ตอนที่ 14< HoiHug’s Mode >“ขอโทษนะครับ แต่งตัวแบบนี้คงให้เข้างานไม่ได้”
“ต้องแต่งอย่างไงล่ะ?”
“ตามคอนเซ็ปต์ครับ งานเต้นรำหน้ากากครับ”
“หน้ากาก?”
เหี้ยไรวะ!!? ตอนนี้ผมอยู่หน้างานเลี้ยงรุ่นของวิศวะครับแล้วจะเข้างานแต่มันก็มีปัญหา เจ้ายามเฝ้าหน้าประตูนี่ไง! ไม่ยอมให้ผมเข้าไปในงานครับ ผมขยับตัวหลีกทางให้กับคนอื่นที่เดินมายื่นบัตรแล้วเดินเข้าไปในงาน ผมมองตามพวกนั้นแล้วขมวดคิ้ว สองคนนั้นท่าทางจะเป็นแฟนกันควงแขนกันมาเชียว แล้วนั้นอะไรวะ? แต่งมาเต็มยศเชียว!! ผู้ชายใส่ชุดทักซิโด้ส่วนผู้หญิงใส่ชุดราตรียาวเฟื้อย
แน่ใจนะว่านี่มันงานเลี้ยงรุ่น!!?ผมยืนมองอยู่สักพักแล้วหยิบมือถือโทรไปที่บ้าน พอเสียงของเหล่าสามสาวเอ่ยเจื้อยแจ๋วรับสายผมก็บอกให้เขาเอาชุดทักซิโด้พร้อมกับเครื่องแต่งตัวเล็กๆ น้อยๆ มาหาผมที่มหาวิทยาลัย กระชับว่าด่วนที่สุด หลังจากที่ผมวางสายไม่นานสามสาวนั้นก็มาส่งของถึงที่อย่างรวดเร็ว
“มาแล้วค่าคุณชาย~!”
ผมเดินขึ้นไปในรถตู้นั้นแล้วสามสาวก็ยื่นชุดทักซิโด้ให้ผมเปลี่ยนในรถอย่างรู้หน้าที่ หลังจากที่เปลี่ยนเรียบร้อย สามสาวเมดคนสวยประจำบ้านของผมก็ถืออุปกรณ์แต่งเสริมความงามไว้พร้อมมือ พวกเธอยิ้มจนตาหยี ผมถอดแว่นแล้วนั่งลงให้พวกเธอเปลี่ยนโฉมอย่างรวดเร็ว
“เสร็จแล้วค่า~!!!”
“อืม”ผมขยับตัวเพื่อให้ชุดนั้นเข้าที่มากขึ้นแล้วชะโงกตัวมาส่องกระจกที่เมดสาวเบอร์หนึ่งถือให้ผมส่อง ดันเอาผมปลอมมาอีกแน่ะพวกนี้ ผมมองตัวเองในกระจกเล็กน้อย นี่มันเลิฟมีชัดๆ! เอาเถอะ ตอนนี้ขอให้เข้างานได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที ผมหันมาเอ่ยขอบคุณทั้งสามสาวแล้วเดินลงมาจากรถตู้นั้น การแปลงโฉมใช้เวลาไม่ถึงสามสิบนาทีด้วยซ้ำ จากฮอยฮักไอ้จืดกลายเป็นเลิฟมีสุดฮอต! ผมหยิบหน้ากากขึ้นมาแล้วใส่ทับปิดหน้าไว้แล้วหันไปมองรถตู้
“โชคดีค่ะคุณชาย~!!!”
ผมพยักหน้ารับเอาแว่นใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อก่อนจะเดินมาหน้างานยื่นบัตรให้กับคุณยามอีกครั้ง คราวนี้อีกฝ่ายรับบัตรแล้วแย้มยิ้มเชื้อเชิญผมเข้างานเป็นอย่างดี เหอะ ต่างจากเมื่อกี้ลิบลับเลยวะ! ผมเดินเข้ามาในงานจัดปกเสื้อนอกเพิ่มความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมแล้วเดินหาคนที่มอบบัตรเชิญให้ อ่า วินเซอร์อยู่ไหนกันนะ?
ผมเดินร่อนมาเกือบจะครึ่งงาน สายตาของแต่ละคนที่จ้องมองมาที่ผมอย่างแคลงใจ แปลกใจและตกใจนั้นทำให้ผมขำเล็กน้อย คงคิดว่าผมเป็นเลิฟมีแต่ไม่แน่ใจและไม่กล้าเข้ามาทักแน่ๆ และผมก็หันไปมองกลุ่มคนที่มากเป็นพิเศษ และแน่นอนเลยว่าสาเหตุที่ทำให้ผู้คนไปกระจุกอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ใครอื่นเลย นอกจากไอ้วินเซอร์!
ผมมองอีกฝ่ายนิ่งแล้วเฉสายตาออกไปมองทางอื่น ให้ตายสิ ไม่ว่าจะใส่ชุดอะไรคนดูดีมันก็ดูดีมีสง่าราศีเหมือนเดิมแฮะ! ชุดทักซิโด้ที่เน้นไหล่กว้างบึกบึนช่วงตัวหนาไม่อ้วนเทอะทะแต่กลับล่ำสันน่ามอง เจ้าเด็กเวรนั้นใส่ชุดทักซิโด้แล้วดูเซ็กซี่เป็นบ้า...อ่า! ผมเม้มริมฝีปากแล้วมองไปอีกครั้ง สาวๆ พวกนั้นมองไม่วางตาเลยนะ เฮอะ
ผมมองเขาอยู่นานเห็นหมอนั้นกำลังคุยกับเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้ววินเซอร์ก็หันมองตรงมา โอ๊ะ มองมาที่ผมหรือเปล่า? ผมยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของฟลอร์เต้นรำ ผมเผลอตัวส่งยิ้มให้หมอนั้นแต่เมื่อรู้ตัวก็รีบเปลี่ยนสีหน้า เฮ้อ! เคยว่าแต่เจ๊ปาล์มมี่ว่ามันแรด แต่ตอนนี้ผมกลับกำลังทำตัวแบบนั้นอยู่! ไอ้วินเซอร์ยื่นแก้วไวน์ให้เพื่อนแล้วมันก็รีบเดินมาที่ผม หือ? ทำไม? หรือว่าเพราะตอนนี้ผมเหมือนเลิฟมี!? หมอนั้นคงจะตกใจว่าทำไมผมถึงว่าอยู่ที่นี้สินะ ไม่ได้การล่ะ ผมต้องหนีก่อน!
ผมรีบเดินหนีก่อนที่วินเซอร์จะเดินตามทัน หมอนั้นตามผมมาติดๆ ผมกำมือแล้วเม้มริมฝีปากสาวเท้าเดินในใจเต้นตุ้บๆ อย่างเป็นกังวล เท้าเดินหลบเลี่ยงคนในงานแล้วออกตัววิ่งเพื่อไม่ให้วินเซอร์จับได้ อ่ะ ห้องน้ำ! ผมเห็นป้ายห้องน้ำอยู่ไม่ไกลก็รีบวิ่งเข้าไปซ่อนที่นั้นอย่างรวดเร็ว รอดูสถานการณ์เล็กน้อยแต่มันก็เงียบแสดงว่าไอ้วินเซอร์คงไม่ได้ตามผมมา เฮ้อ~ ชีวิตเหมือนจะสั้นลงไปอีกห้าปี!
ผมยืนถอนหายใจอยู่ในห้องน้ำแล้วคิดได้ว่าต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเจ้าแว่นจืด เฮ้อ~! ทำไมชีวิตของผมจีบผู้ชายคนเดียวมันถึงได้วุ่นวายแบบนี้กันนะ เจ้างี่เง่านั้นหลบหน้าผมอยู่ตั้งหลายวัน เจ้าบ้า! ทั้งๆ ที่เป็นคนจูบเองแท้ๆ ผมควรจะเป็นคนหลบหน้ามันไม่ใช่หรือไงวะ แถมยังมีหน้ามาถามอีกว่าต้องการอะไร?
ไอ้โง่!!ก็ต้องการมึงสิวะ!!ทำขนาดนี้ให้กูต้องการไอ้ต่ายเน่าคาเตียงของมึงหรือไงกัน หา!! ถามโง่ๆ! เชอะ เห็นว่ากำลังสับสนหรอกนะถึงถอยออกมาก่อน ขืนผมไปก่อกวนมากกว่านี้เดี๋ยวไอ้เวรนั้นต้องหนีไปอยู่ขั้วโลกแน่ๆ ทำตัวอย่างกับเด็กอนุบาล ใช้สมองคิดซะบ้างเซ่ไอ้วินเซอร์!!
ผมเปลี่ยนทุกอย่างกลับเป็นไอ้แว่นจืดแล้วเดินออกไปจากห้องน้ำเข้าไปในงานอีกครั้ง มองหาเจ้าวินเซอร์ มันหายไปไหนวะ? ผมเดินตามหามันไปทั่วงานแต่ก็ไม่เห็น มองไปในฟลอร์ มันไปเต้นรำกับสาวหรือเปล่า? แต่ก็ไม่เห็นน้ำหน้าระริกระรี้ของมันเลยสักนิด เห็นแต่หน้าเปรมสุขของไอ้แว่นเตี้ย ผมหันซ้ายหันขวาแล้วไปเห็นเพื่อนคุณชายหน้าดุของไอ้วินเซอร์ที่ยืนกอดอกทำหน้านิ่งอยู่ตรงมุมเครื่องดื่ม
อืม...แต่งแบบนี้แล้วให้ความรู้สึกเป็นคุณชายจริงๆ ด้วย และไม่ทำหน้าดุก็ดูดีน่ามองกว่าตอนทำหน้าดุเยอะเลยล่ะครับ เพื่อนของไอ้วินเซอร์คนนี้ดูดีไม่แพ้มันเลยแฮะ แน่นอนว่าแนวนี้ไม่ใช่สเปกของผมหรอก ต่อให้หล่อเทพขนาดไหนก็ไม่สู้หล่ออันตรายไอ้วินเซอร์ อันนั้นโดนใจสุดๆ เลยวะ!! หือ...เออ อย่ามัวแต่พูดถึงความหล่ออะไรนั้นเลยครับ ผมต้องหาไอ้วินเซอร์ก่อน ผมเดินมาสะกิดเพื่อนของไอ้วินเซอร์
“นายๆ วินเซอร์อยู่ไหนเหรอ?”
“มันอยู่ตรงระเบียงนู้น”ไอ้คุณชายมองผมอย่างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร มันตอบผมแล้วชี้ไปที่ระเบียงข้างนอก ผมมองตามไปแล้วเอ่ยขอบคุณ รีบเดินไปที่ระเบียงนั้นทันที เมื่อกี้เหมือนเจ้าคุณชายนั้นอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับผมเลยนะ แต่ช่างมันเถอะ ผมเดินมาถึงประตูที่ออกไประเบียงด้านนอก ผมเปิดมันเบาๆ แล้วก้าวเท้าออกไปแต่ก็ชะงักตัวกับภาพตรงหน้า
ริวกับวินเซอร์?
“คุณวินเซอร์ ผมเป็นเจ้าของเสื้อและชีทนั้นครับ ที่ผมทำไปเพราะผมแอบชอบคุณมานานแล้ว ขอโทษที่ปกปิดคุณมาตลอด ผมรักคุณจริงๆ ครับวินเซอร์”
ว่าไงนะ!!!?ผมมองสองคนนั้นกอดกันแล้วคิ้วมันกระตุกยิกๆ เจ้าบ้านั้นเอาอะไรมาพูด!!? หน้าด้านที่สุด!!! ทำไมหมอนั้นถึงมาอยู่ที่นี้ได้แล้วทำไมถึงรู้เรื่องนั้น!!? ผมยืนสับสนงุนงงแล้วเม้มปากเมื่อเห็นไอ้วินเซอร์ยกมือกุมหัวไหล่ของอีกฝ่าย เห็นแล้วมันจี๊ดลึกๆ เข้าไปในใจ! ผมสูดอากาศเข้าปอดแล้วหันหลังเปิดประตูเดินเข้าไปในงานเหมือนเดิม
ไอ้บ้าวินเซอร์ ไอ้บ้า!!แค่นั้นก็เชื่อหรือไง ไอ้โง่!! หึ ถ่านไฟเก่ามันคุเลยล่ะสิ!! แมร่งเอ๊ย อุตส่าห์คิดว่าเจ้าริวนั้นจะกระเด็นออกจากวงโคจรนี้แล้วแท้ๆ! ผมยืนกัดฟันกรอด พูดแค่นั้นยังไม่ทำให้หมอนี้กลัวสินะ อ๋อ คงอยากจะรู้ว่าตอนที่ผมไปหาพ่อของวินเซอร์นแล้วไปเจอริวเข้า ผมพูดอะไรกับริวน่ะเหรอ? หึ! ก็แค่บอกว่า...
ไอ้วินเซอร์มันเป็นเอดส์แค่นั้น!!!หึๆๆ เจ้าบ้านั้นก็หน้าซีดเชียว หึ! สงสัยจะไม่เชื่อผมล่ะมั้งถึงได้มาเสนอหน้าแถวนี้ได้แล้วเรื่องนี้เจ้าริวนั้นไปรู้มาจากไหน เรื่องนี้น่าจะรู้แค่ผมกับไอ้วินเซอร์ ไม่สิ ยังมีไอ้คุณเชอร์ล็อก โฮล์มส์บ้าบอนั้นนี่น่า ไอ้ภู่!! แมร่ง ปากสว่างเหรอวะไอ้เวรนี่!!!
ผมมองกลับไปที่ระเบียงนั้นแล้วเดินออกไปจากงาน ช่างเถอะ ก็แค่เล็กๆ น้อยๆ เรื่องแค่นั้นถูกขโมยไปก็ไม่เป็นไรหรอก อย่างไงผมก็ยังมีอะไรอีกหลายๆ อย่างที่ได้ทำให้หมอนั้น มันมากกว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างชีท เสื้อพวกนี้อยู่แล้ว! ผมไม่แคร์ และจะให้ไปโวยวายว่าเจ้าริวนั้นมันสวมรอย โวยวายว่าจริงๆ แล้วนั้นน่ะของผม แบบนั้นผมก็ไม่เอาด้วยหรอก เผลอๆ ไอ้งี่เง่าวินเซอร์นั้นจะกล่าวหาผมว่าอิจฉาเจ้าริวเสียด้วยซ้ำ ก็ไอ้แว่นจืดแบบนี้พูดไป...
หมอนั้นก็ไม่เชื่อผมอยู่ดี...“...”อารมณ์ในตอนเช้าๆ ควรจะแจ่มใสกว่านี้แต่ผมกลับอารมณ์ค้างมาจากเมื่อวาน! ไอ้วินเซอร์บ้า ไอ้งี่เง่า!! ถึงจะบอกตัวเองว่าอย่าไปใส่ใจ ไม่เป็นไรแต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่าสองคนนั้นจะเป็นอย่างไง จินตนาการที่ผุดขึ้นมาในหัวมันก็เอียงไปทางเลวร้ายสิ้นดี ผมเดินออกมาจากลิฟต์แล้วเดินมาหยุดที่หน้าห้องของไอ้วินเซอร์
ผมกดกริ่งหน้าห้องมันอยู่สองสามครั้งระหว่างที่รอในหัวมันก็ครุ่นคิดไปต่างๆ นานา ถ้าเปิดประตูมาแล้วไม่ใช่ไอ้วินเซอร์ล่ะ? ถ้าเป็นริวล่ะ? ผมจะทำหน้าอย่างไง! แล้วถ้าคนเปิดประตูเป็นไอ้วินเซอร์แต่ผมดันไปเจอริวนอนหน้าบานอยู่บนเตียงในห้องนอนของหมอนั้นล่ะ!!? ไม่ว่าจะคิดอย่างไงผมก็คิดไปแต่ในแง่ร้ายๆ ทั้งนั้น!!
เวลาในการยืนรออยู่หน้าประตูวันนี้มันยาวนานกว่าทุกๆ ครั้งที่เคยรอ ความรู้สึกมันกระวนกระวายชอบกล ผมแทบจะไม่มีสมาธิทำอะไรเลย พอเป็นเรื่องของหมอนี้ทีไรตัวของผมก็จะขาดความเยือกเย็นไปซะทุกที ผมยืนรอแล้วรออีกก็ไม่เห็นมีใครเปิดประตู หรือว่าหมอนั้นไม่ได้กลับมาที่ห้อง หึ! ไปต่อกันที่อื่นงั้นสิ!! ก่อนที่ผมจะกดกริ่งรัวอีกครั้งประตูก็ค่อยๆ เปิด ในอกของผมเต้นตูมตามแล้วหัวทองยุ่งเป็นรังนกก็โผล่ออกมา
ไอ้วินเซอร์?ตาปรือๆ แบบคนยังไม่ตื่นดีหรี่มองผมเล็กน้อย มันไม่พูดไม่จาอะไรหันหลังเดินเข้าไปในห้องเปิดประตูทิ้งไว้ ผมก็รีบเดินเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู ไอ้วินเซอร์นั้นก็เดินลอยเข้าไปในห้องนอนเหมือนเดิม ผมถอดรองเท้าแล้วเดินไปแง้มประตูห้องนอนของไอ้วินเซอร์ดู ส่องสอดสายตาไปทั่วแล้วถอนหายใจโล่งเมื่อเห็นแต่ไอ้วินเซอร์นอนอืดเป็นศพอยู่คนเดียว ผมปิดประตูนั้นแล้วเดินเข้าครัวด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นมาก
ก็ยังดีที่ไม่เห็นเจ้าหน้าด้านริวนั้น!ถ้าเห็นล่ะก็...พ่อจะถืออีโต้ฟาดเลย!!ผมทำกับข้าวเตรียมให้กับไอ้วินเซอร์เหมือนเดิมนั้นแหละครับ จากนั้นก็ทำความสะอาดห้องเก็บกวาดข้าวของจัดให้เป็นระเบียบ ปกติแล้วเจ้าวินเซอร์มันก็ใช้แล้วเก็บเข้าที่ตลอดทำให้การเก็บกวาดห้องเป็นเรื่องที่ไม่ยุ่งยากเท่าไร ผมเปิดห้องที่เก็บพวกเสื้อผ้า รองเท้า ห้องนี้เป็นห้องแต่งตัวดีๆ นี่เอง พ่อคุณทูนหัวทำอย่างกับตัวเองเป็นซุปเปอร์สตาร์ดังก็ดูสิครับ ตู้เสื้อผ้าล้วนๆ ปาไปสองตู้ใหญ่ กางเกงแบบต่างๆ อีกสองตู้ รองเท้าวางเป็นชั้นๆ ยิ่งกว่าร้านขายรองเท้า! แถมยังไม่นับพวกเข็มขัด เครื่องประดับอีกเยอะแยะครับ นี่มันใส่หมดหรือเปล่าผมก็ไม่รู้แต่ทุกครั้งมันก็ใส่ไม่เคยซ้ำกันเลยนะ!
มากกว่าสิ่งอื่นใด ผมสงสัยเจ้าตู้ขนาดใหญ่อีกสองตู้นี่สิ มันเก็บอะไรผมก็ไม่รู้หรอกครับก็เพราะสองตู้นี้มันใส่กุญแจไว้เป็นอย่างดีน่ะสิ! ยิ่งล็อกไว้กูยิ่งสงสัยวะ เคยถามมันเหมือนกันครับแต่ไอ้บ้านั้นมันก็ตอบว่าเป็นงานอดิเรก งานอดิเรกเชี่ยอะไรวะ ดูมีลับลมคมในชิบ!! ผมจัดทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหิ้วตะกร้าไปซักผ้า
กลับมาทำกับข้าวต่อระหว่างที่รอให้ผ้าปั่นเสร็จ ผมทำทุกอย่างรวดเร็วทันก่อนเที่ยงเหมือนเดิม ผมล้างมือเช็ดให้เรียบร้อยแล้วเดินมาเปิดประตูห้องนอนของไอ้วินเซอร์ ไอ้เวรนี่ก็นอนขึ้นอืดเปิดแอร์เย็นสบาย ปกติแล้วมันลุกไปอาบน้ำแล้วนี่น่า ทำไมวันนี้ถึงนอนเอาเป็นเอาตายแบบนี้ได้ล่ะ? แล้วไอ้จินตนาการสุดกู่ไปทางร้ายๆ ของผมก็ทำงานอีกครั้ง เมื่อคืนมึงจัดหนักหรือไงวะไอ้วินเซอร์!!!?
ผมเดินเข้ามาในห้องยืนอยู่ข้างเตียงมองเจ้าเด็กเวรนี่นอนขึ้นอืด ไอ้บ้ากาม มึงลุกขึ้นมาเลยนะโว้ย!!! ไปไหนต่อไหนกับเจ้านายแบบหน้าอ่อนนั้นมาสินะ! ขึ้นสวรรค์บุกนรกกันกี่รอบล่ะถึงดูอ่อนเปลี่ยวเสียแรงแบบนี้ได้ ตื่นเลยนะไอ้วินเซอร์!!!!? ผมตัดสินใจก้มตัวลงเอื้อมมือจะปลุกอีกฝ่าย
“วินเซอร์...เฮ้ย!!!?”จู่ๆ ไอ้คนที่นอนไม่รู้เรื่องรู้ราวก็ลืมตาขึ้นมาแล้วดึงผมล้มลงไปบนตัวของมัน ผมหลุดอุทานอย่างตกใจ เจ้าหมอนั้นหัวเราะในลำคอแต่ผมรู้สึกจั๊กจี้อ่ะ เสียงหัวเราะนั้นมันให้ตัวมันสั่นอยู่ข้างในแต่ไอ้ตัวแนบชิดเสียจนได้ยินเสียงหัวใจมันเลยทำให้รู้สึกถึงการสั่นของเสียงนั้น
“ว่าไง?”ผมแทบจะผงะเมื่อเห็นรอยยิ้มกวนๆ ในระยะประชิดแบบนี้ ผมพยายามลุกจากตัวของไอ้วินเซอร์แต่มือของมันก็กอดรั้งผมเอาไว้แน่น ปล่อยสิโว้ย!! กอดอยู่แบบนี้มันก็ลุกไม่ได้น่ะสิเจ้าบ้า!! ผมเงยหน้ามองไอ้วินเซอร์อย่างไม่พอใจ หมอนั้นก็ยกยิ้มไม่รู้ไม่ชี้ได้น่าเตะมากกกก...แต่มันก็น่ารักดี เชอะ!
“เหนื่อยเป็นบ้า เฮ้อ”
เหนื่อยแล้วมึงมาซุกอะไรคอกู!!!? ไอ้วินเซอร์มันกลิ้งตัวพลิกมาอยู่ข้างบน ผมเนี่ยแทบจะกลายเป็นปลาหมึกแผ่น หนักนะโว้ย!! คิดว่าตัวมึงเบาเป็นนุ่มหรือไง ผมหายใจไม่ออกเมื่อโดนไอ้ยักษ์มันทับไปทั้งตัวไม่นานก็หายใจคล่องเมื่ออีกฝ่ายยกตัวขึ้นไม่ทิ้งน้ำหนักลงบนตัวของผมแล้ว
“ขี้เกียจตื่น อยากนอนแบบนี้ทั้งวัน อื้ม...อ่า”
ไอ้วินเซอร์มึงละเมออยู่หรือไง!!!?ผมอะไรไม่ถูกได้แต่มองหน้ามันงงๆ มือของไอ้วินเซอร์มันล้วงเข้าไปแล้วลูบนั้นลูบนี้เล่นไม่เกรงใจคนถูกกระทำสักนิด ไม่แค่นั้นมันพูดอะไรงึมงำแล้วก็ซุกไซ้ซอกคอของผมไปด้วย อะไร! มึงทำอะไร!!? หน้าของผมเลือดมันเห่อขึ้นมารวมตัวกันจะระเบิดอยู่แล้ว!!
หยุดเลยโว้ยไอ้ลามก!!!ผมพยายามขัดขืนตบมันอยู่หลายทีจนไอ้บ้านั้นมันหยุดแล้วเงยหน้าขึ้นมาจากคอของผม ตื่นสักทีไอ้บ้า! ดูสิครับ แมร่ง! มันดูดคอผมอ่ะ ดังจ๊วบๆ เลย!! มันลืมตาขึ้นมาแล้วหรี่ลงมามองผมเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้า ผมรีบใช้มือดันคางมันไว้ทันที
“ไอ้สัด! มึงจะทำอะไรวะ!?”
“จูบ มอร์นิ่งคิสไง”
มอร์นิ่งป้ามึงเหรอ!!!!? ผมหลุดพูดหยาบกับมันเพราะลืมตัวไปแวบหนึ่ง แล้วอะไรของมันอีกล่ะ? มอร์นิ่งคิสบ้าบออะไรวะ นี่มันจะเที่ยงแล้วโว้ย!! ผมดันหน้ามันออกจากตัวเอง อย่าคิดว่ากูจะยอมให้มึงจูบตอนไหนก็ได้น่ะ! แล้วอะไรเข้าสิงมึงหรือเปล่าถึงทำแปลกๆ แบบนี้ สมองกูประมวลไม่ทัน!!
“ยังไม่แปรงฟันจะมาจูบชาวบ้านเขา ฝันไปเถอะ”
“ถ้าแปรงแล้วจะให้จูบเหรอวะ?”
“เออ เฮ้ย! ไม่ใช่ ไปอาบน้ำเลยนะวินเซอร์!”
“โด่”มันลุกขึ้นจากผม มาดงมาโด่อะไรของมึง!!? ไปอาบน้ำเลย! ไอ้บ้านั้นบู้ยปากเป็นเด็กเอาแต่ใจที่โดนขัดใจ ทำได้น่าหมั่นไส้มากวะวินเซอร์! ผมจัดเสื้อที่โดนไอ้บ้ากามมันเลิกขึ้นตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้สึกตัวสักนิด แล้วผมก็กระโดดลงจากเตียงก่อนจะเดินไปค้นเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวให้กับคนที่จะไปอาบน้ำ
เสียงฝีเท้าเดินมาหยุดลงที่ด้านหลัง ผมยืนขึ้นหันไปยื่นข้าวของให้มัน ไอ้วินเซอร์มันก็รับไปไม่ได้พูดอะไร เสร็จหน้าที่ผมก็เดินออกมาจากห้องนั้นแต่ไอ้วินเซอร์มันก็คว้าไหล่ของผมไว้ก่อน อะไรวะ? กางเกงในก็เอาให้แล้วไง! หรือว่าขาดอะไรอีก? ผมทำหน้าเป็นเชิงถาม ไอ้บ้านั้นมันก็ไม่ได้ตอบอะไรหรอกครับมันก้มตัวลงมาใกล้แล้วจูบเบาๆ ไม่นานก็ปล่อยมือจากไหล่ของผมแล้วตบศีรษะของผมเบาๆ
“แปรงฟันแล้ว”
นั้นมันไม่ใช่ประเด็นโว้ย!!!!เสียงประตูห้องน้ำปิดตัวลงพร้อมๆ กับหน้าของผมแตกโป๊ะแดงก่ำอย่างช่วยไม่ได้ ไอ้บ้าวินเซอร์!! ยืนอายมันอยู่ตั้งนานผมก็เรียกสติกลับคืนตัวได้ ให้ตายสิ! ผมรีบเดินออกมาจากห้องนั้นแล้วมานั่งรอที่โต๊ะกินข้าว มองถ้วยแกงมองจานแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย ไอ้เด็กเวรนั้นมันไปเมายามาหรือไงวะ อาการแปลกๆ!
เมาแล้วเห็นกูเป็นนางฟ้าของสายชลหรือไง!!?ผมนั่งกอดอกครุ่นคิดกับอาการแปลกๆ ของไอ้วินเซอร์ หรือว่ามันเมาขี้ตาเพราะเพิ่งตื่น? แน่ๆ เลยวะ!! คนอย่างไอ้วินเซอร์มันจะมานัวเนียกะจืดๆ อย่างกูตอนนี้เนี่ยนะ ผมคิดว่าพระจันทร์ใหญ่กว่าโลกนู้นแหละถึงจะเป็นจริงได้ หรือว่าไอ้เวรนั้นมันเมายาจริงๆ! ยิ่งคิดผมยิ่งเลอะเทอะไปกันใหญ่ จนไอ้วินเซอร์มันเดินมานั่งเก้าอี้ตรงกันข้ามผมถึงเลิกคิด ไอ้วินเซอร์มันก็นั่งจ้วงข้าวเป็นปกติไม่มีท่าทีอะไรใดๆ เมื่อกี้มันเมาขี้ตาจริงๆ เหรอเนี่ย? เออ ช่างมันเถอะวะ
“เมื่อคืนทำไมมึงกลับเร็วจังวะ?”ระหว่างกินไอ้วินเซอร์มันก็ถามขึ้นมา ผมเงยหน้ามองมัน ไอ้บ้านั้นทำหน้าเรียบเฉยเหมือนมันถามมานั้นเป็นคำถามปกติธรรมด๊าธรรมดา แล้วเมื่อคืนมันเห็นผมด้วยงั้นเหรอ? ผมนั่งเงียบไม่ตอบคำถามไอ้บ้านั้นก็ไม่ได้เซ้าซี้มันกลับถามไปคำถามใหม่
“งานวิดวะแล้วไหงถาปัดแบบมึงถึงไปได้วะ?”
ขนาดไอ้ริวถาปัดมันยังเสนอหน้าไปได้เลย!! แล้วทำไมกูจะเสนอหน้าไปบ้างไม่ได้! ฮึ...!! กูกำลังอารมณ์ดีแล้วนะมาถามรื้อฟื้นเรื่องเมื่อคืนทำไมวะ? อยากให้กูถามหรือไงว่ามึงกับไอ้ริวหน้าอ่อนนั้นไปถึงขั้นไหนกันแล้ว! ผมก้มหน้ากินมันต่อไม่สนใจไอ้วินเซอร์
“เห็นกูแล้วก็ไม่ทักสักนิด”
“นายว่างให้ทักนักนี่”
“ใครว่าไม่ว่างล่ะ ว่างจะตาย”
ถุย!! กอดกันกลมดิกขนาดนั้นว่างมากเลยสินะ!!!? “นี่ แล้วทำไมถึง...”
ปึก!! ผมตบโต๊ะเสียงดัง ไอ้วินเซอร์มันก็หยุดก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูง หยุดพูดถึงเรื่องเมื่อคืนได้แล้วไอ้บ้าวินเซอร์!! ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปที่ระเบียง พอดีเครื่องซักผ้ามันปั่นเสร็จพอดีน่ะครับ ไม่ได้หนีอะไรสักหน่อย เรื่องของมันกับคนอื่นน่ะผมไม่อยากจะฟัง ผมไม่แคร์อยู่แล้ว!
ผมจับผ้าออกจากเครื่องแล้วเดินมาตรงที่ตากเสื้อผ้า สะบัดผ้าแล้วตากไม่พูดไม่จา ไอ้วินเซอร์มันก็นั่งกินข้าวของมันไปเรื่อยนั้นแหละครับ ฮึ! ถ้าจะบอกว่าผมตอนนี้โคตรหงุดหงิดตัวเองเลยจะเชื่อไหมครับ? ผมทำตัวอย่างกับเมียหึงหวงสามีที่แอบไปมีกิ๊กอย่างไงอย่างนั้น!!
“แว่น น้ำวะ กินข้าวแล้วทำไมไม่กินน้ำ”ไอ้วินเซอร์โผล่หัวทองๆ ที่ยังไม่ได้เซ็ตมาพร้อมกับรอยยิ้มสว่างไสว มือก็ถือแก้วน้ำยื่นมาให้กับผม ผมมองมันแวบหนึ่งแล้วหันมาสะบัดผ้าตากไม่สนใจความหวังดีของมัน
“เฮ้ย อย่ามาเมินนะเฟ้ย ไม่งั้นจะให้บริการน้ำทางปาก”
ไอ้บ้า! ผมหันมารับแก้วน้ำจากมือมันเมื่อเจ้านั้นพูดเสียงแข็งขึ้น ผมรีบยกแก้วน้ำดื่มพรวดเดียวแล้วมันก็สำลักน้ำไอแค่กๆ ออกมา ไอ้วินเซอร์หัวเราะชอบใจพูดสมน้ำหน้าแต่มันก็ใช้มือใหญ่ๆ นั้นลูบหลังให้ผมเบาๆ ง่ะ! วันนี้มาแปลกนะครับท่านวินเซอร์ อ่อนโยนผิดปรกติ!!?
“ขอบใจ”ผมยื่นแก้วน้ำคืนให้หมอนั้น มันก็รับไว้แล้วมองผมแล้วพูดเอ่ยด้วยใบหน้ากวนๆ
“เมื่อคืนน่ะไม่อยากรู้เหรอว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่”
อีกแหละ อย่ามาพูดถึงเรื่องเมื่อคืนได้ไหมวะ!!? ไม่อยากรู้หรอกว่าพวกมึงจะไปจบกันที่ห้องไหน โรงแรมไหนน่ะ!! ผมตอบไปอย่างรวดเร็วแล้วหันหลังไปสนใจผ้าในตะกร้าเหมือนเดิม ผมก็ได้ยินเสียงแก้ววางไว้แล้วเสียงฝีเท้าที่มาหยุดด้านหลัง อย่ามาตื้อได้ไหม ไม่อยากรู้ไง!!
“ที่ไม่อยากรู้เพราะมึงหึงงั้นเหรอวะ?”
“เออ!! รู้แล้วก็ไม่ต้องเล่า!”
“หึๆๆ ว่าแล้วไอ้ขี้หึงเอ๊ย”เสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังอยู่ข้างหลังแล้วมันก็เอ่ยขึ้นเบาๆ ผมฟังแล้วใจเต้นถี่ขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ เสียงของมันไม่ได้เหมือนกำลังเยาะเย้ยหรือถากถาง แต่มันเหมือนเอ็นดูปนหมั่นไส้อย่างไงไม่รู้แฮะ ผมสะบัดผ้าแล้วตากไม่พูดไม่จาอะไร แต่แล้วก็รู้สึกถึงแขนโอบรอบเอวแล้วสัมผัสอุ่นจากด้านหลัง ผมปล่อยมือจากผ้าหัวใจมันเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ ลมหายใจอุ่นๆ รดต้นคอจนขนลุกซู่
“กูไม่ได้โง่ กูรู้นานแล้วว่าคนนั้นคือมึง”วินเซอร์กระซิบข้างหูของผมแล้วกระชับแขนกอดผมแน่นมากขึ้น ตอนนี้ผมแทบจะละลายไปกองกับพื้น เสียงกระซิบนั้นมันอ่อนหวานซะผมหมดแรงยืน เสียงหัวใจมันก็เต้นกระหน่ำแทบจะหลุดออกมาเต้นข้างนอกอก ไม่ต้องถามมาหน้าผมจะแดงแค่ไหน ตอนนี้มันจะระเบิดอยู่แล้ว! ไอ้วินเซอร์ปล่อยตัวผมที่กำลังจะระเบิดอยู่มะรำมะร่อเดินเข้าไปในห้อง
“เฮ้ย!”
ผมหันไปมอง ไอ้วินเซอร์ที่หันหลังส่งเสียงขึ้นมา
“ขะมาด สะลัน โลก!”มันหันมาพูดเสร็จมันก็เดินเกาหัวเดินออกไปมึนๆ ไม่ได้อธิบายให้กูเข้าใจด้วยเลย ผมมองตามไอ้วินเซอร์ไปอย่างงงๆ กูกำลังซึ้งได้ทีแต่พอเจอประโยคเมื่อกี้ กูงงแดกเลย!! มันแอบด่าผมหรือเปล่าวะ?
ขะมาดสะลันโลก?เหี้ยไรวะ!!!!?TBC.อย่าาาาาา!!! อย่าเพิ่งปาอะไรมานะตัวเอง ขอโทษที่มาช้า~!
แต่เขาก็มานะ T T ที่อัพช้าเพราะไปกินเนื้อย่างมา 555
ขอโทษที่ทำให้รอกันนะ (บางคนรอไม่ไหวไปนอนแหละ 555)
และแล้วฮักเอ็งก็ต้องเจอไอ้หื่นวินเซอร์ล้วงเล็กล้วงน้อยตามโอกาส
ล้วงไปล้วงมาระวังจะเสียตัวนะเออ หึๆๆๆ 
ทิ้งท้าย
คนอ่าน : ขะมาด สะลัน โลก อะไรของเอ็งวะ!!!? 
วินเซอร์ : แหม...เดี๋ยวนี้ภาษาต่างประเทศกำลังฮิตก็เลยอยากฮิตกะเขาบ้าง 555 
ปอยป้อย : เนอะๆ วินเซอร์~! 
ปล.มาแก้ไขนิดหน่อย ขะยมใช้กะผู้หญิง ไอ้วินเซอร์เป็นผู้ชายต้องขะมาด 555