ตอนที่ 15“...”
ถึงมึงเงียบไปไม่คุยกับกูก็ช่างสิ! ตอนนี้ผมกับไอ้วินเซอร์มานั่งกินข้าวตอนเย็นอยู่ครับ และไอ้วินเซอร์ก็ทำหน้าบูดยิ่งกว่านมหมดอายุ สาเหตุมาจากที่ผมถีบมันตกเตียงนั้นเองแหละครับ! แหงล่ะ เรื่องอะไรที่ผมจะยอมมันง่ายๆ ล่ะ ถึงบอกว่ายอมถูกกดไปก็จริงนะ แต่ผมยังไม่ได้เตรียมใจเลยอ่ะ ถึงจะเตรียมตัวพร้อมแล้วก็เถอะ! ครั้งแรกต้องเสียประตูหลังให้ผู้ชายคิดแล้วมันก็พาลอารมณ์เสียอยากจะเฮดล็อกไอ้หน้าบูดนี้จริงๆ! ทำเป็นงอนมึงคิดจะทำหน้าบูดเป็นตูดลิงแข่งกับไอ้เตี้ยสตางค์มันหรือไง!!?
“แมร่ง มองอย่างไงมันก็เหมือนเลิฟมีชิบหายเลยวะ!”
“...”
ไอ้วินเซอร์มันจ้องผมเขม็งแล้วพูดอย่างหัวเสีย ผมเนี่ยนั่งเงียบทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับอาการหัวเสียผีเข้าผีออกของไอ้วินเซอร์ ไอ้บ้านั้นก็กลับมากินข้าวพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่นจ้องผมเขม็ง ผมถอนหายใจเฮือก
“ให้ฉันใส่แว่นดีไหมจะได้ไม่เหมือน”
“ไม่ต้อง”ไอ้วินเซอร์มันยกมือห้ามอย่างรวดเร็ว ผมน่ะอยากจะใส่แว่นจะตายห่าแต่ไอ้บ้านี่มันก็ไม่ยอม แถมขู่อีกว่าถ้าใส่ให้มันเห็นล่ะก็จะเอาแว่นของผมไปเผาทิ้งซะ ไอ้บ้าเอ๊ย มึงก็อย่าบ่นมากสิวะ กูจะประสาทแดกเพราะมึงแล้วเนี่ย! แล้วมึงเป็นอะไรกับเลิฟมีนัก ชอบเหรอไง!?
“อย่าบอกนะว่ามึงเป็นเลิฟมีปลอมตัวมา!”“...!!”“ฮ่าๆๆๆ ตลกวะ จะเป็นไปได้อย่างไงเนอะแว่น”
“อืม”
มันพูดเองปฏิเสธเองซะผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดีก็ได้แต่พยักหน้าเออออไปกับมัน ไอ้วินเซอร์มันส่ายหน้าไปมาแล้วหัวเราะอยู่นั้นแหละ มันขำมากหรือไงวะ? แล้วถ้ากูบอกว่ากูเนี่ยแหละเลิฟมีมึงจะเชื่อไหม? ผมมองไอ้วินเซอร์ที่มองหน้าผมแล้วกินข้าวไปด้วย มันยกจานขึ้นมาตักเข้าปากโดยตรงแล้วมองผมไปด้วย ท่ากินของมันผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะครับ แต่ไอ้ที่ข้องใจน่ะคือมันมองหน้าผมไปด้วยแล้วก็กินไปด้วยเนี่ยสิ
“ฉันไม่ใช่กับข้าวน่ะถึงได้มองไปกินไป”
“แน่ล่ะมึงไม่ใช่กับข้าว แต่กูก็อยากกินนะ!”มันยักคิ้วแล้วยิ้มให้กับผม หึ! อีกนานแหละไอ้หื่นที่มึงจะได้กินกู! ผมกับมันก็กินข้าวกันต่อ ผมน่ะกินไม่มากหรอก ปกติแล้วก็กินไม่เยอะแล้วยิ่งไอ้วินเซอร์เล่นจ้องเอาจ้องเอาแบบนี้อีก มันยิ่งกินอะไรไม่ลงเลยล่ะครับ
จ้องอยู่ได้ กูเขินนะโว้ย!จนไอ้วินเซอร์มันกินอิ่มนั้นแหละครับ ผมถึงได้หาทางหลีกเลี่ยงสายตาของมันได้ ผมเก็บถ้วยชามทุกอย่างมาทำความสะอาดแล้วก็ล้าง ปกติไอ้วินเซอร์มันก็จะเดินไปเปิดทีวีเล่นเกมอะไรของมันแต่วันนี้มันกลับมานั่งที่เดิมแล้วหันมาจ้องผมอยู่นั้นแหละ แมร่ง จะจ้องอะไรนักหนาวะ จ้องจนกูจะพรุนอยู่แล้ว!!
“แมร่ง เหมือนจริงๆ”
นั้น มันยังไม่เลิกครับ ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วล้างจานต่อไปเงียบๆ ไอ้วินเซอร์มันก็บ่นพึมพำเกี่ยวกับเลิฟมีต่อไปครับ ผมชักจะหงุดหงิดแล้วนะ พูดอยู่นั้น! เลิฟมงเลิฟมีอยู่นั้นแหละ!!
“นี่ นายอยากให้ฉันเป็นเขามากหรือไง?”
“เปล่า”
“ถ้าอย่างนั้นก็หยุดพูดได้แล้ว มันน่ารำคาญ!”
“อะไร้ อย่าบอกนะว่าหึงน่ะ?”
กูไม่ได้หึงโว้ยแต่กูรำคาญ!ผมเงียบไม่ตอบมันหรอกครับ ไอ้วินเซอร์มันก็หัวเราะก่อนจะลุกขึ้นมากอดผมจากด้านหลังไว้ ผมที่กำลังล้างจานสะดุ้งโหยง ไอ้บ้านั้นก็สอดแขนกอดเอวของผมไว้แล้วโน้มตัววางหัวทองๆ นั้นไว้บนไหล่ของผม
“ไม่พูดล่ะ อย่างอนนะครับ”
“...”ผมยืนอ้าปากเหวอ จงจานไม่ล้างมันแล้วโว้ย!! จู่ๆ ไอ้วินเซอร์ที่เล่นบทร้ายก็มาพูดเสียงออดอ้อนแบบนี้ทำเอาใจของผมกระดอนออกมาจากอกแบบไม่ทันรู้ตัว วันนี้ทำไมมึงดูแปลกไปนะวินเซอร์!! ไปโดนอะไรสิงมาหรือไงวะ กูไม่เข้าใจ!!
“แว่น”
แว่นอีกล่ะ!? ตกลงนี่มึงไม่รู้ชื่อกูใช่ไหมไอ้วินเซอร์ เออ จะว่าไปผมก็ไม่เคยบอกชื่อมันนี่น่า แล้วแต่ละคนก็เรียกแต่แว่นๆ อยู่นั้นแหละ โอเค! เรื่องนี้ผมผิดเองวะ ผมไม่เคยบอกชื่อกับมัน นี่ตามจีบมาจะครึ่งปีอยู่แล้วทำไมผมถึงไม่บอกชื่อมันสักทีวะ!!
“ฉันก็มีชื่อ”
“อ้าว ไม่ได้ชื่อแว่นเหรอ? หึๆ”
กูไม่ขำโว้ย!
“โอ๋ๆ งอนอีกแหละ โคตรขี้งอนอ่ะมึง ตกลงชื่ออะไรวะ?”ไอ้วินเซอร์ก็ทำเป็นโอ๋เด็กๆ ผมล่ะเครียด อย่ามาทำอะไรแบบนี้ได้ไหมโว้ย มัน...มัน...มันทำให้กูหลงมึงมากขึ้น! บ้าเอ๊ย นี่จะให้กูรักมึงมากเท่าไรถึงจะพอกัน!! ผมเม้มริมฝีปากแล้วเอ่ยเสียงเบา
“ฮอยฮัก”“ฮือ? อะไร?”
“ชื่อฮอยฮักไงเล่า”
“หา!! ฮอยฮัก!!? ฮอยฮักจริงดิ!”ไอ้วินเซอร์มันอุทานเสียงหลงแล้วเหวี่ยงผมที่กำลังล้างจานหันมาหามัน ไอ้วินเซอร์มองผมแล้วขมวดคิ้ว มันขมวดคิ้วนิ่วหน้าส่ายหน้าไปมาเหมือนไปเจอเรื่องพิลึกแปลกพิสดารมา อะไรของมันวะ ชื่อกูมันไปสะกิดต่อมอะไรเข้า?
“ชื่อแปลกแบบนี้มันมีซ้ำกันด้วยเหรอวะ? เฮ้!! อย่าบอกนะว่ามึงอ่ะเป็นลูกของโซล่าดาราดังคนนั้นน่ะ?”
“...”ผมมองไอ้วินเซอร์ที่ทำหน้าสับสนแล้วยิ้มให้ มันมองผมนิ่ง หน้ามันเห็นแล้วผมอยากจะหลุดขำออกมาจริงๆ มันดูช็อกแบบสุดๆ
“จริงเหรอวะ? ไม่อยากจะเชื่อ!!”
“ไม่เชื่อก็เรื่องของนาย”ผมยักไหล่แล้วเดินมาล้างจานต่อ ไอ้วินเซอร์มันก็ยังพูดเชิงไม่อยากจะเชื่ออยู่นั้นแหละแล้วมันก็เดินเข้ามาฉวยเอวของผมให้หันไปหามัน ไอ้วินเซอร์ยิ้มกว้างแล้วก้มหน้ามาจูบผม ผมตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไหลไปตามมันนั้นแหละครับ แล้วมันก็ถอนจูบกอดผมไว้หมับ อะไรของมันวะเนี่ย!!
“ปล่อย ฉันล้างจานอยู่นะ”
“อ่า โทษๆ”ไอ้วินเซอร์มันก็ปล่อยตัวผมถึงได้กลับมาล้างจานเหมือนเดิมแล้วไอ้บ้านั้นก็กอดรอบคอทิ้งน้ำหนักตัวมาให้แบก ไอ้บ้าเอ๊ย มึงโคตรหนักเลยนะโว้ย!!
“นี่ จำได้ไหมว่าตอนเด็กน่ะ...”
“นายน่ะเหรอ? ทำไมจะจำไม่ได้ ไอ้ขี้แย”ผมกัดฟันพูดออกมาเบาๆ แมร่ง หนักโว้ย!! ไอ้บ้านั้นก็ทำหน้าบึ้งแล้วเขกหัวผมเบาๆ
“จำอะไรไม่จำนะมึง”มันก็หัวเราะหึๆ ในลำคอ ผมล้างอ่างทำความสะอาดจนเสร็จ หนักก็หนัก ไม่ช่วยแล้วยังจะมาสร้างภาระให้กูอีกนะไอ้วินเซอร์! ผมล้างมือแล้วเดินไปเช็ดมือไอ้วินเซอร์ก็ยังกอดคอเดินตามติดเป็นแฝดอินจัน กวนโอยมากเหอะไอ้วินเซอร์ ปล่อยกูสักที กูจะกลับแล้ว!! ผมกระทู้ศอกใส่ไอ้วินเซอร์เบาๆ มันก็ปล่อยมือแต่โดยดีผมเดินไปหยิบกระเป๋าเพื่อจะกลับแล้วไอ้วินเซอร์มันก็ถามขึ้นมาเสียงมันเหมือนไม่มั่นใจ
“แล้วจำเรื่องนั้นได้ไหม ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน...”
“นายทะเลาะกับไอ้พรีสต์เพื่อขอฉันแต่งงาน...ใช่ไหมล่ะ?”
“...เอ่อ...อืม”ไอ้วินเซอร์มันอ้ำๆ อึ้งๆ หน้ามันเนี่ยแดงแล้วเขินๆ อ่า วินเซอร์อย่าทำแบบนั้นสิ มันน่ารักจนกูอดใจไม่ได้นะ! เดี๋ยวแมร่งก็จู่โจมซะหรอก!! ผมมองไอ้วินเซอร์เล็กน้อยก่อนจะก้าวเดินออกไปเพื่อกลับบ้าน ไอ้วินเซอร์มันก็เดินตามมาอย่างไม่ลดละ
“ทั้งๆ ที่ตอนเด็กๆ มึงก็ออกจะดูดีแล้วทำไมตอนนี้ถึง...”
“ดาร์ลิ้ง!”ผมเปิดประตูห้องเพื่อจะเดินออกไปแต่เพราะไอ้วินเซอร์ที่มันถามอยู่นั้นแหละ ผมก็เลยหันไปเรียกชื่อจริงๆ มันบ้าง ไอ้บ้านั้นก็ชะงักตัวกึกมองผมด้วยตาที่เบิกกว้าง สมน้ำหน้า! ไม่อยากให้คนอื่นเรียกใช่ไหมชื่อนี้นะ ถ้าไม่อยากให้เรียกมึงก็เงียบไปเลยนะ ถามอยู่นั้นแหละ ตื่นเต้นหรือไงว่ากูน่ะเป็นคนที่มึงเคยขอแต่งงานด้วยถึงจะเป็นตอนเด็กๆ ก็เถอะ!
“แล้วเจอกัน”
ผมพูดแค่นั้นก็เดินออกมาจากห้องปิดประตูตามหลังทันที เดินมาถึงหน้าลิฟต์ผมก็มองไปที่ห้องของไอ้วินเซอร์ สงสัยมันคงจะโกรธที่ผมเรียกชื่อมันอยู่ล่ะมั้ง ช่างเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยทำอะไรอร่อยๆ ให้มันกินก็ได้
“เฮ้อ”
ถ้าถามว่าทำไมผมถึงได้มานั่งถอนหายใจเป็นวรรคเป็นเวรแบบนี้น่ะเหรอ? ก็ผมต้องจมปลักอยู่ที่บริษัทโดนประธานจิกกัดเรื่องไอ้วินเซอร์ ซ้อมละครเวทีแล้วก็ทำงานมากกว่าปกติ ประธานทิมน่ะบ่นว่าช่วงนี้ผมรับงานน้อยไปไม่พอกับความต้องการที่ยื่นมา มันช่วยไม่ได้นี่น่าผมต้องเอาเวลาไปไล่ตามไอ้วินเซอร์นะ ในที่สุดประธานก็ยื่นคำขาดให้ผมทำงานให้เต็มที่เหมือนเดิม
“ประธาน!”
“ไม่มีข้อแม้ใดๆ ทำตามคำสั่ง ห้ามค้านเด็ดขาด!”
“ได้ไง ผมก็...”
“พับเรื่องตามก้นผู้ชายแล้วกลับมาทำงานซะเจ้าฮัก!”
“...”ผมพยักหน้ารับแล้วถอนหายใจเฮือก ประธานนะประธาน แบบนี้ผมจะเอาเวลาที่ไหนไปหาไอ้วินเซอร์กันล่ะ!!? แล้วถ้าผมไม่ไปมันวิ่งไปหาเด็กในสต็อกมันใครจะรับผิดชอบให้ผม! ช่วงนี้มันอุตส่าห์เป็นเด็กดีอยู่กับที่ไม่ค่อยไปไหนแล้วด้วย แล้วนี่ไอ้วินเซอร์มันก็กลับมาจากเที่ยวเขมรแถมยังไม่ได้โผล่หน้าไปหามันเลยเป็นอาทิตย์แล้วนะ!
“พี่ลอน”
“ว่าไงคุณพระเอก?”พี่ลอนดอนที่กำลังรอคิวของตัวเองใส่กระโปรงและรองเท้าส้นสูงเพื่อความเคยชินจะไม่ผิดพลาดในการแสดงจริง พี่แกก็ยังจิกกัดเรื่องที่ผมได้เป็นพระเอกเหมือนเดิม ช่างทำตัวเป็นพี่ใหญ่ขี้อิจฉาจริงๆ! แล้วผมก็คุยกับพี่ลอนดอนเกี่ยวกับจังหวะในเวทีที่ซ้อมกันเมื่อกี้ มันน่าจะเปลี่ยนจังหวะเล็กน้อยเพื่อให้มันดีมากขึ้น
แล้วเราก็ทำการซ้อมใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนจะแสดงจริงในอีกสองวัน ทำให้ช่วงนี้ผมยุ่งตัวเป็นเกรียวไม่ได้ไปหาไอ้วินเซอร์เลยครับ เซ็งโว้ย เบื่อโคตรๆ ไม่ได้เห็นหน้าจิตใจมันจะพาลจะแห้งเหี่ยว แถมโทรหามันก็ไม่ได้เพราะอะไรน่ะเหรอ? ผมไม่มีเบอร์มันน่ะสิ! ผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ ครับ ผมลืมเรื่องแบบนี้ไปได้อย่างไง น่าจะแอบจิ๊กเบอร์มันมาสักหน่อย!! ชิ คราวหน้าต้องจิ๊กเบอร์มันมาให้ได้ คอยดูเถอะ
เมื่อซ้อมเสร็จผมก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปทำงานอีกที่ทันที ประธานนะประธาน! อุตส่าห์ให้พี่บอสรับงานมาเบาๆ จัดเป็นเวลาเพื่อจะเอาไปหาไอ้วินเซอร์แต่นี่เล่นสั่งพี่บอสรับงานทุกอย่างอัดแน่นเอี๊ยดไปหมดจนถึงสิ้นปีแน่ะ กูอยากจะบ้า! แกล้งกันมาได้นะ ขัดขวางกันชัดๆ เลย! ผมรีบเดินไปหาพี่บอสที่ยืนรอผมอยู่แถวระเบียง
เอ๊ะ!?นั้นมันไอ้วินเซอร์นี่!!ผมยืนจ้องมันเขม็ง ไอ้วินเซอร์มันกำลังคุยอยู่กับพี่บอสอยู่ครับ ไม่ได้เจอกันตั้งเป็นอาทิตย์กว่าแน่ะ ดูเหมือนมันจะคล้ำขึ้น ตอนไปเที่ยงไม่ได้ทาครีมกันแดดหรือไง? ปล่อยให้แดดเผาจนไหม้แบบนั้นได้น่ะ! ผมยืนมองมันอยู่ตั้งนาน ก็มันคิดถึงนี่หว่า! พี่บอสหัวเราะอะไรบางอย่างกับไอ้วินเซอร์แล้วหันมาเห็นผมยืนอยู่ พี่บอสก็กวักมือเรียกผม
“เลิฟ มัวทำอะไรอยู่ เหลือเวลาไม่มากแล้วนะ”
ไอ้วินเซอร์มองมาที่ผมเหมือนกันมันมองผมนิ่งไม่มีความรู้สึกใดๆ แล้วมันก็พูดขอตัวกับพี่บอสแล้วเดินผ่านผมไป ระหว่างที่จะผ่านมันก็หันมามองผมแล้วเอ่ยทักทายตามมารยาท
“สวัสดีครับ”
ผมพยักหน้ารับ พอมันเดินผ่านไปผมแอบมองตาม เมื่อกี้ที่เดินผ่านอยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่แมร่งก็พูดอะไรไม่ได้เลย! ผมเม้มริมฝีปากเล็กน้อยเดินตามพี่บอสไปเงียบๆ ไม่ได้หันกลับไปมองอีก
“พี่คุยอะไรกับหมอนั้นเหรอ?”
“อ้อ วินเซอร์เขาชวนไปปาร์ตี้วันเกิดของเขาน่ะ”
ระว่างการเดินทางไปทำงานผมก็เอ่ยถามพี่บอสไปอย่างสงสัย พี่บอสก็ตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มเหมือนเดิม ไม่ได้สงสัยอะไร ผมเนี่ยอึ้งเงียบไปเลย
วันเกิด!!!!?จะว่าไปนี่มันก็เดือนธันวา แถมอีกไม่กี่วันนี่ก็เป็นวันที่ 25 วันเกิดของไอ้วินเซอร์น่ะมันตรงกับวันคริสต์มาสพอดีนี่น่า!! อย่าถามว่าผมรู้ได้อย่างไง ผมก็ต้องถามปรมาจารย์อย่างกูเกิ้ลสิ! แล้วไอ้วินเซอร์มันก็ดังไม่ใช่น้อยนะครับ มีเว็บแฟนคงแฟนคลับ เรื่องวันเกิดไม่ใช่เรื่องลับอะไรเลย ใครๆ ก็สามารถรู้ได้ครับ แต่ช่วงนี้ผมยุ่งเรื่องงานมากเกินไปทำให้ลืมวันเกิดมันไปได้ ยิ่งคิดยิ่งเศร้าใจ ก็แหงสิ!! ยิ่งช่วงใกล้วันเกิดไอ้วินเซอร์งานของผมมันก็ยิ่งแน่นเหมือนคนจัดมันจงใจ! อ๊ากกกก!! ประธานนะประธาน!!!! ผมจะแก้แค้นคืนให้ได้ คอยดู!!
“เป็นอะไรหรือเปล่าเลิฟ?”
“หือ? ไม่นี่ครับ”
“งั้นก็ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิเจ้าบ้า ทำหน้ามุ่ยอยู่นั้นแหละ”ระหว่างที่กำลังรอเวลาในการขึ้นแสดงละครเวทีอยู่พี่บอสก็เข้ามาสะกิดผม ผมก็เลิกคิ้วมองพี่บอสอย่างไม่เข้าใจ ผมน่ะเหรอกำลังทำหน้าบึ้งอยู่? หากระจกมาส่องหน้าตัวเองแล้วรีบปรับสีหน้าทันที ยิ่งใกล้วันเกิดไอ้วินเซอร์ผมก็ยิ่งอารมณ์บูดขึ้นเรื่อยๆ อ๊ากกกกก!!! เวลานอนก็แทบจะไม่มีอยู่แล้วจะเอาเวลาไหนไปป้อผู้ชายวะ!!! ยิ่งคิดยิ่งเครียดมันก็เลยส่งผลไปออกทางใบหน้า
ผมเกลียดประธานทิมมมมมม!!!พรุ่งนี้ก็เป็นวันเกิดของไอ้วินเซอร์มันแล้ว กูอยากจะบ้า! เกือบจะสองอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้โผล่หน้าไป มันคงจะดีใจตายที่ผมไม่โผล่หัวไป ป่านนี้ห้องจะเป็นอย่างไง อาหารการกินของมันใครจะดูแล! เครียดโว้ย!!!
“ตื่นเต้นอยู่เหรอพระเอก?”
“ฮ่าๆๆๆ ต้องตื่นเต้นอยู่แล้วล่ะ ใช่ไหมวะเลิฟ?”
ในห้องแต่งตัวของผม พี่ไตเติ้ลพระเอกรองของละครเวทีในครั้งนี้และพี่แกก็เป็นนักแสดงชั้นเยี่ยมของบริษัทเรา ตามมาด้วยเจ้าเบียร์นายแบบนักแสดงที่เข้าบริษัทมาพร้อมๆ กับผมครับ พี่ไตเติ้ลก็ชวนผมคุยเพื่อลดความตื่นเต้น ผมอยากจะบอกพี่ไตเติ้ลว่าความตื่นเต้นของผมน่ะเป็นศูนย์ แต่ความเครียดน่ะทะลุร้อย! ไม่ได้เครียดเรื่องการแสดง เครียดเรื่องผู้ชายด้วย!! แรงป่ะล่ะผมน่ะ หึ!
แล้วละครเวทีของบริษัทเราก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นและได้ผลตอบกลับมาดีมากครับ นี่เป็นรอบแรกในการแสดง รอบต่อไปก็คือพรุ่งนี้ ละครของเรามีแค่เจ็ดรอบเท่านั้นครับ บัตรมีจำนวนจำกัดและส่วนมากเราจะให้บัตรกับเหล่าแฟนๆ มากกว่า ละครเวทีนี้เป็นเสมือนของสมนาคุณให้แก่เหล่าแฟนคลับนั้นแหละครับ
“เฮ้ย! จะไปไหนล่ะนั้นคุณพระเอก”ตอนที่ผมถ่ายรูปกับเหล่าแฟนๆ และเปลี่ยนชุดเตรียมจะไปทำงานอีกอย่างของวันนี้ พี่ลอนดอนและพี่นิวยอร์กก็โผล่มาครับ แถมยังพ่วงพี่ยูไนเต็ดและ...เอ๊ะ นั่นมันแฟนของพี่ยูไนเต็ดนี่หว่า!! นักเขียนชื่อดัง น้องชายของพี่นิวยอร์ก รู้สึกว่าจะชื่อเท็กซัสนะครับ! หน้าตายไร้อารมณ์มาแต่ไกลเชียว ถ้าไม่รู้ว่าเป็นน้องของพี่นิวยอร์กล่ะก็ผมจะคิดว่าพี่เท็กซัสแกเป็นน้องของพี่ลอนดอนไปแล้วล่ะ! หน้าตายซะ
“นี่มันรวมพลคนหน้าตายหรือไงเนี่ย?”พี่บอสที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมเอ่ยเบาๆ กับตัวเองแต่ผมได้ยินนะพี่บอส! ผมก้มศีรษะทักทายพวกพี่ๆ แล้วสังเกตเห็นแต่ละคนใส่ชุดแฟชั่นจ๋าและยังมีกล่องของขวัญผูกโบว์อย่างหรูแน่ะ จะไปงานเลี้ยงที่ไหนล่ะเนี่ย?
“พวกพี่จะไปไหนกันเหรอครับ?”
“อ้าว ก็วันนี้ปาร์ตี้วันเกิดของเจ้าวินเซอร์มัน นายไม่รู้เหรอ?”พี่ลอนดอนหันมาถามอย่างแปลกใจ ผมเนี่ยได้แต่ยืนทำหน้างง เอ๋!!? พรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอวันเกิดของมันนะ วันนี้วันที่ 24 เองนะ พรุ่งนี้ค่อยวันที่ 25 ไม่ใช่เหรอ? พี่ยูไนเต็ดยิ้มให้กับผม
“แล้วนี่เธอจะไปไหนงั้นเหรอเลิฟ?”
“เอ่อ ผมมีงานต้องทำอีกอย่าง”
“ขยันจริงนะเลิฟมีเนี่ย กำลังดังอยู่นี่น่า”พี่นิวยอร์กยิ้มอ่อนโยนให้กับผม ในขณะที่ผมยังมึนงงกับปาร์ตี้งานเลี้ยงของไอ้วินเซอร์อยู่ พี่ลอนดอนหันมามองผมไม่พอใจ
“นี่นายยังจะทำงานอีกเหรอ? ไม่ไปงานวันเกิดของวินเซอร์หรือไง?”
“ผม...”ผมไม่รู้จะพูดอะไร ตอนนี้มันมึนงงไปหมดแล้วล่ะครับ แถมช่วงนี้งานผมน่ะล้นมือจนไม่มีเวลาจะไปหาหรือทำของขวัญวันเกิดให้กับมันด้วยซ้ำ
“ก็คงจะไปช่วงดึกๆ แล้วล่ะลอน เพราะกว่าจะเสร็จงานนี้ก็ดึกมาก เดี๋ยวพาเลิฟแวะไปเอง”พี่บอสเห็นผมตอบไม่ได้ก็เข้ามาช่วยตอบให้ พี่บอสก็รู้งั้นเหรอครับว่าไอ้วินเซอร์มันจัดงานวันเกิดวันนี้? คงมีแต่ผมเนี่ยแหละที่ไม่รู้อะไรเลย! พวกพี่ๆ พยักหน้าแล้วพวกเราก็แยกกันไปคนละทาง ให้ตายสิ ทำไมมีแต่ผมที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยวะ!!?
กว่าผมจะทำงานเสร็จมันปาไปสี่ทุ่มแล้วล่ะครับ พี่บอสเตรียมของขวัญไว้เรียบร้อยยิ่งทำให้ผมรู้สึกกังวลมากกว่าเดิมอีก! แต่พี่บอสก็ยิ้มแล้วบอกว่าเตรียมส่วนของผมไว้ให้แล้ว แล้วเราสองคนก็ไปงานวันเกิดของไอ้วินเซอร์ที่มันเหมาทั้งร้านเพื่อจัดปาร์ตี้วันเกิดเลยนะครับ ก็สมกับเป็นมันนั้นแหละนะ
หน้างานมีสาวสวยยิ้มรอรับของขวัญและให้เขียนการ์ดอวยพรวันเกิดอีกแน่ะ ผมก็ปล่อยให้พี่บอสนั้นแหละครับเขียน มันจะฉลาดไปไหนวะ? ให้เขียนการ์ดอวยพรวันเกิดด้วย! เข้ามาในงานแล้วตกใจเล็กน้อย คนมันจะเยอะไปไหนวะ!!? นี่งานวันเกิดหรืองานแจกของฟรี!!! คนเยอะมากถึงมากที่สุดอ่ะครับ ตรงหน้าเวทีจะแขกที่เป็นนักร้องขึ้นไปโชว์นั้นโชว์นี้ ยิ่งเห็นแล้วยิ่งอารมณ์เสียวะ!! มีกูคนเดียวเลยที่ไม่รู้เรื่องอะไร!!!
“เลิฟเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“คนมันเยอะน่ะครับ”
“อดทนหน่อย เดี๋ยวจะพาไปข้างบน”แล้วพี่บอสแกก็ลากผมขึ้นมานั่งโต๊ะบนชั้นลอย พี่บอสแกก็เอาใจใส่ผมยกนั้นยกนี้มาให้กินไม่นานก็ขอตัวไปคุยกับเพื่อนที่บังเอิญเจอกัน ผมก็เลยนั่งอยู่คนเดียวเปลี่ยวเอกา มองไปข้างล่างเพื่อหาตัวเจ้าของปาร์ตี้ครั้งนี้ แล้วก็ไปสะดุดเข้ากับเพื่อนคุณชายของมันเข้า แถมยังมีเพื่อนๆ คนอื่นๆ ให้กลุ่มของมันด้วยแต่ไม่ยักจะเห็นไอ้วินเซอร์เลยแฮะ!
“อ้าว นั่นฮอยฮักหรือเปล่า?”จู่ๆ ก็มีเสียงทักผม หันไปมองแล้วเลิกคิ้ว นั่นมันประธานฮันพ่อของไอ้วินเซอร์นี่!! ประธานฮันก็เดินยิ้มมาตั้งแต่ไกลครับ มานั่งร่วมโต๊ะกับผมแล้วชวนคุยทันที อยากรู้เหรอว่าทำไมประธานฮักถึงรู้ชื่อของผมก็เพราะผมบอกเองนั้นแหละ อย่างไงประธานฮันก็เป็นเพื่อนของพ่อล่ะนะ และถือว่าเป็นการแนะนำตัวกับว่าที่คุณพ่อแฟนในอนาคตไปด้วย หึๆ
“ปีนี้เจ้าลิ้งก็อายุ 20 ปีสักที เป็นผู้ใหญ่กับเขาแล้วน่า”ประธานฮันถอนหายใจแล้วยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่คนให้ผมรู้ว่าประธานฮันรักและภาคภูมิใจกับลูกชายของตัวเองขนาดไหน ประธานมองไปข้างล่างผมก็มองตามลงไป ในที่สุดก็เห็นไอ้วินเซอร์จนได้ หมอนั้นกำลังยืนคุยกับกลุ่มสาวๆ หัวเราะร่าอย่างมีความสุข ภาพนั้นมันทำให้ผมหงุดหงิด แม้ว่าจะไม่ได้เจอผมชีวิตของมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือรู้สึกอะไรบ้างหรือไง?
“เรื่องนี้ก็น่าเป็นห่วง เมื่อไรลิ้งมันจะจริงจังกับใครสักคนบ้างน่า”เสียงประธานฮันถอนหายใจมองลูกชายสุดที่รักอยู่ท่ามกลางสาวๆ แถมยังกอดกันหอมแก้มกัน เห็นแล้วมันอยากจะปรี๊ดแตกจริงๆ โว้ย!
“เอ๋ แต่มันก็ไม่แน่นะ รู้ไหมฮัก? เจ้าเด็กนั้นปกติจะจัดงานวันเกิดตัวเองพร้อมกับฉลองวันคริสต์มาสไปพร้อมๆ กันแท้ๆ แต่ปีนี้กลับจัดงานวันเกิดก่อนวันเกิดจริงๆ วันหนึ่งแบบนี้ แถมยังให้เหตุผลน่าขำอีกนะ”
“เหตุผล?”
“เจ้าเด็กนั้นบอกว่าวันคริสต์มาสคนอื่นก็ต้องไปฉลองกับครอบครัวจะให้มางานวันเกิดของเขามันดูไม่ดี หึๆ แต่พอบอกว่างั้นไปฉลองกับพ่อสองคนก็รีบปฏิเสธทำหน้าเซ็งใส่ สงสัยจะมีนัดกับใครแน่ๆ น่ารักจริงๆ น่าลิ้ง”ประธานฮันก็ยิ้มมองลูกชายไปด้วยอย่างมีความสุข ช่างเป็นคุณพ่อที่รักลูกจังเลยนะครับประธานฮันเนี่ย แต่ผมไม่ได้ซาบซึ้งกับความรักของประธานฮันที่มีต่อไอ้วินเซอร์หรอกนะครับ แต่ไอ้ประโยคที่ว่ามันว่านัดกับใครเนี่ยสิ กระแทกกลางใจเจ็บจี๊ดทันที!!!
ใครวะ!!!? ในระหว่างที่ผมไม่ได้โผล่หน้าไปไอ้วินเซอร์จอมว่องไวคนนั้นไปเกี้ยวหรือเก็บใครมาได้กันวะ!!? อุตส่าห์จัดวันเกิดก่อนแล้วจะไปฉลองวันเกิดกับคนๆ นั้นอีก!
“จริงสิ ได้อ่านบทที่ส่งไปให้ไหม? เธอจะรับงานนี้ไหม?”
“อ้อ ผมอ่านดูแล้วล่ะครับ เป็นบทที่น่าสนใจ เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตามนะครับ”
“บทนั้นมีแต่เธอเท่านั้นที่แสดงได้ หวังว่าเราจะได้ทำงานร่วมกัน”
“แน่นอนครับ”
ประธานฮันก็ชวนผมคุยเรื่องอื่นมากมายจนกระทั่งพี่บอสเดินกลับมาเพื่อจะพาผมกลับ เพราะพรุ่งนี้ผมต้องเดินทางตั้งแต่เช้าเพื่อไปถ่ายละครที่ต่างจังหวัด เนี่ยแหละครับที่ผมหนักใจอยู่! ถ้าผมไปต่างจังหวัดกว่าจะถ่ายทำเสร็จแล้วกลับมาอีกทีไม่รู้ว่ามันจะทันเวลาหรือเปล่า
โอ๊ยยยยยย!!!!!จะทำอย่างไงดี!!!?ผมเกลียดประธานทิมมมมมม!!!
ต่อรีล่าง 