ตอนที่ 8
<< Winzer’s Mode >>‘คุณโฮล์มส์แห่งถาปัต’ตอนนี้เป็นเวลาเย็นๆ หลังเลิกเรียนผมยืนอยู่หน้าชมรมบ้าอะไรก็ไม่รู้ชื่อว่าคุณโฮล์มส์แห่งถาปัต เฮ้อ~! นี่เพราะเพื่อนผู้หญิงในสาขาแนะนำผมมานะว่าถ้าจะตามหาอะไรสักอย่างในคณะถาปัตให้มาที่นี้ พวกนั้นรับรองอีกว่าหาเจอชัวร์! จริงเหรอวะ? มันน่าเชื่อถือแน่นะโว้ย! ขนาดชื่อชมรมยังเพี้ยนได้ขนาดนี้น่ะ ผมยืนชั่งใจอยู่หน้าชมรมนานแล้วก็ถอนหายใจ ไม่เอาวะ! ทำไมกูต้องลงทุนแบกหน้าตาเข้าชมรมนี้ด้วยวะ!
“ไม่ทราบว่ามาหาใครงั้นเหรอครับ?”น้ำเสียงเนิบๆ ช้าๆ ทุกคำชัดเจนดังจากข้างหลังของผม ผมก็รีบหันไปมองเห็นเจ้าแว่นคนหนึ่งยืนมองผมอยู่
“เปล่า”
“ถ้าอย่างนั้น กรุณาถอยจากประตูนั้นได้ไหมครับ? ผมจะเข้าชมรมครับ”
“อ้อ”ผมพยักหน้าแล้วหลีกทางให้กับอีกฝ่าย รู้สึกประหลาดใจในวิธีพูดของหมอนี้ชะมัดเลยวะ รอเรือมันชัดเจนอย่างเว่อร์อ่ะ ทำอย่างกับมันอ่านอาขยานอยู่อย่างไงอย่างนั้น หมอนั้นก็เดินต้อยๆ เข้ามาเปิดประตูห้องชมรมคุณโฮล์มส์แห่งถาปัต โห! ชื่อชมรมคิดว่าเป๊ะแล้วนะแต่คนของชมรมเป๊ะกว่าอีกวะ!
“เอ่อ นี่นายน่ะ ชมรมนี่หาคนได้หรือเปล่า?”
“ได้ทุกสิ่งอย่างที่คุณต้องการครับ ไม่ว่าจะเป็นเข็มที่ทำตกไว้หรือแม้แต่หัวใจที่ทำบังเอิญทำหล่น ขอแค่อยู่ในอาณาเขตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ก็พอ!”เจ้าแว่นนั้นเดินเข้าไปในชมรมเล็กน้อยแล้วหันตัวกลับมาตอบผมอย่างฉะฉาน คำพูดมันเว่อร์ชิบหาย แต่เอาวะ อุตส่าห์ถ่อสังขารและบอกปัดไอ้พวกห่านั้นมาถึงนี้แล้วนี่น่า ลองๆ ดูมันคงไม่เสียหายล่ะมั้ง?
“เออ งั้นช่วยหาคนให้หน่อยได้ไหม?”
“เข้ามาคุยรายละเอียดและกรอกใบข้อมูลในห้องเลยครับท่านเจ้าของคดี”
ตูไม่ได้มาแจ้งความนะโว้ย!ผมถอนหายใจเล็กน้อย คิดถูกเปล่าวะที่มาที่นี้ หวังว่าจะไม่มีใครมาเห็นกูแถวนี้นะ ผมหันซ้ายหันขวาแล้วรีบแวบเข้าไปในชมรมนั้น โชคดีนิดหน่อยที่ในห้องชมรมมันตกแต่งอย่างปกติสุดๆ แถมยังออกแนวบริษัทนักสืบในการ์ตูนอีกต่างหาก แถมมีโปรเตอร์เชอร์ล็อก โฮล์มส์เด่นหร่ามาแต่ไกลเชียว สงสัยเจ้าพวกที่ตั้งชมรมนี้ต้องคลั่งนิยายนักสืบแหงๆ เลยวะ
“ต้องกล่าวสวัสดีท่านเจ้าของคดีอย่างเป็นทางการครับ ผมชื่อสุนทร เรียกสั้นๆ ว่าภู่ก็ได้นะครับ ผมอยู่ปีสอง สาขาตกแต่งภายใน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ครับ”
“ฉัน...”
“ไม่ต้องครับ คุณคือวินเซอร์ ณ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ปีสอง สาขาวิศวสารสนเทศ เรื่องนี้ผมรู้ครับ”
หลังจากที่เชิญผมนั่งลงบนเก้าอี้เจ้าแว่นนั้นก็แนะนำตัวอย่างเสร็จสรรพ ชื่อคณะเอ็งไม่ต้องพูดเต็มยศขนาดนั้นก็ได้วะ รู้สึกมันยาวไป! ผมพยักหน้ารับๆ ไป ชื่อแม่งโคตรเข้ากับชมรมเลยวะ!! สุนทรภู่ครูกวีขี่ช็อปเปอร์กะเชอร์ล็อก โฮล์มส์นักสืบชื่อดัง แล้วแมร่งกั้นซีนกูอีกต่างหาก!
“ครับ ก่อนอื่นอยากทราบว่าคนที่คุณจะหานี่อยู่ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ใช่ไหมครับ?”
“อืม แต่ไม่รู้หรอกนะว่าเป็นใคร ชื่ออะไรน่ะ”
“แหม ถ้ารู้คงจะไม่ต้องมาหาหรอกเนอะ”
อ้าว ไอ้ห่านี่ กวนตีนกูเปล่าวะ? มองเหลือบมองไอ้สุนทรภู่ที่ริจะเลิกแต่งกลอนหันมาเอาดีทางนักสืบ! ก่อนจะได้หาคนให้กูมึงอยากจะหาแว่นที่โดนทุบละเอียดของมึงไหมวะ? เจ้าหมอนั้นก็หันไปมองอื่นแบบเนียนๆ แล้วถามคำถามผมต่อ
“ครับ ต่อไปน่ะครับ มีอะไรเป็นเบาะแสที่รู้ไหมครับ? นอกจากรู้ว่าอยู่ที่สถาปัตยกรรมศาสตร์แล้ว”
“ก็เป็นผู้ชาย ใช้น้ำหอมกลิ่นส้ม”
“ครับ เป็นผู้ชาย ใช้น้ำหอมกลิ่นส้ม แล้วมีอะไรอีกไหมครับ?”
“แล้วพวกนี่ด้วย”ผมกวักไอเท็มของหนุ่มปริศนาที่ทิ้งไว้มาให้เจ้านักสืบครูกลอนดู หมอนั้นจับเสื้อแขนยาวมาพลิกๆ ดูแล้วพยักหน้า
“รุ่น 13 แสดงว่าอยู่ปี 2 นะครับเพราะเสื้อตัวนี้เป็นเสื้อรุ่นน้องใหม่ของปีที่แล้ว ผมก็มีตัวหนึ่งเหมือนกัน แบบนี้ก็แคบลงมาหน่อยแล้วล่ะครับ อยู่ปี 2 เป็นผู้ชาย ใช้น้ำหอมกลิ่นส้มแล้วมีอะไรอีกไหมครับ?”
“ชีทพวกนี้”ผมยื่นเอกสารชีทที่ไม่รู้ทำไมกูเก็บมันไว้ดีสุดๆ เอาเหอะ! ก็ของเขาอุตส่าห์เอามาให้เนอะ รักษากันบ้างแหละน่า เจ้าสุนทรภู่หยิบขึ้นมาอ่านๆ แล้วขมวดคิ้ว มันเงยหน้าขึ้นมามองผมเล็กน้อยแล้วมองชีทนั้นนิ่ง
“ไม่มีชื่อเขียนไว้แต่ดูจากลายมือแล้ว...”เจ้านักสืบครูกลอนเอ่ยอย่างฉะฉานเหมือนเดิม ผมมองมันนิ่ง มันต้องรู้อะไรแน่ๆ ล่ะ! ดูจากท่าทางที่ชะงักเมื่อมองชีทนั้นแล้วต้องก้มมองอีกทีน่ะ อย่ามาดูถูกผม เรื่องดูคนน่ะผมก็ดูเป็น!
“ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ทีเดียว”
นั่น!! เสือกเนียนพูดไปเรื่องอื่นอีก แมร่ง รู้แล้วแต่ปิดบังกูใช่ไหม? ปิดทำบ้าอะไรวะ!? แบบนี้ตูไม่ยอมโว้ย ริอาจจะเป็นนักสืบแต่จรรยาบรรณของอาชีพไม่มีแบบนี้ เดี๋ยวกูจะจัดให้หนักเลยเชียว!
“เฮ้ย รู้ใช่ไหมว่าเขาเป็นใครน่ะ?”
“...ก็ไม่ค่อยแน่ใจนะครับ เบาะแสมีแค่นี้ใช่ไหมครับ? อย่างไงอีกสองวันผมจะติดต่อไปนะครับ ขอเบอร์โทรติดต่อด้วยครับ”
ดูมันสิครับ พอเห็นว่าท่าจะไม่ดีมันก็รีบไล่ทันที แต่อย่างไอ้วินเซอร์ซะอย่าง เรื่องแบบนี้ไม่ง้อหรอกโว้ย ผมมองหน้าเจ้าแว่นนั้นอย่างไม่พอใจนิดๆ ไอ้พวกแว่นเนี่ยมันกวนตีนแบบนี้กันทุกคนเลยหรือไงวะ ตั้งแต่ไอ้ชิน เพื่อนเวรนั้นยันไอ้แว่นนี้อีก!
“ไม่ต้องหรอก อย่างไงก็ฝากเจ้านี้ให้เขาก็แล้วกัน”ผมยักไหล่เอ่ยปฏิเสธไป มันจะสองวันทำไมวะ? แล้วเรื่องอะไรที่ผมจะต้องให้เบอร์คนอื่นซุ่มสี่ซุ่มห้าด้วยล่ะ หน้าตาไม่ใช่เทสตูสักหน่อย เหอะ! ผมยื่นเจ้ากระดาษบัตรเข้างานไปให้เจ้านักสืบกำมะลอ หมอนั้นหยิบขึ้นมาดูแล้วทำหน้าเอ๋อ
“ให้หมอนั้นเหรอครับ?”
“เออ ฝากบอกหมอนั้นด้วยว่าถ้าอยากได้ของพวกนี้คืนก็มาเอาเองที่งานเลี้ยงรุ่นของวิศวะ!”ผมจับชีทและเสื้อรุ่นนั้นมาก่อนที่เจ้าสุนทรนั้นมันจะยึดเอาไว้ แหม~! สงสัยเจ้าหมอนี้ต้องเป็นเพื่อนกับคนๆ นั้นแน่นอนเลยวะ ดูจากท่าทางที่ปกป้องกันซะ กูไม่ได้จะงาบเพื่อนมึงหรอกน่า!! แต่ถ้าตรงเทสก็ค่อยว่ากันอีกที หึๆ
ผมแสยะยิ้มเยาะให้เจ้าสุนทรแล้วชิ่งหนีออกมาจากที่นั้นทันที แหม! มาแป๊บเดียวได้เรื่องทันทีเลยวะ แจ่มจริงๆ! นี่ถ้าไอ้โซโล่มันฉลาดเท่าผมล่ะก็คงจะหาเจอเร็วกว่านี้ ใครบอกให้มันโง่เองวะ ช่างเรื่องของไอ้โซโล่มันเถอะ แล้วถ้าถึงวันที่ผมเจอกับผู้หวังดีคนนั้นแล้วจะทำอย่างไงดีวะ? ทำไมผมต้องตามหาหมอนั้นด้วย? จริงๆ แล้วผมต้องการอะไรกันแน่? หรือว่าผมน่ะ... เออ ช่างมันเถอะ อะไรก็ช่างแค่ขอบคุณที่ให้ความช่วยเหลือก็พอแล้วมั้ง?
ผมรีบเดินมาที่รถของตัวเองที่จอดไว้หน้าคณะถาปัตแล้วมือถือของผมก็ส่งเสียงร้องออกมา ไรฟ่ะ? ใครโทรมาตอนนี้กัน ผมยกมือนั้นขึ้นมาดูแล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย เบอร์ของเจ้าหน้าที่รับผิดชอบฉากของแฟรันนี่น่า ผมกดรับแล้วเอ่ยทักโทนเรียบๆ
“ว่าไง?”
[ คุณวินเซอร์ครับ สถานที่เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ]
“งั้นเจอกันเวลาเดิมที่บริษัทล่ะกัน”
[ ครับ ]
ผมวางสายแล้วถอนหายใจเฮือก ครั้งนี้เป็นการทำงานที่ผมไม่ค่อยกระตือรือร้นสักเท่าไร ทำไมน่ะเหรอ? อืม... ก็เพราะคนร่วมงานคราวนี้คือคุณเลิฟมีนายแบบสุดฮอตคนนั้นแหละครับ เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนผมก็เจอเขาที่งานเลี้ยงของบริษัท ให้ตายเถอะ หมอนั้นไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไงวะ? ตอบหน้าตาเฉยว่าโฟกัสเรื่องงานอย่างเดียว! เออวะ เขาให้ความสำคัญเรื่องงานแล้วมันผิดตรงไหนวะ ก็เขาเป็นมืออาชีพนี่น่ะ ที่มันจะผิดก็ตรงความรู้สึกของกูที่ดันผิดหวังนิดๆ นั้นแหละวะ!!
อย่างไงผมก็ชอบแนวนั้นจริงๆ แหละนะ!! ไม่ว่าจะเป็นดวงตานั้น ใบหน้านั้น ทุกอย่างลงตัวตามที่คิดเอาไว้เลยเหอะ! คนอะไร้สมบูรณ์แบบไปทุกอย่างอย่างนั้นกัน ติดแค่ตรงนิสัยเท่านั้นแหละวะ ผมถอนหายใจอีกครั้ง ทำใจแล้วล่ะนะว่าอีกฝ่ายน่ะเป็นผู้ใหญ่กว่าย่อมมองงานอย่างเดียวไม่สุงสิงกับเรื่องคาวๆ แบบผม ผมก็ได้แต่ทำใจให้ปลาตัวงามนี้หลุดมือไป แม้จะเสียดายแทบใจจะขาดแต่ทำไงได้ผมไม่อยากจะทำร้ายหรือฉุดคนที่จริงจังกับงานของตัวเองต่ำลงหรอกนะ อย่างไงผมก็มีความคิดอยู่ล่ะน่า ไม่ได้มั่วโดยไม่ได้ดูตาม้าตาเรือ!!
พรุ่งนี้แล้วสินะ พรุ่งนี้ผมจะได้ทำงานกับเลิฟมี อืม...จะว่าไปก็ตื่นเต้นเหมือนกันน่ะเนี่ย! ขนาดพี่คิมยังชมเขาเปาะเลยแหละ แถมพี่แกยังเตือนผมอีกว่า ถ้าไม่ระวังให้ดีจะโดนนายแบบคนนี้ฆ่าเอาได้ เหอะ! ถึงหมอนั้นจะมีเสน่ห์ขนาดฆ่าตากล้องให้หลงละเมอไปกับเสน่ห์นั้นได้ก็เถอะ แต่นี่มันไอ้วินเซอร์นะโว้ย!! มีภูมิคุ้มกันสูงเป็นพิเศษ ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่นอน!!
ก็ลองยั่วมาสิ พ่อจะจัดหนัก ยั่วกลับให้หลงละเมอเพ้อฝันให้ตายเลย คอยดู!!ระหว่างที่ผมกำลังจะกลับไปคอนโด้เพื่อพักผ่อนก่อนจะได้ทำงานในวันพรุ่งนี้ พี่นิวยอร์กก็กริ๊งกร๊างมาหาผมเรียกไปงานฉลองอะไรของพี่แกก็ไม่รู้ ผมก็ไม่อาจจะปฏิเสธคำชวนของรุ่นพี่ที่แสนจะสนิทได้ก็เลยขับรถเปลี่ยนเส้นทางไปที่ร้านของแฟนพี่แกนั้นแหละครับ รู้สึกว่าพี่ลอนดอนจะเปิดร้านพวกของหวานขนมอะไรพวกนั้น ผมเคยพาเด็กในสังกัดไปอุดหนุนอยู่เหมือนกัน
พี่นิวยอร์กน่ะผมรู้สึกตั้งแต่เด็กนู้นแหละครับ จำได้ว่าโตมาก็เห็นพี่นิวยอร์กทำงานที่บริษัทแล้วล่ะ แล้วตอนนี้พี่นิวยอร์กก็กลายเป็นพระเอกดาวค้างฟ้าของเมืองไทยไปเรียบร้อย เข้าวงการตั้งแต่อายุสิบแปดตอนนี้ก็อายุสามสิบเจ็ดได้ แล้วพี่แกก็คิดอยากจะออกจากวงการไปใช้ชีวิตกับแฟนที่อเมริกานู้นแน่ะ
ทำไมต้องอเมริกางั้นเหรอ? ก็เพราะพี่นิวยอร์กน่ะมีแฟนเป็นผู้ชายน่ะสิ! พูดง่ายๆ ก็คือพี่แกเป็นเกย์! นี่อาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมสนใจผู้ชายพอๆ กับผู้หญิง ขอแค่ถูกใจก็พอผมก็รับได้หมด! สิ่งนี้อาจจะเป็นเพราะพี่นิวยอร์กเนี่ยแหละพาผมลองพาผมเปิดรับแบบไร้พรมแดนแบบนี้ เหอะๆ พูดถึงพูดพี่นิวยอร์กต่อล่ะกัน แฟนพี่นิวยอร์กชื่อลอนดอนครับ แถมยังเป็นไอดอลชื่อดังระดับโลกเชียวล่ะ! แล้วรู้สึกจะออกจากวงการพร้อมๆ กับพี่นิวยอร์กแล้วไปอยู่อเมริกาอย่างที่ผมบอกไว้ตอนแรกนั้นแหละครับ
แล้ววันนี้วันอะไรกันวะพี่นิวยอร์กถึงนึกคึกมาชวนไปสังสรรค์แบบนี้ ผมมาถึงร้านเรียบร้อยจอดรถแล้วเดินลงมามองบริเวณของร้านที่ยังดูน่ารักกุ๊กกิ๊กไม่แมตกับเจ้าของร้านเลยสักนิด! ที่แน่ๆ ผมต้องเจอกับพี่ลอนดอน ดังนั้นผมจะประมาทไม่ได้ คนๆ นี้ชอบแกล้งคนจะตาย ขนาดพี่นิวยอร์กที่เป็นแฟนน่ะยังโดนอำเป็นว่าเล่น แต่กับผมไม่รู้เพราะเป็นพันธุ์เดียวกันหรือเปล่าถึงไม่ค่อยทำอะไรผม แต่อย่างไงผมก็ไม่ควรประมาทเผยจุดอ่อนให้อีกฝ่ายรู้เด็ดขาด!
ผมเดินเข้าร้านมาพนักงานสาวในชุดเมดก็เอ่ยทักเสียงเจื้อยแจ้ว นี่แหละ ดีสุดๆ ของร้านนี้เลยล่ะ! ชุดเมดกับขนมหวาน ย่ะฮู้มากมาย!! พอมาถึงพี่นิวยอร์กก็โบกมือเรียกผมทันที มาสังสรรค์อะไรกันที่ร้านของหวานวะเนี่ย! ผมเดินมานั่งแล้วทักพี่นิวยอร์กและพี่ลอนดอนที่ทำหน้านิ่งสุดติ่ง!
“เป็นไงบ้างวินช่วงนี้งานหนักไหม?”
“ก็ไม่เท่าไรครับ เรื่อยๆ ตามประสาคนฝึกงานครับ”
“หึๆ ช่วงนี้ก็ใกล้จะสอบแล้วนี่น่า อย่างไงก็แบ่งๆ เวลาให้ถูกหน่อยล่ะกัน”
“ครับ ว่าแต่พี่ชวนผมมาทำไมกันครับเนี่ย?”
“อ้อ ไม่มีอะไร วันนี้ว่างน่ะก็เลยชวนมาคุยเล่นกันสักหน่อย เราไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวนานแล้วน่ะไอ้น้อง”พี่นิวยอร์กเอ่ยเสียงนุ่นนวลสไตส์หนุ่มอ่อนโยน ผมพยักหน้ารับแล้วมองพี่ลอนดอนที่กำลังจวงของหวานถ้วยโตตรงหน้า มันจะไม่แปลกเลยครับถ้าของหวานที่พี่แกกินเข้าไปนั้นเป็นสตอเบอรี่คลุกน้ำตาลแถมราดน้ำเชื่อมและนมข้นอีกต่างหาก!! คงจะหวานเลี่ยนน่าดูเลยวะ กินอะไรไม่เข้ากับหน้าตาอีกแล้วพี่ลอนดอน!
“ไม่ให้ ห้ามแย่ง อยากกินสั่งเอง”พี่ลอนดอนรีบออกตัวทันทีที่เห็นผมจ้องเขม็ง แถมยังยกถ้วยหนีผมอีกแน่ะ เชิญตามสบายเลยครับ ไอ้ของหวานๆ เนี่ยผมขอยอมวะ!
“ฮ่าๆๆ ลอน เจ้าเด็กนี่ไม่ค่อยถูกโรคกับของหวานเท่าไรแน่ะ”
“ธรรมดาของหนุ่มหล่อต้องไม่ชอบพวกของหวานอยู่แล้วล่ะครับ หน้าตาแบบนี้จะให้ไปซดของหวานมันก็กระไรอยู่”ผมพูดเสริมพี่นิวยอร์กไปอย่างเล่นๆ ไม่ได้คิดว่าตัวเองหล่ออะไรมากมายหรอกครับ ก็แค่คิดว่าตัวเองหล่อรากดินรากไส้โคตรๆ อภิมหาหน้าตาดีเท่านั้นเอง เห็นไหมล่า ไม่ได้หลงตัวเองหรอกนะผมน่ะ! พี่ลอนดอนมองผมด้วยสายตานิ่งๆ ไม่รู้ว่าพี่แกคิดอะไรอยู่แฮะ
“ใครบอก หนุ่มหล่อๆ ที่ชอบของหวานก็มีออกจะเยอะ อย่างเจ้าฮะ...เลิฟมีนั้นไง”พี่ลอนดอนเอ่ยแก้ เลิฟมีงั้นเหรอ? หมอนั้นเนี่ยน่ะชอบของหวาน!? สุดๆ อ่ะ มันเป็นไปไม่ได้สุดๆ ภาพลักษณ์ไม่ให้เลยว่าชอบแตะพวกของหวาน! แล้วตอนแรกพี่ลอนดอนจะพูดว่าอะไรวะ? เจ้าฮะอะไรของพี่แก? ดูละครทัดดาวบุษยามากไปหรือเปล่า? เหอะๆ
“ห๊า? หมอนั้นชอบกินอะไรเด็กๆ แบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?”พี่นิวยอร์กหันมามองแฟนของตัวเองแล้วถามขึ้นอย่างแปลกใจ ดีมากครับพี่นิวยอร์ก! ผมจะไม่ได้เปิดเผยถามออกไปให้พี่ลอนดอนแกจับผิดอะไรได้ ผมนั่งทำเป็นเปิดเมนูอย่างไม่สนใจแต่หูน่ะผึ่งรอฟังอย่างตั้งใจสุดขีดเลยล่ะ!
“เด็กก็ต้องกินแบบเด็กสิ”
“อย่างเจ้าเลิฟมีน่ะไม่ได้เรียกว่าเด็กแล้วล่ะมั้ง”
“ถ้าเจ้าวินเซอร์เป็นเด็กของพี่ได้ เจ้าเลิฟก็เป็นเด็กผมได้เหมือนกันล่ะน่า”
“มันเหมือนซะที่ไหนกันล่ะลอน เจ้าวินเห็นแบบนี้มันก็เพิ่งอายุ 19 ปีนี้นะ”
“พี่นิว เจ้าเลิฟก็เพิ่งอายุ 19 เหมือนกันนั้นแหละน่า”
“หา? หมอนั้นไม่ได้อายุ 23 หรอกเหรอ?”
“นั้นมันอายุปลอมต่างหากเล่า”พี่ลอนดอนตักสอตเบอรี่สดคุยหน้าตาเฉยแล้วไขข้อสงสัยของพี่นิวยอร์กด้วยอาการที่นิ่งสุดขีดแต่ผมและพี่นิวยอร์กเนี่ยทึ่งกับประโยคที่พี่ลอนดอนพูดออกมาหน้านิ่งๆ พวกเราเงียบมองพี่ลอนดอนกะพริบตาปริบๆ
“เฮ้ย ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าอย่างไงกัน ไม่เชื่อที่ฉันพูดหรือไงห๊ะ? เจ้านั้นเรียนที่เดียวกับแกด้วยซ้ำไอ้วินอ๊ะ! เขาไม่ให้พูดนี่น่า งั้นลืมๆ ไปล่ะกันนะเมื่อกี้นี้ แค่เรื่องล้อเล่น ขำๆ น่ะ”พี่ลอนดอนชะงักแล้วเปลี่ยนเรื่องไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ทันแล้วครับพี่! สมองของผมมันบันทึกเรียบร้อยแล้ว!!
อายุเท่ากับผม!!?
เรียนที่เดียวกับผม!!?เฮ้ย มันจะเป็นไปไม่ได้อย่างไงวะ? ถ้าคนดังขนาดนั้นเรียนที่เดียวกับผมมันก็ต้องมีข่าวหรือคนในมหาลัยต้องพูดถึงบ้างล่ะน่า แต่นี่อะไรพูดถึงคนอื่นน่ะเยอะแต่สำหรับหมอนี้ไม่มีแม้แต่ข่าวอะไรเลย! มันไม่แปลกไปหน่อยหรือไงสำหรับคนที่กำลังดังอยู่น่ะ! แถมหน้าตาแบบนั้นมันจะรอดพ้นจากสายตาพวกสิงห์เสือราสัตว์ไปได้อย่างไงกัน!? หรือว่าหมอนั้นใช้วิธีอะไรบ้างอย่างทำให้ตัวเองดูแปลกไปจากปกติอย่างเช่นพวกปลอมตัวอะไรแบบนี้
เฮ้ย! นั้นมันมีแค่ในนิยายเท่านั้นแหละน่า!!“พี่ลอนดอนครับ เลิฟมีน่ะเรียนที่เดียวกับผมแต่ทำไมถึงไม่มีข่าวอะไรเลยล่ะ?”ผมหันไปถามพี่ลอนดอนที่นั่งกินสตอเบอรี่ราดนมข้น พี่นิวยอร์กก็หันมามองคนรักอย่างอยากรู้เหมือนกัน พี่ลอนดอนก็นั่งเฉยไม่มีท่าทีจะตอบแต่อย่างใด ผมแอบถอนหายใจนิดๆ เอาเถอะถ้าพี่แกไม่ตอบต่อให้ไปแงะปากก็คงไม่ได้คำตอบอยู่ดี
“ถ้าแกรับปากเป็นคู่ซ้อมให้กับเด็กฝึกของฉันล่ะก็จะบอกทุกอย่างเกี่ยวกับเลิฟมีให้เอาไหม?”
“ไม่ครับ”ผมรีบปฏิเสธทันที เรื่องอะไรที่ผมจะต้องหาเรื่องใส่ตัวด้วยล่ะวะ ดูท่าพี่ลอนดอนกะจะแกล้งผมเต็มที่เลยนี่หว่า พี่ลอนดอนชะงักแล้วทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างไม่พอใจที่ผมปฏิเสธไป
“เฮ้ย แค่เป็นคู่เดทให้กับเด็กฝึกแสดงคลาสลับแลของฉันไม่ได้หรือไง?”
คลาสลับแล!? แสดงว่าคลาสนี้รับคนเพิ่มสินะ พี่ลอนดอนกะจะถอนตัวจากวงการจริงๆ ด้วยแฮะ ผมครุ่นคิดเล็กน้อย แสดงว่าคนในบริษัททีไอเอ็มมีคนเข้าตาพี่ลอนดอน แต่คลาสลับแลเนี่ยเป็นคลาสที่ชายแสดงเป็นหญิง แต่ดูจากที่ผ่านๆ มาก็มีแต่พวกถึกๆ ทั้งนั้นเลยนี่หว่า หรือว่าจะเป็นเด็กใหม่เอี่ยมยังไม่เปิดตัว?
“พี่ลอนถ้าผมรับปากเดี๋ยวเด็กใหม่จะใจแตกเอานะครับ ไว้ใจผมได้งั้นเหรอ?”
“หึๆ ถ้าแกทำให้หมอนั้นใจแตกได้ก็ลองทำดู”
“โห ขนาดนั้นเชียว ชักจะสนุกขึ้นมานิดๆ แฮะ”
“เออ สนุกแน่ๆ วะ!”พี่ลอนดอนแสยะยิ้มแล้วหัวเราะออกมา นานๆ ทีพี่แกก็หัวเราะออกมาล่ะครับ นี่แสดงว่าเด็กคนนั้นท่าทางจะร้ายใช่ย่อย เอาเถอะ! อย่างไงผมก็ไม่ใช่คนที่โดนปั่นหัวแน่ๆ ผมมองพี่ลอนดอนที่ก้มตักของหวานแต่ตาเหลือบมองผมพร้อมกับแสยะยิ้มให้เมื่อเห็นผมมองไป
ไมกูสังหรณ์ใจแปลกๆ ฟ่ะ!!?TBC.กลับมาจากโชว์เชียร์ประมาณตีหนึ่ง ปั่นงานต่ออย่างว่องไว
เสร็จประมาณตีสี่กว่าๆ นั่งปั่นนิยายต่อให้จบตอนเสร็จประมาณตีห้าครึ่ง
เหอะๆๆๆ ง่วงโคตรๆ!! ยังดีที่เรียนสิบโมงพอได้นอนยุ เฮ้อ~ 
คุณปอยได้ไปเรียนแล้วเหรอเนี่ย อิจฉาจัง ที่ ม เลื่อนแล้วเลื่อนอีก T T รอตอนใหม่ค่า [มอขอเขาไม่ได้ปิดเทอมหรอกนะหนู เปิดตั้งแต่เดือนตุลาแล้ว เหอะๆ]
รู้อะไรทำไมไม่บอกกันล่ะภู่~ แอบเริ่มงงเวลา คือช่วงนี้วินเซอร์กับเลิฟมีรู้จักกันแต่ยังไม่รู้จักหนุ่มฮอยฮัก? แต่โซโล่น่าจะรู้แล้วว่าพรีสต์เป็นผู้ชายนี่นา ที่ตอนวินเซอร์ไปถาม แต่ทำไมวินเซอร์พูดเหมือนโซโล่ยังหาพรีสต์ไม่เจอ คนอ่านแอบงงค่ะ [ วินเซอร์ไม่ได้พูดเหมือนโซโล่ยังหาพรีตส์ไม่เจอสักหน่อย วินเซอร์หมายถึงถ้าโซโล่ฉลาดแบบตัวเองคงจะเจอพรีสต์เร็วกว่านี้ค่ะ เข้าใจบ่? ]
รีบ ๆ มาต่อนะครับ มันค้าง อยากรู้ว่า ฮักจะใช้วิธีไหนมัดใจและวินเซอร์จะรักฮักในร่างไหนก่อนครับ นิดนึงผมขอถามหน่อย ตรงชื่อเรื่องอะครับ ที่ชื่อว่าที่รักครับ รักผมซิ คือวินเซอร์จะให้ฮักรักหรือว่าสลับกันอะครับ อ่านไปแล้ว งงๆ [ เอ๋~~ มันแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนอ่ะน่ะ แบบว่าเปิดกว้างให้คิดกันเอง ฮ่าๆ ว่าไปนั้น จริงๆ แล้วชื่อเรื่องมันมาจากฮักอยากให้วินรักจ้า~ แล้วชื่อเรื่องก็มาจากชื่อของทั้งสองคนรวมกัน วินเซอร์ = ดาร์ลิ้ง(ที่รัก) ฮอยฮัก = เลิฟมี (รักฉัน) ชื่อเรื่องเลยเป็น Darling~ Love me!! = ที่รักครับ รักผมสิ!! นั้นแหละจ้า นี่คือที่มาของชื่อเรื่อง เคลียร์ไหม? ]