“หยุดเถอะครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่วินเซอร์จริงๆ! โอ๊ยยย!!!”
“อย่ามาตอแหลนะยะ!! ถ้าไม่เป็นอะไรจริงๆ แล้วทำไมเขาไปจะมายุ่งกับแก!!”
“จริงๆ ครับ! ผมไม่ได้เป็นอะไรด้วย”
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงเถียงกันลอดออกมาจากห้องเก็บอุปกรณ์ข้างๆ อะไรๆ ทะเลาะอะไรกัน? แล้วไอ้วินเซอร์มาเกี่ยวอะไรด้วย? ผมเดินเข้าไปใกล้ประตูห้องนั้นแล้วเปิดประตูเข้าไปเห็นเหล่าดาราสาวสวยที่เคยเห็นในทีวีกำลังยืนรุมใครบางคนอยู่ ผมยืนมองนิ่งดูท่าทางพวกเธอจะเมามันส์กับการรุมรังแกเด็กคนหนึ่งจนไม่ได้สังเกตเห็นผมเลย แต่เจ้าคนที่โดนทำร้ายกลับเห็นผมก่อนใครเพื่อนแต่ไม่ยักจะร้องขอความช่วยเหลือ แปลกจริงๆ นั้นแหละน่า
“เลิกยุ่งกับวินเซอร์ได้แล้วไอ้เด็กเวร!! คิดว่าน่ารักนิดหน่อยแล้วเขาจะชอบจะรักแกงั้นเหรอ!?”
“ผมก็ไม่ขอให้เขามาชอบนี่!!”
“ปากดี!!!”
ตบหน้าแบบนั้นมันก็ออกจะเกินไปหน่อยล่ะมั้ง อย่างไงซะเด็กนั้นก็เป็นดาราไม่ใช่หรือไง? ผมเดาๆ เอานั้นแหละ เพราะอย่างไงไอ้เวรวินเซอร์มันก็ยุ่งแต่พวกในวงการนี่น่า ผมยืนพิงขอบประตูมองดูต่อไป อืม...อะไรนะ? ทำไมผมถึงไม่ไปช่วยเขางั้นเหรอ? เหอะๆ ก็ไม่เห็นจะสนุกตรงไหนเลยนี่น่า ยืนดูพวกเขาตบตีกันน่าจะสนุกกว่า!!!
“คนอย่างวินเซอร์ไม่หยุดแค่แกหรอกนะไอ้เด็กเมื่อวานซืน!!”
“พี่เขาก็ไม่หยุดกับป้าแก่ๆ แบบพวกคุณเหมือนกันนั้นแหละ!!! โอ๊ยยย!!!”
“อ๊ายยยย!!!! ไอ้เด็กบ้า!!!”
อ๊ะ คำพูดโดนใจอ่ะ! ป้าแก่เหรอวะ? ฮ่าๆๆ ผมยืนมองอย่างสนุก จิตสำนึกของผมมันไม่ได้ดีขนาดที่จะไปช่วยคนอื่นขนาดนั้นหรอกนะครับ ไม่ต้องหวัง ยืนเชียร์พวกเขาตีกันสนุกกว่าเยอะ!
“แค่กๆ”ผมไอออกมาเบาๆ แล้วกลุ่มคนในห้องก็หยุดชะงักการกระทำต่างๆ หันมามองผมกันรวดเร็ว อ้อ! จำได้แล้ว พวกเธอมันเป็นนางแบบที่ผมเคยร่วมงานมาแล้วทั้งนั้นเลยล่ะครับ แต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้นแต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีนิสัยแบบนี้นะเนี่ย อ้อ เมื่อกี้ผมไม่ได้ตั้งใจไอหรอก บังเอิญมันไอเองน่ะ!
“ละ...เลิฟ มาทำอะไรที่นี้เหรอ?”พวกเธอหน้าซีดแล้วถามผมอย่างไม่แน่ใจ ผมทำหน้านิ่งเฉยเหมือนเดิม พวกเธอจะเชื่อไหมถ้าบอกไปว่ามาเข้าห้องน้ำน่ะ ผมก้มมองไปเจ้าคนที่เกือบจะหมอบไปกับพื้นคนนั้น อ้าว! นี่มันไอ้น้องเรดคนนั้นนี่หว่า? ผมเงยหน้ามามองพวกนางแบบสาวที่กำลังหาข้อแก้ตัวกันวุ่น
“เอ่อ...เรดเขาล้มน่ะ พวกเราก็เลยช่วย! งั้นขอตัวก่อนนะ!!”พวกเธอพูดอย่างรวดเร็วแล้วเดินออกไปทันทีไม่แม้จะฟังผมพูดด้วยซ้ำ เมื่อกี้กำลังแนะนำว่าถ้าจะตีกันจริงๆ อย่ามาทำอะไรแถวคนเดินผ่าน เดี๋ยวใครมาเจอเข้าจะเดือดร้อน ถ้าจะรุมกันจริงๆ ลากมันไปตบที่หลังโกดังร้างเลยดีกว่า!
แต่ช่างเหอะพวกเขาคงไม่อยากได้คำแนะนำจากผมล่ะมั้ง อีกอย่างผมก็ไม่ได้อยากจะพูดอะไรอยู่แล้ว เจ้าน้องเรดอะไรนั้นลุกขึ้นมายืนก้มหัวให้กับผมแล้วเดินออกไปจากห้อง เหอะๆ สภาพแบบนั้นออกไปก็รู้ว่าโดนอะไรมา ให้ตายเถอะ! จะออกไปขอความเมตตากับใครไม่ทราบวะ? ผมจับผ้าที่วางบนโต๊ะใกล้ๆ โยนไปคุมหัวอีกฝ่าย
“อะไรครับรุ่นพี่?”
“คุมหน้าของตัวเองไว้ซะ”ผมพูดแค่นั้นแล้วเดินออกไปเงียบๆ ยังจะมาถามอีกว่าอะไร!? ก็เอาไว้คุมหน้าเละๆ นั้นน่ะสิ!! เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นก็วุ่นวายกันอีกล่ะ เหอะ! โดยเฉพาะแฟนหนุ่มคนนั้นของเธอน่ะ!! เชอะ!
“ขอบคุณครับรุ่นพี่”เสียงของเรดเอ่ยเบาๆ ตามหลังของผมมา เออ! ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรหรอกนะ ผมเดินกลับมาที่สตูดิโอ พอผมเดินเข้ามาก็ไปเจอะเข้ากับไอ้วินเซอร์ที่กำลังพูดคุยกับเหล่าสตาร์ฟอย่างซีเรียส ทำหน้าแบบเอาจริงเอาจังแบบนั้นก็ดูดีไปอีกแบบนะ อ๊ะ...อะแฮ่ม! หน้าแบบนั้นก็ดูแปลกตาดี อื้ม! ก็แค่ผมไม่เคยเห็นสีหน้าเอางานเอาการแบบนั้นของมันนี่น่า ก็เลยเผลอมองนิดเดียวเอง นิ๊ดจริงๆ!
“เลิฟ หายไปไหนอีกน่ะ?”
“เออ นั้นสิ แกหายไปไหนมาเลิฟ?”
“...อ้าว ประธานอยู่ที่นี้ด้วยเหรอครับ?”
“ไอ้เด็กนี่แม่งกวนติ่งหน้าตายชิบหาย! ฉันยืนอยู่นี้นานแล้วเฟ้ย!!”ประธานทิมเอ่ยพร้อมกับมะเหงงลงหัวผมหนึ่งที กวนตรงไหนวะ? ก็เพิ่งเห็นจริงๆ นี่น่า! ประทานโทษที่ผมจะหน้าตายด้านไปหน่อย นี่มันเป็นพันธุกรรมจากบิดาโดยตรงครับ! แล้วประธานมาทำไมอีกล่ะ?
“ไม่ต้องทำหน้านิ่งกวนติ่งส่งสายตาเป็นคำถามแบบนั้นก็ได้!”
“ก็สงสัยนี่ครับ ประธานมาทำไม?”
“มาปกป้องลูกจากเสือไง!”
“หา?”
“ยังจะมาทำหน้างงอีก! เห็นไอ้หัวทองๆ เป็นขี้นั้นไหม? รู้ไหมว่ามันเป็นใคร?”
“วินเซอร์ ลูกชายของประธานฮัน”ผมตอบไปโดยไม่ต้องคิดอะไรมากมาย ไม่ได้มีแต่ผมสินะที่เห็นหัวทองๆ นั้นเป็นขี้น่ะ!!
“เออ ถูก!”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยครับ?”ผมถามอีกครั้งเพราะยังไม่เคลียร์ที่ประธานทิมมายืนอยู่ตรงนี้ อย่าบอกนะว่าหาเรื่องอู้งานอีกแล้วน่ะ! ไอ้วินเซอร์มันเกี่ยวอะไรกับการที่ท่านประธานจะมายืนเฉิดฉายแถวนี้ล่ะครับ? อธิบายให้มันเคลียร์ๆ หน่อยได้ไหม คุยกับท่านประธานทีไรผมเข้าใจยากทุกที ไม่รู้ว่าผมมันโง่มากหรือท่านประธานขาดคุณสมบัติในการสื่อสารให้รู้เรื่องกันแน่?
“โชคดีที่พ่อมันตั้งกฎไม่ให้ยุ่งกับดารามีความสามารถ แต่ก็นะ เด็กเหี้ยเนี่ยอยากจะได้ใครจริงๆ ก็เสร็จมันทุกรายเพราะฉะนั้นฉันถึงไม่วางใจมันต้องมันนั่งคุมนี่ไง!”
พูดอะไรให้ตัวเองเข้าใจฝ่ายเดียวเนี่ย ประธานทิมตัวจริงแน่นอน!! ผมไม่เข้าใจเหมือนเดิม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมด้วยล่ะวะ? ประธานทิมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พี่บอสก็หัวเราะแห้งๆ
“ประธานหมายถึงวินเซอร์น่ะชอบนายไงล่ะเลิฟ”
“....หา?”
“นั้นแกตกใจแล้วใช่ไหม!? หน้าตกใจได้อารมณ์มากให้ตายสิ!!!!”ประธานทิมประชดผมแล้วทึ้งผมตัวเองอย่างกับคนบ้า ก็บอกแล้วว่ามันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว สีหน้าน่ะได้แค่นี้ แต่จริงๆ แล้วผมตกใจมากเลยนะ!! จริงๆ!!
“ชอบผมเนี่ยนะ? เป็นไปไม่ได้หรอกครับ”ผมโบกมือพร้อมกับส่ายหน้าไปมา นี่มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อสุดๆ ไม่ใช่หรือไง? ผมน่ะต่างจากสเป็กของอีกฝ่ายโคตรๆ เลยนะ ไม่ได้ตัวเล็ก หน้าใสเอ๊าะๆ คิขุโนเนะแบบสเปกมันสักหน่อย ผมน่ะจัดว่าสูง ไม่สูงจะเป็นนายแบบได้อย่างไงล่ะเออ!! ถึงจะไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอมแห้งเป็นไม้เสียบผีแบบเจ้าเด็กเรดนั้น สรุปว่าผมน่ะตรงกันข้ามกับแบบที่มันชอบเลยไม่ใช่เหรอ!?
“ฉันน่ะรู้ทันสันดานพ่อลูกคู่นี้ดีกว่าใครทั้งนั้นล่ะ ที่มันทำดีด้วยควงไปนั้นไปนี้น่ะไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก สันดานเจ้าเด็กนี้น่ะชอบแกล้งคนที่มันชอบต่างหากล่ะ!! โรคจิตพอกันทั้งพ่อทั้งลูก เหอะ!!”
“แต่ว่า...”
“แกไม่ต้องมาตงมาแต่ ไม่ต้องไปสนใจมันก็พอ ทำงานอย่างเดียว! เพราะอย่างไงมันก็ไม่ยุ่งกับคนอายุมากกว่าก่อนอยู่แล้ว เซฟสุดๆ ที่ใช้อายุปลอม ไม่งั้นแม่งเสร็จมันตั้งแต่วันแรก!”
ประธานครับ... ผมไม่ได้เป็นพวกใจง่ายจะเสร็จใครตั้งแต่วันแรกแบบนั้นนะครับ! แล้วทำไมผมต้องเสร็จมันด้วยล่ะครับ!! เหอะ!! เจ้าคนโรคจิต นิสัยเสีย ไม่มีอะไรดีแบบมันเนี่ยน่ะมีแต่พวกไม่เต็มเท่านั้นชอบมันน่ะ!! หึ...อ้าว ตูก็ชอบมันด้วยนี่หว่า งั้นตูก็ไม่เต็มด้วยน่ะสิ เวร!!!
“เลิฟ ทางมานี้หน่อย ทำความรู้จักกับทีมงานซะสิ”พี่บอสโบกมือเรียกผมให้กับตรงที่พวกไอ้วินเซอร์ยืนอยู่ ผมเดินไปพร้อมกับประธานทิมที่ทำหน้าเข้มซะน่ากลัว
“นี่ คุณวินเซอร์ เขาจะเป็นตากล้องและเป็นเจ้าของนิตยสารแฟรันด้วย”
“สวัสดีครับ คุณวินเซอร์”
“สวัสดีครับรุ่นพี่เลิฟมี”ไอ้วินเซอร์ยื่นมือมาแล้วยิ้มที่มุมที่คิดว่าตัวเองเท่ โทษทีกูเห็นแค่ปลาดุกกระตุกหนวดวะ!! เชอะ~! ไอ้หื่น!!
“เออ สวัสดีๆ”
ผมยื่นมือค้างเมื่อประธานทิมฉวยจับมือไอ้วินเซอร์เขย่าด้วยใบหน้ากวนๆ ไอ้วินเซอร์มองประธานทิมด้วยสายตาเอือมระอาสุดขีด มันถอนหายใจเฮือก
“อะไรของอาทิมอีกครับเนี่ย?”
“ก็จับมือแกไงไอ้หลานชาย”
“อานะอา วุ่นตลอด”ไอ้วินเซอร์บ่นอย่างไม่จริงจังนัก ดูท่าทางจะเกรงใจประธานทิมน่าดูเลยล่ะครับ ก็เพื่อนสนิทของพ่อนี่นะ! หลังจากนั้นผมก็หันไปทำความรู้จักทีมงานของนิตยสารเดือนรายสุดฮิตอย่างแฟรัน เป็นนิตยสารวัยรุ่นครับ จะมีเรื่องต่างๆ มากมายในนั้น เช่นพวกแฟชั่นเสื้อผ้า ที่ท่องเที่ยว ทำนายดวง อะไรทั้งหลายทั้งแหลที่วัยรุ่นเขาชอบนั้นแหละครับ
ผมออกจะแปลกใจเล็กน้อยคือนิตยสารแฟรันนั้นคนที่ริเริ่มทำขึ้นมาคือไอ้วินเซอร์!? ให้ตายเถอะ! นี่มันเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอเนี่ย? เจ้าเด็กนิสัยไม่ดีดันทำนิตยสารประสบความสำเร็จแบบนี้น่ะ!! เรื่องเป็นคนจัดการนิตยสารยอดฮิตติดอันดับนั้นยังไม่เท่าไรครับแต่เรื่องที่มันเป็นตากล้องถ่ายภาพเองอีกเนี่ยสิ น่าทึ่งกว่าเยอะ!
เท่าที่ผมหยิบดูนิตยสารนี้ก่อนจะมาทำงานตัวนี้ ภาพแต่ละภาพที่ลงในนิตยสารนั้นมันดูมืออาชีพสุดๆ เป็นภาพที่ดูดึงดูดและติดตามาก นางแบบและนายแบบแต่ละคนก็ถ่ายออกมาได้ดูดี ดึงจุดเด่นของแต่ละคนออกมาได้เยี่ยม นั้นมันใช่ฝีมือของไอ้เด็กนิสัยแย่คนนี้จริงๆ น่ะเหรอ? สงสัยผมจะจ้องอีกฝ่ายมากเกินไปทำให้ไอ้วินเซอร์หันมาสบตาเข้ากับผมแล้วก็ยิ้มให้กับผม ผมก็เลื่อนสายตามามองพี่บอสแทน ไม่ต้องมายิ้มให้กูโว้ย...
มันเขิน!!
“คนนั้นเป็นคนทำนิตยสารนี้จริงๆ เหรอครับพี่บอส?”
“จริงๆ เขาทำตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมแน่ะ! ไม่แค่นั้นหรอกนะ วินเซอร์น่ะยังแต่งเพลงเอง เป็นโปรดิวเซอร์วงดังๆ ตั้งหลายวง อย่างวงโฮมรัน วงในฝัน วงหกสาวแองเจิลนั้นก็ด้วย ได้ยินจากประธานทิมว่ากำลังจะไปจับงานละคร แต่งบทเอง กำกับเองด้วยนะ นี่ถ้าไม่นับเรื่องฉาวๆ ล่ะก็พี่ว่าเขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก”
“...”ผมมองพี่บอสที่ชมไอ้วินเซอร์อย่างไม่ค่อยเชื่อ จะว่าไงล่ะครับ? น้ำหน้าอย่างหมอนั้นน่ะเหรอแต่งเพลง? โห~! ให้ตายเถอะ แถมยังแต่งบทละครอีกด้วย หน้าไม่ให้ทำอะไรพวกนี้เป็นเลยนะ!
“แล้วเวลาทำงานน่ะเขาจะจริงจังมากเลยนะ แถมยังเป็นคนดุมาก ระวังไว้ด้วยล่ะ”พี่บอสพูดแล้วหัวเราะขำ อะไรนะ? ไอ้วินเซอร์น่ะเหรอจะมาว่าผม เชอะ! อย่างไงผมก็ต้องทำให้ดีที่สุด!! ผมยืนมองไอ้วินเซอร์ที่สั่งงานลูกน้องที่วิ่งวุ่นเพื่อจะไปสถานที่ถ่ายแบบที่จองไว้น่ะครับ พอไอ้วินเซอร์มันหันมาผมก็หันไปมองทางอื่น มันจะหันมาทำไมวะตูตกใจหมด!
“พร้อมแล้วครับ เตรียมตัวขึ้นรถได้”
“ไปเหอะเลิฟ”พี่บอสเอ่ยบอกผมแล้วเดินนำหน้าไปก่อน ผมหันซ้ายหันขวามองตามหาประธานทิมที่จู่ๆ ก็หายตัวไป ที่แปลกกว่านั้นไอ้วินเซอร์มันก็หายตัวไปเหมือนกัน เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลยแฮะ ผมเดินมองหาไปเรื่อยจนกระทั่งเห็นประธานทิมยืนอยู่ที่มุมอุปกรณ์ฉาก ผมกำลังจะเดินเข้าไปทักเพื่อบอกว่ารถกำลังจะออกแล้วแต่ก็รีบหลบเมื่อได้ยินเสียงไอ้วินเซอร์ดังขึ้น
“อาครับนี่ได้เวลาไปสถานที่ถ่ายแบบแล้วมีอะไรก็รีบๆ พูดมาเถอะครับ เดี๋ยวจะเสียเวลา”
“เอ่อ! พูดตรงๆ เลยนะโว้ยไอ้วิน อย่ามาเจ๊าะแจ๊ะกับเลิฟมีนะโว้ย เขากำลังไปได้ดี”
“นึกว่าเรื่องอะไรซะอีก อาทิมครับ ผมไม่คิดจะยุ่งกับเขาหรอก ไว้ใจได้เลย อย่างเขาน่ะผมไม่สนใจ”
“เหอะ ให้มันจริงเถอะวะ สันดานแกน่ะฉันมองทะลุแล้ว แต่ถ้าแกบอกว่าไม่ยุ่งกับเขาฉันก็จะลองเชื่อใจแกดู”
“ผมไม่สนใจคนที่มีความตั้งใจจริงกับงานหรอกครับอาทิม อาก็รู้ว่าผมน่ะก็แค่เล่นๆ กับพวกที่ไม่มีความมุ่งมั่นในงานของตัวเองแต่สำหรับคนที่ตั้งใจทำงานน่ะผมนับถือมากด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับ...”
ผมเดินออกมาจากที่นั้นแล้วเห็นพี่บอสโบกมือเรียกก็เดินไปหาทันที ไม่สนใจงั้นเหรอ? ได้ยินแล้วเจ็บแปลบๆ ในใจแปลกๆ วะ ผมเดินขึ้นรถแล้วไปแล้วนั่งนิ่ง พี่บอสขึ้นมานั่งในรถมองผมเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรหรือเปล่าเลิฟ?”
“ไม่นี่ครับ”
ผมปฏิเสธออกไปแล้วหันหน้ามองออกไปนอกรถ รถกำลังค่อยๆ แล่นออกไป ผมมองเจ้าวินเซอร์ที่เดินออกมาพร้อมกับเด็กนั้น เจ้าน้องเรดนั้น หึ! งานนี้กว่าจะได้ถ่ายก็คงจะอีกนานล่ะนะเพราะตากล้องต้องไปประคบประหงมคนของตัวเอง! ผมเอนตัวนอนลงกับเบาะรถ อารมณ์คนมีความรักมันแปรปรวนแบบนี้เหรอวะ? เมื่อกี้เพิ่งจะยิ้มเป็นบ้าเป็นบอแต่ดูสิ ตอนนี้กลับมานั่งทำหน้าเศร้าอยู่กับตัวเอง
“เลิฟ ถึงแล้วนะ”พี่บอสชะโงกตัวมาแตะไหล่ของผม เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมาพี่แกก็มองผมอย่างแปลกใจ
“เหม่ออะไร?”
“มัวคิดเรื่องมื้อเย็นวันนี้น่ะครับ”
“อะไรกันห่วงเรื่องกินอยู่งั้นเหรอ นึกว่าตั้งสมาธิกับงานแล้วซะอีก”
“อ่า นั้นสินะครับ ผมต้องตั้งสมาธิที่งานก่อน”
พี่บอสยิ้มให้ตบไหล่ของผมเบาๆ ก่อนจะเคลื่อนตัวลงไปจากรถ ผมมองพี่บอสไปเล็กน้อยแล้วตั้งสมาธิของตัวเองกับงาน ผมน่ะ...ไม่ได้อยากให้คนอื่นมาดูถูกการทำงานของตัวเองและอีกอย่าง...
‘...อาก็รู้ว่าผมน่ะก็แค่เล่นๆ กับพวกที่ไม่มีความมุ่งมั่นในงานของตัวเองแต่สำหรับคนที่ตั้งใจทำงานน่ะผมนับถือมากด้วยซ้ำ...’ผมก็ไม่อยากให้หมอนั้นเล่นๆ กับผมด้วย!!ผมเดินลงจากรถเดินมาสมทบพี่บอสที่ยืนรออยู่แล้ว มองไปรอบๆ แล้วมันเป็นโรงแรมที่จัดดอกไม้ซุ่มต่างๆ ด้วยเครือไม้เถาวัลย์ได้สวยมากเลยครับ แถมยังมีที่ทำน้ำฝนอีกต่างหาก ได้ยินมาว่าอยากจะให้ได้บรรยากาศหน้าฝน โชคดีหน่อยที่วันนี้ฟ้าครึ้มไม่มีแดด ทำให้บรรยากาศเอื้อต่อการถ่าย พี่บอสมองหน้าผมแล้วถอนหายใจโล่ง
“เออ หน้าอย่างนั้นแหละ ตั้งใจทำงานล่ะ!”
“แน่นอนครับ”
ผมพยักหน้ารับแล้วหันหลังไปมองรถที่ตามมาอีกคัน เมื่อรถนั้นจอดนิ่งสนิท ประธานทิมและไอ้วินเซอร์ก็ลงมาจากรถคันนั้นก่อนคนอื่นๆ ผมหรี่สายตามองอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ ไอ้วินเซอร์เดินเอื่อยๆ เข้ามาแล้วชะงักตัวมองผมตอบกลับ แล้วผมก็เดินออกไปตามเสียงเรียกของพี่บอส
“เปลี่ยนชุดได้แล้วเลิฟ”
“ครับ”
ผมเดินตามสตาร์ฟฝ่ายเสื้อผ้าที่ยืนรอท่าผมอยู่ เธอยื่นชุดให้แล้วผมก็เดินเข้ามุมที่เตรียมไว้ให้เปลี่ยนเสื้อผ้า ผมเปลี่ยนอย่างรวดเร็วแล้วเดินออกมา สตาร์ฟคนนั้นตกใจกับการเปลื้องผ้าที่รวดเร็วของผม อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับพี่ลอนดอนที่สอนเทคนิคเปลื้องผ้ารวดเร็วที่สุด เนื่องจากการแสดงบนเวทีนั้นต้องแข่งกับเวลาต้องเปลี่ยนชุดให้รวดเร็วและไปยืนสแตนด์บายรอคิวต่อ แหมหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเนี่ย ผมไม่ได้เข้าแต่สปาหรอกนะ เทคนิคทุกอย่างในการแสดงหรืออื่นๆ พี่ลอนดอนก็ถ่ายทอดมาให้กับผมหมด เพราะฉะนั้นก็มาดูกันว่า...
ผมจะฆ่าตากล้องคนนี้ได้หรือเปล่า!!?TBC.มาต่อเร็วชิมิ? คิกๆ มาต่อเร็วเพราะจะลาไปสักอาทิตย์สองอาทิตย์
อ่า...หรือไม่ก็อาจจะมาต่อได้ ต้องรอดูกันไปก่อนล่ะนะ ไม่รู้จะบ่นอันใดอีก
ก็ขอตัวจรลีไปก่อนแล้วเด้อ~~
ปล.แหม่!! มีคนตาดีเห็นจุดผิดแหละ คนแต่งสับสนนิดหน่อย ขอโทษน่า 