กลับมาต่อแล้วค่ะ คาดว่าตอนหน้าก็คงจะเป็นตอนจบแล้ว (หรือถ้ามันยาวก็อาจจะแบ่งได้อีกตอน )
ไหน ๆ ก็เป็นนิยายผี ก็ขอจบแบบผี ๆ นี่ล่ะค่ะ หึ ๆ .... (หัวเราะไม่น่าไว้ใจ)
เชิญอ่านตอนนี้กันได้เลยค่ะ ส่วนตอนหน้าจะรีบปั่นมาให้อ่านนะคะ ^ ^ ม่านราตรี
บทที่ 26
นิยายเรื่องที่สองของตุลาได้รับการตีพิมพ์และมีผลตอบรับจากนักอ่านค่อนข้างดีไม่แพ้เล่มแรก แถมเผลอ ๆ จะดีกว่าเล่มแรกด้วยซ้ำ เพราะเพียงวางขายไม่นานเขาก็ได้รับการแจ้งจากสำนักพิมพ์ว่าจะมีการตีพิมพ์ซ้ำครั้งที่สองเร็ว ๆ นี้
“ยินดีด้วยนะเจ้าหนู ตอนนี้เธอกลายเป็นนักเขียนใหญ่ยิ่งกว่าอาของเธอแล้วล่ะมั้ง”
อธิปเอ่ยชม ตอนนี้ทุกคนในคฤหาสน์กำลังร่วมงานเลี้ยงแสดงความยินดีกับตุลา ณ บริเวณสวนหน้าซุ้มราตรี แสงไฟหลากสีถูกประดับตกแต่งไปตามซุ้มแลดูสวยงามยิ่งนัก
“ไม่หรอกครับ ถ้าอายังอยู่ป่านนี้คงจะดังยิ่งกว่าจนผมเทียบไม่ติดก็ได้”
กริชสั่นศีรษะอย่างระอากับการถ่อมตัวของหลานชาย เขาเองก็คิดเหมือนอธิปที่ว่าตุลานั้นมีพรสวรรค์ในการแต่งนิยาย แม้สำนวนการดำเนินเรื่องจะยังไม่เข้าขั้นนักประพันธ์ชั้นครู แต่นิยายของตุลานั้นมีเสน่ห์ทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ร่วมและลุ้นระทึกไปกับเหตุการณ์ในแต่ละหน้ากระดาษได้เป็นอย่างดี
“ความจริงคุณกริชก็น่าจะเขียนหนังสือต่อได้นะคะ ที่นี่ก็มีอาถรรพ์พอที่จะให้คุณแสดงร่างออกมาได้อยู่แล้ว คุณก็แค่พิมพ์เรื่องที่คุณแต่งลงไปในคอมแค่นั้นไม่ใช่หรือคะ”
ราตรีเสนอความเห็นทำให้ตุลาตาวาวแล้วรีบหันไปทางอาของตน ทว่าวิญญาณหนุ่มกลับยิ้มน้อย ๆ แล้วสั่นศีรษะปฏิเสธ
“ตอนที่ฉันเลือกเดินทางนี้ ฉันก็ตัดสินใจละทิ้งทุกอย่างในโลกไปหมดแล้ว จะมีก็แค่ตุลเท่านั้นที่ฉันยังเป็นห่วงอยู่ ส่วนเรื่องงานเขียนตุลก็สืบทอดต่อจากฉันไปแล้ว ฉันจึงไม่จำเป็นต้องสานต่อมันอีก”
คำตอบของกริชสร้างความเสียดายให้กับตุลายิ่งนัก แต่เขาก็เข้าใจในสิ่งที่อาบอกดี และเขาก็ตั้งใจแล้วว่าจะเป็นนักเขียนนิยายที่ดีและมีชื่อเสียงตามความฝันของอาให้ได้
“ฮึ...ใช่สิ ห่วงก็แค่หลานตัวเองเท่านั้นล่ะนะ”
อธิปที่นั่งข้าง ๆ บ่นขึ้นอย่างน้อยใจ ทำให้วิญญาณหนุ่มต้องหันไปมองพลางลอบยิ้ม
“ไม่เห็นแปลก ญาติพี่น้องก็ต้องมาก่อนคนรักเป็นธรรมดา”
กริชเปรยเบา ๆ สร้างความหมั่นไส้ให้กับคนฟังยิ่งนัก แต่ก็นับว่ายังดีที่อีกฝ่ายกล้าเรียกเขาว่าคนรักต่อหน้าคนอื่น อย่างไม่เขินอายเหมือนช่วงแรก ๆ ที่คบกัน
“คอยดูเหอะ คืนนี้จะจัดชุดหนักจนต้องครางขอร้องเสียให้เข็ด”
อธิปบ่นงึมงำ ทว่าทุกคนนอกจากตุลากลับได้ยินชัดเจนดี ดังนั้นนอกจากกริชที่นั่งหน้าแดงด้วยความฉุนปนอาย คนอื่นก็พากันอมยิ้ม และหัวเราะคิกคักกันเบา ๆ จนตุลาแปลกใจ
“ไม่มีอะไรหรอก พอดีทุกคนนึกเรื่องตลกขึ้นได้พร้อม ๆ กันน่ะ”
พาทิศแสร้งตอบคำถามคนรัก แต่นั่นทำให้ตุลายิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่
“ใช่...พวกเรานึกถึงตอนตุลเข้ามาอยู่ใหม่ ๆ ตอนนั้น ตุลขี้กลัวจะตาย หลอกนิดหลอกหน่อยก็เป็นลมละ”
รุ้งพรายรีบเสริม เพราะขืนบอกเรื่องที่อธิปบ่นไป มีหวังกริชอาละวาดจนงานเลี้ยงได้ยุติแน่
“อ๊ะ ก็ตอนนั้นทุกคนชอบแกล้งผมกันนี่ครับ”
ตุลารีบบอก หน้าแดงน้อย ๆ ด้วยความอาย เพราะตนก็เผลอทำเรื่องน่าขายหน้าไปเยอะในช่วงปีกว่าที่ผ่านมา
“แต่ตอนนี้คุณตุลก็เก่งขึ้นเยอะนะคะ อย่างน้อยก็ไม่ค่อยได้ยินเสียงโวยวายตกใจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
ปิ่นสุดาเอ่ยชม แต่ก็ทำให้คนฟังยิ้มเจื่อน ๆ เพราะแต่ละคนดันจำเรื่องแย่ ๆ ของเขาได้หมด
“อืม...บางทีโรคกลัวผีของตุลอาจจะดีขึ้นแล้วก็ได้นะ”
ราตรีเอ่ยเสริม ทำให้ทุกคนนอกจากกริชหันมามองตากัน แล้วยิ้มแปลก ๆ จนตุลาชักสังหรณ์ใจพิกล
“เราไม่ได้ทำไอ้นั่นมานานแล้วนี่นะ...”
รุ้งพรายบอกพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จนกริชเอะใจ
“พวกนายจะคิดแกล้งอะไรตุลอีก...อ๊ะ อธิปปล่อยนะ!”
กริชที่เตรียมจะแย้งถูกอธิปโอบเอวรั้งมาใกล้ตัว พลางกระซิบบอก
“ไม่ดีหรอกหรือ...เขาจะได้เลิกขวัญอ่อนสักที เกิดใครรู้ว่านักเขียนนิยายผี กลับกลัวผีขึ้นสมองเสียเอง มันทุเรศออกนะกริช นายอยากให้หลานนายกลายเป็นตัวตลกหรือ?”
คำเกลี้ยกล่อมของอธิปทำให้กริชเริ่มลังเล แต่ตุลาที่พอจะรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองถึงกับสะดุ้งโหยง แล้วหันไปมองพาทิศคล้ายจะขอความช่วยเหลือ
“รับรองว่าฉันจะอ่อนโยนกับเธอในครั้งนี้แน่”
ผีดิบหนุ่มบอกพร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ จนตุลาต้องลอบถอนหายใจออกมาอย่างสิ้นหวัง
“ตามสบายครับ...ยังไงผมก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้วนี่”
เสียงหัวเราะคิกคักจากสามสาวดังขึ้นทันทีที่ตุลาพูดจบ พวกเธอเอ่ยปลอบโยนเขาครู่หนึ่ง แล้วจึงสุมหัวปรึกษากันในสิ่งที่ทำให้คนฟังขนลุกซู่ เพราะดูว่าพวกเจ้าหล่อนจะเอาจริงเอาจังเสียยิ่งกว่าครั้งก่อนเสียอีก
“ถ้าอย่างนั้นฉันร่วมด้วยดีไหมนะ...”
กริชที่เริ่มนึกสนุกเปรยขึ้นมา ทำเอาตุลาสะดุ้งเฮือกแล้วหันไปมองอาของตนอย่างไม่เชื่อสายตา
“อาไม่แกล้งหลานรุนแรงเหมือนพวกนี้หรอกน่า รับรอง”
กริชแย้มยิ้มอ่อนโยน แต่มันทำให้ตุลารู้สึกเสียวสันหลังวาบยังไงพิกล แม้ว่าตุลาจะลืมไปแล้ว แต่คนที่ทำให้เขากลัวผีขนาดหนักแบบนี้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นอาที่แสนดีของเจ้าตัวนั่นเอง
“อืม…มีนายกริชมาร่วมวงแบบนี้คงสนุกดี หมอนี่ยิ่งชอบคิดวิธีแกล้งคนแบบแปลก ๆ เสียด้วยสิ”
อธิปหันไปพึมพำกับพาทิศ ทำให้กริชที่ถูกนินทาหันขวับไปมองแล้วค้อนเข้าให้ จนอธิปต้องรีบง้อเพราะกลัวอีกฝ่ายงอนหนักจนเลิกล้มความตั้งใจเสียก่อน
“งั้นคืนนี้จะปล่อยเธอนอนพักให้เต็มตาไปก่อน ทว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ที่คฤหาสน์ม่านราตรีนี่จะกลายเป็นสถานที่สยองขวัญอย่างแท้จริงสำหรับเธอเอง”
พาทิศเปรยขู่ ทำเอาตุลาส่งเสียงฮึเบา ๆ ด้วยความงอน ที่แม้แต่คนรักก็ยังไม่ยอมเข้าข้างเขา แถมยังจะหาเรื่องแกล้งเขาเหมือนทุกคนอีก
“เอาน่า เดี๋ยวจะยอมให้ลงโทษหลังจากการทดสอบความกล้าจบลงนะ”
ผีดิบหนุ่มโน้มใบหน้ากระซิบข้าง ๆ หูคนรัก ทำให้ตุลาหน้าแดง แล้วบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ หายงอนไปกว่าครึ่งเรียบร้อย
“ถ้าอย่างนั้นก็กินเลี้ยงกันต่อ แล้วค่อยส่งตุลขึ้นไปพัก จากนั้นพวกเราก็มาปรึกษากันว่าใครจะหลอกอะไรยังไงช่วงไหน งานนี้ฉันตั้งใจว่าจะเริ่มตั้งแต่หกโมงเช้ายันถึงเที่ยงคืนของพรุ่งนี้เลย ดังนั้นเราจะมาหลอกรุนแรงเหมือนพวกผีปลอม ๆ ตามงานวัดหรือสวนสนุกตั้งแต่แรกไม่ได้ ต้องค่อย ๆ เพิ่มดีกรีความน่ากลัวทีละน้อย ให้สมกับเป็นผีจริงหน่อย”
กริชสรุปตัดบท ทว่าคำพูดของวิญญาณหนุ่มก็ทำให้หลายคนอึ้ง เพราะมันช่างผิดกับอิมเมจชายผู้รักหลานคนนี้เสียเหลือเกิน
“ขอบคุณจริง ๆ ครับอากริช...ที่ตั้งใจเพื่อผมแบบนี้”
ตุลาพึมพำด้วยความเหนื่อยใจ ทำให้กริชชะงักหันมามองหลานยิ้ม ๆ แล้วรีบบอก
“จะได้ให้ตุลจำความรู้สึกเวลาหวาดกลัวเอาไว้ไงล่ะ ประสบการณ์ตรงแบบนี้ทำให้เขียนนิยายได้ดีขึ้นนะ”
ตุลาฝืนยิ้มแห้ง ๆ ให้ เข้าใจว่าอาเป็นห่วง แต่ลึก ๆ แล้วในความเป็นห่วงนั่นคงมีความสนุกแฝงอยู่บ้างเป็นแน่
“เอาล่ะ ๆ มากินกันต่อดีกว่า เดี๋ยวเจ้าหนูตุลจะใจฝ่อเสียก่อน”
อธิปรีบเอ่ยขัด เช่นเดียวกันคนอื่นที่ช่วยกันชวนตุลาคุย และเล่าเรื่องตลกขบขันให้อีกฝ่ายลืมเรื่องที่จะเกิดขึ้น จนในที่สุดก็ถึงเวลาเกือบสี่ทุ่ม ทุกคนจึงคะยั้นคะยอกึ่งบังคับให้ตุลาเข้านอน ซึ่งชายหนุ่มก็จำยอมทำตามอย่างขัดไม่ได้ และพอส่งตุลาถึงห้องแล้ว สมาชิกที่เหลือของคฤหาสน์ม่านราตรี ต่างก็สบตากันไปมา แล้วจึงปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์น้อย ๆ บนใบหน้าของแต่ละคน ชนิดที่หากตุลาได้เห็น คงต้องขอตัวลี้ภัยหนีไปนอนบ้านบิดามารดาแทนเป็นแน่
ตุลาปรือตาขึ้นลืมอย่างงัวเงีย อากาศในช่วงใกล้เช้าของวันนี้ค่อนข้างหนาวกว่าทุกวัน จนทำให้เขาต้องลุกขึ้นตรงไปทำธุระส่วนตัวที่ห้องน้ำแต่พอจะเดินกลับมานอน เขาก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นอะไรบางอย่างวูบผ่านตรงระเบียงห้องตนไปแวบหนึ่ง
“ฮะ ๆ ตาฝาดน่า ...ก็พวกนั้นบอกว่าจะเริ่มหลอกเราตั้งแต่หกโมงเช้าเป็นต้นไปนี่นา”
ตุลาทำเป็นไม่ใส่ใจเพราะดูเวลาที่นาฬิกาแล้วก็เพิ่งแค่ตีห้าเท่านั้น ทว่าเขาก็ต้องสะดุ้งสุดตัวอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแหลม ๆ ลอยมาตามลมแผ่วเบา พร้อมกับร่างในชุดกระโปรงสีแดงสด มีผมยาวรุงรังปิดหน้าปิดตาวูบผ่านระเบียงไปอีกหน
“วะ...เหวอ แบบนี้ผิดสัญญานี่ครับ!”
ตุลากระโดดโหยงแล้วโวยวายลั่นห้อง แต่พอสิ้นเสียงเขาไม่เท่าไหร่ พวกรุ้งพราย ปิ่นสุดา และราตรี ก็กระโดดขึ้นมาที่ระเบียงอย่างตกใจ ส่วนกริชนั้นหายตัวแวบเข้ามาในห้องหลานด้วยสีหน้าเป็นห่วง โดยมีอธิปและพาทิศเปิดประตูตามมาติด ๆ
“เกิดอะไรขึ้นหรือตุล เป็นอะไรไปทำไมตะโกนโวยวายแบบนี้”
ตุลาเบิกตามองทุกคนไล่ไปเรื่อย ๆ แล้วก็ยิ่งหน้าซีด เมื่อนึกขึ้นได้ว่าชุดที่ราตรีใส่นั้นเป็นสีขาวมาตลอด แต่คนที่เขาเห็นลอยผ่านระเบียงไปนั่นใส่ชุดแดงชัด ๆ
“ผะ...ผมเห็นผี ...ผีผู้หญิงใส่ชุดแดงลอยผ่านหน้าต่างนั่นไป”
ทุกคนพากันนิ่งเงียบเมื่อได้ยิน ก่อนที่รุ้งพรายจะเป็นฝ่ายหัวเราะเสียงดัง แล้วคนอื่น ๆ ก็มีทั้งหัวเราะทั้งอมยิ้มตามมา
“อะ...หัวเราะอะไรกันครับ ผมซีเรียสนะ!”
ตุลารีบบอกด้วยความหงุดหงิด เพราะสีหน้าและแววตาที่ทุกคนมองมายังเขานั้น แสดงออกว่าไม่เชื่อเรื่องที่เขาพูดสักนิด
“ก็แหม...พวกเราอุตสาห์กลุ้มคิดเรื่องที่ว่าจะหลอกตุลยังไงให้กลัวพรุ่งนี้ดี ใครจะไปรู้ล่ะว่าตุลเองก็คิดจะหลอกให้พวกเรากลัวเหมือนกัน พัฒนาขึ้นนะเนี่ย!”
รุ้งพรายบอกหลังจากหยุดหัวเราะได้แล้ว คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย บ้างก็พึมพำอะไรเบา ๆ พร้อมรอยยิ้ม จนทำให้ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิด
“ผมไม่ได้แกล้ง ไม่ได้โกหกนะ ผมเห็นจริง ๆ กับตาตัวเองเลย ผีตนนั้นลอยผ่านระเบียงไปมาตั้งสองรอบแน่ะ!”
ตุลาโวยวาย แล้วชี้มือไปที่ระเบียง รุ้งพราย ราตรี และปิ่นสุดา ขมวดคิ้วน้อย ๆ แล้วจึงชะโงกหน้าไปดูรอบ ๆ สวน ก่อนจะหันมาสบตากัน
“ไม่มีนะคะคุณตุล ถ้ามีพวกเราที่อยู่ที่นี่ก็ต้องรู้สึกตัวสิคะว่ามีคนล่วงล้ำเขตแดนเข้ามา”
ปิ่นสุดาบอกขึ้นบ้าง นั่นจึงทำให้ตุลาชักเริ่มลังเลและไม่มั่นใจในสิ่งที่ตนเองเห็น
“หลานอาจจะกังวลเรื่องพรุ่งนี้มากเกินไป ....ถ้ายังไงเราจะยกเลิกทดสอบเรื่องความกล้าดีไหม หลานจะได้ไม่ต้องเห็นภาพหลอนนั่นอีก”
กริชเอ่ยปลอบหลานชาย แต่เสียงของรุ้งพรายนั้นขัดขึ้นมาก่อน
“อ๊า ...อุตสาห์นั่งประชุมคิดทั้งคืนเลยนะ”
“รุ้งนี่ก็ อยากให้ตุลประสาทเสียเพราะภาพหลอนทั้งวันหรือไง”
ราตรีดุเพื่อนสาว ทำให้รุ้งพรายหน้าจ๋อย จนตุลานึกสงสาร
“เอ่อ...ไม่ต้องหรอกครับ คงจะเป็นอย่างทุกคนพูด ผมคงเครียดเกินไป แถมเพิ่งตื่นก็อาจจะงัวเงียก็ได้ ส่วนเรื่องทดสอบความกล้า ไหน ๆ ทุกคนก็เสียเวลาคิดแล้ว ก็ทำต่อไปเถอะครับ”
คำพูดของตุลาทำให้ทุกคนในห้องรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก พาทิศโอบบ่าร่างของคนรักมาแนบกาย แล้วปลอบโยนเบา ๆ
“ไม่ต้องห่วงนะตุล รับรองพรุ่งนี้ตุลจะต้องพบกับประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน ...แน่นอน ไม่ใช่เรื่องแย่ ๆ อย่างเดียวหรอก”
ตุลาเงยหน้ามองผีดิบหนุ่มก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แต่ก็ยังคงยิ้มตอบรับอีกฝ่าย
“ครับ ...หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”
“จะให้อานอนเป็นเพื่อนยันเช้าดีไหม”
กริชบอกขณะดูเวลา เพราะยังเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงพวกเขาจึงจะเริ่มแผนการทดสอบความกล้าในครั้งนี้
“ง่า...เกรงใจครับ ผมนอนคนเดียวได้อยู่”
ตุลาบอกเพราะเห็นอธิปหน้าหงิกตอนที่กริชเสนอความเห็น ส่วนพาทิศหัวเราะเบา ๆ แล้วบอกกับทุกคนในห้องนั้น
“ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมจะดูแลตุลจนถึงเช้าเอง ยังไงผมเองก็ไม่มีบทบาทอะไรในช่วงเช้าของพรุ่งนี้อยู่แล้ว”
คนอื่น ๆ หันมาสบตากันแล้วพากันพยักหน้าเห็นด้วย แต่รุ้งพรายก็ยังไม่วายกำชับก่อนจากไป
“แล้วอย่าใจอ่อนบอกความลับในการทดสอบความกล้าให้ตุลรู้ล่ะ นายยิ่งแพ้ลูกอ้อนตุลอยู่ด้วย!”
“เออน่า ไม่บอกหรอก ไป ๆ กันสักที ตุลจะได้นอนต่อ...จริงไหม”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับริมฝีปากผีดิบหนุ่มระหว่างพูด ทำให้ตุลาหน้าแดงน้อย ๆ พอจะเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อดี
“เชอะ! หวานกันนัก หมั่นไส้จริง ๆ ถึงตอนหลอกเมื่อไหร่ แม่จะหลอกให้ขวัญกระเจิงไปเลย”
รุ้งพรายบ่นงึมงำค่อนข้างดัง ทำเอาตุลาที่ได้ยินเข้าหันไปมองตาปริบ ๆ ส่วนราตรีนั้นหัวเราะน้อย ๆ แล้วตบบ่าเพื่อนสาวให้ใจเย็น ก่อนจะหันมาโบกมืออำลาชายหนุ่มเช่นเดียวกับปิ่นสุดา
“แล้วเจอกันตอนเช้านะเจ้าหนู”
อธิปบอกพร้อมกับลากแขนกริชให้เดินตามไปด้วยกัน สร้างความหมั่นไส้ให้วิญญาณหนุ่มยิ่งนัก แต่ก็ยังคงยอมเดินตามไปด้วยแต่โดยดี
“อีกแค่ไม่ถึงชั่วโมงเองสินะ”
ตุลามองนาฬิกาพลางพึมพำอย่างเป็นกังวล เขาเหลือบมองไปที่ระเบียงด้วยความหวาดหวั่น แต่ก็ต้องสะดุ้งน้อย ๆ เมื่ออ้อมกอดอันอบอุ่นของคนที่อยู่ด้วยสวมกอดตนจากเบื้องหลัง
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ถึงทุกคนจะบอกอย่างนั้น แต่ช่วงเช้า พวกเราจะปล่อยให้ตุลกินอาหารและทำธุระส่วนตัวตามปกติให้เรียบร้อยโดยไม่ก่อกวน เพราะฉะนั้นเธอก็ยังพอมีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจได้อีกตั้งนานเลยทีเดียว”
คำบอกเล่าของพาทิศทำให้ตุลาต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก เห็นดังนั้นผีดิบหนุ่มจึงหัวเราะเบา ๆ แล้วพลิกร่างของคนรักให้หันกลับมาเผชิญหน้าตน
“แล้วอย่าบอกรุ้งล่ะว่าฉันแอบบอก เดี๋ยวฉันจะโดนบ่นเข้าให้อีก”
ตุลายิ้มรับ แล้วพยักหน้า จากนั้นพาทิศก็โอบบ่าคนรักให้ไปที่เตียง พวกเขานอนพูดคุยหยอกล้อกันอยู่ตลอดยันเช้า เพราะตุลาเองก็นอนไม่หลับแล้ว และพอใกล้หกโมงเช้า แสงแดดเริ่มสาดส่องเข้ามาในห้อง พาทิศก็ขอตัวกลับไปด้านล่างเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้คนรักต่อไป โดยที่ตุลานั้นออกมายืนส่งอีกฝ่ายหน้าห้อง ก่อนจะรีบหายเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เพราะไม่มั่นใจว่าทุกคนจะเปลี่ยนแผน เป็นโจมตีเขาแต่เช้าไหมนั่นเอง
...TBC...
ป.ล. สำหรับตอนพิเศษ(หวานๆ) มีลงให้อ่านในบอร์ดแน่นอนค่ะ ยังไงก็ตั้งใจจะเขียนอยู่แล้วล่ะจ้า ทั้ังคู่อา คู่หลานเลย 