตูห้องเปิดดังแอ๊ด ฝีเท้าของเจ้าของบ้านเคลื่อนเข้ามาใกล้....
“ยังไม่ได้อีกเหรอ” เสียงที่ดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้หนูตกใจจนต้องหันหลังกลับ ไม่คิดว่าไอ้โรจน์จะมายืนอยู่ใกล้ขนาดที่ว่าพลิกตัวไปสีร่างมันได้
ตึก ตัก ตึกตัก ใจเต้นแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นบ้าอะไรเนี่ยหนู หรือว่าสถานที่และสถานการณ์จะอำนวยเกินไป?
“อะ...เอ่อ...” เล่นเอาใบ้กินไปชั่วขณะ “กะ กำลังเลือกอยู่อ่ะ กลัวว่าถ้าเลือกตัวโปรดของโรจน์เดี๋ยวจะโมโหอีก”
“เหรอ? กูมันขี้โมโหขนาดนั้นเชียว” ไม่ค่อยขี้โมโหเล้ยยยยยยยย
“อ๊ะ...เปล่า ไม่ได้ว่าอย่างนั้น”
“ตัวไหนก็ใส่ได้ทั้งนั้นแหละ แต่ถ้าไม่ใส่จะดีซะกว่า”
“หาอะไรนะ?” โอ๊ย... จะเป็นลม เจอคำพูดทะลึ่งๆ แบบนี้แล้วหน้ามันร้อนวูบวาบเหมือนไข้จะกิน หัวสมองจินตนาการไกลจนกู่ไม่กลับ
“ไม่ต้องหา... ที่กูพามึงมาที่บ้านเนี่ยเพราะกูอยากจะสานต่อเรื่องเมื่อวันกีฬาสีให้แล้วเสร็จ” แว้ก... ไม่มั้ง!!
ทำไงดีเนี่ย เอาจริงเหรอเนี่ย? หนูหน้าเหวอพยายามหาทางหนีทีไล่
“เดี๋ยวก่อนนะ ทำแบบนี้ถ้าจอยรู้แล้วเขาจะว่ายังไงล่ะ” ขอลากนังชะนีมาช่วยหน่อยน ะเผื่อไอ้หมาโรจน์จะเปลี่ยนใจ
“มันนั่นแหละตัวดี แค่เห็นมึงไปกินข้าวกับแม่กูหน่อยเดียว คิดเป็นตุเป็นตะว่ากูกับมึงแอบคบกัน แถมยังพาไปเปิดตัวกับแม่มาอีก หนอยมาหาว่ากูเป็นเกย์ อยากให้กูเป็นนักใช่ไหม กูเป็นให้ซะเลย” ไปกันใหญ่แล้ว
“โรจน์ .... ถ้าคิดจะทำอะไรเพื่อประชดคนอื่น เราว่าอย่าดีกว่านะ ทางสายนี้เข้าแล้วออกยากนะ” เกลี้ยกล่อมต่อไปอย่างมีความหวัง
“ก็ดีสิ อยากรู้เหมือนกันว่าจะดีกว่าผู้หญิงจริงหรือเปล่า ถ้าดีจริง จะได้เลิกจีบผู้หญิง เรื่องมากเหลือเกิน” เป็นงั้นไป....
หนูทำหน้ากระอักกระอ่วนเกินบรรยาย จนมันจ้องหน้าหนูเขม็ง แล้วตะคอกมา...
“ทำไม นี่มึงรังเกียจกูนักเหรอ?” คำถามเคร่งเครียด และคาดว่าหากได้รับคำตอบแย่ๆ ออกไป มันคงอาละวาดจนห้องเละ หนูก็ได้แต่โบกมือให้
“ปละเปล่า.... ไม่ได้รังเกียจ” ขอแอบเอานิ้วไขว้ข้างหลังนิดหนึ่งด้วยนะคะ
“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ได้ ทำไมให้ไม่ได้” ถามแบบนี้แล้วจะตอบยังไง ทำยังกับต่อรองราคาสินค้าอย่างนั้นแหละ
“อะ...เรา...กะ...กลัว”
“กลัวอะไร” เสียงคาดคั้นตามมาอีก....
“กลัวเจ็บอ่ะ” หนูกลั้นใจตอบ หลับตาปี๋ คาดหวังว่ามันจะเห็นใจ กะเทยซิงๆ คนนี้บ้าง
ฮือ.... กลัวจริงๆ นะเนี่ย
และแล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ไอ้โรจน์มันถอนใจเหมือนจะเห็นใจเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ตวัดแขนโอบเอวหนูเข้ามาชิดส่งสายตามาสะกด
“ไม่ต้องกลัวหรอก รับรอง. .. ไม่เจ็บ ไม่เจ็บเลยสักนิดเดียว!” มันทำเสียงอ่อนโยนซะหนูอึ้ง ไอ้คนเถื่อนๆ แบบมันมันมีช่วงเวลาหวานๆ หรือน้ำเสียงนุ่มๆ แบบนี้กับเขาด้วยเหรอ หรือเป็นเฉพาะเวลาจะผสมพันธุ์อย่างเดียวเนี่ย?
เว้าวอนซะขนาดนี้ คนใจอ่อนอย่างหนูจะทำอะไรได้ นอกจาก “สมยอม” แบบงงชีวิต
จูบที่สองของชีวิตถูกประเคนมาให้ ฝ่ามือโตๆ ที่เลื่อนไล้ผ่านเรือนร่างบอบบางจนสั่นไปทั้งตัวไม่รู้ว่าหนาวหรืออะไร...
ไว้อาลัยให้ผ้าขนหนูที่หลุดออกจากกาย ....
... ชะตาชีวิตน้องฐาคนสวยสงสัยจะหนีไอ้โรจน์ไปไม่พ้นแล้วคราวนี้
และแล้ว... มรสุมร่ายก็พัดผ่านเข้ามาในชีวิต.... ระลอกแล้วระลอกเล่า....
บอกตัวเองว่า ไม่เจ็บ ไม่เจ็บ ไม่เจ็บ.....
ซะที่ไหนกันล่ะ!!
ทุกครั้งที่ตัวตนของมันทิ่มแทงมาอยู่ในตัว มันรวดร้าวทรมานราวร่างจะแยกออกจากกัน
ฮือ..... ไอ้บ้าโรจน์ จอมโกหก ตอแหล ตรงไหนที่ว่าไม่เจ็บเนี่ย ฮือๆ....
ถ้ารู้ว่าจะเจ็บโคตรๆ ขนาดนี้ล่ะก็....
ยอมขึ้นคานซะดีกว่าอีก! ฮือ....ฮือ....ฮือ.................................................
ขอโทษนะที่ข้ามฉอตมากเลย แบบว่า ฐากับโรจน์นี่จิ้นให้ไม่ไหวจริงๆ วานไปจิ้นกันเองเด้อ
ChCh13
ฮา นิก็ว่าอย่างนั้นแหละ แจอุคตอนผมยาว เคะมากๆ อ่ะ ยิ่งอันที่ให้ดูนี่ ตัดต่อออกมา ซอคเป็นฝ่ายเริ่มตลอดเลยอ่ะ เหอๆ เหมือนซอครุกแล้วแจอุค รับไรเงี้ย ฮาๆ
http://www.youtube.com/watch?v=dPZE46nqE4Y&feature=related ว่างๆ แวะไปดูอันนี้นะ ชอบมากอ่ะ อันนี้เคยดูนานมากแล้ว อยากแชร์เลยไปเสิร์ชลิ้งค์มา เลยไปเจออีกสองตัวที่ยังไม่ได้ดู ขอโหลดก่อน (เน็ตที่บ้านโคตรอืด เซ็งเป็ดแฮะ)
แต่ความจริงที่บอกว่าเป็นกันย์ก็ไม่เชิงหรอก เพราะอย่างที่บอกว่า แจอุคสูงกว่าแต่ดูตัวเล็กกว่าอ่ะ ไม่ให้จะเป็นกันย์เท่าไร เพียงแค่นิยังหาอิมเมจกันย์ตรงๆ ไม่ได้เท่านั้นเองเลยยืมจิ้นไปก่อนแต่เคยเห็นรูปแจอุคตอนถอดเสื้อแล้วล่ำน่าดูเลย!! (ถ้าเอาสองคนนี้คู่กันจริง สงสัยมันต้องมีสักวันที่กันย์จะรู้ว่า “ไอ้เล็กนิดเดียว” มันเป็นยังไงแน่เลย ฮาๆๆๆ)
ปล. ในหนังอ่ะ ตอนที่มูคยอลเมาหล้าแล้วจองอินพากลับมาบ้าน ตื่นขึ้นมา มูคยอลทำหน้าง่วงอยู่บนเตียงเสื้อก็ไม่ใส่ จองอินเพิ่งอาบน้ำเสร็จแล้วบอกว่า “จำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เลยเหรอ” น่ะ โอ๊ย ดูแล้วฟินมากๆๆๆๆๆๆ
ถ้าไม่มีนางเอกล่ะก็ คู่นี้มีกระแสวายลั่นเปรี๊ยะๆ เลยล่ะ ขนาดตอนจบ จองอินยังย้ายของไปอยู่บ้านมูคยอลเลย