[แจ้งข่าวหน้า1]红孔雀 นกยูงแดง (มาเฟีย?vsตำรวจ SMนะ!-จบ) แปะรูปp40 :9/9/2554
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ระหว่างพญานกยูงแดง หงคงฉ่วย กับนายตำรวจเถรตรง ลู่อี้เผิง ท่านๆ ชอบใครมากกว่ากันคะ^^

ต้องหงคงฉ่วยอยู่แล้ว ราชินีฉัน เริ่ด และแสบสนิทขนาดนี้!!
ต้องเผิงเผิงน้อยอยู่แล้ว เมะอะไร มันจะน่ารักน่าแกล้งขนาดนี้!!

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวหน้า1]红孔雀 นกยูงแดง (มาเฟีย?vsตำรวจ SMนะ!-จบ) แปะรูปp40 :9/9/2554  (อ่าน 611743 ครั้ง)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2015 20:39:55 โดย juon »

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
สำหรับผู้ที่สนใจสั่งซื้อหนังสือ เรื่อง "นกยูงแดง" ทั้งฉบับปกติ 2 เล่มจบ และฉบับพิเศษ (ซึ่งไม่มีลงในอินเทอร์เน็ต) สามารถสั่งซื้อได้ที่ร้าน Mangatsukii และ E-book ทางMeb ค่ะ





https://www.facebook.com/MangaTsukii.Shop

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookSearchResults&type=author&search=Ju~oN&exact_keyword=1

---------------------------------------------
1

   ดวงตาคมวาวสีดำที่นิ่งสนิทราวกับท้องฟ้าในคืนเดือนมืด ทอดต่ำลงมายังร่างที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องล่าง
ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่ถูกพันธนาการด้วยเชือกสำหรับผูกเรือเอาไว้อย่างหนาแน่น และด้านข้างของเขา มีชายร่างใหญ่อีกสองคนยืนขนาบอยู่
   “อืม.... หน่วยสืบราชการลับหน้าใหม่ของกรมตำรวจหรือ?” คนที่นั่งอยู่บนเกาอี้หนังหนังคลุมขนสัตว์พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังพูดคุยกับเด็กๆ อยู่ พลางเอียงคอมองคนที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องล่าง
   “ขอดูหน้าชัดๆ หน่อยซิ”
   สิ้นสุดคำพูด ใบหน้าของชายหนุ่มก็ถูกจับให้เงยขึ้นทันที ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก “ยังเด็กอยู่เลยนี่ อายุเท่าไหร่ล่ะคุณตำรวจ?”
   “ยี่สิบสาม” คนถูกจับอยู่ตอบเสียงห้วน กระนั่นก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอารมณ์เสียแต่อย่างไร ผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยังคงทอดตามองลงต่ำ ใบหน้าขาวเกลี้ยงปรากฏรอยยิ้มชวนมองขึ้นมา เมื่อประกอบกับดวงตาที่นิ่งสนิทเหมือนเม็ดนิลนั้นแล้ว ก็ให้รู้สึกลี้ลับพิสดารอย่างบอกไม่ถูก
   “มีชื่อรึเปล่า” ฝ่ายที่นั่งอยู่ถามขึ้นลอยๆ หนึ่งในสองชายฉกรรจ์ที่ยืนขนาบอยู่จึงพูดตอบไป
   “ลู่อี้เผิง จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เกิดวันที่xx เดือนxx ปีxx เข้าบรรจุราชการเมื่อ กันยายน xx ที่ผ่านมา โดยคำสั่งแต่งตั้งของเฟิ่งอี่ ผู้บัญชาการกรมตำรวจคนก่อนครับ”
   “โอ.. ฮาๆ “ คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หัวเราะ “คนของฉันหาข้อมูลมาดีจริงๆ เอาล่ะ คุณตำรวจ อืม.. คุณลู่อี้เผิง ตอนคุณได้เกียรตินิยมมา อาจารย์คุณเขามีสอนหรือเปล่าว่าหงคงฉ่วยคืออะไร?”
   ลู่อี้เผิงไม่ตอบคำถาม แต่ถามสวนออกไป “จะเอายังไงกับผมก็ว่ามาเลยดีกว่า”
   คนนั่งอยู่บนเก้าอี้ระบายรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง ก่อนจะขยับตัวออกมาจากเบาะเอนนิดหน่อย แสงไฟสลัวที่ส่องลงมาจากโคมไฟด้านบน ส่องให้เห็นเสียวหน้าเกลี้ยงได้รูป และช่วงไหล่ไม่แคบไม่กว้าง ในชุดเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวโพลน ทับบนเสื้อสูทสีออกเลือดนกอีกชั้นหนึ่ง
   “ผู้กองลู่ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคนที่ส่งคุณมา อธิบายคำว่าหงคงฉ่วยให้คุณฟังว่าอะไร แต่คุณยังอยากกลับไปรับราชการต่ออยู่ไหม? ไม่สิ... คุณอยากจะมีสัมพันธ์ที่ดีกับหงคงฉ่วยหรือเปล่าล่ะ?”
   “คุณต้องการอะไร” ลู่อี้เผิงถามออกไปอีก คนที่นั่งอยู่ตอบยิ้มๆ “ก็ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากได้คำยืนยันว่าจะแสดงความจงรักภักดีต่อหงคงฉ่วย ถ้าคุณกล้าจะแสดงมันออกมาให้ฉันเห็น ฉันจะช่วยคุณเรื่องคดี แต่ถ้าไม่... ฉันคิดว่าคนที่ส่งคุณมาคงเล่าเรื่องคนที่มาก่อนหน้าให้คุณฟังแล้ว”
   พูดจบ กระถางเหล็กที่มีฟืนสุมอยู่จนคุแดงก็ถูกยกออกมา ด้านในมีท่อนเหล็กขนาดพอดีมือเสียบอยู่สามท่อน ได้ยินเสียงคนที่นั่งอยู่พูดต่อ
   “ผู้กองลู่ คุณสะกดคำว่าหงคงฉ่วยได้ไหม? ฉันถามคุณจริงๆ นะ คุณเขียนได้ถูกต้องทุกขีดรึเปล่า? คนก่อนหน้าคุณเขียนตกไปขีดหนึ่ง ฉันเลยต้องให้เขาลงไปนอนก้นอ่าวฮ่องกง ฉันเพิ่งรู้ว่าโรงเรียนสมัยนี้เขาไม่ค่อยเน้นการเขียนกันแล้ว”
   ลู่อี้เฟิงเบิ่งตามองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า เสียแต่แสงไฟสลัวภายในห้องไม่ได้สะท้อนให้เห็นชัดนักว่าชายหนุ่มมองด้วยสายตาแบบไหน แต่คงไม่ใช่สายตาจงรักภักดีแน่นอน
   “เอาล่ะ ฉันตัดปัญหาดีกว่า ฉันจะให้คุณดูแบบแล้วเขียนตามก็แล้วกัน”
   แท่นแขวนม้วนภาพแท่นหนึ่งถูกนำเข้ามา บนนั้นมีอักษรภาพเขียนอยู่สามคำ
   หงคงฉ่วย (นกยูงแดง)
   “ปล่อยเขาได้แล้ว” คนที่นั่งอยู่ออกคำสั่ง คนที่ยืนขนาบข้างอยู่จึงแก้เชือกผูกเรือที่มัดเขาออก ทันทีที่เชือกหลุด ลู่อี้เผิงกระโจนเข้าใส่ผู้ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทันที
   ไม่มีใครในที่นั้นขยับ แม้แต่ชายร่างใหญ่สองคนที่ยืนขนาบเขาอยู่ ลู่อี้เผิงพุ่งตรงเข้าใส่ผู้ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ตะปบมือเข้าใส่ลำคอที่มีเสื้อเชิ้ตสีขาวหุ้มเอาไว้ ใบหน้าเกลี้ยงของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ปรากฏรอยยิ้มลี้ลับ
   ทันใดนั้นลู่อี้เผิงก็รู้สึกเหมือนภาพตรงหน้าตะแคงคว่ำลง ก่อนที่หน้าของเขาจะกระแทกเข้ากับพื้นซีเมนต์ด้านล่างอย่างแรง ความเย็นยะเยียบจากผิวซีเมนต์ซึมเข้าสู่ผิวหนังเขาอย่างรวดเร็ว
   “อา... ผู้กองลู่ คุณเป็นพวกสอนไม่จำ หรือไม่เคยเรียนรู้กันนะ เอาเถอะ ฉันเห็นว่าคุณยังเด็กอยู่ จะให้อภัยคุณสักครั้งแล้วกัน”
   เสียงเดิมพูดอีก จากนั้นลู่อี้เผิงก็ได้กลิ่นยาขัดรองเท้า พร้อมกับรองเท้าหนังปลายมนที่ขัดจนมันแปลบซึ่งยื่นเข้ามาเชยคางของเขาขึ้นไป
   “ถ้าคุณอยากจะสืบคดีต่อ คุณก็ควรเล่นตามกติกาของฉัน แต่ถ้าคุณไม่ต้องการทำหน้าที่แล้ว ก็ตามใจคุณเถอะ... ฉันเองไม่มีส่วนไหนต้องเสียอยู่แล้ว”
   ลู่อี้เผิงสะบัดหน้าหนี ก่อนจะถูกลากตัวกลับออกไปนั่งที่เดิม คนบนเก้าอี้กล่าวสืบต่อ
   “ต้นขาซ้ายนะ ผู้กองลู่ โคนขาอ่อนด้านในของคุณน่ะ เขียนลงไปสวยๆ นะ”
   ลู่อี้เผิงฉีกขากางเองของตัวเองออก เผยให้เห็นผิวเนื้ออ่อนสีขาวสะอาดที่ซ่อนอยู่ จากนั้นก็รับผ้าสีขาวผืนหนึ่งมากัดเอาไว้ ก่อนจะหยิบเหล็กร้อนอังไฟพวกนั้นขึ้นมา
   กลิ่นเนื้อไหม้เหม็นคลุ้งไปทั่วห้อง ขณะที่ชายหนุ่มกดเหล็กร้อนลงไปบนต้นขาตัวเองด้วยมือที่สั่นเทา ดวงตาของผู้ที่นั่งอยู่เป็นประกายวาววับในแสงสลัว ตัวอักษรสามตัวค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนผิวเนื้ออ่อนสีขาวสะอาดนั้น
   หงคงฉ่วย (นกยูงแดง)
----------------------------------------------------------
   “สารวัตรลู่ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว ขอเวลาสักห้านาทีได้รึเปล่า?”
   ลู่อี้เผิงเงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินเขามา เขากำลังตรวจสอบหลักฐานที่ได้มาจากคดีฆ่าล้างบ่อนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอยู่ ผู้ที่เดินเข้ามาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเฉินฉิน ผู้บัญชาการตำรวจคนปัจจุบันนั่นเอง
   “ได้ครับ” ลู่อี้เผิงตอบตกลง และโบกมือไล่ลูกน้องที่นั่งทำงานอยู่ให้หลบออกไปก่อน
   “คุณรู้รายละเอียดเกี่ยวกับคดีฆ่าเมี้ยวเซี่ยวตง แค่ไหนน่ะ?” เฉินฉินเริ่มต้นตั้งคำถาม โดยที่ยังยืนอยู่ ลู่อี้เผิงสั่นศีรษะ “คดีนั่นผู้กองฟานตงรับผิดชอบนี่ครับ”
   “อืม... ใช่ เขาเพิ่งมาบอกผมนี่เองว่าคดีนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวของกับหงคงฉ่วย”
   นัยน์ตาสีดำของลู่อี้เผิงเบิ่งกว้างขึ้นมาทันที
   “สารวัตรลู่ ผมรู้ว่าเรื่องนี้ค่อนข้างจะละเอียดอ่อนสำหรับคุณ แต่คดีฆ่าเมี้ยวเซี่ยวตงเป็นดคีใหญ่ คุณเองก็เป็นคนเดียวที่รอดมาจากหงคงฉ่วยได้ แล้วปิดคดีลึกลับเมื่อสี่ปีก่อนได้สำเร็จ ผมอยากให้คุณช่วยอีกสักครั้ง... ได้ยินมาว่าหงคงฉ่วยจะต้อนรับคนที่รอดออกไปได้อย่างดีเหมือนพี่น้อง”
   “อันนั้นผมไม่รู้หรอกนะ” ลู่อี้เผิงตอบปัดๆ “คุณเพิ่งให้ผมไปหาเขาเดือนที่แล้ว เดือนนี้ก็จะให้ไปหาอีก?”
   “ช่วยหน่อยเถอะสารวัตร ถ้าคดีมันปิดได้โดยไม่ต้องพึ่งหงคงฉ่วย ผมคงไม่ต้องมาขอร้องคุณ ผมเองก็ไม่ได้อยากจะเก็บเขาไว้เท่าไหร่หรอกนะ แต่คุณก็รู้ไม่ใช่หรือ หงคงฉ่วยคืออะไร ใครจะไปทำอะไรเขาได้ล่ะ”
   “เขาก็เป็นคนเหมือนคุณนี่แหละ” ลู่อี้เผิงตอบ ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก “ผมจะไปหาเขาให้แล้วกัน สักวันพฤหัสฯ เขาไม่ได้ว่างพบผมทุกวันหรอก”
   “รบกวนด้วยนะ” เฉินฉินพูด แล้วหมุนตัวหลับออกไป ลู่อี้เผิงระบายลมหายใจอย่างหนักหน่วงออกมาอีกครา
---------------------------------------------
   “อ้าว สารวัตรลู่ เดือนนี้ก็มีคดีปิดไม่ลงอีกแล้วหรือ?” น้ำเสียงร่าเริงเอ่ยทักทันทีที่ลู่อี้เผิงเดินเข้าไปในห้อง ผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังบุนวมสีแดงเข้ม ในมือมีนกกระตั้วสีขาวตัวใหญ่ เขากำลังหยิบเมล็ดอะไรบางอย่างป้อนมันด้วยท่าทางสนุกสนาน
   หงคงฉ่วยถูกตีความจากสังคมในหลายรูปแบบ บ้างบอกว่าเป็นองค์กรลึกลับที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายทุกอย่าง บ้างก็บอกว่าเป็นแก๊งผีดิบที่อาละวาดไล่ฆ่าผู้คนอย่างป่าเถื่อน ถึงกับร่ำลือกันว่า หงคงฉ่วยมีผู้นำที่ไม่แก่ไม่ตาย คงจะเป็นผีดิบแน่ๆ
   ถ้าหากถามลู่อี้เผิงว่าหงคงฉ่วยคืออะไร เขาคงจะชี้ไปที่ผู้ชายตรงหน้า แล้วตอบว่า เจ้าบ้าประสาทกลับนี่แหละ แต่หงคงฉ่วยไม่ใช่คนประสาทกลับ แล้วลู่อี้เผิงก็ยังจำรอยแผลเป็นที่ได้มาด้วยความเจ็บปวดบนต้นขาของตัวเองได้
   “หงคงฉ่วยที่ขายังสวยดีอยู่หรือเปล่า สารวัตร? ขอฉันดูหน่อยสิ”
   “คุณเพิ่งดูไปเดือนที่แล้ว” ลู่อี้เผิงพูด ได้ยินเสียงฝ่ายนั้นจุ๊ปาก “ไม่เอาน่า อย่างอแงเป็นเด็กไปหน่อยเลย คุณอายุจะสามสิบแล้วนะ ขอฉันดูหน่อยเถอะ ฉันไม่มีโอกาสได้ดูทุกวันเหมือนคุณนะ”
   ลู่อี้เผิงขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ก่อนจะถอดกางเกงขายาวของตัวเองออก เผยให้เห็นรอยแผลเป็นสีแดงสดที่โคนขาอ่อนด้านใน
   “อืม... หงคงฉ่วยบนขาคุณสวยจริงๆ นั่นแหละ คราวนี้ไม่ใส่ชั้นในแบบบิกินี่มาแล้วหรือ น่าเสียดาย เอาเถอะ ใส่กางเกงได้แล้ว เดี๋ยวแปะชิกชิกจะตกใจกับขาขาวๆ นั่นจนบินหนีฉันไปอีก”
   แปะชิกชิกคือชื่อเรียกนกกระตั้วสีขาวที่ตอนนี้กำลังจ้องดวงตาสีดำของมันมาที่ลู่อี้เผิงเขม็ง สารวัตรหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดดึงกางเกงขึ้น หลังจากใส่เข็มขัดเสร็จแล้ว เขาก็เงยหน้ามองผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง
   ผู้ชายคนนั้นยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในมือมีนกกระตั้วเกาะอยู่ แสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องลอดม่านเข้ามาแสดงให้เห็นเครื่องหน้าของเขาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ คิ้วเรียวยาว ดวงตาคมใส ใบหน้าเกลี้ยง สันจมูกโด่ง และริมฝีปากบางเฉียบ ส่วนที่ประกอบกันเป็นเครื่องหน้าของเขา คือความคมคายหล่อเหลาอย่างจีนโดยแท้เลยทีเดียว
   “วันนี้หวีผมไม่ได้ดูกระจกหรือ?” ลู่อี้เผิงเอ่ยทักขึ้น หลังจากมองหน้าผู้ชายคนนั้นอยู่พักหนึ่ง คนถูกทักเลิกคิ้ว ก่อนจะยกมือขึ้นจับผมตัวเอง จากนั้น คนรับใช้ที่ยืนขนาบแถวอยู่สองข้างก็เอาหวีกับกระจกมาวางให้
   “เสี่ยวอี้เผิงนี่ช่างสังเกตจริงๆ ” ชายคนเดิมพูด หลังจากหวีผมเสร็จแล้ว “สงสัยเมื่อคืนฉันจะดื่มหนักไปหน่อย วันนี้มีเรื่องอะไรล่ะ?”
   “ผมมาเรื่องคดีฆ่าเมี้ยวเซี่ยวตง คิดว่าคุณคงจะรู้รายละเอียดแล้ว” ลู่อี้เผิงพูด คนที่อยู่บนเก้าอี้รีบโบกมือทันที
   “ไม่เอาน่า เสี่ยวอี้เผิง นี่เธอคิดว่าหงคงฉ่วยเป็นอะไร? ผู้รอบรู้สิบทิศหรือ? เล่ารายละเอียดมาเถอะ พักนี้ฉันยุ่งกับเรื่องบ่อน้ำมันอยู่ ไม่มีเวลามาอ่านข่าวในประเทศหรอก”
   ลู่อี้เผิงมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่เชื่อถือคำพูดอย่างที่สุด แต่ก็ยอมเล่ารายละเอียดของคดีบางส่วนให้ฟัง
   “อืม... มีเรื่องแบบนี้ระหว่างที่ฉันกำลังยุ่งอยู่ด้วยรึนี่..” ผู้ที่เรียกตัวเองว่าหงคงฉ่วยยกมือขึ้นลูบคางอย่างครุ่นคิด สักพักก็พูดขึ้นมา
   “เธอลองไปถามพวกฮุ่นอั้งดูแล้วยัง?”
   พอเห็นคนถูกถามเลิกคิ้ว คนพูดเลยพูดต่อ “ฉันว่าพวกฮุ่นอั้งอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
   “คุณจะบ้าเรอะ พวกฮุ้นอั้งไม่ได้อยู่ในเครือข่ายผู้ต้องสงสัยเลยด้วยซ้ำ พวกเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยนะ”
   “เพราะงี้พวกเธอถึงปิดคดีไม่ได้ยังไงล่ะ” หงคงฉ่วยตอบยิ้มๆ “ถ้ารู้ว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกันยังไง รับรองเธอปิดคดีได้แน่”
   ลู่อี้เผิงขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด เมื่อดูจากหลักฐานที่มีทั้งหมดแล้ว ไม่มีอะไรพอจะโยงไปหาพวกฮุ่นอั้งได้เลย ถึงจะเป็นหงคงฉ่วยบอกก็เถอะ แค่คำพูดเจ้าคนบ้านี่ ใครมันจะเชื่อถือกัน
   “โอ... ท่าทางเธอจะมืดแปดด้านจริงๆ ไม่ได้หลักฐานอะไรที่เกี่ยวกับฮุ่นอั้งเลยสินะ” หงคงฉ่วยลูบคางอย่างใช้ความคิดอีกรอบ ก่อนจะเหลือบตามองนายตำรวจตรงหน้า
   “คราวที่แล้วเธอทำเสี่ยวจือของฉันเจ็บ ฉันสงสัยจริงๆ ว่าโรงเรียนนายร้อยตำรวจให้เกียรตินิยมเธอมาได้ยังไง”
   “เอาล่ะ ผมยอมรับกับคุณเป็นหนที่ร้อยแล้วว่าผมพลาด คุณมีอย่างอื่นจะบอกผมอีกมั้ย เกี่ยวกับดคีนี้น่ะ ถ้าไม่มีผมจะได้กลับ” ลู่อี้เผิงพูดออกมาอย่างรำคาญ หงคงฉ่วยยกนิ้วขึ้นเกาศีรษะ ก่อนจะผุดลุกขึ้น หลังจากนั้นคนรับใช้ที่ยืนรออยู่ก็มารับแปะชิกชิกไป
   “ฉันพอมีเวลาอยู่สักหน่อย ฉันจะพาเธอไปหาหลักฐานเกี่ยวกับฮุ่นอั้งก็แล้วกัน” กล่าวจบก็หมุนตัวเดินออกไปด้านหลัง ลู่อี้เผิงโพล่งขึ้นทันที “เดี๋ยว ไม่ต้องก็ได้”
   หลังจากนั้นเขาก็ถูกบรรดาคนรับใช้ของหงคงฉ่วยดันตัวให้เดินตามไป
-------------------------------------------------------------
   ที่อยู่ของหงคงช่วยเป็นคฤหาสน์ริมทะเล ที่หากประเมินราคาจากภาพที่เห็นก็คงจะราวๆ สักร้อยล้านเหรียญ แต่ลู่อี้เผิงคิดว่ามูลค่ามันคงจะเยอะกว่านั้น หากรวมมูลค่าห้องลับ และอุโมงค์ทางลัดต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคฤหาสน์ ตอนนี้เขากำลังเดินตามหงคงฉ่วยเข้าไปในตัวคฤหาสน์ ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะไปโผล่ในทิศทางไหน
   “ฉันคงต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย ไปทั้งชุดแบบนี้คงไม่เหมาะ” หงคงฉ่วยพูดขึ้น พลางยกมือทาบอกเสื้อสูทสีน้ำตาลไหม้ตัวยาวของตน “เธอเองก็มาเปลี่ยนด้วยกันสิ ชุดแบบนั้นดูออกง่ายจะตายไป”
   ลู่อี้เผิงก้มลงมองชุดเสื้อเชิ้ตเข้ารูปของตนเอง แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ถูกดันตัวเข้าห้องไป
   
   หงคงฉ่วยเป็นผู้ชายรูปร่างไม่ใหญ่ไม่เล็ก สูงราวๆ ร้อยเจ็ดสิบเจ็ดเจ็ดสิบแปดเซนติเมตร ผมสีดำสนิท หวีปัดออกข้างอยู่เสมอ ดูจากหน้าตาแล้ว เขาสมควรจะอายุสักยี่สิบปลายๆ ไปจนถึงสามสิบต้นๆ แต่เท่าที่ลู่อี้เผิงได้ยินมา ผู้ชายคนนี้มีชื่ออยู่ในวงการมานานกว่าสามสิบปีแล้ว อีกอย่าง เมื่อสี่ปีก่อนที่เขาเจอหงคงฉ่วยครั้งแรก เจ้าหมอหนี่ก็หน้าตาแบบนี้ สี่ปีผ่านไป ใบหน้านั้นแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ไม่สิ เรียกว่าไม่เปลี่ยนแปลงเลยจะดีกว่า แต่ลู่อี้เผิงมั่นใจว่าหงคงฉ่วยเป็นมนุษย์ธรรมดาคงหนึ่ง ซึ่งคงจะมีวิธีดูแลสุขภาพที่ได้ผลดีกว่าคนอื่นเท่านั้น

   ปฏิเสธไปก็ป่วยการ ลู่อี้เผิงถูกคนรับใช้ของหงคงฉ่วยช่วยกันถอดเสื้อผ้าชุดเดิมออก แล้วเอาชุดใหม่มาให้เปลี่ยนแทน เขาเห็นตัวเองอีกทีก็สวมเสื้อยืดสีดำสกรีนลายทีมฟุตบอล กับกับกางเกงยีนส์สีสนิมแล้ว ทั้งเสื้อทั้งกางเกงพอดีตัวเขาเป๊ะ แม้กระทังรองเท้าผ้าใบที่คนเอามาเปลี่ยนให้ก็ด้วย พอเดินออกมาก็พบหงคงฉ่วยยืนรออยู่แล้ว
   ถ้าไม่นับรอยยิ้มลี้ลับบนใบหน้านั่น มองรวมๆ แล้วคนตรงหน้าเขาก็ดูเหมือนเด็กซิ่งรถคนหนึ่งนี่เอง
   “ดูดีใช่เล่น” หงคงฉ่วยพูด แล้วถือวิสาสะเอาหมวกแก๊ปครอบศีรษะของลู่อี้เผิงโดยไม่ขออนุญาต ชายหนุ่มดึงมันออกด้วยสีหน้าไม่พอใจ และเห็นหงคงฉ่วยถือหมวกกันน็อกอยู่
   “เอาล่ะ เดี๋ยวเราจะออกไปขี่มอเตอร์ไซค์เล่นกัน”
---------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2015 20:42:06 โดย juon »

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   ลู่อี้เผิงทำงานเป็นตำรวจมาห้าปี เรื่องจับแก๊งซิ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ ถึงเขาจะไม่ได้ทำงานนี้ยาว แต่ก็เห็นพวกแก๊งซิ่งมาเยอะพอสมควร พอรู้ด้วยว่าเครื่องแบบไหนแรงไม่แรง ปัญหาคือตอนนี้เขากำลังซ้อนมอเตอร์ไซค์ ของคนที่เขาชักนึกสงสัยว่า เป็นเจ้าพ่อของพวกเด็กซิ่งพวกนั้นรึเปล่า
   หงคงฉ่วยพาเขาเดินลัดเลาะในตัวคฤหาสน์ จนมาถึงอุโมงค์สายหนึ่ง ปากทางของอุโมงค์มีมอเตอร์ไซค์จอดอยู่หลายคัน ราคาแพงระยับและแต่งเครื่องแล้วทั้งนั้น แถมมีร่องรอยการใช้ทุกคัน ไม่ใช่ของประดับอย่างแน่นอน จากนั้นก็ชวนเขาขึ้นมอเตอร์ไซค์ แล้วบึ่งออกมา จนมาโผล่อยู่ข้างไฮเวย์ที่เชื่อมระหว่างเขต ซึ่งอยู่ห่างจากตัวคฤหาสน์ไปหลายกิโลเมตร แน่นอนว่าให้ตายลู่อี้เผิงก็เดาทางไม่ออก ว่าเขามาโผล่ตรงนี้ได้อย่างไร เนื่องจากอุโมงค์มืด และเจ้าคนขี่มอเตอร์ไซค์ก็ซิ่งเสียเหลือเกิน จนเขาทำได้แค่เกาะโครงเหล็กของรถให้แน่นที่สุด และภาวนาไม่ได้หล่นลงไประหว่างทาง
   ทริปการเดินทางด้วยมอเตอร์ไซต์ที่ขับได้ผาดโผนพอๆ กับแก๊งซิ่งจบลงเมื่อหงคงฉ่วยจอดมอเตอร์ไซค์ของเขาที่หน้าอาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งลู่อี้เผิงรู้จักเป็นอย่างดี
   ฮุ่นอั้งเป็นแก๊งมาเฟียที่มีกิจการเปิดรับพนันในหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือธุรกิจรับพนันบอล ซึ่งมีทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย
   “งานนี้ฉันแทงหมดตัว ไม่เจ๊งไม่เลิก” หงคงฉ่วยพูด และตบไหล่เขา ก่อนจะเดินเข้าไปในตึกแห่งนั้น
-----------------------------------------------------
   กิจการรับพนันบอลของฮุ่นอั้งนั้นค่อนข้างจะคึกคัก โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน แต่นี่เป็นเวลากลางวัน แถมยังเป็นช่วงเที่ยง พนักงานเลยออกไปพักกันเกือบหมด เหลืออยู่ไม่กี่คน
   หงคงฉ่วยเดินเข้าไป ก็ยกมือขึ้นเสยผม แล้วเอยทักพนักงานที่นั่งอยู่ด้านหน้า “ไปพักเที่ยงกันหมดเลยหรือนี่ หวังว่าจะมีคนเดินโพยให้ผมนะ”
   คนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะเขม่นมองเขา “คุณ...”
   “เซี่ยเซิน” หงคงฉ่วยตอบ “โอ้ วันก่อนผมว่าผมเห็นคุณที่ตลาดเขตสองด้วยนะ บ้านคุณอยู่แถวนั้นหรือ?”
   “อ่ะ อืม...” คนถูกทักตอบอย่างงงๆ หงคงฉ่วยพูดต่อ “ผมว่าจะบอกคุณอยู่พอดีเลยว่า น้องชายผมอยากเปิดกิจการบ้าง แต่คุณก็ดันเดินหายไปเสียก่อน”
   “เรื่องนี้ต้องคุยกับหัวหน้านะ คุยกับผมไม่ได้หรอก”
   “ผมแค่อยากจะขอคำปรึกษาน่ะ” หงคงฉ่วยพูดยิ้มๆ “คุณว่าไปเปิดที่เขตหกจะดีมั้ย?”
   คนถูกถามสั่นศีรษะทันที “อย่าเพิ่งเลย เขตหกหัวหน้าเพิ่งเก็บกวาดขยะไป ขืนไปเปิดตอนนี้คนก็จะพาลสงสัยเอาน่ะสิ”
   “ขยะอะไรหรือ?” ลู่อี้เผิงที่ยืนเงียบอยู่นานถามขึ้นมาบ้าง คนที่นั่งอยู่มองเขา แล้วขมวดคิ้ว “นี่พวกนายไปอยู่ที่ไหนกันมา ไม่ได้ข่าวเลยหรือ? คดีออกจะใหญ่”
   “โธ่ คดีฆ่าคนวันๆ เยอะจะตาย พวกเราจะไปรู้ได้ไงล่ะ อีกอย่าง ก็ไม่เห็นมีใครเกี่ยวกับที่นี่เลยนี่”
   “จะไม่มีได้ยังไงกันล่ะ ท่าทางพวกนายจะมือใหม่จริงๆ นะเนี่ย เซี่ยวไป่เหิงเป็นมือเก่าในวงการเลยนะ เขาเคยร่วมมือกับหัวหน้าอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ถอนตัวไป ตอนหลังก็แอบไปทำเองเงียบๆ แย่งลูกค้าเราเสียได้ แถมยังมาเกทับหัวหน้าอีกว่า อีกหน่อยชื่อของฮุ่นอั้งจะหายไปจากอ่องกง หัวหน้าเลยจัดการสั่งสอนเขาด้วยการเก็บพี่ชายบุญธรรมของเขาเสียเลย อย่างว่าล่ะนะ ของบางอย่างทำกับเจ้าตัวเองมันไม่สามสมหรอก ต้องแบบนี้แหละ พวกนายเองถ้าคิดจะมาเดินวงการนี่ ก็เล่นให้ซื่อเข้าล่ะ ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน”
   “แหม... พี่ชาย พวกเราน่ะซื่อสุดๆ อยู่แล้วล่ะ” หงคงฉ่วยพูดพลางปั้นหน้ายิ้มแย้มประจบประแจง “ขอบคุณนะที่เตือน งั้นผมคงต้องกลับไปปรึกษากับเจ้าน้องชายใหม่ ว่าจะเปิดที่ไหนกันดี”
   “เขตแปดสิ” คนนั่งอยู่แนะนำ “กำลังขาดคน”
   หงคงฉ่วยทำตาโต ก่อนจะหันกลับมา “เสี่ยวซี เขตแปดว่าไง?”
   ลู่อี้เผิงปั้นหน้าเคร่งเครียด ขบปากแล้วตอบกลับไป “ผมไม่แน่ใจนะพี่ใหญ่ ผมไม่ชำนาญทางเขตแปดด้วยสิ ผมว่าวันนี้เรากลับกันก่อนดีกว่า”
   หงคงฉ่วยทำหน้าผิดหวัง และหันมาขอโทษขอโพยทันที “ก็งี้แหละนะ น้องชายผมมันไม่ค่อยจะสู้คนเท่าไหร่ อุตส่าห์พยายามลากมาถึงนี่ทั้งที มาถอยซะอีกล่ะ ยังไงก็ขอบคุณพี่ชายมากเลยนะ เดี๋ยวผมยุน้องชายขึ้นแล้วจะแวะมาใหม่”
   “อืมๆ ” คนนั่งอยู่ส่งเสียง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดการงานในมือต่อ มานึกเฉลียวใจว่าตัวเองไม่เคยได้ยินชื่อเซี่ยเซินมาก่อน ก็ผ่านไปหลังจากนั้นหลายสัปดาห์แล้ว
-------------------------------------------------------------------
   “เมี้ยวเซี่ยวตงเป็นพี่ชายบุญธรรมของเซี่ยวไป่เหิง” หงคงฉ่วยพูดขึ้นขณะที่ขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ ได้ยินเสียงลู่อี้เผิงพูดทวนลมกลับมา “ผมรู้แล้ว”
   คนขี่มอเตอร์ไซค์หัวเราะชอบใจ “ถ้าคดีนี้ปิดได้ เป็นความดีความชอบของฉันครึ่งหนึ่งนะ”
   ลู่อี้เผิงส่งเสียงในลำคอ “คราวนี้อยากได้อะไรอีกล่ะ?”
   “เหมือนเดิม” หงคงฉ่วยตอบและเลี้ยวมอเตอร์ไซค์ไปยังถนนอีกเส้นหนึ่ง

   “เลือกที่ให้มันดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรืองไง?” ลู่อี้เผิงพูด เมื่อหงคงฉ่วยเปิดประตูเข้ามาในโกดังร้างแห่งหนึ่ง คนถูกบ่นใส่ยักไหล่ “ช่วยไม่ได้ ฉันรีบนี่ ที่นี่ก็ใกล้บ้านฉันดี”
   “ทำไมถึงไม่กลับไปทำที่คฤหาสน์ของคุณเลยล่ะ” นายตำรวจหนุ่มยังไม่วายตั้งข้อสงสัย หงคงฉ่วยเลิกคิ้วแล้วมองเขายิ้มๆ “แหม... ฉันก็เบื่อเตียงเบื่อโต๊ะที่คฤหาสน์เป็นเหมือนกันนะ”
   ลู่อี้เผิงมองหน้าคนที่ยืนอยู่ จากนั้นก็กวาดตามองไปรอบๆ โกดัง นอกจากพื้นซีเมนต์ขรุๆ ขระๆ กับลังไม้ที่วางระเกะระกะอยู่แล้ว ก็มีตู้คอนเทนเนอร์เก่าๆ อยู่อีกตู้สองตู้เท่านั้นเอง
   “คุณอยากทำตรงไหน?” เขาหันมาถาม คนถูกถามยักไหล่อีกรอบ “เลือกเอาสิ ฉันตรงไหนก็ได้อยู่แล้ว”
   ลู่อี้เผิงกวาดตามองอีกรอบหนึ่ง ก่อนจะชี้ไปตรงตู้คอนเทนเนอร์ “เอาตรงนั้นก็ได้ พื้นคงพอสะอาดอยู่หรอก”
   หงคงฉ่วยหัวเราะในคอ “รักสะอาดจริงๆ นะ ตู้ก็ตู้ ท่าทางจะเร้าใจดีเหมือนกัน”
   ทั้งคู่เดินเคียงกันไปที่ตู้คอนเทนเนอร์ แต่เดินยังไม่ทั้นถึง ลู่อี้เผิงก็ดึงตัวหงคงฉ่วยเข้าไปกอด จากนั้นก็เริ่มลูบไล้มือไปตามร่างกาย
   “วันนี้เกิดนึกอยากเล่นบทเด็กลามกหรือไง” หงคงฉ่วยพูด พลางหัวเราะชอบใจ ขณะที่อีกฝ่ายอ้าปากขบกัดใบหูเขาเบาๆ
   ลู่อี้เผิงลูบไล้เรือนร่างนั้นพลางจูบไปตามซอกคอ แล้วล้วงมือเข้าไปลูบไล้ผิวกายด้านใน หงคงฉ่วยสะท้านตัวเป็นระยะ ก่อนจะขยับหน้ามา แล้วกระซิบเสียงเบา “จูบฉันหน่อยสิ”
   ลู่อี้เผิงทำตามอย่างว่าง่าย ขณะที่กำลังเค้าริมฝีปากกันอย่างเมามัน ชายหนุ่มก็ล้วงเอาบางสิ่งบางอย่างออกมา
   !!!
   เร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว หลังของลู่อี้เผิงกระแทกเข้ากับฝาประตูตู้คอนเทนเนอร์ จากนั้นก็ได้ยินเสียงกริ๊กที่เหนือศีรษะ หงคงฉ่วยยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าเขา “เธอนี่เร้าใจฉันจริงๆ เลยนะ”
   เขาพูด และไล้มือไปตามใบหน้าของชายหนุ่ม ลู่อี้เผิงพยายามจะดึงมืออก และค้นพบว่ามือทั้งสองข้างของเขาถูกกุญแจมือของตัวเองล็อกติดกับคานล็อกของตู้คอนเทนเนอร์เรียบร้อยแล้ว
   “หลบคนของฉันเอากุญแจมือออกมาได้ ถือว่าพัฒนาขึ้นนะ” หงคงฉ่วยเอ่ยชม และแนบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากของอีกฝ่าย แน่นอนว่าคราวนี้ลู่อี้เผิงปิดปากสนิท แต่ก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อนอะไร
   หงคงฉ่วยแตะปากเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมาพูดต่อยิ้มๆ “คราวนี้คิดไว้หรือยัง ว่าถ้าจับฉันได้ จะตั้งข้อหาอะไร?”
   ลู่อี้เผิงไม่ตอบ แต่กลับเบือนหน้าไปทางอื่น เลยถูกอีกฝ่ายใช้มือดันกลับมา “ไม่เอาน่า เสี่ยวอี้เผิง ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังอีกแล้วหรือนี่ ฉันล่ะชักสงสัยมาตรฐานของโรงเรียนนายร้อยตำรวจของฮ่องกงเข้าไปทุกทีแล้วนะ”
   “ไม่เกี่ยวอะไรกับโรงเรียนผมหรอก” ลู่อี้เผิงตอบออกมาในที่สุด เขาเขม่นมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกพลุ่งพล่านที่ยากจะอธิบาย
   “ยังโมโหฉันเรื่องหงคงฉ่วยที่ขาเธออีกหรือไง?” คนถูกมองถาม ก่อนจะยิ้มออกมา “แต่ฉันชอบหงคงฉ่วยบนขาเธอที่สุดเลยล่ะ”
   จากนั้นร่างตรงหน้าก็ย่อตัวต่ำลง ลู่อี้เผิงได้ยินเสียงรูดซิป จากนั้นกางเกงตัวนอกของเขาก็ถูกถอดออก
   “หงคงฉ่วยบนขาเธอสวยจริงๆ ” คนที่คุกเขาอยู่พูด พลางไล้ปลายนิ้วไปรอบผิวเนื้อนูนแดงพวกนั้น ก่อนจะแนบริมฝีปากลงไป ได้ยินเสียงคนยืนอยู่แค่นหัวเราะ “ไม่นึกว่าคนอย่างหงคงฉ่วยจะมาคุกเข่าทำเรื่องแบบนี้ให้ผม”
   “อืม.. เธอควรจะภูมิใจเอาไว้นะ” หงคงฉ่วยพูด พลางดึงกางเกงชั้นใจของลู่อี้เผิงออก “ว่างๆ เธอควรจะเล่าให้คนอื่นฟังบ้าง ว่าหงคงฉ่วยทำอะไรให้เธอ”
   ลู่อี้เผิงสะท้ายตัวเฮือกใหญ่ ในตอนที่ส่วนนั้นถูกอีกฝ่ายสอดเข้าไปในโพรงปาก ลิ้นที่ขยับอย่างคล่องแคล่วเรียกอาการคัดตึงจากส่วนนั้นได้ในระยะเวลาอันสั้น
   ชายหนุ่มหอบหายใจถี่หนัก สองมือที่ถูกพันธนาการอยู่เหนือศีรษะเริ่มจะชาด้านแล้ว แต่ท่อนล่างของเขากลับตื่นตัวคึกคักเต็มที่
   “ผมจะเสร็จแล้วนะ” ชายหนุ่มพูดเสียงพร่า อีกฝ่ายดูดดึงส่วนนั้นเขาอยู่อีกหนสองคน ก่อนจะผละริมฝีปากออกมา
   “คิดว่าคุณจะยอมให้ผมเสร็จในปากคุณซะอีก” ลู่อี้เผิงพูด และถูกปิดปากด้วยริมฝีปาก จากนั้นหงคงฉ่วยก็ล้วงซองถุงยางออกมาจากกระเป๋ากางเกง
   “กำลังสงสัยอยู่ล่ะสิ ว่าท่าอย่างนี้ ฉันจะทำกับเธอยังไง” อีกฝ่ายพูดอย่างรู้ทัน เมื่อเห็นสีหน้าของคนที่ถูกจับล็อกอยู่
   “อืม.. ผมสงสัยจริงๆ นั่นแหละ” ลู่อี้เผิงยอมรับ หงคงฉ่วยหัวเราะเบาๆ แล้วฉีกซองถุงยางออก “เธอระวังอย่าให้มันผ่อไประหว่างทางก็พอ เรื่องอื่นน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
   ลู่อี้เผิงสูดปาก ขณะที่หงคงฉ่วยสวมถุงยางให้ จากนั้นอีกฝ่ายก็ร่นกางเกงของตัวเองลง แล้วเบียดสะโพกเข้ามา
   ชายหนุ่มสะท้านตัวอีกครั้ง ทันทีที่ปลายส่วนยอดผลุบเข้าไปในช่องทางเร้นลับนั้น หลังจากขยับตัวอีกสองสามหน ทุกส่วนของมันก็หายเข้าไปจนสุดความยาว ได้ยินเสียงหัวเราะในคออย่างพอใจ ก่อนที่มือของหงคงฉ่วยจะยื่นมาจับสะโพกของเขา แล้วจับกระแทกเข้ากับสะโพกตัวเอง
   ลู่อี้เผิงคำรามในลำคอ ท่ามกลางเสียงหอบกระเส่าของร่างเบื้องหน้า ท่อนเอวแข็งแรงของทั้งคู่กระแทกรับกันเป็นจังหวะหนักหน่วง เสียงครางอย่างสุขสมเป็นห้วงๆ ดังสะท้อนไปทั่วโกดัง นายตำรวจหนุ่มแอ่นท่อนเอวเข้าหาสะโพกที่สอดประสานอยู่ ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะสั่นกึกๆ พร้อมๆ กับของเหลวที่ขาวขุ่นที่อีกฝ่ายหลั่งออกมา
   หงคงฉ่วยขยับตัวออก ถอดถุงยางของตัวเอง แล้วก็หันไปถอดถุงยางของอีกฝ่าย หยดหยาดแห่งอารมณ์ที่ถูกปลดเปลื้องหยดลงบนพื้นระหว่างนั้น เขาหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ห่อถุงยางพวกนั้นเอาไว้ ก่อนจะวางไว้บนไหล่ของร่างสูงใหญ่ที่ยังถูกล็อกอยู่
   “ฝากทิ้งด้วยนะ” หงคงฉ่วยพูด พลางดึงกางเกงขึ้นมา ลู่อี้เผิงมองเขา แล้วพูดขึ้นบ้าง “ปล่อยผมก่อนสิ”
   คนถูกทักเลิกคิ้วขึ้นมองเหมือนนึกขึ้นได้ “นั่นสินะ เธอคงยังหาวิธีสะเดาะกุญแจเองไม่เป็น อืม... ที่จริงเธอน่าจะลองหัดตอนนี้เลย” พูดจบก็หมุนตัว ทำท่าจะเดินออกไป ลู่อี้เผิงร้องเสียงหลง
   “คงฉ่วย!”
   หงคงฉ่วยชะงักตัวลงหน่อยหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นป้องหู “ตะกี้เธอว่าไงนะ”
   ลู่อี้เผิงกัดฟันกรอดๆ ก่อนจะพูดออกไปอีกหน “ผมบอกว่าคงฉ่วย”
   “เรียกฉัน?”
   “อืม...”
   “เรียกอีกทีซิ”
   “คงฉ่วย... หงคงฉ่วย”
   หงคงฉ่วยหันกลับมา และระบายยิ้มบนใบหน้า “ฉันชอบให้เธอพูดสามคำนี้จริงๆ น่าเสียดายที่เธอไม่ค่อยพูด ไม่งั้นคงกลายเป็นคู่แข่งเสี่ยวชิกของฉันแน่ๆ ”
   ลู่อี้เผิงพยายามใช้ความอดทนอดกลั้นมากที่สุด “คงฉ่วย ปล่อยผมออกไปก่อนเถอะ ผมคงยังหัดสะเดาะกุญแจโดยที่คุณยังไม่ได้สอนไม่ได้หรอก”
   หงคงฉ่วยพยักหน้า และยิ้มอย่างพอใจ “เวลาเธอฝืนพูดเอาใจฉันแบบนี้ ฉันก็ชอบนะ ว่าแต่กุญแจอยู่ไหนล่ะ?”
   “กระเป๋ากางเกงผม” ลู่อี้เผิงบอก หงคงฉ่วยก้มลงมองกางเกงที่ร่วงกองอยู่แทบเท้าชายหนุ่ม จากนั้นก็สั่นศีรษะ “ฉันไม่อยากคุกเข่าไปหาอะไร เดี๋ยวเธอจะฉวยโอกาสถีบฉัน เอางี้แล้วกัน”
   หงคงฉ่วยขยับมือไปด้านหลัง ไม่รู้ว่าล้วงอะไรออกมา จากนั้นเขาก็เอื้อมมือขึ้นไปเหนือศีรษะของลู่อี้เผิง แล้วกุญแจมือก็หลุดออก
   “นี่ ระวังด้วย” หงคงฉ่วยว่า พลางฉวยห่อกระดาษทิชชู่ยัดใส่มือของลู่อี้เผิง ก่อนที่เจ้าตัวจะทันได้ก้มลงไปหยิบกางเกงขึ้นมาสวมเสียอีก นายตำรวจหนุ่มทำหน้ายู่ แต่ก็ยอมจะยัดกระดาษห่อนั้นเข้าไปในกระเป๋ากางเกง อีกฝ่ายคลี่ยิ้มด้วยความมพอใจ “อืม... สอนแล้วจำแบบนี้แหละดี ของแบบนี้ต้องทิ้งให้ถูกที่ ทิ้งเรี่ยราดไม่ได้หรอก โอ๊ะ ตายล่ะ!”
   หงคงฉ่วยอุทานออกมา ขณะมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ “ฉันต้องรีบแล้ว ไปกันเถอะ” จากนั้นก็ดึงมือของลู่อี้เผิงออกไปด้านนอก
----------------------------------------------------
   ลู่อี้เผิงคิดว่าเขาจะตายเพราะมอเตอร์ไซค์ของหงคงฉ่วยเสียแล้ว แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็กลับมายังคฤหาสน์จนได้ พอมาถึงหงคงฉ่วยก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัว นายตำรวจหนุ่มชักอยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้คนอย่างหงคงฉ่วยต้องรีบร้อนมากมายขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ปกติไม่เคยเห็นรีบเห็นเร่งกับเขาเสียที ดังนั้นเขาจึงยังยืนรีรออยู่ที่ห้องรับรองของหงคงฉ่วย
   “มาหรือยัง” หงคงฉ่วยส่งเสียงออกมา ก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวเท้าออกมา เขาเปลี่ยนเป็นชุดสูทยาวสีขาวปลอด พอมาถึงห้องรับรอง คนรับใช้ก็พาแปะชิกชิกมาส่งให้ทันที เจ้านกกระตั้วพอเห็นเจ้านายก็เรียกชื่อทันที “คงฉ่วย.. คงฉ่วย” จากนั้นก็ร้องแกว๊กๆ ชวนให้แสบแก้วหู หงคงฉ่วยดูจะเอาอกเอาใจเจ้านกตัวนี้เป็นพิเศษ อย่างกับว่าเป็นลูกของตัวเองก็ไม่ปาน
   “ใจเย็นๆ นะ เสี่ยวชิก ใกล้จะมาแล้วล่ะ อ๊ะ นั่นไง มาแล้ว!” เขาร้องทันทีที่ประตูห้องรับรองถูกเปิดเข้ามา คนที่เข้ามาเป็นคนรับใช้สองคน ในมือมีกรงนกที่ด้านในมีนกกระตั้วอยู่อีกตัวหนึ่ง
   “ไง เสี่ยวชิก ชอบไหม?”
   ลู่อี้เผิงที่ยืนดูอยู่เป็นนานถึงกับทนไม่ได้ต้องถามออกมา “คงฉ่วย อย่าบอกนะว่าที่รีบน่ะ รีบมารับนก?!”
   หงคงฉ่วยหันมามองเขาแล้วยิ้มกว้าง “เธอเรียกชื่อฉันอีกแล้ว ฟังดูดีจริงๆ อืม... ใช่ ฉันมารอต้อนรับคู่หมั้นของเสี่ยวชิก นี่เรื่องสำคัญเลยนะเนี่ย เอ๋ แล้วนั่นจะกลับเลยรึ? ไม่รอดื่มเหล้ามงคลก่อนหรือไง”
   ลู่อี้เผิงก้าวพรวดๆ ออกจากตัวคฤหาสน์ไปโดยไม่สนใจหันมามองด้วยซ้ำ หงคงฉ่วยถึงกับถอนหายใจเฮือก
   “อะไรกันนะ หนุ่มๆ สมัยนี้ อายุไม่เท่าไหร่ก็หัดขี้หงุดหงิดเสียแล้ว” เขาพูด และส่งแปะชิกชิกให้กับคนรับใช้เพื่อพาไปส่งที่คอน ก่อนจะออกคำสั่ง
   “เดี๋ยวให้คนหาซื้อแคลเซี่ยมไปส่งให้เสี่ยวอิ้เผิงสักลังนะ ส่งที่บ้านเขาน่ะ เขาคงไม่อยากให้ที่ทำงานแตกตื่น อย่าลืมเขียนจดหมายบอกไปว่าฉันเป็นห่วงด้วยล่ะ”
--------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อ๊ายยยยยยย เคะราชินี
บวกเป็ดพร้อม คนแต่งค่ะ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ชอบแนวมาเฟียแบบนี้จริงๆๆๆ  :pighaun:

ไม่มีนกยูง เอาเป็ดแทนละกัน

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
อ๊ายยยยยยยย~ ชอบจริงๆนะแนวเนี่ย!!  o(≧▽≦)o

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2

kurobok

  • บุคคลทั่วไป
อ่าาา.......ชอบหงคงฉ่วยจัง :z1:

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
ช่างเป็นเคะราชนี ที่รั่วได้ที่มากๆ :jul3:
น่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
สุโค่ยยยยยยยยย :haun4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
พ่อหนุ่มตำรวจถูกเคะมาเฟียงาบบบบ

ออฟไลน์ Ryze

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
 :mc4:

ปลาบปลื้ม เรื่องใหม่มาแล้ว
เอ.. ต้องเล่นของให้ตอนต่อไปมาเรื่อยๆซะแล้วมังนี่

อิอิ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ตำรวจกับมาเฟีย

ช๊อบ ชอบ
 :L2: :L2:

+1  จ้า

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-15

ออฟไลน์ PRiiNZE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ชอบจังงงงงงงงงงงงงงงง XD รอมาอัพนะคะ :-]

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
红孔雀นกยูงแดง 2

   หงคงฉ่วย (นกยูงแดง)
   ไม่มีใครรู้ว่าทำไมหงคงฉ่วยถึงเรียกตัวเองว่าหงคงฉ่วย(นกยูงแดง)
   แม้แต่ลู่อี้เผิงเองก็ไม่รู้ และไม่คิดอยากจะรู้ด้วย ไม่ว่าใครจะมองว่าหงคงฉ่วยคืออะไร สำหรับลู่อี้เผิงมันคือความอัปมงคลในชีวิตอย่างหนึ่ง อย่างใหญ่เสียด้วย
----------------------------------------------------------
   “เฮ้ พี่ลู่ วันนี้ไม่ว่ายน้ำเหรอ?”
   ลู่อี้เผิงหันไปยิ้มพลางสั่นศีรษะให้กับรุ่นน้องที่เอ่ยทัก ตอนนี้เขาอยู่ที่สระว่ายน้ำกลางของกรมตำรวจ ก่อนจะเกิดเรื่องเมื่อสี่ปีก่อน ลู่อี้เผิงเคยมาใช้บริการที่นี่เป็นประจำ แต่ตอนนี้ผิดกันไปแล้ว
   “ฉันมาคุยธุระ จะกลับแล้ว” ลู่อี้เผิงตอบ และก้าวเดินออกไปจากสระน้ำ เขามาหารุ่นน้องคนหนึ่งเพื่อคุยธุระเกี่ยวกับคดี ได้ยินเสียงรุ่นน้องคนเดิมหันไปพูดกับเพื่อนเบาๆ “แปลกแหะ ปกติพี่ลู่เขาชอบว่ายน้ำจะตาย... แต่พอเกิดเรื่องหงคงฉ่วยเมื่อสี่ปีก่อนก็.....”
   ลู่อี้เผิงขี้เกียจจะได้ยินอะไรมากไปกว่านี้ เลยรีบเดินจ้ำออกมา
   หงคงฉ่วย....
   นายตำรวจหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบตรงรอยแผลที่ขาอ่อนขึ้นมาทันที แน่นอนว่ามันเป็นแค่อุปาทานเท่านั้น แผลนั่นตั้งสีปีมาแล้ว มันคงไม่เหลือความเจ็บปวดอะไรอีกแล้วล่ะ นอกเสียแต่ความเจ็บปวดที่ฝังลึกลงไปในจิตใจ
   หงคงฉ่วย....
   พอนึกถึงหน้าเจ้าบ้านั่นแล้วก็ให้นึกอยากฆ่าขึ้นมาอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่ แต่ลู่อี้เผิงรู้ดี หงคงฉ่วยไม่ใช่อะไรที่ใครจะฆ่าได้ง่ายๆ ต่อให้แก้ผ้าออกหมดแล้วก็เถอะ
   สิ่งที่หงคงฉ่วยมอบให้เขาเมื่อสี่ปีก่อน นอกจากรอยแผลเป็นพวกนี้แล้ว ยังมีเรื่องน่าหงุดหงิดรำคาญใจตามมาอีกเป็นขบวน
   เรื่องแรก ลู่อี้เผิงหมดสิทธิ์ลงสระว่ายน้ำอีก ทำไมน่ะหรือ? ใครมันอยากจะโชว์ขาอ่อนที่มีรอยแผลแบบนี้กันเล่า นี่มันสัญลักษณ์ตีตราว่าเป็นสมบัติของหงคงฉ่วยชัดๆ ไม่มีใครที่กรมรู้เรื่องนี้ ทุกคนรู้แค่เขารอดจากเงื้อมมือหงคงฉ่วยมาได้ ในรอบหลายสิบปี ส่วนเรื่องแผลเป็นนี่ ให้ตายเขาก็จะให้ใครรู้เห็นไม่ได้เด็ดขาด
   สี่ปีมานี้ ลู่อี้เผิงเคยคิดที่จะไปลบเอารอยแผลนี้ออก ไม่ก็ทำให้เกิดรอยแผลเพิ่ม จะได้ลบคำว่าหงคงฉ่วยออกไปจากต้นขาเขาเสียที ติดอยู่แต่ว่าเจ้าหงคงฉ่วยโรคจิตนั่นชอบจะดูแผลที่ขาของเขาเสียเหลือเกิน แถมถามย้ำแล้วย้ำอีกว่ายังดูดีอยู่หรือเปล่า ดังนั้นเขาจึงต้องกล้ำกลืนรักษารอยแผลเป็นเอาไว้ เพื่อเป็นบัตรผ่านไปพบกับหงคงฉ่วยในคฤหาสน์เขาวงกตนั่น

   “อ้าว อี้เผิง จะกลับล่ะรึ? ไปต่อกันในเมืองมั้ย?” เพื่อนรุ่นเดียวกันเอ่ยทัก ในตอนที่เขากำลังจะเดินขึ้นรถ ลู่อี้เผิงหันไปยิ้มให้เพื่อน “ไม่ล่ะ ฉันต้องรีบกลับบ้าน”
   “วันนี้ที่แซนเทิร์นมีดาราใหญ่มาด้วยนะ ไม่ไปรึ?” เพื่อนชวนต่อ คนถูกชวนยังคงสั่นศีรษะ “มีงานด่วนต้องทำน่ะ”
   “เอ้อ... ขยันทั้งปี... หาเวลาว่างไปปลดปล่อยบ้างก็แล้วกันนะ เดี๋ยวจะเก็บกดเอา” เพื่อนว่า ลู่อี้เผิงพยักหน้า แล้วมุดเข้ามาในรถ
   ถ้าเป็นก่อนสี่ปีที่แล้วล่ะก็ เขาคงจะกระโดดลงทั้งสระว่ายน้ำ แล้วคงจะรีบไปเที่ยวผับกับเพื่อนแล้วล่ะ
   เพราะไอ้คำว่าหงคงฉ่วยบนขานั่นแท้ๆ เลย
   หลังจากถูกตีตราด้วยน้ำมือตัวเอง นอกจากลู่อี้เผิงจะไม่กล้าลงสระว่ายน้ำแล้ว เขายังต้องหยุดการมีเซ็กซ์ไปโดยปริยาย... เพราะกลัวใครจะเห็นรอยแผลเป็นนั่น ถ้าจะมีก็ต้องถกแค่กางเกงลงไป เรื่องห่วยๆ แบบนั้นให้เจ้าหงคงฉ่วยทำไปคนเดียวเถอะ! ที่สำคัญ หลังจากถูกหงคงฉ่วยหลอกล่อให้มีอะไรกันครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน เขาก็หมดอารมณ์กับผู้หญิงไปเลย บ้าเอ๊ย เจ้านั่นใช้ยาอะไรกับเขากันแน่เนี่ย
   ลู่อี้เผิงทุบมือลงไปบนพวงมาลัยอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะขับรถกลับบ้านด้วยความหงุดหงิดในอารมณ์ แต่ขณะที่กำลังขับรถอยู่บนถนน ลู่อี้เผิงก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกขับรถตาม นายตำรวจหนุ่มจึงชะลอรถเข้าข้างทาง และพบว่ารถยนต์สีดำสองคันขับตามมาจริงๆ คันหนึ่งหยุดจอดอยู่หน้ารถเขา ส่วนอีกคันจอดซ้อนด้านหลัง
   ลู่อี้เผิงยังคงนั่งอยู่ในรถ ถ้ากล้าจะอุ้มกันกลางไฮเวย์ที่มีรถวิ่งหนาแน่นขนาดนี้ล่ะก็ เขาก็ยอมให้อุ้มล่ะ แต่พอเห็นคนที่ก้าวเท้าออกมาจากรถ ในใจของชายหนุ่มก็นึกสาปแช่งขึ้นมาทันที
   “สายันสวัสดิ์ครับ สารวัตรลู่” ชายรูปร่างสูงใหญ่ มีรอยแผลเป็นพาดยาวลงมาตรงดั้งจมูกพอดี ราวกับครั้งหนึ่งศีรษะนี้เคยถูกผ่าครึ่งมาแล้วก็ไม่ปาน เอ่ยทักเขา ทันทีที่ลู่อี้เผิงลดกระจกลง ไม่บอกก็รู้ว่านี่คือหนึ่งในคนรับใช้ของหงคงฉ่วยที่มีชื่อว่าเสี่ยวจือ
   “เรื่องวันก่อนผมขอโทษด้วยนะ” ลู่อี้เผิงพูดตอบไป เสี่ยวจือสั่นศีรษะ และพูดต่อ “นายท่านให้ผมมาเชิญคุณไปที่คฤหาสน์”
   นายตำรวจหนุ่มปั้นสีหน้าว่าลำบากใจอยู่พอสมควร แล้วรีบตอบคำถามไป “ผมมีธุระด่วน ต้องรีบกลับบ้าน ยังไงก็ฝากขอบใจ แล้วก็ฝากบอกเจ้านายคุณหน่อยแล้วกันว่าผมไม่สะดวกจริงๆ ”
   เสี่ยวจือไม่พูดอะไร แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วบอกเล่าถ้อยคำของลู่อี้เผิงลงไปแบบไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่หนึ่งพยางค์ จากนั้นเขาก็หันมาพูดกับนายตำรวจหนุ่ม
   “นายท่านบอกว่า งั้นเดี๋ยวจะไปรอคุณที่บ้าน”
   ลู่อี้เผิงพยายามบอกตัวเองให้สงบจิตสงบใจเข้าไว้ แล้วปั้นสีหน้ายิ้มแย้มตอบไป “เพิ่งมีเมสเสจเข้ามา ว่างานเลื่อน เดี๋ยวผมไปหาเขาที่คฤหาสน์แล้วกัน”
   เสี่ยวจือพยักหน้า แล้วยิ้มออกมา ก่อนจะกลับเข้าไปที่รถ ขณะที่ลู่อี้เผิงนึกแช่งชักหักกระดูกหงคงฉ่วยในใจ เขายังจำได้แม่นเลยว่าครั้งก่อนที่หงคงฉ่วยไปที่บ้านเขามันเกิดอะไรขึ้น
------------------------------------------------------------
   “โอ.. เสี่ยวเผิงเผิง กำลังรออยู่เลย”
   ลู่อี้เผิงขมวดคิ้วให้กับคำเรียกที่หลุดออกมาจากปากผู้ชายซึ่งอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยเสื้อคลุมแพรไหมสีน้ำตาลแดงอีกตัวหนึ่ง คราวนี้บนนิ้วของหงคงฉ่วยไม่มีแปะชิกชิกเกาะอยู่ แต่มีแก้วเหล้าแก้วหนึ่งอยู่แทน
   “มีธุระอะไร?” ลู่อี้เผิงถามเสียงห้วน หงคงฉ่วยย่นคิ้วนิดหน่อย แล้วพูดต่อ “แคลเซียมที่ให้ไปวันก่อน ไม่ได้ทานเลยรึ?”
   ลู่อี้เผิงนึกไปถึงลังแคลเซี่ยมที่ถูกส่งไปกองพิสูจน์หลักฐาน พอรู้ว่าไม่มีอะไรก็เลยเอาทิ้งไว้ที่นั่น ไม่ได้เอากลับมาอีกเลย ใครมันอยากจะไปรับของจากไอ้หมอนี่กันล่ะ
   “ผมไม่ได้ขาดแคลเซี่ยม” นายตำรวจหนุ่มตอบไป
   “งั้นก็ทำหน้าตาให้รื่นเริงกว่านี้หน่อยซี่ ยังไม่ห้าสิบหกสิบสักหน่อย” หงคงฉ่วยว่า แล้วก็ขยับตัว รินเหล้าเพิ่มอีกแก้วหนึ่ง คนรับใช้รีบเดินไปประคองแก้วเหล้านั้นมาส่งให้ลู่อี้เผิง
   “ดื่มเป็นเพื่อนกันหน่อย” หงคงฉ่วยว่า ขณะที่ลู่อี้เผิงมองแก้วเหล้าในมืออย่างไม่ไว้ใจ
   “คราวนี้ใส่อะไรลงไปอีกล่ะ?”
   หงคงฉ่วยสั่นศีรษะ ด้วยหน้าตาซื่อตรงอย่างที่สุด “เธอเห็นฉันใส่อะไรลงไปไหมล่ะ?”
   ลู่อี้เผิงมองหน้าเขาพักหนึ่ง ก่อนจะสั่นศีรษะ “ผมไม่ดื่มดีกว่า เกรงใจ”
   “แน่นะ..” หงคงฉ่วยถามซ้ำ ลู่อี้เผิงพยักหน้า “ผมไม่อยากโดนยาของคุณซ้ำรอบสองหรอก”
   หงคงฉ่วยยกนิ้วขึ้นเกาศีรษะ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “เผิงเผิงเอ๊ย ชอบให้ใช้ไม้แข็งจริงๆ นะ”
   ยังไม่ทันสุดคำ ลู่อี้เผิงก็ถูกขนาบด้วยชายฉกรรจ์ร่างใหญ่สองคน จากนั้นก็ถูกสันมือกระแทกเข้าที่ท้ายทอยอย่างแรง แล้วภาพตรงหน้าก็ดับวูบไป
------------------------------------------------
   เสียงน้ำแข็งกระทบแก้วดังกรุ๋งกริ๋งทำให้นายตำรวจหนุ่มได้สติขึ้นมา เขากะพริบตาอยู่สักพักก็ให้รู้สึกปวดหนึบๆ ที่ท้ายทอยตรงที่ถูกทุบ ได้ยินเสียงใครบางคนพูดอยู่เหนือศีรษะ “ตื่นแล้วหรือ?”
   ลู่อี้เผิงลุกพรวดขึ้นมาทันที และพบว่าร่างของตัวเองเปลือยอยู่... เกือบเปลือยล่ะ ยังดีที่ตรงนั้นมีกางเกงว่ายน้ำสวมอยู่...
   กางเกงว่ายน้ำ?
   นายตำรวจหนุ่มหันหน้ากลับมามองคนที่นั่งอยู่ด้านหลังทันที หงคงฉ่วยกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ยาว ในมือมีแก้วเหล้าสีอำพันอยู่ บนใบหน้าประดับรอยยิ้มลี้ลับเหมือนเคย
   “ชอบรึเปล่า? ฉันเพิ่งเปลี่ยนน้ำสระว่ายน้ำใหม่ เลยอยากเห็นเธอว่ายน้ำบ้าง เธอใส่ชุดว่ายน้ำแล้วเซ็กซี่ดีจริงๆ ”
   ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่คนพูด ก่อนจะลุกขึ้นยืนทันที ไม่อยากจินตนาการว่าตัวเองนอนอยู่ในสภาพไหน ก่อนจะตื่นขึ้นมา ไม่อยากจินตนาการด้วยว่าร่างกายถูกทำอะไรบ้างในตอนที่สลบอยู่
   “ปวดหัวหรือไง?” หงคงฉ่วยถามต่อ เมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม “นี่แหละหนา.. ถ้าเธอยอมดื่มเหล้าให้เมาไปเสียดีๆ ก็สิ้นเรื่องสิ้นราวแล้ว ฉันไม่ฆ่าเธอหรอกน่า แค่อยากให้เธออยู่เฉยๆ แค่นั้นเอง”
   “ผมจะกลับ” ลู่อี้เผิงพูดสวนขึ้นมา และก้าวเท้าฉับๆ ออกไปทันที หงคงฉ่วยยกนิ้วขึ้นเกาศีรษะ แล้วพูดสั้นๆ “อินเฉิน ชิงเหิง”
   สุนัขพันธุ์รอตไวเลอร์สีดำขนาดเกือบถึงโคนขาอ่อนสองตัววิ่งตะบึงมาล้อมหน้าล้อมหลังลู่อี้เผิงไว้ทันที ก่อนจะแยกเขี้ยวแง่งๆ ใส่ ลู่อี้เผิงชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันหน้ากลับมามองหงคงฉ่วย ซึ่งนั่งยิ้มอยู่
   “จะเอาไงดี เผิงเผิง จะไปว่ายน้ำดีๆ หรือจะปล้ำกับอินเฉิน ชิงเหิงล่ะ?” หงคงฉ่วยพูดพลางจิบเหล้าในแก้ว ลู่อี้เผิงขบกรามกรอดๆ มองดูสุนัขสองตัวที่กำลังแยกเขี้ยว รอแค่คำสั่งก็คงจะกระโดนเข้างับเขา ท้ายที่สุดชายหนุ่มก็เค้นเสียงออกมา “ตกลง ผมจะว่ายน้ำ คุณเอาหมาคุณออกไปได้แล้ว”
   หงคงฉ่วยยิ้มกว้าง ก่อนจะเอ่ยปากอีกครั้ง “อินเฉิน ชิงเหิง มานี่มา”
   เจ้าสุนัขสองตัวที่ทำท่าจะกัดชายหนุ่มอยู่ร่ำๆ พอได้ยินเสียงเรียกก็พากันกระดิกหางวิ่งไปหาเจ้านายทันที หงคงฉ่วยหยิบบิสกิตในจานบนโต๊ะ โยนให้พวกมันคนละชิ้นสองชิ้นด้วยสีหน้าพออกพอใจ ลู่อี้เผิงขี้เกียจจะยืนมองต่อ เลยกระโดดลงสระว่ายน้ำไป
   ท่าทางหงคงฉ่วยคงไม่อยากให้เขาเห็นทางเดินในคฤหาสน์มากไป คราวนี้เลยจัดการทุบเขาให้สลบ ลู่อี้เผิงเริ่มคิดว่าคราวหน้าเขาควรจะเตรียมยาสลบมารมตัวเองเสียเลย จะได้ไม่ต้องระแวงว่าจะเจออะไรมากไปกว่ายาสลบ แต่ก็ไม่แน่ เจ้านกยูงบ้านั่นอาจจะฉีดอะไรให้เขาตอนสลบก็ได้
   ลู่อี้เผิงว่ายน้ำไปได้สองรอบก็หยุดยืนที่ขอบสระ พลางมองขึ้นไปด้านบน ถึงได้เห็นว่านี่คงเป็นปีกส่วนใดส่วนหนึ่งของคฤหาสน์หรูหราหลังนี้แน่ๆ เพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนเพ็ญ เขาเลยเห็นตัวคฤหาสน์อยู่มากพอสมควร แต่ก็อย่าหวังว่าจะรู้ที่ทางอะไรเพิ่มมากขึ้นเลย ลู่อี้เผิงมองดวงจันทร์อยู่พักหนึ่ง ก็หันกลับไปมองริมสระ แล้วก็เห็นหงคงฉ่วยกำลังนั่งถือแก้วเหล้าจ้องเขาตาเป็นมัน เขานึกอยากควักลูกตานั่นออกมาจริงๆ
   “นี่ คงฉ่วย ไม่มาว่ายน้ำด้วยกันล่ะ” ลู่อี้เผิงทำใจดีสู้เสือ ชวนหงคงฉ่วยลงมาว่ายน้ำด้วย แม้จะแน่ใจอยู่ลึกๆ ว่าถ้าเจ้าหมอนี่ยอมลงสระ ความเป็นชายของเขาก็คงจะถูกใช้งานอีกแน่ๆ
   “เผิงเผิงอยากให้คงฉ่วยลงไปเล่นน้ำด้วยหรือ?” คนถูกถามถามกลับยิ้มๆ ลู่อี้เผิงรีบพยักหน้า ทั้งๆ ที่ยังนึกขนลุกกับชื่อเรียกตัวเองไม่หาย
   “ผมอยากให้คุณลงมาว่ายน้ำด้วยกัน ผมยังไม่เคยเห็นคุณถอดเสื้อเลย”
   ได้ยินเสียงหงคงฉ่วยหัวเราะลงลูกคอ “หวังจะดูฉันเปลือยหรือ... ฝันไปเถอะ เสี่ยวเผิงเอ๋ย”
   ลู่อี้เผิงนึกแวบในใจขึ้นมาทันที หรือคนอย่างหงคงฉ่วยจะว่ายน้ำไม่เป็น แบบนี้ถ้าหลอกให้ลงมาในน้ำได้ เขาอาจจะมีโอกาสจับเป็นเจ้าหมอนี่ แล้วเอาไปสอบปากคำที่โรงพัก ขอให้จับตัวหงคงฉ่วยได้ คนรับใช้พวกนั้นก็คงไม่กล้าทำอะไรแล้วล่ะ พอคิดได้ดังนั้น ลู่อี้เผิงเลยปั้นหน้ายิ้มแย้มพูดต่อ
   “คงฉ่วย ไม่ลงมาด้วยกันหรือ ถ้าผมได้เห็นคุณเปลือยสักครั้ง ผมอาจจะหลงเสน่ห์คุณก็ได้”
   หงคงฉ่วยเกือบจะสำลักเหล้าในปาก เขารีบกลืนเหล้าลงไปแล้วพูดกลั้วเสียงหัวเราะ “เผิงเผิง ฝืนพูดมากระวังจะกัดลิ้นเอานะ”
   ลู่อี้เผิงเม้มปากแน่น ถลึงตาใส่เขา แก้มกลายเป็นสีแดงนิดๆ ก่อนจะมุดน้ำว่ายไปอีกฝั่งหนึ่ง หงคงฉ่วยถึงกับถอนหายใจออกมา แล้วยกเหล้าในแก้วขึ้นมาจิบต่อ
   “คงฉ่วย” ลู่อี้เผิงเรียกเขาอีกครั้งในตอนที่ว่ายกลับมา “ลงมาเถอะ ผมอยากกอดคุณแล้วนะ”
   หงคงฉ่วยยกมือขึ้นปิดปาก แทบจะพ่นเหล้าออกมาจากจมูก “เผิงเผิง ขอร้องล่ะ ฉันยังไม่อยากสำลักเหล้าตายนะ”
   ลู่อิ้เผิงถลึงตามองเขา คราวนี้แก้มของชายหนุ่มกลายเป็นสีแดงจัดขึ้นมาจริงๆ คงไม่ใช่แค่เพราะออกแรงเสียแล้ว หงคงฉ่วยได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นตึกๆ
   แย่ล่ะสิ.....
-------------------------------------------------
   ลู่อี้เผิงรู้สึกอึดอัดใจแถมอับอายอย่างไม่อยากจะบอกสาเหตุ เขาพยายามนึกถ้อยคำโอ้โลมปฏิโลมเท่าที่คิดออกว่าคนอย่างหงคงฉ่วยน่าจะหลงกลลงมาในสระ แต่เขาคงจะลืมไปว่านั่นคือหงคงฉ่วย ต่อให้เขาสิบคน เจ้าหมอนั่นก็คงไม่ยอมหลงกลง่ายๆ อีกอย่าง ถึงเจ้าหมอนั่นไม่ทำกับเขา ก็คงมีคนอื่นให้ทำเยอะแยะอยู่ดี พอคิดแบบนี้แล้ว ลู่อี้เผิงนึกทุเรศตัวเองขึ้นมาจริงๆ ดังนั้นจึงตั้งอกตั้งใจว่ายน้ำ กะว่าเดี๋ยวอีกสักพักหงคงฉ่วยลงจะพอใจแล้วเรียกเขาขึ้นเองนั่นล่ะ
   บ้าจริงๆ ทำไมเขาถึงต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ
   ลู่อี้เผิงโผล่ขึ้นมาจากน้ำด้วยความหงุดหงิด แต่พอเงยหน้าขึ้นจากน้ำก็ต้องชะงักตัวกึก เมื่อพบว่าหงคงฉ่วยยืนอยู่ตรงริมขอบสระ บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มลี้ลับพิสดาร
   “ปกติฉันไม่ค่อยถอดเสื้อผ้าต่อหน้าใครหรอกนะ” หงคงฉ่วยตอบ ก่อนจะดึงสายเสื้อคลุมแพรออก เสื้อแพรสีน้ำตาลแดงเลื่อนหล่นลงบนพื้น เผยให้เห็นผิวขาวจัด ที่พอต้องกับแสงของดวงจันทร์แล้วเหมือนจะทอประกายออกมา
   ลู่อี้เผิงยืนดูด้วยความตื่นตะลึง เหนือขึ้นไปจากท่อนขาเรียวขาว คือกางเกงว่ายน้ำตัวน้อย และปั้นเอวแข็งแรงที่มีแถบแดงพาดแพลมออกมาจากด้านหลัง
   “อยากกอดฉันจริงๆ หรือ?” หงคงฉ่วยทอดเสียงต่ำ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งข้างขอบสระ และยื่นเท้าลงไป
   “คงฉ่วย...” ลู่อี้เผิงเรียกชื่อนั้นเสียงแผ่ว ยื่นมือออกไปรองปลายเท้านั้นเอาไว้ แล้วแนบริมฝีปากลงไป หงคงฉ่วยสูดลมหายใจด้วยความพึงพอใจ ขณะที่อีกฝ่ายพรมจูบลงไปทั่วหลังเท้าของเขาเหมือนต้องมนต์สะกด จากนั้นก็ค่อยๆ ไล้ปลายลิ้นไปตามผิวเนื้ออ่อนระหว่างนิ้วเท้า สร้างความซ่านเสียวได้อย่างน่าพึงใจ
   หงคงฉ่วยหลับตาด้วยความเพลิดเพลิน ปล่อยให้ลู่อี้เผิงจัดการกับนิ้วเท้าของตัวเองด้วยปาก จากนั้นร่างกายของเขาก็ถูกกระชากร่วงลงไปในสระน้ำทันที
   เสียงหยดน้ำกระเซ็นซ่านดังไปทั่วบริเวณ ลู่อี้เผิงมั่นใจว่าคราวนี้หงคงฉ่วยอย่างน้อยๆ ก็ต้องกินน้ำเอาไปหลายอึกแน่ๆ ถูกดึงร่วงมาอย่างไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ ต่อให้คนว่ายน้ำเป็นก็ต้องสำลัก แต่ปรากฏว่าปล้ำกันในน้ำอยู่พักใหญ่ๆ กลายเป็นเขาเองที่กินน้ำเข้าไปหลายอึก แถมกว่าจะโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำได้ แทบจะขาดอากาศตาย
   นายตำรวจหนุ่มสูดหายใจเฮือกในตอนที่โผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ ก่อนจะไอจนหน้าแดง หันหน้ามาอีกทีก็เห็นหงคงฉ่วยยืนยิ้มอยู่ในสระ
   “จะกดฉันให้จมน้ำตายหรือไง?” คนมองอยู่ถาม ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่แล้วไอออกมาอีกสองสามครั้ง “คุณว่ายน้ำเป็นนี่” ตำรวจหนุ่มตัดพ้อ หงคงฉ่วยเลิกคิ้ว
   “ก็ใช่น่ะสิ ฉันบอกเธอเมื่อไหร่ว่าว่ายน้ำไม่เป็น”
   ลู่อี้เผิงรู้สึกปากของตัวเองแข็งเหมือนถูกสาป เขามองหน้าหงคงฉ่วยอีกครั้ง แล้วจามออกมา ได้ยินทางนั้นหัวเราะชอบใจ “อย่าบอกนะว่าเธอคิดว่าฉันว่ายน้ำไม่เป็น เลยกะจะลากลงมากดน้ำน่ะ”
   คนถูกถามไม่ตอบ แต่กลับหันหน้าไปทางอื่น “ผมจะกลับบ้านแล้ว” พูดพลางว่ายน้ำไปจับบันไดจะขึ้นจากสระ หงคงฉ่วยว่ายตามมา “ไหนเมื่อกี้บอกว่าอยากกอดฉันไง”
   “คุณจับผมกดน้ำ ผมหมดอารมณ์แล้ว” ลู่อี้เผิงตอบปัดๆ ได้ยินเสียงหงคงฉ่วยถอนหายใจ “ตำรวจเกียรตินิยมของกรมตำรวจฮ่องกงนี่ใจฝ่อง่ายชะมัด กะอีแค่สำลักน้ำเอง”
   ลู่อี้เผิงหันหน้ากลับมาช้าๆ ก่อนจะพูดตอบ “ผมไม่ได้ฝ่อ”
   “งั้นก็กลับลงมาสิ”
   นายตำรวจหนุ่มยืนลังเลอยู่พักก็ยอมกลับลงมาในสระ จากนั้นหงคงฉ่วยก็ว่ายเข้ามาหาเขา และดันตัวเขาเข้ากับขอบสระ
   “เธอทำให้ฉันคึกคักน่าดู”
   “อืม...” ลู่อี้เผิงส่งเสียงในลำคอ ก่อนจะพูดอย่างนึกขึ้นได้ “นี่... คุณก็ว่ายน้ำเป็น ทำไมถึงไม่ลงมาว่ายกับผมแต่แรกล่ะ?”
   “อยากให้ฉันว่ายด้วยจริงๆ รึ?” คนถูกถามย้อน ลู่อี้เผิงพยายามสะกดอารมณ์เอาไว้ แล้วอธิบายช้าๆ “ถึงผมจะอยากหรือไม่อยาก แต่คุณอยากทำกับผมอยู่แล้วนี่ ทำไมถึงต้องรอให้ผมพูดขนาดนั้นด้วยล่ะ หรือคุณอยากแกล้งผม?”
   พอพูดมาถึงตรงนี้แล้ว ลู่อี้เผิงรู้สึกร้อนที่หน้าขึ้นมาทันที จนต้องรีบหันไปทางอื่น ได้ยินเสียงหงคงฉ่วยหัวเราะเบาๆ “อืม อันที่จริงแล้ว ฉันก็ไม่ได้คิดถึงขนาดนั้นหรอกนะ ฉันแค่ไม่อยากให้ใครเห็นหงคงฉ่วยบนหลัง”
   “?”
   “เวลาเธอเขินแบบนี้ ก็ดูน่ารักดีนะ” หงคงฉ่วยพูด และแนบริมฝีปากเข้ามา ลู่อี้เผิงเบือนหน้าหนีทันที
   “เดี๋ยว ตะกี้คุณพูดว่าหงคงฉ่วยบนหลัง? หลังคุณมีหงคงฉ่วย?”
   “อืม...” หงคงฉ่วยส่งเสียงในคอ พลางพูดต่อ “ถ้าเธอจูบจนฉันพอใจล่ะก็ ฉันจะยอมให้เธอดูสักครั้ง”
   นัยน์ตาสีดำของทั้งคู่จ้องประสานกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่หงคงฉ่วยจะถอนหายใจออกมา “เอาเถอะ ฉันไม่ฝืนใจก็ได้” เขาพูด และก้มลงกัดซอกคอของอีกฝ่าย ลู่อี้เผิงสะดุ้งเฮือก ก่อนจะจับใบหน้านั้นขึ้นมาจูบ
   ปลายลิ้นที่แทรกเข้ามาอย่างดุทันทำเอาหงคงฉ่วยต้องรีบโอบมือรอบใบหน้าของอีกฝ่าย ดึงให้เข้ามาชิดกันอีก ริมฝีปากของทั้งคู่บดเบียดกันอย่างรุนแรง กระทั่งได้ยินเสียงหอบหายใจหนัก ลู่อี้เผิงดันตัวของหงคงฉ่วยเข้ากับขอบสระ แนบจูบเร่าร้อนซ้ำลงไปอีก ก่อนจะกดร่างนั้นลงกับพื้น เสียงหอบหายใจดังสะท้อนไปทั้งสระน้ำ หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างผละริมฝีปากออกจากกัน
   “ขอผมดูหงคงฉ่วยของคุณหน่อย” ลู่อี้เผิงเอ่ยด้วยริมฝีปากและใบหน้าที่แดงจัด ใบหน้าของหงคงฉ่วยปรากฏรอยยิ้มเล็กๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะหันหลังให้
   นกยูงสีแดงตัวใหญ่ที่กำลังทำท่าไซ้ขนตัวเองปรากฏให้เห็นอยู่บนแผ่นหลังขาวสะอาด  แพนหางของมันพาดยาวลงไปถึงปั้นเอว และคงจะยาวไปจนถึงลำตัวส่วนหน้าบางส่วน
   “หงคงฉ่วย...” ลู่อี้เผิงพึมพำออกมา ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ร่างนั้นอีกครั้ง “หงคงฉ่วยของคุณสวยออก ทำไมถึงไม่อยากให้ใครเห็นล่ะ”
   “ฉันกลัวคนมองจะหลงรักมันแทนฉันน่ะสิ” หงคงฉ่วยตอบยิ้มๆ ลู่อี้เผิงแค่นเสียงตอบ “เหอะ ต่อให้ไม่มีรอยสักผมก็ไม่หลงรักคุณหรอกนะ”
   ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะ ลู่อี้เผิงเบียดตัวเข้าไปอีก จากนั้นริมฝีปากของทั้งคู่ก็แนบประกบกันอีกครั้ง ลู่อี้เผิงกดแขนสองข้างของหงคงฉ่วยลงกับขอบสระ ประโลมจูบไปทั่วแผ่นหลัง รอบนกยูงสีแดงตัวนั้น
   ทั้งคู่ร่วมรักกันในสระน้ำจนได้ยินเสียงน้ำกระเซ็นสลับกับเสียงครางและเสียงหอบกระเส่า นกยูงสีแดงด้านหลังสั่นไหวไปตามจังหวะรักเร่าร้อนจนราวกับจะขยับเองได้ ลู่อี้เผิงจูบลงบนแผ่นหลังนั้นอีกครั้ง ก่อนจะจับใบหน้าคมคายที่ส่งเสียงครางต่ำๆ อยู่ขึ้นมาจูบซ้ำ
   หงคงฉ่วย.....
----------------------------------------------
   กว่าที่หงคงฉ่วยจะพอใจ ลู่อี้เผิงก็แทบจะหมดเรี่ยวหมดแรงตาย เขาเอนตัวพิงกับขอบสระ ปล่อยให้อีกฝ่ายลูบไล้ร่างกายโดยไม่อาจต่อต้าน ได้ยินเสียงหงคงฉ่วยกระซิบ
   “เผิงเผิง คืนนี้อยู่เป็นเพื่อนฉันจนสว่างเถอะนะ ฉันไม่ชอบคืนเดือนเพ็ญเลย”
   ลู่อี้เผิงปรือตาขึ้นอย่างยากลำบาก เขาคิดว่าตัวเองควรจะกลับได้แล้ว แต่สิ่งที่รู้สึกคือดวงจันทร์สีเงินที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า กับผิวกายละเอียดอ่อนที่สัมผัสแนบชิดอยู่ ก่อนที่ภาพทั้งหมดจะพร่าเลือนไป
---------------------------------------------------
   “สารวัตรลู่ ออกจากเกาะร้างได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย?” ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยทักขึ้น ในตอนที่ลู่อี้เผิงก้าวเข้าไปในแผนก ชายหนุ่มขบริมฝีปากล่างทีหนึ่ง ก่อนจะตอบไป “เมื่อเช้า”
   จากนั้นเขาก็เดินตรงไปยังโต๊ะทันที และพบกับแฟ้มคดีจำนวนมากวางกองอยู่
   “สารวัตรคะ แล้วเรื่องที่ไปสืบได้ความว่าไงบ้างคะ” ลูกน้องอีกคนเดินเข้ามาถาม ในตอนที่ลู่อี้เผิงยังไม่ได้นั่งลงดี สารวัตรหนุ่มยกมือห้าม “ขอเวลาผมสักครู่นะ”
   สาวเจ้าพยักหน้า แล้ววางแฟ้มอย่างหนาอีกสองเล่มลงบนโต๊ะเขา “คดีโต่วโหวค่ะ”
   “อืม วางไว้นั่นแหละ” ลู่อี้เผิงพูด และยกมือขึ้นกุมศีรษะทันทีที่ลูกน้องเดินออกไปแล้ว
   ไอ้เจ้านกยูงตัวแสบนั่น!
   ลู่อี้เผิงรู้สึกตัวตื่นในวันรุ่งขึ้นก็พบว่านอนอยู่บนเตียงนอนที่ตัวเองไม่เคยเห็นมาก่อน พอมองอะไรได้ชัดขึ้นถึงเห็นว่าตรงหน้าเป็นกรงนกขนาดใหญ่ จากนั้นหงคงฉ่วยก็เดินเข้ามา พร้อมกับสารทยายวิธีให้อาหารนกอยู่เป็นสิบนาที กว่าที่ลู่อี้เผิงจะรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ก็ตอนที่เปิดประตูออกไปด้านนอกแล้วพบกับทะเลกว้างๆ นั่นแหละ
   เกาะร้างอะไรกันเล่า เกาะเลี้ยงนกของไอ้หงคงฉ่วยบ้านั่นต่างหาก!!
   ลู่อี้เผิงสาบทสาบานกับตัวเองว่าเขาจะไม่ไปค้างคืนที่คฤหาสน์ของหงคงฉ่วยอีก เจ้าบ้านั่นบังคับให้เขาให้อาหารนกอยู่ตั้งสามวัน แลกกับการเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับคดีที่เขากำลังสืบอยู่ บางทีลู่อี้เผิงก็นึกสงสัยขึ้นมาอย่างจริงๆ จังๆ ว่า หงคงฉ่วยอยู่เบื้องหลังคดีพวกนี้ด้วยหรือเปล่า แต่จนใจที่หาหลักฐานมามัดตัวหมอนั่นไม่ได้สักที แถมเขาเองก็เอาชนะไอ้หมอนั่นได้เสียที่ไหน แต่สักวัน สักวันเขาต้องลากหมอนั่นเข้าคุกให้ได้
   สักวัน...สักวันหนึ่งเถอะ
----------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
ตกลงคงฉ่วยอายุเท่าไหร่เนี่ย

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
งานนี้ได้ว่ายน้ำสมใจ แถมได้ว่ายน้ำกับนกด้วยนะเออ
พระเอกเรากลายเป็นคนให้อาหารนกไปแล้ว 555

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1034
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
ชอบอ่ะ อยากให้มีสักร้อยตอนเลย :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
อ๊ายยยยยย ชอบซาดิสดีแท้ หึหึหึ

แต่ชื่ออ่านยากนิดนึง ใช้เวลาอ่านสองเท่าของนิยายปกติ 555

อารมณ์ประมาณอ่านสามก๊ก มึนกับชื่อ แต่ก็สนุกจนวางไม่ลง

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อยากชาบูแผ่นหลังราชินี 555+

แหมถึงจะแค่เป็นคนเลี้ยงนก แต่เค้าก็เลือกนะ

ออฟไลน์ liptudzii_chi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
สนุกจริงๆ เรื่องนี้ อ่านแล้วติดอยากอ่านต่อไปเรื่อยๆๆ  :o8:

ว่าแต่คู่นี้เขาจะรักกันได้จริงๆ หรือเปล่า อยากให้รักกันนะเออ ดูเหมาะกันดี  :laugh:

ออฟไลน์ reborn23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
สนุกอะ ต่อยาวๆๆๆๆ
ก็ไม่เป็นไร รออ่าน
 :pig4:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
พระเอกเราดูเคะนิดๆ ด้วยนะเนี่ย

ออฟไลน์ ronlbb

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
สนุกดีๆๆ  รออ่านต่อค่ะ :m25:

raphaello

  • บุคคลทั่วไป
อึมม อ่านไปแล้วชักสงสัยอายุของควีนซะแล้ว^ ^""

peachlc

  • บุคคลทั่วไป
ขอกรี๊ดดังๆนะคะคุณนักเขียน
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไม่ไหวแล้วค่า ชอบเรื่องนี้ๆๆๆๆๆๆๆ มีสักหลายร้อยตอนก็ไม่เบื่อค่ะ !
ชอบอ่ะะะะ เท่มาก มาเฟียตำรวจ อรั๊ยยยยยย >//<
แล้วบทสรุปของสองคนนี้จะเป็นยังไง .. ติดตามนะคะ : )
สู้ๆต่อไปนะคะคุณนักเขียน นักอ่านคนนี้เป็นกำลังใจให้ค่าาาา

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ

เเบบว่า :jul1: :jul1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด