ครึ่งหลัง
“อ้ะ! วันนี้มีการบ้านภาษาอังกฤษด้วยนะ” ผมรับสมุดการบ้านจากกิมาวางไว้ที่โต๊ะ มีทุกวันเลยแฮะการบ้าน สงสัยคืนนี้ต้องเริ่มทำจริงจังสักที
“ขอบใจนะ” ผมไม่ได้ขอบใจแค่กิ ที่มานั่งทำหน้าแป้นแร้นอยู่ตรงนี้ แต่ผมขอบใจทั้งอั๋นและตองที่หมั่นมาเยี่ยมผมและสอนบทเรียนในช่วงที่ผมลา
หลังจากที่ผมทะเลาะกับพี่จินอย่างรุนแรงในวันนั้น ก็เป็นที่รู้กันว่าผมโดนรถชนแหละครับ มันไม่ได้ชนแรงจนตัวผมปลิวกระเด็นไปห้าเมตร แต่มันก็ชนแรงพอที่จะทำให้แขนขวาของผมหัก และต้องเข้าเฝือกกว่าหกเดือน ส่วนขาขวาก็ต้องเข้าเฝือกเหมือนกัน แต่ว่าไม่หนักหนาเท่าแขน หมอบอกว่าสาม-สี่เดือนก็หาย ท้องก็ไม่เป็นอะไร แค่ช้ำเป็นรอยม่วงๆเท่ากระดาษเอห้า หมอเอ็กซเรย์ดูแล้วก็ไม่ช้ำในครับ
หกเดือนนี่มันนานพอสมควรเลยนะครับ เมื่อนึกถึงว่าผมจะต้องเป็นภาระกับพี่จินไปนานขนาดไหน... และจะไม่ได้วาดรูปจนกว่าจะหาย...
“เอม ดื่มนมก่อนครับ” ผมใช้มือซ้ายรับแก้วนมจากพี่จิน คนที่ดูแลผมมาตั้งแต่วันแรกที่ประสบอุบัติเหตุ ผมยังรู้สึกผิดจนวันนี้ ถ้าหากตอนนั้นผมทำตัวดีกว่านี้ ถ้าผมมีเหตุผลสักหน่อย และงี่เง่าให้น้อยลง ผมคงไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องอดวาดรูป และไม่ต้องเป็นภาระพี่จิน... แต่อย่างว่าแหละ คนเราไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา...(อันนี้กิมันด่าผมครับ) T T
“เอ่อ พวกกูกลับดีกว่านะ ไม่อยากอยู่เป็น กขค ว่ะ” ครับ...เดี๋ยวนี้ผมกับกิใช้ กู มึง คุยกันแล้ว รู้สึกมันจะเริ่มลามปามจนจะเหยียบหัวผมเข้าไปทุกทีแล้วละ
“พี่จิน ฝากดูแลเพื่อนผมดีๆนะครับ ให้มันหายช้าๆ จะได้ไม่มีใครมาแย่งผมท๊อปวิชาร่างแบบ ฮ่าๆ” พี่จินยิ้มให้กิที่รีบคว้ากระเป๋าวิ่งออกไปก่อนจะโดนลูกแอปเปิ้ลในมือผมเขวี้ยงหัว มันมากวนตีนผมทุกวันเลยนะ
“พักผ่อนเยอะๆนะเอม” ตองพูดกับผม
“อื้อ ขอบใจมากนะตอง” ผมขอบคุณเพื่อนเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้วันนี้ เหอะๆ ตองเอามือมาลูบหัวผมอีกแล้วละ เออ...ให้บรรยากาศเหมือนพี่สาวเลยแหะ...
“เพื่อนคนอื่นออกไปแล้วก็ไปสักทีสิ มายืนอาลัยอาวรณ์อยู่ได้” อึ๊ก... ผมเหลือบไปมองพี่จินที่ยืนกอดอกพิงขอบประตูอยู่ เห็นตองมันทำตาขวางใส่พี่จินแวบหนึ่งแล้วก็เดินปึงปังออกไป
“รู้สึกไอ้นี่มันชักจะเยอะนะเอม” พี่จินเดินมานั่งข้างผมแล้วก็เอามามาถูหัวผมตรงที่ตองจับ ถูๆเหมือนจะให้สัมผัสจากตองหายไปไวๆอะครับ ทำไมนิสัยเด็กแบบนี้นะ แต่เอ่อ...มาลองคิดดู ถ้าสถานะของผมกับพี่จินกลับกัน ผมคงหึงบ้ากว่านี้อีกครับ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ผมเรียนรู้ได้อย่างหนึ่ง คือการเอาใจพี่จินมาใส่ใจผม ให้ลองคิดดู ว่าถ้าเป็นผมเจอสถานการณ์แบบที่พี่จินได้เจอ ผมจะรู้สึกแย่แค่ไหนกับการที่ถูกคนรักหาว่าเราวุ่นวาย และใส่อารมณ์กับเรา รวมถึงมีความลับที่ไม่ยอมบอก ทั้งหมดทั้งมวลมันผิดที่ผมคนเดียวเลยครับ
T T
“ช่างเถอะครับ เห็นว่าตอนนี้พี่พีร์กำลังเร่งทำคะแนน หึหึ” ผมยิ้มขำเมื่อนึกถึงเมื่อวานที่พี่พีร์มาเยี่ยมแล้วก็บอกกับผมว่าจะรุกตองเต็มที่แล้ว เอานะ ขอให้สำเร็จแล้วกัน
“ก็ให้ไอ้พีร์มันจัดการให้เรียบร้อยสักที มันจะได้ไม่มาทำตัวเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงอีก” ผมบอกพี่จินไปหมดแล้วแหละครับ เรื่องของตองน่ะ แล้วผมก็สัญญากับพี่จินด้วย ว่ามีอะไรก็จะบอกพี่จินให้หมด รวมถึงพี่จินก็ห้ามมีความลับปิดบังผมเช่นกัน
พี่จินยังบอกอีกว่าตอนที่ผมออกจากโรงพยาบาลคืนแรกแล้วผมปวดแขนมาก ผมนอนละเมอร้องไห้แล้วบอกขอโทษพี่จินซ้ำไปซ้ำมาเหมือนกลัวว่าพี่จินจะไม่ยกโทษให้ ทั้งที่จริงพี่จินหายโกรธตั้งแต่ตอนที่อุ้มผมไปรพ.แล้ว
“หายไวๆนะคนดีของพี่” พี่จินเอามือปัดปอยผมออกจากหน้าผากให้ผม น้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม พี่จินทำให้ผมรู้สึกผิดแบบสุดๆ และก็รู้สึกรักพี่จินขึ้นมาสุดๆในเวลาเดียวกัน ไอ้ความงี่เง่าที่ผมเคยมีมันหายวับไปกับตาเลยครับ...
‘เอมก็ตอบแทนพี่ ด้วยการอย่าทำให้พี่เสียใจอีก เอมไม่มีทางรู้หรอกว่าการนั่งเฝ้าหน้าห้องผ่าตัดห้าชั่วโมงน่ะ มันทรมานใจแค่ไหน’ผมก็สาบานกับตัวเองแบบนั้น นิสัยแย่ๆที่ผมเคยมีก็จะไม่ให้มันเกิดขึ้นมาอีก เมื่อไรที่ผมเริ่มจะงี่เง่า หรือวีนขึ้นมา ผมก็จะมองหน้าพี่จินให้ชัดๆ แล้วบอกกับตัวเองว่าผมรักพี่จินแค่ไหน เราสองคนรอคอยมานานแค่ไหนกว่าจะได้มาเป็นอย่างตอนนี้ ผมจะไม่ยอมให้ทุกอย่างพังทลายลงเพราะความหุนหันของผมเด็ดขาด...
“เอมรักพี่จินจังครับ..” ผมยื่นหน้าไปจุ๊บแก้มพี่จิน เคราเริ่มขึ้นบางๆพอให้จั๊กจี้ริมฝีปาก แต่ความจั๊กจี้ก็เปลี่ยนเป็นดูดดื่มและเร่าร้อนมากขึ้นเมื่อริมฝีปากของผมแนบสนิทกับพี่จิน รสชาติของขนมหวานจากปากพี่จินทำให้การจูบนี้ช่างนุ่มนวล ผมหลับตาและละเลียดความหอมหวานของมันอย่างเต็มที่
“...อืม พอเถอะ...เดี๋ยวจะไปกันใหญ่นะ...” พี่จินผละออกห่าง สองมือใหญ่ประคองแก้มผมไว้ ผมรู้ว่าลมหายใจของพี่จินขาดห้วง เพราะผมก็เป็นเหมือนกัน อยากจะรู้สึกมากกว่านี้ อยากจะได้สัมผัสมากกว่านี้อีก...
“ไอ้จิ๋ว ไม่เจียมตัวเลย..” พี่จินกัดริมฝีปากผมแล้วกอดผมไว้แน่น นั่นสิ ผมไม่เจียมตัวเลยอะ คิดอะไรทะลึ่งทั้งที่ตัวเองยังไม่มีปัญญาจะทำ ก็ใส่เฝือกทั้งขาทั้งแขนมันจะทำอะไรได้เล่า!!!!!
“วานิลลา มานี่เร้ว” ผมส่งเสียงเรียกเจ้าเหมียวที่ตัวเริ่มยืดให้มาบนตัก วานิลลากระโดดแผล็วก็มานั่งหน้าเป็นอยู่บนเฝือกผม ตั้งแต่กิมา วานิลลาก็หายไปครึ่งวันเลยครับ ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยชอบกิ เพราะว่ากิชอบแกล้งมัน ฟัดมันแรงๆบ้างละ เอาขนมมาล่อแล้วไม่ให้กินบ้างละ หึหึ ไอ้กิโรคจิต
“เมี้ยวววว” เจ้าเหมียวเอาหัวมาถูฝ่ามือผมเหมือนจะให้ลูบหัวให้ ผมเลยสมนาคุณพิเศษ ทั้งลูบหัว เกาหู และเกาคางเป็นการปลอบใจ เจ้าเหมียวเริ่มอ่อนระทวยเอนตัวลงนอนหลับตาพริ้ม น่าฟัดชะมัด เมี้ยวววว
“อ้าว วานิลลา มาอยู่นี่เอง มิน่าละ ทำข้าวให้กินก็ไม่ยอมมา มัวแต่มาอ้อนมะม้าอยู่ได้” ผมยิ้มขำเมื่อได้ยินที่พี่จินบอก พี่จินเดินมานั่งตรงปลายเท้าผมแล้วเอามือเขี่ยคางแมว
“มันติดเอมน่าดูเลยนะครับ เวลามันมาอ้อนเอมทีไร เรียกมากินข้าวยังไม่ยอมไปเลย ทั้งที่ตะกละจะตาย”
“ฮื้อ พี่จินอย่าว่าวานิลลานะ ไม่เห็นตะกละเลยเนอะ วานิลลาเป็นเด็กดีจะตาย เป็นแมวคุณหนูเนอะวานิลลา” ผมอุ้มวานิลลาขึ้นมาจ้องตาแล้วก็จุ๊บปาก เจ้าเหมียวตาสีฟ้าแลบลิ้นเลียก่อนที่ปากจะแตะกันแค่วิเดียว
“อึ๋ย วานิลลา ลิ้นสากๆอ้ะ” ผมเอาหลังมือเช็ดปากตัวเอง เจ้าเหมียวนัวเนียผมมากขึ้น เดินวนเวียนถูไถอยู่ไม่ห่าง
“หึหึ โดนแมวขโมยจูบซะแล้ว มา.. พี่ลบรอยให้”
“อือ...” จูบที่สองในรอบวัน รู้สึกเหมือนเดี๋ยวนี้เราจะได้จูบกันบ่อยขึ้นนะครับ.. ผมชอบจัง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงผมจะชอบจูบกับพี่จินแค่ไหน แต่ถ้าทำได้แค่จูบผมก็ไม่เอาด้วยหรอกนะ ขาดใจตายพอดี แล้วเหมือนช่วงนี้พี่จินจะรู้ว่าผมคิดอะไร เขาก็ยิ่งจูบผมแบบดูดดื่มบ่อยขึ้น แล้วพอจูบเสร็จก็ทำสายตาล้อเลียนผม มีครั้งนึงที่พี่จินหลุดหัวเราะออกมาแล้วก็บอกว่า ‘เอมก็คงถึงวัยที่จะคิดลามกแล้วสินะ หึหึ’
คุณเอ๊ยยย ผมเงี้ยหน้าแดงแจ๋เลย อายบอกไม่ถูกอะ ยิ่งอิตอนที่ผมต้องอาบน้ำโดยให้พี่จินคอยช่วยน่ะ ฮือ... เป็นช่วงเวลาแห่งความอัปยศสุดๆเลย
“เอมครับ ยกแขนหน่อยสิ พี่จะถอดเสื้อให้” พอถอดเสื้อเสร็จก็ถอดกางเกง พี่จินค่อยๆรูดกางเกงออกจากขาข้างที่เข้าเฝือกให้เหลือแต่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว (พี่แกก็ซื้อมาแต่สีขาวเสียด้วยนะ ไอ้ลามก!) แล้วก็เอาถุงมาครอบขากับแขนให้มิดชิด และก็ไม่ใช่ว่าผมจะอาบฝักบัวได้ปกตินะครับ พี่จินต้องเอาผมไปนั่งอาบบนฝาปิดอ่างอาบน้ำ แล้วให้ผมหย่อนขาลงไปในอ่าง เสร็จแล้วก็ยกแขนพาดไว้บนชั้นก่อนจะเอาฝักบัวมาราด ถ้าจะสระผมก็ต้องนอนเอาหัวพาดขอบอ่างอาบน้ำ เป็นอะไรที่โคตรจะทุลักทุเลสุดๆครับ
“ทาแป้งมั้ยครับ?” ผมพยักหน้า หลังจากอาบน้ำก็แต่งต้องตัว พี่จินจะทาแป้ง ทาครีม และใส่เสื้อผ้าให้ผม มันเป็นอย่างนี้ทุกวัน
จนนานขึ้นเป็นเดือน ผมเริ่มจะสงสัยว่าพี่จินเคยเบื่อมั่งมั้ย? ผมเป็นแบบนี้พี่จินก็ต้องดูแลใกล้ชิด จะออกไปธุระก็ไปได้แป๊บเดียว ยิ่งเห็นว่าช่วงนี้ต้องทำผลงานกลับไปส่งอาจารย์ที่ปารีสด้วย...
“ทำหน้างอทำไมครับน้องหนู หืม?” พี่จินถามขึ้นมาขณะที่กำลังตัดเล็บเท้าให้ผม
“พี่จินเบื่อหรือเปล่าครับ...”
“ถามแบบนี้อีกละ เมื่อไรจะเลิกคิดมากสักที”
“ไม่คิดไม่ได้หรอก เอมรู้ว่ามันน่าเบื่อที่ต้องมาคอยดูแลคนอื่นแบบนี้”
“...เอมไม่ใช่คนอื่นสำหรับพี่นะครับ” พี่จินขยับจากปลายเท้ามานั่งข้างๆแล้วโอบผมไว้
“เอมไม่อยากให้พี่จินเบื่อนี่ ไม่อยากเป็นภาระแบบนี้ พี่จินจะออกไปทำงานส่งอาจารย์ก็ไปไม่ได้”
“ชู่ว์” พี่จินจุ๊ปากแล้วก็เอานิ้วแตะปากผม
“พี่อยู่กับเอม ดูแลเอมแบบนี้ไม่ได้ไปไหน ก็ไม่ได้แปลว่าพี่จะไม่มีเวลาไปถ่ายรูปนะครับ”
“พี่จินจะบอกว่าพี่จินถ่ายรูปที่บ้านเหรอครับ?”
“ก็ประมาณนั้น” ผมทำหน้างงเข้าไปใหญ่ ที่บ้านนี่มีอะไรให้ถ่ายได้อ่า? ถึงบ้านมันจะสวย แต่ก็คงไม่ได้มีมุมมากมายที่จะเอาไปถ่ายส่งเป็นผลงานได้หรอกนะครับ พอพี่จินเห็นผมทำหน้าแมวงงแบบนั้นก็เลยลุกเดินเข้าไปในห้องทำงานพักใหญ่ ก่อนจะหอบกองอะไรบางอย่างออกมาด้วย
“อ้ะ นี่ไง” ผมมองกองรูปถ่ายที่ล้างแล้วตรงหน้า (ที่บ้านนี้มีห้องล้างรูปครับ พี่จินต่อเติมเองกับมือ) บางรูปที่เดาไม่ออกว่าอยู่ส่วนไหนของบ้านเพราะมันเป็นแค่จุดเล็กๆ แต่ดึงดูดสายตา บางรูปก็เป็นรูปคน เอ่อ...ผมเองแหละ กำลังทำอิริยาบถต่างๆ เช่น
รูปตอนที่พี่จินพาผมไปนั่งในสวนแล้วให้ผมรอพี่จินยกขนมมาให้ มันดูเป็นธรรมชาติมากเลยครับ แถมพี่จินยังถ่ายให้แสงและสีพอเหมาะ เห็นแล้วมันดูแบบว่า อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“หัวข้อผลงานเกี่ยวกับอะไรเหรอครับ พี่ถ่ายแต่หน้าเอมแบบเนี้ย...” ผมพูดอุบอิบ ก็รูปมันมีผมเป็นองค์ประกอบทั้งนั้นเลยอะครับ เห็นแล้วเขิน แถมยังใส่เฝือกทุกรูปอีก
“...” พี่จินยิ้ม แล้วก็ยิ้มกว้าง ยิ้มแบบโลกสว่างทันตา อ๊า~ หล่อจัง
“หัวข้อรูปคือ Best Place ครับ”...
“เอมเป็น Best Place ของพี่จินเหรอครับ” พี่จินพยักหน้า
“ต่อให้เอมเดี้ยงแบบนี้ เป็นภาระกับพี่จินน่ะนะ” พี่จินก็พยักหน้า
“เอมงี่เง่ามากๆเลยนะครับ”
“เรื่องนี้พี่ก็รู้ครับ หึหึ”
“แต่เอมก็รักพี่จินมากที่สุดเลย...” ผมกลั้นไม่ไหว บ่อน้ำตาพังครืน ผมอ้าแขนโผเข้าหาพี่จินที่พูดปลอบผมปนกับเสียงหัวเราะ สุดท้ายวันนั้นพี่จินก็ได้รูปตอนที่ผมร้องไห้เพิ่มเข้าไปอีก ทั้งที่บอกว่าห้ามถ่าย แต่ไอ้รูปหน้าขี้แยก็ยังถูกเอาไปแปะที่ผนังจนได้
เฮ่อ... ห้ามไม่ฟังกันบ้างเล้ย
*** ไม่ดราม่าค่ะ ไม่เศร้าด้วย แต่ปัญหาหลักก็คือตอนนี้คิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไรดี มึนตึบเลย *** ดีใจจัง มีคนชมว่าหนุเอมงี่เง่ากันหลายคนเลย ปลื้มค่ะ 555+