ม่านราตรี
บทที่ 28
เสียงพูดคุยที่ดังแว่วเข้ามาในหู ทำให้ตุลาต้องปรือตาขึ้นอย่างอ่อนล้า รู้สึกมึนหัวไปหมดน่ากลัวผ้าผืนนั้นที่ปิดหน้าเขาจะมีอะไรบางอย่างปะปนอยู่เป็นแน่
“อ๊ะ ตุลฟื้นแล้ว”
เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังขึ้นจากมุมหนึ่ง ตุลาสะบัดศีรษะไปมา ภาพที่นัยน์ตาเห็นเบลออยู่สักพัก แล้วจึงกลับแจ่มใสขึ้นเรื่อย ๆ
“ที่ไหน...”
ความรู้สึกเย็นเยือกทำให้ตุลาต้องห่อไหล่ อิฐทึม ๆ มืด ๆ บนพื้นที่เขานอนอยู่นั่นก็ชวนให้คุ้นตา คล้ายจะเคยเห็นมาก่อน
“ไง ....เจ้าหนู หลับไปนานเลยนะ นึกว่าจะไม่ฟื้นเสียอีก... ถ้าเป็นอย่างนั้นการแก้แค้นของฉันมันก็ไม่สนุกน่ะสิ!”
เสียงสูงเย็นชาไม่คุ้นเคยดังตามมา ตุลาหันไปมองยังต้นเสียง แล้วก็ต้องพบกับความตกตะลึงเมื่อเห็นร่างโปร่งใสในชุดแดง ยืนเท้าแขนอยู่บนเก้าอี้ไม้สักตัวใหญ่ที่พาทิศนั่งอยู่ แถมผีดิบหนุ่มยังถูกจับมัดติดอยู่กับเก้าอี้นั้นอีกต่างหาก ถัดออกไป พวกสมาชิกคนอื่นที่หายตัวไปก็ถูกจัดมัดด้วยเชือกนั่งบนเก้าอี้เรียงกันไปทีละคน และแต่ละคนก็ต่างสลบไสลคอพับคออ่อนไม่มีใครได้สติ นอกจากคนรักของเขาคนเดียว
“คุณพาทิศ นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือครับ...”
ผีดิบหนุ่มมีสีหน้าเจ็บปวด เขาหลบตาอีกฝ่าย แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงปวดร้าว
“ขอโทษนะตุล...เพราะฉันแท้ ๆ ทุกคนก็เลยโชคร้ายแบบนี้”
ตุลามองอีกฝ่ายอย่างงุนงง แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อผีสาวชุดแดง ลอยช้า ๆ มาอยู่ด้านข้างของพาทิศ แล้วใช้นิ้วชี้ผลักศีรษะผีดิบหนุ่มค่อนข้างแรง
“ใช่! เพราะนายนั่นล่ะ ที่บังอาจทรยศต่อความรักของฉัน ...ทำให้ฉันตายไม่พอ แต่ตัวเองดันหนีมามีความสุขคนเดียวแบบนี้!”
ตุลานิ่งอึ้ง มองทั้งคู่อย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“หรือว่าคุณ...ก็คือคนรักเก่า...ของคุณพาทิศ”
ชายหนุ่มพึมพำด้วยน้ำเสียงขาดหายเป็นห้วง ๆ เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังคงอยู่ แถมยังกลายเป็นวิญญาณอาฆาต และกลับมาแก้แค้นผีดิบหนุ่มอีก
“หึ...ใช่ ฉันก็คือผู้หญิงโง่ที่หลงรักหมอนี่...และก็ต้องโชคร้ายตายเพราะเขานั่นล่ะ!”
ผีสาวตวาดลั่น ตุลาเห็นพาทิศก้มหน้านิ่งหลบตาแล้วก็รู้สึกสงสารอีกฝ่ายจับใจ จนต้องเถียงสู้กลับไป
“ไม่ใช่ความผิดของเขาสักหน่อย ถ้าคุณเป็นคนรักเขาจริง คุณก็ต้องเข้าใจเขาสิ!”
ใบหน้าสวยหวานแต่ขาวซีดเผือดจนน่ากลัวหันขวับกลับมาที่ชายหนุ่ม แล้วจึงลอยวูบเข้ามาประชิดร่างของตุลา จนเขาแทบช็อก
“เธอมันจะรู้อะไรเจ้าหนู! ลองเธอต้องมาตายเพราะเขาบ้างสิ เธอจะได้รู้ว่าฉันน่ะรู้สึกยังไง!”
ตุลาตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวต่ออารมณ์เกรี้ยวกราดของผีสาว แต่แล้วร่างในชุดแดงก็ปรับอารมณ์ลงแล้วแสยะยิ้มน้อย ๆ ตามมา
“แต่ก็ดีไปอย่างที่เขาอยู่ในสถานที่แวดล้อมแบบนี้...แถมยังมีเพื่อนฝูงที่มีพลังวิญญาณเยอะแยะเต็มไปหมด”
“ชบา! ฉันบอกเธอแล้วไงว่ามันเป็นความผิดของฉันเอง ไม่ได้เกี่ยวกับตุล และทุกคนในม่านราตรีนี่!”
พาทิศโพล่งขัดขึ้นมา ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อพลังวิญญาณกดดันแรงกล้าของหญิงสาวพุ่งตรงใส่เขาพร้อมกับเสียงตวาดลั่น
“หุบปาก!”
พาทิศกัดฟันกรอด ผีสาวเห็นดังนั้นจึงแสยะยิ้มน้อย ๆ แล้วหันมาทางตุลาอีกครั้ง
“อยากช่วยคนรักของเธอไหมล่ะเจ้าหนู...แค่เธอยอมเสียสละร่างเนื้อของเธอให้ฉันสิงสู่ ฉันก็พร้อมจะปล่อยเขาให้เป็นอิสระทันที...อ้อ แต่เฉพาะเขานะ คนอื่น ๆ นั่นไม่เกี่ยว”
ตุลาตาเบิกกว้างด้วยความตกใจต่อข้อเสนอนั่น พาทิศพยายามตะโกนห้าม แต่ก็ถูกผีสาวหันกลับไปใช้พลังรัดเชือกที่มัดร่างนั้นให้แน่นขึ้นอีก จนตุลาต้องรีบร้องห้ามเมื่อเห็นใบหน้าเจ็บปวดของคนรัก
“อย่านะครับ! อย่าทำเขา!”
ชบาหยุดมือที่กำลังทรมานผีดิบหนุ่มแล้วค่อย ๆ บิดคอหันกลับมามอง จนทำให้ตุลาขนลุกซู่
“อยากให้หยุด ก็ทำตามข้อตกลงฉันสิ แล้วฉันจะปล่อยเขาไปตามสัญญา”
ตุลากลืนน้ำลายลงคอ เขามองพาทิศที่นั่งคอตกคล้ายหมดเรี่ยวแรง แล้วไล่มองไปยังคนอื่น ๆ ที่มีสภาพแทบไม่แตกต่างกันนัก
“ถ้าผมยอมสละร่างให้คุณ...นอกจากปล่อยคุณพาทิศแล้ว คุณก็ต้องปล่อยคนอื่น ๆ ไปด้วย”
เสียงหัวเราะแหลมสูงดังขึ้นทันทีที่ตุลาพูดจบ ร่างในชุดแดงบิดกายหันมาตามศีรษะที่หันไปก่อนหน้านั้น ก่อนที่เจ้าของร่างจะยิ้มเย้ยหยันอีกฝ่าย
“ได้คืบจะเอาศอกนะ ...”
ชบาทิ้งช่วงเว้นไว้ให้ตุลาพอจะมีหวัง ทว่าประโยคถัดมาก็ทำให้ชายหนุ่มแทบจะเข่าอ่อนเมื่อได้ยิน
“แต่ฉันขอปฏิเสธ... ทั้งมนุษย์ และภูตผีพวกนี้มีพลังวิญญาณมาก หากฉันกินพลังวิญญาณพวกมัน ฉันก็จะมีพลังเพิ่มขึ้น และจากนั้นฉันก็จะครอบครองผืนดินอันน่าอยู่นี้แทนในฐานะเจ้าของที่ถูกกฎหมาย โดยอาศัยร่างของเธอยังไงล่ะ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เสียงหัวเราะแหลมสูงก้องกังวานไปทั่วบริเวณห้องใต้ดิน ตุลามองวิญญาณตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ เขาไล่มองสมาชิกทุกคนในคฤหาสน์ม่านราตรีทีละคน และมาหยุดที่พาทิศ ซึ่งพยายามเงยหน้าบอกพึมพำให้เขาหนีไปจากที่นี่อย่างยากลำบาก
“ผมไม่เชื่อหรอก...”
ตุลาบอกเสียงแผ่ว จนชบานึกแปลกใจ
“ไม่เชื่ออะไรรึเจ้าหนู?”
“ผมไม่มีทางเชื่อว่าคุณเคยเป็นคนรักของคุณพาทิศน่ะสิ!”
ตุลาบอกเสียงกร้าวด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความโกรธ จนคนมองชะงักแล้วตวาดกลับไปบ้าง
“ฉันเป็นคนรักของเขา! ถามเขาสิ ว่าเขาเคยรักฉันมาก่อนไหม!”
“โกหก! ...ถ้าคุณเคยรักเขาจริง คุณก็ต้องเข้าใจเขาสิ ไม่ใช่มาแค้นเคืองและทำร้ายเขาแบบนี้ คนอย่างคุณน่ะ ผมไม่มีทางยกเขาให้หรอก!”
ชบานิ่งอึ้งเช่นเดียวกับพาทิศที่มองชายหนุ่มด้วยความตกตะลึง แล้วจึงตามมาด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ ด้วยความพอใจ
“ทุกคนที่นี่เป็นเพื่อน เป็นครอบครัว ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ผมก็จะไม่ยอมให้คุณทำร้ายใครได้แน่!”
ร่างโปร่งในชุดแดงเม้มปากแน่น ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ นัยน์ตาสีดำแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม แล้วจึงตวาดใส่ลั่น
“ดีงั้นก็ตายให้สมใจเสียเถอะ!”
ขาดคำร่างนั้นก็ลอยพุ่งเข้าหา ทว่ากลับต้องชะงักกึก ตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เมื่อตุลาล้วงขวดใสในกระเป๋ากางเกงออกมา แล้วเปิดจุกออกพร้อมกับสาดไปยังร่างเบื้องหน้า
“กรี๊ด!”
ร่างนั้นกรีดร้องด้วยความตกใจ ตั้งแต่ฝาจุกถูกเปิดออก เจ้าหล่อนหายตัวแวบไปอยู่หลังพาทิศก่อนที่น้ำมนต์ในขวดนั้นจะสาดมาโดนร่างวิญญาณของตนหวุดหวิด
“อะไรกันพาทิศ ไหนบอกเล่น ๆ ไงล่ะ น้ำมนต์นั่นของจริงนะยะ ถ้าฉันโดนเข้ามีหวังได้ไปเกิดใหม่แน่!”
ผีสาวโวยวายลั่นอย่างขวัญผวา ทว่าคำพูดของเธอทำให้พาทิศหน้าเจื่อน เจ้าตัวรีบจุ๊ปากให้อีกฝ่ายเงียบ โดยใกล้กันก็มีเสียงกลืนน้ำลายลงคอ ดังจากร่างของใครบางคนที่ถูกจับและสลบอยู่ และนั่นทำให้ตุลาเริ่มสังหรณ์ใจแปลก ๆ บางอย่างขึ้นมาได้
“ไม่จริง...หรือว่านี่ยังอยู่ในเกมทดสอบความกล้านั่น?”
“เอ่อ...คือ ฉันอธิบายได้นะตุล แบบว่า...”
พาทิศที่ดูมีเรี่ยวมีแรงผิดจากเดิมค้างคำพูดไว้ดื้อ ๆ เพราะเห็นแววตาเสียใจระคนโมโหจากคนรักของตนที่จ้องมองมาและไล่มองกวาดไปยังแต่ละคนในห้องนั้น
“ผมกลัวแทบตาย ...กลัวว่าทุกคนจะเป็นอันตรายแท้ ๆ”
น้ำเสียงและแววตาตัดพ้อนั่น ทำให้ร่างที่แกล้งสลบแต่ละคนเงยหน้าและลืมตาขึ้นมามองกันไปมาเลิ่กลั่ก
“ฉันบอกแล้วว่ามันไม่เวิร์กไง...ตุลโกรธจริง ๆ ด้วยเห็นไหม”
รุ้งพรายที่เลิกแกล้งสลบหันไปบ่นกับวิญญาณเพื่อนสาว แต่นั่นทำให้ราตรีหันมาเขม่นใส่หล่อน
“แล้วก่อนหน้านั้นใครกันที่หัวเราะคิกคักที่หลอกเขาได้ แถมยังปลื้มอกปลื้มใจที่ตุลห่วงตัวเองซะไม่มีน่ะ!”
พอราตรีพูดจบปิ่นสุดาที่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบเอ่ยเสริมตามมาทันที
“นั่นสิคะ...เป็นอย่างที่คุณราตรีบอกนั่นล่ะ”
“ไม่เข้าข้างแล้วก็อย่าซ้ำเติมสิยะปิ่น!”
รุ้งพรายรีบแก้ตัวเสียงแหลมใส่ เพราะตุลานั้นหันขวับมามองเธอเขม็ง เห็นดังนั้นอธิปก็ต้องถอนหายใจเบา ๆ เขาปลดเชือกที่มัดตัวเองออกง่าย ๆ เพราะมันแกล้งผูกไว้หลอก ๆ นั่นเอง
“คนต้นคิดล่ะว่าไง เงียบเชียวนะ”
หมอผีหนุ่มหันไปทางอีกคนที่นั่งข้าง ๆ เขา กริชเหลือบมองคนรัก แล้วจึงยักไหล่น้อย ๆ อย่างไม่ใส่ใจ
“ไม่ดีหรอกหรือ หลานฉันยอมทำทุกอย่างทั้งที่กลัวแทบตายก็เพื่อทุกคนในที่นี้ เพราะอย่างนั้นต่อให้เขาจะดูไม่เท่ หรือดูตลกยังไง แต่เพื่อทุกคนแล้วเขาก็สามารถเป็นคนกล้าได้อย่างไม่น่าเชื่อเช่นกันใช่ไหมล่ะ”
คำพูดของกริชทำให้คนที่กำลังโมโหเริ่มรู้สึกซาบซึ้งแทน โดยมองข้ามสิ่งที่อธิปบอกไปเสียแล้วว่า คนที่คิดแผนการครั้งนี้ขึ้นมาเป็นใคร
“อาครับ...”
ตุลาพึมพำเรียกอาของเขา กริชแก้เชือกออกแล้วลุกเดินไปหาหลานชาย ก่อนจะลูบศีรษะอีกฝ่ายเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
“อย่าลืมความรู้สึกนี้ล่ะตุล ต่อให้ต้องพบกับอุปสรรคขนาดไหน แต่ถ้าตุลนึกถึงคนที่ตุลรัก ตุลก็จะมีความกล้าที่จะฝ่าฟันมันเอง”
ตุลารับฟังด้วยความตื้นตันที่อานั้นคิดเพื่อเขาเช่นนี้ เจ้าตัวพยักหน้าน้อย ๆ แล้วตอบรับกลับไป
“ครับอา”
ภาพอันน่าซาบซึ้งของอาหลานทำให้หลายคนในห้องมองด้วยความรู้สึกทะแม่ง โดยเฉพาะรุ้งพรายนั้นถึงกับบ่นอุบออกมาทีเดียว
“ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมเราต้องโดนตุลโกรธ แต่เขากลับได้รับความชื่นชมจากตุลแทนล่ะ!”
“ฉันบอกพวกเธอแล้ว ว่าต่อให้ความแตก ยังไงคนต้นคิดอย่างนายกริชก็ไม่มีวันโดนโกรธหรอก”
อธิปเปรยขัดด้วยน้ำเสียงเอือมระอา จนทำให้คนฟังชะงัก แล้วหันไปค้อนขวับให้อย่างหมั่นไส้ ก่อนจะหันไปโอบบ่าหลานชายชวนเดินออกไปจากห้องนั้น
“ปล่อยพวกนั้นไปเหอะ ตุลคงเหนื่อยแล้วใช่ไหม พวกเราเตรียมงานเลี้ยงปลอบขวัญเอาไว้ให้ตุลแล้ว รับรองว่าตุลต้องชอบแน่ เพราะมันมีของโปรดตุลทั้งนั้น”
“เอ๋...เดี๋ยวครับ...แล้วผีผู้หญิงคนนั้น”
ผีสาวในชุดแดงพอได้ยินตุลาพูด เธอก็ชี้หน้าตัวเองอย่างแปลกใจ
“ฉัน? อ๊ะ! นี่เธอจำฉันไม่ได้จริง ๆ รึ เราก็เจอกันออกบ่อยไม่ใช่หรือไง”
คำตอบนั้นทำให้ตุลาขมวดคิ้วอย่างงุนงง แล้วย้อนถามกลับไป
“เอ๋? เคยเจอหรือครับ”
“เธอปรากฏกายในร่างนี้ เด็กนี่ไม่มีทางจำได้หรอก ลองกลับร่างเดิมของเธอดูสิชบา”
อธิปเปรยขัดเสียงเนือย ๆ ซึ่งผีสาวในชุดแดงพอได้ยินเธอก็ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ
“ค่ะนาย”
ผีสาวที่ชื่อชบาตอบ จากนั้นจึงปรากฏกลุ่มควันล้อมรอบร่างของเธอ ทว่าพอกลุ่มควันจางลง ตุลาก็ต้องเบิกตากว้าง อ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้เห็น
“ไงเจ้าหนู จำฉันได้หรือยัง เราเจอกันบ่อยใช่ไหมล่ะ นอกจากฉันก็มีพี่ชายฉันอีกสองคนยังไงล่ะ เอ๋? เจ้าหนู ....เจ้านายคะ เด็กนี่เป็นลมอีกแล้วล่ะ!”
หัวกะโหลกลอยได้ขยับปากพูดเป็นชุด แต่คนอื่น ๆ นี่สิ กลับถอนหายใจแทบจะพร้อมกัน เพราะคนที่แม้จะเห็นวิญญาณหรือเจอสถานการณ์เลวร้ายแต่ก็ยังไม่เป็นอะไร ทว่าแค่พอเห็นหัวกะโหลกคนลอยได้ กลับเป็นลมไปแบบนี้ มันก็ชวนให้น่าสมเพชอยู่มิใช่น้อย
“อธิป...”
กริชหันไปมองคนรักด้วยแววตาคมกริบเอาเรื่อง ทำให้หมอผีหนุ่มสะดุ้งโหยง แต่พอกริชค้อนให้อย่างงอน ๆ แล้วบอกให้พาทิศอุ้มร่างตุลาไปไว้ที่บนห้องนอนของเจ้าตัว อธิปก็รีบโวยวายตามหลังไปทันที
“เฮ้ย! ความผิดฉันหรือไงนายกริช! เดี๋ยวก่อนสิ อย่าเดินหนีแบบนั้นสิ กลับมาพูดกันดี ๆ เลยนะ!”
หัวกะโหลกหญิงสาวมองตามเจ้านายของเธอไปอย่างนึกสงสาร แล้วจึงหันมาหาคนอื่น ๆ ที่แก้มัดตัวเองกันหมดแล้ว
“อย่างนี้พวกเราก็ยังเริ่มงานเลี้ยงไม่ได้ล่ะสิเนี่ย”
“ก็คงงั้น ...จริงสิชบา เธอไปชวนพี่ชายเธออีกสองคนมาแนะนำตัวกับตุลตอนเขาฟื้นสิ เขาจะได้คุ้นเคยกับพวกเธอยังไงล่ะ”
รุ้งพรายรีบบอกอย่างนึกสนุก แต่ราตรีนั้นตีไหล่เพื่อนสาวดังเผียะอย่างหมั่นไส้
“รู้น่าว่าจะหลอกให้ตุลกลัวอีก คิดจะทำให้คุณกริชโกรธหรือไง ฉันน่ะไม่ขอมีเรื่องกับคนนั้นหรอกนะ คนอะไรไม่รู้โหดชะมัดกับหลานรักแท้ ๆ ยังแกล้งซะสมจริงขนาดนี้ ขืนไปทำให้โกรธจริง ๆ จะถูกเอาคืนแบบไหนก็ไม่รู้”
ราตรีบ่นเบา ๆ แต่ปิ่นสุดาและชบาที่รับบทร้ายครั้งนี้ ต่างก็พยักหน้ารับเห็นด้วยเต็มที่
“แหม...ก็แค่อยากแนะนำสมาชิกในบ้านให้รู้จักกันถ้วนหน้าแค่นั้นเอง ไม่ได้คิดจะแกล้งเสียหน่อย”
รุ้งพรายบอกอ้อมแอ้ม แล้วรีบเดินเผ่นออกจากห้อง ก่อนที่จะถูกรุมต่อว่าอะไรอีก
“ว่าแต่ไม่รู้คุณตุลจะโกรธคุณพาทิศมากไหม เล่นเอาเรื่องอ่อนไหวแบบนั้นมาหลอกกันแบบนี้ด้วยสินะคะ”
ปิ่นสุดาพึมพำอย่างเป็นห่วงทั้งคู่ ทำให้ราตรีกับชบาหันมาสบตากัน แล้วต่างฝ่ายต่างก็สั่นศีรษะไปมา
“ช่วยไม่ได้ พาทิศเองก็รู้อยู่แล้วล่ะว่า ถ้าเล่นเรื่องพวกนี้ก็ต้องเสี่ยงกับการโดนโกรธเป็นธรรมดา แต่ยังไงหมอนั่นน่ะเก่งเรื่องง้อคนอยู่แล้ว แถมทั้งคู่ก็เป็นคนรักกันแบบนั้น ฉันว่านะแทนที่เธอจะห่วงว่าเขาจะโกรธกัน สู้ห่วงว่าจะง้อกันจนเกินงาม แล้วตุลจะลุกไม่ไหวในวันพรุ่งนี้แทนมากกว่า”
ราตรีบอกตรง ๆ จนปิ่นสุดาหน้าแดงวาบ ส่วนชบานั้นหัวเราะอย่างขบขันจนหัวกะโหลกของเธอสั่นคลอน
“ฮ่า ๆ นั่นสินะ แถมเผลอ ๆ จะไม่ใช่คู่เดียวอีก คุณกริชกับนายก็เหมือนกันทะเลาะกันทีไร ก็จบด้วยการง้อบนเตียงทุกที ฉันกับพี่ ๆ น่ะเลยได้ดูของดีเพลิน ๆ กันทุกวัน”
ปิ่นสุดาหันไปมองผีกะโหลกสาวด้วยความอิจฉา เพราะไม่ว่าจะเป็นห้องของตุลาหรือห้องของอธิป ทั้งสองห้องก็มักมีเขตแดนกางขวางกั้นการแอบดูของเธอและเพื่อน ๆ เสมอ
“หึ ๆ งั้นคืนนี้ฉันจะผนึกเธอกับพี่ของเธอไว้ในลังเก็บของในห้องเอง ชบา จะได้มีเวลาพักผ่อนยังไงล่ะ”
เสียงเยียบเย็นจากทางเข้าออกห้องใต้ดินทำให้ทั้งสามสะดุ้งเฮือก โดยเฉพาะหัวกะโหลกผีสาวที่ค่อย ๆ หันกลับมาหา
“มาได้ยังไงคะเจ้านาย ไม่ได้ตามไปง้อคุณกริชหรือคะ”
“ก็ตามไปอยู่นั่นล่ะ แต่ดันนึกได้ว่าลืมลูกน้องปากมากไว้ที่ห้องใต้ดิน ขืนปล่อยให้อยู่นานกว่านี้มีหวังความลับฉันโดนล้วงออกมาหมดพอดี!”
อธิปประชด แล้วจับหัวกะโหลกของชบาหิ้วติดมือกลับขึ้นไปชั้นบน โดยมีเสียงขอโทษของผีสาวดังไปตลอดทาง ส่วนราตรีกับปิ่นสุดานั้นหันมาสบตากันปริบ ๆ แล้วต่างฝ่ายต่างก็ทำเสียงถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“ไปเฝ้าตุลดีกว่าแฮะ”
“อืม...นั่นสิคะ”
ปิ่นสุดาพึมพำตอบรับ และทั้งคู่จึงออกจากห้องใต้ดินตรงไปยังห้องของตุลาที่ตอนนี้มีสมาชิกคนอื่น ๆ ยืนเฝ้าให้กำลังใจ และบางรายก็ช่วยปฐมพยาบาลให้ชายหนุ่มฟื้น จนห้องกว้าง ๆ ของอีกฝ่ายกลับดูคับแคบไปถนัดตาเลยทีเดียว
... TBC ...
ยังเหลืออีกตอนเป็นบทสรุปปิดท้ายค่ะ ^ ^ หลังจากนั้น ก็จะหยุดพักนิดนึงแล้วจะเริ่มเขียนตอนพิเศษให้อ่านกันค่ะ
สุขสันต์วัน x-mas กันนะคะ