ตอนที่ 13 โมโหหึง
“ผัดไทยจานนึง” หนูตะโกนบอกพ่อค้าหน้าขาวที่ยืนเหงื่อตกหน้าเตา แล้วค่อยๆ ย้ายวารไปนั่งที่โต๊ะที่ว่าง
วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศมากินผัดไทยที่บ้านออยค่ะ บ้านมันขายผัดไทยหอยทอดรสเด็ด
“ผัดไทยจานนึงครับ” เสียงทุ้มอีกเสียงที่พูดตามนั้นคุ้นเหลือเกินจนหนูต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย
ฮึ้ย.... พรหมลิขิต.....
“นั่งด้วยคนนะครับ” คำถามที่แสดงความเว้าวอนนั้นทำให้หนูอึ้งไปเป็นครู่ก่อนจะพยักหน้าเหมือนคนไร้สติ
ดวงตายังเบิกค้างจ้องมองหน้าพี่ชลที่ไม่ได้เห็นใกล้ๆ มานานเกือบเดือนแล้ว
จริงสินะพี่ชลจะมากินผัดไทยที่ร้านแฟนตัวเองก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก การที่หนูได้มาเจอกับเขาที่นี่คงไม่ใช่ “พรหมลิขิต” อะไร มันเป็นแค่ความ “บังเอิญ” เท่านั้นเอง
ความจริงมันช่างโหดร้าย เศร้า....น้องฐาเศร้า....
“ไม่ได้เจอตั้งนานนะ สบายดีเหรอ” อีกฝ่ายทักทาย แต่ไม่ทำให้หนูอารมณ์ดีขึ้นเท่าไร ได้แต้พยักหน้าเบาๆ
“ครับ สบายดี”
“แล้ววันนี้มาคนเดียวเหรอ?”
“ครับ มาคนเดียว”
“งั้นดีเลย บ่ายๆ ไปกินเอ็มเคด้วยกันไหม” ฮะว่าไงนะ .... แอบทำหน้างงใส่ทันที
กึก.... เสียงจานผัดไทยวางอยู่ตรงหน้าพร้อมกับร่างเพื่อนสาว? ที่มายืนอยู่ข้างโต๊ะ
“ไม่ไป” มันตอบด้วยเสียงขุ่นๆ มองหน้าพี่ชลเหมือนจะหาเรื่อง พี่ชลทำเป็นไม่สนใจออยหันมาหาหนูแทน
“พี่ชวนฐาคนเดียวนะ ไม่ได้ชวนออยด้วยสักหน่อย” อ้าว....... หนูทำหน้างง ส่วนออยหันไปค้อนใส่พี่ชล “แต่ถ้าออยอยากไปก็ไม่ห้ามหรอกนะ”
โธ่เอ๊ย.... นึกว่าอะไร ที่แท้ก็แค่แกล้งไม่ใช่เหรอแบบนี้ ใจจริงก็อยากให้เขาไปด้วย....
หรือว่าจะงอนอะไรกันอยู่.....
“นั่นสิ ออยไปด้วยกันเถอะนะ ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันมาตั้งนานแล้วนะ” หนูคะยั้นคะยอทันที
“ฉันต้องเฝ้าร้านอ่ะ เอาไว้วันหลังค่อยไปแล้วกันนะฐา” มันบอกปัด จนหนูต้องทำหน้าเสียดาย
“ลื้อไปเถอะอาตี๋ เดี๋ยวม้าลื้อเขาก็ดูร้านเองแหละ อยู่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรนักหรอก” อาม่าของออยเดินผ่านมาพอดีแล้วเอ่ยปากอนุญาต หนูยิ้มหวานให้เพื่อนที่ย่นคิ้วเหมือนจะงอนอาม่า ซึ่งหนูไม่แน่ใจนะว่ามันงอนเพราะโดนหาว่าไม่มีประโยชน์หรือเพราะโดนเรียกว่าอาตี๋กันแน่
“ทะเลาะอะไรกันเหรอ?” หนูถามขณะที่นั่งอยู่บนเตียงมองภาพเพื่อนสนิทถอดเสื้อยืดสีหม่นออก มองเห็นผิวขาวออกเหลืองของผิวคนจีน ทำให้เผลอจ้องมองผิวเนียนเรียบบนเรือนร่างผอมๆ นั้นอย่างเพลินตา น่าแปลก ที่คนกินเก่งอย่างออยทำไมไม่อ้วนเลยนะ
“กับใคร?” อีกฝ่ายส่งคำถามกลับมาขณะสวมเสื้อตัวใหม่
“กับพี่ชลไง” ตอบยิ้มๆ
“หือ....บ้าสิ ทำไมต้องทะเลาะกับเขาด้วยล่ะ”
“งั้นก็งอนกันเอ้า...เห็นแง่งๆ ใส่กัน”
“เปล่าทะเลาะ แค่รำคาญ วันหยุดทั้งทียังจะแวะมากวนประสาท” มันบ่นอย่างหงุดหงิด
“ก็คนเค้าคิดถึง แฟนกันก็ต้องอยากเห็นหน้ากันทุกวันเป็นเรื่องธรรมดา” หนูว่ายิ้มๆ
“แฟนอะไรของแก ชักจะไปกันใหญ่แล้ว”
“ก็แกกับพี่ชลไง แกไม่ต้องปิดหรอก หรือว่าเขาห้ามไม่ให้แกบอกใคร ฉันสัญญาจะไม่บอกใครหรอก”
“ก็บอกว่าไม่ใช่ไง เรื่องอะไรจะไปคบให้โง่ หูดำออกปานนั้น” มันปฏิเสธด้วยเสียงหงุดหงิด
“หรือว่า ยังไงไม่ได้คบ แต่กำลังจีบกัน” หนูคาดคั้นต่อ มันต้องมีสักอย่างสิ ไม่งั้นจะสนิทกันขนาดนั้นเหรอ
“ไม่ได้คบแล้วก็ไม่ได้จีบ ไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้นแหละ ก็แค่อยู่บ้านใกล้กัน เท่านั้นจริงๆ” อีกฝ่ายตอบกลับมาชัดถ้อยชัดคำ
แป่ว.... อะไรอ่า.... อย่าบอกนะว่าหนูเข้าใจผิดมาตลอดเลยอ่ะ
เสียหายหลายแสนเลย ฮือ.... พลาดโอกาสทองไปตั้งหลายครั้งได้ยังไงกันเนี่ย
หนูทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้จนออยทำหน้างง
“เป็นอะไรของแก ทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้”
“ฮือ.... ทำไมแกไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้ล่ะ ฉันนึกว่าแกคบกับเขาอยู่ฉันก็เลย.... ฮือ...รู้งี้ เลยตามเลยซะก็ดีหรอก”
“ก็แกไม่ถามฉันล่ะ...แล้วเลยตามเลยอะไร” มันถามกลับมาทำให้หนูพร่ำๆ เรื่องที่พี่ชลเขาแอบมาก้อร่อก้อติก ตามจีบหนูอยู่พักนึง คิดแล้วก็เศร้า ถ้าไม่เข้าใจผิดล่ะก็ ต่อให้ไอ้โรจน์มาเคาะประตูเรียกโครมๆ ก็ไม่ยอมออกไปเปิดเด็ดขาด แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว ความบริสุทธิ์ผุดผ่องที่สู้รักษามานานตั้งสิบเจ็ดปีไม่มีเหลืออีกแล้ว ฮือ....
“ก็ดีแล้วนี่ ที่รอดมาได้ ไม่งั้นล่ะก็คงต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า เท่าที่รู้จักกันมา ฉันยังไม่เคยเห็นพี่ชลเขาจะคบกับใครเกินสามเดือนเลย”
“แล้วไง.... ถ้ากับพี่ชลล่ะก็ อย่าว่าแต่สามเดือนเลย แค่ได้นอนด้วยคืนเดียวก็เหมือนสวรรค์แล้ว” หนูว่าเพ้อๆ เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกว่าการมีเซ็กส์มันจะสุขมากสักเท่าไร เพียงแต่การได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่ตัวเองชอบต่างหากถึงจะเรียกว่าความสุขจริงๆ
ถึงยังไง “สมยอม” ก็ต่างกับ “ยินยอม” อยู่ดี
“อยากจะหัวเราะให้ฟันหัก คนปอดแหกอย่างแกน่ะเหรอจะกล้า พอถึงเวลาก็คงกลัวจนกำเดาไหลพราก” ออยส่งเสียงหมิ่นๆ
“ดูถูก... เดี๋ยวนี้ฉันพัฒนาแล้วย่ะ ไม่มีแล้วกำเดาอ่ะ” หนูเถียงฉอดๆ ถ้าเห็นหรือทำเรื่องอย่างว่าแล้วกำเดาทะลักทุกครั้งก็คงหมดตัวตายคาเตียงไอ้โรจน์หลายรอบแล้ว “แต่ช่างเถอะ โอกาสนั้นมันคงไม่มีวันย้อนกลับมาอีกแล้ว ฮือ.....”
พูดแล้วมันเศร้า....
“ไม่เห็นจะยากเลย.... ถ้ามันย้อนกลับมาจริงๆ อย่าเปลี่ยนใจแล้วกัน”
....................
.....................
“ไปห้องน้ำนะ” ออยพูดขึ้นขณะที่เราสามคนนั่งกินเอ็มเคกันมาพักใหญ่แล้ว
หนูกับพี่ชลเงยหน้าขึ้นมองออยที่ยืนขึ้นแล้วพยักหน้าให้
“โอกาสมาถึงแล้วอย่าให้หลุดมือนะแก” ออยก้มลงกระซิบที่ข้างหู ซึ่งทำให้หนูตกใจจนตาโต หันไปมองร่างของเพื่อนที่ลุกออกจากโต๊ะไปด้วยใบหน้าหวาดๆ
“กระซิบอะไรกันเหรอ?” พี่ชลถามขึ้นมาอย่างสงสัย ทำให้หนูได้แต่อึ้ง หันไปตอบตะกุกตะกัก
“อะ...เอ่อ..มันปวดท้องมาก คงไปนานน่ะครับ” หนูซุงแหลไปเรื่อย แล้วหัวเราะแหะๆ แก้เก้อ แล้วก็หาเรอื่งคุยกับพี่ชลไปเรื่อยๆ
“ฐานี่เป็นอย่างที่ออยเล่าให้ฟังเลยนะ”
“ออยมันเล่าว่าหนูเป็นยังไงเหรอคะ?”
“ร่าเริง แจ่มใส ไร้เดียงสา น่ารัก” อุ๊ยตาย กลับไปแล้วต้องให้ค่าสินบนเท่าไรเนี่ย
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” หนูตอบ เอาตะเกียบทิ่มเกี๊ยวปลาในถ้วยตัวเองจนพรุนด้วยความเขิน
จนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงโต๊ะอื่นเขาเช็คบิลกันไปหลายโต๊ะแล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าออยจะกลับมา
เสียงโทรศัพท์ดังลั่นขึ้นหนูมองชื่อปลายสายด้วยความตื่นเต้น แล้วรีบกรอกเสียงลงไป
“ออย...แกอยู่ไหนเนี่ย...” หนูเรียกอย่างกระตือรือร้น จนพี่ชลก็หันมามองด้วยความสนใจ
“ถึงบ้านแล้ว....” มัตอบกลับเหมือนไม่อีนังขังขอบกับอะไรทั้งสิ้น
“เฮ้ย.... จะบ้าเหรอ แล้วทำไม...” หนูรีบโวยวายที่มันปล่อยหนูทิ้งไว้คนเดียว
“ฐา...หยดพูดก่อน....แกเงียบๆ แล้วฟังฉันให้ดีๆ นะ” มันสั่งด้วยเสียงจริงจังทำให้หนูชะงัก “แกบอกพี่ชลไปว่าฉันมีธุระด่วนกลับบ้านไปแล้ว แค่นั้นแหละ หลังจากเก็บเงินเขาจะอาสาพาแกไปส่งบ้าน ถ้าแกตอบตกลง จุดหมายปลายทางมันก็มีไม่กี่ที่ ไม่บ้านเขาก็โรงแรมที่ไหนสักแห่ง ตัดสินใจเอาเองนะว่าไอ้โอกาสที่แกบอกว่าจะไม่มาอีกเนี่ยเป็นสิ่งที่แกต้องการจริงหรือเปล่า ถ้าแกต้องการจะนอนกับเขาแค่คืนเดียวจริงๆ ฉันไม่ห้าม แต่ถ้าจริงจัง....ฉันไม่สนับสนุนหรอก”
อึ้ง..... ไม่คิดว่าอะไรมันจะง่ายขนาดนั้น หรือมาเร็วขนาดนั้น แต่จะบอกว่าเป็นไปไม่ได้ก็ไม่เชิง เพราะไม่ใช่ว่าเรื่องนี้จะไม่เคยเกิดขึ้น เพราะขนาดห้องเก็บอุปกรณ์พี่ชลยังกล้าเลย .....
“จะเปลี่ยนใจก็ยังทันนะ แค่ยืนยันว่าจะกลับเองก็พอ ฉันช่วยได้แค่นี้แหละ”
ถึงจะบอกว่าช่วยก็เถอะ.... ช่วยอะไรล่ะ รู้แบบนี้แล้วทำให้ตัดสินใจยากกว่าเดิมเสียมากกว่า
“แค่นี้นะ” แล้วออยก็วางสายไป ปล่อยให้หนูอยู่กับการตัดสินใจในเรื่องที่แสนยาก....
ทำไมนะ ถึงต้องเป็นโรคปอดแหกด้วย....
โอกาสมาถึงมือแล้ว จะกลัวอะไรเล่า ใช่ว่าไม่เคยเสียเมื่อไร แค่ครั้งเดียวเอง แค่นั้นก็พอแล้ว... อย่างน้อยก็กับพี่ชลเลยนะ
“ออยโทรมาว่ายังไงบ้าง ทำไมหน้าซีดอย่างนั้นล่ะ” พี่ชลถามมาทำลายสมาธิ
หนูเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าแสดงความห่วงใยนั้นด้วยความสับสน
“พอดีมันติดธุระน่ะครับ เลยกลับไปแล้ว” หนูตอบเสียงเบา
“งั้นเหรอ?” อีกฝ่ายรับทราบ ไม่แปลกใจเท่าไร “ฐาอิ่มหรือยังล่ะพี่จะเรียกเก็บเงินแล้วนะ”
“ครับ อิ่มแล้วครับ” หนูตอบรับและพี่ชลก็เรียกพนักงานมาเก็บเงิน ซึ่งแน่นอนว่าพี่เขาเลี้ยงค่ะ
เราสองคนเดินออกจากร้านแล้วพี่ชลก็พูดขึ้นมาว่า
“ให้พี่ไปส่งนะ”
ทำไงดี...ทำไงดี จะตอบว่ายังไงดี.....
พลั่ก....
ยังไม่ทันจะให้คำตอบ ร่างของหนูก็ถูกกระแทกจนเซนิดๆ ไปซบคนที่ยืนข้างหน้า พอพลิกกายหันไปมองตัวการก็ได้แต่เบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อพบไอ้โรจน์กับจอยยืนเคียงกันอยู่ตรงหน้า
“ขอโทษ.... นึกว่าใคร บังเอิญจังเลยนะคะ” จอยพูดอย่างเสแสร้ง หนูเหลือบไปเห็นหน้าบึ้งๆ ที่จ้องเขม็งของไอ้โรจน์แล้วทำให้หนูขนลุกวาบ
“มากันแค่สองคนเหรอ?” โรจน์ถามหนูเรียบๆ
“เปล่า..” กำลังจะบอกว่าออยก็มาด้วย แต่ว่า......
“ก็เท่าที่เห็น” พี่ชลเป็นฝ่ายตอบ ซึ่งทำให้หน้าไอ้โรจน์โหดขึ้นไปอีก “ขอโทษนะ เรากำลังจะกลับพอดี ขอตัวก่อนนะ ไปเถอะฐา” พี่ชลตัดบทแล้วจับมือหนูให้เดินออกมา แต่ไอ้หมาบ้าโรจน์มันดันดึงแขนหนูไว้ทันก่อนจะไปไหนไกล ทำให้แขนของหนูโดนรั้งไว้ทั้งสองข้างจนรู้สึกเจ็บ หนูออกแรงดึงแขนตัวเองกลับมาจนพี่ชลต้องหยุดเดินแล้วหันกลับมามอง
“ผมมีเรื่องจะคุยกับเพื่อนหน่อย พี่กลับไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมไปส่งฐาเอง” ไอ้โรจน์บอกพี่ชลด้วยเสียงเรียบๆ แต่ตาแข็งๆ
“ไม่ได้หรอก มาด้วยกัน ก็ต้องกลับด้วยกันสิ” พี่ชลตอบกลับหน้าตาเฉย
ฮือ... ศึกชิงนายแบบนี้ไม่สนุกเลยนะ....
โรจน์หันมาจ้องหน้าหนูดุๆ เหมือนจะบอกให้ทำอะไรสักอย่าง แค่เห็นก็ฉี่จะราด... จำต้องหันไปส่งสายตาวิงวอนทางพี่ชล
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่กลับก่อนเถอะ เดี๋ยวผมกลับกับเพื่อนก็ได้ วันนี้ขอบคุณมากนะครับ”
พี่ชลถอนใจหนึ่งเฮือกก่อนจะพยักหน้าอย่างเซ็งๆ ยอมกลับไปแต่โดยดี หนูหันกลับไปมองหน้าโรจน์ที่ยังบึ้งตึงไม่หาย ส่วนคนที่มันพามาด้วยทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ปนสะใจยังไงบอกไม่ถูก
“มึงมากับกูเลย” ไอ้โรจน์บอกเสียงเครียด จับข้อมือหนูบีบแน่นจนอึดอัดพาลากออกจากหน้าร้านเอ็มเค
“อ้าว โรจน์จะไปไหนเรายังไม่ได้กินอะไรเลยนะ” จอยทักท้วง ด้วยเสียงกระเง้ากระงอด
“ไว้ค่อยกินวันหลัง” มันตอบด้วยเสียงโหดๆ จนจอยไม่กล้าเซ้าซี้ และหนูเองก็ไม่กล้าโวยวายหรือขัดขืนเมื่อมันกระชากร่างให้เดินห่างออกมา
..............................
........................
เพี้ยะ!!!
ร่างของหนูลงไปกองที่พื้นห้องนอนทันทีเมื่อเจอมือใหญ่ๆ ของมันที่ฟาดลงมาในขณะที่กำมืออยู่อย่างแรงจนหน้าชา หนูเอามือกุมแก้มตัวเอง เนื้อตัวสั่น
“นี่ใช่ไหม เหตุผลที่มึงบอกให้กูไปคบคนอื่น ให้กูไปคบกับผู้หญิงซะ แล้วคิดซะว่าเรื่องของเราไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เสียงไอ้โรจน์ตะคอกอย่างโมโหจัด มันกำมือแน่น สั่นระริกด้วยความโมโห
หนูนั่งพับเพียบร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บและกลัว
“พูดให้ฟังดูดีว่าจะได้ไม่มีคนเขาลือกัน แต่เปล่า มึงจะได้ไปอ่อยคนอื่นได้ถนัดขึ้นต่างหาก” มันกล่าวหา พร้อมทั้งนั่งลง ส่งมือใหญ่กระชากเส้นผมของหนูอย่างแรงจนเจ็บไปหมด
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะโรจน์” หนูจำต้องปฏิเสธออกมาทันทีทั้งที่น้ำตายังพรั่งพรูไม่หยุด ยกมือขึ้นพยมอ้อนวอน
“มึงไม่ต้องมาตอแหลใส่กู มึงคิดว่ากูโง่นักหรือไง” มันถามด้วยใบหน้าที่น่ากลัวยิ่งกว่ายักษ์มาร ใช้ปลายนิ้วเชยคางหนูขึ้นไปสบตาเคียดขึ้ง ข่มขู่ ก่อนจะก้มลงมาประกบปากหนักๆ ราวค้อนเหล็ก....
ริมฝีปากแข็งๆ บดเบียดรุนแรงจนริมฝีปากแทบจะบวมเจ่อ รุกเร้าและเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ สัมผัสหยาบกระด้างที่จาบจ้วงบีบเค้นรุนแรงสร้างความเจ็บปวดมากกว่าความซ่านสยิว
“เจ็บ.... โรจน์...เบาๆ...เราเจ็บ”
“ก็ดี...เจ็บก็ดีจะได้เลิก.....ร่านไง”
ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะเถียงยังไง หรือทำยังไงต่อไป ได้แต่นิ่งเงียบแม้เสียงสะอื้นก็พยายามให้เบาลง
มันปลดเข็มขัดกางเกงยีนดึงรั้งอาวุธประจำกายให้ออกมาโดดเด่น บีบปลายคางหนูให้เข้าหาบังคับส่วนนั้นให้เข้าไปในปาก อึดอัดคนอยากจะคายออกแต่ทำอะไรไม่ได้ ไม่คุ้นชินเพราะหลังจากที่เผลอทำมันเจ็บไปครั้งนึงเมื่อวันกีฬาสี มันไม่เคยให้หนูใช้ปากกับส่วนนั้นของมันอีกเลย
แต่ครั้งนี้มันกลับกดหัวหนูให้อยู่ตรงนั้นจนหนูแทบหายใจไม่ออก แทบสำลักกับการขยับตัวจนเจ็บคอหอย... ยิ่งมันเคลื่อนกายเร็วขึ้นเท่าไรก็ยิ่งอึดอัดทรมานขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นาน ....ของเหลวสีขาวขุ่นก็ทะลักคาปากของหนู....
เค็มคาว... จนต้องคายทิ้ง.....
“มึงกล้าคายของกูเหรอ”
เพี้ยะ..... หนึ่งฉาดเน้นๆ ที่ใบหน้าจนเลือดซิบที่มุมปาก ยังไม่ทันจะพยุงกายลุกขึ้นนั่งด้วยซ้ำอีกฝ่ายก็ผลักให้นอนลงจนร่างหนูหงายลงไปกระแทกพื้นอีกครั้ง มันตามมาคร่อมไว้ทำให้ขยับหนีไปไหนไม่ได้....
ร่างของหนูอ่อนแรงทอดซบอยู่บนพื้นห้องได้แต่นิ่งสนิททนรับแรงอารมณ์ที่คุกรุ่นโดยไม่แม้แต่เปลืองแรงต่อต้าน แม้ว่าจะเจ็บปวดทรมานเท่าไรก็ตาม
สองมือใหญ่กระชากฉีกทึ้งเสื้อผ้าจากร่างของหนูออกโดยแรง ฟอนเฟ้น ขบกัดไปเรื่อยจนบอบช้ำไปทั้งตัว
หนูร้องไห้จนหายใจแทบไม่ไหว...มันเหนื่อย มันทรมาน....
หลังจากระบายความโกรธจนพอใจมันก็กดแก่นกายเข้ามาประสานร่างของหนู
เจ็บ.... ไม่มีความอ่อนโยนอ่อนหวาน ไม่มีแม้แต่คำปลอบประโลม... ไม่มีแม้แต่การเตรียมช่องทางด้วยนิ้ว
เสียงร้องที่เล็ดลอดออกมาเพราะความเจ็บปวดถูกสกัดกั้นด้วยก้อนเสื้อยืดที่มันยัดเข้ามาในปากที่อ้าค้าง พร้อมทั้งเคลื่อนกายเข้ามาโดยไม่รอให้พร้อม ขยับกายรุนแรงเหมือนหนูเป็นสิ่งของที่ไร้ชีวิตเจ็บปวดไม่เป็น
เจ็บ........ มีแค่นั้นจริงๆ ....
ถึงที่ผ่านมาจะไม่ได้เรียกว่าสุขเท่าไร แต่ก็ไม่ทรมานมากเท่านี้.....
เมื่อไรจะเสร็จ เมื่อไรจะเอาออกไปซะที เมื่อไร....
เมื่อไร... จะไม่ต้องกลับมาอยู่ตรงนี้อีก....
ในหัวมีแต่คำถามพวกนี้วนเวียนไปมาไม่รู้จบ...
ความทรมานที่เนิ่นนานผ่านไปจนมาถึงช่วงสุดท้ายที่ร่างด้านบนขยับตัวกระชั้นขึ้นเรื่อยๆ จนหยุดนิ่ง บ่งบอกว่าทุกอย่างได้มาถึงจุดสิ้นสุด ในขณะที่ตัวหนูกลับตรงกันข้าม อย่าว่าแต่เรื่องจะถึงหรือเปล่า คำว่า “เสียว” ก็ยังไม่เฉียดมาสักนิด....
ตอนที่มันถอนกายออกไป หนูยิ้มแม้จะยังเหลือซากคราบน้ำตาเปราะเต็มแก้ม...
อย่างน้อยก็จบซะที....
“บอกกูทีสิ เวลาที่มึงไปนอนกับคนอื่น มึงแข็งทื่อเป็นท่อนไม้อย่างนี้ตลอดหรือเปล่า....” มันตะคอกถามด้วยน้ำเสียงหยามเหยียด...
หึ...ท่อนไม้... นั่นสินะ เพราะเป็นท่อนไม้เลยเจ็บปวดไม่เป็นงั้นสิ....
นั่นสินะ.....ที่มันบอกว่าหนู “ห่วยแตก” ก็คงจะจริงนั่นแหละ เพราะหนูไม่ได้ขัดขืนอะไรเลยก็จริง แต่หนูมักจะนอนนิ่งปล่อยให้มันทำๆ ไปให้เสร็จ น้อยครั้งมากที่จะเสร็จก่อนหรือพร้อมๆ กัน แต่ถ้ามันเสร็จก่อน หนูไม่เคยขอร้องให้มันช่วยเลยสักครั้ง
หนูเงียบกับคำถามนั้น.... นึกไม่ออกจริงๆ ว่า ถ้าไปทำอย่างนี้กับคนอื่น หรือคนที่ตัวเองรัก มันจะเป็นยังไง
และไม่เคยคิดมาก่อนว่า มันจะทำเสียงที่แสดงความเจ็บปวดได้ขนาดนั้น ตอนที่ถามว่า.....
“บอกกูที... ว่ามึงเคยรักกูจริงๆ หรือเปล่า?”
.....................................................
แรกๆ ก็สงสารน้องฐานะ .......
แต่พอจบ.....ทำไมนิสงสารโรจน์จัง
ฐามันซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า.... เสแสร้งไม่เก่งเลยจริงๆ
จะว่าไปแล้ว โรจน์รักฐานะ แต่ไม่แสดงออกมาเท่านั้นเอง
ฐาซะอีก ที่ไม่ได้รักโรจน์เลย นั่นเพราะโรจน์มัน....ซึนอ่ะ รักแต่ไม่ค่อยทำดีด้วยแล้วใครมันจะไปรักตอบฟะ
ใครเรียกร้องหาพี่ชลคะ ?? ฮา... เป็นไง ออกมาปุ๊บ ฐาซวยเลยเห็นไหม?
คิดว่าพี่ชลออกแนวใจดีแล้วก็เจ้าชู้เหมือนพี่โต้งเลยอ่ะ แต่บังเอิญเจ้าเล่ห์กว่าเยอะอ่ะ
นิเขียนตัวละครเลวๆ ไม่ค่อยเก่งค่ะ ออกแนว ครึ่งๆ กลางๆ มากกว่า ไม่ดีมาก ไม่เลวมาก
แม้แต่น้องฐา ก็ไม่ใช่ว่าดีมากนะ มันอยู่ที่คนอ่านรักและเอ็นดูเลยเข้าข้างเท่านั้นเอง หึหึ