Love Sick เมื่อร่างกายตกเป็นทาสของหัวใจ [-23-] จบแล้วค่ะ!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love Sick เมื่อร่างกายตกเป็นทาสของหัวใจ [-23-] จบแล้วค่ะ!!  (อ่าน 196285 ครั้ง)

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
เมื่อไรพี่จินเจอร์จะกลับมาหาเอมสักทีนะ

รักกันห่างไกลแบบนี้  ทั้งความเหงาและความคิดถึงมันยิ่งทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ

ยิ่งมีบางสิ่งมาสะกิดมันก็อดจะที่จะปล่อยน้ำตามาแทนความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้ใครบางคน

กลับมาเถอะจินเจอร์กลับมาดูแลดวงใจที่ชื่อเอมสักที   

การรอคอยที่แสนทรมาณ  ความเหงาที่ยาวนาน  ความคิดถึงที่จับต้องไม่ได้   :sad11:    :sad11:

sakurazaka

  • บุคคลทั่วไป
ได้แต่หวังว่ากว่าพี่จินจะกลับมา หนูตองคงจะตัดใจได้บ้างนะเนี่ย

ออฟไลน์ yang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 280
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :กอด1:ชอบเรื่องนี้มากๆเลย อ่านนรวดเดียวว
อยากให้เป็นจินตั้งแต่แรกๆที่เจอเลย(ก๊ากกกก)
ตอนนี้อยากให้จินกลับมาเร็วๆจังเลย  สงสารตองก็สงสาร แต่สงสารเอมมากกว่า
อยากรู้ว่าเอมกับจินเริ่มคุยกันทางจดหมายได้ยังไง (ยังไงก็บอกทีนะคะคนอ่าน)
ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆ มากจริงๆๆๆ
ปลื้ม :n1:

มาต่อเร็วๆนะจ่ะ    :bye2: o13

ออฟไลน์ BBnuna

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 299
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เรื่องนี้น่ารักจัง:)

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Love Sick [-11-]
«ตอบ #154 เมื่อ01-12-2011 17:27:28 »

Love Sick

- 11 -

หลังจากที่ผมเพิ่งผ่านพ้นจากการสอบปลายภาคเทอมหนึ่งเรียบร้อย ก็ถึงเวลาแห่งการรับจ๊อบแล้วครับ เป็นธรรมดาของเด็กมหา’ลัยที่มักจะชอบหางานทำตอนปิดเทอมใช่มั้ยละ ผมถามพวกเพื่อนๆดูแล้ว กิบอกว่าจะไปช่วยงานแม่ที่ร้านจิวเวลรี่ อั๋นเองก็จะไปกับกิ ส่วนตองไม่ได้ทำอะไร ก็คงอยู่หอไปเรื่อยเปื่อย บางทีก็อาจจะไปนั่งวาดรูปเล่นตามสวนบ้าง

ตัวผมเองก็รับจ๊อบพิเศษช่วงปิดเทอมมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ ปิดเทอมคราวนี้ผมได้รับการอนุเคราะห์จากพี่พีร์(จำพี่รหัสผมได้มั้ย?) ให้ไปช่วยวาดรูปตกแต่งผนังให้กับบริษัทรับตกแต่งภายในที่กำลังจะเปิดใหม่ และเจ้าของบริษัทนั้นก็คือพี่พิงค์ พี่ชายพี่พีร์นั่นเองครับ

ตอนแรกผมก็ถามพี่พีร์ว่างานแบบนี้ให้คนที่มีประสบการณ์ทำดีกว่าไหม? แต่พี่พีร์ก็บอกว่าไม่จำเป็น เพราะพี่ชายแกอยากได้อะไรที่ไม่ต้องเป๊ะ อยากให้มันอาร์ตๆ แถมจ้างนักศึกษาแบบผมยังมีค่าแรงถูกกว่าพวกมืออาชีพอีก - -“

แต่ถึงพี่พีร์จะบอกว่าค่าแรงผมถูกกว่ามืออาชีพ เอาเข้าจริงค่าตอบแทนที่ผมจะได้รับก็ดีกว่าไปทำงานพาร์ตไทม์ในฟาสต์ฟู้ดมากโข อา...ทีนี้ผมจะได้มีเงินมาซื้อขาตั้งเฟรมอันใหม่สักที...

“มึงคิดว่าช่วงปิดเทอมเนี่ยจะทำเสร็จมั้ย?” พี่พีร์ถามผมอีกครั้งเพื่อความชัวร์ เพราะว่าบริษัทของพี่ชายพี่พีร์จะเปิดอย่างเป็นทางการคือหลังจากที่ผมเปิดเทอมแล้ว และหน้าที่ของผมก็คือการออกแบบและลงมือละเลงตามกำแพงภายในบริษัทให้หนำใจ (พี่พีร์ก็จะช่วยด้วยครับ ไม่ใช่ผมทำคนเดียวหรอก) ผมลองกะคร่าวๆจากสมัยที่เคยวาดผนังพิธีจบการศึกษามาแล้ว อันนั้นแค่สัปดาห์เดียวก็เสร็จ ถ้าเป็นที่นี่ก็คงไม่นานนัก

ผมรับปากพี่พีร์แล้วก็ตกลงกันเสร็จสรรพว่าจะไปลงมือกันพรุ่งนี้เลย


********************************************************


“พี่พิงค์ นี่ไอ้เอม น้องรหัสกู เอ๊ย ผม” เพราะมือใหญ่ๆของพี่ชายตัวเองที่เงื้อจะฟาดหัวทำให้พี่พีร์ต้องเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองโดยด่วน พี่พิงค์เป็นผู้ชายตัวใหญ่ ท่าทางน่ากลัว ผิวสีน้ำผึ้ง แลดูดุไม่เข้ากับชื่อหวานแหวว ทำเอาผมชักหวั่นๆแล้วสิ...

“มึงนี่พูดให้มันเพราะๆเหมือนคนไม่ได้เลยนะ ต้องพูดจาหมาๆตลอด” เสียงก็ห้าวครับ ผมฟังแล้วก็เผลอขยับไปแอบหลังพี่พีร์โดยอัตโนมัติ
“พี่พิงค์อย่าดูดิวะ เอมมันกลัวแล้วเนี่ย” พี่พีร์พูดเสียงหงุดหงิดแล้วหันมาดึงแขนผมให้ออกมายืนข้างๆ แล้วแนะนำผมกับพี่พิงค์หน้ายักษ์
“นี่พี่พิงค์ พี่ชายกูเอง” ผมยกมือไหว้พี่พิงค์ สายตาพี่พิงค์มองผมอย่างสำรวจ
“ตัวแค่เนี้ยนะไอ้พีร์ จะไหวเหรอวะ” บ๊ะ! นี่ผมโดนดูถูกใช่มั้ยเนี่ย
“โหพี่ ไอ้เนี่ยดีกรีเด็กทุนเลยนะ ฝืมือยังงี้” ผมเห็นพี่พีร์ยกนิ้วโป้งขึ้นมาประกอบคำพูด เอ่อ..เขินนิดๆแฮะ พี่พีร์มันชมผมแหละ
“เออดี งั้นวันนี้พวกมึงลองออกแบบคร่าวๆก่อนว่าจะละเลงผนังออฟฟิศกูยังไง แล้วเอามาให้กูดู ถ้ามันโอเคก็ลงมือทำวันนี้เลย”
 
แล้วพี่พิงค์ก็พาผมและพี่พีร์ไปดูบริเวณที่จะให้วาด เป็นโซนของล็อบบี้ด้านหน้าครับ และก็ตามทางเดินแต่ละจุดๆ กำแพงก็ทาสีพื้นไว้เป็นสีขาวเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาผมก็ละเลงได้เลยไม่ต้องมาทาสีรองพื้นอีกรอบ

“ลูกค้าของพี่ส่วนมากจะเจาะตลาดไปที่คนวัยทำงาน พี่ก็เลยอยากได้อะไรที่มันโมเดิร์นหน่อยนะ เรียบง่ายแต่ว่าดูดีน่ะ”
“ขอบเขตกว้างขนาดนี้ทำเองเถอะมึง” ประโยคแรกคือพี่พิงค์พูดกับผม ส่วนประโยคเหน็บแนมอันหลังคือพี่พีร์กระซิบให้ผมได้ยินอ่ะครับ พี่น้องคู่นี้ปากหมากันทั้งคู่จริงๆครับ

ผมกับพี่พีร์ใช้เวลาตลอดช่วงเช้าถกเถียงกันเรื่องออกแบบอย่างเมามัน พี่พีร์มันจะเอาโทนสีแบบที่ฉูดฉาด แนวๆแดง ดำ แต่ผมน่ะอยากได้สีโทนพื้นๆ ขาว น้ำตาล เบจอะไรประมาณนี้ จนใกล้เที่ยงก็ยังไม่ลงตัว พี่พิงค์จึงเป็นฝ่ายเข้ามาตัดสินพร้อมลูกน้องอีกหลายคนช่วยกันเลือก
“พี่ชอบแบบของเอมว่ะ” พี่พิงค์บอกหลังจากดูของผม
“แต่ผมชอบแบบพีร์นะพี่” อันนี้ลูกน้องพี่พิงค์พูดครับ ดูเหมือนว่าแบบของผมกับของพี่พีร์จะมีคนชอบเท่าๆกัน สุดท้ายก็เลยดูความเหมาะสมของจุดที่จะวาดมาประกอบการเลือกครับ พี่พิงค์บอกว่าล็อบบี้ด้านหน้ามันจะเป็นที่รับแขก ลูกค้าจะเดินฝ่าอากาศร้อนๆเข้ามาทางหน้าล็อบบี้ เพราะว่าที่จอดรถแถวนี้แดดแรงจัด ต้นไม้ไม่ค่อยมี พี่พิงค์จึงอยากให้ล็อบบี้ด้านหน้าใช้การออกแบบโทนเย็นของผม และของพี่พีร์นั้นจะเอาไปใช้ภายในออฟฟิศเพื่อกระตุ้นให้ลูกน้องกระฉับกระเฉงในการทำงาน
“เอาตามนี้แล้วกัน พวกแกโอเคนะ” ผมและพี่พีร์พยักหน้า เป็นการสรุปผลที่แยบยลมากครับพี่พิงค์

ผมชอบบริษัทของพี่พิงค์มากเลยครับ ที่นี่เป็นกันเองและอบอุ่น บรรยากาศในการทำงานก็โคตรเจ๋ง มีการเปิดเพลงผ่านลำโพงที่ฝังไว้ตามจุดต่างๆด้วยนะครับ

ผมนั่งฮัมเพลงระหว่างที่เริ่มกะขนาดพื้นที่เป็นตาราง เพลงเร็วกับเพลงช้าเล่นสลับกันไปชวนให้เพลิดเพลิน ส่วนมากจะเป็นเพลงสากลครับ แถมบางเพลงผมก็ไม่เคยฟังมาก่อนเลย

เพลงที่ผมกำลังฮัมจบลงไปแล้ว เพลงใหม่ค่อยๆดังขึ้นมา มีเสียงเปียโนช่วงอินโทรไม่นานนักเสียงร้องก็ขึ้นต้นเพลง เสียงที่ผมรู้สึกคุ้น... แค่เพียงพยางค์แรกที่ได้ยิน... เสียงทุ้มนุ่มเหมือนที่เคยฟังมาก่อน

Come and see me
Sing me to sleep
Come and free me
Or hold me if I need to weep
Or maybe it's not the season
Or maybe it's not the year
Or maybe there's no good reason
Why I’m locked up inside
Just cause they wanna hide me
The moon goes bright
The darker they make my night

ผมฟังจนจบท่อนนี้ก็เป็นเสียงผู้หญิงร้องขึ้นท่อนต่อไป เสียงหวานแหลมและแหบน้อยๆในคราเดียวกัน ยามที่เสียงร้องทั้งสองคนดังพร้อมกันผมรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่งวูบขึ้นมาในใจ มันรู้สึกอย่างไรนะ...จี๊ดๆงั้นเหรอ?


เหมือนว่าผมจะหึง...

ผมกำลังหึงเสียงผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าเป็นใครกับเสียงผู้ชายที่เหมือนพี่จิน...
ผมเพิ่งนึกได้ว่าผมลืมสิ่งสำคัญไปอย่างหนึ่ง สิ่งที่คนทั่วไปเขาจะต้องคิดได้เมื่อต้องห่างไกลจากคนรัก 

Unplayed pianos
Are often by a window
In a room where nobody loved goes
She sits alone with her silent song
Somebody bring her home

เสียงร้องของนักร้องผู้หญิงยังคงดังก้องจนมือผมสั่น เพลงเพราะเหลือเกิน เสียงของหล่อนก็เพราะเหลือเกิน...
มันทำให้ผมนึกย้อนไปถึงเรื่องราวเมื่อก่อนหน้านี้...เรื่องของผู้ชายคนที่จากผมไปเพื่อไปหาคนที่เขารักมากกว่า 
ถ้าหากผมต้องเจอแบบนั้นอีกครั้งผมคงรับไม่ไหว...

‘...’

ผมสูดหายใจลึกๆ เสียงร้องแค่คล้าย จะใช่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ใจผมมันหวั่นไหวเกินไป บางทีมันคงจะเกิดจากการที่ต้องรอนานเกินไป ผมอาจจะไม่ค่อยได้นึกถึงเรื่องนี้ แต่ผมก็รู้อยู่ว่าผมคิดถึงเขามากแค่ไหน ในความเป็นจริงผมคิดถึงพี่จนทนไม่ไหวด้วยซ้ำ ผมอยากจะไปหา อยากจะไปยืนตรงหน้าและจับมือของพี่จินไว้... แต่ผมก็ไม่มีปัญญาที่จะทำอย่างนั้น เด็กกำพร้าปากกัดตีนถีบอย่างผมจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเครื่องบินละ สุดท้ายผมก็ทำได้แค่รอเท่านั้นเอง...

ผมพยายามนึกถึงใบหน้าพี่จินที่อยู่ในความทรงจำ ถึงจะเหมือน ถึงเขาจะเป็นฝาแฝดกัน ก็ไมได้แปลว่าจะต้องมีนิสัยเลวๆเหมือนกัน..

สิ่งที่พอจะทำได้ก็คือเชื่อใจ... ผมเชื่อใจ เชื่อใจพี่จินที่สุด...


********************************************************


“เฮ้ย ไอ้น้องรหัสมึงนี่เวลาทำงานเป็นคนละคนจริงๆว่ะ” เสียงห้าวทุ้มของคนตัวโตยืนออกความเห็นกับน้องชายอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ชะเอมกำลังทำงานเท่าไรนัก สายตาคมๆในตอนแรกเปลี่ยนเป็นประหลาดใจไม่แพ้กับคนเป็นน้อง
“นั่นดิ ปกติเวลากูเห็นมันที่มหา’ลัยนะพี่ มันจะเรียบร้อยโคตรอะ หงิมๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะดูขึงขังจริงจังได้ขนาดนี้” ภาพของร่างเล็กบางที่กำลังวาดลวดลายบนกำแพงด้วยท่าทางที่เหมือนกับว่าอยู่เพียงคนเดียวบนโลกนี้

จากความสดใสและบอบบาง กลายเป็นนิ่งเงียบและดำมืดเหมือนผิวน้ำยามค่ำคืน มือเล็กคู่นั้นทำงานโดยไม่หยุดพัก จากผนังสีขาวเริ่มเต็มไปด้วยลวดลายมากมาย

“เหมือนมันไม่พักหายใจเลยว่ะพีร์” คนเป็นพี่ชายออกความเห็นอีกครั้ง
“นั่นดิ.. กูว่าไปลากมันมากินข้าวก่อนดีมะพี่พิงค์”
“เออ ดีๆ เดี๋ยวมันหมดแรงตายซะก่อน ตัวก็แค่นั้นด้วย”

‘ตัวก็แค่นั้น’ ในสายตาของพีร์ แต่ทำไมจึงดูเหมือนคนที่แบกโลกเอาไว้ทั้งใบ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นก็ถูกชะตา คงเพราะว่าความที่อยากได้น้องชายมาแต่เด็ก (เพราะมีพี่ชายถึกควาย ก็เลยอยากมีน้องละมั้ง) พอเห็นเจ้าตัวเล็ก ตาเศร้า ท่าทางบอบบางก็อยากจะดูแล...

ในความรู้สึกของพีร์ก็คงอยากจะพูดประมาณว่า ‘จริงนะครับกูสาบาน กูไม่ได้คิดเกินเลยสักนิด กูเห็นมันเป็นน้องกูจริงๆนะ...

และที่แน่ๆกูต้องสนิทกับมันให้มากกว่านี้ให้ได้ กูอยากจะรู้เรื่องของมันเยอะๆนี่ครับ...’

“เอม ไปกินข้าวกัน กู เอ๊ย พี่หิวแล้วว่ะ” พอตัดสินใจได้ว่าอยากจะเป็นพี่ชายกับเขาบ้างก็เลยลองเปลี่ยนสรรพนาม หวังว่าไอ้จิ๋วมันคงไม่สังเกตนะว่ากูพูดเพราะขึ้น...

********************************************************

ในตอนนั้นสิ่งแรกที่ผมคิดหลังจากพี่พีร์มาชวนไปกินข้าวก็คือ

‘ทำไมพี่พีร์มันพูดเพราะจัง สงสัยหิวจัดจนหน้ามืดตาลาย’

......
...
.
.
.

“แล้วพี่พิงค์ไม่มากินเหรอครับ”
“ไม่อะ มันก็กินกับพวกลูกน้องมันแหละ” พี่พีร์ตักข้าวใส่ปากเสียจนผมเห็นแล้วอิ่มแทนเลยครับ
“พี่พีร์ ผมถามหน่อยสิ พี่ไม่มีแฟนเหรอ?” ผมเขี่ยข้าวในจานเล่น ปากคุยกับพี่พีร์ แต่ใจลอยนึกไปถึงคนอีกคน...
“ไม่อะ อย่างมากก็แค่คุยๆ ถามทำไมวะ”
“เปล่าหรอก ผมก็แค่สงสัยว่าปกติเนี่ย คนคบกันเขาก็ต้องอยากเห็นหน้ากัน ใช้เวลาด้วยกันเป็นเรื่องธรรมดาใช่มั้ย”
“มึงนี่พูดอย่างกับกำลังน้อยใจแฟน นี่ มึงโดนสาวเมินมาใช่มั้ย” เอ่อ...ผมก็ยิ้มอะครับ ไม่บอกแกหรอกว่าไม่ใช่สาวที่เมินผม แต่เป็น ‘หนุ่ม’ ต่างหาก
“เมินอะไรพี่ ผมยังไม่มีแฟน”
“ก็เห็นทำหน้าหมาหงอย กูก็นึกว่าคิดถึงแฟน อ้าว แล้วหน้าแดงทำไมวะ” เฮ้ย จริงดิ ผมหน้าแดงเลยเหรอ ไม่นะ ผมไม่ใช่แฟนไอ้พี่จินสักหน่อย!
“ก็...ก็... พี่มาพูดทำไมอะเรื่องแฟนเฟิน ผมไม่มีหรอก จนจะตายใครเขาจะชอบ!”
“บ้าแล้ว ถ้าเป็นกูจะคบใครนะ กูไม่สนเรื่องอื่นหรอก จะคิดเล็กคิดน้อยเรื่องอื่นไปทำไมวะ” โอ๊ะ พี่พีร์พูดจาเข้าท่าอะครับ อืม...จะว่าไปนะ ผมก็อยากจะระบายเรื่องในใจผมให้เขาฟังเหมือนกัน พี่พีร์ดูเป็นคนที่... เหมือนพี่ชายน่ะ พออยู่ใกล้แล้วมันก็สบายใจ ผมลองมองพี่พีร์ที่ยังคงกินข้าวต่อ คิดวนไปเวียนมาว่าจะเล่าให้พี่พีร์ฟังดีมั้ย?
“.พี่พีร์..”
“หืม?”
“ผมน่ะ เคยอกหักแหละ”
“...” พี่พีร์เงยหน้ามามองผมนิดหนึ่งแล้วก็กินต่อ แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าพี่พีร์กำลังตั้งใจฟัง
“มันเจ็บมากเลยนะพี่...ตอนนั้นน่ะ...” ผมเขี่ยต้นหอมออกจากผัดกะเพรา ว่าแต่ผัดกะเพราที่ไหนใส่ต้นหอมวะ!
“แต่แล้วมันก็ดีขึ้น ผมไม่ค่อยนึกถึงเรื่องนั้นแล้วละ เพราะมันมีคนที่ทำให้ผมคิดถึงมากกว่า” ผมเงยหน้าขึ้น เห็นพี่พีร์มองผมอย่างตั้งใจ ความรู้สึกประหลาดแผ่ซ่านขึ้นมาในอก

อบอุ่น...

“ผมกับคนๆนี้อยู่ห่างกันมากครับ เราไม่ได้เจอกันมานานแล้ว แต่เค้าก็ยังติดต่อมาเสมอ” ผมยิ้ม และก็เห็นว่าสายตาของพี่พีร์ก็ยิ้ม
“ไม่เจอกันนานเท่าไรแล้วละ”
“... จะสองปีแล้วครับ ที่ผมเห็นแต่รูปถ่าย กับโน้ตใบเล็กๆที่เค้ามักจะแนบมาให้เวลาส่งรูปถ่ายมาให้ผม”
“ไม่โทรคุยกันเลยเหรอ?” ผมส่ายหัว
“แล้วแชทละ?” ผมส่ายหัวอีก
“เฮ้ย! พวกมึงจะอาร์ตไปไหนวะ ไม่คิดถึงหรือไง”
“คิดสิครับ แต่เพราะผมคิดว่ายังไงสักวันเค้าก็ต้องกลับมา และผมก็เชื่อ... เชื่อใจเค้าที่สุด...”
“...เออ... ก็แล้วแต่มึงเถอะนะ ต่างคนต่างใจ แต่ยังไงก็ไม่เข้าใจการกระทำของมึงจริงๆว่ะ” พี่พีร์พูดแล้วก็เกาหัว ขนาดผมเองยังไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองเลยครับพี่
“ผมไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลยนะครับ”
“ไอ้กิก็ไม่รู้เหรอ?”
“ครับ”
“รูมเมทมึงก็ไม่รู้” ผมส่ายหัวอีก
“แล้วเล่าให้กูฟังทำไม?”
“ผมคุยกับพี่แล้วรู้สึกสบายใจ” พอได้ยินผมบอกแบบนี้ พี่พีร์ก็นิ่งไม่พูดเลยครับ ผมพูดอะไรผิดไปเปล่าเนี่ย > <
“ก็กูเป็นพี่มึงนี่” มือใหญ่ข้ามโต๊ะมาขยี้หัวผมจนหัวกระเซิง แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะน่ารำคาญหรือไม่ชอบเลยนะเนี่ย แต่ถ้าพี่พีร์รู้ว่าคนที่ผมพูดถึงไม่ใช่ผู้หญิง แต่เป็นผู้ชาย พี่พีร์จะว่ายังไงน้อ...

********************************************************




** มีคนถามว่าพี่จินกับเอมติดต่อกันได้ยังไง?
อ้างอิงจากตอนที่แปดค่ะ คือครั้งแรกที่พี่จินส่งรูปมาให้เอม


และเรื่องสำคัญ หลังจากพวกรุ่นพี่จบไปประมาณสี่เดือน ก็มีจดหมายปิดผนึกส่งมาถึงผมฉบับหนึ่ง ซองจดหมายจ่าหน้าถึงผม ผู้ส่งไม่มีชื่อ มีแค่ที่อยู่...  จากที่ไกลแสนไกล... Paris

ข้างในซองเป็นรูปหนึ่งใบ รูปที่ทำให้ผมสับสนจนไม่รู้จะทำหน้ายังไง รูปที่มีเด็กชายตัวเล็กยืนเคียงข้างกับชายหนุ่มหล่อเหลา ใบหน้าที่เย็นชากับสายตาคมปลาบ แต่ว่ามีบางอย่างที่ทำให้ผมอึ้ง นั่นคือบรรยากาศรอบๆในรูปนั้น ความรู้สึกที่บอกไม่ถูกอบอวลอยู่เต็มรูปภาพ ผมเผลอหยิบรูปมาแนบอก ลมหายใจติดขัด...


และตอนที่ 9 คือตอนที่เอมทำใจกล้าบอกที่อยู่ตัวเองให้กับผู้ชายค่ะ -//-

หลังจากที่ผมได้ตัดสินใจส่งรูปถ่ายงานจบการศึกษาของผมกลับไปให้พี่จินโดยจ่าหน้าช่องที่อยู่ของผมเป็นที่นี่ ผมจึงได้รับพัสดุกล่องนี้มา มันเป็นการบอกพี่จินอ้อมๆน่ะครับว่าผมย้ายมาอยู่หอในมหาวิทยาลัยแล้วนะ เอ่อ...ผมรู้สึกเขินจัง -//-

 :L2: :L2:

*** อันนี้ลิงค์เพลงที่เอามาใส่ในเรื่องค่ะ โคตรเพราะเลย > <b
http://youtu.be/NgQUBecM7OM
เพลงเขาเนื้อหาดีด้วยนะ


บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
ู@pizza2011
คิดว่าต้องเซ็งจินว่าเมื่อไรจะมาปรากฎเป็นตัวเห็นมากกว่านา
ไม่ใช่ว่ากลับมามีหิ้วแหม่มสาวจากเมืองนอกมาให้เอมช้ำใจเล่น เหอๆ  :really2:


ความคิดดีค่ะ
...
..
.
.
..
.
อะ ล้อเล่นค่ะ 555+


ใจเย็นนะคะ แอบเฉลยว่าตอนหน้าพี่จินก็มาแล้วค่า~~~~~~~~~~



ออฟไลน์ jaymaza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ว้าววววววววว

อยากให้พี่จินกลับมาไวๆจังเลย

กลัวใจตอง  :serius2:

บวกเป็ด ^^

ออฟไลน์ pizza2011

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ดีใจที่พี่พีร์อยากได้เอมเป็นน้องชาย (อย่าให้มากกว่านี้นะ ไม่ไงั้นพี่คงโดน  o18 ) 55+
คิดถึงพี่จินแทนเอม (อีกเเล้ว) กลับมาไหวนะพี่

qwank8

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ใช่ว่ามาพร้อมกับหิ้วฝรั่งมาด้วยหรอกนะ
ถ้าเป็นแบบนั้น

...พี่ก็แดกฝรั่ง น้องก็แดกฝรั่ง
ท้องอึดเรอเหม็นเปรี้ยวแน่มึง  :a5:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
นอกจากตองแล้วก็เริ่มมีพี่พรี หึหึ

จินเอ๊ยคู่แข่งมหาศาล ยังไม่รีบมาอีกเหรอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
อยากให้ถึงตอนหน้าเร็ว ๆ จัง

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
เพิ่งมาอ่านครับ

เนื้อเรื่องน่ารักดีครับ  แต่งดีทั้งๆที่มันจะดราม่าแต่ก็ไม่ดราม่า  ดูละมุละไมดี

อ่านตั้งแต่ตอนแรกก็เชียร์พี่จินนะ  แบบว่าชอบผู้ชายแบดๆ  5555

พี่เปปนี่เลวนะ  ไม่ชอบผู้ชายแบบนี้

เอมนี่เนื้อหอม  >< 

ตอนหนน้ารอพี่จิน  พี่จินมาแว้ววววววววววววววววว

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจกับเอมนะ อย่างน้อยตอนนี้ก็มีพี่พีร์(พี่ชายผู้แสนห้าว)
ที่อยู่เคียงข้างทำให้ความโดดเดี่ยวของเอมหายไปบ้าง
พี่จินน่ะเมื่อไรจะกลับ สงสารเอมจะแย่แล้ว

ออฟไลน์ Petalkiss

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน...
อยากบอกว่าชอบมากๆๆๆๆๆๆค่ะ
ชอบคาแรกเตอร์ของพี่จินและชะเอม

ดูตอนแรกพี่จินเหมือนจะโหดร้ายป่าเถื่อน
แต่จริงๆกลับเป็นคนที่อบอุ่น มีมุมดีๆกับเค้าเยอะเหมือนกัน
ยิ่งตอนที่พี่จินส่งของ ส่งจม.มาให้ชะเอมตลอด
เราอ่านแล้วรู้สึกซึ้งตามเลย ถ้าเป็นเอมคงจะปลื้มใจน่าดู

รอวันที่พี่จินจะกลับมาเน้อ
ตอนนี้ชักจะเป็นห่วงเอมละ ไม่รู้ว่าตองจะเอายังไง
เข้าทำนอง "เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ" จริงๆนะนี่
ถึงจะดูนิ่งๆ แต่ก็ไม่แน่... เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

ยืนยันคำเดิม... คิดถึงพี่จินนนนนนนน

ออฟไลน์ CofFee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ตอนหน้าพี่จินกลับมา พร้อมลูก 1 เมีย 10 ฮ่าๆ  // โดนถีบ  :z6: :z6:

แต่ไม่ได้หวังอย่างงี้เลยนะ อยากให้มาฉุดเอมออกมาวังวนความเศร้านี้ทีเหอะ เห็นแล้วเจ็บอก

sakurazaka

  • บุคคลทั่วไป
ได้แต่หวังว่าตอนหน้าที่พี่จินกลับมา จะทำให้เรื่องนี้มีบรรยากาศอบอุ่นหรือจะหวานไปเลยดีไหม แทนมาม่้านะคะเนี่ย

ออฟไลน์ GEMSTONEz

  • สุขได้ ทุกข์มี เหงาเป็น...ไม่ต่างจากมึง!
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่า. เมื่อไรจะกลับมา พี่จินนน หนูคิดถึงงง  :-[

แต่ก็ว่าแล้วว ว่าต้องเป็นพี่จิน เราชอบผู้ชายแข็งๆมากกว่าอ่ะ
ผู้ชายอ่อนโยน มันดูแบบ.. ดีเกินไป! 555(ก็เขาอาจไม่ดีกับเราคนเดียวก็ได้นิ ใช่ม่ะ?)
ต้องเย็นชาๆหน่อย จะได้อยู่กับเราคนเดียว 5555 หวงงง  :m16:

สู้ๆค่ะ เนื้อเรื่องลื่นไหลดี ไม่ติดขัดอะไรเลย อ่านแล้วเคลิ้มกันเลยทีเดียว   o13 :กอด1:

Mickii

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกก คิดถึงพี่จินแล้วอ่ะ

รีบๆ กับมาซะทีสิ เฮ้อออออออ

หวังว่าคงจะไม่หนีบสาวๆ ที่ไหนกับมาด้วยนะจ๊ะ

chae

  • บุคคลทั่วไป
อาร์ทว่ะ โรแมนติกโคตรๆเลยคร้าบบบ
พี่จินเอ้ย ให้มันรู้ซะมั่งว่าน้องเอมน่ะเนื้อหอม
สร้อยคอมือนั้นเหมือนส่งมาตีตราจองไว้เลยนะ

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Love Sick [-12-]
«ตอบ #169 เมื่อ02-12-2011 17:22:15 »

Love Sick

- 12 -


คืนนั้นหลังจากที่ผมกลับมาจากทำงานพิเศษก็ไม่เจอใคร เพราะว่าตองกลับบ้าน ผมเลยได้เป็นเจ้าของห้องคนเดียว กินข้าวเสร็จแล้วไม่มีอะไรทำ ก็เลยมานั่งวาดรูปเล่นบนโต๊ะ ผมมองลอดหน้าต่างออกไปด้านนอก เห็นบรรดานักศึกษาที่ไม่ได้กลับบ้านยังคงเดินไปเดินมาหรือไม่ก็จับกลุ่มนั่งคุยกันทั่วบริเวณเหมือนเดิม เพียงแตว่าอาจจะบางตากว่าช่วงเปิดเทอมก็เท่านั้น

มือของผมที่ถือดินสองสองบีกำลังร่างเส้นอย่างขะมักเขม้น ภาพของคนๆหนึ่งเริ่มเป็นรูปเป็นร่างบนกระดาษสมุดวาดรูปของผม วันเวลาผ่านไปปีกว่าแล้ว เขาจะเปลี่ยนไปแค่ไหนนะ ภาพบนสมุดนี้มันเกิดจากความทรงจำของผมเท่านั้น...

ความทรงจำที่ผมเก็บไว้ลึกสุดใจ...

“ฮึก...” ผมไม่อยากร้องไห้ เพราะรู้ว่าร้องไห้แล้วมันก็หยุดยาก น้ำตามันจะไหลเหมือนอัดอั้นมาเป็นสิบปี ผมเกลียดช่วงเวลาที่ผมอ่อนแอแบบนี้ที่สุด การที่ใครสักคนจะทิ้งหัวใจไว้ให้คนอีกคนตลอดระยะเวลาที่รู้ว่าคงไม่สามารถตัดใจได้ ท้อแท้ก็หลายครั้ง อยากที่จะเลิกรอ ไม่ว่าจะพยายามเก็บมันไว้แค่ไหน ไม่ว่าจะอดทนเท่าไร ก็ยังต้องเสียน้ำตาทุกครั้งที่นึกถึงใบหน้าอ่อนโยนและมือใหญ่ที่เคยกอบกุมกันเมื่อนานมาแล้ว...

แกร๊ก

เสียงลูกบิดถูกหมุนพร้อมกับประตูที่เปิดออกโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว เมื่อหันไปมองก็เห็นรูมเมทหน้านิ่งของผมเดินเข้ามา สีหน้าเขาดูตกตะลึง ก่อนที่เขาจะวางกระเป๋าลงบนพื้นและเดินมาใกล้ผม
“เอม เป็นอะไร...” ผมเพิ่งจะนึกออกว่าตัวเองร้องไห้อยู่ รีบหันหลังกลับและปาดน้ำตาทิ้ง
“ร้องไห้ทำไม” มือใหญ่บีบที่ไหล่ของผม ไม่เอา... ผมไม่อยากให้ใครมารับรู้เรื่องของผม พอคิดแบบนั้นแล้วก็สูดหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับกลั้นใจยิ้มกลับไปให้เพื่อน
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก...” ผมโกหก และตองก็รู้ว่าผมโกหก และผมก็รู้ว่าตองไม่ได้พอใจคำตอบของผมสักเท่าไร... แต่เขาไม่ได้พูดออกมา
“...” ในห้องมีเพียงความเงียบเข้ามาครอบคลุม ตองทำหน้านิ่ง แต่สายตาของตองดูโกรธ เพราะอะไร?
....
..
.
.
..
บรรยากาศมันอึดอัดโดยไม่รู้สาเหตุ ผมคิดจะลุกไปจากตรงนั้น แต่ตองก็กดไหล่ผมให้นั่งอยู่ ผมมองตองด้วยสายตาสงสัยและหงุดหงิด นี่มันอะไรกัน ผมไม่ชอบให้ใครมาทำท่าแบบนี้ใส่ผมหรอกนะ...
“ตอง มีอะไรหรือเปล่า”
“...” เงียบ
“ตอง เราจะไปอาบน้ำ หลบหน่อยสิ”
“...” เงียบ
ผมหงุดหงิดมากขึ้นอีก ผมไม่ชอบที่ตองทำแบบนี้ และด้วยความโมโห ผมก็เลยลุกยืนและเดินไปข้างหน้า ไม่สนว่าตองจะขวางหรอก ถ้ามันขวางผมก็จะกระแทกใส่ไปเลย
“เอม!” ตองตวาดเสียงดังจนผมสะดุ้ง นี่ผมทำอะไรให้มันไม่พอใจเนี่ย
“คิดว่าเราไม่รู้เหรอ ว่าเอมร้องไห้เพราะอะไร เพราะไอ้คนที่ดีแต่ส่งของบ้าๆบอๆมาให้ แต่ไม่มีน้ำใจพอจะโทรมาหาให้ได้ยินเสียงบ้าง เอมจะร้องไห้ให้กับไอ้คนที่ทำร้ายจิตใจเอมเพื่ออะไรกัน” เสียงกราดเกรี้ยวแบบที่ไม่น่าจะออกมาจากปากคนที่เงียบๆแบบตอง หน้าตาที่บอกว่าโกรธมากแค่ไหนดูน่ากลัวผิดไปจากที่เคย

ผมหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เรื่องที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของตอง เรื่องของผม เรื่องระหว่างผมกับพี่จิน.. และเมื่อปากไปไวกว่าความคิด ผมก็พ่นวาจาร้ายกาจออกไปไม่แพ้กัน
“นั่นมันไม่ใช่เรื่องของตองนะ มีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องคนอื่นเขา!” ผมโมโห จู่ๆผีบ้าอะไรมาเข้าสิงให้ตองพูดจาแบบนี้กับผม แล้วมันถือดีอะไรมาเรียกพี่จินของผมว่า ‘ไอ้’
“เออ ใช่สิ มันไม่ใช่เรื่องของเรานี่ แต่เราไม่ชอบ เราไม่ชอบที่เอมเอาแต่รอเหมือนคนบ้า ระวังเถอะ ถูกมันหลอกให้รอโดยไม่รู้ตัว!” จี๊ดดดดดดดดดดดดดดเลยครับ
“!!” ผมผลักตองสุดแรงที่ผมมี แม้ว่ามันจะไม่ถึงกับทำให้ตองล้มหงายหลังไป แต่อย่างน้อยมันก็เซไปบ้าง ผมฉวยโอกาสนี้คว้ากระเป๋ามาแล้วจะเดินออกจากห้อง
“ปล่อย!” ผมตวาดใส่ตอง เพราะมันดึงแขนไว้ไม่ให้ผมเดินออกมา ผมกะไว้เต็มที่ว่าวันนี้คงได้มีโอกาสชกคนเป็นครั้งแรกของชีวิต พอตั้งท่ากำหมัดและหันกลับไปเพื่อจะเงื้อมือชก ก็ถูกล็อกมือทั้งสองข้างไว้จนแน่น พริบตาเดียวผมก็ถูกดันจนชิดติดกำแพงห้อง แรงที่ตองดันผมมันแรงเสียจนนาฬิกาบนผนังสะเทือนตาม

“!!!”

เมื่อภาษากายที่เรียกว่า ‘จูบ’ จู่โจมผมไม่ทันตั้งตัว ผมขนลุกชันโดยไม่ได้นัดหมาย ผมไม่ได้ชอบสัมผัสจากตอง หรือว่าวาบหวามนะ สิ่งที่ผมรู้สึกก็คือรังเกียจจนแทบทนไม่ได้เมื่อปากของตองกดลงมาบนริมฝีปากของผม ฟันของตองขบกัดปากล่างเพื่อที่จะให้ผมเปิดทางและตองจะได้สอดลิ้นเข้ามา มันไม่เหมือนเลยสักนิดกับที่ผมเคยทำกับพี่จิน นี่ผมรู้สึกไม่ดี จนถึงรู้สึกแย่มากๆ สุดท้ายเมื่อผมไม่สามารถดิ้นรนได้น้ำตามันก็ไหลลงมาช้าๆ และดูเหมือนว่าคนทำก็เริ่มจะรู้สึกตัว...

ตองค่อยๆผละออก ผมรู้สึกได้ถึงสายน้ำลายติดอยู่ที่ริมฝีปากตองกับผม ผมเบะปากแล้วแขนขึ้นมาเช็ดปากด้วยความรังเกียจ...
รังเกียจตัวผมเอง...

“เอม...เราขอโทษ...” แรงบีบที่ไหล่ผมเบาลงพร้อมกับเสียงเศร้าเอ่ยขอโทษ แต่ไม่มีทางที่ผมจะรับคำขอโทษนั้น และผมก็จะไม่ยอมให้ตองรั้งผมไว้ได้อีก
“เอม!” ครั้งนี้มีเพียงเสียงเรียก แต่ไม่มีการฉุดรั้ง ตองยอมปล่อยให้ผมไป ผมวิ่ง วิ่ง และวิ่งออกมาจากที่นั่น สมองมีแต่คำถามว่าผมอยู่กับคนๆนี้มากว่าหกเดือนโดยที่ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะทำแบบนี้กับผม ความรู้สึกดีในฐานะเพื่อนมันถูกลบเลือนได้ด้วยจูบเพียงจูบเดียว อย่างที่คนเขาว่า ทำดีสิบครั้ง ก็ไม่เท่ากับทำเลวครั้งเดียว...

ผมกึ่งเดินกิ่งวิ่งไม่มองทาง ลมเย็นๆยามค่ำคืนบาดผิวผมจนแห้งผาก คิดวนไปมาก็สรุปว่าจะไปขอพึ่งพี่พีร์ อย่างน้อยรอให้เช้าก่อนแล้วกันค่อยคิดว่าจะเอายังไงต่อไป

พลั่ก!

“โอ๊ย!” ผมเซถอยหลังก้นจ้ำเบ้าเมื่อกระแทกเข้ากับเสา... เอ่อ ไม่ใช่หรอก แค่คนที่เหมือนกับเสาแค่นั้นแหละ เหมือนกับเสายังไงน่ะเหรอ ก็ตัวสูงมาก แข็งโป๊ก ขนาดผมชนแล้วยังล้มเลยอะ แต่ที่ทำให้ผมรู้ว่าที่ผมชนเป็นคนก็เพราะผิวอ่อนนุ่มและอุณหภูมิของร่างกายน่ะสิ บวกกับน้ำเสียงอาทรที่ฟังดูอบอุ่น...

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ...” มือใหญ่ยื่นมาตรงหน้าผม ผมยิ้มแล้วส่ายหัว จะบอกว่าไม่เป็นไรคนๆนั้นก็พูดต่อจนจบประโยค

“...คนดีของพี่...”

น้ำเสียงแบบที่คนๆหนึ่งเคยใช้เรียกผมเมื่อนานมาแล้ว น้ำเสียงที่ผมอยากให้มาดังตรงหน้าผมมากที่สุด.. ผมเงยหน้ามองร่างสูง เงาจากเสาไฟฟ้าด้านหลังทำให้หน้าของเขาดำมืด ผมพยายามเพ่งมองต่อสู่กับแสงไฟอย่างเต็มที่ ใบหน้าที่เคยคุ้นในความทรงจำก็กระจ่างชัดขึ้นทุกที...

“คุณ...” ไม่ใช่ ’คุณ’ สิ ต้องเป็น ‘พี่’ ต่างหาก

“เจ็บหรือเปล่าครับ หืม?” คราวนี้ผมนิ่ง ผมยอมให้เขาใช้มือพยุงผมลุกขึ้นยืน สายตาคมของคนตรงหน้าตรวจสอบความเสียหายทางร่างกายของผมอย่างถี่ถ้วนละเอียดยิบ
“ไม่เจ็บครับ ไม่มีแผลด้วย พี่ไม่ต้องสำรวจขนาดนี้หรอก...”
“ใครบอกว่าพี่มองหาแผล พี่สำรวจดูว่าเราโตไปมากแค่ไหนต่างหาก” ถ้าผมมองไม่ผิด ผมเห็นสายตาระยิบระยับ ที่เหมือนกับในคืนนั้นไม่มีผิด คืนที่เขาจูบผม...
“ก็โตเยอะ แต่อาจจะไม่ใหญ่ยักษ์เหมือนคนบางคน” ผมมองจ้องกลับ แค่ปีกว่าๆ ก็สูงกว่าผมเป็นฟุต แถมยังล่ำขึ้นอีกด้วย หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น หล่อขึ้น... แต่สิ่งเดียวที่เหมือนเดิมคือสายตาของพี่ยามที่ทอดมองมาที่ผม...
“ก็เรามันตัวจิ๋วเดียว ผอมก็ผอม ดูสิ แขนมีแต่กระดูก” ความอบอุ่นจากฝ่ามือที่จับแขนผม ผมแปลกหรือเปล่านะถ้าจะเขินกับแค่การจับแขน... และร่างสูงที่กระซิบข้างหูผม...

“I miss you...”

ผมส่งยิ้มทั้งน้ำตาที่เอ่อคลอจนเกือบล้นให้กับประโยคบอกเล่าที่บอกว่าคิดถึงผม มากแค่ไหนกันนะ ความรู้สึกของผมน่ะ... จะใช้คำพูดว่าอะไรดีนะ ถึงจะเพียงพอ...

“คิดถึงพี่บ้างมั้ย?”

ฮึก... ไอ้บ้า ถามโง่ๆ ผมไม่ตอบคำถามนั้นหรอก  เพราะมันพูดไม่ออก คำพูดมันติดอยู่ที่คอ จะพูดออกไปก็ไม่ได้
“พี่รู้แล้ว ไม่ต้องบอกพี่ก็รู้...” ก่อนที่ผมจะถูกจับกดเข้ากับหน้าอกของพี่ ผมก็มองเห็นคิ้วของพี่ชนเข้าหากัน ตาคมๆก็แดงเรื่อ

ความรู้สึกที่ไม่ได้แตกต่างกันเลยสักนิด อ้อมกอดที่แม้นานมาแล้วผมก็ยังจำความรู้สึกเวลาถูกกอดได้

มือของผมที่เคยทำได้แค่เพียงวาดใบหน้าของคนในความทรงจำไว้ไม่ให้ลืมเลือน ณ บัดนี้เจ้าของใบหน้านั้นมาอยู่ตรงหน้าผม เพียงแค่ยื่นมือออกไปผมก็ได้สัมผัสกับความอบอุ่นของจริง

“...พี่สบายดีใช่มั้ยครับ..” นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะถาม มองไปทั้งตัวก็ไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ร่างกายที่สูงใหญ่และดูแข็งแรง...

“ดีมากๆ ถ้าไม่นับที่ถูกเด็กกระแทกเมื่อกี้นะ” เสียงทุ้มพูดกลั้วหัวเราะ ผมทุบอกแข็งๆนั่นไปอีกอั้กหนึ่ง คนอะไรกวนประสาทได้เหมือนเดิม...
“...” มีเพียงความเงียบที่อยู่รอบเราทั้งสอง ผมไม่รู้จะทำอะไรนอกจากการมองใบหน้าของคนๆนี้ มือของผมถือวิสาสะบีบ จับ และลูบไปตามร่างกายของพี่จิน...

พี่จิน...

พี่จินเจอร์....

คนที่ป่าเถื่อนร้ายกาจในสายตาของผมเสมอ... เมื่อก่อนความอ่อนโยนของพี่หายไปไหน ตอนนี้ผมรู้แล้ว...

พี่เก็บมันไว้เพื่อเอม... ในตอนนี้...

“พี่มาถามคำถามเอม...” พี่จินจับมือผมไว้และจูงให้เดินไปนั่งตรงที่ม้านั่งใกล้ๆ ผมเพิ่งสังเกตว่าไม่มีกระเป๋าเดินทาง แสดงว่าพี่จินคงกลับไปที่บ้านก่อน แล้วจึงมาที่นี่
“คำถามอะไรครับ?”
“คำถามที่พี่เคยคิดว่าเมื่อถึงเวลา... แล้วพี่จะมาถามเอม พร้อมกับทวงคำตอบด้วย...” ผมอดไม่ได้ที่จะเพลินไปกับสัมผัสของพี่จิน มือใหญ่ที่ลูบแก้มผมเบาๆ สัมผัสที่ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป

“เอมรักพี่บ้างหรือเปล่า”

“พี่จินแกล้งเอม” ผมอ้อมแอ้ม คำถามที่เล่นเอาผมหน้าชา คนขี้แกล้ง รู้อยู่แก่ใจแล้วยังจะถามอีก..
“พี่แกล้งเรายังไง พี่แค่อยากรู้...” ปลายนิ้วพี่จินเขี่ยแก้มผมเล่น สายตาคมเหม่อมองมาที่ผมเหมือนกำลังลอยละล่องในความฝัน... ความฝันงั้นเหรอ... ถ้าผมฝันได้ขนาดนี้ละก็ ไม่ขอตื่นอีกเลยก็แล้วกัน...
“พี่ก็รู้... ก็รู้อยู่นี่ครับ”
“แต่พี่อยากฟัง... จากปากเอม...”

“.... มาก...”

“อะไรมากครับ...”

“...รัก...มาก...”

“เอมไม่เจ็บอีกแล้วใช่มั้ย” ผมพยักหน้า เดี๋ยวนี้ผมไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องตอนนั้นอีกแล้ว มันก็แค่แสบๆคันๆบ้างตามประสา แต่น้ำตาผมไม่เคยไหลเพราะเรื่องนั้นอีก...
“แล้วเอมพร้อมที่จะเดินไปกับพี่มั้ย พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่กับพี่หรือยัง...”
“เอมพร้อมยิ่งกว่าพร้อม...” ผมคิดว่าเสียงผมสั่นตอนที่พูดออกไป ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะทำตัวเป็นเด็กเกเรอย่างนั้นแหละ... ผมเอนตัวลงไปซบที่บ่ากว้าง และกระซิบเบาๆ
“เอมคิดถึงพี่จินเหลือเกิน คิดถึงมากเท่าที่เราจะคิดถึงใครสักคนได้ และเอมก็อดทนมากเหลือเกิน อดทนจนหลายครั้งคิดว่าจะทนไม่ไหว วันเวลาผ่านไปความรู้สึกก็ไม่เคยลดลง มีแต่เพิ่มขึ้นทั้ง จนกระทั่งวันหนึ่ง เอมถึงได้รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เรียกว่าความรัก...”

“คนดี...” พี่จินประคองแก้มผมให้สบตากับเขา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของพี่จิน เหมือนกับของผม... ผมชอบที่ได้เห็นเงาของผมสะท้อนอยู่ในตาของพี่จิน ผมรับรู้ได้ว่าปลายนิ้วของพี่จินค่อย ๆ เลื่อนและไล้แผ่วเบาที่แผ่นหลัง ลูบไล้ให้ความรู้สึกอ่อนหวาน
 ก่อนที่จมูกโด่งของพี่จินจะกดลงกับลำคอของผม...
“อ๊ะ!” นี่ผมทำเสียงน่าเกลียดแบบนั้นได้ยังง้ายยย~

“อืม... พี่ว่าเราต้องหยุดความคิดถึงกันไว้แค่นี้ก่อนนะ...” พี่จินดันไหล่ผมให้ถอยออก ผมเห็นหน้าคมแดงระเรื่อ อ๋าย~ พี่ก็คิดลามกเหมือนเอมใช่มั้ย > <
“ครับ...” ผมเกาคอด้านหลังทั้งที่ไม่ได้คันสักนิด แบบว่ามันเขินอะนะ ก็เลยทำแก้เก้อ...
“ว่าแต่นี่เราจะไปไหนดึกๆดื่นๆ” พี่จินเหลือบมองกระเป๋าที่ผมสะพายอยู่แล้วก็ถาม เรื่องเฮงซวยที่ผมอุตส่าห์ลืมไปแล้วก็ผุดขึ้นมาในความคิดอีกครั้ง
“...” เอ่อ... ตายละหวา ผมจะพูดยังไงดีละ จะโกหกเหรอ ไม่ดีไม่เอา ยังไงดีว้า...
“พอดี...ทะเลาะกับรูมเมท ก็เลยจะไปค้างกับพี่รหัสน่ะครับ...” เออ อย่าถามต่อนะ ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร...
“เรามีรูมเมทด้วยเหรอ” ผมพยักหน้า แล้วก็เล่าว่าเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน แต่ไม่ได้บอกนะครับ ว่ารูมเมทผมมันคิดจะจับผมกด...
“แล้วพี่รหัสเราเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงละ”
“พี่พีร์เป็นผู้ชายครับ” พอพูดถึงพี่พีร์แล้วผมก็ยิ้มออก แล้วก็เผลอเล่าโน่นนี่นั่น ว่าไปทำงานพิเศษกับพี่พีร์บ้างละ เล่าว่าพี่พีร์ปากร้ายแต่ใจดีบ้างละ
“พอแล้ว” พี่จินเอานิ้วแตะที่ริมฝีปากผมเบาๆ ให้ผมหยุดพูดเหรอ? ผมก็เลยเงียบ แล้วพี่จินก็ยิ้มใจดี
“ไปนอนกับพี่แล้วกันคืนนี้ ไม่ต้องไปบ้านไอ้พีร์อะไรนั่นหรอก” เฮ้ย! ปุปปับพี่จินก็ดึงแขนผมให้เดินตามไป ท่าทางอ่อนโยนเมื่อกี้ก็หายวับไปเหมือนควันเลยครับ ผมรู้สึกเหมือนว่าพี่จินคนป่าเถื่อนมันกลับมาแล้วอ้ะ นี่มันอะไรกันเนี้ย ผมตามไม่ทันแล้วนะ!!

พี่จินก็ยังคงเป็นพี่จินครับ เผ็ดร้อน แต่ก็ละมุนละไม ทำให้ผมคิดถึงแทบบ้าแล้วก็มาปรากฎตัวตรงหน้าเหมือนความฝัน อ่อนโยนใจดีได้เหมือนเทวดา แต่ก็ขี้โมโหป่าเถื่อนได้เหมือนปิศาจ...

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ณ วินาทีนี้ พี่จะพาเอมไปขึ้นสวรรค์ หรือลงนรก... เอมก็ยอมครับ...

ผมใจง่ายไปหรือเปล่าครับทุกคน > <





CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Love Sick [-12-]
« ตอบ #169 เมื่อ: 02-12-2011 17:22:15 »





Zarch_Chabu_Chabu

  • บุคคลทั่วไป
ถามว่าง่ายไหม?ตอบเลยว่า มากกกกกครับ!555555

ออฟไลน์ BBnuna

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 299
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
 :o8: :o8:
ใจง่ายก็ไม่เป็นไรหรอกเอม อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-03-2012 23:39:01 โดย BBnuna »

ออฟไลน์ P★RiTŸ

  • he's mine
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1281
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-5
ไม่เลยจ้ะน้องเอม ทำถูกต้องแล้ว
คิดดูสิเรารอมาตั้งเท่าไหร่
ตอนนี้มันถึงเวลาที่เราจะมีความสุขบางแล้ว

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ไม่ได้ใจง่ายเลยน้องเอม เค้ารอวันนี้มานานแล้ว วันที่ทั้งสองคนมาเจอกัน :sad4:

chae

  • บุคคลทั่วไป
ใจง่ายกับคนที่รักเราจิงมันผิดไหม ฮ่าๆ
แล้วเอมจะบอกพี่จินหรือเปล่าเรื่องที่ว่ารูทเรทแอบรักตัวเอง?
บอกไปบ้านคงไหม้

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ง่ายหรอก ดูซิรอมาตั้งกี่ปี เก็บกดความรักความคิดถึงไว้เต็มแน่น
โป่งพองจนจะแตกแล้ว ไปโลดน้องเอม ไปให้สุดใจสุดอารมณ์ไปเลยเด้อ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
แต่มาเจอกันครั้งแรกหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานเนี่ยะ
พี่จินอ่อนโยนอย่างคาดไม่ถึงเลยนะ
ส่วนตองทำผิดเพราะมีใจหรอกนะ  อย่าถึงกับโกรธมากมายเลย  สงสารอ่ะ

ออฟไลน์ jaymaza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

dawnthesky

  • บุคคลทั่วไป
ในที่สุดจินเจอร์ก็กลับมา

แถมมีแววว่าจะขี้หึงมาก!!

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
ไม่ใจง่ายเลยจ๊ะกับคนที่เรารัก :กอด1:
เอาไปทุกบวกเลยจ๊า
ตอนรับจินเจอร์ :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด