พิมพ์หน้านี้ - Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: memew ที่ 02-02-2012 02:29:06

หัวข้อ: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 02-02-2012 02:29:06
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพส
ที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

...

KISS LOVE
รักวุ่นวาย..นายสุดหล่อ

"ให้หมายเลข 19 และ 15 จูบกันเป็นเวลา 1 นาที"
แล้วเรื่องราวของเราก็เริ่มขึ้น... หลังจากเกมนี้ สิ้นสุดลง

v
v
หนังสือ>>goo.gl/G83NoV (https://goo.gl/G83NoV)
(https://upic.me/i/l6/kisslove.jpg)



introl : จุดเริ่มต้น [กาย...♥] (https://goo.gl/g8r228)
1 : ถูกจูบ [กาย...♥] (https://goo.gl/kstEYx)
2 : หลับลึก [เอก...☼] (https://goo.gl/51Cmpe)
3 : ท่ามกลางความมืด [กาย...♥] (https://goo.gl/RZBYBR)
4 : มื้อแรก [เอก...☼] (https://goo.gl/gm9qKF)
5 : จูบอีกครั้ง [กาย...♥] (https://goo.gl/tcRBdx)
6 : ผ้าโพกหัว..พระอาทิตย์ตก [เอก...☼] (https://goo.gl/PVos3c)
7 : เดินทางกลับ..เที่ยวละเล [กาย...♥] (https://goo.gl/Uv6nXd)
8 : หน้าบูดยังไงก็หล่อ [เอก...☼] (https://goo.gl/rc2Rkn)
9 : เฮฮากลางร้านอาหาร [กาย...♥] (https://goo.gl/dSZEBg)
10 : ก้าวต่อหรือหยุดนิ่ง [เอก...☼] (https://goo.gl/VaG2oo)
11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥] (https://goo.gl/5R3mzy)
12 : ทดสอบมากไป [เอก...☼] (https://goo.gl/UeCHjA)
13 : หัวใจไกลเกินเอื้อม [กาย...♥] (https://goo.gl/BFdmVk)
14 : ครั้งแรก Part 1/2 [เอก...☼] (https://goo.gl/34aX6z)
14 : ครั้งแรก Part 2/2 [เอก...☼] (https://goo.gl/yFt3XJ)
15 : ระบมครับ Part 1/2 [กาย...♥] (https://goo.gl/M6AaA8)
15 : ระบมครับ Part 2/2 [กาย...♥] (https://goo.gl/faihkq)
16 : ในความทรงจำ [เอก...☼] (https://goo.gl/aMa7cR)
17 : ประกาศผลรางวัล [กาย...♥] (https://goo.gl/hzBDat)
 18 : งานเลี้ยง [เอก...☼] (https://goo.gl/kAYVBF)
19 : เมา [กาย...♥] (https://goo.gl/cH6fek)
 20 : จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไร [เอก...☼] (https://goo.gl/ax2wss)
ที่ 21 : เขาเรียกว่า 'หึง' ไง [กาย...♥] (https://goo.gl/EGZrLW)
22 : หลงเสน่ห์ Part 1/2 [เอก...☼] (https://goo.gl/KGvQrY)
22 : หลงเสน่ห์ Part 2/2 [เอก...☼] (https://goo.gl/F5M84u)
23 : ฟรีเดย์ [กาย...♥] (https://goo.gl/36F6EW)
 24 : หงุดหงิด [เอก...☼] (https://goo.gl/sMJYTz)
25 : ออกเดท [กาย...♥] (https://goo.gl/oJocQz)
26 : วันครอบครัว [เอก...☼] (https://goo.gl/jS6YNk)
27 : วันอันแสนวุ่นวาย [กาย...♥] (https://goo.gl/EmXsDf)
28 : คู่แข่ง [เอก...☼] (https://goo.gl/5N6OkE)
29 : ไปบ้านพี่เอก [กาย...♥] (https://goo.gl/u3YJ5n)
30 : ร่วมกันทำโฟโต้บุ๊ค [เอก...☼] (https://goo.gl/cMnOeo)
31 : หา!! พี่เชนชอบผม [กาย...♥] (https://goo.gl/bgr7Uj)
32 : ลักหลับ [เอก...☼] (https://goo.gl/Kwfuxc)
33 : วันเกิด [กาย...♥] (https://goo.gl/5Vw5vs)
34 : ดอยสุเทพ & ความสุขเพียงเล็ก [เอก...☼] (https://goo.gl/x8xqfc)
35 : ถนนวัวลาย [กาย...♥] (https://goo.gl/1qM6g1)
36 : อดทน [เอก...☼] (https://goo.gl/RzFP5P)
37 : ขี่รถชมเมือง ดูพระอาทิตย์ ณ ถนนคนเดิน [กาย...♥] (https://goo.gl/Eqbd6h)
38 : หึงนะเว้ยเฮ้ย!! [เอก...☼] (https://goo.gl/9fXuOd)
39 : เดินทางกลับ & วันฝนตก [กาย...♥] (https://goo.gl/lO3uhe)
ตอนที่ 40 : หึง...หวง [เอก...☼] (https://goo.gl/03UMdp)
ตอนที่ 41 : โรคจิต [กาย...♥] (https://goo.gl/ltGjcS)
ตอนที่ 42 : นี่เมียกู!! [เอก...☼] (https://goo.gl/buwnjY)
ตอนที่ 43 : พี่เอก พี่เอก พี่เอก [กาย...♥] (https://goo.gl/kZHn2B)
ตอนที่ 44 : คนเหม่อ [เอก...☼] (https://goo.gl/2jkEVo)
ตอนที่ 45 : ทายา & คันนม (พาร์ท 1) [กาย...♥] (https://goo.gl/PA1AlY)
ตอนที่ 45 : ทายา & คันนม (พาร์ท 2) [กาย...♥] (https://goo.gl/DgQiPD)
ตอนที่ 46 : สอบสวน [เอก...☼] (https://goo.gl/N8hilQ)
ตอนที่ 47 : สาวเสิร์ฟคนใหม่ [กาย...♥] (https://goo.gl/s1eVta)
ตอนที่ 48 : เผลอสารภาพรัก [เอก...☼] (https://goo.gl/DLyqPl)
ตอนที่ 49 : ปลอบใจ [กาย...♥] (https://goo.gl/JngA5C)
ตอนที่ 50 : ห้ามใจ [เอก...☼] (https://goo.gl/W5wU73)
ตอนที่ 51 : ซาตานในคราบเทพบุตร [กาย...♥] (https://goo.gl/Ta1mG8)
ตอนที่ 52 : หวาดกลัว [เอก...☼] (https://goo.gl/ObTyRJ)
ตอนที่ 53 : บอกรัก [กาย...♥] (https://goo.gl/AfHl57)
ตอนที่ 54 : จากรักเป็นชิงชัง [เอก...☼] (https://goo.gl/QEKTEh)
ตอนที่ 55 : รสชาติของความเจ็บปวด [กาย...♥] (https://goo.gl/bzFdLb)
ตอนที่ 56 : เข้าใจ [เอก...☼] (https://goo.gl/RDVfmH)
ตอนที่ 57 : เผชิญหน้า [กาย...♥] (https://goo.gl/KQwIEM)
ตอนที่ 58 : เมื่อพระอาทิตย์บอกรักพระจันทร์ [เอก...☼] (https://goo.gl/QOooku)
ตอนที่ 59 : พาร์ท 1 [กาย...♥] (https://goo.gl/Vznwia)
ตอนที่ 59 : พาร์ท 2 [กาย...♥] (https://goo.gl/Erft8g)
ตอนที่ 60 : เคลียร์ [เอก...☼] (https://goo.gl/YK5CgI)
ตอนที่ 61 : ตัวปลอม ปลอมตัว [กาย...♥] (https://goo.gl/nyEiZa)
ตอนที่ 62 : เกือบสาย [เอก...☼] (https://goo.gl/FxJxu6)
ตอนที่ 63 : เล่าเรื่อง [กาย..♥] (https://goo.gl/4QSWDE)
ตอนที่ 64 : กำลังใจเต็มห้อง [เอก...☼] (https://goo.gl/QEIxYD)
ตอนที่ 65 : เข้าใจกันคนละทาง [กาย..♥] (https://goo.gl/kYgdGa)
ตอนที่ 66 : น้องขอมา พี่จัดให้ [เอก...☼] (https://goo.gl/rGMAbo)
ตอนที่ 67 : ดูหนัง [กาย..♥] (https://goo.gl/HgMZmD)
ตอนที่ 68 : เที่ยวนครสวรรค์ & ดูดาว [เอก...☼] (https://goo.gl/2efMpy)
ตอนที่ 69 : ไปวัด [กาย..♥] (https://goo.gl/sk8CIg)
ตอนที่ 70 : แยกให้ออก [เอก...☼] (https://goo.gl/zSaRnE)
ตอนที่ 71 น้อยใจ [กาย..♥] (https://goo.gl/saFbEy)
ตอนที่ 72 มหกรรมงอน & ง้อ  [เอก...☼] (https://goo.gl/7lcMCc)
ตอนที่ 73 ดูพระจันทร์ & ขี่ม้า พาร์ท 1 [กาย..♥] (https://goo.gl/tXUKXf)
ตอนที่ 73 ดูพระจันทร์ & ขี่ม้า พาร์ท 2 [กาย..♥] (https://goo.gl/dMHEbC)
ตอนที่ 74 จบทริป & รางวัลของคนหื่น [เอก...☼] (http://)
ตอนที่ 75 ดินเนอร์...ฉลองกับเพื่อน [กาย...♥] (https://goo.gl/VfE97T)
ตอนที่ 76 ถูกวางยา [เอก...☼] (https://goo.gl/UozaNn)
ตอนที่ 77 รักต้องห้าม [กาย...♥] (https://goo.gl/st88Hs)
ตอนที่ 78 หล่อเลี้ยงรัก [เอก...☼] (https://goo.gl/tPo4Pa)
Special เดกิ๊ฟ ตอนที่ 1/4 ตกหลุมรัก (https://goo.gl/9bJEHm)
Specail เดกิ๊ฟ 2/4 สวย เท่ ยั่ว หื่น (https://goo.gl/8E9xQE)
Special เดกิ๊ฟ 3/4 นรกชังหรือสวรรค์แกล้ง (https://goo.gl/fYjXvX)
Special เดกิ๊ฟ 4/4 อกหัก รักคุด ตุ๊ดเมิน (https://goo.gl/eTngfq)
ตอนที่ 79 หนี้รัก & ดูงานภาพถ่าย Part 1[กาย...♥] (https://goo.gl/J6XWmn)
ตอนที่ 79 หนี้รัก & ดูงานภาพถ่าย Part 2 [กาย...♥] (https://goo.gl/MXBK3J)
ตอนที่ 80 ฉลอง & ป๊อบปูล่าโหวต [เอก...☼] (https://goo.gl/iQV5Hj)
ตอนที่ 81 แฟนเก่า  [กาย...♥] (https://goo.gl/qAQVeU)
ตอนที่ 82 แยกทาง  [เอก...☼] (https://goo.gl/Hr2Epi)
 83 ตัดใจ...แฟนใหม่ [กาย...♥] (https://goo.gl/Q8QR2Z)
 84 สายใยตัดไม่ขาด  [เอก...☼] (https://goo.gl/5sBfnH)
 85 เยื่อใย [กาย...♥] (ครึ่งแรก) (https://goo.gl/x6VZ2m)
85 เยื่อใย  [กาย...♥] (ครึ่งหลัง) (https://goo.gl/atSzoe)
ตอนที่ 86 สับสน [เอก...☼] (https://goo.gl/9n8L8P)
ตอนที่ 87 ปล่อยหัวใจไปกับสายลม [กาย...♥] (https://goo.gl/vD7QGt)
ตอนที่ 88 เปลี่ยนไป [เอก...☼] (https://goo.gl/Zcuofo)
ตอนที่ 89 ทวงหนี้ Part 1 [กาย...♥] (https://goo.gl/MVCirA)
ตอนที่ 89 ทวงหนี้ Part 2 [กาย...♥] (https://goo.gl/G7aD4U)
90 ขอแต่งงาน [เอก...☼] (https://goo.gl/cLok7G)
91 พระอาทิตย์ขึ้น [กาย...♥] (https://goo.gl/nfHQpg)
92 ความจำเสื่อม [เอก...☼] (https://goo.gl/aY6hq6)
93 พรหมลิขิต Part 1 [กาย...♥] (https://goo.gl/NUqurs)
93 พรหมลิขิต Part 2 [กาย...♥] (https://goo.gl/78QnGh)
94 เจอ [เอก...☼] (https://goo.gl/16s3ds)
95 กลับบ้าน [กาย...♥] (https://goo.gl/cfR1W5l)
96 คือพยายามฟื้นความทรงจำ [เอก...☼] (https://goo.gl/JvbTFt)
97 รู้สึกแปลกๆ [กาย...♥] (https://goo.gl/ZAG59e)
98 แกล้ง[เอก...☼] (https://goo.gl/bPGHYJ)
99 ความจริงเปิดเผย [กาย...♥] (https://goo.gl/AMa7Lm)
100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น [เอก...☼] (https://goo.gl/N5pKkL)




นิยายเรื่องนี้รวมเล่มแล้วค่ะ │► https://goo.gl/aJFpH5

อ่านต่อเรื่องอื่น │►
1. Hate Love ทาสแค้น : https://goo.gl/nwWsdb
2ฺ. Kiss love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : https://goo.gl/vbdhLK
3. Boyfriends [3P] : https://goo.gl/K4JVyr
4ฺ. Brother พี่ตัวร้ายกับนายตัวดี : https://goo.gl/93jMvE
5. Feel คนเจ้าอารมณ์ : https://goo.gl/xJFfUx
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ [Intro...] จุดเริ่มต้น
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 02-02-2012 02:45:47


Kiss Love ♥[Intro...]

จุดเริ่มต้น
[กาย...♥]




“ค่ายอาสาปีนี้มีแต่สาว ๆ น่ารักเพียบเลยวุ้ย...”
เสียงไอ้พี่มอหน้าหม้อดังแว่วมาเข้าหู ผมละสายตาจากเกมในมือถือขึ้นมอง

“ใช่ น่ารักมาก”
ไอ้พี่โอมครับ พี่มันทำตาเยิ้ม ๆ กวาดมองมาทางพวกผม แต่อย่าเข้าใจผิดคิดว่าผมกับเพื่อน จะอยู่ในสายตาพี่เขานะฮะ พวกพี่ ๆ เขามองเลยไปยังสาว ๆ ที่นั่งอยู่รอบ ๆ ตัวผมต่างหาก


ตอนนี้พวกเรามากกว่า 40 ชีวิต มานั่งหน้าสลอนกันอยู่บนพื้นหญ้าหน้ามหาลัยครับ พวกเรากำลังจะไปสร้างโรงเรียนให้กับเด็กด้อยโอกาสทางภาคเหนือกัน ตอนนี้กำลังนั่งรอพวกที่เหลือกันอยู่ โดยมีพวกพี่ ๆ ปีสี่เป็นคนดูแล

“ไอ้เชี่ยโอม! คนที่มึงเล็งอะ กูจอง”         
พี่มอรีบดักคอ พี่โอมหันไปมองตาเขียว

“มึงคิดว่ากูเล็งคนไหน”

“แล้วมึงเล็งคนไหนอยู่ล่ะ”
พี่มันถามกลับ

“คนริมสุดใส่เสื้อสีชมพู”

“คนนั้นกูจอง”

“งั้นคนใส่เสื้อสีดำข้างคนใส่เสื้อสีขาว ผมยาวติดกิ๊บสีแดง”
พี่โอมเลื่อนสายตาไปหาอีกคน

“ไม่ได้ คนนั้นกูก็จอง”

“งั้นคนท้ายสุดที่กำลังกินกูลิโก๊ะรสช็อกโกแลต”

“อันนั้นกูก็จอง”

“ไอ้เชี่ยมอ! ตกลงมึงจะเอาหมดทุกคนเลยรึไง กูไม่สน ใครเร็วใครได้”

พวกพี่สองคนเถียงกันไปเถอะครับ น้องเขาจะสนใจพวกพี่กันหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ผมมองหน่าย ๆ ก้มหน้าเล่นเกมต่อ 

จริง ๆ งานนี้ผมไม่ได้อยากมาด้วยหรอก แต่ผมกับไอ้เต้ยเพื่อนสนิท โดนพี่เป้พี่ชายของไอ้เต้ยมันลากมาอีกที ซึ่งตอนนี้คุณพี่ท่านก็กำลังยืนคุยอยู่กับเพื่อน ๆ ตรงหน้านี่แหละ

พี่เป้ขับรถไปรับผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันจะตื่นนอน แล้วก็พากันมานั่งแกร่วรออยู่ตรงนี้แหละ

“คนลงทะเบียนกันไว้ 80 คน แต่นี่ มากันแค่สี่สิบกว่าคน แล้วคนที่เหลือล่ะ หายไปไหนกันหมด!!”
พี่เอกประธานนักศึกษาพ่วงด้วยหัวหน้าทีมครั้งนี้หยิบรายชื่ออาสาสมัครขึ้นมาดู แล้วหันไปถามพี่อ้อยเลขาคนสวย 

“ยังไม่มา บางคนก็โทรมาบอกให้รออีกหน่อย บางคนก็ยกเลิก แต่คิดว่างานนี้คนคงมากันไม่ครบ”
คิ้วพี่เอกตีย่นอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่มีความรับผิดชอบ”
พี่แกตำหนิเสียงเข้ม

“เอาน่า รอ ๆ ไปเถอะ ไปทำบุญอย่าทำหน้าซีเรียส”
พี่โอ๊คเดินเข้ามาตบไหล่กว้างเบา ๆ

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ระหว่างรอ พวกเราน่าจะหาเกมมาให้พวกน้องๆ เล่นแก้เซ็งกันดีกว่า”
ถึงพี่โอ๊คจะพูดเรียบ ๆ แต่ผมแอบเสียววูบยังไงบอกไม่ถูก พี่เอกพยักหน้าทีเดียว คิ้วเข้มยังขมวดเป็นปมอยู่

ผมมองเกมในมือสลับกับเหลือบมองว่าพวกพี่ ๆ จะทำอะไรกันต่อ ก่อนเหลือบสายตามองหาอาจารย์ที่รับผิดชอบโปรเจคนี้อีกที

มองหาอยู่พักหนึ่ง จนเหลือบไปเห็นใครบางคนนอนยาวเหยียดอยู่บนม้านั่งข้างตึกวิทย์ ปิดหน้าด้วยหมวกคาวบอยสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ

ปิดหน้าไว้ยังไง ผมก็ยังจำพุงพลุ้ย ๆ ของแกได้

อาจารย์คฑาฮะ…

เป็นตัวอย่างที่ดีของอนาคตชาติจริง ๆ = =





แสงแดดยามเช้าช่วงแปดโมงไม่ได้รุนแรงมากนัก เมฆบาง ๆ เคลื่อนที่ช้า ๆ ส่งผ่านแสงสว่างจากดวงอาทิตย์มาแตะผิวเนื้อให้รู้สึกอุ่น ๆ แต่พวกผู้หญิงก็เลือกที่จะพากันไปนั่งหลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่มากกว่า ส่วนพวกผู้ชาย ก็นั่งรับวิตามินดีกันไปเต็ม ๆ 

พวกรุ่นพี่ล้อมวงสุ่มหัวเพื่อปรึกษาหาเกมที่จะนำมาเล่น ผ่านไปประมาณสิบนาทีพวกพี่ ๆ ก็พากันแยกวง

พี่เอกออกมายืนอยู่หน้าสุด ผมเหลือบตามองนิดหนึ่ง ก่อนก้มมองสิ่งที่อยู่ในมืออีกที

มองมากไม่ดี ตาอาจบอดได้

รัศมีความหล่อมันกระแทกตา     

หรือให้พูดตามจริง…               

… อิจฉาครับพี่น้อง

คนอะไรเกิดมาได้หล่อเทพมากมาย….

“เอาล่ะ ในระหว่างรอคนครบ พวกเราจะเล่นเกมกันไปพลาง ๆ ก่อน โดยพวกพี่จะเขียนเกมใส่กระดาษแล้วจับฉลากให้พวกนายออกมาเล่น เกมหนึ่งเล่นกันสองคน และสองคนนี้ก็มาจากการจับสลากเหมือนกัน”
 
พี่เอกยืนอธิบายในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังดำเนินการ ผมเห็นไอ้พี่โอม วิ่งไปเอากล่องซีเรียลอาหารเช้ามาแกะเอาเฉพาะกล่องเปล่า ส่วนซองขนมก็โยนไว้ในลังเหมือนเดิม

คงเอามาทำกล่องจับสลาก

ส่วนพี่อ้อยเลขาและพี่คนอื่น ๆ ก็หันไปพับกระดาษเป็นสี่เหลี่ยม กรีดด้วยเล็บแล้วฉีกตามรอยปรุ คนที่เหลือก็นั่งเขียนหมายเลขลงไป อีกฝั่งที่มีพี่มอนำทีมกำลังระดมพลคิดเกมต่าง ๆ ขึ้น

“สุ่มได้อันไหนต้องเล่นอันนั้น ห้ามแย้ง ห้ามค้าน และห้ามยกเลิกกลางคันเด็ดขาด”
พวกที่นั่งกันอยู่ พากันโห่ร้องเสียงดัง พอพี่เอกทำหน้าดุ ถึงได้เงียบลง

ผ่านไปประมาณสิบห้านาที พวกพี่ ๆ มันก็ทำเกมกันเสร็จพอดี มีคนเดินเข้ามาสมทบอีกสี่ห้าคน พี่โอมเดินถือกล่องมาให้พวกเราล้วงหยิบกันคนละหนึ่งหมายเลข

ผมหยิบในขณะที่อีกมือก็ยังตีหัวเต่ายิก ๆ

ปกติเกมนี้ผมไม่เคยเล่นผ่านเลเว่ล  5 เลย แต่วันนี้ผมผ่านไปได้แล้ว

สงสัยเสียงโหด ๆ ของพี่เอกจะเป็นตัวเร่งแฮะ

ทุกคนพากันฮือฮาซุบซิบจ้องมองหมายเลขกันใหญ่ สักพักพี่เอกก็ออกมายืนหน้าสุดพร้อมกล่องขนมอีกใบ มือใหญ่ล้วงหยิบกระดาษขึ้นมาเปิดอ่าน

“คู่แรก ปั่นกบคนละร้อยที”

“โหยยยยยยยย”

ได้ยินเสียงเสียงโหยหวนเป็นจังหวะเดียวกัน ผมเงยหน้ามอง เห็นรุ่นพี่แสยะยิ้มด้วยความพอใจ

ชิ! ทำอย่างกับรับน้อง

“ห้ามโอดครวญ ไม่ว่าจะจับได้เกมอะไรพวกนายก็ต้องทำ”
พี่เอกตะโกนเสียงดังโดยไม่ใช้ไมค์ พวกที่นั่งอยู่ ต่างพากันบู้หน้าเป็นทิวแถว

“ถ้าเพื่อความยุติธรรมจริง งั้นพวกพี่ก็ต้องเล่นด้วยสิครับ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาก่อกวน

พี่เอกตีคิ้วย่น จ้องมองคนพูด “แต่พวกพี่เป็นคนคุม”

“โด่ ไม่แน่จริงนี่โว้ยครับ”

ผมหันไปมองคนพูด

ดูก็รู้ ว่าหมอนี่ต้องการปีนเกลียวรุ่นพี่มากกว่าจะให้รุ่นพี่เล่นกันจริง ๆ

“ถ้าจะให้ดี พวกพี่ ๆ ต้องลงเล่นด้วยสิครับ จริงไหมพวกเรา!!”

แน่ะ…
ยังมีแอบหาเสียงอีก หมอนี่น่าจะรุ่งในการเป็นผู้นำม็อบนะเนี่ย

คนที่นั่งอยู่พากันส่งเสียงเห็นด้วย พี่เอกทำท่าจะว้าก แต่ก็หยุดปากเอาไว้ 

“เอาไง”
พี่แกหันไปถามเลขา พี่อ้อยยักไหล่ทีเดียว

“ก็เล่นไปดิ ไม่เห็นเป็นไร”

พี่มอสะกิดหลังพี่อ้อยยิก ๆ

“อย่าดีกว่าอ้อย บางเกมมันไม่น่าเล่นนะโว้ย”

“โด่ พวกพี่ไม่แน่จริงนี่ครับ”

ไอ้ผู้นำม็อบมันกระตุ้นต่อ พอเจอพลังมวลชลเยอะ ๆ เข้า พวกพี่ ๆ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไอ้คนที่ค้านหัวชนฝาคือคนที่เขียนเกม ส่วนคนอื่น ๆ ก็หยวน ๆ

พอโหวตให้ออกเสียง

สรุปแล้ว พวกพี่ ๆ ต้องเล่นเกมด้วย ไอ้พี่โอมกับไอ้พี่มอทำหน้าผะอืดผะอมใหญ่

ถ้าให้เดา…
เกมที่เหลือคงโหดไม่แพ้เกมแรกแน่ ๆ

“เอาน่า เล่น ๆ ไปเถอะ เพื่อความสนุก ปอดมาก เดี๋ยวพวกน้อง ๆ มันจะหาว่าเราไม่เก๋าจริง”
พี่กิ๊ฟสาวสวยหน้าหวาน แต่ท่าทางกับบุคลิกดันกร่างเกินชายบอก พี่แกเดินมาตบหลังพี่เอกปุ๊ ๆ

หลังจากพวกพี่จับสลากหาหมายเลขให้ตัวเองได้ พี่เอกก็หันไปจับฉลากหาผู้โชคร้ายจากอีกกล่อง 

“คนที่ต้องออกมาปั่นกบร้อยทีคือ…”

ผมเหลือบตามองลุ้น ๆ ในขณะที่มือก็เร่งเก็บแต้มไม่หยุด

“มึงว่าใครจะได้ปั่นกบวะ”
ไอ้เต้ยเอียงตัวมามองเกมที่ผมเล่นแต่ปากมันถามไปอีกเรื่อง 

“มึงนั่นแหละ”
ผมตอบมันกวน ๆ ไม่อยากให้มันยุ่งมาก เดี๋ยวเสียสมาธิ

“ไอ้เชี่ยนิ!”
มันเบิ้ดกะโหลกผมเบา ๆ ผมเหล่ตามองนิดหนึ่ง แต่กำลังเก็บแต้มได้เลยไม่สนใจจะโต้ตอบ

“หมายเลข 9”
พี่เอกเรียกผู้โชคร้ายคนแรก คนที่เดินออกมาเป็นผู้หญิงครับ แต่ใบหน้าและหุ่นห่างไกลจากคำว่า ‘สวย’ อยู่มากโข

“โหย ขี้เหร่ว่ะ”
ไอ้ปากมอมข้างผมมันว่า ผมเหลือบตาดูอีกที

 มันก็จริง ใครได้คู่กับผู้หญิงคนนี้นะ…
หึหึ

“น้องชื่ออะไรครับ อยู่ปีไหน คณะอะไร น้ำหนักส่วนสูงบอกมาให้ครบ”
ไอ้พี่มอหน้าหม้อรีบเสนอหน้าเข้ามาถาม รายนี้ ถ้าคลำแล้วไม่มีหาง สายตาแกพร่ามัว มองเห็นเป็นสวยไปหมดแหละ

“จอยค่ะ อยู่ปีสอง คณะมนุษย์ศาสตร์ ส่วนสูงกับน้ำหนักจำไม่ได้ค่ะ ไม่ได้ชั่งมาชาติเศษแล้ว”

คนที่นั่งอยู่พากันหัวเราะร่วนกับการตอบแบบกวน ๆ ของคุณเธอ
ไม่สวยแถมยังปากดีอีกต่างหาก…

พี่มอยิ้มรื่น ไม่สนคำกวนนั้นแม้แต่น้อย คนหน้าหม้อมักจะมีออฟชั่นเสริมเป็นหน้าด้านด้วยครับ

ใครอยากจะหน้าหม้อ จำกฎข้อนี้ไว้ให้ดี…

พี่เอกล้วงมือลงไปในกล่องเพื่อหยิบอีกหมายเลขขึ้นมา

“คนที่ต้องออกมาปั่นกบคู่กับน้องจอยคือ…”
พี่มันหยุดเสียงเอาไว้แค่นั้น ทุกคนพากันเงียบกริบ 

ผมละสายตาจากมือถือขึ้นมอง
มันก็แอบลุ้นอะนะ

แต่คนซวยคนแรกคงไม่ใช่ผมหรอก…

เสียงพี่เอกหยุดไปนานพอควร ทุกคนพากันเงียบกริบยิ่งกว่าเดิม ผมได้ยินแม้กระทั่งเสียงของลมหายใจของคนข้าง ๆ เลย

ใครฟระ!
เป็นคนคิดเกมบ้า ๆ นี้ขึ้นมา เล่นทรมานกันตั้งแต่เกมยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ

“หมายเลข…”

ผมเหลือบตาลุ้นสลับกับกดเกมในมือต่อ

“23”

“ฉิบหาย!!!”
ไอ้คนที่นั่งติดกับผมตะโกนเสียงดัง ผมปล่อยก๊ากแทบจะทันที

“โชคดีวะเพื่อน”

“ไอ้เชี่ยกาย เพราะมึงนั่นแหละ”
มันชี้หน้าด่าผมหน้าหงิก

“ผิดกู?”

 “เอ่อ ก็มึงนั่นแหละ ปากดีมาแช่งกู”

“กูก็แค่พูดเล่น มึงซวยเอง”
ผมว่ามันกลับ มันทำหน้าหงิกยิ่งกว่าเดิม

“เอ้า ใครได้หมายเลข 23 ขยับตูดออกมาซิครับ หรือจะให้พวกพี่ ๆ ไปช่วยขยับให้ แต่ขยับด้วยรองเท้าเบอร์ 44 นะ”
พี่เอกยืนกอดอกพูดเสียงเย็น 

 ไอ้เต้ยทำหน้าปั้นยาก ขยับบั้นท้ายลุกเดินไปหน้ากลุ่มโดยมีผมสนับสนุนมันด้วยเสียงหัวเราะสะใจ มือก็ยังกดเกมไม่หยุด ดูเหมือนวันนี้ผมจะดวงดีแฮะ ตอนนี้เกือบจะผ่านเลเวล 7 แล้ว

 ผมเหลือบมองไอ้เต้ยมันนิดหนึ่ง
หน้ามันหงิกยังไม่หาย ไม่รู้มันเคืองอะไรกันแน่ ระหว่างปั่นกบกับเล่นคู่กับคน ‘ไม่สวย’

หรือบางที …

อาจจะทั้งสองอย่าง

“เอ้า แข็งขันหน่อย!!”

 โดนให้ปั่นกบยังไม่พอ ยังโดนพวกรุ่นพี่คอยแกล้งอยู่ข้าง ๆ อีกต่างหาก โดยเฉพาะไอ้พี่เป้ครับ ตัวนำทีมแกล้งน้องตัวเองเลย ผู้หญิงไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ แต่ไอ้เต้ยนี่สิ ปั่นไปโดนพี่ ๆ เตะก้นไป มันเลยปั่นกบเหมือนคนระแวดระวัง ปั่น ๆ หยุด ๆ จนผู้หญิงที่คู่กับมันปั่นเสร็จไปนานแล้ว

ตอนนี้มันเลยกลายเป็นตัวตลกให้รุ่นพี่แกล้งแถมคนในกลุ่มยังหัวเราะอีกต่างหาก

“เอ้า เรียบร้อย กลับไปนั่งที่ได้”

ไอ้เต้ยหยุดหมุนแบบงง ๆ เดินเป๋ ๆ กลับมานั่งที่เดิม มันทำหน้าผะอืดผะอมเหมือนคนจะอ้วก

“ไหวไหมเพื่อน”
ผมถามเหมือนจะเป็นห่วง ทั้งที่สายตาส่อแววสมเพชเต็มแก่

“กูจะไม่กินกบไปตลอดชีวิต”

ผมมองหน้ามันงง ๆ
ปั่นกบ ไปเกี่ยวอะไรกับกบวะ

มันทำหน้าโหดชี้นิ้วใส่หน้าผม
“จำไว้เลย”

“ผิดไรกู โน้น คนคิดเกมนู่น…ที่ผิด”

“ก็มึงปากหมา แถมยังหัวเราะกูอีก”

“อ้าว ไอ้นี่ ก็มึงตลกจริงนี่หว่า กระดกก้นไปหาตีนรุ่นพี่เอง”

“กู ไม่ได้กระดกก้น พยายามหุบอยู่ แต่ท่านั้นมันหุบได้ที่ไหน โดยเฉพาะไอ้เชี่ยเป้ ไอ้พี่บ้า ไอ้เวรตะไล กลับถึงบ้านเมื่อไหร่ กูจะฆ่ามัน”
มันอาฆาตพี่มันครับ 

“เอาน่า ขำ ๆ”

แล้วผมก็มานั่งลุ้นต่อว่าตัวเองจะได้เล่นเกมอะไร จริง ๆ ถ้าคนมาครบ เกมก็จะหยุด
           
ตอนนี้ลุ้นอยู่สองอย่าง ลุ้นให้คนมาครบกับลุ้นไม่ให้ตัวเองถูกจับได้


“เมื่อไหร่จะถึงตามึงสักทีวะ กูจะได้หัวเราะบ้าง”
ไอ้เต้ยมันหันมาถาม ผมค้อนใส่มันที ก้มลงไปเล่นเกมในมือต่อ

“นี่ เมื่อไหร่มึงจะเลิกเล่นซะที กูเห็นมึงเล่นตั้งแต่มาถึงแล้วนะ”

“กำลังได้แต้ม อย่าขัดน่า”
ถึงปากมันจะต่อว่าผม แต่ตามันก็จ้องมองเกมในมือผมลุ้น ๆ เหมือนกัน เลเวลยิ่งสูง ยิ่งเล่นยากครับ เกมนี้มันเล่นไม่เคยผ่านเหมือนกัน

“ต่อไป หยิกแก้มกันคนละห้าที เชี้ย!! ใครคิดเกมนี้ขึ้นมาวะ”
อ่านอยู่ดี ๆ พี่เอกก็หันไปว้ากใส่คนเขียนเกมทันที 

พวกนั้นนิ่งครับ

แต่แอบเห็นไอ้พี่มอกับไอ้พี่โอมมันยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่กัน

“จะใครก็ช่างเหอะน่า รีบ ๆ จับหมายเลขได้แล้ว”
พี่สาว (ชื่อพี่สาวจริง ๆ) เป็นคนเร่ง พี่เอกทำท่าฟึดฟัดขัดใจ ล้วงจับหมายเลขต่อ

“หมายเลข 79”

ทุกคนพากันหันซ้ายหันขวามองหาผู้โชคดี (หรือโชคร้ายกันแน่) พักหนึ่งก็มีน้องคนหนึ่งยืนขึ้น

แค่นั้นแหละ ทุกคนพากันแตกฮือทันที

โดยเฉพาะพวกผู้ชาย…

ที่ฮือไม่ใช่เพราะรังเกียจหรอกนะ แต่เพราะอยากเป็นผู้โชคร้ายที่ได้คู่กับน้องเขามากกว่า 

“โหย น่าอิจฉาเป็นบ้า กูไม่น่าถูกจับได้ก่อนเลย ใครจับได้น้องคนนี้นะโชคดีสุด ๆ”
ไอ้เต้ยมันบ่น ผมหันไปยิ้มยั่วใส่มัน

“ไม่แน่นะ คนคนนั้น…อาจเป็นกู”

มันเบ้ปากใส่ผม

“ฝัน”

“เอ่อ ขอบใจ ฝันที่เป็นจริงไง”

“น้องชื่ออะไรครับ”
พี่มอรีบตัดหน้าพี่เอกทำหน้าที่พิธีกรแทน พี่มอตัวสูงมาก พอไปยืนคู่กับน้องคนนั้น หุ่นคนละไซส์เลย พี่เอกรีบดึงคอเสื้อพี่มอให้หลบแล้วตัวเองก็กลับมาทำหน้าที่ต่อ

พอน้องได้ประจันหน้ากับพี่เอก มือไม้น้องก็หาที่เกาะใหญ่ ไปไม่ไกลครับ ก็กางเกงยีนขาสามส่วนที่น้องใส่มานั่นแหละ บิดใหญ่เลย แก้มอมชมพูแดงแป๊ด ชนิดถ้าสีตกได้คงเลอะเสื้อสีชมพูอ่อนของเธอเป็นดวง ๆ

“อายค่ะ”
น้องยอมตอบคำถาม หลังจากยืนบิดอยู่นาน

“พี่รู้ครับว่าน้องอาย แต่พี่หมายถึงชื่อของน้องน่ะครับ”
พี่มอเบียดตัวมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพี่เอกอีกที พวกพี่ ๆ ด้านหลัง รีบพากันเข้ามากระชากคอเสื้อพี่มอกันใหญ่     

แต่รายนี้ ถ้าได้เจอสาว ๆ รากแก้วจะงอกครับ สี่คนยังแงะไม่ออก
พลังหม้อหนักหน่วงจริง ๆ = =

“อายค่ะ”
คนน่ารักก้มหน้ายืนยันด้วยน้ำเสียงอาย ๆ

“ครับ พี่รู้ว่าน้องอาย ว่าแต่น้องชื่ออะไรครับ เพื่อนพี่มันถาม”
พี่โอมเสนอหน้าเข้ามาถามอีกคน

คนน่ารักเงยหน้าแดง ๆ ขึ้นมอง ก่อนก้มหน้าลงไปบิดกางเกงต่อ

“รีบ ๆ บอกไปเถอะน้อง ไม่ต้องอาย พี่เป็นกำลังใจให้”
รุ่นพี่อีกคน ผมจำชื่อไม่ได้ละ ตะโกนบอกอีกที

“คะ คือ…น้องชื่อน้องอายค่ะ”

เพล้ง!!!

เมื่อกี้ได้ยินเสียงอะไรกันไหมฮะ
พวกที่นั่งหน้าสลอนกันอยู่พากันหัวเราะลั่น ผมนั่งขำจนเกือบจะทำเกมโอเวอร์แน่ะ

“ฮ่า ๆ ตกลงว่าชื่อน้องอายใช่ไหม ขี้อายสมชื่อเลยเนอะ สงสัยขี้อายมาก ๆ เลยได้ชื่อนี้มาใช่ไหม”
พี่โอมรีบถามต่อแก้เก้อ

น้องอายเงยหน้าแดง ๆ ขึ้นมอง ส่ายหน้าไปมาจนผมยาวระกลางหลังไหวเบา ๆ

“เปล่าค่ะ อายย่อมาจาก อายะ…อายะ อาริสะค่ะ”

ว้าว สาวญี่ปุ่นซะด้วย ทุกคนพากันฮือฮาไม่น้อย

“หือ คนญี่ปุ่นเหรอ”

น้องอายส่ายหน้าไปมา

“ลูกครึ่งค่ะ”

“ครึ่งคนครึ่งนางฟ้าใช่ไหมน้องอาย!!”

คนที่นั่งอยู่ตะโกนขัดขึ้นมา ผมหันไปมองหาเจ้าของคำพูดเสี่ยว ๆ นั้น แต่ไม่เห็นครับ

น้องอายยืนหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม

“ครึ่งไทยครึ่งญี่ปุ่น?”
พี่เอกถามเรียบ ๆ น้องอายพยักหน้ารับ

น่ารักจริง ๆ ผมมองยังเคลิ้มเลย

“น่ารักดีเนอะเต้ย”
ผมหันไปขอความเห็น มันไม่ตอบ นั่งทำหน้าเหม่อ ๆ ตาเยิ้ม ๆ จ้องหน้าน้องอายใหญ่ ผมตบหลังมันดังป้าบ

“ไอ้เชี่ยกาย!!”
มันหันมาสรรเสริญซะเพราะพริ้ง

“เหม่อเป็นหมาเห็นเครื่องบินเลยนะมึง”

“ใครหมา กูอะกัปตัน”

“โหย ถ้าหน้าแบบมึงเป็นกัปตันนะ กูว่า เครื่องบินลำนั้นมันคงอยากจะโหม่งโลกตั้งแต่ทะยานขึ้นฟ้าได้ไม่เกินสิบเมตรแล้ว”

“ปากดีนะมึง” มันด่า

และก่อนที่เราจะก่อสงครามน้ำลายกันต่อ เสียงพี่เอกก็ดังขัดขึ้นมาก่อน 

“เอาละ คนที่จะได้คู่กับน้องอายก็คือ…”
พี่เอกล้วงมือลงไปหยิบหมายเลขในกล่อง

“หมายเลข 19”

ได้ยินเสียงโอดครวญด้วยความเสียดายของหนุ่ม ๆ โดยเฉพาะพี่โอมกับพี่มอ เฮียแกคงอยากเป็นผู้โชคร้ายซะเอง

หลายคนหยิบกระดาษขึ้นมาพลิกดูแล้วดูอีก แม้จะรู้ว่าหมายเลขของตัวเองคือหมายเลขอะไรแล้วก็ตาม



ผมเหลือบตามองกระดาษแผ่นเล็ก ๆ บนหน้าตักตัวเอง

ชิ!…

“มึงชวด”
ไอ้เต้ยมันเย้ย มองหมายเลขบนตักผมหยัน ๆ มันนั่งขัดสมาธิเอามือกอดอกยักคิ้วกวนตีน ผมเบ้ปากหันไปสนใจเกมตรงหน้าต่อ

“เอ้า!! ใครได้หมายเลข 19 รีบออกมาซิครับ”
พี่เอกเรียกเสียงดัง ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่ไม่มีใครเสนอตัวออกมาสักคน

“เอ้า!! หายหัวไปไหน ไอ้หมายเลข 19!!”
พี่แกท่าทางอารมณ์เสีย พี่อิงคนสวย เดินทำหน้าเนือย ๆ มาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ใช้มือสะกิดไหล่เบา ๆ

“ไอ้เอก มึงได้หมายเลขอะไร”

พี่เอกทำหน้าเป็นหมางง ล้วงหยิบกระดาษในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาดูบ้าง สงสัยพี่แกมัวแต่ทำหน้าที่เพลินจนลืมไปว่าตัวเองก็ต้องเป็นผู้เล่นด้วย 

“หมายเลข 19”

ทันทีที่อ่านหมายเลขจบ พี่อิง (ซึ่งเป็นผู้หญิง) ตบป้าบที่หัวพี่เอกเสียงดัง ตามมาติด ๆ ด้วยเสียงโห่ร้องด้วยความไม่พอใจของพวกที่นั่งหน้าสลอนกันอยู่ที่พื้นและ เพื่อน ๆ พี่เอกที่พากันแวะเวียนเข้ามาตบหลังตบหัวกันยกใหญ่

“ไอ้เชี่ยเอก! มึงจงใจใช่ไหม ไอ้ห่.า ทำเป็นเหนียม ที่ไหนได้จะเก็บน้องอายไว้กินเอง”

“ไอ้บ้า กูไม่ได้ตั้งใจ”
พี่เอกรีบแก้ตัว

“กูไม่ยอม มึงต้องจับใหม่”
ไอ้พี่โอมรีบแย้ง ตามด้วยพี่มอ เสริมทัพด้วยคนที่ยังไม่ได้ถูกเรียกรายชื่อ แล้วเสียงนกกระจอกฝูงใหญ่ก็พากันโวยวายไม่หยุด

“พวกกูถือว่ามึงผิดกติกา เพราะมึงเป็นคนจับ”

ทุกคนพร้อมใจกันพยักหน้าเห็นด้วย พี่เอกทำหน้าลำบากใจผสมเสียดาย

“ยังไงก็ผิดกติกา!!”
พี่โอมค้านเสียงดังอีกที

“เออ ๆ ผิดก็ผิด งั้นกูจับใหม่ก็ได้”

“เอากระดาษมึงมานี่” พี่โอมหยิบกระดาษจากมือพี่เอกยัดลงกล่องอีกที

“ถ้ามึงหยิบได้อีกก็หยิบใหม่”
พี่เอกหยักหน้า ล้วงหยิบกระดาษขึ้นมาใหม่

คนที่ได้ ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ แต่เป็นพี่กิ๊ฟ สาวสวยสุดกร่างของคณะวิศวะนั่นเอง ทุกคนพากันโห่ร้องด้วยความเสียดาย แต่ก็ไม่คัดค้าน

อย่างน้อย…
ตัวเองไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน 






เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง พวกเรายังคงสนุกอยู่กับการเล่นเกม ฮาบ้าง เจ็บตัวบ้าง แล้วแต่เวรแต่กรรมจะนำพา ตอนนี้คนมากันเกือบ 60 คนแล้ว พวกพี่ ๆ บอกว่า 9 โมงตรงก็ออกเดินทางกันได้ ใครมาไม่ทันก็ให้สละสิทธิ์ไป
ผมเองก็นั่งลุ้นให้เวลามันหมดเร็ว ๆ

จำนวนผู้เล่น เริ่มเหลือน้อยลงไปทุกที

“เอาล่ะ นี่คงเป็นเกมสุดท้ายแล้ว”
พี่เอกยกนาฬิกาขึ้นดู ผมเหลือบดูเวลาที่ข้อมือตัวเองบ้าง

อืม อีกสิบนาทีเอง งานนี้ผมรอดแน่ ๆ

พี่เอกล้วงหยิบกระดาษจากกล่อง

“จูบแบบแลกลิ้นเป็นเวลาหนึ่งนาที”

“เฮ้ย!!”
ทุกคนอุทานเป็นเสียงเดียวกัน

“ไอ้เชี่ย!! ใครคิดเกมนี้ขึ้นมาวะ”
พี่เอกหันไปว้ากอีกที พวกพี่มอพากันเงียบ

พวกที่นั่งอยู่พากันส่งเสียงเซ็งแซ่ เกมตีหัวเต่าของผมมันโอเวอร์ไปนานแล้วครับ ตอนนี้นั่งรอเวลาอย่างเดียว

“เอาน่า เล่น ๆ ไปเหอะ”
พี่กิ๊ฟเข้ามาตบไหล่พี่เอก ดูเหมือนพี่แกกำลังสนุกเลยแฮะ คนที่ถูกเรียกไปแล้ว พากันโล่งใจใหญ่ แต่คนที่ยังไม่ได้เล่นน่ะสิ พากันนั่งร้อน ๆ หนาว ๆ

จับได้คนน่ารักก็ดีไป แต่ถ้าจับได้คนไม่สวยคงไม่ดีแน่ ๆ

“มาโหวตกัน ใครอยากให้ยกเลิก ยกมือขึ้น”
คนที่ยกมือคือคนที่ยังไม่ได้ถูกเรียกชื่อ แต่ดูจำนวนแล้ว…น้อยเอามาก ๆ

ส่วนผมนั่งมองเพลิน ลืมยก

“งั้นใครอยากให้เล่นต่อ ยกมือ”

พรึบครับ

มติเป็นเอกฉัน

“เต้ย มึงว่าใครจะโดนวะ”
ผมเอียงหน้าไปถามไอ้เต้ย

“มึงไง”

มันตอบกลับเสียงหนัก ผมมองหน้ามัน แล้วแสยะยิ้ม

“ก็ดี แต่กูขอผู้หญิงสวย ๆ นะ”

“หึ ตรงกันข้ามเลยต่างหาก”
มันพูดแค่นั้นก่อนหันไปมองพี่เอกที่กำลังล้วงหาผู้เล่นต่อ

พี่โอบรีบแย่งกระดาษในมือพี่เอกไปก่อนที่พี่เอกจะเห็นหมายเลข

“เอามานี่ เกมสุดท้าย กูขอเป็นพิธีกร”

พี่เอกแกพยักหน้าส่ง ๆ คงระอากับเพื่อนบ้า ๆ แบบนี้

พี่โอมกระแอมไอหนึ่งที แบหมายเลขออก ดวงตาแสนเท่ห์ค่อย ๆ หรี่ลงจ้องมองตัวเลขในนั้น

“หมายเลข...”

ทุกพากันเงียบกริบ

“หมายเลข…”

เงียบยิ่งกว่าตอนลุ้นคู่ของน้องอายซะอีก

“15”





ผมนั่งนิ่งตัวแข็งทื่อ ใบหน้ายังตั้งตรง แต่ดวงตาค่อย ๆ หลุบลงต่ำจ้องมองกระดาษที่วางอยู่บนตัก

มาถึงตอนนี้ ผมอยากให้ไอ้เลข 1 กับเลข 5 ในกระดาษมันสลับตำแหน่งกันจริง ๆ T^T


“ฮ่า ๆ ๆ เป็นไง ปากกูศักดิ์สิทธิ์ดีไหมล่ะ”

“ไอ้เต้ย มึงไม่ต้องมาเยาะเย้ย”
ผมด่ามันเสียงเครียด ก่อนจะฉีกยิ้มบาง ๆ ใส่มัน

“ไม่แน่นะ คนที่คู่กับกูอาจเป็นคนน่ารัก ๆ ที่เหลือก็ได้”
ผมกวาดมองไปรอบ ๆ

ยกเว้นพวกรุ่นพี่แล้ว ผู้หญิงที่เหลือนับได้ว่าน่ารักและสวยกันทุกคน เรียกได้ว่า จับได้ใคร ผมก็โชคดี

“แต่กูบอกว่า ตรงกันข้ามต่างหาก”

ผมฉีกยิ้ม “แต่งานนี้ โชคเป็นของกูวะ”



“อ้าว ใครได้หมายเลข 15 เสด็จออกมาได้แล้วครับ”
พี่โอมเรียก ผมรีบเดินออกไป

“โอ้ คนแรกเป็นผู้ชาย ใครหนอจะได้คู่กับน้องคนนี้…นี้…นี้”
พี่โอมพูดเหมือนคนพากหนังเมื่อสมัยสามสิบปีก่อน

“รีบหยิบคนต่อไปกันดีกว่า อยากเห็นคนจูบกันสด ๆ เหมือนกัน”
พี่มอพูดเสียงจริงจัง ผมหันไปมองหน้าพี่แกแบบเจื่อน ๆ

พี่เอกกำลังจะหยิบหมายเลข แต่ถูกพี่โอมกันไว้ก่อน

“หยุด… งานนี้ขอกูทำเอง”
พี่มันยิ้ม ยืดตัวเก็กหล่อเต็มที่ ก่อนล้วงหยิบกระดาษขึ้นมาหนึ่งใบกำไว้ในมือแน่น พี่มันกวาดมองไปรอบ ๆ กระตุ้นเร้าให้ทุกคนอยากรู้ ก่อนยกมือขึ้นมาเสมอหน้า หรี่ดวงตามองตัวเลขในมือ

พี่โอมนิ่งครับ นิ่งไปนานเอามาก ๆ ก่อนค่อย ๆ หันไปหาเพื่อน ๆ

“จับใหม่ได้ไหมวะ”

“ไม่ได้ จับได้ใครก็คนนั้น” พี่มอขัด จ้องหน้าพี่โอมเขม็ง

“หรือว่าจับได้มึง?”

“เปล่า ไม่ใช่กู”

“อ้าว ไม่ใช่มึงแล้วเดือดร้อนอะไรด้วย ปล่อย ๆ ให้คนเขาได้เล่นเกมกัน”

คือพี่มันอยากดูหนังสดว่างั้นเถอะ

ผมชักหนักใจกับคนที่อยู่ในกระดาษ พี่โอมทำหน้าปูเลี่ยน ค่อย ๆ ยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้พี่มอดู พอพี่มอเห็นตัวเลขแค่นั้นแหละ พี่แกก็ยืนอึ้งไปนานไม่แพ้พี่โอม

“พวกพี่รีบ ๆ กันหน่อยซิครับ สาวสวยผู้โชคร้ายคนนั้นเป็นใคร”

ไอ้เวร ไอ้ปากหมา ไอ้ผู้นำม็อบ ไอ้กระจ้วยเน่า ใครโชคร้ายกันวะ ใครได้จูบกับกู โชคดีกันทุกคนแหละ

ไอ้จอมก่อม็อบมันลุกขึ้นมาโวย งานนี้ถ้าไม่รีบบอก สงสัยมันจะต้อนคนที่เหลือ ไปรุมประชาทัณฑ์พวกพี่ ๆ กันแน่

ออร่าผู้นำมึงนี่ดุเดือดมาก 

พี่มอจึงจำต้องอ้อมแอ้มบอกหมายเลขเสียงเบา เบาเอามาก ๆ จนผมที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ยังไม่ได้ยินเลย

“หมายเลขอะไรวะ”
พี่กิ๊ฟเริ่มทนไม่ได้ ถามเสียงเข้ม

“หมายเลข… “



TBC..


หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 01 : ถูกจูบ [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 02-02-2012 18:46:20
Kiss Love ♥ [01] ถูกจูบ
[กาย...♥]





“หมายเลข…”


“…19”


ทุกคนเงียบครับ

ตอนนี้เสียงเหรียญตก คงดังยิ่งกว่าตึกสิบชั้นถล่มซะอีก ผมค่อยๆ หันไปมองใบหน้าหล่อเหลาเจ้าของหมายเลข 19
ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวยังยืนกอดอกทำหน้านิ่ง ๆ โหด ๆ อยู่เหมือนเดิม

“มึง…”
พี่โอมที่เคยพูดมากตอนนี้พูดได้แค่นี้ครับ ส่วนผมอึ้งแดก ตอนนี้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายพากันหยุดทำงานชั่วคราว

“ยะ ยกเลิกเนอะ”
พอตั้งสติได้ ผมรีบหันไปเสนอกับพวกพี่มันเสียงเบา 

“ไม่ได้!! กฎต้องเป็นกฎ”
ไอ้เชี่ยจอมก่อหวอดมันค้าน ไม่รู้มันแค้นอะไรพี่เอกนักหนา ถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาหาเรื่องแบบนี้ พี่เอกคิ้วขมวดมองหน้ามันสลับกับผม 

“เกมต้องเป็นเกมใช่ไหมพวกเรา!!”
มันหันไปหาแนวร่วม ซึ่งบางคนก็นิ่งบางคนก็พยักหน้าอือออเห็นด้วย ผมรู้สึกอึดอัดยิ่งกว่าเดิม มึงจะแกล้งอะไรพี่เอกมึงก็แกล้งไปสิ แต่เอากูเข้าไปเกี่ยวด้วย

ผมพยายามส่งสายตาอ้อนวอนไปทางพี่เอกเลยไปถึงคนอื่น ๆ ทุกคนทำหน้าปั้นยาก ผมมองหาความช่วยเหลือไปเรื่อย ๆ จนไปหยุดอยู่ที่ไอ้เต้ย

ที่ตรงนั้น ผมเคยก้าวออกมาอย่างองอาจ แต่ตอนนี้ผมอยากแปลงร่างเป็นขอม แล้วดำดินกลับไปจริง ๆ T^T

ไอ้เต้ยมันนั่งขำใหญ่

มึง!...
ไม่คิดจะช่วยเพื่อนมึงเลยรึไง 


“ยกเลิกดีกว่าเนอะ”
ผมหันไปบอกพี่เอกอีกที พี่มันพยักหน้าเห็นด้วย แต่ไอ้คนก่อหวอดก็ยังไม่ยอมหยุด

“ไม่แน่จริงนี่หว่าพี่เอก ไหนพี่เป็นคนพูดเองว่า จับได้อันไหนก็ต้องเล่น งานนี้สละสิทธิ์ไม่ได้นะครับ เพราะพี่ไม่ได้เป็นคนจับเอง”
พี่โอมสะดุ้งโหยง เพราะดันจับได้เพื่อนตัวเองพอดี

ผมยืนกัดปากแน่น สู้อุตส่าห์ดีใจ แต่ลืมนึกไป ว่าสามารถเป็นใครก็ได้ ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น


“รีบ ๆ ซิพี่ นี่ช้าแล้วนะ น้องๆ บนดอยเขารออยู่”
น่าน...มันอ้างครับ ทั้ง ๆ ที่แววตามันกำลังสนุกที่ได้แกล้งพี่เอกซะเต็มประดา ผมว่าสองคนนี้ต้องเคยมีเรื่องกันมาก่อนแน่ ๆ


“ทำ ๆ ไปเถอะว่ะ เสร็จแล้วค่อยกลับไปล้างปากก็ได้”
ไอ้พี่มอมันพูด ผมแอบค้อนใส่ ปากกูไม่ได้เน่า แถมก่อนมา กูก็เคี้ยวเดนทีนมาแล้วด้วย

เฮ้ย! ไม่ใช่แระ
ผมไว้ใจว่าปากตัวเองหอมแน่ ๆ แต่ปากของไอ้พี่เอกมันล่ะ ผมหันไปมองปากพี่เอกนิดหนึ่ง ก่อนหลุบสายตาหนี

ปากมันดูดีครับ ได้รูปดี แต่จะดีกว่านี้ ถ้าเป็นผู้หญิงอะนะ
ผมหันไปสบตาไอ้เต้ย ถือว่าปากมันศักดิ์สิทธิ์ใช้ได้ เพราะตรงข้ามกับผู้หญิงสวย นอกจากผู้หญิงขี้เหร่แล้ว ยังหมายถึงหนุ่มหล่ออีกด้วย

“กูไม่ซีเรียสหรอก แค่ประกบปาก”

“แต่ในนี้บอกให้แลกลิ้น”
ไอ้พี่มอเสริม ตกลงพี่มันจะช่วยเพื่อนหรือแกล้งเพื่อนกันแน่ พี่เอกทำหน้าอึดอัด

“ก็ได้ๆ แค่จูบให้มันจบ ๆ ไปใช่ไหม”
พี่เอกรีบตัดปัญหา ขยับมายืนอยู่ตรงหน้าผม
ซึ่งตอนนี้…
ถ้าผมมองตรง ๆ ก็จะเห็นเพียงแผงอกล้ำ ๆ ของพี่แกเท่านั้น ผมเลยเงยหน้าขึ้นอีกนิด…

และอีกนิด…

จนหน้าแหงน

กูไม่ได้ตัวเตี้ยนะเฮ้ย!! แต่มึงอ่ะ ตัวสูงเกินไป 190 ได้มั้ง ส่วนผมสูง 172 ครับ สูงตามมาตรฐานชายไทย

ผมยืนทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะขยับซ้ายขวา หน้าหรือหลังดี ตัวผมกับพี่เอก ยืนห่างกันแค่คืบเดียว พอทำอะไรไม่ได้ ผมเลยก้มหน้าหลบซ่อนความกระดากทันที

หมดกัน จูบแรกของกู แทนที่สาวน้อยหน้าหวานจะได้ไป กลับกลายเป็นชายหนุ่มหน้าหล่อไปซะนี่

ผมสะดุ้งโหยง เมื่อมีมือหนามาเสยจับคางผมให้เงยขึ้น ผมจ้องหน้าพี่เอกตื่น ๆ พี่แกทำหน้านิ่ง ๆ ริมฝีปากได้รูปปิดสนิท ดวงตาคมนิ่งเรียบเอามาก ๆ

นี่พี่มันรู้รึเปล่า ว่ากำลังจะจูบกับผู้ชาย ทำหน้าเหมือนนักวิทยาศาสตร์ กำลังวิเคราะห์ผลการทดลองอยู่ในห้องแลปไปได้   



รอบข้างเงียบสนิทราวกับป่าช้ายามเที่ยงคืน ขัดกับเสียงหัวใจผม ที่ดังสนั่นยิ่งกว่าเสียงกลองซะอีก พอไม่รู้จะปฏิเสธยังไงดี ผมเลยหลับตาปี๋หนีความจริงมันซะเลย เผื่อตื่นขึ้นมา แล้วพบว่าตัวเองยังนอนอยู่บนเตียง

สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นแค่ความฝัน

ผมไม่ได้มาค่าย

ผมไม่ได้มานั่งเล่นเกม

ไอ้เต้ยไม่ได้โดนสั่งให้เป่ากบ

ผมไม่ได้หยิบกระดาษได้หมายเลข 15

แล้วตอนนี้ พี่เอกก็ไม่ได้มายืนอยู่ตรงหน้าผม


“นี่”
ฝันผมแตกสลายแทบจะทันที T^T

“ผ่อนคลายหน่อย”
พี่แกบอกเสียงนุ่ม น้ำเสียงแบบนั้น ทำเอาผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันทีราวกับต้องมนต์ ปากที่เม้มแน่นค่อย ๆ คลายออก แต่ก็ยังหลับตาปี๋เหมือนเดิม

“อดทนหน่อยละกัน แค่นาทีเดียว” พี่มันบอก “มึงจับเวลาให้กูด้วย ขาดได้ แต่ห้ามเกิน” ก่อนหันไปบอกใครสักคน

“อืม”
คนที่รับปากคือพี่โอมครับ เสียงพี่แกฟังดูหนักใจไม่แพ้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมเลย

ทันทีที่พี่โอมรับปาก พี่แกก็กดริมฝีปากลงมาทันที ผมสะดุ้งโหยง ยู่หน้าเม้มปากแน่น พยายามขยับหน้าหนี แต่พี่เอกล็อคคางผมไว้แน่นจนเจ็บไปหมด

พี่…ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้

               


พี่แกแค่วางปากเอาไว้เฉย ๆ ครับ คงไม่กล้าล่วงล้ำอธิปไตยชายแท้ของผม แต่สวรรค์มักส่งไอ้ผู้นำม็อบปากหมามาก่อกวนคนดี ๆ อย่างผม มันตะโกนทักเสียงดัง

“แลกลิ้นด้วยสิพี่”

คนที่จูบผมอยู่ชะงักไป ก่อนปากที่แปะเอาไว้เฉย ๆ เมื่อกี้ จะกดลงมาแน่นขึ้น แล้วบดเบียดไปมาซ้ายขวา สักพักลิ้นร้อน ๆ ก็เริ่มแงะปากที่ปิดสนิทของผม

ขัดขืนสิครับงานนี้!

ผมขยับทั้งหน้าทั้งตัวหนี แต่มือพี่แกล็อกคางผมไว้แน่น พอๆ กับมืออีกข้างที่ยกมารั้งเอวผมไว้กันหนี เมื่อดิ้นยังไงก็ไม่รอด ผมรีบอ้าปากหวังหยุดพี่แกด้วยเสียง แต่พี่เอกใช้จังหวะนั้นฉกลิ้นเข้ามาในปากผมทันที อารามตกใจ ผมรีบดันอกพี่มันออก มืออีกข้างก็พยายามดึงมือที่คางออก

ลิ้นภายในเริ่มเล่นตามเกม ตวัดเกี่ยวพันลิ้นที่แข็งทื่อของผมไปมา ผมพยายามฝืน แต่พี่แกรุกหนักยิ่งกว่าเดิม


เพียงไม่นาน มือผมที่พยายามผลักไสพี่แกออกก็เปลี่ยนเป็นขยุ้มอกเสื้อพี่แกแน่น ในขณะที่มืออีกข้าง ก็บีบมือพี่แกไว้ ตอนนี้มันอึดอัด แถมยังรู้สึกหวิว ๆ แถว ๆ ช่องท้องด้วย

พี่เอกเอียงหน้าไปด้านข้างให้องศาลงล็อก ผมอยากขืนลิ้นให้มากกว่านี้ แต่ทำไม่ได้ ต้องโอนอ่อนให้อีกคนเกี่ยวเล่นอยู่อย่างนั้น 

ยิ่งทำ ยิ่งรู้สึกหวิวมากขึ้นกว่าเดิม



ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ตาของผมที่ปิดแน่นอยู่ เริ่มปรือเปิดขึ้นช้า ๆ มาจ้องมองดวงตานิ่งเรียบของอีกคน  ลมหายใจของผมเริ่มเปลี่ยนจังหวะนิด ๆ ด้วยความไม่ประสา

ยอมรับได้อย่างหนึ่ง

พี่แกจูบเก่งมาก





“มะ หมดเวลา!”

พี่เอกรีบถอนจูบออกทันทีที่พี่โอมให้สัญญาณ ตัวผมเซหน่อย ๆ พอตั้งตัวได้ ก็รีบเช็ดปากด้วยหลังมือแรง ๆ 

“เคลิ้มเลยเหรอครับน้อง”

“ปะ เปล่าซะหน่อย แต่ผมหายใจไม่ออกต่างหาก”
ผมตอบหอบ ๆ พี่โอมหัวเราะเสียงดัง

“จูบแรกละสิ ถึงไม่รู้วิธีหายใจ”

รู้สึกเหมือนหน้าตัวเองกำลังไหม้ ๆ ยังไงบอกไม่ถูก ผมไม่สนใจที่จะตอบ รีบเดินจ้ำอ้าวกลับไปนั่งที่เดิมของตัวเอง


“เป็น ไงมึง เคลิ้มเลยล่ะสิ ได้จูบกับพี่เอกสุดหล่อ หึๆ กูก็เพิ่งนึกได้ ตรงข้ามกับผู้หญิงสวย นอกจากผู้หญิงขี้เหร่แล้ว ยังมีหนุ่มหล่อด้วยว่ะ”
ไอ้เต้ยมันหัวเราะเยาะเย้ย

ตอนนี้ผมรู้สึกว่าสายตาของทุกคน กำลังโฟกัสมาที่ผมเป็นจุดเดียว ผมรีบก้มหน้าคางจรดเสื้อ ก้มให้มากที่สุด

และหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าต่อจากนี้ไป จะไม่มีใครจำหน้าผมได้สักคน   




TBC..
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ
เริ่มหัวข้อโดย: PrAeW ที่ 03-02-2012 02:13:46
สนุกมากๆๆ
ชอบๆๆๆ
รีบมาต่อนะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 03-02-2012 02:38:48
ระทึกกับอีเกมส์สุดท้ายมากกกก
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 03-02-2012 05:38:40
ชอบอะ เอาอีก
เดี๋ยวจะรักกันมั้ย
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ
เริ่มหัวข้อโดย: kajeaw ที่ 03-02-2012 06:27:45
เป็นกำลังใจให้ครับ
ดีใจที่กลับมาให้อ่านต่อ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ
เริ่มหัวข้อโดย: EVE910 ที่ 03-02-2012 06:31:07
 :mc4: :mc4:
ต่อๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ
เริ่มหัวข้อโดย: eyeaptchy ที่ 03-02-2012 07:48:00
จิ้ม  :z13:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: ping2226 ที่ 03-02-2012 10:41:13
 :o8: น่ารักอ่ะ รออ่านต่อน้า
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 03-02-2012 11:50:46
 :L2: ตามมาๆๆๆ อ่าน
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: eyeaptchy ที่ 03-02-2012 19:37:47
ว้ากกก สนุกมากกก เขินเลยอะ ! ติดตามนะคะ !
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 03-02-2012 21:31:31
ต่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: Glico519 ที่ 03-02-2012 21:46:12
น่ารักอะ รอตอนต่อไปอยู่นะ
o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: Daiice ที่ 03-02-2012 22:07:46
เราเคยเจอกันในเด็กดี 555
แต่ก็ยังตามมาอ่านอีก อัพต่อ ๆ ๆ ๆ >O<!!

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: toyyou ที่ 03-02-2012 22:53:00
หนุกมากชอบๆ o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: howru ที่ 03-02-2012 22:55:46
อ๊ายยย... น่าติดตาม >_<
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 03-02-2012 23:27:44
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

น่ารักสุดๆจูบแรกด้วยอ่า :-[

 :mc4:ฉลองให้กับเรื่องใหม่นะคะ

 :L2:เป็นกำลังให้นะคะ

รออ่านตอนต่อไปนะคะ...พี่เอกจะรู้สึกไรป่ะเนี่ยได้จูบแรกซะด้วย^^
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 03-02-2012 23:38:10
น่ารักมากๆ สนุกด้วย มาต่อด่วนค่ะ คนเขียน
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 03-02-2012 23:54:48
 :o8:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: Petalkiss ที่ 04-02-2012 00:03:15
ชอบบบบบบบ
มาตอนแรกๆก็จูบกันแล้ว -////-
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 04-02-2012 00:06:28
โอ๊ะะะ


กำลังอ่านอยู่ในเด็กดี เลย   :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 04-02-2012 00:11:45
...คืออยากลงให้อ่านกันต่อนะเจ้าค่ะ
แต่ว่า....
หน้า 1 มันยาวมากเลย รอให้ขึ้นหน้า 2 ก่อนเนอะ จะรีบมาลงให้ว่อง

สงสารแถบเลื่อนด้านขวามือน่ะ slim เชียว  o18
ขอบคุณทุกท่านสำหรับคอมเม้นท์และจิ้มเป็ดถูกใจให้นะคะ ได้เป็ดมาตัวหนึ่ง เหมือนขึ้นสวรรค์ไปอีก 14 ชั้น

เป็นคนอ่านมานาน เคยคิดแค่ว่า อยากเอาฝ่าเท้ามายืนบนผืนแผ่นดินเล้าเป็ดในฐานะคนเขียนสักครั้ง
มาลงวันแรก ๆ แอบใจแป๋ว ใบไม้แห่งความว่างเปล่าปลิวว่อน = =

กะว่าลงสักอาทิตย์ ถ้าไม่มีคนเม้นท์จะลบออก (คิดว่าคงไม่มีคนอ่าน T^T)
ดีที่ท่านทั้่งหลายมาเม้นท์ให้ เรียกความมั่นใจกลับคืน
 
ขอบคุณค่ะ  :impress2:

รอหน้าสองต่อไป บุ้ยๆ  :bye2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: jesjes ที่ 04-02-2012 00:52:33
มาต่อเร็วๆ นะ :call:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: nan239 ที่ 04-02-2012 01:12:25
สนุกดีค่ะ น่ารักมากรีบมาต่อนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: July_Moon ที่ 04-02-2012 02:30:36
ชะอ้าว.... คุณ mewmew มาที่นี่ซะแล้วหรือคะ?
ยินดีต้อนรับค่ะ ><// (โบกพู่เชียร์ไปมา)

สู้ๆนะคะ รออ่านทั้งสองที่เลยแล้วกันค่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 04-02-2012 10:27:07
อยากอ่านต่อเเล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: nan239 ที่ 04-02-2012 22:20:07
เมื่อไรจะมาต่ออ่ะ
:-)อยากอ่าน
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: นาวา ที่ 05-02-2012 14:43:46
ต่อครับต่อ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: listengu ที่ 05-02-2012 14:50:10
มาต่อเร็ว ๆ  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 05-02-2012 15:33:00
ทุกคนคงเห็นเป็นภาพติดตา
และพี่โออมอาจติดใจก็ได้นะ ^^
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 05-02-2012 15:36:46
ชอบมากเลย ชอบ ชอบ ชอบ

รออยู่น้า... o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 05-02-2012 16:33:13
น่ารักจังเลยยยยย  ><
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 05-02-2012 19:35:13
ขึ้นหน้า 2 แล้วน้า....

มาทวงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :m17:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: eyeaptchy ที่ 06-02-2012 19:08:26
ขึ้นหน้า 2 แล้วนะคะ ! มาต่อเร้วๆ > <
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: CeasarLover ที่ 06-02-2012 19:24:16
สนุกดีนะครับ ผมก้าว่าจะเอาของผมมาลงมั่ง แต่กลัวไม่มีคนอ่าน
 :sad4:

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 1 ถูกจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-02-2012 20:33:44
เค้าอ่านในเว๊ปนู้นนนนนนนนน กำลังลุ้นเลย ตามมาลงที่นี่ก็จะได้เม้นท์ที่นี่อีกรอบค่า

รีบๆหลงรักน้องเค้าเป็นเรื่องเป็นราวเร็วๆนะจ๊ะ พี่เอก
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 02 : หลับลึก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 06-02-2012 22:59:59
Kiss Love ♥ [02] หลับลึก
[เอก...☼]
 




               หมายเลข “19”

               ทันทีที่เสียงไอ้มอบอกหมายเลข คิ้วผมกระตุกทันที หมายเลข 19 ถ้าจำไม่ผิด นั่นมันหมายเลขของผมนี่ ผมจ้องมองไอ้มองงๆ ก่อนก้มมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ อีกที มันดูอึ้งไม่แพ้กัน


               “มึง…”
               ไอ้โอมมันพูดได้คำเดียว มันคงช็อคแทน

               “ยะ ยกเลิกเนอะ”
               สักพักไอ้ตัวเล็กข้างๆ ก็หันมาพูดเสียงเบา   

               “ไม่ได้!! กฎต้องเป็นกฎ”
               เจ้าตัวก่อกวนตะโกนขึ้นมาจากที่นั่ง ผมหันไปมองมันก่อนหันกลับมามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมอีกที เจ้าตัวเล็กมันทำหน้าปูเลี่ยน

               “เกมต้องเป็นเกมใช่ไหมพวกเรา!!”
               มันหันไปหาพรรคพวก

               คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ส่งสายตาอ้อนวอนมาทางผม ก่อนกวาดมองไปรอบๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ พอไม่มี มันก็หันกลับมามองผมอีกที

               “ยกเลิกดีกว่าเนอะ”
               มันบอก

               จริงๆ ถึงมันไม่พูด ผมก็จะค้านอยู่แล้ว ผมพยักหน้าเห็นด้วย

               “ไม่แน่จริงนี่หว่าพี่เอก ไหนพี่เป็นคนพูดเองว่า จับได้อันไหนก็ต้องเล่น งานนี้สละสิทธิ์ไม่ได้ด้วยนะ  เพราะพี่ไม่ได้เป็นคนจับเอง”

               ไอ้คนก่อหวอดมันก็ค้านขึ้นอีก คำพูดมันพาเอาไอ้โอมสะดุ้งโหยง และมันคงจะรู้ชะตากรรมของตัวเองต่อจากนี้ด้วย


               “รีบๆ สิพี่ นี่ช้าแล้วนะ น้องๆ บนดอยเขารอกันอยู่”
               มันให้เหตุผล ไอ้เด็กนี่มันคงแค้นที่ผมเคยทำโทษตัดงบประมาณชมรมมัน

               “ทำๆ ไปเถอะว่ะ เสร็จแล้วค่อยกลับไปล้างปากก็ได้”
               ไอ้มอมันเสริม

               นี่ตกลงมึงเป็นเพื่อนกูหรือเปล่า =*=


               เจ้าตัวเล็กหันมามองผมอีกที ก่อนจะก้มหน้าหลบสายตา จริงๆ ผมก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไรกับอีแค่เอาปากประกบปาก แต่ไอ้มอมันดันย้ำให้แลกลิ้นด้วยนี่สิ
               นี่ตกลงมึงเป็นเพื่อนกูจริงๆ รึเปล่า =*=


               “ก็ได้ๆ แค่จูบให้มันจบๆ ไปใช่ไหม”
               ยิ่งยื้อยิ่งเสียเวลา ทำให้มันจบๆ ไปเลยดีกว่า

               ผมขยับไปยืนอยู่ตรงหน้าไอ้ตัวเล็ก หัวมันอยู่ระดับหน้าอกผมเท่านั้น มันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นเรื่อยๆ จนคอแหงน

               นี่มันตัวเตี้ยเกินไปหรือว่าผมตัวสูงเกินไปนะ 

               มันกระพริบตาปริบๆ

               คงกำลังทึ่งในความสูงของผม
               หรือไม่…
               …ก็กำลังสมเพช ในความเตี้ยของตัวเองอยู่

               มันหันซ้ายหันขวา มองหน้ามองหลัง เหมือนจะหาทางหนีทีไล่ และสุดท้ายมันเลือกที่จะก้มหน้าลงไปแทน


               ผมยืนทำใจอยู่สักพัก ตอนนี้รอบข้างพากันเงียบกริบ คงกำลังตั้งหน้าตั้งตาดูหนังเรื่องใหม่ที่พระเอกคือผม ส่วนนางเอกคือเจ้าเด็กปีสองนี่ เจ้าตัวเล็กไม่ยอมเงยหน้าสักที ผมเลยจับคางมันให้เงยหน้าขึ้นมอง

               มันทำหน้าตื่นจ้องกลับ

               ตกใจอะไร กูออกจะหล่อ

               มันกระพริบตาหลายรอบ ก่อนจะหลับตาปี๋ ยู่หน้าจนย่นยับ ดูตลกพิลึก


               “นี่” ผมเรียกมันเสียงเบา “ผ่อนคลายหน่อย” ก่อนปรับเสียงให้นุ่มนวลเพื่อผ่อนคลายมัน หน้าที่ยู่ยับอยู่เมื่อกี้ค่อยๆ คลายลง ถึงจะไม่มากก็เถอะ

               “อดทนหน่อยละกัน แค่นาทีเดียวเอง” ผมบอกมันอีกที ก่อนหันไปหาไอ้โอม “มึงจับเวลาให้กูด้วย ขาดได้ แต่ห้ามเกิน”
               พอมันรับปาก ผมก็ก้มปะกบปากมันทันที แปะเอาไว้เฉยๆ ครับ คิดซะว่ากำลังจูบกับหมอนที่บ้านอยู่

               แต่ไอ้จอมหาเรื่องมันก็ขัดขึ้นมาอีก

               “แลกลิ้นด้วยสิพี่”

               ผมอยากเดินไปตืบไอ้หมอนั่นจริงๆ จากที่วางปากเอาไว้เฉยๆ จำต้องเปลี่ยนมาเป็นกดหนักและบดเบียดปากมันไปมา พยายามนึกภาพว่าปากที่ตัวเองกำลังบดขยี้อยู่นี้ เป็นปากของน้องนางสักคนที่กำลังควงอยู่

               ผมบดขยี้ปากมันอยู่สักพัก ก็พยายามจะสอดลิ้นเข้าไปภายใน คนที่นิ่งอยู่เมื่อกี้ดิ้นพล่านเลย ผมล็อกคางมันแน่นยิ่งขึ้น มันยังหลับตาปี๋อยู่

               สักพักมันก็หยุดดิ้น อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง ลิ้นผมที่ดันอยู่บนริมฝีปากมันเลยไถลเข้าไปอัตโนมัติ มันรีบดันหน้าอกผมออก ส่วนมืออีกข้างก็ดึงมือที่จับคางมันไว้ออก และก่อนที่มันจะดิ้นรนมากไปกว่านี้ ผมรีบเอียงหน้ารุกปากมันหนักขึ้น

               ตอนนี้เอาให้มันจบๆ เวลาไปก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที

               ว่าแต่…
               ทำไมเวลามันผ่านไปช้านักวะ!!


               ผมรุกจูบมันอยู่สักพัก มันก็หยุดขัดขืน ลมหายใจเริ่มเข้าออกติดๆ ขัดๆ หน้าที่ยู่ยับอยู่ก็ค่อยๆ คลายออก ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาทันที

               สงสัยผมจะจูบเก่ง

               หึ..

               แค่นี่จิ๊บๆ เองน้อง

               ผมรุกจูบมันหนักขึ้นด้วยเทคนิคส่วนตัวที่มี สักพักคนที่หลับตาอยู่ก็ค่อยๆ ปรือตาขึ้นมอง ผมชะงักจ้องภาพตรงหน้าค้างๆ
               ดวงตามันกำลังปรอยเหมือนพวกผู้หญิงที่เกิดอารมณ์เลย


               ลิ้นไม่ประสาทำหน้าที่ตอบรับลิ้นผมที่เกี่ยวกระหวัดอยู่ภายใน ตอนนี้มันเริ่มหอบหนักแล้ว คาดว่าผมคงรุกมากไป

               แต่ขอโทษเหอะ เมื่อมันเริ่มแล้วหยุดยาก…
               ยิ่งได้ยินมันหอบหนักๆ ช่วงท้องผมยิ่งรู้สึกหน่วงๆ



               และทันทีที่ได้ยินเสียงบอกหมดเวลา ผมรีบผละปล่อยมันทันที ก่อนที่อารมณ์บางอย่างจะถูกจุดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ผมกลับมายืนนิ่งๆ เนียนๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

               เจ้าตัวเล็กตาปรอยเซหนัก พอมันตั้งตัวได้ ก็รีบเช็ดปากที่เต็มไปด้วยน้ำลายผมทันที เช็ดแรงจนปากที่แดงเพราะแรงจูบหนักเมื่อกี้ยิ่งแดงเข้าไปใหญ่

               เพิ่งรู้ว่าเวลาผู้ชายโดนจูบหนักๆ ปากมันก็แดงไม่แพ้ผู้หญิงเหมือนกัน


               “เคลิ้มเลยเหรอครับน้อง”
               ไอ้โอมมันแซว

               “ปะ เปล่าซะหน่อย แต่ผมหายใจไม่ออกต่างหาก”
               ผมสะดุดนิดหนึ่งกับคำบอกนั้น

               “จูบแรกล่ะสิ ถึงไม่รู้วิธีหายใจ”

               ไอ้โอมมันคิดเหมือนผมเลย

               เอ่อ…
               กูควรดีใจดีไหม ที่ได้จูบแรกของผู้ชายเนี่ย

               เจ้าตัวเล็กก้มหน้าลงงุด รีบเดินจ้ำอ้าวกลับไปนั่งที่เดิม มันก้มหน้าจนคางชิดเสื้อ คิดว่าคงอาย
               ส่วนผมน่ะเหรอ…

               เฉยๆ
               ก็แค่จูบอะนะ

               ผมรีบดึงสติตัวเองกลับมาปิดเกม แล้วสั่งให้ลูกทีมขนย้ายพวกน้องๆ ไปขึ้นรถที่จอดรออยู่











               งานนี้มีนมาแค่ 60 คน ก็ยังดี จองรถไว้สองคัน คนขาดไปยี่สิบคน รถเลยโล่งไม่อึดอัดเท่าไหร่

               ผมเพิ่งมารู้ตอนหลัง ว่าเพื่อนสนิทของไอ้คนที่ผมพรากจูบแรกไปเป็นน้องชายของไอ้เป้มัน เห็น หน้ามันนิ่งๆ แบบนี้ แต่ขอบอก มันเป็นโรคหวงน้องเข้าไส้ ที่ลากมาด้วยนี่คงไม่อยากทิ้งน้องไว้ที่บ้านคนเดียว แต่มันเสือ.กกวนตีน ไม่แสดงออกมาตรงๆ มีโอกาสแกล้งได้เป็นแกล้งโดยให้เหตุผลว่า ‘น้องกู กูมีสิทธิแกล้งได้เต็มที่’

               พอขนของขึ้นรถหมด ไม่เกินเก้าโมงครึ่ง รถก็เคลื่อนตัวออก

               รถคันที่ผมนั่งอยู่ขับตามรถอีกคัน แต่สักพักคนขับก็พาแซงไปอยู่หน้าสุด เห็นคนในรถอีกคันพากันดิ้นใหญ่ คนขับคงเปิดเพลงให้

               ส่วนรถของพวกผม เครื่องเสียงไม่ต้อง เพราะพวกไอ้โอมกับไอ้มอมันยกมากันเองเสร็จสัพ ไม่มีอะไรมากหรอก แค่กลองกับกีต้าร์โปร่งตัวเดียว

               แต่ก็เล่นได้สนุกไม่แพ้เครื่องเสียงทุ้มๆ เลยทีเดียว




               ผมกวาดตามองความเรียบร้อยไปทั่วทั้งรถ ไอ้เป้มันต้อนน้องมันกับเพื่อนน้องมันไปไว้แถวถัดจากแถวที่มันนั่ง แล้วตัวมันเองก็มาเย้วๆ กับพวกไอ้มอ

               ผมเพิ่งสังเกต ไอ้ตัวเล็กมันเอาแต่นั่งมองวิวจากข้างทาง ทั้งที่ดนตรีก็ออกมัน คนอื่นก็พากันออกมาวาดลวดลายกันหมดแล้ว

               ส่วนไอ้เต้ย มันไม่ดิ้น แต่หยิบเกมมาเล่นในขณะที่หัวมันก็โยกๆ ตามจังหวะที่ดัง
               สงสัยพวกมันจะชอบสันโดษ


               ผมลุกขึ้นมาดิ้นกับพวกไอ้โอมมัน นานๆ ทีปล่อยผีซะบ้าง ร้องคลอไม่เอาคีย์ เน้นสนุกอย่างเดียว บางทีก็หันไปแย่งไอ้มอตีกลองบ้าง ส่วนไอ้คอร้องเพราะจริงๆ ก็ไอ้เป้นั่นแหละ ลูกคอมันสุดยอดครับ แม่นทุกคีย์

               มันเคยบอกผมว่า มันเคยแต่งเพลงไว้เพลงหนึ่ง ซึ่งถ้าวันไหนมันเจอคนที่มันรัก มันจะร้องเพลงนั้นให้เขาฟัง
               ไอ้นี่มันเน่าครับ ถ้าผมเป็นแฟนมัน คงขอเลิกตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้ว




               ร้องเล่นเต้นกันไปได้เกือบสี่ชั่วโมง แบตของแต่ละคนเริ่มหมด คอเริ่มแหบแห้ง จนแป๊บซี่และน้ำเปล่าหมดไปเป็นลังๆ คนที่แรงหมดก็ทยอยกันไปนั่งบ้างนอนบ้าง
               จนในที่สุด เสียงเพลงบนรถก็ยุติลง

               พวกมันอยากนั่งตรงไหนก็นั่ง ที่นั่งตัวหน้าสุดที่ผมจองไว้ ถูกไอ้โอ๊คแย่งไปนั่งตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ตอนนี้มันคอพับหลับไปแล้ว ครั้นจะปลุกก็กระไรอยู่ ผมเลยมองหาที่นั่งว่างอื่นๆ แทน

               มีที่เดียวครับ
               ข้างไอ้เป้มัน…

               ผมมองเลยไปยังเบาะหลัง เห็นเจ้าตัวเล็กนั่งหลับหัวพิงกระจกอยู่ โดยมีไอ้เต้ยนั่งหลับพิงหัวไหล่มันไว้อีกที



               ผมกับไอ้เป้ตัวใหญ่พอๆ กัน ให้ผู้ชายตัวใหญ่สองคนมานั่งด้วยกันแบบนี้ ระยะทางจากกรุงเทพไปถึงแม่ฮ่องสอนร่วมสิบกว่าชั่วโมง คงได้เหน็บกินกันก่อนพอดี เก้าอี้แรกที่ผมจอง มันหน้าสุด ยืดแขนยืดขาได้ แต่อันนี้คงยาก

               ผมมองหน้าไอ้เป้สลับกับที่นั่ง มันคงคิดเหมือนๆ กัน คิ้วเราสองคนขมวดเป็นปม

               “เดี๋ยวมึงไปนั่งข้างหลังแล้วเอาเต้ยมานั่งกับกูดีกว่า”
               มันรีบเสนอทางเลือก ผมหันไปมองคนสองคนที่กำลังหลับสนิท พวกมันสองคนตัวไม่ใหญ่ นั่งกินพื้นที่ไม่มาก แต่ผมกับไอ้เป้นี่ ไหล่คงเกยกันแน่ๆ  ผมพยักหน้าเห็นด้วย

               มันลุกออกจากที่นั่งเป๋ๆ เพราะเป็นจังหวะรถเลี้ยวพอดี ผมรีบจับเบาะแน่น ส่วนไอ้เป้รีบเข้าประคองเจ้าเต้ยที่หัวหลุดจากไหล่เพื่อนมันมาอีกด้าน

               มันพ่นลมหายใจโล่งอก

               อื้อหือ?
               ทำอย่างกับน้องมึงจะหลุดออกนอกวงโคจรของโลก มันคงไม่ตกพื้นหรอก อย่างมากก็แค่ตื่น แล้วมันก็ก้มลงช้อนอุ้มน้องมัน ผมคิ้วขมวด

               “ทำไมไม่ปลุกวะ”

               “หลับท่าทางสบายแบบนี้ ตื่นยากวะ”

               ผมมองตาม คงจะจริง ขนาดถูกอุ้มจากที่นั่งด้านหลังมาไว้ด้านหน้า ไอ้เต้ยก็ยังไม่ตื่น มันวางน้องมันไว้บนเบาะด้านในแล้วมันก็นั่งด้านนอก มันจับหัวน้องมันมาซบไหล่เบาๆ
               ...แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

               นี่ถ้ากูไม่เห็นว่ามึงเป็นพี่น้องกัน กูจะคิดว่ามึงต้องคิดอะไรกับน้องมึงแน่ๆ



               ผมปล่อยให้สองพี่น้องเขาสวีทกันไป หันมามองที่นั่งใหม่ของตัวเอง เจ้าตัวเล็กนั่งหลับหัวโขกกระจกโป๊กๆ ผมขมวดคิ้ว

               ตื่นขึ้นมาคงได้มะนาวไปฝากเด็กดอยลูกใหญ่

               ผมทิ้งตัวลงนั่ง ตอนแรกว่าจะทำเป็นไม่สนใจ แต่เสียงโขกโป๊กๆ แบบนั้นก็ทำเอาผมจำต้องเลื่อนมือไปจับหัวมันออกจากกระจก แต่ไม่ได้ทำพระเอกเอามาซบไหล่ตัวเองแบบไอ้เป้มันหรอก แค่ดันให้นอนตรงๆ แล้วปรับเบาะให้ราบลงไปนิดหนึ่ง เวลานอน หัวจะได้ไม่ไหลไปทางไหน แล้วจับหัวมันพิงเบาะผมอีกที

               ผมว่าไอ้เด็กนี่ก็นอนขี้เซาไม่แพ้ไอ้เต้ยเหมือนกัน ขนาดโดนปรับเบาะ โดนจับย้ายหัวยังไม่คิดจะตื่นอีก



               ผมนั่งมองวิวจากสองข้างทางไปเรื่อยๆ ตอนนี้อยู่แถวๆ นครสวรรค์แล้ว ถือว่ามาไกลพอสมควร แต่ดอยที่เราจะไปสร้างกันนั้นไปไกลกว่าเยอะ นึกถึงความแร้นแค้นที่แม้แต่หนังสือเรียนสักเล่มก็หายากแสนยาก เทียบกับตัวเองที่อยากได้หนังสือเล่มไหนก็หาเอาได้ง่ายๆ แถมได้มาแล้ว ก็ยังทิ้งๆ ขว้างๆ อีก อดสมเพชตัวเองไม่ได้แฮะ

               กลับไปคงต้องใส่ใจพวกมันให้มากกว่าเดิมซะแล้ว
             
             



               สีเขียวของใบไม้จากลำต้นสูงใหญ่วิ่งผ่านตาไปต้นแล้วต้นเล่า เปลือกตาที่เคยแข็งทื่อเมื่อกี้ เริ่มปรือลงหน่อยๆ สุดท้ายผมก็ทนความง่วงไม่ไหว เคลิ้มๆ อยากจะหลับ ผมปรับเบาะให้เอนราบเสมอกับเบาะข้างๆ

               รถทั้งคันเงียบสนิท หัว คนที่นอนอยู่พลิกมาซบต้นแขนผม ก่อนเจ้าตัวจะขยับพลิกหันมาทั้งตัว หน้ามันซุกกับต้นแขนผมมากขึ้น แอร์ในรถคงเย็น มันงอตัว ยึดแขนผมไปกอดราวกับเป็นหมอนข้าง

               ผมมองมันอึ้งๆ เส้นผมสีน้ำตาลเข้มตกลงมาระแก้มเบาๆ พอขยับได้ที่มันก็นิ่งไป…


               ผมมองเลยไปยังเบาะหน้า เห็นไอ้เป้มันเอื้อมหยิบผ้าห่มบนชั้นไปห่มให้น้องมัน หัน กลับมาหาคนที่ซุกอยู่ข้างแขนอีกที มันคงจะหนาว ผมเลยเอื้อมหยิบผ้าห่มมาห่มให้บ้าง แต่แทนที่มันจะสลัดแขนผมออก มันกลับซบแน่นยิ่งกว่าเดิม

               เฮ้ย! กูให้ผ้าห่มมึงไปแล้วนะ
               เอาแขนกูคืนมา!

               ผมพยายามดึงแขนตัวเองออก แต่มันก็เกาะไม่ปล่อย แถมยังเอาแก้มมาไซ้ๆ อีกต่างหาก

               สุดท้ายผมเลยจำใจต้องปล่อยให้มันกอดอยู่อย่างนั้น เพราะตอนนี้ง่วงสุดๆ ผมนั่งคิดอะไรต่ออีกนิดหน่อย ก่อนค่อยๆ พาสติตัวเองดับหายไป…



               TBC...





             
            Note ::
            ขอบคุณป๋าดันทั้งหลายนะคะ เห็นว่าขึ้นหน้าสองนานแล้ว แต่ติดภารกิจแคสติ้งตัวละครอยู่ หุหุ วันนี้ได้มาสองคน น้องกายกับน้องเต้ย ส่วนพี่เอกกับพี่เป้ต้องรอก่อน กว่าจะหาได้แต่ละคน เล่นเอาปาดเหงื่อไปสองสามปีบ รีบวิ่งเอามาลงตามสัญญาก่อนระเบิดจะลง

            อยากเห็นกันไหมเอ่ย ถ้าอยากเห็น ก็....
            สอนวิธีเอาลงให้ที เราเอาลงไม่เป็น T^T

             
           และขอบคุณสุด ๆ สำหรับคนจากบอร์ดนู้นที่วิ่งมาให้กำลังใจกันที่บอร์ดนี้ด้วย ^^
           ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ  :monkeysad:
           (ล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าลายดอกซากุระสีชมพูมาสะบัดคลี่ออกจากกันเบา ๆ หย่อนตัวลงไปนั่งลงพับเพียบช้า ๆ ซับน้ำตาด้วยความปลาบปลื้ม กระซิก ๆ)

             
               6-2-2012
               Memew
             


 

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 2 หลับลึก [Yaoi ♥[]♥ Boy's Love]
เริ่มหัวข้อโดย: Ai_Rong_Kun ที่ 06-02-2012 23:48:58
น่ารักอ่ะ รักกันเร็วๆ นะ ป้าเอาใจช่วย
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 2 หลับลึก [Yaoi ♥[]♥ Boy's Love]
เริ่มหัวข้อโดย: PPiing ที่ 07-02-2012 01:09:31
อ๊าย! เรื่องเรื่องน่ารักอ่า ><
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 2 หลับลึก [Yaoi ♥[]♥ Boy's Love]
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 07-02-2012 01:10:38
น่ารักอะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียน  :ped149:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 2 หลับลึก [Yaoi ♥[]♥ Boy's Love]
เริ่มหัวข้อโดย: อ้ายหมี :) ที่ 07-02-2012 01:34:22
มาต่อไวๆน้ารออ่านอยู่ เป็นกำลังใจให้ สู้ๆ  o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 2 หลับลึก [Yaoi ♥[]♥ Boy's Love]
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 07-02-2012 01:52:22
น่ารักๆ

มาต่อแล้ว

หวังว่าทั้งสองคนจะใกล้ชิดกันมากกว่าเดิมนะเนี่ย

ส่วนชื่อmemew นี่คุ้นๆอ่า

ใช่แต่งเรื่องซินซ่าล่ารักรึเปล่าคะ  แบบว่าพอดีได้ยืมหนังสือเรื่องนี้ของน้องเค้ามาอ่านน่ะค่ะ

 :L2:เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ



หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 2 หลับลึก [Yaoi ♥[]♥ Boy's Love]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 07-02-2012 02:05:52
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 2 หลับลึก [Yaoi ♥[]♥ Boy's Love]
เริ่มหัวข้อโดย: pklove ที่ 07-02-2012 02:27:05
เรื่องนี้น่ารักและสนุกดีค่ะ

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 2 หลับลึก [Yaoi ♥[]♥ Boy's Love]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 07-02-2012 22:05:16
ชอบ ชอบ ชอบ

รอตอนต่อไป o13 o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 2 หลับลึก [Yaoi ♥[]♥ Boy's Love]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 07-02-2012 22:20:44
อ่านแล้วลุ้นกะพัฒนาการของนู๋ๆมากมาย แรงสูสีกันดีนะคร้าบ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 2 หลับลึก [Yaoi ♥[]♥ Boy's Love]
เริ่มหัวข้อโดย: acorntan ที่ 07-02-2012 22:25:34
พี่อ่านตอนที่ 7 ในเวปเด็กดีไม่ได้อะคะน้อง
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 2 หลับลึก [Yaoi ♥[]♥ Boy's Love]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 07-02-2012 22:44:55
น่ารักดีค่ะ อ่านตอนจูบแล้วเขินแทนนายเอกเลย หุๆ

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 2 หลับลึก [Yaoi ♥[]♥ Boy's Love]
เริ่มหัวข้อโดย: PrAeW ที่ 07-02-2012 23:10:35
น่ารักๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 3 ท่ามกลางความมืด [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 09-02-2012 14:08:29
Kiss Love ♥ [03] ท่ามกลางความมืด
[กาย...♥]


 

 

อืม...

ผมชอบนั่งรถจริง ๆ นะ ขึ้นเมื่อไหร่ก็อยากจะหลับ ก็มันสบายนี่น่า รถมันจะโยกไปโยกมา เหมือนเรานั่งเปลนั่นแหละ

ผมกระชับหมอนข้างที่กอดอยู่แน่นขึ้นไปอีก


แต่...เอ๋?

ผมนั่งอยู่บนรถทัวร์ไม่ใช่เหรอ แล้วผมไปเอาหมอนข้างมาจากไหน

ตอนแรกก็อยากจะคิดว่านอนอยู่ที่บ้านนั่นแหละ แต่จังหวะของรถที่กำลังเลี้ยวจนตัวเอนไปด้านหน้าหน่อย ๆ หรือเสียงของเครื่องยนต์และเสียงแอร์ถเบา ๆ แบบนี้คงไม่ได้นอนอยู่บนเตียงที่บ้านแน่ ๆ

ผมค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมอง…

สิ่งที่เห็นคือท่อนแขนของใครบางคน กับเสื้อยืดสีเทาที่คุ้น ๆ ว่าวันนี้ตัวเองเพิ่งจะขย้ำไปหยก ๆ

ผมขมวดคิ้ว

นี่ไอ้เต้ยเปลี่ยนมาใส่เสื้อสีเทาตั้งแต่ตอนไหน


ผมค่อย ๆ เงยหน้ามองด้านบน ทันทีที่เห็นเจ้าของแขน ผมรีบปล่อยมือแล้วเขยิบตัวออกห่างทันที

คำถามมากมายเกิดขึ้นตามมา

พี่เอกมาอยู่นี่ได้ยังไง

มาตั้งแต่เมื่อไหร่

แล้วไอ้เต้ยล่ะ หายไปไหน

ผมจ้องหน้าคนที่กำลังหลับสนิท

แล้วทำไมพี่เขาถึงได้ยอมให้ผมมานอนกอดแบบนี้ หรือว่าผมกอดเขา ตอนเขาหลับไปแล้ว?

ก้มมองตัวเองที่มีผ้าห่มห่มไว้อยู่ คิ้วผมขมวดมุ่น

ก่อนนอนไม่ได้ห่มไว้นี่ มองเบาะตัวเองอีกที มันถูกปรับจนเกิน 45 องศา ขนานกับเบาะที่อยู่ข้าง ๆ

ใครปรับให้?

หันไปมองพี่เอกอีกที พี่แกยังหลับสนิท ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ กลีบปากได้รูปปิดสนิท มีเสียงของลมหายใจเข้าออกบางเบา

รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาหน่อย ๆ

ไปจูบกับเขาแล้วยังมานอนกอดแขนเขาอีก ผมทิ้งตัวลงนอนอีกที แต่พลิกไปอีกด้าน หันหน้าเข้าหาหน้าต่างรถ ดึงผ้าห่มขึ้นมากอด

เอาน่ากาย เขาคงไม่รู้หรอก ว่าเราแอบเอาแขนเขามาทำหมอนข้าง




ผมหลับตาลงอีกครั้ง

ก่อนสะดุ้งเฮือกเมื่อรถจอดสนิทและได้ยินเสียงคนดังจอกแจกจอแจอยู่ด้านหลัง

อะไรกัน ผมเพิ่งหลับตาไปเมื่อตะกี้นี่เอง ถึงแล้วเหรอ

ผมกวาดมองไปรอบ ๆ มืดแล้วครับ แสงไฟจากหน้ารถส่องให้รู้ว่าตอนนี้ เรากำลังอยู่ท่ามกลางป่าเขา และมีชาวบ้านแต่งตัวด้วยชุดแม้วมายืนยิ้มแป้นรอรับ

คิดว่าเราน่าจะมาถึงที่หมายกันแล้วนะ ผมขยับตัวนั่งตรง ๆ หันไปมองเบาะข้าง ๆ

ว่างครับ..

หันไปมองคนอื่น ๆ เห็นแต่ละคน ลุกหยิบกระเป๋าสัมภาระทยอยลงจากรถกันแล้ว ผมมองเบาะหน้า เห็นพี่เป้กำลังพยายามปลุกไอ้เต้ยอยู่

ผมทึ้งผ้าห่มออกจากตัววางไว้บนเบาะ ลุกออกจากที่นั่งไปช่วยพี่เป้ปลุกไอ้เต้ยมันอีกแรง

รายนั้นขี้เซาขั้นเทพ


“พี่เป้ไปเถอะ เดี๋ยวผมปลุกเอง” ผมบอก เพราะเห็นพี่โอ๊คตะโกนเรียกให้ไปช่วยคุมเด็ก ๆ กันแล้ว พี่เป้พยักหน้า ก้าวขายาว ๆ กระโดดลงจากรถ


“ไอ้เชี่ยเต้ย ตื่น ๆ!!”

พอพ้นจากพี่มัน ผมก็กลายร่างทันที มือมีไม่ใช้ครับ บาทาอย่างเดียว

แล้วมันก็ได้ผล

แรง ‘ถีบ’ ที่ ไม่เบาทำเอาหัวมันไปชนกับกระจกรถเสียงดัง มันคงเจ็บ แต่ผมไม่สำนึก มันยังงัวเงียอยู่ ผมเลยถีบซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ อีกหลาย ๆ ที ให้มันตื่นเต็มตา

“ไอ้เชี่ยกาย! มึงปลุกกูเบา ๆ ไม่ได้รึไง ปลุกทีไร กูช้ำทุกที”

“จะให้เบาขนาดไหนล่ะ จูบปลุกเลยดีไหม”

“ไม่ต้องเลย กูขนลุก”

“เอ้า มึงจะได้รีบตื่นไง”

“ถ้ามึงจูบกูจริง กูจะหลับไม่ยอมตื่นเลย”

“ดีงั้นกูจะทำให้มึงตายอยู่ตรงนี้แหละ” ผมแกล้งโน้มหน้าไปหามัน มันหน้าตื่นรีบกระถดตัวถอยไปจนชิดกระจก

“เฮ้ย!! มึงอย่ามาบ้านะโว้ย! โดนพี่เอกพรากจูบแรกไปนิดเดียว มึงเบี่ยงเบนทางเพศเลยเหรอวะ”

ผมชะงัก

“มึงเลิกพูดเรื่องนี้ไปเลย ล้างสมองมึงด้วย มึงไม่เห็น มึงไม่ได้ยิน มึงไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น”  ผมชี้นิ้วอาฆาตมัน

คนที่ทำหน้าตื่น ๆ อยู่เมื่อกี้ ค่อย ๆ คลี่ยิ้มออก แล้วเปลี่ยนมาทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ผม

“หึ ๆ คงยากอะนะ เพราะมันติดตากู หน้ามึงนี่เคลิ้มเหมือนพวกนางเอกถูกพระเอกปล้ำจูบเลย”

“มึง!!” ผมชี้หน้ามัน

ตอนนี้บนรถเหลือแค่เราสองคน ผมเลยกล้าโวย ส่วนคนอื่น ๆ ลงไปยืนบิดขี้เกียจอยู่ข้างตัวรถนู้น

“มึงจะลืมไม่ลืม”

“ยากวะ นี่ถ้าเวลาเยอะกว่านี้นะ กูว่า กูคงได้ดูหนังเอ็กซ์แน่ ๆ” มันยังไม่ยอมจบ ผมเลยโบกหัวมันไปอีกทีแรง ๆ

“ไอ้กาย ไอ้ซาดิมส์ กูจะฟ้องพี่เอก”

ผมอ้าปากพะงาบพะงาบ

“พี่เขาไม่เกี่ยว”

“อ้าว ไม่เกี่ยวได้ไง เขาเป็นคนแรกของมึงเชียวนะโว้ย”

“พูดให้ดี ๆ นะมึง” ผมชี้หน้ามันอีกรอบ

“รึมึงจะเถียง ว่าพี่เอกไม่ได้เอาจูบแรกมึงไป”

ผมทำท่าอึดอึด เคยคบกับผู้หญิงมาบ้างก็จริง แต่ก็ยังไม่เคยเปิดซิงใครสักคน ทำมากสุดก็แค่จับมือถือแขน พอจะข้ามขั้นหน่อย ก็ดันมาเลิกกันซะก่อน

ก็อย่างว่าแหละนะ.. วัยรุ่น รักง่ายหน่ายเร็ว เพราะงั้นคนที่ได้จูบแรกผมไป ก็ไอ้พี่เอกนั่นแหละ

“มึงเลิกพูดได้แล้ว ลุก ๆ ๆ ๆ เขาลงไปกันหมดแล้ว”

“อายละสิมึง” มันล้อต่อ

“มึงจะนั่งแพล่มอยู่ตรงนี้ก็ได้นะ แต่กูไปละ”


ผมคว้ากระเป๋าด้านบนมาพาดไหล่ หันหลังเดินลิ่ว ๆ ลงจากรถ ได้ยินเสียงมันแซวตามหลังมาไม่หยุด พอเท้าผมแตะพื้นได้ครบสองข้าง ไอ้เต้ยมันก็กระโดดตุบลงมายืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยเหมือนกัน


เงียบครับ…

ผมกับไอ้เต้ยมองซ้ายมองขวา แล้วหันมามองหน้ากันเอง ตรงหน้าเงียบสนิท ไม่เห็นมีใครสักคน แล้วคนที่พากันยืนบิดขี้เกียจเมื่อกี้หายไปไหนกันหมดแล้ว

“คนหายไปไหนกันหมดวะเต้ย” ผมหันไปถาม มันส่ายหน้าปฏิเสธ

ช่วยกันทำมาหากินดีมากเลยนะมึง =*=

ผมเดินไปรอบ ๆ ตัวรถ ตอนนี้มีแค่รถสองคันใหญ่ ๆ จอดอยู่ และที่สำคัญ มันมืดมาก ผมไม่ได้กลัวความมืด แต่การอยู่ท่ามกลางป่าเขาที่เต็มไปด้วยเสียงหวีดร้องของเหล่าแมลงตัวน้อยดัง ลั่นไปหมดแบบนี้ มันก็น่ากลัวอยู่ไม่น้อย 

“ไม่มีใครอยู่เลย” ผมบอกหลังจากเดินสำรวจจนรอบ

ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลงป่า ถึงจะมีรถบัส แต่มันก็ไร้คนขับ ไฟในรถยังเปิดอยู่ แปลว่าคนขับคงไม่ได้ไปเตร่ที่ไหนไกล อาจไปเข้าห้องน้ำก็ได้

แล้วคนอื่นละ หายไปไหนกันหมด?

พวกผมสองคนมองซ้ายมองขวา รอบด้านมีแต่ป่ากับป่า มองไปทางไหนก็มืดสนิท

“เอาไงดี” ผมเริ่มใจเสีย

“ก็อยู่ตรงนี้แหละ รอพี่คนขับกลับมาแล้วค่อยถามทางเอาก็ได้”

ผมพยักหน้าเห็นด้วย แล้วพวกเราสองคนก็พากันนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ข้าง ๆ รถนั่นแหละ มันเงียบจริง ๆ น่ากลัวสุด ๆ ผมเป็นเด็กที่เติบโตจากเมืองที่มีแต่แสงสว่าง ไม่เคยถูกโอบล้อมด้วยความมืดจัด ๆ แบบนี้มาก่อน นอกจากจะกลับบ้านไปหาปู่กับย่าที่ต่างจังหวัดน่ะนะ แต่ที่นั่นมันไม่ได้เป็นป่าขนาดนี้

อยากร้องไห้ขึ้นมาดื้อ ๆ


เรานั่งฆ่าเวลาพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ จนผ่านไปร่วมชั่วโมง

“นี่พวกเราถูกลืมเหรอวะ” ผมพูดเสียงเบา

ไอ้เต้ยมันไม่ตอบครับ มันนั่งนิ่งตัวแข็งทื่อ ซ้ำยังกำเสื้อตรงสีข้างผมแน่น มันมองตรงไปข้างหน้า แต่ผมไม่ได้สนใจ กำลังรอคำตอบจากมันอยู่

“เต้ยเป็นไร”

มันนิ่งผิดปกติ

“กะ กะ กาย”

มันพูดได้แค่นั้น แก้วตามันสั่นระริกเหมือนกำลังหวาดกลัวอะไรสักอย่าง ผมเริ่มใจเสีย ค่อย ๆ หันไปมองสิ่งที่ทำให้มันหวาดกลัว

ไม่มีอะไรตรงหน้าครับ ผมหันไปมองไอ้เต้ยอีกที

“มีอะไร” ผมกลืนน้ำลายถามมันต่อ

“มะ เมื่อกี้ กูเห็นแสงไฟ เป็นดวง ๆ”

“ตาฝาด” ผมปรามทั้งที่ใจร่วงไปอยู่ตาตุ่มแล้ว

“คะ คงงั้น” มันค่อย ๆ คลายมือออก ก่อนจะกำแน่น ตาค้างยิ่งกว่าเดิม คราวนี้ผมเลือกที่จะหันช้า ๆ ไปมองสิ่งที่มันมองอยู่เอง

ผมรู้สึกเหมือนเลือดในตัวจะหายไปดื้อ ๆ เนื้อตัวเย็นเฉียบขึ้นมาฉับพลัน

ท่ามกลางความมืดตรงหน้า มีเงาเลือนรางของกิ่งไม้ที่กำลังพัดไหว และดวงไฟกระพริบแผ่ว ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ผมนั่งนิ่งไม่ต่างกับไอ้เต้ย

เดินทางมาตั้งไกล เพื่อมาให้กระสือป่าจับกินเนี่ยนะ

ผมนั่งตาค้าง กระทั่งกระสือที่ผมเห็นเริ่มมีเค้าโครงมากขึ้น ผมยังนั่งนิ่ง จนสิ่งที่เลือนรางนั้นชัดเจน

“เต้ย ทำไมมาอยู่ตรงนี้วะ เขาเข้าเต้นท์กันหมดแล้วนะ”

กระสือ กลายร่างเป็นพี่เป้สุดหล่อครับ ส่วนคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ ก็เป็นหัวหน้าที่รับผิดชอบกรุ๊ปนี้อีกที พี่เอกเดินทำหน้านิ่ง ๆ มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม

ซึ่งตอนนี้ เข่าผมอ่อนหมดแล้ว

“เต้ย” ไอ้พี่เป้เรียกอีกที หลังจากไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับจากมัน พี่เป้ย่อตัวลงมานั่งคุกเข่าใกล้ ๆ

“เต้ยเป็นอะไร” พี่แกถามเสียงนุ่ม

เป็นครั้งแรกครับที่ได้ยินแบบนี้ ปกติสองพี่น้องนี่จะว้ากใส่กันตลอด พอหันไปมองผมถึงได้เข้าใจ ไอ้เต้ยมันนั่งหน้าซีดเป็นไก่ต้ม พี่เป้เขย่าแขนมันอยู่สองสามที

พอรู้ตัวว่าคนข้างหน้าไม่ใช่กระสือแน่ ๆ มันถึงได้ผวากอดคอพี่มันแน่น

โหมดแบบนี้ผมไม่เคยเจอครับ พี่เป้ก็ดูจะอึ้ง ๆ ไม่แพ้กัน มือไม้แกเลยไปไม่ถูก ไอ้เต้ยตัวสั่นใหญ่ มันคงกลัวจริง ไอ้นี่มันยิ่งกลัวผีอยู่ด้วย ขนาดผมยังขาอ่อน มันคงสติเกือบหลุด

พี่เป้ทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ อยู่สักพัก ก่อนค่อย ๆ โอบลูบหัวลูบหลังปลอบปะโลมมันเบา ๆ

“ไม่เป็นไรนะเต้ย พี่อยู่ตรงนี้แล้ว”

ถ้าสติไอ้เต้ยเป็นปกติ มันคงอ้วกใส่ แต่ตอนนี้มันกอดคอพี่มันแน่น พี่เป้ลูบหัวลูบหาง ปากก็พร่ำบอกไม่เป็นไร พี่อยู่ตรงนี้แล้วตลอด

โหย จะนุ่มนวลไปไหม เหมือนไม่ใช่พี่เป้เลยแฮะ

ผมละสายตาจากภาพแปลก ๆ ด้านข้าง ไปมองคนที่ยืนจังก้าเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่ตรงหน้าผม

“พี่เอก” ผมเรียกได้แค่นั้น

“ไปกันได้แล้ว” พี่มันบอกเสียงเรียบ อยากจะลุกอยู่หรอกนะ แต่ขามันไม่มีแรงจริง ๆ พี่เอกขมวดคิ้วที่เห็นผมยังนั่งนิ่งเหมือนเดิม

“ลุกไม่ไหวรึไง”

แน่ะ หล่อแล้วยังฉลาดอีก

ผมเสหน้าไปทางอื่น เรื่องไรจะยอมรับ กว่าไอ้เต้ยจะรู้ตัว ผมคงมีแรงแล้ว


แต่ไอ้พี่เป้มันตัดความหวังผมครับ พี่มันฉุดไอ้เต้ยลุกขึ้นยืน อีกมือก็คว้ากระเป๋าไอ้เต้ยไปสะพาย เดินลิ่ว ๆ ลืมเพื่อนน้องชายอย่างผมไปเลย

ผมอ้าปากตาค้าง…

นี่ผมกำลังถูกเพื่อนที่กลัวจนหัวหดลืม แถมยังถูกพี่ชายเพื่อนสนิทลืมอีก


พี่เป้เดินไปไกลแล้ว เห็นเพียงแสงไฟลิบ ๆ ที่กำลังจะลาลับ ผมยังนั่งอยู่ท่าเดิม โดยมียักษ์ตัวหนึ่งยืนอยู่เป็นเพื่อน ยักษ์ตัวนั้นยืนกอดอก ทำหน้านิ่ง ๆ แต่คอเริ่มเอียง เขาเริ่มยาว เขี้ยวเริ่มงอก จ้องหน้าผมไม่วางตา คงกำลังรอดู ว่ารากที่ตูดผมจะงอกออกมาได้อีกกี่เซ็น

“อยากนั่งเล่นอยู่ตรงนี้ก็บอกสิ” มันพูดแค่นั้น แล้วหันหลังเดินจากไป

ผมรีบดันตัวลุกโดยเร็ว คว้ากระเป๋าวิ่งตามไปดึงเสื้อพี่มันไว้แรง

เสื้อตัวนี้โดนผมทำร้ายบ่อยจังแฮะ

มันยังไม่หยุดเดิน ทั้งที่ผมรั้งเสื้อมันไว้แรงจนยืด

เสื้อมึงแบรนด์เนมนะเว้ยเฮ้ย ถ้าขาดขึ้นมากูจะมีปัญญาใช้หนี้มึงคืนได้ไหม แม่กูไม่ได้รวย เป็นแค่นักเขียนธรรมดา ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังแบบมึงนะโว้ย

ขอเหอะ

เดินช้า ๆ รอกูหน่อย…

พี่มันคงได้ยินเสียงเพรียกจากผม มันถึงได้หยุดเดิน หันมาใช้สายตาพิฆาตจ้องกลับ ผมรีบคลายมือทันที แล้วพี่มันก็ออกเดินอีกครั้ง ผมหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ ก่อนรีบซอยเท้าไปเดินอยู่ใกล้ๆ แต่พอชิดมากไป ก็รีบถอยร่นออกมาเดินอยู่ห่าง ๆ โดยมีแสงสว่างจากไฟฉายอันเล็กจากมือพี่มันนำทางอันเดียว

งั้นกระสือที่กูกลัวนักหนาก็ไฟฉายกิ๊กก๊อกของมึงใช่ไหม ไหนว่ามึงรวย ไหง่ใช้ไฟฉายโบราณราคาอันละยี่สิบบาทแบบนี้วะ


รู้สึกวังเวงยังไงพิกล รอบด้านมันมืดสนิท เดินตามหลังก็รู้สึกเหมือนมีใครมาเดินตาม ได้ยินเสียงอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็หวาดผวา จะเดินนำหน้าก็ไม่รู้เส้นทาง แถมไฟฉายก็ให้แสงสว่างได้แค่นิดเดียว ขืนเดินนำ คงบังแสงหมด

ด้วยความหวาดกลัวจนขึ้นสมอง ผมเลยแบกเป้ไปเดินข้างๆ พี่มันแทน เดินแบบตัวติดกันเลย เพราะทางมันแคบ เส้นทางนี้เป็นทางเดินที่คนเดินกันบ่อย ๆ ไม่ใช่ถนนสำหรับคนเดินโดยตรง รอบด้านก็มีแต่ต้นไม้ใหญ่

คุณเคยเดินป่ากันตอนกลางคืนไหม ทั้งลำต้น กิ่งไม้และใบไม้ที่เคลือบความมืดเอาไว้ มักจะมีรูปร่างแปลก ๆ ที่ถึงเราไม่ต้องจิตนาการก็สามารถเห็นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้

ผมทั้งเบียดทั้งชิดทั้งเกาะแขนเกาะเสื้อพี่มันแน่น มันหันมามองผมแปลก ๆ

มึงอย่ามาสมเพชกูนะโว้ย!

ปล่อยให้กูสมเพชตัวเองคนเดียวก็พอ

ก็กูกลัว…

ขาพี่มันยาว เลยเดินนำลิ่วๆ ไปก่อน ในขณะที่ขาสั้น ๆ ของผมก็พยายามซอยเท้าเดินตามให้ทัน และเพื่อกันไม่ให้พี่มันเดินหนี ผมเลยขย้ำเสื้อมันไว้เป็นตัวประกัน

มึงก้าวไปไหนกูไปด้วย ถ้ามึงเดินเร็ว เสื้อมึงก็ขาด มึงเอากับกูดิ กูไม่ซื้อใหม่ให้มึงด้วย

…เพราะมันแพง

กูไม่มีปัญญา T^T

มันไม่ว่าอะไรครับ นอกจากเดินด้วยจังหวะที่ช้าลง
 

เดินกันไม่นาน ผมก็เริ่มเห็นแสงไฟเป็นดวงๆ พร้อมกับกองไฟขนาดใหญ่กลางลานกว้าง

ไม่ได้มีใครกำลังเล่นรอบกองไฟอยู่หรอก แต่เป็นไฟที่ชาวบ้านจุดเอาไว้กันพวกเสื้อสิงกระทิงแรดน่ะ อันนี้เป็นความรู้เบื้องต้น ที่ผมเคยอ่านเจอในหนังสือแนะนำตอนสมัคร

ผมมองซ้ายมองขวา พวกเพื่อน ๆ พากันจับกลุ่มคุยกัน วันนี้รุ่นพี่คงปล่อยให้พักหลังการเดินทางอันยาวนาน บางคนก็เอากีต้าร์มานั่งดีด เล่นกันเบา ๆ ครับ ให้เข้ากับบรรยากาศอันเงียบสงบของป่าเขาแบบนี้

พวกเรามาอยู่กันในหมู่บ้านเล็ก ๆ ครับ แต่นี่น่ะ เจริญสุดในบรรดาหมู่บ้านแถบนี้แล้วนะ ที่นี่ไม่มีอะไรเลย แม้กระทั่งไฟฟ้า ผมล้วงหยิบมือถือขึ้นมากดเช็คทั้งๆ ที่อีกมือยังจับเสื้อพี่เอกอยู่ ยึดเอาไว้ครับ เพราะตอนนี้ยังไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศไทย

เผื่อหลง จะได้ให้คนข้าง ๆ พากลับบ้านได้ถูก หึ ๆ

“ที่พักนายอยู่นู้น” ไอ้ยักษ์ตรงหน้ามันหันมาบอก ผมรีบปล่อยมือทันที แอบเช็คนิดหน่อย ว่าเสื้อขาดหรือเปล่า

ก็ผมยังไม่อยากจ่ายเงินหลายพันบาทเพื่อเสื้อตัวเดียวนี่น่า

พี่มันใจดีครับ เดินมาส่งผมถึงที่ แล้วพี่แกก็เดินไปดูแลเด็กคนอื่นๆ ต่อ ปล่อยให้ผมเดินหวาด ๆ เข้าไปในเต้นท์ขนาดใหญ่คนเดียว มีคนเยอะอยู่เหมือนกัน ผมพยายามมองหาเพื่อนตัวเอง

“ไอ้เต้ยมันหายไปไหนของมันนะ”

กวาดตามองหาอีกที แต่ไม่เห็นครับ สงสัยพี่เป้จะพามันไปพักด้วย ที่นี่มีหลายเต้นท์ ให้ไปมุดหาทีละเต้นท์ก็คงไม่ไหว

ผมหันซ้ายหันขวามองหาที่ว่าง เจออยู่ซอกหนึ่ง ริมสุดเลย ผมวางกระเป๋าไว้ จัดที่หลับที่นอนให้เข้าที่เข้าทางอีกนิดหน่อย (มีเพียงเสื่อ หมอนขนาดเล็กและผ้าห่มเท่านั้น) ก่อนล้มตัวลงนอน ถึงจะหลับมาตลอดทั้งเส้นทางบนรถแล้ว แต่มันก็ยังง่วงอยู่ดี น้ำเนิ้มไม่ต้องอาบหรอก เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นแล้ว นอนเอาแรงไว้ก่อนดีกว่า

ส่วนไอ้เต้ย ค่อยไปตามหามันอีกทีพรุ่งนี้ละกัน

..

..
              ..
ผมตื่นอีกทีตอนเช้า ไม่ต่างกับคนอื่น ๆ ในเต้นท์ ได้ยินเสียงจอกแจกจอแจรอบด้านเต็มไปหมด ผมลุกออกจากที่นอน คว้าเอาผ้าเช็ดตัวและแปรงสีฟันมาถือไว้ อย่าแปลกใจครับ ว่าทำไมผมเอาไปแค่สองอย่าง

เนื่องจากที่นี่เขามีกฎห้ามใช้สารเคมีทุกอย่างเพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติ พวกผมเลยต้องไปเอาอุปกรณ์การอาบน้ำที่เข้าเตรียมไว้ให้ด้านนอกครับ

ผมเดินหัวฟูออกมานอกเต้นท์ เห็นผู้คนพากันยืนบ้างนั่งบ้างจับเข่าคุยกัน แต่ละคนหัวหางยังฟูฟ่องอยู่เลย ลมเย็นๆ ยามเช้าโกรกปะทะผิวกาย อยากเปลี่ยนใจไม่ไปอาบน้ำขึ้นมาดื้อ ๆ

แต่ตัวเน่าสุดๆ ขืนไม่อาบ คงได้ทำงานแบบไม่สบายตัวแน่ ๆ

ผมเดินไปยังจุดที่มีป้ายเขียนเอาไว้ว่า ‘อุปกรณ์การอาบน้ำ’ ผมหยิบก้อนอะไรสักอย่างขึ้นมาส่องดู คาดว่าน่าจะเป็นสบู่ ก้อนมันเป็นสีดำๆ ขนาดเท่าสบู่จริง เนื้อมันสากๆ แต่กลิ่นหอมดี ยาสีฟันก็อยู่ในซองที่ทำจากใบไม้อะไรสักอย่างพับเหน็บกันไว้อย่างดี เนื้อในเป็นผงสีเขียว ๆ ไม่ต่างกับยาสระผม แต่สีจะอ่อนกว่ากันนิดหน่อย

ผมหยิบมาถือไว้ชุดหนึ่ง หันซ้ายหันขวามองหาที่อาบน้ำ จนหันไปเห็นป้ายที่ทำจากกระดาษ เขียนหนังสือตัวโต ๆ เอาไว้

‘ทางไปอาบน้ำชาย’

ผมกำลังจะเดินไปตามป้าย แต่เสียงใครบางคนหยุดขาเอาไว้ก่อน

“ไอ้กาย รอกูก่อน ขอกูไปเอาผ้าเช็ดตัวแป๊บ”

ผมหันไปมอง เห็นไอ้เต้ยมันมุดเข้าไปในเต้นท์ขนาดสองคนนอนห่างจากเต้นท์ผมอยู่เหมือนกัน

อ๋อ… มันนอนอยู่ที่นี่นี่เอง มิน่า หาไม่เจอ

ในระหว่างรอ ผมหยิบเจ้าก้อนสีดำขึ้นมาส่องอีกที

“ทำจากอะไรวะเนี่ย” ผมถามตัวเองเบา ๆ

“ทำจากขี้ควายน่ะ”

“เฮ้ย!!” ผมรีบโยนสิ่งที่อยู่ในมือทิ้งทันที หันไปมองคนพูด

พี่กิ๊ฟครับ

พี่แกยืนหัวเราะร่วน ที่คอมีผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พาดไว้ สาวห้าวแสนสวยมาในชุดเสื้อยืดสีดำพร้อมกางเกงยืนสีน้ำเงินซีด ๆ

“ฮ่า ๆ  พี่ล้อเล่น นั่นน่ะ เป็นมะขามกับมะเฟืองอัดก้อน”

“โธ่ ตกใจหมดเลย คิดว่าจะมีคนเอาอาหารของผมมาทำสบู่จริงๆ ซะแล้ว” เจอมุขผมเข้า พี่กิ๊ฟชะงัก ตามด้วยเสียงหัวเราะหนักยิ่งกว่าเดิม

“พี่อาบน้ำแล้วใช่ไหม” ถามไปทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้ว

ว่าแต่…

กูกับพี่เขาไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไรวะ

“อาบแล้ว อยู่ฝั่งนู้น ห่างกันหน่อย กันพวกผู้ชายไปส่องกระโจมอก”

ผมหัวเราะรับมุขแก ก้มหยิบเจ้าก้อนสีดำ ๆ ขึ้นมาจากพื้น

“หน้าตาประหลาดดีเนอะ”

“หน้าตาประหลาด แต่ใช้ดีนะ ใช้แล้วผิวสวยกว่าพวกสบู่สังเคราะห์ซะอีก”

ผมเบ้หน้า

“พอดีผมไม่ใช่พวกหนุ่มสำอางห่วงหล่อดูแลผิวซะด้วย”

พี่กิ๊ฟตบไหล่ปุ๊ ๆ

“ไม่แน่นะ ต่อไปนี้ นายอาจต้องเริ่มเป็นห่วงและดูแลตัวเองขึ้นมาแล้วก็ได้”

ผมมองหน้าพี่แกงง ๆ พี่กิ๋ฟยิ้มจนเห็นฟันขาวจ้องกลับ

“เพื่อสามีในอนาคตน่ะ”  พูดจบก็เดินลิ่วหายไปเลย ปล่อยผมให้ยืนมองอ้าปากตาค้าง

“เป็นอะไรมึง”

ไอ้เต้ยเดินเข้ามาตบไหล่เรียกสติผมดังป้าบ สงสัยมันจะแก้แค้นตอนผมปลุกมันเมื่อวาน

เล่นเอาซะเจ็บเลย…

“เปล่า รีบไปกันเถอะ กูเหม็นตัวเองว่ะ”

มันพยักหน้า แล้วเราสองคนก็พากันเดินตรงไปตามเส้นทางของธารน้ำ เมื่อคืนมันคงไม่ได้อาบน้ำเหมือนกัน เพราะยังใส่ชุดเดิมอยู่เลย


น้ำไม่ได้หนาวอย่างที่คิดครับ มันอุ่นๆ พวกผมก็เลยอาบน้ำกันได้อย่างสบายใจ สบู่นี่ไม่ได้เป็นแค่ราคาคุยแฮะ ขัดขี้ไคลออกดีพิลึก ผมว่าภูมิปัญญาชาวบ้าน บางทีก็ดีเลิศกว่าพวกนักวิทยาศาสตร์พร้อมห้องแล็ปราคาหลายสิบล้านเป็นไหนๆ

ผมลงไปนั่งแช่ในน้ำ พวกที่เหลือก็พากันกระโดดตู้มต้ามเล่นน้ำกันโหย่งเหยง อาบไปได้ร่วมชั่วโมง มือเริ่มซีด ปากเริ่มสั่น ถึงน้ำจะอุ่น แต่ลมก็โกรกแรงใช่ย่อย

ผมหันไปสะกิดไอ้เต้ยให้ขึ้น มันเองก็ซีดพอๆ กัน ท้องผมร้องแล้วด้วย หิวแล้วครับ ยังดีที่พวกเราไม่ต้องมานั่งทำกับข้าวกินกันเอง เพราะมีพวกชาวบ้านอาสามาทำให้ เป็นแบบบุฟเฟ่ ใครหิวก็ไปตักกินกันเอาเอง กินเสร็จก็ไปนัดรวมพลกันอีกที ตอนเก้าโมงเช้า

ตอนที่เรากำลังจะขึ้นจากน้ำ ผมเห็นพวกปีสี่พากันเดินมาอาบน้ำด้วย นำทีมโดยพี่โอมกอดคอมากับพี่มอ เห็นพี่มันบ่น ๆ ว่าไม่น่าจับแยกชายหญิงเลย ตามติดด้วยพี่เอกกับพี่เป้ แล้วก็มีพี่โอ๊คกับพี่ปิงรั้งท้าย (ในที่สุดผมก็จำชื่อแกได้แล้ว)

พวกพี่ๆ เขาไม่เห็นผมกับไอ้เต้ยมันหรอก เพราะเราสองคน เล่นกันอยู่โซนล่าง

ผมหยิบเสื้อยืดสีเทามาใส่ งานนี้ต้องใส่สีมืดๆ ครับ ไม่งั้นเลอะหมด แต่ไอ้เต้ยมันดันแหกกฎใส่เสื้อสีขาวมา

“มึงบ้าหรือเปล่า ใส่สีขาวมา เสื้อได้เลอะหมด” ผมด่ามัน

“กูไม่ได้จัดของเองนี่หว่า พี่เลี้ยงกูจัดให้ รายนั้นคงนึกว่ากูจะไปเข้าค่ายเรียนพิเศษ เลยจัดสีสว่างมาให้ทั้งกระเป๋าเลย”

ครับ ไอ้เต้ยมันเป็นลูกคุณหนู งานบ้านไม่เคยได้สัมผัส นอกจากเป็นทาสพี่มันอะนะ

“ยืมกูก่อนไหมล่ะ”

มันทำท่าคิด

“ก็ดี กูไม่อยากทิ้งเสื้อเหมือนกัน”

โซนล่างตอนนี้เหลือแค่ผมกับไอ้เต้ย ส่วนคนอื่นๆ ขึ้นกันหมดแล้ว พอใส่เสื้อผ้ากันเรียบร้อย ผมมองไปยังกลุ่มของพวกพี่ ๆ พวกนั้นมาอาบน้ำช้ากันน่าดู สงสัยจะตื่นขึ้นมาแล้วทำงานเลย หรือไม่…ก็เพิ่งตื่น

ผมพาดผ้าเช็ดตัวคล้องคอ ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นชายหนุ่มกึ่งซีเปลือยทั้งหก

อืม พวกพี่ๆ นี่หุ่นดีกันทุกคนเลยเนอะ แต่พี่เอกนี่หุ่นควายสุด ผมละสายตาจากแผ่นหลังกว้างกลับมาที่ไอ้เต้ยต่อ

“หิวแล้ว รีบไปกันเถอะ”
มันพยักหน้า สองเสือหิวถึงได้พากันเดินลัดเลาะไปยังอีกเส้นทาง

อย่าหวังว่าไอ้เต้ยมันจะไปทักพี่มันนะ

มันน่ะ…

หลีกได้เป็นหลีก ก็รายนั้นชอบแกล้งมันนี่น่า

“เย้ย!!”

ไอ้เต้ยถลาไปด้านหน้าเพราะแรงบาทาเปล่าๆ ของใครบางคน ผมรีบหันไปมอง เห็นพี่เป้ยืนยักคิ้วอยู่ด้านหลัง ตัวพี่แกเปียกมะลอก ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงบ๊อกเซอร์อยู่ตัวเดียว

“ไอ้พี่บ้า!! กลับไปอยู่ในน้ำได้แล้ว อย่าเลื้อยขึ้นมาบนบก” ไอ้เต้ยมันด่าพี่มันครับ ปากมันเจ็บใช้ได้

“กูก็ว่าจะกลับไปอยู่เหมือนกัน แต่ต้องเอาญาติกูลงไปด้วย” พูดจบไอ้พี่เป้มันก็ลากไอ้เต้ยที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จลงน้ำดังตู้ม พวกที่เหลือพากันหัวเราะร่วน

“ไอ้เป้ ไอ้เลว ไอ้ตัวตะกวด กูเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ไอ้เชี่ยนี่” โผล่พ้นน้ำมาได้มันก็ด่ากราด พี่มันหัวเราะใหญ่

ผมยืนห่างให้มากที่สุด หันหลังเตรียมจะเดินหนี เดี๋ยวคนในกลุ่มเกิดคึกอยากดึงผมลงน้ำด้วย มันจะไม่สุนทรี

สนุกขนาดไหนก็พอครับ มือซีดหมดแล้ว

“เดี๋ยวไอ้กาย! อย่าเพิ่งไป ปล่อยสิเว้ยเฮ้ยไอ้พี่เป้!! กูเล่นน้ำมาเป็นชั่วโมงแล้วนะ ตัวซีดมือซีดหมดแล้วเห็นไหม” ไอ้เต้ยมันหยุดผมไว้ แล้วมันก็หันไปบอกพี่มันต่อ มันยกมือให้พี่มันดู หน้าหงิกยิ่งกว่าอะไร

พี่เป้นิ่งไปนิดหนึ่ง มองมือมัน ก่อนก้มมองเนื้อตัวเพื่อดูว่าซีดจริงรึเปล่า แล้วพี่แกก็หยุดสายตาไว้ที่ช่วงอก

คงไม่ลืมกันนะฮะ ว่าไอ้เต้ยมันใส่เสื้อสีขาวมา พอเปียกน้ำ เสื้อมันก็ลู่น่ะสิ พี่เป้ขมวดคิ้วจนเป็นปม

“ทำไมใส่เสื้อขาวมา” พี่มันพูดเสียงเข้ม

“ไม่ได้จัดเอง”

“ขึ้นจากน้ำแล้วไปเอาเสื้อพี่มาใส่ ขืนใส่เสื้อขาวทำงานเดี๋ยวเลอะหมด”

หมดสิทธิ์ใส่แล้วละพี่ เปียกซะขนาดนั้น

“ไม่ต้องหรอก จะใส่ของไอ้กายมัน” ไอ้เต้ยมันพยักหน้ามาทางผม ผมยิ้มเจื่อน พยายามทำตัวให้เหมือนอากาศธาตุให้มากที่สุด

“ไม่ต้องไปรบกวนมัน กูเป็นพี่มึง มึงต้องใส่เสื้อกู” ไอ้พี่เป้มันบังคับ

“กูขึ้นก่อนละ” พี่เอกแทรกขึ้นมาเรียบๆ เดินดุ่ย ๆ ขึ้นจากน้ำ

ผมหันไปมองโดยไม่ได้ตั้งใจ พี่มันใส่กางเกงบอลตัวเดียว เนื้อตัวเต็มไปด้วยหยดน้ำเกาะพร่างพราวเต็มไปหมด ชอบทำหน้าเรียบ ๆ ติดจะเฉยชา แต่นั่นยิ่งขับให้พี่มันดูดีเข้าไปใหญ่

ดู ๆ ไป ก็เหมือนพวกนายแบบถ่ายชุดว่ายน้ำเลยแฮะ

“กูหิว กูไปก่อนนะเต้ย” ผมละสายตาจากพี่มันหันไปบอกไอ้เต้ย

“เดี๋ยว! ไอ้กายรอก่อน กูก็หิวนะโว้ย!”

“หยุดเลย ตัวมึงเปียกขนาดนี้ มึงต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกู” พี่มันดัก ไอ้เต้ยหน้างอทันที

“แล้วหมาตัวเองมันลากกูลงน้ำล่ะ”

“อ้าว แล้วก่อนหน้านี้ มึงบอกว่ากูเป็นตัวอะไรล่ะ”

“ตัวเหี้ยไง”

“อืม แล้วมึงเป็นอะไรกับกู”

“เป็นน้อง”

“โอเค มึงเป็นน้องกู เป็นน้องของตัวเหี้ย งั้นมึงก็ต้องเป็นตัวเหี้ยเหมือนกัน”

ไอ้ เต้ยอ้าปากค้างครับ ด่าอะไรไปเข้าตัวมันหมด มันรีบสะบัดตัวเดินดุ่ย ๆ ขึ้นบกทันที ตามติดด้วยไอ้พี่เป้ พี่มันคว้าผ้าเช็ดตัวมาห่อตัวไอ้เต้ยไว้ ส่วนตัวเอง ก็หันไปคว้าผ้าเช็ดตัวของใครสักคนมาเช็ดแทน

“ไหนบอกว่าหิว ทำไมยังไม่รีบไปอีก”

ผมสะดุ้งโหยงหันไปมองคนที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ พี่เอกยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า แต่คล้องผ้าเช็ดตัวไว้ที่คอ น้ำยังหยดติ๋ง ๆ จากเส้นผมตกลงพื้น ผมกระพริบตาปริบๆ จ้องมอง

คุณเคยเห็นประติมากรรมอะไรสักอย่างที่ดูดีสุดๆ ไหมละครับ ตอนนี้ผมกำลังมองมันอยู่

เส้นผมทั้งหมดถูกเสยไปด้านหลัง หยดน้ำใส ๆ เกาะจนเต็มใบหน้า แม้กระทั่งแผงขนตาก็ยังพร่างพราวไปด้วยหยดน้ำ

ผมจ้องหน้าพี่มันนิ่ง ๆ

ทำไมกูไม่เกิดมาหล่อแบบนี้บ้างวะ

“กาย”

ผมสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ความหล่อของพี่มัน กระเถิบถอยออกมายืนอยู่ห่าง ๆ

“ผมขอตัวละ” ก่อนรีบจ้ำพรวด ๆ เดินหนีมาแบบไม่เหลียวหลังกลับไปมอง



               TBC...



              Special Talk

              หวังว่าคนอ่านจะสนุก และมีความสุขกับนิยายเรื่องนี้บ้างนะคะ  :o8:

              Ps.. ตัวหนังสือ บางทีมันก็จัดชิด บางทีมันก็เคาะให้ ไม่รู้ทำไม  :serius2:

              Ps2.. เจอกันหน้าถัดไปคร้าบบบบบ  :impress2:
 
              Ps3..หุหุ ได้อิมเมจน้องกายกับน้องเต้ยแล้ว อยากจะบอกว่า กรี๊ดดดสุด ๆ ^^ ยังไม่รู้วิธีลงที่นี่ เพราะงั้น รอกันไปก่อน  o22

             
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 3 ท่ามกลางความมืด [Yaoi ♥[]♥ Boy's Love]
เริ่มหัวข้อโดย: iamoumm ที่ 09-02-2012 14:33:07
สนุกจังเลย อิอิ
มาต่อไวๆน้า สู้ๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 3 ท่ามกลางความมืด [Yaoi ♥[]♥ Boy's Love]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-02-2012 14:43:22
ท่าทางน้องกายจะต้องเตรียมตัวแบบที่พี่กิ๊ฟบอกซะแล้ว
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 3 ท่ามกลางความมืด [Yaoi ♥[]♥ Boy's Love]
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 09-02-2012 16:10:01
อร๊ายยยยยยยยย

ตอนที่สามมาแล้ว

แต่ยังไม่ทันในเว็บเลยอ่า

น้องกายกะน้องเต้ยนี่่น่ารักจริงๆ.....เต้ยนี่ให้อารมณ์คุณหนูมากกกกกกกกก :-[


เค้าบอกวิธีลงรูปไปทาง PM แล้วน้า ถ้าไม่ได้หรือไม่เข้าใจก็PMกลับมาก็ได้นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 3 ท่ามกลางความมืด [Yaoi ♥[]♥ Boy's Love]
เริ่มหัวข้อโดย: nan239 ที่ 09-02-2012 16:20:00
+1
สนุกมากค่ะรีบมาต่อนะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 3 ท่ามกลางความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: TO.EYEz ที่ 09-02-2012 17:36:27
กรี๊ดดดดดดดดด ด ด..
เข้ามากรี๊ดในนี้อีกรอบบ!! ๕๕๕๕๕
จะบอกว่าเรื่ิองนี้น่ารักมากๆ เพราะนายเอกน่าขยำน่าขยี้ กร๊ากกกกกกกก ก..
ชอบอ่ะ.. จะบอกว่า เรื่องนี้เป็นแนวๆเดียวกับเรื่องอื่นในเล้าเลยยย
และโดนใจสุดๆ อิพี่เอกแม่งเก๊ก แม่งนิ่ง แม่งหล่อ.. เอิ๊กส์
 o18
 
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 3 ท่ามกลางความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 09-02-2012 18:19:13
ตะลึงในความหล่อของพี่เอกขนาดนั้นเลยเหรอกาย
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 3 ท่ามกลางความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: greentea2598 ที่ 09-02-2012 19:35:22
สนุกเว๊ออออออออออออออออออออออออออออออ อ่ะ!!!!!!! o13 o13 o13 o13 o13
ไมุ่้ทำไมชอบชื่อพระเอกจัง ชื่อ 'เอก ' มันดูแม๊นแมนและแสนดี กรั่กๆๆๆๆๆ
มาต่อไวๆๆๆๆๆ นะฮะ รออยู่  :call: :call: :call: :call: :call: :call: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 3 ท่ามกลางความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: PrAeW ที่ 09-02-2012 20:40:56
เรื่องนี่สนุกดี
ชอบๆๆๆ
พี่เอกนี่นิ่งได้อีกนะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 03 : ท่ามกลางความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: อ้ายหมี :) ที่ 09-02-2012 23:45:58
อ่าวจบตอนเเล้วหรอ ช็อค ! !  :a5:

อ่านเพลินไปนิส สู้ๆ จะ เเต่งได้เพลินมากๆ  o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 03 : ท่ามกลางความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 10-02-2012 00:18:52
เสร็จพี่เอกแน่
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 03 : ท่ามกลางความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: eyeaptchy ที่ 10-02-2012 06:47:03
สนุกมากเลยยยยยยยยยยยยยยยย > <
ชอบกายกับเต้ยมากกกก พี่เป้ก็ด้วย โอ้ยยยยย
ติดตามค่ะๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 03 : ท่ามกลางความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: namwaan1992 ที่ 10-02-2012 07:12:55
หนุกมากอ่ะๆ  ><
  ต่อเลยนะ ^^
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 03 : ท่ามกลางความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: kiyomaro ที่ 10-02-2012 10:44:56
สนุกจ้าาาาาา

รออยู่นะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 03 : ท่ามกลางความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 10-02-2012 11:30:49
งานนี้ไม่รอดแน่ๆ น้องกาย  :z1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 03 : ท่ามกลางความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 10-02-2012 13:27:12
สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 03 : ท่ามกลางความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 11-02-2012 19:07:25
ชอบกายกับเต้ยมากๆๆๆๆๆ  น่ารักอ้ะ พี่เอกด้วยอ้ะ นั่นคิดจะทำอะไรค่ะ   :impress2: :impress2:
น้องเต้ยกับพี่ชายนี่ ดูเหมือนจะทะเลาะกันได้ตลอด แต่จริงๆ แล้วรักกันมากอ้ะ อยากได้พี่ชายแบบนี้บ้างจัง   :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 03 : ท่ามกลางความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: ping2226 ที่ 11-02-2012 23:55:58
อ่านจบตอนนี้ละ น่ารักอ่ะ อยากอ่านต่ออีกแล้วคร้าบบบ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 03 : ท่ามกลางความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: Orange151987 ที่ 12-02-2012 15:00:32
 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 03 : ท่ามกลางความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: LifePo-YuGu ที่ 12-02-2012 15:33:57
มาอัพเร็วน่ะ รออยู่จร๊าา

น่ารักมากอ่ะ....ชอบ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 03 : ท่ามกลางความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: Koyy ที่ 12-02-2012 16:50:03
ชอบอ่ะ

รออยู่นะคะ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 03 : ท่ามกลางความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: bytoey ที่ 12-02-2012 19:27:52
 :-[ o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 03 : ท่ามกลางความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: thun39 ที่ 12-02-2012 22:24:16
ขอติดตาม
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 04 : มื้อแรก [เอก...☼] [Yaoi ♥[]♥ Boy's love]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 14-02-2012 15:32:29
Kiss Love ♥ [04] มื้อแรก
[เอก...☼]
                                       


 


ผมมองตามแผ่นหลังที่ก้าวห่างออกไปเรื่อย ๆ ของมัน…

ไอ้เด็กนี่มันเอ๋อรึเปล่า?

“ติดใจหรือวะเอก”
ไอ้มอมันพูดกวน ๆ ผมหันไปมองหน้ามัน

“หยุดคิดไปเลย”

“อ้าว กูจะไปรู้ไหมล่ะ ก็ตอนเล่นเกมเมื่อวาน มึงเล่นจูบน้องเขาซะจนเข่าอ่อน แล้วเมื่อคืน กูก็เห็นมึงจูงน้องเขาเข้ามาด้วย”

“กูไม่ได้จูง มันเกาะเสื้อกูมาเอง” ผมแก้ ไอ้นี่ มาพูดจาชักใบให้เรือเสีย
 
“แต่กูถือว่ามึงจูง เพราะถ้ามึงไม่ชอบจริง ๆ มึงคงสลัดทิ้งไปแล้ว ไม่ปล่อยให้มันจับมาจนถึงที่พักขนาดนั้นหรอก”

“มึงเห็นหน้ากูไหม”
ผมชี้หน้าตัวเองให้เพื่อนดู มันพยักหน้า
 
“กูหล่อ กูรวย กูเลยนิสัยดีพามันไปส่ง”
 
ไอ้พวกที่อยู่ในน้ำพากันโก่งคออ้วกเป็นทิวแถว

“ถุ้ย!! แม่งหลงตัวเอง พูดดีไปเหอะมึง อย่าไปติดใจน้องเขาละกัน”

“ไม่มีทาง”
ผมตอกกลับ เลิกสนใจมัน หันมายกผ้าเช็ดตัวเช็ดหัวตัวเองแทน มองไปยังไอ้สองพี่น้อง ไอ้เป้มันพยายามห่อตัวน้องมันด้วยผ้าเช็ดตัวสองผืน ผมขมวดคิ้วมอง อากาศก็ใช่จะหนาวมากมาย มันจะห่อทำไมขนาดนั้น
 
ไอ้เต้ยมันดึงผ้าเช็ดตัวออก ผมถึงได้เห็นว่าเสื้อมันบางแล้วก็แนบเนื้อขนาดไหน ไอ้เป้รีบดึงผ้ามาห่อไว้เหมือนเดิม มันทำหน้าดุ ๆ ปราม ไอ้เต้ยหน้าบูด จำยอมห่อตัวเองไว้เหมือนเด็กอย่างช่วยไม่ได้

มึงนี่อาการหนักนะเป้

 
ผมหยิบเสื้อกับกางเกงมาใส่เตรียมพร้อมสำหรับเริ่มงานวันแรก พวกเรามีเวลากันแค่สามวัน ต้องเร่งมือกันหน่อย
 
“กูไปก่อนล่ะ”
ผมบอกพวกมันแล้วเดินกลับไปก่อน เป็นหัวหน้าต้องดูแลหลายอย่าง จะทำเล่นๆ เหมือนพวกมันไม่ได้
 
ที่สำคัญ หิวแล้วด้วย
 

 

ผมเดินไปยังโซนอาหารที่พวกชาวบ้านเขาทำไว้ให้ จานชามที่นี่จะทำจากใบตองทั้งหมด ป่าเขาแบบนี้ จะให้ไปหาถ้วยชามจำนวนเยอะ ๆ มารองรับพวกเราคงยาก ขนมาทั้งหมู่บ้านก็ยังไม่พอ หัวหน้าหมู่บ้าน เลยต้อนพวกผู้หญิงมานั่งพับใบตองทำเป็นชามให้พวกเราแทน
 
ผมหยิบขึ้นมาส่องดู มันแข็งแรงใช้ได้ ทำง่าย ๆ ครับ แค่ฉีกเอาใบตองมาซ้อนกันสองชั้น หักมุมแต่ละด้านสี่ด้าน แล้วกลัดด้วยไม้แหลม ๆ ที่ทำจากไม้ไผ่คล้ายเข็มอีกที (เคยอ่านเจอในหนังสือน่ะ)
 
ผมตักข้าวใส่ งานนี้คงต้องวนสักสี่ห้ารอบถึงจะอิ่ม พอตักข้าวจนพูนก็หันไปตักแกง กับข้าวส่วนใหญ่ทำจากผักที่ชาวบ้านแถวนี้ปลูกกัน ส่วนเนื้อสัตว์ที่เห็นก็มีแค่เนื้อปลากับเนื้อไก่เท่านั้น

ผมกำลังจะเอื้อมไปหยิบทัพพีแกงส้ม เป็นจังหวะเดียวกับที่ใครอีกคนยื่นมาจับด้วย สองมือชะงัก ผมหันไปมอง พอ ๆ กับที่มันหันมามองเหมือนกัน

“พี่เอก”
มันเรียกผมเสียงเบา ผมละมือออกปล่อยให้มันตักก่อน มันทำหน้าอึกอัก แต่ก็ยอมหยิบทัพพีตักแกงส้มใส่ถ้วยมันเอง

“พี่ชอบเนื้อหรือผักมากกว่ากัน”
มันถาม ผมมองหน้ามันงง ๆ

“เนื้อ”
พอผมพูดจบ มันก็ควานหาเนื้อปลาในหม้อแล้วตักขึ้นมาค้างไว้ปากหม้อ ผมมองงงๆ มันพยักหน้ามาทางถ้วยข้าวผมนิดหนึ่ง ผมเลยยื่นถ้วยไปใกล้ แล้วมันก็ราดลงบนถ้วยข้าวผม 
 
“ขอบใจ”
ผมบอกมันแค่นั้น
 
มันวางทัพพีลง แล้วหันไปตักแกงอย่างอื่น โดยไม่สนใจผมอีกเลย ผมก็ไม่คิดจะสานอะไรต่อ

ตอนแรกว่าจะยืนกิน แต่เด็กมันเยอะ ผมเลยเดินไปหาที่นั่ง เจอว่างอยู่ที่หนึ่ง ใต้ร่มไม้ เลยเดินไปทิ้งตัวลงนั่ง แล้วก็ตักข้าวกิน
 
ไอ้คนที่ตักแกงส้มให้ผม มันยืนหันรีหันขวาง คงหาที่นั่งเหมือนกัน จริง ๆ จะนั่งกินตรงไหนก็ได้ ถ้าด้านพออ่ะนะ แต่เวลาเกือบเก้าโมง แดดอย่างเปรี้ยง เพราะงั้นหาที่ร่มกินจะเวิร์คกว่า
 
มันหันมาทางผม ทำท่าชั่งใจ ก่อนเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ แล้วต่างคนก็ต่างกินข้าวกันไปเงียบ ๆ

“พี่กินแค่นั้นอิ่มเหรอ”
มันถาม ผมหันไปมอง

“ไม่หรอก คงอีกสักสี่ห้าถ้วย”

มันชะงักช้อนจ้องผมตาค้าง
 
“คนรึควายกิน”

ดูปากมันครับ ผมหน้าหงิกทันที ถึงยังไงมันก็เป็นรุ่นน้อง มาพูดแบบนี้วอนจะโดนตบกะบาลไม่รู้ตัว
 
“ขอโทษฮะ งั้นเดี๋ยวผมไปตักมาให้อีกถ้วยละกัน”
มันรีบหนีความผิด ชิ่งไปหยิบถ้วยใบตองแล้วตักข้าวมาซะพูน
 
มึงใส่ข้าวมาซะขนาดนั้น แล้วมึงจะราดแกงยังไง
 
มันหันไปหยิบถ้วยเปล่าอีกสี่ใบ เพิ่มข้าวพูน ๆ มาอีกหนึ่งถ้วย ที่เหลือเป็นกับข้าวอย่างละถ้วย มันหันไปหยิบถาดที่วางอยู่ไม่ไกล ยกของทั้งหมดใส่ถาด เดินตรงมาที่ผม
 
“เดินรอบเดียวจบ”
มันบอกแค่นั้น แล้วหันไปหยิบถ้วยข้าวของตัวเองกินต่อ ผมมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้างง ๆ

คิดไม่ถึงเหมือนกันแฮะ วิธีนี้

“ขอบใจ”
ผมบอกมันเสียงเรียบ อย่าไปแสดงความโง่ให้มันเห็น
 
เดี๋ยวหมดหล่อ…
 
พอผมพุ้ยข้าวในถ้วยของตัวเองหมดก็ตักข้าวในถ้วยข้าวเปล่าพูน ๆ ใส่ถ้วยตัวเอง แล้วตักแกงมากิน ผมหันไปเห็นข้าวมันจะหมดถ้วยแล้ว เลยทำตัวเป็นพี่ที่ดี ยกถ้วยข้าวเปล่าที่ผมตักเหลือเมื่อกี้ให้มัน

มันจ้องกลับงง ๆ
 
“ทานด้วยกันสิ แค่นั้นคงไม่อิ่ม”
ถึงมันจะไม่กินเยอะขนาดผม แต่ถ้วยเดียวคงไม่พอเหมือนกัน

“กินเยอะ ๆ วันนี้ต้องใช้แรงเยอะ”
ผมสำทับอีกรอบ
 
มันพยักหน้าเข้าใจ ตักข้าวไปใส่ถ้วยมันพอประมาณ ผมวางถ้วยข้าวเปล่าไว้ที่เดิม แล้วเราสองคนก็นั่งกินกันไปเงียบ ๆ
 


“เคร้ง!!”
สองช้อนชนกันตอนกำลังจะตักแกงส้ม สงสัยมันจะชอบเหมือนผม มันเปลี่ยนทิศทาง เลื่อนจากแกงส้มไปที่ผัดฟัก ส่วนผมก็ตักแกงส้มมากินเหมือนเดิม
 
“แหม สองคนนี้มานั่งสวีทกินข้าวด้วยกันสองคนไม่ชวนเลยนะ”
 
ผมหันไปมองเจ้าของเสียงพูดเพราะ ๆ แต่ความหมายไม่รื่นหูของไอ้เพื่อนตัวดี

“พี่กิ๊ฟมาทานด้วยกันซิฮะ”
ไอ้ตัวเล็กข้างผมมันชวน
 
“ไม่ละ ไม่อยากขัดคนกำลังสวีทกัน”
พูดแค่นั้น แล้วมันก็เดินจากไป
 
ไอ้เพื่อนเวร แค่มึงก้าวเข้ามา มึงก็ขัดการกินอันราบรื่นของกูแล้ว เจ้าตัวเล็กข้างผมรีบพุ้ยข้าวเข้าปากจนแก้มโย้ ขย้ำถ้วยข้าวในมือลุกขึ้นยืน
 
“ผมไปก่อนละ ต้องไปหาเสื้อให้ไอ้เต้ยมันใส่อีก”
มันรีบเดินลิ่ว ๆ หายไปทันที
 
ผมกลับมานั่งกินข้าวเงียบ ๆ อีกที

เมื่อกี้นี้ นั่งกินข้าวเงียบ ๆ

แต่มันไม่รู้สึกเงียบ…
 
แต่ตอนนี้ นั่งกินข้าวเงียบ ๆ

แต่รู้สึกมันโคตรเงียบเลย…

 
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ผมซัดข้าวที่ไอ้ตัวเล็กจัดมาให้จนหมดไม่เหลือแต่แม้แต่เศษน้ำแกง รวบเก็บใบตองเปล่าเอาไปทิ้ง
 
ตรงนั้นมีกลุ่มเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อายุประมาณห้าหกขวบ แต่งชุดแม้วมานั่งเขี่ยดินเล่นกันอยู่ ผมยิ้มให้ ลูบหัวเล็กของเด็กคนหนึ่งเบา ๆ
 
เจ้าตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองงง ๆ แผงขนตางอนยาวกระพริบปริบ ๆ ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมนึกถึงดวงตาของใครบางคน เพราะแทบจะทุกครั้งที่ผมเห็น มันจะกระพริบตาแบบนี้ทุกที
 
เหมือนมันจะงง ๆ มึน ๆ หรือเอ๋อ ๆ ยังไงบอกไม่ถูก ผมอมยิ้ม เดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ










เก้าโมงตรง ทุกคนมารวมตัวกันกลางลานกว้าง มีชาวบ้านมาร่วมด้วยสี่ห้าคน ที่เหลือก็ไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัว รอบ ๆ เต็มไปด้วยเด็ก ๆ ชาวเขาที่มาให้กำลังใจกัน เพราะอีกไม่นาน เด็ก ๆ เหล่านี้ก็จะมีโรงเรียนเป็นของตัวเองแล้ว

 
ผมแบ่งงานให้เพื่อน ๆ นำเด็ก ๆ ในกลุ่มของตัวเองไปทำหน้าที่ ผมกับไอ้เป้แผนกก่อสร้างหลัก ไอ้โอมกับไอ้มอไปจัดหาอุปกรณ์และวัตถุดิบเพิ่ม (พอดีของขาดเยอะ) ไอ้โอ๊คกับไอ้ปิงไปจัดการเรื่องโต๊ะเก้าอี้ ส่วนพวกผู้หญิงดูแลรายละเอียดและคอยสนับสนุนผู้ชายไป
 
ผมต้องทำหน้าเข้ม เสียงดุ ตะโกนโหวกเหวกโวยวาย เพื่อให้พวกเด็ก ๆ เร่งงานตามคำสั่ง ยิ่งยืดเยื้อ คนที่เหนื่อยก็ตัวผมนี่แหละ ใครจะหาว่าผมโหดก็ช่าง
 
ถ้าทำให้งานออกมาดี…

ผมยอม

พวกชาวบ้านเขาถางพื้นที่ไว้ให้แล้ว พวกเราแค่ปรับเกลี่ยดินให้เรียบร้อย และลงมือก่อสร้างได้เลย อุปกรณ์มีไม่เยอะครับ ส่วนมากก็ขนมาจากกรุงเทพนั่นแหละ

พอวัดพื้นที่กันเรียบร้อย แผนกขุดอย่างผมก็คว้าจอบอันใหญ่ไปลงมือเจิมหลุมเพื่อปักเสาทันที

 เราทำโรงเรียนกันแบบง่าย ๆ มีเพียงตึกเดียว สร้างคล้าย ๆ กับโรงอาหารขนาดใหญ่ เน้นกว้าง กันแดดกันฝน หน้าต่างแบบบานยกค้ำ (ง่ายและประหยัดงบดี) หลังคากระเบื้อง (อันนี้มหาลัยเราออกให้) กำแพงจากไม้ พวกโต๊ะ เก้าอี้ กระดานดำและชั้นหนังสือ พวกเราก็ต้องมานั่งทำเองกันหมด รวมไปถึงห้องน้ำ และโรงอาหารขนาดเล็กด้วย
 
มันคงจะดูรก ๆ เก่า ๆ เน่า ๆ สำหรับคนเมือง แต่สำหรับชาวบ้านที่นี่แล้ว สิ่งที่ได้ คือสมบัติล้ำค่าเลยแหละ
 
กว่าจะได้แต่ละหลุม เหงื่อผมไหลแทบหมดตัว พวกสาว ๆ ก็พากันแวะเวียนเข้ามาเสิร์ฟน้ำไม่หยุด ค่อยหายเหนื่อยหน่อย ผมตั้งหน้าตั้งตาขุดไปเรื่อย ๆ พอเสร็จหลุมแรกก็ไปต่อที่หลุมสองและสามอยู่อย่างนั้น
 
ผ่านไปไม่รู้นานแค่ไหน ผมรู้แค่ว่า แดดมันตรงกะบาลแล้ว ขุดมากมือเริ่มช้ำ แม้ว่าจะใส่ถุงมืออย่างหนาก็เถอะ เหงื่อเหง่อหน้าหน้อมอมเป็นลูกหมา ดีที่พวกสาว ๆ เอาผ้าเย็นมาเช็ดให้ตลอด หน้าถึงได้ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง
 
“พี่เอกคะ เช็ดหน้าหน่อยไหม”
 
ผมหันไปมองคนเรียก ไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร แต่คิดว่าน่าจะอยู่ปีสอง ผมพยักหน้า ยืนค้ำจอบยื่นหน้าเปื้อน ๆ ไปให้

ได้ยินเสียงกรี๊ดของพวกผู้หญิง ผสานเสียงโห่ของพวกผู้ชายดังมาเป็นทาง ผมไม่ได้สนใจอะไรมาก พอหน้าสะอาดก็ลงมือขุดต่อ
 
ต้องปล่อยให้สาว ๆ รอกันไปก่อน เสร็จงาน ค่อยว่ากัน

 


“พี่เอก พักก่อนก็ได้นะคะ เที่ยงกว่าแล้วนะ”
สาวน้อยคนเดิมพูด ผมเงยหน้าขึ้นมองพระอาทิตย์ วันนี้ไม่ได้พกนาฬิกาครับ กลัวมันเสีย
 
ผมพยักหน้าวางจอบไว้ที่พื้น ถอดถุงมือทิ้งไว้ข้างจอบ
 
“พี่เอกคะ”
สาวน้อยแก้มแดงนิด ๆ ยืนบิดหน่อย ๆ เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง
 
“ไปทานข้าวด้วยกันไหมคะ”

ผมมองคนตรงหน้า น้องหน้าตาน่ารักใช่ย่อย ช่วงพักเที่ยง ได้กินข้าวกับสาวสวยก็ดีไปอีกแบบ ผมพยักหน้า เดินตามน้องไป
 
แต่ยังไม่ทันจะถึงหม้อข้าว แขนผมก็โดนใครบางคนกระชากให้หยุด
 
“โทษทีน้อง พอดีพี่ต้องการเพื่อนพี่ไปคุยเรื่องงานนิดหน่อย”
 
ไอ้กิ๊ฟครับ มันลากผมเดินลิ่ว ๆ หนีน้องมา ไอ้นี่หน้าหวานแต่ดันแมนแตก วันนี้มันก็ลงมือขุดดินด้วยตัวเอง แก้มขาว ๆ ของมันแดงปลั่งไปหมด
 
“มึง กูจะกินข้าวกับสาว ๆ”
ผมรีบค้าน มีหญิงมาให้ท่าถึงที่เชียวนะโว้ย กูทำงานมาเหนื่อย ๆ ขอรางวัลให้กูหน่อยสิ

“มึง เรื่องหญิงเอาไว้ทีหลัง เรื่องงานต้องมาก่อน”
 
“มีอะไร”
ผมขมวดคิ้วถามกลับ ท่าทางแบบนี้คงไม่ได้พูดเล่นแน่ ๆ
 

พอไปถึง ก็เห็นพวกมันนั่งทำหน้าเครียด ผมกวาดมองไปรอบ ๆ มีกับข้าวสามอย่างวางเรียงกันเป็นแถวอยู่บนโต๊ะ (พวกมันเพิ่งทำกันเมื่อเช้า) แต่ละคนมีถ้วยข้าวประจำตำแหน่ง แถมยังมีปีสองโผล่มาด้วยสองคน ไม่ต้องเดาครับว่าใคร หนึ่งในนั้นเป็นน้องไอ้เป้ ส่วนอีกคนก็คนที่ตักข้าวให้ผมเมื่อเช้านี้แหละ
 
มันเหลือบตามองผมนิดหนึ่ง แล้วก้มหน้าลงไปกินต่อ

ผมทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามมันซึ่งเป็นที่นั่งข้าง ๆ ไอ้กิ๊ฟ มันเลื่อนถ้วยข้าวที่ตักไว้เผื่อมาตรงหน้า ในขณะที่ปากมันก็พูดไป

“ตอนแรกเราติดต่อเพื่อซื้อไม้จากหมู่บ้านข้าง ๆ แต่ไม่รู้ติดต่อกันอีท่าไหน พอไปเอาเข้าจริง ๆ เขากลับไม่มีของให้ พวกเราคงต้องหาไม้กันใหม่”

ผมขมวดคิ้วทำท่าคิด ก่อนพยักหน้าเห็นด้วย

“แล้วมึงจะให้กูไปดูด้วยตัวเอง หรือจะให้ใครรับผิดชอบ”
ผมปรึกษา
 
“มึงนั่นแหละ ไปกับไอ้เป้มัน เพราะมันรู้เรื่องไม้ดีกว่าใคร”
ไอ้อ้อยเลขาผมเป็นคนเสนอ ผมพยักหน้า งานนี้ถ้าหาไม้ไม่ได้ก็สร้างโรงเรียนไม่ได้
 
“พวกมึงรีบกินแล้วรีบไป กูติดต่อหารถให้แล้ว”
ไอ้อ้อยมันบอกต่อ
 
ผมรีบตักข้าวเข้าปากด้วยความรวดเร็ว
 
แน่นอนครับ มื้อนี้คงต้องสี่ถ้วยเหมือนเดิม…

 
“กินเยอะ ๆ สิ ต้องใช้แรงเยอะนะ”
ไอ้เป้มันบอกน้องมัน มือก็พุ้ยข้าวใส่ถ้วยน้องมันจนล้น
 
“กูไม่ได้กระเพาะควายเหมือนมึงนะ”
ไอ้เต้ยมันเถียง
 
“เอาเถอะมึงเป็นน้องของควาย มึงก็ต้องทำตัวควาย ๆ เหมือนพี่มึง กินให้หมด ตัวจะได้โต ๆ”

ไอ้เต้ยทำหน้าเซ็ง คุ้ยตักข้าวกิน แต่พอพี่มันเผลอ มันก็แอบตักไปให้เพื่อนมัน เจ้าตัวเล็กหันไปมองเพื่อนตาเขียว
 
“ไอ้เต้ย” มันกระซิบใส่เพื่อนเสียงเบา “กูกินไม่หมด อิ่มจะตายอยู่แล้ว”
 
ไอ้นี่มันก็รู้นะ ไม่โวยวายให้ไอ้เป้รู้ 

“ช่วยกูหน่อยดิ กูไม่อยากถูกฆ่า”
 
มันอ้าปากจะเถียง ก่อนจะหุบลง แล้วตั้งหน้าตั้งตากิน มันเหลือบตามองผมนิดหนึ่ง ก่อนหลุบเปลือกตาลงไปนั่งกินต่อไม่สนใจผมอีกเลย
..

..

..

..

..

ตามคาดครับ มีไอ้เป้ที่ไหน ก็ต้องมีไอ้เต้ยที่นั่น มันยังไม่วายลืมคีบน้องมันมาด้วย อยู่บ้านไม่เท่าไหร่ แต่พอมาค่าย มันติดน้องมันหนักยิ่งกว่าเดิมอีก สงสัยกลัวน้องมันหลงป่า
 
รถกระบะมีแค็ปเก่า ๆ เน่า ๆ สีเป็นสนิมซะส่วนใหญ่ ตอนนี้มันบรรจุสิ่งมีชีวิตตัวผู้ทั้งหมดสี่ตัว ผม ไอ้เป้ ไอ้เต้ย และแน่นอน ว่ามีไอ้เต้ยอยู่ที่ไหน ไอ้ตัวเล็กก็ต้องอยู่ที่นั่นด้วย

“มึงจะลากกูมากับมึงทำไมอ่ะเต้ย กูกำลังช่วยเขาอยู่”
 
“ถ้ามึงจะด่ากู มึงต้องด่าพี่กู เพราะมันลากกูมาก่อน”
 
พวกมันสองตัวนั่งเถียงกันอยู่ที่แค็ปด้านหลัง โดยมีผมเป็นคนขับและไอ้เป้นั่งข้าง ๆ
 
“พี่มึงลากมึง ไม่ได้ลากกู” 

“กูไม่อยากมาคนเดียว”
 
“คนเดียวที่ไหนพี่มึงก็อยู่”
 
“เหรอ กูคิดว่ามันเป็นหมีควายซะอีก”
มันจงใจแขวะเสียงดัง

ผมหัวเราะหึ ๆ จนไอ้เป้หันมาด่าทางสายตา มันไม่เถียงครับ เพราะกำลังดูรายละเอียดที่ไอ้กิ๊ฟจดให้มาอยู่
 
ไอ้นี่มันจริงจังเวลาทำงานพอ ๆ กับผมนั่นแหละ…

“เอาน่า กูเลี้ยงขนมมึงก็ได้”

พวกมึงอายุกี่ขวบกันวะ ง้อกันด้วยขนมเนี่ยนะ ไอ้ตัวเล็กมันคงจะยอมหรอก
 
“มึงสัญญาแล้วนะ”

 แต่มันก็ยอม = =

“เอ้อก็ได้”
 แล้วพวกมันสองคนก็คุยกันงุ้งงิ้ง ในขณะที่ผมกับไอ้เป้ปรึกษากันเรื่องงานไป
 

เราต้องขับรถไปอีกหมู่บ้าน (ซึ่งตอนมาผมเห็นแล้วว่าอยู่ตรงไหน) เพื่อไปรับชาวบ้านคนหนึ่งเป็นคนนำทางไปโรงไม้

บอกตามตรง ขุดดินว่าเหนื่อยแล้ว การต้องวิ่งไปหาชาวบ้านที่คุยภาษาไทยได้บ้างไม่ได้บ้างนี่ยากยิ่งกว่า พวกเราวิ่งวุ่นกันอยู่ค่อนวันถึงหาไม้ได้ กว่าจะไปถึง เขาแทบจะปิดโรงไม้กลับบ้าน
 
ยังดีที่คุณลุงเจ้าของแกใจดี แกเป็นไทยแท้ พอบอกว่าจะเอามาสร้างโรงเรียนให้น้อง ๆ ก็ลดแลกแจกแถมใหญ่ แต่ก็ไม่มาก เพราะแกก็ชาวบ้านธรรมดา ยังต้องค้าขายเพื่อเลี้ยงครอบครัวอีก (ตอนไปถึงเห็นยืนอมนิ้วกันหน้าสลอน 3 ชีวิต)
 
แค่เขาลดให้นี่ก็ประหยัดงบประมาณไปได้เยอะแล้ว จะได้เอาเงินที่เหลือไปทำอย่างอื่นกันต่อ

 
กว่าพวกเราจะเสร็จธุระก็ดึกสงัดแล้ว ผมขับรถไปส่งพี่อุ๋ย(คนนำทาง) ที่หมู่บ้าน แล้วพวกเราก็รีบขับรถกลับ (ไม้จะมาส่งอีกทีพรุ่งนี้)

ตอนนี้รอบด้านมืดสนิทมีเพียงแสงไฟจากหน้ารถเท่านั้น
 
“เอกจอดรถก่อนดิ”
ไอ้เป้มันสั่ง ผมจอดรถตาม ไอ้เป้มันเปิดประตูลงจากรถแล้วผลักเบาะเลื่อนไปด้านหน้า
 
“กายมานั่งหน้ากับเอก พี่จะนั่งกับเต้ย”
 
ผมมองมันงง ๆ ไอ้เต้ยมันนั่งกับกายก็ดีอยู่แล้ว แล้วมันจะไปนั่งด้วยทำไม ไอ้ตัวเล็กพยักหน้า ลงจากรถแล้วให้ไอ้เป้เข้าไปนั่งแทนที่ พอผมหันไปมองไอ้เต้ยก็พอเข้าใจ

มันนั่งตัวตรงแน่ว หน้าออกแนวซีด ๆ ไอ้เด็กนี่มันคงกลัวความมืดจัด ๆ ครั้งที่แล้วมันก็นั่งช็อคตาค้างเลย
 
ในเมืองกรุง ถึงมืด แต่มันมืดแบบมีแสงสว่างบ้าง แต่ในป่าที่มีต้นไม้รกครึ้ม ถ้าไม่ใช่เดือนหงาย มันจะมืดแบบมืดสนิทเลย แล้วรถก็ไม่มีกระจกด้วย ได้ยินเสียงพวกสรรพสัตว์ยามค่ำคืนคร่ำครวญกันดังสนั่น แม้รถจะจอดสนิท ก็มีสายลมพัดผ่านมาปะทะผิวหน้าเป็นระลอก หนักบ้างเบาบ้างให้เย็นสะท้านจนขนแขนลุก
 
แล้วสายลมเหล่านั้น ก็พัดพาเอาใบไหม้ตามสองข้างทาง ไหวเอนไปมาเบา ๆ กิ่งก้านเสียดสีกัน สร้างเสียงและภาพให้ดูน่ากลัว ถ้าใครขวัญอ่อนอยู่แล้ว คงจะนั่งไม่ติดเบาะแน่ ๆ
 
พอไอ้เป้มันนั่งได้ มันก็บีบมือน้องมันแน่น ผมสังเกตว่าไอ้เต้ยมันตัวสั่นด้วย
 
มึงก็รู้ว่าน้องมึงกลัว แล้วมึงจะเอาน้องมึงมาด้วยทำไมวะ

“ไม่ต้องมองนอกรถนะ”
มันบอกเสียงนุ่ม ดึงหน้าน้องมันไปซบกับอกมันอีกที ซึ่งไอ้เต้ยก็ทำตามอย่างว่าง่าย คิ้วผมขมวดด้วยความแปลกใจ แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก มันคงห่วงน้องมันจริง ๆ

พอไอ้ตัวเล็กย้ายมานั่งข้างผมเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางกันต่อ


         
           
TBC..

             
Note :
1. รู้สึกตัวเองเหมือนเต่าหน่อย ๆ นะ ฮ่า ๆ ช้าดีกว่าไม่มาเนอะ ^^
2. ยังไม่ว่างเอาอิมเมจมาลงให้ เข้าไปดูกันที่แฟนเพจละกันนะคะ ^^ "แฟนเพจ Kiss Love หรือ แฟนเพจน้องคีส ก็ได้^^"
3. ขอบคุณคร้าบบบบบบบ  :bye2:


หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 04 : มื้อแรก
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 14-02-2012 16:08:37
อ่าน(ในเด็กดี)แล้ว...ก็อ่าน(ในเล้าเป็ด)อีก :z1:

อ่านแล้วมีความสุข....ในวันวาเลนไทน์ :-[

 :L2:ให้ดอกไม้คนแต่ง

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 04 : มื้อแรก
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 14-02-2012 17:26:48
 o13 ตามจ้าตาม o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 04 : มื้อแรก
เริ่มหัวข้อโดย: อ้ายหมี :) ที่ 14-02-2012 18:41:36
ขอเข้าไปดูอิมเมจเเว๊บ :z1:

เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า สู้ๆ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 04 : มื้อแรก
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 14-02-2012 21:44:35
ทนรอไม่ไหวจนต้องไปตามในเด็กดีแทน ><
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 04 : มื้อแรก
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 14-02-2012 22:59:38
พี่เป้รักน้องจังนะ   :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 04 : มื้อแรก
เริ่มหัวข้อโดย: PrAeW ที่ 14-02-2012 23:22:57
พี่เป้นี่เกินพี่น้องแล้วนะแบบนี้
อยากเห็นคู่พี่เอกหวานมั่งจัง
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 04 : มื้อแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Forget_Me_Not ที่ 14-02-2012 23:30:07
เคยอ่านจากเด็กดีแล้ว  มาอ่านอีกทีที่เล้าเป็ดและกัน  :laugh:
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง [กาย...♥][Yaoi ♥[]♥ Boy's]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 18-02-2012 19:07:54
Kiss Love ♥ [05] จูบอีกครั้ง
[กาย...♥]






ผมนั่งเงียบมาตลอดทั้งเส้นทาง โดยมีพี่เอกเป็นสารถี ไอ้เต้ยนั่งซุกพี่มันเหมือนเดิม เส้นทางเริ่มขรุขระมากขึ้นจนผมต้องหาที่ยึด คนขับเองก็หัวสั่นหัวคลอนไปตาม ๆ กัน

ขับไปได้สักพัก รถดันติดหล่ม พี่เป้กับพี่เอกลงไปช่วยกันเข็น ผมทำหน้าที่บังคับพวงมาลัย ส่วนไอ้เต้ยนั่งอยู่เฉย ๆ ครับ ดีที่สุด เพราะมันขับรถไม่เป็น

ผมเหยียบคันเร่งแรง ๆ ล้อมันวิ่ง แต่รถไม่เคลื่อนที่   

พอดีมันมืด แล้วไฟหน้ารถก็ริบหรี่คล้ายคนแก่ใกล้สิ้นลม ทำให้ไม่เห็นว่าทางตรงหน้า มีแอ่งโคลนขนาดใหญ่ขวางอยู่ พอรถเฉียดเข้าไปใกล้ ล้อมันก็ไถลจมลงไปซะครึ่ง
 
สองหนุ่มใส่จังหวะให้ท้ายรถกันคนละด้าน โยกกันอยู่สักพัก รถก็หลุดวิ่งขึ้นมาได้ ผมเคลื่อนตัวรถไปด้านหน้าแล้วจอดให้พี่เอกมานั่งประจำตำแหน่ง   

ผมหันไปมองพี่เอกกับพี่เป้ เมื่อกี้คงโดนล้อฟรีใส่ โคลนกระเซ็นเลอะไปทั่วทั้งตัวเลย ตั้งแต่หัวจรดเท้า เคยเห็นแต่ในเอ็มวี ไม่คิดว่าจะได้มาเจอของจริงแบบนี้ แต่ต่างกันหน่อย ตรงที่ในเอ็มวี มักจะมีสายฝนลงมาช่วยชะล้าง แต่ตอนนี้ไม่มี 
 
ผมมองหน้าหล่อ ๆ ของพี่เอกอีกที รายนี้ไม่สนใจที่จะเช็ดซะด้วย พอมองไปที่เนื้อตัว… เสื้อก็เปื้อน ตัวก็เปื้อน มือก็เปื้อน แล้วจะเอาส่วนไหนมาเช็ดล่ะ

ผมหันซ้ายหันขวามองหาสิ่งที่จะเอามาเช็ดหน้าให้พี่มันได้บ้าง

น้ำ...ไม่มีสักขวด

ทิชชู่…ไม่มีสักแผ่น
 
ผ้าเช็ดรถ...ไม่มีสักผืน

ตัวรถเองก็เน่าเขรอะเกรอะกรังพอ ๆ กับตัวพี่เอกตอนนี้นี่แหละ พอหาอะไรไม่ได้ ผมเลยตัดสินใจ…

“พี่เอกก้มลงมาหน่อย”

พี่มันทำหน้างง ๆ ก่อนจะทำตามที่ผมบอก ผมดึงชายเสื้อตัวเองเช็ดพวกโคลนออกจากหน้า โดยเฉพาะช่วงตา น้ำไม่มีแบบนี้ ขืนโคลนเข้าตาคงยุ่ง

พอเช็ดจนสะอาดหมดจด ผมถึงได้ปล่อยให้พี่แกเป็นอิสระ พี่มันทำหน้านิ่ง ๆ จ้องกลับ

“เสื้อนายเลอะหมดแล้ว”

ผมก้มมองเสื้อตัวเอง ก่อนเงยมองพี่มันอีกที

“แต่ของพี่เลอะกว่า”

พี่เอกพยักหน้า หันกลับไปมองหน้ารถเหมือนเดิม

 

“ไอ้พี่เป้บ้า!! เอาหน้ามาซุกเสื้อกูทำไม ไปนั่งห่าง ๆ เลยไป้!!”

ผมเอี่ยวตัวไปมอง เห็นไอ้พี่เป้พยายามซุกหน้ากับอกเสื้อไอ้เต้ยอยู่ ส่วนไอ้เต้ยก็พยายามกระถดตัวถอยหนีจนไปชิดข้างรถ

“ไม่เห็นรึไง หน้ากูเลอะขนาดไหน หัดทำตัวเป็นน้องที่ดีซะบ้าง นี่ถ้าไม่ได้พวกกู มึงก็ต้องนั่งอยู่ท่ามกลางความมืดแบบนี้ไปตลอดทั้งคืนเลยนะ” 

พี่มันให้เหตุผล เขยิบตัวไปซุกหน้ากับอกไอ้เต้ยต่อ ไอ้เต้ยมันก็พยายามดันมือกั้นหน้าเปื้อน ๆ ออก แต่แรงมันรึจะสู้แรงของพี่มันได้

สุดท้ายพี่เป้ก็ทำสำเร็จซุกหน้าเข้ม ๆ กับเสื้อของมัน 

“ไอ้พี่บ้า”
แล้วไอ้เต้ยก็ยอมนั่งนิ่ง ๆ ให้พี่มันทำ
 

ผมอมยิ้ม เขยิบตัวหันกลับมายังจุดเดิม แต่เป็นจังหวะเดียวกับที่ใครอีกคนกำลังจะหันไปมองว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเหมือน กัน ปากผมเฉียดกับริมฝีปากเปื้อนโคลนเบา ๆ

ผมชะงัก ตาโตจ้องมองคนตรงหน้าหน้าตื่น พี่มันจ้องกลับผมนิ่ง ๆ เหมือนกัน ผมรีบตีเนียนเขยิบตัวกลับไปนั่งให้เข้าที่เข้าทางอีกครั้ง...

ทั้งที่หัวใจกำลังเต้นแรงสุด ๆ
         






 

พวกพี่ ๆ ดีใจกันใหญ่ที่เราสามารถหาไม้กันได้ พูดคุยปรึกษาอะไรกันต่ออีกนิดหน่อย พวกพี่ ๆ ก็ไล่ให้พวกเราไปอาบน้ำกัน

คือ...

สภาพพี่เป้กับพี่เอกตอนนี้ เหมือนไม่ใช่มนุษย์ ทั้งเนื้อทั้งตัวเลอะไปด้วยโคลน และตอนนี้มันก็แห้งจนรุ่ยเป็นแป้งร่วงระนาวลงตามพื้น ของผมกับไอ้เต้ยไม่เท่าไหร่หรอก เปื้อนเฉพาะเสื้อกับมืออีกนิดหน่อย   

ผมกับไอ้เต้ยเดินไปหยิบอุปกรณ์การอาบน้ำให้ตัวเอง เผื่อแผ่ไปให้สองคนนั้นด้วย ขืนให้เดินไปเอากันเอง

ดินเป็นก้อนร่วงตุบตับ


ไอ้เต้ยมันโอดใหญ่ มันยิ่งกลัว ๆ ความมืดอยู่ด้วย นี่ต้องเดินฝ่าความมืดไปอาบน้ำท่ามกลางความมืดอีก แล้วสิ่งที่พกติดตัวไป มีเพียงตะเกียงเจ้าพายุสองอันเท่านั้น

งานนี้ไอ้เต้ยรักพี่มันขึ้นมาทันที เวลามันกลัว มันไม่ค่อยอยู่ติดผมหรอก มันคงเห็นว่าผมพึ่งพาได้น้อยกว่าพี่มันละมั้ง ซึ่งก็แปลกตรงที่พี่เป้ไม่ปากหมาเหมือนเวลาปกติเหมือนกัน

พี่เป้เดินถือตะเกียงนำหน้าเคียงข้างด้วยไอ้เต้ยที่เกาะแขนพี่มันแน่นหนึบ ตามด้วยผม แล้วรั้งท้ายด้วยคนถือตะเกียงอีกดวง

ตะเกียงเจ้าพายุให้ทางดีกว่าไฟฉายกิ๊กก๊อกอันที่แล้วของพี่เอกซะอีก
 


พอไปถึงลำธาร พวกเราก็เดินลงน้ำกันทั้งชุดเปื้อน ๆ นั่นแหละ ถือซะว่าซักเสื้อผ้าไปในตัว ไอ้เต้ยมันก็ด่าพี่มันไปวักเอาน้ำราดหัวพี่มันไป โคลนแห้ง ๆ ล้างออกยากยิ่งกว่าโคลนเปียกซะอีก ผมหันกลับมามองคนข้างตัว

พี่มันพยายามแงะเอาโคลนออกจากหลังหูอยู่ครับ

ผมแอบขำ ปัด ๆ เหมือนหมาดี

ผมถอดเสื้อที่ใส่อยู่ออก เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ เอาเสื้อชุบน้ำจนชุ่มแล้วเอาไปถูให้ ยังไงผ้าน่าจะเช็ดออกง่ายกว่ามือ พี่เอกชะงักมองหน้าผม แต่ก็ไม่พูดอะไร ปล่อยให้ผมวักน้ำไปขัดหัวขัดตัวไปเรื่อย ๆ 

ตอนนี้พี่มันถอดเสื้อออกแล้ว เหลือแต่กางเกง พวกเรายืนกันอยู่ในน้ำที่ลึกประมาณต้นขา สักพักพี่เอกก็ย่อตัวลงไปนั่งกลางน้ำให้ผมทำได้ถนัด ๆ

ผมหันไปหยิบยาสระผมมาผสมน้ำแล้วขยี้ลงบนหัวพี่มัน บริการเขาหน่อยครับ อุตส่าห์ทำเพื่อเด็ก ๆ ขนาดนี้

ผมกับได้เต้ยอาบน้ำด้วยกันบ่อย เราชอบนวดหัวให้กัน สบายดี ผมเลยเมามันกับการนวดหัวพี่เอก ดูพี่แกน่าจะชอบด้วย เห็นกอดอกหลับตาทำหน้าผ่อนคลายใหญ่

“อย่าหลับนะพี่เอก”
ผมเตือนขำ ๆ คนที่หลับตาอยู่ถึงได้ลืมตามอง

“เพลินดี”

“แน่นอน ผมกับไอ้เต้ยชอบนวดให้กันบ่อย ๆ ผ่อนคลายดี”

พี่เอกพยักหน้าเห็นด้วย

“ดีทำให้พี่นาน ๆ หน่อยละกัน เหนื่อยอยู่เหมือนกัน” พอพูดจบ พี่แกก็หลับตาลงอีกรอบ ตอนนี้หน้าพี่เอกอยู่ระดับเดียวกับหน้าอกผมแล้ว


นวดไปได้สักพัก ตัวพี่เอกก็เริ่มเอนหน่อย ๆ เหมือนคนหลับ ผมรีบละมือออก วักน้ำใส่ พี่มันถึงได้รู้สึกตัว ลุกขึ้นยืน ก้มหัวมุดหน้าลงไปในน้ำ เอามือปัดๆ ล้างยาสระผมออก พอขึ้นจากน้ำได้ ก็สะบัดหัวแรง ๆ เหมือนหมาสะบัดขน ผมหันหน้าหนีหลบน้ำที่กระเซ็นมาใส่

“อย่าสะบัดขนแรงสิพี่เอก”

ปากผมครับ ไอ้เต้ยมันเคยเตือนว่าชอบเลี้ยงหมาไว้ในปากเหมือนกัน

“โทษที” พี่มันบอกพรางใช้สองมือรวบเสยผมไปด้านหลังทั้งหมด

ผมยืนนิ่ง วางสองฝ่าเท้าตั้งมั่นไว้บนผืนดินผสมกรวดหินใต้ผืนน้ำ สองดวงตาจ้องมองเพียงภาพที่ปรากฏฉายชัดอยู่ตรงหน้า ภายใต้แสงเงาเดือนมืด แสงสีส้มสลัวจากตะเกียงเจ้าพายุส่องสว่างมากพอให้ผมได้เห็นโครงหน้าหล่อเหลา ราวกับเทพบุตรของพี่มันได้ชัดเจน

เวลาพี่เอกเสยผมไปด้านหลังแบบนี้ทีไร ผมละสายตาไปไหนไม่ได้ทุกที

มันดูเท่ ๆ แมน ๆ ดี


ท่ามกลางธรรมชาติ ผมได้ยินเสียงสายน้ำไหลหลากจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ผสมคละเคล้าเข้ากับเสียงของเจ้าสัตว์ตัวจ้อยยามค่ำคืน ผมสะกดสายตาตัวเองไว้ยังดวงตานิ่งเรียบพร้อมแพรขนตาชุ่มฉ่ำหยาดน้ำ เลื่อนลงมายังปลายจมูกที่มีเม็ดน้ำใส ๆ เกาะอยู่ มันสะท้อนเข้ากับแสงไฟจนเหมือนไข่มุกต้องแสงจันทร์ ไล่ต่ำลงมายังริมฝีปากได้รูปที่ผมเคยจูบมาก่อน

อยากจะละสายตาหนี แต่ก็เพลิดเพลินเกินไป และดูเหมือนริมฝีปากนั้น กำลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

จนในที่สุด…

มันก็มาแนบไว้กับริมฝีปากผม

ผมยืนนิ่ง หัวใจแทบจะหยุดเต้น แต่ก็ไม่คิดจะห้ามปราม ลมหายใจอุ่น ๆ รดอยู่ตรงข้างแก้ม ก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะขยับเบา ๆ

จากความหยุดนิ่ง กลายเป็นความวาบหวิวแปลก ๆ ผมเผลอตัวเผยอริมฝีปาก ลิ้นร้อนชื้นก็ฉกเข้ามาทันที

ผมยืนนิ่ง สมองคล้ายกับมีหลุมดำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ไร้คำสั่งให้ขัดขืนหรือตอบรับ แต่ไม่นานลิ้นเชี่ยวชาญก็นำพาลิ้นที่หยุดนิ่งของผมให้เคลื่อนไหวตามไป
 
จากแรกที่บดเบียดเพียงแผ่วเบา ก็เริ่มเปลี่ยนจังหวะเป็นหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตัวผมเอนไปด้านหลัง ผมรีบยึดสองแขนแกร่ง กันตัวไว้ไม่ให้ล้ม   
 

เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ผมไม่รู้ สมองมันโล่งไปหมด กระทั่งเสียงหัวเราะของไอ้เต้ยดังขัดขึ้นมาในโพรงประสาท ผมกับพี่เอกถึงได้รีบดีดตัวออกจากกันทันที
         
ผมหันไปมอง เพราะไม่รู้ว่าไอ้เต้ยมันจะเห็นภาพเมื่อกี้หรือเปล่า ยังดีที่พวกนั้นยืนหันหลังให้ โดยมีพี่เป้นั่งอยู่ในน้ำ และไอ้เต้ยกำลังยืนนวดหัวให้อยู่ 

มันคงโดนบังคับให้ทำ

“ที่เหลือพี่คงอาบเองได้ ผมจะได้อาบบ้าง” ผมเคลื่อนตัวไปคว้าสบู่มายืนหันหลังอาบน้ำ กัดปากตัวเองแน่น ไม่กล้าหันไปมอง

เป็นบ้าอะไรของแก ไอ้กาย

ผมรีบอาบน้ำให้เร็วที่สุด ก่อนจะขึ้นจากน้ำไปคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันเอว หันไปมองคนที่ยังอยู่ในน้ำอีกที 

แต่ตอนนี้...พี่มันโป๊อยู่ครับ!

พอผมขึ้นจากน้ำ พี่แกก็ล่อถอดเสื้อผ้าออกหมดเลย แล้วเดินไปยืนอยู่ในน้ำที่ลึกประมาณเอว แต่น้ำมันใส เลยเห็นภาพใต้น้ำได้ชัดแจ๋ว ผมรีบหันหลัง

ไอ้ร่างกายผู้ชาย มันก็ไม่มีอะไรน่าอายหรอกนะ

แต่ว่า… 

มันคงไม่ใช่ร่างกายของผู้ชายที่ตัวเองเพิ่งไปแลกลิ้นมาด้วยเมื่อกี้แน่ ๆ

ผมรีบหยิบเสื้อผ้ามาใส่ให้เร็วที่สุด ไอ้เต้ยมันหันมาเห็นพอดี

“นี่กาย อย่าเพิ่งแต่งตัวสิ มานวดหัวให้กูก่อน” มันเดินลากขาเข้ามาสั่งปนอ้อน

“ไม่เอากูแต่งตัวแล้ว”

“น่านะ นิดเดียวเอง กูอยากนวดอ่ะ ห้านาทีก็พอ แล้วกูจะกลับไปนวดให้มึงมากกว่าสองเท่าเลยเอ้า”

“ทำไมไม่ให้พี่มึงทำให้ล่ะ”

มันเบ้ปากหันไปทางพี่ชายมันที่เดินไปคุยกับพี่เอกแล้ว

พี่เอกก็ด้านว่ะ ยืนโป๊ในที่สาธารณะคุยกับเพื่อนก็ได้ด้วย

“มือหนักอย่างกับอะไร หัวกูได้หลุดกันพอดี น่านะ” มันอ้อนครับ นาน ๆ ทีเจอมันเวอร์ชั่นนี้ มีรึผมจะขัดได้ ผมพยักหน้าก้มลงพับขากางเกงขึ้นสูงเหนือเข่า เดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโขดหินเหนือน้ำนิดหน่อย ไอ้เต้ยมันเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นใต้น้ำ พาดแขนไว้บนเข่าผมสองข้าง แหงนหน้านิด ๆ เตรียมให้นวด

ผมหยิบยาสระมาเทลงบนหัวมัน ผสมน้ำนิดหนึ่ง ขยี้เบา ๆ ให้เกิดฟอง แล้วเริ่มต้นนวดให้มันอย่างเบามือ

“กูชอบเวลามึงนวดหัวให้นะ สบายสุด ๆ ถ้ามึงเป็นผู้หญิงนะ กูจะจีบให้มึงมานวดให้กูทุกวันเลย”

ผมหัวเราะ แกล้งขยี้หัวมันแรงขึ้น

“ถึงกูจะเป็นผู้หญิง กูก็ไม่เลือกมึงมาเป็นแฟนหรอก ไอ้อ่อนกลัวความมืด”

“โหย อย่าพูดเด๊ะ มันเป็นปมด้อยของกู พยายามรักษาอยู่เนี่ย”

“แล้วทำได้ไหมล่ะ”

“ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา”

“เอ้อ กูเชื่อ” ผมตอบกลับมันขำ ๆ

“ยาสระผมที่นี่กลิ่นหอมดีเนอะ กลิ่นเหมือนอะไรสักอย่าง” มันทำจมูกฟุตฟิตเพื่อพิสูจน์กลิ่น

“กลิ่นอะไร”

“ไม่รู้สิ มึงลองดมดูดิ”

ผมก้มลงไปดมใกล้ ๆ

“ไม่รู้ดิ”

“ดมดี ๆ สิ” มันยืนยัน “กูเดาไม่ออก เหมือนกลิ่นของต้นอะไรสักอย่างที่บ้านกูมี”

ผมก้มลงดมอีกที คราวนี้ก้มนานกว่าเดิม ดมแล้วก็ทำท่าคิด

อืม… มันรู้สึกคุ้น ๆ จริง ๆ นั่นแหละ กลิ่นของต้นอะไรน้า…

ขณะกำลังช่วยกันระลึกชาติอยู่ อยู่ ๆ ไอ้เต้ยก็ถูกกระชากออกแรง ผมเงยมองคนกระชากหน้าตื่น เห็นไอ้พี่เป้มันทำหน้าโหดใส่ผมอยู่

“ทำอะไรกัน!!” พี่มันตะคอกถามไอ้เต้ย

“โอ๊ย!! ไอ้พี่เป้ ทำบ้าอะไรของมึงเนี่ย กูเจ็บนะ!!”

“แล้วเมื่อกี้พวกมึงทำอะไรกัน!!” พี่มันถามเสียงเข้ม

“จะทำอะไรเล่า ก็สระผมไง ไม่เห็นรึไง ฟองฟอดอยู่เนี่ย” มันชี้หัวให้พี่มันดู พี่เป้มองหัวมันสลับกับผม สักพักพี่มันก็ปล่อยมือออก แล้วเดินฟึดฟัดขึ้นฝั่งไป

“อะไรของมันวะ” ไอ้เต้ยบ่นเสียงเบาตามหลัง

พอทุกคนแต่งตัวเสร็จก็พากันเดินกลับค่าย พี่เป้ลากไอ้เต้ยเดินลิ่ว ๆ หนีผมไปเลย ผมได้แต่มองตามตาค้าง

“อะไรของเขาเนี่ย” ผมพึมพำ พอไม่มีแสงนำจากพี่เป้ ผมก็ต้องลดระดับลงมาเดินเคียงข้างกับคนตัวสูงข้างกายแทน
 

ภายใต้แสงสว่างจากตะเกียงเจ้าพายุดวงเดิม เราสองคนเดินคู่กันไปเงียบ ๆ โดยไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดกันสักคำ

ผมกลับเข้าเต้นท์ ทิ้งตัวลงนอนทั้งที่หัวยังเปียกอยู่ อยากข่มตาให้หลับเร็ว ๆ แต่มันก็ยากกว่าที่คิด คืนนั้นกว่าสติจะจางหายไป ผมก็ใช้เวลาไปเกือบค่อนคืน 


 

TBC...

1. ขอบคุณสำหรับทุกเม้นท์นะคะ ^______________^ เรื่อย ๆ เรียบ ๆ มาเคียง ๆ
2. สิวขึ้นสองเม็ดบนหน้าผาก ทำไงดี =*=
3. :seng2ped:  ชอบอิตัวนี้อย่างไร้เหตุผล ฮ่า ๆ
4. ใครที่อ่านสองบอร์ด อยากบอกว่า "นายแน่มาก"  o13
5. "น้องคีสรักทุกคนค่ะ"^^ (แล้วอาหมวยก็โอ้ลั่นล้าเดินจากไป = =)

จริง ๆ อยากจัดหน้ากระดาษให้สวยกว่านี้นะ แต่แบบว่า = = คือเอาอย่างนี้ไปก่อนละกัน ว่างจะมาแก้ T^T
บุ้ย ๆ :bye2:

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: pppp ที่ 18-02-2012 19:27:00
ตามมากรี๊ดพี่เอกค่าาาาา
น้องกายก็นะ ยอมให้พี่เค้าจูบเอา จูบเอา ผิดผีแล้วนะ
อย่างงี้เสียหายนะคะ ไปบอกพี่เอกให้เอาแม่มาขอเด๋วนี้
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 18-02-2012 19:39:59
เป็นการอาบน้ำที่ล่อแหลมมาก ยั่วกันสุด ๆ  :z1: :z1:

ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า  (เปล่า นักเขียนจงใจให้คิด :laugh:)  พี่เป้ดูเหมือนจะ 'หึง' น้องยังไงไม่รู้  o18
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 18-02-2012 20:18:08
 :o8: จูบกันอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: you13 ที่ 18-02-2012 20:19:10
พี่เอกหวั่นไหวแล้วน่ะ

 :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหญิง ที่ 18-02-2012 20:23:35
ชอบมากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 18-02-2012 20:57:23
พี่เป้คิดกับเต้ยเกินกว่าพี่น้องกันหรือเปล่า ^^

พี่เอก น้องกาย เกิดนึกอยากดูแลขึ้นมาเหรอ
ทำโน้นนี่ให้ ใส่ใจกันดีเหลือเกิน

แน่ๆ เผลอจุ๊บๆ กันอีกแล้ว  :o8:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: irksome ที่ 18-02-2012 21:06:30
ทำไมกายไปยอมเขาง่ายๆหยั่งงั้นล่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 18-02-2012 21:11:57
ตามอ่านทั้งสองที่อย่างเงียบๆค่ะ,,, > ชอบคู่ หลัก ของเรื่องมากเลยนะคะ    แต่ที่อยากจะเข้ามาบอกก็คือ แอบเชียร์ คู่ พี่-น้อง!!!!!

โอกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก พี่เป้ กับ น้องเต้ย!!!  (หรืออาจจะเป็นเพราะ อารมณ์ ชาย - ชาย ว่ายาก แล้ว ชาย - ชาย ที่เป็นที่น้อง มันดู เข้าถึงยากเข้าไปอีก ไหนจะ สังคม และครอบครัว ปัจจัยเหล่านี้นั่นเอง ที่เรา กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!!)   :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 18-02-2012 21:12:21
พี่เป้หึงแน่เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: mickeynut ที่ 18-02-2012 21:12:34
น่ารักดี
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 18-02-2012 21:14:47
พี่เป้แอบรักน้องตัวเองรึเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: biwtiz ที่ 18-02-2012 21:47:47
รอ...ลุ้นค่ารอลุ้น
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 18-02-2012 21:53:59
สารถี นะครับไม่ใช่ สารภี

เป็นฉากอาบน้ำที่สุดแสนจะวาบหวิวมาก ๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: oomossoo ที่ 18-02-2012 22:22:07
เป้กับเต้ย น้องแท้ป่าวเนี้ย
หวงจังนะ
พี่เอก!!!!

แอบขโมยจูบน้องกาย^^
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 18-02-2012 23:55:24
พี่เป้....แปลก ๆนะ แอบหึงหรือเปล่านิ

พี่่เอกก็เหมือนกันเป็นไรนี่แอบจูบน้องกายซะงั้น

 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: karn49 ที่ 19-02-2012 00:36:05
ต่อด่วนเลยย > <
อยากรู้เรื่องราวของพี่เป้กับน้องเต้ยด้วยอะ 555555
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 19-02-2012 01:17:31
ตกลงเป้กะเต้ยนี่พี่น้องแท้ๆกันป่าวนี่
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 19-02-2012 01:21:53
น่ารัก :-[
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 19-02-2012 03:30:52
มาต่อตอนที่ห้าแล้ว :impress2:

ช่วงนี้เลยวิ่งวุ่นอยู่ที่เล้ากับเด็กดีว่าเมื่อไหร่จะมาอัพ

แถมยังต้องไปส่องแถวๆแฟนเพจอีก.....เค้าเหนื่อยน้า :serius2:

เพราะฉะนั้น...มาอัพเยอะๆซะดีๆ :angry2:

ก็พูดไปนั่น...เค้ารอได้...เพราะตอนนี้หยิบน้องซิน น้องพี กับ BADZ(วอนฮยอก) มาอ่านอีกรอบ :-[

 :L2:เป็นกำลังใจให้มิวนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 19-02-2012 20:35:56
เป้กับเต้ยนี่ยังงัยๆกันแน่เนี่ยยย เป็นพี่น้องกันจริงๆหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Koyy ที่ 24-02-2012 22:37:04
เต้ยกับเป้นี่ยังไง  :o8:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: TO.EYEz ที่ 24-02-2012 23:40:02
ขอมากรี๊ดดดดดดดดด ด ...
อิพี่เอกแม่มหล่อไม่เกรงใจใครรรร ๕๕๕๕๕๕
คนไรฟะ? หล่อ เท่ห์ มีสไตล์ .. กร๊ากกกกก ก ..
ขนาดมันจูบน้องกายหนูยังเขินแทนเลยอ่ะ =_=;;
(ตกลงใครเป็นนายเอก แกหรือกาย..?)
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Moneyhaha ที่ 27-02-2012 19:33:04
ชอบๆ  มาต่อด่วนเลยค่ะ กำลังสนุก o13 o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 27-02-2012 21:49:00
อยากจะบอกว่าเราอ่านทั้ง 2 บอร์ดเลย :m23:

ชอบน้องกายมากกกกกกก  :m3:

พี่เอกก็น่ารัก :m1:

+1 + :5775: ให้ทุกตอนเลยน่ะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: PrAeW ที่ 28-02-2012 00:02:10
อยากเห็นพี่เอกหึงบ้าง
คู่นี้รีบพัฒนาเร็วๆๆๆนะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 05 : จูบอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 28-02-2012 04:21:14
อ่านครั้งแรกก็หลงรักเลยทีเดียว
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 28-02-2012 14:43:29
Kiss Love ♥ [06] ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก
[เอก...☼]
                                       


 

ผมเงียบ มันก็เงียบ เราต่างคนต่างเงียบ…

ผมยังช็อคไม่หายที่เผลอไปจูบมัน ก็เห็นมันเอาแต่จ้องปากผม ผมเลยเผลอ แล้วมันเองก็ไม่ขัดขืนด้วย

มันเดินอยู่ข้าง ๆ ผม เพราะไอ้เต้ยถูกไอ้เป้ลากเดินลิ่วหนีไปก่อนแล้ว

และตอนนี้ ผมก็แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นแล้วละว่าไอ้เป้ต้องคิดกับไอ้เต้ยเกินกว่าคนเป็นน้องแน่ ๆ เพราะอาการที่มันแสดงออก คือหึงไม่ใช่หวง

ไม่รู้ว่ามันจะรู้ตัวไหม แต่คิดว่า คงต้องเตือนมันหน่อยแล้ว ผมไม่มีอคติกับชายรักชาย แต่กับพี่น้องแท้ ๆ แบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ

“ราตรีสวัสดิ์นะฮะ พี่เอก”   

พอหลุดออกจากป่ามาสู่ลานกว้าง มันก็รีบบอกแล้วเดินลิ่ว ๆ เข้าเต้นท์ไปทันที ผมมองตามจนลับสายตา ก่อนเดินตรงไปยังเต้นท์ของตัวเองบ้างเช่นกัน

หลังจากทิ้งตัวลงนอน กว่าจะข่มตาให้หลับลงได้ ใช้เวลาอยู่นานพอควร พอหลับตา สิ่งที่เห็นคือดวงตาปรือปรอยและริมฝีปากแดง ๆ นั้นทุกที ผมสะบัดหัวไปมาเบา ๆ เพื่อลบภาพเหล่านั้นทิ้งไป




             

กับข้าวเช้านี้ยังคงอร่อยเหมือนเดิม พอมาถึงพวกน้อง ๆ ปีหนึ่งก็จัดเรียงอาหารไว้ให้เรียบร้อยแล้ว พวกเรารีบกิน เพราะต้องเริ่มงานกันเร็วกว่าเดิม
 
หลังจากจบมื้อเช้า ผมกับไอ้มอนำทีมน้อง ๆ มาช่วยกันตอกฝา โดยมีสาว ๆ ปีหนึ่ง คอยเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟขนม

ผมยืนอยู่บนบันไดลิง คาบตะปูไว้ในปากสองดอก มือหนึ่งจับไม้กระดาน อีกมือจับค้อนตอกโป้ก ๆ อัดไม้กระดานเข้ากับเสาหลัก มีไอ้มอตอกอยู่อีกด้าน และมีอิงยืนค้ำสะเอวชี้นิ้วกำกับความแม่นยำอยู่ด้านล่างตรงกลางระหว่างเรา ข้าง ๆ มันเป็นน้อง ๆ ปีสามที่คอยยื่นไม้กระดานอันใหม่มาให้หลังจากตอนอันนี้เสร็จ

งานนี้ไอ้ปิงกับไอ้โอ๊ครับผิดชอบในการออกแบบและวัดขนาด เพราะฉะนั้น งานแต่ละชิ้นจึงออกมาเนี๊ยบชนิดไม่มีขาดหรือเกินแม้แต่เซ็นเดียว

 
เราวางไม้กระดานแบบเหลื่อมล้ำ เพื่อความสวยงาม และอีกอย่าง เผื่อเนื้อไม้มันแห้งในอนาคตด้วย

ผมทำงานไปในขณะที่เหงื่อไคลก็ไหลย้อยลงมาเป็นทาง เปียกไปทั้งแผ่นหลัง ลำคอ และใบหน้า บางส่วนก็ไหลย้อยเข้าตาจนต้องปาดเช็ดด้วยแขนเสื้อ บางครั้งพวกสาว ๆ ก็เข้ามาเช็ดให้บ้าง

ชื่นใจดีจัง…







เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานพระอาทิตย์ก็ตรงกะบาลอีกครั้ง พวกเราถูกเรียกให้ไปกินข้าว อาหารถูกเตรียมไว้แล้วอย่างรู้งาน
 
หลังจากโครงสร้างใหญ่นี้เสร็จ ก็เหลือแต่เก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกโต๊ะกับเก้าอี้ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้าง ไม่ต่างกับห้องน้ำข้างโรงเรียนที่มีกำแพงขึ้นมาแล้วด้านหนึ่งเหมือนกัน

พออิ่ม ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำ (ยังดีที่ชาวบ้านเขาทำเอาไว้ให้ แต่ก็ต้องรอคิวกันนานพอควร ใครไม่ไหวก็เข้าป่าไป) พอเรียบร้อย ก็เดินกลับไปทำงานต่อ ระหว่างทางผมถูกเบรกไว้ด้วยน้ำเสียงของใครบางคน ผมหันไปมอง

“ก้มลงนิดหนึ่ง”
...มาถึง มันก็ใช้คำสั่งเดียวกับตอนที่มันเช็ดโคลนให้ผม ผมเองก็บ้าจี้ก้มหน้าทำตาม มันมัดอะไรบางอย่างเข้ากับหน้าผาก พอมัดเสร็จผมก็จับ ๆ ดู

“อะไร”

“เสื้อผมเอง พอดีเห็นเหงื่อพี่ออกเยอะ กลัวจะเข้าตา ใส่ไอ้นี่ไว้กันเหงื่อไหล”
 
ผมจับผ้านั้นอีกที มันถูกพับอย่างดี มัดเป็นปมเล็ก ๆ ไว้ด้านหลัง

“มัดแน่นไปรึเปล่า” มันถามต่อ ผมส่ายหน้าไปมา

“ถ้าแน่นหรือหลวมไปก็บอกละกันจะได้มัดให้ใหม่”

ผมพยักหน้า มันยิ้มให้ หันหลังเดินกลับไปทำงานของมันต่อ ผมมองตาม ก่อนเดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนกัน

มันสังเกตเห็นด้วยเหรอ ว่าผมแสบตาเพราะเหงื่อเข้าตาอยู่บ่อย ๆ ถึงพวกผู้หญิงจะมาคอยซับเหงื่อให้ แต่ก็ไม่ได้ตลอด

ผมอมยิ้มนิด ๆ หยิบตะปูมาคาบไว้ เริ่มต้นทำงาน โดยมีบางสิ่งติดอยู่บนหัว เหมือนเป็นกำลังใจเล็ก ๆ ยังไงบอกไม่ถูก…
 






ผมก้าวลงจากบันไดลิง เมื่อตะปูดอกสุดท้ายถูกประสานเข้ากับเนื้อไม้จนแนบสนิท พวกสาว ๆ ที่รออยู่รีบวิ่งเอาน้ำเข้ามาเสิร์ฟ ผมรับน้ำมาดื่ม

“พอพี่เอกโพกหัวไว้แบบนี้ ดูเท่มาก ๆ เลยค่ะ” 

ผมเลิกคิ้วสูงกับคำชมนั้น

“ปกติพี่ดูไม่ดีรึไง” หยอดกันนิดหนึ่งครับ

“เปล่าค่ะ ปกติก็หล่ออยู่แล้ว แต่พอทำแบบนี้ ดูหล่อยิ่งกว่าเดิมอีก ดูเท่แบบลุย ๆ ดี” หนิง คนที่คอยบริการผมประจำบอก ผมยิ้มนิด ๆ ให้

กับผู้หญิงต้องอ่อนโยนเข้าไว้ครับ

“แต่ก็ยังมีเหงื่ออยู่นะคะ”
หนิงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับตรงช่วงแก้มให้ ผมยิ้มบางตอบรับ ขอตัวเดินไปหาไอ้โอมที่กำลังนั่งคัดไม้อยู่ไม่ไกล เผือว่ามันจะมีอะไรให้ทำเพิ่มเติมอีก 

ระหว่างทาง ผมเห็นเจ้าตัวคนให้เสื้อผม กำลังก้มหน้าก้มตาไสไม้ด้วยเครื่องไสอยู่ข้างรถกระบะคันเดิม ผมมองใบหน้าตั้งอกตั้งใจแล้วก็อดทึ่งไม่ได้ที่มันทำเป็น ตรงข้ามกับไอ้เต้ยเลย เพราะรายนั้น ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง

แต่จะโทษน้องมันก็ไม่ได้ เพราะไอ้เป้มันไม่ยอมให้น้องมันทำอะไรเลย สงสัยกลัวมือน้องมันพัง ไอ้เต้ยเลยอัปเปหิตัวเองไปช่วยพวกผู้หญิงทำงานฝีมือแทน

ไอ้โอมอยู่ตรงนั้น ตอนแรกก็ว่าจะไปหามัน แต่ผมเปลี่ยนใจเบี่ยงตัวเดินไปหาเจ้าตัวเล็กแทน

พอไปถึง มันหยุดเดินเครื่องเงยหน้ามอง ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า เราพ่วงเครื่องมือช่างบางอย่างกับแบตเตอร์รี่รถยนต์แทน ผมเอื้อมจับตัวเครื่องไว้ ดึงมาทำแทน มันก็ยอมง่าย ๆ มันคงเหนื่อย เห็นมือมันแดงเถือกเลย
 
ผมก้มหน้าไสไม้กระดานไปเรื่อย ๆ โดยมีมันคอยจับปลายไม้ให้ พอผมทำเสร็จ มันก็เอากระดาษทรายมาขัดเพื่อเก็บรายละเอียดอีกที

…รู้งานดีแฮะ

เห็นมือมันแดง แล้วก็มีริ้วรอยเหมือนโดนขีดข่วนอีกนิดหน่อย ผมเลยตัดสินใจใช้ปากถอดถุงมือออกข้างหนึ่ง โยนตุบไปอยู่ตรงหน้ามัน

“ใส่ซะ มือแดงหมดแล้ว”
มันเงยหน้ามองผมสลับกับถุงมือ กระพริบตาปริบ ๆ ตามแบบฉบับของมันนั่นแหละ

“แล้วพี่ล่ะ”

“มือเดียวก็พอ” ผมก้มลงไปไสไม้ต่อ มันหยิบถุงมือไปใส่ แล้วขัดกระดาษทรายต่อเช่นกัน
 
“พวกมึงนี่ชอบหนีมาสวีทกันสองคนอยู่เรื่อยเลย” ไอ้มอมันเดินเข้ามาทัก จูงน้องหมาในปากมันมาด้วย ผมไม่สนใจยืนไสไม้ต่อไป

“เอายาเสน่ห์จากสำนักไหนมาป้ายปากตอนจูบกับเพื่อนพี่หรือเปล่า มันถึงได้ติดนายแจขนาดนี้” มันหันไปพูดกับคนที่นั่งก้มหน้าขัดไม้อยู่ ผมละมือจากตัวเครื่อง หยิบไม้ท่อนใหญ่ข้างตัวเขวี้ยงใส่ขามัน มันรีบกระโดดโหยงหลบหนี
 
“ไอ้เชี่ยเอก!! กูแซวเฉย ๆ มึงเล่นซะขากูเกือบหัก”

“เอ่อ ขืนแซวกูอีก กูจะใช้ไอ้นี่ไสจนมึงสูญพันธ์แน่ ๆ” ผมยกเครื่องไสขึ้นทำหน้าโหด ๆ ใส่ มันรีบกุมเป้าทันที

“เอ่อ ก็ได้วะ แหมล้อเล่นนิดหน่อยเอง ผัวน้องนี่โหดเป็นบ้าเลย” ประโยคแรกมันพูดกับผม ส่วนประโยคท้ายมันหันไปพูดกับเจ้าตัวเล็ก พูดจบมันก็วิ่งหนีไปทันที

ผมถอนหายใจแรง หันไปมองคนที่ยังก้มหน้าขัดกระดาษทรายทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่ผมแอบเห็นมันกัดปากตัวเองอยู่ด้วย

...กัดแน่นจนผมยังกลัวว่าเลือดมันจะซิบออกมาหรือเปล่า

ผมก้มหน้าทำงานต่อไปเงียบ ๆ ไม่ต่างกับคนตรงข้าม จนงานเสร็จสิ้น เราก็เอาไม้กระดานที่ได้ ไปตอกเข้ากับกำแพงด้านในของห้องเรียนเพื่อทำชั้นเก็บหนังสืออย่างง่าย ๆ โดยมีน้อง ๆ คนอื่น ๆ มาช่วยกันจับคนละไม้คนละมือ







ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ยิ้มให้กับความสำเร็จเกินครึ่ง โรงเรียนง่าย ๆ ที่มีเพียงกำแพงสี่ด้าน หน้าต่างบานกระทุ้งขนาดใหญ่อีก  4 บาน หลังคากระเบื้อง กันได้ทั้งแดดและฝน แค่นี้ก็เพียงพอให้พวกเราเรียกกันว่า ‘โรงเรียน’ ได้แล้ว

“เป็นไง ดูดีใช่ไหม” ไอ้โอมมันเดินมาพาดแขนบนไหล่ผม

ผมพยักหน้าเบา ๆ

“พรุ่งนี้พอใส่รายละเอียดเสร็จ เด็ก ๆ คงยิ้มได้แล้ว” ไอ้กิ๊ฟมันมายืนกอดอกจ้องมองผลงานที่พวกเราร่วมแรงร่วมใจกันสร้างอยู่อีกด้าน

“อืม” ไอ้มอเสริม
 
พวกเรายืนเรียงแถวหน้ากระดานจ้องมองห้องเรียนขนาดใหญ่ตรงหน้า พวกน้อง ๆ ก็มีสีหน้าปลาบปลื้มไม่แพ้กัน

“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยมาเก็บรายละเอียดกันอีกที” ไอ้อ้อยเลขาผมบอก ทุกคนพากันพยักหน้าตอบรับ

 

เพราะส่วนที่เหลือก็แค่เอาหนังสือมาลง เอาโต๊ะมาเรียง เอากระดานดำมาติด เอาทุกคนมาดูผลงานของตัวเอง เอากล้องมาถ่าย และสุดท้าย คือต้อนพวกเด็ก ๆ มาดูโรงเรียนของตัวเอง

พรุ่งนี้เราคงได้เห็นรอยยิ้มสวย ๆ ของเด็ก ๆ กันแล้ว








ผมมายืนรับลมหลังจากอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย ตอนนี้ตะวันใกล้ตกดินแล้ว ผมเลยตัดสินใจเดินตามน้ำขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะเคยเห็นว่ามันมีจุดที่ทำให้เห็นดวงอาทิตย์ตกได้ชัดเจน แต่ต้องเดินเข้าไปในป่าลึกหน่อย

ระหว่างทาง ก็เห็นใครบางคนกำลังก้ม ๆ เงย ๆ ถ่ายภาพอะไรสักอย่างที่พื้น ผมเลยเหเส้นทางเดินไปดู

“ทำอะไรอยู่” ผมถามเสียงเข้มในฐานะประธานบวกคนดูแล คนที่กำลังก้มหน้าติดพื้นถ่ายรูปเงยหน้ามอง

“พี่เอก”

…และก็เป็นอีกครั้ง ที่ผมได้ยินเสียงเรียกจากคนคนนี้ ผมว่ามันน่าฟังดีนะ

“ทำอะไรอยู่” ผมถามย้ำอีกที

“ถ่ายรูป อากาศแบบนี้ถ่ายภาพกำลังสวย” มันอธิบายต่อ ผมเลิกคิ้วสูง

“ชอบถ่ายรูปเหรอ”

“อืม งานอดิเรกน่ะ บางทีก็ถ่ายไปให้แม่ใช้เป็นแบบในการเขียนนิยายด้วย”
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ

“แล้วพี่จะไปไหน” มันเงยหน้าถามหลังจากถ่ายรูปต้นไม้ขนาดเล็กจิ๋วสีเขียว ๆ บนพื้นดินเสร็จ

“ว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกซะหน่อย”

มันยกคิ้วขึ้นสูง

“เห็นด้วยเหรอฮะ ที่นี่มีแต่ต้นไม้สูงเยอะแยะเต็มไปหมด”

ครับ หมู่บ้านที่เราอยู่โอบรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่ เห็นเพียงดวงอาทิตย์หายลับไปบนยอดไม้เท่านั้น

“พอดีเห็นอยู่มุมหนึ่ง พระอาทิตย์น่าจะตกใส่ร่องเขาพอดี”

มันทำตาวาวเหมือนเจอของถูกใจ คลี่ยิ้มจนเห็นฟันขาว

“ผมไปด้วย เผื่อจะได้ภาพดี ๆ ไปให้แม่”

ผมพยักหน้าเดินนำไปก่อน แต่มันเล่นเดิน ๆ หยุด ๆ เก็บภาพไปตลอดทั้งเส้นทาง จนผมเห็นว่ามันช้าเกินเลยเดินไปจับแขนมันลากให้เดินตาม ไม่งั้นพระอาทิตย์คงตกหนีไปก่อนแน่ ๆ
 
“เดี๋ยว ๆ พี่เอก ขอถ่ายตรงนี้ก่อน” มันรีบเบรกตัวลงเมื่อเห็นต้นไม้ทรงประหลาดข้างทาง แต่ผมยึดแขนมันไว้แน่น

“ช้ามากเดี๋ยวพระอาทิตย์ก็ตกหนีหรอก”

มันขืน แต่ก็ยังก้าวเท้าเดินตามแบบขัด ๆ

พอหลุดออกมาจากป่าทึบก็เห็นลานโล่งไม่ใหญ่มาก รอบ ๆ เต็มไปด้วยโขดหิน ผมเดินหามุมสวย ๆ ไม่นานก็เจอถูกใจ ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโขดหินขนาดใหญ่ มุมนี้ เห็นภูเขาหลายลูกเรียงระดับได้ชัดเจน และถ้ากะมุมไม่ผิด พระอาทิตย์น่าจะตกตรงร่องเขาสวย ๆ สองลูกนั้นพอดี

 

 

แสงสว่างเริ่มอ่อนตัวลง แต่ดูจะไม่เป็นปัญหาสำหรับช่างภาพที่มากับผมแม้แต่น้อย พอมาถึง มันก็เดินร่อนกดถ่ายภาพไปทั่ว

ดู ๆ ไปแล้ว ท่าทางมันก็เหมือนกับนักถ่ายภาพมืออาชีพน่ะนะ ตั้งอกตั้งใจน่าดู
 
ผมอมยิ้ม ล้วงหยิบมือถือมากดถ่ายภาพมันไว้ ที่นี่ไม่มีสัญญาณหรอก ผมพกมาเพื่อจะเอามาถ่ายพระอาทิตย์นั่นแหละ มันก็ถ่ายรูปพระอาทิตย์ไป ส่วนผมก็กดถ่ายรูปมันตอนมันถ่ายรูปพระอาทิตย์อีกที
 
ได้มาประมาณสี่ห้าภาพ ผมก้มมองและไล่เช็คไปเรื่อย ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงแชะ ผมเงยหน้ามอง เห็นมันลดกล้องลงมาส่งยิ้มให้

“แอบถ่ายคนตอนเผลอ ผิดหรือเปล่าเนี่ย” มันพูดยิ้ม ๆ ผมรีบเก็บมือถือลงกระเป๋าทันที

“อ๊ะ! พระอาทิตย์เริ่มตกแล้ว” มันหันไปมองพระอาทิตย์ ผมมองตาม มันปีนขึ้นมาบนโขดหินก้อนเดียวกับผม ลุก ๆ นั่ง ๆ กดถ่ายภาพต่อ

ผมทอดมองดวงอาทิตย์ที่กำลังถูกภูผาขนาดใหญ่กลืนหายไปทีละน้อย ก่อนเสหน้าไปมองคนข้าง ๆ มันกดถ่ายอีกสองสามภาพ แล้วค่อย ๆ ลดกล้องลง ฉีกยิ้มจนเต็มใบหน้าให้กับลำแสงสุดท้ายของวัน

ผมหันกลับไปมองพระอาทิตย์อีกที

หมดเวลางานของดวงตะวันไปแล้ว ที่เหลือคงเป็นหน้าที่ของพระจันทร์ แต่เสียดาย ที่ช่วงนี้เป็นคืนเดือนมืด ไม่งั้นจะได้นั่งชมพระจันทร์กันต่อ

ผมนั่งเหม่อ ทอดมองเส้นขอบฟ้าสีส้มตัดกับภูผาน้อยใหญ่ไปเรื่อย ๆ จนได้ยินเสียงแชะดังมาจากด้านข้างอีกครั้ง ผมหันไปมองอีกที

มันค่อย ๆ ลดเลนกล้องที่กำลังส่องหน้าผมอยู่ลง

“พี่เอกเหมือนพระเอกมิวสิกเลยแฮะ”

คิดว่านั่นคือคำชมนะ หัวใจผมเหวี่ยงเป็นจังหวะแปลก ๆ ไปกับคำชมนั้น ผมยิ้มให้มันนิดหนึ่ง

“ให้ถ่ายรูปให้ไหม” ผมถาม ไอ้ตัวเล็กทำท่าคิด พยักหน้าเบา ๆ เดินเข้ามาชิดเพื่อสอนวิธีถ่าย แล้วยกกล้องตัวนั้นให้ผม

ผมออกมายืนห่าง ๆ เล็งภาพให้ดูสวยงามที่สุด มันยิ้มสดใสส่งเข้ากล้อง ผมกดไปสองสามภาพ ลดกล้องลง ส่งคืนให้มัน

มันยืนไล่กดเช็คภาพ

“ถ่ายใช้ได้แฮะ” มันชม ผมอมยิ้ม

“ไม่รู้วิธีถ่ายแบบมืออาชีพนี่น่า”

“การถ่ายภาพจริง ๆ มันไม่ยากหรอก เพียงแต่ต้องสนุกไปกับมันเท่านั้นแหละ” มันพูดไป ในขณะที่มือก็กดไล่เช็คภาพไป

ผมจ้องมองใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นมันยิ้มมาราธอนขนาดนี้

“ชอบถ่ายภาพแบบนี้ทำไมไม่ไปเรียนจริง ๆ จัง ๆ ซะเลยล่ะ”

มันหันมามอง

“ของบางอย่าง เราจะมีความสุขถ้ามันเป็นเพียงแค่งานอดิเรก”

ผมมองมัน ก่อนหันไปมองท้องฟ้าไร้ดวงอาทิตย์อีกที

“ก็จริง”
 



แสงสว่างรอบด้านเริ่มสลัวลงเรื่อย ๆ และอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ รอบด้านคงมืดสนิท ผมควรจะชวนมันกลับได้แล้วใช่ไหม ตะเกียงก็ไม่มี ขืนมืดกว่านี้คงเดินกันลำบาก

แต่ในใจผม…   

กลับอยากนั่งอยู่ตรงนี้นาน ๆ

นั่งอยู่ข้าง ๆ มัน…

ข้าง ๆ เจ้าของรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจผม รู้สึกเหมือนได้กินเกลือแร่หลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน

 
ผมละสายตาจากภาพท้องฟ้าสีส้มมามอง สายตามันยังอยู่ที่เดิม รอยยิ้มเคลือบไว้จนเต็ม สักพักมันก็หันกลับมามองผม พอเห็นว่าผมจ้องมองมันอยู่ รอยยิ้มบนใบหน้าเมื่อกี้ก็ค่อย ๆ หุบลง พอ ๆ กับดวงตาที่หลุบลงต่ำ

 

กว่าจะรู้ตัว...
หน้าผมก็เคลื่อนที่เข้าไปใกล้มัน ก่อนหยุดเอาไว้เมื่อระยะห่างของริมฝีปากมีเพียงลมหายใจกั้น

อยากจะละออก แต่ลมหายใจอุ่น ๆ นั้น ดึงดูดผมไว้มากกว่าที่ควรจะเป็น…

ปากผมแนบสนิทกับปากอุ่นนั้นอีกครั้ง

ผมหยุดนิ่ง มันก็หยุดนิ่ง

ผมเริ่มขยับริมฝีปาก มันก็ขยับริมฝีปากตอบรับ

ผมเริ่มบดเบียด มันก็ขยับใบหน้าแหงนรับแรงกดจากผม

ผมเริ่มเป็นผู้นำ และมันก็เรียนรู้ที่จะเป็นผู้ตามที่ดี

ผมกดปากมันโดยไม่ล่วงล้ำ ปากผู้ชายแท้ ๆ แต่ก็นุ่มใช้ได้ ผมบดขยี้หนัก ๆ ก่อนสอดลิ้นเข้าไปภายใน ดุนดันรุกเร้าจนหน้านั้นแหงนขึ้นตั้งรับ

ความวาบหวิววิ่งพล่านไปทั่ว ผมเลื่อนมือซ้ายทาบแก้มมันไว้ ดันเบา ๆ ให้มันแหงนหน้าตอบรับมากขึ้น มันตาปรอยจ้องกลับดวงตาผม

ผมตวัดปลายลิ้นลุกไล้ไปทั่วทั้งโพรงปาก รู้แค่ว่ามันเพลิดเพลิน เหมือนได้กินของอร่อย

มันจับมือผมไว้ เมื่อผมเริ่มจาบจ้วงช่วงชิงลมหายใจมัน ผ่านไปสักพักผมถึงได้ปล่อยมันให้เป็นอิสระ ไอ้ตัวเล็กหอบหายใจแรง ปากแดงชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำจากผม ตามันมองต่ำ กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

“ผมว่าเรากลับกันก่อนดีกว่า มืดมาก อาจคลำทางกลับกันไม่ถูก” มันรีบเสนอ

ผมปล่อยมือจากหน้ามัน ลุกขึ้นยืน มันลุกขึ้นเดินนำไปก่อน ผมผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ เสยผมไปด้านหลังเบา ๆ

ผมไม่ใช่เกย์ ไม่ได้คิดจะพิศวาสผู้ชาย

แต่ตอนนี้ผมกำลังอยากจูบกับคนตรงหน้านี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

         

 

 

 

ยังดีที่เราเดินออกมาจากป่าได้ทันก่อนจะมองไม่เห็นอะไร พอออกมาปุ๊บก็เจอไอ้มอดักทางทันที

“ฮั่นแหน่ หายไปไหนกันมาสองต่อสอง” มันหรี่ดวงตาคล้ายจะจับผิด ผมตีหน้านิ่ง แต่คนตรงหน้าผมเก็บอาการไม่อยู่ มันสะดุ้งโหยงเลย

“ผมไปหาเต้ยก่อนนะฮะ จะไปโชว์ภาพให้มันดู” มันรีบเดินลิ่ว ๆ หนีไป ไอ้มอมองตามจนลับสายตา ก่อนหันกลับมาใช้สายตากรุ้มกริ่มจ้องกลับผม

“ไปทำอะไรกันมา” มันถามเหมือนผู้พิพากษา แต่กูจำได้ว่ามึงเรียนวิศวะ

“ไปดูพระอาทิตย์ตกมา”

“แม่เจ้าโว้ย โรแมนติกฉิบหาย”

“กูไปดูพระอาทิตย์ตก ส่วนหมอนั่น ไปถ่ายภาพ เข้าใจยัง ถ้าเข้าใจแล้วก็รีบ ๆ ไสหัวไปไกล ๆ” ผมบอกแต่เป็นฝ่ายไสหัวตัวเองออกไปจากจุดนั้นแทนมัน

“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนเด๊ะ คืนนี้เขาจะเล่นรอบกองไฟกันนะ” มันตะโกนไล่หลัง ผมหยุดเท้าหันไปพยักหน้ารับรู้ เดินกลับเข้าที่พักไป และหลังจากนั้นไม่เกินชั่วโมง ผมก็ออกไปรวมกลุ่มกับพวกเพื่อน ๆ ที่หน้ากองไฟ
 



พวกเราหกสิบชีวิตนั่งล้อมเป็นวงกลมลดหลั่นกันไปเรื่อย ๆ ไอ้โอมนั่งอยู่บนกี้อี้พับสีเขียวลายทหาร ก้มหน้าเกากีต้าร์ในมือ ส่วนนักร้องก็สลับกันไป ไอ้โอมมันเล่นได้เกือบทุกเพลง แต่ถ้าเพลงไหนมันเล่นไม่ได้จริง ๆ มันก็ให้คนอื่นเล่นแทน เพลงช้าบ้าง เร็วบ้าง เข้ากับบรรยากาศป่าเขาลำเนาไพรดี

พวกชาวบ้านกับเด็ก ๆ บางส่วนก็มานั่งเล่นกันอยู่รอบ ๆ เหมือนกัน แต่อยู่กันไม่นานก็พากันเข้านอน ชีวิตคนต่างจังหวัดก็อย่างนี้แหละครับ พระอาทิตย์ตกดินได้ไม่เท่าไหร่ หนังตาก็พากันหย่อนคล้อยแล้ว สลับกับพวกเราที่ยิ่งดึก ตายิ่งโต

แต่พวกเขาตื่นกันแต่เช้าเพื่อไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ในขณะที่เรา ยังนอนเฝ้าพระอินทร์กันอยู่เลย

ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้พับอีกตัว แต่ตัวใหญ่กว่าของไอ้โอม ผมเอนหลังนั่งด้วยท่าทางสบาย ๆ มองท่อนไม้ขนาดใหญ่ที่กำลังมอดไม้ แสงไฟสีส้มสลับกับสีแดงเพลิงกำลังโหมให้ความอบอุ่นอยู่ตรงกลาง
 
ตอนนี้ไอ้เป้กำลังบรรเลงเพลงเพราะ ๆ ให้พวกเราฟังกันอยู่ น้ำเสียงของมันดังควบคู่ไปกับเสียงของกีต้าร์และเสียงแตกเปรี้ยะ ๆ ของกิ่งไม้ไหม้ไฟ

เสียงมันดีจริง ๆ ผมเห็นแต่ละคน นั่งฟังมันเงียบสนิท โดยเฉพาะเจ้าเต้ย มันจ้องพี่มันตาแทบไม่กระพริบ มันคงภูมิใจของมัน

น้อง ๆ บางคน พากันโยกหัวช้า ๆ ตามจังหวะเพลง ผมคิดว่างานนี้น้อง ๆ คงจะได้มิตรภาพดี ๆ กลับบ้านไปกันเยอะ บางคนได้เพื่อน บางคนได้พี่หรือน้อง หรือบางคนอาจสร้างสัมพันธภาพให้ก้าวหน้ามากไปกว่านั้น

ผมมองชายหญิงคู่หนึ่งที่ฝ่ายหญิงนั่งนิ่งพิงแผ่นหลังกับอกกว้างของฝ่ายชาย โดยมีวงแขนแข็งแกร่งโอบรอบเอวบางเอาไว้อยู่ ก่อนที่ผม จะเหลือบไปเห็นใครบางคน

และตอนนี้ สายตาผมถูกสั่งให้หยุดเอาไว้แค่ที่ตรงนั้น

ผมมองใบหน้าที่กำลังสะท้อนแสงสีส้มของกองไฟ มันโยกตัวเบา ๆ ไปกับเสียงเพลง ยิ้มนิด ๆ ให้กับกองไฟ พื้นดิน กิ่งไม้ กวาดสายตามองผู้คนไปรอบ ๆ

ก่อนมาหยุดอยู่ที่ผม...

ผมยังมองมันอยู่ ในขณะที่มันเลือกที่จะหลุบเปลือกตาหลบหนี
 
นึกย้อนไปถึงช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเพราะบรรยากาศมันพาไป หรือมีอะไรมากไปกว่านั้น

บางที คงต้องรอให้จบทริปนี้ คำตอบถึงจะมา

พวกเรานั่งเล่นกันไปเรื่อย ๆ แต่ไม่เกินสี่ทุ่ม ก็พากันเข้านอน ไอ้เต้ยนั่งหลับพิงไหล่เพื่อนมันไว้ ไอ้เป้เลยอุ้มน้องมันกลับเข้าเต้นท์ไป ส่วนไอ้ตัวเล็กของผม ก็ลุกเดินกลับเข้าเต้นท์มันไปเหมือนกัน
 
หือ…

อะไรนะ?

...ไอ้ตัวเล็กของผมงั้นเหรอ

คนคนนั้นเป็นของผมไปตั้งแต่เมื่อไหร่

 

 

 

ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น จะกลายเป็นหนึ่งในประสบการณ์ชีวิต ที่ผมจะไม่มีทางหลงลืมไปได้เลยตลอดชีวิต   

วันนี้ผมง่วงเร็วผิดปกติ และก่อนที่สติจะจางหายไป เหมือน ๆ ผมจะเห็นรอยยิ้มของใครบางคน ลอยละล่องเข้ามาในโสตประสาท ก่อนที่ภาพเหล่านั้น จะถูกความมืดกลืนหายไป









วันนี้ดูทุกคนจะตื่นเช้ามากกว่าปกติ พวกเด็ก ๆ พากันมาออหน้าโรงเรียน พอ ๆ กับครูและผู้ปกครอง คนจึงดูแน่นขนัดลานกว้าง ผมยังโพกผ้าผืนเดิมไว้ที่หัว (แต่ครั้งนี้มัดเอง) คาดซองใส่อุปกรณ์ก่อสร้างไว้ที่เอว ในมือถือค้อนกำลังตอกกระดานสีเขียวบนกำแพงหน้าสุดของห้องเรียนขนาดใหญ่

พวกผู้ชายเริ่มพากันขนเอาโต๊ะเก้าอี้ที่ทำเสร็จแล้วมาจัดเรียง พวกผู้หญิงก็ขนหนังสือที่เอามาจากกรุงเทพขึ้นเรียงบนชั้น ทั้งหนังสือเรียนและหนังสืออ่านเล่นทั่วไป รวมไปถึงพวกสมุด ดินสอ และอุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ

พอเสร็จพวกเราก็พากันถ่ายรูป พาพวกเด็ก ๆ มาถ่ายบ้าง ถ่ายกันเองบ้างอย่างสนุกสนาน ซึ่งงานนี้ ไอ้ตัวเล็กรับอาสาเป็นมือถ่ายด้วย สงสัยจะชอบถ่ายจริง ๆ

พอเสร็จสิ้นพวกเราก็เชิญทุกคนเข้าไปดูภายใน เห็นเด็ก ๆ บางคนยืนร้องไห้ ไม่ต่างกับผู้ปกครองและคุณครูผู้เสียสละจากเมืองกรุงอีกสองนาย พวกผู้หญิงเลยพลอยพากันบ่อน้ำตาแตกตามไปด้วย ไม่ต่างกับน้อง ๆ ผู้ชายบางคน พวกที่เข้มแข็งหน่อยก็แค่ยืนน้ำตาซึม

แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่มีรอยยิ้มประดับเอาไว้จนเต็มหน้า

...ก็คนที่กำลังยืนถ่ายรูปอยู่นั่นแหละ

ฉากสุดท้าย ที่ไม่ท้ายที่สุดของพวกเราจบลง แต่สำหรับเด็ก ๆ เหล่านี้ นี่เพิ่งเป็นการเริ่มต้นเท่านั้น


 

สาวกับอิงเสนอให้พวกเราทำตัวเป็นครูกันหนึ่งวัน ทุกคนเห็นด้วย พวกเราเลยต้อนพวกเด็ก ๆ ไปนั่งประจำการ ใครอยากนั่งมุมไหนก็เลือกเอา โดยมีเด็กโข่งบางคนขอมาร่วมเรียนด้วย

เรียนกอไก่กอกา ได้ทั้งความสุขและเสียงหัวเราะ โดยเฉพาะตัวสร้างสีสันของงานอย่างไอ้มอและไอ้โอม

พวกมันนั่งแทรกไปกับเด็ก ๆ ไอ้มออุ้มเด็กผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งไว้บนตัก แล้วสอนให้เด็กน้อยยกมือขึ้นถาม

มันหม้อแม้แต่กับเด็กหกขวบเนี่ยนะ

ไอ้นี่นี่…

แต่เพราะพวกมันนั่นแหละ ทุกคนถึงได้พากันหัวเราะและมีความสุขมากขึ้น
 
งานนี้ได้ทั้งบุญกายและบุญใจกลับบ้านไปกันเพียบ

จบจากตรงนี้ไป อย่างน้อยผมก็สามารถไปคุยกับคนอื่นได้แล้ว ว่าผมได้ทำคุณประโยชน์อะไรเพื่อสังคมมาบ้าง

ความรู้สึกดี ๆ คงไม่ได้ถูกเก็บเอาไว้แค่ในประกาศนียบัตรที่ทางมหาลัยจะมอบให้ แต่มันอยู่ที่ใจ ที่นึกถึงเมื่อไหร่ หัวใจก็จะยิ้มได้เสมอ



TBC...
ไม่ใช่คนเขียนล่ะ ต้องบอกว่าเต่าเขียน ถึงได้มาช้าขนาดนี้ฮ่า ๆ สนุกสนานกันให้เต็มที่นะคะ
อิคนเขียนเพิ่งเอารถไปวัดพื้นมา เข่าเหวอะ ขาเดี้ยง เจ็บแขนขวา พิการชั่วคราว เจ็บแผลเข้าหัวจาย T^T ตอนนี้นอนเลียแผลตัวเองอยู่ เจ็บสุดโค่ย T^T

ตอนนี้ได้อิมเมจพี่เป้แล้วนะคะ หุหุ จริง ๆ ได้หลายคนแล้ว ทั้งพี่เอก พี่เป้ พี่มอ น้องกายน้องเต้ย ให้ผ่านไปสักหลาย ๆ ตอนจะเอาของพี่โอ้คกับคนอื่น ๆ มาลง ใครอยากเห็นก็ไปดูได้ที่แฟนเพจนะคะ เสิร์ซหาคำว่า "แฟนเพจน้องคีส หรือแฟนเพจ Kiss Love เอาเน้อ เพราะไม่รู้จะเอาลิ้งค์มาลงไง กลัวผิดกฏเขาด้วย ฮ่า ๆ ขอบคุณฮับ ^^
     
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 28-02-2012 17:39:16
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 28-02-2012 18:10:04
โรแมนติกมาก ๆ เลยตอนนี้
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 28-02-2012 18:34:19
ตามมาจากเด็กดี
ชอบคู่เต้ยเชียร์คู่เต้ยด้วย
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 28-02-2012 19:07:03
เข้ามาติดเรื่องนี้จนได้ ฮ่าๆๆ น่ารักมากเลยค่ะ ใช้ภาษาง่ายๆดี อ่านแล้วลื่นไหลดีค่ะ

แล้วก็บรรยายดีมากเลย เห็นภาพทุกฉาก ตอนฉากนวดหัวเนี่ย อ่านไปเขินไป ฮ่าๆๆ

อ่านไปรู้สึกว่าน้องกายดูเป็นห่วงพี่เอกอยู่ตลอดเวลาเลยอ่ะ อบอุ่นๆ แถมชอบหนีไปสวีทเงียบๆกันสองคนด้วยน้า ฮี่ๆ

พี่เอกกับน้องกาย กลับจากค่ายคราวนี้คงมีอะไรเปลี่ยนไปแน่ๆเลย

อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆจังเลยค่ะ ชอบเรื่องนี้ น่ารัก >< 
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 28-02-2012 19:39:20
เริ่มหวานนิดๆแล้วแฮะคู่นี้
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 28-02-2012 19:41:32
ไอ้ตัวเล็กน่ารักมาก
เอกขี้ตู่นะ เค้าไปเป็นของนายแต่เมื่อไหร่อ้ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: jetnipat ที่ 28-02-2012 20:30:16
อุ้ย เพิ่งตามอ่านทัน เนื้อเรื่องน่ารักจังเลยยย


เมื่อไหร่จะได้กันเนี่ยย
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 28-02-2012 20:49:31
ไปอ่านที่เด็กดีมา
มาเจอที่นี่อีก
อ่านอีกรอบ :กอด1:

^-^หายเร็วๆน๊า

กดบวกแถมเป็ด
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 28-02-2012 22:11:56
ไอ้ตัวเล็กของ... :L1: :L1:
พี่เป้น้องเต้ย ไม่เก็บอาการ เพื่อนสนิทรู้แล้วแต่จะห้ามอะไรได้ ก็ใจมันรัก มันรัก  :o8:
ผ้าโพกหัว ความโรแมนติกของลูกผู้ชาย  :impress2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 28-02-2012 23:30:24
 :o8:ชอบพี่เอกกับ้องกายมากอะแล้วอยากรู้ว่าพี่เป้ชอบน้องเต้ยจริงๆอะนะแล้วมันจะเป็นยังงัยต่อไปอะ  (คนเขียนรถล้มเจ็บมากไหมอะดูแลตัวเองด้วยนะเป็นห่วงค่ะขอให้หายไวๆนะ) :bye2: :bye2: :call: :call:                                                               
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 29-02-2012 04:20:01
ชอบเรื่องนี้มาก
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: kim_khun_kwan ที่ 29-02-2012 05:40:52
 :bye2:  ใช่เรื่องเดียวกับที่ลง เด็กดีป่าว  แอบตามมา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 29-02-2012 11:43:29
อ่ะ น่ารักจัง
หวานๆเย็นๆ

เราก็ไปออกค่ายบ่อยๆนะ  มันรู้สึกดีมากๆที่ได้ทำอะไรให้คนอื่น ^^
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: PrAeW ที่ 29-02-2012 12:12:31
คู่นี้เริ่มหวานขึ้รแล้ว
 :-[
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 29-02-2012 15:52:29
 :-[น้องกายยยยยยยยยยยยยยยยย น่ารักไปแล้ว
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 29-02-2012 17:00:23
กาย ห่างๆพี่เอกหน่อยก็ได้
เดี๋ยวปากบวมเจ่อ
ก็พี่ก็เล่นจูบไม่หยุด เผลอเป็นจูบตลอด
แต่คนอ่านก็ชอบนะ >o<
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 01-03-2012 00:40:15
มิวจ๋า....เป็นไงบ้าง....แผลดีขึ้นยัง

หายไวๆเน้อ

เห็นเข้ามาอัพที่เล้า....ก็เลยเข้ามาอ่านอีกรอบ

ชอบจัง...ตอนที่พี่เอกกลายร่างเป็นปิศาจจูบ

อ่านทีไรก็ทำให้เค้าเขินทุกที.... :-[(แอบนึกว่าตัวเองเป็นน้องกาย :z1:)

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 06-03-2012 13:13:01
 :z3:หายไปไหนนานจังเลยรีบกลับมาน้ารออยู่อะ :L1: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: winner ที่ 06-03-2012 19:42:13
เข้ามาอ่านแล้วเรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ :DD" อยากอ่านต่อแล้วค่ะ :))
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: you13 ที่ 06-03-2012 20:40:47
หายไวๆๆๆน่ะค่ะ

รอติดตามค่ะ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 06 : ผ้าโพกหัว...พระอาทิตย์ตก [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: mickeynut ที่ 06-03-2012 20:48:37
 :o8:
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 07 : เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 06-03-2012 22:24:14
Kiss Love ♥ [07] เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล
[กาย...♥]






งานเลี้ยงต้องวันเลิกรา สามวันที่ผ่านมา ผมสนุกมาก ได้อะไรกลับไปเยอะแยะ ทั้งเพื่อน ทั้งรุ่นพี่ และความรู้สึกดี ๆ จากใครบางคน ที่ตอนนี้คนคนนั้นก็มาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ โบกไม้โบกมือให้กับชาวบ้านที่พากันเดินมาส่งที่ลานจอดรถ

อาจารย์คฑา (ที่เพิ่งมีบทบาท) ยืนกล่าวกับตัวแทนชาวบ้าน และสัญญาว่าถ้ามีโอกาส จะพาพวกเด็ก ๆ กลับมาพัฒนาโรงเรียนกันต่อ

ผมไม่รู้ว่าผมจะมีโอกาสได้กลับมาอีกไหม แต่ถ้ามาไม่ได้ ผมจะฝากรุ่นน้องผมมาแทนละกัน
 


หลังจากล่ำลากันเรียบร้อย ตัวรถก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่ออกจากจุดจอดช้า ๆ พวกเด็ก ๆ พากันวิ่งตามมาโบกไม้โบกมือฉีกยิ้มกว้างจนผมต้องฉีกยิ้มโบกมือตาม กระทั่งรถทิ้งตัวห่างออกมาเรื่อย ๆ พวกเด็ก ๆ ถึงได้หยุดวิ่ง แต่ก็ยังโบกมือกันอยู่ไม่หยุด ผมยิ้ม มองตามภาพเหล่านั้นมาเรื่อย ๆ จนมันหายลับไปกับทิวไม้ข้างถนน ผมถึงได้หันกลับมานั่งดี ๆ อีกครั้ง

ผู้คนในรถ พากันส่งเสียงจอกแจกจอแจบอกเล่าถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา แบ่งปันทุกความรู้สึกให้แก่กันและกันฟัง

ทั้งความสุขความทุกข์ ความเหน็ดเหนื่อยหรือได้กำลังใจ บางคนโชว์แผล บางคนโชว์เพื่อน บางคนก็ได้ของขวัญชิ้นเล็ก ๆ จากเด็ก ๆ ติดไม้ติดมือมาด้วย
           
ส่วนผม สิ่งที่ได้ คือรอยยิ้มและน้ำตาแห่งความภาคภูมิ ความดีใจของเด็ก ๆ และความปลาบปลื้มของคุณครูผู้เสียสละ ผ่านเลนกล้องและความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือนมันให้หายไปได้   


รถบัสขนาดใหญ่เคลื่อนตัวเป๋ ๆ ไปบนถนนคับแคบ เต็มไปด้วยหลุมบ่อ หินดินไร้ระเบียบ บ้างมีน้ำขังเฉอะแฉะ สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่รกครึ้มไปหมด

ขามาผมหลับตลอดเลยไม่รู้ว่าเส้นทางมันกันดารขนาดนี้ ตัวผมโยกไปโยกมาตามแรงเหวี่ยงของรถ ยังแอบทึ่งอยู่เลยที่รถบัสคันใหญ่ขนาดนี้สามารถขับเข้ามาได้
 
ผมนั่งนิ่งพิงหัวไว้กับเบาะ จ้องมองวิวสวย ๆ จากข้างทาง พี่เป้กับไอ้เต้ยยังทะเลาะกันไม่หยุด ตั้งแต่รถออกกระทั่งตอนนี้ เพราะไอ้เต้ยมันอยากมานั่งกับผม แต่พี่เป้ไม่ยอม ผมอมยิ้มมองวิวต่อไม่สนใจ จนรู้สึกเหมือนมีบางอย่างวางลงบนตัก ผมถึงได้หันไปมอง
 
ผ้าห่มครับ

คนข้าง ๆ หยิบมาวางไว้ให้ ผมมองสิ่งนั้นงง ๆ ก่อนหันไปก้มหัวขอบคุณ หยิบผ้าห่มขึ้นมาคลี่ออกจากกัน และสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างบนมือซ้ายของพี่เอก

ผมขมวดคิ้ว เพราะมือข้างนั้นเต็มไปด้วยริ้วรอยและบาดแผลแดง ๆ ในขณะที่มืออีกข้าง ยังสภาพดีอยู่

...และผมก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น...

พี่เอกยกถุงมือข้างซ้ายให้ผม และผมก็เพิ่งส่งคืนให้พี่แกหลังจากทำงานเสร็จ โดยไม่ได้สังเกตเลยว่ามือพี่เอกได้แผลถึงขนาดนี้

ผมเม้มปากแน่น รู้สึกผิดขึ้นมากลาย ๆ เลยขอตัวลุกออกจากเก้าอี้ เดินไปหน้ารถ สักพักก็เดินกลับมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาล
 
คนข้าง ๆ มองผมงง ๆ

“มือพี่”
ผมบอกแค่นั้น ปกติผมจะพูดมาก แต่เวลาอยู่ต่อหน้าพี่มันทีไร คำพูดผมดูจะถูกตัดให้หดสั้นลงทุกที

พี่มันยื่นมือข้างที่ดีมาให้ ผมเลยต่อว่าพี่มันทางสายตา พี่แกถึงได้รีบส่งอีกมือมาให้อย่างรวดเร็ว

ผมหยิบพาสเตอร์ยาลายหมีพูห์ออกมาสามอัน วางไว้บนตัก หยิบยาฆ่าเชื้อมาเช็ดแผลที่เป็นรอยถลอก แผลใหญ่ ๆ มีแค่สองสามแผล ที่เหลือจิ๊บจ๊อย ไม่ถึงตาย

“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง ไม่นานก็หาย”

พอผมจะแปะพาสเตอร์ พี่แกก็ทำท่าจะชักมือกลับ ผมรีบยึดมือพี่แกไว้

“ปิดไว้ก่อน เวลาล้างก้นจะได้ไม่ติดเชื้อ”

พี่เอกหัวเราะร่วน ยอมให้ผมแปะพาสเตอร์ดี ๆ

“ลายแต๋วไปไหม”
 
“หมีพูห์นี่ลายแมนสุดแล้วนะ ที่เหลือมีแต่ลายดอกไม้ จะเอาไหมละ”
ผมถามกวน ๆ พี่มันส่ายหน้าปฏิเสธ พอแปะเรียบร้อย ผมก็ลุกเอากล่องยาไปเก็บแล้วเดินกลับมาที่เดิม เห็นพี่มันยกมือขึ้นมาส่องใหญ่

“ได้เบอร์อะไรบอกด้วยนะ ผมจะได้ฝากแม่ซื้อ” ผมแซวขณะเคลื่อนตัวเข้าไปนั่ง

พี่มันมองหน้าผม

“เบอร์ 19 หรือไม่ก็เบอร์ 15”

ผมชะงัก พี่มันก็ชะงัก ก่อนที่ต่างคนจะต่างหันหน้าไปคนละทิศละทาง
 
เพราะสองเบอร์นี่แหละ ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด

 

เบาะหน้าเราเงียบไปแล้วครับ คาดว่าไอ้เต้ยคงหลับ ผมเองก็อยากหลับ แต่หัวใจมันเหวี่ยงแปลก ๆ เลยได้แต่นั่งนิ่ง ๆ สนใจเฉพาะวิวข้างทาง

ผมล้วงหยิบไอพอดขึ้นมาเปิดฟัง หันไปมองคนข้างกาย พี่เอกนั่งกอดอกมองวิวไม่ต่าง ผมเลยยื่นหูฟังให้ข้างหนึ่ง พี่มันมองงง ๆ แต่ก็รับไปยัดใส่หูตัวเอง
 
เพลงที่เปิดเป็นเพลงช้า ๆ ฟังสบาย ๆ ซะส่วนใหญ่ บวกรวมเข้ากับวิวจากสองข้างทางแล้ว ทำให้รู้สึกดีอยู่ไม่น้อย

 
ผมนั่งฟังเพลงไปเรื่อย ๆ ไม่แน่ใจว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน จนรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาแปะอยู่ที่หัว ผมหันไปมอง

คนข้าง ๆ หลับครับ

หัวพี่แกเอียงมาทับหัวผมไว้ นั่งหลับทั้ง ๆ ที่มือก็ยังกอดอกอยู่ สงสัยจะเหนื่อยจัด เพราะคนที่ทำงานหนักสุดงานนี้คงไม่พ้นพี่แกนี่แหละ
 
เสียงจอกแจกจอแจเงียบไปหมดแล้ว ผมมองไปรอบ ๆ ทุกคนพากันหลับหมด หันกลับมามองคนข้างตัว

ตอนขามา เขาดูแลผม เพราะงั้น ตอนขากลับผมควรจะดูแลเขาใช่ไหม…

ผมดึงสายไอพอดออกจากหูเบา ๆ โน้มตัวเอื้อมไปปรับเบาะให้เบามือที่สุด พอได้ที่ก็ดึงผ้าห่มบนตักมาคลี่ออกแล้วคลุมให้จนถึงหน้าอก พี่มันยังกอดอกเหมือนเดิม ผมพยายามเหน็บผ้าห่มตรงไหล่ คนที่หลับตาอยู่ก็ลืมตามอง ผมชะงักมือค้างไว้ที่เดิม พี่มันก้มหน้าลงมอง ก่อนเงยหน้าขึ้นมามองผมอีกที

“จะได้หลับสบายขึ้น”
ผมพูดแค่นั้น พี่เอกพยักหน้า ผมดันตัวเตรียมกลับที่นั่ง แต่รถวิ่งเขาทางโค้งพอดี ผมเลยเสียหลักหน้าแนบไปกับแผงอกกว้าง พี่เอกรีบโอบเอวผมไว้ทันที พอรถหลุดทางโค้ง ผมรีบดึงหน้าออกจากอกมากล่าวขอบคุณ 

กำลังจะเขยิบตัวไปนั่งที่เดิม แต่เจ้าของวงแขนใหญ่ไม่คิดจะคลายผมออก ผมเงยหน้าจ้องกลับดวงตาคม 

ภายใต้ความเงียบสงัด ได้ยินเสียงแอร์ที่ดังเบา ๆ เคล้าเสียงกรนของใครอีกหลาย ๆ คน

“พี่เอก”
ผมกระซิบเรียกได้แค่นั้น ก่อนที่ริมฝีปากจะถูกปิดสนิท

กี่ครั้งแล้วที่ผมโดนคนคนนี้จูบ

กี่ครั้งแล้วที่ผมไม่เคยขัดขืนได้สักครั้ง

ผมปล่อยให้ริมฝีปากตัวเองถูกครอบครองโดยคนที่พรากจูบแรกผมไป ลิ้นร้อนลุกล้ำ ทำเอาลมหายใจเริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อย ๆ พี่เอกดันตัวผมกลับไปนั่งที่เดิมเบา ๆ ในขณะที่ริมฝีปากยังคงบดเบียดไม่หยุด ซ้ำยังเพิ่มแรงกดหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนแผ่นหลังผมถูกเบียดแนบไปกับเบาะ

ผมไม่รู้ ว่าผมปล่อยให้พี่แกทำแบบนั้นอยู่นานแค่ไหน จนเป็นพี่เอกเองที่ถอนริมฝีปากออก


“ทำไมไม่ขัดขืน”
พี่เอกกระซิบถาม ริมฝีปากเราห่างกันเพียงคืบ ผมจ้องหน้าคนถาม แล้วพยายามค้นหาคำตอบ

“แล้วทำไมพี่ทำแบบนี้”

พี่เอกชะงักกับคำถามผม

“คงเพราะพี่เป็นเจ้าของหมายเลข 19 ละมั้ง” พี่เแกให้เหตุผลแค่นั้น แล้วก้มลงมากดจูบต่อ
 
งั้นเหตุผลที่ผมขัดขืนไม่ได้ คงเพราะผมเป็นเจ้าของหมายเลข 15 สินะ


เสียงคนดิ้นเบา ๆ จากเบาะหลังผลักเราทั้งคู่ออกจากกัน พี่เอกเคลื่อนตัวกลับไปนั่งที่เดิม ในขณะที่ผมปิดเปลือกตาลงแน่นกดข่มอารมณ์บางอย่างไว้

ผมเตือนตัวเองเบา ๆ

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะบรรยากาศพาไป
 

 

 

 

 

 

 


หลังการเดินทางอันเหน็ดเหนื่อย วันรุ่งขึ้นพวกเราก็กลับไปเรียนกันต่อเหมือนเดิม นึกถึงความทรงจำบางอย่างที่ผ่านมา ใจผมมันรู้สึกโหวง ๆ ยังไงบอกไม่ถูก

รู้สึกเหมือน ๆ ว่าร่างกาย มีน็อตบางตัวหลุดหายไป

ผมกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม เรียนเหมือนเดิม ทำทุกกิจกรรมที่เคยทำมาเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกบางอย่าง…
 
กลับไม่เหมือนเดิม
 

ตั้งแต่กลับมา ผมไม่ได้คุยพี่เอกอีกเลย ได้ยินเสียงพี่มันผ่านลำโพงของมหาลัยบ้าง หรือไม่บางครั้งก็จะเห็นพี่มันกับฝูงเพื่อนเดินไปทำงานหรือไม่ก็เดินเข้าตึก เรียน แต่ผมก็ไม่คิดจะเข้าไปทักทาย
 
รสจูบหอมหวานที่เคยลิ้มรส มันคงเป็นเพียงความฝัน

...และตอนนี้ความฝันนั้นจบไปแล้ว…
       

 

 

 



“นี่มึง กูอยากไปเที่ยวทะเลอ่ะ เสาร์อาทิตย์นี้ไปกันไหม” ไอ้เต้ยมันชวน ผมที่กำลังนั่งเช็คกล้องอยู่เงยหน้ามอง

“อยากไปไหนล่ะ”

“บางแสนก็ได้ ใกล้ ๆ นั่งรถตู้ไป แป๊บเดียวก็ถึง”

ผมทำท่าคิด
 
“พี่มึงจะยอมให้มึงไปไหมล่ะ”

“พี่เป้มาเกี่ยวอะไรกับกู กูโตแล้วนะ”

“กูก็ไม่อยากจะขัดหรอก ถ้าไม่เห็นว่ามันหวงมึงอย่างกับไข่”

“หวงทำแป๊ะน่ะสิ แกล้งกูได้ทุกวี่ทุกวัน”

“เอ้อ มึงไปขอพี่มึงก่อนดีกว่า กูไม่อยากถูกพี่มึงเขม่น มันยิ่งโหด ๆ อยู่ด้วย”

ไอ้เต้ยทำหน้าเซ็งรับปาก

ก็ดี อยากไปเที่ยวอยู่เหมือนกัน


 

 


เสาร์แล้ว...

ผมไม่ได้ตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวนะ แต่ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขกพร้อมเป้ใบเก่งข้างตัว จะว่าไปแล้ว ปีนี้ยังไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวทะเลที่ไหนกับเขาเลย แม่ก็มัวแต่ยุ่ง ๆ กับการเขียนหนังสือเล่มใหม่ ส่วนพ่อผมน่ะเหรอ เหอ ๆ แยกทางกับแม่ไปนานแล้วล่ะครับ ผมอยู่กับแม่สองคน

เราตกลงจะไปค้างกันคืนหนึ่ง ไปเสาร์เช้ากลับอาทิตย์เย็น เพราะวันรุ่งขึ้นมีเรียน ผมเตรียมชุดเล่นน้ำกับชุดเปลี่ยนไปสองชุด เผื่อเหลือเผื่อเปียก
 
ผมนั่งดูการ์ตูนช่องเก้าไปเรื่อย ๆ จนแปดโมงสิบนาทีก็ได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้าน ผมเลิกคิ้วแปลกใจ เพราะปกติเวลาไอ้เต้ยมันมาบ้าน มันจะเปิดประตูเข้ามาเองเลย

แล้ววันนี้มันจะกดกริ่งทำแป๊ะอะไร

ผมกดปิดทีวี คว้ากระเป๋าข้างตัวมาสะพาย เดินออกไปเปิดประตู เห็นไอ้เต้ยยืนยิ้มแป้นอยู่ตรงหน้า ด้านหลังเป็นบอดี้การ์ดหน้าหล่อของมัน

“หวัดดีครับพี่เป้” ผมยกมือทักทาย “มึง…” ก่อนหันไปทางไอ้เต้ย มันยิ้มเผล่

“เรื่องมันสั้นวะ เดี๋ยวกูอธิบายอีกที”

ผมพยักหน้า ล็อกบ้าน เดินตามมันไป แล้วก็ต้องตกตะลึงรอบสอง เพราะมีรถตู้สีเงินมาจอดอยู่ พอเปิดประตูเข้าไป ก็ต้องตกตะลึงรอบสาม เพราะทุกที่นั่งเต็มหมด

และหน้าตาของแต่ละคน ผมก็คุ้นเคยดีซะด้วย

“หวัดดีฮะพี่ ๆ”
ผมทักทายทีเดียวครบทุกองค์ประชุม พวกพี่ ๆ ยิ้มทักบ้าง ยกมือทักบ้าง พูดทักบ้าง ผมไล่สายตามองอย่างรวดเร็ว

พี่โอมกับพี่มอควงสาวสวยมาขนาบข้างนั่งเบาะหลังสุด พี่กิ๊ฟกับพี่อ้อยนั่งคู่กันถัดขึ้นมา ตามด้วยพี่โอ๊คกับพี่ปิง ที่ในมือถือหนังสือด้วยกันทั้งคู่ ถัดขึ้นมาอีกก็เป็นพี่สาวกับพี่อิง เบาะว่างสองเบาะ ให้เดาคงเป็นผมกับเต้ย และสองเบาะหน้าสุด มีคนที่พรากจูบแรกผมนั่งอยู่

ผมส่งยิ้มให้นิดหนึ่งทักทาย พี่เอกพยักหน้าทีเดียวตอบรับ เบาะข้าง ๆ คงเป็นของพี่เป้ เก้าอี้แถบซ้ายเต็มไปด้วยกระเป๋า

“รีบขึ้นไปดิ”
ไอ้เต้ยมันรุนหลังผมให้ขึ้นรถ ผมรีบเอาตูดไปแปะเบาะทันที

“อธิบายมา” ผมกระซิบถามมัน

“เมื่อวานกูขอ มันอนุญาต แล้ววันนี้ก็อย่างที่เห็น”
มันกระซิบกลับสั้น ๆ

ผมพยักหน้าทีเดียวเข้าใจ จะว่ามันก็ไม่ได้หรอกครับ พี่เป้เจ้าเล่ห์ใช่ย่อย

ผมนั่งด้านนอก ไอ้เต้ยนั่งใน ผมหันไปมองความเคลื่อนไหวในรถ เห็นพี่โอมกับพี่มอนั่งกระหนุงกระหนิงกับแฟน พี่โอ๊คกับพี่ปิงนั่งอ่านหนังสือลืมโลก พี่สาวกับพี่อิงคุยเรื่องจุ๊กจิ๊กจับใจความไม่ได้ทั้งที่นั่งใกล้สุดแท้ ๆ

พี่กิ๊ฟที่นั่งด้านนอกโผล่หน้าออกมาถาม

“เอ่อนี่กาย พี่ได้ข่าวว่าเราจะเอาภาพเข้าประกวดในงานมหาลัยปีนี้เหรอ”

“ฮะ”
 
“เหรอ ๆ ขอพี่ดูหน่อยสิ”
พี่กิ๊ฟขอด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“แฮะ ๆ มันเป็นกฎน่ะฮะ ภาพที่เข้าประกวดห้ามให้ใครดูนอกจากคณะกรรมการ”

“อ้าวเหรอ ไม่เป็นไร ยังไงก็ขอให้ได้สักรางวัลละกันเนอะ”

ผมยิ้มรับ จริง ๆ ผมไม่ได้หวังรางวัลอะไรหรอก เพียงแค่อยากเข้าร่วมเท่านั้น เผื่อฟลุ๊คอะนะ เมียงมองมาตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว
 




ตอนแรกคิดว่าจะไปบางแสนกัน แต่ตอนนี้รถตู้คันใหญ่สีเงิน วิ่งเข้ามาจอดสนิทที่หน้ารีสอร์ตสไตล์ไทยร่วมสมัย ด้านหน้าปูเรียบไปด้วยหาดทรายขาวสะอาด เป็นหาดส่วนตัวในหัวหินครับ กิจการของบ้านไอ้พี่มอมัน

โห เพิ่งรู้ว่าไอ้พี่มอมันรวยขนาดนี้ พวกสาว ๆ ตาโตกันใหญ่

พี่มอแกหม้อเรื่องสาว ๆ ก็จริง แต่โดยพื้นแล้ว แกก็เป็นคนดี ไม่เคยอวดร่ำอวดรวยด้วย

งานนี้ที่พักฟรีครับ เปรมน่าดู

ผมกับไอ้เต้ยได้ห้องเดียวกัน ริมสุดชั้นสาม มองเห็นวิวทะเลได้ชัดแจ๋วเลย เดินสำรวจห้องอีกนิด ๆ หน่อย ๆ ผมก็โยนกระเป๋าทิ้ง คว้ากล้องเผ่นแผ่วไปริมหาดทันที ปล่อยให้ไอ้เต้ยนั่งจัดของไป

วิวสวยดีครับ เป็นหาดส่วนตัวที่กว้างมาก มองมุมไหนก็สวยไปหมด พอลงมาถึง ผมก็เดินวนหามุมสวย ๆ ถ่ายรูปทันที 
 
ผมเดินถ่ายไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ยังจุดที่มีต้นมะพร้าวขึ้นอยู่สี่ห้าต้น ผมยกตัวกล้องขึ้นมาจ่อไว้ที่ดวงตา ขยับปรับเลนอีกนิดหนึ่ง เพื่อให้ได้ภาพในมุมที่สวยที่สุด

ผมยิ้ม เมื้อมะพร้าวเอน ๆ ต้นหนึ่งถูกล็อคให้อยู่ในเลนอย่างสวยงาม ผมยืนเล็งต่ออีกนิด ก่อนตัดสินใจกดปุ่มด้านบน ภาพตรงหน้าหยุดลงเพียวเสี้ยววินาที แต่ผมก็รู้ ว่าต้นมะพร้าวต้นนั้น วิ่งเข้ามาอยู่ในเมมโมรี่ผมแล้ว

ผมขยับตัวกล้องเคลื่อนที่ไปทางซ้ายเพื่อหามุมต่อไป ก่อนหยุดนิ่ง เพราะหน้ากล้องถูกบังมิดด้วยอะไรบางอย่าง

ผมค่อย ๆ ลดกล้องลงมอง
 
“อยู่ ๆ ก็มาแอบถ่ายกัน”

ไอ้พี่เอกครับ มายืนทำหน้านิ่ง ๆ อยู่ตรงหน้า

“ผมเปล่านะ พี่มาเข้าเลนผมเองต่างหาก”

กวนมาก็กวนกลับสิ


ผมกวาดมองพี่เอกอีกที หน้าหล่อยังไงก็ยังหล่ออยู่อย่างนั้น วันนี้พี่เอกมาแบบสบาย ๆ ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวลายต้นมะพร้าวสีเขียว กางเกงขาสั้นเสมอเข่าสีเขียวน้ำทะเล สวมร้องเท้าผ้าใบไม่มีถุงเท้า แต่งตัวได้ชิวมาก

“ผมยาวขึ้นอีกแล้วนะฮะ”
ผมพูดตามสิ่งที่เห็น พี่มันจ้องหน้าผมนิ่ง ๆ
 
“สังเกตด้วยเหรอ”
พี่มันจับเส้นผมตรงหน้าผากตัวเองเหลือบตาขึ้นดู

“พอดีเดือนนี้พี่ยุ่ง ๆ เลยไม่ได้แวะเข้าร้านตัดผมซะที”

“เข้าทำไมร้านตัดผม”

พี่เอกเลิกคิ้วสงสัย
 
“เข้าร้านตัดขนน่าจะเหมาะมากกว่า”
พูดจบ ก็วิ่งสิครับ อยู่ให้โดนอุ้งตีนหมีตะปบเหรอ พี่เอกชี้หน้าจะด่า สองขาก็วิ่งไล่จะเตะตูดผม

“ขอโทษคร้าบ อย่าทำอะไรผมเลย เบา ๆ พี่ เดี๋ยวกล้องพัง”
ผมรีบยกมือไหว้ขอโทษขอโพยหลบอยู่หลังต้นมะพร้าว กลัวลูกรักพังครับ วิ่งไม่ทันขายาว ๆ ของพี่แกหรอก พี่เอกชี้หน้าอาฆาต
 
ผมยืนหอบ พี่มันก็ไม่ต่าง
 
“เอ่อ พี่เอก ผมมีเรื่องจะขอพี่หน่อย”
ผมรีบพูดเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ พี่มันมองหน้า

“คือ ผมกำลังจะส่งภาพเข้าประกวด ซึ่งหนึ่งในภาพที่ผมกำลังคัดอยู่ เป็นภาพของพี่ ถ้าเอาไปลง พี่จะว่าอะไรไหม”
พี่เอกขมวดคิ้ว

“ภาพไหน”

“ภาพตอนเราไปดูพระอาทิตย์ตกกัน”
พูดแล้วหน้าก็ร้อนพิลึก พี่เอกเปลี่ยนสีหน้านิดหนึ่ง แล้วกลับมานิ่ง ๆ เหมือนเดิม

“สวยเหรอ”
พี่มันถาม ผมพยักหน้า
 
“ก็นะ นายแบบมันหล่อ”

ผมเบ้หน้า

“ฝีมือการถ่ายภาพของผมมันดีต่างหาก” ผมเถียงกลับ

“พี่ว่าเพราะนายแบบของนายหล่อมากกว่า”
 
“หลงตัวเอง”

“นายก็หลงตัวเองเหมือนกัน”

ผมอ้าปากเตรียมจะเถียงต่อ แต่เบรกตัวเอาไว้ก่อน

กำลังขอเขาอยู่นี่หว่า

“แล้วตกลงพี่อนุญาตใช่ไหม”
 
“ก็ไม่เห็นเสียหายอะไรนี่”

ผมยิ้มแป้น

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว พี่สุดหล่อ จะมาเป็นนายแบบให้ผมถ่ายภาพอีกสักเซตได้ไหมครับ”

“ค่าตัวเท่าไหร่” พี่มันต่อลอง ผมเบ้หน้า ก่อนทำท่าคิด
 
“ปูสองตัว”

“ได้”
พี่มันตอบรับแทบจะทันที ผมยิ้มแป้นอีกรอบ

“แต่เป็นปูจากอลาสก้านะ”
 
ผมหุบยิ้มลงฉับ

แพงจะตาย ใครจะไปซื้อได้

“ไม่เป็นไร ผมไปขอพี่โอมถ่ายก็ได้”

“ไอ้โอมมันหล่อไม่เท่าพี่หรอก งั้นลดจากปูเป็นข้าวสักมื้อละกัน”
 
ผมเบ้หน้า

“ก็ได้ แต่พี่ต้องทำตามที่ผมบอกนะ”

พี่เอกพยักหน้าอีกที

ผมยิ้มนิด ๆ ยกกล้องขึ้นมาเซต พอเซตกล้องเสร็จ ผมเงยหน้ามองพี่เอกตั้งแต่หัวจรดเท้า

ตอนนี้พี่เอกผมยาวขึ้น ก็หล่ออยู่หรอกนะ แต่ว่า…
 
ผมชอบตอนพี่เอกเสยผมมากกว่า

“รอแป๊บนะฮะ”
ผมวิ่งกลับห้องพักตัวเอง คว้าน้ำเปล่าในกระเป๋าแล้ววิ่งเอามายื่นให้พี่เอก พี่แกรับไปถือไว้งง ๆ

“ราดหัวให้เปียกแล้วเสยผมไปด้านหลัง”
 
พี่แกมองงง ๆ

“ทำไม”

“ผมอยากถ่ายตอนพี่เสยผม หล่อดี”

พี่เอกชะงักจ้องหน้าผม ก่อนเสหน้าไปทางอื่น หมุนเปิดฝาขวดออก ราดน้ำลงกลางกะบาลเกือบครึ่งขวด ปิดฝา โยนขวดไว้ข้างตัว แล้วพี่แกก็ใช้สองมือกวาดเส้นผมทั้งหมดไปด้านหลัง

และทันทีที่พี่มันปล่อยมือ ผมก็ไม่อาจละสายตาไปจากภาพตรงหน้าได้แล้ว

เป็นผู้ชายที่ดูดีจริง ๆ
 

กล้องยังคล้องอยู่ที่คอ สองมือยังประคองอยู่ที่ตัวกล้อง และสองดวงตาผม จ้องมองเพียงภาพที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น

เรียวคิ้วเข้มเมื่อไม่ถูกเส้นผมบดบังยิ่งเด่นชัด รับกับหน้าผากโค้งได้รูป จมูกโด่งสูงพอดิบพอดีรับกับริมฝีปาก มีหยดน้ำเกาะพราวเอาไว้เพียงหยด

ผมว่า หน้าตาพี่เอกเป็นเหมือนประติมากรรมแสนสวยสักชิ้น ยิ่งมองยิ่งไม่อาจละสายตาไปไหนได้

“ตกลงจะจ้างพี่มาถ่ายรูป หรือจ้างพี่มามอง”
           
“ขะ ขอโทษฮะ"
ผมสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ รีบดึงสติตัวเองกลับคืน

ผมเขยิบตัวออกไปยืนอยู่ห่าง ๆ เล็งกล้องไปยังคนตัวสูง ผมสั่งให้พี่แกไปยืนอยู่ใต้ต้นมะพร้าวที่มันเอียงอยู่ แสงเงาที่ตกกระทบกำลังได้ที่เลย

ผมกดถ่ายไปได้ร่วมยี่สิบภาพ นายแบบก็แอ็คเก่งใช้ได้ น่าจะไปเป็นนายแบบมืออาชีพนะเนี่ย

“อยากเปลี่ยนที่แฮะ”
ผมมองซ้ายมองขวาหาวิวใหม่ ๆ

“ไปถ่ายที่สวนของโรงแรมก็ได้ สวยดีนะ”
พี่มันเสนอ ผมตาวาว รับปากแล้วเดินตามไป

 

ไม่ผิดจากที่พี่มันบอกจริง ๆ ที่นี่สวยมาก ตกแต่งสวนสไตล์บาหลี มีน้ำตกล้อมรอบ ประดับด้วยหิน รูปปั้นและพืชพรรณที่เกาะแน่นไปด้วยตะใคร่น้ำ รอบด้านเขียวขจี มาถึงผมก็ยืนเล็งกล้อง ตั้งหน้าตั้งตาถ่ายแต่สถานที่...

จนลืมนายแบบหน้าหล่อไปเลย


TBC..


เต่าได้ใจมาก = =
ช่วงนี้ติดอ่านนิยาย... แบบว่า... โต้รุ่งมาสองคืนแล้ว นอนตอนหกโมงตื่นแปดโมง...(มนุษย์?) จริง ๆ ไม่อยากอ่านเท่าไหร่หรอก อ่านทีไร ไอเดียวิ่งพล่าน มือกระดิกยิก ๆ อยากแต่งเรื่องใหม่อยู่เรื่อย เมื่อวานอ่านนิยายญี่ปุ่น มือสั่นหยิก ๆ แต่รีบจับมันไว้หมับ มัดมันไว้กับหัวเตียง เฆี่ยนมันด้วยแส้ หยดด้วยเทียนร้อน โอ๊ว อ๊า ... ทรมานดีแท้ วิญญาณ SM เข้าสิง

อารมณ์นี้ อยากแต่งนิยายหื่น ๆ เคะโดนเมะซาดิส์มจับกดเช้ากดเย็นอะไรทำนองนี้ หึหึ - , . -

แฟนเพจ Kiss love เจ้าค่ะ ตามข่าวที่นี่ละกัน ^^
http://www.facebook.com/pages/Kiss-Love-รักวุ่นวายนายสุดหล่อ-น้องคีส/357251407621508

ไปล่ะ :bye2:

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 07 : เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: sanfran ที่ 06-03-2012 22:40:50
จุ๊บๆคนเขียน นิยายขอเธอน่ารักจัง

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 07 : เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 06-03-2012 22:43:58
พี่เอกนี่คิดยังไงกับน้องกันนะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 07 : เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 06-03-2012 22:54:42
 :กอด1:ติดนิยายไม่ว่ากันที่สำคัญอย่าลืมมาต่อนะเห็นใจคนรออ่านบ้างน้า :bye2: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 07 : เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: dokuro69 ที่ 06-03-2012 23:09:24
รออ่านต่อนะคะ เรื่องนี้น่ารักมากเลย>.<
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 07 : เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: PrAeW ที่ 06-03-2012 23:12:07
พี่เอกเริ่มรุกขึ้นเรื่อยๆๆ
55555555555
ไรเตอร์แอบติดนิยาย ถ้าเอาแบบนั้นมาแต่งก้อดีนะค่ะ^^
ชอบๆๆๆๆๆ
555555555555555555
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 07 : เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 06-03-2012 23:46:24

เฮ้ย คนอ่านSMเข้าสิง 555
เราก็ชอบอ่านที่คุณหมิวเขียนนิยายเกาหลีนะคะ
ที่ชอบนิยายเกาหลีที่อ่านก็มีแต่ของคนแต่ง
แต่ส่วนตัวชอบนิยายไทยมากกว่า เพราะงั้นเราเชียร์!
อยากอ่านเมะหื่น ฮ่าๆ

เอกกาย♥♥♥♥

ปล.สารภาพว่าไปแอบอ่านที่เด็กดีมาแล้วจ้าหลังจากที่ไม่ได้เข้ามานาน
เราตามอ่านของคนแต่งตั้งแต่ซินซ่าแล้วอะ ชอบๆ
ปล.2 ยังไงก็จะตามอ่านทั้งในนี้แล้วก็ในเด็กดีเลยน้า อาจจะโผล่ไปเม้นที่นู้น
หรือมาโผล่ที่นี่ ก็ไม่ว่ากันน้า

+1 เป็นกำลังใจให้จ้าาา จ๊วบ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 07 : เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 07-03-2012 00:27:25
เมื่อไรนะ จะได้รักกันเสียที
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 07 : เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 07-03-2012 00:48:08
มิวจ๋า....

ลงให้ทันในเด็กดีเร็วๆน้า

แอบติดนิยายเหรอช่วงนี้

แต่ถ้าอยากแต่งแบบ SM ก็ดีนะ :z1:

โซ่  แส้  กุญแจมือ เทียนไข  จัดไปอย่าให้เสีย :haun4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 07 : เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: Bubble Gum ที่ 07-03-2012 01:29:49
เห็นกายชอบถ่ายรูปแล้วแอบอยากถ่ายรูปบ้าง..
เผื่อจะมีนายแบบมาให้เลี้ยงข้าวบ้าง =..=''

พี่มิวสู้ๆเข้าน๊าาาา..
คนเขียนอยากแต่งเอสเอ็ม คนอ่านก็อยากอ่านเหมือนกันค่ะ
กร๊ากกกกกก ก ...
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 07 : เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 07-03-2012 02:01:36
อ๊าย
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 07 : เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: mickeynut ที่ 07-03-2012 11:42:49
 :mc4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 07 : เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: sanfran ที่ 08-03-2012 20:54:54
มารอเต่า
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 07 : เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: Papoonn ที่ 08-03-2012 21:40:20
รู้สึกมันสั้น ๆ ผิดปกติริป่าวน่ะ  ฮ่า ๆ
ล้อเล่นจ้า สนุกเหมือนเดิมคะ ! พี่เอกก็ยังซึน ๆ มึน ๆ ไม่เปลี่ยน ๆ
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกก  : ) 
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 07 : เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 08-03-2012 22:06:19
ชอบจังค่ะ เรื่อยๆมาเรียงๆ
ไม่หวือหวา แต่น่ารักมว๊ากกกกกกกกกกกก
^_______________^
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 07 : เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 09-03-2012 14:54:52
เข้ามากดเข้ามาดัน^0^

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 07 : เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 09-03-2012 19:13:54
น่ารักกกกกกกก   :-[
พี่เอกจูบกายบ่อยไปล่ะ เดี๋ยวให้กายจับปล้ำซะเลยนิ   :z1:
รอนะฮะ  ^^
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 07 : เดินทางกลับ...เที่ยวทะเล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 09-03-2012 22:02:21
                                 ทำมัยมันยังอึมครึมไม่ชัดเจนซะทีนะ
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 08 : หน้าบูดยังไงก็ยังหล่อ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 11-03-2012 22:10:03
 Kiss Love ♥ [08] หน้าบูดยังไงก็ยังหล่อ
[เอก...☼]


 

ผมยืนกอดอกจ้องมองคนที่กำลังเดินร่อนกดชัตเตอร์ไปทั่วแทบจะทุกมุมของสวนสวย ถ่ายเพลินจนลืมไปแล้วมั้ง ว่ามีนายแบบจำเป็นอย่างผมอยู่ด้วย

มันเดินไปหยุดอยู่หน้าน้ำตกจำลอง หมุนปรับเลนอีกเล็กน้อย ตอนแรกมันยืนอยู่กับที่ เอนตัวไปด้านหลังเพื่อให้ได้ภาพมุมห่าง แต่สงสัยระยะยังไกลไม่พอ มันเลยค่อย ๆ ก้าวถอยไปด้านหลังช้า ๆ ทีละก้าว ๆ

กระทั่ง...

ผมรีบถลาไปคว้ามันไว้ทันทีที่เท้ามันชนกระถางต้นไม้จนมันเสียหลักจะล้ม

ผมพ่นลมหายใจโล่งอก กอดคนในอ้อมแขนแน่น เหลือบตามองพื้น มีแต่หินแหลมเต็มไปหมด ถ้าล้มไปสมองได้ไหลออกมาประดับพื้นแน่ ๆ

ผมก้มมองคนที่อยู่ในอ้อมแขนอีกที

มันนิ่ง...

ผมก็นิ่ง…

แต่เสียงหัวใจที่ดังอยู่ภายในไม่ได้นิ่งตามไปด้วย นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมกอดมันไว้

เรานิ่งกันอยู่นาน จนเป็นมันที่ค่อย ๆ ดันตัวออก 

“ขอบคุณฮะ แฮะ ๆ ถ่ายเพลินไปหน่อย”
มันเกาท้ายทอยแก้เก้อ

“งั้นเรามาเริ่มถ่ายกันต่อดีกว่า”

ผมพยักหน้ารับ หยิบขวดน้ำมาเตรียมราดหัวอีกที เพราะที่ราดไว้เมื่อกี้มันแห้งไปแล้ว

ไอ้ตัวเล็กมันสั่งให้ผมหลับตาราดน้ำลงบนหัว บอกตามตรง ข้าวมื้อเดียว คุ้มกันไหมเนี่ย คราวนี้ผมราดน้ำจนหมดขวด ท่อนบนเปียกมะลอก พอราดเสร็จก็โยนขวดเปล่าทิ้ง ใช้สองมือรวบเสยผมไปด้านหลังทั้งหมด แล้วใช้สองดวงตาจ้องกลับมันนิ่ง ๆ 

ผมชอบเวลาที่มันมองผมตาค้าง

ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองใช่ไหม ว่าไอ้ตัวเล็กกำลังหลงเสน่ห์ผมอยู่ ผมมองมันนิ่ง ๆ ดูว่ามันจะยืนอยู่ตรงนั้นได้นานแค่ไหน


ผ่านไปสักพัก คนตรงหน้าก็ยังไม่รู้ตัว ผมยิ้มนิดหนึ่ง เอ่ยปากเรียกสติมัน

มันเกาหัวแก้เก้อ รีบเดินหามุมเหมาะ ๆ ยกกล้องขึ้นไปจ่อไว้ที่ดวงตา ผมยังยืนอยู่เฉย ๆ รอคำสั่งว่าจะให้ยืนท่าไหน มันจ่อกล้องไว้สักพัก ก่อนเอียงหน้ามาด้านข้างในขณะที่ตัวกล้องยังอยู่ตรงจุดเดิม เอียงคอทำท่าคิด

มันลดตัวกล้องลงมาคล้องคอไว้ เดินดุ่ม ๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้า ผมมองตามงง ๆ มันเอื้อมมือมาคลี่ปลดกระดุมเสื้อผมออกโดยไม่บอกกล่าว หัวใจผมเต้นแรง จ้องมองการกระทำนั้นงง ๆ

นี่อย่าบอกนะว่า ไอ้ตัวเล็กมันจะปล้ำผมตรงนี้

ผมยืนตื่นเต้น ใจหนึ่งอยากห้าม แต่อีกใจก็ไม่อยาก มันไล่ปลดกระดุมออกหมดทุกเม็ด จนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อและซิกแพคแข็งแรงหกลูก 

มันแตะปลายนิ้วเบา ๆ บนกล้ามเนื้อท้อง ผมสะดุ้งเฮือก รู้สึกหวิวกับสัมผัสนั้นขึ้นมาทันที มันเงยหน้ามองพร้อมรอยยิ้ม

“สวยดี”
มันบอกแค่นั้นแล้วเดินกลับไปปักหลักตั้งท่าเตรียมถ่ายต่อ ผมแทบไปไม่เป็น
 
ตกลงมันหลงเสน่ห์ผม หรือว่าแค่รูปร่างหน้าตาของผมอย่างเดียวกันแน่
 
สงสัยหน้าผมมันจะหงิกแบบไม่รู้ตัว มันเลยลดกล้องที่เตรียมจะถ่ายลงมอง

“ยิ้มหน่อยสิครับ”

“ไม่มีอารมณ์” ผมเปลี่ยนอารมณ์แทบจะทันที

มันทำหน้างง ๆ

“ไม่เป็นไร ถึงหน้าบูดยังไงก็ยังหล่อ”

ผมชะงักไปกับคำพูดมัน ไอ้ความโกรธที่มีมาเมื่อตะกี้หายลับไปเลย ผมเสหน้าไปด้านข้าง

ถึงหน้าบูดยังไงก็ยังหล่อ…

หมายความว่า ถึงไม่ทำหน้าหล่อกูก็ยังหล่อใช่ไหม

ยังไงกันแน่วะ…

มันกดถ่ายไปทั้งที่ผมยังทำหน้าบูด ๆ นั่นแหละ จริง ๆ เลิกโกรธแล้ว แต่เต๊ะไปงั้นเอง

 
 

“โอเคครับเรียบร้อย”
มันลดตัวกล้องลงไปคล้องไว้ที่คอ

“อย่าเข้าร้านแพงมากนะฮะ ร้านข้าวแกงในมหาลัยได้ยิ่งดี”
มันรีบดักทาง

ไอ้ตัวเล็กมันบอกขอโทษผมและให้ผมกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จริง ๆ แล้วเปียกแค่นี้แป๊บเดียวก็แห้ง ผมเลยไม่ได้ไปเปลี่ยน


พอเดินเข้าไปในล็อบบี้ ไอ้มอปากหมามันก็แซวทันที

“โหย ไอ้เอก ไปโดนสาวที่ไหนฟัดมาวะ หลุดลุ้ยเชียวนะมึง”
แล้วมันก็เหลือบมาเห็นไอ้ตัวเล็กด้านหลังผม

“อ๋อออออ” มันลากเสียงยาว

“แหม ร้อนแรงกันแต่วันเลยนะ”

“มึงคิดได้แต่เรื่องอกุศลนะ กูไปเป็นแบบให้เขาถ่ายรูปมาต่างหาก”

“อ้าว ไหนมึงบอกไม่ชอบให้ใครถ่ายรูปไม่ใช่รึไง”

เจ้าตัวเล็กจ้องหน้าผมงง ๆ ผมทำท่าอึกอัก จะให้บอกได้ไง ว่ามีแค่มันนี่แหละที่ผมยอมให้ถ่าย

“มันจำเป็นวะ น้องเขานี้ดคนหล่อ” ผมเฉไฉตอบไป ไอ้ตัวเล็กยิ้ม ไม่นานพวกเพื่อน ๆ ผมก็ขนขบวนมารวมตัวกันที่ล็อบบี้

ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือ
 
เที่ยงพอดี

“กูก็คิดว่ามึงหนีไปเต๊ะสาวที่ไหนซะอีก หากันตั้งนาน มือถือก็ไม่เอาไป” ไอ้อ้อยมันโวย “แล้วนี่มึงไปฟัดกับหมาตัวไหนมาวะ เสื้อผ้าหลุดลุ้ยโชว์พุงอยู่ได้”

“กูไม่มีพุง มีแต่ซิกกับเซี้ยว”

ไอ้อ้อยทำหน้าเป็นหมางง

“อะไรวะเซี้ยว”

ผมยิ้มพราว

“เอาไว้ให้มึงมีผัวก่อน คงจะได้เห็นด้วยตาตัวเอง”
 
ความเข้าใจของมันมาพร้อมกับความเจ็บที่กลางหลังผม

จุกครับ

“ผู้หญิงบ้าอะไร มือหนักเป็นบ้า” ผมบ่นอุบลูบหลังตัวเอง

“สำออย”
มันชี้หน้าด่า

“ไปหาข้าวกินกันได้แล้ว กูหิว”
มันบอกต่อ ผมพยักหน้า แล้วพวกเราก็ขนขบวนย้ายจากรีสอร์ตไปหาข้าวกินกันข้างนอก


           
TBC...
สั้นนิดค่ะตอนนี้ แบบว่ามันต่อบทไม่ได้ เจอกันเมื่อชาติต้องการ ฟิ้วววว ^^       
ลงตอนต่อไปเมื่อขึ้นหน้าใหม่นะคะ ^^   
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 08 : หน้าบูดยังไงก็ยังหล่อ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: shipshape ที่ 12-03-2012 00:03:45
เซี้ยว  :z1:
รอตอนใหม่ค๊าาาาา  :bye2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 08 : หน้าบูดยังไงก็ยังหล่อ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 12-03-2012 00:05:42
เข้ามาอ่านอีกรอบ

หลังจากไปอ่านในเด็กดี

พี่เอกกะน้องกายก็ยังน่ารักเหมือนเดิม

ที่นู่นเม้นท์ครบแล้วนะ :z1:

เข้ามาช่วยดันที่นี่อีกแรง
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 08 : หน้าบูดยังไงก็ยังหล่อ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: nan239 ที่ 12-03-2012 00:40:21
ชอบนิยายเรื่องนี้จังค่ะ ยิ่งอ่านยิ่งชอบ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 08 : หน้าบูดยังไงก็ยังหล่อ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 12-03-2012 01:04:32
นายแบบประจำตัว
อนญาติให้ถ่ายแค่น้องกายคนเดียวสินะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 08 : หน้าบูดยังไงก็ยังหล่อ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: Nunng ที่ 12-03-2012 01:04:55
ชอบเร่ื่องนี้ :o8:
เนื้อเรื่องมันดูน่ารักใสๆดีอ้ะ  o13
สนุกมากเลยยยยยยย :กอด1:มาอัพไวๆนะค้า
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 08 : หน้าบูดยังไงก็ยังหล่อ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: sanfran ที่ 12-03-2012 06:09:36
ขึ้นหน้าใหม่แล้วนะแล้วคนเขียนอะอยู่ไหน

รอนะรอ เป็นเต่าพิมพ์เราก็รอแต่อย่าหายไปนะเราทำใจไม่ได้
55555
เรื่องสนุกมากๆอะ รอตอนต่อไปไม่ไหวแล้ว
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 08 : หน้าบูดยังไงก็ยังหล่อ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 12-03-2012 07:32:34
 o13 สนุกมากเรื่องนี้

อ่านทั้งสองที่ กร๊ากกกกก

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 08 : หน้าบูดยังไงก็ยังหล่อ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 12-03-2012 09:22:05
อ่านได้เรื่อย ๆ เพลิน ๆ แต่หยุดไม่ได้
สำนวนเขียนแปลกไม่เหมือนใครดีครับ ชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 08 : หน้าบูดยังไงก็ยังหล่อ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 12-03-2012 10:15:50
 :L2:พี่เอกแกชอบน้องกายแต่แกยังไม่รู้ว่าชอบแบบไหนใช่ปะ :bye2: :call:
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 09 : เฮฮากลางร้านอาหาร [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 12-03-2012 14:13:52
Kiss Love ♥ [09] เฮฮากลางร้านอาหาร
[กาย...♥]


 

พวกเรามาถึงร้านอาหารกันแล้วครับ เป็นร้านอาหารริมทะเล บรรยากาศเงียบเชียบ ตกแต่งร้านสไตล์ล้านนา โห เข้ากับทะเลมากมาย แปลกไปอีกแบบ แต่คนกลับแน่นขนัด ยังดีที่พี่สาวโทรมาจองโต๊ะไว้ก่อน ไม่งั้นพวกเราคงอดกิน

พวกเราเลือกที่นั่งเป็นโต๊ะแบบนั่งพื้นครับ แบบขันโตกเลย พวกพี่ ๆ เดินตรงไปยังโต๊ะที่จองไว้ ส่วนผมขอตัวไปเก็บภาพก่อน

ผมยืนถ่ายรูปจากริมสะพานที่ยื่นออกไปนอกหาด เห็นนกหลายตัวกำลังโฉบอยู่กลางอากาศ

ผมก็...แชะ!...ซะเลย

พอเก็บภาพจนหนำใจก็เดินกลับไปที่โต๊ะ ตอนนี้เหลือที่ว่างอยู่แค่ตัวเดียว คาดว่าน่าจะเป็นของผม ผมทิ้งตัวลงนั่ง ข้างขวาผมเป็นไอ้เต้ย และข้างซ้ายเป็นใครอีกคนที่ผมเพิ่งไปลั่นชัตเตอร์กดถ่ายภาพมา

อาหารมาถึงแล้ว โห นี่เขาทำเร็ว หรือว่าผมมัวถ่ายภาพเพลินกันแน่นะ พวกเราเริ่มลงมือกินกัน 14 ชีวิต บนโต๊ะญี่ปุ่นสามตัวต่อกัน มีต้มยำทะเลสามหม้อ หอยลวกสามจาน ผัดผักสองจานใหญ่ ๆ ยำทะเลสามจาน ไข่เจียวปูอีกสองจานใหญ่ ส้มตำปูม้าสามจานใหญ่ ๆ และตบท้ายด้วยกุ้งเผาสามจาน แต่ละจานไซส์อย่างยักษ์

ผมชอบกินกุ้ง แต่ไม่ชอบแกะเปลือกกุ้ง ไอ้เต้ยมันรู้ดี มันเลยทำหน้าที่นี้ให้ผมแทน

แต่ละคนเปิบไม่ห่วงหล่อห่วงสวยกันเลย ผู้คนในร้านก็พากันมองใหญ่

ก็นะ…

หล่อ ๆ สวย ๆ กันทั้งนั้น

ในกลุ่มนี้ ผมคงหน้าตาธรรมดาที่สุดแล้วละมั้ง


ผมนั่งกินไปเรื่อย ๆ เม้าแตกกับพวกพี่ ๆ ส่วนมากก็เล่าเรื่องการถ่ายภาพนั่นแหละ เห็นอย่างนี้ ผมเดินทางท่องเที่ยวกับแม่บ่อยเอามาก ๆ รายนั้นชอบท่องเที่ยว บางทีก็หนีไปคนเดียว บางทีก็หิ้วผมไปด้วย ผมชอบถ่ายรูป เลยเก็บภาพสวย ๆ ไว้เยอะแยะไปหมด

ทุกคนถามเหมือนไอ้พี่เอกว่าทำไมผมถึงไม่ไปเรียนตรง ๆ

ผมก็ตอบไปตรง ๆ

ทำเป็นอาชีพ ความกดดันมันจะเยอะ ผมไม่อยากให้ไอเดียและจิตนาการถูกจำกัดเอาไว้เพื่อเงิน

อันนี้แม่ผมสอนมา ถ้ามีใครถามว่าแม่ทำอาชีพอะไร แม่จะบอกว่า

‘อาชีพอิสระ’

แต่ถ้าถามว่างานอดิเรกคืออะไร แม่ก็จะบอกไปว่า

‘เขียนนิยาย’


 

ผมนั่งโซ้ยต้มยำกุ้ง ดูเหมือนพวกพี่จะไม่อิ่มกัน เลยสั่งมาเพิ่ม ผมรีบเคลียร์โต๊ะเพื่อให้มีที่ว่างมากขึ้น เก็บจานชามที่ไม่ใช้ไปวางไว้ด้านหลังตัวเอง พอหันกลับมา ก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างจากคนข้างตัว

“พี่เอก” ผมเรียก
มือที่กำลังแงะกุ้งอยู่ชะงักค้าง พี่แกหันมามอง

“พี่ลืมติดกระดุมเสื้อแน่ะ พุงยื่นหมดแล้ว”

จริง ๆ ไม่ยื่นหรอกครับ คนที่มีกล้ามเนื้อท้องมาก ๆ กินให้ตายยังไงพุงก็ไม่ยื่น นี่ขนาดพี่แกนั่งขัดสมาธิกับพื้น กินเข้าไปก็มากกว่าผมตั้งหลายเท่า ท้องยังไม่ยื่นเลย

พี่เอกนิ่งไปนาน

คงกำลังคิดอยู่ว่าจะวางกุ้งแล้วติดกระดุมเสื้อก่อน หรือกินให้เสร็จก่อนดี ผมเลยตัดสินใจ...

ติดให้แกแทน 

พี่เอกถือกุ้งค้างไว้ ผมก็ตั้งหน้าตั้งตากดกระดุมลงหลุมตั้งแต่ล่างขึ้นบน

คือ...
มันเป็นนิสัยผมน่ะ เวลาถอด จะไล่ตั้งแต่บนลงล่าง แต่เวลาติดจะไล่ตั้งแต่ล่างขึ้นบน

ผมเหลือกระดุมสองเม็ดบนไว้ ให้มันดูเท่ ๆ หน่อย ผมตบกระดุมเม็ดสุดท้ายเมื่อติดเสร็จ พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นพี่เอกมองผมด้วยสายตานิ่ง ๆ ทั้งโต๊ะเงียบครับ ผมค่อย ๆ หันไปมอง พวกพี่ ๆ ทั้งโต๊ะมองมาทางผมเป็นตาเดียว พอหันไปมองไอ้เต้ย มันนั่งอ้าปากตาค้าง

“มีอะไรกัน”

“ไอ้เชี่ยเอก!! มึงจะบอกว่าไม่มีอะไรกันไม่ได้แล้วนะ ไอ้กายดูแลมึงดีอย่างกับเมีย”

ผมสะดุ้งกับคำพี่มอ

“ผมก็แค่ติดกระดุมพี่”

“ไปติดให้มันทำไม ไม่ใช่หน้าที่ซะหน่อย” ไอ้พี่โอมมันค้าน ผมทำท่าอึกอัก ยิ้มตามแหย่ง ๆ

“ก็ผมเป็นคนปลด ผมก็ต้องติดให้สิ”

คราวนี้ทุกคนพากันส่งเสียงฮือฮา ผมนี่แทบไปไม่ถูก อยากอธิบาย แต่สู้เสียงเซ็งแซ่ไม่ได้
 
“พวกมึง เงียบกันไปเลย!!”
พี่เอกปรามเสียงดัง แปลงกายเข้าโหมดเงียบ ทุกคนพากันเงียบกริบตาม

กับเพื่อน มึงก็ยังทำโหดใส่เขาอีกเนอะ

“ฟังมันพูดให้จบก่อน”

คราวนี้ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว

“คือผมขอให้พี่เขามาเป็นนายแบบให้ ผมเห็นว่ากล้ามท้องพี่เขาสวยดี เลยถอดกระดุมออกเพื่อถ่ายแบบ แค่นั้นแหละ”

ทุกคนทำหน้าเสียดาย หันกลับไปนั่งกินกันต่อ

“กูก็คิดว่ามึงติดใจจูบจากน้องเขาซะอีก”

คำพูดพี่โอมทำเอาผมสะดุ้งอีกรอบ รีบหยิบกุ้งที่ไอ้เต้ยมันวางไว้ให้ก่อนหน้านี้กิน   

กินไปกินมา ชักรู้สึกว่าจะมีออร่าบางอย่างส่งตรงมาจากด้านขวามือ ผมค่อย ๆ หันไปมอง

ไอ้เต้ยครับ มันจ้องหน้าแบบจับผิดผมอยู่

“กูไม่เอามึงมาเป็นนายแบบหรอก มึงไม่หล่อไม่ต้องมามองกู” ผมแถ มันเป็นเพื่อนผมมานาน เดี๋ยวมันจับไต๋ได้

“แล้วไป” มันพูดเรียบ ๆ หันไปแกะกุ้งต่อ ผมแอบพ่นลมหายใจในใจ


 

 

สายลมริมทะเลโหมแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเส้นผมของผมปลิวสะบัด ผมของไอ้เต้ยก็ไม่ต่าง เพราะตัดทรงเดียวกัน (ก็มันนั่นแหละ เป็นคนลากผมไปด้วย แถมยังเจ้ากี้เจ้าการให้ตัดทรงเดียวกันอีกด้วย มันบอกตัดตามนักร้องที่มันชอบ)

ผมมันยาวระแก้มหน่อย ๆ ผมไอ้เต้ยจะยาวเร็วกว่าของผม และเหมือนเป็นกฎของเราไปแล้ว ถ้าจะตัดผม ต้องไปตัดพร้อมกัน ร้านเดียวกัน และที่สำคัญ ต้องผมทรงเดียวกันอีกด้วย

เส้นผมยังตกลงมาระหน้ามันไม่หยุด มันคงรำคาญ พยายามใช้นิ้วก้อยเขี่ย ๆ เส้นผมออก ส่วนนิ้วอื่นเปื้อนกุ้งเผา ปัดยังไงมันก็ยังตกลงมาเหมือนเดิม มันคงรำคาญจัด ๆ เลยใช้มือเปื้อน ๆ เขี่ยออกไปทัดหูจนแก้มเลอะ ผมส่ายหน้าไปมา เอื้อมหยิบทิชชู่ไปเช็ดให้

“โอ๊ย!! ไอ้กาย ทำเบา ๆ หน่อยสิ หน้ากูไม่ใช่ปูนซีเมนต์” มันโวยวายเมื่อผมถูหน้ามันแรง

“เบา ๆ แล้วมันจะออกไหมล่ะ”

“ก็เบาลงอีกนิดสิ มึงแตะกูทีไร ร่างกายกูบอบช้ำทุกที”

“พูดมากน่า หันมานี่”

มันหันหน้ามาทางผมดี ๆ มือก็ยังถือกุ้งตัวเดิมอยู่

“กินยังไงของมึงวะ เลอะไปทั้งหน้าแล้ว”

“กูไม่ได้กิน แต่กูแกะให้พวกมึงกินกันนั่นแหละ ไอ้ห่.า กูมันโชคร้ายที่มีเพื่อนสนิทกับพี่ชายเป็นง่อย แค่จะกินกุ้งก็ต้องให้กูแกะให้”

“มึงแกะกุ้งให้กู แล้วกูก็เช็ดแก้มให้มึงไง หายกัน”

ผมพูดไปพร้อมเช็ดคราบเลอะตรงมุมปากมันออก แต่คราบมันแห้งเช็ดยาก ผมเลยต้องเอาทิชชู่ซับน้ำลายตัวเองหน่อย ๆ แล้วเช็ดอีกที คราวนี้ทำให้เบาลงหน่อย

มันบ่นหงุมหงิม มือยังแกะกุ้งอยู่

“เอาอีกไหมมึง”

“อืม อีกตัวก็พอ กูอิ่มแล้ว”

พอพูดจบ มันก็เอากุ้งที่มันแกะเมื่อกี้ไปจิ้มน้ำจิ้มแล้วเอามายัดใส่ปากผม ผมพูดอู้อี้ขอบใจมัน คาบกุ้งไว้แค่ส่วนหัว พอหน้ามันสะอาดผมก็ปล่อยให้มันเป็นอิสระ

รู้สึกโต๊ะจะเงียบลงอีกแล้ว ผมหยิบกุ้งที่เหลือออกจากปากวางไว้บนจาน หันไปมอง

ทุกคนหยุดนิ่งครับ เหมือนมีใครมากดหยุดวีดีโอเอาไว้

ใครแกะกุ้งอยู่ กุ้งก็ค้างอยู่ที่มือ

ใครถือช้อนอยู่ ช้อนก็ยังค้างอยู่ใกล้ปาก 

ไล่มองมาทางด้านซ้าย เห็นไอ้พี่เอกมันมองมานิ่ง ๆ มองไปทางด้านขวา พี่เป้มีอาการไม่ต่างกัน นิ่งกันทั้งโต๊ะ ผมกับไอ้เต้ยหันมามองหน้ากัน

“พี่เป้เป็นอะไร” มันสะกิดถามพี่มัน สติพี่เป้ยังไม่มาครับ ไอ้เต้ยมันเขย่าใหญ่

“พี่เป้”

“มะ ไม่มีอะไร”
พี่เป้รีบดึงสติตัวเองกลับมา ยกน้ำขึ้นดื่ม

“พี่อิ่มแล้ว”
แล้วก็อิ่มขึ้นมากะทันหัน ผมมองไปด้านหน้า

“พี่กิ๊ฟ”
เรียกสติพี่เขาก่อนเป็นคนแรก

“พี่โอมพี่มอ”

แม้แต่พี่ปิงกับพี่โอ๊คก็ยังนิ่ง หันมาขอความช่วยเหลือจากคนข้างตัว

“พี่เอก”

คนถูกผมเรียกสติกลับมาพอ ๆ กับพวกพี่กิ๊ฟ และดูเหมือนภาพจะถูกสั่งให้เล่นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทุกคนหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มกันคนละคำสองคำ

เป็นอะไรกันไปหมด…

“เอ่อ กายคบเต้ยกับมานานแค่ไหนแล้ว” พี่โอ๊คถาม

“ก็ตั้งแต่ม.สี่”

“สนิทกันดีเนอะ”
พี่โอ๊คพูดต่อ ผมพยักหน้า

“ผมเป็นพวกรักสันโดษน่ะ เพื่อนสนิทเลยมีแต่ไอ้เต้ยมัน”

“ก็กูเป็นคนใจดี เห็นว่ามึงไม่มีเพื่อน กูเลยทำบุญมาคบกับมึงแทนคนอื่นไง”
ไอ้เต้ยปากหมาครับ

“กูต้องเป็นฝ่ายพูดมากกว่า กูไม่น่าหลวมตัวมาเป็นเพื่อนกับมึงเลย เลี้ยงหมาที่บ้านยังมีความสุขกว่าเยอะ”

“ปากมึงนี่นะ เดี๋ยวกูก็แช่งให้มึงโดนผู้ชายกดซะหรอก”

“ขอคำแช่งนั้นจงคืนสนอง”
ผมชี้หน้ามันกลับ ก่อนที่พวกเราสองคนจะเงียบปาก เพราะเพิ่งสำนึกว่าตัวเองนั้นปากศักดิ์สิทธิ์กันแค่ไหน

“เมื่อกี้กูขอคืนคำได้ไหมวะ”
มันกระซิบกลับ

“อืม กูขอคืนคำเหมือนกัน”

แล้วเราสองคนก็ตบปากตัวเองกันคนละสามที กำทิ้งกลางอากาศไปด้านหลัง

รอบข้างเงียบลงอีกแล้ว พวกเราค่อย ๆ หันไปมอง

“ฮ่า ๆ พวกนายนี่ตลกกันดีนะ เดี๋ยวทะเลาะกันเดี๋ยวดีกัน น่ารักดี”

ผมทำหน้าปูเลี่ยน มันน่ารักตรงไหน

“เด็ก”
ไอ้คนข้างตัวผมพูดครับ ผมหันไปมองหน้า เสียงครึกครื้นกลับคืนมาอีกครั้ง

“ใครเด็ก” ผมไล่บี้

“ก็นาย”
พี่มันกอดอก ชี้นิ้วใส่หน้าผม ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ หยิบกุ้งที่ผมกินค้างไว้เมื่อกี้มาถือไว้ จับปากพี่มันอ้าออกยัดกุ้งเข้าไปทั้งตัว

หาคนช่วยกิน แล้วก็ปิดปากมอม ๆ ของพี่มันด้วย

พี่เอกไม่โต้ตอบอะไร นั่งนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนเคี้ยวสิ่งที่อยู่ในปากจนหมด

ดีมาก ช่วยกูกินหน่อย   


 

 


 

 

หลังจากมื้อเที่ยง พวกเราก็ตกลงจะไปเดินตลาดพื้นเมืองกัน พี่โอมกับพี่มอควงแฟนเดินแยกไปอีกทาง ส่วนสี่สาวซ่าจูงมือกันไปยังโซนของกิน

เห็นบ่นว่าอยากจะลดความอ้วน แต่พอเจอของกิน ก็วิ่งเข้าใส่ทุกที

นี่แหละน้า ผู้หญิง
 

พวกผมเดินดูของกันไปสักพัก พี่โอ๊คกับพี่ปิงก็เจอขุมทรัพย์

ร้านหนังสือครับ

ดูท่าคงจะสิงกันอีกนาน

เหลือพวกผมแค่สี่คนเดินไปด้วยกัน ช่วงหลัง ๆ มานี่ พี่เป้ไม่ค่อยจะแกล้งไอ้เต้ยมันเท่าไหร่แล้ว แต่หวงไอ้เต้ยมากขึ้น จนไอ้เต้ยมันรำคาญ

แต่ผมว่ามันก็แอบเป็นเด็กติดพี่เหมือนกันนะ ยิ่งหลังกลับจากค่าย มันยิ่งติดพี่มันเข้าไปใหญ่ ปากก็ด่าพี่มันไป แต่มือก็กระวี้ดกระว้ายดูแลพี่เป้ไม่หยุด

“กูปวดขี้ มึงเดินกันไปก่อนนะ” พูดจบ พี่เป้ก็ลากไอ้เต้ยไปทันที

“ไอ้พี่เป้!! มึงก็ไปคนเดียวดิ ลากกูไปเฝ้าด้วยทำไม!!” ไอ้เต้ยมันโวยวายไปตามทาง

“เอ่อน่า ไปกับกู”

ผมได้แต่มองตามตาปริบ ๆ

สรุป กูต้องเดินกับพี่เอกกันสองคนใช่ไหม
 

เราสองคน พากันเดินดูพวกของที่ทำจากหอยครับ แต่ผมไม่ซื้อหรอก อะไรที่มาจากธรรมชาติผมไม่สนับสนุน อยากให้คงไว้กับธรรมชาติอย่างเดิมดีกว่า

ผมแวะจอดที่ร้านไอติมกะทิ ของโปรดครับ

“เอาไหมพี่”

พี่เอกพยักหน้าทีเดียว ผมสั่งไอติมโคนสองที่ กำลังจะล้วงเงินจ่าย แต่คนข้างตัวชิ่งจ่ายก่อน

“พี่ผมเลี้ยงเอง” 

“ไม่ต้อง เก็บเงินไว้เลี้ยงข้าวดีกว่า อยากกินอาหารร้านหรู ๆ”

ผมเบ้หน้า

“แพงมาก ผมไม่มีเลี้ยงหรอก”

“ถึงได้ให้มึงเริ่มเก็บเงินไง เดี๋ยวมีอารมณ์อยากกินแล้วจะบอก”

“เอาแค่ร้านหน้ามหาลัยไม่ได้เหรอ”

“ไม่ กูชอบกินอาหารดี ๆ”

ครับ รูปหล่อพ่อรวย แฟนสวย นมอึ๋ม อึ๋ย ขัดใจ

แล้วผู้ชายสองคนก็เดินไปกินไอติมไป

พวกเราเดินดูร้านของที่ระลึกไปเรื่อย ๆ จนสะดุดกับร้านอะไรบางอย่าง ผมรีบลากพี่เอกให้เดินตามทันที
 

TBC...

1. หนุกหนานกันให้เต็มที่น้าาา
2. เม้นท์เยอะลงเร็วนะเออ..
3. ขอบคุณคนอ่านทุกคน โดยเฉพาะคนที่ตามอ่านสองบอร์ดเลย ขอบคุณค้าบ ^^ บอร์ดนี้เล่นอะไรไม่ค่อยเป็น เลยรั่วไม่ค่อยออก ไปรั่วที่บอร์ดนู่นซะเยอะ เหอ ๆ ขอบคุณแฮบ ^^
4. ติดตามข่าวการอัพเดทได้ที่แฟนเพจเจ้าค่ะ ^^
http://www.facebook.com/pages/Kiss-Love-รักวุ่นวายนายสุดหล่อ-น้องคีส/357251407621508
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 09 : เฮฮากลางร้านอาหาร [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: runningout ที่ 12-03-2012 14:41:31
ตามอ่านทันแล้ววววววววววว . สนุกมากกก >,,< เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยค่ะ  :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 08 : หน้าบูดยังไงก็ยังหล่อ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 12-03-2012 14:49:16
เรื่องราวน่ารัก และน่าติดตามดี ถึงจะเรื่อยๆ แต่ก็ชอบมาก
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 09 : เฮฮากลางร้านอาหาร [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 12-03-2012 15:08:01
โอ้วววววว
กายกะเต้ยนี่ น่ารักเนอะ ><
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 09 : เฮฮากลางร้านอาหาร [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: Salome ที่ 12-03-2012 15:24:17
เชียร์เป้เต้ย จะผิดไหมอ่ะ นึกถึงเพลง ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน
อย่างไร รักก็คือรัก ไม่มีคำว่าผิดถูก อย่าทำให้ใครเดือดร้อนก็พอนะ
 :เฮ้อ: 
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 09 : เฮฮากลางร้านอาหาร [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 12-03-2012 16:36:18
กดให้ 1+ กับฉากน้องกายติดกระดุมให้พี่เอก

อ่านทีไรก็น่าร้อคคคคคคคคคคคคคคอะ :-[

เมื่อไรในนี้....จะถึง NC เร็วๆน้า :z1:

รออ่านอีกรอบ

 :กอด1: :L2:ให้มิวนะจ๊ะ

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 09 : เฮฮากลางร้านอาหาร [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 12-03-2012 21:20:37
 :impress2:เมื่อไรพี่เอกจะจีบน้องกายซักที่อะ
แล้วพี่เป้กับน้องเต้ยจะแบบไหนน้า
ปล.แล้วจะรอตอนต่อไป :bye2: :bye2: :call:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 09 : เฮฮากลางร้านอาหาร [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: Salome ที่ 13-03-2012 08:29:48
มาต่อเหอะนะ คนแต่งจ๋า ในเด็กดีมันไปไกลแล้วอ่ะ อยากอ่านที่นี่อ่ะจ๊ะ

ตามดูทุกวันเลยนะว่า อัพตอนใหม่ยัง อยากให้ถึงตอนพี่เอกหึงโหดเร็วๆ  :z1:

แต่ว่าเรื่องมีมาม่าเยอะไหม จะได้เตรียมท้องไว้ก่อน เดี๋ยวท้องอืด

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 09 : เฮฮากลางร้านอาหาร [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 13-03-2012 19:10:46
ต้อนรับเรื่องใหม่
เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกมากๆ
ชอบกายมากๆน่ารักอะ
พี่เป้กับเต้ยนี่เขาเป็นพี่น้องกันจริงๆหรือเปล่า
ดูเหมือนเป้มันจะรักเต้ยมากกว่าพี่รักน้องนะ
พี่เอกแกก็จูบกายมันหลายครั้งแล้วนะเมื่อไหร่จะจับกดซะที(อุ๊ย!..เราพูดอะไรออกไปเขายังไม่ชอบกันเลย)

ปล.อยากอ่าน nc จังเลย
+ 1นะคะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 09 : เฮฮากลางร้านอาหาร [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: phenomintna ที่ 13-03-2012 20:10:10
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 09 : เฮฮากลางร้านอาหาร [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 13-03-2012 20:34:28
เต้ยกับกายทำหนุงหนิง(?)สนิทกันเกิน
เดี๋ยวพี่เป้จะเศ้ราหมอง เพราะมองน้องแต่กินไม่ได้
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 09 : เฮฮากลางร้านอาหาร [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 13-03-2012 23:13:46
ชอบอะเรื่องนี้ ชอบมากอะ ชอบพี่เอกจอมเก็ก กับน้องกายจอมน่ารัก
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 10 : จะก้าวต่อหรือหยุดนิ่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 18-03-2012 20:26:30
Kiss Love ♥ [10] ก้าวต่อหรือหยุดนิ่ง
[เอก...☼]
 


 


กำลังดูพวงกุญแจอยู่ดี ๆ มันก็ลากผมไปหยุดอยู่หน้าร้านขายโปสการ์ดทำมือ มันรีบยัดไอติมที่มันกำลังกินอยู่ใส่มือผมทันที ผมก็รับมาถือไว้แบบงง ๆ

คิดภาพดูสิ ผู้ชายตัวโต ๆ ยืนถือไอติมด้วยมือสองข้าง อายจนอยากจะมุดรูหนี ส่วนมันตอนนี้สิงอยู่กับกองภาพโปสการ์ดไปเรียบร้อยแล้ว

ผมกวาดมองไปรอบ ๆ โปสการ์ดทำมือพวกนี้สวยดี เจ้าของถ่ายเอง ใส่คำพูดโดน ๆ ด้วยมือ งานราคาไม่กี่ตัง เจ้าของไม่เอากำไรมาก แค่อยากฝึกมือถ่ายภาพเท่านั้น เนื้องานสวยและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองสูง ผมสนใจอยู่สองสามใบ ซื้อเก็บไว้ เผื่อไว้ให้เพื่อนชาวต่างชาติ

มันยืนเลือกอยู่นาน เลือกไปคุยกับเจ้าของร้านไปเหมือนเป็นเพื่อนกันมานาน มันเลือกได้ประมาณ 15 ใบ

ไหนบอกไม่ค่อยมีเพื่อน แล้วจะซื้อไปทำไมเยอะแยะ

ตอนนี้บอกตามตรง…

ร้อนครับ

เหงื่อไหลจนหลังเปียก พระอาทิตย์แสกหน้าผมเต็ม ๆ หมวกก็ไม่มี ที่สำคัญไอติมในมือมันเริ่มละลายไหลย้อยลงมาเลอะมือแล้ว ของผมผมกินไปหมดแล้ว เหลือแต่ของมันนี่แหละ จะทิ้งก็ไม่ได้

น้ำไอติมบางส่วนไหลผ่านมือหยดแหมะลงพื้น ผมก้มหน้าใช้ลิ้นเลียทำความสะอาดมือนิดหน่อย

สักพักมันก็จ่ายเงินแล้วถือถุงหันหน้ามาทางผม ผมหน้าบูดจ้องมันกลับ มันทำหน้าเจื่อน คงสำนึกได้ว่าลืมผมไว้อีกแล้ว

“ขอโทษฮะ ผมเพลินไปหน่อย”

“กูร้อน กูเหนียวมือ เห็นไหม ไอติมมึงละลายเลอะมือกูหมดแล้ว”

มันตาโตจ้องกลับ

“ทำไมไม่ทิ้งล่ะ”

“ของมึง กูจะทิ้งได้ไหม”

มันเลิ่กลั่ก จับข้อมือผมให้เดินตาม

คือ…

มันคงไม่อยากมือเลอะ เลยปล่อยให้ผมเลอะอยู่คนเดียว มันลากผมเดินหาถังขยะ ไม่ไกลครับ สุดซอยของโซนร้านค้าพอดี มันจับมือผมโยนไอติมลงถังดังตุบ

“โหย มือเปื้อนหมดเลย”

เอ้อ! มึงเพิ่งเห็นรึไง

ผมมองมันหงุดหงิด

“ไม่มีร้านขายน้ำแถวนี้เลยรึไง” มันบ่น กวาดตามองไปรอบ ๆ

สุดท้ายมันเลยแก้ปัญหาด้วยการ…

ผมอึ้ง…

ยืนมองภาพตรงหน้าตาค้าง

เพราะไอ้เด็กนี่…กำลังเลียมือผมอยู่

มันจับมือผมไว้ ใช้ปลายลิ้นตวัดเช็ดเบา ๆ สลับกับใช้ปากเม้มเก็บกินน้ำไอติมเข้าปาก

ผมอยากจะชักมือกลับ…

ผมอยากจะห้าม…

ผมอยากจะหยุดการกระทำของมัน…

แต่ผมหยุดมองมันไม่ได้…

มันเช็ดด้วยลิ้นจนสะอาดก่อนเงยหน้ามอง มันคงรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป เลยรีบเสหน้าไปทางอื่นหลบสายตา มันเลียริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ผมก็หันหน้าไปทางอื่นเหมือนกัน

“เดี๋ยวค่อยหาน้ำมาล้างอีกทีละกัน”
มันบอกแค่นั้น

“อืม”
ผมก็ตอบได้แค่นี้

แล้วเราก็ออกเดินกันอีกครั้ง แต่ต่างคนต่างเงียบ

ตอนนี้ในหัวผม มีแต่ท่าเลียไอติมของมัน

คือ…

ผมมันก็ผู้ชายแท้ ๆ อ่ะนะ มาเจอฉากแบบนั้น เป็นใครใครก็คิด

หรือว่าไม่จริง?
 

และความคิดของผม มันก็เริ่มเตลิดเปิดเปิงไปไกลกว่านั้น ผมจ้องมองแผ่นหลังของคนที่เดินนำอยู่

รูปร่างมันก็เป็นผู้ชายแท้ ๆ แต่ตัวมันเล็กกว่าผม หุ่นมันก็ผู้ชายแท้ ๆ แต่ตัวมันจะบางกว่าผม มันคงไม่ค่อยได้ตากแดด ผิวมันเลยขาวกว่าผม สายตาผมไล่ต่ำลงไปเรื่อย ๆ เอวมันเล็กกว่าผม น่าจะเล็กกว่าเยอะมากด้วย เพราะผมเคยกอดมันสองครั้ง แขนผมโอบมันได้รอบพอดีเลย

สายตาผมเลื่อนต่ำลงไปยังสะโพกกลมกลึง และสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้น

ภาพของตัวผมเองกำลังผสานกับคนตรงหน้า

ผมไม่ใช่เกย์

แต่ผมกำลังเห็นภาพแบบนั้นชัดเจน

“พี่เอก”
น้ำเสียงเบาหวิวที่มันเคยเอ่ยเรียก ภาพหน้าอกเปลือยเปล่าตอนที่มันยืนนวดหัวให้ผมในน้ำ แพคเข้าพอดีกับภาพที่มันกำลังเลียมือให้ผม

ผมหายใจแทบไม่เป็นจังหวะ พยายามสลัดทุกภาพออกไป

ผู้ชาย…

ไอ้กายมันเป็นผู้ชาย เหมือนพวกไอ้โอม

ผมพยายามนึกหน้าไอ้โอม หน้ามันทำให้ผมหมดอารมณ์ทุกที และมันก็ได้ผล อารมณ์พลุ่งพล่านเมื่อกี้ค่อย ๆ ปลิวหายไป
 
ผมหยุดขาตัวเองไว้ ยืนนิ่งหลับตาลงแน่น ลบภาพทุกภาพออกไป พอ ๆ กับพยายามดึงหน้าไอ้มอมาแทนที่ ร่างบึก ๆ กล้ามโต ๆ ขนขายุบยับ

นั่นแหละ อารมณ์แปลก ๆ แบบเมื่อกี้หายไปแล้ว

ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก่อนสบเข้ากับดวงหน้าของใครบางคน

ภาพไอ้โอมแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

ภาพไอ้มอสูญสลายไป

สิ่งที่เห็นมีเพียงดวงหน้าที่กำลังสงสัย พร้อมริมฝีปากที่กำลังขยับพูดอะไรสักอย่าง ผมไม่ได้ยินว่ามันพูดอะไร เพราะหูผมกำลังอื้อ มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่จ้องภาพตรงหน้านิ่ง ๆ

“พี่เอก เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย”
เสียงมันเริ่มชัดขึ้น ผมดึงสติตัวเองกลับคืน

“ปะ เปล่า กำลังคิดอยู่ว่าจะกินอะไรดี”
ผมแถ มันขมวดคิ้ว
 
“กระเพาะคนหรือกระเพาะปลาวาฬเนี่ย”
ปากมันด่า แต่หน้ามันหันไปทางซ้ายทีขวาที คิดว่าคงกำลังมองหาของกินให้ผมอยู่

เสียงโทรศัพท์มันดังขัดขึ้นเบา ๆ มันล้วงหยิบขึ้นกดรับ

“โหลว”   

“…”

“แล้วมึงอยู่ตรงไหนล่ะ”

“…”

“แล้วมันอยู่ตรงไหนวะ ไอ้ซุ้มของเล่นเนี่ย”
มันบ่น ก่อนกดวางสายไป
 
“ไอ้เต้ยมันบอกว่าอยู่ที่ซุ้มยิงปืน”

“อืม ทางนู้น” ผมบอก มันพยักหน้าแล้วเดินไปกับผม
 




ไอ้เต้ยมันโบกมือไหว ๆ เรียกเพื่อนมัน ในปากคาบไส้กรอกไว้อันหนึ่ง ส่วนไอ้เป้ยืนหน้าแดง ๆ เสไปด้านข้าง

เป็นอะไรของมัน

“กินไหม กูซื้อมาเผื่อ เอาด้วยไหมฮะ พี่เอก”
ไอ้เต้ยมันยื่นถุงไส้กรอกมาให้ ผมส่ายหน้า

“ก็ไหนว่าหิว”
ไอ้ตัวเล็กมันพูด

“กูอยากกินอย่างอื่น”

มันพยักหน้าเข้าใจ

“แต่มึงต้องช่วยกูกิน กูชื้อมาเผื่อมึงแล้ว”
ไอ้เต้ยบังคับเพื่อนมัน ยังไม่พอยังจับไส้กรอกอันใหญ่ ยัดใส่ปากเพื่อนมันอีก ผมรีบเบือนหน้าหนีภาพตรงหน้า หันไปเห็นไอ้เป้ที่มีสภาพเดียวกับผม

ผมเข้าใจแล้ว ว่าทำไมมันถึงได้ทำสีหน้าแบบนั้น

ถ้าคนไม่คิดอะไร ก็จะไม่ใส่ใจ

แต่ถ้าคนมันคิด

ห้ามยังไง มันก็จะคิดอยู่วันยังค่ำ

ตอนแรกก็ว่าจะเตือนมันนั่นแหละ แต่ผมว่า มันคงรู้ตัวดีอยู่แล้ว และคงพยายามอย่างหนักที่จะสะกดอารมณ์ตัวเองเหมือนกัน
 
ผมตบหลังมันปุ๊ ๆ มันหันกลับมามองงง ๆ

“กูเข้าใจมึงวะ”
มันมองผมงุนงงยิ่งกว่าเดิม

เรื่องบางเรื่อง มันก็ยากที่จะอธิบายวะเพื่อน






พวกผมสองคนยืนมองสองหนุ่มยิงปืนกันอยู่ มันร่าเริงกันจริง ๆ รักกันไปทะเละกันไป ผมหลุดขำออกมา

“กูว่าจะถามมึงมาสักพักแล้ว” 
ไอ้คนข้าง ๆ ผมมันเปรยขึ้นเบา ๆ ผมไม่ได้หันไปมอง แต่ส่งเสียงในลำคอให้รู้ว่าผมฟังมันอยู่

“มึงคิดยังไงกับไอ้กายมันหรือเปล่า คือ กูสังเกตมาพักหนึ่งแล้ว ตั้งแต่มึงเอ่อ.. จูบกับน้องเขา กูก็เห็นพวกมึงสนิทกัน ทำอะไรด้วยกัน เดินด้วยกัน แล้วสายตามึงเวลามองน้องเขาอ่ะ มันไม่ธรรมดา”

ผมยืนนิ่ง ไม่ได้หันไปมองมัน ตาผมยังจ้องภาพตรงหน้าไม่หยุด

ความเงียบปกคลุมทุกพื้นที่ มันไม่ถามต่อ เพราะรู้นิสัยผมดี ครั้งเดียวจบ ถ้าตอบก็ตอบ แต่ถ้าไม่ตอบ เค้นยังไงก็ไม่มีอะไรหลุดออกมาจากปาก

“งั้นกูขอถามมึงกลับ”

มันไม่ตอบเหมือนกัน

“มึงคิดยังไงกับน้องมึง กูจะไม่ให้เหตุผลว่าเพราะอะไร แต่ถามใจมึงให้ดี”

เงียบครับ

เงียบแพคคู่เลย 

“มึงดูออกด้วยเหรอ”

“ควายที่ไหนก็ดูออก”

“...”

เงียบอีกที





“กูพยายามอยู่เอก”

“พยายามตัดหรือพยายามทำให้มันสำเร็จ”

“ตัด”

ความเข้าใจของผมถูก ถึงแม้บางทีมันจะหึง แต่มันทำแบบไม่รู้ตัว พอมันรู้ตัว มันก็พยายามจะปล่อย

แต่โรคหวงน้องมันก็ยังไม่หมด ถ้ามันยังไม่เลิกนิสัยนี้ มันก็คงจะตัดใจไม่ได้

“มึงต้องตัดให้หมด” ผมบอกมันอีกที

ไร้คำตอบ แต่ผมว่าผมได้รับคำยืนยันแม้ไม่ต้องใช้คำพูดแล้ว

แล้วผมละ ควรจะตัดด้วยไหม

ข้อจำกัดของผม มีเพียงความเป็นชาย แต่ข้อจำกัดของมัน คือความเป็นพี่น้อง

ผมควรจะตัด แล้วกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม หรือเดินเข้าไปหามัน แล้วสานต่อความรู้สึกพวกนี้ดี

ผมยืนคิดอยู่เคียงข้างมัน ต่างคนต่างคิดเงียบ ๆ

ผมมองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกที

ยังไงมันก็เป็นผู้ชาย

เพราะงั้น

ผมควรหยุดทุกอย่างเอาไว้เท่านี้

ผมก้มหน้า มองเพียงพื้นดิน แต่พื้นดินตรงหน้า กลับมีเท้าของใครบางคนมาหยุดยืนอยู่ ผมไล่สายตาสูงขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งสบตากับเจ้าของใบหน้าที่ฉายแววความเป็นห่วงเอาไว้บาง ๆ

“หิวไหม”

ผมจ้องหน้ามันนิ่ง…

“ไปหาอะไรกินกันก่อนก็ได้นะ”

แล้วอย่างนี้ ผมจะหยุดมันได้ไหม

 

“พี่เป้ นี่ไปช่วยยิงปืนหน่อย ผมเล่นมาเกือบสิบตาแล้ว มันไม่ลงสักที นะ ๆ ๆ”
ไอ้เต้ยมันอ้อนพี่มัน มือที่เล็กกว่าก็ฉุดกระชากลากถูพี่มันให้เดินตาม ไอ้เป้ไม่ปฏิเสธ แต่มันคงไม่ยื้อไว้นาน

แค่รอเวลาว่ามันจะเริ่ม ‘ตัด’ ตอนไหนแค่นั้นเอง

“พี่เอก”

ผมเบี่ยงสายตากลับมายังคนตรงหน้าอีกครั้ง

“ยิงได้สักตัวไหม” ผมถาม มันส่ายหน้า

“จะลองเล่นไหม ถ้าพี่ยิงได้ ผมจะเลี้ยงขนม”
มันหลอกล่อ ผมยิ้มนิดๆ

“แน่ใจ”

“ชัวร์”

ผมหยักหน้าให้มันเดินนำ



TBC..

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 10 : จะก้าวต่อหรือหยุดนิ่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 18-03-2012 20:59:13
ไปอ่านจากเด็กดีมา ถึงตอนที่สิบเก้าแล้ว สนุกมากอะ รอติอดตาม
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 10 : จะก้าวต่อหรือหยุดนิ่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 18-03-2012 21:18:10
 :L2:อืมอย่างนี้ต้องลองเข้าไปอ่านที่เว็บเด็กดีบ้างแล้วอะ :z13:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 10 : จะก้าวต่อหรือหยุดนิ่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 18-03-2012 21:36:01
ตามมาลุ้น ให้ถึงตอนนั้นซักที  :laugh: น้องกายจะน่ารักน่ากดไปถึงไหน :o8:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 10 : จะก้าวต่อหรือหยุดนิ่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 18-03-2012 21:57:37
ติดตามอ่านทั้งสองบอร์ดเลย  ชอบเรื่องนี้มาก ๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 10 : จะก้าวต่อหรือหยุดนิ่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: ammer ที่ 18-03-2012 22:06:42
FCพี่เอก ตามมาอ่านๆๆ :mc4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 10 : จะก้าวต่อหรือหยุดนิ่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: nan239 ที่ 19-03-2012 11:39:08
ชอบเรื่องจัง สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 10 : จะก้าวต่อหรือหยุดนิ่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 19-03-2012 12:17:08
หลังจากที่มาอ่านอีกรอบ

รู้สึกเหมือนพี่เอก...จะ....แถ...เก่งแฮะ...เนื้อตัวถลอกหมดแระ

น้องกายยังคงน่ารักอยู่เหมือนเดิม

แล้วน้องก็ยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ดี...ว่าถูกอิพี่เอกใช้จินตนาการปู้ยี่ปู้ยำน้องขนาดไหน :z1:

แอบฮาตอนพี่เอกใช้ภาพอิพี่โอมกับพี่มอดับจินตนาการอันบรรเจิด :m20:

 :L2: :กอด1:รอให้อัพทันที่เด็กดีน้า

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 10 : จะก้าวต่อหรือหยุดนิ่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 22-03-2012 11:21:03
 :catrun:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 10 : จะก้าวต่อหรือหยุดนิ่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: Nunng ที่ 22-03-2012 23:59:08
 มาต่อเร็วน้าค้า :monkeysad:
สนุกกกกกกกกกกกมาก :L2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 10 : จะก้าวต่อหรือหยุดนิ่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 23-03-2012 21:23:04
บรรยายซะเห็นภาพเลยนะเอก

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 10 : จะก้าวต่อหรือหยุดนิ่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 23-03-2012 21:35:46
พี่เอกกับน้องกาย น่ารัก ดี

+1 เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 10 : จะก้าวต่อหรือหยุดนิ่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 23-03-2012 23:28:44
 :กอด1:รักกายแล้วนะ :L2:ให้อีพี่เอกมันคิดอยู่นั่นแหล่ะ เราเอามากอดก่อนมัน
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 10 : จะก้าวต่อหรือหยุดนิ่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 26-03-2012 00:31:27
กายน่ารัก
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 09-04-2012 19:41:28
 Kiss Love ♥ [11] รสจูบอันยาวนาน
[กาย...♥]




ผมถนัดกดชัตเตอร์แต่ไม่ถนัดลั่นไกปืน แต่คนข้าง ๆ ผมกำลังทำในสิ่งที่ผมไม่ถนัดอยู่ ผมลากพี่เอกที่ยืนคุยอยู่กับพี่เป้ให้มาเล่นเกมยิงปืน งานนี้ถ้าพี่มันเล่นได้ ผมต้องเลี้ยงขนม

พี่เอกยกปืนขึ้น…ตั้งท่า…และแน่นอน

ผมยกกล้องขึ้น...ตั้งท่า

และลั่นชัตเตอร์เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เอกลั่นไกปืน

พี่มันดูดีครับ เหมือนพระเอกหนังนั่นแหละ.. ทำหน้านิ่ง ๆ เป็นคนที่ทำอะไร มักตั้งอกตั้งใจทำเสมอ ไม่เว้นแม้กระทั่งเวลายิงปืนของเล่นก็ตาม

ผมไม่ได้มองด้วยซ้ำ ว่ากระป๋องมันหล่นไปกี่กระป๋อง สิ่งที่ผมมอง มีเพียงใบหน้าของคนตรงหน้าเท่านั้น

ใบหน้าที่แสดงถึงความจริงจัง เต็มเปี่ยมไปด้วยความหนักแน่นและมั่นคงในเวลาเดียวกัน

“มึงต้องเลี้ยงขนมกู” เสียงทักของพี่มันดึงกล้องให้ลดจากดวงตา พี่มันแน่ครับ หล่นหมดเลย ผมมองตาค้าง พี่เอกยิ้มเย็น

“กูหิวแล้ว ไปหาไรกินกันมึง” แล้วพี่มันก็ลากผมออกไปทันที
 
“เดี๋ยวพี่เอก ยังไม่ได้เอาของรางวัลเลย”

“เป้ เก็บของรางวัลไว้ให้กูด้วย” พี่มันหันไปบอกเพื่อน ลากผมไปยังโซนของกิน ผมทำหน้าบู้บี้

“กูหิว”

“พี่ก็เลือกไปสิ”

แล้วพี่มันก็เดินเลือกของกินที่วางเรียงรายกันอยู่ แต่ไม่ซื้อสักอย่าง เดินมาตั้งแต่ร้านแรกจนร้านสุดท้ายแล้ว

“เลือกได้ยัง” ผมถามอีกที พี่เอกส่ายหน้า แล้วบอกว่าขอเดินต่ออีกรอบ ผมเดินตามพี่มันหงอย ๆ ไม่น่าไปรับปากเล้ย.. กว่าจะเดินจากต้นซอยถึงท้ายซอย มันก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ ตลาดก็ไม่ใช่เล็ก ๆ คนเยอะได้โล่ ยิ่งเย็นคนยิ่งเยอะ

หน้าผมเริ่มหงิก แล้วพี่มันก็หยุดอยู่หน้าร้านเครป

ไอ้พี่เวร เดินตั้งนาน ได้เครปมาอันเดียว ราคา 10 บาท คิดว่าจะกินของแพงกว่านี้ซะอีก 

“แค่นี้เองเหรอ”

“อืม”

พี่มันแทะ ๆ เครปกินแค่ส่วนหัว ก่อนยื่นส่วนที่เหลือมาให้ผมกินด้วย

“กินซะจะได้ตัวโต ๆ”

ผมหน้าบูด “มันไม่โตไปกว่านี้แล้ว”

“ไม่หรอก เดี๋ยวก็โต”

“หยุดสูงมาตั้งแต่ม.ห้าแล้ว”

พี่มันพยักหน้ารับรู้

“พี่กินอะไร ทำไมตัวสูงจัง” ผมถามต่อ

“กินเยอะ ๆ ออกกำลังกายเยอะ ๆ ต้องกินทุกอย่างที่ขวางหน้าไม่ว่าขนมหรืออย่างอื่น แล้วก็เล่นกีฬาเยอะ ๆ ทั้งในร่มและกลางแจ้ง”

ผมมองตามตาปริบ ๆ เหมือนประโยคเมื่อกี้จะมีความหมายอะไรแอบแฝงเอาไว้หรือเปล่า

หรือว่าผมจะคิดไปเอง?

พวกเราเดินเล่นกันจนเกือบบ่ายสามก็พากันกลับ ไปเตรียมตัวเล่นน้ำกันต่อช่วงเย็น ไอ้เต้ยบ่นอุบเพราะมันต้องแบกของรางวัลกลับคนเดียว ของผมเป็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่อย่างควาย ส่วนของมัน ก็ได้มาอีกห้าตัว เรียกได้ว่า ขนกลับกันรกรถแน่ ๆ

 

 

 

 

 

 

“เหนื่อย”
ไอ้เต้ยทิ้งตัวลงบนเตียงดังตุบ ผมทิ้งตัวตามบ้าง 

“นี่” มันเรียก

“มึงอะ…”

ผมนอนนิ่งครับ รอฟังมันอยู่

“มึงชอบพี่เอกใช่ไหม”

ผมหันขวับไปมองทันที

“พูดไรของมึง”

“มึงอย่ามาโกหกกู กูเป็นเพื่อนมึงนะ”

ผมเงียบ

“มึงบอกกูมาคำเดียว ว่ามึงชอบพี่เขาใช่ไหม”

ผมนิ่งไปนาน

“กู…ไม่รู้”

“แต่มึงก็ไม่ได้รังเกียจ”

ผมเงียบ

“ที่พูดนี่ กูไม่ได้รังเกียจมึงหรอกนะ แต่แค่บอกว่า มึงคิดให้ดี เพราะพี่เขาเป็นผู้ชาย พี่เอกไม่ใช่เกย์ มึงก็ไม่ใช่เกย์ มึงไม่รู้ว่าโลกของเกย์มันเป็นยังไง เวลาที่มึงควงกับพี่เขา มึงจะรับสายตาดูถูกจากคนอื่นได้ไหม และที่สำคัญ กูไม่อยากให้มึงเสียใจทีหลังถ้าต้องเลิกกัน ความรักของผู้ชายด้วยกันมันยากที่จะยั่งยืน มึงก็รู้”

พวกเราเงียบกันอีกครั้ง ก่อนที่มันจะพูดอะไรต่อ

“แต่มึงจำไว้นะ กูเป็นเพื่อนมึง กูไม่เคยรังเกียจมึง กูอยู่ข้างมึงเสมอ ถ้ามึงรักของมึงจริง ก็อย่าไปแคร์สังคม อย่าไปแคร์ใคร แคร์ความสุขของตัวเองก็พอ และที่สำคัญ ถ้ามึงเกิดเสียใจขึ้นมาวันไหน กูพร้อมจะอยู่กับมึงเสมอ”

ผมไม่พูดอะไร นอกจากกระเถิบตัวเข้าไปกอดมันไว้

“มึงไม่ต้องมาชอบกู”

ผมหัวเราะหึ ๆ

“ต่อให้มึงเป็นผู้หญิงกูก็ไม่ชอบมึงหรอก”

“เนอะ มึงมันรับนี่หว่า ต้องชอบผู้ชายตัวโต ๆ แบบพี่เอกมากกว่า”

“หุบปากไปเลย”

มันหัวเราะหึ

“ขอบใจนะ” แล้วผมก็กระซิบบอกมันเบา ๆ

“กูเพื่อนมึง”

“อืม” ผมพูดได้แค่นั้น

แล้วเราสองคนก็นอนกอดกันอยู่แบบนั้นจนผลอยหลับไป

         


 

 

ผมสะลึมสะลือตื่นเพราะแรงเขย่าแรง ๆ จากใครบางคน

“กาย ตื่น”
เสียงนั้นเลือนรางมาก แต่ผมยังคงนอนนิ่ง ๆ ปิดเปลือกตาแน่น

อย่ามายุ่งกับกู!

“กาย”
เสียงเรียกยังดังไม่หยุด ผมไม่อยากจะตื่น ควานมือดึงผ้าห่มมากอดไว้ สักพักเสียงนั้นก็เงียบไป

ดีมาก กูกำลังกินกำลังโต กูต้องการการพักผ่อนเยอะ ๆ กูอยากสูง

 


อะไรมายุ่มย่ามกับปากกูวะ

“อืมม…”

สักพักรู้สึกเหมือนมีอะไรร้อน ๆ มามุดอยู่แถว ๆ ซอกคอกับหน้าอก

“อืมม…”

มันรู้สึกหวิว ๆ แปลก ๆ แฮะ
 


“ไอ้กาย ตื่น!!!!!!!”

ผมกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งจากพลังเสียงสะท้านฟ้าอันคุ้นเคย มีอยู่ไม่กี่คนหรอกที่ปลุกผมได้ นอกจากพ่อกับแม่แล้ว ก็มีไอ้เต้ยนี่แหละ

“หูกูทะลุหมดแล้ว มึงนี่”

“นอนอุตุอยู่ได้ เขาไปเล่นน้ำกันหมดแล้ว”

“เอ้อ ๆ”
ผมลุกขึ้นตบปากตัวเองเบา ๆ คว้าชุดสำหรับใส่เล่นน้ำเข้าไปเปลี่ยน เอาน้ำลูบหน้าอีกนิดหน่อย ไม่ได้อาบน้ำหรอก เพราะยังไงก็ต้องไปลงน้ำอยู่ดี

ยังไม่ทันที่ผมจะออกจากห้องน้ำ ไอ้เต้ยก็โดนพี่เป้ลากออกจากห้องไป ผมส่ายหน้าไม่ใส่ใจ เดินออกไปด้านนอกคนเดียว


 
บนหาดทรายแสนกว้างยามเย็นคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวของทางรีสอร์ต แต่ละคนใส่ชุดว่ายน้ำโชว์สัดส่วนที่เว้าที่เกินกันเต็มที่ มองไปอีกด้านเห็นพวกพี่ ๆ กำลังเล่นวอลเล่ย์บอลชายหาดกันอยู่

โอ้โหเหะ!

ผมตาโตจ้องมองบรรดาแฟน ๆ พี่มอกับพี่โอมในชุดว่ายน้ำทูพีซกำลังกระโดดตบวอลเล่ย์บอลกันจนบอลเนื้อกระเพื่อม

โห ลักกี้เป็นบ้าเลย

และผมก็ตาโตมากไปกว่านั้น เพราะพวกพี่สาวทั้งหลายก็หันมาใส่ชุดว่ายน้ำแบบทูพีซกันด้วย เห็นไม่ค่อยแต่งตัว ไม่คิดว่าหุ่นจะดีกันขนาดนี้ ส่วนพวกผู้ชายใส่แค่กางเกงขาสั้นเล่นลายเจ็บ ๆ โชว์ซิกแพคหกห่อให้สาว ๆ พนักงานและนักท่องเที่ยวมองกันน้ำลายไหล ไม่ต่างกับพวกหนุ่ม ๆ ที่มองพวกพี่ ๆ ผู้หญิงกันน้ำลายไหลยืดเหมือนกัน

“เก็บน้ำลายหน่อยกาย”

ผมหันไปมองคนพูด ก่อนยืนตาโตยิ่งกว่าเดิม

พี่กิ๊ฟครับ สาวกร่างประจำกลุ่ม แต่วันนี้แกมาแปลกใส่ชุดว่ายน้ำแบบทูพีซ ท่อนล่างคลุมด้วยผ้าแพรสีขาวเฉียง ๆ ไปที่ขาซ้าย ดูสวยไปอีกแบบ
 
“ว้าว พี่สวยมากเลย คิดว่าจะแต่งหญิงไม่เป็นซะอีก”

“พูดมากน่า พี่แค่ไม่อยากแต่งบ่อย ๆ แค่นั้นแหละ รำคาญคนเข้ามาจีบ”

ผมเลิกคิ้วแปลกใจ 

“อ้าว พี่ไม่ได้ชอบผู้หญิงหรอกเหรอ”

พี่กิ๊ฟยิ้มหวาน “เปล่า พี่ชอบผู้ชาย”

ผมกระพริบตาปริบ ๆ

“แล้วทำไม…”

“รำคาญคนมาจีบน่ะ เลยกร่างไปงั้นเอง”

โอ้โหเหะ

ใครจะนำไปใช้ก็ได้นะฮะ สำหรับคนสวยจัด ๆ แบบพี่กิ๊ฟ แสร้งเป็นทอมบอยเพื่อกันชายเข้ามาจีบ

“เทพมากพี่ คิดได้ไง”

พี่กิ๊ฟยิ้ม

“อ้าว แล้วมาแต่งแบบนี้ ไม่กลัวคนจีบเหรอฮะ”

พี่กิ๊ฟยักไหล่

“ที่นี่มีแต่เพื่อน ใครจะกล้าเข้ามาจีบ”

“…Excuse me”

ผมกับพี่กิ๊ฟหันไปมองต้นเสียง

“I’m David, Ah..And you?, can you walk with me?”

ผมหัวเราะร่วน ส่วนพี่กิ๊ฟเหวอแดก พี่แกกำลังโดนฝรั่งจีบอยู่

“ตามสบายนะพี่ ผมไปหาไอ้เต้ยก่อนละ” ผมรีบวิ่งหลบฉากทันที

“เดี๋ยว!!”
ได้ยินเสียงเรียกมาตามหลัง พอวิ่งพ้นระยะ ผมถึงได้หลบไปยืนอยู่หลังต้นมะพร้าว แอบมองพี่แกอีกที

เพิ่งเคยเห็นพี่กิ๊ฟเวอร์ชั่นผู้หญิง แต่ฝรั่งคนนั้นก็หล่อใช่ย่อย ลองเปิดใจดูบ้างก็ดีน้า

ผมยืนหัวเราะอยู่คนเดียว ก่อนสะดุ้งโหยงเพราะเสียงทักของใครบางคน

“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้”
ผมรีบหันไปมอง ไอ้พี่เอกครับ พี่มันทำมาดนิ่งถามผมเสียงเรียบ ก่อนหันไปมองพี่กิ๊ฟ คิ้วพี่แกเลิกสูงเมื่อเห็นเพื่อนตัวเอง
 
“สวยใช่ไหมล่ะ แต่พี่มาช้าไปแล้วล่ะ ฝรั่งแย่งไปแล้ว” ผมแซวยิ้ม ๆ พี่กิ๊ฟเดินไปกับฝรั่งแล้ว

ใช่ย่อยแฮะ

บางทีพี่กิ๊ฟอาจเป็นคนอ่อนไหวมากกว่าที่คิดก็ได้ เลยใช้วิธีสร้างเกราะเพื่อปกป้องตัวเองแบบนี้

ผมหันกลับมามองพี่เอกอีกที ดวงตาคมจ้องผมไม่วางตา พาลพาเอารอยยิ้มเมื่อกี้ ค่อย ๆ จางลง 

เจอสายตาเรียบ ๆ แบบนี้ทีไร รู้สึกอึดอัดทุกที

“เราไปเล่นน้ำกันดีกว่า” ผมรีบชวน พี่เอกคลายมือที่กอดอกออกมาวางทาบกับต้นมะพร้าวด้านหลัง ใช้เรือนร่างสูงใหญ่คร่อมกั้นผมเอาไว้ภายใน

ผมเงยหน้ามองตื่น ๆ

“พี่เอก”

พี่มันไม่ตอบ เพียงแต่จ้องหน้าผมนิ่ง ๆ

“เราไปเล่นน้ำกันดีกว่า” ผมรีบชวนอีกที พี่มันไม่พูดอะไร ยังคงจ้องหน้าผมอยู่ ยิ่งจ้องผมยิ่งรู้สึกอึดอัดแปลก ๆ

“พี่…” แล้วคำพูดของผมก็ถูกกลืนหายไปกับริมฝีปากที่ทาบทับลงมา ผมยืนนิ่ง ดวงตาเบิกโต ก่อนริมฝีปากอุ่นร้อนนั้นจะกดแรงลงมาอีก

“อื้อ!!” ผมพยายามท้วงในลำคอ ลิ้นร้อนชื้นดันเบา ๆ ตรงริมฝีปาก เหมือนความเคยชิน ผมเผยอริมฝีปากอัตโนมัติ

ผมดิ้นขัดขืน เพราะนี่มันข้างนอก พวกเพื่อน ๆ ของพี่เอกก็กำลังเล่นวอลเล่ย์บอลกันอยู่ คนเดินผ่านไปผ่านก็เห็น

ผมพยายามผลักอีกคนออก แต่แรงจูบหนักก็พาลพาเอาเรี่ยวแรงหดหายไปดื้อ ๆ ผมไม่ได้อ่อนแอ แต่รสจูบแบบนี้กำลังทำให้ผมอ่อนไหว

พี่เอกเลื่อนมือข้างหนึ่งมาจับแก้มผมไว้ ใช้นิ้วโป้งไล้เบา ๆ ก่อนเลื่อนลงไปจับข้างคอผมไว้บีบเบา ๆ แล้วเลื่อนลงไปที่ต้นแขน บีบแรงจนเจ็บ แล้วมือนั้นก็ไล่ระผ่านฝ่ามือผมลงไปวางไว้ที่เอว

ผมสะดุ้งโหยง รีบผลักคนตรงหน้าออกอีกที

มือที่ค้ำต้นมะพร้าวไว้อีกข้างของพี่เอก ลดลงมาไว้ที่เอวอีกข้างของผม ดึงเบา ๆ เข้าหาตัวพี่แก

ยาวนานไปแล้ว

รสจูบครั้งนี้

ยาวนานไปแล้ว…
 

 

TBC....


สงกรานต์แล้ว ไปสาดน้ำที่ไหนกันบ้างงง ^^ (แอบสาดน้ำใส่คนอ่านดังโครม) ^^


ทวิต : @memew28 ^^

สวัสดีปีใหม่ไทยค้าาาา



หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: biwtiz ที่ 09-04-2012 22:35:55
อ๊ายยจูบอันแสนยาวนาน
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 09-04-2012 22:49:38
-0- ...
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: LifePo-YuGu ที่ 10-04-2012 15:37:06
ว้าว~~ จูบแบบไม่อายฟ้าดินเรยอ่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 10-04-2012 17:29:50
เพิ่งเห็นว่าเอามาลงที่เล้าด้วย ไอ้เราก็ไปนั่งเฝ้าให้อัพอีกที่ทุกวัน :z3:
แอร๊ยยย งั้นอ่านในเล้าดีกว่านะ ขี้เกียจตามหาฉากจุ๊กจิ๊กของพี่เอกกับน้องกายที่อื่น :laugh:
รออ่านตอนต่อไปจ้า :impress2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 10-04-2012 19:15:23
อ่านอีกรอบ...

อิพี่เอกก็ยังคงความหื่นไม่เปลี่ยนแปลง

แอบอ่านผิดตอนที่เขียน  "ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่เท่าควาย"ดันอ่านว่า..."ตุ๊กตาหมีควายตัวใหญ่" :m20:

อ่านแล้ว...งงๆ...ถอยกลับไปอ่านอีกรอบ...อ้าวตูอ่านผิดเอง

ปอลอ1..มาอ่านรอบนี้เจอคำตกหล่น...."คนเดินผ่านไปผ่านก็เห็น".....น่าจะเป็น"คนเดินผ่านไปผ่านมาก็เห็น"

ปอลอ2..ไม่แน่ใจว่าจะออกไปเล่นสงกรานต์หรือว่าจะนอนอืดอยู่บ้านดีกว่ากัน
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 10-04-2012 21:14:17
รอติดตามคู่เอกกับกายต่อจ้า..
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 10-04-2012 22:15:06
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 10-04-2012 22:40:40
สนุกมาก ขอสมัครติดตามด้วยคนนะคะนะ

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: golffel ที่ 11-04-2012 17:57:56
สนุกมากๆๆ รอๆๆๆนะ :L2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 11-04-2012 19:58:29
เป็นจูบที่นานจริงๆซะด้วย
แล้วมาอัพเร็วๆนะ


หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: yogurtjung ที่ 13-04-2012 20:12:11
ไงบอกจะตัด

หรือมาจูบให้แน่ใจละค่ะนิ 555

โอ๊ยพึ่งเข้ามาอ่านชอบๆๆๆๆๆมากกกกกๆๆๆ เลยละค่ะ

น่ารักดีอ่ะ

รีบมาต่อไวไวไนจ๊ะแล้วจะรอ

ขอบคุณสำหรับนิยายนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: ladymoon_yy ที่ 13-04-2012 20:20:08
สวัสดีจ๊ะ เพิ่งเข้ามาอ่านเป็นครั้งแรก ขอบบอกว่าสนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

พระเอกดูเทห์ๆ เงียบๆ นายเอกน่ารักมากกกกกกกก

ส่วนคู่พี่เป้กับเต้ย....ชอบๆๆๆๆ  สองคนนี้เป็นพี่น้องแท้ๆจริงหรอ ว๊าววววว

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 14-04-2012 15:54:18
เมื่อไหร่น้องมิวจามาต่อเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: [newZy]CASS ที่ 15-04-2012 23:17:19
ตัดใจไม่ได้ละซี้พี่เอก
อย่าทำร้ายกายนะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-04-2012 23:37:13
รักๆ กันไปเถอะ จะไปสนใจสายตาคนอื่นทำไมกัน ชีวิตคนเรามันสั้นนะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: Mama_zung ที่ 16-04-2012 02:11:05
ค้างๆมาต่อไวๆนะคับ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: Nunng ที่ 16-04-2012 19:38:03
สนุกมากๆเลย o13
อยากอ่านต่ออ้ะ :o12:
อยากติดตามทั้ง2บอดเลยนะแต่เราหาไม่เจออ้ะ :z3:
มาอัพบ่อยๆนะนะนะเป็นกำลังใจให้ค้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-04-2012 19:46:49
กรี๊ดด พี่เอกทำงี้กับน้องกายได้ไง
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 11 : รสจูบอันยาวนาน [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 17-04-2012 12:50:01
กรี๊ดดดดดดดดดดพี่เอก :z1:

บวกเป็ด
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 12 : ทดสอบมากไป [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 17-04-2012 21:07:37
Kiss Love ♥ [12] ทดสอบมากไป
[เอก...☼]
 



“นี่ แล้วกายกับเต้ยหายไปไหนแล้วล่ะ”
ไอ้สาวมันหันซ้ายหันขวาถามหาสมาชิกอีกสองคน ตอนนี้พวกเราใส่ชุดว่ายน้ำเตรียมพร้อมสำหรับเล่นน้ำกันแล้ว

“คงอยู่ในห้องนั่นแหละ หรือไม่ก็หลับ งั้นพวกมึงไปเล่นกันก่อน เดี๋ยวกูไปปลุกน้องกูก่อนแล้วจะตามไป” ไอ้เป้มันบอก พวกผมพยักหน้าพากันยกโขยงเดินตรงไปยังชายหาด

ยังไม่ทันจะถึงครึ่งทาง ผมเบรกตัวเองลง จำได้ว่าไอ้เป้เคยบอกว่าน้องมันกับกายขี้เซาพอ ๆ กัน ถ้าได้หลับลึก ปลุกยากด้วยกันทั้งคู่ ผมน่าจะไปช่วยมันปลุกอีกแรงนะ

คิดได้ผมก็บอกให้พวกเพื่อน ๆ เดินนำกันไปก่อน ส่วนตัวเองก็หันหลังวิ่งกลับรีสอร์ตไป พอไปถึงก็เห็นไอ้เป้กำลังเคาะประตูหน้าห้องน้องมันอยู่ มันหันมามอง

“สงสัยจะหลับจริง ๆ ว่ะ เคาะหลายทีแล้ว”

ผมพยักหน้าเข้าใจ

มันเคาะเรียกอีกสองสามที พอไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจริง ๆ มันถึงได้ตัดสินใจจับลูกบิดหมุนเปิดประตูออก โชคยังดีที่พวกนั้นไม่ได้ล็อคห้อง

ไอ้เป้ดันประตูออกกว้าง และภาพที่เห็นก็พาเอาผมรู้สึกตัวชาขึ้นมาทันที และคงไม่ต้องพูดถึงไอ้เป้มัน

มันยืนนิ่ง กำหมัดแน่น และไม่นานหลังจากนั้น มันก็เดินเข้าไปกระชากคนที่นอนกอดกันอยู่ออกห่างจากกัน

ผมรู้ว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกันและคงไม่ได้มีอะไรเกินเลยต่อกัน แต่ภาพแบบนี้ เป็นใครมาเห็น ก็ต้องคิด โดยเฉพาะคนที่มีความรู้สึกพิเศษซ่อนอยู่ในใจอย่างมัน

ไอ้เต้ยตื่นยากสมคำร่ำลือ เขย่าปลุกยังไงก็ไม่ตื่น จนไอ้เป้ตัดสินใจแบกน้องมันพาดบ่า ผมมองตาค้าง

"มึงจะทำอะไรวะ"

“พามันไปปลุก” มันบอกแค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องไป

ผมหันมามองคนที่ยังหลับสนิทอยู่บนเตียง กวาดตามองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วความคิดบางอย่างก็ผุดเข้ามาในหัว ผมตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ร่างนั้น

ผมแค่ต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่าง

ผมนั่งลงข้างเตียง แตะปลายนิ้วบนริมฝีปากมันเบา ๆ ก่อนเคลื่อนหน้าลงต่ำ..
เพื่อกดจูบ

ผมแค่ต้องการพิสูจน์..
ว่าผมไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับร่างกายผู้ชาย

ผมขยับริมฝีปากโหมจูบคนหลับเบา ๆ ก่อนปรับเปลี่ยนเป็นหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกอย่างง่ายดายไร้การขัดขืน สอดปลายลิ้นอีกนิด ก็สามารถเข้าไปเลาะเล็มลิ้นเล็กภายในได้แล้ว

ผมละริมฝีปากออก เปลี่ยนเป้าหมายไปยังซอกคอขาว สูดดมและขบเม้มเบา ๆ ผมเกือบจะหยุดตัวเองลงแล้ว ถ้าคนตรงหน้าไม่ครางออกมาให้ได้ยิน

น้ำเสียงแบบนั้น กระตุ้นให้ผมซุกหน้ากับซอกคอมันมากขึ้น ลากไล้ ขบเม้ม เลื่อนจากคอลงมายังแผงอกที่โผล่พ้นตัวเสื้อออกมา เสียงเครือครางดังออกมาให้ได้ยินมากขึ้น

ผมรีบดีดตัวออกมายืนอยู่ข้างเตียง เสยผมไปด้านหลังระงับอารมณ์บางอย่างให้มอดดับลง

ผมมาไกลเกินไป

ทดสอบตัวเองมากไป


 

ผมกระชากเปิดประตูออก เห็นไอ้เต้ยเปิดประตูออกมาจากห้องพี่มัน เดินปึงปังมาทางผม เนื้อตัวเปียกมะลอก คงถูกปลุกด้วยน้ำเย็นจัดมาแน่ ๆ

“กายยังไม่ตื่นใช่ไหมฮะ” มันถาม ผมพยักหน้า

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมปลุกเอง”
มันเดินเข้าไปในห้อง ในขณะที่ผมเลือกเดินออกไปจากจุดนั้น

เดินไปให้ไกล

ทั้งที่ควรจะหยุด ผมกลับก้าวลงไปเล่นกันไฟ

ทั้งที่ควรจะดับด้วยน้ำ…

แต่ผมกลับเปลี่ยนใจราดน้ำมันลงไปแทนที่

และไฟนั้น...
กำลังลุกลามเข้ามาในตัวผมทีละน้อย...ทีละน้อย

 

 


 

 

 

ผมย้ำฝ่าเท้าไปบนผืนทรายสีน้ำตาลอ่อน ทอดน่องตามชายหาดไปเรื่อย ๆ ผ่อนคลายอารมณ์บางอย่างที่ยังค้างคา ก่อนเดินกลับ หวังไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ ซึ่งตอนนี้พวกมันกำลังเล่นวอลเล่บอลชายหาดกันอยู่

สายตาของผู้คนรอบด้าน พุ่งตรงไปยังพวกมันเป็นทิวแถว คงเพราะรูปร่างหน้าตาที่สวยหล่อดึงดูดใจ หรือเพราะเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาว ๆ และเสียงเอะอะโวยวายของหนุ่ม ๆ รวมไปถึงการแต่งตัวที่ต่างพากันงัดเนื้อนมไข่ออกมาโชว์จนล้น 

เชื่อเหอะ ขนาดกับเพื่อน ผมยังเกิดอารมณ์เลย เพราะงั้น ผมเป็นผู้ชายปกติแน่ ๆ

ยันไม่ทันจะถึงที่หมาย สายตาผมก็เหลือบไปเห็นใครบางคนเข้าก่อน คนคนนั้นยืนยิ้มอยู่คนเดียวหลังต้นมะพร้าว แม้ใจผมจะสั่งให้เดินไปหาเพื่อน ๆ แต่สองขากลับพาผมก้าวไปหามันช้า ๆ

แม้จะรู้ว่าเป็นไฟ แต่ผมก็ยังเลือกที่จะเดินเข้าไปใกล้

ผมหยุดยืนอยู่ตรงหน้ามัน มันคงไม่รู้ว่าผมอยู่ตรงนี้ แล้วผมก็ไม่ได้มองว่ามันมองอะไรอยู่ เพียงแต่จ้องหน้ามันนิ่ง ๆ เท่านั้น

“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้”
ผมทักให้มันรู้ตัว มันสะดุ้งรีบหันมามอง ผมถึงได้หันไปมองสิ่งที่มันมองอยู่บ้าง และสิ่งที่เห็นก็คือไอ้กิ๊ฟกำลังยืนคุยอยู่กับใครบางคน

“สวยใช่ไหมล่ะ แต่พี่ช้าไปแล้วล่ะ ฝรั่งแย่งไปแล้ว”
มันบอก แต่ที่มันไม่รู้ก็คือ ผมไม่ได้แปลกใจที่ไอ้กิ๊ฟมันแต่งตัวเป็นผู้หญิง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็น แต่ผมแปลกใจ ที่มันยอมยืนคุยอยู่กับผู้ชายโดยไม่สะบัดตัวเดินหนีมากกว่า

หรือเพราะคนนี้ เป็นชาวต่างชาติ?

มันมองภาพไอ้กิ๊ฟยิ้ม ๆ ในขณะที่ผมจ้องหน้ามันนิ่ง ๆ พอมันหันมามองผมอีกที รอยยิ้มสดใสเมื่อกี้ ก็ค่อย ๆ จางลง

“เราไปเล่นน้ำกันดีกว่า”
มันชวนและทำท่าจะเดินหนี ผมคลายมือออกมากั้นมันไว้กับต้นมะพร้าว มันยืนตัวลีบทำหน้าตื่น ๆ

“พี่เอก”
มันเรียก ผมยังจ้องหน้ามันนิ่ง

“เราไปเล่นน้ำกันดีกว่า”
มันชวนอีกที มันคงอึดอัดกับความนิ่งเงียบโดยไร้เหตุผลของผม

“พี่…”
มันกำลังจะเอ่ยเรียกอีกรอบ ด้วยน้ำเสียงแบบนั้น น้ำเสียงที่ทำให้ผมลุ่มหลง มันตัวแข็งทื่อ ตาโตอัตโนมัติ เป็นปฏิกิริยาแทบจะทุกครั้งที่ผมจูบมัน

“อื้อ!!”
มันพยายามส่งเสียงทักท้วง แต่ผมหยุดตัวเองไม่ได้แล้ว มันพยายามดิ้นรนขัดขืน

ผมรู้ว่าเราอยู่กันข้างนอก ผมรู้ว่ามีใครหลายคนกำลังมอง และผมรู้ว่ามันเสี่ยงที่จะให้เพื่อน ๆ รู้ แต่ผมแค่อยากรู้ ว่าตัวผมจะด้านพอที่จะรับความรู้สึกพวกนี้ได้ไหม

การต่อต้านจากสังคม

ผมเลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นจับหน้ามัน เกลี่ยนิ้วโป้งผ่านแก้มมันเบา ๆ
..ใบหน้าของผู้ชาย

เลื่อนต่ำลงไปที่ลำคอ
..ลำคออย่างผู้ชาย แม้จะเพรียวได้รูปก็ตาม

เลื่อนลงไปที่ต้นแขนบีบไม่เบานัก จนสัมผัสได้ถึงกระดูกแข็ง ๆ ภายใน เนื้อตัวมันไม่ได้นุ่มนิ่มแบบผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้แกร่งกร้านแบบผมหรือพวกเพื่อน ๆ ของผม ก่อนลูบต่ำลงไปตามท่อนแขนเรียวผ่านฝ่ามือลงไปสิ้นสุดที่บั้นเอว มันสะดุ้งรีบผลักผมออก แต่แรงแค่นั้นหรือจะมาเขยื้อนอะไรผมได้
         
ผมกระชับบั้นเอวมันเบา ๆ เอวมันเล็กมาก จับได้พอดีเลย ผมละมืออีกข้างจากต้นมะพร้าวมาจับเอวอีกข้างของมัน ดึงเบา ๆ เข้าหาตัวเอง ปากก็ยังไม่หยุดเก็บเกี่ยวความหวามหวิวภายใน

และคนตรงหน้าก็เลิกขัดขืนผมแล้ว

ตอนนี้ผมก็ยอมรับแล้ว

ผมต้องการคนคนนี้

ทั้งตัว
หรืออาจมากกว่านั้น

 

 

 

 



 

 

 

หลังจากผมปล่อยไอ้ตัวเล็กให้เป็นอิสระ มันก็เดินไปเล่นวอลเล่บอลกับพวกไอ้โอม ผมเดินตามไปสมทบ มันยังทำหน้านิ่ง ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็หลบสายตาทุกครั้งที่ผมมอง พอเล่นวอลเล่บอลกันจนเหนื่อยพวกเราก็วิ่งลงน้ำกันต่อ 

มีนักท่องเที่ยวบางส่วนเกาะกลุ่มเล่นกันบ้างประปราย แต่ไม่โหวกเหวกเสียงดังเท่าเรา เล่นกันจนถึงหนึ่งทุ่ม (ที่นี่เขาเปิดไฟให้ มันเลยสว่างแม้จะดึกแล้วก็ตาม) เนื้อตัวของแต่ละคนเริ่มซีด พวกเราถึงได้ชวนกันขึ้น 

“ไปอาบน้ำให้เรียบร้อย แล้วเจอกันตอนสองทุ่มครึ่ง จะพาไปกินผักบุ้งไฟแดงเจ้าอร่อยของที่นี่กัน”
ไอ้มอมันบอก ตั้งแต่มาไม่เห็นมันจะพาไปกินอาหารของรีสอร์ตมันสักที

มันให้เหตุผลว่า “กูเบื่อ”

เอ้อ มึงเบื่อ แต่พวกกูยังไม่เคยกินนี่หว่า แต่ก็ยอม ๆ มันครับ มันอุตส่าห์ให้ที่พักฟรีแล้ว

ผมกลับเข้าห้องอาบน้ำต่อจากไอ้เป้มัน พอออกมา ก็เห็นมันยืนเท่เหม่อลอยอยู่นอกระเบียง ผมเดินไปหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกมันจะนิ่งมากกว่าปกติ

“มึงตัดสินใจได้แล้วใช่ไหม”
ผมพูดขึ้นมาลอย ๆ

“อืม”

“ขอให้ทำสำเร็จนะเพื่อน”

“อืม แต่เต้ยมันคงเจ็บ”

“แต่กูว่าคนที่เจ็บมากกว่าคือมึงนะ และถ้ายังไม่ทำอะไรสักอย่าง พวกมึงทั้งคู่ก็จะยิ่งเจ็บกว่านี้”

มันพยักหน้า ผมคาดเดาว่ามันน่าจะเข้าใจ

แล้วเราสองคนก็ผันตัวกลมกลืนไปกับความเงียบ สายลมพัดไหวหอบหิ้วเอากลิ่นไอของน้ำทะเลยามค่ำคืนมาปะทะผิวกาย แสงสีนวลส้มจากหลอดนีออนด้านล่างแข่งกันให้แสงแลดูสวยงามแต่คงไม่มากเท่ากับแสงอ่อน ๆ ของหลากหลายดวงดาวบนท้องฟ้าด้านบน

ผมหันหลังค้ำศอกไว้กับราวระเบียง แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าคิดทบทวนอะไรบางอย่าง ในขณะที่ไอ้เป้ ค้ำแขนกับราวระเบียงละสายตาจากท้องฟ้าประดับดาวก้มมองผืนดินว่างเปล่าด้านล่างและคงกำลังคิดทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่างไม่ต่างกับผม
 

“กูเคยคิดนะ ว่าอยากให้กูกับไอ้เต้ยเป็นคนอื่น เป็นคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน อย่างนั้นมันจะง่ายกับกูมากกว่า”
มันระบายตัดความเงียบขึ้นมา

ผมยืนฟังนิ่ง ๆ

“แค่กูรักผู้ชายมันก็ผิดแล้ว…แต่นี่ กูยังมารักคนที่ไม่ควรจะรักอีก”
มันก้มหน้าเค้นเสียงแห่งความทรมานออกมา ผมได้แต่นิ่งฟังมันเท่านั้น 

แล้วความเงียบก็กลับคืนมาอีกครั้ง 

 

“กูอยู่ข้างมึงเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเป้”

มันไม่ตอบ และผมก็ไม่พูดอะไรต่อ ผมตบหลังมันเบา ๆ ละตัวเดินออกจากห้องไป อยากให้เวลามันได้คิดทบทวนเรื่องต่าง ๆ คนเดียวอีกครั้ง



 

 

พอออกไปก็เห็นไอ้ตัวเล็กกำลังถ่ายรูปกบตัวหนึ่งในอ่างบัว กบมันก็นั่งยอง ๆ อยู่เฉย ๆ มันก็ถือกล้องคุกเข่าจ่อไว้ตรงหน้ากบเฉย ๆ ผมยืนมองมันงง ๆ ดูว่ามันจะทำอะไร

ผมไม่แน่ใจว่ามันเล็งกล้องท่านั้นอยู่นานแค่ไหน และกำลังรออะไรอยู่ แล้วผมก็ไม่รู้ว่าผมยืนมองมันอยู่นานแค่ไหนเหมือนกัน รู้แค่ว่า กำลังยืนมองมันไปเรื่อย ๆ แค่นั้นแหละ

มันนิ่งอยู่นาน จนมีแมลงตัวเล็ก ๆ บินผ่านเข้ามา กบที่นั่งอยู่นิ่ง ๆ เมื่อกี้ ตวัดปลายลิ้นยาว ๆ คว้าแมลงเข้าปากอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้ตัวเล็กลั่นชัตเตอร์อย่างไวเช่นกัน

“เยส!!”
มันดึงกำปั้นเข้าหาตัว ทำท่าจะลุก แต่คงจะคุกเข่านานไปหน่อย พอลุกขึ้นยืน ขามันเลยเป๋ ผมรีบถลาเข้าไปคว้าเอวมันไว้ทันที
 
มันเงยหน้ามองผม..

..และผมก็ก้มหน้ามองมัน

“ขอบคุณฮะ ผมยืนได้แล้ว”
มันดันอกผมออกเบา ๆ ผมค่อย ๆ คลายมือออก 

“ถ่ายอะไรอยู่”
ผมถาม

ไอ้ตัวเล็กยกกล้องขึ้นมากดให้ดู

และสิ่งที่เห็นก็คือ..

กบตัวหนึ่งกำลังตวัดลิ้นคว้าแมลงกิน  = =

 
“กว่าจะถ่ายได้” มันพูดยิ้ม ๆ

ผมว่ากล้องต้องเป็นเครื่องมือดึงรอยยิ้มของมันแน่ ๆ มีกล้องที่ไหนมีรอยยิ้มที่นั่น แต่ผมก็ชอบที่จะมองรอยยิ้มแบบนั้นของมัน

มันกดไล่ดูภาพไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ผมไล่สายตามองหน้ามันไปเรื่อย ๆ
 

 
 

“นี่ ไอ้สองผัวเมียคู่นั้นน่ะ มาขึ้นรถได้แล้ว”
ไอ้เชี่ยมอมันตะโกนเรียก ผมกับกายหันไปมอง

“ปากมึงนี่เมื่อไหร่จะเลิกเห่าสักที รำคาญว่ะ”
ผมด่ากลับ

“ก็ตอนมีน้องเจนมาช่วยปิดปากไว้ไง”
พูดจบมันก็หันไปจุ๊บปากน้องเจนจริง ๆ จนเพื่อน ๆ พากันโห่แซว ไอ้ตัวเล็กยืนมองเหวอ ๆ สาวนางยืนอายม้วนต้วน ผมแหงนหน้าเหลือบตามองฟ้า ระอากับความหน้าด้านของเพื่อนตัวเองจริง ๆ

“ไปกันเถอะ”
ผมชวนคนข้างตัว มันพยักหน้าหงึกเดียว เดินเคียงข้างผมไปรวมกับกลุ่ม




TBC.. 

พี่เอกก็นะ ทำตัวเองจริง ๆ - -

หุหุ แอบกระซิบ อีกไม่กี่ตอน NC ก็จะมาแล้ววววว >///< รอ ๆ ลุ้น ๆ - , . - 
รักคนอ่านทุกคน :give2:


**ติดตามการอัพนิยายได้ที่นี่เลยค่ะ**
เฟสบุค :www.facebook/memew28
ทวิตเตอร์ :@memew28  (http://:@memew28)

ประกาศ ๆ !! นิยายเรื่องนี้รวมเล่มแล้วนะคะ ^^
ดูรายละเอียดได้ที่ Kiss Love [บอร์ดเด็กดี] เฟสบุคหรือทวิตเตอร์ค่ะ ^^

ปล. ถ้ามาช้า รีบไปตามหาคนเขียนได้ที่เฟสหรือทวิตนะคะ (งานเยอะ บางทีก็ลืมวันลืมคืน T^T)
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 12 : ทดสอบมากไป [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 18-04-2012 01:59:43
เพิ่งจะเข้ามาอ่าน สนุกมาก น่าติดตามสุด ๆ  :m1:
เอก-กาย พี่เอกทดสอบแล้ว ทดสอบอีก กว่าจะได้ผลเป็นที่แน่ใจ น้องกายช้ำหมดแล้ว
เป้-เต้ย เจ็บแปล็บ ๆ แบบหน่วง ๆ รักทั้งที่ ๆ รู้ว่าไม่ควร แล้วจะสมหวังกันไหม ???
กาย-เต้ย น่ารัก น่าเอ็นดู แอบชอบเป็นการส่วนตัว เชียร์คู่นี้จะมีลุ้นสัดนิด สักหน่อยไหมนะ ?

โอ้...จะมีรวมเล่มแล้วด้วย ไม่พลาด ๆ จะตามไปอุดหนุนนะค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 12 : ทดสอบมากไป [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 19-04-2012 02:21:47
รอ...อ่านเอ็นซี :z1:(ได้ข่าวว่าอ่านแล้วนะ>>>>ก็จะอ่านอีกอ่า :impress2:)

เป็นไงล่ะพี่เอกทดสอบแล้วได้ผลว่าไง...ยิ่งหลงน้อยกายมากขึ้นกว่าเดิมใช้ม้า :o8:

เจอคำผิด...เดี๋ยวไปสะกิดบอกนะจ๊ะ^^
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 12 : ทดสอบมากไป [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: matilda.taon ที่ 26-04-2012 22:13:28
เห็นในนี้เพิ่งถึงตอนที่สิบ เลยหนีไปอ่านที่เด็กดี ชอบคำที่น้องกายใช้แทนพี่เอกมากกกกกกก "พี่มัน" ให้ความรู้สึกเคารพว่าเป็นรุ่นพี่ แต่ก็ไม่ห่างเหินด้วยคำว่ามัน ~/////~
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 12 : ทดสอบมากไป [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: [newZy]CASS ที่ 27-04-2012 00:44:18
รอๆๆๆๆ
น่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 12 : ทดสอบมากไป [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: Scream ที่ 27-04-2012 01:43:40
สนุกอ่าาา ><
เพิ่งได้อ่าน ตามต่อนะคะ
พี่เอกกับกาย น่ารักมากกก
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 12 : ทดสอบมากไป [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 27-04-2012 20:04:59
พี่เอกระวังน๊า
พิสูจน์มากๆ
จะเข้าตัวเอง :z1:

บวกเป็ด
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 13 : หัวใจไกลเกินเอื้อม [กาย...♥ ]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 28-04-2012 00:07:59
 Kiss Love ♥ [13] หัวใจไกลเกินเอื้อม
[กาย...♥]



 

“อ้าว แล้วเป้กับเต้ยล่ะ”
พี่สาวถามหาสมาชิกที่หายไป

“เป้มันคงอยู่ในห้อง ส่วนเต้ย…”
ไอ้พี่เอกมองมาทางผม ทุกคนมองตาม
 
“คือผมอาบน้ำเสร็จก็ออกมาถ่ายภาพเลย แฮะ ๆ หมอนั่นคงนั่งเล่นเกมหรืองีบหลับอยู่ในห้องนั่นแหละ”
ผมพูดเจื่อน ๆ ถ้าไอ้เต้ยได้หลับเมื่อไหร่ คงต้องใช้เวลากว่าจะปลุกให้ตื่นได้

“งั้นผมไปดูดีกว่า เดี๋ยวจะไปตามพี่เป้ด้วย”
ผมปลดกล้องออกจากคอยื่นให้พี่เอก

“ฝากลูกชายที รีบไปจะรีบกลับ”

พี่มันทำหน้าเหวอ รับไปถือไว้งง ๆ ผมเดินเร็วออกมาจากกลุ่ม ได้ยินเสียงไอ้พี่มอแซวมาตามหลัง

“ไม่ต้องห่วง ไว้ใจพ่อมันได้!”

ผมอมยิ้ม ไม่ใส่ใจกับคำแซวนั้น แม้จะแอบหน้าร้อนขึ้นมาหน่อย ๆ ก็เถอะ





ผมวิ่งลัดเลาะจากล็อบบี้ขึ้นไปยังชั้นสามห้องริมสุด ตอนแรกว่าจะกระชากเปิดประตูเข้าไปเลย แต่ว่าเปลี่ยนใจเป็นค่อย ๆ หมุนลูกบิดเปิดประตูเข้าไปดีกว่า เผื่อไอ้เต้ยมันนั่งเล่นเกมอยู่จะได้จ๊ะเอ๋มัน

พอเปิดประตูเข้าไป ภาพตรงหน้าทำเอาผมชะงักค้าง เท้าเกาะติดพื้น ร่างกายเหมือนโดนแช่ด้วยน้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือ

บนเตียงใหญ่สีขาว มีร่างของไอ้เต้ยกำลังทอดตัวนอนหลับสนิทอยู่ และริมเตียงข้างตัวมันถูกครองพื้นที่ไว้ด้วยใครบางคน ซึ่งคนคนนั้นกำลังก้มหน้ากดจูบมันอยู่

ผมคงจะโวยวายไปแล้ว ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่คนที่ผมคุ้นเคย
..

พี่เป้

ผมยืนอึ้งอยู่กับที่ ผมควรจะปิดประตูลง เดินจากไปแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม แต่ขามันก้าวไม่ออก

พี่เป้ถอนริมฝีปากออกช้า ๆ เลื่อนขึ้นไปจูบหน้าผากมันเบา ๆ ผมได้แต่ยืนมองทุกภาพ เหมือนดูหนังสโลว์โมชั่น

พี่เป้ทำอะไร
แล้วทำไมต้องจูบ?

“พี่รักนาย”
คำสารภาพแผ่วเบาพาเอาหัวใจผมรู้สึกวูบโหวง

พี่เป้รักเต้ย
แล้วความรักของพี่เป้เป็นความรักแบบไหน

แล้วจูบที่พี่ให้ไอ้เต้ยเมื่อกี้
เป็นจูบแบบไหน

“พี่ขอโทษ”
วงแขนใหญ่สอดเข้าใต้ร่องเอวของไอ้เต้ย ยกขึ้นเบา ๆ แนบกับแผ่นอก สองไหล่กว้างกำลังสั่นไหว

“พี่ขอโทษ”
และพร่ำพูดด้วยน้ำคำเพียงคำเดียว

ผมเข้าใจทันทีว่าคำรักที่พี่เป้พูดถึง คือคำรักแบบไหน

คำรักที่ก่อให้เกิดความทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ
 

“พี่เป้”
ผมเผลอเรียกพี่มันเสียงเบา พี่เป้ชะงัก หันมามองผมตะลึง ผมเองก็ชะงักไม่ต่าง เพราะหน้าของพี่เป้เต็มไปด้วยน้ำตา

ผมยังยืนนิ่งอยู่กับที่ พี่เป้ค่อย ๆ วางร่างของไอ้เต้ยลง ไม่รู้ทำไม แทนที่ผมจะเดินจากไป ผมกลับเลือกที่จะก้าวเข้าไปในห้องนั้นแทน

พี่เป้ลุกขึ้นยืน พยายามเช็ดน้ำตาตัวเองออก แต่ยิ่งเช็ดมันยิ่งไหลรินเยอะกว่าเดิม ผมเอื้อมไปบีบมือพี่เป้เบา ๆ

“ไม่เป็นไรนะ”
ผมพูดได้แค่นั้น ก่อนพี่เป้จะกระชากร่างผมเข้าไปกอด ตัวพี่เป้สั่นสะท้านรัดผมแน่น

ผมเจ็บ…
แต่ก็ไม่คิดจะห้าม เพราะผมรู้ว่าพี่เป้คงเจ็บกว่า

เจ็บที่หัวใจไม่ใช่ร่างกาย



“พี่เป้”

“ขอโทษ ขอพี่อยู่อย่างนี้แป๊บ”

ผมได้แต่ยืนนิ่ง ให้พี่เป้กอดอยู่อย่างนั้น

 

 

ผมไม่แน่ใจว่าเราสองคนยืนกอดกันอยู่นานแค่ไหน รู้แค่ว่าสองมือผมกำลังลูบแผ่นหลังกว้างปลอบใจพี่มันเบา ๆ

“ไม่เป็นไรนะฮะ”
ผมกระซิบปลอบ

“ขอเวลาพี่หน่อยนะกาย ขอเวลาให้พี่ได้ตัดใจจากมัน ขอเวลาให้พี่กลับไปเป็นพี่มันอีกครั้ง ถึงเวลานั้น เข้าใจพี่และอยู่เคียงข้างมันแทนพี่ด้วย พี่อาจจะทำให้มันเสียใจ แต่เพราะพี่รักมัน พี่ต้องทำ”
พี่เป้พูดอะไรสักอย่าง ผมไม่เข้าใจ แต่ในเมื่อกี้พี่เป้ต้องการอย่างนั้น ผมก็พยักหน้ารับ ผมดันตัวพี่เป้ออกเบา ๆ ใช้มือเกลี่ยน้ำตาออกให้

“ผมไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดหรอกนะ แต่ผมจะช่วยเท่าที่ช่วยได้”

พี่เป้จับสองมือผมบีบแน่น น้ำตาที่หยดแหมะค่อย ๆ แห้งลง ดวงตาที่เคยแดงก่ำ ค่อย ๆ กลับมาเป็นสีเดิม

“ขอบใจนะ พี่ฝากปลุกมันด้วย”
พี่เป้บอกแค่นั้นแล้วเดินจากไป ผมมองตามจนลับสายตา ก่อนหันมามองคนที่ยังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ปลุกมันจนตื่น
 
ผมไม่รู้ว่าไอ้เต้ยมันรู้ความรู้สึกของพี่มันไหม ไม่อยากจะคาดเดา แต่ขอแค่ความรู้สึกของพี่เป้จะไม่มากไปกว่านี้ก็พอ


 

ผมกับไอ้เต้ยเดินโต๋เต๋กันไปที่รถ ไม่นาน พวกเราก็มารวมพลกันที่ร้านอาหารในตัวเมือง ผักบุ้งไฟแดงร้านนี้อร่อยสมคำคุยจริง ๆ เราสั่งอย่างอื่นมากินกันด้วยอีกหลายอย่าง เม้าท์แตกจนร้านเขาแทบพัง พี่เป้ยังมีท่าทีเหมือนเดิม ผมเหลือบตามองบ่อย ๆ ด้วยความเป็นห่วง

สำหรับไอ้เต้ย ถึงบางครั้งมันจะปากหมา แต่มันก็ยังเทคแคร์ดูแลพี่มันไม่หยุด 

ผมละสายตาจากคนทั้งคู่มามองอาหารในจานตัวเอง หยิบกล้องขึ้นมาเซต แล้วกดถ่าย

“ของกินก็ต้องถ่ายด้วย”
ไอ้พี่เอกมันว่า ผมกำลังหมุนเช็คภาพอยู่

“ก็มันสวยดี”

พี่เอกขมวดคิ้วงุนงง คงกำลังสงสัยว่าของกินรก ๆ ที่อยู่ตรงหน้า มันสวยงามตรงไหน   

ของพวกนี้มันพูดยากครับ มันอยู่ที่มุมมองของคน ถ้ามองให้สวยก็สวย ถ้ามองให้มันไม่สวย มันก็ไม่สวย สำหรับผม ทุกสิ่งรอบตัวคืองานศิลปะ ของทุกอย่างมันมีคุณค่าในแบบของมันเอง

และผมก็เชื่อว่าทุกอย่างที่เราสัมผัสได้และไม่ได้ในโลกนี้ มีชีวิตและลมหายใจ ผมถึงได้ชอบถ่ายภาพ จะได้เสนอเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านภาพถ่ายของตัวเอง

ผมปรับเลนกล้องหันไปถ่ายพวกพี่ ๆ ในกลุ่ม ถ่ายทีละคน คนละมุม คนละช็อต คนละอิริยาบถ เลือกถ่ายช็อตที่คิดว่าน่าจะเป็นตัวตนของคนคนนั้นให้มากที่สุด

ผมไม่ชอบอยู่กับผู้คนเยอะ ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะมองคนไม่เป็น ขี้เกียจยุ่งวุ่นวายแค่นั้นแหละ แค่กับไอ้เต้ยคนเดียวก็เพียงพอแล้ว
 
ผมไล่ถ่ายทีละคน เอาตอนเผลอเป็นหลัก จนมาจบที่คนด้านข้าง พี่เอกหันมามองผมตรง ๆ ผมกดถ่ายไปแชะหนึ่ง เอียงคอไปด้านซ้ายหลบกล้องมองพี่มัน ผมวางกล้องไว้บนตัก เอื้อมหยิบกระดาษทิชชู่มาถือไว้

“พี่เอกก้มหน้าหน่อย”

ชินครับ
สั่งพี่มันจนชิน พี่เอกก้มหน้าอัตโนมัติ รายนี้ก็คงชินด้วยเหมือนกัน ผมเช็ดปากให้เบา ๆ

“กินเหมือนเด็ก”
ผมว่าไปอีกดอก

“วู้!! พวกมึง สวีทกันเกินหน้าเกินตากูกับเจนแล้วนะ”
ไอ้พี่มอครับ ผมรีบวางทิชชู่ ก้มลงไปกินข้าวต่อไม่ใส่ใจ ไอ้คนข้างตัวผมชี้หน้าคาดโทษเพื่อนมัน


“กินเสร็จ พวกเราไปเดินเล่นงานวัดกัน”
พี่อ้อยชวน

ตอนมาพวกเราเห็นว่ามีงานวัดกันอยู่ มีพวกชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน เกมและอะไรอีกเยอะแยะให้เล่นเต็มไปหมด ทุกคนพยักหน้ารับ

และไม่เกินสิบห้านาทีหลังจากนั้น เราก็มาถึงวัดกันแล้วครับ มาคราวนี้ พวกเราเล่นกันเป็นกลุ่มใหญ่

พี่มอกับพี่โอม เน้นเล่นเกมที่ได้แทะแฟนตัวเองตลอด อย่างเกมยิงปืน พี่แกก็ไปยืนซ้อนตัวพี่เจนไว้ แต่ชิดเกินไปจนดูแนบสนิท สาวนางแก้มแดงใหญ่ สองมือก็ช่วยจับปืน จับไม่จับเปล่า มีแอบลูบมือขาว ๆ ด้วย แล้วพี่แกก็หาโอกาสแตะตรงนู้นนิด จับตรงนี้หน่อย หนัก ๆ เข้าก็หอมแก้มซะเลย

ใครได้สองคนนี้เป็นแฟนมีแต่พรุนกับพรุน

มองไปยังไอ้พี่เป้กับไอ้เต้ย มันสองคนก็ด่ากันไปช่วยกันยิงปืนกันไป เหมือนมันกับพี่มันจะหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์ด้วยคำด่านะนั่น

พี่โอ๊คกับพี่ปิง เน้นเล่นเกมใช้สมองประลองปัญญา สองคนนี้เป็นเด็กเกียรตินิยมด้วยกันทั้งคู่ ถือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักของพี่เอกเหมือนกัน

พี่อ้อยเลขาจับมือกับพี่สาว เล่นเกมสาวน้อยตกน้ำ สงสัยสองคนนี้จะหมั่นไส้คนงามบนแท่น เล่นปาเอาปาเอา มือแม่นซะด้วย
 
ตกตู้มๆ ไปหลายรอบ

พี่อิงสิงสถิตดูเขาทำขนมตุบตับครับ บ้านแกเปิดร้านอาหาร เลยชอบดูสูตรลับการทำอาหารของชาวบ้านชาวเมืองเขาไปทั่ว รายนี้ปล่อยเขาไป ส่วนพี่กิ๊ฟสาวกร่างประจำกลุ่ม กำลังสนุกกับการโยนห่วงใส่ขวด ได้บ้างไม่ได้บ้าง สนุกสนานกันไป

ผมเดินถ่ายรูป ส่วนพี่เอกก็โผล่ไปเล่นเกมนู้นเกมนี้กับเพื่อนไป




ผมกำลังถ่ายภาพม้าหมุนขนาดใหญ่อยู่ มีเด็ก ๆ ไม่ถึงสิบคนกำลังควบเล่น ใบหน้าของแต่ละคนแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มคละเคล้าไปกับเสียงหัวเราะ ไม่ต่างกับพ่อแม่ที่มาด้วย แต่ในกลุ่มของเด็กที่กำลังยิ้มรื่นอยู่นั้น มีเด็กชายตัวน้อยคนหนึ่ง กำลังร้องไห้น้ำตานองหน้าบนม้าหมุนสีแดงสด มือหนึ่งเกาะเสาม้าแน่น อีกมือปาดน้ำตาออกจากแก้ม โดยมีคนเป็นแม่ยืนให้กำลังใจอยู่ห่าง ๆ

น้องคงเพิ่งหัดเล่น
           
ผมยิ้ม กดถ่ายความแตกต่างที่กลมกลืนไปที

พอถ่ายเสร็จก็เก็บกล้องลงกระเป๋า วันนี้ถ่ายเยอะแล้ว อยากเล่นเกมบ้าง หันซ้ายหันขวามองหาเพื่อนกับพี่ ๆ

อ้าว หายไปไหนกันหมด

ผมมองหาอีกที ก่อนสะดุ้งเฮือกเพราะรู้สึกเหมือนมีใครบางคนมายืนขนาบอยู่ด้านหลัง ผมหันไปมอง

ไอ้พี่เอกครับ พี่มันเหลือบตาลงมอง

“คนอื่นล่ะ”
ผมถาม

“แยกย้ายกันไปเล่นเกมหมดแล้ว”

ผมพยักหน้าเข้าใจ
“แล้วพี่ล่ะ ไม่ไปเล่นเหรอ”

“เบื่อแล้ว เล่นไปตั้งเยอะ”

ผมมองของรางวัลมากมายที่พี่แกถือไว้จนเต็มมือ และหนึ่งในนั้น ก็เป็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ ผมหัวเราะขำ ๆ กับสิ่งที่เห็น

ผู้ชายตัวโตอุ้มตุ๊กตาหมีตัวใหญ่

“เอ้า”
พี่มันยื่นตุ๊กตาหมีตัวนั้นมาให้ ผมมองงง ๆ

“พี่ถือมันไม่ค่อยเหมาะ นายถือแทนที”

ผมทำหน้าเหวอ แล้วกูเหมาะนักรึไง
 
พี่มันดัน ๆ ตุ๊กตามาด้านหน้าเร่งให้ผมช่วยถือให้ ผมก็รับมาถือไว้มึน ๆ

“เอาไอ้นั่นมาให้พี่ถือดีกว่า ดูท่าจะหนัก”
พี่มันชี้มาที่กระเป๋าใส่กล้องผม

“ไม่เป็นไรพี่ ผมถือได้”

“เอามา สลับกัน”
พี่มันทำเสียงเข้มบังคับ ผมเลยจำต้องยกกระเป๋ากล้องให้


ตอนแรกก็ว่าจะเล่นเกม แต่เห็นพี่มันเล่นจนเบื่อแล้ว เลยไม่อยากพาไปเล่นอีก ผมเลือกที่จะเดินเล่นไปเรื่อย ๆ เคียงข้างไปกับพี่แกโดยมีคุณตุ๊กตาหมีตัวใหญ่อยู่ในอ้อมแขน เห็นพวกพี่ ๆ บางคน กำลังเมามันกับการเล่นเกมกันอยู่ ไม่อยากเข้าไปกวน เลยเดินผ่านไปดูคนอื่น ๆ เล่นเกมกันแทน 
 

ไม่นานพวกเราก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง แต่ละคนได้ของเล่นติดไม้ติดมือกันเต็มไปหมด ส่วนผมได้ภาพและความทรงจำกลับไปเหมือนเดิม

ทุกคนคงขี้เกียจเล่นเกมกันแล้ว เลยเลือกที่จะเดินดูงานและการแสดงต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ พวกพี่ ๆ เดินคุยกันโขมงโฉงเฉงโดยมีผมกับพี่เอกเดินรั้งท้าย

ฟิ้ววว~

ปัง!!!!

ลูกไฟสีส้มถูกส่งขึ้นฟ้า แล้วมันก็แตกกระจายกลายเป็นแสงไฟหลากหลายสีสัน พวกเราเงยหน้าขึ้นมอง ลูกไฟอีกลูกถูกส่งขึ้นไปอีกครั้ง แล้วมันก็แตกกระจายกลายเป็นแสงแห่งสีสันสวยงามยิ่งกว่าเดิม

“สวยเป็นบ้าเลย”
ใครสักคนพูดขึ้น

ผมยิ้ม กดคางลงบนหัวของตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ในอ้อมแขน

“สนุกดีวะ ครั้งหน้ามาเที่ยวกันอีกนะ”
พี่อ้อยเปรย

แกคงกำลังซึมซับบรรยากาศดี ๆ แบบนี้เอาไว้ในใจไม่ต่างกับผม ผมยิ้ม จ้องมองแผ่นหลังของพวกพี่ ๆ แต่ละคน ปกติผมไม่ใช่คนเที่ยวแบบกลุ่ม ส่วนมากจะไปไหนมาไหนกับแม่ หรือไม่ก็กับไอ้เต้ยมากกว่า นี่คงเป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ได้เที่ยวแบบนี้


ผมเดินตามพวกพี่มันไปเรื่อย ๆ แต่อยู่ ๆ ภาพตรงหน้าก็ถูกบดบังด้วยใบหน้าของใครบางคน และริมฝีปากผมก็ถูกกดปิดอีกครั้ง ผมตาโต แล้วสิ่งนั้นก็หายไป ผมหยุดเดิน แต่แขนของคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ โอบเข้าที่เอวด้านหลัง ดันเบา ๆ ให้เดินหน้า

เมื่อกี้พี่เอกทำอะไร!

จูบ!

ต่อหน้าเพื่อนเนี่ยนะ

ไม่ใช่สิ..
ลับหลังเพื่อนมากกว่า เพราะพวกพี่ ๆ เขามองไม่เห็น แต่คนรอบข้างต้องเห็นกันแน่ ๆ 

ความร้อนวิ่งผ่านใบหน้า แขนพี่เอกยังอยู่ที่เอวผม เราเดินเบียดกันเพราะทางเดินมันแคบ คนที่เดินอยู่ด้านหน้าคงไม่เห็นเพราะมีตุ๊กตาตัวใหญ่บังไว้อยู่ 

ผมไม่พูด ไม่ห้ามอะไร เดินเงียบ ๆ ไปอย่างนั้น

พี่มันหน้าด้านจริง ๆ ขอบอก 0///0
 

 




 

พวกเรากลับมาถึงที่พักกันตอนเที่ยงคืน ต่างคนต่างเหน็ดเหนื่อยแยกย้ายกันเข้าห้องอาบน้ำนอน ผมยังไม่ง่วงเลยขอตัวออกไปเดินเล่นรับลมทะเลข้างนอกแทน

นึกถึงความรู้สึกแปลก ๆ ที่ได้รับตลอดวันของวันนี้ ก็พาเอาใจวาบหวิวไม่น้อย วันนี้พี่เอกทำเอาผมใจเต้นแรงไปกี่รอบกันแล้วนะ

ผมเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์

มันยังคงส่องสว่างให้ทาง ตอนนี้พระจันทร์เกือบกลม มันสวยเอามาก ๆ เสียดายไม่ได้เอากล้องมาด้วย

“สวยดีนะ”
ใครสักคนพูดขึ้น ผมหันไปมอง

“พี่เอก”

พี่มันหันมามอง แล้วหันกลับไปมองพระจันทร์ต่อ ผมมองตามบ้าง แค่รู้ว่ามีพี่มันมายืนอยู่ข้าง ๆ ผมก็รู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ แล้ว
 
“จะตีหนึ่งแล้ว ผมง่วง ไปนอนก่อนดีกว่า”
ผมเบี่ยงตัวเตรียมจะเดินกลับ แต่ข้อมือถูกคว้าเอาไว้ ผมหันไปมอง

“คืนนี้เป้มันขอไปนอนกับเต้ย”

ผมยืนนิ่ง กรอกตาไปมาอย่างชั่งใจ ก็ไหนพี่เป้บอกว่าจะตัดใจ แล้วทำไมไปนอนกับไอ้เต้ยได้ล่ะ

“นายไปนอนห้องพี่ละกัน”
พี่มันพูดเรียบ ๆ แล้วปล่อยมือออก

ตอนนี้ผมกำลังกังวลเรื่องพี่เป้ พี่แกคิดจะทำอะไรกันแน่ ผมพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ

แต่ผมมั่นใจ ว่าพี่เป้ ไม่ทำอะไรไอ้เต้ยแน่นอน




ผมเดินตามพี่เอกกลับห้อง กวาดมองไปรอบ ๆ การตกแต่งเหมือนกันแทบจะทุกอย่าง พอเข้ามาถึงก็เริ่มตกประหม่า

เอาน่า ไม่มีอะไรหรอก

ผมพยายามไม่คิดอะไรมาก เดินลิ่ว ๆ ไปทิ้งตัวลงนอนด้านในสุด

“ราตรีสวัสดิ์ครับ”
ผมบอกลาก่อนนอนแค่นั้น คว้าเอาผ้าห่มมาคลุมจนแทบจะมิดหัว หันหน้าเข้าหากำแพง พยายามไม่รับรู้ว่าอีกคนกำลังทำอะไรอยู่

ได้ยินเสียงพี่มันทำอะไรสักอย่างดังก๊อกแก๊ก แล้วไฟกลางห้องก็ดับลง หลงเหลือไว้เพียงโคมไฟตรงหัวเตียง ผมพยายามข่มตาให้หลับ แม้หัวใจจะพากันเต้นตุบตับรุนแรงมากกว่าปกติก็ตาม

พื้นเตียงด้านข้างยุบฮวบ ผมลืมตาโพลง พยายามผ่อนลมหายใจให้เบาที่สุด ลดความตื่นเต้นที่มีมากเกินไปให้เบาบางลง แสงสว่างภายในห้องค่อย ๆ ลดระดับลงจนกลายเป็นความมืด ผมหลับตาลงอีกที

พี่เอกรั้งผ้าห่มผืนเดียวกันไปห่มบ้าง 

“กาย”
ได้ยินเสียงเรียกเบา ๆ ผมกำลังชั่งใจว่าจะตอบรับ หรือจะนอนนิ่ง ๆ แกล้งหลับดี แต่สุดท้ายผมก็เลือกอย่างแรก

“ครับ”

พี่มันเงียบ ไม่พูดอะไรต่อ ผมหน้าหันไปมอง เห็นพี่มันนอนหงาย เอามือก่ายหน้าผากไว้

“มีอะไรหรือเปล่า”
ผมถามอีกที

“เปล่า”
พี่มันปฏิเสธ
 
ผมเอื้อมไปดึงมือพี่มันออกจากหน้าผาก

“นอนก่ายหน้าผากไม่ดีนะ”
ผมพูดยิ้ม ๆ พลิกตัวกลับไปนอนหันหลังให้เหมือนเดิม ก่อนสะดุ้งเฮือกเพราะมีวงแขนใหญ่มารัดไว้ที่เอว ผมตาโต กำลังจะอ้าปากท้วง แต่พี่มันดักทางขึ้นมาก่อน

“นอนเถอะ พี่ง่วงแล้ว เป็นหมอนข้างให้พี่สักวันละกัน”
พี่มันพูดแค่นั้นแล้วเงียบไป

กูจะเป็นหมอนข้างให้มึงได้ไง กูเป็นคน แล้วเสียงหัวใจของกูเนี่ย มันดังจนเหมือนใครมาตีกลองอยู่ข้าง ๆ หูกูแล้ว

พี่มันดึงผมเข้าไปชิดมากขึ้น ผมได้แต่ก้มหน้า ไม่กระดุกกระดิกส่วนไหนของร่างกาย ตัวพี่มันใหญ่ โอบผมได้ทั้งตัว เหมือนแม่นกโอบลูกนกด้วยปีกนั่นแหละ

จากความตื่นเต้นในตอนแรกกลายเป็นความอบอุ่นอย่างประหลาดในตอนท้าย ผมผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอมากขึ้น จังหวะการเต้นของหัวใจก็เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

แล้วผมก็นอนนิ่ง ๆ ทำตัวเป็นหมอนข้างที่ดีตลอดทั้งค่ำคืน



ต่อ...
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 13 : หัวใจไกลเกินเอื้อม [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 28-04-2012 00:10:14
ต่อ...

แสงตะวันยามเช้าลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามา ถึงผมจะขี้เซา แต่เป็นพวกตื่นเป็นเวลา ผมขยับเปลือกตาเปิดขึ้นมอง สิ่งแรกที่เห็น คือแผงอกกว้างของใครบางคน ผมไล่สายตาสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเห็นลูกคางของคนคนนั้น และลมหายใจอุ่น ๆ กำลังเป่ารดอยู่ที่หน้าผาก แขนใหญ่ข้างหนึ่งถูกผมใช้เป็นหมอนรองหัวส่วนอีกข้างวางพาดร่องเอวผมไว้หลวม ๆ

ผมตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดผู้ชาย

คิดแล้วก็หน้าร้อนผ่าว ถึงจะไม่มีอะไรเกินเลยก็เถอะ
       
ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะเขยิบตัวออกท่าไหน พี่เอกที่ตื่นง่ายเอามาก ๆ จะได้ไม่ตื่นตาม แต่แค่ผมขยับตัวนิดเดียว คนที่หลับอยู่ก็ตื่นตาม

“อืม..ตื่นแล้วเหรอ”
พี่มันพูดงัวเงีย แทนที่จะปลดแขนออก กลับกระชับวงแขนแน่นขึ้นไปอีก

“สายแล้ว”
ผมบอก หวังให้แกปลดพันธนาการออกจากเอวผม

“อืม อีกนิดหนึ่ง อากาศกำลังดี”
พี่มันต่อรองเหมือนเด็ก ๆ แล้วกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นไปอีก รู้สึกเหมือน  ๆ พี่มันกำลังดมหัวผมอยู่เลยแฮะ

แน่ละครับ ผู้ชายเวลาตื่นนอน ธรรมชาติย่อมเป็นธรรมชาติ บางสิ่งที่บ่งบอกความเป็นชายค่อย ๆ ตื่นตัวขึ้น

เปล่า ไม่ใช่ของผมครับ

ของพี่เอกมันต่างหาก

เอิ่ม…

ผมพยายามไม่สนใจ

แต่ว่ามันก็…

“เอ่อ.. พี่เอก ผมหิว”
ผมรีบผลักอกพี่เอกออกเบา ๆ คนที่บางส่วนตื่น แต่เจ้าตัวยังไม่อยากตื่นงัวเงียมองอีกที

“อืม”
พี่มันรับปาก คลายวงแขนออก ผมสบโอกาสรีบลุกออกจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไปทันที

โอ๊ย! ไอ้กายเอ้ย มึงจะตื่นเต้นอะไรนักหนาวะ ก็แค่ธรรมชาติผู้ชาย

ผมรีบเปิดฟักบัว อาบน้ำอาบท่า บ้วนปากให้สะอาดอีกที (ยังไม่ได้แปรงฟันครับ พอดีแปรงผมอยู่ที่ห้อง บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากลิสเตอลีนขวดสีฟ้าเฉย ๆ= = )

พอออกมา พี่เอกก็ยังไม่ตื่น (ทั้งที่บางส่วนมันตื่นอยู่) ได้ยินเสียงเคาะประตูหนัก ๆ สงสัยเป็นไอ้เต้ย ผมเขย่าแขนพี่เอกปลุกให้แกตื่น จะได้ไปกินข้าวกันก่อนสาย

พอเห็นว่าน่าจะตื่นแล้ว ผมก็ปล่อยให้พี่แกลุกขึ้นมานั่งหัวฟูข้างเตียง แล้วตัวเองก็เดินไปเปิดประตูที่ยังคงกระหน่ำเคาะอยู่ไม่หยุด

พอเปิดประตูออก

อ้าว…ไม่ใช่ไอ้เต้ยครับ แต่เป็นพี่มอ

“อะ อ้าว เรามาอยู่นี่ได้ไง”
พี่มันถาม ผมกำลังจะตอบ
“มึง….”
แต่พี่มันทักใครอีกคนด้านหลังผมขึ้นมาก่อน ผมหันหน้าไปมอง ก็เห็นคนหล่อทำหน้าเบลอ ๆ ยืนขนาบอยู่ด้านหลัง

“มีราย”
พี่มันถามเสียงยาน

ผมขมวดคิ้ว
นี่พี่เอกตัวจริงหรือเปล่าเนี่ย

“โห มึงพัฒนาขนาดเอาน้องเขามานอนกกด้วยแล้วเหรอวะ”
ไอ้พี่มอมันพูด ผมก็อยากจะเถียง แต่ว่า ไอ้คำว่านอนกกมันก็ถูกแล้วนี่หว่า

“มีไร”
พี่เอกไม่ด่ากลับแต่ถามต่อ แถมมันยังสอดมือเข้าที่เอวผมเบา ๆ กอดไว้ ผมหน้าร้อนขึ้นมาทันที พยายามจับมือพี่เอกออก แต่มือพี่มันตุ๊กแกใช้ได้

“พวกกูกินข้าวกันหมดแล้ว ถ้ามึงหิวก็ไปกินที่ห้องอาหารของทางรีสอร์ตละกัน พวกกูจะไปเล่นน้ำกันต่ออีกนิดหน่อย สาย ๆ ถึงจะกลับ”

พี่เอกพยักหน้า

“มึง อย่าหักโหมมากนักนะโว้ย สงสารน้องมันบ้าง”
พี่มอสั่งไว้แค่นั้น พี่เอกพยักหน้ารับเบลอ ๆ ปิดประตูลง ลากผมไปนอนบนเตียงต่อ

นี่มึง ไม่คิดจะห้ามอะไรเลยรึไง คนเขาจะเข้าใจมึงกับกูผิดไหม!!
 
“เดี๋ยวพี่เอก ผมหิวข้าว”
ผมพยายามดิ้นรนขัดขืนยืนหยัดที่จะลุกออกจากเตียง

“อืม ขอห้านาที”
พี่เอกรั้งผมเข้าไปในอ้อมกอดทั้งตัว ผมนอนตะแคงข้างโดยมีพี่มันนอนกอดอยู่ด้านหลัง

ผมได้แต่นอนนิ่ง ๆ รอให้ครบห้านาทีตามที่พี่แกบอก แต่ยังไม่ทันจะครบดี ปากพี่แกก็เริ่มเลาะเล็มซอกคอด้านหลังผมแล้ว

“พี่เอก!”
ผมรีบเบรกแกไว้ทันที ขยับตัวดิ้นขลุกขลัก พี่เอกพลิกตัวคร่อมร่างผมไว้ ผมตาโตจ้องมอง พี่แกกำลังก้มหน้าลงมา ผมรีบยกสองมืออุดปากพี่แกไว้ทันที

อันตรายครับ เพราะลูกพี่แกเล่นตื่นตั้งแต่เช้า

“ห้ามจูบ ปากเน่า”
ผมรีบแถ

พี่เอกชะงัก ขำออกมาทั้งที่มือผมยังอุดปากอยู่ พี่แกเบี่ยงหน้าออกจากมือผมลุกเดินจากไป ผมถอนหายใจเบา ๆ กำลังจะลุก แต่คนที่เดินจากไปเดินวกกลับมาใหม่ จับผมกดลงกับเตียงอย่างรวดเร็ว ๆ พอ ๆ กับที่พี่แกก้มหน้าลงมาใช้ปากปิดปากผมไว้

หมดสิทธิ์ดิ้นรนครับ ชัยภูมิไม่เอื้อ พี่มันใช้ร่างใหญ่ ๆ กดผมติดเตียงเลย จูบไม่จูบเปล่า ยังฉกลิ้นเข้ามาในปากอีก บดเบียดเน้นย้ำหยอกล้อ แล้วผละออกมายิ้มพราว

“พิสูจน์ไงว่าเหม็นจริงหรือเปล่า”

ผมรีบเช็ดปากตัวเอง

“เหม็น รีบ ๆ ไปอาบน้ำได้แล้ว”

พี่เอกหัวเราะหึ ๆ เดินผิวปากอารมณ์ดีเข้าห้องน้ำไป

คือ เอาตามจริงนะครับ มันไม่เหม็นหรอก เพียงแต่อายที่จะยอมรับ

ผมอยากออกจากห้องไปดูไอ้เต้ย ลุ้นว่ามันโดนพี่เป้ทำอะไรหรือเปล่า แต่ก็กลัวครับ นั่งคิดอยู่นานจนพี่เอกอาบน้ำเสร็จ พี่แกนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมา ผมเบือนหน้าหนี ผมใส่ชุดเดิมเมื่อคืน พี่เอกเดินไปใส่ชุดใหม่ที่เตรียมมา

คนอะไร หุ่นดีชะมัดยาด กล้ามงี้เป็นมัด ๆ

ผมนั่งรออยู่พัก พี่เอกก็แต่งหล่อออกมา วันนี้พี่แกใส่เสื้อยืดสีขาวล้วน เน้นแผงกล้ามช่วงอกและหัวไหล่กว้าง เอวสอบภายใต้กางเกงยีน พี่แกคงไม่คิดจะเล่นน้ำอีกแน่ ๆ
 
“ป่ะ ไปกินข้าวกัน หิวไม่ใช่เหรอ”
พี่มันชวน ผมพยักหน้ารับปาก เดินตรงไปยังหน้าประตู กำลังจะเปิดออก แต่พี่มันเกี่ยวแขนข้างหนึ่งไว้ที่เอวผม ส่วนมืออีกข้างก็จับคางผมดันเบา ๆ ให้แหงนหน้าไปรับจูบจากพี่มัน

ผมกำลังจะร้องท้วง แต่พี่มันอาศัยจังหวะนั้น ฉกลิ้นเข้ามาภายใน ผมอยากขัดขืน แต่มันมึนจนขยับแขนขาไม่ถูก

ช่วงนี้ผมถูกจูบบ่อยจัง อยู่กับพี่เอกมาสองวัน ผมโดนจูบไปแล้วกี่รอบเนี่ย

ผมหอบหายใจหนัก ปรอยตาจ้องหน้าพี่มัน

“พี่เอก…”
คือจริง ๆ จะครางห้าม แต่เสียงมันออกมาได้แค่นี้

“ถ้าไม่ติดต้องพานายไปกินข้าว พี่จะกินอย่างอื่นแทนนะเนี่ย”
พี่มันบอกแค่นั้นแล้วปล่อยผมออก

“ระ เรารีบไปกันดีกว่า”
ผมรีบชวน ก่อนที่อะไร ๆ มันจะเกินเลยมากไปกว่านี้

 

พอเปิดประตูออกไป ก็เห็นไอ้เต้ยเดินหัวฟูออกมาจากห้อง ตามติดด้วยพี่เป้

“มึง ทำไมพี่เป้มานอนกับกูได้วะ”
มันเดินเข้ามากอดคอผมไว้
“เมื่อคืนกูเลยฝันร้าย ฝันว่าถูกปีศาจเขมือบเอา กลัวแทบตาย”

ผมหัวเราะหึ มองไปยังพี่เป้ที่ทำหน้าบูดอยู่ตรงหน้า ก็คงจะเหมือนอยู่หรอก

“มึงกินข้าวรึยัง ไปกินข้าวกัน”
ผมชวน

มันพยักหน้า เปลี่ยนจากกอดคอมาเป็นพาดบ่าแทน เราสองคนสูงเท่ากัน มันเตี้ยกว่าผมแค่เซ็นต์เดียว มองกลาย ๆ ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เราเดินนำหน้า แล้วมีสองหนุ่มตัวใหญ่เดินตามหลัง พี่เอกสูงกว่าพี่เป้ประมาณห้าเซ็นต์ได้ แต่ความหนาของตัวคงพอ ๆ กัน

เราเข้าไปในห้องอาหารของทางรีสอร์ต อาหารละลานตาครับ จัดเรียงเป็นถาด ๆ พวกจานชามถูกแยกไว้เป็นสัดส่วนเรียงกันเป็นชั้น ๆ ประดับประดาด้วยแจกันดอกไม้ และผ้าแพรพับเรียบจับจีบ สวยสะดุดตาจนอยากจะเดินกลับไปเอากล้องมาถ่าย

 
ช่วงเช้าจะเป็นอาหารแบบบุฟเฟ่ เปิดตั้งแต่ 6 โมงปิดอีกทีก็ 10 โมง ผมเดินไปหยิบจานเปล่า เลือกของกินมาวางไว้อย่างละนิดอย่างละหน่อย 

พี่เอกเดินถือจานที่มีอาหารอยู่บ้างบางส่วนมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ

“เอาอันนั้นให้พี่หน่อยสิ”
พี่มันพยักหน้าไปยังปลาราดซอสในถาด

“เอากี่ชิ้น”

“สอง”

ผมใช้ที่คีบหยิบให้พี่เอกสองชิ้น แล้วพี่แกก็สั่งให้ผมหยิบนู้นหยิบนี่ให้อีกประมาณสองสามอย่าง บางอย่างผมก็หยิบให้แกเองเลย มันน่าทานดี แล้วผมกับพี่แกก็ถือจานอาหารไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ กัน 

ไอ้เต้ยกับพี่เป้นั่งกินจานเดียวกัน กินกันไปแย่งกันไปตามสไตล์ พี่เอกลงมือกินของที่เอามาอย่างรวดเร็ว ผมมองอึ้ง ๆ 

“กินเยอะดีเนอะ”
ผมว่ายิ้ม ๆ
“กินเหมือนไม่ใช่คน”
แล้วก็ได้รับรางวัลเป็นแรงโขกจากช้อนที่หัวเบา ๆ ที ผมหัวเราะเจื่อน ๆ

“มึงไม่ลงน้ำแล้วใช่ไหมเป้”
พี่เอกถามเพื่อน พี่เป้กำลังจิ้มปลาราดซอสยัดปากน้องมันอยู่ รายนั้นก็ชอบขุนน้องตัวเองจัง
 
“อืม”
พี่มันตอบสั้น ๆ

“กูก็ไม่เล่นแล้ว เหนื่อย เมื่อวานเล่นเยอะ ตัวดำ”
ไอ้เต้ยมันถลกแขนเสื้อให้ดู เมื่อวานมันใส่เสื้อกล้ามเล่นน้ำครับ พี่เป้ไม่ยอมให้มันถอดเสื้อ เห็นรอยผิวสองสีเลย

พอสาย ๆ พวกเราก็มารวมตัวกันอีกครั้ง พวกพี่ ๆ คงเหนื่อยกัน พอขึ้นรถได้ ก็พากันหลับจนหมด ยกเว้นพวกผมสี่คน ตอนนี้ผมนั่งกับพี่เอก เพราะพี่เป้อยากนั่งกับไอ้เต้ย

เหมือน ๆ พี่เป้ ต้องการใช้เวลาแบบนี้ให้คุ้มค่าที่สุด และคงตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่างอยู่ ผมก็หวังแค่ว่า เรื่องที่พี่เป้ตัดสินใจนั้น จะไม่สร้างความเจ็บปวดมากมายให้กับพวกเขาทั้งคู่

 

ผมนั่งปลดปล่อยความคิดไปกับวิวข้างทาง ฟังเพลงเพราะ ๆ จากไอพอดตัวเก่ง หูฟังข้างหนึ่งติดอยู่ที่หูผม ส่วนอีกข้างถูกใครอีกคนยึดไปครอบครอง ซึ่งคนคนนั้นก็นั่งหลับคอพับไปแล้ว ไม่ต่างกับคนอื่น ๆ ในรถไม่เว้นแม้กระทั่งพี่เป้กับไอ้เต้ย ที่นั่งหลับซบต้นแขนพี่มันอยู่

ลุงถิงขับรถได้นุ่มเอามาก ๆ นั่งสบายจนผมไม่อยากให้ถึงกรุงเทพเร็ว ๆ เลย ผมทอดดวงตาจ้องมองท้องฟ้าสีคราม กลุ่มเมฆขาวลอยละล่องต้องแสงของพระอาทิตย์ ขยับปรับเปลี่ยนรูปร่างให้ดูสนุกสนานไปกับการคาดเดาตามจินตนาการ ถึงแม้แสงแดดจะเจิดจ้าจนแสบลูกตาไปหมด แต่ก็ไม่อาจล้มเลิกความตั้งใจของผมให้ละไปจากท้องฟ้าสีสวยนั้นได้

ผมอยากให้ช่วงเวลาดี ๆ แบบนี้ อยู่ไปนาน ๆ จัง ^^

 
TBC...
ล่องลอยไปกับสายลม หึหึ
อ่านกันให้หนุกหนาน ฝากเม้นท์ด้วยนะคร้าาา
วันหน้าจิเอานิยายพิเศษมาให้อ่านกัน วันนี้ฟิ้วววววไปปั่นนิยายต่อ คุคุ ง่วงแล้ว เที่ยงคืน จะมีใครมาอยุ่อ่านกันไหมนี่ - -
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 13 : หัวใจไกลเกินเอื้อม [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 28-04-2012 00:39:47
เรา...เอาอยู่!!
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 13 : หัวใจไกลเกินเอื้อม [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 28-04-2012 00:57:42
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 13 : หัวใจไกลเกินเอื้อม [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 28-04-2012 01:34:23
วันนี้ก็ว่าจะนอนเร็วแล้วนะ

พอเห็นว่าเอามาลงเลยต้องมาอ่านอีก :serius2:

ทำให้เค้านอนดึกเลยเห็นไหม(555ความจริงก็นอนดึกอยู่แล้ว)

ก็นะ...พี่เอกจูบแล้วจูบอีก...จริงๆอ่านตอนนี้แล้วรู้สึกสงสารพี่เป้เป็นอย่างมาก...จัดการกับหัวใจยังไงดีน้อ :m15:

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 13 : หัวใจไกลเกินเอื้อม [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: nan239 ที่ 10-05-2012 08:19:15
นิยาย Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อที่เด็กดีโดนแบนหรอค่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 13 : หัวใจไกลเกินเอื้อม [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 10-05-2012 08:40:59
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

กอดคนเขียน

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 13 : หัวใจไกลเกินเอื้อม [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: in_blu ที่ 10-05-2012 09:00:12
กรี๊ดดดดดดดดดดดด เพิ่งเห็นว่ามาลงที่เล้าด้วย
หลังจากที่เมื่อวานเค้าไปกรีดร้องในเด็กดีมา เพราะว่าค้างอย่างรุนแรง
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 13 : หัวใจไกลเกินเอื้อม [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 10-05-2012 09:13:28
 :L2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 13 : หัวใจไกลเกินเอื้อม [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: ืnnick ที่ 12-05-2012 18:07:31
มาตามอ่านตั้งแต่อยู่เด็กดี -.,-
หุหุหิหิ
กอดคนเขียนสักที  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 13 : หัวใจไกลเกินเอื้อม [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 18-05-2012 18:17:28
อยากรู้ว่าเป้จะทำอะไร
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 13 : หัวใจไกลเกินเอื้อม [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: Zurruz ที่ 18-05-2012 18:22:03
อ้าว มาลงเล้าด้วยหรอค่ะ > [ ] <!!

มีที่ให้ตามน้องกายอีกที่แล้ว
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 01-06-2012 23:06:35
 Kiss Love ♥ [14] ครั้งแรก
[เอก...☼] Part 1
 



 

“ไอ้เอก มึงอนุมัติงบชมรมหมดรึยัง”
อิงเดินเข้ามาถาม
 
“อืม อยู่กับอ้อย”
ผมบอกในขณะที่ดวงตาก็กวาดอ่านรายละเอียดของงานมหาลัยปีนี้ไปเรื่อย ๆ

“ถ้าเรียบร้อยแล้ว งั้นกูกลับก่อนนะ”
มันบอก

ผมพยักหน้าให้มันที แล้วภายในห้องก็เหลือผมอยู่คนเดียว วันนี้เพื่อน ๆ ขอตัวกลับกันก่อนหมด เย็นวันศุกร์แบบนี้ คงพากันไปเที่ยวกับแฟน หรือไม่ก็พากันไปเดินช็อปปิ้งสังสรรค์กันตามสไตล์นั่นแหละ ส่วนผมยังต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป เพราะงานหลาย ๆ อย่าง ต้องรอผมเป็นผู้อนุมัติเท่านั้น 

ตั้งแต่กลับจากเที่ยว ผมก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมงานมาตลอด งานมีศุกร์หน้าแล้ว ธีมการจัดงานปีนี้ไม่ต่างกับปีที่แล้วมากเท่าไหร่ เพียงแต่มีนิทรรศการมากขึ้นเท่านั้น

โดยปกติแล้ว เราเปิดให้คนนอกเข้ามาดูงานกันได้ คนถึงได้ล้นหลามทุกปี ถือว่าเป็นการโปรโมตมหาลัยไปในตัวละนะ ยิ่งคนมาเที่ยวกันมากเท่าไหร่ เรายิ่งต้องใส่ใจในรายละเอียดของงานมากขึ้นเท่านั้น

ซึ่งคนที่เหนื่อยมากที่สุด คงไม่พ้นพวกคณะกรรมการ คนที่ทำงานในสภาแล้วก็น้อง ๆ สต๊าฟนั่นแหละ วิ่งวุ่นเตรียมงานกันตั้งแต่เช้ายันมืด 

ผมตรวจเช็คเอกสารที่เหลือต่ออีกนิด พอเรียบร้อยก็วางมันไว้บนกองเหมือนเดิม เดี๋ยววันจันทร์อ้อยก็เอาไปสานต่อเอง ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู สี่โมงแล้ว วันนี้กลับเร็วหน่อยดีกว่า ผมตรวจเช็คความเรียบร้อยบนโต๊ะอีกที พอเห็นว่าไม่มีอะไรค้างคาก็เปิดลิ้นชักคว้าเอากระเป๋าเงินกับกุญแจรถเดินออกจากห้องทำงานไป

ระหว่างทางเห็นใครบางคนยืนอยู่แถว ๆ หน้าห้องคณะกรรมการการจัดงาน ผมเลยเดินเข้าไปใกล้ มันสะดุ้งนิด ๆ ตอนหันมาเห็นผม 

“มาทำอะไรแถวนี้”

“ยังไม่กลับอีกเหรอฮะพี่เอก”
มันไม่ตอบซ้ำยังถามกลับอีกต่างหาก

“มาทำอะไรแถวนี้”
ผมถามย้ำอีกที ไม่ตอบคำถามมันเหมือนกัน

“มาส่งภาพถ่ายเข้าประกวดน่ะฮะ วันนี้วันสุดท้ายแล้ว ผมส่งไปสามภาพ ภาพของพี่ก็ผ่านด้วยนะ”
มันพูดไปยิ้มไป

ผมทำหน้าไม่ถูก คือไม่รู้ว่าภาพนั้นเป็นภาพแบบไหน แต่คิดว่ามันน่าจะดูดีละนะ

ก็นายแบบออกจะหล่อขนาดนี้

“ผมส่งพร้อมภาพเด็กดอยซกมกกับกบกินแมลง”
ผมหลุดขำพรืด ภาพที่มันอุตส่าห์คุกเข่ารอตั้งนานสองนานน่ะนะ

แต่ว่า…

ชื่อภาพแต่ละภาพที่มันส่ง ออกแนวประหลาด ๆ ทั้งนั้น แล้วภาพที่มันถ่ายผมไว้ มันจะไม่ประหลาดตามไปด้วยรึไง
 
มันหน้าบึ้งที่ผมหัวเราะ ผมหุบปากลงทันที

“มีนัดที่ไหนหรือเปล่า”
ผมเสถามมันเรื่องอื่น มันทำหน้าสงสัย แล้วก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

“นายค้างเลี้ยงข้าวพี่อยู่ พี่จะให้นายเลี้ยง”

มันทำหน้าบู้บี้ แต่ก็พยักหน้าเข้าใจ ผมอมยิ้ม พยักหน้าให้มันเดินตรงไปกับผม







 

 

มันทำหน้าแปลกใจ เงยมองป้ายร้าน เพราะผมบอกว่าจะให้มันเลี้ยงข้าว แต่ดันพาเข้าร้านขนมเฉยเลย

“ที่นี่ขายทั้งข้าวและขนม อาหารเขาอร่อย บรรยากาศดี พี่มากินกับเพื่อนบ่อย ๆ”
ผมไขความเข้าใจมัน

ที่นี่ตกแต่งดีครับ รอบ ๆ ร้านเน้นธรรมชาติ ต้นไม้ใหญ่เยอะ เก้าอี้ก็แยกสัดส่วนชัดเจน มีทั้งแบบส่วนตัวที่มาสวีทกันสองคนได้ หรือแบบกลุ่มเพื่อนตั้งแต่สี่ห้าคนขึ้นไป

ที่นี่แบ่งออกเป็นสองส่วน ในห้องกระจกสำหรับคนชอบแอร์ และในสวนที่ร่มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ สำหรับคนที่ชอบนั่งทานอาหารกลั้วธรรมชาติ ผมเลือกนั่งด้านนอก เพราะบรรยากาศดีกว่า ในกรุงเทพ ร้านอาหารแบบนี้ค่อนข้างหายากแล้ว

ผมพามันไปนั่งยังโต๊ะสำหรับสำหรับสองคนนั่งใต้ต้นมะม่วงขนาดใหญ่ พื้นดินโดยรอบเป็นพื้นดินด้านสีขาว ใบมะม่วงร่วงลงมาประปราย ทางร้านจะปล่อยมันทิ้งไว้อย่างนี้ แล้วจะกวาดมันเพียงอาทิตย์ละครั้งเท่านั้น เวลาเดินจึงได้ยินเสียงกรอบแกรบเพลินหูดี ตรงหน้าเราเป็นน้ำตกจำลองสไตล์บาหลี ปกติโต๊ะตัวนี้ไม่ค่อยจะว่างนักหรอก จังหวะเราดี มาตอนเขากำลังจะลุกพอดี ดูท่ามันจะชอบด้วย 

“สวยดี เสียดายไม่ได้เอากล้องมาด้วย”

“ดีแล้วล่ะ ขืนเอากล้องมา นายคงได้ลืมพี่กับของกินแล้วถ่ายแต่รูปแน่ ๆ”
ผมพูดตรง ๆ มันทำหน้าขัดใจ แต่ไม่พูดอะไรต่อ

ผมสั่งอาหารที่เป็นกับข้าวสำหรับสองคนมากิน แล้วก็สั่งขนมไทยมาพร้อมกันด้วย ที่นี่มีทั้งขนมไทยและขนมเทศ แต่ผมชอบขนมไทยมากกว่า เจ้าตัวเล็กดูท่าจะชอบเหมือนผมด้วย มันสั่งบัวลอยไข่เค็มคู่มากิน ส่วนผมเลือกบัวลอยเผือก

“งานเยอะมากเลยเหรอฮะ”

“เยอะ ว่าง ๆ ก็มาช่วยได้นะ คนไม่พอ”

มันรีบส่ายหน้า

“ไม่เอา เหนื่อย”

“โหย น้ำใจ”

มันยิ้มรับ

“แค่มองก็พอ เวลาพี่เอกทำงาน เท่ดี”

ผมชะงักกับคำพูดมัน มันก็ชะงักกับคำพูดมันเอง ก่อนก้มหน้าลงไปกินต่อ

“แอบมองอยู่รึไง”
ผมพูดยิ้ม ๆ

มันก้มหน้าอยู่ครับ น่ารักดี

“เปล่า บังเอิญเห็น”
มันอ้อมแอ้มตอบ ผมอมยิ้ม

“พี่อยากลองชิมไข่เค็มดูบ้าง ไม่เคยลองเลย”

มันเงยหน้ามอง ตักแบ่งไข่เค็มให้ผมลูกหนึ่ง

“แค่ชิม ไม่ต้องให้พี่ทั้งลูกก็ได้”

“อร่อยนะ”
มันปัดคำพูดผมทิ้งไป

ผมใช้ปลายช้อนตัดแบ่งไข่เค็มออกเป็นสองส่วน ตักเพียงครึ่งเดียวใส่ปาก ก็อร่อยดีนะ เห็นมันใช้ปลายช้อนตัดแบ่งไข่เค็มออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ จนมันแทบจะลุ่ยผสมไปกับน้ำกระทิ มันเลือกเอามาชิ้นหนึ่งผสมกับบัวลอยต่างสีอีกสามลูกเข้าปาก

การกินของเราแตกต่างกันนิดหน่อย ผมเป็นคนกินเยอะ เลยเน้นกินคำใหญ่ ๆ ให้มันอิ่ม ๆ ไป แต่ไอ้ตัวเล็กมักจะเล่นกับของกิน ตกแต่งให้สวยงาม แล้วค่อยกิน หรือไม่ก็ต้องถ่ายรูปก่อน แล้วค่อยกิน     

“เพราะมัวแต่เล่นกับของกินอยู่นั่นแหละ ถึงได้ไม่โตสักที” ผมพูดตามใจคิด มันหน้าหงิกทันที
 
 เอ่อวุ้ย เพิ่งรู้ว่ามันขี้งอน

“เขาเรียกมีศิลปะในการกิน คนกรอกอาหารเข้าปากอย่างเดียวไม่เข้าใจหรอก”

ผมยิ้มไปกับคำเปรียบกัด ๆ ของมัน

“คงงั้น”
ผมก้มตักไข่เค็มอีกครึ่งที่เหลือ แต่คราวนี้ผมลองตักผสมกับบัวลอยอีกจำนวนหนึ่งกินดูบ้าง
   
อืม..มันก็อร่อยไปอีกแบบน่ะนะ

 

 

 

 

 

 

“ไปเดินย่อยกันหน่อยไหม”
ผมชวนหลังจากอาหารตรงหน้าแทบไม่เหลือเศษซาก มันนั่งลูบท้องพยักหน้าขึ้นลง ที่นี่อาหารอร่อย แถมราคายังไม่แพง เห็นมันทำหน้าพอใจใหญ่ตอนเห็นตัวเลขบนบิล
 
“ถ้าราคาแพงกว่านี้ กะว่าจะพาพี่ไปนั่งล้างจานหลังร้านนะเนี่ย”
มันแซว ผมยิ้มเผล่

“ไม่เป็นไร พี่มีเงินให้กู้”
ผมตอกกลับ มันทำหน้าย่นใส่

แล้วเราสองคนก็พากันไปเดินเล่นในสวนสาธารณะใกล้ ๆ ร้านนั่นแหละ อากาศกำลังดี มีคนมาวิ่งออกกำลังกายกันด้วย




 

สี่ฝ่าเท้าย้ำไปบนผืนปูนซีเมนต์ขนาดกว้างวากว่า ๆ โอบรอบสองข้างทางด้วยต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่มที่ถูกตัดแต่งกิ่งก้านเอาไว้อย่างดี มีต้นไม้ดัดเป็นรูปลูกช้างสามเชือกตรงกลาง

ผมสังเกตว่ามันชอบต้นไม้รูปร่างแปลก ๆ หรือไม่ก็ไม้ดอกสวย  ๆ เห็นมันเดินไปจับดูบ่อย ๆ

คงเป็นสัญชาตญาณของช่างภาพล่ะมั้ง

และตอนนี้ผมก็กำลังยืนกอดอกรอไอ้ตัวเล็กที่กำลังเพ่งสายตาจ้องมองหนอนแก้วขนาดใหญ่สีเขียวอื๋อบนใบไม้ของต้นอะไรสักอย่างอยู่ ลูกตามันใหญ่เอามาก ๆ จนจะกินพื้นที่ของหัวมันทั้งหมด มันก็จ้องตาหนอน หนอนก็จ้องตามัน และถ้าผมไม่สะกิดให้มันเดิน คิดว่ามันคงจะจ้องอยู่อย่างนั้นจนหนอนมันกลายร่างเป็นผีเสื้อแน่ ๆ

มันหันมายิ้มเผล่ พยายามไม่เพ่งมองอะไรเป็นพิเศษ แต่พอเจอของแปลกตาเข้าหน่อย มันก็ตรงดิ่งเข้าไปหาลืมผมไว้อีกที

 

 

 

 

 

อากาศที่เคยสดใสเริ่มครึ้มลงเรื่อย ๆ สายลมที่เคยพัดเอื่อยเมื่อกี้ก็พากันโหมแรงมากขึ้น ผมเงยหน้ามองท้องฟ้า เมฆก้อนใหญ่สีเทาดำลอยละล่องมาเป็นทาง ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยปากชวนมันกลับ สายฝนก็พากันโปรยปรายลงมา เราสองคนหันซ้ายหันขวามองหาที่หลบฝน มีซุ้มนั่งพักอยู่ไม่ไกล พวกเรารีบวิ่งเข้าไปหลบเหมือนคนอื่น ๆ

แต่ดูเหมือนสายลมจะพากันโหมแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต่างกับสายฝนที่พากันเทกระหน่ำลงมาจนซุ้มไม่สามารถกันน้ำฝนได้ คนที่อยู่ข้างในพากันเปียกไปตาม ๆ กัน

“ขืนอยู่ตรงนี้ พี่ว่าก็ไม่ต่างกับเรายืนตากฝนกันนะเนี่ย หาที่ใหม่ดีกว่า” ผมบอกก่อนวิ่งนำหาที่หลบฝนอันใหม่

ตามตึกที่มีระเบียงหรือกันสาดถูกจับจองไปหมดแล้ว วันนี้วันศุกร์ด้วย คนเลิกงานพากันมาเที่ยวเยอะ เราสองคนวิ่งหาที่ว่างไปเรื่อย ๆ กระทั่งถึงร้านขนมที่เราเพิ่งกินกันมานั่นแหละ พวกเรารีบวิ่งเข้าไปหลบทันที

เสื้อผ้าหน้าผมของเราสองคน เปียกโชกด้วยกันทั้งคู่ พอมาเจอแอร์เย็น ๆ ภายใน มันก็ไม่ต่างกับเรายืนอยู่ในตู้แช่ดี ๆ นี่เอง ยืนไปได้เกือบสิบนาที ความเย็นเริ่มวิ่งเข้าไปชนกระดูก

ผมเริ่มสั่น ไอ้ตัวเล็กก็ไม่ต่าง

สุดท้ายผมเลยตัดสินใจชวนมันวิ่งฝ่าสายฝนไปที่รถ อย่างน้อยในนั้นก็มีผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าสำรองเอาไว้เปลี่ยน มันพยักหน้า ปากแดง ๆ ของมันซีดไปหมด

ยังดีที่ทิ้งมือถือกับกระเป๋าไว้ที่รถ ไม่งั้นเปียกหมดแน่ ๆ 

“เบาะพี่เปียกหมดแล้ว”
มันพูดตอนนั่งเบาะได้ น้ำจากตัวและเส้นผมของมันหยดติ๋ง ๆ ใส่เบาะจนชุ่ม

“เดี๋ยวก็แห้ง”
ผมหันไปคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเล็กหลังรถโยนใส่หัวมัน มองหาเสื้อผ้าสำรองอีกที แต่ไม่มีสักตัว สงสัยลืมหยิบขึ้นรถมาด้วย

“พี่ลืมหยิบเสื้อผ้าสำรองมาแฮะ ไปเปลี่ยนที่คอนโดพี่ก่อนละกัน อยู่ใกล้ ๆ แค่นี้เอง แล้วจะขับรถไปส่งอีกที”
ผมหันไปบอกมัน มันพยักหน้า ตัวสั่นใหญ่ ผมสตาร์ทเครื่องยนต์ เปิดแอร์ไว้เบา ๆ ระบายอากาศและกันฝ้าขึ้นกระจก

 

 

 

ไม่เกินยี่สิบนาทีผมก็พารถคู่ใจเคลื่อนเข้าไปจอดไว้ในลานจอดรถใต้คอนโด ตรงจุดโปรดของผมนั่นแหละ ผมพามันก้าวออกจากรถเดินผ่านล็อบบี้ไปที่ลิฟต์ ตัวพอแห้งแล้ว แต่น้ำบางส่วนจากชุดหยดแหมะไปตามทางจนแม่บ้านคอนโดมองตาม ผมกดลิฟต์พามันขึ้นไปยังชั้น 9 หยิบการ์ดมารูดเข้าห้อง ผมรีบตรงดิ่งไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มายื่นให้มันทันที กลัวมันจะแข็งตายไปซะก่อน

“ไปอาบน้ำล้างตัวก่อน”
ผมไล่ มันรีบพยักหน้าเดินเข้าห้องน้ำไปทันที ผมเดินไปหยิบเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงบอลสีเดียวกันมาวางไว้บนเตียง เป็นชุดตั้งแต่สมัยเรียนมอปลายของผมเอง ไซส์นี้น่าจะใส่ได้พอดี ตอนแรกว่าจะขนไปบริจาค แต่ก็ยังไม่ได้ทำสักที

ข้างนอกฝนยังตกอยู่ ผมเดินไปยืนมองสายฝนผ่านหน้าต่างกระจกใส ฝนตกแรงมากจนภายนอกเห็นเป็นเพียงม่านน้ำสีขาวพลิ้วเป็นสาย สักพักมันก็ออกมาในชุดผ้าเช็ดตัวพันเอว ผมมองมันอึ้ง ๆ

“ชุดนายอยู่นั่น”
ผมพยักหน้าไปที่เตียง คว้าผ้าเช็ดตัวอีกผืนเดินสวนมันเข้าห้องน้ำไป


 

ผมยืนอยู่ใต้สายน้ำ แอบนึกถึงเรือนร่างของมันนิดหน่อย ก่อนรีบสลัดภาพเหล่านั้นทิ้งไป พออาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาแต่งตัว ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ไม่เห็นไอ้ตัวเล็กแฮะ ขมวดคิ้วแปลกใจนิดหน่อย คล้องผ้าเช็ดตัวไว้ที่คอมองหาอีกที           

ไปไหนของมัน หรือว่าจะกลับไปก่อนแล้ว

แสงสว่างภายในห้องเจือจางลงจนจะกลายเป็นความมืด ผมตัดสินใจเดินไปเปิดไฟให้สว่าง ถึงได้เห็นใครบางคนยืนเกาะกระจกอยู่ข้าง ๆ ผ้าม่านสีเดียวกับชุด

มิน่า เมื่อกี้ผมถึงมองไม่เห็น

“คิดว่าที่ห้องมีตุ๊กแกพันธุ์ใหม่มาเกาะซะอีก”

มันหันมามอง

“ตุ๊กแกบ้านพี่ หล่อขนาดนี้เลยเหรอฮะ”
มันเล่นมุขครับ ผมเดินไปยืนอยู่ข้าง ๆ มัน แต่ไม่ได้เกาะกระจกแบบมัน

ที่คอนโดมีระเบียงยื่นยาวออกไปด้านนอก ผมจัดสวนเล็ก ๆ เอาไว้ ผมชอบต้นไม้ขนาดใหญ่ ด้านนอกเลยแน่นไปด้วยต้นไม้ทรงสูงอย่างพวกต้นปาล์ม หมากเหลือง วาสนาพุ่ม ต่ำลงมาหน่อยก็พวกสาวน้อยประแป้ง นางคุ้ม เฟิร์นข้าหลวง และต้นเดหลี มีโต๊ะแบบสี่เหลี่ยมสี่โอ๊คและเก้าอี้สีเดียวกันวางไว้สองตัว ฉากหลังเป็นวิวตึกรามบ้านช่องต่างไซส์หลากหลายสไตล์ ช่วงเย็น ๆ หรือวันหยุด ผมชอบมานั่งอ่านหนังสือเป็นประจำ

ตอนนี้ฝนตกแรงมากจนต้นไม้ด้านนอกโบกสะบัดไปตามแรงลม คิดว่าวันนี้ ผมคงไม่ต้องรดน้ำให้มันแล้วละ

“พายุคงเข้า”
ผมเปรยข้างตัวมัน
“รอให้ฝนซาก่อนละกัน ขืนกลับตอนนี้รถคงติดน่าดู อันตรายด้วย”

มันพยักหน้าเห็นด้วย

 

ผมยืนมองน้ำฝนอยู่ข้าง ๆ มัน สักพักมันก็เงยหน้าขึ้นมอง

“ไม่รีบเช็ดผมให้แห้ง เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”

ผมก้มมองมัน ยกผ้าเช็ดตัวที่คอมาขยี้แบบไม่ใส่ใจเบา ๆ ที มันหัวเราะขำ ๆ

“เช็ดแบบนั้นมันจะแห้งไหมล่ะ มานี่ ผมเช็ดให้”
มันหันมาจับผ้าเช็ดตัวผมไว้ แล้วสั่งให้ผมก้มลงไปหามัน ผมทำตามอย่างเคยชิน

 

“นั่งเช็ดดีกว่าไหม เราตัวเตี้ย พี่เมื่อย”
อันนี้ผมพูดจริง

“ปากนะนั่น ผมไม่ได้เตี้ยซะหน่อย สูงมาตรฐาน พี่นั่นแหละ สูงเกินมนุษย์”

มันจะว่าผมเป็นยักษ์ใช่ไหมเนี่ย

“เตี้ยก็ยอมรับมาเถอะน่า”
ผมแซวมันต่อ มันขยี้หัวผมแรงจนหัวผมโยกไปตามมือมัน

“โอ๊ย เบา ๆ หัวคนนะ”

“อ้าว คิดว่าไม่ใช่ซะอีก”

ฟังครับ

น่าจับตีก้นสักที

“ไปนั่งโซฟาดีกว่า พี่เมื่อยแล้ว”

“อืม”
มันรับปาก ปล่อยผ้าที่จับไว้ลง ผมเดินไปนั่งบนพื้นพรมตรงกึ่งกลางโซฟา แล้วปล่อยให้มันนั่งบนโซฟาเพื่อเช็ดหัวให้อีกที

ผมเอื้อมหยิบรีโมตมากดเปิดเพลงคลอเบา ๆ ด้วย

“พี่อยู่คนเดียวเหรอ”

“อืม”

“ทำไม”

“งานพี่เยอะ อยู่คนเดียวหัวมันแล่นกว่า ครอบครัวพี่ใหญ่ พี่น้องเยอะ รำคาญพวกน้อง ๆ มันน่ะ วุ่นวาย”

มันหัวเราะร่วน

“มีพี่น้องกี่คน”

“หก พี่เป็นคนโต”

“โห ยุ่งน่าดู”

“อืม แล้วนายล่ะ”

“คนเดียว อยู่กับแม่สองคน แม่เป็นนักเขียน พ่อแยกทางแต่งงานใหม่”

อืม มิน่ามันถึงได้รักสันโดษ

“นวดหัวให้หน่อยสิ งานยุ่งทั้งวัน เหนื่อย”
ผมอ้อน มันชะงักมือที่เช็ดหัว แต่ก็ยอมทิ้งผ้าเช็ดตัวออกแล้วลงมือนวดให้เบา ๆ มันรู้สึกสบายจริง ๆ เวลาที่มีคนมานวดให้เนี่ย

สบายมากจนผมเริ่มนั่งโงนเงน

“นี่พี่เอก อย่าเพิ่งหลับนะ”

ผมปรือตาขึ้น

“อืม ง่วงจัง พี่ของีบสักหน่อยได้ไหม กว่าฝนจะซา คงอีกนาน”
ว่าแล้วผมก็ลุกเดินลากมันไปที่เตียง มันโวยวายใหญ่

“พี่นอนไปเถอะ ผมกลับแท็กซี่ก็ได้”

“อืม.. อันตรายพอกัน รอให้ฝนหยุดก่อน”
ผมให้เหตุผล แล้วดึงตัวมันมานอนกอด 

“นี่ พี่เอก ปล่อย!”
มันดิ้นขลุกขลัก แต่ผมรัดตัวมันแน่น

“ถ้าดิ้น พี่จูบนายนะ”

มันหยุดดิ้นแทบจะทันที ยอมนอนเฉย ๆ ให้ผมกอด

ผมอมยิ้ม

“เป็นหมอนข้างซะดี ๆ”

ผมกระชับวงแขนแน่นขึ้นไปอีก ปิดเปลือกตาลงและหลับใหลไป


TBC..

คิดอยู่ว่าตัวเองลืมอะไรหรือเปล่า คิดไปคิดมา
อ้าว ตูลืมเอานิยายลงเล้า T^T ไอแอมซออู้จริง ๆ ค่ะ T^T ติดภารกิจหลายอย่างมาก ตอนนี้อยู่เชียงใหม่ ลั่นล้ามากมาย ^^

หุหุ ประกาศตัวโตโต ตอนหน้าเอ็นซีนะคะ กับเล้าไม่กล้าขอมาก ขอแค่สิบเม้นท์ก็พอ (พิจารณาตัวเองให้จงหนัก) เด็กดีเรื่องนี้ติดชาร์จอันดับหนึ่ง มาที่นี่เงียบฉี่ไปไหน (สงสัยจะหนีไปอ่านที่นู่นกันหมด = =) มีน้องหลายคนถามมาว่า "พี่คะ ทำไมไม่เอามาลงที่เล้าบ้าง" อยากบอกว่า ลง 14 ตอนแล้ว แต่น้องไม่เห็นเอง T^T แต่เราก็ยังยืนหยัดมุ่งมั่นที่จะลงต่อไป เพื่อสุขภาพจิตที่ดีของใครอีกหลาย ๆ คน ที่หลงเข้ามาอ่าน ฮ่า ๆ ๆ (ค้ำสะเอวหัวเราะด้วยความสะใจ)  :laugh:

ปล. ยังคงลงภาพไม่ได้ดังเคย เลยลงเมจพระเอกนายเอก และตัวละครเสริมไม่ได้เลย T^T

  :กอด1: รักคนอ่านทุกคนนะคะ จุ๊บ ๆ 



                         
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 02-06-2012 00:19:03
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 02-06-2012 00:50:37
ก็ว่าอยู่ว่าทำไมมิวไม่เอามาลงที่เล้าต่อ...ลืมอย่างนั้นเรอะ :laugh:

เค้าว่าที่ยอดเม้นท์ที่นี่ไม่เยอะ...นี่อาจเป็นว่าไปอ่านแต่ที่เด็กดีรึเปล่า(เพราะที่นั่นมันนำไปหลายตอนแล้ว)

แต่ก็มาลงเรื่อยๆละกันนะ...เราเองก็ตามอ่านทั้งสองที่นั่นแหล่ะ...แล้วก็เม้นท์ให้ทั้งสองที่ด้วย

 :-[อิอิ...น่ารักใช่ไหมล่ะ...เป็นนักอ่านที่ดี

รูปนี่ยังลงไม่ได้เหรอ...ถ้าจะให้ลงให้ก็บอกนะเดี๋ยวช่วยเอามาลง...คนที่เล้าจะได้เห็นอิมเมจที่น่ารักของน้องกาย:impress2:

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: [newZy]CASS ที่ 02-06-2012 01:14:55
 :กอด1:
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 02-06-2012 01:53:57
 :mc4:ดีใจจจังาลงต่อแล้วอะ :mc4: :mc4:

รอมาตั้งนานนึกว่าลืมกันแล้ว :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 02-06-2012 02:59:07
 :L2: :L2: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 02-06-2012 04:11:44
มาลงต่อไวๆนะคับ รออ่านๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-06-2012 11:51:26
รอจ้ารอ รออยู่นะ :z2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 02-06-2012 20:05:20
อ่านแล้วสนุกดี ชอบน่ารักดี อดใจรอวันจันทร์ไม่ไหวต้องมาอ่านต่อให้ทัน

+1+เป็ดให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: cheerfulgirl ที่ 02-06-2012 20:15:55
เพิ่งเห็นว่าเอามาลงเล้าด้วย
><
เค้าเคยเห็นแต่เด็กดี
อยากอ่าน คิสเลิฟซีรีย์2 มอโอม <3
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 02-06-2012 20:25:57
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 02-06-2012 22:27:45
ตามอ่านต่อจ๊ะ หวาวแบบนิ่งๆดีนะเรื่องนี้ พี่เอกเอะอะจูบๆอย่างเดียวเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: ヒナーサクラ ที่ 02-06-2012 22:30:34
ตามอ่านจากเด็กดีมาถึงที่ไทยบอยค่า

รักเรื่องนี้มากมาย :impress2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 02-06-2012 23:38:45


เป็นหมอนข้างเฉยๆใช่ป่าววววว พี่เอก .. :z1: :z1:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: BBSS ที่ 03-06-2012 01:15:21
มารอตอนต่อไป :z1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-06-2012 07:22:51
รอตอนต่อไปจ้า :call: :call:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 03-06-2012 09:00:50
กลับมาแล้ว
ตอนหน้ารอ nc นะจ๊ะเลือดคงหมดตัวแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 03-06-2012 09:24:37
รอตอนหน้าอย่างตั้งใจ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: POrR# ที่ 03-06-2012 10:32:39
จะตามน้องคีสทั้งในนี้และในเด็กดีเลยยยย :)
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: I-Sky ที่ 03-06-2012 20:23:25
ตามมาจากDek-dเลยจ๊าาา

อ่านกี่รอบก็ยังคงน่ารักอยู่เสมอ

พี่เอกกับน้องกาย
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 03-06-2012 22:33:31
 :-[ เขินอิตาพี่เอกสุดหล่อของน้องกายตลอดเวลา  :o8:

~ จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ จูบเบาๆเท่านั้นทำให้ฉันสั่นไปถึงหัวใจ ~ อยากเป็นสแตนอินกาย5555

ดีใจที่หนูเอา คิสสึมาลงเล้า พี่จะได้อ่านแบบเต็มๆซะที อ่านเด็กดีก็นะนิดนึ่งก็แบนละ :seng2ped:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ เรื่องรวมเล่ม รอแจ้งโอนนะคะ สู้ๆ o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 03-06-2012 23:15:34
 :กอด1:รอตอนต่อไปจ้า :call: :call:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 04-06-2012 00:36:02
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากๆเลย รอติดตามจร้า
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 07-06-2012 22:37:21
โอ้มายกอด
ยอดเม้นท์กระฉูด
ดีใจจริงอะไรจริง หึหึ
ว่าแต่...
ขอวิธีเอาภาพลงอีกทีค่ะ เอาภาพไปฝากไว้ที่ photobuket ได้ใช่ไหม หรือถ้าว่างใครจะใจดีลงให้บ้าง T^T อยากเอาลงแบบในเด็กดีเลย (เป็นภาพฟิค T^T) ยกยวง ทีละคน หุหุ ขอบคุณค้าาา

:impress2:Memew 
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 07-06-2012 22:40:38
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 09-06-2012 10:11:15
 Kiss Love ♥ [14] ครั้งแรก
[เอก...☼] Part 2
 

 
 

ลืมตาตื่นอีกที แขนผมก็ยังคงกอดมันอยู่ ผมเหลือบมองนาฬิกา ห้าทุ่มแล้ว คนในอ้อมแขนผมยังคงหลับสนิท ไม่ต้องไปส่งแล้วละมั้ง

แต่ว่า…

แม่มันจะเป็นห่วงไหม ปลุกให้มันโทรไปบอกแม่มันหน่อยดีกว่า มือถือมันก็ทิ้งไว้ที่รถด้วย ผมเขย่าอยู่พักใหญ่ มันถึงได้ตื่น

“นี่ ดึกแล้วนอนค้างที่นี่แหละ แต่โทรบอกแม่นายหน่อยดีกว่า”

มันสะลึมสะลือ มองหาเครื่องมือสื่อสาร ผมหันไปหยิบโทรศัพท์มายื่นให้ มันรับไปกดโทรออก สักพักปลายสายก็รับ มันพูดทักแม่ด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

“ครับ อ้าวเหรอ กลับวันไหน อ้อ ๆ ไม่เป็นไร ผมดูแลตัวเองได้ ครับ ๆ โชคดี รักแม่นะ”
มันกดวางสายแล้วหันมาบอก

“แม่โทรเข้าเครื่องตั้งแต่เย็น แต่ไม่มีคนรับสายเลยทิ้งโน้ตไว้ แกแอบหนีไปเที่ยวเชียงใหม่อีกแล้ว กลับอาทิตย์หน้า”
มันพูดเรียบ ๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ

“นี่นายอยู่บ้านคนเดียวบ่อย ๆ เหรอ”

มันพยักหน้า

“แม่ผมชอบหนีเที่ยวเพื่อหาไอเดียในการเขียนนิยายประจำ บางทีก็คีบผมไปด้วย บางทีก็ไปคนเดียว แต่งวดนี้คิดว่าแกคงอยากไปคนเดียว”
มันพูดเรียบ ๆ ก้าวลงจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไป สักพักก็เดินหาวหวอดออกมา มันทิ้งตัวลงนอน ผมคว้ามันมากอด มันไม่ว่าอะไร คงจะวางใจว่าปลอดภัย

ผมหันไปปิดไฟ กำลังจะหลับตา แต่คนในอ้อมแขนขยับตัวทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้

“ลืมโทรหาไอ้เต้ย!”
มันรีบดันตัวหวังจะลุก แต่ผมกอดอยู่มันเลยลุกไม่ได้

“พี่เอกปล่อยก่อน ผมจะโทรหาเต้ย”

ผมพยักหน้า หันไปเปิดไฟแล้วหยิบโทรศัพท์มายื่นให้ มันรีบรับไปกดยิก ๆ ผมเคลื่อนตัวขึ้นนั่งกึ่งนอน ลากตัวมันมานั่งในท่าเดียวกัน ดันหน้าอกมันเบา ๆ ให้หลังมันแนบกับอกผม แล้วใช้สองแขนโอบรอบเอวมันไว้อีกที 

ผมชักชอบที่จะกอดมันซะแล้วสิ ให้ความรู้สึกดีพิลึก

“ไอ้เต้ย นี่กูเอง”

“ไอ้เชี่ยกาย!! มึงหายหัวไปไหนมา กูโทรหามึงตั้งหลายรอบ มึงรู้ไหมว่ากูเป็นห่วง โทรเข้าบ้านก็ไม่ติด ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมา!!”

ดึกขนาดนี้ แต่พลังเสียงไอ้เต้ยมันยังดีอยู่เลย

“คือ กูมานอนค้างบ้านเพื่อนน่ะ”

“ใคร!?”
ได้ยินเสียงไอ้เต้ยเล็ดลอดออกมาเบา ๆ มันทำท่าอึกอักในอ้อมกอดผม

“ก็เพื่อน...”
มันอ้อมแอ้มบอก

“นอกจากกูแล้ว มีใครที่มึงยอมคบเป็นเพื่อนอีก บอกมาว่าใคร”

ไอ้ตัวเล็กเหลือบตามองผมนิดหนึ่ง ก่อนตอบเสียงเบา
           
“พี่เอก”

ปลายสายเงียบไป มันก็เงียบ ผมกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นไปอีก

“พอดีกูเปียกฝน พี่เขาเลยพามาเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ฝนไม่หยุดสักทีกูก็เลย...ค้าง”
มันบอกเพื่อนมันอีกที หลังจากนั้น ผมก็ไม่ได้ยินว่าพวกมันคุยอะไรกันแล้ว สงสัยฝั่งโน้นจะเบาเสียงลง

“อือ… พรุ่งนี้กูว่าง เดี๋ยวกูไปหา”

ผมได้กลิ่นแชมพูจากเส้นผมมันจาง ๆ ผมก้มดมนิดหนึ่ง

“มึงก็ใจเย็นนะเต้ย ไม่มีอะไรหรอก ให้เวลาพี่เขาหน่อย พี่เขาคงติดธุระ”
มันพูดปลอบใจอะไรสักอย่างกับเพื่อนมัน ผมไม่ได้สนใจฟัง กำลังเพลิดเพลินกับกลิ่นแชมพูมันอยู่

“อื้อ ๆ”
มันรับปากอะไรสักอย่าง ผมเลื่อนจากสูดดมมาเป็นจูบผมมันเบา ๆ เลื่อนลงไปที่หู มันหัวหด หันมาปรามด้วยสายตา

“เอาน่า ไอ้เด็กติดพี่ มึงก็หัดโตได้แล้ว ทำตัวเป็นเด็กไปได้”
มันด่าเพื่อนมัน ให้เดาคงเป็นเรื่องของไอ้เป้กับไอ้เต้ยแน่ ๆ มันเอียงหน้าหนีปากผม ผมเลยเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ไปเป็นจูบเบา ๆ ที่แก้มมันแทน

“อื้อ อันนั้นกูทำแล้ว มึงอยากลอกก็ลอก...เอ้อได้”
มันพูดพร้อมเอียงหน้าหนีปากที่กำลังระรานของผม ผมเลื่อนมือขึ้นจับคางมัน ล็อคเบา ๆ แล้วจูบซับต้นคอมันที มันสะดุ้งเฮือกเลย

“อื้อ ได้ เต้ยมันดึกแล้วนะ กูว่าเรานอนกันก่อนดีกว่า กูไม่อยากกวนพี่เอกเขา”

“…”

“อื้อ ก็กลัวอยู่”
มันพูดอะไรสักอย่าง ผมไม่ได้สนใจ เป้าหมายของผมคือซอกคอหอม ๆ ของมัน มันรีบกดวางโทรศัพท์แล้วขยับตัวหนี

“นอนกันเถอะ”
มันพยายามดันตัวลุก แต่ผมรัดมันแน่น ซุกปากไว้ที่ซอกคอ

“พี่เอก!!”

“พี่เอก!!”
มันพยายามดันแขนผมออก แต่ผมยังยึดจับแน่น ผมเลื่อนมือผ่านสาบเสื้อเข้าไปภายใน ผิวมันเนียนกว่าที่คิดซะอีก

“พะ พี่เอก”
เสียงอึกอักของมันกระตุกอารมณ์ผมวูบ ปากที่ซุกซอกคอเบา ๆ เริ่มรุกหนักขึ้น มันยังพยายามดิ้น แต่ไม่กล้าผลักแรง ๆ สงสัยจะเกรงใจ ผมยิ่งได้ใจลูบแผงอกมันมากขึ้น มันสะดุ้งจับมือข้างที่กำลังระรานร่างกายมันแน่น ทำท่าจะลุกหนี ผมรีบจับมันพลิกลงไปนอนอยู่ที่พื้น แล้วตัวเองก็ขึ้นมาคร่อมมันไว้แทน
 
“พี่เอก”
 
ผมก้มจูบปากมัน ปิดเสียงห้ามเอาไว้ ลิ้นผมรุกล้ำไปทั่วทั้งโพรงปาก ปากมันหวานใช้ได้ครับ นุ่มด้วย ได้ยินเสียงประท้วงในคอมันหน่อย ๆ
 
ผมละริมฝีปากออกมาซุกซอกคอ มือหนึ่งรั้งเสื้อมันสูงพร้อมลูบไล้ไปมา ส่วนอีกมือก็บีบสะโพกมันเบา ๆ มันสะดุ้งกระเถิบตัวถอยหนี
 
มันเป็นผู้ชาย เจอผู้ชายด้วยกันทำแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องที่ยอมกันง่าย ๆ แต่ตอนนี้อารมณ์ผมขึ้นแล้ว มันยากจะหยุดด้วย ซอกคอหอม ๆ ผิวเนื้อเนียน ๆ ผมลูบมือไปทั่ว ก่อนสะกิดหัวนมมันเบา ๆ มันสะดุ้งเฮือก
 
อ่อนไหวไม่เบาแฮะ
 
มันบีบต้นแขนผมแน่น ยังพยายามดันตัวผมออกอยู่ แต่ผมตัวใหญ่กว่า คนออกกำลังกายน้อยอย่างมันเลยขยับร่างกายหนัก ๆ ของผมไม่ได้ ผมร่นเสื้อมันพ้นช่วงอก ก่อนผละปล่อยริมฝีปากมากัดยอดอกเม็ดเล็กมันเบา ๆ
 
“พี่เอก อ๊ะ อย่า”
 
มาห้ามกันด้วยน้ำเสียงแบบนี้ มันฟังเหมือนยั่วมากกว่า แทนที่ผมจะหยุดกลับตวัดปลายลิ้นใส่ยอดอกมันมากขึ้น ผู้ชายก็มีจุดอ่อนตรงนี้เหมือนกัน มันทั้งผลักทั้งบีบทั้งดันหัวไหล่กับต้นแขนผมไว้
 
คงกำลังสับสนกับความรู้สึกตัวเองอยู่
 
ส่วนกลางลำตัวผมคับพองกางเกงนอนจนดันต้นขามัน มันทำหน้าตื่น ผลักผมแรงขึ้น
 
“พี่เอกหย…”
 
ผมรีบอุดปากหยุดเสียงห้ามมันไว้ มันครางประท้วง ผมรีบตวัดปลายลิ้นให้มันเพลิดเพลิน พอ ๆ กับปรนเปรอช่วงบนมันที่หน้าอก กับช่วงล่างที่ต้นขามัน จากเสียงห้าม ผมได้ยินเสียงครางออกมาเบา ๆ พาเอาน้องผมขยับเพิ่มขนาดมากขึ้นไปอีก ผมเริ่มรุกมันมากขึ้นเรื่อย ๆ
 
ลมหายใจผมเปลี่ยนจังหวะ แรงกดจูบก็ร้อนแรงตามไปด้วย ผมละริมฝีปากมาไซ้ที่ซอกคอมัน มือไม้ก็ฟ้อนเฟ้นไปทั่ว จุดไหนที่ผู้ชายน่าจะชอบ ผมจัดการเรียบ มือไม้มันเริ่มอ่อนแรง แต่เสียงครางกลับหนักขึ้นเรื่อย ๆ
 
ผมถอดเสื้อมันออก ผมชอบสายตาเวลาที่มันมองผม มันปรอย ๆ เยิ้ม ๆ ดี ผมรีบก้มสำรวจร่างกายท่อนบนของมัน กลิ่นสบู่ยังฟุ้งอยู่ที่ผิวเนื้อ พอ ๆ กับกลิ่นแชมพูที่เส้นผม ผมไล่ดมไปทั่ว สลับกับดูดเม้มและขบกัดเบา ๆ
 
ผมลงลิ้นกับสะดือมัน มันแอ่นหน้าท้องตอบรับ มือที่ผลัก ๆ อยู่ ก็เปลี่ยนมาเป็นขยุ้มหัวผมทันที
 
“พี่เอก พอ...”
มันครางห้าม แต่เสียงเร้าใจเป็นบ้า ผมจับกางเกงบอลมันรูดทีเดียวออกจากตัว
 
อื้อหือ…
 
มันดูแลร่างกายได้สะอาดสะอ้านดี ขนเขินไม่มีสักเส้น ผมชอบละนะ สะอาดดี ผมเลื่อนหน้าขึ้นไปกดจูบมัน ส่วนมือก็กุมส่วนกลางของมันไว้ มันบีบต้นแขนผมแน่น แถมยังครางมากขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก   
 
อืมม…เสียงดีเป็นบ้า
 
ผมถอนปากลงมาซุกซอกคอมันอีกรอบเลื้อยต่ำลงมายังยอดอดเม็ดเล็ก มืออีกข้างยังปรนเปรออยู่ที่ส่วนกลางของมัน มันคงเสียว เท้ามันจิกพื้น มือไม้หาที่ลงแทบไม่ถูก ไม่รู้มันเสียวส่วนไหนมากกว่ากัน หน้าอกหรือส่วนล่าง
 
ผมเอื้อมมืออีกข้างไปเปิดลิ้นชักหยิบเจลหล่อลื่นมาเทใส่มือ ในขณะที่ปากก็กดจูบมันไม่หยุด ดึงความสนใจมันไว้
 
ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผม เพราะผมเคยประตูหลังมาก่อน แต่กับผู้หญิงนะ ผู้หญิงบางคนชอบ แต่สำหรับผู้ชายสด ๆ อย่างกายคงต้องเบิกทางเยอะ ๆ หน่อย
 
ผมชโลมนิ้วตัวเองจนชุ่ม ค่อย ๆ กดนิ้วกลางผ่านช่องทางคับแคบเข้าไปภายใน มันสะดุ้ง พยายามกระเถิบตัวถอยหนี แต่ผมเคลื่อนนิ้วเข้าออกเบา ๆ ผสมแช่ไว้ จากนิ้วแรกเพิ่มเป็นสองนิ้ว มันเบ้หน้าทำท่าอึดอัด
 
“พะ พอพี่เอก เจ็บ”
มันครางบอกเสียงสั่น แต่ผมไม่หยุด ผมรู้ว่าครั้งแรกมันต้องเจ็บสุด ๆ แต่ผมทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ผมเพิ่มนิ้วเป็นสามนิ้ว มันหยุดดิ้นเกร็งตัวไว้ผสมหอบหายใจถี่ ๆ


“อดทนหน่อยนะ”
ผมกระซิบบอก ไม่รู้มันฟังหรือเปล่า เพราะตัวมันยังเกร็งเหมือนเดิม ผมเล็มยอดอกผสมชักนิ้วเข้าออกภายใน สะกิดจุดกระสันอีกนิดหน่อย ร่างที่เกร็งอยู่กระตุกวาบ ผมรีบกดย้ำ ๆ อยู่ตรงจุดนั้น มันแหงนหน้า ส่ายเอวเบา ๆ งอขาจิกเท้าเหมือนคนกำลังทรมาน
 
ผมดันตัวขึ้น ถอดเสื้อออกทีเดียวพร้อมทึ้งกางเกงนอนออกไม่ต่าง ยิ่งผมสอดนิ้วลงลึกเท่าไหร่ ขามันยิ่งอ้าออกกว้างมากขึ้นเท่านั้น มันบีบต้นแขนผมแน่น
 
“อย่าเกร็งนะ”
ผมกระซิบบอก มันหลับตาพยายามผ่อนลมหายใจเบา ๆ น้องผมขยายจนปวดไปหมด ผมถอนนิ้วออก มันถอนหายใจโล่งอกก่อนสะดุ้งอีกทีเมื่อผมจ่อปลายปืนไว้ปากทางเข้า
 
“ผ่อนคลาย”
ผมพยายามโน้มน้าวมัน แต่ดูเหมือนมันจะไม่ยอมทำตาม มันหายใจเข้าออกหนัก ๆ แสดงสีหน้าเจ็บปวดตอนที่ร่างของผมค่อย ๆ เข้าไปภายใน
 
“เจ็บ!! หยุดพี่เอก!!”
มันตีหน้าอกผมปั๊ก ๆ สลับกับดันตัวดันไหล่ผมออกใหญ่
 
“อดทนอีกนิด นะคนดี”
ผมรีบปลอบ ค่อย ๆ ดันร่างตัวเองเข้าช้า ๆ มันทำท่าจะอ้าปากท้วง ผมรีบอุดปากมันไว้ตวัดปลายลิ้นปรนเปรอเบี่ยงเบนความสนใจ แต่มันยังพยายามครางห้ามอยู่ในลำคอ
 
เจลหล่อลื่นช่วยได้เยอะ แม้จะคับแต่ผมก็ไถลเข้าไปจนสุด น้องผมถูกความคับแน่นของมันรัดจนเจ็บไปหมด มันแยกขาออกกว้าง สองมือกำแขนผมแน่น นอนหอบหายใจถี่ กัดฟันเอียงหน้าหลับตาแน่น
 
…เป็นภาพที่ดูดีไม่หยอกสำหรับผมแฮะ
 
ผมถอนเนื้อร้อนออกช้า ๆ แล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ในจังหวะเนิบ ๆ มันร้องออกมาเหมือนคนเจ็บปวด ผมรีบเร่งจังหวะเพื่อให้มันเพลิดเพลิน
 
…และมันก็ได้ผล
 
ช่องทางคับแคบเริ่มคลายตัวรับสิ่งแปลกปลอมเข้าไป ผมจับสองขามันพาดแขนไว้ แล้วกระแทกกระทั่นท่อนล่างเข้าไปแรง ๆ
 
ผมหยุดอารมณ์ตัวเองไม่ได้แล้วตอนนี้ ผมเร่งจังหวะถี่ยิบ ซอยสะโพกเข้าออกเร็ว ๆ
 
มันครางเสียงดัง
 
อื้อ…
ยิ่งครางผมยิ่งสติหลุด
 
“กาย…”
ผมเรียกมันเสียงต่ำ มันเชิดหน้า อ้าปากครางไร้คีย์ อยากก้มจูบนะ แต่กลัวจะเสียจังหวะ เพราะงั้นจึงเร่งทำด้านล่างไปอย่างเดียว
 
เพราะช่องทางยังสดใหม่ ความอดทนของผมถึงอยู่ได้ไม่นาน ผมเร่งจังหวะให้สะโพก พอ ๆ กับจับส่วนกลางมันไว้เพื่อไปให้ถึงปลายทาง มันกระตุกเกร็งเหมือนจะปล่อย ผมรีบปล่อยมือแล้วใส่จังหวะให้สะโพกแทน
 
ครั้งแรกถือว่าผ่านไปด้วยดีละนะ ผมกับมันเกือบไปถึงปลายทางพร้อมกัน เหลื่อมล้ำกันนิดหน่อย ตรงที่ผมไปก่อนมัน
 
ผมขยับสะโพกสองสามที รีดน้ำในตัวใส่ร่างกายของคนที่นอนอยู่
 
ผมหอบ มันก็หอบ
 
เราต่างคนต่างหอบหนักด้วยกันทั้งคู่

 

To be con…

เอ็นซีแรก เป็นไงคะ ผ่านไหม = = เหอ ๆ สู้ ๆ คับท่าน ขอให้หนุกหนานกันทุกคน ^^


ประกาศ!!!
อย่างเป็นทางการนะคะ นิยายเรื่องนี้เปิดจองพร้อมโอนแล้วเรียบร้อย หากต้องการไว้ในครอบครองก็ส่งใบจองมาได้ตามนี้เลยฮับ ^^

...ใบจอง Kiss Love.....
ชื่อ :
เบอร์ติดต่อ :
อีเมล :
ชื่อที่อยู่ให้จัดส่งหนังสือ: 
ส่งใบจองมาที่ Memew28(แอท)yahoo.com
แฟนเพจ facebook.com/memew28
ทวิตเตอร์ @memew28

รายละเอียดหนังสือ
จำนวนหน้า : ยังไม่ได้บทสรุป เพราะยังรีไรท์ไม่เสร็จดี
ราคา : 1500 บาท (อาจถูกกว่านี้)
กำหนดการ : หนังสือน่าจะเสร็จสิ้นก่อนเดือนกันยา (นานนิด เพราะมันยาว = = )

สงสัยอะไร สอบถามได้ทุกเส้นทางคร้าบบบบ  :m1:

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 09-06-2012 10:23:30
กายเสร็จพี่เอกจนได้ :z1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 09-06-2012 12:11:55


อยากรู้ความรู้สึกของกายมั่งอ่ะ .. :o8: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 09-06-2012 12:26:43
 :z1:ในที่สุด :pighaun:เลือดจะหมดตัวแย้วอะ :o8:


 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: o-ter01 ที่ 09-06-2012 13:07:29
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 09-06-2012 13:16:16
สุดท้ายก็ไม่รอดดดดดด :z1:

เป็นกำลังใจคู่น้องเต้ยพี่เป้ :L2:

 :call:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: RainyMooD ที่ 09-06-2012 19:07:50
 :-[ :o8:ในที่สุดนู๋กายก้โดนจนได้ :z1: :m25:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 09-06-2012 19:43:53
 :z1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: RUMINA ที่ 09-06-2012 20:53:54
กรี๊ดดดดดดดด//เปิดมาเจอเลือดกำเดาพุ่ง
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: BBSS ที่ 09-06-2012 22:01:25
 :pighaun: :pighaun: กายหนอกาย เสร็จพี่เอกจนได้ เอิ้กๆๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 09-06-2012 22:39:13
ไม่รอดจนได้ นะน้องกาย

อนึ่งมีเซ็กส์ทุกครั้งควรใส่ถุยางอนามัยด้วยนะจ๊ะเด็กๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-06-2012 23:34:18
รอจ้ารอ คิดถึงนะ รีบๆทำงานเข้านะ :impress2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 09-06-2012 23:44:51
เรียบร้อยโรงเรียนจีน
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Phyguppy ที่ 10-06-2012 08:55:49
สนุกมากๆคราฟ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Phyguppy ที่ 10-06-2012 08:58:05
สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 10-06-2012 09:07:59
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: topphy ที่ 10-06-2012 22:24:00
 :haun4: พี่เอกหื่นอ่ะ

แต่มีอะไรกันทั้งที่ไม่เป็นอะไรกันแบบนี้ชักเป็นห่วงความรู้สึกน้องกายแล้วสิ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: zylph_z ที่ 11-06-2012 01:32:01
เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรก นั่งอ่านแล้วชอบมากๆ เล่าเรื่องได้ไหลลื่นดีสุดๆ
น้องกายเสียจิ้นให้เอกแล้วอ่ะ จะทำไงต่อไปเนี่ย
เอกได้น้องกายแล้วห้ามทิ้งนะ ไม่งั้นตายแน่!!!
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 11-06-2012 12:25:07
 :o8: แบบนี้ที่อ่านซ้ำ ไม่เม้มไม่ตัด ไม่มีตัวแดง o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 11-06-2012 15:23:52
อ่านน้องคีสทั้งในเล้าและเด็กดีเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 11-06-2012 18:22:16
กายเสร็จเอกจนได้
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: lekkatid ที่ 29-06-2012 11:49:56
 :call:อ่านฝั่งเด็กดีมาก่อนแล้วแต่ไม่ได้เป็นสมาชิก จึงมาแสดงความชี่นชอบที่ฝั่งเล้าอ่านถึงตอนปัจจุบันล่าสุดฝั่งเด็กดีแล้วก็อยากทุบหัวพี่เอกจริงๆชอบน้องกายมากๆแต่รู้สึกถึงความเห็นแก่ได้ของพี่เอก คนที่ไม่ได้ช่ำชองเหมือนพี่เอกเช่นน้องกายดูการแสดงออกได้ไม่ยากเพราะน้องไม่มีจริตพี่เอกก็ไม่น่าใช่คนโง่ที่จะกินหญ้าป็นอาหาร  ตัวเองก็บอกชอบน้องไปซะแล้วก็ไม่ควรทำอย่างที่แล้วมาคือใครเข้าหาก็คว้ามากิน อาหารบางอย่างมีประโยชน์แต่อาหารบางอย่างมีโทษควรเลือกกินด้วย :fire:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: [newZy]CASS ที่ 29-06-2012 12:15:56
 :z1:
 :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 30-06-2012 14:32:45
ชอบมากค่ะ เป็นครั้งแรกที่เริ่ดมาก กรี๊ดดดด o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 14 : ครั้งแรก [เอก...☼] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ99 ที่ 30-06-2012 14:35:20
อัยย่ะ  เจ็มิวมาลงที่นี้ด้วยหรอฮับ
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 02-07-2012 19:46:48
 Kiss Love ♥ [15] ระบมครับ
[กาย...♥] Part 1 NC18+






ผมหอบหายใจแรง โดยมีบางส่วนของพี่เอกเชื่อมอยู่ภายใน ผมปรือตามอง ดวงตาคมยังคงซับไปด้วยเปลวเพลิงแห่งอารมณ์ ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
 
นี่กูเป็นเมียพี่เอกเต็มขั้นแล้วใช่ไหม
 
ใช่ไม่ใช่ไม่รู้
 
แต่ตอนนี้ ส่วนนั้นของพี่เอกยังอยู่ในตัวผม ลูกนับล้านของพี่เอกหลั่งไหลวิ่งวนอยู่ในช่องทางคับแคบของผม ถ้าเป็นผู้หญิง มันคงวิ่งวนหารังไข่ แต่ผมเป็นผู้ชาย มันคงวิ่งวนไปชนได้แค่ลำไส้ใหญ่เท่านั้นแหละ
 
ผมหอบหนัก พี่เอกกดจูบลงมาอีกครั้งทั้งที่ภายในยังเชื่อมกันอยู่
 
“พอ…”
ผมครางห้ามเสียงพร่า พี่เอกไม่ตอบ แต่ขยับท่อนล่างเบา ๆ ผมผวากางขาออกกว้างอัตโนมัติ
 
“คงไม่มั้ง”
พี่แกพูดเสียงเนิบ ๆ ผมปรือตามองดวงตาคมเคลือบความเจ้าเล่ห์
 
มึงนี่ ทำหน้าหื่นได้น่ากลัวมาก
 
“พอ ผมเจ็บ”
 
ผมพยายามอ้อนวอนอีกที
 
“ทำเยอะ ๆ จะได้หายเจ็บเร็ว ๆ ไง”
 
ความคิดมึงนี่ เห็นแก่ตัวมากเลยเหอะ ลองมาเป็นกูดูไหม
 
พี่มันไม่พูดเปล่า ยังดึงส่วนเชื่อมออกช้า ๆ แล้วใส่กลับเข้าไปใหม่เบา ๆ ผมเชิดหน้าอัตโนมัติรับความเสียวซ่าน
“อืม กายร้อนมากเลย”
 
นี่คือคำชมจากมึงใช่ไหม
 
“พอ…”
ผมพยายามห้ามพี่เอกอีกที แต่ผลที่ได้คือบางส่วนที่เคลื่อนที่เข้ามาจนสุด แล้วถอนออกใหม่จนเกือบหลุดอยู่อย่างนั้น สองมือผมกำผืนที่นอนแน่น 
 
พอห้ามไม่ได้ ก็ครางอย่างเดียวแล้วละครับงานนี้
 


 

ครั้งแรกกู มึงล่อไปตั้งสี่รอบ

ไอ้ห่า ขอด่าหน่อยเหอะ

ผมสะลึมสะลือตื่นอีกทีตอนเกือบเที่ยง เปิดเปลือกตาขึ้นก็เห็นพี่เอกยืนเปลือยท่อนบนคุยโทรศัพท์อยู่กับใครสักคนข้างเตียง

 
“โทษทีนะ เพื่อนเราคงไปไม่ได้แล้วล่ะ”
ได้ยินพี่มันพูด แล้วก็หัวเราะแก้เก้ออะไรสักอย่าง

“ก็นิดหน่อย”
พี่เอกพูดอะไรต่อแล้วกดวางสายไป ผมตื่นเต็มตาแล้ว แต่มันร้าวไปทั่วทั้งตัวจนขยับลุกไม่ได้ พี่เอกหันมามอง

“รู้สึกตัวแล้วเหรอ กินข้าวก่อนนะ จะได้กินยา”
พี่มันบอกก่อนเดินไปหยิบชามโจ๊กในครัวมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ
 
นี่มึง กูยังไม่ทันได้แปรงฟันเลย มึงจะยัดข้าวเข้าปากกูแล้วเหรอ 

อยากด่าครับ แต่ไม่มีแรง มันทั้งปวดทั้งเมื่อยไปทั้งตัว รู้สึกเหมือนเป็นไข้ด้วย พี่มันวางชามโจ๊กไว้บนโต๊ะตั้งโคมไฟ แล้วหันมาพยุงผมลุกขึ้นนั่งเอนหลังพิงหมอนที่พี่มันจับเรียง ๆ กันไว้เป็นชั้น ๆ แล้วหันไปหยิบโจ๊กมาป้อนอีกที

เบลอครับ ประมวลผลอะไรไม่ค่อยทัน ผมทำได้แค่อ้าปากรับโจ๊กในช้อน เคี้ยว ๆ กลืน ไม่นานก็หมด

บอกตามตรง หิวมาก ไม่รู้ว่าเวลาที่คนอื่นป่วยจะเป็นเหมือนผมรึเปล่า เวลาผมป่วย ผมจะหิวและกินเยอะมาก นอนเยอะด้วย แต่ผลที่ได้คือร่างกายค่อนข้างฟื้นตัวเร็วกว่าคนอื่น

พี่เอกหันไปหยิบยามายื่นให้สี่เม็ด แก้ปวดสองอีกสองเป็นแก้อักเสบ ผมรับเข้าปากทันที

“นอนไปนะ”
พี่มันดึงหมอนออกแล้วจับผมให้นอนลงไปอีกที อยากพูดขอบคุณอยู่หรอก แต่เพลีย ง่วง เบลอ เจ็บคอด้วย ไม่รู้เพราะพิษไข้ หรือเพราะเมื่อคืนผมครางเยอะไป

พี่มันล่อผมซะหนัก

ใจจริงพี่เอกอยากต่อรอบห้า แต่สภาพผมคงร่อแร่เต็มที พี่มันเลยหยุด

กูเข้าใจแล้ว ว่าทำไมมึงถึงเป็นเพื่อนกับพวกไอ้พี่มอมันได้ กูเห็นมึงนิ่ง ๆ ที่แท้ก็พวกหื่นเก็บนี่เอง

ผมหลับไปอีกครั้ง ตื่นขึ้นมาอีกทีก็บ่ายสามกว่าแล้ว ดีนะที่แม่ไม่อยู่ ไม่งั้นเรื่องใหญ่แน่ ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ปวดแปลบแต่พอทนได้ ผมก้มมองตัวเอง ตอนนี้มีเสื้อผ้าครบ แถมยังไม่รู้สึกเหนียวตัวด้วย

อย่าบอกนะว่าพี่เอกเป็นคนเช็ดตัวให้

“ตื่นแล้วเหรอ”
พี่เอกเปิดประตูเข้ามาพอดี ในมือถือข้าวของมากมาย ดูจากโลโก้ข้างถุงแล้ว คงเป็นห้างที่อยู่ใกล้ ๆ แถวนี้ 

“พี่ซื้อชุดมาให้ใหม่กับของใช้บางอย่าง”

ผมขมวดคิ้วงุนงง ซื้อมาทำไม

“พักที่นี่ไปก่อน จนกว่าจะหายดี หรือไม่ก็จนกว่าแม่นายจะกลับ”

“ไม่เป็นไร ผมกลับไปพักที่บ้านก็ได้”
ผมบอกเสียงพร่า พี่เอกเดินเข้ามาใกล้ อังหลังมือบนหน้าผากเบา ๆ

“หิวรึยัง พี่สั่งข้าวหมูแดงเจ้าอร่อยแถวนี้มาให้กินด้วย”

ผมขมวดคิ้วกับคนที่เฉไฉไม่สนเรื่องที่ผมปฏิเสธเมื่อกี้ อยากจะค้านต่อ แต่สงสารสังขารตัวเองครับ พักไปก่อนดีกว่า หายแล้วค่อยว่ากันอีกที

ท้องผมมันร้องหาอาหารอีกแล้ว พี่เอกเดินไปจัดข้าวหมูแดงมาให้ อร่อยจริง ๆ นั่นแหละ ถ้าเลียจานได้ผมเลียไปแล้ว ไม่รู้เป็นเพราะหิวหรือเพราะของเขาอร่อยจริง ๆ

พี่เอกยื่นยามาให้หกเม็ด สี่เม็ดแรกผมรู้จัก แต่อีกสองเม็ดผมไม่รู้ ผมก้มมองยาสองเม็ดสีแปลกตาในมือ

พี่เอกยิ้ม “เป็นยาบำรุงน่ะ จะได้หายเร็ว ๆ”

ผมว่า…

ผมได้กลิ่นอะไรไหม้ ๆ ลอยมาจากหน้าผมนะ ผมไม่พูดอะไร ก้มหน้ายัดยาเข้าปากอย่างเดียว ไม่กล้าสบตาพี่มันครับ รู้สึกกระดากยังไงบอกไม่ถูก

ผมยังพอลุกไหว เลยลุกไปอาบน้ำด้วยตัวเอง พี่เอกมีสีหน้าเป็นห่วงตอนเห็นผมทำท่าจะล้มตอนยืนครั้งแรก

ความผิดมึงนั่นแหละ ไม่โหมกูหนักตั้งแต่ครั้งแรก กูคงไม่มานอนให้ไข้กินขนาดนี้หรอก

 

 ไม่นานผมก็ออกมาจากห้องน้ำ โดยมีพี่เอก ยืนรออยู่หน้าห้องด้วยความเป็นห่วง ผมพยายามเดินเนียน ๆ เหมือนคนไม่เจ็บ ไม่อยากให้พี่แกเป็นห่วงมาก เป็นผู้ชายต้องอดทนและเข้มแข็งเข้าไว้

ผมมองตัวเองในกระจก ตอนนี้ผมยืนอยู่ในเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสามส่วนสีเดียวกัน ที่สำคัญ ไซส์พอดีเด๊ะ ผมหันไปมองคนซื้อ

นี่พี่เอกวัดจากเสื้อผ้าที่ผมใส่มาหรือวัดจากอะไรกันแน่

ไม่คิดจะถามอยู่แล้ว

“พี่โทรเลื่อนนัดเต้ยให้แล้ว” พี่แกรายงาน ผมเพียงพยักหน้ารับ พี่เอกยืนเกาหัวเหมือนไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ผมก็ทำหน้าอึดอัดไม่ต่าง

เรื่องที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าจะโทษว่าเป็นความผิดของใครดี

ของเขาที่ปล้ำผม หรือของผมที่ไม่ขัดขืนจริงจัง

และผมก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน มันเกิดจากอะไร

หัวใจหรือแค่ร่างกาย

“เอ่อ..พี่เช่าหนังมาด้วย ถ้ายังไม่อยากนอนต่อ ดูหนังไปก่อนก็ได้นะ”
พี่เอกชวนคุยตัดความเงียบ ผมพยักหน้า เดินเจ็บ ๆ ไปนั่งรอบนโซฟา พี่แกเดินไปหยิบแผ่นซีดีในถุง นำไปเปิด สักพักก็เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ

หนังมันสนุกก็จริง แต่เปลือกตาผมกลับหนักลงเรื่อย ๆ สงสัยเป็นเพราะยาลดไข้ ผมพยายามฝืนดูหนังตรงหน้า แต่เสียงที่ได้ยินเริ่มแปร่งพร่ากลายเป็นเสียงเหมือนมนุษย์ต่างด้าวพูดคุยกัน

แล้วสติผมก็ค่อย ๆ จางหายไป

 

 

รู้ตัวอีกทีผมก็มานอนตะแคงข้างอยู่บนเตียงขาวอันเดิม โดยมีใครบางคนนอนตะแคงข้างโอบกอดผมไว้ทั้งตัว แสงสว่างจากภายนอกเจิดจ้าเข้ามา ผมพยายามเพ่งมอง

ให้เดา นี่คงเป็นเช้าวันอาทิตย์แล้วละสิ นี่ผมสูญเสียวันเสาร์ไปกับการนอนเต็ม ๆ เลยเหรอเนี่ย

พอผมขยับตัว คนที่กอดผมอยู่ก็ขยับตัวตาม

“อืม…ตื่นแล้วเหรอ”
พี่มันสะลึมสะลือถาม ผมไม่ได้ตอบ แต่ขยับตัวให้รู้ว่าผมต้องการลุก พี่เอกคลายมือออก

ไม่รู้ว่าเพราะนอนเยอะ หรือได้ยาดี ยังเจ็บอยู่ แต่โดยรวมแล้วถือว่าดีขึ้นเยอะ ผมลุกไปอาบน้ำ ยังใส่ชุดเดิมอยู่ ออกมาก็เห็นพี่เอก ยืนถือกระทะทอดฮอทด็อกอยู่ในครัว ผมเดินเข้าไปใกล้ พี่แกหันมามอง

“เอ่อ…ยังเจ็บอยู่ไหม”
พี่มันอ้อมแอ้มถาม ผมไม่ตอบเพียงพยักหน้าเบา ๆ ตอบรับ

กูอายนะเว้ยเฮ้ย ทำเป็นลืม ๆ ไปก็ได้

“ชอบไข่ดาวแบบสุก ๆ หรือกึ่งสุกกึ่งดิบ”
 พี่มันถามต่อ

“กึ่งสุกกึ่งดิบ”

พี่เอกพยักหน้า ตักฮอทด็อกสิบกว่าชิ้นฟู ๆ ใส่จานใบเก๋ แล้วหันไปหยิบไข่มาสองฟองตอกลงไปในกระทะพร้อมกัน ผมยืนมองด้วยความทึ่ง

“ไม่ยักกะรู้ว่าพี่ก็ทำกับข้าวเป็น”

“อยู่คนเดียว ต้องหัดทำกินเองบ้าง สั่งกินตลอดก็ไม่ไหว เปลือง”

“รวยแล้วยังงกอีก”
ผมแขวะ พี่มันหันมายิ้มรับ

นี่ตกลง มึงเป็นพวกงกจริง ๆ ใช่ไหม

“เก็บเงินเอาไว้ให้เมียใช้ไง”

ผมทำหน้าอึกอัก

มึงไม่ได้หมายถึงกูใช่ไหม

กูไม่ใช่ผู้หญิง แล้วกูก็ไม่ใช่แฟนมึง ก็แค่ใครบางคนที่เผลอมานอนกับมึงเท่านั้นเอง

ผมไม่สนใจที่จะโต้ตอบอะไร ผมยืนมองพี่เอกทอดไข่ดาว เสียงไข่ในน้ำมันดังซู่ซ่าแข่งกับเสียงท้องร้องของผมจ๊อก ๆ แปดโมงกว่าแล้ว ปกติแม่มักทำอาหารให้ผมกินตอนเจ็ดโมงไม่เกินเจ็ดโมงครึ่ง แปดโมงถือว่าเลยเวลากินมาเยอะ พี่เอกตักไข่สองฟองแรกใส่จาน แล้วตอกอีกสองฟองลงไป

ผมกวาดมองไปทั่วโต๊ะอาหาร มีฮอทด็อกสิบกว่าชิ้นในจาน ไข่ดาวกึ่งสุกสองฟองอีกสองยังอยู่ในกระทะ นมกล่องใหญ่หนึ่งกล่องพร้อมแก้วเปล่าอีกสองใบ ขนมปังโฮลวีทอีกครึ่งแถว แยมสตอเบอรี่หนึ่งกระปุก ทูน่าสลัดหนึ่งกระปุก ครัวซองสามชิ้น กาแฟแก้วหนึ่ง น้ำผลไม้กล่องใหญ่ แฮมทอดพูน ๆ น่องไก่ทอดอีกสี่ชิ้น

ป้าด!
เป็นมื้อเช้าที่อลังการงานสร้างจริง ๆ พอพี่แกทอดไข่เสร็จ ก็หันไปหยิบจานผลไม้กับผักสดในตู้เย็นมาแกะพลาสติกที่หุ้มออกวางไว้กลางโต๊ะ         

คิดว่ามื้อนี้คงครบห้าหมู่ละนะ อนามัยอีกต่างหาก

ผมทิ้งตัวลงนั่ง พี่เอกเทน้ำผลไม้ใส่แก้วยื่นมาตรงหน้าผม แล้วเราก็ลงมือกินกัน กินตามนิสัยใครนิสัยมันครับ ผมตักฮอทด็อกชิ้นหนึ่งมาวางไว้ในจานตัวเอง ตักผักมาเรียงข้าง ๆ เอาไข่ดาวมาแปะด้านซ้าย ตักแฮมมาวางด้านขวา ราดซอสเป็นทางเหมือนงู แล้วหั่นกินช้า ๆ

ส่วนพี่แกม้วนไข่ดาวฟองหนึ่งด้วยส้อมเป็นก้อน ๆ จุ่มลงในซอสมะเขือเทศแล้วเอาเข้าปากทั้งอัน         

ผมมองอึ้ง ๆ

ถ้าผมทำแบบพี่แก คนคงมองว่าผมตะกละแน่ ๆ

เชื่อกันหรือเปล่า ว่าที่ผมร่ายยาวมาทั้งหมดบนโต๊ะ คือมื้อเช้าของพี่เอกจริง ๆ ตอนนี้อาหารในจานเกลี้ยงครับ ไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว ขนมปังครึ่งแถวที่ผมกินได้ทั้งอาทิตย์ พี่แกกินหมดภายในมื้อเดียว

“อย่ามองพี่ด้วยสายตาอย่างนั้นสิ มื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญ พี่จะหนักหน่อย”

ผมพยักหน้าเข้าใจ ยกน้ำผลไม้ขึ้นดื่ม ส่วนพี่เอก ยกดื่มทั้งกล่องครับ แก้วเดียวคงไม่พอ

“กินเยอะขนาดนี้คงต้องซื้อตุนไว้เยอะ ๆ” ผมเดา
 
 “พี่ให้แม่บ้านจัดการน่ะ ไม่ได้ซื้อเอง ทุกวันจะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดแล้วก็ซื้อของมาตุนให้”

 ผมพยักหน้าเข้าใจ พี่แกปาดน้ำส้มออกจากปากเบา ๆ

“หล่อแต่ซกมก”
ผมแอบด่า เอื้อมหยิบทิชชู่ไปเช็ดปากให้ พี่มันนิ่งครับ จ้องหน้าผมนิ่ง ๆ

ผมเริ่มหายใจไม่ออก

กูทำอะไรผิดวะ

ผมชักมือกลับ เสหน้ามองไปทางอื่น

“กาย”
ได้ยินเสียงเรียกเบา ๆ ผมหันกลับมามองอีกที

ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น
 
รู้แต่ว่าปากผมมันไม่ว่างแล้วตอนนี้ ถูกจูบอยู่ ผมครางท้วงผ่านลำคอ ไม่รู้พี่เอกมายืนอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ หน้าผมแหงนไปตามแรงกดหนัก แผ่นหลังแนบไปกับพนักพิง ผมจับอกเสื้อพี่เอกแน่น สัมผัสได้ถึงรสของน้ำผลไม้จากปลายลิ้นพี่เอกด้วย 
 
พี่เอกตวัดลิ้นรุกหนักภายใน ตัวผมเริ่มหอบหนัก ปรือตามองก็เห็นได้เพียงใบหน้าที่เชื่อมกันอยู่ ความหวามไหววิ่งวนไปทั่วช่วงท้อง ได้ยินเสียงตัวเองครางออกมาเบา ๆ ด้วย
 
อือ.. นี่กูครางได้หวิวขนาดนี้เลยเหรอวะ

พี่เอกโหมจูบผมอยู่สักพักก็ถอนริมฝีปากออก พี่แกทำหน้านิ่ง ๆ เดินกลับไปนั่งที่เดิม ผมหายใจแทบไม่เป็นจังหวะ

มันมึน มันสับสน แล้วก็หวิว ๆ ค้าง ๆ ไปทั้งตัว

สุดท้ายผมทำได้แค่ก้มหน้าดึงลมหายใจตัวเองกลับคืน ไม่กล้าสบตาพี่เอกครับ ไม่รู้มันคิดอะไรถึงได้มาโหมจูบผมแล้วก็กลับไปนั่งไม่รู้ไม่ชี้แบบนั้น

“ของหวาน”

พี่แกพูดสั้น ๆ ผมเงยหน้ามองงง ๆ แกชี้ไปที่ปากตัวเอง

“เมื่อกี้ พี่กินของหวาน”

ผมอ้าปากค้าง ก่อนจะหุบลง แล้วอ้าปากอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่รู้จะพูดอะไร แล้วหุบลงอีกที พี่เอกหัวเราะหึ ๆ ลุกเก็บจานชาม

ผมที่พอได้สติรีบลุกตามไปเก็บด้วยเช่นกัน

สรุป กูเป็นของหวานสำหรับมึงใช่ไหม

ไอ้หมียักษ์หน้าด้าน

         

         
To Be Con...
หนุกหนานกันให้เต็มที่นะคะ ^^

เม้นท์ ๆ โหวตกันบ้าง พอเป็นกำลังใจให้คนเขียน หุหุ


ส่วนใครที่ต้องการหนังสือ ก็ตามนี้เลยค่ะ ^^
...ใบจอง Kiss Love.....
ชื่อ :
เบอร์ติดต่อ :
อีเมล :
ชื่อที่อยู่ให้จัดส่งหนังสือ: 
ส่งใบจองมาที่ Memew28(แอท)yahoo.com
เฟส: facebook.com/memew28
ทวิตเตอร์: @memew28

รายละเอียดหนังสือ
จำนวนหน้า : ยังไม่ได้บทสรุป เพราะยังรีไรท์ไม่เสร็จดี
ราคา : 1500 บาท (อาจถูกกว่านี้)
กำหนดการ : กันยายน

สงสัยอะไร สอบถามได้ทุกเส้นทางคร้าบบบบ  :m1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 02-07-2012 20:40:52
 :z13:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 02-07-2012 21:46:40
 :o8:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 02-07-2012 21:48:23
ครั้งแรกก็ล่อไปวะสี่ สงสารน้องจริงๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 02-07-2012 22:04:05
นึกว่าลืมกันแล้วซะอีกไม่มาต่อตั้งนานเลย :L2: :L2: :L2:


ดีใจจังที่มาต่อแล้ว :กอด1: :กอด1: :กอด1:


พี่เอกนี้หื่นได้ใจจริง :haun4: :haun4:


สงสารน้อวกายจังครั้งแรกก็โดนจัดหนัก :jul1: :jul1:

รอตอนต่อไปจ้า :bye2: :bye2: :bye2: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 02-07-2012 22:10:38
ที่เด็กดีปาไป40กว่าตอนแล้วนะ
ที่เล้าพึ่งไป15ตอนเอง
คงอีกนานนะเนียกว่าจะตามทัน
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: biwtiz ที่ 02-07-2012 22:42:21
อ๊ายยยยยยๆได้กันแล้วว
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 02-07-2012 23:22:47
หายไปนานเลยนะ

คิดถึงงงงงง :impress2:

 :call:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 02-07-2012 23:24:29
 :-[ เขิน
หลงมาอ่านแบบงงๆ แต่ชอบอ่า
จะอ่านต่อๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 03-07-2012 00:10:38
อ่านอีกรอบ

นึกว่ามิวจะไม่มาต่อที่เล้าแล้วซะอีก

อ่านตอนนี้นี่...พี่เอกโคตรรรรรรรรรรรรรรรรรรหื่นเลย :z1:

น้องกายต้องมากลายเป็นของหวานซะงั้น :-[
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: silk cloth ที่ 03-07-2012 01:41:06
กรี๊ดดดดด คุณมิว  โบกพู่เชียร์ อิอิ
ถึงจะอ่านจากเด็กดีแล้วก็อ่านซ้ำได้อีก ^^
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 03-07-2012 13:08:04
พี่เอกหื่นวะ แถมปล้ำก่อนไม่มีข้อตกลงอะไรทั้งสิ้น

ไม่ไหวนะ 5555

กายน่ารักอะ ชอบบ ถามพี่เอกให้เคลียร์เลยกายยย

แล้วพี่เป้จะตัดใจจริงๆหรอ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 03-07-2012 17:36:16
ทำขนาดนี้แล้ว
ทิ้งกายล่ะน่าดู o18
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 03-07-2012 23:39:14
สนุกมากเลยค่ะ พี่เอกกับกายน่ารัก หวานมาก ๆ
สงสารคู่เป้กับเต้ยค่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 04-07-2012 00:15:41
ชอบๆ o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 04-07-2012 00:55:42
wow! wow! *>.<* หวาน น่ารัก สนุก ชอบ ชอบ ชอบ อ่ะ
รักคนเขียนจัง
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 04-07-2012 01:16:54
เพิ่งหลงเข้ามาอ่าน แต่อ่านรวดเดียวเลย ง่วงมากๆๆๆ

อยากอ่านต่อแต่มือถือเปิดบอร์ดนู้นไม่ได้เมมไม่พอเซ็ง
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: yoyo ที่ 04-07-2012 04:13:50
เง้อ อีตาพี่เอก
แบบ อืม เชื่อแล้วจ้าว่าเลวจริง มากินน้องงี้ได้ไง
ยังไม่ชัดเจนเลยแท้ๆ จะกินก็กินเงี้ยเหรอ
น้องกายก็เหมือนมีใจให้บ้างแหละ ไม่งั้นไม่ยอมหรอกมั้ง
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: lekkatid ที่ 04-07-2012 10:53:26
 :L2: :oo1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 04-07-2012 13:44:43
อะฮึก หลังจากทำใจอยู่ครึ่งชั่วโมงก็ส่งใบจองไปเป็นทีเรียบร้อยแล้วคะ!
น่ารักอะเรื่องนี้ น่ารักโฮกฮาก แต่ตอนล่าสุด ไอ้พี่เอกเร็วไปนะ รู้อยู่ว่าน้องมันขัดขืนไม่ไหว ไอ้บ้า ฉวยโอกาสอะ!
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 04-07-2012 16:43:15
พ่่ีเอกค่ะ ครั้งแรกของน้องกายพี่ขอสี่เลยหรอค่ะ โอ้วววววววว น้องจะไม่ระบมยังไงไหวเนี่ย 5555
หวานได้อีกพี่เอก น่ารักๆๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: bangkeaw ที่ 04-07-2012 17:11:20
พี่เอกรุนแรงกับน้องไปป่ะ น้องระบมแย่แล้ว
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 05-07-2012 11:31:10
หวานจริงๆ :-[
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: goonglovenut ที่ 05-07-2012 15:03:25
แวะกลับมาเม้นท์อ่านจบตั้งแต่บ่ายพอดีติดงานนิดหน่อยตอนนี้ว่างแล้ว อยากบอกว่า   พี่เอกหื่นมาก อะไรขนาดนี้ถนอมหน่อยสิ ลุ้นกันต่อจ๊ะว่าจะระบมต่ออีกมั้ย  :impress2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 05-07-2012 16:09:29
พี่เอกเนี่ย ได้ทั้งแตะอั๊ง กอด จูบ และ....
ได้เยอะไปแล้ว
หึหึ เหลือหัวใจ จะได้ไปเมื่อไหร่
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 05-07-2012 17:20:22
พี่เอกแกหื่นจริงๆ สงสารกายครั้งแรกพี่แกไม่ยั้งเลย
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 05-07-2012 23:36:00
 :z1:
 :L2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: JS.Lee ที่ 06-07-2012 19:35:58
อย่าจบเศร้านะ เค้าขอร้อง T^T
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 08-07-2012 12:10:43


กาย!!!! นายกลายเป็นของหวานไปแล้ววววววววว  :laugh3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Liszamy ที่ 13-07-2012 18:25:56
มาต่อน้า  :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 14-07-2012 00:48:40
สนุกๆ

อัน นี้ รี?

ต่อ ๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: lekkatid ที่ 14-07-2012 12:47:51
+1 :กอด1:รอพี่เอกกะน้องกายที่น่ารัก
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: swordtails ที่ 14-07-2012 21:28:23
เราอ่านเรื่องนี้จากในมือถือรวดเดียวจนจบตอนปัจจุบันเลยค่ะ อ่านแล้วเพลินดีจัง :)

เราชอบบรรยากาศในเรื่องมากค่ะ อ่านแล้วชวนคิดถึงสมัยไปออกค่าย ฯ เหมือนกัน /กี่ปีมาแล้วเนี่ย? สองมือเกือบจะไม่พอ 555/

เขาว่าการไปค่าย ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด ... !

แล้วเรื่องนี้ก็ทำให้ ได้อะไรมากกว่าที่คิดไว้จริง ๆ ใช่ไหมน้องกาย ... ^^
ใคร้~ มันจะไปคิดว่า โดนเพื่อนลากไปค่ายแล้วจะได้แฟนเป็นปู้จายหล่อล่ำกลับมา โฮ้  :sad4: /อิจฉาค่ะ ไ่ม่ใช่อะไร/

น้องกายน่าเอ็นดูมากค่ะ น้องจะรู้ตัวไหมว่าน้องน่าเอ็นดูมาก อาจจะเป็นเพราะอยู่กับคุณแม่ โตมากับคุณแม่หรือเปล่า
ถึงได้ติดนิสัยช่างดูแลแบบผู้หญิงมาด้วย ?

น้องไม่ได้ตั้งใจจะหวานใส่พี่เอกนะ แต่มันเป็นไปโดยสัญชาตญาณ
เพราะถ้าสังเกตให้ดี คนที่น้องดูแลก็ไม่ได้มีแต่พี่เอก แต่ยังรวมถึงเพื่อนอย่างน้องเต้ยด้วย
/และวิธีการดูแลเพื่อนแต่ละอย่าง ก็ชวนให้พี่เอกเกิดอาการดีเสียจริง ๆ  :-[ สระผมงี้ แตะน้ำลายตัวเองเช็ดปากให้งี้ แอร๊ย/
ผู้ชายหล่อ ๆ ล่ำ ๆ ที่ไม่เคยประสบพบพานกับอะไรทำนองนี้ ก็เลยรู้สึกแปลกขึ้นทุกวัน ทุกวัน
กว่าจะรู้ตัวว่าไอ้ที่แปลกไปนั่นมันแปลกเพราะอะไร ก็จูบไปซะหลายทีแล้ว 

แล้วยิ่งตอนล่าสุด ... ฝนเป็นใจ เลยพามาเช็ดเนื้อเช็ดตัวที่คอนโด
แล้วไงต่อคะ พายุเข้าค่ะ ! รถติด ถนนลื่น กลับบ้านไม่ได้เลยต้องค้าง !
แล้วไงอีกคะ !?! จะโทรไปบอกแม่ แม่ก็ดันไปต่างจังหวัดค่าาาาาาาาาา /อะไรจะเป็นใจให้พี่เอกได้ขนาดนี้/
แล้วไงต่ออีกคะคู้ณณณ สุดท้าย .. สุดท้าย ..

หลานอิป้าก็ได้ออกเรือนค่ะ !!!!!!!!!   :o12:

/พี่เอกไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยจริง ๆ/

อ่านไปก็ขยุ้มหมอน ทึ้งผ้าห่มไป ไม่ไหวจะเขินจริงจัง

ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารัก ๆ แบบนี้นะคะ ทราบว่าลงที่เด็กดีด้วย แต่เราก็จะไม่ตามไปที่นั่นนะคะ
ขอเป็นกำลังใจ เม้นท์ให้ที่เล้านี่ก็แล้วกันค่ะ :)
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: dimth ที่ 16-07-2012 19:37:04
^
^
^
^
จิ้มๆรีบน กำลังจะชวนไปชมเด็กดีเชียว ออกตัวแรงซะเราเบรกหน้าทิ่มเลย
เด็กดีมี 43 ตอนแล้วนะเออ :z1:
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 21-07-2012 21:26:02
 Kiss Love ♥ [15] ระบมครับ
[กาย...♥] Part 2 NC18+


 

ผมรับอาสาพี่มันล้างจาน เขาไปซื้อมาทำให้กินแล้ว ต้องช่วยเขาหน่อย ตอนแรกพี่มันจะไม่ยอม เพราะกลัวผมเจ็บ แต่ผมก็ยังดื้อแพ่ง จนในที่สุดผมก็ชนะ โดยมีพี่เอกยืนเป็นผู้ช่วยอยู่ข้าง ๆ คอยเก็บจานไปเช็ดแล้วจัดเรียงเข้าตู้อีกที

ที่คอนโดพี่เอกตกแต่งแนวบิ้วอินเป็นหลัก ข้าวของเลยดูโล่งแล้วก็เป็นระเบียบ ดูแล้วห้องนี้น่าจะหลายล้านอยู่ เป็นห้องสูทครับ มีทั้งห้องนอน ห้องรับแขก ห้องครัวเซตเดียวกัน อ้อ มีระเบียงอีกด้วย

ผมสะบัดมือหลังจากล้างจานเสร็จ ได้ยินเสียงเครื่องมือสื่อสารดังมาจากห้องนอน พี่เอกเดินไปรับแล้วเอามายื่นให้

“ของไอ้เต้ยน่ะ"

ผมรีบเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนรับโทรศัพท์มาแนบหู

“ฟื้นแล้วไงมึง”
มันพูดเหมือนรู้

“พูดไรมึง”

“ไม่ต้องมาแถ เมื่อวานกูโทรหา พี่เอกรับสาย แล้วบอกว่ามึงลุกไม่ไหว”

ผมมองหน้าไอ้พี่เอก มันยักคิ้ว เสเดินไปหยิบมือถือมากดเช็คบ้าง ผมเดินหลบไปยังนอกระเบียง เมื่อวันก่อนฝนตกหนัก แต่วันนี้ฟ้าโปร่ง พี่แกจัดระเบียงสวยดีครับ ร่มไปด้วยต้นไม้เยอะดี ผมยืนเกาะขอบระเบียง มองวิวของตึกต่างไซส์

“กูขอโทษที่ไม่ได้ไปตามนัดเมื่อวาน”

“ไม่เป็นไร กูเข้าใจ แล้วมึงเอ่อ…”

“ไม่ต้องพูด เงียบ ๆ ไปเลยมึง”

“เอาน่า เป็นเมียพี่เอก ไม่เสียหายเท่าไหร่หรอก”

“หยุดพูดไปเลย!!”
ผมสั่งมันเสียงเข้ม มันหัวเราะชอบใจใหญ่

มึงไม่ต้องมาหัวเราะกูเลย

กูอาย

“สรุปวันนี้มึงก็ไม่ว่างใช่ไหม จะอยู่กับพี่เอกทั้งวันเลยหรือเปล่า” ฟังจากน้ำเสียงมันแล้ว มันคงอยากให้ผมไปหามันมากกว่า

เรื่องของเรื่องก็คือ ตั้งแต่กลับจากเที่ยว พี่เป้ก็ย้ายออกจากบ้านไปอยู่หอที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่บอกใครด้วย โดยให้เหตุผลว่า อยากเรียนรู้ชีวิตภายนอกสักพัก ได้ข่าวว่าพี่แกไปทำงานพิเศษที่ไหนสักแห่งด้วย พี่เป้คงไม่ต้องการอยู่ใกล้ ๆ ไอ้เต้ยมัน

ถึงมันจะชอบทะเลาะกับพี่มันขนาดไหน แต่ไอ้เต้ยก็รักพี่มันจะตาย พอพี่เป้ไม่ติดต่อแบบนี้มันก็ร้อน ถ้าผมไม่รู้ความรู้สึกของพี่เป้มาก่อน ก็อยากจะช่วยมันตามหาอยู่หรอก แต่เพราะผมรู้ เลยทำได้แค่คอยปลอบและบอกให้มันอยู่เฉย ๆ เท่านั้น       

“ตอนนี้กูรู้แล้วว่าพี่เขาย้ายไปอยู่ที่ไหน แล้วก็ทำงานพิเศษอะไร มึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยสิ”
มันบอก ผมนิ่งคิด

“กูว่า ปล่อยพี่เขาไปดีกว่า เขาคงอยากอยู่คนเดียวมากกว่า”

“กูรู้น่า กูไม่ได้ไปกวน กูแค่เป็นห่วง แค่อยากไปดูว่าพี่แกยังสบายดีหรือเปล่า แค่นั้นเอง”

“พี่มึงดูแลตัวเองได้น่า”

“เอาเถอะน่า ไปกับกูหน่อย กูเลี้ยงข้าวมึงเลยเอ้า”

บ๊ะ มันเอาของกินมาล่อ แต่กูไม่หลงกลมึงหรอก

“มึง กูว่า ปล่อยพี่เขาไปเรียนรู้ชีวิตด้วยตัวเองดีกว่า” ผมต่อรอง

“กูก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับพี่เขา กูแค่อยากไปดูว่ามันยังสบายดีไหม แค่นั้นแหละ นะ ๆ ไปกับกูหน่อย”
มันอ้อนครับ ผมยืนนิ่ง สมองกำลังคิดอยู่

“แค่ไปดูเฉย ๆ นะ” ผมขอคำยืนยัน

“อืม” มันรับปาก

ผมถอนหายใจเบา ๆ ใจจริงไม่อยากไปกับมันหรอก แต่ขืนไม่รับปาก มันคงไปคนเดียวแน่ ๆ อย่างน้อยมีผมไปด้วย จะได้ช่วยกันมันจากพี่เป้อีกแรง

“ก็ได้ กี่โมง”

ตอนนี้เก้าโมงหน่อย ๆ แล้ว

“สักบ่ายสองก็ได้ ให้มึงพักไปก่อน กูไม่อยากทรมานคนป่วย”
มันตบท้ายซะผมอยากเปลี่ยนใจไม่ไปกับมันดื้อ ๆ

“ปากนะนั่น”

“อื้ม งั้นเดี๋ยวจะโทรไปนัดสถานที่อีกที”
มันบอก

ผมรับปากแล้วกดตัดสายไป

ผมยังถือโทรศัพท์อยู่ในมือ พาดสองแขนไว้กับราวระเบียง ทอดมองวิวกึ่งโล่งด้านหน้า วิวตึกแบบนี้ บางมุมก็สวย บางมุมก็รก แต่ถ้าจะให้ดูดีจริง ๆ คงต้องรอให้มืดก่อน คอนโดพี่เอกอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ เห็นว่าใกล้บริษัทพี่แกด้วย

พระอาทิตย์ดวงโตเริ่มทอแสงแสบผิวมากขึ้นเรื่อย ๆ อยากชื่นชมวิวตรงหน้ามากกว่านี้นะ แต่ขอผ่านครับ

มันร้อน
 

ผมหันหลังเดินกลับเข้าห้อง เห็นพี่เอกนั่งดูทีวีอยู่ เป็นสารคดีเกี่ยวกับสิงโตผสมกับเสืออะไรนี่แหละ ผมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ

“ผมนัดเจอไอ้เต้ยตอนบ่ายโมงนะ”

พี่เอกหันมามอง

“ไหวเหรอ”

ผมหน้าร้อนไปกับคำพี่แก ผงกหัวรับคำเบา ๆ         
 
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ไม่เป็นไรฮะ ผมไปแท็กซี่ก็ได้”

“ไม่ได้หรอก พี่ทำเราเจ็บ ก็ต้องรับผิดชอบสิ”

ผมอ้าปากค้าง

“แล้วอีกอย่าง วันนี้พี่ก็ว่างทั้งวันอีกด้วย”

“ผมว่า…อ๊ะ!!”
ปฏิเสธยังไม่ทันจะจบ พี่มันก็ช้อนผมขึ้นไปนั่งบนตัก ผมดิ้นหนีแทบจะทันที

“พี่เอก ปล่อย!!”
พยายามดันตัวจะลุก แต่แขนพี่มันล็อกเอวผมแน่น ผมเงยหน้าขึ้นมองตื่น ๆ พี่เอกยิ้มพราวผ่านดวงตา ผมเริ่มหวิวแล้วครับตอนนี้

สายตาน่ากลัวเป็นบ้า

มือที่รั้งเอวไว้ เลื่อนลงไปบีบสะโพกผมเบา ๆ ผมสะดุ้งเฮือก ทำหน้าตื่นยิ่งกว่าเดิม พี่เอกยิ้มด้วยความพอใจ
 
ตอนนี้ผมรู้แล้วละครับ ยิ่งผมแสดงท่าทางตื่นตระหนกมากเท่าไหร่ พี่แกจะยิ่งชอบ เพราะงั้นผมต้องนิ่ง ๆ เข้าไว้
 
ผมปรับสีหน้าให้ราบเรียบที่สุดเหมือนไม่รู้สึกอะไร พี่เอกเลิกคิ้วแปลกใจกับการเปลี่ยนแปลงท่าทีของผม แต่แทนที่พี่แกจะหยุด กลับขย้ำสะโพกผมแรงยิ่งกว่าเดิม
 
หวิวเลยครับ ถึงภายนอกจะดูนิ่ง ๆ ก็เถอะ
 
มือแรกไม่เท่าไหร่ พออีกมือมา มันเริ่มนิ่งไม่ไหวแล้ว ผมสะอึก เผลอกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่
 
พี่เอกยกยิ้มพอใจ
 
ผมพยายามมองหน้าพี่แกนิ่ง ๆ พี่เอกกรีดปลายนิ้วเป็นทางยาวตั้งแต่ร่องก้นสูงขึ้นไปที่หลังคอ ขนที่กลางหลังพากันลุกซู่ ผมกัดฟันหลับตาลงแน่น
 
ตอนนี้พยายามท่องนะโมอดทนอยู่ ตอนแรกพี่แกแค่กรีดด้านนอกของเสื้อ หลังจากนั้น พี่แกก็เคลื่อนมือเข้าไปภายใน ใช้ปลายนิ้วไล่กรีดเป็นทางยาว
 
นะโมแตกครับ
 
“พะ พี่เอก…”
โอ้บ๊ะเจ้า นี่เสียงผมจริงรึนี่ ทำไมมันหวิวได้ใจขนาดนี้ มือไม้ก็พากันอ่อนปวกเปียกไปหมด
 
บางอย่างที่ผมนั่งทับอยู่ เริ่มมีปฏิกิริยาขึ้นมาแล้วครับ ผมทำท่าจะลุกหนี แต่แขนพี่แกยังรั้งเอวผมไว้อยู่
 
เฮ้ย! มึงอย่าทำแบบนี้เด๊ะ กูยังไม่อยากเสียเอกราชรอบสองนะ
 
ไม่ใช่สิ รอบที่ห้าต่างหาก
 
“รู้ไหมว่าตัวเองเซ็กซี่แค่ไหน”
 
กูจะไปรู้ไหม กูเป็นผู้ชาย ถ้าผู้หญิงชม กูจะไม่ว่า แต่ต้องไม่ใช่ผู้ชายแบบมึง
 
“ปล่อย..”
ผมห้ามเสียงอ่อน
 
พี่เอกแย้มยิ้มนิดหนึ่ง เป็นรอยยิ้มที่บอกได้คำเดียว
 
กูเสร็จแน่
 
พี่แกก้มขบติ่งหูผมเบา ๆ มันสยิวไปทั่วทั้งตัว ผมเบี่ยงหน้าหนี
 
หน้าพ้น... แต่คอไม่พ้น
พี่แกซุกปากลงมาที่ซอกคอ งับเบา ๆ ไม่ให้เจ็บแต่สยิวยิ่งกว่าเดิม ผมหายใจผิดจังหวะหน่อย ๆ
 
มือพี่เอกที่หลังเริ่มเลื่อนมาด้านหน้า ลูบไล้แถว ๆ หน้าท้องไล่วนจนมันหดเกร็ง ผมเผลอหลับตาลงสองมือบีบแขนพี่มันแน่น 
 
พี่แกไต่นิ้วสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนหยุดไว้ใกล้หน้าอก
 
“พอพี่เอก”
ผมรีบห้าม
 
แต่เคยได้ยินไหมครับ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
 
สิ้นคำสั่งห้ามเหมือนเป็นคำสั่งให้ทำ พี่แกใช้สองนิ้วบี้หัวนมผมเบา ๆ
 
"อื้ออ.."
ผมหลุดครางออกมาเลย
 
ยอมรับว่ามันรู้สึกดีพิลึก ความรู้สึกของผู้หญิงตอนโดนจับนมคงเป็นแบบนี้ ผมไม่มีเต้าให้จับ มีแต่หัวนมเล็ก ๆ แต่มันก็รู้สึกดีไม่หยอก
 
ผมบีบแขนพี่เอกแน่นขึ้นไปอีก พอลืมตามอง รู้สึกว่าภาพตรงหน้าจะพร่าไปชั่วขณะ
 
ผมจ้องหน้าพี่เอก เห็นพี่แกยิ้มพราวด้วยความพอใจ ไม่รู้จะถูกใจอะไรนักหนา ผมเชิดหน้าตอนพี่เอกบีบหัวนมผมแรงอีกครั้ง รู้สึกเหมือนลมหายใจตัวเองจะอุ่นขึ้นด้วย
 
ที่เขาบอกว่า เวลาที่เรามีความต้องการ อุณหภูมิในร่างกายจะสูงขึ้น คงจะจริง
 
ตอนนี้ผมรู้สึกร้อน ยิ่งร่องด้านหลังถูกดันด้วยบางสิ่งของพี่เอกมากเท่าไหร่ หัวใจผมยิ่งหวิวมากขึ้นเท่านั้น ภาพเก่า ๆ ของวันคืนเริ่มหวนคืน
 
แม้จะเจ็บ…
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดี
 
ไม่ไหวแล้วครับ ผมเลื่อนมือจากต้นแขนไปที่หัวไหล่ มวลบางอย่างที่หน้าท้องสั่งผมให้บีบหัวไหล่พี่เอกแน่น เอาไม่อยู่ครับ ผมเลื่อนมือสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นโอบรอบลำคอพี่แกไว้ มันก็ยังเอาไม่อยู่อยู่ดี จนผมต้องโอบกอดพี่แกแน่นขึ้นไปอีก ขยับสองมือเบียดแทรกเส้นผมสีดำสนิทด้านหลัง
 
“พี่เอก...”
ผมกระซิบเรียกพี่มัน พี่เอกซุกหน้ากับซอกคอผม ไซ้ไปทั่วก่อนเลื่อนมาจูบที่ปาก
 
ไม่ไหวแล้วครับ ผมขอยอมแพ้
 
บางส่วนของผมตื่นตัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ พี่เอกรั้งเอวผมเข้าชิดตัวแกมากขึ้น แรงซุกที่คอก็มากขึ้นตามไปด้วย ผมครางออกมาเบา ๆ
 
กูครางเป็นผู้หญิงเลย T^T
 
“อื้อ...”
แต่มันกลั้นไม่อยู่จริง ๆ พอปากพี่แกงับลงตรงไหน มันก็เหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ช็อตให้ร่างกายต้องไหวตอบรับ
 
โอ๊ย กูไม่ได้อ่อนไหวนะ
 
แต่มันทนไม่ไหวจริง ๆ
 
พี่เอกรีบถอดเสื้อผมออก ในขณะที่ปากยังไซ้ไม่หยุด สักพักแกก็ถอดกางเกงผมออกเหมือนกัน มือเร็วเหมือนลิงฉกกล้วย
 
ผมหอบหนัก ทั้งกลัวทั้งเสียวซ่านในเวลาเดียวกัน วันนี้พี่แกนุ่มนวลเป็นพิเศษครับ แต่มันก็เสียวจนแทบทนไม่ไหว สักพักพี่แกก็ปลดบางสิ่งที่คับแน่นของแกออกมาเป็นอิสระ คงอึดอัดน่าดู
 
เมื่อคืนผมไม่ได้มอง ว่าขนาดมันใหญ่แค่ไหน วันนี้ก็ไม่กล้ามองเหมือนเดิม แต่ถ้าให้เดาจากความรู้สึก

มันคงใหญ่พอควร
 
พี่แกสอดนิ้วเข้าไปในร่องเบา ๆ ผมสะดุ้งเฮือกเพราะความเจ็บ แผลเก่ายังทันจะหายเลย ผมรีบผลักพี่แกออก แต่แกไม่หยุด ซ้ำยังกดนิ้วย้ำเข้าที่บางจุดที่ทำเอาผมสะดุ้งแล้วสะดุ้งอีก
 
โอ๊ย ทำไมมันรู้สึกดีขนาดนี้นะ
 
ผมได้ยินแต่เสียงตัวเองดังไม่เป็นจังหวะ อยากเงียบ แต่มันต้องระบาย
 
ไม่ไหวจริง ๆ
 
แล้วก็ไม่รู้มาก่อนด้วย ว่าด้านหลังของคนเราสามารถสร้างสารหล่อลื่นขึ้นเองได้ด้วย ตอนแรกมันฝืด ๆ สักพักมันก็เริ่มลื่นไหล ผมกอดคอพี่เอกแน่น
 
พี่เอกถอนนิ้วออก ผมถอนหายใจเบา ๆ มันรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก แต่พี่แกไม่ปล่อยให้ผมสบายตัวได้นาน พี่เอกยกสะโพกผมขึ้น แล้วจับเนื้อร้อนของพี่แกจ่อไว้ที่ปากทางเข้า ผมหลับตาแน่น ซุกหน้าเข้ากับอกกว้าง อารมณ์นี้ไม่อยากรับรู้ครับ ทั้งอาย ทั้งกลัว ทั้งเสียวซ่าน ผสมปนเปรวมกันไปหมด
 
“อึก…พี่เอก”
เสียงผมมันก็พร่าได้ใจ 
 
“พอพี่เอก!!”
ผมรีบเบรกเมื่อความเจ็บเพิ่มทวีหนักขึ้นเรื่อย ๆ แต่แทนที่พี่มันจะหยุด กลับกดร่างผมลงเรื่อย ๆ จนเนื้อร้อนผลุบหายเข้าไปเกือบครึ่ง ขยับอีกสองสามที ส่วนนั้นก็หายเข้าไปทั้งหมด
 
โอ๊ย กูเสียเอกราชอีกแล้ว T^T
 
ผมกอดคอพี่เอกแน่น ทั้งรู้สึกดี ทั้งจุกและเจ็บในเวลาเดียวกัน พี่เอกจับเอวผมไว้ โยกเบา ๆ เป็นจังหวะ
 
เสียวครับ ตอนนี้มีแค่ความรู้สึกเดียวแล้ว
 
“พี่เอก อื้อ…”
ผมครางเรียกระบายอารมณ์ มันพลุ่งพล่านไปหมด มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุข ทั้งขย้ำ ทั้งกดทั้งจิกหาจุดหยุดตัวเองให้ได้ พี่เอกหายใจหอบ ๆ แกคงรู้สึกดีไม่แพ้กัน
 
“อือ กาย รัดพี่แรงจัง”

โอ๊ย ผิดกูไหม มึงยัดเข้ามาเอง
 
ผมไม่ไหวแล้วครับ หวิวไปทั้งตัว ยิ่งได้ยินเสียงทุ้มครางพร่า ยิ่งหวิวหนักเข้าไปใหญ่ พี่เอกทิ้งตัวผมลงบนโซฟา จับขาข้างหนึ่งยกสูงแล้วจัดการกดท่อนเนื้อลึกเข้ามาอีก
 
“อึก..พี่เอก”
พี่มันเร่งจังหวะเร็วขึ้นจนร่างผมสั่นคลอนไปหมด
 
“อ๊า กาย”
พี่เอกครางบ้าง

ให้ตายสิ ได้ยินคนหล่อครางแล้วอารมณ์มันพลิ้วชะมัด
 
ไม่ต้องใส่จังหวะให้นาน พี่เอกขยับไม่กี่ทีผมก็พุ่งแล้ว
 
 
ผมหอบหายใจหนัก พี่เอกหยุดตัวเองลงมาจ้องหน้าผมยิ้ม ๆ
 
มึงอย่ายิ้มแบบนั้นได้ไหม
 
กูอาย
 
ก็กูเสียว กูเลยเสร็จเร็ว
 
พี่มันก้มกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูผม “ไม่รอกันเลยนะ อย่างนี้ต้องทำโทษ”
 
“อ๊ะ!!”
ผมสะดุ้งเฮือก เมื่ออยู่ ๆ พี่เอกก็ใส่จังหวะให้สะโพกเร็วขึ้น ถึงจะเสร็จไปแล้ว แต่ด้านหลังกับด้านหน้าเหมือนมันจะแยกส่วนกันทำงาน ความรู้สึกดี ๆ จึงยังวิ่งวน ผมครางตามจังหวะที่พี่เอกโหมใส่
 
สุดท้าย กว่าพี่มันจะปล่อยให้ผมเนื้อตัวสะอาดก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง
 
พี่มันกินผมคุ้มจริง ๆ




ผมนอนร่อแร่อยู่บนโซฟาตัวเดิม อีกสองชั่วโมงก็ต้องไปตามนัดแล้ว ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พี่แกเดินไปหยิบ กดรับ แล้วเอายื่นมาให้

“อืม”
ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ

“เจอกันที่…นะมึง ไหวป่ะเนี่ย โดนพี่เอกเล่นงานอีกรอบล่ะสิ”

“พูดมาก”

"หึ ๆ พูดงี้ แปลว่าโดนจริง ๆ”

ผมแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้ง

“หึ ๆ กูรู้นิสัยพวกพี่ ๆ เขาดี เรื่องผู้หญิงนี่ ทั้งเก่งทั้งอึด”
มันพูดซะผมเห็นภาพ

“แล้วเจอกัน”
ผมรีบตัดบท ไม่อยากหน้าไหม้ครับ

พี่เอกยังยืนอยู่ข้าง ๆ เส้นผมเปียกหน่อย ๆ เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ท่อนบนเปลือยเปล่า ท่อนล่างสวมด้วยกางเกงยีนสีซีดอย่างเท่

ไม่รู้จะโชว์หล่อไปไหน

“ไหวไหม”
ยังมีน้ำใจมาถาม แล้วทำไมตอนทำไม่ยับยั้งบ้างวะ วันนี้พี่มันทำแค่รอบเดียวครับ รอบเดียวของพี่มัน แต่สามรอบของผม พี่มันเล่นเพลงอึด

ใส่ทีเดียวแต่ยิงยาว

ผมด่าทอทางสายตา พี่แกยิ้มเผล่เหมือนคนสำนึกผิด

“เต้ยนัดที่ไหน”
แล้วเสถามไปเรื่องอื่นแทน

“ที่…”
ผมบอกสถานที่ไป

“อืม ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ ออกตอนบ่ายโมงครึ่งก็ทัน…นายนอนพักไปละกัน”
พี่มันพูดแค่นั้น แล้วหันหลังเดินเข้าห้องไป ส่วนผมนอนแอ้งแม้งเอาแรงอยู่ที่เดิม

คิดแล้วก็อับอาย

กูนี่น่า

ทำไมไม่ปฏิเสธไปวะ เสียเชิงชายหมด



 TBC...


อันเนื่องมาจากรีนี้

เราอ่านเรื่องนี้จากในมือถือรวดเดียวจนจบตอนปัจจุบันเลยค่ะ อ่านแล้วเพลินดีจัง :)

เราชอบบรรยากาศในเรื่องมากค่ะ อ่านแล้วชวนคิดถึงสมัยไปออกค่าย ฯ เหมือนกัน /กี่ปีมาแล้วเนี่ย? สองมือเกือบจะไม่พอ 555/

เขาว่าการไปค่าย ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด ... !

แล้วเรื่องนี้ก็ทำให้ ได้อะไรมากกว่าที่คิดไว้จริง ๆ ใช่ไหมน้องกาย ... ^^
ใคร้~ มันจะไปคิดว่า โดนเพื่อนลากไปค่ายแล้วจะได้แฟนเป็นปู้จายหล่อล่ำกลับมา โฮ้  :sad4: /อิจฉาค่ะ ไ่ม่ใช่อะไร/

น้องกายน่าเอ็นดูมากค่ะ น้องจะรู้ตัวไหมว่าน้องน่าเอ็นดูมาก อาจจะเป็นเพราะอยู่กับคุณแม่ โตมากับคุณแม่หรือเปล่า
ถึงได้ติดนิสัยช่างดูแลแบบผู้หญิงมาด้วย ?

น้องไม่ได้ตั้งใจจะหวานใส่พี่เอกนะ แต่มันเป็นไปโดยสัญชาตญาณ
เพราะถ้าสังเกตให้ดี คนที่น้องดูแลก็ไม่ได้มีแต่พี่เอก แต่ยังรวมถึงเพื่อนอย่างน้องเต้ยด้วย
/และวิธีการดูแลเพื่อนแต่ละอย่าง ก็ชวนให้พี่เอกเกิดอาการดีเสียจริง ๆ  :-[ สระผมงี้ แตะน้ำลายตัวเองเช็ดปากให้งี้ แอร๊ย/
ผู้ชายหล่อ ๆ ล่ำ ๆ ที่ไม่เคยประสบพบพานกับอะไรทำนองนี้ ก็เลยรู้สึกแปลกขึ้นทุกวัน ทุกวัน
กว่าจะรู้ตัวว่าไอ้ที่แปลกไปนั่นมันแปลกเพราะอะไร ก็จูบไปซะหลายทีแล้ว 

แล้วยิ่งตอนล่าสุด ... ฝนเป็นใจ เลยพามาเช็ดเนื้อเช็ดตัวที่คอนโด
แล้วไงต่อคะ พายุเข้าค่ะ ! รถติด ถนนลื่น กลับบ้านไม่ได้เลยต้องค้าง !
แล้วไงอีกคะ !?! จะโทรไปบอกแม่ แม่ก็ดันไปต่างจังหวัดค่าาาาาาาาาา /อะไรจะเป็นใจให้พี่เอกได้ขนาดนี้/
แล้วไงต่ออีกคะคู้ณณณ สุดท้าย .. สุดท้าย ..

หลานอิป้าก็ได้ออกเรือนค่ะ !!!!!!!!!   :o12:

/พี่เอกไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยจริง ๆ/

อ่านไปก็ขยุ้มหมอน ทึ้งผ้าห่มไป ไม่ไหวจะเขินจริงจัง

ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารัก ๆ แบบนี้นะคะ ทราบว่าลงที่เด็กดีด้วย แต่เราก็จะไม่ตามไปที่นั่นนะคะ
ขอเป็นกำลังใจ เม้นท์ให้ที่เล้านี่ก็แล้วกันค่ะ :)

กับรีนี้
^
^
^
^
จิ้มๆรีบน กำลังจะชวนไปชมเด็กดีเชียว ออกตัวแรงซะเราเบรกหน้าทิ่มเลย
เด็กดีมี 43 ตอนแล้วนะเออ :z1:

ข้าน้อยกำลังจะทำสิ่งเดียวกัน เบรกหัวทิ่มชนหลังรีที่สองพอดี - -

ข้าน้อยประทับใจมาก เลยจะลงให้ท่านอ่านสองตอนรวด แต่คืนนี้เกรงว่าเวลาจะไม่พอ(ข้าน้อยเป็นเด็กอนามัยต้องนอนสี่่ทุ่ม) ข้าน้อยขอเลื่อนเป็นวันพรุ่งจิได้หรือไม่
ขอบคุณค่ะ เป็นรีที่ยาวมากกกกกกกกกกก รู้สึกเหมือนอะไรสักอย่างมันพอง ๆ อยู่ในอก หุหุ

ซียูทูมอโร่

และเช่นเดิม ต้องการสั่งหนังสือไปไว้อ่านเล่น ไปสั่งได้ที่แฟนเพจกับทวิตเลยค้าาา
แฟนเพจ facebook.com/Memew28 , ทวิตเตอร์ twitter.com/memew28

Memew
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: [newZy]CASS ที่ 21-07-2012 22:18:30
เสียเชิงชาย??
5555
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: choijiin ที่ 21-07-2012 23:57:12
เคยอ่านที่เด็กดีไปแล้ว
ไม่เคยเห็นมาลงที่เล้าเลย
หรือว่าเรามองไม่เห็นเองน้อ 555+
 :laugh:
ไม่คิดไม่ฝันจะได้มาเจอน้องกายที่นี่ด้วย
ยินดีต้อนรับน้องกายเอาตอนนี้จะช้าไปมั้ย
 :กอด1:
อยากได้หนังสือนะ แต่ต้องรอให้คอนบีบีจบก่อน
 :sad4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 22-07-2012 00:15:50
จะไหวไหมเนี่ยน้องกาย
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 22-07-2012 08:04:43
น้องกายผู้น่าสงสาร :z1:

 :call:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 22-07-2012 10:46:45
สนุกดี
รออ่านตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 22-07-2012 12:16:29
 :z1: ตลอดเทอะ เอก หื่นโดนใจเจ๊ มากกกก :laugh:

นู๋กาย เสียเชิงชายหมดจริงจริง ให้เค้ารุกฝ่ายเดียวได้งัย o18
P.S. เจ๊พึ่งเค้ามาอ่าน ชอบ ชอบ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 22-07-2012 12:18:53
พี่เอกก้อไม่ปล่อยให้น้องพักบ้างเลยน่ะ
 :o8:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 22-07-2012 12:21:49
พี่เอกดูแลดีขนาดนี้

น้องกายต้องทำใจแล้วหละ 555
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Akidahaza ที่ 22-07-2012 13:51:44
โหห.. พี่เอกสุดยอดจริง เล่นกายซะเยอะเชียว ><//
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Akidahaza ที่ 22-07-2012 13:52:08
โหห.. พี่เอกสุดยอดจริง เล่นกายซะเยอะเชียว ><//
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 22-07-2012 14:40:12
ชอบอ่า

แต่ไม่ขอเอาดราม่านะ ^^
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 15 : ระบมครับ [กาย...♥] Part 2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 22-07-2012 14:50:17
 o13 ตามทันแล้วววววววววว
ตามเชียร์เป้เต้ยต่อไป
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 22-07-2012 22:03:21
 Kiss Love ♥ [16] ในความทรงจำ
[เอก...☼]
 

 
 
ผมยืนฮัมเพลง คว้าเสื้อมาใส่ เหลือบมองไอ้ตัวเล็กในห้องรับแขก มันนอนหมดแรงอยู่ครับ จริง ๆ ตอนแรกไม่ได้กะจะมีอะไรกับมัน แค่จะนั่งลูบ ๆ ไล้ ๆ มันเล่นเฉย ๆ แต่เห็นหน้าเจืออารมณ์ของมันแล้ว น้องผมมันก็ซู่ซ่า ยิ่งเห็นมันพยายามอดทน ยิ่งทำให้ผมอยากแกล้งเข้าไปใหญ่

ไป ๆ มา ๆ ผมเลยเผลอกินมันซะตัวพรุน 

พอผมเดินไปที่โซฟา มันหลับครับ หายใจสม่ำเสมอเชียว ผมยกนาฬิกาขึ้นดู ให้มันนอนต่ออีกสักชั่วโมงครึ่งเอาแรง ส่วนตัวเองก็เดินไปหยิบหนังสือเรียนมานั่งอ่าน

ผ่านไปอีกชั่วโมงครึ่ง ผมถึงได้ปลุกมันให้ตื่น มันลุกขึ้นมานั่งงัวเงียหาวหวอดเหมือนเด็ก ๆ

“จะล้างหน้าก่อนไหม”

มันส่ายหน้าบิดขี้เกียจ ผมดูเวลา คว้ากระเป๋าเงิน มือถือและกุญแจ พามันเดินออกจากห้องไป

ไอ้เต้ยมันทำหน้าแปลกใจตอนเห็นผมเดินตามหลังเพื่อนมันมาด้วย ผมพยักหน้าให้มันที มันไม่พูดอะไร ทำหน้าเหมือนกำลังตื่นเต้นกับอะไรสักอย่าง

“มึง…”

ไอ้เต้ยทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างจ้องหน้าเพื่อนมันเขม็ง ไอ้ตัวเล็กมีสีหน้าอึดอัด หันมามองผม ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง ก่อนนิ่งคิด แต่สุดท้ายมันก็ตัดสินใจเปิดปากพูด
   
“คือ.. ผมไม่รู้ว่าพี่กับพี่เป้ได้พูดคุยอะไรกันหรือเปล่า แต่พี่เป้ออกจากบ้านมาโดยไม่บอกกล่าวว่าไปทำอะไรอยู่ที่ไหน แล้วพี่เป้ก็ไม่ยอมโทรหาหรือรับโทรศัพท์เต้ยมันด้วย ไอ้เต้ยมันเลยเป็นห่วง วันนี้เราถึงอยากไปส่อง ๆ ดูว่าพี่แกยังสบายดีไหม”
มันพยายามอธิบาย

“ทำอะไรก็ทำไปเถอะ พี่แค่มาเป็นคนขับรถกับเจ้ามือเลี้ยงข้าวเท่านั้น”

มันเลิกคิ้วทำท่าแปลกใจ ผมยิ้มหล่อให้มันที

“พี่ก็เพิ่งรู้ว่ามันออกจากบ้านนะเนี่ย”
จริง ๆ ผมรู้อยู่แล้วครับ มันบอกผมแล้ว

“เรารีบไปกันเถอะ”
ไอ้เต้ยมันชวน มันคงอยากเจอพี่มันเร็ว ๆ

เราพากันเดินเข้าไปในร้านกาแฟขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นปูนผสมไม้ ตกแต่งโดยใช้โทนสีสันสดใส ลูกค้าส่วนใหญ่จึงเป็นนักเรียนนักศึกษาหญิงและสาวออฟฟิศเป็นหลัก โต๊ะมีอยู่สองโซน ในห้องแอร์กับด้านนอก คล้าย ๆ กับร้านขนมที่ผมเคยพามันไปนั่งกินกันนั่นแหละ เพียงแต่ที่นี่ไม่มีอาหารขาย มีแค่ขนมกับเครื่องดื่มเท่านั้น

เราเลือกนั่งกันในห้องแอร์ ไอ้เต้ยมันกวาดตามองหาพี่มันทันที ผมหิว เลยสั่งกาแฟกับพวกขนมปังที่มันอยู่ท้องมากิน ยังดีที่ที่นี่มีสปาเก็ตตี้ให้กินบ้าง ไม่งั้นผมคงต้องยัดขนมปังเป็นถาด ๆ แน่ ๆ

ผมซัดสปาเก็ตตี้ไซส์พิเศษไปสองจานใหญ่ ๆ ตามติดด้วยขนมปังอีกหลายชิ้น ทานกันจนเกือบอิ่ม ถึงเห็นใครบางคนเดินออกมาจากหลังร้าน

เรือนร่างสูงใหญ่กับผมสั้นเซตแบบตั้ง ๆ เป็นเอกลักษณ์ ใบหน้าหล่อเหลาฉาบความนิ่งเรียบเอาไว้ ท่อนบนเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสวมทับด้วยเสื้อกั๊กสีดำด้านนอก ตรงเอวมีผ้ากันเปื้อนสีเดียวกับกั๊กแบบครึ่งตัว มือซ้ายถือถาดสีน้ำตาลเข้ม เดินไปทักทายคนหน้าเคาน์เตอร์

สงสัยมันเพิ่งมา มันยังไม่เห็นพวกผมครับ

ไอ้เต้ยนั่งกระสับกระส่าย มองพี่มันไม่วางตา สักพักไอ้เป้ก็หันมาเห็นพวกเรา ผมยกแก้วกาแฟทักทาย ไอ้เต้ยยิ้มกว้างให้พี่มัน ส่วนกายยิ้มทักนิดหน่อย

ไอ้เป้ทำหน้าแปลกใจก่อนตีสีหน้านิ่งเรียบ เดินตรงมาที่เรา

“มาได้ไง”

“ขับรถมา”
ผมตอบกวน ๆ มันเข้าโหมดนิ่งครับ ไม่กวนกลับเหมือนเคย คงต้องการทิ้งระยะห่าง เพื่อการ์ดคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม

“พี่เป้ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย ขอเวลาหน่อยได้ไหม”
ไอ้เต้ยมันรีบออกตัว

“พี่ไม่ว่าง ขอตัวก่อนนะ ตามสบายละกัน มีอะไรก็เรียกพนักงานเอา”
มันพูดนิ่ง ๆ หันหลังเดินจากไป มันทิ้งระยะห่างน้องมันน่าดู แต่ก่อนพูดกูมึง แต่เดี๋ยวนี้แทนตัวเองว่าพี่และไอ้เต้ยว่านายแทน
ถึงมันจะทำหน้านิ่งขนาดไหน แต่ผมก็ยังแอบเห็นแววตาหวั่นไหวของมัน ตอนมันมองน้องมัน

และตลอดระยะเวลาของการทำงาน มันก็ทำเป็นไม่สนใจไอ้เต้ย ตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตัวเองไป มันดูดีครับ สาว ๆ พากันมองจนเหลียวหลัง     
     
ไอ้เต้ยนั่งกำหมัดแน่น มองพี่มันตาแดง ๆ มันคงรู้ว่าโดนเมินเข้าให้แล้ว ผมพ่นลมหายใจแรง ส่วนไอ้คนข้าง ๆ ผม มันนั่งขมวดคิ้ว คงห่วงเพื่อนมัน

สักพัก ไอ้เต้ยก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ คุยกับพนักงานแถว ๆ นั้น เห็นมันยิ้ม ๆ พูดคุยอะไรสักอย่าง ก่อนเดินกลับมา

“กูจะรอจนกว่าพี่เป้เลิกงาน มึงจะรอเป็นเพื่อนกูหรือกลับก่อน”
มันถามเพื่อนมัน

“พี่เป้เลิกงานกี่โมง”

“สองทุ่ม”
ตอนนี้เพิ่งบ่ายสามกว่า ๆ

“กูว่ามึงไปทำอย่างอื่นก่อนดีกว่า แล้วค่อยกลับมาอีกทีตอนพี่มึงเลิกงาน”
มันออกความเห็นซึ่งตรงกับที่ผมคิดไว้เหมือนกัน

“ไม่เป็นไร กูอยากรอ ไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้ว”

“งั้นกูอยู่เป็นเพื่อน”
มันพูดกับเพื่อนมัน แล้วหันมาทางผม

“พี่เอกจะกลับก่อนก็ได้นะฮะ”

“อิ่มแล้วไล่เลยรึไง”
ผมทำเป็นพูดนิ่ง ๆ

มันทำหน้าตื่น

“เปล่า ผมแค่เกรงใจ แต่อย่าลืมจ่ายเงินก่อนไปด้วยล่ะกัน”

นี่น่ะเหรอ เกรงใจของมึง =*=

มันยิ้มหน้ารื่น

อยากให้มะเหงกมันสักทีสองที

“ไม่เป็นไร วันนี้พี่ว่าง แต่อยากไปเดินดูของขวัญให้ไอ้กิ๊ฟมันหน่อย อาทิตย์หน้าก็วันเกิดมันแล้ว”
ผมเปรย สมองก็กำลังคิดอยู่ว่าจะเลือกอะไรให้มันดี

“พี่ว่าเราไปเดินเล่นกันก่อนดีกว่า ช่วยพี่เลือกของขวัญด้วย เลือกให้ผู้หญิงแท้ ๆ หรือผู้ชายมันง่าย แต่หญิงกึ่งชายแบบมันนี่เลือกยากจริง ๆ เลือกมาหกปี ไม่ถูกใจมันสักปี”
ผมบ่น

มันชอบด่าว่าไม่มีเซ้นส์ในการเลือกของให้มัน แต่ก็เห็นมันใช้ของที่ผมให้จนเยินทุกที

ตกลงมันชอบหรือปากมันหมาไปเองกันแน่

มันสองคนทำท่าคิด ก่อนจะตกปากรับคำ ให้รอเฉย ๆ ในร้านสี่ห้าชั่วโมงคงไม่ไหว ผมจ่ายตัง เดินนำพวกมันออกจากร้าน เห็นไอ้เป้มองมาทางเรา ผมพยักหน้าให้มันที มันพยักหน้ารับ หันไปทำงานต่อ






พอมาถึงห้าง เหมือนจับปูใส่กระด้ง ไอ้เต้ยมันกำลังนอยด์เรื่องพี่มันอยู่ก็จริง แต่พอเห็นข้าวของมันก็วิ่งวุ่น ซื้อนู่นซื้อนี่ใหญ่ ตกลงผมมาหาซื้อของหรือเป็นมันกันแน่

เทียบกันแล้ว กายแทบจะไม่ซื้ออะไรเลย แต่ถุงที่มันหิ้วอยู่เป็นของไอ้เต้ยทั้งนั้น และกว่าครึ่งที่มันซื้อ ก็เป็นของของไอ้เป้แทบทั้งสิ้น           

ผมเข้าใจแล้ว ว่าทำไมไอ้เป้ถึงได้รักน้องมันขนาดนี้

ถึงปากจะหมา ถึงภายนอกจะกัดกัน แต่ทุกอย่างที่ไอ้เต้ยทำ มันนึกถึงพี่มันตลอด ถ้ามันไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ ผมก็อยากจะเชียร์อยู่หรอกนะ           

แต่เพราะมันใช่น่ะสิ

“พี่เป้ผอมลงไปนิดหนึ่งนะ กูว่า มันคงไม่ค่อยกินข้าวแน่นอนเลย ไปหาซื้ออาหารเสริมกันดีกว่า”           
ว่าแล้วมันก็ลากเพื่อนมันไป โดยมีผมเดินตาม

แอบเป็นห่วงไอ้ตัวเล็กมันครับ มันเพิ่งเจ็บตัวมา ยังต้องมาโดนเพื่อนลากไปนู่นมานี่อีก แต่เห็นมันยังเฉย ๆ อยู่ ผมเลยไม่พูดอะไร ช่วยมันถือของบ้างเป็นบางอย่าง ส่วนที่เหลือมันยืนยันที่จะถือเอง ผมเลยปล่อย ๆ ไป เพราะถึงยังไงมันก็เป็นผู้ชาย คงไม่มานั่งแสดงความอ่อนปวกเปียกให้เห็นหรอก

ไอ้เต้ยมันเลือกของเพิ่มอีกเยอะมาก เรียกได้ว่า ของบำรุงสำหรับผู้ชายทั้งนั้น

ผมหยิบพวกยาบำรุงมาดูบ้าง ก่อนจะหันไปเห็นอะไรบางอย่างที่คิดว่าน่าจะเหมาะกับไอ้กิ๊ฟมัน ผมกำลังจะหยิบ เป็นจังหวะเดียวกับที่มือของใครอีกคนจะหยิบด้วย

ผมมองหน้ามัน มันก็มองหน้าผม

“ผมคิดอยู่ ว่าอันนี้น่าจะเหมาะกับพี่กิ๊ฟ”

โอ้โหเฮะ คิดเหมือนกันเด๊ะเลย

“พี่ก็คิดเหมือนกัน”

ผมหยิบมาพลิกดูนิดหน่อย ก่อนเดินถือของชิ้นนั้นไปให้เขาห่อให้ มันตามมาด้วย ตอนแรกพนักงานจะหยิบกระดาษสีฟ้ามาห่อ แต่ไอ้ตัวเล็กข้างผมมันเบรกไว้ ชี้ไปที่กระดาษสีชมพูหวาน ๆ ในกองแทน

ผมเลิกคิ้วแปลกใจ

“พี่กิ๊ฟเขาแอบแมน แต่จริง ๆ ผมว่าเขาน่าจะชอบสีนี้มากกว่า”

ผมหันไปมอง ถึงผมจะรู้คร่าว ๆ ว่าไอ้กิ๊ฟมันชอบไม่ชอบอะไร แต่ไม่เคยรู้ละเอียดถึงขนาดสีที่มันชอบหรือไม่ชอบขนาดนี้ และก็ไม่เคยสังเกตด้วย ว่ามันชอบสีชมพู เพราะปกติเห็นมันใส่แต่สีมืด ๆ ทึม ๆ ยกเว้นตอนแต่งตัวเป็นหญิงละนะ

สรุปพนักงานหยิบสีที่มันเลือก

เดินเล่นกันจนผ่านไปสี่ชั่วโมงพวกเราก็กลับไปที่ร้านเดิม เห็นไอ้เป้มันกำลังรับออเดอร์อยู่ สาว ๆ พากันกรี๊ดกร๊าดมองมันใหญ่

เสน่ห์แรงจริงวุ้ยเพื่อนกู

ไม่นานมันก็เลิกงาน ไอ้เต้ยรีบหิ้วข้าวของไปหาพี่มันทันที เห็นมันยืนคุยอะไรกันสักอย่าง ไอ้เป้มันทำหน้านิ่ง ๆ ไม่ยอมรับของจากน้องมัน สุดท้ายไอ้เต้ยก็ยัดของทั้งหมดใส่มือพี่มัน แล้วหันหลังเดินลิ่ว ๆ ออกจากร้านไป

“ผมตามเต้ยไปก่อนนะ”
ไอ้ตัวเล็กข้างผมรีบวิ่งตามเพื่อนมันไปทันที

ผมถอนหายใจแรง หันไปมองไอ้เป้ที่มองตามหลังน้องมัน ริมฝีปากได้รูปขบกันเบา ๆ ก้มมองของที่อยู่ในมือ

ผมเดินไปจ่ายเงิน แล้วเดินไปหามัน

“เลิกงานแล้วใช่ไหม”

มันพยักหน้า

“ไปดื่มกันหน่อยไหม”

มันพยักหน้าเหนื่อย ๆ จริง ๆ ผมไม่ใช่คนดื่มหนักอะไร แต่บางครั้งจะสังสรรค์บ้าง โดยเฉพาะตอนที่พวกเพื่อน ๆ กำลังนอยด์ จะได้ผ่อนคลายกันบ้าง






สามทุ่มตรง ผมกับมันก็มานั่งเอกเขนกกัน อยู่บนโซฟากลางผับ บรรยากาศโดยรอบสลัวหน่อย ๆ มีเสียงเพลงเปิดคลอเบา ๆ ไอ้เป้นั่งถือแก้วเหล้าผสมอ่อน ๆ ไว้ในมือ ดวงตามันทอดมองไปไกล

“จงใจหนีใช่ไหม”

มันพยักหน้าเบา ๆ จิบเครื่องดื่มในแก้ว

“กูอยากตัดใจ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งทรมาน กูกลัวกูควบคุมตัวเองไม่ได้ แค่นี้ก็น่าเกลียดพอแล้ว”

“ขนาดไหน” 
คืออยากรู้ว่าความรู้สึกของมัน ว่าหนักขนาดไหนแล้ว

“ขนาดเอามันไปฝันเปียก เคยลักหลับมันด้วย ถึงจะไม่ที่สุดก็เถอะ”

ผมพ่นลมหายใจออกแรง ไอ้เต้ยมันก็ตื่นยาก ผมไม่แปลกใจที่มันจะโดนลักหลับ

“ร่างกายมึงมีปฏิกิริยา ว่างั้น”
ผมคาดเดา มันพยักหน้า

“กูกลัวกูทนไม่ได้ ทำอะไรมันไป ถึงเวลานั้น กูคงให้อภัยตัวเองไม่ได้แน่ ๆ”
มันแหงนหน้าขึ้นมองเพดานด้านบน

“มึงทำดีแล้วล่ะ”

เรื่องอย่างนี้ ทางที่ดีที่สุด คือต้องตัดใจเท่านั้นแหละ

“ว่าแต่มึงกับกายไปถึงไหนกันแล้ววะ”
มันก้มหน้ามายิ้มพราวใส่ผม

ไอ้นี่ มึงจะเปลี่ยนโหมดเร็วไปไหม =*=

“ก็ไม่อะไร”
ผมเส มันหัวเราะหึ ๆ

“เขมือบไปแล้วล่ะสิ”

ผมไม่ตอบ แต่ยกยิ้มให้มันนิดหนึ่ง

“กูจะดูว่าคนนี้มึงจะกินได้นานเกินสามเดือนหรือเปล่า”

“มึงพูดเหมือนกูเจ้าชู้นักหนา”

“เปล่า กูดูจากคนที่ผ่าน ๆ มาของมึง ไม่กี่เดือนมึงก็เลิกคบ จะว่าเพราะงานมึงเยอะ หรือเป็นเพราะส่วนมาก มีแต่คนที่วิ่งเข้ามาหามึง มากกว่าที่มึงจะวิ่งเข้าหาก็เถอะ มันเลยทำให้มึงไม่ค่อยจะใส่ใจใครเท่าไหร่” มันวิเคราะห์

ผมนั่งคิด

จะว่าไปมันก็จริง ผมเองก็ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในคนเจ้าชู้ แต่นั่นเพราะรูปลักษณ์และฐานะเป็นตัวดึงดูด สาว ๆ มักจะวิ่งเข้ามาหา ซึ่งผมก็แค่รับไว้ แล้วกินเรียบเท่านั้น หายากที่ผมจะเจอใครถูกใจแล้ววิ่งตาม

ไม่ใช่เพราะไม่ใส่ใจ แต่เพราะตัวเองเป็นเด็กกิจกรรมมาตั้งแต่สมัยม.ต้น เน้นกิจกรรมและงานมาก่อน ส่วนหญิงมาทีหลัง

“ใครทนมึงได้ก็เก่งแล้ว บ้างานซะขนาดนั้น”
มันพูดต่อ

ผมเบ้หน้า ไม่ตอบโต้มัน

เพราะความสัมพันธ์ของผมกับกาย ไม่ใช่แฟน แต่เป็นมากกว่ารุ่นน้องทั่วไป มันตอบไม่ได้ว่าอยู่ในฐานะอะไร ยอมรับว่ารู้สึกดี ยอมรับว่ารู้สึกตื่นเต้น แต่ไม่รู้ว่าความรู้สึกพวกนี้ มันจะคงทนยาวนานแค่ไหน อาจจะแค่ฉาบฉวย หรือยาวนานกว่านั้น

และผมก็ไม่แน่ใจความรู้สึกมันด้วย ผมก็ผู้ชาย มันก็ผู้ชาย สักวันเราอาจยุติความสัมพันธ์แบบนี้นี้ลง และมันจะกลายเป็นเพียงประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งของชีวิตเท่านั้น   

เราสองคนดื่มกันจนเมา สักพักก็มีหญิงสาวสองคนเดินเข้ามาทัก คนหนึ่งตรงดิ่งไปหาไอ้เป้ ส่วนอีกคนเข้ามาหาผม ผม ก็คุยไปตามปกติ หญิงสาวในชุดนุ่งน้อยห่มน้อย กระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋ เสื้อเกาะอกเน้นเต้าจนแทบปริ ผิวเนื้อขาวผ่อง กลีบปากสีชมพูระเรื่อ เส้นผมหยักลอนนิดหน่อย

เซ็กซี่ดีครับ

ผมหันไปมองไอ้เป้ ทางนั้นนั่งแลกลิ้นกันไปเรียบร้อยแล้ว ไอ้เป้มันคงเก็บกด ต้องระบายบ้าง ยิ่งมาเจอน้องมันแบบนี้ มันยิ่งต้องระบาย ไม่งั้นถ้ามันเก็บกดเอามาก ๆ อาจคิดทำอะไรเกินเลยน้องมันไปคงยุ่ง

หญิงสาวพอเห็นเพื่อนเล่นบทรักก็เริ่มหันความสนใจมาทางผมบ้าง ผมโอบเอวบางเอาไว้หลวม ๆ พลันนึกถึงเอวของใครบางคน ถึงมันจะไม่เล็กบางเท่าเอวที่ผมกอดอยู่ตอนนี้ แต่ก็จับถนัดมือ

เธอเริ่มเอามือคล้องคอผมไว้ ทำให้ผมนึกถึงมือที่ค่อย ๆ เลื่อนจากต้นแขนผมไปที่หัวไหล่และสิ้นสุดที่ลำคอ ตอนโดนผมแกล้งกระตุ้นอารมณ์มัน

มันไม่เชี่ยว แถมยังเต็มไปด้วยความประหม่า ร่างกายที่สั่นไหว ดวงตาที่ตื่นตระหนก และอารมณ์ฟุ้ง ๆ ที่พยายามสะกดกลั้น
หญิงสาวเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ลิปกลอสสีระเรื่อใกล้ริมฝีปากผมเพียงคืบ ได้กลิ่นหอมเร้าอารมณ์จรุงไปทั่วจมูก แต่คนที่ผมเพิ่งกอดวันนี้มีแต่กลิ่นเนื้อและกลิ่นสบู่เท่านั้น

ไม่นานเกินรอ ริมฝีปากเจือสีก็แนบสนิทกับปากผม กลีบปากอันเชี่ยวชาญพร้อมปลายลิ้นเรียวเล็กสอดเข้ามาทันทีที่ผมเปิดปาก แตกต่างกับปากแดง ๆ ที่พยายามเม้มแล้วเม้มอีก กั้นไม่ให้ผมรุกล้ำ จนผมต้องใช้เทคนิคทำให้ปากนั้นเปิดออก

ลิ้นเล็กเกี่ยวนำหยอกล้อผมอย่างชำนาญภายใน แตกต่างกับลิ้นที่ไม่ประสา ขยับตามการนำของผมเท่านั้น

เสียงครางเบา ๆ ฟังดูเย้ายวน แต่ผมว่าเสียงครางกระท่อนกระแท่นอย่างคนพยายามระงับเสียงตัวเองไว้ฟังดูมีเสน่ห์กว่ากันเยอะ

ผมละริมฝีปากออกมามองรอยยิ้มยั่วยวน มันแตกต่างกับใครอีกคนที่จะก้มหน้าหลบตาผมทันทีที่ผมถอนจูบออก

ผมจับเอวบางสองข้าง เธอคลี่ยิ้มพอใจเบียดชิดเข้ามาใกล้ขึ้น แตกต่างจากใครอีกคนที่เพียงผมวางมือไว้บนเอว เจ้าตัวจะสะดุ้งโหยง แววตาเต็มไปด้วยความตระหนก

นี่ทำไมในหัวผม… ถึงได้มีแต่ภาพของหมอนั่นเต็มไปหมดแบบนี้ล่ะ

ผมไม่ใช่ผู้ชายที่ดี ถึงมีแฟนแล้ว ผมก็นอนกับผู้หญิงเพียงค่ำคืนเดียวได้ และไม่เคยมีใครอยู่ในความทรงจำของผมแบบนี้มาก่อน ผมพยายามสลัดหัวลบภาพรอยยิ้มร่าเริงนั้นทิ้งไป

“เมาแล้วเหรอคะ เกดว่า เราน่าจะกลับไปพักผ่อนกันดีกว่านะคะ”
เธอกรีดปลายนิ้วกับร่องอกผม แสดงเจตนาแห่งความต้องการผ่านแววตาและรอยยิ้มยั่วยวน

ผมจับมือเล็กไว้ หยุดการกระทำของเธอลง

“บังเอิญผมติดธุระพอดีน่ะ ไว้โอกาสหน้าดีกว่า”
ผมพูดนุ่มนวล จุมพิตแก้มขาวเบา ๆ เธอหน้าเสียที่ถูกปฏิเสธ แต่ก็ยังยิ้มพราว ล้วงหยิบนามบัตรมายื่นให้

“สำหรับคนหล่อ ได้ทุกเมื่อค่ะ”

ผมรับมาเก็บไว้ หันไปทางไอ้เป้ที่เริ่มรุกหนักแล้ว

“กูพอแค่นี้นะเป้”
มันละปากจากอกอิ่มมามอง คิ้วมันเลิกสูง คงแปลกใจที่ผมกล้าทิ้งสาวงามข้างกายแบบนี้   

“มึงไม่กินต่อเหรอวะ ของดีนะเว้ยเฮ้ย”
พูดให้รู้เรื่องกันสองคนครับ

“พอดีกูเพิ่งกินมาจานหนึ่งพูน ๆ วะ ยังอิ่มอยู่เลย”

มันเลิกคิ้ว แต่ก็ยิ้มเข้าใจ

“งั้นกูพอบ้างดีกว่า”
มันเขยิบตัวนั่งดี ๆ สาวเจ้าทำท่าเสียดาย

“คงไม่ว่านะครับ ถ้าผมจะขอเบอร์โทรไว้ พอดีผมมีธุระต้องคุยกับเพื่อนต่อ”

สาวเจ้าทำท่าจะงอแง แต่ไอ้เป้มันก็เก่งเรื่องการหว่านล้อมครับ สักพักเราก็กลับมานั่งเงียบ ๆ กันอีกครั้ง

“เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่มึงไม่เขมือบขนม”

“กูอิ่มแล้ว”

มันหัวเราะ แล้วเราสองคนก็ดื่มด้วยกันต่อไปเรื่อย ๆ กระทั่งเข็มสั้นของนาฬิกาวิ่งไปกระทบเลข 12 พวกเราถึงได้แยกย้ายกันกลับ


TBC...
ตามสัญญาค่ะ อ่านกันให้สนุกน้าาาา คีส ๆ
ปล. ตอนนี้กำลังสั่งเขาทำปกหนังสืออยู่ หุหุ หวังว่าจะงดตามตามต้องการนะคะ ได้ปกเมื่อไหร่ จิรีบเอาภาพมาลงแน่ ๆ ฮ่า ๆ

บุ้ย ๆ^^ 

ปล. แอบสารภาพว่าลงนิยายที่นี่ยากนิดหนึ่งนะคะ ทั้งการจัดวางตัวหนังสือและอะไรหลาย ๆ อย่าง เลยมาลงหนืด ๆ นิด ๆ T^T
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 22-07-2012 22:10:47
คิดว่าคืนนี้จะไม่มาซะอีก
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 23-07-2012 00:02:09
อ่าาาา มาต่อแล้ววว คิดถึงจัง
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 23-07-2012 00:50:22
เป็นกำลังใจให้กับความรักของน้องกายกับน้องเต้ย :L2:

 :call:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: BBSS ที่ 23-07-2012 00:58:11
เต้ย-เป้ ถึงเศร้า แต่ก็ต้องหักห้ามจายยยย :m15:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 23-07-2012 09:07:01
สงสารทั้งพี่เป้และน้องเต้ยเลยอะ :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:


รออ่านตอนต่อไปจ้าคีส :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: lekkatid ที่ 23-07-2012 10:38:03
 :L1:รักพี่เอก รักน้องกาย แต่รักคุณมิวที่สุดที่มาต่อให้ได้อ่านกัน +1
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 23-07-2012 15:02:59
ตอนแรกนึกว่ากายจะโกรธพี่เอก

โธ่น่าจะเล่นตัวหน่อย 5555

ส่วนพี่น้องไม่แท้แน่ๆเลย
 
ขอให้เป็นอย่างนั้นนะคะT^T

เศร้าจริ๊งคู่นี้

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbpms ที่ 23-07-2012 19:27:38
อยากอ่านคู่ พี่เป้น้องเต้ยจังอ่าา  :oo1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 24-07-2012 01:25:13
กาย กับพี่เอก น่ารักที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 24-07-2012 07:28:11
แหม สองหนุ่ม  ทำไรเกรงน้องมันบ้าง
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: [newZy]CASS ที่ 24-07-2012 11:28:40
ขอให้สมหวังกันคะ
พี่เป้+เต้ย
สงสาร
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 24-07-2012 12:15:15
เป้กับเต้ยจะได้ลงเอย
กันไหมเนี่ยอยากทั้งคู่
ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆจัง :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 24-07-2012 21:23:31
โอ๊ย

น่ารัก

จะน่ารักไปถึงไหน สองคนนี้

ชอบๆๆๆๆมากๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 25-07-2012 18:43:34
สงสารพี่เป้อะ ไม่น่าเป็นพี่น้องกันเลย พี่เอกหื่นอะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 25-07-2012 23:45:12
จะแอบไปฟ้องกายว่าพี่เอกแอบไปจูบกับคนอื่น
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 28-07-2012 13:23:02
เมื่อไหร่จะมาน๊าาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: Akidahaza ที่ 28-07-2012 14:14:07
พี่เอกเริ่มรักกายแล้วสินะ ><♥
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 30-07-2012 21:43:37
อยากให้พี่น้องคู่นี้ลงเอยกันจังต่างคนต่างรักกันต่างห่วงกันขนาดนี้

จะมีหักมุมไหมนะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 16 : ในความทรงจำ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 02-08-2012 13:09:59
รออ่านตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 17 : ประกาศผลรางวัล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 05-08-2012 21:19:18
Kiss Love ♥ [17] ประกาศผลรางวัล
[กาย...♥]



ผมวิ่งตามไอ้เต้ยออกไปนอกร้าน เป็นห่วงมันครับ เห็นตามันแดง ๆ พอกระชากแขนมันกลับมาได้ ก็เห็นน้ำตามันไหลพรากเลย
 
“เต้ย!!”
 
“กาย กูไม่รู้จริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถึงพี่กูจะเหี้ย จะเลว จะปากหมาใส่กูขนาดไหน แต่กูยังรู้สึกว่าเป็นน้องของมันอยู่ แต่มาตอนนี้ มันทำเหมือนกูเป็นคนอื่น”
 
ผมรีบดึงมันเข้ามากอด ไม่อายครับ ใครจะมองยังไงก็ช่าง ความรู้สึกของเพื่อนต้องมาก่อน มันสะอื้นใหญ่ ยิ่งเป็นพวกอ่อนไหวง่าย ๆ อยู่ด้วย
 
“แต่กูไม่ยอมแพ้หรอก”
มันรีบผลักตัวเองออกไปปาดน้ำตา
 
“กูต้องรู้ให้ได้ ว่ามันเมินกูเพราะอะไร มันโกรธกูเรื่องอะไร กูไม่รู้ว่ากูทำอะไรผิด แต่กูจะต้องรู้ให้ได้ ถ้ามันไม่บอก กูก็จะค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง”
 
“เฮ้ย มึงใจเย็นก่อนดิ พี่เขาไม่ได้โกรธมึงหรอก แต่แค่ต้องการความเป็นส่วนตัวแค่นั้นเอง”
ผมรีบแก้ต่างให้
 
“มึงไม่ต้องพูดเลย มึงไม่ได้มาเป็นกู มึงไม่รู้หรอก ถ้าแค่ต้องการความเป็นส่วนตัว มันจะไม่ทำแบบนี้ นี่มันจงใจหนีหน้ากู ถ้ามันไม่บอกกูตรง ๆ กูก็จะค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง” มันบอกอย่างมุ่งมั่น

ผมยืนหนักใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น พี่เป้ที่พยายามหนี กับไอ้เต้ยที่พยายามจะวิ่งตาม ผมไม่รู้ว่าใครจะเป็นฝ่ายที่เหนื่อยและยอมแพ้ไปก่อน
 
แต่ที่แน่ ๆ พวกเขาจะเหนื่อย และเจ็บด้วยกันทั้งคู่
 
ผมพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะถ้าขืนผมพูดอะไรมากไปกว่านี้ มันต้องรู้เรื่องที่ผมรู้แน่ ๆ
 
 
 
 
 
 

 
ผมกลับเข้าบ้านหลังจากไปส่งไอ้เต้ยกลับบ้านมันแล้ว บ้านเงียบเอามาก ๆ ผมเดินขึ้นห้อง ทิ้งตัวนอนหงายบนเตียงกว้าง แล้วดวงหน้าของใครบางคนก็ลอยเด่นขึ้นมากลางเพดานขาว ใบหน้าหล่อ ๆ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ รวมถึงน้ำเสียงนุ่ม ๆ นั้นด้วย
 
พี่เป้รักไอ้เต้ย และไอ้เต้ยก็รักพี่เป้
 
แล้วผมล่ะ รู้สึกยังไงกับพี่เอก
 
แล้วพี่เอกล่ะ คิดยังไงกับผม
 
ผมไม่รู้ความรู้สึกตัวเอง และผมก็ไม่รู้ความรู้สึกของพี่เอกด้วย
 
ถามว่ารักไหม ตอบได้เลย…
 
...ผมไม่รู้
 
ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกของคำว่ารักนั้นเป็นแบบไหน มันจะเหมือนหรือแตกต่างกับความรักที่ผมมีให้กับพ่อแม่  หรือเพื่อนอย่างไอ้เต้ยหรือเปล่า
 
...ผมไม่รู้
 
แต่ผมรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้ง เวลาที่ได้อยู่ใกล้ ๆ พี่เอก
 
รู้สึกอบอุ่น แม้เพียงแค่ได้ยินเสียงทุ้มนุ่ม ๆ แบบนั้น
 
และรู้สึกวาบหวิวไปกับทุกสัมผัสจากเขา แม้เพียงแค่สายตาก็เถอะ
 
 






 
 
 
 
 
วันพรุ่งนี้มีงานนิทรรศการของมหาลัยครับ เห็นพวกพี่เอกวิ่งวุ่นกันใหญ่ ส่วนผมก็ตื่นเต้นลุ้นภาพที่ผมส่งเข้าประกวดทั้งสามภาพ ติดสักภาพก็ยังดี ไม่หวังสักรางวัลหรอก ขอแค่ผ่านเข้ารอบคัดเลือก 20 ภาพก็พอ
 
เพราะทั้งยี่สิบภาพนี้จะถูกจัดโชว์ไว้ในแกลลอรี่ของมหาลัยเหมือนกัน
 
ไอ้เต้ยมันอดทนจริง ๆ มันไปหาพี่เป้ที่ร้านทุกเย็น ถึงพี่เป้จะทำตัวเย็นชาใส่มันขนาดไหนก็เถอะ ผมเองก็พลอยลุ้นไปด้วย ลุ้นให้มันยอมแพ้ไปเอง หรือไม่ก็ลุ้นให้พี่เป้เอาชนะใจตัวเองให้ได้เร็ว ๆ ก็พอ


 
“ไอ้กาย มึงจะนั่งขัดอีกนานไหม กล้องมึงน่ะ ขัดจนเลขมันจะขึ้นอยู่แล้ว”
 
“อย่ายุ่งน่า กูกำลังอาบน้ำให้ลูกชายกูอยู่”

มันส่ายหน้าเอือม ๆ ไปมา
 
“กูว่าสักวันกูต้องพามึงเข้าโรงบาลศรีธัญญาแน่ ๆ”

ผมไม่สนคำพูดมัน ยังตั้งหน้าตั้งตาขัดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนต่อไป
 
“เฮ้ย กายไปกับกูหน่อย”

ผมที่กำลังนั่งหรี่ตามองหาเศษฝุ่นอยู่ปลิวหวือไปตามแรงลากของมัน
 
“เฮ้ย!! จะไปไหน”
 
มันไม่ตอบครับ แต่พาผมมายืนแอบอยู่ข้างต้นไม้แถวตึกวิศวะ ปลายสายตาของเราคือพี่เป้ครับ กำลังยืนคุยอยู่กับสาว ๆ ไอ้เต้ยมันยื่นหน้าออกไปดู
 
“มันเดินหนีกูแม้แต่ในมหาลัย” มันพูดเบา ๆ ให้ผมได้ยิน

อ๋อ มิน่าล่ะ มันถึงได้ถ่อไปหาพี่มันถึงร้านกาแฟทุกวัน เพราะที่นั่นพี่เป้จะหนีมันไม่ได้
 
“เฮ้ย!! ไอ้เต้ย”
ผมรีบคว้ามันไว้ แต่คว้าได้แค่อากาศ มันเดินไปหาพี่มันแล้ว
 
“พี่เป้” มันเรียก
 
ผมรีบหดหัวกลับเข้าไปที่เดิม ไม่อยากให้พี่เป้รู้ว่าผมอยู่ตรงนี้
 
“มีเรื่องจะคุยด้วย”

เห็นพี่เป้ทำหน้านิ่ง ๆ หันหลังเตรียมจะเดินหนี แต่ถูกไอ้เต้ยฉุดเอาไว้ก่อน
 
โห พี่เป้ พระเอกมิวสิคมากมาย หน้าปูนซีเมนต์ได้ใจ
 
“พี่ต้องรีบไปทำงานที่สภาต่อ แค่นี้นะ”
พูดจบก็เดินหนีไปเลย ไอ้เต้ยยืนกำหมัดแน่น ท่าทางแบบนั้น มันคงพยายามกลั้นน้ำตาแน่ ๆ ผมรีบเดินเข้าไปปลอบมัน
 
“ไม่เป็นไรนะเต้ย”
 
มันรีบปาดน้ำตาที่กำลังหล่นแหมะทิ้ง
 
“กูไม่เป็นไร แค่นี้กูไม่ยอมแพ้หรอก กูว่าพี่เป้ต้องมีปัญหาแน่ ๆ กูไม่รู้ว่ามันปิดบังอะไรไว้ แต่กูจะช่วยพี่มัน”
 
กูว่ามึงอย่ารู้เลย
 
“เต้ย เรื่องบางเรื่อง ก็ไม่สมควรจะรู้นะ”
 
มันหันขวับมามอง หรี่ตาจ้องหน้าผมใหญ่ ผมเหงื่อแตกพลั่ก
 
ผมเคยบอกรึยัง ว่าไอ้นี่มันหัวไว
 
“มึงรู้อะไร” นั่นไงล่ะ
 
“ก็แค่เดาเอาว่า พี่เป้คงไม่อยากเล่าให้มึงฟัง เอิ่ม…บางทีอาจเป็นเรื่องที่มีผลกระทบกับมึงโดยตรง หรือไม่ …เรื่องนั้นอาจทำให้คนเป็นน้องอย่างมึงไม่สบายใจก็ได้” ผมอ้อมแอ้มพูดเหมือนคาดเดา

หวังว่าตัวเองจะไม่หลุดอะไรออกไปนะ
 
“อันนั้นกูรู้”
 
อ้าว..
 
กูโง่ใช่ไหม ที่ไม่รู้ว่ามึงรู้
 
“กูรู้ว่ามันต้องมีบางเรื่องที่มันพยายามปิดบังกูอยู่ กูแค่อยากรู้ว่าเรื่องอะไร แค่นั้นแหละ”
 
ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ
 
ผมพูดได้แค่นี้ครับ ขืนพูดมากกว่านี้ คงเป็นผมเองที่ทำความลับพี่เป้แตก
 



สรุป ผมต้องเลยตามเลย ตามน้ำไปกับมันก่อน แล้วค่อยหาทางฉุด ๆ ให้มันออกห่างพี่เป้อีกที มันขอตัวไปเข้าห้องน้ำในขณะที่ผมยืนรออยู่ตรงจุดเดิม คิดทบทวนหาหนทางในการช่วยพี่เป้อีกที
 
“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้” 

ผมสะดุ้งเฮือก หันไปมองคนที่มายืนขนาบอยู่ด้านหลัง
 
นี่ผมเป็นพวกความรู้สึกช้า หรือพี่เอกเป็นพวกย่องเบากันแน่นะ มาทีไรไม่เคยรู้ตัวเลย พี่ท่านยืนกอดอกทำหน้านิ่ง ๆ ตามสไตล์
 
“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้”
พี่มันถามอีกทีเมื่อคำตอบยังไปไม่ทันใจ
 
อย่าใจร้อนสิพี่ ผมกำลังวิเคราะห์ความเฉื่อยของผมอยู่
 
“รอเต้ยมันน่ะ มันไปเข้าห้องน้ำ”
เมื่อกี้มันร้องไห้ไปเยอะ กลัวเดินผ่านคณะศิลปกรรมแล้วไม่หล่อ ตกลงมันห่วงพี่มันหรือห่วงหล่อมากกว่ากันวะ
 
พี่เอกพยักหน้า หันไปตามเสียงเรียกของพี่อิงที่ตะโกนเรียกอยู่ไม่ห่าง พี่อิงโบกมือให้ผมที แล้วหันกลับไปสั่งงานกับเด็กปีสามต่อ
 
“วันนี้เลิกเรียนกี่โมง”
พี่เอกถามกลับ ผมละสายตาจากพี่อิงมามอง
 
“ตอนบ่ายมีเรียนสองวิชา สี่โมงก็กลับแล้ว”
 
พี่มันทำท่าคิด เสียงพี่อิงแหกปากเรียกดังกว่าเดิม พี่เอกทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง ก่อนหุบปากแล้วเดินจากไป
 
ผมมองตามงง ๆ สักพักไอ้เต้ยก็มา
 
“ป่ะ ไปกันเถอะ”
มันชวน มันคงไม่ทันเห็นพวกพี่ ๆ เขา
 
ผมเดินไปกับมัน แต่แอบหันไปมองคนที่ทำหน้าซีเรียสในกลุ่มเพื่อนอีกนิดหน่อย
 
เมื่อกี้พี่มันจะพูดอะไร…
 
 
 

(ต่อด้านล่าง)
 
 
 
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 17 : ประกาศผลรางวัล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 05-08-2012 21:20:40

 (ต่อจากด้านบน)
วันนี้คงเป็นวันที่โกลาหลที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา แต่ก็ตื่นตาตื่นใจดี ผู้คนเดินกันยั้วเยี้ย มีซุ้มต่าง ๆ พร้อมกับการแสดงเป็นจุด ๆ เสียงประกาศ เสียงเพลง เสียงผู้คนเซ็งแซ่ ดังระงมไปหมด
 
แต่ผมไม่สนใจครับ จุดเดียวที่ผมต้องการไปคือโซนแกลลอรี่ประกวดภาพถ่ายเท่านั้น
 
พอมาถึง ผมรีบลากไอ้เต้ยตรงไปยังโซนของภาพที่ผ่านการประกวดทันที พวกเขาเผยโฉมภาพที่ผ่านการคัดเลือกแล้ว ภาพที่ผ่านมีทั้งหมด 20 ภาพ แต่เห็นจริง ๆ มีแค่ 17 ภาพ เพราะอีกสามภาพเป็นภาพที่ได้รับรางวัลชนะเลิศที่หนึ่งถึงที่สาม ซึ่งตอนนี้มันตั้งอยู่บนเวที และถูกคลุมไว้ด้วยผ้าขาวพร้อมหมายเลยบอกรางวัลบนหัว         
 
เวทีเป็นเวทีที่สร้างจากโต๊ะคลุมด้วยไม้กระดานอีกที สูงประมาณเอว ด้านหลังเขียนบอกรายละเอียดเกี่ยวกับงานอีกนิดหน่อย ซึ่งตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาประกาศผล
 
ผู้คนทั้งในและนอกมหาลัย ต่างพากันแวะเวียนเข้ามาชื่นชมผลงานที่ผ่านการคัดเลือกไม่หยุด ผมกวาดมองทุกภาพที่อยู่ภายใน
 
...แต่ปิ๋วครับ…
 
ไม่มีภาพของผมสักใบ
 
“กูชวดว่ะเต้ย”
ผมบอกมันเสียงเหี่ยว ไอ้เต้ยตบไหล่เบา ๆ
 
“ไม่แน่นะกาย…”
มันชี้ไปยังภาพถ่ายที่แปะรางวัลที่หนึ่งไว้
 
“นั่นอาจเป็นภาพของมึงก็ได้”
มันพูดแล้วทำท่าเกาคางคิด
 
“แล้วกูขอเดานะ…”
มันนิ่งไปหลายอึดใจ
 
“กูว่าภาพที่ได้รางวัลน่าจะเป็น…”
 
ผมนิ่งฟังมันว่าไป
 
“กบกินแมลงของมึงแหงม ๆ ว่ะฮ่า ๆ ๆ”
 
อยากตืบมันสักที =*=
 
“ภาพนั้นถ่ายยากนะเว้ยเฮ้ย กว่าจะถ่ายได้”
 
“เอ้อ กูเข้าใจ คุกเข่ารอร่วมชั่วโมง มึงนี่เป็นพวกความอดทนเป็นเลิศจริง ๆ ว่ะ กูเห็นตั้งแต่มึงไปนั่งจ้องเด็กดอยกินขนมแล้ว สุด ๆ ไปเลย นี่ถ้ากูไม่ใช่เพื่อนสนิทที่เห็นว่ามึงรักการถ่ายภาพนะ กูจะคิดว่ามึงเป็นพวกเด็กเอ๋อแน่ ๆ”
 
มันว่าพาเอาผมรู้สึกอายตัวเองขึ้นมาทันที เคยโดนแม่ด่าอยู่เหมือนกัน เวลาที่ผมชอบจ้องอะไรนาน ๆ เพื่อหาช็อตถูกใจ บางทีนั่งจ้องยืนจ้องได้เป็นชั่วโมง ๆ
 
ผมพ่นลมหายใจทิ้ง ยกกล้องขึ้นมาถ่ายสามภาพที่ถูกคลุมไว้ด้วยผ้าขาวติดหมายเลขอีกที ที่นี่อนุญาตให้ถ่ายรูปได้ครับ แต่ห้ามเอาไปลอกเลียนแบบเท่านั้นเอง ผมยืนถ่ายหลาย ๆ มุม ถึงไม่มีภาพผมอยู่เลยสักใบ ผมก็พอใจแล้วล่ะครับ อย่างน้อยก็ได้ส่งเข้าประกวดละนะ
 
ผมเล็งกล้องถ่ายภาพไปเรื่อย ๆ จนแพนไปเจอไอ้เต้ย

แม้ฉากหลังของมัน จะเต็มไปด้วยผู้คนที่มีใบหน้าประดับรอยยิ้ม บ้างคลุกเคล้าเสียงหัวเราะ แต่ใบหน้าของมันกลับเคลือบไปด้วยความเศร้า
 
ผมแพนกล้องไปยังปลายสายตามัน สิ่งที่เห็นคือพี่เป้ที่ถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อน ๆ รวมถึงสาว ๆ ก่อนแพนกล้องกลับมาที่มันต่อ
 
ผมลั่นชัตเตอร์ทันทีที่เห็นดวงตามันคลอไปด้วยหยาดน้ำ
 
ก่อนกดอีกครั้ง เมื่อหยาดน้ำเหล่านั้นรวมตัวกันกลายเป็นหยดน้ำเกาะค้างไว้ที่กลางดวงตาล่าง
 
และกดอีกครั้ง เมื่อน้ำตาหยดนั้นกลิ้งตกลงมาที่แก้ม
 
และอีกหลาย ๆ ครั้ง ตอนที่น้ำตาเหล่านั้น ไหลรินลงมาเป็นสาย
 
ผมรู้ว่ามันกำลังเศร้า ผมรู้ว่าตัวเองเป็นเพื่อนสนิท และมีหน้าที่ปลอบใจเพื่อน
 
แต่ตอนนี้ ผมอยากได้งานศิลปะอันทรงคุณค่า ที่มาจากความรู้สึกที่แท้จริง จากความรู้สึกจริง ๆ ที่ไม่เสแสร้ง ของคนคนหนึ่งที่ถูกเมินอย่างไร้เหตุผล...
 
…จากคนที่รัก


ผมยืนถ่ายใบหน้าด้านข้างของมัน ก่อนที่มันจะหันหน้ามองตรงมาทางผม ผมยังกดถ่ายมันไม่หยุด แม้กระทั่งตอนที่มันกำลังใช้หลังมือปาดน้ำตามันออกก็ตาม
 
“มึงจะถ่ายทำเชี่ยอะไร!”
มันด่าครับ มือก็ยังปาดน้ำตาป้อย ๆ
 
“กูไม่ได้ถ่ายตัวเชี่ย แต่กูถ่ายมึง”
ผมเถียงไปในขณะลั่นชัตเตอร์
 
มันชินแล้วล่ะครับ ผมถ่ายมันบ่อย มันหันไปมองพี่เป้อีกที ปากบางเม้มแน่น เหมือนคนกำลังตัดสินใจหรือมุ่งมั่นที่จะทำอะไรสักอย่างอยู่
 
พอผมถ่ายมันจนหนำใจ ก็แพนกล้องกลับไปหาพี่เป้ต่อ แล้วลั่นชัตเตอร์อีกที แต่ถ่ายไปได้แค่สองสามภาพ เลนกล้องผมก็ถูกบดบังจากสีขาว ๆ ของอะไรสักอย่าง ผมลดกล้องลงมองคนที่บังอาจมาบดบังทัศนีย์ภาพของตัวเอง
 
“พี่เอก”
เหมือนเป็นคีย์เวิร์ดไปแล้วครับ เจอพี่มันทีไร ผมต้องเรียกชื่อก่อนทุกที พี่เอกทำหน้านิ่ง ๆ
 
“จะถ่ายพี่ก็ขอกันดี ๆ หน่อยสิ ค่าตัวพี่แพงนะ”
 
ผมเบ้หน้า
 
“รอผลรางวัลอยู่เหรอ”
ปากพี่มันถาม ตาก็กวาดมองไปรอบ ๆ สงสัยกำลังหาอยู่ว่าภาพของผมคืออันไหน
 
ผมพยักหน้า
 
“ปิ๋วแล้วล่ะ ไม่ติดสักภาพ เสียดายแต่หน้าหล่อ ๆ ของพี่นั่นแหละ คิดว่าจะได้มาโชว์ในงานนี้ซะอีก”
ผมบอกปลง ๆ
 
พี่เอกเปลี่ยนสีหน้านิดหน่อย ก่อนกลับมาราบเรียบเหมือนเดิม พี่แกมองไปรอบ ๆ อีกที ก่อนหยุดมองไปยังสามภาพที่ถูกผ้าปิดเอาไว้บนเวที 
 
“อ้าว นั่นยังไม่ได้เปิดนี่”
 
“โธ่พี่ รางวัลใหญ่ขนาดนั้น ผมไม่หวังหรอก”
 
อันนี้ผมพูดจริง ๆ เพราะปีที่แล้ว ภาพของคนที่ได้รับรางวัลและผ่านเข้ารอบยี่สิบคนสุดท้ายนั้นสวยเอามาก ๆ และปีนี้ รุ่นพี่เหล่านั้นก็ส่งเข้าประกวดกันอีก ผมไม่หวังที่หนึ่งสองหรือสามหรอก หวังแค่ว่า ภาพผมสักภาพ จะติด 1 ใน 20 บ้างก็พอ
 
“คิดในแง่ดีไว้สิ” พี่มันปลอบ
 
ผมยิ้มกว้าง
 
“กาย.. ไงได้สักรางวัลไหม” 
พี่อ้อยครับ นำทีมพวกเพื่อน ๆ เดินเข้ามาหา ผมส่ายหัว พยักหน้าให้พวกพี่ ๆ มองไปยังภาพในแกลกันเอง
 
“โหย สวย ๆ กันทั้งนั้นเลยว่ะ”
พี่โอมครับ พ่วงท้ายด้วยสาว ๆ สองสามคน
 
ที่พวกพี่ ๆ มาแกร่วกันแถวนี้ได้ เพราะซุ้มของพวกคณะกรรมการดูแลงานอยู่ข้าง ๆ แกลผมพอดี (สงสัยเป็นเรื่องบังเอิญ)
 
“ไม่แน่นะกาย ของกายอาจเป็นหนึ่งในภาพพวกนั้นก็ได้”
พี่โอ๊คเดินมาให้กำลังใจเสียงนุ่ม ผมยิ้มรับ
 
“ผมก็หวังงั้น”
 
“ถ้าไม่ได้พี่เลี้ยงขนมปลอบใจเราร้อยหนึ่งเลยเอ้า”
พี่อิงหยิบแบงค์ร้อยมาคีบไว้
 
“พี่ให้สองร้อยเลยเอ้า”
พี่อ้อยเอาบ้าง
 
“กูให้มึงห้าร้อยเลย”
ไอ้เต้ยมันเสนอขึ้น
 
“โห มึงจะทุ่มไปไหมเต้ย”
ผมหันไปพูดกับมัน
 
“กูปลอบใจมึงไง แต่มึงต้องเลี้ยงข้าวกูอาทิตย์หนึ่งเต็ม ๆ”
 
“ไอ้เลว งั้นมึงไม่ต้องมาปลอบใจกูเลย”
ผมด่ากลับ มันหัวเราะร่วน
 
“งั้นพี่ให้ห้าร้อยด้วย ถ้าไม่ได้สักรางวัลน่ะนะ”
พี่ปิงเห็นเงียบ ๆ ก็ยังเสนอกับเขา คราวนี้พากันเสนอยกฝูงเลยครับ งานนี้ถ้าผมไม่ได้สักรางวัล ผมก็จะได้เงินกลับบ้านร่วม ๆ ห้าพันได้มั้ง
 
...หวานแมวครับงานนี้
 
“อ้าว แล้วถ้าเกิดผมได้รางวัลขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ”
 
พวกพี่ ๆ ทำท่าคิด
 
“งั้นนายก็เป็นเจ้ามือเลี้ยงพวกเรากลับละกัน”
 
ผมยิ้ม “ก็ได้ฮะ แต่ไปทำกินกันเองที่บ้านนะ งบผมไม่เยอะ”
 
“อ้าว กลัวอะไรล่ะ พ่อบุญทุ่มก็มี”
 
ผมขมวดคิ้วกับคำพี่กิ๊ฟ พี่มันยักคิ้วไปทางพี่เอก พี่แกหน้าเหวอ ทุกสายตาหันไปมองพี่แกเหมือนกัน
 
“มึง.. ถ้ากายได้รับรางวัล มึงต้องเป็นเจ้ามือนะ”
พี่กิ๊ฟโยนขี้ไปให้พี่เอกครับ ตอนแรกพี่แกทำท่าจะปฏิเสธ แต่ก็เงียบ มองหน้าเจ้าเล่ห์ๆ ของพี่กิ๊ฟสลับกับผม
 
พี่แกถอนหายใจเบา ๆ
 
“เออ ก็ได้ ๆ วันเกิดของมึงทั้งทีนี่”
 
เอ้อ! จริงด้วย วันนี้วันเกิดพี่กิ๊ฟนี่นา
 
พี่กิ๊ฟยิ้มรื่น
 
อ๋อ…
 
ที่แท้ก็เอาผมมาอ้าง เพื่อหาเจ้ามือเลี้ยงวันเกิดตัวเองนี่เอง
 
“พี่กิ๊ฟเจ้าเล่ห์” ผมว่า พี่แกยิ้มรับ
 
“ถึงไม่ใช่วันเกิดพี่ ถ้ากายขอ รับรองเอกมันให้อยู่แล้วล่ะ” พี่มันยักคิ้วใส่เพื่อนตัวเอง ส่วนพี่เอกยืนนิ่ง ๆ ไม่ตอบโต้อะไร
 
พี่แกพูดจริงหรือพูดเล่นหว่า?
 
แล้วจะมาทุ่มทำไม ไม่เกี่ยวอะไรกันสักหน่อย
 
 
 
 
สักพักพวกพิธีกรก็ยกโขยงกันขึ้นไปบนเวที เสียงประกาศเตรียมพร้อมและเชิญชวน ดึงดูดผู้คนโดยรอบให้หันมาสนใจ
 
ผมยืนตื่นเต้นมากกว่าเดิม โดยมีพวกพี่ ๆ ยืนเป็นฉากหลังให้กำลังใจ
 
ภาพที่ได้รับรางวัลในงานนี้ จะถูกจัดโชว์ในแกลหลักของมหาลัย แถมยังได้นำไปโชว์ในแกลมีชื่ออย่าง C-Art อีกต่างหาก
 
ถ้าบังเอิญผมทำได้ ก็แจ้งเกิดครับงานนี้ แต่ถ้าไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นประสบการณ์ของชีวิต
 
ไอ้เต้ยยืนให้กำลังใจผมอยู่ข้าง ๆ มันก็ไม่ต่างกับแม่ผมหรอก พร้อมที่จะให้กำลังใจผมเสมอ ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน ๆ ก็ตาม
 
“ปีนี้มีภาพส่งเข้าประกวดเยอะกว่าทุกปี อาจเพราะปีนี้ ทางมหาลัยเราได้รับเกียรติจากคุณชรินทร์ อิทธิเดชา มาเป็นคณะกรรมการพิเศษให้ คุณชรินทร์ เป็นนักถ่ายภาพที่มีชื่ออันดับต้น ๆ ของไทยเรา เพราะงั้นภาพไหนที่ผ่านการคัดเลือก ถือว่าได้รับเกียรติอย่างสูง”
 
ยิ่ง พูดยิ่งตื่นเต้นครับ ผมปรบมือเสียงดังกว่าใคร ๆ เมื่อพิธีกรเชิญคณะกรรมการพิเศษขึ้นไปยืนบนเวที คุณชรินทร์เป็นนักถ่ายภาพที่ผมปลื้มเอามาก ๆ
 
เขาเป็นต้นแบบของผมเชียวนะ ผม มีอัลบั้มภาพถ่ายของเขาทุกอัน และตามไปดูงานของเขาบ่อย ๆ ด้วย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นตัวเป็น ๆ ชัด ๆ ขนาดนี้ เพราะปกติ เขาไม่ค่อยจะอยู่เมืองไทยเท่าไหร่นักหรอก
 
เขาสอนเสมอว่า ให้ถ่ายภาพด้วยหัวใจ เพราะงั้น ผมจึงใช้หัวใจในการถ่ายภาพ จนลืมร่างกายตัวเองเป็นประจำ
 
คุณชรินทร์เป็นช่างภาพมืออาชีพที่ถูกนิตยสารและหนังสือหลายเล่มจองตัวให้ทำงาน เพราะงานที่แกถ่ายออกมา นอกจากจะสวยแล้ว ยังดูมีชีวิตชีวาอีกด้วย
 
เขาเดินมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ภาพถ่ายทั้งสาม แล้วพูดอะไรนิดหน่อย ผมยืนมองด้วยความปลาบปลื้ม ยิ่งรู้ว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่คัดภาพทุกภาพที่ส่งเข้าประกวดด้วยตัวเอง ยิ่งทำให้ผมแก้มบานยิ่งกว่าเดิม ถึงไม่ได้สักรางวัล อย่างน้อย ภาพของผมก็ผ่านตาเขาบ้างแล้วล่ะนะ 
 
แค่นี้ผมก็พอใจแล้วล่ะครับ


 
กล้องหลายตัว พากันสาดแสงใส่คุณชรินทร์พร้อมภาพภายใต้ผ้าขาวที่แกกำลังจับอยู่ ผมยกกล้องที่คล้องคออยู่ขึ้นจ่อที่ดวงตา วางมือไว้บนปุ่ม เตรียมลั่นชัตเตอร์ใส่ภาพที่กำลังจะถูกเปิดออก

มาถึงตอนนี้ ผมเลิกหวังไปแล้วล่ะครับ ว่าจะได้รางวัลหรือไม่ได้ เพราะผมกำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการหาช็อตเด็ด เพื่อเก็บไว้ในคลังภาพของตัวเอง
 
ผ้าขาวเคลื่อนที่ออกจากภาพช้า ๆ จากล่างขึ้นบน ผมผ่อนลมหายใจให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้ภาพที่ผมกำลังจะถ่ายสั่นไหว
 
...ถ้าหยุดหายใจได้ ผมก็จะทำ...
 
สีเขียวคือสิ่งแรกที่ผมเห็น ผมลั่นชัตเตอร์ไปแล้วสองภาพ พอผ้าหลุดไปได้ครึ่งทาง ผมก็ลั่นชัตเตอร์ไปอีกสามภาพ และทันทีที่ผ้าหลุดออกจากภาพ ผมกดไปอีกหนึ่งที
 
…และหยุดนิ่งเอาไว้แค่นั้น
 
เพราะตอนนี้ สิ่งที่ผมเห็นผ่านเลนก็คือ...
 
กบตัวหนึ่งกำลังตวัดลิ้นกินแมลงอยู่
 
“กะ กาย”
เสียงไอ้เต้ยครับ มันกระชากเสื้อที่ไหล่ผมแรง ผมยังถือกล้องค้างไว้ท่าเดิม ก่อนจะกดแชะตอนมือคุณชรินทร์เคาะลงบนหัวภาพเบา ๆ
 
“ผมชอบภาพนี้นะ จริง ๆ ภาพแบบนี้ถ้าถ่ายด้วยกล้องอัตโนมัติจะง่าย แต่ได้ข่าวว่า คนถ่ายนั่งคุกเข่ารอเวลาให้กบกินแมลงเป็นชั่วโมงเชียว คนที่ใส่ใจถ่ายภาพแบบนี้ ถ้าใจไม่รักจริงคงทำไม่ได้ ผมเคยลองทำมาแล้วครั้งหนึ่ง ขาชาไปเป็นอาทิตย์ เลยไม่คิดจะทำอีก”
คุณชรินทร์พูดติดตลก
 
ผมยังช็อคอยู่ครับ กล้องยังค้างไว้ที่ตาจนพี่เอกต้องกดมันลงให้
 
“กบกินแมลงของนายได้รางวัลที่สามแน่ะ”
พี่แกบอกยิ้ม ๆ
 
ปากผมมันอ้าค้างไว้หน่อย ๆ จนพี่แกต้องมาจับปิดให้
 
“ดีใจด้วยนะกาย…แต่มึงอ่ะ ต้องเลี้ยงพวกกู”
พี่มอหันมาแสดงความยินดีกับผม ก่อนหันไปทวงสัญญากับพี่เอก
 
พิธีกรบนเวทีกล่าวเชิญเจ้าของภาพขึ้นไปบนเวที ผมทำท่ายึกยัก คือ..ไม่อยากเด่นอ่ะครับ ไอ้เต้ยกับพี่มอช่วยกันรุนหลังผมเบา ๆ ให้เดินขึ้นเวที ผมจับกล้องที่คล้องคอไว้ เดินก้มหน้าขึ้นไปบนเวที
 
“ยินดีด้วยนะ”
คุณชรินทร์ทักก่อน ผมงี้มือสั่นเลยตอนเขายื่นมือมาจับ คุณชรินทร์ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ ทำเอาผมต้องยิ้มเขิน ๆ ตอบรับ
 
“มือเย็นเชียว”
 
ผมยิ้มรับอีกที

“ฮะ ตื่นเต้นที่ได้เจอคุณมากกว่าภาพถ่ายได้รับรางวัลซะอีก”

คุณชรินทร์นิ่งไปพัก แล้วคลี่ยิ้ม
 
“ดีใจจังที่มีคนปลื้ม”
 
ผมยิ้มให้อีกที
 


พิธีกรสอบถามเกี่ยวกับแรงบันดาลใจ และวิธีการถ่ายภาพของผมบนเวทีอีกนิดหน่อย ผมก็อ้อมแอ้มตอบไป
 
อายครับ คนเต็มหน้าเวทีมองมาที่ผมเป็นตาเดียว ไม่อยากเด่นด้วย สอบถามกันอยู่สักครู่ ผมก็รีบก้าวฉึบ ๆ ลงจากเวที ใจจริงอยากยืนอยู่กับคุณชรินทร์นานกว่านี้
 
แต่เอาแค่นี้ก็พอครับ
 
ปลื้มไปทั้งชีวิตแล้ว T^T

 
“ต่อไปเป็นรางวัลที่สองนะคะ”
พิธีกรหลักประกาศตามหลัง ผมกลับมายืนที่เดิม พวกพี่ ๆ พากันขยี้หัวผมกันยกใหญ่ ผมหันกลับไปมองเวที ยกกล้องขึ้นจ่อไว้ที่ดวงตา เตรียมถ่ายภาพรางวัลที่สองต่อ
 
ผ้าขาวเคลื่อนที่ขึ้นสูง เสี้ยวแรกที่เห็นคือความมืด ผมกดถ่ายไปสองสามช็อต ก่อนผ้าขาวจะเคลื่อนที่ไปถึงครึ่งภาพ
 
ผมกดไปอีกแชะแล้วค้างกล้องไว้แค่นั้นครับ
 
แค่ครึ่งเดียว ผมก็จำได้แล้ว ว่าภาพนั้นเป็นของใคร
 
จะเป็นของใครไปได้ ถ้าไม่ใช่…
 
…ของกูเอง = =
 

พอผ้าขาวถูกเปิดออกจนหมด สิ่งที่เห็นก็คือ…
 
เด็กหญิงในชุดแม้วคนหนึ่ง กำลังนั่งยอง ๆ อยู่บนพื้นดิน หน้าตามอมแมม แก้มซ้ายเปื้อนคราบน้ำมูกไปแถบ ผมสั้นเต่อหน้าม้า เสื้อผ้าลุ่ย ๆ มือถือขนมกำลังเคี้ยวตุ้ย ๆ ไม่สนใจเล่นกับเพื่อน ๆ
 
ภาพเด็กซกมก
 


คือ…
 
ภาพแรกได้รางวัลก็ว่าอึ้งแล้ว นี่ภาพผมได้ตั้งสองรางวัลเชียว
 
“และเจ้าของรางวัลที่สองนี้ ก็เป็นเจ้าของเดียวกับเจ้าของรางวัลที่สามค่ะ”

ผู้คนในงานพากันฮือฮา มองมาทางผมเป็นตาเดียว
 
ไม่ต้องมองกันก็ได้
 
กูอาย
 
พวก พี่เอกพากันโห่ฮิ้วเฮดังลั่น แสดงความดีใจเวอร์ ๆ เหมือนตัวเองเป็นเจ้าของภาพนั้นซะเอง ผมก้มหน้าด้วยความอับอาย พี่เอกแตะไหล่ผมเบา ๆ พอ ๆ กับไอ้เต้ยที่ตบหลังตบไหล่ผมยกใหญ่ รุนหลังให้ขึ้นเวทีอีกรอบ
 
“ไปเหอะมึง” มันพูดยิ้ม ๆ

ผมจำต้องเดินขึ้นเวทีอีกรอบด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ยิ่งกว่าเดิม ดีกรีความอายมากกว่าเดิมอีกหลายร้อยเท่า คุณชรินทร์ยิ้มอบอุ่นให้เหมือนเคย งานนี้ไม่ต้องจับมือ ไม่ต้องพูดจาทักทายแนะนำตัวกันแล้ว
 
“รู้ไหม ผมชอบภาพนี้เพราะอะไร”
 
ผมส่ายหน้าปฏิเสธ
 
“เพราะคุณเลือกมองในมุมที่คนอื่นไม่มองยังไงล่ะ”
 
ผมกระพริบตาปริบ ๆ ตามแบบฉบับของตัวเอง หรือที่ไอ้เต้ยมันเคยบอกไว้ว่า ..กระพริบตากวนส้นนั่นแหละ…
 
“เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกเหมือนโอบล้อมไปด้วยตัวตนที่แท้จริงของบุคคลน่ะ”
คุณชรินทร์ว่าต่อ ผมอมยิ้ม
 
พิธีกร ถามคำถามเดิมครับ ผมก็ตอบไปตามจริง พวกที่อยู่ข้างล่างพากันปรบมือกันยกใหญ่ ผมยิ้มเขิน กำลังจะก้าวลงจากเวที แต่คุณชรินทร์รั้งไว้ก่อน
 
“ไม่ต้องลงหรอก อยู่ด้วยกันนี่แหละ”
 
ผม ทำหน้างง ๆ แต่คุณชรินทร์ชวนซะอย่าง ไม่ขัดศรัทธาอยู่แล้ว ผมยืนตกประหม่าอยู่ข้าง ๆ พอมองลงไปบนเวที เห็นพวกพี่ ๆ เป่าปาก ยกไม้ยกมือทักทายกันใหญ่
 
ส่วนพี่เอกแค่ยืนกอดอก ส่งยิ้มบางเบามาให้เท่านั้น
 
ในระหว่างที่พิธีกรกำลังพูดเพื่อเตรียมประกาศรางวัลที่หนึ่ง ผมก็ยกกล้องขึ้นมาถ่ายคนดู ซึ่งเป้าหมายแรกก็คือเขาคนนั้น ผมกดถ่ายไปภาพหนึ่ง

พี่เอกมองตาผมผ่านเลนกล้อง คลี่ปากส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ ผมยิ้มรับ แล้วกดถ่ายไปอีกแชะ 

 
“รางวัลที่หนึ่ง”
 
ผมแพนกล้องกลับไปที่ภาพต่อ แต่เนื่องด้วยตัวเองอยู่บนเวที จึงต้องเลื่อนไปด้านหน้าเวทีนิด ๆ แล้วเอียงตัวเพื่อถ่ายภาพ
 
คุณชรินทร์เคลื่อนผ้าขาวขึ้นจากภาพเพียงเสี้ยวเดียวแล้วหยุดเอาไว้แค่นั้น สิ่งแรกที่ผมเห็นคือแสงสีส้ม ๆ ผมกดถ่ายไปแชะหนึ่งแล้วลดกล้องลง ผมเงยหน้ามองรอยยิ้มบาง ๆ จากคุณชรินทร์
 
เขากำลังจะดึงผ้าขึ้น ผมรีบเดินไปจับมือคุณชรินทร์เอาไว้ทันที
 
คือ…ทำใจไม่ทันครับ
 
เห็นแค่เสี้ยวเดียว ผมก็จำได้แล้ว ว่าภาพนี้เป็นภาพอะไร และเป็นภาพของใคร
 
เพราะมันเป็นภาพเดียวที่ผมนั่งมองมันทุกวัน วันและหลาย ๆ ชั่วโมง จดจำได้ทุกรายละเอียดของเส้นแสง ทุกเฉดสี ทุกรายละเอียดของอารมณ์ แม้แต่จุดเล็ก ๆ หรือรอยตำหนิด้านข้างของภาพ ผมก็จำได้หมด
 
ทุกคนพากันแปลกใจที่ผมหยุดมือคุณชรินทร์เอาไว้
 
“ผมว่าให้เจ้าของภาพเป็นคนเปิดเอาเองดีกว่า” คุณชรินทร์ละมือออก

ทุกคนพากันฮือฮา
 
ผมกำผ้าขาวในมือแน่น หัวใจเต้นโครมคราม มองไปที่พี่เอก ก่อนหันกลับมามองสิ่งที่อยู่ในมืออีกที ผมกำผ้าแน่นขึ้น ก่อนค่อย ๆ เคลื่อนที่ดึงมันขึ้นช้า ๆ
 
ทุกคนพากันเงียบกริบ
 
ภาพที่ปรากฏคือด้านข้างของชายหนุ่ม ที่กำลังทำหน้าเคลิบเคลิ้มไปกับแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ยามเย็น เส้นแสงและสีสันที่นุ่มนวล มันให้ความรู้สึกอบอุ่นราวกับถูกโอบล้อมด้วยพระอาทิตย์เสียเอง
 
“ภาพนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าคนในภาพ ไม่ได้มองพระอาทิตย์ แต่เขา…ได้กลายเป็นพระอาทิตย์ไปซะเอง”
คุณชรินทร์บอก
 
ครับ ตอนที่ผมถ่าย ผมรู้สึกเหมือนพี่เอกเป็นพระอาทิตย์ไปแล้วจริง ๆ ผมถึงได้ใช้ชื่อภาพว่า
 
‘ดั่งดวงอาทิตย์’
 
ไม่ใช่ ‘ดูพระอาทิตย์’ เหมือนคนทั่วไป
 
เพราะพี่เอกเป็นคนที่มีพลังเหมือนเป็นพระอาทิตย์จริง ๆ
 
ทั้งอบอุ่นและร้อนแรงในเวลาเดียวกัน
 

“ผมชอบตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้ว ทุกภาพมีพลังในตัวมันหมด แต่ภาพนี้ให้พลังที่เหนือกว่า”
 
ผมอมยิ้มกับคำวิจารณ์นั้น
 
พี่มอเป่าปากวี้ดวิ้ว แถมด้วยการตะโกนขึ้นมาเสียงดัง “ไอ้คนในภาพน่ะ!! เพื่อนผมเอง!!”
 
แล้วพี่มันก็ชี้มือไปที่พี่เอกยิก ๆ พี่เอกยืนลูบหัวทำหน้าเขิน พี่แกคงไม่คิดว่าตัวเองจะทำหน้าอบอุ่นได้ขนาดนี้ ผมส่งยิ้มให้พี่เอกไปที ทุกคนปรบมือให้ผมกับพี่เอกเสียงดังสนั่น
 
นี่คงเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่ง ที่คนเพียงคนเดียว จะได้รางวัลถึงสามรางวัลขนาดนี้
 
‘ดั่งดวงอาทิตย์ เด็กซกมก กับกบกินแมลง’
 
สามภาพที่ผมภาคภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองรัก
 
ตอนนี้ผมอยากโทรหาแม่ซะแล้ว โทรไปบอกแก ว่าผมได้ทำในสิ่งที่ผมรัก และได้รับการยอมรับจากคนที่ผมนับถือแล้วด้วย



           To Be Con...
          ยิ้มไม่หุบกันทีเดียวเชียวกับตอนนี้ ขอแสดงความยินดีกับน้องกายด้วยนะคะ ที่ได้รับรางวัลตั้งสามรางวัลเชียว จริง ๆ น่าจะมีอีกรางวัลมอบให้น้องกายนะ "รางวัล ความอดทนเป็นเลิศ" หึหึ (ทั้งอดทนถ่ายภาพ และอดทนรองรับความหื่นของไอ้พี่เอก กร้ากกกก >//////<)

           ตอนที่แล้วพี่เอกเดินสบัดสบอมเข้ามาหา ชี้หน้าทำตาดุ ๆ ใส่
           "กูจะโดนคนอ่านตืบเพราะบทที่มึงให้นั่นแหละ" (อุ้ยพี่เอกหยาบคาย -//-)
           "หึหึ แหมพี่เอกก็ ก่อนรับบทก็บอกแล้วนะ ว่าพระเอกเรื่องนี้มีนิสัยยังไง ยิ่งโดนเกลียดมากพี่ยิ่งดังมากนะเออ เอาน่า ซีวอนในน้องซินโดนด่ากว่าพี่เยอะ โดนแค่นี้จิ๊บ ๆ พี่ยังต้องเจอเยอะกว่านี้อีกนะ หึหึ
           "หา! มีเลวกว่านี้อีกเรอะ" พี่เอกทำตาโต คนเขียนพยักหน้า แล้วพี่มันก็เดินตูดงอนหนีไปเลย ฮ่า ๆ ๆ

           ฉากที่คนเขียนชอบที่สุด คงหนีไม่พ้นฉากเต้ยร้องไห้ท่ามกลางฝูงชน โดยมีน้องกายลั่นชัตเตอร์เก็บความรู้สึกนั้นลงแผ่นฟิมล์ ให้ความรู้สึกดีพิลึก เพ้อ 0///0
 
            ย้ำ เรื่องนี้ไม่ดราม่านะคะ (เหรอ - -)

            และที่สุดของเรื่องนี้ต้องยกให้คนเน้ กรี๊ดดดดดด คุณชรินทร์โผล่แล้ว เฮียโผล่มาแล้วค้า กรี๊ดกร๊าดมากมาย นอกจากน้องกายจะเป็นแฟนคลับตัวยงของคุณชรินทร์แล้ว คนเขียนก็ตบเท้าขอเป็นแฟนคลับด้วยคน เป็นตัวละครที่คนเขียนชอบเป็นที่สุด คนอะไรหล่อลากมากมาย แถมยังกล้าบ้าบิ่นอีกต่างหาก >///////< กระทืบเท้าปั๊ก ๆ บนปุ่มไลค์
            คุณชรินทร์เป็นคนที่ทำให้คนเขียนอยากเรียนถ่ายภาพขึ้นมาจริง ๆ จัง ๆ ใจจริงคนเขียนอยากเรียนมาตั้งนานแล้วล่ะ แต่ที่ไม่เรียนสักที เพราะกลัวติดถ่ายภาพแล้วเมินเขียนนิยายน่ะ (รู้นิสัยตัวเองดี - -)
            หึหึ เพราะงั้น เรื่องถ่ายภาพเอาไว้ก่อนเนอะ ^^


ขอบคุณคนอ่านคนรีทุกคนค้าาาาา ถ้ามีรีก็มีนิยายเรื่องนี้ต่อปายยย
Memew

ต้องการหนังสือเรื่องนี้ไปจองได้ที่เฟส ทวิตเตอร์หรือเด็กดีเอาน้า ^^ คีส ๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 17 : ประกาศผลรางวัล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 05-08-2012 21:51:14
คิดถึงกายมากเลย ยินดีกะกายด้วยได้ 3 รางวัลแน่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 17 : ประกาศผลรางวัล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 05-08-2012 22:56:07
กายเก่งมากมาย น่ารักเวอร์
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 17 : ประกาศผลรางวัล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 05-08-2012 23:23:24
อ่านไปยิ้มไปยิ้มจนจบตอนจริงๆ น่ารักอ่ะ :o8:

 :call:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 17 : ประกาศผลรางวัล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 05-08-2012 23:36:43
ชอบรูปกบกินแมลงกับเด็กดอยซกมก -.,-
กายจ๋าเราว่านะลองเอารูปเต้ยไปให้พี่เค้าดูสิ อยากรู้จริงๆว่าจะรู้สึกยังไงที่ทำให้น้องสุดที่รักเสียน้ำตา - -*
รออ่านตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 17 : ประกาศผลรางวัล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 06-08-2012 09:51:14
 :กอด1: :กอด1:ในที่สุดก็มาต่อแย้ว :mc4: :mc4: :mc4:


กายเก่งมากเลยได้3รางวัล o13 o13 o13


รออ่านจ้า :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 17 : ประกาศผลรางวัล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 28-08-2012 10:07:18
ขอบคุณมากค่าาา อยากอ่านตอนต่อไวๆจัง \>[]</
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 17 : ประกาศผลรางวัล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 28-08-2012 10:19:30
หายไปเลยอะ :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 17 : ประกาศผลรางวัล [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: conut ที่ 29-08-2012 20:39:52
หายไปเลย   :call: :call: :call:
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 18 : งานเลี้ยง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 05-09-2012 22:06:17
 Kiss Love ♥ [18] งานเลี้ยง
[เอก...☼]
 




ผมยืนนิ่งมองภาพตัวเองที่อยู่บนเวทีนั้น ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายใส่เสื้อยืดสีเทาภายใต้แสงเงาสีส้มนั้นจะเป็นตัวผม และไม่น่าเชื่อมากไปกว่านั้น ว่าแค่กล้องเพียงตัวเดียวจากมือเล็ก ๆ ของคนที่ผมเผลอจูบไปหลายต่อหลายครั้ง จะถ่ายทอดอารมณ์และแสงเงาออกมาได้สวยงามขนาดนี้
 
ผมมองภาพนั้นสลับกับเจ้าของ ก่อนยิ้มให้มันนิดหนึ่ง
 
มันยิ้มเขินให้ผมด้วย
 
อย่างน้อยผมก็ดีใจ ที่ภาพของผมไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ผมมองภาพตัวเองสลับกับเด็กซกมกและกบกินแมลง
 
ไม่เข้ากันเลยสักนิด = =
 
แอบขัดใจนิดหน่อย ตอนมันใช้สายตาชื่นชมคุณชรินทร์ซะออกนอกหน้า

ไอ้อาการเหมือนมดกัดในอกนี่คืออะไรวะ


 
สรุป ผมต้องเป็นคนออกเงินเลี้ยงไอ้พวกเหลือบไรที่มันยืนแง้ว ๆ ทวงสัญญาในกลุ่ม มันหาเรื่องกินฟรีโดยเอากายกับกิ๊ฟมาอ้าง
 
หลังจากงานนิทรรศการผ่านไป พวกเราก็ยกโขยงกันไปเดินตลาดหาซื้อข้าวของสำหรับทำอาหาร ก่อนยกโขยงกันไปที่บ้านของไอ้ตัวเล็กมัน
 
งานนี้ไอ้เป้ถูกลากมาอย่างช่วยไม่ได้ ไอ้เต้ยรีบประชิดตัวพี่มันทันที ความพยายามมันสูงเอามาก ๆ ขนาดไอ้เป้มันตีหน้านิ่ง เดินหนีแล้วเดินหนีอีก มันก็ยังไม่ยอมแพ้เดินตามต้อย ๆ เพื่อน ๆ ในกลุ่มก็คิดว่าพวกมันกำลังงอนง้อกันในฐานะพี่น้องธรรมดา



 



บ้านไอ้ตัวเล็กเป็นบ้านสองชั้น ชั้นบนมีสามห้องนอน ชั้นล่างเป็นห้องรับแขก ห้องครัว และห้องเก็บของแค่นั้น แต่พื้นที่รอบบ้านกว้างครับ ไร่หนึ่งได้มั้ง รอบ ๆ ตัวบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ จัดสวนสวยใช้ได้ แม่มันไม่อยู่ ยังไม่กลับจากเชียงใหม่
 
พอเข้าไปในบ้านได้ พวกมันก็เดินสำรวจตัวบ้านกันแทบจะทุกจุดโดยไม่เกรงใจเจ้าของบ้านกันแม้แต่ น้อย แอบทึ่งมาก ๆ ที่บ้านมันเต็มไปด้วยตู้หนังสือและภาพถ่ายฝีมือมันทั้งหมด
 
“โหย กายเก่งใช้ได้เลยว่ะ มีแต่ภาพสวย ๆ ทั้งนั้นเลย”
ไอ้สาวมันออกปากชม
 
จะเรียกว่าบ้านคงไม่ถูก เหมือนเป็นแกลลอรี่กลาย ๆ มากกว่า บ้านมันทำจากปูน ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์กึ่งโบราณทั้งหมด มีความเป็นล้านนาซะเกินครึ่ง แม่มันคงชอบอะไรที่เกี่ยวกับเหนือเอามาก ๆ
 
“ผมกับแม่ช่วยกันตกแต่งน่ะฮะ ดีสำหรับแม่ด้วย จะได้มีไอเดียในการเขียนหนังสือเยอะ ๆ”
มันบอก

ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ไอ้มอกับไอ้โอมกำลังสนุกอยู่กับการเดินสำรวจรอบตัวบ้าน ไอ้ปิงกับไอ้โอ๊ค สิงร่างกับตู้หนังสือไปแล้ว ส่วนพวกผู้หญิงหอบหิ้วถุงผักกับเนื้อที่ซื้อมาเดินเข้าห้องครัวไปเตรียมทำ อาหาร
 
ผมหยุดมองภาพใบหน้ายิ้มแย้มของเด็กชายอายุไม่เกินสิบขวบบนชั้นโชว์ เด็กน้อยยืนอยู่ตรงกลางขนาบสองข้างด้วยชายหญิงหน้าตาดี ทั้งคู่ก้มลงเอาแก้มแนบแก้มกับเด็กชายตัวน้อย รอยยิ้มของแต่ละคน แทบจะเป็นบล็อคเดียวกัน
 
คงเป็นไอ้ตัวเล็กกับพ่อแม่มัน
 
“ตัวเล็กตึ๋งหนึ่ง”
ผมพูดเบา ๆ กับตัวเอง
 
“ไม่เล็กสักหน่อย”
 
ผมหันไปมองใบหน้าบูด ๆ ของคนที่เดินมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ผมยิ้ม เอามือวางไว้บนหัวมันแล้วเลื่อนมาที่หน้าอกตัวเอง ไม่ต้องพูดครับ มันรู้คำตอบดี

ไอ้ตัวเล็กขมวดคิ้วขัดใจ
 
“ผมไม่ได้ตัวเล็ก พี่นั่นแหละตัวใหญ่เอง”
มันว่าแค่นั้น แล้วเดินเลี่ยงขึ้นชั้นบนไป ผมเดินตาม มันหันมามอง
 
“มาทำไม”
 
ผมทำหน้ามึน เลิกคิ้วแต่ไม่พูดอะไร มันทำหน้าอึดอัด
 
“อยากเห็นห้องนาย”
 
มันหน้าแดงหน่อย ๆ หันหลังเดินเข้าห้องไป
 
หน้าผมหนาใช้ได้ใช่ไหมล่ะ
 
ผมเดินตามมันเข้าไปในห้อง มันหยิบมือถือขึ้นมากดหาใครบางคน ข้างล่างมันปล่อยให้ไอ้เต้ยเป็นคนดูแล มันบอกมันมาบ้านนี้จนจะกลายเป็นบ้านหลังที่สองของมันอยู่แล้ว
 
“ครับ ภาพที่ผมถ่ายได้รางวัลด้วยนะ”
 
ผมหันไปมองคนที่ยืนยิ้มแก้มบาน มือจับโทรศัพท์แนบไว้ที่หู อีกมือก็จัดโต๊ะที่มันรก ๆ ให้เข้าที่เข้าทาง ผมว่าปลายสายน่าจะเป็นแม่มัน
 
“ทุกภาพเลย กวาดเรียบคนเดียว สามรางวัลรวด”
มันพูดอย่างภาคภูมิ
 
ผมหยิบภาพถ่ายตั้งโต๊ะมาดู ในห้องไม่ได้มีภาพศิลปะหรือภาพถ่ายของมันอย่างที่คิด กลับดูธรรมดา เต็มไปด้วยตุ๊กตา (ที่เล่นกันได้ครั้งที่แล้ว) หุ่นยนต์ของเล่นผู้ชาย เตียงเดี่ยว ตู้เสื้อผ้าที่ทำจากไม้ โต๊ะเรียนที่มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะอยู่
 
เรียบง่ายกว่าที่คิด
 
ผมเดินดูรูปถ่ายครอบครัวแบบตั้งโต๊ะของมันไปเรื่อย ๆ พอหันไปมองอีกที ก็เห็นมันยืนเปลือยท่อนบนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าแล้ว
 
ผมยืนมองตาค้าง
 
นี่มันรู้หรือเปล่า ว่าผมอยู่ตรงนี้ ผู้ชายที่เพิ่งจะบังคับมีอะไรไปกับมัน
 
มันยืนเลือกเสื้ออยู่ บานประตูบดบังแสงแดดจนสะท้อนเป็นม่านแห่งความมืดสาดใส่ลำตัวมัน เป็นภาพที่ผมมองว่าสวยดี ผมเผลอสะกดสายตาตัวเองไว้ ก่อนก้าวช้า ๆ ไปหยุดยืนอยู่ด้านหลัง มันหยิบเสื้อออกมาตัวหนึ่ง กำลังจะสวมลงที่หัว แต่ผมยึดจับเสื้อมันไว้ ส่วนมืออีกข้างก็จับเอวมันไว้เบา ๆ
 
มันสะดุ้งเฮือกหันขวับมามอง ผมชอบปฏิกิริยาแบบนี้แหละ ผมกวาดมองไปทั่วใบหน้าของมัน ก่อนเลื่อนสายตาลงต่ำไปที่แผ่นอกขาว ๆ ไร้อาภรณ์อีกที มันคงอาย รีบเอื้อมหยิบเสื้อในมือผม แต่ผมยืดสุดแขนจนมันเอื้อมไม่ถึง
 
“พี่เอก เอาเสื้อผมคืนมา”
มันพยายามรั้งแขนผมเพื่อเอาเสื้อคืน
 
ผมไม่ตอบอะไร แต่ก้มลงปิดปากมันเบา ๆ มันครางห้ามในลำคอ พยายามถอยห่าง แต่มันคงลืมว่ายืนชิดตู้เสื้อผ้าอยู่ แผ่นหลังมันเลยแนบไปกับเสื้อผ้าที่แขวนเรียงกันเป็นตับ ได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มคลุ้งไปทั่วทั้งตู้ ผมกระชับเอวมันมากขึ้น ซ้ำยังลูบไล้เบา ๆ อีกต่างหาก

ผิวมันเนียนดีครับ ผมชอบ

จากที่ครางท้วง เสียงมันเริ่มเบาลงและเปลี่ยนเป็นครางสยิวแทน น้ำเสียงแบบนั้นพาเอาน้องผมกระตุกเลย มือที่พยายามผลักผมออกตอนแรก เริ่มหาที่ยึด ไปไม่ไกลหรอก ก็แขนผมนั่นแหละ ยิ่งมันบีบแรงมากเท่าไหร่ ผมยิ่งรู้ว่ามันกำลังรู้สึกหวิวมากขึ้นเท่านั้น

บอกตามตรง ผมคิดถึงร่างกายนี้ อยากกอด อยากสัมผัส อยากลูบไล้มาก ๆ ผมอยากไปทักมันตั้งแต่วันจันทร์แล้ว แต่งานเยอะจนไม่มีโอกาส พอได้ทักบ้าง ก็ถูกเรียกตัวให้ไปทำงานต่ออีก

ทั้งที่เราเคยมีอะไรกัน แต่แทนที่มันจะเข้ามาทักทายผมบ้าง มันกลับทำเฉยชา เจอหน้าก็ทักกันเหมือนเราไม่เคยมีอะไรกัน

ถ้าเป็นผู้หญิง ผมคงต้องรับโทรศัพท์ตั้งแต่เช้ายันเย็น แต่นี่ เบอร์มันผมก็ไม่รู้ เบอร์ผม.. มันจะรู้หรือเปล่าก็ไม่รู้

จากครางเสียงเบา มันเริ่มครางเสียงดังมากขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าก็แหงนไปตามแรงกดหนัก ผมขยับเนื้อตัวเบียดชิดร่างมันมากขึ้น

“อ่ะ เอ่อ…”
 
ผมชะงัก ถอนจูบออก หันไปมองหน้าประตู เห็นไอ้เต้ยมันยืนมองพวกเราตาค้าง ๆ
 
“คะ คือ ผมจะมาถามไอ้กายว่า ที่เปิดขวดอยู่ไหน หาไม่เจอ”

มันถามกุกกักหันซ้ายหันขวาทำอะไรไม่ถูก คงไม่คิดว่าจะได้มาเจอหนังสดของเพื่อนมันแบบนี้ ไอ้ตัวเล็กพยายามผลักตัวเองออกห่าง แต่ผมยังรั้งเอวมันไว้อยู่
 
“คงอยู่ในห้องแม่น่ะ เห็นแกเอาไปใช้ สงสัยจะลืมเอาลงไปเก็บ เดี๋ยวกูไปหยิบให้” คนในอ้อมแขนผมมันบอกทั้งยังพยายามดันตัวเองออก
 
“ไม่เป็นไร กูหยิบเองได้”
ไอ้เต้ยมันบอก กำลังจะปิดประตูลง แต่เบรกตัวไว้เงยหน้ามามองผม
 
“พี่เอก ผมว่าพี่อดใจเอาไว้กินหลังเลิกงานดีกว่านะฮะ ผมไม่อยากให้เพื่อนผมเดี้ยงก่อนจะได้สนุกกัน” มันพูดแค่นั้นแล้วปิดประตูลง
 
ไอ้ตัวเล็กในอ้อมแขนผมมันอ้าปากค้าง คงอยากด่าเพื่อนมัน แต่ด่าไม่ทัน มันก้มหน้าพยายามดันตัวเองออก
 
“พี่เอก ปล่อย เอาเสื้อผมคืนมาด้วย”
มันขอทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่
 
“มองหน้าพี่ก่อน”
 ผมต่อรอง มันก้มหน้านิ่ง ๆ ตามด้วยหันซ้ายหันขวา ทำเหมือนไม่รู้วิธีเงยหน้าไปได้
 
อะไรวะ แค่มองหน้ากู มันยากนักรึไง =*=
 
“มองหน้าพี่ก่อน”
ผมย้ำอีกที มันนิ่งไปพัก ก่อนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง หน้ามันแดงเถือกเลย คงอายจัด ผมยิ้ม ยื่นเสื้อคืนให้มัน
 
“ปล่อยผมก่อน”
มันท้วงต่อ เพราะผมยังรั้งเอวมันอยู่ ผมค่อย ๆ คลายออกอย่างเสียดาย มันรีบสวมเสื้อทันที
 
“ไปกันเถอะ” มันรีบชวน

แต่ก่อนที่มันจะก้าวเดิน ผมรั้งเอวมันมากอดไว้ ก้มลงกดจูบอีกที มันพยายามขืนตัวออก ผมรัดมันด้วยแขนเพียงข้างเดียว ส่วนมืออีกข้าง ล็อกคางมันไว้ไม่ให้ขัดขืน บดเบียดริมฝีปากหนัก ๆ
 
กำลังจะทะลวงลิ้น แต่ได้ยินเสียงประตูเปิดออกผัวะ ผมค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกมอง เห็นไอ้เต้ยยืนมองอ้าปากตาค้างมือกำลูกบิดแน่นอยู่ตรงจุดเดิม
 
“คือ... ผมกำลังจะไปซื้อเหล้ากับข้าวของบางอย่างเพิ่ม พวกพี่ ๆ เขาให้มาเอางบจากพี่”
 
“มึงจะไปซื้อของใช่ไหม กะ กูไปด้วย”
มันพยายามดีดตัวออก แต่ผมยังรัดเอวมันอยู่ เลยกลายมันกำลังดิ้นกระแด๋ว ๆ อยู่ในอ้อมแขนผมแทน
 
“พี่เอกปล่อยก่อน”
มันยังดิ้นอยู่ครับ ผมไม่สนใจ หันไปมองไอ้เต้ยอีกที
 
“ไปกันยังไง”
 
ไอ้เต้ยมันมองผมทีสลับกับเพื่อนมันที
 
“ผมไปกับพี่เป้”
 
ผมเลิกคิ้วสูง
 
ไหงไอ้เป้ยอมไปกับน้องมันได้วะ
 
“กูไปด้วย”
ไอ้คนในอ้อมแขนผมยังไม่ยอมแพ้
 
“พี่เอกปล่อย”
มันพยายามดันตัวออก แม้จะเสียดาย แต่ผมก็จำต้องปล่อยให้มันเป็นอิสระ
 
“งั้นพี่ไปด้วยละกัน”
 
ไอ้ตัวเล็กทำท่าจะค้าน
 
“รีบไปกันเถอะ”
ผมรีบตัดบท คว้าแขนมันลากออกจากห้อง


         
ข้างล่างเหมือนปูในกระด้ง พวกผู้หญิงวิ่งวุ่นช่วยกันทำอาหารคนละไม้คนละมือ ต้องทำกันจำนวนเยอะครับ เพราะพวกผมกินจุ ส่วนพวกผู้ชาย ไม่ได้ช่วยอะไร นั่งเล่นเกมกันบ้าง เดินเล่นบ้าง ไอ้กิ๊ฟเดินมายื่นรายการของที่จะซื้อให้ แล้วพวกเราก็พากันออกเดินทาง
 
ทำเอาผมนึกถึงตอนไปดอยเลย ต่างกันตรงที่ ผมขับรถมาสด้าคันเก๋ของผมไม่ใช่รถบุโรทั่งแบบตอนนั้น หนทางไปก็ราบเรียบ ไม่ได้โคลงเคลงลำบากลำบนอะไร แต่ที่เหมือนกันก็คือ ผมมีกายนั่งอยู่ข้าง ๆ ส่วนไอ้สองพี่น้องนั่งหลังเหมือนเดิม
 
ไอ้เป้มันนั่งไขว้ห้าง มองวิวข้างทาง ส่วนไอ้เต้ยทำเป็นทองไม่รู้ร้อน คุยกับเพื่อนมันสลับกับพี่มัน ทั้งที่พี่มันไม่ยอมตอบคำถามอะไรมันเลยสักคำ
 
ไอ้เป้มึงก็ใจแข็งได้ใจ ส่วนไอ้เต้ยมันก็อึดได้ใจเหมือนกัน












“ถังใส่น้ำแข็งไม่พอ คงต้องซื้อลังโฟมไปไว้ใส่น้ำแข็ง”
ไอ้ตัวเล็กมันชี้ให้ดูลังเก็บน้ำแข็งที่ทำจากโฟมบนชั้น ผมพยักหน้าเอื้อมหยิบมาใส่รถเข็น มันก้มมองรายการในโพยอีกที
 
พวกเพื่อน ๆ ไม่ได้ใจร้ายอย่างที่คิด สรุปพวกมันก็เอาเงินที่บอกว่าจะยกให้กายมายื่นให้ผมก่อนออกจากบ้านมา งานนี้ผมจึงไม่ได้จ่ายหนักมากเท่าไหร่
 
เพื่อน ๆ ของผมแต่ละคนก็ไม่ได้ฐานะธรรมดากัน อย่างไอ้มอก็เป็นทายาทเจ้าของกิจการโรงแรมและรีสอร์ตหลายแห่ง ที่หัวหินนั่นเล็กสุดแล้ว มันมีแทบจะทุกจังหวัดสำคัญของไทย แต่เด่น ๆ จะเป็นแถบทางใต้ซะมากกว่า อย่างภูเก็ตหรือกระบี่มันก็มี
 
ส่วนไอ้โอมไอ้หน้าม่อนั่นมันเตรียมเป็นหมอครับ ท่าทางไม่ให้ ใจก็ไม่รัก แต่ครอบครัวมันบังคับเลยต้องทำ
 
ต้นตระกูลมันตั้งแต่สายทวดของทวดของทวดของทวดของทวดมันเป็นหมอมาหมด จะมาดับอนาถก็รุ่นมันนี่แหละ
 
แต่ผมว่ามันเป็นหมอที่ดีได้นะ
 
หมอฟันน่ะ
 
ส่วนไอ้โอ๊ค ครอบครัวมันทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เหมือนกับไอ้ปิง สองคนนี้เป็นเพื่อนกันมานาน เพราะครอบครัวของมันเป็นหุ้นส่วนกันอยู่
 
ส่วนสาวเป็นทายาทเจ้าของร้านทองครับ เกิดมาบนกองเงินกองทองของแท้ บ้านมันเปิดหลายสาขา ตอนนี้กำลังทะลายกินห้างทุกห้างสำคัญในประเทศอยู่ ส่วนอิงบ้านมันเปิดร้านอาหาร หลายสาขาอยู่เหมือนกัน เน้นอาหารไทยเป็นหลัก ตอนนี้เห็นอามันขนสูตรไปเปิดที่ต่างประเทศด้วย
 
ส่วนอ้อยกับผมทำธุรกิจส่งออกเหมือนกัน
         
สรุปพวกเราเป็นเพื่อนกันมานาน แถมพวกพ่อ ๆ แม่ ๆ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันมาก่อนหน้านั้นอีก (พวกท่านเป็นเพื่อนเรียนรุ่นเดียวกันมา)
 
จะมีแหกหน่อยก็ไอ้กิ๊ฟนั่นแหละ เพิ่งมารู้จักกันตอนม.ปลาย พ่อแม่มันเป็นชาวสวนครับ แต่เป็นสวนปาล์ม สวนยาง สวนผลไม้ สวนองุ่น สวนส้มและอีกหลากหลายสวนรวม ๆ กันแล้ว คงเป็นหมื่น ๆ ไร่ในหลาย ๆ จังหวัด มันเป็นลูกสาวคนสุดท้อง นอกนั้นเป็นผู้ชายหมด ครอบครัวมันเป็นคาวบอยของแท้ครับ มีลูกน้องเป็นหมื่น ๆ มันถึงได้ห้าวและกร่างขนาดนี้
 
ส่วนไอ้เป้ บ้านมันเป็นตัวแทนจัดงานอีเว้นท์กับเป็นเจ้าของอาคารพาณิชย์ให้เช่าหลายแห่ง ไอ้เต้ยมันถึงได้เป็นคุณหนูขนาดนั้น


 
ไอ้เป้เดินดูของ โดยมีไอ้เต้ยเดินอยู่ข้าง ๆ ไอ้เป้มันทำหน้าเหม็นเบื่อเดินหนีน้องมัน แต่ไอ้นี่ก็ไม่ละความพยายามเดินตามต้อย ๆ เหมือนน้องหมาเดินตามเจ้าของ ดูแล้วก็ขำ ๆ ดี
 
“ไปหัวเราะเขา”
คนข้างผมมันว่า ผมตีหน้านิ่งทันที ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นชุดวัยรุ่นชายในหุ่นจำลอง ผมมองหุ่นนั้นสลับกับคนข้างตัว
 
“เป้กูฝากที่เหลือที”
ผมยัดรถเข็นใส่มือไอ้เป้พร้อมเงินอีก 5000 ดึงโพยในมือไอ้ตัวเล็กไปให้ไอ้เต้ยถือไว้ ลากแขนมันให้เดินตาม
 
“เดี๋ยวพี่เอก!”
มันท้วง แต่ผมไม่สนใจฟังลากมันเข้าไปในร้านเสื้อทันที
 
“เอาชุดนี้ชุดหนึ่งครับ”
ผมชี้บอกพนักงาน ยื่นบัตรทองให้ ไอ้คนข้างตัวผมทำหน้างง ๆ  สักพักพนักงานก็กลับเอาบิลมาให้เซ็นพร้อมยื่นถุงกระดาษให้ ผมยื่นให้คนข้างตัวทันที มันมองผมงง ๆ 
 
“อะไร”
 
“พี่ให้”
 
มันทำหน้างงยิ่งกว่าเดิม ก่อนส่ายหน้าจนผมสะบัด
 
“โอ๊ย อาทิตย์ที่แล้วพี่ก็ซื้อให้ผมแล้วนะ”
 
“มันคนละตัวกัน”

ไอ้ตัวเล็กส่ายหัวอีกที ผมตีคิ้วขัดใจ
 
“เอาไปเถอะ พี่ซื้อให้”
 
“พี่เอก…”
มันทำสายตาอ้อนวอน
 
“พี่ซื้อมาแล้ว ใส่เองคงไม่ได้ และที่สำคัญ ถือว่าเป็นของขวัญสำหรับคนที่ได้รางวัลภาพถ่ายชนะเลิศสามรางวัล” ผมพูดรวดเดียวจบ มันทำหน้าปั้นยาก รับไปถือไว้ ผมยิ้มพอใจ
 
มันก้มหน้าท่าเดียวตอนเดินออกจากร้าน เราสองคนเดินไปสมทบกับไอ้เป้และไอ้เต้ย มันซื้อของกันเสร็จแล้ว และตอนนี้ไอ้เต้ยกำลังลากพี่มันมาทาบเสื้ออยู่ในร้านข้าง ๆ เรา
 
“พี่ไม่เอา”
 
“เอาน่า เสื้อตัวนี้เท่ดี”
 
ไอ้เต้ยจับเสื้อทาบอกพี่มัน ไอ้เป้ปัดออกแรง ซ้ำทำตาเขียวใส่ ไอ้เต้ยนิ่งไปพัก ก่อนฉีกยิ้มกว้าง
 
“งั้นเอาตัวนี้แหละ”
มันยัดเสื้อตัวนั้นใส่มือพนักงานพร้อมบัตร ไอ้เป้หันไปลอบถอนหายใจเบา ๆ ผมมองภาพตรงหน้าอยู่พัก ก่อนหันกลับมามองคนข้างตัว เห็นไอ้ตัวเล็กกำลังมองสิ่งที่ผมมองอยู่ไม่ต่าง 


พอเลือกของกันเสร็จ พวกเราก็ขนขบวนกันกลับ ไปถึง พวกมันก็ทำอาหารเสร็จแล้ว เหลือแต่ของบางอย่างที่ต้องรออุปกรณ์และเครื่องเคียงจากเรา
 


>ต่อด้านล่าง<
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 18 : งานเลี้ยง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 05-09-2012 22:14:05
>ต่อจากด้านบน<


ไม่นานแก้วใส ๆ ที่มีน้ำเมาผสมโซดาซ่า ๆ ก็ถูกเวียนเสิร์ฟจนครบทุกหัว พวกเรานั่งกันอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขก บางส่วนก็นั่งพื้น เพราะโซฟามีแค่สองตัว ไอ้มอเป็นดีเจ พ่วงเพลงจากไอพอดมันอีกที
             
พวกเราสนุกสนานเฮฮากันไป ไอ้ตัวเล็กมันก็กินด้วย มันนั่งอยู่ข้าง ๆ ผม มีไอ้เต้ยนั่งอยู่ข้าง ๆ  มัน และไอ้เต้ยก็ลากพี่มันมานั่งข้าง ๆ ด้วยอีกที
 
ไอ้เต้ยมันดื่มหนักเอามาก ๆ สงสัยจะเก็บกด ไอ้ตัวเล็กพยายามแย่งแก้วเหล้ามาเติมน้ำให้มันเพรียวลงหน่อย
 
“อย่ามายุ่งกะแก้วเหล้ากู ไอ้กายยย”
ไอ้เต้ยมันเมาไปแล้ว
 
“กูไม่ได้ยุ่ง แค่เพิ่มเหล้าให้เฉย ๆ”
ไอ้นี่ก็แหลกับคนเมาเก่ง
 
“กูไม่ได้โง่นะ มึงเติมน้ำไม่ใช่เหล้า”
 
แน่ะ มันยังฉลาดอีก
 
“กูไม่อยากให้มึงเมาเร็ว เดี๋ยวน็อคไปก่อน มันก็ไม่สนุกน่ะสิ”
 
ไอ้เต้ยมันยิ้ม เคลื่อนสองแขนโอบคอเพื่อนมันไว้ ผมชะงักแก้วเหล้าจ่อไว้ที่ปาก ย่นคิ้วจ้องมองสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
 
บอกตามตรง ผมไม่เคยเห็นไอ้เต้ยมันเมามาก่อน เลยไม่รู้ว่าปกติมันนัวเนียกันแบบนี้หรือเปล่า
 
“นี่กาย”
มันพูดเสียงเบาข้างหูเพื่อนมัน
 
“กูแค่อยากเมานิดหน่อยแค่นั้นเอง”
แล้วมันก็ซุกซอกคอเพื่อนมันมากขึ้น
 
ผมบีบแก้วเหล้าในมือแน่นขึ้น ขอบแก้วยังค้างอยู่ที่ริมฝีปาก
 
“ร้อนชะมัดเลย”
ไอ้เต้ยพัดหน้าตัวเองเบา ๆ อีกมือก็จับคอเสื้อกระพือแรงไล่ความร้อน ตามันปรอย ๆ เยิ้ม ๆ ทั้งที่หัวยังซุกซอกคอเพื่อนมันอยู่
 
ใจผมอยากกระชากพวกมันสองคนออกจากกัน แต่ก็พยายามยั้งตัวเองเอาไว้
 
สักพักไอ้เต้ยมันทำท่าจะถอดเสื้อออก แต่ไอ้เป้มันรั้งไว้แล้วดึงกลับไปหามัน

ทุกคนกำลังเมาได้ที่ ไอ้มอกับไอ้โอม กระโดดขึ้นแด้นส์กันแล้ว สาว ๆ มาเห็นคงหมดรักพวกมันแน่ ๆ แต่ความหล่อของพวกมันเยอะ เพราะงั้น เต้นรั่วขนาดไหนก็ยังดูดี พวกเพื่อนผู้หญิงก็พากันนั่งกินกันไปเม้าส์กันไปตามประสา
 
ไอ้เต้ย พยายามรั้งตัวกลับมาหาไอ้ตัวเล็ก แต่ถูกพี่มันฉุดไว้
 
“ปล่อยเด้ ไอ้พี่เป้ กูจะไปหาเพื่อนกู มึงไม่อยากเป็นพี่กูแล้ว มึงก็ไปไกล ๆ”
มันด่าพี่มัน พยายามตะเกียกตะกายเข้าหาเพื่อนมัน ไอ้เป้มันไม่ปล่อยครับ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าสายตามันดูเจ็บปวดขนาดไหน
 
“แหมไอ้คู่นี้นี่ กูเกือบจะคิดว่าพวกมึงสองคนเป็นอะไรกันนะเนี่ย ดีว่าไอ้กายมันถูกหมายหัวไว้แล้ว”
ไอ้มอมันพูด ผมหันไปด่ามันทางสายตา มันยิ้มรับ
 
ไอ้เต้ยมันชี้หน้าไอ้มอ แล้วยิ้มรื่นตามประสาคนเมา
 
“กายเป็นของผม พี่เป้ก็เป็นของโผม..”
มันอ้อแอ้บอก ผมหัวเราะหึ ๆ ส่วนไอ้ตัวเล็กนั่งกินไปเงียบ ๆ
 
“เนอะกายเนอะ มึงเป็นของกูใช่ม้า ถึงมึงจะถูกพี่เอกกินไปแล้ว แต่มึงก็ยังเป็นของกูเนอะ”
 
ผมพ่นเหล้าในปากออกมากระฉอกใหญ่ ไอ้ที่ดิ้น ๆ กันอยู่ หยุดเลยครับ ทุกคนหันมามองคนเมาเป็นตาเดียว สลับกับผมและไอ้กาย
 
“ไอ้เอก นี่มึงกินน้องไปแล้วเหรอวะ”
ไอ้โอมมันพูดทึ่ง ๆ
 
“เฮ้ย นี่มันอะไรกันไอ้เอก มึงเปลี่ยนรสนิยมแล้วเหรอ”
ไอ้อิงมันถามตาโต
 
“มึงไม่รู้อะไร ไอ้เอกมันต้องมนต์กายตั้งแต่ได้จูบแรกกายไปแล้ว” 
ไอ้กิ๊ฟมันสาธยายต่อ
“แต่ไอ้ที่ได้กันนี่กูก็เพิ่งรู้ว่ะ ตกลงมึงได้น้องมันแล้วเหรอวะ”
มันถามไม่ดูตาม้าตาเรือ ผมทำท่าอึกอัก ส่วนไอ้ตัวเล็กก้มหน้างุด จ้องแต่แก้วเหล้า
 
“พวกมึงไม่รู้อะไร น้องเขาเสร็จไอ้เอกตั้งแต่อยู่ดอยแล้วโว้ย”
ไอ้มอมันพูดต่อ
 
ผมเบิ้ดกะโหลกมันไปที
 
“ไม่ใช่โว้ย หลังจากนั้นต่างหาก”
 
อ้าวกู..
หลุดซะละ
 
พวกมันนิ่ง ก่อนพากันเฮโลถามกันยกใหญ่
 
“หยุดไปเลยพวกมึง!!”
ผมปรามเสียงเข้ม
 
“ไม่ ๆ ๆ ๆ พวกพี่ ๆ หยุดกันให้หมดเลย”
ไอ้เต้ยมันปราม
“กายเป็นของผม ไม่ใช่ของพี่เอก”
ว่าแล้วมันก็โน้มตัวกอดคอเพื่อนมันไว้
 
“เต้ย มึงเมามากแล้วนะ พอเหอะเดี๋ยวกูพาขึ้นห้อง”
ไอ้ตัวเล็กมันรั้ง ๆ เพื่อนมันออก ไอ้เต้ยส่ายหัวไหว ๆ เหมือนหุ่นยนต์ไขลาน
 
“ไม่อ้าว กูจะนอนกับพี่กู...”
ว่าแล้วมันก็กลับลำหันไปกอดพี่มันแทน ไอ้เป้ทำหน้าตกใจเผลอตัวคว้าคนเมาไว้ในอ้อมแขน ไอ้เต้ยมันก็ไถลตัวไซ้พี่มันใหญ่ เหมือนลูกแมวอ้อนแม่แมว ไอ้เป้หลับตาแน่นอย่างระงับอารมณ์
 
“เต้ย พอเหอะ มึงเมาแล้วนะ”
ไอ้ตัวเล็กรีบดึงเพื่อนมันออก ไอ้เต้ยปัดเพื่อนมันแรงจนกายเสียหลัก ผมรีบคว้ามันไว้ในอ้อมแขนทันที
 
“วู้ ๆ ๆ ๆ!!”
ไอ้พวกเหลือบไรมันแซว แต่ผมไม่สนใจที่จะโต้ตอบ
 
“พี่เป้ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็บอกผมสิ หนีผมทำไม”
ไอ้เต้ยกระซิบข้างหูพี่มัน ไอ้เป้สบตาผม ใจมันคงอยากดันน้องมันออก แต่ก็ทำไม่ได้
 
“เอ่อ พี่เอก ปล่อย..”
ไอ้คนที่ผมกอดไว้ดิ้นหน่อย ๆ ให้ผมรู้ตัว ผมละสายตามามอง ก่อนคลายปล่อยอ้อมแขนออก

“พี่เป้ ผมว่าพาเต้ยเข้านอนก่อนดีกว่า ไม่งั้นคนที่จะแย่คือพี่นะ”
ไอ้กายมันพูด ผมมองหน้ามันสลับกันไปมา พวกมันสองคนมองตากันอยู่
 
ไอ้ตัวเล็ก อาจจะรู้ในสิ่งที่ผมรู้ก็ได้ ไม่งั้นมันคงไม่ทำท่าเป็นห่วงกันขนาดนี้หรอก

ไอ้เป้พยักหน้ารับ หิ้วปีกน้องมันขึ้นห้องไป
 



 พวกที่เหลือก็นั่งกินกันเหมือนเดิม ผ่านไปประมาณสิบนาทีผมลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ ส่วนไอ้ตัวเล็ก ลุกเดินไปเอากับแกล้มมาเพิ่ม ขากลับผมเห็นไอ้เป้เดินลงมาจากชั้นบน 
 
“เต้ยหลับแล้วเหรอ”
ผมถาม

มันพยักหน้า เสยผมไปด้านหลังเบา ๆ ผมตบหลังมันแปะ ๆ ไอ้ตัวเล็กที่วางกับแกล้มไว้บนโต๊ะเรียบร้อยเดินเข้ามาหา มันจับมือไอ้เป้บีบเบา ๆ คิ้วผมกระตุกทันที
         
ผมพอจะเดาได้ว่าไอ้ตัวเล็กมันคงรู้เรื่องแล้ว แต่ทำไมต้องจับมือถือแขนกันด้วยวะ และที่สำคัญ ไอ้เป้มันก็บีบมือไอ้ตัวเล็กกลับด้วย ผมขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม นี่ถ้าพวกมันยังไม่ปล่อยมือกันอีก ผมคงได้กระชากไอ้ตัวเล็กกลับแน่ ๆ ไอ้เป้พยักหน้าให้ไอ้ตัวเล็กเบา ๆ ชวนกันกลับไปนั่งกินที่เดิม
 
 
ผ่านไปร่วมชั่วโมง ไอ้เป้มันนั่งกินเงียบ ๆ จนเพื่อน ๆ บางคนเริ่มจับสังเกตุได้ ถามมันว่าเกิดอะไรขึ้น มันก็เสตอบไปว่า 'เพิ่งอกหักมา'
 
พวกมันไม่รื้อฟื้นถามต่อ คนอกหัก ปลอบได้ปลอบ ปล่อยได้ปล่อย
 



ผ่านอีกชั่วโมง ไอ้สองตัวป่วนเริ่มหมดฤทธิ์ สลบเหมือดที่พื้น ยังดีที่บ้านมันพื้นสะอาด
 
“คงกลับกันไม่ไหวแล้วแหละ”
ไอ้ตัวเล็กมองไปรอบ ๆ
 
“พวกพี่ ๆ ขึ้นไปนอนที่ห้องแม่ผมก็ได้นะฮะ”
มันบอกสาว ๆ ซึ่งแต่ละนางก็คงไม่ไหวกันแล้วจริง ๆ ถึงได้พากันหอบหิ้วขึ้นไปบนห้อง ส่วนพวกสี่หนุ่มก็ปล่อยให้มันเลื้อยอยู่ที่พื้นนี่แหละ     
 


“เดี๋ยวพี่ช่วยเก็บ”         
ไอ้เป้มันอาสา มันเมาแต่ก็ยังมีสติ ไอ้ตัวเล็กพยักหน้า ผมก็ช่วยด้วยเหมือนกัน
 
ไอ้อาการมดกัดยิบ ๆ ในอกมันก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะ ตอนไอ้เป้พยายามเข้ามาช่วยไอ้ตัวเล็กของผมหยิบจับนู้นนี่
 
“ไหวไหม”
ได้ยินไอ้ตัวเล็กมันถาม ผมหันไปมอง เห็นไอ้เป้ถอนหายใจแรง ไอ้ตัวเล็กเขยิบเข้าไปใกล้ เลื่อนมือซ้ายทาบแก้มมันไว้เบา ๆ
 
“เคร้ง!!”
ผมเผลอกระแทกแก้วเปล่าลงบนอ่างล้างจานเสียงดัง พวกมันสองคนหันมามอง
 
“โทษที พอดีมันหลุดมือ”
ผมบอกเสียงแข็ง ไอ้เป้จับมือกายออก ไอ้ตัวเล็กหันไปมองสบตา ก่อนแยกย้ายกันไปทำความสะอาดต่อ 
 
แม่ง!!
ตัวอะไรมันมากัดหน้าอกกูวะ



         
ไอ้ตัวเล็กกำลังล้างจานอยู่ โดยมีผมยืนอยู่ข้าง ๆ เป็นผู้ช่วยเช็ดจานอีกที ส่วนไอ้เป้เดินไปเก็บส่วนที่เหลือมาให้

“น่าจะหมดแล้วล่ะ”
ไอ้เป้มันบอก วางจานเปล่าที่เก็บมาล่าสุดวางไว้ในอ่าง ไอ้ตัวเล็กพยักหน้า หันไปล้างจานต่อ           
 
“พี่เป้…”
เสียงเรียกยาน ๆ ด้านหลังดึงความสนใจพวกเราให้หันไปมอง ไอ้เต้ยครับ มันเดินหัวฟู ๆ ตัวลอย ๆ มากอดเอวพี่มันไว้หมับ ตายังเปิดไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
 
“ไปนอนกาน…”
มันชวนเสียงยานยิ่งกว่าเดิม ไอ้เป้หลับตาลงแน่น พยายามดันตัวน้องมันออก
 
“ไปนอนกันนะ”
มันทำท่าจะหลับคาที่ ตัวมันไถลเลื่อนลงจากเอวพี่มันจนเกือบจะตกถึงพื้น ดีที่ไอ้เป้มันคว้าเอาไว้ได้ก่อน
 
“กูพาน้องกูเข้านอนก่อนนะ”
มันหันมาบอก ขยับพยุงไอ้เต้ยเดินขึ้นบันไดไปอีกรอบ
 
ผมถอนลมหายใจโล่งอก ไอ้อาการคันยิบ ๆ ที่หน้าอกเมื่อกี้หายไปแล้ว ผมหันไปช่วยไอ้ตัวเล็กเช็ดจานต่อ
 
“คอแข็งเหมือนกันนะเรา”
ผมชม มันหันมามอง
 
“เปล่าแข็งหรอก ผสมเหล้าแค่หนึ่งส่วนห้าน่ะ ไม่อยากเมาเดี๋ยวดูแลพวกพี่ ๆ กันไม่ได้”
มันพูดยิ้ม ๆ

ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ
 “งั้นนายก็ไม่ได้สนุกเต็มที่น่ะสิ”
 
“ใครบอกล่ะ…”
มันหันมายิ้มให้
 
“พี่เอกรู้ไหม นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ดื่มกับคนอื่น ที่ไม่ใช่แม่หรือไอ้เต้ยเลยนะ ผมไม่เคยมีเพื่อนกลุ่มใหญ่มาก่อน เลยไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง วันนี้ผมสนุกมาก แต่ก็อยากซึมซับความรู้สึกดี ๆ ด้วย ผมชอบที่จะเฝ้ามองพวกพี่ ๆ เขาสนุกกันมากกว่า อยากถ่ายรูปด้วย แต่กลัวเพลิน เลยนั่งมองเฉย ๆ”
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ เพราะวันนี้เห็นมันชงเหล้าให้คนนู้นคนนี้ แถมยังนั่งมองซะส่วนใหญ่ด้วย
 
“ครั้งหน้านายก็หัดสนุกให้เต็มที่ซะบ้าง”
 
“แล้วพี่ล่ะ” มันย้อน
 
“ผมรู้ว่าพี่เป็นพวกคอแข็ง แต่พี่ก็ไม่ได้ดื่มเยอะเท่าที่ควรจะเป็นเพราะไม่อยากเมาจนเกินไปจนดูแลพวกเพื่อน ๆ ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”
 
คือ.. มันพูดถูกครับ เป็นนิสัยของผมไปแล้วที่จะเมาให้มีสติที่สุด คือเมาได้ แต่ต้องรู้ตัวตลอด อารมณ์ประมาณนั้นแหละ








ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว ทุกมุมของบ้านสะอาดเอี่ยม ยกเว้นตรงจุดที่พวกบ้านั่นมันนอนเกลื่อนกันอยู่ ผมกับไอ้ตัวเล็กพากันมานั่งเงียบ ๆ ในสวนหลังบ้าน ตรงซุ้มม้านั่งแบบโยกได้มีหลังคาที่เต็มไปด้วยไม้เลื้อยและไทรย้อยด้านบน
 
ผมดันเท้ากับพื้น ผลักให้สิ่งที่เรานั่งกันอยู่แกว่งเบา ๆ เสียงเหล็กขึ้นสนิมด้านข้างเสียดสีกันดังเอี๊ยด ๆ แต่ก็ไม่ดังมากจนสร้างความรำคาญ ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าผ่านกลุ่มของใบไม้ที่กำลังพัดไหว แม้จะมองไม่เห็นดวงดาว แต่ภาพไหวของกิ่งใบต้องลมผสมฉากหลังท้องฟ้าสีสว่างจากแสงนีออนก็ทำให้ บรรยากาศในค่ำคืนนี้สวยงามได้เหมือนกัน คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผม กำลังทำสิ่งเดียวกับผมอยู่

“พวกเด็ก ๆ คงสนุกกับการเรียนหนังสือนะ”
ผมเปรยนึกถึงเด็ก ๆ ที่เราไปร่วมสร้างโรงเรียนด้วยกันมา
 
“ครับ แน่นอน”
มันตอบโดยไม่หันมามอง ผม หันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของมัน มันแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า มุมปากบุ๋มลงนิด ๆ เป็นรอยยิ้มบางเบา ฉากหลังของมันคือทิวไผ่เรียงกันสวยต้องสายลมลู่เอนไปมา

ผมหยุดสายตาตัวเองไว้เนินนาน ก่อนหันกลับมายังจุดเดิม ยันเท้าไว้ที่พื้นจนม้านั่งหยุดแกว่ง ดันตัวลุกขึ้นยืน
 
“ดึกแล้ว พี่กลับก่อนล่ะ เราจะได้พักผ่อนบ้าง กว่าพวกมันจะฟื้น ก็คงเที่ยงหรือไม่ก็บ่ายนู่นแหละ”
 
มันหันมายิ้มให้

“ฮะ แล้วผมจะเก็บกวาดพวกพี่ ๆ ออกจากบ้านอีกทีละกัน” มันยิงมุขใส่

เราสองคนเดินตรงไปที่รถ แต่ระหว่างทางผมได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากชั้นบน ผมหันไปมองหน้าไอ้ตัวเล็ก มันมองตอบ ก่อนพวกเราจะพากันหันหลังวิ่งลิ่วกลับเข้าบ้านไปดู   



 
“ว้ากกก!! ไปไกล ๆ เลย ไป้ ๆ ๆ ๆ !!”
ไอ้ ยินเสียงไอ้อ้อยดังลอดออกมา ไอ้ตัวเล็กกระชากเปิดประตูออก สิ่งที่เห็นก็คือ ไอ้อ้อยกำลังตะเกียกตะกายหนีสุดชีวิต โดยมีไอ้กิ๊ฟยึดจับคอเสื้อด้านหลังมันไว้จนยืดยาน ในมือถือแมลงสาบตัวเป้งที่กำลังดิ้นแด๋ว ๆ หนีตายไม่แพ้ไอ้อ้อยมัน
 
“ไอ้กิ๊ฟมึงหยุดเลยนะ ไอ้เพื่อนบ้า!!!”
ไอ้อ้อยมันโวยวายเสียงดัง อิงกับสาวนอนกอดกันหลับไม่รู้เรื่อง ผมกวาดมองไปทั่วทั้งห้อง ไอ้กิ๊ฟคงเป็นคนเดียวที่ได้นอนโซฟา ส่วนที่เหลือคงนอนเตียง สงสัยไอ้กิ๊ฟมันเห็นแมลงสาบเดินผ่าน เลยจับไปแกล้งเพื่อนมัน
 
“พวกมึง นอนกันได้แล้ว!”
ผมสั่งเสียงเข้ม
 
ไอ้กิ๊ฟพยักหน้าเหมือนเด็ก ๆ เดินไปทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาทั้งที่ในมือยังถือแมลงสาบอยู่ ไอ้ตัวเล็กเดินไปหยิบผ้าห่มสำรองมาห่มให้ไอ้กิ๊ฟ เห็นมันมองแมลงสาบตัวนั้นนิดหนึ่ง คงกำลังชั่งใจว่าจะหยิบออกหรือปล่อยไว้อย่างนั้นดี สุดท้ายมันก็เลือกที่จะปล่อย และผมก็เห็นด้วย ขืนไปยุ่งกับแมลงสาบมัน มันคงเปลี่ยนใจจากไอ้อ้อยมาเป็นไอ้ตัวเล็กแน่ ๆ

พอทุกอย่างเรียบร้อย ผมก็ทำหน้าที่ปิดไฟปิดประตูห้อง     
 
“ผมว่าเอาผ้าห่มไปให้พวกพี่มอด้วยดีกว่า ยิ่งดึกอากาศที่นี่ยิ่งหนาว”
 
ผมพยักหน้าเห็นด้วย ที่นี่ต้นไม้เยอะครับ ผมยังรู้สึกเย็น ๆ เลย มันเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องรับแขกที่มีไอ้เป้กับไอ้เต้ยอยู่ มันยืนชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนเคาะประตูห้อง
 
เงียบครับ
 
มันมองหน้าผม ผมมองตอบ มันตัดสินใจจับลูกบิดหมุนเปิดออก ควานมือไปตรงขอบประตูหาสวิตซ์ไฟ พอเจอก็กดเปิด ความมืดพลันเปลี่ยนเป็นแสงสว่าง ภายในเงียบกริบ มองไปที่เตียง ไอ้เป้กำลังหลับสนิทโดยมีน้องมันอยู่ในอ้อมแขน
 
ไอ้ตัวเล็กเปลี่ยนสีหน้านิดหน่อย ก่อนเดินเลยไปยังตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ ซึ่งภายในเต็มไปด้วยหมอนและผ้าห่มสำรองที่ถูกพับเอาไว้อย่างดี มันดึงออกมาสี่ผืน เป็นผ้าห่มแบบผ้าแพร ของยังใหม่อยู่เลย มันยื่นมาให้ผมถือไว้ แล้วเดินกลับไปที่เตียง ดึงห่มผ้าจากปลายเท้ามาห่มให้คนที่นอนอยู่ถึงหน้าอก
 
มันปิดไฟ ปิดประตู เดินนำผมลงไปยังชั้นล่างเพื่อห่มให้พวกเพื่อน ๆ ผมทีละคน
 
“พี่ว่า ถ้าเราเป็นผู้หญิง ต้องเป็นแม่ที่ดีแน่นอน”
 
มันชะงักหันมามองหน้าผม
 
“สมัยนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้หญิง ผู้ชายก็ทำหน้าที่ได้ดีเหมือนกัน”
พูดแล้วมันก็เงียบไป
 
ผมรู้ความหมายที่แท้จริงของมันครับ แต่ก็แอบคิดไปไกลกว่านั้น
 
“เอ่อ ผมว่าดึกแล้ว พี่รีบกลับดีกว่า เดี๋ยวจะขับรถลำบาก”
มันอ้อมแอ้มบอก

แต่แทนที่ผมจะขยับ กลับยืนนิ่งอยู่กับที่
 
“พี่เอก”
มันเงยหน้ามอง
 
“พี่ไม่อยากกลับแล้ว จะนอนที่นี่แหละ”
 
“เอ่อ…”
มันทำท่าอึดอัด
 
“งะ งั้น…”
มันหันซ้ายหันขวา สงสัยกำลังหาที่ว่างให้ผมอยู่ มันกัดปากตัวเองแน่น
 
“พี่นอนตรงนั้นก็ได้”
ผมชี้ไปยังพื้นที่ว่างข้าง ๆ พวกไอ้โอมที่นอนเกยไอ้มออยู่
 
มันทำท่าชั่งใจ
 
“พี่ไปนอนบนห้องผมก็ได้”
มันพูดเสียงเบา อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรต่อ ก่อนเงียบเสียงลง
 
สุดท้าย ผมก็ได้เดินตามมันขึ้นห้องไป   



TBC..


หายไปนาน ยังมีคนตามอ่านอยู่ไหมเนี่ย ฮ่า ๆ มาต่อแล้วค่ะ ช้านิดเพราะยุ่งมากมายกับภารกิจส่วนตัวนิดหน่อย จะรีบมาต่อให้เร็วขึ้นนะคะ ^^
ขอบคุณที่ยังติดตามกันอยู่เสมอมา ช้ามาไปเรียกกันได้น้า T^T อยากลงให้ได้สักอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง นี่เว้นมากี่อาทิตย์แล้วเนี่ย T^T)
ไงก็ฝากเนื้อฝากตัวไปนาน ๆ นะคะ คีส ๆ ^^



ปล. ต้องการหนังสือ จิ้มแฟนเพจไปขอข้อมูลได้เลยค่ะ ^^facebook.com/memew28
ขอบคุณค่ะ ^^

ส่ว
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 18 : งานเลี้ยง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: fiat_so_cute ที่ 05-09-2012 22:40:44
ยังสนุกเหมือนเดิมนะครับ มาต่อไวไวด้วยนะ  o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 18 : งานเลี้ยง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 06-09-2012 03:15:59
 :impress2: :impress2: ค้างๆๆ มาต่อไวน้า รออ่าน คืนนี้ต้องมีซัมติงอะไรแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 18 : งานเลี้ยง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 06-09-2012 05:15:34
 :กอด1: คนเขียน

มาแล้ว คิดถึงจังเลยยยย  o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 18 : งานเลี้ยง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-09-2012 09:14:58
รอจ้าๆ :z2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 18 : งานเลี้ยง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 06-09-2012 18:47:49
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:

มาต่ออีกไม
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 18 : งานเลี้ยง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: srikoon ที่ 06-09-2012 19:59:11
ชอบนะครับ....สนุกดี
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 18 : งานเลี้ยง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: xenosaga2000 ที่ 06-09-2012 22:05:01
ติดตามๆๆๆๆ
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 19 : เมา [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 30-09-2012 20:54:37
Kiss Love ♥ [19] เมา
[กาย...♥]







 

หัวใจผมเต้นโครมครามตอนเดินขึ้นห้อง แต่ไม่เป็นไรหรอก ห้องผมมีโซฟานั่งเล่นอยู่ ให้พี่เอกนอนเตียงแล้วผมไปนอนโซฟาก็ได้

ตอนแรกว่าจะต่อรองไม่ให้พี่เอกทำอะไร แต่ก็เหมือนตัวเองจะร้อนตัวไป พี่เขาอาจไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นก็ได้ เพราะถ้าคิดจริง คงจะทำไปตั้งนานแล้ว ไม่ขอตัวกลับบ้านก่อนหรอก

จริงไหมล่ะ

“ผมไม่มีเสื้อผ้าไซส์ใหญ่ให้พี่เปลี่ยนนะ”
ผมหันไปบอก

พี่เอกพยักหน้าเข้าใจ ผมปล่อยให้พี่แกอาบน้ำก่อน สักพักพี่เอกก็เดินเปลือยท่อนบนออกมา กางเกงเป็นกางเกงสแล็ค ถอดเข็มขัดออกแล้ว คงไม่สบายตัวเท่าไหร่ แต่กางเกงที่ใหญ่มากพอให้พี่แกใส่ได้ก็ไม่มี หุ่นมันคนละไซส์เลย

ผมคว้าชุดนอนตัวโปรดจากตู้เสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำ พออาบน้ำเสร็จก็แต่งตัวเรียบร้อยออกมา เข็ดจากช่วงเย็นครับ แค่ผมเปลือยท่อนบนนิดเดียว พี่มันยังหื่นแตกขนาดนั้น ป้องกันไว้ก่อน ผมยังไม่อยากเสียเอกราชจริง ๆ

“พี่นอนเตียงไปละกัน”

คือเตียงผมเป็นเตียงเดี่ยว ไม่ใช่เตียงคู่แบบห้องแม่หรือห้องรับแขก

“แล้วนายล่ะ”

ผมชี้ไปที่โซฟาขนาดพอดีตัว

“ได้ไง นายเป็นเจ้าของห้องนะ นอนเตียงด้วยกันนี่แหละ”

ผมทำท่าอึดอัด

“มันเตียงเดี่ยวนะพี่”

“ก็ยังดีกว่านอนโซฟาละกัน มาเถอะ”
แล้วพี่มันก็ลากผมลงไปนอนด้วย

“เดี๋ยวพี่ ขอผมปิดไฟก่อน”
ผมเด้งตัวลุก

ห้องผมไม่ได้หรูแบบห้องพี่เอกที่มีโคมไฟหัวเตียง เพราะงั้นต้องเดินไปปิดไฟที่หน้าประตูก่อน

และตอนนี้ทั่วทั้งห้องก็เหลือไว้แค่แสงอ่อน ๆ จากดวงจันทร์ที่ลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างประดับม่านขาว ผมนอนด้านนอกมีพี่เอกนอนด้านในติดกับกำแพง ห้องข้าง ๆ เป็นห้องแม่ เรานอนอยู่บนเตียงเดียวกันภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน

 
หัวใจผมเต้นโครมคราม พยายามนอนให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะนิ่งได้ หัวไหล่เราแทบจะชิดกันอยู่แล้ว ผมนอนนิ่งลืมตามองเพดานภายใต้ความมืด

“นายรู้เรื่องของไอ้เป้แล้วใช่ไหม”
พี่เอกถามตัดความเงียบขึ้นมา

ผมหันไปมอง

“ฮะ”

พี่มันถอนหายใจแรง

“ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ตอนไปเที่ยวกันครั้งล่าสุด ผม…เอ่อ… เข้าไปเห็นตอนพี่เป้กำลังจูบไอ้เต้ยพอดี”

พี่เอกเงียบไปนาน

“แล้วรู้ใช่ไหมว่ามันพยายามตัดใจอยู่”

“อืม รู้ฮะ ผมถึงได้พยายามช่วย สงสารทั้งพี่เป้แล้วก็ไอ้เต้ยด้วย ไม่รู้ว่าจะอดทนกันได้นานแค่ไหน”
 
พวกเราเงียบกันไปอีกรอบ
 
“นี่”
พี่มันเรียกตัดความเงียบขึ้นมาอีกที

“ฮะ”
ผมตอบรับเสียงแผ่ว

“นายไม่ได้คิดอะไรกับไอ้เป้หรือไอ้เต้ยมันใช่ไหม”

“เอ๊ะ?”
ผมขมวดคิ้วมุ่นหันไปมอง เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เอกยกตัวขึ้นมาคร่อมผมไว้ ผมนอนตัวแข็งทื่อ จ้องหน้าคนที่อยู่ด้านบนเขม็ง แสงจากดวงจันทร์ส่องให้เห็นเสี้ยวหน้าหล่อเหลาได้ลาง ๆ

“ไม่ได้คิดอะไรกับไอ้เป้หรือไอ้เต้ยมันใช่ไหม”

ผมคิ้วขมวดกับคำถามนั้น

“พี่เป้เป็นรุ่นพี่ส่วนไอ้เต้ยเป็นเพื่อนสนิทผม”
ผมบอกตามจริง

พี่เอกจ้องหน้าผมอยู่นิ่งนาน

คิดอะไรอยู่ถึงได้ถามแบบนี้

ผมกวาดมองไปทั่วโครงหน้าหล่อเหลาสะท้อนแสงจันทร์ของพี่เอก ประติมากรรมมนุษย์ที่เห็นทีไรก็อยากจะคว้ากล้องมาถ่ายสักรูปสองรูป

สักพักพี่มันก็เคลื่อนตัวลงไปนอนที่เดิม ผมถอนหายใจเบา ๆ ค่อย ๆ ตะแคงข้างงอตัวกอดผ้าห่มไว้ ตุ๊กตาที่ปกติจะเต็มเตียง ผมกวาดไปไว้ที่พื้นหมด นอนคนเดียวมีตุ๊กตาได้ แต่พี่มันมานอนด้วยแบบนี้ พื้นที่คงไม่พอ

เคลิ้ม ๆ กำลังจะหลับ ก็รู้สึกเหมือนมีวงแขนมาพาดไว้ที่เอว ผมสะดุ้งเฮือก เอี้ยวหน้าไปมอง เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เอกยกตัวขึ้นมาคร่อมผมไว้อีกที ผมเกร็งตัว ไล่สายตามองตามตื่น ๆ

พี่เอกไม่ได้ทำอะไร นอกจากจ้องหน้าผมนิ่ง ๆ ภายใต้แสงสว่างเจือจางจากดวงจันทร์

“โทษที พี่นอนไม่หลับ เรานอนไปเถอะ”

“แล้วพี่จะไปไหน”
ผมรีบลุกขึ้นนั่งทันทีที่พี่เอกลุกออกจากเตียง   

“ไปเดินเล่นในสวนสักหน่อย นายนอนไปเถอะ”
พี่แกลูบหัวผมเบา ๆ หันหลังเดินออกจากห้องไป

ผมนั่งนิ่งบนเตียง

..หรือพี่แกจะรู้ว่าผมเกร็ง..

ผมล้มตัวลงนอน ข่มซ่อนดวงตาตัวเองไว้ พลิกซ้ายก็แล้ว พลิกขวาก็แล้ว แต่ทำยังไงก็หลับไม่ได้สักที สุดท้าย ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่ง สลัดผ้าห่มทิ้งไว้ข้างตัวลุกเดินไปเปิดไฟ จับลูกบิดหมุนเปิดประตูออกเป็นจังหวะเดียวกับที่ใครอีกคนหมุนเปิดประตูเข้า มาพอดี

พี่มันทำหน้าแปลกใจที่เห็นผมยังตื่นอยู่

“คิดว่านอนไปแล้วซะอีก”

“เป็นห่วงพี่”

พี่มันถอนหายใจแรง งับปิดประตูลงจนได้ยินเสียงกริ๊กของลูกกลอนเบา ๆ

“พี่ไปสงบอารมณ์มา”

ผมคิ้วขมวด

สงบอารมณ์?

เพื่ออะไร?

คิ้วผูกโบว์ของผมคงเป็นคำถามที่ดีแทนคำพูด

“พี่ไม่อยากทำอะไรนาย ไม่อยากให้นายตื่นกลัว”

ผมขมวดคิ้วหนักยิ่งกว่าเดิมไปกับสิ่งที่ได้ยิน ปกติเคยห่วงกูด้วยเหรอฟะ เห็นทีไรจับจูบเอาจูบเอา เมาแล้วกลายร่างเป็นสุภาพบุรุษขึ้นมารึไงฮึ

“พี่ไม่อยากทำอะไรนายตอนพี่เมา…”
พี่มันหยุดคำพูดไว้ ผมจ้องหน้าพี่มันงง ๆ

 

“เพราะถ้าพี่ได้เริ่มแล้ว…มันหยุดยาก”

พี่เอกก้มกระซิบข้างหูก่อนรวบตัวผมเข้าไปกอด ผมตาโตรีบถอยหลังอัตโนมัติ แต่ก็ช้ากว่าวงแขนแกร่งที่รั้งเอวผมกลับไปอีกรอบ พี่แกดันจนผมติดกำแพงใกล้ประตู ก่อนโหมจูบลงมาหนัก ๆ

ทำไมกูต้องเล่นบทเป็นนางเอกโดนพระเอกข่มขืนด้วยวะ

ผมรู้สึกหวาดหวั่นกับท่าทางแปลก ๆ ของพี่เอก เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย ไหงกลับมาอีกทีกลายเป็นงี้ไปได้ ผมดิ้นรน แต่ยิ่งดิ้นหลังผมยิ่งถูกดันจนติดกำแพงมากขึ้น สักพักพี่แกก็ดันจนผมถอยหลังลงไปนอนบนเตียง ผมพยายามจะลุก แต่พี่เอกทิ้งตัวลงมานั่งคร่อมหน้าขาผมไว้ ผมมองหน้าพี่เอกตื่น ๆ

ดวงตาคมนิ่งเอามาก ๆ ทั้งที่ปกติออกจะแพรวพราวส่อแววหื่นออกมาชัด ๆ ผมกลัวสายตาแบบนั้นจริง ๆ

พี่เอกถอดเสื้อผมออก ขึงจนตึงก่อนนำมันมามัดข้อมือผมไว้ด้วยกัน ผมมองพี่เอกหน้าตื่นยิ่งกว่าเดิม

“พี่เอกจะทำอะไรน่ะ!!”

พี่มันไม่ตอบครับ ยิ่งนิ่งผมยิ่งกลัว ผมพยายามดันตัวจะลุก แต่พี่มันกดหน้าอกผมไว้ด้วยฝ่ามือเดียว

แรงจะเยอะไปไหน

แล้วพี่แกก็ใช้มืออีกข้างถอดกางเกงผมออก ทันทีที่ผิวเนื้อสัมผัสอากาศ ผมรีบห่อตัวเข้าหากันทันที

พี่เอกละมือจากหน้าอกผมไปถอดเสื้อตัวเองออกบ้าง ผมรีบอาศัยจังหวะนั้นกระเถิบตัวถอยหนี พลิกตัวคว่ำหน้าหวังก้าวลงจากเตียง แต่ยังไม่ทันได้ทำดั่งใจ มือใหญ่ก็คว้าข้อเท้าผมไว้ กระชากทีเดียวผมก็มานอนแหมะคว่ำหน้าอยู่ที่เดิม

ผมรีบค้ำสองมือที่ถูกมัดไว้กับพื้นดันตัวหวังจะลุก ก่อนจะทรุดฮวบลงไปหาที่นอนอีกรอบเมื่อมีแผ่นอกกว้างมาทับหลังไว้   

หมดสิทธิ์ขัดขืนครับ
 
แต่ผมก็ยังไม่ยอมแพ้ดิ้นขลุกขลักหวังผลักพี่มันออก พี่เอกไม่พูดโต้ตอบอะไร นอกจากไล้ฝ่ามือไปมาสลับกับบีบเค้นท่อนแขนผมแรงจนเจ็บ ปากร้อนก็ไม่หยุดนิ่งพรมจูบไปทั่วตั้งแต่แผ่นหลังขึ้นมาที่ลำคองับเบา ๆ ที่ใบหูจนขนลุกซู่แล้วเลื่อนลงไปงับแรง ๆ ที่ลำคออีกที   
 
“พี่เอก ปล่อย!!”
ผมพยายามห้าม แต่พี่แกไม่หยุดยังพรมจูบอยู่อย่างนั้น
 
พี่เอกจับเอวผมยกขึ้นให้คุกเข่า จับสองขาผมแยกออกกว้าง จ่อความแข็งขืนไว้ที่ปากทางเข้า ผมพยายามขยับเคลื่อนตัวไปด้านหน้า แต่พี่แกจับสะโพกผมไว้ดึงเข้าหาตัว ซ้ำยังดันบางส่วนเข้ามาไม่ยอมหยุด
 
ตอนนี้ผมกำลังกลัว กลัวพี่เอกเอามาก ๆ
 
“พี่เอกอย่าทำแบบนี้!! ปล่อย!!”
ผมตะโกนห้ามทั้งยังพยายามขยับตัวออก
 
แต่สองมือยังไร้อิสระ แถมสะโพกยังถูกยึดแน่นทำให้ขัดขืนอะไรไม่ได้ ผมเกร็งร่างกายไม่ให้ความร้อนผ่านเข้ามา
 
พี่เอกละมือจากสะโพกจับสองขาผมแยกออกกว้างกว่าเดิม ผมเผลอตัวคลายความเกร็ง และทันทีที่ทำแบบนั้น ผมก็ต้องกรีดร้องเสียงหนัก เมื่อความร้อนที่จ่อรอไว้อยู่ถูกดันพรวดเข้ามาจนสุดทางในหนเดียว
 
ผมอ้าปากค้างปล่อยให้ลมหายใจและเสียงครางแผ่ว ๆ เป็นเครื่องระบายความจุกเจ็บที่ถาโถมเข้ามา หัวใจถูกบีบให้เต้นเร็ว ลมหายใจหอบกระชั้น สมองวูบโหวงว่างเปล่า
 
ยังไม่ทันที่ร่างกายจะได้คลายตัว พี่เอกก็ดึงร่างตัวเองออกแล้วใส่กลับเข้ามาใหม่จนผมต้องกรีดร้องอีกรอบ
 
“พี่เอก.. เบา ๆ!!”
ผมพยายามร้องขอเมื่อจังหวะถูกใส่ลงมาเร็วและแรงจนเกินไป
 
“อืม.. กาย”
พี่มันครางเสียงพร่า
 
แต่แทนที่พี่แกจะเบาตามคำขอกลับใส่จังหวะหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม ผมแนบหน้ากับที่นอนไถลขึ้นลงตามจังหวะโหมนั้น
 
‘เพราะถ้าพี่ได้เริ่มแล้ว…มันหยุดยาก’
 
ผมเข้าใจความหมายของพี่มันทันที
 
จังหวะเริงรักถูกสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ผมไม่รู้ว่าผมไปถึงปลายทางกี่รอบ รู้แค่ว่าพี่เอกจะรุนแรง เร่าร้อน
 
...แล้วก็เงียบ
..

..

..

ผมลืมตาตื่นอีกทีตอนตะวันยามเช้าแยงตา หลอดไฟบนเพดานยังคงส่องสว่าง เมื่อคืนหลับไปโดยไม่ได้ปิดไฟ ผมพลิกหน้าไปด้านข้าง จนเห็นแผงอกกว้างเปลือยเปล่าของใครบางคน ผมเงยหน้ามองเจ้าของแผงอกนั้น พี่เอกนอนหายใจสม่ำเสมอ แขนซ้ายหนุนหัวราบไปกับหมอน ส่วนแขนขวาเกี่ยวไว้ที่เอวผมหลวม ๆ

โดนกอดกี่ที ๆ ก็รู้สึกเหมือนแขนพี่มันเป็นปีกนกเลยแฮะ

… ถ้าไม่เมาแล้วบ้าระห่ำจนน่ากลัวแบบเมื่อคืนน่ะนะ…

แค่ผมขยับตัวเบา ๆ มันก็เจ็บร้าวไปทั่วทั้งท่อนล่าง ผมเพิ่งได้นอนตอนเกือบตีห้า ตอนนี้เจ็ดโมงเช้าแล้ว เวลาตื่นนอนของผมเอง ต่อให้นอนดึกขนาดไหนก็ตื่นเวลานี้

พี่เอกคงเหนื่อยจัด ขนาดผมขยับยังไม่รู้สึกตัวเลย ผมพยายามขยับตัวลุกให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ร่างกายเหนียวเหนอะไปหมด อยากไปล้างตัวครับ ลูกนับล้านของพี่เอกคงเน่าอยู่ในตัวผมแล้ว

กำลังจะหลุดออกจากเตียง แต่แรงเกี่ยวจากวงแขนใหญ่รั้งผมลงไปนอนอีกรอบ พี่เอกพลิกตัวคร่อมร่างผมไว้ เรียวคิ้วเข้มขมวดหนักจนใบหน้าดูตึงเครียด

ผมตาโตจ้องหน้าพี่มันหวั่น ๆ

นี่พี่แกสร่างเมารึยัง

“เจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ ลุกทำไม”
พี่แกถามกลับเสียงนุ่ม

พูดได้ยาวขนาดนี้ แปลว่าสร่างเมาแล้วใช่ไหม

ผมหลุบเปลือกตาลงต่ำหลบหนีดวงตาคม

“ผมเหนียวตัว อยากอาบน้ำ”

“เดี๋ยวพี่พาไป”

ผมเงยหน้าสบตาพี่มัน

“ไม่เป็นไร ผมไปเองได้”

“พี่พาไป”

ดื้อจริงวุ้ย

สุดท้ายผมต้องยอมให้พี่แกพยุงตัวเข้าห้องน้ำไป

คือจริง ๆ แล้วกูอาย กูโป๊อยู่ มึงสำนึกบ้างสิ มึงมีกางเกงอยู่ แต่กูถูกปลดเอกราชทิ้งไปตั้งแต่เมื่อคืน

เมื่อคืนพี่แกมีอะไรกับผมโดยไม่ยอมถอดกางเกงฮะ

เอ่อ..คือ…ปล่อย แค่ส่วนนั้นออกมา พอใช้งานเสร็จก็เก็บเข้าที่ ตื่นเช้ามาพี่แกเลยอยู่ในสภาพกึ่งสมบูรณ์ ท่อนบนเปลือยเปล่า ท่อนล่างเป็นกางเกงนักศึกษา ซิปเปิดอ้ากระดุมหลุดออกจากรัง เผยลิงขาวขอบดำรำไร

สรุป พี่มันยังเท่อยู่ แต่ผมนี่สิ .. เดินห้อยต่องแต่ง

บอกได้คำเดียว…โคตรอาย

ผมอาบน้ำโดยมีพี่เอกยืนอาบอยู่ข้าง ๆ ผมหันหลังให้พี่แก ไม่มองหน้า ไม่มองตัว ไม่มองอะไรทั้งนั้น คิดซะว่าอาบอยู่คนเดียว

“พี่เอกออกไปก่อนได้ไหม”
ผมตัดสินใจบอกหลังจากยืนขัดตัวจนแทบจะเปื่อยอยู่นาน

พี่แกหันมามองด้วยความแปลกใจ

แล้วรายนี้จะอาบนาน ๆ ตามกูทำไมวะ

“คะ คือผมจะทำความสะอาด…”
ส่วนนั้นนั่นแหละ 0///0

พี่แกเล่นปล่อยข้างในซะหมด ไม่ล้างออกคงไม่ดี พี่มันพยักหน้าเข้าใจ แล้วปล่อยให้ผมยืนอาบอยู่คนเดียว

พอออกจากห้องน้ำไป ก็เห็นพี่เอกยืนเท่เปลือยท่อนบนอยู่ข้างหน้าต่าง ผมพยายามเดินให้เนียนที่สุดไปหาเสื้อผ้าใส่

ทั้งที่ใจอยากตะโกนออกมาดัง ๆ …

กูเจ็บตูดโว้ย T^T

“กาย”
พี่เอกเรียก ผมหันไปมอง พี่แกทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง ...ก่อนเงียบไป

“อย่าลืมใส่ชุดที่พี่ซื้อให้นะ”

ผมขมวดคิ้ว

“เอาไว้ซักก่อนละกันฮะ” 

พี่มันพยักหน้าเข้าใจ พอผมแต่งตัวเสร็จก็เดินลงไปข้างล่าง โดยมีพี่มันเดินโป๊ท่อนบนตามมา

ข้างล่างเงียบครับ ยังไม่มีใครตื่น ผมกวาดมองไปรอบ ๆ จนเห็นไอ้เต้ยเดินหัวฟูลงบันไดมา ซ้ำยังลากพี่มันลงมาด้วย นิสัยมันเหมือนแมว กอดแขนพี่มันแน่นหนึบเลย

“แปรงฟันยังมึง”
ผมถาม

ไอ้เต้ยพยักหน้าขึ้นลงหงึก ๆ

“แปรงแล้ว ล้างหน้าอาบน้ำแล้วด้วย”
มันยีปากจนเบี้ยวให้ดูฟันขาว ๆ ภายใน

ผมหัวเราะ เดินไปปัดเรด้าร์บนหัวมันลงมา ปกติเวลาที่มันมาบ้าน มันจะนอนกับผมตลอด เราคบกันมานาน ผมก็รักมันเหมือนน้อง แม่ก็รักมันเหมือนลูกอีกคนหนึ่ง เพราะมีมันอยู่ด้วยนี่แหละ แม่ถึงได้ไว้ใจให้ผมอยู่กรุงเทพคนเดียว อย่างน้อยมีอะไรก็อาศัยฝากฝังมันได้บ้าง (จริง ๆ แม่ก็พูดหรูหราไปงั้นแหละ แกอยากไปซะอย่าง ต่อให้ทิ้งลูกให้อยู่คนเดียว แกก็ทำ - - )

ผมไม่ค่อยไปบ้านมันเท่าไหร่หรอก แต่มันน่ะมาบ้านผมบ่อย เรียกได้ว่าแม่ไม่อยู่เมื่อไหร่ มันก็โผล่

“กาย กูอยากกินข้าวต้มกุ้ง”
ไอ้เต้ยมันอ้อน

ปกติแม่จะทำกับข้าวไว้ให้เราสองคนทาน พอแม่ไม่อยู่ ผมก็ต้องทำหน้าที่นี้แทน

“งั้นมึงมาช่วยกูแกะกุ้งละกัน”

มันพยักหน้า ปล่อยแขนจากพี่มันเดินมากอดคอผมแทน ไอ้นี่มันชอบนัวเนีย

มึงน่าจะไปเกิดเป็นแมวซะเลยนะ

เราสองคนพากันเดินเข้าครัว โดยมีหมียักษ์สองตัวเดินตามมาด้วย ผมอยากจะถามว่า แล้วพวกพี่จะตามเข้ามาด้วยทำไม

พี่เป้คงกำลังเบลออยู่ แต่ไอ้หมียักษ์ข้างผมนี่สิ

ผมไม่ได้สนใจ เดินไปหยิบหม้อมาเตรียมทำข้าวต้ม ต้องทำเผื่ออีก 8 ชีวิตที่เหลือด้วย พอเตรียมของเสร็จ ผมก็ลงมือตั้งหม้อปรุงรสตามสูตรของแม่ทันที
 

TBC…


หายไปนาน เหอๆ อยากมาลงเหมือนกันแต่มิมีเวลาเลย ภารกิจรัดเอวจนกิ่ว คิดฮอดคนอ่านที่นี่ทุกคน อิอิ ^^

ปล. ให้กำลังใจบ้านคนน้ำท่วมค่ะ ^^

คีส ๆ ทุกคน ^^ :bye2:

ต้องการหนังสือก็จิ้ม ๆ เลยค่ะ ^^ facebook.com/memew28 ^^


 

 
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 19 : เมา [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: junjou ที่ 30-09-2012 21:37:59
เอ๊ะ!! เหมือนเคยเห็นเรื่องนี้ใน dek-d
ดีแล้วค่ะที่เอามาลงเล้า (เพราะส่วนตัวแทบไม่โผล่ไปเด็กดี 555555)

เรื่องนี้สนุกมว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  o13 o13
กายนี่แบบเป็นเคะที่ตามหาอ่ะ น่ารักแบบ...ม๊ากกกกกกกกกกกกกกก  :-[ :-[
รักจริงๆเรื่องนี้ สนุกมากค่ะ!!!

 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 19 : เมา [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: premierfour ที่ 30-09-2012 22:59:34
กรี๊ดดดดดดดดดดดด !!! ตามมาจากเด็กดี(Dek-d) อร้างงงงงงง >___________<;;
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 19 : เมา [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 30-09-2012 23:23:13
 :m1:  มาแล้ว!!!
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 19 : เมา [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 30-09-2012 23:51:11
ยังรออยู่นะ

อย่าหายไปนานนะ

 :call:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 19 : เมา [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 01-10-2012 00:00:08
ตอนนี้พี่เอกเร่าร้อนจัง กายจ๋าเจ็บน่าดูเลยใช่มั้ย
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 19 : เมา [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: MonKey ที่ 01-10-2012 00:23:57
อ่านตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เลยค่ะ 5555 งานการไม่ทัน ติดน้องกายกับพี่เอก ><
ชอบน้องกายอะ น่้ารักมาก ๆ เลย พี่เอกก้เท่อะ หื่นด้วยย ~ -..-
ชอบมาก ๆ เลยค่ะ  ^^
มาต่อเร็ว ๆ นะคะ รออยู่ 55555
ขอบคุณค่ะ ;)
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 19 : เมา [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 02-10-2012 10:48:38
 :m20: :m20: :m20: :m20:


หายไปนานเลย
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 19 : เมา [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 02-10-2012 15:16:05
นอนกันไปก้อหลายครั้ง

พี่เอกบอกรักกายบ้างเหอะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 19 : เมา [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: maykiz ที่ 04-10-2012 02:13:26
แอร๊ยยย!! อยากกินข้าวต้มกุ้งไวๆจัง
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 19 : เมา [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: karenlarent ที่ 06-10-2012 20:50:36
พี่เอกกกกกขาาาาาาาาา  :กอด1: 5555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 19 : เมา [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 07-10-2012 02:30:26
รอตอนต่อไปน๊า พี่เอกน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 19 : เมา [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 08-10-2012 12:02:13
พี่เอกน่ารัก น้องกายก็น่าฟัด  :-[
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 20 : จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 08-10-2012 20:25:03
 Kiss Love ♥ [20] จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไร
[เอก...☼]
 



ผมยืนกอดอกอยู่ข้าง ๆ ไอ้เป้ มันยังยืนมึน ๆ อยู่ อันนี้เป็นเรื่องปกติของมันตอนเมาแล้วตื่นนอน ต่างกับไอ้เต้ยที่สดใสแต่เช้า สงสัยมันอารมณ์ดีที่ได้นอนกอดพี่มันทั้งคืน

ผมหันไปมองไอ้สี่ตัวที่ยังนอนหลับสนิทอยู่ในห้องรับแขก เมื่อคืนเห็นไอ้โอ๊คมันนอนอยู่ที่พื้นแต่ตอนนี้มันขึ้นไปนอนอยู่บนโซฟาแล้ว มันนอนคว่ำหน้าแขนร่วงระพื้น ส่วนไอ้สามตัวที่เหลือนอนเกยกันอยู่ที่เดิม ไอ้มอนอนหงายแผ่หลาผมชี้โด่เด่ เสื้อมันเลิกสูงเผยกล้ามท้องแข็งแรงหกห่อ มีไอ้โอมนอนน้ำลายไหลยืดทับพุงมันอยู่ ส่วนไอ้ปิงได้แขนไอ้มอเป็นหมอนรองหัว งอตัวขดเป็นกุ้ง ผ้าห่มสี่ผืนถูกมันลากไปม้วนเป็นก้อนกลม ๆ กอดคนเดียวจนหมด

ผมปล่อยให้พวกมันนอนกันไปก่อน ยังไงซะวันนี้ก็วันเสาร์ ปล่อยพวกมันไป

ไอ้เต้ยยืนแกะกุ้งอยู่ข้างไอ้ตัวเล็กที่กำลังซาวข้าวในหม้อ

เมื่อคืนผมเมา แล้วก็ทำเรื่อง เอ่อ…อย่างนั้นไป

จริง ๆ ผมก็รู้ตัวเองอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ แต่เวลาเมาผมจะอึดมากกว่าปกติ แถมยังชอบความรุนแรงด้วย ออกแนวซาดิสม์หน่อย ๆ ด้วยซ้ำ ยิ่งเห็นมันทำท่าหวาดกลัวเท่าไหร่ ผมยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น เมื่อคืนเลยเผลอฟัดมันไปหลายยก กว่าจะหมดแรงก็เกือบเช้า แอบทึ่งที่มันยังลุกขึ้นมาเดินได้

ใจจริงผมก็อยากนอนต่อ แต่เป็นห่วงมัน เลยลุกตามมันมาด้วย เห็นมันเดินแปลก ๆ เป็นบางจังหวะ คงฝืนอยู่ ยังดีที่มื้อเช้ามันทำอะไรง่าย ๆ เลยไม่ต้องช่วยอะไรมาก ผมยืนมองไอ้ตัวเล็ก ในขณะที่ไอ้เป้ยืนมองน้องมันเหมือนคนหลับใน

“นี่ ๆ มีหมูสับไหมมึง สับแหลก ๆ เลยนะ พี่กูชอบ”
ไอ้เต้ยมันสะกิดเพื่อนมัน
 
“อืม หมูอยู่ในตู้เย็น ไปหยิบมาดิ”

ไอ้เต้ยรีบวิ่งจู๊ดไปหยิบมาให้ทันที ไอ้ตัวเล็กรับหมูมาล้าง วางไว้บนเขียง เตรียมสับ มันเบ้หน้าหน่อย ๆ ตอนลงมีดแรก มันคงสะเทือน ผมรีบเดินไปคว้ามีดจากมือมัน มันเงยหน้ามอง ผมจ้องกลับนิ่ง ๆ ให้รู้ว่าที่ผมแย่งมาเพื่ออะไร มันไม่ค้านครับ หันไปทำอย่างอื่นต่อ ส่วนผมก็ยืนสับหมูไป

“โห พี่เอกเก่งจัง”
ไอ้เต้ยมันชม

“กูก็ทำได้”
ไอ้เบลอมันพูดขึ้นมาบ้าง นิสัยเก่ามันกำเริบ ต้องเป็นที่หนึ่งสำหรับน้องมันเท่านั้น สงสัยจะเบลอจัด จนลืมว่าตัวเองกำลังแอ๊บเมินอยู่

ผมเลยยื่นมีดให้มัน มันรับไปสับโป๊ก ๆ โดยมีไอ้เต้ยปรบมือชื่นชมอยู่ข้าง ๆ ไอ้สองตัวนี่ก็ตลกดีวุ้ย ผมเลิกสนใจพวกมันหันไปช่วยไอ้ตัวเล็กหั่นผักทำเครื่องเคียงต่อ
 

ผ่านไปประมาณสามสิบนาที กลิ่นหอมคงลอยไปเตะจมูกของคนที่นอนอยู่เข้า พวกมันถึงได้พากันสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเกาหัวเกาพุงกันยกใหญ่ พวกผู้หญิงก็พากันเดินลงมาแล้วเหมือนกัน

“หอมจัง ทำอะไรกันอยู่”
ไอ้กิ๊ฟมันทัก ผมแอบมองมือมันนิดหนึ่ง ดูว่ามันทิ้งแมลงสาบไปแล้วรึยัง

“ข้าวต้มกุ้งฮะ”
ไอ้ตัวเล็กตอบ

“ใส่หมูสับด้วย”
ไอ้เต้ยเสริม

“แหม มึงนี่โชคดีว่ะเอก”
ไอ้มอมันเดินแฮงค์ ๆ มายืนอยู่หน้าห้องครัว ผมหันไปมองมันงง ๆ

“ทำไมวะ”

“ก็เมียมึงอ่ะ เป็นแม่ศรีเรือนดี”

ไอ้ตัวเล็กทำทัพพีตกพื้นดังเคร้ง มันรีบก้มเก็บ พวกคนที่เหลือพากันหัวเราะยกใหญ่

“มึง.. ถ้าไม่อยากโดนตีนกูอุดปากก็เงียบไปเลย”

มันเงียบครับ แล้วเดินไปยืนอยู่ข้าง ๆ ไอ้ตัวเล็กแทน

“พี่ขอถ้วยหนึ่งนะ กำลังหิว”
มันพูดเสียงหวานเหมือนตอนที่มันใช้ป้อสาว ๆ ไอ้ตัวเล็กยิ้มพยักหน้าให้มันที

“พี่จะอาบน้ำก่อนไหม”
มันถามไอ้มอด้วยความเป็นห่วง

ผมกวาดมองไปรอบ ๆ อีกที พวกผู้หญิงคงอาบน้ำล้างหน้ากันมาแล้ว พวกนี้เตรียมพร้อมตลอดแหละ คงรู้ว่ายังไงก็ต้องค้าง เลยพกพวกโฟมล้างหน้า แปรงสีฟัน ครีมทาผิวและอะไรอีกสารพัดสำหรับผู้หญิงติดตัวมาด้วย

แต่สำหรับพวกผู้ชายคงไม่

“ไปอานน้ำกันก่อนก็ได้ฮะ ชั้นบน ห้องไหนก็ได้”
มันบอกอีกที

ไอ้โอมมันวิ่งลิ่วขึ้นไปจองห้องรับแขกก่อน ไอ้โอ๊คกับไอ้ปิงตอนแรกกำลังจะเดินไปห้องไอ้ตัวเล็ก แต่ไอ้มอมันดักไว้ก่อน

“กูจะอาบห้องกาย พวกมึงสองคนไปอาบห้องแม่เลยไป้!”
แล้วมันก็หันมาหากายอีกที

“พี่ไปอาบน้ำก่อนนะแล้วจะรีบลงมา”
มันทำเสียงหวานอีกแล้ว ไอ้ตัวเล็กยิ้มรับ มันรีบหันหลังวิ่งลิ่ว ๆ ขึ้นไปทันที

คันครับ…

ตอนนี้ผมกำลังคันหน้าอกอยู่ ยิ่งเห็นไอ้มอทำท่าสนิทสนมมากเท่าไหร่ มันยิ่งรู้สึกคันหน้าอกแปลก ๆ ยังไงบอกไม่ถูก อย่าว่าแต่ไอ้มอเลย ตอนนี้ใครเข้าใกล้ไอ้ตัวเล็ก ผมก็รู้สึกคันไปหมดแหละ

“ไอ้เอก”
ไอ้กิ๊ฟมันเดินมาตบหลังผมดังป้าบ ผมหันไปมอง

“ลด ๆ ลงซะบ้างเหอะ ไอ้รังสีหึงหวงของมึงเนี่ย แม้แต่กับเพื่อนมึงก็ยังไม่เว้นนะ”

ผมขมวดคิ้วมองมันงง ๆ มันยิ้ม แต่ไม่พูดอะไรแล้วเดินจากไป

รังสีหึงหวงอะไรของมันวะ

“กายพี่ขอถ้วยหนึ่งนะ”
แล้วพวกผู้หญิงก็เดินต่อคิวมาให้ไอ้ตัวเล็กตักข้าวต้มให้ มันยิ้ม ตักใส่ถ้วยของแต่ละคน

ขนาดทำกับข้าว มันยังเน้นสวยงามเลย พอมันตักใส่ถ้วยเสร็จ ก็โรยด้วยผักชี ราดพริกไทยเป็นสาย ๆ ซะสวยงาม

อย่าว่าแต่เพื่อน ๆ ผมจะน้ำลายไหลเลย ตัวผมเองยังทำน้ำลายหกไปหลายแหมะ เหมือนมันจะรู้ว่าผมหิว มันเลยเดินถือข้าวต้มถ้วยใหญ่มาไว้ตรงหน้า

พวกเรากินกันไม่เป็นที่ครับ กินกันในครัวนั่นแหละ อยากกินตรงไหนก็กิน สาว ๆ ยึดครองเคาน์เตอร์ทำอาหาร กินไปเม้าท์ไปตามประสา ผมนั่งคู่ไอ้ตัวเล็ก ไอ้เบลอนั่งคู่น้องมัน

ไอ้เต้ยจ้วงตักหมูในถ้วยตัวเองให้พี่มันกิน ส่วนตัวเองก็แย่งกุ้งจากพี่มันมากินอีกที ดู ๆ ไปแล้วก็น่ารักดี

ไอ้ตัวเล็กมันตักข้าวต้มใส่ถ้วยเรียงกันไว้อีกสี่ถ้วยข้างหม้อ เผื่อพวกที่ยังอาบน้ำกันอยู่ สักพักไอ้โอมก็วิ่งลงมา

“ของพี่ละกาย”
มาถึงมันก็ทวงทันที

ไอ้ตัวเล็กใช้ปลายช้อนชี้ไปยังถ้วยข้าวต้มที่วางเรียงกันอยู่ ไอ้โอมฉีกยิ้ม รีบเดินไปยกมาถือถ้วยหนึ่งแล้วเอาไปนั่งกินที่พื้นเหมือนเด็ก ๆ ตามมาติด ๆ ด้วยไอ้มอ มันรีบเข้าประชิดไอ้ตัวเล็กทันที แถมยังชิดมากกว่าปกติอีกด้วย

ผมขมวดคิ้วมอง ไอ้ตัวเล็กมันก็ชี้บอกเหมือนเดิม แต่มันทำตัวเรื่องมาก บอกขอนู่นขอนี่เพิ่ม จนไอ้ตัวเล็กต้องลุกไปทำตามที่มันขอ ไอ้มอยืนยิ้มรื่นหันมายักคิ้วใส่ผมสองที

ผมหน้าตึงค้างช้อนไว้ที่ปาก

มึงคิดอะไรของมึงไอ้มอ

สักพักไอ้สองตัวคู่หูเกียรตินิยมก็เดินลงมาบ้าง หล่อเฟี้ยวมาเชียวแต่ละคน

ไอ้ตัวเล็กมันก็บริการดี ลุกไปยกถ้วยข้าวต้มให้พวกมันทีละคน ไอ้ปิงรับไปก่อน เอาไปนั่งกินข้าง ๆ ไอ้โอมมัน ตามติดด้วยไอ้โอ๊ค เห็นมันยืนหน้าซีด ๆ สงสัยจะแฮงค์หนัก เมื่อคืนมันดื่มเยอะด้วย

ผมชะงักงับปลายช้อนค้างไว้ที่ปากเหมือนเดิม มองตามมือไอ้ตัวเล็กที่เลื่อนไปยังแก้มไอ้โอ๊คเบา ๆ มันก็ดูจะอึ้ง ๆ ไม่แพ้กัน ไอ้นี่มันชอบจับหน้าคนรึไงฮึ ไอ้เป้ก็ทีแล้ว

“ไหวไหม ผมว่าพี่น่าจะกินกาแฟดำสักแก้วแก้แฮ้งค์ก่อนกินข้าวดีกว่านะ ไม่งั้นเข้าทางไหนมันคงออกทางนั้นแน่ ๆ”

ไอ้โอ๊คมันพยักหน้าซีด ๆ รับ

ไอ้ตัวเล็กหันไปชงกาแฟดำมายื่นให้ มันรับไปจิบ รสชาติคงขมจัด หน้าหล่อ ๆ ของมันเบี้ยวไปแถบ แต่ก็ดูดีขึ้นเยอะ พอกาแฟหมดแก้วมันก็ลงมือกินข้าวต้มต่อทันที

ตอนแรกก็กินกันแบบกระจัดกระจาย สักพักพวกมันก็พากันมายืนสุมหัวกินกันที่โต๊ะแทน เบิ้ลกันไปคนละหลายรอบด้วย
 
ของคนอื่นไม่เท่าไหร่ แต่อย่าให้นับของผม
 

สรุป แทนที่พวกมันจะยกโขยงกันกลับ ก็พากันสิงสถิตนั่งเล่นเกมกันต่อ ส่วนพวกผู้หญิงก็พากันไปสุมหัวเรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพจากไอ้ตัวเล็กมัน บ้านใหญ่เลยดูคับแคบไปถนัดตา เสียงโวยวายของพวกมันนี่ คงดังไปถึงหน้าปากซอยเลยมั้ง
 
“กลับมาแล้วจ้า!!”
ได้ยินเสียงหวานสดใสทักทายมาจากทางหน้าประตู พวกเราที่นั่งเล่นกันอยู่หันพรึบไปมอง

เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรังอีก เต็มมือ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส แถมยังสวยเอามาก ๆ ด้วย คงสูงไม่ถึง 170 ตัด ผมหน้าม้า ด้านหลังปล่อยยาวจนเกือบถึงสะโพกสีดำสนิท ใบหน้าหวานหมดจด ใส่เสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงยีนสีซีด รองเท้าผ้าใบไร้ถุงเท้า ดูเซอร์ ๆ เท่ ๆ ดี เดา ๆ เอาว่าอายุน่าจะประมาณยี่สิบต้น ๆ เหมือนพวกเรา

เค้าโครงหน้าเหมือนไอ้ตัวเล็กเอามาก ๆ แต่ต่างกันตรงที่สีผม เพราะไอ้ตัวเล็กมีผมสีน้ำตาล

“ว้าววว กลับมาแล้วเหรอฮะ คิดถึงจัง”
ไอ้เต้ยครับ มันวิ่งลิ่ว ๆ ไปซุกอกอิ่มทันที ซึ่งคนสวย (ในสายตาผม) ก็อ้าแขนที่ถือของบางส่วนไว้ออกรับ

“ของฝากผมล่ะ”
มันเงยหน้าขึ้นทวง

พวกเรายังงงอยู่ครับว่าเป็นใคร

“นี่จ้ะ ของเรา ส่วนนี้สำหรับพวกรุ่นพี่เรา”
คนสวยยื่นถุงของฝากขนาดใหญ่ให้มัน

“แม่”
เสียงไอ้ตัวเล็กดังมาจากทางหลังบ้าน

“มาได้ไง ก็ไหนว่าจะไม่กลับจนอาทิตย์หน้าไง”

“แหม ลูกชายได้รางวัลทั้งที ต้องมาอวยพรหน่อยสิ”

“หา!! คุณ แม่จริง ๆ เหรอเนี่ย คิดว่ารุ่นเดียวกับพวกเราซะอีก”
ไอ้อ้อยออกตัวหลังจากยืนตะลึงมานาน อันนี้ไม่ได้เว่อร์ครับ ผมก็คิดอย่างนั้นจริง ๆ

“โห คุณแม่ยังสาวและสวยเอามาก ๆ เลยครับ”
ไอ้มอรีบเข้าไปเสนอหน้าทันที ต่อมม่อมันฟุ้งกระจายเชียว

คุณแม่ทำท่าเอียงอายกุมแก้มแดง ๆ บิดซ้ายบิดขวา

เอ่อ…

ท่าเขินโนเนะมาก - -

ตอนแรกผมก็นึกว่าพวกนักเขียนต้องใส่แว่นตาหนาเตอะ ผมเผ้ารุงรัง ใส่ชุดซอมซ่อ หน้าตาไม่แต่ง ผมไม่หวี ทำตัวมืดมนอะไรทำนองนั้น ไม่คิดว่านักเขียนตัวจริงจะสวยขนาดนี้

“แม่จะกลับบ้านเลยหรือไปเชียงใหม่ต่อ”
ไอ้ตัวเล็กมันถาม

“กลับเลย แล้วจะบินไปเชียงใหม่อีกทีอาทิตย์หน้า พอดีเพิ่งปิดต้นฉบับได้”

ไอ้ตัวเล็กมันยิ้มร่า พวกเราเลยได้อานิสงส์ของกินเป็นน้ำพริกหนุ่มกับแค๊บหมูจากเชียงใหม่ อิ่มหมีพีมันไปตาม ๆ กัน

ไอ้เต้ยดูจะอ้อนคุณแก้วมากกว่าไอ้กายมันซะอีก มันกับแม่มันเหมือนเป็นพี่กับน้องกันมากกว่า ที่เหมือนแม่กับลูกน่าจะเป็นไอ้เต้ย

พวกเรานั่งเล่นนอนเล่นกันจนถึงบ่ายโมงก็พากันลากลับ ไอ้ตัวเล็กเดินออกมาส่งพวกเราที่หน้าบ้าน พวกสาว ๆ กลับรถใครรถมัน ไอ้เป้ไปส่งน้องมันที่บ้าน ส่วนไอ้โอ๊คกับไอ้ปิงไปด้วยกัน ไอ้มอมันติดรถไอ้โอมกลับ รายนี้จะขับรถเองก็ต่อเมื่อมีสาว ๆ มากับมันเท่านั้นแหละ ที่เหลือเกาะไอ้โอมตลอด

ส่วนผมขับรถกลับคนเดียว

นึกถึงรอยยิ้มของมันวันนี้แล้วก็พลอยพาเอาผมอดอมยิ้มตามไม่ได้ ผมชอบตอนมันอยู่กับแม่มัน เหมือนเป็นพี่น้องกันมากกว่า น่ารักดีครับ

เห็นแล้วอยากปกป้องมันดี

หือ?
ปกป้องเนี่ยนะ

มันเป็นผู้ชาย คงไม่อยากให้ผมไปปกป้องอะไรหรอกมั้ง ผมคิดกับตัวเองเงียบ ๆ เลี้ยวรถเข้าคอนโดไป   
..
..
..
..
..
..
..
..
“พี่เอกคะ”
เสียงหวาน ๆ หยุดเท้าผมไว้ระหว่างทางที่กำลังจะเดินไปห้องสภา ผมหันไปมองเจ้าของเสียงนั้น นึกทบทวนอีกทีว่าเป็นใคร

“หนิง”
ผมลองเรียกดู

หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง
“คิดว่าพี่จะลืมหนิงซะแล้ว”

ผมยิ้มรับไปที หนิงคือคนที่คอยดูแลผมตอนไปสร้างโรงเรียนให้เด็กดอยกันนั่นแหละ

“มีอะไรรึเปล่า”
ผมถามกลับเรียบ ๆ

“คือ..พี่พอจะว่างไหมคะ พอดีหนิงมีตั๋วหนังว่างอยู่สองใบน่ะคะ”
แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนมาก ผมยิ้ม กำลังจะตกปากรับปาก หากสายตาไม่เหลือบไปเห็นใครบางคนเข้าก่อน

“กาย”
ผมกำลังจะเรียก แต่เสียงของใครอีกคนเรียกตัดหน้าผมไป

คิ้วผมขมวดชนกันมองภาพตรงหน้า ถ้ามันเรียกเฉย ๆ จะไม่คิดอะไรมาก แต่นี่ มันดันเรียกแล้วฉุดไอ้ตัวเล็กให้เดินตามไปด้วย ผมก้าวขาเตรียมจะเดินตามบ้างแต่ถูกหนิงเบรกเอาไว้ก่อน ผมหันไปมอง

“โทษทีนะ พอดีพี่ติดธุระ เอาไว้ครั้งหน้าละกัน”
ผมบอกแค่นั้น แล้วรีบเดินกึ่งวิ่งตามสองคนนั้นไป คลาดกันนิดเดียว ผมหันซ้ายหันขวามองหา จนเห็นแผ่นหลังไอ้ตัวเล็กไว ๆ ตรงมุมทางเดิน ผมรีบวิ่งตามไปทันที

“ช่วยพี่หน่อยนะกาย”

ผมหยุดเท้าตัวเองไว้ แอบยืนดูอยู่ห่าง ๆ

“ผมพยายามแล้วนะ แต่พี่ก็น่าจะรู้นิสัยมันดี รายนั้นถ้าไม่ได้คำตอบที่แท้จริงมันไม่มีทางปล่อยแน่ ๆ”

“พี่รู้ แต่ความอดทนของพี่ใกล้หมดแล้วนะ ถ้าขืนมันยังเข้าใกล้พี่อีก พี่ไม่แน่ใจว่าพี่จะทำอะไรมันลงไปบ้าง พี่…”

ผมรู้ครับ ว่าเรื่องที่พวกมันคุยกันอยู่คืออะไร แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือ ทำไม่มันต้องใกล้ชิดกันขนาดนั้นด้วย ผมกำมือแน่นจ้องมองไอ้ตัวเล็กในอ้อมแขนของไอ้เป้ ไอ้ตัวเล็กมันกอดตอบเช่นกัน

ความสับสนครอบงำจิตใจผม มันยอมนอนกับผม แล้วทำตัวเงียบเชียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไม่ยอมรับ..แต่ก็ไม่ปฏิเสธ

แล้วมันทำแบบนี้กับผมคนเดียว หรือทำแบบนี้กับคนอื่นด้วย

“ไม่เป็นไรนะพี่ ผมจะช่วยด้วยอีกแรง”
มันย้ำ

ไอ้เป้กอดร่างเล็กแน่นขึ้น สองมือผมยิ่งกำแน่นตามไปด้วย

ผมเกือบจะกระโจนเข้าไปกระชากพวกมันออกจากกันแล้วถ้าไม่มีเสียงหวาน ๆ มาเบรกเอาไว้ก่อน พวกมันผละออกจากกัน

ผมหันไปมองคนเรียก

“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ”
หนิงเดินเข้ามาหาตามติดด้วยเพื่อนสาวอีกสองคน ผมรีบเขยิบตัวออกมายืนอยู่ห่าง ๆ พวกมันพากันเดินออกมาบ้างเหมือนกัน ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นผมอยู่ตรงนี้

ผมเหลือบมองไอ้ตัวเล็กตาขุ่น ก่อนก้มมองหญิงสาวตรงหน้าอีกที

“พี่ตกลงนะ”

“คะ?”
หนิงใส่เครื่องหมายคำถามด้วยความแปลกใจ

“ไปดูหนังกัน”
ผมพูดเรียบ ๆ เหลือบตามองไอ้ตัวเล็กอีกที เห็นมันเปลี่ยนสีหน้านิดหน่อย ก่อนกลับมาเป็นปกติ หนิงฉีกยิ้มกว้าง เพื่อน ๆ ก็พากันกระโดดดีใจยกใหญ่ 

ผมทิ้งคำตอบไว้แค่นั้นแล้วหันหลังเดินจากมา ไม่คิดจะทักทายพวกมันสองคนแม้แต่น้อย

ผมไม่รู้ ว่าทำไมผมถึงต้องทำแบบนี้

แต่ตอนนี้ผมกำลังหงุดหงิด หงุดหงิดที่ไม่ได้เป็นคนเดียวที่ได้รับความพิเศษจากมัน

สรุป ผมก็ดูหนังไม่รู้เรื่องอยู่ดี ในหัวมีแต่ภาพของมันที่ถูกกอดจากไอ้เป้

ผมนั่งขมวดคิ้วจ้องมองพระเอกกำลังปั่นจักรยานโดยมีนางเอกนั่งซ้อนท้าย มือหนึ่งโอบเอวชายหนุ่มไว้ ส่วนอีกมือกรีดเส้นผมออกจากพวงแก้มขาวไปทัดใบหู เรียวหน้าสวยแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ทอดดวงตามองวิวจากสองข้างทางที่โอบรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่เขียวขจี

แล้วภาพเหล่านั้นก็เปลี่ยนไปกลายเป็นตัวผมเองที่กำลังปั่นจักรยานอยู่โดยมีไอ้ ตัวเล็กนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง มันกำลังสนุกอยู่กับการถ่ายรูปจากกล้องตัวเก่ง ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มเคล้าเสียงหัวเราะตอนผมแกล้งปั่นจักรยานเป๋ ๆ เข้าข้างทาง

“พี่เอก”
มันยิ้มร่าเรียกผมด้วยน้ำเสียงสดใส

“พี่เอก”
แต่เสียงมันหวานเกินไปแฮะ

“พี่เอกคะ”

“หื้อ?”
ผมหันไปขานรับทันทีที่รู้ว่าเสียงนั้นไม่ใช่เสียงของคนที่ผมกำลังคิดถึงอยู่

“ไม่สนุกเหรอคะ เห็นเหม่อ ๆ”

“เปล่าหรอก พอดีพี่คิดเรื่องงานอยู่น่ะ”

หนิงยิ้มรับ

“มีเรื่องอะไรให้หนิงช่วยก็บอกหนิงได้นะคะ”
เธออาสา

ผมพยักหน้ารับไปที ตอนนี้อารมณ์บ่จอยครับ

 

หลังจากดูหนังจบ ผมว่าจะพาหนิงไปกินข้าวต่อ แต่ระหว่างทางผมเหลือบไปเห็นอะไรเข้าก่อน และภาพนั้นก็ทำเอาผมก้าวขาแทบไม่ออก

ไอ้ตัวเล็กยืนอยู่ตรงนั้น มันกำลังเลือกกล้องอยู่ในร้านขายกล้องขนาดใหญ่ โดยมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วชายคนนั้นก็กำลังกอดเอวมันอยู่ กอดเหมือนที่ผมเคยกอดนั่นแหละ ท่าทางดูสนิทสนมกันมากด้วย

มันยิ้มรื่น หันไปทำท่าออดอ้อนอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันไม่ได้อ้อนเยอะเหมือนไอ้เต้ย แต่ก็ถือว่าอ้อนเยอะแล้วสำหรับผม แววตามันเวลามองชายคนนั้นเต็มไปด้วยความรัก ความคลั่งไคล้ จะว่าด้วยความเสน่หาด้วยก็ได้

ผมยืนนิ่งกำหมัดแน่น

ภาพที่มันกำลังสั่นสะท้านภายในอ้อมแขนผมแตกกระจายกลายเป็นภาพมันที่กำลังสั่นสะท้านภายในอ้อมแขนของชายคนนั้นแทน

“พี่เอกคะ”
หนิงเรียกด้วยน้ำเสียงหวาด ๆ มองผมทีสลับกับคนที่ผมมองที

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“เปล่า”
ผมตอบห้วน ๆ

หนิงมองไปยังคนที่ผมกำลังมองอยู่บ้าง

“เอ๋…นั่นใช่กายหรือเปล่าคะ เด็กใหม่ในกลุ่มพี่ที่เคยไปเข้าค่ายด้วยกัน ถ้าหนิงจำไม่ผิดนะ”

ผมมองคนที่กำลังฉีกยิ้มดีใจเมื่อชายคนนั้นควักเงินก้อนโตซื้ออุปกรณ์กล้องราคา แพงให้ แล้วหลังจากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีดวงไฟลุกพรึบท่วมตัว เมื่อชายคนนั้นจิ้มแก้มตัวเองเบา ๆ แล้วเจ้าตัวเล็กก็ยืดขึ้นสุดตัวไปกดจูบ

ผมรีบหันหลัง เดินออกไปจากจุดนั้นทันทีโดยมีหนิงวิ่งตามมาติด ๆ
..
..
..
..
..
..
..
..
และตอนนี้ผมก็มานั่งเคาะนิ้วใส่พวงมาลัยรอใครสักคนอยู่ในรถ ประตูหน้าบ้านยังปิดสนิท กุญแจยังคล้องอยู่ที่ห่วง ทำให้รู้ว่าเจ้าของบ้านยังมาไม่ถึง ผมนั่งรอมาร่วมชั่วโมงแล้ว และยังคงตั้งหน้าตั้งรอคอยต่อไป กระทั่งมีรถคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดสนิทหน้าบ้าน ผมจอดรถไว้ห่าง ๆ ไม่ให้มันสังเกตเห็น มันก้าวลงจากรถ โดยมีชายคนนั้นก้าวตามลงมาด้วย

ชายคนนั้นมองเข้าไปในบ้าน มันพยายามฉุดแขนให้เข้าไปด้วยกัน แต่เขาปฏิเสธ สุดท้ายมันก็ยอมแพ้ รับของทั้งหมดมาถือไว้ แล้วยืนนิ่งให้อีกคนหอมแก้ม

ชายคนนั้นเดินกลับขึ้นรถไป มันยืนส่งด้วยรอยยิ้ม ก้มโบกมือบ๊ายบายผ่านกระจกที่เปิดลงมาจนสุด กระทั่งเขาขับรถจากไป 

ความหงุดหงิดเกิดขึ้นในใจ

ผมมาทำอะไรอยู่ตรงนี้

มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผม นอกจากเป็นคู่นอนกันชั่วครั้งชั่วคราว

ผมไม่ควรจะใส่ใจมากมายใช่ไหม

แต่ตอนนี้ ผมกำลังก้าวลงจากรถ เดินไปหยุดยืนอยู่ข้างหลังมันที่กำลังไขประตูเข้าบ้าน มันสะดุ้งโหยงหันมามอง คงแปลกใจที่เห็นผมมายืนอยู่ตรงนี้

“พี่เอก”
มันเรียก

ผมคว้าจับต้นแขนมันแรง หมุนเปิดประตูออก ดันมันก้าวเข้าไปภายใน ผลักประตูปิดตามดังโครม แล้วลากมันไปโยนไว้บนโซฟา

“พี่เอก!” 
         
ผมทิ้งร่างลงไปคร่อมมัน โน้มหน้าปิดปากมันไว้ด้วยปากตัวเอง ปิดกั้นไม่ให้ทุกเสียงเล็ดลอดออกมาได้ มือไม้ก็ฟ้อนเฟ้นไปทั่วผิวเนื้อภายใต้ชุดนักศึกษาของมัน มันพยายามครางห้าม แต่ผมหน้ามืดแล้ว
 
ไฟมันกำลังไหม้ตัวผม และผมรู้ว่าใครที่จะช่วยดับมันได้
 
จากครางห้าม เสียงมันเริ่มเครือครางกลายเป็นครางวาบหวิว มือไม้ที่เคยผลักไสเริ่มอ่อนแรงกำเสื้อผมแน่น ดวงตาหวาดผวาปรอยลงจนฉ่ำ ผมจับมันพลิกคว่ำ คลี่ถอดกางเกงมันออก แล้วนำพาความเป็นชายของตัวเองจ่อไว้ที่ปากทางเข้าทันที ไม่มีอารัมภบทแล้วครับ
 
ผมรู้แค่ว่าผมกำลังโกรธ โกรธที่มันยอมปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้คนอื่นเชยชม
 
คนอื่นที่ไม่ใช่ผม
 
ผมต้องทำให้มันรู้ว่ามันเป็นของผม
 
ของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น
 
ช่องทางแคบ ๆ ของมันรัดผมแน่น มันกำลังต่อต้านด้วยความไม่พร้อม แต่ผมไม่มีอารมณ์มาทำให้มันพร้อมแล้ว ผมขยับอยู่สองสามทีเสือกไสตัวเองเข้าไป ก่อนที่เราสองคนจะเชื่อมร่างเป็นหนึ่งเดียว มันหอบหนัก
 
แล้วผมก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเอาแต่บรรเลงเพลงโทสะจนตัวมันสั่นคลอน เสียงอ้อนวอนร้องขอความเห็นใจไม่ผ่านโสตส่วนไหนของผมแม้แต่น้อย ฟังแล้วเหมือนเสียงร้องขอให้ผมกระทำการรุนแรงมากกว่า
 
ผมจับสะโพกมันยกสูงในขณะใส่จังหวะให้ช่วงล่างหนักหน่วง ผมสาดใส่ความโกรธอยู่ไม่นานก็พุ่ง มันไปก่อนผมนานแล้ว ผมค้ำตัวหอบหายใจแรงบนตัวมัน
 
มันหมดแรง นอนหายใจรวยริน กลืนน้ำลายในคออึกใหญ่ มันค่อย ๆ พลิกหน้ามามอง แววตามันยังฉาบความกลัวเอาไว้อยู่
 
“พี่เอก.. เมาเหรอ”
มันทักกลับซื่อ ๆ
 
ผมชะงักจับมันพลิกหงาย เกี่ยวสองขามันมาพาดไว้ที่แขน สอดใส่ความพร้อมเข้าไปอีกที แล้วจัดการขยับเข้าออกเป็นจังหวะ
 
“อ๊า..พี่เอก”
มันครางครับ ครางหวานเอามาก ๆ หน้าอกมันแม้จะมีเสื้อปกปิดอยู่แอ่นขึ้นสูง แต่ดูยั่วยวนอยู่ไม่น้อยสำหรับผม มันเอียงหน้าแนบแก้มกับพื้นโซฟา ไถลรับจังหวะกระแทกกระทั้นจากผม
 
ผมหอบหายใจหนัก มันปรายตามองผมนิดหนึ่ง ก่อนกัดฟันพยายามไม่เปล่งเสียงใด ๆ ออกมา มันคงพยายามอดทนอยู่ ผมโหมใส่จังหวะรุนแรงขึ้น จนเป็นมันเอง ที่หมดความอดทนเชิดหน้าส่งเสียงครางออกมา ตามันปิดสนิท ก่อนปรือเปิดขึ้นมามองผมอีกครั้ง กลีบปากแดง ๆ นั้นก็ครางสะท้านใส่ผมไม่หยุด
 
สายตาแบบนี้ ผมอยากให้มันมองผมเพียงคนเดียว น้ำเสียงแบบนี้ ผมอยากให้มันมีไว้เพื่อผมเพียงคนเดียว และชื่อที่มันครางเรียก ก็ควรจะเป็นของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น
 
“พี่เอก…”
 
“กาย นายต้องเป็นของพี่นะ ของพี่เพียงคนเดียวเท่านั้น”
ผมก้มบอกมันข้างหู ไม่รู้ว่ามันตอบรับหรือเปล่า แต่เห็นมันเชิดหน้า แล้วครางเสียงดังยิ่งกว่าเดิม


TBC…

อ่านกันให้หนุกเน้อ ^^
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 20 : จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 08-10-2012 23:53:14
เขาเป็นใครกัน พี่เอกอย่าคิดมากนะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 20 : จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: ArMee ที่ 09-10-2012 05:45:47
เดาว่า ผู้ชายคนนั้นอาจจะเป็น " พ่อ " ของกายหรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 20 : จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: redcapet2013 ที่ 09-10-2012 07:06:30
 :m25: :m25: :m25: :m25: :sad4: :sad4: :sad4: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:                                                                    .............พี่.....เอก.............พี่เอก..............ไอ้พี่เอก............          รักน้องกายเข้าแล้วละซิ...........ไอ้ความรู้สึก....ไม่พอใจที่เห็นน้องกายโอบกอดคนอื่น ที่ไม่ใช่ตน        ก็แหม.........สักคำ เคยบอกรัก น้องกายบ้างไหม............................ เจอหน้ากันทั้งที            แทนที่จะบอก กันดี ๆ ว่า รักนะ........กลับโหมทำรุนแรง จนน้องกายตั้งตัวไม่ติดซะอย่างนี้.........            แล้วเมื่อไหร่จะรู้ใจตนเองหล่ะ...........แค่เนี้ย.......น้องกายก็รัก ก็หลงพี่เอกจนหมดใจแล้ว........     ยังจะ....อะไรอีก......รีบบอกรักน้องกายซะที......ไม่งั้นคนอ่าน........... :haun4: :m25:......เลือดท่วมจอซะก่อน      เพราะ..จินตนาการ....... :impress2:....ของคนแต่ง........ :z13: :z13: :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 20 : จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: อยากกินไข่พะโล้ โปะ ที่ 09-10-2012 19:25:39
คนนั้นคือพ่อของกายชัวร์555
ที่ไม่เข้าบ้านเพราะคงไม่อยากเจอแม่ของกายมั๊ง
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 20 : จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: monsterkim ที่ 09-10-2012 22:29:01
อ้ากกกกกกกกกก พี่เอกกกกกกกกกกกกกกกก  :pighaun:  :haun4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 20 : จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 09-10-2012 23:37:08
พี่เอกแม่มหลอกตัวเอง อาการแบบนั้นเค้าเรียนว่าหึงชัดๆๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 20 : จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: bangkeaw ที่ 10-10-2012 00:09:05
พี่เอกน่ากลัวอ่ะ ทั้งตอนเมาตอนหึง สงสารน้องกาย
พี่เป็นอะไรกับน้องเขาหา  :angry2: มาทำกันอย่างนี้ได้อย่างไร

แล้วชายคนนั้นเป็นใครอ่ะ ถึงได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับกายขนาดนั้น หอมก้งหอมแก้มกันในที่สาธารณะด้วย หรือว่าจะเป็นคุณพ่อ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 20 : จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: biwtiz ที่ 10-10-2012 00:44:58
อุยยยส์
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 20 : จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 10-10-2012 06:03:58
คือ เกรงว่าคนที่ทำให้เอก -หึง- รุนแรงขนาดนี้ จะเป๊น "พ่อ" ของกายอ่ะดิ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 20 : จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 10-10-2012 23:09:45
ว๊ากกกกก พี่เอกหึงได้เร่าร้อนมากเลยอ่า
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 20 : จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 10-10-2012 23:33:13
พี่เอามาลงในเล้าละเหรอออ  :mc4: :mc4: :mc4:
ตามอ่านอยู่ในเด็กดี
เขินกายอ่ะ  :o8:
แต่หมั่นไส้พี่เอก  :m16:  :m31:  :fire:  :angry2:  :serius2:  :z6:
หัวข้อ: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #21 : เขาเรียกกันว่า 'หึง' ไง [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 30-10-2012 22:07:53

Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #21

ตอน : เขาเรียกกันว่า 'หึง' ไง

[กาย...♥]




ผมงงครับ

บอกตามตรงว่างงเอามาก ๆ
 
ผมไปเที่ยวกับคุณพ่อมา ท่านเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ หล่อเฟี้ยวมาเชียว ไม่ได้เจอกันนาน ผมอยากให้พ่ออยู่กับผมนาน ๆ เลยเทกระสุนออดอ้อนไปยกใหญ่ แต่พ่อก็ใจแข็งใช่ย่อย ชวนให้เข้าบ้านก็ไม่ยอมเข้า
 
และตอนนี้ผมกำลังหอบหนัก งุนงงกับคนที่กำลังโหมแรงใส่ผมอยู่ มาถึงพี่แกไม่พูดอะไรนอกจากจับผมปล้ำกลางโซฟาในห้องรับแขกเลย
 
ยังดีที่แม่บินไปเชียงใหม่แล้ว ไม่งั้นคงยุ่ง
 
“กาย…นายต้องเป็นของพี่นะ ของพี่เพียงคนเดียวเท่านั้น”
 
ผมชะงักกับคำที่แกพูด ผมควรจะดีใจใช่ไหม แล้วทำไม พี่ต้องรุนแรงกับผมแบบนี้ด้วย
 
ผมงงครับ
หรือพี่เอกเมา แต่ก็ไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอลจากพี่แกเลยนี่นา
 
แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น…
 
ผมนอนหมดแรงโดยมีร่างพี่เอกหอบหนักอยู่ด้านบน พี่แกยกตัวขึ้นมาจ้องตาผม ดวงตาคมเคลือบไปด้วยเพลิงโทสะ
 
นี่ผมไปทำให้พี่เอกโกรธมาตั้งแต่ชาติปางไหนเนี่ย
 
“ตอบพี่มาตามตรง”
 
ก่อนมึงจะถามอะไรกู ช่วยปล่อยให้กูเป็นอิสระก่อนได้ไหม
 
มันถามพร้อมดันบางส่วนเข้ามาแน่นขึ้น
 
ตัวผมกระตุกไปวูบ
 
มึงจะรีดคำตอบอะไรจากกูด้วยวิธีอื่นไม่ได้รึไง
 
“ผู้ชายที่มาส่งเมื่อกี้เป็นใคร”
 
ผมปรือตามอง คนที่มาส่งผม…
 
“เขาเป็น…อื้อ”
กำลังจะตอบ แต่ของพี่แกกระตุกครับ คำพูดผมถูกกลืนหายไป
 
“อย่าเพิ่งยั่ว! พูดมาก่อน!”
 
ไอ้เชี่ย! กูยั่วมึงตรงไหน ของมึงมันกระตุกต่างหาก ผมปรือตามองอีกที
 
“ปล่อยผมออกก่อน”
 
“ไม่!! พี่จะอยู่อย่างนี้ จนกว่านายจะตอบคำถามพี่ทั้งหมด”
มันว่าพลางถอนร่างและใส่กลับเข้ามาใหม่
 
โอ๊ย ให้ตายสิ
 
กูจะบ้าตาย
 
ผมปรือตามองอีกที
 
“เขาเป็นอื้ออ…”
กำลังจะตอบครับ แต่ของพี่แกกระตุกอีกแล้ว
 
“กายตอบมา!!”
พี่แกสั่งเสียงดุ
 
ไอ้เชี่ยนี่!
 
“พะ พ่อ”
 
พี่มันชะงัก
 
“อะไรนะ”
มันถามย้ำเสียงเบา
 
ผมปรือตามองอีกที ก็กูตอบไปแล้วจะเอาอะไรกับกูอีก กูอยากตอบให้ชัดเจนกว่านี้ แต่ช่วยเอาน้องมึงออกไปก่อนได้ไหม
 
…กูเสียว
 
“พ่อ เขาเป็นพ่อผม”
ผมย้ำอีกที
 
พี่มันนิ่งครับนิ่งไปนานเลย สบโอกาสให้ผมได้กระเถิบถอนตัวเองออกมาจากแรงดึงดูดของโลก ปล่อยให้พี่มันนิ่งไปก่อน ผมขยับตัวลุก แต่ยังไม่ทันจะหลุดออกจากโซฟา ผมก็ถูกกระชากกลับไปนอนที่เดิมท่าเดิม

“พ่ออะไร”

แน่ะ ยังจะมาถามอีก พ่อก็พ่อสิวะ มีพ่ออะไรอีก

“ก็พ่อ”

“พ่อแบบไหน พ่อแท้ ๆ พ่อเลี้ยง หรือพ่อทูนหัว”
พี่มันให้ช้อยมาสามข้อครับ

ผมทำหน้างง ๆ

“พ่อแท้ ๆ”

พี่มันชะงักอีกรอบ ผมน่าจะอาศัยจังหวะนี้หนีออกไปใช่ไหม แต่กลัวว่าพี่มันจะกระชากผมกลับมาอยู่ที่เดิมอีก

มันจะโกรธอะไรผมนักหนา

“แล้วพี่มาโมโหผมเรื่องอะไร แล้วพ่อมาเกี่ยวอะไรด้วย”
ผมอ้อมแอ้มถาม

พี่มันยังทำหน้ายักษ์อยู่ แม้จะเบาบางลงแล้วก็ตาม
 
“เปล่า”
พี่มันตอบแค่นั้น คลายแรงรัดที่เอวผมลง

“แล้ววันนี้ไปไหนมา”
พี่มันถามอีกที

แต่ก่อนจะรีดคำตอบอะไรจากกู ช่วยปล่อยให้กูเป็นอิสระก่อนจะได้ไหม

“เอ่อ ผมว่า ใส่เสื้อผ้าก่อนดีไหม”
ผมอ้อมแอ้มขอ

“พี่ถามว่า ไปไหนมา!!”
พี่มันไม่สนใจคำร้องขอของผม กระชากถามเสียงเข้ม 

“พ่อพาไปซื้อของขวัญที่ภาพของผมได้รางวัลที่หนึ่งจากการประกวดน่ะ”
ผมรีบรัวลิ้นบอก

พี่มันพยักหน้า พ่นลมหายใจแรง แล้วก้มลงพิงหัวกับไหล่ผมอีกที

“พี่โกรธผมเรื่องอะไร”
ผมถามอีกรอบ

คือ..หาสาเหตุไม่เจอจริง ๆ

“เปล่า”
มึงจะงาบหัวกูอยู่แล้ว ยังมาพูดว่าเปล่าได้ยังไง

“พี่โกรธผม”

“เปล่า พี่ไม่ได้โกรธนาย แต่พี่กำลังโกรธตัวเอง”

งงครับ
มึงโกรธตัวเอง แล้วมาลงที่กูทำไม กูไม่ใช่ที่ระบายของมึงนะโว้ย

“พี่โกรธตัวเองที่โกรธนาย เวลามีคนมาแตะต้องตัวนาย”

เอ่อ พี่ครับ…

ไอ้ความรู้สึกนั้น เขาเรียกกันว่า…‘หึง’ รึเปล่า?
ผมว่าผมไม่ได้กำลังดีใจอยู่นะ แต่มุมปากผมมันกระตุกแปลก ๆ แถมหัวใจยังเต้นแรงอีกด้วย

แต่ผมไม่กล้าบอกพี่แกหรอก ว่าแกกำลังหึงผมอยู่

จะว่าไปวันนี้ผมก็แอบนอยด์ไปนิดหนึ่งเหมือนกัน ตอนเห็นพี่แกควงสาว แต่ลืมครับ พอดีพ่อโทรมาเลยลืมเรื่องพี่เอกไปเลย

ผมไม่มีสิทธิ์พูดอะไรมากอยู่แล้ว เพราะพี่เอกยังไม่ชัดเจนกับผมเท่าไหร่ แต่ถ้าพี่เอกชอบผมขึ้นมาจริง ๆ จะหึงผมก็ไม่ผิด แต่นี่ พี่มันไม่พูดไม่บอกอะไรสักอย่าง ในขณะที่พี่แกก็มีทั้งผมและใครอีกหลายคนเคียงกาย

ผมไม่รู้ว่าพี่เอกจะตาม “หวง” คนที่นอนด้วยทุกคนหรือเปล่า

ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเพื่อผมคนเดียว หรือกับทุกคนที่พี่เอกควงด้วย

ผมไม่กล้าพูด และไม่กล้าที่จะถามด้วย

กลัวคำตอบที่ได้น่ะ

“ขอโทษที่รุนแรงนะ”

ผมเงียบไม่ตอบโต้อะไร

“งั้นพี่ขอไถ่โทษด้วยการทำเบา ๆ แทนละกัน”

“เอ๊ะ?”

ครับ พี่มันเริ่มกระบวนการไถ่โทษที่ผมมีแต่เสียกับเสีย

แม่ม… หื่นจริง ๆ
..
..
..
..
..
..
..
..

“ไปดูหนังกันไหม”
พี่มันชวนหลังจากผมอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว

“พี่ดูมาแล้วไม่ใช่เหรอ”
ก็จำได้ว่าวันนี้พี่เอกชวนหญิงไปดูหนังอยู่ นึกแล้วก็ปวดแปลบในใจ ผมรู้ว่าผมไม่มีสิทธิ์ แฟนก็ไม่ใช่ ทวงสิทธิ์อะไรไม่ได้อยู่แล้ว

และที่สำคัญ ผมยังไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองด้วย

พี่มันทำท่าอึกอัก

“พี่อยากดูอีกรอบ”
ให้เหตุผลแค่นั้น แล้วลากผมออกจากบ้านไป

และตอนนี้เราก็มายืนกันอยู่หน้าโรงหนัง แต่ต้องรอเวลาหนังฉายอีกเป็นชั่วโมง พอดีหนังเรื่องที่ผมอยากดูมันเพิ่งเข้าโรง คิวยาวเหยียด เราสองคนเลยพากันไปเดินเล่นฆ่าเวลา พี่แกพาเดินดูเสื้อผ้าบ้าง นาฬิกาบ้าง น้ำหอมบ้างแต่ละอย่าง ราคาพาเอาผมหูตั้งทั้งนั้น

ผมพยายามพาพี่แกออกห่างจากโซนแบรนด์เนมให้มากที่สุด แล้วบังเอิญชั้นล่างสุดของห้าง มีการจัดนิทรรศการภาพถ่ายพอดี ผมเลยรีบลากพี่เอกจากชั้นสี่ลงไปที่ชั้นหนึ่งตรงลานกว้างทันที

ผมยิ้มปากแทบฉีก เมื่อรู้ว่าส่วนหนึ่งของภาพที่นำมาจัดแสดงนั้น มีภาพของคุณชรินทร์ร่วมอยู่ด้วย ผมรีบเดินเข้าไปดูทันที โดยมีพี่เอกยืนหน้าหงิกอยู่ข้าง ๆ แต่ผมไม่สนใจ

ตอนนี้ภาพถ่ายสำคัญกว่า

ผมยืนมองภาพดอกหญ้าสีเหลืองอ่อนกลางดงใบหญ้าสีเขียวขจีบนผืนดินกว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา

“เจอกันอีกแล้วนะ”

ผมหันไปตามเสียงทักนุ่ม ๆ ฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร

“คุณชรินทร์”

“เรียกพี่ดีกว่า อย่าเรียกว่าคุณเลย”

ผมทำหน้าไม่ถูก ให้เรียกพี่เลยเหรอ โห เป็นเกียรตินะเนี่ย

“ฮะ พี่ชรินทร์”

“เชน”

“เอ๊ะ?”

“ชื่อเล่นของพี่เอง เรียกว่าพี่เชนก็ได้”

ผมยิ้มแป้น
“ไม่รู้มาก่อนเลย”

“ก็พี่ไม่เคยบอกใคร นายเป็นคนแรกที่พี่บอก”

ผมตาโตมองพี่แกแบบไม่เชื่อสายตา ยิ้มกว้างดีใจที่ตัวเองได้รับสิทธิ์พิเศษอันนั้น คนข้าง ๆ ผมกระแอมไอหนึ่งที ผมหันไปมอง
 
จริงสิ ลืมพี่เอกไปเสียสนิทเลย

“นาย…”
พี่เชนทำท่าคิด

 

“อ๋อ ดั่งดวงอาทิตย์ นายคือคนในภาพของกายนั่นนเอง”

พี่เชนจ้องหน้าพี่เอกอยู่พัก

 

“นายนี่เป็นคนที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นพระอาทิตย์จริง ๆ เลยแฮะ”

“ขอบคุณครับ”
พี่เอกตอบรับเรียบ ๆ

“จัดถึงเมื่อไหร่ฮะ”
ผมถามแทรกด้วยความอยากรู้

“วันพรุ่งนี้”

“ว้า เร็วจัง ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามีภาพมาลงที่นี่ด้วย ไม่เห็นมีแจ้งในบอร์ดเลย”

“ตามบอร์ดพี่ด้วยเหรอ”
พี่เชนถามยิ้ม ๆ

“ฮะ”

“งานนี้ไม่ได้ประกาศ พอดีพี่เอางานมาแทนเพื่อนน่ะ ฉุกละหุกไปหน่อย”

“แต่ผมรู้แล้ว”
ผมว่ายิ้ม ๆ

“ได้เวลาหนังฉายแล้ว”
พี่เอกชวนตัดบทสนทนาที่กำลังออกรสออกชาติของผมกับพี่เชนลง

“เหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมงแน่ะ”
ผมรีบท้วงอย่างเสียดาย

“ไปก่อนเวลานั่นแหละ พี่อยากดูหนังตัวอย่าง ขอตัวก่อนนะครับ คุณชรินทร์”
พี่มันบอกลาพี่เชนนิดหน่อย แล้วรีบลากผมออกไป ผมหันไปโบกมือให้พี่เชน
 

สุดท้าย ก็ต้องมายืนแง่วรอพี่แกเลือกขนมอยู่หน้าโรงหนัง เลือกอยู่นั่นแหละ ผมยืนหน้าบูด อุตส่าห์ได้คุยกับพี่เชนทั้งที

“เอ้า”
พี่มันยกป๊อบคอร์นกับโค๊กให้ผมแก้วใหญ่ ผมถือไว้แบบหน้าบึ้ง ๆ

“หนังจบพี่จะพาไปเดินดูอีกที”

ผมหน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิม

“หนังจบห้างก็ปิดแล้ว ใครจะมาเปิดให้พี่กัน”

“พรุ่งนี้ก็มี”

“พรุ่งนี้ผมติดทำพรีเซนต์กลุ่ม ไม่รู้จะเสร็จกี่โมง”

เห็นพี่มันกระตุกยิ้มนิดหนึ่ง

“เลิกกี่โมง”

“ไม่รู้ สองหรือสามหรืออาจสี่ทุ่ม แล้วแต่เนื้อหาความยากง่ายของงาน”
ผมหน้างอตอบส่ง ๆ

“เสร็จแล้วโทรบอกพี่ละกัน บอกเบอร์นายมาด้วย”

ผมก็บอกเบอร์ไปแบบนอยด์ ๆ สักพักพี่มันก็ยิงเบอร์เข้ามา

“เอามือถือนายมาด้วย”
พี่มันรับไปกดอะไรนิดหน่อยแล้วยื่นคืน

“ป่ะ ไปกัน”
แล้วก็ลากผมเข้าโรงหนังไป
 

 

 

หนังสนุกครับ ลืมเรื่องพี่เชนไปเลย หนังที่ดูเป็นหนังตลก ขำกันทั้งเรื่อง ไอ้หน้าขรึมข้างผมยังนั่งขำกระจัดกระจาย ออกมาจากโรงหนังกรามแทบค้าง

 

“ไอ้เต้ยน่าจะชอบนะเรื่องนี้”
พูดแล้วก็ต้องหุบยิ้ม พ่นลมหายใจเบา ๆ

พี่เป้พยายามหลบไอ้เต้ยสุดฤทธิ์ ไอ้เต้ยก็มุ่งมั่นที่จะตามท่าเดียว ผมนี่ปวดหัวไปกับมัน

“ไปเลือกเนกไทช่วยพี่หน่อยสิ”

ผมหันไปมองคนพูด ห้างมันจะปิดแล้ว ร้านไหนมันจะเปิดกัน

พี่มันพยักหน้าไปยังเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่ยังมีลูกค้าแน่นขนัด

พวกคนรวยนี่ก็แปลก ของก็ใช่จะถูก ๆ แต่หาซื้อกันอย่างกับของมันราคาสี่ส้าห้าบาท ผมเดินตามพี่มันเข้าไปในร้าน เห็นราคาแล้วแทบจะลากพี่มันออกจากร้านทันที

เนกไทเส้นหนึ่ง ซื้อจักรยานได้ตั้งคัน

“ผมขอเนกไทพี่ไปแลกจักรยานได้ไหมเนี่ย”
ผมพูดลอย ๆ พี่มันหันมามอง

“อยากได้เหรอ”

ผมส่ายหน้า

“เปล่า แค่เห็นราคามันแล้วคิดว่าซื้อจักรยานได้ทั้งคัน”

พี่มันหัวเราะ

“เพื่อออกงานน่ะ บางครั้งเราก็ต้องทุ่มไปกับของไร้สาระเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ”

ผมเบ้หน้า

“ชอบแบบไหน”
พี่มันถาม ผมหันซ้ายหันขวา

“แล้วชุดพี่เป็นแบบไหนล่ะ”

มันต้องดูชุดก่อนครับ จะได้รู้ว่าเข้ากันหรือเปล่า พี่แกเดินไปเปิดสมุดภาพอะไรสักอย่างให้ดู แล้วชี้ไปที่สูทสุดเลิศในนั้น

บอกได้ทำเดียว เท่ครับ

“อยากเห็นของจริงจัง”

พี่มันมองหน้า

“งั้นเลิกงานแล้วจะเอาตัวไปให้ดู”

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้”

“เราจะได้รู้ไง ว่าไทที่เราเลือก เข้ากับสูทพี่หรือเปล่า”

โห พูดกันขนาดนี้ เลือกไม่ดีเสียชื่อหมด ผมก้มมองเนื้อผ้ากับสีสันในภาพก่อนเงยหน้าขึ้นมองพี่เอกอีกที หันซ้ายหันขวา จับพี่เอกหมุน ๆ อยู่สองสามรอบ ปัดผมอีกนิดหน่อย พยายามจินตนาการทาบพี่แกกับชุดในภาพ และตัดสินใจเดินไปหยิบไทมาเส้นหนึ่ง ยื่นให้พี่แก

“อันนี้แหละ เหมาะ”

พี่แกเลิกคิ้ว

“ทำไม”

“พี่เป็นพระอาทิตย์ ผมอยากให้พระอาทิตย์ดูสงบลงบ้างเวลาอยู่บนโลกมนุษย์”

พี่แกนิ่งครับ นิ่งอยู่นาน ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ

 กูพูดอะไรผิดวะ

“โอเค พี่เชื่อ ไปกันเถอะ”

แล้วเราสองคนก็เดินแถก ๆ ไปจ่ายเงิน ราคาแพงสุด ๆ ผมไม่ได้มองราคาตอนหยิบ แค่เห็นว่ามันน่าจะเข้าดี เท่านั้นเอง
..
..
..
..
..
..
..
..

“เวลามาเรียนมายังไง”
พี่มันถามขณะขับรถอยู่บนท้องถนน รถราบางตาไปเยอะเลย

“รถเมล์”

พี่มันหันมามอง ก่อนหันกลับไปมองทางตามเดิม

“เอารถไว้ใช้สักคันไหม”

ผมหันไปมองพี่แกงง ๆ

“หะ?”

งงครับ

“เอ่อ... พอดีมีรถว่างอยู่ มันไม่มีคนขับ จอดไว้เฉย ๆ มันเสียง่าย กำลังหาคนมาช่วยขับอยู่”

ผมรีบส่ายหัวทันที

“ไม่ดีกว่า”

พี่แกทำหน้าขัดใจ ผมรีบเสริมทันที

“เกิดผมทำเสียขึ้นมา คงจะหาเงินเป็นค่าซ่อมไม่ไหว ขึ้นรถเมล์นี่แหละ ถูก ประหยัด ไม่ต้องกลัวเสีย มีคนขับรถส่วนตัวให้อีกต่างหาก”

“พี่ออกค่าซ่อมให้”
พี่มันต่อรอง ผมยังส่ายหัวเหมือนเดิม

 “อย่าเลย ผมไม่อยากมีภาระ”

“ทำไม”

“มีรถเหมือนมีห่วงอันใหญ่ ๆ มาผูกคอ ต้องวิ่งวุ่นหาที่จอดรถ พอจอดได้ ก็ต้องมานั่งห่วงว่ามันจะหายไหม ต้องมานั่งล้าง นั่งดูแล เติมน้ำมันที่นับวันมันจะยิ่งพุ่งพรวด ๆ และอีกสารพัดปัญหา โอ๊ย ไม่เอาดีกว่า และที่สำคัญ…”

พี่เอกหันมาสนใจฟัง

“ผมขี้เกียจขับ”

พี่เอกหลุดขำพรืด

“โอเค เข้าใจล่ะ ถ้าพี่ไม่ติดงานอะไร จะขับไปรับไปส่งละกัน”

ผมหันไปมองเจ้าของใบหน้าหล่อนั้นงง ๆ แล้วจะมารับมาส่งทำไม หน้าผมคงเป็นคำถามได้ดี พี่แกรีบตอบทันที

“ตอบแทนที่เลือกเนกไทให้”

โห คุ้มกันมากเลย เลือกเนกไทเส้นเดียว ได้นั่งรถฟรี

ผมขำกับข้ออ้างนั้น

เอาเถอะ ถ้าพี่แกว่างอะนะ งานล้นมือขนาดนั้น ผมพยักหน้าส่ง ๆ ไป

“อาทิตย์หนึ่ง รับส่งผมให้ได้สักวันละกัน”

พี่มันขมวดคิ้วสงสัย

“พี่น่ะ งานเยอะจะตาย”

พี่มันพยักหน้าเห็นด้วย

“ก็บอกให้เรามาช่วย ก็ไม่ยอมนี่นา”

“ไม่ละ ขี้เกียจ”

ผมบอกไปตรง ๆ พี่แกส่ายหน้าไปมา คงระอากับคำตอบผม มือก็หมุนพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าปากซอย นำพาผมส่งเข้าเคหสถานแสนคุ้นเคย

บ้านผมเองครับ
..
..
..
..
..
..
..
..
“นี่กาย กูจะไปทำงานพิเศษที่เดียวกับพี่กู”

ผมพ่นน้ำแป๊ปซี่ที่เพิ่งดื่มเข้าไปอึกใหญ่ทันที

“ซกมกอ่ะมึง”
มันว่าพลางยื่นทิชชู่มาให้

“นี่ มึงก็รู้ว่าพี่มึงต้องการความเป็นส่วนตัว แล้วมึงจะไปทำไม”

“กูไม่ได้ยุ่งกับความเป็นส่วนตัวมัน แต่กูกำลังค้นหาคำตอบที่กูอยากรู้ก็เท่านั้น เมื่อมันไม่บอก กูก็จะหาด้วยตัวเอง”

“เต้ย กูว่า…”

“หยุดไปเลยมึง!!”

กำลังจะพูดต่อ มันรีบเบรกคำพูดผมลงกึก

“ครั้งนี้กูไม่ฟังอะไรทั้งนั้น และที่สำคัญ มึงต้องไปทำกับกูด้วย”

ผมหน้าเหวอ

“ทำไมกูต้องไปกับมึงด้วยล่ะ!”

“กูไม่อยากทำคนเดียว และอีกอย่าง มึงก็รู้ว่ากูไม่ถนัดงานพวกนี้ มึงไปช่วยกูที”

“กูไม่ไป”

“แต่มึงเป็นเพื่อนกูนะ” มันทำหน้าออดอ้อน

“ไม่”
ผมปฏิเสธเสียงแข็ง

“น่านะ”

“ไม่”

“กาย”
มันเรียกเสียงเบาติดจะเครือน้อย ๆ ผมหันไปมองหน้ามัน

“กูขอเวลาเดือนเดียว ถ้าในหนึ่งเดือนนี้ กูยังไม่ได้คำตอบ กูจะหยุดทุกอย่างลง”

ผมจ้องหน้ามันนิ่ง ๆ

เดือนเดียวงั้นเหรอ

เดือนเดียวที่มันจะหยุด

เดือนเดียวที่พี่เป้จะเป็นอิสระ

เดือนเดียวที่ทุกอย่างจะจบลง

…หรือเปล่านะ

ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“มึงสัญญาแล้วนะ”

“อืม กูสัญญา”

ผมพยักหน้า หวังว่าในหนึ่งเดือนนี้ พี่เป้จะยังอดทนได้นะ

แล้วผมจะสามารถกันมันออกจากพี่เป้ได้ไหมนะ

“ก็ได้ กูจะไปกับมึง”

มันยิ้มร่า กอดคอผมแน่น

“แต๊งค์ มึงเป็นเพื่อนที่กูรักที่สุดเลย”

“นั่นแหละคือกรรมของกู”

“ไอ้ห่านี่”
มันโบกหัวผมแรง เราสองคนหัวเราะร่วน

แต่ในใจผม กำลังหวาดหวั่น ว่าทุกอย่าง อาจจะไม่ได้จบลงง่าย ๆ อย่างที่ผมคิดก็ได้


TBC...

ช่วงนี้ต่อมง่วงทำงานผิดปกติ ง่วงทั้งวันทั้งคืนเลย = = มีอะไรแก้ง่วงได้บ้าง ที่ไม่ใช่กาแฟน่ะนะ (แพ้กาแฟ) = =
 
ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ ฝากพี่เอกน้องกายไว้ในหัวใจท่านเช่นเดิม ฮิ ๆ  :impress2:



แจ้งเตือนจ้าาา
ใครที่ต้องการหนังสือ Kiss Love รอบแรกไปส่องรายละเอียดได้ที่เวปเด็กดีเน้อ ปิดโอนวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้แว้ววว ^^ ^^
"รายละเอียดการจอง http://writer.dek-d.com/m-e-mew/story/viewlongc.php?id=784728&chapter=48 ^^<" หรือเพจก็ได้ค่ะ (http://www.facebook.com/Memew28) ^^ ขอบคุณฮับ ^^
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #21 : เขาเรียกกันว่า 'หึง' ไง
เริ่มหัวข้อโดย: bangkeaw ที่ 30-10-2012 23:03:17
ท่าจะยุ่งแหะงานนี้ ไปเกาะติดเป้แบบนั้น เป้จะทนได้เหรอ
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #21 : เขาเรียกกันว่า 'หึง' ไง
เริ่มหัวข้อโดย: NaNaAS ที่ 31-10-2012 00:42:55
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #21 : เขาเรียกกันว่า 'หึง' ไง
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 01-11-2012 00:07:20
หึง พ่อ!
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #21 : เขาเรียกกันว่า 'หึง' ไง
เริ่มหัวข้อโดย: อยากกินไข่พะโล้ โปะ ที่ 01-11-2012 02:46:06
ชิชิ"หวงก้างทั้งๆที่ควงสาวอยู่เนี่ยนะ
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #21 : เขาเรียกกันว่า 'หึง' ไง
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 01-11-2012 17:37:10
หึงโหดนะพี่เอก
หัวข้อ: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 02-11-2012 21:31:07
 Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22
ตอน : หลงเสน่ห์ Part 1

[พี่เอกเวิ่น...☼]
 



ตอนนี้ผมกำลังผูกไทด์อยู่ เหมือนผมจะให้ความสำคัญกับไทด์เส้นนี้เป็นพิเศษ เพราะมันเป็นของที่ใครบางคนเป็นคนเลือกให้

วันนี้ผมต้องไปออกงานกับครอบครัว ซึ่งนอกจากตัวผมแล้ว ก็ยังมีไอ้อ้อย ไอ้โอ๊คแล้วก็ไอ้ปิงอีกด้วย

จะว่าเพราะรูปลักษณ์ที่ดูดีจากภายนอก หรือเพราะเป็นทายาทนักธุรกิจรุ่นต่อไป พวกเราเลยกลายเป็นกลุ่มคนที่ผู้คนมักจับตามองมากเป็นพิเศษ

บรรดาสาว ๆ ก็เข้ามาแนะนำตัวกันไม่หยุด ไม่ต่างกับหนุ่ม ๆ ที่เข้ามาขายขนมจีบไอ้อ้อยกันยกใหญ่ จนบางที มันก็ใช้ผมเป็นไม้กันหมา กันพวกผู้ชายเหล่านั้นออกไป ซึ่งผมก็ช่วยมันเต็มที่ พ่อแม่เราก็อยากให้เราเป็นทองแผ่นเดียวกัน

แต่ผมกับอ้อยรู้ดี ว่าเราไม่ใช่สเป็คของกันและกัน

 

พอมาถึงงาน ทุกอย่างเหมือนเดิม ผมต้องวางตัวให้ดูน่าเชื่อถือ ทำตัวเป็นนักศึกษาที่ดี เรียนรู้งานจากประสบการณ์จริงที่พ่อแม่พยายามสั่งสอนผ่านการกระทำไม่ใช่คำ พูด ซึ่งผมก็พยายามเรียนรู้ให้มากที่สุด เพราะอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ผมต้องมาอยู่ที่นี่อย่างเป็นทางการ ในฐานะนักธุรกิจ ไม่ใช่ทายาทอีกต่อไป   

เวลาล่วงเลยมาจนถึงครึ่งทาง ผมขอเบรกพ่อกับแม่มาอยู่คนเดียว ผมยืนอยู่ข้างซุ้มอาหาร ในมือถือแก้วไวน์ทรงสวย มีหยาดน้ำสีเหลืองอำพันอยู่ภายในเพียงก้นแก้ว ผมขยับวนมันเบา ๆ ก่อนยกขึ้นดื่มจนหมด

“รับไวน์เพิ่มไหมครับ”
พนักงานเดินเข้ามาถามอย่างรู้หน้าที่ ผมพยักหน้า ยื่นแก้วไปให้เขาริน ไวน์พวกนี้ดื่มเยอะแค่ไหนก็ไม่เมาหรอก

พอเรียบร้อยพนักงานก็โค้งหัวจนต่ำ ก้าวเดินจากไป ปล่อยทิ้งให้ผมยืนดื่มอยู่คนเดียวเงียบ ๆ

แต่อิสระไม่ได้อยู่กับผมนานเท่าที่ผมต้องการ เพราะตอนนี้มีใครบางคนกำลังเดินนวยนาดเข้ามาหา เธอดูสวยสง่าจนไม่อาจละสายตาจากไปไหนได้

ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ

เพื่อนผมเอง

...ไอ้อ้อย...

มันเดินสวยมาแต่ไกล สวยเอามาก ๆ จนผู้คนพากันมองตาม มันมาในชุดแซกเข้ารูปสีเขียวเข้มไร้แขน เอวเล็กน่าจับ ชายกระโปรงไล่ระดับสูงต่ำ ปิดบางส่วนเผยบางส่วน ก้าวแต่ละทีเห็นน่องขาว ๆ ได้ชัดเลย   

ปกติมันตัวสูงอยู่แล้ว พอมาใส่ส้นสูงสี่นิ้วแบบนี้ มันยิ่งดูโดดเด่นเข้าไปใหญ่ แต่งหน้านิด ๆ เน้นสีนู้ดดูเป็นธรรมชาติ ผมยาวประบ่า กลิ่นตัวหอมคละคลุ้งสะกดผู้คนให้หลงใหล 

ถ้าเป็นคนอื่น ผมคงจะรีบเดินเข้าไปจีบ แต่เพราะเป็นมันที่เห็นกันมาจนชินตา ผมเลยเฉย ๆ

มันเดินมาหยุดยืนอยู่ใกล้ ๆ ดูจะใกล้จนเกินปกติด้วยซ้ำ มันไม่พูดอะไร หันไปหยิบลูกเชอร์รี่สีแดงสดมาจ่อไว้ใกล้ริมฝีปากผม ทุกกิริยาอาการดูเรียบร้อยนุ่มนวล ยั่วยวนกิเลสให้แตกซ่านเอาได้ง่าย ๆ

“แดกให้กูหน่อย”
ถ้ามันจะไม่พูดแบบนี้น่ะนะ = =

โหมึง คำพูดมึงสวนทางกับบุคลิกมาก

“กี่นาฬิกา”
ผมถามอย่างรู้ทัน

“สิบนาฬิกา”
มันตอบเสียงเบา

ผมเหลือบตามองแวบหนึ่งแบบไม่ให้ใครจับสังเกตได้ แต่เสี้ยววินาทีนั้นผมก็ทันได้เห็นชายมีอายุคนหนึ่งมองตรงมาที่เรา ผมกระตุกยิ้มมุมปาก มันขึงตาใส่

“เสน่ห์ตกรึไง แก่มาเชียว”
ผมก้มกระซิบกลับมันข้างหู

“เขาไม่ได้เล็งเอาเอง แต่เล็งให้คนสิบสามนาฬิกา”

ผมเหลือบตามองตาม เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนถือแก้วไวน์โดดเด่นอยู่ตรงนั้น ดูจากเค้าโครงใบหน้าแล้ว น่าจะเป็นชาวอาหรับหรือไม่ก็พวกแขกขาว ผมมองหน้าไอ้อ้อยสลับกับชายคนนั้น พิจารณาดูดี ๆ แล้ว พูดได้คำเดียวครับ

หล่อสุด ๆ
ผมก้มมองมันอีกที

“ก็หล่อดีนี่”

“ไม่เปค”

“เปคมึงนี่ต้องแบบพี่ตูนบอดี้แสลมหรือพี่โน้ตอุดมรึไง”

“ปากหมา รีบกินสักที กูเมื่อย”
มันพูดเสียงเบา จ่อเชอร์รี่ใส่ปากผมมากขึ้น

ผมหัวเราะหึ อ้าปากรับลูกเชอร์รี่เข้าไป มันมองผมตาขุ่น แต่ผมมองมันตาเชื่อม ไม่ได้หลงเสน่ห์ครับ แต่กำลังกลั้นขำอยู่ มันทำหน้าบูดเป็นตูดลิง ดีว่าคนอื่นมองไม่เห็น

ในสายตาของคนทั่วไป คงเห็นว่าผมกับมันกำลังยืนสวีทกันอยู่แน่ ๆ ซึ่งปกติมันจะใช้วิธีนี้ ก็ต่อเมื่อมันรู้สึกรำคาญพวกผู้ชายจัด ๆ เท่านั้นแหละ

สักพักไอ้สองหล่อก็เดินเข้ามาสมทบ แค่ ผมกับไอ้อ้อยสองคน ก็เรียกสายตาคนได้เกือบค่อนงานแล้ว นี่ยิ่งมีไอ้สองหล่อเกียรตินิยมมาอยู่ด้วย ยิ่งเรียกสายตาคนมองเข้าไปใหญ่ แต่พวกผมไม่สนใจครับ รอเวลาให้งานเลิกอย่างเดียว

ผมยืนดื่มไวน์ โดยมีไอ้อ้อยคอยป้อนลูกเชอร์รี่อยู่ข้าง ๆ ถัดไปเป็นไอ้โอ๊คกำลังดื่มไวน์ไม่ต่างกับผม มันยืนเงียบ ๆ ล้วงมือไว้ในกระเป๋ากางเกง ในขณะที่ไอ้ปิงหยิบขนมตรงหน้ากินหงุบหงับไม่สนใจใคร

มางานแบบนี้ พวกเราจะไม่พูดคุยกันมากนักหรอก หรือพูดให้ถูก.. คือแทบจะไม่คุยกันเลยด้วยซ้ำ

กลัวหลุดภาษาพ่อขุน หรือไม่ก็กลัวพวกสัตว์เลี้ยงในปากจะออกมาเพ่นพ่านกลางงานน่ะ

 

 

และแล้วช่วงเวลาที่แสนน่าเบื่อของพวกเราก็จบลง หลังจากล่ำลาทุกคนจนหมด ผมก็รีบบึ่งรถกลับทันที แต่ไม่ได้เข้าคอนโด ผมขับรถไปจอดอยู่หน้าบ้านของใครบางคน เห็นไฟในห้องมันยังเปิดอยู่ ผมล้วงหยิบมือถือมากดโทรออก สักพักปลายทางก็รับสาย

“พี่เอก”
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงมันผ่านมือถือนะเนี่ย

“ยังไม่นอนอีกเหรอ”

“เอ๊ะ?”
มันทำเสียงแปลกใจ

“พี่รู้ได้ยังไง”

“ก็เห็นไฟในห้องยังเปิดอยู่”

ได้ยินเสียงอะไรกุกกัก แล้วม่านหน้าต่างห้องมันก็ถูกแหวกออก มันโผล่มาทำหน้าแปลกใจก่อนผลุบหายเข้าไปภายใน หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงวิ่งตึงตัง แล้วผมก็เห็นมันอีกทีที่หน้าประตูบ้าน

ผมยืนยิ้ม พิงหลังอยู่ข้างประตูรถ วันนี้เอารถสปอร์ตสีดำมา ไม่ได้ขับคันนี้นานแล้วเหมือนกัน

มันยืนนิ่งอยู่หน้าบ้าน มือถือยังค้างอยู่ที่หู ผมกดตัดสาย มองหน้ามันยิ้ม ๆ

มันคงตลึงความหล่อของผมอยู่

ผมเดินเข้าไปหา มันยังมองตามตาค้างอยู่ ยิ่งผมเดินเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ มันยิ่งแหงนหน้ามองตามมากขึ้นเท่านั้น

ผมอมยิ้ม ชักชอบในความเตี้ยของมันซะแล้วสิ

“เอาตัวมาให้ดู ว่าเนกไทเข้ากับสูทไหม”
ผมยิ้มนิด ๆ มันยังมองตาค้างอยู่ครับ นี่ถ้าไม่ติดว่ายืนอยู่หน้าบ้าน ผมจับมันจูบไปแล้ว

“หล่อ...”
มันพูดเสียงเบาเหมือนคนละเมอ

ผมยิ้ม จับมันพลิกหันไปอีกด้าน รุนหลังให้มันเดินเข้าไปภายใน

พอเข้ามาถึง มันก็ยังไม่เลิกจ้องหน้าผม ผมอมยิ้ม กำลังจะคลายเนกไทออก มันรีบเบรกไว้ทันที

“อย่าเพิ่งถอดนะ!”
มันหันหลังวิ่งขึ้นห้องไป สักพักก็วิ่งตึงตังลงมาพร้อมกับกล้องในมือ

“เป็นนายแบบให้ผมที”

ผมยืนนิ่ง หรี่ตามองมัน

“ค่าตัวพี่แพงนะ”

“เท่าไหร่ผมก็จ่าย!” มันรีบตอบ “แต่..เอ่อ.. ขอเป็นแบบผ่อนได้ไหม”

ผมหัวเราะหึ พยักหน้าให้มันที มันหันซ้ายหันขวา คงกำลังหามุมดี ๆ ให้ผมอยู่ แต่หาไม่เจอครับ มันมองหน้าผมอีกที 

“ไปคอนโดพี่ดีกว่า ที่นี่ไม่มีมุมที่เข้ากับชุดสูทพี่เลย”
มันรีบวิ่งขึ้นไปหยิบกุญแจบ้าน ปิดประตู ลากผมแถก ๆ ไปที่รถ

ทีเวลาอย่างนี้แล้วเร็วเชียวนะมึง

ผมขับรถพามันมาที่คอนโด ก่อนขึ้นห้องยังมีแอบถ่ายกับรถด้วย

โอ้หนอคนเรา

จริง ๆ ผมไม่ชอบให้ใครมาถ่ายรูปหรอก แต่ผมยอมให้มันถ่ายคนเดียว ผมชอบเวลาที่มันมองผมผ่านเลนส์ เพราะผมรู้ว่ามันกำลังหลงเสน่ห์ผมอยู่

พอถึงห้อง มันก็รีบจัดแจงให้ผมยืนโพสท่าตามที่มันต้องการทันที

วันนี้ผมแต่งตัวแนวผู้ใหญ่ ผมเซตไปด้านหลังแบบที่มันชอบ ใส่สูทสีเทาเข้ม เนกไทสีอ่อนกว่าสูทนิดหน่อย ทำให้ดูภูมิฐานขึ้นเป็นกอง 

มันให้ผมยืนพิงกำแพงอยู่ข้างดวงไฟสีนวลส้มในห้องรับแขก สอดมือหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกข้างถือแก้วไวน์ที่มีไวน์สีแดงสดคล้ายเลือดอยู่ครึ่งแก้ว มันให้ผมทำหน้านิ่ง ๆ แอ็คท่าตามที่มันสั่ง ผมก็ทำตาม

มันถ่ายทุกมุมของห้องเท่าที่มันเห็นว่าเหมาะ ทุกมุมจริง ๆ ตั้งแต่ห้องนั่งเล่น บนโซฟา หน้าทีวี ห้องครัว ไล่ออกไปที่ระเบียง และกลับมาจบที่ห้องสุดท้าย

นั่นคือห้องนอน   

และตอนนี้ ผมกำลังนั่งรอให้มันจัดท่าอยู่ข้างเตียง

มันเอียงคอมองนิดหนึ่ง ทำท่าคิด ก่อนเดินเข้ามาใกล้ แล้วคลี่ถอดสูทผมออกจนเหลือไว้เพียงเสื้อเชิ้ตสีขาว ใจผมเต้นโครมคราม แต่ก็ทำหน้านิ่ง ๆ ปล่อยให้มันทำไป พอเสร็จมันก็เดินกลับไปยืนตำแหน่งเดิม กำลังจะถ่ายต่อ แต่เหมือนมันยังไม่พอใจเท่าไหร่ เลยเดินกลับมาคลี่ปลดกระดุมผมออกตั้งแต่เม็ดแรกยันเม็ดสุดท้าย ยกเว้นอันที่สอดอยู่ในกางเกง แล้วมันก็พับแขนเสื้อผมขึ้นจนถึงข้อศอกทั้งสองข้าง ขยับแหวกเสื้อนิด ๆ ให้มันโชว์กล้ามเนื้อหน้าอกกับซิกแพคหกห่อด้านล่าง

ดูเท่แบบสบาย ๆ ดี

มันสั่งให้ผมไปนอนหงายบนเตียง งอข้อศอกยันร่างตัวเองไว้ แล้วทำหน้า…เอ่อ…จะว่าไงดี

แบบเซ็กซี่ ๆ อ่ะนะ

คือ.. ผมก็ทำไม่ถูก แต่ก็พยายามทำหน้าให้เซ็กซี่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“มากกว่านี้ได้ไหม”
มันลดกล้องลงมาสั่ง

“แล้วแบบไหนล่ะที่จะเรียกว่าเซ็กซี่”
ผมถามกลับ

มันหันซ้ายหันขวา คงไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดีเหมือนกัน

“พี่ก็ลองนึกถึงสาว ๆ ตอน เอ่อ…ที่พี่กำลังทำเรื่องอย่างนั้นก็ได้” 

“ยังไง”
ผมถามอีกที ไม่ได้กวนครับ แต่เวลาผมมีอะไรกับสาว ๆ มันก็มีหลายความรู้สึก แล้วเอาอารมณ์แบบไหนล่ะ

มันทำท่าจะอธิบาย ก่อนหุบปาก ทำท่าคิด แล้วเดินเข้ามาหาผมแทน

และตอนนี้ มันกำลังทำในสิ่งที่ทำให้ผมอยากเป็นนายแบบให้มันทุกวันเลย

…มันจูบผมอยู่ครับ…

เป็นครั้งแรกที่มันจูบผมก่อนด้วย จูบแบบเก้ ๆ กัง ๆ บดเบียดปากไปมา ก่อนสอดลิ้นเข้ามาแล้วตวัดปลายลิ้นที่คิดว่าหยอกล้ออะนะ ผมรู้ว่ามันต้องการจะสื่ออะไร ผมเลยตวัดปลายลิ้นตอบรับลิ้นไม่ประสาของมันทันที แล้วเป็นฝ่ายนำเกมซะเอง
 
ผมรุกหนักจนมันเริ่มหายใจไม่ออก อารมณ์ผมขึ้นแล้วเหมือนกัน มันรีบดีดตัวออกไปยืนอยู่ห่าง ๆ ชี้นิ้วใส่หน้าผมหอบ ๆ
 
“อารมณ์แบบนี้แหละ”
ยังมีอารมณ์มาแนะอีกนะ ผมอยากกระชากมันเข้ามาจูบอีกที แต่ก็รู้ว่ามันอยากถ่าย เลยเก็บอารมณ์ ‘อยาก’ เอาไว้ แล้วปล่อยให้มันถ่ายไป
 
ไม่ยากครับ เพราะตอนนี้ผม ‘อยาก’ ขึ้นมาแล้วจริง ๆ ยิ่งเห็นปากแดง ๆ ของมัน ผมแทบจะระงับอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่
 
 
ผมนั่งกึ่งนอนบนเตียง ทำตาฉ่ำ ๆ อย่างเชิญชวน ทำท่านี้ทีไร สาว ๆ ละลายกันทุกที ไม่รู้มันจะละลายด้วยไหม
 
มันยังตั้งหน้าตั้งตาถ่ายอยู่ ผมแทบจะทนไม่ไหว แต่ก็พยายามบังคับให้ตัวเองอดทนต่อไป สักพักมันก็ลดกล้องลง เอาไปวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง เดินมาหาผม คงจะจัดท่าให้อีก ผมเลยอยู่เฉย ๆ รอให้มันจัดการ
 
เปล่าครับ
 
มันไม่ได้เข้ามาจัดท่าอย่างที่คิด แต่มันเคลื่อนตัวขึ้นมานั่งคร่อมบนตัก
 
ผมมองมันอึ้ง ๆ
 
มันทาบสองมือไว้ข้างแก้มผม โน้มหน้ามาจูบเบา ๆ
 
หรือว่ามันจะแนะอารมณ์ผมอีก?
 
ผมยังนั่งอยู่เฉย ๆ รอให้มันแนะอารมณ์ แต่มันไม่ยอมหยุดจูบสักที ยิ่งนานผมยิ่งระงับอารมณ์ตัวเองไว้ไม่ได้ มือไม้ก็พาลจะวิ่งไปหาเอวมันอยู่เรื่อย แต่ก็พยายามกดมันไว้กับพื้นเตียง มันโหมจูบผมอยู่สักพัก ก่อนละมือที่แก้มลงไปจับมือผมไปวางไว้ที่เอวมัน
 
ผมถอนปากมามองมันงง ๆ มันมองผมตาเยิ้ม ๆ ริมฝีปากได้รูปแดงจนฉ่ำ
 
เซ็กซี่ฉิบหาย
 
“พี่เอก…”
เสียงมันนี่ เอาไม้มาทุบหัวกันเลยดีกว่า
 
ผมเผลอกระชับมือที่เอวมันแน่น มันเลื่อนสองแขนมาโอบรอบลำคอผมไว้ มุดหน้ากับซอกคอ แล้วกระซิบคำบางคำที่ทำเอาผมรีบจับมันพลิกไปอยู่ด้านล่างแทบไม่ทัน
 
“…กอดผมที”
 
ขอเซ็นเซอร์ครับ
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..             
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..             
..
..
คุณ ๆ คงอยากจะฆ่าผมใช่ไหม
 
เอาเป็นว่า ช่วงแรกเซ็นเซอร์ไปก่อน มาต่อกันที่ช่วงสอง แล้วผมจะเล่าให้ฟังแบบละเอียดยิบเลย ช่วงแรกเหมือนพายุลง ผมสำเร็จโทษมันโดยที่เสื้อผ้ายังอยู่ครบ คือถอดกางเกงมันออกนิดเดียว พอทำเสร็จก็ใส่กลับเหมือนเดิม
 
แล้วตอนนี้ก็มาถึงช่วงเวลาผ่อนคลาย
 
“นายค้างค่าถ่ายแบบพี่อยู่นะ”
ผมกระซิบบอกมันข้างหู มันปรือตามอง ยกมือขึ้นมาลูบแผงอกกว้างผมเบา ๆ ผมก้มมองมือที่กำลังลูบ ๆ ไล้ ๆ อยู่นั้น
 
“ชอบเหรอ”
 
มันพยักหน้า
“สวยดี”
 
ผมอมยิ้ม ปกติโดนชมประจำมันก็ชิน แต่พอมันชม ผมกลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
 
“งั้นก็จับได้เท่าที่นายอยากจับ”
ผมบอก ก่อนก้มจูบหน้าผากมันเบา ๆ ที
 
พรุ่งนี้ผมคงต้องเข้าฟิตเนสไปเพิ่มกล้ามให้มากกว่านี้ซะแล้ว
ผมเลื่อนริมฝีปากลงมาหยุดอยู่ยังกลีบปากแดงช้ำ ขยับบดเบียดเบา ๆ ซึ่งมันก็ตอบรับโดยดี มือไม้ผมก็ไม่อยู่สุขเลื่อนเข้าไปสัมผัสผิวเนื้อภายใน ไล้วนอยู่แถว ๆ หน้าท้องก่อนเลื่อนสูงไปที่หัวนม บีบเบา ๆ จนมันครางสะท้าน
 
ผมจูบมันอยู่สักพัก ก่อนค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกมอง
 
“งวดแรก พี่ขอออนท๊อปหนึ่งที”
 
มันหน้าแดงทันทีที่ผมพูดจบ
 
“จ่ายเป็นอย่างอื่นไม่ได้เหรอ อย่างข้าวสักมื้อหรือเงินสักก้อน”
มันต่อรอง
 
“ก็นี่ไง ข้าวมื้อหนึ่ง”
 
มันทำหน้าแปลกใจ
 
“ออนท๊อป”
ผมพูดสั้น ๆ มันก้มหน้าหลบสายตา ก่อนอ้อมแอ้มพูดอะไรสักอย่าง
 
“ทำไม่เป็น”
 
ผมคลี่ยิ้ม จับมันพลิกขึ้นไปไว้ด้านบนแทนผม
 
“พี่จะสอน”
 
มันทำหน้าตื่น แก้มนี่แดงเถือก
 
“ผมว่าอย่าดีกว่า!” 
 
“ก่อนอื่น…”
ผมไม่สนใจฟัง พูดกลับเนิบ ๆ
 
“ถอดกางเกง”
 
“พี่เอก..”
มันครางเรียก
 
ผมมองมันแบบ 'ไม่ว่าจะยังไงนายก็ต้องทำ' มันทำหน้าลำบากใจ เขยิบตัวปลดกางเกงตัวเองออก คือทำแบบเก้ ๆ กัง ๆ น่ะนะ แต่เชื่อกันหรือเปล่า ท่ามันเซ็กซี่ยิ่งกว่าพวกถอดพรืดอย่างชำนาญซะอีก
 
พอถอดกางเกงออกจากตัว มันรีบดึงชายเสื้อปิดส่วนสงวนไว้ทันที
 
ยังจะปิดอีกเนอะ - -
 
ผมอมยิ้ม เอาเถอะ มันคงอาย เก็บไว้ให้มันสักตัวละกัน
 
“เอาของพี่ออกมา”
ผมสั่งอีก ของผมเป็นกางเกงผ้า เข็มขัดยังอยู่ แต่ถูกปลดหัวและรูดซิปลงแล้ว
 
มันค่อย  ๆ เคลื่อนตัวจากเอวผมลงไปที่หน้าขา สองมือจับขอบกางเกงผมไว้ ก่อนนิ่งค้างอยู่ท่านั้น มันคงกำลังชั่งใจอยู่ว่าจะทำต่อดีหรือไม่ทำดี
 
สุดท้าย มันกลั้นใจ คลี่ดึงขอบกางเกงพร้อมลิงน้อยลงจนบางส่วนของผมหลุดออกมา มันนิ่งไปพักจ้องสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
 
น้องผมมันพร้อมแล้วครับ ตั้งตรงเป็นเสาธงยามเช้าเลย
 
นี่แหละน้อง ความภาคภูมิใจของพี่
 
มันมองน้องผมสลับกับผม
 
“คราวนี้ ใส่มันเข้าไป”
ผมสั่งเนิบ ๆ อีกที
 
มันยังนิ่งครับ คงไม่กล้าทำ หรือไม่…
 
มันก็ไม่รู้วิธีใส่
 
ผมไม่แนะแล้ว ปล่อยให้มันทำเอง มันนั่งจ้องอยู่พัก ไอ้น้องผมมันก็ไม่ยอมลง ไอ้นี่ ถ้ามันได้ตั้งแล้วลงยากด้วย สุดท้ายมันก็ลุกขึ้นคุกเข่า เคลื่อนที่ให้ช่องทางด้านหลังของมัน ตรงกับน้องผมมากที่สุด แล้วค่อย ๆ กดร่างตัวเองลงมา
 
ไม่แนะก็ทำถูกนี่นา
 
 
คับ…
 
คือสิ่งแรกที่ผมรู้ และผมก็รู้ว่ามันคงรู้สึกแบบเดียวกัน
 
มันพยายามกดตัวเองลง อยากช่วยครับ แต่ก็อยากให้ลองทำด้วยตัวเองดู มันกลั้นใจผ่อนคลายตัวเองแล้วกดร่างลงจนสุด
 
ผมส่งยิ้มให้มันด้วยความชื่นชม
 
มันเริ่มขยับค้ำสองมือไว้ที่หน้าท้องผม แล้วยกตัวเองขึ้นลงโดยใช้เข่าเป็นฐาน มันกัดฟันเบ้หน้าเจ็บปวดหน่อย ๆ ของผมก็ไม่ใช่เล็ก ๆ มันคงอึดอัดน่าดู
 
ท่าทางมันยังเก้ ๆ กัง ๆ แต่ก็ดูดีมากสำหรับผม มันขยับช้า ๆ อยู่สักพัก ก่อนปรับเปลี่ยนจังหวะเป็นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
 
“อืม.. พี่เอก”
มันเริ่มครางออกมาเบา ๆ
 
ภายในของมันบีบรัดผมแน่น ผมกัดฟันดังกรอด ขย้ำสองมือกับผืนที่นอนจนยับ มันเชิดหน้านิด ๆ ปากก็ครางสะท้าน ดวงตาปรือปรอยจนฉ่ำ เห็นแล้วอยากกระชากมาจูบแรง ๆ สักที
 
ผมปล่อยให้มันโยกไหวอยู่อย่างนั้นจนเป็นมันเองที่ทนไม่ไหวเร่งจังหวะจนไปถึงปลายทาง มันคงพยายามอดทนให้ถึงที่สุดแล้ว แต่ความอึดมันต่างกัน มันหมดแรง ทิ้งตัวลงมานอนทาบบนหน้าอกผม
 
ผมอมยิ้ม ช้อนจับปลายคางมันเงยหน้าขึ้นสบตา ก่อนก้มจูบไปเบา ๆ ที
 
“พี่อิ่มแล้ว คราวนี้ขอพี่ป้อนนายบ้างนะ”
ผมจับมันพลิกลงไปนอนอยู่ด้านล่าง แล้วจัดการกินมันไปอีกยก
 
ต่อไป..ผมจะทำตัวเป็นนายแบบที่ดี เพราะค่าตอบแทน มันคุ้มใช้ได้เลย

 

 

TBC...

http://www.facebook.com/Memew28 ^^
 
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 02-11-2012 21:34:17
คนเขียนคะ ระวังโดนดุนะ

!!!กฏใหม่ของการรวมเล่มนิยายในเล้าเป็ด ***กรณีที่นักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้ในห้องนิยาย นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้  
แจ้งเพื่อทราบจ้า
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 02-11-2012 23:43:25
ค่าตอบแทนเกินคุ้มจริงๆ

ถ่ายบ่อยๆนะ :z1:

 :call:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 03-11-2012 07:08:02
ติดตามค่่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 03-11-2012 13:23:47
คุ้มสุดคุ้มเลยนะนายเอก :m25:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: bangkeaw ที่ 03-11-2012 19:25:13
พี่เองร้ายอ่ะ เอาซะคุ้นเกินคุ้ม
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 03-11-2012 20:37:23
เพิ่งได้มาอ่าน สนุกมาก รอลุ้นตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 04-11-2012 00:54:57
 ค่าตอบแทนงานเนอะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ที่ 04-11-2012 04:26:28
เพิ่งตามไปอ่านเรื่องนี้ใน dek-d มา เพิ่งเห็นในบอร์ด หุหุ  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 04-11-2012 14:37:06
น่ารักดีนะ ค่าตัวนายแบบคุ้มเว่อร์
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 05-11-2012 00:40:16
 :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: withmeto_PJ ที่ 05-11-2012 02:01:36
อยากบอกว่าเพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรกกกก อ่านตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันน ทึ้งตัวเองตลอดเวลาเลยค่ะ
ฉันไปอยู่ไหนนนนนนนนนนนนนนนนนนมา ทำไมเพิ่งจะมาอ่านเรื่องนี้
หลงรักน้องกายมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่เอกก็สุดยอดเลยยยยยย
เนื้อเรื่องสนุกมากๆค่ะ อ่านแล้วเพลิน ดำเนินเรื่องแบบเรื่อยๆ แต่อ่านแล้วเพลินมากๆ

ขอบคุณคนแต่งมากๆเลยนะคะสำหรับนิยายเรื่องนี้ มันเยี่ยมมาจริง
รอตอนหน้าค๊า ขอให้มาเร็วๆ มาไวไว 5555555
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 05-11-2012 18:28:25
สนุกดีคับ  มาต่ออีกนะคับ o13
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: zylph_z ที่ 13-11-2012 23:33:05
ค่าตัวพี่เอกแพงจัง แต่กายก็ยังจ่ายไหว อ๊ายยยยยย (>///<)
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: JiNgLeBelL ที่ 14-11-2012 09:17:23
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน อ่านรวดเดียววันเดียว เล่นเอาตาปวดตาไปเลยค่า
ชอบคะ ถูกใจมาก โดนใจสุดๆ :กอด1:
ทั้งภาษา ทั้งการเล่าเรื่องราว เข้าใจง่าย อ่านไปยิ้มไป
หลงรักพี่เอกมากมาย >< :L1:
ส่วนกายก็น่ารักน่าฟัดจริงจัง :-[
พี่เอกนี่ตั้งแต่เปิดเรื่องคิสซึน้องกายตลอดๆ  :z1:
สมกับชื่อเรื่อง Kiss love จริงๆค่า
ติดตามต่อไปค่ะ
^^
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: nubeebaa ที่ 16-11-2012 18:37:10
ตามทันแล้ว 55555  กายจะน่ากินไปไหน ><?
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: TaroT ที่ 22-12-2012 06:29:10
กำลังจะเริ่มอ่านครับ ..  :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 22-12-2012 21:52:20

ตามทันและรออ่านตอนต่อไป

..น้องน่ารักมาก จนอยากมีแบบนี้ข้างตัวสักคน .. :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: FanGieTsFc ที่ 23-12-2012 01:08:51
เรื่องนี้มีตามในเด็กดีอีกเยอะ ใกล้จะจบแล้วด้วย 555555555555555555555555555 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: honeyhoon ที่ 23-12-2012 18:11:27
เค้ามีอะไรกันแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว



แต่ ทว่า

สถานะยังคลุมเครือ พี่เอกไม่คิดจะบอกอะไรน้องหน่อยหรือ ถึงจะหึงเค้ารุนแรงขนาด แต่พูดออกไปก็จะเป็นตัวยืนยันที่ดีได้เลยน้า

บวกเป็ดให้คนแต่งก่อน เผื่อมาต่อตอนต่อไปไว อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: aumpolala ที่ 04-01-2013 09:45:04
 :call: :call: อ่านรอบที่เท่าไรแล้ว จำไม่ได้ จิ้นไปไกลแล้ว มาต่อด่วน  :z13: :z13: :z10:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 04-01-2013 11:50:43
กายน่ารักเกิ๊น :z2:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 05-01-2013 01:01:18
ใช่ คุ้มสุดๆ

เล่นทุ่มทั้งตัวเป็นค่าจ้างเลยนี่
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 05-01-2013 21:36:53
แหมๆๆๆ ในที่สุดก็มาลงนะคะ กายน่ารักตลอดดดด อิอิ  :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ (Nc เบาๆ มั้งนะ หุหุ - ,. - )
เริ่มหัวข้อโดย: Milk ที่ 05-01-2013 21:42:51
น้องกายน่ารักไปแล้วนะ :man1:
หัวข้อ: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ Part 2
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 06-01-2013 20:20:58
 Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22
ตอน : หลงเสน่ห์ Part 2

[พี่เอกเวิ่น...☼]
 



 
 
เสียงรัวกดกริ่งหน้าห้องปลุกผมให้ตื่นตั้งแต่เช้า ผมพ่นลมหายใจออกแรง
 
กดรัวแบบนี้ มีแค่รายเดียว
 
ผมลุกเดินไปหยิบชุดคลุมสีน้ำเงินมาใส่ ผมเผ้าก็ปล่อยให้มันฟูฟ่องอยู่อย่างนั้นแหละ ถึงยังไง มันก็ดูดีอยู่ดี (ออกแนวหลงตัวเองนิด ๆ = =)
 
ผมเดินออกไปเปิดประตู
 
“พี่เอกกกกกกกก” 
สาวน้อยน่ารักภายใต้กระโปรงลายสก็อตสั้นจุ๊ดจู๋เครื่องแบบของโรงเรียนเอกชนม.ต้นกระโดดกอดคอผมแน่น ผมทำหน้าเหม็นเบื่อทันที
 
“มาทำไม”
 
“โหย พี่คะ ทักน้องสุดที่รักแบบนี้ได้ยังไงกัน ไอ้เรารึอุตส่าห์คิดถึง”
 
มันทำหน้างอนิด ๆ กอดคอผมไว้เหมือนลิง ก่อนที่สายตาผมจะเหลือบไปเห็นดวงตาวิบวับของใครอีกคนในชุดเครื่องแบบเดียวกัน
 
เหมือนกันทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่ส่วนสูงหรือรูปร่างหน้าตา
 
“ไอ” ผมทัก
 
“คิดถึงพี่จัง”
แล้วมันก็กระโดดเข้ามากอดเอวซ้ายผมแน่น
 
จะมีมาอีกไหม…
 
คิดยังไม่ถึงสิบวิ ก็มีอีกหนึ่งสาวน้อยโผล่เข้ามาเกาะเอวข้างที่ว่างผมแน่น
 
หนักครับ สามสาว ถึงจะตัวเล็ก แต่เล่นเกาะแบบนี้ ไม่ไหวเหมือนกัน
 
“นี่ยัยลิงทั้งหลาย ปล่อยพี่ก่อน เกิดชุดพี่หลุดขึ้นมาได้เห็นคิงคองออกมาเดินเล่นแน่ ๆ”
 
“ทะลึ่ง”
ไอ้แอมมันต่อว่า
 
“ว่าแต่…คิงคองพี่ตัวใหญ่กว่าเดิมหรือเปล่า”
 
ผมมะเหงกมันไปที
 
“หึ ๆ ใส่ชุดนี้ออกมา แปลว่าพี่เราต้องหิ้วใครมานอนด้วยแหงม ๆ”
 
ครับ ปกติถ้าผมใส่เสื้อผ้าคือห้องนอนว่าง แต่ถ้าใส่ชุดคลุม นั่นหมายถึงเมื่อคืนไม่ได้ใส่เสื้อผ้านอน พวกน้อง ๆ รู้ดี แต่ก็ไม่คิดจะยุ่ง เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัว และมันก็รู้ว่าพี่มันไม่ได้คิดจะจริงจังกับใครด้วย
 
“พี่เอกอ่า กลับบ้านบ้างซิคะ อ้อนคิดถึง”
 
“ไอก็คิดถึงพี่น้า”
 
“แอมคิดถึงมากกว่าอีก”
 
สามสาวแย่งกันออดอ้อนใหญ่ พ่อแม่ก็เข้าใจตั้งชื่อซะจริง ๆ พวกมันถึงได้เกิดมาอ้อนกันเก่งได้โล่ขนาดนี้
 
“นี่พี่เอก พวกเราตกลงกันว่าคืนนี้จะมานอนค้างที่นี่นะคะ”
 
“พอดีห้องพี่ไม่ว่าง คิวเต็ม” ผมรีบปฏิเสธ
 
“โธ่ พี่คะ น่านะ อ้อนคิดถึงพี่นี่น่า”
 
“น่านะ ขอไอนอนด้วยคน”
 
“แอมก็อยากนอนน้า”
 
คือ ถ้าพวกคุณ ๆ มาฟังอาจจะจับไม่ถูกว่าใครคือใคร เพราะทั้งสามหน้าตาเหมือนกันมาก แต่ไม่ใช่ฝาแฝดครับ พวกมันเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาเรียกได้ว่าปีต่อปี แต่กลับมีส่วนสูงเท่ากัน หน้าเหมือนกันจนคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นฝาแฝด
 
ยกเว้นคนที่อยู่ด้วยกันนาน ๆ น่ะนะ
 
“พี่อาร์ตกับพี่อิฐก็บ่นใหญ่ว่าพี่ทิ้งน้อง”
 
“พี่มีงานเยอะ เราก็เห็น”
 
“ค่ะ เห็นว่าพี่ทิ้งน้อง ๆ ไปหางานมากกว่า”
ดูเหตุผลมัน
 
“ถ้าพี่ไม่ให้พวกเรานอนคืนนี้ งั้นเสาร์อาทิตย์นี้พี่ต้องกลับบ้านนะคะ”
 
ไฟท์บังคับครับ พวกมันรวมหัวกันบังคับผมชัวร์ ๆ เพราะถ้าให้เลือกระหว่างให้พวกมันมานอนค้างกับผมที่นี่คืนหนึ่ง กับผมกลับบ้านสองวันเสาร์อาทิตย์ อย่างหลังดูจะสงบกับชีวิตผมมากกว่า 
 
กริ๊ก!!
 
เสียงเปิดประตูเบา ๆ จากห้องนอนดึงความสนใจจากพวกเราสี่ชีวิตให้หันไปมอง

 
เงียบครับ…
 
พวกน้อง ๆ ผมพากันเงียบกริบ มองคนที่เดินสะลึมสะลือออกมาจากห้องนอนกันตาค้าง ทั้งเนื้อทั้งตัวมัน มีเพียงเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อคืนของผมใส่ไว้
 
กำเดาผมแทบพุ่ง
 
คือ…หุ่นมันก็หุ่นแบบผู้ชายน่ะนะ แต่ก็ดูเซ็กซี่ยั่วยวนสำหรับผมอยู่ดี หัวมันฟูไร้ทรง ปากแดงแจ๋ (คงเพราะเมื่อคืน ผมจูบมันแรงไปหน่อย)

ที่คอมีรอยคิสมาร์ค (เอ่อ... อันนี้ผมทำเอง พอดีเมื่อคืนมันในอารมณ์ไปหน่อย ปกติจะทิ้งไว้ที่หน้าอก แต่เมื่อคืน ลืม โชว์หราเลย)
 
กระดุมมันปิดไว้แค่แถวล่างครับ ตั้งแต่ช่วงอกขึ้นไปไม่ได้ติด รอยจูบสามรอยเด่น ๆ เห็นชัด ๆ
 
ไม่ต้องอธิบายแล้ว

 
น้องผมพากันอึ้ง มันก็อึ้งที่เห็นคนแปลกหน้า มันรีบหันหลังเดินกลับเข้าห้องไปทันที
 
เงียบครับ…
 
ในห้องเงียบกริบจนได้ยินเสียงแอร์ครางหึ่ง ๆ
 
มันเป็นคนขี้เซาก็จริงครับ แต่เป็นพวกตื่นเช้า เจ็ดโมงเวลาตื่นนอนมันพอดี คงได้ยินเสียงคนคุยกันเลยเดินออกมาดู โดยลืมคิดถึงสภาพตัวเองไป
 
“นะ นี่พี่เปลี่ยนรสนิยมตั้งแต่เมื่อไหร่”
แอมมันได้สติก่อน
 
“นั่นน่ะสิ”
แล้วไอก็เปิดปากบ้าง
 
“…กับผู้ชาย”
ปิดท้ายด้วยไอ้อ้อน
 
แล้วทุกอย่างก็เข้าสู่ภวังค์เงียบอีกที
 
“คือ…”
อันนี้เสียงผมเอง
 
“มันเป็นเหตุสุดวิสัย แล้วก็เลยตามเลยน่ะ”
ผมบอกตามจริง
 
“อธิบายมาเลย”
 
“บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”
 
“เล่ามาให้หมด”
 
เสียงเซ็งแซ่กลับมาอีกครั้ง
 
ผมเกาท้ายทอย เหนื่อยหน่ายกับการซักประวัติอันละเอียดยิบของสามป่วนตัวอ.
 
ผมก็เล่าความจริงนั่นแหละ กับน้องไม่ปิดบังอยู่แล้ว พวกมันรู้ไส้รู้พุงผมดี มีอะไร ก็ได้พวกมันนี่แหละ คอยช่วยเหลือเป็นธุระปะปังให้ 





 
“ว้าววววว”
เสียงไอ้แอมครับ
“สุดยอด”
อันนี้ไอ้ไอ
 
“เนอะ ๆ”
ตอบท้ายด้วยไอ้อ้อน แล้วพวกมันก็พากันกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่
 
“นี่ ๆ พวกที่โรงเรียนจะพากันกรี๊ดไหม”
 
“แน่นอน ๆ มีของจริงดีกว่าในเน็ตเป็นไหน ๆ”
 
ผมหูตั้งทันที
 
“แล้วคนเมื่อกี้นี้ก็ดูเคะ ๆ เนอะ”
 
อะไรเคะ ๆ หูผมผึ่งแล้วผึ่งอีกฟังพวกมันพูดกัน
 
...แต่ไม่รู้เรื่อง
 
“กรี๊ดดด!!!!!!!!!!!!!!”
แล้วผมก็ต้องรีบเอามือปิดหูเอียงหน้าหนี
 
ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนโซฟา โดยมีไอ้แอมนั่งขนาบอยู่ด้านซ้ายกอดคอผมไว้ ด้านขวาเป็นไอ้ไอกำลังทำแบบเดียวกัน ส่วนไอ้อ้อนนั่งคุกเข่าอยู่บนตักผมอีกที
 
ถ้าคนอื่นมองอาจคิดว่าผมมีฮาเร็มเป็นของตัวเองแน่ ๆ
 
แต่พวกมันเป็นคนที่ทำให้ผมหมดอารมณ์มากกว่า

 
“พี่ ๆ แนะนำให้พวกเรารู้จักหน่อยซิคะ”
 
“นะ ๆ”
 
“อยากรู้ ๆ”
 
แล้วพวกมันก็รวมพลังกันออดอ้อน ผมพยักหน้า แต่บอกพวกมันไว้ก่อนว่าผมกับไอ้ตัวเล็กยังไม่ได้ตกลงเป็นอะไรกัน เพราะงั้นกายไม่ใช่แฟนผม พวกมันพยักหน้าเข้าใจ เขยิบลงไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยบนโซฟา
 
ทีอย่างนี้ละเรียบร้อยกันขึ้นมาเชียว -*-




 
ผมเดินกลับเข้าไปในห้อง เห็นไอ้ตัวเล็กนั่งเหม่ออยู่ข้างเตียง ตอนแรกคิดว่ามันอาบน้ำแต่งตัวแล้วซะอีก
 
“ยังไม่ได้อาบน้ำเหรอ”
 
มันสะดุ้งเฮือก
 
เป็นอะไรของมัน
 
“อะ เอ่อพี่เอก” มันทำหน้าอึดอัด
 
“ขะ ขอโทษฮะ ผมจะรีบไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้แหละ” มันรีบลุกจากเตียง แต่ผมรั้งไว้ก่อน สีหน้ามันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
 
“เป็นอะไร”
 
“อะ เอ่อ เปล่าครับ พี่รอแป๊บนะ บอกสาว ๆ ให้รอก่อน ผมจะรีบอาบแล้วรีบไป”
ผมจ้องหน้ามันนิ่ง ๆ แต่มันไม่ยอมสบตา ผมจับคางมันเงยขึ้นมอง แต่มันหลุบเปลือกตาลงต่ำหลบหนี
 
“กาย”
ผมเรียก มันยังนิ่งเหมือนเดิม
 
“กาย”
ผมเรียกอีกที มันค่อย ๆ ช้อนตามอง
 
“พี่เอก...”
มันเรียกกลับเสียงแผ่ว
 
บ๊ะ! เซ็กซี่เป็นบ้า ไม่ไหวแล้วครับ ผมฉกจูบมันทันที หน้ามันแหงนตอบรับอัตโนมัติตามความเตี้ยของตัวเอง สองมือจับสาบเสื้อผมแน่น ปากมันหวานดีครับ ผมชอบ

ผมโหมจูบอยู่พัก ก่อนถอนปากออก กลัวยาว มันหอบหนักเลย
 
“ถ้าไม่รีบ…” มันพูดหอบ ๆ
 
“เดี๋ยวผู้หญิงของพี่จะรอนะ”
 
ผมคิ้วขมวดกับคำมัน
 
“ผู้หญิงของพี่?” ผมทวนนิดหน่อย
 
นี่มันคิดว่าน้องผมเป็นอะไรกัน
 
“คิดว่าผู้หญิงข้างนอกเป็นใคร”
 
มันชะงักกับคำถามผม ก้มหน้าลงไม่ตอบอะไร ผมจับคางมันเงยมองอีกที
 
“ก็ผู้หญิงของพี่ไง ผะ ผมจะรีบออกไป ขอเวลาอาบน้ำก่อน”
 
ผมถอนหายใจแรง
 
เข้าใจแล้วครับ มันคงคิดว่าน้อง ๆ ผม เป็นสาว ๆ ที่จะมานอนกับผมแน่ ๆ
 
“ไม่ต้องแล้วล่ะ”
ผมรั้งเอวมันเดินออกจากห้องไปทันที มันโวยวายใหญ่


 




น้อง ๆ ผมพากันนั่งพับเพียบเรียบร้อยหน้าสลอนกันบนโซฟา
 
โว๊ะ! เป็นครั้งแรกที่เห็นพวกมันนิ่งกันได้ขนาดนี้นะเนี่ย
 
ดวงตาแต่ละคนวิบวับจ้องกายกันยกใหญ่ ไอ้ตัวเล็กยังพยายามยื้อจะกลับเข้าห้อง จนผมต้องโอบเอวมันแล้วอุ้มขาลอยไปนั่งบนโซฟา พวกน้อง ๆ รีบพากันย้ายไปนั่งฝั่งตรงข้ามทันที
 
กายนั่งก้มหน้างุด
 
“ขี้อายเนอะ”
แอมมันพูดขึ้นมาก่อน
 
“น่ารักอ่ะ”
ไอต่อ
 
“น่าจับกด”
คราวนี้เป็นอ้อน ผมมองหน้าน้องงง ๆ รวบไอ้ตัวเล็กมาไว้ในอ้อมแขนทันที
 
“ของพี่”
 
“โอ๊ย!! ไอ้พี่ขี้หวง!!”
พวกมันสามตัวประสานเสียงตอบ ไอ้ตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองงง ๆ
 
มันมองผมสลับกับน้อง ๆ ไปมา ผมยิ้มให้มันนิดหนึ่ง พวกน้อง ๆ ก็พากันยิ้มหวานหว่านเสน่ห์จนเห็นเขี้ยวแหลม ๆ กันทุกคน
 
“แอมค่ะ”
 
“ไอค่ะ”
 
“อ้อนค่ะ”
 
“พวกเราเป็นน้องพี่เอก”
แล้วพวกมันก็แนะนำตัวเสร็จสรรพ ไอ้ตัวเล็กคิ้วขมวดมองหน้าผมสลับกับน้อง ๆ
 
ไม่ต้องมอง หน้าไม่มีเค้าเหมือนกันเลย
 
คือ ผู้ชายบ้านผมได้เชื้อฝั่งคุณปู่มาเต็ม ๆ แต่พวกน้อง ๆ ผู้หญิง ได้เชื้อฝั่งคุณย่าไปเต็ม ๆ พวกคุณตาคุณยายเลยงอนกันใหญ่ ที่หลาน ๆ ไม่มีเค้าทางพวกท่านกันเลยสักคน ยกเว้นนิสัยน่ะนะ ที่ได้ฝั่งคุณตาคุณยายไปเต็ม ๆ
 
“น้อง…”
มันพูดสั้น ๆ ครับ
 
“ค่ะ/ค่ะ/ค่ะ”
สาว ๆ แพ็คกันตอบ
 
“นี่ ๆ พี่กาย พี่กายชอบพี่เอกใช่ไหม”
ไอ้แอมมันรุกใหญ่
 
“ชอบขนาดไหน ชอบตอนไหน อะไรที่ชอบ”
ไอ้ไอถามต่อ
 
“พี่เอกดูแลพี่กายดีไหม อยากให้พี่เอกพัฒนาอะไรในตอนนี้”
ไอ้อ้อนมันตบท้าย
 
ไอ้ตัวเล็กมันอ้าปากค้าง
 
“คะ คือ…”
 
พวกน้อง ๆ ยื่นหน้ามาตั้งใจฟัง
 
“ผมมีเรียนช่วงเช้า ขอตัวไปอาบน้ำก่อนดีกว่า” หน้ามันแดงแป๊ดเลย พวกมันทำท่าเสียดายกันยกใหญ่
 
ผมหัวเราะร่วนกับทางออกของมัน
 
“เอาล่ะ วันเสาร์พี่จะกลับบ้านล่ะกัน ตอนนี้ต้องขอเวลาอาบน้ำส่งกายไปเรียนก่อน”
ผมปล่อยกายให้เป็นอิสระ ลุกต้อนพวกน้อง ๆ ไปโรงเรียน พวกมันทำท่าเสียดายใหญ่ พากันกรี๊ดกร๊าดเดินออกจากห้องไป
 
 
ทันทีที่ผมปิดประตูลง ความเงียบก็กลับมาอีกครั้ง
 
เข้าใจกันแล้วใช่ไหม ว่าทำไมผมถึงได้ย้ายออกมาอยู่คนเดียว
 
พวกมันยุ่งครับ ยุ่งทุกเรื่อง ยุ่งแม้กระทั่งเรื่องในมุ้ง
 
เชื่อกันรึเปล่า พวกน้อง ๆ ผมเป็นผู้หญิงก็จริง แต่กล้านั่งฟังผมกับพวกไอ้อิฐไอ้อาร์ตพูดเรื่องบนเตียงกันได้หน้าตาเฉย ฟังเหมือนฟังนิทานหลอกเด็ก
 
แสบกันจริง ๆ
 
ว่าแต่อะไรเคะอะไรเมะวะ??
 
ผมเดินกลับเข้าห้องอีกที ไอ้ตัวเล็กคงกำลังอาบน้ำอยู่ ผมยืนรอ วันนี้ขี้เกียจทำอาหารเช้า เดี๋ยวพามันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเลยไปกินข้าวนอกบ้านดีกว่า

           
 TBC...
ชอบอ่านนิยายในเล้านะ แต่ลงนิยายเองทีไรมีปัญหาทุกที T^T ทำไมมันงี้ง่าาาาาาา สะอึกสะอื้น ชื่นชมคนที่ลงนิยายเยอะ ๆ ได้จัง T^T เราก็นั่งงมต่อไป แง้ววว
ผิดพลาดประการใดขออภัยค่ะ ร้องไห้ งื้อ 
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ Part 2
เริ่มหัวข้อโดย: zylph_z ที่ 06-01-2013 21:47:30
กรี๊ดดด~ มาต่อแล้ว >.<
ดีใจแทนพี่เอกด้วยนะ มีน้องเป็นสาววายคอยเชียร์
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #22 : หลงเสน่ห์ Part 2
เริ่มหัวข้อโดย: bangkeaw ที่ 07-01-2013 18:12:49
มีน้องๆ มาเป็นกองหนุนแล้ว
หัวข้อ: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #23 : ฟรีเดย์
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 19-01-2013 16:04:22


Kiss Love ♥ [23]
ฟรีเดย์
[กาย...♥]


 
อายครับ
บอกได้คำเดียวอับอายเป็นที่สุด ผมได้ยินเสียงโวยวาย เลยเดินออกไปดู สิ่งที่เห็นก็คือสาว ๆ สามคนกำลังนั่งนัวเนียพี่มันอยู่ ขนาดมีผมมานอนด้วยทั้งคน พี่มันยังจะเอาคนอื่นมานอนด้วยอีก
 
นอยด์ครับ

 

ก็รู้ว่าไม่ควรจะนอยด์…แต่ก็นอยด์
 
ผมนั่งนอยด์อยู่เพลิน ๆ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พี่มันเปิดประตูเข้ามา ผมรีบลุกหวังจะไปอาบน้ำเพื่อออกจากห้อง เปิดโอกาสให้พี่มันได้อยู่กับสาว ๆ ไป แต่พี่มันฉุดข้อมือผมไว้ ซ้ำยังมาจูบผมอีก
 
มีผู้หญิงเรียงแถวมาให้กอด แล้วมายุ่งกับกูทำไมวะ
 
สุดท้ายพี่มันก็ลากผมออกไป ตอนแรกก็คิดว่าพี่มันจะพาผมไปเล่นเซ็กส์หมู่ซะอีก ที่ไหนได้เป็นน้องนี่เอง
 
แต่ละคน น่ารักดีครับ
 
แต่ผมโคตรอาย ก็เล่นจ้องกันตาเป็นมัน แถมชุดที่ใส่ยังไม่น่ามองอีก เสียเชิงชายหมด
 
 
 
 
และตอนนี้ ผมก็มานั่งหน้าร้อนอยู่บนรถพี่เอก พี่แกจะพาไปกินข้าวที่ไหนก็ไม่รู้ ผมไม่กล้าถาม ไม่กล้ามอง ไม่กล้าพูดคุยอะไรทั้งนั้น
 
อับอายเป็นที่สุด
 
ซ้าธุ ขออย่าให้พี่แกรู้ความคิดวิปริตของผมเล้ย!!
 
 
 




ผมเงยหน้าอีกทีตอนรถจอดสนิท เห็นแผ่นป้ายหน้าร้านอันคุ้นเคย ร้านนี้เป็นร้านที่พี่เอกเคยพามานั่นแหละ   
 
“กินกันที่นี่แหละ อร่อยดี”
 
ผมก้าวลงจากรถ เดินตามพี่มันต้อย ๆ อารมณ์นี้ ทำตัวเป็นหมาน้อยไปก่อนครับ เขาจะได้ลืม ๆ เรื่องเมื่อเช้านี้ไป
 
พี่มันจัดการสั่งอาหารเช้าแบบคอมโบ้เซตมากิน คงเพราะพี่เอกมากินอาหารที่นี่บ่อย ๆ พนักงานถึงได้พากันทักทายแบบคุ้นเคย โดยเฉพาะสาว ๆ ที่พากันโปรยยิ้มยกใหญ่
 
ยิ้มอะไรนักหนาวะ ไม่เห็นรึไงว่ากูมาด้วย
 
ยิ้มให้กูด้วยคนดิ

 

แง่ง…แอบหงุดหงิดนิดหน่อยครับ
 
 


“น้องพี่เป็นพวกวุ่นวายนิดหน่อย สงสัยเสาร์อาทิตย์นี้ต้องกลับบ้านจริง ๆ” พี่มันพูดปลง ๆ เบื่อ ๆ
 
“น่ารักดี” ผมบอกสั้น ๆ
 
ก็น่ารักจริง ๆ นี่น่า เหมือนหนูแฮมสเตอร์เลย น่าจับมาแต่งคอสเพลย์แล้วถ่ายภาพซะให้เข็ด
 
“อยากจับถ่ายรูปละสิ”
 
ผมสะดุ้งทันทีที่อีกคนรู้ทัน ผมยิ้มแหยง คว้าเอาชาเย็นมาดูดแก้เก้อ พี่มันหัวเราะหึ ๆ
 
“ลองขอดูสิ ถ้านายขอ พวกนั้นอาจตกลงก็ได้”
 
ผมตาวาวขึ้นมาทันที
 
“แต่ค่าจ้างคงแพงน่าดู”
 
หดครับ..
 
ความหวังผมหดเหลือเท่าเม็ดก๋วยจี๋

 

“หรือไม่…” พี่มันพูดค้างให้ความหวังผมอีก
 
“ก็นั่งให้พวกนั้นยำเล่นสักชั่วโมง รับรองได้ถ่ายแบบไม่อั้น”
 
ผมนั่งงุนงง แล้วให้ยำเล่นนี่เป็นยำแบบไหนกัน
 
 
 
 
 
ผมนั่งกินมื้อเช้าสลับกับนั่งมองพี่เอกกินด้วย ผมพอจะรู้รสปากพี่มันบ้าง เลยหยิบพวกขนมปังมาทาแยมวางไว้ให้ ราดซอสบนไส้กรอกให้บ้าง ตอนแรกพี่มันก็ดูอึ้ง ๆ อะนะ สักพักก็นั่งกินไปเงียบ ๆ
 
เสียงมือถือผมดังเบา ๆ ผมรีบคว้ามากดรับทันทีที่รู้ว่าเป็นใคร
 
“ป๋า”
 
‘อยู่ไหนลูก มาหาที่บ้านไม่เจอ’
 
“ทานข้าวอยู่แถว ๆ มหาลัยครับ”
 
‘ว้า…ว่าจะมาทานข้าวเช้าด้วยซะหน่อย’
 
ผมฉีกยิ้มตาวาวทันที
 
“มื้อเช้าคงไม่ทันแล้วละฮะ ผมอิ่มแล้ว แต่มื้อเที่ยงกับมื้อเย็นยังว่าง”
 
ได้ยินเสียงหัวเราะอารมณ์ดีจากปลายสาย
 
‘งั้นตอนเที่ยงจะไปรับนะ’
 
“ครับ” ผมรับปากแล้ววางสายไป หน้ายังแต้มไปด้วยรอยยิ้ม

 

“พ่อ?”
 
“ครับ”
 
พี่เอกทำหน้าแปลกใจ แต่ก็ไม่ถามอะไรต่อ พอหมดมื้อเช้าพี่แกก็ขับรถไปส่งผมที่มหาลัย
 
 
 
 
 
 
 
“วุ้ยไอ้เอก นี่มึงเปลี่ยนอาชีพแล้วเหรอวะ”
 
ไอ้พี่มอครับ พี่มันขับรถมาส่งสาวที่คณะผมพอดี
 
“อาชีพอะไรของมึง” พี่เอกถามกลับ
 
“ก็คนขับรถไง ฮ่า ๆ ๆ ๆ“
 
หน้าผมร้อนวาบ รีบขอตัวจากพี่ ๆ เดินหนีเข้าตึกไป ยิ่งอยู่ยิ่งไหม้ ยังไม่อยากเกรียมก่อนวัยอันควร
 
 
 
 
 

 

“ไอ้กาย!!”
พอมาถึงก็เจอไอ้เต้ยพอดี มันรีบวิ่งมากอดคอผมไว้
 
“กูส่งใบสมัครงานไปแล้วนะ เขาให้เริ่มงานวันเสาร์นี้เลย”
 
ผมขมวดคิ้ว
 
งานไรวะ ยืนนึกอยู่สักพักก็ถึงบางอ้อ มันคงหมายถึงงานที่ร้านกาแฟที่พี่เป้ทำอยู่
 
นี่มันเอาจริงเหรอวะเนี่ย
 
คงต้องรีบบอกให้พี่เป้รู้ตัวไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ซะแล้ว
 
แต่ว่า…
 
ผมไม่เบอร์พี่เป้นี่น่า ถ้าถามไอ้เต้ย มันต้องสงสัยเอาแน่ ๆ

งานนี้คงต้องไปถามเอาจากพวกพี่ ๆ มันอีกที
 



ผมให้ไอ้เต้ยเข้าคลาสไปก่อน โดยบอกว่าจะไปหาซื้อน้ำอัดลมกิน อันนี้อยากกินจริง ๆ ครับ แต่คงต้องหลังจากได้เบอร์พี่เป้มาก่อน ไปตามหาแกตรง ๆ เลยคงยาก เพราะช่วงนี้แกอยู่ในช่วงหลบไอ้เต้ยอยู่
 
จริง ๆ จะถามพี่เอกเอาก็ได้ แต่ไม่กล้าครับ ไปถามพี่กิ๊ฟน่าจะง่ายกว่า กำลังจะวิ่งไปหาพี่กิ๊ฟที่คณะ แต่สายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนเข้าก่อน ผมรีบวิ่งไปหาทันที


 

“พี่โอ๊ค!!”
 
ผมตะโกนเรียกคนที่เดินอยู่ไม่ห่าง พี่โอ๊คหยุดขาตัวเองไว้หันมามอง พี่แกทำหน้าแปลกใจ มองตามจนผมวิ่งเข้าไปชิดตัวแก

จากจุดแรกยันจุดนี้ ไม่ใกล้เลยครับ กว่าจะมาถึง...

...หอบแดกน่ะสิ
 
 
ผมยืนโกยเอาอากาศเข้าปอด พอรู้สึกดีขึ้นก็มองหน้าพี่โอ๊คเต็ม ๆ อีกที เหมือน ๆ พี่มันกำลังจ้องมองบางอย่างที่คอผมอยู่ สักพักก็เสมองไปด้านข้าง บังเอิญตรงนั้นมีกระจกประตูอยู่พอดี ผมเลยหันไปมองตามบ้าง และสิ่งที่เห็นก็คือ…
 
รอยคิสมาร์ครับ
 
เด่นเลย ผมรีบยกมือขึ้นปิด
 
ไอ้พี่เอกบ้า มาทำรอยอะไรไว้ตรงนี้วะ

 

“อะ เอ่อ..พี่โอ๊ค”
ผมรีบเบนสายตาพี่แกกลับมาเรื่องที่ผมต้องการจะพูด พี่แกทำหน้านิ่ง ๆ มองตอบ
 
“มีเบอร์พี่เป้ไหม ผมอยากได้เบอร์พี่เป้”
 
พี่มันพยักหน้า บอกเบอร์ผมช้า ๆ ผมรีบเมมเก็บไว้ในมือถือทันที
 
“เอาไปทำอะไรเหรอ แล้วทำไมไม่ถามเต้ยเอาล่ะ”
 
ผมยิ้มให้
 
“มีเหตุที่ทำให้ขอมันไม่ได้นิดหน่อย”
 
พี่แกพยักหน้าเข้าใจ
 
“ขอบคุณนะครับ”
 
ผมยิ้มแก้มบานให้ กำลังจะวิ่งกลับแต่ถูกฉุดข้อมือไว้ก่อน ผมหันไปมอง

 

“ฮะ?”
 
พี่มันทำหน้าอึดอัด ก่อนคลายมือออกช้า ๆ
 
“เปล่า ไม่มีอะไร”
แล้วพี่มันก็หันหลังเดินจากไป
 
“อะไรวะ”
 
ผมมองตามงง ๆ ก่อนก้มมองหมายเลขในเครื่องอีกที ผมรีบกดโทรออก ฟังเพลงรอสายอยู่ไม่นานมันก็เปลี่ยนเป็นเสียงทุ้มนุ่มของพี่เป้แทน
 
“พี่เป้ นี่กายเอง”
..
..
..
..
..
..
..
..
..
อีกสิบห้านาทีเที่ยงตรง ผมยืนตื่นเต้นอยู่หน้าคณะ รอใครบางคนมารับ ผ่านไปประมาณห้านาที รถบ้านโตโยต้าวีออสก็วิ่งมาเทียบตรงจุดที่ผมยืนอยู่ ผมรีบเดินไปเปิดประตูรถทันทีโดยไม่รอให้คนภายในรถโผล่หน้าออกมาเรียก
 
“ไม่อยากให้ป๋ากลับอังกฤษเลย” ผมท้วงทันทีที่นั่งเบาะได้
 
“งานกำลังรุ่งนี่น่า”
 
“แล้วก็ทิ้งผมไว้เนี่ยนะ นิสัยเหมือนกันเลย ทั้งแม่ทั้งพ่อ ทิ้งผมไปกันหมด” ผมพูดงอน ๆ พ่อลูบหัวผมเบา ๆ
 
“ไม่ได้ทิ้งซะหน่อย แต่ปล่อยให้เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ด้วยตัวเองต่างหาก”
 
“ข้ออ้างของคนชอบทิ้ง”
 
พ่อหัวเราะหึ ๆ กับคำต่อว่านั้น หันไปสับเกียร์เคลื่อนตัวรถออกสู่ถนนใหญ่
 
จริง ๆ พ่อกับแม่รักกันดีครับ แต่เลิกกันด้วยเหตุผลว่าไม่มีเวลาให้กัน บวกทิฐิส่วนตัวอีกนิดหน่อย แล้วพ่อก็แต่งงานใหม่กับคนที่คิดว่าน่าจะเดินทางไปด้วยกันได้
 
น้อยใจเหมือนกันครับ แต่นั่นคือชีวิตที่พ่อเลือกแล้ว สุดท้ายพ่อก็เลิกกับใครคนนั้นแล้วกลับมาหาผม แต่ก็ยังทำงานอยู่ต่างประเทศอยู่ดี
 
สงสัยแม่จะยังไม่รู้เรื่องที่พ่อเลิกกับเมียใหม่แล้ว
 
จริง ๆ ผมอยากให้พ่อกับแม่กลับมาคืนดีกัน แต่ความหวังผมคงน้อยเต็มที
 
“ลูกพ่อออกจะเก่ง” พ่อหันมาชม ผมยิ้มรื่นรับคำทันที
 
 
 
 
 
 
 
 
พ่อพามาที่ห้างใกล้ ๆ มหาลัยครับ ไม่ได้เจอพ่อมาเป็นปี งานนี้ขออยู่ด้วยให้หนำใจหน่อย ผมคว้าแขนพ่อมากอดทันทีแบบไม่อายใคร
 
พ่อผมหล่อครับ ทั้งหนุ่มทั้งหล่อ พอ ๆ กับแม่นั่นแหละ สองคนนี้เขาแข่งกันลดอายุ
 
พ่อผมทำตัวเป็นเจ้าบุญทุ่มอีกแล้ว ผมก็ช็อปกระจายไม่กลัวกระเป๋าคนจ่ายฉีก
 
ฮ่า ๆ ๆ เป็นลูกที่นิสัยไม่ดีจริง ๆ
 
แล้วเราสองคนก็พากันเดินเข้าไปในร้านขายอุปกรณ์การถ่ายภาพ จะไปเที่ยวที่ไหนก็ตาม สุดท้ายก็มาจบที่นี่ตลอด
 
บางครั้งไม่ได้มาหาซื้ออะไรหรอก แค่มาเดินเล่นเฉย ๆ มาดูอุปกรณ์ออกใหม่บ้าง ไม่ก็ดูหนังสือพวกเทคนิคการถ่ายภาพแบบใหม่ ๆ อะไรทำนองนั้น
 
 
 
“กาย”
 
ผมหันไปตามเสียงเรียก ในขณะที่แขนอีกข้างยังเกาะพ่อไว้แน่นหนึบ พ่อมองตามเสียงเรียกเหมือนกัน
 
“พี่เชน” ผมยิ้มแฉ่ง
 
พี่เชนเดินมาหยุดอยู่ใกล้ ๆ มองหน้าพ่อแวบหนึ่งก่อนมองมาที่ผมด้วยสายตาอบอุ่น
 
“ไม่มีเรียนรึไง หรือว่าโดด”
 
“นิดหน่อยฮะ” ผมยิ้มแฮะ ๆ ยอมรับครับ จริง ๆ ผมมีคลาสแต่แอบโดด เรื่องเรียนผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ตอนนี้พ่อสำคัญกว่า
 
“เอ่อ พี่เชนนี่พ่อผมเองครับ ป๋านี่พี่เชนไง คนที่ผมพูดถึงอยู่บ่อย ๆ แล้วก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการหลักที่เลือกให้ภาพผมชนะการประกวด”
 
พ่อเลิกคิ้วสูง
 
“อ๋อ คุณชรินทร์ โห ตัวจริงหล่อกว่าในภาพซะอีก” พ่อเคยเห็นพี่เชนบ่อยครับ แต่ในภาพถ่ายเท่านั้นนะ ผมชอบเอาไปอวดอยู่บ่อย ๆ

แต่ตัวจริงพี่เชนหล่อกว่าในภาพจริง ๆ นั่นแหละ
 
“ขอบคุณครับ คุณเองก็ดูหนุ่มจนมองแทบไม่ออกว่าเป็นพ่อของกาย ตอนแรกก็คิดว่าเป็น...เอ่อ พี่ชายซะอีก” พี่แกเว้นจังหวะไปนิดหนึ่ง

โดนชมแบบนี้ พ่อยิ้มแก้มบานเลย

“แต่ลูกชายคุณเก่งจริง ๆ ผมเองยังทึ่ง”
 
โดนคนที่เราปลาบปลื้มชมนี่บอกตามตรง ตายลงวินาทีนี้ก็คุ้มครับ ผมยิ้มยืนแก้มบานตามพ่อไป
 
“ถ้ายังไง ให้เกียรติผมเลี้ยงกาแฟสักแก้วได้ไหมครับ” พี่เชนออกตัว

พ่อเลิกคิ้วแปลกใจ หันมองมาทางผม ผมส่งสายตาวิบวับบอกให้พ่อตกปากรับคำ พ่อรีบพยักหน้าตอบรับทันที
 
 
 
 
 
แล้วเราสามคนก็พากันมานั่งดื่มกาแฟในร้านกาแฟภายในห้างนั่นแหละ
 
พี่เชนกับพ่อคุยกันถูกคอดีครับ ส่วนผมนั่งยิ้มนั่งปลื้ม มองพ่อทีสลับกับพี่เชนที ดีใจครับ มีคนที่เรารักตั้งสองคนมาอยู่ด้วย
 
“นั่งมองพี่เขายิ้ม ๆ อยู่นั่นแหละ นี่ถ้าไอ้กายเป็นผู้หญิงนะ ผมคงยกให้เป็นเมียไปแล้ว”
 
ผมแทบสำลักขนมที่กินอยู่ พ่อผมขำใหญ่ก่อนจะพูดต่อ
 
“ค่าสินสอดผมไม่เอาหรอก ฝากป้อนข้าวป้อนน้ำวันละสามมื้อ พาไปจูงเล่นเสาร์อาทิตย์บ้างก็พอ”
 
โห พูดซะผมรู้สึกเหมือนตัวเองมีหางเลย   
 
พี่เชนขำใหญ่
 
“ถึงเป็นผู้ชายก็รับนะครับ”
 
ผมไอค่อกแค่กกับคำพี่แก พ่อหัวเราะร่วน โดยมีพี่เชนหัวเราะตาม
 

“เอ่อ เกือบลืม งานของเราจะถูกนำไปโชว์ตั้งแต่กลางเดือนไปจนถึงสิ้นเดือนที่แกลลอรี่นะ ว่าง ๆ ก็ไปดูได้”
 
ผมตาวาว
 
“จริงเหรอครับ”
 
ผมหันไปทางพ่อ
 
“ไปด้วยกันนะฮะ”
 
“ถ้าไม่เดินทางกลับก่อนน่ะนะ”
 
ผมทำหน้าเหี่ยว
 
“แต่จะพยายามหาเวลาว่างพาไปสักวันละกัน”
 
หน้าผมชื่นมื่นขึ้นมาอีกรอบ
 
 
 
 
นั่งคุยกันได้ไม่นานก็มีเสียงเรียกเข้าดังมาจากมือถือพ่อ พ่อขอตัวออกไปคุยสักพักก็เดินหน้าเครียดเข้ามา
 
“มีงานด่วนเข้ามา ต้องรีบไปก่อน”
 
ผมหน้าบูดขึ้นมาทันที
 
“ฝากคุณเชนด้วยนะครับ” พ่อหันไปบอกพี่เชน
 
ผมกำลังจะลุกจากที่นั่งเพื่อไปส่ง แต่พ่อปรามไว้ แล้วรีบวิ่งจู๊ดหายไปทันที ผมมองตามตาละห้อย
 
ดูซิ นาน ๆ จะได้อยู่ด้วยกัน ผมน่าจะอ้อนเขาให้มากกว่านี้หน่อย
 
เฮ่อ~
 
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ม่ะ พี่พาไปเที่ยวปลอบใจ” พี่แกคว้าแขนผมลากแถก ๆ ให้เดินตาม ไม่มีอารมณ์จะขัดครับ
 
 
 
 
 
ไม่เกินสามสิบนาทีหลังจากนั้น ผมก็มายืนหนาวอยู่ข้าง ๆ ลานสเก็ตน้ำแข็ง
 
โห พี่แกสุดยอด
 
“เคยเล่นไหม”
 
ผมส่ายหน้า
 
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่สอน”
 
แล้วพี่มันก็จับผมใส่รองเท้า จับผมฝึกยืนฝึกเดิน ก็นะ คนมันไม่เคย เลยยืนแบบเก้ ๆ กัง ๆ จะล้มก็หลายที ดีหน่อยที่พี่เชนคอยรับคอยประคองอยู่ตลอด
 
ผมคิดไปเองหรือเปล่า เหมือน ๆ ตัวเองจะโดนแต๊ะอั๋งยังไงก็ไม่รู้
 
สงสัยจะคิดไปเอง
 
 
 
 
ตอนนี้ผมยืนได้มั่นคงแล้วครับ แอบขาสั่นนิดหน่อย เห็นฝรั่งตัวโต ๆ ล้มโครมล้มโครมแล้วก็เบาใจ อย่างน้อย ตัวเองก็ไม่ได้เป็นตัวตลกเพียงคนเดียว
 
พี่เชนจับมือผมแน่น ลากผมให้เดินตาม ผมก็ค่อย ๆ กระดืบ ๆ คืบคลาน จากก้าวเล็ก ๆ ตามไป สักพักก็เริ่มก้าวยาวขึ้นเรื่อย ๆ
 
แล้วหลังจากนั้น ผมก็วิ่งปร๋อ สนุกดี ไม่คิดมาก่อนว่าการเล่นสเก็ตน้ำแข็งจะสนุกขนาดนี้
 


 
 
ผมวิ่งเร็วตามหลังพี่เชนไปเรื่อย ๆ แต่อยู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ วิ่งตัดหน้าไป ผมเสียหลักกำลังจะล้ม ดีที่พี่เชนหันมาคว้าเอาไว้ได้ทัน กระชากแรงเข้าไปหาอกพี่แก ผมเกาะพี่เชนแน่น พ่นลมหายใจโล่งอก
 
ดีหัวไม่โหม่งน้ำแข็ง ไม่อยากได้มะนาวกลับบ้านหรือราดน้ำหวานเฮลวูบอยแถว ๆ นี้
 
ผมดันตัวเองออก แต่ไม่หลุด ผมเงยหน้ามอง เห็นพี่เชนจ้องหน้าอยู่ เห็นสายตาแบบนั้นแล้วรู้สึกแปลก ๆ ยังไงบอกไม่ถูก
 
พี่แกละมือมาลูบแก้มผมเบา ๆ ผมสะดุ้งนิด ๆ
 
“ผิวบางนะเนี่ย แห้งแล้วก็แดงหมดแล้ว”
 
ผมรีบถูแก้มตัวเองตามบ้าง
 
“เหรอฮะ ไม่เคยสังเกต”
 
ช่วงนี้ผมจะไวสัมผัสและสายตาผู้ชายนิดหน่อย คงเป็นเพราะพี่เอกนั่นแหละ ทำเอาผมเสียคนหมด
 
ผมยังลูบแก้มตัวเองอยู่ จนพี่เชนต้องจับข้อมือหยุดผมไว้
 
“อย่าลูบมาก เดี๋ยวมันจะแดงยิ่งกว่าเดิม”
 
ผมพยายามจะชักมือกลับ แต่มันไม่หลุด
 
“ข้อมือเล็กจังแฮะ” พี่มันยกข้อมือผมดู

 

เอ่อ.. กูน่ะมาตรฐาน แต่พวกมึงนั่นแหละ ตัวอย่างกับควายกันเอง
 
โดยเฉพาะพวกพี่เอก ตัวใหญ่ ๆ กันทั้งนั้น ขนาดเป็นชายไทยแท้ ๆ กันนะน่ะ พวกพี่ผู้หญิงยังตัวสูงเลย ยิ่งพี่เอกนี่ไม่ต้องพูดถึง
 
เหมือนคนโบราณกลับชาติมาเกิด 
 
แต่พี่เชนเป็นลูกครึ่งครับ ตัวใหญ่ก็ไม่แปลก หน้าก็อย่างลูกครึ่งด้วย หล่อดี
 
แต่ไม่เท่าพี่เอก
 
อะไรวะ
 
แล้วทำไมกูต้องเทียบพี่เชนกับพี่เอกด้วยเนี่ย
 
 
 
 
 
หลังจากปวดขาได้ที่ พี่เชนก็พาผมออกมาจากห้องเย็นขนาดใหญ่ จากหนาวจนตัวสั่น พอก้าวพ้นขอบประตู เหมือนอยู่กันคนละซีกโลก
 
ร้อนตับแตก
 
ตอนที่อยู่ข้างใน พี่แกบอกจะพาไปกินหมูกระทะคลายหนาว และตอนนี้ผมก็มานั่งอยู่ในร้านตามคำชวนนั้นแล้ว ตอนนู้นมันหนาวก็จริงครับ แต่ตอนนี้ร้อนฉิบหาย กินไปได้ไม่กี่คำเหงื่อก็ไหลท่วมตัว
 
พอร้อนมาก ๆ ผมก็แก้น่ะสิ


ไม่ได้แก้ผ้าครับ
 
แค่แกะกระดุมสองเม็ดบนออกเท่านั้น ผมจับคอเสื้อกระพือลมใส่ตัวเองเบา ๆ พี่เชนมองผมนิ่ง ๆ
 
แค่กูร้อน มีอะไรประหลาดให้มองรึไง
 
ผม ไม่สนใจ รีบคีบหยิบลูกชิ้นปลาที่กำลังสุกได้ที่มาจุ่มน้ำจิ้มจนมิดยัดเข้าปากเคี้ยว ตุ้ย ๆ มือที่ว่างก็ปาดเหงื่อออก มันทั้งร้อนทั้งเผ็ด แอร์ที่ร้านเสียรึไงฮึ

ผมซี้ดปาก เผ็ดขนาดนี้ปากผมคงแดงแน่ ๆ
 
พี่เชนล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อที่หน้าผากให้ ผมยิ้มพยายามม้วนวุ้นเส้นเข้าปากให้หมดอยู่ 
 
“ร้อนมากรึไงเรา”
 
“อื้ม” ผมรับคำทั้งที่ปากยังเต็มอยู่
 
พี่แกซับเหงื่อที่หน้าผากลากลงไปที่ขมับแล้วขยับมาที่แก้มต่อ ก่อนซับต่ำลงไปเรื่อย ๆ จนถึงลำคอ ถึงได้ถอนมือออก 
 
“ขอบคุณครับ”
ผมบอกยิ้ม ๆ ตักเต้าหู้ปลาให้พี่แกตอบแทน
 
 
 
 
 
“ดีใจจัง ได้มากินมาเที่ยวกับคนที่ปลื้มแบบนี้ เดินไปหัวฟาดฟื้นหลับไม่ตื่นก็คุ้มแล้วล่ะ”
 
พี่มันหัวเราะ
 
“ขอบใจ งั้นพี่ชวนเรามาเที่ยวบ่อย ๆ ได้ใช่ไหม”
 
ผมมองหน้าแกงง ๆ
 
“ถ้าช่วงไหนไม่มีงาน พี่ขอจองตัวเราละกัน”
 
ผมยิ้มรับทันที
 
“เพื่อพี่เชน ผมจะรีบเคลียร์ทุกคิวเลย แต่รองจากของพ่อนะฮะ”
 
ผมเว้นไว้นิดหนึ่งครับ
 
เอ่อ…
 
ของพี่เอกด้วย
 
นี่กูข้ามขั้นให้พี่เอกตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย
 
พี่เชนยิ้มหล่อ แล้วต่างคนก็ต่างกินอาหารของตัวเองไป
 
 
 
 
สักพักมือถือผมก็ดัง ผมหยิบขึ้นมาดู เป็นพี่เป้ครับ ผมเบี่ยงหน้าไปพูดกับโทรศัพท์

 

“ครับ.. ผมอยู่ข้างนอก อืม… ได้ จะกลับไปเรียนอีกแค่วิชาเดียวก็เลิกแล้ว”
 
ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
 
“ครับ ได้พี่แล้วเจอกัน”
ผมรับปาก
 
คิวทองจริงวุ้ยกู ได้กินฟรีทุกมื้อเลย โชคดีจริง ๆ
 
เช้าพี่เอก เที่ยงป๋า บ่ายพี่เชน เย็นพี่เป้ ใครจะมาเลี้ยงมื้อดึกกูอีกไหม ยินดีต้อนรับ เลี้ยงทุกมื้อเลยยิ่งดี ฮ่า ๆ ๆ
 
ผมนั่งคุยกับพี่เชนต่อ แล้วพี่แกก็ขับรถไปส่งผมที่มหาลัย
 
 
 
 
 
“เสน่ห์แรงจริงนะน้องเรา”
พี่กิ๊ฟครับ ทักทันทีที่ผมก้าวลงจากรถ ผมคิ้วขมวดกับคำทักแบบนั้น
 
“เสน่ห์อะไร”
 
“อ้าว เมื่อเช้าเพื่อนพี่มาส่ง เที่ยงไปกับหนุ่มหล่อแปลกหน้า บ่ายเป็นคุณชรินทร์ เย็นคิวของใครเนี่ย”
 
ผมยิ้ม
 
“ของพี่กิ๊ฟไง สนใจหนุ่มรุ่นน้องคนนี้ไหมครับ ผมยังว่าง” แอบทำตาเจ้าชู้นิดหน่อยไม่ให้เสียเชิงชาย
 
พี่กิ๊ฟปัดมือไหว ๆ คล้ายที่ปัดน้ำฝนหน้ารถ
 
“อย่าเลย พี่ไม่ชอบกินเมียชาวบ้าน”
 
โห พี่พูดซะผมเสีย
 
“แล้วนี่พี่มายืนทำอะไรแถวนี้”
 
“มารอคน”
 
ผมเลิกคิ้วสูง ก่อนจะเห็นรถคันหนึ่งวิ่งช้า ๆ เข้ามาเทียบ แล้วจอดสนิทตรงหน้าเราพอดี สักพักก็เห็นใครบางคนก้าวลงจากรถ ผมเลิกคิ้วสูงอีกที
 
ฝรั่งครับ ฝรั่งที่เคยมาจีบพี่กิ๊ฟนั่นแหละ พี่แกยกมือเซย์ไฮผมเบา ๆ
 
ผมยิ้มให้ ก่อนจะหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่พี่กิ๊ฟ
 
“แหม ที่ปฏิเสธกันเนี่ย เพราะมีหนุ่มแล้วนี่เอง”
 
พี่กิ๊ฟไม่ตอบ ตีหน้านิ่ง ๆ แต่ผมมองออกว่าพี่แกกำลังเขินอยู่
 
โธ่ พี่เราตกหลุมฝรั่งไปซะแล้ว
 
“โชคดีครับพี่”
ผมโบกมือลา หันไปยิ้มทักเซย์บายพี่ฝรั่งด้วย แล้วผมก็วิ่งจากมา
..
..
..
..
..
..
..
..
ตกเย็น
 
ผมรีบบอกลาไอ้เต้ยทันทีเพื่อไม่ให้มันสงสัย แล้ววิ่งไปยังร้านกาแฟหน้ามหาลัยที่มีใครบางคนรออยู่
 
พอเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นพี่เป้นั่งหล่อไขว่ห้างมองเหม่อไปยังวิวนอกกระจก ผมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม พี่มันหันมามอง ก่อนหันกลับไปนั่งเหม่ออีกที อารมณ์แบบนี้ผมไม่อยากเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวของพี่มันเท่าไหร่ เลยปล่อยให้พี่มันนั่งเหม่ออยู่แบบนั้น แล้วตัวเองก็หันมาสั่งพวกเครื่องดื่มกับขนมกิน
 
“เดือนหนึ่งใช่ไหม”
พี่มันถามขึ้นมาลอย ๆ โดยไม่หันมามอง ผมพยักหน้าครางรับ พี่แกถอนหายใจแรง มองสูงขึ้นไปยังท้องฟ้าทำหน้าเหม่อลอยเหมือนเดิม
 
“แล้วพี่พอจะไหวไหม” ผมถามแทรกความเงียบขึ้นมา
 
เดือนหนึ่งที่ต้องเห็นหน้ากันเกือบทุกวันมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่หมด ความอดทนไปแล้ว ผมก็หวังแค่ว่าจะไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นแค่นั้นแหละ
 
“จะลองดู”
 
พี่แกหันมามอง “กายก็ช่วยพี่หน่อยละกัน พี่กลัวว่าพี่จะควบคุมตัวเองไม่ได้ เผลอทำอะไรมันขึ้นมาคงยุ่ง”
 
ผมยิ้มรับ
 
“อันนั้นชัวร์อยู่แล้ว”
 
พี่แกยิ้มให้ผมนิดหนึ่ง หยุดเหม่อหันมานั่งคุยกับผมดี ๆ 
 
ของฟรีครับมื้อ เพราะฉะนั้น ซัดอย่าให้เหลือเศษซาก หึ ๆ


To be Con...

รีบลงก่อนไปลาววววว อยากไปเยือนหลวงพระบางงงงงงงงงงงง >//<
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #23 : ฟรีเดย์
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 19-01-2013 16:23:15
น่ารักจังอ่ะ  ใคร ๆ ก็รักกายยย
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #23 : ฟรีเดย์
เริ่มหัวข้อโดย: nubeebaa ที่ 19-01-2013 22:54:20
อ่า  กายน่ารักที่สุด><
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #23 : ฟรีเดย์
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 20-01-2013 00:03:26
กายน่ารักแบบนี้ใครจะอดใจไหว
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #23 : ฟรีเดย์
เริ่มหัวข้อโดย: zylph_z ที่ 21-01-2013 19:14:55
น้องกายฮอตนะเนี่ย คิวทองเชียว แต่ถ้าพี่เอกรู้นะโดนหนักแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #23 : ฟรีเดย์
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 22-01-2013 08:35:49
ตอนใหม่ที่นี้ ไม่ได้อ่านตั้งนาน ย้อนกลับอ่านอีกที
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #23 : ฟรีเดย์
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 22-01-2013 13:16:44
กายฮอตจริงๆๆตอนนี้ :z2:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #23 : ฟรีเดย์
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 22-01-2013 23:19:39
ตามอ่านจนทันซะที สนุกค่ะชอบมากเลย เมื่อไหร่เป้กับเต้ยจะลงเอยกันซะที
หัวข้อ: ♥Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #24 : หงุดหงิด
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 08-02-2013 20:16:33
 Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #24
ตอน : หงุดหงิด

[เอก...☼]
 

 

หงุดหงิดครับ
 
หงุดหงิดตั้งแต่เห็นไอ้คุณชรินทร์มันขับรถมาส่งไอ้ตัวเล็กแล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจจะมอง แต่ช่วงนี้ผมจะแวะเวียนมาที่คณะมันบ่อย มาดูลาดเลาความเป็นไปของมหาลัยในฐานะประธานนักศึกษา แล้วก็สอดส่องสายตามองหามันบ่อย ๆ แค่นั้นเอง แต่ใครจะคิดว่าจะเห็นมันกลับมาพร้อมกับคุณชรินทร์
 
เห็นมันบอกว่าไปกินข้าวกับพ่อ แต่กลับมาพร้อมกับคุณชรินทร์ นี่มันจงใจโกหกผม หรือเป็นเรื่องบังเอิญกันแน่
 
หรือว่ามันนัดเจอกันอีกที
 
ผมไม่รู้ครับ ผมหงุดหงิด
 
“นี่ไอ้เอก มึงไปโมโหให้แมวตัวไหนมาวะ แม่.ง กูทำงานไม่ได้เพราะรังสีหงุดหงิดของมึงนี่แหละ” ไอ้อ้อยครับ พูดจาภาษากุลสตรีมาก ทำไมมึงไม่พูดแบบนี้กับหนุ่ม ๆ ที่เข้ามาจีบมึงบ้างวะ พวกมันจะได้วิ่งหนีไปไกล ๆ
 
“เรื่องของกู”
 
“เอ่อ แต่มันกระทบพวกกูว่ะ”
 
ผมทำหน้าเหวี่ยง ๆ ใส่พวกมัน โมโหครับ แทนที่จะได้กลับบ้านเร็ว ก็ต้องมานั่งทำงานที่สภาต่ออีก
 
“แล้วนี่ไอ้เป้มันหายไปไหน”
ผมถามเมื่อเห็นว่าสมาชิกหายไปคนหนึ่ง
 
“มีนัด”
 
“กับใคร”
ผมถามต่อ ไอ้ประโยคหลังนี่ไม่ได้ตั้งใจถามหรอก ปากมันไปเอง
 
“ไม่แน่ใจว่ะ แต่น่าจะเป็นกายกับเต้ยนะ ได้ยินมันโทรนัดกันตั้งแต่บ่าย”
 
ผมชะงัก ไอ้ที่จะนัดเจอกับเต้ยนี่หมดสิทธิ์แน่ ๆ
 
แต่ถ้ากับกาย…
 
แล้วมันจะนัดเจอกันไปทำไม
 
ผมนั่งทำงานเหมือนมีไฟลุกท่วมตัว พวกเพื่อน ๆ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ พวกมันเขยิบไปทำงานกันอยู่ห่าง ๆ ผมปั่นงานเร็วยิ่งกว่าพายุทอนาโด พอเสร็จก็วางปากกาลงบนโต๊ะดังปังแล้วชิ่งออกจากห้องไป ได้ยินเสียงพวกมันดังแว่วมาตามหลัง
 
“มันไปกินรังแตนที่ไหนมาวะ”
 
“ไม่ได้กินรังแตนหรอก มันกินรังกายมากกว่า ยิ่งกินยิ่งหึง”
เสียงไอ้กิ๊ฟครับ
 
กูไม่ได้หึง กูแค่หงุดหงิด


 
ผมรีบกดเบอร์โทรหาไอ้เป้มันทันที มันรับสายแล้วบอกสถานที่ พอไปถึง ไอ้เป้ก็ไม่อยู่แล้ว มีไอ้ตัวเล็กนั่งอยู่คนเดียว ผมกำลังจะเดินเข้าไปหา แต่ชะงักเพราะไอ้เป้มันยิงเมสเสจเข้ามาก่อน
 
‘ไม่ต้องทำหน้าเป็นยักษ์แบบนั้นก็ได้ กูไม่งาบเด็กมึงหรอกน่า’
 
ผมเก็บมือถือลงกระเป๋า
 
ก็ดี.. รู้ไว้ซะบ้าง ว่าเด็กใครเป็นเด็กใคร
 
ไอ้ตัวเล็กนั่งก้มหน้าดูหนังสือเกี่ยวกับภาพศิลปะอยู่ครับ ผมทิ้งตัวลงนั่งไขว่ห้างฝั่งตรงข้าม มันยังไม่รู้ตัว คงคิดว่าเป็นไอ้เป้
 
ผมนั่งมองมันอยู่ ก่อนขมวดคิ้ว จ้องมองกระดุมที่หลุดเกินความจำเป็นไปสองเม็ด มันจะปลดออกทำไม แล้วปลดออกตั้งแต่ตอนไหน เมื่อเช้าก็ยังครบอยู่ ยิ่งมองยิ่งร้อนใจ
 
และที่สำคัญ ที่คอมันก็โชว์หราร่องรอยที่ผมทำไว้ ที่อกมันก็ด้วย
 
นี่มึงไปหาพ่อมึ.งกับคุณชรินทร์ในสภาพอย่างนี้เนี่ยนะ พ่อมึ.งไม่คิดรึไง ว่าไปโดนใครฟัดมา แล้วไหนจะไอ้คุณชรินทร์กับไอ้เป้อีก
 
ผมนั่งฟึดฟัดยิ่งกว่าเดิม..
 
หงุดหงิดครับ ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิด ไม่อยากให้มันเป็นจุดเรียกสายตาจากคนอื่น
 
ผมเองก็ผิดที่ทำมันซะเยอะ แต่มันก็ผิดที่ไม่ระวังตัวเหมือนกัน
 
มันยังเพลินกับหนังสือภาพ ไม่เงยหน้ามองจนน้ำผลไม้ที่ผมสั่งไปมาถึง พนักงานส่งยิ้มหวานให้  ผมยิ้มรับนิดหนึ่ง แล้วหันมานั่งมองมันต่อ
 
“ภาพนี้สวยดีเนอะ”
มันเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ ก่อนหุบลงเมื่อเห็นว่าไอ้เป้กลายร่างเป็นผม
 
“พี่เอก”
 
แหม ไม่ได้ยินมานานแล้วนะเนี่ย
 
ผมนั่งนิ่งครับ ไม่ตอบตีหน้าขรึมให้มากที่สุด มันทำสีหน้าอึดอัดปิดหนังสือภาพลง
 
“พี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
 
กูมานานแล้ว!
 
อันนี้ผมตอบในใจ
 
ผมกำลังหงุดหงิดที่มันเที่ยวนัดผู้ชายคนนู้นคนนี้ไปทั่ว ถึงหนึ่งในนั้นจะเป็นพ่อมันก็เถอะ ไหนจะไอ้คุณชรินทร์ ไหนจะไอ้เป้อีก
 
“พี่กินอะไรมารึยัง”
 
มันห่วงผมใช่ไหม?
 
แอบดีใจหน่อย ๆ แต่ก็ยังนั่งนิ่ง มันรีบเรียกพนักงานให้เอาเมนูมาให้
 
“สั่งอาหารก่อนก็ได้นะ ผมเลี้ยงเอง”
มันพูดง้อ ๆ ผมยังนั่งนิ่งครับ มันทำสีหน้าอึดอัด
 
“เอ่อ…พี่เอก”
มันเม้มปากแน่น คงกำลังสงสัยว่าผมโกรธมันเรื่องอะไรอยู่ ผมนั่งเงียบเหมือนเดิม
 
“พี่เอกครับ”
มันทำเสียงอ้อน ๆ
 
เอ่อ…
 
กูจะใจอ่อนก่อนดีไหม มันก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่หว่า กูแค่หงุดหงิดเฉย ๆ
 
“นายค้างค่าตัวพี่อยู่”
ผมอยากกระโดดตบหัวตัวเอง เจอหน้าผมก็อ้างแต่เรื่องพรรค์นี้ แล้วมันจะมองผมยังไงเนี่ย มันยิ่งเห็นผมเป็นพวกฟันเรี่ยราดอยู่ด้วย
 
มันก้มหน้าเม้มปากแน่น ไม่รู้มันกำลังเสียใจหรือเปล่า แต่กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ (เกี่ยวไรด้วยวะ = = )
 
“แล้ว…”
สงสัยมันอยากถามว่า แล้ววันนี้มันต้องออนท๊อปด้วยไหม (รึเปล่า)
 
ผมไม่ตอบ จ่ายเงินในส่วนที่ผมกินเกินมา ลากมันเดินไปด้วยกัน (ส่วนที่มันกินกันก่อนหน้านั้น ไอ้เป้คงจ่ายไปแล้ว)
..
..
..
..
..
..
..
..
“วันนี้ไปไหนมาบ้าง”
ผมถามหลังจากเข้ามานั่งอยู่ในรถเรียบร้อย มันทำท่าอึดอัด
 
“ไปกินข้าวดูหนังแล้วก็ช็อปกับพ่อ”
 
“คุณชรินทร์มาส่งได้ไง”
 
มันเงยหน้าขึ้นมองตื่น ๆ
 
“บังเอิญเจอกันที่ร้านขายกล้อง เขาเลยขอเลี้ยงผมกับพ่อ”
 
“แล้วหลังจากนั้น…บอกมาให้ละเอียด ห้ามข้าม ห้ามโกหก”
ผมขู่เสียงเย็น มันก้มหน้า
 
“พี่เชนพาไปเล่นสเก็ตน้ำแข็ง”
 
ผมกำพวงมาลัยแน่น
 
“แล้วก็พาไปกินหมูกระทะ”
 
พยายามอดทนอยู่
 
“แล้วก็พากลับมาส่ง”
 
“แล้วมาเจอไอ้เป้ได้ยังไง”
ผมสอบต่อ มันเงยหน้ามอง
 
“พี่เป้โทรมานัดคุยเรื่องเต้ย”
มันให้คำตอบแค่นั้นก่อนก้มลงมองตักมันต่อ ผมสูดลมหายใจเข้าปอด เข้าเกียร์และขับเคลื่อนตัวรถออกไป
 



หงุดหงิดครับ อยากได้ที่เย็น ๆ ผมขับรถไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เจาะจงว่าจะไปที่ไหน ไป ๆ มา ๆ ก็พามันมาหยุดตรงริมหาดของทะเลแถว ๆ ระยองครับ ขับรถสองชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึง มันก็นั่งมองวิวมาตลอดทั้งเส้นทางไม่พูดอะไร มันคงเพลิน เพราะผมเปิดเพลงให้มันฟังเบา ๆ (ผมพอจะเดาได้ละ ว่ามันชอบนั่งรถฟังเพลง)
 
ผมเปิดกระจกลงทั้งสี่ด้าน ให้ลมทะเลพัดเข้ามาเต็ม ๆ ปรับเบาะเอนไปด้านหลังจนเกือบจะนอนราบ เสียดายไม่ได้เอารถสปอร์ตมาจะได้เปิดหลังคาดูดาวได้
 
มันหันมามอง พอผมไม่พูดอะไร มันก็ทำแบบเดียวกันบ้าง มันปรับเบาะลง เอนหลังฟังเสียงน้ำทะเล สักพักมันก็ปรับเบาะขึ้น แล้วหันไปนั่งเท้าแขนไว้ข้างประตูรถ มองทะเลยามค่ำคืนแทน มันคงชอบแบบนั้นมากกว่า ตอนนี้ผมปิดเพลงลงแล้วด้วย
 
ฟังเสียงน้ำทะเลสาดซัดเพราะกว่าเยอะ
 
สักพักผมก็ลุก เคลื่อนตัวไปนั่งขนาบแผ่นหลังมันไว้ มันหันมามอง ผมไม่พูดอะไร โอบมันไว้ แล้วมองดูท้องทะเลยามดึกเคียงมัน
 


“พี่โกรธผมเรื่องอะไร”
มันยอมเปิดปากถามแล้วครับ
 
“เปล่า”
 
“ก็วันนี้พี่…”
มันคงกำลังคำนวณว่าไอ้พฤติกรรมของผมวันนี้มันเข้าข่ายของคนโกรธหรือเปล่า
 
“ไม่ได้โกรธ แค่หงุดหงิด”
 
มันหันมามอง
 
“หงุดหงิดเรื่องอะไร ให้ใคร”
 
ผมก้มมองมัน
 
“ไม่ใช่นายละกัน”
คำตอบผมไม่ได้คลายหัวคิ้วที่พันกันของมันออกแม้แต่น้อย
 
“แล้ว…”
มันคงอยากถามว่าผมไปแสดงพฤติกรรมเหมือนหงุดหงิดใส่มันทำไม ผมเลื่อนมือข้างหนึ่งไปทาบหน้าท้องมันไว้ มันสะดุ้งเฮือก
 
“แต่นายทำให้พี่หายหงุดหงิดได้”

ผมก้มลงหอมเส้นผมมันเบา ๆ ไล่ไปที่ใบหู มันเอียงคอหลับตาทำหน้าเคลิ้ม
 
บรรยากาศแบบนี้ ไม่ต้องบิ้วมากครับ เคลิ้มกันง่าย ผมพาสาว ๆ มากินบ่อย แต่ของมันต่างกันนิดหน่อย เพราะผมไม่ได้ตั้งใจพามากิน ผมแค่อยากมาในที่ที่มันกว้าง ๆ โล่ง ๆ แค่นั้นเอง
 
ผมเปลี่ยนเป้าหมายลงไปที่ซอกคอมัน มันเอียงคอเปิดพื้นที่ให้ผมทำได้ง่าย ๆ มากขึ้น หัวใจมันเต้นแรงใหญ่ คงตื่นเต้นไม่แพ้กัน
 
ผมดึงเสื้อในกางเกงมันออก เคลื่อนนิ้วเข้าไปภายใน เลื่อนสูงจนผ่านแผ่นอก ลากผ่านเม็ดองุ่นสองอันอย่างไม่ตั้งใจไปที่ลำคอ โอบมันไว้ด้วยฝ่ามือและกดจูบหลังคอมันเบา ๆ
 
“อือออ” มันครางออกมาเบา ๆ ผมจูบซับที่หูมันอีกที ก่อนเคลื่อนหน้ามันมากดจูบเบา ๆ วันนี้มันดูเซ็กซี่ชะมัดยาด ไม่รู้เพราะอะไร
 
ผมจับคางมันไว้ รั้งให้มันเอนมารับรสจูบของผม บางส่วนของผมเริ่มมีปฏิกิริยาแล้วครับ ช่วงนี้ตื่นเร็วฉิบหาย
 
แค่จูบนิดหน่อย หรือได้ยินเสียงมันครางนิดหน่อยก็ตื่นแล้ว
 
ผมจูบมันเชื่องช้าและแผ่วเบา ไม่ได้ฉาบฉวยเหมือนทุกที ต้องการให้มันรับรสความนุ่มนวลครับ อยากให้มันหลงเสน่ห์ผมเยอะ ๆ
 
กับคนอื่นผมไม่ต้องทำขนาดนี้หรอก แต่กับมัน ผมต้องขุดหลุมลึก ๆ ไม่งั้นมันจะปีนไปหาคนอื่นได้
 
“พี่เอก…”
พอผมถอนริมฝีปากออกมันก็ครางเรียกเสียงพร่าเลย ให้ตายสิ ผมอยากจูบมันแรง ๆ ชะมัด มาเรียกกันซะเสียงกระเส่าเชียว
 
ผมกดจูบมันอีกที ตวัดปลายลิ้นนุ่มนวล เคลื่อนที่ทุกปลายนิ้วและสัมผัสมันให้ช้าที่สุด
 
น้องผมตั้งโด่แล้ว ปวดมาก ๆ จนมันที่นั่งอยู่ด้านหน้ารู้สึกได้ มันก้มมองบางส่วนของผม สลับกับมองผม ก่อนที่มันจะทำเรื่องที่ทำให้ผมอึ้งครับ
 


ต่อไป…
 
กูจะหงุดหงิดใส่มึงบ่อย ๆ ไอ้กาย
 
มันหันมามุดหน้ากับอกผมเพราะความอาย แต่สองมือมันกำลังแกะเข็มขัดแล้วก็รูดซิบกางเกงผมลง ผมมองทุกการกระทำของมันอึ้ง ๆ มันไม่เงยหน้าสบตาผมหรอก มุดหน้าอยู่ที่อกอย่างเดียว แล้วใช้มือคลำ ๆ เอา แล้วมันก็ล้วงมือผ่านกางเกงขอบดำของผมดึงบางส่วนที่ทิ่มมือมันอยู่ออกมา
 
มันขยับมือเบา ๆ
 
โอ้แม่เจ้า ขี้อายอย่างมันเนี่ยนะจะกล้าทำ
 
มันคงอยากเอาใจผม
 
ผมนั่งนิ่ง ๆ ให้มันทำครับ ทั้งที่ภายในกำลังดีใจ
 
มันขยับมือเบา ๆ แต่ผมแทบพุ่ง ไอ้ท่าทางไร้เดียงสาแบบนี้ ผมก็ชอบ
 
นั่งให้มันทำอยู่สักพัก ผมก็หยุดมือมันไว้ มันเงยหน้ามอง หน้ามันงี้ แดงเถือกเลย
 
“ทำให้พี่ด้วยปากนายสิ”
 
มันมองผมอึ้ง ๆ ไม่รอให้มันปฏิเสธครับ ผมเปิดประตูรถด้านที่เรานั่งกันอยู่ออก รอบด้านมืดสนิท มันหันไปมองประตูที่เปิดออก แล้วหันกลับมามองหน้าผม มันนิ่งอยู่สักพัก ก่อนเคลื่อนตัวลงไปยืนอยู่ข้างล่างอย่างรู้งาน
 
เมื่อวานมันเห็นกับตาตัวเอง วันนี้มันสัมผัสด้วยมือ และตอนนี้ มันกำลังจะกลืนกินผมทั้งตัว
 
ผมออกไปยืนพิงประตูรถ หันหน้าเข้าหาทะเล ลมเย็นดี ได้ยินเสียงคลื่นซัดสาดมาเป็นระลอก มีแสงไฟจากชาวบ้านแถวนี้ลิบ ๆ แต่ผมไม่สนครับ ยืนเด่นชี้โด่อยู่อย่างนั้นแหละ ผมมันด้านครับ และอีกอย่างจุดที่เรายืนมันมืดและเป็นมุมอับสายตา และตรงหน้าก็เป็นทะเลกว้าง
 
ผมยืนนิ่งรอให้มันทำ สักพักมันก็คุกเข่าลงตรงหน้าผม แล้วก็จัดการอ้าปากรับเอาบางส่วนของผมเข้าไปเต็ม ๆ ผมงี้แหงนหน้าครางทุ้มเลย
 
ปากมันอ้ากว้างครอบครองน้องผมไว้ทั้งอัน ก่อนค่อย ๆ ถอนออก แล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ ลิ้นสีแดงอย่างคนสุขภาพดีก็ไล้เรียงเสริมเป็นจังหวะให้ผมได้เสียวซ่าน
 
อืม รู้ได้เลยว่าไม่เคย ฟันมันกระทบกับน้องผมหลายรอบ แต่ก็เสียวไปอีกแบบ ผมปล่อยให้มันใช้ลิ้นอยู่สักครู่ ก่อนจับมันลุกขึ้นแล้วพลิกมันไปยืนค้ำประตูรถไว้ มันทำหน้าตื่น คงรู้เจตนารมณ์ของผม
 
“พี่เอก! นี่มันข้างนอกนะ”
 
โห แล้วที่มึงออรัลให้กูนี่ไม่คิดว่าคนอื่นเขาจะเห็นรึไง ผมไม่ตอบ จับมันรูดกางเกงลงถึงเข่า แยกขามันออกกว้าง แล้วจัดการสอดใส่เข้าไป มันอ้าขาออกกว้างกว่าเดิม โน้มตัวไปด้านหน้าอัตโนมัติ ผมจัดการโยกสะโพกใส่มันเบา ๆ เป็นจังหวะเนิบ ๆ มันครางซะหวานหยด
 
ได้ยินมันครางแค่นั้น ผมแทบจะพุ่ง มันทั้งตื่นเต้น ทั้งเสียว ผมว่ามันคงรู้สึกไม่ต่าง ผมเร่งจังหวะช้า ๆ อยู่ไม่นานก็ต้องเร็วขึ้น คราวนี้เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังแข่งกับเสียงคลื่นซัด ผมดึงสะโพกมันออกห่างจากรถมากขึ้น แล้วจัดการกระหน่ำใส่ในจังหวะที่เร็วขึ้น
 
ขนาดว่าผมเป็นพวกอึด ยังแทบหมดความอดทนเอาให้ได้ 
 
บอกตามตรงครับ เสียวฉิบหาย
 
ของมันรัดผมใหญ่ งวดนี้ผมอดทนได้ไม่นานครับ ผมรีบพามันวิ่งเข้าประตูชัยทันที
 
สรุปวันนั้นผมกินมันไปหลายรอบจนมันหมดแรงข้าวต้ม ผมถึงพามันขับรถกลับบ้าน
 
มันหมดแรงหลับคารถไปแล้วครับ ส่วนผม ผิวปากตามจังหวะเพลง ขับรถด้วยความสุขใจ
 
หายหงุดหงิดเป็นปลิดทิ้งเลย
 



 
ผมไม่ได้พามันกลับบ้านครับ ผมพามันมาที่คอนโด ไม่อยากปลุกมันด้วย เลยอุ้มมันในท่าเจ้าหญิงขึ้นห้องแทน บอกตามตรง ขนาดผู้หญิงแท้ ๆ ผมยังไม่เคยอุ้มใครท่านี้มาก่อนเลย จะว่าไปถึงมันจะสูง 172 แต่ เทียบกับผู้หญิงสมัยนี้ ถือว่าไม่ได้สูงมากครับ มันเตี้ยกว่าผู้หญิงกลุ่มผมซะอีก เพื่อนผมแต่ละคน หุ่นนางแบบกันทั้งนั้น โดยเฉพาะไอ้อ้อยกับไอ้กิ๊ฟ ไอ้อ้อย 177 ไอ้กิ๊ฟ 178 พอ พวกมันใส่ส้นสูง เลยยิ่งดูสูงเข้าไปใหญ่ ผมถึงได้เรียกมันว่าไอ้ตัวเล็กไงครับ เป็นผู้ชายแท้ ๆ แต่ตัวเตี้ยกว่าผู้หญิง(กลุ่มผม) ไอ้เต้ยก็อีกคน เตี้ยพอกัน
 
มันหายใจสม่ำเสมอในอ้อมแขนผม ตามันยังหลับพริ้ม เส้นผมสีน้ำตาลพลิ้วระแก้ม ปากแดงจัด ยิ่งช่วงหลังยิ่งแดง คงเพราะโดนผมจูบบ่อย ผมชอบจูบมันแรง ๆ ด้วย นุ่มแล้วก็หวานดี
 
ผมอุ้มมันไปวางไว้บนเตียง มันคงเหนียวตัว แต่ผมไม่อยากปลุกเลยเดินไปเตรียมผ้าว่าจะเอามาเช็ดตัวให้มันสักหน่อย กำลังจะคลี่ปลดกระดุม มันก็ดันลืมตาตื่นขึ้นมาก่อน มันมองผมตาปริบ ๆ
 
คงกำลังงงกับชีวิตตัวเองอยู่
 
“เห็นนายหลับสบาย พี่ไม่อยากปลุก กำลังจะเช็ดตัวให้” ผมบอกมันไปตรง ๆ มันหน้าแดงครับ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง
 
“ผมอาบเองก็ได้”
มันหันซ้ายหันขวา คงเห็นว่าไม่ใช่บ้านตัวเอง มันอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง ก่อนเงียบลง ลุกออกจากเตียงเดินลิ่ว ๆ ไปทางห้องน้ำ
 
“กาย”
 
มันเบรกขาลงกึกตามเสียงเรียกของผม ค่อย ๆ หันมามอง
 
“ลืมผ้าเช็ดตัวแน่ะ”
 
มันหน้าแดงก่ำ ผมอมยิ้มกับท่าทางเอ๋อ ๆ เด๋อ ๆ ของมัน มันรีบเดินดุ่ย ๆ ไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปทันที




 
ผมเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบชุดมาให้มันชุดหนึ่ง
 
คือ ชุดนี้ผมแอบซื้อไว้ให้มันเอง เผื่อกรณีมันมาค้างแบบไม่ได้ตั้งใจแบบวันนี้ และผมก็คิดไม่ผิด

                 มันเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเดิม ช่วงหลัง ๆ มันระวังตัวมากขึ้นครับ จะไม่โป๊ให้ผมเห็นเด็ดขาด ไม่ว่าจะทั้งตัวหรือแค่ท่อนบน
 
ถ้าคนไม่คิดอะไร มันจะใส่ผ้าขนหนูออกมา แต่นี่มันเล่นใส่ออกมาเต็มยศเลย ไม่คิดว่ามันกลัวผมปล้ำ แล้วจะว่าอะไรล่ะ
 
ตอนแรกว่าจะเอาชุดที่ซื้อใหม่ให้ แต่พอนึกถึงเรื่องเมื่อเช้า ผมก็เปลี่ยนใจเก็บชุดใหม่ไว้ด้านในสุด แล้วหยิบเสื้อเชิ้ตตัวเองออกมายื่นให้มันแทน
 
สารภาพครับ
 
มันใส่แล้วเซ็กซี่ดี
 
เมื่อวานมันใส่เชิ้ตขาวตัวที่ผมใส่ไปออกงาน หนาหน่อย
 
แต่วันนี้ ผมจงใจเลือกเชิ้ตขาว แต่บางกว่าพลิ้วกว่า มันยืนมองสิ่งที่ผมยื่นให้งง ๆ
 
“ผมไม่รบกวนพี่ดีกว่า เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่กลับก็ได้”
 
ผมไม่ตอบ มือยังยื่นเชิ้ตไว้ตรงหน้ามันอยู่ มันมีสีหน้าอึกอัก จำใจรับเสื้อไปถือไว้
 
“เอ่อ พี่ไม่มีนัด หรือพาใครมาห้องหรือฮะ ให้ผมกลับก่อนก็ได้นะ”
 
แน่ะ มันยังพยายามอยู่อีก ผมไม่พูดครับ กอดอกจ้องหน้ามันนิ่ง ๆ มันรีบหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไปทันที
 
ต้องให้ใช้โหมดขรึม เกิดกูหลุดขึ้นมา มึงจะเหวอ
 

ไม่เกินห้านาทีมันก็เดินออกมาครับ มาดผมแทบหลุด แต่ก็ยังทำนิ่งเสหน้าไปทางอื่น ทำเป็นไม่ใส่ใจ เดินเลี่ยงไปคว้าผ้าเช็ดตัวอีกผืนเดินเข้าห้องน้ำไป มันเดินตัวลีบ ๆ ไปหน้าทีวี ผมแอบมองตามหลัง
 
ผมไม่ได้ลามก แต่กำลังดูว่ามันใส่อะไรข้างล่างหรือเปล่า มันยังเนียบครับ ใส่ชั้นในอยู่
 
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมก็ยืนเสริมหล่ออยู่ในห้องน้ำไม่เกินสิบห้านาทีก็ออกมา ผมใส่เพียงชุดคลุมสีแดงเลือดหมู จะได้ถอดได้ง่าย ๆ หน่อย มันหันมามองนิดหนึ่งแล้วเสกลับไปที่เดิม ผมก้มมองตัวเองอีกที
 
หรือว่าแต่งตัวแบบนี้แล้วมันไม่หล่อวะ
 
แต่พวกน้อง ๆ ผมมันเคยบอกว่า พอใส่ชุดนี้ทีไร หล่อเหมือนมาเฟียฮ่องกงอะไรสักอย่างของมัน ผมเซตผมเสยไปด้านหลังแบบที่มันชอบด้วย แต่เมื่อกี้มันไม่ยักกะมองตาค้างแบบทุกที
 
หรือกูจะหล่อไม่พอวะ
 
ผมเดินกลับเข้าห้องน้ำไปมองตัวเองในกระจกอีกที เสยผมที่ยังเปียกอยู่ไปด้านหลังมากขึ้น คลายชุดให้เห็นกล้ามอกช่วงบนไล่ยาวไปถึงหน้าท้องที่มันชอบอีกนิด
 
แล้วเดินออกจากห้องน้ำอีกที
 
โอ๊ะ!
 
เดินกลับเข้าไปใหม่ พรมน้ำหอมกลิ่นเย้ายวนเฉพาะตัวอีกเซตใหญ่ เห็นมันโปรโมตว่ามีฟีโรโมนกระตุ้นให้ผู้หญิงเกิดอารมณ์ด้วย พอฉีดไปทั่วทั้งตัวผมก็เพิ่งนึกได้
 
ไอ้กายมันเป็นตัวผู้นี่นา แล้วมันจะได้ผลไหมละเนี่ย
 
ผมเริ่มหัวเสียแล้วครับ
 
นี่กูจะทุ่มเทอะไรนักหนาวะ
 
กับผู้หญิงผมยังไม่คิดจะใส่ใจทำให้ใครหลงใหลขนาดนี้เลย
 


ผมเดินหงุดหงิดใส่ตัวเองไปนั่งโซฟาใกล้ ๆ มัน มันหันมามองแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปดูทีวีเหมือนเดิม
 
ครับ มันไม่มีท่าทีว่าจะหลงผมเลยแม้แต่นิดเดียว
 
ผมทึ้งลมหายใจทิ้งไว้กลางอากาศ
 
ไอ้ที่ผมทำมาทั้งหมด มันคงไม่ได้ผล แล้วผมจะทำยังไงให้มันหลงเสน่ห์ผมดีวะเนี่ย

 
“เอ่อ…พี่เอกผมนึกได้ว่าผมมีธุระ ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า” มันรีบลุกจากโซฟา ไม่เงยหน้ามองผมสักนิด
 
“หน้าพี่มันทุเรศมากนักรึไง แค่มองก็ยังทำไม่ได้”
 
พาลแล้วครับ งานนี้ พาลลูกเดียว
 
มันรีบเงยหน้ามองผมหน้าตื่น ผมว่าหน้าผมตอนนี้คงหงิกยิ่งกว่าเส้นผมถูกลนด้วยไฟซะอีก มันหันซ้ายหันขวา สลับกับทำหน้าอึดอัด แล้วก็ก้มหน้า แล้วก็เงยหน้าอีกที
 
มึงจะเอายังไงกันแน่ ถ้าลำบากใจขนาดนั้น กูจะได้ทำใจว่ากูอะมันไม่หล่อ
 
“คะ คือ..” มันอ้ำอึ้ง
 
“เอาเถอะ พี่คงบังคับกายมากไป กายอาจจะเกลียดพี่แล้วก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
 
“ไม่ใช่นะฮะ!!”
มันรีบค้าน กระเถิบตัวเข้ามาใกล้ พอรู้ว่าใกล้ไปก็กระเถิบตัวออกไปยืนอยู่ห่าง ๆ
 
เห็นกูเป็นตัวอะไรวะ! =*=
 
“การกระทำสำคัญกว่าคำพูด ไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ เสื้อผ้านายพี่ยัดใส่ตะกร้าซักไปแล้ว กลับชุดนี้แหละ” ผมบอกมันหน่าย ๆ ตัวเองก็ขี้เกียจเปลี่ยนด้วยเหมือนกัน มันก้มหน้าเดิมตามผมต้อย ๆ จากห้องไปถึงรถ มันก็ยังก้มหน้าอยู่
 
หน้าผมหงิกยิ่งกว่าเดิม
 
เออหนอกู มาแพ้ราบคาบให้ผู้ชายรุ่นน้อง เสน่ห์ที่ตัวเองภูมิใจนักหนา แทบไม่มีค่าอะไรเลยตอนนี้





 
ตอนแรกกะจะส่งมันแค่หน้าบ้านแล้วกลับเลย แต่มันแต่งตัวโคตรเอ็กซ์ ถึงจะมืดแล้ว แต่ก็แอบห่วงครับ กลัวใครมาเห็นขาขาว ๆ ของมัน ผมเลยเดินเข้าไปส่งมันในบ้าน เอาตัวใหญ่ ๆ ของตัวเองนั่นแหละบังไว้
 
ใครไม่คิดอะไร แต่กูอะคิด เพราะงั้นกูขอปกป้องคนของกูก่อน
 
พอส่งมันเข้าบ้านเสร็จ ผมก็หันหลังเตรียมจะก้าวออกจากบ้าน แต่เดินไม่ไปครับ ผมหันไปมอง เห็นมันยืนก้มหน้า จับชายผ้าผมไว้
นี่มึง ชุดคลุมกูมันคลายง่ายนะโว้ย ดึงผิดจังหวะขึ้นมา มึงได้เห็นคิงคองออกมาเดินเล่นกลางบ้านแน่ ๆ
 
ผมขมวดคิ้ว อะไรของมันวะ
 
มันเม้มปากแน่น ก่อนเงยหน้ามอง
 
“อะไร!!”
ผมถามเสียงห้วน ทั้งห้วนทั้งกระชากเลย
 
“พี่เอก”
 
เอ้อ! กูรู้ ว่ากูชื่อเอก
 
 ผมไม่ตอบอะไร ทำหน้าหงิกยิ่งกว่าเดิม
 
“ผะ ผม”
มันจ้องตาผมเขม็งเลยครับ
 
บ๊ะ กล้าวุ้ย
 

“ผมขอถ่ายรูปพี่ที”
 
ผมยืนนิ่งครับ สมองขาวโพลนไปหมด
 
“คือ…ใจจริงผมไม่อยากรบกวนพี่ แต่วันนี้พี่หล่อเอามาก ๆ ผมไม่อยากรบกวน แต่ขอสักภาพก็ยังดี นะฮะ”
 
ดะ เดี๋ยวก่อนนะ นี่มันมองเห็นความหล่อของผมด้วยเหรอ
 
“เอาแต่ก้มหน้า เห็นความหล่อพี่ด้วยรึไง”
ผมถามเรียบ ๆ
 
“เปล่า ผมไม่ได้ก้ม”
แต่ไอ้ที่คางมึงจะชิดอก แถวบ้านกูเรียกก้มว่ะ
 
“ผมแค่ไม่อยากมองมาก เห็นแล้วมันอยากถ่ายรูป”
 
ผมยืนอึ้ง ไอ้ที่มันหลบหน้าหลบตาผมนี่ มันแค่ไม่อยากมอง แค่นั้นใช่ไหม
 
มึงทำเอากูเข้าใจผิด หั่นความหล่อกูทิ้งซะวิ่น
 
“นายอยากถ่ายรูปพี่?” ผมถามเพื่อความแน่ใจ
 
มันพยักหน้าสองหงึก ผมยิ้มออกแล้วครับ แต่มันไม่เห็นเพราะมัวแต่ก้มหน้าอยู่
 
“พี่บอกแล้วไง ค่าตัวพี่แพง” 
ผมพูดเนิบ ๆ มันเงยหน้ามอง ผมนิ่งครับ ให้มันไปตีความเอาเอง และมันคงเข้าใจ เพราะหน้ามันแดงเถือกเลย
 
เออเนอะ เข้าใจง่ายดี
 
“ผมขอแค่สองสามภาพ”
 
ผมพยักหน้า มันยิ้ม แล้วรีบวิ่งจู๊ดไม่ห่วงว่าตัวเองจะดูหวิวขนาดไหนตอนขึ้นบันได พักหนึ่งมันก็วิ่งลงมา
 




ผมนั่งไขว่ห้างทำหน้าหล่ออยู่บนโซฟา รอดูว่ามันจะถ่ายผมที่นี่หรือที่บ้าน จริง ๆ บ้านมันตกแต่งสวยดีครับ เน้นงานศิลปะเป็นหลัก แต่ครั้งที่แล้วเป็นสูทจึงไม่เข้า แต่ครั้งนี้มันเป็นแค่ชุดคลุม ไม่รู้มันจะเซตพื้นที่ที่ไหน
 
และมันก็ตัดสินใจ ถ่ายผมในห้องรับแขกนั่นแหละ
 
มันบอกให้ผมไปเอาน้ำลูบหัวครับ แนวของมันเลย เพราะไอ้ที่ผมทำไว้ก่อนหน้านี้ มันแห้งไปหมดแล้ว ผมเดินไปเอาน้ำลูบหัวให้เปียกโชกลงมาถึงลำคอ แล้วเดินทำหน้าบูดออกมา มันสั่งให้ผมนั่งไขว่ห้าง เอาแขนข้างหนึ่งวางราบไปกับพนักโซฟา มืออีกข้างวางสบาย ๆ ไว้บนตัก ปล่อยชุดคลุมให้หลุดลุ่ยอยู่อย่างนั้น เผยให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าอกแน่น ๆ ลงไปถึงกล้ามเนื้อท้องพร้อมซิกแพคหกห่อ
 
หน้ามองตรง และที่สำคัญ…
 
ทำหน้าหงุดหงิดเข้าไว้
 
คือนี่เป็นคำสั่งของมันจริง ๆ ผมไม่ได้พูดเอง
 
มันบอกว่าดูหล่อแบบโหด ๆ ดี ยิ่งทำหน้าเหมือนโดนใครเหยียบตีนมายิ่งดี
 
เอากับมัน = =
 
บิ้วไม่ยากครับ แค่คิดถึงภาพที่มันก้าวลงมาจากรถของไอ้คุณชรินทร์ผมก็หน้าบูดได้ใจแล้ว


 
มันขอสามภาพ ผมบอกให้มันถ่ายได้ตามใจ มันก็ถ่ายตามใจจริง ๆ เล่นเอาซะผมเหนื่อยเลย
 
แต่ก็ดีใจครับ ผมชอบเวลาที่มันมองผมด้วยสายตาชื่นชมผ่านเลนส์
 
แล้วคุณรู้อะไรไหม
 
มันมีความสุขขนาดไหน ที่ได้มองช่างภาพที่แต่งตัววาบหวิว ยืนถ่ายในท่าวาบหวิวอีก
 
มันคงไม่รู้ว่าเวลาที่มันยืนหามุมถ่ายรูปผม บางมุมมันก็ยืนเอ็กซ์ได้ใจ เห็นแล้วอยากกระชากช่างภาพมาปล้ำซะให้เข็ด แต่ยังไงก็ต้องรอให้มันถ่ายเสร็จก่อน เพราะมันต้องจ่ายค่าตัวให้ผมอีกเยอะ
 


และท่าสุดท้ายที่มันถ่ายเป็นภาพสุดท้ายที่ผมจะอดทนได้ มันคุกเข่าเพื่อถ่ายผมในมุมต่ำ แต่คงต่ำได้ไม่เท่าใจคิด มันเลยกางหัวเข่ามันออกเรื่อย ๆ ๆ คุณลองนึกภาพสิ ว่าเสื้อมันจะร่นขึ้นไปถึงไหน
 
ผมลุกขึ้นในขณะที่กล้องยังค้างอยู่ที่ตามัน มันละสายตามามองงง ๆ ผมเดินไปจับแขนมันไว้
 
“ได้เวลาจ่ายค่าตัวแล้ว”
 
เซ็นเซอร์ครับ เป็นเรื่องของช่างภาพกับนายแบบเขาตกลงกัน คนอ่านไม่เกี่ยว
 
กรั๊ก ๆ ๆ ๆ



TBC...

อ่านกันให้หนุกเน้อ คิสค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #24 : หงุดหงิด
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 08-02-2013 20:26:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #24 : หงุดหงิด
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 09-02-2013 01:20:49
ค่าตัวแพงๆ แบบนี้น่าจะทำให้หงุดหงิดบ่อยๆ
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #24 : หงุดหงิด
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 09-02-2013 07:05:36
สมชื่อตอน ตกลงเค้าสองคนเป็นอะไรกัน
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #24 : หงุดหงิด
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-02-2013 11:09:01
ก็ยังหาคำจำกัดความของความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้สินะ เฮ้อ...บอกรักและเป็นแฟนกันสักทีเถอะ
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #24 : หงุดหงิด
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 09-02-2013 21:21:14
เราเข้ามาอ่านรวดเดียว น่ารักอ่า มาต่อไวๆนะตัว :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #24 : หงุดหงิด
เริ่มหัวข้อโดย: zylph_z ที่ 17-02-2013 18:51:38
ตกลงพี่เอกนี่มันโมโหหึง หรือว่าโมโหหื่นกันแน่ล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #24 : หงุดหงิด
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 17-02-2013 18:57:57
เอกทำแบบนี้ได้ไงไม่ชอบอ่ะ
หงุดหงิดแล้วมาลงที่กายนี่นะ :m16:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #24 : หงุดหงิด
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 17-02-2013 22:35:15
เอกทำแบบนี้เห็นแก่ตัวมากนะ ควรจะตกลงซักที
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #24 : หงุดหงิด
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 18-02-2013 20:26:03
>< ไม่ไหวอะ พี่เอกหื่นแล้วก็เนียนตัวพ่อเลยคะ น้องกายก็ยอมพี่เอกง่ายอะ
แต่ชอบที่พี่เอกตามหึง ยอมรับว่าหึงเร็วๆก็ได้นะคะ อิอิ
ปล คู่คุณป๋ากับตากล้องมีไหมคะน่าสนนะ ฮ่าๆ
ปล 2 มาต่อไวๆนะคะ ลุ้นว่าเมื่อไหร่จะขอน้องกายเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการซะที!!
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #24 : หงุดหงิด
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 19-02-2013 21:36:05
เรื่องนี้อ่านแล้วสนุกดีครับ ชอบๆๆ จะมาตามอ่านเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #24 : หงุดหงิด
เริ่มหัวข้อโดย: lemone ที่ 06-03-2013 18:10:33
ตามมาให้กำลังใจที่บอร์ดนี้ค่า

สู้ๆ นะคะ

 o18
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #24 : หงุดหงิด
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 06-03-2013 21:18:18
พี่เอกขี้หึงนะเนี่ย
น้องกายคะว่างๆแกล้งให้พี่เอกหึงเล่นทีสิคะ อิอิ  :haun4:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #24 : หงุดหงิด
เริ่มหัวข้อโดย: meawwja ที่ 23-04-2013 10:28:55
ตามมาจากเด็กดี ชอบมาก o13
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #24 : หงุดหงิด
เริ่มหัวข้อโดย: ArgèntaR๛ ที่ 25-04-2013 21:28:10
พี่เอกนี่มันหื่นได้ใจจริงๆ
น้องกายก็ตรงซะ เรื่องถ่ายรูปนี่ เวลาจะขอ จะชม พูดออกมาตรงๆ
หวังว่าในเรื่อหรือเหตุการณ์อื่นๆ น้องจะพูดตรงบ้างนะ
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #24 : หงุดหงิด
เริ่มหัวข้อโดย: Nienee ที่ 22-06-2013 22:52:19
เอะอะอะไรก็จับกดตลอดอะ พี่เอก หื่นจริงจัง :pighaun:

กายก็เอะอะอะไรขอถ่ายรูปตลอดอะ  :hao5:

รักก็บอกน้องปายยยยยยยย อย่ามาทำเหมือนน้องเป็นของเล่นนะ

เด๋วน้องหนีไปมีคนอื่นหรอก หึๆ
หัวข้อ: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ ตอนที่ 25 ออกเดท
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 28-06-2013 17:01:21

Kiss Love ♥ [25]
ออกเดท
[กาย...♥]

...
...
...
...
...

ช้ำครับ…

ระบมด้วย เหนื่อยด้วย เพลียด้วย ไอ้อาการที่ว่ามาทั้งหมด เป็นผลพวงจากการหลงเสน่ห์คนแบบไม่เข้าเรื่อง

โดยเฉพาะ ถ้าคนคนนั้นคือพี่เอก หรือนายเอกภพ กิจไพศาลด้วยแล้ว

บอกตามตรง มีแต่เสียกับเสียฮะ

เมื่อวานอยู่ ๆ พี่มันก็หงุดหงิดใส่ผมแบบไม่ทราบสาเหตุ พอถามมันก็บอกว่าหงุดหงิดให้คนอื่น (แต่มาพาลเอากับกู ว่างั้น) แล้วผมก็ต้องเป็นคนทำให้มันหายหงุดหงิด

เจ็บตัวกูอีก

พี่เอกขับรถมาส่งผมที่คณะเหมือนเดิม ไอ้เต้ยนั่งรออยู่บนม้านั่งหน้าตึกเรียน ผมเดินเข้าไปหา มันมองผมใหญ่

“มึง…”

“เงียบ”
ผมตัดบทมัน

“กูว่ามึงน่าจะหายาบำรุงมากินบ้างนะ ท่าจะเสียน้ำเยอะ”

ผมเบิ้ดกะโหลกมันไปที มันลูบหัวป้อย ๆ

“เงียบไปเลยมึง”

“แล้วตกลงมึงคบกับพี่เอกเขาจริง ๆ จัง ๆ แล้วเหรอ”
ไอ้เต้ยมันถามด้วยสีหน้าจริงจัง ผมส่ายหัวปฏิเสธ มันทำหน้าแปลกใจ

“อ้าว.. แล้วไอ้ที่มึงมาทำนั่งหน้าเพลีย ไปไหนมาไหนกับพี่เขานี่มันหมายความว่ายังไง”

“กูไม่รู้”

มันขมวดคิ้วกับคำตอบผม

“หมายความว่ายังไง”

“ก็ไม่ยังไง กูก็ยังไม่รู้ใจตัวเองเลยเต้ย แล้วก็ไม่รู้ความรู้สึกของพี่เอกด้วย”

คิ้วมันขมวดยิ่งกว่าเดิม แต่มันเงียบครับ มันคงเข้าใจ

ถึงผมจะมีความสัมพันธ์ทางกายกับพี่เอกแล้ว แต่มันก็ยังเป็นแค่เซ็กส์ ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันจะกินเวลายาวนานแค่ไหน ความรู้สึกมันยังครึ่ง ๆ กลาง ๆ อยู่เลย

“มึงจะหยุดหรือเดินหน้าต่อ” มันถาม

ผมจ้องกลับมันนิ่ง ๆ

“กูไม่เคยวิ่งตามนะเต้ย เอ่อ…นอกจากเวลาอยากถ่ายรูปนิดหน่อย”

มันตีคิ้วย่นกับคำตอบผม ผมเลยอ้อมแอ้มตอบมันไปตามจริง มันหัวเราะก๊ากเลย

มึงจะขำอะไรนักหนาวะ ก็กูไม่มีเงินจ่ายพี่เขานี่นา

“พี่เขาก็ยอม”

ผมพยักหน้า

“พี่เอกเจ้าเล่ห์ว่ะ หาเรื่องฟันมึงมากกว่า”

ผมไม่ตอบ มันก็ได้ทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ เพราะผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าพี่เอกไม่ชอบการถ่ายรูปเอามาก ๆ แต่นี่ยอมให้ผมถ่ายแทบทุกท่าที่ต้องการ ก็ถือว่าเจ๊ากันล่ะครับ

“มึง..”
ผมเรียก มันเงยหน้ามอง

“หยุดพูดไปเลย กูรู้ว่ามึงจะห้ามกูเรื่องพี่เป้”
ทำไมเวลาอย่างนี้มึงถึงได้ฉลาดนักวะ

“ไม่ต้องมาชมกูในใจ”
แน่ะ รู้อีกนะมึง

มันก้มหน้าจ้องมองพื้นโต๊ะ
“อะไรที่เกี่ยวกับพี่เป้ กูรู้หมดแหละ”

..ยังหรอกเต้ย..
ยังมีอีกเรื่องที่มึงไม่รู้ และถ้ามึงรู้ กูไม่รู้ว่ามึงจะยังเห็นพี่เป้เป็นพี่มึงอยู่อีกไหม ให้เวลาพี่มันหน่อย ให้มันได้ตัดใจ และกลับมาเป็นพี่ชายที่แสนดี(ปนเลว)ของมึงอีกครั้ง

“กูรักพี่เป้นะกาย” มันเงยหน้าขึ้นมาพูดเลื่อนลอย

“กูรู้”
รู้ว่ามึงรักพี่เป้
“พี่เป้ก็รักมึงเหมือนกัน”
แต่ไม่ได้รักมึงแบบน้อง แบบที่มึงรักมันแบบพี่หรอก

ผมถอนหายใจแรง ทอดมองวิวต้นไม้ขนาดใหญ่หน้าคณะขณะรอเข้าคลาส 

เสียงมือถือผมดังเบา ๆ ผมละสายตาจากวิวมามอง เป็นเมสเสจครับ เจ้าของเบอร์ก็คือ…

พี่เอก!

ผมรีบกดอ่านทันที

‘เลิกเรียนกี่โมง’
ผมเลิกคิ้วแปลกใจนิดหน่อย แล้วทำไมตอนอยู่ด้วยกันไม่ถาม

ผมกดตอบกลับ

‘วันนี้มีเรียนเย็น เลิกหกโมง’
สักพักก็ได้ยินเสียงเมสเสจอีก

‘พี่จะไปรับ’
ผมจ้องมองข้อความในมือถืออีกที ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ

ผมควรจะดีใจดีไหม?

“ยิ้มอะไรไอ้กาย”
ไอ้เต้ยมันถาม ผมรีบเก็บมือถือลงกระเป๋าทันที

“เปล่า”

มันทำตาเจ้าเล่ห์มองกลับ

“ทำหน้าแบบนี้ ถ้าคนส่งไม่ใช่พ่อหรือแม่มึง ก็ต้องเป็นพี่เอกแหง ๆ”

ผมตีหน้านิ่ง ๆ สักพักก็มีข้อความส่งเข้ามาอีก ผมเปิดดู

‘เลิกเรียนกี่โมงครับ’
เมื่อกี้ผมเปิดหน้าเมสไว้ มันเลยออโต้ข้อความขึ้นมาทันที ผมเลิกคิ้ว ตอนแรกก็คิดว่าเป็นข้อความเดียวกัน แต่อันนี้มันดูสุภาพขึ้นมาหน่อย ผมเลื่อนดูเบอร์คนส่งอีกที

พี่เชน

ผมกดตอบไปและข้อความที่ได้กลับมาก็คือ…

‘พี่จะไปรับ’

เอ่อ…
ผมเคยบอกแล้วว่าถ้าคิวเยอะ ผมจะจัดให้พ่อกับแม่ก่อน แล้วก็พี่เอก ผมรีบส่งข้อความตอบกลับทันที

‘ผมติดนัดแล้วครับ ไว้โอกาสหน้าละกัน อยากเจอพี่เชนเหมือนกัน’

ผมนั่งรอ แต่ไม่มีข้อความตอบกลับสักทีจนผมลืมไปเลย ผ่านไปเกือบสิบนาที ถึงได้มีข้อความเข้ามาใหม่ 

‘งั้นพี่ขอจองตัวล่วงหน้า วันเสาร์อาทิตย์นี้ว่างวันไหน’
แม่ะ มาจองวันที่กูไม่ว่างเนี่ยนะ

‘พอดีเสาร์อาทิตย์นี้ผมเริ่มทำงานพิเศษกับเพื่อนน่ะฮะ ยังไม่รู้เวลาเริ่มงานเลิกงานเลย’
พอผมส่งเสร็จ เสียงมือถือก็ดังจ้าขึ้น ผมตกใจรีบกดรับเป็นพัลวัน

“พี่เชน”
กรอกเสียงเรียกอัตโนมัติเลยครับ

“ทำงานที่ไหน ไม่บอกว่าอยากทำงานพิเศษ พี่จะได้ดึงตัวมาเป็นผู้ช่วย”
ผมอมยิ้มทันที

“พอดีเพื่อนผมเขาอยากทำน่ะครับ เลยชวน งานนี้ปฏิเสธไม่ได้ เอาไว้หลังจากนี้ละกันนะ ถ้าไม่ติดอะไร ผมอาจจะไปทำด้วย ไม่รับปากนะฮะ เพราะผมไม่คิดจะยึดงานถ่ายภาพเป็นอาชีพหลัก ถ้างานอดิเรกละก็ ผมทำ”

ผมบอกไปตรง ๆ

แล้วพี่มันก็ถามสถานที่ที่ผมจะไปทำ ผมก็บอกไป

“งั้นพี่จะหาโอกาสแวะไปนั่งกินนะ อยากเห็นกายใส่ชุดพนักงานเสิร์ฟเหมือนกัน”

ผมหัวเราะร่วนรับปากไป เราคุยกันสักพัก พี่แกก็ว่างสาย

ปลื้มครับ มีคนที่เราเคารพรักมาชวน

บุญไอ้กายสูงวุ้ย

ผมหันไปมองไอ้เต้ยที่กำลังนั่งทำอะไรก๊อกแก๊กข้าง ๆ ชะโงกหน้าไปดูใกล้ ๆ อีกที 

“ทำไรมึง”

มันเงยหน้าขึ้นมายิ้ม

“วาดรูป”

ผมมองตัวการ์ตูนที่มันกำลังร่างยักยื้อยักยันบนโต๊ะ             

“อนุบาลฉิบหาย”

“เออ กูมันไม่ได้มีหัวศิลป์เหมือนมึง หรือหัวคำนวณแบบพี่เป้นี่นา” มันต่อว่างอน ๆ

ก็จริง มันเป็นลูกคุณหนูของแท้ครับ ทำอะไรไม่ค่อยจะเป็นหรอก ไม่ใช่ว่ามันไม่ทำ แต่ทำแล้วไม่ได้เรื่องนี่นา ทำได้ดีสุดคงเป็นอ้อนกับดูแลคนนี่แหละมั้ง

“พี่กูก็ออกจะเก่ง ทำไมกูไม่ฉลาด ๆ เหมือนพี่เขาบ้างน้า”

“มึงฉลาดนะเต้ย”
มันมองผมใหญ่
“แต่ฉลาดในเรื่องโง่ ๆ ว่ะ”
แล้วผมก็ต้องลุกหนีตีนมัน

มันวิ่งไล่เตะผมตั้งแต่หน้าตึก A ไปทางตึก B

“มึงมาให้กูเตะซะดี ๆ!!”

มันไม่ยอมแพ้ ผมก็ไม่ยอม วิ่งลิ่ว ๆ ไปตามทางเดิน เหลียวหลังไปดูมันนิดหนึ่ง มันยังวิ่งตามมาไม่หยุด ด้วยความว่ากลัวมันจะวิ่งตามมาทัน เลยเร่งสปีดเร็วขึ้นแบบไม่มองทาง จนชนกับใครบางคนเข้าเต็ม ๆ

“ขอโทษครับ”
ผมรีบออกปากทันที เงยหน้ามองคนที่อ้าแขนรับผมไว้ทั้งตัว

“อ้าว พี่โอ๊ค”
ผมอยากจะถอยออกมาจากอ้อมแขนพี่แก แต่แกยังไม่ปล่อย ผมเลยขยับเบา ๆ ให้รู้ตัว สักพักพี่โอ๊คก็คลายมือออก

ไอ้เต้ยวิ่งมาถึงตัวพอดี

“อ้าว พี่โอ๊ค”
มึงไม่ต้องมาอุทานแบบเดียวกับกูก็ได้

“มาทำอะไรแถวนี้ครับ”
มันถาม เพราะคณะบริหารที่พี่แกเรียนมันอยู่อีกตึก เดินมาไกลพอควร 

“มาเดินเล่นนิดหน่อย”
พี่แกบอกเรียบ ๆ ผมเลิกคิ้วมอง ก่อนหรี่ตามองพี่แกกรุ้มกริ่ม

“มาเหล่สาวแถวนี้ละสิ”

ผมยื่นหน้าเข้าไปพูดล้อ ๆ ชักสนิทกับกลุ่มพี่เขาแล้วล่ะครับ เลยเล่นหัวกันได้สบาย พี่แกทำหน้าผิดปกติ ผมเลยรีบกระเถิบตัวเข้าไปชิด

คนกลุ่มนี้ขึ้นชื่อว่าเจ้าชู้อันดับต้น ๆ ของมหาลัย เจ้าเสน่ห์ก็เท่านั้น ไอ้ที่จะมาหลงสาวนั้นยาก แต่มาหว่านให้สาวหลงน่ะชัวร์ ๆ แต่ทำท่าแบบนี้ สงสัยพี่แกต้องหลงก่อนแน่ ๆ

“บอกผมได้น้า ผมจะได้ช่วย”
ผมกระแซะไหล่พี่แกเบา ๆ จริง ๆ ไม่ถึงหรอกครับ แทะได้แค่ต้นแขนเท่านั้นแหละ (กรรมจริงกู = =)

พี่มันทำหน้าหลุกหลิกยิ่งกว่าเดิม

“ปีไหน ชื่ออะไร น้ำหนัก ส่วนสูง รูปร่าง หน้าตา สีผิว สาธยายมาให้หมด”
ผมรุกฆาต เห็นพี่แกนิ่ง ๆ ไม่ยอมผมเลยรุกต่อ

“น่านะ บอกผมมาเถอะ ผมไม่บอกต่อความลับนี้ให้ใครรู้เด็ดขาด นอกจากไอ้เต้ยมันน่ะนะ เพราะมันยืนอยู่ตรงนี้พอดี แต่พี่คิดซะว่า มันเป็นตัวตะกวดข้างกำแพงละกัน”

ไอ้เต้ยมันง้างมะเหงกกลางอากาศใส่ผม

พี่โอ๊คทำหน้าอึดอัด

“โอเค งั้นเรามาเกมเล่น 10 คำถามกัน”

พี่มันไม่ตอบ ไอ้เต้ยทำท่าตื่นเต้นด้วยคน

“ชื่อ..”

“ไม่ขอบอกได้ไหม”

“โอเคไม่เป็นไร”

“สีผิว”

“ก็ขาว”

“ไอ้เต้ย มึงรีบจดไว้เลย”

ไอ้เต้ยก็รับมุข หยิบไอโฟนมากดเมมใหญ่

“น้ำหนัก…ส่วนสูง”

“คิดว่าไม่เกิน 175 น้ำหนักคงไม่เกิน 60”
พี่มันบอกต่อ ไอ้เต้ยก็กดหยิก ๆ

“อยู่ปีไหน”

“ปีสอง”

“ปีเดียวกับเราโว้ยเต้ย หาง่ายหน่อย”
ผมหันไปตื่นเต้นกับมัน

“ผมล่ะ สั้นยาว สีอะไร”

“ผมสั้น สีน้ำตาลไม่เข้มไม่อ่อน”

ไอ้เต้ยมันกดยิก ๆ

“บุคลิกคร่าว ๆ”

“สดใสร่าเริง ยิ้มน่ารัก”

“อืม กว้างนะเนี่ย”

“บอกชื่อเลยไม่ได้รึไง”
ผมต่อรอง พี่แกไม่ตอบครับ เสหน้าไปด้านอื่น พี่แกคงอาย

“พี่ต้องไปก่อนละ”
พี่มันตัดบทแล้วเดินจากไป ผมกับไอ้เต้ยมองตามงง ๆ ก่อนก้มมองข้อมูลในไอโฟนไอ้เต้ยมัน

“ใครวะ”

“ไม่รู้”

แล้วเราสองคนก็พากันมานั่งมองสาว ๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมา ในคณะเรามีคนผมสั้นไม่กี่คนหรอก เพราะส่วนมากจะไว้ยาว แต่ดู ๆ แล้ว ไม่น่าจะใช่สเป็คพี่โอ๊คสักคน ผมกับมันนั่งหากันอยู่สักพักก็เข้าคลาสเรียน

..

..

..

..

..

..

..

..

ถ้าถามว่ามีวันไหนที่พี่เอกไม่หล่อ ผมก็บอกว่า ไม่มี ไม่เคยเห็น และไม่คิดจะเห็นด้วย ขนาดเปื้อนโคลนทั้งตัวมันก็ยังหล่อ

 

วันนี้พี่มันก็ยังหล่อครับ หล่อในชุดนักศึกษาและกำลังห้อมล้อมไปด้วยสาว ๆ คือพี่แกมาถึงก่อนเวลา และจอดรถไว้ริมฟุตบาทหน้าตึก ไม่รู้ยืนเท่อีท่าไหน สาว ๆ ถึงได้เดินล้อมหน้าล้อมหลังขนาดนั้น

ไอ้เต้ยมันรู้งานครับ มันเดินแยกไปอีกทางทันที ปล่อยให้ผมยืนมองภาพบาดตาอยู่คนเดียว

พี่เอกเห็นผมแล้ว ใจจริงอยากเดินปัดตูดหนีไป แต่ก็ใช่เรื่อง เลยเดินเข้าไปหาแทน

“ขอตัวก่อนนะ”
พี่มันบอกสาว ๆ เสียงนุ่ม ทีกับกูละทำเสียงโหดใส่อยู่เรื่อย

พี่มันเปิดประตูรถให้ครับ

เอิ่ม..

ผมรีบสอดตัวเข้าไปทันที หวังว่าคงไม่มีใครสังเกตเห็นนะ อายครับ โดนปฏิบัติเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิง แล้วพี่แกก็เดินอ้อมไปนั่งยังตำแหน่งตัวเอง

“มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามทันทีที่พี่เอกนั่งประจำการ

พี่มันหันมามองแล้วตีหน้ายักษ์ทันที

จำได้ว่าเมื่อตะกี้ มึงยังทำหน้ารื่นเริงอยู่เลยนะ หรือมันจะทำหน้าแบบนั้นกับสาว ๆ เท่านั้นฮึ?

“ต้องมีธุระอย่างเดียวรึไง ถึงจะมารับได้”

แน่ะ ยังมาถามอีก กูก็แค่สงสัย ถามมึงด้วยความเป็นห่วงเท่านั้นเอง

ไม่อยากสืบความยาวครับ เดี๋ยวมันงาบหัวเอา ผมกลับมานั่งนิ่ง ๆ เหมือนกัน

“จะพาไปกินข้าว”

ผมหันไปมอง แล้วก็กลับมานั่งเงียบ ๆ เสหน้ามองหน้าต่าง

กำลังดีใจอยู่

อย่าเพิ่งมองหน้าผมตอนนี้

ผมเขิน

แล้วพี่มันก็พาผมมา

เอ่อ…

มึง…
กูก็คิดว่ามึงจะพากูไปนั่งกินอาหารในร้านหรู ๆ  มึงพากูมาเดินตลาดนัดเนี่ยนะ ผมหันไปมองพี่มันงง ๆ มันตีหน้านิ่งครับ แล้วก็ลากผมเดินแทรกบรรดาสาว ๆ ที่กำลังช็อปกันกระจายไปดูข้าวของในตลาด

โห รสนิยมมึง บ้านนอกโคตร ๆ

นึกถึงไทด์ราคาหลายพันของมันแล้วก็สะท้อนว่าไอ้คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผม มันอาจเป็นคนละคนกับคนที่ผมรู้จักก็ได้
 
“พี่เอก”
ผมเรียก พี่มันหันมามอง

“พี่เอกตัวจริงป้ะเนี่ย”
ผมดึงแก้มพี่มันจนยืดแล้วปล่อย พี่มันยืนอึ้งไปหลายวิ ก่อนปล่อยก๊ากออกมาเสียงดัง

มึง..หัวเราะห่วงหล่อบ้างอะไรบ้างก็ได้นะ

กูอายเขา คนมองกันใหญ่เลย

พอหัวเราะจนหนำใจ พี่มันก็กลับมาทำหน้าเรียบ ๆ เหมือนเดิม

“ทำไม”
กูอนุญาตให้มึงถามยาวกว่านี้ก็ได้

“คิดว่าพี่จะพาไปเดินห้างหรู ๆ กินร้านดี ๆ กว่านี้ซะอีก”

“ตอนแรกก็ว่าจะพาไปนั่นแหละ แต่เห็นที่นี่เลยแวะก่อน”

โห มันไม่ได้เข้ากันเล้ย แต่ก็เอาเถอะ เปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ดี
 

ตอนนี้มืดแล้วครับ แต่พื้นที่โดยรอบสว่างไสวไปด้วยดวงไฟหลากสี ดูสวยสว่างไม่แพ้ช่วงเวลากลางวันเลยทีเดียว

ผมเพิ่งรู้ว่ายิ่งดึก ที่นี่ยิ่งคึกคัก เห็นทางเข้าแคบ ๆ แต่ด้านในกว้างมาก และพวกเราเพิ่งเห็นว่าเป็นงานวัดครับ ไม่ใช่ตลาดนัด ด้านในมีเกมให้เล่นเยอะแยะเต็มไปหมด ได้ยินเสียงประกาศออกลำโพง ถึงได้รู้ว่าเป็นงานฝังลูกนิมิต พวกเราเลยแวะไปทำบุญกันก่อน 

ผมทำหน้าที่เดินไปซื้อพวกดอกไม้ธูปเทียน แล้วเอามายื่นให้พี่ยักษ์ข้าง ๆ ตัวพี่แกสูงเอามาก ๆ ดีแล้ว เวลาผมหาอะไรไม่เจอ จะได้ถามพี่แกได้

เราเดินเข้าไปนั่งขอพรต่อหน้าพระประธานองค์ใหญ่ พอไหว้พระเสร็จ เราก็ออกไปเดินเล่นกันต่อ

“อยากนั่งไหม”

พี่มันชี้ไปที่กระเช้าลอยฟ้าขนาดใหญ่ริมรั้ว ผมเงยหน้ามอง มันสูงนะน่ะ แต่ก็พยักหน้าแล้วเดินไปกับพี่แก คนละยี่สิบบาท ไม่แพงครับ

แล้วเราสองคนก็มานั่งมองวิวยามราตรีในส่วนที่สูงที่สุดของพื้นที่แห่งนี้แล้ว

เสียดายไม่มีกล้อง จะได้ถ่ายวิวสวย ๆ เก็บไว้
กำลังนั่งคิดเสียดายอยู่ในใจ อยู่ ๆ ก็มีบางสิ่งยื่นมาไว้ตรงหน้า ผมจ้องมองสิ่งนั้น

เป็นมือถือครับ พี่มันยื่นมือถือมาให้

“อยากถ่ายไม่ใช่รึไง ใช้ไอ้นี่แทนกล้องตัวเก่งของนายก็ได้”

ผมหัวเราะเบา ๆ ผมว่าบางครั้ง พี่มันก็รู้ใจผมดี ผมรับมาถือไว้ แล้วจัดการกดถ่ายไปรอบ ๆ พอได้ภาพสวยสมใจ ก็หันกลับมาถ่ายพี่เอกต่อ

ถ่ายพี่แกเสร็จ ก็หันมาถ่ายตัวเองต่อ พอดีมือถือพี่แกเป็นรุ่นใหม่มีกล้องทั้งหน้าและหลัง ผมยิ้มให้กล้องธรรมดา ไม่ได้ทำท่าปัญญาอ่อนเหมือนที่ไอ้เต้ยชอบทำหรอก

จริง ๆ ผมชอบถ่ายภาพคนอื่นมากกว่าถ่ายภาพตัวเอง คือ..กลัวกล้องพังน่ะ ฮ่า ๆ ๆ

ผมหันไปถ่ายวิวอีกครั้ง ก่อนพี่เอกจะแย่งมือถือกลับคืน ดึงตัวผมไปนั่งแทรกกลางหว่างขาแก ยังไม่ทันได้ถามว่าพี่แกจะทำอะไร กล้องก็กดแชะแล้วครับ

ผมยังทำหน้าเหวออยู่เลย ผมรีบแย่งมาถือไว้

“ให้ผมทำหน้าหล่อก่อนสิ”
ผมบอก เก็กหน้าให้หล่อที่สุด ตั้งมุมกล้องให้ดีแล้วกดแชะ

“คนหล่อ ไม่ต้องเก็กก็หล่อ คนไม่หล่อ เก็กยังไงก็ไม่หล่อ”
พี่มันบอกหลังจากผมถ่ายเสร็จ

ผมเบ้หน้า ก่อนที่เราสองคนจะบิ้วหน้าหล่อกันเต็มที่ พอถ่ายจบก็เห็นคนสองคนในภาพที่พยายามบิ้วหน้าหล่อกันสุดฤทธิ์สุดเดช

พวกเราสองคนพากันหัวเราะร่วน

แล้วเราก็ถ่ายกันอีกหลายภาพ ช่วงแรกก็บิ้วหล่อกันอยู่หรอก สักพักก็พากันบิ้วขี้เหร่แทน คือทำหน้าให้ขี้เหร่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ใส่กล้องน่ะนะ

นั่งฮากันไปถ่ายกันไป

พอถ่ายกันจนหนำใจ ผมก็นั่งไล่ภาพไปเรื่อย ๆ ภาพไหนมันทุเรศมาก ๆ ก็กดลบ พี่มันบอกให้เก็บทุกภาพ แต่ผมก็เลือกที่จะลบ เกิดภาพพวกนี้หลุดไป

อายเขาแย่…

ผมนั่งขำกับภาพภาพหนึ่งที่ผมยิงฟันทำหน้าเบี้ยวไปทางซ้าย ในขณะที่พี่เอก ทำหน้าแบบเดียวกันแต่เบ้ไปทางด้านขวา

ภาพตลกดีครับ กดภาพไปเรื่อย ๆ จนไปเจอภาพแรก แต่ผมไม่แน่ใจว่ามันหมดรึยัง เลยรันเดินหน้าไปอีก ก่อนหยุดนิ่งมองภาพในมือถืออีกที พี่เอกทำท่าจะแย่งกลับ แต่ผมเบี่ยงมือถือหลบ ดูภาพนั้นให้ชัด ๆ อีกที

เพราะคนที่อยู่ในภาพนั้น…

เป็นผมเอง

เป็นภาพด้านข้างตอนกำลังถ่ายรูปอยู่ ผมในชุดเสื้อยืดสีฟ้าเข้ม จ่อกล้องไว้ที่ดวงตา คลี่ยิ้มให้กับพระอาทิตย์ ผมเงยหน้ามองเจ้าของมือถือ พี่มันเสมองไปด้านอื่น ผมอมยิ้ม

มาแอบถ่ายกันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

ผมกดดู มีแค่ห้าภาพเท่านั้น ที่เหลือ เป็นภาพพี่เอกกับเพื่อน ๆ หรือไม่ก็พวกน้อง ๆ ภาพสามสาวจอมป่วนเยอะเป็นพิเศษ คงจะหยิบมือถือพี่ชายมาถ่ายเล่นกันเองมากกว่า เพราะเห็นข้อความบนหัวภาพบอกไว้ว่า ‘ให้ไว้ เผื่อคิดถึง’

ผมอมยิ้มกับภาพรอยยิ้มของสามสาว พี่มันรีบดึงมือถือไปเก็บทันที

“หมดเวลาเล่นมือถือคนอื่นแล้ว”

“พี่เป็นคนยื่นให้ผมเองนะ”

“ก็หมดเวลาแล้วไง”

ผมขำกับท่าเขิน ๆ ของพี่แก จนรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติไปจากเดิม ผมก้มมองตัวเองอีกที

ครับ..
ผมมานั่งอยู่ฝั่งเดียวกับพี่มัน นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างขาพอดี แล้วมือพี่มันกำลังโอบหน้าท้องผมอยู่ เนียนครับ ผมรีบลุกเป็นจังหวะเดียวกับที่วงล้อหมุนมาถึงจุดสุดท้ายพอดี

เราก้าวลงจากกระเช้า เดินเล่นกันต่อ

ผมว่าหน้าของผมคงจะฉีกแน่ ๆ เพราะตัวเองนั้นยังยิ้มไม่หุบ มือถือผมมันมีกล้องก็จริง แต่มันไม่คมชัดเท่าของพี่เอก ผมเลยไม่ถ่าย

 

พวกเราไปที่ซุ้มยิงปืน ผมชอบครับ เป็นผู้ชายต้องหัดยิงปืนให้เป็น พี่มันถือปืนไว้แล้วจัดการสาดกระสุน กวาดกระป๋องบนชั้นร่วงพื้นหมด ผมมองแกทึ่ง ๆ

“มีเรื่องไหนที่พี่ทำแล้วไม่ได้เรื่องบ้างเนี่ย”
ผมชมทึ่ง ๆ พี่แกหันมามอง

“ก็หลายเรื่องนะ คนเราไม่มีใครเพอร์เฟ็คไปซะทุกเรื่องหรอก ยังมีอีกหลายอย่างที่พี่ทำไม่ได้ และทำไม่ดีอีกเยอะ”
มันพูดแล้วหยิบปืนมายิงด้วยมือเดียว ยืนยันความเก่งให้ตัวเองอีกครั้ง

“พอดีพี่ชอบยิงปืนแค่นั้นเอง”
แล้วมันก็หันมาทำสายตากรุ้มกริ่มใส่ผม

เอ่อ กูว่า กูกำลังหาเรื่องเข้าตัวแล้วนะ

“ผมว่า เรากลับกันดีกว่า”
ผมรีบเลี่ยง

“ก็ดี นายจะได้จ่ายค่าตัวที่ค้างให้พี่ด้วย”

ผมหันไปมองรอยยิ้มยั่วจากพี่แก

กูเปลี่ยนใจ ขอเดินเล่นในงานจนจบเลยได้ไหม     


TBC..

หายหัวไปนาน กลับมาลงเหมือนเดิมแล้ว (ยิ้มแฉ่ง) :katai5:

หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #25
เริ่มหัวข้อโดย: Eternal luv ที่ 28-06-2013 17:12:10
 :z13:  ดีใจที่เอามาลงในเล้าต่อ อ่านในเด็กดีแล้ว

ก็ยังตามอ่านในเล้าต่อนะเออ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #25
เริ่มหัวข้อโดย: bangkeaw ที่ 28-06-2013 17:45:01
เรียกค่าตัวอยู่เรื่อยอ่ะ พี่เอก งี้เมื่อไหร่จะจ่ายหมด
น้องกายช้ำแย่แล้ว
 :o8:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #25
เริ่มหัวข้อโดย: NJnobu ที่ 28-06-2013 21:23:53
นึกว่าจะไม่มาต่อซะละ...  :z3: :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #25
เริ่มหัวข้อโดย: zylph_z ที่ 29-06-2013 00:28:36
ได้เวลาจ่ายค่าตัวต่อแล้ว >///<
แพงจัด ต้องค่อยๆทยอยจ่าย 555+
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #25
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 30-06-2013 00:01:18
กาย 

น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #25
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 30-06-2013 00:07:04
กรี๊ดดดดด!!! พี่เอกกับน้องกาย น่ารักเว่อร์ๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #25
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 30-06-2013 00:29:21
ตามมาอ่านต่อจากเด็กดีด้วยอีกคนค่ะ  ซื้อหนังสือเรียบร้อยแล้วด้วย


สนุกมากๆเลย. เรื่องนี้พระเอกหื่นมาก :jul1:

ส่วนน้องกายน่ารักสุดๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #25
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 30-06-2013 08:09:08
เมื่อไรจะตกลงเป็นแฟนกันเสียทีนะ อาการออกขนาดนี้แล้ว
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #25
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 01-07-2013 03:39:36
เนื้อหอมจริ๊ง ทั้งพระเอกนายเอกเลย
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #25
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 01-07-2013 23:04:53
กว่าจะจ่ายค่าตัวครบ คงพรุนไปทั้งตัว อู้วว..ว...! :z1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #25
เริ่มหัวข้อโดย: Nienee ที่ 14-07-2013 20:52:57
เฮ้ยยยย.....ทวงค่าตัวตลอดดด กายช้ำหมดแล้ว :pighaun:

กายก็ไปยอมเค้าอยู่ได้ ไม่ได้ทันพี่มันเล้ยยยยย :katai5:
หัวข้อ: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #26 วันครอบครัว
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 10-08-2013 20:17:57
 Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #26
ตอน : วันครอบครัว

[เอก...☼]
 





 
วันนี้เป็นวันแรกที่ไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ยไปทำงานพิเศษกัน ทำที่เดียวกับไอ้เป้มันนั่นแหละ สงสัยไอ้ตัวเล็กจะโดนเพื่อนลากไปอีกที
 
เพราะงั้นวันนี้พวกผมเลย…
 
ใช่ครับ คุณฟังไม่ผิดหรอก 'พวกผมทั้งหมด' เลยพากันยกโขยงไปดูที่ทำงานใหม่ของไอ้เป้มัน ในกลุ่มเพื่อน ๆ นอกจากผมแล้ว คนอื่นไม่รู้ว่ามันย้ายออกมาอยู่หอคนเดียวแถมยังทำงานพิเศษอีกต่างหาก
 
มันบอกเพื่อน ๆ ว่ายังรู้สึกแย่กับการอกหักอยู่ ขอเวลาทำใจสักพัก ซึ่งเพื่อน ๆ ก็ปล่อย ๆ มันไป แต่พอทุกคนรู้ว่ามันมาทำงานที่นี่เท่านั้นแหละ พวกมันดี้ด้าอยากมาหากันใหญ่
 
หรือให้พูดตามจริง
 
พวกมันอยากมาเห็นคุณชายเป้ใส่ชุดพนักงานเสิร์ฟ เดินถือถาดไปมาต้อนรับลูกค้ามากกว่า
 
และที่สำคัญ
 
พวกมันอยากมากินฟรีครับ       
 
ผมกลับบ้านตั้งแต่คืนวันศุกร์แล้ว พวกทโมนดีใจกันใหญ่ ปลุกผมให้ตื่นไปนั่งเล่นกับพวกมันตั้งแต่ตะวันยังไม่โผล่จากดิน พอตกบ่าย ก็พากันไปเรียนพิเศษ โดยมีผมขับรถไปส่ง หลังจากนั้น ผมก็ขับรถเลยมาเจอพวกเพื่อน ๆ ที่นี่แหละ
 
ผมวนรถไปจอดยังลานจอดของทางร้าน เห็นไอ้โอ๊คมันยืนคอยอยู่ข้างตัวรถพร้อมไอ้ปิงที่ยืนอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ ปกติไอ้โอ๊คจะเป็นสารถีประจำตัวไอ้ปิงมัน เพราะบ้านมันใกล้กัน รถผมมาถึงพร้อมกับรถของไอ้โอมพอดี โดยมีเหลือบไรเป็นไอ้มอเกาะติดมาด้วย ไอ้นี่มันชอบโทรเรียกให้ไอ้โอมไปรับอยู่เรื่อย (รวยแต่ขี้เกียจ) 
 
พวกเราลงมาคุยกันยังไม่ถึง 5 นาที พวกไอ้อ้อยก็มา มันขับรถมาเอง แถมยังอาสาไปรับสาวกับอิงที่บ้านอยู่โซนเดียวกันมาอีกด้วย
 
พวกเรารวมตัวกันอยู่ที่ลานจอดรถ รอสมาชิกคนสุดท้ายครับ มันติดธุระเลยมาช้านิดหน่อย
 


พวกเรายืนเม้าท์แตกกันได้ไม่นาน ก็เห็นมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งวิ่งปราดเข้ามาตีโค้งจนฝุ่นตลบ ก่อนจอดสนิทอยู่ข้าง ๆ พวกผมหันไปมองด้วยความสนใจ
 
รถมอเตอร์ไซด์ตัวผู้สีดำสนิทใส่ลูกเล่นด้วยลายกราฟฟิกเคลือบเงิน คันใหญ่ใช้ได้ คนขับหยั่งเท้าไว้ที่พื้น ดับตัวเครื่อง แล้วหันมองมาทางพวกเรา
 
มันแต่งตัวดูดีครับ ตัวสูงโปร่ง ติดจะเพรียว ๆ ใส่เสื้อยืดข้างในชายยาวจนเกือบจะถึงสะโพกสวมทับด้วยแจ็คเก็ตหนังสีดำ รูดซิปจนถึงคอ กางเกงยีนสีซีดรองเท้าหนังมันปลาบสีดำสนิท
 
จะเท่ไปไหน
 
มันใส่หมวกกันน็อคแบบเต็มหัวอยู่ หน้ากากมืดมากทำให้มองไม่ออกว่าเป็นใคร สักพักมันก็ค่อย ๆ ถอดหมวกกันน็อคออก
 
…ไอ้กิ๊ฟครับ
 
แม่ม จะเท่ไปไหนวะ
 
มัน ยังนั่งยิ้มพราวอยู่บนรถของมัน ปกติไอ้กิ๊ฟมันชอบไว้ผมยาว แต่จะรวบไว้เป็นหางม้าด้านหลัง ปล่อยไรผมให้ร่วงลงมาระแก้ม ดู ๆ ไปก็คล้าย ๆ กับคนผมสั้นนั่นแหละ หน้าตาไม่เคยแต่ง
 
แต่บอกได้คำเดียว ดูดีตั้งแต่หัวจรดตีน
 
“มึงจะแมนไปไหน”
ไอ้อ้อยมันทัก
 
ไอ้กิ๊ฟเพียงยักคิ้วกวน ๆ มาเป็นคำตอบ   
 
สมาชิกมากันครบแล้วครับ พวกเราไม่ได้บอกไอ้เป้ว่าจะมาหามัน กะจะมาเซอร์ไพรส์มันนั่นแหละ
 

ผมกวาดตามองทุกคนอีกที บอกตามตรง เหมือนขนพวกนางแบบนายแบบมาเดินแคทวอล์คกันมากกว่า
 
แต่ละคน หล่อ ๆ สวย ๆ กันทั้งนั้น
 
ผมเคยบอกกันรึเปล่า ว่าผู้ชายกลุ่มผม เป็นพวกสูงเวอร์ ผมนี่ 191 ครับ เหอ ๆ ที่เหลือก็ไล่ ๆ กัน มีเตี้ยสุดก็ไอ้ปิง 179 หรือ 180 ผมไม่แน่ใจ แต่ถ้าเทียบกับคนทั่วไป มันก็ยังสูงอยู่ดีน่ะนะ
 
เหมือนพวกเราจะนัดกันแต่งตัวแนวดาร์คกันมา คือเน้นโทนดำมาซะส่วนใหญ่ ผมก็เสื้อยืดสีดำพร้อมแจ็คเก็ตสีดำครับ ไม่ได้ตั้งใจ พอดีพวกน้อง ๆ มันซื้อมาให้แล้วบังคับให้ใส่ กางเกงยีนกึ่งผ้าสีน้ำเงินเกือบดำ ร้องเท้าหนังสีเดียวกัน
 
ดู ๆ ไปแล้ว เหมือนผมจะเป็นผู้นำแก๊งซิ่งมาก่อกวนเมืองมากกว่า
 
พอคนครบ ผมก็เดินนำโดยมีไอ้กิ๊ฟเดินตามมาติด ๆ ต่อด้วยสาว ๆ ทั้งสามแล้วก็ตามด้วยพวกไอ้โอ๊คไอ้มอมัน
 
พูดได้คำเดียว เด่นครับ
 
พอเปิดประตูเข้าไปภายใน คนหันมามองกันทั้งร้าน พวกผมก็ตีหน้านิ่ง ทำหน้าให้โคตรหล่อโคตรสวยกันเข้าไว้ ไอ้โอมกับไอ้มอออโต้กันอยู่แล้ว เพราะในร้านมีสาว ๆ เยอะ ยิ่งวันนี้วันหยุดด้วย น้อง ๆ มอปลายยิ่งเยอะเป็นพิเศษ พวกเรามองซ้ายมองขวามองหาโต๊ะว่าง
 
ไม่เจอ…
 
เต็มหมดเลย
 
แป๋ว…
 
แล้วพวกกูจะเดินหล่อกันเข้ามาทำไมวะเนี่ย
 
ผมมองไปรอบ ๆ ไม่เห็นกายกับเต้ย แต่คนที่กำลังรับออเดอร์อยู่โต๊ะในสุดเห็นพวกผมแล้ว มันรับออเดอร์เสร็จก็เดินไปยื่นให้เคาน์เตอร์แล้วเดินมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้า พวกเรา
 
ถึงไม่ต้องบอก ทุกคนก็พอจะเดาออก ว่าไอ้หน้าหล่อนี่ต้องเป็นหนึ่งในคนกลุ่มผมแน่ ๆ 
 
มันยืนเท่ผมสั้นเชตตั้งแนวมัน
 
“มาทำไม”
 
มึงพูดกับลูกค้าได้เพราะมาก
 
“มาให้มึงเลี้ยงไง”
ไอ้กิ๊ฟมันเดินออกมาจากด้านหลังผม มันยิ้มพราว ยิ้มแบบนี้ ไอ้เป้มันแพ้ทาง ไอ้นี่มันแสบ ถ้าไอ้เป้ไม่ยอม ร้านคงไม่เหลือลูกค้าสักคน
 
แล้วไม่ต้องให้ผมสาธยายนะว่าทำไม
 
คุณจำเรื่องที่ไอ้กิ๊ฟเคยจับแมลงสาบด้วยมือเปล่าแล้วเอาไปใส่เสื้อไอ้อ้อยได้ไหม
 
แล้วคุณลองเดาดูสิ ว่าถ้าไอ้กิ๊ฟมันไปตกลงเซ็นสัญญากับแมลงสาบแล้วเอามาป่วนที่ร้านมีระดับแบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้น
 
ดับครับ… ผมรับรองได้
 
ไอ้เป้มันถอนหายใจแรง มองไปรอบ ๆ ร้าน หันหลังเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ เห็นมันพูดอะไรสักอย่าง แล้วเดินมาทางพวกผมอีกที
 
“ข้างในไม่มีที่ พวกมึงไปนั่งตรงนู้นละกัน”
มันชี้ไปที่โต๊ะที่เขียนไว้ว่า ‘จอง’
 
“อ้าว แล้วลูกค้าล่ะ”
 
“ไม่เป็นไร กูเคลียร์ได้ พวกมึงอยากสั่งอะไรก็สั่งไป กูต้องทำงานต่อ ไม่มีลูกค้าแล้วจะเดินไปหา”
 
พวกผมพยักหน้าขนหน้าหล่อ ๆ ไปนั่ง
 
เป็นเป้าสายตามากมาย
 
 
 
 
 
และแล้วคนที่ผมอยากเจอก็มาปรากฏตัว มันอยู่ในชุดคล้ายชุดของไอ้เป้ แต่ผิดตรงที่มันไม่มีกั๊กสีดำด้านนอกใส่ นอกนั้นเหมือนกันหมด ผมชอบผ้ากันเปื้อนแบบครึ่งเอวแบบนี้นะ แล้วผมก็เพิ่งสังเกตว่าตรงขอบเอวมีชื่อร้านปักเป็นสีทองติดอยู่ด้วย มันเดินตรงมาที่โต๊ะผมพร้อมกับไอ้เต้ย
 
“ดูดีจัง พวกนาย” ไอ้กิ๊ฟมันชม
 
“ที่นี่มีแต่พนักงานผู้ชายรึไง ไม่เห็นมีพนักงานสาว ๆ สักคน”
ไอ้มอแทรกถามขึ้นมา ตาก็กวาดมองไปรอบ ๆ ไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ยหัวเราะร่วน
 
“ถ้าพนักงานเสิร์ฟไม่มีครับ มีแต่แคชเชียร์ คนทำเครื่องดื่ม แล้วก็แม่บ้าน”
 
ไอ้มอทำหน้าเซ็ง ไอ้อ้อยเลยประทานฝ่ามือให้ทีข้อหาทำตัวม่อไม่เลือกที่ แล้วไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ยก็หยิบปากกาขึ้นมาเตรียมจดออเดอร์จากพวกเรา
 
วุ่นครับ มันเล่นสั่งกันแบบแกล้งน้อง ๆ แต่ไอ้สองตัวก็ยังใจเย็นจดสิ่งที่ควรจด
 
“เอาคาปูสาวน้อยน่ารัก ถ้าไม่มีเอาหนุ่มน้อยน่ารักก็ได้”
ไอ้มอมันสั่งกับน้อง แต่ยักคิ้วมาทางผม
 
“หนุ่มน้อยน่ารักไม่มีครับ มีแต่หนุ่มหล่อและน่า..รัก” ไอ้เต้ยมันยวนกลับ พาเอาคนในกลุ่มหัวเราะร่วน
 
พอพวกเราสั่งกันจนครบ พวกมันก็เดินกลับไปส่งใบออเดอร์ แล้วทำหน้าที่ของตัวเองไป

           
 
พวกเรามาในจังหวะที่ลูกค้าเยอะกันพอดี สาว ๆ น่ารัก ๆ เพียบ
 
ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงนั่งตาวาว
 
แต่ตอนนี้ ดวงตาผม เฝ้ามองอยู่เพียงจุดเดียว มองตามไอ้ตัวเล็กที่ยังวิ่งวุ่นรับออเดอร์โต๊ะนู้นโต๊ะนี้ไม่มีหยุด
 
ส่วนพวกผม ถึงไม่มีเหล้าก็เฮฮากันได้ เม้าท์แตกเรื่องของตัวเองไป ไอ้มอมันบ่นใหญ่ที่พ่อมันอยากให้บวช ไอ้นี่มันทิ้งนารีได้เกินสองวันที่ไหน ถึงจะให้บวชสามวันมันก็ไม่ปลื้มครับ เพราะกว่าขนคิ้วกับผมมันจะยาว คงอดแอ้มสาวไปเป็นอาทิตย์
 
“มึง ห่วงไรวะ กูอภินันทนาการเป็นวิกให้เลยเอ้า แต่คิ้วนี่มึงต้องไปขอจากตลกมกจ๊กเองว่ะ”
ไอ้โอมมันแซว
 
“มึงไม่มาเป็นกูบ้าง”
มันตัดพ้อ
 
“ถึงเวลากูก็ต้องบวชเหมือนกัน” ไอ้โอมมันพูดต่อ “เอาอย่างไอ้ปิงมันบ้างสิ บวชตั้งเป็นเดือนไม่เห็นมันจะบ่น” มันโยนไปที่ไอ้ปิงครับ
 
“โธ่ มันดันบวชตอนอกหักนี่หว่า สม ชอบใครไม่ชอบดันไปชอบดาวยั่วเรี่ยราด”
 
“มึงอย่าพูดมากดิ กูยังช้ำอยู่เลย”
ไอ้ปิงมันค้าน
 
เป็นอดีตอันข่มขื่นของมันน่าดู มันตามจีบน้องดาวอยู่นาน น้องดาวเป็นดาวโรงเรียนสตรีล้วนไม่ไกลจากมหาลัยเราเท่าไหร่ สวยเอามาก ๆ ด้วย ดาวก็คบกันมันนั่นแหละ แต่มันเพิ่งมาจับได้ทีหลังว่าน้องดาวไม่จริงใจ คบกับมันแต่ฟันหนุ่มไม่เลือกอีกสิบกว่านาย มันช้ำในรักขนาดหนีไปบวชเพื่อทำใจนานเป็นเดือน พอมันสึกออกมาก็กลายเป็นพวกหมกมุ่นกับพวกหนังสือปรัชญาไปเลย เข้ากับไอ้โอ๊คดีครับ รายนั้นก็หนอนหนังสือเหมือนกัน
 
ส่วนไอ้อ้อยพ่อมันอยากให้คบกับพวกลูกท่านรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง
 
แต่มันไม่ปลื้มครับ มันบอกไม่หล่อ
 
มาตรฐานมันสูงชะลูด
 
“ไม่ให้มาตรฐานกูสูงได้ไง วัน ๆ กูอยู่กับพวกมนุษย์หน้าหล่ออย่างมึง ๆ จนต่อมมองผู้ชายกูบกพร่อง มองใครก็เห็นเป็นขี้เหร่ไปหมด”
 
“ทำใจวะอ้อย”
ไอ้มอมันเชิดหน้าโชว์ความหล่อมันเต็มที่
 
“มึงอ่ะ หล่อแต่หน้า แต่ปัญญาหาดีไม่เจอ”
 
ไอ้มอมันทำหน้าขัดใจกับคำด่าแสบ ๆ ของไอ้อ้อย
 
ไม่นานผมก็เห็นไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ย เดินถือเครื่องดื่มกับขนมที่เราสั่งไปกันมา ไอ้ตัวเล็กมันเสิร์ฟกาแฟให้ผมด้วยตัวเองเลย ผมแอบดีใจหน่อย ๆ มันยิ้มให้นิด ๆ ก่อนเดินไปเสิร์ฟคนอื่น ๆ ต่อ
 
 
 
 
พวกเรานั่งคุยกันไปให้ชาวบ้านเขาได้โลมเลียกันทางสายตา ผ่านไปร่วมสามชั่วโมง เครื่องดื่มคนละแก้ว กะนั่งเอาคุ้ม 
 
ผมนั่งหัวเราะไอ้มอที่กำลังเผาเรื่องของไอ้ปิงมันอยู่ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นรถสีดำสนิทคันหนึ่งวิ่งช้า ๆ เข้ามาจอดสนิทยังลานจอด รูปร่างของรถคันนั้นคุ้นตาเอามาก ๆ และผมก็ภาวนาขอให้ไอ้คนที่กำลังโผล่หัวออกมาไม่ใช่มัน
 
แต่พระเจ้ากลับไม่ฟังคำขอของผม
 
ไอ้คุณชรินทร์
 
ผมมองภาพตรงหน้าตาเขม็ง มันเดินไปหาไอ้ตัวเล็กที่เดินออกไปรับมันที่หน้าร้าน ไอ้ตัวเล็กก็ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหลังหู หน้าผมบึ้งขึ้นมาทันที
 
“อ้าว นั่นคุณชรินทร์นี่” ไอ้อ้อยมันจำได้ ผมนั่งเงียบ มองภาพบาดตาไปเรื่อย ๆ

สิ่งที่ผมหวาดหวั่นไม่ใช่แค่ความรู้สึกหึงหวงลม ๆ แล้ง ๆ อีกต่อไปแล้ว
 
ไอ้คุณชรินทร์มันยื่นขวัญให้กายชิ้นหนึ่ง ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น แถมแววตาที่มันใช้มองไอ้ตัวเล็กก็ดูจะพิเศษกว่าคนรู้จักกันธรรมดาอีกด้วย
 
“กายนี่เสน่ห์แรงใช้ได้เลยเนอะ”
ไอ้กิ๊ฟมันเหน็บเบา ๆ ปรายตามองมาทางผม
 
“แต่ก็นะ คนมันยังไม่มีเจ้าของ ใครเร็วใครได้ มันยิ่งน่ารัก ๆ อยู่ด้วย” มันพูดเนิบ ๆ ให้ผมได้ยินเพียงคนเดียว เพราะคนอื่น ๆ หันไปสนใจอย่างอื่นกันหมด
 
ไอ้โอมกับไอ้มอหันไปมองสาวน้อยวัยใสกลุ่มใหม่ที่กำลังเดินเข้ามา ตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ สเป็คพวกมันกันละ โดยมีไอ้ปิงร่วมหัวด้วยอีกคน
 
พวกผู้หญิงนั่งเม้าท์กันเรื่องความหล่อของคุณชรินทร์ มีเพียงไอ้โอ๊คเท่านั้นที่มองตามกายไม่ต่างกับผม ผมไม่ได้ใส่ใจเพื่อนในกลุ่มเท่าไหร่ กำลังจ้องมองคนที่ยังยืนยิ้มให้กับแขกคนใหม่อยู่
 
ทีพวกผม มันแค่มาทำตามหน้าที่ แต่กับไอ้ผู้ชายคนนั้น มันกลับยืนคุยกันได้เป็นนานสองนาน
 
“คู่แข่งนายนี่น่ากลัวนะ รุกซะด้วย”
ไอ้กิ๊ฟมันพูดต่อไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นแม้แต่น้อย
 
สักพักมันก็หาที่ว่างให้ เป็นโซนด้านในสำหรับสองคนนั่ง ผมมองตามแทบทุกฝีก้าว ไอ้ตัวเล็กรับออเดอร์ด้วยตัวเอง มันยิ้มแทบจะตลอดระยะเวลา กับผมไม่เห็นมันจะยิ้มมากมายขนาดนี้เลย
 
ยกเว้นเวลามีกล้องน่ะนะ
 
“กูกลับก่อนละ”
ผมเลื่อนเก้าอี้ออกดังครืด ดันตัวลุกขึ้นยืน
 
“อ้าว ไมวะมึง นาน ๆ ทีเพื่อนได้สังสรรค์กันนะ”
ไอ้มอมันทัก
 
“กูต้องไปรับพวกทโมนจากที่เรียนพิเศษกลับบ้านว่ะ”
 
พวกมันพยักหน้าเข้าใจ แล้วก็รู้ครับว่าพวกทโมนที่ว่าคือใคร
 
“ฝากทักทายป๋ากับหม้าแทนกูด้วยนะ”
ไอ้อ้อยมันบอก ผมพยักหน้าวางเงินทิ้งไว้ เดินหน้าบูด ๆ ออกจากร้านไป
 
หงุดหงิดครับ ไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจ
 


“พี่เอก!!”
ผมที่กำลังจะเดินไปถึงตัวรถหันกลับไปตามเสียงเรียก ไอ้ตัวเล็กครับ มันวิ่งหอบมาแต่ไกล

พอดีผมจอดรถห่างจากร้านนิดหน่อยน่ะ
 
“อะไร” ผมถามเสียงเรียบ
 
“ทำไมรีบกลับล่ะ”
ผมปรายตามองมัน
 
“รีบกลับไปรับพวกทโมน”
ผมเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ ก้าวขึ้นรถ ปิดประตูใส่มันดังโครม
 
พาลครับ
 
ได้ยินเสียงเคาะกระจกจากอีกฝั่ง ผมหันไปมอง มันก้มหน้าลงมามอง ตอนแรกว่าจะเมินแล้วกระชากรถหนีไป แต่ดูไม่มีเหตุผล เลยกดเลื่อนกระจกลงแทน
 
“วันพรุ่งนี้พี่ว่างไหม”
 
“ทำไม”
ผมถามกลับห้วน ๆ มันทำหน้าลำบากใจ
 
“คือผมจะชวนไปดูภาพถ่ายที่ผมชนะการประกวด วันพรุ่งนี้เป็นวันแรกที่เขาเอามาโชว์ ผมก็เลยจะชวนพี่ไปดูด้วยกัน”
 
ผมแอบยิ้มอยู่ในใจ
 
มันชวนผมเดทด้วยเว้ยเฮ้ย
 
“ก็ได้”
ผมตอบกลับนิ่ง ๆ กลัวจะหลุดดีใจครับ รีบชิ่งหนีก่อนดีกว่า
 
กำลังจะสตาร์ทรถ แต่นึกอะไรขึ้นได้ รีบหันไปถามมัน
 
“พรุ่งนี้คุณชรินทร์อยู่ด้วยไหม”
 
“ฮะ ก็เขาเป็นเจ้าของงานนี่”
 
แม่.ง ไม่อยากไปขึ้นมาดื้อ ๆ
 
แต่คิด ๆ ดูแล้ว ผมต้องแย่งมันมาเป็นของตัวเองสิ ปล่อยให้คนอื่นมางาบไปได้ยังไงกัน
 
“โอเค ให้พี่มารับกี่โมง”
 
มันยิ้มน่ารัก เห็นแล้วอยากกระชากมาจูบซะจริง
 
“เย็น ๆ ก็ได้ พี่จะได้อยู่กับครอบครัวนาน ๆ”
 
มันยังไม่ลืมว่าผมกลับบ้านเสาร์อาทิตย์ ผมพยักหน้า มันเขยิบออกให้ผมเลื่อนกระจกขึ้น ผมขับเคลื่อนตัวรถไปโดยมีมันยืนยิ้มให้ด้านหลัง
 
ขับไปได้ไม่เกินร้อยเมตร แทบจะเบรกแด้นส์ตัวรถกลับไปหามัน

ไอ้คุณชรินทร์ครับ มันเดินออกมาหาไอ้ตัวเล็กพอดี
 
“มึง คิดจะแย่งคนของกู เร็วไปสิบชาติโว้ยไอ้คุณชรินทร์!!” 
ผมกัดฟันพูดใส่กระจกมองหลัง



         



         
“ว้ายยยยย ไหนว่าให้พวกเรากลับเองไง ไหงมารับได้ละคะ”
แอมวิ่งเข้ามาเกาะแขนผมแน่น พอ ๆ กับอีกด้านที่มีไอและอ้อนแย่งกันเกาะ
 
“คิดถึงพวกเราใช่ม้า”
มันชี้นิ้วหมุนเป็นวงกลมตรงหน้าล้อเลียน
 
“ทำหน้าแบบนี้ ไปทะเลาะกับใครมาเหรอคะ”
 
ไอ้ลิงพวกนี้ฉลาดเป็นกรด
 
“แน่ะ ให้เดาม้า ต้องเป็นเรื่องของพี่กายแน่ ๆ เลย”
แล้วพวกทโมนก็หันไปกรี๊ดใส่กันเสียงดัง พาเอาคนรอบข้างมองกันเป็นตาเดียว
 
ชินครับ อยู่กับพวกนี้ทีไร เด่นทุกที
 
 
 
 
ผมพาพวกน้อง ๆ กลับบ้าน วันนี้อยู่กันพร้อมหน้าสุด ๆ อาร์ตกับอิฐก็อยู่ พ่อกับแม่นั่งกระหนุงกระหนิงไม่สนวัยกันบนโซฟา
 
“คิดว่าจะไม่สนครอบครัว มีเพื่อนแล้วลืมกันเสียอีก”
แม่ครับ เหน็บมาให้รู้สึกผิดเล็ก ๆ ผมส่งยิ้มไปให้
 
“เอาน่า ไหน ๆ ลูกก็มาแล้ว”
คุณพ่อครับ ใจเย็นสุดแล้วในบ้าน หน้าขรึม ๆ กับท่าทางภูมิฐาน เป็นบล็อกต้นแบบของผู้ชายในบ้านเราเลย ส่วนสาว ๆ ก็เหมือนแม่ครับ
 
คำโบราณที่ว่า ผู้ชายหน้าเหมือนพ่อ ผู้หญิงหน้าเหมือนแม่จะอาภัพ คงใช้ไม่ได้กับครอบครัวเรา เพราะจนถึงทุกวันนี้ พ่อกับแม่ก็ยังรักกันดี
 
 
 
พวกเรานั่งสังสรรค์กันหน้าทีวีครับ โดยมีสามตัวป่วนเกาะพี่ชายอย่างผมแน่นเป็นตัวพาเฮฮา เครียด ๆ อยู่ ก็แทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง
 
สำหรับผม ครอบครัวต้องมาอันดับหนึ่ง ยกเว้นเวลางานน่ะนะ เพราะพวกทโมนมันซนจนงานผมเสียบ่อย ๆ เสียสมาธิด้วย ผมเลยขอย้ายไปอยู่คนเดียวดีกว่า ซึ่งพ่อแม่ก็เข้าใจ
 
“แม่คะพ่อคะ พวกหนูชอบแฟนใหม่พี่เอกจังเลย อยากให้พี่เอกคบคนนี้นาน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”
ไอ้อ้อนมันตั้งประเด็นขึ้นมา ทุกคนหันพรึบมามองผมเป็นตาเดียว
 
ถ้าเป็นในการ์ตูน ผมคงมีเหงื่อเม็ดเท่าฝาหม้อร่วงลงมาจับที่ริมขมับแล้ว
 
“พี่บอกไปแล้วนี่ ว่ายังไม่ได้เป็นแฟนกัน”
“โธ่อีกหน่อยก็เป็น นะ ๆ ๆ ๆ คบคนนี้เถอะ พวกหนูสนับสนุน” พวกมันรีบเข้ามาออดอ้อนเหมือนตัวเองเป็นคนคบเอง
 
“ลูกเต้าเหล่าใครเหรอลูก”
แม่หันมาถาม ผมนั่งไม่ติดพื้นขึ้นมาทันที
 
อย่างแรกคือ ผมยังไม่ได้ตกลงปลงใจกับมัน อย่างที่สองมันเป็นผู้ชาย เกิดพ่อแม่รู้แล้วท่านจะรับกันได้ไหม ไหนจะไอ้อาร์ตไอ้อิฐอีก
 
สามทโมนมองมาทางผมกรุ้มกริ่ม
 
“ผมยังไม่พร้อมที่จะบอกครับ ยังไม่ได้คิดจริงจัง แค่เริ่ม ๆ อาจผ่านมาแล้วผ่านไปเหมือนคนอื่น ๆ”
 
“โธ่ คนนี้เขาแตกต่างตั้งแต่พี่พาเขาเข้าห้องนอนแล้ว”
พวกมันพากันบู้หน้า แม่เลยมะเหงกความแก่นกะโหลกให้พวกมันคนละที
 
แต่สำนึกกันซะที่ไหน ยังพากันทำหน้าทะเล้นน่ารักใส่ไม่หยุด
 
“หายากนะเนี่ย ที่จะทำให้สามทโมนชอบได้”
ไอ้อิฐครับ มันลูบหัวน้องมันเบา ๆ
 
“พี่อิฐ คนนี้ดูดีจริง ๆ นะคะ น่ารักมากกกกก และที่สำคัญ…”
 
“กรี๊ดดดดด/กรี๊ดดดดด/กรี๊ดดดดด”
 
แล้วพวกมันก็หันไปร่วมหัวกันกรี๊ดอีกที ผมนั่งกุมขมับ พ่อกับแม่นั่งขำกันใหญ่
 
“เอาเถอะ พร้อมเมื่อไหร่ก็พามาแนะนำละกัน คนไหนก็ได้ พ่อไม่อยากบังคับนักหรอก ถ้าบังคับได้ พ่อก็อยากให้ตกลงปลงใจกับอ้อยมากกว่า”
 
ครับไม่บังคับ แต่แง๊บทุกครั้งที่มีโอกาส
 
“ยากครับรายนั้น ถ้าจะสปาคคงสปาคกันไปนานแล้ว อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี พ่อก็น่าจะเห็น”
คำแก้ตัวเดิม ๆ ครับ ไม่แน่ใจว่าพ่อจะฟังบ้างไหม
 


แล้วคืนนั้นผมก็นอนเป็นตุ๊กตาหมีให้ไอ้สามทโมนมันกอด เหมือนมีลูกสาวตัวเล็ก ๆ มากกว่าสาวน้อยวัยใสมานอนกอดนะเนี่ย
 
จริง ๆ เด็กสาวม.ต้นทั่วไป ถ้าเป็นคนอื่น คงมีแฟนกันแล้วอย่างน้อยก็คนสองคน หรือไม่ก็เสียตัวให้กับผู้ชายกันไปหลายรอบ แต่พวกน้อง ๆ ของผมกลับพากันรักนวลสงวนตัวมากกว่าที่คิด
 
“มีพี่แสนเจ้าชู้นี่น่า พวกหนูเลยไม่อยากมีแฟน กลัวโดนหลอกให้รักแล้วซิ่งจากเหมือนใครบางคน”
 
พวกมันให้เหตุผล
 
พี่ผิดใช่ไหมเนี่ย
 
แต่ก็ดีแล้วละครับ เพราะผมก็ไม่ใช่คนดีเดอะไร
 
“แต่จริง ๆ แล้ว พวกเราไม่เจอผู้ชายที่สามารถปกป้องและดูแลพวกเราได้อย่างที่พี่เอกทำต่างหาก เจอเมื่อไหร่ พวกเราถึงจะรับไว้พิจารณา”
 
มันบอกต่อทำเอาผมอมยิ้ม ลูบหัวพวกมันคนละที
 
“พี่เอกน้า ๆ รับพี่กายไว้ในอ้อมกอดสักคน”
ไอ้อ้อนครับ มันเอานิ้วจิ้ม ๆ หน้าอกผมเบา ๆ ออดอ้อนสมชื่อมันนั่นแหละ
 
“เอาไว้ให้พี่แน่ใจก่อนนะ ตอนนี้ต้องดู ๆ กันไปก่อน”
ผมพูดให้เป็นกลางมากที่สุด
 
“ก็ได้ แต่อย่าให้ช้านะคะ ไม่งั้น หนูจะจับพี่กายล้างน้ำแล้วยกให้พี่อาร์ตหรือพี่อิฐแทน”
 
ผมสะดุ้งเลยครับ
 
คืออาร์ตกับอิฐ หน้าตามันก็เหมือนฝาแฝดของผมน่ะนะ ไอ้ตัวเล็ก มันยิ่งหลงหน้าผมอยู่ด้วย เกิดเจออาร์ตหรืออิฐที่เอาใจและอบอุ่นกว่าผม มันคงเปลี่ยนใจเอาง่าย ๆ
 
“ไม่ได้นะ คนนี้พี่จอง”
 
“หึหึ ทีอย่างนี้ละห่วง ช้ามาก เดี๋ยวคนอื่นซิวไม่รู้ด้วยน้า บอกไว้ก่อน”
มันพูด ก่อนพากันคุยงุ้งงิ้งแล้วหลับใหลไป
 
ผมนอนคิดอยู่คนเดียว
 
เรื่องบางเรื่อง ผมก็ต้องการเวลาและความแน่ใจเหมือนกัน
 
เพื่อตัวผมเอง และเพื่อตัวมันเองด้วย
 
 
 
 
To Be con...

ขอบคุณทุกการติดตามครับ ^^ o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #26 วันครอบครัว
เริ่มหัวข้อโดย: poo-ultraman ที่ 13-08-2013 21:33:01
สนุกมากๆๆๆ รีบมาต่อะคะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #26 วันครอบครัว
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 15-08-2013 01:15:20
สนุกมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #26 วันครอบครัว
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 15-08-2013 15:46:52
 :mew3:

ยอมรับตัวเองเถอะเอก
หัวข้อ: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ :27 วันอันแสนวุ่นวาย [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 20-08-2013 20:43:15

Kiss Love ♥ [27]
วันอันแสนวุ่นวาย
[กาย...♥]


ดีใจครับ ที่พวกพี่ ๆ มาแสดงความยินดีกัน พี่เอกก็มาด้วย มากับมาดนิ่ง ๆ ตามแบบของพี่มันนั่นแหละ

บอกตามตรง ตื่นเต้นดีครับ

สักพักพี่เชนก็มา ผมงี้ยิ้มแก้มบานเลย ดีใจครับ มีทั้งพี่เอกพี่เชน นี่ถ้าพ่อมาด้วย วันนี้คงเป็นวันที่ผมโชคดีเหมือนถูกหวยแน่ ๆ

พอพวกพี่เอกกับพี่เชนกลับไป ผมก็ถูกหวยจริง ๆ

พ่อมาครับ
มายืนหน้าหล่ออยู่ในร้าน ชวนตอนแรกบอกไม่ว่าง ติดงาน แต่ที่ไหนได้ แอบมาเซอร์ไพรส์นี่เอง

“แต่พ่อคงไม่ได้พาไปงานภาพถ่ายนะลูก พรุ่งนี้พ่อต้องบินแล้ว”

ผมหน้าสลดลงทันที พ่อยิ้ม ลูบหัวผมเบา ๆ 

“แต่เดี๋ยวเดือนหน้าพ่อก็กลับแล้วล่ะ”

ผมหน้าบานขึ้นมาอีกรอบ พ่อหัวเราะหึ ๆ

“พ่อทำเรื่องขอย้ายมาเปิดสาขาที่เมืองไทย จริง ๆ ทางบริษัทอยากทำมานานแล้ว แต่ยังหาคนที่ไว้ใจไม่ได้ พ่อเลยอาสาโดยให้เหตุผลเขาไปว่า…”
พ่อหยุดคำพูดไว้นิดหนึ่ง ผมโน้มหน้าไปฟังอย่างตั้งใจ

“My heart are there”

ผมฉีกยิ้มทันทีที่พ่อพูดจบ

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว วันนี้อยากทำตัวเป็นพ่อที่ดีสักวัน มีอะไรให้พ่อช่วยไหมลูก”

ส่ายหน้า

“ผมทำงานอยู่น่ะฮะ คงต้องรอให้เลิกงานก่อน”

จะลาก็คงไม่เหมาะ เพราะเพิ่งเริ่มงานวันแรก เอาไงดีวะ อยากอยู่กับพ่อก็อยาก แต่งานก็คืองาน แม้จะงานชั่วคราวก็เถอะ พ่อมองสีหน้าลำบากใจผมอยู่พักก่อนอมยิ้ม

“ไม่เป็นไร งั้นรอพ่อแป๊บ”
พ่อเดินไปพูดอะไรกับพนักงานที่เคาน์เตอร์นิดหน่อย ก่อนเดินหายเข้าไปในห้องผู้จัดการ แล้วเดินออกมาอีกทีพร้อมเครื่องแบบใหม่ที่เหมือนผมเป๊ะ แต่ต่างกันตรงที่ของพ่อใส่เสื้อกั๊กแบบพี่เป้

ผมยืนอ้าปากค้าง

“ขอทำตัวเป็นพนักงานเสิร์ฟกับลูกชายสักวันละกัน”
พ่อพูดยิ้ม ๆ รุนหลังผมให้เดินไปรับลูกค้าที่เปิดประตูเข้ามาพอดี

ขอบอกว่าพ่อผมเป็นพวกไนซ์ขั้นเทพ เผลอแผล็บเดียว พ่อก็กลายเป็นพนักงานสุดป๊อบไปแล้วครับ ทั้งรอยยิ้มที่สดใส ทั้งการบริการที่ดีเลิศ ไม่แปลกใจเลยที่ใคร ๆ ก็อยากได้พ่อไปทำงานด้วย

“พ่อมึงนี่สุดยอดไม่เปลี่ยนเลยว่ะ”
ไอ้เต้ยโน้มมากระซิบข้างหูผม

มึงจะมากระซิบทำไม ไม่มีใครเขาสนใจฟังหรอก

“มึงอย่าให้แม่กูมาด้วยละกัน รับรองยอดขายของร้านพุ่งกระฉูด”
ผมเอียงหน้าไปกระซิบกลับมันบ้าง

“ทำงานกันได้แล้ว”
พี่เป้เดินเอาถาดมาเคาะหัวผมเบา ๆ แล้วเดินจากไป

ผมลูบหัวตัวเอง หันไปมองไอ้เต้ย มันยืนเม้มปากแน่นมองตามแผ่นหลังกว้างของพี่เป้ไปตลอดทั้งเส้นทาง

สำหรับคนอื่น อาจดูเฉย ๆ และเห็นใจที่ผมถูกตีหัว แต่สำหรับไอ้เต้ยแล้ว มันคือการเมินกันแบบเห็น ๆ ทั้ง ๆ ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่เป้คงจะตีหัวมันก่อนแท้ ๆ       

คนที่เคยถูกแกล้งทุกวัน อยู่ ๆ ก็ถูกเลิกแกล้งกะทันหัน มันก็ไม่ต่างกับการหักหน้าไม่มีเยื่อใยนั่นแหละ 

ผมรู้ว่ามันเจ็บครับ แต่ก็ฝืนทนนิ่ง ๆ ไปก่อน ผมรีบเดินไปทำงานต่อ สักพักมันก็เดินไปทำงานในส่วนของตัวเองเช่นกัน

..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
“มึง…”
มันเรียกสั้น ๆ ผมที่กำลังก้มเก็บแก้วเปล่าบนโต๊ะเงยขึ้นมอง มันมองหน้าผมแล้วก็เงียบไป

ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“กายมาช่วยพี่ทางนี้หน่อยสิ”
ยังไม่ทันที่มันจะพูดอะไรต่อ พี่เป้ก็ตะโกนเรียกมาแต่ไกล ผมหันไปทางต้นเสียง ก่อนหันกลับมาทางไอ้เต้ยอีกที

“กูขอตัวก่อนนะ”
ผมรวบแก้วและจานขนมเปล่า ๆ ไว้ในถาด เดินเอาไปเก็บหลังร้านแล้วเดินไปหาพี่เป้อีกที หันกลับไปมองไอ้เต้ย เห็นมันยืนเม้มปากก้มหน้าเช็ดโต๊ะอยู่เงียบ ๆ

สงสารมันครับ

แต่ต้องทำใจแข็งไว้ มันขอเวลาเดือนหนึ่งในการค้นหาคำตอบ แต่นี่ผ่านไปแค่วันเดียว มันยังทรมานขนาดนี้ แล้วนี่เหลืออีกตั้งยี่สิบเก้าวันแล้วมันจะไปรอดไหม

ผมพ่นลมหายใจออกแรง

และที่สำคัญ
ดูเหมือนเกมนี้ ผมจะกลายเป็นหมากให้สองพี่น้องนี่โยนข้ามหัวกันซะแล้ว

พี่เป้เรียกผมไปใช้ตลอด แทบจะทุกอย่างที่แกทำเลยก็ว่าได้ ทั้งยกของ ทั้งเสิร์ฟ ไหนจะรับออเดอร์ ไหนจะต้อนรับลูกค้าหรือส่งลูกค้า

พี่มันเล่นผมหนักตั้งแต่วันแรกเลย

มันเหนื่อยนะเว้ยเฮ้ย
 

“เหนื่อยไหม”
พี่เป้เดินเข้ามาช่วยผมยกถาดไปไว้หลังร้าน ล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาซับเหงื่อให้เบา ๆ ผมยิ้มให้พี่แกไปที

“ไปนั่งพักก่อนก็ได้ ขอโทษนะ ใช้เยอะไปหน่อย”
พี่เป้เกลี่ยปอยผมที่มันตกลงมาระแก้มออกให้เบา ๆ ถ้าพี่แกไม่ปากหมาก็อ่อนโยนอย่างนี้ละครับ

“กาย!! มาช่วยกูตรงนี้ที!”
เสียงเรียกกระชาก ๆ ของไอ้เต้ยดึงสายตาเราทั้งคู่ให้หันไปมอง มันกำลังเก็บโต๊ะอยู่ครับ ส่วนพ่อผม

นู้น…
เม้าท์กับสาว ๆ ลืมลูกชายอยู่นู่น

ผมขอตัวจากพี่เป้เดินไปหามัน มันคงอิจฉาที่พี่เป้ให้ความสำคัญกับผมมากกว่า มันเลยพยายามเรียกผมให้พ้นจากพี่เป้ ในขณะที่พี่เป้ก็เรียกผมให้พ้นจากมัน

ก็อย่างที่เห็น เกมชักกะเย่อ โดยมีผมเป็นเชือก

“ไอ้เต้ย พอเหอะ กูเหนื่อย พวกมึงจะเล่นอะไรกัน เห็นหัวกูบ้าง”

“มึงก็ไปบอกพี่กูก่อนดิ”

“มึงก็รู้อยู่ว่าเขาเมินมึง มึงก็ยังจะไปตามเขาอีกนะ”

“งั้นมึงก็ต้องหาคำตอบแทนกู ว่ามันเมินกูเพราะอะไร”

ผมมองหน้ามัน

บางทีผมก็แอบคิดนะ ว่าน่าจะบอกความจริงมันไปซะให้จบ ๆ เรื่อง

“นี่มึงรู้รึเปล่าว่าพี่เป้เขาเพิ่งอกหักมา”
ผมแกล้งสร้างเรื่อง

จริง ๆ คือผมทนไม่ไหวแล้วครับ เหนื่อย นี่แค่วันแรกนะ วันต่อ ๆ ไปมันจะก่อสงครามโดยใช้ผมเป็นกำแพงเมืองจีนขนาดไหน เพื่อความสงบสุขของตัวเอง ผมต้องหาเรื่องปกป้องตัวเองบ้าง

“กะ กูไม่รู้”
ไอ้เต้ยมันทำหน้าเสีย 

มึงไม่รู้ก็ถูกแล้ว เพราะพี่มันไม่ได้อกหัก แต่รักใครคนนั้นไม่ได้ต่างหาก มันคงรู้สึกแย่ เพราะปกติมีอะไรมันจะรู้เรื่องเป็นคนแรกเสมอ

“ที่พี่มันมีอาการแบบนี้ เพราะเรื่องนี้แหละ คราวนี้มึงก็เลิกค้นหาคำตอบแล้วกลับบ้านไปได้แล้ว ปล่อยให้พี่มันทำใจสักพัก พอดีขึ้น เขาก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมเองแหละ”

“ใครวะ…”
มันถามเสียงแผ่ว

“หะ?”
คือเมื่อกี้ได้ยินไม่ถนัดฮะ 

“ใคร…ที่เป็นคนหักอกพี่เป้”
มันถามเสียงเครียด

มึงอย่าทำเป็นน้องผู้พิทักษ์พี่ชายที่แสนดีนะเว้ย

“มึงจะไปรู้ไหมเล่า ได้ยินพวกพี่ ๆ เขาพูดต่อ ๆ กันมาอีกที พี่มันไม่บอกใครหรอก รู้อีกทีก็อกหักไปแล้ว”
แหลครับ แหลไปก่อน

“กูยิ่งต้องรู้ให้ได้ ว่าคนคนนั้นเป็นใคร เผื่อกูจะได้ช่วยพี่มัน พี่กูเป็นคนดี ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่อยากรักหรอก กูว่าต้องมีเรื่องอะไรเข้าใจผิดกันแน่ ๆ”

เออเว้ย มึงนี่ก็ความพยายามเป็นเลิศนะเต้ย

แต่กูว่าอย่าเลย เรื่องบางเรื่องมันก็ยากที่จะทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาได้เหมือนกัน

“กูว่าอย่าเลย พี่เขากำลังพยายามตัดใจอยู่ พอพี่เขาตัดใจได้ มึงค่อยหาคนใหม่ให้พี่เขาก็ได้”

“ไม่ได้!!”
มันตอบจริงจัง

“ทำไม”

“มึงรู้ไหม พี่เป้ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ถ้าเป็นมากขนาดนี้ แปลว่าพี่เป้ต้องจริงจังกับคนนี้สุด ๆ เพราะงั้น กูจะช่วยให้พี่เป้สมหวัง ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม”

มึงมุ่งมั่นผิดประเด็นไปไหม

เหมือน ๆ ผม จะได้กลิ่นไอควันแห่งความยุ่งยากลอยคละคลุ้งไปทั่วเลยครับ

ใครก็ได้ ช่วยเกิดเป็นไอ้กายที

ไอ้กายเหนื่อย T^T       

..
..
..
..
..
..
..
..
“เหนื่อยไหม”
พ่อเดินเข้ามาเช็ดเหงื่อให้เบา ๆ ที่ข้างขมับ

“ไม่ฮะ แล้วเอ่อ.. เฮียละครับ”
ไม่ได้กระแดะครับ แต่เป็นกฎของผู้จัดการ ว่าถ้าจะให้พ่อมาช่วยงาน ต้องไม่เรียกพ่อหรือป๋า เดี๋ยวคนเขาจะรู้อายุจริง โกงอายุกันเห็น ๆ ครับ ผมเลยต้องเปลี่ยนจากเรียกป๋ามาเป็นเฮียแทน (ผมไทยแท้ครับ แต่พ่อชอบให้เรียกป๋า แกบอกดูคูลดี - - แต่แม่ไม่ให้เรียกหม้า ฟังดูแก่เกิน)

พ่อไม่ตอบครับ ฉีกยิ้มจนเห็นแสงสว่างเจิดจ้าจากความขาวของฟันกระแทกตา

“แหม สนิทกันดีจังเลยนะคะ”
ลูกค้าสาวสวยที่จด ๆ จ้อง ๆ จะงาบพ่อผมทักขึ้นเบา ๆ ผมหันไปยิ้มรับ พ่อถือวิสาสะคล้องคอผมเข้าไปกอด

“น่ารักใช่ไหมล่ะ”
พ่อจิ้มแก้มผมเบา ๆ

“แต่คนนี้น่ะ ผมจองแล้วครับ”
พ่อพูดอะไรคิดถึงคนฟังบ้างนะฮะ สมัยพ่อพูด อาจไม่คิด แต่สมัยนี้เขาคิดกันครับพ่อ

“ว้ายยยย!! จริงเหรอคะ เหมาะสมกันดีเนอะ”

ครับ ก็อย่างที่เห็น - -

เอ่อ.. คุณ ๆ ครับ
ผมเป็นป้อจาย ส่วนเฮียหน้าหล่อคนนี้เขาก็เป็นป้อจายเหมือนกัน

และที่สำคัญคือ เขาโกงอายุมา

และที่สำคัญมากไปกว่านั้น เขาเป็นพ่อผมเองครับ ปั้นผมมากับมือ (หรืออย่างอื่น?)

แต่ไอ้ที่กรี๊ดเมื่อกี้ ไม่ใช่ผู้หญิงคนที่ถามนะครับ มาจากน้อง ๆ โต๊ะข้าง ๆ ที่เพิ่งกลับมาจากเรียนพิเศษกัน เห็นนั่งทุบโต๊ะปั๊ก ๆ กรี๊ดใส่กันใหญ่

“ครับ ผมจองแล้ว”
พ่อผมหันไปบอก แล้วก็เดินหัวเราะร่วนจากไป ทิ้งผมเอาไว้ที่เดิม

เฮีย อย่ามาทิ้งระเบิดแล้วเดินจากไปง่าย ๆ อย่างนี้ซิครับ

ทำอย่างนี้ ผมจะหาเมียได้ไหม
..
..
..
..
..
..
..
..
การทำงานวันแรกผ่านพ้นไปด้วยดี ผมกับไอ้เต้ยถือว่าทำงานดีพอควร ผู้จัดการร้านชอบเอามาก ๆ (ก็นะ พี่เป้เล่นใช้ผมเอา ๆ ส่วนไอ้เต้ยก็ไม่ยอมแพ้ กลายเป็นแข่งกันทำงานซะงั้น) พรุ่งนี้ผมขอแลกเวรกับรุ่นพี่เพื่อไปดูงานภาพถ่าย ยังดีที่ผู้จัดการคุยกันง่ายหน่อย

แล้วอีกอย่าง แบ็คดีครับ พี่เป้รับปากว่าจะดูแลพวกผมตลอดการทำงาน

รายนี้เขาเป็นพนักงานดีเด่นประจำร้าน ตัวเรียกลูกค้าหลัก พูดอะไร ผู้จัดการเซย์เยสหมด

พอเลิกงาน ผมกับพ่อตกลงจะไปฉลองกันตามประสาพ่อลูก จริง ๆ ผมคะยั้นคะยอจนพ่อตกลงกลับบ้านกับผมได้ แต่ที่ผมไม่ได้บอกพ่อก็คือ ผมโทรไปขอให้แม่กลับมาอยู่ด้วย เพื่อฉลองที่ผมได้งานใหม่

สรุป ต่างคนต่างไม่รู้ว่ามีอีกฝ่ายอยู่ด้วย เสี่ยงพายุลงครับ แต่ไม่เป็นไร

แค่นี้…ผมยอม

ส่วนไอ้เต้ย มันถือคติด้านได้อายอด มันตื้อจะไปนอนกับพี่มันให้ได้ พี่เป้ไม่ยอม แต่มันก็ตื้อแหลกตามพี่มันต้อย ๆ ตอนนี้บอกตามตรง ผมไม่รู้ชะตากรรมครับ พี่เป้อาจพามันเข้าห้อง หรือไม่ มันก็ต้องระหกถีบก้นตัวเองกลับบ้านไป


พอกลับมาถึงบ้าน ผมกับพ่อก็ลงมือทำอาหาร ผมเหลือบมองนาฬิกา แม่บอกจะมาถึงในอีกหนึ่งชั่วโมง ถึงตอนนั้น ผมกับพ่อคงตั้งโต๊ะเสร็จกันพอดี

ผมยืนทำอาหารไปด้วยหัวใจที่เต้นระทึก

เอาวะ พายุก็พายุเถอะ

“กาย…รถใครอยู่หน้าบ้านน่ะลูก”
เสียงสดใสนำมาก่อนเลยครับ ผมกับพ่อกำลังช่วยกันร่อนแป้งทำขนมอยู่

“นาย!!”
แม่ชี้นิ้วใส่พ่อที่หน้าเปื้อนแป้งข้าวเจ้าไปแถบ

“เธอ!!”
พ่อใช้ถาดร่อนแป้งชี้กลับบ้าง

เอ่อ…พ่อครับ แป้งมันเปื้อนพื้นแน่ะ

“เข้ามาในบ้านฉันทำไม!!”
แม่เปิดบทฉะขึ้นมาก่อน

“จำได้ว่าผมเป็นคนซื้อบ้านหลังนี้เองนะ”

“แต่นายยกให้ฉันแล้วนะ”
ใช่ภาษาวัยรุ่นมากครับพ่อแม่ผม รับกับหน้าตาดีมาก ๆ

“ทำไมกลับเร็วจัง”
ผมแทรกสงครามขึ้นมากลางคัน แม่หันขวับมามอง ไม่ต่างกับพ่อ

คงรู้ครับ ว่าเป็นแผนของผม ผมหัวเราะแฮะ ๆ

“เพราะอยากมาฉลองกับลูก’สองต่อสอง’เร็ว ๆ ไง”
แม่เน้นคำว่าสองต่อสองหนัก ๆ

“ผมก็อยู่กับลูกมาสองต่อสองทั้งวันเหมือนกัน เนอะกายเนอะ”
พ่อผมเอาบ้างครับ

เอ่อ…อยู่ที่ร้าน เป็นเชือกให้พี่เป้กับไอ้เต้ยชักคะเย่อกัน อยู่ที่บ้าน เป็นเชือกให้พ่อกับแม่

โอ๊ย แล้วนี่ชีวิตกูจะรอดไปหาพี่เอกพรุ่งนี้ได้ไหม

สวรรค์เห็นใจครับ มือถือผมดังขัดสงครามสายตาของคนสองคนที่หันมาเตรียมจะขย้ำผมแล้ว ผมรีบรุดไปดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของพี่เอกนั่นเอง ผมรีบกดรับทันที

“พี่กายยย!!!!!!!”
ไม่ใช่เสียงพี่เอกครับ เป็นเสียงของสามสาวทโมน (เรียกตามพี่เอกมัน)

“คิดถึงพี่กายจัง พี่เอกอาบน้ำอยู่เราเลยแอบเอามือถือมากดโทรหา”
สามสาวรีบแย่งกันพูดเสียงดังจนผมต้องเอามือถือออกห่างจากหู

“อุ้ย!! พี่เอกออกมาแล้ว แค่นี้ก่อนนะคะ”
เสียงมือถือก็เงียบกลายเป็นเสียงตู้ด ๆ แทน 

อะไรกันวะ?

ผมหันกลับไปมองพ่อแม่อีกที แต่ต่างคนต่างสะบัดบ็อบใส่กันไปแล้วครับ ผมเดินไปคั่นระหว่างคนทั้งคู่

“พ่อครับ แม่ครับ”
ผมเรียกรวบยอด
“ผมขอสักวันนะฮะ ผมอยากกินข้าวกับพ่อกับแม่ พ่อกับแม่ไม่ต้องทำตัวเป็นคนรู้จักกันก็ได้ คิดซะว่าเป็นคนแปลกหน้า”
ผมเสนอ

“เอางี้ป๋าเป็นเฮียเหมือนอยู่ที่ร้าน ส่วนแม่เป็นเจ้ นักเขียนสุดติสที่ไม่ใช่แม่ผม ทำใจลำบากเหมือนกันมีพ่อกับแม่หน้าอ่อนเนี่ย เพราะงั้น พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นพ่อแม่ผมชั่วคราว เป็นเฮียกับเจ้ได้ไหม”

เงียบครับ ไม่มีสัญญาณตอบกลับ ผมรีบรุกฆาตทันที

“วันนี้ผมไม่อยากกินข้าวคนเดียว เพราะงั้น เฮียกับเจ้มาทานข้าวเป็นเพื่อนผมที”
ผมรีบเสริมด้วยการสั่งให้ท้องร้องจ็อก ๆ

หึ ๆ พูดไปงั้นแหละ ที่ร้องเนี่ย คือผมหิวจริง ๆ ครับ

พ่อหลุดขำหน่อย ๆ พอ ๆ กับแม่ ก่อนจะสะบัดหน้าไปคนละทางสองทาง

ทิฐิสูงกันจริง ๆ

“ก็ได้ เพื่อกายนะเนี่ย”
พ่อพูดก่อน

แม่จิ๊ปากทำหน้าหมั่นไส้

“ก็ได้ ถ้าไม่ใช่เพื่อกาย แม่ไม่รีบตีเครื่องบินมาหรอก กำลังได้ฟิวเลย”
แม่บ่นหงุมหงิม

ผมอมยิ้ม ถึงจะยังไง ผมก็มั่นใจว่าเป็นลูกรักของพ่อกับแม่อยู่วันยังค่ำ

“งั้นเรามาทำขนมกันดีกว่าฮะ”
ผมบอกอารมณ์ดี หันไปบอกให้พ่อร่อนแป้งต่อ แต่ก็นะ คนไม่เคยเข้าครัว แทนที่จะร่อน กลับกลายเป็นราดแป้งเต็มพื้นซะมากกว่า

“ทำอะไรของนาย!! แป้งเลอะบ้านหมดแล้ว!!”

“ก็ร่อนแป้งน่ะสิ เห็นเป็นยืนทาแป้งให้ศพรึไง”
ปากพ่อผมครับ ผมได้เชื้อมาจากเฮียแกนี่แหละ

“อืม คงจะจริง ทำได้ดีมาก ครั้งหน้าร่อนใส่หน้าตัวเองนะ น่าจะเหมาะกว่า”
แสบครับ แสบทั้งคู่

“เธอเองก็เหมือนกัน ตีนกาเริ่มถามหาแล้วนี่”
ตีนกาแม่กระตุกทันที พูดอะไรพูดได้ครับ แต่อย่าไปยืมตีนคุณกามาข้องแวะ ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน

“นายก็เหมือนกัน ร่อนแป้งใส่ถาดสิ ไม่ใช่ใส่หัว ให้มันขาวโพลนขนาดนั้น”

ผู้ชาย อย่าหยามเรื่องผมขาว พ่อกัดกลับไปอีกหลายดอก
ส่วนผมก็ปล่อยให้พวกเขาช่วยกันทำขนมผสมน้ำลายกันไป

น่าจะอร่อยนะครับ ยังไงก็น้ำลายพ่อแม่ ผมไม่ถือ หึ ๆ ๆ
..
..
..
..
..
..
..
..
“กาย”
ผมที่กำลังยืนทอดอารมณ์มองวิวยามค่ำคืนอยู่ในสวนหันไปตามเสียงเรียก

พ่อครับ เดินออกมาในชุดนอนสีน้ำเงินเข้ม กระดุมสีดำเรียงกันเป็นแถว แหวกหน้าอกออกนิด ๆ ดูเท่ดี ผมรีบเดินเข้าซุกอกกว้างทันที

“เรานี่น้า โตจนเป็นหนุ่มแล้วนะ ยังอ้อนพ่อเป็นเด็ก ๆ ไปได้”

“โธ่พ่อครับ พ่อไม่ได้อยู่ให้ผมอ้อนนาน ๆ สักหน่อย ขออ้อนทดแทนช่วงเวลาที่หายไปหน่อยสิ”

“หึ พ่อจะย้ายมาทำงานใกล้ ๆ แล้วนี่”

“อันนั้นเรื่องของอนาคตครับ ตอนนี้ ผมขออ้อนก่อน”
ผมยืนซุกอกพ่อ พ่อยิ้มอบอุ่น โอบผมไว้ทั้งตัว ก่อนจะได้ยินเสียงใครอีกคนเดินตามมา

“อกแม่ไม่น่าซุกรึไงถึงได้ไปซุกแต่อกคนอื่น”
แม่จิกอีกดอก แต่พ่อไม่สน กดหัวผมแนบกับหน้าอกแกมากขึ้นจนผมหายใจแทบไม่ออก

โธ่.. ขอผมซึ้งสักห้านาทีก่อนได้ไหม

“อกผมมันกว้างอะนะ ลูกเลยซบได้สบาย ๆ”

“อกฉันก็อบอุ่นเหมือนกันละย่ะ”
แม่เถียงบ้าง

“มันจะอุ่นเหรอ ผ่านมาตั้งหลายปี ถึงภายนอกจะยังสาว แต่ผมว่า ข้างในอาจจะต่องแต่งแล้วก็ได้”

แดงครับ แม่หน้าแดงแป๊ดเลย

“อีตาบ้า ฉันสาวทั้งข้างนอกข้างในย่ะ ไม่ได้มาเปิดดูจะรู้ได้ไง”
พูดเองหน้าแดงเอง

หลุดครับ แม่ผมหลุด

ผมหัวเราะหึ ๆ กับอกพ่อ

“บังเอิญไม่อยากดู กลัวเสียสายตา ไปหาอกสาว ๆ ดูดีกว่า”

“งั้นก็รีบ ๆ ไปซะสิ มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวแม่แตงอะไรนั่นก็นั่งลิ้นห้อยรอหรอก”

เอ่อ…
แม่ครับ คุณแตงเขาเป็นคนไม่ใช่หมา และที่สำคัญ พ่อเลิกกับคุณแตงแล้ว

ผมกำลังจะอ้าปากบอก แต่พ่อกดหน้าผมไว้กับอก ผมเลยได้แต่อู้อี้ พูดไม่เป็นภาษา

“แน่นอนสิ ก็เขาทั้งสาวทั้งสดกว่าคุณ”
พ่อยื่นหน้าไปพูดกับแม่ ผมแอบเห็นเขี้ยวแม่งอกออกมาด้วย

“กาย เจ้ง่วงแล้ว ไปนอนเป็นเพื่อนเจ้ที”
รับบทเดิมไปแสดงครับ เธอกำลังระงับอารมณ์ไม่งาบหัวพ่ออยู่

“กายนอนกับเฮียดีกว่า อย่านอนกับผู้หญิงแก่ ๆ เลยนะ”

“นอนกับเจ้ดีกว่า”

“นอนกับเฮียดีกว่า”

“นอนกับเจ้!!”
แม่กระชากผมออกไปหาแก

“นอนกับเฮีย!!”
พ่อดึงผมกลับ

ผมย่อตัวลงหลบคนทั้งคู่ เดินไปยืนอยู่ห่าง ๆ

“เอางี้”
ผมรีบเบรก
“ผมว่า พวกเราสามคนไปนอนด้วยกันเลยดีกว่า เหมือนตอนเด็ก ๆ ไง ผมนอนตรงกลางเอง”
ผมเสนอชิว ๆ

“ไม่!!/ไม่!!”
โห ประสานเสียงกันดีสุด ๆ

เฮ้อ!!
ความหวังที่จะมีน้องของผมคงหมดสิทธิ์แล้วใช่ไหมเนี่ย

โจโฉกำลังปะทะเล่าปี่ เสียงแตรห้ามทัพจากมือถือรุ่นเก่าของผมก็ดังแทรกเข้ามาอีก ผมล้วงหยิบขึ้นมาดู พอรู้ว่าเป็นใครผมทิ้งสองพ่อแม่เดินเลี่ยงลึกเข้าไปในสวนทันที

“พี่เอก”
อัตโนมัติอีกแล้วครับ

“ทำอะไรอยู่”
เหมือนได้ยินเสียงจากเทวดาบนสวรรค์จริง ๆ วันนี้เป็นวันที่แสนวุ่นวายที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา พอได้ยินเสียงแบบนี้แล้วมันดีใจครับ ผมทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งภายในซุ้มไทรไม้ยามค่ำคืน ที่นี่แม่ทิ้งตระไคร้หอมไว้ทั่วบริเวณ ดึกขนาดไหนก็ไม่มียุงหาม

“กำลังห้ามทัพสงครามระหว่างเล่าปี่กับโจโฉอยู่”

ได้ยินเสียง ’หะ’ ด้วยความแปลกใจจากปลายสาย ผมหัวเราะหึ ๆ

งงละสิ

“พี่ยังไม่นอนอีกเหรอ”

“กำลังจะหลับ แต่อยากได้ยินเสียงนายก่อนนอน”

ไหม้ครับ

ได้กลิ่นไหม้จากหน้าตัวเองลอยคลุ้งขึ้นมากลาย ๆ

“ได้ยินแล้วนี่”
ผมพูดแล้วเงียบ

ได้ยินเสียงพี่มันหัวเราะหึ ๆ

“แล้วพี่จะไปรับ”

“ไปรับผมห้าโมงเย็นก็ได้ ผมแลกเวรได้ตอนนั้น”

“อือ”
พี่แกตอบรับ

“ราตรีสวัสดิ์”
พูดแค่นั้นแล้วแกก็กดวางสายไป

“อะไรวะ โทรมาแค่เนี่ย”
ผมมองมือถือยิ้ม ๆ ก่อนได้ยินเสียงโครมจากอะไรสักอย่าง ผมหันไปมอง

พ่อกับแม่ครับ แม่นั่งจับกบอยู่ที่พื้นโดยมีพ่อคร่อมอยู่ด้านบนอีกที สองคนเงยหน้าขึ้นมายิ้มเจื่อน ๆ มองผม

มาแอบฟังผมคุยโทรศัพท์ล่ะสิเนี่ย

“แฟนใช่ไหม”
พ่อถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ใครอ่ะ”
แม่รีบเสริม

สงสัยอยากเห็นว่าที่ลูกสะใภ้ เพราะตั้งแต่จำความได้ ผมยังไม่เคยพาใครมาแนะนำสักคน ยกเว้นปรึกษาว่าชอบคนนู้นคนนี้น่ะนะ

“อยากเห็น/อยากเห็น”
ประสาน เป็นเสียงเดียวกัน พูดจบสองคนก็หันไปมองหน้ากันเอง และดูเหมือนพวกเขาจะเพิ่งรู้ครับ ว่าล้มทับกันอยู่ และท่ามันก็เหมือน ๆ กับพ่อกำลังกอดแม่ไว้ด้วย

พ่อรีบดีดตัวออกจากแม่ทันที

โหย ทำเหมือนไม่รู้จักร่างกายกันมาก่อนเลยเนอะ แล้วไอ้ที่ปั๊มผมมาเป็นตัวเป็นตนนี่ทำกันอีท่าไหนครับ

“ว่าแต่ ใครเหรอลูก”
พ่อถามอีกที เฮียหายไปแล้วครับ กลายเป็นพ่อแทนแล้ว

“สวยไหม”
แม่ถามต่อ

“แฮะ ๆ”
ผมตอบไม่ได้ครับ ได้แต่ยิ้มเก้อ

“อายล่ะสิ อายมาก ๆ เดี๋ยวก็ชวดเหมือนคนที่แล้ว ๆ มาหรอก ชอบใครก็รีบบอก ๆ เขาไปเถอะ อมพะนำมาก ๆ เดี๋ยวก็หลุดมือไปอีกหรอก”
แม่ผมพูดเป็นจริงเป็นจัง

“เหมือนที่แม่กับพ่อเป็นกันอยู่ตอนนี้ใช่ไหมฮะ”
ผมพูดขึ้นมาดื้อ ๆ พวกเขาสองคนสะอึกครับ มองหน้ากันแวบหนึ่ง แล้วต่างคนก็ต่างสะบัดหน้าเขยิบออกไปยืนอยู่ห่าง ๆ กันคนละก้าว 

ผมถอนหายใจแรง

ดูท่า กว่าจะลงตัว คงอีกนาน

เฮ่อ!


TBC...

หลังจากถูกเด็กดีแปะแผ่นกระดาษด้วยกากะบากสีแดงอันใหญ่ ๆ ไว้บนหน้าผาก "ออกไป!" คนเขียนกับพวกพ้องอีกจำนวนหนึ่งก็ต้องพากันหอบผ้าหอบผ่อนมองหาบ้านใหม่กันจ้าละหวั่น มีคนแนะนำให้มาที่นี่กันเยอะ จริง ๆ แอบอยู่ที่นี่นานล่ะ แต่คิดว่าวันนี้ น่าจะก้าวออกไปแนะนำตัวกับเจ้าบ้านพร้อมเพื่อนร่วมบ้านบ้าง

ทักท่ายทุกคนค่ะ คนเขียนชื่อพี่มิวเน้อ ส่วนนิยายเรื่องนี้ชื่อน้องคิส ฝากเนื้อฝากตัวกันด้วยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 27 วันอันแสนวุ่นวาย [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: NJnobu ที่ 20-08-2013 22:10:06
ทำไม"ที่นู่น" เค้าใจร้ายจัง :a5: งันก็มาอยู่บ้านหลังนี้แหละคราบ

+ ให้พี่มิวเน้อ  :3123: :pig2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 27 วันอันแสนวุ่นวาย [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: 42311266 ที่ 20-08-2013 23:45:48
รอตอนต่อไปค่าาา   ย้ายมาอยู่นี่ดีแล้วค่ะ เราเข้าไปเวปนั้นเจอยันแปะไว้ใจแป้วเลย ไม่รู้จะไปตามอ่านที่ไหน

มาต่อเร็วๆนะคะ เรื่องน่ารักดีค่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 27 วันอันแสนวุ่นวาย [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 20-08-2013 23:57:46
 :mew1:

เปิดตัวเถอะทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 27 วันอันแสนวุ่นวาย [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: makampom_yun ที่ 24-08-2013 01:07:45
 o18 o18 o18 หนุกมากมายยยยยย ชอบพี่เอกกกกก ร๊ากน้องกายยยยยยย

ขอบคุณนักเขียนมากๆๆๆนะคะ ที่แต่งนิยายสนุกๆๆแบบนี้

อยากอ่านตอนต่อไปปปปป  :z2: :z2:

หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 27 วันอันแสนวุ่นวาย [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 30-08-2013 15:00:22
เหมือนกันเลย แบนตัวเบอร์เร่อ ยอมรับก็ได้ว่าเขียนเรทหนักไปหน่อย แต่ ชิ!  :m31: ไม่สบอารมณ์โ้ว้ยย.ย.ย.ยย.ย.!!!!!  สุดท้ายขี้เกียจไปนั่งแก้แบน แล้วกะว่าจะรีไรท์ใหม่ เลยยังไม่ได้เริมซักที  :hao3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 27 วันอันแสนวุ่นวาย [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: ความรักเหมือนดอกมะนาว ที่ 30-08-2013 18:56:40
มาต้อนรับเข้าเล้าเป็ดค่า

ปล. คนเขียนชื่อมิว แต่เราเรียกเหมียวอยู่นาน หน้าแตกเพล้งๆ  :-[
หัวข้อ: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ :28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 31-08-2013 22:33:29
Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #28
ตอน : คู่แข่ง

[เอก...☼]
 





 
วันนี้ผมต้องไปรับไอ้ตัวเล็กไปดูภาพถ่ายครับ กว่าจะออกจากบ้านได้ ต้องเสียเวลานั่งแงะพวกลิงทโมนกันอยู่นาน เพราะพวกมันอยากตามมาด้วย
 
แต่เรื่องอะไรผมจะยอม มีโอกาสได้อยู่กับไอ้ตัวเล็กมันทั้งที 
 
ผมไปหามันที่ร้านตอนห้าโมงเย็น ลูกค้าเยอะพอดี มันเลยบอกให้ผมรอก่อน ผมก็ไม่ว่าอะไร มันรีบวิ่งวุ่นไปช่วยไอ้เต้ยรับออเดอร์ วันนี้วันอาทิตย์ด้วย คนเยอะครับ ไอ้เป้เดินเข้ามาทักสองสามคำแล้วก็เดินไปทำงานต่อ


 
ผมนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับการแต่งบ้านที่วางอยู่บนโต๊ะไปเรื่อย ๆ จนได้ยินเสียงแชะอันคุ้นเคยถึงได้เงยหน้ามอง
 
ไอ้ตัวเล็กครับ มันอยู่ในชุดไปรเวทเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนสีซีด คล้องกล้องตัวเดิมไว้ที่คอ ผมทำหน้าแปลกใจนิดหน่อย ไม่คิดว่ามันจะเลิกงานแล้ว สงสัยมัวอ่านหนังสือเพลินเลยไม่ได้สังเกต
 
“เลิกงานแล้วเหรอ” ผมถาม มันพยักหน้ารับ

“พี่เอกหล่อดี” 
มันพูดขึ้นมาดื้อ ๆ ผมนี่แทบไปไม่เป็นเลย เวลามันถือกล้อง นอกจากจะยิ้มเก่งแล้วยังปากหวานอีกต่างหาก
 
“งั้นเราไปกันดีกว่า”
ผมวางเงินไว้บนโต๊ะ แต่มันหยิบคืนให้ผมเหมือนเดิม
 
“ผมจ่ายแล้วฮะ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”
 
ผมเลิกคิ้วมอง
 
“แต่พี่ต้องจ่ายมื้อเย็นแทน”
มันยิ้มเจ้าเล่ห์จับทางผมไว้ ผมหัวเราะหึ พามันเดินออกจากร้าน ระหว่างทาง หันไปทักไอ้เป้กับไอ้เต้ยมันนิดหน่อย
 
สงสารไอ้เป้ครับ น้องมันติดมันแน่นหนึบยิ่งกว่ากาวตราช้างซะอีก
 
ทำใจให้ได้เร็ว ๆ นะเป้
 
 
 

 
 
ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเราก็พากันมายืนอยู่หน้าตึกตึกหนึ่ง ลักษณะคล้ายห้างนั่นแหละ มีห้าชั้น ตรงกลางเปิดโล่งจนเห็นเพดาน ชั้นล่างสุดมีพวกของที่ระลึกและงานศิลปะบางอย่างขาย ส่วนชั้นอื่น ๆ ก็แยกโซนกันไปจัดงานศิลปะ
 
ภาพถ่ายของกายน่าจะอยู่ชั้นสาม วันอาทิตย์แบบนี้ คนเยอะน่าดู   
 
พอไปถึง ไอ้ตัวเล็กก็ตาวาวรีบฉุดผมให้ไปดูภาพถ่ายกับมันตั้งแต่ปากทางเข้ากินลึกเข้า ไปภายใน ที่นี่ห้ามถ่ายรูป การ์ดทางเข้าเลยยึดกล้องมันไปเก็บ
 
พวกเราเดินดูภาพกันไปเรื่อย ๆ จนมีใครบางคนเดินเข้ามาทัก 

 



“You…”
 
พวกผมสองคนหันไปมอง
 
เป็นฝรั่งครับ ผมสีทองตาสีฟ้า ตัวสูงพอ ๆ กับผมนี่แหละ

 



“You are the man in that Picture?”
เขาชี้มือไปที่ภาพถ่ายโซนหนึ่ง ซึ่งมีภาพของไอ้ตัวเล็กเรียงกันอยู่สามภาพ

 



“Right?”
เขาถามย้ำอีกที ผมทำท่าอึดอัดอยากปฏิเสธ
 
“I know that is you because you look like the sun” เขาบอกว่าเป็นผมแน่ ๆ เพราะผมเหมือนพระอาทิตย์
 
ตรงไหนของกูเหมือนพระอาทิตย์กันวะ
 
เหม่งกูก็ยังไม่มี =*=

 



“Yes, he is”
เสียงของใครอีกคนตอบขึ้นมาแทน ผมกับไอ้กายหันไปมอง
 
ไอ้คุณชรินทร์ครับ
 
มันเดินยิ้มมาแต่ไกล พอมาถึงก็จับไม้จับมือกับฝรั่งคนนั้นเพื่อทักทาย ตอนแรกคิดว่าเป็นลูกค้าของมัน แต่ที่ไหนได้ เป็นช่างภาพเหมือนกัน 
 
ฝรั่งคนนั้นเขาสนใจผม อยากให้ผมไปเป็นนายแบบให้
 
“ไม่ละครับ ผมไม่ชอบถ่ายรูป”
ผมปฏิเสธไปตรง ๆ ไอ้ตัวเล็กหันมามอง ผมก้มกระซิบข้างหูมันเบา ๆ
 
“ยกเว้นถ้านายเป็นช่างภาพน่ะนะ”
มันหน้าแดงใหญ่เลย ผมอมยิ้ม เหลือบมองไอ้คุณชรินทร์ จริง ๆ ผมจงใจแสดงความใกล้ชิดแบบเปิดเผยต่อหน้ามันน่ะ และมันคงจะฉลาดพอที่จะเดาออก

 



“And you…?”
พอหมดเรื่องผม ฝรั่งคนนั้นก็หันไปสนใจกายต่อ
 
“คนนี้เขาเป็นเจ้าของภาพพวกนี้แหละ” ไอ้คุณชรินทร์มันแนะนำต่อ
ฝรั่งคนนั้นแสดงสีหน้าตื่นเต้นแบบโอเว่อร์แอ็คติ้ง (แต่ธรรมดาสำหรับคนบ้านเขาน่ะนะ) จับมือกายเขย่าขึ้นลงแรง ปากก็พร่ำชื่นชมไม่มีหยุด
 
เห็นบอกว่าภาพของกายเป็นที่รู้จักกันอย่างมากที่ประเทศมัน แถมยังชวนเจ้าตัวเล็กไปทำงานด้วยอีก แต่มันก็ยังยืนยันเจตนารมณ์เดิมของตัวเอง มันไม่อยากทำเป็นอาชีพ นิด ๆ หน่อย ๆ พอได้
 
พอฝรั่งคนนั้นไป ไอ้คุณชรินทร์ก็เข้าประชิดตัวกายทันที
 
“พี่ถ่ายภาพเซตใหม่ด้วย กายจะดูไหม”
 
ไอ้ตัวเล็กตาวาว แล้วมันก็เดินไปกับไอ้คุณชรินทร์ลืมผมไปเลย
 
มันพาผมมา แล้วมันก็ลืมผม แต่ผมก็พยายามทำหน้านิ่ง ๆ ปล่อยให้พวกมันเดินคู่กันไป
 
ผมเห็นกับตาครับ ว่าไอ้คุณชรินทร์มันแอบแต๊ะอั๋งกายด้วย ไอ้นี่มือไวฉิบ (แต่ก็ลืมไป ว่าตัวเองก็มือไวเหมือนกัน)
 

“พี่อยากให้กายมาทำงานด้วย”
มันชวนอีกที
 
“ไม่เอาดีกว่าฮะ แต่เอาไว้เมื่อไหร่ผมอยากทำขึ้นมาจริง ๆ ผมจะบอกละกัน”
 
ไอ้คุณชรินทร์มันยิ้มหล่อหว่านเสน่ห์ให้ไอ้ตัวเล็ก ยังไม่ทันได้ม่อต่อ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหามาพร้อมผู้ชายที่ดูภูมิฐานคนหนึ่ง คงเป็นลูกค้ามาติดต่องาน
 
“พี่ขอตัวก่อนนะ”
พอมันเดินจากไป ไอ้ตัวเล็กถึงได้หันมาหาผม 
 
“เบื่อไหม”
มันถามผมด้วยน้ำเสียงห่วงใย 
 
“ไม่เป็นไร พี่จะคิดค่าเสียเวลาทีหลัง”
ผมตอบมันไปเรียบ ๆ
 
มันมองหน้าผมงง ๆ คงไม่เข้าใจ ผมเลยทำสายตากรุ้มกริ่มแทน มันเข้าใจทันที รีบเสมองไปทางอื่นหน้าแดง ๆ
 
ผมอมยิ้ม
 
แล้วมันก็พาผมเดินดูภาพถ่ายต่อจนทั่วทั้งชั้น แถมยังเลาะเลยไปยังชั้นอื่น ๆ ของตึกแกลอีกต่างหาก
 




กว่าจะดูกันหมด ปาเข้าไปเกือบสองทุ่ม จริง ๆ ถ้าผมดูคนเดียว ผมคงใช้เวลาแค่สิบหรือไม่ก็ยี่สิบนาที แต่เวลามันดู มันจะตั้งหน้าตั้งตาดูจริง ๆ จัง ๆ บางภาพเห็นมันยืนมองเป็นนานสองนาน มันอยากเดินต่ออีก แต่ผมเมื่อย ไม่ถนัดดูของพวกนี้ด้วย เลยปล่อยให้มันเดินคนเดียวแล้วตัวเองก็มานั่งจิบกาแฟในร้านขายเครื่องดื่ม ภายในแกลลอรี่นั่นแหละ 
 
นั่งอ่านหนังสืออยู่เพลิน ๆ ก็มีใครบางคนเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ตอนแรกก็คิดว่าเป็นกาย แต่ที่ไหนได้...
 
“น่ารักดีนะ”
มันพูดขึ้นมาสั้น ๆ ผมพยายามมองหาความหมายของคำพูดนั้น มันไม่ตอบ แต่ดวงตามันมองตรงไปยังคนคนเดียว
 
ผมเข้าใจทันที และไม่ตอบอะไรเช่นกัน

 
ผมกับมันต่างคนต่างนั่งเงียบ จนผ่านไปถึงสองทุ่มครึ่ง ไอ้ตัวเล็กถึงได้เดินกลับมา
 
“ขอโทษนะฮะพี่เอก รอนานเลย”
ผมพยักหน้าทีเดียว บอกตามตรง ไม่เคยรอใครนานขนาดนี้มาก่อนเลยจริง ๆ ขนาดกับพวกทโมน ถ้าช้ามาก ๆ ผมก็เคยทิ้งให้พวกมันกลับกันเองมาแล้ว

             
"คิดว่าพี่กลับไปแล้วซะอีก"
ประโยคนี้มันไม่ได้พูดกับผมครับ มันหันไปพูดยิ้ม ๆ กับไอ้คุณชรินทร์ ไอ้หมอนั่นก็ยิ้มรับตาเชื่อม
 
“พี่หิวรึยัง” มันละสายตาจากไอ้คุณชรินทร์มาถามผม
 
“ข้างบนมีร้านอาหารน่ากินอยู่ พี่จะพาไปกิน”
ยังไม่ทันที่ผมจะตอบ ไอ้คุณชรินทร์ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

ผมแอบด่ามันอยู่ในใจ ไอ้ตัวเล็กมันชวนกูโว้ยไม่ได้ชวนมึง กายรีบหันไปยิ้มหวานตอบรับทันที

ไอ้นี่ก็ช่าง..=*=

ผมแอบกำหมัดหน่อย ๆ พยายามสงบใจ ท่องไว้

อดทน..อดทนโว้ย!!


 
มันพาพวกเรามานั่งกินอาหารกันชั้นบนสุดของตึกแกลนั่นแหละ เพิ่งรู้ว่ามีร้านอาหารบรรยากาศดี ๆ แบบนี้อยู่ แต่ราคาสำหรับไอ้ตัวเล็กคงหูตั้ง
 
ปกติมื้อเย็นผมจะกินไม่เยอะ เลยสั่งมากินแค่จานเดียว ไอ้ตัวเล็กหันมามอง
 
“พอเหรอพี่เอก”
 
“อืม กินแค่นี้แหละ มีอาหารอย่างอื่นต้องกลับไปกินต่ออีก”
ผมพูดเรียบ ๆ แต่มันคงเข้าใจ มันกลับไปนั่งกินต่อโดยไม่สนใจถามอะไรผมอีกเลย ผมอมยิ้ม 
 
กูรู้ว่ามึงอาย
 
“ลองนี่สิกาย อร่อยนะ”
ไอ้คุณชรินทร์มันตักเนื้อปูแน่น ๆ มาใส่จานไอ้ตัวเล็กครับ ผมแทบจะลุกไปตั๊นหน้ามัน แต่ก็พยายามเก็บมือเก็บไม้ (รวมถึงอุ้งทีนที่กำลังกระตุกยิก ๆ ข้างล่างด้วย =*=)
 
“ขอบคุณฮะ”
 
“วันหน้าพี่จะชวนกายไปดูแกลของเพื่อนพี่นะ”
 
ไอ้ตัวเล็กตาวาว
 
“จริงเหรอฮะ ไป ๆ”
ทำตัวเป็นเด็กขึ้นมาทันทีเชียว

ผมนั่งระงับอารมณ์ ภายนอกอาจจะดูนิ่ง ๆ ทั้งที่ภายในกำลังเดือดปุด ๆ

 
ผ่านไปเกือบสี่ทุ่ม ผมก็ชวนมันกลับ
 
“ไว้เจอกันนะ" ไอ้คุณชรินทร์มันบอกลา
 
“ฮะ”
ไอ้ตัวเล็กรับปาก โบกมือล่ำลาเหมือนจะจากกันไปไหนไกล ๆ
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
สี่ทุ่มตรง รถผมกำลังทะยานออกจากชั้นใต้ดินของตัวตึกสู่ท้องถนน รถราบางตากว่าช่วงกลางวันเยอะ
 
“พี่เอก ไปบ้านผมไหม”
เท้าผมแตะเบรกทันทีที่มันพูดจบ ผมหันไปมอง มันไม่ได้สนใจความผิดปกติของผมเพราะมัวแต่มองทางอยู่ ผมตีนิ่ง เคลื่อนตัวรถไปด้านหน้าอีกที รอฟังว่ามันจะพูดอะไรต่อ
 
“ผมมีบางอย่างอยากให้พี่ดู”
มันหันมาบอก

 



อ้าว.. กูก็คิดว่ามึงจะเป็นฝ่ายชวนกูขึ้นเตียงก่อน
 
เสียเส้นฉิบ
 
“อะไร” ผมถามสั้น ๆ
 
“อยากให้พี่ไปดูเอง”
มันบอกแค่นั้น ผมเลยจำใจต้องเลี้ยวขวาไปบ้านมันแทนที่จะเลี้ยวซ้ายพามันเข้าคอนโด
 




แม่มันไม่อยู่บ้านครับ คงบินไปเชียงใหม่แล้ว มันเดินนำผมขึ้นห้อง ผมชอบบ้านมันนะ บรรยากาศไทย ๆ ดี ลมเย็นแทบจะตลอดคงเพราะต้นไม้เยอะ
 
มันวางกล้องที่คอไว้บนโต๊ะ เดินไปหยิบโน้ตบุคมาเปิด ผมนั่งรอมันข้างเตียง สักพักมันก็เดินมานั่งข้าง ๆ
 
“เห็นแล้วอย่าตกใจนะ”
มันพูดยิ้ม ๆ ผมพยักหน้าส่ง ๆ
 
มันนั่งหันหน้ามาทางผม แล้วพลิกโน้ตบุคหันมาทางผมตาม สิ่งที่เห็นก็คือ.. ภาพถ่ายที่กำลังเลื่อนสไลด์แบบอัตโนมัติ และคนในภาพนั้นทั้งหมด…
 
เป็นผมเอง
 

ผมนั่งตาค้าง
 
ไม่ได้ค้างที่เห็นตัวเอง แต่กำลังค้างไปกับภาพความสวยงามที่เห็น ตัวผมในหลากหลายชุดและหลากหลายอิริยาบถ
 

ผมจ้องมองตัวเองในชุดสูทสำหรับออกงานยืนเท่มีแก้วไวน์อยู่ในมือภายใต้แสงไฟสี ส้มสลัวที่คิดว่ามันน่าจะมาปรับแสงอีกที หรือไม่ตอนที่มันถ่ายมันก็น่าจะเล็งแสงที่มืดกว่าเดิม เสี้ยวหน้าด้านข้างดูดีจนผมเผลอสะกดดวงตามองตาม
 

มีเซตภาพตอนที่ผมใส่เสื้อเชิ้ตสีเขียวริมหาดด้วย ภาพผมที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม บางภาพก็ทำหน้านิ่ง ๆ บางภาพก็ทำหน้าบูดสนิทแต่ก็ดูดีในสวนของรีสอร์ทไอ้มอ

 
ต่อมาเป็นภาพผมในชุดคลุมอาบน้ำสีเลือดหมูบนโซฟาสีน้ำตาลอ่อนของบ้านมัน มีฉากหลังเป็นงานศิลปะแบบไทย ๆ ถ้าคุณมายืนอยู่ในบ้านมันตอนนี้ ก็ดูสวยอยู่แล้ว แต่มันสามารถดึงความเด่นของพื้นที่มาใช้เป็นฉากหลัง เสริมให้ตัวบ้านดูสวยงามน่ามองขึ้นกว่าเดิมอีก
 
ทำให้ผมนึกถึงพวกช่างภาพที่ถ่ายแบบบ้าน หรือช่างภาพมืออาชีพ ที่สามารถรังสรรค์ห้องที่ดูธรรมดา ให้กลายเป็นห้องที่น่ามองขึ้นมาทันที
 
แต่สิ่งที่สะกดสายตาผมไว้ ไม่ใช่บรรยากาศโดยรอบ แต่เป็นดวงตาเอาเรื่องคล้ายมาเฟียของนายแบบมากกว่า

 



และภาพก็วิ่งมาถึงเซตสุดท้าย ตัวผมเองในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวไร้กระดุม นั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงขาว ดวงตาสีดำเจ้าเสน่ห์ที่ใคร ๆ ก็ชอบ มองตรงมาด้านหน้าอย่างยั่วยวน และอีกหลากหลายอิริยาบถที่ผมมองแล้วบอกได้คำเดียว…

 



นั่นไม่ใช่กู
 

แต่มันก็ผมน่ะนะ
 
ผมมองภาพสไลด์มากมายเหล่านั้นจนมันเลื่อนมาจบที่ภาพแรก ผมเงยหน้ามองคนถ่ายอีกที
 
“พี่ชอบไหม”
 
ผมส่ายหัว มันทำหน้าเสีย ค่อย ๆ หันโน้ตบุคกลับไปทางมัน ผมปิดฝาโน้ตบุคมันลง หยิบมันไปวางไว้ข้าง ๆ จับไอ้ตัวเล็กกดลงกับเตียงแล้วคร่อมมันไว้ มันทำหน้าตื่นทันที
 
“พี่ไม่ชอบ”
ผมปล่อยรังสีคุกคามเต็มที่ ตัวมันหงอราบไปกับผืนที่นอน หน้ามันซีดใหญ่
 
“ขอโทษที่ผมฝีมือไม่ดี”
มันหลุบเปลือกตาอ้อมแอ้มขอโทษ ผมอมยิ้ม

 



“พี่ไม่ชอบ.. เพราะไอ้หมอนั่น.. ที่อยู่ในภาพนั้น…”
ผมก้มหน้าลงต่ำ ทำหน้าให้ดูขึงขังเฉยชายิ่งกว่าเดิม มันช้อนสายตาหวาด ๆ ขึ้นมอง ผมกระตุกยิ้ม
 
“มันหล่อกว่าพี่”
 
มันกระพริบตาปริบ ๆ ประมวลคำพูดผมใหญ่
ผมไม่เปิดโอกาสให้มันคิดได้ครับ ประกบปากมันทันที มันครางอู้อี้ท้วง ผมรีบรุกหนักจนมันหอบ

 



“ดะเดี๋ยว!”
มันผลักผมออกเบา ๆ ผมละจากปากมันไปยังซอกคอ
 
อยากพูดพูดไป กูฟังอยู่
 
“ขอคุยด้วยก่อน”
มันพยายามดันหน้าผมออก ผมเงยหน้ามอง คิ้วขมวดที่มันขัดใจ
 
กูไม่อยากเอาแต่ใจนะ แต่กูกำลังนี้ด มึงเข้าใจไหม
 
“พูดมา”
ผมอนุญาต มือไม้ก็ไม่อยู่เฉย จับตรงนู้นนิดลูบไล้ตรงนี้หน่อย ทำเอามันสะดุ้งโหยงไปหลายรอบ บางจุดก็ครางซะเพราะพริ้งเลย
 
กูเพิ่งรู้ว่าผู้ชายเวลาโดนเล้าโลมก็ครางได้เหมือนผู้หญิงเหมือนกัน
 
“ผะ ผมเปิดเว็บบอร์ดขึ้นเพื่อเอาผลงานของตัวเองมาลง ผมเลยอยากขออนุญาตพี่เอาภาพของพี่มาลงด้วย” 
มัน กลั้นใจรัวลิ้นบอก หน้ามันแหงนขึ้นสูงเพราะมีผมก้มงับลำคอมันอยู่ สองมือมันก็จับต้นแขนผมแน่น แต่คงไม่มีแรงจะผลักแล้ว ผมละปากจากคอมองหน้ามัน 
 
“แล้วค่าตัวพี่ล่ะ”
 
“ผมแค่โชว์ภาพนะ ไม่ได้ขายภาพซะหน่อย”
 
อื้อ เหตุผลมันดี
 
“แต่พี่ต้องถูกคนอื่นโลมเลียทางสายตาเชียวน้า มันเสียหาย เราต้องรับผิดชอบ”
 
“งั้นผมไม่เอาลงก็ได้”
 
“ขอแล้วห้ามกลับคำ”
ผมดักทาง มันอ้าปากจะท้วง ผมรีบจูบมันทันที
 
ไม่ต้องพูดแล้วมึง
 
ครางให้กูฟังอย่างเดียวก็พอ
 
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..               
“ไอ้เอก”
 
ผมเงยหน้ามองคนเรียกนิดหนึ่งให้รู้ว่าผมสนใจฟังมันอยู่ ก่อนก้มลงไปทำงานต่อ คนเรียกเป็นเลขาผมเองครับ ตอนนี้เรากำลังทำงานกันอยู่ที่ห้องสภา
 
“มึงจริงจังกับกายเขารึเปล่า”
 
ผมชะงักปากกาที่กำลังเซ็นงานลงกึก เงยหน้ามองมัน
 
“ทำไม”
 
“ก็กูเห็นว่ามึงเทียวไปรับไปส่ง แถมยังอารมณ์ดีผิดปกติเวลาอยู่กับกาย”
 
เอ่อหนอกู
 
“กูก็เป็นของกูอย่างนี้”
 
มันหรี่ตามองผม ก่อนจะเงียบ ไม่เอ่ยปากถามอะไรต่อ
 
“ไม่เป็นไรอ้อย ถ้ามันไม่เอา กูเอาเอง”
 
ผมหันขวับไปมองคนพูดทันที ไอ้เชี่ยมอครับ กูก็ลืมไปว่าพวกมึงยังอยู่ เห็นเงียบ ๆ กูก็คิดว่าอยู่กับอ้อยสองคน
 
พวกเรากำลังระดมความคิด เพื่อประชุมวางแผนงานกันอยู่ ต่างคนเลยต่างพากันเงียบ
 

“มึงเป็นเกย์?” ไอ้อ้อยมันถาม
 
“เปล่า”
 
“แล้วมึงจะมายุ่งกับกายทำไม”

 

“อ้าว กูถือคติ กำแล้วไม่มีหาง กูเอาหมด”
 
“แต่ไอ้กายมันมีหางว่ะ” ไอ้อิงมันบอกยิ้ม ๆ
 
ไอ้มอยักคิ้วสองที “พอดีหางมันคงสั้น ไม่งั้นไอ้เอกมันคงเอาไม่ลง ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
 
ผมเขวี้ยงปากกาใส่ไอ้ปากหมาทันที มันก้มหลบ ปากกาเลยวิ่งลิ่วไปโดนไอ้โอ๊คเต็ม ๆ
 
“โทษทีว่ะโอ๊ค”
 
“ไม่เป็นไร กูช่วยสนองให้”
แล้วไอ้โอ๊คก็หยิบปากกาแท่งนั้นเขวี้ยงใส่ไอ้มอเต็มแรง ระยะใกล้แค่นั้นมันหลบไม่ทัน ผมหัวเราะร่วน ส่วนไอ้มอมันทำสายตาประหลับประเหลือกใส่ไอ้โอ๊คใหญ่
 
“พูดอะไร ให้เกียรติมันบ้าง” เป็นไอ้เป้ครับ ที่ออกตัวปกป้อง
 
“มึงไม่ต้องมาพูดเลยมึง กูเห็นมึงกับไอ้กายนัดเจอกันบ่อย ๆ”
 
ผมหูกระดิกทันที
 
“มึงอ่ะสนิทกับมันเป็นพิเศษเหมือนกัน มึงคิดอะไรกับน้องเขาใช่ไหม”
 
คือผมรู้ครับ ว่าเป้มันรักไอ้เต้ย แต่ก็ยังแอบหูกระดิกตอนไอ้มอมันเป่าลมทางปาก
 
“ใช่ แล้วจะทำไม”
 
ทุกคนพากันเงียบกริบ
 
“นี่มึง มึงชอบไอ้กายมันเหรอวะ” ไอ้มอทำหน้าตื่น ไอ้เป้ถอนหายใจแรง
 
“กูชอบ”
 
ผมหน้าตึงขึ้นมาทันที
 
“เหมือนมันเป็นน้องคนหนึ่ง”
มันต่อประโยคจนจบ เดินเอาแผนงานมายื่นให้
 
“อ่ะ สมองเน่า ๆ ของกู ตอนนี้คิดได้แค่นี้แหละว่ะ”
มันเดินไปคว้ากระเป๋าเป้มาพาดไหล่
 
“กูไปทำงานก่อนล่ะ” แล้วมันก็เดินเท่จากไป
 
“ไอ้นี่ ทำเอากูเข้าใจผิดไปห้าวิ”
 
“ไอ้เชี่ย มึงก็คิดลึกไปได้ ยังไงไอ้กายก็สงวนไว้ให้ไอ้เอกมันเถอะ รอมันเบื่อก่อนมึงค่อยงาบต่อก็ได้”
ไอ้โอมมันพูดกับเพื่อนมัน
 
พวกมึงพากันเจริญในทางที่เสื่อมจริง ๆ
 
“แต่กูว่ากายน่ารักนะ เมื่อวันก่อนเห็นคอมันแดง ๆ ไม่รู้โดนปลิงตัวไหนดูดมาว่ะ”
 
ผมเขวี้ยงปากกาแท่งที่สองใส่มันอีกรอบ คราวนี้มันรู้ตัวครับ หลบได้ก่อนที่ผมจะเขวี้ยงถึง
 
“เขาว่า พวกที่ชอบทิ้งรอยคือพวกขี้หึง”
มันพูดต่อ
 
“มึงเล่นทิ้งรอยซะเยอะ เห็นแล้วกูนึกภาพตอนมึงกำลังอะจึ๋ง ๆ น้องเขาไม่ออกเลยว่ะ มันทำท่าเชิญชวนมึงอีท่าไหนวะ มึงถึงได้ติดใจน้องเขาขนาดนั้น เล่นซะน้องหมดแรงมาเรียนเลย”
 
ผมนั่งกุมขมับกับความด้านของเพื่อนตัวเอง
 
จริง ๆ เรื่องพวกนี้ พวกผมพูดคุยกันได้เปิดเผยเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วครับ แม้จะมีเพื่อนผู้หญิงอยู่ พวกเราก็ไม่แคร์ ให้พูดตามจริงแล้ว พวกผู้หญิงเวลาคุยกันเรื่องบนเตียง น่ากลัวกว่าพวกผู้ชายอย่างเรา ๆ เยอะ
 
แต่เรื่องของกายนี่ผมไม่อยากให้มันเอามาพูดเล่นจริง ๆ ผมใช้ปากกาแท่งที่สาม (แย่งมาจากไอ้อ้อยอีกที) ชี้หน้ามัน

 

“มึงหยุดเห่าสักนิดจะได้ไหม แล้วงานอ่ะ เสร็จยัง”
 
“มึงอย่าแถ เล่ามาให้หมด พวกกูอยากรู้”
 
กูว่ามีแค่มึงคนเดียวแหละที่อยากรู้
 

แต่พอกวาดมองไปรอบ ๆ   

 
สรุป…
 
พวกมึงอยากรู้ทุกคนกันเลยใช่ไหม
 
ผมไม่ตอบครับ ก้มหน้ากำลังจะทำงานต่อ แต่เสียงเคาะประตูดึงผมให้เงยหน้ามองอีกที ไอ้คนที่เรากำลังนินทาเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องพอดี (บังเอิญวันนี้ไม่ได้ปิดประตู)
 

ผมทำหน้าเหมือนคนมีชนักติดหลัง พวกเพื่อน ๆ พากันยิ้มกริ่ม

หวังว่าเมื่อกี้ ไอ้ตัวเล็กจะไม่ได้ยินนะ 

 
“มีอะไร”
ผมถาม มันเดินตรงเข้ามาหา แล้วยื่นกระดาษอะไรสักอย่างมาให้
 
“กำลังจะกลับ แต่อาจารย์ชาติแกฝากเอานี่มาให้พี่เซ็นก่อน”
 
ผมรับกระดาษมาถือไว้
 
“แกบอกว่าอ่านให้ละเอียด เพราะถ้าพลาดแกไม่รับผิดชอบ”
 

ครับ..
แล้วผมก็ต้องก้มหน้าก้มตาอ่านสิ่งที่อยู่ในมือไป
 
ระหว่างรอ ไอ้ตัวเล็กก็หันไปคุยกับเพื่อน ๆ ผม
 
“คิดถึงกายจังเลย ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน”
ไอ้ มอมันแกล้งพูดออดอ้อนเหมือนตอนที่มันใช้พูดกับสาว ๆ ผมเหล่ตามอง ไอ้ตัวเล็กทำหน้าเหวอ พอเห็นสีหน้าเล่น ๆ ของไอ้มอมันก็หัวเราะร่วน
 
“อ้าว พี่เป้ละฮะ กลับไปแล้วเหรอ วันนี้วันหยุดนี่น่า”
มันมองหาไอ้เป้ ผมนี่แทบอ่านสิ่งที่อยู่ในกระดาษไม่เข้าหัว
 
จะถามหามันทำไมวะ =*=
 
“กลับไปแล้ว” ไอ้มอมันตอบ
 
ผมรีบตวัดเซ็นสิ่งที่อยู่ในมือโดยสนใจอ่านเนื้อหาที่เหลืออีกสามแถวล่างสุด รีบ ๆ เซ็นจะได้รีบไล่ไอ้ตัวเล็กไปให้พ้นไอ้มอมัน
 
 

“เอ้อ..จริงสิ”
ไอ้ตัวเล็กทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก มันเดินไปหยุดอยู่หน้าไอ้โอ๊ค ล้วงหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเป้ยื่นให้
 
“พอดีผมไปเดินเล่นย่านของเก่าแล้วเจอ คิดว่าพี่น่าจะชอบ”
 
เป็นหนังสือครับ
 
หนังสือเล่มนี้ไอ้โอ๊คมันอยากได้มานานแล้ว หาซื้อที่ไหนก็หาซื้อไม่ได้สักที มันมองไอ้ตัวเล็กอึ้ง ๆ
 
“เท่าไหร่เหรอ”
 
ไอ้ตัวเล็กส่ายหน้า
 
“ผมให้ฮะ อย่าคิดถึงเรื่องราคาดีกว่า”
 
“ไม่ได้หรอก ของหายาก ราคาคงไม่ถูก”
มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไอ้ตัวเล็กส่ายหัวร่อน ฉีกยิ้มน่ารักใส่
 
“ผมไม่เอาจริง ๆ”
 
ไอ้โอ๊คทำหน้าอึดอัด
 
“งั้นถ้าพี่จะตอบแทนผมจริง ๆ ก็มาเป็นนายแบบให้ผม หรือไม่ก็เลี้ยงข้าวผมก็ได้”
 
ป๊อก!!
 
เอ่อ…
 
ผมเผลอหักปากกาในมือครับ
 

“ไอ้เชี่ยเอก!!! ไอ้แรงควาย!! กูรู้ว่ามึงแรงเยอะ แต่นั่นมันปากการุ่นอิดิชั่นของกูนะ!!”
ไอ้อ้อยมันรีบหยิบอดีตปากกางาม ๆ ไปดู แต่ผมไม่สน มองไอ้ตัวเล็กมันอยู่ มันหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้น ผมจ้องหน้ามันเขม็ง
 
“ก็ได้ งั้นพี่จะเลี้ยงข้าวเราละกัน”
ไอ้โอ๊คมันบอก ดึงสายตาไอ้ตัวเล็กกลับไปหามัน
 
“ฮะ”
ไอ้ตัวเล็กยิ้มรับ ก่อนหันมามองผมอีกที
 
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม งั้นผมเอาไปให้อาจารย์ก่อนนะ”
มันเดินมาหยิบกระดาษบนโต๊ะ ยิ้มให้ผมนิดหนึ่ง หันไปกล่าวลาเพื่อน ๆ ผม แล้วเดินออกจากห้องไป
 
“กูกลับก่อนล่ะ ที่เหลือกูจะมาทำต่อพรุ่งนี้”
ผมปิดสมุดรายงาน หยิบกุญแจรถยัดใส่กระเป๋ากางเกง เดินลิ่ว ๆ ออกจากห้องไป ไม่สนใจเสียงแซวที่ได้ยินแว่ว ๆ มาตามหลัง

 

“หมาเอกวิ่งตามเมียไปแล้วว่ะ ฮ่า ๆ ๆ”
 
มึงแซวได้แซวไป แต่คนของกู
 
กูหวง
 
 




             To be con..

             เดี๋ยวจะมาทำสารบัญให้นะครับ ^^
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 01-09-2013 00:27:16
แหมๆพี่เอกไม่รับ แต่หึงน่าดูเลยนะ

แบบนี้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้วละ
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 01-09-2013 09:07:49
รีบๆ ขอน้องเป็นแฟนได้แล้ว
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: zylph_z ที่ 10-09-2013 02:28:49
ถ้าพี่เอกจะหวงขนาดนี้นะ ก็ขอน้องกายเป็นแฟนแล้วเปิดตัวไปเลย จะได้ไม่มีใครกล้ายุ่ง
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 07-11-2013 19:09:07
หึึึงขนาดนี้พี่เอกไม่รีบรวบรัดท่าจะมีคู่แข่งเพิ่มอีกมาก
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: oiieoiie ที่ 07-11-2013 19:12:11
เคยอ่านนิยายเรื่องนี้ในเด็กดี แต่เหมือนจะโดนลบไปแล้ว ดีใจที่มาเจอในเล้านี้
อ่านใหม่อีกรอบคิดถึงพี่เอกกับน้องกายยยย :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 09-11-2013 20:11:45
ชอบจัง ชอบพี่เอก ชอบน้องกาย ชอบเดอะแก๊งค์ของพี่เอกทุกคนเลย
แต่ชอบเป้ ชอบเต้ย อยากให้สองคนนี้แฮปปี้อ่ะ #ความหวังเลือนลาง
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: cascada ที่ 20-12-2013 21:16:29
เงียบเลยเรื่องนี้ อยากอ่านต่อนะคร้าบบบบ
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: gimini ที่ 03-02-2014 01:44:30
 :monkeysad: :monkeysad: มาต่อเร็วน้า รออ่านอยู่จ่้า อ่านวัน้เดียวจนทันลัะน้า สนุกมากๆ เป็นกำลังใจให้ค่า :impress2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: เราเอง ที่ 21-02-2014 13:15:25
 :serius2:คนแต่ง หายไปไหนเนี่ยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: Pnomsod ที่ 02-03-2014 21:21:02
:serius2:คนแต่ง หายไปไหนเนี่ยยยยยยยย

เข้าไปดูในเด็กดีเลยค่ะ มีอยู่ในนั้น จบแล้ว มีลิ้งค์แต่ไม่กล้าเอาลง กลัวนักเขียนจะว่าเอา แหะๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 17-04-2014 08:12:47
 :mew2: คืออไม่มาลงในเล้าแล้วหรอคะ กำลังสนุกเลย ยังไงก็จะรอนะคะ (แต่ตอนนี้ขอแว่บไปอ่านในเด็กดีก่อนล่ะ แหะๆๆ แบบว่าอยากรู้ตอนต่ออ่ะ มันค้าง  ทนไม่ด้ายยย ถ้ามาลงในเล้าต่อ จะกลับมาอ่านอีกหลายรอบๆแน่นอนคะที่สำคัญ ในเล้าจัดเอ็นซีได้ไม่อั้น :haun4: แหะๆ)
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: เหนือฟ้ายังมีจักรวาล ที่ 28-04-2014 09:51:40
ง่ะ ไม่มาต่อแล้วเหรอคะ ชอบนิยายเรื่องนี้สนุกมากเลย ชื่นชมคนแต่งจากใจยังไงก็อย่าลืมเล้าเป็ดน้าาา
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvercrowkk ที่ 12-06-2014 17:17:14
ใครที่ค้างก็ตรมไปเด็กดีเลยยย ฟินๆเยอะะ
ติดใจก็อย่าลืมอุดหนุนน้องคิสด้วยยย
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 26-09-2014 15:25:42
หายไปนาน T^T เดี๋ยวเกล้ากระผมจะกลับมาต่อนะคร้าบ >//< ช่วงนี้ :katai4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: Fuzz ที่ 26-09-2014 20:02:42
มาต่อไวๆนะคะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: boommerang ที่ 26-10-2014 14:07:27
รอ ครับ รอ
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: sey19 ที่ 13-01-2015 22:44:49
สนุกมาก จะไปอ่านต่ออีกที่นึงครับ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 28 : คู่แข่ง [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 14-01-2015 21:46:05
ตามไปอ่านอีกบอร์ดนึงมาแล้ว
ยาวมาก..อ่านจุใจเลย

ขอสามคำ..ให้กับไอ่พี่เอก
เมิง-เหี้ย-มาก

อ่านแล้ว..ทำกรูคลั่งแค้นไปหลายวันเลย

คนแต่งเรื่องนี้..ได้สุดยอด
me/ ขอคาระวะท่าน 5 คำนับ
+1 ครับ
หัวข้อ: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 29 : ไปบ้านพี่เอก [กาย...♥]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 30-01-2015 21:38:04

Kiss Love ♥ [29] ไปบ้านพี่เอก [กาย...♥]




ผมหันไปตามเสียงเรียกที่ดังมาจากทางด้านหลัง เลิกคิ้วแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นพี่เอกเดินกึ่งวิ่งตามมา

“เลิกงานแล้วเหรอฮะ” ผมถาม
 
“อื้อ กลับเลยหรือเปล่า”
พี่มันถามกลับ ผมพยักหน้ารับ

“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ไม่เป็นไรฮะ ผมกลับเองก็ได้”

“เอางานมาให้พี่ดูอีกรอบดิ เมื่อกี้ไม่ได้อ่านให้ละเอียด” พี่มันไม่สนใจฟังคำปฏิเสธผม ดึงแผ่นงานไปอ่านเฉยเลย

ไอ้หน้ามึน ไม่ฟังกูบ้างเลย เดี๋ยวกูก็หน้ามึนกลับบ้างหรอก

พี่เอกก้าวช้า ๆ ไปตามทางเดินในขณะที่ตาก็กวาดอ่านรายละเอียดของสิ่งที่อยู่ในกระดาษ ผมเดินเคียงไปเงียบ ๆ
อยู่ ๆ พี่มันก็หยุดเท้าตัวเองลงกึก ผมหยุดตามบ้าง

“กายมีปากกาไหม พี่ขอยืมหน่อย”
ผมพยักหน้า ล้วงหยิบปากกามาให้ พี่มันเอาไปเขียนอะไรขยุกขยิกอยู่สักพักก็เงยหน้ามอง

“ดีนะที่เห็นก่อน ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่ ๆ”
ผมขมวดคิ้วงุนงง
“ไม่มีอะไรหรอกเอาไปให้อาจารย์สุชาติกันดีกว่า”

ผมพยักหน้าเดินเข้าห้องพักอาจารย์ไปกับแก อาจารย์สุชาติที่กำลังก้มหน้าทำงานอยู่เงยหน้ามอง

“เอ่อหนอ ปกติให้คนอื่นไปส่ง กว่าจะได้งานกลับ ต้องรอเป็นอาทิตย์ ๆ แต่นี่ได้ภายในยี่สิบนาที แถมท่านประธานยังเดินมาส่งด้วยตัวเองอีกต่างหาก”
อาจารย์เอี้ยวตัวหันหลังมองออกไปนอกหน้าต่าง ก้ม ๆ เงย ๆ มองท้องฟ้าสลับกับอากาศภายนอก
“เอ๋ สงสัยวันนี้ท้องฟ้ากับต้นไม้จะสลับสีกัน”
ดูอาจารย์แกแซว

ผมขมวดคิ้ว พี่เอกก็ดูจะเป็นคนมีความรับผิดชอบนี่นา ไม่น่าจะเป็นพวกไม่ใส่ใจงานขนาดนั้น

“งานพี่เยอะน่ะ บางงานกว่าจะได้อ่านก็ต้องรอเป็นอาทิตย์ ๆ”
พี่มันรีบไขทันทีโดยที่ผมไม่ต้องถาม

“โอเค เรียบร้อยละ ขอบใจมาก”
หลังจากตรวจสอบทุกอย่างจนครบ อาจารย์ก็ปล่อยให้เราสองคนกลับ

ไม่นานต่อจากนั้นผมก็มานั่งเคียงอยู่กับพี่เอกบนรถ พี่มันกำลังจะสตาร์ทเครื่องแต่เบรกมือไว้ หันมองมาทางผม

“นี่ต้องให้มันเลี้ยงข้าวจริง ๆ เหรอ”
ผมที่กำลังเสียบเข็มขัดนิรภัยลงล็อกเงยหน้ามองงง ๆ พี่แกทำหน้าอึดอัด

“ไอ้โอ๊คน่ะ”
อ๋อ พี่โอ๊ค

“ก็พี่เขาไม่ยอมนี่นา เพื่อความสบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ผมจะได้กินฟรีด้วย”
ผมตอบรับยิ้มรื่น พี่มันหน้าตึงขึ้นมาทันที

โกรธไรวะ

หรือว่า..
พี่มันอยากให้ผมเลี้ยงบ้าง

“พี่ขับรถรับส่งผมหลายรอบแล้ว งั้นผมพาไปเลี้ยงข้าวเย็น”
ผมรีบเสนอ พี่มันหันมาทำหน้าตึงยิ่งกว่าเดิม

อะไรวะ ก็กูจะเลี้ยงมึงแล้วไง
มันไม่พูดอะไรครับ หันไปสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วกระชากตัวรถออกทันที

เอาใจยากจริงวุ้ย
ผมนั่งเงียบมาตลอดทั้งเส้นทางไม่ต่างกับคนข้าง ๆ ตอนแรกคิดว่าพี่เอกจะพากลับบ้าน แต่ไม่ใช่ครับ พี่มันพาผมมาที่สยาม 

มาทำไม?
ผมหันไปมองพี่มันงง ๆ หรือพี่มันอยากให้ผมเลี้ยงข้าวเย็น พี่เอกดับเครื่องหันหน้ามามอง 

“ช่วยพี่เลือกของขวัญหน่อย พอดีอีกสองอาทิตย์จะวันเกิดน้องชายพี่แล้ว”

หือ กูนี่เป็นพนักงานเลือกของขวัญรึไงฮึ มีใครอีก บอกมาให้หมด กูจะได้เลือกไว้ให้ทุกคนเลย

ผมพยักหน้าเข้าใจ ก้าวเท้าลงจากรถ เราเริ่มต้นจุดแรกที่โซนเสื้อผ้าแบรนด์เนมสำหรับผู้ชายครับ แต่ผมว่ามันดูธรรมดาไปนะ ของพวกนี้น้องพี่เอกคงมีเยอะแล้ว น่าจะหาอะไรที่มันดูพิเศษ แล้วก็สามารถเก็บไว้ได้นาน ๆ หน่อย

“น้องพี่คนไหนฮะ”

“ไอ้อาร์ต”
ผมพยักหน้า

“คนรองหรือคนที่สาม”

“คนรอง พี่ อาร์ต อิฐ แอม ไอ อ้อน”

ผมขำนิดหน่อยตอนพี่เอกบอกชื่อสามสาว

“เข้าใจตั้งชื่อนะ” ผมชม
 
“อืม เอกหมายถึงทำอะไรก็เป็นที่หนึ่ง เก่งไปหมด อาร์ตนี่คุณปู่ขอ เพราะอยากให้เก่งอย่างมีศิลป์ ส่วนไอ้อิฐนี่ยายเป็นคนขอ บังเอิญเป็นชื่อพระเอกหนังที่แกปลื้มอยู่ ส่วนแอมไอกับอ้อน แม่เป็นคนตั้ง”

ผมขำกับประวัติครอบครัวพี่เอก

เราเดินดูของไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ยังโซนพวกอัลบั้มรูปถ่าย อาจเพราะผมเป็นพวกสนใจเรื่องการถ่ายรูป เลยชอบของทุก ๆ อย่างที่เกี่ยวกับการถ่ายรูปด้วย ไม่เว้นแม้แต่อัลบั้มรูป

“พี่เคยมีแฟมิลี่โฟโต้บุ๊คไหม”

พี่มันทำหน้าเป็นหมางง ท่าทางแบบนี้ ไม่มีชัวร์ แล้วพี่แกก็ส่ายหน้ารับ

ผมยิ้มที่เดาถูก

“ทำโฟโต้บุ๊คสิ เอาภาพครอบครัวพี่ตั้งแต่เด็ก ๆ ดึก ๆ เลยก็ได้ ภาพความประทับใจ หรืออะไรที่เกี่ยวกับพี่อาร์ต มาจัดลำดับตั้งแต่แรกเกิดจนมาถึงปีปัจจุบัน ของพวกนี้ นอกจากจะเก็บได้นานแล้ว คุณค่าทางจิตใจยังเยอะอีกต่างหาก”

พี่มันยืนฟังผมอึ้ง ๆ แล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย ผมยิ้ม

“แต่พี่ทำไม่เป็น”

“ไม่เป็นไรผมช่วย” ผมรีบอาสา

เรื่องทำภาพผมชอบอยู่แล้ว พี่มันยิ้มนิดหนึ่ง พยักหน้ารับ แล้วเราสองคนก็ช่วยกันเลือกโฟโต้บุ๊คเปล่า ๆ เพื่อนำไปตกแต่งอีกที ระหว่างนั้นผมก็สอบถามรสนิยมส่วนตัวของพี่อาร์ตนิดหน่อย อย่างพวกสีที่ชอบ งานอดิเรก สไตล์การใช้ชีวิตพื้น ๆ เพื่อเอาไปประกอบกับสิ่งที่เราจะแต่งเติมลงไป

หลังจากยืนเลือกกันอยู่นาน เราก็ตัดสินใจหยิบโฟโต้บุ๊คสีขาวดำมาถือไว้ รูปแบบเรียบ ๆ ครับ แต่สวยดี เป็นสีโปรดของพี่อาร์ต หลังจากจ่ายเงินเราก็พากันไปนั่งในร้านไอศกรีม

แหะ ๆ พอดีผมอยากกินน่ะ

เรานั่งเขียนแบบกันคร่าว ๆ ว่าจะทำอะไรก่อนอะไรหลัง พี่เอกล้วงหยิบภาพถ่ายของครอบครัวจากกระเป๋าเงินให้ผมดูสองใบ ใบแรกเป็นภาพถ่ายของทุกคนรวมกัน และอีกภาพมีเพียงสามหนุ่มยืนกอดไหล่กันส่งยิ้มให้กล้อง

ผมเงยหน้ามองพี่เอก

“เหมือนกันอย่างกับแกะ”
อันนี้ผมไม่ได้พูดเองครับ พี่เอกพูดเองเสร็จสรรพ ผมพยักหน้าขึ้นลงหงึก ๆ

“ใคร ๆ ก็ว่าอย่างนั้น”
พี่มันบอก เก็บรูปถ่ายใส่กระเป๋าเหมือนเดิม แล้วเราก็มานั่งร่างแบบกันต่อ 

“พี่เอกกกกกกก พี่กายยยยยย!!!!!!”
ผมหันขวับไปมองเจ้าของน้ำเสียงสดใสนั้น ก็เห็นสามสาวน้อยหน้าตาน่ารักวิ่งดุ๊ก ๆ มาแต่ไกล

วันนี้สามทโมน(เรียกตามพี่เอกมันอีกที อย่าว่าพี่กันนะ) แพ็คคี่แต่งตัวกันได้น่ารักสุด ๆ ชุดที่ใส่ยังเป็นชุดนักเรียนเหมือนเดิม แต่ติดกิ๊ฟที่ผมด้านซ้ายแบบเดียวกันลายเดียวกันทั้งสามคน

น่ารักดีครับ

แต่บอกตามตรง

กูแยกไม่ออก ว่าใครเป็นใคร =*=

พวกน้อง ๆ เดินมาทิ้งตัวลงนั่งทันทีโดยไม่ขออนุญาต ผมโดนสองในสามประกบครับ ส่วนคนสุดท้าย แย่งที่ไม่ทันเลยโดนเด้งไปนั่งกับพี่เอกแทน

พี่แกขำใหญ่

“หยุดขำเขาเลยนะพี่เอก คอยดูเถอะ คืนนี้อ้อนจะชวนพี่กายไปนอนกับอ้อน”

ผมสะดุ้งโหยง

เอ่อ..
พี่ว่าไม่สมควรมั้ง ให้ไปนอนกับสาวน้อยน่ารัก มันจะน่าเกลียดเอานา

“กรี๊ดเป็นความคิดที่ดีมากเลยอ้อน”
แล้วพวกหนูถามพี่ก่อนรึยังครับ ว่าพี่อยากไปด้วยไหม

“ไปเนอะ”
สามสาวพากันส่งสายตาวิบวับเหมือนแสงอะไรสักอย่างที่ทำให้ผมเปิดปากพูดไม่ได้ พี่เอกหัวเราะใหญ่

“นะ ไปนอนกับพวกอ้อนนะคะ”
สาวน้อยที่เกาะแขนพี่เอกอยู่ยื่นหน้ามาออดอ้อน ผมเข้าใจความรู้สึกพี่เอกขึ้นมาทันที ว่าทำไมถึงอยากย้ายออก
ไม่ใช่ว่าไม่รักน้อง แต่พวกสามสาวเขาจุ้นได้ใจกันจริง ๆ

“เอ่อ พี่ว่าคงไม่เหมาะมั้ง ให้พี่ไปนอนกับสาว ๆ”
ผมรีบค้าน

“งั้นก็ไปนอนห้องพี่เอกก็ได้ค่ะ ห้องพี่เอกกว้าง”
เหมือน ๆ พวกเธอจะเตรียมคำพูดนี้ไว้ก่อนแล้ว พอพูดจบ ก็ตบมือใส่กันสามคนเลย

เอ่อ เพิ่งเคยเห็นวุ้ย = =

“เอ่อ พี่ว่า…”

“เป็นอันว่าตกลงเนอะ”
กูรู้แล้วละ ว่าพวกมึงเป็นพี่น้องกันจริง ๆ

นิสัยเหมือนกันโคตร ๆ =*=
ผมนั่งอมน้ำส้มสายชูไว้ในปาก จะปฏิเสธก็ไม่ได้ จะตอบตกลงก็ไม่งาม พี่เอกก็เอาแต่นั่งขำ

เฮ้ยมึง ไม่คิดจะช่วยกูหน่อยเหรอ

“ไปพักสักวันก็ได้ ไปช่วยพี่เลือกภาพด้วย พี่เลือกคนเดียวอาจได้ภาพไม่สวยถูกใจเท่าไหร่”
พี่มันบอก ผมทำหน้าแหย

“ภาพอะไรเหรอคะพี่เอก”
สาวน้อยข้าง ๆ ผมรีบเสนอหน้าถาม ผมรู้ว่าคนตรงหน้าผมคืออ้อน แต่สองคนข้าง ๆ นี่ผมยังไม่รู้ครับ ใครแอมใครไอ ตอนนี้ยังลุ้น ๆ อยู่

“อีกสองอาทิตย์จะวันเกิดอาร์ตแล้ว พี่ว่าจะหาของขวัญไว้แต่เนิ่น ๆ กันลืม กายเขาเลยเสนอให้พี่ทำแฟมิลี่โฟโต้บุ๊คให้อาร์ตน่ะ”
สามสาวตาวาวรีบวี้ดว้ายขอข้อมูลกันใหญ่ ผมก็ตอบไปยิ้มไปกับความน่ารักของน้อง ๆ

วุ่นครับ แต่น่ารักดี 

“ความคิดพี่กายนี่สุดยอดเลยเนอะ”
น้องอ้อนชม

“ใช่ ๆ”
ต่อด้วยคนด้านขวาผม

“สุด ๆ ไปเลย”
ปิดท้ายด้วยคนด้านซ้าย

“กายเขาเป็นช่างภาพน่ะ ปีนี้เขาส่งภาพเข้าประกวดที่มหา’ลัย กวาดเรียบคนเดียวทั้งสามรางวัลเลยนะ”
พี่เอกได้ทีโม้ใหญ่ครับ ผมนี่อายแทบมุดดิน

“ว้าว จริงเหรอคะ อยากเห็น ๆ ๆ”
พวกน้อง ๆ รีบอ้อนกันใหญ่ จนพี่เอกรับปากว่าจะพาไปดูที่แกลนั่นแหละ ความสงบถึงได้กลับคืนมาอีกครั้ง

สรุป วันนี้ผมต้องไปนอนค้างบ้านพี่เอกครับ พี่แกพามาเอาเสื้อผ้าที่บ้าน(โดยมีสามทโมนติดรถมาด้วย) พอเข้าบ้านได้ เหมือนปล่อยลิงไว้ในสวนสัตว์ พวกน้อง ๆ พากันวิ่งให้รอบบ้านจนพี่เอกต้องปราม

ผมก็ไม่ว่าอะไร ปล่อยให้น้อง ๆ วิ่งเล่นกันไป ส่วนผมก็ขอตัวขึ้นไปเตรียมของแล้วก็อาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย จะได้ไม่ต้องไปรบกวนบ้านนู้น

แม่ผมค่อนข้างจะชอบสีขาว เสื้อผ้าถ้าผมซื้อเองจะออกแนวทึม ๆ สไตล์ผู้ชาย แต่ถ้าแม่ซื้อให้จะเป็นสีขาวเกือบทั้งหมด บางทีก็มีสีสว่าง ๆ อย่างสีชมพูหรือไม่ก็สีฟ้าโผล่มาบ้าง ผมก็หยิบใส่นะ เพราะบางอารมณ์ การใส่เสื้อผ้าสีหวาน ๆ หรือสีสว่าง ๆ ก็ทำให้จิตใจรู้สึกปลอดโปร่ง แล้วก็ทำให้ไอเดียไหลลื่นได้อีกด้วย

วันนี้ผมเลือกสีฟ้าอ่อนครับ เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ เสื้อตัวนี้แม่ซื้อมาฝากจากเชียงใหม่ ผมเดินลงมาชั้นล่างพร้อมกล้อง เผื่อต้องใช้ แล้วก็อุปกรณ์สำหรับทำโฟโต้บุ๊คอีกนิดหน่อย

พอลงมาก็เห็นสามสาวกำลังจ้องมองภาพผมตอนเด็กบนตู้โชว์ ส่วนพี่เอกนั่งเอกเขนกดูอัลบั้มภาพที่ผมถ่ายเก็บไว้บนโต๊ะรับแขกครับ

สงสัยพี่มันเพิ่งจะเห็น

“สวยดี นี่นายถ่ายเองทั้งหมดเลยเหรอ”
ผมพยักหน้ารับ

“ตั้งแต่สิบสอง”

พี่มันเลิกคิ้วสูง

“ผมเริ่มถ่ายภาพตั้งแต่ 12 ขวบ”
ผมไขความเข้าใจ

พี่มันมองผมอึ้ง ๆ แล้วพี่แกก็ทำมือไว้ที่ระดับสะโพกตัวเอง

“นายคงตัวเท่านี้”

ผมมองงง ๆ

“ตัวเตี้ยกว่านี้แน่ ๆ”
แล้วพี่มันก็หัวเราะก๊าก อยากตื้บพี่มันสักที

ผมหน้าบึ้ง

เอ้อ ก็กูไม่ควายเหมือนมึงนี่

“คุณพ่อคุณแม่ตอนหนุ่ม ๆ ของพี่กายสวยหล่อกันจัง แล้วสองคนนี่พี่สาวกับพี่ชายเหรอคะ สวย ๆ หล่อ ๆ กันทั้งนั้นเลย อยากเจอ ๆ”
ผมหันไปมองตาม

ภาพแรกเป็นภาพครอบครัวสมัยผมยังเป็นเด็กตัวกระเปี๊ยกครับ ถ่ายคู่กับพ่อแม่(ตอนนั้นก็หน้าตาดูดีสมวัยครับ แต่ดูแลตัวเองกันไม่เยอะเท่ากับตอนนี้)

ส่วนอีกภาพที่สามสาวทักกันว่าน่าจะเป็นพี่ชายกับพี่สาวคือภาพพ่อกับแม่ที่ผมบังคับขอถ่ายก่อนพ่อจะบินกลับ
นึกแล้วก็ขำ ทำหน้าเหมือนถูกสั่งให้กินปูเน่าสักสิบตัว กว่าจะถ่ายกันได้

ภาพดูสวยดีครับ สองคนยืนคู่กัน แต่หันหน้าไปคนละทาง ผมบังคับขอให้คนทั้งคู่จับมือกันไว้ แต่พวกเขาไม่จับ ภาพมันเลยออกมาเป็น คนทั้งคู่จับแค่ชายเสื้อของกันและกันไว้แทน

“นั่นพ่อกับแม่พี่เอง”

“หา!! จริงเหรอคะ”

“อ้อนก็คิดว่าเป็นพี่สาวพี่ชายซะอีก”

“นั่นสิ ๆ ดูเด็กกันอยู่เลย”

ผมหัวเราะจับเสียงยังไม่ได้หรอกว่าใครเป็นใคร

“สองคนนั้นเขาแข่งกันเป็นหนุ่มเป็นสาวน่ะ ตอนนี้กำลังจีบกันอยู่”

พวกสามสาวหันมาเอียงคอมองเป็นลูกนกฉงน ผมหัวเราะร่วน อารมณ์อยากจับมาถ่ายรูปพุ่งกระฉูด

“พ่อกับแม่พี่เลิกกันหลายปีแล้ว พ่อพี่แต่งงานใหม่ แต่เพิ่งเลิกกันแล้วบินกลับมา พี่ก็เลยพยายามยุให้สองคนนั้นกลับมาคืนดีกันเร็ว ๆ”

สายตาของสามสาววิ้งขึ้นมาทันที

“นี่ ๆ ให้พวกหนูช่วยไหม รับรองเห็นผลภายในหนึ่งเดือน”

“ใช่ ๆ ไม่ได้ผล ยินดีคืนเงินทันที”

“รับประกันค่ะ"

ผมหลุดขำ ความรักนะ ไม่ใช่อาหารเสริม
ผมลูบหัวสามสาวสลับกันไปมาเบา ๆ พวกนั้นก็พากันออดอ้อนเข้ามาซุกอกซุกแขนผมกันใหญ่

แหะ ๆ น่ารักดี ขอจีบสักคนได้ไหมเนี่ย
อยู่ ๆ เอวผมก็ถูกรวบจากวงแขนข้างหนึ่งของใครบางคน ดึงแรงจนหลังผมไปติดแหมะกับอกกว้าง

ผมหันไปมอง

พี่เอกครับ

พี่มันมองผมด้วยสายตาแบบว่า…

เอิ่ม…
มึงพูดมาเลยดีกว่า ว่ากูเป็นของมึง แม่ม สายตาขี้หวงฉิบ น้องนุ่งก็ไม่เว้น

“พี่เอกขี้หวง”
หนึ่งในนั้นพูด

“พี่กาย ถ้าพี่กายไม่สนพี่เอกไม่เป็นไรนะคะ อ้อนมีพี่ชายหล่อ ๆ เหลือให้เลือกอีกสองคน”
คือน้องครับ คนนะครับไม่ใช่ตุ๊กตา จะได้หาคนก๊อปปี้ได้

พี่เอกทำหน้าบู้บี้ติดจะขัดใจ

“รับรองได้ค่ะ ถอดแบบพี่เอกมาเหมือนฝาแฝดเลย”

ผมอมยิ้ม

“คนต่อให้มีหน้าตาเหมือนกันขนาดไหน จิตใจก็ไม่มีทางเหมือนกันได้หรอก”
พอผมพูดจบ รู้สึกเหมือนแรงกอดที่เอวจะแน่นขึ้นไปอีก ผมเงยหน้ามองเจ้าของวงแขนนั้น แขนพี่มันยังกอดผมอยู่ครับ แต่หันหน้ามองไปทางอื่น 

ผมมองพี่มันงง ๆ

สามสาวหันไปหัวเราะคิกคักใส่กัน

เป็นอะไรกัน

“แปลว่า ต่อให้มีคนที่หน้าตาเหมือนพี่เอกขนาดไหน พี่กายก็จะเลือกพี่เอกใช่ไหมคะ”
เจอคำถามนี้ ผมไปไม่เป็นเลย ผมทำท่าอึดอัด

“ไปกันได้แล้ว”
ดีที่พี่เอกชวนขึ้นมาก่อน ผมเลยไม่ได้ตอบคำถามนั้น



.... :z10: (ต่อ 50%) :katai4:



ใหญ่ครับ

พูดได้คำเดียว บ้านพี่เอกใหญ่มาก

รถจอดอยู่หลายคัน คนใช้ คนสวน การ์ด มีกันให้เพียบ

อืม เห็นเป็นพวกติดดิน ไม่คิดว่าบ้านจะอลังการงานสร้างขนาดนี้ ทราบข่าววงในมาว่า วันนี้พี่อาร์ตกับพี่อิฐไม่อยู่ ไปค้างบ้านเพื่อนเพื่อทำโปรเจคอะไรกันสักอย่าง

พี่อาร์ตกับพี่อิฐถูกจับเข้าโรงเรียนพร้อมกัน พอเข้ามหา’ลัย ก็เลือกเรียนมหา’ลัยเดียวกันอีก คณะเดียวกันด้วย(คนบ้านนี้เรียนบริหารกันทั้งบ้านครับ กะว่าจบมา คงยัดเข้าบริษัทตัวเองเลย) แต่พี่อาร์ตกับพี่อิฐเรียนคนละที่กับพี่เอก(ด้วยเหตุผลว่า ระบบการเรียนการสอนที่แตกต่างกันอาจมีประโยชน์ต่องานมากกว่าเรียนที่เดียวกันไปเลย) 

สาว ๆ บ้านนี้ก็เหมือนกันฮะ เห็นกะโปโลแบบนี้ พี่เอกแอบคุยไว้ว่าเคยไปช่วยงานที่บริษัทมาแล้วด้วย

ผมถามว่า แล้วผลเป็นไง

พี่เอกแกบอกว่า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พ่อไม่ยอมให้พวกน้อง ๆ เข้าไปเหยียบที่บริษัทอีกเลย ผมนี่ขำก๊ากเลย 

สรุป ไปป่วนมากกว่าไปช่วย

พอไปถึง พ่อกับแม่พี่เอกกลับมาแล้วครับ ผมงี้เตรียมใจแทบไม่ทัน แต่ก็คิดว่าตัวเองเป็นแค่เพื่อนรุ่นน้องของพี่เอกธรรมดานั่นแหละ(ถึงจะเคยมีอะไรกันก็เถอะ) ทักทายไปตามปกติเหมือนไปเจอพ่อแม่พี่เป้นั่นแหละ

อีกอย่าง ผมมีผู้ช่วยครับ เป็นสามสาวแสนซนที่เสนอตัวมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวแบบไม่ได้รับเชิญ

“แม่คะ ๆ พี่กายเขาเก่งถ่ายรูปน้า ภาพเขาชนะการประกวดที่มหา’ลัยกวาดรางวัลมาไว้ในอ้อมแขนคนเดียวหมด ทั้งสามรางวัลเลยล่ะค่ะ”

“เนี่ย ๆ พี่เอกจะพาพวกเราไปดูที่แกลลอรี่ชื่อดังด้วย”

“พ่อกับแม่ไปด้วยกันนะ ๆ ๆ ๆ”
สามสาวสลับสับเปลี่ยนกันรายงานเรื่องของผมกันใหญ่

อายครับ ผมนั่งยิ้มเขิน ไม่เคยเจอใครยกขันหมาก เอ้ย ชมเยอะขนาดนี้มาก่อน

“ไม่ได้เก่งอะไรมากมายหรอกครับ”
ผมรีบแก้ต่าง เห็นคุณพ่อคุณแม่พากันหัวเราะสามสาวกันใหญ่

“แล้วเป็นภาพแนวไหนเหรอที่ชนะ”
คุณแม่ถาม

“รางวัลที่สามเป็นกบกำลังตวัดลิ้นกินแมลง หมอนี่นั่งรอเวลาให้แมลงบินผ่านกบอยู่ชั่วโมงกว่า ๆ เพื่อให้ได้ภาพนี้มา”
พี่เอกครับ เป็นคนรายงาน คนที่เหลือนั่งหน้าสลอนฟังกันเป็นแถว

ที่บอกว่านั่งหน้าสลอนนี่คือ รวมบรรดาพวกคนทำงานบ้านด้วยครับ แม่นงแม่นม มากันหมด

“รางวัลที่สอง เป็นเด็กซกมก เป็นภาพตอนที่พวกเราไปสร้างโรงเรียนให้เด็กดอยกัน กายเข้าไปนั่งจ้องเด็กดอยกำลังกินขนมอยู่เป็นชั่วโมงเหมือนกัน สงสัยเพราะอยากแย่งขนมเด็กกิน”

ผมตีแขนพี่เอกไปที
พอตีเสร็จก็ทำหน้าเจื่อน

ซวยแล้วกู
ไปตีเขาต่อหน้าพ่อแม่พี่น้องเขา ไม่โดนรุมสะกำก็บุญแล้ว พี่เอกนั่งขำใหญ่ ผมด่าทางสายตาแทน แต่พี่แกสำนึกที่ไหน ทำหน้ามึนเล่าต่อได้อีก

“ภาพสุดท้าย น่าจะใช้เวลาถ่ายเร็วที่สุด คงไม่เกินหนึ่งนาทีหรอกมั้ง”
พี่เอกทำท่าคำนวณ

“ทำไมล่ะคะ เป็นภาพอะไรเหรอ”

พี่เอกหันไปยิ้มนุ่มนวลใส่น้อง ๆ

“ภาพพี่เอง”

ผมนั่งก้มหน้า

อายจริง ๆ ครับ

“ว้ายยย จริงเหรอคะ ภาพพี่ได้ที่หนึ่งด้วย ไออยากเห็นซะแล้วว่าภาพที่พี่กายถ่าย เป็นแบบไหน”

ผมเงยหน้ามายิ้มให้สาว ๆ

“เป็นภาพที่พี่ชอบมาก ๆ เลยล่ะ พี่เอกถึงภายนอกจะดูสุขุมเหมือนพระจันทร์ แต่จริง ๆ แล้วเป็นพระอาทิตย์ดี ๆ นี่เอง”
พอผมพูดจบ พวกนั้นก็พากันเงียบครับ

กูพูดอะไรผิดวะ

หรือกูจะดูคนผิด?

ผมหันไปมองพ่อกับแม่พี่เอก แล้วหันมามองพี่เอกอีกที

“ชักอยากเห็นซะละ”
คุณแม่ว่า

“อื้ม เหมือนกัน”
คุณพ่อพูดตาม

“ใช่ม๊า เพราะงั้นรีบพาพวกหนูไปดูน้า เพราะเขาจะจัดถึงสิ้นเดือนเท่านั้น”
พวกน้อง ๆ รีบอ้อนกันต่อ

ผมอมยิ้ม นั่งคุยกับพวกท่านไปเรื่อย ๆ จนทุกคนรู้ว่าที่ผมมาค้างวันนี้ เพราะต้องการช่วยกันทำแฟมิลี่โฟโต้บุ๊คให้พี่อาร์ต พ่อกับแม่เลยให้ความร่วมมือด้วยการเดินไปหยิบภาพเก่า ๆ จากอัลบั้มในห้องนอนของพวกท่านมายื่นให้เยอะแยะเต็มไปหมด

ดูจากจำนวนภาพที่มีแล้ว สงสัยงานนี้ ต้องทำกันนานชัวร์ 

เหอ ๆ

ลุยครับ เหนื่อยแค่ไหนก็บ่ยั่น ไม่หวั่นแม้วันมามาก(เกี่ยวไรวะ = =)

To Be Con..

ขอบคุณเข้ามาอ่านจ้า ^^
 o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 29 : ไปบ้านพี่เอก [กาย...♥] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 31-01-2015 11:03:39
ดีใจที่มาต่อในนี้ค่ะ  ขอบคุณนะคะที่ยังนึกถึงเล้าเป็ด
เพราะนึกว่าจะไม่มาต่อในเล้าซะแล้ว เห็นในอีกเวปลงจบแล้ว
อ่านอีกเวปแล้วมันไม่ต่อเนื่อง อารมณ์มันไปไม่สุด
เพราะเนื้อเรื่องมันโดนตัด(โดนแบน)ไปเยอะมากจริงๆ

ปล.ลงวันที่ที่มาอัพก็ดีนะคะ คนอ่านจะได้รู้ว่ามาอัพตอนใหม่แล้ว
รอตอนต่อไปนะคะ  ขอบคุณค่ะ :bye2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 29 : ไปบ้านพี่เอก [กาย...♥] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 31-01-2015 22:42:18
โอ๊ยยยยยยย อ่านทันแล้วค่ะ :impress2: เหมือนนิยายอาถรรพ์เลยอะ อ่านแล้วเลิกอ่านไม่ได้ แทบจะไปทำอะไรไม่ได้นอกจากอ่านเลย กว่าจะอ่านทันแทบตาย :ling1: :ling1: ความฟินจะจุกอกตาย :m25: เลือดหมดตัว  :jul1: :jul1:  น้องกายก็น่ารักพี่เอกก็หล่อ แถมเพื่อนก็หล่อ ฟินอะฟิน พี่เอกขี้หึงด้วย น้องกายก็ยั่วแบบไม่รู้ตัว  :hao7: :hao6: :hao6: :katai2-1: :katai5: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 30 : ร่วมกันทำโฟโต้บุ๊ค
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 08-02-2015 20:21:08


Kiss Love ♥ [30]
ร่วมกันทำโฟโต้บุ๊ค
[เอก...☼]


ตอนนี้พวกเราห้าชีวิตขนขบวนกันมาอยู่ในห้องนอนของผม อยากให้เรื่องนี้เป็นความลับน่ะ ขืนทำกันที่ห้องรับแขก แล้วพวกไอ้อาร์ตกลับมา ความคงแตกกันพอดี

ผมกำลังนั่งเลือกภาพให้ไอ้ตัวเล็กมันอยู่ครับ ส่วนมันทำหน้าที่คัดกรองอีกที มันขนเครื่องก๊อปปี้ภาพถ่ายมาด้วย คือไม่ได้ใช้ภาพต้นแบบ แต่ถ่ายจากภาพต้นแบบอีกที ภาพที่ออกมาเหมือนภาพต้นแบบทุกอย่างครับ บางภาพเอาไปตกแต่งให้ก่อน (มันขนโน้ตบุ๊คมาด้วย มันชอบโน้ตบุ๊คตัวนี้มาก เห็นบอกว่าพ่อเพิ่งถอยมาให้) มันทำงานค่อนข้างละเอียด ส่วนผมก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้ครับ

“อ้อนว่าภาพนี้ก็สวยนะ”

“แอมว่าภาพนี้สวยกว่า”

“ไม่อะ ไอว่าภาพนี้ดีกว่า”
น้อง ๆ ผมมันช่วยป่วนมากกว่าช่วยนะเนี่ย

ไอ้ตัวเล็กหยิบสามภาพที่น้อง ๆ เลือกไปดู สักพักมันก็หยิบภาพในมือผมไปแทน
 
“ภาพนี้อาจดูไม่สวยเท่าไหร่ แต่ถ้าจัดแต่งดี ๆ ภาพนี้จะสวยขึ้นมาทันตาเห็นเลยล่ะ”
มันพูดอย่างใจเย็น สามสาวพากันบู้หน้า มันแค่หัวเราะเบา ๆ

“ไอชอบภาพนี้ที่สุด”
ไอหยิบภาพที่มันขี่คออาร์ตตอนเด็ก ๆ ขึ้นมาดู 

“พี่อาร์ตเท่ที่สุด”

“อือ ๆ ใช่”

“ตอนนั้นพวกเราแย่งกันขี่คอพี่อาร์ตเนอะ สุดท้าย พี่อาร์ตเลยให้เราขี่หลังแทน ทั้งสามคนเลย”
พูดแล้วก็พากันหัวเราะ

พวกผมเป็นพี่น้องที่รักกันดีครับ ส่วนหนึ่งคงมาจากสามสาวจอมป่วนนี่แหละ พวกนี้รักครอบครัวเป็นที่หนึ่ง ใครที่ทำอะไรให้ครอบครัวแตกแยก หรือเห็นแววปริแตกเพียงนิด พวกน้อง ๆ จะรีบวิ่งเข้าไปอุดรอยร้าวนั้นทันที เลยทำให้บ้านผมครึกครื้นอย่างที่เห็นนี่แหละ

พวกเรานั่งทำกันไปเรื่อย ๆ จนได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง ผมหันไปมอง เห็นพ่อกับแม่ถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามากันเอง

“เพิ่งไปค้นเจอ นี่จ้ะ ภาพตอนพวกหนูเด็ก ๆ”
แม่เดินมายื่นอัลบั้มภาพให้ ผมรับมายื่นให้น้อง ๆ  อีกที

“ว้ายยย นี่ไง ตอนพี่เอกประกวดเดือนคณะ”
ไอ้ตัวเล็กหันมามองด้วยความสนใจ

จริง ๆ ผมเป็นเดือนคณะด้วย พอดียุ่ง ๆ กับการเป็นประธานนักศึกษาเลยไม่ได้สนใจตำแหน่งเดือนคณะเท่าไหร่ มีไปก็เท่านั้น เพราะไงผมก็เด่นอยู่แล้ว(เหมือน ๆ จะได้ยินใครอ้วก)

ภาพนั้นผมอยู่ปีหนึ่ง ตอนขึ้นเวทีประกวดเดือนคณะ
จริง ๆ ผมเล่นดนตรีได้ทุกอย่าง แต่เห็นคนหิ้วกีต้าร์มาดีดกันหลายคนแล้ว ดีดเหมือนคนอื่นมันคงน่าเบื่อ (ไม่ได้หวังจะชนะอยู่แล้ว) ผมเลยเปลี่ยนใจไปขนเอากลองมาตีในนาทีสุดท้าย

สรุปผมได้ตำแหน่งเพราะเป็นมือกลองที่เท่ที่สุด ภาพนั้นจึงเป็นภาพตอนผมกำลังรัวตีกลองบนเวที

“เท่ดี”
มันชม ผมทำหน้าแทบไม่ถูกเลย

โดนชมก็บ่อยอะนะ แต่พอมันชม ผมแทบจะไปไม่เป็น ไม่แน่ใจว่าคนในบ้านจะจับสังเกตได้ไหม แต่ขอเหอะ ผมยังไม่พร้อมจริง ๆ

“มีอะไรที่พี่ทำไม่ได้บ้างเนี่ย”
แล้วมันก็หันมาชมผมตรง ๆ ผมยิ้ม

“ก็หลายอย่าง”
มันยิ้มบ้าง

“แต่ถ้าพี่คิดจะทำ พี่ก็ทำได้ พี่อะ เก่งอยู่แล้ว”

มึง อย่าชมกูมากได้ไหม กูเขิน
ผมเสหน้าไปทางอื่น พยายามตีหน้าให้นิ่งที่สุด มันก้มหน้าอยู่เลยไม่ได้สนใจมอง แต่พวกทโมนมันเห็นเลยพากันล้อผมทางสายตา

“พี่เอกเขินใหญ่เลย ไม่บ่อยนะเนี่ยที่จะเห็นพี่เอกเขิน”
มันเงยหน้าขึ้นมองสามสาวก่อนหันมองมาทางผม มันเอียงคอทำท่าฉงน

“พี่เอกเคยเขินด้วยเหรอ หน้าออกจะด้าน”
พูดจบ มันรีบเอามืออุดปากทันที พ่อกับแม่พากันขำใหญ่ ไม่ต่างกับพวกน้อง ๆ มีผมนี่แหละ ที่นั่งหน้าบูดอยู่คนเดียว

“แหะ ๆ ผมล้อเล่น”
แล้วมันก็รีบหันไปจิ้ม ๆ ภาพกับสามสาวกลบเกลื่อน ไม่สนใจหน้าหงิก ๆ ของผมอีก

แม่ม รู้สึกหัวตัวเองเหม็น ๆ ยังไงชอบกล

ตอนนี้พวกเราชักสนุกแล้วครับ พ่อกับแม่ที่ตอนแรกว่าจะเข้านอนก่อน ก็ลงมานั่งล้อมวงกันอยู่ที่พื้น(ตอนแรกอยู่บนเตียง แต่พื้นที่ไม่พอเลยพากันมานั่งทำที่พื้นแทน) พ่อกับแม่ช่วยกันเลือกภาพ ได้เยอะแล้วเหมือนกัน

“แม่ชอบภาพนี้ เอาภาพนี้ดีกว่า”

“แต่พ่อชอบภาพนี้นะ เอาภาพนี้ดีกว่า”
พ่อกับแม่เริ่มก่อสงครามเล็ก ๆ กันแล้วครับ

"ภาพนี้ดีกว่า"

“ภาพนี้สิคุณ ตาอาร์ตออกจะน่ารัก”

“ภาพนี้สิคะ น่ารักกว่า”
ยังเถียงกันอยู่ครับ

“กายว่าของใครดีกว่ากัน”
สุดท้าย แม่หันมาหาตัวช่วยเป็นไอ้ตัวเล็กครับ

มันยื่นหน้าไปมองสองรูป
ตอนนี้มันเริ่มเลื้อยแล้ว ช่วงแรกก็นั่งทำอยู่ดี ๆ อยู่หรอก สงสัยนั่งมาก เมื่อย มันเลยทิ้งตัวนอนคว่ำแล้วดึงเอาตุ๊กตาหมีของผมมาหนุนไว้ที่หน้าอก ผมพยายามไม่มองภาพตรงหน้า

ผมรู้ว่าผมเป็นพวกหื่นเก็บ พอเห็นใครถูกใจก็ตื่นได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะกับมัน แต่ก่อนได้ยินเสียงคราง ได้จับนู้นจับนี่ถึงตื่น แต่ช่วงหลัง ๆ มานี่ แค่เห็นรูปร่างมัน ผมก็ตื่นแล้ว ยิ่งมันมานอนคว่ำหน้ายกตัวสูงแบบนี้ ยิ่งทำให้เน้นเรือนร่างด้านหลังมันเข้าไปใหญ่
เอวเป็นเอว ก้นเป็นก้น

เห็นแล้วอยากจับเสียบฉิบหาย

มันมองภาพของพ่อกับแม่อยู่สักพัก คิ้วได้รูปขมวดบาง ๆ พยายามคัดภาพสองภาพ ก่อนเงยหน้ามองพ่อกับแม่ที่ยังทำหน้าลุ้น มันคงเลือกยาก ขืนเลือกของพ่อ แม่ก็ต้องงอน เลือกของแม่ พ่อก็ต้องน้อยใจ

มันเลยตัดสินใจ…

“เอาทั้งสองภาพนี้แหละครับ”
แล้วมันก็เอาโพสต์อิทมาเขียนอะไรยึกยือลงไป แปะไว้บนภาพอีกที

พ่อกับแม่พากันยิ้มหน้าบาน ผมก็พลอยยิ้มตามไปด้วย

เป็นทางออกที่ดีนะ
แล้วเราก็นั่งเลือกภาพกันจนเกือบห้าทุ่ม พ่อกับแม่เริ่มง่วง ท่านเลยขอตัวไปนอนก่อน

“อย่านอนกันดึกมากนะลูก ค่อยมาทำกันวันอื่นก็ได้”
แม่สั่งก่อนไป พวกผมพยักหน้า พวกทโมนตาปรือแล้วเหมือนกัน เด็กอนามัยครับ ปกติสามสี่ทุ่มก็พากันหลับแล้ว เห็นนั่งเลือกภาพกันไปตาปรือหัวชนกันไป

“พวกหนูไม่ไหวแล้ว ไปนอนก่อนนะคะ”
แล้วพวกนั้นก็พากันเดินโซเซยกโขยงออกจากห้อง เหลือผมกับไอ้ตัวเล็กไว้สองคน

ผมกับกายกำลังเลือกภาพกันอยู่ พวกทโมนก็เยี่ยมหน้าโผล่พ้นขอบประตูเข้ามาแค่ส่วนหัว เรียงกันสามหัวจากบนลงล่าง(ทำกันได้ไงวะ)

“นอนหลับฝันดีนะคะ พี่เอก พี่กาย”
พวกมันปิดประตูลง สักพักก็ได้ยินเสียงกรี๊ดเบา ๆ ด้านนอก ผมหัวเราะหึ ๆ หันมามองคนที่มองสิ่งเดียวกับผมอยู่ เรามองตากันแล้วอมยิ้ม

แล้วเราก็กลับมานั่งเลือกภาพกันต่อ เห็นมันยังยิ้มไม่หุบจนผมอดสงสัยไม่ได้

“มีอะไร ยิ้มอยู่ได้”
มันเงยหน้ามอง

“ก็ผมดีใจ”
ผมเลิกคิ้วสูง มันดันหมอนต่ำลงไปที่ช่วงท้องเพื่อยกช่วงบนให้สูงขึ้น

“ผมเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่หรือน้อง ยกเว้นลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ต่างจังหวัดน่ะนะ แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนมีพี่และน้องเพิ่มขึ้น เลยรู้สึกดีใจน่ะ”
ผมจ้องหน้ามันนิ่ง ๆ ก่อนที่มันจะก้มลงไปเขียนอะไรขยุกขยิกบนโพสต์อิทต่อ

“พี่ง่วงแล้ว”
ผมบอก มันเงยหน้ามอง

“งั้นพอแค่นี้ก่อนก็ได้ วันหลังค่อยมาทำ”
มันลุกขึ้นเก็บรวบข้าวของไว้ด้วยกัน ยังไม่ทันจะเสร็จผมก็ดึงมันมานั่งบนตักผมที่นั่งขัดสมาธิอยู่

“พี่เอก!!”
มันทำหน้าตื่น

“ทำให้พี่หายง่วงหน่อยสิ”

“ง่วงก็ไปนอนสิ พรุ่งนี้ค่อยกลับมาทำก็ได้”
มันรีบบอกมือก็ผลักตัวเองออกใหญ่ ผมไม่ปล่อยครับ รัดเอวมันไว้ มันรีบดึงมือผมออก ผมยิ้มพราวให้มัน

“พี่เอก นี่บ้านพี่เอกนะ”
ผมเลิกคิ้ว

“ทำไม พี่ไม่ได้คิดจะทำอะไรเราสักหน่อย แค่บอกว่าทำให้พี่หายง่วงที”
มันทำหน้าเสีย อ้าปากค้าง ก่อนหน้าแดง

“งั้นผมจะไปชงกาแฟให้”
มันทำท่าจะลุก

“ดึกแล้ว พี่ไม่อยากกินกาแฟ”
ผมคลายเอวมันไว้หลวม ๆ แต่ไม่ยอมให้มันดิ้นหลุด

“งั้นพี่ก็ไปอาบน้ำ”

“อืม เป็นความคิดที่ดี งั้นอาบด้วยกันดีกว่า”

“ดะ เดี๋ยวพี่เอก ผมอาบมาแล้ว”
มันรีบยื้อ

“แต่พี่ยังไม่ได้อาบ”

“พี่ก็อาบไปคนเดียวสิ”

“ไม่เอา อาบคนเดียว พี่คงหลับคาห้องน้ำ กายมาอาบเป็นเพื่อนพี่ดีกว่า”
ผมรีบลากมันเข้าห้องน้ำทันที มันยื้อใหญ่ สุดท้ายก็แพ้แรงผมครับ ผมจับมันรูดทรัพย์จนเหลือแต่เนื้อหนังล่อนจ้อน ไม่ต่างกับตัวเอง ก่อนหันไปเปิดน้ำใส่อ่างจนเต็ม

ที่คอนโดไม่มีอ่าง แต่ที่บ้านมี มันยังพยายามดิ้นอยู่ ผมลากมันลงไปนั่งในน้ำด้วยกัน

“ดื้อ”
มันหันมาต่อว่า ผมทำหูทวนลม เอนหลังแช่อยู่ในอ่าง ดึงมันมานอนบนอกอีกที รั้งเอวมันไว้ด้วยสองมือกันหนี มันพยายามจะลุก

“ผ่อนคลายหน่อยน่า พี่เหนื่อย”
ผมบอกมันเสียงเหนื่อย จริง ๆ ก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรหรอก แต่พอผมบอกมันงี้ทีไร มันจะยอมผมทุกที

แล้วมันก็ได้ผล
จากที่ดิ้น ๆ อยู่ หยุดลงทันที ผมอมยิ้ม ปิดเปลือกตาลง กดปุ่มให้น้ำมันวิ่งวนนิดหน่อย ไม่แรงมาก พอให้มันเกิดฟองนวดตัวเบา ๆ มันคงชอบ จากที่นั่งเกร็ง ๆ อยู่ก็ผ่อนคลายมากขึ้น

จากที่มันนอนพิงตัวผมอยู่ มันเริ่มนั่ง แล้วยื่นมือไปหยิบเป็ดน้อยจากริมอีกฝั่งมาดู(พวกทโมนมันเอามาฝากน่ะ ) ผมอมยิ้ม มองมันเล่นเป็ดน้ำไป

“เด็ก”
ผมแอบกัดมันเบา ๆ มันหันขวับมามอง ทำหน้าบูดหน่อย ๆ แล้วหันไปเล่นต่อ ผมนอนเล่นไปเรื่อย ๆ เป็ดน้อยของมันแหวกว่ายตามน้ำไปยังอีกฝั่ง มันกระเถิบตัวไปหยิบ แต่มันคงลืมไปว่านั่งอยู่บนตัวผม พอมันเขยื้อนก็ทับน้องเป็ดยักษ์ของผมในน้ำมันกระตุกเบา ๆ พาเอาไอ้ตัวเล็กหันขวับมามอง ผมยิ้มนิด ๆ ให้มัน มันรีบกลับมานั่งสงบในน้ำไม่เล่นอะไรอีกเลย ผมอมยิ้ม

ขี้อายได้อีก

เรานอนกันอยู่แบบนั้นจนขี้ไคลมันหลุดลอกผมถึงได้พามันขึ้น มันอาบน้ำแล้ว เลยไม่ต้องอะไรมาก แต่ผมยังไม่ได้อาบ เลยล้างตัวนานนิดหนึ่ง

มันพันผ้าเช็ดตัวที่เอว จะเดินไปหยิบชุดเดิมมาใส่ แต่ผมเบรกไว้ก่อน

“เดี๋ยวพี่หยิบชุดให้ใหม่ ชุดนั้นนอนไม่สบายหรอก”

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ชุดแบบนี้ผมใส่นอนประจำ”
ผมไม่สนใจคำตอบ หยิบผ้าเช็ดตัวมาพันเอว เดินเข้าไปหามัน หน้ามันแดงหน่อย ๆ จ้องมองหน้าอกผมที่เคลือบไปด้วยหยดน้ำ

ผมคว้าชุดมันมาถือไว้ เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า

เดาสิ ผมจะหยิบชุดไหน

แน่นอน ชุดสุดเซ็กซี่ เป็นเสื้อเชิ้ตครับ มันมองหน้าตอนผมยื่นชุดให้ คราวนี้เป็นสีฟ้าครับ ไม่ใช่สีขาว แต่เสื้อมันก็บางเบา แถมยังพลิ้วอีกต่างหาก

“ผมไม่เอาชุดนี้ได้ไหม เสื้อยืดหรือกางเกงบอลสักตัวก็ยังดี”
มันต่อรอง ผมส่ายหน้า

“ชุดนี้ หรือนอนโป๊”
ผมให้ทางเลือก มันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็ยอมรับไปใส่ ส่วนผมก็หยิบชุดนอนมาใส่บ้างเหมือนกัน ของผมเป็นแค่เสื้อยืด
กับกางเกงเอวสวมเลยใส่ง่าย แต่ของมันเสื้อเชิ้ตกระดุมเยอะ กว่าจะติดครบทุกเม็ดผมก็แต่งตัวเสร็จแล้ว

เมื่อกี้ตอนอยู่ในห้องน้ำ ผมพยายามระงับอารมณ์ตัวเองไว้ แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้วครับ แค่เห็นขาขาว ๆ ของมันด้านหลัง น้องผมก็กระตุกดุ๊กดิ๊กแล้ว มันยืนติดกระดุมอยู่ ผมเดินเข้าไปสวมกอดมันจากด้านหลัง มันเอี้ยวหน้ามามอง

“พี่ชอบนะ หุ่นกายเซ็กซี่ดี”
ผมชม มันหน้าแดงใหญ่ มือยังค้างติดกระดุมสามเม็ดบนอยู่ ผมเลยจับมันหันมาเผชิญหน้า แล้วช่วยติดกระดุมให้
มันมองงง ๆ ผมไม่พูดอะไร เพียงแค่ติดกระดุมไปเรื่อย ๆ เหลือไว้แค่เม็ดบนเท่านั้น

“ขอบคุณครับ”
มันบอก ผมก้มกระซิบข้างหูมัน

“ขอค่าติดกระดุมด้วย”
มันอ้าปากค้าง ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่

“ผมขอตัวนะฮะ ง่วงแล้ว”
มันรีบหันหลัง แต่ผมจับข้อมือมันไว้ก่อน

“ค่าติดกระดุมพี่ล่ะ”
ผมพูดเรียบ ๆ มันหันซ้ายหันขวา คงพยายามหาข้ออ้างดี ๆ มาปฏิเสธ

“แล้วจะเอาอะไร”
มันก้มหน้าถามเสียงแผ่ว ผมอมยิ้ม

“ตรงนี้”
ผมจิ้มแก้มซ้ายตัวเอง มันเงยหน้ามอง ทำหน้าอึดอัดนิดหน่อย ก่อนยืดตัวจนสุดเท้าขึ้นมาหอมแก้มผม

“ตรงนี้ด้วย”
ผมจิ้มไปที่แก้มอีกข้าง มันทำท่าอึดอัด ก่อนยืดขึ้นมาหอมแก้มอีกข้าง

“แล้วก็ตรงนี้เป็นที่สุดท้าย”
ผมจิ้มไปที่ริมฝีปากตัวเอง มันทำหน้าเหวอ เม้มปากแน่น ก่อนค่อย ๆ ยืดตัวขึ้นมาจุ๊บปากผมเบา ๆ

“เป็นเวลาหนึ่งนาที”
ผมบอกต่อ มันทำหน้าเหวอยิ่งกว่าเดิม
“แบบแลกลิ้นด้วย”
ก่อนเพิ่มเติมกฎเข้าไปอีก

“พี่เอก”
มันเรียกชื่อผมเพื่อเรียกความเห็นใจ

“ค่าติดกระดุม”
ผมทวง มันเม้มปากแน่น อยากเถียง แต่มันก็รู้ว่าเถียงสู้ผมไม่ได้

“แค่จูบนะ”
มันต่อรอง ผมพยักหน้า

มันยืดเท้าขึ้นมาจูบ แต่ตัวมันเตี้ยครับ เลยต้องโอบสองแขนไว้รอบคอผมเพื่อพยุงตัวมันเอง ผมยืนอยู่นิ่ง ๆ ปล่อยให้มันเป็นฝ่ายนำ ลิ้นเก้ ๆ กัง ๆ พยายามกระตุ้นให้ลิ้นผมตอบรับ ผมปล่อยให้มันทำอยู่สักพักก่อนตวัดปลายลิ้นตอบรับมันบ้าง

ผ่านไปสามสิบวิ ผมเริ่มเป็นผู้คุมเกม ตวัดปลายลิ้นหยอกล้อมันภายใน หน้ามันเริ่มแหงน ลมหายใจเริ่มเปลี่ยนจังหวะ มือผมที่อยู่เฉย ๆ เลื่อนไปเกาะไว้ที่เอวมันหลวม ๆ ไล่ต่ำลงไปที่สะโพก

ผ่านไปมากกว่าสองนาที เราสองคนยังไม่ได้ละริมฝีปากออกจากกัน มือไม้มันเริ่มหาที่ระบายเป็นแถวท้ายทอยของผม
ผมบีบแก้มก้นมันแรงเลื่อนลงไปที่ต้นขา มันครางออกมาเสียงเบาในลำคอ

“พี่เอก…”
มันละริมฝีปากออกมาครางเรียก ปากมันฉ่ำแล้วก็แดงจนผมอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปกดจูบอีกรอบ

ผมยกขามันข้างหนึ่งมาเกาะไว้ที่สะโพก มือไม้เริ่มเคล้นคลึงหนักขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้น้องผมมันตื่นเต็มที่แล้วครับ ตั้งโด่ไปชนหน้าท้องมันแล้ว ของมันเองก็เต็มที่แล้วเหมือนกัน

ผมถอนริมฝีปากออกช้า ๆ มาจ้องมองดวงตาพร่าเลือนของมัน ผมยิ้ม เลื่อนริมฝีปากลงไปยังซอกคอที่ยังหอมจรุงด้วยกลิ่นสบู่ ไซ้เบา ๆ ก่อนโหมแรงระรานมากขึ้นเรื่อย ๆ มันหอบหนักเอียงคอทั้งรับทั้งหนีปากผม

ผมดันมันให้ถอยร่นจนชนขอบเตียงล้มนอนหงายไปบนที่นอน ผมทิ้งตัวลงตาม แทรกกลางระหว่างขามัน ใช้หัวเข่าดันสองขามันออกกว้าง แล้วทำการเชื่อมร่างของเราเอาไว้ด้วยกัน 

คับครับ คับจริง ๆ

ผมแทบจะเข้าไม่ได้ แต่ก็พยายามกดแทรกเข้าไปให้มากที่สุด ไม่อยากรุนแรงครับกลัวมันเจ็บ ไม่นานผมก็ผสานรวมร่างกับมันได้สำเร็จ

“กาย”
ผมกระซิบเรียกมันเสียงทุ้ม

ร้อนครับ แน่นด้วย มันรัดจนผมปวดไปหมด ผมแช่ร่างไว้อย่างนั้น ลูบหัวมันเบา ๆ จูบซับแก้มให้มันผ่อนคลาย ผ่านไปสักพัก ผมเริ่มขยับถอนร่างตัวเองออกแล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ มันครางฮือ แหงนหน้า กำผ้าปูที่นอนแน่น

ผมกัดฟัน เคลื่อนที่เข้าออกช้า ๆ อยู่อย่างนั้นจนช่องทางเริ่มไหลลื่นถึงได้เพิ่มจังหวะเป็นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เสียงครางของมันก็ดังมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกัน

“กาย...”
ผมครางเรียก เร่งจังหวะนำพามันไปถึงฝั่งฝัน

ผมยอมรับครับ ว่าผมกำลังหลงเรือนร่างนี้เข้าให้แล้ว

“นี่ ออนท็อปให้พี่หน่อยสิ”
ผมพลิกมันขึ้นไปนั่งด้านบน

“พอแล้ว”
มันรีบบอก เพราะเราสองคนเพิ่งเสร็จกันไปเมื่อตะกี้

“ถ้าออนท็อปถูกใจพี่ พี่จะจบแค่รอบเดียว แต่ถ้าไม่ พี่จะต่อทั้งคืน”
ผมขู่ มันหน้าแดง

“พี่สัญญาแล้วนะ”
มันทวง ผมพยักหน้า เขยิบตัวขึ้นไปนั่งพิงกำแพงหัวเตียงโดยใช้หมอนสองใบรองรับหลัง กางขาออกนิด ๆ วางราบไปกับพื้น

มันเขยิบตัวมาเหนือน้องผม จ้องมองนิดหน่อย ก่อนตัดสินใจ กดร่างตัวเองลงไปช้า ๆ

น่ารักดีครับ ท่าทางยังเก้ ๆ กัง ๆ แต่ดูมีเสน่ห์ดี

ผมครางออกมาเบา ๆ เวลาทำเองกับมีคนทำให้นี่มันคนละอารมณ์กันเลย มันยกตัวขึ้นช้า ๆ แล้วค่อย ๆ กดตัวเองลงไป ลมหายใจติดขัด สองมือจับไหล่ผมแน่นเพื่อพยุงตัวเอง

“อืม พี่เอก”
มันครางออกมา ผมนั่งยิ้ม ให้มันทำเองไปเรื่อย ๆ สักพักมันก็เปลี่ยนจังหวะจากยกตัวเองขึ้นลงเป็นโยกไหวเข้าออกแทน

จะท่วงท่าแบบไหน ผมก็รู้สึกดีครับ
ผมหรี่ตาอดทนด้วยความเสียวสะท้าน จ้องคนที่ก้มหน้าโยกไหวร่างกายไปเรื่อย ๆ

สักพักมันก็เงยหน้าพาปากแดง ๆ มาครางเรียกชื่อผม ผมรีบประกบปากมันทันที มันครางฮือ เพราะโยกตัวไม่ถนัด ผมถอนปากออกอย่างเสียดาย

มันเริ่มต้นโยกใหม่ ด้วยจังหวะเชื่องช้า ผมเลื่อนมือไปจับเอวมันไว้ จับไหวรุนแรงมากขึ้น มันครางเสียงหนักเลย ยิ่งมันครางเสียงดังมากเท่าไหร่ ผมยิ่งจับมันโยกแรงมากขึ้นเท่านั้น จวบจนมันกรีดร้องพาผมไปถึงปลายทางแห่งความสุขอีกรอบ 

มันนั่งหอบหนักพิงหน้าเข้ากับอกผม ผมเองก็หมดแรงนั่งแหงนหน้าพิงหัวไว้ที่กำแพงเหมือนกัน หยาดน้ำอุ่น ๆ ของผมภายในของมันเริ่มพากันหาทางออกมาด้านนอกแล้ว พอลมหายใจผมเริ่มกลับมา ผมก้มกระซิบมันข้างหูอีกครั้ง

“เมื่อกี้นี้พี่ไม่นับนะ เพราะพี่เป็นฝ่ายช่วย”
มันเงยหน้าเหนื่อย ๆ ขึ้นมอง

ผมก้มจูบมันอีกที

ใครว่าผมเป็นคนดีครับ ผมอะ ทั้งเลว เจ้าเล่ห์ แถมยังหื่นอีกต่างหาก

ฮ่า ๆ  ๆ
*** ***

 
To Be con...
ครับ เพราะพี่เป็นพระเอกไง  :-[
หัวข้อ: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 31 : หา!! พี่เชนชอบผม
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 14-02-2015 19:25:23

Kiss Love ♥ [31]
หา!! พี่เชนชอบผม
[กาย...♥]


ผมรู้ครับ ว่าผมคงเป็นคนที่บื้อที่สุดที่ยอมพี่เขาทุกอย่าง

แต่ก็นะ
รู้เขาหลอกแต่ก็ยอมให้หลอก ผมชักอยากร้องเพลงนี้ขึ้นมาดัง ๆ ซะแล้ว

เมื่อคืนพี่มันเจ้าเล่ห์ บอกว่าถ้าผมออนท็อปให้จะจบแค่รอบเดียว แต่พอผมจะเสร็จ พี่มันก็ดันเข้ามาช่วย แล้วบอกว่าไม่นับ เพราะงั้นเมื่อคืนพี่มันเลยฟัดผมจนเปรม ดีว่าไม่ได้ฟัดผมดึกมาก เพราะอยากให้ตื่นขึ้นมาทานข้าวเช้าแบบพร้อมหน้าพร้อมตากัน (ไม่งั้นพวกทโมนจะมาอาละวาดครับ)

พี่เอกปลุกผมแต่เช้า ผมกำลังอาบน้ำอยู่ก็ได้ยินเสียงใส ๆ ของสามทโมนตะโกนเรียกแล้ว พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็เดินออกไปข้างนอก เห็นสามสาวในชุดนักเรียนน่ารักนั่งรอเรียงกันเป็นแถวอยู่ที่ขอบเตียง

“นอนหลับฝันดีไหมคะพี่กาย” คนที่นั่งอยู่ตรงกลางเป็นคนถาม

“ก็ดีครับ”
ถ้าผีผ้าห่มไม่หลอกดึกมากเมื่อคืนอะนะ ผมอ้อมแอ้มตอบ เกาแก้มตัวเองแก้เขิน

โกหกไปก็คงไม่พ้นที่สามสาวจะรู้อยู่ดี

พี่เอกยิ้มเจ้าเล่ห์ หันไปชู 4 นิ้วให้พวกทโมนดู พวกน้อง ๆ ก็พากันกรี๊ดใหญ่

เดากันได้ใช่ไหมฮะ ว่าสี่นิ้วนั้นคืออะไร
ผมรีบเดินไปเก็บรวบเอาของที่จำเป็นเข้ากระเป๋า หลังจากมื้อเช้า ผมจะกลับบ้าน เพราะมีเรียนบ่าย

พวกน้อง ๆ วิ่งออกจากห้องไปก่อน ตามติดด้วยผมกับพี่เอก ข้างล่างผมเห็นคุณพ่อกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะทานอาหาร ส่วนคุณแม่นั่งอยู่ข้างกันกำลังคุยกับป้าหวิงที่กำลังจัดเตรียมสำรับอยู่ พวกทโมนพากันนั่งเรียบร้อยที่ตำแหน่งตัวเองแล้ว คุณพ่อคุณแม่ละจากกิจกรรมที่ทำหันมามอง 

“ตื่นกันแล้วเหรอหนุ่ม ๆ”
คุณแม่ทักด้วยรอยยิ้ม เห็นแล้วนึกถึงแม่ขึ้นมาทันที แต่เวลาแม่ผมตื่นนอนจะเบลอกว่านี้เยอะ

“ครับ อรุณสวัสดิ์ คุณลุงคุณป้า”
ผมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ พี่เอก

“โห คุณลุงแต่งสูทหล่อจัง น่าจับถ่ายรูปสักแชะสองแชะนะเนี่ย”
ปากผมมันไปเองครับ เห็นใครหล่อเป็นอยากถ่ายรูปไปหมดแหละ แม้ท่านจะอายุมากแล้วก็ตาม แต่รูปร่างหน้าตายังดูดีอยู่เลย ไม่ได้หล่อหน้าเด็กแบบพ่อผม แต่ก็หล่อแบบผู้ใหญ่วัยทำงาน ดูภูมิฐานสมวัยดี
คุณพ่อขยับเนื้อตัวเก็กหล่อขึ้นมานิดหนึ่ง ผมอมยิ้ม หันไปทางคุณแม่บ้าง

“คุณป้าก็สวยแต่เช้าเลย วันนี้จะไปออกงานที่ไหนรึเปล่าครับ”

“แหมกายละก็"
คุณแม่ทำท่าเขิน น่ารักดี

“อย่าเรียกว่าป้าได้ไหม ฟังดูแก๊แก่” แกจับหน้าตัวเองไว้เบา ๆ “เรียกแม่ดีกว่า ดีใจจังได้ลูกชายเพิ่มอีกคน” แล้วคุณแม่ก็หันไปกรี๊ดกับคุณพ่อเบา ๆ

“ก็ดี งั้นเรียกลุงว่าพ่อเลยละกัน”
ง่าย ๆ ครับครอบครัวนี้ ดูไม่ออกเลยว่าเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่

“ครับคุณพ่อคุณแม่” ผมรับปาก

“พี่เอก หุบยิ้มบ้างก็ได้นะคะ”

“ใช่ ไอกลัวเหงือกพี่แห้ง”

“อะ เติมน้ำให้เหงือกหน่อย”
สามตัวป่วนแซวพี่มัน พี่เอกง้างมะเหงกให้ที ผมอมยิ้มให้พี่แกเลาะเลยไปที่น้อง ๆ

“พูดมาก กินเร็ว ๆ เข้า เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก”

“ไม่กลัว เพราะวันนี้เรามีสารถีมือดี”
ครับ ปกติถ้าพี่เอกอยู่บ้าน ส่วนมากจะเป็นคนไปรับไปส่งพวกน้อง ๆ ไปเรียนน่ะ (จริง ๆ ถูกบังคับมากกว่า) ผมหัวเราะ หันไปขอบคุณป้าหวิงที่กำลังตักข้าวให้

มื้อนั้นผ่านไปด้วยดีครับ โดนคุณแม่พี่เอกสอบสวนเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย ในขณะที่พี่เอก หันไปคุยเรื่องงานกับคุณพ่อ

พอจบมื้อเช้า สามสาวรีบวิ่งเข้ามาเกาะแขนผมซ้ายขวา ผมหัวเราะ พี่เอกเป็นสุภาพบุรุษเสมอ เปิดประตูให้น้องสาวเข้าไปนั่งเบาะท้ายทั้งสามคน ในขณะที่เบาะหน้าตกเป็นของผม
ระหว่างทางสาว ๆ ก็พากันเม้าท์แตกครับ เผาพี่ตัวเองบ้าง พี่อาร์ตบ้างพี่อิฐบ้าง ไม่ก็เล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟัง ผมก็นั่งฟังไปหัวเราะไป ส่วนพี่เอกขับรถไปเงียบ ๆ ไม่นานก็มาถึงโรงเรียนของน้อง ๆ

ผมกวาดมองไปรอบ ๆ สถานที่ที่เรียกว่าโรงเรียน

โห จะหรูหราอลังการงานสร้างไปไหน

“เจอกันตอนเย็นนะคะพี่กาย บ๊ายบายค่ะ”
สาว ๆ แย่งกันโบกไม้โบกมือล่ำลา เปิดประตูก้าวลงจากรถทีละคน ผมยิ้มโบกมือไหว ๆ กลับบ้าง

พอออกไปยืนนอกตัวรถปุ๊บ สามสาวก็พากันเปลี่ยนโหมดแทบจะทันที ผมเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ 

โห สมกับเป็นพี่น้องกันจริง ๆ 
เพราะตอนนี้ผมกำลังเห็นสามสาวในมาดคุณหนูสุดเรียบร้อย (ทิ้งคราบลิงทโมนเมื่อกี้นี้ไปเลย) ใบหน้ารื่นเริงถูกปรับให้เรียบตึงราวกับตุ๊กตาไร้อารมณ์ เดินเรียงแถวหน้ากระดาน สองมือถือกระเป๋านักเรียนไว้ด้านหน้า ก้าวเท้าพร้อมเพรียงกันเดินเข้าประตูโรงเรียน โดยมีสายตาของนักเรียนคนอื่น ๆ (โดยเฉพาะหนุ่ม ๆ) มองตามกันเป็นแถว ผมหันไปหาพี่เอก พี่มันยิ้ม

“อย่าไปใส่ใจเลย แค่ไม่อยากให้คนเข้ามายุ่งวุ่นวายมากน่ะ”
ผมถึงบ้างอ้อทันที

พวกน้อง ๆ ก็น่ารักกันจริง ๆ นี่นา ไม่มีหนุ่ม ๆ เข้ามาจีบเลยนี่สิแปลก แต่ถ้าคิดจะเข้ามาจีบกันจริง ๆ คงต้องแยกให้ออกก่อนว่าใครเป็นใคร

พี่เอกส่งผมกลับบ้าน แล้วพี่แกก็ขับรถเลยไปมหา’ลัยต่อเพราะมีเรียนช่วงเช้า ส่วนผมขอนอนเอาแรงอีกสักหน่อยก่อน เหนื่อยครับ ทั้งทำภาพ ทั้งโดนฟัด

พอนึกถึงคนเจ้าเล่ห์หน้าตายเมื่อคืนก็พาเอาหน้าร้อนขึ้นมาอีก

“ตาหื่นเอ้ย”
ผมแอบบ่นหงุมหงิม ปิดเปลือกตาลงแล้วปล่อยให้สติค่อย ๆ จางหายไป








ผมตื่นอีกทีตอนได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเบา ๆ ผมหันไปมอง ตอนแรกคิดว่าเป็นเสียงนาฬิกาปลุกที่ตัวเองตั้งไว้ ที่ไหนได้ เป็นเสียงเรียกเข้านี่เอง

ความลับที่คนอื่นยังไม่รู้ ผมเป็นพวกปลุกยาก แต่ถ้าเป็นเสียงนาฬิกาปลุก ผมจะตื่นแทบจะทันที (มันชินน่ะนะ ฟังมาตั้งแต่เด็ก) ผมคว้าโทรศัพท์มากดรับทันทีโดยไม่มองเบอร์

“ครับ”
ผมกรอกเสียงเบลอ ๆ ไปตามสาย

“ยังไม่ตื่นอีกเหรอ นี่บ่ายกว่าแล้วนะ”
ปลายสายหัวเราะ ผมพลิกหน้าจอดูว่าใครโทรมา

“พี่เชน!”
ผมรีบตื่นเต็มตาทันที

“ตอนเย็นไปทำงานที่ร้านไหม”

“ไปฮะ”
ผมพยายามปรับเสียงให้สดใสขึ้นมาอีกหน่อย

“เดี๋ยวพี่จะแวะไปกินกาแฟ”
ผมยิ้มรับ คุยกันอีกนิดหน่อยก็ลุกไปล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวไปมหา’ลัย หันไปมองรูปถ่ายของพ่อกับแม่บนหัวเตียง

“สักวันผมจะทำให้พ่อกับแม่กลับมาคืนดีกันให้ได้”
ว่าแล้วก็โทรหาแม่สักหน่อย ผมหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก สักพักปลายสายก็กดรับ

“นอนบ้างรึยังเนี่ย”

“นอนแล้ว สบายดีนะลูก”

“ครับสบายดี”

“โทรมาก็ดีเลย แม่เพิ่งปิดต้นฉบับนิยายเรื่องล่าสุดไป มาเที่ยวเป็นเพื่อนหน่อยสิ” ก็อย่างที่คุณเห็น แม่จะเห็นค่าผมขึ้นมาก็ตอนนี้แหละ

“ช่วงไหนไม่มีเรียนก็ลามาสักวันสองวันค่อยกลับ หรือถ้าเป็นไปได้ เสาร์อาทิตย์นี้เลยยิ่งดี”
ผมคงเป็นพนักงานที่ลาบ่อยที่สุดละมั้งถ้าทำแบบนั้น

“แม่จะอยู่อีกนานไหม”
ผมถามเพราะดูท่างวดนี้แกจะติดลมบน ฟังจากน้ำเสียงแล้วคงไม่กลับกรุงเทพง่าย ๆ แน่

“ไม่มีกำหนด”
ผมหัวเราะหึ ๆ ที่เดาถูก ผมรับปากแม่ไป ใจจริงก็อยากเที่ยวอยู่เหมือนกันเชียงใหม่เนี่ย ไม่ได้ไปมานานแล้ว อยากชวนไอ้เต้ยไปด้วย มันจะได้ห่าง ๆ จากพี่เป้ซะบ้าง

ผมปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันที หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก สักพักมันก็รับสาย

“เต้ย แม่กูชวนไปเที่ยวเชียงใหม่ว่ะ ไปด้วยกันสักวันสองวันไหม” มันทำเสียงดี๊ด๊า ขาเที่ยวเหมือนกันครับ ก่อนทำเสียงเหี่ยว

“กูอยากให้พี่กูไปด้วยจัง”

“เอาน่า ไปกับกูหน่อย ไปแค่ไม่กี่วันก็กลับ”
ไม่กี่วัน มันก็ตัดโอกาสหนึ่งเดือนของไอ้เต้ยไปได้เยอะเหมือนกัน

มันรับปาก แค่นั้นผมก็ดีใจแล้วล่ะ









คุณคิดว่าผมเป็นพนักงานที่ยิ้มเก่งไหม

ปกติไม่ขนาดนี้หรอก ยกเว้นตอนนี้
ผมกำลังยิ้มรื่น เพราะพี่เชนแกมานั่งกินกาแฟที่ร้าน มันไม่สำคัญเท่าไหร่ ถ้าพี่แกไม่หอบเอาภาพที่แกกำลังคัดอยู่ว่าจะเอาภาพไหนลงแสดงดีมาทำด้วย พอไม่มีลูกค้า ผมเลยเดินไปเลียบ ๆ เคียง ๆ ดูภาพกับแก

ส่วนไอ้เต้ย มันเดินตามตูดพี่มันอยู่ครับ เดินตามแบบไม่มีเหตุผล แค่เดินตามเฉย ๆ เหมือนหมาติดเจ้าของ
สงสารพี่เป้เหมือนกัน แต่ตอนนี้พี่เชนสำคัญกว่า ผมยืนดูรูปสองรูปที่พี่แกยื่นให้ พนักงานคนอื่นไม่ว่าครับ เพราะพี่เชนทิปหนักมาก (ให้ทิปเยอะกว่าค่ากาแฟหลายเท่า ที่นี่ทิปรวมครับ ผมได้คนอื่นก็ได้ ฮ่า ๆ ๆ แล้วผมกับไอ้เต้ย อ้อพี่เป้อีกคน ดันเป็นตัวดึงดูดลูกค้า ได้ทิปเป๋าตุงอยู่เรื่อย)

ว่าไปทำงานแบบนี้ก็ได้เงินกินขนมเยอะดีนะ มาทำไม่กี่วันได้เงินตั้งเยอะแน่ะ แต่เก็บยัดบัญชีครับ ผมไม่ใช่พวกสิ้นเปลือง แถมเงินที่พ่อกับแม่ให้ทุกเดือนก็มากโขอยู่ ของที่ผมอยากได้จริง ๆ ส่วนมากก็พวกอุปกรณ์กล้องนั่นแหละ แต่ละอย่างก็ไม่ใช่ถูก ๆ บางตัวซื้อที เงินแทบหมดบัญชี ผมถึงได้รักลูก ๆ ของผมทุกชิ้นไง

ที่เหลืออยากได้อะไร พ่อกับแม่ก็จะซื้อให้ซะหมด
อย่างล่าสุด ผมบอกพ่อว่าจะทำเว็บบอร์ด คงต้องเก็บเงินซื้อโน้ตบุ๊คสักเครื่อง ผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์ ก็มีโน้ตบุ๊คส่งมาให้ที่บ้าน ในนามของอาเฮียสุดหล่อ

ครอบครัวผมขยันทำเซอร์ไพรส์กันดี แม่ก็ตุปัดตุป่องไป ข้อหาไม่ปรึกษาแก ผมเลยแกล้งบ่น ๆ ว่าอยากได้โปรแกรมมาลงเครื่อง พี่แกก็วิ่งพาไปลงซะเต็มสตรีม

ฮ่า ๆ ๆ ๆ ใครได้ผลประโยชน์ล่ะครับ ถ้าไม่ใช่ไอ้กาย   

“พี่ชอบมุมมองของกายนะ”
พี่เชนชม ผมยิ้มแก้มบาน

“ผมก็ชอบตามพี่นั่นแหละ”
คิ้วหล่อเลิกสูง 

“ก็คนแรกที่ทำให้ผมอยากถ่ายภาพก็คือพี่นี่แหละ ก็ตอนนั้น พ่อนัดคุยงานกับลูกค้าในห้างที่ภูเก็ต เลยหนีบผมไปเที่ยวด้วย ระหว่างรอ ผมก็เดินเล่นไปเรื่อย ๆ จนหลงเข้าไปในงานภาพถ่าย หนึ่งในนั้น มีผลงานของพี่อยู่ด้วย ภาพนั้นสวยเอามาก ๆ ผมยืนดูอยู่ตั้งนานสองนาน แล้วข้างภาพนั้น ก็มีภาพตัวพี่เองในชุดเสื้อโค้ทสีดำสนิท ยืนทำหน้านิ่ง ๆ ถือกล้องไว้ในมือ พี่ยังดูเด็กอยู่เลยถ้าเทียบกับคนอื่น ๆ ในงาน”

“ผมไม่รู้ว่าผมยืนมองอะไรนานกว่ากัน ระหว่างภาพที่พี่ถ่ายกับภาพถ่ายของพี่ เพราะมันดูดีพอ ๆ กัน” ผมพูดยิ้ม ๆ พี่มันฟังแล้วนิ่งไปครับ ผมก็โม้ต่อ

“ตั้งแต่วันนั้น ผมก็จดจำชื่อของพี่เอาไว้ นายชรินทร์ อิทธิเดชา แล้วตามงานของพี่มาตลอด ตอนนั้นพ่อยังอยู่ เลยพาผมไปดูงาน พอโตขึ้นมาหน่อย ผมก็ตามงานพี่ด้วยตัวเอง”
ผมพูดไปยิ้มไป หวนนึกถึงความประทับใจเก่า ๆ พี่เชนนั่งฟังนิ่ง ๆ

“กล้องตัวแรกที่พ่อซื้อให้ ก็เป็นกล้องยี่ห้อและรุ่นเดียวกันกับที่พี่ถือไว้ในภาพนั่นแหละ เจ้าลูกชายคนโตของผมยังแขวนอยู่ในห้องอยู่เลย ถ่ายเยอะ น็อคกลางอากาศ”
ผมหัวเราะ ทำท่ากดชัตเตอร์เจ้ากล้องตัวแรกที่พ่อซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด

“โอ๊ะ! ลูกค้ามา รอก่อนนะฮะ”
ผมรีบวิ่งจู๊ดไปหาลูกค้าทันที

ผมมาทำงานที่นี่ตอนไม่มีเรียนครับ เขาคิดเป็นชั่วโมง วันหนึ่งมาทำกี่ชั่วโมงก็มาร์คไว้ เจ้าของเป็นคนง่าย ๆ ติดจะติส ๆ ด้วยซ้ำ อยู่ด้วยกันได้

พอผมรับลูกค้าเสร็จ พี่เชนก็เดินมาหา แกเก็บข้าวของมาถือไว้หมดแล้ว

“พี่กลับก่อนละ” พี่มันลูบหัวผมเบา ๆ ส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ “แล้วว่าง ๆ จะเอาภาพมาให้ช่วยเลือกอีก” ผมพยักหน้ารับ แล้วพี่แกก็เดินจากไป ผมหันหลังเตรียมจะกลับไปทำงานต่อ ก็เห็นไอ้เต้ยยืนมองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์อยู่ตรงหน้า

“มึง”

“อะไร”

“มึงอะ”

“อะไร”
ยิ่งพูดมันยิ่งทำสายตาเจ้าเล่ห์ใส่

จะพูดอะไรก็รีบ ๆ พูดมาสิวะ

“มึงอะ หว่านเสน่ห์ไปทั่ว”

ผมทำหน้าแหยงมองมัน
“กูไปหว่านเสน่ห์อะไรให้ใครตอนไหน”

งงครับ จำได้ว่าผมไม่เคยเป็นคนแบบนั้น เอ้อ ถ้าเจอสาว ๆ ก็ว่าไปอย่าง

“กูจะฟ้องพี่เอก”

“พี่เอกเกี่ยวไรด้วย แล้วนี่กูไปหว่านเสน่ห์ให้ใครตอนไหน ก็ยังไม่ได้คุยกับสาวคนไหนสักคน” มันนี่ก็พูดแปลก ๆ

“นี่มึงโง่ หรือว่ามึงแกล้งโง่วะ” ผมขมวดคิ้ว

“มึงดูไม่ออกรึไง ว่าพี่เชนอะ เขาชอบมึง” ผมยิ้ม

“ก็เออดิ กูกับเขามันคอเดียวกันนี่หว่า” ผมพูดยิ้ม ๆ “เพราะกูก็ชอบพี่เขาเหมือนกัน มึงก็รู้ว่ากูอะ ปลื้มเขามานาน พอได้มาเจอตัวจริงกูแทบจะจุดพลุฉลอง นี่วันนี้แกก็เอาภาพมาให้กูช่วยเลือกด้วยนะ” ผมโม้ไปยิ้มไป ไอ้เต้ยมันทำหน้าหน่าย

“ชอบของกู ไม่ได้ชอบมึงอย่างน้องอย่างนุ่งอย่างเพื่อน” ผมตีคิ้วย่น

“แล้วมันอย่างไหนวะ”
เอ้า ไม่ให้ชอบอย่างน้องแล้วอย่างไหน หรือว่าเพื่อนร่วมงาน แต่กูยังไม่ได้ทำงานกับพี่เขานี่หว่า

“กาย…เขามึงงอกแน่ะ”
มันพยักพเยิดหน้ามาที่หัวผม ผมรีบจับหัวตัวเองไว้ทันที

“ไอ้ฟาย” ผมด่ามันกลับ

“มึงนั่นแหละ ฟาย เขามารักมาชอบก็ยังไม่รู้ตัวอีก”

“ก็กูรู้ตัวแล้วไง” แล้วจะเอาอะไรอีกวะ

“นี่กาย…” มันโอบไหล่ผมแล้วลากออกมาหน้าร้าน ข้างในลูกค้าเยอะครับ เมื่อกี้คุยกันเบา ๆ แต่คนก็ยังมอง 

“พี่เชนเขาชอบมึง…” เอ้อ อันนั้นกูรู้ ย้ำอยู่นั่นแหละ

“แบบที่มึงชอบพี่เอกอะ”

ผมนิ่งครับ นิ่งงันเลย

ว่าแต่…
แล้วกูชอบพี่เอกแบบไหนวะ ผมมองตามัน

“พี่เชนเนี่ยนะ”

“อื้อ”

“กูว่า มึงมองผิดแล้วว่ะ ถึงพวกกูจะสนิทกัน แต่เขาชอบกูเพราะกูถ่ายภาพแบบเขามากกว่า” ผมแย้ง ไม่เห็นพี่แกจะมีท่าทีอะไร
เกินเลย

“มึง กูดูออกว่าพี่เขาชอบมึง ทั้งสายตาและท่าทาง มีผู้ชายคนไหนวะ ถือของขวัญมาให้ผู้ชายด้วยกัน กะอีแค่ได้ทำงานพิเศษกิ๊กก๊อก”

เอ้อ…มันก็จริง

“แล้วใครที่ไหน จะหอบงานมานั่งมองมึงตั้งนานสองนาน ถ้าไม่ใช่ว่าชอบมึง”

“มองกู”
ผมชี้นิ้วใส่หน้าตัวเอง มันพยักหน้ารับ

“กูไม่รู้ว่ะ”

“กูรู้ ถึงได้บอกว่ามึงเป็นควายไง” ขอบใจเพื่อน มึงพูดจนกูอยากร้องมอ ๆ ขึ้นมาทันทีเลยว่ะ

“มึง แต่พี่เชนไม่ใช่เกย์นะ”

“มึงกับพี่เอกก็ไม่ใช่เหมือนกัน”
ผมชะงัก

มันก็จริง
แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้คนคนหนึ่งชอบคนเพศเดียวกันได้

พอพูดจบ มันก็เดินไปทำงานต่อ ปล่อยให้ผม ได้ใช้รอยหยักจากสมองอันน้อยนิดประมวลสิ่งที่เกิดขึ้น

“คงไม่หรอกมั้ง กูว่ามึงมองผิดแล้วว่ะเต้ย”
ผมบอกกับอากาศธาตุแทนเจ้าตัวคนพูด แล้วเดินไปทำงานของตัวเองต่อ

     

วันนี้พ่อเพิ่งโทรมาบอกฮะ ว่าเลื่อนการเดินทางกลับไทยเร็วขึ้นตั้งอาทิตย์ ผมงี้แก้มบานเลย วันนี้ทำงานด้วยความชื่นมื่นอีกแล้ว

“อารมณ์ดีอะไร”
พี่เป้เดินเข้ามาทัก พอดีไอ้เต้ยรับออเดอร์อยู่

ตอนนี้อารมณ์ดีสุด ๆ ครับ กลางวันพี่เชนมา ตอนใกล้เลิกงานพ่อโทรมาบอกข่าวดีอีก จะมีอะไรดีไปกว่านี้อีกไหม ผมยิ้มร่าตอบพี่แก

“พ่อผมจะกลับก่อนกำหนดน่ะ”
พี่เป้พยักหน้าเข้าใจ ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นไอ้เต้ยที่หันมองมาทางเราพอดี

“ไหวไหมพี่เป้”
พี่มันพยักหน้า ผมยิ้มให้นิดหนึ่ง นึกอะไรขึ้นได้ รีบยืดตัวกระซิบข้างหูพี่มันเบา ๆ เพราะพี่โจพนักงานกะดึกเดินผ่านมาพอดี

“ผมกะว่าจะชวนไอ้เต้ยไปเชียงใหม่สักวันสองวัน พี่จะได้มีอิสระเพิ่มขึ้น”
พี่มันหันมามอง พยักหน้ารับ

“รีบตัดใจให้ได้ไว ๆ นะฮะ หรือถ้ายังไง หาแฟนใหม่สักคนไปเลย พี่โฟนก็ได้ เห็นพี่แกเหล่พี่มานานละ” ผมพูดทีเล่นทีจริง พี่เป้หัวเราะ ผมกระซิบต่อ เรื่องนินทาคน ผมไม่ถนัดหรอก แต่อย่าให้ได้เริ่ม เดี๋ยวมันจะติดลมบน

“หรือจะเอาพี่เนเน่ก็ได้ ไม่สวยแต่อึ๋ม”
พี่เป้หัวเราะเสียงดัง

“ขำอะไรกัน”
ไอ้เต้ยเดินเข้ามาทัก พี่เป้ที่ยืนขำอยู่ทำหน้าเรียบขึ้นมาทันที

โห พี่เป้ พี่ไปเรียนวิชาโบกหน้าซีเมนต์มาจากพี่เอกใช่ป่ะเนี่ย

“ไปทำงานได้แล้วป่ะ”
แล้วพี่แกก็เอาถาดโขกหัวผมหันหลังเดินจากไป

ผมหันไปมองไอ้เต้ยที่มองตามพี่เป้ด้วยสายตาเจ็บปวด อยากเดินเข้าไปกอดมันสักทีครับ
ผมเองก็เลว บางครั้งอยากผ่อนคลายพี่เป้บ้าง แต่ก็อาจจะทำร้ายหัวใจของไอ้เต้ยมัน

ขอโทษนะเต้ย แล้วกูจะพามึงเที่ยวเชียงใหม่ให้หนำใจเลย







 
เลิกงานแล้วครับ
และตอนนี้ผมก็มานั่งหน้าสลอนอยู่ในรถของพี่เอก โดยมีสามทโมนนั่งอยู่ด้านหลัง โชคยังดีที่วันนี้พี่อาร์ตกับพี่อิฐยังไม่กลับบ้าน ผมเลยได้แอบขึ้นห้องพี่เอก (โดยมีสามสาวน้อยเป็นนางต้นห้อง) ให้เราได้ทำภารกิจที่ทำค้างกันไว้ให้เสร็จสิ้น

พอไปถึงบ้านพี่เอก ดูวันนี้ทุกคนจะอยู่พร้อมหน้ากันมากเป็นพิเศษ คุณพ่อกับคุณแม่ก็พากันกลับบ้านเร็ว พี่เอกแอบกระซิบว่าพวกท่านคงอยากมีส่วนร่วมด้วย

ใครได้ของขวัญชิ้นนี้ไป คงภูมิใจน่าดู
วันนี้เราทำงานกันในห้องรับแขกครับ แต่ให้พี่ยามรายงานถ้าพวกพี่อาร์ตกลับมาแบบไม่ได้บอกล่วงหน้า เมื่อวานเราเลือกภาพกันแล้ว วันนี้ก็แค่เอาภาพมาแปะในอัลบั้ม เรียงลำดับปี และใส่ตัวหนังสือลงไป

คนเขียนไม่ใช่ผมครับ แต่เป็นแอม เพราะตัวหนังสือน่ารักสุด ไอเป็นคนเลือกสี ส่วนคนแปะคืออ้อน ผมแค่บอกครับ ว่าต้องจัดเรียงตรงไหน โดยมีคุณพ่อคุณแม่นั่งแนะอยู่ข้าง ๆ ส่วนพี่เอก นั่งมอง

โหพี่ ช่วยกันทำมาหากินกันมากเลย

ผ่านไปสามชั่วโมง โฟโต้บุ๊คของพวกเราก็เสร็จสิ้น หนาใช้ได้ ผมยื่นให้คุณพ่อคุณแม่ดูก่อน เผื่อต้องเพิ่มเติมหรือแก้ไขตรงไหนอีก

พวกท่านรับไปเปิดดูและอ่านสิ่งที่เขียนไว้ในนั้น พออ่านไปได้ประมาณสิบหน้า แม่ก็น้ำตาร่วงทันที ผมนี่หน้าตื่นเลย

“คุณแม่!!”

“คุณแม่!!”
ทุกคนพร้อมเพรียงกันเรียกครับ คุณพ่อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่พูดอะไร แค่บีบหัวไหล่คุณแม่ไว้เท่านั้น ดูท่านตาแดง ๆ เหมือนกัน

“ไม่มีอะไร”
ท่านพูดไป เปิดภาพไป ร้องไห้ไป

กูให้น้องเขาเขียนอะไรที่มันสะเทือนใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ

“ที่ผ่านมา แม่ว่าแม่มีความสุขนะ แต่แม่เพิ่งรู้ว่าแม่มีความสุขมาก ๆ ก็ตอนเห็นรอยยิ้มของพวกลูก ๆ นี่แหละ”
ผมนิ่งฟัง พวกสามทโมนพากันปล่อยโฮทันที ผมยิ้มออกมาบาง ๆ เข้าใจความรู้สึกของพวกท่าน ผมหันไปหยิบกล้อง ลุกเดินออกไปจากกลุ่มเพื่อถ่ายรูป

ผมถ่ายรูปพ่อกับแม่ที่กำลังดูภาพไปร้องไห้ไป แล้วเลื่อนไปที่น้อง ๆ ที่กำลังนั่งร้องไห้กระซิก ๆ จนไปจบอยู่ที่พี่เอก
ดวงตาคมทอดมองครอบครัวด้วยความรัก ใบหน้าแลดูอ่อนโยน ริมฝีปากเคลือบรอยยิ้มเอาไว้บาง ๆ

สิ่งที่ผมถ่ายได้ ไม่ใช่เพียงภาพถ่าย แต่เป็นความทรงจำ และความรู้สึกดี ๆ ที่คนคนนั้นรู้สึก ผมแค่ทำหน้าที่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ในภาพถ่าย พอเมื่อเวลาผ่านไป ผมจะได้นำภาพถ่ายเหล่านั้นมาให้ทุกคนดูอีกรอบ

แล้วความรู้สึกเก่า ๆ ก็จะหวนกลับคืน 

“อาร์ตต้องดีใจมากแน่ ๆ ขอบใจนะกาย”
คุณแม่หันมาทางผม ผมยิ้มรับ แล้วก็ต้องเบิกดวงตากว้างเมื่อคุณแม่เดินเข้ามาสวมกอดเบา ๆ ไหล่ท่านสั่นไหวด้วยความตื้นตัน
ผมอมยิ้มลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจ

ผ่านช่วงมาม่าไปพักใหญ่ พวกเราก็มานั่งล้อมวงทานข้าวครับ หิวกันท้องกิ่วแล้ว ดึกหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้กิน
ผมกลายเป็นลูกคนใหม่ของบ้านนี้ไปโดยปริยาย โดยมีน้องสาวเพิ่มมาสามพี่ชายอีกสาม อย่างที่ผมต้องการเด๊ะ ๆ

“ผมอยากให้พ่อกับแม่ปั๊มน้องให้ แต่แค่ให้สองคนนั้นหันหน้ามาคุยกันก็ยากแล้ว แต่ตอนนี้ผมไม่ง้อแล้วล่ะ เพราะได้พี่กับน้องมาใหม่แล้ว”
ผมพูดติดตลก เอื้อมหยิบทิชชู่ไปเช็ดคราบเลอะตรงมุมปากให้พี่เอก

พอทำแล้วก็เพิ่งนึกได้ กูกินข้าวกับพ่อแม่เขา แล้วนี่พวกเขาไม่รู้กันหมดรึไง ผมไม่มองปฏิกิริยาของใครทั้งนั้น ทำเนียนนั่งนิ่ง ๆ ครับ

ฉากเมื่อกี้ตัดออกไปเลยนะ
แล้วผมก็ทำเนียนหันไปตักเนื้อปลาให้คุณพ่อกับคุณแม่

ดูแลให้เท่า ๆ กัน ทุกคนจะได้ไม่สงสัย แล้วหันไปตักไก่ให้น้อง ๆ คนละชิ้น เอาไก่ชิ้นที่ควรจะเป็นของผมให้น้องอ้อนด้วย

“ขอบคุณค่ะพี่กาย พี่น่ารักจังเลย”
ผมชะงักเลยครับ

เอ่อ…

ไม่ต้องมาชมกู กูแค่ทำกลบเกลื่อนเท่านั้น

กูเสแสร้ง! กูไม่จริงใจ!

และที่สำคัญ ผมเห็นน้องนั่งน้ำลายไหลยืดมองไก่ผมอยู่นาน ผมเลยแบ่งให้แค่นั้นเอง (แอบเสียดายครับ ไก่ป้าหวิงอร่อยมากด้วย)

“พี่กายแบ่งไก่ให้หนู งั้นหนูแบ่งหัวหอมให้พี่นะคะ”

“แบ่งส่วนที่ตัวเองไม่ชอบ เขาเรียกปัดภาระนะ”
พี่เอกแซว ผมหัวเราะร่วน คุณพ่อคุณแม่มองผมด้วยสายตาเอ็นดู

กูหลุดอะไรไปไหมเนี่ย

คงไม่มั้ง

พวกเราก็นั่งกินกันจนอาหารหมดน่ะฮะ ตอนแรกเห็นว่าเวลาไม่ดึกมาก เลยว่าจะขอตัวกลับไปนอนที่บ้าน แต่พวกทโมนดึงตัวไว้ สรุปผมก็เลยต้องค้างอีกหนึ่งคืนอย่างช่วยไม่ได้

หวังว่าคืนนี้ ผมคงจะได้นอนแต่หัววันนะ 

เฮ้อ~


TBC

ปล. ขออภัยที่ระยะหว่างระหว่างบรรทัดกว้างมาก พอดีไม่รู้วิธีปรับ ใครรู้สอนได้นะคะ T^T





หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 31 : หา!! พี่เชนชอบผม
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 15-02-2015 12:25:23
กายนี่โปรยเสน่ห์แบบไม่รู้ตัวจริงๆ :laugh:

บอกวันที่อัพนิยายตรงหัวเรื่องจะดีมากเลยจ้า
คนอ่านจะได้รู้ว่ามาอัพตอนใหม่แล้ว
ขอบคุณมาก :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 31 : หา!! พี่เชนชอบผม
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 15-02-2015 15:23:03
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 31 : หา!! พี่เชนชอบผม
เริ่มหัวข้อโดย: @rnon ที่ 15-02-2015 19:36:06
 :z2:ค :z2:

มาต่อแล้ว .... เย้ๆๆๆๆ

หมั่นไส้ หมั่นตับพระเอก.. :angry2:

ทำเหมือนน้องกายเป็นของตาย ชิส์ๆๆๆๆๆ

 :z6: 
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 31 : หา!! พี่เชนชอบผม
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 16-02-2015 22:19:42
มาแล้วๆๆๆๆ น้องกายน่ารักมุ้งมิ้งที่สุดอะ :seng2ped: :man1:
หัวข้อ: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 32 : ลักหลับ [เอก....☼] (Update 22-2-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 21-02-2015 17:51:52


Kiss Love ♥ [32]
ลักหลับ
[เอก...☼]


ผมนั่งอมยิ้มแทบจะตลอดเวลาที่นั่งทานอาหารกัน มันปลื้มครับ ไม่รู้ว่ามันจะรู้ตัวไหมว่าชอบทำให้คนอื่นชอบโดยไม่รู้ตัว
มันเผลอมาเช็ดปากให้ผม ผมก็มองมันอึ้ง ๆ แต่ดูมันจะไม่รู้ตัว แล้วมันก็หันไปตักกับข้าวและแบ่งอาหารให้พวกน้อง ๆ มันทำได้เป็นธรรมชาติมากครับ

ผมไม่เคยพาใครมาทานข้าวที่บ้าน นอกจากบรรดาลูกสาวของคุณ ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลายที่พ่อชวนมา ซึ่งผู้หญิงบางคนก็พยายามดูแลผมกับพ่อแม่แบบนี้แหละ แต่กลับดูไม่เป็นธรรมชาติและลื่นไหลแบบที่กายทำ

ผมว่าพ่อกับแม่คงจะฉลาดและรู้อะไรมากพอ แต่ท่านก็ไม่ต่อว่าหรือตำหนิติเตือนอะไร ไม่ได้แสดงออกว่ายอมรับหรือปฏิเสธ ส่วนผมก็แค่วางตัวนิ่ง ๆ เพราะผมบอกแล้วว่าผมยังไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้น รวมถึงกายด้วย และท่านก็คงจะดูออกว่ากายคงคิดไม่ต่างกับผมเท่าไหร่ 

หลังจากมื้อค่ำ มันขอตัวกลับก่อน แต่พวกน้อง ๆ ออดอ้อนขอให้มันค้างด้วย มันพยายามคัดค้าน แต่ยากครับ
สรุปคืนนี้มันก็ต้องค้างที่นี่

พ่อกับแม่ขอตัวขึ้นไปนอนก่อน เหลือพวกเราห้าชีวิตที่ขนขบวนกันมานั่งดูหนังผีในห้องรับแขก กายไม่ใช่คนกลัวผี เลยนั่งดูเงียบ ๆ ไม่ต่างกับผม

สารภาพว่าผมเคยเจอด้วย แต่เป็นผีคุณทวด ช่วงคุณทวดเสียใหม่ ๆ ตอนผมเจอ ผมก็เฉย ๆ นะ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เคยเจออีกเลย

สามทโมนชอบดูหนังผี แต่กลัวผีเข้าไส้ เพราะงั้นเวลาดูถึงได้พากันร้องวี้ดว้าย เกาะแขนผมกับกายแน่นหนึบ พอหนังจบผมรีบไล่พวกน้อง ๆ ขึ้นห้องทันที แต่พวกมันกลัวครับ ผมกับกายเลยต้องไปส่งพวกมันถึงในห้อง

“เป็นเด็กดีกันนะ ถ้าเป็นเด็กดี ผีจะไม่หลอก” ไอ้ตัวเล็กมันหลอกเด็ก

“หนูไม่กลัวหรอก”
ไอ้แอมมันท้วง แต่เกาะสองแขนน้องมันแน่นหนึบ

“งั้นคืนนี้ ผีจะมาหลอกกกก”
มันทำเสียงน่ากลัวหน่อย ๆ ไอ้นี่มันก็หลอกเด็กเป็นวุ้ย

“แว้กกก ไม่เอานะ พวกหนูเข้านอนแล้ว”
แล้วพวกมันก็พากันวิ่งขึ้นเตียงใครเตียงมันเอาผ้าห่มคลุมจนมิดหัว

สามสาวเขาพักอยู่ห้องเดียวกันครับ ในห้องนอนขนาดใหญ่จึงมีสามเตียงเรียงกัน ข้างหัวเตียงของแต่ละคนจะมีโต๊ะเครื่องแป้งกั้นอยู่ ส่วนตู้เสื้อผ้าใช้ร่วมกัน (เสื้อผ้าก็มีแบบละสามตัว) จริง ๆ พ่อกับแม่เคยจับแยกห้องกันมาแล้ว แต่แยกได้แค่อาทิตย์เดียว พวกมันก็หอบหมอนมานอนด้วยกันอีก คุณพ่อเลยสั่งให้คนไปยกเตียงมารวมกันไว้ในห้องนี้แทน

“เราก็ไปนอนกันบ้างดีกว่า”
ผมชวน มันพยักหน้ารับ ดูมันนิ่งมาก หรือว่าจะทำใจไว้แล้วว่าคืนนี้ต้องเสร็จผมอีก

พอเข้าห้อง มันก็หันมาขอชุดนอนกับผม ผมก็เดินไปหยิบมาให้ ชุดเดิมครับ มันไม่ว่าอะไร เดินเข้าห้องน้ำไป สักพักก็เดินออกมา แล้วผมก็เข้าไปอาบต่อ

ผมอาบน้ำไปอมยิ้มไปกับสิ่งที่มันทำวันนี้ ดีใจด้วยที่คืนนี้จะได้งาบมัน

ผมรีบอาบน้ำถูสบู่ พรมน้ำหอมชะฟุ้ง เดินออกจากห้องน้ำไป กวาดตามองหาไอ้ตัวเล็ก มันอยู่บนเตียงครับ นอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหากำแพง คลุมผ้าห่มไว้จนถึงครึ่งหน้า ผมยิ้ม เดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง เขยิบเข้าไปหามัน จับไหล่มันไว้ ก้มหน้ามอง แต่ว่ามัน…

หลับไปแล้วครับ = =

ผมอมยิ้มขำ นี่มันจงใจรีบอาบน้ำก่อน เพื่อจะได้หนีผมมาหลับเนี่ยนะ
เด็กชะมัดยาด

แล้วคุณคิดว่าผมจะทำยังไง เป็นคนดีปล่อยให้มันนอนไป หรือจะเป็นไอ้โจรใจร้ายกระทำชำเรามัน

ครับ...
ผมเลือกอย่างหลังแบบไม่ต้องคิดมากให้เสียเวลา
หมูมาให้เขมือบถึงที่เรื่องอะไรผมจะปล่อยไปให้โง่

เอาละ…
ผมจะลักหลับคนหลับแล้วนะคร้าบบบ

ผมเขยิบเข้าไปชิดมันอีกนิด จับผ้าห่มไว้ เลิกออกจากตัวมันช้า ๆ ผ่านช่วงเอวลงไปที่ต้นขาแล้วสะบัดกองไว้ที่ปลายเท้า ผมวางมือไว้บนต้นขามันเบา ๆ

ตอนแรกก็คิดว่ามันแกล้งหลับ แต่ไม่มีอาการสะดุ้งสะเทือนให้เห็นเลยแฮะ

สงสัยจะหลับจริง

เอาไงดีวะกู จะหยุดหรือจะไปต่อดี

ผมตัดสินใจละมือออก เขยิบหวังจะทิ้งตัวลงนอนดี ๆ แต่มันดันขยับร่างกายนิดหนึ่งเพราะความหนาวจากแอร์ จนเสื้อที่คลุมต้นขามันอยู่เลิกขึ้นสูง

ภาพที่เห็น ทำเอาผมเปลี่ยนใจจากที่ว่าจะนอนมาวางมือไว้บนต้นขามันอีกรอบ ลูบไล้ไปมาเบา ๆ มันเงียบครับ คงหลับลึกไปแล้วจริง ๆ ผมก้มซุกซอกคอมัน ได้กลิ่นสบู่หอมจาง ๆ มันยังนอนนิ่ง ผมจับมันพลิกนอนหงาย แล้วซุกซอกคอมันอีกรอบ

ได้ยินเสียงครางออกมาเบา ๆ ผมยิ้มทันทีกับปฏิกิริยาตอบรับ

ผมเลื่อนริมฝีปากจากลำคอขึ้นไปกดจูบ มือไม้ก็ไม่อยู่สุข คลี่ปลดกระดุมมันออกสองสามเม็ดบน เกี่ยวคอเสื้อไปด้านข้าง จนเผยให้เห็นยอดอกเม็ดเล็ก ผมสะกิดและบีบมันเบา ๆ ไอ้ตัวเล็กผวาเฮือก ปรือตามอง

“พี่เอก อื้อ”
มันเรียกและครางไปพร้อมกันเพราะผมยังบีบหัวนมมันอยู่

“อย่าหลับหนีพี่สิ”

“ผมง่วง”
มันบอกก่อนผวาอีกรอบเมื่อผมก้มกัดยอดอกมันที

"พี่ก็ง่วงเหมือนกัน"
ผมบอกมันไปงั้นแต่ก็ยังไม่ละปากไปไหน

“พี่เอก"
มันจับหัวไหล่ผมไว้ ผลักเบา ๆ คล้ายจะให้ผมหยุดแต่แอ่นหน้าอกขึ้นตอบรับปลายลิ้นที่กำลังรุกรานของผม

"พี่..” 

“พี่เอก!!!!!”

ผมรีบถอนริมฝีปากออกทันทีเมื่อได้ยินเสียงรัวเคาะประตูห้อง ผมกับกายหันไปมอง เสียงเคาะยังดังไม่หยุด ผมขมวดคิ้ว เดินหัวเสียไปปลดล็อกลูกบิด ทันทีที่ประตูเปิดออก พวกสาว ๆ รีบกรูกันเข้ามาภายในห้องทันที แถมยังพากันกระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียงผมอีก โดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่ากายจะอยู่ในชุดและท่วงท่าวาบหวิวขนาดไหน (มันลุกขึ้นมานั่งแล้วครับ)

“พวกหนูขอนอนด้วยคนนะคะ เมื่อกี้เห็นอะไรแวบ ๆ ผ่านหน้าต่างห้องด้วย”

ผมหน้าหงิก กูกำลังจะงาบหมู ไอ้พวกนี้นี่

“นะ นะ นะ”
พวกมันพากันออดอ้อน

“พี่จะไปส่งที่ห้อง”
ผมตัดบท จับลูกบิดไว้ บอกพวกมันด้วยสายตาว่าให้รีบลงจากเตียงมาเร็ว ๆ (เพราะกูจะเขมือบหมูต่อ)

“ไม่เอาอะ น่านะ พวกเราไม่อยากกลับแล้ว”
พวกมันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ผมหันไปมองกาย แต่รายนั้นไม่ได้มองตอบ นั่งก้มหน้าอยู่ ผมพ่นลมหายใจออกแรง

“ก็ได้”
ผมตอบรับหน้าหงิก ก่อนยิ้มเย็นใส่พวกมันไปที
“แต่รู้ใช่ไหม มาขัดเวลากินพี่ต้องโดนอะไรบ้าง”
พวกมันทำหน้าเจื่อน พยักหน้ารับกล้า ๆ กลัว ๆ

“ให้ทำอะไรก็ได้”

“แต่ตอนนี้”

“พวกเรากลัวกันจริง ๆ น้า!!”
พวกมันสามคนจับมือกันแน่น ทำท่าจะร้องไห้จริง ๆ ผมพยักหน้าบอกให้พวกมันเข้าไปนอนด้านใน ผมเลือกนอนตรงกลาง แล้วลากเอาไอ้ตัวเล็กมานอนริมสุด ผมกอดมันไว้ มันทำหน้าลำบากใจ แต่ก็ยอมโดยดี สาว ๆ นอนกอดกันตัวกลมบนผ้าห่มผืนเดียวกับผม

ผมเอื้อมปิดไฟหัวเตียง กระชับกอดคนในอ้อมแขนแน่นขึ้น ก้มจูบแก้มมันแผ่วเบา ไซ้ริมฝีปากไปมาหน่อย ๆ มันรีบหดคอหนี ผมอมยิ้ม กระซิบบอกราตรีสวัสดิ์มัน

ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ

สงสารน้องกูจริงเชียว เหี่ยวเลย

ผมเคยบอกกันแล้วใช่ไหมครับ มีน้องผมอยู่เมื่อไหร่ ไอ้ที่ตั้ง ๆ อยู่ เหี่ยวทันที

เฮ้อ!! กรรมจริงกู
...
...
...
...
...
...
...
...

ผมสะลึมสะลือตื่นตอนได้ยินเสียงอะไรแชะ ๆ พอลืมตามองก็เห็นพวกทโมนกำลังถ่ายรูปผมกับกายอยู่

“อืม อย่าเล่นกล้องของกายเขานะ หวงยิ่งกว่าลูกซะอีก” ผมเตือน

“พวกหนูไม่ทำพังหรอกค่ะ รู้ว่าพี่กายเขาหวง”

“แต่พี่เอกกับพี่กายนอนกอดกันน่ารักดีเนอะ”

“ใช่ น่ารักมาก"
แล้วพวกมันก็หันไปกรี๊ดใส่กัน ไอ้ตัวเล็กยังไม่ตื่นครับ นี่มันหกโมงกว่า ๆ ไม่ใช่เวลาตื่นนอนของมัน ผมเขยิบยกตัวขึ้นมาค้ำศอกไว้ที่เตียงมองสาว ๆ ที่กำลังถ่ายรูปกันอยู่ไม่หยุด

“พี่กายน่ารักอะ ตัวขาว ๆ ปากแดง ๆ น่าเอาไปโชว์ให้เพื่อน ๆ ที่โรงเรียนดูเนอะ”
พวกมันพยักหน้าใส่กัน แล้วก็พากันวิ่งออกจากห้องไป สักพักก็วิ่งตุบตับกลับเข้ามาใหม่พร้อมมือถือคนละเครื่อง แล้วกระหน่ำกดถ่ายรูปผมกับกายไว้

“นี่ อย่าเอาไปโชว์ใครสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะ มันจะเสียหายกายเขา”

“โห แล้วที่พี่นอนกอดกันนี่ไม่เสียหายเลยเนอะ”

ผมอมยิ้ม

“กายเป็นหมอนข้างของพี่นี่นา”
ผมบอกพร้อมดึงไอ้ตัวเล็กมากอดเบา ๆ มันสะลึมสะลือลืมตามอง 

“พี่เอก...”
มันครางเรียก สงสัยจะยังประมวลผลไม่ทัน ผมยิ้มก้มจูบมันที สาว ๆ พากันกรี๊ดจนมันรีบผลักหน้าผมออกแล้วหันไปมอง พอรู้ว่าไม่ได้อยู่กันเพียงลำพังมันรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที

สาว ๆ ได้กรี๊ดกันอีกระลอก เพราะว่าเสื้อเชิ้ตที่ไอ้ตัวเล็กใส่อยู่ มันไม่ได้กลัดกระดุมไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้มันเลยโชว์แผ่นอกพร้อมหัวนมเล็ก ๆ ของมันหราเลย 

“ผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
มันรีบดึงเสื้อตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง ลุกออกจากเตียงเดินลิ่ว ๆ เข้าห้องน้ำไป โดยมีเสียงของสาว ๆ ตามกรี๊ดกันไม่หยุด

ผมมองตามจนมันหายลับเข้าไปในห้องน้ำถึงได้หันมาชี้นิ้วคาดโทษใส่สามสาวตัวป่วน พวกมันหันไปกรี๊ดใส่กันแล้ววิ่งลิ่วออกจากห้องไป ผมถอนหายใจออกมาสุดแรง

เมื่อคืนก็อดงาบ มื้อเช้าก็อดแอ้ม เสียอารมณ์จริง ๆ

ผมรอจนมันอาบน้ำเสร็จ ถึงได้เข้าไปอาบต่อ พอออกมา ก็ไม่เห็นมันอยู่ในห้องแล้ว คงลงไปรออยู่ข้างล่าง หรือไม่ก็กลัวจะโดนผมงาบตอนเช้า ผมอมยิ้มรีบแต่งตัวแล้วเดินผิวปากอารมณ์ดีออกจากห้องไป 

มันคุยอยู่กับคุณแม่ที่โต๊ะอาหาร ผมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ สักพักสาว ๆ ก็พากันวิ่งลงมา 

“เมื่อคืนพวกเรานอนกันที่ห้องพี่เอก”
เจ้าไอรีบรายงาน ยังไม่ทันที่ก้นจะแตะเก้าอี้ มันก็คว้าเอาแซนด์วิชไส้โปรดยัดใส่ปากจนมีคราบซอสเลอะติดแก้ม ผมกำลังจะเอื้อมหยิบทิชชู่ไปเช็ดให้ แต่ก็ช้ากว่าใครอีกคน

เป็นไอ้ตัวเล็กครับ

เจ้าไอยิ้มรับแก้มบาน ผมกับพ่อแม่เฝ้ามองการกระทำเหล่านั้น แต่พวกมันไม่ได้ใส่ใจ ปากยังเล่าเจื้อยแจ้วต่อ

“เมื่อคืนดูหนังผี เห็นที่หน้าต่างเหมือนมีอะไรไหว ๆ น่ากลัวมาก”

“ใช่ ๆ”

“แต่พี่กายนอนน่ารักอะ หลับปุ๋ยเหมือนลูกแมวเลย”
แล้วพวกมันก็แถไปเรื่องอื่นจนกายสำลักข้าวที่กินอยู่ พ่อกับแม่พากันอมยิ้ม

ป่วนครับ...
พวกน้อง ๆ ผมมันป่วนได้ทุกสถานการณ์จริง ๆ 

หลังจากส่งน้อง ๆ ไปโรงเรียน ผมกับกายก็เลยไปมหา’ลัยพร้อมกัน เพราะมีเรียนช่วงเช้าเหมือนกัน (ป้าหวิงเอาชุดมันไปซักรีดตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว) เห็นมันบอกว่าเสาร์อาทิตย์นี้จะไปหาแม่มันที่เชียงใหม่

แค่รู้ว่ามันจะไม่อยู่ ผมรู้สึกหวิว ๆ นิด ๆ แฮะ 
...
...
...
...
...
...
...

“เป้”
ผมเรียกคนที่ยืนเหม่ออยู่หน้าห้องสภา มันหันมามอง

“เป็นไง”
ผมถามสั้น ๆ มันไม่ตอบ เสกลับไปมองวิวด้านนอกต่อ

“ยากชะมัดเลยว่ะ”

“มีอะไรให้กูช่วยก็บอกได้นะ”
มันพยักหน้ารับ

“บางทีกูอาจต้องขอตัวช่วยว่ะ”

ผมมองหน้ามัน

“จะลองคบกับใครสักคน เผื่อจะทำให้กูตัดใจจากมันได้”

“อันนี้ก็แล้วแต่มึงนะ ถ้ามึงทำได้ก็ดี แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็นึกถึงใจของคนที่มึงจะคบด้วยหน่อยละกัน”

มันหันมามองผมอีกที
“กูไม่อยากได้ยินคำแนะนำแบบนี้จากพวกชอบฟันสาวแล้วทิ้งแบบมึงเลยว่ะ”

“ไอ้ปากแมว อันนั้นสาว ๆ เขารู้อยู่แล้วว่ากูไม่จริงจัง ถ้าเข้ามาต้องทำใจหน่อย”
มันหัวเราะกับข้ออ้างผม

“กายช่วยกูไว้เยอะเลย”
ผมสะดุดไปนิด

เออใช่ กูยังไม่ได้เคลียร์ที่มึงชอบเอาคนของกูไปปรึกษาบ่อย ๆ เลย

“กูให้มึงยืมได้นิดหน่อย มากกว่านี้ มึงโดนกูตื้บ”

มันหัวเราะเบา ๆ

อายุยืนจริง ๆ พอพูดถึงปุ๊บ ผมก็เห็นไอ้ตัวเล็กปั๊บทันที มันเดินมาพร้อมไอ้เต้ย ในมือถือเอกสารไว้ใบหนึ่ง คงโดนอาจารย์ชาติใช้มาอีกแหงม ๆ

ไอ้เป้ที่ตอนแรกยิ้มแย้มอยู่ดี ๆ ก็หน้าเรียบขึ้นมาทันที มึงใส่หน้ากากได้เร็วมากเป้ ไอ้เต้ยก็มองพี่มันใหญ่

"อาจารย์ชาติฝากมาให้"

ผมพยักหน้า รับเอกสารมาอ่านทันที ระหว่างรอมันก็หันไปคุยกับไอ้เป้ ผมอ่านสิ่งที่อยู่ในมือสลับกับเหลือบตามอง เห็นไอ้ตัวเล็กยืดตัวกระซิบข้างหูไอ้เป้ ผมแทบจะฉีกกระดาษในมือทิ้ง ไอ้เป้พยักหน้ารับ

ส่วนไอ้เต้ยเงียบครับ เงียบเอามาก ๆ

ผมรีบเซ็นสิ่งที่อยู่ในกระดาษ มองมันให้รู้ว่าผมจัดการเสร็จแล้ว มันละจากไอ้เป้เดินมารับกระดาษจากผม 

“รีบพาน้อง ๆ ไปดูภาพนะพี่เอก เดี๋ยวหมดเวลาก่อน”
มันบอก

ผมพยักหน้า ชวนไอ้เป้เดินเข้าห้องทำงานไป ผมรู้ว่ามันไม่อยากอยู่กับไอ้เต้ยนาน ๆ และก็เข้าใจว่าเจ้าตัวเล็กมันพยายามทำอะไรอยู่

แต่ในใจก็ยังว้าวุ่นกับความสนิทสนมเกินปกติของมันกับไอ้เป้ครับ ผมกลัวว่าไอ้เป้จะหลงเสน่ห์ไอ้กาย

เหมือนที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ไง

*** ***
To Be Con...


กายนี่โปรยเสน่ห์แบบไม่รู้ตัวจริงๆ :laugh:

บอกวันที่อัพนิยายตรงหัวเรื่องจะดีมากเลยจ้า
คนอ่านจะได้รู้ว่ามาอัพตอนใหม่แล้ว
ขอบคุณมาก :pig4:
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ >//< แบบนี้พอได้ไหม :hao3:


หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 32 : ลักหลับ [เอก....☼] (Update 22-2-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 22-02-2015 21:33:24
หมั่นไส้ไอ้พี่เอก :katai3:

อ้างถึง
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ >//< แบบนี้พอได้ไหม :hao3:

โอเคเลยจ้า ขอบคุณมาก
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 32 : ลักหลับ [เอก....☼] (Update 22-2-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 23-02-2015 19:09:01
 :hao6:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 32 : ลักหลับ [เอก....☼] (Update 22-2-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 27-02-2015 07:18:59
เคยอ่านแล้วตามมาอ่านอีกรอบ คริ คริ
กายน่าร๊ากกกกกกกก :-[
หัวข้อ: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 33 : วัดเกิด [กาย....♥] (Update 27-2-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 27-02-2015 19:41:58


Kiss Love ♥ [33]
วัดเกิด...เที่ยวเชียงใหม่
[กาย...♥]



วันนี้ผมโดนอาจารย์สุชาติเรียกตัวไปใช้อีกแล้ว ผมไม่ใช่คนเดินเอกสารนะ ถึงได้ใช้เอาใช้เอา พี่เอกก็อีกคน แทนที่จะดองงานไว้สักอาทิตย์สองอาทิตย์แบบที่ผ่าน ๆ มา ก็รีบรับงานไปอ่านแล้วเซ็นให้เฉย

อาจารย์ชาติแกเลยได้ใจ เรียกใช้ผมใหญ่

แล้วตอนนี้ ผมก็กำลังยืนอยู่ในห้องทำงานของพี่เอก วันนี้เอกสารเยอะหน่อย พี่แกเลยใช้เวลาอ่านนาน สงสารเหมือนกันครับ ไหนจะต้องเรียนเหมือนคนอื่น ๆ ไหนจะต้องทำงานที่มหา’ลัย (และได้ข่าวมาว่า ต้องไปช่วยงานที่บริษัทของคุณพ่ออีก) แต่ยอมรับว่าพี่เอกทำงานเก่งจริง ๆ

พี่มันนั่งอ่านแผ่นงานซะหน้านิ่วคิ้วขมวด ผมก็ปล่อยให้พี่แกทำไป แล้วตัวเองก็มายืนมองพวกกระถางต้นกระบองเพชรริมหน้าต่าง ผมชอบนะ พวกต้นกระบองเพชรกับต้นบอนไซเนี่ย ทึ่งมากที่คนเราสามารถทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่มีขนาดเล็กลงมาได้

“เรียบร้อยแล้ว”
พี่มันยื่นแผ่นงานมาให้ ผมเดินไปรับ กำลังจะเดินออกจากห้อง แต่ถูกเรียกไว้ก่อน ผมหันไปมอง

“ครับ”
ผมตอบได้แค่นั้น แล้วปากผมก็ไร้อิสระ ไม่รู้ว่าพี่แกเข้ามาประชิดตัวตั้งแต่เมื่อไหร่

จะกี่ทีกี่ที ผมก็ยังไม่คุ้นชินกับจูบพี่แกสักที ผมพยายามผลักอกพี่เอกออก แต่มันไม่ขยับเลยสักนิด เหมือนเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงเลยแฮะ

พอขัดขืนไม่ได้ ก็ต้องโอนอ่อนตามอย่างเดียว ผมยืนแหงนหน้ารับรสจูบร้อนแรงอยู่สักพัก พี่เอกก็ปล่อยออก

“ขอบใจ”
แล้วพี่มันก็เดินกลับไปทำงานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผมยืนหอบนิด ๆ ตาพร่าไปชั่วขณะ รีบยกหลังมือมาเช็ดปาก เหมือน ๆ ตัวเองจะเสียเปรียบยังไงบอกไม่ถูก ผมรีบหันหลัง เดินออกจากห้อง ก้าวเร็วไปตามทางเดิน

ปั๊ก!
เพราะมัวแต่เดินก้มหน้าโดยไม่ดูทาง ผมชนกับใครเข้าเต็ม ๆ จนแผ่นงานที่ถือมาด้วย ตกกระจายเกลื่อนเต็มพื้น

“ขอโทษครับ” ผมเงยหน้ามองคู่กรณี

“อ้าว พี่โอ๊ค”
พี่แกยังถือโทรศัพท์ค้างไว้ที่หูอยู่เลย สงสัยไม่ได้มองทางเหมือนกัน ผมก้มหัวและบอกขอโทษพี่แกแบบไม่มีเสียง (กลัวรบกวนปลายสายครับ) แล้วก้มเก็บแผ่นงานที่พื้น พี่โอ๊ครีบบอกลาปลายทางแล้วย่อตัวลงมาช่วยเก็บด้วย

“โทษเหมือนกัน พี่ไม่ได้ดูทาง”

ผมเงยหน้าทำสายตากรุ้มกริ่ม ชอบแกล้งพี่เขายังไงบอกไม่ถูก เข้าใจความรู้สึกตอนพี่เป้แกล้งไอ้เต้ยเลยครับ มันมีความสุขเวลาเห็นสีหน้าอึดอัดของคนอย่างนี้นี่เอง

“นั่นแน่ กับสาวผมสั้นคนนั้นใช่ม๊า”
ผมล้อ คือไม่รู้หรอกว่าแกคุยกับใคร แซวไปก่อนครับ คันปากดี พี่แกไม่ตอบ เอาแต่จ้องมาที่ปากผม

“ไปโดนอะไรมา”

“หือ?”
ผมครางถามด้วยความสงสัย พี่แกไม่ถามต่อ แต่เอื้อมมือมาแตะปากผมเบา ๆ

“ทำไมเหรอฮะ” ผมจับปากตัวเองถู ๆ

“มันแดง ๆ ช้ำ ๆ”
ผมหน้าร้อนขึ้นมาทันที รีบเลียริมฝีปากตัวเองหวังให้มันหายแดง สัมผัสอุ่น ๆ ของพี่เอกยังอยู่อยู่เลย

“ไม่ต้องมาแถเลย ตอบผมมาซะดี ๆ ว่าได้คุยกับสาวผมสั้นคนนั้นรึยัง” ผมแถไปแซวพี่แกต่อ

อย่าถามผมเรื่องปากพี่!

ผมอาย!

พี่แกมองหน้าผมอยู่พัก ก่อนละสายตาไปเก็บกระดาษแผ่นที่เหลือมายื่นให้

“ได้คุยแล้ว”

ผมฉีกยิ้ม

“แล้วเขาว่าไง” ผมถามต่อ

“ไม่ว่าไง เขาไม่รู้ว่าพี่ชอบ”

ผมตาโต

“อ้าว แล้วทำไมไม่รุกล่ะครับ” ผมแนะนำ “เรื่องแบบนี้พวกพี่เชี่ยวนี่นา ผู้หญิงคนเดียว น่าจะจีบได้ไม่ยากน้า” ก็มันจริงนี่นา ไม่เคยได้ยินว่าเล็งใครไว้แล้วพลาดด้วย นอกจากจะเบื่อกันซะเอง

“พอดีมีคนที่พี่รู้จักดีมาชอบอยู่ก่อนแล้ว และดูเหมือนน้องคนนั้นจะชอบคนที่พี่รู้จักอยู่ด้วย” พี่มันแง้ม

อ้าว งั้นก็แย่น่ะสิ ผมหน้าเจื่อน ยิ้มแหะ ๆ ให้พี่แกไปที

คนเรานี่ก็นะ เจอเรื่องไอ้เต้ยไปก็แย่พอแล้ว ผมไม่อยากให้พี่โอ๊คต้องทุกข์ทรมานไปด้วยอีกคน

แต่เอ๊ะ?
เมื่อกี้พี่มันบอกว่า เหมือนน้องเขาน่าจะชอบ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นแฟนกันนี่นา

“สรุปน้องคนนั้นก็ยังไม่ได้คบหากับคนที่พี่รู้จักใช่ไหมฮะ แค่รู้สึกว่าจะชอบกันเฉย ๆ”
พี่แกพยักหน้า ผมยิ้มออกทันที

“งั้น ก็ลุยเลยดีกว่าครับ จริงใจซะอย่าง คนเราเกิดมาชีวิตเดียว รีบทำในสิ่งที่อยากทำดีกว่า เผื่อพรุ่งนี้ไม่มีโอกาส แล้วจะมานั่งเสียดายทีหลังน้า” ผมตบไหล่พี่แกเบา ๆ

“สู้ ๆ พี่ ผมเป็นกำลังใจให้” ผมบอกแค่นั้น แล้วผมก็วิ่งจากมา







แตน แต่น แต้น แต๊น!!!!
และตอนนี้ผมก็มายืนอยู่บนผืนแผ่นดินของจังหวัดเชียงใหม่แล้วล่ะครับ

ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพชั่วโมงนิด ๆ (แต่ถ้านั่งรถก็ 10 ชั่วโมง ต่างกันลิบลับ) ผมนั่งคุยกับไอ้เต้ยน้ำลายไม่ทันจะอุ่นเลย ผมพร้อมลูกชายตัวน้อย (น้องกล้องนั่นเอง) เดินลงจากเครื่อง ยืนโต๋เต๋กันไม่นาน ก็มีรถมารับถึงที่ นั่งไม่ถึง 20 นาที รถก็มาจอดสนิทหน้าบ้านหลังหนึ่ง ผมเงยหน้ามอง ตอนแรกก็คิดว่าจะพักกันตามโรงแรมหรือรีสอร์ตเหมือนเคยซะอีก แต่ที่ไหนได้ เป็นบ้านจริง ๆ ครับ

สวยใช้ได้ เป็นบ้านสไตล์ไทยโมเดิร์น กระจกรอบด้าน ดูโปร่งสบาย ต้นไม้เพียบ แต่ดู ๆ แล้วเหมือนจะยกมาปลูกมากกว่าขึ้นเองตามธรรมชาติ พอผมก้าวลงจากรถ แม่ก็ออกมารับทันที

“แม่!!”
ไอ้เต้ยวิ่งเข้าไปกอดแม่ก่อน 

“กูจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแม่กูนะเต้ย”
ผมพูดจาภาษาพ่อขุนกับมัน ถึงจะต่อหน้าแม่ก็เถอะ (แม่ผมเวลาอยู่กับเพื่อนบางกลุ่มก็ดิบเหมือนกันครับ)

“แม่มึงก็แม่กูอะ จริงไหมครับคุณแม่” มันออดอ้อน

ผมเบ้หน้าใส่มันที

“บ้านใครฮะแม่ สวยดี”
ผมกวาดมองไปรอบ ๆ มีมุมน่าถ่ายรูปเยอะดี

“บ้านของนายกันตรัตน์ เวชกิจน่ะ”

ผมยืนนิ่ง

ก็ไอ้นายกันตรัตน์น่ะ มันชื่อผม ส่วนไอ้นามสกุลนั่น พ่อก็ยกให้ ตั้งแต่ผมแหกท้องแม่ออกมาร้องอุแว้ ๆ แล้ว

“มะ หมายความว่า บ้านหลังนี้...”
ผมชี้นิ้วไปที่ตัวบ้าน แม่พยักหน้า

“เขียนหนังสือตั้งสามเรื่องแน่ะ กว่าจะได้มา”
ผมอ้าปากค้าง 

“แม่ทำได้!”
ผมยิ้มให้จนปากจะฉีก แม่ฝันมานานว่าอยากมีบ้านที่เชียงใหม่สักหลัง ตอนนี้แกทำได้แล้วครับ จากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองชะด้วย

“แม่ผมเก่งที่สุดเลย”
แล้วผมก็กระโดดกอดแม่ไปที

“แม่ให้เป็นของขวัญวันเกิดลูก”

“เออว่ะ กูลืมไปเลยว่าพรุ่งนี้วันเกิดมึง” ไอ้เต้ยมันทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกได้

“จริง ๆ ไม่ต้องไปจำก็ได้เนอะแม่เนอะ เพราะวันเกิดมัน มันทำให้แม่ต้องเจ็บตัวนี่นา”
ไอ้เต้ยมันบอก ผมหน้าบึ้ง

“มึงก็ทำแม่มึงเจ็บเหมือนกันนั่นแหละ”
ผมยืนเถียงอยู่กับไอ้เต้ยสักพัก แม่ก็เรียกให้พวกเราเข้าบ้าน ผมยิ้ม ล้วงหยิบกล้องมากดถ่ายเก็บภาพสวย ๆ แทบจะทุกจุดของบ้าน ตั้งแต่ริมรั้วยันห้องน้ำภายใน ส่วนไอ้เต้ยหิ้วของไปเก็บในห้องกับแม่ครับ มันเป็นลูกรักคนที่สองของแม่ ทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้ผมเลย   

ผมภูมิใจกับบ้านหลังนี้นะ บ้านที่แม่ผมซื้อให้จากน้ำพักน้ำแรงของแก แม่เป็นผู้หญิงที่มีความมุ่งมั่นสูง และผมก็รักทุกอย่างที่แม่เป็น

พอเดินสำรวจจนทั่ว ผมก็กลับเข้าห้องไปอาบน้ำ แล้วลงไปหาแม่ข้างล่าง (ส่วนไอ้เต้ยอาบน้ำอยู่ครับ)

“พรุ่งนี้แม่มีเซอร์ไพรส์ด้วย”

“แค่นี้ก็มากพอแล้วครับ”

“หึ ๆ แม่แค่อยากให้กายมีความสุขที่สุดน่ะ”

“ผมก็อยากให้แม่มีความสุขเหมือนกัน”

“งั้นกายก็ต้องมีความสุขก่อน เพราะแม่จะมีความสุขที่สุดเวลาที่กายมีความสุขเหมือนกัน” แม่บอก

“งั้นแม่ก็ต้องมีความสุขก่อน เพราะเวลาที่ผมเห็นแม่มีความสุข ผมก็มีความสุขเหมือนกัน” ผมบอกต่อ เรามองตากัน แล้วก็พากันหัวเราะร่วน

ผมหยิบกล้องมาใส่ขาตั้ง เซตเวลาให้มันกดถ่ายอัตโนมัติ แล้วผมกับแม่ก็พากันถ่ายรูปด้วยกันสองคน พอไอ้เต้ยอาบน้ำเสร็จ มันก็เข้ามาแทรก แล้วคืนนั้นพวกเราก็สนุกสนานอยู่กับการถ่ายรูป







ดึกแล้วครับ แม่ผมเข้านอนไปแล้ว ผมเดินเล่นไปรอบ ๆ ตัวบ้าน ก่อนเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า พื้นที่ที่แม่ทำเอาไว้เป็นพิเศษ สำหรับชมวิวตอนกลางวัน และดูดาวตอนกลางคืน ฉาบพื้นเรียบด้วยปูนเปลือยสีเทาเข้มดูอาร์ตดี ล้อมรั้วด้วยระแนงไม้กันคนตก ปักโคมไฟไว้รอบด้าน จริง ๆ ข้างในต้องเป็นเทียน แต่แม่ใส่หลอดไฟดวงเล็ก ๆ ไว้แทน ตั้งเวลาให้มันเปิดปิดเอง ตอนนี้มันเลยดูสวยสว่างไม่แพ้ดวงดาวด้านบนเลยล่ะ

ด้านที่ติดกับตัวบ้านมีหลังคาที่ทำจากไม้คล้ายโรงรถ คลุมด้วยไทรย้อย ให้ความร่มรื่นยามกลางวัน ด้านในสุดมีเตียงไม้ขนาดคิงไซส์ตั้งอยู่ มีหมอนอิงสามเหลี่ยมวางไว้สามใบ เอาไว้นอนเอกเขนก กลางสุดมีโต๊ะเก้าอี้สำหรับเขียนหนังสือของแม่ และปิดท้ายด้วยชิงช้าสำหรับสามคนนั่งตั้งอยู่ริมสุด 

แม่ผมแต่งบ้านเก่งจริง ๆ

ผมทิ้งตัวลงนั่งบนชิงช้า ใช้เท้าดันพื้นเบา ๆ ให้มันแกว่ง แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่นี่เห็นดาวชัดแจ๋วเลย ผมยิ้มให้ดวงดาวนิดหนึ่ง แล้วใบหน้าหล่อเหลาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ฉายขึ้นมาแทนที่

“ตามมาหลอกหลอนไกลถึงเชียงใหม่เชียว”
ผมยิ้มให้กับใบหน้านั้น นั่งมองดาวไปเงียบ ๆ จนได้ยินเสียงอะไรก๊อกแก๊กด้านข้าง ผมหันไปมอง

เป็นไอ้เต้ยครับ มันเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ยันเท้ากับพื้น ช่วยผมแกว่งชิงช้าอีกที มันแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ทอดมองดวงดาวไม่ต่างกับผม

“กูอยากให้พี่เป้มาอยู่ตรงนี้ด้วยจังเลยว่ะ” มันเปรยผ่านความเงียบขึ้นมา
 
ผมหันไปมองมัน

“มันต้องมีโอกาสนั้นเต้ย เชื่อกู”

“อืม แล้วกูจะทำให้โอกาสนั้นมาถึงเร็วขึ้น กูอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมกับพี่กู”
ผมหันกลับไปมองท้องฟ้าอีกที

รอเวลาให้พี่เป้ทำใจให้ได้ก่อนนะเต้ย แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง







ผมตื่นขึ้นมายืดเส้นยืดสายในเช้าวันใหม่ บ้านเงียบครับ เงียบกริบเลย ผมเดินไปทั่วทั้งบ้าน แต่ไม่เจอใครเลย

“แม่”
ผมเรียกหา มองไปที่โต๊ะอาหาร ก็ไม่มีอาหารวางไว้เหมือนเคย นี่มันเจ็ดโมงกว่าแล้วนะ
แม่ไปไหน

ไอ้เต้ยก็อีกคน ปกติตื่นเช้าซะที่ไหน

ผมเดินออกจากตัวบ้านไปยังสวนหลังบ้านก็ไม่เจอ จึงตัดสินใจเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า ผมชะงักนิด ๆ เพราะระหว่างทางเดินขึ้นบันได ผมเห็นโพสต์อิทติดไว้ข้างกำแพง ไม่ใช่แค่ใบเดียว แต่มีหลายใบ แปะไว้เป็นทางขึ้นไปด้านบน และข้าง ๆ โพสต์อิทแต่ละใบ ก็มีภาพถ่ายของผมติดไว้ ตั้งแต่เล็กจนโตเลย ผมยิ้ม

เป็นฝีมือแม่กับไอ้เต้ยแน่ ๆ 
แต่ลายมือน่ารัก ๆ แบบนี้ มันดูคุ้น ๆ แฮะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เพราะไอ้เต้ยไม่ได้ลายมือแบบนี้ แม่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขียนให้อ่านออกยังยากเลย

ผมเดินขึ้นบันไดทีละก้าวสลับกับหยุดอ่านสิ่งที่เขียนไว้ในโพสต์อิทและมองภาพสุดขี้เหร่ที่แปะไว้เคียงกัน

คนเลือกต้องจงใจเลือกแน่ ๆ และไอเดียนี้ต้องเป็นไอ้เต้ยชัวร์ ๆ ผมดูไปเรื่อย ๆ จนก้าวมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย ผมหยุดยืนอยู่กับที่ จ้องมองรอยยิ้มสดใสของตัวเอง ก่อนเลื่อนสายตาไปที่โพสต์อิทที่ติดไว้ข้างกัน

ผมยิ้มทันที เมื่อเห็นข้อความจากลายมือที่แทบจะอ่านไม่ออกนั้น   

“แม่รักลูกจ้ะ”
ไก่เขี่ยเรียกทวดแบบนี้ ของแม่ชัวร์ ๆ ผมยิ้ม ก้าวผ่านประตูเข้าไป

“ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ !!!”
กระดาษสายรุ้งนับสิบ พุ่งออกมาจากกรวยกระดาษเล็ก ๆ ผมทำหน้าตื่น จ้องมองผู้คนมากมายที่อยู่ตรงหน้า

“สุขสันต์วันเกิดค่ะ พี่กาย!!”

“สุขสันต์วันเกิดจ้ะ!!”

“สุขสันต์วันเกิดนะ!!”
และอีกหลากหลายเสียง แต่หูผมยังอื้ออยู่ครับ ตาผมอาจจะลายด้วยก็ได้ เพราะตอนนี้ผมเห็นผู้คนจากในสภามากันครบองค์ประชุมเลย ทั้งพี่เอก ที่ยืนกอดอกยิ้มหล่ออยู่ตรงนั้น พี่โอมกับพี่มอ พี่โอ๊คกับพี่ปิง พี่อ้อย พี่กิ๊ฟ พี่สาว พี่อิง แม้แต่พี่เป้ก็มาด้วย
ผมมองไอ้เต้ยที่ยืนอยู่ข้างกัน เห็นมันยิ้มรื่นในขณะที่พี่เป้ ทำหน้านิ่ง ๆ เท่านั้น

แล้วกูจะพามึงหนีมาทำไมเนี่ย

ข้าง ๆ พี่เอกเป็นสามทโมนที่ยืนยิ้มแป้น และใครอีกคนที่ผมคาดไม่ถึงว่าเขาจะมายืนอยู่ตรงนี้ด้วย  ผมวิ่งเข้าไปกอดทันที กับแม่ผมจะไม่อ้อนเท่าไหร่ แต่กับคนคนนี้ ไม่อ้อนไม่ได้ครับ เหอ ๆ

“จะกลับมาทำไมไม่บอกกันบ้าง” ผมรีบท้วง พ่อยิ้มอบอุ่น

“ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพรส์น่ะสิ สุขสันต์วันเกิดนะ” พ่อก้มหอมแก้มผมเบา ๆ ที แล้วยื่นของขวัญให้

“ขอบคุณครับ”
ผมรับมาถือไว้ แม่เดินมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าผม เหลือบตามองพ่อด้วยความไม่พอใจ ทำปากจิ๊จ๊ะใส่พ่อด้วย

“แม่ก็มีจ้ะ นี่”
แล้วแม่ก็ยื่นซองอะไรสักอย่างมาให้ ผมรับมาเปิดออกดูก็เห็นเป็นกรรมสิทธิ์ในบ้านและที่ดินผืนนี้

“ขอบคุณครับแม่”
ผมรีบผละจากอกพ่อไปสวมกอดแม่ทันที แม่เชิดหน้าใส่พ่อ

“ชิ ผมก็ยกบ้านที่กรุงเทพให้คุณกับลูกเหมือนกันแหละ”

แม่เบ้ปาก แม้มือจะลูบหัวผมด้วยความอ่อนโยนอยู่ก็ตาม

“อะ นี่สำหรับมึง”
ไอ้เต้ยมันยื่นของขวัญมาให้ ผมขมวดคิ้วมอง

“ไหนว่ามึงจำไม่ได้”

“วันเกิดเพื่อนสนิททั้งที จำไม่ได้ก็ควายแล้ว”
ผมยิ้ม สรุปมันทำเนียน

แล้วพวกพี่ ๆ ก็เดินมายื่นของขวัญให้ผมกันคนละกล่องสองกล่อง พี่กิ๊ฟให้ กล่องใหญ่มากกกกกก คาดว่าน่าจะเป็นตุ๊กตา พอผมเปิดออก ก็ตามคาดครับ เป็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่เบ้อเริ่ม ตัวใหญ่กว่าผมอีก

“เอาไว้กอดแทนไอ้เอกมัน”
พี่กิ๊ฟกระซิบบอก ผมยืนหน้าร้อน แต่ก็พยายามตีเนียนนิ่งไว้ พอพี่กิ๊ฟละออกไป สามทโมนก็พากันกระโจนใส่ผมทันที

“นี่ของขวัญจากพวกเรา”
กล่องเดียวครับ แต่ผมรู้ว่าพวกน้อง ๆ คงร่วมกันซื้อหรือทำให้ ผมรับมาถือไว้ น้องมันบอกให้เปิดทีหลัง ผมก็เก็บเอาไว้ก่อน

แล้วพี่เอกก็เดินมายื่นของขวัญให้ผมบ้าง เป็นกล่องเล็ก ๆ ครับ ผมรับมาถือไว้ แต่ยังไม่เปิดหรอก
ของคนสำคัญ ต้องเก็บเอาไว้เปิดทีหลัง

ผมถามว่าทำไมถึงได้มาจัดงานกันตั้งแต่เช้า คำตอบก็คือ เพราะพวกพี่เขานั่งเครื่องมาถึงกันตั้งแต่เมื่อคืน (หลังจากผมหลับไปแล้ว) ขืนรอให้พ้นวันก็ไม่รู้ว่าจะไปแกร่วกันอยู่ที่ไหน

สรุป ผมต้องเป่าเทียนตอนเช้า 

ก็ได้ครับ ตอนไหนสำหรับผมก็คือวันเกิด เป็นวันที่แม่มอบชีวิตให้ผม ผมเดินเข้าไปหอมแก้มแม่ที แล้วก็กล่าวขอบคุณที่เลี้ยงผมมาจนโต

แม่ซึ้งหน้าแดงใหญ่ แต่โดนพ่อแซว แกเลยรีบกลับมาตีหน้าบึ้งเหมือนเดิม

แม่เสนอให้พวกเราไปเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าบนดอยครับ ไม่ไกลลิบเท่ากับที่เราไปสร้างโรงเรียน แต่ก็ไกลพอที่ความเจริญยังเข้าไม่ถึง

งานนี้พวกเราเลยลงขันกันเอง พ่อใจใหญ่สุด ให้มาเป็นหมื่นเลย แกบอกตอนแรกจะเก็บไว้ให้ผม แต่เปลี่ยนใจให้เด็กดอยแทน
ผมงี้ซึ้งใจพ่อเลย แต่วันเกิดครับ ทำบุญได้รีบทำไปเถอะ ก่อนจะไม่มีโอกาสได้ทำ

พวกเราเหมารถตู้มากันเอง เอามาสองคัน เพราะคนเยอะกว่าเดิม แถมของยังเยอะอีกต่างหาก พวกทโมนตื่นเต้นกันใหญ่ คงเพราะไม่เคยออกนอกสถานที่แบบนี้ และผมเพิ่งรู้นะ ว่าพี่เอกมันทำทุกปี

โห หน้าไม่ให้ แต่ใจรักวุ้ย

เส้นทางกันดารสุด ๆ กว่าจะขึ้นมาถึง ไส้ผมแทบจะลงไปกองอยู่ที่พื้น พอรถจอดสนิท พี่มอที่นั่งอยู่ติดกับประตูก็เปิดประตูออก พออากาศภายนอกสัมผัสผิว ผมรีบห่อตัวเข้าหากันทันที

เย็นครับ เย็นเจี๊ยบเลย ยังดีนะที่แม่เตือนเอาไว้ก่อน พวกเราเลยรอดกันด้วยเสื้อกันหนาวกันคนละตัวสองตัว ผมก้าวลงจากรถ กระชับเสื้อกันหนาวแน่นขึ้น ไม่คิดว่าบนดอยในฤดูนี้จะหนาวขนาดนี้ (แม่บอกว่าดอยนี้ มันโอบล้อมไปด้วยน้ำตกกับต้นไม้ใหญ่เยอะน่ะ เลยเย็นมากกว่าปกติ)

พวกเรารีบช่วยกันขนข้าวของลงจากรถ ยกเอาไปวางไว้ยังจุดที่ทางโรงเรียนเตรียมเอาไว้ ผมก็ช่วยด้วยเหมือนกัน เมื่อกี้ยกลังขนมไปแล้ว เดินกลับมา กำลังจะก้มยกลังที่สองต่อ   

"กาย"
ผมหันไปตามเสียงเรียก ยังไม่ทันได้รู้ว่าเป็นใคร ก็มีสิ่งหนึ่งวิ่งมาโป๊ะหน้า และก่อนที่มันจะร่วงลงพื้น ผมรีบคว้าเอาไว้ทันที
เป็นเสื้อกันหนาวครับ

ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสื้อตัวนั้น พี่มันเดินเข้ามาใกล้ แล้วก้มยกลังที่ผมกำลังจะยกเมื่อกี้ไปถือเอง ไม่พูดไม่จา เดินลิ่ว ๆ เอาลังไปวางไว้แล้วเดินกลับมาใหม่ ลากเอาลังขวดน้ำหวานเฮลซ์บลูบอยจากด้านในออกมา กำลังจะช้อนอุ้ม (มันหนักนะน่ะ)

“พี่ไม่ใส่เหรอ”
ผมถาม พี่มันหันมามอง แล้วไอ้เสื้อยืดสีเทาตัวนั้นมันจะเน้นกล้ามของพี่มันไปไหน

“ร้อน ฝากไว้หน่อยละกัน จะใส่ก็ได้”
พี่มันบอกแค่นั้น แล้วอุ้มลังน้ำหวานเดินจากไป ผมมองพี่มันงง ๆ

คนหรือหมีควายวะ คนอื่นเขาหนาวกันจะตาย มาบอกร้อนกัน

ผมก้มมองเสื้อพี่มันอีกที

ก็ดี กำลังหนาวเลย ผมรีบสวมเสื้อตัวนั้นทันที หันไปมองไอ้เต้ย มันมีสภาพไม่ต่างกับผมครับ ใส่เสื้อกันหนาวตัวใหญ่ ๆ เหมือนกัน และให้เดาคงเป็นของพี่เป้ เพราะรายนั้นก็เดินเท่ แบกของในสภาพเสื้อยืดตัวเดียวไม่ต่างกับพี่เอกเหมือนกัน
สงสัยพวกผู้ชายตัวใหญ่ ๆ จะเป็นโรคขี้ร้อนกัน

ผมละความสนใจจากพวกพี่มันหันมาช่วยกันยกข้าวของต่อ เราเน้นพวกข้าวสารอาหารแห้งกันเป็นหลักครับ อย่างพวกน้ำมัน น้ำปลา เกลือ พริกไทย น้ำตาล ของใช้เบสิกที่พวกเราหาซื้อกันได้ง่าย ๆ แต่สำหรับที่นี่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ไอ้เต้ยช่วยพี่มันขนของอยู่ ในขณะที่สามทโมนช่วยพวกพี่ผู้หญิงหิ้วของ  เล็ก ๆ น้อย ๆ สักพักก็พากันวิ่งไปหาพี่เอก ผมเข้าไปช่วยพ่อแม่รื้อของ เตรียมแยกเพื่อแจกให้เด็ก ๆ

สองคนเขาก็ช่วยกันไปกัดกันไป เพิ่มสีสันดีครับ ผมก็ทำ ๆ หยุด ๆ เพราะต้องเก็บภาพความประทับใจเอาไว้ ดีที่เอาขาตั้งกล้องมาด้วย ผมจะได้เข้าไปอยู่ในเฟรมได้ ผมไว้ใจขากล้องมากกว่ามือคนอื่นซะอีก

ยกเว้นพี่เอกน่ะนะ แต่ตอนนี้มีสามทโมนอยู่ ผมไม่กล้าให้พี่แกแตะครับ

ไม่นานทางโรงเรียนก็ต้อนพวกเด็ก ๆ มารวมกันไว้ยังจุดเดียว เยอะเหมือนกันครับ แต่แม่เตรียมของมาครบแน่นอน (วางแผนมาดีครับ แม่ผม) เด็ก ๆ เดินเรียงแถวกันเข้ามารับขนมจากมือพวกเรา

พอดีวันนี้วันเสาร์ โรงเรียนปิด แต่แม่แจ้งเข้ามาก่อนหน้านี้แล้ว ว่าจะมีคณะของพวกเรามาแจกของ ชาวบ้านเขาเลยพากันมารอ พวกผมนี่เหมือนเป็นพระเจ้าของคนพวกนั้นเลย ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่เอกถึงได้ชอบทำนัก

ตอนแรกผมก็ช่วยพ่อแม่อยู่หรอก แต่ไป ๆ มา ๆ สามสาวก็เข้ามาแทนที่ แล้วผมก็ถูกเตะให้มาอยู่กับพี่เอกแทน เรายืนแจกของด้วยกันสองคน (แยกกันครับ ผมกับพี่เอกแจกขนม พวกพี่ผู้หญิงแจกพวกสมุดดินสอ พี่โอ๊คกับพี่ปิงแจกหนังสืออ่านเล่น พี่มอกับพี่โอมแจกพวกข้าวสารอาหารแห้ง ส่วนพ่อกับแม่และสามทโมนแจกพวกเสื้อผ้าเครื่องนุ่มห่ม)

พอเราแจกของกันครบ ก็มีตัวแทนเด็ก ๆ ออกมาร้องเพลงกับเต้นให้พวกเราดู พวกที่เหลือก็นั่งกินขนมกันแก้มตุ่ย บ้างก็ช่วยกันร้องเพลงประกอบ น่ารักดี ผมก็ช่วยปรบมือด้วย ทั้งยิ้มทั้งหัวเราะมองน้อง ๆ ยกมือขึ้นหมุน ๆ แล้วโยกเอวซ้ายขวาในจังหวะไม่พร้อมเพรียงกัน อีกคนโยกซ้าย อีกคนโยกขวา น่ารักน่าเอ็นดูดี ครูหนุ่มดอยทำหน้าที่ให้จังหวะจากกลองกระติกน้ำพลาสติก ชาวบ้านบางคนก็คว้าหม้อไหกะละมังถังถาดมาช่วยกันเคาะให้จังหวะ ดูพื้น ๆ แต่มีเสน่ห์ดีครับ

หลังจากการแสดงจบ พวกเราก็เริ่มเก็บข้าวของบางส่วนขึ้นรถ ผมกำลังเก็บขยะอยู่ สายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งยืนแอบอยู่หลังต้นไม้ไม่ไกลนัก เดาไม่ออกว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือผู้ชาย ตัวเล็ก ๆ หน้ามอม ๆ ผมสะกิดให้พี่เอกมอง พี่แกอมยิ้ม หันไปหยิบขนม สมุดหนังสือ ของใช้ของเล่นมาเซตใหญ่ แล้วเราสองคนก็พากันเดินเข้าไปหาเด็กน้อยคนนั้น 

ผมย่อตัวลงจนเสมอตัวเด็ก ในขณะที่พี่เอกก็ทำตามบ้าง เด็กน้อยทำท่าหวาดกลัว

“ไม่ต้องกลัวพวกพี่นะ”
ผมยิ้มอบอุ่น หันไปรับของจากมือพี่เอกมายื่น เด็กน้อยรีบรับไปหอบไว้กับอก วิ่งลิ่ว ๆ หนีไป ผมหันไปมองพี่เอก   

“พี่เอกทำเด็กกลัว”

“นายนั่นแหละ”
พี่มันเถียง ผมกำลังจะเถียงต่อ แต่ได้ยินเสียงคนโวยวายด้านหลัง ผมกับพี่เอกหันไปมอง ก็เห็นพี่โอมกับพี่มอ กำลังแย่งกันป้อสาวแม้ววัยละอ่อนคนหนึ่ง น่ารักใช้ได้เลยครับ มิน่าล่ะ พวกพี่มันถึงได้แย่งกันจีบ 

ผมอมยิ้ม ส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา ขนาดมาทำบุญทำทานกันนะเนี่ย

ผมกับพี่เอกลุกเดินกลับเข้าไปในกลุ่ม พวกสามทโมนรีบลากพ่อกับแม่เดินเข้ามาหาทันที หนึ่งในสามทโมนยื่นกล้องมาให้ ผมรีบรับมาถือไว้ กลัวลูกชายพังครับ (เมื่อกี้ตอนเก็บของ ผมฝากกล้องไว้กับพ่อน่ะ ไหงมาอยู่กับพวกทโมนได้เนี่ย)

“เมื่อกี้คุณพ่อถ่ายภาพพี่เอกกับพี่กายด้วยนะ” สาวน้อยคุยโวใหญ่

ไปเป็นพ่อลูกกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ 

“เนอะคุณพ่อคุณแม่”
เนียนครับเนียน แม่พยักหน้า ลูบหัวสามสาวด้วยความเอ็นดู

ผมเข้าใจเจตนาของน้อง ๆ ทันที เพราะดูจากระยะที่พ่อกับแม่ยืนอยู่คู่กันโดยไม่กัดกันแล้ว ถือว่าพัฒนาไปได้เยอะครับ สามทโมนหันมายักคิ้วให้ ผมอมยิ้ม ขยับริมฝีปากพูดคำว่า “ขอบคุณ” ให้เห็นกันแค่สี่คน   

พอบ่ายโมงกว่า ๆ พวกเราก็บอกลาเด็ก ๆ และชาวบ้านเพื่อเดินทางกลับ หลังจากนี้ พวกเราจะตรงไปวัดกันครับ ไปไหว้พระที่ดอยสุเทพกัน

*** ***
To Be Con..
ง่วงมาก รีบมาลงก่อนสติจะดับ...zzz
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 33 : วันเกิด [กาย....♥] (Update 27-2-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: a_n ที่ 27-02-2015 22:07:59
ติดตาม ตอนหน้าต่อ
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 33 : วันเกิด [กาย....♥] (Update 27-2-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 27-02-2015 23:26:59
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ ไม่อยากตามไปอ่านที่อื่น
ชอบอ่านที่เล้าเป็ดอ่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 33 : วันเกิด [กาย....♥] (Update 27-2-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-02-2015 23:45:51
ดีจังวันเกิด ได้ไปบริจาคของให้เด็กๆด้วย
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 33 : วันเกิด [กาย....♥] (Update 27-2-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 28-02-2015 19:44:55
รอตอนต่อไปจ้า :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 33 : วันเกิด [กาย....♥] (Update 27-2-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 05-03-2015 22:07:49
ชอบเรื่องนี้มากครับ รอมาต่อนะ :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : 33 : วันเกิด [กาย....♥] (Update 27-2-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 06-03-2015 16:23:31
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 34 ดอยสุเทพ & ความสุขเพียงเล็ก (up13-3-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 13-03-2015 21:36:29
Kiss Love ♥ [34] ดอยสุเทพ..ความสุขเพียงเล็ก
[เอก...☼]
 



รถของพวกเรากำลังเชิดหัวขึ้นสู่ดอยสุเทพ เราเหมารถตู้กันมา บอกตามตรงว่าผมไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยว่าวันนี้เป็นวันเกิดของไอ้ตัวเล็กมัน

จะว่าผมเป็นคนไม่ใส่ใจก็ได้ หรือยังไม่ได้หาข้อมูลของมันเก็บไว้ก็ถูก ผมรู้ตอนไอ้เป้มันโทรมาบอกว่าแม่ชวนมางานเลี้ยงวันเกิดไอ้ตัวเล็ก แล้วให้ชวนเพื่อนที่เคยไปบ้านกายครั้งที่แล้วมาด้วย ตอนแรกแม่จะออกค่ารถให้(เหมารถตู้มากัน) แต่พวกผมขอมาเครื่องกันดีกว่า(แต่ละคนมีเงินจ่ายครับ รวย ๆ กันทั้งนั้น เรื่องแค่นี้ขี้ปะติ๋ว)

พอไอ้สามป่วนมันได้ข่าว ก็รีบออดอ้อนขอตามมาด้วยให้ได้ สุดท้ายก็อย่างที่เห็น

ผมมีเวลาแค่วันกว่า ๆ ในการหาของขวัญให้มัน เดินหาอยู่นานครับ แต่ไม่เจอ สุดท้ายเลยสั่งทำบางอย่างให้มันแทน
และตอนนี้ ผมกำลังมองคนที่เดินหอบแฮก เหงื่อโซมกายอยู่ข้าง ๆ เพราะยังไม่ทันถึงดอยดี ไอ้โอมมันดันเสนอไอเดียให้พวกเราเดินขึ้นดอยกัน ไม่ไกลครับ แค่สามกิโลจากจุดที่รถจอด(มันให้รถขับขึ้นไปรอด้านบนก่อน)

แต่ขอบอก ทางขึ้นเขา ไม่ไกลก็เหมือนไกล
ไอ้คนออกความเห็นมันก็เดินหอบแฮกเหมือนกัน แต่ก็ยังกลั้นใจพาขาอันอ่อนล้าเดินขึ้นเขาต้อย ๆ

“ไหวไหม”
ผมถามไอ้ตัวเล็ก หยิบผ้าเช็ดหน้ามายื่นให้ มันรับไปซับแล้วยิ้มกลับ

“ขอบคุณฮะ”

“โอ๊ย พี่เป้ ไม่ไหวแล้ว แบกผมที”
ไอ้เต้ยมันขาล้าแล้วครับ คนแรงน้อยแบบมันเดินมาถึงนี่ได้ก็ถือว่าเก่งแล้ว

“มาเองก็เดินเอง”
ไอ้เป้มันตอบกลับเรียบ ๆ สงสัยไอ้เต้ยจะหมั่นไส้เลยกระโดดขี่หลังพี่มันแทน

“นี่!! เดินเองสิ”
ไอ้เป้มันพยายามแกะมือน้องมันออก

“ไม่เอา พี่เป้แบก”

“หนัก!!”
ไอ้เป้บ่น ไอ้เต้ยกระชับมือที่คอพี่มันแน่น แนบหน้าไว้กับลำคอพี่มัน

“นะ แบกผมหน่อย”
มันบอกเสียงเบาคล้ายคนกำลังจะจากลาไกล ผมฟังยังรู้สึกวูบโหวง แล้วไอ้เป้ล่ะ มันจะรู้สึกขนาดไหน สุดท้าย มันก็ยอมให้น้องมันขี่คอดี ๆ

“หนัก” มันบ่น 

“ผมน้ำหนักลดไปตั้งห้ากิโลเชียวนะ น่าจะเบากว่าแต่ก่อนอีก”
ผมสังเกตเห็นเหมือนกัน ว่าไอ้เต้ยดูซูบ ๆ ไป

“ทำไม”
ไอ้เป้มันถามเสียงเครียด

“เหงา กินอะไรไม่ค่อยลง”
มันบอกเสียงอ่อน กอดคอพี่มันแน่นขึ้น ไอ้เป้นิ่งเงียบไป แต่ผมว่า ใจมันกำลังร้องไห้อยู่แน่ ๆ

“ผมรักพี่นะ”
ไอ้เต้ยบอกพี่มันเสียงเบา แต่ไร้เสียงตอบรับใด ๆ กลับมา

ผมกับกายเป็นคู่สุดท้ายที่เดินตามหลัง โดยมีไอ้เต้ยกับไอ้เป้เดินนำหน้าเราไปเรื่อย ๆ ผมมองพวกมันด้วยแววตาเห็นใจ ก่อนหันมามองคนข้างตัวบ้าง มันแทบจะเดินลิ้นห้อยแล้ว

“อ่อน”
ผมว่าใส่ มันเชิดหน้าทำท่าฮึดฮัด

“ผมไม่ได้แรงควายอย่างพี่นี่”
ผมอมยิ้มไปกับคำต่อว่ามัน

“เร็ว ๆ หน่อยซิคะ!! พวกพี่ ๆ เต่ากันจริงเชียว”
พวกไอ้อ้อนเอามือป้องปากโบกมือไหว ๆ นำหน้าอยู่บนเนินทางโค้งนู้นครับ พ่อกับแม่ที่น่าจะแรงน้อยกว่าพวกเรา กลับเดินลิ่วนำโด่งไปก่อนเพื่อน สองคนนี้เขาแข่งกันเดินเร็วครับ ส่วนพวกน้อง ๆ มันก็วิ่งเล่นกันไป แวะดูต้นไม้ดอกไม้ข้างทางกันไป

หันกลับมามองคนลิ้นห้อยอีกที ผมผ่อนจังหวะฝีเท้าให้ช้าลง คว้ามือมันมาจับ แล้วเดินเคียงไปกับมัน

“เอ้า ซ้าย ขวา ซ้าย…ซ้าย ขวา ซ้าย”
ผมก้าวขาเป็นจังหวะ มันขำใหญ่

“พลทหารกาย ขืนชักช้า เดี๋ยวก็ถูกทำโทษหรอก”
มันส่งค้อนให้ผมที เร่งความเร็วตามจังหวะที่ผมนำ

พ่อแม่และพวกทโมนเดินนำหน้า ช่วงกลาง ๆ เป็นเพื่อน ๆ ผม ตามด้วยไอ้เป้กับน้องมัน และมีผมกับกายรั้งท้าย ไอ้เป้จงใจเดินช้า ๆ คงไม่อยากให้มันและน้องมันเป็นที่สนใจของคนอื่นเท่าไหร่ ยกเว้นผมกับกายที่รู้เรื่องกันดีอยู่แล้ว 

มันก้าวเท้าเป็นจังหวะช้า ๆ เหมือนอยากจะรักษาช่วงเวลาเหล่านี้เอาไว้ให้นานที่สุด มันคล้องแขนมาด้านหลัง รัดน้องมันไว้ ไม่ต่างกับไอ้เต้ยที่กอดคอพี่มันไว้ ซบหน้าข้างลำคอพี่มัน

ผมมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาหมองเศร้าคละเคล้าความสุขเพียงเล็กน้อย

มันมีความสุขกับช่วงเวลาอันน้อยนิด แต่ก็เศร้า เพราะอีกไม่นาน ช่วงเวลาเหล่านี้ก็จะหมดไป
ผมกระชับมือขาวที่จับอยู่แน่น จับมันไว้ แล้วก้าวเดินไปพร้อมกัน อยากเอามันขี่หลังเหมือนกันครับ แต่มันคงไม่ยอม   

“เอ้ย!! ไอ้สองคู่นั้นน่ะ รีบ ๆ เดินเด๊ะ เดี๋ยวดอยสุเทพก็หายไปหรอก”
ดอยสุเทพบ้านแป๊ะมึงอะดิ จะหายไป

ผมกระชับมือไอ้ตัวเล็กให้เดินเร็วขึ้น สักพักพวกเราก็มายืนหอบแฮก หาน้ำหาท่ากินกันตรงทางขึ้นวัด ข้างทางมีร้านขายของที่ระลึกหลายร้าน มีรถขายผลไม้ และน้ำดื่มต่าง ๆ ผมซื้อน้ำตะไคร้ดื่ม ส่วนไอ้ตัวเล็กมันเอาน้ำมะพร้าว

มีแม่ค้าเดินเข้ามาขายพวงมาลัยให้เรา พวงละยี่สิบบาท แต่แม่บอกให้ไปซื้อข้างบนดีกว่า สิบบาทเอง พวกเราเลยขนย้ายตัวเองขึ้นไปยืนอยู่บนตีนบันไดทางขึ้นวัด(ขนาบสองข้างทางด้วยพญานาคตัวยาวเฟื้อย)

พวกไอ้อ้อยทำหน้าเมื่อยทันทีที่เห็น

พวกมันค่อย ๆ ก้าวขึ้นบันไดกันสองสามก้าว แล้วก็พัก แล้วก็ก้าวกันต่อ ผมกับไอ้ตัวเล็กเดินคู่กันไปเงียบ ๆ พ่อกับแม่เดินลิ่ว ๆ นำไปนู้นแล้ว ตามติดด้วยสามสาวที่เริ่มหมดแรงอ้อนพ่ออ้อนแม่กันยกใหญ่ 

“เหนื่อยฉิบ ไม่น่าบ้าจี้ตามไอ้โอมมันเลย” อิงเริ่มบ่น “กูก็ลืมไปว่าต้องมีเดินขึ้นบันไดด้วย” 

ไอ้โอมหันมายิ้มเหนื่อย ๆ ให้

“พวกมึงรู้รึเปล่า ว่าพวกมึงอะ ได้บุญเยอะกว่าคนอื่น ๆ ยิ่งลำบาก บุญยิ่งเยอะนะโว้ย”
มันหันหัวเรือกลับมาช่วยพวกสาว ๆ ก้าวขึ้นบันไดไปด้วยกัน ผู้ชายคนอื่น ๆ ก็ลงมาช่วยด้วยเหมือนกัน เว้นแต่ผมกับไอ้เป้ เพราะไอ้เป้ลากน้องมันอยู่ ส่วนผมอยากเดินคู่ไปกับไอ้ตัวเล็กมันมากกว่า

ผมมองไปยังปลายทาง
กว่าจะถึง สงสัยหอบแดกกว่าเดิมแน่ ๆ
...
...
...
ถึงจะช้าไปบ้าง แต่ในที่สุด พวกเราก็มาถึง ผมหยุดฝ่าเท้าตรงบันไดขั้นสุดท้าย เพราะไอ้ตัวเล็กมันหยุดถ่ายภาพ มันยืนเล็งกล้องนิ่ง ๆ อยู่นานจนพ่อกับแม่และน้อง ๆ พากันหอบดอกไม้ธูปเทียนมายื่นให้ ผมรับมาถือไว้ แล้วบอกให้พวกเขาขึ้นไปกันก่อน ส่วนผมก็ยืนรอไอ้ตัวเล็กมัน

ผมมองไปรอบ ๆ คนเยอะน่าดู วันนี้วันเสาร์ด้วย หันมามองไอ้ตัวเล็ก มันยังยืนเล็งกล้องอยู่ ผมเขยิบหลบไปยืนอยู่ข้าง ๆ จะได้ไม่ขวางทางคนอื่น

ไอ้ตัวเล็กมันยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น ขยับมือเพียงนิดเพื่อหามุม และขยับนิ้ว เพื่อลั่นชัตเตอร์

ผมว่ามันไม่อึดเรื่องการเคลื่อนไหว แต่ถ้าเรื่องให้นิ่งมันทำได้ดีนะ

สักพักมันก็ลดกล้องลง หันมามอง

“อ้าว แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ”

“ไปกันหมดแล้ว”
มันยิ้มแหะ ๆ รับดอกไม้ธูปเทียนจากมือผมไป

“ไม่ต้องรอผมก็ได้ กว่าจะถ่ายได้ บางทีมันใช้เวลานาน”
อันนั้นกูรู้อยู่แล้ว

ผมไม่ได้ตอบ เดินเคียงมันขึ้นไปด้านบน พวกเพื่อน ๆ คงไหว้พระกันเสร็จแล้ว เพราะเห็นพวกมันกำลังสนุกสนานกับการหามุมถ่ายรูปกันอยู่ ในขณะที่พ่อกับแม่ถูกพวกทโมนลากให้ไปเติมน้ำมันตะเกียงอีกด้าน

เราเดินไปจุดธูปเทียนกันด้านซ้าย ที่นี่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ พวกไกด์ก็แนะนำนักท่องเที่ยวกันด้วยภาษานั้น ๆ ที่ได้ยินบ่อยก็ ญี่ปุ่น อังกฤษกับจีน

เราจุดธูปและเทียนพร้อมกัน เดินเอาเทียนไปปักไว้ที่ฐาน แล้วเดินถือธูปไปนั่งคุกเข่าบนพรมแดง ผมแหงนหน้าขึ้นมององค์พระ แล้วตั้งจิตอธิษฐาน 

ขอให้ผมและคนที่ผมรักทุกคน มีความสุขและสุขภาพแข็งแรง
พอผมขอพรเสร็จก็นั่งคอยไอ้ตัวเล็กที่ยังคงหลับตาตั้งจิตขอพรอยู่ พอมันเสร็จ ผมถึงได้ลุกพามันเดินไปปักธูปลงกระถางเดียวกันและจุดเดียวกันกับมัน แล้วพวกเราก็กลับมากราบพระอีกสามครั้ง เป็นอันจบกระบวนการ

พวกเราเดินหยอดตู้ทำบุญกันอีกนิดหน่อย พวกสาว ๆ ชอบเสี่ยงเซียมซีกัน แต่ของผมไม่ เพราะผมถือคติ สิ่งที่เชื่อได้มากที่สุด คือจิตใจและการกระทำของตัวเองนี่แหละ

“ไปถวายสังฆทานกัน”
มันชวน ผมพยักหน้าเดินไปซื้อเครื่องสังฆทานที่เขาเตรียมไว้ให้ แล้วเราก็พากันเดินไปถวายสังฆทาน พระที่นี่ดูใจดีและอบอุ่นครับ สวดด้วยภาษาเหนือ แถมยังให้พรซะยาวยืด ผมก้มหน้าต่ำตอนพระท่านรดน้ำมนต์แล้วเคาะกบาลมาสามที 

“ขอให้มีแต่ความสุขและความเจริญนะโยม”
ผมน้อมรับลงกระหม่อมพอ ๆ กับคนข้างตัว แล้วเราก็พากันเดินไปเติมน้ำมันตะเกียง พอจบกระบวนการไหว้พระ เราถึงได้พากันเดินลงมาที่โซนด้านล่าง

“ถ้าอยากให้ชีวิตประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง ก็ต้องตีระฆังให้ดัง ๆ”     
ไอ้ตัวเล็กมันบอก

“แล้วตีแบบไหนถึงจะดัง”

“ก็ตีดัง ๆ”

“ยังไง”
ผมถามมันกวน ๆ มันเลยไปหยิบไม้มาอันหนึ่ง แล้วตีให้ดู ผมยิ้มเย็น ดึงไม้จากมือมันมาถือ

“พี่มีเทคนิค ตีให้ดังโดยไม่ต้องออกแรงเยอะ”
แล้วผมก็ทำให้ดู ไอ้ตัวเล็กอ้าปากค้าง ทึ่งไปกับเสียงกังวานใสแต่ดังสะท้านไปทั่วจนผู้คนหันมามอง

ผมหัวเราะหึ ๆ ในใจ

“ทำยังไงอะ!”
มันรีบถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมเลยสอนเทคนิคไป มันลองทำดู แต่เสียงก็ยังดังเท่าเดิม ผมเลยเดินไปยืนขนาบอยู่ด้านหลัง จับหลังมือมันไว้ ผมสอนให้มันวางมือให้นิ่งที่สุด ขยับมือให้น้อยที่สุด แต่ปล่อยพลังของร่างกายทั้งหมดไปที่ปลายไม้ แล้วผมก็จับมือมันลงระฆังด้วยจังหวะเพราะพริ้ง

เสียงมันก้องกังวานเป็นสองจังหวะ อาจจะเพราะมีสองแรงมือ มันยิ้มที่ระฆังที่มันทำเสียงดังขึ้นกว่าเดิมโดยไม่ต้องตีแรงจนเจ็บมือ

“เก่งจัง ขนาดตีระฆังก็ยังเก่ง”
มันชม ผมอมยิ้ม แล้วปล่อยให้มันเป็นอิสระ

“เรื่องบางเรื่อง ถ้าเราจับให้ถูกจุด ก็ไม่จำเป็นต้องออกแรงอะไรมากก็ทำสำเร็จแล้ว”
มันมองผมด้วยสายตาชื่นชม คล้าย ๆ กับสายตาที่มันมองไอ้คุณชรินทร์นั่นแหละ ผมงี้เขินเลย 

“เอ้ย!! ไอ้พวกนั้นน่ะ มาถ่ายรูปกัน”
ไอ้อ้อยมันตะโกนเรียก ผมกับไอ้ตัวเล็กหันไปมอง พวกนั้นกำลังสนุกกับการถ่ายรูปกันใหญ่ เห็นสี่สาวกำลังกระโดดสูงกลางอากาศ โดยมีไอ้ปิงเป็นมือถ่าย ผมกับกายรีบเดินไปสมทบทันที

ดีไอ้ตัวเล็กมันพกขาตั้งกล้องมาด้วย พอมันจัดมุมเสร็จ พวกเราก็รีบมุดเข้าเลนส์กล้องแล้วจัดการโพสต์ท่าตามใจข้าทันที
พ่อกับแม่หันไปชนกันนิดหน่อย แล้วต่างคนก็ต่างดีดตัวออกห่างจากกัน

เออเนอะ…คนเรา 

พอถ่ายรูปกันจนหนำใจ พวกเราก็พากันยกโขยงลงบันไดพญานาค ขาลงง่ายครับ พวกสาว ๆ พากันวิ่งลิ่ว ๆ ส่วนพวกหนุ่ม ๆ เดินเหล่สาวกันไป

ไอ้พวกนี้ในวัดในวาก็ไม่ว่างเว้น(ได้ข่าวว่ามึงก็เป็น)

พวกเราเดินไปยังโซนขายของที่ระลึกตรงตีนบันไดด้านขวามือ แอมเกาะแขนแม่ ส่วนไอเกาะแขนพ่อ แล้วก็มีไอ้อ้อนเกาะแขนคนทั้งคู่อยู่ตรงกลาง สามสาวพากันออดอ้อนราวกับเป็นพ่อแม่ของตัวเองจริง ๆ ส่วนไอ้ตัวเล็กก็เดินไปหยุดถ่ายภาพไป โดยมีผมเดิน ๆ หยุด ๆ อยู่เป็นเพื่อน

มันหยุดขาไว้ เล็งกล้องไปยังพ่อกับแม่และสามทโมนที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ดูพวงกุญแจทำมือของแม้วสูงวัย 

“พ่อกับแม่อยากได้ลูกสาวมานาน สมใจพวกเขาล่ะ”
ผมหันไปมอง

“เอาเลยพี่ยกให้”

“ผมเอาจริง ๆ นะ แล้วพี่จะเสียใจ”

“เอาไปเลย แถมข้าวสารอีกสิบกระสอบ”
ลดแลกแจกแถมครับรุ่นนี้ ไม่รับคืนสินค้าด้วย มันหัวเราะใหญ่

ผมหันไปมองไอ้เป้กับไอ้เต้ย เห็นไอ้เต้ยมันลากแขนพี่มันไปที่ร้านขายของที่ระลึก คว้าหยิบหมวกแม้วมาใส่ให้พี่มัน ไอ้เป้มันส่ายหน้า เพราะดูแล้วคงไม่หล่อ

เอาน่าเป้ ปล่อยวางสักวัน

พวกเราเดินดูของกันด้านบนเสร็จก็ไปต่อกันที่ด้านล่าง ได้ของไปฝากคนกรุงเทพเพียบ

หิวครับ ตอนนี้หิวมาก กว่าจะเดินดูของกันหมด ก็เกือบห้าโมงกว่า เสียพลังงานไปเยอะ แม่เลยชวนพวกเราไปกินหมูกระทะกันย่านนิมมานเหมินทร์กัน

พวกเรามากันเยอะ ร้านเขาแทบพัง อาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ คิดเป็นรายหัว หัวละ 119 บาท คุ้มสุด ๆ เพราะของกินเพียบ เราได้โต๊ะยาวเป็นวาเหมาทั้งแถบ น้อง ๆ ผมมันวิ่งไปหยิบขนมมากินกันก่อน เป็นนิสัยไปแล้วครับ ชอบกินของหวานก่อนของคาว

ไอ้เต้ยมันเดินไปหยิบตะกร้าใส่ของมาสองใบ แล้วยื่นให้พี่มันถือ ส่วนตัวมันก็เดินหยิบนู้นหยิบนี่ใส่ตะกร้า แต่ของส่วนมากก็เป็นของโปรดของไอ้เป้มันนั่นแหละ ไอ้เป้มันมองน้องมันด้วยสายตาอ่านไม่ออก

มันคงจะรู้สึกผิดที่ทำกับน้องมันแบบนั้นเหมือนกัน

“เลือกของที่นายชอบบ้างสิ”
ไอ้เต้ยหันมามองด้วยรอยยิ้ม

“อะไรที่พี่ชอบ เต้ยก็กินได้หมดแหละ”
มันพูดเอาใจพี่มัน หันไปคีบอาหารต่อ

ผมที่กำลังมองคนทั้งคู่อยู่ชะงัก เพราะตรงหน้ามีตะกร้าใส่ผักยื่นมาให้สองใบ

“ช่วยผมถือที”
ผมก็รับมาถือไว้ เดินตามมันต้อย ๆ มันถามว่าผมอยากกินอะไร ผมก็บอกมันไปสี่ห้าอย่าง

“พี่ต้องกินแบบนี้แหละ คุ้มสุด”

“มื้อเย็นพี่ไม่กินเยอะเหมือนมื้อเช้าหรอกนะ”

“กินเยอะก็ออกกำลังกายเยอะ ๆ สิ” มันแนะ

“อื้ม..เป็นความคิดที่ดี”
ผมทำสายตากรุ้มกริ่ม มันเสหน้าไปทางอื่น เลือกหยิบผักมาใส่ตะกร้าซะพูน ผมหัวเราะหึ เดินตามมันไป

ผมถือสอง มันอีกสอง พอของครบ ก็เดินกลับไปที่โต๊ะ ผมนั่งข้างไอ้ตัวเล็ก ฝั่งตรงข้ามเป็นไอ้เป้กับไอ้เต้ย สี่คนต่อหม้อครับ ยกเว้นหม้อของพ่อกับแม่ที่มีสามสาวร่วมกินด้วย พวกน้อง ๆ พากันแย่งคีบอาหารให้พ่อกับแม่กินใหญ่

“ป๋าต้องกินเยอะ ๆ นะ จะได้มีแรงทำน้องให้พี่กาย”
พวกมันทำเนียน ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าพ่อกับแม่เลิกกัน แม่ทำท่าจะค้าน ไอ้อ้อนมันสอดขึ้นมาอีก

“ม๊าก็ต้องทานเยอะ ๆ นะคะ บำรุง น้องจะได้ผิวสวย ๆ เหมือนอ้อนไง”
ชมตัวเองก็เป็นเนอะคนเรา

แล้วพวกมันก็พากันนั่งประเคนอาหารให้พ่อกับแม่กิน สองคนนั้นเลยต้องแกล้งเนียนเป็นผัวเมียกันไปก่อน คงไม่อยากให้เด็ก ๆ เสียความรู้สึก

แต่พ่อกับแม่ตกหลุมพรางพวกมันแล้วล่ะครับ

“มึงอย่ามาแย่งของกูเด๊ะ!!”
ไอ้มอมันแย่งหมูกับไอ้โอมมัน เรื่องอื่นมันสามัคคีกันดี ยกเว้นเรื่องกินนี่แหละ ไม่แข่งก็ตีกันตลอด

พ่อกับแม่นั่งกันคนละฝั่งตรงหัวโต๊ะ มีอ้อนนั่งต่อจากพ่อ ส่วนแม่โดนประกบคู่ แอมกับไอ ถัดจากไอเป็นผมแล้วก็กาย ข้างไอ้กายเป็นไอ้โอ๊คไอ้ปิง ฝั่งตรงข้ามเป็นไอ้มอกับไอ้โอม ที่ยังแย่งหมูกันไม่หยุด ที่เหลือเป็นสาว ๆ ครับ

ปกติ พวกผู้หญิงกลุ่มผมจะรักษาหุ่นกันอยู่แล้ว แต่อย่าให้ได้เข้าร้านบุพเฟ่
กินกันเหมือนเห้ลงมาก

“นี่พอได้แล้ว พี่กินไม่หมดหรอก”
ไอ้เป้มันปราม เพราะไอ้เต้ยมันตักของกินให้ซะพูนจาน

“นายน่ะกินซะบ้าง น้ำหนักลดไปตั้งเยอะ”
มันคีบของกินบางส่วนคืนน้องมัน ไอ้เต้ยยิ้มแป้นด้วยความดีใจ คีบกินอาหารที่ได้จากพี่มัน

ผมกำลังจะคีบผักมาใส่จาน อยู่ ๆ ก็มีตับชิ้นโตมาวางแหมะอยู่บนจาน

“ของโปรดพี่”
มันพูดแล้วคีบกินของมันเองต่อ

ผมเงยหน้าขึ้นสบตาไอ้เป้ ก่อนคีบสิ่งที่มันให้มากิน แล้วไอ้ตัวเล็กก็หันไปคีบไก่ไปให้ไอ้เต้ย คีบหมูให้พ่อ และคีบต้นหอมให้แม่
ผมควรจะดีใจดีไหมเนี่ย

“กายพี่ให้”
หันไปมองด้านข้าง ไอ้โอ๊คมันคีบหมูย่างไว้บนจานไอ้ตัวเล็ก ผมคิ้วขมวด

“คีบเพลินไปหน่อย”
มันให้เหตุผล จานมันพูนไปด้วยหมูย่างจริง ๆ นั่นแหละ

ผมไม่ได้ใส่ใจ หันไปแย่งหมูย่างกับไอ้เป้มันต่อ

“พี่เป้”
ไอ้เต้ยมันหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเหงื่อให้พี่มัน แล้วก้มลงไปกินต่อ

ไอ้เป้มันก็นั่งกินไปเงียบ ๆ ถ้าเป็นผม คงรู้สึกทรมานไม่แพ้กัน ถ้าคนที่เรารักแต่บอกไม่ได้มานั่งเช็ดเหงื่อให้แบบนิ้

ผมถอนใจเบา ๆ แล้วอยู่ ๆ ก็มีมือขาว ๆ พร้อมผ้าเช็ดหน้าสีขาวมาซับเหงื่อที่หน้าผากให้ ผมหันไปมอง มันรีบชักมือกลับ วางผ้าเช็ดหน้าไว้บนตัก หยิบตะเกียบข้างจานมาคีบหมูที่สุกแล้วบนเตาย่างกินต่อ

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วผ่อนคลายออก 

มึงจะทำให้กูหวั่นไหวไปถึงไหนวะเนี่ย 
........
......
.....
....
...
..
,
พอหนังท้องตึง พวกเราก็ขนขบวนกันออกจากย่านนิมมาน แล้วไปต่อกันที่ถนนวัวลายเพื่อละลายทรัพย์ในกระเป๋า เป็นแหล่งช็อปคล้ายถนนคนเดินวันอาทิตย์นั่นแหละ ตั้งอยู่ที่ถนนวัวลาย เขาเริ่มวางของขายกันตั้งแต่ห้าโมงเย็น ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะ ถึงถนนเส้นนี้จะสั้นและคนไม่เยอะเท่าถนนคนเดินวันอาทิตย์ แต่ก็เยอะอยู่ดี

พวกเราเริ่มเดินกันตั้งแต่ปากทางเข้า พวกทโมนเดินประกบพ่อกับแม่เหมือนเดิม ผมไม่แน่ใจว่าพวกน้อง ๆ ต้องการช่วยให้พ่อแม่คืนดีกัน หรืออยากอ้อนเอาของ หรืออยากกันพวกท่านออกจากกาย เพื่อให้ผมได้มีเวลาอยู่กับกายสองคนนาน ๆ

หรือบางทีอาจจะทั้งสามอย่างรวมกันก็ได้ ตามคอนเซ็ปต์ ‘ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสามตัว’
ผมไม่ได้พูดเองนะ เป็นคติของพวกทโมนเขาน่ะ

พวกเราเดินดูของกันไปเรื่อย ๆ ก่อนหยุดกันที่หน้าร้านขายสตรอเบอร์รี ไอ้ตัวเล็กหยิบมาแจกให้ผมกับเพื่อน ๆ ผมคนละแก้ว ส่วนมันถือไว้สองพอ ๆ กับแม่และพ่อนั่นแหละ

มันบอกว่าชอบ

ผมอมยิ้มเดินดูข้าวของข้างทางไป พวกไอ้สาว มันยืนดูผ้าไหมไทย คงอยากได้ไปฝากคนที่บ้าน ส่วนอิงยืนดูเขาทำเมี่ยงคำ ก่อนเหมามาเซตใหญ่แล้วแจกจ่ายให้พวกเรา งานนี้ซื้อนู้นซื้อนี่กินกันไม่หยุด นี่ขนาดว่ากินหมูกระทะกันมาแล้วนะเนี่ย

ผมเดินตามไอ้ตัวเล็กมัน เห็นมันเดินไปหยิบเสื้อลายวัยรุ่นมาถือไว้ เป็นเสื้อสีขาว มีไซส์สำหรับผู้หญิงและผู้ชาย ของผู้ชายเขียนเอาไว้ว่า ‘เพราะเรา’ ส่วนของผู้หญิงเขียนไว้ว่า ‘รักกัน’ พอซื้อเสร็จมันก็เอาไปยื่นให้กับพ่อแม่ทันที

ถ้าพ่อกับแม่เห็นลาย จะยอมใส่กันไหมน่ะ

ผมเห็นร้านขายภาพถ่ายฝีมือเด็กมอต้น ผมรีบลากมันเดินไปตรงนั้นทันที เป็นน้องผู้ชายอายุแค่ 13 ปี ชื่นชอบการถ่ายรูปมาตั้งแต่สิบขวบ แล้วกล้องที่ใช้ ก็เป็นกล้องจากมือถือ เพราะยังไม่มีงบไปซื้อกล้องจริง ๆ

เห็นบอกทำภาพมาขาย เพื่อต้องการรวบรวมเงินเอาไว้ซื้อกล้องจริง ๆ ใช้   

ไอ้ตัวเล็กมันคุยจ้อกับน้องเขาใหญ่ ฝีมือดีครับ ภาพไม่คมชัดเท่ากับกล้องจริง ๆ แต่มุมมองและบรรยากาศของภาพสวยงามมาก
สำหรับเด็กน้อยวัยแค่นี้ ทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเจ๋งแล้วครับ ที่สำคัญ ยังสร้างรายได้และความภาคภูมิใจให้ตัวเองอีกต่างหาก ไอ้ตัวเล็กมันเหมามาเกือบหมดแผง โดยผมเป็นคนจ่าย (คืองบมันหมดระหว่างทาง พ่อกับแม่หายไปไหนแล้วไม่รู้ มันเลยขอยืมผมแทน) ผมก็แงะกระเป๋าตัวเองจ่ายไป แล้วก็ถือของให้มันด้วย จะได้ให้มันดูข้าวของได้สะดวก ๆ

มันแลกอีเมลกันนิดหน่อย เอาไว้ติดต่อกันในฐานะคนรักการถ่ายภาพเหมือนกัน หมดจากร้านถ่ายภาพ เราก็ไปยืนดูน้อง ๆ ฟ้อนรำบ้าง คนแก่ฟ้อนรำบ้าง มันก็ทำบุญไปน่ะนะ(ด้วยเงินผม)

ดีใจครับ ที่มันขอยืมผม เหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมันดี

พวกเราพากันเฮโลไปหยุดอยู่ที่ร้านโปสการ์ด แล้วเขียนโปสการ์ดส่งให้ตัวเอง แล้วก็คนอื่น ๆ ที่เราต้องการ สนุกครับ ผมเขียนส่งให้ตัวเองใบหนึ่ง ที่เหลือก็ส่งให้พ่อกับแม่ น้อง ๆ รวมถึงเพื่อน ๆ ทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งไอ้ตัวเล็กด้วย

เดินไปได้สักพัก เราก็หยุดมองกลุ่มนักร้องคนตาบอดที่นั่งเรียงกันบนพื้น ผมหยิบเงินมายื่นให้ไอ้ตัวเล็กทันทีอย่างรู้งาน

เก่งครับคนเหล่านี้ แม้ร่างกายจะพิการ แต่ใจยังสู้ ไม่เพียงทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น แต่ยังทำให้ผู้คนที่ได้มาพบเห็น มีทั้งรอยยิ้มและกำลังใจกลับบ้านไปด้วย 

พวกเราออกเดินกันต่อ ผมหยิบ ๆ จับ ๆ ดูพวกงานฝีมือซะส่วนใหญ่ ก่อนที่มันจะเดินไปหยุดอยู่ร้านร้านหนึ่ง มันยืนมองอะไรบางอย่าง ก่อนเดินหายเข้าไปภายใน ผมก้าวเท้าตามมันไปติด ๆ

“พี่แพ้พวกเงินหรือเปล่า”
มันหันมาถาม ผมส่ายหน้า มันหันกลับไปคุยอะไรกับเจ้าของร้านนิดหน่อย ก่อนหยิบบางสิ่งมาถือไว้ แล้วหันมาทางผม

สิ่งที่มันโชว์ต่อหน้าคือสร้อยคอรูปพระอาทิตย์ ลูกเล่นและลายสวยดีครับ เป็นงานฝีมือที่น่าจะทำยากพอควร

“ผมให้”
ผมนิ่ง ก่อนพยักหน้าทีหนึ่ง

“ก้มหน่อย” มันสั่ง
ผมก้มหัวลงต่ำจนหน้าเราจะชนกัน ผมแกล้งเคลื่อนปากไปแตะแก้มมันเบา ๆ มันรีบเอียงหน้าหลบหนี ผมอมยิ้ม มันพยายามปรับสีหน้าให้นิ่งอยู่

คงกำลังอาย

เป็นแบบตะขอครับ เส้นสายทำด้วยเชือกไม่อับชื้น ไม่ระคายและไม่อึดอัด ราคาแพงน่าดู แต่ผมก็ยอมให้มันซื้อให้ ไม่ใช่เพราะราคา แต่เพราะมันเป็นของที่มาจากมันต่างหาก

“ขอบใจ”

“เท่ดี คิดแล้วว่าต้องเหมาะ”
มันชม ผมทำหน้านิ่ง ๆ ยื่นกระเป๋าเงินให้มันไปทั้งใบเลย มันก็รับไปถือไว้ ผมรู้ว่ามันจำได้ว่ามันใช้ไปเท่าไหร่แล้ว แต่ผมไม่สนใจหรอก อยากใช้ใช้ไปเถอะ

บอกแล้ว ถ้ากับเมีย ผมยอม

เอ๊ะ?
กูคิดอะไรอยู่วะ

ผมเดินออกมาจากร้านเครื่องเงิน โดยมีบางสิ่งติดคอมาด้วย

รู้สึกหน้าตัวเองจะบาน ๆ ยังไงบอกไม่ถูก

ผมซื้อกางเกงเลมาด้วยสองสามตัว เอาไว้ใส่นอน จริง ๆ ชอบแบบเอวรูดมากกว่า ถอดง่ายดี มันซื้อด้วยสองสามตัวเหมือนกัน
ไป ๆ มา ๆ พวกเราก็วงแตก ตอนนี้ใครอยู่ตรงไหนกันแล้วก็ไม่รู้ เดี๋ยวค่อยโทรหากันอีกที บอกตามตรง ปกติผมไม่ชอบเดินตามใครเพื่อช็อปปิ้งแบบนี้หรอก แม้แต่กับน้อง ๆ หรือคนที่เคยคบ ๆ กันมาก็เถอะ แต่ไม่ใช่กับกาย

ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะตัวมัน หรือเพราะสถานที่ที่เราเดินกันนั้นไม่ใช่ร้านขายเสื้อผ้า เครื่องสำอาง หรือรองเท้าที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของผมกันแน่

ผมถึงได้มีความสุขขนาดนี้

หรือคุณว่าไง?

*** ***

TBC...
ปล. 1 มาช้าไปหนึ่งอาทิตย์ขออภัยด้วยจริง ๆ เดินทางออกตวจตลอดทั้งเดือนเลย
ปล. 2. ใครอ่านอยู่เม้นท์บอกกันนี้ดนุง :impress2:
ปล. 3. เค้าไปงานมินิตลาดฟิควันที่ 28 มีนานี้ด้วย นั่งเล่นอยู่บูธA8 เอาหนังสือเรื่องนี้ไปลงประมาณยี่สิบกว่าชุด ใครอยากได้ ไปเจอกันได้ขอรับ ^^
ปล. 4. ตอนที่ 35 มาศุกร์หน้า(ถ้าไม่ติดเดินทาง T^T)   
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 34 ดอยสุเทพ & ความสุขเพียงเล็ก (Up 13-3-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 13-03-2015 21:51:47
มาจิ้มๆๆๆๆ  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 35 ถนนวัวลาย [กาย..♥] (Up 21-3-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 21-03-2015 19:49:56
Kiss Love ♥ [35] ถนนวัวลาย
[กาย...♥]



ผมคิดอยู่เสมอ ว่าพี่เอกคือพระอาทิตย์ และตอนนี้ผมเห็นพระอาทิตย์แล้วครับ ผมเดินตรงเข้าไปดูทันที พี่เอกเดินตามเข้ามาติด ๆ ผมมองสิ่งที่อยู่ในตู้โชว์ มันทำจากเงินแท้ครับ ผมหันไปถามพี่แกว่าแพ้เครื่องเงินหรือเปล่า

พี่แกบอกไม่แพ้ ผมเลยหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาดู มันเป็นสร้อยคอ จี้เงินแท้เนื้อบริสุทธิ์ เป็นงานฝีมือตามออเดอร์ อันที่ผมถืออยู่ เป็นของที่ลูกค้าชาวต่างชาติเคยสั่งทำเอาไว้ แต่ยกเลิกกะทันหัน เพราะเจ้าของดันต้องไปในที่ที่ห้ามใช้ของพวกนี้ เป็นงานที่ทำด้วยมือทุกขั้นตอน เชือกเป็นเชือกแบบพิเศษ ยืดหยุ่น ไม่อมน้ำ ไม่ชื้น ไม่เป็นเชื้อรา เหมาะกับพวกนักกีฬามีเหงื่อดี

ราคาไม่ถูกเลย แต่เพราะมันเป็นของที่สั่งทำพิเศษนี่แหละ ผมเลยเลือกให้พี่เอก

พี่มันคงรำคาญที่ผมยืมเงินหลายรอบ เลยยกกระเป๋าเงินมาให้ทั้งใบเลย ผมยืมไม่เกิน 5000 บาทหรอกครับ ผมจำได้

“อึดอัดไหม” ผมถาม พี่เอกส่ายหัว ผมยิ้มแล้วเราก็พากันเดินออกจากร้านเพื่อไปดูข้าวของอย่างอื่นกันต่อ หันซ้ายหันขวา มองไม่เห็นใครแล้วครับ ไกลออกไปลิบ ๆ เห็นพ่อกับแม่แล้วก็สามทโมนเดินดูของกันอยู่ พวกหนุ่ม ๆ ก็นู้น ด้านซ้าย ส่วนสาว ๆ

หายครับ

ผมพาพี่เอกไปหยุดอยู่ร้านขายกางเกงของชาวเชียงใหม่ พี่มันอยากได้แบบเอวรูด แต่ที่นี่มีแต่เอวมัด เราซื้อกันคนละสามตัว เดินไปอีกห้าหกร้านถึงเจอกางเกงแบบเอวรูด เราก็ซื้อกันอีก คนถือของก็พี่เอกนั่นแหละ

จริง ๆ ผมอยากช่วยถือ เกรงใจพี่มัน แต่พี่เอกยืนยันจะถือเอง เพื่อให้ผมเลือกของได้ถนัด ๆ แล้วก็ช่วยเลือกเผื่อพี่มันด้วย ผมก็โอเค

สรุปได้เสื้อแบบบ้าน ๆ มากันคนละสามตัว พี่แกเน้นสีเข้ม ๆ อย่างสีดำ แดงเลือดหมู และน้ำเงิน ส่วนผมเน้นสีอ่อน ๆ สบายตา อย่างสีครีม ขาว และฟ้า  สีพวกนี้เวลาใส่แล้วหัวมันโล่งดี

เดินไปสักพัก ผมเริ่มหิวน้ำ เราเดินไปที่ซุ้มขายน้ำ ถามพี่แก พี่แกบอกไม่หิว ผมเลยซื้อมาแก้วเดียว เป็นเป๊บซี่ครับ

ผมเดินดูของไปดูดน้ำในแก้วไปเรื่อย ๆ อยู่ ๆ พี่แกก็ก้มลงมาดูดน้ำจากแก้วผมเฉยเลย ผมชะงัก ก่อนจะยื่นแก้วน้ำให้พี่มันดูดดี ๆ   

ไหนมึงบอกไม่หิว

ผมเผลอจ้องมองริมฝีปากได้รูปที่กำลังคาบหลอดอยู่นั้น ไม่ได้คิดลึกนะครับ แต่แอบคิดเล็ก ๆ ว่าพี่มันกำลังจูบผมทางอ้อมอยู่

แม่ม คิดอะไรเป็นแต๋วไปได้กู

เราเดินไปหยุดดูสาวน้อยกำลังนั่งตีขิม ผมยกกล้องขึ้นมาหามุมทันทีโดยมีพี่เอก ยืนหิ้วของรออยู่ข้าง ๆ 

พี่มันความอดทนสูงดีครับ ขนาดผมยืนถ่ายตั้งนาน ก็ยังยืนรอได้โดยไม่ต่อว่าหรือรั้งให้ผมหยุดถ่ายสักคำ   

ที่นี่มีขนมจุกจิกขายเยอะ บางอย่างเขาก็ยื่นให้ชิมฟรี ๆ ผมเดินไปหยิบขนมถ้วยฟูมาสองชิ้น ก้มหัวขอบคุณ แล้วก็เดินชิ่งหนีมา ผมเอาใส่ปากตัวเองชิ้นหนึ่ง แล้วเอาอีกชิ้นป้อนพี่เอก

หาของกินฟรีครับ
พี่แกขำใหญ่

“งก” พี่มันว่า ผมส่งค้อนให้พี่แกไปที 

“เขาเรียกชิมก่อนตัดสินใจ”
พี่มันพยักหน้าหงึก ๆ ทำหน้าประมาณว่า เชื่อก็ได้

จริง ๆ ถ้าของอันไหนรสชาติถูกใจก็ซื้อครับ แต่ของที่ไม่ต้องชิมก็ซื้อเนี่ย คือสตรอเบอร์รี เชื่อไหม ผมกินไปสองแก้วแล้ว แต่พอเห็นอีกร้านคนกำลังมุงซื้อกันอยู่ ผมก็เข้าไปต่อแถวเพื่อซื้ออีก เอาแก้วใหญ่เลยครับ แก้วละ 20 บาท ผมกินไปจิ้มป้อนพี่เอกไป

รายนี้ก็ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ อ้าปากรับลูกเดียว

เหมือนหมาเลยแฮะ

พี่มันเด่นครับ เดินไปสาว ๆ ก็พากันมองจนเหลียวหลัง ส่วนผมเฉย ๆ เพราะผมหลงมาก่อนหน้านั้นแล้ว ฮ่า ๆ

ยิ่งใส่เสื้อยืดพร้อมแจ็คเก็ตสีดำแบบนี้ยิ่งเท่เข้าไปใหญ่ เข้ากับจี้รูปพระอาทิตย์ที่ผมให้พอดีเลย

ผมยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปคุณยายที่กำลังฟ้อนรำโชว์นักท่องเที่ยวอยู่กลางถนน คุณยายใส่ชุดคนเหนือ ผ้าถุงสีเลือดนก คาดผ้าสไบครีมที่หัวไหล่ ทัดดอกไม้ไว้ที่หู รำช้า ๆ โดยมีคุณตานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ ทำหน้าอ่อนโยน บรรเลงดนตรีอยู่เคียงข้าง

คุณยายยังคงร่ายรำอย่างต่อเนื่องด้วยจังหวะเนิบ ๆ ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม ผมที่กำลังถ่ายรูปอยู่ดี ๆ ถูกรวบเอวเอาไว้แล้วดึงไปด้านหลังจนชิดอกแข็ง ๆ ของใครบางคน ผมรีบเอี้ยวหน้าไปมอง

พี่เอกน่ะเอง

พี่แกดึงผมออกมาจากกลุ่มน้อง ๆ นักเรียนที่กำลังเดินขบวนกันครับ

สงสัยผมมัวถ่ายรูปเพลิน เลยไม่รู้ว่าพวกน้อง ๆ กำลังจะเดินผ่าน เป็นกลุ่มเด็กนักเรียน น่าจะสักประมาณมอปลาย เดินขบวนเพื่อรณรงค์ลดโลกร้อน หลายคนใส่ชุดนักเรียนถือป้าย บางคนใส่ชุดคอสเพลย์เป็นตัวต้นไม้ เป็นถุงกระดาษบ้าง เป็นถุงพลาสติกที่เขียนไว้ด้านหน้าของชุดว่า

‘ใช้หนูน้อย ๆ ก็ได้ เพราะหนูไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน’
เห็นแล้วผมยิ้มเลย มีอีกหลายชุดครับ 

ผมยืนเบียดกับพี่เอกเพื่อให้น้อง ๆ เดินผ่านไปได้สะดวก ๆ แต่ก็ยังมิวายยกกล้องขึ้นมากดถ่ายด้วย

เห็นแล้วก็อดภูมิใจไม่ได้ เพราะน้อง ๆ เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สังคมไทยเราเจริญขึ้นเหมือนกัน พอลดกล้องลง ก็เห็นภาพที่ทำเอาผมฉีกยิ้มไม่หุบเลย

พ่อกับแม่ครับ

กำลังยืนเลือกโคมไฟที่ร้านขายโคมไฟกันอยู่
คงจะเอาไปแต่งบ้านใหม่ ผมอมยิ้ม ยกกล้องขึ้นมากดถ่าย ลืมคุณยายที่กำลังฟ้อนรำไปเลย

ผมถ่ายเอาไว้ทุกช็อต ตั้งแต่ภาพของคนสองคนกำลังเถียงกัน ภาพแม่ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเลือก ภาพพ่อที่แอบมองด้านข้างของแม่ ภาพแม่ที่เหลือบมองพ่อเป็นพัก ๆ เวลาพ่อเผลอ และภาพของคนทั้งคู่ที่จับโคมไฟอันเดียวกันไว้ แล้วช่วยกันเช็ครายละเอียดว่ามีตำหนิอะไรไหม (เป็นหลักการซื้อของของบ้านเราเองครับ) ซ้ำยังแย่งกันจ่ายเงินอีกต่างหาก

สุดท้าย พวกเขาก็หารกันคนละครึ่ง ผมหัวเราะออกมาเบา ๆ

“พวกท่านน่ารักกันดีนะ”
ผมหันไปมองคนที่ก้มกระซิบข้างหูผมเมื่อกี้

ใกล้ครับ
ใกล้มากจนผมเริ่มหวั่นไหว และผมก็เพิ่งรู้ว่าพี่มันยังกอดเอวผมอยู่ ผมรีบเขยิบตัวออกมาจากอ้อมแขนพี่มัน มองไปรอบ ๆ คนก็มองมาที่พวกเรากันใหญ่

นี่กูมายืนให้พี่มันกอดนานแค่ไหนแล้ววะ

ดีนะ ที่พ่อกับแม่ไม่เห็น ผมแกล้งยกกล้องขึ้นมาแพนสะเปะสะปะแก้เขิน จนแพนไปเห็นใครอีกคู่ที่ยืนอยู่หน้าร้านขายไอติมโบราณแบบเป็นแท่ง ๆ

พี่เป้กับไอ้เต้ยครับ ผมเห็นไอ้เต้ยมันถือไอศติมไว้สองมือ กระทิรสหนึ่ง อีกรสเป็นเผือก แล้วก็กินมันทั้งสองอันเลยสลับกันไปมา พี่เป้ส่ายหัวใหญ่ คงหน่ายกับความโลภของมัน ไอ้เต้ยมันยื่นให้พี่เป้กินอันหนึ่ง พี่เป้ก็รับมุขก้มกัดจากมือมันไปคำ

แอบเขินเล็ก ๆ แฮะ
ผมเบี่ยงตัวกล้องไปทางอื่น เห็นพวกพี่สาวกำลังเลือกกำไลใส่กันจนเต็มแขน พี่อิงหอบขนมไว้เต็มสองมือ พี่กิ๊ฟได้พวกงานศิลปะ แต่เน้นชิ้นใหญ่ ๆ เป็นหลัก

โห ทำเอาผมนึกถึงตุ๊กตาหมีผมเลย พี่แกนี่ชอบอะไรใหญ่ ๆ จริง ๆ

มิน่าล่ะ ถึงได้เลือกฝรั่งมากกว่าคนไทย ผมขำออกมาเบา ๆ

“ขำอะไร”
ผมเงยหน้าขึ้นมองคนถาม

“ขำพี่กิ๊ฟ ผมเพิ่งสังเกตว่าพี่กิ๊ฟชอบอะไรใหญ่ ๆ”
พี่มันมองไปยังเป้าหมายที่ผมพูดถึงทันที เห็นพี่กิ๊ฟหอบของแต่งบ้านชิ้นเบ้อเริ่มอีกหลายชิ้นเอาไว้ในมือ

“ก็จริง”

“ไม่แปลกใจเลยที่พี่แกจะชอบฝรั่ง” พี่มันหันมามองด้วยความสงสัย

“ก็ฝรั่งอะตัวใหญ่กว่าคนไทยตั้งเยอะ”

“ก็จริง” พี่มันเห็นด้วย “ใหญ่กว่าเห็น ๆ” พูดจบพี่มันก็หันมามองตาผม

“แต่ของพี่ก็ไซส์พอ ๆ กับฝรั่งนะ”
พี่มันบอกต่อนิ่ง ๆ       

กูไม่รู้ว่ามึงจงใจพูดให้กูคิดลึกไหม แต่ว่ากูขอก้มหน้าก่อน แสงไฟมันแรง หน้ากูกำลังจะไหม้

มาพูดให้กูคิดไปถึงเรื่องใต้ร่มผ้าอยู่เรื่อย

ผมรีบหยิบกล้องมาแพนไปที่อื่นหลบหนีสถานการณ์ล่อแหลม เห็นพี่อ้อยกำลังเลือกชุดแซกลายดอกอยู่ ของพี่แกได้เสื้อผ้าซะส่วนใหญ่ แล้วผมก็แพนไปหาพวกพี่ ๆ ผู้ชายบ้าง

เห็นพี่มอกับพี่โอมกำลัง เอ่อ…

ม่อสาวอยู่ครับ

แม่ม…

ยังได้อีกนะ มีการแลกเบอร์โทรกันด้วย ผมอมยิ้ม มองหาอีกสองหนุ่ม เห็นพี่ปิงยืนเลือกหนังสือเก่า ๆ มือสองอยู่

อ้าว…แล้วพี่โอ๊คล่ะ
ผมกวาดตามองหา ก่อนเลนส์กล้องจะวิ่งไปชนกับสายตาของใครบางคนที่มองตรงมาทางผมพอดี

ผมค่อย ๆ ลดตัวกล้องลง ยิ้มให้พี่แกที แต่พี่โอ๊คไม่ได้ยิ้มตอบ หันไปสนใจอย่างอื่นแทน

สงสัยจะมองไม่เห็นผมกับพี่เอก

ผมหันไปหาพี่เอก เห็นพี่มันมองไปทางพี่โอ๊คเหมือนกัน พี่เอกทำหน้านิ่ง ๆ แปลก ๆ ยังไงพิกล

“พี่เอก มีอะไรหรือเปล่า”
พี่มันก้มหน้ามองผม มองจริง ๆ จัง ๆ ก่อนเงยหน้ามองตรงไปด้านหน้าอีกที ผมมองตามสายตาพี่แก ก็ไปปะทะกับพี่โอ๊คอีกที
ตอนนี้ พี่เอกกับพี่โอ๊คมองตากันอยู่

อะไร พวกมึงสองคน มองหน้ากันแบบนี้ อย่าบอกนะว่าจะสปาร์คกันเอง

สักพัก พี่มันก็ก้มกระซิบบางอย่างข้างหูผม

“กาย…”
น้ำเสียงทุ้มหล่อนั้นพาเอาผมขนลุกซู่เลย 

ผมว่าใกล้ไปไหม ไม่ต้องกระซิบข้างหู ผมก็ได้ยิน

“พี่อยาก…”

อยาก..
อยากอะไร มึงพูดดี ๆ นะ นี่มันที่สาธารณะ ผมยืนลุ้น หัวใจเต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ

“อยาก…”
อยากอะไร รีบพูดมาให้เคลียร์

“...อยากเข้าห้องน้ำ พี่ปวดฉี่”

แป่ว..

มึงก็ทำเอากูคิดลึกไปติ๊ดหนึ่ง 

เข้าใจแล้ว ที่มึงต้องกระซิบเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวนี่เอง ผมพยักหน้าเดินตามพี่เอกไป แต่รู้สึกพี่มันจะเนียนไปไหม ผมมองแขนที่พาดไว้บนหัวไหล่ตัวเอง พี่มันหันมามอง

“พี่เมื่อย”

“งั้นผมช่วยถือ” ผมจะรับของมาถือเอง แต่พี่เอกไม่ยอม 

“ไม่ต้องหรอก ขอพี่พักเมื่อยแป๊บ” แล้วพี่มันก็วางแขนไว้บนไหล่ผมไปตลอดทั้งเส้นทางจนถึงห้องน้ำในวัด ค่าเข้า 5 บาท ผมรับของมาถือไว้ แล้วให้พี่แกเข้าก่อน พอแกออกมาผมถึงได้เข้าบ้าง ปวดนิด ๆ แล้วเหมือนกัน

“เดินต่อไหม” พี่มันถาม ผมส่ายหน้า เหนื่อยแล้วครับ ได้ของเยอะแล้วด้วย พอเหอะ เปลืองงบ

“งั้นก็ไปชวนพวกนั้นกลับกันดีกว่า”
ผมพยักหน้า เดินตามพี่แกไป
 
.......
.....
...
..
.
“พี่เอกกลับกันยังคะ พวกหนูเมื่อยแล้ว” พวกทโมนวิ่งเข้ามาหา ข้าวของเต็มมือเหมือนกัน พ่อกับแม่เดินคู่กันตามหลังมาติด ๆ

“อะไรครับนั่น” ผมแกล้งถามของชิ้นใหญ่ที่ถูกห่อเอาไว้ด้วยกระดาษขาวล้วนในถุง พ่อทำหน้านิ่ง ๆ แม่เลยเป็นฝ่ายตอบแทน

“ของขวัญอีกชิ้นให้กายน่ะ”

“จากใครเหรอครับ” ผมถามต่อ

“จากพ่อ/จากแม่” โห พร้อมเพรียงกันมาก
ผมอมยิ้ม

“เหรอ ว้าว ดีใจจัง พ่อกับแม่ซื้อให้ ผมจะรีบกลับไปแกะเลย” ผมเดินเข้าไปใกล้ จับ ๆ ห่อนั้นเพื่อเช็คดูว่ามันคืออะไร พ่อกับแม่ก็พากันลูบหัวผมกันใหญ่

พ่อยังคงความเป็นสุภาพบุรุษเสมอครับ แม้ปากจะกัดกับแม่ แต่มือก็ยังแย่งของจากแม่ไปถือเองจนหมด (เหมือนพี่เอก)

“แล้วเราล่ะ ไม่ซื้ออะไรเลยเหรอ” พ่อถาม

“เพียบฮะ” ผมบุ้ยหน้าไปทางพี่เอกที่เดินไปหาพี่เป้พอดี ไอ้เต้ยมันเข้าห้องน้ำอยู่ครับ พ่อกับแม่มองตาม ของเยอะมาก ฝั่งซ้ายของผม ฝั่งขวาของพี่แก

“ว้าวว พี่เอก สร้อยเส้นนี้ใครซื้อให้เนี่ย สวยจัง” เจ้าสามจุ้นยังคลอเคลียพี่มันอยู่ 

“พี่กายใช่ม้า” น้องมันถามเองตอบเองเสร็จสรรพ ผมทำหน้าผะอืดผะอม หันมากระซิบบอกแม่

“แม่ ผมยืม 5000 คืนพี่เอก ยื้มพี่เขามาจ่าย”

“กายนี่นิสัยไม่ดี ไปยืมเขาทำไมลูก” แม่ปราม

“ก็งบผมหมดระหว่างทาง มองหาแม่ไม่เจอนี่ โดนพ่อฉุดหายไปไหนก็ไม่รู้”
พ่อสะดุ้งโหยง

“พ่อเปล่าฉุด แม่เขาเดินตามมาเอง” นั่น ตามมุขผมอีก
แม่หันขวับไปมอง

“ใครเดินตามนายกันไม่ทราบ”
แล้วทั้งสองคนก็พากันก่อสงครามเล็ก ๆ

เฮ้อ!! คิดว่าสงครามจะสิ้นสุดแล้วนะเนี่ย   

คนที่ยื่นเงินให้ผมเป็นพ่อครับ ผมรีบรับมา แล้วเดินไปหาพี่เอกทันที แต่เดินไปได้แค่สองสามก้าว ก็หยุด แล้วเดินกลับมาหาพ่อกับแม่ใหม่

“อ้าว ทำไมไม่เอาไปให้เขาล่ะ” พ่อถาม ผมยิ้มแหะ ๆ ล้วงหยิบกระเป๋าเงินพี่เอกออกมาจากกระเป๋ากล้องตัวเอง

“ผมลืมไปว่าพี่เอกมันยกกระเป๋าเงินให้ผมถือไว้ตั้งแต่ครึ่งทางแล้วล่ะ” แล้วผมก็หยิบเงิน 5000 ใส่ลงไป

“นี่เขาไว้ใจขนาดให้กระเป๋าเงินเรามาถือเองเลยเหรอ” ผมเงยหน้ามองพ่อที่เป็นคนถาม (ทำไมตรูไม่สูงอย่างพ่อบ้างฟะ) ผมพยักหน้ารับ

“ผมเป็นคนดีครับพ่อ แม่สอนมาดีไม่ให้เอาของของคนอื่น” ชมแม่ไปเปาะหนึ่ง “แล้วผมก็ช็อปอย่างมีเหตุผล เพราะพ่อสอนมาดีครับแม่” ก่อนชมพ่อให้แม่ฟังอีกที

ต่างคนต่างอายครับ โดนชมกันซึ่ง ๆ หน้า ผมยิ้ม เดินกลับไปหาพี่เอกอีกที ทิ้งให้พวกแกสองคนได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง

“พี่เอก” ผมยื่นกระเป๋าเงินคืน “ผมคืนให้แล้วนะ 5000”
พี่เอกพยักหน้า ไม่ว่าอะไร พยักหน้าอีกทีให้ผมเก็บประเป๋าเงินไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านในของแจ็คเก็ตแก ผมก็จับยัดทันที ควานหา
อยู่พักครับ ไม่รู้กระเป๋ามันอยู่มุมไหน

อ้อ…เจอแล้ว

“เฮ้ย พวกมึง สวีทกันดูบ้างว่านี่มันที่สาธารณะ” ไอ้พี่โอมมันแซว

“แถวนี้ไม่มีใครเขาคิดอกุศลเหมือนมึงหรอก”

“คิดน้อยไปน่ะสิ หัดดูซะบ้าง”
ผมกับพี่เอกหันมองไปรอบ ๆ ก็เห็นหลายคนมองมาที่เราสองคนยิ้ม ๆ บางคนก็ชี้ชวนให้เพื่อน ๆ มองมาที่เรา เด็กสาวบางคนถึงกับกรี๊ดเลย

“อะไรวะ ก็แค่เก็บกระเป๋าตังค์” พี่เอกทำท่าหัวเสียใส่

“มึงก็รู้ว่ามึงอะเด่น” ครับ แล้วพี่ไม่เด่นเลย

“แล้วไอ้กายมันก็ดูน่ารัก”

เอ่อ.. ขอเป็นหล่อแทนได้ไหม

“พอพวกมึงมายืนคู่กัน”
ครับ แล้วไง

“มันก็คู่รักกันดี ๆ นี่เอง”
ผมยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ พอได้สติ ถึงได้เขยิบออกไปยืนอยู่ห่าง ๆ จะกลับไปหาแม่ก็ไม่อยากรบกวนเวลาของพวกท่าน จะไปหาไอ้เต้ย มันก็กำลังเดินเข้ามาสมทบพอดี ผมเลยทำได้แค่ยืนก้มหน้าอยู่ข้าง ๆ พี่มันเท่านั้น

“กลับกันเถอะ” พี่เอกชวนช่วยตัดความเขินผมทิ้งไป ทุกคนพยักหน้า คงเหนื่อยกันแล้ว วันนี้ลุยมาทั้งวัน

พวกเราหอบข้าวของไปโยนตุบไว้ในบ้านกันคนละมุมสองมุม แล้วพากันแยกย้ายไปอาบน้ำอาบท่า ที่บ้านแยกสัดส่วนได้ดีครับ มีสามห้องนอนเหมือนบ้านในกรุงเทพ มีห้องครัว ห้องรับแขก ห้องทำงานแม่ ส่วนที่เหลือ แม่ก็เอาภาพศิลปะมาตกแต่ง
สวยครับ ใครว่าบ้านผมที่กรุงเทพสวยแล้ว ผมว่าบ้านหลังนี้สวยกว่าหลายเท่า ถ้าพวกนิตยสารบ้านและสวนมาเห็นนะ ต้องรีบวิ่งมาขอถ่ายรูปลงหนังสือกัน  แน่ ๆ 

แม่เตรียมพร้อมเสมอครับ พอรู้ว่าพวกพี่ ๆ จะมา ก็จัดเตรียมห้องนอนเอาไว้เรียบร้อย เป็นห้องนอนรับแขกแบบรวม ไม่มีเตียง แต่เอาฟูกคล้ายผ้าห่ม(แบบพับม้วนเก็บได้)มารองยิงยาวเป็นทาง ผ้าห่มก็เป็นผ้าแพรครับ แม่บอกเอาไว้รับแขกที่มากันเยอะ ๆ (แม่เขาเอาไว้เผื่อพวกแฟนคลับแม่มาเที่ยวด้วย)

แม่กับพ่อถูกสามลิงชวนไปนอนห้องเดียวกัน โดยพวกลิงจะตามไปนอนด้วยเป็นห้าคน ส่วนพวกพี่ ๆ นอนห้องเดียวกันหมดครับ มีแอร์พร้อมเลยสบายแฮไป

ผมได้นอนในห้องส่วนตัว พวกทโมนถีบพี่เอกให้มานอนกับผม ส่วนไอ้เต้ยของตายครับ มันต้องนอนกับผมอยู่แล้ว โดยลากเอาพี่เป้มานอนด้วย

กว่าพวกเราจะอาบน้ำอาบท่ากันเสร็จ ก็ปากันไปห้าทุ่ม พวกทโมนคงหลับกันไปหมดแล้ว ผมอาบน้ำเสร็จเป็นคนสุดท้าย พอออกมา ก็ไม่เห็นใครในห้องแล้ว หายไปหมดเลย ทั้งพี่เป้ พี่เอกแล้วก็ไอ้เต้ย

“หายไปไหนกันหมดนะ” ผมใส่ชุดนอนของชาวเชียงใหม่เดินออกจากห้องไป เหมือน ๆ จะได้ยินเสียงพูดคุยกันด้านนอก ผมเดินออกไปดู อมยิ้มบาง เพราะเห็นทุกคนไปยืนออกันบนดาดฟ้า

คงจะนอนไม่หลับ หรือยังไม่อยากเข้านอนกันตอนนี้ ผมเดินขึ้นบันไดไปสมทบ

“เจ้าของวันเกิดมาแล้ว” พวกพี่ ๆ ถือเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์กันไว้คนละขวด

“เบา ๆ ไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้” พี่มอมันบอก

“ไม่ชวนกันนี่สิ จะโกรธมากกว่า” เสียงพ่อผมครับ เดินขึ้นมารั้งท้ายด้วยแม่

“น้อง ๆ ล่ะ” ผมถาม

“หลับไปแล้ว อาบน้ำเสร็จก็พากันนอนกองหลับปุ๋ยเลย”

“เด็กอนามัยน่ะฮะ” ผมพูดยิ้ม ๆ พ่อกับแม่ก็พากันยิ้มด้วย
ผมว่าพ่อกับแม่มีความสุขกับน้อง ๆ นะ ผมคงเติมเต็มในบางส่วนที่ขาดหายไปไม่ได้ พ่อกับแม่อยากมีน้องสาวให้ผมอีกสักคน แต่บังเอิญเลิกกันเสียก่อน เลยอด 

“แน่ใจนะป๋า ว่าจะเสียคนด้วยกัน” ไอ้พี่มอมันพูด ยื่นเครื่องดื่มให้ขวดหนึ่ง พ่อรับมาถือไว้

“หึ ๆ จิ๊บ ๆ”

“ขอแม่ด้วยสิ” แม่ผมยื่นมือไปขอบ้าง

“แน่ใจนะครับ” ไอ้พี่มอมันถามอีกที แม่พยักหน้ารับมาถือไว้บ้าง แล้วพวกเราก็เริ่มละเลงเครื่องดื่มครับ เฮฮากันใหญ่ เราเปิดเพลงกันเบา ๆ คลอสร้างบรรยากาศคล้ายผับมีระดับด้วย

ผ่านไปสักพัก ผมก็เดินออกมายืนพิงกำแพงในมุมมืด จ้องมองทุกคนที่กำลังสนุกสนานกัน ก่อนตัดสินใจหันหลังเดินกลับไปที่ห้อง แล้วหยิบกล้องเอามาถ่ายภาพทุกคนเก็บไว้

พอถ่ายจนหนำใจ ผมก็กลับมายืนยิ้มจ้องมองทุกคนอีกครั้ง กระทั่งรู้สึกถึงความอุ่นที่แผ่นหลัง ผมหันไปมอง

“พี่เอก”

“ไม่ไปดื่มกับเขารึไง”

“อยากอยู่เหมือนกันแต่ไม่อยากเมา เดี๋ยวอดดูของดี” ผมบอก พี่มันเลยยื่นขวดที่พี่แกดื่มอยู่มาให้ผม

“พี่ก็ไม่อยากดื่มมาก เมาขึ้นมาแล้วกายจะลำบาก”
ผมรีบหลุบเปลือกตาหลบสายตานิ่ง ๆ แต่แฝงความนัยเอาไว้ทันที

“แบ่งส่วนของพี่ไปกินหน่อยละกันนะ” ผมพยักหน้า กำลังจะเอื้อมไปรับขวดมาดื่ม แต่พี่แกดึงออก แล้วยกขึ้นดื่ม ผมยืนรอสักพักพี่แกก็ดึงขวดออกจากปากแล้วก้มลงประกบปากผมทันที

ผมยืนตาโตจ้องมองภาพเบลอในระยะใกล้ตื่น ๆ

พี่มันรู้รึเปล่า ว่าพวกเรายืนกันอยู่ด้านนอก ทั้งเพื่อน ๆ แล้วพ่อแม่ก็ยังอยู่

พี่มันไม่สนครับ ส่งผ่านหยาดน้ำสีสวยเข้าปากผมก่อนปล่อยออก พี่มันยิ้ม ผมรีบก้มหน้า เช็ดคราบเครื่องดื่มที่ปากด้วยหลังมือเบา ๆ 

ไอ้หน้าด้าน ไอ้หน้ามึน ไอ้หื่น อยากด่าครับ แต่ด่าไม่ลง

ได้ยินเสียงหัวเราะจากพี่มันเบา ๆ แล้วพี่มันก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในกลุ่ม ทิ้งให้ผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิมคนเดียว ดีนะ ที่คนอื่นไม่เห็นเพราะมัวแต่เม้าท์กันอยู่ 

ผมหันกลับไปมองผู้คนสนุกสนานกันอีกที ก่อนแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้านบน

ดาวคืนนี้สวยดีแฮะ
*** ***

TBC..

รถล้มก่อนวันเกิดอีกปี ระมัดระวังขนาดไหนก็ไม่รอด T^T ปีนี้หัวเข่ากับขาขวารับศึกหนัก ดูจะหนักกว่าทุกปีด้วยเพราะไม่ได้เป็นคนขับเอง ไถลไปข้างหน้าอีกนิดคือไปนอนใต้ท้องรถบัส ดีว่ารถบัสเบรกทัน(ห่างแค่เมตรเดียว) ตอนแรกคู่กรณีเดินหน้ามู่ทู่เข้ามาทำท่าจะเอาเรื่องและค่าเสียหาย(ที่น่าจะหลายตัง) ทั้งที่ตูนั่งเข่าเยินอยู่ข้างถนน แต่ไม่รู้ผู้ร้าย(แฟน)ไปคุยกับเขาอีท่าไหน(คุยกันคนละภาษาด้วย = =) เขาถึงไม่เอาเรื่อง(นั่งอ้าปากค้างงุนงงมาก = =) ผู้ร้ายยกรองเท้าให้เขาไปเพราะรองเท้าเขาขาด เดินเท้าเปล่ากลับมาพาไปหาหมอ - - สงสารน้องสวยมาก(มอไซต์) สีข้างกับกระจกเยินพอ ๆ กับเจ้าของ ผู้ร้ายไม่เจ็บมาก แต่ก้นกระแทกบ่นเจ็บตูด หันมาตำหนิเบา ๆ ก่อนขึ้นรถ
"ผมขับรถมาดี ๆ แล้วมาถีบตูดผมทำไม"
คือ..กูทำมึงไหม!! = [ ] =
อยากวัดถนนทำไมไม่บอกกูก่อน กูจะได้เตรียมใส่กางเกงยีนขายาวรองเท้าผ้าใบมา เห็นไหม ผิวกูบางขนาดไหน กว่าจะหาย ไหนจะรอยแผลเป็นอีก แล้วนี่กูเจ็บขนาดนี้ ถามสิ!! ใครเดือดร้อน? มึงไม่มีตุ๊กตายางเล่นไปอีกหลายวันแน่ ๆ!! 
 
แอบบ่นเบา ๆ รีบมาลงนิยายเพราะกลัวพรุ่งนี้มือบวมจนแตะคอมมิได้ ^^
อ่านให้สนุกนะขอรับ ^^
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 36 อดทน [เอก..☼] (Up 3-4-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 03-04-2015 20:04:10


Kiss Love ♥ [36]
อดทน
[เอก...☼]


ผ่านพ้นวันเกิดไอ้ตัวเล็กมาได้แค่ชั่วโมงเดียว ตอนนี้เวลาตีหนึ่งของวันอาทิตย์แล้วครับ แต่ละคนเริ่มสลายตัวกลับห้องใครห้องมัน พ่อที่เมาได้ที่คว้าจูงมือแม่เดินเซ ๆ กลับห้อง พวกเราพากันอมยิ้ม

สงสัยเป็นแผนไอ้มอมัน นี่มันคิดจะมอมเหล้าพ่อกับแม่รึไง ถ้าไม่มีพวกทโมนอยู่นะ ผมว่าพ่อกับแม่มีสิทธิ์คืนดีกันเร็วขึ้นนะเนี่ย

ไม่นานบนดาดฟ้าก็เหลือแค่ผมกับไอ้ตัวเล็กแล้วก็ไอ้คู่สองพี่น้องเท่านั้น ดูเหมือนพวกเราจะกลายเป็นแผนกเก็บกวาดของกลุ่มไปแล้วจริง ๆ จะเก็บไว้ทำพรุ่งนี้ก็ได้ (ตามแม่บอก) แต่นิสัยไอ้กายมันครับ ถ้าทำอะไรไม่เรียบร้อย ดูท่ามันจะเข้านอนไม่ได้ สรุปผมก็ต้องอยู่ช่วยมัน โดยมีไอ้สองพี่น้องเป็นลูกมืออีกแรง

ช่วงเวลาแบบนี้ ดูเหมือนจะเป็นช่วงเวลาเดียวที่ไอ้เป้จะญาติดีกับน้องมัน มันสองคนช่วยกันเก็บขวดเปล่าลงถุงดำ ผมเก็บแก้วใส่กะละมังกับกาย แล้วเราสองคนก็เดินเอาไปไว้ในครัว

ไอ้เต้ยมันคงง่วงแล้ว ตาปรือเดินลอย ๆ ผมเลยไล่ให้ไอ้เป้พาน้องมันเข้านอน เพราะที่เหลือมีแค่ล้างจานกับแก้วเท่านั้น ไอ้เป้พยักหน้าเดินพาน้องมันกลับห้อง

ผมยืนอยู่ข้าง ๆ ไอ้ตัวเล็ก ด้านหน้าของเราเป็นอ่างล้างจานแบบสองช่อง ได้ยินเสียงแก้วกระทบกันดังก๊องแก๊ง สลับกับเสียงน้ำจากก๊อกดังซู่ 

ผมยืนเงียบ มองมือขาวที่กำลังไล้ฟองน้ำฟองฟอดไปกับแก้ว ก่อนรับมาล้างน้ำเปล่า นำไปคว่ำไว้บนชั้นอีกที ใบหน้าของมันแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มอ่อน ๆ

“มีความสุขมากไหม” ผมถาม มันเงยหน้าเปื้อนยิ้มขึ้นมอง

“ฮะ มีความสุขมาก” แล้วก็ก้มลงไปล้างแก้วต่อ “มีทั้งเพื่อนสนิทมาอยู่ด้วย มีทั้งพวกพี่ ๆ มีทั้งพ่อและแม่ แล้วก็พี่เอก” มันพูดไปเรื่อย ๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ

ผมชะงักมองมันจากมุมสูง มันไม่ได้สนใจหันมามอง ยังบรรจงหยิบแก้วใบต่อไปมาล้างต่ออย่างเบามือ

ผมละมือจากอ่างตัวเองไปยืนทาบอยู่ด้านหลังมัน โอบมันไว้ด้วยร่างกายใหญ่โตของตัวเอง เอื้อมมือไปจับหลังมือมันที่มีฟองน้ำอยู่ ในขณะที่มืออีกข้างก็จับหลังมือมันที่ถือแก้วไว้ มันเงยหน้ามอง ผมเลยก้มจูบมันเบา ๆ มันไม่ได้ขัดขืนอะไร

หวานครับ

ผมชอบรสจูบของมัน หวานละมุนแปลก ๆ
ผมค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออก

“พี่เอก”
มันเรียกผมเสียงเบา

ผมก้มจูบมันอีกทีโดยไม่ล่วงล้ำ ถอนปากออกมาขยับมือล้างแก้วในอ่างไปพร้อมกับมัน

เราใช้เวลาล้างแก้วกันแต่ละใบนานพอควร จนหมดทุกใบ ผมถึงได้จับมือมันล้างกับน้ำเปล่า มันไม่พูดอะไร ทำตามสิ่งที่ผมนำจนจบกระบวนการ

ผมจับมือมันเช็ดกับผ้ากันเปื้อนที่มันใส่อยู่ ก่อนจับมันหันมาเผชิญหน้า มันไม่ได้เงยหน้ามองผมแม้แต่น้อย ผมค่อย ๆ คลี่แกะผ้ากันเปื้อนออกจากตัวมันไปวางไว้ข้าง ๆ วางสองมือค้ำอ่างคร่อมร่างมันไว้ในอ้อมแขน ไอ้ตัวเล็กเงยหน้ามอง ผมเลยใช้โอกาสนี้ครอบครองริมฝีปากมันอีกครั้ง

คุณคิดว่าผมทำทุกอย่างด้วยจิตใจสงบนิ่งเหมือนภายนอกใช่ไหม

แต่เปล่าเลย...

ทุกอย่างที่ผมทำ พาเอาหัวใจผมเต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ ผมไม่แน่ใจว่ามันจะผลักผมออกรึเปล่า แต่ถึงจะผลัก ผมก็ยังถือคติ 'ด้านได้อายอด'อยู่ดี 

แต่ถ้ามันโอนอ่อน ก็หวานหมู

ปากมันหวานมาก หวานจนผมอยากจูบมันแบบนี้ไปตลอดทั้งค่ำคืน 

รสจูบผมร้อนแรงขึ้นตามระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น แต่คนที่ทนไม่ได้ก่อนคือกาย มันยกสองมือขึ้นมาโอบรอบคอผมไว้ รั้งไม่ให้ตัวมันทรุดลงไปกับพื้น ผมเลื่อนมือหนึ่งมาโอบเอวมันไว้ ดึงเบา ๆ เข้าหาตัว

ผมไม่เคยจูบใครด้วยความรู้สึกเหมือนหัวใจโดนแผดเผาด้วยเพลิงร้อนแบบนี้มาก่อน ผมเคยผ่านช่วงเวลาเร่าร้อนของชีวิตมาแล้ว แต่นั่นเป็นเพียงเซ็กส์ มันไม่ได้โอบล้อมไปด้วยความหวานละมุนและอบอุ่นแบบนี้

ร่างกายผมร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือเข้าไปลูบไล้แผ่นหลังมันเบา ๆ มันรีบถอนริมฝีปากออก

“พอ พี่เอก”
มันห้ามเสียงพร่า ร่างกายเราตื่นตัวกันเต็มที่ ผมไม่อยากหยุด แต่ก็เข้าใจว่าเพราะอะไร ผมกัดฟัน อดทนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สั่งใจให้ค่อย ๆ คลายมือออก ปล่อยมันให้เป็นอิสระ

“กายไปนอนก่อนเถอะ”

“แล้วพี่จะไปไหน”
มันเบรกผมทันทีที่ผมกำลังจะเดินออกจากครัว

“ไปสงบอารมณ์หน่อย”
ผมบอกแค่นั้น แล้วเดินไปทางหลังบ้าน ตอนแรกก็ว่าจะเข้าห้องน้ำนั่นแหละ แต่ไม่อยากทำ อารมณ์นี้ ถ้าจะปล่อย อยากปล่อยข้างในตัวมันมากกว่า

ผมเลือกที่จะเดินไปสงบอารมณ์บนดาดฟ้า ผมไม่ได้เปิดไฟ เพราะต้องการที่มืด ๆ ให้น้องผมได้นอนสงบ ผมยืนนิ่งเงยหน้ามองท้องฟ้าภายใต้ซุ้มไทรไม้   

ผ่านไปเกือบสิบนาที ผมก้มมองน้องชายตัวเองแล้วทอดถอนใจ

มันไม่ยอมลง T^T

“ตายอดตายอยากอะไรนักหนาวะ”
ผมด่ามันแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกที

เอาวะ อีกสักสิบนาทีไม่ลงค่อยไปเอาออกในห้องน้ำก็ได้

ผ่านไปเกือบยี่สิบนาที มันก็ยังไม่ยอมลงครับ ร่างกายคนหนุ่มนี่มันจริง ๆ
ผมตัดสินใจหันหลังหวังจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่ชะงักขาไว้ เพราะหันไปเจอใครบางคนเข้าพอดี มันยืนนิ่งมองหน้าผม ก่อนเลื่อนสายตาลงต่ำมองบางส่วนด้านล่างของผม

กู อนาถตัวเองจัง

“พี่ขอตัวไปเอามันลงก่อน”
ผมบอกหน้าด้าน ๆ ขี้เกียจอายแล้วครับ

ยังไม่ทันได้ก้าวเดินไอ้ตัวเล็กก็เขยิบมายืนอยู่จนชิด มันมุดหน้ากับอกผม ขยับมือทำอะไรสักอย่างขยุกขยิกด้านล่าง 

สักพัก น้องผมที่ปวดอยู่ภายในร่มผ้าก็ออกมาเริงร่าภายนอก

“กาย”
ผมเรียก แต่ไม่มีเสียงใดตอบรับ นอกจากใบหน้าที่ยังมุดอยู่กับอก ผมยืนนิ่ง ครางฮือเมื่อรู้สึกถึงมืออุ่น ๆ กำลังสัมผัสส่วนนั้น

ผมไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้กำลังเพลิดเพลินกับสองมืออุ่น ๆ ของมันอยู่ สักพักมันก็ย่อตัวลงต่ำ แล้วครอบครองน้องผมไว้ในปาก
ผมจับหัวมันไว้ทันที ไม่คิดว่ามันจะกล้าทำ มันไม่ปริปากพูดอะไรสักอย่าง ใช้ปลายลิ้นตวัดเลาะเล็มดึงเสียงครางออกมาจากลำคอผมไม่หยุด

อึดอัดครับ อึดอัดเอามาก ๆ

ผมแทรกปลายนิ้วเข้ากับเส้นผมมัน คลึงเบา ๆ ระบายความเสียวซ่านที่บังเกิด ถึงรอบข้างจะมืดสนิท แต่ผมก็จิตนาการออกว่าริมฝีปากแดง ๆ และปลายลิ้นเล็ก ๆ นั้น สัมผัสผมแบบไหนอยู่

ความอดทนผมใกล้สิ้นสุด ผมถอนปากมันออก ดึงมันขึ้นมาจูบ ดันมันไปชิดกับแพง คลี่ปลดกางเกงมันลงจนถึงครึ่งเข่า จับมันพลิกหันหน้าเข้าหากำแพง ดึงฐานให้อยู่ระดับพอเหมาะ แล้วจัดการสอดผสานร่างผมกับมัน 

คับ แน่น อึดอัด วาบหวาม

ความรู้สึกทั้งหมด ถูกอัดแน่นวิ่งวนจนเต็มไปทั่วท้องน้อย ผมลูบไล้แผ่นอกมัน ในขณะที่อีกมือ สอดปลายนิ้วเข้าไปในปากมัน ผมยังจำรสปากที่มันกลืนกินน้องผมได้ดี และผมอยากให้มันกลืนกินนิ้วผมด้วย

ภายใต้แสงจันทร์นวลสวยประดับเคียงด้วยดวงดาวนับล้านด้านบน ผมได้ยินเพียงเสียงของใบไม้กำลังหวีดหวิวยามเสียดสีกับสายลมอ่อน คลอเคล้าไปกับเสียงหอบและครางเบา ๆ ของไอ้ตัวเล็กมัน

“อ๊า..พี่เอก”
ผมจูบซับไปที่หลังคอมัน ก่อนเลื่อนสองมือมาจับสะโพกมันไว้ เร่งจังหวะเร็วขึ้นนำพามันไปสู่ทางฝันขั้นสุดท้าย

ผมแทบจะโกยลูก ๆ ของผมทุกตัวเข้าไปในร่างกายมัน เข้าไปให้หมด เพื่อยึดมันไว้ให้เป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว
ยึดมันไว้ ไม่ให้มันไปไหนจากผมได้

ผมถอนตัวเองออก จับมันสวมกางเกง ผมรู้ครับ ว่าลูก ๆ ของผมยังอยู่ข้างใน และคงจะไหลออกมาในไม่ช้า แต่ก็อยากให้มันเก็บเอาไว้ก่อน ผมใส่กางเกงให้ตัวเอง จูงมันเดินไปที่ชิงช้า ทิ้งตัวลงนั่งแล้วดึงมันมานั่งบนตัก โอบมันไว้ในอ้อมแขน ซุกหน้ากับซอกคอมันอย่างผ่อนคลาย

“ขอบใจนะ”
ผมกระซิบบอก มันไม่ได้ตอบโต้อะไร ผมกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น พิงหลังเข้ากับพนักชิงช้า ดึงมันมาพิงหน้าอกผมไว้ จูบซับแก้มมันเบา ๆ ก่อนแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเคียงมัน

เรานั่งดูดาวกันจนตีสองครึ่งถึงได้พากันกลับห้อง

ภายในมีเตียงอยู่แค่ตัวเดียว ไอ้สองพี่น้องเลยพากันนอนพื้นแทน (มีฟูกหนารองรับอีกที) ไอ้เต้ยซุกหน้ากับอกกว้าง โอบกอดพี่มันไว้ ไม่ต่างกับไอ้เป้ที่ทำแบบเดียวกัน 

ไอ้ตัวเล็กมันอาบน้ำอีกรอบ ส่วนผมนอนรออยู่บนเตียง ผมปิดไฟกลางห้องแล้ว เหลือไว้แค่ไฟที่หัวเตียงอ่อน ๆ เพราะไม่อยากให้แสงรบกวนคนนอนอยู่ด้านล่าง พอไอ้ตัวเล็กอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินมาทิ้งตัวลงนอน ผมรั้งมันมากอดทันที โอบมันไว้อย่างหวงแหน

ยิ่งนานวันผมยิ่งหวงและห่วงมันมากขึ้น

มันเป็นผู้ชายธรรมดา

อันนี้ผมรู้

แต่มันก็มีเสน่ห์ดึงดูดให้ใครต่อใครหลงใหล ผมคงต้องกางปีกเพื่อปกป้องมัน และกีดกันมันจากคนอื่นที่จะเข้ามาหาด้วย
ไม่ใช่แค่ไอ้คุณชรินทร์เท่านั้น แต่กับใครบางคน...

ที่ใกล้ตัวผมมากกว่าที่คิด   
 





ตีสามกว่าแล้ว ดวงตาผมยังคงเบิกโพลง ในขณะที่ไอ้ตัวเล็กหายใจสม่ำเสมอไปแล้ว ผมก้มมองมันท่ามกลางความมืด จูบซับแก้มมันไปที

นึกถึงสายตาของเพื่อนสนิทที่ทอดมองมายังไอ้ตัวเล็ก

สายตาแบบนั้น

ทำไมผมไม่เคยเอะใจมาก่อน

สายตาที่อันตราย

ผมรู้ว่าคนอย่างมันคงไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมไม่รู้ว่ามันจะหยุดตัวเองไว้เหมือนไอ้เป้ หรือรุกเหมือนไอ้คุณชรินทร์

ผมไม่รู้เลยจริง ๆ

แต่ผมจะไม่ยอมให้คนคนนี้ ไปอยู่ในมือของคนอื่นแน่นอน






ผมถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ลึก ยังง่วงอยู่เลย ผมงัวเงียลุกขึ้นนั่ง เห็นไอ้ตัวเล็กนั่งอยู่ข้างเตียง กวาดมองไปรอบ ๆ เจ็ดโมงกว่าจะแปดโมงแล้ว ในห้องมีเพียงผมกับกาย ไอ้เป้กับไอ้เต้ยคงลงไปกันก่อนแล้ว ผมจับหลังคอตัวเองนวดเบา ๆ คล้ายจะปลุกให้ตัวเองตื่น เพิ่งจะได้หลับตอนใกล้รุ่งนี่เอง อยากนอนต่อ

“ตื่นเถอะพี่เอก พวกเราต้องไปกาดหลวงกัน”
ไอ้ตัวเล็กรีบชวนเมื่อผมทำท่าจะล้มตัวนอนลงจริง ๆ ผมหันไปมอง

แล้วจะให้กูไปด้วยทำไม 

“พวกทโมนให้มาปลุก”
มันไขความสงสัย ผมพยักหน้า ลุกออกจากเตียง เดินสะโหลสะเหลเข้าห้องน้ำไป แต่ยังไม่ทันถึงดี ผมก็เดินวกกลับมามอร์นิ่งคิสมัน ไอ้ตัวเล็กทำหน้าเหวอ ผมหัวเราะหึ ๆ เดินกลับเข้าห้องน้ำไป

พอออกมา ก็คิดว่าจะได้เจอมันรออยู่ กลับกลายเป็นพวกไอ้มอไปซะได้

“มึงอาบน้ำเป็นคุณชายไปได้ รีบ ๆ เด๊ะ พวกกูหิว”

“อ้าว ไม่ได้ไปหาซื้ออะไรมาทำกินกันหรอกเหรอ”
เพราะดูเหมือนทุกคนจะไปกันหมด ไม่น่าจะขนไปซื้อกับข้าวกันเยอะขนาดนี้

“พ่อกับแม่รบกันตั้งแต่เช้า กลัวครัวพัง พวกเราเลยตัดสินใจจะไปหาอะไรกินกันแถว ๆ ริมปิง”
ผมพยักหน้าเข้าใจ แล้วพวกเราก็ขนขบวนกันออกจากบ้าน เรานั่งรถแดงไปกันครับ เหมายกคันเลย ประมาณเก้าโมง พวกเราก็มานั่งกันอยู่ในร้านอาหารบรรยากาศดีริมน้ำแล้ว

มื้อนี้กินแบบผู้ดีหน่อย พ่อกับแม่ยังรบกันอยู่เหมือนเดิม เมื่อคืนเห็นเดินจูงมือกันเข้าห้อง ก็คิดว่าคืนดีกันแล้วซะอีก พวกทโมนติดพ่อกับแม่แน่นหนึบ ดูท่าจะชอบพวกท่านกันจริง ๆ นะเนี่ย

ผมไม่ได้สนใจอะไรมาก อาหารคาวหวานมาละลานตาเต็มโต๊ะไปหมด มื้อเช้ากินที่ร้าน มื้อเที่ยงจะทำกินกันเอง ส่วนมื้อเย็นจะพาไปกินขันโตก แล้วพากันเดินเล่นที่ถนนคนเดินวันอาทิตย์กันต่อ

“ป๋ากับม๊า อ้อนอยากมาอีกอะ เมื่อไหร่จะมาได้คะ”
ยังไม่ทันจะกลับเลย มันอ้อนจะมาใหม่ซะแล้ว

“จะมาเมื่อไหร่ก็ได้นี่ ถ้าแม่อยู่น่ะนะ เพราะแม่จะเดินทางขึ้น ๆ ลง ๆ ระหว่างกรุงเทพกับเชียงใหม่ แต่ช่วงนี้คงอยู่เชียงใหม่มากกว่าแหละ เพราะกายโตแล้ว อยู่คนเดียวได้” พอแม่พูดจบ ไอ้ตัวเล็กก็หน้าบูดขึ้นมาทันที

“พูดเหมือนกันหมด ทั้งพ่อทั้งแม่ เหตุผลของคนชอบทิ้ง”
พ่อกับแม่รีบหันไปลูบหัวปลอบใจมันกันคนละข้าง ก่อนต่างคนต่างชักมือกลับ เพราะรู้ว่าตัวเองกำลังทำสิ่งเดียวกันอยู่

ตอนนี้ไอ้ตัวเล็กนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างพ่อกับแม่ โดยมีผมนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมันอีกที (ตอนแรกพวกน้อง ๆ จะให้ผมนั่งกับมันนั่นแหละ แล้วให้พ่อกับแม่นั่งคู่กัน แต่แม่รู้ทันเลยนั่งข้างไอ้กายแทน ผมเลยระหกมานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างที่เห็นนี่แหละ) 

“พ่อกลับมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วไง แม่เขาจะอยู่เชียงใหม่ก็ให้เขาอยู่ไป กายไปอยู่กับพ่อก็ได้เนอะ”
พ่อมันชวน แม่หันขวับไปมองทันที

“ลูกฉัน ฉันดูแลเองได้”

“อ้าว ก็คุณจะมาอยู่เชียงใหม่ไม่ใช่เหรอ ให้ลูกอยู่คนเดียวน่าสงสารออก มาอยู่กับผมนี่แหละดีแล้ว ส่วนคุณจะอยู่ที่นี่ก็อยู่ไป” แล้วคุณพ่อก็เอาลูกชายไปซุกไว้ที่อก นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นพ่อผมกระชากออกนานแล้ว

“ลูกฉัน ฉันมาอยู่แค่เดือนละไม่กี่อาทิตย์ก็กลับ นายไม่เกี่ยว”
แล้วแม่ก็กระชากไอ้ตัวเล็กไปซุกอกตูม ๆ นั้นเหมือนกัน ผมไม่ได้ลามกนะ แต่คิดว่าถ้ากายเป็นผู้หญิง หุ่นคงสวยเหมือนแม่แน่ ๆ

แค่นี้ในสายตาผม มันก็ดูสวยแล้ว ไม่ได้สวยแบบผู้หญิง แต่ดูดีแบบผู้ชายตัวเล็ก ๆ น่ะนะ โดยเฉพาะเวลาแก้ผ้า หุ่นมันได้รูป จับถนัดมือดี ผิวก็ขาว มีร่องสองจุดตรงเอวด้านหลังด้วย ผมเห็นบ่อย ๆ กับผู้หญิง แต่ไม่ค่อยเห็นในผู้ชายเท่าไหร่

“ไม่เป็นไร ผมเกรงใจ ปล่อยให้คุณดูแลคนเดียวมานานแล้ว ผมดูแลเองได้”
แล้วพ่อก็แย่งกายกลับไปอีกรอบในขณะที่แม่ยังยึดเอาไว้อยู่ ไอ้ตัวเล็กทำหน้าเจ็บ ๆ ผมเห็นแล้วก็สงสาร

“พ่ออ่า แม่อ่า ผมไม่ใช่ตุ๊กตานะ จะได้แย่งกันไปแย่งกันมา ผมเจ็บแขน”
มันครวญ พ่อกับแม่รีบปล่อยมือทันที ทุกคนพากันมองยิ้ม ๆ

ปล่อยรุ่นใหญ่เขากัดกันไปครับ ผมหันไปมองไอ้เป้กับน้องมัน

“พี่เป้ เอากุ้งอีกตัวไหม”
ไอ้เป้หันมามองน้องมัน

“เห็นไหมในจานพี่มีกี่ตัว”
มันไม่ตอบ แต่ถามกลับ ไอ้เต้ยใช้ส้อมนับจำนวนกุ้งในจานพี่มัน

“เจ็ดตัว”

“ให้คนอื่นกินบ้างสิ”
มันเขกหัวน้องมันที ไอ้เต้ยบู้หน้า ตักกุ้งจากจานพี่มันกินตัวหนึ่ง แล้วหยิบอีกตัวให้แม่ที่นั่งอยู่ข้างกัน ด้านข้างของพ่อเป็นเจ้าอ้อน ส่วนผมขนาบสองข้างด้วยแอมกับไอ 

“ขอบใจเต้ย”
แม่ลูบหัวมันเบา ๆ

พวกเรากินไปเฮฮากันไป พวกสาว ๆ เม้าท์แตกเข้าขากันได้ดีกับแม่ของกาย ในขณะที่พ่อก็เข้ากันได้ดีกับพวกผมเหมือนกัน 
ไม่ใช่แค่หน้าเด็กเท่านั้น แต่ทัศนคติและความคิดยังเปิดกว้างกันอีกต่างหาก

“กินบ้างก็ได้นะคะพี่เอก นั่งอมยิ้มอยู่นั่นแหละ หรือว่ามองอย่างอื่นแล้วอิ่มกว่า”
ไอ้แอมข้างผมมันแซว

“อะ อาหารตาไม่อิ่มเท่าอาหารจริง ๆ หรอก กิน ๆ”
แล้วไอ้ไอก็ตักกุ้งตัวโตให้ผมตัวหนึ่ง ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่พวกมันไปที

“สาว ๆ เชียงใหม่นี่งามกันทุกคนเลยวุ้ย”
พอหนังท้องตึง หูไอ้มอก็เริ่มดำ มันเริ่มสอดส่องมองหาเหยื่อควบคู่กับไอ้โอมมัน

ผมกินไปเหลือบมองคนตรงหน้าไป บางครั้งก็เห็นมันแอบมองผมอยู่เหมือนกัน ผมเอื้อมตักของโปรดให้เจ้าไอ พลันสายตาไปปะทะกับใครบางคนที่ไม่ได้มองผม แต่กำลังมองคนตรงหน้าผมอยู่ ผมละสายตากลับมามองกายอีกที

โอ๊ค มึงจะหยุดอยู่แค่นี้ หรือมึงคิดจะเดินหน้าต่อ

บางทีผมคงต้องเปิดอกคุยกับมันตรง ๆ
แต่ผมจะบอกมันในฐานะอะไร ก็ในเมื่อผมกับกายยังไม่ได้ตกลงที่จะมีฐานะอะไรเกินเลยไปกว่าเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องกันธรรมดา

“พี่เอก เป็นไรหรือเปล่า”
ไอ้ตัวเล็กมันถามเรียกสติผมคืน ผมยิ้มนิด ๆ ตักข้าวเข้าปาก

เอาเถอะ ทิ้งไว้สักพัก บางทีผมอาจรู้ใจตัวเองมากขึ้น และไอ้โอ๊คอาจไม่เข้ามาก้าวก่ายมากไปกว่านี้

ผมหวังว่านะ     



หลังจากมื้อเช้า แม่ก็พาพวกเราทัวร์เชียงใหม่ ส่วนมากก็พาไปไหว้พระ เดินดูสถานที่สำคัญ ถึงพวกผมจะเคยมาเที่ยวกันบ้าง แต่บางสถานที่พวกเราก็ยังไม่เคยเที่ยว

ไอ้กิ๊ฟมันออกความเห็นว่า เที่ยวเชียงใหม่เที่ยวให้สนุกต้องขี่มอเตอร์ไซค์ชมเมือง เป็นความคิดที่ดีครับ หลังจากชมวัดกันอีกสองที่ พวกเราก็หันหัวเรือไปเดินกาดหลวงเพื่อหาซื้อข้าวของมาทำมื้อเที่ยงกินกัน แล้วตอนบ่ายพวกเราจะแปลงร่างเป็นสิงห์นักบิดตะลอนเมืองเชียงใหม่กัน

และไม่ต้องให้สาธยาย ว่ามื้อเที่ยงจะเป็นมื้อที่วุ่นวายขนาดไหน เมื่อพ่อกับแม่พร้อมใจกันลุกขึ้นมาทำอาหาร เพราะงั้นเราเลยได้เห็นสงครามย่อยในห้องครัวกันอีกระลอก

สนุกครับ บอกได้คำเดียว สนุกมาก

ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับไอ้ตัวเล็กมัน มีความสุขที่เห็นพวกน้อง ๆ มีความสุข มีความสุขที่เห็นเพื่อน ๆ มันเฮฮา และมีความสุขที่เห็นไอ้เป้มันยิ้มได้อีกครั้ง แม้จะไม่ยาวนานเท่าที่ควรก็เถอะ


*** ***
To Be Con..
หายไปหนึ่งอาทิตย์ กลับมาเหมือนเดิมแล้วขอรับ ใครอ่านอยู่ ยกมือบอกกันโหน่ยยยย กลัวร้างงงง T^T
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 36 อดทน [เอก..☼] (Up 3-4-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: karaoke ที่ 03-04-2015 20:39:40
มาแล้ววววววววววว :mew1: :hao6:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 36 อดทน [เอก..☼] (Up 3-4-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: @rnon ที่ 03-04-2015 21:50:10
 :mew1: :mew1:

คิดถึงน้องกาย

หมั่นใส้พี่เอก    :angry2:

หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 36 อดทน [เอก..☼] (Up 3-4-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: waiman ที่ 04-04-2015 18:05:50
ขอบอกว่า เรื่องนี้ ชอบมากๆๆๆๆถึงขนาดมีหนังสือเก็บไว้ แถมยังตามไปอ่านทุกเว็ป เลย :impress2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 36 อดทน [เอก..☼] (Up 3-4-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: live_evil ที่ 04-04-2015 19:54:16
รออ่านอยู่น้าาาา มาต่อไวๆค่า  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 36 อดทน [เอก..☼] (Up 3-4-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-04-2015 04:14:32
รออ่านอยู่ครับ. ชอบๆ สนุกครับ
หัวข้อ: Kiss Love ♥ รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 37 ดูพระอาทิตย์ตก [กาย..♥](Up 11-4-2015)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 11-04-2015 13:47:29

Kiss Love ♥ [37]
ขี่รถชมเมือง.. ดูพระอาทิตย์ตก.. ณ ถนนคนเดิน
[กาย...♥]



ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ แต่ไม่ได้เป็นคนขับ

พวกเราตกลงกันไว้ว่าช่วงบ่ายจะขี่มอเตอร์ไซค์ชมเมืองกัน ตอนแรกก็ว่าจะเช่ากันคนละคัน แต่ดู ๆ ไปแล้ว พวกเรามีมากันทั้งหมด 17 คน ถ้าขับกันคนละคัน (ยกเว้นพวกทโมน เพราะยังเด็กกันอยู่) แต่ก็ยังเยอะอยู่ดี ตำรวจเห็นคงเข้าใจผิดคิดว่าพวกเราเป็นแก๊งซิ่งกวนเมืองแน่ ๆ

สรุปพวกเราเลยตกลงกันที่สองคนต่อหนึ่งคัน

มาตอนนี้พวกทโมนถึงคราวต้องแยกร่าง เพราะต้องแบ่งกันไปนั่งซ้อนพวกพี่ ๆ  ผู้หญิง น้องอ้อนเลือกซ้อนพี่อิง น้องไอเลือกซ้อนพี่อ้อย ส่วนน้องแอมเลือกซ้อนพี่สาว มีพี่กิ๊ฟคนเดียวได้ฉายเดี่ยว เพราะน้อง ๆ ไม่เลือกสักคน ดูจากความเฮ้วของพี่แกแล้ว คงซิ่งน่าดู แล้วพี่เอกเองก็ไม่ยอมปล่อยให้พวกน้อง ๆ ไปกับพี่กิ๊ฟด้วย กลัวพี่แกพาไปดริ๊ฟระหว่างทาง

และที่สำคัญไปกว่านั้น พี่กิ๊ฟเลือกมอเตอร์ไซค์ตัวผู้ครับ ปล่อยให้พี่แกขับไปคนเดียวดีกว่า

แม่ต้องซ้อนพ่ออย่างช่วยไม่ได้ เพราะเหลือที่เป็นผู้หญิงอยู่แค่คนเดียว ให้ไปซ้อนพี่กิ๊ฟก็คงไม่ไหว (อยู่กับพ่อน่าจะปลอดภัยกว่า)

พี่โอมเป็นสารถีเช่นเคย ผมเคยคิดนะว่าพี่มอเนี่ยขับรถเป็นไหม เห็นไปไหนมาไหน มีพี่โอมเป็นม้าใช้ตลอด

“ขับเองทำไม มีเพื่อนไว้ใช้ก็ใช้ไปสิ”
เหตุผลพี่มันครับ พี่โอมก็ยอมนะ

เหอ ๆ แต่แลกกับเบอร์สาว ๆ ที่พี่มอมี ฮ่า ๆ

สมน้ำสมเนื้อกันดี

พี่ปิงซ้อนท้ายพี่โอ๊ค ผมเลยระเห็จมาอยู่กับพี่เอกอย่างช่วยไม่ได้ (ไม่ขับเองครับ เพราะผมอยากถ่ายรูป) ใจจริงอยากไปกับพ่อ แต่ถ้าทำงั้น แม่ก็ต้องมานั่งกับพี่เอก

คงไม่เหมาะ

ตอนแรกผมก็นั่งซ้อนท้ายดี ๆ นั่นแหละ แต่มองไม่เห็นวิวด้านหน้าเท่าไหร่ พี่เอกเลยให้ผมมานั่งตรงหน้าแกแทน

พ่อกับแม่ขับรถไปทะเลาะกันไป

“ขับให้มันเบา ๆ หน่อยสิ!! กระชากแบบนี้ เคยขับสองแถวมาก่อนรึไง”

“เปล่า สองแถวไม่เคย เคยขับแต่รถเมล์เขียว”
พ่อตอกกลับ เลยได้ขนมตุ๊บตั๊บจากแม่ไปที

“เอ้านั่งดี ๆ นะคุณ ตกไปผมไม่ลงไปเก็บนะจะบอกให้”
พ่อแกล้งกระชากรถเบา ๆ พาเอาแม่ร้องว้ายรีบเกาะเอวพ่อแน่นหนึบ

ผมอมยิ้ม

พ่ออะ มุขเยอะ แกล้งแม่ตลอด

เหมือนใครวะ?
ผมนั่งนึก แต่นึกไม่ออก เลยยกกล้องมาถ่ายภาพพ่อกับแม่ไปอีกสองสามช็อต หันไปมองคันที่ขับเคียงข้างเรามา เป็นไอ้เต้ยกับพี่เป้ครับ

เดาซิครับ ใครเป็นคนขับ

พี่เป้?

ผิด

ไอ้เต้ยต่างหากที่ขับ ส่วนพี่เป้นั่งซ้อน

สาเหตุไม่ใช่เพราะพี่เป้ไม่อยากขับ แต่ไอ้เต้ยมันอ้อนขอขับเอง

คือ..มัน เพิ่งหัดขับน่ะ ไปเรียนที่โรงเรียนสอนขับรถ(ทั้งมอเตอร์ไซค์และรถยนต์) ยังไม่ได้ไปสอบใบขับขี่ ยังดีที่รถมอเตอร์ไซค์คันที่เช่ามาเป็นแบบออโต้ มันเลยพอขับได้บ้าง มันนั่งหน้ามีพี่เป้คอยประคองอยู่ด้านหลัง ขนาดตัวต่างกันน่าดู ขับไปได้ไม่นานมันก็ปล่อยให้พี่เป้เป็นคนขับเอง แล้วมันก็นั่งดูวิวเฉย ๆ แทน

โธ่ กูก็คิดว่ามึงจะขับไปจนสุดทาง

แต่ถ้าปล่อยให้มันขับจริง ๆ เต่าคงแซงครับ เล่นบิดแค่ 20

หันกลับไปที่พวกพี่ ๆ ผู้หญิงกันบ้าง

สามทโมนกลายร่างเป็นเจ้าหนูจำไม ถามนู้นถามนี่กันไม่หยุด พวกน้อง ๆ น่ารักครับ ซนกันขนาดไหนก็ทำให้พี่ ๆ รักได้
ส่วนพี่กิ๊ฟ ไม่ต้องถามถึงฮะ ซิ่งหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ (ได้ข่าวมาว่าแกชอบขับรถแข่งด้วย สุดยอดจริง ๆ ผู้หญิงคนนี้)

ปล่อยเขาไป นึกได้ เดี๋ยวก็ขับกลับมาหาพวกเราเองแหละ

“เฮ้ยมึง น้องคนนั้นสวยว่ะ แวะขอเบอร์หน่อยดิ”
ไอ้พี่มอตบหลังพี่โอมป้าบ ๆ สั่งให้รถจอด

“มึงไม่เห็นรึไง ผัวเขานั่งอยู่ข้าง ๆ น่ะ”

“อ้าว กูก็คิดว่าพ่อซะอีก”

“พ่อเตี่ยมึงดิ จับเอวกัน”

“อ้าวเหรอ กูไม่เห็น”

“ตัด ๆ หาเหยื่อใหม่”

เอ่อพี่ ๆ ครับ พวกเรามาเที่ยวเชียงใหม่เพื่อดูภูมิประเทศ ไม่ใช่สรีระเพศนะครับ = =

หันไปดูคู่สุดท้าย พี่โอ๊คขับรถเงียบ ๆ ไปตามทาง โดยมีพี่ปิงนั่งดูวิวไปเงียบ ๆ เหมือนกัน สองคนนี้เขาเป็นคู่เงียบ แตกต่างกับพี่โอมกับพี่มอที่เป็นคู่โวยวาย แล้วก็หันกลับมามองตัวเอง

พี่เอกขับรถไปเงียบ ๆ ไม่ต่าง ช่วงจังหวะไหนผมอยากถ่ายรูป พี่แกก็จอดให้

“โอม ๆ น้อง ๆ กลุ่มนั้นน่ารักว่ะ เฮ้ย พวกมึงไปก่อนนะ กูขอแวะหาน้องเขาหน่อย”
แล้วพวกพี่มันก็พารถจอดข้างทาง ก้าวลงจากรถ เดินดุ่ย ๆ ไปหาน้อง ๆ น่าจะเป็นเด็กมอปลายนะ ตกใจน่าดูตอนสองหนุ่มปราดเข้าไปหา แต่สองคนนั้นเขามีหน้าตาเป็นอาวุธครับ

วิธีการอาจเถื่อนไปบ้าง แต่บัตรผ่านพวกพี่มันดี

หลุดไปสอง ผมมองซ้ายมองขวาหาพ่อกับแม่ ไม่เห็นครับ พอหันกลับไปด้านหลัง

อ้าว..
พ่อจอดรถ ย่อตัวลงเช็คล้ออยู่ ผมรีบสั่งให้พี่เอกเบรกรถ เลี้ยวสวนเลนกลับไปดู คนอื่น ๆ ก็จอดรอเหมือนกัน (ตอนผมถ่ายรูปก็จอดรอ)

ไม่รู้จะจอดกันทำไม = =

“รถพ่อยางรั่วน่ะ”

“ชิ เพราะคุณเป็นคนเลือกนั่นแหละ บอกให้เอาอีกคันก็ไม่เอา”
แม่รีบยิงหมาไปกัดก่อน พ่อทำหน้าเซ็ง เดินไปถามคนแถวนั้นว่ามีร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ไหม ยังดีที่ไม่ไกลครับ พ่อเดินกลับมาหาเราอีกที

“พ่อจะเอารถไปให้เขาเปลี่ยนยางก่อน พวกกายขับเที่ยวไปก่อนก็ได้ รอบคูเมืองนี่แหละ จะได้ไม่หลง แล้วค่อยเจอกันอีกที แต่ถ้าหลงกันจริง ๆ ก็เจอกันที่ร้านรถเช่าหรือที่บ้านเลยก็ได้”
พ่อหันไปจูงมอเตอร์ไซค์ โดยมีแม่เดินบ่นง้องแง้งตามหลัง

“ดูซิ แทนที่จะได้ขี่มอเตอร์ไซค์ชมวิวกับลูก ๆ”

“เอาน่าคุณ ซ่อมเสร็จ ผมจะพาทัวร์ตามใจเลย”
พ่อรับผิดครับ เพราะแกเป็นคนเลือกรถคันนี้จริง ๆ พวกผมมองตามจนพ่อเข้าร้านซ่อม ถึงได้พากันสตาร์ทรถ ออกเดินทางกันต่อ
ขับไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังทะเลาะกัน ผมหันไปมอง

ไอ้เต้ยครับ มันอยากขับรถเองอีกที แต่มาคราวนี้พี่เป้ไม่ยอม มันก็พยายามยื้อจะขับเองให้ได้ พี่เป้ก็ปัดมือมันออก

สักพักพี่เป้ก็จอดรถ คุยอะไรกันสองคน พี่เป้ทำหน้าเครียด ไอ้เต้ยก็ทำหน้าเหมือนเด็กเอาแต่ใจ พวกเราไม่ได้สนใจที่จะจอดรอ เพราะถึงยังไง พี่เป้ก็ขับตามมาได้อยู่แล้ว ผมมองจนลับสายตาก่อนหันกลับมาสนใจวิวด้านหน้าต่อ

สวยดีครับ

เชียงใหม่เป็นเมืองที่สวยงามเอามาก ๆ ทั้งผู้คนและสถานที่โบราณที่สอดแทรกไปกับบ้านเรือนทรงสมัยใหม่ ร้านค้าร้านอาหารบางส่วน ยังคงพยายามรักษาความเป็นล้านนาเอาไว้ แม้จะดูทันสมัยไปบ้างตามกาลเวลา แต่พอมิกซ์ออกมาแล้วก็ดูสวยงามอยู่ดี   
สักพักสาว ๆ ก็พากันวี้ดว้าย เพราะมีตลาดนัดเสื้อผ้าและเครื่องสำอางแบรนด์เนมมาเปิด

“เฮ้ย จอดดิ กูจะเอาดิออร์”
พี่อิงรีบตบไฟเลี้ยว แล้วเพื่อนอีกสองคนก็ตบไฟเลี้ยวตามกันไป สามทโมนตาวาวเลยครับ เพราะมีเครื่องสำอางจากเกาหลีมาเปิดด้วย พวกน้อง ๆ คงใช้กันอยู่

“พวกมึงไปก่อนไม่ต้องรอ พวกกูคงสิงกันยาว”
พี่อ้อยบอก เพราะพอจอดรถ พวกเราถึงได้เห็นว่ามีบูธมากมายมาเปิดลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลกัน (ขนาดว่ารวย ๆ กันนะเนี่ย เห็นของถูกยังตาวาว = =)   

พอสาว ๆ หลุดออกนอกเส้นทาง ตอนนี้เลยเหลือแต่ผมกับพี่เอกแล้วก็พี่โอ๊คกับพี่ปิง

ขับไปได้อีกพักเดียว พี่ปิงก็ตบไหล่ให้พี่โอ๊คหยุดรถเมื่อเจอร้านหนังสือหายากเข้า พี่โอ๊คไม่อยากหยุด แต่ทนแรงรบเร้าจากพี่ปิงไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องจอดข้างทางไปอีกราย

ผมหันไปมอง
เห็นพี่โอ๊คมองมาทางพวกผมใหญ่ คงเสียดายที่ไม่ได้ขับรถเที่ยวแบบกลุ่มต่อ

“สรุปเหลือรถเราคันเดียว”
ผมบอกคนขับ พี่เอกก้มมอง

“อ้าว เหรอ”
โห พี่ครับ เพิ่งรู้ตัวรึไง

พี่เอกขับรถไปเรื่อย ๆ ส่วนผมก็ถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ เหมือนกัน (กล้องผมดีครับ จับภาพได้เร็ว ขับรถอยู่ก็ถ่ายได้) แต่ถ้าเจอมุมไหนสวยมากจริง ๆ พี่เอกก็จะจอดรถให้เลยโดยที่ผมไม่ต้องบอก แล้วพี่แกก็นั่งคอยจนผมถ่ายเสร็จ 

พอขับรถจนรอบทั้งนอกเวียงและในเวียง พี่เอกก็พารถเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็ก ๆ ภายในเวียง ชมวิวบ้านคนวัดวาอารามไปเรื่อย ๆ พี่เอกขับรถช้า ๆ บางทีก็ช้ามากจนรถส่าย (ผมเห็นเต่าวิ่งแซงไปตั้งสองตัวแน่ะ = =) ขับเข้าซอยนู้นทะลุออกซอยนี้ สนุกดี ซอยไหนตันก็วนรถกลับ

“พี่หิวแล้ว อยากกินน้ำ” พี่มันบอก

“งั้นแวะซื้อน้ำหรือหาร้านดี ๆ นั่งก็ได้”
พี่เอกพยักหน้า ขับไปสักพักก็เจอร้านกาแฟน่านั่ง พี่มันรีบตีโค้งเข้าจอดทันที

พี่เอกสั่งน้ำสตรอเบอร์รีปั่นมากิน (กินได้แต๋วมาก) ส่วนผมเป็นน้ำมะพร้าวปั่น ผมนั่งกดเช็คภาพที่ถ่ายไปเรื่อย ๆ สักพักพี่แกก็เลื่อนเก้าอี้มานั่งใกล้ ๆ โน้มตัวซะชิดจนเหมือนกอดผมไว้กลาย ๆ

สงสัยอยากดูใกล้ ๆ ผมเลยขยับเลื่อนแบ่งภาพให้ดูดี ๆ

“ถ่ายเก่งจัง”
พี่มันชม ผมอมยิ้ม กดเลื่อนภาพไปเรื่อย ๆ จนเจอภาพที่พวกทโมนถ่ายเอาไว้(หรือพ่อถ่ายนี่แหละ จำไม่ได้แล้ว) ภาพนี้เป็นภาพที่เราสองคนกำลังยื่นขนมให้เด็กดอยเมื่อวาน

มุมกล้องสวยดี

พอไล่ไปเรื่อย ๆ ก็เห็นภาพตัวเองกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงโดยมีพี่เอกกอดไว้อีกที ผมลดกล้องลงก้มดูดน้ำแก้เขิน
พี่มันหัวเราะหึ ๆ เลื่อนเก้าอี้กลับไปนั่งดี ๆ เหมือนเดิม..




ตอนนี้พี่เอกขับรถพาผมออกมานอกตัวเมืองแล้วครับ วิ่งตามเส้นทางที่จะไปเชียงราย ขับมาไกลเหมือนกัน ก่อนจอดสนิทไว้ข้างทาง ผมก้าวลงจากรถ ตรงหน้าเป็นท้องทุ่งนาหลายผืนทอดต่อ ๆ กัน ผมยืนงงว่าพี่แกจะพาผมมาที่นี่ทำไม

พี่เอกก้าวลงจากรถมายืนอยู่ข้าง ๆ ชี้ให้ผมดูพระอาทิตย์ที่กำลังคล้อยตัวต่ำลงเรื่อย ๆ 

“พี่จะให้พระอาทิตย์กับกาย”
พี่มันเขยิบใกล้เข้ามาอีก จนหัวพี่มันจะแนบกับหัวผม ยื่นมือออกไปกลางอากาศ แบมือไว้ แล้วผมก็เห็นพระอาทิตย์วางอยู่บนมือ     พี่เอกจริง ๆ ผมหัวเราะออกมาทันที

เอากับพี่มันหน่อย

ผมทำท่ารับมาใส่มือตัวเอง เราสองคนพากันหัวเราะ แล้วผมก็ขอถ่ายรูปพี่เอกตอนพี่เอกจับพระอาทิตย์เอาไว้อีกที ก่อนยื่นกล้องให้พี่แกถ่ายผมบ้าง

ผมทำแบบเดียวกับพี่เอก จับพระอาทิตย์เอาไว้ ในหลากหลายอิริยาบถ พี่เอกอยากทำตามบ้าง

แล้วเราสองคนก็พากันปรับเปลี่ยนท่าทางเพื่อจับพระอาทิตย์เอาไว้ในมือ มีภาพสุดท้ายนั่นแหละ ที่ผมวางกล้องไว้บนเบาะรถมอเตอร์ไซค์ ตั้งให้มันถ่ายอัตโนมัติ แล้วผมกับพี่เอก ก็ช่วยกันโอบอุ้มพระอาทิตย์เอาไว้ในมือพร้อมกัน

เวลาเดินหน้าไปเรื่อย ๆ ท้องฟ้าสีขาวกระจ่างเริ่มกลายเป็นสีส้มอมแดง ตอนนี้ผมสามารถจ้องมองพระอาทิตย์ดวงโตได้เต็ม ๆ ตาแล้ว พี่เอกเดินไปนั่งบนเบาะ ผมเลยเดินตามไปหวังจะนั่งตรงพื้นที่ที่ว่าง แต่พี่แกดึงผมไปนั่งบนตักแทน ตอนแรกก็ว่าจะลุกออกนั่นแหละ อายคนที่กำลังขับรถสวนไปสวนมา

แต่พระอาทิตย์ตรงหน้ากำลังจะลาลับ ผมเลยยอมนั่งนิ่ง ๆ เฝ้ามองพระอาทิตย์ถูกท้องทุ่งนากลืนกิน

ในบางครั้งผมก็ยกกล้องขึ้นมากดถ่ายบ้าง โดยมีอ้อมแขนของพี่เอกกอดไว้ที่เอวหลวม ๆ   

สิ้นแสงสุดท้ายของวัน ความอบอุ่นภายนอกเริ่มจางหาย แต่ความอบอุ่นภายในยังคงอยู่ โดยเฉพาะตรงหัวใจ ที่มีหัวใจของใครอีกคนกำลังเต้นในจังหวะเดียวกัน

เวลายังคงเดินต่อไป แต่ผมกับพี่เอกยังนั่งอยู่ที่เดิมท่าเดิม ปล่อยให้ความมืดโอบล้อมเข้ามาเรื่อย ๆ

“พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว” ผมบอก

“เดี๋ยวมันก็ขึ้นมาใหม่ในอีก 12 ชั่วโมง”

ผมหันไปมองคนพูด ก่อนยิ้ม

“ก็จริง” ผมหันกลับมามองท้องฟ้าอีกที “งั้นผมก็สามารถมองพระอาทิตย์ตกแบบนี้ได้ทุก ๆ 24 ชั่วโมงสินะ”

พี่เอกก้มมอง หัวเราะออกมาเบา ๆ

“มองมากไม่เบื่อรึไง”

“ไม่หรอก พระอาทิตย์มีเสน่ห์จะตาย มองกี่ทีกี่ทีก็ยังสวย แล้วอีกอย่าง พระอาทิตย์ที่มองเมื่อวาน มันก็แตกต่างจากพระอาทิตย์ที่มองวันนี้ และที่สำคัญ ถ้าเราเปลี่ยนสถานที่มอง พระอาทิตย์ก็จะยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้น มีตั้งหลายมุมให้มอง ผมถึงได้ชอบมองพระอาทิตย์ที่สุดไง” ผมพูดยิ้ม ๆ

“เหมือนอย่างที่กายชอบมองพี่ใช่ไหม”

ผมหุบยิ้มทันที

แม่ง ดึงเข้าหาตัวเองเก่งฉิบ

ผมนั่งนิ่งครับ ไม่โต้ตอบอะไรกลับไป ได้ยินเสียงพี่มันหัวเราะถูกใจผ่านลำคอเบา ๆ

เรารีบเอารถไปส่งที่ร้านเช่า แล้วกลับไปรวมตัวกันที่บ้าน เพราะมื้อเย็นเราจะไปหาอะไรกินกันที่คุ้มขันโตก 

หิวเหมือนกันครับ ท้องพากันร้องจ๊อก ๆ ไม่เกินสองทุ่มพวกเราก็เดินทางมาถึง (แม่โทรมาจองที่ไว้ก่อนแล้ว) ผมเคยมาทานข้าวกับแม่ที่นี่บ่อย ๆ (แม่ชอบการแสดงของที่นี่น่ะ) อาหารน่ากิน แต่รสชาติอาจไม่ถูกปากคนชอบอาหารรสจัดเท่าไหร่ เมนูยืนพื้นก็แคบหมูน้ำพริกหนุ่ม

การแสดงเริ่มไปแล้วบางอย่าง ผมก็หยิบกล้องมาถ่ายรูปทุกคนเก็บไว้เหมือนเดิม ก่อนหันไปถ่ายคนที่กำลังร่ายรำอยู่ 
ผมชอบดูการแสดงแบบนี้นะ สวยดี

นางรำเคลื่อนไหวร่างกายด้วยจังหวะเชื่องช้าประกอบเครื่องดนตรีพื้นบ้านแสดงสดในจังหวะเชื่องช้าไม่ต่าง การร่ายรำและจังหวะดนตรีแบบนี้สามารถทำให้คนที่กำลังร้อนอยู่ สงบลงได้

ผมว่าใครที่กำลังเครียดหรือมีเรื่องที่คิดไม่ตก ลองมาใช้ชีวิตอยู่ที่เชียงใหม่สักวันสองวันดูสิครับ รับรองได้ ว่าจิตใจคุณจะสงบและได้ความคิดดี ๆ กลับบ้านไปแน่ ๆ

เหมือนเดิมฮะ พอท้องอิ่มก็ได้เวลาเดินเที่ยว พวกเราไปสตาร์ทกันที่ปากทางเข้าถนนคนเดิน

“กาย เดี๋ยวพ่อจะพาคนแก่ไปนวดก่อนนะ สงสาร กลัวสังขารจะไม่รอดถึงพรุ่งนี้” ปากครับ ปากพ่อผม

“ฉันยังสาวอยู่ย่ะ แค่อยากผ่อนคลายไม่ได้เมื่อย”

“เอ้า ใครจะไปรู้ล่ะ ก็เห็นบ่นว่าอยากนวด ถ้าไม่ใช่พวกขี้เมื่อยก็ต้องเป็นพวกคนแก่นั่นแหละ”
พ่อผมยังหาเรื่องไม่หยุด เลยได้ขนมตุ๊บตั๊บไปกินอีกรอบ(โดนบ่อยนะเนี่ย วันนี้)

“ไปก่อนนะ กายเดินเล่นไปละกัน อยากนวดอยู่เหมือนกัน”

สรุป แก่ด้วยกันทั้งคู่

แม่ส่งสายตาด่าทอพ่อ แล้วคนทั้งคู่ก็พากันเดินไปยังซอยที่มีหมอนวดนั่งคอยอยู่ พอหันกลับมา ไม่เหลือใครอยู่แล้วครับ มีพี่เอกอยู่แค่คนเดียว

“อ้าว ไปไหนกันหมดแล้วล่ะฮะ”
พี่เอกพยักหน้าไปตรงหน้าแทนคำตอบ เห็นพี่ปิงลากพี่โอ๊คเดินลิ่ว ๆ นำไปนู้น ให้เดาคงไปหาร้านหนังสือแน่ ๆ ส่วนพี่มอกับพี่โอม ตอนแรกก็คิดว่าม่อสาวอยู่ ที่ไหนได้ เดินเลือกของกันอยู่ข้างทางโน่นแน่ะครับ พวกพี่อ้อยก็หายเข้ากลีบเมฆ ยกเว้นพี่กิ๊ฟที่มีสามทโมนเกาะติดแจ 

ผมขมวดคิ้ว

อ้าว ไหงทโมนไปอยู่กับพี่กิ๊ฟได้หว่า?

สรุป ผมต้องเดินกับพี่เอกสองคน วันนี้คงไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้ดูแล้วล่ะ เพราะส่วนมาก ก็จะเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว

เราสองคนเดินเคียงกันไปเงียบ ๆ ก้าวช้า ๆ เหมือนต้องการเก็บเกี่ยวบรรยากาศมากกว่าเดินดูข้าวของจริง ๆ

ผมเพิ่งสังเกตว่าพี่เอกใส่สร้อยที่ผมซื้อให้ตลอดเลย ตอนนอนก็เหมือนกัน ตอนแรกก็คิดว่าพี่แกจะถอดเก็บไว้บ้าง

แอบภูมิใจเล็ก ๆ แฮะ
คิดไปถึงของขวัญชิ้นเล็ก ๆ ที่พี่เอกให้ ผมยังไม่ได้แกะดูเลย ยังมีของขวัญอีกหลายชิ้นด้วยที่ยังไม่ได้แกะ คงต้องหิ้วกลับไปแกะที่กรุงเทพ ยกเว้นตุ๊กตาของพี่กิ๊ฟน่ะนะ เพราะพี่แกบอกให้ทิ้งไว้ที่นี่ เอาไว้กอดแทนพี่เอกมัน

แอบเขินแฮะ

ผมแวะซื้อสตรอเบอร์รีกิน ตอนนี้พี่เอกเป็นง่อยครับ มือก็ไม่ได้ถืออะไร แต่ให้ผมป้อนสตรอเบอร์รีไปตลอดทาง

ที่ถนนคนเดินวันอาทิตย์จะมีการแสดงเยอะกว่าถนนคนเดินวันเสาร์ ผมชอบดูนะ มีงานศิลปะกับภาพวาดเยอะดี เราแวะดูเขาวาดรูปล้อเลียน เก่งกันจัง ขีด ๆ เขียน ๆ แป๊บเดียว ก็ได้ภาพที่มีใบหน้าคล้ายตัวเองแต่มีรูปร่างแคระแกรนแล้ว

เห็นมีดารามาเดินกันด้วย แต่ผมไม่ได้ปลื้มใครเป็นพิเศษ เลยปล่อยพวกเขาผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่ถ้าเป็นพี่เชนละก็ผมอาจจะกรี๊ดก็ได้

พูดปุ๊บ เสียงมือถือก็ดังขึ้น ผมล้วงหยิบมากดรับ

“อายุยืนจริงจัง ผมแค่คิดถึงนิดเดียว โทรมาซะละ” ผมแซว

“อ้อ ก็เห็นดาราเยอะ แต่ผมไม่ได้ชอบใครเป็นพิเศษเลยไม่ได้สนใจ แต่กำลังคิดอยู่ว่าถ้าเป็นพี่เชนมาเดินแถวนี้ตอนเรายังไม่รู้จักกัน ผมคงจะรีบวิ่งเข้าไปขอลายเซ็นแน่ ๆ”
ผมพูดยิ้ม ๆ แต่รู้สึกเหมือน ๆ จะมีรังสีอะไรบางอย่างส่งตรงมาจากคนข้าง ๆ ผมหันไปมอง เห็นพี่เอกยืนทำหน้านิ่ง ๆ ผมเลยหันกลับมาคุยต่อ

“อยู่ถนนคนเดินน่ะ…เชียงใหม่”

‘ไปไม่ชวนพี่บ้าง’ พี่เชนพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจไม่จริงจัง

“กะทันหันเหมือนกัน”

‘แล้วเดินกับใคร’

“อ้อ มากันหลายคนครับ แต่ตอนนี้เหลือผมกับพี่เอกสองคน นอกนั้นหายหมด”
พี่เชนหัวเราะร่วน

คุยกันสักพักผมก็วางสาย พอหันไปหาพี่เอก พี่แกไม่อยู่แล้วครับ เดินลิ่ว ๆ นำไปนู้น ผมรีบเดินตาม
เห็นอะไรน่าซื้อรึไง ถึงรีบขนาดนั้น

ผมเดินเร็วขึ้นหวังตามให้ทัน แต่คนเยอะครับ จากที่เห็นแผ่นหลังไว ๆ เผลอแผล็บเดียวแผ่นหลังกว้างนั้นก็หายไปแล้ว

จริง ๆ พี่เอกเป็นคนตัวใหญ่ ไปไหนมาไหนด้วยกันจะหาตัวง่าย แต่ที่นี่เต็มไปด้วยคนต่างชาติที่ตัวใหญ่พอ ๆ กัน บรรยากาศก็สว่างกึ่งมืด

ผมเพิ่มจังหวะให้ฝ่าเท้าเร็วขึ้น เดินแหวกว่ายผู้คนเพื่อตามหา
แต่ไม่เจอ

ผมหยุดอยู่กับที่ หมุนตัวยืนเคว้งกวาดมองไปรอบ ๆ 

ความวูบโหวงเกิดขึ้นในใจ

ผมไม่ได้กลัวหลง เพราะถึงยังไง บ้านผมก็อยู่ที่นี่ และพี่เอกก็โตแล้ว คงไม่ได้หลงไปไหน

แต่ตอนนี้ ผมยืนอยู่คนเดียว โดดเดี่ยว เพื่อนที่เคยรายล้อมหายไปหมด สิ่งยึดเหนี่ยวของผมตอนนี้คือพี่เอก

แต่สิ่งยึดเหนี่ยวของผมหายไปแล้ว

รู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจที่โดนทิ้ง

“นายไม่ใช่เด็กแล้วนะกาย”
ผมเตือนตัวเองเบา ๆ

ที่นี่ไม่ใช่ป่า ต่อให้ไม่มีพี่เอก ผมก็หาทางรอดได้

อารมณ์นี้น้อยใจครับ น้อยใจที่ถูกทิ้ง

แม่ม เป็นผู้ชาย แต่มาน้อยใจหาเหี้ยอะไรวะ

ผมปัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป แล้วเดินดุ่ม ๆ เที่ยวคนเดียวมันซะเลย

ไม่อยากเดินด้วยก็บอกกันดี ๆ สิวะ
จากความน้อยใจเริ่มเปลี่ยนเป็นความโกรธนิด ๆ ผมเดินไปเรื่อย ๆ จนไปหยุดอยู่หน้าลานการแสดง ซึ่งตอนนี้มีเด็ก ๆ กำลังเต้นอยู่บนเวที ผมยืนดูไปเรื่อย ๆ

ทั้งที่การแสดงกำลังสนุก แต่ผมกลับไม่รู้สึกสนุกแม้แต่น้อย ตอนเดินอยู่กับพี่เอก แค่เดินเฉย ๆ ก็มีความสุขแล้ว แต่พอไม่มีพี่เอก แม้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะสนุกขนาดไหน ผมกลับไม่รู้สึกไปกับมันสักนิด ติดจะเซ็ง ๆ ด้วยซ้ำ

ผมถอนหายใจแรง ตัดสินใจหันหลัง ไปชนอกกว้างของใครบางคนเข้าเต็ม ๆ

*** ***

To Be Con...
ชอบตอนชมพระอาทิตย์ที่สุดแล้ว พระอาทิตย์นั้นขึ้นและตกทุกวัน ในขณะที่คนบางคนมองเลยผ่านไป แต่ใครหลาย ๆ คนกำลังเฝ้ามองมันด้วยความผาสุข บางครั้งนั่งมองคนเดียวกับเครื่องดื่มเย็น ๆ สักแก้ว บางครั้งกับคนรัก บางครั้งกับผองเพื่อน หรือครอบครัว
พระอาทิตย์มีเพียงหนึ่งเดียวก็จริง แต่หากเปลี่ยนมุมที่มอง เราก็จะเห็นพระอาทิตย์ในรูปแบบที่เปลี่ยนไป #คนรักก็เช่นกัน(เกี่ยวกันไหม = =) 

ไรท์ทอค :
ุคุกเข่าค้อมคำนับให้เหล่าท่านผู้กล้าที่ออกมาเผยตัวว่ายังติดตามข้าอยู่ ข้าคิดว่าข้ายืนอยู่ท่ามกลางเมืองร้างเสียแล้ว
จริง ๆ ข้าต้องลงนิยายตั้งแต่เมื่อวาน แต่ยืนเลียไปติมเพลินไปหน่อย(พอดีมีงานวัด = =) ไอติมทำให้สมองทำงานช้า ตื่นขึ้นมาด้วยความคิดว่าวันนี้คือวันศุกร์(ทั้งที่จริงคือวันเสาร์ = = ) แล้วศุกร์ข้าละหายไปไหน (กรีดร้องรุนแรง = [ ] =)

เอาเป็นว่า...
ข้าขอบคุณเหล่าท่านผู้กล้าเม้นท์ทั้งหลาย
..
สงกรานต์แล้ว ขอให้ทุกคนมีความสุข สนุกสนาน ใครเดินทางก็ขอให้ปลอดภัยทั้งไปและกลับ ใครดื่มขอให้เมา ใครเศร้าขอให้หาย สุขภาพร่างกายแข็งแรง รวย ๆ ๆ ๆ ๆ สาธุ
..
อยากบอกทุกคนเหลือเกิน /รักนะ มว๊วบเหม่งแรง ๆ คนละที
..
บ้านข้าร้อนมาก เอาเทียนวางไว้ เทียนละลายหลอมรวมกันเป็นก้อน งงว่าแมวมันนอนกันไปได้ยังไง = = ข้าต้องนั่งเอาเท้าจุ่มน้ำไว้ตลอดเวลา ไม่งั้นร้อนตาย   

#สาดน้ำใส่ทุกคนดังตู้มมม
หัวข้อ: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 38 หึงนะเว้ยเฮ้ย! [เอก..☼] [17-4-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 17-04-2015 19:46:32
Kiss Love ♥ [38] หึงนะเว้ยเฮ้ย!
[เอก...☼]
 



หงุดหงิดอีกแล้วครับ หงุดหงิดเอามาก ๆ อยู่กับผม แต่มันดันไปคิดถึงไอ้คุณชรินทร์ หนำซ้ำมันยังโทรมาตอกย้ำให้ผมรู้สึกด้อยค่าลงไปอีก

อุตส่าห์ทำหน้านิ่ง ๆ บูด ๆ ให้มันรู้ตัว มันก็ยังไม่รู้อีก ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิด เลยพาลเดินหนีมา ก่อนที่ผมจะใส่อารมณ์กับมัน
เดินมาได้สักพัก เริ่มรู้สึกผิด มองกลับไปก็ไม่เห็นมันแล้ว สงสัยผมจะเดินมาไกลไป ทั้งมือถือทั้งเงิน ผมก็ฝากไว้ที่มันหมดเลย มีเศษเงินติดกระเป๋าไม่ถึงร้อย

อะไรกูจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้วะ

มองหาตู้โทรศัพท์ สมัยนี้เขาใช้มือถือกันหมดแล้ว หาตู้ไม่เจอสักเครื่อง (หรืออีกนัย มองหาไม่เจอครับ ร้านรวงเยอะ)
ผมรีบเดินกลับไปยังเส้นทางเดิม กวาดตามองหา แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ผมเริ่มร้อนรน หรือว่าจะสวนทางกัน ผมเดินกลับทางเก่าอีก เพราะคิดว่ามันคงจะเดินไปไหนได้ไม่ไกล

ผมเดินวนหาอยู่อย่างนั้น

โมโหให้ตัวเองครับ

แม่ง!!
กูไม่น่าทำตัวเป็นพระเอกขี้หงุดหงิดเดินหนีมันเลย สุดท้ายก็เป็นตัวเองเองที่ซวยหามันไม่เจอ

ผมไล่สายตาไปแทบจะทุกจุดของพื้นที่ การตามหาใครสักคนท่ามกลางฝูงชนมากมายภายใต้แสงสว่างอันน้อยนิดแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย   

ผมเพิ่มจังหวะการเดินให้เร็วขึ้น ก่อนชะลอฝีเท้าลงเมื่อหันไปเห็นใครบางคนยืนอยู่ตรงนั้น ตรงหน้าเวทีการแสดงที่มีเด็ก ๆ กำลังเต้นกันอยู่

ความดีใจล้นไปทั่วทั้งอก รู้สึกเหมือนหัวใจที่หล่นหายไปเมื่อกี้ถูกเก็บกลับมาอีกครั้ง ผมรีบเดินกึ่งวิ่งไปหามันทันที

ทั้งที่การแสดงกำลังสนุก แต่มันกลับยืนมองนิ่ง ๆ ทอดดวงตาเหม่อลอยออกไปไกล ความรู้สึกผิดวิ่งชนผมอีกครั้ง ผมผิดเองที่หึงมันเกินเหตุ ทั้งที่มันอาจไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับไอ้คุณชรินทร์มันแท้ ๆ

แต่ผมแค่หวงและห่วงมัน อยากครอบครองมันไว้คนเดียว

ผมก้าวช้า ๆ ไปหยุดยืนอยู่ด้านหลังมัน ใช้ร่างกายของตัวเองบดบังมันไว้จากผู้คนรอบข้างจนมิด มันยังไม่รู้ตัว ผมยืนอยู่อย่างนั้น จนการแสดงจบลง

เสียงปรบมือที่ดังสนั่นไปทั่วปลุกมันให้ตื่นจากภวังค์ มันถอนหายใจเฮือกใหญ่ หันหลังกลับมาชนหน้าอกผมเต็ม ๆ

“ขะ ขอ…”
คำพูดมันหายไปดื้อ ๆ มันทำหน้าแปลกใจ ก่อนเบะหน้าหน่อย ๆ คล้ายกับพวกทโมนตอนกำลังงอน ผมยืนมองทุกการกระทำของมันนิ่ง ๆ

แล้วมันก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะเห็นผู้ชายคนหนึ่งทำกับผู้ชายด้วยกันเองแน่นอน

มันเดินหนีครับ!

เดินลิ่ว ๆ ไม่รอผมเลย ผมรีบก้าวตามมันไป ตัวมันเล็ก เลยหลบหลีกผู้คนได้ดีกว่า มันเดินกลับไปยังทางเข้า ผมก็มุดร่างใหญ่ ๆ ของตัวเองแทรกผู้คนตามไป

นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นลูกเด็กเล็กแดงนะ พ่อจะชนให้กระเด็นเลย มันเริ่มเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ จนผมชักจะเกรงใจผู้คนไม่ไหว เดินชนไม่สนใครแล้ว

ผมก้าวเร็วไปคว้าแขนมันไว้ ผู้คนรอบข้างหันมามองกันใหญ่ ผมลากแขนมันเดินลิ่ว ๆ ออกจากพื้นที่ทันที

“ปล่อย!!”
มันสั่งด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ สะบัดแขนแรงจนหลุด หันหลังหวังเดินกลับเข้าไปในงานอีก ผมคว้าแขนมันไว้ ลากไปขึ้นรถตุ๊ก ๆ ที่จอดเรียงกันอยู่ 

“พี่ไป….”
รถตุ๊ก ๆ ออกตัวอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คนข้าง ๆ ผมจะไม่ยอมไปด้วย

“พี่ครับจอดรถด้วย”
มันสั่ง คนขับทำท่าจะจอดตาม

“ไม่ต้องครับพี่ ขับไป น้องผมมันงอนนิดหน่อย”
พี่คนขับทำหน้าปั้นยาก มองหน้าเราสองคนไปมาผ่านกระจก

“พี่ครับ จอด”
มันไม่ยอม พี่คนขับผ่อนจังหวะเครื่องยนต์ช้าลง ทำหน้าลำบากใจ คงไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี

“ขับไปพี่ ผมเป็นคนจ่ายเงิน” ผมสั่งพี่แกเสียงเข้ม “ส่วนนายถ้ายังไม่หยุดอีก พี่จะปิดปากนายตรงนี้”
มันปิดปากเงียบ กัดกรามแน่น จ้องหน้าผมเขม็ง (แบบงอน ๆ น่ะนะ)

เล่นเกมจ้องตากันได้ไม่นาน รถก็จอด มันรีบกระโดดลงรถทันที (บ้านมันอยู่ไม่ไกลครับ จากถนนคนเดิน นั่งรถตุ๊ก ๆ ไม่ถึง 10 นาทีก็ถึง)

มันรีบเดินไปไขประตูเข้าบ้านไปเลย ผมหันไปขอบคุณพี่คนขับ ยัดเงินทั้งหมดที่มีตอนนั้นให้พี่เขาไป แล้วเดินตามไปกระชากแขนไอ้ตัวเล็กไว้ 

“ปล่อย!!”
มันสะบัดแขนแรง ผมรู้ว่ามันคงเสียใจกับสิ่งที่ผมทำ

และผมเอง ก็เสียใจเหมือนกัน

“พี่ขอโทษ”
มันชะงักกับคำพูดผม ทำท่าลังเล คงกำลังคิดอยู่ว่างอนผมเรื่องอะไร

“พี่อยากไปไหนก็ไปสิ ไม่เกี่ยวกับผมนี่”
แล้วมันก็ตอบออกมาในที่สุด พยายามบิดข้อมือให้หลุดออก

“อย่างอนพี่สิ”

“ไม่ได้งอน!!”

“งั้นก็น้อยใจ”
มันชะงักไปนาน

“ไม่จำเป็นที่ผมต้องรู้สึกแบบนั้นนี่”
มันบิดข้อมือออก คราวนี้ผมรวบเอวมันมากอดเลย

“นี่!! พี่เอก ปล่อย!!”
มันขัดขืนใหญ่

“พี่ขอโทษที่เดินหนี”
มันกัดฟันแน่นเหมือนพยายามอดทนอดกลั้นอะไรสักอย่าง ก่อนเงยหน้าช้อนสายตาเขวี้ยง ๆ มาใส่         

เออเนอะ…

เวลาผู้ชายงอนก็ทำหน้าแบบนี้ได้ด้วยเว้ยเฮ้ย

“แล้วพี่เป็นอะไร”
มันถามกลับ ผมคลายอ้อมแขนออกมาเสยผมตัวเอง เสหน้าไปทางอื่น

จะให้ผมยอมรับได้ยังไง…

ว่ากำลังหึงมันอยู่

แล้วอีกอย่าง มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผมด้วยที่จะไปกะเกณฑ์เวลาที่มันคุยกับใคร

แต่ใครคนนั้น ต้องไม่ใช่คนที่จ้องจะงาบมันอยู่

ผมหันใบหน้านิ่ง ๆ ไปมองมันอีกที เขยิบตัวเข้าไปชิดจนมันต้องก้าวถอยไปด้านหลัง

“แล้วนายคุยอะไรกับไอ้คุณชรินทร์มัน”
รู้ครับ ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่อดไม่ได้ที่จะถาม

“ก็คุยกันธรรมดา”
ผมจ้องหน้ามันนิ่ง ๆ มองหาความนัยแฝง ผมถอนหายใจแรง เสหน้าไปด้านข้าง

แล้วกูจะไปถามคำถามงี่เง่ากับมันทำไม

คราวนี้หงุดหงิดใส่ตัวเองแทน
แทนที่จะสร้างภาพดี ๆ ให้มันเห็น มีแต่จะทำให้มันแย่ลง

“พี่เอก”
ผมหันกลับมาตามเสียงเรียก มันยืนก้มหน้าอยู่

“ผมไม่รู้ว่าพี่เชนเขาคิดอะไรกับผมรึเปล่า แต่ผมไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าพี่ชายที่เคารพรักคนหนึ่งเท่านั้น”
มันบอกแค่นั้นแล้วหันหลังเดินขึ้นห้องไป ทิ้งให้ผมยืนประมวลผลอยู่ตรงจุดเดิม

ผมยืนคิดอยู่นาน…

แดกหญ้าอยู่ครับตอนนี้
..
..
เคี้ยวเอื้องตามควายไปได้หลายนาทีถึงได้ยิ้มออก
..
..
เข้าใจจุดประสงค์ของคำพูดของมันแล้วครับ ผมรีบวิ่งลิ่ว ๆ ขึ้นห้องตามมันไปทันที

มันกำลังอาบน้ำอยู่ ตอนแรกก็ว่าจะเคาะเรียก แต่คิดอีกที แล้วผมจะคุยอะไรกับมัน ผมเลยยืนรอมันอยู่หน้าห้องน้ำนั่นแหละ กะจะถามว่ามันรู้ใช่ไหมที่ไอ้คุณชรินทร์คิดจะจีบมัน

ผมเดินไปเดินมาเป็นหมาติดสัดอยู่ไม่นานมันก็เดินออกมา แต่ทานโทษครับ มันคงรีบเข้าไปอาบจัดเลยไม่ได้เอาชุดเข้าไปด้วย

หรือไม่…

มันก็ไว้ใจว่าไม่มีผมอยู่ในห้อง

หรือไม่…
มันคงไม่คิดว่าผมจะขึ้นมาเร็ว

มันเดินออกมายืนอยู่ต่อหน้าผม(ที่ยืนคอยมันอยู่หน้าห้องน้ำอีกที) ในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันเอวไว้หลวม ๆ 

แล้วคุณคิดว่าหมาที่กำลังติดสัดอยู่จะทนได้รึไง
ผมจับมันดันไปติดกำแพงด้านหลังแล้วกดจูบมันทันที ไอ้คำถามที่ว่าจะถาม ยัดใส่ลิ้นชักไปก่อน มันดิ้นรนใหญ่ ผมรวบเอวมันมาชิดตัว สัมผัสไปทั่วบั้นเอวและแผ่นหลังเปียกชื้นของมัน

ผมทนไม่ไหวแล้วครับ มันมาพูดเรื่องน่ารัก ๆ ให้ผมฟัง แล้วยังมาใส่ชุดยั่วกันอีก(จงใจหรือไม่…ผมขอเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน)

ตอนนี้ตบะแตก แล้วผมก็สำเร็จโทษมันไปหนึ่งที ต้องรีบกินครับ เพราะเดี๋ยวพวกนั้นจะกลับมาก่อน

หลังจากกินมันไปหนึ่งจาน ผมก็ปล่อยให้มันได้แต่งตัว แล้วก็ลากมันลงไปข้างล่าง ขืนอยู่ที่นี่ต่อ ไม่แคล้วผมต้องกินมันอีกหลายรอบแน่ ๆ ยังไม่อยากให้ใครโผล่มาเห็นหรือได้ยินเสียงร้องอู๊อ๊าของมัน

ผมอารมณ์ดีแล้ว ไม่อยากจะถามเรื่องที่อยากถามให้เสียอารมณ์

พวกเรานั่งดูหนังจากช่องทรูวิชั่นส์ไปเรื่อย ๆ สักพักก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากทางหน้าบ้าน พวกนั้นคงกลับมากันแล้ว

“ไอ้ห่าเอก มึงพาไอ้กายกลับมาก่อนไมไม่โทรบอกกันบ้างวะ มือถือก็ไม่รับ”

“โทษที กูทิ้งมือถือไว้บนห้อง”
พวกมันพยักหน้าเหนื่อย ๆ พวกหนุ่ม ๆ ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือ แต่สาว ๆ นี่สิ เพียบครับ

“พี่เอก อ้อนไปหัดรำไทยมาด้วยล่ะ สนุกมากเลย”

“ใช่ ๆ พี่น่าจะได้มาเห็นนะ แย้ดิ้นยังสวยกว่าอีก”
ไอ้แอมมันแซว

“แต่อ้อนรำเก่งกว่าไอละกัน”

“พอกันนั่นแหละ รายนั้นก็รำเหมือนหางจิ้งจกถูกทิ้ง”
ดูมันด่ากันแต่ละอย่าง ปกติน้องผมเป็นพวกคุณหนูครับ ไม่น่าจะด่ากันได้ดุเดือดขนาดนี้ ผมหันไปมองพี่เลี้ยงคนใหม่

ไอ้กิ๊ฟ ไอ้ห่า กูฝากน้องกูไว้ไม่กี่ชั่วโมง น้องกูเสียคนหมด ผมด่ามันทางสายตา มันทำหน้ายียวนกลับ

“ไมมึงกลับเร็วล่ะ”
มันถาม ผมไม่ได้สนใจตอบ แต่เบี่ยงหน้าไปดูพ่อกับแม่ที่ขนซื้อข้าวของอะไรกันมาเยอะแยะเต็มไปหมด ไอ้ตัวเล็กรีบลุกไปช่วยพ่อแม่หิ้วของ ใจจริงผมอยากไปช่วย แต่ปล่อยให้พ่อแม่ลูกได้อยู่กันตามลำพังดีกว่า เพราะพรุ่งนี้พวกเราต้องเดินทางกลับกันแล้ว

เรามีเรียนกันช่วงบ่าย สาย ๆ ตีเครื่องกลับก็ทัน

“อะไรครับเนี่ย เยอะแยะเลย”
ไอ้ตัวเล็กมันถาม

“ของแต่งบ้านน่ะ เห็นสวยดีเลยซื้อมา”
แม่บอก แล้วไอ้ตัวเล็กก็ช่วยแม่มันคัดแยกของเอาไปเก็บไว้ในที่ที่ควรเก็บ พวกเพื่อน ๆ ผมพากันเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำอาบท่าไม่ต่างกับพวกทโมน

“น่ารักกันดีนะ ครอบครัวนี้”
ไอ้กิ๊ฟมันพูดขึ้นมาลอย ๆ ผมที่กำลังมองพวกน้อง ๆ วิ่งขึ้นบันไดไปหันมามอง   

“อืม”
ผมมองของที่มันหิ้วมา

“แล้วมึงจะหิ้วกลับยังไงไหว ของเยอะแยะ”

“กูมีเพื่อนไว้ทำไม ให้พวกมึงช่วยกันหิ้วคนละชิ้นสองชิ้นก็จบ”

เจริญครับ มึงนี่จะฉลาดไปไหน
มันเป็นผู้หญิงคนเดียว ที่ผมไม่กล้าจะต่อกรด้วย ทั้งฉลาดทั้งเจ้าเล่ห์ แถมยังคาดเดายากว่ามันคิดอะไรอยู่ มันยิ้มพราวและเริ่มใช้สายตากรุ้มกริ่มมองผม

“แดกไปกี่รอบแล้ววะ”
มันถาม ผมจ้องหน้า เพื่อล็อกหาคำถามให้ตรงจุดอีกที

“รอบเดียว”
มันยิ้มพอใจเมื่อได้คำตอบ

“งั้นไอ้ตรงนี้ก็เป็นของวันนี้งั้นสิ”
มันชี้ไปที่อกเสื้อตัวเอง ต่ำกว่าไหปลาร้าลงมานิดหนึ่ง

อึ้งแดกครับ

มันปล่อยหมัดฮุก หัวเราะหึ ๆ เดินจากไป

มึงนี่ร้ายฉิบ ขนาดกูทำด้านในยังเห็นอีก ผมรีบเดินไปหาไอ้ตัวเล็ก คือจะไปดูว่าเห็นรอยจริง ๆ หรือเปล่า

มันก้ม ๆ เงย ๆ กับถุงข้าวของมากมายบนโต๊ะ ส่วนพ่อกับแม่กำลังทะเลาะกันเรื่องการจัดวางข้าวของครับ ต้องรีบจัด เพราะพ่อจะบินกลับพรุ่งนี้พร้อมพวกเราเหมือนกัน (คงไม่อยากอยู่กับแม่สองต่อสอง)

“วางไว้ตรงนี้สิ”
พ่อบอก แย่งแจกันทรงสี่เหลี่ยมอาร์ต ๆ ไปไว้บนโต๊ะริมห้อง

“บ้ารึไง ต้องตรงนี้สิ”
แต่แม่เอามาวางไว้บนโต๊ะที่ไอ้ตัวเล็กกำลังหยิบของออกจากถุงอยู่

“ตรงนี้เดี๋ยวก็โดนชนล้ม”

“ที่นี่ไม่ได้มีเด็กสามขวบมาวิ่งเล่นนะ จะได้ชนล้ม”
แม่เถียงต่อ

“คุณไง”
พ่อสวนกลับ แม่ควันออกหูทันที

“ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนเหมือนคุณนี่!!”

“ครับ งั้นคนที่เคยมาชอบคนปัญญาอ่อน ก็ต้องปัญญาอ่อนกว่าน่ะสิ”
อึ้งครับ แม่ยืนอึ้งไปหลายวิ อ้าปากพะงาบ ๆ จะด่าอะไรสักอย่างแล้วหุบลง อ้าปากจะด่าต่อ แล้วก็หุบลง ผมหันมามองไอ้ตัวเล็ก

ผมรู้ละ…
มันได้ท่าทางแบบนี้มาจากใคร

พ่อยิ้มกริ่มเมื่อปล่อยหมัดฮุกได้สำเร็จ หยิบแจกันไปวางแหมะไว้ตรงจุดที่ตัวเองต้องการทันที

แต่ตามความเห็นของผม จุดของแม่สวยกว่าเยอะ

“กาย ตรงไหนสวยกว่ากัน”
พอเถียงไม่ได้ แม่ก็หันมาขอความเห็นจากลูกชาย มันมองไปยังสองจุดที่พ่อกับแม่เลือก

“บ้านหลังนี้เป็นของผมใช่ไหม”
พ่อกับแม่พากันพยักหน้าคนละที มันเลยชี้ไปอีกมุม เป็นส่วนที่ไม่เกะกะระราน แต่คงเป็นส่วนที่คนไม่คิดจะเอาแจกันไปวางไว้    แน่ ๆ

“ตรงนั้น”
ผมขมวดคิ้วมองว่ามันจะวางได้ยังไง ข้างฝาเนี่ยนะ?

“พ่อช่วยหาไม้หรืออะไรก็ได้ มาตีให้มันยื่นออกมานิดหน่อยแล้ววางแจกันลงไป มันจะสวยสุด ๆ เลยแหละ แปลกตาด้วย ส่วนอุปกรณ์อันนี้ต้องถามแม่ เพราะผมไม่ชำนาญพื้นที่”
แล้วมันก็ทิ้งงานไว้ให้พ่อกับแม่มันทำ หันมาก้มหน้าหยิบของออกจากถุงต่อ

ผมอมยิ้ม พ่อกับแม่ทำท่าขัดใจ

“เพราะเจ้าของบ้านสั่งหรอกนะ”
แม่สะบัดผมยาวเดินดุ่ม ๆ ออกไปทางหลังบ้าน 

“ผมก็ทำเพราะลูกเหมือนกัน”
แล้วพ่อก็เดินตามแม่ไป

ได้ยินเสียงของคนทั้งคู่เถียงกันไปตลอดทั้งเส้นทาง กระทั่งเสียงนั้นเงียบไป

ไอ้ตัวเล็กมองตามขำ ๆ

“เจ้าเล่ห์”
ผมว่าไปที มันตวัดสายตาค้อนขวับทำหน้างอน ๆ ใส่ ผมหมั่นไส้เลยเดินไปรวบมันมากอด ก้มหอมแก้มมันไปฟอดใหญ่ มันรีบดิ้น ดีดตัวออกจากอ้อมแขนผมไปยืนอยู่ห่าง ๆ

“ทำอะไร เดี๋ยวพ่อกับแม่มาเห็น!”
ผมยิ้ม ไม่ตอบอะไร จ้องมองคนตรงหน้าอีกที ผมขมวดคิ้ว

วันนี้ไอ้ตัวเล็กมันใส่เสื้อยืดครับ แต่เป็นเสื้อยืดแบบมีกระดุม แค่สามเม็ดเท่านั้น เป็นแบบคลายตัวง่าย และตอนนี้มันก็หลุดออกจากกันหมด จนเห็นรอยแดง ๆ ต่ำกว่าไหปลาร้ามัน

ผมขมวดคิ้วมองอยู่อย่างนั้นจนมันก้มหน้ามองตาม มันรีบรวบจับ ทำท่าจะกลัดกระดุมลงหลุม ผมคว้าจับข้อมือมันไว้ ดึงมันเข้ามาใกล้

ผมจับเสื้อมันไว้ทั้งสองข้าง มันปล่อยมือลง คงคิดว่าผมจะกลัดกระดุมให้

แต่เปล่าครับ…

ผมแหวกคอเสื้อมันกว้างขึ้น แล้วก้มลงไปสร้างอีกรอยไว้อีกฝั่ง ผมเงยหน้าขึ้นมองผลงานตัวเอง มันยังยืนอึ้งอยู่

“นายเป็นของพี่ จำไว้กาย” 
แล้วผมก็หันหลัง เดินจากมาพร้อมรอยยิ้ม

ปล่อยมันไว้ครับ ให้มันคิดถึงผมมาก ๆ 

หึ ๆ

*** ***
TBC...
แอบหวานกันเบา ๆ มีพี่เชนโผล่มาให้กระชุ่มกระชวย (ถึงจะมาแค่เสียงก็เถอะ - , . -) รักพี่กิ๊ฟ ...
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 38 หึงนะเว้ยเฮ้ย! [เอก..☼] [17-4-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: live_evil ที่ 20-04-2015 00:15:51
แสดงตัวค่าาาา มาอ่านยุนะ แต่ไม่ค่อยเม้น เป็นนักอ่านเงา 5555+
 o18 o18
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 38 หึงนะเว้ยเฮ้ย! [เอก..☼] [17-4-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 20-04-2015 12:52:39
รอติดตามคะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 38 หึงนะเว้ยเฮ้ย! [เอก..☼] [17-4-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 20-04-2015 17:29:28
เรื่องนี้เค้าอ่านในเด็กดีจบแล้วง่าาาาาาาาาาาาาาา
ชอบกาย กายน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 39 เดินทางกลับ & วันฝนตก [กาย..♥] [24-4-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 24-04-2015 20:14:06


Kiss Love ♥ [39]
เดินทางกลับ..วันฝนตก
[กาย...♥]


พวกเรากำลังเดินทางกลับ นึกถึงเรื่องเมื่อวานแล้วก็อดอายไม่หาย ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองจะงอนพี่เอกหนักขนาดนั้น งอนเป็นผู้หญิงเลย ยิ่งคิดยิ่งอยากย้อนเวลากลับไปไม่งอน

แล้วดูดิ ทำให้กูต้องพูดอะไรเลี่ยน ๆ แบบนั้นออกมา พี่มันจะคิดว่าผมคิดเองเออเองไหมนะ

ก็พี่มันทำท่าหึง(รึหวง)ขนาดนั้น ผมก็เลยบอกให้แกสบายใจ

สรุป.. กูโดนฟัดอีก
ดีที่พี่มันกินแค่รอบเดียว คงกลัวคนอื่นกลับมาเห็น

ตอนหยิบเสื้อผ้ามาใส่ ไม่ได้ส่องกระจกเลยไม่รู้ว่าพี่มันทิ้งรอยไว้ (ปกติไม่ได้สนใจอยู่แล้ว) ตอนอยู่ในห้องครัว ไอ้ตอนแรกก็คิดว่ามันจะติดกระดุมให้ ที่ไหนได้มาสร้างรอยเพิ่มให้อีก รีบปิดแทบไม่ทัน

ครั้งหน้าจะไม่ใส่แล้ว เสื้อมีกระดุมเนี่ย

แต่ผมดีใจครับ
สามวันมานี่เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด จะว่าไปก็มีความสุขทุกวันนั่นแหละ และตั้งแต่วันที่พี่เอกก้าวเข้ามาในชีวิต ดูเหมือนความสุขของผมจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย

แม้บางครั้งจะต้องเจ็บตัวเพราะพี่มันก็เถอะ

ตอนนี้ผมยืนยิ้ม มองพวกพี่ ๆ กำลังบอกลาแม่กันอยู่ ส่วนผม จะลาเป็นคนสุดท้ายครับ 

ไม่นานพวกพี่ ๆ ก็เข้าไปข้างในกันหมด เหลือผมไว้กับพ่อสองคน

“เจอกันที่กรุงเทพนะแม่”
แม่พยักหน้าเดินเข้ามากอดหลวม ๆ ผมกอดตอบ แล้วแม่ก็หอมแก้มผมเบา ๆ ที ผมหอมกลับบ้าง

“เป็นเด็กดีนะลูก”

“อยู่แล้ว มีแม่กับพ่อดี ๆ ทั้งคน” ผมชมกลับ

“ชิ! แม่ดีกว่าอยู่แล้ว”
ยังครับ ยังไม่วายแอบกัดเบา ๆ

“เขาว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นหรอก ลูกดียังไง พ่อมันก็ต้องดีกว่าหลายเท่า”

น้าน คนนี้ก็ชมตัวเองได้อีก

“ลูกหล่นไม่ไกลต้น ดูลูกให้ดูแม่ ไม่ใช่ดูพ่อ” แม่ยังเถียงต่อ

“ถ้าเป็นลูกสาวก็น่าอยู่หรอก แต่ลูกชายต้องดูพ่อ” คนนี้ก็ไม่ยอม

“จะลูกชายหรือลูกสาว ก็ลูกฉันเหมือนกัน เพราะงั้นต้องเหมือนฉัน”

“เหมือนผมสิคุณ”

“เหมือนฉัน!”

“เหมือนผม!”

“เหมือนฉัน!!”

“พอเถอะครับ” ผมรีบเบรกคนทั้งคู่ไว้ทันที

 “ดูแลตัวเองนะฮะ อย่าปั่นนิยายเพลินจนลืมทานข้าวล่ะ”
แม่พยักหน้ารับ ทั้งที่สายตายังจิกพ่อไม่หาย

“ปั่นเพลิน ๆ ไปเลยก็ได้ ตีนกาจะได้ขึ้นเยอะ ๆ คราวนี้ผมจะได้หนุ่มขึ้น แต่คุณแก่ลงเรื่อย ๆ”
เพราะปากพ่อผมเป็นงี้แหละ สองคนนี้เลยแข่งกันทำตัวเด็ก

“หึ ๆ ฉันสาวกว่าคุณละกัน ไม่งั้นคงไม่มีหนุ่ม ๆ มาตามจีบกันเป็นพรวนหรอก”
อันนี้แม่พูดจริงครับ ผมคอนเฟิร์ม พ่อเลิกคิ้วสูง

“โห ตาต่ำชะมัด” นั่นแหละครับ ปากพ่อผม

“หึ คุณเองก็เคยตาต่ำมาแล้วครั้งหนึ่งนี่” แม่ยวนกลับ

ผมล่ะหน่าย

“รีบ ๆ กลับไปหาแม่แตงเลยไป๊ แล้วไม่ต้องกลับมาอยู่เมืองไทยให้รกหูรกตาฉันกับลูกเลย”
ผมว่าแค่แม่คนเดียวนะฮะ เพราะผมอยากอยู่กับพ่อ

“ไปแน่ อกตูม ๆ ดีกว่าอกเหี่ยว ๆ แถมยังสาวกว่า สดกว่าคุณเยอะ”
นี่ก็อีกคน เลิกแล้วยังเอาเขามาเป็นตัวล่ออีก

“ผมว่าเรารีบไปกันดีกว่า”
ผมรีบเบรกสงครามกลางสนามบินลง พ่อพยักหน้าเพราะเวลาใกล้แล้วจริง ๆ เดินไปได้สองสามก้าว ผมก็วอล์คแบ็คกลับไปหาแม่อีก เอามือป้องหูกระซิบเบา ๆ

“พ่อเลิกกับคุณแตงตั้งหลายเดือนแล้วละแม่”
ทิ้งไว้แค่นั้น แล้วผมก็เดินไปดึงแขนพ่อที่ทำหน้าเอ๋ออยู่เข้าประตูไป

หันกลับไปมองนิดหนึ่ง เห็นแม่ยืนอึ้งอยู่กับที่ 

ปล่อยแกไปครับ

เรื่องของพ่อกับแม่ ลูกต้องเกี่ยว ฮ่า ๆ ๆ


ผมนั่งกับพ่อสองคน พี่เอกนั่งกับพี่กิ๊ฟ ทโมนแยกไปนั่งกับพี่ ๆ ผู้หญิง พี่โอมกับพี่มอ สองคนนี้แพ็คติดกันตลอด ไม่ต่างกับพี่โอ๊คกับพี่ปิงนั่นแหละ

ผมนั่งติดหน้าต่างเครื่องบิน ยิ้มให้ท้องฟ้าที่มีปุยเมฆขาวลอยละล่อง พ่อที่นั่งด้านนอกโน้มหน้ามามองด้วย

“คิดถึงตอนเด็ก ๆ เนอะ”
ผมเอี้ยวหน้าไปมอง

“ฮะ?”
พ่อหันมายิ้ม

“กายเคยบอกว่าอยากเป็นกัปตันเครื่องบิน”

ผมเนี่ยนะ?
ผมเลิกคิ้ว ชี้นิ้วใส่หน้าตัวเองแทนคำถาม พ่อพยักหน้า

“พ่อเลยซื้อเครื่องบินให้ลำหนึ่ง”
พ่อเล่าในขณะที่ดวงตายังจ้องมองปุยเมฆด้านนอก 

“ลูกเล่นอยู่เดือนเดียวก็ทิ้ง แล้วบอกว่าไม่เอาแล้ว กายจะเป็นช่างภาพแทน”
ผมหันไปมองหน้าพ่ออีกที

“แต่ผมไม่ได้ทิ้งนี่”
ผมค้านก่อนพ่อจะพูดอะไรต่อ

พ่อแค่ยิ้ม

“ลูกจะทิ้งไม่ทิ้ง จะรักไม่รัก จะอยากได้อยากเป็นอะไรพ่อไม่ว่าหรอก…” พ่อเงียบไปนาน แต่ผมรู้ว่าพ่อยังพูดไม่จบถึงได้เงียบความสงสัยเอาไว้ พ่อยิ้มอ่อนโยน “พ่อแค่จะบอกว่า พ่อจะเป็นคนหนึ่ง ที่สนับสนุนและอยู่เคียงข้างกายเสมอ”

ถ้าพื้นที่มันกว้างกว่านี้ ผมคงกระโดดกอดคอพ่อไปแล้ว ผมทำได้เพียงยิ้มแล้วหอมแก้มพ่อเบา ๆ เหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง พ่อหัวเราะ ก่อนเงียบไป

“พ่อเชื่อมั่นในตัวลูกนะ เชื่อทุกเรื่อง เพราะลูกพ่อเก่ง”
พ่อลูบหัวผมอีกที ก้มกระซิบพูดอะไรบางอย่างให้เราได้ยินกันสองคน

“แม้กระทั่งเรื่องการเลือกใครสักคนมาอยู่เคียงข้างด้วย”

ผมจ้องหน้าพ่อ ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง พ่อยิ้มนิด ๆ จิ้มนิ้วมาตรงไหปลาร้า ผมก้มมอง

กรรม…
กระดุมหลุดตอนไหนวะ(ไม่อยากใส่ครับ แต่ตัวนี้แม่ซื้อให้ บอกให้ใส่เลยวันนี้)

ผมค่อย ๆ เงยหน้าร้อนผ่าวขึ้นมอง รู้สึกผะอืดผะอมเหมือนกินปูไม่ได้แกะกระดองไปสักสองตัว พ่อเพียงยิ้ม

“พ่อรู้ว่าใครเป็นคนทำ แล้วก็เคารพทุกการตัดสินใจของลูกด้วย”
พ่อนิ่งไป ผมก็นิ่งไป

“พ่อแค่อยากให้ลูกมีความสุข อันนั้นเรารู้ใช่ไหม”

ผมนิ่งไม่ได้ตอบอะไร

กลัวครับ กลัวพ่อพูดต่อว่าให้หยุดทุกอย่างลงเดี๋ยวนี้

พ่อลูบหัวผมเบา ๆ แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น มันอุ่นจากกลางกบาลลงสู่หัวใจ

“ทำทุกอย่างตามที่ลูกเห็นควรนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อจะอยู่ตรงนี้กับลูกเสมอ”

“พ่อ…”
ผมครางเรียกเสียงแผ่ว

พ่อเอามือกอดอกเอียงหน้ามากระซิบบางอย่างที่ทำให้ผมอึ้ง

“สารภาพว่าแต่ก่อนพ่อเองก็เคยชอบผู้ชายเหมือนกัน”

ผมอึ้งมองพ่อกลับตาโต

“แต่ตอนนั้นพ่อเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงน่ะ”

ผมอ้าปากค้าง

“ชอบอยู่เป็นเดือน ๆ พอรู้ความจริงช็อกไปนาน แต่มันก็รักไปแล้ว กว่าจะตัดใจได้ใช้เวลาตั้งปี”
ผมมองหาสิ่งที่พ่อต้องการจะสื่อ

“บางเรื่อง เราก็ห้ามสิ่งนี้ไม่ได้” พ่อจิ้มไปที่หัวใจตัวเอง “แม้พ่อจะรู้ว่าเขาเป็นผู้ชาย แม้จะผิดหวัง แต่พ่อก็ยังห้ามตรงนี้ไม่ให้รักเขาไม่ได้” พ่อจิ้มลงไปอีกสองทีเพื่อตอกย้ำตรงจุดเดิม

เรานิ่งกันไปนาน

“แล้วตอนนี้…”
ผมหยุดคำถามไว้ให้พ่อเป็นคนต่อคำตอบเอาเอง

“เขาแต่งงานมีลูกไปแล้ว พอเรียนจบ ต่างคนต่างแยกกันไป เจอกันอีกทีห้าปีให้หลัง หล่อขึ้นเป็นกอง เราเลยกลายเป็นเพื่อนสนิทกันจนถึงทุกวันนี้”

ผมมองพ่อตาปริบ ๆ

“อย่าทำตาแบบนี้ได้ไหม เห็นแล้วนึกถึงแม่เราชะมัด”
พ่อเปลี่ยนอารมณ์เร็วใช้ได้ ผมหัวเราะหึ ๆ หอมแก้มพ่อไปที

“เมื่อกี้ผมหอมแก้มแม่ไป เอามาแบ่งพ่อครับ”

พ่อทำหน้าเหวอ

ผมหันกลับไปมองเมฆต่อ ไม่มองว่าพ่อจะทำหน้าแบบไหนหลังจากรู้ว่าต้องถูกแก้มของใครบางคนหอมเข้าให้(ทางอ้อม)
ตอนนี้ดีใจครับ อย่างน้อย ผมก็รู้ว่ายังมีอีกหลายคนที่คอยอยู่เคียงข้างผม ไม่สนับสนุน แต่ก็ไม่คัดค้าน และคอยเป็นกำลังใจให้ผมเดินหน้าด้วยลำแข้งตัวเอง

ด้วยความสุขที่ตัวเองก่อขึ้น

“ผมรักพ่อนะฮะ”
ผมหันไปบอก พ่อที่ยื่นหน้ามามองมองเมฆเหมือนกันหันมามอง พ่อไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา แต่กอดคอผมไว้ มองเมฆขาวด้วยกันสองคน









ง่วงครับ

ง่วงเอามาก ๆ

ผมนั่งหาวรอบที่สิบของวันในคลาส อาจารย์พูดไปไม่ได้เข้าหูผมเลยแม้แต่น้อย

“มึงจะหาวอะไรนักหนาวะ”
ไอ้เต้ยมันคงรำคาญ

“ก็กูง่วง อากาศมันน่านอน”

ท้องฟ้าด้านนอกมืดลงนิดหน่อย ฝนคงตกแน่ ๆ วันนี้ ผมเริ่มเลื้อย ฟุบหน้ากับโต๊ะจนบางสิ่งที่ห้อยคอผมอยู่ ตกกระทบกับพื้นโต๊ะดังแกร๊ง ไอ้เต้ยหันมามอง

“อะไรวะ”
มันพยักหน้ามายังสิ่งที่ผมห้อยอยู่

“จี้”

“กูหมายถึง มันคืออะไร”
ผมเงยหน้าขึ้นมาจับ

“ของขวัญที่พี่เอกให้น่ะ”

มันทำสายตากรุ้มกริ่ม ยื่นมือมาจับไปดู

มันเป็นจี้ครับ จี้ที่ทำจากทองคำแท้ (พี่มันลงทุน) แผ่นบาง ๆ มีตัวหนังสือสลักไว้ในนั้น

‘19 &15’

และถ้าพลิกด้านหลัง มันจะเขียนคำพูดที่ทำเอาผมเขินทุกทีที่ได้อ่าน

‘You're mine’

พี่มันประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนมาก

ไอ้เต้ยขมวดคิ้วนิดหน่อยกับตัวเลขบนนั้น มันยังไม่เห็นด้านหลังครับ

“อะไรวะ 19 กับ 15”

ผมดึงสิ่งที่มันจับไว้มายัดใส่คอเสื้อตัวเองเหมือนเดิม มันทำท่าคิด ก่อนยิ้มออกมา

“มึงห้ามพูดนะ!”
ผมชี้นิ้วปราม มันหัวเราะหึ ๆ

“พี่เอกเน่า”
ขอเตะปากมันสักทีจะได้ไหม มีสิทธิ์ไรมาว่าคนของกู 

ผมแกะของขวัญชิ้นที่เหลือตั้งแต่กลับมาจากเชียงใหม่แล้วครับ แต่ละชิ้น พาเอาประทับใจน่าดู ทุกคนรู้แบบกะทันหัน แต่กลับหาของขวัญได้ถูกใจผมกันไม่น้อย

แต่ที่ทำให้ผมประทับใจที่สุด คงมาจากคนที่พรากเอาจูบแรกผมไป

ผมหันไปมองสิ่งที่อาจารย์กำลังสอนอีกครั้ง ไอ้ที่ง่วง ๆ อยู่เมื่อกี้ หายไปเลย

พี่เอกนี่ เป็นแม้กระทั่งยาแก้ง่วงแฮะ

สรรพคุณเขาดีจริง ๆ
 






และแล้ว ฝนมันก็เทโครมลงมา

ผมยืนแกร่วอยู่คนเดียวหน้าคณะ ไอ้เต้ยวิ่งไปหาพี่มันทันทีที่คลาสเลิก มันบอกจะไปดักพี่มันไว้เพื่อกลับด้วยกัน (พี่เป้กลับมาโหมดเดิมอีกแล้วครับ)

ฝนตกผิดฤดูแบบนี้ จะไปทำงานไงวะเนี่ย ถ้าวิ่งตากฝนไปเสื้อผ้าคงเปียกหมด เสื้อน่ะไม่เท่าไหร่ เพราะใช้ของที่ร้าน แต่ผมต้องใส่กางเกงตัวนี้ทำงานด้วย แล้วตึกที่ผมเรียนกับถนนที่แท็กซี่วิ่งผ่านมันก็ไกลกันพอควร วิ่งไปตอนนี้คงไม่รอด   
ผมมองนาฬิกาอีกที สายมากแล้วด้วย

เอาวะ เป็นไงเป็นกัน

ผมกระชับกระเป๋าเป้กับอกแน่น(ของสำคัญใส่ไว้ในถุงก๊อปแก๊บหมดแล้วครับ) ห่อตัววิ่งลิ่ว ๆ ฝ่าสายฝนไปยังท้องถนน น้ำฝนห่าใหญ่ สาดซัดรุนแรงพาเอาเสื้อผ้าเนื้อตัวเปียกปอนไปหมด แถมยังเจ็บไปทั่วทั้งตัวอีกต่างหาก

น้ำฝนหรือลูกเห็บวะเนี่ย

วิ่งไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็ได้ยินเสียงแตรรถดังขึ้นด้านหลัง ผมหันไปมอง รถคันนั้นวิ่งช้า ๆ มาจอดเทียบด้านข้าง ไม่เห็นหรอกว่าใครเป็นคนขับ เพราะฝนแรงมากจนกระจกหน้ารถฝ้าไปหมด ผมรีบหลบขึ้นไปบนทางเดิน เพราะคิดว่าตัวเองคงเดินกินเนื้อที่มากไป

ประตูรถเปิดออก แล้วคนภายในก็โผล่ออกมาพร้อมร่มดำ เดินตรงมาทางผม

“พี่โอ๊ค”

“ทำไมมาเดินตากฝนแบบนี้ล่ะ”
เสียงพี่แกถามแข่งกับเสียงฝน ขากางเกงพี่โอ๊คเปียกหมดแล้ว

“ขึ้นรถก่อนเถอะ”
พี่มันไม่รอให้ผมตอบ ลากแขนผมไปเปิดประตูรถยัดผมเข้าไปนั่ง ส่วนพี่แกก็วิ่งตุบ ๆ ไปประจำที่แก
ผมตัวสั่นทันทีที่สัมผัสแอร์เย็นภายใน หยาดน้ำมากมายร่วงหล่นจากเสื้อผ้าและเส้นผมตกสู่พื้นกับเบาะนั่ง 

“ขอบคุณครับพี่”

“ทำไมไม่รอให้ฝนหยุดก่อนค่อยออกมา เปียกแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี”
พี่มันดุเหมือนคนแก่

“ผมต้องรีบไปทำงานน่ะ สายแล้วด้วย แต่โทรบอกเขาแล้ว”

พี่มันพยักหน้าเข้าใจ

“ที่ร้านมีชุดเปลี่ยนไหม”

ผมพยักหน้ารับ ชะงักไปนิด ก่อนส่ายหน้าปฏิเสธ

พี่มันทำหน้างุนงง 

“ยังไงกันแน่ มีหรือไม่มี”
บ๊ะ!! เปลี่ยนโหมดเป็นโหดก็เป็นวุ้ย

“มีเสื้อ แต่ไม่มีกางเกง”

พี่มันก้มมองกางเกงที่เปียกโชกของผม

“ลาสักวันไม่ได้รึไง”

ผมส่ายหน้า

“ผมอยากไปทำ แต่เปียกแบบนี้ คงต้องกลับบ้านไปเอากางเกงก่อน”
ขืนทำงานในสภาพลากน้ำเสิร์ฟกาแฟคงไม่ไหว พี่มันพยักหน้า ขับรถพาผมตรงกลับบ้าน
ผมนั่งตัวสั่น จนพี่โอ๊คต้องหรี่แอร์ให้เบา พี่มันเปิดเพลงของพี่บอย โกสิยพงษ์ให้ด้วย เพลงแนวโปรดครับ รถตรงหน้าแทบไม่ขยับ สงสัยข้างหน้าจะเกิดอุบัติเหตุ

“พี่ว่า…กว่าเราจะกลับถึงบ้าน แล้วไปทำงาน เราคงไปช่วยเขาล็อกกุญแจร้านมากกว่า”
พี่มันหันมาบอก เคาะนิ้วกับพวงมาลัยตามจังหวะของเสียงเพลง

ผมยิ้มแหะ ๆ นั่งหนาวยิ่งกว่าเดิม พี่โอ๊คเอื้อมปิดแอร์ให้เหลือแต่พัดลม หมุนกระจกลงนิดหนึ่งไม่ให้กระจกรถเกิดฝ้า แต่มันก็ยังหนาวอยู่ดี

พี่โอ๊คหันมามอง ขมวดคิ้วอยู่สักพัก ก่อนทำสิ่งที่ทำให้ผมนั่งอึ้งไปนาน

ผมจ้องมองเสื้อนักศึกษาที่ถูกยื่นมาให้ตรงหน้า เป็นเสื้อที่พี่แกเพิ่งถอดให้ผมเมื่อตะกี้นี้เอง

น่าอิจฉาชิบ กล้ามอกงี้เป็นมัด ๆ เลย

“ไม่เป็นไรพี่ ผมทนได้”

“ทนได้ตอนนี้ แต่อีกไม่กี่นาทีคงไข้กิน”
พี่มันบอก ผมจำต้องพยักหน้า ไม่อยากป่วยเหมือนกัน ช่วงนี้มีสอบด้วย พี่แกนั่งโป๊ท่อนบนเขยิบตัวรถเคลื่อนไปข้างหน้าอีกนิด

ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงกับเสื้อตัวนี้ดีระหว่าง…

หนึ่ง เอามาเช็ดตัว

สอง ถอดเสื้อตัวเองออกแล้วใส่เสื้อตัวนี้แทนกันหนาว

และสาม สวมทับไปเลยกันลมจากแอร์

สรุป ผมจะเอามาใส่แทนเสื้อตัวที่เปียก

ผมวางเสื้อพี่โอ๊คไว้ตรงคอนโซนกลาง ปลดเข็มขัดนิรภัยออกเพื่อจะได้ถอดกระดุมเสื้อได้ง่าย ๆ แต่ถอดไปได้แค่ห้าเม็ด รถที่กำลังเคลื่อนที่ไปด้านหน้า เบรกตัวลงกะทันหันจนหัวผมคะมำหน้าผากทิ่มคอนโซลหน้าเต็ม ๆ

คงเพราะไม่ได้คาดเข็มขัดไว้ด้วยแหละ

ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคนไม่คาดเข็มขัดถึงได้พุ่งหลาวออกไปนอกตัวรถได้ นี่ขนาดรถขับช้า ๆ นะ ยังเจ็บขนาดนี้ นี่ถ้าขับเร็ว ผมคงได้ไปนอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นถนนเป็นแน่ ผมดันตัวกลับมานั่งที่เดิม จับหน้าผากมายู่หน้าครางโอ๊ย

เจ็บวุ้ย

ดีนะที่มีพรมนุ่ม ๆ ขวางเอาไว้อีกชั้น ไม่งั้นหัวคงแตกแน่

“พี่ขอโทษ พอดีมีมอไซด์ปาดหน้าน่ะ”
พี่มันรีบหันมาขอโทษขอโพย

รถติดพอดีครับ ดูท่าจะติดนานด้วย พวกมอเตอร์ไซค์มันวิ่งได้ พากันปาดซ้ายปาดขวากันใหญ่

ความเจ็บพาเอาขอบตาผมเริ่มร้อนผ่าว 

“ไม่เป็นไรฮะ”
บอกไปทั้ง ๆ ที่กัดฟันเสียงสั่น มันเจ็บอะ ปวดตุบ ๆ เลย มะนาวขึ้นรึเปล่าก็ไม่รู้

พี่โอ๊คมองเส้นทางตรงหน้า พอเห็นว่าน่าจะติดยาว พี่มันเลยดึงเบรกมือไว้ แล้วจับหน้าผมหันไปมอง

“แดงเลย อีกพักมันคงช้ำแน่ ๆ แต่ไม่โนหรอก”
พี่มันแตะเบา ๆ ผมหัวหดเพราะความเจ็บ พี่โอ๊คหันไปควานหาอะไรบางอย่างในลิ้นชักตรงหน้าผม ไม่นานก็หยิบได้ยาหม่องตราถ้วยทองมาหนึ่งอัน

โห พี่ รถออกหรู มียาหม่องตราถ้วยทองตลับส้มด้วย

“ของย่าพี่เอง”
พี่มันไข

ผมพยักหน้า เงยหน้าผากดี ๆ ให้พี่มันแต้มยาให้ พี่โอ๊คคุ้ยยาหม่องมาปื้นใหญ่ ป้ายลงตรงรอยช้ำวนนิ้วเบา ๆ นวดมัน เหลือบตามองหน้ารถอีกนิดหน่อย เผื่อรถเคลื่อนตัว ก่อนหันกลับมามองผมอีกที

ได้ยินเสียงรถหวอด้วย รถคงชนกันจริง ๆ

น้ำจากปลายเส้นผมของผมหยดหนึ่ง ร่วงแหมะลงมาเกาะค้างไว้ที่ปลายจมูก พี่แกเลื่อนสายตาลงต่ำ ในขณะที่มือยังนวดวนอยู่

ผมมองตามสายตาพี่แก

กูจะดูตลกไหมฮึ มีน้ำอยู่บนจมูกเนี่ย

มันจะเหมือนมีสิวไหม

ผมมองตามสายตาพี่แกไปเรื่อย ๆ ดวงตานั้นเคลื่อนต่ำลงไปหยุดไว้ที่ริมฝีปาก

น้ำคงไม่ได้หยดไปที่ปากกูใช่ไหม

พี่มันจ้องอยู่อย่างนั้น มือที่นวดวนอยู่เริ่มช้าลงเรื่อย ๆ

หรือว่าปากกูจะซีดเหมือนผีจูออนวะ

แล้วสายตาพี่แกก็เลื่อนต่ำลงไปกว่านั้น ตอนนี้เสื้อผมถูกแกะกระดุมไปแล้วห้าเม็ด แรงชนเมื่อกี้ พาเอาแขนเสื้อข้างหนึ่ง หลุดร่นไปทางด้านซ้ายจนหัวนมผมโผล่ มันถูกความเย็นจนแข็งเป็นไตแล้ว

ผมนิ่งครับ ถ้าคนตรงหน้าเป็นพี่เอก ผมคงรีบปิด แต่กับพี่โอ๊คไม่ต้อง เพราะไงก็เป็นผู้ชาย ผมเงยหน้าจากหน้าอกตัวเองมามองพี่โอ๊คอีกที ดวงตาแกตีนิ่งอยู่ที่ดวงตาผม นิ่งจนผมเองยังรู้สึกแปลก ๆ

เอ่อ… อย่ามองกูเหมือนที่พี่เอกมองแบบนั้นได้ไหม

ผมเม้มปาก คลี่ออกและเลียมันเบา ๆ พี่มันมองผมนิ่งค้าง จังหวะมือช้าลงจนแทบจะกลายเป็นแตะไว้เฉย ๆ

แม่ง สายตาน่ากลัวว่ะ

“ผมว่าพอแค่นี้ก็ได้ฮะ”
ผมรีบดึงตัวเองกลับ กำลังจะเอามือลูบหน้าผากตัวเองเพื่อเช็คแต่พี่แกจับข้อมือผมไว้ก่อน

“อย่าจับ เดี๋ยวเผลอไปขยี้ตาเข้า”
พี่มันจับข้อมือผมค้างไว้ตรงหน้า

ข้อมือกูไม่ได้เล็กนะ แต่มือพวกมึงใหญ่เองต่างหาก กำรอบเลย ผมพยักหน้าเข้าใจ ขยับมือเบา ๆ ให้แกปล่อย

รถเคลื่อนตัวพอดีครับ

รอดไป

แต่สายตาเมื่อกี้นี้

บอกตามตรง เป็นสายตาที่ทำให้ผมหวั่นใจยังไงแปลก ๆ ผมไม่อยากให้ใครใช้สายตาแบบนี้กับผมเลย
นอกจากพี่เอกคนเดียวเท่านั้น

*** ***
TBC
นึกภาตาม - , . - น้องกายเอ็กซ์
#ขอบคุณทุกเม้นท์ค่า ^^
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 39 เดินทางกลับ & วันฝนตก [กาย..♥] [24-4-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvercrowkk ที่ 25-04-2015 10:48:36
กายยย. ลูก...  ปาดเลือดกำเดา....
พี่โอ๊คอะะ. เชียรๆๆๆๆ

#ได้กลิ่งหมามาหึ่งๆ
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 39 เดินทางกลับ & วันฝนตก [กาย..♥] [24-4-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 25-04-2015 19:00:09
ได้ถึงหน้า 8 แล้ว ..
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 39 เดินทางกลับ & วันฝนตก [กาย..♥] [24-4-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 26-04-2015 19:52:17
หน้า 11
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 39 เดินทางกลับ & วันฝนตก [กาย..♥] [24-4-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-04-2015 19:52:04
หน้า 12
หัวข้อ: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 40 หึง...หวง [เอก..☼] 1-5-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 01-05-2015 20:31:54

Kiss Love ♥ [40]
หึง...หวง
[เอก..☼]


 
“ไอ้เอก ทำไรอยู่วะ”

“เต้นระบำแก้ผ้ามั้ง”
ผมบอกแม้ไม่ได้เงยหน้ามองคนถาม

“กวน”

ผมช้อนตามอง ไอ้มอครับ มันยืนทำหน้าขัดใจอยู่แถว ๆ ประตู

“มีผู้หญิงมาหาหน้าห้องแน่ะ…เมียอีกคนของมึงอะ”

“กูไม่เคยมีเมีย”

“อ้าว เหรอ เห็นมึงคั่วอยู่ตั้งนานสองนาน ก็คิดว่ามึงจะเลือกคนนี้เป็นเมียซะอีก” มันบอกต่อ

“เออ ลืมไป ตอนนี้มึงคั่วไอ้กายอยู่นี่หว่า แล้วกายเขาอยู่ในฐานะอะไรของมึงวะ กิ๊ก?” มันพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ

คือที่เป็นแบบนี้จะโทษมันก็ไม่ได้ ผมเคยบอกแล้วว่าผมไม่ใช่คนดี นอกจากแฟนคนแรกแล้ว ผมไม่เคยยกใครขึ้นมาเป็นแฟนอีกเลย แม้จะมีผู้หญิงเข้ามาในชีวิต แต่ก็อยู่ในฐานะคนดูใจกันเท่านั้น เหมือนที่ผมคบกับกายตอนนี้แหละ

ซึ่งส่วนมาก ก็ดูใจกันได้ไม่เกินสามเดือนก็เลิก ไม่ผมเบื่อ ก็อีกฝ่ายท้อถอยไปเองเพราะความบ้างานและเฉยชาของผมเอง ผู้หญิงบางคนเข้าใจ แต่ผู้หญิงบางคนไม่ และยังคงตื๊อไม่เลิก ผมจึงชอบควงผู้หญิงที่ตื๊อให้น้อย และบอกก่อนว่าผมไม่ใช่คนดีอะไร คบได้ก็ได้ คบไม่ได้ก็จบ

กลุ่มผมถึงได้เป็นกลุ่มคนที่เจ้าชู้ติดโพลมหา’ลัยไง

ผมไม่ได้เป็นพวกม่อแหลกเหมือนพวกไอ้มอ แต่ผมไม่เคยปฏิเสธสาว ๆ (เน้นว่าสวยและอึ๋มเท่านั้น) เลยดูเหมือนผมเป็นคนที่นิ่งที่สุด

แต่ไม่ได้หมายความว่าผมเป็นคนดีที่สุดเสมอไป

“ต่าย?”
คนนี้ผมคบได้สองเดือนกว่า ๆ กินอร่อยช่วงแรก แต่เบื่อ ๆ ช่วงหลัง

“บอกไปว่ากูไม่ว่าง ทำงานอยู่”

“กูบอกแล้ว แต่เขาจะรอ”

“งั้นก็ปล่อยให้รอไป”

“มึงนี่น้า ใจร้ายกับผู้หญิงชะมัด”

“มึงอยากได้ก็จีบไปดิ กูยกให้”

“ไอ้เลว เขาชอบมึงไม่ได้ชอบกู”

“แต่กูไม่ได้ชอบน้องเขา”

มันถอนหายใจแรง

“ก็จริง”
บังคับอะไรบังคับได้ แต่บังคับใจให้รักหรือไม่รักกับใคร ยากครับ

ตั้งแต่มีรักแรก ผมก็รู้ว่าผมคงจะรักใครอีกครั้งยากขึ้นแน่ ๆ หรือถ้ามีจริง ก็คงจะรักจริงหวังแต่งเลยล่ะ

“งั้นกูไปบอกน้องเขาให้ละกัน”

ผมพยักหน้า ก้มปั่นงานต่อ

ผ่านไปร่วมสองชั่วโมง ผมยืดเส้นยืดสาย เย็นแล้ว ไอ้ตัวเล็กคงกำลังทำงานอยู่ เมื่อวานฝนตกหนักมาก ไม่รู้ว่ามันไปทำงานยังไง

ผมก็มัวแต่ยุ่ง ๆ กับงานที่สภาจนไม่ได้โทรถาม

แต่ผมไม่ใช่พวกตามห่วงใครมากมายอยู่แล้ว โดยเฉพาะพวกที่ผมคบด้วย นอกจากนี้ดและคิดถึงมากจริง ๆ น่ะนะ

ผมยังไม่รู้ว่าจะจัดมันไว้ในประเภทไหนของความสัมพันธ์ดี ผมว่าคงต้องให้ระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

ผมเดินออกมาจากห้อง เห็นต่ายนั่งอยู่บนม้านั่งยาวริมระเบียง

“พี่เอก”
ต่ายรีบเดินเข้ามาคล้องแขนทันที ผมแกะออกเพื่อให้ต่ายรู้ระยะห่างระหว่างเรา ต่ายทำหน้าเสีย

“มีอะไร ทำไมยังไม่กลับ เย็นแล้วนะ”
ผมบอกด้วยความเป็นห่วง

“คิดถึงพี่เอก”
ต่ายยิ้มจนเห็นฟันครบทุกซี่ เพราะรอยยิ้มนี่แหละ ผมถึงได้เลือกคบด้วย

“เย็นแล้ว ไปทานข้าวกันไหมคะ”

“พี่จะกลับไปทานที่บ้าน”
ผมบอกตามจริง

“ให้ต่ายไปด้วยได้ไหมคะ”
น้องถามมาตรง ๆ ซึ่งถ้าผมอยากฟันใครสักคนตอนนี้ ผมคงรับปาก แต่ตอนนี้ไม่อยากครับ ไม่มีอารมณ์

ปกติเห็นนมตูม ๆ แบบนี้ ผมจะของขึ้นแล้ว แต่นี่ ไม่รู้ว่าเพราะเป็นคนที่เคยทิ้ง หรือเพราะสาเหตุอื่น

ต่ายยังไม่หยุดกระตุ้นอารมณ์ผมด้วยการเบียดหน้าอกอึ๋ม ๆ เข้ามาชิด

มึง ชิดมากเดี๋ยวของกูก็ขึ้นหรอก

“พี่เอก…”
น้องเรียกเสียงเบาปนเซ็กซี่

แหมะ ยิ่งเห็นปากแดง ๆ แบบนี้แล้วอยากจูบ
แม้ปากจะแดงเพราะ ลิปกลอสมันวาวก็เถอะ น้ำหอมกลิ่นเย้ายวนลอยคลุ้งไปทั่ว อดพาเอาหัวใจหวั่นไหวไม่ได้

ผมชอบผู้หญิงที่ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้นะ ยั่วยวนดี

น้องผมมันกระตุกนิดหน่อยกับหน้าอกที่เบียดชิดมากขึ้น ตอนนี้ไม่มีคนแล้ว เลยไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะมีใครมาเห็น
สักพัก ต่ายก็โอบคอผมไว้ เคลื่อนริมฝีปากมากดจูบเบา ๆ

นุ่มครับ
ริมฝีปากนุ่มเอามาก ๆ แต่เหนียวกลอสกับรับรสหวานของกลอสนิดหน่อย ได้อารมณ์ไปอีกแบบ

สรุป ผมตวัดปลายลิ้นรับรสจูบหวาน ๆ นั้นทันที

ผมคงเหมือนแมว พอปลาย่างเดินเข้ามาให้กินถึงที่ มีหรือแมวจะยอมทิ้งโอกาสนั้นไป ถึงจะร้างไปนาน แต่ถ้าถ่านยังมีไฟ มันก็คุเอาได้ง่าย ๆ เหมือนกัน

ผมจูบกับต่ายอยู่นานสองนาน ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นใครบางคน ที่ยืนมองผมตาค้างอยู่เงียบ ๆ ห่างออกไปไม่เกินสิบเมตรบนทางเดินเดียวกัน ผมรีบดีดตัวออกห่างจากคนที่กอดอยู่ทันที

หัวใจผมหล่นวูบไปอยู่ปลายเท้า

คนที่ยืนอยู่ห่าง ๆ หลุบตาลงต่ำ กำกระดาษในมือแน่นจนมันยับไปแถบ สักพัก มือที่กำแน่นก็ค่อย ๆ คลายออก แล้วเจ้าตัวก็ก้าวช้า ๆ มาหาผมด้วยใบหน้านิ่งเรียบ

หัวใจผมเต้นโครมคราม กลัวระเบิดจะลง

“อาจารย์ชาติให้เอานี่มาให้เซ็น”
มันพูดเรียบ ๆ ยื่นกระดาษมาให้ ผมรับมาถือไว้ กวาดตามองผ่าน ๆ หยิบปากกาที่เหน็บกระเป๋าเสื้อมาเซ็นให้

“ขอบคุณครับ”
มันยื่นมือมารับ
“ขอโทษฮะ ที่รบกวน”
มันพูดเสียงเรียบ หันหลังเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

คำถามแรก…
มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เวลานี้มันต้องไปทำงานแล้วนี่

และคำถามที่สอง…
มันไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เห็นเลยรึไง

“กาย”
ปากผมเร็วกว่าความคิด คนที่กำลังก้าวห่างออกไปชะงักเท้าค้างไว้กับที่ มันไม่ได้หันมามอง

“วันนี้ไม่ได้ไปทำงานรึไง เวลานี้ต้องอยู่ที่ร้านแล้วนี่”
มันหยุดยืนอยู่นานมาก ก่อนหันมามอง

“พอดีวันนี้ผมติดทำรายงานเลยขอเข้าช้าหน่อย แล้วพรุ่งนี้ค่อยทำยาวอีกที”
มันตอบแค่นั้นแล้วหันหลังเดินลิ่ว ๆ จากไปอย่างรวดเร็ว

ผมอยากก้าวไปดึงแขนมันไว้

แต่รู้สึกผิด

แล้วกูจะรู้สึกผิดไปทำไมวะ

ผมไม่ใช่คนดีที่จะรู้สึกแบบนี้ ควงผู้หญิงสองสามคนพร้อมกันก็บ่อย รถไฟชนกันก็บ่อย นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเท่านั้น

แต่ส่วนมากทุกคนจะวีนแตกหรือไม่ก็ปะทะคารมกันบ้าง ไม่ใช่นิ่ง เงียบ และเดินจากไปเหมือนมัน

ไม่เคยครับ ไม่เคยมีใครเงียบกับผมแบบนี้มาก่อน

คิดไปคิดมาก็เริ่มหงุดหงิด

อะไรวะ จะหึงจะหวงกันบ้างสักนิดไม่ได้รึไง

กูจูบหญิงต่อหน้ามึงนะเว้ยเฮ้ย ทีมึงคุยกับผู้ชายนิดหน่อย ควันก็ออกหูกูแล้ว นี่กูจูบหญิงนะ ถ้ามึงไม่มา กูลากเขาเข้าห้องไปฟันแล้ว มึงจะวีน จะพูดจาด่าทอกูหน่อยก็ได้ ไม่ใช่เดินหนีแบบนี้

“เอ่อ พี่เอกคะ”
ต่ายเรียกผมหวาด ๆ คงเพราะผมเริ่มขมวดคิ้ว ทำหน้าไม่สบอารมณ์

“เรามาต่อกันดีกว่านะคะ”
ต่ายหันมาเชิญชวนด้วยน้ำเสียงยั่วยวน ผมก้มมองใบหน้าน่ารักนั้น ตวัดกลับไปมองใครอีกคนที่ก้าวจากไป

ก้มมองคนตรงหน้าอีกที แล้วตัดสินใจ…

กดจูบอีกครั้ง

เอาวะ กินก่อนละกัน

ผมยืนจูบอยู่ตรงนั้นก่อนลากน้องเดินเข้าห้องไป


ผ่านไปได้แค่สิบนาที ผมก็หยุดทุกกิจกรรมลง หยุดไว้แค่จูบเท่านั้น

มันหมดอารมณ์กลางทาง

จูบไป ก็นึกถึงแต่รสจูบของไอ้กายไป

ลูบไล้แผ่นหลังบางไป ก็นึกถึงแต่แผ่นหลังเนียนเรียบของมันไป

ฟังเสียงครางหวาน ๆ ไป แต่ดันนึกถึงเสียงครางกระท่อนกระแท่นของมันไป

สรุป สติกูกระเจิง

ผมก้มติดกระดุมเสื้อที่อกอึ๋มทะลักออกมาจนล้นกลับที่เดิม

“พี่เอก ทำไมละคะ”

“พี่นึกได้ว่ามีธุระ”
ผมตัดบทแค่นั้น เดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจ

รมณ์เสียครับ น้องผมหดหมดแล้ว และผมต้องไปหามัน หาไอ้คนที่ทำให้อารมณ์ผมเป็นแบบนี้

ผมเดินไปที่รถ สตาร์ทเครื่อง นำรถออกอย่างรวดเร็ว ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วไม่รู้ ตอนนี้มันคงกำลังเดินทางอยู่ ผมวนรถออกมาได้แค่หน้าตึกก็ต้องเหยียบเบรกกะทันหัน จ้องมองแผ่นหลังของคนที่ผมคุ้นเคย ที่ตอนนี้กำลังยืนเผชิญหน้าอยู่กับใครบางคน

แค่แผ่นหลังผมก็จำได้แล้วว่าเป็นใคร และคนที่มันยืนอยู่ด้วย เป็นหนึ่งในคนที่ผมไม่อยากให้มันเข้าใกล้ที่สุดในตอนนี้

“ไอ้โอ๊ค”
ผมครางเรียกเสียงเบา กำลังจะตะบึงรถเพื่อไปรับมันไปทำงาน แต่ก็ช้ากว่า เมื่อไอ้โอ๊คโอบแผ่นหลังมัน แล้วดันเข้าไปในรถ ผมกำพวงมาลัยแน่น

หัวใจผมเหมือนมีเพลิงสักสิบลูกโหมอยู่

“ไอ้โอ๊ค…ไอ้กาย”
ที่มันไม่ได้รู้สึกอะไรกับผม เพราะมันก็มีคนอื่นเหมือนที่ผมมีหรือเปล่า

ผมกำพวงมาลัยแน่นขึ้น รู้สึกแน่นไปทั่วทั้งอก ผมขับรถตามมันไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ตามติดมาก เพราะเดี๋ยวมันจำได้ เส้นทางที่ไป คือร้านที่ไอ้ตัวเล็กมันทำงานอยู่

ยังดีที่มันไม่ได้พาออกนอกเส้นทาง 

ผมขับรถตามหลังมัน เว้นระยะห่างให้มอเตอร์ไซค์เกาะกลุ่มกันอยู่ อย่างน้อยจะได้ไม่เป็นที่สนใจ และผมก็ยังมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในตัวรถนั้นได้

รถจอดติดไฟแดง ผมมองตรงไปด้านหน้า และสิ่งที่เห็นพาเอาผม ต้องกำพวงมาลัยแน่นอีกครั้ง
ไอ้โอ๊คมันโน้มตัวไปหาไอ้ตัวเล็กแล้วก็ทำท่านั้นอยู่นานมาก ก่อนผละออก

ผมไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม ว่าพวกมันกำลังจูบกันอยู่

ผมเคลื่อนตัวรถไปข้างหน้าช้า ๆ ตามจังหวะของรถราที่กำลังติดไฟแดง ความร้อนโหมไปทั่วจนผมแทบจะระเบิดและพร้อมที่จะแผดเผาทุกอย่างให้เป็นจุลลงตรงนี้ 

พอถึงร้าน ผมเห็นไอ้โอ๊คเดินประคองมันไปหลังร้านด้วยความห่วงใย 

ผมจอดรถอยู่ไม่ไกลพวกมัน เลือกจุดอับสายตา แต่สามารถมองเห็นภายในตัวร้านได้ ทุ่มหนึ่งแล้ว มันทำงานอีกสองชั่วโมงก็กลับ

ผมเลือกที่จะคอย คอยเวลาเพื่อดูอะไรต่ออีกนิดหน่อย

ก่อนตัดสินใจที่จะทิ้งมัน หรือเก็บมันไว้ต่อ

ผมนั่งคอย คอยอยู่อย่างนั้น ตรงนั้น นั่งมองมันทำงาน ผ่านฟิล์มดำเลือนลางของกระจกรถ มองรอยยิ้มที่มีฉาบใบหน้ามันไว้บาง ๆ

มันไกล แต่ก็ยังเห็นมันได้ชัดเจน

จนผ่านไปถึงสามทุ่มหน่อย ๆ ผมเห็นมันออกมาในชุดนักศึกษาเหมือนเดิม และตลอดระยะเวลาที่มันทำงาน ไอ้โอ๊คก็มานั่งเฝ้ามันตลอด ผมเห็นพวกมันมองตากันด้วย

มันเดินมาหาไอ้โอ๊ค ก่อนทั้งคู่จะพากันเดินมาที่จอดรถ ซึ่งก็คือคันที่อยู่เยื้องกับผมไปด้านหน้า ผมขับรถตามรถของพวกมันไปเรื่อย ๆ เหมือน ๆ ตัวเองจะเป็นโรคจิต ผมไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน ถ้าใครไม่ต้องการผม ผมก็ไม่ง้อ

แต่ผมยังไม่เคยเป็นที่ไม่ต้องการ เลยไม่รู้ความรู้สึกมันเป็นไง แต่ตอนนี้ผมว่าผมกำลังรับรสความรู้สึกนั้นแล้ว และผมกำลังหึงหวงมัน

รถจอดหน้าบ้าน ผมจอดห่างออกไป ก้าวลงจากรถ ยืนรอจนกว่าไอ้โอ๊คจะออกมา มันหายไปเกือบครึ่งชั่วโมง
เป็นครึ่งชั่วโมงที่ผมทรมานเป็นที่สุด

ตอนนี้พวกมันกำลังทำอะไรกันอยู่

อยู่ในท่าไหน

มันจะครางแบบไหน ถ้าไม่ใช่ผม

ตัวมันจะสั่นไหม

มันจะครางเรียกชื่อใคร

ผมหรือไอ้โอ๊ค

ไอ้เชี่ย!!
นอนกับไอ้โอ๊ค มันคงจะครางเรียกชื่อมึงหรอกนะ ผมด่าตัวเองในใจ

ผมหลับตาลงแน่น นึกถึงเรือนร่างมันที่ผมเคยสัมผัส นึกถึงทุกความรู้สึก และสายตามันที่ทอดมองมาที่ผมด้วยดวงตาหยาดเยิ้ม

แค่คิดร่างกายผมมันก็ร้อนรุ่มขึ้นมาทันที

ผมยืนกำหมัดแน่น

และประตูหน้าบ้านก็เปิดออก ไอ้ตัวเล็กทำหน้าเหมือนคนหมดแรงเดินออกมาส่งไอ้โอ๊คที่รถ มันยกมือเกลี่ยแก้มเนียนที่ผมชอบหอมนั้นประจำ ไอ้ตัวเล็กยิ้มให้เบาบาง แล้วไอ้โอ๊คก็หันหลังเดินขึ้นรถขับจากไป

มึงฟัดกันจนกายโทรมขนาดนั้นเลยเหรอวะ

ไอ้ตัวเล็กมองตามรถคันนั้นจนลับสายตา หันหลังเดินกลับเข้าบ้านไป ผมก้าวตามมันไปเงียบ ๆ เหมือนที่ผมเคยทำ

ไม่รู้ว่ามันเป็นพวกรู้ตัวช้า หรือว่าผมเป็นพวกย่องเบาจัด ๆ กันแน่ มันถึงยังไม่รู้ตัว แล้วถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ผมล่ะ มันจะถูกทำอะไรไหม

แต่ก่อนมันอยู่กับแม่ แต่ตอนนี้มันอยู่คนเดียวแล้ว อันตรายรอบด้าน

แต่มันกลับไม่ระวัง ไม่ระวังอะไรเลย

ไม่ว่าจะคนอื่น…หรือกับตัวผม

ทันทีที่มันเปิดประตูออก ผมก็ผลักบานประตูแทน มันหันมามองหน้าตื่น

“พี่เอก”
ผมดันประตูปิดลง เขยิบเข้าไปชิด ใช้สายตากวาดมองไปทั่ว ตั้งแต่หัวจรดเท้า

“พี่เคยบอกว่าไง”
ผมใช้เสียงเย็นกับมัน

“อะ อะไร”
มันถามกลับกุกกัก ก้าวถอยไปด้านหลัง

“นายเป็นของพี่กาย นายเป็นของพี่”
ผมกระชากมันเข้ามาใกล้ แล้วกดจูบสุดแรง

คนคนนี้เป็นของผม และผมจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปได้เป็นอันขาด

*** ***

To Be Con..
ไอ้พี่เอกกกกกกก ทำไมทำกับน้องกายแบบเน้!!!!!

หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 40 หึง...หวง [เอก..☼] 1-5-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: monsterkim ที่ 01-05-2015 22:14:59
พี่เอก พี่อย่าทำอะไรกายนะ กายไม่ผิดซักหน่อย ในเมื่อพี่ทำกับคนอื่นได้อะแล้วทำม้ายทำไมน้องกายจะทำไม่ได้

แล้วที่จริงน้องกายก็อาจจะไม่ได้ทำอะไร? อย่างนั้นจริงๆก็ได้(มั้ง)
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 40 หึง...หวง [เอก..☼] 1-5-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 02-05-2015 19:52:32
หน้า 14
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 40 หึง...หวง [เอก..☼] 1-5-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 03-05-2015 07:34:50
ติดตามมมมมมมมมมมม

สงสารกายอ่าาาาาา
 :ling1:
พี่เอกเหันแก่ตัวชะมัด
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 40 หึง...หวง [เอก..☼] 1-5-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 05-05-2015 18:43:08
หน้า 17 แล้ว ..
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 40 หึง...หวง [เอก..☼] 1-5-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 11-05-2015 19:30:49
พระเอกเรื่องนี้ควรด่าว่าอะไรดีอ่ะ ตัวเองทำได้แต่อีกคนทำไม่ได้
คบไว้ในฐานะอะไรเนี้ย ที่ระบายความใคร่แต่ก็ให้การดูแล
ให้ความหวังแต่ก็พร้อมจะทิ้งเสมอ พอคบ3 เดือนก็เลิกเลย
จะว่าเลิกก็ไม่ได้เพราะสถานะไม่ชัดเจน
ตามไปอ่านที่อีกเว็บแม้จะชอบอ่านที่นี่มากกว่าก็ตาม
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 40 หึง...หวง [เอก..☼] 1-5-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 13-05-2015 02:10:04
เอกเห็นแก่ตัว
หัวข้อ: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 41 โรคจิต [กาย..♥] 15-5-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 15-05-2015 20:40:25

Kiss Love ♥ [41]
โรคจิต
[กาย...♥]


ผมครางด้วยความเจ็บปวด เมื่อพี่เอกเบียดชิดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ผมทำได้เพียงครางพร่า ร้องขอความเห็นใจ สองขาผมถูกจับแยกออกกว้าง ในขณะที่ท่อนล่างถูกกระหน่ำลงมาจากคนที่ทำให้ผมร้องไห้วันนี้

“พี่เอก”
ผมครางด้วยน้ำเสียงแหบแห้งหลับตาลงรับแรงกระแทกกระทั้นที่กระชั้นเข้ามาไม่หยุด แรงโหมรุนแรงที่เต็มไปด้วยเพลิงร้อน
พี่เอกทำแบบนี้ทำไม ทั้งที่พี่ก็มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นมาแล้ว แล้วทำไม ยังมาทำแบบนี้กับผมอีก

น้ำตาผมไหลพรากจากดวงตาร่วงหล่นลงมาข้างแก้ม เสียงครางแหบแห้งผมดังก้องไปทั่ว แต่คงไม่ดังเข้าหู ของคนที่ยังโหมแรงอยู่ด้านบน พี่มันจับผมพลิกคว่ำลงกับโซฟา แล้วจัดการสอดใส่เข้ามาอีกครั้ง

“เจ็บ!”
ผมร้องขอความเห็นใจ แต่สิ่งที่ได้คือแรงกระแทกที่เพิ่มมากขึ้น ผมจำต้องกางขาออกกว้างเพื่อให้สิ่งนั้นเข้ามาได้โดยที่ตัวเองไม่เจ็บปวดมากไปกว่านี้

เหมือน ๆ พายุจะหยุดลงหลังจากความอุ่นซ่านแผ่ขยายไปทั่วทั้งภายใน ผมหอบแฮ่ก หายใจเข้าปอดแทบไม่ทัน เหน็ดเหนื่อยไปกับความเสียวซ่านผสมเจ็บปวดที่ได้รับ

แล้วสิ่งที่อยู่ภายในก็กระตุกเบา ๆ ผมครางตามสิ่งนั้น ก่อนพี่มันจะเอื้อมมือมาอุดปากผมไว้ แล้วจัดการกระหนำความร้อนเข้ามาอีกครั้ง

เจ็บครับพี่เอก

ผมเจ็บ

ไม่ใช่ที่ร่างกาย

แต่เป็นหัวใจผม

ที่มันเจ็บ

ที่พี่เห็นผมเป็นเพียงแค่เครื่องระบาย

ที่ไม่เคยพอสำหรับตัวพี่

เคยอ่านแต่ในนิยายที่พระเอกข่มขืนนางเอกจนสลบ ตอนนี้ผมรับรสนั้นด้วยตัวเองแล้ว ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนเช้าของอีกวัน

ระบม…
เป็นความรู้สึกเดียวที่รับรู้ได้ในตอนนี้ ผมขยับตัวเบา ๆ ตัวร้าวเป็นไงผมรู้ซึ้งอีกครั้ง มันเจ็บไม่ต่างกับวันแรกที่ผมโดนพี่มันพรากจิ้นไปเลย พี่มันกอดผมไว้ในอ้อมแขนแน่น ผมขยับตัวเพิ่มอีกนิดพี่มันก็สะลึมสะลือตื่นตาม คงเจ็ดโมงแล้ว เพราะเป็นเวลาตื่นนอนของผม

พี่มันเหวี่ยงตัวขึ้นมาคร่อมผมไว้ ซุกหน้ากับซอกคอผมรุนแรง ฟันคมไล่งับไปทั่วจนผมเจ็บไปหมด

“พอ…”
ผมคิดว่าผมใช้เสียงทั้งหมดที่มีนะ แต่ทำไมมันถึงได้เบาหวิวโรยแรงขนาดนี้ พี่เอกชะงัก หยุดการกระทำก้าวร้าวมามอง
ผมกำลังร้องไห้อีกแล้ว ผมคิดว่าน้ำตาผมมันหมดไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วซะอีก ไปกับการกระทำของพี่เอก ไปกับภาพที่เห็น
ครั้งสุดท้ายที่ผมร้องไห้ คงเป็นตอนที่พ่อเลิกกับแม่ พ่อหอบเสื้อผ้าเดินทางออกจากบ้านไป ผมจำได้ว่าร้องไห้หนักมาก ร้องไปเป็นวันเลย ผมเลยสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะไม่ร้องอีกแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะเข้มแข็ง

แต่แล้วเมื่อวาน ผมกลับร้องไห้ขึ้นมาดื้อ ๆ ร้องทั้ง ๆ ที่ไม่อยากร้อง ร้องไปกับภาพที่เห็น

ผมยืนมองคนสองคนจูบกันอยู่นาน ไม่ได้อยากมอง แต่ขามันแข็งจนก้าวไม่ออก จนพี่เอกมันเงยหน้าขึ้นมาเห็น ผมถึงตั้งสติได้ ผมพยายามระงับก้อนอะไรบางอย่างที่คั่งค้างอยู่ที่อก ก้าวช้า ๆ ไปยื่นกระดาษงานให้

ผมไม่น่ารับหน้าที่นี้เลย อุตส่าห์ดีใจ เพราะจะได้เจอพี่เอกอีกครั้ง แต่ผมเสียใจ เมื่อสิ่งที่ผมเห็นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ

พี่มันไม่สำนึกอะไร ถามกลับผมด้วยน้ำเสียงธรรมดา ผมหันหลังพร้อมน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมาเป็นสาย น้ำตาที่ผมไม่คิดจะให้พี่มันได้เห็น ผมไปยืนหลบอยู่หลังกำแพงตรงบันได

หันกลับไปมองอีกที เพื่อจะได้เห็นว่าพี่มันจูบกับผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง แล้วก็พากันเดินเข้าห้องไป ผมได้แต่ยิ้มกับตัวเอง

ก็รู้ ๆ กันอยู่ ว่าตัวเองคงไม่ได้เป็นคู่นอนเพียงคนเดียวของพี่มัน

ผมจับจี้ที่คอผมแน่น มันเป็นสิ่งเดียวที่พี่เอกทำให้ผม หรือพี่มันจะทำสิ่งนี้ให้กับคู่นอนทุกคน

‘You're mine’
แล้วคำคำนี้ พี่แกมีไว้ให้ผมคนเดียว หรือมีไว้ให้ใครหลาย ๆ คน ผมไม่รู้ ผมเดินไร้แรงลงมาจากตึก จนพี่โอ๊คเข้ามาทักด้วยความตกใจที่เห็นผมเดินร้องไห้ลงมา พี่มันพยายามปลอบใหญ่ ผมก็ได้แต่ยืนร้องไห้ไปเงียบ ๆ ให้พี่มันปลอบ

ผมไม่ได้สะอื้น ไม่ได้ปล่อยโฮ ไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมา แค่ปล่อยให้น้ำในดวงตาไหลรินลงมาเฉย ๆ เหมือนกับเปิดก็อกให้น้ำมันไหล ชำระล้างความเสียใจให้หายไป

พี่โอ๊คพยายามเช็ดน้ำตาให้ผมตลอด ผมปล่อยให้พี่แกเช็ดไปเรื่อย ๆ จนถึงร้าน ผมถึงได้เรียกสติตัวเองกลับมา และดึงน้ำตากลับเข้าไปภายใน พี่โอ๊คนั่งรอเป็นเพื่อน และอาสาจะพากลับ ผมไม่ว่าอะไร สวมหน้ากากที่พ่อเคยให้เอาไว้

หน้ากากแห่งความอดทน

พ่อบอกว่า ถ้าอ่อนแอมาก ๆ และอยากจะเข้มแข็งแต่มันทำไม่ได้ ก็ให้หยิบหน้ากากนี้ขึ้นมาสวม และคิดว่าตัวเราไม่ใช่ตัวเรา ให้เวลามันผ่านไป แล้วค่อยถอดหน้ากากออก

ตอนแรกผมไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ผมรู้ความหมายที่พ่อต้องการจะสื่อแล้ว วันนี้ผมหยิบหน้ากากอันนั้นมาสวมและทำงานไปเรื่อย ๆ จนครบสองชั่วโมง

พอเลิกงาน พี่โอ๊คก็พาผมกลับ พี่แกถามผมตอนเข้าบ้านว่าไหวไหม

เพียงคำถามเดียว หน้ากากที่ผมสวมมาตลอดสองชั่วโมงถูกกะเทาะออก ผมร้องไห้อีกครั้ง โดยมีพี่โอ๊คยืนโอบผมเอาไว้ ให้อกกว้าง ๆ เป็นที่พักพิง ลูบหัวปลอบประโลม ไล้น้ำตาที่ไหลไม่หยุดออกไป

พี่แกไม่ถามถึงสาเหตุที่ทำให้ผมร้องไห้แม้แต่นิดเดียว สิ่งที่แกทำ คือเฝ้าปลอบใจผม จนผมดีขึ้น

ผมขอเวลาอยู่คนเดียว ผมต้องการกำจัดความรู้สึกแย่ ๆ นี้ทิ้งไป

ผมต้องการมีความสุข เพราะงั้น ผมต้องขอเวลาเพื่อเขี่ยความทุกข์ทิ้งไปก่อน พี่โอ๊คเข้าใจ แม้จะเป็นห่วง แต่ก็ยินยอมที่จะจากไป

แต่ทันทีที่ผมเปิดประตู ต้นเหตุแห่งความทุกข์ของผม ก็มายืนอยู่ตรงนี้

ตามมาอย่างเงียบเชียบ ยืนอยู่ด้านหลังผม ใช้ปลายมีดกรีดแทงผมผ่านสายตาคมเข้ม ผ่านคำพูดเยือกเย็น กรีดแทงลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ให้ผมดับสลายลง แล้วใช้เรือนร่างสูงใหญ่นั้น เป็นดั่งก้อนหินทับถมลงมาสร้างความปวดร้าวให้ผมตลอดทั้งค่ำคืน
ผมมองคนที่ชะงักเพราะเห็นน้ำตาที่กำลังไหลพรากของผม ผมกัดฟันเม้มปากแน่น หลุบเปลือกตาลงต่ำหนีดวงตาที่กำลังสับสนนั้น

ผมไม่สน ผมไม่แคร์ คนที่ไม่คิดจะแคร์ผม และเห็นร่างกายนี้เป็นเพียงแค่เครื่องระบายอารมณ์อีกต่อไป

“ไป…”
ผมพูดเสียงเบา
“ออกไป..."
ผสมพร่าเลือน แรงกดที่ข้อมือผมเพิ่มน้ำหนักขึ้นไปอีก ผมช้อนตามอง

ดวงตาคมที่กำลังสับสนเมื่อกี้แปรเปลี่ยนเป็นเพลิงร้อนขึ้นมาอีกครั้ง ผมหลุบเปลือกตาลง ปิดแน่นเพื่อกรีดน้ำตาออกไปให้หมด

“ออกไป”
ผมบอกอีกครั้ง

“ไอ้โอ๊คมันมีดีอะไร”
พี่มันถามกลับเสียงเครียด ผมช้อนตามอง เห็นพี่มันบดกรามแน่น จ้องตาผมเขม็ง

แล้วพี่โอ๊คมาเกี่ยวอะไรด้วย

“ปล่อย”

“พี่ถามว่าไอ้โอ๊คมันมีดีอะไร!!”
พี่มันตะคอกถามจนผมสะดุ้ง น้ำตาผมไหลพรากลงมาอีกครั้ง

“พี่เอก…”
ผมครางเรียกเสียงแผ่ว
“ปล่อย...”
ร้องขอด้วยน้ำเสียงแหบพร่ายิ่งกว่าเดิม

“กาย!!”
พี่มันตะโกนเสียงดัง ซุกหน้ากับซอกคอผมอีกครั้ง
“นายเป็นของพี่นะกาย ของพี่!!”

“ผมไม่ได้เป็นของพี่!!”
ผมตะโกนกลับ ใบหน้าที่ซุกอยู่เงยขึ้นมามองด้วยความไม่พอใจ

“นายเป็นของพี่!!”
พี่มันกระชากเสียงกลับ

“แต่พี่ไม่ได้เป็นของผม…”
ผมหยุดเสียงตัวเองไปนาน
“...เพียงคนเดียว”
ก่อนคำพูดสุดท้ายจะหลุดออกมาตาม แต่มันก็แผ่วเอามาก ๆ จนผมไม่แน่ใจว่าพี่เอกจะได้ยินไหม ผมกลืนน้ำลายในคอเบา ๆ

“ปล่อยผมได้แล้ว ปล่อยผมไป พอแล้วพี่เอก ปล่อยผมไปเถอะ พี่มีคนคอยอยู่เคียงข้างพี่ตั้งเยอะ ผมไม่อยากเป็นหนึ่งในนั้น”
ผมบอกไป แม้น้ำเสียงจะแหบแห้งและโรยแรงแล้วก็ตาม พี่มันจ้องผมกลับ

ม่านน้ำที่กำลังไหลหล่นในดวงตาผม ทำให้ใบหน้าพี่เอกพร่าเลือนไปชั่วขณะ

อยากเช็ดมันออก อยากกำจัดมันทิ้งไป

สัญลักษณ์แห่งความอ่อนแอ

แต่ตอนนี้…

สองแขนผมถูกกดไว้

มือยังไร้อิสระ

เช็ดก็ไม่ได้…หยุดร้องก็ไม่ได้ ไม่มีพี่โอ๊คอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครมาช่วยเช็ด ผมเลยได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลร่วงอยู่อย่างนั้นเป็นทาง
ผมมองไม่เห็นพี่เอกแล้ว ภาพตรงหน้ามันขาวโพลนไปหมด

แต่แล้วอยู่ ๆ แขนผมข้างหนึ่งก็รู้สึกเบาหวิว แรงกดหนักเมื่อกี้หายไปแล้ว ก่อนจะรู้สึกว่านิ้วของใครบางคนกำลังเช็ดน้ำตาออกให้เบา ๆ ผมกะพริบตาไล่หยาดน้ำอีกเม็ดทิ้งไป ใบหน้าคมเข้มหลังม่านน้ำขาว ๆ แลดูอ่อนโยนจนน่าแปลกใจ

“พี่ไม่ได้นอนกับผู้หญิงคนนั้นนะกาย”
พี่มันพูดแค่นั้น ผมกะพริบตามองอีกที

ไม่ได้นอนได้ไง เห็นลากเข้าห้องกันขนาดนั้น

“ไม่จำเป็นต้องโกหกผมหรอก”

“พี่ไม่ได้นอนกับเขา พี่แค่ลากเขาเข้าห้องหวังทำ แต่พี่ทำไม่ได้”
พี่มันก้มจูบซับน้ำตาข้างซ้ายที่กำลังไหลรินของผม

“เพราะในหัวพี่มีแต่ภาพของกาย”
ผมกะพริบตาปริบ ๆ มองคนตรงหน้า

“พี่จะไปนอนกับใครได้ล่ะตอนนี้”
พี่มันเลื่อนไปจูบซับที่น้ำตาอีกข้าง

“เพราะเวลาจะนอนกับใคร ก็เห็นคนคนนั้นเป็นนายไปซะหมด”
พี่มันยกหน้าขึ้นมามองตาผม

หา!!

เป็นกูเนี่ยนะ?

เห็นพวกผู้หญิงไซส์ 36 เป็นอกแบน ๆ เนี่ยนะ!!

“ถึงจะมีนมใหญ่ ๆ มาลอยอยู่ตรงหน้า แต่ภาพที่พี่คิดถึง มีแค่หัวนมเม็ดเล็ก ๆ เท่าเม็ดองุ่นนี้เท่านั้น”
คำพูดมาพร้อมกับการกระทำ พี่เอกก้มกัดหัวนมผมเบา ๆ จนผมผวาเฮือก

มึงไม่ต้องสาธิตเสมือนจริงขนาดนี้ก็ได้

“พอสัมผัสใคร ก็จะนึกถึงแต่เรือนร่างนี้”
คำพูดมาพร้อมกับการกระทำอีกแล้ว พี่เอกลูบมือผ่านร่องเอวผมเบา ๆ ไปที่ข้างสะโพก บีบแรงที่แก้มก้นจนผมผวาเฮือก เผลอหลับตาลงด้วยความวาบหวาม

เฮ้ย! กูไม่ได้อ่อนไหวนะ

กูแค่ชินมือ!

ผมปรือตามองคนหื่นตรงหน้า

“พอจูบกับใคร…”
พี่มันหยุดนิ่ง จ้องมาที่ปากผม จนผมต้องเม้มแน่นเพื่อหลบหนี ก่อนคลายออกมาเลียมันเบา ๆ เพราะความเมื่อย

“พี่ก็นึกถึงแต่รสจูบของกาย”
แล้วพี่มันก็ก้มจูบผมอีกทีเบา ๆ และโหมแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนผมครางสะท้าน วาบหวิวจนครางหนักตามมา

พี่มันดึงหน้าขึ้นมาจ้องตาผมอีกครั้ง

“พอฟังเสียงใครคราง แต่ในหัวพี่ กลับจำได้แค่เสียงครางของนายเพียงคนเดียว”

กูว่ามึงอาการหนักแล้วนะ

ผมนอนนิ่งครับ ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไป นอกจากกะพริบตาแสดงความปัญญาอ่อนของตัวเองออกมา

“พี่บอกความรู้สึกของพี่ตรง ๆ ไม่ได้นะกาย แต่ตอนนี้ในหัวพี่มีแต่เรื่องของนาย…เรือนร่างของนาย...และเสียงของนาย”

เอ่อ ให้กูพาไปหาจิตแพทย์ไหม มึงเข้าขั้นโรคจิตแล้วนะ

“และพี่ไม่ต้องการให้ใครมาแตะต้องนายด้วย”
พี่มันพูดเนิบ ๆ เคลื่อนมือที่กำลังยุบยับร่างกายผมมาเล่นบทโหดของป๋าพิศาลต่อ สองมือใหญ่กดต้นแขนผมแน่น สายตาที่เคยนุ่มนวลเมื่อกี้ แปรเปลี่ยนเป็นเพลิงร้อน

“แต่นายกลับยอมยกร่างกายนี้ให้คนอื่นง่าย ๆ”

“ผมเปล่า”
ผมปฏิเสธทันที พี่มันส่งสายตาด่าทอ

“แล้วที่พี่เห็นล่ะ คืออะไร”

ผมงงครับ

“แล้วพี่เห็นอะไร”
ผมถามกลับ

กูจะได้ตอบมึงถูก

“เห็นไอ้โอ๊คมันกอดนายที่มหา’ลัย”

“นั่นเพราะผมกำลังร้องไห้ พี่โอ๊คเขาเลยปลอบ”

พี่มันนิ่งไป

“แล้วบนรถตอนติดไฟแดงอีก”

ผมพยายามนึก ตอนไหนวะ ถ้าใกล้สุดก็คงเป็นตอนพี่โอ๊คเช็ดน้ำตาให้ผม

“พี่โอ๊ค คงกำลังเช็ดน้ำตาให้ผมอยู่”
เพราะตอนนั้นใกล้ที่สุดแล้ว แรงบีบที่มือผมหนักขึ้นไปอีก

มันจะโมโหอะไรเนี่ย!

ก่อนจะคลายออกเมื่อผมเบ้หน้าแสดงความเจ็บปวด

“ไหนจะให้มันมานั่งมองตาเยิ้มในร้านกาแฟอีก”

“นั่นเพราะพี่เขาเป็นห่วงผม เลยอาสาจะมาส่งตอนผมเลิกงาน”

“แล้วหายเข้ามาในบ้านกันตั้งนานสองนาน”

“เพราะผมร้องไห้อีกครั้ง จนพี่เขาต้องคอยปลอบไง”
ผมหลุบเปลือกตาลงต่ำ

สรุป กูมีแต่ร้องไห้กับร้องไห้ใช่ไหมเนี่ย ทำตัวแต๋วแตกไปได้

แต่เดี๋ยวนะ…

มึงเห็นกูตั้งแต่กูลงมาจากชั้นบน

งั้นพี่มันก็ไม่ได้จึกอะดึ๋ยกับผู้หญิงคนนั้นน่ะสิ เพราะจำได้ว่าไม่กี่นาทีเอง คนอย่างพี่เอก ถ้าคิดจะเอาใคร คงไม่ได้เอาแค่สิบนาทีแน่ ๆ (ถ้าสิบชั่วโมง น่าเชื่อถือกว่าอีก)

แอบดีใจครับ

แต่เดี๋ยวนะ…

พี่มันเห็นพี่โอ๊คเช็ดน้ำตาให้ผมในรถ…

งั้นก็แปลว่า พี่มันก็ขับรถตามมาตลอดน่ะสิ

โรคจิตได้อีก
คิดในแง่ร้ายไว้ครับ แต่แอบดีใจหน่อย ๆ โดนพี่เอกตามเชียวนะ

แต่เดี๋ยวนะ…

พี่มันเห็นพี่โอ๊คมานั่งมองผมตาเยิ้ม (จริง ๆ มองธรรมดานั่นแหละ พี่แกคิดไปเองมากกว่า) แล้วพี่เอกมองมาจากมุมไหน ในร้านก็ไม่เห็นมี หรือว่าพี่มันจะแอบมองผมจากมุมอื่น

โรคจิตได้อีก (แต่ดีใจอีกแล้วครับ)

ขอเดี๋ยวอีกรอบนะ…

พี่มันเห็นพี่โอ๊คหายเข้ามาในบ้าน แล้วพี่มันก็ตามผมมาตอนพี่โอ๊คกลับไปพอดิบพอดี

สรุป…

พี่มันตามผมมาตลอดทางงั้นเหรอ

“พี่ตามผมมา”
ผมถามหลังจากตั้งสติได้ พี่มันชะงัก

สรุป…
มึงเองก็เพิ่งรู้ตัวใช่ไหม ว่าตามกูมา

“ใช่”
แล้วมันก็ยอมรับง่าย ๆ

มึง เล่นตัวหน่อยก็ได้ เถรตรงไปไหน

“โรคจิต”
โอ้ ปากมึงหนอ ไอ้กาย

เห็นพี่มันกระตุกยิ้มมุมปาก ประหนึ่งยอมรับข้อกล่าวหานั้น มันทำหน้าเหี้ยม ก้มมาจนเกือบชิด ตวัดปลายลิ้นบ่งบอกความจิตออกมาเต็ม ๆ

ผมชักเริ่มหวาด ๆ แล้วครับ หรือว่าพี่เอกจะเป็นโรคจิตจริง ๆ

“สรุป นายไม่ได้มีอะไรกับใคร”

“มี”
ผมตอบสั้น ๆ แรงกดหนักที่แขนแรงขึ้นจนผมเบ้หน้า ดวงตาคมที่ทอแสงอ่อนลงเมื่อกี้ โหมเพลิงขึ้นมาใหม่

มึงขี้โมโหไปไหม เดี๋ยวก็เป็นความดันหรอก

“ใคร!!!”
พี่มันกระชากถามเสียงเข้ม ผมเม้มปากแน่น อดทนต่อความเจ็บที่กดมา

มึงนี่โรคจิตเห็น ๆ

ซาดิสม์ ขี้หึง ขี้โมโห ขี้ตู่ ขี้หกเบ้ ๆ (อันหลังไม่เกี่ยวล่ะ = =)

“เจ็บ…”
ผมครางห้าม แต่พี่มันกลับบีบแขนผมแรงยิ่งกว่าเดิม

“ใคร!!”
พี่มันกระชากถามอีกที ผมกัดฟันมองตาเพื่อวอนขอความเห็นใจ

“ก็โรคจิตที่ให้สร้อยเส้นนี้กับผมมาไง”
พี่มันชะงักครับ ชะงักไปนาน ก่อนคลี่ยิ้มราวเทพบุตรที่ทำเอาผมขนลุกซู่

“งั้นก็พี่น่ะสินะ”
พี่มันกระซิบบอก ก้มลงมางับคอผมเบา ๆ

“มีเรียนช่วงบ่ายใช่ไหม”
พี่มันถาม

“งั้นเวลาที่เหลือ โรคจิตจะได้ใช้ให้คุ้ม”
แต่ไม่คิดจะเอาคำตอบจากผมเลยสักนิด

ครับ แล้วผมก็ถูกโรคจิตฟัดจนเยิน

เกิดมาเป็นไอ้กาย กูล่ะกลุ้ม

*** ***
อ่านไปอมยิ้มไป(แก้มตุ่ย) พี่เอกนี่นอกจากจะหื่นแล้วยังเป็นโรคจิตอีก คึก ๆ
โดยส่วนตัวแล้วชอบพระเอกนิสัยเสียนะมันเร้าใจให้ความรู้สึกแบบพี่พิศาล ตบจูบ ตบกัด ตบฟัดไรงี้
ขอบคุณเข้ามาอ่านนะคะ ดีใจ :impress2:
หัวข้อ: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 42 นี่เมียกู!! [เอก] 22-5-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 22-05-2015 20:23:22

Kiss Love ♥ [42]
นี่เมียกู!!
[เอก...☼]


สรุป 
คนที่ทำมันร้องไห้…ก็คือผม

คนที่ทำมันเสียใจ…ก็คือผม

และคนที่ได้ครอบครองมันไว้

ก็คือผม…เพียงคนเดียว

ดีใจครับ

แต่ผมเสียใจที่ทำมันเจ็บ(หลายรอบแล้วนะเนี่ย) สาเหตุมาจากความหึงหวงของผมทั้งนั้น นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนกันนะ ถ้าเป็นแฟนกันจริง ๆ จัง ๆ ขึ้นมา ผมจะขี้หึงขนาดไหน

ตั้งแต่จบรักครั้งแรกไป ผมก็ไม่คิดจะคบใครจริงจังอีก เลยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นพวกขี้หึงสุด ๆ ขนาดนี้

โรคจิตก็เท่านั้น

ขี้โมโหอีกต่างหาก

หื่นก็ได้โล่

นี่ตกลงมันเห็นทุกรูขุมขนของความเลวของผมหมดเลยนี่หว่า

ผมจูบซับหน้าผากมันอีกรอบ ตอนใส่จังหวะให้ร่างกายช้า ๆ ลมหายใจผมยังหอบกระชั้น เหน็ดเหนื่อยราวกับคนวิ่งมาราธอนมาแสนไกล แม้แอร์ภายในจะเย็นฉ่ำ แต่ร่างกายกลับชุ่มโชกไปด้วยหยาดเหงื่อ

หยดน้ำเม็ดแล้วเม็ดเล่าจากตัวผม ไหลร่วงใส่แผ่นหลังขาวเนียนเหมาะแหมะจนตัวเปียก

มันมีเสน่ห์ครับ มีเสน่ห์จนผมอยากกินไม่รู้จักอิ่ม

ผมกลายเป็นพวกตัณหาจัดไปแล้ว

“พอ…พี่เอก”
มันครางห้ามเป็นครั้งที่ล้านได้ แต่ผมก็ไม่คิดจะหยุด เพราะหลังจากมันครางห้าม มันก็จะเปลี่ยนเป็นครางหวาน แล้วบีบแขนผมแน่นบ่งบอกความเสียวซ่านจากรสรักที่ผมเฝ้าประเคนให้

เทคนิคไหนที่ว่าเด็ด ๆ จุดไหนที่ว่าเจ๋ง ๆ ผมงัดมาใช้หมด มีร้อยผมให้พัน มีหมื่นผมให้แสน อยากทำให้มันมีความสุข สมกับที่ต้องอดทนมารองรับอารมณ์ดิบเถื่อนของผม

มันครางสะท้านร่างกระตุกเกร็ง เมื่อผมนำพามันไปถึงปลายทางครั้งสุดท้าย

พอแล้วครับ ไม่อยากให้มันสลบไปอีกรอบ

“กาย นายเป็นของพี่นะ”
ผมพลิกมันหันมาเผชิญหน้า กระซิบบางคำ แทนอีกคำที่ผมยังไม่พร้อมจะบอก

เอาไว้พร้อมเมื่อไหร่ จะรีบบอกมันแล้วกัน

มันตาปรือ ทำท่าจะหลับ ผมยิ้ม ถอนร่างตัวเองออก อุ้มมันเดินเข้าห้องน้ำไป 

บริการหน่อย ใช้คุ้มแล้วนี่

“กายเป็นเมียพี่แล้วนะ ห้ามให้ใครมาแตะร่างกายนี้เด็ดขาด”
ผมกระซิบข้างหู มันเบิกตากว้าง ผมอมยิ้ม กอดมันไว้ แล้วอาบน้ำให้อย่างดี

มันขืนครับ คงอาย แต่ผมอะด้าน

แล้วเราก็มานั่งกินข้าวเที่ยงกันในบ้านของมันนั่นแหละ ผมลงมือทำกับข้าวด้วยตัวเอง เพราะมันไม่ไหว เพิ่งรู้ว่าวันนี้มันไม่มีเรียน (ปกติมี แต่วันนี้ไม่ต้องเข้า เพราะอาจารย์ไม่เช็คชื่อ) แล้วมันจะไปทำงานเพื่อชดเชยเวลาที่มันลาไปเมื่อวาน

“ไหวแน่เหรอ”
ผมถามด้วยความเป็นห่วง คือถ้าเรียน มันแค่นั่งเฉย ๆ ผมถึงได้เล่นมันเต็มที่ แต่ถ้าทำงาน มันต้องเดิน แล้วสภาพเดี้ยง ๆ แบบนี้จะไหวไหมนี่

“ไหวไม่ไหวก็ต้องไหว” มันพูดเสียงแหบ

“แล้วทำไมไม่บอกพี่”
มันตวัดสายตาค้อนผมยกใหญ่

“แล้วพี่ฟังผมรึไง” มันเริ่มบ่นครับ

อย่านะ!!

อย่าเป็นเหมือนคุณแม่นะ

แล้วมันก็เงียบไป สงสัยมันจะอ่านใจผมได้

ผมไม่ชอบผู้หญิงขี้บ่นครับ ฟังแล้วเบื่อ จะรีบทิ้งทันที

มันเงียบลง ก้มหน้ากินเอากินเอา ไม่พูดอะไรต่อเลยแม้แต่คำเดียว

ผมนั่งรอมันบ่นต่ออยู่

เฮ้ย!! ต่อว่ากูอีกสักหน่อยก็ได้(เอาไงแน่วะกู) กูเลวนะเว้ยเฮ้ย ทำมึงเจ็บ ทำมึงเสียงาน ทำมึงหิวข้าวด้วย

“นี่ ไม่คิดจะต่อว่าพี่อีกหน่อยรึไง”
ผมให้สิทธิ์ มันช้อนตามอง

“ด่าไปก็เท่านั้น ผมไม่ชอบด่าใคร”
แล้วมันก็เงียบไปอีก

แม่ะ ดีวุ้ย งี้อยู่ด้วยกันได้

แล้วมันรู้ได้ไงว่าผมไม่ชอบพวกขี้บ่น หรือมันอ่านใจผมออก

“ไม่อยากนิสัยเหมือนแม่” แล้วมันก็เฉลยโดยที่ผมไม่ต้องถาม “มีเมียแบบนี้ คงอยากทิ้งวันละหลาย ๆ รอบ”
ผมยิ้มแก้มบานเลย

“ยิ้มอะไร” มันถาม

“ยอมรับแล้วใช่ไหม ว่าเป็นเมียพี่”
ชะงักเลยครับ ช้อนมันชะงักค้างกลางอากาศ จ้องหน้าผมเขม็ง แล้วแก้มมันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนสี 

โห น่ารักมากเลยเหอะน้อง

กูเคยเห็นแต่ผู้หญิงอาย เพิ่งเห็นผู้ชายอายก็ตอนนี้แหละ

จริง ๆ ผมไม่ใช่พวกชอบแกล้ง แต่เวลาแกล้งมันแล้ว สนุกดีครับ หน้ามันจะแดง พูดไม่ถูก ทำอะไรไม่ถูก น่ารักดี

แล้วมันก็ก้มหน้าก้มตากินต่อ ไม่พูดอะไรเลย

หรือไม่ มันก็เถียงไม่ออก
 
ผมขับรถไปส่งไอ้ตัวเล็กที่ร้าน โทรไปบอกไอ้เป้ว่าไม่เข้าเรียน มันจะตามมาอีกทีหลังจากจบคลาส ผมไปนั่งรอมันที่โต๊ะเดียวกันกับที่ไอ้โอ๊คมันนั่งรอเมื่อวานนั่นแหละ

นี่ ๆ นั่งทับที่มันซะเลย ฉี่ได้ฉี่ไปแล้ว ประกาศถิ่นครับ ถิ่นใครถิ่นมัน

ตัวนี้เมียกู ใครอย่าแตะ

แง่งงง!!!

ตอนนี้ผมนั่งกอดอก แยกเขี้ยวแง่ง ๆ ใส่ตัวผู้ทุกตัวที่เหล่ไอ้ตัวเล็ก

พอประกาศว่ามันเป็นเมีย(แม้จะไม่ใช่แฟน – เอ๊ะ ยังไง) ผมก็ยิ่งแผ่รังสีหมาหวงก้างมากขึ้นไปอีก

แต่ตอนนี้สงสารมันครับ เห็นมันเดินด้วยท่าทางเจ็บ ๆ กูก็ล่อมันซะระบมตั้งแต่เมื่อคืน ตื่นไหวก็บุญแล้ว ผมเลยเดินไปที่เคาน์เตอร์ แล้วขอคุยกับผู้จัดการ วันนี้พนักงานน้อยครับ จะให้มันหยุดก็ไม่ได้

สรุป ผมเลยขอทำด้วย แล้วให้มันพัก บอกไปว่ามันไม่สบาย

“แหม ได้กายมาช่วยนี่ดีนะ เดี๋ยวคนนู้นคนนี้อาสามาช่วย เยอะแยะเลย”

ผมขมวดคิ้ว

“ใครครับ”

ผู้จัดการทำท่าคิด

“ก็มีคุณพัฒน์”

อ๋อ พ่อมัน

“คุณชรินทร์”

อ้าว เฮ้ย!! มาได้ไง

“แล้วก็อีกคนที่อาสาจะช่วย แต่พอดีกายเขาห้ามไว้ เลยไม่ได้ช่วย”

“ใครครับ”

กูถามเป็นคำถามเดียวรึไง

“คุณโอ๊คน่ะ”

ผมกำหมัดแน่น

ตัวผู้เป็นแพเชียว

พวกมึงคิดจะแย่งคนของกู…รอไปก่อนเหอะ

“กายเขาเป็นที่รักของคนอื่นน่ะ”
ผมบอกผู้จัดการไปงั้น

แต่มันเป็นคนของกูโว้ย!!
ก่อนประกาศกร้าวบอกทุกคนทั่วหล้าในใจ

“อืม อันนั้นเห็นด้วย งั้นฝากคุณด้วยนะ วันนี้เขาหน้าซีดกว่าเมื่อวานอีก คงไม่สบายจริง ๆ”
คุยกันง่ายครับผู้จัดการคนนี้ ผมเลยระหกไปห้องแต่งตัว เอาชุดของไอ้เป้มาใส่ หุ่นมันเท่า ๆ กับผม(แต่ผมตัวสูงกว่ามันห้าหกเซ็น)

พอไอ้ตัวเล็กมันเห็นผมในชุดพนักงานเสิร์ฟ มันมองผมอึ้ง ๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า

หล่อใช่ไหมน้อง

แล้วมันก็หน้าแดง เสมองไปทางอื่น

เออ…วุ้ย

อายได้น่ารักเป็นบ้า

งั้นวันนี้ กูจะทำตัวหล่อลากไส้ ให้มึงหลงกูจนโงหัวไม่ขึ้น ยกเว้นตอนก้มหน้าลงไปครางหวานอย่างเดียวอะนะ

อกุศลได้อีกกู

มันไม่ยอมพักครับ ดื้อยังไงก็ดื้ออย่างนั้น แต่ผมไม่ปล่อยโอกาสให้มันได้ทำงานหรอก

พอลูกค้ามา ผมก็รีบเดินนำหน้าหล่อ ๆ ไปรับออเดอร์แทน พอมันจะเดินไปรับของที่เคาเตอร์ ผมก็เดินตัดหน้าไปรับของมาเสิร์ฟแทน พอมันทำท่าจะค้าน ผมก็แค่ชี้หน้า แล้วมันก็ต้องหุบปากลง 

เอ้อ มึงหุบไปเลย อ้าตอนอมของกูก็พอ

รู้สึกผมจะหื่นไปไหม?

ผมคิดว่าตัวเองทำหน้าที่ได้ดีนะ ลูกค้าเยอะขึ้นทันตาเห็น (เพราะอะไรวะ) และดูจะเยอะเกินไปด้วยซ้ำ และที่แปลกไปกว่านั้น

พวกนั้นกำลังถ่ายรูปผมอยู่

แล้วก็พากันกรี๊ด กรี๊ดแบบจริง ๆ จัง ๆ ด้วย กรี๊ดเหมือนเห็นพวกดาราเกาหลี แล้วจำนวนคนในร้านก็แน่นขึ้นจนผู้จัดการร้านต้องโทรเรียกสมุนทั้งหลายที่หยุด ๆ กันไปให้มาช่วย

พวกน้อง ๆ ยังกรี๊ดกันไม่หยุด แล้วน้องคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า

“หนูรู้ว่าไม่อยากให้รบกวนเวลาส่วนตัว แต่ไม่ไหวแล้ว พี่เอกคะ ขอลายเซ็นหน่อย”
น้องยื่นกระดาษสีชมพูหวานแหววมีรูปหัวใจประปรายมาให้พร้อมปากกาแลนเซอร์แท่งละห้าบาท ผมมองงง ๆ

“ผมว่าอย่าดีกว่า ผมเป็นแค่พนักงานร้านกาแฟธรรมดา”

“กรี๊ดดดดด”

โอ๊ย!! กูเบื่อเสียงกรี๊ดพวกนี้จริงเชียว

“อ๊ะ! พี่กาย พี่คือพี่กายใช่ไหมคะ หนูขอลายเซ็นด้วย”

อ้าว เฮ้ย ๆ!! อย่ายุ่งกับคนของกู ออโต้ครับ พวกผู้หญิงทำท่าจะเข้ามาหากาย ผมกลัวมันเจ็บ เลยโอบตัวมันไว้ เหวี่ยงหนีไปอีกทาง

“กรี๊ดดดดดดดดดด”
คราวนี้เสียงกรี๊ดกระหึ่มยิ่งกว่าเดิม

เอ่อ กูว่ามันไม่ปกติละ

ผมกับกายมองหน้ากัน

“ไม่ทราบว่ามากรี๊ด ๆ พวกพี่กันทำไม”
ผมถามตรง ๆ

ยืมมาดของท่านประธานใหญ่มาใช้ครับ

“ก็พวกหนูเป็นแฟนคลับบอร์ด ‘GooGuy’ น่ะค่ะ”

งงครับ มันคืออะไร ผมทำหน้างง ๆ แต่คนข้าง ๆ ผมทำหน้าอึ้ง ๆ

อะไรคือกูกายกันวะ

ไอ้ตัวเล็กข้างผมยิ้มแหะ ๆ โค้งขอโทษทุกคนแล้วลากผมไปหลังร้าน ตอนนี้คนอื่น ๆ ถูกเรียกมากันแล้ว ไอ้เป้กับไอ้เต้ยก็มาแล้วเหมือนกัน พวกมันพากันตกใจน่าดูที่เห็นจำนวนคนมากมายขนาดนี้

“ขอโทษฮะ”
มันยกมือขึ้นพนมมือจรดหน้าผากค้างไว้กลางอากาศ

“เรื่องอะไร”

“ก็ความวุ่นวายข้างนอก”

ผมเลิกคิ้วงงเต็ก

“พี่จำได้ไหมเรื่องบอร์ดที่ผมบอก”

ผมระลึกอยู่ชาติเศษก่อนถึงบางยี่ขัน(บางอ้อมันเชยไปแล้ว)

“ทำไม”

“ก็คงเพราะภาพนั้นแหละ ผมเห็นจำนวนแฟนเพจกับแฟนคลับเยอะผิดหูผิดตา แต่ไม่ได้เอะใจอะไร แต่ประกาศเตือนทุกคนว่าห้ามยุ่งกับคนในภาพเด็ดขาด ไม่งั้นจะลบทุกภาพทิ้ง”
มันยิ้มแหะ ๆ ผมจ้องหน้ามันเขม็ง

จริง ๆ ก็ความผิดผมด้วยที่ยอมให้มันลง ผมไม่รู้ว่าภาพมันก๊อปปี้หรืออันก๊อปปี้ แต่เมื่อลงเน็ต ก็มีพวกที่ใช้เทคนิคนำภาพไปต่อยอดได้เหมือนกัน (ผมก็เคยทำเป็นบางครั้ง ง่ายจะตาย)

“จริง ๆ ผมล็อกภาพไว้แล้ว แต่คงมีบางคนก๊อปไปลงที่อื่นด้วย”

มันยิ้มหน้าเสีย ผมถอนใจแรง มันทำหน้าเสียยิ่งกว่าเดิม

จริง ๆ ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก ถ้ามันไม่ถึงที่สุดน่ะนะ ชื่อเสียงมีได้มันก็หายได้ ดังไม่นานคนก็ลืม ถ้าไม่ได้เอาไปทำอะไรเสียหายน่ะนะ

ผมอมยิ้มจ้องหน้าเจี๋ยมเจี้ยมของมัน

“พี่เคยบอกว่าไง”

มันเงยหน้ามอง แล้วก็คงงงกับคำผม

“พี่บอกว่า พี่จะถูกผู้คนใช้สายตาโลมเลีย มันเสียหาย และตอนนี้ พวกเขาตามติดพี่มาถึงตัว เสียหายยิ่งกว่าเดิม”

มันหน้าซีดครับ ซีดแบบซีดเผือด คงไม่คิดว่าการกระทำของตัวเองจะสร้างความลำบากใจให้ผมขนาดนี้

“จ่ายค่าตัวพี่มา”

มันทำหน้าเสียยิ่งกว่าเดิม

“ขอโทษครับ ผมจะลบทุกภาพออก แต่ถ้าพี่จะเอาค่าเสียหายจริง ๆ ก็อย่าคิดแพงนะฮะ ผมจะรีบหาเงินมาจ่ายให้”
มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ซื่อหรือบื้อวะ

ผมกระเถิบไปยืนตรงหน้ามัน ก้มลงจนปากชิดใบหู

“ไม่แพงหรอก”

มันเงยหน้ามอง

“แค่ตัวนายทั้งตัว”

ครับแค่นั้นแหละ

ผมจูบมันเบา ๆ ที หันหลังเดินอารมณ์ดีจากมา

ได้แล้วครับ ได้ข้ออ้างอีกข้อ ในการยึดมันไว้แล้ว

ปล่อยให้คนอื่นได้โลมเลียผมทางสายตา แต่ผมได้กินไอ้กายมันทั้งตัว โดยที่มันจะปฏิเสธอะไรผมไม่ได้เลย

ฮ่า ๆ ๆ ผมเลวได้อีก

จริงไหม?

*** ***
TBC..
จะมีพระเอกคนใด กะล่อนได้โล่เท่าพระเอกคนนี้ได้อีก?

สอบถามจ้าา ใครรู้วิธีลงนิยายแบบถูกต้องในเล้าแนะนำทีค่าา แล้วทำไงให้ขึ้นสถานะที่หน้าหลักว่า "New" คนอื่นอัพเดทขึ้น new หมดของข้าน้อยไม่มีอยู่คนเดียว รู้สึกเหมือนจะลงผิดวิธีไรงี้แหละ รบกวนด้วย ขอบคุณค่ะ ^^

หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 42 นี่เมียกู!! [เอก] 22-5-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกสมุนตัวเอฟ ที่ 28-05-2015 23:10:34
 :impress2: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 42 นี่เมียกู!! [เอก] 22-5-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 30-05-2015 19:49:51
สงคราม ..
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 42 นี่เมียกู!! [เอก] 22-5-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: sodawan1 ที่ 30-05-2015 19:51:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 42 นี่เมียกู!! [เอก] 22-5-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 31-05-2015 17:44:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 43 พี่เอก..พี่เอก..พีเอก..(กาย) p.18 up.1-5-2015
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 01-06-2015 20:37:35
Kiss Love : 43
พี่เอก.. พี่เอก.. พี่เอก       
 กาย....♥

ในโลกนี้จะมีใครเจ้าเล่ห์ไปกว่าผู้ชายที่กำลังกระซิบข้างหูผมตอนนี้อีกไหมครับ

ขี้หึง โหด หื่น หน้าด้าน เจ้าชู้ ขี้โมโห ขี้ตู่

ผมขอเพิ่ม ‘เจ้าเล่ห์‘ เข้าไปอีกข้อ

แต่ผมทำอะไรไม่ได้ครับ แพ้ทางตลอด ตั้งแต่เสียจูบแรกให้พี่มันไปแล้ว

แม่ม

เสียจิตจริง ๆ 


“พี่เอกกกกกกก”
พอออกไปด้านนอก ก็เห็นพวกทโมนพากันวิ่งหน้าตั้งฝ่าวงล้อมสาว ๆ เข้ามาหาพี่มัน พี่เอกก็งงที่เห็นพวกทโมนมาอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน

“พอดีพวกแฟนคลับพี่เขาส่งทวิตเตอร์บอกทุกคนน่ะค่ะ ว่าพี่อยู่ที่นี่”
น้องมันเฉลยครับ ผมถึงบางอ้อทันที

งั้นที่ทุกคนแห่มาเพราะทวิตเตอร์ตัวเดียวน่ะสินะ

“พี่กายร้ายอะ ขโมยพี่หนูมา”
น้องทำท่าเง้างอด

กูไม่ได้ขโมย มันมาของมันเอง

“พี่ทำกายเขาเดินแทบไม่ได้น่ะ เลยมาทำงานแทน”
มึงจะจริงใจกับน้องมึงไปไหม โกหกบ้างอะไรบ้าง เห็นแก่หน้าบาง ๆ ของกูหน่อยเหอะ

พวกน้อง ๆ รู้ครับ พากันทำสายตากรุ้มกริ่มเชียว ผมทำเป็นไม่สนใจ รีบเดินเลี่ยงไปทำงานของตัวเองต่อ ต้องเดินเบา ๆ ครับ ยังเจ็บอยู่
สักพัก พวกน้อง ๆ ก็วิ่งไปทางหลังร้าน แล้วก็วิ่งออกมาอีกทีพร้อมผ้ากันเปื้อนลายเดียวกับผมคาดไว้ที่เอว สามสาวในชุดนักเรียนน่ารัก กลายเป็นพนักงานเสิร์ฟชั่วคราวของร้านไปแล้ว

ปกติที่นี่ไม่มีพนักงานเสิร์ฟผู้หญิงหรอกครับ มีแต่ผู้ชาย ส่วนพวกผู้หญิงจะรับหน้าที่อื่นไปทำแทน อย่างพี่อร(อายุเยอะสุด)เป็นแม่บ้านดูแลทำความสะอาดเบื้องหลัง ซักผ้า เก็บกวาดทำความสะอาดรอบ ๆ ร้าน ส่วนพวกโต๊ะเครื่องดื่ม พนักงานเสิร์ฟต้องเป็นคนทำครับ พี่เอกับพี่นุ้ยทำเครื่องดื่ม พี่เนเน่เป็นแคชเชียร์สลับกับพี่โฟน

ลูกค้าเยอะครับ ใครมาของานทำตอนนี้ ผู้จัดการรับหมด พวกน้อง ๆ ก็สนุกกันใหญ่ แต่วิ่งวุ่นกันซะเยอะ จนผมที่ควรจะอยู่นิ่ง ๆ ต้องเดินเจ็บ ๆ ไปดูแลอีกระลอก โดยมีพี่เอกเดินตามตูดผมมาอีกที

“นี่หยุดเดินได้แล้ว” พี่มันปราม

“หยุดได้ยังไงล่ะพี่ พวกน้อง ๆ ทำอะไรกันไม่ค่อยเป็น เห็นไหม”
ผมเถียงแกกลับ แต่เบา ๆ ครับ เพราะรอบด้านยังมีสาว ๆ มายืนมองกันอยู่ ผมกับพี่เอกเริ่มชินกับเสียงแชะ ๆ รอบด้านแล้วด้วย

เอาเถอะ ถือว่าหาลูกค้าให้ร้านละกัน

“กาย!”
พี่มันทำเสียงเครียด ก้มหน้าลงต่ำจนหน้าผากพี่มันแทบจะชิดหน้าผากผมอยู่รอมร่อ

“กรี๊ดดดดดดดด!!”
ไม่ใช่เสียงแปดหลอดที่ไหนหรอกครับ เสียงพวกสาว ๆ น่ะ จะได้ยินทุกครั้งที่พี่เอกมันเข้ามาใกล้ ๆ ผม ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะกรี๊ดกันไปทำไม 

หรือเพราะความหล่อมันคูณสอง?

หึหึ คิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนครับ

“โอ๊ย อ้อนเหนื่อย”

“แอมก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”

“ไอเมื่อยแขนแล้ว ถาดหนักมากกก”
สาวสามเริ่มบ่นกระง้องกระแง้งกันแล้วครับ ผมเลยเดินเข้าไปหาน้อง ๆ ลูบหัวปลอบใจเบา ๆ

“ไม่ไหวก็พักกันก่อนก็ได้ ฝืนทำมาก ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเมื่อยยิ่งกว่านี้นะ”
พวกทโมนยิ้มแป้น พากันเกาะแขนผมแน่นหนึบ

“รักพี่กายที่สุดเลย”
แล้วผมก็โดนอ้อนครับ ท่ามกลางสายตาประชาชีนั่นแหละ

“ทำไมวันนี้คนเยอะจังฮึ”

ผมหันไปมองเจ้าของน้ำเสียงนุ่ม ๆ ของคนที่เดินหน้าหล่อแทรกฝูงชนเข้ามา

“ป๋าาา”

เปล่าครับ ไม่ใช่เสียงผม

เป็นเสียงของสามทโมนเขาน่ะ พวกน้อง ๆ ผละจากผมวิ่งไปกอดป๋าทันที ส่วนผมระงับอารมณ์ดีใจไว้ฮะ ค่อย ๆ เดินไปหาพ่อแบบเนียน ๆ

เจ็บตูดวุ้ย

“ทำไมเดินแบบนั้นล่ะลูก”
แก่แล้วหูตายังไวอีกนะ

ผมทำหน้าจืด กูจะอธิบายยังไงดีวะเนี่ย กำลังจะบอกพ่อว่าหกล้มมา(ท่าคลานด้วย) แต่ไอ้ตัวต้นเหตุมันเดินหน้าหล่อมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังของผมก่อน   

พ่อมองหน้าจืด ๆ ของผมทีสลับกับคนที่ยืนทำหน้านิ่ง ๆ ด้านหลังที

เหมือน ๆ พ่อจะรู้สาเหตุแล้วฮะ

ไม่ต้องทำสายตาอย่างนั้นก็ได้ ผมอาย

พี่เอกทักทายพ่อนิดหน่อย ก่อนเดินไปทำงานต่อ

คนเยอะครับ ดีที่ผู้จัดการสั่งของมาตุนไว้ กี่แก้วก็บ่ยั่น พี่เอกับพี่นุ้ยนี่มือแทบพันกัน จนพี่เป้ต้องอาสาเข้าไปช่วยอีกแรง โดยมีไอ้เต้ยเกาะหนึบไปเป็นลูกมืออีกที

ปกติเวลาไม่มีลูกค้า พี่เป้จะชอบเข้าไปขลุกอยู่กับพี่เอเพื่อดูวิธีทำ หรือบางทีก็ไปช่วย ๆ ทำบ้าง จนรู้สูตรแทบจะทุกอย่าง ทำแทนได้สบายฮะ ส่วนไอ้เต้ย รายนั้นทำอะไรไม่เป็นหรอก ไปเป็นลูกมือหยิบจับข้าวของอย่างเดียว

สรุป ข้างนอกมีผม พี่เอก สามสาว (ที่เริ่มบ่นว่าเมื่อยแล้ว) และพวกพี่ ๆ ที่ถูกโทรเรียกตัวมากะทันหันสามคน พี่โจ พี่ไนท์ และพี่เก่ง

พ่อนึกสนุกครับ เดินไปหาผู้จัดการ ผู้จัดการยื่นผ้ากันเปื้อนให้ทันทีโดยไม่ต้องพูดอะไร(ที่ร้านมีเยอะครับ)

หล่อครับ พ่อผม แกคงเพิ่งกลับมาจากคุยกับลูกค้า วันนี้พ่อผมใส่เชิ้ตสีฟ้านวลแบบหนุ่มออฟฟิศ กางเกงสแลคสีดำ รองเท้าหนังสีดำ และตอนนี้ก็มีออฟชั่นเสริมเป็นผ้ากันเปื้อนมีโลโก้ของทางร้านคาดไว้ที่เอว เซตผมเท่เสยไปด้านหลัง แบบที่ผมชอบให้พี่เอกชอบทำนั่นแหละ
จริง ๆ พ่อจะทำผมทรงนี้ก็ต่อเมื่อต้องไปติดต่อธุระสำคัญ ๆ จริง ๆ (เพราะทำแล้วหล่อกว่าเดิม ลูกค้าเห็นแล้วหลงเสน่ห์ แม้คนที่ไปติดต่อด้วยจะเป็นผู้ชายก็เถอะ)

ไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อย ๆ หรอก(พ่อไม่ค่อยชอบโชว์เหม่ง เห็นบอกว่าดูแก่ ไว้ผมทรงวัยรุ่นปิดคิ้วปิดตาหน่อย ๆ ดูหน้าเด็กกว่า)

เวลาพ่อทำผมทรงนี้ทีไร ผมถึงได้ชอบไง เหอ ๆ ถ้าพี่เอกรู้ คงไม่น้อยใจนะ

พ่อเขาชำนาญครับ เดินถือสองถาดไปเสิร์ฟ ยิ่งรู้ว่าพวกที่มาเป็นพวกที่ปลื้มภาพที่ผมถ่ายกับภาพพี่เอกแล้วด้วย พ่อยิ่งบริการดีเป็นสิบเท่า
สนุกครับ บอกได้คำเดียวว่าสนุกมาก ผมนี่ทำงานแทบลืมเจ็บ แต่ข้างกายผมมักจะมีพี่เอกยืนอยู่เคียงข้างเสมอ ซึ่งตอนนี้
เราสองคนทำงานคล้ายพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารระดับห้าดาว โดยพี่เอกทำหน้าที่ถือถาดเครื่องดื่ม ส่วนผมทำหน้าที่ยกเสิร์ฟให้ลูกค้าอีกที ผมยิ้มไมตรีให้ลูกค้า ส่วนพี่เอกทำหน้าเป็นปูนปลาสเตอร์เหมือนเดิม 

“กรี๊ดดดดด”
และนี่คงแทนคำว่าขอบคุณ

เราต้องสั่งน้ำแข็งเพิ่มอีกเป็นลัง ๆ เลย เพราะไม่พอ นอกนั้นเหลือเฟือครับ คิดว่ายอดขายวันนี้ คงครอบคลุมไปได้ทั้งเดือน ผู้จัดการร้านยิ้มหน้าบานเลย

 
หมดแรงครับ กว่าจะต้อนให้ลูกค้าออกจากร้านได้หมดก็สี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ผู้จัดการเลื่อนประตูลง กลับป้ายหน้าร้านเป็น ‘Close’ เป็นอันจบพิธี พวกเรานั่งหอบแดก สามสาวแทบจะเป็นลมล้มพับ

คุณแม่โทรตามแล้ว แต่สาว ๆ ยังดื้อขออยู่ต่อ แล้วสัญญาว่าจะลากพี่เอกกับผมกลับไปด้วย

แล้วกูไปเกี่ยวอะไรด้วยวะเนี่ย

“โทษทีนะ หิวกันน่าดู เดี๋ยวจะโทรสั่งหมูกระทะมาให้กิน”
ผู้จัดการร้านเดินตัวลอย ๆ ไปหาโทรศัพท์ วันนี้แกเหนื่อยไม่แพ้กัน เพราะต้องลงมารับลูกค้าด้วยตัวเอง 

ไม่เกินครึ่งชั่วโมง(โห ทำอย่างกับพิซซ่า) หมูกระทะห้าเซตใหญ่ ๆ ก็มากองอยู่ตรงหน้า พร้อมอุปกรณ์ครบเซต พวกเราแค่ตั้งเตา รอหม้อเดือด และซัดไม่เหลือซาก

ผมมานั่งตีพุง หลังจากผ่านสงครามกระเพาะพิฆาตไปยี่สิบนาที กินกันเหมือนห่าลงครับ หิวกันจัด ๆ

“สนุกดี”
พ่อบอก ผมหันไปมอง

“ถ้าแม่อยู่น่าจะสนุกกว่านี้”

พ่อทำหน้าบู้บี้(รู้ละ ผมทำหน้าแบบนี้เหมือนใคร)

“ได้ทะเลาะกันร้านพังน่ะสิ”

ผมหัวเราะร่วน มันก็จริง

พ่อยกนาฬิกามอง

“ดึกแล้ว กลับกันเลยไหม”
พ่อชวน แต่สามทโมนรีบแย้ง

“ไม่ได้ค่ะ หนูสัญญากับป๊ากับม๊าไว้แล้ว ว่าจะพาพี่เอกกับพี่กายกลับบ้านให้ได้วันนี้”

พ่อเลิกคิ้วสูงกับคำนั้น แต่สามสาวทำท่าตั้งปราการจนพ่อไปไม่เป็น

“ไปค้าง…” พ่อถามสั้น ๆ

“ค่ะ/ค่ะ/ค่ะ”
แล้วสามสาวก็พร้อมใจกันตอบอีกที พ่อหันมามอง ผมทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม พ่อหัวเราะหึทีเดียว เดินมากระซิบข้างหูผม

“เข้าบ้านสามีไปแล้วเหรอลูก”

“ป๋า!!!”

พ่อหัวเราะร่วน เดินไปหยิบกระเป๋า แล้วเดินกลับมาหาผมอีกที

“งั้นพ่อกลับละ จะนอนกับเรานี่ต้องจองคิวก่อนใช่ไหม” พ่อแซวต่อ

พี่เอกมันยังตีหน้านิ่ง

เฮีย พ่อรู้นานแล้วล่ะเฮีย ไม่ต้องเก็กก็ได้

ผมเดินไปส่งพ่อที่รถ โดยมีสามสาวเดินตามมาส่งด้วย และเหมือนเป็นประเพณีของบ้านเราไปแล้ว ไปไหนมาไหนต้องบอกลาหรือทักทายกันด้วยการหอมแก้ม พวกทโมนรีบเอียงแก้มให้พ่อหอมใหญ่ ผมล่ะขำ

พ่อก็รับมุขซะเต็มประดา

“วันหน้า พากันไปค้างที่บ้านบ้างสิ”
พ่อชวนพวกน้อง ๆ สามทโมนพากันตอบรับเสียงใส

“บ้านไหน” ผมถาม

“อ้าว ก็บ้านเราไง”

ผมเลิกคิ้ว ก่อนทำสายตากรุ้มกริ่มมอง

“ยอมเข้าบ้านได้ง่าย ๆ แล้วเหรอฮะ”
พ่อเบ้หน้า

“ยังไงบ้านนั้นพ่อก็เป็นคนซื้อ แล้วแม่ก็โอนให้เราเรียบร้อยแล้วนี่”

ผมอมยิ้ม

“ครับ ๆ”

แล้วพ่อก็ก้าวเท้าขึ้นรถขับจากไป

ไปแล้วครับหนึ่ง พวกพี่ ๆ คนอื่น ๆ ก็ทยอยกลับกันแล้วเหมือนกัน

“พี่เป้ เต้ยเหนื่อย ขอไปนอนด้วยคนนะ”
ไอ้เต้ยมันอ้อนพี่มัน พี่เป้โหมดเงียบ(ไอ้เต้ยกับผมพากันเรียกงี้) ปรายตามองนิดหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรครับ พี่แกคงเหนื่อย ไอ้เต้ยก็คงจะเหนื่อยไม่แพ้กัน เพราะวันนี้มันทำงานหนักด้วย(ปกติเป็นคุณหนูตลอด) สงสารเหมือนกัน พี่เป้ไม่ตอบปฏิเสธ แต่เดินลิ่ว ๆ นำไปที่รถ ไอ้เต้ยรีบวิ่งตามไปทันที

พวกเราบอกลาผู้จัดการ แล้วก็พากันยกโขยงกลับบ้าน 

หลังจากก้าวขึ้นรถ ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว เหมือน ๆ จะได้ยินเสียงน่ารัก ๆ ของพวกทโมนเอ่ยเรียก รู้สึกตัวอยู่นะ แต่ไม่อยากลืมตาตื่น มันเบลอ ๆ ง่วง ๆ  มึน ๆ ยังไงบอกไม่ถูก

หลังจากนั้นก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ สักพักแผ่นหลังก็สัมผัสถึงความนุ่มสบายของพื้นเตียง 

ได้ยินเสียงพ่อกับแม่พี่เอกด้วย อยากลุกไปทักทายนะ แต่ไม่ไหวครับ ง่วง เพลีย เหนื่อยเหลือเกิน

รู้สึกเย็น ๆ ไปทั่วทั้งหน้า ลำคอ แขนและขา มันเย็นสบายจนผมต้องเอียงหน้าหน่อย ๆ ให้ความเย็นนั้นซึมซับเข้ามาได้มากขึ้น แล้วหลังจากนั้นสติผมก็จางหายไป


ไม่อยากตื่นครับ มันง่วงสุดติ่งจริง ๆ ผมกระแซะสิ่งที่ผมกอดไว้แน่น มุดหน้าให้มากที่สุดเท่าที่จะมุดได้ ก่อนจะรู้สึกว่ามีอะไรแข็ง ๆ มาทิ่มที่หน้าท้อง ผมปรือตามอง

สิ่งแรกที่เห็น คือแผงอกกว้างของใครบางคน ผมค่อย ๆ แหงนหน้าไล่สายตาสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนไปสบเข้ากับดวงตาคมเข้มที่ทอดมองผมอยู่ก่อนแล้ว ต่ำลงมาอีกนิด ริมฝีปากหยักได้รูปกำลังคลี่ยิ้มบางเบาส่งมาให้

“พี่เอก”

“น้องพี่มันตื่นขึ้นมาทักทายแต่เช้าแน่ะ”

เบลอครับ นี่พวกทโมนเข้ามากันตั้งแต่เช้าเลยเหรอ ผมหันไปมองที่หน้าประตู แต่ไม่เห็น พอมองไปรอบ ๆ ห้องก็ไม่เห็นใครอีก หันกลับมาที่เดิม ก็เห็นพี่มันอมยิ้มขำ ๆ ชี้นิ้วจึก ๆ ไปด้านล่าง ตรงกลางระหว่างเราสองคน ไปยังจุดที่มีอะไรแข็ง ๆ ทิ่มผมไว้นั่นแหละ

ผมตื่นแทบจะทันที มันอายครับ อายฉิบหาย

ผมรีบคลายอ้อมกอดผลักตัวเองออกเบา ๆ แต่พี่มันดึงผมกลับไปที่เดิม พลิกตัวนอนหงายแล้วดึงผมขึ้นไปนอนคว่ำไว้บนตัวแก

คือ…

ส่วนนั้นของพี่มันก็กำลังแข็งโป๊กน่ะนะ

“พี่เอก ไม่เจ็บรึไง”
ผมถามตามจริง ผมโดนยังเจ็บเลย พี่มันส่ายหัว

“เสียวมากกว่า”

ด้าน!!

ด้านมากมาย

ผมอ้าปากค้าง อยากด่าพี่มันสักสิบประโยค

“จ่ายค่าตัวได้แล้ว”
พี่มันทวง ผมทำหน้างง

พี่มันชี้มือไปข้างล่างอีกที ผมเอี้ยวหน้าไปมอง ก่อนหันกลับมาทำตาปรอยเพราะร่างกายยังเมื่อยไม่หายเลย

“ผมไม่ไหวแล้วนะ”

“พี่รู้”
มึงรู้ แล้วยังจะให้กูอะจึ๋ง ๆ กับมึงอีกนะ

“พี่ไม่ได้ให้กายใช้ไอ้นี่นี่”
พี่มันบีบแก้มก้นผมที
“แต่ให้ใช้ไอ้นี่ต่างหาก”
แล้วเลื่อนมือมาแตะที่ปากผมเบา ๆ

ให้กูโม๊กให้แต่เช้าเนี่ยนะ

“พี่ไปปล่อยในห้องน้ำไม่ได้เหรอ”
ผมต่อรอง ธรรมชาติผู้ชายครับ ตั้งได้ตอนตื่น ลดได้ด้วยมือ ผมก็เป็น แต่ไม่ทุกเช้าแบบเฮียแก

“ค่าตัว”

แม่ม…ทวงจริงวุ้ย

ผมกัดปากแน่น ด่าพี่มันทางสายตา ก่อนค่อย ๆ กระเถิบตัวลงไปทำหน้าที่ของตัวเอง

เช้าวันนี้ คงเป็นเช้าที่ผมรู้สึก…

เมื่อยปากเป็นที่สุด

แต่ก็ตัวเบาครับ ไม่เหนื่อยร่างกายดี ผมเดินเข้าห้องน้ำต่อจากพี่มัน พออาบน้ำอาบท่าเสร็จ ก็เดินออกมา พี่เอกหายไปแล้ว ผมมองหาชุดนักศึกษาของตัวเอง

มันหายไป...

กูมีเรียนช่วงเช้านะเว้ยเฮ้ย

ผมหยิบเสื้อเชิ้ตที่ใส่นอนเมื่อคืนมาใส่ พี่มันก็ชอบให้ผมใส่ชุดนี้จริงจัง ชอบอะไรนักหนาก็ไม่รู้

ผมรีบเดินตรงไปยังหน้าประตู จะออกไปถามว่าชุดของผมอยู่ที่ไหน แต่ผมคงทะเล่อทะล่ามากไปหน่อย เปิดประตูออกไปชนใครบางคนเข้า ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าจะมีคนมายืนขวางเป็นยักษ์วัดแจ้งอยู่หน้าประตูห้องนอนแบบนี้

ตัวผมเด้งกลับเข้าไปในห้องอีกที ในสภาพนั่งกึ่งนอนหงาย ชายเสื้อเชิ้ตร่นสูงจนเห็นต้นขา ยังดีที่กายน้อยไม่โผล่(ไม่มีชั้นในครับ หายหมด)

เนื่องจากรีบ กระดุมเลยปิดไว้หลวม ๆ สองสามเม็ด ด้านบนจึงเลื่อนหลุดจนหัวนมโผล่ แต่ตอนนี้เจ็บตูดครับ ไม่ได้ห่วงนมหรือกายน้อยที่จะโผล่หรือไม่โผล่ เจ็บร้าวไปทั่วทั้งช่วงล่างเลย

แม่ม เอากูแต่ละที ไม่บันยะบันยังเลย

ผมยันสองมือไว้ด้านหลังพยุงตัวขึ้นดี ๆ(แต่ก็ยังนั่งกึ่งนอนหงายอยู่ดี) ผมเงยหน้ามอง ก็เห็นพี่เอกยืนทำหน้าแปลกใจอยู่ในชุดเสื้อยืดโปโล พี่มันมองผมอึ้ง ๆ

นี่มึง ช่วยกูก่อนได้ไหม แล้วค่อยตะลึงในความหล่อของกูทีหลัง

“พี่เอก...”
ผมครางเรียก

มึงรับผิดชอบหน่อยสิ

ผมเบะหน้าหน่อย ๆ

แอบนอยด์ครับ ดูดิ ยังไม่สนใจจะช่วยผมอีก

กูเจ็บอยู่นะ

มันยังยืนอึ้งครับ

ไอ้เวรตะไล ไอ้คนเห็นแก่ตัว ไอ้คนเห็นแก่ได้ หื่น กินแล้วทิ้ง ผมนั่งด่าพี่มันทางสายตา หน้าก็ยังเบะ ๆ อยู่

มึง กูใช้โหมดนี้กับพ่อแม่กูเท่านั้นนะ เห็นใจกูหน่อยดิ

สักพัก ก็มีใครอีกคนเดินมายืนอยู่ข้าง ๆ พี่เอกมันอีกที

เอ่อ…

กูว่ากูเจ็บตูดนะ แต่สงสัยกูต้องยกตูด พาตาไปหาหมอแล้วล่ะ

เพราะตอนนี้ผมเห็นพี่เอกมายืนทำหน้าแปลกใจอยู่ตรงหน้าสองคน ผมอ้าปากค้าง ทำตาปริบ ๆ

“พี่เอก…พี่เอก”
ผมชี้หน้าพี่เอกคนแรกเลื่อนไปหาคนที่สอง พยายามกะพริบตาอีกที เผื่อมันเป็นภาพซ้อน

“อะนี่ ฝากด้วยนะ”
แล้วก็มีพี่เอกอีกคนเดินมายื่นของบางอย่างให้พี่เอกคนที่สอง

คราวนี้ผมคงต้องไปนอนที่โรงพยาบาลแล้วจริง ๆ

เพราะมีพี่เอกถึงสามคน

“กาย”
แต่คนที่มาหลังสุด เป็นคนเรียกชื่อผม

“พะ พี่เอก…พี่เอก…แล้วก็พี่เอก…มีพี่เอกสามคน!!”

ตาย ๆ กู กูตายแน่ ๆ แค่คนเดียว กูก็จะตายแล้ว เจอพี่เอกสามคน กูขอตายก่อนดีกว่า

*** ***
TBC..
ฮ่าๆ น้องกายรีบยกตูด(ช้าๆ)พาตาไปหาหมอด่วนเลย

ช่วงนี้อยู่ในโหมดอารมณ์ดี หลังจากดาร์กมานาน
อ่านกันให้สนุกนะขอรับ (ว่าแต่ ยังมีคนอ่านกันอยู่ไหมเนี่ย หรือรอไม่ไหวตามไปอ่านที่เด็กดีกันหมดแล้ว? 

แต่เราก็ยังมุ่งมั่นจะลงต่อไปจนจบ ไว้เป็นทางเลือกให้คนอ่าน  

ปล. ฝากนิยายใหม่ไว้ด้วยนะคร้าาา เพิ่งลงตอนแรกไป หวังว่าจะชอบ ^^
ทาสแค้น : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47105.new#new (http://ทาสแค้น : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47105.new#new)
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 43 พี่เอก..พี่เอก..พีเอก..(กาย) p.18 up.1-5-2015
เริ่มหัวข้อโดย: nat-teen-nat ที่ 01-06-2015 20:48:21
แฝดสามมมมม
รออ่านต่อค่ะ :z2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 43 พี่เอก..พี่เอก..พีเอก..(กาย) p.18 up.1-5-2015
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหญิงผมซอยปลาย ที่ 02-06-2015 22:53:17
ว้าววว เอามาลงที่นี่แล้วว ติดตามๆๆๆ  :m1: :oni1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 44 คนเหม่อ (เอก) up.6-6-2015
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 06-06-2015 19:17:36

Kiss Love ♥ [44]
คนเหม่อ
[เอก...☼]



ผมยืนขำ ตอนเห็นไอ้ตัวเล็กมันจ้องผมทีสลับกับไอ้อาร์ตและไอ้อิฐที ส่วนน้องผม พวกมันยืนเอ๋อครับ คงงงว่ากายเป็นใคร

“พะ พี่เอก…พี่เอก…แล้วก็พี่เอก…มีพี่เอกสามคน!!”
มันชี้นิ้วไล่มาทีละคน

ผมขำยิ่งกว่าเดิม

“พี่มีคนเดียว ที่เหลือเป็นตัวก๊อปปี้”
บอกแล้วว่าผู้ชายบ้านนี้เหมือนกันอย่างกับแกะ(สำหรับคนนอกนะ แต่ถ้าอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ จะแยกออก เพราะนิสัย รสนิยม และการแต่งตัวของพวกเราค่อนข้างจะต่างกัน)

“พี่เอก”
มันครางเรียกอีกที

ผมยืนขำอยู่ ส่วนพวกน้อง ๆ กำลังยืนมองมันอึ้ง ๆ

ผมสำรวจคนที่ล้มอยู่อีกที ตอนนี้มันใส่เสื้อเชิ้ตตัวเมื่อคืนอยู่ เพราะชุดมัน ผมถอดเอาไปให้ป้าหวิงซักแล้วตั้งแต่เมื่อคืน(กางเกงในก็ด้วย) เพราะงั้นทั้งเนื้อทั้งตัวมัน จึงมีแค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียว ไม่รู้ทำไมมันถึงได้มาล้มอยู่ในสภาพนี้ได้

มันนั่งกึ่งนอนหงายอยู่ที่พื้น ทำหน้าเหวอ ๆ กระดุมติดแค่สามสี่เม็ดลวก ๆ จากด้านล่าง (นิสัยมันอีก ชอบติดกระดุมจากด้านล่าง) เสื้อมันร่นจนเห็นหัวนมเม็ดเล็กด้านซ้ายจนถึงหัวไหล่ขาว ๆ (เพิ่งมารู้ทีหลังว่ามันเป็นหนุ่มเหนือ มิน่า ตัวถึงได้ขาว) ตัวมันเพรียวครับ ไม่ใช่พวกออกกำลังกายหนักเหมือนผม หรือพวกน้อง ๆ ผม (ที่หุ่นพอ ๆ กับผมแล้วตอนนี้)

ขาขาว ๆ ของมันโผล่พ้นออกมานอกชายเสื้อ ที่ให้ผมเดา ผมว่าไม่มีอะไรอยู่ข้างในแน่ ๆ

มึง ถ้ามึงขยับอีกนิด กายน้อยมึงโผล่แน่ แล้วเสื้อที่มันใส่ก็เป็นเสื้อแขนยาวไซส์ใหญ่เกินตัว ปลายแขนเสื้อคลุมนิ้วมือมันจนมิด

เห็นแล้วบอกได้คำเดียว…

เซ็กซี่เป็นบ้า 

และที่สำคัญ…

รอยคิสมาร์คเป็นแผง (ที่น้องผมมันยืนอึ้งไม่กระดิก เพราะอย่างนี้แหละ)

ต่อให้โง่แค่ไหน เห็นขนาดนี้ก็ต้องมองออก ผมยืนนิ่ง กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะรีบเข้าไปประคองมัน หรืออยู่นิ่ง ๆ ทำเป็นไม่ใส่ใจ เพื่อไม่ให้ไอ้สองตัวนี้รู้ดี

ยังไม่ทันได้ขยับทำอะไรไอ้อาร์ตก็เคลื่อนตัวลงไปนั่งยอง ๆ ตรงหน้าคนล้ม 

“นายคงเป็นคนต้นคิดทำของขวัญให้พี่ใช่ไหม”
มันพูดเสียงนุ่ม

ไอ้ตัวเล็กพยักหน้าหงึก ๆ มองไอ้อาร์ตตาเขม็ง มันคงกำลังสงสัยว่าทำไมหน้าตาถึงได้เหมือนผมไม่มีผิดเพี้ยนขนาดนี้ (สำหรับคนนอกครับ อยู่กับไปสักพักจะเห็นความแตกต่างเอง)

“พี่อาร์ต”
มันครางคาดเดา ไอ้อาร์ตพยักหน้า จับแขนไอ้ตัวเล็กลุกขึ้นยืน

ตัวมันเล็กครับ พอมายืนอยู่กับพวกผมนี่เหมือนคนแคระเลย มันมองพวกผมสลับกันไปมา พวกเราก็มองมันเหมือนกัน
นี่ถ้าไอ้สองตัวนี่ไม่อยู่นะ ผมจับมันปล้ำไปแล้ว

เอ็กซ์ชะมัดยาด

ยิ่งช่วงหลัง ๆ มานี่มันยิ่งเอ็กซ์เซ็กส์แอพพิลพุ่งกระฉูด (คงเพราะผมจับมันปล้ำบ่อย ๆ)

ไอ้อาร์ตมองตาผมเพื่อขอคำตอบในสิ่งที่มันกำลังคิด ผมทำท่าอึดอัด ไม่ได้ตอบอะไรออกไป มันก็ไม่ถามอะไรต่อเหมือนกัน

“ขอบใจนะ สำหรับของขวัญ”
มันหันไปพูดกับกาย ไอ้ตัวเล็กมองหน้ามันก่อนส่งยิ้มน่ารักไปให้

เฮ้ย ๆ อย่ายิ้มแบบนั้นให้คนอื่นเดะ!! ยิ้มให้กูคนเดียวก็พอ! ผมหน้าหงิกทันที แล้วมันก็หันมาทางผม

“พี่เอก ชุดผมล่ะ”

“พี่ส่งซัก ตอนแรกว่าจะขับรถพาไปเอาที่บ้านก่อนเข้าคลาส แต่พ่อเรียกตัวด่วน พี่ต้องเข้าออฟฟิศ เอ่อ..ยังไง จะให้ลุงสนขับไปส่ง”

แม่ง กูก็ไม่น่าเอาชุดมันไปซักเลย

“ลุงสนออกไปส่งแม่ตั้งนานแล้วพี่”
ไอ้อิฐมันบอก

ผมยืนนิ่งมองสภาพมัน ขมวดคิ้วคิดหนัก เอาไงดีวะ ไปส่งเองคงไม่ทันนัดกับพ่อแน่ ๆ

“เดี๋ยวไปส่งให้ก็ได้” ไอ้อาร์ตมันอาสา "ผมกับอิฐว่าจะออกไปหาเพื่อน เดี๋ยวขับรถพากายไปส่งที่บ้านแล้วพาเลยไปส่งที่มหา’ลัยให้”

“เอ่อไม่เป็นไรฮะ เดี๋ยวผมไปแท็กซี่เอาก็ได้”
ไอ้ตัวเล็กแทรกขึ้นมาเสียงอ่อน

“แต่งตัวแบบนี้เนี่ยนะ!!”
ผมเผลอกระชากเสียงดังจนมันสะดุ้ง

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ มันไม่ดูสภาพตัวเองเลยรึไงว่าตัวเองอยู่ในชุดวาบหวิวขนาดไหน เสื้อที่มันใส่อยู่ ก็โชว์ต้นขาขาวเต็ม ๆ แล้วก้นมันก็ได้รูป เสื้อพลิ้ว ๆ เลยทิ้งตัวลงมาเน้นลำตัวมันได้พอดิบพอดี

มึง ต่อให้แมนขนาดไหน มาเห็นแบบนี้ ก็หวั่นไหวได้ล่ะวะ

ผมมองหน้าไอ้อาร์ต ทำหน้าลำบากใจ มันพยักหน้าบอกให้ไว้ใจมันได้

ผมพยักหน้าส่ง ๆ

“ฝากด้วยนะ พี่รีบไปก่อน”
ผมบอกแค่นั้น หันหลังเดินจากมา ไม่ได้หันไปมองอีกว่าสองคนนั้นจะอะไรยังไงกับกายต่อ

แอบกลัวนิดหน่อยว่ามันจะหวั่นไหว เพราะสองคนนั้นหน้าตาเหมือนผมเอามาก ๆ

แต่ไปด้วยกันสามคนแบบนั้น คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง


วันนี้พ่อเรียกเข้าออฟฟิศ คงมีลูกค้ารายใหญ่มา และพ่อมักจะลากผมมาด้วยเสมอเพื่อให้เป็นที่รู้จักของคนในบริษัทและคู่ค้าคนสำคัญต่าง ๆ

“นี่อาวิทย์นะลูก”
พ่อแนะนำชายสูงวัยบุคลิกหน้าตาท่าทางดูดีตรงหน้า ผมสวัสดีตามมารยาท และด้านหลังอาวิทย์ เป็นหญิงสาวในชุดลำลองติดแบรนด์ดัง

สวยพอควรครับ ผมมองนิดหนึ่ง ยิ้มให้พอเป็นพิธีแล้วหันมามองอาวิทย์ต่อ

“ส่วนนั่นลูกสาวอาวิทย์ น้องเอิร์ท”
พ่อแนะนำต่อ ผมยิ้มเหมือนเคย น้องหน้าแดงปลั่งตอนผมสบตา

ตกหลุมเสน่ห์ผมอีกคนแล้วครับ

แต่เสียใจด้วยนะน้อง เพราะพี่ถูกไอ้กายคว้าไปแล้ว

เป็นเรื่องปกติครับ เวลาไปเจอคู่ค้าหรือลูกค้า บางทีบรรดาพ่อ ๆ แม่ ๆ ก็จะพากันประเคนลูกสาวมาแนะนำกันยกใหญ่ ผมก็รับไว้มอง

เวลาผมกินสาว ๆ จะไม่กินคนที่เกี่ยวข้องกันทางธุรกิจเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของทางบริษัทครับ

แล้วคุณอาวิทย์ก็ผลักน้องเอิร์ทมาให้อยู่กับผมเพียงลำพังในห้องรับรอง ส่วนอาแกก็ลากพ่อผมเข้าไปคุยธุระกันในห้องทำงาน

พ่อผมก็รู้ครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผมอยู่ดี

“พี่เอก มาช่วยงานคุณลุงบ่อยเหรอคะ”
น้องถาม ผมพยักหน้าทีเดียว

ปกติผมไม่ใช่พวกมนุษยสัมพันธ์ดีเลิศอะไรอยู่แล้ว ออกจะเงียบ ๆ นิ่ง ๆ เฉย ๆ ชา ๆ ด้วยซ้ำ น้องก็พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะชวนผมคุย
พอผมนิ่งมาก ๆ เข้า น้องเขาก็หน้าเจื่อนแล้วเงียบไป แต่ก็ยังนั่งอยู่ใกล้ ๆ ผมไม่สนอยู่แล้ว เพราะตอนนี้กำลังนึกถึงใครบางคนอยู่

“พี่ขอตัวก่อนนะ”
ผมขอตัว ลุกออกจากเก้าอี้ ล้วงหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก เดินเลี่ยงไปยืนอยู่หน้ากำแพงกระจกใส ที่ด้านนอกเป็นวิวของตึกสูงต่ำเหลื่อมล้ำต่างสไตล์ 

“ถึงไหนแล้ว”
ผมถามทันทีที่ปลายทางรับสาย

“ใกล้แล้ว” มันตอบ

“อย่าไปหลงเสน่ห์อาร์ตกับอิฐเข้าล่ะ ถึงยังไงก็เป็นแค่ตัวก๊อปปี้ของพี่”
ผมบอกมันขำ ๆ มันเงียบไปพัก ก่อนหัวเราะออกมาเบา ๆ

ผมคุยกับมันต่ออีกสองสามคำก็วางสาย อยากให้ถึงตอนเย็นเร็ว ๆ จะได้กลับไปกอดมันต่อ ยิ่งคิดถึงตอนที่มันล้มเมื่อเช้านี้แล้ว อยากฟัดมันไม่หาย

“เอ่อ พี่เอก คุณพ่อให้มาชวนไปทานข้าวด้วยกันน่ะค่ะ”
น้องเอิร์ทเดินเข้ามาชวน ผมเพียงพยักหน้ารับ เดินไปหาผู้ใหญ่พร้อมน้องเขา คุณอาวิทย์ทำหน้าดีใจใหญ่

คงกะจะให้น้องรวบผมแน่ ๆ

ไม่นานนักเราก็เดินทางมาถึงร้านอาหารในโรงแรมสุดหรูย่านเดียวกัน อาหารมาพร้อมนานแล้ว คุณพ่อคุยธุระกับคุณอาวิทย์อย่างออกรส ส่วนผมถือแก้วไวน์ไว้ในมือ ทอดดวงตาผ่านอากาศไปหาใครบางคน

สรุปกูคิดถึงมันเยอะขนาดนี้เลยเหรอวะ

“พี่เอก ทานนี่ซิคะ อร่อยนะ”
น้องเอิร์ทพยายามเทคแคร์ผม ผมเพียงพยักหน้า ตักอาหารที่น้องให้มาเข้าปากเท่านั้น น้องหน้าแดงใหญ่

เห็นแล้วก็นึกถึงไอ้ตัวเล็กขึ้นมาอีก

โอ๊ย!! อยากกลับบ้านไปฟัดมันโว้ย!!


“เป็นไร ดูสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว”
พ่อถามตอนเรานั่งรถกลับออฟฟิศ น้องเอิร์ทกับอาวิทย์แยกตัวไปอีกทางแล้ว

“เปล่า”
โกหกพ่อมันบาป อย่าทำนะครับ แต่ให้ยอมรับได้ไงว่าคิดถึงผู้ชายอยู่

“โกหก”

นั่น..รู้อีก

ผมทำท่าอึดอัด สารภาพเสียงแผ่ว

“ก็กำลังคิดถึงใครบางคนอยู่ ตอนนี้ผมเหมือนคนบ้าเลย มองไปทางไหนก็เห็นแต่ภาพของคนคนนั้น เฝ้าแต่คิดถึง เสียงก็วนเวียนอยู่เต็มหัวไปหมด”
ผมพูดเหมือนตัวเองเป็นคนป่วย พ่อหัวเราะหึ ๆ

“เหมือนพ่อตอนหนุ่ม ๆ”

ผมหันไปมอง เลิกคิ้วสูงอย่างสงสัย

“กับใคร”

“แม่แกไง”

ผมหัวเราะร่วนเลย

“งั้นพ่อคงเข้าใจความรู้สึกผม”
ผมแหงนหน้าพิงหัวกับเบาะรถ

พ่อไม่พูด แต่ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ แทน

ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นครับ ไอ้ต้นแบบเสียงหัวเราะหึ ๆ น่ะ มาจากคนคนนี้นี่เอง

หลังจากคุยธุระกับพ่อเสร็จ ผมก็เดินทางกลับบ้านเพื่อไปเปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษาแล้วเดินทางมามหา’ลัยต่อ ผมต้องเข้าเรียนเหมือนคนอื่น ๆ พอหมดคาบก็ไปทำงานที่สภาต่อเป็นเรื่องปกติ

ผมที่กำลังจะเดินผ่านตึกมนุษย์ หันไปเห็นใครบางคนกำลังนั่งหงอยอยู่บนม้านั่งในสวน แต่ตอนนี้มันฉายเดี่ยวครับ ผมมองหาใครอีกคนที่ผมอยากเจอ เพราะปกติพวกมันจะตัวติดกันตลอด

พอไม่เห็นก็กะว่าจะเดินผ่านไปเลย แต่พอเห็นหน้าเหม่อ ๆ ของมันแล้วก็อดก้าวเข้าไปหาไม่ได้ มันไม่ได้สนใจเลยว่าผมเดินเข้ามาใกล้ จนผมนั่งลงข้าง ๆ นั่นแหละ มันถึงได้หันมามอง

“อ้าว พี่เอก มาได้ไงครับเนี่ย”
คลานมาตามกำแพงมั้ง

มันเปลี่ยนสีหน้าเป็นสดใสทันที แต่ก็ยังปิดบังความไม่สบายใจผ่านดวงตาเอาไว้ไม่มิด ผมถอนหายใจ ลูบหัวมันเบา ๆ มันมองอึ้ง ๆ

“ไหวไหมเรา”

มันมองผมด้วยความแปลกใจ คงไม่คิดว่าคนเย็นชาอย่างผมจะมาทำอะไรกับมันแบบนี้

“ผมรู้แล้วว่าทำไมกายถึงได้ชอบพี่”
กูพูดกับมึง แล้วกายมาเกี่ยวไรด้วยวะ

ผมชักมือกลับมานั่งกอดอกไว้เฉย ๆ มันหัวเราะเบา ๆ

“พี่เอก ผมขอถามอะไรหน่อยสิ”
ปากมันเอ่ยถาม แต่ดวงตากลับเหม่อลอยออกไปไกล ผมครางในลำคอให้มันหนเดียว

“พี่รักกายไหม”

ผมอึ้งกับคำถามมัน

ความเงียบปกคลุมไปทั่ว ก่อนที่ผมจะตัดสินใจบอกคำตอบออกไป

“พี่ตอบไม่ได้หรอกนะว่ารักมันหรือเปล่า”
ผมหยุดคำพูดตัวเองไว้ มันก็นิ่งรอฟังเหมือนกัน

“แต่พี่ยุ่งกับใครไม่ได้แล้วตอนนี้”
ผมหยุดคำพูดตัวเองไว้อีกครั้ง

“และจะไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับมันด้วย”

ไอ้เต้ยมันยังเงียบอยู่

“แล้วถ้าให้พี่เลือกใครคนใดคนหนึ่ง ระหว่างเพื่อนสนิท กับคนที่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะรัก พี่จะเลือกใคร”
มันถามคำถามที่พาเอาผมงงเลย

แต่ผมเลือกที่จะไม่ตอบ เพราะผมไม่รู้คำตอบของคำถามชวนงงของมัน

“อดทนไว้นะ แล้วทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีเอง”
ผมลุกขึ้น ลูบหัวมันอีกทีก่อนเดินจากมา

คนที่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะรักงั้นเหรอ...



วันนี้คงเป็นวันที่ผม เจอคนเหม่อมากสุดในรอบประวัติศาสตร์ ผมกำลังจะเดินเข้าห้องสภา แต่หน้าห้องมีใครบางคนมายืนเหม่อมองวิวกลางสนามบอลอยู่ ผมเลยเปลี่ยนใจเดินไปหามันแทน

“เป็นไรมึง”

“เปล่า”
เป็นคำโกหกที่ผมฟังจนเอียน ผมตบไหล่มันเบา ๆ หันหลังกำลังจะเดินเข้าห้อง

“เอก”
เสียงมันหยุดเท้าผมไว้ ผมหันไปมอง

“มึง…”
เหมือนมันจะถามอะไรสักอย่าง ก่อนหยุดนิ่ง มันทำหน้าอึดอัด เดินผ่านผมไปพร้อมพูดอะไรบางอย่างที่ทำเอาผม ก้าวขาแทบไม่ออก

“อย่าทำกายร้องไห้อีกนะ กูขอร้อง”
มันเดินเข้าห้องไปแล้ว แต่ผมยังยืนนิ่งอยู่ตรงจุดเดิม

แล้วมึงคิดว่ากูไม่เสียใจรึไง ที่ทำมันร้องไห้ 




“กริ้วววววว ข่าวดี ๆ ๆ ๆ ๆ”
ไอ้โอมมันชูสองมือเหนือหัวเหมือนนักบอลได้ลูกโทษ ทุกคนหันไปมอง

“พ่อไอ้กิ๊ฟมันได้ข่าวแว่ว ๆ มาว่า มีหนุ่มมาติดไอ้กิ๊ฟ พ่อมันดีใจใหญ่ เลยให้พวกเราบังคับให้ไอ้กิ๊ฟพาไอ้หนุ่มคนนั้นไปให้ท่านดูตัวให้ได้”

“แล้วมันข่าวดีตรงไหนวะ”

“แหม พวกมึงก็ พ่อไอ้กิ๊ฟมันบอกว่า ถ้าทำได้ จะเป็นเจ้ามือพาเที่ยวฟาร์ม กินเที่ยวช็อปไม่อั้น แถมด้วยรถรับส่งฟรี โหย โปรโมชั่นดีขนาดนี้ ไม่สนใจกันรึไง”

หูผมกระดิกทันที

จริง ๆ พวกผมชอบเที่ยวต่างจังหวัดกันอยู่แล้ว ยิ่งถ้ามีใครคิดออกค่าใช้จ่ายให้แบบนี้ ก็หวานหมูครับ (แม้จะรวยแต่ก็ยังงก 555)

“แล้วมึงจะไปลากแฟนไอ้กิ๊ฟมาได้ไง”
ไอ้มอมันถามเพื่อนมันต่อ

“งานนี้ต้องให้ไอ้เอกไปคุยว่ะ แค่บอกมันว่าพวกเราอยากไปเที่ยว ให้ลากไอ้ฝรั่งติดตัวมาด้วยก็พอ”
เป็นความคิดที่ดีครับ แต่คนเดือดร้อนคือกู ทุกคนหันมาฝากความหวังไว้ที่ผมกันหมด

เอาไงดีวะ

แต่ก็สงสารลุงเกียรติเหมือนกัน รายนั้นคงหวั่นว่าจะได้ลูกสะใภ้มากกว่าลูกเขย

สุดท้ายผมก็รับปากครับ อีกอย่างจะได้เที่ยวด้วย

“มึง ถ้ามึงทำได้ มึงก็เอากายไปด้วยดิ”
ไอ้โอมมันเสริม

มึง ไม่ต้องเอาคนของกูเข้ามายุ่ง...เพราะถึงมึงไม่พูด กูก็จะเอามันไปด้วยอยู่แล้ว

ช่วงนี้ปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้หรอก

พวกขี้ขโมยมันเยอะ

ผมตวัดสายตามองใครบางคนที่นั่งเงียบอ่านรายงานอยู่อีกมุม

แล้วมึงล่ะโอ๊ค มึงคิดยังไงกับกายกันแน่...

*** ***
TBC...

ขอบคุณกั๊บ >/< 
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 44 คนเหม่อ (เอก) up.6-6-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 15-06-2015 11:22:16
แต่ผมเสียใจที่ทำมันเจ็บ(หลายรอบแล้วนะเนี่ย) สาเหตุมาจากความหึงหวงของผมทั้งนั้น นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนกันนะ ถ้าเป็นแฟนกันจริง ๆ จัง ๆ ขึ้นมา ผมจะขี้หึงขนาดไหน 
นั่นน่ะสิ ห่วงอนาคตกายจริง ๆ ตอนนี้เราโกรธเอกมาก  :fire: เอาแต่ใจตัวเองสุด ๆ
ทำคนอื่นเจ็บ แต่ก็ไม่คำขอโทษสักคำ แล้วก็โกรธตัวเองด้วย
ที่โกรธแทนกาย เพราะดูเหมือนกายจะไม่รู้สึกอะไรกับการกระทำบ้า ๆ ของเอกเลย
ยกโทษให้ง่าย ๆ ซะงั้น

เมื่อไหร่จะคบกับจริง ๆ จัง ๆ สักที
เดี๋ยวก็แช่งให้พี่โอ๊คเป็นพระเอกแทนซะหรอก
                :katai5:       

หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวาย..นายสุดหล่อ [เอก-กาย] Ch.45 ทายา & คันนม (1) P.19 (17-6-58)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 17-06-2015 18:15:02

Chapter 45 : ทายา & คันนม

[กาย...♥] (Part 1)


ไอ้พี่เอกบ้ามันทิ้งผมไว้กับฝาแฝดมันสองคนครับ 
หลังจากมองตามจนพี่มันเดินหายไปแล้ว ผมถึงได้หันกลับมามองซ้ายทีขวาที มองพี่เอกเบอร์สองกับพี่เอกเบอร์สาม

“เอ่อ พี่ ๆ พอจะมีชุดให้ผมเปลี่ยนบ้างไหม”
ผมพยายามดึงเสื้อที่มันร่นไร้ระเบียบให้เข้าที่เข้าทาง 

“โทษทีนะ เรามีแต่ไซส์ใหญ่ ๆ พอดีเสื้อผ้าเราเอาไปบริจาคทุกปีน่ะ เลยไม่มีไซส์เล็ก ๆ เหลือเลย”
โห ใจบุญกันจริงวุ้ย มิน่าล่ะ ถึงได้พากันหล่อได้หล่อดี 

อืม กูจะได้ทำตามบ้าง 
ผมพยักหน้า ยกเสื้อขึ้นมากลัดกระดุมลงหลุม

ถึงหน้าตาของพี่อาร์ตกับพี่อิฐจะเหมือนพี่เอกขนาดไหน แต่บรรยากาศผิดกันลิบลับเลยแฮะ พี่เอกดูมีอำนาจและกดดันกว่าเยอะ แต่พี่ ๆ ทั้งสองดูสบาย ๆ แล้วก็อบอุ่นกว่า

“ป่ะ”
พี่อาร์ตชวนเมื่อเห็นว่าผมพร้อมแล้ว ผมขอตัวเข้าไปเอาข้าวของในห้องก่อน แล้วเดินตามคนทั้งคู่ออกไป

หวิวครับ…

กางเกงในก็ไม่มี ไอ้พี่เอกมันเล่นขนเสื้อผ้าผมไปซักหมดเลย 

พอเดินออกมาพ้นตัวบ้าน ลมโกรกแรงจนผมต้องรีบดึงชายเสื้อเอาไว้ ดีนะที่พวกพี่ ๆ เดินกันอยู่ข้างหน้า ไม่งั้น คงได้เห็นกายน้อยโผล่ออกมาหลอกหลอนแน่ ๆ

ตระกูลนี้เป็นสุภาพบุรุษกันมาก พี่อาร์ตเปิดประตูให้ ผมนั่งเบาะหลัง ส่วนพวกพี่ ๆ นั่งเบาะหน้ากัน

แอบเขินครับ เหมือนมีพี่เอกสองคนมานั่งอยู่ด้วยเลย   

“ขอบใจอีกครั้งนะ สำหรับโฟโต้บุ๊ค สวยดี ได้ข่าวว่าแม่เห็นแล้วร้องไห้เลยนี่”
พี่อาร์ตหันมาชวนคุยขณะคาดเข็มขัดนิรภัย 

ผมได้แต่ยิ้มแหะ ๆ ตอบรับ 

แอบเขินนิดหน่อย

พี่อาร์ตสตาร์ทเครื่องยนต์ ขับเคลื่อนตัวรถไปเรื่อย ๆ ตามเส้นทางที่ผมบอก จนถึงหน้าปากซอย ก็มีคนโทรเข้ามา    

“ถึงไหนแล้ว”
เป็นพี่เอกนี่เอง 

“ใกล้ถึงแล้ว”
ผมเหลือบตามองถนน มือก็ชี้บอกเส้นทางอีกที 

“อย่าไปหลงเสน่ห์อาร์ตกับอิฐเข้าล่ะ ถึงยังไงก็เป็นแค่ตัวก๊อปปี้ของพี่”
ดูพี่มันพูดเข้า 

ผมเงียบไปพัก ก่อนหัวเราะออกมาเบา ๆ   

ถึงพี่ไม่บอก ผมก็ไม่หลงเสน่ห์หรอกน่า หน้าตาเหมือนกันขนาดไหน แต่ภายในก็ยังเป็นคนละคนกันอยู่ดี 

พี่อาร์ตจอดรถหน้าบ้าน ผมขอตัววางสาย ก้าวลงจากรถไปไขประตู ไม่ลืมเชิญพวกพี่ ๆ เข้าไปนั่งรอด้วย

“ตามสบายนะฮะ ผมขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
กำลังจะก้าวขึ้นบันได แต่ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากข้างนอก ผมชะงัก หันหลัง แล้วเดินกลับไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ไปยังไม่ทันจะถึงหน้าประตูด้วยซ้ำ ก็มีสิ่งหนึ่ง กระโจนเข้าใส่เต็มแรง

แรงโถมจากสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ตรงหน้า พาเอาผมเสียหลักถอยไปชนกับใครบางคนเข้า จนคนคนนั้นต้องโอบรับร่างของผมเอาไว้อย่างรวดเร็ว 

ผมไม่ได้หันไปมองว่าเป็นใคร ตอนนี้กำลังปกป้องตัวเองจากการถูกรุกรานด้วยลิ้นเปียก ๆ แล้วก็สองขาหน้าที่อุดมไปด้วยขนปุยสีน้ำตาลเข้ม มันยืนด้วยสองขาหลังเกาะไหล่ผมอยู่ 

“หยุดนะ หมูตอน หยุด!!”
ผมร้องห้าม พยายามปกป้องตัวเองจากลิ้นที่กำลังตวัดเลียไปทั่วทั้งหน้าและผิวเนื้อที่โผล่พ้นคอเสื้อออกมาจนเปียกไปหมด คนที่ประคองผมอยู่พยายามรองรับน้ำหนักตัวผมพร้อมเจ้าสี่ขาเพื่อไม่ให้พวกเราล้มไปด้วยกัน 

เขาก็คงไม่รู้จะช่วยผมยังไงดีเหมือนกัน   

“หยุด!!!!”
ผมพยายามห้ามอีกที มันยังเลียอยู่ครับ หางที่ปกคลุมไปด้วยขนส่ายเร็วยิ่งกว่าเฮลิคอปเตอร์ตอนร่อนลงจอดซะอีก 

“เฮงเฮง!!!”
ผมตวาดเรียกชื่อจริงมัน 

มันชะงัก หยุดเลียหน้าผมทันที แต่ก็ยังยืนสองขาเกาะไหล่ผมอยู่ หน้าตามันยังยิ้มระรื่น หางก็ยังส่ายไม่หยุด   

ผมยืนหอบแดก จ้องหน้าระรื่นของมัน

กูรู้ว่ามึงดีใจที่เจอกู แต่ดีใจให้มันน้อย ๆ หน่อยได้ไหม ทั้งตัวทั้งหน้ากูเปียกไปหมดแล้ว 

หางมันส่ายหนักขึ้นเรื่อย ๆ บ่งบอกความอดทนที่เริ่มหมดลงเรื่อย ๆ ของมัน

“นั่งลง!!”
ผมรีบชี้นิ้วสั่ง มันนั่งลงตาม แต่ยังฟาดหางที่พื้นพับ ๆ ลิ้นยาว ๆ แลบออกมาจนสุด

“นั่ง!!!”
ผมเบรกมันเสียงเข้มเมื่อมันทำท่าจะลุกขึ้นมาอีก 

แม่ง! ต้องให้กูดุ

เฮงเฮง หรือเจ้าหมูตอน มันเป็นหมาพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ครับ เป็นหมาของน้องดรีม คนข้างบ้านผมเอง 

จำได้ว่าตอนเอามาใหม่ ๆ ตัวมันเล็กมาก อยู่บนฝ่ามือผมได้สบาย ๆ น่ารักน่าเอ็นดูดี ผมเลยติดมันหนึบ แต่พอผ่านไปได้แค่ปีกว่า ๆ มันก็กลายร่างจากหมาเป็นหมูยักษ์

เพราะผมชอบไปเล่นกับมันบ่อย ๆ มันเลยติดผมพอควร เห็นผมเป็นไม่ได้ ต้องวิ่งเข้ามาหาทันที ทั้งกระโดดกอด กระโดดเกาะ กระโดดเลียหน้าบ้าง บางทีมีกระโดดคร่อมเลย

แต่ก่อนตัวมันเล็ก ไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่ ตัวมันใหญ่เกือบเท่าผมเลย กระโดดใส่แต่ละที ผมแทบเดี้ยง

จริง ๆ ลุงเดชพ่อของน้องดรีม พามันไปอยู่กระบี่ตั้งครึ่งปีแล้วครับ ไปอยู่เป็นเพื่อนคุณยายน้องดรีม แต่สงสัยจะซนจัดเขาเลยเตะกลับมา (หมาอายุสองขวบกว่า ๆ แต่ดูขนาดตัวมันสิ) 

ผมพ่นลมหายใจแรงเมื่อเห็นว่ามันสงบลงแล้ว กำลังจะหันไปขอบคุณคนที่รับผมไว้ (ซึ่งตอนนี้คนคนนั้นก็ยังไม่ได้ปล่อยมือ โอบเอวผมไว้อยู่ คงกำลังมองสถานการณ์ตรงหน้าเพลิน ๆ เหมือนกัน) 

หันไปแต่ยังไม่ทันได้เห็นว่าเป็นใคร ไอ้หมูตอนมันก็ลุกขึ้นมากระโดดเกาะหลังผมอีกที จนผมเสียหลักล้มลงไปที่พื้น

พี่อิฐวิ่งมาจากไหนไม่รู้ มาจับปลอกคอมัน กึ่งลากกึ่งจูงมันออกไปจากบ้าน ผมเอี้ยวหน้ามองตามหลัง 

ได้ยินเสียงมันเห่าใหญ่ แล้วก็ได้ยินเสียงน้องดรีมตะโกนด่ามันมาเป็นทอด ๆ แล้วตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วครับ ผมมองหน้าประตูด้วยความหวาดหวั่น กลัวว่ามันจะกลับเข้ามาอีก 

ไปอยู่ต่างจังหวัด คิดว่าจะผอมลงบ้าง ที่ไหนได้ ตัวใหญ่กว่าเดิมอีก 

ผมถอนหายใจแรง หันกลับมามองตรงหน้าอีกที 

กรรม…

ผมล้มทับพี่อาร์ตเข้าเต็ม ๆ

แล้วล้มอยู่ในท่าวาบหวิวซะด้วย 

คือ..

ตอนนี้พี่มันนั่งกึ่งนอนหงายอยู่ครับ ค้ำศอกพยุงตัวไว้ด้านหลัง ดวงตาแกยังจ้องอยู่ที่หน้าประตู   

แล้วผมก็เอ่อ…

นั่งคร่อมเป้าพี่มันไว้อยู่

โห…ท่าส่อมากเลยกู 

อย่าลืมนะครับ ผมไม่มีกางเกงใน 

เพราะงั้น… 

เต็ม ๆ ครับ T^T

แล้วทั้งหน้าและหุ่นพี่อาร์ตก็เหมือนพี่เอกน่ะนะ   

พี่มันหันมามอง

มึง อย่ามามองกูด้วยดวงตาที่ถอดแบบพี่เอกมาเดี้ยะแบบนี้จะได้ไหม 

กูแอบหวั่นไหว

พี่เอกยิ่งเตือน ๆ ไม่ให้หลงเสน่ห์พวกมึงอยู่ด้วย ผมหลุบเปลือกตา เขยิบตัวจะลุก แต่ได้ยินเสียงเห่าดังโฮ่งใหญ่ ผมผวาเฮือก แทนที่จะลุก ผมกลับยึดเสื้อแถว ๆ พุงพี่อาร์ตแน่น หันขวับไปมองทางหน้าประตู

กูไม่ได้กลัวนะเว้ยเฮ้ย 

แต่กูหลอน 

แม่ม…

เลียมาได้ หน้าหล่อ ๆ กูสิวขึ้นหมด 

พอทุกอย่างเงียบลง ผมถอนหายใจแรง (กี่ครั้งแล้ววะเนี่ย) หันกลับมามองพี่อาร์ตอีกที

กรรมรอบสอง

ผมยังนั่งอยู่ท่าเดิม มือกำเสื้อที่พุงแกแน่นทั้งสองข้าง ที่สำคัญด้วยความกลัวจัด(ไหนบอกไม่กลัว - -) ผมเลยบดร่างตัวเองเข้ากับพี่แกมากขึ้นไปอีก 

พอรู้ตัว ผมรีบคลายมือออกทันที

“ขะ ขอโทษฮะ”
ทำไมกูชอบทำร้ายเสื้อผ้าชาวบ้านเขานักวะ 

พี่มันพยักหน้าทีเดียว ผมรีบลุกขึ้นยืน ก้มลงไปช่วยพี่มันลุกด้วย 

“หมาของคนข้างบ้านน่ะ สงสัยมันเพิ่งกลับมาจากใต้ เห็นผมทีไร จะกระโจนใส่แบบนี้แหละ แต่ก่อนตัวมันเล็ก ๆ อ้าแขนรับได้อยู่หรอก แต่ตอนนี้ผมขอวิ่งหนีก่อนดีกว่า กระโดดเข้าใส่แต่ละที แขนขาผมแทบหัก”
ผมพูดติดตลก ลูบหน้าลูบตาสำรวจเนื้อตัวแขนขา ดูว่ามีส่วนไหนของร่างกายแตกหักหรือร้าวรึเปล่า 

พี่อาร์ตเข้ามาช่วยดูด้วย แกจับคางผมไว้ พลิกไปพลิกมาเช็ค 

เมื่อกี้จำได้ว่าไอ้หมูตอนมันเลียไปทั่วทั้งหน้าและคอผมเลย ตัวก็ใหญ่ เล็บก็ยาวอีกต่างหาก สงสัยไม่มีคนตัดให้ (ตัวมันโต มีแค่ไม่กี่คนหรอกที่จะจับมันตัดเล็บได้) 

“มีรอยข่วนนิดหนึ่งนะ”
พี่มันขมวดคิ้วมองแถว ๆ ไหปลาร้า

“อืม แสบนิดหน่อย ไม่เป็นไรผมทนได้”

“ปล่อยไว้ไม่ได้หรอก ต้องทายาก่อน เกิดติดเชื้อพิษสุนัขบ้าขึ้นมาจะทำไง” 

“มันฉีดยาแล้ว” 

“ถึงฉีดยาก็ต้องทำแผลก่อน”
พี่มันพูดเสียงเข้ม มาดนี้แหละ พี่เอกเลย กูก็คิดว่ามึงจะอบอุ่นกว่านี้ซะอีก 

แม่ม อย่าเอานิสัยพี่มึงมาใช้เดะ เดี๋ยวกูจะเผลอคิดว่าเป็นคนคนเดียวกันหรอก

“กล่องยาอยู่ไหน”
พี่มันถามต่อ

“ผมไปอาบน้ำก่อนก็ได้”

“ล้างแผลก่อนแล้วค่อยไปอาบ!!”
พี่มันทำเสียงดุจนผมหงอ 

เอ้อ ก็ได้วะ 

ผมเลยเดินตัวปลิว ไปหยิบกล่องยามานั่งที่โซฟา เปิดกล่องหยิบเอาแอลกอฮอล์มาเปิดฝา หยิบสำลีมาชุบ ๆ เตรียมเช็ด แต่พี่มันดึงไปถือไว้ 

คือกำลังจะบอกว่า ผมทำเองก็ได้ แต่เห็นสายตาดุ ๆ แบบนั้นแล้ว แอบเงียบครับ 

กูไม่ได้กลัวมึงนะ!

ผมแอบซี้ดปากนิดหนึ่ง ตอนพี่แกลงแอลกอฮอล์

“ฆ่าเชื้อไปก่อน อาบน้ำแล้วพี่จะทายาให้อีกที”

ผมพยักหน้า พอล้างแผลเสร็จ ก็เดินขึ้นไปชั้นบนเพื่ออาบน้ำ พอเสร็จก็ลงมาครับ พี่อิฐกลับเข้ามาแล้ว ทั้งคู่นั่งดูอัลบั้มภาพต่าง ๆ ที่ผมเคยถ่ายเก็บไว้ 

และในนั้นก็มีภาพสามภาพที่ผมชนะการประกวดด้วย(แต่เป็นภาพเล็กนะฮะ) ส่วนภาพใหญ่ที่ผมขยายแล้ว วางพิงกำแพงห้องอยู่นู้น ตอนแรกก็กะว่าจะเอามาแปะฝาบ้านนั่นแหละ แต่เต็มครับ ผมกำลังคิดอยู่ ว่าจะเอาสามภาพนั้นไปแปะที่เชียงใหม่แทน 

“เก่งนะ ถ่ายเองหมดเลยเหรอ”
พี่อิฐถาม ผมยิ้มรับ เดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างกล่องยา พี่อาร์ตวางอัลบั้มลง หยิบยามาป้ายให้ทันที 

“เจ็บหรือเปล่า”
คนทำไม่ได้ถาม แต่คนถามเป็นคนไม่ได้ทำ ผมซี้ดปากเบ้หน้าหน่อย ๆ ตอนส่ายหัวปฏิเสธ เห็นพวกพี่ ๆ มันพากันหัวเราะใหญ่ 

อะไร กูเป็นผู้ชายนะเว้ยเฮ้ย เรื่องแค่นี้กูทนได้ 

“ไปกันเถอะ สายพวกพี่เปล่า ๆ”
พอทายาเสร็จ ผมรีบชวนทันที พวกพี่ ๆ พากันพยักหน้ารับ 

คราวนี้พวกพี่ ๆ ให้ผมเดินนำครับ เดินแบบประชิดตัวเลย สงสัยจะกลัวไอ้หมูตอนมันกระโดดเข้าใส่ผมอีก

เดิน ๆ ไปโดยมีผู้ชายตัวใหญ่ ๆ สองคนมาเดินตาม ทำเอารู้สึกเหมือนมีบอดี้การ์ดประจำตัวยังไงก็ไม่รู้ 

แถมบอดี้การ์ดยังหน้าตาเหมือนพี่เอกอย่างกับแกะอีกต่างหาก



ผมมาถึงมหา’ลัยโดยสวัสดิภาพครับ

เฮ้อ~ คิดถึงอีตาหื่นจัง 

กูนี่เป็นเอามากแฮะ 

ผมสะดุ้งกับเสียงมือถือที่ดังลั่น เสียงเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ไม่ต้องดูเบอร์ครับ มีแค่คนเดียว 

“พี่เชน”

“รับเร็วจัง”

“รับช้า เปลืองค่าโทรกลับ”
พี่มันหัวเราะใหญ่ 

“จำที่พี่เคยบอกว่าจะพาไปดูแกลของเพื่อนได้ไหม งานเขามีวันพรุ่งนี้แล้วนะ” 

“ทำไมกะทันหันจัง”
ผมพยายามนึกอยู่ว่าพรุ่งนี้มีคิวว่างไปดูได้ตอนไหน

“โทษที พี่ไม่ได้โทรบอก พอดียุ่ง ๆ น่ะ”
มิน่าล่ะ หายไปเลย 

“คิดว่าลืมผมไปแล้วซะอีก”
พูดไปแล้วก็อยากวิ่งไล่ตะครุบคำพูดตัวเองกลับคืน 

กูมาพูดอะไรส่อ ๆ ให้เขาเข้าใจผิดรึเปล่าวะ 

จริง ๆ ก็ไม่อยากคิดมากหรอก แต่ทั้งพี่เอก (อันนี้เชื่อไม่ค่อยได้ พี่มันเห็นใครอยู่กับผมก็หึงไปหมด) กับไอ้เต้ยก็เตือน ผมก็ควรจะระวัง ๆ เอาไว้บ้าง 

ไม่อยากให้ความหวังใครครับ 

เฮ้อ ถ้าเป็นสาว ๆ ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ ผู้ชายทั้งนั้น ดู ๆ แล้ว น่าจะเป็นชายแท้ทั้งแท่งกันด้วย (ผมก็ชายแท้ครับ แต่เสร็จโจรภูเขาอย่างพี่เอกแค่นั้นเอง) 

นี่กูมีเสน่ห์กับเพศเดียวกันด้วยเหรอวะ 

หุ่นก็หุ่นแบบผู้ชาย หน้าตาก็แมน ๆ แบบผู้ชาย เอ้อ ถ้าหน้าตาน่ารักนิดหน่อยแบบไอ้เต้ยก็ว่าไปอย่าง ผมว่าสองคนนั้น ต้องคิดมากไปเองแน่ ๆ 

พี่เชนเป็นคนใจดี สิ่งที่แกทำอาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดก็ได้ 

ขอคิดในแง่ดีไว้ก่อนครับ 

“พี่ก็ลืมจริง ๆ นั่นแหละ”
อ้าว มึง ให้ความหวังกูหน่อยก็ไม่ได้
“เพราะงั้นพี่ต้องทำโทษตัวเอง โดยการพากายไปเที่ยว แล้วเลี้ยงแบบไม่อั้นซะแล้ว” 

เอ่อ.. กูว่าไม่ธรรมดาแล้วล่ะ

ผมนิ่งคิด 

คันปากอยากถามตรง ๆ แต่มันจะดูเป็นการเสียมารยาทไป 

เอาน่า คิดในแง่ดีไว้ก่อน 

เขาแค่คิดกับมึงแบบน้อง พวกนั้นมันร้อนตัวกันไปเอง

ผมยิ้มแป้น ตอบตกลงทันที

*** ***

TBC..(เจ้าของเดียวกับ UBC หรือเปล่า?)

ฮาโหลวววววววว หายไปหลายวัน ยังมีคนอ่านกันอยู่ม้าย(ชาติหนึ่งมึงมาลงที ใครจะมาอยู่ตามอ่านวะ TT) เค้าขอโต้ดดดด จิมาให้ไว้ขึ้น เอาให้หอยทากเมายาวิ่งตามไม่ทันเลย เชื่อสิ เค้าสัญญา  (http://upic.me/i/pc/tuzkifreezeplz.gif)

แวร์ อิส ยัวร์ มือ ยก สูง ๆ ให้ ข่อย ส่อง แน่ จิได้ รู้ ว่า เจ้า รอ อ่าน อยู่ นะ เจ้าาา (มิกซ์ภาษาทุกภาค โทษ ๆ ช่วงนี้เมายาคุม)(http://upic.me/i/bi/n2ex9.gif)
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวาย..นายสุดหล่อ [เอก-กาย] Ch.45 ทายา & คันนม (1) P.19 (17-6-58)
เริ่มหัวข้อโดย: live_evil ที่ 17-06-2015 21:41:43
ยังอ่านอยู่ค่าาาา มาต่อเรื่อยๆนะคะ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวาย..นายสุดหล่อ [เอก-กาย] Ch.45 ทายา & คันนม (1) P.19 (17-6-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Thanamint ที่ 20-06-2015 09:15:01
อ่านอยู่ค่าาาาา มาต่อเร็วๆน้าาาา :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวาย..นายสุดหล่อ [เอก-กาย] Ch.45 ทายา & คันนม (1) P.19 (17-6-58)
เริ่มหัวข้อโดย: naresetn ที่ 26-06-2015 20:13:08
 :hao6: :hao6:รออยู่เน้อคุณผู้แต่ง  พี่เอก Fc จ้า
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ (เอกกาย) Ch.45 ทายา&คันนม part 2 P.19 (4-6-58)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 04-07-2015 20:12:32

Chapter 45 : ทายา & คันนม

[กาย...♥] (Part 2)

เอ่อ..
ตอนนี้ผมกำลังคันครับ 

ไม่ได้คันแผลที่ถูกหมูตอนข่วน 

อันนั้นไม่รู้สึกอะไรแล้ว
 
แต่ว่า…เอ่อ…มันคัน…

หัวนมน่ะ

ไม่รู้ทำไมถึงคัน หรือพี่เอกมันจะดูดแรงไปแล้วติดเชื้อ 

หรือเป็นอะไรวะ?

คันมาก แต่ไม่อยากเกาให้คนอื่นเห็น เลยแกล้งทำเป็นเอามือลูบ ๆ

แต่ยิ่งลูบมันยิ่งคัน 

จริง ๆ มันก็ไม่ใช่แค่หัวนมนะ ที่คอกับที่หน้าท้องก็รู้สึกคันด้วยเหมือนกัน แพ้น้ำลายไอ้หมูตอนรึเปล่าฮึ 

แต่ผมก็โดนมันเลียบ่อย ๆ ไม่เห็นจะแพ้มาก่อน และที่สำคัญ มันไม่ได้มาเลียพุงผมนี่

ผมพยายามนึกให้ออกว่าตัวเองไปใช้อะไรผิดสำแดงมารึเปล่า

อ้อ…นึกออกแล้ว ตอนอาบน้ำ ผมหยิบเอาสบู่ใยไหมที่ซื้อมาจากเชียงใหม่มาใช้ พอดีเห็นเขาบรรยายว่าดีนักดีหนา

สงสัยว่าผมจะแพ้ไอ้นั่นแหละ

แล้วทำไม มันต้องมาคันเฉพาะที่คอ ท้อง แล้วก็หัวนมด้วยวะ   

ผมเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปเช็คดู รอจังหวะให้คนออกไปจนหมด ก่อนเอี้ยวหน้าดูรอบคอตัวเอง มันแดงไปเป็นแถบเลย ผมแกะกระดุมเสื้อออก มองกระจกอีกที

แล้วตอนนี้หน้าผมมันก็แดงแทนคอไปแล้ว

เพราะตามตัวผม มีรอยอยู่สองแบบ แบบแรกเป็นรอยแดงจาง ๆ แบบเดียวกับที่คอแล้วก็แถว ๆ หน้าท้อง อันนี้คงแพ้สบู่ กับอีกแบบ คือรอยแดงเป็นจ้ำ ๆ อันนี้อยู่แถว ๆ ไหปลาร้ากับหน้าอก 

คนทำ คงเป็นพี่เอก   

“พี่มันทำรอยไว้มากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
ผมบ่น แตะนิ้วไปตามรอยแดง 

ดูดิหัวนมยังแดงแป๊ดเลย หวังว่าพี่อาร์ตคงไม่เห็นตอนทายาหรอกนะ เมื่อเช้าตอนติดกระดุมเสื้อก็ไม่ได้สังเกตว่ามีรอยพวกนี้อยู่ด้วย

คันหัวนมยิก ๆ เลย สงสัยจะถลอกตอนพี่มันงับลงมาแหง ๆ พอถูกสบู่เลยแพ้ง่าย

“ซาดิสม์จริง ๆ”
ผมบ่นอีกที ดีหน่อยที่ตรงรอยข่วนไม่แพ้ไปกับเขาด้วย สงสัยเพราะยาที่พี่อาร์ตทาให้   
ผมเดินออกจากห้องน้ำ ตรงไปยังห้องพยาบาล มองหาอาจารย์ แต่แกไม่อยู่ ผมเลยถือวิสาสะเดินไปเปิดตู้ยาที่สูงเสมอหน้าเพื่อหายาแก้แพ้แบบไม่ง่วงมากิน จะได้ไปเรียนต่อได้ พอได้ยากิน ก็กลับมาคุ้ยหายาทาต่อ 

“หาอะไรอยู่”
ผมสะดุ้งหันไปมองเจ้าของเสียงทัก

“อ้าว พี่โอ๊ค”
ผมละมือจากประตูตู้ยา หันไปมองพี่แกทั้งตัว

“หายาทาแก้แพ้น่ะฮะ”
ผมชี้ไปที่คอแดง ๆ ให้พี่โอ๊คดู

“แพ้สบู่ใยไหม” 
พี่มันหัวเราะ เดินมาช่วยหายาให้   

“อันนี้ได้ผลดีที่สุด ทาครั้งเดียว รับรองหาย”
พี่มันการันตี ผมรับมาถือไว้ แกะยาออก เตรียมป้าย แต่พี่มันเบรกมือเอาไว้ก่อน

“เป็นพวกใช้อะไรไม่อ่านฉลากก่อนรึไง”
พี่มันทำเสียงดุ จับข้อมือผมยกสูงเหนือหัว 

เอ่อ ยาแก้แพ้ก็คือยาแก้แพ้ แปะยา ทา ๆ แล้วก็จบ 

พี่มันถอนหายใจแรง 

“ยาบางตัวให้ทาบาง ๆ ยาบางตัวให้ทาหนา ๆ ป้ายไปซะขนาดนั้น ผิวเราได้ไหม้ก่อนพอดี”

ผมตาโต

โหย แค่ยาแก้แพ้ พาผิวไหม้ได้ด้วยเหรอ

“ยาเย็นบางตัวก็ทำผิวไหม้ได้ ถ้าไม่ระวังให้ดี”
พี่มันเฉลย หยิบทิชชู่มาป้ายยาออกจากนิ้วผม แล้วลากไปนั่งบนเก้าอี้ข้างโต๊ะอาจารย์ ส่วนแกก็ลากเก้าอี้อาจารย์มานั่งฝั่งตรงข้ามผม

ผมก็นั่งนิ่ง ๆ ครับ ไม่อยากผิวไหม้เหมือนกัน พี่มันป้ายยาแล้วทาให้เบามือ

“นี่ล่ะ ไปโดนอะไรมา แผลยังใหม่อยู่เลยนี่”
พี่มันแตะตรงรอยข่วนเบา ๆ 

“โดนหมาข้างบ้านมันกระโจนใส่น่ะฮะ แต่ทายาแล้ว”
ผมรายงาน ปล่อยให้พี่แกป้ายยามาทารอยแดงไปเรื่อย ๆ พี่โอ๊คมือเบาเอามาก ๆ   

“พี่น่าจะไปเป็นหมอนะเนี่ย”
พี่มันเหลือบตามองนิดหน่อย

“ก็ว่าอยู่ แต่ใจดีไม่พอ”

ผมยิ้ม 

“ถ้าคนแบบพี่ไม่เรียกว่าคนใจดี ผมว่าในโลกคงมีแต่คนใจร้าย”
ก็จริงไหมล่ะ พี่มันออกจะดูแลผมดีจะตาย ถ้าไม่ใจดีแล้วจะเรียกว่าอะไร 

พี่มันมองตาผมนิดหนึ่ง ก่อนละสายตาไปป้ายยาต่อ 

“ตรงไหนอีก”

ผมเลิกพุงขึ้น มันแดงขึ้นกว่าเดิมอีก คันเยอะกว่าเดิมด้วย พี่มันไล่ป้ายไปทั่ว 

“จุดสุดท้ายผมทาเองดีกว่า”

พี่มันขมวดคิ้วเหมือนผู้ใหญ่กำลังดุเด็ก 

นมกู กูทาเองก็ได้ 

“ตรงไหน”
พี่มันป้ายยาเตรียมไว้ที่นิ้วบาง ๆ

ผมทำหน้าแหยง 

“หัวนม” 

พี่มันอึ้ง มองมายังจุดที่ผมบอกผ่านเสื้อนักศึกษาที่ยังปิดสนิท

“ผมทาเองก็ได้” ผมเสริมอีกที

“ไม่เป็นไร เปิดออก” พี่มันพูดเสียงเรียบ ผมพยักหน้า

เอาวะ คนเป็นหมอ เขาไม่มาใส่ใจอะไรกับหัวนมคนไข้หรอก ตอนแรกว่าจะเลิกเสื้อขึ้นจากด้านล่าง แต่คงไม่ถนัด เลยตัดสินใจปลดกระดุมเสื้อออกแทน

เห็นพี่มันชะงักกวาดมองไปทั่วแผ่นอกผมนิดหนึ่ง 

มึงไม่ต้องสนใจรอยอื่น ๆ เลยนะ 

พี่มันดึงใบหน้าให้กลับมาราบเรียบเหมือนเดิม แล้วลงมือทายาให้ต่อ

ผมสะดุ้งทันทีที่พี่แกแตะยาเย็น ๆ ลงมาที่หัวนม

น่าอายสุด ๆ 

ความเย็นของยาพาเอาหัวนมผมตั้งขึ้นมาทันที ดีว่าเป็นพี่โอ๊ค ถ้าเป็นพี่เอก ผมคงครางไปนานแล้ว (คนมันชินมือครับ รายนั้นแตะทีไร เหมือนโดนไฟช็อตทุกที) 

พี่แกลูบหัวนมผมเบามือไปเรื่อย ๆ

หัวนมมันเย็น แต่หน้าผมน่ะร้อนไปหมดแล้ว 

ก็มันเขิน 

“สองข้างเลยรึเปล่า”
พี่มันถาม ผมพยักหน้า แล้วพี่โอ๊คก็ป้ายยาไปแปะอีกข้าง พี่มันทำหน้านิ่งเอามาก ๆ 

ผมถอนหายใจเบา ๆ เสมองไปด้านข้าง คิดไปถึงใครอีกคน ถ้าปล่อยให้รายนั้นมาทายาให้ คงไม่จบแค่ทายาแน่ ๆ

คิดถึงตอนที่พี่เอกจับนมตัวเองแล้วก็หน้าร้อนขึ้นมาอีก

“อ๊ะ อือ…”
ผมเผลอครางออกมาเบา ๆ ไม่ใช่เพราะคิดถึงพี่เอกนะ แต่เพราะแรงกดหนักหรือแรงบีบเบา ๆ ที่หัวนมนี่แหละ ผมไม่ค่อยแน่ใจ

ผมหันไปมองพี่โอ๊ค

“มันแดงนะ”
อันนั้นกูรู้ พี่มันทำหน้านิ่ง ๆ ละมือออก

ผมรีบก้มหน้าลงไปติดกระดุม

“ครั้งหน้าจะใช้อะไรก็ระวัง ๆ ไว้หน่อยละกัน”
พี่แกสอน ผมพยักหน้า 

“ขอบคุณครับ ผมต้องไปเรียนแล้ว”
กำลังจะก้าวออกจากห้อง แต่ถูกฉุดข้อมือเอาไว้ก่อน ผมหันไปมอง 

พี่แกจ้องหน้าผมอยู่พัก เหมือนกำลังมีคำถามอยู่ในใจ สุดท้ายแกก็พูดออกมา

“บอกพี่ได้ไหม ว่าวันนั้น นายร้องไห้เพราะอะไร”
ผมรู้ว่าแกคงคาใจ วันนั้นพี่มันไม่ถาม แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากรู้ ผมหลุบเปลือกตาลงต่ำ 

“ไม่มีอะไรหรอก เรื่องมันผ่านไปแล้ว”
จะให้บอกได้ไง ว่าร้องไห้เพราะเรื่องเข้าใจผิด พี่มันค่อย ๆ คลายมือผมออก แล้วผมก็เดินออกจากห้องพยาบาลไป







อีกไม่กี่วันก็ครบเดือนที่ไอ้เต้ยจะเลิกตื๊อพี่มันแล้วครับ ผมอดดีใจแทนพี่เป้ไม่ได้ 

อย่างน้อยก็เพื่อคนทั้งคู่นั่นแหละ 

ยิ่งช่วงใกล้หมดเวลาค้นหาคำตอบ มันยิ่งติดพี่มันหนึบ พอเลิกคลาสปุ๊บ มันก็วิ่งลิ่วไปหาพี่มันทันที 

มีเวลาว่างอีกชั่วโมงหนึ่ง ก่อนไปทำงาน ผมกำลังคิดอยู่ ว่าจะทำอะไรดี ระหว่าง เป็นเด็กดีอ่านหนังสือเตรียมสอบกับนั่งเล่นเกมในมือถือ 

ผมอยากเป็นเด็กดีครับ เลยเดินไปห้องสมุดเพื่อหาที่เงียบ ๆ

ในการเล่นเกม 

หึหึ เป็นเด็กดีที่เลวได้อีกกู

ระหว่างทางผมถูกเบรกด้วยเสียงของใครบางคน ผมหันไปมอง 

ง่ะ อาจารย์สุชาติ กูได้เป็นม้าใช้อีกแล้ว 

“ช่วยหน่อยนะ”
ช่วงแรก ๆ มาแค่แผ่นสองแผ่น แต่วันนี้แกเล่นยกมาให้เป็นตั้งเลย ตั้งใหญ่ด้วย ผมรับมาถือไว้ ปลายยอดสูงเกือบท่วมหัว 

“อาจารย์ ผมไม่ใช่คนของสภานะ”
ผมครางบอกแก 

“ก็ใช้นายแล้วได้งานเร็วดีนี่ รีบ ๆ ไปเถอะ” 

โธ่ กรรมของกู 

ผมประคองเอกสารเดินตุเลง ๆ ไปยังชั้นสามของตึกสภา ระหว่างทางก็ภาวนาขอให้มีใครสักคนเข้ามาช่วยบ้าง

“กาย”
สวรรค์ได้ยินคำร้องขอของผมครับ ผมหันไปมอง 

โอ้ พี่โอ๊ค เทวดาของผมนี่เอง 

“ทำไมหิ้วเยอะนักล่ะ”
พี่มันถาม 

“ก็อาจารย์สุชาตินั่นแหละ”
พี่มันหัวเราะหึ ๆ เข้ามาแบ่งงานจากผมไปถือเองเกือบหมด แล้วเราสองคนก็พากันเดินเคียงกันตรงไปยังห้องสภา

ข้างในเงียบครับ ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ไม่มีใครอยู่สักคน ห้องน้ำก็ไม่ได้ปิดประตูไว้ พี่โอ๊คเดินไปวางแผ่นงานไว้บนโต๊ะทำงานของพี่เอก ผมเดินตามไปวางแผ่นงานที่เหลือไว้ข้าง ๆ กัน 

“สงสัยพี่เอกจะกลับไปแล้ว”
ผมออกความเห็น พี่โอ๊คพยักหน้าเห็นด้วย ผมเลยถือวิสาสะเปิดลิ้นชัก มองหาโพสท์อิทมาเขียนข้อความแปะไว้ให้พี่เอกแทน

พอเขียนเสร็จก็หันไปมองพี่โอ๊คอีกที 

“เป็นไงบ้าง”
พี่มันพยักหน้ามายังรอยแดงที่คอผม 

ตอนนี้มันดีขึ้นเยอะแล้ว รอยแดง ๆ ก็จางลง ไม่คันแล้วด้วย

“ได้ยาดีจากพี่นี่นา มันต้องหายอยู่แล้ว”
พี่มันเดินเข้ามาใกล้ ใช้นิ้วดึงเสื้อตรงคอออกเพื่อดูรอยแดง ใช้ปลายนิ้วลูบผิวเบา ๆ เช็คอีกที 

“รอยมันจางลงแล้วนะ” 

“อืม ขอบคุณอีกครั้งนะฮะ ถ้าไม่ได้พี่ ผมคงแย่แน่ ๆ แทนที่จะหาย อาจได้วอลเปเปอร์ลายตุ๊กแกมาประดับแทน”
พี่มันหัวเราะกับมุขผมใหญ่ 

เออ กูไปเป็นตลกคาเฟ่ดีไหมเนี่ย 

“เอ่อ…แล้วตรงนั้นล่ะ”
พี่มันถามเสียงเบา ผมยิ้ม รั้งคอเสื้อออก ส่องดูหัวนมตัวเองอีกที

“ดีขึ้นแล้วเหมือนกัน แต่มันยังคัน ๆ อยู่” 

“กลับไปทายาเพิ่มละกัน”
พี่มันบอก ก่อนยกนาฬิกาขึ้นดู 

“พี่มีคลาสนะ ต้องไปก่อนแล้ว”
แล้วพี่แกก็วิ่งลิ่วหายไปเลย

ผมยิ้ม หันมาเช็คความเรียบร้อยของงานบนโต๊ะอีกที จัดแผ่นงานที่วางไว้สองกองเมื่อกี้ ให้เป็นกองเดียว พอเรียบร้อยก็หันหลัง เตรียมเดินออกจากห้อง

แต่มือที่แตะลูกบิดไว้ต้องหยุดชะงัก เพราะมีมือใหญ่ของใครบางคนมาค้ำประตูไว้ รังสีคุกคามแผ่กระจายไปทั่วทั้งแผ่นหลัง ผมค่อย ๆ หันไปมอง

ใบหน้าคมเข้มนิ่งเรียบราวรูปปั้นของเทพบุตรที่ถูกจับมาสต๊าฟอีกที มีเพียงดวงตาเท่านั้น ที่ทำเอาขนที่กลางหลังผม พากันลุกซู่

“พี่เอก..”

*** ***
See You Jub ๆ(?)

1 เม้นท์ 1 กำลังใจ :z13:

หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ (เอกกาย) Ch.45 ทายา&คันนม part 2 P.19 (4-6-58)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 05-07-2015 12:40:51
อย่าหึงมาดเซ่พี่เอก ตัวเองยังไม่ยุติธรรมกะกายเลย
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ (เอกกาย) Ch.45 ทายา&คันนม part 2 P.19 (4-6-58)
เริ่มหัวข้อโดย: umarinnew ที่ 05-07-2015 13:10:56
โอ๊! พี่มิวเอานิยายมาลงในเว็บนี้ด้วยดีใจจัง ติดตามอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ (เอกกาย) Ch.45 ทายา&คันนม part 2 P.19 (4-6-58)
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 05-07-2015 21:52:07
 :mew1: ตามอ่านจนทัน ชอบกายค่ะเป็นคนน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ (เอกกาย) Ch.45 ทายา&คันนม part 2 P.19 (4-6-58)
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 06-07-2015 20:37:45
รู้สึกห่างหายกับเรื่องนี้ไปนานมากเลยค่ะ แต่ยังติดตามคู่นี้อยู่นะคะ  ใจจริงแอบเชียร์คู่พี่น้องด้วย
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ (เอกกาย) Ch.45 ทายา&คันนม part 2 P.19 (4-6-58)
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 11-07-2015 02:20:07
จะผิดไหมถ้าจิ้นอาร์ตกาย ฮ่าๆๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ (เอกกาย) Ch.46 สอบสวน [P.19 Up 6-8-58)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 06-08-2015 16:54:45
Kiss Love : 46
สอบสวน     
เอก....☼

ทั้งเรียนทั้งทำงานที่สภา เหนื่อยมาทั้งวัน อยากงีบ อยากพัก แต่ก็ต้องเร่งงานให้เสร็จ จะได้กลับไปพักเลยทีเดียว พอง่วงจัด ๆ ผมเลยเลือกที่จะเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา เรียกความสดชื่นกลับคืน   

ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามา คงเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของผมสักคน ผมหยิบผ้าขนหนูมาซับหน้าให้แห้ง กำลังจะเดินออกไป แต่ชะงักขาไว้จ้องมองคนสองคนที่ยืนอยู่ด้านนอก

หนึ่งในนั้นเป็นคนที่ผมเฝ้าคิดถึงมาตลอดทั้งวัน กับอีกหนึ่งเป็นคนที่ผมไม่อยากให้มันเข้าใกล้ที่สุด

“เป็นไงบ้าง”
ได้ยินเสียงพวกมันคุยกันเบา ๆ แต่สิ่งที่ทำให้ผมยืนมองตาค้าง เผลอกำหมัดแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ คือไอ้เชี่ยโอ๊คมันเกี่ยวคอเสื้อไอ้ตัวเล็กออกเพื่อดูอะไรบางอย่าง แล้วใช้ปลายนิ้วไล้ไปทั่วผิวเนื้อลำคอ ซึ่งไอ้ตัวเล็กก็แหงนหน้าเอียงคอนิด ๆ ให้มันดูดี ๆ ผมกำหมัดแน่นขึ้นไปอีก

พวกมันพูดคุยกันต่อ ก่อนหัวเราะคิกคัก แล้วไอ้ตัวเล็กก็ดึงคอเสื้อตัวเองออก ก้มมองบางสิ่งที่อยู่ภายใน 

บางสิ่งที่ผมชื่นชอบที่จะสัมผัส

ผมหรี่ตาจ้องมองพวกมันทั้งคู่ มันคุยกันอยู่สักพัก ไอ้โอ๊คก็ขอตัวออกไป ผมจำได้ว่ามันมีคลาส ไอ้ตัวเล็กหันไปจัดเอกสารบนโต๊ะ ผมก้าวออกจากจุดที่ยืนอยู่เดินตรงไปหามันอย่างเงียบเชียบ มันยังไม่รู้ตัว พอมันจัดเอกสารเสร็จก็หันหลังเดินตรงไปที่หน้าประตู   

ผมก้าวตามมันไปติด ๆ และทันทีที่มันจับลูกบิด ผมก็ค้ำมือไว้กับบานประตู กั้นไว้ไม่ให้มันออก มันเอี้ยวหน้ามามอง

“พี่เอก”
มันเรียกเสียงเบา ผมมองมันนิ่ง ๆ แต่ภายในกรุ่นไปด้วยเพลิงโทสะ

มึงจะทำให้กูโมโหอีกกี่ครั้งถึงจะพอใจ

“ผมคิดว่าพี่กลับไปแล้วซะอีก”

“ถึงได้กล้ามายืนสวีทกับไอ้โอ๊คในนี้ใช่ไหม!!”
พาลครับ รู้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง แต่ก็ยังพาล

เลวได้อีกกู

“เปล่านะ!”
มันรีบค้านหันมาทางผมเต็ม ๆ

“แล้วสิ่งที่พี่เห็นล่ะ ถ้าไม่ได้สวีทกันแล้วไปเปิดคอเสื้อให้มันดูทำไม”

มึงแก้ตัวมาดิ กูสัญญาว่ากูจะฟังมึงดี ๆ

มันหน้าแดงก่ำ 

มึง!

มึงมีอะไรเกินเลยกับมันจริง ๆ ใช่ไหม!

“คะ คือ”

ผมเลื่อนไปจับสองข้อมือมันตรึงไว้กับบานประตู 

แม่ง กูไม่อยากเล่นบทโหดนะ กูอยากเป็นพระเอกกับเขาบ้าง แต่นี่ เวลากูอยู่กับมึง มึงส่งแต่บทผู้ร้ายให้กูทุกที 

มันยังอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ 

“ว่าไง”
ผมแผ่รังสีความไม่พอใจออกมาล้อมรอบ

“พี่โอ๊คแค่ถามว่าผมหายแพ้รึยัง”
มันอ้อมแอ้มบอก ผมเลิกคิ้ว 

“แพ้? แพ้อะไร!!”
ผมกระชากถามเสียงเข้ม มันทำหน้าตื่นรีบรัวลิ้นบอก

“ผมแพ้สบู่ที่ซื้อมาจากเชียงใหม่น่ะ สบู่ใยไหม มันเป็นรอยแดงที่คอ ที่ท้องแล้วก็…”
มันหยุดคำพูดสุดท้ายเอาไว้ในลำคอ 

“แล้วก็…”
ผมตรึงข้อมือมันแน่นขึ้น หวังเค้นเอาคำตอบ 

มึงจะให้คำตอบกูเร็ว ๆ หน่อยได้ไหม 

มันก้มหน้า 

“กาย!! มองหน้าพี่แล้วตอบ!!”

มันค่อย ๆ เงยขึ้น หน้ามันแดงยิ่งกว่าเดิมอีก

“นะ นม”
พูดแล้วมันก็ก้มหน้าต่อ 

“นม”
นมเนี่ยนะ ไปแพ้อะไรตรงนั้น

“แล้วไปแพ้อะไรตรงนั้น”
ผมถามต่อ

“ก็พี่กัด มันคงถลอก พอสบู่ถูกมันก็เลย…” 

อึ้งครับ..

นี่กูผิดอีกแล้วใช่ไหม
ผมคลายมือออก แต่ยังเหลืออีกประเด็น 

“แล้วไอ้โอ๊ครู้ได้ยังไง”
ผมตรึงข้อมือมันต่อ มันเงยหน้ามอง เบ้หน้าหน่อย ๆ คงเพราะเจ็บ แต่ผมไม่สนครับ อยากได้คำตอบมากกว่า 

“พอดีผมไปหายาทาที่ห้องพยาบาล แล้วพี่โอ๊คผ่านมาเห็นพอดี ก็เลยช่วยหายามาทาให้” 

“หายา…มาทาให้”
ผมทวน หรี่ตาจ้องมอง มันหน้าเจื่อนลงทันที 

“มันทาให้ตรงไหน”
ผมภาวนาขอให้มันทาให้แค่ที่คอก็พอ

ไอ้ตัวเล็กก้มหน้าลงต่ำ 

แม่ง!! อย่าบอกนะว่าทาให้หมดเลย แม้แต่หัวนมที่กูหวงแหนก็ด้วย 

“ทาตั้งแต่เมื่อไหร่”
ผมถามมันด้วยน้ำเสียงอดทน 

“ตั้งแต่เช้าแล้ว” 

“งั้นยามันคงหมดฤทธิ์แล้วล่ะ” 

มันเงยหน้ามอง 

“คงต้องทาใหม่”
พูดจบผมก็จัดการก้มทายาให้มันทันที ด้วยน้ำบ่อน้อยจากปากตัวเองนี่แหละ มันพยายามขัดขืน

“พี่เอก อย่า! ยาอาจจะยังอยู่นะ”
ยามันไม่ได้อยู่ได้ทั้งวันขนาดนั้นหรอก เจ้าบื้อ!!                   

ผมตวัดปลายลิ้นไปทั่วทั้งลำคอมัน มันรีบหดคอหลบหนี ผมรวบข้อมือมันสองข้างตรึงไว้ด้วยมือเดียว มันไม่ได้ข้อมือเล็กเหมือนผู้หญิงหรอก แต่ผมเป็นพวกข้อแข็ง กดมันนิดหน่อยก็ดิ้นไม่หลุดแล้ว 

กูจะเป็นหมอ เพื่อรักษามึงเอง

ผมเลื่อนมืออีกข้าง ลงมาคลี่ปลดกระดุมเสื้อมันออก เห็นรอยจาง ๆ ตรงท้องมันด้วย

อืม มันคงแพ้จริง
ผมเลื่อนริมฝีปากลงไปเลียเบา ๆ มันหดหน้าท้อง ครางออกมาซะหวานหยด

อืม...
เสียงดีจริง ๆ

แล้วผมก็เลื่อนปลายลิ้นขึ้นไปแตะยังจุดสุดท้าย

หัวนมที่ผมหวงแหน

แม่ง มาจับหัวนมเด็กกูได้

ผมลงลิ้นกับมันเบา ๆ ไม่ได้ดูดแรงหรือกัดเหมือนเมื่อวันก่อน ก็ตอนนั้นผมทำเพราะโมโห แล้วก็อยากทำโทษมันด้วย แต่มาวันนี้แค่เลีย

และผลที่ได้ก็คือ…

“อ๊า~ พี่เอก”

เชี่ย!!
มึงครางซะน้องกูตื่นเหมือนทหารถูกปลุกด้วยนกหวีดเลย

ผมตวัดปลายลิ้นไปมา มันดิ้นพล่านด้วยความเสียวซ่าน มือไม้ผมก็ไม่อยู่สุข ลูบไล้ไปทั่วผิวเนื้อแผ่นหลังเลื่อนมาด้านหน้าช่วยกันปรนเปรอยอดอกอีกข้าง 

“อ๊า พี่เอก อื้ม..พอ”
ยังมีอารมณ์มาห้ามอีกนะ

ผมไม่ฟัง เลื่อนริมฝีปากขึ้นไปไซ้ซอกคอมันอีกรอบ ก่อนคลี่ปลดเข็มขัดและกางเกงมันออก เหลือไว้แค่เสื้อเชิ้ตก็พอ ผมคุ้ยน้ำหล่อลื่นจากปากตัวเอง แตะลงตรงช่องทางคับแคบ กดแทรกปลายนิ้วเข้าไปเบา ๆ มันสะดุ้งเฮือก แอ่นสะโพกเข้าหาผมอัตโนมัติ   

ชักชอบซะแล้วสิ

ผมปล่อยสองข้อมือมันลง ปลดเข็มขัดนำน้องทหารตั้งตรงออกมาภายนอก เกี่ยวขามันพาดแขนไว้ แล้วเป่านกหวีดให้มันหาหนทางวิ่งเข้าถ้ำเอาเอง หาไม่ยากครับ แผล็บเดียวก็เจอ น้องผมเข้าไปได้แล้วครึ่งทาง ผมขยับอีกนิด มันก็เข้าไปได้ทั้งตัว ไอ้ตัวเล็กบีบต้นแขนผมแน่น หายใจแทบไม่เป็นจังหวะ 

ผมเคลื่อนสะโพกเข้าออกเบา ๆ มันครางสะท้านจนผมต้องเพิ่มจังหวะเร็วขึ้นเรื่อย ๆ

ผมบดเบียดจนแผ่นหลังมันแนบติดไปกับบานประตู ให้น้องของผมได้ทำหน้าที่นำความเสียวซ่านมาให้มัน มันหลับตาลงแน่น ก่อนปรือเปิดขึ้นมามองผมหยาดเยิ้ม

มองแบบนั้นแหละดี ยิ่งมองยิ่งมีอารมณ์

ผมขยับใส่จังหวะเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งความเสียวซ่านมีมากเท่าไหร่ มือไม้มันยิ่งบีบขยำต้นแขนผมมากขึ้นเท่านั้น 

ผมนี่หอบหนักเลย

ผมจัดการมันหน้าประตูอยู่สักพัก ก็อุ้มพามันไปที่โต๊ะทำงาน ตอนแรกอยากเล่นมันบนโต๊ะ แต่เอกสารเพียบ ผมเลยเดินไปนั่งที่เก้าอี้แทน ให้มันนั่งอยู่ด้านบน

งานนี้ผมถือคติ น้องไม่ต้องพี่จัดการเอง ผมจับสะโพกมันยกขึ้นยกลง เป็นจังหวะเชื่องช้าบ้างสลับเร็วบ้าง จวบจนพวกเราทั้งคู่พากันปลดปล่อย

สรุป ผมก็กินมันจนชุ่มปอด พอจบอาหารมื้อเย็น ผมก็สั่งให้มันมาช่วยงานผม โดยแยกเอกสารให้ผมนั่งเซ็น ให้มันเป็นเลขา

“พี่เอก ทำงานไปดี ๆ สิ”
มันปรามเมื่อมือหนึ่งผมถือเอกสารอ่าน แต่อีกมือกำลังลูบสะโพกมันอยู่

คือมันชินน่ะครับ   

ผมไม่ได้ฟังคำปรามมันแม้แต่น้อย มือหนึ่งลูบอีกมือก็เซ็นไปอยู่อย่างนั้น ที่ผมรีบทำให้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผมจะได้อยู่กับมันนี่แหละ งานเยอะไม่ว่า แต่ได้ทำไปจับก้นมันไปนี่สนุกดี

ไม่เกินครึ่งชั่วโมงผมก็เซ็นงานจนหมด

“ผมเอางานไปส่งอาจารย์ดีกว่า”
มันรีบรวบเอกสารไว้ในอ้อมแขน ผมดึงเอกสารทั้งหมดมาถือเอง 

“ผมเอาไปส่งเองก็ได้” 

กูรู้…

แล้วมึงก็จะหนีกลับก่อน เรื่องอะไรกูจะยอม 

ผมอุ้มเอกสารเดินเคียงมันไปจนถึงห้องพักอาจารย์ แต่อาจารย์แกกลับไปแล้ว ผมเลยวางกองงานไว้บนโต๊ะ หาอะไรทับนิดหน่อย 

“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
ผมหันไปบอก มันพยักหน้ารับ ไม่เงยหน้ามองผมแม้แต่น้อย 

“พี่เอกคะ”

ผมชะงัก หันไปมองคนเรียก ต่ายนั่นเอง

ไอ้ตัวเล็กเม้มปากแน่น 

“มีอะไร” 

“คือ ต่ายจะมาชวนพี่ไปดูหนังน่ะค่ะ” 

“โทษทีพี่ไม่ว่าง”
บอกแค่นั้น ดันหลังไอ้ตัวเล็กให้เดินหน้า 

“งั้นพรุ่งนี้ได้ไหมคะ”
สาวต่ายยังตื๊อไม่เลิกจนผมต้องหันไปมองปราม ๆ   

ไอ้ตัวเล็กก้าวเร็วขึ้น จนผมต้องก้าวไปคว้าข้อมือมันไว้ 

“พี่ไม่ว่าง แค่นี้นะ”
แล้วผมก็ก้าวฉับ ๆ ดึงไอ้ตัวเล็กจากมา

ผมไม่รู้ว่ามันเป็นพวกใจกว้าง หรือไม่อยากจะมากะเกณฑ์อะไรกับผมกันแน่ แต่บางครั้ง ผมก็อยากให้มันหึงหวงผมบ้าง หรือไม่ก็ใช้สิทธิ์ในฐานะของคนที่เคยมีอะไรกันมารั้งผมเอาไว้บ้าง

ใช่ ผมไม่ชอบ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากให้มันทำ แต่นี่มันเล่นเฉยเมย พอมีใครเข้ามาก็หลีกทางให้เหมือนนางเอกผู้แสนดี 

บอกตามตรง ขัดใจครับ
     
“อีกสองอาทิตย์ พวกพี่จะไปเที่ยวนครสวรรค์กันนะ”
ผมบอกคนที่ยังเดินก้มหน้าอยู่ข้าง ๆ ระหว่างทางไปยังโรงจอดรถ มันเงยหน้ามอง ขมวดคิ้วสงสัย คงคิดว่า แล้วจะมาบอกมันทำไม

“นายต้องไปด้วย” 

มันทำหน้าสงสัยยิ่งกว่าเดิม

“ไปกันยกกรุ๊ปนั่นแหละ ไปเที่ยวสวนผลไม้ไอ้กิ๊ฟมัน พ่อมันอยากเห็นว่าที่ลูกเขย” 

“พี่หมายถึง พี่ฝรั่งคนนั้น”

ผมพยักหน้าให้มันที มันยิ้ม ก่อนตอบตกลง 

ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ผมก็ขับรถมาถึงที่ทำงานมัน   

แต่ว่า…

ทำไมคนเยอะนักวะ ออกันเต็มหน้าร้านเลย พอพวกผมไปถึง พวกนั้นก็กรูกันเข้ามากรี๊ดใหญ่ 

“พี่เอก!!พี่กาย!!” 

เอ่อ..
กูคิดว่าจะจบแค่เมื่อวานนี้ซะอีก

ผมตีสีหน้าไม่พอใจทันที   

“กรี๊ดดด มาดมาเฟีย!” 

ซะงั้น

กูละหน่าย ผมรีบดันหลังไอ้ตัวเล็กให้เข้าไปภายในร้านทันที

ผู้จัดการเดินยิ้มแก้มบานเข้ามาหา 

“วันนี้จะมาช่วยอีกเหรอครับ”

ตอนแรกก็ว่าจะปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้พวกสาว ๆ เข้ามายุ่งวุ่นวายมาก แต่เปลี่ยนใจ เพราะเหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังนั่งไขว่ห้าง ส่งยิ้มมาให้ไอ้ตัวเล็กจากโต๊ะในสุด 

ไอ้คุณชรินทร์

ไอ้ตัวเล็กเดินตรงไปหามันทันที 

คันไม้คันมือครับ อยากต่อยไอ้หน้าหล่อนั่นสักที หลังจากนั้นก็จับไอ้ตัวเล็กมัดไว้ ไม่ให้มันไปหาผู้ชายคนไหนได้ นอกจากผมคนเดียว 

“พี่เชนมาได้ไง” 

“ขับรถมา”

แน่ะ มีอารมณ์ขันอีกนะ มันมองมาทางผมนิดหนึ่ง ยิ้ม แล้วหันไปคุยกับไอ้ตัวเล็กต่อ

“พี่มาเตือนว่า อย่าลืมนัดของเราสองคนวันพรุ่งนี้นะ”

ไอ้ตัวเล็กสะดุ้งโหยง แล้วนิ่งไป 

หึ ๆ มันคงรู้ว่าจะโดนผมสอบสวนมิใช่น้อย แล้วไอ้คนพูดมันคงอยากจะประกาศสงครามแย่งชิงปลาน้อยกับผมตรง ๆ ดวงตามันฉายแววแน่วแน่มาทางผม 

ผมรู้ว่าคนเป็นช่างภาพ มักมีความอดทนสูง และผมก็รู้ว่าคนพวกนี้ กล้าที่จะเดินหน้าเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการเหมือนกัน 

แล้วสิ่งที่ไอ้คุณชรินทร์มันต้องการตอนนี้ ก็คือกาย และดวงตาของมันก็ฉายแววว่าพร้อมที่ทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้กายมาเป็นของตัวเองด้วยเหมือนกัน

ไอ้ตัวเล็กรีบขอตัวเข้าไปแต่งตัวก่อน โดยมีผมและมัน ไอ้คุณชรินทร์เดินตามไปด้วย 

จะตามไปทำไม

วันนี้ผู้จัดการร้านเปลี่ยนเครื่องแบบของพนักงานทุกคนครับ เปลี่ยนจากเสื้อเชิ้ตสีขาวมาเป็นสีแดงเลือดหมู ดูเท่และมีเสน่ห์ไปอีกแบบ และดูเหมือนผู้จัดการจะรู้ว่ามีอาสาสมัครมาช่วยงานที่ร้านบ่อย ๆ เลยสั่งตัดเสื้อผ้าไซส์ใหญ่มาไว้ให้ด้วย ซึ่งผมกับไอ้คุณชรินทร์ก็ตัวสูงเกือบเท่า ๆ กัน (ผมสูงกว่ามันประมาณ 5 เซ็นได้มั้ง) คงเพราะมันเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษนั่นแหละ

ไอ้เต้ยกับไอ้เป้แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว พวกมันออกไปรับลูกค้าสาว ๆ ที่พากันหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย

พอผมกับไอ้คุณชรินทร์ไปถึงห้องแต่งตัว ก็เห็นไอ้ตัวเล็กยืนอยู่หน้าล็อคเกอร์ ผมกับไอ้คุณชรินทร์ไปหยุดยืนอยู่ด้านหลัง ใช้สายตาห้ำหั่นกันเอง 

“สวยดีแฮะ”
ไอ้ตัวเล็กมันคงตื่นเต้นกับเครื่องแบบใหม่ มันยกขึ้นมาส่อง ๆ ดู ก่อนคลี่ปลดเสื้อตัวเองออกยัดไว้ในล็อกเกอร์ 

ผมยืนมองตาค้าง จ้องมองแผ่นหลังเพรียวบางของคนที่ผมเพิ่งจะฟัดไปหยก ๆ ปกติกายเป็นพวกชอบใส่กางเกงเอวต่ำอยู่แล้ว ผิวก็ขาว ทำให้เห็นร่องสองจุดด้านหลังได้ชัด ๆ 

นี่มันรู้ตัวรึเปล่า ว่ามายืนโป๊เปลือยท่อนบนต่อหน้าผู้ชายที่คิดจะงาบมันถึงสองคน ผมหันไปมองไอ้คุณชรินทร์ มันยืนมองตาค้างไม่ต่างกับผมเหมือนกัน

ผมไม่รู้ว่ามันเคยชอบใครหรือมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนหรือเปล่า แต่คนตรงหน้านี้ของกูเว้ย!

กูหวง!!

ไอ้ตัวเล็กก็อีกคน แทนที่จะรีบ ๆ ใส่ กลับยืนลีลาส่องเสื้ออยู่นั่นแหละ 

“เฮ้ย! ไอ้กาย มึงแต่งตัวเร็ว ๆ หน่อยดิวะ ลูกค้าเยอะ”
ไอ้เต้ยโผล่หน้าเข้ามาเรียก ไอ้ตัวเล็กหันไปมองนิดหน่อย ก่อนรีบตวัดเสื้อใส่ พวกผมสองคนรีบเดินไปคว้าชุดใหม่มาใส่บ้างเหมือนกัน พอไอ้ตัวเล็กใส่เสร็จก็หันมามอง 

“ผมออกไปก่อนนะฮะ”
พูดจบมันก็วิ่งออกไปทันที

ผมหันไปมองไอ้คุณชรินทร์ มันก็ทำหน้านิ่ง ๆ แต่งตัวไป พอเรียบร้อยผมกับมันก็พากันเดินออกไป 

สาว ๆ เยอะครับ มากันให้ตรึม โต๊ะไม่พอ แต่ไอ้ผู้จัดการร้านมันก็ฉลาด มันเอาม้านั่งแบบยาว ๆ เหมือนม้านั่งในสวนสาธารณะไปวางไว้ยังมุมต่าง ๆ ถึงไม่มีโต๊ะก็ยังมีที่ให้นั่ง ส่วนพวกที่เหลือ ก็จับกลุ่มยืนคุยกันไป เด็กบางคนพากันลงไปนั่งที่พื้นเลยก็มี(ดีว่าปูหญ้าไว้เต็มทุกพื้นที่) 

เห็นไอ้ตัวเล็กวิ่งวุ่นถือถาดเอาของไปเสิร์ฟให้ลูกค้าใหญ่ ผมกับไอ้คุณชรินทร์เลยรีบเดินเข้าไปช่วย 

เวลาผ่านไป พวกเราก็ยังคงวุ่นวายอยู่กับการทำงาน ไอ้ตัวเล็กที่เพิ่งเอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟลูกค้าโต๊ะสี่ก็เดินถือถาดเปล่าตรงมาทางผมกับไอ้คุณชรินทร์ (ที่บังเอิญอยู่ใกล้กันพอดี) มันหยุดยืนอยู่ตรงหน้าไอ้คุณชรินทร์ เอื้อมจัดคอเสื้อที่เบี้ยวไร้ระเบียบให้เข้าที่เข้าทาง

“เหนื่อยหน่อยนะครับ วันนี้”
มันบอกยิ้ม ๆ

ผมยืนมองตาเขียว ก่อนที่ไอ้ตัวเล็กจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมบ้าง มันเอื้อมจัดคอเสื้อและปรับจี้พระอาทิตย์ให้อยู่ในตำแหน่งเดิม พอเสร็จมันก็ตบแปะเบา ๆ ที เงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานใส่ แล้วเดินไปทำงานต่อ

ปล่อยให้ผม ยืนหัวใจเต้นแรงอยู่ตรงจุดเดิม 

และผมว่าไอ้คุณชรินทร์ มันก็คงมีอาการไม่ต่างกับผม เพราะเห็นมันมองตามไอ้ตัวเล็กแทบจะตลอดเวลา

งานนี้ ผมคงอยู่เฉยไม่ได้แล้วล่ะ ไม่งั้น คงมีแมววิ่งมาคาบปลาย่างไปจากผมแน่ ๆ

*** ***

To be Con..
หายไปเป็นเดือนเลย
คิดถึงเอกกายเบา ๆ TT
 
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Ch.46 สอบสวน [P.19 Up 6-8-58)
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 06-08-2015 18:35:01
 :mew1: ตัวเล็กนี่เสน่ห์แรงน่าดู
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Ch.46 สอบสวน [P.19 Up 6-8-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 06-08-2015 19:22:16
 :o8:

เสน่แรงจริงๆ นายเอกของเรา

เนื้อเรื่องสนุกมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Ch.47 สาวเสิร์ฟคนใหม่ [P.19 Up 15-8-58)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 15-08-2015 18:36:03

Kiss Love ♥ [47]
สาวเสิร์ฟคนใหม่
[กาย...♥]


วุ่นวายครับวันนี้

พวกแฟนคลับไอ้พี่เอกพากันมารอตั้งแต่พวกผมยังไม่เข้าร้าน ดีใจอยู่หรอก (เพราะได้ทิปเพิ่มขึ้น) แต่ก็แอบเห็นใจไอ้พี่เอกมัน ยิ่งเป็นพวกไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายอยู่ด้วย ผมยังไม่ได้ปิดบอร์ด เพราะพี่เอกบอกว่าไม่เป็นไร (แต่ต้องจ่ายค่าตัวมากขึ้น) 
วันนี้ผู้จัดการตัดชุดใหม่ให้ด้วย เป็นเสื้อแขนยาวสีแดงเลือดหมู สวยดีครับ มีโลโก้เท่ ๆ ดูเป็นร้านกาแฟมีระดับขึ้นมาอีก แล้วอีกอย่างกาแฟกับขนมที่นี่อร่อยจริง ๆ (อันนี้คอนเฟิร์มโดยพี่เป้อีกที) 

ผมกับไอ้เต้ย วิ่งวุ่นต้อนรับลูกค้า พี่เอกกับพี่เชนเสิร์ฟกันอยู่อีกด้าน สาว ๆ งี้พากันกรี๊ดโครม ๆ ไม่รู้กรี๊ดใครมากกว่ากัน ระหว่างลูกครึ่งสุดหล่ออย่างพี่เชน หรือไทยแท้อย่างพี่เอก 

อยากได้กล้องครับ เอามาถ่ายสักแชะสองแชะ 

การกระทำผมไวกว่าความคิด ผมรีบล้วงหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกหาใครบางคนทันที ไม่เกินครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ก็มีรถวิ่งเข้ามาจอดที่ลานจอดรถ ผมรีบวิ่งออกไปรับทันที

“มาถึงก็ใช้กันเลยนะ”
แม่แอบต่อว่า แม่เพิ่งบินมาจากเชียงใหม่วันนี้นี่เอง โทรบอกตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว 

“มีภาพสวย ๆ ให้อยากถ่ายน่ะ ขอบคุณครับ”
ผมรับกล้องมาถือไว้ แม่กวาดมองไปรอบ ๆ   

“ว้าว ลูกค้าเยอะจัง” 

“ฮะ แฟนคลับของพี่เอกทั้งนั้นเลย”
แม่เลิกคิ้วสูง ยังไม่ทันที่ผมจะได้อธิบายอะไรก็มีเสียงของใครอีกคนดังแทรกเข้ามาก่อน

“ว้าววววว วันนี้ลูกพ่อใส่เครื่องแบบใหม่ด้วย”
พ่อผมฮะ ไม่รู้มาได้ยังไง ผมหันไปมอง พอ ๆ กับแม่ที่หันขวับไปมองทันทีที่ได้ยินเสียงเหมือนกัน 

“อ้าวคุณ” 

“นาย”
แต่ละคนทำหน้าเหมือนอีกคนเป็นตัวประหลาด

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
พ่อถาม

“ไม่เกี่ยวกับคุณ”

“ไม่เกี่ยวได้ไง ผมกะจะไปค้างกับลูก คุณมาอย่างนี้ ผมก็เสียโอกาสน่ะสิ” 
แม่ยิ้มมุมปาก

“หึ โอกาสคุณมันหมดไปตั้งแต่วันที่คุณก้าวออกจากบ้านไปแล้ว” 
พ่อทำสายตากรุ้มกริ่ม

“พูดงี้ แปลว่าเสียดายผมล่ะซี้”
แม่เบ้หน้า ทำท่าแหวะลงพื้น 

“ตะกวดแถวกำแพงเมืองจีนยังดูดีซะกว่าอีก”
พูดซะผมเห็นภาพเลย 

“คุณว่ากายหน้าตาหล่อไหม”
พ่อผมไม่ยี่หระ แถถามไปเรื่องอื่น แม่ทำหน้าเป็นแมวงง ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงฉะฉาน ไม่แน่ใจว่าต้องการเอาใจผม หรือพูดความจริงกันแน่

“หล่อสิ หล่อมาก ๆ ด้วย”
ผมฉีกยิ้ม ปลื้มครับ โดนแม่ตัวเองชม 

พ่อยิ้มแป้น 

“ยิ้มอะไร” 

“ขอบคุณที่คุณชมผม”
ผมกับแม่พากันเลิกคิ้วแปลกใจ

“ฉันไม่ได้ชมนาย ฉันชมลูก”
พ่อยิ้ม ยกมือขึ้นมากอดอก 

“อ้าว ก็มีคนเคยพูดอยู่บ่อย ๆ ว่ากายหน้าตาคล้ายผม ถ้าคุณชมว่ากายหล่อมาก ๆ งั้นก็หมายความว่าคุณต้องชมผมด้วยเหมือนกัน” 

โห พ่อคิดได้ไงครับ
เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นใครหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาเป็นข้ออ้างชมตัวเองเลย 

แม่อ้าปากค้าง หน้าแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออก เพราะถ้าค้านนั่นหมายถึง ผมจะกลายเป็นคนขี้เหร่ไปทันที แต่ถ้ายอมรับ ก็เข้าทางพ่อพอดี

ซ้ายพ่อก็ชนะ ขวาพ่อก็ชนะ 

ยกนี้ แม่โดนน็อกครับ 

“ชิ! เสียอารมณ์ แม่มาเหนื่อย ๆ หิว มีอะไรหวาน ๆ ให้แม่กินบ้างไหม”
แม่ละความสนใจจากพ่อหันมาทางผม

“กินมากเดี๋ยวก็อ้วนหรอก”
ยังครับ พ่อยังแขวะไม่เลิก

แม่หันขวับไปมอง นี่ถ้าตาแม่มีแสงเลเซอร์ พ่อคงตัวพรุนเพราะถูกลำแสงจิกกัดก่นด่าแบบไม่มีเสียงแน่ ๆ 

“มีครับ เยอะแยะเลย เข้าไปข้างในกันก่อนดีกว่า”
ผมถือกล้อง เดินนำแม่กับพ่อเข้าไปภายในร้าน ยังดีที่มีน้องนักเรียนจากโต๊ะติดกระจกลุกพอดี ผมเลยถือโอกาสเข้าไปเก็บของและทำความสะอาด ปล่อยพ่อกับแม่ยืนรออยู่ด้านหลัง จ้องมองกันแบบกัด ๆ ไป พอเสร็จผมก็บอกให้พวกท่านนั่ง(งานนี้จะมาเล่นแง่แยกโต๊ะไม่ได้ครับ คนเยอะ โต๊ะเก้าอี้ไม่พอนั่ง) 

แม่นั่งได้แล้ว แต่ยังไม่ทันที่ตูดพ่อจะติดเบาะ ผู้จัดการก็มาลากแขนพ่อไปหลังร้าน แล้วแกก็ออกมาในสภาพเดียวกับผม

ผมหัวเราะร่วน สงสัยต้องบอกผู้จัดการให้เลิกจับพวกพี่ ๆ พ่อ ๆ ผมมาเป็นพนักงานเสิร์ฟซะแล้ว ถึงจะได้ค่าเหนื่อยเป็นเงินเยอะอยู่ก็เถอะ 

“เสียดายพวกน้องอ้อนไม่ได้มาด้วย อุตส่าห์ตัดชุดใหม่ไว้ให้โดยเฉพาะ”
ผู้จัดการบอกด้วยน้ำเสียงเสียดาย ก่อนสายตาแก จะเหลือบไปเห็นแม่ที่นั่งเคี้ยวขนมตุ้ย ๆ อยู่ข้าง ๆ ผู้จัดการร้านกระแซะเข้ามาใกล้ 

“ใครน่ะกาย” 

“ทำไมเหรอฮะ” 

“น่ารักดี อยากขอเบอร์โทร” 
ผมมองหน้าผู้จัดการ แม่ไม่ได้ยินครับ แต่พ่อที่กำลังยืนพับแขนเสื้ออยู่ได้ยินเต็ม ๆ พ่อละมือออกทันที เสื้อมันเป็นเสื้อแขนยาวน่ะฮะ แล้วพ่อผมก็เป็นพวกชอบพับแขนเสื้อไว้ที่ศอก

พ่อยืนทำหน้าไม่สบอารมณ์ 

ผมกำลังจะบอกพ่อว่า แขนเสื้ออีกข้างยังไม่ได้พับ แต่ไม่ทันครับ ใครอีกคนเร็วกว่า

“แก่แล้วยังขี้ลืมอีก แขนอีกข้างยังไม่ได้พับแน่ะ”
แม่ผมครับ ปากก็จิกไปมือก็จิ้มตักแบ่งเค้กในจานเตรียมกิน

“พับให้หน่อย”
พ่อยื่นแขนข้างที่ยังไม่ได้พับไปให้ แม่ทำหน้าเหวอ ถือช้อนค้างไว้ใกล้ปาก

“เรื่องอะไรฉันต้องทำให้นายด้วย” 
ผู้จัดการร้านมองพ่อกับแม่สลับกันไปมา 

“เมื่อกี้คุณยังชมว่าผมหล่ออยู่เลย ตอนนี้ผมยังหล่อไม่เสร็จ ทำให้ผมหล่อเสร็จหน่อยสิ” 

มุขไหนครับพ่อ - - 

พ่อยื่นแขนไปแทบจะติดหน้าแม่ แม่จิ๊ปากปัดมือออก ด่าทอพ่อทางสายตา แม่คงรำคาญเลยจับแขนเสื้อพับให้ลวก ๆ แค่นั้นพ่อก็ยิ้มออกแล้วครับ แต่แม่ไม่เห็น

“สองคนนี้…”
ผู้จัดการถามผมต่อ

“ก็อย่างที่เห็น”
ผมให้คำตอบไว้แค่นั้น หันหลังเดินไปทำงานต่อ 

ผู้จัดการทำหน้าหงอย
ถ้าให้ผมเลือก ผมขอเลือกพ่อมาเป็นพ่อเลี้ยงผมดีกว่านะครับ

“เฮีย”
ผมสะกิดพ่อตอนพ่อกำลังรับถาดมาถือไว้ พ่อหันมามอง ในปากคาบบิลไว้ เท่สุด ๆ ไปเลย 

“เฮียสนใจหาแม่เลี้ยงให้ผมไหม”
ผมเสนอ 

พ่อเลิกคิ้วสูง ผมยิ้มนิด ๆ ดึงบิลจากปากเฮียแกมาถือไว้ ดูรายการในนั้นนิดหน่อยว่าต้องนำไปเสิร์ฟที่โต๊ะไหน

“ใคร ถ้าไม่สวย เฮียไม่รับพิจารณานะ”
พ่อถาม เดินถือถาดออกไปด้านนอก โดยมีผมเดินตามไปทำหน้าที่เสิร์ฟให้ ผมหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่พ่อ

“ก็ผู้หญิงสวย ๆ ที่นั่งเขียนนิยายอยู่ตรงนู้นไง”
หลังจากทานเค้กหมด แม่ก็ยังไม่ได้กลับฮะ นั่งแต่งนิยายต่อ เห็นบอกไอเดียพุ่งพอดี แม่มีที่อุดหูฮะ เอาไว้ใส่กันเสียงรบกวน ตอนนี้เข้าถ้ำไปแล้ว นั่งพิมพ์นิยายต๊อกแต๊กหน้าเครียดอยู่คนเดียว 

พ่อมองตาม ก่อนหันมามองหน้าผมด้วยความแปลกใจ ผมอมยิ้ม 

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ ว่าเฮียยังรู้สึกดี ๆ กับเจ้แกอยู่ ผมไม่ได้บอกว่าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ให้พิจารณาใหม่ เริ่มต้นใหม่ จีบใหม่ ทำตัวแบบใหม่ อะไรที่มันเคยผ่านไปแล้ว ก็ให้มันผ่านเลยไป”

“ผมว่าเฮียเองก็เปลี่ยน เจ้เองก็เปลี่ยน แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นนะ คงเพราะต้องประสบพบเจออะไรหลาย ๆ อย่าง ยิ่งช่วงที่ไม่มีกัน ยิ่งขัดเกลาให้พวกเฮีย ๆ เข้มแข็งขึ้น ภายนอกอาจไม่เปลี่ยน แต่ผมว่าภายในเปลี่ยนไปเยอะ”

“ผมอยู่กับเจ้มา ผมรู้ ส่วนเฮียถึงผมไม่ได้อยู่ด้วย แต่ทุกครั้งที่ผมได้เจอได้พูดคุยกับเฮีย ผมรู้ว่าเฮียเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน ผมจึงไม่ขอให้เจ้กับเฮียกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะถ้าเป็นแบบนั้น คงต้องลงเอยแบบเดิมกันอีกแน่ ๆ แต่ผมขอให้เริ่มต้นใหม่ คิดใหม่ทำใหม่ จีบใหม่ เป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม”
ผมพูดรวดเดียวจบ อยากได้น้ำมาดื่มสักแก้วแฮะ

พ่อมองผมอึ้ง ๆ ยิ้มแล้วลูบหัวผมเบา ๆ 

“ลูกเฮียโตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย ทั้งความคิดและจิตใจ เฮียว่าเจ้แกเลี้ยงกายดีเหมือนกัน”

ผมยิ้มรับคำพ่อ 

“ไงก็พิจารณาข้อเสนอผมไว้หน่อยละกัน”
พ่อไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ผมยิ้ม หันไปมองแม่ที่นั่งทำหน้าเซ็ง ๆ อยู่หน้าจอคอม ผมเลยละจากพ่อไปหาแม่บ้าง 

“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ คุณผู้หญิง”
ผมโน้มหัวลงต่ำคล้ายบริกรในโรงแรม แม่แงะที่อุดหูออกมาคุยด้วย 

“คิดช็อตต่อไปไม่ถูก”

“แล้วเขียนเรื่องอะไรอยู่ล่ะ”
ผมถาม เพราะบางที แม่ก็ถามไอเดียจากผมเหมือนกัน

“พอดีเห็นบรรยากาศในร้านกาแฟ เลยลองแต่งแนววัยรุ่นที่พบรักกันในร้านกาแฟดูบ้างน่ะ” 
ผมยืนคิดอยู่สักพัก สายตาเหลือบไปเห็นพ่อกำลังยืนรับออเดอร์อยู่ ก่อนหันกลับมามองคนที่นั่งเคาะนิ้วไร้ไอเดียกับแป้นพิมพ์
ผมยิ้มทันที 

“แล้วทำไมเจ้ไม่ลองมาใช้ชีวิตเป็นพนักงานเสิร์ฟสักวันล่ะ เผื่อจะได้ไอเดียเพิ่มขึ้น ผ่อนคลายด้วย เจ้เคยบอกว่าถ้าผ่อนคลายไอเดียจะบังเกิดนี่” 

แม่ขมวดคิ้วทำท่าคิด

“แล้วจะทำได้ไง”
ผมพยักหน้าไปยังพ่อ

“แล้วคิดว่าเฮียทำได้ยังไง” 
แม่ขมวดคิ้วอีกที 

“หลักสูตรเดียวกันครับ มานี่”
แล้วผมก็จัดการรวบเก็บข้าวของของแม่ พาแม่เดินดุ่ม ๆ เข้าไปในห้องแต่งตัว

สิบนาทีต่อมา แม่ผมก็ออกมายืนอยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟสุดน่ารัก

เคยบอกแล้วใช่ไหมฮะ ว่าที่นี่ไม่เคยรับพนักงานเสิร์ฟหญิงมาก่อน ผมเพิ่งเข้าใจว่าเพราะอะไร เห็นไอเดียการออกแบบชุดของผู้จัดการแล้ว ผมอยากเปลี่ยนใจพาแม่ผมกลับบ้านขึ้นมาดื้อ ๆ 

ไม่ใช่ไม่น่ารัก
แต่เพราะมันน่ารักสุด ๆ น่ารักชนิดกระชากวัยลงไปอีกยี่สิบปีเลย 

ชุดพวกนี้ผู้จัดการจัดไว้ให้พวกทโมน เป็นชุดสีแดงเลือดหมูเหมือนกัน กระโปรงฟู ๆ สั้นเหนือเข่า ถุงเท้าฟู ๆ บนรองเท้าส้นสูงไม่มากเล่นลายน่ารัก เสื้อแขนสั้นโชว์ผิวเนื้อขาว ๆ ผ้ากันเปื้อนสั้นเท่ากระโปรง 

น่ารักมว้ากกก 

ที่สำคัญ ใส่ที่คาดผมไว้บนหัวสีเดียวกับชุดอีก(ปกติแม่ไม่ค่อยชอบใส่อะไรพวกนี้หรอก)

โอ๊ย จะน่ารักไปไหน 

“นี่ แน่ใจเหรอว่าจะให้ใส่ชุดนี้”
แม่ถาม

“ผมไม่แน่ใจแฮะ”
ผมชักลังเล 

“ทำไม”
แม่ทำหน้าไม่มั่นใจ

“น่ารักเกิน”
แม่หน้าแดงเลย

“ผมอยากให้แม่เป็นคนอื่นจัง ผมจะได้จีบ”
ผมแซว แม่ยิ้มเขิน 

โหย น่ารักได้อีก 

“ไปกันเถอะ”
ผมตัดสินใจลากแม่ออกจากห้องแต่งตัว 

“โห คุณแม่ เอ้ย เจ้น่ารักมากเลย”
ไอ้เต้ยวิ่งเข้ามาชมก่อนเป็นคนแรก ใจจริงมันคงอยากวิ่งมาซุกอกตูม ๆ ของแม่ แต่มันยั้งไว้   
แม่เขินใหญ่

พี่เอกกับพี่เป้เดินเข้ามาทักบ้าง 

“โห…”
พวกพี่ ๆ พูดกันได้แค่นั้นครับ ผมนี่ยิ้มแก้มบานเหมือนตัวเองโดนชมซะเอง   

“น่ารักดีครับ”
พี่เอกเพิ่งควานหาคำชมเจอ แม่เขินแล้วเขินอีก พอดีมีลูกค้าเข้ามาใหม่ พวกพี่ ๆ เลยเดินเลี่ยงไปทำงานต่อ แต่ไปได้ไม่เท่าไหร่ พี่เอกก็เดินวนกลับมากระซิบบางอย่างข้างหูผม

“อยากเห็นกายใส่ชุดนี้บ้างจัง คงน่ารักน่าดู”

ผมยืนหน้าร้อน 
ฝันเอาครับพี่ ผมไม่มีทางมาแต่งชุดแบบนี้ให้พี่เห็นแน่ ๆ 

ผมเดินประกบแม่ มือใหม่หัดขับ ต้องแนะนำกันหน่อย

พ่อผมยังไม่เห็นครับ เดินถือถาดร่อนผ่านสามโต๊ะ เพื่อนำเครื่องดื่มไปเสิร์ฟลูกค้าสาว ๆ ยังโต๊ะที่ติดกับรั้วไม้ ใบหน้าเคลือบความสุข ยิ้มหล่อเรี่ยราดไปตามทาง ใครอยากได้ ก็เก็บใส่กระเป๋าเอากลับบ้านได้

พอเสิร์ฟเสร็จ พ่อตวัดพลิกถาดมาถือไว้ข้างลำตัวอย่างชำนาญหันกลับมาทางหน้าร้านซึ่งมีผมกับแม่ยืนมองเฮียแกทำงานอยู่เพลิน ๆ

“เคร้ง!!!”
มือไม้ไร้กำลังขึ้นมาทันที พ่อทำถาดตกพื้นเสียงดังจนผู้คนหันไปมอง แต่พ่อผมหาได้สนใจไม่ ยืนมองแม่ตาค้าง

เมื่อกี้พ่อยืนอยู่ท่าไหน ตอนนี้ก็ยังอยู่ท่านั้น

แม่ผมยืนอายม้วนต้วนไปเลย คงไม่เคยเห็นพ่อเวอร์ชั่นเอ๋อแดกแบบนี้มาก่อน

ผู้คนเริ่มพากันส่งเสียงซุบซิบคุยกัน คงรู้กันแล้วว่าอะไรเป็นเหตุให้พ่อพนักงานเสิร์ฟสุดหล่อสติหลุด และก่อนที่ผู้คนจะสนใจมากไปกว่านี้ ผมรีบผลักหลังแม่ไปด้านหน้าเบา ๆ

“เจ๊ ฝากเก็บถาดที่เฮียแกทำหล่นด้วย…เฮีย ฝากดูแลพี่แก้วด้วยนะ พอดีผมต้องไปช่วยพี่เชนยกนมสดมาเพิ่ม”
ผมบอกคนทั้งคู่รวดเดียวจบ หันหลังเดินกลั้นขำมาตลอดทางจนเจอคนที่ผมใช้เป็นข้ออ้างเข้าจริง ๆ

“ขำอะไร”
พี่เชนแกไม่รู้เรื่องครอบครัวผมครับ พี่แกถาม ตาก็มองไปยังพ่อที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ กับแม่ที่ทำหน้าหงิกก้มเก็บถาดมายื่นให้พ่อ 

“เพิ่งเคยเห็นพี่พัฒน์ทำท่าเสียลุคก็ครั้งนี้แหละ”
มองไม่ยากครับ เห็น ๆ กันอยู่ ผมขำยิ่งกว่าเดิม

“ปล่อยให้พวกเขาเรียนรู้กันดีกว่าครับ เรื่องของเขาเราไม่เกี่ยว”
ผมรีบเกี่ยวแขนพี่เชนให้หนีออกไปจากจุดนั้น

แต่เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ ผมก็ถูกดึงแขนกลับ พอหันไปมอง 

อ้าว…

“พี่เอก” 

“โทษที พอดีพี่หาของไม่เจอ ไปช่วยพี่หาหน่อย”
แล้วพี่มันก็ลากผมเดินไปด้วยกันทิ้งให้พี่เชนยืนมองตามหลัง 

อะไรวะ กูจะคุยกับพี่เชนซะหน่อย 

“พี่เอกจะพาผมไปไหน”
พี่มันลากผมแถก ๆ เข้าไปในห้องเก็บของ

“พี่เอก อื้อ!!…”
อยู่ ๆ พี่มันก็กดจูบลงมาเต็มแรง 

นี่พี่มันไปตายอดตายอยากที่ไหนมา ได้ข่าวว่าเพิ่งกินกูไปหยก ๆ

ผมพยายามดิ้นรน นี่มันในร้านนะ ถึงจะเป็นห้องเก็บของก็เถอะ ถ้าเกิดใครเดินมาเห็นเข้าล่ะ จะทำยังไง พี่มันกระหน่ำบดปากผมอยู่สักพักก็ปล่อยออก

“เลิกทำตัวน่ารักสักนาทีจะได้ไหม”

ผมกะพริบตาปริบ ๆ มองแกเหมือนเห็นสัตว์ประหลาดหลุดออกมานอกโลก

อะไร กูทำตัวน่ารักอะไร ยังไง ตรงไหน กูก็อยู่ของกูเฉย ๆ 

พี่มันกดจูบลงมาอีกรอบก่อนละปากลงไปที่ซอกคอ งับเบา ๆ จนเจ็บจี๊ด ผมรีบผลักหน้าพี่มันออก

“พี่เอก หยุดนะ นี่มันในร้าน”
พี่มันเงยหน้าขึ้นมายิ้ม ทำหน้าเจ้าเล่ห์หน่อย ๆ หันหลังเดินจากไป ผมยืนงงอยู่คนเดียว

อะไรวะ คุยกับพี่เชนอยู่ดี ๆ ก็ลากกูมาไว้ในห้องเก็บของ มาจูบ มากอด มากัด แล้วก็ชิ่งหนีไปเนี่ยนะ

“ประสาท”
ผมรีบเดินออกจากห้องเก็บของตรงดิ่งไปหาพี่เชนทันที พอดีเมื่อกี้ว่าจะคุยกันเรื่องเวลานัดพบวันพรุ่งนี้   

“พี่เชน”
ผมเรียก รีบเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหา พี่เชนหันมามองตาม จนผมไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพี่แก เหมือน ๆ พี่เชนจะมองบางอย่างที่คอผม แต่ผมไม่ได้ใส่ใจ 

“ผมแลกเวรกับเพื่อนแล้ว ผมว่างตั้งแต่สี่โมงเย็น จะให้ผมไปรอที่ไหนเหรอ” 
พี่เชนเสหน้าไปด้านข้าง

“เป็นไรรึเปล่าฮะ เหนื่อยเหรอ เลิกแค่นี้ก่อนก็ได้นะ”
เห็นแกมีสีหน้าแปลก ๆ เป็นห่วงครับ เพราะถึงยังไงพี่เชนก็แค่มาช่วย ไม่จำเป็นต้องอยู่นานก็ได้ 

พี่เชนหันมายิ้มหล่อนิดหนึ่ง เขยิบมายืนจนชิด 

เอ่อ…พี่ฮะ ชิดเกินไปไหม

“พรุ่งนี้พี่จะไปรับที่มหา’ลัย” 

“ไม่ต้องลำบากพี่ก็ได้” 

“ไปรับนั่นแหละดีแล้ว จะได้ขับรถเลยไปเลย” 
ผมพยักหน้าเข้าใจ หันไปมองพี่เอกที่ถูกล้อมหน้าล้อมหลังด้วยสาว ๆ หน้าพี่มันหงิกได้ใจมองมาที่ผม 

คงโกรธที่ผมทำให้พี่แกกลายเป็นคนดัง 

ผมขอโท้ดดด

สัมผัสจากปลายนิ้วตรงต้นคอพาเอาผมสะดุ้งโหยงหันไปมองคนทำ 

พี่เชนฮะ

แกแตะนิ้วบนคอผมเบา ๆ 

“ประกาศว่ามีเจ้าของแล้วน่ะสินะ” 

“เอ๊ะ?” 

“รอย…”
พี่แกกลืนคำพูดสุดท้ายไป ผมลูบแถว ๆ ต้นคอลงไปที่ไหปลาร้า

“อ๋อ พี่หมายถึงรอยข่วนเหรอฮะ” ผมลูบรอยข่วนนั้นเบา ๆ “โดนหมาข้างบ้านมันข่วนเอาน่ะ มันอยากให้ผมเป็นเจ้าของมากกว่าเจ้าของที่แท้จริงของมันซะอีก ตัวก็ใหญ่ โดดทับมาแต่ละที แทบเดี้ยง” ผมบ่นอุบ

พี่แกปรายตามองจุดที่ผมลูบ ก่อนขำกับคำพูดผมใหญ่

“ใช่ ท่าทางจะเป็นหมาหวงก้างนะ” 

“มีแต่แมวหวงก้างไม่ใช่เหรอฮะ หมาต้องหวงกระดูกสิ” ผมแย้ง “ไม่รู้ว่ามันหวงไหม แต่เห็นผมเป็นไม่ได้ กระโดดเข้าใส่ทุกที” ผมเล่าต่อ พี่เชนหัวเราะใหญ่

“ก็คนมันน่าเป็นเจ้าของนี่เนอะ”
พี่มันพูดอะไรสักอย่าง ยังไม่ทันคุยกันต่อก็มีลูกค้ากลุ่มใหญ่เข้ามาจนพวกผมต้องรีบเข้าไปต้อนรับ 

เอ้อ จริงสิ ผมลืมไปเสียสนิทเลย

พอรับลูกค้าเสร็จ ผมรีบเดินไปหน้าเคาน์เตอร์เพื่อขอกล้องที่ฝากไว้ ก่อนเดินไปขออนุญาตผู้จัดการเพื่อถ่ายภาพบรรยากาศภายในร้าน ผู้จัดการอนุญาตทันที 

ผมเดินถ่ายไปทั่วทุกจุดทุกมุมที่มีการตกแต่งแบบใหม่ ไล่ไปถึงพนักงานแต่ละคน ซึ่งทุกคนก็ให้ความร่วมมือโดยดี ผมกดถ่ายไปเรื่อย ๆ จนไปหยุดอยู่ยังคนสองคนที่กำลังช่วยกันเสิร์ฟลูกค้าอยู่ด้านนอก 

ผมอมยิ้ม ปรับเลนส์ล็อกใบหน้าพ่อเอาไว้ ก่อนกดถ่ายไปสองสามที แล้วเลื่อนไปยังแม่และทำแบบเดียวกันบ้าง 

ตอนนี้พ่อถือถาดเอาไว้ในมือ โดยมีแม่เป็นคนยกเครื่องดื่มเสิร์ฟลูกค้าอีกที พวกหนุ่ม ๆ พากันมองแม่จนเหลียวหลัง

ทุกคนจะรู้ไหมนะ ว่าผู้หญิงคนนั้น ใกล้สี่สิบแล้ว 

แม่ทำหน้าเขินใหญ่ตอนพ่อเผลอหันมามอง น่ารักดีครับ ผมถ่ายรูปคู่ของพวกเขาไปอีกหลายช็อต แล้วก็หันไปถ่ายภาพพี่เอก ภาพน้อง ๆ นักเรียนในมุมต่าง ๆ ถ่ายภาพพี่เชนด้วย ที่พอผมหันไปหาแกทีไรก็มักจะเห็นพี่แกมองตรงมาที่ผมเสมอ 

และที่ขาดไม่ได้

ผมหันเลนส์กล้องตรงไปยังสองพี่น้อง ที่หนึ่งทำงานด้วยใบหน้าเย็นชากับอีกหนึ่งบริการด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม 

ผมไม่รู้ว่าไอ้เต้ยมันคิดอะไรอยู่ แต่มันดูมีความสุขมากกว่าปกติ

ดูมีความสุขมากเกินไป

ผมค่อย ๆ ลดกล้องลง 

จริงสินะ 

อีกแค่สองวัน…

สองวันเท่านั้น ที่เวลาของมันจะหมดลง 

ผมไม่รู้ว่าที่มันมีความสุขขนาดนี้ เพราะมันได้คำตอบที่น่าพอใจแล้ว หรือว่าเป็นความสุขสุดท้าย ที่มันจะหาได้จากพี่มัน 
ก่อนกลับไปเป็นคนแปลกหน้า แล้วรอจนกว่าพี่เป้จะกลับมาเป็นคนเดิม

คืนนั้น ผมกลับบ้านพร้อมแม่ 

ถึงแม่จะบ่นเรื่องพ่อบ้าง แต่ก็ดูมีความสุขดี 

ผมเอ่ยปากถามแม่เหมือนที่เคยถามพ่อ และพูดประโยคเดียวกันกับที่พูดกับพ่อให้แม่ฟัง แม่กอดผมทันทีที่พูดจบ ปากก็พร่ำบอกว่า ‘ลูกแม่โตแล้วจริง ๆ’

ผมไม่รู้ว่าผมโตแล้วหรือว่ายังเด็กอยู่ ผมก็แค่พูดไปตามสิ่งที่ผมคิด ผมแค่อยากให้ทุกคนมีความสุข แค่นั้นเอง 

ผมรักพ่อกับแม่นะฮะ
*** ***

หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Ch.47 สาวเสิร์ฟคนใหม่ [P.19 Up 15-8-58)
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 25-08-2015 17:51:36
สนุกมากมายรีบมาต่อไวๆนะครับ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Ch.47 สาวเสิร์ฟคนใหม่ [P.19 Up 15-8-58)
เริ่มหัวข้อโดย: mawmeawmimo ที่ 26-08-2015 21:35:42
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ  มาต่อไวๆนะคะ

 :pig4: :pig4: :pig4:

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Ch.47 สาวเสิร์ฟคนใหม่ [P.19 Up 15-8-58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-08-2015 02:17:57
สนุกมากกกกกกกกเลยค่ะ อ่านแล้วก็อยากให้ตอนใหม่มาไวไว อารมณ์มันค้างน่ะรู้ไหม
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Ch.47 สาวเสิร์ฟคนใหม่ [P.19 Up 15-8-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 04-09-2015 22:31:52
สงสารเต้ยกับพี่ เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่รู้จะไปต่อยังไงดี
ก้าวหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ใช่ หยุดอยู่กับที่ก็อึดอัด

คู่พ่อแแม่ดูจะแซงหน้าคู่ลูกแล้วนะ
พี่เอกช่วยชัดเจนกว่านี้ด้วย
เป็นหมาหวงกระดูกที่น่าตบมาก
แต่กระดูกเขาเต็มใจนี่เนอะ
          :katai5:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Ch.48 เผลอสารภาพรัก [เอก] [P.19 Up 13-9-58)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 13-09-2015 08:34:45
Kiss Love : 48
เผลอสารภาพ(รัก)
 เอก....☼

ในที่สุดวันอันแสนเหน็ดเหนื่อยผสมสนุกสนานก็จบลง ตอนแรกผมกะจะพาไอ้ตัวเล็กกลับมานอนค้างที่คอนโดด้วย แต่แม่มันกลับมาพอดี ผมเลยต้องปล่อยมันไป 

วันนี้ผมทำงานแทบไม่มีสมาธิ มองตามไอ้ตัวเล็กที่มีสายตาของไอ้คุณชรินทร์มองตามแทบจะตลอดไอ้ตัวเล็กมันไม่รู้ตัวหรอก ตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองไป   

ผมอยากเตือนให้มันรู้อีกครั้งว่ากายเป็นของใคร เลยลากไอ้ตัวเล็กไปจูบแล้วสร้างรอยไว้ที่คอหนึ่งจุด ไอ้ตัวเล็กมันไม่รู้ตัว ถึงได้เดินทะเล่อทะล่าเข้าไปหาไอ้คุณชรินทร์มันแบบนั้น

ผมมองตามทุกการกระทำของมัน ไอ้คุณชรินทร์คงเห็นร่องรอยที่ผมทำไว้แล้ว ผมแทบจะเดินไปต่อยหน้ามันตอนมันสัมผัสต้นคอขาวนั้นเบา ๆ ทำถึงขนาดนั้นแล้ว ก็คิดว่ามันจะหยุดบ้างอะไรบ้าง แต่ดวงตามัน กลับมีแววมุ่งมั่นมากกว่าเดิมอีก

จะด้านไปไหนวะ

พรุ่งนี้ไอ้ตัวเล็กจะไปดูภาพกับมัน ผมอยากตามไปด้วย แต่ติดงาน จะห้ามก็ห้ามไม่ได้ เพราะนั่นคือชีวิตของมัน แต่จะให้ไว้ใจก็ทำไม่ได้อีก

ผมกลับมาถึงคอนโดในสภาพที่จิตใจคิดถึงแต่เรื่องของไอ้ตัวเล็ก ผมโยนกระเป๋าและกุญแจไว้บนโต๊ะ สลัดเสื้อผ้าทุกชิ้นออกจากร่างกาย เดินเปลือยเปล่าเข้าห้องน้ำไป หวังให้สายน้ำช่วยกันชำระล้างจิตใจที่กำลังร้อนระอุให้เบาบางจางหายไปได้บ้าง               

ผมยืนนิ่ง ก้มหน้าค้ำมือข้างหนึ่งไว้กับกำแพง อีกข้างเสยผมไปด้านหลัง ครุ่นคิดกับวันที่ผ่านมาและสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น             

ผมยืนอยู่อย่างนั้นจนผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมง แต่เป็นครึ่งชั่วโมงที่ว่างเปล่า สายน้ำเย็น ๆ ไม่ได้ช่วยอะไรผมเลยแม้แต่น้อย               

ผมกวาดนิ้วเสยผมไปด้านหลังเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนหมุนปิดฝักบัว คว้าหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดลวก ๆ โยนใส่ตะกร้า คว้าเอาเสื้อคลุมมาสวม ก้าวเดินออกจากห้องน้ำไปหยุดยืนอยู่นอกระเบียง เผื่อบางที สายลมเย็น ๆ ด้านนอก จะช่วยอะไรผมได้บ้าง

ผมค้ำมือกับราวระเบียง แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำเคลือบแสงด้านบน

ผมมีสิทธิ์จะหึงจะหวงมันได้ไหม ก็ในเมื่อผมไม่ได้วางมันไว้ในฐานะอะไรเลย แล้วมันล่ะ จะหวงเนื้อหวงตัวไว้ให้ผมเพียงคนเดียวไหม

ผมถอนหายใจแรง หันไปมองเครื่องมือสื่อสารที่ส่งเสียงดังครืด ๆ อยู่บนโต๊ะ ผมเดินเนือย ๆ ไปหยิบมากดรับทั้งที่ไม่ได้มองเบอร์

“พี่เอก”
เหมือนเรี่ยวแรงที่หายไปเมื่อตะกี้ถูกกระชากกลับคืนทันทีที่ได้ยินเสียง   

“จะนอนรึยังฮะ”
ปลายสายถามต่อ ผมเลื่อนโทรศัพท์มาดูให้แน่ใจว่าเป็นเบอร์ของใคร เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มันโทรมาหาผมก่อน

“กาย”
ผมทดสอบเรียก เผื่อมีใครหยิบเอาโทรศัพท์มันมาโทรเล่น 

“ครับ”
เสียงตอบรับเป็นเสียงของมันจริง ๆ 

“อยู่ไหน”
กูจะถามให้มันยาว ๆ กว่านี้ไม่ได้เหรอวะ

“อยู่บ้าน ในห้องนอน นั่งอยู่ข้างเตียง กำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับพี่เอก”
มันตอบมาซะยาวยืด แถมท้ายด้วยหัวเราะเบา ๆ 

มึงจะอารมณ์ดีอะไรนักหนาวะ กูกำลังอารมณ์เสียอยู่นะเว้ยเฮ้ย

“พี่ถามคำเดียว”
ผมย้อน 

“ตอบก่อนไง เผื่อพี่อยากรู้แบบละเอียด” 

“อารมณ์ดีจริง มีเรื่องอะไรดี ๆ เกิดขึ้นรึไง”
ผมถาม มันหัวเราะร่วนเลย 

“ก็วันนี้มีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นจริง ๆ นี่นา”
ผมก็เห็นมันมีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ยกเว้นวันที่ผมหึงมันจนลมออกหูน่ะนะ 

“อย่างเช่น…”
ผมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโชฟา หยิบรีโมตขึ้นมากะว่าจะเปิดทีวีไปด้วยคุยกับมันไปด้วย แต่เปลี่ยนใจ เพราะอยากได้ยินเสียงของมันคนเดียวมากกว่า

“ก็ได้ทำงานสนุก ๆ”
ผมก็เห็นมันสนุกทุกวัน

“ได้อยู่กับพ่อกับแม่”
อันนี้ไม่เถียง ผมเห็นแล้วยังอมยิ้มเลย 

“ได้อยู่กับเพื่อนสนิท”
อันนี้มันก็จริง

“ได้อยู่กับพี่เชน นักถ่ายภาพที่ผมรักและเชิดชู” 

ผมนั่งนิ่ง เผลอกำหมัดแน่น แล้วผมล่ะ หายไปไหน ไม่มีอยู่ในลิสต์รายชื่อของมันเลย 

“และที่สำคัญ…”
มันหยุดเสียงตัวเองไป แต่ผมไม่คิดที่จะฟัง เพราะมันน่าจะเอาผมไปไว้เป็นคนแรก ๆ

“เพราะมีพี่เอกอยู่ด้วย”

ผมหยุดหายใจไปชั่วขณะ

เพราะผมเงียบและฝั่งนั้นเองก็เงียบ ทำให้ได้ยินเสียงทุกอย่างได้ชัดเจน ผมได้ยินเสียงยวบ เหมือนมันทิ้งตัวลงนอน ผมนึกภาพตามได้ทันที 

คนตัวขาว ๆ ทอดตัวนอนยาวไปกับผืนที่นอนนุ่ม ๆ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ อีกข้างวางราบไว้ใกล้หัว ทอดดวงตามองเพดานขาว ปากยิ้มนิด ๆ ส่งเสียงเจื้อยแจ้วให้ผมฟัง   

“คนสำคัญที่ผมรัก อยู่ด้วยกันหมดเลย” 

ผมนั่งนิ่ง ฟังมันพูดต่อไปเรื่อย ๆ

ไอ้ตัวเล็กมันจะรู้ตัวไหม ว่าเมื่อกี้เผลอพูดอะไรออกมา

ผมนั่งหน้าร้อนผ่าวอยู่กับที่ เจอคนบอกรักก็เยอะ แต่ไม่เคยเจอใคร เผลอสารภาพรักแล้วไม่รู้ตัวแบบมันมาก่อน

ผมไม่ใช่หนุ่มขี้อาย ไม่ใช่คนด้อยประสบการณ์ แต่ตอนนี้ผมกำลังเขิน เขินไปกับน้ำคำสารภาพของมัน ผมไม่รู้ว่ามันวางผมไว้ในฐานะอะไร แต่ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่มันเลือกที่จะรัก แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว

“กาย…”
ผมเบรกเสียงมันลง 

“ฮะ”
มันตอบรับ

ผมอยากพูดคำคำนั้นกับมัน 

“พี่…” 

ปลายสายเงียบไป ราวกับตั้งใจรออะไรบางอย่างจากผมเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าผมควรจะพูดดีไหม ถ้าพูดไปแล้ว จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของเรา

ทุกอย่างจะดีขึ้น 

ทุกอย่างจะเลวลง

หรือทุกอย่างจะยังคงเป็นเหมือนเดิม 

ผมไม่รู้ 

“พี่อยากกอดกายจัง”
แต่สุดท้าย ผมก็ยังพูดคำนั้นกับมันไม่ได้อยู่ดี ผมแหงนหน้าขึ้นมองเพดาน ได้ยินเสียงต่อว่ามาตามสายเบา ๆ 

“พี่เอกหื่น” 
ผมหัวเราะหึ ๆ ในสายตามัน ผมมีอะไรดีมั่งเนี่ย

ทั้งที่อยากทำตัวดี ทั้งที่อยากทำให้มันประทับใจ ทั้งที่อยากทำให้เป็นที่สุด แต่สิ่งที่ผมทำ กลับมีเพียงแสดงด้านมืดให้มันเห็น หึงหวงไม่เข้าท่า บ้าเซ็กส์ ขู่ตะคอก เอาแต่ใจ หุนหันพลันแล่น 

แต่มันก็ยังยอมผม คำต่อว่าที่ออกมา ก็ดูจะไม่จริงจังขนาดผลักไสผมได้ มันกลับกลายเป็นคำต่อว่าที่พาเอาผม อยากกอดมันมากกว่าเดิมอีก

ผมนั่งฟังมันคุยเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น คุยถึงแผนการที่จะยุให้พ่อกับแม่คืนดีกัน และอีกหลายอย่าง น้ำเสียงของมันเริ่มยานลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเครือครางและจางหายไปในที่สุด

ผมอมยิ้ม เรียกมันอีกสองสามที แต่มันเงียบไปแล้ว มีเพียงเสียงของลมหายใจที่กำลังเข้าออกสม่ำเสมอเท่านั้น ผมกดตัดสาย วางโทรศัพท์ไว้ข้างตัวแล้วนั่งยิ้มกับตัวเอง

ผมเพิ่งสังเกต ว่าเวลาที่มันมีความทุกข์ มันจะไม่แบ่งปันความทุกข์ให้ใครรู้ แต่เวลาที่มันมีความสุข มันชอบที่จะเล่าเรื่องราว และบอกต่อเรื่องราวที่มันมีความสุข ให้ทุกคนได้รับรู้

ผมนั่งนึกถึงมันไปเรื่อย ๆ นึกถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ประดับประดาด้วยเสียงหัวเราะ เลื่อนไล้ไปยังดวงตาที่สดใส หรือหมองเศร้าในเวลาที่ผมทำร้ายมัน ทุกอย่างที่รังสรรค์มาเป็นมัน ดูจะทำให้ผมมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้หรือแม้แต่แค่คิดถึง

ไม่ต้องอะไรมากมาย แค่ยิ้ม แค่หัวเราะ แค่เป็นมัน อะไรก็ได้ที่เป็นมัน ก็ทำให้ผมมีความสุขแล้ว 

ผมยิ้มนิด ๆ คิดถึงริมฝีปากได้รูปที่มักจะแย้มยิ้มอยู่เสมอ หรือมักเม้มน้อย ๆ ในเวลาที่เขินอาย ผิวแก้มเนียนใส ไม่ถึงขนาดเนียนเรียบเปล่งปลั่งอย่างผู้หญิงแต่ก็ไม่ได้หยาบกร้านเหมือนอย่างผม

คิดถึงน้ำเสียงสดใสในเวลาที่มันพูดกับลูกค้า พ่อแม่ หรือเพื่อนมัน เสียงเรียกเป็นเอกลักษณ์ในเวลาที่มันเรียกชื่อผม รวมไปถึงเสียงครางเบา ๆ เมื่อยามที่ผมสัมผัสมันแต่ละที

รู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองจะร้อนขึ้นเรื่อย ๆ แฮะ

“ไอ้บ้าเอกเอ้ย มึงจะนึกถึงเขาโดยไม่มีเรื่องเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้องสักวันจะได้ไหม”
ผมด่าตัวเอง

แต่ตอนนี้ ผมหยุดตัวเองไม่ได้แล้ว เพราะในหัวผมมีแต่ภาพของมันวิ่งวนจนเต็มไปหมด ภาพใบหน้ายิ้มแย้ม หัวเราะ สงสัย หมองเศร้า หรือปรือปรอยคลอเคลือบไปด้วยแรงอารมณ์     

ผมหลับตาลงหวังลบเลือนภาพพวกนั้นทิ้งไป แต่กลับกลายเป็นว่า ภาพเหล่านั้นแจ่มชัดยิ่งกว่าเดิม จนบางส่วนของผมด้านล่างดุนดันชุดคลุมขึ้นมา ผมไม่อยากสนใจมัน แต่ความปวดหนึบก็ทำให้ผมจำต้องเลื่อนมือเข้าไปภายใน แล้วกอบกุมมันไว้ เพื่อปลดปล่อยความต้องการด้วยตัวเอง 

มันง่ายมากที่จะโทรเรียกใครสักคนให้มาหาที่ห้องหรือเพียงแค่หยิบกุญแจรถ เดินออกจากห้อง ไปที่ไหนสักแห่ง เพื่อคว้าเอาผู้หญิงสวย ๆ อกอึ๋ม ๆ มานอนกกด้วยจนถึงเช้า   

มันง่ายมาก

แต่ผมเลือกที่จะนั่งอยู่บนโซฟา หลับตา ใช้เพียงมือและภาพแห่งความทรงจำ ช่วยปลดปล่อยตัวเอง

“กาย…”
ผมครางพร่าเอ่ยเรียกชื่อมันครั้งแล้วครั้งเล่า มือหนึ่งโหมเพลิง อีกมือบีบพนักโซฟาไว้ทดแทนเรือนร่างที่ผมอยากจะสัมผัส จวบจนร่างกายวิ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุด แล้ววิ่งลงมายังจุดต่ำสุด 

ผมหอบหายใจแรง ค่อย ๆ ลืมตาจ้องมองความอุ่นสีขาวที่เคลือบอยู่บนมือตัวเอง

“หึ เป็นเอามากแฮะเรา”



บางทีชีวิตคนเราก็มีอะไรเกิดขึ้นเยอะแยะเต็มไปหมด วันนี้ผมมาเรียนด้วยรอยยิ้มที่มีมากกว่าเดิม 

“เป็นบ้าอะไรวะไอ้เอก”
ไอ้กิ๊ฟมันว่า 

“เออใช่ กูเห็นมึงนั่งยิ้มเหมือนคนบ้าตั้งแต่เข้ามาแล้วนะ”
ไอ้มอมันเสริม

“เรื่องของกู”
ผมตอบกลับไป แล้วก้มหน้าลงไปทำงานต่อ 

“ประสาท”
ไอ้อ้อยมันสรรเสริญ
“ว่าแต่มึงง่ะ ไอ้กิ๊ฟ ตกลงมึงบอกแฟนมึงรึยังว่าพ่อตาเขาอยากเจอ”
ก่อนหันไปคุยกับไอ้กิ๊ฟต่อ 

เออ ใช่ ผมลืมคุยกับมันไปเลย 

“เรื่องอะไรกูต้องบอก ไม่ใช่หน้าที่ แล้วอีกอย่าง กูยังไม่ได้ตอบตกลงเป็นแฟนกับมันซะหน่อย”
ไอ้นี่มันค้าน

“เอ้อ มึงไม่ได้เป็นแฟนกันหรอก แค่ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ แค่บางครั้งมันหอมแก้มมึง แค่บางครั้งกูก็เห็นมึงหอมแก้มมันกลับ ไม่ได้เป็นแฟนกันเล้ยยยย”
ไอ้อ้อยมันจี้ต่อ 

“แค่วัฒนธรรมเขาว่ะ หอมแก้ม กอด จูบ เป็นเรื่องปกติ”
มันพูดเหมือนเป็นเรื่องชิลล์ ๆ

“มึงก็ไปให้พ่อแม่มึงสบายใจหน่อยก็ดีนะกิ๊ฟ จะเป็นหรือไม่เป็น ก็พาผู้ชายเข้าบ้านบ้าง เขาจะคิดว่ามึงเป็นลูกชายอีกคนอยู่รอมร่อแล้ว” ไอ้อ้อยเสริมต่อ

ไอ้กิ๊ฟยิ้มพราว เดินเข้าไปใช้ปลายนิ้วเสยคางไอ้อ้อยอย่างหยอกล้อ 

“งั้นกูจะเอามึง แอ๊บไปเป็นเมียกูแนะนำพ่อแม่ดีกว่า” 

“มึงไม่ต้องเลย" มันปัดมือไอ้กิ๊ฟออกแรง “กูไม่อยากถูกฟ้าผ่า ให้มามีแฟนเป็นเพศเดียวกันรับไม่ไหวว่ะ ในกลุ่ม กูยกให้ไอ้เอกคนเดียวก็พอ” 

อ้าวเฮ้ย กูไปเกี่ยวอะไรด้วยวะ   

พวกมันหันมองมาทางผม

มึง พวกมึงอย่ามายุ่งเรื่องของกู ปล่อยกูไว้คนเดียวเลย 

“แล้วเรื่องของมึงไปถึงไหนแล้ววะเอก กูได้ข่าวว่าพาน้องเขาเข้าบ้านไปกราบตีนพ่อกับแม่แล้วนี่หว่า”
คนถามเป็นไอ้อ้อยเหมือนเดิม

“รู้กันได้ไง”
ผมถามกลับ

“ทโมน”
ครับ แล้วผมจะพูดอะไรได้ 

“มึงอะ ไม่รู้อะไร น้อง ๆ มึงน่ะ เป็นสาวกวาย มันถึงได้ชอบไอ้กายมัน” 

ผมขมวดคิ้ว อะไรวาย ๆ เป็นกลุ่มนักร้องหน้าใหม่รึไง ฮิปฮอป ป๊อบร็อก ลูกทุ่ง ลูกกรุงหรืออะไร สงสัยผมจะทำหน้าเป็นหมางง ไอ้อ้อยมันเลยเสริมขึ้นมาอีก 

“ก็กลุ่มคนรักผู้ชายรักกับผู้ชายไง”

ผมมองมันอึ้ง ๆ

“เกย์?” 

“เปล่า แค่ชายรักชาย”
มันเฉลยอีก

ยิ่งพูดยิ่งงงวุ้ย

“น้องมันเล่าให้ฟังว่าเกย์คือกลุ่มคนที่รู้อยู่แล้วว่าชอบผู้ชายด้วยกันเอง ส่วนมากจะไม่ยุ่งกับผู้หญิง แต่วายหรือ yaoi จะ แตกต่าง จะเป็นผู้ชายปกติแบบมึงเป็นนี่แหละ แต่มีเหตุให้มารักกับผู้ชายด้วยกันเอง อะไรทำนองนั้น น้องมันพยายามอธิบาย กูก็เพิ่งเข้าใจนี่แหละ และแฟนคลับส่วนใหญ่ก็มีทุกเพศทุกวัย แต่เยอะหน่อยก็เป็นกลุ่มนักเรียนหญิงน่ะนะ” 

ผมนั่งอึ้งครับ 

งั้นที่พวกทโมนมันกรี๊ด ๆ กันอยู่นี่ เพราะเป็นพวกวายกันใช่ไหม 

แล้วผมก็นึกไปถึงสาว ๆ ที่พากันมากรี๊ดตอนผมไปทำงานที่ร้านกาแฟ โดยเฉพาะกลุ่มที่กรี๊ดผมกับกายมากเป็นพิเศษ

สงสัยต้องกลับไปหาข้อมูลจริง ๆ จัง ๆ ซะแล้ว


ผมใช้เวลากินข้าวเที่ยงเร็วกว่าปกติ พออิ่มก็รีบขอตัวจากเพื่อน ๆ ไปที่ห้องทำงานก่อน พอมาถึง ผมรีบทิ้งตัวลงนั่งหน้าจอคอม กางนิ้วออก คิดอยู่ว่าจะเริ่มต้นจากอะไรก่อนดี 

สิ่งที่อยากรู้คือเรื่องวายเวยอะไรสักอย่างนี่แหละ อย่างน้อยผมก็อยากรู้สิ่งที่น้อง ๆ กำลังคลั่งไคล้กันอยู่บ้าง ตอนแรกเสิร์ซคำว่าวาย ก็เจอแต่ข้อมูลที่เกี่ยวกับโรคหัวใจ เลยเสิร์ซไปอีกคำ 

Yaoi 

เพียบครับ ข้อมูลเยอะมาก ผมนั่งอ่านข้อมูลเบื้องต้นว่ามันคืออะไร ทั้งบทอธิบาย นิยาย ภาพ แสงสีเสียงมากันให้ครบ 
ผมรีบปิดข้อมูลตรงหน้าทันที 

เอาคร่าว ๆ ก็พอ เพราะผมไม่ใช่เกย์ ไม่ได้ชอบผู้ชายทั่วไปเรี่ยราด แต่คนที่ผมชอบมีเพียงกายแค่คนเดียวเท่านั้น 

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก กำลังจะกดปิดเครื่อง แต่นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงตัดสินใจจิ้มกูเกิ้ลหาคำบางคำ 

GooGuy

ไม่นานผลลัพธ์มากมายก็ปรากฏ ผมจิ้มเปิดไปที่ลิงค์แรก เครื่องรันอยู่ไม่นานก็ปรากฏภาพดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน สวยดีครับ มันน่าจะเป็นคนถ่ายเอง ด้านล่างของภาพมีปุ่มเล็ก ๆ เขียนว่าเอ็นเทอร์ให้กดเข้าไปภายใน ผมเลื่อนเม้าส์ไปยังจุดนั้นแล้วกด               

ผมฉีกยิ้มกว้างทันทีที่เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน เพราะพื้นหลังของบอร์ดมันเป็นภาพรอยยิ้มมากมายของเด็ก ๆ เยอะแยะเต็มไปหมด หลายคนหลายอิริยาบถ ตัดต่อเรียงกันเป็นร้อย ๆ ภาพได้มั้ง

มันเป็นคนที่ชอบให้คนมีรอยยิ้มจริง ๆ 

ผมกดเข้าไปดูประวัติของเจ้าของบอร์ด ซึ่งก็คือมัน มันใช้ภาพตัวเองตอนยิ้มหล่อเป็นตัวแนะนำ มีกล้องคล้องอยู่ที่คอ 

ผมยิ้ม ไล่ดูภาพที่มันถ่ายเก็บไว้ไปเรื่อย ๆ เยอะครับ สวยด้วย ยอมรับว่ามันถ่ายภาพได้สวยเอามาก ๆ ภาพพร้อมคำบรรยายซึ้ง ๆ คำพูดประทับใจ ความคิดและสิ่งที่ดี ๆ ที่มันได้ประสบพบเจอมา

สมาชิกบอร์ดมันเยอะเหมือนกัน ผมกดไล่ไปเรื่อย ๆ จนไปเจอเซคชั่นหนึ่งที่มันเขียนเอาไว้ 

“The Sun” 

ผมสะดุดกับชื่อนี้ยังไงพิกล ไม่แน่ใจว่าจะเจออะไรในนั้น แต่ผมก็เลือกที่จะคลิกเอ็นเทอร์เข้าไป และสิ่งที่เห็นก็คือ…
ภาพของใครคนหนึ่ง นั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าและท่าทางอันแสนเซ็กซี่

จะเป็นใครไปไม่ได้… 

นอกจากผม   

เซคชั่นนี้จะรวมเอาภาพของผมไว้ทั้งหมด แยกออกเป็นเซตเล็ก ๆ มีตั้งแต่ผมในชุดคลุม ชุดสูท หรือใส่เพียงเสื้อเชิ้ต               

ผมมองตัวเองผ่านภาพแล้วก็อมยิ้ม มันมีฝีมือจริง ๆ มองกี่ทีกี่ทีก็ไม่น่าเชื่อว่านี่คือตัวผมเอง

ผมไล่สายตาดูไปเรื่อย ๆ จนหมดทุกภาพ ก่อนเลื่อนไปดูเซคชั่นอื่น ซึ่งมีภาพของตัวมันเองรวมอยู่ด้วย มันถ่ายไว้กับสถานที่ต่าง ๆ คงตั้งถ่ายแบบอัตโนมัติ(เคยเห็นมันทำบ่อย ๆ) หรือบางภาพเป็นภาพรวมของมันกับเพื่อนมันและเพื่อน ๆ ของผม

และมีอีกหลายภาพที่มีเพียงมันกับผม   

มันไม่ได้คิดจะโชว์ภาพของตัวมันเอง แต่มันกำลังถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านภาพถ่าย ผมเริ่มต้นอ่านเนื้อหาที่มันเขียนบรรยายเอาไว้ใต้ภาพ

“สิ่งที่ผมได้ไม่ใช่เพียงมิตรภาพ แต่เป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ไม่อาจหาได้ หากไม่ลงมือทำด้วยตัวเอง”

ผมเปิดดูทีละภาพ พร้อมอ่านข้อความที่มันบรรยายทิ้งไว้ ความคิดมันดีใช้ได้เลย ผมลองกดกลับไปที่ภาพของตัวเองดูบ้าง มีคำบรรยายไว้ใต้ภาพเหมือนกัน ผมไล่อ่านจนหมด ก่อนกดออกไปหน้าแรกสุดซึ่งมีคอลเลคชั่นที่มันชนะการประกวด ผมไล่อ่านทุกภาพจวบจนมาถึงภาพสุดท้าย               

'ดั่งดวงอาทิตย์'               

ภาพของตัวผมเอง ผมเลื่อนสายตาลงไปอ่านข้อความใต้ภาพ 

“สิ่งที่ผมภาคภูมิใจ คือได้ฉวยเอาพระอาทิตย์อันสูงส่ง มาไว้ในกรอบสี่เหลี่ยม แล้วนั่งมองมันทุกวัน ผมไม่รู้ว่าผมนั่งมองภาพนี้วันละกี่ชั่วโมง แต่ผมจดจำได้ทุกรายละเอียดของภาพ แม้กระทั่งจุดเล็ก ๆ ที่ขอบภาพ คนในภาพนี้เป็นเหมือนพระอาทิตย์ เขาทั้งอบอุ่นและร้อนแรงในเวลาเดียวกัน ในบางครั้งที่ผมรู้สึกหนาวเหน็บ การได้มองภาพนี้ ก็ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาได้แล้ว” 

ทำไมผมถึงเพิ่งมาเปิดเจอภาพพวกนี้ ทำไมผมถึงเพิ่งมาเปิดเจอบอร์ดนี้ 

ทำไมผมถึงเพิ่งรู้ 

ผมไม่รู้ 

ผมยกมือปิดหน้าตัวเอง

ผมเดาไม่ออกว่าเวลากายมองผมผ่านภาพ กายเขามองแบบไหน แต่ตอนนี้คำพูดของกาย กำลังทำให้ใบหน้าของผมร้อนผ่าวไปหมด

“กาย นายนี่น้า”
ผมกดปิดคอมพิวเตอร์ลง ผมว่ากลับบ้านไปคราวนี้ ต้องรีบไปสมัครเป็นสมาชิกของบอร์ดนี้ซะแล้ว 

*** ***
To Be Con..

อยู่ ๆ น้ำตาก็ไหล ไม่ได้เศร้าอะไรหรอก แต่ไหลเพราะมีความสุข ตั้งแต่แต่งนิยายมา เรื่องนี้แหละที่แต่งแล้วมีความสุขที่สุด

หวังว่าคนอ่านจะมีความสุขด้วยเช่นกัน


หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Ch.48 เผลอสารภาพรัก [P.19 Up 13-9-58)
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 13-09-2015 09:01:58
 :hao5: ซึ้งจัง ดั่งดวงอาทิตย์
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Ch.48 เผลอสารภาพรัก [P.19 Up 13-9-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Love_Heals ที่ 13-09-2015 12:59:31
มีความสุขทีได้อ่านเช่นกันค่ะ  ขอบคุณมากค่ะที่แต่งนิยายซึ้ง ๆ มาให้อ่าน


ตอนนี้ซึ้งมาก พี่เอกคงรู้แล้วใช่ไหมว่าน้องรักตัวเองขนาดไหน ยังปากแข็งอยู่อีก รีบไปสารภาพรักกับน้องกายด่วนเลย
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Ch.48 เผลอสารภาพรัก [P.19 Up 13-9-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Nunun_B2UTY ที่ 14-09-2015 02:54:11
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Ch.48 เผลอสารภาพรัก [P.19 Up 13-9-58)
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 14-09-2015 08:02:29
ไอ้พี่เอกถ้าไม่รีบขอกายเป็นแฟน


เดี๋ยวโดนคุณเชนของน้องกายขอตัดหน้าไปก่อนแล้วจะหนาวนะ


ไหนจะได้พี่โอ๊ตอีกคน รายนั้นมาแบบเงียบ ๆ เนียน ๆ อยู่ด้วย :serius2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Ch.48 เผลอสารภาพรัก [P.19 Up 13-9-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 14-09-2015 09:25:08
 :mew1:

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Ch.48 เผลอสารภาพรัก [P.19 Up 13-9-58)
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 14-09-2015 22:42:12
เพิ่งได้มาเจอเรื่องนี้ เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่มีตัวละครเยอะ แต่ไม่ทำให้เราเบื่อเลยนะคะเนี่ย
ชอบๆ ฮี่ฮี่ เรื่องพี่เอกกับกายนี้คืออยากให้ชัดเจนเร็วๆ ให้ทายว่าพอความสัมพันธ์ชัดเจนแล้ว
ความดราม่าจะเข้าชัวร์ๆ เรื่องการดองกับบริษัทอื่นของพี่เอกเนี่ย เหมือนจะเริ่มมีคนอยากจับพี่เอกแต่งงานแล้ว ฮือออ
เรื่องคู่เป้-เต้ย ทายว่าสองคนนี้เป็นพี่น้องไม่แท้ สงสารพี่เป้มากกว่าเต้ยอีก ทำไมก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆ
ยังไงก็ของให้คนแต่งมาต่อเร็วๆนะคะ รออย่างใจจดใจจ่อเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Ch.48 เผลอสารภาพรัก [P.19 Up 13-9-58)
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 15-09-2015 00:21:49
เพิ่งได้อ่าน ชอบมากกกก มาต่อเร็วๆน๊าาาา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Ch.48 เผลอสารภาพรัก [P.19 Up 13-9-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 03-10-2015 14:54:12
เพิ่งเข้ามาอ่านเหมือนกัน

คนแต่งไปไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ [เอกกาย] Ch.49 ปลอบใจ (กาย) {P.19}{16-10-58}
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 16-10-2015 19:49:01
Kiss Love : 49
ปลอบใจ       
กาย....♥

ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาอีกทีตอนแสงแรกของดวงตะวันแยงลูกกะตา 

นี่ผมเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ จำได้ว่ากำลังเม้าท์แตกกับพี่เอกเพลิน ๆ อยู่นี่นา ไหงมานอนเฝ้าพระอินทร์อยู่แบบนี้ได้วะ

“กาย ตื่นรึยังลูก”
แรงเคาะหนัก ๆ พร้อมเสียงเรียกดังมาจากทางหน้าประตูห้อง

“ตื่นแล้วครับแม่!”
ผมตะโกนบอกคนที่อยู่ข้างนอก ดึงผ้าห่มออกจากตัวลุกออกจากเตียง เดินโต๋เต๋หัวฟูฟ่องไปเปิดประตู เห็นแม่ยืนยิ้มสวยอยู่ตรงหน้า 

“รีบอาบน้ำมากินข้าวกันได้แล้ว แม่ทำของโปรดของกายไว้ให้ด้วย”
แม่ผมอารมณ์ดีแต่เช้าเชียว

คงไม่ต้องให้บอกใช่ไหมฮะ ว่าเกิดอะไรขึ้น 

เปล่า
พ่อกับแม่ยังไม่ได้คืนดีกัน 

แต่ดูเหมือนแม่ กำลังเป็นตัวของตัวเอง เป็นคนใหม่ที่สดใสกว่าเดิม หรือไม่ ก็กลับไปเป็นคนเดิมที่สดใสอีกครั้ง 

เพื่อรอให้ใครบางคน มาจีบอะนะ

ผมพยักหน้าเดินเข้าห้องน้ำไป ฮัมเพลงเบา ๆ สลัดเสื้อผ้าออกจากตัว รอยแดงที่คอกับที่ท้องหายไปแล้ว ส่วนสบู่ใยไหม ผมโยนให้แม่เอาไปใช้ตั้งแต่เมื่อคืน แม่บอกดี เพราะแม่ชอบ ใช้แล้วผิวสวยดี 

เพราะมันนั่นแหละ ผมถึงได้โดนฟัดอยู่ในห้องสภาจนเยินเมื่อวาน 

แต่บอกแม่ไม่ได้ครับ เดี๋ยวช็อก 

พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็เดินลงไปข้างล่าง ผมเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นชายไม่หนุ่มแต่ดูหนุ่มในชุดสูทหล่อเหลามานั่งยิ้มแป้นที่โต๊ะกินข้าว 

“มาได้ไงฮะ” 

“ขับรถมา”
พ่อผมกวนได้อีก

“ฮึ!!”
แม่ทำเสียงขึ้นจมูก สะบัดหางม้าไปด้านข้าง พ่อหันมาสบตาผม ก่อนพากันหัวเราะเบา ๆ ลับหลัง

“ก็พ่ออยากกินข้าวกับกายนี่นา” 

“ถังขยะตั้งอยู่หน้าบ้าน…เชิญเลย”
แล้วแม่ก็สอดเข้ามาอีก 

“คุณนี่น้า ไม่หัดทำตัวเป็นแม่ที่ดีบ้างเลย สอนลูกให้ไล่แขกแบบเสียมารยาทแบบนี้ ลูกได้เสียนิสัยหมด” 

“ฉันสอนลูกฉันมาดีย่ะ แล้วลูกฉันก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่า แม่มันจงใจขับไล่พวกไม่พึงประสงค์ออกจากบ้าน”
แม่ว่าต่อ 

“จานนี้น่าทานจังเลยลูก พ่อหิวแล้ว”
แต่พ่อเมินฮะ เมินกันแบบเห็น ๆ แม่นี่ลมออกหูเลย 

“ตามสบายเลยครับพ่อ บ้านผมเอง ผมอนุญาต”
แม่ชักสีหน้าค้อนขวับใส่ผมทันที แต่ผมทำเมินแบบพ่อบ้าง

สุดท้าย แม่ก็ต้องทิ้งก้นงอน ๆ พอ ๆ กับหน้างอน ๆ ลงกับเก้าอี้ ผมรีบทำหน้าที่ตักข้าวให้พ่อกับแม่ทันที ยังไม่ลืมตักกับข้าวให้อีกนิดหน่อยพอเป็นพิธีครับ ผมมักจะให้ความสำคัญกับการดูแลเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้กับครอบครัวผมเสมอ   

แม้จะเพียงนิด แต่ผมก็อยากดูแลคนที่ผมรักให้มากที่สุด   

ผมไม่มีตากับยาย มีแต่ปู่กับย่าที่อาศัยอยู่กับลุงพงษ์ที่จังหวัดน่าน นานทีปีหน ถึงจะไปเยี่ยมท่านสักที ส่วนมากต้องรอไปพร้อมพ่อ พอพ่อเดินทางไปต่างประเทศ แม่ก็ไม่คิดจะพาผมไปอีก(งอนพ่อเลาะเลยไปถึงพ่อกับแม่เขาอีกนะคนเรา) 

แต่อนุญาตให้ผมไปหาได้เท่าที่ใจต้องการ 

ผมเลยใช้วิธีโทรหาพวกท่านแทน หรือถ้าวันไหนได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ ผมก็จะให้แม่พาแวบ ๆ เลยไปหาพวกท่านบ้าง บางทีแม่ก็พาผมไปเองฮะ งอนไปงั้นเอง เพราะแม่ก็รักปู่กับย่าเหมือนพ่อแม่แท้ ๆ นั่นแหละ แต่ที่ไม่อยากกลับ เพราะไม่อยากไปเจอหน้าลุงพงษ์ ที่มีหน้าตาคล้ายพ่อน่ะ บอกว่าเห็นทีไรของขึ้นทุกที ฮ่า ๆ ๆ

แม่กับพ่อพูดขอบใจผมเบา ๆ แล้วลูบหัวให้พร น้ำคำเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้แหละประเสริฐดี พรไหน ไม่สูงส่งเท่าพรที่พ่อกับแม่ให้ยามเช้าหรอกครับ

“รีบ ๆ กิน แล้วก็รีบ ๆ ไป ๆ ได้แล้ว รกบ้าน”
ถ้าไม่มีคำพูดพวกนี้ตามมาน่ะนะ ผมหัวเราะเบา ๆ 

คิดซะว่าเป็นสีสันของบ้านละกัน 

“รีบอยู่แล้วละคุณ เอ้านี่ของโปรดกาย ส่วนนี่ ผมไม่อยากกิน คุณก็เอา ๆ ไปซะ”
พ่อผมตักเนื้อปลาแน่น ๆ มาให้ผมครับ แล้วก็ตักต้นหอมชิ้นใหญ่ไปให้แม่ 

แต่ผมแอบกระซิบนิดหนึ่ง ว่าแม่ผมเป็นพวกชอบกินผักเอามาก ๆ ไอ้ต้นหอมที่พ่อบอกไม่อยากกินน่ะ ของโปรดแม่เลย

ผมนั่งอมยิ้ม มองละครช่องสาม นำแสดงโดยพระเอกสุดหล่อ คุณพ่อพัฒน์ และนางเอกสุดสวย คุณแม่กิ่งแก้ว และมีตัวประกอบสุดหล่อเป็นผม 

อาหารมื้อนี้ อร่อยจริง ๆ



“พี่เป้”
ผมทักคนที่กำลังนั่งเหม่ออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่กลางสวนของมหา’ลัย ด้านหน้าเป็นบึงน้ำใสสะอาด มีฝูงปลามากมายพากันแหวกว่ายไล่หาอาหาร ในเวลาที่มีลมพัดโกรก ดอกไม้สีเหลืองอ่อนดอกเล็ก ๆ จากกิ่งก้านด้านบน ก็พากันร่วงโรยหลุดออกจากขั้วตกลงสู่ผืนน้ำด้านล่าง ตามแนวตลิ่งเต็มไปด้วยต้นหญ้าหลากหลายสายพันธุ์ สูงต่ำไล่ระดับ แข่งกันออกดอกชูช่อเรียกร้องสายตาผู้คนให้หันไปมอง 

สำหรับคนอื่น ๆ ดอกหญ้าคงดูไร้ค่า แต่สำหรับผมดอกหญ้าคืองานศิลปะที่ถูกสรรสร้างมาจากธรรมชาติ ธรณีและคงคา มันสวยงามทุกครั้งที่ผมได้มอง และผมก็ชอบถือกล้องมาถ่ายพวกมันบ่อย ๆ ด้วย 

พี่เป้หันมามอง พอเห็นว่าเป็นใคร ก็หันกลับไปมองผืนน้ำตรงหน้าต่อ แต่ดวงตาคมนั้นไม่ได้นำพาภาพใด ๆ เข้าไปในโสตประสาทแม้แต่น้อย   

ในนั้น อาจมีเพียงความว่างเปล่า หรือภาพของใครบางคน และคนคนนั้นก็คงจะเป็นเพื่อนสนิทของผมเอง

..ไอ้เต้ย

ผมทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ส่งยิ้มอบอุ่นไปให้

“ยังทำไม่ได้อีกเหรอฮะ”
ผมถามทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว พี่มันหันมามอง 

“ยังกาย พี่ยังทำไม่ได้ และมันก็ทำยากเอามาก ๆ ด้วย ยิ่งอยากตัดมากเท่าไหร่ ตรงนี้ของพี่มันยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น”
พี่มันจิ้มนิ้วใส่หน้าอกตัวเองเบา ๆ

ผมยิ้ม เอื้อมมือไปวางทาบไว้บนหน้าอกด้านซ้ายของพี่แก

“พ่อเคยบอกว่า ห้ามอะไรก็ห้ามได้ แต่ห้ามตรงนี้ไม่ให้รักใครหรือรักใคร มันทำได้ยาก ผมรู้ว่าพี่คงจะตัดใจจากเต้ยไม่ได้ แต่สามารถทำให้มันเบาบางลงได้” 

พี่เป้หันมามองหน้าผม 

“ผมว่าถ้ามันตัดใจยากมาก พี่เป้ลองมองหาใครสักคนมาทดแทนเต้ยดูบ้างสิครับ ใครก็ได้ที่ทำให้พี่เป้รู้สึกอุ่นใจเวลาที่ได้อยู่ด้วย ใครก็ได้ที่พี่เป้สามารถลืมเต้ยได้บ้าง ในเวลาที่ได้อยู่กับคนคนนั้น”
ผมกดมือที่ตำแหน่งหัวใจพี่เป้แรงขึ้นอีก 

“พี่เป้ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ถ้ามันตัดใจยากมากก็ไม่ต้องตัด แต่หาใครสักคนมาทดแทน แม้เพียงชั่วคราว เพื่อให้ลืมก็พอ” 

พี่มันมองหน้าผมนิ่ง ๆ 

“จริง ๆ พี่ก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่พี่ไม่อยากทำร้ายใคร ถ้าเกิดคนคนนั้นรักพี่ขึ้นมาจริง ๆ แต่พี่ไม่สามารถทำใจให้รักเขาได้ เขาคงจะรู้สึกเจ็บปวดมาก พี่รู้ความรู้สึกนั้นดีนะกาย แล้วพี่ก็ไม่อยากเอาหัวใจใครมาเป็นเครื่องมือ”
คำพูดพี่เป้ พาเอาผมนั่งอึ้งกิมกี่ไปเลย 

จริงสินะ 

ถ้าเกิดคนที่พี่เป้เลือกคบ รักพี่เป้ขึ้นมาจริง ๆ แต่พี่เป้ไม่สามารถแบ่งปันหัวใจไปให้ได้ หัวใจของคนคนนั้นก็คงจะเจ็บปวดน่าดู   
ผมยิ้ม ตีแปะหน้าอกพี่มันเบา ๆ จนพี่มันก้มมองด้วยความแปลกใจ 

“พี่เป้เป็นคนดีชะมัด ถ้าผมเป็นผู้หญิงนะ ผมจะรีบอาสามาเป็นตัวช่วยสมานแผลใจให้พี่แบบไม่คิดค่าเสียเวลาแม้แต่บาทเดียวเลย”
ผมแซวขำ ๆ พี่มันหัวเราะเบา ๆ 

“ให้พี่ข้ามศพไอ้เอกมันไปให้ได้ก่อนนะ”
ผมเบ้หน้า

“พี่เอกมาเกี่ยวอะไรด้วยเล่า” 

“อ้าว ก็เห็นมันอื้ออ…”
ผมรีบปิดปากพี่มันทันที อุดไว้ครับ อย่าให้พูดอะไรออกมาเด็ดขาด พี่เป้ยิ้มในดวงตาล้อเลียน ผมก้มหน้าด้วยความเขิน

มึงเงียบไปเลยนะ อย่าพูดอะไรพาดพิงถึงตาหื่นคนนั้นเด็ดขาด 

พี่เป้จับมือสองข้างผมไว้ 

“ขอบใจนะ ถ้าถามว่าใครที่ทำให้พี่รู้สึกสบายใจที่สุดในตอนนี้ ก็มีเอกกับกายนี่แหละ แล้วถ้าถามว่าอยู่กับใครแล้วพี่รู้สึกอบอุ่นที่สุด ก็กายนี่แหละ แล้วถ้าถามว่าอยู่กับใครแล้วทำให้พี่รู้สึกผ่อนคลายที่สุด ก็กับกายอีกเหมือนกัน”

ผมกะพริบตาปริบ ๆ พี่มันก้มหน้าเอาหน้าผากซบหัวไหล่ผมไว้

“ถ้าพี่ทำได้ พี่อยากเปลี่ยนให้กายเป็นเต้ย แล้วเต้ยเป็นกาย มันยังจะง่ายสำหรับพี่มากกว่า พี่อยากให้กายเป็นน้อง และเต้ยเป็นคนอื่น ที่ไม่ใช่น้อง ไม่ใช่คนที่ทำให้พี่รู้สึกทรมานแบบนี้” 

ผมรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากมือที่กำผมไว้ทั้งสองข้าง ผมอยากปลอบพี่มัน แต่ว่าทำไม่ได้ ผมจึงได้แต่นั่งนิ่ง ๆ ให้พี่แกซบไหล่อยู่อย่างนั้น 

พี่เป้ร้องไห้อยู่ไหม 

ผมไม่รู้

แต่ผมรู้แค่ว่า พี่เป้กำลังอยากเข้มแข็ง 

ได้ยินเสียงสะอื้นเบา ๆ ผมรู้ได้เลย ว่าพี่เป้ยังเข้มแข็งไม่พอ 

“พี่ไม่ได้อ่อนแอนะกาย แต่พี่ยังเข้มแข็งไม่ได้ ขอเวลาให้พี่หน่อย ให้พี่ได้เข้มแข็งยิ่งกว่านี้”

ผมดึงมือตัวเองออก โอบรอบแผ่นหลังกว้างนั้นเบา ๆ

“ผมว่าพี่เป็นคนเข้มแข็งนะ” 

“ไม่…ยัง…ยังไม่พอ”
พี่มันค้าน 

“เข้มแข็งสิ เพราะถ้าไม่เข้มแข็ง ป่านนี้พี่คงจะทำอะไรไอ้เต้ยมันไปนานแล้ว ไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาถึงขนาดนี้หรอก สำหรับผม พี่คือคนที่เข้มแข็งที่สุด” 

พี่มันค่อย ๆ เงยหน้าพร้อมน้ำตาที่ไหลพรากขึ้นมอง ผมยิ้ม กรีดไล่หยดน้ำเม็ดเล็ก ๆ ออกให้เบา ๆ 

“คนเข้มแข็งที่ไหนจะร้องไห้แบบนี้”
พี่มันว่าต่อ

“พี่รู้ไหม ว่าทำไมคนเราถึงได้ร้องไห้”
พี่มันมองหน้าผมนิ่ง ๆ เพื่อรอคำตอบ

“เพราะเป็นการบ่งบอกว่า เราอดทนมามากพอแล้ว เข้มแข็งมาเยอะแล้ว น้ำตาคือปรอทวัดค่าแห่งความอดทนเฉย ๆ พี่มีความอดทนที่สูงเอามาก ๆ ไม่งั้นคงได้นั่งร้องไห้ไปแล้วทุกวัน ๆ ไม่รอให้ถึงที่สุดแบบนี้หรอก”
ผมเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าพี่แก 

“หึ ๆ”
พี่มันยิ้มทั้งน้ำตา เป็นผมเองที่ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ร้องไห้มากจนประสาทกินรึไง 

“พี่เข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้เอกมันถึงได้หลงเรานักหนา”
อ้าว พี่เอกมาเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย

ผมทำหน้าสงสัย พี่แกไม่พูดอะไรต่อ ยกฝ่ามือสองข้างของผมไปปิดหน้าตัวเองไว้เบา ๆ 

มึง…

มือกูไม่ใช่ผ้าเช็ดหน้านะเว้ยเฮ้ย 

พอพี่มันเอามือผมออก น้ำตามากมายที่เห็นเมื่อกี้ก็อันตรธานหายไปเลย 

เอ๊ะ!?
หรือว่ามือกูจะเป็นผ้าเช็ดหน้าจริง ๆ 

“ตอนนี้กายเป็นทุกอย่างของพี่แล้วนะ พี่อยากให้กายเป็นกำลังใจให้พี่ ถ้าวันไหนที่พี่ร้องไห้ พี่อยากให้กายมาช่วยเช็ดน้ำตาให้ ถ้าวันไหนที่พี่อ่อนแอ พี่ก็อยากให้กายมาช่วยชาร์จพลังให้” 

“ได้สิ ได้เสมอเลย ผมจะคอยเป็นกำลังใจให้ ถ้าวันไหนที่พี่ร้องไห้ ผมจะช่วยซับน้ำตาให้ แล้ววันไหนที่พี่อ่อนแอ ผมก็พร้อมที่จะพยุง หรือถ้าวันไหนที่พี่หมดแรง ผมก็พร้อมที่จะชาร์จพลังให้เหมือนกัน”
ผมยิ้ม   

“แล้วชาร์จแบบไหนดี เอาแบบหนังจีนกำลังภายในไหม ประกบสองมือเพื่อถ่ายทอดพลังให้กัน”
ผมพูดติดตลก พี่แกหัวเราะเบา ๆ

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก แค่ใช้สองมือนี้สัมผัสพี่ หรือซับน้ำตาให้พี่ก็พอ”
แล้วพี่แกก็เอามือผมไปปิดหน้าแกไว้อีกที 

สรุป มือกูเป็นผ้าเช็ดหน้าว่างั้น =*=

ผมยิ้มอีกที ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นอะไรแวบ ๆ ตรงพุ่มไม้ไกลออกไปทางด้านหลังพี่เป้ 

ใคร?

คงเป็นคนแถวนี้มานั่งเล่นเหมือนกันละมั้ง ผมละความสนใจจากคนคนนั้นมาที่พี่เป้ต่อ 

“ได้สิ ถ้าพี่ต้องการเมื่อไหร่ ผมจะรีบยื่นมือไปให้พี่ซับน้ำตาทันที”
ผมพูดล้อ ๆ พี่มันเขกหัวผมดังโป๊ก 

“แล้วนี่ไม่มีเรียนรึไงเรา”
พี่มันเปลี่ยนอารมณ์มาถาม หน้าดูสดใสขึ้นเยอะเลย

“มี..แต่โดด” 

“เด็กไม่ดี”
แล้วพี่มันก็ขยี้หัวผมเบา ๆ 

“ขอบใจสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะ”
พี่มันยิ้มอ่อนโยน ผมยิ้มรับ

“พี่ไปก่อนล่ะ”
ผมพยักหน้าให้ทีเดียว พี่เป้ลุกขึ้นยืนก้าวเดินจากไป

ผมยังนั่งอยู่ตรงจุดเดิม ตรงนี้วิวสงบดีจริง ๆ มิน่าล่ะ ไอ้พี่เป้มันถึงได้เลือกมานั่งติสต์แตกแถวนี้ ผมทิ้งตัวลงไปนอนราบกับผืนหญ้าสีเขียว หญ้ามันแห้งฮะ นอนได้สบาย 

กำลังจะหลับตางีบสักหน่อย ก็มีใครบางคนมายืนอยู่เหนือหัว ก้มลงมาส่องหน้า ผมกะพริบตามอง เรือนร่างของคนคนนั้นน่าจะสูงใหญ่ โครงหน้าคมคายถูกแสงของดวงอาทิตย์ตัดไปจนพร่ามัว ทำให้มองไม่ออกว่าเป็นใคร ผมจำต้องลุกขึ้นมานั่ง ถึงได้รู้ 

“พี่โอ๊ค”
ทำไมช่วงนี้เจอพี่เขาบ่อยจังวะ

พี่มันไม่พูดอะไร ทิ้งตัวลงมานั่งข้าง ๆ ทำหน้านิ่ง ๆ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่สักอย่าง ผมไม่พูดไม่ถามอะไรต่อ เผื่อพี่แกอยากปล่อยอารมณ์ติสต์ ๆ แบบพี่เป้บ้าง

ผมทิ้งตัวลงไปนอนอีกที หลับตาลงเบา ๆ ผ่อนคลาย รู้สึกผืนหญ้าด้านข้างมันอ่อนยวบ ผมหรี่ตาหันไปมอง เห็นพี่โอ๊คทิ้งตัวลงมานอนด้วยเหมือนกัน พี่มันยกสองแขนขึ้นมาหนุนหัว ใบหน้ามองตรงไปยังผืนฟ้าด้านบน ผมหันกลับไปมองบ้าง

ท้องฟ้าถูกบดบังด้วยใบไม้จากกิ่งไม้ใหญ่อีกที แต่ก็มีบางช่วงช่องที่พอใบไม้ไหว แสงเงาจากแบล็คกราวด์สีฟ้าอ่อนจะหลุดลอดออกมาให้เห็นเลือนราง   

ผมปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง

อากาศดีครับ แอบง่วง แล้วผมก็พาสติตัวเองจางหายไป


ผมขยับตัวนิดหนึ่ง 

อืม…หญ้า นุ่ม ๆ แบบนี้ก็ดีนะ ว่าแต่ทำไมรู้สึกเหมือนมีอะไรแข็ง ๆ มาอยู่ข้าง ๆ หว่า ผมสะลึมสะลือดวงตาขึ้นมอง สิ่งที่เห็นก็คือ แผงอกกว้างของใครบางคน และคนคนนั้นก็เสียสละแขนข้างหนึ่งมาให้ผมหนุน ซ้ำยังใจดี ลดแลกแจกแถมเสื้อตัวที่แกใส่อยู่มาให้ผมกำเล่นจนย่นยับอีกด้วย   

กูทำร้ายเสื้อพี่โอ๊คไปด้วยอีกคน 

ผมรีบคลายมือออก ค่อย ๆ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง บ่ายสามโมงกว่าแล้วครับ พระอาทิตย์วิ่งไปนู่นแล้ว นี่ผมโดดเรียนยาวเลยเหรอเนี่ย แล้วทำไมไอ้เต้ยมันไม่ยอมโทรมาตามบ้างวะ 

ผมหยิบมือถือขึ้นดู เผื่อไอ้เต้ยมันจะโทรเข้ามาบ้าง 

ไม่มีสักสาย 

ไอ้นี่ เพื่อนไม่เข้าเรียนทั้งคน มันดันไม่โทรตาม 

ผมหันไปมองคนข้างตัวก็เห็นพี่มันตื่นและลุกขึ้นมานั่งตามบ้างแล้วเหมือนกัน มีเศษหญ้าแห้งติดเสื้อติดหัวพี่มันด้วย ผมหัวเราะหึ ๆ หันมาลูบ ๆ ปัด ๆ เสื้อผ้าเส้นผมตัวเอง เผื่อมันมีติดแบบพี่แกบ้าง

พี่มันยังไม่รู้ตัวครับ ยังนั่งทำหน้าเบลออยู่จนผมต้องเอื้อมไปหยิบออกให้

“ขอบคุณสำหรับแขนนะฮะพี่โอ๊ค”
พี่มันพยักหน้าเบลอ ๆ 

“ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าเวลาพี่ตื่นนอน พี่จะเบลอได้ขนาดนี้”
ไม่รู้ไอ้ที่ผมพูดไป แกจะได้ยินบ้างไหม ทำหน้าเบลอได้ใจมาก 

“โอ้ สายแล้ว ผมไปหาไอ้เต้ยก่อนดีกว่า วันนี้ไม่ได้ไปทำงาน มีนัด แค่นี้นะฮะ”
ผมลุกขึ้นยืน พี่แกลุกตาม แล้วเดินตามผมมาต้อย ๆ จนไปถึงถนนของมหา’ลัย 

เออเว้ย คนอะไร เดินตามเหมือนคนละเมอ

“ตื่นรึยังพี่โอ๊ค”
ไม่แน่ใจครับ ผมเรียกอีกที เห็นพี่แกยังทำหน้าเบลออยู่ ผมเลยเดินเข้าไปใกล้ ตบแก้มแกเบา ๆ แต่ดูพี่แกยังไม่รู้ตัว ผมเลยตบแรงขึ้นเรื่อย ๆ 

“เจ็บ”
พี่มันกำมือผมไว้เพื่อหยุดการกระทำนั้นทันที 

“ตื่นรึยัง” 

พี่โอ๊คพยักหน้าเบา ๆ ที 

“ผมว่าพี่ไปล้างหน้าล้างตาก่อนดีกว่า จะได้ตื่นเต็มตา”
พี่โอ๊คไม่ตอบรับใด ๆ กลับมา นอกจากจ้องหน้าผมเขม็ง 

ผมเริ่มหน้าเจื่อน มองมือตัวเอง พี่แกจับมือผมไว้ มองตาผมนิ่ง ๆ เหมือนกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่างอยู่

โห ถ้าพี่เอกมาเห็นนะ คงหึงตาลุกแน่ ๆ ผมรีบชักมือกลับ 

“ขอตัวนะฮะ”
พอหันหลัง สายตาก็ไปปะทะกับใครบางคนที่ผมไม่อยากให้มาเจอผมในสภาพนี้ที่สุด

แต่เขาก็มายืนอยู่ตรงนั้นแล้ว อีกฟากของถนน 

ผมยืนตะลึงอยู่กับที่ ถ้าพี่เอกเห็นภาพเมื่อกี้ รับรองได้ว่าผมโดนยำเละแน่

พี่เอกยืนกำหมัดแน่น หันหลังเตรียมจะเดินหนี ผมรีบวิ่งข้ามถนนไปหาพี่แกทันที 

เอี๊ยดดดดดดด!!!!
..
..
..
..
เสียงล้อบดถนนดังสนั่นจนผมหูอื้อ แขนขาขยับไม่ออก ยืนนิ่งอยู่กับที่ หรือพูดให้ถูก ผมยืนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของใครบางคน ที่รีบเข้ามารวบตัวผมไว้จากทางด้านหลัง ดึงให้กลับขึ้นไปบนทางเท้าที่ผมก้าวลงมาอีกครั้ง 

สองแขนใหญ่รวบผมไว้ทั้งตัว หัวใจที่แทบจะหยุดเต้นเมื่อกี้ กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง และดูเหมือนจะมากกว่าเดิมเพราะความตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   

ผมหันไปมองคนที่ช่วยผมไว้ 

“พี่โอ๊ค”
เทวดาประจำตัวผมเองครับ แล้วผมก็หันไปมองฝั่งตรงข้าม 

พี่เอกยืนตะลึงอยู่ฝั่งโน้น พี่มันมองผม ก่อนเลื่อนสายตาจ้องมองใครอีกคนที่ยังกอดผมเอาไว้อยู่ ผมหันไปมองพี่โอ๊คอีกที สายตาพี่แกจ้องเขม็งไปที่พี่เอกนิ่ง ๆ เช่นกัน 

ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แววตาของคนทั้งคู่ กำลังทำให้ผมหวาดหวั่น และหวาดกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น โดยมีผมเป็นตัวกลาง 

“เอ่อ พี่โอ๊ค ผมปลอดภัยแล้ว ขอบคุณนะฮะ”
ผมบอกเพื่อให้แกคลายอ้อมแขนออก แต่แกกลับกระชับแน่นยิ่งกว่าเดิม 

เฮ้ย ปล่อยดิ กูไม่อยากให้ไอ้พี่เอกมันเข้าใจผิด เดี๋ยวมันได้หึงโหด ฆ่ากูหมกเตียงอีก ผมหันไปมองพี่เอกอีกที

แล้วทำไมพวกมึงสองตัว ต้องมองตากันขนาดนั้นด้วยวะ

ชักหวั่นกว่าเดิมซะแล้วสิ

*** ***
หย่อนกันอีกตอน ^^
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ [เอกกาย] Ch.49 ปลอบใจ (กาย) {P.19}{16-10-58}
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 17-10-2015 00:00:03
ไอ้พี่เอก ความชัดเจนอยู่ไหน ตอบบ!!!
กายน่ารักจะตาย โดนแย่งจะสมร้ำหน้าให้
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ [เอกกาย] Ch.49 ปลอบใจ (กาย) {P.19}{16-10-58}
เริ่มหัวข้อโดย: Silvercrowkk ที่ 17-10-2015 01:18:52
เห็นอัพในเฟสก็รู้สึกได้แค่ ฮ้ะะะ ยังลงไม่จบหรอ

เลยชะแว้บบบบ เข้ามาอ่าน

กายยังน่ารักเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ [เอกกาย] Ch.50 ห้ามใจ (เอก) {P.20}{6-11-58}
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 06-11-2015 18:46:52
50
ห้ามใจ
[เอก...☼]




 

 

ผมว่ามันได้ตัดสินใจ และเลือกหนทางที่มันต้องการได้แล้ว

และสิ่งที่มันเลือก คือสิ่งที่ผมไม่อยากให้มันเลือกเป็นที่สุด
 
มันเลือกที่จะเดินหน้าต่อ เพื่อชนกับผม
 
ถ้าดูจากแต้ม คนที่จะชนะน่าจะเป็นผม แต่สำหรับผม แม้แต่ความคิด ก็ไม่อยากให้ใครคิดจะมาแย่งไอ้ตัวเล็กไปจากผมทั้งนั้น
 
โดยเฉพาะคนที่เป็นเพื่อนสนิทของผม อย่างมัน
 
...ไอ้โอ๊ค
 
และตอนนี้ มันกำลังโอบร่างของคนที่ควรจะอยู่ในอ้อมแขนผม โอบเอาไว้ทั้งตัว แล้วมองมาที่ผมไม่วางตา ไม่ใช่สายตาท้าทายอย่างไอ้คุณชรินทร์ แต่เป็นสายตาที่บ่งบอกว่า...
 
ตัวมันเองก็ถอยหลังกลับไปไม่ได้แล้วเหมือนกัน

มันถูกผลักให้ลงไปในหลุมเสน่ห์ของกาย แบบที่ผมเป็นอยู่
 
สิ่งที่ผมหวาดกลัวที่สุด เกิดขึ้นแล้ว








ตอนนี้ผมเดินอยู่บนทางเท้าริมถนนของมหาลัย ผมเดินตรงไปด้านหน้าเงียบ ๆ โดยมีใครบางคนเดินหงอ ๆ ตามหลังผมมา
 
ผมไม่พูดอะไรกับมันสักคำ
 
ไม่ต่อว่า
 
ไม่เอ็ดตะโร ไม่กระชากลากถูมันขึ้นเตียงอย่างที่ควรจะทำ
 
เพราะผมรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของมัน มันแค่มีเสน่ห์ในแบบที่มันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองมี ผมไม่รู้ว่ามันเพิ่งมีหรือมีมานานแล้วแต่ไม่มีใครค้นพบ
 
ผมอาจเป็นคนแรกที่เจอสมบัติ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนรอบข้าง จะไม่อยากแย่งชิงสมบัติที่ผมได้มาโดยบังเอิญ
 
ผมหยุดเท้าตัวเองลงกึก หันหลังไปมอง ไอ้ตัวเล็กที่เดินตามมาติด ๆ หยุดเท้าตัวเองลงตาม มันเงยหน้ามองตอบ ทำท่าเหมือนลูกแมวทำผิด ยืนหางตกหูลู่จนน่าเอ็นดู
 
“เอ่อ พี่เอก…”
มันพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง ก่อนกัดริมฝีปากตัวเองไว้ แล้วเงียบไป มันคงอยากอธิบาย คงอยากจะบอกว่ามันไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับไอ้โอ๊คมัน
 
ผมรู้ ผมเข้าใจ และผมก็ให้อภัยมันแล้ว 

แต่อารมณ์นี้ อยากแกล้งมันครับ
 
“คุณชรินทร์จะมารับตอนกี่โมง”
ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เรียบเอามาก ๆ ชนิดที่ว่าดูไร้ความรู้สึกไปเลย
 
“สี่โมงครึ่ง”

ผมมองนาฬิกา ตอนนี้สี่โมงแล้ว ผมเลยเดินนำมันไปที่ร้านขายนมปั่น ทิ้งตัวลงนั่งยังเก้าอี้นอกสุด โต๊ะเก้าอี้ที่นี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก โต๊ะหนึ่งนั่งกันได้แค่สองคนเท่านั้น มันทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม

ผมยังคงนั่งนิ่ง ๆ ไม่พูดไม่จาอะไรเหมือนเดิม นั่งคอยเวลาให้ไอ้คุณชรินทร์มารับมัน
 
“พี่เอก…”
มันคงร้อนใจในท่าทีเย็นชามากผิดปกติของผม
 
“พี่อยากกินอะไรไหม ผมสั่งให้”
มันถาม ผมไม่ตอบ แสร้งมองผ่านอากาศคล้ายคนเหม่อ แต่แอบมองมันผ่านหางตานิดหนึ่ง มันเริ่มนั่งไม่ติดพื้นแล้ว
 
ผมไขว่ห้าง วางมือไว้บนตัก ทอดมองวิวตรงหน้าไป อากาศยามเย็นแบบนี้ สบายดีครับ แสงแดดอ่อน ๆ ลมพัดเย็น ๆ จริง ๆ นั่งอยู่แบบนี้ แล้วมีมันมานั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงไม่ต้องทำอะไร ก็ทำให้ผมมีความสุขแล้ว
 
ผมนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ จนหลงลืมเวลา พอหันไปมองไอ้ตัวเล็กอีกที...


ตอนนี้มันไม่อยู่แล้วครับ
 
หัวใจผมหล่นวูบ
               
รีบดีดตัวลุกขึ้นยืน กวาดมองไปรอบ ๆ

แต่ไม่เห็น
 
เพราะมัวแต่นั่งเหม่อ เลยไม่รู้ว่าอีกคนหายไป

ผมเริ่มออกวิ่ง หวังกลับไปหามันที่คณะ หรือว่าตอนที่ผมนั่งเหม่อ ไอ้คุณชรินทร์จะมารับตัวมันไปแล้ว ผมล้วงหยิบมือถือ กำลังจะกดโทรหา แต่เบรกเอาไว้ เพราะสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคน กำลังเดินก้มหน้าเตาะแตะฝ่าเท้าไปกับพื้นซีเมนต์
 
ผมหยุดขาตัวเองลง ยืนมองภาพนั้น
 
เหมือน ๆ มันจะเดินเล่นไปเรื่อย ๆ โดยไร้จุดหมายปลายทาง มันก้าวช้า ๆ จนคนที่ก้าวมาทีหลังเดินผ่านเลยไป

ผมก้าวช้า ๆ เข้าไปใกล้ แล้วเดินตามหลังมัน

วิชาตัวเบาผมใช้ได้ผลเสมอ เดินมาตั้งนาน มันก็ยังไม่รู้ตัว
 
เสียงมือถือมันดังเบา ๆ มันหยุดเท้าตัวเองลงแล้วล้วงหยิบขึ้นมากดรับแบบเอื่อย ๆ
 
“ครับ"

“เปล่า ไม่มีอะไร ผมอยู่แถว ๆ หน้ามอนี่แหละ…”
น้ำเสียงมันไม่ได้สดใสอย่างที่ควรจะเป็น มันกดวางสายแล้วเริ่มต้นก้าวเท้าเตาะแตะอีกรอบ
 
มันหงอแบบนี้เพราะผมใช่ไหม
 
ผมได้ในสิ่งที่ผมต้องการแล้วนี่ ผมทำให้มันหงอได้แล้ว
               .
แล้วทำไม ผมถึงยังไม่มีความสุข
 
ผมหยุดเท้าตัวเองลง ให้มันก้าวเดินห่างออกไปข้างหน้า เพราะถ้าขืนผมยังตามมันอยู่ ผมคงจะยึดมันเอาไว้ ไม่ปล่อยให้มันได้ทำในสิ่งที่มันต้องการแน่ ๆ

รอเวลาให้มันเป็นอิสระก่อน แล้วผมจะรีบตามไปยึดมันมาไว้กับตัวเองแน่นอน









ผมนั่งควงปากกาในมือ กระดาษงานอยู่ตรงหน้า แต่สมาธิกลับไม่มีเหลือหลอ
 
“พี่เอกกก!!!!”
 
ผมสะดุ้งโหยง ปากกาหลุดออกจากมือร่วงแหมะลงบนพื้นโต๊ะ
 
“นั่งเหม่ออยู่นั่นแหละ เร็ว ๆ ซิคะ พวกหนูหิวกันแล้วนะ”
 
“ใช่ ๆ นี่เรานั่งรอกันมาหลายชั่วโมงแล้วนะ ถ้าพี่เอกตั้งใจทำงาน ป่านนี้เสร็จไปตั้งนานแล้ว มัวแต่นั่งเหม่ออยู่นั่นแหละ”
พวกทโมนครับ

ตอนนี้ผมอยู่ที่บริษัทป๋า มาช่วยงานช่วงกลางเดือน ระหว่างทางเจอพวกทโมนเข้า พวกมันเลยขอติดรถมานั่งเล่นที่บริษัทด้วย
 
ดีที่พนักงานส่วนใหญ่เลิกงานกันไปหมดแล้ว เสียงของพวกมันเลยไม่รบกวนชาวบ้านเขาเท่าไหร่
 
“เป็นไร เหม่อจัง” ไอ้ตัวยุ่งมันถาม
 
“เปล่า”
 
“โกหก!!!”
สามสาวแพ็คเสียงพูดพร้อมกัน ผมปรายตามองแล้วก้มหน้าทำงานต่อ
 
“นี่ ๆ พวกหนูทำกันเองดีกว่า พี่ไปพักเถอะ ขืนให้ทำเอง มีหวังงานการเสียหมด”
พวกมันรีบรุนหลังผมออกจากเก้าอี้ ให้ไปนั่งอยู่บนโซฟาแทน แล้วพวกมันก็พากันปีนขึ้นไปบนโต๊ะทำงาน แล้วทำงานแทนผม
 
ปีนกันจริง ๆ ครับ

เจ้าแอมนั่งเก้าอี้ เจ้าไอยืนข้างโต๊ะ ส่วนเจ้าอ้อนปีนขึ้นไปนั่งคุกเข่าก้มดูงานบนโต๊ะเลย

เอากับพวกมันสิ
 
ขืนปล่อยให้พวกน้อง ๆ ทำกันเอง งานคงเสีย แต่ถ้าให้ผมทำเองตอนนี้ งานอาจเสียมากกว่าอีก พวกน้อง ๆ ผมถึงจะทโมน แต่ถ้าตั้งใจแล้วล่ะก็ ทำงานออกมาได้ดีไม่แพ้ผมเลยทีเดียว ผมเลยทำได้แค่นั่งนิ่ง ๆ ปล่อยให้พวกน้อง ๆ ทำไป

ตอนนี้เป็นห่วงไอ้ตัวเล็กมันครับ ห่วงว่าไอ้คุณชรินทร์จะทำอะไรมันหรือเปล่า ผมก็ไม่น่าปล่อยให้ปลาย่าง หลุดไปอยู่ในมือไอ้แมวดำตัวนั้นเลย

ให้ตายสิ!
 
“ดูท่าอาการพี่ชายเราจะหนักนะอ้อน”
 
“อืม นั่นน่ะสิ”
 
“หน้าย่นหน้าเหี่ยวหมดแล้ว”
 
“ทำไงดีล่ะ ถ้าอาการหนักมาก แล้วเอฟเฟกต์เอกน้อยขึ้นมา งี้พี่กายก็แย่น่ะสิ”
 
ผมเอามือกุมหน้า
 
จะนินทาอะไร ก็นินทาให้มันเบา ๆ หน่อยได้ไหม และที่สำคัญ หน้าพี่ไม่เกี่ยวกับน้องพี่ด้วย

ผมลุกออกจากโซฟาไปไล่พวกน้อง ๆ ออกจากโต๊ะทำงาน ส่วนตัวเองก็รีบเรียกสติตัวเองกลับมาทำงานต่อให้มันเสร็จ ๆ ไป



   
หลังจากส่งพวกน้อง ๆ กลับบ้าน ผมก็ขับรถกลับคอนโดเหมือนเดิม ผมเนือย ๆ ไปอาบน้ำ คว้าหยิบเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนกับกางเองเอวรูดน้ำเงินเข้มมาสวม ลากรองเท้าแตะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา
 
เหลือบมองนาฬิกา สี่ทุ่มกว่าแล้ว กายคงกลับบ้านนอนไปแล้ว
 
ผมหยิบรีโมตขึ้นมากดเปิดทีวีดู กดเลื่อนเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย สิ่งที่ฉายออกมาหรือเสียงที่พูดคุยกันในนั้นไม่ได้วิ่งเข้ามาในสมองผมแม้แต่น้อย ผมกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ เผื่อจะเจอรายการที่ถูกใจ
 
ได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าห้อง ผมหันไปมอง ถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างเบื่อหน่าย
 
ดึกขนาดนี้ ใครมาวะ
 
ผมกดปิดทีวี ทิ้งรีโมตลงบนโซฟาตัวนุ่ม เดินทำหน้าเบื่อหน่ายไปเปิดประตู
 
 
“กาย”
ผมครางเรียกด้วยความแปลกใจ ไม่คิดว่าอีกคนจะมายืนอยู่ตรงหน้าได้

มันยืนหันซ้ายหันขวา
 
“พี่เอก ผมไม่ได้มีอะไรกับพี่โอ๊คจริง ๆ นะ”
มันโพล่งออกมาแค่นั้น แล้วก็เงียบไป

ผมกำลังอึ้งครับ เพราะเป็นครั้งแรกที่มันโผล่มาหาผมที่คอนโดโดยไม่บอกกล่าวแบบนี้

แล้วมันก็…
หันหลังเตรียมจะเดินกลับ

ผมรีบฉุดข้อมือมันไว้ทันที มันเงยหน้ามอง ตามันแดง ๆ คล้ายคนจะร้องไห้
 
“ขอโทษนะฮะ”
มันบิดข้อมือออก หันหลังเตรียมจะก้าวอีกรอบ คราวนี้ ผมเอื้อมจับต้นแขนมันไว้แล้วดึงมันมาไว้ในอ้อมกอด มันเงยหน้ามอง

ผมยังตีสีหน้านิ่งเรียบ จ้องมองดวงตาแดง ๆ ของมัน
 
นี่มึงจะทำตัวน่ารักไปไหน มาทำให้กูสับสนแล้วจากไปง่าย ๆ แบบนี้ คิดรึไงว่ากูจะยอม
 
“ร้องไห้ทำไม” ผมถาม
 
“ผมเปล่า”
พอมันปฏิเสธปุ๊บ น้ำตาก็ไหลพรากเลย โหย สงสัยการประปาจะต่อท่อผิดรู
 
“โอเค ไม่ได้ร้องก็ไม่ได้ร้อง ถ้าไง ปิดก๊อกที่ตานายก่อนก็แล้วกัน น้ำมันล้นแน่ะ”
 
มันกะพริบตาปริบ ๆ ไล่หยาดน้ำทิ้งไป
 
เวลามันร้องไห้ก็แปลกดี ไม่สะอื้น ไม่มีเสียง ร้องไห้เงียบ ๆ คนร้องไห้แบบนี้ ผมก็เพิ่งเคยเจอ เพราะงี้มั้ง ผมเลยดูไม่ออกว่ามันร้องไห้ตอนอยู่กับไอ้โอ๊ค
 
ผมดึงตัวมันเข้ามาในห้อง ปิดประตูลง แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมายื่นให้ พยักหน้าทีเดียวไปยังห้องน้ำให้รู้ว่ามันควรจะปิดวาล์วน้ำได้แล้ว มันรับผ้าไปถือไว้ เดินพาประปาน้ำตาเข้าห้องน้ำไป ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดมาวางไว้ให้มันหน้าห้องน้ำ เป็นชุดที่ผมเคยซื้อเอาไว้ให้มันนั่นแหละ กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาว

แล้วผมก็หยิบหนังสือเรียนมานั่งอ่านรอมันบนเตียง
 
สักพักก็ได้ยินเสียงเปิดประตู ผมไม่ได้เงยหน้ามอง มันคงอาบน้ำเสร็จแล้ว และคงเห็นว่ามีเสื้อผ้าวางอยู่หน้าห้องน้ำ แล้วก็ได้ยินเสียงปิดประตูลงอีกรอบ เงียบไปไม่ถึงสามนาที ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูออกมาอีกครั้ง
 
ผมเงยหน้าจากหนังสือหันไปมอง
 
มันอยู่ในชุดที่ผมซื้อให้เรียบร้อยแล้ว เดินผมเปียก ๆ มายืนอยู่ข้างเตียง หน้ามันยังซึมไม่หาย ผมละสายตาจากมันมาที่หนังสือตรงหน้าต่อ
 
“พี่เอก”
มันครางเรียกเสียงเบา
 
“ดึกแล้ว นอนกันเถอะ”
ผมปิดหนังสือลง วางไว้บนโต๊ะข้างโคมไฟ มันยืนนิ่ง คงแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของผม
 
ผมแค่ไม่อยากทำอะไรมัน อยากทำตัวเป็นสุภาพบุรุษสักวัน ขืนผมยังตื่นอยู่ คงต้องจับมันปล้ำแน่ ๆ ผมรีบทิ้งตัวลงนอน ท่องนะโมในใจบังคับให้น้องที่ทำท่าจะตื่นให้มันนอนสงบ
 
มันก้าวขึ้นเตียงคลานไปนอนด้านในเหมือนเดิม ผมปิดไฟแล้วหลับตาลง
 
หายใจยังไม่ทันจะถึงยี่สิบเฮือกก็ต้องลืมตาขึ้น เพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างมาทับหน้าขา ผมเอื้อมไปกดเปิดไฟ
 
ตอนแรกก็คิดว่าผีอำ แต่ที่ไหนได้ เป็นไอ้ตัวเล็กครับ มันขึ้นมานั่งทำหน้าเบะ ๆ บนหน้าขาผม
 
“ทำอะไร”
ผมขมวดคิ้วถาม
 
มึง กูยิ่งพยายามบังคับให้น้องกูนอนอยู่ มึงจะขึ้นมาทำไม
 
“พี่เอก อย่าทำแบบนี้เลยนะ ผมทำตัวไม่ถูกแล้ว ต่อว่าหรือทำร้ายผม ผมยังรู้ว่าพี่คิดอะไร ดีกว่าเงียบ ๆ แบบนี้”
มันบอกออกมาตรง ๆ
 
ผมหลับตาลงแน่น พอ ๆ กับกัดฟันกรามไว้
 
“กาย ลงไป”
ถ้ามึงไม่ลง มึงจะไม่ได้ลงอีกเลยตลอดทั้งคืน
 
“พี่เอก...”
มันครางเรียกคล้ายกับจะขอความเห็นใจให้ผมพูดอะไรสักอย่าง
 
“ลง”
ผมบอกมันด้วยน้ำเสียงอดทนอีกที
 
“พี่ก็พูดอะไรสักอย่างสิ ถามอะไรสักอย่างก็ได้ อย่าเงียบแบบนี้ได้ไหม ผมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่โอ๊คจริง ๆ นะ”
 
“อันนั้นพี่รู้”
 
มันนิ่งครับ จ้องหน้าผมเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด
 
“แล้ว…”
มันคงจะถามว่า แล้วไอ้พฤติกรรมที่ผมเป็นอยู่นี่คืออะไร
 
“พี่ไม่ได้โกรธ”
 
มันขมวดคิ้ว
 
“แต่ที่พี่ไม่พูด เพราะพี่กำลังอดทนอยู่”
 
“อดทน? อดทนจากอะไร”
มันถามด้วยความสงสัย

ผมถอนหายใจแรง เลื่อนมือไปจับสะโพกมันไว้ทั้งสองข้าง
 
“อดทนไม่ให้ทำอะไรกายไง แต่กายก็ยังมายั่วพี่อีก เพราะงั้น ถ้าคืนนี้กายไม่ได้นอน อย่ามาโทษพี่ละกันนะ”
 
มันทำตาโต
 
ช้าไปแล้วล่ะมึง
             
ผมรั้งท้ายทอยมันลงมากดจูบ บุกทะลวงส่งลิ้นเข้าไปภายใน ไม่เปิดโอกาสให้มันได้ทักท้วงอะไรอีกเลย
 
มันพยายามขืนตัวออก แต่ผมยังกดหัวมันแน่น มืออีกข้างก็บีบขยำสะโพกมันเลื่อนมาที่หน้าท้อง ไต่สูงขึ้นมาที่หัวนม บีบเบา ๆ สลับกันไปมาทั้งสองข้าง จนมือมันที่ผลัก ๆ ผมอยู่เปลี่ยนมาเป็นกำอกเสื้อผมแน่น
 
เสียวครับ
 
คิดถึงมันโคตร ๆ มันชอบยั่วคนแบบไม่รู้ตัวจริง ๆ

ผมละริมฝีปากมาเลิกถอดเสื้อกับกางเกงมันออก

“ดะ เดี๋ยว พี่เอก”
มันรีบท้วงห้าม พยายามหยุดมือผมไว้

จะห้ามทำไม ห้ามไปผมก็ไม่เคยหยุด ตอนนี้มันอยู่บนตัวผม พยายามคุกเข่าทรงตัวเพื่อลุกหนี

พอมันคุกเข่าได้ปุ๊บ ผมก็อาศัยจังหวะนั้นแทรกปลายนิ้วเข้าไปในร่องของมันทันที มันหยุดทุกการดิ้นรนลง ผมสะกิดเบา ๆ ตรงจุดกระสัน
มันบีบต้นแขนผมแน่น เชิดหน้าครางออกมาซะหวานหยด
 
มึง..
ท่าทางแบบนี้ มึงอย่าไปทำให้ใครเห็นนะเว้ยเฮ้ย เดี๋ยวมันหลงมึงตาย

ผมกดย้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นจนมันอ่อนระทวยแนบหน้ากับหน้าอกผม
 
"พอ...พี่เอก"
ปากมันยังครางห้าม ทั้งที่ร่างกายมันโอนอ่อนตามผมไปหมดแล้ว

น้องผมมันพร้อมตั้งแต่ผมจูบมันแล้วครับ พอสบโอกาส ผมก็ปล่อยน้องผมออกมา แล้วทำการเชื่อมร่างของผมกับมันทันที พอทุกอย่างลงล็อก ผมก็ดันตัวมันลุกขึ้นนั่งแล้วจับสะโพกมันโยกไหวทันที

ผมซี้ดปาก เงยหน้ามอง

ดวงตามันคลอไปด้วยหยาดน้ำใส ๆ คล้ายคนจะร้องไห้ ริมฝีปากได้รูปอ้าออกนิด ๆ ปลดปล่อยน้ำเสียงครางหวานเป็นจังหวะ สองมือมันยึดจับสองมือผมแน่น เอียงหน้าเชิดขึ้นนิด ๆ ทอดมองอากาศ ก่อนก้มหน้าลงมามองผมต่อ

ท่าทางที่เห็น บอกได้คำเดียวครับ...

เซ็กซี่เป็นบ้า

ผมเลิกถอดเสื้อผ้าตัวเองออกในขณะที่อีกมือยังจับสะโพกมันโยกไหวอยู่ ต้องทำงานประสานกันให้ดี เพื่อความต่อเนื่อง พอถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ผมก็ดันตัวลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังสอดประสาน มันรีบคว้าลำคอผมไว้ทันทีกันหงายหลัง
 
เป้าหมายที่ผมลุกนั่งก็เนี่ยแหละ
 
ผมอ้าปากงับหัวนมมันเบา ๆ ก่อนตวัดปลายลิ้นหยอกเหย้า มันครางเสียงหลง มือหนึ่งผลักหัวผมออกอีกมือกลับกดเข้าหา มันคงจะรู้สึกเจ็บและซู่ซ่าในเวลาเดียวกัน

แล้วผมก็เคลื่อนหน้าขึ้นไปกดจูบมันอีกรอบ ปากมันหวานดีครับ กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยอิ่ม
 
งั้นวันนี้ผมจะให้มันอยู่ด้านบนตลอดทั้งคืนเลย

หึหึ
นี่แหละ คือผลของการยั่วสิงโตที่กำลังหิว กวางน้อยคงถูกขย้ำจนไม่เหลือซากแน่ ๆ คืนนี้


To be Con..
บางทีก็คิด ฉันแต่งไปได้ยังไง นั่งยอง ๆ เอานิ้วเขี่ยดิน เอาสติช่วงนั้นของข้าคืนมาาาาา  :katai1:

หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ [เอกกาย] Ch.50 ห้ามใจ (เอก) {P.20}{6-11-58}
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 06-11-2015 19:38:53
 :z13:

จิ้มๆๆๆ พี่เอกน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ [เอกกาย] Ch.50 ห้ามใจ (เอก) {P.20}{6-11-58}
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 18-11-2015 00:22:00
เรื่องหื่นขอให้ไว้ใจเอกภพ ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ [เอกกาย] Ch.50 ห้ามใจ (เอก) {P.20}{6-11-58}
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 06-12-2015 11:41:32
 :o8:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ [เอกกาย] Ch.51 ซาตานในคราบเทพบุตร {P.20}*13-12-58
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 13-12-2015 20:35:02
 :pighaun:51
ซาตานในคราบเทพบุตร
[กาย...♥]





 
สมาธิสติกระเจิดกระเจิง เมื่อวานไปดูภาพถ่ายกับพี่เชน แทบไม่มีสมาธิ จำไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่ามีภาพอะไรใครถ่ายบ้าง แล้วพี่เชนพาไปต่อที่ไหนอีกบ้าง
 
รู้แค่น้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใยจากพี่เชน นิ้วมือที่สัมผัสแก้มอะไรทำนองนั้น
 
ไม่ได้สนใจครับ ในหัวมีแต่สีหน้านิ่งเรียบของพี่เอก
 
เป็นห่วงพี่มัน
 
ถ้าพี่มันโมโห จับผมขึง แล้วอารมณ์ดีขึ้น ผมจะไม่ว่าเลย แต่นี่พี่มันเล่นเงียบ ไม่พูดไม่จาไม่ตอบไม่ตะคอกหรือไม่อะไรสักอย่าง มีผมอยู่เหมือนไม่มี

หรือพี่แกจะไม่สนใจผมอีกต่อไปแล้ว
 
พี่เอกพาผมไปนั่งที่ร้านนมปั่น แล้วพี่มันก็เอาแต่นั่งเงียบ จนเวลาผ่านไปเป็นเกือบยี่สิบนาที พี่มันคงจะลืมไปแล้ว ว่ามีผมมานั่งอยู่ด้วย ผมเลยเลือกที่จะเดินออกมาเงียบ ๆ เพื่อให้พี่เอกได้อยู่คนเดียวอย่างที่ใจแกต้องการ
 
หัวใจผมรู้สึกวูบโหวง หวาดกลัว
 
ผมไม่อยากรู้สึกแบบนี้ ผมไม่อยากยึดติด ไม่อยากให้หัวใจผมเจ็บ แต่สติและจิตใจผม กลับคิดถึงแต่เขา จนไม่เป็นอันทำอะไรเลย
 
พอพี่เชนไปส่งผมที่บ้าน ผมก็รีบเรียกแท็กซี่มาหาพี่เอกที่คอนโดทันที ผมยืนชั่งใจอยู่นานมาก ว่าจะกดกริ่งหน้าประตูดีไหม แต่สุดท้าย ผมก็กด
 
ผมพูด ผมอธิบาย แต่พี่มันยังนิ่ง บ่งบอกว่าพี่มันคงไม่อยากรับฟัง และไม่ให้โอกาสผมอีกต่อไป
 
ผมหันหลังเตรียมจะเดินกลับ

กลับไปสู่เส้นทางเดิม ๆ ของตัวเอง เคยทำใจไว้แล้ว แต่มันก็เร็วเกินไป
 
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวเดิน พี่มันก็ฉุดแขนผมไว้ ผมเงยหน้ามอง ใบหน้าคมคายยังคงราบเรียบอยู่เหมือนเดิม
 
ผมไม่รู้ ว่าผมรู้สึกเสียใจแค่ไหน รู้แค่ว่า ผมกำลังอดทน และเมื่อความอดทนมันหมด น้ำตาผมก็ไหล
 
แต่พี่มันยังเฉยชา
 
ผมมาหาถึงที่ ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่มันคงกอดผมไปแล้ว แต่นี่ แค่ไล่ให้ไปอาบน้ำ แล้วหยิบชุดเรียบร้อยมาให้ใส่ หลังจากนั้นก็พาเข้านอน
 
ผมกลัว ผมนอนไม่หลับ อย่างน้อยผมก็อยากให้พี่มันพูดอะไรออกมาบ้าง ผมเลยตัดสินใจดันตัวขึ้นไปนั่งคร่อมพี่มันไว้ เพื่อขอคำตอบ ไม่งั้นผมคงนอนไม่หลับแน่ ๆ
 
แล้วพี่มัน…
 
ก็งาบผมซะเต็มสตรีม - -
 
แม่.ง!!
 
กำลังซึ้ง ๆ อยู่ น้ำตากูวิ่งกลับลงเขื่อนแทบไม่ทัน =*=
 
สรุป ที่มันนิ่ง ๆ คือมันพยายามอดทนไม่หื่นใส่ผมอยู่
 
เฮ้อ!
ต่อไปผมจะไม่ร้อนตัว เอาตัวเองมาเสนอให้พี่มันกินถึงที่อีกแล้ว
 
แล้วเชื่อกันหรือเปล่า ว่าเมื่อคืน ผมต้องอยู่ข้างบนจนเกือบเช้า
 
เหนื่อยครับ
 
นอนอยู่ข้างล่างว่าเหนื่อยแล้ว เป็นคนควบเอง เหนื่อยกว่าหลายเท่า
 
ต่อไปนี้ ผมจะไม่นั่งคร่อมตักพี่มันอีกเป็นอันขาด ผมสัญญา
 
พี่เอกฮัมเพลงอารมณ์ดีแต่เช้า ในขณะที่ผม ยังนอนเดี้ยงอยู่บนเตียง ดีนะที่วันนี้เป็นวันเสาร์ เลยนอนยาวได้ ผมนอนเปลือยเปล่าคว่ำหน้ากอดหมอนข้างไว้ มีผ้าห่มปิดสะโพกลงไปถึงข้อเท้า ปล่อยแผ่นหลังพร้อมบั้นเอวรับแอร์เย็น ๆ ไป
 
จริง ๆ ผมตื่นแล้ว แต่ขี้เกียจลุก เพลียครับ ขอขี้เกียจต่ออีกหน่อย
 
ได้ยินเสียงฝ่าเท้าเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง ก่อนจะรู้สึกว่ามีริมฝีปากเย็น ๆ มาจูบซับที่ต้นคอเลื่อนลงไปยังแผ่นหลัง
 
สยิวครับ
 
ผมปรือตา กระชับหมอนข้างแน่น ครางฮือห้ามแก แต่ปากเย็น ๆ นั้นยังคงไล่ต่ำไม่หยุดลงไปที่เอวและกำลังจะต่ำลงไปกว่านั้น และถ้าขืนผมยังปล่อยไปเรื่อย ๆ แบบนี้ มีหวังเช้านี้ ผมคงไม่ได้พักแน่ ๆ
 
ผมละมือจากหมอนข้าง ควานมือสะเปะสะปะคว้าผ้าห่มมาปิดหลังไว้ ได้ยินเสียงพี่มันหัวเราะหึ ๆ เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า
 
อือ…
ปลอดภัยแล้วใช่ไหม ผมจะได้หลับต่อ
 
วันนี้ผมจะไปทำงานที่ร้านเป็นวันสุดท้ายฮะ ยังไม่ได้บอกผู้จัดการเลย เพราะวันนี้เป็นวันที่ไอ้เต้ย ต้องหยุดตามพี่มันแล้ว
 
ใจจริงเสียดายครับ ทำงานแล้วสนุกดี ได้เจอลูกค้า ได้เจอเพื่อน ได้เจอพี่ ๆ แถมยังได้เงินอีกต่างหาก อยากทำต่อ แต่ถ้าผมทำ ไอ้เต้ยต้องไม่ยอมแน่ ๆ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุด ต้องแยกตัวไอ้เต้ยออกมาจากพี่เป้ก่อน
 
นอนคิดไม่นาน สติผมก็ค่อย ๆ จางหายไป ก่อนสะลึมสะลือตื่นอีกที ยังง่วงอยู่ครับ แต่ท้องร้องแล้ว พี่เอกหายไปไหนนะ ทำไมไม่มาปลุกผมให้ไปกินข้าวหว่า
 
ผมลุกขึ้นนั่ง กวาดตามองหาชุดตัวเอง
 
อ้อ กองอยู่ข้างเตียงนี่เอง
 
ผมก้มหยิบ เดินสะโหลสะเหลเข้าห้องน้ำ อาบน้ำอาบท่า แล้วเดินหน้าหล่อออกมา
 
ทำไมมันเพลียอย่างงี้วะ ถ้าการอยู่ข้างบนทำให้รู้สึกเพลียได้ขนาดนี้ ต่อไปนี้ผมขออยู่ข้างล่างดีกว่า
 
ดีนะ มีงานตอนบ่าย ไม่งั้นแย่แน่ ๆ
 
หิวครับ หิวมาก ๆ หันไปมองนาฬิกา โหย ตอนแรกก็คิดว่าเก้าโมง ที่ไหนได้ นี่มันจะเที่ยงแล้ว สงสัยที่ผมเพลีย เพราะไม่ได้ทานข้าวเช้าแน่ ๆ
 
ไอ้พี่เอกบ้า ทำไมไม่ปลุกกันบ้างนะ ปล่อยให้นอนกินบ้านกินเมืองอยู่ได้
 
หิวครับ หิวมาก หิวโคตร ๆ หิวข้าว!
 
แง่ง!! ข้าวกูอยู่ไหน
 
ผมเดินออกไปข้างนอก ตอนนี้มันทั้งง่วงทั้งหิว ง่วงจนอยากจะกลับไปนอนต่ออีกรอบ แต่ก็หิวจนรู้สึกแสบท้องขึ้นมาหน่อย ๆ
 
เห็นไอ้พี่เอกนั่งดูรายการเพลงอยู่บนโซฟาสบายใจเฉิบ
 
“พี่เอก”
ผมเรียกเหมือนคนละเมอ หิวครับ ไม่มีแรงแล้ว ปกติผมเป็นพวกกินข้าวเช้าเป็นประจำ(ถ้าแม่อยู่แม่จะตื่นขึ้นมาทำให้กิน แต่ถ้าวันไหนต้องอยู่คนเดียวก็จะหาซื้อข้าวของมาอุ่นกินเองตอนเช้า ไม่ก็ทำอะไรง่าย ๆ กินเองก่อนไปเรียน) ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ จะไม่อดมื้อเช้าเด็ดขาด หรือว่าผมจะเป็นไข้หว่า

ตัวก็ไม่ร้อนนี่

พี่มันหันมามองด้วยความแปลกใจ

นี่มึงยังไม่หายโกรธกูอีกรึไง
 
สงสัยจะยังรักษามาด
 
ตอนนี้หิวครับ ความหิวสั่งให้ผมทำได้ทุกอย่าง ขี้เกียจหาข้าวกินเอง ผมเลยตัดสินใจอ้อนพี่มันซะเลย(เคยอ่านเจอในหนังสือ ผู้ชายมากกว่า 90% แพ้คนขี้อ้อน ผมเองก็ชอบให้ผู้หญิงอ้อนเหมือนกัน)
 
ผมเลยเดินไปนั่งคร่อมตักพี่มันไว้(ไหนสัญญาว่าจะไม่คร่อมอีกไง = =) โอบสองแขนรอบลำคอ ซุกหน้าไว้กับอกล่ำ ๆ พี่มัน
 
“หิวจัง โทรสั่งอะไรมากินกันเถอะ”
 
หือ?
 
นี่พี่เอกเปลี่ยนน้ำหอมกลิ่นใหม่เหรอ ผมทำจมูกฟุดฟิด แต่เพราะกำลังหิวจัด สมองด้านการประมวลผมจึงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เลยเลิกสนใจเรื่องกลิ่นไป
 
“กาย เอ่อ...”
พี่มันทำเสียงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ
 
“หิวแล้ว” ผมยังกอดพี่มันแน่น “อยากกินพิซซ่า โทรสั่งมากินได้ไหม”
 
“แต่.. กาย”
 
“หิว โทรสั่งก่อน น่านะ” ผมอ้อนอีกที
 
“อะ อืม” พี่มันรับปาก หยิบมือถือมาโทรสั่งพิซซ่าให้
 
พอเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อย (เกือบหลับคาอกพี่มันแน่ะ เพลียจัด) ผมก็ถอนหน้าออกมากล่าวขอบคุณ ผมจ้องหน้าพี่แกอยู่พัก ชั่งใจอยู่ว่าจะทำบางสิ่งที่กำลังคิดไว้ดีหรือเปล่า แต่พี่มันอุตส่าห์สั่งพิซซ่ามาให้กิน ต้องตอบแทนบุญคุณกันหน่อยใช่ไหมครับ
 
ผมเลยตัดสินใจ กดจูบพี่มันไปทีแล้วถอนออก
 
แม่ง กูทำเพื่อตอบแทนมึงเชียวนะเนี่ย

พี่มันนั่งนิ่ง ๆ ทำหน้าอึ้ง ๆ แบบเมื่อคืนนั่นแหละ
 
“ยังโกรธผมอยู่เหรอ”
ผมเริ่มรู้ทางพี่มันละ เพื่อให้พี่มันหายโกรธ ผมเลยกดจูบไปอีกที พี่มันทำหน้าตื่น
 
อืม นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจูบพี่มันก่อนเลยนะเนี่ย (ยกเว้นตอนถ่ายภาพ เพราะตอนนั้นจูบเพื่อแนะ อันนั้นจำเป็นจริง ๆ ครับ) กลัวจะน้อยหน้ากัน ผมเลยเพิ่มออฟชั่นเสริม เป็นแทรกลิ้นที่ยังเก้ ๆ กัง ๆ เข้าไปภายใน
 
พี่มันขัดขืนใหญ่
 
กูรู้ว่ากูจูบไม่เก่ง แต่มึงก็ช่วย ๆ รับความปรารถนาดีจากกูหน่อยเถอะ
 
หน้าผมร้อนผ่าว พยายามเสิร์ฟลิ้นให้พี่มันกิน พี่มันตอบปฏิเสธอยู่พัก ก่อนหยุดนิ่ง แล้วตวัดปลายลิ้นรับลิ้นจากผม

ผมว่าวันนี้ จูบของพี่เอกดูแปลก ๆ ยังไงพิกล ไม่คุ้นเลยแฮะ แม้จะรู้สึกดี แต่เหมือนมันไม่ใช่ยังไงบอกไม่ถูก
 
พอพี่มันตอบสนอง ผมก็เดาเอาว่าพี่มันน่าจะหายโกรธแล้ว ผมเลยถอนปากออก พี่มันก็ยอมง่าย ๆ ผมก้มหน้าลงงุด
 
“หายโกรธแล้วใช่ไหม”
ผมอ้อมแอ้มถามโดยไม่หวังคำตอบ รีบลุกลงมาจากตักไปนั่งข้าง ๆ (ขืนนั่งยาว ตัวเองอาจซวยครับ เซฟไว้ก่อนดีกว่า)
 
พี่มันเสยผมไปด้านหลัง นั่งทำหน้าแปลก ๆ ผมเลยหันไปจ้องหน้าพี่แกดี ๆ
             
“พี่เอก”
 
“กาย…”
พี่มันเรียก น้ำเสียงเหมือนพยายามอดทนจากอะไรบางอย่าง
 
“พี่ไม่ใช่…”
 
เสียงกริ่งดังขึ้นเบา ๆ หน้าห้อง ผมหันขวับไปมอง
 
“พิซซ่ามาแล้ว!!”
ผมรีบลุกออกจากโซฟาไปที่หน้าประตู คว้าจับลูกบิดหมุนเปิดออกแรง ตอนแรกก็คิดว่าเป็นคนส่งพิซซ่า

แต่ไม่ใช่ฮะ
 
เป็นพี่เอก
 
อ้าว เอ๊ะ?
 
ในห้องก็พี่เอก คนที่ยืนอยู่หน้าห้องนี้ก็พี่เอก
 
แล้ว แล้ว…
 
ผมยืนมองตาค้าง
 
“พี่เอก” ครางเรียกไว้ก่อนครับ
 
“พี่อิฐเองครับ”
คนตรงหน้ารายงาน ผมพยักหน้าสองที เปิดประตูออกกว้างให้พี่แกเข้ามาภายใน
 
“พี่ขอยืมห้องครัวหน่อยนะ”
พี่มันหันมาพูดยิ้ม ๆ ชูข้าวของที่ถือมาในมือให้ดู ผมพยักหน้ารับอีกที พี่มันหันหลังเดินตรงไปยังห้องครัว ระหว่างทางก็หันไปพูดกับคนที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าทีวี
 
“เออ อาร์ต ของที่สั่งไปไม่มีนะ” ประโยคนั้น ทำเอาผมชาวูบตั้งแต่หัวจรดเท้า
 
อะ อะไรนะ อาร์ต…อาร์ต…อาร์ต…
 
อาร์ตงั้นเหรอ
 
ผมค่อย ๆ หันไปมอง
 
งั้นไอ้คนที่ผมทั้งกอดทั้งจูบไปเมื่อตะกี้ ก็เป็นพี่อาร์ตน่ะสิ!!
 
แล้วพี่เอกกูล่ะ หายไปไหน!
 
ไม่ใช่สิ!!
ผมเผลอไปจูบไอ้พี่อาร์ตเข้าให้แล้ว
 
ตาย ๆ ๆ ๆ แล้วพี่มันจะคิดว่ากูเป็นคนยังไง
 
ไม่ใช่สิ!!
แล้วถ้าพี่เอกเกิดรู้เรื่องขึ้นมาล่ะ
 
โอ๊ย!!
แล้วจะอะไรอีกตั้งหลายแหล่
 
ไม่รู้ว่าผมยืนน็อกกลางอากาศอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน จนได้ยินเสียงทักเบา ๆ จากทางหน้าประตู ผมสะดุ้ง รีบหันไปมอง
 
พี่เอก!!
 
ไม่ใช่ฮะ - -
 
เป็นคนส่งพิซซ่า มาเร็วน่าดู สงสัยร้านจะอยู่ใกล้
 
ผมยืนนิ่งจ้องหน้าคนส่งพิซซ่าอยู่อย่างนั้น จนมีใครบางคน เดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหลัง จ่ายเงิน แล้วรับพิซซ่าไป ผมยังยืนนิ่งอยู่ตรงจุดเดิม
 
ไม่กล้าหันไปมองว่าเป็นใคร
 
ตอนนี้ผมตายแล้วครับ ตายเพราะความอับอาย
 
โคตรของโคตรอายเลย
 
สุดท้าย ผมเลยทิ้งตัวลงนั่งยอง ๆ ตรงหน้าประตูนั่นแหละ อยากแทรกแผ่นดินหนี แต่ไม่มีแรง(หิวด้วย)
 
“กาย เป็นไรไหม” พี่อิฐเดินเข้ามาหา
 
“มะ ไม่มีอะไร”
ผมเงยหน้ามอง ก่อนสายตาจะวิ่งไปสบกับสายตาของพี่อาร์ตที่มองมาทางผมพอดี
 
พี่มันจะว่าอะไรผมไหม
 
“เอ่อ…”
อยากพูดอะไรสักอย่าง แต่พูดไม่ออก
 
“พี่เอกเข้าออฟฟิศน่ะ พ่อเรียกตัวกะทันหัน ไม่กล้าปลุกกาย พวกพี่จะไปรับพวกทโมนพอดี แต่พวกนั้นบอกว่าจะไปอยู่กับกายที่ร้านเลยว่าจะรอให้กายตื่น แล้วรับไปพร้อมกันเลย”
พี่อิฐอธิบาย
 
ไม่ต้องไปกับกูก็ได้ กูทำหน้าไม่ถูก
 
ผมพยายามกดข่มความอาย เดินกลับไปที่โซฟาพร้อมพี่อิฐ ตรงหน้ามีพิซซ่าหน้าฮาวายเอี้ยนถาดใหญ่กับของกินอีกสองสามอย่างที่พี่อิฐหิ้วมา ผมทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ พี่อาร์ต แล้วพี่อิฐก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างผมอีกที ผมเอาแต่นั่งก้มหน้าอย่างเดียว ไม่มองไม่ทักไม่พูดไม่คุยอะไรกับใครทั้งนั้น ถ้าแหวกอากาศหลบหนีไปได้ ผมทำไปแล้ว
 
พี่อิฐหยิบพิซซ่าขึ้นมากิน แต่ผมยังนั่งก้มหน้าอยู่ท่าเดิม ตอนนี้ไม่หิวแล้วครับ อิ่มความอายขึ้นมากะทันหัน
 
พี่อาร์ตหยิบพิซซ่าออกมาชิ้นหนึ่งใส่จานใบเล็ก แล้วเลื่อนมาไว้ตรงหน้าผม
 
“หิวไม่ใช่รึไง เมื่อกี้ท้องร้องจ๊อก ๆ เลยนี่”
 
ใครก็ได้ เอาจอบมาสับกูที T^T
 
“ทำไมหน้าแดงจัง ไม่สบายหรือเปล่า”
พี่อิฐถาม จิ้มแก้มผมเบา ๆ เพื่อเช็คความร้อน
 
บ้านมึงสอนให้เช็คไข้กันแบบนี้รึไง =*=
 
“ปะ เปล่า”
 
“กินได้แล้ว”
ไอ้พี่อาร์ตยกจานพิซซ่ามาไว้เสมอหน้าผมเลย ผมรีบรับมาถือไว้ ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว ซอสเซิสพริกเพริกไม่ต้อง!! รีบ ๆ ยัด จะได้ออกไปให้พ้น ๆ สถานการณ์นี้ซะที
 
พิซซ่าวันนี้ มันเป็นพิซซ่าที่มีรสชาติน่าอายเป็นที่สุด
 
กูอุตส่าห์ลงทุนอ้อนไอ้พี่เอกมันเป็นครั้งแรก แต่คนที่ได้กลับกลายเป็นพี่อาร์ตไปซะนี่ แล้วเขาจะมองพี่เอกว่าเป็นคนยังไง จะรังเกียจไหม จะกลับไปบอกพ่อกับแม่หรือเปล่า แล้วเขาจะมองว่ากูเป็นคนยังไง
 
พอพิซซ่าหมด พี่อิฐก็เดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนผมก็นั่งหน้าร้อนอยู่ข้าง ๆ พี่อาร์ตอย่างเดิม
 
“ไม่ต้องคิดมากหรอก พี่เข้าใจว่าเข้าใจผิด”
พี่มันลูบหัวผมเบา ๆ
 
ผมเงยหน้ามอง
 
“เอ่อ..แล้วพี่…”
คืออยากถามว่าไม่รู้สึกแย่ใช่ไหม ที่รู้ว่าผมกับพี่เอก มีอะไรเกินเลยกัน
 
“พี่ไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของพี่เอกมันหรอก”
แล้วพี่มันก็ให้คำตอบโดยที่ผมไม่ต้องถาม 
 
แม่ม ฉลาดทั้งพี่ทั้งน้อง
 
“ฮะ เอ่อ.. พี่อาร์ต” ผมอ้ำอึ้งบอก “อย่าบอกเรื่องนี้กับพี่เอกนะฮะ”
 
“บอกสิ พี่ได้โดนพี่มันฆ่าเอา”
 
“ขะ ขอโทษฮะ ผมไม่ได้ตั้งใจ เมื่อคืนเรามีปัญหากันนิดหน่อย ผมเลยอยากทำให้พี่เอกหายโกรธ เลยลองอ้อนแล้วก็จูบก่อนเป็นครั้งแรก”
ผมบอกแบบไม่มองหน้า
 
“อ้อนเป็นครั้งแรก” พี่มันทวน “มิน่าถึงได้เงอะ ๆ งะ ๆ จูบก็ยังไม่เก่ง”
 
ผมเงยหน้าร้อน ๆ ขึ้นมอง
 
กูคิดว่าจะมีแค่พี่มึงที่ด้านซะอีก มึงนี่ก็ด้านเหมือนกันนะ
 
“ขอโทษที่ทำให้รู้สึกไม่ดีครับ”
 
“ไม่หรอก”
พี่มันบอก ได้ยินเสียงกริ๊กเบา ๆ จากห้องน้ำในห้องนอน พี่อิฐคงออกมาแล้ว ผมหันไปมอง ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะเบลอไปเพราะใครบางคนก้มลงมากดจูบเบา ๆ
 
“แต่รู้สึกดีมาก ๆ เลยต่างหากล่ะ”
แล้วพี่มันก็ถอนปากออกมาพูด ผมมองตาค้าง พี่แกดันตัวลุกขึ้นยืนจนสุดความสูง
 
“เอาล่ะ ไปเตรียมตัวแล้วไปกันเถอะ เดี๋ยวพวกทโมนโวยวายที่พาพี่ชายคนใหม่ไปส่งสายอีก”
พี่อาร์ตพูดเสียงเรียบ หันมายิ้มพราวให้ผม
 
ขนที่กลางหลังผมลุกซู่ รู้สึกว่าภาพความอบอุ่นที่ผมเห็นจะไม่ใช่ภาพที่แท้จริงซะแล้ว
 
“ไปกันเถอะ”
พี่อิฐชวน แถมยังใจดีหยิบกระเป๋าเงินกับมือถือที่วางอยู่ในห้องนอนออกมาให้อีกต่างหาก
 
ผมรีบเดินไปรับมายัดใส่กระเป๋ากางเกงก้าวเท้าเดินตามพี่มันไปติด ๆ แต่ยังไม่ทันจะถึงหน้าประตูดี พี่อาร์ตก็ก้าวมาเดินอยู่ข้าง ๆ แล้วก้มลงมางับหูผมเบา ๆ ผมรีบกุมหูหันไปมอง
 
“หึ”
พี่มันหัวเราะแค่นั้น แล้วดันให้ผมเดินหน้า
 
แง๊!!
พี่เอกช่วยด้วย
 
สวัสดิภาพทางร่างกายของผม ชักไม่ค่อยเจริญซะแล้ว นี่ถ้าพี่เอกมันรู้ ว่าผมมากอดมาจูบน้องชายมันเข้า พี่มันจะฆ่าผมหมกเตียงอีกไหม!!















               
“พี่กายยยยยยย”
พวกทโมนวิ่งเข้ามากอดผมไว้หมับ ผมอ้าแขนรับทันทีอย่างรู้งาน
 
“ไอคิดถึงพี่กายจังเลยค่ะ”
 
“อ้อนคิดถึงมากกว่าอีก”
 
“แอมสิ”
แล้วสาว ๆ ก็พากันคิดถึงผมกันใหญ่ ผมยิ้ม ลูบหัวเบา ๆ กันคนละทีสองที
 
“นี่ ได้พี่ชายคนใหม่แล้วลืมพี่ชายคนเก่าเลยรึไง”
พี่อาร์ตแซว น้องเล็กสุดเบ้หน้า
 
“ไม่ล่ะ เบื่อหน้าพี่อาร์ตแล้ว” แล้วน้องก็หันมาทางผมต่อ “คิดถึงพี่กายมากกว่า”
 
ผมกึ่งยิ้มกึ่งทำหน้าลำบากใจ ตวัดสายตามองหน้าพี่อาร์ต พี่มันเลียริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ล้อเลียน ผมรีบหลบสายตาทันที
 
พี่เอก พี่อยู่ไหน ช่วยผมด้วย!
 
แล้วผมก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะเสียงเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกง เสียงเพลงเรียกเข้าเพลงนี้ของพี่เอกชัวร์ ๆ ผมรีบหยิบขึ้นมากดรับ ขอตัวเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อคุย ถือโอกาสเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงานด้วย
 
วันนี้ผมมาเร็ว พี่เป้กับไอ้เต้ยยังไม่มา ส่วนพวกน้อง ๆ พอกลับจากเรียนพิเศษก็ตรงดิ่งมาที่นี่กันเองเลย(เพราะพี่อิฐกับพี่อาร์ตไปรับผมแทน) แต่งตัวกันเรียบร้อยแล้วด้วย
 
“พี่เอก”
ผมเรียกพี่มันอีกที รู้สึกเหมือนพี่มันเป็นเทวดายังไงก็ไม่รู้
 
‘โทษทีนะที่พี่ไม่ได้ปลุก พอดีรีบ แล้วกินอะไรรึยัง’
                อบอุ่นครับ ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นในหัวใจเป็นที่สุด
 
“กินแล้ว สั่งพิซซ่ามากิน”
 
‘มากับใคร’ พี่มันถามต่อ
 
“กับพี่อิฐแล้วก็พี่อาร์ต”
 
‘อืม เลิกงานแล้วพี่จะรีบไปหา’
 
“ฮะ มาเร็ว ๆ นะ”
ผมอ้อน ปลายสายเงียบไปครู่ใหญ่
 
‘กาย’
 
“ครับ”
 
‘อย่าอ้อนพี่อีก’
 
ผมนิ่งไป
 
“ขะ ขอโทษ”
เพราะอ้อนนี่แหละ ถึงได้โดนพี่อาร์ตมันแกล้งเอา
 
“ผมจะไม่ทำอีกแล้ว”
 
‘เพราะถ้านายทำอีก พี่จะรีบทิ้งงาน แล้วไปจับนายปล้ำเดี๋ยวนี้เลย’
 
ผมยืนอึ้ง
 
“หื่น”
แล้วก็ด่าไปได้แค่นั้น พี่มันหัวเราะหึ ๆ

ผมคุยกับพี่เอกต่ออีกนิดหน่อยก่อนกดวางสาย ผมยิ้มนิด ๆ ใส่มือถือ เปิดล็อกเกอร์วางมันไว้ เลือกหยิบชุดทำงานออกมาชุดหนึ่ง(วันนี้ต้องใส่กางเกงของที่ร้าน เพราะผมใส่กางเกงขาสั้นมา) ผมพาดชุดไว้ที่ประตูล็อกเกอร์ ถอดกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่ออก หยิบกางเกงทำงานมาใส่ ถอดเสื้อยืดออก คว้าหยิบเสื้อทำงานมาถือไว้ แต่ยังไม่ได้ทันได้ใส่ ก็ถูกสองแขนของใครบางคนคร่อมไว้จากทางด้านหลัง

ผมหันไปมอง
 
“อ้าว พี่เอก” ผมครางเรียก หันไปหาพี่แกทั้งตัว

“พี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
พี่เอกอยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟเรียบร้อยแล้วครับ นี่พี่มันเอาชุดไปใส่ตั้งแต่เมื่อไหร่
 
“ก็ไหนว่าติดงาน”
หรือว่าพี่มันมาถึงก่อนนานแล้ว แต่แกล้งบอกว่าติดงาน
 
พี่เอกไม่ตอบอะไรผมสักคำ คร่อมร่างผมไว้กับล็อกเกอร์ ใช้ดวงตานิ่ง ๆ แบบที่พี่แกชอบใช้ประจำมองผม จนเป็นผมเองที่ต้องหลุบเปลือกตาลงต่ำหลบหนี

พี่มันละมือข้างหนึ่งมาเสยคางผมขึ้น ยิ้มเจ้าเล่ห์นิด ๆ ก่อนเคลื่อนหน้าลงมากดจูบเบา ๆ คราวนี้ผมให้พี่แกเป็นคนนำครับ ผมปิดเปลือกตาลงช้า ๆ ตวัดปลายลิ้นโอนอ่อนตอบรับ

แต่รู้สึกรสจูบของพี่เอกแปลก ๆ ยังไงพิกล ผมเริ่มหายใจติดขัด ปรือตาจ้องมองคนตรงหน้าอีกที
 
พี่มันกำลังยิ้มพราวในดวงตา ลักษณะแบบนั้น ถึงจะเหมือน แต่ไม่น่าจะใช่ ไหนจะรสจูบแบบนี้อีก

ไม่ใช่พี่เอกแน่ ๆ!
 
“อื้อ!!!”
พอรู้ตัว ผมรีบครางห้ามทันที พยายามผลักพี่มันออก แต่เพราะตัวผมยืนชิดล็อกเกอร์ไปแล้วเลยผลักลำบาก เสื้อที่ถืออยู่ร่วงตกลงพื้น ผมทั้งผลักทั้งพยายามเบือนหน้าหนี พอ ๆ กับพยายามขยับร่างกายหนีไปด้านข้าง แต่พี่มันใช้แขนหนึ่งรั้งตัวผมไว้ ส่วนอีกข้างก็จับคางผมล็อกไว้ไม่ให้เบือนหน้าหนี

ผมพยายามขัดขืน ท้วงห้ามผ่านลำคอ ก่อนพี่มันจะละมือจากคางลงไปลูบแผ่นหลังผมเบา ๆ ผมสะดุ้งเฮือก เผลอตัวแอ่นอกตอบรับ มือที่ผลัก ๆ อยู่ก็หยุดนิ่งกำเสื้อพี่มันแน่น

พี่มันยิ้มในดวงตา ตวัดปลายลิ้นจาบจ้วงหนักหน่วงขึ้น ก่อนค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออก

“หวานดีแฮะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่เอกถึงได้ชอบ”
 
“พี่อาร์ต…”
ผมเรียกแกเสียงพร่า ไม่มีแรงครับ สงสัยคนพวกนี้จะเป็นพวกชำนาญด้านการจูบโดยเฉพาะ
 
“มาเรียกกันด้วยน้ำเสียงแบบนี้ รับรองพี่ไม่ได้หยุดอยู่แค่จูบแน่ ๆ”
 
“หยุด!”
ผมห้ามเสียงแข็ง ผลักพี่แกออกห่าง เช็ดปากตัวเองลวก ๆ ก้มหยิบเสื้อมาใส่ให้เร็วที่สุด ยิ่งอยู่ยิ่งอันตราย กำลังจะเดินออกจากห้อง แต่พี่มันดึงแขนผมกลับไปอีกรอบ
 
“จูบกับพี่อีกหน่อยสิ”
 
“ไม่ ผมขอโทษที่เข้าใจผิด แต่ผมจะไม่ทำอีกแล้วนอกจากกับพี่เอก”
ผมรีบค้าน บิดข้อมือออก
 
“งั้น ถ้าพี่เอกรู้ว่ากายมาจูบมาอ้อนพี่ก่อน พี่เอกจะว่าไงน้า”
พี่มันพูดเนิบ ๆ
 
ผมตัวชาวูบ
 
จะว่ายังไงล่ะ กูก็โดนฆ่าหมกเตียงไปสามวันสามคืนน่ะสิ
 
ผมมองพี่อาร์ตอึ้ง ๆ เห็นเป็นน้องพี่เอก ไม่น่ามีนิสัยแบบนี้เลย
 
“จูบ” พี่มันบังคับคำเดียว
 
“ไม่”
 
พี่มันยิ้มพราว ล้วงหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก สักพักก็กรอกเสียงลงไป
 
“พี่เอก มีเรื่องจะบอกนิดหน่อย”
 
ผมรีบเอื้อมไปแย่งมือถือ แต่พี่มันยกหนี ได้ยินเสียงพี่เอกด้วย
 
นี่มันโทรจริงนี่หว่า
 
พี่มันลดมือถือลงมาที่หูอีกครั้ง ผมจ้องมองดวงตาแวววาวของคนตรงหน้า ดวงตาแบบนั้น ไม่ได้ล้อเล่นแน่ ๆ
 
“วันนี้ ตอนผมอยู่ในห้องพี่…”
 
ผมรีบเอื้อมคว้ามือถืออีกครั้ง พยายามเกาะเนื้อเกาะตัวปีนป่ายแย่งมือถือให้มากที่สุด แต่พี่มันยังยื้อหนี แล้วใช้มืออีกข้าง รวบจับสองข้อมือผมไว้ ผมมองพี่มันหน้าตื่น พี่อาร์ตลดมือถือลงมาไว้ที่หูอีกรอบ อยากร้องห้าม แต่ถ้าทำแบบนั้น พี่เอกต้องได้ยินแน่ ๆ ผมส่ายหน้าเร็วเพื่อห้ามปราม สายตาก็ช่วยกันอ้อนวอนไม่หยุด
 
“ในห้องพี่ทำไม”
ได้ยินเสียงพี่เอกแว่ว ๆ ออกมา ผมพยายามดึงมือออก หัวส่ายเร็วขึ้น ใช้สายตาอ้อนวอนมากขึ้น
 
“ผมถูกก…”
 
เมื่อหมดทุกหนทาง ผมตัดสินใจ ยืดตัวขึ้นสุดเท้า ใช้ปากตัวเอง ปิดเสียงที่จะเล็ดลอดออกมาทันที พี่มันยิ้มในดวงตา กดปิดมือถือลงเก็บ แล้วใช้มือข้างนั้น มารั้งท้ายทอยผม ดันเบา ๆ ให้แหงนหน้าตอบรับรสจูบที่พี่มันกดลงมาดี ๆ   
 
ต่าง…
 
ต่างกันมาก…
 
รสจูบต่างกันเกินไป…             

To Be Con...
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ [เอกกาย] Ch.51 ซาตานในคราบเทพบุตร {P.20}*13-12-58
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 13-12-2015 21:32:16
อาร์ตนิสัยไม่ดีแกล้งน้อง
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 52 : หวาดกลัว {P.20}{24-12-58}
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 24-12-2015 20:04:36
52
หวาดกลัว
[เอก...]



 
             
ผมนั่งยิ้ม จ้องมองโทรศัพท์ที่ตัวเองเพิ่งกดตัดสายไป ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อวาน กายดูจะออดอ้อนผมมากขึ้น ผมไม่ได้พูดเล่น ถ้าขืนมันอ้อนผมมากไปกว่านี้ ผมจะรีบทิ้งงาน แล้ววิ่งไปหามันทันที
 
“พูดอะไรไม่คิดบ้างเลย” ผมพูดกับมือถือเบา ๆ
 
“ดูท่าคนนี้จะเป็นตัวจริงซะแล้ว”
 
ผมสะดุ้งเงยหน้ามองคนที่กำลังเปิดประตูหน้าห้องออกกว้างและก้าวเข้ามาภายใน
 
“พ่อ” ผมทำท่าอึดอัด

คือ..
ไม่อยากจะยอมรับแต่ก็อยากจะยอมรับ
 
“กาย”
พ่อพูดสั้น ๆ วางแฟ้มงานที่ถือติดมือมาด้วยไว้บนโต๊ะ ผมจ้องมองคนสูงวัยตรงหน้าด้วยความตระหนก

พ่อหัวเราะหึ ๆ
 
“พ่อไม่พูด ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้”
 
ผมกรอกตาไปมาราวกับจะหาทางออกให้กับความอึดอัดที่เกิดขึ้น
 
“ผม…”
 
พ่อเดินเข้ามาตบหลังผมเบา ๆ
 
“ทำงานได้แล้ว รีบไม่ใช่รึไง เออเนอะ ว่าที่ประธานบริษัทมีอาชีพเสริมเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านกาแฟ”
พ่อพูดติดตลก หันหลังกำลังจะเดินจากไป
 
“พ่อ!” ผมเรียก
 
พ่อเบรกเท้าตัวเองลงกึก หันมามอง
 
“แล้ว...เอ่อ...เรื่องผมกับกาย…”
ผมไม่รู้จะพูดกับพ่อยังไงดีเหมือนกัน
 
“พ่อไม่เคยบังคับให้แกทำอะไรนะเอก ถ้าพ่อบังคับแกได้ แกคงได้หมั้นกับอ้อยไปนานแล้วล่ะ”
พ่อทิ้งท้ายไว้แค่นั้น หันหลังก้าวเดินจากไป
 
พ่อไม่ได้พูดยอมรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ทิ้งแผ่นหลังไว้กับพนักเก้าอี้ คิดถึงดวงหน้าเคลือบอารมณ์ของไอ้ตัวเล็กมัน
 
“เอ้าไอ้เอก คิดถึงมากก็รีบปั่นงานสิวะ จะได้ไปหาเร็ว ๆ”
ผมบอกตัวเอง คว้าหยิบแฟ้มงานมานั่งอ่านต่อ ต้องทำงานให้เร็วและมีคุณภาพมากที่สุด เพราะผมทำงานได้ดีมาตลอดแบบนี้แหละ พ่อถึงได้ไม่ค่อยจะมาบังคับอะไรเท่าไหร่
 
มีกรอบให้ แต่ไม่เคยจำกัดอิสระให้เดิน
 
ผมรีบปั่นงานให้เร็วที่สุด โดยมีใบหน้าของใครบางคนเป็นตัวช่วย
 
 






 
 
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเบา ๆ ผมเอื้อมหยิบมากดรับ

“พี่เอก!”
เป็นเสียงของคนที่ผมคิดถึงอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
 
“ว่าไง”
ฟังจากน้ำเสียงแล้ว รู้สึกแปลก ๆ แฮะ เหมือนมีเรื่องร้อนใจยังไงบอกไม่ถูก
 
“รีบมาเร็ว ๆ นะฮะ” ผมนั่งนิ่ง “รีบมาเร็ว ๆ นะ”
มันย้ำแค่นั้น แล้วกดตัดสายไป ผมเคยบอกมันแล้วว่าอย่ามาอ้อนผมอีก แต่มันก็ยังทำ ผมรีบวางกระดาษและปากกาทิ้งไว้บนโต๊ะ วิ่งออกนอกห้องตรงไปยังห้องทำงานของพ่อทันที
 
“พ่อ!!”
ผมเรียกอย่างร้อนรน พ่อเงยหน้ามอง
 
“ผมขอทำตัวเกเรสักวันจะได้ไหม หัวใจกำลังเรียกหาผมอยู่”
ผมบอกแค่นั้น

พ่อเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจกับภาษาลิเกที่ผมใช้
 
“แล้วผมสัญญาจะกลับมาเคลียร์งานให้เสร็จภายในวันนี้แน่นอน”
ผมให้คำมั่น พ่อพยักหน้า ผมรีบหันกลับไปยังหน้าประตู ยังไม่ทันจะก้าวพ้นขอบประตู เสียงพ่อก็เบรกเอาไว้ก่อน
 
"ถ้าไงก็อย่าลืมพาหัวใจแกไปค้างที่บ้านบ้างนะ แม่แกคิดถึง”
 
ผมมองหน้าพ่ออึ้ง ๆ ก่อนยิ้ม แล้วรีบก้าวเท้าเดินจากมา

ผมขับรถราวกับเหาะ วันนี้วันเสาร์ไม่กลัวตำรวจโบก เพราะสิ่งสำคัญคือใครบางคนที่กำลังรอผมอยู่ 
 
ไม่เคยสักครั้งที่กายจะอ้อนผมแบบนี้ ผมไม่รู้ว่ามันอ้อนผมด้วยความรู้สึกแบบไหน แต่เหมือนมีบางอย่าง ที่ทำให้ไอ้ตัวเล็กของผมรู้สึกไม่สบายใจ และผมก็ต้องไปหา ไปปลอบใจ ไปอยู่เคียงข้างมัน
 
ผมไปถึงร้านในเวลาอันรวดเร็ว ผมก้าวลงจากรถ กวาดตามองหา วันนี้ร้านดูคึกคักไม่ต่างกับวันที่ผมเคยมา ผมเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ก่อนถึงบางอ้อ เมื่อเห็นไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐ เดินเสิร์ฟกาแฟกันอยู่
 
นี่ตกลงร้านนี้มันยังไงกัน เอาคนอื่นมาเป็นพนักงานเสิร์ฟกันเป็นว่าเล่น
 
ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมมา ผมแค่ต้องการเจอกายเท่านั้น ผมกดเมสเสจ เพื่อบอกให้มันรู้ว่าผมมาถึงแล้ว และรอมันอยู่ที่ไหน พอกดส่งเสร็จ ผมก็ยืนรอมันอยู่ที่ลานจอดรถนั่นแหละ อยากเห็นมันก่อน เพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วค่อยกลับไปทำงานต่อ
 
รอไม่นาน ผมก็เห็นมันเดินออกมา ในสภาพร้อนรน ผิดวิสัยที่ควรจะเป็นสุด ๆ
 
“กาย!!”

ผมตาโต จ้องคนที่เดินเข้ามาคล้องคอผมไว้ แล้วโน้มหน้าผมลงไปกดจูบ
 
“อื้อ!!”
ผมท้วง พยายามขืนหน้าออก แต่มันยังกดหัวผมแน่น(ชักเข้าใจความรู้สึกตอนผมบังคับจูบมันซะแล้ว)อยากถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น นี่มันรู้หรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ มันรีบเปิดประตูรถด้านหลังออก แล้วดันผมให้ลงไปนั่งที่เบาะท้าย ปากก็ยังประกบจูบอยู่ มันจูบไม่เก่ง แต่ก็ยังเพียรจูบผมอยู่อย่างนั้น มันพยายามนั่งคร่อมบนตักผม โอบสองมือไว้ที่ใบหน้า บดเบียดร่างกายเข้าหาผม
 
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
 
ยังดีที่รถผมติดฟิล์มดำ เลยไม่ห่วงว่าใครจะมาเห็น

แต่แอบแปลกใจกับท่าทีของมันครับ
 
ถึงจะแปลกใจ แต่เครื่องผมมันก็ร้อนเร็วกว่าที่คิด จากแรกที่ผมขัดขืน ก็หยุดลง ผมเลื่อนมือขึ้นไปจับใบหน้าด้านข้างของมัน แล้วโหมจูบมันกลับ ซ้ำยังเพิ่มความรุนแรงเข้าไปอีก มืออีกข้างก็อยู่ไม่สุข จับแก้มก้นมันไว้แล้วบีบเบา ๆ

ผมอยากทำอะไรมากไปกว่านี้ แต่ที่นี่คงไม่เหมาะ สักพัก มันก็ถอนริมฝีปากออก
 
“พี่เอก”
มันกอดคอผมแน่น
 
“เกิดอะไรขึ้น”
ผมถาม มันส่ายหน้า
 
“ไม่มีอะไรฮะ แค่คิดถึงพี่เท่านั้นเอง”
แค่คิดถึงผมเนี่ยนะ ถึงได้ทำตัวน่ารักขนาดนี้
 
“อยากทำงานต่อ หรืออยากไปต่อ”
ผมถามเพราะน้องผมมันบวมเป่งไปหมดแล้ว
 
“อยากไปต่อ แต่ต้องทำงานก่อน”
เป็นทางเลือกที่ขัดใจมาก
 
“แต่ของพี่ไม่ไหวแล้วนะ กายทำให้พี่เป็นแบบนี้”
ผมชี้ไปที่น้องชายดูม ๆ ด้านล่าง มันหน้าแดงก่ำ ช้อนตามองผมหน่อย ๆ ก่อนจะก้มลงไปทำอะไรบางอย่างกับน้องผม
 
ตอนนี้มันกำลังใช้ปากกับน้องผมอยู่ครับ ยังไม่ชำนาญ แต่รสชาติสุดยอด ผมนั่งมองภาพตรงหน้าไปเรื่อย ๆ
 
ผมชักอยากให้มันอ้อนผมทุกวันซะแล้วสิ รู้สึกดีพิลึก
 
ใช้เวลาไม่นานผมก็ปลดปล่อย อยากทำให้มันด้วย แต่มันไม่ยอม บอกออกมานานแล้ว เลยหยุดเอาไว้แค่ของผมเพียงคนเดียว





และตอนนี้ผมก็มาอยู่ในชุดทำงานเหมือนพวกน้อง ๆ แล้ว พวกมันแซวกันใหญ่ว่าผมหนีงานมา ผมไม่ได้หนีครับ แค่เลื่อนเวลาทำงานออกไปอีกเท่านั้น
 
ตอนนี้พวกเราเลยกลายเป็นเป้าสายตาสุด ๆ คงเพราะมีสามหนุ่มหน้าพิมพ์เดียวกันไม่ต่างกับสามทโมนที่มีใบหน้าไม่ต่างกันมายืนเสิร์ฟ 
 
พวกไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐทดลองมาทำกันเล่น ๆ น่ะ เห็นผมมาทำบ่อย ๆ แล้วไอ้สามทโมนก็ชอบไปโม้ไว้ด้วย
 
ส่วนไอ้ตัวเล็ก มันก็เกาะหนึบอยู่กับไอ้เต้ยครับ มันเลี่ยงที่จะเข้าใกล้พวกผมยังไงพิกล ผมพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้น มันก็ไม่ยอมตอบ
 
แต่ดูท่า มันคงมีเรื่องไม่สบายใจอะไรสักอย่างแน่ ๆ ไม่งั้นมันคงไม่เป็นแบบนี้หรอก
 
ผมเห็นไอ้ตัวเล็กมันมองมาทางพวกผม พอผมยิ้มให้ มันก็หันหน้าหนี ผมขมวดคิ้ว ทำไมมันต้องทำเมินแบบนั้นด้วย
 
ผมเริ่มอารมณ์เสีย แต่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไปเรื่อย ๆ
 
พวกสาว ๆ เริ่มชำนาญงานกันแล้ว แต่งตัวได้น่ารักสุด ๆ ผู้จัดการนี่ก็เข้าใจคิดนะ ทำให้ผมอยากเปิดร้านกาแฟสักร้าน เอาไว้ให้เจ้าพวกนี้ได้วิ่งเล่นกันซะแล้ว
 
บอกตามตรง นอกจากคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทของผมแล้ว ไม่มีใครแยกพวกผมออกหรอกครับ โดยเฉพาะผมกับอาร์ต เพราะมีบุคลิกที่ค่อนข้างใกล้เคียงกันมาก ทั้งรูปร่างหน้าตา น้ำเสียง ส่วนสูงและทรงผม (พอดีพวกเราตัดผมทรงเดียวกันหมดน่ะ ตัวการบังคับก็พวกทโมนนั่นแหละ ไม่รู้จะทำให้มันเหมือนกันไปทำไม = =) แต่อิฐดูจะเด็กกว่านิดหนึ่ง คงเพราะอายุน้อยสุด แต่ถ้าเจอกันใหม่ ๆ ร้อยทั้งร้อย ก็ไม่มีใครรู้

ขนาดไอ้กิ๊ฟที่ว่าเก่ง ๆ ในเรื่องของการมองคน มันยังใช้เวลาตั้งเดือนกว่า ๆ กว่าจะแยกพวกเราออก
 
“อาร์ต อิฐหรือเอกสักคน ช่วยเอานี่ไปเสิร์ฟโต๊ะสามให้ที”
 
ผมพยักหน้า แต่ไม่ได้เฉลยว่าเป็นใคร ผมเดินเอาไปเสิร์ฟ กำลังจะเดินสวนกับไอ้ตัวเล็ก ผมยิ้ม เอื้อมมือจะลูบหัวให้กำลังใจมัน
 
แต่มันปัดมือผมทิ้ง
 
ผมขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
 
เมื่อกี้ยังอ้อนกูอยู่ดี ๆ อยู่เลย ไหงมาปัดมือกูทิ้งได้วะ
 
“ขอโทษฮะ ผมตกใจ ขอตัวก่อน”
มันรีบพูดแล้วรีบเดินจากไป
 
อะไรของมันวะ
 
ผมก็ได้แต่งงกับชีวิต แล้วมันก็ไม่ใช่แค่รอบเดียวด้วยนะ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผมพยายามเข้าใกล้มัน มันจะรีบเดินหนี หรือพอผมพยายามจะสัมผัสมัน มันก็จะปัดมือผมออกทันที แล้วจ้องหน้าราวกับจะค้นหาอะไรบางอย่าง
 
ยิ่งทำงานมาก ๆ ผมยิ่งหงุดหงิด
 
แม่ม!!
 
เป็นอะไรวะ!!
 
ผมจึงได้แต่เก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ในอก แล้วทำงานคล้ายอิฐคล้ายปูนต่อไป
 
เหลือเวลาอีกชั่วโมงเดียว ผมกำลังจะเดินไปหามัน เพื่อบอกมันว่าผมจะพามันกลับไปด้วย พอผมเดินไปใกล้ มันทำหน้าตื่น ถอยหนีราวกับเห็นผมเป็นตัวประหลาด ผมขมวดคิ้วด้วยความขัดใจ
 
“เป็นอะไร!!”
ผมกระชากเสียงถาม โมโหแล้วครับ
 
“พี่เอก”
มันครางเรียก
 
“เป็นบ้าอะไร! พี่พยายามเดินเข้ามาใกล้ แล้วเดินหนีทำไม ปัดมือพี่ทำไม มีอะไรไม่พอใจ!”
โมโหครับ ว่าจะไม่ต่อว่าแล้วนะ
 
มันจ้องหน้าผมใหญ่ ก่อนที่มันจะคว้าแขนผมลากผมไปทางหลังร้าน แล้วกอดผมไว้ ผมได้แต่อึ้งกับอึ้ง
 
นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ
 
อยู่ ๆ ก็กอด อยู่ ๆ ก็ผลัก จะเล่นอะไรกัน
 
“กาย” ผมดึงตัวมันออก “บอกพี่มา เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรของนาย”
 
มันส่ายหัวไปมา แล้วกอดผมไว้อีกรอบ
 
ผมไม่รู้ครับว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่ว่ามันกำลังกลัวอะไรสักอย่างอยู่ และสิ่งที่มันกลัว ต้องเกี่ยวข้องกับผมแน่ ๆ
 
ผมก็ได้แต่กอดมันไว้
 
“พี่อยู่ตรงนี้นะกาย พี่ยอมทิ้งงานเพื่อมาหากาย ทำไมกายไม่บอกพี่ว่าเกิดอะไรขึ้น”
 
มันเงยหน้าขึ้นมาเบะ
 
โอ้เว้ย ยิ่งคบกันยิ่งทำตัวน่ารักขึ้นทุกวันเลยวุ้ย
 
“อยากเลิกงานเร็ว ๆ อยากกลับบ้าน”
มันบอกแค่นั้น
 
“เลิกก่อนก็ได้นี่”
 
มันทำท่าจะเห็นด้วย แต่ชะงัก
 
“ไม่ได้หรอก วันนี้ทำงานวันสุดท้ายแล้ว ผมอยากทำให้ดีที่สุด แล้วอีกอย่าง ต้องอยู่เป็นเพื่อนไอ้เต้ยมันด้วย”
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ แล้วเราก็พากันเดินออกไปหน้าร้านเหมือนเดิม
 
ผมเริ่มทำงานใหม่อีกครั้ง แต่ไม่เข้าใกล้มันอีก เพื่อให้มันได้ทำงานได้อย่างสบายใจมากขึ้น แล้วค่อยไปหาคำตอบเอาทีหลัง ว่าเกิดอะไรขึ้น
 
ไอ้เต้ยทำงานในสภาพเหงาหงอยเป็นที่สุด ส่วนไอ้เป้ไม่ต้องพูดถึง เหมือนพาร่างไร้วิญญาณมาทำงานด้วย ผมจึงได้แต่ปลอบใจมันเป็นบางครั้งเท่านั้น
 



 
             
และแล้ว ช่วงเวลาสุดท้ายของการทำงานก็มาถึง ไอ้ตัวเล็กตัดสินใจบอกผู้จัดการว่ามันกับไอ้เต้ยจะไม่มาทำงานอีกแล้ว ผู้จัดการบอกเสียดายพวกมันกันใหญ่ แล้วบอกว่า ถ้าอยากมาทำอีกเมื่อไหร่ก็มาได้เสมอ
 
พวกสาว ๆ ทำงานกันด้วยความสนุกสนาน ไม่ต่างกับพวกไอ้อาร์ตและไอ้อิฐ ส่วนผมก็โอเค ถ้าไม่ติดเรื่องของไอ้ตัวเล็กมันน่ะนะ
 
พวกเราปิดร้านกันตอนสามทุ่ม ผู้จัดการร้านโทรสั่งหมูกระทะเจ้าเดิมมาเลี้ยงอำลา 
 
เปรมครับงานนี้

พวกเราก็กินกันไปเฮฮากันไป ผมสังเกตว่าไอ้ตัวเล็กจะเงียบมากผิดปกติ แต่ผมคาดเดาเอาว่าน่าจะเป็นเพราะทำงานวันสุดท้ายแล้ว กายทำงานเกือบทุกวัน ความผูกพันย่อมมีมากกว่าพวกผมที่นาน ๆ มาทำทีอยู่แล้ว ขนาดผมยังชอบเลย แล้วมันล่ะ จะขนาดไหน
 
กว่าจะกินกันอิ่มก็ปาเข้าไปเกือบห้าทุ่ม ไอ้เต้ยขอไปนอนกับพี่มันเป็นครั้งสุดท้าย ในขณะที่ไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐก็พากันแบกพวกทโมนที่ตาปรือจะปิดไม่ปิดแหล่ไปขึ้นรถ แล้วขับกลับบ้าน ส่วนผม ก็พาเจ้าตัวเล็กกลับด้วยเหมือนกัน
 
“พี่ต้องกลับไปทำงานก่อนนะ สัญญากับป๋าว่าจะเคลียร์งานให้เสร็จภายในวันนี้” ผมบอก

มันพยักหน้า เดินตามหงอย ๆ 




“บอกพี่ได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้น”
ผมถามขณะขับรถวนเข้าไปจอดภายในตัวตึก พนักงานส่วนใหญ่กลับกันหมดแล้ว ยกเว้นพวกทำโอทีและยาม
 
มันไม่ยอมตอบคำถามผมแม้แต่คำเดียว นั่งเงียบจนผมเป็นห่วง ผมพามันก้าวลงจากรถ เดินไปหยุดอยู่หน้าลิฟท์ มันเดินตามมาเงียบ ๆ ก้มหน้ามองเพียงพื้นกระเบื้องที่ปลายเท้า ผมหันไปหามัน เสยจับคางมันเงยหน้ามอง
 
“ทำไมต้องทำท่ากลัวพี่ด้วย”
ผมถามมันอีกที
 
“เปล่า ผมไม่ได้กลัวพี่”
 
“กาย”
ผมเรียกมันเสียงเหนื่อย ก่อนยืนตะลึง เมื่อมันกอดหมับที่ลำตัวผมเหมือนครั้งที่มันทำในร้านกาแฟ
 
ประตูลิฟต์เปิดออกพอดี
 
“กาย”
ผมเรียกให้มันรู้ตัว แต่มันยังกอดผมอยู่ กอดเฉย ๆ กอดนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น ประตูลิฟต์ทำท่าจะปิดตัวลง ผมรีบกดปุ่มเปิดค้างเอาไว้
 
“กาย”
ผมเรียกสติมันอีกที แต่มันยังไม่ยอมตอบรับอะไรกลับมา ผมเลยตัดสินใจ โอบลำตัวมันไว้และลากมันเข้าไปด้วย
 
ประตูลิฟต์ปิดตัวลง ผมจิ้มกดปุ่มไปยังชั้นบนสุด มันยังกอดผมอยู่ ผมมองตัวเลขที่กำลังเคลื่อนที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งมันหยุดนิ่งและเปิดออก ผมก้มมองคนในอ้อมแขนอีกที
 
ดูท่ามันจะไม่ยอมพูดอะไรจริง ๆ แฮะ
 
ผมต้องนั่งทำงาน โดยมีมันนั่งอยู่บนตัก ถ้าเป็นคนอื่น ผมคงรำคาญและสลัดทิ้งไปแล้ว แต่อ้อมกอดที่มันกอดผมไว้ เหมือนมันกลัวว่าผมจะหายไป
 
กอดแน่น กอดเฉย ๆ กอดไม่ปล่อย

ผมตั้งหน้าตั้งตาทำงานไป มืออีกข้าง ก็ลูบแผ่นหลังมันไป งานเยอะครับ ส่วนนี้เป็นส่วนที่ผมต้องรับผิดชอบโดยตรงด้วย
 
ผมรู้ว่าพ่อทำงานหนัก แต่พ่อก็ทำได้ดี ผมอยากเป็นแบบพ่อ ถึงได้ขยันและทำให้ดีที่สุด โชคดีที่ผมมีน้อง ๆ คอยช่วยเหลือด้วย
 
ผมเหลือบมองนาฬิกา ตีสองแล้ว ผมนั่งหาว ทั้งง่วงทั้งปวดตา คนอื่นเขาหลับกันไปหมดแล้ว แต่ผมยังต้องมานั่งหาวหวอดเพื่อทำงานในออฟฟิศที่สว่างโร่เพียงห้องผมคนเดียว
 
ผมปักปากกาเข้าฐาน หักคอไปทางด้านซ้ายเบา ๆ เพราะด้านขวามีกายซบอยู่ เจ้าตัวหลับคาไหล่ผมไปแล้ว ผมก็ทำงานเพลิน เลยไม่ได้อุ้มมันไปวางไว้บนโซฟา
 
ผมลุกออกจากเก้าอี้ อุ้มไอ้ตัวเล็กไปวางไว้บนโซฟา แล้วตัวเองก็เดินไปล้างหน้าล้างตาแก้ง่วง
 
ผมเดินกลับมาหามันอีกครั้ง ลูบหัวมันเบา ๆ แอบแปลกใจนิดหน่อย ที่มันใส่เสื้อของทางร้านกลับมา แถมยังติดกระดุมซะติดลำคอขนาดนั้น กลัวมันอึดอัดครับ เลยช่วยปลดออกให้
 
ผมขมวดคิ้วจ้องมองรอยคิสมาร์คไม่คุ้นเคยตรงคอมัน พยายามนึกให้ออกว่าตัวเองไปทำทิ้งไว้ตอนไหน
 
แต่จำไม่ได้ครับ
 
“โทษทีนะ ครั้งหน้าพี่จะพยายามไม่ทิ้งไว้ละกัน”
ผมลูบหัวมันเบา ๆ ก่อนก้มลงไปกดจูบ
 
วันนี้มันทำให้ผมสับสนหลายอย่างมาก ผมแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมันกันแน่

แม้แต่กับคนหลับ ผมก็ยังมีอารมณ์ แรงโหมของปลายลิ้นเริ่มเพิ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างกายพากันร้อนระอุ เจ้าตัวเล็กที่นอนอยู่เริ่มเครือครางประท้วง เปลือกตาที่ปิดสนิท ค่อย ๆ ปรือเปิดขึ้นมามองช้า ๆ ก่อนจะเบิกกว้าง เขยิบตัวผลักอกผมออกแรงด้วยท่าทีตระหนก
 
“กาย นี่พี่เอง” ผมรีบบอก
 
คนที่ทำหน้าตื่นเมื่อกี้กลับมาสงบอีกครั้ง
 
“พี่เอก”
มันครางเรียกเสียงแผ่ว ค่อย ๆ โน้มตัวมากอดคอผมไว้ ผมกอดตอบ ลูบหลังมันเบา ๆ
 
ตอนนี้ผมแน่ใจแล้ว ว่าปัญหาที่กายเจอ ต้องเกี่ยวกับผมหรือมีผมเป็นต้นเหตุแน่ ๆ
 
ผมพาเจ้าตัวเล็กกลับไปที่รถ พอขึ้นรถได้ปุ๊บมันก็หลับทันที ท่าทางเหมือนคนเหน็ดเหนื่อยมายาวนาน ผมขับรถพามันกลับคอนโด ก่อนโฉบอุ้มมันไว้ในอ้อมแขน พามันเดินขึ้นห้อง
 
ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไง ถึงจะทำให้มันพูดสิ่งที่ทำให้มันหวาดกลัวออกมาได้ แต่ผมต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่งั้นคนที่จะแย่คงเป็นผมเอง 





To Be Con....
กระซิบ เรื่องนี้มี 100 ตอนจบค่ะ ^^ :hao3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 52 : หวาดกลัว {P.20}{24-12-58}
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-12-2015 20:20:16
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 52 : หวาดกลัว {P.20}{24-12-58}
เริ่มหัวข้อโดย: veeveevivien ที่ 24-12-2015 20:35:30
ตามมาอ่าน อีกรอบบบบบ

คราวนี้อ่านไม่สะดุดเลย NC พร้อม

เค้าชอบบบบบ

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 52 : หวาดกลัว {P.20}{24-12-58}
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมสัมปันนี ที่ 25-12-2015 21:57:08
สนุกๆ รอต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 52 : หวาดกลัว {P.20}{24-12-58}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-12-2015 02:02:34
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 52 : หวาดกลัว {P.20}{24-12-58}
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 27-12-2015 19:36:54
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
ชอบอ่ะ เรื่องน่ารัก อบอุ่นกับบรรยากาศ

แต่อยากให้พี่เอกยืนยันสถานะกับคนรอบข้างหน่อย การกระทำอาจจะแสดงว่ารัก แต่บอกรักน้องบ้างก็ได้น๊าา ยืนยันไปเลยว่าคบกัน ให้ความมั่นใจกับน้องหน่อย สู้ๆ  :z13:
#. เหมือนกายมีฮาเร็มเป็นของตัวเอง

พี่เอกปกป้องน้องกายด้วย แล้วก็เชื่อใจน้องมากๆด้วย

บอกเลยกลัวดราม่ามากค่ะ งื้อออ

คนแต่งสุดยอด
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 52 : หวาดกลัว {P.20}{24-12-58}
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 28-12-2015 16:19:59
อาร์ตอย่าทำเเบบนี้สิ :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 52 : หวาดกลัว {P.20}{24-12-58}
เริ่มหัวข้อโดย: DE SaiKuNee ที่ 29-12-2015 18:29:46
 :3125:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 52 : หวาดกลัว {P.20}{24-12-58}
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 31-12-2015 09:30:17
กายสู้ๆนะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 52 : หวาดกลัว {P.20}{24-12-58}
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 07-01-2016 00:27:10
อ่านรวดเดียวจบเลย สนุกมากค่ะ^^//แต่ภาวนาขอให้อาตร์ไม่ได้ทำอะไรน้องกายนะค่ะ สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 52 : หวาดกลัว {P.20}{24-12-58}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-01-2016 00:01:12
จำได้คับคล้ายคับคลาเหมือนเคยอ่านบนเด็กดี

แต่เพราะความเยอะของกฎที่ขยันแบน เลยเลิกอ่านเด็กดีไปพักใหญ่

เพิ่งเห็นว่าเอาลงที่นี่ด้วย งั้นตามอ่านที่นี่ล่ะกันเนอะ ^^

หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 52 : หวาดกลัว {P.20}{24-12-58}
เริ่มหัวข้อโดย: yo_what_sab ที่ 22-01-2016 23:10:57
 :serius2: มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 53 : บอกรัก {P.20}{23-1-59}
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 23-01-2016 18:43:35
53 บอกรัก  [กาย..♥]



ราวกับล่องลอยอยู่กลางอากาศ นี่ผมมีปีกบินได้เหมือนนกหรือผมกำลังเหาะอยู่กันแน่
 
ไม่สิ..
 
หรือผมตายไปแล้ว แล้วกลายร่างเป็นวิญญาณ
 
ผมไม่รู้…
 
แต่ผมกำลังล่องลอย และแผ่นหลังผมก็แตะลงบนผืนที่นอนนุ่ม ๆ ได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มอันคุ้นเคยด้วย ผมพลิกตัวคว้ากอดผ้าห่มผืนโต แสงสว่างจากอะไรบางอย่างปลุกผมให้ค่อย ๆ ลืมตามอง
 
ภาพแรกไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ผมเห็น คือแสงสว่างระดับกลางจากโคมไฟตรงหัวเตียง หลังฉากเป็นใครบางคน ยืนหันหลังอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าใบใหญ่
 
พี่แกยืนด้วยสองขามั่นคง ก้มหน้าปลดกระดุมเสื้อ ก่อนถอดออก โยนมันใส่ตะกร้าข้างตู้อย่างแม่นยำ
 
ผมจ้องมองแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่น ๆ นั้น ไล่ไปที่สองหัวไหล่กว้าง ต้นแขนใหญ่ ลงมาที่เอวสอบกลืนหายไปกับขอบกางเกงสีเข้ม พี่แกปลดเข็มขัด ถอดกางเกงรวมถึงชั้นในออกในคราวเดียวกัน
 
ผมนอนหน้าร้อนผ่าว จ้องมองคนยืนโป๊ตรงหน้า
 
พี่แกคงคิดว่าผมหลับอยู่ ถึงได้มายืนโป๊ต่อหน้าแบบนี้ได้(ซึ่งปกติก็ทำเป็นประจำอยู่แล้ว) ผมได้แต่นอนมองสัดส่วนของหุ่นพี่แก เพิ่งเคยเห็นด้านหลังชัด ๆ ก็วันนี้แหละ
 
ผมจ้องมองแผ่นหลังกว้างนั้น ก่อนคิดเปรียบเทียบกับร่างกายของใครบางคน คนที่หันมายิ้มให้ผมด้วยแววตาหยาดเยิ้ม บางทีก็นิ่งเรียบแต่แพรวพราว ราวกับต้องการปั่นประสาทผมเล่น
 
ความหวาดกลัวครอบงำจิตใจผมอีกครั้ง
 
เขายิ้มให้ผม จนผมสับสนไม่รู้ว่าใครกันแน่คือพี่เอกตัวจริง พี่อาร์ตจับแขนผมไว้ ผมยิ้มเพราะคิดว่าเป็นพี่เอก ก่อนพี่แกจะแสยะยิ้ม เลียริมฝีปากตัวเองเบา ๆ เพื่อทำให้ผมรู้ว่านั่นไม่ใช่พี่เอก
 
ผมยังแยกพวกเขาไม่ได้ ไม่ว่าจะเสียง หน้าตา หรือกิริยาท่าทาง ทั้ง ๆ ที่ผมคิดว่าผมน่าจะรู้จักพี่เอกดีที่สุด แต่ผมกลับแยกพวกพี่มันไม่ได้
 
สิ่งเดียวที่ทำให้ผมแยกพวกเขาออก คืออ้อมกอดและรสจูบเท่านั้น
 
จูบที่แตกต่าง อ้อมกอดที่แตกต่าง
 
พี่อาร์ตลากผมไปจูบหลายครั้ง จนผมหวาดผวาที่จะเข้าใกล้พี่มัน
 
ผมหวาดกลัว หวาดหวั่นไม่มั่นใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือพี่เอกหรือพี่อาร์ตกันแน่ ผมกลัวจนเหมือนตัวเองจะเป็นโรคประสาท
 
ผมแค่อยากรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ผม สามารถแยกคนสามคนออกจากกันได้ ผมพอแยกพี่อิฐออกได้บ้าง เพราะพี่แกมีสายตาที่นุ่มนวล แต่กับพี่อาร์ตและพี่เอก ผมยังทำไม่ได้
 
ปกติพี่เอกจะเย็นชาและดุกร้าวไม่ต่างกับพี่อาร์ตตอนนี้ ผมไม่แน่ใจว่านิสัยมันเหมือนกัน หรือพี่อาร์ตจงใจทำให้เหมือนพี่เอกกันแน่
 
 ผมเลื่อนมือไปกุมรอยคิสมาร์คที่คอ ร่องรอยที่พี่อาร์ตทำไว้ ผมไม่รู้ว่าพี่เอกจะเห็นไหม แล้วถ้าเห็นพี่มันจะคิดยังไง
 
ตอนนี้ผมกลัว กลัวไปหมด
 
“ถ้านายบอกความจริงพี่เอก พี่จะเอาไอ้นี่ไปปล่อยให้ทั่วเน็ตเลย”
พี่มันโชว์ภาพใบหน้าของผมตอนจูบกับพี่มัน มันไม่ใช่ผลดีทั้งกับตัวผมและพี่เอก โดยเฉพาะพี่เอก ถ้าพี่มันรู้ว่าผมไม่ได้จูบกับพี่มัน พี่แกจะรู้สึกยังไง แล้วถ้าภาพพี่เอกหลุดไปจะเสียหายแค่ไหน ภาพนายแบบน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ภาพพวกนี้คงไม่ดีแน่ ๆ
 
ตอนนี้ผมกำลังหวาดกลัว กลัวสุด ๆ จนร่างกายพากันสั่นไหว
 
พี่เอกพันผ้าเช็ดตัวไว้ที่เอวหลวม ๆ หันมามอง
 
“ตื่นแล้วเหรอ”
พี่มันถาม
 
ผมไม่ตอบ เพียงแค่จ้องหน้าพี่แกนิ่ง ๆ กำลังมองหาข้อแตกต่างระหว่างพี่เอกกับพี่อาร์ตอยู่
 
“มาจ้องกันแบบนี้ อยากให้พี่กอดรึไง”
 
ผมหน้าร้อนขึ้นมาอีกรอบ หลุบเปลือกตาหลบหนี แต่ถ้ามัวแต่อาย ผมก็จะแยกพี่อาร์ตกับพี่เอกไม่ออก ผมไม่อยากปฏิเสธพี่มันอีกแล้ว
 
ผมรู้ว่าวันนี้พี่เอกเข้ามาหาผมหลายรอบ แต่ก็ถูกผมปฏิเสธ ผมเองก็รู้สึกไม่ดี พี่เอกเองอาจจะรู้สึกไม่ดียิ่งยิ่งกว่า ผมเขยิบตัวลุกออกจากเตียง เดินไปหาพี่แก
 
“ผมอาบด้วยคนได้ไหม”
 
ดวงตาคมฉายแววแปลกใจ ก่อนกลับมานิ่งเรียบแบบผู้ใหญ่มองเด็ก
 
“บอกพี่ได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
 
ผมส่ายหน้าปฏิเสธ “แค่อยากอาบด้วย”
 
“กาย” พี่มันเรียกนิ่ง ๆ “พี่ไม่ได้โง่นะ”
 
ผมเม้มปากแน่นหลุบเปลือกตาลงต่ำ พี่มันเดินเข้ามาชิด เสยคางผมขึ้นสบตา
 
“บอกพี่มาว่าเกิดอะไรขึ้น”
 
“พี่เอก”
ผมหลุบเปลือกตาหลบหนี อยากพูด อยากบอก แต่ถ้าพี่เอกรู้ พี่เอกก็จะแย่ ผมก็จะแย่ แล้วเราทั้งคู่ก็จะพากันแย่ไปตาม ๆ กัน
 
“ผมอยากอาบน้ำกับพี่”
ผมเสไปเรื่องอื่น
 
พี่มันถอนหายใจเบา ๆ
 
“ไม่บอกพี่ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าให้พี่รู้คำตอบเอง เพราะบทลงโทษของคนโกหกมันหนักหนาพอควร”
พี่แกขู่
 
ผมปวดแปลบในหัวใจ ทั้งหวั่นไหวและหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม
 
ทำยังไงดี
 
แล้วผมจะทำยังไงดี
 
พี่เอกลากผมเข้าห้องน้ำ ผมเลิกคิ้วแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นอ่างอาบน้ำใหม่เอี่ยมตั้งอยู่ภายใน นี่พี่มันเอามาลงตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนเที่ยงก่อนออกไปยังไม่เห็นเลย 
 
“พี่สั่งให้เขาเอามาส่งตอนเย็นน่ะ ป้าแม่บ้านเป็นคนดูแล พี่จะได้อาบน้ำกับกายได้บ่อย ๆ”
พูดซะผมอายเลย พี่มันหน้าด้านได้ใจ ผมจึงได้แต่ก้มหน้าถอดเสื้อผ้าออกจากตัว พอพี่มันเตรียมน้ำเสร็จ ก็ก้าวลงไปในอ่างก่อน ผมก้าวตามทีหลัง ผมเลือกที่จะนั่งหันหน้าเข้าหาพี่เอก จ้องหน้าพี่แกไปแทบจะทุกรูขุมขน
 
ทั้ง ๆ ที่ภาพถ่ายผมยังแยกออก แล้วทำไมใบหน้าของคนสองคนที่ไม่ใช่ฝาแฝดกัน ผมถึงยังแยกไม่ได้
 
ผมจ้องมองโครงหน้าคมคายตั้งแต่หน้าผากโค้งได้รูป เรียวคิ้วเข้ม จมูกโด่ง ผ่านร่องจมูกลงมาที่ริมฝีปาก ฟันเรียงกันสวยงาม ทุกอย่างรังสรรค์ให้ผู้ชายคนนี้เพอร์เฟกต์สุด ๆ แล้วแกก็เป็นหนุ่มสมัยใหม่ที่ดูแลตัวเองเป็นด้วย
 
เชื่อไหม เครื่องประทินผิวของพี่เอกมีเยอะกว่าแม่ผมอีก
 
แต่พี่เอกไม่ได้เป็นแต๋วนะฮะ
 
พวกทโมนเขาขนมาให้น่ะ แล้วบังคับให้ใช้ด้วย เห็นบอกว่าผู้ชายสมัยนี้ต้องดูแลตัวเองเข้าไว้ ผมยังโดนแม่บังคับให้ใช้เลย ที่ห้องผมจึงมีพวกครีมบำรุงผิวสำหรับผู้ชายเยอะแยะเต็มไปหมด แต่ผมกับพี่เอกจะมีนิสัยเหมือน ๆ กันคือ หยิบมาทาแบบโป๊ะ ๆ จบ ไม่ได้นั่งพิถีพิถันเหมือนที่ผู้หญิงทั่วไปเขาทำกันหรอก(เสียเวลานอนครับ)
 
“มองมาก พี่สึกนะ”
พี่มันแซว
 
ผมก้มหน้าลงต่ำไปมองแผงอกพี่แกแทน ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมีบางอย่างหายไป
 
“พี่เอก” ผมเรียก
 
พี่แกครางรับเบา ๆ
 
“สร้อยคอหายไปไหน”
 
พี่มันเลิกคิ้วสูง ก่อนคลี่ยิ้ม ผมเพิ่งสังเกต ว่าพี่แกไม่ได้ใส่มาหลายวันแล้ว มิน่าล่ะ วันที่เจอพวกพี่อาร์ตครั้งแรกผมถึงแยกไม่ได้
 
“หึ เพิ่งสังเกตรึไง”
 
ผมหน้าชา “ขอโทษฮะ”
 
สงสัยพี่มันไม่อยากใส่แล้ว ผมไม่ได้ถามอะไรต่อ แอบเสียใจครับ ผมอุตส่าห์ตั้งใจให้ แต่จะบังคับก็ไม่ได้
 
“ไม่ถามต่อรึไงว่ามันไปไหน”
 
ผมส่ายหน้า เพราะไม่อยากได้ยินคำตอบ
 
แอบกลัวครับ
 
พี่มันดึงตัวผมไปนอนบนตัว ริมฝีปากของเราเกือบชิดติดกัน ความร้อนวิ่งผ่านใบหน้าอีกรอบ พยายามทำเป็นไม่ใส่ใจอะไรบางอย่างที่กระดิกดิ๊ก ๆ ด้านล่าง
 
พี่มันยิ้มเจ้าเล่ห์
 
“พี่ส่งมันกลับเชียงใหม่”
 
ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย มันไม่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ ผมหน้าเสีย พี่มันยิ้ม
 
“เพื่อให้เขาใส่ตัวอักษรบางอย่างลงบนจี้นั้น พี่รู้ว่าจี้นั้นเป็นสัญลักษณ์แทนตัวพี่ แต่พี่ก็อยากให้เขาจารึกอะไรสักอย่างจากคนที่ให้พี่ด้วย”
 
ผมกะพริบตาปริบ ๆ มองพี่แก ก่อนเลื่อนจับจี้ที่คอตัวเอง
 
เพิ่งรู้ ว่าพี่มันก็ทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย
 
“19 &15 เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าพี่ให้กาย แล้วพี่ก็เอาพระอาทิตย์ไปให้เขาสลักตัวอักษรเพิ่ม 15 For 19”
 
ผมหลุบเปลือกตาลงต่ำ
 
ไม่น่าเชื่อว่าพี่มันจะเน่าได้ขนาดนี้
 
“ใช้เวลาประมาณสองอาทิตย์ถึงจะทำเสร็จ” พี่มันบอกต่อ
 
“พี่เอก…” ผมเรียก พี่มันมองตาผมแทนคำตอบรับ
 
“ถ้าได้แล้ว ให้ใส่ตลอดนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าถอดออกเด็ดขาด”
 
พี่มันจ้องตาผมเพื่อหาความนัยแฝง
 
“ได้ พี่สัญญา”
 
“ขอบคุณครับ”

 
ผมโอบรอบลำคอพี่แก โน้มตัวไปกดจูบเบา ๆ
 
ผมอาย แต่วันนี้ ผมอยากครอบครองพี่เอกไว้ อยากให้ร่างกายนี้เป็นของพี่เอกเพียงคนเดียว ผมถูกคนอื่นสัมผัสมา และทุกครั้งที่เขาสัมผัส ผมจะไปหาพี่เอก เพื่อให้พี่เอก ช่วยล้างสัมผัสนั้นออก
 
พี่อาร์ตลากผมไปจูบที่ห้องแต่งตัว ผมรีบโทรหาพี่เอก ผมรู้ว่าพี่เอกคงมาไม่ได้ แต่พี่เอกก็มา ในเวลาไม่นาน ผมไม่กลัวที่จะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เพราะในเวลาที่ผมต้องการ พี่เอกจะมาอยู่เคียงข้างเสมอ ทั้งที่งานแกยุ่ง แต่แกก็ยังวิ่งหน้าตั้งมาหาผม
 
พี่อาร์ตลากผมไปจูบอีกครั้งที่ห้องเก็บของ จนผมต้องลากพี่เอกมาจูบเพื่อลบคราบของคนคนนั้นออกไป
 
ผมรู้ว่ามันไม่ยุติธรรมกับพี่เอก แต่ผมบอกแกไม่ได้ ผมไม่อยากได้สัมผัสจากใครทั้งนั้น เพราะร่างกายของผม เป็นของพี่เอก

พี่เอกเพียงคนเดียวเท่านั้น
 
ผมบดจูบพี่เอกรุนแรงมากขึ้น จูบที่พี่อาร์ตได้ไป มันสมควรเป็นของพี่เอก ไม่ใช่พี่อาร์ต
 
ผมถอนริมฝีปากมามองใบหน้าที่กำลังเคลิบเคลิ้ม แล้วผมก็ก้มลงไปจูบอีกที ก่อนกระซิบคำบางคำกับพี่แก
 
ผมไม่สนแล้ว ว่าคำคำนี้แกอยากได้ยินไหม แล้วพี่เอกจะพูดกับผมไหม ผมแค่อยากบอกพี่มันเท่านั้น
 
“ผมรักพี่นะฮะ พี่เอก”
 
ผม กดจูบอีกครั้ง ไม่สนว่าแกจะดีใจ เสียใจ อยากได้หรือไม่อยากได้ ผมแค่อยากบอก พี่เอกทำท่าจะถอนจูบออกมาพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมกดปากพี่มันแน่น
 
อย่าเพิ่งมาพูดอะไรตอนนี้เลย ผมแค่อยากครอบครองพี่ไว้เท่านั้น ขอเวลาให้ผมก่อน

สักพักพี่แกก็เลิกขัดขืน รวบจับเอวผมไว้ เป็นฝ่ายนำบ้าง ไม่ได้จาบจ้วงเร่าร้อนอย่างที่เคยเป็นมา แต่มันดูนุ่มนวลดุจปุยนุ่น และอบอุ่นราวกับพระอาทิตย์ยามเช้า 
 
พี่เอกยังคงเป็นพระอาทิตย์สำหรับผมเสมอ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน
 
หัวใจผมอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ พอ ๆ กับร่างกายที่เริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อย ๆ ผมหอบหายใจแรง ดวงตาเริ่มพร่ามัว ลำคอเริ่มแห้งผาก ราวกับมีลูกไฟมากมายวิ่งผ่านอยู่ภายใน และมันกำลังแผดเผาร่างกายผมให้หลอมละลาย
 
พี่เอกพาผมออกจากอ่าง ไปยืนภายใต้สายน้ำทั้งที่ปากของเรายังเชื่อมติดกันอยู่
 
ความเย็นของสายน้ำไม่อาจดับความร้อนที่พวกเรามีให้แก่กันได้ เราปล่อยให้น้ำได้ทำหน้าที่ของตัวเองไป ในขณะที่ปากของเราสองคน ยังนัวเนียกันอยู่
 
พี่เอกปิดน้ำ ดันตัวผมออกไปเรื่อย ๆ จนร่างผมถูกโถมทิ้งไว้บนที่นอน หยดน้ำมากมายจากเนื้อตัวของเราสองคนพาเอาที่นอนเปียกไปหมด แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งพวกเราได้แล้ว
 
พี่เอกถอนริมฝีปากออก ภาพตรงหน้าพร่ามัวไปหมด ผมจำอะไรไม่ได้อีกแล้ว นอกจากสัมผัสนุ่มนวลผสมเร่าร้อนจากพี่เอก และเสียงครางของตัวเองที่เอ่ยเรียกเป็นชื่อพี่มันไม่หยุด









ผมสะลึมสะลือตื่นอีกทีตอนตะวันสายโด่ง หันไปมองนาฬิกา
 
อ้าว…เจ็ดโมงเอง ไหงตะวันขึ้นสว่างโร่ขนาดนั้นวะ

ผมหันกลับมามองคนที่นอนกอดผมอยู่ ความอายวิ่งวนไปทั่ว ยิ่งนึกถึงสิ่งที่ตัวเองพูดไปเมื่อคืนยิ่งอับอาย แต่นั่นก็เป็นความรู้สึกของผมจริง ๆ
 
ผมกวาดมองไปทั่วใบหน้าที่กำลังนิ่งสงบนั้น ตอนนี้ไม่มีสร้อยคอ ผมไม่รู้ว่าทำยังไง ถึงจะแยกพี่อาร์ตกับพี่เอกออกจากกันได้

ดวงตาผมหยุดนิ่งไว้ยังริมฝีปากได้รูป จ้องมองมันนิด ๆ ก่อนคลี่ยิ้มเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก
 
เสี่ยงหลายอย่างครับที่ทำแบบนี้
 
แต่ผมจำเป็น
 
ผมค่อย ๆ กระดืบร่างให้เบาที่สุด เขยิบออกมาจากอ้อมแขนแกร่ง จับพี่มันพลิกหงาย แล้วขึ้นคร่อมคนหลับไว้ ก้มงับต้นคอพี่มันเบา ๆ พี่เอกคงเหนื่อยจัด ๆ ถึงได้ไม่รู้สึกตัวแบบนี้
 
แต่ดีแล้วล่ะ
 
ขืนพี่มันรู้คงไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่ ๆ
 
ผมแค่อยากทำเครื่องหมายอะไรบ้าง เพื่อให้ตัวเองแยกพี่เอกออก แค่นั้นเอง
 





             
 
 
เป็นครั้งแรกที่ผมลุกก่อนพี่เอก ผมรีบเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอาบท่า แล้วเดินเข้าห้องครัวไปทำอะไรไว้ให้พี่แกทาน วันนี้วันอาทิตย์วันพักผ่อน เพราะอย่างนี้ด้วยแหละมั้ง พี่แกถึงได้หลับลึกขนาดนั้น
 
เพราะถ้าเป็นวันปกติ แค่ผมขยับนิดเดียว พี่แกก็ตื่นแล้ว
 
ผมปิดประตูเบา ๆ  เพื่อไม่ให้เสียงอะไรจากภายนอกรบกวนคนหลับ แล้วผมก็ออกมาหุงข้าวทำอาหาร
 
ง่าย ๆ ครับ ผมไม่ได้ทำเก่งอะไรมากมาย พี่เอกดูจะเก่งกว่าผมอีก(แต่ดูท่า พี่แกจะถนัดทำอาหารฝรั่งมากกว่า) แต่ผมอยู่กับแม่ แม่กับพ่อชอบอาหารไทย ผมเลยพอทำอาหารไทยได้บ้าง
 
วันนี้ผมเลยลงมือทำสุดฝีมือ แอบโทรถามสูตรกับแม่นิดหน่อยด้วย
 
ผมตักน้ำแกงใส่ช้อนขึ้นมาชิม ต้องทำเยอะหน่อยครับ พี่เอกเป็นพวกกินดุเดือด แต่ก็ทำอาหารฝรั่งไว้ให้แกด้วย อาหารฝรั่งจะหนักท้องแล้วก็ให้พลังงานมากกว่าอาหารไทย โปรตีนสำหรับเสริมสร้างกล้ามเนื้อก็เยอะกว่าด้วย
 
ขืนทานอาหารไทยมาก ตัวคงเล็กเหมือนคนไทย
 
ผมอยากมีแฟน
 
เอิ่ม…
 
มึงขี้ตู่ไปไหมกาย
 
เทคสอง!!
 
ผมอยากให้พี่เอก มีหุ่นใหญ่ ๆ เท่ ๆ แบบที่พี่มันเป็นอยู่นี่แหละ เพราะงั้น ผมต้องทำเยอะ ๆ เน้นอาหารให้พลังงาน บวกโด๊ปอีกนิดหน่อย
 
อันนี้อย่าบอกพี่แกนะฮะ
 
ผมจ้องมองอาหารมากมายบนโต๊ะ หันไปจัดการเช็ดพื้นเพื่อทำความสะอาด ก่อนสะดุ้งโหยงเมื่อมีมือใหญ่มาจับเอวผมไว้ ผมหันไปมอง ก่อนรีบก้มหน้าร้อน ๆ มองพื้น พี่มันแต่งหล่อออกมาแล้วครับ เสื้อยืดกางเกงยีนสบาย ๆ แต่หล่อลากไส้สุด ๆ
 
“เอ่อ ผมทำกับข้าวไว้ให้แล้ว” ผมบอก
 
พี่มันพยักหน้า จับตัวผมหันไปเผชิญหน้าอีกที
 
ผมหันซ้ายหันขวา หาทางรอด ไม่ไหวครับ อายกับสิ่งที่ตัวเองพูดไปเมื่อคืน
 
“มอร์นิ่งคิสพี่ล่ะ” พี่มันทวง
 
ผมเงยหน้ามองงง ๆ
 
อะไรคิส ๆ นะ
 
คำตอบมาแล้วครับ พี่เอกก้มจูบผมเบา ๆ แบบปากแนบปาก บดเบียดโดยไม่แลกลิ้นอยู่พักแล้วปล่อยออก
 
“มอร์นิ่งคิส จากคุณสามีสุดน่ารัก”
 
ผมอ้าปากค้าง เหมือน ๆ ว่าควันกำลังลอยคลุ้งออกมาจากหูตัวเอง พี่เอกหัวเราะหึ ปล่อยมือจากผม เดินไปทิ้งตัวลงนั่ง
 
“ข้าว”
พี่มันยื่นจานเปล่ามาทางผม ผมหันซ้ายหันขวา ก่อนหยิบจานมาตักข้าวให้พูน ๆ แล้วก็ตักให้ตัวเองบ้าง
 
พี่แกยิ้ม กวาดมองไปทั่วโต๊ะอาหารแล้วลงมือกิน
 
ผมไม่กล้าถามว่าอร่อยไหม เพราะผมทำไว้สองแบบ อาหารฝรั่งกับอาหารไทย อย่างน้อย ถ้าอาหารไทยที่ผมทำไว้ไม่อร่อย ผมจะได้เอาอาหารฝรั่งให้พี่แกทาน
 
ไม่รู้ว่ากับข้าวอร่อยไม่อร่อย แต่สิ่งที่ผมทำไปวันนี้ แทบไม่เหลือเศษซาก
 
ผมจ้องหน้าคนที่นั่งตีพุงตัวเองปุ ๆ
 
“มื้อแรกที่เมียทำให้ ต้องกินอย่าให้เหลือ”
แล้วพี่แกก็เผาหน้าผมไปอีกระลอก



 
 
To be con...
อ่าน ๆ เม้นท์ ๆ หนุกหนานกันให้เต็มที่น้า ^^   
   
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 53 : หวาดกลัว {P.20}{23-1-59}
เริ่มหัวข้อโดย: Marchyn ที่ 28-01-2016 06:58:56
ใจนึงก็อยากให้พี่อาร์ตเลิกยุ่ง อีกใจก็แบบ 3p ไปเลย (อุ๊บส์)  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 53 : หวาดกลัว {P.20}{23-1-59}
เริ่มหัวข้อโดย: cass-meyz ที่ 21-02-2016 14:54:02
ขอบคุณพี่มิวที่เอาพี่เอกกับน้องกายมาลงที่นี่ด้วย อ่านกี่รอบก็สนุกเหมือนเดิม  :mew3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 53 : หวาดกลัว {P.20}{23-1-59}
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 21-02-2016 16:56:19
จะมาม่าป่าวเนี่ยยยยยย
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 53 : หวาดกลัว {P.20}{23-1-59}
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 05-03-2016 17:45:52
กายเลือกวิธีนางเอ๊กกกนางเอก  :ped151:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 53 : หวาดกลัว {P.20}{23-1-59}
เริ่มหัวข้อโดย: ้Sin.7 ที่ 18-03-2016 05:37:18
คิดถึงงงงงงงงง มาต่อไวๆนะคนดี  :hao5:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 53 : หวาดกลัว {P.20}{23-1-59}
เริ่มหัวข้อโดย: แอลฟาฮาลา~ ที่ 18-03-2016 17:45:08
คิดถึงเอกกาย(อาร์ต) มาต่อเถอะนะพลีส :sad4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 53 : หวาดกลัว {P.20}{23-1-59}
เริ่มหัวข้อโดย: ้Sin.7 ที่ 18-03-2016 18:05:08
พี่่เอกต้องจัดการให้กายนะ พี่เอกต้องลบรอยทั้งหมด เฮ่อ แต่กายยยยยยยชีวิตนายโคตรวุ่นเลย เอาความหวานหื่นของพี่คืนมาาาาาาาาาาาาาา  :katai1: :katai1: :z3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 54 : จากรักเป็นชิงชัง {P.20}{22-3-59} [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 22-03-2016 19:44:04
54
จากรักเป็นชิงชัง
[เอก...☼]




 
 
 
อิ่มครับ…
 
อิ่มมาก ๆ อิ่มทั้งท้องอิ่มทั้งใจ อิ่มไปหมด ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกาย แต่เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมากายมีท่าทางแปลก ๆ ทำตัวแปลก ๆ
 
อ้อนผม ทำตัวน่ารักใส่ผม
 
ผมรู้ว่ากายคงมีเรื่องไม่สบายใจ และผมจะรอจนกว่าเขาพร้อมที่จะบอกผมเอง แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกตะลึงมากที่สุด คงเป็นน้ำคำที่เขากระซิบบอกผม
 
‘ผมรักพี่นะฮะ พี่เอก’
 
ได้ยินคำรักมาก็เยอะ แต่ไม่เคยมีครั้งไหน ตราตรึงได้เท่าครั้งนี้มาก่อน ไม่แน่ใจว่าเพราะมันบอกรักผมในอ่างอาบน้ำ หรือเพราะคนพูดเป็นมันกันแน่ วันนั้นผมเลยตอบรับความรักของมันอย่างนุ่มนวลไปจนเกือบเช้าเลย
 
พอตื่นมา ก็ไม่เห็นมันอยู่ในห้องนอนแล้ว ผมเลยรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปข้างนอก เห็นมันกำลังยืนทำกับข้าวอยู่ ผมยิ้ม ยืนมองมันอยู่อย่างนั้น
 
มันเล่นทำซะเยอะ เยอะจนผมคิดว่า ช่วยกินกันยังไงก็คงจะกินไม่หมด แต่เมื่อมันอุตส่าห์ทำให้ ผมก็ต้องกินให้หมด

จริงไหม

ตอนนี้ผมยังอิ่มอยู่เลย ดีไม่ดี ผมอาจจะอิ่มไปได้ทั้งอาทิตย์


มันอิ่มที่ใจน่ะ 
 
มันคงอายกับสิ่งที่มันพูด เมื่อวานมันเลยไม่กล้าสบตา หนำซ้ำยังขอตัวกลับบ้านอีกต่างหาก ผมก็ปล่อยมันไป ให้เวลามันหน่อย   
 
“ไอ้เอก มึงไปโดนใครดูดคอมาวะ”

ผมเงยหน้ามองคนทัก ไอ้อ้อยนี่เอง ผมตีคิ้วย่น มองมันด้วยความสงสัย
 
“อะไร”
 
“อ้าว แล้วมึงไปนอนกับใครมาล่ะ ถึงได้โดนดูดคอมาซะแดงขนาดนั้น”
 
ผมมองมันงง ๆ จับต้นคอตัวเองไว้ มันยื่นกระจกแต่งหน้ามาให้ดู
 
เอ่อ..
 
นี่มันรอยคิสมาร์คนี่หว่า ชัดแจ๋วเลย
 
ผมมองหน้ามันงง ๆ
 
“ไม่ต้องมาถามกู แล้วมึงไปเอากับใครมา”
 
ผมขมวดคิ้ว
 
ก็กับกาย แต่รายนั้นไม่น่าจะมาทำอะไรแบบนี้นี่นา
 
ผมชะงัก เพราะสองวันที่ผ่านมา กายทำเรื่องน่าตกใจหลายอย่าง ทั้งอ้อน ทั้งลากผมไปจูบ ทั้งบอกรัก แล้วไหนจะลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าให้กินอีก กะอีแค่ทำรอยคิสมาร์ค ทำไมจะทำไม่ได้

แล้วจะทำไปทำไม?

ปกติกายไม่ใช่พวกขี้หึง ที่จะมาประกาศตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของใครแบบนี้นี่นา
 
คิ้วผมเริ่มขมวด
 
สิ่งที่ผมไม่ชอบมากที่สุดก็คือผู้หญิงช่างตื๊อและพวกที่ชอบตีตราว่าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของนี่แหละ ถ้ากายทำจริง ก็คงไม่ต่างกับพวกผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมเท่าไหร่หรอก
 
ผมไม่ได้ให้คำตอบพวกมัน ก้มหน้าทำงานต่อ ในขณะที่ความดีใจถูกแทนที่ด้วยความหวาดหวั่น
 
แต่คิดไปคิดมา ผมนี่ก็ใจแคบนะ เพราะผมทำรอยไว้กับมันตั้งเยอะตั้งแยะ แต่พอมันจะทำบ้างดันไม่พอใจซะงั้น

ผมรีบสลัดความคิดแย่ ๆ ทิ้งไป ก้มหน้าตั้งใจทำงานต่อ

นึกถึงอาหารที่มันทำให้เมื่อวานนี้แล้วก็อยากกินอีก มันทำตัวน่ารัก ลุกขึ้นมาทำอาหารให้ แถมยังออดอ้อนอีกต่างหาก ไม่เป็นธรรมชาติครับ เพราะเต็มไปด้วยความเขินอาย แต่น่ารักได้ใจสุด ๆ
 
ไม่ชำนาญ แต่ฝืนทำเพราะเหตุจำเป็นอะไรบางอย่าง
 
แล้วเพราะอะไรล่ะ...
 
เพราะต้องการยึดผมไว้... หรือเพราะอย่างอื่น...
 
ผมถอนหายใจเบา ๆ กับสิ่งที่ยังวนเวียนอยู่ในความคิด ผมละสายตาจากงานมองออกไปนอกหน้าต่างหวังผ่อนคลาย วันนี้สายลมนิ่งสงบมาก ใบไม้ไม่ไหวเลยสักแอะ ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนสะดุดเข้ากับภาพอะไรบางอย่าง ผมพยายามจ้องมองสิ่งนั้นจนมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดแล้วแน่ ๆ ถึงได้รีบวางปากกาลงบนโต๊ะ ลุกออกจากเก้าอี้วิ่งออกจากห้องไป
 
เมื่อกี้ผมเห็นไอ้ตัวเล็กลากแขนไอ้เป้เดินผ่านไป มันจะลากไปไหน ไปทำไม เพื่ออะไร แล้วทำไมต้องทำท่าร้อนรนเหมือนกลัวว่าใครจะมาเห็นขนาดนั้น
 
หรือว่ามันจะหักหลังผม
 
ที่มันมาทำออดอ้อน หรือทำนู่นทำนี่ให้ เพื่อต้องการกลบเกลื่อนแล้วมีใครเผื่อเลือกเอาไว้อีกหลาย ๆ คนหรือเปล่า
 
ผมกำลังคิดถึงรอยคิสมาร์คปริศนาบนต้นคอมัน ผมไม่มีทางทำรอยคิสมาร์คในที่โจ่งแจ้งแบบนั้นแน่ ๆ

แล้วถ้าไม่ใช่ของผม มันเป็นของใคร?
 
ผมวิ่งลงจากตึกตรงไปตามเส้นทางที่พวกมันหายไป ก่อนหยุดนิ่งกวาดตามองหาไปรอบ ๆ
 
แต่ไม่เห็น…

พวกมันหายไปไหน
 
ใจผมเริ่มร้อน วิ่งตรงไปยังอีกตึก ก่อนหยุดนิ่ง มองไปยังประตูหนีไฟที่มีไอ้ตัวเล็กกับไอ้เป้อยู่ภายใน
 
พวกมันเข้าไปทำอะไรกันในนั้น

ผมเห็นพวกมันได้อย่างชัดเจนผ่านช่องกระจกใสแบบสี่เหลี่ยม แต่พวกมันมองไม่เห็นผม
 
ผมยืนอยู่ตรงจุดเดิม มองไอ้ตัวเล็กที่กำลังขยับปากพูดอะไรสักอย่าง ใจอยากเดินไปกระชากเปิดประตูออก แล้วดึงไอ้ตัวเล็กออกมา แต่ผมก็อยากรอดูอะไรบางอย่าง เพื่อหักล้างความกังวลใจที่มีอยู่
 
แต่สิ่งที่เห็นต่อจากนั้นกลับทำให้ผมแทบลืมหายใจ

ผมค่อย ๆ กำนิ้วเข้าหากันแน่น ไม่ต่างกับกรามที่บดกันจนละเอียด ผมหรี่ตามองภาพไอ้ตัวเล็กที่กำลังโอบกอดแผ่นหลังของไอ้เป้ไว้ กอดแน่น กอดไม่ปล่อยไม่ต่างกับอ้อมกอดที่มันเคยกอดผม
 
ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มันทำเพื่อผม แตกสลายด้อยค่าลงไปทันที

แล้วไอ้เป้ก็ก้มหน้าซุกซอกคอมัน

แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
 
สิ่งที่มันพูดมาทั้งหมด เป็นแค่น้ำคำฉาบหน้า
 
ไม่ได้จริงใจ
 
ไม่ได้ออกมาจากความรู้สึก
 
หรือบางที อาจเป็นแค่เกมเกมหนึ่ง ที่มันกำลังปั่นหัวผมอยู่
 
ผมหันหลัง เดินออกไปจากจุดนั้น ไม่สนใจว่าพวกมันจะทำอะไรกันต่อ

เดินจากไปด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่ายิ่งกว่าเดิม
 
 
             
 




“สรุปแล้ว ไอ้กิ๊ฟมันยอมพาแฟนมันไปหรือเปล่า”
ไอ้อ้อยมันถาม ผมส่ายหน้า
 
“ไม่รู้ กูยังไม่ได้คุยกับมัน”
 
“ไป”
แล้วเจ้าของชื่อที่เรากำลังพูดถึงก็เปิดประตูเข้ามา พร้อมใครบางคนที่ผมไม่อยากเห็นหน้าเป็นที่สุด ผมมองไอ้กิ๊ฟก่อนมองคนที่เดินตามหลังมันมาด้วยสายตาว่างเปล่า
 
“ผมเอางานมาให้เซ็น”
 
ผมไม่ตอบรับ แต่พยักหน้าให้รู้ว่าควรจะวางงานไว้ตรงไหน มันเอางานมาวางไว้บนโต๊ะแล้วยืนรอ ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ผมก็ยังไม่เซ็นให้ ส่วนมันก็ยืนคุยอยู่กับเพื่อน ๆ ผมเพื่อรอ โดยที่ผมไม่พูดกับมันอีกแม้แต่คำเดียว
 
“แหมกาย เดี๋ยวนี้ร้อนแรงนะ แอบทำสัญลักษณ์ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ”
ไอ้มอมันเริ่มแซวด้วยความปากหมาของมัน
 
ไอ้ตัวเล็กหน้าแดงก่ำ ซึ่งถ้าเป็นแต่ก่อน ผมจะเห็นว่ามันน่ารักดี แต่ตอนนี้ ผมกลับรู้สึกชิงชังอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกไม่ต่างกับแม่ผู้หญิงที่ร่านพลีกายให้คนนู้นคนนี้ทีแล้วมานั่งยั่วผมไปวัน ๆ
 
“คือผม…”
 
“โทษทีว่ะ เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา กูไปฟัดกับแม่อกอึ๋มไซส์ 36 มา ร้อนแรงเป็นบ้า เขาเลยทิ้งรอยไว้”
ผมรีบตัดเสียงมัน เห็นมันทำหน้าอึ้ง ๆ เงียบปากไป
 
“โหย มึง ไปได้สาวที่ไหนมาวะ”
ไอ้โอมรีบแทรกทันที พูดถึงเรื่องนี้ไม่ได้ ตามันวาว และอีกอย่าง พวกมันชอบไซส์นี้ด้วย
 
พวกผู้หญิงทำเสียงจิ๊จ๊ะ แต่ไอ้กายทำหน้าเสีย ก่อนปรับให้ราบเรียบ
 
ผมกระตุกยิ้ม
 
“คว้าได้แถว ๆ ที่ทำงานน่ะ น่ารักดี สวยเฉี่ยว คมบาดจิต สเป็คกูมึงก็รู้”
ครับ นั่นคือสเป็คจริง ๆ ของผม ซึ่งไอ้กายหลุดออกจากวงโคจรไปไกล ผมเห็นมันยืนกำหมัดแน่น
 
“โหย มึง แล้วได้กี่ยกวะ ลีลาล่ะ”
ไอ้โอมมันถามแบบเจาะลึก
 
“สาม ลีลาสุดยอด”
แล้วผมก็โม้ต่อ อันนี้พูดจริงครับ แต่นานมาแล้ว
 
ไอ้ตัวเล็กหน้าเสียยิ่งกว่าเดิม
 
“แล้วไงต่อ มึงได้ขอเบอร์น้องเขาไว้ไหม”
 
“เปล่า ถึงกูจะชอบขนาดไหน แต่คงมีคนอื่นไม่ได้”
 
“อ้าวทำไม” ไอ้โอมมันถามต่อ
 
“ก็กูต้องแต่งงานกับคนที่พ่อกูหาไว้ให้”
 
“ไอ้เชี่ย ไอ้เน่า มึงไม่ต้องมาแหล”
 
“ใช่ไม่ใช่ มึงก็ถามไอ้อ้อยกันเอาเอง เพราะพ่อกูกับพ่อมัน อยากให้เราแต่งงานกัน แต่กูกับมันไม่ยอม พ่อเลยหันหัวเรือไปที่น้องเอิร์ทลูกอาวิทย์ ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทกูแทน ดูท่าพ่อกูจะถูกใจด้วย น้องเขาก็น่ารักดี เทคแคร์กูดี เลยกะว่าจะเลือกคนนี้แหละ”
 
“จริงเหรอวะอ้อย” ไอ้โอมมันหันไปถาม
 
ไอ้อ้อยพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมบอก แต่อย่างหลังมันยังทำสายตาเคลือบแคลง ผมไม่คิดจะพูดอะไรต่อ  เหล่มองไอ้ตัวเล็กที่ยืนหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม
 
“เอ่อ พี่เอกครับ อาจารย์ชาติบอกจะเอางานวันนี้”
มันแทรกขึ้นมาเสียงอ่อน ผมมองมันด้วยสายตาว่างเปล่า
 
“บอกอาจารย์ว่ารอก่อน พี่มีงานอื่นทำอยู่”
 
มันหน้าเสียยิ่งกว่าเดิม เพื่อน ๆ เริ่มมองแปลก ๆ แล้ว
 
“กูแค่อยากดัดหลังอาจารย์ว่ะ”
ผมพูดให้พวกมันคลายใจ แต่สำหรับกาย ที่ผมเคยบอกมันว่า เพื่อมันผมทำได้ คงจะรู้สึกเสียหน้าอยู่ไม่น้อย
 
“แต่อาจารย์…”
 
“ไปได้แล้ว”
ผมออกปากไล่
 
ไอ้กิ๊ฟมองหน้าผม ก่อนมองไปยังไอ้ตัวเล็ก มันทำหน้าสงสัย แต่ไม่พูดอะไร ส่วนคนอื่น ๆ ไม่ได้สนใจ ไอ้มอมันก็มองงง ๆ
 
“ครับ”
มันรับปากแค่นั้น หันหลังเดินออกไป ผมเห็นตามันเริ่มแดงแล้ว แต่ผมไม่สนใจ
 
“พี่ไปส่ง”

ไอ้โอ๊ครีบวางงาน เดินตามมันไป
 
แม่ม!!
 
มีผู้ชายหลายคนนี่หว่า ไม่ได้มีกูแค่คนเดียว
 
แล้วใครอีกล่ะ
 
ไอ้คุณชรินทร์ ไอ้โอ๊ค ไอ้เป้ ผม หึ มันกะจะคั่วให้หมดเลยซินะ
 
แม่.ง ชีวิตนี้ กูจะเจอคนจริงใจสักคนไหม
 
พอไอ้โอ๊คออกไป เพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ก็พากันทยอยออกไปด้วยเหมือนกัน ผมนั่งทำงานต่อด้วยความหงุดหงิด
 
“กูว่ามึงอาการหนักนะเอก”
 
ผมเงยหน้ามองผู้ช่วยคนสุดท้ายที่เหลืออยู่
 
ไอ้กิ๊ฟครับ
 
“มีอะไร”
 
“ทะเลาะกับกายมารึไง”
มันจี้ได้ตรงจุดมาก ผมนั่งนิ่ง ไม่สนใจตอบมัน
 
“นี่ มีอะไรพูดกันตรง ๆ ไม่ดีกว่ารึไง ไม่เห็นรึไงว่าน้องมันหน้าเสียขนาดไหน”
 
“กูไม่ชอบคนร่าน”
 
ไอ้กิ๊ฟขมวดคิ้วจ้องหน้าผมราวกับเจอหนอนในลูกตา
 
“มึงดีนักนี่”
มันพูดซะผมสะอึก
 
“เอก ถ้ามึงเป็นผู้หญิงน่ะ กูว่ามึงอ่ะ ยิ่งกว่าร่านของร่านซะอีก”
 
เจ็บครับ มันพูดไม่ผิด เพราะผมเป็นพวกฟันไม่เลือก ไม่รับผิดชอบ อ่อยไปทั่ว แล้วอะไรอีกล่ะ
 
แต่นี่แหละสังคม ถ้าผู้หญิงทำดูร่าน ผู้ชายทำดูเพลย์บอย ค่าของคนวัดกันด้วยความแตกต่างทางเพศนี่แหละ
 
แล้วผมก็เพิ่งนึกได้ ว่าผมกำลังยัดเยียดเพศแม่ให้ผู้ชายอย่างไอ้กายมัน
 
แต่มาคิด ๆ ดูอีกที มันเป็นผู้ชาย ยอมให้ผมเอา ยอมให้ผู้ชายด้วยกันเอา มันก็ไม่ต่างกับผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกัน
 
ผมจะดูถูกมันก็ไม่แปลกใช่ไหม
 
“กูไม่รู้ว่าพวกมึงมีปัญหาอะไรกันนะเอก แต่ไอ้กายเป็นคนดี และที่สำคัญกูว่าน้องเขาไม่ได้ร่าน แล้วก็มีแค่มึงคนเดียว”
 
ผมเบ้บาก
 
“มีกูคนเดียว แต่อ้าขาให้ใครอีกหลาย ๆ คนน่ะสิ”
แรงครับคำนี้ แรงจนไอ้กิ๊ฟมันอึ้ง มันถอนใจแรง เดินมาค้ำสองมือไว้ที่โต๊ะ
 
“ก่อนจะตัดสินอะไรใคร มึงค้นหาความจริงให้ดีก่อน ไม่งั้น มันจะกลายเป็นแพะรับบาปที่มันไม่ได้ก่อติดตัวไปตลอดชีวิต”
มันปล่อยมือจากโต๊ะ
 
“และที่สำคัญ คนที่จะเสียใจที่สุด ก็คือมึงนั่นแหละ จำเอาไว้”
มันขู่แค่นั้นเดินไปที่หน้าประตู ก่อนหยุดเท้าตัวเองลง
 
“อ้อ แล้วกูจะบอกอะไรให้นะ”
 
ผมเงยหน้ามองมัน
 
“มึงไม่เชื่อใจน้องมันไม่เป็นไร แต่กูจะเป็นคนหนึ่ง ที่เชื่อมั่นในตัวน้องมัน และเวลาที่กูมองใคร กูมองไม่เคยผิด ส่วนมึง กูไม่สน”
มันพูดไว้แค่นั้นแล้วเดินจากไป
 
ผมทิ้งแผ่นหลังไว้ที่พนักพิง
 
นึกถึงวันและเวลาเก่า ๆ ตั้งแต่วันที่ผมเจอมันครั้งแรก ย้อนมาถึงวันล่าสุด
 
มันไม่ใช่เกย์ มันจูบกับผมเพราะถูกบังคับจากเกมที่พวกผมตั้งขึ้น มันมีอะไรกับผู้ชายครั้งแรก เพราะถูกผมข่มขืน ทั้งเลือด ทั้งรอยถลอก ทั้งใบหน้าเจ็บปวดและน้ำตาที่กำลังไหลพราก สิ่งที่เกิดขึ้นใช่ว่าจะเสแสร้งสร้างกันขึ้นมาได้ง่าย ๆ
 
ตลอดเวลา มันไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มเลย มีแต่ผมนี่แหละที่บังคับมัน ก็มีแค่เมื่อวันก่อน ที่มันแปลก ๆ

แปลกไปมาก
 
ผมขมวดคิ้วจนเป็นปม
 
หรือผมจะคิดอะไรผิดพลาดไป
 
“ไม่มีทาง”
ผมบอกตัวเอง ก้มหน้าทำงานต่อ โดยที่ในหัวยังมีเรื่องของมันวนเวียนอยู่ไม่หยุด
 
To..Be Con... 
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 54 : จากรักเป็นชิงชัง {P.20}{22-3-59} [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-03-2016 20:21:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 54 : จากรักเป็นชิงชัง {P.20}{22-3-59} [เอก...☼]
เริ่มหัวข้อโดย: ้Sin.7 ที่ 22-03-2016 22:01:35
 :z6: ไม่เคยอยากกระทืบพระเอกขนาดนี้มาก่อนเลย เรื่องอื่นฉลาดนัก เรื่องงี่เง่าๆ ขอให้บอกซินะพี่เอก  :z6:
เฮ่อกายจ๋ากายกอดๆ อย่าไปสนใจเลย แช่งให้กายคบคนอื่นแม่ง  :fire:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 55 : รสชาติของความเจ็บปวด {P.21}{4-5-59} 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 01-04-2016 17:19:56
55
รสชาติของความเจ็บปวด
[กาย..♥]





ผมเดินหมดแรงอ่อนล้าไปกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น
 
เมื่อไม่กี่นาทีก่อน ผมยังยืนอยู่บนสรวงสวรรค์ แต่มานาทีนี้ เหมือนผมกำลังตกนรกทั้งเป็น
 
หัวใจผมถูกบีบแน่น เจ็บร้าวไปทั่วทั้งอก
 
‘กูนอนกับผู้หญิงไซส์ 36’

ตอนแรกก็คิดว่าพี่มันพูดแบบนั้นเพื่อปกปิดความจริงกับเพื่อน ๆ แต่สิ่งที่พี่เอกทำคือทับถมผม
 
‘กูจะแต่งงาน’

หึ นี่ซินะ คือสาเหตุที่พี่เอกไม่ตอบรับน้ำคำใด ๆ กลับมา
 
‘มื้อแรกที่เมียทำให้ ต้องกินอย่าให้เหลือ’

หึ ถึงจะอาย แต่ผมก็แอบดีใจที่พี่มันพูดแบบนั้น อย่างน้อยก็รู้ว่าคำรักของผม มันเข้าไปตรึงอยู่ในหัวใจของพี่เอกบ้าง
 
แต่ผมคิดผิด
 
พี่เอกไม่เคยรู้สึกอะไรกับผมเลย
 
ก็แค่คนคนหนึ่ง ที่ผ่านเข้ามา แล้วผ่านเลยไป และคงเป็นอีกคนที่นอนอ้าขาให้พี่แกยำเล่น แล้วเอาไปพูดสนุกปาก ไม่ต่างกับผู้หญิงคนอื่น ๆ
 
ผมหยุดเท้าตัวเองลง หลับตาลงแน่น ยิ้มสมเพชตัวเองนิดหนึ่ง เมื่อรู้ว่ามีสายน้ำอุ่น ๆ ไหลออกมาจากดวงตา
 
ผมคงร้องไห้อีกแล้ว
 
ผมหันหลังหวังก้าวไปยังอีกเส้นทาง เพื่อไปบอกอาจารย์ชาติว่าวันนี้แกคงไม่ได้งานแล้ว ก่อนหยุดนิ่งเพราะมีใครบางคนยืนอยู่ด้านหลัง ผมเงยหน้ามอง แต่ภาพตรงหน้าพร่าเลือนเอามาก ๆ จนผมมองไม่ออกว่าเป็นใคร
         
เขาใช้หลังมือเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มให้ผมเบา ๆ

ผมกะพริบตาหวังไล่หยาดน้ำบางส่วนทิ้งไป ก่อนหยาดน้ำมากมายจะไหลเข้ามาแทนที่ ผมกะพริบตาอีกครั้ง เพื่อมองคนตรงหน้าให้ชัด ๆ อีกที
 
พี่โอ๊ค…
 
เทวดาของผมนี่เอง
 
“พี่โอ๊ค”
เสียงผมทั้งเครือทั้งพร่าจนน่าสมเพช
 
หึ ร้องไห้ให้กับผู้ชายที่ไม่คิดจะเห็นค่าของตัวเอง
 
“พี่เคยเตือนมันแล้วว่าอย่าทำให้กายต้องร้องไห้อีก แต่มันก็ยังทำ” พี่โอ๊คพูดอะไรสักอย่าง ที่ทำให้ผมได้แต่มองตามตาปริบ ๆ
 
“เจ็บมากไหม” พี่มันถามต่อ
 
ถามว่าเจ็บไหม
 
เจ็บครับ เจ็บมาก ๆ
 
แต่ผมไม่ได้ตอบ ปล่อยให้น้ำตาหลั่งรินลงมาเรื่อย ๆ 
 
“เป็นพี่ได้ไหมกาย”
พี่มันถามอะไรต่อ ผมมองหน้าพี่มันด้วยความแปลกใจ
 
“เลือกพี่แทนเอกได้ไหม แล้วพี่สัญญาว่าพี่จะไม่ทำให้กายต้องร้องไห้เป็นอันขาด”
 
ผมกะพริบตาไม่เข้าใจในสิ่งที่โอ๊คพูดแม้แต่น้อย
 
“พี่ชอบกายนะ”
 
ผมยืนอึ้งอยู่กับที่
 
ชอบผม...
 
พี่โอ๊คเนี่ยนะ…
 
ชอบผม
 
“พี่ชอบกาย พี่ไม่รู้ว่าชอบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พี่ตัดสินใจแล้ว ถ้าเอกมันดูแลกายไม่ดี ก็ปล่อยเขาไป กายเลือกพี่แทนได้ไหม”
พี่โอ๊คดึงมือผมไปกุมไว้
 
ผมไม่ได้ให้คำตอบพี่แก แม้จะอึ้งไปกับสิ่งที่ได้รับรู้ แต่ความเจ็บนั้นมีมากกว่า เจ็บจนไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับหัวใจช้ำ ๆ ดวงนี้แล้ว
 
และดวงตาผม ก็ไปปะทะกับคนคนหนึ่งเข้า เขาคนนั้นที่เป็นเจ้าของคำพูดที่ทำให้ผมต้องเจ็บปวด
 
พี่เอกตามมา
 
แล้วพี่เอกจะตามมาทำไม หรือพี่เอกจะตามมาพูดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่น แล้วลากผมขึ้นเตียงเหมือนเดิม
 
พี่เอกเดินมาหยุดอยู่ใกล้ ๆ
 
“ฝากเก็บกวาดด้วยนะ ของเก่าของกู”
 
“แก!! ไอ้เอก!!!”
พี่โอ๊คหันไปง้างหมัดหวังซัดใส่หน้าพี่เอก แต่พี่เอกหลบทัน แล้วพี่แกก็หันหลังก้าวเดินจากไป
 
ผมยืนนิ่ง ราวกับโดนฟ้าผ่า
 
หึ พี่แกแค่เดินมาตอกย้ำ กลับมาพาดพิงให้ผมเจ็บช้ำ กลับมาทำให้ผมรู้สึกด้อยค่าลงไปอีก
 
ภาพวันคืนดี ๆ มันหมดไปแล้ว
 
ผมยิ้มทั้งน้ำตา คว้าจับแขนพี่โอ๊คที่กำลังจะเดินไปหาเรื่องพี่เอกต่อไว้
 
“พอเถอะพี่โอ๊ค”
 
“แต่มันพูดแบบนั้น”
 
“พอ… อย่าทำให้ผมรู้สึกสมเพชตัวเองมากไปกว่านี้เลย”
 
พี่โอ๊คหยุดขาตัวเองไว้
 
“พอแล้ว พาผมออกไปจากที่นี่ที”
ผมร้องขอ
 
ตอนนี้ผมกำลังอ่อนแอ อยากออกไปจากที่นี่ ออกไปจากจุดนี้ ไปให้ไกล ๆ
 

 
พี่โอ๊คพาผมมานั่งอยู่ริมสระ ตรงจุดที่เราเคยนั่งด้วยกันนั่นแหละ
 
“ไหวไหม”
 
ผมนั่งกอดเข่า ทอดมองผืนน้ำนิ่งสงบด้านหน้า หัวเราะออกมาเบา ๆ ไปกับคำถามที่ได้ยิน 'ไหวไหม' คำถามแบบนี้ ผมเคยถามพี่เป้มาก่อน แต่มาตอนนี้ผมกลับถูกถามซะเอง
 
ผมเข้าใจความเจ็บปวดที่พี่เป้พบเจอขึ้นมาทันที
 
พี่เป้คงเจ็บไม่น้อยไปกว่าผม เพราะความรักของพี่เป้ เป็นไปไม่ได้ และความรักของพี่เป้ มีมายาวนานมากกว่าผม
 
ผมซบหน้าลงกับเข่า เอียงคอมองผืนน้ำไร้คลื่นต่อไป
 
 
[ต่อ..40%]



 

              'ใคร.. คนที่เคยรู้ใจ รอยยิ้มที่เคยรู้จัก..
            กำลังจะหายลับไปทุกที...
            คำพูดที่ซึ้งใจ... ที่เคยว่ารักมากมาย...
            ไม่มีอีกแล้วนับจากนี้...
            แต่คนจะไปก็ต้องไป...รักเท่าไหร่แต่ฉันคงทำได้เท่านี้...
            ‘ได้แต่ยินยอมรับความเจ็บปวด...
และฉันจะอดทน... แม้แทบขาดใจ...
ไม่อาจจะวิ่งหนีความจริง... ที่มันโหดร้าย...
จะพร้อมจะยอมเข้าใจความเปลี่ยนแปลง...
จะอยู่เพื่อเรียนรู้ความเจ็บปวด...
จะฝืนเดินต่อไป แม้ไร้เรี่ยวแรง...
และคงมีที่สักวันหนึ่ง... ฉันจะเข้มแข็ง...
ถึงแม้ไม่รู้ต้องนานสักเท่าไร...'                                   
 
ผมนั่งฟังเพลงจากไอพอดตัวจิ๋วไปเรื่อย ๆ ตอนนี้ผมอยู่บนรถทัวร์ฮะ กำลังจะไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าที่ต่างจังหวัด
 
แต่เหตุผลที่แท้จริง คือต้องการหลีกหนีจากใครบางคนมากกว่า ผมไม่ใช่คนเข้มแข็ง อันนี้ผมรู้ดี เที่ยวปลอบใจใครเขาไปทั่ว แต่พอถึงคราวตัวเอง กลับไม่รู้จะทำยังไงซะงั้น
 
เปล่า.. ผมไม่ได้คิดจะหลบหนีตลอดไป แต่แค่ต้องการมารักษาแผลใจให้หายดีเท่านั้น
 
หึ คำรักที่ไร้ค่า
 
การปกป้องที่ไร้ความหมาย
 
สุดท้าย ผมมันก็แค่ไอ้งั่งคนหนึ่ง ที่ไปรักคนที่ไม่สมควรจะรักเข้า
 
หลงรักพระอาทิตย์
 
แล้วสุดท้าย ก็โดนพระอาทิตย์แผดเผาลงกลางดินกลางหญ้า
 
ส่วนเรื่องมหาลัย ไม่มีปัญหาครับ ผมลาอาจารย์มาอาทิตย์หนึ่ง (โดยใช้เส้นของอาจารย์ชาติช่วย)
 
นานหน่อย
 
แต่ผมยังทำใจให้กลับไปตอนนี้ไม่ได้จริง ๆ แม่ก็เป็นห่วง พ่อก็โทรหาตลอด แต่ผมก็ยืนยันว่ายังโอเค
 
ผมไม่อยากพูดกับพ่อ
 
พ่อเชื่อใจผม
 
แต่ผมกลับทำร้ายความเชื่อใจนั้นลงด้วยน้ำมือตัวเอง
 
ผมไม่อยากให้พ่อผิดหวังในตัวผม
 
ผมมั่นใจว่าพ่อเข้าใจ และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างผมเสมอ รวมถึงไอ้เต้ยด้วย ถึงแม้มันจะยังมีเรื่องไม่สบายใจก็เถอะ แล้วไหนจะพี่เชนกับพี่โอ๊คอีก
 
แม่ยังอยู่ที่กรุงเทพ
 
แต่ดีแล้วล่ะ เพราะผมไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจกับสภาพผมในตอนนี้
 
ผมก้าวลงจากรถสองแถว เดินตรงไปตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และต้นหญ้าหลากหลายสายพันธุ์ ผมเอากล้องกับโน็ตบุ๊คมาด้วย ที่นี่ไม่มีเน็ต คงอัพข้อมูลอะไรไม่ได้ แต่ถ้าอยากอัพจริง ๆ ก็นั่งรถเข้าเมืองไปทำก็ได้
 
ผมเดินทอดน่องไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย มันเปลี่ยนไปทุกครั้งที่ผมกลับมา แต่ผมก็ยังจำมันได้ดี
 
ถนนที่ผมเคยวิ่งเล่น…
 
ต้นไม้ที่ผมเคยปีน…
 
บึงน้ำที่ผมเคยมานั่งตกปลา…
 
ทุกสิ่งทุกอย่างที่หล่อหลอมมาเป็นผม
 
เขาว่าทุกคนเกิดจากดิน
 
และตอนนี้ผมกำลังจะกลับสู่ดินอีกครั้ง
 
ผมก้มหยิบก้อนหินก้อนหนึ่งเอาไว้ในมือ แอบนึกถึงเพลงของพี่โรส สิรินทิพย์ตอนนั่งรถทัวร์
 
เพลงก้อนหินก้อนนั้น
 
ถ้าเรากำก้อนหินเอาไว้ในมือ เราก็จะเจ็บมือ แต่ถ้าเราไม่กำ เราก็จะไม่เจ็บ ผมลองกำดู กำแน่นจนเจ็บมือไปหมด แล้วคลายปล่อย
 
ผมเพิ่งรู้นะฮะ ว่ามันเจ็บตอนกำ และกว่าจะหายเจ็บ ก็ใช้เวลานานทีเดียว
 
หัวใจผมก็คงจะเหมือนกัน ยิ่งผมรักพี่เอกมากเท่าไหร่ เวลาที่ผมต้องใช้ในการรักษาเยียวยาหัวใจตัวเองคงมากขึ้นเท่านั้น
 
ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เห็นพระอาทิตย์กำลังส่องแสงเจิดจ้า ราวกับคนกำลังเกรี้ยวกราด
 
นิสัยเหมือนพี่เอกเปี๊ยบ เดี๋ยวร้อนแรง เดี๋ยวอบอุ่น เดี๋ยวอ่อนแสง
 
บางทีผมอาจเป็นพระจันทร์ ที่อยู่บนผืนฟ้าเดียวกันกับพระอาทิตย์ อยู่จุดเดียวกัน แต่ไม่อาจมาบรรจบกันได้
 
เป็นเพศเดียวกัน มีอะไรกันได้
 
แต่ไม่อาจใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันได้อย่างคนปกติทั่วไป
 
มีลูกให้ก็ไม่ได้
 
เอาออกสังคมก็ไม่ได้.
 
ทำให้คนยอมรับก็ไม่ได้
 
ผมยิ้มให้พระอาทิตย์พิโรธ ก่อนก้มมองตรงหน้าอีกที
             
“พี่กาย!!!!!”
มีสาวน้อยหน้าตาน่ารักวัยสี่ขวบวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา ผมรีบวางของไว้ที่พื้นย่อตัวลงไปอ้าแขนรับทันที
 
“เป็นไงบ้าง สาวน้อย”
ผมก้มหอมแก้มนุ่ม ๆ ที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นแป้งเด็กโคโดโมะซ้ายทีขวาที สาวน้อยหัวเราะคิกคัก คงจั๊กจี้
 
“คิดถึงพี่กายที่สุดเลย”
แล้วเด็กน้อยก็หอมแก้มผมคืนบ้าง
 
“โอ้ ในที่สุด พ่อหนุ่มเมืองกรุงก็มาถึงจนได้”
 
ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงใส ๆ ของอาพิม น้องสาวของพ่อ แม่ของไอ้ตัวเล็กที่ผมกอดอยู่
 
“อาพิม”
ผมลุกขึ้นมาหวัดดีและกอดแกไว้เบา ๆ
 
“แหม หลานอาหล่อขึ้นทุกวันเลยนะ”
 
“อานี่ตาถึงแฮะ” ผมแซวยิ้ม ๆ
 
“คิดถึงกายจัง”
 
“คิดถึงอาเหมือนกัน เที่ยวนี้มาแบบไม่มีของฝากนะฮะ”
 
“โอ๊ยแค่เอาตัวมาให้เห็นหน้าก็ดีถมถืดแล้ว ของฝ่งของฝากไม่จำเป็นหรอก”
 
ผมยิ้มรับ ไอ้ตัวเล็กด้านล่างกอดขาผมหมับ ผมก้มมอง อาพิมหัวเราะหึ ๆ พยักหน้ามาทางลูกสาวตัวเอง เจ้าตัวยุ่งคงอยากให้ผมอุ้ม 

ผมยิ้ม ก้มลงไปช้อนอุ้มน้องสาวตัวน้อยมาไว้ในอ้อมแขน สาวน้อยยิ้มจนเต็มหน้า แก้มขาวอมชมพูดูแดงหน่อย ๆ จากความร้อนของพระอาทิตย์ 
 
“ป่ะ เข้าบ้านกันก่อนดีกว่า แดดร้อนจนแสบผิวไปหมดแล้ว”
 
ผมพยักหน้านิด ๆ เงยหน้าขึ้นมองพระอาทิตย์อีกที
 
หึ ขนาดหนีมาตั้งไกล ยังไม่พ้นถูกแสงของพระอาทิตย์ทำร้ายอีกนะ สงสัยต้องไปหาซื้อครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ มาไว้ใช้ซะแล้ว
 
 
 
“หวัดดีครับย่า ลุงพงษ์”
ผมวางเจ้าตัวยุ่งไว้ที่พื้น ยกมือไหว้ญาติผู้ใหญ่สองคนที่ยืนคอยอยู่หน้าบ้าน คนแรกเป็นหญิงสูงวัยผู้ให้กำเนิดพ่อผมมา ส่วนอีกคนเป็นพี่ชายพ่อผมเองครับ หน้าตาละม้ายคล้ายพ่อมาก แต่แกดูคล้ำกว่านิดหนึ่งและแต่งตัวแนวบ้าน ๆ มากกว่า คงเพราะอยู่ต่างจังหวัด ตากแดดตากลมนาน ๆ ไม่เจ้าสำอางเหมือนพ่อผม
 
ผมเดินเข้าไปสวมกอดย่าเบา ๆ ท่านกอดตอบ ลูบหัวลูบแขนผมใหญ่
 
“แหม หลานย่าหล่อจัง”
 
“อยู่แล้วครับ เชื้อปู่ดี”
ผมยักคิ้วให้คนสูงวัยที่เพิ่งเดินออกมาจากตัวบ้าน ผมยกมือไหว้ ท่านเดินเข้ามาใกล้แล้วลูบหัวผมเบา ๆ เหมือนกัน แล้วทุกคนก็พากันสอบถามสารทุกข์สุกดิบ พื้นเพชีวิตเมืองกรุงทั่วไป ผมก็ตอบไปตามจริงบ้าง กวนประสาทกลับบ้างตามประสา
 
ผมยิ้ม ผมหัวเราะ พยายามผ่อนคลายอะไรหลาย ๆ อย่างออกไป ผมกวาดมองทุกคนอีกครั้ง ทั้งปู่ทั้งย่า ทั้งลุงทั้งอาและน้องสาวตัวน้อย ผู้คนที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
 
ผมว่า ถ้าผมอยู่ที่นี่ กับผู้คนเหล่านี้ พวกเขาคงจะช่วยให้ผมรักษาแผลใจได้เร็วขึ้นแน่ ๆ
 
 
ผมอยู่พูดคุยกับทุกคนจนดึก คนแก่เริ่มง่วงหงาว ผมเลยขอตัวไปอาบน้ำ ปล่อยให้คนแก่ได้พักผ่อน หลังจากนั้นก็คว้ากล้องกับข้าวของบางอย่าง เดินออกไปยังลานกว้างหน้าบ้าน เพื่อดูดาว

ผมหยิบกล้องออกมาเซต หวังถ่ายภาพใบหน้าเศร้าสร้อยของตัวเอง ผมอยากเก็บทุกความรู้สึกของตัวเองไว้ อยากรู้เหมือนกัน ว่าเวลาที่ตัวเองเศร้าจะเป็นยังไง
 
ผมตั้งกล้อง มาร์กจุดด้วยสเปรย์ที่พื้น ตั้งจุดที่ผมควรจะยืนหรือนั่ง แล้วให้ตัวกล้องลั่นชัตเตอร์ด้วยตัวเอง ผมสามารถตั้งให้มันกดชัตเตอร์ทุก ๆ สิบวินาที หรืออาจมากกว่านั้นก็ได้
 
เมื่อเซตกล้องเสร็จ ผมก็มายืนมองพระจันทร์อยู่ตรงจุดที่ผมเซตไว้
 
เมื่อตอนกลางวัน ตรงจุดเดียวกัน พี่เอกเพิ่งฉายแสงอยู่ตรงจุดนั้น ผมกำจี้ที่คอ ยกมันขึ้นมากดจูบเบา ๆ
 
แม้จะเจ็บปวด แต่ผมก็ไม่คิดจะถอดสิ่งนี้ออก ผมอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำ
 
ถึงพี่เอกไม่รักผม แต่ผมจะรักพี่เอกต่อไป
 
ผมมาที่นี่ เพื่อมาลบความเจ็บปวดแต่ไม่ได้มาทิ้งความรัก
 
ผ่านไปร่วมยี่สิบนาที กล้องคงหยุดทำงานไปแล้ว ผมกวาดมองไปรอบ ๆ

               ที่นี่เป็นลานกว้าง โอบล้อมลานด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ มีสายลมพัดเอื่อยพอให้กิ่งไม้พากันไหวเอนเบา ๆ ผมไม่ใช่คนกลัวความมืดเลยไม่มีปัญหากับภาพหลอนรอบด้าน หรือเสียงต่าง ๆ ที่พากันดังระงม แต่ถ้าเป็นไอ้เต้ย มันคงบ่นไม่หยุด ยิ่งให้มาถ่ายรูปตอนกลางคืนนี่มันยิ่งไม่เอาใหญ่ เพราะมันกลัวว่าจะถ่ายติดวิญญาณมาด้วย
 
 ผมเพิ่งรู้นะฮะว่าแถวบ้านมีเสาของทรูมาติดด้วย ใช้ 3G ได้สบาย ๆ พรุ่งนี้ผมกะจะเอาภาพที่ผมถ่ายไว้ทั้งหมดลงบอร์ดด้วย
 
ผมเก็บกล้อง มุดตัวเข้าไปในเต็นท์กันยุง มันทำจากผ้าคล้ายมุ้ง โปร่งตา เห็นข้างนอกได้ชัดเลย
 
ผมทิ้งตัวนอนหงาย หนุนหัวไว้บนแขนทั้งสองข้าง ทอดมองท้องฟ้าและหมู่ดาวนับล้านด้านบน ก่อนหยุดดวงตาเอาไว้ยังพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
 
“ผมรักพี่นะฮะ”
ผมสามารถพูดคำนี้ได้โดยไม่กระดากปาก เพราะมันมาจากหัวใจ มาจากความรู้สึกของผมจริง ๆ
 
ผมกำจี้ที่คออีกที ยกขึ้นมากดจูบเบา ๆ




 
ผมนอนมองพระจันทร์ไปเรื่อย ๆ กระทั่งความง่วงเริ่มแทรกแซง ผมถึงได้ลุกเก็บข้าวของเพื่อเข้าบ้าน
 
พอหันหลัง หัวใจผมแทบหยุดเต้น เพราะเห็นผู้หญิงคนหนึ่งมายืนอยู่ใกล้ ๆ ตัวขาว ๆ หน้าขาว ๆ พร้อมเส้นผมที่สยายจนเต็มแผ่นหลังและไหล่ ใส่ชุดสีขาวบาง ๆ ยาวลากพื้น
 
พอเพ่งมองให้ชัด ๆ อีกที
 
“อ้าว อาพิมนี่เอง คิดว่าโดนผีที่ไหนหลอกซะอีก”
 
ดีนะ ที่ตัวเองไม่ใช่พวกขี้กลัวจนหัวหด ไม่งั้นคงได้กรี๊ดแตก หัวตั้ง วิ่งป่าราบ หรือที่เลวร้ายไปกว่านั้น คือฉี่แตก ไม่งั้นคงน่าอายแย่
 
ผีสาวส่งค้อนให้ผมที
 
“ผีที่ไหนจะสวยขนาดนี้ยะ”
ไอ้โรคหลงตัวเองนี่เป็นกรรมพันธุ์ส่วนตัวของครอบครัวผมรึเปล่าฮึ
 
“ครับ เป็นผีที่สวยที่สุดไง”
ผมชมต่อ

อาแกทำท่าเขินใหญ่เลย น่ารักดี
 
อาเดินเข้ามาใกล้ โอบไหล่ผมไว้ แล้วเราสองคนก็พากันเดินไปตามทางเพื่อเข้าบ้าน อาแกตัวเล็กกว่าผมฮะ โอบไม่ค่อยจะถึงแต่ความพยายามแกสูง
 
“มานั่งทำมิวสิกแบบนี้ อกหักมารึไง”
 
จึก!!
 
หอกอันเบ้อเร่อทิ่มอกผมเต็ม ๆ
 
“อาพูดถูกใช่ไหมล่ะ”
 
“ผมรู้แล้วล่ะ ว่าผมฉลาดเหมือนใคร”
ผมชมยิ้ม ๆ กลบเกลื่อนความเจ็บจี๊ด ๆ ในหัวใจตอนนี้
 
อาแกยิ้ม
 
“ไม่เป็นไรนะหลานรัก รักให้เป็น ทุกข์ให้เป็น เราจะได้รู้ค่าของมันทีหลัง”
 
ผมจ้องตาแกกลับ ก่อนพยักหน้ารับ
 
“อกหักสักครั้งมันไม่ตาย~”
อาครวญเป็นเพลง ทำท่าจะร้องต่ออีก ผมรีบเบรกเอาไว้ทันที
 
“พอเถอะฮะอา สงสารจิ้งหรีดจิ้งเหลนแถวนี้บ้าง มันคงไม่อยากฟังเสียงโหยหวนของอาเท่าไหร่”
 
โป๊ก!!
ผมได้มะเหงกมาลูกใหญ่เลย
 
“ปากนะนั่น”
 
“เชื้อย่ามันแรง”
แอบนินทาผู้ใหญ่นี่เป็นนิสัยที่ไม่ดีนะฮะ แต่เรื่องปากปีจอนี่ ผมรับรองได้ว่าได้มาจากคุณย่าชัวร์ ๆ
 
“ถ้าย่าได้ยิน คงรีบวิ่งเอาไม้ตะพดมาเคาะหัวโน”
 
“ฉลาดน้า ได้พรจากไม้ตะพดย่าเนี่ย”
ผมยังแซวต่อไม่หยุด
 
พอเข้าบ้าน คิดว่าทุกคนหลับกันหมดแล้ว แต่ที่ไหนได้ อยู่กันครบเชียว ผมเลยไปนั่งล้อมวงคุยกับพวกท่านต่อ
 
ผมยิ้ม ผมหัวเราะ ผมมีความสุข
 
แผลใจของผมกำลังถูกเยียวยารักษาทีละเล็กทีละน้อยแล้ว
 
ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ นั่นท่าจะจริง
 
เพราะทันทีที่ผมมั่นใจว่ารักพี่เอกปุ๊บ ความทุกข์ก็วิ่งเข้ามาแตะมือผมทันที
 
แต่ถึงยังไง ผมก็ยังเลือกที่จะรักพี่เอกอยู่ดี
 
ถึงจะไม่สมหวังก็เถอะ 
 
To be con..
รักน้องกาย ไม่รักพี่เอกแล้วตอนนี้ รักคนอ่าน
หนึ่งเม้นท์หนึ่งกำลังใจค่ะ ^^
#kisslove #เอกกาย

ฝากอ่าน>>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47105
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 55 : รสชาติของความเจ็บปวด {P.21}{1-4-59}40%
เริ่มหัวข้อโดย: ้Sin.7 ที่ 01-04-2016 18:55:32
 :m16: :m31: ทำน้องกายของฉันทำไมไอ่พี่เอกแกนะแก ตอนจบเปลี่ยนพระเอกค่าาาาา ทนไม่ได้ทำน้องกายสุดน่ารักของเจ้ต้องร่ำไห้ ตบพี่เอกมันไปเลยเปลี่ยนค่ะเปลี่ยนนนนนนน
 :z6:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 55 : รสชาติของความเจ็บปวด {P.21}{1-4-59}40%
เริ่มหัวข้อโดย: live_evil ที่ 02-04-2016 17:15:10
อย่าหายไปนานเลยน้า
มาต่อไวๆเถอะ อยากอ่านมากกกก
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 55 : รสชาติของความเจ็บปวด {P.21}{1-4-59}40%
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 02-04-2016 19:44:55
เอกดีแตกมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 55 : รสชาติของความเจ็บปวด {P.21}{1-4-59}40%
เริ่มหัวข้อโดย: zenesty ที่ 24-04-2016 23:15:12
อ๊าากกกกกกกก.  ค้าง! อย่างแรง  รอๆๆๆ   :katai1: :katai1: :katai1:
 รอมาใกล้จะเดือนก้อยังรอ รอต่อไป เคืองอีพี่เอก หึงไม่ดูไรเล้ยยยยยย:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 55 : รสชาติของความเจ็บปวด {P.21}{1-4-59}40%
เริ่มหัวข้อโดย: live_evil ที่ 25-04-2016 03:13:53
มาอัพต่อเถอะนะคะ รออ่านอยู่ อย่าหายไปนาน 55+
ไม่อยากเข้าไปอ่านในเด็กดี เพราะมันตัดบางฉาก
เลยมารออ่านเต็มๆในเว็บนี้  :hao5:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 55 : รสชาติของความเจ็บปวด {P.21}{1-4-59}40%
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 25-04-2016 11:55:33
โอ้ยยยยยยมาต่อเร็วๆน้าาาาาาาาาาเค้าไม่ถนัดไปอีกที่ อยากเฝ้าที่นี่ที่เดียวอะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 55 : รสชาติของความเจ็บปวด {P.21}{4-5-59}100%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 05-05-2016 13:14:00
ขอ  :z6: ไอ้พี่เอกทีเถอะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 55 : รสชาติของความเจ็บปวด {P.21}{4-5-59}100%
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 06-05-2016 19:40:41
มาต่อแล้ววววววววมาบ่อยๆยิ่งดี มาต่อทุกวันเราก็จะมาเฝ้าทุกวัน เพื่อรอกาย :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 55 : รสชาติของความเจ็บปวด {P.21}{4-5-59}100%
เริ่มหัวข้อโดย: ้Sin.7 ที่ 06-05-2016 21:29:54
ฉันรอเธอมานานแสนนาน สาธุให้กายรักอิฐจบ เย้
คิดถึงกายยยยยยยยยยยยย  :hao5: นานมากเลยกว่าจะมาที่รักอย่าทรมานฉันอีกเลย อัพทุกอาทิตย์เถอะนะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 55 : รสชาติของความเจ็บปวด {P.21}{4-5-59}100%
เริ่มหัวข้อโดย: live_evil ที่ 08-05-2016 16:15:14
มาต่อไวๆนะคะ รออ่านอยู่  :katai5:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 55 : รสชาติของความเจ็บปวด {P.21}{4-5-59}100%
เริ่มหัวข้อโดย: uglydutchy ที่ 08-05-2016 22:08:56
รอๆ มาต่อเร็วๆนะคะ
อ่านรวดเดียวเลย ชอบมากกกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 55 : รสชาติของความเจ็บปวด {P.21}{4-5-59}100%
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 08-05-2016 22:51:21
น้องกายยยย สู้ๆน้าาาา เกลียดอิพี่เอกมากก ไม่หนักแน่นเลย
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 55: เข้าใจ [P.21 D.23-5-59] ♥ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 24-05-2016 09:19:36
ตอนเข้าใจไม่ขึ้น ไม่มีให้อ่านนนนนนนนนนฮื้ออออออออยากอ่าน
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 55: เข้าใจ [P.21 D.23-5-59] ♥ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 24-05-2016 11:12:36
เข้ามารอ  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 55: เข้าใจ [P.21 D.23-5-59] ♥ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 24-05-2016 12:24:32
 :z13:
ไหนๆตอนเข้าใจจจจ
หัวข้อ: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เข้าใจ [P.21 D.10-6-59] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 28-05-2016 12:11:04
ตอนที่ 56 : เข้าใจ [เอก...☼]


 
ผมนั่งทำงานแบบฟาดหัวฟาดหางมาได้มาหลายวันแล้ว พวกเพื่อน ๆ แทบจะเข้าใกล้กันไม่ได้ ทุกคนพากันตระหนกตกใจกันหมด
 
ยกเว้นไอ้โอ๊ค
 
ผมไม่รู้ว่ามันเอากายไปกกไว้ที่ไหน ผมไม่เห็นมันมาหลายวันแล้ว แต่ผมไม่ได้ถามใคร ว่ามันหายหัวไปไหน
 
ผมขับรถไปที่บ้าน ก็เห็นบ้านมันล็อกอยู่ แม่คงไปเชียงใหม่
 
แล้วไอ้ตัวเล็กล่ะ
 
หรือมันไปค้างบ้านผู้ชายคนอื่น
 
ผมไม่ได้อาลัยอาวรณ์ แต่อยากตามไปเหยียบมันให้มากขึ้นแค่นั้นเอง
 
แต่มันไปไหน?
 
ผมกับไอ้โอ๊คแทบจะมองหน้ากันไม่ติด มันไม่พูดอะไรเกี่ยวกับกายเลย ผมก็เฉย ๆ ถ้ามันคิดจะหักหลังเพื่อนแบบผมได้ ผมก็ไม่คิดจะรับมันไว้เป็นเพื่อนเหมือนกัน (นอกจากมันจะสำนึกผิดน่ะนะ)
 
ดูไอ้เป้มันก็เฉย ๆ และที่สำคัญไปกว่านั้น มันกับไอ้เต้ยยังมีพฤติกรรมเหมือนเดิม สายตามันยังมองไอ้เต้ยแบบเดิม จนผมชักไม่แน่ใจเรื่องมันกับกาย
 
แล้วภาพที่ผมเห็นวันนั้นล่ะ คืออะไร
 
ภาพมันกับกายที่โอบกอดกันไว้
 
ผมหงุดหงิดฟาดหัวฟาดหางให้กับทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน และที่มหาลัย
 
“ไอ้หมาเอก ยังไม่ถึงเดือนสิบสอง มึงเป็นบ้าอะไร” ไอ้อ้อยมันคงทนไม่ได้
 
“เปล่า”
 
“มึงนี่หัดมีสติซะบ้างสิ ถ้าอดอยากมากนัก ก็หาที่ระบายซะบ้าง” ไอ้มอมันแนะนำตามสไตล์มัน
 
“ว่าแต่ หนึ่งในกิ๊กมึงอ่ะ ไอ้กายมันหายไปไหน ไม่เห็นมันมาหลายวันแล้วนะ ปกติเห็นโผล่มาแทบทุกวัน” มันถาม
 
ผมหน้าหงิกยิ่งกว่าเดิม
 
“มึงไม่ต้องมาเรียกชื่อนั้นให้กูได้ยิน”
 
ไอ้มอมันหันมามอง
 
“นี่ตกลง ที่มึงมานั่งฟาดหัวฟาดหางแบบนี้ เพราะเรื่องของไอ้กายมันใช่ไหมเนี่ย”
 
“เปล่า”
 
“กูว่าร้อยเปอร์เซ็นต์เลย แม่ม.. มึงนี่ แล้วนี่ไอ้กายมันหายไปไหน”
 
“กูไม่รู้ ไม่เกี่ยวกับกู”
 
“ไม่เกี่ยว.. แต่แค่ตัวเชื่อมติดกัน มึง ก่อนที่มึงจะโดนพวกกูยำตีน รีบไปเคลียร์กับมันให้เรียบร้อยดีกว่า”
 
“ทำไมต้องเคลียร์ กูกับมันไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
 
คราวนี้ ทุกคนหันมามองหน้าผมกันหมด
 
“ก็แค่คู่นอนชั่วคราว และตอนนี้กูก็เบื่อแล้วด้วย”
 
ตึง!!!!
 
ผมเงยหน้ามอง ตอนแรกคิดว่าเป็นไอ้โอ๊ค แต่ที่ไหนได้...
 
เป็นไอ้เป้
 
มันถีบเก้าอี้ว่างตรงหน้ามันเสียงดัง เดินลิ่ว ๆ เข้ามาหา แล้วง้างหมัดซัดใส่ปากผมเต็มแรง ผมหน้าหันไปตามแรงหมัดก่อนค่อย ๆ หันกลับมามอง ทุกคนอ้าปากตาค้างไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น
 
“เอ้ย!! มึงทำอะไรวะเป้!!” ไอ้มอที่ได้สติก่อนรีบท้วงขึ้น
 
“หึ จะทำอะไร ก็ปกป้องเมียมันไง!!” ผมตะคอกตอบแทน “ได้กันกี่ครั้งแล้วล่ะ ถึงได้ลุกขึ้นมาปกป้องกันขนาดนี้”
             ต่อมหงุดหงิดผมถูกรบกวนอย่างหนัก ทำให้พูดอะไรออกไปโดยไม่ยั้งคิด จริงไม่จริงไม่รู้ ขอพาลไว้ก่อน
 
“กูผิดหวังในตัวมึงมากเลยนะเอก ถึงมึงไม่คิดจะจริงจัง แต่กูก็คิดว่ามึงจะให้เกียรติน้องกูบ้าง มึงทำแบบนี้ก็ไม่ต่างกับตัวเหี้ยดี ๆ นี่เอง น้องกูก็อุตส่าห์รักอุตส่าห์ชอบมึง แต่มึงกลับเอาความรักของน้องเขามาขยี้ขยำเล่น”
 
“มึงไม่ต้องมาพูดดี มึงก็เป็นไอ้ตัวเหี้ย ที่อยากเอาน้องมาเป็นเมียเหมือนกัน!!”
 
ทุกคนพากันเงียบกริบ
 
ดวงตามันวาวโรจน์ขึ้น ก่อนนิ่งสงบลง
 
“ใช่ กูยอมรับ กูอยากเอาน้องตัวเองมาเป็นเมีย เพราะกูรักมัน แต่ความเป็นคนของกูก็ยังอยู่ ยังทำให้กูรู้จักยับยั้งชั่งใจ พยายามตัดใจจากมัน แต่คนอย่างมึง กลับเอาคนดี ๆ มาเป็นเครื่องระบายอารมณ์ พอหมดประโยชน์ก็เขี่ยทิ้ง”
 
มันสูดลมหายใจเข้าปอดลึก
 
“กายเคยแนะนำกูไว้ครั้งหนึ่ง ว่าทำไมกูไม่ลองหาใครสักคนที่ทำให้กูรู้สึกสบายใจที่ได้อยู่ข้าง ๆ กูก็บอกไปว่า กูไม่อยากเอาหัวใจใครมาเป็นเครื่องมือ แต่ถ้าถามว่ากูอยู่กับใครแล้วสบายใจที่สุด ก็คงเป็นมัน... ในเวลาที่กูเหนื่อย มันก็มาให้กำลังใจกู ในเวลาที่กูเสียใจ มันก็มาปลอบใจกู ในเวลาที่กูร้องไห้ ก็มีมันนี่แหละ ที่คอยซับน้ำตาให้ มีแค่มันคนเดียว ที่คอยโอบกอดกูไว้ในเวลาที่กูอ่อนแอที่สุด”
 
พวกเพื่อน ๆ พากันเงียบกริบ
 
ไม่ต่างกับผม
 
โอบกอด…
 
ในเวลาที่มันอ่อนแอที่สุด
 
งั้นภาพที่ผมเห็นในวันนั้น…
 
“กูเคยบอกมันว่าถ้าไม่ติดว่าจะโดนมึงฆ่า กูคงคว้ามันมาคบเพื่อให้ตัดใจจากน้องกูไปแล้ว แต่ตอนนี้กูเปลี่ยนใจแล้วว่ะ ถ้ามึงไม่ต้องการมันแล้ว จะทิ้งจะขว้างมัน กูก็ยินดีรับของเหลือเดนจากมึง เพราะเดนของมึง มันเป็นสิ่งมีค่าสำหรับหัวใจที่บอบช้ำของกู ขอบใจที่มึงทิ้งมัน เพราะมันเป็นโอกาสที่กูจะได้หัวใจดวงใหม่ ที่มีคุณค่ามาไว้ในครอบครอง”
มันพูดแค่นั้น แล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป
 
ทิ้งทุกคนไว้ให้อยู่กับความเงียบ
 
เงียบอยู่นานมาก จนมีเสียงเลื่อนเก้าอี้ออกเบา ๆ ผมและเพื่อน ๆ หันไปมองคนที่ทำให้เกิดเสียงนั้น

“กูเคยบอกมึงแล้วนะเอก ว่าอย่าทำให้กายร้องไห้อีก แต่มึงก็ยังทำ ถ้ามึงไม่ต้องการกายแล้วจริง ๆ งั้นก็ปล่อยกายให้เป็นอิสระ อย่าไปยุ่งกับมันอีก แล้วกูจะเป็นคนดูแลกายแทนมึงเอง”
มันพูดแค่นั้นแล้วเดินจากไป ทิ้งเพื่อน ๆ ทุกคนให้ยืนตะลึงกับคำสารภาพที่ทุกคนไม่เคยรู้
 
“ที่ไอ้โอ๊คพูดหมายความว่ายังไง” ไอ้โอมมันถามขึ้นมามึน ๆ
 
“ก็หมายความว่า มันชอบกายยังไงล่ะ แต่กายมันมีหมาคอยหวงไว้ มันเลยชอบไม่ได้ พอหมาคิดจะทิ้ง มันก็เลยคิดจะเสียบ ก็ดี เพราะจะว่าไปแล้ว ไอ้โอ๊คก็นิสัยดี แต่ถ้าให้เครดิต กูให้ไอ้เป้ว่ะ เพราะรายนั้น รักใครรักจริง และถ้าเรื่องที่มันพูดเป็นเรื่องจริง มันจะได้ตัดใจจากน้องมันได้ด้วย”
ไอ้กิ๊ฟมันพูด พาเอาทั้งตัวทั้งหน้าและหัวใจของผมรู้สึกชาและด้านไปหมด
 
“คนเรามีของมีค่าอยู่ในมือ แต่ไม่รู้วิธีรักษา ค่ามันก็สูญเปล่า”
มันย้ำต่อ
 
ผมยังคงนั่งนิ่ง ภายใต้สายตาประณามหยามเหยียดจากเพื่อน ๆ
 
“อ้อ ไอ้เอก กูมีเรื่องจะถามมึงด้วย”
 
ผมเงยหน้าเหม่อ ๆ มองมัน ตอนนี้สมองผมกำลังตียุ่งไปหมด ไม่รู้เรื่องไหนเป็นเรื่องไหนแล้ว
 
เหมือนถูกน็อกกลางอากาศ
 
“กายเขาเคยเจอพวกน้องชายมึงแล้วใช่ไหม”
 
ผมพยักหน้า
 
“แล้วมันเคยพูดอะไรเกี่ยวกับน้องมึงให้ฟังรึเปล่า”
 
ผมส่ายหัว
 
มันล้วงหยิบมือถือขึ้นกด สักพักเสียงข้อความจากมือถือของผมที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น ผมเหลือบตามอง ก่อนหันไปมองไอ้กิ๊ฟอีกที มันพยักหน้าทีเดียวมายังมือถือเครื่องนั้น ผมจำใจต้องหยิบมันขึ้นมาดูอย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
 
สิ่งที่เห็นคือกายกำลังถูกจูบ จากใครบางคนที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับผม แต่ไม่ใช่ผมแน่ ๆ
 
“กูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะ แต่นี่พวกทโมนมันส่งมาให้กูดู มันได้มาจากมือถือของไอ้อาร์ตอีกที”
 
ผมนั่งอึ้ง
 
“กูสงสัยว่าทำไมไอ้อาร์ตถึงมาจูบกับกายได้”
 
ผมก็สงสัย เพราะจากภาพที่มอง กายไม่ได้มีท่าทีสมยอม ดูจะขัดขืนด้วยซ้ำ ทำให้ผมนึกไปถึงวันสุดท้ายที่มันทำงาน วันที่มันมีท่าทีแปลก ๆ
 
‘พี่เอกใช่ไหม’
ท่าทีตระหนกทุกครั้งที่เจอผม การปัดป้องเหมือนคนกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่างจากผม
 
“มันเคยโทรมาถามกู ว่ารู้วิธีแยกมึงกับอาร์ตออกไหม กูก็บอกมันไปว่า อยู่ไปนาน ๆ ก็รู้เอง มันถามว่ามีวิธีที่เร็วกว่านั้นไหม เพราะมันต้องการแยกออกตอนนั้นเลย มันหมายความว่ายังไง แล้วทำไมมันต้องรีบแยกให้ออกขนาดนั้น แล้วทำไมคนที่จูบกายไม่ใช่มึง แต่เป็นไอ้อาร์ต”
มันไล่จี้ผม และผมก็กำลังไล่จี้ก้านสมองตัวเอง
 
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมยังจำสายตาหวาดผวาเวลาที่มันเจอผมได้ และความรู้สึกจากจูบที่มันมีให้ผม จูบที่หนักหน่วง แล้วยังร่องรอยเหมือนมีคนจงใจมาจูบมากกว่าจูบแบบปกติที่ผมเคยจูบมัน
 
“กูไม่ฉลาดพอว่ะเอก แต่มึงก็โง่กว่ากู ที่ทิ้งคนดี ๆ แบบกายไป ถ้ากูเป็นผู้ชาย กูก็อยากจะเอากายมาเป็นเมียเหมือนกัน แต่บังเอิญกูเป็นผู้หญิง เลยอยากได้ผู้ชายแมน ๆ ไม่ใช่แบบเมีย ๆ อย่างน้องมัน แล้วมึงก็โง่ ที่ทิ้งเมียดี ๆ ให้คนอื่นคาบไปแดก”
มันพูดใส่หน้าผมแค่นั้น แล้วหันหลังเดินจากไป
 
ผมรู้ว่ามันกำลังโกรธ มันรักกายเหมือนน้องเหมือนนุ่ง และมันก็คงจะเดือดร้อนแทน
 
พวกเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ที่เหลือก็พากันทยอยเดินออกไป ทิ้งให้ผมนั่งอยู่คนเดียวเงียบ ๆ หลังโต๊ะทำงาน
 
มันเงียบเอามาก ๆ จนได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของตัวเองคลอไปกับเสียงแอร์ภายในห้อง ผมก้มมองภาพในมือถือตัวเองอีกที ภาพของไอ้ตัวเล็กที่กำลังถูกใครบางคนจูบอยู่
 
และคนคนนั้นก็เป็นน้องชายของผมเอง

ไอ้อาร์ต


[50%]



 
ผมรีบขับรถตรงดิ่งกลับบ้าน เดินไปกระชากเปิดประตูห้องนอนของไอ้อาร์ตออก มันหันมามองขณะกำลังปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออก ผมเดินไปสวนหมัดซัดใส่ใบหน้ามันทันที จนมันเสียหลักล้มไปนอนกองอยู่ที่พื้น ผมตามไปคร่อมร่างมันไว้ จับคอเสื้อมันยกขึ้นมากระชากถาม
 
“มึงทำอะไรกาย!!”
 
มันมองผมตะลึง ๆ ก่อนคลี่ยิ้มเย็น
 
ปกติเวลาผมคบใคร ผมไม่ค่อยจะมีเวลามาเทคแคร์ดูแลใครเท่าไหร่ พอผู้หญิงเหล่านั้นมาเจอไอ้อาร์ต บางทีก็พากันเปลี่ยนใจจากผมไปหามันก็มี
 
บางคนนะ ไม่ใช่ทุกคน
 
วันแรกที่เจอกัน ผมถึงไม่ไว้ใจให้กายอยู่กับมันเพียงลำพัง กลัวกายเปลี่ยนใจ แต่ดีที่มีอิฐอยู่ เลยพอจะช่วยหารความหวาดระแวงลงไปได้บ้าง แต่ไม่คิดว่ามันจะกล้าทำอะไรแบบนั้นในร้าน
 
ผมไม่รู้ว่ามันทำอะไรไปบ้าง กายถึงได้ทำท่าหวาดกลัวขนาดนั้น
 
แล้วผมก็ยังไปซ้ำเติมมันอีก
 
ในเวลาที่มันหวาดกลัว มันคว้าผมไปกอดเพื่อให้คลายความหวาดผวา แต่ผมกลับคิดว่ามันกำลังทำตัวร่าน ไม่ต่างกับพวกผู้หญิงที่ผมเคยเจอ
 
“คิดอะไรมากล่ะพี่ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้หญิงของพี่มาชอบผมซะหน่อย”
 
“แต่กายไม่ใช่ผู้หญิง”
 
มันเลิกคิ้วสูง
 
“แต่คนที่มายั่วผมก่อนคือกายนะ ทั้งกอดและจูบ กายก็เป็นคนเริ่มก่อนทั้งนั้น ไม่ใช่ผม”
 
ผมง้างหมัดใส่จนมันเลือดกบปาก
 
“กายไม่ใช่คนแบบนั้น”
 
มันยกยิ้มมุมปาก
 
“ใช่ไม่ใช่ กายก็เป็นคนเริ่มก่อน”
 
ผมกำหมัดแน่น ซัดมันไปอีกที แต่ครั้งนี้มันหลบและสวนผมกลับ
 
“พี่ไม่เคยจริงจังกับใครอยู่แล้วนี่ แล้วมาเดือดร้อนอะไรกับคนคนเดียว”
 
ผมง้างหมัดไว้เหนือหน้ามัน
 
“มึงทำอะไรกาย” ผมถามเสียงเครียด
 
มันยิ้มพราว
 
“ไม่มีอะไร ก็แค่จับ..”
มันพูดเนิบ ๆ ช้า ๆ ราวกับจะยั่วยวน
 
“แล้วก็จูบ...”
 
ผมพยายามระงับอารมณ์ตัวเองอีกที
 
“ลูบ ๆ คลำ ๆ แค่นั้นแหละ หวานลิ้นดี เสียงครางก็อื้อฮือ ทำเอาผมตั้งเลย”
 
ผมตัดสินใจง้างหมัดใส่หน้ามันอีกทีเต็มแรง แล้วผละตัวลุกหนีมา
 
ทำไมผมไม่เอะใจเรื่องนี้
 
ผมรีบล้วงหยิบโทรศัพท์มากดหามัน แต่มีเพียงเสียงข้อความตอบรับเท่านั้น ผมกระหน่ำโทรอีกแทบจะติด ๆ กันเหมือนพวกโรคจิต
 
นึกถึงแววตาตัดพ้อ
 
นึกถึงสายตาเจ็บปวด
 
นึกถึงคำพูดและการกระทำผสมหวาดกลัวของมันแล้วอยากกระทืบตัวเองให้จมดิน
 
จะอีกกี่ครั้งกันที่ผมต้องทำให้มันเจ็บปวด ด้วยการกระทำของตัวผมเอง
 
ด้วยปากผมและหัวใจผม
 
ผมผลักไสมัน ทั้ง ๆ ที่มันรักผม
 
และผมก็….


 
ผมโทรศัพท์เข้าบ้านก็ไม่มีคนรับ ผมไม่มีเบอร์แม่ ที่เชียงใหม่ผมก็ไม่รู้ ไม่รู้เบอร์พ่อมันด้วย
 
ผมหยุดเท้าที่กำลังก้าวเดินเอาไว้กับที่
 
ผมเคยรู้เรื่องอะไรของมันบ้าง
 
นอกจากไซส์ตัวมัน
 
นอกจากทำให้มันเหน็ดเหนื่อย ทรมานและทุกข์ทน
 
ผมรู้อะไรเกี่ยวกับมันบ้าง
 
ผมจำใจโทรหาไอ้กิ๊ฟ มันกดรับหลังจากปล่อยให้ผมยืนฟังเพลงรอสายอยู่นานสองนาน
 
‘ว่ามา’
 
ผมอึกอักอยู่พัก ก่อนถามมัน
 
“มึงรู้ไหม ว่ากายอยู่ไหน”
 
‘กูไม่รู้ แต่เห็นอาจารย์ชาติบอกว่า กายลาหยุดยาวอาทิตย์หนึ่ง หรืออาจมากกว่านั้น ไปต่างจังหวัด’
 
ผมยืนอึ้ง
 
นี่ถึงขนาดต้องหนีผมไปไกลเลยเหรอ แล้วมันไปอยู่ที่ไหน
 
ผมรีบกดมือถือให้เลขาจองตั๋วเครื่องบินแบบด่วนให้ผม
 
ตอนนี้ใจผมร้อนยิ่งกว่าลาวาซะอีก
 
ผมทำร้ายมันครั้งแล้วเล่า ทั้งที่บอกจะเชื่อใจมัน แต่กลับเป็นคนที่เชื่อใจมันน้อยที่สุด ในขณะที่คนรอบข้าง เห็นคุณค่าของมัน และกำลังจะแย่งมันไปจากผม
 
ผมได้เที่ยวบินด่วนภายในสองชั่วโมง และไม่เกินสามชั่วโมงนับจากจองตั๋ว ผมก็มายืนอยู่หน้าบ้านของไอ้ตัวเล็กเรียบร้อย
 
ผมกดกริ่ง คาดหวังว่าจะได้เจอมันที่นี่ เห็นมันเดินหัวฟูออกมาเปิดประตู ผมจะได้กอดมันได้ บอกขอโทษมันได้
 
แต่คนที่เดินออกมา กลับเป็นแม่มันเท่านั้น
 
“คุณแม่”
 
แม่มีสีหน้าแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นผม ผมยกมือไหว้
 
“กายอยู่ไหมครับ”
 
แม่เลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ
 
“มีอะไรหรือเปล่า กายไม่ได้อยู่เชียงใหม่หรอก ไปน่านหาปู่หาย่าน่ะ”
 
หัวใจผมแป้วไปเยอะ
 
“คืออยู่ที่ไหนครับ ผมอยากไปหา”
 
แม่มองผมด้วยสายตาแปลก ๆ ผมไม่รู้ว่าท่านจะสงสัยอะไรไหม แต่ถ้าแม่ถามผมก็จะยอมรับตรง ๆ
 
“แน่ใจนะ”
 
ผมขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
 
“ครับ?”
 
“แน่ใจกับสิ่งที่กำลังจะทำ แม่ไม่เคยเห็นกายเป็นแบบนี้มาก่อน คนเป็นแม่ทนไม่ได้หรอกที่จะเห็นลูกตัวเองเสียใจ”
 
ผมเข้าใจความหมายที่แม่ต้องการจะสื่อทันที
 
“ผมเข้าใจครับ และผมก็เสียใจที่ทำให้กายเสียใจ”
ผมมองตาแม่ตรง ๆ
 
“แม่ไม่ชอบให้ใครมาสัญญา เพราะมันไม่เคยยั่งยืน แต่ให้รู้ไว้ ว่ากายมีหัวใจ และกายก็เป็นหัวใจของใครอีกหลาย ๆ คน การที่เขาเจ็บ ไม่ได้ทำให้หัวใจของเขาเจ็บเพียงคนเดียว แต่ยังมีหัวใจที่รักเขาอีกหลาย ๆ คนต้องเจ็บตามไปด้วย”
 
“ครับ และตอนนี้ หนึ่งในนั้นก็คือหัวใจผมเอง”
 
แม่จ้องหน้าผมนิ่ง ๆ
 
“คืนนี้ไม่มีรถหรอก ต้องค้างที่นี่แหละ พรุ่งนี้จะขับไปส่ง ขืนบอกเส้นทางให้ไปคนเดียว คงได้เตลิดไปลาวแน่ ๆ”
แม่บอก
 
ผมยิ้มจนเห็นฟัน
 
“ถ้าพ่อเขารู้ นายได้โดนแหกอกแน่”
 
“ผมยอมครับ เพราะผมทำเขาเจ็บเยอะกว่า”
 
แม่หันมามองหน้า ไม่ได้พูดอะไร แต่เดินนำผมเข้าไปภายในบ้านและพาขึ้นไปยังชั้นสอง
 
“ตอนแรกว่าจะให้นอนห้องรับแขก แต่ไปนอนห้องกายดีกว่า เพราะวันนี้จะมีแขกไม่ได้รับเชิญมานอนด้วย แล้วก็เตรียมล้างหน้ารับหมัดไว้ด้วยล่ะ”
 
ผมเสียวสันหลังวูบ
 
ไม่ต้องบอกเลยครับ ว่าแขกไม่ได้รับเชิญคนนั้นเป็นใคร
 
ผมเดินเข้าไปภายในห้องที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างเรียบ ๆ แต่คงความเป็นไทยเอาไว้ เพียงแค่ก้าวเข้ามาผมก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันทีไม่ต่างกับมีมันอยู่ในอ้อมแขน

ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ลูบไล้ฝ่ามือไปมา หวังสัมผัสให้เจอเรือนร่างของมัน
 
แต่สิ่งที่สัมผัสได้ มีเพียงความว่างเปล่าและความเงียบเหงาเท่านั้น

ผมหลับตาลง ภาพมากมายก็หลั่งไหลเข้ามา
 
มันเป็นคนใจดี มีความอดทน ทำเพื่อคนอื่น และชอบที่จะมีความสุข เวลาที่มันมีความทุกข์ มันจะเก็บเอาไว้คนเดียว แต่เวลาที่มันมีความสุขมันชอบแบ่งปันความรู้สึกดี ๆ ผ่านทุกเส้นทาง
 
ผมมองไปยังคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ชั่งใจอยู่พัก ก่อนตัดสินใจ ลุกจากที่นอนเดินไปเปิด
 
สิ่งแรกที่เห็น พาเอาผมต้องตะลึง
 
เพราะภาพแบล็กกราวน์ของคอมพิวเตอร์เป็นภาพของตัวผมเอง

‘ดั่งดวงอาทิตย์’
 
และเมื่อกี้ถ้าผมจำไม่ผิด ตรงฝาบ้าน ก็มีภาพดั่งดวงอาทิตย์ของผมรวมอยู่ด้วย
 
ผมมองไปรอบ ๆ ห้องอีกที มีภาพอื่น ๆ ของผมประดับอยู่ที่ข้างฝาอีกสองภาพ ทั้ง ๆ ที่มันยังไม่มีโอกาสได้มาอยู่ที่นี่จริง ๆ จัง ๆ แต่กลับมีสิ่งที่เป็นผมอยู่ตั้งหลายจุด ผมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องมันก่อนหันมายังคอมพิวเตอร์ตรงหน้าอีกที
 
ผมคลิกเปิดไปที่เว็บบอร์ดของมัน ไม่รู้ทำไม แต่ผมอยากเปิด ตั้งแต่วันที่ผมดูวันนั้น ผมก็ไม่มีโอกาสได้เปิดดูอีกเลย
 
นี่ผมละเลยมันมากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
 
ผมจึงใช้เวลาหลังจากนั้น นั่งดูรายละเอียดแทบจะทุกจุดของบอร์ดมัน จนเวลาล่วงเลยไปดึกดื่น
 
ผมง่วงและกำลังตัดสินใจจะเข้านอน แต่เห็นอะไรบางอย่าง ที่ดูแล้วน่าจะเป็นการอัพเดทครั้งล่าสุด ไม่รู้ผมปล่อยให้จุดนี้คลาดสายตาไปได้ยังไง
 
ผมรีบเลื่อนเม้าส์ไปคลิกเปิด
 
หัวใจผมเต้นระรัว เพราะวันที่มันอัพคือไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง เป็นภาพถ่ายพร้อมข้อความอย่างที่มันเคยทำ
 
ภาพนี้เป็นภาพของมันที่กำลังยืนมองพระจันทร์ด้วยสีหน้าและแววตาเงียบเหงา
 
ผมปวดแปลบไปกับสิ่งที่เห็น
 

อีกภาพเป็นภาพของพระอาทิตย์อันร้อนแรง
 
‘ผมอยากอยู่เคียงข้างพระอาทิตย์ แต่ดูเหมือนพระอาทิตย์จะร้อนแรงเกินไป และพระอาทิตย์คงไม่ต้องการพระจันทร์ดวงนี้ พระจันทร์จึงได้แต่ทอดมองพระอาทิตย์จากที่ห่างไกล แต่ผมก็ยังดีใจ ที่พระจันทร์ได้อยู่ภายใต้ผืนฟ้าเดียวกันกับพระอาทิตย์’
 
หัวใจผมราวกับถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็นมากขึ้น
 
และภาพสุดท้าย เป็นภาพที่มันใช้สองมือโอบพระอาทิตย์เอาไว้ทั้งดวง
 
‘ถึงพระอาทิตย์จะร้อนแรง แต่พระอาทิตย์ก็เป็นสิ่งที่ผมรักและคลั่งไคล้ที่สุด’
 
หัวใจผมแทบหยุดเต้นไปกับสิ่งที่เห็น
 
มันไม่ได้ตัดพ้อต่อว่า
 
มันไม่คิดจะหยุดรักผม
 
แม้ผมจะร้อนแรง แม้ผมจะแผดเผามัน แต่มันก็ยังเลือกที่จะโอบกอดผมไว้
 
ผมนั่งมองภาพเหล่านั้นอยู่นานสองนาน แต่คงไม่นานเท่ากับที่มันเคยนั่งมองภาพ ‘ดั่งดวงอาทิตย์’ ของผมหรอก

 
ตีสามแล้ว ผมกำลังจะกดปิดเว็บบอร์ด แต่อยู่ ๆ ก็มีการแจ้งการอัพเดทขึ้นมา
 
นี่มันตีสามแล้วนะ มันยังไม่นอนอีกเหรอ
 
ผมตัดสินใจเลื่อนเม้าส์ไปคลิกเปิดดู
 
สิ่งที่เห็นคือภาพถ่าย

เป็นภาพมือคนที่กางนิ้วชี้และนิ้วโป้งจรดกันเป็นรูปหัวใจ กางไว้กลางอากาศ โดยมีแบล็กกราวน์เป็นท้องฟ้าสีมืดและดวงดาวนับร้อยนับพัน เคียงด้วยพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
 
‘ผมรู้ว่าดึกแล้ว แต่ทำไมไม่รู้ ผมถึงได้รู้สึกว่าอยากลงภาพนี้ และพูดคำคำนี้ให้ใครบางคนได้ยิน’
 
‘รัก’
 
หัวใจผม โดนขยำแรงอีกครั้ง ผมไม่แน่ใจว่ากายจะรู้ไหมว่าผมอยู่ตรงนี้ นั่งมองภาพของมันอยู่ หรือเป็นเพียงสัญชาตญาณ หรืออะไร แต่มันพูดคำรักผ่านเว็บบอร์ด ในตอนที่ผมกำลังนั่งอ่านอยู่พอดี
 
ราวกับคำพูดนี้ มันต้องการส่งผ่านมาให้ผม…เพียงคนเดียว



To be Con...         

เป็น 50% ที่เรียกน้ำตาออกมาได้เบา ๆ บางครั้งกลับมาย้อนอ่านนิยายที่ตัวเองแต่งก็นึกทึ่งว่า'เราแต่งไปได้ยังไง' เรื่องนี้ถือเป็นนิยายที่คนเขียนภาคภูมิใจที่สุด เพราะถ้าให้ย้อนกลับไปแต่งใหม่ ก็คงจะแต่งให้ได้ดีแบบนี้ไม่ได้อีก มันจะกลายเป็นคิสเลิฟในอีกเวอร์ชั่นไป 

คนเขียนจะอ่านเรื่องคิสเลิฟเมื่อต้องการผ่อนคลายบางความรู้สึก เวลาอ่านแล้วเหมือนได้เยียวยาบางความรู้สีกที่มันแย่ๆ มันทั้งอบอุ่น มีความสุข แม้บางพาร์ทจะทำให้รู้สึกเศร้าบ้าง แต่มันก็ยังเป็นความเศร้าที่กลมกล่อม คงให้ความรู้สึกเหมือนเวลาเบื่อๆ เหนื่อยๆ พอหยิบเรื่องนี้มาก่อน ก็ไม่ต่างกับได้เดินออกจากห้องไปท่องเที่ยวจริง ๆ หรือไปนั่งร้านกาแฟแนวอาร์ต ๆ สักแห่ง จิบกาแฟมองวิว อะไรทำนองนั้น

บางข้อคิดเราก็ลืมไปแล้ว อ่านใหม่ก็ทำให้กลับมาคิดได้ 

รักน้องกาย รักพี่เอก รักตัวละครทุกตัว เลิฟยูออล

............
หนังสือ & e-book เรื่องนี้ค่ะ [>Books & E-book<] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54045)
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เข้าใจ [P.21 D.28-5-59] ♥50%
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 28-05-2016 19:36:07
หายไปนานเลยจนเราต้องย้อนกลับไปอ่านอีกรอบ รออีกครึ่งอยู่นะ คนแต่งดูแลตัวเองด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เข้าใจ [P.21 D.28-5-59] ♥50%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-05-2016 21:56:31
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เข้าใจ [P.21 D.28-5-59] ♥50%
เริ่มหัวข้อโดย: ้Sin.7 ที่ 29-05-2016 05:32:24
โอ้ยยยยยยยยยยยยย  :ling1:
ค้างงงงงงงงง :z3:
มาต่อไวๆที่รัก อาร์ตจะโดนตีนไหมอะ :katai1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เข้าใจ [P.21 D.28-5-59] ♥50%
เริ่มหัวข้อโดย: NUBTANG ที่ 29-05-2016 12:22:22
เอกอารมณ์ร้อนเกินไป...

จัดการอาร์ตให้ขาดด้วย!
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เข้าใจ [P.21 D.28-5-59] ♥50%
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 29-05-2016 12:58:36
สมน้ำหน้า
ไปจัดการเลยนะ
รู้เรื่องแล้วนิ เริ่มจากน้องชายตัวเองก่อนละกัน

ขอให้กายไม่ยอมคืนดีง่ายๆ
ชิส์
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เข้าใจ [P.21 D.28-5-59] ♥50%
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 29-05-2016 16:15:17
หายโง่ยังเอก นิสัยแบบแกไม่เหมาะเป็นพระเอกเลยว่ะ เหลาะแหละ นี่ถ้าคบกันต่อไปมีหวังน้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่ๆ เชียร์เป้อ่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เข้าใจ [P.21 D.28-5-59] ♥50%
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 29-05-2016 23:08:25
จับไอพี่เอกฟาดกำแพงสิบตลบ  :angry2: :angry2: :angry2:

เข้ามาอ่านรวดเดียวเลย สนุกมากกกกกกกกกกกกกก o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เข้าใจ [P.21 D.28-5-59] ♥50%
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 30-05-2016 23:08:03
มาแล้วววววววโอ้ยยยยยยสงสารกายอะ ไม่น่ามาหลงรักคนแบบพี่มันเลย
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เข้าใจ [P.21 D.28-5-59] ♥50%
เริ่มหัวข้อโดย: nuchhxk ที่ 31-05-2016 03:15:34
ค้างมาก มาอัพต่อไวๆนะคะ  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เข้าใจ [P.21 D.28-5-59] ♥50%
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 06-06-2016 13:07:54
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
ไปง้อน้องด่วนเลยเอก หงุดหงิดงุ่นง่านมากตอนนี้ 5555555555
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เข้าใจ [P.21 D.28-5-59] ♥50%
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 06-06-2016 13:27:24
โอ้ยชอบมากอยากได้จะเปิดพรีออเดอร์ไหม
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เข้าใจ [P.21 D.28-5-59] ♥50%
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 08-06-2016 10:22:38
อยากจะอวดว่าเรามีเรื่องนี้มาครอบครองแล้ว ในบทตอนต่อๆไปคุณจะเกลียดอิเอกมากไปกว่านี้  :katai1:เกลียดแบบถ้าเป็นเราเราจะไม่มีวันอภัยให้อ่ะ :fire: กายน้อยก็ใจอ่อนเกิ๊น :เฮ้อ: แต่มันก็คือนิยายอ่ะเน๊อะ ยิ่งอ่านยิ่งติดนะคะเรื่องนี้ขอบอกเลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เข้าใจ [P.21] [D.10-6-59] ♥100%
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 11-06-2016 13:31:51
อิพี่เอกนี่เป็นพระเอกที่โคตรไม่เหมือนพระเอก
เหมือนอยู่อย่างเดียวตรงที่หล่อ 55555555
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เข้าใจ [P.21] [D.10-6-59] ♥100%
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 11-06-2016 15:08:59
สงสารพระจันทร์
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เข้าใจ [P.21] [D.10-6-59] ♥100%
เริ่มหัวข้อโดย: peeranatyaikaew ที่ 25-06-2016 16:51:39
หงุดหงิดพี่เอกจังงง.  :ling1: คนเขียนหายไปไหนนนนน :katai4: :katai5: :katai1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เผชิญหน้า [P.22] [D.5-7-59] ♥100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 02-07-2016 12:13:25
57
เผชิญหน้า
[กาย..♥]




ผมนอนหงายอยู่บนเตียงหลังจากจิ้มส่งข้อความผ่านบอร์ดไป ไม่รู้ทำไม ผมถึงได้กดส่งข้อความนั้นไป จะมีใครสนใจ จะมีใครเข้ามาอ่าน หรือทำไปเพื่ออะไร
 
ผมถอนหายใจดังฟู่
 
ได้ยินเสียงติ๊งเบา ๆ เหมือนมีใครกดแอดเข้ามาในบอร์ด ผมหันไปมอง จริง ๆ มันดึกมากแล้ว ผมควรจะนอน แต่มันยังนอนไม่หลับ
 
พอมองชื่อของคนที่แอดเข้ามา ผมอมยิ้มทันที
 
'Sun'
             
ใครหนอ เข้าใจเอาชื่อนี้มาใช้ ผมชอบ เลยลุกขึ้นไปกดรับแอด ทันทีที่ผมตอบรับ ข้อความทักทายก็เด้งขึ้นมา
 
‘ยังไม่นอนอีกรึไง’
 
หึ ดันมาใช้คำพูดเหมือนไอ้พี่บ้านั่นอีกต่างหาก
 
‘ยัง กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่’
 
ผมตอบกลับไป
 
‘คิดถึงใครบางคนอยู่หรือเปล่า’
 
ผมอมยิ้ม
 
‘มั้ง’
 
‘ดูจากภาพที่อัพช่วงนี้ ดูเหมือนคนคนนั้นจะทำให้คุณเสียใจนะ’
 
ผมอมยิ้มอีกครั้ง
 
‘ไม่มีใครมาทำให้ผมเสียใจได้หรอก นอกจากตัวผมเอง ผมเลือกเอง และผมก็ยอมรับทุกผลที่จะตามมาของมัน’
 
และทุกอย่างก็หยุดนิ่งไว้แค่นั้น ผมคอย แต่เขาก็เงียบไป
 
คงไม่อยากคุยกับผมแล้วมั้ง
 
ผมทิ้งแผ่นหลังลงบนเตียง ก่อนข้อความสุดท้ายจะเด้งขึ้นมาและไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ตอบกลับ เขาก็ล็อกเอ้าท์ออกไปเลย
 
‘นอนเถอะ ดึกแล้ว เจอกันพรุ่งนี้’
 
ผมหัวเราะหึ ๆ  มองข้อความนั้น แม้จะเป็นข้อความสั้น ๆ แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นในหัวใจยังไงบอกไม่ถูก
 
เขาจะมาทักผมอีกครั้งงั้นเหรอ
 
เขาที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นพระอาทิตย์…
 
เหมือนพี่เอก
 
ผมหลับตาลงทั้ง ๆ ที่คอมพิวเตอร์ยังเปิดอยู่ ผมไม่คิดจะใส่ใจ แล้วสติของผม ก็ดับหายไปแค่นั้น
 



 
นอนดึกขนาดไหน ผมก็ยังตื่นเช้าได้ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ผมตื่นขึ้นมา หน้าจอคอมพิวเตอร์ดำมืดไปแล้ว ผมเลื่อนเม้าส์ หน้าจอที่เปิดทิ้งไว้เมื่อคืนก็ปรากฏขึ้นมาใหม่
 
คำพูดสุดท้ายของเขายังคงอยู่ ผมอมยิ้มกับข้อความนั้น แล้วเดินไปอาบน้ำแต่งตัว
 
บ้านย่าผมเป็นบ้านนอกของแท้ครับ แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งคนหามาประเคนก็พ่อผมนี่แหละ
 
ผมยืนอาบน้ำด้วยจิตใจชื่นบาน พออาบเสร็จก็แต่งตัวด้วยเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสีพื้นแบบสบาย ๆ เดินออกจากห้องตรงไปยังห้องรับแขกเพื่อกินข้าวที่อาพิมทำ
           
คนบ้านผมตื่นเช้ากันทุกคนครับ พอออกไป ก็เห็นปู่กับย่านั่งคุยกันอยู่บนโต๊ะคล้ายแคร่แต่ทำจากไม้กระดานขนาดใหญ่ต่อกันแบบเตียง อาพิมกำลังจัดสำรับไว้บนโต๊ะ อาจักรแฟนของอาพิมพ่อของไอ้ตัวเล็กกำลังจัดข้าวของสำหรับออกไปทำงาน คาดว่าเช้านี้ คงไม่กินข้าวด้วยกันแน่ ๆ อาแกเป็นคนขยันครับ แทบจะไม่เห็นหัวเห็นหาง วัน ๆ ก็อยู่นู่นแหละ ไม่ไร่ก็นา ไม่นาก็สวน ไม่ได้ไปทำเองหรอกครับ แต่ไปดูแลลูกน้องน่ะ ที่ทางแกมีเยอะ ส่วนอาพิมเลี้ยงลูกอยู่บ้านกับดูแลปู่ย่าเฉย ๆ

จริง ๆ อาพิมแต่งงานกับอาจักรมานานแล้ว แต่ไม่มีลูกด้วยกันสักที พอลุงพงษ์เลิกกับป้ากุล อาแกก็ไป ๆ มา ๆ สองบ้านเพื่อดูแลปู่กับย่า จนในที่สุดอาพิมก็ตัดสินใจชวนอาจักรมาอยู่บ้านเพื่อดูแลปู่กับย่าเต็ม ๆ เลย ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น อาแกก็ท้อง

ส่วนลุงพงษ์แกทำไปเรื่อยครับ ไม่มีอาชีพแน่นอนตายตัว ถ้าเอาหลัก ๆ คือสร้างทุกอย่างที่ขวางหน้า อย่างสร้างบ้าน ทำเฟอร์นิเจอร์ ประกอบรถ ที่เหลือก็ทำไร่ทำนาหาปูหาปลาของแกไป หน้าตาคล้ายพ่อมาก แต่แกจะคล้ำกว่า หน้าเข้มกว่า ไว้หนวดไว้เครานิด ๆ ดูดุดันกว่า

ความหล่อกินกันไม่ลงครับ ใครชอบหล่อเท่ แบบสำอางนิด ๆ ให้ไปหาพ่อผม แต่ถ้าใครชอบหล่อแบบดิบเถื่อน ผมยกให้ลุงผมเลย ลุงเลิกกับป้ากุลมาสิบกว่าปีแล้ว ตอนนี้โสดสนิท มีลูกติดสองคน แต่ไปอยู่กับแม่หมด
 
พอไปถึงอาพิมก็จัดโต๊ะเสร็จพอดี ผมกวาดมองไปรอบ ๆ วันนี้มีน้ำพริกอ่องของโปรด ผักเพียบ ไม่เกินห้านาทีทุกคนก็เข้าประจำตำแหน่งโดยรอบ
 
“นี่ได้ข่าวว่าพี่พีคกำลังจะกลับมาคืนดีกับพี่แก้วเหรอ”
อาพิมถามตอนผมกำลังนั่งพุ้ยข้าวเข้าปาก
 
“ไม่ได้คืนดีกัน แต่กำลังจีบกันอยู่ อย่าไปพูดเรื่องคืนดีกันให้ได้ยินเชียว เดี๋ยวบ้านแตก แต่ถ้าจีบกันใหม่น่ะ ได้อยู่”
 
ทุกคนพากันงุนงง
 
ผมหยิบแก้วน้ำมากรอกปาก ตั้งท่าอธิบายต่อ
 
“คืองี้…สองคนนั้นเขาทิฐิสูงด้วยกันทั้งคู่ ถ้าให้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ไม่แคล้วต้องเลิกกันอีก ผมเลยเสนอให้จีบกันใหม่ซะเลย เรียนรู้กันใหม่ อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้ว ๆ ไป อย่าเก็บมาคิด อย่าเก็บมาใส่ใจ เพราะช่วงเวลาที่เลิกกัน พ่อกับแม่เองก็พากันเปลี่ยนไปด้วยกันทั้งคู่ ผมอยากให้พวกเขาลบภาพความทรงจำเดิม ๆ ทิ้งไป แล้วเรียนรู้กันใหม่อีกที”
 
พูดเสร็จ ก็หยิบผักบุ้งมาสามต้นม้วนเข้าหากัน จิ้มกับน้ำพริกยัดเข้าปาก
 
อร่อยเหาะ
 
“หึ ๆ ไอ้พีคมันเลี้ยงลูกดีวุ้ย”
 
“แม่แก้วด้วยลุงพงษ์”
ผมรีบแย้งเมื่อลุงให้เครดิตพ่อคนเดียว ลุงแกทำท่าขัดใจ

 
ก็นะ
 
ใครจะคิดเข้าข้างคนที่เคยทิ้งน้องชายตัวเองไป ว่าไหม?
 
ผมยิ้ม
 
“ผมโชคดีที่ได้เกิดเป็นลูกของพ่อกับแม่ ได้เกิดเป็นหลานของลุงพงษ์กับอาพิม เป็นหลานของปู่กับย่า เป็นพี่ชายของเจ้าตัวยุ่ง เพราะทุกคนหล่อหลอมให้ผมเป็นตัวผมเองแบบทุกวันนี้ ผมถึงได้เป็นคนดียังไงล่ะ”
 
ลุงเกาแก้มเบา ๆ อาพิมยกน้ำขึ้นจิบหน้าแดง ๆ ปู่กับย่านั่งยิ้มแป้น ส่วนไอ้ตัวเล็กไม่รู้เรื่องครับ
 
 
 
 
 




ผมนั่ง ๆ นอน ๆ เกาพุงเกาหลังให้ปู่สลับกับนวดขาให้ย่าอยู่บนเรือน ก่อนจะได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดตรงลานหน้าบ้าน เสียงรถเก่า ๆ แบบนี้ คงเป็นรถของชาวบ้าน
 
ผมไม่ได้สนใจหันไปมอง ละมือจากหลังปู่ มานวดขาย่าต่อ ตาก็ดูรายการตลกบนทีวีเก่า ๆ ไป ตอนพ่อมาเห็นสภาพมัน พ่ออยากซื้อให้ใหม่ แต่ย่าไม่ยอม บอกว่าเครื่องนี้ยังใช้ได้ดีอยู่ จะเปลี่ยนไปทำไมให้เปลืองเงินเปลืองทอง
 
ลุงพงษ์กับอาพิมอยากได้เครื่องใหม่เหมือนกัน เคยวางแผนกันยกเค้าทีวีย่าไปขาย แต่กลัวย่ารู้แล้วเอาไม้ตะพดไล่บี้ เลยล้มเลิกความตั้งใจไป
 
สุดท้าย พวกเราก็ดูทีวีเก่า ๆ แต่ภาพและเสียงยังชัดแจ๋ว ผมนั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ย่าก็ขำไม่แพ้กันจนน้ำหมากแทบจะกระเด็นรดหัวผม
 
“แหม หัวเราะอารมณ์ดีกันเชียว”
 
ผมหันขวับไปมองต้นเสียงทันที
 
“ป๋า!!!!”
 
ผมรีบสละขาย่า วิ่งตุบตับไปกอดเอวพ่อหมับทันที
 
“ฟื้นแล้วเหรอลูก”
พ่อถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
 
ผมเงยหน้ามอง
 
“ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
 
พ่อมองตาผม  ผมยิ้มให้ ทำตาแป๋วแหว๋วใส่ สักพักพ่อถึงได้ยิ้มตอบ ลูบหัวผมเบา ๆ
 
“ลูกพ่อเข้มแข็งมาก”
 
ผมยิ้ม หันไปยักคิ้วใส่คนสวยที่กำลังยกมือหวัดดีปู่ย่าและลุงพงษ์แล้วก็ทักทายอาพิมอยู่ สองคนนี้อายุเท่ากันฮะ แต่หน้าแม่อ่อนกว่าหลายช่วงตัวมาก
 
“มาพร้อมกันได้นี่รถไม่พังรึไง”
 
“พังสิ ถึงต้องไปยืมรถของชาวบ้านมาไง แม่แกมือหนัก”
 
“ปากนะ ไม่ต้องมาโทษกันเลย พ่อแกนั่นแหละ ขับรถไปเหยียบเอาตะปูเข้า ยางแบนทำเอาล้อเบี้ยวไปข้าง ซ่อมก็เสียเวลา เลยเช่ารถชาวบ้านมาขับแทน โดยเอารถตัวเองเป็นตัวประกันให้เขาซ่อมให้”
 
“เพราะใครล่ะ ชวนทะเลาะอยู่ได้”
พ่อโบ้ยแม่กลับ
 
“เพราะปากใครล่ะ หมาดีนัก สม”
แล้วแม่ก็เถียงต่อ
 
ผมละจากพ่อไปหาแม่ทันทีเพื่อห้ามทัพ
 
“ไม่บอกกันบ้างว่าจะมา”
 
“เซอร์ไพรส์ไงจ้ะเซอร์ไพรส์”
แม่บอกยิ้ม ๆ
 
“ครับ เซอร์ไพรส์ตั้งแต่เห็นพ่อกับแม่มาด้วยกันแล้ว”
 
แม่ทำท่าจะมอบมะเหงกให้ที ผมยิ้มล้อทำหัวหด ก่อนที่แม่จะมองหน้าผมนิ่ง ๆ ลูบหัวผมเบา ๆ ราวกับจะให้กำลังใจ
 
สภาพผมตอนแม่เห็นล่าสุดมันแย่เอามาก ๆ ผมไม่ได้ร้องไห้มานานแล้ว หลังจากพ่อจากไป และนี่ก็เป็นอีกครั้ง ที่ผมร้องไห้ให้แม่เห็น แม่ก็พยายามถามอ่ะนะ ตามประสาผู้หญิง แต่ผมไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริงกับแม่ บอกแค่ว่าขอเวลาหน่อย แล้ววันรุ่งขึ้น ผมก็ทำเรื่องขอลาหยุด และขอแม่มาอยู่กับปู่กับย่าที่นี่สักพัก เพื่อทำใจ
 
แม่ก็ปล่อยให้มาโดยดี แม้จะยังเป็นห่วงอยู่ก็ตาม
 
“ลูกแม่ดูเข้มแข็งดีนะ”
แม่พูดยิ้ม ๆ
 
ผมยิ้มรับ
 
“ลูกแม่แก้วนี่เนอะ อ่อนแอมากไม่ดี”
ผมให้เครดิตแกไปหนึ่งดอก
 
แม่ยิ้มรับ
 
“นี่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ไปเอาของที่รถทีซิลูก พ่อกับแม่ซื้อมาเพียบเลย”
 
ผมพยักหน้าเดินออกจากบ้านไป
 
รถที่เห็น เป็นกระบะสี่ประตูเก่า ๆ ไม่มีของที่หลังรถ แม่คงเอาไปไว้ด้านในหมด
 
ก็นะ
 
แดดอย่างเปรี้ยง ขืนเอาไว้ข้างนอก ข้าวของคงเสียหมด ผมเปิดประตูหลังออกกว้าง เอื้อมหยิบพวกถุงข้าวของมากมายมาถือไว้จนเต็มมือไปหมด โลภครับ อยากเอาไปให้หมดในรอบเดียว เลยหยิบเอาอีกสองสามถุงมาคาบไว้ในปากอีก
 
อึบ ๆ
 
เหลืออีกถุงเดียว
 
ผมค่อย ๆ ใช้นิ้วเกี่ยวถุงอะไรสักอย่างอีกถุง แล้วค่อย ๆ ดึงตัวเองออกมาจากรถแบบทุลักทุเล พอออกมาได้ ก็ใช้ทีนถีบประตูเบา ๆ ให้มันปิด
 
ก่อนหันหลัง…
 
มาเจอกับใครบางคนที่ยืนกอดอกมองผมอยู่
 
[50%]



เรือนร่างสูงใหญ่ภายใต้เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนสีซีด รองเท้าผ้าใบเซอร์ ๆ ดวงตาเจ้าเสน่ห์ดูนิ่งเรียบ ใบหน้าคมคายยังดูหล่อเหลาไม่เปลี่ยน แต่ที่มุมปากทั้งสองข้าง มีรอยเขียวช้ำคล้ายคนถูกต่อย
 
ถุงที่อยู่ในปากผมหล่นตุบไปอยู่ที่พื้น พอ ๆ กับถุงในมือทั้งสองข้าง
 
ผมคงตาฝาดไปแล้วแน่ ๆ ที่เห็นพี่เอกมายืนอยู่ตรงนี้
 
“พี่…”
ผมกลืนคำพูดที่ผมชอบเรียกพี่แกประจำลงคอ กลืนก้อนแห่งความเจ็บปวดลงไป แล้วพยายามดึงน้ำเสียงที่มันแหบแห้งกลับคืน
 
“คุณเอกภพ”
         
             
ผมไม่ได้แกล้งเย็นชา แต่แค่ต้องการทิ้งระยะห่าง ให้หัวใจตัวเองไม่ต้องเจ็บปวด ผมไม่รู้ว่าพี่แกมายืนอยู่ตรงนี้ได้ไง แต่แค่การมีเขาอยู่ แขนขาผมก็แทบจะไม่มีแรงแล้ว
 
พี่เอกเปลี่ยนสีหน้าตอนผมเรียกแกด้วยชื่อจริง
 
“มีธุระอะไรแถวนี้รึเปล่าครับ ขอโทษที่เสียมารยาท คอยสักครู่นะครับ”
ผมรีบก้มลงเก็บถุงมากมายที่ตกเกลื่อนพื้น ของบางอย่างโผล่ออกมานอกถุงจนต้องจับยัดเข้าไปลวก ๆ
       
ของกินครับ เพียบ ของโปรดผมทั้งนั้น
 
ผมไม่สนใจว่าคนที่ซื้อมาจะเป็นใคร เป็นพ่อเป็นแม่ หรืออาจจะเป็นคนที่ผมอยากลืมมากที่สุดตอนนี้

ผมชะงัก ตอนที่พี่มันก้มลงมาช่วยเก็บด้วย ผมทำเป็นไม่ใส่ใจมือที่เกือบจะสัมผัสกัน คราวนี้ไม่โลภแล้วครับ เอาเท่าที่พอหิ้วได้
 
ผมหอบข้าวของพะรุงพะรังเตรียมเดิน แต่พี่มันรวบเอาของทุกอย่างไปไว้ในมือแทน ผมเงยหน้ามอง
 
“ขอบคุณครับ”
ผมพูดตามมารยาท ทั้งที่หัวใจกำลังปวดร้าว
 
พอก้าวเข้าบ้าน ทุกคนก็พากันหันมามอง ผมยิ้มให้พ่อกับแม่นิด ๆ กล่าวแนะนำพี่เอกให้ทุกคนในบ้านรู้จัก
 
“แหม พ่อเอกนี่หล่อนะ อยากสาวกว่านี้อีกสักสิบห้าปี จะได้จีบเอง”
อาพิมพูดโท่ง ๆ พาเอาลุงพงษ์ต้องสะกิด
 
“แล้วไอ้จักรล่ะ เอามันไปไว้ที่ไหน”
 
อาพิมหันไปมอง

“เอาไว้ในไร่ไง รายนั้นเข้าบ้านได้ตอนพระอาทิตย์ตกดินเท่านั้นแหละ”
ทุกคนพากันหัวเราะ แล้วอาพิมก็หันไปคุยกับพี่เอกต่อ ส่วนผมคุยกับพ่อแม่ฮะ ไม่ถามสักคำว่าพี่แกมาได้ไง
 
และมาเพื่ออะไร
 
ผมไม่อยากรู้ เพราะกลัวว่าจะโดนซ้ำเติมอะไรอีก ตอนนี้แค่ภาวนาขอไม่ให้พี่เอกพูดอะไรแบบนั้นต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ก็พอ
 
ผมรู้ว่าพ่อกับแม่พยายามดูท่าทีของผมกับพี่เอกอยู่ แต่ผมนิ่งครับ นิ่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าภายในกำลังร้าวรานก็เถอะ
 
“นี่ เราแอบไปเอาเหล้าขาวมากินกันดีกว่าไหม”
พ่อแสร้งทำเป็นกระซิบให้ทุกคนได้ยิน
 
จุ๊ ๆ อย่าไปบอกคุณตำรวจเชียวนะ คุณปู่ชอบทานเหล้าขาวเป็นยา แต่หมักเอง เรามีแหล่งซ่อนครับ ในสวนหลังบ้านนั่นแหละ พ่อกับผมมาทีไร จะไปเอามาก๊งด้วยกันทุกที
 
เบา ๆ ครับ ไม่หนัก เน้นเพื่อสุขภาพและสังสรรค์กันในครอบครัว
 
ผมพยักหน้าเดินไปกับพ่อ
 
 
“ทำไมไม่คุยกับเขาล่ะ”
พ่อเปิดบท
 
ผมเดินตามพ่อช้า ๆ ลัดเลาะผ่านสวนผลไม้และดงน้อยหน่าไปตามทาง ปลูกไว้เยอะครับ ของโปรดของย่า
 
“ผมยังไม่พร้อมน่ะ คงจะกลัวอะไรหลาย ๆ อย่างด้วย และผมไม่รู้สาเหตุที่พี่เขามาที่นี่ด้วย”
ผมบอกไปตามตรง
 
พ่อไม่พูดอะไร พาผมเดินผ่านดงหญ้าขนาดใหญ่เข้าไปตรงกลางของดงหญ้ากว้าง พ่อแหวกต้นหญ้าที่สูงเกือบท่วมหัวออก นั่งยอง ๆ ลงไปปัดเศษหญ้าออกจากพื้นดิน ไม่นานผมก็เห็นฝาไม้ พ่องัดเบา ๆ เปิดออก และภายในก็มีโถใส่เหล้าขาวหลายใบ พ่อยกมายื่นให้ผมใบหนึ่ง
 
“คืนนี้เราจะก๊งกันให้เต็มที่เลย”
 
“หึ ๆ”
ผมหัวเราะเบา ๆ เดินอุ้มโถเหล้าขาวกลับไปยังเส้นทางเดิม
 
พ่อลูบหัวผมอีกที
 
“ไม่ว่าลูกจะตัดสินใจยังไง พ่อเชื่อใจลูกนะ แล้วพ่อก็เชื่อใจตรงนี้ของลูกด้วย”
พ่อเลื่อนมือมาลูบอกซ้ายผมเบา ๆ
 
ผมหยุดฝ่าเท้าเอาไว้กับที่ หันไปมองหน้าพ่อ พ่อหยุดฝ่าเท้าตาม
 
“ถึงแม้ผมจะทำให้พ่อเสียใจ หรือผิดหวังนะเหรอฮะ”
 
พ่อยิ้ม
 
“พ่อไม่เคยผิดหวังหรือเสียใจในตัวลูกนะ เพราะพ่อเชื่อว่าลูกได้เลือกและทำในสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันก็เป็นแค่ประสบการณ์ชีวิต เป็นบททดสอบ เป็นเรื่องราวที่เราจะได้เอามาไว้เล่าขานในเวลาที่ผ่านไป”


ผมยิ้มกับน้ำคำพ่อ
 
แล้วสี่ฝ่าเท้าก็เริ่มให้จังหวะไปกับการก้าวเดินอีกครั้ง แต่มันช้าลงกว่าเดิมมาก ราวกับต้องการรักษาช่วงเวลาเหล่านี้เอาไว้นาน ๆ
 
“ผมมั่นใจว่าแม่เลือกคนไม่ผิด”
ผมพูดขึ้นมาลอย ๆ พ่อทำเสียงแปลกใจ ผมหันไปมองหน้าพ่ออีกที
 
“ผมดีใจที่แม่เลือกพ่อมาเป็นพ่อของผม เพราะถ้าไม่ใช่พ่อ ผมคงไม่มีความสุขมากมายขนาดนี้”
 
พ่อหยุดเดิน ทำหน้านิ่ง ๆ แล้วหันมากอดผมเอาไว้ทั้งตัว
 
“เฮ้อ~ ถ้ากายเป็นผู้หญิง แล้วก็ไม่ใช่ลูกพ่อ พ่อคงจีบไปนานแล้วนะเนี่ย อยากให้แม่แกมีความคิดแบบนี้บ้างจัง”
 
ผมยิ้ม
“ผมเรียนรู้เรื่องราวพวกนี้มาจากแม่เหมือนกัน”
 
พ่อเบ้หน้า เราพากันก้าวเดินอีกครั้ง
 
“ไม่เห็นจะมีเลย วัน ๆ เห็นแต่ด่าแว๊ด ๆ คิดดี ๆ เป็นรึไง”
 
“เชื่อผมเถอะ ผมอยู่กับแม่มานานกว่าพ่ออีก”
 
พ่อโขกหัวผมโป๊ก
 
“อยู่ด้วยกันนาน แต่เซลล์สมองไม่พัฒนาเท่าพ่อหรอกน่า”
 
“บางทีความรักก็ไม่จำเป็นต้องใช้สมองนี่ฮะ ใช้แค่หัวใจก็พอ”
 
พ่อหยุดเท้าเอาไว้อีกที หันมามองหน้าผม
 
“แล้วหัวใจของกายล่ะ”
พ่อถามต่อ ผมยิ้ม
 
“ผมรักพี่เอกนะ”
ผมพูดตรง ๆ
 
พ่อมองหน้าผมไม่วางตา ผมมองตอบ

               พ่อเคยบอกไว้ว่าพ่อจะเชื่อใจผม งั้นผมก็ควรจะพูดตรง ๆ ใช่ไหม
 
“ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รักผมเลยก็ตาม”
ผมปิดท้ายประโยคคำพูดตัวเองด้วยน้ำเสียงชวนเศร้า ที่แม้แต่ตัวผมเองยังคิดไม่ถึงเลยว่าทำไมมันถึงได้เศร้าสร้อยเหงาหงอยขนาดนี้
 
ผมหันกลับไปมองเส้นทางอีกครั้ง ก้าวเท้าไปข้างหน้าเคียงข้างพ่อ
 
“กาย…”
เหมือนพ่อจะพูดอะไรสักอย่าง
 
ผมหันไปมอง
 
“พ่อว่า…เอกเขาเป็นเหมือนพ่อนะ”
 
ผมขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
 
“ยังไงฮะ”
 
พ่อแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เหมือนลำบากใจที่จะพูด
 
“ก็.. ปากไม่ตรงกับใจ รู้สึกแต่ถ่ายทอดเป็นคำพูดไม่ได้.. ปากแข็ง.. อะไรทำนองนั้นล่ะมั้ง”
มันคงแย่มาก กับการต้องมานั่งวิพากษ์วิจารณ์ด้านแย่ของตัวเองแบบนี้
 
ผมหัวเราะเบา ๆ ให้แกไปที
 
“ไม่รู้สิ ผมกับแม่ไม่ใช่พระเจ้า อ่านใจคนก็ไม่ได้ ไม่บอกก็ไม่รู้ ไม่แสดงออกก็ไม่มีทางเห็น”
 
พ่อหันมามอง
 
“แล้วแม่แกมาเกี่ยวอะไรด้วย”
 
ผมแกล้งเลิกคิ้วสูง
 
“ก็พูดไปงั้น”
แล้วผมก็เดินลิ่ว ๆ นำไปก่อน






 
ไปถึง แม่กำลังนั่งเล่นกับเจ้าตัวเล็กและอาพิมอยู่ ส่วนพี่เอกคุยถูกคออยู่กับลุงพงษ์ครับ
 
“ว้าววว มาแล้ว ดีเลย มา ๆ ๆ ๆ”
 
“อย่าเพิ่งสิพี่พงษ์ เอาไว้ให้เย็นก่อน กินตอนนี้ เดี๋ยวเมาทำอะไรไม่ได้ ให้พวกนี้ได้พักได้เที่ยวกันก่อน”
 
อาพิมรีบปราม ลุงพงษ์ทำเสียงจิ๊จ๊ะ แกคงเปรี้ยวปากอยากกิน
 
“นั่นน่ะสิ เออกาย.. ลุงโม้กับพ่อเอกไปเยอะ หลานก็พาเขาเที่ยวหมู่บ้านเราบ้างนะลูก”
ลุงหันมาบอก
 
ผมมองหน้าพี่เอก ทำท่าอึดอัด ก่อนปรับสีหน้าให้นิ่งที่สุด
 
ใจเย็นกาย
 
นี่คือแขก เราต้องทำหน้าที่ต้อนรับแขกให้ดี ผมสั่งตัวเองใหม่
 
“ได้ครับลุง ว่าแต่วันนี้ลุงนัดกับป้าจันทร์เรื่องทำบ้านไว้ไม่ใช่เหรอ นี่สายแล้วนะ”
 
“เอ้อ!! จริงสิ สายแล้วด้วย งั้นลุงไปก่อนล่ะ เดี๋ยวกลับมาคุยกันใหม่”
ลุงแกตบไหล่พี่เอกปุ ๆ รีบเดินกึ่งวิ่งจากไป
 
“อาบน้ำกันก่อนไหม”
ผมถามแบบไม่เจาะจงคนตอบ พ่อทำท่าบิดขี้เกียจ ส่วนแม่ยังเม้าท์เพลิน
 
“ขับรถมาจากบ้าน ตัวยังไม่เน่าหรอก เย็น ๆ ค่อยอาบ หนาวทีเดียวไปเลย”
พ่อบอก
 
แม่หันขวับมามอง
 
“ขี้เกียจ”
 
พ่อทำสายตากรุ้มกริ่ม
 
“แล้วทำไมคุณไม่อาบล่ะ”
พ่อย้อนกลับบ้าง
 
“ฉันอยากนั่งเล่นกับหลานก่อนย่ะ”
 
“ผมก็อยากนั่งเล่นกับลูกเหมือนกัน”
แล้วพ่อก็คว้าตัวผมเข้าไปกอด
 
ผมหัวเราะหึ ได้เป็นเป้านิ่งให้พ่อกับแม่ยำเล่นอีกแล้ว
 
“แล้วพ่อหนุ่มล่ะ อยากอาบไหม”
ปู่หันมาถามพี่เอก พี่แกส่ายหน้าเบา ๆ
 
“บ๊ะ มันหล่อได้ใจจริง ๆ ทำไมตอนหนุ่ม ๆ ปู่ไม่หล่อแบบนี้บ้างวะ”
ปู่แซว
 
“โหย ปู่ผมหล่ออยู่แล้วล่ะครับ ถ้าปู่ไม่หล่อ ผมจะออกมาหล่อได้ขนาดนี้เหรอ”
ผมชมตัวเอง ทุกคนพากันหัวเราะ รวมถึงพี่เอกด้วย แต่ผมไม่ได้สนใจหันไปมอง
 
“พี่อยากล้างหน้า”
พี่มันหันมาบอก ผมหันไปมอง
 
“ครับ เดี๋ยวผมพาไป”
ผมลุกขึ้น โดยมีพี่เอกลุกขึ้นตาม แอบเห็นพ่อกับแม่ส่งสายตาให้กันนิด ๆ แม่คงเป็นห่วง แต่พ่อพยักหน้าทีเดียวประมาณว่า
 
‘ไว้ใจลูกเถอะ’
อะไรทำนองนั้น แม่ถึงได้หันไปเล่นกับเจ้าตัวเล็กต่อ
 




 
บ้านปู่ย่ามีห้องน้ำอยู่สองแบบ แบบหรูที่มีห้องหับมิดชิด มีอ่างขนาดใหญ่พร้อมขันใบสวยเอาไว้จ้วงอาบ มีฝักบัวพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น มีชักโครกสีขาวอย่างสวยพร้อมอ่างล้างหน้าอย่างหรู กำแพงและพื้นปูกระเบื้องสีอ่อน ง่ายต่อการทำความสะอาด
 
ในขณะที่อีกฟากเยื้องออกไปนอกตัวบ้านไม่เกินยี่สิบเมตร มีห้องน้ำกลางแจ้งครับ ใช้ฝาไม้กระดานอันเก่า ๆ มาตีล้อมไว้สามด้านสูงเพียงหัวไหล่ เปิดโล่งไว้ด้านหนึ่งให้เดินเข้าไป ตีพื้นด้วยไม้ยกสูงจากพื้นดินเพียงห้านิ้ว มีตุ่มอยู่มุมหนึ่งพร้อมขันสแตนเลสสีเงินเก่า ๆ ที่ถูกขัดแล้วขัดอีกจนเรี่ยมเร้เรไร
 
วิวสวยดีครับ
 
ตอนกลางวันก็อาบน้ำท่ามกลางเปลวแดด มองวิวทุ่งหญ้าทุ่งนาไป ส่วนตอนกลางคืนก็อาบน้ำท่ามกลางแสงจันทร์…
 
และสายลมโกรก
 
บรื๋อ!!
 
หนาวอย่าให้เซ้ด
 
ผมพาพี่เอกไปยืนอยู่หน้าห้องน้ำอย่างหรู แล้วผมก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมายื่นให้ พี่แกรับไปถือไว้ แล้วเดินไปที่ตุ่มน้ำด้านนอกแทน ผมแอบแปลกใจ แต่ไม่คิดจะห้าม
 
พี่มันจ้วงน้ำจากตุ่มวักใส่หน้าใส่หัวจนเปียกชุ่มไปถึงคอร่วงลงมาถึงเสื้อ แล้วพี่แกก็เสยผมไปด้านหลัง จนเห็นใบหน้าหล่อเหลาหมดจดที่มักจะทำให้ผมหลงใหล
 
ผมรีบเสมองไปด้านอื่น
 
ยิ่งมองยิ่งหลงเสน่ห์ ผมมองท้องทุ่งนาไร้ต้นข้าว แต่เต็มไปด้วยต้นหญ้าเขียวขจี มีควายสองสามตัวกำลังยืนเล็มหญ้ากันอยู่
 
พอหันกลับมา ภาพตรงหน้าก็ถูกบดบังด้วยแผงอกกว้างที่คุ้นเคย ผมค่อย ๆ เงยหน้ามอง
 
ใบหน้าหล่อเหลาอยู่สูงขึ้นไป หยดน้ำบางส่วนร่วงเปาะแปะลงมาบนแก้มผม แสงสุริยะอยู่เบื้องหลังพี่เอก เป็นแบ็กกราวน์ให้แกแลดูร้อนแรงและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน
 
ร่างของพี่เอกบดบังแสงร้อนให้ผมจนมิด สายลมโหมแรงขึ้นจนเย็นฉ่ำ และเย็นสุดก็ตรงที่มีเม็ดน้ำจากเส้นผมพี่เอกตกลงมากระทบ
 
ผมควรจะทำยังไงดี
 
หลีกหนีจากพระอาทิตย์ดวงนี้
 
หรือยืนอยู่ตรงนี้ ให้พระอาทิตย์แผดเผาต่อไป
 

To Be Con...
แนะนำนะกาย อารมณ์นี้ กระโดดงับคอพี่เอกไปเลย ข้อหาน่ากิน เอ้ย ข้อหาทำเราเจ็บ กายอย่าเพิ่งยอมแพ้นะอย่ายอมยกโทษให้คุณเอกภพง่าย ๆ
อย่ากาย..
อย่า...
อย่า...
อย่าโกรธนานนักล่ะ = = อยากเห็นฉากกุกกู๋ เอ้ยกุกกิ๊กของนายกับพี่เอกง่า
ฮ่า ๆ
ใครคิดว่าน้องกายเราจะยอมพี่เอกง่าย ๆ หะ??
ดูถูกกันเกินไปแล้ว!!!
คุณ...
คุณ...
คุณคิดไม่ผิดหรอก (อ้าว) ฮ่า ๆ ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากค้าาาา เอาแค่พอกรุบกริบเนอะ
ว่าแต่สองตอนที่แล้วมันดราม่าขนาดนั้นเลยเหรอ เห็นร้องไห้กันระนาว - - เทียบกับน้องซินแล้ว ตอนนี้จิ๊บ ๆ = =
อ่าน เม้นท์โหวต ขอบคุณมากเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เผชิญหน้า [P.22] [D.2-7-59] ♥50%
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 02-07-2016 14:01:41
 :ling1: :ling1: :ling1:
อ๊ากก ค้างงงงง
พี่เอกมาหาน้องหรือเปล่าาาาาา
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เผชิญหน้า [P.22] [D.2-7-59] ♥50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 02-07-2016 15:09:26
ค้างงงงงงงงงงง อย่างแรง  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เผชิญหน้า [P.22] [D.2-7-59] ♥50%
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 02-07-2016 15:24:22
กรี๊ดดดดดดดขอกรี๊ดที่เถอะ ขอให้เป็นคนที่เราคิดไว้เถ้ออออออออ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เผชิญหน้า [P.22] [D.2-7-59] ♥50%
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 02-07-2016 17:34:47
จัดเยอะๆเลยยย อย่าให้อภัยพี่เอกง่ายๆนะะะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เผชิญหน้า [P.22] [D.5-7-59] ♥100%
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 07-07-2016 16:32:45
อยากเจอบทง้องอนหน่วงจิตแบบจัดๆ อ่ะค่ะ ชอบแบบเจ็บปวดๆ  :laugh:


รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เผชิญหน้า [P.22] [D.5-7-59] ♥100%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 07-07-2016 17:46:32
อย่าพึ่งใจอ่อนนะกาย เอาคือพี่มันก่อน  :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เผชิญหน้า [P.22] [D.5-7-59] ♥100%
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 07-07-2016 21:30:55
ง้อน้องหน่อยนะพี่เอก
ดราม่าเอาพอกรุบกริบก็พอเนอะ
 :katai2-1:

อยากอ่านตอนต่อไปแล้ววววว :z2:

หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เผชิญหน้า [P.22] [D.5-7-59] ♥100%
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 07-07-2016 22:19:33
อิพี่เอกกกกกก มาง้อเค้าแล้วพูดกะเค้ายังเนี้ยยยย
โอยยย น้องจอมงอนนานๆไปโลยยยย อย่าพึ่งหวั่นไหวกะผช.เปียกน้ำ 5555555 :hao7:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 56: เผชิญหน้า [P.22] [D.5-7-59] ♥100%
เริ่มหัวข้อโดย: lovemongjang ที่ 08-07-2016 02:40:45
รออยู่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 58 เมื่อพระอาทิตย์บอกรักพระจันทร์[14-7-59]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 08-07-2016 18:21:44
ตอนที่ 58 เมื่อพระอาทิตย์บอกรักพระจันทร์ (พี่เอก)



ผมจ้องมองดวงตาของคนที่ยังมองผมอยู่นิ่งค้าง ริมฝีปากเรื่อแดงเผยอออกนิด ๆ ราวกับจะยั่วยวน ดวงตามันเต็มไปด้วยความสับสน หวาดหวั่นและเจ็บปวด
 
ทุกความรู้สึกที่ผมเป็นผู้ก่อ
 
ร่างของผมบดบังมันไว้จากแสงร้อนของพระอาทิตย์ บังมันไว้จนมิด แต่ผมคงลืมไป ว่าผมเป็นพระอาทิตย์ และชอบที่จะสาดแสงใส่ทุกอย่างที่อยู่รอบตัว
 
โดยเฉพาะบางอย่างที่ไร้การบดบังเช่นมัน
 
ผมจ้องตามันอยู่สักพัก ก่อนเคลื่อนใบหน้าลงไปหามันช้า ๆ แล้วหยุดปากเอาไว้นิ่งค้างเหนือริมฝีปากมัน
 
ผมไม่มั่นใจ ว่าผมนิ่งเพราะอะไร ผมไม่อยากทำร้ายมันอีก อยากทะนุถนอมมัน แต่ดูเหมือน ทุกการกระทำของผม จะเป็นตัวทำร้ายมันตลอด
 
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมฮะ”
มันถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง มองเห็นความเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมผ่านดวงตาคู่นั้นด้วย
 
ผมดึงหน้าตัวเองขึ้นมาตั้งตรง อยากจูบ แต่ก็ไม่อยากทำร้ายมันอีก อยากสัมผัส แต่ก็ไม่อยากทำให้มันหวาดผวา
 
แล้วมันก็หันหลังเดินนำผมเข้าบ้าน



 
 
“นี่ ๆ กาย พาแม่ไปเดินเล่นกลางนาทีสิ แม่อยากได้ฟิวกับบรรยากาศดี ๆ แล้วก็เก็บภาพเอาไว้ให้แม่เยอะ ๆ ด้วยนะ อยากเอาไปใช้เป็นแบบเขียนนิยาย”
แม่ไอ้ตัวเล็กรีบเดินเข้ามาอ้อนทันที
 
“อืมได้สิฮะ”
มันรับปาก เดินหายเข้าไปภายในตัวบ้าน ก่อนกลับออกมาอีกทีพร้อมกล้องคล้องไว้ที่คอและมีหนุ่มใหญ่เดินยิ้มแป้นตามหลังมา
 
“จะตามมาทำไมยะ”
แม่เริ่มวีน แต่พ่อไม่สนใจ หันมาชวนผมให้ไปด้วยกัน แกบอกจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนบ้านนอกไปในตัว
 
“ไม่ต้องไปเลย” แม่ยังไม่ยอมแพ้ห้ามปราม

 
“ผมจะไปเที่ยวกับลูก ไม่เกี่ยวกับคุณนี่”
พ่อตอกกลับ แม่ทำหน้าขัดใจ สุดท้ายก็ได้แต่ทำเสียงจิ๊จ๊ะ เดินนำไปก่อนโดยมีพ่อเดินตาม

ผมมองพวกท่านสองคนยิ้ม ๆ ผมว่า พ่อมีวิธีจีบแม่ที่แปลกดีแฮะ มองเลยไปยังไอ้ตัวเล็ก

จะว่าไปแล้ว ผมยังไม่เคยทำอะไรที่เป็นความหวังให้มันเลย นอกจากจับมันขึ้นเตียงอะนะ
 
บ้านปู่ย่ามันเป็นบ้านแบบต่างจังหวัดของแท้ครับ มีชั้นเดียว ทำจากไม้ทั้งหลัง เน้นความกว้างมากกว่าความสูง หลังคากระเบื้อง มีลานโล่งหน้าบ้าน โอบล้อมตัวบ้านด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ดูร่มรื่น ห่างออกไปเป็นทุ่งนาแสนกว้าง เขาเกี่ยวข้าวไปแล้ว ตอนนี้มีเพียงต้นหญ้าขึ้นเขียวขจี ให้พวกวัวและควายได้เดินเล่นเลาะเล็มเก็บกิน สายลมพากันโกรกหน่อย ๆ ให้ยอดหญ้าปลิวไสว

วิวสวยไปอีกแบบครับ

พอออกมาไอ้ตัวเล็กก็เดินว่อนถ่ายรูปลืมผมกับพ่อแม่ไปเลย พ่อกับแม่เดินทะเลาะกันมาตลอดทั้งเส้นทาง ในขณะที่ผมก้าวเท้าชมวิวไปข้างหน้าช้า ๆ สลับกับมองตามไอ้ตัวเล็กที่เดินหามุมสวย ๆ ถ่ายรูปอยู่

พ่อที่เดินทะเลาะกับแม่อยู่ไม่ไกลเดินเข้ามาใกล้ แล้วตบไหล่ผมเบา ๆ ผมหันไปมอง
 
“เห็นพ่อกับแม่ตอนนี้ไหม”
พ่อถาม
 
ผมกับแม่มองเฮียแกงง ๆ
 
“ครับ”
 
“แล้วอยากเป็นแบบนี้ หรืออยากทำให้ดีกว่านี้”
พ่อถามต่อ

ผมกำลังงุนงงกับสิ่งที่แกต้องการจะสื่อ
 
“ถ้าอยากให้ดีกว่านี้ ก็ต้องลงมือทำให้ดี แบบนี้ยังไงล่ะ”
แล้วพ่อก็หันไปช้อนอุ้มแม่ไว้ในอ้อมแขน วิ่งลิ่ว ๆ ไปกลางทุ่งนา แม่ก็หวีดร้องลั่นเกาะคอพ่อแน่น ไอ้ตัวเล็กหันมามอง มันยิ้มจนเต็มหน้า รีบยกกล้องขึ้นมากดถ่าย ได้ยินเสียงแม่โวยวายไปตลอดทาง
 
ผมอมยิ้ม เข้าใจในสิ่งที่พ่อต้องการจะสื่อทันที
 
พ่อพาแม่วิ่งลิ่ว ๆ ห่างไปไกล นี่แกจงใจพาแม่วิ่งไปสวีทกันสองคน หรือจะมอบโอกาสให้ผมได้สานต่อในสิ่งที่ผมควรจะทำกันแน่นะ
 
ไอ้ตัวเล็กทำท่าจะเดินตามไป แต่ผมก้าวไปคว้าข้อมือมันไว้ก่อน
 
ผมรู้ว่านิยายเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวในรั้วมหา’ลัย แต่ไหงคนเขียนมันพามาจบที่กลางทุ่งนาได้หว่า
 
ถ้าอยากรู้ต้องถามคนเขียนกันเอาเองครับ
 
ผมจ้องมองดวงตาแปลกใจของมัน
 
มันเคยบอกเอาไว้ ว่าไม่ว่าจะยังไง มันก็จะรักผม งั้นผมก็ควรจะเป็นตัวของตัวเองสินะ
 
ผมไม่ใช่คนดี
 
ผมไม่ใช่คนอ่อนโยน
 
แต่มันก็ยังยืนยันที่จะรัก
 
แล้วสิ่งที่ผมจะตอบแทนมันได้ล่ะ คืออะไร

ผมดึงมันมาจูบเบา ๆ

กลางทุ่งนา...

ท่ามกลางต้นหญ้าบนนาข้าว...


ภายใต้แสงอาทิตย์ที่เริ่มคล้อยไปทางด้านทิศตะวันตก

มันทำหน้าตกใจรีบผลักตัวเองออก แต่ผมยึดจับเอวมันไว้ทั้งสองข้าง เพิ่มแรงบดเบียดของปากเข้าไปอีก มันครางห้าม พยายามยื้อตัวออก แต่ผมยังฝืนจูบมันอยู่

ไม่นานมือที่ผลักไสก็เริ่มโรยแรงกลายเป็นบีบต้นแขนผมไว้เบา ๆ จังหวะการดิ้นก็น้อยลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นหยุดนิ่ง แหงนหน้าตอบรับรสจูบจากผม
               
พอมันหยุดขัดขืน ผมก็ผ่อนแรงจูบรุกรานลงจนกลายเป็นจูบนุ่นนวลแผ่วเบา คลายมือจากจับเอวมันแน่นมาเป็นโอบเอวมันไว้หลวม ๆ 

ไม่นานผมก็ถอนริมฝีปากออก

ตามันปรอยหน่อย ๆ มองผมกลับ
 
“ไม่ว่าจะยังไง นายก็ยังจะรักพระอาทิตย์ดวงนี้ใช่ไหม”
 
มันทำสีหน้างุนงง คงกำลังเมาจูบอยู่
 
“พี่ยอมเป็นพระอาทิตย์ให้กายแล้ว แล้วกายจะยอมเป็นพระจันทร์ให้พี่รึเปล่า”
 
มันกะพริบตาปริบ ๆ ทำสีหน้างุนงงยิ่งกว่าเดิม
 
ผมก้มลงไปกระซิบข้างหูมัน
 
“กายชอบพระอาทิตย์ที่สุด แล้วรู้รึเปล่าว่าพี่ชอบอะไร”
 
มันยังไม่พูดอะไร สายตาเต็มไปด้วยความแปลกใจและสับสน
 
“พี่ชอบพระจันทร์ที่สุด”
ผมเฉลย มันเบิกตากว้าง ผมไม่ปล่อยให้มันได้พูดอะไร ก้มจูบมันไปอีกทีแล้วถอนริมฝีปากออก
 
“พี่เป็นพระอาทิตย์ นายเป็นพระจันทร์ อาทิตย์กับพระจันทร์มักจะอยู่คู่กัน ภายใต้ผืนฟ้าเดียวกัน จับมือกัน เพียงแต่ทำหน้าที่กันคนละอย่าง ในเวลาที่พี่ร้อน นายจะทำให้พี่เย็น และในเวลาที่นายหนาวเหน็บพี่จะให้ความอบอุ่นกับนายเอง แต่บางทีอาจจะอุ่นไปบ้างจนร้อนระอุ นายก็ทน ๆ เอาหน่อยละกัน”
 
มันยังมองหน้าผมด้วยสีหน้างุนงงอยู่
 
ผมคลี่ยิ้ม
 
“กาย…”
ผมก้มกระซิบข้างหูมันอีกรอบ
 
“พี่รักนายนะ”
ผมไม่รู้ว่ามันยืนนิ่งอยู่ท่าเดิมนานแค่ไหน มันยืนนิ่งโดยมีผมยืนยิ้มมองมันอยู่ในอ้อมแขน
 
มันก้มหน้าลงต่ำ ก่อนเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วดันตัวเองออกเบา ๆ แต่ผมยังไม่คลายปล่อย
 
“คุณเอกภพนี่เป็นคนอารมณ์ขันดีนะ”
 
ผมขมวดคิ้วคลายอ้อมแขนออกหน่อย ๆ
 
“พูดเล่นจนผมเผลอคิดว่าเป็นเรื่องจริงเลย”
 
ผมมองมันงง ๆ
 
นี่กูอุตส่าห์บอกรักมึงเชียวนะเว้ยเฮ้ย
 
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
มันหันหลังเดินออกจากอ้อมแขนผมไป ผมรีบก้าวไปคว้าข้อมือมันดึงกลับมาไว้ในอ้อมแขนเหมือนเดิม ผมขมวดคิ้ว จ้องหน้ามันอย่างหาคำตอบ มันพยายามขืนตัวออก แต่ผมไม่ยอมปล่อย
 
“กาย นี่พี่บอกรักนายอยู่นะ”

[50%]
มันหยุดขืนตัว เงยหน้ามองตาผม 
 
“พี่เอก”
แล้วมันก็ยอมเรียกผมอย่างที่มันเรียกทุกครั้ง
 
“ถามใจตัวเองให้ดีนะฮะ แล้วอย่าเอาหัวใจคนอื่นไปล้อเล่นอีก ผมไม่รู้ว่าพี่มาที่นี่เพราะอะไร เพื่อมาเยาะเย้ย หรือมาตอกย้ำให้ผมต้องเจ็บช้ำอีก แล้วผมก็ไม่รู้ว่าพี่พูดคำเมื่อกี้เพราะอะไร เพื่อหาที่ระบาย เพื่อหาเหยื่อ หรือมันเป็นเกมที่พี่จะได้เอาไปคุยกันสนุกปากทีหลังว่าผมเสร็จพี่ไปกี่รอบแล้ว”
 
ผมค่อย ๆ คลายอ้อมแขนออก
 
ไม่ผิดที่มันจะไม่เชื่อใจผม เพราะผมเป็นคนทำลายสิ่งนั้นด้วยตัวผมเอง

มันหันหลังอีกรอบ เดินตรงไปทางพ่อแม่ ก้าวห่างผมออกไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ผมยังยืนนิ่งอยู่ตรงจุดเดิม
 
ก่อนที่ผมจะบอกรักมัน ผมทำให้มันเชื่อใจผมแล้วรึยัง แล้วทำให้มันเชื่อใจผมได้มากแค่ไหน ผมพูดดีวันนี้ แต่วันพรุ่งนี้ ผมอาจกลืนคำพูดตัวเองลงไป แล้วทำร้ายจิตใจมันอีก
 
คำรักจากผม ที่นอกจากแฟนคนแรกแล้ว ผมก็ไม่เคยพูดกับใครอีกเลย มันดูมีค่าสำหรับผมมาก แต่สำหรับกาย อาจเป็นเพียงน้ำคำหลอก ๆ ที่เอาไว้เชิญชวนให้มามีอะไรกันในยามค่ำคืน แล้วเฉดหัวทิ้งในวันรุ่งขึ้น
 
มันไม่เชื่อใจผมอีกต่อไปแล้ว
 
แม้จะรัก แต่มันก็เลือกที่จะรักเท่านั้น ไม่คิดที่จะโอบอุ้มเอาความเจ็บปวดไว้ในมือตัวเองอีกต่อไป
 
ผมมองตามแผ่นหลังมันไปเรื่อย ๆ ก่อนตัดสินใจก้าวเร็วไปคว้าข้อมือมันไว้ จับมันหันมาเผชิญหน้าอีกรอบ
 
“พี่ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง…”
 
ไอ้ตัวเล็กยืนนิ่งไปอีกรอบ
 
“พี่มันพวกขี้หึงหน้ามืดตามัว ที่พี่พูดไปวันนั้น เพราะพี่เข้าใจผิด เพราะพี่คิดไปเอง เพราะพี่ไม่เชื่อใจกาย”
ผมหยุดคำพูดตัวเองไปนาน
 
“พี่พาล เพราะเห็นกายไปกอดกับไอ้เป้ พี่พาลเพราะเห็นไอ้โอ๊คมันสัมผัสกาย พี่พาลเพราะหึงทุกคนที่เข้าใกล้กาย พี่รู้ว่าพี่ไม่มีสิทธิ์เพราะพี่ไม่เคยทำอะไรให้ชัดเจน”
 
มันยืนอึ้งรับฟัง ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก
 
“พี่จะไม่ขอให้กายยกโทษให้พี่หรอกนะ เพราะพี่ทำกายเจ็บมาเยอะ ทั้งร่างกายแล้วก็จิตใจ แต่พี่ก็เจ็บที่ทำให้กายต้องเจ็บเหมือนกัน”
 
ผมบีบข้อมือมันเบา ๆ
 
“พี่คงไม่ขอให้กายให้โอกาสพี่ เพราะโอกาสพี่มันคงหมดไปแล้ว แต่พี่จะขอเริ่มต้นใหม่ เหมือนที่พ่อตัดสินใจเริ่มต้นใหม่กับแม่อีกครั้ง”
ผมพูดแล้วยิ้ม
 
“พี่มันพวกหน้าด้านนะกาย”
ผมเขยิบตัวเข้าไปชิด ยกตัวมันขึ้น รั้งสองขามันคาดเอวผมไว้ มันร้องเหวอรีบโอบรอบลำคอผมไว้ทันที
 
“พี่ไม่ขอให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมนะ เพราะกายคงจะเจ็บปวดเหมือนเดิม แต่พี่จะขอเริ่มต้นจีบกายใหม่”
 
มันมองหน้าผมอึ้ง ๆ ผมยิ้มผ่านดวงตาให้มัน
 
“นิสัยพี่ก็เหมือนหมาอะนะ มันจะหวงกระดูกสุด ๆ ไอ้อีคนไหนที่คิดจะมาแย่งคนของพี่ มันคงต้องข้ามศพพี่ไปก่อน แม้แต่ไอ้อาร์ตที่เคยฝากรอยไว้ที่นี่ด้วย”
ผมลูบลำคอมันเบา ๆ ตรงจุดที่ไอ้อาร์ตเคยทิ้งรอยเอาไว้นั่นแหละ ตอนนี้รอยจูบหายไปแล้ว แต่ผมยังจำมันได้ติดตา

ร่องรอยที่ไม่ใช่ของผม 
 
“พะ พี่รู้”
หน้ามันซีดเผือด
 
นี่สินะ ที่ทำให้มันหวาดกลัวในวันนั้น
 
“กาย พี่อยากให้กายไว้ใจพี่ พูดสิ่งที่ควรจะพูดกับพี่”
 
“แล้ว…”
มันคงอยากถามว่า ผมรู้ได้ยังไง แล้วเกิดอะไรขึ้น
 
“ไอ้กิ๊ฟมันเอาภาพที่กายถูกไอ้อาร์ตจูบมาให้พี่ดู แล้วพี่ก็ไปซัดกับมันมา”
 
มันเบิกตากว้าง จ้องมาที่มุมปากข้างหนึ่งของผม
 
“ข้างนั้นน่ะ ของพ่อกับของไอ้เป้มัน ของไอ้อาร์ตข้างนี้ต่างหาก”
 
มันเบิกตากว้างด้วยความตกใจอีกรอบ
 
ตกใจง่ายจริงวุ้ย เมียกู
 
“พ่อ..พี่เป้..ทำไม”
 
“ของไอ้เป้น่ะ มันปกป้องกายตอนพี่ปากหมาไปว่าเรื่องกายเข้า ส่วนของพ่อก็เป็นธรรมดา ใครมาทำลูกตัวเองเจ็บ ก็ต้องมีการเอาคืนกันบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ตามแบบฉบับลูกผู้ชาย แต่หมัดแกหนักยิ่งกว่าของไอ้อาร์ตกับไอ้เป้ซะอีก”
หนักไม่หนักก็ทำเอาผมที่ตัวใหญ่ ๆ ร่วงลงไปนั่งกองอยู่ที่พื้นได้ละกัน เขียวปี๋เลย
 
ลุงพงษ์ก็ถามเหมือนกันว่าไปทำอะไรมา ผมก็บอกไปว่า ไปทำเรื่องที่ลูกผู้ชายสมควรทำมา ลุงตบไหล่ใหญ่ แล้วบอกว่า ‘เรื่องชกต่อยเป็นเรื่องธรรมชาติ’’
 
“พี่เอก”
แล้วมันก็ยอมเรียกชื่อผมอีกครั้ง ผมยิ้ม ซบหน้ากับไหล่มัน
 
“มันยากที่จะทำให้พี่พูดคำนี้นะ พอพี่พูด กายก็เตะคำพูดพี่ซะกระเด็นไปไกลเลย”
 
“ผมก็รู้สึกแบบเดียวกัน ในวันที่ผมบอกรักพี่ แล้ววันรุ่งขึ้น พี่ก็เอาคำรักของผมไปโยนทิ้ง”
 
ผมเงยหน้ามอง มันหลุบตาลงต่ำ
 
ใช่ มันบอกรักผม แล้วหลังจากนั้น ผมก็พูดจาเชือดเฉือนราวกับไม่รู้สึกอะไรกับมัน แถมยังกระทืบซ้ำให้มันเจ็บช้ำยิ่งกว่าเดิมอีก
 
“พี่ขอโทษ”
 
มันนิ่ง ก่อนพยักหน้าเบา ๆ
 
“ก็พี่หึง”
 
มันยังนิ่งอยู่ แล้วพยักหน้าอีกที ผมเริ่มยิ้มออก
 
“ยกโทษให้พี่แล้วใช่ไหม”
 
มันส่ายหน้าไปมา ผมขมวดคิ้ว มันเงยหน้ามอง
 
“ผมไม่ได้โกรธพี่ เลยไม่มีอะไรจะยกโทษให้ แต่ผมคงรับคำรักจากพี่ไม่ได้ เพราะผมไม่แน่ใจในตัวพี่ วันนี้พี่อาจพูดดี แต่วันพรุ่งนี้ มันอาจเป็นเพียงเสียงนกเสียงกาก็ได้”
โห ดูมันเปรียบซะ
 
“ผมอยากเชื่อ อยากฟัง แต่ก็กลัวเกินที่จะรับมัน ผมกลัวว่าถ้าวันนี้ผมดีใจ วันพรุ่งนี้ผมอาจจะเสียใจที่มันเป็นเพียงแค่คำพูดเท่า…”
 
ผมรีบหยุดคำพูดมันด้วยริมฝีปากตัวเองทันที
 
ผมเข้าใจแล้ว
 
เข้าใจถ่องแท้เลย
 
“พี่รักกายนะ” ผมถอนปากออกมาบอก “แล้วพี่จะพูดให้กายฟังเท่าที่จะทำได้ละกัน”
 
ดวงตามันสั่นไหว ผมจูบแก้มมันเบา ๆ
 
“ไม่ต้องเชื่อพี่ก็ได้ เพราะมันก็แค่คำพูด แต่กายคือคนที่พี่อยากเจออยากอยู่ใกล้มากที่สุด คือคนที่ทำให้พี่นอนไม่หลับ คือคนที่วิ่งวนอยู่ในหัวพี่ ทำงานก็คิดถึง กินก็คิดถึง เรียนก็คิดถึง เป็นคนที่ทำให้พี่กระสับกระส่าย หงุดหงิดจนโดนพวกเพื่อน ๆ รำคาญ คือคนที่ทำให้พี่ต้องดั้นด้นจากกรุงเทพ มาหาถึงจังหวัดอันไกลโพ้นนี้”
 
มันกะพริบตามองหน้าผม
 
“เพื่อมาบอกว่า พี่รักกาย”
แล้วผมก็ย้ำคำนั้นลงไปอีกที

แล้วก้มจูบมันเบา ๆ ไอ้ตัวเล็กกระชับอ้อมแขนโอบรอบลำคอผมแน่นขึ้น

น้องผมด้านล่างมันขยับดิ้นดุ๊กดิ๊ก ไอ้ตัวเล็กค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกมามอง หน้ามันแดงหน่อย ๆ 
 
“แล้วพี่ก็หื่น”
 
ผมหัวเราะหึ ๆ
 
“ยอมรับ”
แล้วผมก็จูบมันไปอีกที
 
“นี่!! ให้คุยกันโว๊ย!! ไม่ได้ให้มาฟัดกันกลางทุ่งนา!!!”
พ่อตะโกนวิ่งหน้าตั้งมาทางพวกเรา โดยมีแม่ถือท่อนไม้ขนาดใหญ่วิ่งไล่ฟาดหัวพ่ออีกที พ่อวิ่งหนีไปรอบ ๆ กระโดดผ่านหัวคันนาลูกแล้วลูกเล่าหลบหนีไม้จากมือแม่
 
ผมกับกายหัวเราะกันใหญ่ ผมปล่อยมันลง มันรีบยกกล้องขึ้นมาถ่ายสองสามีภรรยาที่กำลังฟัดกันแหลกลาญกลางท้องนา
 
ผมยืนมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม
 
พ่อวิ่งอ้อมไปข้างหลังแม่ กอดแม่ไว้ ก้มหอมแก้มแม่หนัก ๆ ไปที แม่พยายามดิ้นรนใหญ่

แม่คงไม่ยอมอภัยให้พ่อง่าย ๆ แน่ แต่พวกเราก็มองออกว่าแม่เขินขนาดไหน 
 

ผมเขยิบไปยืนอยู่ข้าง ๆ ไอ้ตัวเล็ก โอบเอวมันไว้ แล้วปล่อยให้มันถ่ายภาพพ่อกับแม่ไปด้วยความสุขใจ
 
ในวันนี้และวันพรุ่งนี้ ผมจะยืนอยู่เคียงข้างมัน ผมไม่สัญญา ว่าผมจะรักมันไปได้ตลอดไหม แต่ผมสัญญา ว่าจะรักมันทุกวัน ตราบเท่าที่ผมยังมีทุก ๆ วันที่เรียกว่าวันนี้อยู่


To be con..
 
รักคิสเลิฟสุดหัวจิตหัวใจ รักพี่เอกน้องกาย คิสหัวคิ้วพี่เอก(ทำไมต้องหัวคิ้ว = =)
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 58 เมื่อพระอาทิตย์บอกรักพระจันทร์[8-7-59] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-07-2016 19:31:46
กาย ยังสับสน น้อยใจพี่เอก
พี่เอก ต้องขอโทษ เรื่องที่เข้าใจผิดกาย หึงกาย
เรื่องแฝดตัวเองทำไม่ดีกับกาย
เรื่องที่พูดประชดให้กายเสียใจ ฯลฯ
รอ พี่เอกขอโทษ และอ้อนจนกายใจอ่อน จะได้มาหวานๆ ใส่กัน
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 58 เมื่อพระอาทิตย์บอกรักพระจันทร์[8-7-59] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 08-07-2016 19:51:34
รออีก50เปออออออ  :katai3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 58 เมื่อพระอาทิตย์บอกรักพระจันทร์[8-7-59] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 08-07-2016 21:22:33
ก่อนบอกรัก ขอโทษในสิ่งที่ทำกับน้องก่อนดีกว่ามั้ย  เซ็งตานี่จริง จริง
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 58 เมื่อพระอาทิตย์บอกรักพระจันทร์[8-7-59] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 08-07-2016 22:55:03
กำลังหน่วงได้ที่เลย น้องไม่เชื่อพระอาทิตย์อีกต่อไป  :sad4: สะใจจริง เอาให้พี่เอกเงิบไปเลวนะน้องกาย  :laugh:


รอตอนต่อไปค่ะ


หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 58 เมื่อพระอาทิตย์บอกรักพระจันทร์[8-7-59] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 08-07-2016 23:01:17
อ่านถึงฉากน้องกวางโดนเค้กปาหน้าทีไร น้ำตาจะไหลทุกที :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 58 เมื่อพระอาทิตย์บอกรักพระจันทร์[8-7-59] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 08-07-2016 23:51:20
เรงามมากข่ะน้องกาย อย่ายอมง่ายๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน [24-7-59] พาร์ท 1 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 19-07-2016 19:04:06
Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน พาร์ท 1 50% [กาย]



 
ผมนั่งอยู่บนพื้นหญ้าแห้ง แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าไร้แสงอาทิตย์ด้านบน เอนตัวไปด้านหลังหน่อย ๆ โดยมีแผงอกกว้างของพี่เอกรองรับเอาไว้อีกที
 
วันนี้พี่เอกบอกรักผมด้วย บอกรักกลางทุ่งนาเลย
 
น่าอายชะมัด
 
ส่วนพ่อผมน่ะเหรอ นู่น…
 
“อูย~~ ผู้หญิงอะไร มือหนักชะมัด”
พ่อนั่งโอดครวญ เจ็บหนึ่งเว่อร์ไปสิบอยู่อีกด้าน
 
พวกเราออกมานั่งดูดาวกันอยู่ตรงลานกว้างหน้าบ้าน โอบล้อมพื้นที่ด้วยต้นไม้ใหญ่ ปล่อยให้พวกลุง ๆ เขาสังสรรค์กันไป(มีเพื่อนบ้านมาสมทบครับ) พี่เอกกับพ่อดื่มกันคนละสองแก้ว ส่วนผมกับแม่คนละแก้วก็พอ
 
ไม่อยากเมาครับ
 
“เวอร์ ฉันตีไปเบา ๆ”
แม่ท้วง
 
“ก็คุณมือหนัก ไม่เชื่อดูสิ”
แล้วพ่อก็พลิกหัวด้านหลังให้แม่ดู แม่รีบส่องใหญ่ แล้วคุณพ่อแสนเจ้าเล่ห์ก็หันกลับมาจุ๊บแก้มแม่เบา ๆ ที
 
แม่อ้าปากค้าง พอได้สติก็รัวขนมตุ๊บตั๊บใส่พ่อใหญ่ พ่อร้องโอดโอยปัดป้องตัวเองไปหัวเราะไป ผมกับพี่เอกพลอยได้หัวเราะตามไปด้วย ก่อนพวกเราจะละสายตาหันกลับมาดูดาวกันต่อ
 
“พี่เอก อย่า…”    
ผมปรามเสียงเบาเมื่อมือไม้พี่แกเริ่มอยู่ไม่สุข ลูบ ๆ ไล้ ๆ อยู่แถว ๆ สะโพกผม
 
“อย่าอะไร”
พี่มันแกล้งถามหน้าซื่อเหมือนไม่รู้ว่ามือตัวเองกำลังทำรุ่มร่ามกับร่างกายของคนอื่นอยู่ ผมไม่ตอบ พยายามดึงมือพี่มันออก แต่พี่มันเป็นญาติกับตุ๊กแกครับ แงะยังไงก็แงะไม่ออก ผมเลยดันตัวลุกขึ้นหวังเดินหนี แต่พี่มันดึงผมกลับไปนั่งอยู่ท่าเดิม โอบแขนข้างหนึ่งไว้ที่ท้อง ล็อคผมไว้กันหนี
 
“ปล่อยนะพี่เอก”
ผมห้ามเสียงเบา มือหนึ่งพยายามงัดมือใหญ่ที่ท้องตัวเองออก พอ ๆ กับอีกมือที่พยายามงัดมือที่สะโพกตัวเองออกเหมือนกัน
 
“อย่าห้ามพี่เลยนะ ก็พี่คิดถึงกายนี่นา”
พี่มันตอบกลับเสียงพร่า
 
เสียงมึงนี่หื่นมากเลยเหอะ
 
“อยากจับกายขึงพรืดกับเตียงแล้วฟัดให้หนำใจ”
 
มึงจะจริงใจไปไหม
 
แล้วพี่มันก็ซุกซอกคอผมเบา ๆ ผมขนลุกซู่ไปทั่วทั้งตัว
 
มันหวิวครับ
 
“พี่เอก…” ผมครางออกมาเบา ๆ “หยุดนะ”
 
“กายก็อย่าครางสิ ยิ่งครางพี่ยิ่งตื่นนะ”
 
งั้นมึงก็เลิกเล้าโลมกูสักทีสิ ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่ากูตื่นง่าย ผมจับมือพี่แกไว้ แกเลยจับมือผมไปจับน้องแกอีกที ผมรีบชักมือกลับ ได้ยินเสียงพี่มันหัวเราะหึ ๆ ด้วย
 
“พ่อกับแม่อยู่ใกล้ ๆ นะพี่เอก”
 
“พวกท่านไม่เห็นหรอกน่า”
พี่มันกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นไปอีก
 
“คิดถึง”
แล้วพี่มันก็หยอดคำหวานใส่ผม ผมงี้นั่งหน้าร้อนผ่าว ก่อนพี่แกจะรีบปล่อยมือออกเพราะได้ยินเสียงแม่ตะโกนเรียก
 
“แม่ไปนอนก่อนนะกาย ง่วงแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปเดินตลาดกันแต่เช้า”
 
“ครับ”
ผมตอบรับ รีบลุกขึ้นยืน ก้มดึงพี่เอกให้ลุกขึ้นตามมาด้วย แต่พี่มันอิดออด ทิ้งน้ำหนักถ่วงตัวเองไว้ที่พื้น
 
รากงอกรึไงมึง
 
ผมหันไปมองพ่อกับแม่ พวกท่านเดินหายไปแล้ว หันกลับมาพยายามดึงแขนพี่มันลุกขึ้นอีกที แต่ไม่สำเร็จครับ หนำซ้ำยังถูกดึงให้ลงไปนั่งบนตักพี่แกอีกต่างหาก ผมดิ้นขลุกขลักพยายามจะลุกหนี
 
“กาย”
น้ำเสียงจริงจังหยุดทุกการดิ้นรนของผมลง ผมเงยหน้ามอง พี่เอกมองหน้าผมนิ่ง ๆ
 
“พี่มีเรื่องอยากถาม”
 
ผมพยักหน้าตอบรับ
 
“ทำไมถึงไปจูบกับไอ้อาร์ต”
ผมนั่งนิ่ง รู้สึกร่างกายสั่นไหวขึ้นมาดื้อ ๆ

“ตอบพี่มา พี่ไม่โกรธหรอก”
พี่เอกจูบหน้าผากผมเบา ๆ เพื่อย้ำถ้อยคำ
 
ผมก้มหน้าลงต่ำ
 
“ก็วันนั้นผมง่วง ผมเบลอ หิวข้าว แล้วก็อยากอ้อนด้วย ผมคิดว่าพี่อาร์ตเป็นพี่เอก เลยเดินเข้าไปกอดแล้วก็...จูบ”
คำพูดสุดท้ายแผ่วหายไปในลำคอ
 
พี่เอกนั่งนิ่ง
 
“แล้วมันขัดขืนรึเปล่า”
 
ผมพยักหน้า
 
“ตอนแรกก็ขัดขืนนะ แต่ผมคิดว่าพี่เอกกำลังโกรธอยู่ เลยฝืนจูบไป จนพี่แกยอมอยู่นิ่ง ๆ แล้วก็จูบตอบ”
ผมบอกออกไปตรง ๆ พี่เอกถอนหายใจแรง แอบเห็นพี่แกกำต้นหญ้าที่พื้นด้วย ผมนั่งหัวหดเตรียมให้ด่า
 
“แล้ววันนั้นไปอ้อนมันยังไง”
 
ผมเงยหน้ามอง
 
“ทำเหมือนที่ทำกับไอ้อาร์ตวันนั้นซิ”
พี่มันสั่ง
 
แม้จะอาย แต่ผมเลือกที่จะพยักหน้ารับ เลื่อนมือขึ้นไปจับใบหน้าสองข้างของพี่แกไว้ จูบเบา ๆ 

พี่เอกยังคงนั่งนิ่ง ผมสอดปลายลิ้นเข้าไปภายใน เกี่ยวลิ้นพี่แกไว้ ไม่นานพี่มันก็ตอบรับรสจูบจากผม
 
รสจูบอันคุ้นเคย
 
ผมเผลอตัวครางออกมาเบา ๆ ร่างกายพากันร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมรีบถอนจูบออก ก้มหน้าไม่กล้าสบตาเหมือนเดิม
 
“จูบกับมันแล้วรู้สึกยังไง”
พี่มันถามต่อเรียบ ๆ
 
ผมส่ายหัวไปมา เงยหน้าขึ้นมองคนถาม คิ้วเข้มขมวดด้วยความแปลกใจ
 
“ผมชอบจูบกับพี่มากกว่า” พูดแล้วก็ก้มหน้าต่อ “จูบของพี่ทำให้รู้สึกดี ถึงหน้าตาจะเหมือนกัน แต่รสจูบต่างกัน”
นี่กูกำลังพูดอะไรของกูอยู่วะเนี่ย
 
พี่มันนิ่งไปนาน
 
“ต่างกันยังไง”
ก่อนถามขึ้นมาอีก ผมเงยหน้ามอง
 
“ก็มัน…”
 
“ก็มัน…?” พี่มันต้อนเสียงนุ่ม
 
“ผมไม่รู้ รู้แค่ว่า จูบกับพี่แล้วรู้สึกดีกว่า”
ผมซุกหน้ากับอกพี่แกเบา ๆ
 
อายครับ ให้กูมาพูดเรื่องอะไรพรรค์นี้วะ
 
แล้วอยู่ ๆ เจ้าสิ่งที่ผมนั่งทับอยู่ ก็แข็งโป๊กขึ้นมา ผมเงยหน้ามองพี่แก ได้ยินเสียงเฮลั่นด้านหลังแล้วก็มีเสียงเชียร์ให้พ่อดื่มอีกแก้ว สงสัยพ่อจะไม่ได้เข้านอนแล้วล่ะ พี่มันอมยิ้ม ลุกขึ้นลากผมเดินไปยืนพิงต้นไม้ใหญ่ แล้วกดจูบลงมาเบา ๆ ก่อนรสจูบนั้นจะเพิ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผมหอบ พี่มันละริมฝีปากลงไปที่ซอกคอ ผมรีบเอียงหน้าหลบหนี
 
“พี่เอก อย่านะ นี่มันข้างนอก”

[ ต่อ 50%]


พี่มันไม่ฟัง รุกไล้ซอกคอผมไม่หยุด มือไม้ก็อยู่ไม่สุข ล้วงเข้ามาลูบวนอยู่แถว ๆ หน้าอกก่อนบีบเบา ๆ บนยอดอกผม ผมครางฮือ อยากครางห้ามครับ แต่มันก็หวิวได้ใจ แล้วพี่มันก็จับผมหันหน้าเข้าหาต้นไม้ ปลดกางเกงผมลงไปค้างไว้ที่หัวเข่า
 
“พี่ทนไม่ไหวแล้วนะกาย พี่ปวด”
พี่มันบอก ก่อนแปะความอุ่นแข็งไว้ที่ปากทางเข้า ทิ่ม ๆ อยู่สักพัก น้องพี่มันก็เข้ามาได้ทั้งตัว ผมครางออกมาเบา ๆ
 
แม้จะรู้สึกดี แต่ก็กลัวครับ
 
ญาติพี่น้องก็อยู่กันครบ ไม่รู้ใครจะเดินมาเจอบ้าง แต่พี่มันไม่สน ดึงช่วงล่างออกเบา ๆ แล้วใส่กลับเข้ามาใหม่ ผมงี้ซี้ดปากครางพร่าเลย

พี่มันทำช้า ๆ อยู่อย่างนั้น ก่อนเพิ่มจังหวะเป็นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ผมก็ได้แต่ยืนค้ำต้นไม้ไว้ กางสองขาออกกว้างตอบรับจังหวะจากพี่แก
 
ทั้งกลัวทั้งสุข และเสียวซ่านในเวลาเดียวกัน
 
พี่มันจับสองแขนผมดึงไปด้านหลัง ในขณะที่สะโพกยังขยับเข้าออกเป็นจังหวะ
 
โหย…มึง จะลีลาเยอะไปไหน แค่ท่าธรรมดากูก็จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
 
พี่มันเร่งจังหวะช้าเร็วสลับกันไปจนผมแทบจะทนไม่ไหว อยากครางดัง ๆ ให้มันหนำใจ แต่ก็ต้องกักเก็บเอาไว้อย่างทรมาน
 
“ไปพร้อมกันนะ”
พี่มันบอกแล้วเร่งจังหวะเร็วขึ้น แต่ผมทำไม่ได้ครับ เพราะรู้สึกดีจัดจนไปก่อนพี่มัน พี่เอกขยับสะโพกอีกสองสามทีรีดน้ำอุ่น ๆ เข้ามาในตัวผม
 
“จริง ๆ พี่ไม่อยากปล่อยข้างใน แต่ว่า...พี่อยากเสร็จในตัวกายนี่นา”
พี่มันกระซิบบอกข้างหู ค่อย ๆ ถอนร่างตัวเองออก ลูก ๆ ของพี่มันไหลเยิ้มไปทั่วเรียวขาผมเลย พี่เอกก้มมอง
 
“สวยดี”
สวยกับแป๊ะมึงน่ะสิ ขากูเลอะหมดแล้ว ดีว่าใส่กางเกงขายาว เนื้อผ้ามันเลยซับเอาไว้บ้าง พี่เอกรีบต้อนน้องตัวเองเข้ากางเกง แล้วจัดการแต่งตัวให้ผม
 
“อยากต่ออีกสักรอบสองรอบ แต่อดใจเอาไว้ก่อนดีกว่า”
ยังมีกะจิตกะใจอดใจเอาไว้ได้อีกนะ ผมด่าพี่มันทางสายตา พี่มันเพียงยิ้ม ก้มหอมแก้มผมเบา ๆ ที
 
แล้วพี่มันก็พาผมเดินไปหยุดอยู่กลางลานกว้าง แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยกัน
 
“คิดว่าหายไปไหน ที่แท้ก็มายืนมองดาวกันอยู่ตรงนี้นี่เอง”
แม่ผมเองครับ ดีนะที่พี่แกเสร็จเร็ว ไม่งั้นแย่แน่ ๆ ผมพยายามตีสีหน้านิ่ง ๆ
 
“ไหนว่าจะนอน”
 
“คงนอนได้หรอกนะ”
พอแม่พูดจบก็ได้ยินเสียงเฮลั่น ผมหัวเราะหึ ๆ เข้าใจทันที
 
“ปล่อยไว้สักชั่วโมงก็คงเลิกกันเอง”
ผมบอก
 
แม่พยักหน้าเข้าใจ
 
“ดึกแล้ว พาเอกไปอาบน้ำเถอะ”
               
ผมมองหน้าพี่เอก พี่มันหัวเราะ พยักหน้าเบา ๆ ให้ผมที พี่แกคงอยากพาผมไปล้างตัวด้วยเหมือนกัน ผมพยักหน้ารับ พาพี่เอกเดินเข้าบ้าน

ผมอาบน้ำในห้องน้ำด้านในครับ ส่วนพี่เอกออกไปอาบด้านนอก เห็นบอกว่าอยากอาบน้ำท่ามกลางแสงจันทร์บ้านนา
 
ผมก็ปล่อยแกไป อากาศเย็นจะตาย แค่ลมโกรกมาหน่อยตัวก็สั่นแล้ว ปล่อยให้หมียักษ์อย่างพี่มันอาบไปคนเดียวเถอะ
 
วงเหล้าตั้งกันอยู่แค่ห้าทุ่มก็แยกย้ายกันกลับ บางส่วนก็นอนสลบกันอยู่แถว ๆ นั้นแหละ
 
แม่ไปนอนกับอาพิม ส่วนพ่อไปนอนกับลุงพงษ์ ตอนแรกผมว่าจะไปนอนกับปู่กับย่า แต่พวกท่านบอกให้ผมไปนอนเป็นเพื่อนพี่เอกในห้องรับแขก
 
กูไม่อยากนอนเว้ย!!
 
อยู่กับปู่กับย่า ผมยังได้นอนหลับตลอดทั้งคืน แต่ถ้าอยู่กับพี่เอก สงสัยผมจะไม่ได้นอนแน่ ๆ
 
พอเข้าห้องได้ ผมรีบเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนฟูก ดึงผ้าห่มมาห่มจนถึงต้นคอแกล้งหลับนำไปก่อน พี่เอกเดินตามเข้ามาติด ๆ ปิดไฟหน้าประตูห้อง สักพักก็รู้สึกเหมือนฟูกข้างตัวยุบยวบลงไป ผมหลับตาแน่น ก่อนสะดุ้งเฮือกเมื่อพี่มันคว้าร่างผมไปกอดทั้งผ้าห่มนั่นแหละ แต่ผมก็ยังแกล้งหลับต่อไป แอบคิดอยู่ในใจ พี่มันคงไม่คิดจะทำอะไรคนหลับหรอก
 
แต่ที่ไหนได้…
 
“พี่จะลักหลับคนแกล้งหลับล่ะนะ”
พี่มันกระชากผ้าห่มออกจากตัวผมไปไว้ข้าง ๆ แล้วเหวี่ยงตัวเองขึ้นมาคร่อมผมไว้ ผมเผลอลืมตามอง
 
“พี่เอก ผนังห้องมันไม่ได้เก็บเสียงนะ”
 
“งั้นกายก็ครางเบา ๆ สิ”
พี่มันบอก สองมือก็ช่วยกันถอดกางเกงผมออก อยากขัดขืนครับ แต่พี่มันคงดื้อแพ่งทำต่อให้ได้แน่ ๆ กางเกงผมหลุดออกจากตัวไปวางอยู่ข้าง ๆ ผ้าห่ม เหลือไว้เพียงเสื้อยืดตัวเดียวเท่านั้น และตอนนี้มันก็ถูกเลิกขึ้นจนสูงถึงต้นคอ ปล่อยให้หัวนมออกมารับอากาศเย็น ๆ ไป
 
ถ้ามึงจะเลิกสูงขนาดนี้ ถอดไปเลยก็ได้นะ
 
พี่มันแหวกสองขาผมออกกว้าง แล้วแทรกร่างของตัวเองลงมา ผมมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นระทึก

กลัวก็กลัว ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น
 
“พี่ไม่ไหวแล้วนะกาย”
พี่มันใช้มือเดียวเกี่ยวขอบกางเกงใส่นอนของตัวเองลง แล้วน้องชายที่พร้อมใช้งานเต็มที่ของพี่มันก็ออกมาเริงร่าภายนอก ผมจ้องมองสิ่งนั้นผ่านความสว่างเลือนราง
 
เชื่อแล้วครับว่าพี่มันคงอัดอั้นจริง ๆ
 
ผมเอียงหน้าหลบหนีไปด้านข้าง ก่อนครางฮือเมื่อพี่มันค่อย ๆ เชื่อมร่างของเราสองคนเข้าไว้ด้วยกัน ผมกัดฟันแน่น แหงนหน้าระบายความหวิวที่ท้องน้อย ขยำสองมือกับที่นอนแน่น พอพี่มันเข้ามาจนสุด ก็ถอนร่างออกจนเกือบหลุดแล้วใส่กลับเข้ามาใหม่ ผมผวาตามทุกจังหวะ
 
พี่มันเคลื่อนไหวร่างกายด้วยจังหวะเชื่องช้า แต่ขอบอก เสียวสิ้นดี

หัวใจผมพากันเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมาอยู่นอกอก กำที่นอนแน่นจนเจ็บมือไปหมด ได้ยินเสียงพี่มันครางทุ้มเบา ๆ ผมหันไปมอง เห็นพี่มันกำลังคลี่ยิ้มนิด ๆ ส่งมาให้
 
“แบบนี้ก็เร้าใจไปอีกแบบเนอะ”
แล้วพี่มันจับสองขาผมพาดบ่า เคลื่อนที่เข้าออกลึกขึ้น
 
ผมกวาดมองไปทั่วใบหน้าของพี่เอก เห็นได้เลือนรางผ่านแสงจันทร์จากกระจกเหนือหน้าต่าง แม้ไม่ชัดมาก แต่ผมก็รู้ว่าพี่เอกกำลังมีความสุข
 
“ของกายรัดพี่ใหญ่เลย”
แล้วพี่มันก็พูดคำพูดน่าอายออกมาได้น่าตาเฉย ผมเอียงหน้าหลบหนีอีกรอบ หอบหายใจถี่ ๆ ปวดหน่วงไปทั่วทั้งท้องน้อย
 
“ดีกาย รัดพี่แรง ๆ พี่ชอบ”
พี่มันบอก ผมไม่ได้ทำตามนะ แต่ว่า..เผลอรัดจนพี่มันครางออกมาอีกรอบเลย
 
“อืม..ดีมาก กาย”
แล้วพี่มันก็ชมผมไปเคลื่อนที่เข้าออกไป
 
สุดยอดจริง ๆ ครับ
 
แล้วผมก็นอนครางเบา ๆ อยู่แบบนั้น ให้พี่แกเล่นไปอีกสามดอก
 
หึ ๆ เปรม..

to be con..
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน [19-7-59] พาร์ท 1 50%
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 19-07-2016 20:06:46
หลังฟูมฟายพี่เอกน้องกายจากอีกเว็บเราก็ตามมาคอมเม้นและยังฟูมฟายต่อที่นี่  หมั่นใส้อิพี่เอกมากทั้งเรื่องเลยค๊าาหาความดีงามไม่ค่อยเจอ :katai1: รักพี่เทวดาโอ๊คจริงไรจริงน๊า :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน [19-7-59] พาร์ท 1 50%
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 19-07-2016 20:36:27
เชื่อว่ากายไม่น่ารอด
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน [19-7-59] พาร์ท 1 50%
เริ่มหัวข้อโดย: live_evil ที่ 19-07-2016 21:58:51
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
มาต่อเลยยยย  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน [19-7-59] พาร์ท 1 50%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-07-2016 23:23:35
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน [19-7-59] พาร์ท 1 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 20-07-2016 11:29:07
 :pighaun: :pighaun: รอไปก่อน
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน [19-7-59] พาร์ท 1 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 21-07-2016 20:45:08
อย่าปล่อยให้ค้างแบบนี้เซ่ !!!!!!!!  :ling1:  พี่เอกต้องเข้าใจน้องนะคะ เพราะกายแยกพี่เอกกับพี่อาตไม่ออกเลยนอกจากรสจูบ  :angry2:


รอลุ้นนอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน [19-7-59] พาร์ท 1 50%
เริ่มหัวข้อโดย: pplotti ที่ 22-07-2016 00:57:46
ติดตามจ้า  :mew3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน [23-7-59] พาร์ท 1 100%
เริ่มหัวข้อโดย: jjisgone ที่ 27-07-2016 17:10:24
หงุดหงิดพระเอกจัง ไม่เคยจะฟังจะเชื่อกายเลย
กายนี่ก็ไม่เคยจะหนักแน่น เขาพูดอะไร แปปๆก็โอนอ่อนไปตามเขาหมด :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน [31-7-59] พาร์ท 2 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 28-07-2016 19:30:24
Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ
59 : ค่ำคืนแสนหวาน พาร์ท 2 [กาย]  50%


พี่เอกตื่นมาตอนเช้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ส่วนผมสะโหลสะเหลนิดหน่อย เห็นพ่อมองมาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม แต่ผมทำเป็นไม่ใส่ใจเดินไปคว้ากุญแจรถมอเตอร์ไซด์เพื่อเตรียมไปซื้อของกับแม่ พอผมขึ้นควบได้ พี่เอกก็ก้าวขาขึ้นมานั่งซ้อนทันที ผมหันไปมอง
 
“พี่เอก ผมจะไปซื้อกับข้าวกับแม่”
 
“พี่ไปด้วย”
 
“แล้วแม่ล่ะ”

พี่มันพยักหน้าไปทางแม่ที่โดนพ่อบังคับให้นั่งซ้อนท้ายแกอยู่ แต่แม่ไม่ยอมครับ จะขับไปคนเดียว เถียงกันอยู่สักพัก พ่อก็ยอมยื่นกุญแจคืนให้แม่ พอแม่ขึ้นควบสตาร์ทตัวเครื่อง พ่อก็ขึ้นไปนั่งซ้อนเหมือนพี่เอกทันที แถมยังเจ้าเล่ห์จับเอวแม่ไว้แน่นหนึบอีกต่างหาก
 
แม่พยายามไล่พ่อลงจากรถ พอ ๆ กับแกะมือที่เอวตัวเองออก แต่พ่อผมลงกาวใส่มือไปแล้วเรียบร้อย แงะยังไงก็แงะไม่ออก
 
“ไปกันได้แล้ว”
คนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังผมเร่ง ผมเลยจำใจต้องหันกลับมาสตาร์ทเครื่อง ขับเคลื่อนตัวรถออกจากบ้านลัดเลาะไปตามเส้นทางขรุขระของท้องทุ่งนา มันเป็นทางลัดครับ ถ้าไปทางหลักเดินทางร่วมสิบกิโล แต่ทางลัดแค่ 3 กิโลเอง
 
วิวสวยด้วย ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ตลาดที่เราจะไป เป็นตลาดขนาดใหญ่ของตำบล จะมีแค่วันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น

รถแม่ส่ายโคลงเคลงจนพ่อต้องจับแฮนด์เอง รถผมเองก็ไม่ต่าง จนพี่เอกต้องจับแฮนด์เองเหมือนกัน ไม่รู้พี่มันกลัวผมพาล้ม หรืออยากแต๊ะอั๋งผมกันแน่ เพราะตอนนี้พี่มันคร่อมผมเอาไว้ทั้งตัว ขับ ๆ ไปก็ซุกปากกับซอกคอผมไป ผมงี้เสียววูบ และที่สำคัญ ไอ้คุณน้องของมันอ่ะ ดันผมอยู่ด้านหลังไม่หยุด
 
แม่ง ขับรถมึงก็ยังมาทำหื่นได้อีกนะ
 
เส้นทางนี้ผมขับบ่อยครับ ชินแล้ว พี่มันก็เก่งนะที่ขับได้ ข้อแข็งน่าดู ตกร่องไปก็ตั้งหลายรอบ นี่ถ้าข้อไม่แข็งจริง ทั้งคนทั้งรถ คงได้ลงไปนอนกองกันอยู่ที่พื้นแล้ว
 
“เขยิบไปด้านหลังหน่อยก็ได้”
ผมรีบปรามเมื่อพี่แกเบียดตัวเองเข้ามามากขึ้น
 
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวรถล้ม”
มันเกี่ยวกันไหมเนี่ย =*=
 
“แต่...”
คืออยากบอกว่าน้องมึงอ่ะ ทิ่มตูดกูอยู่ กูเสียวว้อย!!
 
พี่มันคงรู้ว่าผมจะพูดอะไร ได้ยินพี่มันหัวเราะหึ ๆ
 
“ก็ตัวกายหอม”
ไม่เกี่ยวกันเลยนะน่ะ =*=
 
“ทั้งหอม ทั้งน่าฟัด”
คำพูดสยิวกิ้วมาพร้อมกับริมฝีปากที่คลอเคลียอยู่แถว ๆ ผิวแก้มไล่ไปที่ใบหู
 
ผมก็เคลิ้มอ่ะดิ
 
วิวข้างทางก็สวย ปากพี่มันก็ซุกไซ้ไล่งับผมไป น้องมันก็ทิ่มผมไป
 
โอ๊ย มึงจะมากไปไหม เพลา ๆ ลงหน่อยเถอะ ความหื่นน่ะ
 
“ใกล้ถึงแล้ว”
ผมรีบบอกเมื่อรถกำลังจะหลุดออกจากท้องทุ่งนาไปสู่เส้นทางหลัก พี่เอกรีบละจากอาการหิวหูผม เขยิบออกไปนั่งอยู่ห่าง ๆ แล้วปล่อยให้ผมเป็นคนขับเอง 
 
รู้งี้ กูน่าจะใช้มุขนี้ตั้งนานแล้วนะเนี่ย
 
พ่อพาพวกเราไปจอดรถไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่มีรถของพวกชาวบ้านคนอื่น ๆ มาจอดกันไว้ก่อนหน้านั้นนับสิบ เรียงรายกันไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ใครอยากจอดตรงไหนก็จอด ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่ใช้รถมอเตอร์ไซด์กับรถจักรยานกันเป็นหลัก รถใหญ่ก็มีให้เห็นกันบ้างประปราย แต่เป็นกระบะซะเยอะ ดูจากสภาพแล้ว น่าจะผ่านการใช้งานมาแล้วอย่างโชกโชน หรือไม่ก็เป็นรถที่มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบยี่สิบปี

ผมกวาดมองไปรอบ ๆ วันนี้ของเยอะครับ ดูท่าจะเยอะกว่าทุกครั้งที่ผมเคยมาด้วย ข้าวของส่วนใหญ่ก็เป็นพวกผักและผลไม้พื้นเมือง แม่ค้าพ่อค้าก็มีทั้งชาวบ้านและชาวเขา ของราคาแค่ห้าบาทสิบบาทแต่ขนาดนี่แทบต้องหาบกันกลับบ้าน
 
ผมแอบไปกระซิบบอกแม่ว่ามื้อเช้าพี่เอกจะกินจุมาก ต้องทำไว้เผื่อสักสองสามคน แม่ก็โอเค ของบางอย่าง พ่อกับแม่หาซื้อมากันแล้ว แต่มาดูพวกผักพื้นบ้านกับขนมและผลไม้บางอย่างเพิ่มเติม โดยเฉพาะขนมโบราณ เพราะปู่กับย่าชอบกิน 
 
เจอคนรู้จักเยอะเลยครับ พ่อกับแม่ทักบ้าง ผมก็ทักบ้างเหมือนกัน ไอ้คนข้างตัวผมมันก็เด่นน่าดู เดินไปไหน ก็มีแต่คนมอง แต่พี่มันไม่สนสายตาใครหรอก เดินนิ่ง ๆ ของแกไป
 
“กาย”
มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาทัก

ผมเอียงคอมอง จ้องหน้านึกอยู่นาน ก่อนเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าเป็นใคร
 
“ฝ้าย!!”
 
“คิดว่าจะจำกันไม่ได้ซะแล้ว”
ฝ้ายพูดยิ้ม ๆ กับผม ก่อนมองเลยไปยังพี่เอกที่ยืนอยู่ด้านหลังผมอีกที ฝ้ายเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
 
แต่ก่อนบ้านฝ้ายอยู่ติดกับบ้านปู่ย่าผมครับ ปิดเทอมไหนที่ผมกลับมา ก็มีฝ้ายนี่แหละ เล่นอยู่เป็นเพื่อน แต่ฝ้ายย้ายบ้านไปอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งนานแล้ว พวกเราเลยไม่ได้ติดต่อกันอีก
 
“นี่พี่เอก รุ่นพี่ที่มหา’ลัยเราเอง”
ผมเป็นลูกหลานคนเหนือครับ แต่เชื่อกันไหม ผมพูดภาษาเหนือได้แค่ไม่กี่คำเอง คงเพราะผมเกิดและเติบโตอยู่ที่กรุงเทพเป็นหลัก กลับบ้านมาหาปู่ย่าบ้างก็ชั่วเวลาไม่นาน แถมลูกเขยลูกสะใภ้บ้านนี้ยังเป็นคนต่างถิ่นกันหมดอีก ที่บ้านเลยใช้ภาษากลางกันเป็นหลัก
 
“พี่เอก นี่ฝ้ายนะ แต่ก่อนบ้านฝ้ายเขาอยู่ข้าง ๆ บ้านปู่กับย่าน่ะ แต่ย้ายไปนานแล้ว”
ผมแนะนำ

พี่มันพยักหน้านิดหนึ่ง ทำหน้านิ่ง ๆ ตามสไตล์
 
ฝ้ายยิ้มให้เล็กน้อย หันมองมาทางผมต่อ
 
“คิดถึงจัง หล่อขึ้นเป็นกองเลย”
ฝ้ายชม
 
“ฝ้ายก็เหมือนกัน สวยขึ้นเยอะเลย”
ภาพจำของผมคือฝ้ายเป็นเด็กแนวแม้วตัวน้อย ตัวเล็กกว่าผมมาก น้ำมูกไหลยืดแทบจะตลอดเวลา เพราะอาศัยอยู่กับยายเลยมีผมทรงกะลาครอบเป็นทรงประจำ หน้าเปื้อนไปด้วยดินกับโคลน และมีสัตว์เลี้ยงประจำตัวเป็น…
 
เอิ่ม…
 
หนูน่ะครับ

หนูตัวเป็น ๆ ทุกไซส์ทุกขนาด เลี้ยงไว้หลายตัวเลย ปลื้มมากหน่อยก็ตัวใหญ่ ๆ ที่หน้าเปื้อนดินตลอด เพราะชอบไปมุดจับหนูนี่แหละ เพราะงั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมตอนฝ้ายเข้ามาทัก ผมถึงจำฝ้ายไม่ได้
 
ตอนนี้ฝ้ายน่ารักเอามาก ๆ ผมยาวระกลางหลัง หน้าม้าซอยสไลด์ ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นแนววัยรุ่นทั่วไป ปากแดง ๆ ตาโต ๆ ผิวขาวอมชมพูดูน่ารักดี
 
ฝ้ายส่งยิ้มหวานมาให้

พี่เอกเลื่อนมือขึ้นมาจับเอวด้านหลังผมไว้เบา ๆ รังสีความหึงหวงแผ่กระจายไปทั่วจนผมขนลุกซู่
 
“พอดีเรามาซื้อของไปทำกับข้าวน่ะ ไปทานด้วยกันสิ พ่อกับแม่เราก็มา”
ผมบุ้ยหน้าไปยังสองชีวิตที่เดินกันอยู่ลิบ ๆ แต่ฝ้ายปฏิเสธ เพราะเธอมีนัดแล้ว
 
เราพูดจาทักทายแลกเปลี่ยนเบอร์โทรกันนิดหน่อย ก่อนฝ้ายจะโบกมือลาวิ่งจากไป ผมรีบหันไปหาคนที่ยืนหน้าหงิกอยู่ด้านหลังทันที
 
“พี่เอก”

พี่มันถอนหายใจแรง
 
“ไปกันเถอะ”
ก่อนดันหลังผมให้เดินหน้าเบา ๆ
 
“โกรธอยู่หรือเปล่า”

พี่แกหันมามองแล้วส่ายหัว
 
“พี่คงห้ามตัวเองไม่ให้หึงกายไม่ได้หรอกนะ"
พี่มันมองตาผม

"แต่พี่จะพยายามเชื่อใจกาย และเชื่อว่ากายจะรักพี่เพียงคนเดียวละกัน”
พี่มันพูดด้วยน้ำเสียงและใบหน้านิ่ง ๆ แต่ทำเอาคนฟังอย่างผมหน้าร้อนผ่าว ผมรีบจ้ำอ้าวก้าวหนี ได้ยินเสียงพี่มันหัวเราะหึ ๆ มาตามหลัง 

[50%]


พวกเราเดินซื้อของกันอยู่นานเป็นชั่วโมง(ส่วนใหญ่เป็นเพราะพ่อติดคุยกับคนรู้จักมากกว่า) ผมกับพี่เอกได้ของกันคนละนิดคนละหน่อย แต่พ่อกับแม่ได้ของมากันเพียบ หลัก ๆ ก็เป็นพวกผักกับผลไม้นั่นแหละ ได้ขนมไปให้ปู่กับย่าและของเล่นบางอย่างไปให้เจ้าตัวเล็กที่บ้านด้วย

ผมกับพี่เอกแบ่งข้าวของจากพ่อแม่มาถือไว้ครึ่งหนึ่ง แล้วพวกเราก็พากันเดินกลับไปที่รถ ผมวางของไว้ตรงที่ว่างใกล้ที่พักเท้า ขากลับเราก็ใช้เส้นทางเดิม พ่อเป็นคนขับไม่ต่างกับพี่เอกที่รับอาสาขับเอง คงเพราะเห็นว่าข้าวของเยอะด้วยละมั้ง
         
ดีแล้วล่ะ พี่มันจะได้ไม่มาทำหื่นใส่ผมอีก

ผมก็ปล่อยให้พี่เอกขับไป ส่วนตัวเองก็มานั่งชิว ๆ ซ้อนอยู่ด้านหลัง สองมือเกาะเอวพี่มันไว้หลวม ๆ มองวิวสองข้างทางไป หันไปมองแม่ก็มีสภาพไม่ต่าง พ่อขับรถห่างจากรถผมเยื้องไปด้านหน้าไม่เกินสองวา ใบหน้าด้านข้างเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ในขณะที่แม่นั่งไพล่ซ้อนอยู่ด้านหลัง มือหนึ่งเกี่ยวเอวพ่อไว้หลวม ๆ อีกมือเกี่ยวเส้นผมที่มันปลิวมาระแก้มไปทัดหู

บางจังหวะ ผมก็แอบเห็นแม่เอียงหัวไปซบหลังพ่อเบา ๆ ด้วย ผมมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนหันกลับมามองแผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังทำหน้าที่สารถีอยู่

แค่แผ่นหลัง ผมก็ยังรู้สึกได้ถึงความเป็นผู้นำ เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และการเป็นนักปกป้องที่ดี

ผมกระชับอ้อมแขนกับเอวพี่มันแน่นขึ้น แนบหน้ากับแผ่นหลังกว้างนั้นเบา ๆ ปล่อยตัวและหัวใจให้ล่องลอยไปกับธรรมชาติจากสองข้างทาง สนุกไปกับจังหวะโคลงเคลงของตัวรถที่กำลังเคลื่อนที่ไปด้านหน้า ไม่ช้าและไม่เร็ว ปล่อยให้สายลมพากันโกรกกระทบผิวเนื้อไป

ผมหลับตาลงเบา ๆ ใช้สมาธิหวังฟังเสียงหัวใจของพี่เอกที่กำลังเต้นอยู่ มันคงไม่ได้ยินด้วยหู แต่ผมสามารถสัมผัสมันได้ด้วยหัวใจตัวเอง ผมยิ้มนิด ๆ ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองอีกครั้ง กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นไปอีก

หวังว่าพี่เอกจะได้ยินเสียงหัวใจผมด้วยเหมือนกันนะ...           






 
พอกลับมาถึงบ้าน แม่กับอาพิมลงครัวกันไปสองคน ส่วนพวกเราเหล่าผู้ชายก็ออกมานั่งคุยกันเฮฮาด้านนอก โดยมีเจ้าตัวเล็กวิ่งเล่นอยู่รอบ ๆ เล่นของเล่นที่พวกเราพากันซื้อมาให้ ชอบมากหน่อยก็ของที่พี่เอกเป็นคนเลือกนั่นแหละ

ผมเหลือบตามองคนที่กำลังหัวเราะร่วนรับมุขที่ลุงพงษ์กำลังเล่าอยู่ ดูท่า พี่เอกจะเก่งในเรื่องของการเลือกของให้เด็กผู้หญิงแฮะ สงสัยจะเลือกของให้พวกทโมนบ่อย ๆ

พอกับข้าวเสร็จทุกคนก็มานั่งล้อมวงกินกัน คนบ้านผมชอบนั่งกินข้าวกับพื้นครับ มันไม่จำกัดจำนวนคนดี คนยิ่งเยอะ อาหารยิ่งอร่อย

หลังจากมื้อเช้า ลุงพงษ์ก็ให้ผมพาพี่เอกไปเที่ยวตามที่ได้สัญญากันไว้ ผมพยักหน้ารับ พาพี่เอกพ่วงท้ายด้วยพ่อกับแม่ขับรถมอเตอร์ไซด์ทัวร์รอบหมู่บ้าน แนะนำสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงวิถีชีวิตแบบบ้าน ๆ ของต้นตระกูลผมเองให้พี่เอกได้รู้จัก ก่อนพาเลยไปดูฝายน้ำล้นถัดไปอีกสี่ห้าหมู่บ้าน
 
พ่อกับแม่ขับรถไปทะเลาะกันไป พ่อให้แม่ขับ ส่วนตัวเองนั่งซ้อนท้ายคอยแทะโลมแม่ไปตลอดทั้งเส้นทาง และไม่ต้องถามถึงคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังผมเลย
 
ปลาหมึกไม่ต่าง
 
แต่พี่มันไม่ได้จาบจ้วงน่าเกลียดมาก เพราะคนริมถนนเยอะ แต่พอพ้นสายตาผู้คนเมื่อไหร่ ตัวผมก็พรุนเหมือนเดิม
 
แม่ม
 
หื่นได้ถ้วยจริง ๆ


พอเที่ยงตรงพวกเราก็แวะหาอะไรกินกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางแบบเพิงหมาแหงน เห็นคนเยอะดี หน้าตาดูธรรมดา แต่รสชาตินี่ เล่นเอาพ่อกับพี่เอก ซัดกันไปคนละสองสามชามเลย

หลังจากคนอิ่ม เราก็เติมอาหารให้รถกันบ้าง แล้วหลังจากนั้นเราออกตะลอนกันต่อ จวบจนพระอาทิตย์คล้อยไปทางด้านหลัง พ่อถึงได้ชวนพวกเรากลับบ้านเพื่อไปกินข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากัน
 
หลังจากมื้อเย็น แม่ก็โดนอาพิมลากไปคุยกันตามประสาสาว ๆ ในห้องนอน ไม่ต่างกับพ่อที่โดนลุงพงษ์และก๊วนเพื่อนสมัยเด็ก ๆ ลากไปดวลเหล้าส่งท้ายอีกรอบบนแคร่หน้าบ้าน ส่วนพี่เอกถูกคุณปู่ชวนคุยอยู่ในห้องรับแขก

ผมขอตัวไปอาบน้ำ(หลังจากเล่นกับเจ้าตัวเล็กแล้วน้องทำขนมหกใส่) พออาบน้ำเสร็จก็กะว่าจะเดินออกไปนั่งคุยกับปู่กับย่าต่อ แต่เห็นพระจันทร์สวยดี เลยตัดสินใจหันหัวเรือเดินออกไปนอกตัวบ้านแทน
 
ผมเลือกมุมที่มืดที่สุดเพราะจะได้เห็นพระจันทร์และดวงดาวได้ชัดที่สุด ก่อนแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้านบน แม้จันทร์จะไม่เต็มดวง แต่มันก็ยังทอแสงสีเหลืองอร่ามงดงามอยู่เสมอ
 
สวยดีครับ น่าจะหยิบกล้องออกมาด้วยนะเนี่ย
 
กำลังยืนมองพระจันทร์อยู่ดี ๆ ก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะมีมือของใครบางคนมาสวมกอดไว้จากทางด้านหลัง

ผมหันไปมอง
 
“พี่เอก”
พระอาทิตย์ของผมนี่เอง
 
“ดูจนจะกลายเป็นพระจันทร์อยู่แล้ว”
 
ผมยิ้ม
 
“ก็ผมเป็นพระจันทร์อยู่แล้วไม่ใช่รึไง”
 
พี่มันก้มมอง
 
“ก็จริง” แล้วกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก “แต่พระจันทร์ดวงนี้มีเจ้าของแล้วนะ ใครจะมองพี่ไม่ว่า แต่คนที่สัมผัสได้มีเพียงพี่คนเดียวเท่านั้น”
ดูพี่มันพูดเข้า แล้วพี่มันก็ตีตราพระจันทร์อย่างผม ด้วยริมฝีปากตัวเองเบา ๆ           


To Be Con...
โรแมนติกได้อีก เดี๋ยวจะเร่งจบเรื่องนี้ที่เล้า ขอให้สนุกกับการอ่านในทุกๆ ตอนนะคะ ^^
จองหนังสือ จิ้ม ๆ^^

                         
รีไรท์เพิ่งซะยาวเฟื้อยเลย
               นั่งรีไรท์ตอนนี้มาสามวันเต็ม เซฟข้อมูลไว้เรื่อย ๆ ล่าสุด ได้ฟิวล่ะ กำลังจะเอาลงเด็กดี สำรองข้อมูลไปลงเวิร์ด ในระหว่างรอให้มันหมุนติ๋ว ๆ (ใช้เวลาเป็นนาทีสำหรับขั้นตอนนี้ เพราะมีภาพอยู่) ก็หันไปกดเอ็นเทอร์ในเด็กดี พอกลับมาที่เวิร์ด กำลังจะกดเซฟ คอมดันงอแง ทำอะไรไม่ได้ กดเซฟก็ไม่ได้ รอนานมาก เห็นว่าไม่ได้การแน่ เลยตัดสินใจรีสตาร์ทเครื่อง
               ซึ่งปกติ เวิร์ดจะทำการออโต้เซฟข้อมูลให้ แต่พอเปิดมา มันดันไม่ออโต้ให้ แทบร้องได้ ยังดีที่เอาลงเด็กดีแล้ว แต่พอเข้าไปเช็คในเด็กดี เด็กดีดันไม่เซฟงานล่าสุดให้ มันเซฟเนื้อหาก่อนหน้ารีไรท์ แทบจะโยนระเบิด
               นอยด์มาก พยายามถามคนว่ามีใครเซฟเก็บไว้บ้างไหม ส่วนมากจะเป็นอันเก่ากันซะหมด เพราะไรเตอร์เซฟตอนตีสองกว่า ๆ เกือบตีสาม เจ็ดโมงลุกขึ้นมาทำอีกรอบ เพราะคนคนที่เซฟได้คือคนที่อ่านระหว่าง ตีสามถึงเจ็ดโมงเช้าเท่านั้น  T^T
               ขอบคุณน้อง ๆ ที่ส่งกันเข้ามานะคะ สุดท้าย วันนี้ก็ต้องมานั่งรีไรท์ใหม่ทั้งวันเลย T^T
               
                น้องฝ้ายตอนเด็ก ^^
                             

               ไรเตอร์ทอค (ว่าด้วยเรื่องลายเซ็น)           
มีน้อง ๆ มาขอลายเซ็นน้องกาย (กับลายแมวข่วนของไรเตอร์) ตอนแรกคิดว่าน้องพูดเล่น ดูท่าจะเอาจริงแฮะ
               เอิ่ม...
               ถ้าไง ไรเตอร์จะลองถามน้องกายดูให้นะคะ 


"กายมีคนมาขอลายเซ็นนายแน่ะ"
"หือ" น้องกายหันมามอง
"ใครเหรอครับ"
"แฟนคลับนายนั่นแหละ"
น้องกายชี้นิ้วใส่หน้าตัวเอง "แฟนคลับผม"
ไรเตอร์พยักหน้ารับ
"มีด้วยเหรอ มาจากไหน"
"เอ้า ก็นายเป็นนายเอกนิยายเรื่อง Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อนี่ มีแต่คนชอบและอยากเอาเป็นแบบอย่างทั้งนั้น ไม่รู้เหรอ"
"อ้าวเหรอ ก็ธรรมดานี่"
"ธรรมดาของนายแต่มันไม่ธรรมดาสำหรับคนอื่นน่ะสิ ว่าแต่จะให้หรือเปล่า"
"ฮ่า ๆ เขาบอกว่าคนหล่อมักใจดี ผมให้อยู่แล้วครับ"
แล้วอยู่ ๆ พี่เอกก็เดินมาสวมกอดเอวน้องกายไว้หมับ รังสีหึงหวงฟุ้งกระจายไปทั่ว จนไรเตอร์ต้องเขยิบออกไปยืนอยู่ห่าง ๆ
"เอาของพี่ด้วยไหม"
เฮียแกถือปากกาเมจิกไซส์อย่างใหญ่ไว้ แล้วเดินมาเขียนหน้าผากไรเตอร์ตัวโต ๆ ว่า...
"กายเมียกู"
"สุภาพหน่อยสิพี่เอก" น้องกายรีบปรามพี่เอก เฮียแกพยักหน้า ลบคำว่า "กายเมียกู" ออก แล้วเซ็นใหม่เป็น
               "กายเมียเอก"
น้องกายหน้าแดงก่ำ
"นั่นก็ไม่ดี" (ว่าแต่พวกเมิงเห็นหน้าผากกูเป็นอะไร - -)
"งั้นเอาแบบนี้ละกัน" พี่แกลบคำเดิมออกแล้วเซ็นใหม่เป็น
               "เอกสามีกาย"
น้องกายหน้าง้ำ รีบเดินงอน ๆ หนีพี่เอกไปทันที พี่เอกรีบทิ้งปากกาเดินกึ่งวิ่งตามไป
"ถ้าไม่ชอบ งั้นเอาคำแทนเราก็ได้ พระจันทร์เมียพระอาทิตย์ หรือพระอาทิตย์สามีพระจันทร์ แต่พี่ว่ากายเมียเอกนั่นแหละดีแล้ว กันพวกเหลือบไรมาตอม นี่ ๆ กาย รอพี่ก่อนสิ"
 
ปล่อยพวกเขาสองคนไปเถอะค่ะ = =
ว่าแต่...
หยิบกระจกมาส่องหน้าผากตัวเอง
เต็มๆ = [ ] =
"กายเมียเอก"
งื้อ T^T
 
สรุป คงไม่มีใครอยากได้ลายเซ็นพี่เอกหรอกใช่ไหม - -   
             



จองหนังสือทางนี้คร้าบบบ
Add Fav. แฟนคลับน้องคีส

 กดไลค์ Facebook แฟนเพจ

ทวิตเตอร์ฮับ


 :z13:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน [28-7-59] พาร์ท 2 50%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-07-2016 20:32:08
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน [28-7-59] พาร์ท 2 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 29-07-2016 20:12:24
ทำตัวดีๆนะพี่เอก  :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน [28-7-59] พาร์ท 2 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 30-07-2016 00:50:25
พี่เอกน่ารัก ได้อีก ขยันทำน้องเขินจริงๆ  :L2:



รอตอนต่อไปค่ะ



 :katai3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน [31-7-59] พาร์ท 2 100%
เริ่มหัวข้อโดย: KJJ ที่ 01-08-2016 13:23:02
อ่านไม่ได้หลับได้นอนมาสองคืน สนุกจังเลย พี่เอกอบอุ่นแต่มีความดิบๆอยู่ มาต่อไวๆน้า
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน [31-7-59] พาร์ท 2 100%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 01-08-2016 19:51:26
ตามมาเก็บตอนที่เหลือ 5555
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน [31-7-59] พาร์ท 2 100%
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 02-08-2016 11:53:12
นุ้งกายช้ำหมดแระะะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน [31-7-59] พาร์ท 2 100%
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 02-08-2016 12:03:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน [31-7-59] พาร์ท 2 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Appman ที่ 03-08-2016 20:30:11
ขอติดตามนะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ EP.60 เคลียร์ [13-8-59] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 07-08-2016 12:17:55
60 เคลียร์...
[เอก...☼]




การกลับมาอีกครั้งของผมพาเอาเหล่าเพื่อน ๆ พากันขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เมื่อไม่กี่วันก่อนผมยังฟาดหัวฟาดหาง แต่มาวันนี้ผมกลับยิ้มรื่น ทำงานไปฮัมเพลงไป
 
“ไอ้เอกมันไปแดกยากล่อมประสาทที่ไหนมาวะ”
ไอ้มอมันท้วง

ผมไม่สนใจ อยากพูดอะไรพูดไป
 
อารมณ์กูดีโว้ย โดนเมียเอาใจทั้งคืน
 
เมื่อวาน พอกลับมาถึงที่คอนโด ผมก็บังคับ(อีกแล้ว)ให้ไอ้ตัวเล็กมันเอาใจผมตลอดทั้งคืน มันขัดขืนนิดหน่อย แต่ก็ยอมโดยดี
 
“คืนดีกันแล้วรึไงมึง”
ไอ้กิ๊ฟมันถาม ผมไม่ได้ตอบ นั่งฮัมเพลงทำงานต่อไป
 
 
เสียงมือถือผมดังเบา ๆ ผมหยิบขึ้นมากดรับ ยิ้มทันทีที่ได้ยินปลายสายบอก พรุ่งนี้สร้อยคอที่ผมสั่งทำไปก็จะมาแล้ว
 
ผมนั่งเซ็นเอกสารต่อ ก่อนนึกถึงคำพูดไอ้ตัวเล็กมัน
 
‘พี่อย่าถอดมันออกนะ’
 
มันพูดแบบนั้น เพราะอยากแยกผมออกจากไอ้อาร์ต แถมยังมาแอบทำรอยไว้ที่คออีกต่างหาก นี่มันกลัวจัด ถึงขนาดกล้าทำเรื่องพวกนั้นเลยเหรอ 
 
ประตูห้องทำงานเปิดออก ไอ้เป้เดินทำหน้าเรียบ ๆ เข้ามาภายใน มันวางแผ่นงานไว้ และก่อนที่มันจะก้าวออกไป ผมรีบเบรกมันไว้ทันที
 
“เป้ กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”
 
ทุกคนหันมามอง คงลุ้นว่าผมกับมันจะวางมวยกันอีกรึเปล่า
 
“แต่กูไม่มีอะไรจะพูดกับมึง”
มันตอบ
 
“แต่กูมี”
ผมพยักหน้าให้ทุกคนออกไปรอกันข้างนอกก่อน พวกมันพากันทำเสียงขัดใจ แต่ก็ยอมหอบงานออกไปทำกันข้างนอก พวกเราลูกผู้ชาย มีอะไรต้องเปิดอกพูดคุยกันจะดีที่สุด
 
“กูขอโทษที่พูดเรื่องน้องมึงไปวันนั้น”

 
มันมองหน้าค้นหาความจริงจากคำพูดของผม
 
“กูยอมรับ ว่ากูหึงมึงกับกาย ก็กูเห็นมันกอดมึงที่ทางเดินหนีไฟ กูก็เลยเข้าใจผิด”
 
“นั่นเพราะมึงไม่เคยเชื่อใจคนของมึงต่างหาก”
 
“แล้วถ้าเกิดวันหนึ่ง มึงเดินผ่านมา แล้วเห็นกูยืนกอดอยู่กับไอ้เต้ย มึงจะทำยังไง”
 
“กูก็จะเดินเข้าไปต่อยมึงตอนนั้นเลย”
มันพูดด้วยท่าทางโมโห ก่อนคลายลง
 
ผมหัวเราะเบา ๆ
 
“เอ้อ..กูเข้าใจอารมณ์หึงมึงก็ได้”
มันสารภาพเสียงอ่อย
 
แค่ยกตัวอย่าง มันยังเป็นถึงขนาดนี้ นี่ถ้าผมเผลอไปกอดไอ้เต้ยมันเข้าจริง ๆ สงสัยผมคงจะเห็นดาวก่อนได้อธิบายแน่ ๆ
 
“กูอยากให้มึงรู้ไว้นะเอก กูถือว่ากายเป็นน้องของกูอีกคนเหมือนกัน”
 
ผมยิ้มให้มันไปที
 
“และถ้ากูไม่รักไอ้เต้ยมันก่อน กูคงหลงรักกายไปแล้วแน่ ๆ”
 
“งั้นมึงต้องข้ามศพกูไปให้ได้ก่อน”
ผมรีบสวนขึ้นทันที
 
มันยิ้มกว้าง แล้วหัวเราะร่วนตามมา
 
“กูก็คิดไว้อยู่แล้ว เพราะงี้ไง กูถึงต้องทำใจอย่างเดียว”
แล้วมันก็ทอดดวงตาเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง
 
“ทำยังไง กูถึงจะตัดใจจากไอ้เต้ยมันได้วะ”
คำถามมัน คงไม่ต้องการคำตอบ เพราะมันได้ลองมาทุกวิถีทางแล้ว ยกเว้นวิธีหาใครสักคนมาเป็นเครื่องมือ ซึ่งมันก็คงไม่คิดจะทำแน่ ๆ
 
ผมถอนหายใจเบา ๆ
 
“กูไม่รู้ว่าจะช่วยมึงยังไงดีเหมือนกันว่ะเป้ หัวใจของมึง มึงต้องจัดการเอาเอง แต่อย่าเอาเมียกูไปยุ่งด้วยก็พอ”
 
มันหันมาเลิกคิ้วใส่
 
“โหยมึง นี่น้องกูมีสถานะกับเขาแล้วเหรอเนี่ย”
 
ผมยักคิ้วให้มันที
 
“มึงอย่ามายุ่งแม้แต่ปลายนิ้ว”
ผมชี้นิ้วบอก
 
“คร้าบ ไอ้คุณหมาหวงก้าง”
ง่าย ๆ ครับ พวกเราผู้ชายด้วยกัน มีปัญหาอะไรก็พูดคุยกันตรง ๆ ถ้าเคลียร์กันไม่ได้ก็ต่อยกันสักสองสามหมัด จับมือ ตบหัวลูบหลัง พูดขอโทษกันอีกที เป็นอันจบ
 
เพราะถึงยังไงมันก็เป็นเพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งเหมือนกัน
 
แต่ยังมีอีกหนึ่ง ที่ผมไม่รู้จะเคลียร์กับมันยังไง เพราะเคสของไอ้เป้ เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด แต่กับของไอ้โอ๊ค มันดันมาชอบกายเข้าจริง ๆ
 
 













 

“พี่เอกคะ”
 
ผมหันไปมองเจ้าของเสียงใส ๆ ของน้องสาวตัวน้อยผม ไอ้แอมนั่งทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม ต่อด้วยไอ้ไอและไอ้อ้อน ตอนนี้ผมอยู่บ้านแล้วครับ พอดีโดนพ่อเรียกตัว สงสัยจะคุยเรื่องงาน พ่อยังไม่กลับ ผมเลยนั่งเล่นกับพวกน้อง ๆ อยู่ในห้องรับแขกรอ
 
“เอ่อ.. ตอนนี้พี่อารมณ์ดีแล้วใช่ไหมคะ ตกลงพี่คบกับพี่กายจริง ๆ แล้วใช่ไหม”
มันถามด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
 
ผมปรายตามองจนพวกน้อง ๆ พากันสะดุ้ง
 
“มีอะไร”
ผมถามเสียงเย็น พวกมันคงไม่ได้เข้ามาถามเพราะเรื่องแค่นี้แน่ ๆ
 
“ก็…”
ไอ้อ้อนทำหน้าเป็นแมวหงอย
 
“พี่…”
แล้วก็ต่อด้วยไอ้ไอ
 
“พี่อย่า…”
เพิ่มบทพูดขึ้นมาทีละนิด
 
“มีไรว่ามา”
ผมทำเสียงเย็นยิ่งกว่าเดิม
 
“พี่เอกอย่าไปโกรธพี่อาร์ตเลยน้า ที่พี่อาร์ตทำไปทั้งหมด เพราะพวกเราเป็นคนขอร้องเอง”
ผมจ้องหน้าพวกมันด้วยความแปลกใจ
 
“คะ คือ..”
พวกน้อง ๆ พากันทำท่าหางตกหูลู่
 
“ก็พี่อ่ะหล่อ”
 
“น่ารักด้วย”
 
“แถมฐานะของครอบครัวเราก็ดี”
 
“มีคนเข้ามาจีบพี่ก็เพียบ”
 
“พวกเรา…”
 
“แค่อยากจะช่วยพี่กันพวกผู้หญิงไม่ดีออกไป”
 
“เหลือไว้แค่ผู้หญิงดี ๆ ที่รักพี่จริง ๆ”
 
“แล้วก็จะไม่เปลี่ยนใจไปจากพี่”
 
“ไม่ว่าจะมีอะไรเข้ามากระทบจิตใจก็ตาม”
 
“แต่ส่วนมาก”
 
“ที่ผ่านมา”
 
“ถ้าไม่พากันนอกใจพี่ก่อน”
 
“ก็ทนไม่ไหวที่พี่งานยุ่ง”
 
“แล้วที่พวกผู้หญิงพากันมาชอบพี่อาร์ต”
 
“ก็เพราะพวกเรายุให้พี่อาร์ต พากันทดสอบสาว ๆ พวกนั้นต่างหาก”
 
“ถ้าจริงใจ ก็ไม่ควรจะหวั่นไหวใช่ไหม”
 
“แต่นี่ พากันอ้าขาให้พี่อาร์ตกันหมดเลย”
 
“มีแต่พี่กายนี่แหละ”
 
“ที่สอบผ่าน”
 
พวกมันสลับกันพูด จนผมฟังไม่ทันว่าใครพูดประโยคไหนกันบ้าง ผมก็ได้แต่นั่งอึ้งจากสิ่งที่ได้ยิน
 
“พวกเราไม่อยากให้พี่มีปัญหากัน”
 
“พวกเราไม่เคยเห็นพี่โมโหพี่อาร์ตเพราะเรื่องผู้หญิงมาก่อน”
 
“แต่ก่อน พอพี่รู้เรื่อง ก็แค่ปล่อย แล้วก็ไปหาคนใหม่”
 
“แต่พอเป็นเรื่องพี่กาย”
 
“พี่เล่นต่อยซะหน้าหล่อ ๆ ของพี่อาร์ตเสียทรงหมด”
มันก็พูดซะเวอร์ แค่ปากเขียว ผมเขียวมากกว่ามันอีก
 
“พวกเราจึงลงความเห็นกันว่า”
 
“คนเนี่ย”
 
“พี่รักจริงแท้แน่นอน”
 
“ฟันธง!!!”
 
 
ครับ แล้วพวกมันก็ปิดประเด็นโต้วาทีเอาไว้แค่นั้น
 
บอกตามตรง แยกไม่ออกครับว่าใครพูดประโยคไหน มันโยนประโยคให้กันยังไง ปัจจุบันนี้ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้อยู่ดี
 
“ตอนแรกพี่อาร์ตเขาไม่อยากยุ่งหรอก เพราะเห็นว่าเป็นผู้ชาย”
 
“แต่ว่า..พี่กายดันไปจูบพี่อาร์ตเขาก่อน เอ่อ..พี่อาร์ตก็เลยเล่นด้วยนิด ๆ หน่อย ๆ อะไรทำนองนั้นล่ะมั้ง”
 
ผมถอนหายใจแรง มองหน้าพวกมันคาดโทษ สักพัก เจ้าตัวปัญหาก็เดินหน้าหล่อเข้ามา
 
“อาร์ต”
ผมเรียกเสียงเย็น มันก็ไม่คิดจะหลบ เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ พวกทโมน มุมปากมีรอยต่อยแบบที่ผมมีเหมือนกัน แต่ผิดกันตรงที่ของผมมีสองข้าง ของมันมีข้างเดียว
 
“จริงรึเปล่า เรื่องที่น้อง ๆ ขอให้นายช่วยเรื่องพวกผู้หญิงของพี่”
ผมถามเสียงเรียบ แต่แววตาเอาเรื่อง
 
“จริงครึ่งไม่จริงครึ่ง”
 
ผมขมวดคิ้วมองมัน
 
“เรื่องจริงก็คือ กายจูบผมก่อน ผมเลยคิดว่าเป็นมุขยั่วผมเหมือนผู้หญิงบางคนของพี่”
 
อ้าว มีด้วยเหรอวะ เพิ่งรู้นะเนี่ย
 
“พี่ไม่รู้อะไร ผู้หญิงบางคนแกล้งมานัวเนียผม ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผมไม่ใช่พี่ ผมก็เล่นด้วยบ้าง ไม่เล่นบ้างแล้วแต่อารมณ์ตอนนั้น”
 
ผมนั่งอึ้งไปอีกรอบ
 
ก็นะ ส่วนมาก ผู้หญิงที่กล้าเข้ามาจีบผม ก็คงจะไม่ใช่ประเภทรักนวลสงวนตัวอะไรมากมายอยู่แล้ว
 
 “แต่บางคนก็เข้าใจผิดจริง ๆ แล้วก็ขอโทษขอโพยผมยกใหญ่ คนพวกนี้ผมจะปล่อยผ่านไม่ทดสอบอะไร แต่จะคบกับพี่ได้นานแค่ไหน อันนี้ผมไม่รู้ สุดท้ายก็ทนความเย็นชาของพี่ไม่ได้กันสักคน”
พูดอีกมันก็ถูกอีก
 
ผู้หญิง รักใครชอบใคร อย่างน้อยก็อยากให้คนที่ตัวเองรักตัวเองชอบมาเอาอกเอาใจบ้าง ให้ความสนใจบ้าง ไม่ใช่เฉยชาแบบผม
 
แต่นั่นเป็นเพราะผมไม่ได้รู้สึกรักล่ะมั้ง อาจมีถูกใจบ้าง ชอบบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นรัก ถึงขนาดยอมวางงานแล้วไปหา เหมือนที่ผมเคยทำกับกาย
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ
 
“แล้วที่ว่าไม่จริงล่ะ”
ผมถามต่อ เพราะเมื่อกี้มันบอกว่ามีเรื่องจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง
 
“ตอนแรกก็กะว่าจะทดสอบแค่นั่นแหละ แต่ทำไปทำมาชักติดใจ เลยเผลอแกล้งไปจริง ๆ พี่ก็รู้ เวลาผมชอบใคร ผมจะแกล้งคนคนนั้น เผื่อน้องมันไม่ได้คิดอะไรกับพี่ ผมจะได้เสียบ”
 
ผมถลึงตามอง มันหัวเราะหึ ยกมือขึ้นมาทำท่ายอมแพ้
 
“ก็ได้ ๆ ถ้าพี่จริงจัง ผมก็จะไม่ยุ่ง” มันลุกขึ้นยืน “แต่อย่าให้เผลอละกัน ผมเตรียมเสียบเสมอ” แล้วมันก็วิ่งลิ่วหนีขึ้นชั้นบนไป
 
“นี่เดี๋ยว!! กายเป็นคนของพี่นะ ห้ามยุ่ง ห้ามแย่ง ห้ามแตะต้องเด็ดขาด!!”
 
“งั้นพี่ก็คงต้องหากรงมาขัง หรือไม่ก็ต้องดูแลดี ๆ อย่าปล่อยให้มีช่องว่าง ไม่งั้นเสร็จผมแน่ อันนี้ผมพูดจริง ไม่ได้ล้อเล่น”
มันบอกก่อนก้าวเข้าห้องไป
 
“เดี๋ยว!! ไอ้อาร์ต ลงมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน!!”
 
ได้ยินเสียงปิดประตูดังปัง
 
“กรี๊ดดดด!!!”
 
“ศึกชิงพี่กายได้เริ่มขึ้นแล้ว อ้อนเชียร์พี่เอก”
 
“ไอเชียร์พี่อาร์ต เท่ หล่อ แอบเลว แอ๊บอบอุ่น ขี้เล่น มีชั้นเชิง”
 
“แอมเลือกพี่เอก ดุ เดือด เย็นชา เร่าร้อน อบอุ่นอ่อนโยนเป็นบางที ว้ายยยย”
 
“อยากให้พี่อิฐมาแข่งด้วยอีกคนจัง”
แล้วพวกมันก็เห็นเป็นเรื่องสนุกไป ผมถอนหายใจแรง จบจากเรื่องหนึ่ง ก็มีอีกเรื่องมาให้ปวดหัวเข้าไปอีก แล้วนี่ชีวิตผม จะมีความสงบกับเขาบ้างไหมเนี่ย

[ต่อ 70%] :z13:

มีอะไรหลาย ๆ อย่างในตัวกาย ที่ทำให้ผมชอบ อย่างเช่นตอนนี้เป็นต้น

 
“อ๊ะ อืม พี่เอก พอ…”
 
คัท!!!
 
อันนี้ไม่ต้องบรรยายครับ ของตายอยู่แล้ว ผมรู้ว่าผมหื่น ผมรู้ว่าผมเป็นพวกมีความต้องการสูง แต่ผมก็ไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้มาก่อน
 
“อ๊ะ พอ เจ็บ”
 
หูย กำเดากูจะไหล
 
บอกให้คัท คัท!!!
 
“พอ พี่เอกหยุด”

 
“โอเค”
                ผมตัดสินใจ ปิดกล่องยาที่อยู่ตรงหน้าลง แล้วจับมันขึงพรืดกับโซฟาที่มันนั่งอยู่ทันที
 
ไม่ต้องบอกใช่ไหม ว่าผมอยู่ในอารมณ์ไหนแล้ว
 
“กาย”
 
มันมองตาผมปริบ ๆ ก่อนก้มมองบางอย่างด้านล่าง
 
“พี่เอก ทะ ทำไม”
มันคงจะถามว่าทำไม ผมถึงได้…ตื่น แบบนี้
 
“ก็กายมาครางด้วยน้ำเสียงแบบนั้นทำไม”
 
“ผมครางตรงไหน”
มันทำหน้างง
 
“ก็เมื่อกี้”
 
มันยิ่งขมวดคิ้วงุนงงเข้าไปใหญ่
 
คราวนี้ ผมเลื่อนมือไปกดแผลที่ข้อเท้ามันเบา ๆ
 
“อ๊ะ เจ็บพี่เอก”
 
“นั่นแหละ เสียงแบบนี้แหละ มันทำให้พี่นึกถึงตอนที่เรามีอะไรกันรู้ไหม”
                ผมบอกออกไปตรง ๆ หน้ามันแดงเลย
 
“พี่มันบ้า ผมเจ็บก็ร้องเจ็บสิ”
 
“ก็น้ำเสียงมันเหมือน”
 
“พี่นั่นแหละที่คิดไปเอง”
 
“พี่เปล่า”
 
“มันไม่เหมือนกัน”
 
“เหมือน”
 
“ไม่เหมือน”
 
“ดี งั้นพี่จะแสดงให้ดู”
พวกคุณไปเดินเล่นกันก่อนสักสองสามชั่วโมง แล้วค่อยกลับมาอ่านต่อ ขอเวลาผมสำเร็จโทษมันก่อน
 
หลังจากนั้น มันก็นอนหมดแรงอยู่ที่เตียง ผมก้มจูบแผ่นหลังมันไปที
 
“คราวนี้พี่จะแสดงหลักฐานให้ดู”
แล้วผมก็หยิบเอามือถือที่ผมอัดเก็บภาพและเสียงตอนที่เรามีอะไรกันมาเปิดให้มันฟัง
 
“อ๊ะ อือ พี่เอก อย่า”
มันรีบตะครุบคว้าสิ่งที่อยู่ในมือผม แต่ผมเบี่ยงหลบไปทางอื่น
 
“คราวนี้เข้าใจแล้วรึยังล่ะ ว่าเหมือนกันขนาดไหน”
 
มันอ้าปากพะงาบ ๆ
 
“พี่มันหื่น”
 
“คงงั้น เพราะงั้น ถ้าไม่จำเป็น อย่าทำเสียงแบบนั้นอีกเข้าใจไหม”
 
มันได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก
 
ฮ่า ๆ ๆ
 
ผมก็มีแต่ได้กับได้ละนะ
 
เปรม
 

To Be Con...                 
หายไปนาน มาทีมาแค่เนี่ย!! ฮ่า ๆ :katai5:
หัวข้อ: สารบัญ Kiss Love
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 07-08-2016 12:22:25
ย้ายสารบัญกลับไปหน้าแรกค่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ EP.60 เคลียร์ [7-8-59] 70%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 07-08-2016 15:14:05
ใครๆก็รักน้องกาย  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ EP.60 เคลียร์ [7-8-59] 70%
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 07-08-2016 15:49:00
พี่เอกเจอศันรูตัวจริงเข้าให้แล้ว น่ารักทั้งสองครอบครัวเลย  :กอด1:


. รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ EP.60 เคลียร์ [7-8-59] 70%
เริ่มหัวข้อโดย: บูมพอส ที่ 08-08-2016 10:50:10
รอออออออออออออ ตอนต่อไปป :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ EP.60 เคลียร์ [7-8-59] 70%
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 08-08-2016 11:23:38
แผนหรออออ เกือบไปแล้วนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ EP.60 เคลียร์ [7-8-59] 70%
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 09-08-2016 22:18:08
พี่เอก ฝากต่อยหน้าอาร์ตอีกสองหมัด   :m16:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ EP.61 ตัวปลอม ปลอมตัว [17-8-59] [กาย..♥]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 17-08-2016 17:06:26
ตอนที่ 61 : ตัวปลอม...ปลอมตัว [กาย..♥]

 
คุณว่าพี่เอกเป็นคนยังไง ถ้าด้านดีที่เห็น พี่มันก็หล่อ หุ่นดี เสียงเพราะ นุ่มนวลเป็นบางครั้ง อ่อนโยนเป็นบางที ฉลาด มากความสามารถ ทำงานเก่ง มีความเป็นผู้นำสูง
 
แล้วด้านแย่ ๆ ล่ะ
 
ก็มีเยอะครับ ทั้งเย็นชา เจ้าเล่ห์ ขี้โมโห ขี้หึง โหด หื่น ตื่นง่าย (มันมีสองตื่นนะ ไปคิดกันเอาเอง) เทียบแล้ว พี่มันมีด้านมืดมากกว่าด้านสว่างซะอีก แต่ทำไม ผมถึงหลงรักพี่มันได้ก็ไม่รู้
 
เวลาอยู่กับพี่แก ก็ใช่ว่าจะสุขสบาย อยู่ข้างนอกก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้าอยู่ด้วยกันสองคนในห้องล่ะก็ เสร็จครับ แทบจะไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน
 
“อือ…พี่เอก ปล่อย”
ผมรีบห้าม เมื่อพี่มันเริ่มมาเกาะแกะแทะเล็มซอกคอ
 
ตอนนี้ผมนั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่บนโซฟาครับ พี่มันเพิ่งกลับมาจากบริษัท อาบน้ำเสร็จก็มานั่งคลอเคลียอยู่ข้าง ๆ นี่แหละ
 
“อือ…วันนี้ทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน ขอกอดให้ชื่นใจหน่อยสิ”
 
“พี่ก็กอดผมทุกวันอยู่แล้วนี่ ผมขออ่านหนังสือก่อน พรุ่งนี้มีสอบนะ”
ผมรีบค้าน
 
คิ้วเข้มขมวดขัดใจทันที ก่อนพ่นลมหายใจออกแรง
 
“ก็ได้ สอบเสร็จแล้วเวลาเป็นของพี่ใช่ไหม”
 
ผมยิ้มแหยง
 
“พรุ่งนี้ผมต้องกลับบ้านไปหาแม่ เพราะอีกวันแม่จะไปเชียงใหม่แล้ว”
 
พี่มันทำตาปรอย แต่ไม่เคยค้านเรื่องเวลาที่ผมจะอยู่กับแม่
 
“แล้ววันมะรืนล่ะ”
 
ผมยิ้มแห้งอีกที
 
“พอดีผมนัดพี่เชนไว้ ว่าจะช่วยแกคัดภาพ แล้วให้แกแนะนำเรื่องการถ่ายภาพอีกนิดหน่อย ก่อนพี่แกจะเดินทางไปต่างประเทศอีกรอบ”
 
พี่มันเข้าโหมดเงียบทันที ผมยังแอบหวั่น ๆ ว่าจะมีระเบิดลูกใหญ่ลงรึเปล่า
 
แต่ไม่มีครับ
 
พี่มันเงียบ ก่อนก้มจูบขมับผมที ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้อง
 
“พี่จะไปไหน!”
ผมตะโกนถาม
 
“อ่านหนังสือไปเถอะ”
แล้วพี่มันก็ก้าวออกจากห้องปิดประตูลง 
 
นี่พี่มันโกรธอยู่หรือเปล่า
 
ผมพยายามดึงสติตัวเองกลับมานั่งอ่านหนังสือต่อ แต่ไม่มีสมาธิครับ ยิ่งอ่านยิ่งไม่เข้าหัว ผมเลยตัดสินใจ ดีดตัวลุกขึ้นยืน วิ่งลิ่วออกจากห้องไป ไม่ลืมหยิบคีย์การ์ดติดตัวมาด้วย พี่มันทำให้เผื่ออันหนึ่ง สำหรับผมโดยเฉพาะ
 
ผมยืนหันซ้ายหันขวามองหาอยู่นาน จนเห็นพี่มันนั่งทำหน้าเครียดอยู่บนม้านั่งตัวยาวในสวนของคอนโด ผมเดินช้า ๆ ไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ
 
พี่เอกหันมามอง
 
“ไหนว่าจะอ่านหนังสือ”
 
“ผมไม่มีสมาธิ”
 
“ทำไม พี่ก็ออกมาเพื่อไม่กวนสมาธิเราแล้วไง”
 
“เพราะพี่ออกมานั่นแหละ ยิ่งทำให้ผมเสียสมาธิ เพราะเป็นห่วงพี่ เพราะกลัวว่าพี่จะโกรธ กลัวว่าพี่จะคิดมากเรื่องพี่เชน กลัวว่าพี่จะน้อยใจที่ผมไม่ยอมมีอะไรด้วย กลัวไปหมดจนอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแล้ว”
 
พี่มันหันมามอง ก่อนลากผมขึ้นไปนั่งบนตัก
 
“พี่เอก!! นี่มันข้างนอกนะ”
 
“ดึกแล้ว ไม่มีใครสนใจหรอก”
 
“ไม่มีได้ไง คนมองกันให้พรึ่บ”
ผมรีบบอก แต่พี่มันไม่สนฮะ กอดผมไว้ ซุกหน้ากับหน้าอกผมเบา ๆ
 
“ขอโทษนะที่พี่เป็นคนแบบนี้”
 
ผมยิ้ม
 
“ผมก็ขอโทษที่เป็นคนแบบนี้เหมือนกัน แต่ผมก็อยากให้พี่เข้าใจ ผมต้องสอบ และมีงานอดิเรกที่ผมรักและอยากทำ กับคนที่ผมรักในฐานะช่างภาพ ในฐานะพี่ชายไม่ใช่คนรัก..เอ่อ แบบพี่เอก”
เสียงสุดท้ายเบาครับ เบาหวิวเลย
 
พี่มันเงยหน้ามอง ส่งยิ้มหล่อเหลามาให้
 
“ผมรู้ว่าพี่เป็นพวกมีความต้องการสูง แต่ให้เวลาและเห็นใจผมบ้าง เราอยู่ด้วยกันเพื่อมีความสุข ถ้าพี่มีความสุขอยู่คนเดียว แล้วผมทุกข์ เราก็จะอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน แต่ถ้าผมมีความสุขแล้วพี่ทุกข์ ผมก็คงจะอยู่อย่างเป็นสุขไม่ได้ ตอนที่ผมอ่านหนังสือ ผมอยากให้พี่ลองหากิจกรรมอย่างอื่นทำ อย่างอ่านหนังสือ เล่นเกม ดูหนังหรือฟังเพลงก็ได้ จะได้ไม่ต้องมานั่งรอแบบนี้”
 
พี่มันมองหน้าผมไม่วางตา
 
“หรือถ้าตอนที่ผมไม่อยู่ พี่ก็ไปทำอย่างอื่นเพื่อตัวเองบ้าง เวลาที่เราเจอกัน เราจะได้มีอะไรมาแชร์กัน ถ้าอยู่ด้วยกันมาก ๆ มันก็ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเร้าใจ ไม่มีอะไรสนุก ๆ มาเล่าให้กันฟัง ของบางอย่างกระหน่ำกินมากไปก็ทำให้เบื่อเร็ว กินน้อยแต่กินได้นาน ๆ น่าจะดีกว่า”
 
พี่มันคลายอ้อมแขนออก จนกลายเป็นปล่อยมือลง หัวใจผมหล่นวูบ
 
นี่กูพูดมากไปรึเปล่า พี่มันจะโกรธไหม
 
“ขะ ขอโทษครับ”
ผมสารภาพเสียงเบา
 
“กาย..”
พี่มันเรียก ผมเงยหน้ามองอย่างขลาดกลัว
 
“นี่เป็นแผนของกาย ที่จะทำให้พี่หลงรักกายมากขึ้นใช่ไหม”
 
งงครับ
 
งงกับคำพูดพี่แก ผมขมวดคิ้วมากขึ้น
 
“หึ นี่กายกลัวพี่เบื่อถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
แล้วพี่มันก็แนบปากมาที่แก้มผมจนแก้มบี้ไปข้าง
 
มึง เข้าใจไปคนละประเด็นแล้ว
 
ผมกำลังจะท้วง แต่พี่มันจุ๊บปากผมเบา ๆ ที ผมอ้าปากค้าง
 
มึง! นี่มันที่สาธารณะนะ 
 
“พี่เข้าใจในสิ่งที่กายต้องการจะสื่อนะ”
 
ผมนั่งนิ่ง
 
มึงแน่ใจนะว่ามึงเข้าใจจริง ๆ
 
“ที่พี่เป็นแบบนี้ เป็นเพราะพี่รักกายนั่นแหละ”
 
ผมมองหน้าพี่มันนิ่ง ๆ
 
“เวลาที่พี่อยากกอด พี่ก็กอด เวลาที่พี่อยากจูบพี่ก็จูบ เวลาที่พี่อยากฟัดพี่ก็ฟัด”
 
เอ่อ…
 
อันหลังนี่ไม่ต้องพูดก็ได้
 
“แต่ก็อย่างที่กายบอก ของบางอย่างกินมากไปก็ไม่ดี กินน้อย ๆ แต่คุณภาพดี และกินได้นาน ๆ ก็น่าจะดีกว่า”
 
ผมยิ้ม เมื่อพี่มันเข้าใจในสิ่งที่ผมบอก
 
“เพราะงั้น กายน่าจะป้อนพี่สักสิบห้านาที แล้วพี่จะปล่อยให้กายไปอ่านหนังสือต่อ”
 
ผมขมวดคิ้วจ้องหน้าพี่มันเขม็ง
 
“ไม่กินมื้อใหญ่ก็ได้ พี่จะได้ไม่ต้องหนีกายมานั่งสงบอารมณ์อยู่ตรงนี้”
พี่มันบอกแล้วลากผมเดินขึ้นห้อง
 
นี่ตกลง ที่มึงมานั่งทำมิวสิคคนเดียว เพราะมาอดทนเนี่ยนะ!!
 
แต่เดี๋ยวก่อนนะ…
 
แล้วที่พี่มันบอกว่าป้อนพี่มันสักสิบห้านาทีนี่มันหมายความว่ายังไง
 
ไม่ต้องสงสัยนานครับ เพราะพอขึ้นห้องปุ๊บ พี่มันก็จัดการบรรเลงผมแบบติดสปีด สิบห้านาทีจบจริง ๆ
 
โหย คุณท่าน ได้อีกนะ
 
ก็โอเคครับ หารกันคนละครึ่งทาง ยังไงซะ ผมก็เผลอตัวมารักพี่มันไปแล้วนี่ แล้วตอนนี้พี่มันก็ไปนั่งฮัมเพลง อ่านหนังสือเรียนของตัวเองอยู่อีกด้าน ไม่อยากเข้าใกล้ผมมากครับ แกกลัวของพี่แกจะตื่นขึ้นมาขออีกสิบห้านาทีอีกรอบ
 
เออเนอะคนเรา บทจะยากก็ยาก บทจะง่ายก็ง่าย





                 








             
ผมมายืนดูอุปกรณ์กล้องอยู่ในร้านขายกล้องขนาดใหญ่ในห้างครับ วันนี้มีของหลายอย่างหลายยี่ห้อมาลง ผมไม่ใช่มืออาชีพ แต่ก็อยากมีอุปกรณ์บางตัวที่คุณภาพดี ๆ เอาไว้ใช้เหมือนกัน แต่ราคาตัวหนึ่งนี่ เห็นแล้วทำเอาผมเหงื่อแตกพลั่ก ๆ
 
ดูได้แต่ตา มืออย่าต้อง เดี๋ยวของจะเสีย
 
และตอนนี้ ผมก็ทำได้แค่ยืนน้ำลายไหลยืด จ้องมองเลนส์กล้องแบบใหม่ที่ราคาแปะไว้ด้วยตัวเลข 6 หลักตรงหน้า
 
มันจะแพงไปไหน
 
อันนี้สำหรับคนมีเงิน หรือพวกมืออาชีพน่ะ พวกทำเล่น ๆ อย่างผม ทำใจอย่างเดียว
 
“อยากได้ขนาดนั้นเลยเหรอ”
 
ผมสะดุ้ง หันขวับไปมองคนทักที่มายืนอยู่ข้าง ๆ
 
“อ้าว พี่เอก” มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
 
ไม่ใช่สิ…
 
ผมเลื่อนสายตาลงไปที่ลำคอ ไม่มีสร้อยพระอาทิตย์ครับ
 
“เอ่อ…”
ผมรีบถอยกรูด แสดงสีหน้าหวาดผวาออกมาหน่อย ๆ จนคนที่ยืนอยู่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้
 
“พี่อิฐเองครับ”

ผมถึงได้คลายใจคลี่ยิ้มออกมา
 
“ทำไมต้องทำท่าหวาดกลัวขนาดนั้นด้วยฮึ”
 
“ปะ เปล่า”
สงสัยพี่อิฐจะยังไม่รู้เรื่อง
 
“ว่าแต่อยากได้รึไง ทำไมไม่ขอให้พี่เอกซื้อให้ล่ะ”
 
ผมส่ายหน้าจนผมยุ่ง
 
“ของแบบนี้ อยากได้ต้องขวนขวายเอาเอง”

พี่มันยิ้มนิดหนึ่ง ยิ้มอ่อนโยนแบบนี้ พี่อิฐชัวร์ ๆ
 
“คิดว่าพี่เป็นอาร์ตใช่ไหม”

ผมยิ้มเจื่อนที่พี่แกจับไต๋ผมได้ บอกแล้วครอบครัวนี้ไอคิวสูงครับ พอ ๆ กับอีคิวอย่างพวกทโมน และเอสคิวอย่างพี่เอกนั่นแหละ(ใครไม่รู้ความหมาย ไปหากันเอาเอง)
 
“คะ คือ…”
 
“หึ พี่ก็พอจะรู้มาคร่าว ๆ ล่ะนะ ว่าอาร์ตเขาทำอะไรไปบ้าง แต่ทั้งหมดก็เพื่อพี่เอกนั่นแหละ”
 
ผมขมวดคิ้วไปกับสิ่งที่ได้ยิน
 
“อ้าว นี่เราไม่รู้หรอกเหรอ ว่าปกติอาร์ตจะเป็นคนทดสอบผู้หญิงให้พี่เอกเขา ถ้าผู้หญิงคนไหนรักพี่เอกจริง คนนั้นต้องไม่หวั่นไหวมาหาอาร์ตน่ะ”
 
ผมยืนมองด้วยความทึ่ง
 
“งะงั้น เอ่อ ที่พี่อาร์ตทำกับผม”
 
“คงต้องการทดสอบล่ะมั้ง”
 
ผมพยักหน้า พี่มันยิ้มอ่อนโยน
 
“ยังแยกพวกพี่ไม่ได้ใช่ไหม”
 
ผมทำหน้าเจื่อนอีกรอบ
 
“ฮะ ขนาดว่าเอาภาพมานั่งดูตั้งนานสองนาน แต่เวลาเจอตัวจริงก็ยังแยกไม่ออกอยู่ดี” ผมบอกไปตามตรง
 
“แล้วเมื่อกี้ ทำไมรู้ว่าพี่ไม่ใช่พี่เอก”
พี่มันถามต่อ
 
ช่างถามจริงวุ้ย
 
“ก็ถ้าเป็นพี่เอกตัวจริง ต้องมีสร้อยที่ผมซื้อให้น่ะ”
ผมชี้คอตัวเอง พี่มันมองตาม
 
“ไม่ได้สังเกตแฮะ”
 
“ฮะ ช่วงนั้นพี่เขาคงเอาไปสลักตัวหนังสือใหม่น่ะ”
 
“เปล่า พี่ไม่ได้สังเกตว่าเราก็ใส่สร้อยด้วยเหมือนกัน”
 
ผมมองหน้าพี่มันงง ๆ
 
“ผมใส่มานานแล้วล่ะ”
ผมยิ้ม จับสร้อยตัวเองไว้ สร้อยของผมเป็นแบบยาวครับ ในขณะที่ของพี่เอกเป็นแบบสั้นเกือบติดคอ เห็นจี้ได้ชัด ๆ แต่จี้ของผมอยู่แถว ๆ หน้าอก ถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็นหรอก
 
“เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าพี่เอกยอมใส่ด้วย ปกติเป็นพวกขี้รำคาญจะตาย”
 
ผมขมวดคิ้ว
 
จริงเหรอเนี่ย แล้วผมก็ไปบังคับให้พี่มันใส่ แล้วพี่มันจะไม่รู้สึกแย่เหรอวะ
 
“ผมไม่รู้”
 
พี่อิฐยิ้มอ่อนโยนให้
 
“ถ้าพี่เอกยอมใส่ ก็แปลว่าพี่เอกยอมล่ะนะ อย่าคิดมากเลย”
 
ยิ่งพูด กูยิ่งคิดมาก
 
ผมรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาจริง ๆ
 
“นี่ไปทานข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ”
พี่มันชวน
 
ผมเงยหน้ามอง จะไปดีไหมหว่า จริง ๆ วันนี้ผมมากับแม่ฮะ แต่คนที่สำนักพิมพ์โทรมาเรียกตัวกะทันหัน แม่เลยให้ผมเดินเล่นรอไปก่อน ป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย ผมยกนาฬิกาขึ้นมอง
 
“จริง ๆ ผมมากับแม่ แต่แม่ติดธุระด่วน เลยทิ้งผมไว้ งั้นผมจะอยู่เป็นเพื่อนพี่จนกว่าแม่จะมาละกัน คงไม่ว่ากันใช่ไหมฮะ”
ผมต่อรอง พี่มันพยักหน้าที
 
แล้วหลังจากนั้น พี่มันก็พาผมมานั่งกินข้าวที่…
 
เอ่อ…
 
ในผับ
 
มึง กูก็คิดว่าหนังหน้าอย่างมึงจะพาไปนั่งในร้านอาหารดี ๆ หรู ๆ หรือไม่ก็ร้านอาหารในโรงแรมในห้างอะไรทำนองนั้นซะอีก พามาที่นี่ทำไม
 
“ผิดหวังซินะ ที่พี่พามาที่นี่”
แน่ะ อ่านใจกูได้อีก หรือว่ากูเป็นพวกอ่านง่ายวะ
 
“เปล่าฮะ ก็แค่แปลกใจ”
 
พี่มันยิ้ม ในมือถือแก้วน้ำสีอำพัน ขยับเบา ๆ ให้หยาดน้ำเหล่านั้นเคลื่อนที่เป็นลูกคลื่น ปรับเปลี่ยนรสชาติให้มันดีขึ้น ที่นี่สามารถสั่งข้าวมากินได้ ผับเปิดห้าโมง ตอนนี้หกโมง คนยังน้อยอยู่
 
ผมต้องหยิบมือถือขึ้นมาเช็คดูบ่อย ๆ เพราะเสียงภายในร้านค่อนข้างดัง กลัวแม่โทรมาแล้วไม่ได้ยิน จนในที่สุด ผมตัดสินใจกดเมสเสจไปบอกแม่ว่าถ้าเสร็จธุระแล้วให้เมสเสจมาบอกผมแทน ไม่ต้องโทรมา เพราะอยู่ในที่ที่เสียงดังมาก ๆ และอยู่กับเพื่อน แล้วผมจะรีบไปหาทันที แต่แม่ไม่ตอบครับ สงสัยจะยังยุ่ง ๆ อยู่
 
“อ่ะ”
พี่มันยื่นเครื่องดื่มให้ผมแก้วหนึ่ง ผมส่ายหน้า
 
“ผมต้องไปค้างกับแม่คืนนี้ เมาไปคงไม่เหมาะ”
 
“ไม่ต้องห่วง พี่มีวิธีกลบกลิ่นดี ๆ กินเป็นเพื่อนพี่สักแก้วก็พอ พี่เพิ่งอกหักมา”
ถ้าน้ำหน้าอย่างมึงอกหัก แล้วอย่างกูจะเหลืออะไรวะเนี่ย ผมถอนหายใจเบา ๆ รับแก้วเหล้ามากระดกเข้าปาก
 
เอาน่า กินเป็นเพื่อนพี่มันหน่อย
 
แก้วเดียวครับ
 
แต่เป็นแก้วเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกมึนสุด ๆ ตอนนี้หน้าพี่อิฐพร่าไปหมดแล้ว ผมพยายามตั้งสติให้ดี พี่แกนั่งไขว่ห้าง ดื่มไปหยิบของว่างกินไปชิว ๆ ผมเองก็หยิบขึ้นมากินบ้างเหมือนกัน สงสัยเมาเร็วเพราะท้องว่าง
 



 
“กาย”
ได้ยินเสียงเรียกมาตามทาง “เมาง่ายจัง แก้วเดียวเองนะ”
 
ผมพยายามปรือตามองคนตรงหน้า
 
“พี่เอก”
ผมครางเรียก พี่มันยิ้ม
 
“กลับกันเถอะ”

ผมพยักหน้าเบา ๆ มึนครับ ถ้าเมาขนาดนี้ จะกลับไปหาแม่ยังไงล่ะเนี่ย
 
ผมไม่รู้ว่าผมออกมาจากผับได้ยังไง รู้แค่ว่าเบลอ สักพักแผ่นหลังผมก็สัมผัสกับเตียงนุ่ม ๆ
 
“กาย”
พี่มันเรียกอีกที ผมปรือตามอง เห็นพี่เอกนั่งอยู่ข้างเตียง
 

“อือ…”
ผมเชิดหน้า ครางไว้ก่อนครับ มันสยิว
 
“เซ็กซี่จัง มิน่าล่ะ พี่เอกถึงได้หวงนัก”

เอ๊ะ? อะไร ทำไมพี่แกพูดแบบนั้น ผมพยายามปรือตามองหน้าพี่เอกอีกที พี่มันกำลังใช้สายตาสำรวจไปทั่วเรือนร่างท่อนบนของผมอยู่
 
นี่เสื้อผมหลุดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่
 
ผมเงยหน้าจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของพี่เอก ไล่ต่ำลงไปที่ปลายคาง ก่อนหยุดไว้ยังลำคอ ผมขมวดคิ้วหน่อย ๆ
 
สร้อยพี่เอกหายไปไหน
 
“พี่เอก สร้อยล่ะ”
ผมท้วงเสียงเบา
 
“ก็อยู่กับพี่เอกน่ะสิ”
พี่มันก้มลงมากัดยอดอกผมเบา ๆ จนผมสะดุ้งเฮือก เผลอแอ่นอกตอบรับ

สติผมเริ่มมาแล้วครับ
ถ้าสร้อยอยู่กับพี่เอก แล้วคนที่กำลังกัดนมผมอยู่คือพี่เอก
 
แต่ไม่มีสร้อย
 
ถ้าเป็นพี่เอกที่ไม่มีสร้อย…
 
ก็ไม่ใช่พี่เอกน่ะสิ!

แล้วใคร?
 
ผมรีบดึงกำลังตัวเองกลับมา ผลักอกคนตรงหน้าออกแรง แต่ไม่ขยับครับ ตัวพี่มันหนักมาก
 
ขนาดหุ่นและพละกำลังของคนตรงหน้าไม่ต่างกับพี่เอกเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วผมเคยเอาชนะพี่เอกได้ซะที่ไหน
 
“พี่…”
ผมกำลังประมวลผลอยู่ว่าคนที่ผมอยู่ด้วยล่าสุดคือใคร
 
ใช่.. พี่อิฐ
 
“พี่อิฐ ปล่อย!!”
ผมออกแรงผลักมากขึ้น พี่มันเงยหน้าจากซอกคอผมไปยิ้มพราว
 
รอยยิ้มแบบนี้ ไม่ใช่รอยยิ้มของพี่อิฐแน่ ๆ
 
“พี่อาร์ต”
 
“ในที่สุดก็จำพี่ได้แล้ว”
 
“อ๊ะ!!”
ผมผวาเฮือก เมื่อพี่มันซุกหน้าลงมาที่ซอกคออีกรอบ แต่รุกเร้ารุนแรงขึ้นกว่าเดิม
 
“ไม่!!”
ผมพยายามดิ้นรนขัดขืน นี่พี่มันกำลังทำอะไรอยู่ ผมเป็นแฟนพี่ชายมันนะ
 
“พี่อาร์ตปล่อย!!”
ผมทั้งผลักทั้งดัน อยากดิ้นรนมากกว่านี้ครับ แต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงจะหายไป ผมนึกถึงแก้วเหล้าที่พี่อาร์ตยื่นให้ผมดื่ม
 
“พี่เอาอะไรให้ผมกิน”
 
“ไม่ต้องห่วงหรอก แค่เหล้าธรรมดา แต่ฤทธิ์แรง ทำให้เมาเหมือนโดนน็อกสำหรับคนที่ไม่เคยกินมาก่อน” พี่มันพูดเนิบ ๆ ก้มลงตวัดปลายลิ้นไปทั่วแผงอกลงไปถึงหน้าท้องผม
 
“อย่า...” 
ผมพยายามห้าม

ไม่อยากมอบร่างกายนี้ให้ใคร เพราะร่างนี้เป็นของพี่เอกเพียงคนเดียวเท่านั้น
 
แม้ใจจะสั่งห้าม แต่ร่างกายกลับไหวรับทุกสัมผัสจากลิ้นร้อน อยากร้องห้ามแต่เสียงที่เปล่งออกมากลับเบาหวิวจนกลายเป็นเสียงคราง
 
หัวใจผมหล่นวูบไปอยู่ปลายเท้า เมื่อกางเกงขายาวถูกปลดออกจากตัว เหลือไว้แค่ปราการสุดท้ายตัวน้อยเท่านั้น
 
แล้วพี่มันก็เลื่อนมือลงไปสัมผัสส่วนอ่อนไหวของผมเบา ๆ ผมสะดุ้งเฮือก เผลอจับหัวพี่มันไว้ ขาก็กางกว้างอัตโนมัติ
 
“อือ น่ารักมากกาย”
พี่มันกระซิบ ดึงปราการสุดท้ายผมทิ้งไป
 
“ไม่!!!!”
ผมตะโกนห้ามสุดเสียง อยากดิ้นรน อยากลุกหนี แต่ไม่มีแรงเหลือแล้ว ผมคิดถึงพี่เอก
 
พี่อยู่ไหน
 
ช่วยผมด้วย!!


To BE Con....
 :angry2: ทำอะไรน้องกายหะ อิพี่อาร์ต!!!!!!! งื้อ ใครก็ได้วิ่งไปตามพี่เอกมาช่วยที :serius2:
         
#แต้งค์ทุกรีไพล์ฮะ สุขใจที่ได้อ่าน

เปิดจองนิยาย Memew ค่ะ ^^ >>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ EP.61 ตัวปลอม ปลอมตัว [17-8-59] [กาย..♥]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 17-08-2016 19:09:47
พี่อาร์ตชักจะหยอกแรงจนไม่น่าไว้ใจ วอหาพี่เอกทราบแล้วเปลี่ยนค่ะ มาช่วยน้องกายด่วนด้วย จะถูกกินแลัว  :z10:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :
 :katai4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ EP.61 ตัวปลอม ปลอมตัว [17-8-59] [กาย..♥]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-08-2016 19:25:12
พี่อาร์ต พูดจริง ทำจริง
บอกพี่เอกว่า อย่าเผลอ รอเสียบ
พี่อาร์ต รู้ทั้งรู้ว่ากาย รักพี่เอกคนเดียว :mew1: :mew1: :mew1:
กาย จะหลุดพ้นสภาพนี้ได้อย่างไร :ling1: :ling1: :ling1:
ใครจะมาช่วยกายได้  :katai1: :katai1: :katai1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ EP.61 ตัวปลอม ปลอมตัว [17-8-59] [กาย..♥]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 18-08-2016 07:56:41
อิพี่อาร์ต :fcuk: :fcuk:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.62 เกือบสาย [11-9-59] [เอก...☼] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 03-09-2016 09:46:20
62
เกือบสาย
[เอก...☼]







 
วันนี้มันคงเป็นอีกวันที่น่าเบื่อของผม แต่ก่อนผมไม่มีใคร ผมก็อยู่ได้อย่างสงบสุขดี มาเรียน มาทำงาน กลับคอนโด อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง นอน วันไหนของขึ้น ก็หาใครสักคนมากก เช้ามาก็สดชื่น
 
แต่ตอนนี้ แค่ไม่มีไอ้ตัวเล็กอยู่เคียงข้าง แค่รู้ว่ากลับไปก็ต้องเจอแต่เตียงว่างเปล่า ผมก็ไม่อยากจะกลับไปที่คอนโดแล้ว
 
มันบอกให้ผมทำสิ่งที่อยากทำในเวลาที่มันไม่อยู่
 
แต่สิ่งที่ผมอยากทำ คืออยู่เคียงข้างมัน กอดมัน มองหน้ามัน จูบมัน แล้วต่อจากนั้นก็…
 
“พี่เอก หยุดทำหน้าหื่นสักนาทีจะได้ไหมคะ”
 
ครับ ตอนนี้ผมอยู่บ้านแล้ว ไม่อยากกลับคอนโด เลยกลับบ้านแทน กำลังนั่งจิ้นหุ่นไอ้กายอยู่ดี ๆ ค้างกลางอากาศเลย
 
“นั่นน่ะสิ ทำหน้าเคลิ้ม ๆ เหมือนพวกโรคจิต”
 
หือ หน้าหล่อ ๆ กูเสียภาพพจน์หมด
 
“คิดถึงพี่กายล่ะสิ แล้วนี่พี่กายไปไหนล่ะคะ”
 
ผมทำหน้าเบื่อหน่าย
 
“กลับบ้านไปนอนกับแม่”
 
พวกมันทำสายตากรุ้มกริ่ม
 
“มิน่าล่ะ”
 
“ถึงได้หาทางกลับรู เอ้ยกลับบ้านถูก”
 
พูดดี ๆ พี่มึงเป็นคน ไม่ใช่งู ฟู่ ๆ ฟ่อ ๆ โฮ่ง ๆ (อย่างหลังไม่ใช่ละ)
 
“เพราะเมียไม่อยู่นี่เอง”
ดูมันใช้แต่ละคำ
 
“นี่ พูดอะไรให้เกียรติกายเขาหน่อย”
 
“อ้าว หรือพี่กายไม่ได้เป็นเมียพี่”
พวกมันทำตาโต
 
“ไม่นะ!!”
แล้วก็พากันทำหน้าตาเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
 
“นี่พี่เป็น… เป็น…”
 
“เป็นเคะรึนี่”


“อ้อนรับไม่ได้”
 
“อะไรคือเคะ?”
ผมงงครับ พวกมันพากันโวยวายใหญ่ ผมนั่งมึน แต่คุ้น ๆ ว่าเคยอ่านเจอนะ
 
“ก็ควีนไงคะ พี่เป็นควีนเหรอ”
 
กูจำได้ละ ไอ้เมะคือคิง เคะคือควีนนี่เอง
 
“เปล่า พี่เมะแท้ร้อยเปอร์เซ็น”
ผมรีบยืนยัน
 
พวกมันทำหน้าเหมือนเพิ่งเดินหลุดออกมาจากป่าช้า
 
“ก็เห็นพี่บอกว่าพี่กายไม่ใช่เมีย”
 
“พี่พูดรึยังว่าไม่ใช่”
 
“แล้วมันใช่ไหมล่ะ”
พวกมันถามหน้าเครียด
 
“ใช่ กายเป็นเมียพี่”
 
“กริ้วววววว ในที่สุดพี่เอกก็ยอมพูดแล้ว เย้ ๆ ๆ พี่กายเป็นพี่สะใภ้ของพวกเราเต็มขั้นแล้ว เย้!!!”
สรุปพวกมันหลอกให้ผมพูด
 
ผมนั่งกุมขมับ
 
คิดถูกหรือคิดผิดวะที่กลับบ้าน กลับคอนโด นอนกอดหมอนข้างจะมีความสุขกว่าไหม
 
ผมถอนใจแรง ก่อนเสียงมือถือจะดังขึ้นเบา ๆ ผมล้วงหยิบขึ้นมามองเบอร์ แปลกใจนิดหน่อยกับเบอร์แปลก ๆ ที่โชว์ แต่ก็เลือกที่จะกดรับ
 
“เอกหรือเปล่าลูก!!”
แม่ไอ้ตัวเล็กมันครับ น้ำเสียงฟังดูร้อนรนยังไงพิกล
 
“ครับ”
 
“กายอยู่กับเอกหรือเปล่า”
 
“เปล่าครับ เห็นเขาบอกว่าจะไปกับแม่นี่ ผมไปส่งตั้งแต่เลิกเรียนแล้ว”
 
แม่เงียบไป
 
“เราเจอกันแล้ว แต่ระหว่างทาง แม่ต้องเข้าสำนักพิมพ์ เลยให้กายไปเดินเล่นรอที่ห้าง แล้วกายก็ส่งเมสเสจมาบอกว่าไม่ต้องโทรหา เพราะอยู่ในที่ที่เสียงดังมาก ๆ กับเพื่อน แต่เขากำลังรอเมสเสจจากแม่อยู่ นี่แม่ส่งไปหาเขานานแล้วนะ เขายังไม่ติดต่อกลับมาเลย โทรไปก็ไม่รับสาย จะว่าไปกับเต้ย เต้ยก็บอกไม่ได้อยู่ด้วยกัน แม่เลยไม่รู้ว่ากายเขาจะรู้จักใครอีกรึเปล่า”
 
หัวใจผมเริ่มเต้นเปลี่ยนจังหวะ ผมรีบบอกให้แม่วางสายแล้วโทรไล่บี้หาทีละคน ซึ่งคนแรก เป็นไอ้เป้ แต่มันปฏิเสธว่าไม่เห็น ตอนนี้มันทำงานอยู่ที่ร้าน ผมรีบโทรหาไอ้คุณชรินทร์ต่อ แต่มันบอกว่าตอนนี้อยู่ต่างประเทศ
 
ไอ้ห่า เปลืองค่ามือถือกูอีก มึงนัดเจอกายพรุ่งนี้ แต่วันนี้มึงยังอยู่ต่างประเทศเนี่ยนะ
 
ไล่ถามพวกไอ้กิ๊ฟก็ไม่รู้เรื่อง ผมร้อนใจยิ่งกว่าเดิม ผมไม่รู้ว่ามันจะไปกับใครได้ มันไม่ใช่คนที่จะทิ้งขว้างแม่ตัวเองด้วย
 
จริงสิ ไอ้โอ๊ค ผมรีบกดโทรหามันทันที ฟังเสียงรอสายไม่นานมันก็กดรับ
 
“โอ๊ค”
ผมเรียกมันเสียงเย็น
 
“ว่าไง”
 
“กายอยู่กับมึงรึเปล่า” ผมถามทันทีที่มันกดรับ
 
มันเงียบไปนาน ก่อนส่งเสียงกลับมา
 
“ถ้าอยู่ กูคงไม่บอกมึงหรอก”
ไอ้นี่ วอนตีน
 
“ตกลงอยู่กับมึงใช่ไหม ปล่อยเมียกูมา แม่เขาเป็นห่วง”
 
มันนิ่งไป
 
“กายไปไหน”
 
เอ้า ไอ้นี่ มึงบอกอยู่หยก ๆ ว่าอยู่กับมึง แล้วยังมาย้อนถามกูอีก
 
“เมียกูอยู่ไหน”
ผมถามเสียงเครียด
 
“กูไม่รู้”
 
“มึงอย่ามาโกหก!!”
 
“กูไม่ได้โกหกมึงนะเอก กายไม่ได้อยู่กับกู แล้วกายหายไปไหน”
น้ำเสียงมันร้อนรนขึ้นมาทันที
 
“มึงไม่ได้โกหกกูนะ”
 
“กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปี มึงยังไม่รู้นิสัยกูอีก กูผิดที่เผลอไปรักเมียมึง แต่ไม่ได้เลวถึงขนาดจะลากเขามากักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ ถ้ากูจะทำอะไรจริง ๆ กูขอให้ได้หัวใจก่อน ร่างกายมาทีหลัง”
 
ผมนั่งอึ้งฟังมันพูด
 
แล้วผมล่ะ ได้อะไรก่อนกัน

หัวใจหรือร่างกาย
 
แต่เอาไว้ก่อนเถอะ สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือตามหาตัวกายให้ได้ก่อน ผมกำลังไล่บี้ไอ้โอ๊คอยู่ ก็เห็นใครบางคนเดินเข้ามา
 
“พี่อิฐ กลับมาแล้วเหรอคะ”
พวกทโมนพากันทัก
 
“มีอะไรกันเหรอ ท่าทางเครียดน่าดู”
 
มันเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ พวกทโมน 
 
ผมขมวดคิ้วกดตัดสาย นั่งนึกต่อว่ามันจะไปกับใครได้อีก
 
“พี่กายหายไปค่ะ หายไปไหนก็ไม่รู้ โทรหาก็ไม่ติด”
 
“ใช่ ๆ พี่เอกกำลังโทรเช็คอยู่เนี่ย”
 
“พี่อิฐช่วยกันหาหน่อยซิคะ”
พวกน้อง ๆ รีบอ้อนหาพรรคพวกเพิ่ม
 
“ได้ แล้วอาร์ตล่ะ กลับมารึยัง เห็นออกมาก่อนตั้งนานแล้วนี่ ให้เขาช่วยดีกว่า เส้นสายเขาเยอะ”
 
“ยังเลยค่ะ ยังไม่เห็นเลย อย่าเพิ่งห่วงพี่อาร์ตเลย หาพี่กายก่อนเถอะ พวกหนูร้อนใจ”
 
“ขอพี่โทรหาอาร์ตก่อนละกัน”
อิฐมันว่า
 
ผมกำลังไล่หาเบอร์พ่อของไอ้ตัวเล็กอยู่
 
“อาร์ต ยังไม่กลับอีกรึไง พอดีกายเขาหายตัวไป ทุกคนกำลังตามหาตัวกันอยู่ พอจะให้สายนายช่วยสืบหน่อยได้ไหม”
มันพูดเหมือนไอ้อาร์ตเป็นมาเฟียเลย แต่น้องผมมันก็เหมือนจริง ๆ นั่นแหละ
 
“…..”
ผมไม่ได้ยินว่าพวกมันคุยอะไร กำลังรอสายพ่ออยู่

ได้ยินเสียงเพล้งดังมาจากมือถือไอ้อิฐเบา ๆ ผมหันไปมอง
 
“เสียงอะไรน่ะ เดี๋ยว!! อาร์ต!! เดี๋ยว!! จะรีบร้อนอะไรนักหนาวะ”
ไอ้อิฐมันบ่น
 
ผมรู้สึกสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง
 
“อิฐ โทรหาอาร์ตอีกทีซิ”
 
ไอ้อิฐกดโทรออก แล้วบอกว่ามันปิดเครื่อง ผมผุดลุกทันที ถ้าลางสังหรณ์ของผมมันไม่เน่าซะก่อน ผมก็พอจะรู้แล้ว ว่าใครที่เอาตัวกายไป


[50%]


ผมรีบวิ่งไปที่รถ กำลังจะเปิดประตู แต่นึกขึ้นได้ว่าช่วงเวลานี้รถติดเอามาก ๆ  ผมเลยวิ่งเข้าไปเอากุญแจรถมอเตอร์ไซด์ คว้าหมวกกันน็อค แล้ววิ่งออกไปอีกรอบ 
 
ผมไม่อยากจะคิดว่าถ้าผมไปช้าเกินไปจะเกิดอะไรขึ้น
 
กายของผม
 
คนรักของผม จะโดนอะไรบ้าง
 
ถ้าไอ้อาร์ตมันไม่คิดอะไรก็ดีไป แต่ถ้ามันทำอะไรมากไปกว่านั้น ผมคงไม่ไว้หน้ามันแน่ ๆ
 
ผมรีบตะบึงบิดไม่กลัวโดนโบก ก่อนมาถึงคอนโดส่วนตัวของไอ้อาร์ตราวกับเหาะ ผมรีบวิ่งไปที่เคาน์เตอร์ทันที
 
“ขอโทษครับ พอดีผมทำคีย์การ์ดห้อง 2106 หาย ช่วยเอาอันสำรองให้ทีได้ไหม”
 
“อุ้ย ได้ค่ะคุณอาร์ต”
มีหน้าเหมือนกันก็ดีอย่างนี้แหละครับ
 
พอได้กุญแจ ผมก็รีบวิ่งตรงไปที่ลิฟท์ กดไปยังชั้น 21 พอประตูลิฟท์เปิดออก ผมรีบวิ่งตรงไปยังห้องมันทันที ทั้งที่เส้นทางสั้นแค่ไม่กี่เมตร แต่ตอนนี้มันกลับดูยาวไกลสำหรับผมเอามาก ๆ
 
ผมวิ่งให้เร็วที่สุด พอไปถึงผมรีบสอดคีย์การ์ด ผลักประตูเข้าไป วิ่งตรงไปยังห้องนอน
 
และภาพที่เห็นตรงหน้า พาเอาความร้อนที่มีทั้งหมดในร่างกายไหลไปรวมกันที่ฝ่ามือ ผมยืนกำหมัดแน่น
             
ร่างของคนที่ผมรัก กำลังนอนน้ำตานองหน้าอยู่บนเตียง โดยมีมือของไอ้อาร์ตอุดปากเอาไว้ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างจับสองข้อมือเล็กตรึงไว้เหนือหัว ซุกหน้ากับซอกคอ ที่นอนยับยู่ยี่ โคมไฟหัวเตียงหล่นไปอยู่ที่พื้น หลอดไฟแตกกระจายเกลื่อนเต็มพื้น
 
ร่องรอยที่เกิดจากการต่อสู้
 
ผมตรงไปกระชากไอ้อาร์ตออกจากไอ้ตัวเล็ก ตามด้วยหมัดซัดใส่หน้ามันเต็ม ๆ และอัดซ้ำลงไปอีกหลาย ๆ รอบ ยำจนหน้าหล่อ ๆ ของมันเต็มไปด้วยเลือด
 
เสื้อผ้าของมันยังอยู่ครบ ยกเว้นกระดุมที่หลุดออกจนหมด ผมหันไปมองไอ้ตัวเล็กบนเตียง ก่อนที่หน้าผมจะโดนสวนกลับเต็มแรง ผมรีบหันกลับไปกระชากจับคอเสื้อมัน ดันจนมันถอยหลังไปอัดติดกำแพง
 
“ทำแบบนี้ทำไม นายก็รู้ว่ากายเป็นเมียพี่!!”
 
“ผมก็ชอบกายเหมือนกัน”
 
“ชอบแล้วบังคับขู่เข็นเขาเนี่ยนะ”
 
“ตอนพี่ได้กาย พี่ก็ข่มขืนเขาเหมือนกันนี่”
 
ผมชะงัก อาร์ตคงรู้มาจากพวกทโมน ก็พวกนั้นคะยั้นคะยอ ผมเลยจำใจต้องพูดความจริง
 
“ก็เลยจะทำแบบเดียวกันบ้าง”
 
“ใช่!”
 
“ใช้สมองส่วนไหนคิด”
 
“ก็สมองที่เหมือนกับพี่นั่นแหละ”
มันย้อน
 
“มันไม่มีทางเหมือนหรอกนะอาร์ต ต่อให้นายพยายามทำตัวให้เหมือนพี่ขนาดไหน ก็ไม่มีทางที่นายจะเป็นเหมือนพี่ได้”
 
ผมเห็นนัยน์ตามันวูบไหวบางเบา
 
อย่าคิดว่าการที่เราสามคนมีหน้าตาเหมือนกันแล้วจะดีเสมอไป
 
ผมอาจได้คีย์การ์ดมาง่าย ๆ แต่ในทางกลับกัน ผมก็อาจจะเสียคีย์การ์ดไปง่าย ๆ เหมือนกัน
 
“ผมทำได้” มันทำท่าไม่ยอม “ผมเคยทำให้ผู้หญิงของพี่มาเป็นของผมแล้วตั้งหลายคน”
 
“แต่กายไม่เหมือนคนอื่น!!”
ผมตะคอกกลับ
 
“ทำไมจะไม่เหมือน!!”
 
“ไม่เหมือน!! เพราะพี่รักกาย แต่ไม่ได้รักผู้หญิงพวกนั้น”
 
มันอึ้งไป
 
“และที่สำคัญ ถึงครั้งแรกพี่จะขืนใจกาย แต่เขาไม่ได้ต่อสู้รุนแรงแบบนี้ แล้วอีกอย่าง หัวใจเขายินยอมให้พี่ไปแล้วกว่าครึ่ง นายเข้าใจไหม!!”
 
ใช่ ต่าง…
 
ต่างกันมาก ถึงกายจะห้ามผม แต่ไม่เคยต่อสู้ได้ดุเดือด ราวกับจะต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดขนาดนี้

ร่างเล็กยังนอนไร้แรง น้ำตายังคงไหลพราก ค่อย ๆ พยุงร่างเปลือยเปล่าขึ้นนั่งมองมาทางพวกเรา
 
ผมอยากเข้าไปปลอบ อยากโอบกอดมันเอาไว้ อยากซับน้ำตาให้ อยากลูบหัวปลอบประโลม
 
แต่ตอนนี้ขอเคลียร์กับคนตรงหน้าก่อน
 
“อาร์ต นายไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนพี่ก็ได้ นายไม่ใช่ตัวก๊อปปี้ของพี่ นายเป็นน้อง ไม่ใช่ฝาแฝด หรือต่อให้เป็นฝาแฝด นายก็เป็นอีกชีวิต มีเลือด มีเนื้อ มีจิตใจ มีความคิดเป็นของตัวเอง”
 
นัยน์ตามันเปลี่ยนแสงเล็กน้อย
 
“และที่สำคัญ พี่ขอบอกนายไว้ตรงนี้เลย”
ผมจ้องตามันเขม็ง
 
“กายเป็นเมียพี่ เป็นคนที่พี่รัก เป็นคนสำคัญสำหรับชีวิตพี่ ถ้าขืนนายยังทำอะไรกายอีก แม้แต่คำว่าน้อง พี่ก็จะไม่มีที่ว่างสำหรับมันให้นาย”
ผมพูดแล้วผลักมันออกแรง หันหลังเดินเข้าไปหาคนที่กำลังมองมาด้วยแววตาตระหนก
 
ผมไม่สนว่ามันจะเดินเข้ามาต่อยผมอีกหรือเปล่า ผมรีบโอบเอาคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมแขนทันที
 
“กายไม่เป็นไรแล้วนะ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว”
ตัวมันสั่น บีบต้นแขนผมแน่นจนเจ็บไปหมด
 
“ขอโทษที่พี่มาช้า ขอโทษที่ดูแลกายไม่ดี”
ผมรีบปลอบมัน
 
“พี่เอก”
มันกอดคอผมแน่น ผมจูบหน้าผากมันเบา ๆ ให้คลายความกลัว หันไปคว้าเอาเสื้อผ้ามาใส่ให้ แม้ห้องจะรก แต่ก็รู้ว่าอาร์ตมันคงอยากทะนุถนอมกายเหมือนกัน เพราะตามเนื้อตัวกาย ไม่มีรอยแผลเลยแม้แต่นิดเดียว
 
มีแค่ผ้าปูที่นอนที่ยับย่น โคมไฟที่แตก และคราบน้ำตาบนพวงแก้มขาวเท่านั้นเอง
 
“กลับบ้านเรากันเถอะ”
ผมชวน มันพยักหน้าเร็ว ผมพยุงมันขึ้น หันไปก็ไม่เจอใครในห้องแล้ว อาร์ตคงออกไปข้างนอก แต่ผมไม่สน
 
ผมต้องการพากายออกไปจากที่นี่ก่อน ออกไปจากจุดนี้ พามันไปให้พ้นจากความหวาดกลัวและความเจ็บปวด
 
ผมทิ้งมอเตอร์ไซด์ไว้ที่คอนโดไอ้อาร์ต แล้วเรียกแท็กซี่กลับคอนโดแทน ไอ้ตัวเล็กยังคงสั่นไหวและหวาดผวา ผมก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วโอบกอดมันไว้
 
เพราะผม มันถึงต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้
 
 
 
 
 
 
 
“พี่เอก”
มันกอดผมแน่น ตอนเราเข้ามาถึงห้อง
 
“ไปอาบน้ำก่อนเถอะ”
 
มันส่ายหัวกับอกผม
 
“ไม่เอา พี่เอก” มันเงยหน้ามอง “กอดผมที”
 
ผมมองมันอึ้ง ๆ
 
“อาบน้ำก่อนจะได้สบายตัว”
 
“กอดผมที”
มันยังร้องขอคำเดิม
 
“กาย กายกำลังกลัวนะ ถ้าพี่ทำอะไรกายตอนนี้ ด้วยใบหน้าที่เหมือนคนที่ทำร้ายกาย กายจะรู้สึกยังไง”
 
มันทำหน้าอึ้ง ก่อนเบะลง
 
“เพราะงั้นไง ผมถึงต้องให้พี่กอด ให้รู้ว่าใบหน้าแบบนี้ มีแค่คนคนนี้ ที่มีสร้อยเส้นนี้ ที่กำลังกอดผมอยู่ ผมไม่อยากหลับแล้วตื่นผวาในตอนกลางคืน กอดผม ให้ผมจดจำแค่สัมผัสของพี่ ไม่ใช่ของเขา”
 
ผมมองคนตรงหน้าอึ้ง ๆ อีกรอบ
 
พอแล้ว ไม่ต้องให้มันพูดอะไรอีกแล้ว ผมรีบก้มจูบมันทันที จูบอย่างนุ่มนวล จูบเพื่อให้มันรู้ว่าผมอยู่ตรงนี้ อยู่กับมัน เป็นของมัน
 
ผมรีบสลัดเสื้อผ้าของเราสองคนออก แนบชิดผิวเนื้อของผมเข้ากับมัน สัมผัสลูบไล้ไปทั่วผิวเนื้อมัน เพื่อให้ร่างกายมันจดจำผมได้เพียงคนเดียว
 



 
“กาย”
ผมเรียก คนที่กำลังหอบหายใจไร้จังหวะปรือตามอง มันนอนอยู่ด้านล่าง โดยมีผมค้ำสองมือคร่อมอยู่ด้านบน
 
“ต่อให้วันนี้พี่ไปช่วยกายไม่ทัน แต่กายจะเป็นของพี่เพียงคนเดียวเท่านั้น ร่างกายเป็นแค่เปลือกนอก แต่ภายในของกายยังเป็นของพี่ตลอดไป กายไม่เคยเสียอะไรให้ใคร ถ้าตรงนี้ของกายไม่ได้เสียไป”
ผมแตะอกซ้ายมันเบา ๆ
 
มันมองตาผม ก่อนน้ำตาสีใสจะไหลรินออกมาเป็นทาง ผมยิ้ม ก้มลงไปจูบซับน้ำตาให้มันเบา ๆ
 
“พี่รักกายนะ”
 
แล้วคืนนั้น ผมก็เฝ้ากระซิบปลอบมันด้วยน้ำคำหวานหู บรรเลงเพลงรักด้วยจังหวะเชื่องช้า เต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น เพื่อปลอบใจ เพื่อให้มันคลายกลัว และเพื่อให้มันรู้ว่าต่อจากนี้ไป ผมจะอยู่เคียงข้างมันเสมอ
 
เป็นดั่งพระอาทิตย์ที่ไม่เคยลาลับไปจากโลก และไม่เคยห่างหายไปจากดวงจันทร์
 
To Be Con...

โรแมนติกอะไรเช่นนี้ (เวลาแต่งเสร็จแล้วย้อนกลับมาอ่าน คิดทุกครั้งว่าตอนนั้นเราแต่งเข้าไปได้ไง เกากำแพงแกรกด้วยความเขิลลลล)


Memew หนังสือ & ebook : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.62 เกือบสาย [3-9-59] [เอก...☼] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 03-09-2016 10:15:17
ค้างงงงงงงงงงงงงง  o9 o9 o9 o9
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.62 เกือบสาย [3-9-59] [เอก...☼] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 03-09-2016 16:37:45
รอบนี้อาร์ตไม่ได้ทำเพื่อเอกแระ อาร์ตทำเพื่อตัวเงแระ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.62 เกือบสาย [3-9-59] [เอก...☼] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-09-2016 18:24:07
อาร์ต เคยบอกเอกแล้วว่าอย่าเผลอ
เผลอเมื่อไหร่ อาร์ตเสียบ
เอกยังไม่คิดว่าอาร์ตพูดเล่นเลย
ถ้าเอกเจออาร์ต อยู่กับ กาย  จะเกิดอะไรขึ้นนะ
น้องคิดวัดรอยเท้าพี่ เอ้อ.......  :fire: :z6: :z6: :z6:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.62 เกือบสาย [3-9-59] [เอก...☼] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: kiszy ที่ 04-09-2016 20:12:34
อ๊ากกกกก ไอ่พี่อาร์ตอีกแล้ววววววว

มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.62 เกือบสาย [3-9-59] [เอก...☼] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 05-09-2016 15:13:23
อ่านรวดเดียวจนจบ สนุกมากกกค่าาา
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.62 เกือบสาย [11-9-59] [เอก...☼] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 12-09-2016 18:50:56
พี่รักกายนะ   โอ้ยยยยยยคือดีงาม แต่ขอตบอาร์ตหน่อยได้มะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.62 เกือบสาย [11-9-59] [เอก...☼] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 12-09-2016 20:33:45
พี่เอกพูดดี!!! เอาไป10คะแนนเต็ม!!!!!!
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.63 เล่าเรื่อง [8-10-59] [กาย..♥] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 05-10-2016 19:51:24
ตอนที่ 63 เล่าเรื่อง [กาย..♥]


ผมรู้ว่าผมได้รับการปลอบประโลมจากพี่เอกไปเยอะมาก ผมหวาดกลัว ผมดิ้นรน ผมต่อสู้เพื่อรักษาร่างกายอันนี้เอาไว้
 
ตอนมีอะไรกับพี่เอกครั้งแรกผมขัดขืน แต่ไม่จริงจัง แต่วันนี้ แม้ต้องสละชีวิต ผมก็อยากจะรักษาร่างกายนี้เอาไว้ให้พี่มัน
 
จริง ๆ แค่ร่างกายมันไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก แต่เพราะร่างกายนี้เป็นที่รองรับ เป็นตัวห่อหุ้มหัวใจดวงนี้เอาไว้ และหัวใจดวงนี้ของผม ก็มีผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าของ
 
ผมลืมตาตื่นนานแล้ว แม้จะเหนื่อยจนหลับ แม้จะร้องไห้จนแทบไม่เหลือน้ำตา แต่ก็รู้สึกอบอุ่นที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอคนคนนี้อยู่เคียงข้าง ผมทาบฝ่ามือลงบนแผงอกข้างซ้ายของพี่มันเบา ๆ จับจังหวะของลมหายใจที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลง
 
ข้างในนี้ มีหัวใจของผมอยู่
 
“ผมรักพี่นะฮะ”
ผมกระซิบบอก กดจูบอกซ้ายพี่มันไปที
 
“พี่ก็รักกายเหมือนกัน”

 
ผมเงยหน้ามอง คนที่ผมคิดว่าหลับอยู่ ก้มลงมาจูบผมเบา ๆ ก่อนขยับตัวตะแคงข้าง ค้ำศอกไว้ที่พื้นดันตัวขึ้นไปอยู่ในมุมที่สูงกว่าผม 
 
“รู้สึกดีขึ้นไหม”
ผมพยักหน้า จ้องมองดวงตาที่สะท้อนความห่วงใยออกมาจนล้น
 
“ดูซิ ขนาดใช้งานไปตั้งเยอะ เช้านี้มันก็ยังคิดถึงกายอยู่เลย”
พี่มันชี้ให้ดูบางส่วนด้านล่าง ผมตีต้นแขนพี่มันไปเบา ๆ ที
 
“อย่าเอามาอ้าง นี่มันธรรมชาติของผู้ชาย”
 
“อ้าว ของกายไม่เห็นจะขึ้นเลย”
 
“ขึ้นแต่ไม่ทุกวันแบบพี่”
 
พี่มันเลิกคิ้วสูงล้อเลียน ก่อนคลี่ยิ้มจนหวานหยด
 
มึงไม่ต้องมายิ้มหล่อใส่กูเลย แค่นี้กูก็หลงมึงจะแย่อยู่แล้ว
 
พี่มันหันไปหยิบมือถือมายื่นให้
 
“โทรบอกแม่ บอกพ่อ บอกไอ้เต้ย ไอ้กิ๊ฟ ไอ้เป้ ไอ้โอม พี่เชนและทุกคนให้ครบว่าเราปลอดภัยแล้ว ส่วนว่าหายไปไหน ก็แล้วแต่ว่าจะเล่าไม่เล่า บอกพวกเขาว่านายปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง”
 
ผมพยักหน้า รับมือถือมากดหาทีละคน
 
แม่นี่แทบจะร้องไห้ ถามใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็บอกไปว่ายังไม่พร้อมจะเล่าให้ฟัง พร้อมเมื่อไหร่จะเล่าทันที แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว และอยู่กับพี่เอก แม่ก็เบาใจ ไอ้เต้ยก็ห่วงใหญ่ ส่วนพี่เชนก็ตามสไตล์ฮะ พ่อติดต่อไม่ได้ สงสัยจะเดินทางไปต่างประเทศ แล้วก็สามทโมนด้วย
 
เชื่อกันรึเปล่า แค่โทรรายงานทุกคนว่าผมปลอดภัยแล้ว ยังใช้เวลาเกือบชั่วโมง แต่ละคนก็ใช่ว่าจะกดรับ แล้ววาง แต่ถามถึงสาเหตุที่มาที่ไป และอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง

แต่ผมก็รู้ว่าทุกคนกำลังเป็นห่วง
 
ผมเหลือบตามองพี่เอกที่เดินตัวหอมฉุยออกมาจากห้องน้ำ พี่แกคงเห็นว่าอีกนานกว่าผมจะรายงานทุกคนหมด ถึงได้เข้าไปอาบน้ำก่อน แล้วเดินหล่อออกมาแบบนี้ ส่วนผมหยิบเสื้อเชิ้ตตัวเดิมของพี่มันมาใส่กันโป๊ นั่งคุยโทรศัพท์อยู่ข้างเตียง
 
“พี่ไปทำกับข้าวรอนะ”
พี่มันก้มจูบขมับผมเบา ๆ เดินออกจากห้องนอนไป
 
ตอนนี้ผมคุยอยู่กับพี่โอ๊คครับ
 
“พี่ตกใจหมดเลยรู้ไหม”
 
“ขอโทษฮะ”
พี่โอ๊คจะเป็นคนเดียวที่ไม่เคยถามผมถึงสาเหตุเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ครั้งนี้ เป็นผมเองที่อยากจะเล่าให้พี่แกฟังเอง
 
“ผมถูกพี่อาร์ต เอ่อ… น้องชายของพี่เอก ลากไปปล้ำ” ใช้คำว่า “ข่มขืน” มันฟังดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ คำว่าปล้ำ น่าจะดูซอฟกว่าเยอะ
 
ปลายทางเงียบไปนาน ผมเริ่มใจเสีย

หรือพี่เขาจะรังเกียจ

ไม่ใช่สิ พี่โอ๊คไม่ได้เป็นคนแบบนั้นนี่นา
 
“ขอโทษนะ”
คำพี่มันพาเอาผมขมวดคิ้วเลย
 
“ไม่ใช่ความผิดของพี่ซะหน่อย”
เกี่ยวอะไร ทำไมต้องมาขอโทษด้วย
 
“กายลืมแล้วรึไง ว่าพี่ก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบกายเหมือนกัน”
 
ผมนั่งอึ้ง
 
จริงสินะ เพราะเจอเรื่องยุ่ง ๆ หลายเรื่อง เลยลืมเรื่องที่พี่มันเคยบอกว่าชอบผมไปเลย
 
“พี่ชอบผมอย่างน้องหรือมากกว่านั้น”
 ผมกลั้นใจถามออกไปตรง ๆ เพราะความชอบในวันนั้น อาจจะแค่พี่ชายชอบน้องชาย อยากดูแลและปกป้องแบบที่พี่เป้รู้สึกกับผมก็ได้
 
“กาย…ถ้าพี่ควบคุมตัวเองไม่ได้ บางทีพี่อาจจะทำเหมือนที่อาร์ตทำกับกายก็ได้นะ”
 
ผมนั่งเงียบไปนาน
 
พี่โอ๊คเนี่ยนะ
 
“พี่โอ๊ค ผมเป็นผู้ชายนะ”
 
“กาย..ไอ้เอกมันก็เป็นผู้ชาย ไอ้อาร์ตมันก็ผู้ชาย ตอนนี้เพศมันไม่มีผลกับความรู้สึกแล้วนะ”
 
ผมนั่งฟังอึ้ง ๆ ไปอีกรอบ
 
“แต่ผม..”
 
“รักไอ้เอกมัน” พี่โอ๊คต่อคำพูดที่ขาดหายไปของผม “ตอนนี้พี่ก็เหมือนไอ้เป้มันแล้ว หลงรักคนที่ไม่ควรจะรัก แต่มันก็ห้ามความรู้สึกกันไม่ได้ ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งได้มอง ยิ่งรู้สึกรักเข้าไปใหญ่”
 
ผมนั่งอึ้งฟังสิ่งที่พี่โอ๊คบอก
 
“พี่ไม่รับปากว่าพี่จะตัดใจจากกายได้ไหม พี่ไม่มั่นใจในความรู้สึกตัวเอง พอ ๆ กับไม่มั่นใจว่าไอ้เอกมันจะดูแลกายได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า พี่จะไม่แย่งกายมาจากเอก แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง มันเกิดบกพร่องในหน้าที่ขึ้นมา พี่จะรีบดึงกายมาไว้กับตัวทันที”
 
ผมได้แต่นั่งอึ้ง ฟังสิ่งที่พี่แกพูดต่อ
 
“อย่าคิดมากล่ะ พี่ก็แค่ชอบกาย ความรู้สึกนี้ บางทีสักวันมันคงหายไปเอง”
 
ถ้ามันง่ายขนาดนั้น พี่เป้คงไม่มานั่งทุกข์ใจขนาดนี้หรอก
 
“ผมขอโทษนะฮะ”
ผมไม่รู้ว่าอะไรในตัวผม ที่ทำให้พี่แกชอบ ผมไม่ได้แสดงท่าทีหรือทำอะไรที่ให้ความหวังเลยสักนิด
 
“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ”
ผมยิ้มกับมือถือ ก่อนจะได้ยินสายเรียกซ้อน ผมลดมือถือลงมาดูหน้าจอ
พ่อฮะ
 
“พี่โอ๊คแค่นี้ก่อนนะ พ่อโทรมาพอดี”
ผมรีบบอก พี่โอ๊คบอกลาสั้น ๆ ผมรีบกดตัดสายแล้วกดรับสายซ้อนทันที
 
“ป๋า!”
ผมเรียกด้วยความคิดถึง อยากให้พ่อมาอยู่ด้วยตอนนี้จัง
 
“เอกเขาอยู่ห้อง 1906 ใช่ไหมลูก”
 
“ครับ”
 
“งั้นมาเปิดประตูให้พ่อที”
 
ผมหันขวับไปมองทางหน้าประตู ดีดตัววิ่งลิ่ว ๆ ผ่านประตูห้องนอน วิ่งผ่านพี่เอกที่กำลังถือจานไส้กรอกมาวางไว้บนโต๊ะอาหารไปที่หน้าประตูห้อง
 
ผมเปิดประตูออกผัวะ ถลาตัวกอดหมับที่เอวของคนที่ยืนอยู่หน้าห้องทันที ผมร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใคร พ่อลูบหัวผมเบา ๆ ทั้ง ๆ ที่มือถือของพวกเรายังไม่กดตัดสาย
 
“พ่อ”
พี่เอกเดินมารับที่หน้าประตู พ่อค่อย ๆ ดันตัวผมกระดืบ ๆ กลับเข้ามาภายในห้อง ตอนนี้ขออ่อนแอชั่วคราวครับ
 
“พ่อรู้ได้ยังไง ว่าผมอยู่นี่”
ผมถามหลังจากตั้งสติได้
 
“จากแม่นั่นแหละ พ่อบินอยู่เลยปิดเครื่อง พอเปิดถึงได้เห็นเบอร์โทรมากมาย แล้วรีบโทรกลับถึงได้รู้เรื่องแล้วบึ่งรถมาที่นี่ก่อน”
 
ผมเพิ่งสังเกตว่าพ่อลากกระเป๋าเดินทางมาด้วยใบหนึ่ง ผมซบอกพ่อใหญ่ พี่เอกเชิญพ่อให้ไปนั่งบนโซฟาแล้วหาน้ำหาท่ามาให้
 
“พ่อไปไหนมา”
ผมถามอู้อี้
 
“ออสเตรเลีย”
ผมเป็นเด็กไม่ดีเลย ทำให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วง

พ่อดันตัวผมออกห่าง สำรวจไปทั่วทั้งตัว
 
“ปลอดภัยดีนะ”
 
ผมพยักหน้า
 
“พร้อมจะเล่าให้พ่อฟัง หรือเอาไว้วันหลัง”
 
ผมชั่งใจนิดหนึ่ง
 
“นายคุยกับพ่อไปก่อนละกัน พี่จะไปทำกับข้าวต่อ”
พี่มันปลีกตัวเดินเข้าห้องครัวไป พ่อหันไปมอง ก่อนหันกลับมาทำหน้าทึ่ง ๆ
 
“โอ้ สามีลูกทำกับข้าวให้เหรอเนี่ย”
ผมนั่งหน้าร้อนผ่าว บรรยากาศเศร้าสลดเมื่อกี้หายไปเลย
 
“ฮ่ะ ๆ ๆ พ่อแซวเล่น ว่ามา”
พ่อตั้งท่า ขยับทำตัวสบาย ๆ ยกแก้วน้ำมาเตรียมจรดรินเข้าปาก
 
“ผมถูกลากไปปล้ำ”
 
เพล้ง!!!
 
พ่อทำแก้วน้ำตกพื้นทันที
 
“ใครวะ!!!”
พ่อผมมาดหลุด ผุดลุกขึ้นมาทำหน้าขึงขังเหมือนพ่อกำนันเตรียมวิ่งไปคว้าปืนมาเป่าไอ้คนที่มารังแกลูกสาวตัวเอง พี่เอกที่กำลังหั่นผักอยู่หันมามองตื่น ๆ ส่วนผมรีบจับพ่อให้นั่งลงเหมือนเดิม
 
“ใจเย็นป๋า ยังไม่โดน แค่เกือบจะ”
 
พ่อจ้องหน้าผมเขม็ง ทำท่าฟึดฟัด ทิ้งตัวลงนั่งเหมือนเดิม
 
“ใคร!”
พ่อถามเสียงเครียด ผมทำท่าอึดอัด
 
“น้องชายพี่เอก พี่อาร์ต”
ผมบอกไปตามตรง พ่อกำหมัดแน่น
 
“พ่อไปนั่งฝั่งนู้นก่อน ผมจะเก็บเศษแก้ว”
ผมรีบไล่พ่อให้ไปนั่งอีกด้าน เศษแก้วแตกกระจาย น้ำกระเซ็นไปทั่ว
 
“ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
พี่เอกเดินถือไม้กวาดกับที่ตักขยะมา 
 
กูชักไม่แน่ใจว่าพี่มันจะเป็นสามีหรือเมียกันแน่ พ่อคงคิดเหมือนผมแน่ ๆ เห็นมองใหญ่ พี่เอกเงยหน้ามาชี้นิ้วใส่หน้าผมทันที
 
“อย่าคิดว่าพี่เป็นผู้หญิงเชียวนะ แค่ทำความสะอาดห้อง ใคร ๆ ก็ทำเป็น”
 
ผมยิ้มแห้งให้แกไปที
 
“แสนรู้”
แอบหันไปพูดเสียงเบาไม่ให้พี่มันได้ยิน แต่พ่อได้ยินชัดแจ๋วจนขำตาม
 
“คือจริง ๆ ความผิดทุกอย่างมันเริ่มที่ผมนี่แหละ”
ผมเล่าต่อ พ่อหันมามองดี ๆ ตอนนี้เรานั่งหันหน้าเข้าหากันแล้ว
 
“พี่เอกเข้าออฟฟิศไปช่วยงานคุณพ่อโดยไม่ได้ปลุกผมก่อนไป พอตื่นขึ้นมา ผมก็เห็นพี่อาร์ตนั่งอยู่บนโซฟา แต่ตอนนั้นผมคิดว่าเป็นพี่เอก”
 
ผมมองตาพ่อนิดหนึ่ง
 
“คือพวกเขาหน้าตาเหมือนกันน่ะฮะ เหมือนกันอย่างกับแกะ ตอนนี้ผมก็ยังแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร เหมือนพวกทโมนนั่นแหละ”
 
พ่อพยักหน้าเข้าใจ ส่วนพี่เอกกลับไปยืนฟังอยู่ในครัว
 
“ผมกับพี่เอกมีเรื่องกันนิดหน่อยก่อนหน้านั้น ผมเห็นพี่เขานั่งนิ่ง ๆ เลยคิดว่ากำลังงอนผมอยู่ ผมเลยกะจะอ้อนให้พี่มันหายโกรธ ผมเลย เอ่อ… จูบพี่มันไป”
 
อายครับ อายมาก เล่าเรื่องอะไรเล่าได้ แต่ให้มาเล่าอะไรพรรค์นี้ ไม่ไหวจริง ๆ แต่ก็ต้องยอมข่มความอายเล่าต่อไป
 
“ตอนแรกพี่อาร์ตก็ขัดขืนอยู่หรอก แต่ผมคิดว่าพี่เขายังโกรธไม่หายเลยบังคับจูบไป แล้วผมก็มารู้ทีหลังว่าไม่ใช่ แต่ผมไม่รู้สาเหตุที่พี่อาร์ตลากผมไปปล้ำเมื่อวาน ผมไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น ที่ผมทำไปเพราะเข้าใจผิด”
ผมเล่าต่อ
 
พี่เอกเดินมาทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม
 
“มีอยู่สองสาเหตุ”
พี่มันเปิดปาก คราวนี้ผมกับพ่อหันไปมอง
 
“อันแรก พวกทโมนมันอยากทดสอบว่าใครรักพี่จริงหรือเปล่า เลยให้อาร์ตทดสอบผู้หญิงที่เข้าหาพี่ทุกคน ก็อย่างที่รู้ ๆ ส่วนมาก โดนอาร์ตเอาใจเข้าหน่อยก็ชิ่ง หรือไม่ก็เบื่อที่พี่ทำแต่งาน ทำตัวเย็นชา วันนั้นอาร์ตคิดว่ากายยั่วอาร์ต เหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ นั่นแหละ เลยจะทดสอบด้วย”
 
ผมกับพ่อจ้องพี่มันเขม็ง
 
“แต่อีกสาเหตุก็คือ…”
 
พวกเรานิ่งฟังอย่างตั้งใจ
 
“อาร์ตอาจจะชอบกายเข้าแล้วจริง ๆ”

ผมอ้าปากพะงาบ ๆ มันจะมาชอบผมทำม้ายยยย แล้วอะไรเป็นสาเหตุ
 
“สาเหตุก็มาจากพี่นี่แหละ”
มึงอ่านใจกูได้ใช่ไหม คิดอะไร รู้หมดเลย พี่มันหันมายิ้มพราวราวกับรู้ในสิ่งที่ผมกำลังคิด
 
“อย่างที่กายเห็น พวกเราสามคนหน้าตาราวกับฝาแฝด พอ ๆ กับทโมนนั่นแหละ คนนอกจะแยกไม่ออก ทำให้เกิดการเปรียบเทียบเกิดขึ้น ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม”
 
ผมนิ่งฟัง ไม่ต่างกับพ่อ
 
“พี่เป็นพี่ใหญ่ ทุกอย่างจึงเริ่มต้นที่พี่ก่อน มีอะไร ทุกคนก็จะเข้าหาพี่ก่อน พ่อกับแม่ก็ให้พี่ทำก่อน แล้วอาร์ตเขาก็เห็นพี่เป็นโมเดล อยากทำตาม อยากเป็นเหมือนอย่างบ้าง พี่ก็ผิดเองที่พูดว่าพวกอาร์ตเป็นเพียงตัวก๊อปปี้ แต่มันไม่ใช่ เพราะต่อให้เป็นแฝด เราก็มีชีวิตที่ต่างกัน”
 
“อาร์ตเดินตามรอยเท้าพี่มาตลอด จนพี่อยากให้น้องมีหนทางของตัวเองบ้าง นี่ก็เป็นอีกสาเหตุ ที่พี่แยกตัวออกมาอยู่คนเดียวเหมือนกัน”
 
ผมนั่งฟังไปเงียบ ๆ พ่อผ่อนลมหายใจเบา ๆ
 
“สำหรับเรื่องงาน อาร์ตทำได้ดีและพ่อก็ไว้ใจให้ดูแลรับผิดชอบ แต่ก็ยังให้พี่เป็นคนควบคุมเพราะยังไงก็เป็นพี่ใหญ่ อาร์ตเลยหาทางเป็นผู้นำในทุกเส้นทาง โดยเฉพาะเรื่องอื่น ๆ อย่างเรื่องเพื่อนหรือผู้หญิง”
 
ผมพยักหน้า
 
“งั้นที่เขาทำแบบนั้นกับผมเพื่อเอาชนะพี่”
ผมคาดเดา
 
พี่มันแหงนหน้าขึ้นมองเพดาน ถอนหายใจออกมาเบา ๆ
 
“ถ้ามันคิดแค่นั้นจริง ๆ พี่จะดีใจมาก มันจะเคลียร์ง่ายหน่อย แต่ถ้ามันคิดเกินเลยกว่านั้น แล้วชอบกายขึ้นมาจริง ๆ พี่คงแย่”
พี่มันบอกเสียงเครียด
 
“ไม่หรอก เขาคงไม่ชอบผมหรอก เจอกันแค่ไม่กี่ครั้งเอง”
 

“เริ่มรักมันใช้เวลากันที่ไหนกาย”
พี่มันโต้กลับ
 
ผมนั่งมองอึ้ง ๆ
 
“เมื่อวาน ถึงมันจะปล้ำกาย แต่ตามเนื้อตัวกายกลับไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายเลย กายต่อสู้รุนแรงขนาดนั้น คนแรงเยอะอย่างมันอดทนไม่ให้ทำร้ายกายกลับได้นี่ถือว่าสุดยอดแล้วนะ”
 
ผมนั่งอึ้งไปอีกระลอก ผมไม่ได้สังเกต ก็พี่มันเล่นจับกดจับกดนี่หว่า
 
“กาย พี่เตือนอะไรไว้อย่างนะ”
 
ผมจ้องหน้าพี่มันเขม็ง
 
“พวกเราหกคนพี่น้อง มักชอบอะไรที่เหมือน ๆ กัน”
 
ผมนั่งอึ้ง
 
“และโดยมาก ถ้าพี่ชอบอะไร พวกนั้นก็มักจะเอาความชอบของพี่เป็นบรรทัดฐานเสมอ”
 
ผมอึ้งรอบสอง
 
“มิน่าล่ะ พวกทโมนถึงได้ติดกายแจ”
คนออกความเห็นเป็นคนที่มีหนวดขึ้นครึ้มหน่อย ๆ ครับ
 
“แล้วตกลงเขาทำถึงขั้นไหน”
พ่อหันมาถามเสียงเครียด ผมหน้าร้อนขึ้นมาอีก
 
“ยังไม่ทันได้ทำอะไรฮะ พี่เอกไปช่วยไว้ได้ก่อน”
 
พ่อถอนหายใจโล่งอก
 
“ไม่เป็นไรนะลูก”
พ่อลูบหัวเบา ๆ
 
“ร่างกายน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่จิตใจคงผวาไปสักพัก”
อันนี้พี่เอกเป็นคนตอบ
 
“ยังไงก็ฝากน้องหน่อยละกัน”
พ่อหันไปฝากฝังกับพี่เอก พี่มันพยักหน้ารับ
 
“หิวข้าวแล้วล่ะ อาหารบนเครื่องไม่อร่อย”
พ่อผมเปลี่ยนเรื่องได้หน้าตาเฉย เงยหน้าทำท่าคิด พ่อมองไปยังพี่เอก ก่อนหันกลับมาทางผมแล้วยิ้มพราว
 
“ชวนแม่แกมากินด้วยสิ ตอนนี้คงนั่งก้นไม่ติดพื้นอยู่ที่บ้านคนเดียวแล้วมั้ง”
 
ชิ อยากเจอทำไมไม่ชวนเอง
 
“พ่อก็ชวนเองสิฮะ พ่อจีบแม่เองนะไม่ใช่ผม”
 
พ่อทำหน้าบู้บี้ แต่ก็ยอมล้วงหยิบมือถือขึ้นมากด ลุกขึ้นเดินเลี่ยงไปที่ริมระเบียง ผมอมยิ้มหันไปมองคนหล่อที่มองภาพเดียวกับผมอยู่เหมือนกัน
 
พี่มันหันมาลูบหัวผมเบา ๆ ที
 
“ไม่เป็นไรนะ”
 
“อืม”
 
พี่เอกลากผมไปยืนทำกับข้าวต่อด้วยกัน ทำส่วนของพ่อกับแม่เพิ่มด้วย
 
“รับรองได้ แม่แกต้องเหาะมาภายในยี่สิบนาทีนี้แน่ ๆ มา เดี๋ยวพ่อช่วยทำ”
พ่อทำท่าจะเดินเข้ามาช่วย แต่พี่เอกเบรกเอาไว้ก่อน
 
“ผมว่าพ่อกับกายไปอาบน้ำกันก่อนดีกว่า ที่เหลือผมจัดการเอง”
 
ผมมองหน้าพ่อเพื่อขอความเห็น จริง ๆ ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมก็ยังไม่ได้อาบน้ำ แถมยังใส่ชุดไม่เรียบร้อยอีกต่างหาก ส่วนพ่อก็เพิ่งเดินทางกลับ อาบน้ำจะได้สบายตัวขึ้น
 
ผมเดินนำพ่อเข้าห้องนอนไป
 
พออาบเสร็จสองพ่อลูกก็เดินตัวหอมฉุยออกมา แล้วเราก็ได้ยินเสียงรัวกดกริ่งหน้าห้อง พ่อรับหน้าที่ไปเปิดประตูให้ทันที
 
“คุณ!! ลูกอยู่ไหน”
เสียงร้อนรนนำมาก่อนเลย
 
“ผมอยู่นี่ ปลอดภัยดีครับแม่”
ผมเดินออกไปรับ แม่สวมกอดผมหมับ ดวงตาสีสวยแดงก่ำจนผมต้องชี้นิ้วใส่หน้า
 
“อย่าเป่าปี่นะ”
 
แม่รีบเบรกหน้าที่กำลังเบะ ๆ ลง
 
“กะ ก็แม่เป็น อึก..ห่วง อึก..กายนี่”
แต่เบรกไม่อยู่ครับ เขื่อนแตกแล้ว = =
 
ผมกับแม่จะต่างกันตรงนี้แหละ เวลาผมร้องไห้ ผมจะร้องไห้เงียบ ๆ แต่สำหรับแม่จะสะอึกสะอื้นจนตัวโยนเลย และตอนนี้ผมก็ต้องยืนปลอบโยนคนที่น้ำหูน้ำตาไหลพรากอยู่หน้าประตู
 
แม่ผมเป็นพวกเซนซิทีฟ ร้องไห้ง่ายครับ ดูหนังดูละครก็ร้องไห้ก่อนพระเอกนางเอกเสียอีก หรือไม่บางที นั่งแต่งนิยายไปร้องไห้ไปก็มี พอผมถาม ก็หันมาเล่า แล้วก็โวยวายใส่พระเอกนางเอก หรือตัวร้ายในเรื่องว่าทำให้เรื่องมันเศร้า ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนแต่งเองแท้ ๆ
 
แต่งเอง ร้องเอง ว่างั้น
 
“โอ๋ ๆ มามะ มาให้ผมกอดที”
พ่อตีเนียนเดินเข้าไปโอบหัวแม่ แม่ดิ้นพล่านเหมือนคนถูกน้ำร้อนลวก แต่พ่อก็ยังดึงดันเอามาซบอยู่นั่นแหละ
 
“นี่ ฉันจะคุยกับลูก ปล่อย!!”
 
“ลูกปลอดภัยน่าคุณ ให้สามีเขาปลอบไปเถอะ แต่คุณกำลังเสียใจอยู่ ต้องให้ผมเป็นคนปลอบสิ”
 
มุขพ่อฮะ
 
เริ่มจะโมเมว่าแม่เป็นเมียตัวเองแล้ว
 
“ยุ่ง”
แม่ว่าใส่เบา ๆ น้ำตาเริ่มหดแล้ว
 
พี่เอกหัวเราะใหญ่
 
“จะไปล้างหน้าก่อนไหมครับ”
พี่มันถาม แม่ส่ายหน้า รายนี้ไม่แต่งหน้าอยู่แล้ว
 
หน้าใสธรรมชาติสร้าง
 
“แต่คุณน่ะ หนวดครึ้มเชียว น่าจะโกนซะบ้างนะ”
แม่ท้วง พ่อทำหน้าเหรอหรา
 
“อ้าว คิดว่าคุณจะชอบซะอีก”
 
แม่อ้าปากค้าง แล้วก็หน้าแดงตามมา
 
แต่ก่อนพ่อหน้าเกลี้ยงฮะ เจ้าสำอาง แต่พักหลัง ๆ มานี่ เริ่มไว้เคราบาง ๆ เป็นไรสีอ่อน ๆ รอบริมฝีปาก เห็นแล้วบอกได้คำเดียว
 
หล่อสาด
(ไม่ใช่คำด่านะครับ หล่อสาด คล้ายสาดน้ำน่ะ - -)
 
“คะ ใครว่าฉันชอบ”
 
ฟังธงครับ
 
ท่าทางแบบนี้ แม่ผมชอบแน่ ๆ ผมเองก็เพิ่งรู้สเป็กแม่นะเนี่ย
 
“เอ้า ก็ผมเห็นคุณติดภาพพระเอกในดวงใจคุณไว้ในห้อง เห็นแล้วก็เดาเอาว่าน่าจะใช่”
 
“แล้วคุณมาเกี่ยวอะไรด้วย”
 
พ่อยิ้มหล่อจนเห็นฟันขาว
 
“เปล่า ผมก็แค่อยากหล่อขึ้นอีกหน่อยให้ใครแถวนี้ใจเต้นเล่นแค่นั้นแหละ”
 
แล้วผมคิดว่าน่าจะได้ผลนะฮะ เพราะแม่ยืนหน้าแดงใหญ่เลย

ผมหันไปมองพี่เอกบ้าง รายนี้ถ้าไว้เคราบ้างจะเป็นยังไงน้า
 
“ไม่ต้องมามอง พี่ไม่ไว้ให้หรอก”
 
“ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”
ผมเสหน้าไปทางอื่น
 
รู้ใจกูจริงวุ้ย
 
“อืม แต่ไว้บ้างก็ดีเนอะป๋า เพราะเคยได้ข่าวมาว่าเวลาไซ้ซอกคอ มันจะทำให้จักจี้หน่อย ๆ”
พี่มันหันไปเกาคางคาดเดา
 
“แน่นอน”
พ่อยืนยัน
 
ผมกับแม่พากันยืนหน้าแดง
 
ใครก็ได้ ช่วยพาผู้ชายสองคนนี้ ออกไปจากห้องที
 
 

 
To be Con....             
มีความมุ้งมิ้ง >////<
ใครอ่านอยู่ รายงานตัวหน่อยค่าาา \\^3^//
 



แจ้งข่าววววค่าา
วันที่ 13-24 ต.คนี้ ไปหาซื้อหนังสือของ Memew กันได้ที่ร้าน B2S กับ Hermit ที่งานสัปดาห์หนังสือ ณ ศูนย์ประชุมสิริกิตติ์ คนเขียนเอานิยายไปลง 5 เรื่อง , Brother พี่ตัวร้ายกับนายตัวดี (250.-), Try Love รักครับ ขอจีบได้ไหมครับอาจารย์ (350.-), Hate Love ทาสแค้น (1,300.-), Kiss love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ (1,500.-), Boyfriends (300.- )
เสียดายปกนาคินทร์อนุชาเสร็จไม่ทัน เลยอดไปงานนี้ด้วย

วันอาทิตย์ที่ 16 คนเขียนจะชูแวบไปแจกลายเซ็นที่บูธ B2S ไปเจอกันได้นะคะ ^^

เลิฟ ๆ


หนังสือ&e-bookเรื่องนี้ : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162
หัวข้อ: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.64 กำลังใจเต็มห้อง [20-10-59] [เอก...☼] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 17-10-2016 17:58:13
64 กำลังใจเต็มห้อง...[เอก...☼]



           
ผมนั่งมองไอ้ตัวเล็กที่ถูกพ่อกับแม่เอาใจซ้ายขวา ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเด็กที่ถูกเอาใจมากมายขนาดนี้ แต่กลับไม่มีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ซึ่งต่างกับผม ที่เป็นลูกชายคนโต ถูกพ่อแม่หล่อหลอมให้เป็นพี่ใหญ่ที่เสียสละให้น้อง ๆ แต่ผมกลับกลายเป็นพี่ที่เอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ มีน้องก็เหมือนมีข้าทาสบริวาร เอาไว้ใช้งานและสร้างความสุขให้ตัวเอง จนบางครั้ง ผมยังแอบคิด ว่าสิ่งที่คนเชื่อถือกันมา อาจไม่เป็นจริงเสมอไปก็ได้
 
“กินเยอะ ๆ นะลูก”
แม่ตักผัดผักให้ ไอ้ตัวเล็กก็ตักต้นหอมให้บ้าง แต่เป็นจังหวะเดียวกับที่พ่อตักให้แม่เหมือนกัน ตอนนี้แม่เลยมีต้นหอมอยู่ในจานสองต้น
 
ผมนั่งขำตอนแม่หน้าแดงเรื่อ รวบต้นหอมสองต้นเข้าปากพร้อมกัน
 
“นี่ของพ่อ กินเยอะ ๆ จะได้แข็งแรง”
มันตักน่องไก่ให้พ่อชิ้นหนึ่ง
 
ผมมองยิ้ม ๆ มันยังคงดูแลคนอื่นได้เป็นธรรมชาติเหมือนเดิม
 
“นี่ของพี่เอก”
 
ผมมองหน้ามัน ก่อนก้มมองไส้กรอกแปลกหน้าในจาน
 
“ขอบใจ”
ผมพูดสั้น ๆ ตักไส้กรอกอันเมื่อกี้กินบ้าง
 
อร่อยครับ อาหารมื้อนี้
 
หลังจากผ่านเรื่องราวที่ทำร้ายจิตใจมันมา ครอบครัวที่โอบล้อมไปด้วยความรักและความอบอุ่นแบบนี้ คงจะช่วยเยียวยาจิตใจมันได้บ้าง
 


 
ตอนนี้พ่อกับแม่นั่งเล่นดูรายการทีวีอยู่กับไอ้ตัวเล็ก ผมโทรสั่งให้แม่บ้านซื้อผลไม้มาให้ แล้วผมก็นำมันไปวางไว้บนโต๊ะให้สามพ่อแม่ลูกทาน แล้วผมก็ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ไอ้ตัวเล็กมันนั่นแหละ
 
“นี่กาย พ่ออยากให้กายไปช่วยพ่อแต่งออฟฟิศใหม่หน่อยได้ไหมลูก”
พ่อหันมาถาม
 
ไอ้ตัวเล็กพยักหน้ารับ เอื้อมหยิบองุ่นลูกหนึ่งมากิน ก่อนเด็ดอีกลูกมาป้อนผมทั้งที่ตายังมองรายการทีวีตรงหน้าอยู่ ผมก้มมองสิ่งนั้น ก่อนอ้าปากงับเบา ๆ เข้าปาก
 
คุณรู้แล้วใช่ไหม ว่าทำไมผมถึงได้มีความสุขเวลาที่ได้อยู่กับมัน
 
มันไม่ได้ออดอ้อนออเซาะตลอดเวลา หรือทำตัวหวานเจี๊ยบจนดูโอเวอร์ แต่ทุกอย่างที่มันทำ มันทำอย่างเป็นธรรมชาติ ออดอ้อนเล็ก ๆ แอบหวานเล็ก ๆ
 
มันเด็ดองุ่นมาป้อนผมอีกรอบ ผมงับนิ้วมันไว้ ไล้ปลายลิ้นใส่นิ้วมันเบา ๆ มันหันขวับมามอง ผมยิ้มพราว ไม่ปล่อยให้นิ้วมันเป็นอิสระ มันอ้าปากนิด ๆ หรี่ตาลงหน่อย ๆ
 
แม่เจ้าโว้ย!!
ท่าเจ็บมึงก็ยังเซ็กซี่ได้อีกเนอะ ไม่ติดว่ามีพ่อกับแม่อยู่ มึงโดนกูสวนแน่
 
ได้ยินเสียงกริ่งหน้าห้อง ผมปล่อยนิ้วมันลง ลุกจากโซฟาเดินไปเปิด
 
“พี่เอก!! กายล่ะ”
ไอ้เต้ยครับ ส่วนด้านหลังเป็นไอ้เป้ ผมเปิดประตูออกกว้างให้พวกมันเข้ามา
 
“กาย!!”
ไอ้เต้ยวิ่งไปกอดคอเพื่อนมันทันทีด้วยความเป็นห่วง ส่วนไอ้เป้ก็เดินไปทักทายพ่อแม่
 
“กูเป็นห่วงมึงแทบตาย เกิดอะไรขึ้น บอกกูมาดิ”
 
“เอาไว้เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังทีหลัง”
ไอ้ตัวเล็กมันเลี่ยง
 
ไอ้เป้หันมามองผม ผมเลยเดินพามันไปยืนคุยกันในครัว แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟัง
 
“ยังดีที่มันไม่ทำอะไรมากไปกว่านี้ ไม่งั้นมึงกับมันโดนกูต่อยยับแน่”
 
ผมมองหน้ามัน
 
“ต่อยมันก็ถูก แต่กูเกี่ยวไรด้วย”
 
“ข้อหาไม่ดูแลน้องกูให้ดี ๆ”
 
ดู ดู๊ ดูมันทำ ทำไมมันทำกับผมได้
 
“เอ้อ กูผิด ครั้งหน้ากูจะหาซื้อโซ่มาล่ามมันไว้กับตัวเลย คอยดู”
 
“หึ ๆ”
มันหัวเราะเบา ๆ
 
ผมหันไปมองไอ้เต้ยที่กำลังกอดคอไอ้ตัวเล็กอยู่
 
“กูไม่อยากจะคิดลึกนะ แต่ปกติน้องมึงชอบนัวเนียคนแบบนี้ตลอดเลยเหรอวะ”
 
มันพยักหน้า
 
“เพราะชอบมานัวเนียกูแบบนี้แหละ ของกูเลยตั้ง แล้วก็อย่างที่เห็น”
 
“สรุปร่างกายมึงมีปฏิกิริยาก่อน”
 
“ไม่แน่ใจแฮะ” มันทำหน้ากึ่งรับกึ่งสู้
 
ผมยิ้ม
 
“เอาน่าผู้ชายก็งี้แหละ”
ผมกับมันทำหน้าตื่นแทบจะพร้อมกันตอนไอ้เต้ยกระซิบบางอย่างข้างหูไอ้ตัวเล็ก มันใกล้ครับ ใกล้เอามาก ๆ จนดูเหมือนพวกมันกำลังไซ้คอไซ้หูกันอยู่ (มุมกล้องครับ มุมกล้อง)
 
“เอาน่า”
ผมตบไหล่มันแปะ ๆ ยังไม่ทันที่ผมจะหาที่นั่งให้ไอ้เป้ ก็ได้ยินเสียงกริ่งหน้าประตูอีกที ผมรีบเดินไปเปิด
 
“เอ้ย กายเป็นไงบ้างวะ โดนไอ้อาร์ตกับมึงฟัดลุกออกจากเตียงได้รึยัง”
ไอ้มอปากหมามันทักก่อนเป็นคนแรก พอประตูเปิดออกกว้าง ห้องผมแทบแคบไปทันทีด้วยจำนวนคนที่หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย
 
ไอ้มอ ไอ้โอม ไอ้กิ๊ฟ ไอ้สาว ไอ้อ้อย อิง ปิง มากันเกือบครบ
 
“มาทำไมกันเยอะแยะวะ”
ผมเริ่มบ่น
 
“ไอ้เชี่ย กูก็เป็นห่วงน้องกูเหมือนกัน”
ไอ้กิ๊ฟมันรีบเดินเข้าไปหาไอ้ตัวเล็กที่เดินออกมารับเหมือนกัน
 
“ไม่เป็นไรนะ”
 
ไอ้ตัวเล็กยิ้มรับ
 
“ผมปลอดภัยแล้วครับ”
 
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น”
ไอ้กิ๊ฟมันหันมาถาม ผมเลยยกหน้าที่เล่าเรื่องต่อให้ไอ้เป้มัน แล้วตัวเองก็เดินไปสั่งของกินมาเพิ่ม
 
เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้นมาอีกรอบ ผมกำลังจะเดินไปเปิด แต่ไอ้ตัวเล็กเบรกเอาไว้ก่อน
 
“ผมเปิดเองก็ได้พี่เอก”
แล้วมันก็วิ่งลิ่วตัดหน้าผมไปเปิด
 
เป็นไอ้โอ๊คครับ
 
เห็นมันยืนนิ่ง จ้องหน้าไอ้ตัวเล็กเขม็ง ก่อนจะก้าวเข้ามาภายในเหมือนคนอื่น ๆ นี่มันมาพร้อมกันแต่ขึ้นมาช้า หรือว่ามันมาคนละรอบกันแน่
 
อันนี้ผมไม่ได้ถาม เพราะปกติ ถ้ามีไอ้ปิงที่ไหนก็ต้องมีไอ้โอ๊คที่นั่น หรือพูดให้ถูก ถ้ามีไอ้โอ๊คที่ไหน ก็ต้องมีไอ้ปิงที่นั่น แต่เมื่อกี้ไอ้โอ๊คเพิ่งมา แล้วไอ้ปิงมาได้ไง
 
สับสนครับ แต่ผมไม่ได้สนใจจะถาม
 
“จะมีใครมาอีกไหมเนี่ย”
ผมพูดกับไอ้ตัวเล็กที่เดินมาช่วยผมถือของไปให้พวกที่มากินกัน
 
“คงไม่แล้วละมั้ง”
สิ้นเสียง ก็ได้ยินเสียงกริ่งอีกครั้งพร้อมประตูหน้าห้องที่ผมไม่ได้ล็อกไว้ก็เปิดออกผัวะ คราวนี้ทุกคนหันพรึบไปมอง
 
“พี่กายยยยยยย”
เดาสิครับ ใครเอ่ย…
 
ไม่รู้ว่าเสียงกับตัวอะไรมาถึงก่อนกัน พวกมันวิ่งมากอดเอวไอ้ตัวเล็กทันที จนมันเซแทบจะล้ม
 
“ปลอดภัยดีใช่ไหมคะ พวกเราแก้แค้นให้แล้วนะ”
 
“ใช่ ๆ อ้อนให้ขนมตุ๊บตั๊บพี่อาร์ตไปหลายทีเลย”
 
“เจ็บตรงไหนไหมคะ พี่มันทำอะไรสึกหรอแล้วรึยัง”
 
“ถามพี่มัน พี่มันไม่ยอมตอบเลย”
 
“ใช่ นอนหน้าช้ำอย่างเดียว”
 
ไอ้ตัวเล็กทำหน้าปูเลี่ยน
 
“เอ่อ พี่อาร์ตเป็นยังไงบ้าง”
 
ผมคิ้วขมวดเมื่อมันถามถึงไอ้อาร์ตด้วยความเป็นห่วง
 
“ช้ำค่ะ”
 
“ช้ำมาก ๆ”
 
“ด้วยฝีมือพี่เอกนั่นแหละ”
 
“คิดว่างานนี้คงนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปหลายวัน”
แล้วพวกมันสามคนก็พากันรายงานน้ำไหลไฟดับ
 
“กูขอต่อยมึงสักทีได้ไหมไอ้เอก”
ไอ้กิ๊ฟมันพูด ยืนหักข้อนิ้วกรอบแกรบตรงหน้า ผมถอยกรูดอัตโนมัติจนเพื่อน ๆ พากันหัวเราะ
 
“จะมาต่อยกูทำไม”
 
“พอดีมึงหน้าตาเหมือนไอ้อาร์ตว่ะ กูจะต่อยมึงแทนไอ้อาร์ตมัน”
มันง้างหมัดทำท่าจะต่อยผมจริง ๆ
 
“พี่กิ๊ฟ!!”
ไอ้ตัวเล็กที่ยืนคุยอยู่กับพวกทโมนรีบวิ่งเข้ามาห้ามไว้ มันไม่พูดอะไรต่อ แต่เอาตัวกันไว้เฉย ๆ

จริง ๆ แล้ว ผมไม่ได้กลัวหมัดของไอ้กิ๊ฟมากนักหรอก ถ้าจะหลบก็หลบได้
 
ผมยืนอึ้งที่มันเอาตัวเข้ามาบังไว้แบบนี้
 
“มึง…”
ไอ้กิ๊ฟชี้หน้าผม
 
“ชิ!”
แล้วมันก็สะบัดตัวเดินหนีไป
 
“ขอโทษนะฮะ”
ไอ้ตัวเล็กหันมามอง

ผมจ้องหน้ามันนิ่ง ๆ แล้วจับมือมันมาจูบที ตอนนี้ไม่มีใครสนใจผมกับมันแล้วครับ เพราะทุกคนหันไปฟังพวกทโมนเล่าถึงวีรกรรมยำไอ้อาร์ตกันหมด
 
“ขอบใจนะ”
ตัวมันเล็กกว่าผม แต่หัวใจมันใหญ่กว่าผมซะอีก
 
ผมดีใจที่มันปกป้องผม
 
มันเพียงแค่ยิ้มให้ผมเท่านั้น แล้วเราก็พากันไปนั่งฟังวีรกรรมสะท้านบ้านกันต่อ


_________________50%_____________________





 
 
ยุ่งวุ่นวายครับ
 
ป่วนกันสุด ๆ
 
พวกมันเล่นเดินร่อนไปทั่ว หยิบนู่นหยิบนี่มาดู นี่ถ้าไม่เกรงใจพ่อแม่มันคงหาเหล้ามากินกันแล้ว
 
“นี่ พ่อกับแม่ไปเที่ยวสวนผลไม้ของไอ้กิ๊ฟกันไหม”
ไอ้โอมมันชวนพ่อกับแม่
 
“อ้าว กูคิดว่าพวกมึงจะยกเลิกกันแล้วซะอีก เห็นเงียบ ๆ ไป”
 
“แล้วแต่รมณ์กู”
ไอ้เจ้าของสวนมันบอก
 
“ที่ไหน”
พ่อถาม
 
“นครสวรรค์ครับ จริง ๆ ไอ้กิ๊ฟมีสวนเยอะ หลายจังหวัด แต่ที่นครสวรรค์จะใหญ่สุด เป็นพัน ๆ ไร่แน่ะ พอดีพ่อกับแม่มันอยากให้กิ๊ฟพาลูกเขยไปแนะนำน่ะ”
มันรีบรายงานต่อ
 
พ่อกับแม่ทำท่าคิด
 
“เอาสิ พ่อไป คุณก็ต้องไปด้วย”
แล้วก็หันไปบังคับแม่ แม่กำลังจะท้วง
 
“เอาโน้ตบุ๊คไปด้วยก็ได้ นิยายแต่งที่ไหนก็ได้ไม่ใช่รึไง ลูกเพิ่งเจอเรื่องแย่ ๆ มานะ ให้เวลากับลูกหน่อยสิ”
ผมว่าพ่อกำลังหาเรื่องออกเดทกับแม่มากกว่า
 
ผมอมยิ้มขำเมื่อแม่เถียงไม่ออก
 
นิสัยแบบนี้ เหมือนใครวะ?
 
“ไปกันวันไหน”
ผมถาม
 
“ศุกร์หน้า”
 
ผมพยักหน้า แล้วทุกคนก็นั่งคุยกันสนุกสนาน เม้าท์แตกกันไป
 
“เออกาย นี่กูจะกลับไปทำงานต่อนะ มึงไปกับกูเปล่า”
ไอ้เต้ยมันหันไปชวนไอ้ตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน
 
“พี่กายทำเถอะ อ้อนจะได้ไปทำบ้าง”
ยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะตอบ สมุนน้อยของมันรีบอ้อนทันที
 
“เอ่อ...”
มันกำลังจะพูดต่อ พ่อรีบเสริมทันที
 
“จริงด้วย ทำเถอะ พ่อจะได้ไปช่วยบ้าง เวลาเลิกงานมาเครียด ๆ ไปทำแล้วสนุกดี”
 
“ชิ จะได้เจอสาว ๆ มากกว่าล่ะสิ”
แม่เหน็บเบา ๆ
 
พ่อยิ้ม แล้วหันมากระซิบให้พวกเราได้ยิน
 
“อยากเห็นแม่ใส่ชุดพนักงานเสิร์ฟอีกน่ะ”
 
พวกเราถึงบางอ้อทันที

พ่อแผนสูง
 
สรุป ไอ้ตัวเล็กก็ต้องไปทำ

ผมได้แต่ส่ายหน้า ผมว่า น่าจะเปิดร้านกาแฟสักร้าน ไว้ให้พวกน้อง ๆ ได้วิ่งเล่นกันจริง ๆ จัง ๆ ซะละมั้ง
 
ผมหันไปมองไอ้เป้ ถามมันทางสายตา มันได้แต่ส่ายหัว คงห้ามไม่อยู่ล่ะสิ
 
หลังจากพายุวุ่นวายหมดไป พ่อกับแม่ก็พาไอ้ตัวเล็กกลับบ้าน ทิ้งผมให้อยู่คนเดียวเพียงลำพัง แต่ผมตัดสินใจที่จะกลับบ้านเหมือนกัน
 
เพื่อไปเยี่ยมใครบางคน
 
“พี่เอกกกกกก คิดว่าจะไม่เข้าบ้านซะอีก”
พวกทโมนวิ่งออกมารับ ซึ่งลุงสนรับกลับมาก่อนหน้าผมไม่นาน
 
“อาร์ตล่ะ”
ผมถามหาไอ้น้องตัวดีทันที
 
“นอนซมค่ะ โดนหมัดพี่ไป ยังไม่ฟื้นเลย”
 
ผมถอนหายใจแรง ถึงยังไงมันก็เป็นน้องเป็นนุ่งล่ะนะ ผมคงไม่ใจร้ายทิ้งมันได้ลงคอหรอก ผมเดินขึ้นห้อง ก็เห็นมันนอนหลับอยู่ สภาพแทบดูไม่ได้ ช้ำไปทั้งหน้า พ่อกับแม่มาเห็นจะคิดยังไงเนี่ย
 
แต่มันเจ็บแค่นี้ คงเทียบไม่ได้ หากสิ่งที่มันทำกับกายนั้นสำเร็จ ผมนั่งลงข้างคนหลับ ลูบหัวมันเบา ๆ อย่างที่ผมเคยทำ
 
“ผมคงไม่มีทางเป็นอย่างพี่ได้แน่ ๆ”
แม้ดวงตาจะปิดสนิท แต่ปากมันขยับพูดเบา ๆ ผมชะงักมือไว้ มันค่อย ๆ ลืมตา ตัวมันร้อนน่าดู
 
“ตามหมอกันรึยัง มีไข้แน่ะ”
ผมหันไปบอกสามทโมน พวกมันรีบวิ่งจู๊ดไปตามหมอทันที
 
“คิดว่าจะมาต่อยผมซ้ำซะอีก”
 
“พี่ทำโทษนายมาเยอะแล้วนะ ที่เหลือ ขึ้นอยู่กับว่านายจะสำนึกหรือไม่สำนึก”
ผมพูดเรียบ ๆ มันหัวเราะหึ
 
“ให้ผมพยายามยังไง ก็ไม่มีทางเอาชนะพี่ได้เลยซินะ”
 
“ทำไมต้องเอาชนะพี่ด้วย”
 
“ก็ผมอยากเก่ง”
 
“นายเก่งอยู่แล้วนะอาร์ต เก่งในรูปแบบของนาย ไม่ต้องพยายามมากมายให้เหน็ดเหนื่อยหรอก ทำเท่าที่ทำได้ เป็นนายเองนั่นแหละดีแล้ว”
ผมบอก
“ไม่งั้นนายจะไม่มีทางมีความสุขเด็ดขาด”
 
มันไม่พูดอะไรโต้ตอบ
 
จริง ๆ ผมกับมันไม่เคยคุยกันแบบเปิดอกแบบนี้หรอก ผมเพียงแต่ไกด์มันด้วยการกระทำ แต่เมื่อสอนอ้อม ๆ ไม่ได้ความก็ต้องพูดกันตรง ๆ แบบนี้แหละ
 
“ในโลกนี้มีคนแย่ ๆ แบบพี่คนเดียวก็พอแล้วอาร์ต เก็บนิสัยดี ๆ ของนายไว้ดีกว่า อย่ามาทำตัวเป็นคนเลวแบบพี่เลย”
 
มันมองตาผม
 
“ผมเลวกว่าพี่อีก”
 
“นั่นเพราะนายพยายามทำตัวให้เหนือกว่าพี่ยังไงล่ะ”
 
มันนอนอึ้งรับฟัง
 
“พี่ดีหนึ่ง นายก็อยากจะทำให้ได้สอง ถ้าพี่เลวหนึ่ง นายก็อยากจะทำให้ได้สาม”
 
มันนอนฟังอึ้ง ๆ ยิ่งกว่าเดิม
 
“พี่อยู่กับนายมาตั้งแต่เกิดพี่รู้นิสัยนายดีนะอาร์ต”
 
มันยังนอนนิ่ง
 
“แล้วกายเป็นยังไงบ้าง”
ก่อนเปรยถามไปเรื่องอื่น
 
“ไม่ต้องห่วงหรอก รายนั้นกำลังใจดี มีแต่คนมาให้กำลังใจล้นบ้าน เพิ่งไล่กลับไปก่อนมานี่แหละ
 
“ขอโทษ”
 
ผมถอนหายใจเบา ๆ
 
 “อาร์ต…”
ผมเรียกสั้น ๆ มันเหลือบตามอง
 
“นายชอบกายเขาจริง ๆ รึเปล่า”
 
มันเงียบไปพักก่อนตอบ
 
“เปล่า”
 
ผมพยายามมองหาความหมายที่แท้จริงจากคำปฏิเสธนั้น
 
“ที่พี่ถาม เพราะพี่อยากให้แน่ใจ ถ้าไม่ชอบก็แล้วไป หยุดทุกการกระทำลงซะ คนอื่นพี่ไม่ว่า แต่คนนี้พี่ขอ เพราะพี่รักกายเขาจริง ๆ”
 
มันมองผมนิ่ง ๆ
 
“แต่ถ้านายเกิดความรู้สึกดี ๆ ละก็ ให้รีบตัดใจ เพราะพี่ไม่อยากให้นายทรมานเหมือนเพื่อนพี่บางคน เพราะพี่คงไม่ยอมยกให้เหมือนคนอื่นที่ผ่านมาแน่ ๆ”
ผมบอกแค่นั้น ลุกเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้คนป่วย ได้นอนพักผ่อนและคิดทบทวนอะไรคนเดียวต่อไป



 
 
“พี่เอกใจดีจัง”
ไหล่ซ้ายผมโดนจองแล้วครับ
 
“นั่นน่ะสิ ใจดี้ใจดี”
ไหล่ขวาก็เช่นกัน
 
“หล่อก็หล่อ เท่ก็เท่ ใจดีก็ใจดี”
แล้วตักผมก็ถูกจับจองเรียบร้อย
 
“จะเอาอะไรว่ามา”
 
“เปล่าน้า”
 
“แต่พวกเราเป็นห่วงพี่กาย”
 
“แค่นั้นเอง”
 
“กายเขาไม่เป็นไรหรอก ถึงยังไงก็เป็นผู้ชาย และเขาก็เป็นคนเข้มแข็งพอตัว แล้วนี่ พ่อกับแม่รู้เรื่องรึยัง”
 
“รู้แล้วค่ะ แต่ท่านไม่พูดอะไร บอกว่ารอให้พี่เอกมาจัดการเอาเอง”
 
ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ เพราะพ่อกับแม่ไว้ใจผมมากอย่างนี้แหละ น้อง ๆ เลยยกให้เป็นไอดอล จนบางที ถ้าไอดอลทำผิด ก็กลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีได้เหมือนกัน


 
 
ผมออกมาเดินเล่นในสวนหน้าบ้าน แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เห็นเพียงดวงจันทร์เว้าแหว่งท่ามกลางท้องฟ้าสีมืด ผมหยิบมือถือขึ้นมากดหาใครบางคน
 
“พี่เอก”
ปลายสายตอบรับ
 
“ทำอะไรอยู่”
 
ปลายสายเงียบไปนาน กว่าผมจะได้รับคำตอบ
 
“คิดถึงพี่เอกอยู่”
 
ผมนิ่งครับ นิ่งไปนานเอามาก ๆ
 
มึงจะทำให้กูรักกูหลงไปถึงไหนวะ
 
“แล้วนอกจากคิดถึงพี่ล่ะ”
ผมถามต่อ
 
“ดูพระจันทร์”
 
ผมหัวเราะ แหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์เหมือนกัน
 
“พี่ฝากมันไปบอกกายแล้ว ว่าพี่คิดถึงกายเหมือนกัน”
ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ กลับมา คาดว่าน่าจะยังอึ้งอยู่
 
“พี่ทำอะไรอยู่”
 
“มองพระจันทร์อยู่ และถ้าให้เดา มันน่าจะเป็นดวงเดียวกับที่กายมองอยู่ด้วย”
ผมว่าถ้ามันอยู่ตรงนี้ มันคงส่งค้อนมาให้ผมอันใหญ่
 
ผมยืนคุยอยู่กับมันร่วมสามสิบนาที ก่อนที่ผมจะส่งมันเข้านอน ผมแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ใบหน้ายิ้มแย้มฉายชัดผ่านดวงจันทร์สีเหลืองอร่าม
 
ยิ่งรู้จักมันมากเท่าไหร่ หัวใจผมยิ่งเป็นสุขมากขึ้นเท่านั้น


To Be Con....
:กอด1: #อ่านอยู่เม้นท์โหน่ยย
.
.
.
.
.
เจอกันได้ที่งานสัปดาห์หนังสือบูธ B2S กับ Hermit นะคะ ^^
หนังสือ&ebook http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.64 กำลังใจเต็มห้อง [p.16 17-10-59] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 17-10-2016 18:06:50
มาต่อแล้ววววววว ยังไงก็รอนะคะ เข้ามารอทุกวันเลย 555555
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.64 กำลังใจเต็มห้อง [p.16 17-10-59] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 17-10-2016 18:14:17
กายน่ารัก  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.64 กำลังใจเต็มห้อง [p.16 17-10-59] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 18-10-2016 19:15:13
อ่านรอบที่3แล้วค่ะ^^
อ่านที่นี่ความรู้สึกต่อเนื่องอ่านเพลินไปยาวๆดีค่ะ  :katai2-1:
รออ่านต่ออยู่นะคะขอบคุณมากๆค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.64 กำลังใจเต็มห้อง [p.16 17-10-59] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-10-2016 22:19:57
กาย เป็นที่รักของทุกคน  :mew1: :mew1: :mew1:
เลยพากันมาหาให้เห็นกับตา ว่ากายปลอดภัย
พี่เป้ เต้ย จะจบกันอย่างไรนะ
อือ....เป้รักเต้ย เกินห้ามใจ
เพราะเต้ยชอบนัวเนีย สกินชิพ นี่เอง
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.64 กำลังใจเต็มห้อง [p.23 D.20-10-59] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 21-10-2016 17:40:29
 :mc3: :mc3: เย่ๆมาต่อแล้ววววว คิกถึงกายมากๆ ขวัญเอ๊ย ขวัญมานะลูกนะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.64 กำลังใจเต็มห้อง [p.23 D.20-10-59] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-10-2016 19:03:47
กาย พูดกับพี่เอก ได้ยอดเยี่ยมมาก
"ผมรู้ว่าพี่เป็นพวกมีความต้องการสูง แต่ให้เวลาและเห็นใจผมบ้าง เราอยู่ด้วยกันเพื่อมีความสุข ถ้าพี่มีความสุขอยู่คนเดียว แล้วผมทุกข์ เราก็จะอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน แต่ถ้าผมมีความสุขแล้วพี่ทุกข์ ผมก็คงจะอยู่อย่างเป็นสุขไม่ได้ ตอนที่ผมอ่านหนังสือ ผมอยากให้พี่ลองหากิจกรรมอย่างอื่นทำ อย่างอ่านหนังสือ เล่นเกม ดูหนังหรือฟังเพลงก็ได้ จะได้ไม่ต้องมานั่งรอแบบนี้”

พี่เอก สอนน้องดีจริงๆ
"นายเก่งอยู่แล้วนะอาร์ต เก่งในรูปแบบของนาย ไม่ต้องพยายามมากมายให้เหน็ดเหนื่อยหรอก ทำเท่าที่ทำได้ เป็นนายเองนั่นแหละดีแล้ว” “ไม่งั้นนายจะไม่มีทางมีความสุขเด็ดขาด”
ไร้ท เก่งมากกกก   :mew1: :mew1: :mew1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.64 กำลังใจเต็มห้อง [p.23 D.20-10-59] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Midorima ที่ 22-10-2016 00:47:30
หาแบบกายได้ที่ไหนบ้างเนี่ยยยยยย น่ารักเกินไปแล้ว !!  :ling1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.64 กำลังใจเต็มห้อง [p.23 D.20-10-59] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: purpleguy ที่ 25-10-2016 21:24:02
 :L1: อ่านบอร์ดนี้ ผมว่าได้อารมณ์ดีนะ แต่ยังไม่เห็นมาอัพ เลยตามไปอ่านอีกบอร์ดหนึ่ง  ทำไมเนื้อหาบางส่วนถูกตัดอะครับ

รอให้มาต่อแบบไม่ต้องตัดครับ  :L1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ CH.64 กำลังใจเต็มห้อง [p.23 D.20-10-59] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 26-10-2016 03:50:34
รออ่านอยู่น่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 65 เข้าใจกันคนละทาง & สังเวียน [p.24 D.29-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 29-10-2016 12:43:14
65
เข้าใจกันคนละทาง...สังเวียน [กาย..♥]




และแล้วผมก็ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ผู้จัดการดีใจใหญ่ เพราะถ้ามีผมอยู่ นั่นหมายถึง จะมีเหล่าสมุนมากมายตามมาเป็นพรวน
 
โดยเฉพาะตัวดึงลูกค้าหลัก ๆ อย่างพี่เอก
 
“กาย มึงจำสูตรที่อาจารย์สอนให้ล่าสุดได้ไหม กูลืม”
ไอ้เต้ยเดินเข้ามาถาม ผมก็ท่องให้มันฟัง มันคงกลัวลืมอีก เลยหาปากกามาจดใส่ข้อพับ แล้วเดินทบทวนไปด้วยทำงานไปด้วย
 
จริง ๆ พรุ่งนี้พวกเรามีสอบ แต่ไม่ใช่วิชายากเย็นอะไร สอบช่วงเย็น ช่วงเช้าหรือบ่ายก็อ่านทัน ผมอ่านมาแล้วเลยไม่เดือดร้อน แต่ไอ้เต้ยมันยังไม่ได้อ่าน วันนี้มันเลยเร่งทบทวนนิดหนึ่ง
 
ลูกค้าโต๊ะเจ็ดลุกออกจากเก้าอี้ ไอ้เต้ยที่กำลังยืนท่องสูตรอยู่รีบเดินไปทางนั้นเพื่อเก็บโต๊ะ แต่มันเดินไปก้มหน้าทวนสูตรไป ในขณะที่อีกฝั่ง มีใครอีกคนกำลังเดินก้มหน้าทบทวนออเดอร์มาตามทางเช่นกัน ผมกำลังจะอ้าปากร้องเตือน
 
แต่ไม่ทันซะแล้ว
 
ไอ้เต้ยชนกับคนคนนั้นเข้าเต็ม ๆ จนเกือบจะล้ม ดีที่คนคนนั้นมือไว คว้าเอวมันไว้แล้วดึงเข้าไปไว้ในอ้อมแขน ผมถอนหายใจโล่งอก พอ ๆ กับคนที่กอดไอ้เต้ยไว้
 
“พี่เป้”
ไอ้เต้ยมันเรียกคนช่วย
 
“เดินระวัง ๆ หน่อย”
พี่แกบอกเรียบ ๆ คลายอ้อมแขนออกเดินจากไป
 
 ไอ้เต้ยมองตามแผ่นหลังกว้างจนลับสายตา ก่อนเลื่อนมือไปทาบอกซ้ายตัวเองไว้เบา ๆ เห็นมันทำหน้าแปลก ๆ ด้วย
 
คงจะโล่งอกที่พี่มันช่วยมันไว้ได้ทัน
 
ผมรีบเดินไปช่วยมันเก็บโต๊ะอีกแรง
 
 
 
 
 
 
 
 
ตอนนี้ผมกับไอ้เต้ยอยู่ในช่วงพักเบรกครับ เราสองคนมีขนมกับโกโก้ร้อนคนละแก้ว นั่งกินกันอยู่ในห้องเก็บของ
 
“นี่กาย มึงเคยรู้สึกหัวใจเต้นแรงแบบแปลก ๆ เวลาที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของใครบางคนบ้างไหม”
มันถาม
 
“เคย”
ผมตอบขณะใช้ช้อนตักเค้กเข้าปาก
 
“ใคร”
 
“พี่เอก”
 
มันนิ่งไป นิ่งไปนานเอามาก ๆ ก่อนจิ้มเค้กกินต่อ
 
“กับคนอื่นล่ะ”
 
“ไม่มี”
ผมบอกมันไปตรง ๆ มันหันมามอง
 
“เหรอ…งั้นกูคงแปลกสินะ”
มันเปรยเสียงเบา ผมทำสายตากรุ้มกริ่ม
 
“อ๊ะ ๆ ๆ มีใครมาทำให้หนุ่มเต้ยของเราใจเต้นแรงได้หว่า บอกมาซะดี ๆ บอกมา บอกมา บอกมา”
ผมจี้ แต่มันไม่ยอมตอบอะไร
 
“กาย มึงรักพี่เอกมากไหม”
แล้วมันก็ถามผมต่อ
 
อะไรวะ ไอ้นี่ กลบเกลื่อนนี่หว่า
 
“อืม”
ผมก้มหน้าตอบมันสั้น ๆ
 
มึงมาถามแบบนี้ กูก็อายนะเว้ยเฮ้ย
 
“แล้วมึงรักพี่เอกคนเดียวหรือเปล่า”
มันถามต่ออีก ผมขมวดคิ้วงุนงงไปกับคำถามมัน
 
“ก็คนเดียวน่ะสิ”
 
“เหรอ”
วันนี้มันเป็นอะไรของมัน ถามด้วยคำถามแปลก ๆ
 
ยังไม่ทันได้ซักอะไรมันต่อ พี่เป้ก็ตะโกนเรียกให้ผมไปช่วย ผมรีบวางช้อนลุกขึ้นปัดกางเกงทันที
 
“อีกชั่วโมงกว่า ๆ ก็เลิกงานแล้ว มึงอ่านหนังสือไปเถอะ ที่เหลือพวกกูจัดการเอง”

ผมบอกขณะจัดชุดให้เรียบร้อย มันพยักหน้าตอบรับ ทำหน้าเศร้า ๆ ใช้ช้อนเขี่ย ๆ ตักเค้กเข้าปาก  ผมก้าวออกจากห้องมา
 
ผมไม่รู้อารมณ์มันตอนนี้ แต่ภาวนาอย่างเดียว ขอให้มันอย่าทำให้พี่เป้รักมันมากไปกว่านี้ก็พอ
 
ผมช่วยพี่เป้เก็บโต๊ะ เมื่อกี้คงมีลูกค้ากลุ่มใหญ่เข้ามา เพราะแทบจะทุกโต๊ะมีแต่แก้วกับจานเปล่าเต็มไปหมด พี่เป้ถือถาดเปล่าไว้ ส่วนผมทำหน้าที่เก็บรวบแก้วเปล่าใส่ถาด ใช้สเปรย์ฆ่าเชื้อโรคฉีดพ่นไปทั่ว แล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ดอีกที ตรงกลางของทุกโต๊ะจะมีต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ใส่กระถางเอาไว้ น่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มไปอีกแบบ
 
ผมยกจานที่เหลือ เดินไปหลังร้านพร้อมพี่เป้ ระหว่างทางก็คิดถึงเรื่องไอ้เต้ยไปพลาง ๆ
 
หรือที่มันมีอาการแปลก ๆ เพราะมันกำลังหลงรักใครบางคนอยู่

ผมหันไปหาคนที่ฉาบหน้าเป็นปูนซีเมนต์ด้านข้าง
 
“พี่เป้ ผมว่าไอ้เต้ยกำลังหลงรักใครสักคนอยู่นะ”
 
ขายาวที่กำลังก้าวเดินชะงักค้าง ผมหยุดเดินตาม หันไปมอง หน้าพี่เป้ดูซีดไปถนัดตา
 
“ขะ ขอโทษฮะ ผมไม่ได้ตั้งใจพูดให้พี่รู้สึกไม่ดี ผมแค่แอบคิดว่า ถ้าไอ้เต้ยมันมีแฟน พี่อาจจะตัดใจจากมันง่ายขึ้นก็ได้”
 
พี่เป้หันมายิ้มเศร้า ก้าวช้า ๆ เดินเอาของไปวางไว้โดยไม่พูดอะไรสักคำ
 
 เรากลับไปทำงานกันต่อ แต่พี่เป้ทำงานเหมือนคนถูกดูดวิญญาณออกจากร่าง เห็นพี่แกทำแก้วตกแตกไปทีด้วย ผมเห็นท่าไม่ดี เลยฝากเรื่องไว้ที่พี่เก่ง รีบดึงพี่เป้ออกไปหลังร้านที่ไม่มีใครเดินผ่านทันที
 
“พี่เป้ไหวไหม ผมว่าพี่กลับไปพักก่อนดีกว่านะ”
ผมถามด้วยความเป็นห่วง ตัวเองก็ผิดที่เอาเรื่องของไอ้เต้ยมาเล่าให้ฟังแบบนี้
 
“พี่ไม่เป็นไร” พี่มันยืนหันหลังให้กับกำแพงหลังร้านโดยมีผมยืนอยู่ตรงหน้า
 
“แต่พี่…”
ผมค้านเพราะพี่แกดูแย่เอามาก ๆ
 
“พี่ไม่เป็นไร”
พี่เป้ยืนยันอีกครั้งเสียงแผ่ว
“พี่แค่หมดแรง.. กาย ทั้ง ๆ ที่พี่พยายามตัดใจจากมัน แต่ทำไม ยิ่งทำ.. พี่ถึงได้รู้สึกรักมันมากขึ้นทุกที”
พี่เป้รวบเอวผมไปกอด ทิ้งหัวลงบนหัวไหล่ผมเบา ๆ
 
ผมรู้ว่าตอนนี้พี่เป้กำลังอ่อนแอ ผมโอบแผ่นหลังพี่แก ลูบปลอบขึ้นลงเบา ๆ
 
“พี่รักมันกาย พี่รักไอ้เต้ย รักมากจนไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนในการตัดใจแล้ว พี่อยากเป็นคนเลวกว่านี้ ฉุดมันออกไปจากที่นี่ ฉุดไปให้ไกล ไปอยู่ในที่ที่มีแต่เราสองคน ไม่ต้องมีพ่อไม่ต้องมีแม่ ไม่ต้องมีสังคม ไม่ต้องมีใครทั้งนั้น นอกจากพี่กับมัน”
พี่เป้พูดเสียงสั่น แกคงพยายามระงับความอ่อนแออยู่
 
“พี่รักมัน… พี่รักเต้ย”
พี่เป้สารภาพด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพียงไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น หัวไหล่ผมก็รู้สึกอุ่น ๆ ผมได้แต่ยืนนิ่งเม้มปากแน่น พอ ๆ กับดวงตาที่กำลังปิดสนิท มือก็ลูบหลังปลอบประโลมไปไม่หยุด
 
“ผมขอโทษ”
ขอโทษที่ช่วยพี่ได้เพียงเท่านี้ ขอโทษที่ไม่สามารถทำให้ไอ้เต้ยมันตัดใจจากพี่ได้
 
ผมปล่อยให้พี่เป้ยืนอ่อนแออยู่ตรงนั้นสักพัก ก่อนดันพี่แกออกเบา ๆ มาสบตา ใบหน้าหล่อเหลาเคลือบไปด้วยหยาดน้ำ
 
ผมว่าผมคงเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง ที่ชอบมองน้ำตาของคน

ผมจ้องมองเม็ดน้ำกลมใสที่เกาะค้างอยู่กลางดวงตา ก่อนที่มันจะร่วงหล่นลงไปที่ผิวแก้ม
 
สวย…
สวยเอามาก ๆ จนผมเผลอตัวมองมันอยู่นาน
 
ผมทาบมือไว้กับแก้มพี่มัน ไล้นิ้วโป้งเกลี่ยเช็ดหยาดน้ำออกให้เบา ๆ
 
“ร้องไห้ให้เต็มที่เถอะนะ หลังจากนั้นพี่จะได้เข้มแข็งขึ้น แล้วมาพยายามด้วยกันใหม่”
 
พี่มันพยักหน้าทีเดียวรับรู้
 
ผมยิ้ม จ้องมองใบหน้าของคนที่กำลังร้องไห้ราวกับเด็กสองขวบ ผ่านไปสักพัก ผมก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาให้ จัดแต่งทรงผมให้อีกนิดหน่อย
 
“หล่อแล้ว..” ผมยิ้ม “ลุยกันอีกครั้งนะ”
 
พี่แกพยักหน้า ผมตบแผงอกกว้างเบา ๆ ตรงตำแหน่งหัวใจให้แกเข้มแข็งขึ้น พี่เป้ยิ้มให้นิดหนึ่ง หันหลังก้าวเดินจากไป ผมมองตามจนลับสายตาก่อนหันกลับมาที่เดิม

ผมจ้องมองกำแพงว่างเปล่าตรงหน้า ตรงจุดที่พี่เป้เคยยืนอยู่ ก่อนเดินไปยืนพิงมันไว้
 
สัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่พี่เป้ได้ทิ้งเอาไว้ ขนาดผมเป็นคนนอกยังรู้สึกเจ็บปวดไปด้วยขนาดนี้
             
แล้วพี่เป้ล่ะ...

จะเจ็บปวดมากมายขนาดไหน

ผมเอี้ยวหน้าไปมองคราบน้ำตาของพี่เป้ตรงหัวไหล่ ถอนหายใจออกมาเบา ๆ หันกลับมาอีกที ก็สบเข้ากับดวงตาของใครบางคน ที่ยืนจ้องหน้าผมอยู่
 
ผมตัวชาวูบ
 
“นี่คือสาเหตุที่พี่เป้เป็นแบบนี้จริง ๆ สินะ”
 
“เต้ย…”
ผมครางเรียกเสียงแผ่ว เมื่อกี้มันคงได้ยินหมดแล้ว
 
“เป็นอย่างที่กูคิดไว้จริง ๆ”
มันพูดเหมือนเพ้อ
 
“ตะ เต้ย… กูขอโทษ”
 
“กูภาวนามาตลอด ว่าขอให้มันไม่ใช่…”
 
“เต้ย…”
 
“ที่พี่เป้เป็นแบบนี้ เพราะเขา…”
มันหยุดคำพูดไว้ กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ในขณะที่ผมก้มหน้าลงต่ำ หลับตาลงแน่น
 
“…รักมึง”
             
ผมลืมตาเงยหน้ามองอีกที
 
“ไม่ใช่นะเต้ย!!”
 
“มึงไม่ต้องมาปฏิเสธ!! กูเสียใจที่มึงกับพี่เป้พากันโกหกกู แต่กูก็เข้าใจว่าเพราะอะไร”
 
“ไม่ใช่!!”
 
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว!! กูได้ยินมากับหู เห็นมากับตา”
มึงได้ยินได้เห็นอะไรมาวะ ถึงได้พาลเข้าใจผิดกันขนาดนี้
 
“กาย ตั้งแต่เกิดมา กูยังไม่เคยเห็นพี่กูอ่อนแอแบบนี้มาก่อนเลยนะ พี่มันคงจะรักมึงมาก”
 
“ไม่ใช่!!”
ผมค้าน
 
“มึงหุบปากไปเลย!!”
แล้วมันก็ตอกกลับผมเสียงดังยิ่งกว่าเดิม
 
“ไอ้เต้ย มันไม่ใช่อย่างที่มึง…”
 
“กาย!!”
มันเบรกเสียงผมไว้ จ้องหน้าผมเขม็ง
 
“กูขออะไรมึงอย่างได้ไหม”
 
ผมขมวดคิ้วจนเป็นปม
 
“มึงมาคบกับพี่กูที”
 
ผมยืนอ้าปากค้าง
 
“มึงจะบ้ารึไง มันไม่ใช่อย่างที่มึงคิด แล้วอีกอย่าง กูมีพี่เอกอยู่แล้วด้วย”
 
“อันนั้นกูรู้ แต่มึงลองเปิดใจรับพี่กูไว้พิจารณาอีกคนได้ไหม ครอบครัวกูก็รวย เลี้ยงดูมึงได้สบาย ๆ นิสัยพี่กูก็ดี แถมยังดีกว่าพี่เอกด้วยซ้ำ หล่อก็หล่อกว่า”
 
ไอ้เชี่ย ไอ้เวรตะไล ไอ้สารเลว ไอ้ตะกวด ไอ้เตี้ย มาว่าคนของกูไม่หล่อ
 
“ถ้าเทียบกันแล้ว พี่กูดีกว่าเห็น ๆ”
มึงจะยกหางพี่มึงมากไปไหม
 
“เพราะงั้นมารักกับพี่กูดีกว่า นะ ๆ กูขอร้อง”
มันทำท่าอ้อนวอน
 
“กูคงทำไม่ได้ กูมีพี่เอกอยู่แล้ว”
 
“กูรู้ กูขอแค่มึงเปิดใจรับพี่กูไว้พิจารณาอีกคนก็พอ กาย กูขอร้องมึงล่ะ กูไม่เคยเห็นพี่กูเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ นับวันมันยิ่งอ่อนแอลงอ่อนแอลง กูเป็นน้องนะกาย เห็นพี่ตัวเองทุกข์ กูก็พลอยเป็นทุกข์ไปด้วย ขอร้องล่ะ คบกับพี่กูที”
 
“ไอ้เต้ย…”
ผมพยายามเรียกมันด้วยน้ำเสียงอดทนที่สุดเท่าที่จะทำได้
 
“กูสงสารพี่เป้ก็จริง แต่กูมีพี่เอกอยู่แล้ว”
 
มันจ้องหน้าผมเขม็ง
 
“งั้นกูจะทำให้มึงเลิกกับพี่เอก แล้วมาคบกับพี่กูแทน”
 
“อะ..อะ..ไอ้เต้ย ไอ้เพื่อนบ้า! มึงมีเหตุผลหน่อยสิ!!”
 
“ไม่!! กูจำเป็นต้องทำว่ะ กูไม่อยากเห็นพี่กูตายทั้งเป็นแบบนี้ ทุกวันนี้ มันก็เหมือนซอมบี้เดินได้อยู่แล้ว มีชีวิตเหมือนไม่มี กาย.. กูขอโทษนะ แต่กูต้องทำ”
มันพูดแค่นั้น แล้วหันหลังเดินจากไป ผมยืนนิ่งช็อกค้างอยู่กับที่
 
นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!!
 
เรื่องของพวกมึง เอากูกับพี่เอกไปยุ่งด้วยทำม้ายยยย
 



 
to be con.. 60%

 :ling1:


หนังสือ&ebook >> https://goo.gl/FSOuuM

หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 65 เข้าใจกันคนละทาง & สังเวียน [p.24 D.29-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 29-10-2016 13:58:44
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 65 เข้าใจกันคนละทาง & สังเวียน [p.24 D.29-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-10-2016 17:39:34
โธ่ เต้ย.....เข้าใจผิดไปอีก
กาย ทำไมไม่พูดออกไปซะเลย
ว่า พี่เป้ กำลังมีความรักน่ะใช่
แต่รักมึง ไม่ใช่รักกู.....
แล้วเต้ย คงเสียใจไปแล้วว่าพี่เป้ รักกาย
เต้ย คงรู้แล้วว่าตัวเองใจเต้นแปลกๆ น่ะเพราะรักพี่เป้
ความรักของพี่เป้ เต้ย คงงวดและ (แหะๆ มโน อีกและ)
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 65 เข้าใจกันคนละทาง & สังเวียน [p.24 D.29-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: psyfer ที่ 20-12-2016 01:35:25
อ้าว เต้ย
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 66 น้องขอมา พี่จัดให้ [p.24 D.9-1-60]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 06-01-2017 20:46:23
ตอนที่ 66 น้องของมา...พี่จัดให้ (เอก)

 
ผมยกนาฬิกาขึ้นมองเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้วมั้ง วันนี้เป็นวันแรกที่ไอ้ตัวเล็กมันกลับไปทำงานอีกครั้งตามแรงยุรอบด้าน ส่วนผมเฉย ๆ อยากทำก็ทำ ดีซะอีก จะได้มีแรงกระตุ้นให้พวกน้อง ๆ ได้มีอะไรทำกัน พวกทโมนดีใจกันใหญ่ที่สามารถหาเงินก้อนแรกได้ด้วยตัวเอง
 
แต่คนที่ดีใจที่สุด คงไม่พ้นพ่อกับแม่นั่นแหละ เพราะพวกน้อง ๆ รวมเงินที่ทำงานกันได้ ไปซื้อของขวัญให้พวกท่าน แม่นี่นั่งน้ำตาซึมกับของขวัญชิ้นนั้นไปหลายวันเลย
 
ผมยิ้มอย่างภาคภูมิ ถึงพวกทโมนจะซนกันขนาดไหน แต่ก็น่ารักและเป็นเด็กดี ไม่เสียทีที่ผมดูแลสั่งสอนมากับมือ (ยกความดีความชอบให้ตัวเองหมดครับ)
 
ผมนั่งเซ็นงานที่ผู้ช่วยยื่นมาให้ ก่อนยกนาฬิกาข้อมือมองอีกที
 
“ที่เหลือเอาไว้พรุ่งนี้ผมจะมาทำต่อ วันนี้ผมมีธุระ”
 
ชายสูงวัยกว่ารับคำ เก็บรวบเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะให้ ผมรีบคว้ามือถือและกุญแจรถวิ่งลิ่วออกจากบริษัทไป
 
ยอมรับว่าผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน จะว่าเป็นรักแรกไหม ก็ไม่ใช่ ผมแค่เป็นห่วงมัน คิดถึงมัน อยากอยู่ใกล้ อยากได้ยินเสียง อยากเห็นหน้า อยากสัมผัส และอีกหลาย ๆ อยาก ที่ผมไม่เคยเป็นมาก่อน
 
สามทุ่มตรง ผมก็มานั่งเคาะนิ้วเร่งเวลาหลังพวงมาลัย รถราบนท้องถนนยามนี้ไม่ได้แน่นขนัดเหมือนช่วงเย็น แต่ผมกำลังติดแหงกอยู่หลังสัญญาณไฟสีแดงที่ตัวเลขบนกรอบสี่เหลี่ยมมันลดจากเลข 59 ลงไปเรื่อย ๆ แต่มันก็ช้าเอามาก ๆ สำหรับคนที่กำลังเร่งรีบแบบผม
 
และทันทีที่ไฟเปลี่ยนสี ผมใส่น้ำหนักให้ฝ่าเท้า ถีบตัวรถพุ่งทะยานไปด้านหน้าทันที
 
เพียงไม่นาน ผมก็ขับรถมาถึงที่ร้าน ช่วงเลิกงาน มีเพียงรถของไอ้เป้กับพี่เก่งพนักงานอีกคนจอดอยู่ ผมควงพวงกุญแจรอบหนึ่ง จับยัดใส่กระเป๋ากางเกง เดินกึ่งวิ่งเพื่อไปหาคนที่ผมคิดถึงมาทั้งวัน
 
ไฟรอบ ๆ ร้านดับตัวลงหมดแล้ว แสงที่เหลือจึงเป็นแสงที่มาจากด้านในของตัวร้าน รั้วที่สูงเพียงสะโพกถูกแง้มไว้นิด ๆ พร้อมป้าย ‘Close’
 
ผมยิ้ม เปิดประตูรั้วออก เดินตรงเข้าไปภายใน ผมไม่ใช่ลูกค้า จึงไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังคำเตือนของป้ายนั้น
 
ผมกวาดตามองหาไอ้ตัวเล็ก ตอนมาไม่ได้โทรบอกมันล่วงหน้าว่าผมมาถึงแล้ว ผมมองหาอีกทีจนสายตาไปปะทะกับภาพภาพหนึ่งเข้า
 
ภาพที่ทำให้ขาผมขยับแทบไม่ออก และความร้อนทั้งหมดไหลไปรวมกันที่ฝ่ามือ
 
ไอ้ตัวเล็กของผมกำลังถูกบังคับจูบอยู่
 
ไม่รอให้สมองสั่งการ ผมวิ่งเร็วไปกระชากไอ้ตัวเล็กออก เหวี่ยงหมัดซัดใส่ใบหน้าช้ำ ๆ ของไอ้อาร์ตเต็มแรง คนถูกต่อยหน้าหันไปตามแรงมือ ก่อนค่อย ๆ หันกลับมาอีกครั้ง

เลือดมันไหลลงมาเป็นทางข้างมุมปาก
 
“ทำอะไรของนาย!!”
ผมตะคอกถามเสียงดัง
 
“หมัดหนักชะมัด”
มันไม่ตอบ ใช้นิ้วโป้งแต้มเลือดเข้าปากกวาดเช็ดด้วยปลายลิ้นแล้วกลืนกิน แววตามันนิ่งเรียบเคลือบความถูกใจเอาไว้บาง ๆ
 
“ผมตัดสินใจแล้ว” มันพูดด้วยสายตาแน่วแน่ “ผมจะเป็นตัวของตัวเอง แต่ตัวตนของผม อาจไม่ใช่คนดีอย่างที่พี่คิด”
 
ผมจ้องตาคนพูดเขม็ง
 
“ผมชอบกาย”
 
ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดชะงักไปชั่วขณะ ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ตัวเล็กข้างผม
 
“ผมคิดดีแล้ว ไม่ใช่ความชอบเพื่อเอาชนะพี่อย่างที่ผ่าน ๆ มา แต่เป็นเพราะผมอยากครอบครองตัวกายเขาจริง ๆ”
 
ไอ้ตัวเล็กเขยิบตัวมาจับอกเสื้อผมไว้ ผมเกี่ยวแขนเข้าที่เอวมัน
 
“ผมจะแย่งกายมาจากพี่ให้ได้ คราวนี้เพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อเอาชนะพี่อย่างที่ผ่าน ๆ มา”
 
ผมจ้องมองดวงตาแน่วแน่นั้น ไอ้ตัวเล็กเบียดตัวเข้ามามากขึ้น จนผมต้องกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นกว่าเดิม
 
“พี่ไม่มีทางยกกายให้นายแน่”
ผมตอบกลับเสียงเย็น
 
พวกเรายืนเงียบ จ้องตากันและกัน ในขณะที่ไอ้ตัวเล็กยังอยู่ในอ้อมแขนผม กระทั่งเสียงหนึ่งดังขัดความเงียบขึ้นมา
 
“จะผิดไหม ถ้าผมจะขึ้นสังเวียนครั้งนี้ด้วยอีกคน”
 
พวกเราทั้งหมดหันไปมอง
 
“พี่อิฐ”
ไอ้ตัวเล็กครางเรียก
 
“อิฐ…”
อันนี้เป็นผม
 
“อิฐ…นาย…”
อันนี้เป็นไอ้อาร์ต

มันคงช็อกไม่แพ้กัน เพราะอิฐคงเป็นคนเดียวที่ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจกายมากที่สุด
 
มันเดินยิ้มอบอุ่นเข้ามาใกล้ ในขณะที่ดวงตาไม่ได้ละไปจากคนในอ้อมแขนผมแม้แต่น้อย
 
“เป็นบ้าอะไรของพวกนาย!!”
ผมตะคอกด่า แต่คำตอบที่ได้ มีเพียงรอยยิ้มใสซื่อเท่านั้น
 
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ใช้วิธีรุนแรงแบบอาร์ตหรอก”
มันพูดเนิบ ๆ
 
แต่ไม่ว่าจะวิธีไหน กูก็ไม่ชอบทั้งนั้นโว้ย ไอ้ตัวเล็กมันเด็กของกู
 
แง่ง!!
 
ไอ้ตัวเล็กบดเบียดร่างกายเข้าหาผมมากขึ้น ก่อนเงยหน้ามองตาผม
 
“พี่เอก…”
เสียงมันเครือหน่อย ๆ พาเอาผมแอบหวั่นไหว
 
น่ารักดีครับ
 
ขนาดอยู่ในสถานการณ์ที่เขาจะฆ่ากันตาย มันก็ยังมิวายทำตัวน่ารักน่าฟัดได้อีก
 
แม่ม..
 
จะทำให้กูหวั่นไหวไปถึงไหนวะ กูจะฆ่าน้องกูตายก็เพราะความน่ารักของมึงนี่แหละ
 
ผมกดหัวมันซุกอก หันไปปรายตามองสองชีวิตที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับผม
 
“ไม่ว่าพวกนายจะพยายามกันยังไง กายก็เป็นคนของพี่ จำเอาไว้”
ผมบอกแค่นั้น โอบเอวไอ้ตัวเล็ก พามันกลับบ้าน
 
 
 





 
หลังจากอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย ผมในชุดคลุมสีเลือดหมูก็เดินมาทิ้งแผ่นหลังไว้กับพนักพิงโซฟาในห้องรับแขก ไอ้ตัวเล็กยังอาบน้ำอยู่ ผมกำลังคิดหาวิธีดี ๆ ในการรับมือและกำจัดพวกน้อง ๆ ออกไปให้พ้นทาง
 
ทำไมคู่แข่งเยอะนักวะ
 
ไอ้คุณชรินทร์กับไอ้โอ๊คก็ยังเคลียร์ไม่จบ นี่ยังมีไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐพ่วงเข้ามาอีก
 
ผมแหงนหน้าขึ้นมองเพดาน จนได้ยินเสียงกริ๊กเบา ๆ ผมหันไปมอง เห็นไอ้ตัวเล็กเดินก้มหน้าออกมาจากห้องน้ำ แต่สภาพของมันพาเอาผมเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ
 
มันเดินออกมาในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่ผมยื่นให้มันก่อนหน้านี้ แต่ว่ามันเปียกโชกไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อยืดสีขาวแนบเนื้อจนเห็นหัวนม ขากางเกงก็ลีบติดเนื้อติดหนังไปหมด น้ำจากเส้นผมหยดแหมะร่วงลงพื้น มันเดินเหม่อ ๆ ออกมายืนหน้าห้องน้ำ
 
“ทำไมถึงได้เปียกขนาดนี้!!”
ผมรีบเดินเข้าไปหา

มันเงยหน้ามอง แล้วก้มมองตัวเองต่อ
 
“ผมเผลอเปิดน้ำจากฝักบัวราดตัวเองตอนแต่งตัวเสร็จแล้วน่ะ”
มันบอกเรียบ ๆ สีหน้ายังเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
 
“แล้วทำไมไม่ถอดเสื้อผ้าก่อนออกมา ตัวเปียกหมดแล้ว”

 
มันชี้เข้าไปในห้องน้ำ เห็นผ้าเช็ดตัวเปียกโชกกองอยู่ในตะกร้าเสื้อผ้า
 
ผมรีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่มายื่นให้ แล้วเดินไปหยิบชุดใหม่มาให้มันด้วย ชุดประจำตำแหน่งมันนั่นแหละ มันก็รับไปถือไว้โดยไม่อิดออด เดินเข้าห้องน้ำไป แล้วก็กลับมาใหม่ในสภาพเหม่อลอยเหมือนเดิม
 
“กายเป็นไรมากรึเปล่า”
ผมถามด้วยความเป็นห่วง

มันมองหน้าผมอยู่สักพัก ก่อนเดินเข้ามาใกล้ แล้วโอบรอบลำคอผมไว้
 
ผมรู้ว่าตอนนี้มันคงกำลังคิดมากเรื่องของไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐอยู่
 
แต่แม่ม…
ผมไม่ได้อยากจะลามกนะ แต่เวลาที่มันยืดตัวขึ้นมาคล้องคอผมจนสุดปลายเท้าแบบนี้ เสื้อมันร่นขึ้นจนแทบจะเห็นแก้มก้นอยู่แล้ว ผมรีบละสายตาไปที่อื่น พยายามจะไม่มองและพยายามไม่คิดอะไรต่อ
 
“ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้เรื่องมันวุ่นวายแบบนี้นะ”
 
“พี่รู้”
ผมคล้องแขนรอบเอวมันข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างจับคางมันเงยหน้าขึ้นสบตา ดวงตาเรียวฉายแววสับสน หวาดหวั่น และหวาดกลัวออกมาเล็ก ๆ
 
“ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ ไหนจะเรื่องของไอ้เต้ยอีก”
 
ผมขมวดคิ้ว
 
“ไอ้เต้ย?”
 
มันจ้องตาผมกลับ ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ซบหน้ากับอกผมคล้ายคนหมดแรง
 
น่ารักดีครับ
ท่าทางแบบนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน
 
“ไอ้เต้ยมันเข้าใจผิดว่าพี่เป้ชอบผม มันเลยขอร้องให้ผมคบกับพี่มัน แต่ผมไม่ยอม เพราะผมมีพี่เอกอยู่แล้ว มันเลยบอกว่าจะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ผมเลิกกับพี่แล้วไปคบกับพี่เป้แทน”
 
ผมยืนอึ้งนิ่งฟังเรื่องราวทั้งหมด ก่อนระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง

มันดันตัวออกไปมองด้วยสีหน้างุนงงผสมแปลกใจและเป็นห่วง
 
ผมรีบตีสีหน้านิ่งขรึมทันที แต่มันยังมองผมแบบแปลก ๆ อยู่ ผมเลยพามันไปที่โซฟา จับมันนั่งคร่อมไว้บนตัก มันไม่ได้ขัดขืนเหมือนทุกที สงสัยจะยังงงกับท่าทีเปลี่ยนแปลงกะทันหันของผม

มันจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง สงสัยกำลังรอดูอาการ ถ้าหนักมาก จะได้โทรเรียกศรีธัญญามารับตัวไป
 
ผมคลี่ยิ้มเพียงนิดส่งให้มัน
 
“เขาว่ากันว่า ของที่ได้มายาก ๆ มักจะทำให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งนั้นมากขึ้น”
 
มันยังทำสีหน้างุนงงอยู่ ผมยิ้มใส่มัน
 
“ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ”

คำพูดผมไม่ได้คลายสีหน้างุนงงผสมกังวลของมันแม้แต่น้อย ผมอมยิ้ม ลูบมือกับต้นขามันเบา ๆ มันไม่ได้สนใจครับ สงสัยจะยังไม่เคลียร์ ผมเลื่อนมือสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไปยังแก้มก้นมัน
 
โอ้โห!
โนแพนตี้
 
นี่มันลืมใส่หรือจงใจไม่ใส่กันแน่นะ
 
มันจ้องหน้าผมเพื่อค้นหาคำตอบ
 
“กาย พี่เคยเจอปัญหาหนัก ๆ มาเยอะนะ เรื่องแค่นี้ขี้ปะติ๋ว”
ผมพูดไป มือก็ลูบไล้แก้มก้นมันไป มันไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ขนาดผมเพิ่มแรงบีบ มันก็ยังไม่หือไม่อือ
 
“แต่…”
 
“ถ้าเป็นเรื่องของไอ้เต้ย มันทำอะไรเราไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเราเข้มแข็งซะอย่าง หรือถ้ามันรุกหนักเข้าจริง ๆ ก็แค่บอกความจริงมันไปก็จบ ที่เหลือก็ให้พวกมันไปจัดการกันเอาเอง มันเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ไอ้เป้จะทำ”
 
มันนิ่งฟังในขณะที่มือผมก็รื่นเริงอยู่กับก้นนิ่ม ๆ ของมัน เลื่อนสูงไปที่ร่องเอว
 
แม่ม!!
อยากจับฟัดให้ตายคามือจริง ๆ พับผ่า
 
“ส่วนเรื่องน้อง ๆ ก็อย่างที่พี่เคยเตือนเอาไว้…พวกน้อง ๆ มักชอบอะไรเหมือน ๆ กับพี่ ถ้าของมีหลายอย่าง พวกเราก็จะซื้อเหมือน ๆ กัน แต่ถ้าบังเอิญของบางอย่างมีเพียงชิ้นเดียว ก็มีบ่อย ๆ ที่พวกเราจะทะเลาะเพื่อแย่งของกัน”
 
มันยังนิ่งฟังด้วยความตั้งใจ ผมเลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อมันออกทีละเม็ดอย่างเบามือ
 
“และผลที่ได้ส่วนมาก…”
ผมหยุดเสียงตัวเองไว้ ก้มกระซิบข้างหูมันเบา ๆ
 
“พี่ก็ชนะเสมอ”
 
มันมองหน้าผมอึ้ง ๆ

ผมยิ้มให้มันที
 
“แล้วมีสักครั้งไหม ที่น้อง ๆ พี่ชนะ”
 
ผมทำท่าคิด มือไม้ก็ลูบ ๆ ไล้ ๆ อยู่แถว ๆ บั้นเอวและแก้มก้นมัน
 
“ไม่มี” ผมตอบ “นอกจากพี่จะแกล้งแพ้เพื่อให้น้อง ๆ ได้ของเล่นชิ้นนั้นไป”
 
มันค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกกว้าง
 
“พี่เอกเก่งจัง”
แล้วก็ชมผมเสียงใส คราวนี้เป็นผมเองที่นั่งอึ้งมองรอยยิ้มนั้นไม่วางตา
 
“นี่กาย…”
ผมเรียกมันด้วยน้ำเสียงจริงจัง
 
“ฮะ”
มันหุบยิ้มลงทันที นั่งนิ่งตั้งใจฟัง
 
“อย่าไปยิ้มแบบนี้ให้ใครเห็นเด็ดขาดนะ”
 
มันมองผมงง ๆ
 
“เพราะมันจะทำให้พี่มีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีกน่ะสิ”

แก้มขาวแดงขึ้นเรื่อย ๆ ผมยิ้มพราว กดจูบมันไปที
 
“พี่ขออย่างเดียวเท่านั้นแหละ”
ผมถอนจูบมาพูด

“ขอให้ตรงนี้ของกาย”
ผมจิ้มนิ้วลงบนอกซ้ายมันเบา ๆ มันก้มหน้ามองตาม ก่อนเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมยิ้มอบอุ่น

“ขอให้มันอยู่ตรงนี้”
แล้วผมก็จิ้มมาที่อกซ้ายตัวเอง

“ให้มันเป็นของพี่ก็พอ”
 
นัยน์ตามันวูบไหวบางเบา
 
“เพราะถ้าตรงนี้”
ผมจิ้มกลับไปที่ตำแหน่งอกซ้ายของมันอีกรอบ

“มันไม่ไปไหน มันอยู่ตรงนี้ตลอด”
ผมจิ้มกลับมาที่หน้าอกตัวเองต่อ

“พี่ก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”
ผมพูดยิ้ม ๆ เลื่อนมือลงไปที่แก้มก้นมันต่อ
 
มันจ้องตาผมสั่นไหว มันคงซึ้งและเข้าใจในความหมายที่ผมต้องการจะสื่อ ก่อนเลื่อนสายตาลงไปที่อกเสื้อตัวเอง เงยหน้าขึ้นมามองผม แล้วก้มต่ำลงไปมองอกเสื้อตัวเองต่อ คิ้วได้รูปขมวดบาง ๆ จ้องมองกระดุมเสื้อที่หลุดหายไปทุกเม็ด ชายเสื้อปิดส่วนสงวนเอาไว้นิดเดียว ก่อนจะเลื่อนสายตามองไปยังมือทั้งสองข้างของผมที่บีบแก้มก้นมันอยู่
 
ตอนนี้มันคงจะรู้สึกตัวแล้ว มันอ้าปากค้าง หน้าแดงขึ้นมาทันที มันเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม
 
“ผมว่า เรารีบเข้านอนกันก่อนดีกว่า ผมง่วงแล้ว”
มันทำท่าจะลุก แต่ผมรวบจับเอวมันไว้ก่อนสองข้าง


 :katai5:

“พี่ยังไม่ง่วงเลย”
 
“ตะ แต่ผมง่วงแล้ว”
 
ผมแสร้งเหลือบมองเวลาจากนาฬิกาข้างฝา
 
“เพิ่งจะสี่ทุ่มเอง น่านะ อยู่ต่ออีกนิด”
ผมอ้อน
 
“อะ เอ่อ พี่อยู่คนเดียวไปก่อนก็ได้ ผมจะเข้านอนเร็ว พรุ่งนี้มีสอบ”
มันพยายามหาข้ออ้าง

ผมยิ้มพราวใส่มัน
 
“ก็ไหนกายบอกพี่ว่าอ่านหนังสือมาแล้ว แถมยังสอบช่วงเย็นไม่ใช่เหรอ”
 
มันอ้าปากค้าง พยายามคิดหาข้ออ้างใหม่ ๆ
 
ผมยิ้มเจ้าเล่ห์

“ช่วงนี้มีคนมาเกาะแกะกายเยอะเป็นพิเศษ พี่ขอตีตราเยอะ ๆ หน่อยได้ไหม อยากให้คนอื่นเขารู้น่ะ ว่ากายเป็นของใคร”
ไม่ปล่อยให้มันได้ปฏิเสธครับ ผมจับมันนอนราบไปกับโซฟาแล้วตีตราหนัก ๆ ไปหลายที
 
 
 
 




สองชั่วโมงผ่านไป
ผมหอบแฮกคร่อมอยู่บนเรือนร่างของคนที่ตัวเล็กกว่า ร่างผมยังผสานแนบสนิทอยู่กับมัน เหงื่อไคลไหลย้อยหยดแหมะลงบนแผ่นหลังของมันหยดแล้วหยดเล่า ภายในยังคงรีดรัดเอาความอุ่นซ่านจากร่างกายผมเข้าไปภายในตัวมัน

 ผมจำไม่ได้ว่าผมกับมัน ไปถึงจุดหมายปลายทางกันกี่รอบแล้ว แต่ผมก็ยังไม่อยากหยุด
 
ผมเป็นพวกมีความต้องการสูง
อันนั้นผมก็รู้
 
ผมไม่เคยเพียงพอในรอบเดียว
อันนั้นผมก็รู้
 
และผมรู้ว่ามันเองก็เหนื่อยที่ต้องมารองรับอารมณ์ผมแบบนี้
 
ผมจูบต้นคอมันเบา ๆ เคลื่อนต่ำลงมาที่แผ่นหลัง ไอ้ตัวเล็กครางฮือ มันคงสยิว มันมีจุดอ่อนอยู่ที่หัวนม หลังคอและร่องเอว ถ้าสัมผัสสามจุดนี้เมื่อไหร่ จะกระตุ้นอารมณ์ได้เร็วมาก
 
“พอ…”
มันครางห้าม

ไม่รู้มันต้องการห้ามจริง ๆ หรือเป็นแค่คำติดปากของมันกันแน่ แต่สำหรับผม มันคือคำอนุญาตทั้งนั้น ผมถอนเนื้อร้อนที่อ่อนแรงหน่อย ๆ ออกจนเกือบหลุดแล้วใส่กลับเข้าไปใหม่
 
“อ๊า..พี่เอกพอ...”
มันยังครางห้ามอยู่ ผมเคลื่อนเนื้อร้อนออก และใส่กลับเข้าไปใหม่ ช้า ๆ เนิบ ๆ ไม่เร่งรีบ คนด้านล่างครางออกมาเบา ๆ จนบางส่วนของผมเริ่มกลับมามีชีวิตเต็มที่ ผมถึงได้ถอนตัวเองออกแล้วจับมันลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าคร่อมตักผมไว้ ผมจับสองมือมันคล้องไว้ที่ลำคอผม มันโรยแรงจนผมต้องพยุงตัวมันไว้อีกที หยาดน้ำขาวขุ่น ไหลรินผ่านเรียวขามันแต้มลงสู่พื้น
 
ถ้าเป็นผู้หญิง คงท้องไปแล้ว แต่มันเป็นผู้ชาย เลยไม่ห่วง
 
“พอเถอะพี่เอก…”
มันโรยแรงห้าม แต่ผมไม่คิดจะฟัง ยิ่งห้าม ผมยิ่งอยากทำ
 
“พี่รักกายนะ”
ผมกระซิบแผ่วข้างใบหู มันหลับตาลง ปากแดง ๆ นั้นเห็นกี่ทีกี่ทีก็ทำให้ผมอยากจูบเสมอ ผมกดจูบ นำพาบางส่วนใส่กลับเข้าไปใหม่
 
“รอบสุดท้ายแล้ว”
ผมกระซิบบอก มันพยักหน้า กอดคอผมแน่น ผมจับมันนอนลงบนเตียงอีกครั้ง ยกขามันพาดบ่าข้างหนึ่ง แล้วขยับร่างกายเข้าออกเบา ๆ
 
ผมทำช้า ๆ เนิบ ๆ มันปรอยตามอง อยากทำเร็ว ๆ ให้เสร็จ ๆ ไปเหมือนกัน แต่ผมก็ชอบมองหน้าเครืออารมณ์ของมัน มันยังไม่ได้คราง แต่เผยอปากปล่อยเสียงลมหายใจออกมาเบา ๆ
 
 ผมจ้องหน้ามันไม่เบือนไปไหน มันก็จ้องหน้าผมไม่เบือนหนีไปไหนเหมือนกัน ผมสามารถพูดได้เลยว่าผมกำลังทำรักกับมันอยู่ ไม่ใช่เพียงแค่เซ็กส์ แต่ผมกำลังส่งผ่านความรู้สึกดี ๆ ผ่านร่างกาย ผ่านฝ่ามือและน้องชายสุดที่รัก
 
ด้วยจังหวะรักช้า ๆ เนิบ ๆ
 
“พี่เอก…”
ปากแดง ๆ นั้นขยับเบา ๆ 
“แรง ๆ”
 
ผมชะงักทุกท่วงท่าค้างไว้กับที่ อึ้งกิมกี่ไปหลายวิ
 
นี่เป็นครั้งแรกที่มันอ้อนขอแรง ๆ ปกติมีแต่ร้องขอให้ผมเบาแรงลงหน่อย
 
ผมยิ้ม ใส่จังหวะให้มันช้า ๆ เหมือนเดิม

มันแหงนหน้าขยับท่อนล่างเข้าหาผมเอง มันคงทนไม่ไหวที่ผมใส่จังหวะช้าเกินไป มันหน้าแดงก่ำ เอียงหน้ามองตาผม
 
“แรงกว่านี้ พี่เอก”
มันร้องขอเสียงเครือ ผมยิ้มพราว
 
“แรงขนาดไหน”
ผมถามยั่ว

หน้ามันแดงยิ่งกว่าเดิม
 
“แรงกว่านี้”
มันบอก

ผมเพิ่มจังหวะหนักขึ้น แต่ก็ยังเบาอยู่ดี
 
“พอไหม”
ผมถาม มันส่ายหน้าเบา ๆ
 
“แรงกว่านี้อีก”
มันขอเสียงพร่า

ผมนี่แทบจะบ้า พยายามสั่งใจให้เย็นไว้ กระชับขามันแน่น แล้วใส่จังหวะหนักเข้าไปอีก
 
“อ๊า ดี แรง ๆ”
มันเชิดหน้า ครางออกมาให้ได้ยิน ผมผ่อนจังหวะช้าลงไปอีก แล้วก้มถามมัน
 
“อยากได้แรงกว่านี้อีกไหม”
 
มันพยักหน้า
 
“ได้ เดี๋ยวพี่จัดให้”
สิ้นเสียง ผมเร่งจังหวะเร็วขึ้นจนหัวมันสั่นคลอนไปตามแรงส่งหนักหน่วง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องไปทั่วผสานเสียงครางหวานผสมทรมานของมัน ผมเร่งจังหวะไม่บันยะบันยังไม่กลัวเครื่องมันพังเลยแม้แต่นิดเดียว
 
“อ๊า.. ดี”
มันครางสุขสะท้าน ยิ่งผมโหมแรงมากเท่าไหร่ มันยิ่งครางหนักมากขึ้นเท่านั้น

ผมกลายเป็นบ้าไปแล้วครับตอนนี้
 
แต่เมื่อน้องขอมา พี่ก็จัดให้
 
มันกรีดร้องเสียงหนักเมื่อผมเร่งใส่จังหวะสุดท้ายพามันไปสู่ปลายทาง คราวนี้มันคงเต็มที่แล้วจริง ๆ เพราะหลังจากนั้น มันก็ผล็อยหลับไปเลย

ผมอมยิ้มกดจูบมันที ผมลุกออกไปหาผ้ามาเช็ดทำความสะอาดให้มัน ส่วนตัวเองก็เดินไปอาบน้ำอีกรอบ 
 
 
 
ผมเดินกลับมาอีกครั้งในชุดเดิม ทิ้งตัวลงไปนั่งข้าง ๆ มัน ผมยิ้มเล็กน้อย เกลี่ยเส้นผมออกจากหน้าผากมันเบา ๆ
 
“พี่รักนายนะ”
ผมกระซิบบอกคนหลับ ล้มตัวลงไปนอนข้าง ๆ เกี่ยวร่างมันมาไว้แนบอก ปิดเปลือกตาลงแล้วปล่อยสติให้กลืนหายไปกับรัตติกาล   
 
 
 
 
 
แสงตะวันยามเช้าทะลุผ่านกระจกเข้ามาปลุกผมแต่วัน ผมเสหน้าหนี ยืดตัวบิดขี้เกียจ
 
สายขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย
 
ผมแปะป่ายมือควานหาคนที่ผมนอนกอดไว้เมื่อคืน
 
ปัดซ้าย…
ไม่มี
 
ปัดขวา…
ก็ไม่มีอีก
 
หายไปไหน...
 
ผมเงยหน้ากวาดมองไปรอบ ๆ
 
ไม่มีครับ
 
ผมขมวดคิ้ว ลุกออกจากเตียง เดินพาน้องชายที่ตื่นขึ้นมาเคารพธงชาติไปตามหาไอ้ตัวเล็กมัน 
 
ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ดังมาจากห้องครัว ผมเดินหัวฟูไปหามัน เห็นมันยืนทำกับข้าวอยู่
 
เออวุ้ย เมียกูทำข้าวเช้าให้กินด้วย
 
“ทำอะไรกิน”
ผมเดินเข้าไปใกล้ มันสะดุ้งสุดตัวหันมามอง
 
“อะ อรุณสวัสดิ์ฮะ”
มันพูดกุกกัก รีบหันไปสนใจเตาตรงหน้าต่อ ผมคิ้วขมวด
 
ทำไมต้องทำท่าตื่นขนาดนั้นด้วย
 
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
ผมเดินเข้าไปใกล้ มันเขยิบตัวออกห่าง หน้ายังคงก้มงุด
 
“กายเป็นอะไร”
ผมถามด้วยความเป็นห่วงยิ่งกว่าเดิม
 
“มะ ไม่มีอะไร ผมจะรีบทำข้าวต้มให้ทาน”
 
“กาย…”
ผมเรียกมันเสียงเย็น
“เงยหน้ามองพี่ แล้วบอกมาว่าเป็นอะไร”
 
“มะ ไม่มีอะไรจริง ๆ”
ปากบอกไม่มีอะไร แต่เสือกเขยิบตัวออกห่าง ผมเดินเข้าไปใกล้ ใช้สองแขนกั้นมันไว้กับซิ้งค์ มันรีบก้มหน้าลงต่ำยิ่งกว่าเดิม
 
“กาย”
ผมขมวดคิ้วหนัก

 
“เงยหน้า!”
สั่งมันเสียงเข้ม
 
แต่มันไม่ยอมทำตามครับ
 
“เงย!!”
ผมทำเสียงดุ

มันสะดุ้ง ค่อย ๆ เงยหน้าแดง ๆ ขึ้นมอง
 
“เป็นอะไร หน้าแดง ๆ”
ผมลูบแก้มมันเบา ๆ ด้วยความเป็นห่วง แดงเป็นลูกตำลึงเลย จะว่าเป็นไข้ ตัวก็ไม่ร้อน
 
“ปะ เปล่า”
มันปฏิเสธหน้าตื่นรีบเบือนหน้าหนี ไม่สบตา เม้มปากแน่น

ผมจับคางมันไว้ ให้มันมองผมตรง ๆ พอมันสบตาผมได้ ก็รีบหลุบเปลือกตาลงต่ำทันที แก้มงี้แดงจนแทบจะกลายเป็นหม้อไฟ
 
ผมจ้องมองใบหน้านั้นอยู่พัก สำรวจหาสิ่งผิดปกติ ก่อนคลี่ยิ้มออกมา ผมจับเอวมัน ดึงเบา ๆ เข้ามาชิดจนน้องชายผมทิ่มหน้าท้องมัน มันทำหน้าตื่น
 
“หรือว่า…จะอายเรื่องเมื่อคืน”
 
โป๊ะเชะ!
 
มันรีบก้มหน้าลงต่ำยิ่งกว่าเดิม
 
ผมหัวเราะหึ ๆ
 
“ไม่เห็นเป็นไรเลย แค่บอกความต้องการของตัวเอง”
ผมเสยคางมันเงยหน้าขึ้นสบตา
 
“ขะ ข้าวต้มสุกแล้ว พี่รีบไปอาบน้ำแล้วมากินกันดีกว่า”
มันรีบหาทางเลี่ยง

ผมหันไปมองหม้อข้าวต้ม แล้วหันกลับมามองหน้ามัน
 
“อืม พี่เองก็หิวแล้วเหมือนกัน”
 
มันทำท่าจะเดินออกจากวงแขนผม แต่ผมยึดจับมันไว้ เอื้อมปิดเตาแก๊ส หันมามองมันตาพราว
 
“งั้นพี่ขอกินมื้อเช้าก่อนนะ”
แล้วหลังจากนั้น ผมก็หม่ำมื้อเช้า กลางห้องครัวนั่นแหละครับ
 
เปรมจริงอะไรจริง ฮ่า ๆ ๆ


To Be Con...

หายหัวไปซะหลายเดือน หัวยุ่งหัวหมุนอยู่กับการเดินทางและปิดโปรเจค จะมาอัพต่อให้หลายรอบ จะจะจะ จนจะกลายร่างเป็นแรปเปอร์ก็ยังไม่มาสักที จนได้ฤกษ์ดีวันนี้ รีบแงะตัวเองจากกองงานมาอัพให้อ่าน กลัวพี่เอกกับน้องกายที่เล้าบูด  :man1:

สวัสดีปีใหม่ชาวไทยบอยทุกคนจ้าา  :L2:


>
หนังสือ & e-book >>https://goo.gl/PMPdyA
(http://upic.me/i/zq/kisslove.jpg)
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 66 น้องขอมา พี่จัดให้ [p.24 D.6-1-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-01-2017 23:22:34
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 66 น้องขอมา พี่จัดให้ [p.24 D.6-1-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 07-01-2017 15:42:32
กายกว่าจะรู้ตัวก็โดนกินแหละ  :a3: :a3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 66 น้องขอมา พี่จัดให้ [p.24 D.9-1-60]
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 10-01-2017 08:09:44
โอ้ยยยยกานเสน่ห์แรงเว่อร์ สามพี่น้องแข่งกันจีบกาย พี่เอกจะทำไง สู้ๆพี่เอก :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 67 ดูหนัง [p.24 D.20-1-60]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 14-01-2017 12:34:54
67 ดูหนัง [กาย..♥]
 







 
หน้าด้าน…
 
หน้าหนา…
 
หน้าทน…
 
หน้ามึน…
 
ตาหื่นตื่นไม่เลือกที่ ผมไม่รู้ว่าจะสรรหาคำไหนมาเปรียบความด้านกับความหื่นของพี่เอกมันดี กินผมได้ทุกที่ทุกเวลาจริง ๆ
 
แต่พอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทีไร
 
“โอ๊ย!! กูพูดไปได้ไงวะ”
ผมโขกหน้าผากกับโต๊ะเรียนปั๊ก ๆ ขยี้หัวตัวเองจนผมยุ่ง
 
อับอายขายขี้หน้าสุด ๆ
 
‘แรง ๆ พี่เอก’
 
โฮกกกกกกกกกกก
 
กูขอตายอีกรอบ
 
ขอเหอะ
ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดซะเถอะนะครับ เมื่อคืนผมไม่มีสติ ผมกำลังช็อกเรื่องพี่อาร์ตกับพี่อิฐ เลยพาลให้ทำเรื่องแบบนั้นไปโดยไม่รู้ตัว
 
‘อ๊า..แรง ๆ’
 
อ้าคคค!!
แล้วจะคิดขึ้นมาทำม้ายยย
 
ผมรีบปัดอากาศลบภาพที่ฟุ้งขึ้นมาให้มันหายไป
 
“เป็นอะไรของมึง ประสาทกลับรึไง”
ไอ้เต้ยมันถาม ผมเงยหน้าเบี้ยว ๆ มองมัน มันคงสมเพชในความขี้เหร่ของผม ถึงได้ทำหน้าเบี้ยวตาม
 
“พี่กูมันใช้อะไรมองวะ ถึงได้มาหลงรักคนแบบมึงได้ ขี้เหร่ฉิบหาย”
 
“ไอ้เชี่ย!!”
ผมด่ามันไปที พี่มันไม่ได้รักกู แต่รักมึงต่างหาก
 
“นี่สรุป มึงก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะให้กูคบกับพี่มึง”
 
“อืม”
 
“นี่เต้ย…”
 
“มึงหุบปากไปเลย”
มันเบรกผมลงกึก

“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น กูไม่รู้วิธีกำจัดพี่เอก กูรู้แต่วิธีทำให้มึงหลงรักพี่กู”
พอฟังมันพูดจบ ผมก็ได้แต่ทำหน้าเบื่อหน่ายใส่
 
เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำไป

ผมโทรไปเล่าเรื่องที่ไอ้เต้ยมันรู้ความจริงแบบผิด ๆ ให้พี่เป้ฟังแล้ว รายนั้นดูจะอึ้ง ๆ แต่ก็บอกให้ตามน้ำไปก่อน ผมก็ได้แต่รับปากแล้วไหลตามมันไป
 
 
“นี่กายไปดูหนังกัน”
นั่งไปสักพัก มันก็หันมาชวน
 
ผมหันไปมอง คว้าปากกาบนโต๊ะมาคาบ กระดกขึ้นลงเล่นแก้เซ็ง อาจารย์แกก็สอนไป แต่ไม่เห็นมีใครตั้งใจฟังกันสักคน ไม่นั่งเล่นเกมในมือถือก็นั่งคุยกัน
 
“เอาดิ อยากดูอยู่เหมือนกัน”
มีหนังเรื่องใหม่ของเฮียเฉินหลงเข้าโรงด้วย อยากดูครับ
 
“กูจะชวนพี่กูไปด้วย”
 
ผมเบ้หน้าหันไปมอง
 
กูรู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่เต้ย
 
แต่เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำ
 
 
 
 
 
 
 
หกโมงตรงเป๊ะ พวกเราก็มายืนกันอยู่หน้าโรงหนัง ไอ้เต้ยทำหน้าบูดเป็นตูดลิง คงไม่คิดว่าผมจะลากพี่เอกมาด้วย
 
“ไอ้กาย”
มันเตรียมจะด่า ผมรีบจับแขนพี่เอกลากไปซื้อตั๋วหนังทันที ไอ้พี่เอกมันก็ไม่ว่าอะไร ยิ้มแก้มบานเดินตาม
 
มึงจะดีใจอะไรนักหนา กะอีแค่ได้มาดูหนัง
 
“ยิ้มอะไร”
อดถามไม่ได้ครับ
 
 “ดีใจ”
 
ผมคิ้วขมวด
 
“ดีใจอะไร”
 
“ดีใจที่กายชวนพี่มาดูหนังก่อน ปกติมีแต่พี่ชวน”
 
ร้อนครับ ความร้อนถูกโกยจากปลายเท้าขึ้นมากองกันไว้ที่หน้าหมด ผมเสมองไปด้านอื่น ให้อยู่กับพี่มันแค่สองคน มันก็อายนี่หว่า ที่กล้าชวนมาวันนี้เพราะมีพี่เป้กับไอ้เต้ยอยู่ด้วยหรอก
 
พี่พนักงานยื่นตั๋วมาให้ 4 ใบผมรีบรับมาถือไว้แล้วเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
 
อยู่ใกล้พี่มันมาก กลัวละลายครับ 



 
 
หนังสนุกมาก เฮียเฉินหลงไม่เคยทำให้ผิดหวังแม้แต่น้อย กระโดดเตะกระโดดต่อยทำเรื่องน่าหวาดเสียวได้ตลอดทั้งเรื่อง เฮียแกเจ๋งจริง ๆ ตอนเด็ก ๆ ผมเคยอยากเป็นเหมือนแก
 
แต่สรุป...
แขนหักไปท่อน แล้วตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมก็ไม่ริเป็นเฉินหลงอีกเลย แต่ได้ข่าวมาว่าของแกน่ะ หักมาไม่รู้กี่ท่อนต่อกี่ท่อนแล้ว
 
อึดเกินคน
 
หนังก็สนุกดีอยู่หรอก แต่ก็อยากให้มันจบเร็ว ๆ จะได้รีบออกไปจากสถานการณ์นี้ซะที
 
ผมคิดผิดถนัดที่ชวนพี่เอกมันมาด้วย แค่ไอ้เต้ยกับพี่เป้ ยังรับมือง่ายหน่อย แต่กับคนคนนี้ รับมือไม่ไหวจริง ๆ ผมต้องนั่งดูหนังไป หน้าร้อนไป เพราะบางสิ่งที่ผมนั่งทับอยู่กำลังขยับเบา ๆ มือไม้พี่มันก็จับตรงนู่นนิดแตะตรงนี้หน่อย หนัก ๆ เข้าก็ลูบไล้ เผลอ ๆ มีล้วงเลย
 
โรงหนังที่เราเลือกดูเป็นโรงหนังชั้นวีไอพี เก้าอี้แดงทั้งหมด ใหญ่ครับ นั่งได้สบาย ตอนที่เข้ามาถึง ไอ้เต้ยมันจัดให้ผมนั่งเป็นคนแรก ต่อด้วยพี่เป้ตามด้วยมันตบท้ายด้วยพี่เอก
 
ตอนแรกพี่เอกก็ไม่ว่าอะไร นั่งดูไปเหมือนไม่เดือดร้อน แต่พอหนังเล่นไปได้สักพัก พี่มันก็ลุกมาลากผมไปนั่งบนตัก ไอ้เต้ยมองพี่เอกอึ้ง ๆ ไม่คิดว่าพี่เอกจะด้านได้ใจขนาดนี้
 
มึงรู้จักพี่มันน้อยไปไอ้เต้ย กูเจอมาเกือบทุกรูปแบบแล้ว

พอไอ้เต้ยมันทำหน้าสงสัยมาก ๆ พี่มันก็หันไปให้เหตุผล
 
“ไม่ได้นั่งกับเมียดูหนังไม่รู้เรื่อง”
 
อยากแทรกแผ่นดินหนี อายก็อาย ยิ่งดิ้นรนยิ่งโวยวายคนยิ่งมอง ผมเลยต้องนั่งนิ่ง ๆ แนบตัวเองให้เนียนไปกับร่างของพี่มัน
 
ไอ้เต้ยมันคงอยากโวยวาย แต่ทำไม่ได้เหมือนกัน 

 
ผมไม่รู้ว่าพี่มันดึงผมมานั่งด้วยเพื่อกันผมออกจากพี่เป้ หรือเพื่อตัวพี่มันเองกันแน่ เพราะหลังจากนั้น ผมก็ถูกแทะเล็มตลอด ทั้งมือที่กำลังยุบยับกับร่างกายผม ทั้งปากที่กำลังรุกไล้ไปทั่ว ซุกซอกคอบ้าง หอมแก้มบ้าง บางทีก็งับหูผมเล่นเบา ๆ
 
สยิวครับ
 
ดูหนังแทบไม่รู้เรื่อง
 
ตอนนี้เฮียเฉินหลง กำลังลอดใต้ท้องรถ และมือซ้ายของพี่เอกกำลังลูบไล้อยู่แถว ๆ ต้นขาผม ผมรีบจับและเบรกมันไว้ มือขวาเอาบ้าง เลื่อนเข้ามาในสาบเสื้อแล้วลูบหน้าท้องผมเบา ๆ เกือบครางออกมาแน่ะ ผมรีบยึดจับมือพี่แกไว้อีกที
 
เอาสิ…
 
มือมึงถูกกูจับกุมไว้หมดแล้ว หนังจบเมื่อไหร่ กูจะพามึงเข้าคุกทันที
 
แม้มือสองข้างของพี่มันจะถูกจับ แต่ปากยังเป็นอิสระ พี่มันซุกซอกคอผมก่อนงับเบา ๆ พาเอาผมสะดุ้งโหยง เผลอปล่อยมือไปคล้องคอพี่มันไว้อัตโนมัติ
 
ชินครับชิน
 
ผมหน้าร้อนผ่าว ได้ยินเสียงพี่มันหัวเราะหึ ๆ
 
ไอ้เลว ไอ้หื่น กูจะไม่มาดูหนังกับมึงอีกแล้ว
 
หลังจากนั้น พี่มันก็โอบสองแขนไว้รอบเอวผม นั่งนิ่ง ๆ ดูหนังไป ไม่ได้แทะหรือเล็มตัวผมอีกเลย ผมนั่งหวั่น ๆ อยู่สักพัก พอเห็นว่าพี่มันคงละความสนใจแล้วจริง ๆ ถึงได้ผ่อนคลายร่างกายแล้วกลับไปดูหนังอย่างสงบสุขอีกครั้ง
 
ถ้าพี่มันไม่หื่น ผมว่าผมได้ที่นั่งที่อบอุ่นที่สุดในโรงหนังเลยนะเนี่ย
 
ไอ้เต้ยมันหันมามอง ก่อนหันไปคล้องแขนพี่เป้ ซบหัวพิงต้นแขนใหญ่ สงสัยมันจะอิจฉาที่ผมมีเก้าอี้ส่วนตัว
 
สบายแฮครับงานนี้ ฮ่า ๆ ๆ
 
ช่วงแรก ๆ ก็เห็นไอ้เต้ยมันกันผมออกจากพี่เอกอยู่หรอก สักพัก สงสัยมันจะลืม เห็นมันชวนพี่เป้เดินดูของ สองแขนก็คล้องแขนพี่เป้ไม่ยอมปล่อย ผมว่ามันกับพี่เป้ ดูเหมือนคู่รักกันมากกว่าผมกับพี่เอกซะอีก
 
ว่าแต่…
 
กูกับพี่เอกเป็นแฟนกันแล้วเหรอวะ...
 
ผมบอกรักพี่มันไปแล้ว และพี่มันก็บอกรักผมแล้ว ถ้าใจตรงกัน แปลว่าเป็นแฟนกันแล้ว อันนี้ผมเข้าใจถูกต้องใช่ไหม?
 
ตอนนี้พี่เอกกำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าให้ผมเพิ่มอยู่
 
“ไม่ต้องซื้อใหม่ก็ได้พี่เอก กลับไปเอาที่บ้านก็ได้”
ผมรีบค้าน เมื่อเห็นราคาที่แปะป้ายเอาไว้หลายหลัก
 
“ซื้อ ๆ ไปเถอะ ที่บ้านก็เก็บเอาไว้ใช้ที่บ้าน”
 
แม่ม..
 
กูอยากจะถามว่าอาทิตย์หนึ่ง มึงปล่อยให้กูกลับไปนอนค้างที่บ้านได้สักกี่คืน
 
ถ้าไม่ใช่เพราะแม่มา หรือผมต้องการทำภาพเยอะ ๆ พี่มันก็ไม่ยอมปล่อยผมให้กลับบ้านหรอก ลากขึ้นห้อง ฟัดแหลกอย่างเดียว
 
“เสียดาย มันแพง ถ้าจะซื้อไปซื้อร้านนั้นกันดีกว่า”
ผมชี้ไปยังเสื้อผ้าที่เขากอง ๆ ขายกันอยู่ พี่มันมองตามมือผม แล้วก็หยิบชุดที่กำลังดูอยู่เมื่อกี้ไปให้พนักงานทันที
 
มึง จะไม่ถามกูสักคำ ว่ากูอยากได้ไหม ราคาเสื้อตัวหนึ่ง ซื้ออุปกรณ์กล้องเล็ก ๆ ได้ตั้งหลายตัว แล้วพี่มันก็พาผมไปเดินซื้อของเพิ่มเติมอีกเยอะแยะเต็มไปหมด
 
“พี่เอกพอเถอะ”
ผมรีบเบรกตอนพี่แกกำลังจะพาเข้าร้านเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายอีกร้าน
 
“ก็พี่อยากซื้อให้”
 
“พี่เอก”
ผมจ้องหน้าพี่มันเขม็ง พี่เอกหยุดฟังอย่างตั้งใจ
 
“เรากำลังคบกันอยู่ใช่ไหม”
 
พี่มันอึ้ง ๆ กับคำถามผม แล้วก็พยักหน้าขึ้นลง
 
ผมเม้มปากแน่น
 
“ผมรู้ว่าพี่อยากทำอะไรเพื่อผม แต่ผมก็รู้สึกลำบากใจ ผมไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่ามาเกาะพี่กิน ผมเป็นผู้ชาย ไม่ได้รู้สึกดีสักนิดที่มีคนมาเปให้แบบนี้”
ผมบอกตรง ๆ
 
พี่มันมองผมอึ้ง ๆ ถอนหายใจเบา ๆ แล้วเดินเข้ามายืนจนชิด
 
มึง ใกล้ไปแล้ว ออกไปยืนห่าง ๆ กูหน่อยก็ได้
 
อยากเขยิบหนีครับ แต่หลังผมติดกำแพงกระจกร้านเสื้อขนาดใหญ่ด้านหลังไปแล้ว
 
“รู้ไหม ว่าทำไมผู้ชายถึงได้อยากซื้อของให้คนที่ตัวเองคบอยู่”
 
ผมนิ่งคิดสักพักก่อนตอบไป
 
“ก็เพราะอยากให้”
ลองคิดกลับกันดู ถ้าผมมีแฟนสักคน ก็อยากซื้อของให้เหมือนกัน และเท่าที่รู้มา ผู้หญิงก็ชอบให้ผู้ชายซื้อของให้ด้วย แต่ผมเป็นผู้ชาย ศักดิ์ศรีมันต่างกัน ถึงผมจะขึ้นชื่อว่าเป็นเมียพี่เอก แต่ยังไงก็เป็นผู้ชายอยู่ดี
 
“นั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่ง แต่มีอีกเหตุผลก็คือ…”
พี่มันโน้มหน้าลงมาใกล้ จนผมต้องเสหน้าหลบไปด้านข้าง พี่มันกระตุกยิ้มเบา ๆ
 
“เพราะพี่อยากเป็นคนถอดชุดนั้นเองกับมือ”
 
ผมอ้าปากพะงาบ ๆ พี่มันหัวเราะหึ ๆ หันหลังเดินจากไป
 
สุดท้าย พี่มันก็วกกลับมาที่เรื่องใต้สะดือทุกที


 :กอด1:



“ไม่ไหวแล้วพี่เป้ เหนื่อย”
ไอ้เต้ยมันบ่น นั่งปุลงบนเก้าอี้ในร้านเคเอฟซีหลังจากเดินวนซื้อของจนรอบห้าง
 
“คนที่ลากพี่เดินดูของก็นายเองนะ”
พี่เป้ตอกกลับ
 
 
“โอ๊ย ก็มีแต่ของน่าซื้อทั้งนั้นนี่”
ไอ้เต้ยมันนักช็อปครับ แต่ส่วนใหญ่จะซื้อของให้พี่มันมากกว่า ผมลอบมองพี่เป้บ่อย ๆ เพื่อเช็คว่าพี่มันเป็นยังไง แต่เห็นพี่มันยังนิ่ง ๆ อยู่ ไม่รู้ว่าฝืนอยู่หรือเปล่า
 
วันพรุ่งนี้ผมต้องไปดูออฟฟิศใหม่ของพ่อ เห็นบอกว่าให้ช่างมาต่อเติมจนเรียบร้อยไปเยอะแล้ว ที่เหลือก็ให้ผมไปช่วยดู ว่าจะจัดแต่งตรงจุดไหนเพิ่มเติมอีกบ้าง งานนี้พ่อเป็นผู้จัดการสาขาพร้อมผู้ออกแบบไปในตัว ผมเลยชวนพี่เอกไปที่ร้านหนังสือ กว้านซื้อพวกหนังสือสำหรับตกแต่งออฟฟิศมาดู
 
หลังจากกินไก่จนอิ่ม ผมก็หยิบพวกหนังสือที่ซื้อมาเมื่อกี้ขึ้นมาพลิก ๆ เปิดดู ได้มาหลายเล่มเลย
 
“มึงจะซื้อไปทำไมเยอะแยะวะ”
ไอ้เต้ยมันถามขณะถือน่องไก่ด้วยสองมือ แล้วก้มลงกัด
 
มันทำซอสเลอะ ผมกำลังจะเอื้อมไปเช็ดให้ แต่ก็ช้ากว่าพี่เป้ที่ใช้นิ้วโป้งแตะเช็ดให้มันแล้วนำเข้าปากตัวเอง ผมเห็นไอ้เต้ยทำหน้าอึ้ง ๆ มองพี่มัน แก้มมันแดงหน่อย ๆ ด้วย
 
สงสัยจะดีใจที่พี่เป้ดูแลมันดี ผมยิ้มไปกับภาพที่เห็น
 
พี่เอกถามรายละเอียดออฟฟิศพ่อกับผมนิดหน่อย ผมก็เล่าเท่าที่รู้ให้ฟัง พี่แกก็ให้คำแนะนำเพิ่มเติม พี่เป้ก็ร่วมด้วย พอสองอนาคตผู้บริหารสุมหัวเข้าหากัน ใบหน้าก็พากันเคร่งเครียดทันที
 
แม่ม!!
 
เวลาเข้าโหมดงาน พวกมึงนี่น่ากลัวฉิบ
 
พี่เอกถามรายละเอียดในส่วนที่ผมไม่รู้ ผมเลยโทรถามพ่อ คุยกันไปคุยกันมา พวกเราเลยตกลงจะเข้าไปดูออฟฟิศใหม่พ่อพร้อมกันหมดเลย
 
ผมยิ้มแก้มบานครับ ดีใจที่พี่แกเข้ามาช่วย
 
ผมสังเกตเห็นไอ้เต้ยแอบมองพี่เป้บ่อย ๆ ด้วย มึงจะอะไรนักหนาวะเต้ย ปล่อยพี่มันไปบ้างเถอะ





 
เกินคาดครับ
 
เกินคาดไปหลายเรื่องมาก
 
อย่างแรกแม่ติดสอยห้อยตามพ่อมาด้วย ผมมองแม่ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ตอนแรกก็คิดว่าพวกแกคืนดีกันแล้ว แต่ที่ไหนได้…
 
“มาดูว่าน้ำหน้าอย่างพ่อแกจะทำได้ดีแค่ไหน”
ปากพูดไปงั้น แต่ตางี้วาวตอนเห็นตึกที่พ่อเรียกว่าออฟฟิศ
 
ครับเกินคาดอย่างที่สองก็ไอ้ออฟฟิศพ่อนี่แหละ บอกว่าออฟฟิศไอ้เรารึก็คิดว่าเป็นแค่ห้องเช่าเล็ก ๆ ห้องเดียว หรืออย่างหรูก็แค่อาคารพาณิชย์สักคูหา
 
แต่นี่เป็นตึกสูงห้าชั้นขนาดใหญ่ พร้อมลานจอดรถส่วนตัวอีกสิบกว่าคัน ไม่ได้อลังการงานสร้างเท่าตึกของพี่เอก แต่ก็มากโขสำหรับคนฐานะปานกลางแบบพ่อผม
 
ผมกับแม่ยืนอึ้งไม่แพ้กัน ที่สำคัญตึกสวยมาก ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจด้วย
 
“สวยไม่เบาแฮะ”
อันนี้เป็นเสียงพี่กิ๊ฟครับ
 
“ใช่ ๆ”
และนี่ก็เหล่าเพื่อน ๆ ของพี่กิ๊ฟอีกที
 
และนี่ก็คือสิ่งที่เกินคาดอย่างที่สาม ตอนแรกก็คิดว่าจะมากันแค่พี่เป้กับพี่เอก แต่ที่ไหนได้ มากันยกยวง เก่งกันคนละแบบครับ พอมาถึง ก็แทบจะกอดคอพ่อสำรวจพื้นที่ ให้คำแนะนำกันไป
 
อย่าลืมครับว่าพวกพี่ ๆ เขาเก่งกันขนาดไหน ผมกับไอ้เต้ยเลยกลายเป็นหมาหัวเน่า หาประโยชน์ใดได้ไม่  สุดท้ายเลยพากันถีบตัวเองมายืนมองวิวท้องฟ้ากันที่ชั้นสี่ผ่านกระจกใสแทน
 
“กาย”
มันหันมาเรียก

“หือ?” ผมหันไปครางรับในลำคอ

“ถ้าวันหนึ่ง มึงเกิดไปหลงรักใครบางคนที่ไม่ควรรักขึ้นมา มึงจะทำยังไง”

ผมมองหน้ามันงง ๆ
 
“ทำใจ แล้วก็พยายามตัดใจไง”
 
“เหมือนพี่กูใช่ไหม”
มันให้คำตอบตัวมันเองเสียงเบา เม้มปากแน่น หันมองออกไปนอกกระจก

ตอนนี้เห็นพวกพี่ ๆ พ่อแล้วก็แม่ผม พากันเดินไปหยุดอยู่หน้าออฟฟิศ แล้วแหงนหน้ามองมาทางพวกเรา คงกำลังดูตำแหน่งพวกป้ายหรืออะไรกันสักอย่างนั่นแหละ
 
ผมกับไอ้เต้ยมองเห็นด้านนอกกันได้ชัดเจน แต่คนด้านนอกคงเห็นเราไม่ชัดเท่าไหร่ เพราะเป็นกระจกตัดแสง  ไอ้เต้ยเขยิบไปยืนเกาะกระจก จ้องมองไปทางพี่เป้

ผมตบไหล่มันเบา ๆ ที
 
สงสัยมันจะไปหลงรักใครบางคนที่มีเจ้าของเข้าแล้วแน่ ๆ ถึงได้กลุ้มขนาดนี้
 
เฮ้อ! ทั้งพี่ทั้งน้อง
 
ผมละความสนใจจากมันหันไปมองผู้คนที่อยู่ด้านล่างอีกที ผมอมยิ้ม ตอนพ่อหันไปถามความเห็นอะไรสักอย่างกับแม่ แต่แม่สะบัดหน้าหนีทำเป็นไม่ใสใจแล้วขยับปากพูดอะไรสักอย่าง พ่ออมยิ้ม รีบจดสิ่งที่แม่พูดลงในสมุดยิก ๆ
 
ความฝันของผม ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
 
ผมหันไปมองไอ้เต้ยอีกที แต่มันไม่อยู่แล้ว ผมมองไปรอบ ๆ ห้อง แต่ไม่เห็น ไม่รู้มันหายไปไหน ผมถอนหายใจเบา ๆ
       
ให้เวลามันหน่อยละกัน มันคงกำลังนอยด์เรื่องรักต้องห้ามอยู่
         
ผมหันกลับมาที่เดิม หน้าตึกว่างเปล่า ทุกคนหายไปกันหมดแล้ว ผมเลยละสายตาจากพื้นว่างเปล่าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยปุยเมฆขาวด้านบน วันนี้แดดแรงครับ อย่างเปรี้ยง ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสมชื่อ เมฆขาวจำนวนมากมาย ลอยละล่องเคลื่อนตัวปรับรูปเปลี่ยนร่างไปเรื่อย
 
ผมยิ้มให้กับก้อน เมฆที่เปลี่ยนรูปเป็นหน้าคน ใบหน้าแบบนั้น ทำให้นึกถึงพี่เอกขึ้นมาทันที มอง ๆ อยู่ ก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะมีมือของใครบางคนมาจับเอวไว้ ผมหันไปมอง ก่อนภาพตรงหน้าจะเบลอไปและริมฝีปากผมก็ไร้อิสระ
 
อยากผลักออกเหมือนกัน แต่อารมณ์นี้ ความรู้สึกนี้ ทำให้ผมเปลี่ยนใจเป็นเผยอริมฝีปากเปิดให้ลิ้นร้อนสอดเข้ามาภายในได้แทน
 
รสจูบอันคุ้นเคย
 
รสจูบที่นุ่มนวลและร้อนแรงในเวลาเดียวกัน
 
รสจูบของพี่เอก
 
พี่มันค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออก
 
“ดูอะไรอยู่”
 
“ดูเมฆ สวยดี”
 
พี่แกเงยหน้ามองท้องฟ้าแบบเดียวกับผม ก่อนสอดมือผ่านเอวเขยิบเข้ามาจนชิด โอบผมเอาไว้ทั้งตัว 
 
“สวยจริง ๆ”
 
“อะแฮ่ม พวกมึงนี่ สวีทกันได้ทุกที่เลยจริง ๆ”
ไม่ได้ยินมานานแล้วครับ ไอ้เสียงขัดบาทาแบบนี้
 
“อิจฉา?”
แต่แทนที่พี่เอกจะปล่อยมือออก กลับเบี่ยงตัวหันไปเผชิญหน้ากับเพื่อนทั้งที่ผมยังอยู่ในอ้อมแขน 
 
“ไม่อิจฉาธรรมดา กูโคตรของโคตรจะอิจฉาเลย ตากูร้อนด้วย”
พี่มันชี้ไปที่ตาตัวเอง 
 
“แม่ง เดี๋ยวแย่งมาเป็นของกูซะนี่”
คำพี่แกทำเอาผมสะดุ้งโหยง
 
“พอเลยมึง แค่ไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐ กูก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว”
 
“หมายความว่ายังไง”
พี่กิ๊ฟแทรกตัวมายืนอยู่หน้าสุดแล้วถาม
 
พี่เอกคลายมือออกจากเอวผม เริ่มต้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อน ๆ ฟัง พ่อกับแม่ผมก็อยู่ด้วย แม่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากผมตอนเรากลับบ้านกันแล้ว เลยไม่แปลกใจเท่าไหร่
 
“แหม ลูกพ่อนี่เสน่ห์แรงจริง ๆ”
พ่อผมแซว
 
“ไม่เห็นดีเลย”
ผมบ่นหงุบ พ่อเดินมาลูบหัว
 
“ขนาดพ่อยังอยากจีบลูกชายตัวเองเลย แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น”
 
พี่เอกที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันรีบรั้งเอวผมเข้าไปกอดทันที
 
“นี่ของผม”
 
ผมอ้าปากค้าง พี่เอก! นั่นพ่อผมนะ
 
พ่อหัวเราะร่วน ตบบ่าพี่เอกปุ ๆ
 
“ไม่ต้องห่วงหรอก พ่อไม่สนอาร์ตตัวลูกหรอก พ่อต้องการอาร์ตตัวแม่มากกว่า”
 
ผมขมวดคิ้วงุนงง ก่อนถึงบางอ้อหลังจากนั้นไม่กี่วินาที ส่วนอาร์ตตัวแม่ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ยืนหน้าแดงก่ำมองกำแพงมองเพดานอยู่ด้านหลังครับ
 
พวกเราพากันอมยิ้ม ขำไปกับท่าทางน่ารักแบบนั้น
 
สักพักพวกเราก็ยกโขยงกันกลับ เพราะพ่อต้องไปทำธุระต่ออีกหลายอย่าง ส่วนผม โดนพี่เอกลากกลับคอนโดเหมือนเดิม ไปใส่ชุดที่พี่แกซื้อให้นั่นแหละ

แล้วไม่ต้องถามนะ ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น

รู้แค่ว่า ผมเป็นคนใส่ แต่คนถอดน่ะ เป็นคนซื้อ
 
แม่ง พี่มันหื่นได้ใจจริง ๆ




To Be Con..
หนุกหนานกันตามเบย คลานกลับขึ้นเตียง สลบเหมือด คร็อก!




หนังสือ & e-book >>https://goo.gl/PMPdyA
(http://upic.me/i/64/kisslovebymemew150.jpg)
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 67 ดูหนัง [p.24 D.13-1-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: queenrose ที่ 14-01-2017 12:43:17
อื้ออออ เขิน!!!!! >/< :-[
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 67 ดูหนัง [p.24 D.13-1-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 14-01-2017 13:24:27
เชิ๊บๆ พี่แกอยากถอดเอง :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 67 ดูหนัง [p.24 D.13-1-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-01-2017 13:53:41
“เพราะพี่อยากเป็นคนถอดชุดนั้นเองกับมือ”
พี่เอก กระชากใจอีกและ  :ling1: :ling1: :ling1:
เหตุผลใต้สะดือมาอีก
ลุ้นคู่พี่เป้ เต้ย  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 68 เที่ยวนครสวรรค์ & ดูดาว [p.24 D.24-2-60] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 03-02-2017 18:57:11
68
เที่ยวนครสวรรค์ & ดูดาว
[เอก...☼]




 

 
ตอนนี้พวกเรามารวมตัวกันอยู่ที่ผืนแผ่นดินของจังหวัดนครสวรรค์แล้วครับ
 
นครสวรรค์ ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีพืชผักและผลไม้ส่งออกจำนวนมาก และหนึ่งในสวนผลไม้ขนาดใหญ่ของที่นี่ก็มีครอบครัวของไอ้กิ๊ฟเป็นเจ้าของ
 
ที่นี่อากาศดีอย่าบอกใคร ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป

ผมกวาดมองไปรอบ ๆ เพื่อชื่นชมความงามของสวนผลไม้รอบด้าน ก่อนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกกวาดเก็บเอาความสดชื่นเข้าไป
 
แต่มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าทริปครั้งนี้ จะมีแค่ผมกับเพื่อน ๆ และไอ้ตัวเล็ก ไม่ใช่ใครคนนอกมาร่วมด้วยแบบนี้

ผมกวาดมองไปรอบ ๆ อีกที
 
ด้านซ้ายเป็นไอ้คุณชรินทร์ ด้านขวาเป็นไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐ พวกทโมน รวมถึงพ่อแม่ผมเกาะกลุ่มกันอยู่
 
มากันยกครัวครับ
 
ทั้งพ่อแม่ผมและพ่อแม่ไอ้ตัวเล็ก สองครอบครัวเจอกันและทักทายกันแล้วตอนก่อนเดินทาง โดยมีสามทโมนเป็นตัวกลาง
 
จริง ๆ ผมไม่ได้กะจะพามายกครัวแบบนี้หรอก พอพวกทโมนมันรู้ว่าพวกผมจะมา เลยอ้อนขอตามมาด้วย ไอ้กิ๊ฟก็ไม่ว่าอะไร เพราะเคยไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยกันมาแล้ว
 
พ่อกับแม่ผมอยากมาระลึกความหลังครับ พวกท่านเคยมาสวีทกันที่นี่ตอนสมัยจีบกันใหม่ ๆ

แต่ไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐนี่ ไม่รู้ว่ามาเที่ยวด้วยเพราะมีเจตนาอะไร

ส่วนไอ้คุณชรินทร์ พอมันรู้ว่าไอ้ตัวเล็กจะมา เลยขอมาหาวิวใหม่ ๆ เพื่อถ่ายภาพด้วย โดยเฉพาะฟาร์มม้ากับสวนองุ่น
 
งานนี้คู่แข่งมากันครบ
           
ไม่รู้จะกันตัวไหนออกก่อนดี ซ้ายก็ไอ้คุณชรินทร์ ขวาก็ไอ้โอ๊ค หน้าก็ไอ้อาร์ต หลังก็ไอ้อิฐ ผมแทบจะเกาะไอ้ตัวเล็กไว้แน่นหนึบ
 
พอมาถึง พ่อกับแม่ไอ้กิ๊ฟก็พากันโกยลูกน้องนับสิบมาต้อนรับ แม่มันร้องไห้ใหญ่ เพราะมันไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว

 
“ดีไอ้น้อง”
พี่กิจ พี่ชายคนโตไอ้กิ๊ฟเดินมาตบหลังน้องมันดังป้าบ คนอื่นพากันย่นหน้าทำท่าเจ็บแทน แต่ดูไอ้กิ๊ฟจะไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย (ครอบครัวนี้เล่นแรงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วครับ)
 
“คนไหน แฟน”
พี่ก้อง พี่ชายคนรองชะโงกหน้ามองหาคนที่น่าจะเป็นแฟนมัน พี่ก้องมองหน้าพวกผมทุกคน แต่คุ้นหน้ากันดีครับ ก่อนมองไปยังกลุ่มคนหน้าใหม่อย่างไอ้เต้ย ไอ้ตัวเล็กแล้วก็ไอ้คุณชรินทร์
 
ไอ้เต้ยกับไอ้ตัวเล็กตัดทิ้งไปได้เลย เพราะไม่ใช่สเป็คของไอ้กิ๊ฟมัน ไอ้คุณชรินทร์เข้าข่ายหน่อย เพราะมันหล่อ เท่ ตัวสูง ผิวขาว หน้าลูกครึ่ง
 
“ไม่ใช่สามคนนั้นหรอกพี่ นู่นคนโน่น”
ไอ้มอมันบุ้ยหน้าไปยังรถตู้ที่มีใครบางคนกำลังมุดตัวออกมา พี่ก้องกับพี่กิจอ้าปากค้าง

ไม่แน่ใจว่าที่ค้าง เพราะเห็นว่าเป็นฝรั่งหรือเพราะความหล่อของมันกันแน่
 
“Hi, Nice to meet you I...”
แล้วแฟนไอ้กิ๊ฟก็สปีคไฟแลบแนะนำตัวกับพวกพี่ ๆ มัน มือไม้ก็จับคนนู้นทีคนนี้ทีเขย่าขึ้นลงยกใหญ่ มันคงตื่นเต้นไม่แพ้กัน
 
“นี่เนี่ยนะ”
พี่ก้องชี้นิ้วใส่หน้าฝรั่ง (มึงมีมารยาทมากเลยเหอะ)

ไอ้กิ๊ฟพยักหน้า

พ่อกับแม่ที่ยืนทักทายผู้ใหญ่สองบ้านอยู่รีบเดินเข้ามาดูทันที
 
“โอ้ คนนี้นี่เอง”
พ่อแม่พากันน้ำตาเล็ดจับมือฝรั่งเขย่าขึ้นลงใหญ่
 
งานนี้ฝรั่งงงครับ

ไอ้กิ๊ฟมันเลยบอกว่าสองคนนี้เป็นพ่อกับแม่มันเอง ฝรั่งเลยรีบยกมือไหว้ปลก ๆ เหมือนพระวัดเส้าหลินไหว้คู่ต่อสู้
 
ไอ้กิ๊ฟมันเล่าให้ฟังว่า ตอนแรกเดวิดไม่ได้อยากมาเที่ยวเมืองไทยหรอก พอดีเพื่อนมันตีตั๋วลงให้ผิดประเทศ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เลยเที่ยว ๆ ไม่ให้เสียเวลา
 
มาอาทิตย์หนึ่ง วันนั้นมันจะกลับอยู่แล้ว ดันมาเจอไอ้กิ๊ฟในเวอร์ชั่นหญิงจ๋าเข้าให้ พ่อท่านเลยเดินดุ่ม ๆ เข้ามาทักแบบไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน หลังจากนั้น มันก็ตีตั๋วกลับมาเมืองไทยใหม่ เพื่อมาจีบไอ้กิ๊ฟมันโดยเฉพาะ
 
ปัจจุบันก็อย่างที่เห็น
 
มันพยายามเรียนรู้ความเป็นไทยทุกอย่าง ก็อย่างว่าแหละนะ มารักกับคนไทยก็ต้องทำอย่างนี้แหละ
 
พอพวกเราแนะนำตัวกันคร่าว ๆ ให้รู้ว่าใครเป็นใคร มีฐานะอะไร โดยตรงกับโดยอ้อมกับไอ้กิ๊ฟมันยังไง พ่อกับแม่ก็พาพวกเราไปที่พัก

บ้านมันเป็นบ้านเรือนไทยครับ เรือนไทยแท้แบบดั่งเดิมเลย ไม้สักทั้งหลัง ไม่รู้หลังนี้กี่สิบล้าน มีหนังมาถ่ายทำกันหลายเรื่องแล้ว
 
เราเคยไปเที่ยวสวนของไอ้กิ๊ฟกันมาก่อน แต่เป็นที่ใต้ซะส่วนใหญ่ ที่นี่เป็นที่ล่าสุดที่พ่อมาบุกเบิก และคงจะปักหลักปักฐานอยู่ที่นี่แหละ ที่เหลือก็ให้ญาติ ๆ ดูแลไป
 
เดวิดตาโตยืนมองตัวบ้านด้วยความชื่นชม และไม่ต้องพูดถึงไอ้ตัวเล็กเลย มาถึงมันก็เดินลิ่วยกกล้องถ่ายรูปไม่หยุด ทิ้งพ่อกับแม่ไว้ให้พวกทโมนดูแล
 
ผมพูดคุยกับผู้ใหญ่อยู่สักพัก ก็ลาท่านไปเดินตามไอ้ตัวเล็ก ต้องรีบหน่อย เดี๋ยวมีใครมาซิวมันไปอีก

เดินยังไม่ทันถึงตัว ไอ้คุณชรินทร์ก็เข้าประชิดตัวตัดหน้าผมไปก่อน

ไอ้ตัวเล็กยิ้มรับแก้มบาน แล้วพวกมันสองคนก็พากันเดินถ่ายรูปคู่กันไป
 
ผมเลือกที่จะก้าวช้า ๆ เดินตามอยู่ห่าง ๆ ไม่ให้พวกมันรู้ตัว

ที่ผมไม่เข้าไปแทรก เพราะผมรู้ว่าช่วงเวลาแบบนี้ มันคงต้องการความเป็นส่วนตัวและอยู่กับคนที่มันนับถือมากกว่า
 
ถึงผมจะหึง แต่ผมก็เรียนรู้ที่จะเข้าใจและไม่เข้าไปก้าวก่ายมันเกินความจำเป็น โดยเฉพาะเรื่องการถ่ายรูปที่มันรักหรือเรื่องพ่อกับแม่มัน
 
ผมเดินตามเงียบ ๆ ปล่อยให้พวกมันถ่ายรูปกันไป บางครั้งพวกมันก็ถ่ายด้วยกัน บางครั้งก็ต่างคนต่างถ่าย บางครั้งไอ้คุณชรินทร์ก็เข้ามาแนะนำบ้าง บางครั้งไอ้ตัวเล็กก็เดินไปขอคำแนะนำบ้าง

เห็นมันยิ้มแล้วผมก็พลอยมีความสุขตามไปด้วย
 
“สนุกรึไง เดินตามเป็นเงาแบบนี้”
 
ผมหันไปมองคนถาม ก่อนหันกลับมามองจุดเดิมเมื่อรู้ว่าเป็นใคร
 
“ก็สนุกดี”
ผมตอบไม่ใส่ใจ
 
“ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคนคนนั้นกำลังจีบกายอยู่เนี่ยนะ”

 
ผมปรายตามองคนถาม
 
“ใช่ แต่รู้ว่าเขาจะไม่ทำอะไรกาย…เหมือนที่นายเคยทำ”
 
มันหันมามองหน้า ไม่พูดหรือถามอะไรต่ออีก แล้วเราสองคนก็พากันเดินตามช่างภาพสองคนไปเงียบ ๆ แบบไม่มีเหตุผล วิชาตัวเบาของไอ้อาร์ตก็เก่งไม่แพ้ผมหรอก

สักพัก พวกมันทั้งคู่ก็หันมาเห็นพวกเรา 
 
“อ้าว มากันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
ไอ้ตัวเล็กเดินยิ้มเข้ามาหา มันจำผมได้ เพราะชุดและสร้อยที่ใส่อยู่ ก่อนหันไปทางไอ้อาร์ต มันเอียงคอมองนิดหนึ่ง

คงกำลังคาดเดาอยู่ว่าเป็นใคร ระหว่างไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐ
 
ตอนนี้ดูยากครับ เพราะหน้ามันหายช้ำแล้ว ที่สำคัญ พวกมันดันใส่ชุดมาเหมือนกันอีก

ไอ้ตัวเล็กหน้าเสียไปนิดตอนไอ้คนข้าง ๆ ผมส่งยิ้มพราวไปให้
 
“เอ่อ… ผมว่าพวกเราไปหาคนอื่น ๆ กันดีกว่า”
มันรีบชวน

ผมพยักหน้าก้าวเท้าเดินตาม ส่วนตัวมันเอง เดินเคียงไปกับไอ้คุณชรินทร์ที่ก้มหมุนภาพให้มันดูไปตลอดทาง
 
พวกเราเดินทางออกจากกรุงเทพกันบ่ายวันศุกร์ถึงนี่ราว ๆ สี่โมงเย็น มีเวลาให้เดินชมวิวกันอีกนิดหน่อย ก่อนพากันไปอาบน้ำอาบท่าพักผ่อนตามอัธยาศัย
 
บ้านไอ้กิ๊ฟกว้างมาก แต่เอาไว้รับแขกซะส่วนใหญ่ ส่วนที่นอนกันจริง ๆ ก็นู้นครับ บ้านเล็กในสวน เหมือน ๆ บ้านใหญ่เอาไว้รับแขกหรือเอาไว้ให้เขามาถ่ายหนังกันมากกว่า
 















 
หกโมงตรงพวกเราทุกคนก็มารวมตัวกันอยู่กลางชานบ้านที่เปิดโล่งยื่นยาวออกไปด้าน นอกภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่สูงลิบกันแสงแดด ถ้ามีสายฝนโปรยปรายลงมาสักนิด ที่นี่คงจะสวยน่าดู กลางชาน มีโต๊ะอาหารคล้ายโต๊ะญี่ปุ่นเรียงกันอยู่สี่โต๊ะ ทุกโต๊ะมีอาหารจัดเรียงไว้จนเต็ม
 
รอบโต๊ะมีเบาะรองนั่งลายพื้น ๆ วางเรียงกันไว้ มีหมอนอิงแบบสามเหลี่ยมสูง ๆ รองหลังครบทุกที่นั่ง ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นท่านเจ้าคุณยังไงบอกไม่ถูก แถมยังมีคนงานหญิงสูงวัยใส่ผ้าถุงลายโบราณ ๆ มาคอยดูแลยกข้าวยกน้ำเสิร์ฟอีกต่างหาก
 
ครอบครัวไอ้กิ๊ฟนั่งอยู่โต๊ะแรกสุด มีมัน แฟนมัน พ่อแม่ พี่ชายทั้งสอง ส่วนพี่ไหมเมียพี่กิจดูแลลูกอ่อนอยู่ที่บ้านเลยไม่ได้มาด้วย 
 
ฝรั่งจ้อใหญ่ พูดได้น้ำไหลไฟดับ ดีที่คนในครอบครัวมันพูดภาษาอังกฤษกันได้ทุกคน เลยไม่มีปัญหา ครอบครัวนี้เป็นชาวสวนที่จบสูงกันทุกคนครับ พี่กิจกับพี่ก้องนี่ดีกรีเด็กนอกทั้งคู่ แล้วอีกอย่างครอบครัวมันทำสวนพ่วงด้วยธุรกิจโฮมสเตย์ด้วย ลูกค้าหลัก ๆ จึงเป็นชาวต่างชาติ
 
 โต๊ะถัดมาเป็นพ่อแม่ผมกับพ่อแม่ไอ้ตัวเล็ก โดยมีพวกทโมนนั่งแทรกอยู่อีกที ส่วนโต๊ะที่สาม พวกเพื่อน ๆ ผมยึด มีไอ้มอ ไอ้โอม ไอ้ปิง ไอ้อิง ไอ้สาว ไอ้อ้อย
 
สามโต๊ะแรกเป็นโต๊ะเล็ก นั่งกันได้หกคนต่อโต๊ะ (ยกเว้นโต๊ะพ่อกับแม่ที่มีพวกทโมนมันแปลงร่างเป็นหนึ่งกลมกลืนนับไม่เคยถึงสาม) มีโต๊ะสุดท้ายที่ผมนั่งอยู่นี่แหละ ใหญ่สุดแล้ว
 
แล้วคุณเดาเอาสิครับ ว่าพวกที่เหลือ มีใครกันบ้าง
 
ผมนั่งคู่กับไอ้ตัวเล็ก ขนาบข้างมันด้วยไอ้คุณชรินทร์ ต่อด้วยไอ้เต้ย ไอ้เป้ ไอ้โอ๊คที่ปกติจะนั่งติดกับไอ้ปิง วันนี้มันก็มาร่วมโต๊ะด้วย ถัดจากมันก็ไอ้อิฐ และไอ้อาร์ตที่นั่งคู่กับผมอีกที
 
คู่แข่งครบครัน
 
“พวกคุณนี่หน้าตาเหมือนกันเด๊ะเลย”
ไอ้คุณชรินทร์มันมองพวกผมสามคนทึ่ง ๆ
 
“แล้วกายแยกออกไหมว่าใครเป็นใคร”
 
ไอ้ตัวเล็กส่ายหัวไปมา ทำหน้าเจื่อน ๆ ตักข้าวเข้าปาก
 
“ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม แค่หน้าตานะฮะ แต่ความรู้สึกเวลาอยู่ใกล้ คนละอารมณ์เลย”

 
ไอ้คุณชรินทร์ทำหน้าสงสัย
 
ผมก็สงสัย
 
และดูเหมือนทุกคนจะสงสัยเหมือนกันหมดเลย
 
“ยังไง”
มันถาม
 
“ก็…”
ไอ้ตัวเล็กมันนิ่งไปนาน ก่อนหน้าแดง แล้วพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ขยับตัวขยุกขยิก นั่งตัวตรง ๆ
 
“พี่เอกให้ความรู้สึกเหมือนเป็นพระอาทิตย์ตอนกลางวัน ร้อนแรง เป็นแดดเปรี้ยง ๆ”
มันพูดซะผมเสีย
 
“ส่วนพี่อาร์ตคล้ายกับพระอาทิตย์ตอนกลางคืน ไม่เห็นแต่รู้ว่ามีอยู่ โผล่มาทีก็แสบผิวที”
อื้อหือ ดูมันพูดเข้า
 
“ส่วนพี่อิฐ เหมือนพระอาทิตย์ขึ้นกับพระอาทิตย์ตกหารครึ่งระหว่างพี่เอกกับพี่อาร์ตอีกที”

 
ทุกคนงงกับคำเปรียบมันครับ ยกเว้นไอ้คุณชรินทร์ที่พยักหน้าเข้าใจ มันมองพวกผมสามคนสลับกันไปมา
 
“ก็จริง”
ตรงไหนวะ
 
ไอ้ตอนแรกผมก็คิดว่าตัวเองเป็นพระอาทิตย์ยามเช้าหรือยามเย็นซะอีก ไหงกูกลายเป็นแดดเปรี้ยง ๆ ไปได้วะเนี่ย คนที่น่าจะเป็นแดดเปรี้ยง ๆ น่าจะเป็นไอ้อาร์ตมากกว่า
 
“แล้วพระอาทิตย์ตอนไหนน่ากลัวที่สุด”
มันถามต่อ
 
ไอ้ตัวเล็กทำท่าคิด
 
“พระอาทิตย์ยังไงก็คือพระอาทิตย์ มีทั้งคุณและโทษ น่ากลัวเท่ากัน แต่ก็ทำให้รู้สึกดีพอกัน”

 
ผมหวิวไปกับคำตอบมัน ถ้าอย่างนั้น มันก็สามารถชอบใครก็ได้งั้นสิ
 
“แต่ผมเกิดตอนพระอาทิตย์ตรงหัวพอดี ผมเลยชอบพระอาทิตย์ตอนกลางวันมากกว่า”
มันพูดเสียงเบา ก้มหน้าตักข้าวกิน

มันคงไม่ได้มองว่าทุกสายตา ยกเว้นไอ้เต้ยกับไอ้เป้มองมันกันหมด
 
ผมแทบหลุดยิ้ม แต่ก็เก็กหล่อเอาไว้ก่อน

 :L2:




หลังจากมื้อค่ำพวกเราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เพราะจะเริ่มเที่ยวกันจริง ๆ จัง ๆ ก็วันพรุ่งนี้
 
ผมเลือกที่จะออกมาเดินเล่นที่กลางชานบ้าน คนต่างจังหวัด สองสามทุ่มก็พากันปิดไฟเข้านอนแล้ว

ตอนนี้ก็เหมือนกัน
 
ดวงไฟทุกดวงปิดสนิท แต่มันไม่เป็นอุปสรรคในการเดินเล่นของผมแม้แต่น้อย เพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนหงาย ดวงจันทร์ที่เหมือนจะเต็มดวงส่องสว่างไปทั่วทุกพื้นที่ ทำให้มองเห็นทุกอย่างได้ไม่ต่างกับตอนกลางวัน
 
ผมเแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า บนนั้นเต็มไปด้วยดวงดาวดวงเล็ก ๆ โอบล้อมดวงเดือนดวงใหญ่เอาไว้ พรุ่งนี้วันพระ พวกเราตกลงจะตื่นไปวัดกันก่อน แล้วค่อยไปเที่ยวกันอีกที
 
รอบบ้านเงียบสนิท มีเพียงเสียงหวีดร้องเรไรของเหล่าสรรพสัตว์ยามค่ำคืน และเสียงเสียดสีของกิ่งไม้ที่กำลังไหวเอนยามต้องลม
 
ผมหลับตาลงเบา ๆ ปล่อยให้สายลมเย็น ๆ พัดผ่านผิวหน้าไป

ตอนนี้ทุกคนคงหลับกันไปหมดแล้ว รวมถึงไอ้ตัวเล็กด้วย มันแยกตัวไปหาพ่อกับแม่ตั้งแต่กินข้าวอิ่มแล้ว คงนอนกับพวกท่านเลย 
 
ผมไม่รู้ว่าผมยืนมองพระจันทร์อยู่นานแค่ไหน กระทั่งอยู่ ๆ ก็มีมือขาว ๆ มาสวมกอดที่เอวจากทางด้านหลัง ผมก้มมองมือนั้น ก่อนหันไปมองเจ้าของมืออีกที
 
“กาย”
 
มันยิ้มน่ารักให้ผมที
 
“พี่คิดว่านายนอนไปแล้วซะอีก”
 
“ยังไม่ง่วง”
มันตอบ

ผมยิ้ม ดึงมันมาไว้ด้านหน้า แนบแผ่นหลังมันไว้ที่หน้าอกผม
 
“พี่ก็เหมือนกัน”
 
“พี่เอก”
มันเอี้ยวหน้ามามองผม ผมมองตอบ
 
“พี่ไม่โกรธใช่ไหม ที่ผมอยู่กับพี่เชนมากไป”
 
ผมยิ้ม ก้มจูบขมับมันเบา ๆ ที
 
“ไม่หรอก พี่เข้าใจ พี่รู้ว่าช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของกาย แล้วอีกอย่าง…”
ผมหยุดคำพูดตัวเองไว้ ทาบมือไว้ยังตำแหน่งหัวใจมันเบา ๆ

“ถ้าสิ่งนี้ของกายยังอยู่กับพี่ ไม่ว่าตัวกายจะอยู่ที่ไหน พี่ก็มั่นใจว่ากายจะอยู่กับพี่ตลอด”
 
มันมองผมอึ้ง ๆ ก่อนส่งยิ้มหวานหยดมาให้

หวานมาก ๆ จนผมต้องก้มลงไปจูบมันเบา ๆ ที

ผมถอนริมฝีปากออก ยิ้มให้มันนิดหนึ่ง แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกที มันมองตามบ้าง
 
เมื่อกี้ผมชมจันทร์คนเดียว มันก็สวยดี แต่พอมีไอ้ตัวเล็กมาดูด้วย พระจันทร์ดูจะสวยขึ้นกว่าเดิมอีก
 
ยืนมองมานาน ผมเริ่มเมื่อย เลยเดินจูงมันไปนั่งบนเบาะข้างโต๊ะ จุดเดียวกับที่เรากินข้าวกันนั่นแหละ เพียงแต่ตอนนี้มันถูกเปลี่ยนมาเป็นโต๊ะขนาดสองคนนั่งแทน มีอยู่สามโต๊ะ โต๊ะหนึ่งห่างกันประมาณสองวา วางเบาะไว้โต๊ะละสองจุด พร้อมหมอนอิงท่านเจ้าคุณ(ผมเรียกงี้)
 
ผมเลือกนั่งโต๊ะกลางสุด ผมนั่งลงก่อน แล้วดึงไอ้ตัวเล็กมานั่งตรงหน้า แนบแผ่นหลังมันเข้ากับหน้าอกผม พิงหัวมันไว้ใกล้ซอกคอ แล้วเราสองคน ก็แหงนหน้าขึ้นมองดวงดาวด้านบนอีกที
 
สวยครับ สวยเอามาก ๆ
 
“โอ๊ะ!! ดาวตก”
ไอ้ตัวเล็กทำท่าตื่นเต้นตอนมีดวงดาวสีสวยพุ่งตกลงมา มันรีบหลับตาแล้วขออะไรบางอย่าง

ผมทำตามบ้าง
 
“พี่เอกขออะไร”
มันถามหลังจากขอพรเสร็จ
 
“ขอให้ได้อยู่กับกายตลอดไป”
 
มันอึ้งแล้วเงียบไปนาน
 
“แล้วกายล่ะ”
ผมถามกลับ ก้มจูบขมับมันไปที
 
“ขอให้ได้อยู่กับพี่เอกไปนาน ๆ”
 
ผมยิ้ม
 
“งานนี้ ดวงดาวคงต้องทำงานหนักแน่ ๆ”
 
มันหัวเราะ แล้วเราสองคนก็พากันแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกที


 
 
“นี่ฉันง่วงแล้วนะ”
ได้ยินเสียงใครบางคนเดินบ่นหงุ๋งหงิ๋งออกมา

ผมหันไปมอง 
 
อ๋อ เป็นแม่ของไอ้ตัวเล็กมันครับ ถูกพ่อลากออกมาอีกที
 
“โอ้ แอบมาสวีทกันอยู่นี้นี่เอง”
พ่อทัก เดินมาทิ้งตัวลงนั่งยังโต๊ะถัดไปด้านขวา พ่อดึงแม่ลงมานั่งด้วย จัดให้นั่งท่าเดียวกับไอ้ตัวเล็กนั่นแหละ แต่แม่ขืนใหญ่ สุดท้ายพ่อเลยจับหัวแม่กดไปซุกหน้าอกตัวเอง
 
ซาดิสม์วุ้ย
 
แม่ดิ้นใหญ่ พ่อรีบชี้ชวนให้แม่ดูดาว จนแม่ที่ดิ้น ๆ อยู่สงบลง
 
“เคราพ่อยาวเกินไปรึเปล่า”
ไอ้ตัวเล็กหันไปทักพ่อมัน
 
“อ้าว ยาวไปเหรอ ไว้เพลินไปหน่อย”
 
“ใช่ ยาวไป เป็นไร ๆ กำลังดี”
แม่ครับ เผลอพูด ก่อนเม้มปากแน่น แกคงเขิน

พวกเราพากันอมยิ้มขำ
 
“งั้นคุณก็ทำให้ผมหน่อยสิ ผมไม่รู้ระดับนี่นา”
รายนี้ได้ทีก็อ้อนใหญ่
 
“เรื่องไร เคราคุณ คุณก็ทำเองสิ”
 
“เอาน่าคุณ ช่วยผมหน่อย คุณอยากให้ลูกอายที่มีพ่อไม่หล่อรึไง”
 
น่าน เอาไอ้ตัวเล็กของผมไปอ้างอีก

แม่ทำสายตาประหลับประเหลือกใส่
 
“ได้ ๆ เพื่อลูกหรอกนะ แล้วพรุ่งนี้จะทำให้”
 
พ่อยิ้มแก้มบาน

ผมกับไอ้ตัวเล็ก พากันขำคิก แล้วผมก็จับมือไอ้ตัวเล็กมาลูบรอบ ๆ ปากตัวเองบ้าง
 
“อยากได้บ้างไหม”
ผมถาม มันรีบชักมือกลับ แต่ผมยังยึดจับมันไว้อยู่
 
“มะ ไม่ต้องก็ได้”
มันพูดเขิน ๆ

ท่าทางแบบนี้ สงสัยอยากลอง

ผมอมยิ้ม โอบเอวมันแน่น แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกที


 
 
“ก็ผมอยากดูดาว น่านะ มาเป็นเพื่อนหน่อย”
 
พวกเราทั้งหมดหันไปมองคู่ใหม่ที่เพิ่งเดินออกมา เป็นไอ้เต้ยครับ เดินลากพี่มันในสภาพหัวฟูออกมา สงสัยไอ้เป้จะหลับไปแล้วรอบหนึ่ง
 
“อ้าว พ่อแม่ พี่เอก มึง”
มันเรียกยกยวง เดินมาทิ้งตัวลงนั่งยังโต๊ะถัดไปด้านซ้ายมือผม มันดันให้พี่มันลงไปนั่ง แล้วตัวมันเองก็ลงไปนอนพิงอกพี่มันไว้อีกที

ไอ้เป้ทำหน้าระอา แต่ก็ยอมนอนนิ่ง ๆ ให้น้องมันพิง

ผมมองตามันนิดหนึ่ง มันพยักหน้าทีเดียวให้คลายใจว่ามันไม่เป็นไร
 
แล้วพวกเราก็พากันนั่งเงียบ แหงนหน้ามองดาวอีกที
 
“อยากเห็นดาวตกจัง”
ไอ้เต้ยมันพูดขึ้นมาลอย ๆ
 
“เมื่อกี้กูเห็นไปแล้ว”
ไอ้ตัวเล็กมันบอกคุย ๆ
 
“แล้วมึงได้ขอพรรึเปล่า”
 
“ขอ”
 
“ขออะไร”
 
“ไม่บอก”
 
“ชิ!”
แล้วมันก็ยกแขนพี่มันมากอด
 
ผมมองตาไอ้เป้อีกที มันยังนิ่งอยู่ครับ
 
“อยากนับดาวได้จัง”
แม่เปรยขึ้นมาอีกคน
 
“ก็นับเอาสิ นับสักวันละแถบ คิดว่าชั่วชีวิตนี้คงนับได้ครบ”
พ่อกวนกลับ แม่เลยตีเพี้ยะใส่แขนพ่อแรง 
 
“แต่ก่อนไม่เห็นกวนแบบนี้เลย”
 
“โอ๊ยคุณ อันนั้นมันไอ้พัฒน์คนเก่า ไอ้พัฒน์คนใหม่ มันหล่อกว่า เท่กว่า รสนิยมดีกว่า นิสัยดีกว่า อะไร ๆ ก็ดีกว่าไปหมดแหละ หึ ๆ”
 
“แหวะ”
แม่เบ้หน้าทำท่าแหวะลงพื้น พ่อยังยิ้มแก้มบานเหมือนเดิม
 
อยู่ ๆ ก็มีดาวตกลงมาอีกดวง ผมไม่ได้ขอ เพราะเมื่อกี้ผมขอไปแล้ว แต่ไอ้ตัวเล็กมันขอ พ่อกับแม่ก็รีบขอกันใหญ่ พอ ๆ กับสองพี่น้องด้านข้าง
 
“ขออะไรไป”
ผมถามคนในอ้อมแขนอีกที

มันยืดตัวขึ้นมาเอามือป้องปากกระซิบข้างหู
 
“ขอให้พ่อกับแม่รักกันยิ่งกว่าเดิม”
 
ผมยิ้ม มองแม่ที่ยังกุมมือทำท่าขอพรอยู่ พ่ออมยิ้มมองแม่ใหญ่

ไอ้เต้ยก็ยังขออยู่
 
“ขออะไรไปคุณ”
พ่อถามหลังจากแม่ขอพรเสร็จ
 
“ขอให้ฉันสวยขึ้น”
 
พ่อหัวเราะหึ ๆ
 
“ผมก็ขอให้ผมหล่อขึ้น จนทำให้สาวรักสาวหลง โดยเฉพาะพวกสาว ๆ ที่ใจแข็ง ปากไม่ตรงกับใจอะไรทำนองนั้น”
พ่อขอยาวมากขอบอก แม่ค้อนใส่
 
“พี่เป้ขออะไร”
ไอ้เต้ยเงยหน้าถามพี่มัน
 
ไอ้เป้ก้มมองคนถาม ก่อนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วตอบ
 
“ขอเรื่องที่เป็นไปไม่ได้น่ะ”
 
“ผมก็เหมือนกัน”
ไอ้เต้ยบอกพี่มันเสียงเบา กระชับกอดแขนพี่มันแน่นขึ้น
 
ผมพอจะเดาออกว่าไอ้เป้มันขออะไร และผมก็ได้แต่หวัง ว่าคำขอนั้นจะเป็นจริงขึ้นมาสักวัน
 
แล้วพวกเราก็กลับมานั่งดูดาวกันเงียบ ๆ อีกที
 
“เสียงหัวใจพี่เต้นแรงจัง”
ไอ้ตัวเล็กบนตัวผมมันพูด

ผมก้มมอง
 
“ถ้าไม่เต้นก็แย่น่ะสิ”
ผมแซวกลับ

มันมองผมยิ้ม ๆ
 
 “หัวใจคุณเต้นช้าแปลก ๆ นะ”
แม่พูดกับพ่อบ้าง   
 
“อ้าว หัวใจเต้นช้าดีกว่าหัวใจเต้นเร็วนะคุณ”
พ่อท้วง ก่อนทำสายตากรุ้มกริ่มใส่
 
“แต่เสียงหัวใจคุณน่ะ เต้นเร็วผิดปกติ”
พ่อล้อ แม่รีบดีดตัวออก ทำท่าจะลุกหนี พ่อรีบรั้งกลับมาที่เดิมทันที
 
“ผมล้อเล่นน่าคุณ หึ ๆ”
 
“ของพี่เป้ก็เต้นแรง”
ไอ้เต้ยเอาบ้าง มันขยับพลิกตัวนั่งตะแคงข้าง แนบหูฟังเสียงหัวใจพี่มันดี ๆ
 
“เหมือนผมตอนนี้เลย”
แล้วมันก็เลื่อนมือไปจับหน้าอกมันเอง

ไอ้เป้ไม่ได้พูดโต้ตอบอะไร นอนนิ่ง ๆ ให้น้องมันฟังเสียงอยู่อย่างนั้น วงแขนที่เล็กกว่าวาดออกกว้างโอบรอบเอวใหญ่ไว้ ทอดดวงตามองดวงดาว ส่วนไอ้เป้ก็โอบเอวน้องมันไว้หลวม ๆ เหมือนกัน
 
ผมละสายตาจากภาพที่เห็นมองไปยังท้องฟ้าเบื้องบน

เมื่อกี้ ผมก็น่าจะขอพรให้ไอ้เต้ยกับไอ้เป้มันบ้างนะ
 
พวกเรานั่งดูดาวกันไปเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่าคนในอ้อมแขนผมนิ่งเงียบผิดปกติ ผมถึงได้ก้มมอง ไอ้ตัวเล็กเอียงหน้าแนบแก้มกับอกผม หลับตาพริ้ม ผ่อนลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
 
“หลับไปแล้ว”
พ่อพยักหน้ามาทางไอ้ตัวเล็กกลับไปยังคนในอ้อมแขนของตัวเอง

ผมยิ้ม หันไปมองอีกด้าน ไอ้เต้ยหลับไปแล้วเหมือนกัน
 
ผมหัวเราะหึ ๆ สงสัยจะสบายจัด เพราะนั่งพิงอกพวกเราอยู่ ในขณะคนเป็นเบาะรอง ต้องนั่งยันแขนอยู่ในท่าที่เกือบจะสบาย
 
พ่อตัดสินใจอุ้มแม่เข้านอน (นอนรวมกันกับคุณพ่อคุณแม่ผมครับ พวกทโมนก็อยู่ด้วย) ไอ้เป้ช้อนอุ้มน้องมันเดินเข้าห้องไปเหมือนกัน

ผมก้มมองไอ้ตัวเล็ก ก้มจูบขมับมันไปเบา ๆ ที ช้อนอุ้มมันไว้ในอ้อมแขน พามันเดินเข้าห้องตามสองพี่น้องไป
 
ไอ้เป้วางน้องมันเบามือบนฟูก แล้วมันก็ล้มตัวลงนอนเช่นกัน สองมือไอ้เต้ยยึดจับเสื้อพี่มันแน่นไม่ยอมปล่อย
 
 แม้แต่ตอนหลับ มันก็ไม่คิดจะห่างพี่มันเลยสักนิด
 
ผมวางคนในอ้อมแขนตัวเองไว้บนฟูกข้างกัน เดินไปปิดไฟมาทิ้งตัวลงนอนกอดมัน

อุ่นดีครับ...
ตัวมันเล็ก แต่อบอุ่นยิ่งกว่าอะไร

ผมกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น และหวังว่าตื่นมา มันจะยังอยู่ในอ้อมแขนของผมเหมือนเดิม         
             


_______________
to be con..
หายหัวไปนานเลย มาต่างจังหวัด คอมเสีย ส่งซ่อม เพิ่งได้มาสดๆร้อนๆ เมื่อกี้ รับขวัญด้วยการอัพนิยายซะเลย >////<

ละมุนมากกก สำหรับตอนนี้  :กอด1:


_________________________________
หนังสือ&ebook >>https://goo.gl/FSOuuM
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 68 เที่ยวนครสวรรค์ & ดูดาว [p.24 D.3-2-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-02-2017 23:04:05
ตอบได้ดีมากเต้ย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 68 เที่ยวนครสวรรค์ & ดูดาว [p.24 D.3-2-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 14-02-2017 16:16:06
คู่แข็งเยอะมากมายนะพี่เอก มีแต่คนคุ้นหน้าทั้งนั้น5555
หัวข้อ: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 69 ไปวัด [p.24 D.10-3-60] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 06-03-2017 20:04:52
(http://upic.me/i/ai/hk863.jpg)

69 ไปวัด [กาย..♥]





ได้ยินเสียงนกกระจิบร้องจิ๊บ ๆ ดังแว่วอยู่ใกล้ ๆ ผมค่อย ๆ ลืมตามอง ภาพแรกที่เห็นคือแสงสว่างยามเช้าที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา และมีเจ้านกสีน้ำตาลเข้มสองตัวเกาะอยู่บนกิ่งไม้พากันร้องจิ๊บ ๆ ปลุกผมแต่เช้า
 
ผมมองไปรอบ ๆ อีกที
 
เมื่อคืนจำได้ว่าดูดาวอยู่ข้างนอกนี่นา ไหงมาอยู่ในห้องนอนได้ล่ะ ผมนอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาหน้าต่าง และมีใครบางคนนอนกอดเอวผมไว้หลวม ๆ ทางด้านหลัง
 
ไม่ต้องเดาให้ยากครับว่าเป็นใคร ผมยิ้มเล็กน้อย มองออกไปยังนอกหน้าต่างอีกที สายลมพัดไหวเบา ๆ พาเอาใบไม้ปลิวไสว พอมองดี ๆ ถึงได้รู้ว่าเป็นต้นชมพู่นั่นเอง มีผลออกแล้วด้วย แต่ยังไม่สุก
 
เจ้านกสองตัวเมื่อกี้โผบินหนีไปแล้ว
 
อากาศดี ๆ แบบนี้ อยากนอนต่อเหมือนกัน แต่ก็อยากตื่นไปสูดอากาศยามเช้าด้วย ผมขยับตัวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกเฮือกหนึ่ง
 
อากาศยังดูสลัว ๆ อยู่เลย น่าจะชักตีห้ากว่า ๆ หรือไม่ก็หกโมงหน่อย ๆ
 
นี่ผมตื่นก่อนเวลาปกติอีกเหรอเนี่ย สงสัยจะเพราะอากาศดีจัด
 
ผมขยับตัวเบา ๆ อีกที คนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ก็ขยับตัวตาม ผมหันไปมอง พี่แกทำหน้างัวเงีย ตาปรือเปิดครึ่งไม่เปิดครึ่งมอง
 
เออเว้ย ตื่นนอนก็ยังหล่อ
 
พอเห็นว่าคนที่ตัวเองกอดอยู่เป็นผม ใบหน้าคมก็โน้มต่ำลงมากดจูบทันที ผมก็จูบตอบเหมือนกัน
 
เริ่มชินฮะ
เหมือนมอร์นิ่งคิสทั่วไปนั่นแหละ 
 
ตอนแรกก็คิดว่าพี่มันจะจูบแป๊บเดียวแล้วถอนออก แต่รู้สึกมันจะนานไปหน่อยแฮะ
 
ผมเริ่มดิ้น
 
นี่มันไม่ใช่ที่บ้านนะเว้ยเฮ้ย!!
 
จูบนานไม่ว่า ยังเพิ่มแรงบดเบียดรุกหนักเข้าไปอีก ผมรีบผลักพี่แกออก
 
หลุดครับ
 
แต่หลุดแล้วเด้งกลับมาใหม่ คราวนี้พี่แกเคลื่อนตัวขึ้นมาคร่อมผมไว้เลย
 
“พี่เอก!!”
ผมรีบท้วง เพราะเดาได้ลาง ๆ ว่าห้องหนึ่งไม่น่าจะได้นอนกันแค่สองคน แต่ใครจะมานอนด้วยแค่นั้นแหละ
 
“อื้ม!”
พี่มันครางขัดใจที่ผมขัดขืน ซุกหน้ากับซอกคอผมแรง ๆ ผมก็พยายามขัดขืน มือหนึ่งดันปากพี่แกออก ส่วนอีกมือก็ดันหน้าอกออก
 
“พี่เอก!!”
 
แล้วพี่มันก็เลื่อนมาปิดปากผมอีกที
 
“อื้อ!!” ผมครางห้ามในลำคอ
 
ปั๊ก ๆ!!
 
ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างบนตัวพี่เอก
 
“ตื่นได้แล้ว ไอ้เอก!!”
ส่วนนี่ ก็น่าจะเป็นเสียงของคนที่ทำให้เกิดเสียงนั้น
 
พี่เอกถอนปากออกช้า ๆ มามองผมที่นอนหอบแฮ่ก จูบแรงแบบนี้ รับรองได้ว่าปากผม คงทั้งแดงทั้งช้ำแน่ ๆ
 
แม่ม!!
เล่นบทโหดกันแต่เช้าเลย
 
พี่เอกมองตาผมอยู่สักพัก ก่อนค่อย ๆ หันไปมองคนที่วางทีนไว้บนหลังตัวเอง   
 
“อ้าว ไอ้เป้ มึงมาขวางทางกูทำไม กูกำลังจะมอร์นิ่งคิสเมียกู”
 
“มึงจะมอนิ่งฟัดมากกว่าน่ะสิ กูน่ะไม่เท่าไหร่ แต่สงสารน้องกูว่ะ ไม่อยากให้มันเป็นตากุ้งยิง”
 
ผมหันไปมองไอ้เต้ย รายนั้นนั่งมองพวกผมตาแป๋วหน้าแดง ๆ อยู่บนฟูกด้านข้างห่างออกไปประมาณสองวา
 
แล้วมันจะมานั่งมองทำไม
 
ผมเองก็อายไม่แพ้กัน รีบดันตัวพี่เอกออก
 
“ไปอาบน้ำกันมึง”
ผมรีบชวนไอ้เต้ยทันที มันพยักหน้า รีบลุกพรวดเดินตามผมเข้าห้องน้ำอย่างไว
 
อายครับ มาจูบกับพี่มันให้เพื่อนดู ไม่รู้มันจะเก็บไปล้ออีกนานแค่ไหน
 
“มึงโดนแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ”
มันเริ่มต้นถาม
 
ผมชี้หน้า
 
“มึงห้ามถามอะไรทั้งนั้น”
หน้าผมมันร้อนเอามาก ๆ
 
มันยิ้มปนขำ
 
พวกเราพากันสลัดเสื้อผ้า สายตาก็กวาดมองไปรอบ ๆ ห้องน้ำ
 
“ห้องน้ำโคตรสวยเลยว่ะ”
ผมชมขณะหยิบสบู่มาฟอก
 
“นั่นดิ”
มันเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
 
บ้านหลังนี้เป็นไม้สักทั้งหลัง แม้แต่ห้องน้ำก็ทำจากไม้สักด้วย พื้นห้องโรยด้วยกรวดและหินกันลื่น ได้ยินเสียงน้ำร่วงลงตามร่องที่ปรุเอาไว้บนพื้นที่เราเหยียบด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนอาบน้ำภายใต้น้ำตกยังไงบอกไม่ถูก
 
มุมห้องทั้งสองด้านมีต้นไม้คล้ายต้นกล้วยสูงเท่าตัวผมอยู่ในแจกันยักษ์น้ำตาลเข้ม รอบ ๆ ห้องประดับไปด้วยกล้วยไม้สีสันสวยงาม ชักโครกสีขาวนวล มีอ่างอาบน้ำที่ทำจากไม้อีกที มีฟักบัวซ่อนไว้บนเพดาน มีปุ่มให้กดข้าง ๆ พอกดปุ๊บ ก็จะมีน้ำไหลลงมาจากด้านบน อ่างล้างหน้าเรียบเท่มีสไตล์ มีกระถางดอกไม้ขนาดเล็กประดับไว้
 
สวยดีครับ ประยุคธรรมชาติเข้ากับความโมเดิร์นได้ลงตัวดี
 
ผมกับไอ้เต้ย อาบน้ำไปเล่นนู้นเล่นนี้ในห้องน้ำไป เมื่อคืน ผมกับมันไม่ได้อาบบนเรือนใหญ่ครับ คนเยอะ พวกเราเลยไปอาบน้ำกันที่เรือนเล็กแทน ที่นั่นห้องน้ำธรรมดา ไม่หวือหวาขนาดนี้
 
“อันนี้พี่เอกเป็นคนทำใช่มะ”
มันจิ้มหน้าอกผมเบา ๆ
 
ผมหน้าร้อนผ่าว แต่ไม่ได้ตอบอะไรมัน
 
“หึ ๆ”
 
มึง…
ไม่ต้องหัวเราะกูจริงจังแบบนั้นก็ได้
 
พอเราอาบกันเสร็จ ก็ปล่อยให้พวกพี่ ๆ เขาอาบกันต่อ พี่เอกอาบก่อน ต่อด้วยพี่เป้ ไอ้เต้ยมันเดินออกนอกห้องไปแล้ว
 
“กาย นายอาบน้ำกับเต้ยบ่อยเหรอ”
พี่เอกถาม ผมพยักหน้า พี่มันขมวดคิ้ว เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เงียบไป         
 
 
 
 
 
 
ประมาณเจ็ดโมงพวกเราก็มารวมตัวกันหน้าบ้านแล้วครับ คนงานเดินถือขันข้าวมาให้ มันเป็นขันสีเงินลายกระหนก มีข้าวสวยร้อน ๆ กลิ่นหอมจรุงฟุ้งเป็นไอควันสีขาวลอยขึ้นมา มีข้าวสุกเต็มอัตราอยู่ภายใน
 
เยอะจริง ๆ
 
ด้านบนเป็นทับพีโง้งสวยสีเดียวกับขัน คนงานยื่นให้คู่ละขัน ตอนแรกผมว่าจะอุ้มเอง แต่พี่เอกรับไปอุ้มแทน เห็นบอกว่ามันร้อน กลัวมือผมพอง
 
แอบเขินครับ
 
กูไม่ได้มือบางขนาดนั้นสักหน่อย
 
ส่วนผมรับปิ่นโตกับดอกไม้ธูปเทียนมาถือไว้ ดอกไม้เป็นดอกกล้วยไม้ของทางสวนนี่แหละ สวยดี กับข้าวแทบไม่ซ้ำปิ่นโตกันเลยทีเดียว
 
ผมอมยิ้ม มองพ่อกับแม่ที่ช่วยกันถือชุดปิ่นโตกับขันข้าว เป็นภาพที่ดูดีจริง ๆ ทำบุญด้วยกันชาตินี้ ชาติหน้าจะได้เกิดมาคู่กันอีก ^^
 
พวกเราพร้อมใจกันใส่ชุดสีขาว วัดไม่ได้ไกลจากบ้านเท่าไหร่ แค่กิโลกว่า ๆ พวกเราเลยตัดสินใจ เดินไปวัดกัน
 
พ่อแม่ของพี่เอก ช่วยกันประคองขันและปิ่นโตเดินไปด้วยกัน โดยมีสมุนน้อยสามคน เดินเคียงอ้อมหน้าอ้อมหลัง
 
พ่อกับแม่ผมเดินคู่กันไปเงียบ ๆ พ่อถูกจับเล็มเคราแล้ว หล่อเฟี้ยวเชียว แม่เดินแก้มแดง สงสัยจะเล็มได้ถูกใจตัวเอง
 
ไอ้เต้ยกับพี่เป้ เดินเคียงกันไปเงียบ ๆ โดยพี่เป้อุ้มขัน ไอ้เต้ยหิ้วปิ่นโตกับถือดอกไม้ หันไปมองด้านหลัง เห็นไอ้พี่มอมันอุ้มขันกับถือดอกไม้ธูปเทียนไว้ พี่โอมถือปิ่นโต แต่เดินแกว่ง ๆ
 
“ถือดี ๆ ไอ้โอม พระจะไม่ได้ฉันท์ก็เพราะความชุ่ยของมึงนี่แหละ”
 
“งั้นมึงเอาขันข้าวมา กูจะอุ้มเอง”
 
“มึงหิ้วปิ่นโตน่ะดีแล้ว กูอยากอุ้มขัน เผื่อเจอสาว ๆ จะได้ชวนมาตักบาตรร่วมกัน”
 
ผมก็ว่าแล้ว ไม่มีทางที่พี่แกจะทำอะไรโดยไม่หวังผลเรื่องสาว ๆ
 
“งั้นกูยิ่งต้องถือเอง”
แล้วก็เกิดสงครามแย่งชิงขันข้าวกัน
 
พอหมดยก พี่มอครองแชมป์ รักษาขันข้าวไว้ได้สำเร็จ พี่โอมทำท่าฟึดฟัดขัดใจ ก่อนทำหน้าเจ้าเล่ห์อีกที
 
“แทนที่กูจะชวนเขามาตักบาตรด้วยกันแบบมึง งั้นกูขอไปตักบาตรเป็นเพื่อนเขาไม่ง่ายกว่าเหรอวะ”
เป็นทางออกที่ม่อได้ใจ
 
“เป็นความคิดที่ดี” พี่มอร่วมด้วย “แล้วจะมีสาว ๆ ให้พวกเรามองกันเยอะไหมฮึ”
พี่มันถามอีกที
 
“น่าจะมีเยอะอยู่น้า”
 
อกุศลครับ ในวัดในวาก็ไม่เว้น
 
ผมล่ะหน่าย…
 
ไล่หลังลงไปอีก เป็นพี่โอ๊คครับ พี่แกส่งยิ้มให้ผมที ผมยิ้มกลับบ้าง พี่แกอุ้มขันไว้เหมือนกัน โดยมีพี่ปิงถือปิ่นโตกับดอกไม้ธูปเทียนอยู่ข้าง ๆ ผมรู้ว่าพี่โอ๊คแอบมองผมอยู่ตลอด ไม่ได้เข้ามาประชิดเหมือนพี่เชน แต่ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน ก็จะมีสายตาของพี่โอ๊ค คอยดูแลให้เบาใจอยู่เสมอ
 
ถ้าผมไม่ได้เลือกพี่เอกซะก่อน ผมว่าพี่โอ๊คดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
 
ก็นะ เฮียเป็นเทวดาประจำตัวผมนี่
 
ผมยิ้มหวานให้เทวดาไปที ก่อนได้ยินเสียงกระแอมไอเบา ๆ ผมหุบยิ้มลงฉับ มองหาเจ้าของเสียง ตอนแรกก็คิดว่าเป็นพี่เอกซะอีก
 
แต่ที่ไหนได้…
 
เป็นใครอีกคน ที่ผมไม่อยากคุยด้วยมากที่สุด
 
มั้ง?
 
ผมมองนิดหนึ่ง พยายามคาดเดาว่าคนที่เดินตามมากับกระแอมไอเมื่อกี้เป็นใคร พอพี่มันยิ้มพราวเท่านั้นแหละ ผมรีบหันไปมองทางเดินดี ๆ ตามเดิม
 
แอบเสียวสันหลังครับ มีพี่อาร์ตเดินตามต้อย ๆ เนี่ย
 
พี่เอกลูบหัวผมเบา ๆ ให้คลายใจ สายตาแกบอกว่าไม่ต้องกลัวไปนะ พี่อยู่ตรงนี้ทั้งคน
 
ผมยิ้มรับ



 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:



อากาศดี วิวสวย แถมชาวบ้านก็เริ่มทยอยกันออกมาจากบ้านแล้วด้วย พวกเราเดินกันมาเป็นกลุ่มใหญ่ฮะ ถนนเส้นนี้ไม่ค่อยมีรถ พวกเราเลยเดินกันแทบจะทั้งถนน
 
ผมยิ้มเมื่อเห็นเด็กวัยรุ่น พากันจูงแขนคุณตาคุณยายออกมาจากบ้าน
 
ตลอดทางเดิน ผู้คนก็พากันออกมาทักพ่อกับแม่พี่กิ๊ฟ สองผัวเมียก็รีบแนะนำว่าที่ลูกเขยกันยกใหญ่
 
วันนี้พี่กิ๊ฟแต่งหญิงด้วย สวยเช้งอย่าบอกใคร
 
พี่แกใส่เสื้อยืดสีขาว นุ่งผ้าถุงสีชมพูเข้มลายดอกซากุระสีแดง รองเท้าแตะสีชมพู มัดผมไขว้ไว้ด้านขวามือ ติดดอกกล้วยไม้สีขาว ดูแล้วน่าจะเป็นของจริง แต่ขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ
 
โอ้แม่เจ้า จะงดงามไปไหน
 
พี่ฝรั่งเดินยิ้มหน้าบานอยู่ข้าง ๆ
 
พวกสาว ๆ ต่างพากันแต่งสวยหยดย้อยทุกคน เน้น ขาว ชมพู ฟ้า ส่วนผมกับพี่เอก สีขาวเหมือนกัน ผมยิ้มไปกับบรรยากาศที่เห็น
 
“พอไม่ได้พกกล้องติดตัว รู้สึกมันหวิว ๆ แฮะ”
พี่เชนฮะ แกเดินขนาบอยู่ข้างผม
 
“เหมือนกัน แต่ถ้าพกมา พวกเราคงลืมทำบุญกันแน่ ๆ”
 
พี่แกพยักหน้าเห็นด้วย
 
เดินกันไม่นานก็ถึงวัดแล้ว วัดใหญ่เอามาก ๆ ผมกวาดมองไปรอบ ๆ คืนนี้อาจมีงานวัดนะเนี่ย เพราะเห็นคนเอาของมากอง ๆ กันไว้ข้างรั้วแล้ว
 
คนเยอะครับ ชาวบ้านพากันหลั่งไหลมาไม่หยุด เน้นใส่ชุดสีขาว เด็ก ๆ ก็ใส่สีสันสดใสกันไป บ้างหลานก็จูงมือคุณยาย บ้างคุณยายก็จูงมือหลาน
 
บางส่วนยืนคุยกันด้านล่าง บางส่วนก็พากันขึ้นไปนั่งคุยกันบนศาลา
 
พวกผมยังอยู่แถว ๆ ประตูหน้าวัด เพราะผู้ใหญ่ต้องเบรกทักทายเพื่อนบ้านมาตามทาง พ่อแม่พี่กิ๊ฟเป็นที่รู้จักของคนที่นี่ฮะ จะเรียกว่าเป็นผู้มีอิทธิพลก็ได้ ใครเห็นก็ทัก ใครเห็นก็พากันยกมือไหว้เป็นทิวแถว ไม่เว้นแม้แต่คุณตาคุณยาย
 
โห สุดยอด
 
ส่วนสองผัวเมียก็พากันเห่อว่าที่ลูกเขยครับ แกไม่ได้เห่อที่ได้ลูกเขยฝรั่ง แต่แกเห่อ เพราะพี่ฝรั่งยอมเป็นแฟนกับพี่กิ๊ฟต่างหาก (อย่างที่คุณก็รู้ว่าทำไม)
 
กว่าจะผ่านด่านเพื่อนบ้านมาได้ พระท่านก็ขึ้นศาลากันแล้ว
 
พวกเรารีบขนขบวนกันขึ้นไปบนศาลาเหมือนกัน พี่มอกับพี่โอมพากันยิ้มแก้มบาน เมื่อเจอสาวถูกใจ แต่น้อง ๆ มากับพ่อแม่ พี่แกเลยไม่กล้าเข้าไปม่อ
 
หนวดกุ้งกระตุกแล้วนะน่ะ
 
พวกเราได้ที่นั่งกันตรงกลางของศาลาพอดี อันเนื่องมาจากผู้คนพากันแหวกทางให้
 
ขาใหญ่ครับ ต้องเข้าใจ แล้วพวกเราก็ถูกชาวบ้าน พากันโลมเลียทางสายตา
 
ก็นะ พานายแบบนางแบบจากกรุงเทพมาเดินแคทวอล์กกันบนศาลานี่หว่า สาว ๆ ก็มองหนุ่ม ๆ หนุ่ม ๆ ก็มองสาว ๆ กันใหญ่ ยิ่งพี่ฝรั่ง ยิ่งเด่น
 
พวกเราที่หิ้วปิ่นโตกันมา ก็เอากับข้าวในปิ่นโตไปใส่จานที่เขาเตรียมไว้ให้ แล้วจะมีคนจัดถวายพระท่านอีกที แล้วหลังจากนั้น พวกเราก็ทยอยกันนำดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้พระประธานต่อ
 
ผมกับพี่เอกแทบจะจุดธูปจุดเทียน ปักธูปปักเทียนพร้อมกันตลอด
 
อายพระอายเจ้าบ้างอะไรบ้างก็ได้พี่เอก
 
ผมพยายามไม่คิดอะไร กลับมานั่งที่เดิมเงียบ ๆ แต่ก็แทบจะหายใจไม่ออก เพราะตอนนี้ ผมโดนขนาบจากเหล่าคฑาชายนายแบบสุดหล่อทั้งหลาย
 
ด้านขวาเป็นพี่เอก ด้านซ้ายเป็นพี่เชน ด้านหลังมีพี่อิฐกับพี่อาร์ตประกบ ซึ่งตอนนี้ผมก็ยังแยกไม่ออก ว่าใครคือพี่อิฐหรือพี่อาร์ต (ดันใส่ชุดเหมือนกันมาอีก) ด้านหน้าเป็นไอ้เต้ยกับพี่เป้ เยื้อง ๆ ไปทางขวาเป็นพี่โอ๊คกับพี่ปิง พี่มอและพี่โอม ส่วนพวกพ่อกับแม่อยู่แถบด้านซ้ายกันทั้งหมด โดยมีพวกทโมนเกาะก่ายเป็นลูกลิงอยู่รอบ ๆ
 
ไม่นาน พระท่านก็ขึ้นนั่งจนครบ แล้วพิธีก็เริ่ม
 
ผมประนมมือ ฟังเสียงพระสวด เห็นแบบนี้ ผมเคยผ่านการบวชมาแล้วนะครับ พ่อกับแม่ดีใจใหญ่
 
พอถึงเวลา พวกเราก็เดินอุ้มขันข้าว ไปตักข้าวใส่บาตรกลางกัน พี่เอกเดินนำ โดยมีผมเดินตาม ผมจับทับพี กำลังจะตักข้าว แต่พี่เอกจับหลังมือผมไว้ แล้วบังคับให้ผมตักข้าวร่วมกับพี่แกอีกที ผมหน้าร้อน ก้มหน้าก้มตาตักข้าวใส่บาตรไปเงียบ ๆ
 
มึง ถ้าคนอื่นเห็น เขาจะพากันคิดยังไงเนี่ย

ยังดีที่คนอื่นห่วงแต่ตักบาตรกันอยู่ ผมก็ทำตัวลีบ ๆ ตักพร้อมพี่แกไป
 
ที่นี่ เขาจัดบาตรเรียงกันไว้บนโต๊ะสูงเพียงเอว มีทั้งหมดเก้าบาตร มีบาตรข้าวเหนียวแยกออกมาอีกสามบาตร พี่เอกแกก็จับหลังมือผมตักไปด้วยกันตลอดทั้งเก้าบาตร หน้าผมแทบไหม้ เห็นพ่อมองสบตาผม อมยิ้ม พยักหน้าให้ดูไปที่มือแก
 
แม่ตกอยู่ในสภาพเดียวกับผมครับ หน้าแดงใหญ่เลย
 
พี่กิ๊ฟสอนพี่ฝรั่งถึงวิธีการตักบาตร ได้ยินพี่แกบอกให้พี่ฝรั่งจับทับพีไว้ แล้วแกก็กุมมือพี่ฝรั่งอีกที ผมมองยิ้ม ๆ พอเดินวนจนครบก็กลับไปนั่งที่เดิม ฟังพระสวดต่อ
 
จบกระบวนการที่เหลือคือรอพระให้พร และทานอาหารกัน อาหารที่พระท่านส่งคืน ใครได้กินจะดีมาก ๆ (อันนี้ตามความเชื่อโบราณนะ) พวกเรานั่งพูดคุยกัน ผู้คนก็แวะเวียนเข้ามาทักทาย พวกเราก็ตอบ ๆ กันไป
 
สักพักพวกเราก็นั่งล้อมวงกัน ที่นี่ไม่มีเสื่อหรืออะไรรองนั่ง แต่พื้นสะอาดดีครับ กลุ่มที่ผมนั่งเป็นกลุ่มใหญ่เหมือนเดิม พวกป้า ๆ โรงครัว พากันเอาอาหารมาจัดเรียงให้เป็นชุด ๆ ตรงกลาง
 
จริง ๆ ผมนั่งท้องร้องมานานแล้วล่ะ เลยเวลาอาหารเช้ามาเยอะแล้วด้วย พออาหารมาถึง ผมก็ซัดแหลก
 
เยอะครับ เยอะมาก ๆ แค่จากบ้านเราก็แทบจะกินหนึ่งในสี่ของคนทั้งวัดแล้ว (ยังไม่รวมคนงานนะ)
 
ผมตักน้ำพริกมาใส่จานตัวเอง แล้วหยิบมะเขือสดมากัดกรวบ
 
“ชอบกินผักรึไง”
พี่เชนถาม
 
ผมพยักหน้า
 
“ชอบเหมือนแม่ บ้านเรากินผักเป็นหลัก”
 
“อืม มิน่า ผิวสวย”
 
ผมแทบทำมะเขือร่วงจากปาก
 
“ผิวสวย?”
ผมมองหน้าพี่เชน
 
“อ้าว ไม่รู้รึไง เราน่ะ ผิวสวยจะตาย ขาวก็ขาว แถมยังนิ่มอีกต่างหาก”
แล้วพี่มันก็จิ้ม ๆ มาที่ต้นแขน เลยมาที่แก้มเบา ๆ
 
ความอายวิ่งวูบผ่านใบหน้า
 
“แก้มก็แดงง่ายอีกต่างหาก”
 
ผมรีบจับแก้มตัวเอง เหลือบตามองพี่เอกนิดหนึ่ง พี่แกนิ่งครับ แต่คนที่ไม่นิ่งคือพี่อิฐหรือพี่อาร์ตนี่แหละ เห็นมองผมตาเขม็งเลย ผมรีบก้มหน้ากินต่อ
 
แล้วอยู่ ๆ ก็มีคนเอื้อมมือมาเช็ดปากให้ผมเบา ๆ ผมหันไปมอง
 
พี่โอ๊คครับ
 
พี่แกยิ้มอ่อนโยนมาให้ แล้วก้มกินข้าวต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 
แม่ม
 
แต่ละคนมากันแบบเชือดนิ่ม ๆ จริง ๆ
 
ผมกินข้าวต่อ แล้วอยู่ ๆ ก็มีมะเขือมาวางไว้บนจาน เท่าที่ดู มันเป็นลูกสุดท้ายแล้วครับ ผมก็หันไปมองว่าใครเป็นคนให้
 
อืม…
 
ใครว่า…
 
ระหว่างพี่อาร์ตกับพี่อิฐ
 
พอพี่มันส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ ผมรีบผงกหัวขอบคุณพี่แกไปทีอย่างว่องไว
 
ยิ้มแบบนี้ พี่อิฐชัวร์
 
พี่เอกนั่งกินข้าวไปเงียบ ๆ แล้วพี่แกก็เอื้อมไปหยิบขนมของโปรดมาให้ผม
 
“อย่ากินมากนักล่ะ เดี๋ยวอ้วน”
 
ผมอ้าปากพะงาบ ๆ
 
มึง ไอ้บ้า แล้วยกมาให้กูทำไม
 
พี่มันหัวเราะหึ ๆ
 
“รีบกินดีกว่า”
พี่มันทำสายตาประมาณว่า ถ้าช้าโดนแย่ง ผมรีบจ้วงตักเข้าปากทันที
 
เรื่องไร ของโปรดของกู
 
ผมเห็นไอ้เต้ยมองมาด้วยสายตาหยาดเยิ้ม รู้ได้เลยครับว่ามันอยากกินเหมือนกัน (เราสองคนชอบของคล้ายกัน) ผมเลยตักแบ่งใส่ชามตัวเองนิดหนึ่ง แล้วยื่นที่เหลือให้มันทั้งหมด
 
“น้ำลายหกแน่ะเต้ย”
 
มันรีบเช็ดมุมปากใหญ่ ผมขำก๊าก มันชี้หน้าด่าแบบไม่มีเสียง
 
วัดครับ ต้องเก็บสิงสาราสัตว์ให้มิด
 
“จำไว้เลย”
 
ผมยักคิ้วใส่มันที
 
หมดมื้อเช้า พวกพี่ ๆ ผู้หญิงก็ทำบุญกันต่อ ด้วยการไปนั่งล้างจานหลังวัด แต่คนเยอะแล้ว พวกผมเลยไม่ได้ไปช่วย ในระหว่างรอ พวกผู้ชายอย่างเรา ๆ เลยไปหยิบไม้กวาดมากวาดวัดซะเลย ส่วนคนที่ไม่มีไม้กวาด ก็เก็บเศษขยะรอบวัดไป
 
บุญล้นแน่ ๆ ครับงานนี้
 
พระท่านได้ที เห็นหนุ่ม ๆ มา เลยวานให้ช่วยตอกอะไรก็ไม่รู้กับเรือนไม้โทรม ๆ พวกพี่ ๆ ผู้ชายเลยได้กลายเป็นฮีโร่ ช่วยกันทำใหญ่ งานนี้พ่อแม่พี่กิ๊ฟหน้าบานยิ่งกว่าเดิม เพราะคาราวานของแกทำประโยชน์ให้วัด
 
คือเรือนพักพระสงฆ์(หรือกุฏินั่นแหละ) หลังนี้เก่ามากแล้วล่ะ ซ่อมให้ดียังไง อีกไม่นานมันก็คงจะพังอีกแน่ ๆ พวกเราเลยลงความเห็นกันว่า น่าจะรื้อออก แล้วสร้างใหม่กันเลยดีกว่า
 
พวกชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือกันดี คนนั้นช่วยออกไม้ คนนี้ช่วยออกตะปู บ้างก็ลงขันเป็นเงินซื้ออิฐหินดินทราย อะไรที่พอหยิบฉวยจากที่บ้านได้ก็วิ่งไปเอา ไม่เกินเที่ยง กุฏิก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว (จากการออกแบบอันไฉไลของพี่โอ๊คกับพี่ปิง)
 
พวกพี่ ๆ ปาดเหงื่อกันยกใหญ่
 
ตอนนี้พระท่านกำลังฉันเพลกันอยู่ ในขณะที่พวกเราก็กำลังลงแลคเกอร์กับน้ำยากันปลวก พี่เอกนี่หน้ามอมไปข้าง ผมหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้ แต่ดูท่าจะไม่ใช่พี่เอกแค่คนเดียว ผมเลยเดินไปเช็ดให้คนอื่น ๆ ด้วย เช็ดให้พี่อาร์ตกับพี่อิฐด้วย ไม่รู้ใครเป็นใครล่ะ ตอนนี้เช็ด ๆ ไปก่อน
 
เหงื่อเยอะ สงสาร
 
สรุป ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียว สะอาดครบทุกคน ถ้าใครเป็นโรคอะไร ก็ติด ๆ กันไปละกัน
 
ผมไม่เกี่ยว
 
 
 
 
 
ผมกำลังก้มเก็บเศษไม้ มีน้องผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง วิ่งเอาน้ำแดงมาให้ น้องแค่ห้าขวบเองมั้ง วิ่งมาน้ำก็หกหายไปซะครึ่ง
 
ผมยิ้มขำ รับมาถือไว้ ก่อนได้ยินเสียงแชะ พอเงยหน้ามองก็เห็นพี่เชนกำลังเล็งกล้องมาทางผมอยู่
 
“สุดท้ายพี่ก็อดใจไม่ไหว”
พี่มันบอก ผมยิ้ม
 
“เอาเลยครับ ตามสบาย”
 
พี่แกคงวิ่งกลับไปเอากล้องที่บ้านมา
 
พวกเราเก็บรายละเอียดกันนิดหน่อย พอเสร็จ พระก็เดินมาให้พร
 
นอกจากจะได้ทำบุญตักบาตรกันแล้ว พวกเรายังได้สร้างกุฏิถวายวัดอีกต่างหาก งานนี้ ได้บุญล้นมือกลับบ้านจริง ๆ
 
“ไหน ๆ ก็มอมกันแล้ว พ่อจะพาไปเล่นน้ำตกละกัน”
พ่อพี่กิ๊ฟเสนอ ผมตาโต
 
“จริงเหรอฮะ”
พ่อพยักหน้ารับปาก พวกเราวี้ดว้ายดีใจกันยกใหญ่ คนงานที่บ้านเก็บขันข้าวกับปิ่นโตเปล่า ๆ กลับไปแล้ว พวกเรายืนรอกันไม่นานก็มีรถตู้มาจอดสองคัน ไม่เกินสิบนาทีพวกเราก็ขึ้นรถกันหมด ผมขอให้รถวนกลับบ้านไปเอากล้องก่อน เพราะงานนี้คงได้ภาพสวย ๆ กลับบ้านเยอะแน่

To Be Con...

ชอบบรรยากาศแบบนี้ที่สุด คิดถึงบ้านเลย T^T




หนังสือ&ebook >>https://goo.gl/FSOuuM
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 69 ไปวัด [p.24 D.6-3-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-03-2017 22:42:55
แฝดสาม หลงรักกายกันหมด
คุณช่างภาพ พี่โอ๊ค อีกสองคน
เจ๊ยยยย......ห้าคนเชียวนะที่มาชอบกาย
โอ้ กาย น่ารัก เสน่ห์แรงโคตรๆ
พี่เอง หื่นตลอด นี่ถ้าพี่เป้ไมห้ามไว
เต้ย คงเห็นหนังสดเยอะกว่านี้
พี่เอก ท่าจะหวงที่กาย อาบน้ำกับเต้ย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 69 ไปวัด [p.24 D.6-3-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 08-03-2017 07:15:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 69 ไปวัด [p.24 D.10-3-60] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: SONATACHAN ที่ 15-03-2017 00:17:38
ในที่สุดก็ตามอ่านทัน เป็นเรื่องที่อ่านได้เรื่อยๆชิวๆเลย รอติดตามอยู่นะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 70 แยกให้ออก [p.24 D.23-3-60] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 18-03-2017 09:20:07
(http://upic.me/i/ej/110660406.jpg)

70 แยกให้ออก [เอก...☼]





พวกเราตัวมอมกันสุด ๆ แล้วแต่ละคนก็ดันใส่ชุดสีขาวกันมา ชุดที่ผมกับพวกน้อง ๆ ใส่ เป็นชุดที่พวกทโมนเป็นคนจัดให้ เป็นเสื้อยืดสีขาวกางเกงมัดเอว รองเท้าสวมสีครีม รูปแบบ สีสันและลายเดียวกันหมดเลย
 
รถตู้วิ่งไม่เกินครึ่งชั่วโมง ข้ามสวนละมุดกินลึกผ่านสวนกล้วยไม้ร่วมร้อยไร่ กล้วยไม้กำลังออกดอกชูช่อสวยงาม หนทางเริ่มลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ เพียงไม่นานรถก็จอดสนิท ไม่มีเส้นทางให้รถวิ่งแล้ว พวกเราถูกต้อนให้ก้าวลงจากรถทีละคน ก่อนเดินตามทางเท้าเข้าไปในป่า

เดินกันไม่นานก็ถึงน้ำตก
 
ต้องบอกว่าน้ำตกที่นี่สวยเอามาก ๆ เป็นน้ำตกส่วนตัวของพ่อไอ้กิ๊ฟมัน ไม่ได้เปิดให้คนนอกเข้ามาเล่น นอกจากนักท่องเที่ยวที่เป็นลูกค้า เพราะงั้นธรรมชาติรอบ ๆ จึงยังคงสมบูรณ์ตามเดิม
 
อากาศโดยรอบดิบชื้น เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ และต้นไม้ขนาดใหญ่ หินเป็นสีดำ กุ้งหอยปูปลาเยอะแยะเต็มไปหมด เรียกได้ว่าธรรมชาติจริง ๆ อากาศเย็นมาก น้ำก็ใสและเย็นเอามาก ๆ ด้วย ต้นน้ำคงอยู่แถว ๆ นี้
 
“ระวังหน่อยนะ ที่นี่มันลื่น”
พ่อไอ้กิ๊ฟเตือน
 
หลังจากนั้น พวกเราก็ลงเล่นน้ำกันตู้มต้าม เย็นครับ เย็นจนสั่น ไอ้มอนี่ร้องจ๊ากเลยตอนลงน้ำครั้งแรก มันรีบกระโดดขึ้นฝั่งแทบจะทันที ก่อนกล้า ๆ กลัว ๆ ลงน้ำอีกรอบ
 
เล่นกันไปสักพักก็เริ่มชิน ดีนะ ที่เล่นกันตอนบ่าย แดดเปรี้ยง ๆ ทำให้อุ่นขึ้นมาหน่อย ถ้าเล่นกันช่วงเย็น มีหวัง หนาวตายกันยกยวง
 
ผมกับพวกน้อง ๆ พากันถอดเสื้อออกมาซัก เมื่อกี้ช่วยกันทำกุฏิพระ เสื้อผ้าเลอะไปด้วยคราบฝุ่น แลคเกอร์ ทินเนอร์ แล้วก็จารบีอีกนิดหน่อย ไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ยไม่ได้เปื้อนอะไรมากมาย เพราะเป็นแค่หน่วยสนับสนุน (พอ ๆ กับไอ้คุณชรินทร์มันนั่นแหละ รายนั้นเห็นเอาแต่ถ่ายรูป ช่วยงานนิดเดียว)
 
ผมพยายามเช็ดคราบน้ำมันที่มันเปื้อนต้นคอออก แต่สร้อยคอมันเกะกะ เลยถอดออกเอาไปฝากไว้กับแม่ที่นั่งเล่นอยู่บนโขดหินไม่ไกล แล้วตัวเองก็ลงมาล้างคอต่อ ไอ้ตัวเล็กหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ คาดว่าน่าจะถ่ายรูปเพลิน
 
ผมเล่นน้ำผสมล้างตัวไปเรื่อย ๆ จนไอ้ตัวเล็กเดินกระหยองกระแหยงข้ามหินกลับมาพร้อมกับไอ้คุณชรินทร์ มันวิ่งตรงมาทางพวกผม ก่อนชะงัก พยายามมองหาใหญ่ว่าผมคนไหน
 
ผมกำลังจะอ้าปากบอก
 
“โห คนไหนเป็นพี่เอกเนี่ย”
ไอ้เต้ยครับ ตอนแรกมันเล่นอยู่ห่าง ๆ กับพี่มันสองคน พอเห็นเพื่อนมันมา มันถึงได้ลากพี่มันเดินตามมาด้วย มันแยกผมกับน้อง ๆ ไม่ออกเหมือนกัน ที่มันรู้เพราะผมใส่สร้อยนี่แหละ
 
ทุกคนหันมามอง

พ่อกับแม่ผมเดินลิ่ว ๆ ไปนู่นแล้ว ได้ยินเสียงคุยกันแว่ว ๆ ว่าจะไปหาของกินมาให้ (บ่ายโมงกว่าแล้วครับ) ตอนนี้พวกเราเลยเหลือกันอยู่แค่กลุ่มของเด็ก ๆ เท่านั้น
 
อ้อ มีเด็กโข่งร่วมอยู่ด้วยสองคน
 
พ่อกับแม่ไอ้ตัวเล็กมันน่ะ พ่อมัวงมหอยอยู่
 
ผมไม่ได้พูดเล่น งมหอยอยู่จริง ๆ ครับ
 
น้ำที่นี่มันใสมาก เห็นปลาวิ่งวนไปมา ไล่จับได้สบาย ๆ ตามโขดหินก็มีหอยตัวเล็ก ๆ สีดำ ๆ เกาะเต็มไปหมด บางจุดก็เห็นกุ้ง บางจุดเห็นปู พ่อไอ้ตัวเล็กกำลังงมเอาเฉพาะหอยตัวใหญ่ ๆ จากซอกหินใต้น้ำมาวางไว้บนมือแม่
 
“น่ากินเนอะคุณ”
 
“วันพระนะ” แม่ปราม
 
“เอ้อ ลืมไป แฮะ ๆ”
แล้วพ่อก็กวาดหอยทั้งหมดในมือแม่ลงน้ำตามเดิม
 
เพราะแต่มัวมองพ่อกับแม่เพลิน ผมเลยไม่ได้บอกว่าตัวเองคือเอกตัวจริง

ไอ้มอกระโดดลงน้ำแหวกว่ายมาทางพวกผม
 
“พวกนายสองคนแยกสามคนนี้ไม่ออกกันใช่ไหม”
มันถามไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ย
 
พวกมันสองคนพากันพยักหน้ารับ ไอ้ตัวเล็กพยายามมองใหญ่ว่าคนไหนคือผม ไม่ต่างกับไอ้เต้ยที่จ้องจนพวกผมแทบพรุน
 
ไอ้มอทำหน้าเจ้าเล่ห์
 
“งั้นเอางี้…”
 
ผมหรี่ตามอง ไม่ค่อยไว้ใจมันเท่าไหร่เลยแฮะ
 
“มาเล่นเกมกัน”
ทุกคนหันไปมองมัน พวกผู้หญิงก็ด้วย พ่อกับแม่ก็พากันหันมาสนใจเหมือนกัน
 
“ให้สามตัวนี้ไปยืนอยู่ในน้ำ แล้วให้กายเลือกว่าคนไหนคือไอ้เอกตัวจริง ห้ามส่งซิก ห้ามส่งสายตา หรือทำอะไรที่บ่งบอกว่าเป็นตัวเอง ให้ยืนนิ่ง ๆ เท่านั้น เพื่อพิสูจน์รักแท้เป็นไง”
 
ทุกคนพากันฮือฮา
 
“เอา ๆ ๆ”
คนเห็นด้วยคนแรกเป็นพ่อไอ้ตัวเล็กมันครับ
 
โห ท่าน ไม่ค่อยจะเท่าไหร่เลยนะ
 
แม่สะกิดต้นแขนเบา ๆ
 
“แล้วถ้าลูกเลือกผิดล่ะ”
 
“อ้าว ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็แค่ผิด”
พ่อพูดชิว ๆ
 
ไอ้ตัวเล็กทำหน้าลำบากใจ
 
“น่าสนุก เอาเลย ๆ”
ไอ้เต้ยมันเสริม
 
“เห็นด้วย ๆ ๆ”
พวกทโมนที่ตอนแรกผมคิดว่าไปกับพ่อกับแม่ก็พากันมายืนเชียร์อยู่บนโขดหินสูง ๆ ผมมองด้วยความเป็นห่วง กลัวพวกน้อง ๆ ลื่นครับ
 
“นี่พวกมึง”
ผมท้วง
 
“มึงหยุดไปเลยไอ้อาร์ต”
 
ผมอ้าปากจะท้วง มันแกล้งเรียกผมผิดแน่ ๆ เพราะมันก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าผมเป็นใคร ไอ้ตัวเล็กทำหน้าหวาดกลัวใส่ผมทันที
 
ไอ้เพื่อนเวร แล้วมันจะเลือกกูไหมล่ะทีนี้
 
“อ้าว มึงอิฐไม่ใช่รึไง”
ไอ้โอมมันเล่นด้วย ผมหันไปมองหน้ามันตาเขม็ง
 
“เปล่า นั่นเอกต่างหาก”
คราวนี้เป็นพวกสาว ๆ ครับ แล้วหลังจากนั้น พวกมันก็สนุกแกล้งเรียกผมผิด ๆ กันใหญ่
 
“น่าสนุกดี”
ไอ้อาร์ตมันพูด
 
ไอ้ตัวเล็กทำท่าหวาดระแวงว่าจะเชื่อใครดี
 
“นั่นน่ะสิ”
ก่อนที่ไอ้อิฐจะเสริมขึ้นมาบ้าง
 
ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ
 
“ก็ได้”
จำใจต้องตอบรับอย่างช่วยไม่ได้
 
“กายหันหลังไปก่อน ขอพี่จัดระเบียบไอ้พวกนี้นิด”
แล้วไอ้มอมันก็สั่งให้ไอ้ตัวเล็กหันหลัง แล้วสั่งให้พวกผมเดินลงไปยืนเรียงกันอยู่ในน้ำที่สูงเกือบถึงเอว
 
มันให้พวกเรายืนนิ่ง ๆ ห้ามขยับเขยื้อนส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายแม้แต่นิดเดียว ปล่อยให้ท่อนล่างตั้งแต่สะโพกลงไปจมหาย เหลือแค่ท่อนบนเปลือยเปล่า ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งเหมือนกันเข้าไปใหญ่
 
สักพักมันก็ให้ไอ้ตัวเล็กหันมามอง

ทุกคนยืนลุ้น

ผมก็ลุ้น

ไอ้สองตัวข้างผมมันก็ลุ้น

ไอ้ตัวเล็กทำหน้าลำบากใจ มันยืนอยู่ห่างจากพวกผมราว ๆ สามวา
 
“ให้เวลามองหนึ่งนาที”
แล้วไอ้ตัวเล็กก็ใช้เวลานั้นในการมอง
 
“หมดเวลา”
เร็วฉิบ..
 
แล้วนี่ไอ้ตัวเล็กมันจะมองออกไหม
 
มันก้าวเข้ามาช้า ๆ สีหน้าฉายแววกังวล ดวงตาไม่ได้หยุดอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่กวาดมองมาที่พวกเราทั้งหมด มันเดินแบบไม่มองทาง หินเยอะครับ มันสะดุดนิดหนึ่งจนผมเป็นห่วง ดีไม่ล้ม
 
สักพักมันก็เดินตรงมาเรื่อย ๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเรา ผมยืนอยู่ตรงกลาง ถ้าตามหลัก คนแรกน่าจะถูกเลือกมากที่สุด ซึ่งนั่นก็คือไอ้อาร์ต ผมพยายามมองตามัน แต่มันไม่ได้มองตอบ
 
มันขยับไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าไอ้อิฐ มองตามันนิดหนึ่ง ก่อนขยับไปหาไอ้อาร์ต แล้วขยับกลับมาอยู่ตรงหน้าผมใหม่ มันไม่ได้มองตาผมเหมือนที่มองสองคนนั้น
 
แต่มันเดินเข้ามาจนชิดตัวผม แล้วคล้องมือไว้ที่ลำคอผม

ยืดตัวขึ้นมากดจูบ
 
ผมยืนอึ้งอยู่กับที่ ไม่แพ้ทุกคนในที่นี้ มันกดจูบผมแน่นขึ้น ก่อนแทรกปลายลิ้นเข้ามาภายใน สัมผัสคุ้นเคย พาเอาผมต้องรั้งลิ้นมันมาเกี่ยว แขนที่วางไว้เฉย ๆ ก็เริ่มโอบเอวมันไว้อัตโนมัติ
 
ดีใจที่มันเลือกผม ดีใจที่มันจำได้ ดีใจที่มันแยกผมกับพวกน้อง ๆ ออก
 
มันจูบผมอยู่ไม่นานก็ค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออก
 
“พี่เอก…”
มันครางเรียกเสียงแผ่ว ผมพยักหน้ายอมรับ มันทำหน้าโล่งอก ฉีกยิ้ม แล้วซบหน้าเข้ากับอกผม
 
“นี่นายแยกพวกเราออกแล้วเหรอ”
ไอ้อาร์ตมันถาม

ไอ้ตัวเล็กปล่อยมือจากคอผมหันไปมอง มันส่ายหน้าไปมา
 
ทุกคนพากันแปลกใจ
 
“แล้ว...”
ไอ้อิฐมันถามบ้าง
 
ผมก็งงครับ แล้วมันแยกพวกเราออกได้ยังไงกัน หน้ามันแดงหน่อย ๆ
 
คนอื่น ๆ ก็คงอยากรู้ด้วยเหมือนกัน
 
“ผมแยกไม่ออกหรอก รูปร่างหน้าตาเหมือนกันไปหมด ความรู้สึกก็คล้าย ๆ กันด้วย”
 
ผมเริ่มอารมณ์เสีย

อะไรวะ นอนกันเกือบทุกคืน ยังแยกไม่ออกอีก อย่างนี้ต้องจับกดเยอะ ๆ (มึงคิดได้แค่นี้? = =)
 
“อ้าว แล้วเมื่อกี้รู้ได้ยังไงว่าคนตรงกลางเป็นเอก”
พ่อถามต่อ

สองคนผัวเมียนี้ก็แยกพวกผมไม่ออกเหมือนกัน
 
“ตอนผมเดินมา ผมแกล้งล้ม”
 
ทุกคนพากันทำหน้างุนงง แค่แกล้งล้ม แล้วมันยังไง
 
“พวกพี่สามคน ดูเป็นห่วงผมหมด”
อืม แล้วไงต่อ เมื่อกี้มันทำท่าจะล้มจริง ๆ
 
“แม้จะแวบเดียว แต่คนที่ทำท่าจะเข้ามารับผมไว้ คือคนกลาง”
 
เงียบครับ…
 
ทุกคนพากันเงียบ
 
มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติเมื่อคนที่เรารักจะเจ็บ มันจะล้มเยอะหรือล้มนิดเดียว ผมก็ไม่อยากให้มันเจ็บตัว ผมจำไม่ได้ว่าผมทำอะไรลงไปบ้าง รู้แค่ว่าเป็นห่วงมัน ร่างกายอาจเร็วกว่าความคิดก็ได้
 
“แค่นั้น นายก็ดูออกแล้วเหรอ”
ไอ้โอมมันถาม
 
ไอ้ตัวเล็กพยักหน้ารับ
 
“แล้วทำไมต้องจูบ”
อันนี้เป็นไอ้เต้ยครับ มันทำหน้าสงสัยเหมือนเด็ก ๆ
 
ไอ้ตัวเล็กหน้าแดง
 
“ถ้าผมเลือกใครคนใดคนหนึ่งไป แล้วเกิดพวกพี่แกล้งโกหกว่าใช่หรือไม่ใช่ขึ้นมา ผมก็ไม่มีทางรู้ แต่วิธีเดียวที่ผมจะแน่ใจว่าคนที่ผมเลือกคือพี่เอกจริง ๆ ก็ด้วยจูบนี่แหละ”
 
ผมอึ้ง ทุกคนก็อึ้ง
 
“รู้ได้ไง”
ไอ้มอมันถามด้วยความสงสัย
 
ไอ้ตัวเล็กหน้าแดงแป๊ด มันคงไม่อยากพูด แต่ทุกคนอยากรู้ครับ ผมเองก็อยากรู้ด้วยเหมือนกัน
 
“ผมเคยจูบกับพี่อาร์ตมาก่อน”
ยิ่งพูดหน้ามันยิ่งแดง

“ถึงรูปร่างหน้าตา บุคลิกและน้ำเสียงจะเหมือนกัน แต่เวลาจูบ จะให้ความรู้สึกที่ต่างกันมาก เพื่อพิสูจน์ว่าผมเลือกไม่ผิด ผมเลยเสี่ยงจูบเพื่อเช็คด้วยตัวเอง”
พูดแล้วมันก็ก้มหน้า
 
“แล้วถ้านายเลือกผิดล่ะ”
ไอ้โอมมันถามต่อ
 
“ผมมั่นใจว่าไม่น่าจะเลือกผิด”
 
พวกเพื่อน ๆ พากันโห่ฮิ้ว ส่วนผมยืนอึ้ง
 
“พี่กายสุดยอดไปเลย สมแล้วที่เป็นพี่สะใภ้ของเรา เย้ ๆ ๆ”
แล้วพวกทโมนก็พากันดี๊ด๊ากระโดดโลดเต้นยกใหญ่

ไอ้อาร์ตลูบหัวไอ้ตัวเล็กในอ้อมแขนผมเบา ๆ มันสะดุ้งนิดหน่อย แต่ก็ยอมให้ลูบดี ๆ
 
“พี่ยังไม่ยอมแพ้หรอกนะ”
มันพูดแล้วหันหลังเดินจากไป
 
“เก่งจัง ยิ่งเก่งยิ่งอยากได้มาครอบครอง”
ไอ้อิฐมันพูดแล้วหันหลังเดินจากไปเหมือนกัน


 :L2: :L2: :L2:

 
“เป็นบทพิสูจน์รักที่ดีเนอะ”
แม่ทำท่าเพ้อ พ่อรีบเดินลุยน้ำไปหยิบอะไรบนฝั่งมายื่นให้ แม่ทำหน้างง ๆ
 
“ไอเดียมาไม่ใช่รึไงคุณ ไม่มีใครว่าหรอกถ้าคุณจะเขียนอะไรตอนนี้”
 
แม่มองตาพ่อนิดหนึ่ง รับกระดาษกับปากกาที่แม่มักจะพกติดตัวเสมอมาเขียน

ผมไม่รู้ว่าทำไมสมัยก่อน พวกเขาถึงได้เลิกกัน ทั้ง ๆ ที่รักและรู้ใจกันขนาดนี้
 
“พ่อเริ่มเรียนรู้แม่ขึ้นอีกแล้ว พอ ๆ กับที่แม่เริ่มเรียนรู้พ่อนั่นแหละ”
ไอ้ตัวเล็กมันพูดขึ้นมาลอย ๆ พวกเราทุกคนหันไปมองแม่ที่นั่งอยู่บนโขดหินจดนิยายลืมโลกไปแล้ว พอ ๆ กับพ่อที่นั่งอยู่ในน้ำ แหงนหน้ามองแม่ลืมโลกไปแล้วเหมือนกัน
 
“เขาไม่ได้รู้ใจกันมาก่อนหน้านี้หรอกเหรอ”
ไอ้อ้อยมันถาม

ไอ้ตัวเล็กส่ายหัว
 
“ไม่หรอก รัก แต่ไม่คิดที่จะเรียนรู้ตัวตนของกันและกันน่ะ”

พวกผมนิ่งฟัง
 
“อาจจะเพราะยังเด็กด้วยกันทั้งคู่ ต่างฝ่ายจึงเรียกร้องในสิ่งที่อีกคนให้ไม่ได้ พ่อบอกว่าแม่น่ะอาร์ตตัวแม่ แต่พ่อคงไม่รู้ว่าตัวเองก็อาร์ตตัวพ่อเหมือนกัน”
 
“พอพวกเขาเรียนรู้อีกฝ่ายจริง ๆ จัง ๆ ถึงได้รู้ว่า สิ่งที่พวกเขาได้รู้ได้เห็นกันมาตลอด ยังไม่ถึงครึ่งที่อีกฝ่ายเป็น ข้อดีของการเลิกกัน คือคนทั้งคู่ได้กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ เหมือนจะง้องแง้ง แต่ก็เป็นตัวของตัวเองมากกว่าเดิม”
 
พวกเราพากันมองไปยังสองชีวิตที่นั่งลืมโลกกันอยู่สองคน
 
“งั้นพี่กาย…”
 
“ก็เป็นอาร์ตตัวลูกน่ะสิ”
 
“ว้ายยย!!”
แล้วพวกทโมนก็พากันกรี๊ดกร๊าดลั่นน้ำตกอีกที

พวกเพื่อน ๆ ผมพากันอมยิ้มขำ ๆ ก่อนพากันแยกย้ายไปเล่นน้ำกันต่อ
 
ผมยิ้มให้คนในอ้อมแขน         
 
“อิจฉาคุณเอกจัง”
ไอ้คุณชรินทร์ที่ยังไม่ได้เดินไปไหนพูดขึ้นมาเรียบ ๆ ไอ้ตัวเล็กหันไปมอง มันทำท่าอายสุดฤทธิ์
 
ก็เมื่อกี้ มันเล่นมาจูบผมต่อหน้าคนที่มันนับถือนี่
 
“ทะ ทำไมเหรอครับ”
มันอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ถาม
 
“ก็ได้จูบกายด้วย”

ไอ้ตัวเล็กยืนอึ้ง

“บาดตาบาดใจ แต่ก็เผลอเก็บภาพไว้ได้หลายแชะเหมือนกัน”
มันยกกล้องขึ้นมาขยิบตาให้นิดหนึ่ง

ไอ้ตัวเล็กตาโต
 
“หะ!! ภาพตอนไหน”
 
“ตอนจูบ”
 
“ลบ ๆ ๆ พี่เชนลบ ๆ”
มันทำท่าจะเดินเข้าไปหา ผมรั้งเอวมันไว้
 
“คุณชรินทร์เก็บไว้นะ ราคาเท่าไหร่ ผมจ่ายไม่อั้น”
 
มันยิ้ม
“ได้เลย”
 
“ไม่เอาพี่เชน ลบเลย ลบ ๆ”
ไอ้ตัวเล็กหน้าแดงก่ำ พยายามปลดตัวเองออกจากอ้อมแขนผม
 
“พี่เอกปล่อย พี่เชนลบไปเลย”
มันยังโวยวายไม่หยุด จนผมต้องลากมันออกไปจากตรงนั้น ได้ยินเสียงไอ้คุณชรินทร์หัวเราะร่วนดังมาตามหลัง
 
ไม่รู้เป็นแค่สัญชาตญาณของช่างภาพ หรือมันคิดอะไร ถึงได้มาถ่ายผมตอนจูบกับกายแบบนี้ แต่ผมกำลังดีใจที่ไอ้ตัวเล็กเลือกผมถูก และดีใจที่มันใจกล้าท้าพิสูจน์ด้วยการจูบผมต่อหน้าผู้คนแบบนี้
 
“ยิ้มอะไร”
มันถามผมหน้าหงิก
 
ผมลากมันมานั่งเล่นอยู่ในน้ำ โดยผมนั่งกึ่งนอนพิงโขดหินไว้ แล้วดึงไอ้ตัวเล็กมานั่งหน้า แนบหลังมันไว้กับหน้าอกผม
 
“ดีใจที่กายเลือกพี่”
 
“แต่ผมขอโทษ ที่ยังแยกไม่ออก”
 
“แต่กายก็ฉลาดที่รู้วิธีแยกให้ออก”

มันพยักหน้า ทำท่าอาย ๆ
 
“นี่ จูบพี่อีกรอบได้ไหม”
ผมร้องขอ มันเอี้ยวหน้ามามอง
 
“ไม่มีใครอยู่แล้วนะ”

ผมกระซิบ มันทำท่าชั่งใจ ก่อนยื่นหน้ามาจูบผมเบา ๆ ที ผมยิ้ม จับมันพลิกหันมาเผชิญหน้า รั้งท้ายทอยมันไว้ แล้วจูบมันดี ๆ อีกที               

จูบที่เต็มไปด้วยความนุ่มนวลและอ่อนโยน     

ทั้งที่น้ำมันเย็น แต่ผมกลับรู้สึกร้อนรุ่ม จนต้องจับมันพลิกลงไปข้างใต้ แล้วโหมจูบรุนแรงอีกที
 
“พี่เอก”
มันรีบเบรก
 
ผมไม่คิดจะทำอะไรมันอยู่แล้ว แต่ขอจูบให้สะใจหน่อยเถอะ ผมบดปากมันไปหนัก ๆ เสื้อมันขาว พอถูกน้ำจนแนบเนื้อยิ่งเห็นไปถึงไหนต่อไป ผมละจากริมฝีปากลงมาซุกซอกคอมัน เลื่อนต่ำลงไปที่หน้าอก แล้วงับหัวนมมันเบา ๆ ผ่านเสื้อ

ไอ้ตัวเล็กครางแผ่วผ่านลำคอ ผมย่ามใจละปากไปงับหัวนมมันอีกข้าง ไอ้ตัวเล็กครางหนักยิ่งกว่าเดิม



“พี่เอก ขืนพี่ทำมากไปกว่านี้ พวกเราคงแย่แน่ ๆ”
เสียงใครสักคนดังขึ้นมาขัดจังหวะ

ผมละปากจากหัวนมไอ้ตัวเล็กหันไปมอง ตอนแรกคิดว่ามีคนเดียว
 
แต่มากันเป็นแผงครับ
 
ไอ้อาร์ตยืนกอดอกจ้องผมเขม็ง ไอ้อิฐหน้าแดงหน่อย ๆ ส่วนไอ้คุณชรินทร์มันกำลัง เอ่อ..
 
ถ่ายรูปอยู่
 
แม่ง วิญญาณช่างภาพมึงนี่
 
ตบท้ายด้วยไอ้โอ๊คที่ยืนเสหน้าแดง ๆ ไปด้านข้าง
 
พวกมึงมายืนดูกันทำไมวะ
 
“ขัดทำไม กำลังได้ภาพสวย ๆ”
ไอ้คุณชรินทร์ทำท่าเสียดาย
 
“ถ้าคนแสดงไม่ใช่พี่เอก ก็ไม่อยากขัดหรอก”
ไอ้อาร์ตมันว่า
 
“แต่กายเซ็กซี่สุด ๆ”
ไอ้อิฐมันพูดหน้าแดง พวกนั้นเบนสายตากลับมายังไอ้ตัวเล็กที่ยังตาปรอยภายใต้ร่างของผม

คือ..
ผมละปากออกก็จริง แต่มือไม้ยังยุบยับอยู่แถว ๆ ร่องเอวมัน แล้วจุดนี้เป็นจุดไว้สัมผัสมัน โดนทีไรฟื้นตัวยากครับ
 
ไอ้ตัวเล็กมันกลืนน้ำลาย ตัวมันลอยอยู่เหนือน้ำโดยมีแขนผมรองรับมันไว้ สองมือมันก็กำอกเสื้อผมแน่น คงไม่กล้าปล่อยเพราะเดี๋ยวจมน้ำ ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความเสียดาย ก่อนรั้งมันขึ้นมานั่งดี ๆ
 
“ผะ ผมขอตัวไปเล่นน้ำกับพวกน้อง ๆ ดีกว่า”
มันรีบลุกขึ้นยืน เดินลิ่ว ๆ หนีไป

ผมมองตามจนลับสายตาก่อนหันกลับมาทำตาขวางใส่พวกมารผจญ
 
“ค้างเลย” ผมลุกขึ้นยืน บ่นกับตัวเองเบา ๆ
 
“มึงคิดจะกินน้องเขาที่นี่เลยรึไง!!”
ไอ้โอ๊คก้มเก็บเศษกิ่งไม้มาเขวี้ยงใส่ผม
 
ผมหัวเราะหึๆ
 
“มึงคบกับกูมาตั้งนาน ยังไม่รู้รึไงว่ากูอะด้าน กินได้ทุกที่ถ้ากูอยากกิน”
 
“น่ากินแฮะ”
ไอ้อิฐมันพูดขึ้นมาเรียบ ๆ

ผมชี้นิ้วใส่หน้ามัน
“อย่าแม้แต่จะคิด”
 
“อร่อยอย่าบอกใครเชียวล่ะอิฐ”
ไอ้อาร์ตมันยกนิ้วโป้งขึ้นมาตวัดเลียเบา ๆ
 
ไอ้คุณชรินทร์มันจิ๊ปากส่ายหัวไปมา
 
“สงสารกายจัง…”
 
ทุกคนหันไปมองมันกันหมด
 
“มีแฝดจิตไม่ปกติมาชอบกันตั้งสามคน”
มันเชือดแบบนิ่ม ๆ แล้วหันหลังเดินจากไป

ไอ้โอ๊คหัวเราะหึ ๆ เดินจากไปเหมือนกัน ปล่อยให้ผมยืนห้ำหั่นกับน้อง ๆ ทางสายตาไป

พวกมึงแต่ละคน ไว้ใจกันไม่ได้ทั้งนั้น


To Be Con... (ฮ่า ๆ ๆ ๆ)
โทษทีขำผิดบรรทัด = =
เขยิบลงมาขำบรรทัดใหม่ อุ๊วะฮ่า ๆ ๆ ๆ ฯลฯ เอิ๊กอ๊าก โอ๊ยกูขำ เมื่อกี้ยังสยิวกิ้วอยู่เลย มาฮาฉากสุดท้ายนี่แหละ เลิฟยูว์นะคนอ่าน
         
             :katai4: :katai4: :katai4:

หนังสือ&ebook >>https://goo.gl/FSOuuM
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 70 แยกให้ออก [p.24 D.18-3-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 18-03-2017 14:20:01
 o13 o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 70 แยกให้ออก [p.24 D.18-3-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 23-03-2017 16:05:23
อยากโดนครอบครอง 555
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 71 น้อยใจ [p.24 D.1-4-60]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 27-03-2017 20:17:16
(http://upic.me/i/rv/111489451.jpg)

71 น้อยใจ [กาย..♥]





 

ผมเดินเลี่ยงหลบมาจากพวกพี่ ๆ มัน
 
กูก็นะ เผลอไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงวะ
 
“พี่กายหน้าแดงใหญ่แล้ว”
พวกทโมนพากันชี้หน้า
 
“อ๊ะ ๆ ๆ“
 
“เมื่อกี้แอบไปทำเรื่องกุ๊กกิ๊กกับพี่เอกมาหรือเปล่า”
 
“แน่นอนเลย”
 
“ดูสิ ๆ หน้าแดงใหญ่เลย”
 
“เงียบไปเลย!”
ผมรีบจ้วงน้ำเย็น ๆ สาดใส่พวกน้อง ๆ ทันที

มีหรือที่พวกทโมนจะปล่อยให้ผมสาดใส่อยู่ฝ่ายเดียว หกแรงมือช่วยกันก้มลงไปจ้วงน้ำที่สูงเพียงเอวสาดใส่ผมเต็มแรง ผมเลยวักน้ำซัดกลับบ้างแบบไม่ลืมหูลืมตา
 
แต่แรงเดียวหรือจะสู้สามแรงทโมน ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ผมรีบถอยทัพร่นไปด้านหลัง แต่สามทหารแมวก็ยังเดินหน้าบุกยึดพื้นที่ปลอดภัยเข้ามาไม่หยุด ผมถอยหลังไปเรื่อย ๆ จนเสียหลักจมลงไปกับน้ำที่เจอช่วงน้ำลึกพอดี

ผมรีบโผล่พรวดขึ้นมาไอค่อกแค่กสำลักน้ำ พวกน้อง ๆ พากันหัวเราะใหญ่

ได้ยินเสียงพ่อกับแม่ตะโกนเรียกพวกทโมนดังแว่วมาแต่ไกล พวกน้อง ๆ หันขวับไปมองพร้อมกัน
 
“เย้!!!! เสบียงมาแล้ว”
แล้วพวกน้อง ๆ ก็รีบพากันวิ่งขึ้นฝั่งทันที ทิ้งผมให้ยืนยิ้มอยู่คนเดียวในน้ำ
 
หิวแล้วเหมือนกัน บ่ายสองแล้วมั้งเนี่ย

ผมเดินแหวกน้ำไปเรื่อย ๆ หวังก้าวขึ้นฝั่ง แต่หินมันลื่นครับ เดินไปได้ไม่ไกล ผมก็เสียหลักไถลหงายหลังลงไปอีกรอบ

แต่ดีที่คราวนี้มีคนมาช่วยรับเอาไว้ได้ก่อนที่ผมจะจมลงไปในน้ำ ผมถอนหายใจโล่งอก บอกตามตรง ยังไม่อยากสำลักน้ำอีกรอบ ครั้งที่แล้วยังแสบจมูกไม่หายเลย

ผมหันไปมองคนช่วย
 
“พี่โอ๊ค”
เทวดาผมนี่เอง
 
“ระวังหน่อยนะ หินมันลื่น”
 
ผมยิ้ม “แถวนี้น้ำลึกน่าดู”
 
“ตรงนั้นลึกกว่าอีก”
ไม่ว่าเปล่า พี่มันยังดึงแขนผมพาไปยังจุดนั้นอีก
 
ลึกจริง ๆ ด้วย
ผมรีบลอยตัวในน้ำ ไม่ต้องห่วง ผมว่ายน้ำแข็ง ถูกพ่อถีบลงน้ำตั้งแต่เด็ก ๆ
 
ถีบจริง ๆ ไม่ได้พูดเล่น
พ่อบอกใช้วิธีนี้แหละ ว่ายเป็นเร็วดี แม่โวยวายใหญ่ พ่อผมนี่โหดได้ใจ
 
“เย็น”
ผมตัวสั่นนิด ๆ จนพี่มันขำ ก่อนสะดุ้งเฮือก เพราะมีใครบางคนมาจับเอวไว้จากทางด้านหลัง ผมเอี้ยวหน้าไปมอง
 
“พี่เอ..”
หน้าเหมือนครับ แต่ไม่น่าใช่ ผมจ้องหน้าพี่แกอยู่พัก ก่อนหันมองไปรอบ ๆ

เห็นคนหน้าตาเหมือนพี่เอกเดินไปทางพ่อกับแม่อีกสองคน

แล้วคนที่อยู่กับผมเป็นใคร

ผมมองหน้าพี่มันเพื่อพิจารณาอีกที
 
“จะลองจูบเพื่อพิสูจน์ไหม”
พี่มันพูดเนิบ ๆ ไอ้ลักษณะการพูดแบบนี้…
 
“พี่อาร์ต” 
 
พี่มันยิ้ม

โป๊ะเชะเลย
 
ผมรีบเขยิบตัวหนี แต่พี่มันจับเอวผมไว้แน่น
 
มึง กูมีพี่โอ๊คอยู่ทั้งคนนะมึง ถ้ามึงทำอะไรกู 
 
กู…กูจะกรี๊ดจริง ๆ ด้วย (ทางออกของมึงนี่นะกาย = = )
 
“ปล่อย”
ผมบอกแบบไม่ให้เสียมารยาท
 
“นายก็ชอบกายเหมือนกันล่ะสิ”
แต่พี่มันไม่สนใจฟังผมพูดครับ มองหน้าพี่โอ๊คแล้วพูดกับพี่โอ๊คแทน
 
“แต่ฉันไม่เคยทำรุ่มร่ามกับกายเขาแบบนาย”
แล้วพี่โอ๊คก็ขยับมาจับสะโพกผมไว้ทั้งสองข้างดึงกลับไปหาพี่แก (เพราะมือพี่อาร์ตกินพื้นที่เอวด้านบนผมหมดแล้ว)
 
“เอ่อ…”
พวกมึงปล่อยกูทั้งคู่นั่นแหละ
 
แล้วนี่…
ผัวกูอยู่ไหน
 
พี่มันสองคนจ้องตากันเขม็ง เหมือนผมจะเห็นประกายไฟแลบแปลบ ๆ ออกมานะ ผมพยายามจะว่ายน้ำหนี แต่ทำไม่ได้ครับ โดนยึดทั้งเอวทั้งสะโพกอยู่

พวกพี่ ๆ มันไม่ได้สนใจการดิ้นรนของผมแม้แต่น้อย จ้องตากันอยู่นั่นแหละ แล้วจุดที่พวกเรายืนอยู่เป็นน้ำลึก พวกพี่ ๆ มันยืนกันได้เพราะตัวสูง แต่ผมหยั่งเท้าไม่ถึง ทำให้ตัวเองหลุดก็ไม่ได้ ยืนก็ไม่ได้ ผมเลยทำได้แค่จับแขนพี่โอ๊คไว้เป็นหลักยึดเท่านั้น
 
“พวกพี่ ๆ ปล่อยผมก่อนเถอะ ข้าวมาแล้ว เรารีบไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า”
ผมรีบหาทางออกอื่น ๆ ให้ตัวเอง
 
“นั่นน่ะสิ ไปกิน…กันดีกว่า”
พี่อาร์ตทิ้งจังหวะการพูด ใช้แขนเดียวเกี่ยวตัวผมเข้าหาแก พี่โอ๊คก็ไม่ยอม ใช้แขนเดียวเกี่ยวผมกลับไปบ้าง
 
เอ่อ…ถ้ากูเป็นผู้หญิง มึงจะตบตีแย่งชิงกันก็ไม่ว่า แต่กูเป็นผู้ชาย มีหางหน้าเหมือน ๆ พวกมึง แล้วจะมาแย่งชิงกันทำไม!
 
ไม่เพียงจะรั้งผมเอาไว้เท่านั้น พวกพี่มันยังเขยิบชิดเข้ามาเรื่อย ๆ จนผมถูกเบียดเป็นแซนวิชท่ามกลางผู้ชายตัวโต ๆ สองคน ตาพวกพี่มันก็จ้องกันไม่วาง
 
นี่ถ้าพวกมึงเป็นปลากัด กูว่าคงท้องกันไปแล้วล่ะ
 
ผมมองพวกพี่มันสลับกันไปมา
 
นี่พวกมึงกำลังต่อสู้กันด้วยกระแสจิตใช่ไหม แต่เห็นใจคนกลางอย่างกูหน่อยเหอะ ถูกกระแสจิตพวกมึงยิงกันจนจะพรุนอยู่แล้ว
 
“หยุดทำรุ่มร่ามกับกายเขาได้แล้ว”
พี่โอ๊คบอกเสียงเย็น กระชับสะโพกผมไว้แน่น
 
“หึ ทำเป็นพูดดีไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ของนายเองก็ตื่นเหมือนกันไม่ใช่รึไง”
 
ผมฟังแล้วก็อึ้ง
 
หะ!? พี่โอ๊คเนี่ยนะ!
 
ดะ เดี๋ยว!
 
ไม่มั้ง…
 
ก็พี่เขาก็ออกจะใจดี เป็นพ่อพระ เป็นเทวดาของผมจะตาย
 
ผมเงยหน้ามอง พี่โอ๊คเปลี่ยนสีหน้าเป็นไม่พอใจนิดหนึ่ง
 
“นายมองผิดแล้วล่ะ”
 
ผมถอนหายใจโล่งอก
เห็นไหมล่ะ พ่อพระผมไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอก ถึงพี่มันจะอยู่ในก๊วนหื่น แต่ก็ใช่จะหื่นเหมือนพี่เอก
 
“พิสูจน์ไหม”
 
คิ้วผมขยับนิดหนึ่ง
 
พิสูจน์?
พวกมึงจะพิสูจน์อะไรกะ…
       
“อ๊ะ!!…”
คำตอบมาแทบจะทันที ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อพี่อาร์ตเลื่อนมือมาจับที่บั้นเอว ตามด้วยลูบไล้เบา ๆ
 
ความลับครับ จุดไวสัมผัสของผมอยู่ที่บั้นเอว ใครมาลูบ มาแตะ หรือมากดเบา ๆ เป็นหวิวทุกที และอีกที่หนึ่งก็คือ…
 
“อื้ออ…”
 
แม่ง..
กูทำไมครางเป็นผู้หญิงแบบนี้วะ แถมยังเผลอหลับตาลงด้วย พี่โอ๊คเปลี่ยนสีหน้าหน่อย ๆ ตอนเห็นท่าทีผม ผมไม่รู้ว่าพี่อาร์ตทำสีหน้าแบบไหนอยู่ เพราะพี่มันอยู่ด้านหลัง ได้ยินแต่เสียงหัวเราะดังหึ ๆ
 
คราวนี้พี่มันเล่นหนักกว่าเดิม เพราะพี่มัน…
 
“อ๊า…”
กูไปแล้ว
 
พี่อาร์ตจับหัวนมผมบีบไม่เบานัก
 
แล้วเข้าใจกันไหมครับ ว่าคนด้านหลังมันจับ แต่คนมองน่ะคือคนหน้า ที่สำคัญ ปฏิกิริยาอัตโนมัติเวลาถูกจับ ผมก็จะหาหนทางระบาย ปากก็ครางไป มือก็บีบต้นแขนพี่โอ๊คไป ตาผมไม่รู้ว่ามันทำแบบไหนอยู่ รู้แค่ว่าหน้าพี่โอ๊คดูพร่าเลือนไปชั่วขณะ

พี่โอ๊คจ้องหน้าผมเขม็ง
 
พวกมึงปล่อยกู
 
ตอนนี้ผมถูกยึดบั้นเอวอยู่ จุดยุทธศาสตร์ครับ ดิ้นรนไม่ได้ พี่เอกมันรู้ดี แต่ก็ไม่คิดว่าไอ้พี่อาร์ตมันจะรู้ด้วย ผมอยากขืน อยากหนี แต่ทำไม่ได้

ผมครางฮือ เมื่อพี่แกรุกหนักขึ้น ปลายเท้าผมเริ่มหาที่ระบายเป็นขาพี่โอ๊คแล้ว
 
คือมันเสียวอะนะ ผมก็เลยจิก ๆ ถู ๆ ไถ ๆ ขาพี่มันใหญ่
 
“อือ.. กายครางเพราะมาก”
พี่อาร์ตกระซิบด้วยน้ำเสียงพี่เอกข้างหู ก็รู้ว่าไม่ใช่คนเดียวกันแต่มันก็สยิวเหมือนกัน
 
“พะ พอ…”
คำพูดติดปากครับ แต่พี่เอกบอกยิ่งพูดยิ่งกระตุ้นต่อมหื่นให้ทำงาน แต่ผมคิดว่าเป็นเพราะพี่เอกมันหื่นอยู่แล้วมากกว่า
 
แต่ตอนนี้ผมชักจะเชื่อขึ้นมาแล้วล่ะ เพราะแทนที่ไอ้คนด้านหลังมันจะหยุด กลับรุกผมหนักขึ้นกว่าเดิมอีก
 
มึง ต้องให้กูพูด ‘เอาอีก’ รึไง ถึงจะหยุดกัน

ให้กูพูดคำนั้น กัดลิ้นตัวเองตายดีกว่า
 
ไอ้พี่อาร์ตมันยังไม่หยุดแกล้งยั่วพี่โอ๊ค โดยการดันร่างผมแนบกับพี่โอ๊คมากขึ้น
 
คุณครับ พระก็พระเถอะวะ ตื่นได้เหมือนกัน
 
ไอความร้อนวิ่งผ่านใบหน้าเมื่อส่วนนั้นของพี่โอ๊คตุงตุ่งตุ้งตุ๊งขึ้นมาชนกับหน้าท้องผม ใบหน้าแข็งกร้าวเคลือบความไม่พอใจของพี่โอ๊คเมื่อกี้ ราบเรียบลงเรื่อย ๆ

ได้ยินเสียงหัวเราะหึ ๆ จากคนด้านหลัง
 
พี่โอ๊คไม่ได้ละสายตาไปจากหน้าผมแล้ว มีคนหล่อมาจ้องมันก็หวิวได้นะครับ ผมยิ่งเป็นพวกแพ้คนหน้าตาดีอยู่ด้วย (ยอมรับก็ได้วะ) ถึงไม่มีกล้องก็ยังชอบมอง
 
“พี่โอ๊ค…”
คือ กะจะเรียกสติแก แต่เสียงมันทั้งหวิวทั้งพร่าได้ใจ
 
“นี่ อยากให้กายไปนอนครางใต้ร่างนายไหม”
ไอ้คนด้านหลังมันยุ

พี่โอ๊คที่ถูกจอมมารอาร์ตไซโคร พยักหน้าราวกับคนโดนมนต์สะกด
 
โธ่ พี่โอ๊คกูไปซะแล้ว
 
“งั้นนายก็ต้องช่วยฉันแย่งกายมาจากพี่เอก แล้วฉันจะแบ่งให้นายกิน”
 
ไอ้เลว ไอ้วายร้าย ไอ้คนเจ้าเล่ห์ ไอ้ ไอ้ กูจะหาคำไหนมาด่ามึงดี
 
พี่โอ๊คมองผมไม่วางตา
 
พี่โอ๊ค อย่าไปหลงคารมมัน! ใจอยากพูดครับ แต่ร่างกายมันไร้แรง

พี่อาร์ตกระตุ้นผมมากขึ้นโดยการลูบหน้าท้องสูงขึ้นไปที่หน้าอกแล้วบีบหัวนมเบา ๆ
 
ไม่ไหวแล้วครับ ผมเผลอตัวแอ่นอกอัตโนมัติ บีบสองต้นแขนของพี่โอ๊คแน่น ปากก็ครางออกมาเบา ๆ บดเบียดร่างกายเข้าหาคนตรงหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ รู้ว่าต้องขัดขืน แต่โดนยึดบั้นเอวอยู่
 
“อื้อ พอ..”
แล้วกูก็ครางห้ามซะเสียงสะท้าน

ก็คนมันเคยผ่านมือชายมาก่อน ปฏิกิริยาย่อมไวต่อสัมผัส ที่สำคัญไอ้บางส่วนของพี่อาร์ตใต้น้ำมันตื่นแล้วครับ ตื่นเต็มที่แล้วด้วย ชน ๆ อยู่แถว ๆ ด้านหลังของผม
 
กูจะเสียเอกราชในน้ำหรือนี่ 
 
ก็ตอนที่มันขืนใจผม มันยังไม่รู้จุดยุทธศาสตร์ของผม ผมเลยสู้ได้เต็มที่ แต่ตอนนี้โดนยึดไว้ แค่ขยับก็พากันสยิวแล้ว
 
กรรมของกู
 
“ผมว่าถ้าพวกคุณไม่อยากโดนคุณเอกต่อยจนหน้าซ้ำ ก็ปล่อยกายเขาไปก่อนดีกว่า”
สวรรค์ยังมีตาครับ ส่งอัศวินม้าขาวพร้อมอาวุธเป็นกล้องห้อยไว้ที่คอมาช่วย
 
ผมหันหน้าที่ถูกกระตุ้นเต็มที่ไปมอง
 
พี่เชนชะงัก
 
มึงอย่าเพิ่งชะงัก มาช่วยกูก่อน
 
“อย่ายุ่งน่าคุณช่างภาพ เขากำลังรื่นเริงกันอยู่”
ไอ้พี่อาร์ตมันว่า
 
“แต่คนที่คุณรื่นเริงเป็นแฟนพี่ชายคุณนะ”
 
“อ้าว พวกนั้นน่ะ รีบมากินข้าวกันเร็ว!!”
ได้ยินเสียงพ่อตะโกนเรียกมาแต่ไกล

ยังดีที่พี่เชนบังไว้ คนอื่น ๆ เลยไม่เห็นว่าผมอยู่ในท่าล่อแหลมขนาดไหน
 
พี่อาร์ตถอนหายใจ ก้มหอมแก้มผมที ปล่อยแขนออกแล้วเดินจากไป

ตอนนี้เลยมีแค่พี่โอ๊คที่รั้งร่างผมเอาไว้อยู่
 
“พี่ขอโทษนะ”
พี่มันพูดสั้น ๆ แววตากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว
 
เย้!! เทวดาผมกลับมาแล้ว
 
แล้วพี่มันก็ปล่อยมือออก หันหลังเดินแหวกน้ำจากไป ส่วนผม...
 
ก็จมน้ำบุ๋ง ๆ
 
คือ..ต้องเข้าใจว่าเมื่อกี้พวกพี่มันพยุงเอาไว้อยู่ ไม่มีแรง ไม่มีคนรองรับ จมลูกเดียว ยังดีที่พี่เชนเข้ามาช่วยเอาไว้ก่อน
 
อเนจอนาถตัวเองเป็นแท้
 
“ไม่เป็นไรนะ”
พี่มันถามด้วยความเป็นห่วง ผมเกาะตัวพี่มันแน่น ขอเวลาเรียกพลังแป๊บ ยังไม่ทันจะดีขึ้น ผมถูกกระชากออกแรงด้วยมือของใครบางคน
 
ผมเงยหน้ามอง
 
เป็นพี่เอกครับ
ของแท้แน่นอน พร้อมสร้อยพระอาทิตย์และใบหน้าหงิกงอ

 :L2: :L2: :L2:
             
             
“จะทำอะไรกัน!”
พี่มันถามเสียงเข้ม พี่เชนยักไหล่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เดินจากไป พี่เอกมองตามจนลับสายตา ก่อนหันหน้าโหด ๆ มามอง
 
ผมเสียวสันหลังวูบ มันจะฆ่ากูหมกน้ำตกไหมนี่ 
 
“ทำไมต้องไปยืนกอดมัน”
พี่มันจับต้นแขนผมสองข้างบีบแรงจนผมเบ้หน้าเจ็บปวด
 
“พี่เอก ผมเจ็บ”
ผมรีบบอก แต่แทนที่พี่แกจะปล่อยกลับบีบแรงขึ้นไปอีก สงสัยพี่มันจะฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง มึงจะให้กูขะเมียนมะตรึยไหม จะได้รู้เรื่อง
 
“บอกมา!!”
พี่มันเร่ง
 
“ผมไม่ได้กอดพี่เขา”
 
“แล้วไอ้ที่พี่เห็นล่ะคืออะไร เต้นลีลาศอยู่รึไง”
ดูพี่มันเปรียบ

ผมพยายามร้องขอผ่านดวงตา แต่พี่มันโยนคำขอผมทิ้งไป บีบต้นแขนผมแรงขึ้นไปอีก
 
“พี่เชนแค่มาช่วย”
ผมกัดฟันฝืนเจ็บบอก
 
 
“ช่วยอะไร!!!!”
พี่แกตะคอกถามกลับ ผมเผลอหลับตาลงด้วยความหวาดหวั่น

ตอนนี้คนอื่น ๆ อยู่นู่นครับ ไปหาซอกหลืบกินข้าวกัน เลยไม่ได้ยิน
 
ไอ้คุณมึง จะสอบสวนอะไรกู ช่วยทำเบา ๆ หน่อยได้ไหม กูเจ็บ
 
“เมื่อกี้ผมโดนพี่อาร์ตเอ่อ…กับพี่โอ๊ค”
พี่มันเปลี่ยนแววตาเป็นวาวโรจน์ยิ่งกว่าเดิม
 
“ทำอะไร!!!”
 
“เจ็บ…พี่เอก”
ผมร้องขออีกรอบ มันเจ็บจริง ๆ ครับ เจ็บไปถึงกระดูกเลย
 
“ทำอะไร!!!”
แต่พี่มันไม่สน ตะคอกถามต่อ ผมได้แต่เม้มปากแน่น
 
“กะ ก่อนหน้านี้ ผมเล่นน้ำอยู่กับพี่โอ๊ค แล้วพี่อาร์ตก็เข้ามาแกล้งลวนลามผมเพื่อให้พี่โอ๊ค เอ่อ…ยอมรับว่าแกตื่นกับผม…แล้วพี่เชนก็เข้ามาช่วยพอดี”
ผมเห็นไฟลุกพรึ่บบนตัวพี่เอก
 
“แล้วทำไมไม่ขัดขืน!!!!”
พี่มันตะคอกกลับเสียงดังยิ่งกว่าเดิม ผมเผลอหลับตาลงหวาดหวั่นไปกับน้ำเสียงน่ากลัวนั้นอีกรอบ
 
“ผมพยายามแล้ว”
ผมบอกเสียงสั่น เบะหน้าลงหน่อย ๆ
 
ไม่ได้แกล้งครับ แต่มันเจ็บจริง ตอนนี้แขนผมมันชาจนไร้ความรู้สึกไปแล้ว
 
พี่เอกบดกรามแน่น
 
“แล้วพวกมันทำอะไรบ้าง”
พี่มันลดน้ำเสียงลงมาถามต่อ
 
น้ำตาผมไหลแล้วครับ พี่มันชะงักไปนิด แต่โทสะยังอยู่ เลยไม่ได้ปล่อยแขนผมออก
 
เอาเล้ย มึงอยากทำอะไรก็ทำไปเลย โมโหก็ทำร้ายกู ไม่พอใจก็ทำร้ายกู อยากปล้ำก็ปล้ำ อยากฟัดก็ฟัด ร่างกายกูเป็นของมึงอยู่แล้วนี่
นี่ใช่ไหม ที่มึงทำกับคนที่มึงรัก
 
แม่ง!
น้อยใจครับ น้อยใจเอามาก ๆ ผมกลืนน้ำลาย กัดฟัน จ้องตาพี่มันเขม็ง
 
“พี่มันกอดผม จับเอว จูบหลังคอ แล้วก็บีบนม”
น้ำตาผมร่วงเปาะแปะ ผสมเข้ากับความร้อนที่เกิดจากความอับอาย ผมเลยได้น้ำอุ่น ๆ ไหลผ่านมาเป็นทางที่แก้มเข้าปาก ผมใช้แรงที่มีดึงตัวเองออก ซึ่งพี่แกก็ยอมปล่อยโดยดี ผมทิ้งตัวลงไปในน้ำ ว่ายกลับขึ้นฝั่ง ปล่อยให้พี่มันยืนอยู่ที่เดิมนั้นแหละ
 
น้ำมันเย็นครับ ช่วยล้างน้ำตาอุ่น ๆ ของผมออกไปได้หมด พอก้าวขึ้นฝั่งมันก็หยุดไหลแล้ว ผมไม่ใช่พวกชอบเช็ดน้ำตาหรอกนะ ปล่อยให้มันไหล แล้วแห้งกันเอาเองนั่นแหละ
 
ผมเดินทื่อ ๆ ไปที่หาพ่อกับแม่ แม่รีบหยิบข้าวเหนียวไก่ย่างมาให้ทันที

มาน้ำตกต้องเปิบส้มตำข้าวเหนียวไก่ย่างเท่านั้นครับ ถึงจะได้รสชาติ
 
“เอ้าเอก นี่ของมึง”
ได้ยินเสียงพี่ปิงทักพี่เอก ผมไม่ได้สนใจหันไปมอง
 
ตอนนี้กำลังงอนครับ ผมหมกตัวเองอยู่กับพ่อแม่ ไม่มองไม่สนใจคนอื่นเลย โดยเฉพาะคนที่ทำให้ผมร้องไห้เมื่อกี้
 
“กาย แขนไปโดนอะไรมาลูก!”
แม่จับแขนผมดูด้วยความตกใจ พ่อก็หันมามองเหมือนกัน ผมก้มดู เป็นรอยแดงช้ำรอบแขนทั้งสองข้างเลย ผมยิ้มให้แม่นิดหนึ่ง
 
“สงสัยถูกบุ้งคันแถวนี้มั้ง”

พ่อมองดุ ๆ เพราะเห็นว่าผมโกหกแม่หน้าด้าน ๆ
 
“ว้าย มีบุ้งคันด้วยเหรอ ติดแอมไหม”
 
“ของอ้อนล่ะ”
 
“ของไอล่ะ”
พวกทโมนโวยวาย เอี้ยวตัวดูหน้าดูหลังแขนขาตัวเองใหญ่

พวกพี่ ๆ คนอื่น ๆ ไม่ได้สนใจอะไรครับ รุมเขมือบส้มตำกันอยู่ สงสัยจะหิวกันจัด ๆ มีเพียงพี่เอกเท่านั้นที่นั่งนิ่งอยู่ในกลุ่มมองตรงมาที่ผม
 
“บุ้งคันน่ะไม่มีหรอก แต่มีต้นไม้บางอย่างในป่าที่ทำให้คันได้ ตอนกายเดินถ่ายรูปอาจไปถูกเข้า ไม่เป็นไรหรอก กลับไปทายาก็หาย”
พ่อพี่กิ๊ฟครับ เขาคงคิดว่าผมพูดจริง
 
ผมพยักหน้าให้แกทีราวกับเป็นเรื่องจริง ผมไม่ได้สนใจรอยที่แขนตัวเองอีก ปล่อยให้มันแดงอยู่อย่างนั้นแหละ แอบเห็นพี่เอกบดกรามนิดหนึ่งด้วย
 
กูไม่สน มึงทำกูเจ็บ กูไม่ง้อมึงหรอก


 
 
หลังจากอิ่มหนำสำราญ พวกเราก็ลงไปเล่นน้ำกันต่อ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็พากันขึ้นรถกลับบ้าน ผมเล่นน้ำจนปากซีด และตลอดเวลา ผมเกาะพ่อกับแม่แจ ทุกคนคงคิดว่าผมอยากใช้เวลาอยู่กับครอบครัว จึงไม่มีใครเอะใจเรื่องผมกับพี่เอก
 
ไม่สนครับ ปล่อยพี่มันไป



 
 
ผมมาอยู่ในชุดเรียบร้อยอีกครั้ง พวกทโมนจามฟิด ๆ สงสัยจะเป็นหวัด คุณพ่อคุณแม่รีบวิ่งหายามาให้ทานทันที ผมเองก็กินไปสองเม็ด กันไว้ ไม่อยากหมดสนุกเพราะเป็นหวัดเหมือนกัน
 
“จริง ๆ วันนี้ว่าจะชวนไปขี่ม้า แต่ว่าเล่นน้ำกันซีดแล้ว ไปเจอแดดแรง ๆ อีกกลัวจะน็อคกันซะก่อน เพราะงั้น วันนี้จะพาไปดูเขารีดนมวัวกับเดินเล่นในสวนองุ่นแทนละกัน”
พ่อพี่กิ๊ฟบอก พวกเราพากันพยักหน้ารับ
 
ผมรีบเรียกอารมณ์ตัวเองกลับคืนทันที แค่คนคนเดียว จะทำให้ชีวิตและวันเที่ยวสนุก ๆ แบบนี้เสียไปไม่ได้เด็ดขาด เมื่อพี่มันไม่เข้าใจก็ไม่ต้องไปสน

ผมคล้องกล้องไว้ที่คอ เช็คหน้ากล้องนิดหน่อย ก่อนสะดุ้งเฮือก เมื่อมีมือของใครบางคนมาลูบต้นแขนที่เป็นรอยแดงเบา ๆ ผมหันไปมองเจ้าของมือนั้น
 
ผมกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก อยากพูด อยากต่อว่า อยากอธิบาย แต่ความน้อยใจมันเยอะกว่า ผมเลยเดินหนีจากพี่แกดื้อ ๆ พี่มันก็ไม่ได้ตามมาเหมือนกัน
 
กาย มึงเป็นผู้ชาย มึงหัดใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์หน่อย
ผมเตือนตัวเอง
 
รู้ครับ แต่มันก็เจ็บนะ
ทั้ง ๆ ที่พี่มันก็รู้นิสัยน้องมันกับเพื่อนมันดี ก็ยังจะมาโมโหให้ผมอีก
 
“ป่ะกาย ไปกินนมวัวกัน”
ไอ้เต้ยมันเดินมากอดคอผมไว้ ในขณะที่มืออีกข้างยังเกาะแขนพี่มันอยู่
 
มึงจะสองใจมากไปไหม
 
“ว่าแต่มึง ทายาแก้แพ้รึยัง แดงขนาดนี้”
มันจิ้มแรง ๆ ตรงรอยแดง ผมร้องโอ๊ยจนมันสะดุ้ง
 
“เฮ้ย!! กูขอโทษ ไม่คิดว่ามึงจะเจ็บ”
มันทำหน้าตื่น
 
พี่เป้มองหน้าผมสลับกับรอยแดง
 
“เต้ย อยู่นี่ก่อน เดี๋ยวพี่มา”
พี่เป้จับข้อมือผมลากไปกับแก ผมหันไปมอง เห็นไอ้เต้ยยืนเม้มปากมองตามหลังพวกเรา เยื้องไปไม่ไกล มีพี่เอกยืนส่งสายตาเย็นยะเยือกมาหา
 
พี่เป้พาผมขึ้นไปบนเรือน ให้ผมนั่งอยู่บนพื้นที่ถูกยกสูงไม่เกินครึ่งเข่า ส่วนตัวพี่แกเดินไปหาคนทำงานบ้าน ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับยาทาแก้ฟกช้ำ จริง ๆ ก่อนหน้านี้แม่เอายาแก้แพ้มาทาให้แล้ว พี่เป้นั่งลงข้าง ๆ เปิดฝาขวดแต้มยามาทาให้เบามือ
 
“เจ็บไหม”
พี่มันถาม ผมจ้องหน้าพี่แก แต่ไม่ได้ตอบอะไร
 
“รอยแบบนี้ไม่ใช่รอยแพ้หรอก รอยมือคนต่างหาก”
พี่มันพูดต่อ ผมยังนิ่ง พี่เป้ป้ายยามาลูบแขนผมอีกข้างเบามือไม่ต่าง ผมก็ได้แต่นั่งเหม่อทอดมองท้องฟ้าด้านบน
 
“ทะเลาะกับไอ้เอกมันเหรอ”

ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไป นั่งนิ่งอย่างเดียว
 
“ความรักมักทำให้คนขาดสตินะ แล้วคนหึงแรงอย่างไอ้เอก อดทนไม่โวยวายได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเก่งแล้ว”
 
“ผมรู้”
 
“แต่ก็น้อยใจ” 
 
จึก!!
มึงจะฉลาดไปไหน
 
“หึ ๆ”
พี่มันลูบหัวผมเบา ๆ

ผมกัดปากแน่น รู้สึกเหมือนมีอะไรมาคลอ ๆ อยู่ที่ดวงตา พี่เป้จับแก้มผมไว้เบา ๆ
 
“อยากร้องไห้ไหม”

ผมมองตาคนถาม

“กายเห็นพี่ร้องไห้มาหลายรอบแล้วนะ กายบอกว่า ถ้าไม่ไหวก็ให้ร้องออกมาไม่ใช่เหรอ”
แค่นั้นแหละ น้ำตาผมก็ไหลพรากทันที
 
ผมไม่ได้อ่อนแอนะ
แต่ทำไมแค่คิดว่าคนที่เรารักไม่เข้าใจเรา มันถึงได้รู้สึกเจ็บและน้อยใจได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้
 
พี่เป้รั้งผมเข้าไปกอดทั้งตัว ลูบหัวลูบหลังปลอบประโลม

ผมไม่รู้ว่านั่งร้องอยู่นานแค่ไหน พอหนำใจก็ค่อย ๆ ดันตัวเองออก น้ำตาผมแห้งแล้วครับ
 
“เสื้อพี่เปียกหมดแล้ว”
ผมใช้หลังมือเช็ด ๆ   
 
“พี่เข้าใจความรู้สึกตอนกายปลอบใจเวลาพี่ร้องไห้แล้วล่ะ” พี่มันพูดยิ้ม ๆ “ขอบใจนะ ถ้าไม่ได้กาย พี่อาจไม่เข้มแข็งขนาดนี้ก็ได้”
ผมมองตาพี่มัน
 
“พี่กำลังตัดสินใจจะทำอะไรอยู่หรือเปล่า”
เพราะพี่แกดูนิ่งผิดปกติ
 
พี่เป้พยักหน้า จับผมให้ลุกขึ้นยืนหันหน้าเข้าหาแก ในขณะที่พี่แกยังนั่งอยู่ที่เดิม พี่เป้จับมือผมไว้ทั้งสองข้าง
 
มึง ท่านี้เหมือนแฟนพลอดรักกันเลยนะ
 
“ถ้าการปิดบังมันแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้ ก็คงต้องเปิดเผยเรื่องทุกอย่าง ให้เขาเกลียดพี่ไปเลย อาจทำให้พี่ตัดใจได้ง่ายขึ้นก็ได้”
 
“พี่เป้”
ผมครางเรียก

จะว่าไปแล้ว เรื่องของตัวเองนั้นขี้ปะติ๋วมาก ๆ ถ้าเทียบกับความรักและความทรมานที่พี่เป้ต้องเจอ
 
ทั้งที่รักมาก แต่ก็แสดงออกว่ารักไม่ได้
 
“ผมมั่นใจว่าพี่ต้องเจอคนที่รักพี่และพี่รักเขาจนหมดหัวใจอีกครั้งแน่นอน”
 
“คงไม่แล้วล่ะ เพราะหัวใจพี่มอบให้คนคนนั้นไปหมดแล้ว”
 
ผมก็ได้แต่เม้มปากแน่นกระชับมือพี่แกไว้ ก่อนเสียงของใครสักคนจะดังแทรกเข้ามาขัด
 
“เขาจะขึ้นรถกันแล้ว”
 
ผมกับพี่เป้หันไปมอง พี่เป้ปล่อยมือผมลง ลุกขึ้นยืนจนสุดความสูง
 
“งั้นพี่ไปก่อนนะ เวลาของพี่มีแค่ทริปนี้เท่านั้นแหละ”
พี่มันบอกแค่นั้น หันหลังเดินจากไป

ทิ้งผมเอาไว้ให้อยู่กับใครบางคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุด

To Be Con...
 
               
ฮาตอนต้น แอบแซดตอนท้าย :hao5: :hao5: :hao5:
             

:katai5: :katai5: :katai5:


ปล. แจ้งข่าวเล็กน้อยนะคะ ใครต้องการหนังสือเรื่อง Kiss Love ไปหาซื้อกันได้ที่งานสัปดาห์หนังสือวันที่ 29 มีนา- 9 เมษายนนี้ บูธ Hermit [M34 โซน C] กับบูธ Nananaris [M25 โซน C] ค่ะ


หนังสือ&ebook >>https://goo.gl/FSOuuM
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 71 น้อยใจ [p.24 D.27-3-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-03-2017 21:07:33
พี่อาร์ต ร้ายมาก
กาย อยู่ลำพัง ไม่ได้แน่
แถมชักชวนพี่โอ้ค เข้าร่วมขบวนการ
ไม่แน่พี่อาร์ต ต้องไปชักชวนพี่อิฐร่วมด้วย
แต่ที่แน่ๆ พี่เอก เห็นพี่เชนประคองตัวกายซะและ
จะโทษใคร ต้องโทษตัวเองแล้วพี่เอก
รู้ว่าอาร์ต อิฐ โอ้ค เชน ชอบกาย
แล้วไม่ตามติดคุ้มครองกายอีก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 71 น้อยใจ [p.24 D.27-3-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 28-03-2017 19:47:28
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 71 น้อยใจ [p.24 D.27-3-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 28-03-2017 21:17:06
ไม่เข้าใจคนเขียนอ่ะ คือจะดำเนินเรื่องไปในทางไหนหรอ นายเอกจากที่ดูใสๆกลายเป็นดู...ไปแล้วอ่ะ งง
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 71 น้อยใจ [p.24 D.27-3-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 30-03-2017 15:59:57
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
เลยอ่านรวดเดียวเลย
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอบอุ่นแล้วก็จั๊กจี้หัวใจดีเหมือนกัน
คู่พ่อแม่กายน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สงสารพี่เป้กับเต้ยจัง
หวังว่าทั้งคู่คงจะไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมาหรอกนะ

อ่านมาจนถึงตอนนี้.....
เกลียดอาร์ตมากมาย
จากที่จะปลื้มๆอิฐ ตอนนี้ก็เริ่มเบื่อหน้าอิฐไปแล้วเนี่ย

ชอบที่คนเขียนแต่งเรื่องนี้ที่อบอุ่นให้อ่าน
แต่ก็ไม่ชอบใจที่คนเขียนแต่งให้กายผ่านมือคนนั้นทีคนนี้ทีเหมือนน้องเป็นของสาธารณะที่ใครอยากจะแตะต้องเมื่อไหร่ยังไงก็ได้แบบนี้
อ่านแล้วอยากเขวี้ยงคอมทิ้ง ล้มโต๊ะแล้วก็พังห้องทำงานให้เป็นผุยผง
แล้วก็รู้สึกโชคดีที่ตัวเองไม่ได้เนื้อหอมแบบกาย ไม่งั้นคงได้ฆ่าตัวตาย 3 เวลาอาหารแน่ๆ

ยังไงก็แล้วแต่ มาต่อให้จบเร็วๆด้วยค่ะ
แต่บางทีอาจจะตามไปอ่านที่เด็กดีแทนก็เป็นได้
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 71 น้อยใจ [p.24 D.1-4-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 01-04-2017 19:07:06
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 71 น้อยใจ [p.24 D.1-4-60]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 03-04-2017 00:26:46
น้ำตาจิไหลมาต่ออีกเร็วๆนะครับอยากอ่านแล้วๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 72 มหกรรมงอน & ง้อ [p.25 D.18-4-60]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 05-04-2017 20:09:38
(http://upic.me/i/5y/111501116.jpg)
72
มหกรรมงอน & ง้อ
[เอก...☼]



ผมยืนมองคนที่ผมรักอยู่ในอ้อมแขนของใครอีกคน ผมรู้ว่าตอนนี้ไอ้ตัวเล็กคงกำลังร้องไห้อยู่ และก็รู้ว่าใครเป็นคนทำ
 
จะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่ผม
 
ไอ้เอก 
ไอ้เอกภพ กิจไพศาล
 
ผมรู้ว่าสองคนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าพี่ชายและน้องชาย แต่ความหึงหวงไม่เคยปรานีผมสักที ผมรีบเผยตัวเพื่อหยุดคนสองคนที่กำลังมองตากันอยู่
 
“เขากำลังจะไปกันแล้ว”
ผมบอกเรียบ ๆ
 
ไอ้เป้มันพูดอะไรสักอย่างกับไอ้ตัวเล็กแล้วเดินจากไป ผมไม่ได้สนใจฟัง เพราะสายตาผมหยุดนิ่งอยู่ที่คนคนเดียว

แล้วมันก็หันหลังให้ผมอีกรอบ แต่ครั้งนี้ผมไม่คิดจะปล่อยมันไปง่าย ๆ เหมือนที่ผ่านมา ผมรั้งมันกลับมาไว้ในอ้อมแขน

นัยน์ตามันสั่นไหว ปากแดงเม้มแน่น ผมรู้ว่ามันพยายามจะไม่แสดงความอ่อนแอออกมา
 
ถ้าเป็นแต่ก่อนมันคงทำได้ แต่ตอนนี้ ภายในอ้อมแขนผม มันคงทำไม่ได้

และผมก็ได้เห็นน้ำตาของมันอีกครั้ง
 
กี่ครั้งแล้ว ที่ผมทำมันเจ็บ
 
กี่ครั้งแล้ว ที่ผมทำมันร้องไห้
 
และกี่ครั้งแล้ว ที่ผมปล่อยให้ความโกรธมาทำร้ายคนที่ผมรักแบบนี้
 
“พี่ขอโทษ” ผมบอกมันเสียงเบา
 
“ไม่เป็นไร ยังไงผมก็เป็นผู้ชาย แค่นี้ไม่ตายหรอก”
มันประชดผลักอกผมเพื่อดันตัวมันเองออก
 
“กาย”
ผมเรียกมันเสียงเย็น

มันเม้มปากแน่น มองผมด้วยแววตาตัดพ้อผสมน้อยใจ
 
เอ่อเว้ย…
 
ใครว่าผู้ชายจะงอนไม่เป็น เมียผมงอนได้น่ารักซะด้วย ผมยิ้มนิด ๆ คลายตัวออกมาลูบรอยมือตัวเองเบา ๆ
 
“ขอโทษนะ”
 
“ไม่เป็นไร”
มันทำท่าจะเดินหนี แต่ผมรั้งมันกลับมาอีกที
 
“ถ้ากายยังไม่ยกโทษให้พี่ พี่จะไม่ปล่อยกายไปเด็ดขาด”
 
“ผมไม่ได้โกรธพี่นี่”
 
“แต่งอน”
 
มันเม้มปากแน่น
 
“ทายาแล้วใช่ไหม”
มันไม่ตอบ ผมถอนหายใจเบา ๆ นึกโทษตัวเองที่เผลอทำรุนแรงไป
 
“เขาจะขึ้นรถกันแล้วไม่ใช่รึไง”
มันเตือน ผมก็ได้แต่พยักหน้า ทำให้หายงอนเลยคงยาก คงต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป
 


 
“เอ้า!! ขึ้นรถ ๆ ช้าเดี๋ยวทิ้งซะนี่”
ไอ้เจ้าของฟาร์มมันเร่ง

พวกเราเลยรีบพากันกระโดดขึ้นรถ รถที่พวกเรานั่งเป็นรถคล้ายรถรางสำหรับพานักท่องเที่ยวเที่ยวโดยเฉพาะ ด้านข้างเปิดโล่ง มีหลังคาเอาไว้กันแดด คันหนึ่งมีสิบกว่าที่นั่ง กรุ๊ปเราใช้รถสองคัน

ตอนแรกไอ้ตัวเล็กจะไปนั่งข้างพ่อกับแม่ แต่ผมดึงมันมานั่งข้างตัวแทน มันยื้อใหญ่ แต่ผมยึดเอวมันไว้ด้วยวงแขน มันเม้มปากแน่น จำใจนั่งเงียบ ๆ ไป
 
พี่กิจทำหน้าที่พิธีกรสุดหล่อ ยืนอยู่หน้ารถคันที่ผมนั่ง(คันแรกครับ) บรรยายประวัติและความเป็นมาของฟาร์ม รวมถึงรายละเอียดของไร่องุ่นและวัวที่เลี้ยงไว้
 
ผมกระชับวงแขนที่เอวไอ้ตัวเล็กแน่น ไม่สนว่าพี่กิจหรือคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนจะมองยังไง ผมแค่อยากให้มันรู้ว่าผมแคร์และอยากอยู่เคียงข้างมันขนาดไหน เผลอคลาดสายตานิดเดียว มันยังโดนลวนลามซะขนาดนั้น ต่อไปนี้ผมคงจะละสายตาไม่ได้อีก
 
พอมาถึงฟาร์ม มันก็ตั้งหน้าตั้งตาถ่ายรูปอย่างเดียว ทำเป็นไม่รู้ว่ามีผมคอยเดินตาม
 
เรามากันที่โรงเลี้ยงวัวก่อน ใหญ่เหมือนกัน ที่นี่เพิ่งเปิดตัว พี่กิจเป็นคนดูแล แกไปเรียนรู้งานมาจากต่างประเทศโดยตรงเลย
 
พวกทโมนพากันวิ่งพล่านจนแม่วัวพากันแตกตื่น พ่อรีบปรามเสียงดุถึงได้เงียบลง แล้วพวกเราก็ได้รับอนุญาตให้รีดนมวัวกันได้
 
ถึงจะงอน แต่ไอ้ตัวเล็กก็ยังแสดงสีหน้าตื่นตาตื่นใจออกมาให้เห็น ผมยิ้ม ยืนฟังเขาสอนวิธีรีดนมวัวด้วยมือ ส่วนไอ้ตัวเล็กลงไปนั่งยอง ๆ อยู่ที่พื้น ก้ม ๆ เงย ๆ ดูเต้านม ก่อนจิ้มจึกไปที
 
“นุ่มแฮะ”
 
“ใช่ นี่แหละ อัดแน่นไปด้วยน้ำนมเลยแหละ”
คนงานชายวัยรุ่นบอก ย่อตัวลงไปสาธิตการรีดนมวัวให้ดู ไอ้ตัวเล็กทำหน้าตื่นเต้นตอนน้ำนมพุ่งปรี๊ดใส่ถัง แล้วมันก็ทดลองรีดด้วยตัวเอง
 
“คุณจะลองด้วยไหม”
คนงานลุกขึ้นมาถามผม
 
“ไม่ล่ะ ไม่ถนัดรีดนมวัว ถนัดแต่รีดนมคน”
 
คนงานหน้าแดงก่อนหัวเราะร่วน แต่คนที่หน้าแดงกว่าคือคนที่กำลังนั่งยอง ๆ รีดนมวัวอยู่ต่างหาก ผมอมยิ้ม ตีเนียนลงไปนั่งข้าง ๆ จิ้มนิ้วใส่นมวัวใกล้มือไอ้ตัวเล็กมัน
 
“อืม จะว่าไปแล้ว มันก็นุ่ม ๆ เหมือนนมผู้หญิงดีนะ”
 
“อืม บางทีก็มีบีบเพลินบ้างเหมือนกัน”
คนงานสารภาพอาย ๆ เกาหัวแกรก ๆ หัวเราะกลบเกลื่อน ในขณะที่ไอ้ตัวเล็ก นั่งหน้างอไปแล้ว
 
เวอร์ชั่นงอนจัด ๆ แบบนี้ เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกนะเนี่ย
 
“แหม แต่หน้าตาหล่อ ๆ แบบคุณเนี่ย คงมีสาว ๆ มาให้กอดไม่เว้นวัน”
 
“ก็พอมีบ้าง แต่ตอนนี้ติดพันอยู่คนหนึ่ง ขี้งอนเป็นที่สุด”
ยิ่งพูด คนที่กำลังบีบนมวัวอยู่ยิ่งหน้างอเข้าไปใหญ่
 
“ผมจะไปถ่ายรูป”
มันละมือออก ลุกขึ้นเดินหนีไป

ผมลุกขึ้นตาม หันไปขอบคุณคนงาน แล้วเดินตามมันไป
 
เห็นพวกทโมนกำลังให้อาหารวัวกันอยู่ พวกมันทำท่ากล้า ๆ กลัว ๆ ยื่นหญ้าสดให้วัวในคอกกิน ไอ้ตัวเล็กเห็นท่าน่าสนุกเลยเดินเข้าไปสมทบและทำตามบ้าง
 
“ให้พี่ถ่ายรูปให้ไหม”
ผมยื่นมือออกไปขอกล้องจากมัน มันทำท่าจะไม่ยอม แต่คงอยากได้ภาพตัวเองด้วยเหมือนกันเลยยื่นมาให้ ผมก็รับมาถ่าย บางจังหวะมันก็ยิ้มให้กล้อง บางจังหวะมันก็ทำหน้างอน ๆ ใส่
 
น่ารักดีครับ
 
บางทีปัญหาก็ใช่จะนำมาแต่เรื่องแย่ ๆ เสมอไป อย่างน้อยวันนี้ ผมก็ได้เห็นอีกมุมที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนของคนที่ผมรัก
 
 
หลังจากโอ้ลั่นล้าในฟาร์มวัว พวกเราก็ขนขบวนกันไปที่ไร่องุ่นต่อ องุ่นที่นี่ลูกใหญ่มาก แถมยังไร้สารพิษอีกต่างหาก เก็บมาล้างหรือเช็ดนิด ๆ หน่อย ๆ ก็กินได้แล้ว
 
ไอ้ตัวเล็กมันเดินไปรอบ ๆ เพื่อถ่ายรูป โดยมีผมเดินเป็นเงาตามตัว
 
“นี่ไอ้หมาเอก มึงจะเดินตามไอ้กายมันทำด๋อยอะไรวะ”
ไอ้โอมมันทัก ก่อนไอ้มอจะมาลากคอเสื้อมันเดินออกไป
 
“มึง เขางอนกันอยู่”
 
“อ้าว เหรอ กูไม่ได้สังเกต เฮ้ย! มึงปล่อยกูก่อนเด๊ะ เสื้อกูขาดหมดแล้ว”
 
“เสื้อมึง ไม่ใช่เสื้อกู”
 
“อ้าวเว้ยไอ้มอ!!”
แล้วพวกมันก็พากันโวยวายหายไป

ไอ้คนข้าง ๆ ผมมองตามจนลับสายตาก่อนหันกลับมามองผมต่อ แล้วมันก็สะบัดบ๊อบเดินหนีไป
 
เมียผมงอนยาวแฮะ รอบนี้
 


 
“อยากกินองุ่นจัง”
ผมแกล้งพูดให้ไอ้ตัวเล็กมันได้ยิน
 
ตอนนี้มันกำลังกินองุ่นอยู่ครับ เด็ดมาพวงเบ้อเร่อ ล้างน้ำที่ลำธารแล้ว ปกติถ้ามันไม่งอน คงจะป้อนผมไปแล้ว แต่นี่เดินกินคนเดียวไม่สนใจกันเลย ผมเลยต้องทวงสิทธิ์กันนิดหน่อย

มันไม่ตอบ ไม่สนใจผมด้วย ผมเลยเดินเข้าไปใกล้
 
“ป้อนพี่หน่อยสิ”
ผมร้องขออ้อน ๆ

มันมองหน้าผมนิดหนึ่ง ไม่ป้อนครับ แต่ยังมีน้ำใจยื่นองุ่นมาให้ทั้งพวง
 
“อยากให้กายป้อน”
 
“มีมือก็กินเอาเอง”
มันบอกเรียบ ๆ
 
“ก็ได้”
ผมตอบกลับเรียบ ๆ เหมือนกัน แต่ยังไม่เด็ดกิน ผมรอจังหวะให้มันเด็ดออกมาลูกหนึ่งยัดใส่ปากตัวเอง แล้วอาศัยช่วงจังหวะนั้นคว้าเอวมันไว้ จับมันแหงนหน้านิด ๆ ก้มประกบปาก ควานลิ้นเข้าไปรั้งองุ่นลูกนั้นเข้าปากตัวเอง
 
มันหน้าแดง อ้าปากค้างคล้ายคนไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น

ผมเคี้ยวองุ่นลูกนั้นกรุบ ๆ ทำสายตาเจ้าเล่ห์ใส่
 
“หวานดีแฮะ”
ผมเลียริมฝีปากตัวเองเบา ๆ
 
“แต่อยากกินองุ่นลูกเล็ก ๆ ของกายมากกว่า”
ยิ่งพูดแก้มขาวยิ่งแดง
 
จริง ๆ ผมไม่เหมาะกับบทพระเอกหรอก บทผู้ร้ายน่าจะทำได้ดีกว่า เมื่อง้อด้วยวิธีดี ๆ นุ่มนวล ๆ ไม่ได้ผล ก็ต้องง้อด้วยวิธีเจ้าเล่ห์ ๆ นี่แหละ
 
“พี่ป้อนกายบ้างดีกว่า”
ผมเด็ดองุ่นออกมาลูกหนึ่ง คาบไว้ในปาก รั้งเอวมันมากดจูบส่งผ่านองุ่นแสนหวานเข้าไป แต่แทนที่ผมจะถอนจูบออก ผมกลับใช้ลิ้นดึงองุ่นลูกนั้นกลับ กัดแบ่งออกเป็นสองส่วน แล้วดันใส่ปากมันไปครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่ง กินเอง
 
“อร่อยแฮะ”
ผมพูดยั่ว ๆ

มันรีบเช็ดปากตัวเอง ทำท่าจะคายทิ้ง

“อย่าทิ้งนะ!! ถ้าคายทิ้ง พี่จะจูบนายไม่หยุดเลย”

 
มันชะงัก จ้องหน้าผมเคือง ๆ ก่อนหันหน้าไปทางอื่น รีบเคี้ยว ๆ สิ่งที่อยู่ในปากกลืนลงคอ

ผมอมยิ้ม
 
คราวนี้มันหยิบองุ่นมายื่นใส่ปากผมสลับกับปากมันเองทันที ไม่มีเล่นแง่แล้วครับ คงกลัวโดนป้อนแบบเมื่อกี้นี้อีก
 
ผมหัวเราะหึ ๆ ด้วยความพอใจ เดินเคียงไปกับมัน   



จบจากไร่องุ่นพวกเราก็พากันกลับบ้านไปอาบน้ำอาบท่า เตรียมตัวเที่ยวงานวัดกันต่อ ไม่เกินสองทุ่มพวกเราก็มารวมตัวกันอยู่ในวัดแล้ว

งานใหญ่ใช้ได้เลยครับ คนเยอะน่าดู แค่คนจากฟาร์มของไอ้กิ๊ฟก็เยอะแล้ว ส่วนมากงานวัดตามต่างจังหวัดแบบนี้ ทุกคนจะพากันออกมาเที่ยวแบบยกครัว เด็กเล็ก ๆ ก็ถูกพ่อกับแม่พาไปเล่นเครื่องเล่นสำหรับเด็ก พวกผู้ใหญ่กับคนสูงอายุ ก็พากันไปนั่งรวมกันอยู่หน้าเวที รอชมการแสดงต่าง ๆ ส่วนพวกวัยรุ่นก็พากันเล่นเกม มากันเป็นกลุ่มบ้าง เป็นคู่บ้าง คละเคล้ากันไป

พอมาถึงพวกเพื่อน ๆ ผมก็พากันแยกย้ายไปเล่นเกมทันที
 
“ว้าย ๆ อ้อนอยากเล่นเกมนั้น”
พวกทโมนรีบจูงมือกันไปเล่นเกมสาวน้อยตกน้ำทันที ทิ้งพ่อกับแม่ผมให้เดินเล่นระลึกความหลังกันอยู่สองคน พวกไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ไม่เห็นพวกมันตั้งแต่ออกจากบ้านแล้ว(พวกเราพากันเดินมาครับ) พอ ๆ กับไอ้คุณชรินทร์นั่นแหละ แต่รายนี้น่าจะหายตัวไปถ่ายรูปมากกว่า

พ่อไอ้ตัวเล็กท้าแม่ให้ไปเล่นเกมโยนห่วงด้วยกัน ในขณะที่ไอ้เต้ยลากพี่มันหายไปยังโซนของกิน ส่วนผมเดินตามไอ้ตัวเล็กมัน
 
วันนี้มันแต่งตัวน่ารักดีครับ ไม่รู้ว่ามันจงใจหรือเพราะอากาศร้อนกันแน่ มันถึงได้ใส่เสื้อกล้ามออกมาแบบนี้

ไม่เคยเห็นมาก่อน
ปกติเห็นใส่แต่เสื้อยืด แล้วเสื้อกล้ามที่ใส่ ก็เป็นแบบพอดีตัว สีดำอีกต่างหาก นั่นยิ่งไม่เคยเห็นเข้าไปใหญ่ เพราะปกติ มันชอบใส่แต่สีสว่าง ๆ อารมณ์ไหนวะเนี่ย
 
กางเกงที่ใส่เป็นกางเกงผ้าขาสามส่วนแบบสบาย ๆ รองเท้าแบบสวมสีดำสลับขาว เข้าเซตกับเสื้อกล้ามดี ผมจ้องมองแผ่นหลังเพรียวบางนั้น บอกตามตรง มันเป็นคนไม่มีกล้าม แต่ก็ไม่ได้ขี้ก้าง พอใส่เสื้อแบบนี้ มันเลยดูเพรียวลมสมส่วนเข้าไปใหญ่

เห็นแล้วอยากจับมาฟัดให้หนำใจ
 
ส่วนตัวผมมาในชุดเสื้อยืดสีเทาเข้ม สวมทับด้วยแจ็คเก็ตสีดำสไตล์เดิม กางเกงเป็นกางเกงยีน ร้องเท้าแบบสวมแต่มีรัดส้น เน้นเท่ไว้ก่อน
 
มันไม่มองหน้าผมเลยตั้งแต่ออกจากบ้านมา แล้วเลือกที่จะเดินนำปล่อยให้ผมเดินตามต้อย ๆ แขนมันยังเป็นรอยอยู่ และดูเหมือนรอยจะเข้มขึ้นกว่าเดิมจนผมสะท้อนใจ

ที่มันจะงอนยาวก็ไม่แปลก เพราะมันคงจะเจ็บเอามาก ๆ
 
มันเดินถ่ายรูปสลับกับแวะซื้อของกิน(ไม่ยอมแบ่งผมเหมือนเดิม) ผมจงใจจับมันแยกออกมาจากกลุ่ม จะได้ง้อมันได้ง่าย ๆ หน่อย แต่มันเล่นไม่พูดไม่จากับผมเลย
 
พอผมเดินเข้าไปใกล้ มันก็เลือกที่จะเดินเร็วหลบหนี เพราะเดินไม่ดูทาง มันเลยไปชนกับวัยรุ่นชายกลุ่มหนึ่งเข้า ดูแล้วน่าจะเป็นนักเลงประจำถิ่นด้วย

ไอ้ตัวเล็กรีบขอโทษขอโพย แต่ฝ่ายนั้นไม่ยอม มันผลักอกไอ้ตัวเล็กอย่างหาเรื่อง ผมรีบเดินไปจับแขนมันไว้ทันที แล้วใช้สายตาอาฆาตปรามมัน ชาวบ้านเริ่มถอยห่างเพราะรู้สถานการณ์ดี
 
“ยุ่งไรด้วยวะ”
มันถามด้วยน้ำเสียงกวนตีน

ผมยิ้มเย็น
 
“ถ้าไม่อยากเป็นศพอย่ามาหาเรื่องกันดีกว่า”
 
“วอน”
มันไม่ฟังฟ้าฟังฝน เหวี่ยงหมัดใส่ผมทันที ผมก้มหลบ ก่อนอีกหมัดจะเหวี่ยงมาบ้าง ผมไม่อยากมีเรื่องแถวนี้ เลยจับสองมือมันรวบไปด้านหลังแล้วผลักตัวมันไปด้านหน้าเพื่อปล่อย กำลังจะเอื้อมไปดึงไอ้ตัวเล็กออกจากแขนอีกคน แต่ต้องเด้งไปด้านหน้า เพราะแรงฟาดจากไม้หน้าสามเข้าเต็ม ๆ ที่กลางหลัง
 
“พี่เอก!!”
ไอ้ตัวเล็กเรียกผมเสียงตื่น มันก็พยายามดิ้นรนให้หลุดรอดเหมือนกัน แต่ถูกยึดไว้จากคนสองคนทำให้ขยับไม่ได้ มันมองผมด้วยความเป็นห่วง
 
ผมก้มหลบหมัดที่เหวี่ยงมาจากด้านซ้าย แต่ไม่พ้นหมัดที่เหวี่ยงมาจากทางด้านขวา ตอนนี้ผมถูกล้อมหน้าล้อมหลังโดยมีไอ้ตัวเล็กเป็นตัวประกัน
 
ผมใช้หลังมือเช็ดเลือดที่มุมปาก คำนวณด้วยสายตาแล้ว ผมหนึ่ง มีไอ้ตัวเล็กเป็นตัวประกัน ส่วนพวกมันมีสิบห้า

พวกมันกรูกันเข้ามา ถึงผมจะเก่งการต่อสู้แค่ไหน ก็คงไม่อาจทานมือทานตีนของคนร่วมสิบกว่าผสมอาวุธครบมือ ทั้งสนับมือ ไม้หน้าสาม บ้างพกมีดเลย

ที่สำคัญ...
ผมเป็นห่วงไอ้ตัวเล็กมันครับ มันพยายามดิ้นรนใหญ่ แต่สองแขนถูกล็อกไว้ด้านหลัง ซ้ำไอ้คนด้านหน้ายังจับคางมันบีบแน่นอีกด้วย
 
เฮ้ย! มึง! เมียกูผิวขาวนะโว้ย บีบแรงขนาดนั้น เดี๋ยวเมียกูช้ำหมด

 :z10: :z10: :z10:

เพราะเผลอมองไอ้ตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง ผมเลยถูกอัดเข้าที่ซี่โครงเต็ม ๆ จนตัวงอ ไอ้ตัวเล็กร้องลั่นเลย พวกมันกำลังจะเขามายำตีนผมต่อ แต่ดีที่พวกเพื่อน ๆ ผมพากันกรูเข้ามาช่วย พวกมันคงได้ยินเสียงคนโวยวาย เลยเข้ามาดู
 
ไม่เกินห้านาที พวกมันก็ลงไปนอนกินฝุ่น โดยมีตีนของเพื่อน ๆ ผมอยู่บนตัว และคนที่เก็บพวกมันได้มากสุด ก็เป็นไอ้กิ๊ฟ ไอ้เพื่อนสุดกร่างของผมนั่นแหละ
 
“อ้าว ไอ้จิต”
ไอ้กิ๊ฟมันเรียกเสียงเย็น
 
“มึงกล้ามากเลยนะ มารังแกเพื่อนสนิทกับน้องชายสุดที่รักของกูได้”
 
เห็นไอ้คนที่นอนหมอบอยู่หน้าซีดเป็นไก่ต้ม
 
“ผะ ผมไม่รู้พี่กิ๊ฟ ว่านั่นเป็นน้องกับเพื่อนพี่”
 
ไอ้กิ๊ฟมันยิ้มเย็น
 
“อืม ทีนี้ก็รู้แล้วนี่ แต่ว่า…”
มันหันมามองกายที่พยุงผมไว้ด้วยความเป็นห่วง
 
“เมื่อกี้มันทำอะไรนายบ้างกาย”
มันถาม ไอ้ตัวเล็กส่ายหัว
 
“ยังไม่ทันได้ทำ พี่เอกเข้ามาช่วยไว้ก่อน”
จริง ๆ ก็ทำนะ แต่แค่ล็อกแขนกับบีบคาง
 
แต่แม่ง!! คางเมียกู
 
ไอ้กิ๊ฟหันมามองผมต่อ
 
“แล้วมึงล่ะ”
 
“โดนต่อยหน้า อัดซี่โครง กับโดนไม้หน้าสามฟาดเข้าเต็ม ๆ ที่กลางหลัง”
ผมตอบตามจริง

พวกมันพากันหน้าซีด
 
ไอ้กิ๊ฟสั่งให้พวกนักเลงยืนเรียงแถว ใครที่ยืนไม่ไหวเพราะโดนยำตีนไปก่อนหน้านั้นก็ให้พวกเพื่อน ๆ ผมพากันจับยืนแทน ไอ้พวกนี้ก็ทำงานกันเป็นทีมดี เรื่องพวกนี้มันยอมกันซะที่ไหน
 
เข้าข่าย..
เพื่อนข้า ใครอย่าแตะ
 
“ต่อยหน้า”
ไอ้กิ๊ฟยืนยิ้มพราวอยู่ต้นแถว นวดวนหลังมือตัวเองเบา ๆ ก่อนกำหมัดซัดใส่หน้าไอ้คนแรกเต็ม ๆ จนไอ้เด็กหัวเหลืองนั่นหน้าหันเลือดกบปาก
 
ไม่ต้องถามว่าเจ็บไหม เลือกทะลักพลั่ก ๆ ขนาดนั้น
 
แล้วมันก็ต่อยเรียงหน้าเลย บางคนขยับตัวจะวิ่งหนี แต่ถูกเพื่อนผมจับเอาไว้ก่อน อย่าว่าแต่เพื่อนผู้ชายผมนะที่เก่ง เพื่อนผู้หญิงกลุ่มผมก็ใช่ย่อย ยูโด เทควันโดสายดำกันทั้งนั้น ไอ้กิ๊ฟนี่เอาทุกอย่างแต่ถนัดสุด คงเป็นมวยไทย คนจากสมาคมกีฬามาซื้อตัวหลายรอบแล้ว แต่มันไม่ชอบเลยบอกผ่าน

ชาวบ้านพากันทำท่าหัวหด หวาดเสียวไปตาม ๆ กัน ไม่นานมันก็ต่อยครบ 15 หน้า
 
“อัดซี่โครง”
 
พวกมันพากันกุมซี่โครงอัตโนมัติ
 
“พี่กิ๊ฟพอเถอะ!!”
ไอ้ตัวเล็กมันร้องขอ

ไอ้กิ๊ฟหันมายิ้มพราวให้
 
“ไม่ได้หรอกกาย ถ้าไม่ปรามซะบ้าง พวกมันก็จะพากันกร่าง พางานดี ๆ เขาเสียหมด”
แล้วมันก็จัดการอัดซี่โครงพวกนั้นจนจุกไปคนละที
 
โหดครับเพื่อนผม
 
ชาวบ้านพากันยืนมองด้วยความหวาดเสียว แต่ไม่มีใครคิดปราม

เพราะความโหดของมันกับพวกพี่ ๆ มันนี่แหละ พวกนักเลงเลยไม่กล้าทำอะไรล้ำเส้น พ่อมันก็มีอิทธิพลด้วย เล่นยาก แม้แต่ตำรวจก็ยังเกรง

นี่ขนาดนาน ๆ ทีมันกลับบ้านทีนะเนี่ย
 
“อัดด้วยไม้หน้าสาม”
มันรับไม้ไปถือไว้ ก็ไอ้อันที่พวกมันใช้ตีผมนั่นแหละ มันตีไม้หน้าสามใส่มือตัวเองเบา ๆ เดินช้า ๆ ยิ้มเย็นไปยืนอยู่ข้างหลังพวกมัน
 
“โธ่ พี่กิ๊ฟ พอเถอะ ผมยอมแพ้แล้วพี่”
ไอ้คนที่ยืนอยู่หัวแถววอนขอ
 
“ดี งั้นก็ยืนอยู่เฉย ๆ”
มันแปลความเป็นอย่างอื่นไป
 
“ไม่ใช่พี่!! ได้โปรดเถอะ อย่าทำอะไรพวกเราเลย จะให้ทำอะไรก็ได้”
 
ไอ้กิ๊ฟมันยิ้มจนหวานเชื่อมพาลพาเอาเบาใจ
 
“อันนั้นหลังจากพวกมึงโดนกันคนละทีแล้ว”
ไม่พูดพร่ำทำเพลง มันฟาดไม้หน้าสามใส่กลางหลังไอ้คนพูดดังผัวะ จนไอ้คนนั้นลงไปร้องโอดครวญอยู่ที่พื้น
 
“พวกมึงทำผิดก็ต้องรับผิด ครั้งหน้าจะได้ไม่ซ่ากันอีก”
มันเขยิบไปยืนอยู่ด้านหลังอีกคนที่ยืนไม่ไหวแล้วแต่ถูกหิ้วปีกด้วยเพื่อน ๆ ผมอีกที
 
คิดว่ามันจะปรานีหรือเปล่า
 
ผัวะ!!
 
นี่คือคำตอบ

ชาวบ้านพากันยืนหัวหดยิ่งกว่าเดิม ทำท่าหวาดเสียวหรี่ตามองดู ผู้ใหญ่บางคนก็เอามือปิดตาเด็กแบบแง้ม ๆ ไว้ไม่ให้ดู (แล้วจะปิดไปทำไม = =) พอครบทุกคน เพื่อน ๆ ผมก็ปล่อยให้พวกมันนอนร้องโอดครวญกองกันอยู่ที่พื้น
 
“ถ้าพวกมึงกล้ามารังแกคนของกู หรือทำให้งานสนุก ๆ แบบนี้พังอีก กูจะเพิ่มโทษเป็นสองเท่า”
ไอ้กิ๊ฟมันขู่
 
ไอ้ตัวเล็กมองภาพตรงหน้าหวาด ๆ แฝงแววสงสารเอาไว้หน่อย ๆ มันยืนชิดอยู่ข้างผม
 
“เข้าใจแล้วใช่ไหม ว่าทำไมพวกพี่ถึงได้กลัวไอ้กิ๊ฟมัน”
ผมกระซิบ มันพยักหน้าหงึก ๆ ผมอมยิ้ม

ท่าทางแบบนี้ สงสัยจะหายงอนแล้ว
 
แล้วพวกเราก็ช่วยกันเก็บกวาดซากอมนุษย์โยนขึ้นรถ
 
แล้วพาส่งโรงพยาบาลกันเลยหรือเปล่า?
 
ไม่มีทางครับ
 
ถ้าปล่อยไปง่าย ๆ คงไม่ใช่ไอ้กิ๊ฟแน่ ๆ มันลากพวกสมุนสุดกร่างกลับบ้าน ไปทำแผลด้วยตัวเองต่อที่บ้าน
 
หึหึ
ขอเตือนไว้ก่อน ไอ้ที่โดนไปเมื่อกี้ ยังเจ็บน้อยกว่าวิธีการรักษาของมันซะอีก
 
ผมเคยบอกคุณรึยังว่าคนของตระกูลไอ้กิ๊ฟเป็นนักเลง ซ้ำยังเป็นผู้มีอิทธิพลของคนต่างจังหวัดอีกต่างหาก ปืนผาหน้าไม้ต่อยตีมีครบเครื่อง อย่าคิดไปมีเรื่องกับมันเชียว
 
ผมถูกพามาทำแผลที่บ้าน ทุกคนก็พากันกลับแล้วเหมือนกัน หมดอารมณ์ที่จะเที่ยวต่อ

หรือพูดให้ถูก...
คืออยากกลับมาดูการทำแผลอันมหาโหดของไอ้กิ๊ฟมันมากกว่า

เห็นแล้วเสียวแทน
 
มันเล่นเอาแอลกอฮอลล์สด ๆ ราดใส่แผล จนพวกมันร้องจ๊ากดิ้นแด่ว ๆ ทรมานปางตาย (ใครไม่เคยลอง ลองดูได้ แล้วจะรู้ว่ามันเจ็บปวดได้ใจขนาดไหน) แล้วเอาลูกประคบร้อน ๆ ตบตุบ ๆ ใส่รอยช้ำ (ที่น่าจะทำให้แผลช้ำยิ่งกว่าเดิมมากกว่า) แล้วคุ้ยเอายาหม่องเป็นก้อน ๆ มาโป๊ะ ๆ ป้าย ๆ ไปทั่วทั้งตัว ทั้งแสบทั้งร้อน ทั้งทรมานกันล่ะงานนี้
 
ซาดิสม์ได้ใจ
 
เดวิดนั่งกลืนน้ำลายอึก ๆ แว่วว่าอนาคตตัวเองคงจะริบหรี่น่าดู
 
ไอ้กิ๊ฟ ทำอะไรมึงคิดบ้างก็ได้นะ มันอยากจะเลือกมึงเป็นเมียอยู่ไหมน่ะ
 
พอเสร็จจากตรงนี้ก็อย่าคิดว่ามันจะปล่อยกลับบ้านได้ง่าย ๆ นะ มันถือคติ ทำร้ายก็ต้องดูแล มันสั่งให้พี่กิจทำแผลให้ไอ้พวกนี้ทุกวัน (แบบที่มันทำนั่นแหละ) ซ้ำยังให้ออกกำลังกายด้วยการลากสังขารไปช่วยทำไร่ทำสวนหรือช่วยงานวัดจนกว่าจะหายดีอีกด้วย
 
เอากับมัน
 
งานนี้ไม่ให้พวกมันเข็ด แล้วจะไปไหนรอด
 
หลังจากดูมหกรรมทรมานคน ผมก็ลากไอ้ตัวเล็กมานั่งให้มันทำแผลให้ในห้อง ผมเลิกถอดเสื้อออกจนหมด เหลือไว้แค่กางเกงเท่านั้น
 
“เป็นไงบ้าง” มันถามด้วยความเป็นห่วง
 
“พี่คงโดนลงโทษ ที่ทำให้กายต้องเจ็บตัว” ผมพูดเรียบ ๆ
 
มันเม้มปากแน่น
 
“ผมไม่เจ็บเท่าพี่หรอก”
มันป้ายยาหม่องมาแต้มเบา ๆ ที่มุมปาก แต้มอีกรอบมาทาที่ซี่โครง และคุ้ยยาก้อนเบ้อเร่อไปทาที่กลางหลัง

คุ้ยเยอะขนาดนั้น มันคงเขียวไม่ใช่น้อย

ผมเลื่อนมือไปแตะรอยแดงที่แขนมันเบา ๆ
 
“ยังเจ็บอยู่ไหม”

มันก้มมองแขนตัวเอง
 
“ถ้าเทียบกับพี่ ผมไม่เจ็บมากหรอก ขอบคุณฮะที่ช่วย”
 
ผมยิ้ม เลื่อนมือไปที่แก้มมัน
 
“ดีแล้วล่ะ พี่ไม่อยากให้กายเจ็บเหมือนกัน”

มันหลุบตาลงต่ำ แต้มยามาทาซี่โครงต่อ
 



 
“ไปเดินเล่นกันไหม”
ผมชวนหลังจากมันทายาเสร็จ มันพยักหน้ารับ แล้วผมก็เดินเปลือยท่อนบนพามันเดินออกจากห้องไป 
 
“โห อนุสาวรีย์มึงเต็มตัวเลยว่ะเอก”
ไอ้กิ๊ฟมันแซว

ผมยักคิ้ว
 
“อนุสาวรีย์บ้านมึง เขาเรียกอนุสรณ์แห่งความกล้าหาญโว้ย”
 
“พูดดีไป ไม่ได้พวกกู มึงก็นอนกินตีนพวกมันกลายเป็นศพเฝ้าวัดไปแล้ว”

ผมหัวเราะหึ ๆ
 
“แล้วตกลงพวกมันเป็นใคร”
 
“วัยรุ่นแถว ๆ นี้แหละ จริง ๆ พี่กิจคุมอยู่ แต่ช่วงนี้เฮียแกยุ่ง ๆ กับนมวัว เลยไม่ได้ไปดูแล กะว่างานนี้จะซ่ากันให้เต็มที่ แต่มันคงไม่รู้ว่ากูมา”

พวกเพื่อน ๆ พยักหน้าเข้าใจ

เห็นความช้ำของแต่ละคนแล้ว เหอ ๆ กูจะไม่ขอเป็นศัตรูกับคนตระกูลมึงเด็ดขาด
 
“พี่กิ๊ฟเก่งจัง”
ไอ้ตัวเล็กมันชม
 
“เราก็ต้องหัดไว้บ้างน่ะ วิชาป้องกันตัวน่ะ เวลาผัวมันทำร้ายมา จะได้โต้กลับได้บ้าง ไม่ใช่ให้มันมาทำร้ายเราฝ่ายเดียว”

ผมสะดุ้งโหยง
 
“มึงไม่ต้องมาสอนวิชามารให้เมียกู ไอ้กิ๊ฟ”
ผมรีบท้วง

ไอ้ตัวเล็กมันยืนหน้าแดง
 
“นี่กาย” มันไม่ฟังครับ “พี่จะสอนอะไรให้นะ”
 
“ไอ้กิ๊ฟ!!”
ผมท้วงเสียงดัง
 
“มึงเงียบไปเลย! ถ้าไม่อยากโดนตีนกูอีกคน”

ผมหุบปากลงฉับ พวกเพื่อน ๆ พากันหัวเราะคิกคัก
 
“พี่จะสอนอะไรให้ รับรองได้ผลดียิ่งกว่าอะไร”
แล้วมันก็ก้มกระซิบอะไรบางอย่าง ไม่ได้ยินครับ แต่อย่าให้มันสอนอะไรเป็นดีที่สุด

ไอ้ตัวเล็กหน้าแดง
 
มึงสอนอะไรเมียกูวะ
 
“มึงสอนอะไรกาย”
ผมถามมันเสียงเครียด
 
“กูแค่สอนวิธีหยุดหมาบ้าแบบมึงแค่นั้นแหละ ถ้าวันไหนมึงเกิดสติหลุดขึ้นมา น้องกูจะได้ไม่เจ็บตัวแบบวันนี้อีก”

ผมสะอึก
 
“พวกมึงจะไปไหนก็รีบ ๆ ไป พวกกูจะจั่ว”
แล้วมันก็ไล่ผมกับไอ้ตัวเล็กออกจากกลุ่ม ผมเลยได้ทีดึงมันลงจากเรือน ปล่อยให้พวกมันสรวลเสเฮฮาลั่นบ้านกันไป
 
แม่ง เช้าทำบุญ เย็นอบายมุข เจริญล่ะพวกมึง
 
แต่พวกมันเล่นกันเป็นเกมครับ ไม่มีเงินวาง ไม่ได้เล่นเป็นการพนันกันหรอก
 
จริง ๆ ของพวกนี้มันขึ้นอยู่ที่เจตนา ถ้าไม่ติดจนกลายเป็นนิสัย มันก็แค่เกมเพื่อความสนุกและกระชับมิตรดี ๆ นี่เอง
 
“ไอ้เชี่ยมอ!! ถ้ามึงโกงกูอีกที มึงเอาตีนกูไปกินได้เลย”
 
คิดว่านะ…
 
ไอ้ตัวเล็กข้างผมหัวเราะคิก ผมหันไปมอง โอบเอวมันไว้ พามันก้าวไปตามทางเดินภายใต้แสงสว่างของดวงพระจันทร์สีนวลสวย


To be Con..

หายหัวไปร่วมสองอาทิตย์กว่าจะโผล่มาอัพที ข้าน้อยขออภัย  :z3: ช่วงนี้ติดเขียนนิยายเรื่องใหม่มากกกก เหอๆ เขียนจบละ กำลังอ่านทบทวนเพื่อปรับแก้ก่อนลงให้อ่านกันจริงๆ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเอาลงให้อ่านกันในเล้าไหมนะคะ ถ้าไม่ได้ลงก็ตามไปอ่านกันได้ในเด็กดีน้า
แนวโรแมนติกคอมเมดี้มิมีดราม่า เห็นเขาว่าน่าจะเหมาะกับคนในเล้า ตัดสินใจได้ไงเดี๋ยวจะแวบมาบอก  :katai4: 

............................
ปล. ตอนหน้าเอ็นซีมา (ดิ้นตามเพลง)

...........................

หนังสือ&ebook >>https://goo.gl/FSOuuM
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 72 มหกรรมงอน & ง้อ [p.25 D.5-4-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-04-2017 21:42:51
ไม่รัก ก็ไม่งอน
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 72 มหกรรมงอน & ง้อ [p.25 D.5-4-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 09-04-2017 15:26:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 72 มหกรรมงอน & ง้อ [p.25 D.5-4-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Timber Huang ที่ 09-04-2017 18:40:40
เดาตอนจบยากอ่ะ ยืดไปเรื่อยๆ พอเหมือนจะจบกลับมีเรื่องมาอีก แต่ก็สนุกดี สู้ๆครับคนเขียน  o13
หัวข้อ: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 73 ดูพระจันทร์ & ขี่ม้า 1 (100%) [p.25 D.30-4-60]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 30-04-2017 11:50:50
(http://upic.me/i/og/111521614.jpg)

73 ดูพระจันทร์ & ขี่ม้า Part 1 [กาย...♥]




ดึกมากแล้ว รอบด้านเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงเรไรของสรรพสัตว์ยามค่ำคืนกับเสียงกรอบแกรบของใบไม้ที่ผมกับพี่เอกพากันเหยียบลงไปแต่ละก้าว คืนนี้เป็นคืนเดือนหงาย พระจันทร์กลมป๊องเลย มันสว่างมากจนเกือบจะกลายเป็นตอนกลางวัน
 
ผมตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาการงอนเมื่อกี้ก็หายไปเลย
 
ก็นะ พี่มันอุตส่าห์เข้ามาช่วยจนเจ็บไปหมดทั้งตัวแบบนี้

ผมหยุดเท้าไว้ พี่มันหยุดตามแล้วหันมามอง ผมแตะนิ้วลงบนซี่โครงเขียวช้ำนั้นเบา ๆ
 
“เจ็บมากไหม”
ผมถามคำเดิม

พี่มันมองหน้า ยิ้มออกมานิดหนึ่ง
 
“ตรงนั้นน่ะ ไม่เจ็บเท่ากับตรงนี้หรอก”
พี่มันรวบมือผมไปวางไว้ยังตำแหน่งหัวใจตัวเอง

“ตรงนี้ของพี่เจ็บกว่าเยอะ เพราะมันทำให้หัวใจของพี่ต้องเจ็บ”

ผมหลุบตาลงต่ำ ขยับเข้าไปสวมกอดอกกว้าง พี่มันชะงัก แต่ก็โอบวงแขนตอบรับ
 
“ผมรักพี่นะฮะ รักพี่คนเดียว”
 
“อืม..พี่รู้”
พี่มันตอบรับพร้อมกระชับวงแขนแน่นขึ้นไปอีก จูบลงมาที่หัวผมเบา ๆ
 
ผมยิ้ม รู้สึกอุ่นซ่านในหัวใจยังไงบอกไม่ถูก ผมกระชับอ้อมแขนบดเบียดตัวเองเข้าหาร่างสูงใหญ่มากขึ้น
 
ผมชอบที่จะอยู่ในอ้อมกอดของพี่เอก
มันรู้สึกทั้งปลอดภัยและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน

ผมแนบหน้ากับอกกว้าง ฟังเสียงหัวใจของพี่มันเต้นเป็นจังหวะ คลอเคล้าไปกับเสียงหวีดร้องของสัตว์ตัวน้อย  ก่อนชะงักค้าง…
 
เอิ่ม…
 
มึง…

กูขอเวลาทำซึ้งสัก 60 วินาทีจะได้ไหม
 
ผมค่อย ๆ ดันตัวเองออกห่างเมื่อมีอะไรแข็ง ๆ มาดันอยู่แถว ๆ ท้องน้อย
 
“ผะ ผมว่า เรากลับไปเล่นไพ่กับพวกพี่ ๆ เขากันดีกว่า”
ผมรีบชวน ทำท่าจะเดินกลับ แต่พี่มันยึดแขนผมเหวี่ยงตัวกลับมาที่เดิม
 
“เดี๋ยวก่อนสิ…”
พี่มันเริ่มทำเสียงออดอ้อน
 
“วันนี้พี่ช่วยกายจนเจ็บไปทั้งตัวเลยนะ กายไม่คิดจะปลอบใจพี่บ้างเหรอ”
มาละ ข้ออ้างหื่น ๆ
 
“ทะ แทนกันไง พี่ทำแขนผมเจ็บตั้งสองข้าง”
ผมรีบท้วง

พี่มันทำท่าคิด
 
“อืม ก็จริง”
พี่เอกมองแขนผมสลับกันไปมา ก่อนจิ้มนิ้วมาที่แขนขวาผมเบา ๆ
 
“พี่ทำไปหนึ่งจุด”
แล้วก็จิ้มไปที่ปากตัวเอง

“พี่ช่วยไปหนึ่งจุด”
จิ้มกลับมาที่แขนผมอีกข้าง

“พี่ทำไปสองจุด”
แล้วจิ้มกลับไปที่ซี่โครงช้ำ ๆ นั้นอีกที
 
“พี่ช่วยไปสองจุด”
 
ผมมองหวั่น ๆ

พี่มันทำท่ามองหาร่องรอยบนตัวผมเพิ่ม พอไม่เห็น ก็ชี้กลับไปที่แผ่นหลังตัวเองต่อ

“เกินมาหนึ่งจุด ไอ้ที่เกิน กายต้องปลอบใจนะ”
 
ผมอ้าปากพะงาบ ๆ ในความเจ้าเล่ห์ของพี่มัน
 
“ไม่เกี่ยวกันซะหน่อย”
 
“กายง่ะ”
มึง อย่ามาทำเสียงงุ้งงิ้งแบบนี้ใส่กูนะ
 
ดะ เดี๋ยวกูใจอ่อน
 
“วันนี้พี่อดทนมาหลายรอบแล้วนะ ให้อดมากไปกว่านี้ พี่คงแย่แน่ ๆ ดูสิ เอกน้อยปวดไปหมดแล้ว”
พี่มันพูดอ้อน ๆ ชี้ไปยังเอกน้อยที่ไม่น้อยอย่างคำพูด
 
“พี่…แต่นี่มันข้างนอกนะ เดี๋ยวใครมาเห็น”
 
“ก็ทำเงียบ ๆ กันสิ”
พอพูดจบ พี่มันก็ลากผมไปยืนพิงไว้หลังต้นไม้ กำลังจะโวยวาย พี่มันก็รีบเอามืออุดปากผมไว้ทันที

 
“ชี่..เงียบ ๆ”
 
“อี่เอก!!”
ผมท้วงอู้อี้ อ้อนวอนผ่านดวงตา
 
“แล้วพี่จะทำเบา ๆ”
พอพูดจบ ก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์ทันที

“เพิ่งนึกได้แฮะ พี่กำลังเจ็บตัวอยู่นี่นาเนอะ คงทำเองไม่ไหว…”

ผมหรี่ตาจ้องหน้าพี่แกหวั่น ๆ พี่เอกก้มกระซิบข้างหูเบา ๆ
 
“สงสัยกายต้องออนท๊อปให้พี่แล้วล่ะ”
 
กูว่าแล้ว
ผมรีบส่ายหน้าจนผมสะบัด
 
“น่านะ ถ้ากายออนท๊อปให้ พี่จะทำแค่รอบเดียว แต่ถ้าให้พี่ทำเอง พี่จะขอสักห้ารอบ”
 
ผมตาโต รีบพยักหน้ารับทันที
 
พี่มันยิ้มถูกใจ
 
“กายตกลงเองนะ”
 
ง่ะ!
หลงกลพี่มันอีกแล้ว


 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:


พี่มันยิ้มพราว ทิ้งตัวลงนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ไว้ ผมหันซ้ายหันขวา กลัวก็กลัว เกิดใครมาเห็นเข้าจะทำยังไง มันยิ่งสว่าง ๆ อยู่ด้วย

พี่เอกปลดเอกน้อยออกมานอกกางเกง ดึงผมลงไปจูบเบา ๆ 
 
“หยอดนิดหนึ่งสิ”
พี่แกใช้นิ้วโป้งบดปากล่างผมเบา ๆ แล้วชี้ไปยังตำแหน่งด้านล่าง

ผมเม้มปากแน่น ขยับตัวก้มหน้าอ้าปากรับเอาความแข็งขืนเข้าไป ใช้ปลายลิ้นตวัดปรนเปรอเบา ๆ พี่มันครางทุ้ม จนผมขนลุกซู่
 
สยิวครับ
 
ยิ่งพี่มันครางมากเท่าไหร่ ผมยิ่งบริการดีมากขึ้นเท่านั้น พี่มันสอดนิ้วเข้ากับเส้นผมผม ส่วนอีกมือก็บีบนวดระบายความเสียวซ่านที่หัวไหล่
 
“อืม นั่นแหละ กายเก่งมาก”
พี่มันครางชม

ไม่รู้เพราะบรรยากาศ หรือเพราะน้ำเสียงทุ้ม ๆ ผมถึงได้รู้สึกว่าไอ้ของที่ผมกำลังกินอยู่ รสชาติมันดีพิลึก
 
ผมเกือบจะทำให้พี่มันไปถึงปลายทางอยู่แล้วเชียว แต่พี่มันเบรกไว้ก่อน
 
“พอแล้ว มาดูพระจันทร์กันดีกว่า”
 
ผมขมวดคิ้วงุนงง
อ้าว พอแล้วเหรอ กำลังเพลินเลย

กำลังจะลุก แต่พี่มันจับผมพลิกหันหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน สองมือใหญ่ถอดกางเกงผมออก แล้วจับผมนั่งของพี่แกไปทั้งอย่างนั้น
 
สรุป พี่มันให้ผมออนท๊อปแบบหันหน้าไปในทิศทางเดียวกัน
 
คิดได้นะมึง
ผมเสียววาบไปทั้งตัว พอใส่ได้หมด พี่มันก็แนบแผ่นหลังผมเข้ากับแผงอกเปลือยเปล่าของพี่แก
 
“อือ สุดยอด”
พี่มันคราง
 
ผมขยับตัว ปรับฐานด้านล่างให้ลงล็อก
ของตัวเองก็ใช่จะเล็ก ๆ ใส่มาแต่ละทีอึดอัดไปหมด
 
“พี่รักกายนะ”
พี่มันกระซิบ มือหนึ่งจับคางผมเอียงหน้าไปด้านข้างเพื่อเล็มหู ไล่ต่ำลงไปที่ซอกคอ ส่วนอีกมือก็ล้วงเข้ามาลูบ ๆ ไล้ ๆ อยู่แถว ๆ หน้าท้องสูงขึ้นไปที่หน้าอก บางจังหวะก็บีบหัวนมผมเล่นเบา ๆ
 
รู้สึกดีสุด ๆ ครับ พอรู้สึกดีมาก ๆ เข้าก็พาลพาเอาผมขยับตัวเพื่อระบายอารมณ์ ยิ่งขยับยิ่งรู้สึกดีเข้าไปใหญ่ ทั้งผมทั้งพี่มันเลยพากันครางแข่งกัน
 
“พี่เอก…”
ผมครางเรียกพี่แก มือหนึ่งคล้องคอพี่แกไว้ ส่วนอีกมือจับมือที่กำลังบีบนมผมอยู่ ลิ้นร้อนชอนไชซอกหู งับเบา ๆ ดึงความหวิวออกมาไม่รู้จบ
 
“ขยับสะโพกหน่อยสิ”
พี่มันกระซิบสั่ง

ผมพยักหน้า ขยับสะโพกเบา ๆ พี่มันครางเสียวซ่านไม่ต่างกับผม 
 
“ดูพระจันทร์ด้วยสิกาย”
พี่มันจับคางผมเชิดขึ้นอีกนิดบังคับให้ดูพระจันทร์ด้านบน สยิวอย่าบอกใครเชียว
 
ผมครางเบา ๆ บีบมือพี่แกแน่น อีกมือก็ขยุ้มบีบนวดหัวแกไม่หยุด ผมเอียงหน้ามองพระจันทร์ ในขณะที่ซอกคอก็ถูกเลาะเล็ม พี่มันก็ดูไปกินผมไปเหมือนกัน มือก็ใช่จะอยู่สุข ลูบไล้บีบนวดอยู่นั่นแหละ

ผมอยากจะครางให้ขาดใจตายกันไปข้าง สักพักพี่มันเลิกเสื้อขึ้นสูงจนหน้าอกผมโผล่ออกมาต้องลม
 
“พี่ชอบเสื้อตัวนี้ของกายจัง เซ็กซี่ดี”
พี่มันกระซิบบอก
 
มึง.. กูขอเถอะ
            แค่นี้กูก็จะตายอยู่แล้ว ยังจะมากระซิบใส่หูกันด้วยน้ำเสียงสยิวกิ้วแบบนั้นอีก

            ไม่ไหวแล้วครับ อยากจะฆ่าพี่มัน
            ผมขยับสะโพกเร็วขึ้นไม่ห่วงภาพลักษณ์แล้วตอนนี้
 
“อ๊า กาย อืมดี เก่งมาก”
พี่มันชมต่อ ผมก็บ้าจี้ ขยับสะโพกเร็วขึ้นไปอีก
 
“พี่เอก ผม…”
ไม่ไหวแล้วครับ ผมเร่งจังหวะเร็วขึ้น บังคับตัวเองให้ไปถึงฝั่งฝัน

ปกติถ้าผมทำแบบนี้ พี่มันก็จะเร่งจังหวะแล้วไปพร้อมกัน แต่วันนี้ มีผมไปคนเดียว ผมนั่งหอบแรงจนอกกระเพื่อม พี่มันยังนั่งเล็มหูผมอยู่
 
“กายกินของพี่นะ”
พี่มันพูดอะไรสักอย่าง ดันตัวผมออก แล้วพี่มันก็ลุกขึ้นยืน จับคางผมไว้บีบเบา ๆ บังคับให้ผมอ้าปาก แล้วมือร้อนก็ประจุกระสุน พุ่งหยาดน้ำขาวขุ่นใส่ปากผมเต็ม ๆ
 
ผมตกใจเผลอหันหน้าหนี จนบางส่วนกระเซ็นเลอะแก้ม ผมไอแค๊ก ใช้หลังมือเช็ด ๆ ไอ้ที่เลอะออก
 
น้ำพี่แกเยอะครับ เต็มหน้าเต็มมือผมเลย ผมกลืนกินบางส่วนที่อยู่ภายในเข้าปาก เป็นครั้งแรกที่พี่แกให้ผมกินแบบนี้ เคยเห็นแต่ในหนังเอวี รสชาติมันปะแล่ม ๆ หวาน ๆ เค็ม ๆ พี่มันยืนหอบแฮ่ก
 
“โทษทีนะ พี่ไม่อยากปล่อยข้างในน่ะ เดี๋ยวมันเลอะ”
ขอบคุณที่ยังเห็นใจ
 
พี่มันพยุงผมลุก ผมพยายามเช็ดไอ้ส่วนที่เลอะหน้าออก พี่มันจ้องใหญ่ แต่ผมไม่สนใจ รีบเช็ดก่อนที่มันจะแห้งเป็นแป้งเปียกติดหน้าติดมือ เอาไปเช็ดเสื้อก็ไม่ได้ เสื้อดำ เป็นคราบแน่ ๆ ผมใช้ลิ้นกวาดเช็ดคราบน้ำขาว ๆ ที่ร่องนิ้วผ่านหลังมือ ไล่ยาวลงไปถึงท่อนแขน
 
“แม่ง! น่าฟัดฉิบหาย”
 
“เหวอ!!”
ผมร้องเสียงหลง เมื่อพี่มันยกผมขึ้นกลางอากาศ ด้วยความตกใจผมรีบเกี่ยวสองขาที่เอวพี่มันทันที
 
“ดะ เดี๋ยว พี่เอก จะทำอะไร!! อะ อื้อ ..หนะ..ไหนพี่บอก อือ รอบเดียว อ๊า”
ผมท้วงไปครางไป เพราะพี่มันจับเอกน้อยที่ตื่นเต็มที่ ยัดกลับเข้ามาที่เดิม 
 
“อืม…พี่ไม่ไหวแล้วกาย นายอยากยั่วพี่เอง”
กะ กูไปยั่วมึงตอนไหน
 
“อื้อ…”
อยากด่าครับ แต่ไม่ไหวจะเคลียร์ พอพี่มันใส่ได้หมด ก็จับผมยกขึ้นยกลงกลางอากาศเลย

อยากด่าพี่มันจริงจัง แต่ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือ…
 
“อ๊า..พี่เอก”
ได้แค่นี้แหละ…
 
“อ๊า กายเซ็กซี่สุด ๆ”
พี่มันครางชม ผมยึดลำคอพี่มันไว้ ซบหน้าครางตามพี่มันไป 

ไว้ใจไม่ได้ครับ คนคนนี้ บอกแค่รอบเดียว
 
สรุปมันฟัดผมไปเต็ม ๆ สามรอบ
 


to be Con...


 
ตั้งแต่เขียนคิสเลิฟมา สารภาพเลยว่าตอนนี้คือตอนที่เรียกกันว่า NC จริง ๆ อ่านแล้วแบบว่าโคตรของโคตรของโคตรของความเขินเลย แบบว่าเอ้ย++ อ่า... เอ่อ... ทำแบบนี้แม่ไม่ว่าเหรอ = = [ขออภัยสำหรับคนไม่ชอบเอ็นซี ข้าม ๆ มันไปละกัน มีแค่นี้แหละ = =]
           


บอกไว้ตอนที่แล้วว่าอาจจะเอานิยายเรื่องใหม่มาลง เอามาลงแล้วนะคะ ฝากด้วยน้าาาา แนวโรแมนติกคอมเมดี้ ไม่ดราม่า 
ที่นี่ค่ะ >>https://goo.gl/5kkQMx (https://goo.gl/5kkQMx)
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 73 ดูพระจันทร์ & ขี่ม้า 1 (50%) [p.25 D.30-4-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-04-2017 13:21:57
ทั้งพี่เอก น้องเอกที่ไม่น้อย หื่นทั้งพี่ทั้งน้อง
กาย รัก ก็เลยใจอ่อนตกหลุมอยู่ตลอด
      :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 73 ดูพระจันทร์ & ขี่ม้า 1 (50%) [p.25 D.30-4-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Timber Huang ที่ 30-04-2017 23:54:32
 :haun4: :jul1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 73 ดูพระจันทร์ & ขี่ม้า 1 (50%) [p.25 D.30-4-60]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 02-05-2017 12:28:32
ออนา็อปก็ได้
หัวข้อ: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 73 ดูพระจันทร์ & ขี่ม้า 2 [p.25 D.27-5-60] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 21-05-2017 15:05:12
(http://upic.me/i/vu/p0yai.png)
73
ดูพระจันทร์ & ขี่ม้า
Part 2
[กาย...♥]



 
“ว้าย ๆ อ้อนอยากขี่ม้า”
 
“แอมด้วย”
 
“ไอด้วยค่ะ”
พวกน้อง ๆ พากันวี้ดว้ายตื่นเต้นกันใหญ่ ไม่อยากจะบอกว่าผมเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
 
ตอนนี้เราทั้งหมดพากันมายืนอยู่ในฟาร์มม้าแล้วครับ กว้างมาก อ่านจากแผนที่ที่เขาแปะเอาไว้บนบอร์ดเมื่อกี้ ที่นี่กว้างเกือบร้อยไร่แน่ะ เป็นสนามหญ้าสลับกับต้นไม้ใหญ่เป็นกลุ่ม ๆ มีทั้งที่ราบและเนินเขา สูงต่ำต่างระดับ มีหนองน้ำอยู่หลายจุด ตรงกลางจะใหญ่สุด (ลองนึกภาพพวกสนามกอล์ฟก็ได้) ม้าที่นี่เป็นม้าพันธุ์อย่างดี บรรพบุรุษเป็นม้าแข่ง ส่วนคนดูแลคือพี่ก้อง
 
เจ้าหน้าที่พาพวกเราเดินชมบริเวณรอบ ๆ เพื่อให้รู้ประวัติและความเป็นมาคร่าว ๆ อย่างก่อตั้งเมื่อไหร่ ม้าพันธุ์อะไร แล้วเลี้ยงดูกันแบบไหน ก่อนพาพวกเราไปที่คอกม้าสำหรับขี่
 
ผมเพิ่งรู้ว่าพวกพี่ ๆ ขี่กันเป็นทุกคน ไอ้เต้ยก็ขี่เป็น
 
โห กูก็เพิ่งรู้นะเนี่ย
ผมก็ลืมไปว่ามันเป็นลูกคุณหนู เรื่องแค่นี้ มันต้องเคยเรียนมาก่อนอยู่แล้ว

แต่มันไม่ขี่เองครับ อ้อนพี่มันอยู่นู่น
 
“ขี่เป็นก็ขี่เองดิ” พี่เป้โวย
 
“ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากขี่เอง พี่ขี่ผมซ้อน หรือไม่ผมก็นั่งหน้าแล้วพี่เป็นคนคุมม้า”
ไอ้นี่มันก็อ้อนได้ใจ
 
ยืนเถียงกันอยู่นาน สุดท้ายพี่เป้ก็แพ้ทาง ไอ้เต้ยได้นั่งหน้าสมใจ มันบอกนั่งหลังแล้วมองไม่ค่อยเห็นวิว
 
มันยิ้มร่า บอกให้พี่เป้บังคับม้าเดินไปในเส้นทางที่มันต้องการ
 
“ฉันบังคับเป็น ให้ฉันบังคับเถอะน่า”
 
“รู้ว่าคุณบังคับเป็น แต่หน้าที่นี้เป็นของผู้ชาย คุณนั่งดูวิวไปเฉย ๆ เถอะ ให้ผมเป็นคนบังคับเองดีกว่า”
พ่อกับแม่ฮะ ง้องแง้งกันอยู่ แม่อยากซิ่งเองตามสไตล์ แต่พ่อไม่ยอม คงอยากเป็นพระเอก
 
สรุป พ่อได้บังคับม้าสมใจ แม่ยืนหน้างอ พ่อรีบดันแม่ให้ขึ้นไปบนหลังม้า
 
“ชิ แค่นี้ฉันก็ทำได้”
 
“ผมรู้น่า ถ้าวันไหนคุณมาเที่ยวคนเดียวค่อยบังคับเอง แต่วันนี้มีผมอยู่ ให้ผมดูแลเองดีกว่า”
พ่อพูดเรียบ ๆ พาเอาแม่หน้าแดงก่ำ
 
คุณพ่อคุณแม่พี่เอกก็นั่งไปด้วยกัน ผมอมยิ้ม พ่อพี่เอกต้องเป็นต้นแบบความเป็นสุภาพบุรุษของบ้านแน่ ๆ ตอนนี้บังคับม้าเดินเหยาะ ๆ พาคุณแม่ไปนู่นแล้ว
 
มองไปอีกด้าน มีพี่กิ๊ฟเป็นคนคุมม้า และมีพี่ฝรั่งนั่งอยู่ด้านหลัง เฮียแกกลัวตกครับ จับเอวพี่กิ๊ฟแน่น แล้วพี่แกก็พาพี่ฝรั่งตะบึงเร็วจนเฮียแกร้องไม่เป็นภาษาหลับตาแน่น
 
ผมหัวเราะร่วน ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดที่มาคบกับคนแบบพี่กิ๊ฟ ต้องเตรียมหัวใจเอาไว้หลาย ๆ ดวง ไม่งั้นคงได้หัวใจวายตายก่อนวัยอันควรแน่ ๆ
 
“กูจะบังคับม้าเอง”
 
“กูสิ กูเก่งกว่ามึง”
พี่มอกับพี่โอมครับ ยืนเถียงกันอยู่
 
คือ ไม่ใช่อะไรหรอก พอดีช่วงที่เรามามีทัวร์ลงพอดี ทำให้ม้าไม่พอ ต้องขี่สองคนต่อหนึ่งตัว
 
“เวลากูขับรถมึงก็ให้กูขับ แล้วทำไมเวลาขี่ม้า มึงต้องเป็นคนควบเองด้วยวะ”
พี่โอมเถียง
 
“ก็เพราะมึงขับรถแล้วไง กูถึงต้องควบม้า อย่าพูดมากน่า มึงนั่งเฉย ๆ ไปเถอะ เดี๋ยวกูจัดการเอง”
พี่โอมทำหน้าขัดใจ แต่ก็ยอม ๆ ครับ พี่มอเหวี่ยงตัวขึ้นนั่งบนหลังม้า ตามติดด้วยพี่โอม
 
“นี่มึง กูอยากควบบ้าง สลับกันได้ไหม”
พี่โอมยังไม่วายต่อรอง พี่มอถอนหายใจแรง
 
“เอ้อ ๆ”

พี่โอมยิ้มดีใจ
 
“จะดีกว่านี้ ถ้าเปลี่ยนจากมึงเป็นสาว ๆ”
พี่มอแอบบ่น ขยับสายบังคับ ตีเท้าใส่สีข้างม้ากระตุ้นให้มันเดิน

ส่วนพี่ปิงรู้หน้าที่ดีครับ ให้พี่โอ๊คเป็นมือบังคับ ส่วนตัวเองนั่งซ้อนไปตามระเบียบ
 
 พวกทโมนเห็นซน ๆ กันแบบนั้น แต่ขอบอก ขี่ม้าเก่งกันน่าดู ม้าตัวเดียว ซ้อนกันไปได้ไง สามคน

ผมยืนมองอึ้ง ๆ
 
“พวกนั้นทำบ่อยไม่ต้องห่วง”
พี่เอกตอบความสงสัยในใจผม ผมพยักหน้า กวาดมองคนที่เหลือ
 
ตอนนี้เหลือผม พี่เอก พี่อาร์ต พี่อิฐ แล้วก็พี่เชน
 
พี่เอกรีบดันผมขึ้นหลังม้า แล้วพี่แกก็ขึ้นตาม ผมเลยไม่ได้มอง ว่าที่เหลือจะได้ม้ากันยังไง
 
เพราะเป็นม้าแข่ง ตัวมันเลยสูงใหญ่มากกว่าม้าทั่วไป กล้ามงี้เป็นมัด ๆ สัญชาตญาณจะดีและวิ่งได้เร็วมาก เขาสอนให้ออกคำสั่งตามที่บอกครับ คำสั่งอื่น มันฟังไม่รู้เรื่อง
 
พี่เอกพาม้าวิ่งเหยาะ ๆ ไปตามทางเดิน ผมได้นั่งหน้า พิงแผ่นหลังไว้กับอกกว้าง มองวิวจากต้นไม้ใหญ่ และต้นหญ้าหลากพันธุ์ที่สูงเพียงข้อเท้าเท่านั้น
 
พี่เอกบังคับพาม้าไปเดินริมน้ำ สงสัยม้ามันหิว เลยเดินเหยาะ ๆ ไปก้มกินน้ำ ผมร้องเหวอตอนมันก้มจนผมเกือบจะไถลหล่น พี่เอกหัวเราะกอดเอวผมไว้แน่น
 
“ลองบังคับดูไหม”
พี่มันถาม

ผมพยักหน้า จับเชือกไว้ แล้วบังคับให้มันเดินหน้า ผมยิ้มเมื่อม้าเดินตามคำสั่ง กว่าจะหายกลัวหายตื่นเต้นได้ก็นานอยู่เหมือนกัน ผมคุมเองอยู่สักพัก ก็ปล่อยให้พี่เอกเป็นคนคุม ส่วนตัวเองก็ยกกล้องขึ้นมากดถ่ายรูป
 
พี่เอกพาม้าเดินเหยาะ ๆ ไปหามุมสวย ๆ ให้
 
วิวดีครับ สวยจริง ๆ บางจุดเป็นเนินเขา พอโดดแสงแดดสาดส่องยิ่งสวยเข้าไปใหญ่ ผมกดถ่ายไปเรื่อย ๆ กระทั่งพี่มันกระซิบบางอย่างข้างหู
 
“กาย…กายเชื่อใจพี่ไหม”
คำถามพาเอาผมนั่งงง ผมขมวดคิ้ว พยักหน้ารับ
 
“พี่อยากพิสูจน์ว่ากายจะเชื่อใจพี่มากแค่ไหน”
แล้วพี่มันก็ควบม้าเป็นจังหวะเร็วขึ้น ผมตัวเกร็งขึ้นมาทันทีจับที่จับด้านหน้าแน่น
 
“พี่เอก!! เร็วไปแล้วนะ”
ผมรีบท้วงเมื่อความเร็วมันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
 
“เชื่อใจพี่สิ”
พี่มันบอกแค่นั้น แล้วควบม้าตะบึงเร็วขึ้นไปอีก แถมยังใส่จังหวะตีโค้งจนตัวเอียง นี่ถ้าม้ามันดริฟท์ได้ พี่มันคงพาม้าดริฟท์จนเกือกขึ้นควันแน่ ๆ
 
ผมหลับตาปี๋ แนบแผ่นหลังกับอกกว้างจับที่จับไว้แน่น
 
“ลืมตากาย!! มองให้ดี ๆ!!”
พี่มันตะโกนบอกตัดกับเสียงสายลมที่กำลังพัดหวือ

ผมค่อย ๆ ลืมตามอง มันเร็วเอามาก ๆ ผมรู้ว่าม้าวิ่งได้เร็วพอ ๆ กับรถมอเตอร์ไซด์ แต่รถมอเตอร์ไซด์มันวิ่งนิ่ง ๆ ไม่ได้ถูกควบเป็นจังหวะขึ้นลงแบบนี้
 
ผมมองภาพตรงหน้าอึ้ง ๆ
 
สายลมพากันตีใส่หน้า ผ่านทิวไม้และต้นหญ้า บอกตามตรง ให้ความรู้สึกดีแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน ถ้าใครเคยขับมอเตอร์ไซด์แบบไม่สวมหมวกกันน็อกจะรู้ดี
 
ผมกัดฟัน นึกย้อนคำพูดพี่แก
 
‘เชื่อใจพี่สิ’
ผมผ่อนคลายความเกร็งลง พี่เอกเพิ่มจังหวะเร็วขึ้น
 
และพี่แกท้าทายความเชื่อใจของผมมากขึ้น ด้วยการบังคับม้าด้วยมือเดียว แล้วเกี่ยวแขนอีกข้างไว้ที่เอวผม
 
“พี่เอก!!”
ผมตะโกนเตือนพี่แก แต่พี่เอกยังวิ่งเร็วไม่หยุด
 
‘เชื่อใจพี่สิ’
คำนี้ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ผมกลับมานั่งนิ่ง ๆ ให้พี่มันบังคับเข้าโค้งต่อไป
 
“ไอ้เอก!! มึงเป็นบ้ารึไง!!”
พี่กิ๊ฟครับ ควบม้าเร็วมาเทียบแล้วตะโกนใส่ พี่กิ๊ฟนั่งมาคนเดียว คาดว่าพี่ฝรั่งคงลงไปนั่งอ้วกอยู่ข้างทางเรียบร้อยโรงเรียนไทยไปแล้ว
 
พี่เอกหันไปยิ้มให้ แล้วควบม้าเร็วยิ่งกว่าเดิม
 
“ไอ้เอก!!”
พี่กิ๊ฟตามมาด่าต่อ
 
“มึงลองดูบ้าง แล้วจะรู้ว่ามันสนุกขนาดไหน”
พี่มันหันไปบอก

พี่กิ๊ฟมองตรงไปด้านหน้า ไม่นานก็คลี่ยิ้มออกมา
 
“ก็จริง”
แล้วพี่แกก็ควบม้าเคียงข้างพี่เอกมาเรื่อย ๆ
 
“พวกมึง!! เล่นอะไรกันไม่ชวนกันบ้าง”
ไอ้พี่มอครับ ควบม้าเร็วตามมา โดยมีพี่โอมยืนอยู่บนที่เทียบ จับสองไหล่พี่มันไว้
 
“ไปไอ้มอ อย่าให้เสียชื่อสถาบันคนม่อแห่งชาติ”
พี่โอมตีไหล่พี่มอแรง บังคับให้พี่แกเร่งความเร็วมากขึ้น
 
“กูไม่ใช่ม้า!!” พี่มอด่ากลับ
 
“ตอนนี้มึงเป็นม้าสำหรับกูแล้ว กูบอกให้มึงเร่งความเร็วมึงก็ต้องเร่ง”
แล้วพี่มันก็ตบไหล่พี่มอเสียงดังป้าบ ๆ บังคับให้พี่มันเร่งความเร็วขึ้นอีก พี่มอต้องทำตามครับ คาดว่าน่าจะเพราะเจ็บไหล่
 
พอพี่มอขึ้นนำ มีหรือท่านแม่ทัพเอกจะยอม ท่านรีบบังคับม้านำทันที เทคนิคต่างกันครับ พี่มันละมือจากเอวผมไปบังคับม้าดี ๆ แล้ว
 
ผมยิ้ม เมื่อหันไปเห็นม้าของพี่โอ๊คควบเร็วตามมา ผมยิ้มให้พี่แกไปที
 
และในจังหวะตีโค้งนั้น ผมถึงกับตาโต เพราะนอกจากพี่โอ๊คแล้ว ยังมีพี่อิฐกับพี่อาร์ตด้วย แต่ได้ม้าคนละตัว
 
ผมยิ้มอีกที เมื่อเห็นพวกเราสนุกกับการควบม้าเร็ว ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเริ่มพากันมายืนดูแล้ว พวกเราพาม้าวิ่งกันฝุ่นตลบ

ผมหัวเราะด้วยความสนุกสนาน
รู้สึกภูมิใจสุด ๆ ด้วยที่ม้าของตัวเองควบนำอยู่
 
“พี่เอก”
ผมเรียก คนที่ควบม้าอย่างมุ่งมั่นครางหือในลำคอตอบรับ
 
“ผมเชื่อใจพี่นะ”
พี่มันก้มมองนิดหนึ่ง ก่อนทำหน้าตื่นเมื่อผมทำเรื่องไม่สมควรทำเข้า
 
ผมเอี้ยวหน้าไปจูบพี่แกที
 
แหะ ๆ ไม่ใช่แค่นั้นหรอก
แต่ผมดันตัวลุกขึ้นยืนทั้ง ๆ ที่ม้ายังควบเร็วอยู่
 
“กาย!!!”
พี่มันเรียกเสียงตื่น
 
“ผมเชื่อใจพี่ไง อย่าทำผมตกนะ”
ผมยืนให้มั่นด้วยสองเท้าบนหลังม้า พี่เอกรีบรวบกอดต้นขาผมไว้ด้วยแขนเดียว ในขณะที่อีกมือยังควบม้าอยู่ พี่มันลดความเร็วลง
 
“ห้ามลดความเร็วนะ ให้เร็วขึ้นกว่าเดิมด้วย” ผมสั่ง
 
“มันอันตรายกาย!!”
 
“ก็ผมเชื่อใจพี่ไง”
ผมย้ำ ยกกล้องขึ้นมาจ่อไว้ที่ดวงตา เล็งเลนส์กล้องไปยังพวกพี่ ๆ ที่ควบม้าตามมา
 :L2: :L2: :L2:


เป็นภาพที่สวยดีครับ
สวยเอามาก ๆ พี่มอซิ่งแหลก โดยมีพี่โอมยืนอยู่บนที่เทียบ สั่งการราวกับผู้บังคับบัญชา พี่โอ๊คควบเร็ว โดยมีพี่ปิงนั่งซ้อนไม่สะทกสะท้านไปกับความเร็วสุดกู่นั้น พี่อ้อยควบโดยมีพี่สาวซ้อน อีกตัวมีพี่อิงควบเดี่ยว
 
ผมแพนกล้องไปยังพี่อาร์ตกับพี่อิฐ พี่อาร์ตส่งจูบให้ผมที ผมยิ้มแหยง วันนี้แยกได้ เพราะแต่งตัวไม่เหมือนกัน
 
ผมยิ้มกว้าง เมื่อเห็นม้าอีกตัวกำลังตีโค้งเข้ามาเทียบอยู่ด้านข้าง และคนบังคับคือพ่อผมเอง โดยมีแม่นั่งอยู่ด้านหน้า ตอนแรกก็คิดว่าแม่จะร้องโวยวายหรือทำท่าหวาดกลัวบ้าง แต่แกกลับนั่งนิ่งครับ ปล่อยให้พ่อควบม้าไป
 
พ่อชูนิ้วโป้งขึ้นเหนือหัว ผมยิ้ม ลั่นชัตเตอร์เก็บภาพเหล่านั้นไว้
 
มีเรื่องตื่นตามากไปกว่านั้นอีก เพราะอยู่ ๆ ก็มีม้าที่ไม่มีคนนั่งวิ่งตามมาฝูงใหญ่ คงเป็นม้าของนักท่องเที่ยวชุดแรก มันคงเห็นเพื่อน ๆ มันวิ่ง มันเลยอยากวิ่งบ้าง

ฝูงเบ้อเร่อเลย
 
ผมแพนกล้องจากซ้ายวนไปทางขวา จนไปสบกับใครบางคนที่แพนกล้องมาทางผมเหมือนกัน
 
พี่เชนครับ
พี่แกทำเรื่องท้าทายกว่าผมอีก ด้วยการยืนบนที่เทียบ และบังคับเชือกม้าด้วยปาก สองมือจับตัวกล้อง จ่อไว้ที่ดวงตาแล้วเล็งเลนส์มาที่ผม
 
ผมยิ้ม
เราสองคนต่างคนต่างถ่ายกันและกัน ตีโค้งไปทางด้านซ้าย
 
ผมรู้ว่านี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่เชนทำเรื่องแบบนี้ พี่แกเป็นช่างภาพมืออาชีพ ชอบท่องเที่ยว และกล้าที่จะทำเรื่องท้าทายเพื่อหาภาพเด็ด ๆ มาไว้ในคอลเลคชั่น บางทีก็ต้องเข้าไปในพื้นที่อันตราย เพื่อให้ได้ภาพสวย ๆ เหมือนกัน (ดูได้จากบอร์ดครับ) มันเป็นความตื่นเต้นของการถ่ายภาพ ที่ถ้าไม่ลองมาจับกล้องดู ก็คงไม่มีทางรู้
 
“พี่เชน!!”
ผมตะโกนลั่น เมื่อม้าพากันวิ่งเลี้ยวโค้งไปทางด้านขวา ค้านจังหวะที่พี่เชนกำลังถ่ายรูปอยู่ พี่เชนเสียการทรงตัว พลัดตกจากหลังม้าทันที
 
ผมอยากให้พี่เอกหยุดไปช่วย แต่ม้าวิ่งด้วยจังหวะเร็วเกินไป ผมพยายามมองหาพี่เชน พอม้าวิ่งผ่านหนองน้ำขนาดใหญ่แบบวงกลม ผมถึงได้เห็นพี่เชนลุกขึ้นมายืนถ่ายรูปต่อ
 
อึดให้ตาย
 
ผมยิ้มออก ยกนิ้วโป้งชูเหนือหัวให้พี่แก พี่เชนยกนิ้วโป้งชูเหนือหัวตอบรับเช่นกัน พวกเราวนรอบหนองน้ำหนึ่งรอบ โดยมีพี่เชนยืนแพนกล้องถ่ายพวกเราไว้
 
ผมตาโต เมื่ออยู่ ๆ ก็มีม้าอีกกลุ่มวิ่งเข้ามาเสริม แต่ตรงกลางระหว่างเราและม้ากลุ่มนั้น มีพี่เชนกำลังยืนเล็งกล้องอยู่
 
พี่เชนไม่ได้สนใจ ยังยืนนิ่งถ่ายรูปอยู่
 
“พี่เชน!!”
ผมตะโกนเตือน ม้าของพวกเราไม่ได้หยุด ถึงหยุดก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะระยะมันไกลเกินไป

แม้ม้าจะวิ่งเข้ามาใกล้ แต่พี่เชนก็ไม่คิดจะขยับไปไหน
 
ม้าฝูงใหญ่วิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ และวินาทีนั้นเอง ผมเห็นใครบางคน ควบม้าย้อนศรกลับไปหาพี่เชน
 
ผมยืนมองด้วยจิตใจลุ้นระทึก
 
ใครคนนั้น
 
คนที่มีหน้าตาเหมือนพี่เอกอีกคน…
 
พี่อาร์ต
 
ด้วยสัญชาตญาณช่างภาพ ผมยกกล้องขึ้นมาจ่อไว้ที่ดวงตา และกดชัตเตอร์เก็บทุกภาพระทึกขวัญนั้นไว้
 
“ไอ้ช่างภาพ!!”
พี่อาร์ตยื่นมือออกไปรับ พี่เชนไม่ได้สนใจมอง

แต่จังหวะที่ม้าพี่อาร์ตกำลังจะวิ่งผ่าน พี่เชนวาดมือคว้ามือพี่อาร์ตไว้ แล้วเหวี่ยงตัวเองขึ้นไปนั่งบนหลังม้า
 
คุณเคยดูหนังเรื่องเดอะลอดออฟเดอะริงไหม ตอนที่โอแลนโด้ บลูม เหวี่ยงตัวขึ้นหลังม้า แบบนั้นแหละ เหมือนกันเลย
 
เท่สุด ๆ ทั้งพี่อาร์ตและพี่เชน
 
ทั้งที่นั่งอยู่บนหลังม้า พี่เชนก็ยังไม่หยุดถ่ายรูป ผมเห็นพี่แกลุกขึ้นเหยียบบนที่เทียบ ส่องกล้องมาทางผม

ผมหัวเราะร่วน
 
ระห่ำสุดยอด
 
พี่เชนตบบ่าพี่อาร์ตให้เร่งความเร็วมาชิดม้าผม แล้วพวกเราก็ขี่ม้าควบเคียงไปด้วยกัน
 
ไม่เพียงแต่เราที่ชื่นชอบการควบม้าเร็ว พวกม้า ๆ เอง ก็คงจะสนุกไม่แพ้กัน เพราะเห็นพวกมันพากันยกหัวยกเท้าร้องฮี่กันใหญ่
 
แล้วพวกเราก็ได้เห็นสิ่งอัศจรรย์อีกรอบ
สามทโมนควบม้าแซงพวกเราไป ผมอ้าปากค้าง จ้องมองคนสามคนที่นั่งเอนตัวไปด้านหน้าเหมือนจ็อกกี้สาวตามสนามแข่ง (พวกน้อง ๆ ใส่สนับที่แขนกับเข่า แต่ไม่ยอมใส่หมวก เห็นบ่นว่าไม่โดนลม ไม่สะใจ) สามทโมนจับเอวกันแน่น สามัคคีโน้มตัวไปตามแรงเหวี่ยง
ผมกับพี่เชนรีบถ่ายภาพนั่นไว้ทันที
 
พอถ่ายรูปจนหนำใจ ผมก็ลงมานั่งดี ๆ อีกครั้ง
 
รู้สึกดีจริง ๆ
ยิ่งเมื่อโดนลมแรง ๆ ตีใส่หน้า และร่างกายที่ขยับไปตามจังหวะขึ้นลงของม้า ยิ่งพาเอาหัวใจรู้สึกสนุกเข้าไปใหญ่
 
“วู้วววววววววว”
ผมแหกปากตะโกนเสียงดัง แหงนหน้า กางแขนออกกว้าง
 
ผมยิ้มจนเต็มหน้า ปล่อยให้พี่เอกพาผมโบยบินไปตามเส้นทางเขียวขจี ราวกับนกน้อยที่กำลังโผบินไปบนท้องฟ้าแสนกว้าง     
 
ขอบคุณสำหรับความสุขครั้งนี้ครับ พี่เอก





To be Con...
..
..
ตอนนี้เป็นตอนที่จำได้ว่าวนอ่านอยู่หลายรอบมาก ชอบมาก ๆ มันทั้งสนุกและลุ้นระทึกในเวลาเดียวกัน แต่ฉากที่ชอบมากสุด คงไม่พ้นฉากที่พี่อาร์ตขี่ม้ากลับไปช่วยพี่เชนนั่นแหละ เท่มาก เอาไปนั่งเพ้อนอนเพ้ออยู่หลายวันเชียว Icon YoYo Emotion

อยากบอกว่าตอนนี้เป็นจุดเริ่มต้นของแต่ละคู่ คือไม่ได้ตั้งใจจะจับคู่ให้ใครแต่แรก แต่อยู่ ๆ เนื้อเรื่องมันดันไหลมาให้ทุกคนต้องคู่กันเอง อย่างพี่อาร์ตกับพี่เชน(ที่โคจรมารักกันได้ไงนี่สุดยอดความอัศจรรย์ของโลกมาก) พี่มอกับพี่โอม(อันนี้เพราะพลังม่อของคนทั้งคู่แน่ ๆ = =) พี่โอ๊คกับพี่ปิง(อันนี้ไม่อยู่ในสารบบ แต่พอถามว่าถ้าให้สองคนนี้คู่กันล่ะ โอ้โห เนื้อเรื่องมาเป็นกุรุส)


อ่านกันให้สนุกน้า ^^ 
..
..
หนังสือ & e-book : https://goo.gl/FSOuuM
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 73 ดูพระจันทร์ & ขี่ม้า 2 [p.25 D.21-5-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-05-2017 17:50:41
กาย ท้าทาย ผาดโผนมากเลย
หัวข้อ: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 74 จบทริป & รางวัลของคนหื่น [p.25 D.12-7-60]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 03-06-2017 19:31:19
(http://upic.me/i/wv/111548823-300.jpg)

74
จบทริป...รางวัลของคนหื่น
[เอก...☼]


ผมหัวเราะหึ ๆ ตอนสั่งให้ม้าหยุดเดิน คนในอ้อมแขนผมหันมามองด้วยความแปลกใจ

ผมว่าผมบ้าแล้ว ยังมีคนที่บ้ามากกว่าผมซะอีก
 
“หัวเราะอะไร”
มันตัดสินใจถาม ผมไม่ได้ตอบ แต่จับคางมันไว้แล้วกดจูบลงไปเบา ๆ มันตาโตดิ้นขลุกขลักพยายามดันมือดึงหน้าตัวเองออก ผมบดปากมันเบา ๆ โดยไม่ล่วงล้ำ 
 
“หัดอายม้าอายแมวมันซะบ้างนะไอ้เอก สวีทกันได้ทุกที่เลยจริง ๆ”


ผมละริมฝีปากออกไปมองคนพูด เห็นไอ้มอพาม้าเดินเหยาะ ๆ มาหยุดอยู่ข้าง ๆ ไอ้โอมที่นั่งซ้อนมาด้วยกันกระโดดตุบลงไปยืนอยู่ที่พื้น ตามติดด้วยตัวมันเอง

ผมหันกลับมามองไอ้ตัวเล็ก แอบเสียดายนิด ๆ เพราะยังอยากจูบมันต่อ ผมส่งไอ้ตัวเล็กลงจากหลังม้า ตามติดด้วยตัวเอง
   

“ไอ้เชี่ยโอม มึงตบบ่ากูมาซะแรง ช้ำหมดแล้วมั้งเนี่ย”
ไอ้มอมันโวยใส่คู่หูมัน เอี้ยวหน้าไปดึงคอเสื้อลงจนถึงหัวไหล่เพื่อเช็คดู 
 
“โทษที กูลืมตัว”
คนทำบอก แต่น้ำเสียงดูจะไม่สำนึกเท่าไหร่
 
“ช้ำจริง ๆ ด้วย”
มันลูบรอยแดงตรงไหล่มันเบา ๆ แดงเป็นปื้นเลย
 
“เฮ้ย! กูขอโทษ”
 ไอ้โอมหน้าตื่น

“แม่ง กูสงสารผู้หญิงของมึงจริง ๆ เวลามีอะไรกัน นี่มึงไม่ลืมตัวทำเขาช้ำหมดเลยเหรอวะ”
มันดึงเสื้อกลับที่เดิม ลูบรอยแดงผ่านเสื้อตัวเองป้อย ๆ
 
“ไม่ว่ะ กูรุนแรงแบบอื่นแทน”
มันยิ้มรับหน้ารื่น
 
“ซาดิสม์”
ไอ้มอต่อว่าทำหน้าแหยง ๆ
 

คนโดนด่ายักคิ้วภูมิใจ ลูบสีข้างม้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไป
 
คนอื่น ๆ ก็เริ่มพากันกลับมาแล้วเหมือนกัน ยกเว้นพ่อกับแม่ผม ไม่รู้ว่ายังไม่กลับหรือว่าเลิกขี่กันไปนานแล้ว (เพราะพ่อกับแม่ผมไม่ได้มาร่วมซิ่งม้ากับพวกเราด้วย)
 
“นี่ครั้งหน้าให้ฉันควบเองบ้างสิ”
แม่ไอ้ตัวเล็กร้องขอทันทีที่พ่อส่งลงจากหลังม้า ตามติดด้วยพ่อที่กระโดดลงมายืนอยู่ข้าง ๆ
 
“เอาสิ งั้นถือเป็นคำสัญญาว่าคุณจะมากับผมอีกนะ”

แม่ยืนอึ้ง อ้าปากเหมือนจะค้าน แต่พูดอะไรไม่ออก พ่อฉีกยิ้มกว้าง

หึ ๆ แม่หลงกลพ่อแล้วล่ะครับ
 
“กรี๊ดดด สนุกจัง อยากขี่อีกเนอะ”
พวกทโมนก้าวลงจากหลังม้าทีละคน สีหน้ายังคงรื่นเริง หัวเหอฟูกันนิดหน่อยเพราะไม่ได้ใส่หมวก
 
“เก่งกันจัง”
ไอ้อิฐเดินไปลูบหัวน้องมันเบา ๆ พวกทโมนยิ้มรับ กางนิ้วสางหัวฟู ๆ ให้เข้าที่เข้าทางกันใหญ่
 
พวกสาว ๆ ก็พากันก้าวลงมาจากหลังม้าเหมือนกัน
 
“วู้ สนุกเป็นบ้า ครั้งหน้ามาทำแบบนี้กันอีกนะ”
ไอ้สาวมันบอกยิ้ม ๆ ไอ้อ้อยพยักหน้าเห็นด้วย
 
“ม้ากูเสียนิสัยเพราะพวกมึงนี่แหละ”
ไอ้เจ้าของฟาร์มมันต่อว่า เพราะม้ามันพากันแหกคอกออกมาวิ่งกันหมด ดีนะ ที่พอพวกเราหยุด พวกมันก็หยุดตาม
 
“โดยเฉพาะมึง ไอ้เอก”
มันชี้หน้าด่า ผมยักไหล่ทำเป็นไม่ใส่ใจ มันจิ๊ปากหันไปทางไอ้ตัวเล็ก
 
“เราก็กล้าเนอะกาย สมแล้วที่เป็นน้องพี่”
มันตบหลังไอ้ตัวเล็กปุ ๆ ด้วยความภูมิใจ
 
“เพราะมีพี่เอกอยู่ด้วยต่างหาก ผมถึงกล้า”
 
“ฮิ้ววว แม่ง เสี่ยวว่ะ” พวกมันแซว “แต่ได้ใจฉิบหาย พี่ว่า คงไม่มีใครเขาบ้าเหยียบบนหลังม้าที่กำลังควบเร็วเพื่อถ่ายรูปแบบนั้นหรอก”
 
“ไม่นะ มีอีกคนที่บ้ามากกว่าผมอีก”
ไอ้ตัวเล็กมันพยักหน้าไปยังม้าที่กำลังวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามา ม้ายังไม่ทันจะหยุด ไอ้คุณชรินทร์ก็กระโดดลงมาหาไอ้ตัวเล็กแล้ว
 
“กายเท่สุด ๆ ไปเลย”
 
“ผมว่าพี่เท่กว่าอีก”
 
“บ้ามากกว่าน่ะสิ ประสาท ไม่กลัวตายกันเลยรึไง”
ไอ้อาร์ตมันบ่น กระโดดลงมาจากหลังม้า
 
“มึงก็บ้าเหมือนกันที่กล้าพาม้าสวนทางเข้าไปช่วยแบบนั้น”
ไอ้กิ๊ฟมันว่ากลับ
 
“ไม่อยากเห็นคนตายแถวนี้”
มันพูดแค่นั้น ตีสีข้างม้าปุ ๆ ปล่อยให้คนงานนำม้าเข้าคอกไป
 
“ฝูงม้าน่ากลัวน้อยกว่าดงระเบิดเยอะ”
ไอ้คุณชรินทร์มันบอกต่อ ไอ้ตัวเล็กตาโต
 
“พี่เคยไปถ่ายภาพสงครามด้วยเหรอ ไม่เห็นมีลงในบอร์ดเลย”
 
มันส่ายหัว
 
“เปล่า แค่พวกค้ายาเสพติดแถว ๆ ชายแดนน่ะ ผ่านไปพอดีเลย'แชะ'เข้าให้”
มันขยับมือทำท่าแชะให้ดู

ไอ้ตัวเล็กตาวาว
 
“เลิกคิดไปได้เลย”
ผมหันไปชี้หน้า

จะถ่ายอะไรก็ถ่ายได้ แต่ให้ไปถ่ายพวกเสี่ยง ๆ ผมไม่ให้ไปแน่ ๆ
 
“ทำไมล่ะ”
มันหันมาถามกลับตาแป๋ว
 
มึง…
ไปเรียนวิธีทำตาแป๋วแหว๋วแบบนี้มาจากไหนวะ
 
“ก็พี่…”
 
มันยืนนิ่ง ขมวดคิ้วทำท่าตั้งใจฟัง ไม่ต่างกับคนอื่น ๆ โดยรอบ
 
“ก็พี่ไม่อยากเป็นหม้ายน่ะ”
 
มันอ้าปากค้าง พวกเพื่อน ๆ ผมพากันโก่งคออ้วกเรี่ยราด แม้แต่ไอ้คุณชรินทร์ก็ยังทำท่าแหวะลงพื้นหน่อย ๆ
 
“อยู่แบบนี้ทุกวันไม่เบื่อรึไง รีบ ๆ เบื่อได้แล้ว พี่จะได้เสียบซะที”
 
ไอ้ตัวเล็กมันอ้าปากค้างอีกรอบ
 
“คงยากละนะ บังเอิญตีตราไปเยอะแล้ว”
แล้วผมก็รั้งไอ้ตัวเล็กมาจูบต่อหน้ามันที พวกเพื่อน ๆ พากันโห่ฮา มันหัวเราะหึ ๆ ส่วนไอ้ตัวเล็กหน้าแดง
 
แล้วหลังจากนั้น พวกเราก็ไปหาอะไรกินกัน             
 
สนุกดีครับวันนี้ ทั้งสนุกและตื่นเต้น
 
และวันนี้ ผมก็ได้รู้ว่าไอ้ตัวเล็ก มันเชื่อใจผม มากกว่าที่ผมเชื่อใจตัวเองซะอีก

รึเป็นแค่ความบ้าส่วนตัวของมันกันแน่วะ?
 
 
 







 
ได้ยินเสียงคุณแม่ฮัมเพลงเบา ๆ คลอเสียงเพลงจากลำโพงรถตู้ โดยมีคุณพ่อเป็นเจ้าของอกกว้างให้ซบ ตอนนี้พวกเรากำลังมุ่งตรงเข้ากรุงเทพครับ ผมนั่งอยู่แถวท้ายสุด พ่อกับแม่นั่งอยู่เบาะหน้า ถัดไปทางขวาเป็นพวกทโมน พวกน้อง ๆ พากันหลับปุ๋ย หัวพิงกันเรียงไว้หลับไหลราวกับลูกแมวน้อย ผมยิ้ม

คงเหนื่อยจัดมาจากการควบม้า

ด้านหน้าสามทโมนเป็นพ่อกับแม่ไอ้ตัวเล็ก แม่พิงหัวไว้กับอกกว้างของพ่อ สองคนพากันหลับปุ๋ยไปแล้ว คงเหนื่อยจัดไม่ต่าง ผมอมยิ้ม หันมามองคนข้างตัวที่นั่งหลับพิงหัวไว้กับอกผมเหมือนกัน ผมกระชับเอวมันแน่นขึ้น
 
“ผมยังไม่แน่ใจว่าจะดูแลกายได้ดีเท่ากับที่คุณดูแลหรือเปล่า”
ไอ้คุณชรินทร์มันเปรยขึ้นมาเบา ๆ ผมหันไปมอง
 
“งั้นก็สละสิทธิ์ไป”
 
มันยิ้มยั่ว
“ไม่ดีกว่า กายออกจะน่ารัก บกพร่องเรื่องการดูแลไปบ้าง แต่เรื่องอื่นคงทดแทนกันได้”
 
คิ้วผมกระตุก พยายามตีความหมาย ก่อนคลี่ยิ้ม เลิกเสื้อไอ้ตัวเล็กขึ้นสูงจนเห็นหัวนม แต่ที่ผมต้องการจะโชว์จริง ๆ คือรอยแดงจำนวนมากที่เกิดจากการตีตราจองของผมรอบ ๆ ไหปลาร้าและหน้าอกมันต่างหาก
 
ไอ้คุณชรินทร์มันอึ้งไป
 
ผมหัวเราะหึ ๆ
 
“หึ ถ้าคิดจะเล่นกับพี่ คงต้องทำงานหนักหน่อยนะไอ้ช่างภาพ”
ไอ้อาร์ตที่นั่งอยู่เบาะถัดไปว่าขึ้นเบา ๆ
 
แถวที่ผมนั่งมีอยู่ห้าเบาะ ผมนั่งคนแรก ต่อด้วยกาย ตามด้วยไอ้คุณชรินทร์ ไอ้อาร์ตและไอ้อิฐ
 
ไอ้คุณชรินทร์หันไปมองคนพูด
 
“เขาว่ายิ่งยาก ยิ่งท้าทาย”
มันตอบกลับพร้อมรอยยิ้มข้างมุมปาก
 
ไอ้อาร์ตจ้องกลับ
 
“ก็จริง”
 
ผมถอนหายใจเบา ๆ กระชับคนในอ้อมแขนแน่นขึ้น
 
รอบ ๆ ตัวผม มีแต่คนอันตรายทั้งนั้น














มีหลากหลายเรื่องราวเกิด แต่ผมก็มีความสุขสุด ๆ ได้เรียนรู้ในหลาย ๆ แง่มุมของไอ้ตัวเล็กมันด้วย
 
“อืม...พี่เอก...พอ...เจ็บ”
 
“อดทนหน่อย”
 
“ก็มันเจ็บ” มันท้วง
 
“อีกนิดเดียวน่า”
 
“อื้ออ..พี่เอก เบา ๆ”
 
“โอเค ๆ เลิกครางแบบนั้นได้แล้ว ฟังทีไรสยิวทุกที”
 
มันลูบต้นแขนช้ำ ๆ ของตัวเองเบา ๆ มองหน้าผมงง ๆ
 
ผมกำลังทายาที่แขนให้มันอยู่ครับ
 
“ก็มันเจ็บ”
 
ผมถอนหายใจแรง จ้องหน้าขู่มันด้วยสายตา
 
“ก็ได้ ๆ ไม่ร้องแล้วก็ได้”
มันรับปาก
 
ผมทดลองจิ้มแขนมันดู คราวนี้มันไม่ร้องครับ แต่หรี่ตากัดปากตัวเองแน่นอย่างอดทน
 
“แม่ง!!”
ผมกระชากมันมานอนใต้ร่างทันที
 
“ก็ผมไม่ร้องแล้วไง”
 
“ทำท่าไหนก็น่าฟัดทั้งนั้นแหละ”
แล้วผมก็จัดการฟัดมันไปอีกรอบ
 
หมั่นเขี้ยวครับ จะน่ารักไปไหน
ขอฟัดมันให้หนำใจก่อน แล้วค่อยปล่อยมันกลับบ้านไปทำภาพต่อละกัน





 
 
ไม่เกินชั่วโมงหลังจากนั้น ห้องผมก็กลับมาเงียบเหมือนเดิม
 
พอไม่มีมันอยู่...
ห้องดูกว้างไปถนัดตา
 
พอไม่มีมันอยู่...
เหมือนที่นี่จะไร้สิ่งมีชีวิต แม้กระทั่งตัวผมเอง
 
พอไม่มีมันอยู่...
หัวใจผมมันก็ทั้งเหงาทั้งอ้างว้างยังไงบอกไม่ถูก
 
พอไม่มีมันอยู่...
รู้สึกว้าเหว่จนแทบจะร้องไห้ออกมา
 
ผมไม่ใช่พวกอ่อนไหว แต่หัวใจมันรู้สึกแบบนี้ทุกครั้งที่ไม่มีไอ้ตัวเล็กอยู่

ผมถอนหายใจเบา ๆ

สงสัยผมจะติดกายมากเกินไปแล้วล่ะมั้ง
 
ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา คว้าหยิบรีโมตทีวีขึ้นมากดเปิดดู แต่ไม่มีรายการอะไรน่าสนใจเลยสักอย่าง ผมเลื่อนเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ บางรายการเหมือนจะสนุก แต่พอดูไปสักพักก็เบื่ออีก
 
ผมกดปิดทีวี คว้าหนังสือมาเปิดอ่าน เปิด ๆ ไปก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเหมือนกัน ผมโยนหนังสือไว้บนโต๊ะ ล้มตัวลงนอนยาวเหยียด จ้องมองเพดานขาวด้านบน ในหัวมีแต่ภาพของไอ้ตัวเล็กวนเวียนเต็มไปหมด
 
แม่ง.. เมียไม่อยู่ เหงาฉิบหาย
 
เสียงกริ่งหน้าประตูดังเบา ๆ ผมหันไปมอง ถอนหายใจออกมาอีกรอบ ค่อย ๆ ดันตัวลุกขึ้น เดินเหนื่อย ๆ ไปเปิด

ผมเลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อคนที่ตัวเองกำลังคิดถึงมายืนอยู่ตรงหน้า มันทำหน้าแหยง ๆ
 
“กำลังจะถึงบ้าน แต่คิดถึงพี่เอก เลยย้อนกลับมาหา”
 
ผมมองมันอึ้ง ๆ มันกวาดมองมาทั่วใบหน้าผม

“โอเคละ ขอบคุณครับ อยากเห็นหน้าให้หายคิดถึงแค่นั้นแหละ”
แล้วมันก็หันหลังเตรียมจะก้าวจากไป ผมรีบคว้าแขนมันไว้ทันที
 
“แม่อยู่บ้านใช่ไหม”
 
มันพยักหน้า
 
“พี่ไปด้วยคนสิ ไม่อยากอยู่คนเดียวเหมือนกัน”
ผมขออาย ๆ
 
มันทำหน้าแปลกใจ ก่อนยิ้มแล้วพยักหน้ารับ
 
ก็คนมันคิดถึงอะนะ
ผมฉีกยิ้มกว้าง รีบกลับเข้าห้องไปแต่งหล่อ แล้วเดินเท่ออกไปกับมัน
 
 


 
 
 
 
“เคร้ง!!!”
เสียงแรกที่ได้ยินตอนเข้าบ้าน
 
“คุณ!! ผมแค่หอมแก้มเอง ทำไมต้องรุนแรงแบบนี้ด้วย!!”
 
“แค่หอมแก้มเนี่ยนะ!!”
 
ผมรีบก้มหลบปากกาที่ถูกเขวี้ยงมาโดยแม่ ส่วนไอ้ตัวเล็กเดินชิว ๆ
 
“นี่ทำไม?”
 
“แม่คงแก้เขินน่ะ”
 
ผมทำหน้างง ไอ้ตัวเล็กยิ้ม ยืดตัวขึ้นมาเอามือป้องหูกระซิบให้ผมได้ยิน
 
“พ่อบอกว่าจะเผด็จศึกแม่น่ะ ดูจากอาการแม่แล้ว พ่อน่าจะทำสำเร็จ”
 
ผมอ้าปากค้าง ถึงบางอ้อทันที มันยิ้มรื่น วิ่งตุบตับขึ้นห้องตามด้วยผม ผมหันไปมองพ่อที่พยักหน้ามาทักทาย มือหนึ่งกอดแม่ไว้ ส่วนอีกมือยื้อจับไม้ตีเบสบอลที่กำลังจะฟาดใส่หัวตัวเอง
 
“ดีนะที่กายไม่โหดแบบนั้น”
ผมชี้นิ้วโป้งไปทางด้านหลัง มันหน้าแดง
 
“ผมไม่ใช่ผู้หญิงนี่”
 
“แต่กายดีกว่าผู้หญิงบางคนซะอีกนะ”
ผมทำสายตากรุ้มกริ่ม มันรีบเปิดประตู เดินลิ่ว ๆ ไปนั่งหน้าคอม ผมอมยิ้มก้าวตามเข้าไป ปิดประตูลง แล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียง
 
 ห้องมันไม่ได้กว้างขนาดห้องผม ผมเลยได้แต่นั่งเล่นนอนเล่นอยู่บนเตียงมันนั่นแหละ จนผ่านไปสองชั่วโมง รับรองได้เลยว่ามันคงลืมไปแล้วว่ามีผมอยู่ด้วย

แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกแย่หรือโกรธมัน

เพียงแค่รู้ว่ามีมันอยู่

แม้ไม่ได้พูดคุยหรือสัมผัสเนื้อตัว แต่ผมก็มีความสุขแล้ว

 ผมนั่งอ่านนิตยสารเกี่ยวกับการถ่ายภาพของมันไปเรื่อย ๆ จนความง่วงเริ่มแทรกซึม ผมวางหนังสือไว้บนชั้น หันไปมองคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาคลิกเม้าส์อยู่หน้าคอม ผมยิ้มนิด ๆ หันกลับมาที่เดิม ปิดเปลือกตาลง แล้วหลับไหลไป
 




 
“พี่เอก”
ได้ยินเสียงเรียกดังแว่วมาแต่ไกล
             
“พี่เอก”
เสียงนั้นชัดขึ้นเรื่อย ๆ จนผมต้องลืมตามอง เห็นไอ้ตัวเล็กนั่งยิ้มอยู่ข้างเตียง
 
“เสร็จแล้วเหรอ”
ผมงัวเงียถาม มันพยักหน้ารับ
 
“เอาลงบอร์ดเกือบหมดแล้ว ที่เหลือยังคิดคำบรรยายดี ๆ ไม่ออก”
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ ดึงมันขึ้นมานั่งคร่อมบนตักทั้งที่ยังนอนอยู่ รู้สึกเหมือน ๆ ตัวเองจะยังไม่ตื่นดี
 
“ได้เยอะไหม”
มันยิ้มแก้มฉีก
 
“เยอะ แฟนคลับดูจะเยอะขึ้นด้วย”
 
“พี่ชอบนะ เข้าไปอ่านประจำ แอบคุยกับกายก็บ่อย”
 
“หา!?”
มันเลิกคิ้วสูง ผมยิ้มให้มันที
 
“พี่เคยเข้าไปคุยกับกายในบอร์ดด้วย”
 
“คนไหน!”
มันรีบถามเสียงตื่น
 
“เดาเอาสิ”
 
มันทำท่าคิด
 
“ถ้าเดาถูกพี่จะให้รางวัล”
 
มันทำท่าคิดหนักยิ่งกว่าเดิม
 
“เยอะนะ”
 
“เดาเอา”
 
มันนั่งคิดจนคิ้วขมวด ผมเลื่อนมือหนึ่งมาบีบสะโพกมันเบา ๆ มันยังไม่รู้ตัว กรอกตาไปมาทำท่าคิดอยู่ ผมเลื่อนมืออีกข้างมาบีบอีก มันก็ยังไม่รู้ตัว

สักพักมันก็เลื่อนสายตามามองตาผม   
 
“Sun”
 
ผมยิ้มรับ มันอ้าปากค้าง ก่อนหน้าแดง

มันไม่รู้ว่าเป็นผม บางเรื่องมันถึงได้กล้ามาเล่าให้ฟังเพื่อระบาย หรือถามบางเรื่องที่มันอยากรู้
 
มันเม้มปากแน่น

“ผมก็คิดว่าในโลกนี้จะมีคนที่เหมือนพี่ซะอีก”
 
“ถ้ามีจริงจะนอกใจรึไง”
ผมถามด้วยน้ำเสียงติดจะไม่พอใจนิด ๆ
 
มันส่ายหัวไปมา
 
“บางเรื่อง ผมไม่กล้าถามพี่ตรง ๆ แต่ถ้ามีใครสักคนที่เหมือนพี่ จะได้ถามเขาได้ว่าเขารู้สึกยังไง และต้องการอะไร”
 
ผมมองมันอึ้ง ๆ
 
มิน่าล่ะ มันถึงได้ถามนู่นถามนี่ตลอด ผมก็ตอบไปตามจริง

ไม่ใช่แค่มันรักผมอย่างเดียว แต่มันเรียนรู้ที่จะรักตัวตนของผมด้วย
 
“ขอบใจนะ”
 
มันพยักหน้ายิ้มรับ
 
“แต่ถึงพี่จะบอกความจริง แต่ Sun กับพี่จะเป็นคนละคนกัน ในนั้นพี่จะเป็นเพียงแฟนคลับของกายคนหนึ่ง จะไม่ใช่พี่เอกที่อยู่ตรงนี้”
 
มันจ้องหน้าผมเขม็งเพื่อหาเหตุผล
 
“กายยังอยากมีที่ปรึกษาอยู่ไม่ใช่รึไง พี่เองก็อยากเป็นแฟนคลับของนายกันตรัตน์ ที่ไม่ใช่ไอ้ตัวเล็กน่าฟัดน่าหม่ำตรงนี้เหมือนกัน เพราะงั้น เวลาที่พี่เป็น Sun พี่จะเป็นคนอื่น แต่เวลาอื่น พี่คือสามีของกาย”
 
มันนั่งหน้าแดง ผมหัวเราะหึ ๆ
 
“เอาล่ะ ถึงเวลาให้รางวัลแล้ว”
ผมจับมันพลิกลงไปนอนข้างใต้
 
“ดะ เดี๋ยว ถามก่อนสิว่าผมอยากได้อะไร!!”
 
“พี่ไม่ได้บอกซะหน่อย ว่าจะให้รางวัลอะไร กายไม่ได้ถามก่อน เพราะงั้น พี่จะให้รางวัลที่พี่อยากให้”
 
“อย่านะพี่เอก ไอ้คนเจ้าเล่ห์”
 
“ปากจัดนักนะเรา อย่างนี้ต้องให้รางวัลแล้วต่อด้วยทำโทษฐานพูดไม่เพราะ”
 
มันกำลังจะอ้าปากเถียง ผมรีบก้มปิดปากมันทันที

มันดิ้นรนขัดขืนใหญ่ แต่ผมยังโหมจูบมันอยู่ เพียงไม่นานมันก็หยุดดิ้น มือที่ผลัก ๆ อยู่ก็ทิ้งจังหวะเบาลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นบีบต้นแขนผมไว้เบา ๆ ปลายลิ้นเล็กที่พยายามหลบหนีเริ่มอ่อนล้าให้ผมเกี่ยวกระหวัดเล่นอยู่ภายใน   
ดวงตามันปรอยลงจนฉ่ำเยิ้ม

ผมค่อย ๆ ถอนริมฝีปากขึ้นมามองภาพสวยตรงหน้า มันอ้าปากนิด ๆ ผ่อนลมหายใจหอบ ๆ ออกมา ผมจับมือมันขึ้นมาจูบเบา ๆ แล้ววางลง
 
“ทำไมกายต้องทำแบบนี้กับพี่ด้วย”
ผมถามมันหน้านิ่ง

มันทำหน้างง ๆ ไม่ได้สนใจมือผมที่กำลังถอดกางเกงมันอยู่ มันเริ่มหน้าเสียเพราะคิดว่าผมกำลังต่อว่าอะไรมันสักอย่าง
 
“ทำไมกายต้องทำให้พี่หลงรักกายมากขึ้นทุกวันด้วยนะ”
 
แดงเลยครับ

แดงไปทั่วทั้งหน้าทั้งหูทั้งคอ แล้วผมก็จับเสื้อมันเลิกถอดออกจากหัว
 
“ดะ เดี๋ยวพี่เอก พ่อกับแม่อยู่ข้างล่างนะ”
 
“พ่อรู้น่า แม่ก็ฉลาดพอที่จะไม่พากันขึ้นมา”
 
“แกร็ก!”
“อุย! ขอโทษ คิดว่ากำลังทำภาพกันอยู่”
 
ผมหันไปมองหน้าประตู เห็นพ่อยืนจับลูกบิดอยู่และมีแม่ยืนหน้าแดง ๆ อยู่ด้านหลัง
 
ไอ้ตัวเล็กมันตัวเล็กกว่าผมเยอะ ร่างใหญ่ ๆ ของผมเลยบังมันไว้จนมิด ยกเว้นขาขาว ๆ ที่โผล่ออกมาเพราะผมแทรกกลางระหว่างขามันอยู่ ได้มุมกล้องพอดีครับ มันมุดหน้ากับอกผมใหญ่
 
“อย่าหาเรื่องมาแอบดูหุ่นเมียผมสิพ่อ”
 
พ่อเบ้หน้า
 
“หุ่นเมียพ่อก็น่ามองไม่แพ้กัน”
แล้วพ่อก็ต้องร้องโอ๊ย เพราะโดนแม่ตีเพี้ยะเข้าให้
 
“คือ พ่อจะพาแม่ไปดินเนอร์น่ะ ไปด้วยกันไหม เอิ่ม…แต่ดูแล้วคงเพิ่งเริ่ม งั้นให้เวลาชั่วโมงหนึ่ง เสร็จแล้วก็ไปด้วยกันละกัน”
พ่อพูดแค่นั้นก่อนปิดประตูลง ยังไม่ทันที่ผมจะหันกลับ พ่อก็เปิดประตูเข้ามาใหม่
 
“ครั้งนี้พ่อจะล็อกประตูให้ แต่ครั้งหน้า ล็อกเองนะ”
แล้วประตูก็ปิดลงอีกครั้ง
 
ผมอมยิ้ม หันมามองใบหน้าแดง ๆ ของคนในอ้อมแขน
 
“พะ พอเลย”
มันรีบผลักผมออก แต่ผมไม่ขยับ
 
“ไม่เห็นรึไง ว่าพ่อให้เวลาพี่ตั้งชั่วโมง”
 
มันอ้าปากค้าง ผมรีบเชื่อมร่างผมเข้ากับมันทันที
 
“อ๊า พี่เอก”
ครับ เถียงไม่ได้สู้ไม่ไหว ก็ทำได้อย่างเดียวคือครางดัง ๆ เท่านั้นแหละ
 
ผมยิ้ม จ้องมองดวงตาปรอยหวานของคนที่อยู่ข้างใต้ มันทำได้ดี ในการทำให้ผมรักมันทุกวันจริง ๆ



ว่าแต่…
ขอเพิ่มเวลาเป็นสองชั่วโมงจะได้ไหมฮึ..
หึ ๆ
 


To be con..

:katai5:





Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM

 
 
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 74 จบทริป & รางวัลของคนหื่น [p.25 D.3-6-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 04-06-2017 19:22:22
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 74 จบทริป & รางวัลของคนหื่น [p.25 D.3-6-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 10-06-2017 15:11:16
555หายไปนานมว้าก
หัวข้อ: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 75 ดินเนอร์...ฉลองกับเพื่อน [p.25 D.17-8-60]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 01-08-2017 20:22:59
(http://upic.me/i/i8/111573524.jpg)
75

ดินเนอร์...ฉลองกับเพื่อน
[กาย...♥]






 
อายครับ
 
ผมเปิดบทด้วยคำพูดนี้มากี่ตอนแล้ว ขี้เกียจกลับไปนับ คุณผู้อ่านนับให้ผมด้วยจะดีมาก หนึ่งชั่วโมงผ่านไป พี่มันก็เดินตัวผ่องออกมาจากห้อง ในขณะที่ผมเดินตัวซีดออกมา พ่อกับแม่นั่งรออยู่ในห้องรับแขก พ่อเอนหลังนั่งดูทีวี ส่วนแม่นั่งพิมพ์อะไรสักอย่างกับโน้ตบุ๊คตัวโปรดบนตัก
 
“อิ่มแล้วใช่ไหม”
พ่อหันมาถามพี่เอก พี่แกส่ายหัวไปมา
 
“อยากทดเวลาบาดเจ็บอีกสักชั่วโมง แต่กายท้องร้องแล้ว”
พี่มันพูดตรง ๆ

พ่อหัวเราะร่วน เลยถูกแม่ตีเพี้ยะเข้าให้
 
พี่เอกมองหน้าพ่อ ก่อนทำท่าจับเคราตัวเอง
 
“วันหน้าลองไว้บ้างดีกว่า”
 
ผมอ้าปากค้าง
 
“ลองดูสิ ส่วนจะดีไม่ดี ลองถามอาร์ตตัวแม่เขาก่อนก็ได้”
เอฟเฟ็คจากคำตอบพ่อคือเสียงเพี้ยะที่เกิดจากมือแม่อีกที
 
ผมอมยิ้ม
 
“งั้นผมขอเวลาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ชุดนี้ยับหมดแล้ว”
ไม่ต้องมามองหน้ากูกรุ้มกริ่มแบบนั้น มึงสลัดลงพื้นของมึงเอง
 
“ยังไงผมขอฝากเมียผมไว้ก่อนนะ ขืนเอากลับไปด้วย คงไม่ได้กลับมาง่าย ๆ แน่”
 
ผมอ้าปากค้างอีกรอบ อยากตีพี่มันแบบแม่ตีพ่อเหมือนกัน แต่กลัวเอฟเฟ็คเป็นอุ้งตีนหมีตะปบเอา พ่อหัวเราะหึ ๆ แล้วพี่แกก็เดินฮัมเพลงออกจากบ้านไป
 
“แม่ผมสวยจังวันนี้”
ผมชมแก้เขิน เดินไปนั่งยังโซฟาข้าง ๆ แม่ยิ้มรับ
 
พ่อกับแม่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วครับ แม่มาอย่างเช้ง นาน ๆ ทีถึงจะเห็น เป็นแซกสีขาวล้วน (แม่ผมชอบสีสว่างเหมือนกัน โดยเฉพาะสีขาว) เนื้อผ้าพลิ้ว ๆ หน่อย ผมที่ปกติจะมัดหางม้าไว้ตลอดก็ปล่อยยาวลงมาระกลางหลัง ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ คล้ายแป้งเด็กลอยคลุ้ง กลิ่นประจำตัวเขาแหละ ผมชอบกอดแล้วก็ดมเป็นประจำ
 
“แม่กายไม่สวยหรอก”
พ่อละสายตาจากทีวีมาบอก
 
แม่หันขวับไปมองตาเขียว
 
พ่อยิ้ม
 
“แต่เมียพ่ออะ สวยกว่าเยอะ”
 
ก๊าก แม่รีบเปลี่ยนแก้มขาว ๆ ไปเป็นแดงแป๊ดแทบไม่ทัน
 
“พ่อผมก็หล่อเหมือนกัน”
ผมชมต่อ
 
“ชิ ไม่เห็นจะหล่อเลย”
 
แล้วเราสองคนก็นั่งลุ้นว่าแม่จะยืมมุขพ่อไปใช้รึเปล่า
 
“แค่พอไปวัดไปวาได้”
 
แล้วคุณคิดว่าพ่อผมจะจ๋อยหรือเปล่า
 
อย่าหวังฮะ
 
“แหม อยากทำบุญเพื่อให้เกิดมาคู่กันชาติหน้าก็ไม่บอก”
 
แม่อ้าปากค้าง
 
ผมก็ได้แต่นั่งขำ ดูพ่อโยนมุขเสี่ยว ๆ ใส่แม่
 
ไม่เกินชั่วโมง พี่เอกก็เดินหล่อเข้ามา และอีกชั่วโมงต่อจากนั้น พวกเราก็มาอยู่ในร้านอาหารแถว ๆ ชานเมือง วิวดีครับ มีระเบียงยื่นยาว เห็นวิวต้นไม้ด้านนอก พ่อพามากินไกลถึงสมุทรปราการเลย กินข้าวภายใต้แสงเทียน
 
จะว่าไปแล้ว นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมกับพี่เอกได้มากินอาหารกันในที่แบบนี้
 
ดีว่ามีพ่อกับแม่อยู่ด้วย ผมเลยไม่อายเท่าไหร่ ถ้าขืนมากับพี่มันสองคน ผมคงเดินไม่เป็น พ่อกับพี่เอกนัดกันใส่เสื้อยืดคอโปโลเล่นสไตล์คล้ายกัน แค่ก้าวเข้าไปภายในร้าน คนก็พากันมองจนเหลียวหลัง
 
จะหล่อกันไปไหน หล่อแพคคู่จริง ๆ
 
พ่อจองโต๊ะไว้แล้ว พอพวกเราไปถึงพนักงานก็ออกมาต้อนรับ ถามชื่อ ไม่นานเราก็ได้ที่นั่งวิวดีของร้าน พวกเราช่วยกันสั่งอาหาร หลังจากสั่งเสร็จผมกับแม่ก็พากันนั่งหน้าร้อนหน้าแดงไปตาม ๆ กัน มันทั้งภูมิใจทั้งอาย ภูมิใจว่ามีสามีหล่อ(อันนี้ได้ยินเสียงคนชมมาครับ) แต่อาย เพราะพวกท่านทั้งหลายเล่นมานั่งจ้องกันซะตาหวานเยิ้ม
 
โอ๊ย ไม่ต้องมานั่งมองกันแบบนี้ก็ได้
 
ผมนี่หยิบน้ำขึ้นมาดื่มเป็นรอบที่ล้าน(เวอร์ละ = = ) สั่งเติมแล้วเติมอีกจนแทบจะอิ่มน้ำแทนข้าว
 
บนเวทีขนาดย่อม มีนักดนตรีมาบรรเลงเพลงแจ๊สให้ฟังกันสด ๆ ผมยิ้มนั่งฟังเพลงไปเรื่อย ๆ เพลงนี้เป็นเพลงโปรดผมด้วย
 
อยู่ ๆ พ่อผมก็ลุกขึ้นยืน ยื่นมือไปหาแม่ แม่ทำหน้างง
 
“แต่ก่อนผมไม่เคยทำแบบนี้กับคุณ แต่ตอนนี้ ผมอยากเริ่มต้นทุกสิ่งทุกอย่างใหม่ ผมไม่ใช่คนเดิมแล้วและคุณก็คงไม่ใช่คนเดิมเหมือนกัน ผมอยากจะลองใช้ชีวิตในอีกรูปแบบดู คุณอยากจะลองมาสนุกด้วยกันดูไหม”
 
แม่ทำหน้างง
 
“ไปเต้นรำกันดีกว่า คุณอาร์ตตัวแม่”
แอบซึ้งมาตั้งนาน มาสะดุดเอาก็ไอ้คำหลังนี่แหละ แม่ตีเพี้ยะเจ้าของมือใหญ่ไปที แล้ววางมือไว้ ลุกขึ้นเดินหน้าแดง ๆ ออกไป
 
ผมยิ้มจนแก้มแทบฉีก มองพ่อที่กำลังก้าวนำแล้วมีแม่ก้าวตามแบบขัด ๆ เขิน ๆ ไปกลางฟลอร์ที่มีคนเต้นรำอยู่ก่อนหน้านั้นสองคู่ หันกลับมามองคนตรงหน้าอีกที แต่มีเพียงเก้าอี้ว่างเปล่าเท่านั้น
 
อ้าว พี่เอกหายไปไหน
 
ยังไม่ทันได้มองหา ก็รู้สึกเหมือน ๆ มีใครสักคนมายืนอยู่ข้าง ๆ ผมหันไปมอง
 
เป็นพี่เอกฮะ
 
พี่แกยิ้ม ยื่นมือมาไว้ตรงหน้า ผมมองพี่แกสลับกับมือนั้นงง ๆ
 
“กล้าที่จะเต้นรำกับพี่ไหม”
 
ผมนั่งอึ้ง หันมองไปรอบ ๆ เห็นผู้คนมองมาที่เรากันใหญ่
 
แล้วผมกล้าที่จะลุกขึ้นไปทำเรื่องน่าอายกับพี่มันได้ไหม
กล้าที่จะแสดงออกให้ทุกคนเห็นว่าผมรักพี่มันหรือเปล่า
กล้าที่จะตอบรับความรักที่พี่มันมีให้กับผมไหม
 
ผมนั่งนิ่งเม้มปากอยู่พัก ก่อนตัดสินใจวางมือไว้บนมือนั้น แล้วเดินออกไปด้วยกันท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองมากันเกือบทั้งร้าน
 
พี่มันพาผมมายืนกลางฟลอร์ข้างพ่อกับแม่ พวกท่านส่งยิ้มให้ผมนิดหนึ่ง คล้ายจะเป็นกำลังใจให้ ผมยิ้มตอบ หลังจากนั้น ผมก็มุดหน้าไว้กับอกพี่แก
 
ผมอาย อันนี้ผมรู้
แล้วพี่มันล่ะ จะอายไหม
             
ผมอายผมยังหลบซ่อนความอายไว้กับอกพี่มันได้ แล้วถ้าพี่มันอายล่ะ จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน
 
ผมเม้มปาก เงยหน้าขึ้นมอง พี่แกไม่ได้ทำท่าขัดเขิน แต่กำลังใช้สายตาจ้องมาที่ผมเพียงคนเดียว
 
สายตาที่เต็มไปด้วยความรัก
 
ผมสูดผมหายใจเข้าปอด ทำใจกล้า เขยิบตัวออกนิดหนึ่ง เชิดหน้าขึ้นให้มันรู้ไปเลย ว่ากูอะ เมียพี่เอก
 
พี่มันยิ้มกับสิ่งที่เห็น
 
“เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องฝืน”
พอพี่มันพูดจบ ผมก็มุดหน้าลงไปที่เดิม
 
เขินครับ อายได้ใจ เมื่อกี้ฝืนทำใจกล้าไปงั้นแหละ พี่มันหัวเราะหึ ๆ ขยับขาก้าวช้า ๆ นำพาผมไปตามจังหวะของเสียงเพลง

เหลือบไปมองพ่อกับแม่นิดหนึ่ง เห็นแม่ซบหน้าไว้กับอกพ่อ ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มเขินอาย ไม่ต่างกับผมในตอนนี้
 
ถึงผมจะทำใจกล้าหน้าด้านแบบพี่มันไม่ได้ แต่ผมก็รู้ว่าผมรักพี่เอก

ผมกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นไปอีก
 
“ผมรักพี่นะ”
ก่อนบอกกับเจ้าของอกกว้างอู้อี้
 
“พี่ก็รักกายเหมือนกัน”
แล้วพี่มันก็จับหน้าผมแหงนขึ้นไปจูบ ผมตาโต อยากขัดขืนครับ แต่ไม่กล้า ทันทีที่พี่มันปล่อย ผมรีบมุดหน้ากลับที่เดิมทันที
 
ได้ยินซาวด์เอฟเฟคเป็นเสียงวี้ดวิ้วและเสียงปรบมือของผู้คนรอบด้าน ผมนี่ไม่กล้าโผล่หน้าออกไปจากอกพี่มันเลย คนยังปรบมือกันไม่หยุด ตอนแรกก็คิดว่าคนจะพากันโห่ด่าปาส้อมกันซะอีก
 
“ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ถ้าแสดงออกจากหัวใจ ใคร ๆ ก็พากันชื่นชม”
พี่มันคงรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดออกมาแบบนั้น ผมค่อย ๆ เงยหน้าสบดวงตาคม ก่อนมุดหน้ากลับที่เดิม กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นไปอีก
 
ผมว่าผมคิดไม่ผิดนะ ที่เลือกมารักคนคนนี้
 
เสียงเพลงยังคงบรรเลงต่อไป
 
ฝ่าเท้าผมยังคงก้าวตามฝ่าเท้าของพี่เอกไป
 
ใบหน้าของผมยังคงแนบอยู่กับแผงอกกว้างต่อไป
 
และหัวใจผมก็กำลังพองโต และรักพี่เอกมากขึ้นเรื่อย ๆ
 
 
(http://upic.me/i/q9/111573522.jpg)


 
ผมฮัมเพลงอารมณ์ดีจนไอ้เต้ยมันเลิกคิ้วแปลกใจ
 
“มึงไปอารมณ์ดีที่ไหนมา”
 
ผมยักไหล่ ฮัมเพลงต่อไป ตอนนี้ผมกับไอ้เต้ยนั่งเล่นอยู่บนม้านั่งในสวนของมหา'ลัยครับ รอเวลาเข้าคลาสอีกชั่วโมง มันเบ้หน้าหยิบปากกามาใส่ปาก ใช้ลิ้นเดาะเล่นไปมาเบา ๆ สายตามันดูเหม่อลอยยังไงพิกล
 
“กาย ทำไงดีวะ ถ้ามึงหลงรักคนที่ไม่ควรรักเข้าเนี่ย”
มันถามเสียงเบา ผมหยุดฮัมเพลงทันที
 
“นี่ มึงบอกกูได้ไหม ว่ามึงกำลังหลงรักใครอยู่”
 
มันมองหน้าผม ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง ก่อนเงียบไป
 
“เอาไว้กูพร้อมเมื่อไหร่ กูจะบอก หรือไม่ ถ้ากูจัดการเรื่องบางเรื่องได้ ความรู้สึกนี้อาจหายไปเองก็ได้”
 
ผมพยักหน้าหงึก ๆ ยังไงก็ขอให้มันทำได้ละกัน
 
“ว่าแต่มึงอะ ไม่คิดจะเลือกพี่กูบ้างรึไง พี่กูออกจะนิสัยดี”
มันพูดต่อ แต่น้ำเสียงดูไม่จริงจังเท่าที่ผ่านมา
 
“ไม่ล่ะ กูรักพี่เอก”
 
มันเบ้หน้า
 
“กูจะหาผู้หญิงสวย ๆ มาประเคนพี่มัน ถึงยังไงผู้ชายก็เห็นผู้หญิงดีกว่าอยู่วันยังค่ำ”
คำพูดมันพาเอาผมแอบคิดไปนิดหนึ่ง ก่อนถอนหายใจออกมาเบา ๆ
 
“กูรู้เต้ย แต่ตอนนี้กูรักพี่เขา กูรู้แค่นี้ อนาคตจะเป็นยังไงกูบอกไม่ได้ว่ะ กูขอแค่วันนี้ กูมีพี่เขา มีความสุขอยู่กับคนที่กูรัก กับครอบครัว กับมึง แค่นี้ก็พอแล้ว ส่วนอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด อย่างน้อยวันนี้กูก็มีความสุข”
 
มันจ้องหน้าผมเขม็ง
 
“กูดีใจที่ได้เกิดเป็นเพื่อนมึง”
 
“แต่กูเสียใจที่ได้เกิดเป็นเพื่อนมึงว่ะ”
 
มันเขวี้ยงปากกาใส่ผมแทบจะทันที
 
ผมหัวเราะร่วน
 
“กาย ถ้ากูเป็นเพื่อนที่นิสัยไม่ดีของมึง มึงจะเกลียดกูไหม”
 
ผมขมวดคิ้วมองหน้ามันอีกรอบ
 
“ทำไม”
 
“เปล่า”
มันพูดแค่นั้นแล้วเงียบไป
 
“มึง วันนี้ไปดื่มกัน เราไม่ได้ดื่มด้วยกันมานานแล้วนะ”
มันชวนขึ้นมาตัดความเงียบ

ผมทำท่าคิด จะว่าไปก็จริง วันนี้ไม่มีเวรที่ร้านด้วย
 
“เอาดิ”
 
 
 
 
 
 
 
 
ปกติมันจะมาดื่มที่บ้านผม แต่วันนี้มันกลับชวนผมไปดื่มที่บ้านมันแทน ผมไม่ค่อยได้ไปบ้านมันเท่าไหร่หรอก
 
บ้านหลังใหญ่ แต่ดูเงียบเหงายังไงบอกไม่ถูก
 
พ่อกับแม่มันคงไม่อยู่อีกตามเคย เดินสายทำงานกันซะส่วนใหญ่ จะว่าไปครอบครัวนี้ให้ความสำคัญกับงานมากกว่าลูกซะอีก ไอ้เต้ยมันถึงได้เป็นเด็กติดพี่ขนาดนี้
 
เราแวะซื้อของกินกันที่ซุปเปอร์มาเก็ต แล้วเอาขึ้นไปนั่งกินกันในห้องนอนมันเอง ห้องมันกว้างครับ กว้างกว่าห้องผมเยอะ มันลากโต๊ะญี่ปุ่นมากางไว้กลางห้อง ผมทำหน้าที่จัดโต๊ะ ห้องมันมีของครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเกมหรือหนัง แถมวันนี้มันยังใจดี ไปหาหนังของเฮียเฉินหลงที่ผมชอบมาเปิดให้ดูอีกต่างหาก
 
ผมยิ้มกริ่ม หยิบแก้ว เตรียมจะชงเครื่องดื่มตามปกติ
 
“เฮ้ย วันนี้กูเป็นเจ้ามือ กูเลี้ยงเองชงเอง มึงนั่งอยู่เฉย ๆ เหอะ”
ไอ้เต้ยมันรีบแย่งแก้วไปจากมือผม
 
ผมเลิกคิ้วสูงมองมันด้วยสีหน้างุงงง
 
“มึงไม่ต้องมามองกูแบบนั้น เสิร์ฟกูยังทำมาแล้ว ชงเหล้าแค่นี้ ขี้ปะติ๋ว”
 
ผมพยักหน้าให้มันส่ง ๆ อยากทำอะไรก็ทำไป ส่วนผมหันไปดูเฮียเฉินหลงต่อ เรื่องนี้ผมดูไปหลายรอบแล้วครับ แต่ดูกี่ทีกี่ทีก็สนุก
 



 
ผมนั่งกรึ่ม ๆ กับมันอยู่สักพักก็มีคนเปิดประตูเข้ามา
 
“อ้าว พี่เป้” ผมทัก
 
พี่มันทำหน้าแปลกใจที่เห็นผมเหมือนกัน
 
“กูโทรตามพี่มันให้มาดื่มด้วยกันเอง มามะ”
มันที่กรึ่ม ๆ เหมือนกันตบพื้นปุ ๆ พี่เป้ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ไอ้เต้ยรีบกุลีกุจอชงเหล้าให้พี่มันทันที
 
“ไปไหนมาเหรอพี่” ผมถาม
 
“ไปหาเหล่สาวนิดหน่อย”
 
ผมอมยิ้มกับคำพี่แก แล้วเราสามคนก็นั่งกินกันไปคุยโม้เรื่องนู้นเรื่องนี้กันไป
 


 
“พี่เป้ พี่คิดยังไงที่ไอ้กายมันคบกับพี่เอก” ไอ้เต้ยมันตั้งประเด็นขึ้นมา
 
“ก็ไม่ไง”
 
“พี่ไม่ได้รังเกียจมันใช่ไหม” มันถามต่อเหมือนหยั่งเชิง
 
“ไม่นี่ ความรักมันห้ามกันไม่ได้หรอกนะ แม้จะรู้ว่าไม่ควรรัก บางทีก็ยังรัก”
 
ไอ้เต้ยมันอึ้งไป
 
“ก็จริง” ก่อนกระดกเหล้าเข้าปากใหม่ “อ้าว โซดาหมด กูไปเอาเพิ่มก่อน พวกมึงรอนี่นะ” แล้วมันก็ลุกไป ปล่อยผมไว้กับพี่เป้สองคน
 
“นี่พี่เป้ พี่จะบอกมันเมื่อไหร่” ผมถาม
 
พี่มันมองหน้ายิ้ม ๆ
 
“พี่ยังไม่กล้าเลย พอจะบอก มันก็แอบปอด”
พี่มันทำหน้าแหยง ๆ
 
ผมหัวเราะหึ ๆ
 
สักพักไอ้เต้ยก็มา พร้อมของกินและเครื่องดื่ม มาถึงมันก็จัดการชงเหล้าแก้วใหม่ให้ผมกับพี่เป้
 
“เอ้า รีบ ๆ กินกันเข้าไป นาน ๆ ทีท่านเต้ยจะชงให้ หาไม่ได้ง่าย ๆ นะ”
 
ผมรับแก้วเหล้าแก้วนั้นมาจรดเข้าปาก รสชาติมันปะแล่ม ๆ ยังไงพิกล ฝีมือการชงของมันนี่ไม่ได้เรื่องเลย แต่ก็เอาเถอะ มันอุตส่าห์ชงให้ ผมกระดกรวดเดียวหมดแก้ว(ของไม่อร่อยต้องรีบเคลียร์ให้หมด = =) ในขณะที่พี่เป้ค่อย ๆ ยกจิบ ส่วนของมันยังกินแก้วเดิม
 
ไอ้เต้ยจ้องหน้าผมเขม็ง
 
“มึง…”
ผมที่เมาได้ที่ชี้นิ้วใส่หน้ามัน
 
“บอกกูมาว่ามึงชอบใครอยู่”
ผมรู้ว่ามันก็เมาเหมือนกัน และคนเมา ปากมักจะเบามากกว่าปกติ
 
“กูไม่บอก”
 
“ดี งั้นกูจะมอมเหล้าจนกว่ามึงจะยอมบอก”
ผมคว้าแก้วเหล้าจากมือพี่เป้ที่กำลังจะดื่ม พี่มันเหวอไปนิด ผมรู้ว่าพี่เป้ชอบกินเหล้าที่ชงเข้ม ๆ แต่พี่แกจะจิบช้า ๆ ในขณะที่ของผมกับไอ้เต้ยจะกินรสอ่อนกว่า
 
เอาของพี่มันนี่แหละ เมาง่ายดี
 
ผมกระโดดคร่อมเอวมันไว้ จับคางมันบีบแน่น กรอกเหล้าเข้าปาก มันดิ้นรนขัดขืน แต่แรงน้อยกว่าผม ลูกคุณหนูก็งี้แหละ พี่เป้นั่งขำใหญ่
 
“ไอ้เชี่ยกาย!! มึงทำอะไรของมึง!!”
มันรีบเช็ดปากตะคอกด่า
 
“บอกกูมาสิ ว่ามึงรักใครอยู่”
 
“กูไม่บอก!”
 
ผมจับคางมัน บีบแน่น กรอกเหล้าที่เหลือเข้าปากมันจนหมด
 
ผมหอบแฮ่ก มันก็หอบแฮ่ก ไอค๊อกแค๊ก
 
รู้สึกตัวมันร้อน ๆ ยังไงบอกไม่ถูก หันไปมองพี่เป้ รายนั้นก็นั่งกระพือเสื้อพรึบ ๆ แล้วเหมือนกัน
 
“ร้อนจัง แอร์ห้องมึงเสียรึไง” ผมถาม มันรีบผลักตัวผมออก
 
“งะ งั้นกูจะปรับแอร์ให้ เดี๋ยวกูจะไปเอากับแกล้มเพิ่มด้วย”
มันรีบลุก แต่ผมรั้งมันกลับมาที่เดิม
 
“ไม่เป็นไร มึงบริการมาเยอะแล้ว ที่เหลือกูจัดการเอง กูรู้ว่าตู้เย็นมึงอยู่ไหน”
ผมยันตัวลุกขึ้น เดินเซ ๆ ออกจากห้อง

ยิ่งเดินยิ่งร้อน มันร้อน ๆ รุ่ม ๆ แปลก ๆ ยังไงบอกไม่ถูก จังหวะการหายใจก็เร็วขึ้นเรื่อย ๆ บางครั้งก็ขัด ๆ เหมือนจะหายใจไม่ออก
 
เป็นอะไรวะ
 
พอลงมาถึงชั้นล่าง ผมรีบทิ้งตัวลงนั่งพิงหลังไว้กับกำแพงทันที ผมกำอกซ้ายไว้ กลัวเป็นโรคหัวใจครับ
 
ได้ยินเสียงมือถือดังแว่วเข้ามา ผมควานมือสะเปะสะปะล้วงหยิบจากกระเป๋ากางเกงมากดรับ
 
“พี่เอก…” ผมเรียกเสียงแผ่ว
 
“กายเป็นไร ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น”
 
“ไม่รู้ ผม…”
ผมกลืนน้ำลายลงคอ มันทั้งหนืดและแห้ง
 
หรือว่าแพ้เหล้า?
 
ไม่น่าจะใช่
 
“กาย!”
ได้ยินเสียงพี่มันเรียก
 
ผมหอบแฮ่ก รู้สึกร้อนราวกับมีไฟสุม ที่สำคัญรู้สึกอยาก ๆ ยังไงบอกไม่ถูก
 
“อยู่ไหน!”
พี่มันถาม ผมปรือตามองภาพตรงหน้า
 
“บ้านไอ้เต้ย มันชวนมาดื่ม สงสัยจะเมา”
ได้ยินเสียงพี่มันถอนหายใจผ่านโทรศัพท์
 
“แล้วทำไมเสียงเป็นแบบนั้น”
 
“ผมไม่รู้ ร้อน อึดอัด หายใจไม่ออก”
ผมบอกต่อ เสียงเริ่มแผ่วลงเรื่อย ๆ
 
“กายอย่าขยับไปไหนนะ! พี่จะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ!”
นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนพี่แกจะกดตัดสายไป
 
ผมนั่งหอบ พยายามจะดันตัวลุก แต่ทำไม่ได้ ร่างกายมันร้อน ร้อนเอามาก ๆ ดวงตากำลังพร่าเลือนลงเรื่อย ๆ
 
นี่ผมเป็นอะไร
 
ไม่นะ กูเพิ่งจะมีผัวเป็นตัวเป็นตน ยังไม่อยากให้พี่มันเป็นหม้ายนะเว้ยเฮ้ย
 
ผมนั่งอยู่ที่เดิม ปล่อยให้สติตัวเองค่อย ๆ เลือนรางหายไป


To Be Con... ^^

โอ้ววววว นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!!! นี่อย่าบอกนะว่า นะว่า! น้องกายจะเป็นโรคหัวใจ(วาย) เฉียบพลัน หุหุ อะไรจะเกิดขึ้นน้า รอตอนถัดไปค่ะ







Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
 
 
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 75 ดินเนอร์...ฉลองกับเพื่อน [p.25 D.1-8-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-08-2017 05:18:22
พ่อ รุกแม่ ไม่ยอมน้อยหน้า คู่ลูกเลย

พี่เอก น่ารัก อ่อนโยน อบอุ่นมาก
แสดงความรัก  ให้ความสำตัญกับกาย
และรู้สึกว่าขาดกายไม่ได้

กายเป็นไอ้ตัวเล็กที่พยายามกล้าขึ้นเพื่อพี่เอก
เพราะกายรักแต่พี่เอกมาตลอด
พี่เอก กาย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 75 ดินเนอร์...ฉลองกับเพื่อน [p.25 D.1-8-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 11-08-2017 19:23:18
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 76 ถูกวางยา [p.25 D.2-8-60]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 26-08-2017 09:48:33
(http://upic.me/i/8m/15_1238155940.jpg)
76
ถูกวางยา?
[เอก...☼]






 
 
ผมคว้ากุญแจรถโดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากไอ้อ้อยที่กำลังยื่นเอกสารมาให้ คว้าได้ก็วิ่งลิ่วออกจากห้องสภาวิ่งลงบันไดตรงไปยังลานจอดรถ
 
น้ำเสียงไอ้ตัวเล็กน่าเป็นห่วงเอามาก ๆ ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร 
 
ไม่เกินยี่สิบนาที ผมก็มาถึงบ้านไอ้เป้ พ่อแม่มันไม่ค่อยอยู่บ้านหรอก ทำงานกันตลอด ผมเคยมานอนบ้านมันหลายทีแล้วเหมือนกัน
 
แต่ก่อนเคยดื่มด้วยกันบ่อย ๆ แล้วถ้าวันไหนผมดื่มจัด ๆ ก็มีมันนี่แหละ ที่คอยหิ้วผมกลับไปส่งที่คอนโด หรือไม่ก็หิ้วกลับมาบ้านมันเอง (มันคงขี้เกียจไปส่ง) แต่ไม่เคยพาผมกลับบ้านใหญ่สักที คงเพราะไม่อยากให้น้อง ๆ เห็นตัวอย่างที่ไม่ดีของเพื่อนตัวเองเท่าไหร่
 
ผมจอดรถไว้หน้าบ้าน เปิดประตูเล็ก วิ่งลิ่วเข้าไปภายใน ผมกวาดมองไปรอบ ๆ จนเห็นไอ้ตัวเล็กนอนหมอบอยู่ที่พื้น ผมรีบถลาเข้าไปหามันทันที
 
“กาย!!”
ผมจับมันพลิกหงาย หน้ามันแดงเอามาก ๆ หายใจผิดจังหวะ ปากแดงจนฉ่ำ ดวงตาปรือปรอย
 
“พี่เอก…”
มันเรียกผมด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ผมรีบช้อนอุ้มมันไว้ในอ้อมแขน แต่ยังไม่ทันจะลุก มันก็ดันตัวเองออก แล้วผลักผมจนล้มลงไปนั่งกึ่งนอนอยู่ที่พื้น

                ผมมองมันอึ้ง ๆ
เรี่ยวแรงมันมาจากไหนวะเนี่ย

             

มันนั่งอยู่ที่ปลายเท้าผม ดวงตาฉ่ำเยิ้ม ก่อนแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ทุกการกระทำดูยั่วยวนจนผมเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
 
“กาย ล้ออะไรพี่เล่นหรือเปล่า”
มันไม่ตอบ แต่เคลื่อนตัวช้า ๆ มาคร่อมร่างผมไว้ ตอนนี้หน้ามันอยู่ห่างจากหน้าผมไม่ถึงสองคืบ ผมมองตามแทบตาไม่กะพริบ ก่อนสะดุ้งเฮือกเมื่อมันจับหมับน้องชายผมเข้าเต็ม ๆ 

“กาย!!”
ผมมองมันตาค้าง
 
“นายจะทำอะไรน่ะ!!”
ผมรีบท้วงเมื่อมันเคลื่อนตัวลงไปปลดเข็มขัดผมออก รูดซิปกางเกงลง แล้วดึงเอาบางส่วนที่อยู่ภายในออกมา 
 
“กาย!!”
ผมรีบยึดจับสองข้อมือมันไว้

มันมองผมตาปรอย ๆ เคลื่อนไหวร่างกายดูยั่วยวน ผมหรี่ตามอง สำรวจมันจนถึงด้านล่าง ของมันก็ขึ้นมาแล้วเหมือนกัน
 
“นี่นายกินอะไรเข้าไป”
 
มันดึงข้อมือตัวเองออก เคลื่อนตัวมาคล้องคอผมไว้ แล้วกดจูบลงมาเบา ๆ แต่ก่อนมันจูบไม่เก่ง แต่ตอนนี้มันจูบได้ชำนิชำนาญจนผมยังอึ้ง
 
“กาย!!”
ผมรีบถอนปากออกมาเบรก คนตรงหน้ายิ้มยั่ว โน้มมากัดปากล่างผมเบา ๆ มือไม้ก็ลูบ ๆ ไล้ ๆ อยู่แถว ๆ ท้องน้อยไล่ลงไปถึงน้องชายที่ตื่นตัวเต็มที่ของผม มันจับหมับเข้าเต็มแรงจนผมสะดุ้งอีกรอบ รีบจับหัวไหล่มันดันออก
 
“กายมีสติหน่อยสิ!”
เมาหนักแล้วเป็นขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
 
“พี่เอก ร้อนจัง”
มันพูดเสียงแหบ บดเบียดท่อนล่างใส่น้องผม 
 
“อึ๋ย…”
ไม่ไหวแล้วครับ มายั่วกันขนาดนี้ ผมจับมันพาดบ่า ลุกขึ้นยืนหันซ้ายหันขวา
 
เอาไงดีวะ
ตอนแรกก็ว่าจะพามันกลับคอนโด แต่สภาพแบบนี้ คงกลับไม่ถึงแน่ ๆ

ผมเลยตัดสินใจ แบกไอ้ตัวเล็ก วิ่งขึ้นไปยังชั้นสองตรงไปที่ห้องไอ้เป้

จะขอยืมห้องมันใช้ซะหน่อย

ผมเคาะแรง ๆ ไปสองสามที 
 
“พี่เป้อยู่ห้องนู้นกับไอ้เต้ย”
ไอ้ตัวเล็กมันชี้มือชี้ไม้ไปที่ห้องไอ้เต้ย
 
ผมรีบหมุนเปิดประตูออกและปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว เดินลิ่ว ๆ พามันไปโยนไว้บนเตียง ทันทีที่หลังมันแตะที่นอน มันรีบพลิกตัวดึงผมลงไปนอนแทนที่ แล้วดันตัวมันเองขึ้นไปนั่งบนหน้าท้องผม หนำซ้ำยังจับสองข้อมือผม กดติดกับที่นอนอีกต่างหาก
 
“กาย...”

มันมองผมตาเยิ้ม
 
“พี่เอกหล่อจัง”
มันพูดยั่ว ๆ ยิ้ม ๆ บดเบียดน้องมันเข้ากับหน้าท้องผม

“กาย...” ผมครางเรียกมันอีกรอบ

ไอ้ตัวเล็กก้มลงมาจูบผมเบา ๆ กัดปากล่างนิด ๆ ให้พอเจ็บ แล้วผละออกไปเลียมุมปากตัวเองเบา ๆ นัยน์ตาคลอไปด้วยหยาดน้ำแห่งอารมณ์ มันปล่อยข้อมือผมออก ลุกขึ้นนั่งตรง ๆ ยิ้มเซ็กซี่ใส่ผมนิด ๆ ก่อนยกนิ้วตัวเองขึ้นไปอม แลบลิ้นออกมาเลียหน่อย ๆ อย่างยั่วยวน

ผมซี้ดปากมองภาพตรงหน้าอย่างหลงใหล
 
“ให้ตายสิ ถ้ารู้ว่าเมาจัด ๆ แล้วเป็นแบบนี้จะจับกรอกเหล้าทุกวันเลย” 
 
มันเลิกถอดเสื้อตัวเองออก ตามด้วยกางเกง จนเหลือเนื้อตัวล้อนจ้อนเปลือยเปล่า มันก้มจูบผมเบา ๆ ไล่ต่ำลงไปที่ลำคอ มือก็เลิกชายเสื้อผมขึ้นสูงจนหัวนมโผล่ แล้วมันก็เลื่อนปากลงไปกัดเบา ๆ ผมครางออกมาแทบจะทันที

สยิวอย่าบอกใคร
 
มันเลิกถอดเสื้อผมออก ผมไม่ขัดขืนใด ๆ ทั้งสิ้น มันโยนเสื้อผมทิ้งไปไกล ก่อนเคลื่อนตัวลงไปด้านล่าง แล้วจัดการกับกางเกงผมต่อ ผมขยับให้มันถอดได้ง่าย ๆ ไม่นานเราก็มาอยู่ในชุดวันเกิดด้วยกันทั้งคู่

มันเคลื่อนตัวมางับติ่งหูผมเบา ๆ ไล่ลงไปที่ซอกคอ ต่ำลงไปที่หน้าอก ขบหัวนมผมสองข้างสลับกันไปมา ละลงไปที่หน้าท้อง ก่อนปากแดง ๆ นั้น จะครอบครองน้องผมไว้ทั้งอัน
 
ผมครางออกมาทันที

มันถอนปากตัวเองออก ตวัดปลายลิ้นไล่เล็มเหมือนกินไอติมแท่งโปรด บางทีก็ขบเบา ๆ ให้ผมพอเจ็บ ผมก็ได้แต่ครางทรมานผสมเสียวซ่าน

มันเคลื่อนตัวขึ้นมาอยู่เหนือน้องผม ตั้งตัวตรง ๆ ยิ้มนิดหนึ่ง ก่อนกดตัวลงไปช้า ๆ
 
ผมมองภาตรงหน้าอย่างตกตะลึง

ไม่เคยเห็นครับ ปกติมันจะไม่ออนท็อปถ้าไม่เจอบังคับจริง ๆ แต่วันนี้มันเล่นทำเองหมดเลย
 
มันเบ้หน้าหน่อย ๆ ตอนน้องผมค่อย ๆ ผลุบหายเข้าไป พอมันกินน้องผมได้ทั้งตัวก็นั่งนิ่ง ๆ ให้ร่างกายผ่อนคลาย สักพักก็เริ่มเคลื่อนไหวท่อนล่างเบา ๆ

ผมครางในลำคอเบา ๆ

ปากแดงแย้มยิ้มนิด ๆ ราวกับเจอเรื่องถูกใจ ก่อนเผยออ้าเอาไว้แล้วปลดปล่อยน้ำเสียงหวาน ๆ ออกมา

ผมมองภาพตรงหน้าอย่างหลงใหล ปากมันแดงเอามาก ๆ แดงเหมือนลูกเชอร์รี่เลย ผมดันตัวลุกขึ้นนั่งกึ่งนอน ค้ำร่างด้วยศอกเพียงข้างเดียว ส่วนอีกมือเอื้อมไปบดปากมันเบา ๆ

มันจับมือผมไว้ มองผมยั่ว ๆ แล้วอมนิ้วผมเบา ๆ สลับกับดูดเม้ม สะโพกก็ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว

ผมได้แต่ซี้ดปากหอบหายใจแรง ปล่อยให้มันเป็นคนใส่จังหวะด้วยตัวเอง อยากไปเอามาก ๆ แต่พยายามอดใจเอาไว้ก่อน อยากให้มันขี่นาน ๆ

ทุกกิริยาท่าทางมันดูยั่วยวนเอามาก ๆ ยั่วยวนจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนคนเดียวกับกายคนที่ผมรู้จัก จนเป็นผมเองที่เริ่มทนไม่ไหว ดึงมือตัวเองมาจับสะโพกมันไว้ เร่งจังหวะพามันไปถึงปลายทาง
 
ผมหอบแฮกจนหน้าท้องกระเพื่อม

ปกติถ้ามันเสร็จ มันจะนอนทับลงมาบนตัวผมเลย แต่นี่มันยังนั่งอยู่ที่เดิม ดวงตาปรือลงนิด ๆ หอบหายใจแรง สักพักมันก็คลี่ยิ้ม

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ขยับทำอะไร มันก็เริ่มต้นขยับสะโพกอีกที
 
“กาย”
ผมเรียกมันอึ้ง ๆ
 
“ทำอีกนะ”
มันบอกอ้อน ๆ

ผมตาโต ยังไม่ทันที่ผมจะตอบหรือปฏิเสธ มันก็ขยับสะโพกตัวเองเร็วขึ้น จนน้องผมที่หลับใหลเมื่อกี้พากันซู่ซ่าขึ้นมาอีกรอบ


 

 
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ ผมหอบหายใจถี่คร่อมร่างมันไว้ มันนอนหงายนัยน์ตายังฉ่ำหวาน ไม่มีทีท่าว่าจะลดดีกรีความต้องการลงเลยแม้แต่น้อย
 
ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันเมาจริงหรือไปโดนยาอะไรมา ขนาดมันเสร็จไปแล้วตั้งหลายรอบ ของมันก็ยังไม่ยอมลดขนาด ปากก็แดงจนเกินปกติ
 
“ทำอีก พี่เอก”
มันร้องขอยั่ว ๆ แลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองเบา ๆ
 
“กาย นี่นายกินเหล้าหรือกินอย่างอื่นเข้าไปด้วยเนี่ย”
 
มันยิ้ม
 
“กินเหล้า กับพี่เป้ ไอ้เต้ยมันชงให้”
 
ผมหรี่ตาจ้องมอง
 
ไอ้เต้ยชงให้งั้นเหรอ...
 
ผมหันไปมองห้องข้าง ๆ รู้สึกสังหรณ์ใจยังไงบอกไม่ถูก แต่แรงรัดจากบางสิ่งที่ผมเชื่อมอยู่ ดึงความสนใจผมให้หันกลับมามองอีกครั้ง
 
เอาวะ ตายเป็นตาย อย่าให้เสียชาติเกิดลูกพ่อ























คำว่าฟ้าเหลืองเป็นยังไง ผมเพิ่งเข้าใจก็วันนี้แหละ ฟ้าไม่เหลืองธรรมดา เหลืองแบบเหลืองเอามาก ๆ ด้วย ผมสะลึมสะลือลืมตาตื่นตอนตะวันสายโด่ง
 
“อืม...” ผมขยับตัวลุก
 
แม่ม ไม่เคยฟัดใครมาราธอนขนาดนี้มาก่อน

ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
 
พับผ่า สิบเอ็ดโมง นอนกินประเทศมาก ก้มมองคนข้างตัว ไอ้ตัวเล็กยังนอนหลับตาพริ้ม ผมก้าวลงจากเตียงเดินสะโหลสะเหลเข้าห้องน้ำไป
 
ออกมาอีกที ไอ้ตัวเล็กก็ยังไม่ตื่น ผมขมวดคิ้ว มันบอกว่าดื่มกับไอ้เป้และไอ้เต้ย แล้วไอ้อาการที่มันเป็นนี่เป็นอาการของคนที่เมาจัด ๆ
 
หรือว่า…
 
ผมไม่อยากจะคิด แต่วิธีพิสูจน์ให้แน่ใจ คือต้องไปดูให้เห็นกับตาเท่านั้น
 
ผมเดินออกจากห้องไอ้เป้ ตรงไปยังห้องนอนของไอ้เต้ย ยืนชั่งใจอยู่นาน ก่อนตัดสินใจหมุนลูกบิดเปิดประตูออก
 
หัวใจผมหล่นวูบไปอยู่แทบเท้าทันทีที่เห็นภาพที่อยู่ภายใน
 
บนเตียงกว้างมีร่างเปลือยเปล่าของไอ้เต้ยถูกกอดไว้ภายใต้เรือนร่างเปลือยเปล่าของไอ้เป้ เสื้อผ้ากระจายเกลื่อนพื้นใกล้เตียง กลางห้องมีโต๊ะญี่ปุ่นวางอยู่ บนโต๊ะเต็มไปด้วยแก้วเหล้าและกับแกล้ม ข้างโต๊ะมีถังใส่กระติกน้ำแข็ง
 
ผมเดินเข้าไปภายใน ก้มหยิบหนึ่งในแก้วเหล้าที่มีน้ำสีใส ๆ เหลืออยู่หน่อย ๆ ขึ้นมาดมดู ได้กลิ่นแปลก ๆ จากแก้วเหล้าใบนั้นด้วย ผมลองแตะขึ้นมาใส่ปลายลิ้น
 
“นี่มัน…”

หันไปมองภาพบนเตียง กำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไง แต่เรื่องนี้คงไม่เป็นผลดีแน่ ผมตัดสินใจเดินไปปลุกไอ้เป้
 
“เป้!!”
ปลุกกันอยู่นานมาก แต่คนที่ตื่นกลับเป็นไอ้เต้ย มันเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด
 
แน่ล่ะ ครั้งแรก ขนาดกายยังนอนป่วยไปเป็นวัน แล้วมันจะเหลืออะไร แล้วมันก็โดนยาด้วย ขนาดไอ้ตัวเล็กมันยังรุกผมไปยกโหล แล้วสองคนนี้ล่ะ
 
มันกะพริบตามองผม
 
“พี่เอก...”
มันทำท่าจะลุก ก่อนเบ้หน้าเจ็บปวดอีกที
 
“อย่าเพิ่งลุกดีกว่า” ผมรีบห้าม
 
ไอ้เป้ค่อย ๆ สะลึมสะลือตื่นขึ้นตาม มันครางฮือ เด้งตัวขึ้นมานั่งกุมหัว
 
“ซี้ด!! ปวดหัวฉิบหาย” มันบ่น เงยหน้ามองผม
 
“มึง มาอยู่นี่ได้ไงวะ”
มันถามเสียงพร่า กุมหัวทำท่านึก และมันคงจะนึกออกแล้ว มันลืมตาโพลงรีบหันไปมองคนข้าง ๆ
 
“เต้ย!!” มันเรียกเสียงตื่น
 
“มึงจำอะไรได้ไหม” ผมถาม แต่มันยังช็อกอยู่
 
“ไอ้เป้!!!!”
ผมเรียกสติมันอีกที เสียงเรียกผมทำเอาไอ้เต้ยสะดุ้งโหยง
 
“มึงจำเรื่องเมื่อคืนได้ไหม” ผมถามย้ำอีกที
 
“จะ จำได้” มันตอบตะกุกตะกัก
 
ไอ้เต้ยนอนมุดหน้ากับผ้าห่ม ปากเล็กเม้มแน่น
 
“มึงรีบลุกไปอาบน้ำ แล้วหายามาให้ไอ้เต้ยมันก่อน สภาพแบบนี้ วันนี้มันคงเดี้ยงไปทั้งวันแน่ ๆ เอายาแก้อักเสบมาสองเม็ด แก้ปวดอีกสองเม็ด ยาบำรุงเหี้ยห่าอะไร ถ้ามีก็เอามากรอกปากมันให้หมดก่อนที่มันจะไข้ขึ้น”
ผมบอก
 
มันพยักหน้ารีบลุกออกจากเตียงคว้าเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำไป เหลือผมกับไอ้เต้ยสองคน
 
“เต้ย”
 
มันดึงผ้าห่มมาปิดหน้าไว้มากขึ้น
 
“นายเอายาให้กายกินใช่ไหม”
 
มันสะดุ้งที่ผมรู้ทัน ผมถอนหายใจแรง
 
“รู้แล้วใช่ไหม ว่าผลของการคิดไม่ซื่อกับเพื่อนมันเป็นยังไง นายต้องเจ็บตัว เป้มันก็ต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต”
ผมต่อว่าไป
 
“กาย…” มันถามเสียงพร่า
 
“กายปลอดภัย เล่นซะพี่ฟ้าเหลือง”
 
“มันกินไปหมดแก้ว ผมกับพี่เป้คนละครึ่งแก้ว”
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ งั้นแปลว่ามันคงไม่โดนหนักมาก
 
ไม่นานเกินรอไอ้เป้ก็ออกมายืนเก้ ๆ กัง ๆ ภายในห้อง
 
“มึงไปเอายาก่อน” ผมบอก
 
มันรีบวิ่งลิ่ว ๆ ออกจากห้องไปทันที ผมหันมาลูบหัวไอ้เต้ยเบา ๆ
 
“รักไอ้เป้มันมากขนาดยอมทำได้ทุกอย่างเลยเหรอ”
 
มันร้องไห้ออกมาเบา ๆ ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ
 
“ผมไม่อยากให้พี่มันทรมาน”
 
“แต่การบังคับคนอื่นแบบนี้ คิดรึไงว่าไอ้เป้มันจะมีความสุข”
 
“ทำไมล่ะ ก็พี่เป้รัก…”
 
“ไอ้เป้มันไม่ได้รักกายน่ะเต้ย”
 
มันมองผมอึ้ง ๆ
 
“แล้ว…”
 
“พี่บอกไม่ได้ แต่พี่ยืนยันว่าเป้มันไม่ได้รักกาย พี่รู้ว่าเป้รักใคร กายมันก็รู้ แต่บอกเต้ยไม่ได้แค่นั้นแหละ เอาไว้ให้ไอ้เป้มันพร้อมเมื่อไหร่มันจะบอกเต้ยเอง แต่อย่าคิดทำอะไรแบบนี้อีก เพราะนายจะสูญเสียทุกคน ไม่ใช่แค่พี่ชายเท่านั้น”
 
มันร้องไห้หนักกว่าเดิม ไอ้เป้เปิดประตูเข้ามา พอเห็นน้องมันร้องไห้ มันรีบเข้ามาดูใหญ่
 
“มึง อย่าเพิ่งขยับตัวมัน เมื่อกี้กูลืมบอก ออกไปหาอะไรมาให้มันกินรองท้องก่อน เดี๋ยวกระเพาะมันพัง โจ๊กก็ได้”
 
มันพยักหน้า เดินลงไปแบบไม่พูดอะไรอีกที
 
ไอ้เต้ยจับชายเสื้อผมแน่น
 
“ใครที่พี่เป้รัก”
 
“พี่ยังยืนยันคำเดิม พี่บอกไม่ได้ ถ้านายรักพี่นายจริง นายก็ต้องอดทน และรอให้มันพูดเอง และถึงเวลานั้น คนที่ตัดสินใจคือนายเอง”
 
“ผมขอโทษ”
มันพูดเสียงแผ่ว
“ขอโทษ…”
แล้วมุดหน้าร้องไห้หนักกว่าเดิม
 
ผมถอนหายใจเบา ๆ
 

 
“แล้วตอนนี้กาย…”
พอร้องไห้จนหนำใจมันก็เงยหน้าขึ้นมาถาม
 
“นอนยังไม่ตื่น เมื่อคืนมันลุยเองแบบไม่ยั้ง ซัดไปซะโหล วันนี้จะฟื้นหรือเปล่าก็ยังไม่รู้”
 
ไอ้เต้ยหน้าแดงก่ำ
 
“ผมคงใส่ยาเยอะไป”
 
ผมถอนหายใจเบา ๆ

สักพัก ไอ้เป้ก็วิ่งเข้ามาพร้อมโจ๊กหอมฉุยในมือ
 
จริง ๆ ผมควรจะปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกมันสองคน แต่บังเอิญเรื่องนี้มันเกี่ยวกับกายและผมโดยตรง ถ้าเกิดวันนี้ผมมาไม่ทัน คนของผมจะเป็นยังไง แม้จะรู้ว่าเป็นเพราะยา แต่ผมคงไม่ให้อภัยทั้งเพื่อนและไอ้เต้ยมันแน่ ๆ
 
หลังจากป้อนข้าวป้อนยาไอ้เต้ยเสร็จ ผมก็บอกให้มันนอนแล้วก็ลากไอ้เป้ที่ยังสับสนออกมาคุยกันนอกห้อง
 
“มึง กู…”
 
“พวกมึงโดนยา”
 
มันมองผมอึ้ง ๆ
 
ผมก็คิดอยู่แล้วว่ามันต้องคิดว่าตัวเองข่มอารมณ์ความต้องการของตัวเองไม่ได้ พอเมาแล้วคงทำเรื่องแบบนั้นลงไป
 
“หมายความว่ายังไง” มันถามผมอึ้ง ๆ
 
“เต้ยมันคงวางยาไว้ในเหล้า เพื่อให้มึงนอนกับกายน่ะ แต่กูไม่รู้ว่าทำไมมันถึงได้กินยาเข้าไปด้วย”
 
“กายมันเอาเหล้าที่กูกำลังกินอยู่ไปกรอกปากเต้ยมันน่ะ”
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ
 
“นี่กูกับเต้ย…”
 
“ก็อย่างที่เห็น”
 
มันยืนอึ้งไป ที่มันถามคงเพราะต้องการคำยืนยันว่าทุกสิ่งได้เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ
 
“รู้สึกแย่มากไหม” ผมถาม มันส่ายหน้า
 
“ถ้ามันแสดงท่าทีรังเกียจกูบ้าง กูก็คงจะรู้สึกแย่กว่านี้ แต่นี่มันทำเฉย ๆ ติดจะอาย ๆ ด้วยซ้ำ กูก็เลย…”
ปฏิกิริยาที่มันหวาดกลัวที่สุด คือไอ้เต้ยทำท่ารังเกียจมันสินะ
 
“มึงพร้อมจะบอกความจริงกับมันรึยัง”
 
มันเม้มปากแน่น ถึงจะมีอะไรกัน แต่มันก็เป็นเพราะยาอยู่ดี มันกล้าที่จะบอก หรือปิดบังความลับไว้ต่อไป
 
 
 
TBC...








Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
 
 
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 76 ถูกวางยา [p.25 D.26-8-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-08-2017 10:05:45
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 76 ถูกวางยา [p.25 D.26-8-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-08-2017 10:23:02
เต้ย ชงเหล้า ใส่ไรให้พี่เป้ กับกายดื่ม

ในเมื่อกายเป็นแบบนี้
แสดงว่าพี่เป้ก็ต้องเป็นเหมือนกาย อะจ๊ากกกกก
รอตอนใหม่ แบบรออย่างทุรนทุรายเลย  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: 
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 77 รักต้องห้าม [p.25 D.16-9-60]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 09-09-2017 10:27:10
(http://upic.me/i/45/111602850.jpg)

77
รักต้องห้าม
[กาย...♥]








“อืม...” ผมกะพริบตาขึ้นลง ก่อนมองไปรอบ ๆ ห้องที่ไม่คุ้นเคย

ที่นี่ที่ไหน
จำได้ว่าล่าสุด นั่งกินเหล้าอยู่กับไอ้เต้ยแล้วก็พี่เป้นี่นา

ผมลุกพรวดขึ้นมานั่ง ก่อนครางออกมาเบา ๆ ปวดระบมไปทั่วทั้งบั้นเอว สะโพก แล้วก็ตรงนั้นด้วย

“โอ๊ย ทำไมมันเจ็บอย่างนี้วะ”
ผมจับบั้นเอวตัวเองไว้ พยายามนึกอีกที

ใช่ เมื่อคืนผมนั่งกินเหล้าอยู่กับไอ้เต้ยและพี่เป้ แล้วผมอาสาลงไปเอากับแกล้ม แต่ร่างกายรู้สึกแปลก ๆ เหมือนหายใจไม่ออกแล้วก็ร้อนเอามาก ๆ หลังจากนั้นพี่เอกก็โทรมา ไม่นานพี่เอกก็โผล่

แล้วต่อจากนั้นผมก็…

จูบพี่มัน…

ยั่วพี่มัน…

รุกพี่มัน…

แถมยังออนท็อปพี่มันไปหลายยกอีกต่างหาก

อ้าคคคคคคค!!!
นี่กูทำอะไรลงปายยยยย

ผมนั่งกุมหัว พยายามหยุดภาพมากมายที่กำลังหลั่งไหลเข้ามา

ประตูห้องถูกเปิดออกผัวะ ผมเงยหน้ามอง แล้วคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดในตอนนี้ก็เดินหน้าหล่อเข้ามา

“ตื่นแล้วเหรอ”
พี่มันเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ

“ไหวไหม เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
พี่มันถามต่อ

ผมยังนั่งอึ้งไม่หาย

“กาย…” พี่มันเรียก “จำเรื่องเมื่อคืนได้รึเปล่า”

ผมแทนคำตอบตัวเองด้วยหน้าร้อน ๆ แทน พี่เอกยิ้ม โน้มหน้าลงมาใกล้แล้วกระซิบบางอย่างข้างหูผมเบา ๆ

“แม่แมวยั่วสวาทของพี่”

อ้าคคคคคค!!
มึง…มึงหยุดพูดไปเล้ย!! ลืม ๆ มันไปเลยได้ยิ่งดี!

ผมรีบล้มตัวลงนอนอีกรอบ คว้าเอาผ้าห่มมาคลุมโปงไว้ ได้ยินเสียงพี่มันหัวเราะหึ ๆ ดึงผ้าห่มออกจากตัวผมโยนไปไกล

“พี่เอก!!”
ผมตะโกนลั่นเมื่อพี่มันช้อนอุ้มผมไว้

“ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำกันก่อนดีกว่า เมื่อคืนพี่ออกข้างในหมดเลย ทิ้งไว้นาน ๆ คงไม่ดี”
พี่มันพูดเรียบ ๆ

อยากดิ้นครับ แต่เจ็บ เลยได้แต่มุดหน้ากับอกกว้างไป

“พี่เอก ผมอาบเองดีกว่า”
ผมร้องขอหลังจากพี่มันวางผมลงกับพื้นใต้ฝักบัว 

“อยู่เฉย ๆ เถอะน่า”
พี่มันดันผมไปยืนค้ำกำแพง เตะสองขาผมแยกออกกว้าง แล้วจัดการทะลวงนิ้วล้างบางอย่างที่อยู่ภายในออกให้ ผมไม่รู้จะบรรยายความอายตอนนี้ให้ใครฟังดี ผมทำได้แค่มุดหน้ากับกำแพง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยให้พี่มันทั้งล้าง ทั้งล้วง ทั้งถูสบู่ให้ครบถ้วนเสร็จสรรพ

เอาเล้ย!!
นี่ไม่ใช่ร่างกายของกูแล้ว

กูยกให้มึง

เอาไปเลย

กูอาย…T^T

ถ้ารู้ว่าเมาแล้วเป็นแบบนี้ ต่อไปนี้จะไม่กินเหล้าอีกแล้ว

“อ๊ะ”
พี่มันงับหูผมเบา ๆ ผมเอียงคอหนี พลิกตัวหันไปเผชิญหน้า

แต่คิดผิดครับ พอหันมาก็เจอกับเรือนร่างสูงใหญ่ที่กำลังเปลือยเปล่า พี่เอกยิ้มพราว เขยิบเข้ามาจนชิดแล้วกดจูบลงมาเบา ๆ

“เมื่อคืน กายโดนยาปลุกน่ะ” พี่มันถอนปากออกมาบอก ผมตาโตจ้องหน้าพี่มันอึ้ง ๆ

ยาปลุก?

แล้วไปโดนตอนไหน?

ผมนึกถึงแก้วเหล้าแก้วสุดท้ายที่มีรสชาติปะแล่ม ๆ ขึ้นมาทันที

“ไอ้เต้ย…” ผมครางคาดเดา พี่เอกพยักหน้ารับ ผมทำหน้าตื่น

“แล้วไอ้เต้ยกับพี่เป้ล่ะ!!”

พี่มันถอนหายใจเบา ๆ

“พวกมันโดนยาด้วยกันทั้งคู่”

ผมยืนอึ้งรอบสอง

งะ..งั้นหมายความว่า…

ผมมองตาพี่เอก

“ไอ้เต้ยยังลุกไม่ขึ้น คงเดี้ยงไปทั้งวัน”

ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พี่เอกเอื้อมหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดหัวให้

“กายกินข้าวก่อนละกัน จะได้กินยา เมื่อคืนทำเอาพี่คางแทบเหลือง”
พี่มันส่งยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้

ผมรีบดึงผ้าเช็ดตัวมาปิดหน้าทันที

“หึ ๆ พี่อยากรู้จัง ว่ายาตัวไหนกัน ถึงได้ทำให้คนกลายเป็นแมวยั่วสวาทไปได้”

อ้าคคคคคคคค
ไอ้พี่เอก มึงหยุดพูดไปเล้ยยยยย

นั่นไม่ใช่กู

นั่นไม่ใช่กู๊!!!!!!!

พี่มันหัวเราะ พันผ้าเช็ดตัวรอบตัวผมเหมือนดักแด้แล้วอุ้มผมออกจากห้องน้ำไป

พอแต่งตัวเสร็จ ผมก็เดินเจ็บ ๆ ลงไปข้างล่าง โดยมีพี่เอกเดินประกบอยู่ข้างหลัง (ใจแกอยากอุ้มครับ แต่ผมไม่ยอม) เห็นพี่เป้นั่ง
เหม่ออยู่บนโซฟาคนเดียว

“พี่เป้”
ผมเรียก พี่มันหันหน้าเหม่อ ๆ มามอง

“กาย...พี่…” ปากได้รูปเม้มแน่น ผมพยักหน้าบอกว่าผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว พี่เป้หันไปนั่งกุมหัว

“ถ้าพี่บอกมันไปตั้งแต่แรก เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น กายก็คงไม่ต้องมาเดือดร้อนด้วย”

“พี่เป้…” ผมครางเรียก

“กูบอกมันไปแล้ว ว่ากายไม่ใช่คนที่มึงรัก แต่กูไม่ได้บอกว่าเป็นใคร กูจะให้มึงบอกด้วยปากมึงเอง หรือถ้ามึงทำไม่ได้ บอกกูมาคำเดียว กูจะพูดให้” พี่เอกบอก

พี่เป้ไม่ได้ตอบอะไร นั่งกุมหัวเหมือนเดิม

ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“งั้นผมขอไปดูไอ้เต้ยก่อนละกัน”

“กินอะไรก่อนดีกว่าไหม”
พี่เอกรีบเบรกผมที่กำลังจะเดินกลับขึ้นชั้นบนไปอีกรอบ

“ของกินนายมาพอดี”
พี่มันพยักหน้าไปทางประตู ผมหันไปมองตาม ก็เห็นคนส่งพิชช่ามายืนยิ้มแป้นในมือถือกระเป๋าพิซซ่าใบใหญ่ไว้

อาหารประจำผมครับ พี่มันชอบสั่งมาให้กินตอน เอ่อ…หนัก ๆ ทุกที ท้องผมร้องจ็อก ๆ แล้วด้วย ยังไงไอ้เต้ยมันก็ยังนอนอยู่ ผมเลยตัดสินใจเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามพี่เป้เพื่อกินพิซซ่าก่อน

มีผมกินอยู่คนเดียวครับ พี่เอกยังไม่หิว ส่วนพี่เป้แกคงกินไม่ลง พี่เอกสั่งมาหลายถาดเลย

แล้วผมก็ซัดไปคนเดียวเกือบถาด พี่เอกหัวเราะหึ ๆ

“เอาอีกไหม” พี่มันถาม ผมส่ายหน้า 

กินอิ่ม ผมถึงได้เดินขึ้นห้องไปหาไอ้เต้ยอีกที มันนอนหลับอยู่บนเตียง ผมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ แรงยุบของเตียงปลุกมันให้ลืมตามอง

“กาย…” มันเม้มปากแน่น “กูขอโทษ”

ผมพยักหน้าให้มันที

“กูไม่เป็นไร”
แค่ปากช้ำ ปวดบั้นเอว สะโพกระบม และ…แหก

“กาย”
มันเรียกผมเสียงเครือ ผมจับมือมันไว้

“เต้ย กูเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น”

มันส่ายหัวไปมา

“ทั้งหมดเป็นความผิดของกูเอง”
เสียงมันแหบน่าดู ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ

“กูเสียใจที่มึงทำแบบนี้กับกู แต่กูก็รู้ว่ามึงทำเพื่อพี่เป้มัน แต่กูอยากให้มึงมีสติมากกว่านี้หน่อย เพราะครั้งหน้ามันอาจไม่จบแค่มึงหรือกูเจ็บตัว แต่มันอาจแย่ไปกว่านั้น”

มันพยักหน้า

“กาย… แต่กูรักพี่เป้นะ”

“กูรู้”

“มันไม่ใช่รักแบบน้องรักพี่”

ผมนั่งอึ้ง

“กูรักพี่มันเหมือนที่มึงรักพี่เอก”

ผมนั่งอึ้งรอบสอง สมองพยายามประมวลสิ่งที่ได้ยินอยู่

“มะ มึงว่าไงนะ”

“กูรักพี่เป้” มันย้ำ บีบมือผมแน่น “กูไม่ได้เสียใจที่มีอะไรกับพี่เป้ แต่กูเสียใจที่เกือบทำมึงกับพี่เป้มีอะไรกัน แถมยังทำให้พี่มันรู้สึกผิดเรื่องกูอีก”

ผมหลับตาลงแน่น

“เต้ย”
ผมชั่งใจ กรอกตาไปมาอย่างหาทางออก

ผมควรจะบอกความจริงกับมันดีรึไม่ดีดี

“กาย เต้ยเป็นไงบ้าง”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตัดสินใจทำอะไร พี่เอกก็เปิดประตูเข้ามาก่อน ผมหันไปมองสลับกับหันมามองคนที่นอนอยู่ ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก้มมองคนที่นอนอยู่อีกที

“มึงนอนพักไปก่อนละกัน หิวรึยัง ข้างล่างมีพิซซ่านะ”

มันส่ายหัวไปมา

“เดี๋ยวกูกลับมาคุยกับมึงใหม่”
ผมบอกแค่นั้น ลุกขึ้นลากพี่เอกเดินออกจากห้องไป

“มีอะไรรึเปล่า”
พี่มันถาม คงเห็นสีหน้าแปลก ๆ จากผม ผมจ้องหน้าพี่เอกเขม็ง

“ยุ่งแฮะ” ผมพูดขึ้นมาลอย ๆ

มันรักพี่เป้…

แล้วพี่เป้ก็รักมัน…

แต่มันเป็นพี่น้องกัน

“โอ๊ย!!”

พี่เอกทำหน้าตื่นตอนผมทำท่าสติแตก
           
“เป็นอะไร!”               

ผมเบะหน้าทำท่าจะร้องไห้ ทำไมกูถึงได้อ่อนแอเยี่ยงนี้วะ เอะอะก็จะร้องไห้

“พี่เอก”

“เป็นอะไร!” พี่มันถามอีกที สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล

“ไอ้เต้ยมันรักพี่เป้”

พี่เอกอึ้งไป คงแปลกใจว่าผมจะโวยวายทำไม

“อืม พี่รู้”

“รักแบบที่ผมรักพี่”

พี่เอกอ้าปากค้าง ตามติดด้วยใครอีกคนที่เดินมาได้ยินพอดี

“พี่เป้…” ผมครางเรียก

“มะ เมื่อกี้กายว่าไงนะ” พี่เป้ถามกุกกัก ผมอ้ำอึ้ง

“ไอ้เต้ยมันบอกว่า มันรักพี่เป้แบบที่ผมรักพี่เอก ไม่ได้รักพี่แบบพี่ชาย”

อึ้งครับ พวกเราทุกคนพากันยืนอึ้ง พี่เป้ตัวแข็งทื่อ พี่เอกก็ไม่ต่าง

เรื่องมันเริ่มอลหม่านมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

“มึงเอาไง ไอ้เป้”
พี่เอกถามเพื่อน ตอนนี้พวกเราย้ายกันมานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกแล้วครับ   
 
พี่เป้นั่งกุมขมับ
 
“มึงก็รู้ไอ้เอก รักขนาดไหนกูกับมันก็เป็นพี่น้องกัน”
 
ผมถอนหายใจแรง พิงหลังไว้กับพนักโซฟา แหงนหน้าขึ้นมองเพดานด้านบน
 
“งั้นพี่เป้ก็อย่าให้มันรู้เด็ดขาด ว่าพี่เป้รักมัน ผมกลัวใจมัน มันคงไม่สนความเป็นพี่น้องแน่ ๆ ถ้าพี่เป้ใจตรงกับมัน”
 
พี่เป้นั่งกุมขมับยิ่งกว่าเดิม
 
“โธ่เว้ย!!”
 
เรื่องมันกลับตาลปัตรไปหมด ถ้าไอ้เต้ยมันไม่ได้รักพี่เป้ แล้วพี่เป้บอกความจริง ไอ้เต้ยมันต้องถอยห่างแน่ แต่ถ้าใจตรงกัน คนอย่างไอ้เต้ย มันคงติดหนึบ ไม่สนอะไรทั้งนั้น
 
“พี่จะให้มันรู้ไม่ได้เด็ดขาด ว่าพี่รักมัน” ผมย้ำอีกที

พี่เป้พยักหน้ารับรู้
             
 


หลังจากนั้น พวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ผมลากสังขารที่ไข้เริ่มขึ้นหน่อย ๆ ไปนอนแอ้งแม้งที่คอนโดพี่เอก โดยมีพี่เอกคอยดูแลอีกที
 
“อืม พี่เอก”
ครับ ดูแลแบบใกล้ชิดติดเนื้อติดหนังเลยล่ะ
 
ป้อนยา พี่มันก็ใช้ปากป้อน อาบน้ำ พี่แกก็บริการอาบให้ สะอาดไปทุกจุดด้วยสบู่และเนื้อหนังมังสา กว่าจะอาบได้แต่ละจุด ลวนลามลากไล้อยู่นั่นแหละ เสื้อผ้าก็ใส่ให้ แต่กว่าจะใส่ได้ พี่แกก็แทะก็เล็มจนผมแทบต้องกลับไปอาบน้ำอีกรอบ
 
สรุป กว่าจะได้เข้านอน ผมก็เสร็จไปอีกหลายรอบโดยไม่โดนล่วงล้ำ พี่มันกลัวช้ำครับ ใช้หนักมาทั้งคืน







 
กว่าไอ้เต้ยจะฟื้นตัวก็หลังจากนั้นสองวัน มันเดินเหม่อ ๆ มาเรียน ผมล่ะเป็นห่วงมันสุด ๆ
 
“มึง”
 เหมือนมันจะถามอะไรผมสักอย่าง ผมพยักหน้ารับรู้
 
“มึง มึงบอกกูได้ไหม ว่าใครคือคนที่พี่เป้รัก”
มันถามคำถามเดิม ผมถอนหายใจเบา ๆ
 
“รอให้พี่เขาพร้อมแล้วบอกเองดีกว่านะเต้ย”

มันเม้มปากแน่น แหงนหน้าขึ้นมองเพดานห้องเรียน แล้วมันก็เหม่ออยู่แบบนั้นทั้งวัน แถมยังเดินชนนู่นชนนี่ตลอดจนน่าเป็นห่วง

             



 
“เต้ย!!!”
ผมร้องเตือนเมื่อมันเดินข้ามถนนไม่ดูตาม้าตาเรือ ยังดีที่พี่เป้วิ่งมาดึงตัวมันได้ทัน
 
“พี่เป้...”
มันเรียกเสียงเบา
 
“ทำอะไรของนาย!! มีสติหน่อยสิ!!”
พี่มันตะคอก
 
“ขอบคุณ”
มันพูดแค่นั้น แล้วเดินเหม่อจากพี่เป้ไป

ผมถอนหายใจแรง ไม่ต่างกับพี่เป้ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่


             



 
วันนี้พวกเรามาทำงานกัน ไอ้เต้ยมันทำงานเหมือนคนไร้วิญญาณ ตอนพี่เป้ว่าหนักแล้ว เจอเวอร์ชั่นไอ้เต้ยเข้า หนักยิ่งกว่าอีก
ผมขมวดคิ้ว
 
“พี่เป้ พี่ต้องทำอะไรสักอย่างแล้วนะ ไม่งั้นมันแย่แน่ ๆ ผมกลัวมันจะเดินไปให้รถชนเข้าสักวันน่ะสิ”
 
“แล้วกายได้คุยกับมันไหม เกิดอะไรขึ้น”
 
“มันไม่บอก แต่เหม่อมาก ในห้องเรียนก็เหม่อ ผมล่ะห่วง”
 
พี่มันถอนหายใจแรง ก่อนเดินไปคว้ามือไอ้เต้ยเดินหายไปหลังร้าน ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยความสงสัยผมเลยเดินตามไป
 
ไม่ควรครับ
 
ไม่ใช่เรื่องดี และภาพที่ผมเห็นยิ่งไม่น่ามองเข้าไปใหญ่
 
ไอ้เต้ยมันรั้งคอพี่เป้ลงไปจูบ พี่เป้พยายามขืน แต่มันยังโหมจูบอยู่ไม่หยุด ชายแท้แบบพี่เป้ถึงจะรู้ว่ามันผิด แต่เมื่อคนที่ตัวเองรักมายั่วแบบนี้ พี่มันจะทนได้สักกี่น้ำ
 
สุดท้ายประตูห้องเก็บของก็ปิดตัวลง ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ ทั้งสับสนและหวาดกลัว
 
และผมรู้ว่าพี่เป้กำลังจะแพ้ใจตัวเอง
 
“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้”

ผมสะดุ้งเฮือก หันไปมองคนทัก
 
“พี่เอ...”
เสียงสุดท้ายหายไปเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าไม่มีสร้อยคออย่างเคย ผมถอยออกไปยืนอยู่ห่าง ๆ พยายามมองให้ออกว่าคนตรงหน้านี้เป็นใคร
 
พี่มันทำหน้านิ่ง ๆ ไม่ยิ้มพราวให้รู้ว่าเป็นพี่อาร์ต ไม่ยิ้มอบอุ่นให้รู้ว่าเป็นพี่อิฐ
 
แล้วใคร…
 
“ถ้าไม่มีสร้อยก็จำกันไม่ได้เลยใช่ไหม”
พี่มันต่อว่า ชูสร้อยพระอาทิตย์ให้ดู ผมกะพริบตาปริบ ๆ มองสร้อยในมือพี่แก
 
“ไปซาวน์น่ามา เลยถอดออก”
 
ผมถอนหายใจโล่งอก รับสร้อยมาถือไว้ เขยิบเข้าไปชิดแล้วใส่ให้พี่มันเบามือ
 
“ขอบใจ”
พี่มันก้มหอมแก้มผมที
 
“เลิกงานแล้วไปเดินเล่นกันหน่อยไหม”
พี่มันชวน
 
ผมพยักหน้า กำลังคิดหนักเรื่องสองคนที่อยู่ในห้องเก็บของอยู่
 
“พี่เอก..ถ้าเป็นพี่ ระหว่างความถูกต้องกับความรัก พี่จะเลือกอะไร”
 
พี่มันนิ่ง
 
“ไม่รู้ ต้องดูก่อนว่าคนที่พี่รักเป็นใคร”
 
“ถ้าสมมุติว่าวันหนึ่ง พี่มารู้ทีหลังว่าผมเป็นน้องชายพี่ พี่จะทำยังไง”
 
พี่มันจ้องตาผมเขม็ง
 
“ถ้าเป็นแต่ก่อน พี่จะทำแบบเป้ พยายามตัดใจแล้วเลือกความถูกต้อง แต่ตอนนี้ พี่ขอเลือกหัวใจตัวเองดีกว่า พี่จะพากายหนีไปมีความสุขด้วยกัน ในที่ที่ไม่มีคนรู้จัก”
 
ผมมองพี่มันอึ้ง ๆ
 
“ผมกำลังกลัวว่าพี่เป้กับไอ้เต้ยกำลังจะทำอย่างนั้น”
 
พี่เอกชะงัก จ้องหน้าผมเขม็ง
 
“อันนั้นเป็นเรื่องของพวกเขาสองคน เราเป็นแค่คนนอก”
 
“แต่มันเป็นเพื่อนสนิทผม”
 
พี่เอกลูบหัวผมเบา ๆ

“ไอ้เป้ก็เพื่อนสนิทพี่เหมือนกัน แต่ก็ต้องไว้ใจมัน ไว้ใจว่ามันจะไม่ทำเรื่องแบบนั้น”
 
ผมถอนหายใจเบา ๆ มองหน้าพี่แกเหมือนตัวเองเป็นคนทำผิดซะเอง
 
“แต่ตอนนี้ พี่เป้กับไอ้เต้ยอยู่ในห้องเก็บของ”
 
พี่เอกมองผมอึ้ง ๆ
 
“เข้าไปเอาของมั้ง”
พี่มันคาดเดา ผมส่ายหัว ทำหน้าแหยง
 
“จูบกันด้วย”
ผมบอกสั้น ๆ พี่เอกทำหน้าอึ้ง ๆ ก่อนถอนหายใจเบา ๆ
 
“เรื่องของพวกมันแล้วล่ะคราวนี้”
 
 






 
มึง…
กูก็คิดว่ามึงจะพากูไปเดินเล่นแถว ๆ บ้านหรือที่ทำงาน แต่เสือกพากูมาเดินเล่นซะไกลเชียว
 
ตอนนี้พวกเรามาอยู่กันที่หาดแม่พิมพ์จังหวัดระยองครับ
 
คนเงียบให้ตาย
 
พี่มันจองห้องพักไว้ห้องหนึ่ง เพราะรู้ว่าวันพรุ่งนี้ผมไม่มีเรียน และที่ทำให้ผมอึ้งมากไปกว่านั้นก็คือไอ้เต้ยกับพี่เป้ก็ตามมาด้วย
 
ไม่ใช่อะไรหรอก หลังจากมันหายเข้าไปในห้องเก็บของกับพี่เป้สองคน พอออกมามันก็มีสภาพเกือบเป็นปกติ
 
พี่เป้ใช้อะไรรักษาโรคเหม่อของมันวะ ได้ผลดียิ่งกว่ากินยาจีนซะอีก พอมันรู้ว่าพี่เอกจะพาผมมาเดินเล่น มันก็เลยขอตามมาด้วย
 
ผมมองหน้าพี่เอก
 
“พี่ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าจะพาไปเดินเล่นที่ไหน”
 พี่มันพูดเหมือนตัวเองไม่ผิด
 
“อย่าทำหน้าแบบนี้สิ เราไม่เคยมาเที่ยวทะเลกันสองต่อสองแบบเต็ม ๆ เลยนะ”
 
ผมมองไปทางพี่เป้กับไอ้เต้ย
 
“อันนั้นถือเป็นตัวเหลือบไรไม่เกี่ยวกับเรา”
ดูพี่มันลื่น
 
พี่เอกโอบผมไว้จากทางด้านหลัง
 
“พี่แค่อยากให้เรามีความสุขด้วยกันทุกวัน อยากสร้างความทรงจำเก็บไว้ด้วยกันเยอะ ๆ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เรายังโชคดีที่สามารถทำได้ ดีกว่าไอ้เต้ยกับไอ้เป้เยอะ ถึงจะไม่ขนาดชายหญิงปกติทั่วไป แต่ก็ยังดีกว่าอีกหลาย ๆ คู่ที่ทำไม่ได้”
 
ผมนั่งอึ้ง ฟังพี่มันพูดเงียบ ๆ
 
“กายจำรูปถ่ายที่กายเคยทำให้อาร์ตได้ไหม”
 
ผมพยักหน้า
 
“คนเราถ้าไม่ได้ทำอะไรร่วมกันเลย ก็จะไม่มีความทรงจำเอาไว้ให้เก็บ”
 
ผมจ้องตาพี่มัน
 
ไม่ต้องพูดอะไรต่อแล้วครับ
 
ผมเข้าใจแล้ว
 
ผมหันไปเผชิญหน้า โอบลำคอพี่มันไว้ แล้วจูบเบา ๆ

ผมรู้ว่าพี่เอก ทำเพื่อพวกเราขนาดไหน พี่เอกเป็นผู้นำ และผมมีหน้าที่เป็นผู้ตามที่ดี เพื่อให้ความรักของเราสองคนแข็งแรงและ…
 
เอิ่ม…
 
แม่ม
 
กูขอทำซึ้งสักนาทีก่อนจะได้ไหมแล้วค่อยตื่น
 
ไอ้เอกน้อยนี่!!
 


To be Con...

หึ ๆ







Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 77 รักต้องห้าม [p.25 D.9-8-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-09-2017 12:35:43
จะเคลียร์กันยังไไงให้เข้าใจล่ะทีนี้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 77 รักต้องห้าม [p.25 D.9-8-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-09-2017 16:09:50
เต้ย รักพี่เป้ เหมือนกายรักพี่เอก
อ้าว........ก็ใจตรงกัน
พี่เป้ ก็รักเต้ยแบบคนรัก
แล้วรักมานานแล้วด้วย
ดูเหมือนจะรักไม่รัก ก็ต้องก้าวผ่านให้ได้
ทำใจให้ได้ ก้าวผ่านแล้วก้าวเลย ไม่หวนคิด
ไม่งั้นไม่ว่ายังไงก็ทุกข์ เจ็บช้ำทั้งคู่
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 77 รักต้องห้าม [p.25 D.9-8-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-09-2017 23:40:03
สารภาพรักไปเลยหลานเป้ คนแก่รู้สึกหน่วง ๆ ในอกเต็มทีแล้ว  o12
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 77 รักต้องห้าม [p.25 D.9-8-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 11-09-2017 13:51:32
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 78 หล่อเลี้ยงรัก [p.26 D.23-9-60]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 19-09-2017 19:30:23
(http://upic.me/i/n2/mt360.jpg)

 
78
หล่อเลี้ยงรัก
[เอก...☼]





 
ท้องฟ้ายามราตรีสวยงามเอามาก ๆ ผมหนีบไอ้ตัวเล็กพามันมาเดินเล่นทะเลแถว ๆ หาดแม่พิมพ์จังหวัดระยอง ที่นี่เงียบและบรรยากาศดีสุด ๆ ผมพามันมานั่งอยู่บนพื้นทราย ด้านหลังเราคือทิวสนขนาดใหญ่ ตั้งเรียงรายไปจนสุดหาด ด้านหน้าคือท้องทะเลกว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา

สายลมยามดึกปลุกผิวน้ำนิ่งสงบให้ลุกขึ้นมาวิ่งชนกันกลายเป็นระลอกคลื่นเข้ากระทบฝั่ง บนท้องฟ้าแสนกว้างมีดวงจันทร์สีเหลืองอร่ามประดับอยู่โอบล้อมด้วยดวงดาวนับล้านที่กำลังแข่งกันสาดแสงเปล่งประกายสวยงามไม่ต่างกับแสงไฟจากเรือหาปลาที่จอดอยู่กลางท้องน้ำไกลออกไปลิบ ๆ 
 
ผมนั่งชันเข่าอยู่บนทราย กึ่งกลางระหว่างคลื่นน้ำและทิวสนด้านหลัง โดยมีไอ้ตัวเล็กนั่งแทรกพิงอกผมไว้ ฝ่าเท้าเราเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่กดแทรกไปกับเม็ดทรายสีอ่อน ผมโอบมันไว้หลวม ๆ ในอ้อมแขน
 
ผมชอบที่จะมีช่วงเวลาดี ๆ แบบนี้กับมัน
             
กับคนอื่น ผมยังไม่เคยพยายามทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่กับมัน ผมอยากทำ อยากสร้าง อยากเห็นรอยยิ้ม และมีความสุขร่วมกับมันทุกวัน


ผมรู้ว่ามันชอบถ่ายรูป แม้แต่เวลานี้ก็ตาม
 
“พี่เอกยิ้ม”
 
ผมเองก็บ้าจี้ ฉีกยิ้มกว้างใส่กล้องที่มันเล็งมาทางพวกเรา เป็นกล้องจากมือถือผมเอง เปลี่ยนรุ่นแล้วครับ เลือกเอารุ่นที่มีฟังชั่นการถ่ายรูปชัด ๆ มาแทน

ถ่ายเสร็จมันก็กดเช็คดูความแม่นยำ
 
“แฟนใครเนี่ยหล่อจัง”


ผมนั่งหน้าร้อนผ่าว เวลามันถือกล้องมันมักจะพูดอะไรทำนองนี้ออกมาได้ไม่อาย และไม่ค่อยจะรู้ตัวด้วย คนที่อายแทนก็ผมนี่แหละ ดีว่าไม่มีใครสังเกตเห็น
 
“นี่ ๆ ถ่ายพ่อบ้างสิ”
อันนี้ไม่ต้องแปลกใจว่าโผล่มากันได้ไง
 
รายนี้ พอโทรหาลูก แล้วรู้ว่าถูกผมลากมาทะเล แกก็รีบไปลากแม่ที่กำลังนั่งปั่นนิยายอยู่ตะบึงรถมาสมทบทันที
 
นี่กูต้องการมาสวีทกับเมียกูสองคน แล้วจะตามมาทำไมกันเยอะแยะวะเนี่ย
 
พาลครับ
 
ไอ้ตัวเล็กรีบลุกไปถ่ายรูปพ่อกับแม่ แม่ก็ขืน ๆ อะนะ แต่พ่อด้านซะอย่าง ผมอมยิ้ม พอถ่ายรูปจนพอใจ พ่อก็จูงมือแม่ไปหาที่เงียบ ๆ นั่งสวีทกันสองคน
 
พ่อก็คงไม่ต่าง
             
อยากใช้ช่วงเวลาที่เหลือเพื่อความสุขของตัวเอง ผมเพิ่งรู้ว่าแต่ก่อน พวกเขาก็เอาแต่ทำงาน โดยเฉพาะพ่อที่บ้างานสุด ๆ เที่ยวก็มีบ้าง แต่งานต้องมาก่อน
 
ไม่ต่างกับผม
 
แต่ตั้งแต่ผมมีไอ้ตัวเล็ก ผมเริ่มที่จะวางแผนทำงานให้เป็นระบบมากขึ้น เพื่อจะได้มีเวลาว่างให้มากที่สุด และเอาเวลาเหล่านั้นมาอยู่กับมันและครอบครัว
 
หันไปมองอีกด้าน ไอ้เป้นั่งอยู่บนพื้นทราย วางสองขาราบไปกับพื้น โดยมีไอ้เต้ยนอนอยู่บนทรายหนุนตักมันไว้อีกที
 
พวกเรารู้ว่ามันผิด แต่ก็ยากที่จะห้ามปราม
 
ดวงตาไอ้เป้ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แต่มันก็สุขใจเล็ก ๆ ที่น้องมันรักมัน เหมือนที่มันรักน้องมัน
 
ผมหันกลับมามองท้องทะเลยามค่ำคืนอีกครั้ง


 
 
“ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว”
ไอ้ตัวเล็กยกข้อมือผมขึ้นเพื่อดูนาฬิกา
 
ผมมองตามงง ๆ
 
“ตอนนี้ผมอยู่ตรงนั้น”
มันชี้ไปที่ดวงจันทร์
 
“และเมื่อตอนกลางวัน พี่ก็อยู่ตรงนั้นด้วยเหมือนกัน ผมกับพี่เอก อยู่จุดเดียวกันเสมอ”
 
ผมก้มมองหน้ามัน


นั่นสินะ

และไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน ผมจะอยู่กับมันเสมอ
 
 


 
“แม่ง่วงแล้ว แม่ขึ้นห้องก่อนนะ”
แม่ไอ้ตัวเล็กเดินมาบอก
 
“พ่อก็เหมือนกัน”
พ่อแกล้งทำตาปรอยเหมือนคนง่วง เดินเซ ๆ ไปซบไหล่แม่เนียน ๆ
 
“นี่!!”
แม่กระตุกหัวไหล่เขยิบตัวหนี
 
“โธ่ คุณ ก็ผมง่วง”
 
“ง่วงก็ขึ้นไปนอนซะสิ”
 
พ่อทำตาวิ้งขึ้นมาทันที
 
“คุณชวนผมเองนะ”
แล้วพ่อก็จัดการจับแม่พาดบ่า วิ่งลิ่ว ๆ เข้าโรงแรมไป แม่โวยวายไปตลอดทั้งเส้นทางคละเคล้าเสียงหัวเราะของพ่อ
 
ผมหันมามองไอ้ตัวเล็ก ทำสายตาเจ้าเล่ห์หน่อย ๆ ใส่ และก่อนที่มันจะอ้าปากพูดอะไร ผมรีบจับมันอุ้มพาดบ่าทันที
 
“พี่เอก ปล่อย!! ผมเดินเองได้!!”
 
“ไม่เอาน่า พี่บริการส่งให้ถึงห้อง ได้ข่าวว่าทำงานมาเหนื่อย ๆ”
 
มันดิ้นด๊อกแด๊ก แต่ผมก็ไม่คิดจะปล่อย เดินหัวเราะผ่านเคาน์เตอร์ที่มองมาทางพวกเรายิ้ม ๆ
 
หันไปมองอีกคู่ ไอ้เต้ยเดินควงแขนพี่มันตามมาเหมือนกัน
 
แล้วพวกเรา ก็ต่างพากันเดินเข้าห้องปิดประตูนอนเงียบ ๆ
 

 
“อ๊า พี่เอก ตะ ตรงนั้น อย่า..”
 
ครับ เงียบ ๆ
 
หึหึ
 
 
 
 







 
 
         
 
เช้าวันใหม่ ผมปลุกไอ้ตัวเล็กตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นทอแสงเพื่อชวนมันไปวิ่ง มันงัวเงียกอดหมอนกอดผ้าห่มแน่นไม่ยอมตื่น

ผมดึงผ้าห่มออก จับมันลุกขึ้นมานั่ง
 
“พี่เอก ผมง่วง”
มันงอแงทำท่าจะล้มตัวลงไปนอนต่อ

“อะไร พี่ทำเราไปแค่สองรอบเองนะ”


มันหน้าง้ำทันทีที่ผมพูดจบ
 
“สองรอบต่อเซตน่ะสิ”
 
ผมหัวเราะหึ ๆ ดึงมันลุกออกจากเตียง

ผมพร้อมอยู่ในชุดเตรียมวิ่งเรียบร้อยแล้ว มันเดินเนือย ๆ ลากขาเข้าห้องน้ำไป ไม่เกินสิบนาทีก็เดินออกมาในชุดเตรียมวิ่งไม่ต่าง เพียงแต่ของมันเป็นชุดขาวล้วนตั้งแต่เสื้อยันรองเท้า ในขณะที่ผม เสื้อเป็นสีฟ้ากางเกงสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบสีเดียวกับกางเกง   
 
เราเดินออกจากห้องไปสมทบกับพ่อและแม่รวมถึงสองพี่น้องต่างไซส์ที่เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว
 
“มึงคิดไง ชวนวิ่งเนี่ย”
ไอ้เป้มันถาม
 
“วิธีที่จะได้ชมวิวไปด้วยออกกำลังกายไปด้วยก็วิ่งนี่แหละ”
 
มันพยักหน้าเข้าใจ
 
แล้วพวกเราก็พากันวิ่งไปบนพื้นทรายเลียบคลื่นน้ำที่กำลังกระทบฝั่งเป็นระลอก ๆ สายลมยามเช้าพัดไหวให้กิ่งก้านช่อใบของต้นสนร่วงโรยลงมาดูสวยงามไปอีกแบบ มีนักท่องเที่ยวฝรั่งบางคนออกมาวิ่งจ๊อกกิ้งสวนทางเราไป 
 
ผมสูดเอาอากาศดี ๆ เข้าปอด วิ่งในจังหวะช้า ๆ แต่สม่ำเสมอ ส่วนไอ้ตัวเล็ก กำลังหอบแฮกพยายามกอบโกยเอาเอาอากาศเข้าปอดอยู่ ผมยิ้ม


ปกติผมกับไอ้เป้จะวิ่งเร็วกว่านี้ แต่วันนี้พวกเราพากันวิ่งช้า ๆ รอพวกไอ้ตัวเล็กมัน อ่อนออกกำลังกายด้วยกันทั้งคู่ วิ่งกันไม่เท่าไหร่ก็หอบแดกแล้ว

 
วิ่งไปได้สักพัก ไอ้ตัวเล็กก็หยุดยืนค้ำเข่า จนพวกเราต้องวิ่งเหยาะ ๆ อยู่กับที่รอ มองไปด้านหน้า เห็นพ่อกับแม่วิ่งอยู่ลิบ ๆ
 
เห็นอายุเยอะ แต่แข็งแรงกันน่าดู ดูถูกคนแก่กันไม่ได้เลยจริง ๆ
 
ไอ้ตัวเล็กหอบแฮก ดึงเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อจนเห็นสะดือ

ผมเผลอมองตามแบบหื่น ๆ
 
“แข็งขันหน่อยสิ”
ผมวิ่งเหยาะ ๆ กระตุ้น
 
“ไม่ไหว ช้า ๆ หน่อยพี่เอก”
มันโบกไม้โบกมือ
 
ผมเลยพยักหน้าให้ไอ้เป้วิ่งนำไปก่อน
 
“ไหวไหม”
ไอ้เป้ถามน้องมันที่มีสภาพเกือบเหมือนไอ้ตัวเล็ก
 
ไอ้เต้ยฉีกยิ้มกว้างปนหอบ
 
“ไหว”

ไอ้เป้พยักหน้า วิ่งเหยาะ ๆ พาน้องมันจากไป ส่วนผมเดินช้า ๆ ไปกับไอ้ตัวเล็ก
 
“อึดให้ตาย” มันบอก
 
“ถ้าไม่อึด จะทำให้กายมีความสุขได้ยังไง”
 
หน้าที่แดงเพราะแรงวิ่งยิ่งแดงเข้าไปใหญ่เพราะความอาย
 
“ลามก”
 
ผมหัวเราะหึ ๆ
 
แล้วเช้านั้น เราก็ได้กินมื้อเช้ากันระหว่างทาง เป็นร้านอาหารริมทะเลนั่นแหละ เห็นคนเยอะดี เลยเข้าไปนั่งกับเขาบ้าง อร่อยใช้ได้ครับ
 
ขากลับ พวกเราพากันเดินกลับ วิ่งไม่ได้ครับ..
 
มันจุก
 
“อยากกินน้ำมะพร้าวแฮะ”
ไอ้เต้ยมันพูดขึ้นมาลอย ๆ
 
ไอ้เป้มองหาซ้ายขวา แต่เช้า ๆ แบบนี้ ไม่น่าจะมีขาย
 
“เดี๋ยวพาเข้าไปซื้อในเมือง”
มันเอาใจน้องมัน ไอ้เป้โหมดเดิมกลับมาแล้วครับ
 
“ไม่เป็นไร กลับไปกินน้ำเปล่าที่ห้องก็ได้”
ไอ้เต้ยเกาะแขนพี่มันแน่นพูดยิ้ม ๆ
 
ผมเผลอตัวอมยิ้มตาม
 
แค่คำพูดเอาใจจากพี่มัน ก็มีค่ามากพอสำหรับไอ้เต้ยแล้ว
 
ไอ้เป้ยิ้ม ขยี้หัวน้องมันเบา ๆ
 
ไอ้ตัวเล็กมองภาพข้าง ๆ ไม่ต่างกับผม ตอนแรกมันเดินอยู่ห่าง ๆ สักพักมันก็เดินเข้ามาควงแขนผม

ผมมองมันอึ้ง ๆ

หน้ามันแดงอย่างเห็นได้ชัด คนก็มองกันใหญ่ ปกติมันขี้อายจะตาย
 
“ผมรักพี่นะ”
มันพูดเบา ๆ หวังให้ผมได้ยินคนเดียว ก่อนปล่อยมือออกแล้วเดินลิ่ว ๆ นำหน้าไป

ผมยิ้ม ก้าวเร็วตามไปหอมแก้มมันที มันรีบกุมหน้าหันขวับมามอง
 
“กายชอบแกล้งพี่”
 
“กะ แกล้งอะไร”
 
“แกล้งให้พี่รักมากขึ้นทุกวันไง”
 
“แหวะ”
เอฟเฟคจากพ่อครับ
 
ผมหันไปยักคิ้วให้
 
“อย่าอิจฉาพ่อ ผมกำลังจีบเมียผมอยู่”
 
“เป็นเมียแล้วยังต้องจีบอีกเหรอ”
แม่ถามอย่างสงสัย
 
ผมยิ้ม
 
“ไม่ได้หรอกแม่ กายเขาเสน่ห์แรง ไม่จีบทุกวัน เดี๋ยวเผลอไปหลงรักคนอื่นเข้า ผมคงแซด”
 
ไอ้ตัวเล็กหน้าแดงใหญ่
 
“แล้วอีกอย่าง ความรักมันก็เหมือนต้นไม้ ต้องให้น้ำทุกวัน ต้องใส่ปุ๋ยสักเดือนละครั้งสองครั้ง มันถึงจะสดชื่นเจริญงอกงาม ผมไม่อยากให้ต้นไม้ที่ผมรัก ต้องเหี่ยวเฉาหรือแห้งตายไปในที่สุด ถึงเวลานั้น ผมคงเรียกร้องอะไรกลับคืนไม่ได้ เพราะผมเป็นคนละเลยการดูแลเอง”
 
ทุกคนพากันนิ่งฟัง
 
“นั่นสินะ”
พ่อเปรยเงียบ ๆ
 
“เหมือนที่พ่อกับแม่เป็นสมัยก่อน เพราะคิดว่าเป็นผัวเมียกันแล้ว เลยไม่ค่อยใส่ใจกัน พอนานวันเข้า ต้นไม้มันก็เหี่ยวเฉา ไร้ดอกไร้ผล ถ้าเป็นความรัก มันก็จืดก็จาง สุดท้ายต้นไม้ก็ตาย ความรักก็จบ หนังก็เหี่ยว”
 
แม่ตีเพี้ยะแขนพ่อ

ชอบทำให้คำซึ้ง ๆ พังตอนจบอยู่เรื่อย
 
แต่พวกเราเข้าใจที่พ่อพูดดี
 
พ่อจับมือแม่ไว้ แม่ก็ไม่คิดจะดึงกลับ เดินคู่กันไปเงียบ ๆ ในขณะที่ไอ้เต้ย ควงแขนพี่มันไม่อาย และไอ้ตัวเล็ก ที่ก้าวช้าลงมาเดินอยู่ข้าง ๆ ผมหน้าแดง ๆ
 
แต่ละคน กำลังหล่อเลี้ยงความรักในรูปแบบของตัวเองอยู่














 
 
สาย ๆ พวกเราก็พากันไปขี่มอเตอร์ไซค์ชมเมือง เราเลือกขับเข้าซอยเล็ก ๆ เพื่อไปดูวิถีชีวิตของชาวบ้าน เจอซอยไหนน่าเลี้ยวก็เลี้ยว ไม่ได้เจาะจงจุดหมายปลายทาง
 
ผม พ่อ และไอ้เป้ทำหน้าที่ขับรถ ส่วนไอ้ตัวเล็ก แม่และไอ้เต้ยนั่งอยู่เฉย ๆ ด้านหน้า
 
แสงแดดยามสายอุ่นผิวกำลังดี พวกเราขับรถเล่นไปเรื่อย ๆ ปล่อยให้สายลมพากันตีใส่หน้า มองวิวทิวไม้และท้องทุ่งนา รวมถึงชาวบ้านและสัตว์เลี้ยงสี่ขาต่างพันธุ์
 
ไอ้ตัวเล็กถ่ายรูปมาตลอดทั้งเส้นทาง จนหนำใจถึงได้คล้องกล้องไว้ที่คอแล้วมองวิวสองข้างเฉย ๆ
 
“กาย”
ผมเรียก มันครางรับหันมามอง


“นายขับนะ”
 
มันทำหน้างง ๆ แต่ก็รีบจับแฮนด์ไว้อัตโนมัติ
 
ส่วนผม…
 
เลื่อนมาจับเอวมันแทน
 
หึหึ
 
ขอแต๊ะอั๋งเมียตัวเองหน่อยเหอะ           
 
“นี่!! มีบรรพบุรุษเป็นงูรึไง ขับรถแบบนี้!!”
แม่วีนใส่พ่อเสียงดัง เพราะพ่อเล่นขับรถปาดซ้ายปาดขวา วิ่งจากริมซ้ายสุดไปขวาสุด แถวนี้ไม่มีรถราสัญจรหรอก ถนนทั้งเส้นมีแค่รถพวกเราสามคันนี่แหละ
 
“แหมคุณ ชีวิตมันต้องลองทำอะไรแหกกฎดูบ้างสิ ถึงจะสนุก”
 
เฮียแกแอดเวนเจอร์ตลอด
 
“ว่าแล้วก็อยากไปเดินป่า”
พ่อเปรย ผ่อนจังหวะปาดซ้ายปาดขวาให้ช้าลง แม่ที่กำลังวีน ๆ อยู่ ทำเสียงตื่นเต้นเห็นด้วยไม่ต่างกับไอ้ตัวเล็กของผม
 
“เอาสิฮะ”
 
ผมก้มมองแล้วยิ้มให้มัน

 
 
“กูอยากให้โลกนี้มีคู่ขนานจัง”
ไอ้เป้มันเปรยขึ้นมาบ้าง พวกผมหันไปมอง รวมถึงคนในอ้อมแขนมันด้วย
 
“ทำไม” ผมถาม
 
“กูจะได้ไปอยู่ในโลกนั้นกับคนที่กูรัก”
 
ทุกคนพากันเงียบ
 
“พี่เป้บอกได้ไหม ว่าใครคือคนที่พี่รัก”
ไอ้เต้ยมันถามอีกที
 
ไอ้เป้ปิดปากเงียบ แต่ในใจมันคงกำลังตอบคำถามนั้นอยู่

และไอ้เต้ยคงอยากให้คำตอบนั้น คือตัวมันเอง
 
พ่อกับแม่มองมาด้วยแววตาสงสาร พ่อกับแม่รู้เรื่องทั้งหมดจากไอ้ตัวเล็กแล้ว
 
จะสนับสนุนก็ไม่ได้ จะคัดค้านก็ลำบาก
 
พ่อกลับมาขับรถดี ๆ อีกครั้ง
 
ในขณะที่ผม…
 
“ว้ากกก พี่เอก!!!”
 
ขับรถแบบพ่อแทน
 
หึ ๆ ชีวิตครับ
 
ต้องแอดเวนเจอร์นิดหนึ่ง

ผมขับรถปาดซ้าย ปาดขวา พารถเอียง ๆ จนมันนั่งเกร็ง ผมหัวเราะร่วนแกล้งมันไปตลอดทั้งเส้นทาง
 
เอาวะชีวิต
 
ไม่รู้จะคบกับมันไปได้นานแค่ไหน แต่วันนี้ ผมขอมีความสุขให้เต็มที่ กับคนที่ผมรักก็พอ




To Be Con.(โปรดติดตามตอนต่อไปเด้อสู... หุหุ)











Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 78 หล่อเลี้ยงรัก [p.26 D.19-9-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-09-2017 21:39:18
หวานซะ อ้อยจืดไปเลย  :o8:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 78 หล่อเลี้ยงรัก [p.26 D.19-9-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-09-2017 22:04:09
สามคู่ รื่นรมย์ ชื่นรัก  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

เป้ ตอนรักน้องฝ่ายเดียวก็เศร้า
พอน้องรักตอบก็เศร้าอีก
ตกลงจะเอายังไงกัน จะทุกข์ไปตลอดชีวิตใช่ปะ
ถ้าน้องไปชอบคนอื่น จะมีความสุขได้หรือเปล่า
มันลงตัวก็ดีแล้ว แคร์สายตาคนอื่นก็ไปอยู่ที่ๆไม่มีคนดีปะ

พี่เอก หื่นตลอดๆ
พี่เอก กาย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 78 หล่อเลี้ยงรัก [p.26 D.19-9-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 20-09-2017 18:23:27
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 78 หล่อเลี้ยงรัก [p.26 D.19-9-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 20-09-2017 21:06:38
ตาเอกจอมหื่น โถ่น้องกายของช้านนนน
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Special เดกิ๊ฟ 1/4 [p.26 D.26-9-60] ตกหลุมรัก
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 26-09-2017 19:24:46
Kiss Love Special เดกิ๊ฟ Part 1/4 ตอน ตกหลุมรัก





“โผมซื่อ เดวิดคับ โผมสื่อเดวิด โผ้ม ซือ”
Fuck you ass hole!! ให้ตายสิ ทำไมภาษาไทยมันถึงได้ยากได้เย็นขนาดนี้นะ
 
นี่ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้นละก็ ผมไม่มีทางมาทำเรื่องอย่างนี้เด็ดขาด
 
ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์กลั่นแกล้ง ถึงได้ทำให้ผมต้องมาตกหลุมรักผู้หญิงที่ดูไม่เหมือนผู้หญิงคนนั้น คนที่ทั้งห้าวเกินหญิงแกร่งเกินชาย สวยกว่านางฟ้า แต่มีนิสัยซาตาน
 
ผมรู้ว่าเธอร้าย ผมรู้ว่าเธอโหด ผมรู้ว่าเธอเจ้าเล่ห์
 
แต่ผมก็รู้ว่าเธอน่ะน่ารัก และผมก็หลงรักเธอเข้าเต็ม ๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมพบเธอแล้ว
 
ตั้งแต่ตอนนั้น…
 
 
 
 
“เดวิด ไปเที่ยวกันมึง”
 
“ไปไหน” ผมถามเจ้าเพื่อนตัวดีขาเที่ยวเหมือนกัน
 
ผมทำอาชีพอิสระครับ เป็นโปรแกรมเมอร์ออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้กับบริษัทใหญ่ ๆ ของสหรัฐ รวมถึงประเทศข้างเคียงบ้างตามแต่ความชอบของผมเอง แค่มีคอมพิวเตอร์ตัวเดียว ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของโลก ผมก็สามารถทำงานได้แล้ว ผมชอบท่องเที่ยว ไปเดี่ยวบ้าง ไปกับเพื่อนบ้างแล้วแต่อารมณ์ ซึ่งเควินคือหนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่ผมไปเที่ยวด้วยบ่อยที่สุด
 
“เคยไปเที่ยวฝั่งเอเชียรึยัง” มันถาม ถ้าพูดถึงเอเชีย สิ่งที่ผมนึกถึงก็คือพวกคนผิวเหลืองเนื้อตัวผอมโซ ผู้หญิงหน้าตาแปลกประหลาดที่ใครหลาย ๆ คนชมว่าสวยดี 
 
“ที่ไหน” ผมถามเล็งเป้า
 
“ญี่ปุ่นเป็นไง”
 
อืม กิโมโนกับดอกซากุระสวย ๆ
 
“เอาสิ จองตั๋วให้ด้วยละกัน ค่าใช้จ่ายเคลียร์กันอีกที”
 
“อื้อ ได้” พอรับปากมันก็เดินออกจากห้องทำงานผมไป ปล่อยทิ้งผมให้อยู่กับคอมพิวเตอร์สุดรักเพียงลำพัง
 
สามวันต่อจากนั้น ผมก็มานั่งรอขึ้นเครื่องอยู่ที่สนามบิน ผมนั่งฟังเพลงจากไอพอดในขณะที่ตาก็กวาดอ่านข้อมูลเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นจากหนังสือแนะนำแหล่งท่องเที่ยวในมือ ในนี้จะแนะนำทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่สถานที่สำคัญหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น รวมถึงภาษาเบสิกที่ต้องใช้ และลักษณะนิสัยใจคอของผู้คน
 
ไอ้เพื่อนตัวดีมันล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าที่มันอยากให้ผมไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกับมันด้วย เพราะมันดันไปตกหลุมรักสาวญี่ปุ่นที่มันเจอเข้าโดยบังเอิญ มันอยากอวดแฟนใหม่มันนั่นแหละ
 
เหอะ!.. อะไรจะขนาดนั้นวะ เจอกันแค่ครั้งเดียวถึงกับต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปหาเชียว
 
ประสาท
 
ผมนั่งปรามาสมันในใจ
 
 
 
 
 
 
 
“เที่ยวบินที่ Gi2241 ที่จะเดินทางไป…..พร้อมออกเดินทางแล้วค่ะ”
 
ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ดังมาจากลำโพง ผมดึงหูฟังออก แต่เสียงนั้นเงียบไปแล้ว ยกนาฬิกาขึ้นมอง คงได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว ผมล้วงหยิบหนังสือเดินทางจากแจ็คเก็ตมาถือไว้ ลุกขึ้นคว้ากระเป๋าคอมพิวเตอร์เดินตรงไปยังทางเข้า
 
ผมก้าวผ่านช่องตรวจร่างกาย ให้เขาตรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า ทุกอย่างก็เหมือนทุกครั้งที่ผมเดินทาง หลังจากเรียบร้อยผมก็เดินไปตามเส้นทางเพื่อขึ้นเครื่อง
 
พอได้ที่นั่งของตัวเอง ผมก็สวมเข็มขัดนิรภัย ปิดเปลือกตาลงโดยไม่สนใจฟังสาวสวยทั้งหลายสาธิตวิธีที่ผมแทบจะไปยืนตำแหน่งเดียวกับเธอแล้วทำแบบเธอได้แล้ว
 
เสียแต่ว่าหุ่นผมคงไม่ได้อรชรอ้อนแอ้นและมีสะโพกน่าจับแบบนั้น
 
แค่เปลือกตาผมสัมผัสกันเบา ๆ สติผมก็ถูกดึงให้หายไปกับความมืด ด่ำดิ่งสู่ห้วงแห่งความว่างเปล่า และอีกไม่นาน ผมคงได้เข้าไปเดินในดินแดนที่เรียกว่า ‘ความฝัน’ แน่ ๆ
 
 
 
 
ผมสะดุ้งตื่นอีกทีเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ผมลืมตามอง พอ ๆ กับที่แรงสั่นสะเทือนนั้นสงบลง
 
เครื่องคงตกหลุมอากาศ ผมหันไปมองวิวด้านข้าง เมื่อกี้นี้กำลังฝันดีเลย เมฆขาวลอยคว้างเต็มไปทั่วทุกพื้นที่มองกลาย ๆ ก็คล้าย ๆ กับผมกำลังล่องลอยอยู่บนนั้นซะเอง

บางทีผมอาจจะตื่นขึ้นมาในความฝันก็ได้ ผมยิ้มนิด ๆ ให้ความสวยงามนั้น
 
หลายชั่วโมงผ่านไป ผมก็ยังสิงสถิตอยู่บนท้องฟ้าดังเดิม ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำบ้าง แล้วก็เดินกลับมาหลับต่อ หลับแล้วหลับอีกอยู่อย่างนั้น เพราะการเดินทางมันใช้ระยะเวลาหลายชั่วโมง ผมหลับต่อไปอีกงีบ ก่อนสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงประกาศแว่ว ๆ ว่าใกล้จะถึงที่หมายแล้ว
 
ความตื่นเต้นโหมเข้ามาเล็ก ๆ ผมยิ้ม ขยับปรับเนื้อปรับตัวให้พร้อมกับแหล่งท่องเที่ยวอันใหม่
 
และทันทีที่เดินออกมาจากประตูทางออก ผมก็เห็นสาวงามในชุดไม่คุ้นตา ประกบมือเข้าหากันก้มต่ำแล้วพูดอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่คำที่ผมท่องมาเตรียมจะทักทาย
 
ผมยืนเอ๋อ นี่คือคำทักใหม่ของคนญี่ปุ่นเหรอ
 
ขณะที่ผมกำลังยืนตะลึงกับความงามของหญิงคนนั้นและภาษาแปลก ๆ ที่เธอใช้ เธอก็เดินยิ้มหวานเข้ามาหา แล้วคล้องดอกไม้ที่ร้อยไว้เป็นพวงที่คอผม มันทำจากดอกกล้วยไม้สีม่วงสลับดอกมะลิสีขาว กลิ่นมันหอมจรุงฟุ้งขึ้นมาเตะปลายจมูกไม่ต่างกับกลิ่นหอม ๆ จากตัวเธอ
 
หอมแปลก ๆ ยังไงบอกไม่ถูก เหมือนไม่ใช่กลิ่นน้ำหอม กลิ่นคล้ายแป้งเด็กมากกว่า
 
“Welcome to Thailand”
 
หะ! อะไรแลนด์ ๆ นะ?
 
ผมหันมองไปรอบ ๆ มีผู้หญิงแบบที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมกำลังทำแบบเดียวกันอยู่กับนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ
 
“ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ” เธอยิ้มหวาน ก่อนเขยิบตัวเคลื่อนที่ด้วยท่าทีสง่างามเดินไปคล้องดอกไม้ให้คนอื่นต่อ
 
ผมไปไม่ถูก หันมองไปรอบ ๆ ยังไม่เห็นสัญลักษณ์อะไรที่ผมพอจะอ่านได้ จึงตัดสินใจเดินออกไปด้านนอก ตามเส้นทางที่เขาเขียนเอาไว้ว่า “ทางออก”
 
“เวลคัมทูไทยแลนด์ค่ะ/ เวลคัมทูไทยแลนด์ครับ” ผมได้ยินเสียงพูดแบบนี้มาตลอดทั้งเส้นทางพร้อมรอยยิ้มหวานหยด
 
ผมจำได้แล้ว ‘ไทยแลนด์ ดินแดนแห่งรอยยิ้ม’
 
แต่ว่า…ผมต้องอยู่ที่ญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้!
 
ผมรีบล้วงหยิบพาสปอร์ตออกมาดู และสิ่งที่เห็นคือตราประทับเข้าไทยแลนด์ไม่ใช่เจแปนอย่างที่คิด
 
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
 
“Fuck!” ผมสบถเบา ๆ จะติดต่อเพื่อนตอนนี้ก็ไม่ได้ด้วย
 
“คุณ..มิสเตอร์เดวิดหรือเปล่าครับ ผมยงยุทธจากรีสอร์ตเมอรีน่ามารับคุณครับ” ชายผิวคล้ำท่าทางสุภาพ ในมือถือป้ายที่เขียนเป็นชื่อผมเดินเข้ามาถาม ผมพยักหน้าทีหนึ่งตอบรับ ดีว่าเขาพูดภาษาอังกฤษได้
 
“ที่นี่ประเทศไทยรึ”
 
เขาทำหน้างงตอนผมถาม
 
เอ้อ!..กูถามมึงนั่นแหละ เพราะคิดว่าที่นี่เป็นประเทศญี่ปุ่น
 
“ครับ ที่นี่ประเทศไทย ยินดีต้อนรับนะครับ” เขาส่งยิ้มไมตรีมาให้ อย่างน้อยผมก็รู้ว่าผู้คนที่นี่ใจดี ผมพยักหน้า คิดว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ
 
ผมกวาดมองไปรอบ ๆ เห็นชาวต่างชาติหลายคนเดินเข้าไปกอดหญิงไทยที่มายืนรอรับ คงเป็นแฟนกัน
 
เฮ้อ!.. เอาเหอะ ถือว่าได้เที่ยวแหล่งใหม่ละกัน ผิดเป้าไปหน่อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
 
 
ผมเดินไปขึ้นรถกับชายคนนั้น เขายิ้มสุภาพ ถามไถ่ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพาเอาผมรู้สึกผ่อนคลายตามไปด้วย
 
“คุณคิดไว้รึยังว่าอยากไปเที่ยวไหนเป็นที่แรก” เขาแทรกถามขึ้นขณะผมกำลังนั่งฟังเพลงสำเนียงไม่คุ้นหูแต่จังหวะเพราะ ๆ จากลำโพงเสียงดีข้างตัวรถ
 
“ไม่ได้คิดไว้เลย” ผมตอบ
 
“มีที่เที่ยวเยอะครับ รับรองคุณต้องชอบ มาอาทิตย์หนึ่งใช่ไหมครับ” เขาถามไปในขณะหมุนพวงมาลัยพารถเลี้ยวไปตามเส้นทางเลียบชายหาด ผมพอจะรู้แล้ว ว่าเป้าหมายของผมน่าจะเป็นทะเล
 
ก็ดี ไม่ได้เที่ยวทะเลมานานแล้วเหมือนกัน
 
ได้กลิ่นไอทะเลลอยคละคลุ้งกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกคึกคักยังไงบอกไม่ถูก แถมคนขับยังใจดีหมุนเปิดกระจกรถลงจนสุดเพื่อให้ผมได้สูดอากาศได้ถนัดถนี่ ผมมองสำรวจไปรอบ ๆ หูก็ยังเฝ้าฟังเพลงจากลำโพงอยู่
 
“นั่นเพลงอะไร” ผมถามเมื่อเพลงนั้นใกล้จบ
 
“ชอบเหรอครับ” จะว่าชอบก็ชอบ ฟังดูคึกคักแต่ก็นุ่มนวลไปในตัว
 
“เพลงพรหมลิขิตครับ ความหมายดี เขาบอกว่า คนเราถ้าได้เป็นคู่กันแล้วต่อให้อยู่ห่างไกลกันแค่ไหนก็จะวนเวียนมาเจอกันจนได้” เขาอธิบาย ซ้ำยังใจดีเปิดวนให้ผมฟังอีกรอบด้วย
 
ผมท่องจำชื่อของเพลงเอาไว้ “พรหมลิขิต” เพลงไทยเพลงแรกของผม
 
 
 
หลังจากพนักงานพาผมขึ้นมาบนห้อง ผมก็ออกมายืนรับลมอยู่ริมระเบียง วิวสวยใช้ได้เลยครับ เห็นทะเลได้ชัดแจ๋วเลย ผมยืดตัวสูดเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ ไอทะเลเค็ม ๆ กับสายลมร้อน ๆ กระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าจนผมอดรนทนไม่ได้ อยากออกไปเดินสำรวจด้านนอกเล่น ผมรีบเก็บของมีค่าบางอย่างไว้ในเซฟ คว้ากระเป๋าเงินกับคีย์การ์ดเดินตัวปลิวออกจากห้องไปทันที
 
ผมกวาดมองไปรอบ ๆ จำได้คร่าว ๆ ว่าที่นี่คือ ‘หัวหิน’ หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวหลักของเมืองไทย ไม่ห่างจากเมืองหลวงมากนัก แม้จะเป็นหาดส่วนตัวแต่ก็ไม่ได้เงียบเหงามากเท่าไหร่ มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเต็มไปหมด ซ้ำบางคนอาจมาจากที่เดียวกับผมด้วย
 
ผมชอบเดิน ผมจึงตัดสินใจถอดรองเท้าออก พับขากางเกงจนถึงหัวเข่า ย้ำฝ่าเท้าไปบนผืนทรายสีน้ำตาลอ่อน ต่ำลงไปเรื่อย ๆ กระทั่งน้ำทะเลซัดใส่หลังเท้าเบา ๆ บางจังหวะก็สูงขึ้นมาจนถึงน่อง ผมฉีกยิ้มกว้าง ก้าวเดินมองวิวมองน้ำ มองผู้คนบ้านช่องเรือนชานรวมถึงร้านอาหารริมทะเลไปเรื่อย ๆ
 
กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างสะกิดจมูกผมเบา ๆ ผมหันไปมอง สิ่งนั้นไม่เพียงแค่สะกิดจมูก แต่มันกำลังระเบิดต่อมน้ำลายผมให้ไหลพราก ต้นกำเนิดของกลิ่นเป็นรถเข็นขนาดหนึ่งเมตร มีควันลอยคลุ้งขึ้นกลางอากาศ และมีของโปรดของผมวางเรียงกันไว้บนตะแกรง ด้านล่างเป็นถ่านไฟร้อน ๆ สีแดงผสมดำ ผมรีบเบี่ยงเท้าเดินเข้าไปหาทันที
 
“เอาอะไรจ๊ะพ่อหนุ่ม” หญิงที่อายุน่าจะมากกว่าผมสักรอบถาม ผมยิ้มให้เธอไปที เธอยิ้มตอบพร้อมพลิกสิ่งนั้นไปมา
 
ผมชี้ไปยังเจ้าสิ่งที่นอนอยู่บนตะแกรงย่าง มันเป็นข้าวโพดครับ สีเหลืองอ๋อยอวบอ้วนทาเนยแล้วย่างจนผิวเปล่งแตกออกจากกัน ดูน่ากินและหอมอย่าบอกใครเชียว
 
“เอากี่ฝัก” เธอถามด้วยภาษาที่ผมฟังไม่เข้าใจ หน้าผมคงไม่ต่างกับหมางง เธอถึงได้หัวเราะร่วน
 
“ฟังไม่รู้เรื่องละสิ พ่อหล่อเอ้ย”
 
ผมยิ้มแหยงให้เธอทีหนึ่ง
 
“ทเวนตี้ไฟ้บาทเพอวัน” เธอบอกเป็นภาษาอังกฤษ สำเนียงแปลกไปบ้าง แต่ผมก็พอเข้าใจ พยักหน้าชี้บอกเอาอันที่ใหญ่ที่สุด
 
หึ ๆ เปล่างกนะ แต่อันนั้นมันน่ากินที่สุดนี่นา
 
เธอจับพลิกซ้ายพลิกขวาอยู่สองสามที ก่อนหยิบใส่กระดาษซับมันสีขาวเอาใส่ถุงแล้วยื่นมาให้ผม ผมหยิบแบ้งค์ห้าสิบให้เธอ เพิ่งแลกกับทางรีเซฟชั่นมา เธอรับไปยัดใส่กระเป๋ากันเปื้อนที่หน้าท้อง ควานขยุกขยุยเพื่อหาเงินมาทอนให้ ผมโบกมือไหว ๆ
 
“ทิป”
 
เธอยิ้มจนเห็นฟันหน้าทั้งแผง คนไทยนี่ยิ้มเก่งจริง ๆ
 
“ขอบคุณพ่อหนุ่ม เที่ยวให้สนุกนะ แหม ทั้งหล่อทั้งใจดีแบบนี้ บุญรักษาพ่อหนุ่มนะ” เธอพูดอะไรสักอย่างที่ผมฟังแล้วไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม แต่ผมจะแปลเป็นภาษาของผมเองสั้น ๆ ว่า..‘ขอบคุณ’ ละกัน
 
ผมเดินไปกินเจ้าข้าวโพดหอมฉุยในมือไป เห็นผู้คนเดินเล่น เดินควงกัน และมีบางจุดที่เขานวดกันด้วย แต่ผมไม่ใช่พวกขี้เมื่อยเลยไม่สนใจเท่าไหร่ เดินไปแทะข้าวโพดไปสบายอุรา
 
พอข้าวโพดหมดฟัก ผมก็โยนแกนและถุงเปล่าทิ้งลงถังขยะ เหนียวมืออยากล้าง หิวน้ำแล้วด้วย ผมหันซ้ายหันขวา จนมองไปเห็นร้านอาหารอยู่ไม่ไกล ผมรีบเดินตรงดิ่งเข้าไปในร้านนั้นทันที
 
หลังจากล้างมือจนสะอาดสะอ้าน บ้วนปากอีกนิดหน่อยมองสำรวจว่าไม่มีฟาร์มข้าวโพดอยู่ในปากตัวเองแน่ ๆ ถึงได้เดินออกไปสั่งเครื่องดื่ม แล้วเลือกนั่งด้านนอกเพื่อมองวิวทะเล
 
หันไปเห็นโบชัวร์มากมายวางไว้บนชั้นข้างตัว พร้อมหนังสือแนะนำการท่องเที่ยวและนิตยสารภาษาอังกฤษอีกหลายอย่าง ผมเอื้อมหยิบมาอ่านทันที
 
อย่างน้อยผมก็อยากรู้อะไรเกี่ยวกับเมืองไทยบ้าง ผมนั่งอ่านไปเรื่อย ๆ จากเย็นไปจนถึงค่ำถึงได้กลับเข้าที่พักต่อ 
 
 
 
 
สี่ทุ่มแล้ว ผมเดินออกไปยืนนอกระเบียง แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วคืนนั้นผมก็ได้สัมผัสพระจันทร์แรกของเมืองไทย
 
สวยดีครับ
 
เพื่อนผมจองที่พักไว้ให้ผมอาทิตย์หนึ่ง ผมก็ใช้ช่วงเวลานั้นไปกับการเล่นน้ำทะเล ดำน้ำดูปลา ขี่เจ็ทสกี เดินตลาดโต้รุ่ง ดูวิถีชีวิตคนไทย ขับรถสำรวจรอบเมือง ทำทุกกิจกรรมด้วยความสนุกสนาน บ้างก็ซื้อทัวร์กลุ่มไปลั่นล้ากับคนอื่น ๆ บ้าง ได้เพื่อนใหม่มาเพียบเลย
 
จนถึงวันสุดท้าย แอบเสียดายหน่อย ๆ เพราะรู้สึกเหมือนเที่ยวยังไม่คุ้มเลย ยิ่งเที่ยวยิ่งเห็นว่ามีที่อื่นให้เที่ยวอีกเยอะแยะเต็มไปหมด
 
ผมพับของใส่กระเป๋า กวาดมองไปรอบ ๆ อีกทีเพื่อเช็คความเรียบร้อย พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้ามืด จะได้ไม่ฉุกละหุก
 
 
 
ผมตัดสินใจออกไปเดินเล่นเพื่อล่ำลาสถานที่เป็นครั้งสุดท้าย ผมเดินลัดเลาะไปตามแนวต้นมะพร้าว ย่ำผืนทรายฝากรอยเท้าเอาไว้ แม้สักวันมันจะเลือนหาย แต่ความรู้สึกของผมคงไม่ลืมเลือนแน่ ๆ
 
ผมเดินเล่นไปเรื่อย ๆ จนเห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินควงกันมา หญิงคนนั้นสวยเอามาก ๆ ผู้ชายเป็นชาวต่างชาติ หน้าตาดีไม่หยอก ผมรู้มาว่าหญิงไทยชอบผู้ชายฝรั่ง ส่วนมากก็เพื่อหารายได้ไปจุนเจือครอบครัวนั่นแหละ ผู้หญิงบางคนก็สวย ผู้หญิงบางคนก็ไม่ แต่ที่แน่ ๆ ไม่มีสเป็คผมเลยสักคน
 
ยังไงผมก็ชอบผู้หญิงชาติเดียวกันอยู่ดี และคงไม่มีหญิงไทยคนไหนสวยถูกใจ….
 
ผมหยุดความคิดตัวเองลงชั่วขณะเมื่อหันไปเห็นใครบางคนยืนเด่นอยู่ตรงนั้น
 
ผมยืนนิ่ง เหมือนทุกอย่างรอบตัวถูกสั่งให้หยุดหมุน เธอยืนยิ้มหันหน้ามาทางผม แต่เธอกำลังก้มคุยอยู่กับใครอีกคนที่ตัวเล็กกว่า น่าจะเป็นน้องชาย เธอสวยเอามาก ๆ สวยจนผมเผลอสะกดสายตาตัวเองไว้
 
ผมเธอยาวระกลางหลัง พอถูกสายลมพัดโหมก็พลิ้วปลิวขึ้นมาระแก้ม แต่เจ้าตัวก็ไม่คิดจะเกลี่ยออก ชุดว่ายน้ำแบบทูพีชบนลำตัวมีผ้าขาวปิดเฉียงไว้ที่สะโพก ผมเห็นผู้หญิงใส่ชุดแบบนี้มานักต่อนัก แต่ไม่เคยมีใครที่ทำให้ผมสะดุดใจได้เท่านี้มาก่อน เรือนร่างที่โผล่พ้นออกมาได้สัดส่วนแทบจะทุกตารางนิ้ว แถมยังมีกล้ามเนื้อนิด ๆ อย่างคนที่ชอบออกกำลังกายอีกต่างหาก
 
ผมมองอยู่สักพัก แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงได้รู้สึกว่าตัวเองกำลังเข้าใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกที ผมก็มายืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว แต่เธอไม่ได้สนใจมอง
 
“Excuse me..” ผมเผลอทักเธอออกไป ทั้งคู่หยุดเสียงที่กำลังสนทนากันอยู่หันมามอง “ I’m Devid, Ah...And you? Can u walk with me”
 
ผมเห็นเธออ้าปากตาค้างนิด ๆ
 
น่ารักพิลึก
 
“ตามสบายนะพี่ ผมไปหาไอ้เต้ยก่อนละ” เด็กหนุ่มรีบโบกมือไหว ๆ หันหลังวิ่งลิ่วจากไป
 
“เดี๋ยว!!” เหมือน ๆ เธอจะรั้งไว้
 
“เอ่อ…” ผมรีบเบรกเธอไว้ ก่อนเธอจะวิ่งตามไป
 
“Can u walk with me?” ผมถามย้ำอีกที เธอหันมามองหน้าผม ตอนแรกทำสีหน้ากระอักกระอ่วนก่อนตีสีหน้านิ่งเรียบเหมือนเดิม
 
“เอ่อ.. ผมเป็นนักท่องเที่ยว เพิ่งมาเมืองไทยเป็นครั้งแรก วันนี้เป็นวันสุดท้ายของผมแล้ว พรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับแต่เช้ามืด คะ คือ..ผมแค่อยากได้เพื่อนเดินเล่นเท่านั้น” ผมรีบออกตัวก่อน
 
“เพิ่งมาครั้งแรก แต่กล้าเข้ามาจีบเนี่ยนะ”
 
“หะ?” ผมออกเสียงเป็นคำถามเมื่อเธอพูดอะไรสักอย่างด้วยภาษาที่ผมไม่เข้าใจ
 
“คุณ..ยู..เอ่อ.. พูดอะไรวะ รู้งี้น่าจะฝึกภาษาไทยมาด้วยนะเนี่ย!” ผมสบถด่าตัวเองเบา ๆ เพราะคิดว่าเธอคงฟังภาษาอังกฤษไม่ออก
 
เธอยิ้มนิดหนึ่ง
 
“คุณฟังผมไม่รู้เรื่องใช่ไหม งั้นใช้ภาษามือนะ” ผมชี้โบ้ชี้เบ้ ทำมือทำไม้ประมาณว่า ไปเดินเล่นกัน แค่เดินเล่นเฉย ๆ ไม่คิดจะทำอะไรล่วงเกิน
 
“โว้ย!!” ผมโวยตัวเองอีกรอบ เธอหัวเราะใหญ่
 
หัวเราะไร คนกำลังเครียด
 
“ฉันพูดภาษาอังกฤษได้” เธอตอบหลังจากให้ผมพ่นภาษามือเป็นพัลวัน ผมอ้าปากค้าง
 
งั้น..ไอ้ที่กูสบถไปนี่รู้เรื่องหมดเลยใช่ไหม
 
“ร้าย” ผมเผลอพูดออกมาเบา ๆ เธอหัวเราะชอบใจใหญ่
 
“ไปสิ อยากไปเดินเล่นไม่ใช่เหรอ” เธอชวน ผมพยักหน้าขึ้นลงเดินเคียงไปกับเธอ
 
เธอเป็นผู้หญิงที่สวยครับ สวยเอามาก ๆ เลย ผมแทบไม่ได้มองด้วยซ้ำ ว่าวิวด้านข้างเป็นแบบไหน เพราะสายตาผมถูกสะกดเอาไว้ที่คนข้าง ๆ เธอมีท่าทีสบาย ๆ ก้าวเดินช้า ๆ มองวิวมองน้ำ มือก็เกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าไปพลาง 
 
เราแทบไม่ได้พูดอะไรกัน นอกจากเดินเคียงกันไปเฉย ๆ สายลมพัดโหมแรงขึ้นจนผมที่เธอเกลี่ยออกเมื่อกี้กลับมาระหน้าเธออีกรอบ เห็นแล้วรำคาญแทน อยากเกลี่ยออกให้จัง
 
มือผมคงไวเท่าความคิด เธอมองหน้าผมตอนนิ้วผมคลี่กวาดเส้นผมบางส่วนไปทัดหูเธอไว้ ผมรีบชักมือกลับทันที
 
“ขอโทษ คิดว่าคุณคงรำคาญ”
 
“อืม..รำคาญจริง ๆ นั่นแหละ”
 
เอ๊ะ?
 
หมายถึงผมด้วยหรือเปล่า
 
เห็นเธอยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ผมชี้นิ้วใส่หน้าตัวเองก่อนชี้ไปที่เส้นผมของเธอเพื่อขอคำตอบ เธอหัวเราะอีกที ชี้นิ้วใส่ผมตัวเอง ผมถอนหายใจโล่งอก
 
ยอมรับวินาทีนั้นเลย ผมตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้เข้าให้แล้ว
 
 
 
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ ผมพยายามพาเธอเดิน เดิน เดิน แล้วก็เดิน จนสุดท้ายเธอก็ขอตัวกลับไปหาเพื่อน ๆ ต่อ อยากรั้งเธอไว้ แต่คงไม่สามารถ ผมรีบขอเบอร์ติดต่อพร้อมอีกเมล รวมถึงพวกเฟสบุคหรือ    ทวิตเตอร์ถ้าเธอมี ซึ่งเธอก็ใจดีให้มาหมด
 
ผมรู้ว่าหญิงไทยชอบหลอกคนต่างชาติ และผมก็พอจะรู้คร่าว ๆ แล้ว ว่าทำไมพวกเขาถึงได้ยอมให้หลอก
 
ก็หญิงไทยออกจะสวยงามและน่ารักขนาดนี้นี่น่า
 
ถึงเสียดาย แต่ก็ต้องยอมบอกลาเธอ แล้วผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเบอร์โทรและอีเมลรวมถึงอะไรหลาย ๆ อย่างที่เธอให้มานั้นจะเป็นของจริงทั้งหมด
 
 
 
พอกลับถึงห้อง ผมรีบอาบน้ำล้างตัวเอาคราบไอทะเลออก เดินไปเปิดคอม แอดเมลหาเธอทันที และหวังว่าเธอจะตอบกลับในเร็ววัน ผมปิดคอมแพ็คลงกระเป๋า เดินไปทิ้งตัวลงนอน พยายามข่มตาให้หลับ แต่จนแล้วจนรอดผมก็ทำไม่ได้สักที เพราะพอหลับตา ก็มีแต่ใบหน้าของเธอวนเวียนเต็มไปหมด ใบหน้าที่กำลังยิ้มแย้ม ยามนิ่ง หรือหัวเราะขบขัน ทุกอย่างวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา ราวกับวีดีโอที่ถูกตั้งไว้ให้เปิดเองอัตโนมัติ
 
จวบจนถึงเวลาเดินทาง ผมอาลัยอาวรณ์กับที่นี่เอามาก ๆ แบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ทั้งผู้คนที่ผมได้รู้จัก ทั้งสถานที่ที่ผมเคยไปเที่ยว รวมไปถึงใครอีกคนที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของผมตอนนี้ ใครคนนั้นที่ให้เบอร์ติดต่อผมไว้
 
และทันทีที่เดินทางกลับถึงประเทศ ผมรีบเคลียร์งานที่ค้างคาไว้จนหมดแล้วยื่นทำเรื่องเพื่อขอเดินทางกลับไปประเทศไทยอีกครั้ง   
 
กลับไปเพื่อเจอใครบางคน ที่คว้าหัวใจผมไว้ในกำมือ
 
ผมจะกลับไปแน่นอนครับ ^^


To Be Con...

เป็นอีกคู่ที่คนเขียนชอบมากกกก คนเขียนนี่สาวกพี่กิ๊ฟเลย เลิฟ

อ่านคั่นเวลาพี่เอกน้องกายกันสักสี่ตอนนะค่ะ







Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM                 
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Special เดกิ๊ฟ 1/4 [p.26 D.26-9-60] ตกหลุมรัก
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-09-2017 21:19:39
เดนี่ได้ใจคนแก่ไปเต็ม ๆ เลย คิดว่ากิ้ฟคงคุมเดอยู่นะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Special เดกิ๊ฟ 1/4 [p.26 D.26-9-60] ตกหลุมรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-09-2017 21:51:47
เดวิด หลงเสน่ห์สาวไทย มาชอบพี่กิ๊ฟสุดห้าวซะด้วย
คงได้เจอลูกเล่นจากพี่กิ๊ฟแน่ๆ   o18  o18  o18
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Spe. เดกิ๊ฟ 2/4 [p26 D.27-9-60] สวย เท่ รั่ว หื่น
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 27-09-2017 18:59:40

Kiss Love Special เดกิ๊ฟ Part 2/4 ตอน สวย เท่ รั่ว หื่น

             


“เอาจริงเหรอ เดวิด” ไอ้เพื่อนตัวดีถามย้ำอีกที มองผมกำลังแพ็คของลงกระเป๋า
 
“อืม กูแน่ใจ”
 
“เฮ่อ!! คนไทยนี่ทำยังไงน้า ถึงได้ทำให้คนอื่นหลงรักได้ง่าย ๆ ขนาดนี้”
 
“ทำไงไม่รู้ว่ะ รู้แค่ว่า กูชอบเธอ”
 
“เอ้อ ตามใจมึงละกัน ระวังโดนหลอกไว้ล่ะ”
 
“ไม่ต้องห่วง” ผมบอก ต่อให้โดนผมก็ยอม
 
ผมยิ้มนิด ๆ ยัดเสื้อตัวสุดท้ายลงกระเป๋า ดึงซิปจากหัวถึงท้าย ขนาดของกระเป๋าดูตุงมากกว่าทุกครั้ง เพราะผมกะจะไปแบบไม่มีกำหนดกลับ
 
จะไปคว้าหัวใจของใครบางคนมาไว้ในมือให้ได้
 
“โชคดีละกัน” มันตบบ่าผมเบา ๆ ผมหยักหน้า ลากกระเป๋าเดินออกจากห้องไป
 
ครั้งที่แล้วไปด้วยความผิดพลาด แต่ครั้งนี้ 'ไม่'
 
 
ผมจำความรู้สึกตอนที่นั่งกระสับกระส่ายอยู่หน้าจอคอมหวังให้เมลที่ผมแอดไปได้รับการตอบรับ แต่ผ่านไปร่วมอาทิตย์ ความหวังของผมเริ่มหรี่แสงน้อยลงไปเรื่อย ๆ เหมือนหิ่งห้อยตอนแบตหมด
 
แต่เย็นวันศุกร์นั้น วันที่ผมเพิ่งกลับมาจากส่งงานมหาโหด ผมก็ได้รับข่าวดี ผมแทบจะตีลังกาห้าตลบ ผมบอกเธอว่าผมจะกลับเมืองไทยไปหาเธอแน่นอน
 
และตอนนี้ผมก็พร้อมแล้ว
 
 
เป็นครั้งแรกแฮะที่ผมนั่งเครื่องโดยไม่หลับ ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะพูดอะไรกับเธอดีตอนพบเธอ คิดประโยคดี ๆ ไว้เพียบเลย ตาแข็งมาก ทั้งที่ปกติขึ้นเครื่องตาจะปรือแท้ ๆ
 
ผมหันไปเห็นหญิงไทยกับชาวต่างชาติคุยกันกะหนุงกะหนิง แอบอิจฉาเล็ก ๆ แฮะ หวังให้คนคนนั้นเป็นตัวเองบ้าง ทันทีที่เท้าแตะพื้น ทุกอย่างเหมือนเดิม ทั้งรอยยิ้มหวาน ๆ และพวงมาลัยคล้องคอ วันนี้ผมฝึกภาษาไทยมาด้วย หลายประโยคเลย ผมกะจะพูดให้เธอประทับใจซะหน่อย
 
เธอบอกว่าจะมารับ (ผมขอร้องแกมบังคับเธอนิดหน่อย) พอผมได้คุยกับเธอทางเมล ถึงรู้ว่าเธอเป็นพวกตรง ๆ กว่าจะอ่อนหวาน ผมยืนหันซ้ายหันขวา มองหาสาวงามคนนั้น จนรู้สึกว่ามีใครมาสะกิดหลัง
 
ผมหันไปมอง เลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัย เพราะคนที่มาสะกิดเป็น เอ่อ..ผู้หญิงหรือผู้ชาย ผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่งเนื้อแต่งตัวเท่เอามาก ๆ ผมมองด้วยความแปลกใจยิ่งกว่าเดิม

แต่พอเธอคลี่ยิ้มเท่านั้นแหละ
 
“คุณ” ไอ้คำพูดที่ผมเตรียมไว้ หายไปหมดเลย
 
“จำไม่ได้?” เธอถาม ผมพยักหน้ายอมรับตรง ๆ เธอหัวเราะหึ ๆ พยักหน้าทีเดียวให้ผมเดินตาม ผมมองผู้หญิงตรงหน้าอึ้ง ๆ
 
นี่เธอเป็นเลสเบี้ยนงั้นเหรอ
 
“คุณเป็นเลส?” ผมถามตรง ๆ เธอหันมามอง ยกยิ้ม(ที่ดูร้ายกาจนิด ๆ)มาให้
 
“คิดเอาเอง” เธอบอก
 
ผมงงนิด ๆ แต่เธอก็ยอมให้ผมจีบนี่น่า
 
“ไม่เป็นไร ผมจะจีบคุณ ผมชอบคุณ” ผมพูดตรง ๆ เธอหันมายิ้มให้อีกที
 
“เอาให้รอดละกัน”
 
ตรงครับ ผู้หญิงคนนี้ตรงมาก ไม่ได้ขี้อายเหมือนสาวไทยทั่วไป
 
 
เธอพาผมไปส่งที่โรงแรม เธอรออยู่ชั้นล่างตอนผมเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บ ผมรีบลงมาด้านล่างทันทีไม่อยากให้เธอรอนาน ผมพาเธอไปนั่งในร้านอาหารของทางโรงแรมนั่นแหละ

เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและมีเสน่ห์เอามาก ๆ คนมองกันใหญ่ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ถ้าคิดจะจีบคนคนนี้ ถ้าไม่เดินหน้าและไม่บ้าพอ คงปิ๋วแน่ ๆ แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอก
 
เพราะผมรักเธอไปแล้ว
 
“คุณชอบกินอะไร” ผมรีบถาม ขอเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเธอก่อน
 
“กินได้ทุกอย่าง” เธอบอก หันไปยื่นเมนูให้กับพนักงานโดยไม่สั่งอะไร นั่นหมายความว่าผมต้องทำหน้าที่สั่งอาหารแทน เธอยิ้มหวานให้กับพนักงาน จนพนักงานคนนั้นแก้มแดงแป๊ด
 
แหมะ มีเสน่ห์จริง ๆ
 
“แต่ไม่มี‘ทุกอย่าง’ให้คุณแฮะ เมนูนี้อยู่ตรงไหน” ผมปล่อยมุก เธอชะงักหันมามองหน้าผม ผมยิ้มให้เธอนิดหนึ่ง
 
“มีสิ” เธอบอก คราวนี้เป็นผมเองที่งง เธอชี้มาที่ความว่างเปล่าตรงท้ายเมนู
 
“นี่ไง สั่งให้หน่อย” คราวนี้เป็นผมเองที่อ้าปากค้าง เธอเลิกคิ้วท้าทาย ผมชั่งใจอยู่พัก ขืนไม่สั่งอะไรให้คงเสียเชิงหมด
 
“งั้นขอทุกอย่างที่อร่อย แต่เอาแค่พอกินอิ่ม” ผมหันไปสั่ง พนักงานทำหน้างง ส่วนคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามหัวเราะผมหึ ๆ
 
“งะ งั้นหนูขอแนะนำเมนูสุดฮอทของร้านนะคะ” เธอตะกุกตะกักบอกด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่งประหลาด
 
ผมหยักหน้า
 
“ผมสั่งทุกอย่างให้คุณแล้ว”
 
คราวนี้เธอหัวเราะออกมาเสียงดังเลย
 
เธอนั่งชิลล์ ๆ ผมก็นั่งมองหน้าเธอชิลล์ ๆ เหมือนกัน เป็นผู้หญิงที่อยู่ด้วยแล้วให้ความรู้สึกสบายชะมัด 
 
เธอนั่งคุยอยู่กับผมจนถึงค่ำ แล้วเธอก็ขอตัวกลับ ผมให้เงินค่ารถเธอนิดหน่อยตามธรรมเนียมชายฝรั่งหญิงไทยที่ผมรู้มา แต่เธอปลายตามองตอบเรียบ ๆ
 
“ฉันมี” แล้วเธอก็เดินจากไป
 
ผมยิ้ม
 
ตอนนี้ผมเริ่มมั่นใจแล้วว่าเธอไม่ได้มาหลอกผมแน่ ๆ
 
“กิ๊ฟ” ผมเรียก เธอหันมามอง ผมไม่รู้ว่าผมจะเรียกเธอไว้ทำไม แต่ตัวผมไปเร็วกว่าความคิดเสมอ ผมจับแขนเธอไว้ ดึงเบา ๆ เข้าหาตัว แล้วก้มจูบเบา ๆ ที
 
“ขอบคุณ”
 
เธอตาโตนิด ๆ ผมว่าน่ารักดีนะ คิดว่าคงไม่มีใครเคยจูบเธอมาก่อนแน่ ๆ
 
ตอนแรกก็คิดว่าเธอจะต่อว่า แต่เธอกลับหน้าแดง หันมองไปทางอื่น ผมยิ้มทันที
 
“ไปล่ะ” เธอรีบโบกแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมา เปิดประตูก้าวขึ้นรถไปเลย
 
ผมยืนฉีกยิ้มอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า ผมมีเบอร์เธอแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือหาซื้อโทรศัพท์ เอาไว้โทรหาเธอเท่านั้น
 
 




 
 
ภารกิจพิชิตใจหญิงของผมยังคงมีต่อไป ยิ่งคบผมยิ่งรู้ว่าเธอเป็นคนไม่ธรรมดา แต่ยิ่งทำให้ผมหลงรักเธอมากขึ้นและมากขึ้น เธอชอบแข่งรถ เธอชอบการต่อสู้ และผมก็ได้ไปดูเธอแข่งบ่อย ๆ ด้วย
 
วันนี้ก็เหมือนกัน
 
ผมยืนตื่นเต้นอยู่ในสนามแข่ง เธอไปเตรียมตัวอยู่ สักพักเธอก็เดินเท่ออกมา ผมยืนตะลึง ใครจะว่าผมแปลกไหม แต่ผมชอบที่เธอแต่งตัวแมน ๆ แบบนี้นะ
 
“เท่สุด ๆ ไปเลย” ผมเผลอชมเหมือนคนละเมอ เธอหัวเราะใหญ่
 
“นายก็ด้วยแหละ” เธอพูดแค่นั้นแล้วหันหลังเดินจากไป
 
หะ!?
 
เมื่อกี้ผมได้ยินอะไรผิดไปไหม เธอชมผมด้วย ยิปปี้!! ผมรีบเดินตามหลัง คว้าแขนเธอแล้วจับเธอบ๊วบไปหนึ่งที ดูเธอจะอึ้ง ๆ

มีแค่ตอนเดียวเท่านั้นแหละที่ทำให้เธอหลุดมาดแมนได้ ก็ตอนที่ผมจูบเธอนี่แหละ
 
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไร สต๊าฟก็มาเรียกตัว
 
เธอเดินไปที่รถ โดยมีผมเดินตามไปให้กำลังใจติด ๆ เห็นเขาพูดคุยอะไรกันด้วยภาษาไทยที่ผมยังฟังไม่เข้าใจ สักพัก กิ๊ฟก็สวมหมวก ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซด์ เธอชอบขี่มอไซด์มากกว่ารถใหญ่ แต่ก็แข่งได้ทั้งคู่ วันนี้เธอแข่งมอเตอร์ไซด์ ผมยืนลุ้น ใจหนึ่งก็ห่วงความปลอดภัย แต่อีกใจก็ไว้ใจ
 
ผมรู้ว่าเธอทำแบบนี้มานาน และนี่คือสิ่งที่เธอชอบ และผมก็ไม่ควรจะเข้าไปก้าวก่าย ห่วงได้แต่ห้ามหวงและห้ามห้าม โดยเฉพาะกับสิ่งที่เธอชอบ
 
ธงโบกสะพัด กิ๊ฟสตาร์ทเครื่อง เร่งจนเสียงดังสนั่น และออกตัวไปอย่างรวดเร็ว ผมยืนมองอยู่ตรงนั้น ตรงจุดที่ผมเช็กแล้วว่าเห็นเธอได้ชัดที่สุด
 
ผมยืนลุ้น มองเธอพาตัวรถเอียงจนแทบจะนอนราบไปกับพื้น เทคนิคเธอแพรวพราวและไม่กลัวเจ็บ เธอจึงทิ้งห่างคู่ต่อสู้ไปหลายช่วงตัว เวลาที่เธอขับรถ เธอจะนิ่งมาก ตัวที่เล็กกว่าผมจะดูภูมิฐานและใหญ่โตขึ้นมาทันที ทุกอย่างรังสรรค์ให้ผู้หญิงคนนี้ เป็นยอดหญิงจริง ๆ
 
รางวัลตกเป็นของเธออย่างไม่บิดพลิ้ว เธอถอดหมวกออกมายิ้ม จับมือกับเพื่อน ๆ นักแข่ง
 
หลังจากรับรางวัลเรียบร้อย เธอก็เดินกลับมาหาพวกเรา
 
ผมหมายถึง ผมกับทีมงานเธอน่ะ ทุกคนดีใจ และแน่นอนว่าต้องมีการเลี้ยงฉลอง ผมรีบทำเนียน เกาะหนึบติดตัวเธอตลอด ซึ่งเธอก็ไม่ว่าอะไร
 
เธอเป็นคนดื่มเก่ง คอแข็งด้วย แต่เวลาเมา ชอบรั่ว ทำให้ผมหัวเราะบ่อย ๆ
 
“คุณพาเธอกลับละกัน” เพื่อนที่เป็นนักแข่งของเธอบอก เธอเองก็เมามากเหมือนกัน ดีว่ามีแฟนมารับ ผมพยักหน้า
 
ว่าแต่ แล้วผมจะพาเธอไปส่งที่ไหน อพาร์ทเม้นท์ของผมหรือบ้านของเธอ
 
ผมชั่งใจชั่วครู่ ก่อนเขย่าตัวเธอเบา ๆ
 
“กี๊ฟ บ้านคุณอยู่ไหน”
 
เธอปรือตามอง ยิ้มหวานจนผมเคลิ้ม
 
“บ้านคุณไง” เธอบอกอ้อแอ้ สภาพแบบนี้คงไม่รู้เรื่องแน่ ๆ ผมจึงตัดสินใจพาเธอกลับอพาร์ทเม้นท์ผมแทน
 
เธอตัวเล็กกว่าผมเยอะ สูงกว่าหญิงไทยทั่วไปแต่ก็เตี้ยกว่าผมมาก ผมพาเธอไปวางลงบนเตียง
 
แหม ผู้ชายครับ หญิงที่ชอบมานอนเมาแอ๋อยู่ตรงหน้า ซาตานในตัวผมมันก็เริ่มออกลาย แต่ผมไม่คิดทำร้ายเธอหรอก
 
หรือจะทำดี เพราะเธอเองก็ดูมีใจให้ผมแล้ว
 
“อยากใช่ม้า”
 
ผมสะดุ้งมองคนที่นอนตาเยิ้ม
 
“อยากกินฉันใช่ม้า กำลังคิดอยากจะทำเรื่องหื่น ๆ กับฉันใช่ม้า”
 
ผมอยากปฏิเสธ แต่ปากกลับตอบไปอีกอย่าง
 
“ใช่ ก็ผมชอบคุณ ที่สำคัญ น้องผมก็น่าจะชอบคุณด้วย” ผมชี้ให้ดูด้านล่างที่เริ่ม เอิ่ม…แล้ว
 
กิ๊ฟหัวเราะหึ ๆ
 
“หื่น”
 
“อย่ายั่วคนหื่นตอนเมาสิ”
 
“ไม่ได้ยั่ว…” เธอตอบ “แต่ยั่ว”
 
อ้าว เอ๊ะ ยังไง
 
“ถ้านายทำอะไรฉัน นายตาย!!” เธอขู่เสียงเข้ม “แต่ฉันทำอะไรนายได้” พูดจบ เธอก็กระชากผมลงไปนอนแหมะที่เตียง แรงเยอะไปไหน ผมนอนตาโต เธอขึ้นมาคร่อมร่างผมไว้ ชุดเท่ ๆ ของเธอไม่ได้บดบังหุ่นอ้อนแอ้นของเธอแม้แต่น้อย
 
ผมนอนนิ่ง กำลังคิดอยู่ว่าเธอจะทำอะไร
 
“ยอมเป็นของฉันซะดี ๆ”               
เธอพูดแค่นั้นแล้วก้มจูบผม
 
ผมทำหน้าตื่น คือไม่ได้กลัวหรืออะไร แต่แค่แปลกใจว่าจะมีใครกล้าทำแบบนี้ เพราะเท่าที่ผมรู้มา ผู้หญิงไทยจะไม่รุกแบบนี้
 
จูบเก่งซะด้วย แป๊บเดียวผมก็เคลิ้มและจูบตอบเธอ
 
เมื่อเธอเริ่มก่อน ผมก็ไม่ผิดที่จะตอบสนองใช่ไหม
 
“งั้นผมขอละนะ” ผมละปากออกมาบอก จับเธอพลิกลงไปนอนข้างใต้ แต่เธอพลิกตัวกลับขึ้นไปด้านบนเหมือนเดิม
 
“ฉันชอบรุกไม่ได้ชอบรับ”
 
ผมงง ก่อนจะหายงงเมื่อเธอเป็นฝ่ายลงมือกินผมซะพรุนทั้งตัว
 
เฮ่อ! ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจจริง ๆ
 
แต่ผมก็ชอบละนะ ฮ่า ๆ
 
 
 
 
 

 
ผมสะลึมสะลือตื่นอีกทีตอนเช้า คนสวยของผมยังนอนแหมะคว่ำหน้าเปลือยแผ่นหลังขาว ๆ อยู่เลย กิ๊ฟมีรอยสักรูปดอกกุหลาบอยู่ที่หัวไหล่ ลายสวยเอามาก ๆ ผมจูบมันเบา ๆ
 
เธอสะลึมสะลือตื่น ผมยิ้มรับอรุณเธอ
 
“อยากกินพิซซ่า”
 
“หะ!?” ผมเหวอรับประทาน
 
“ใช้งานเยอะ เหนื่อย อยากได้พิซซ่า” ผมเหวออีกที คิดว่าเธอจะเอียงอายหรือโวยวายบ้าง
 
แต่นี่..
 
“พิซซ่า” เธอย้ำ ผมรีบพยักหน้า เดินไปหยิบมือถือมาโทรสั่งพิซซ่าทันที เธอยังนอนอุตุอยู่บนเตียงท่าเดิม
 
“เอ่อ…”
 
“ฟี้…” เธอหลับไปอีกรอบ ผมหัวเราะหึ ๆ มองให้แน่ใจว่าเธอหลับจริง ๆ ผมลุกเดินไปอาบน้ำ พอแต่งตัวเรียบร้อย พิซซ่าก็มาทันที
 
สงสัยกลิ่นพิซซ่าคงไปแตะจมูกคนนอนเข้า เธอผงกหัวโผล่หน้าเบลอ ๆ มอง
 
“ชิ้นหนึ่ง” เธอบอก ผมรีบหยิบให้เธอทันที เธอรับไปงับทั้งที่ยังนอนคว่ำหน้าอยู่ ผมเดินไปหยิบน้ำหวังเอามาให้ แต่พอหันกลับมาผมก็ต้องอ้าปากเหวอ เพราะกิ๊ฟหลับไปอีกรอบแล้ว แถมในปากยังงับพิซซ่าค้างไว้ท่าเดิมอีกต่างหาก
 
ไม่รู้ว่าผมจะขำหรือจะอะไรยังไงกับผู้หญิงคนนี้ดี
 
ผมปัดท้ายทอยตัวเองเบา ๆ วางน้ำไว้ เดินเข้าไปใกล้ แล้วก้มจุ๊บหน้าผากเธอที หยิบพิซซ่าหวังเอาออกจากมือเธอไปเก็บ
 
“เอาพิซซ่ามา!!” เธอตะโกนห้ามเสียงดังจนผมสะดุ้ง ผมค้างมือไว้กับที่ มองเหวอ ๆ แล้วดวงตาเธอก็ค่อย ๆ ปรือปิดลงไปอีกครั้ง ผมพยายามพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้น สุดท้ายผมก็ปล่อยพิซซ่าไว้ที่เดิม
 
บางทีเธออาจจะเก็บเอาไว้กินในฝันก็ได้
 
 
 
จวบจนบ่าย พิซซ่าแห้งได้ที่ กิ๊ฟก็ตื่น เธอทำหน้างง ๆ มองพิซซ่าที่ปากและมือตัวเอง
 
“จะกินหรือจะทิ้ง” ผมถามยิ้ม ๆ เธอเกาหัวแกรก ๆ จนหัวฟูไร้ทรงลุกขึ้นนั่งแบบไม่อาย เห็นแล้วอยากปล้ำอีกรอบ
 
“หิว พิซซ่า” เธอเอาผ้าห่มพันรอบตัวเดินหัวฟูมานั่งที่โต๊ะ
 
“มันชืดแล้ว เดี๋ยวผมเอาไปอุ่นให้ก่อน” เธอส่ายหน้า
 
“ไม่เป็นไร กินได้”
 
ผมพยักหน้ารับ นั่งมองเธอกิน ลิ้นเล็ก ๆ แลบออกมาเลียเศษพิซซ่าที่ติดอยู่ตรงริมฝีปาก เห็นแล้วเซ็กซี่ดี
 
“คุณน่ารักดี สวยด้วย บางทีก็หล่อ” ผมพูดตรง ๆ เธอเหลือบตามอง
 
“ฮอบคุณ” เธอพูดด้วยอู้อี้ภาษาไทยไม่ชัด ผมเริ่มจับได้บางคำบ้างแล้ว(พูดได้ด้วย)
 
เธอน่ารักครับ ยิ่งอยู่ด้วย ผมยิ่งรัก
 
แม้เธอจะแปลก
 
แม้เธอจะห้าว แถมหื่นด้วย ผมก็ยังรักเธออยู่ดี
 
 
 
 To Be Con..

นั่งขำตอนพี่เดโดนขืนใจ ฮ่า ๆ ฮากับการชอบกินพิซซ่าหลังภารกิจหนักด้วย แต่งไว้นานมากคู่นี้ เก็บไว้จนลืม = =  โอ๊ย ขำพี่กิ๊ฟเหลือหลาย
               
 
 
 
 
 

Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM         
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ Spe. เดกิ๊ฟ 2/4 [p26 D.27-9-60] สวย เท่ รั่ว หื่น
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-09-2017 23:02:41
กิ้ฟ หลานจะแมนเกินไปปะ เรื่องบนเตียงกับพิซซ่าเนี่ยนะ เล่นเอาคนกลัวอึ้งไปเลยนะเนี่ย  :o :sad3: o21 :freeze:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #เดกิ๊ฟ 3/4 [p26 D.29-9-60] นรกชังหรือสวรรค์แกล้ง
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 29-09-2017 19:25:17
Kiss Love Special เดกิ๊ฟ Part 3/4 ตอน นรกชังหรือสวรรค์แกล้ง

           
“นี่ ไม่คิดจะกลับประเทศรึไง” เพื่อนผมโทรทางไกลมาถาม ผมหัวเราะหึ ๆ
 
“ไม่ว่ะ กูจะอยู่กับแฟนกู”
 
“เฮ้ย เอาจริงดิ ใครวะ ทำให้แกหลงได้ขนาดนั้น”
 
“ก็คนธรรมดา” ผมเหลือบตามองคนธรรมดาของผม วันนี้เธอพั้งเต็มยศครับ กรีดตาจนเฉี่ยว เล็บเป็นสีดำสนิท แต่งตัวซะเท่(เป็นช๊อปครับ) “แค่นี้นะ ต้องออกไปข้างนอก”
 
“ไอ้นี่ หลงหญิงลืมเพื่อน”
 
“คงงั้น” ผมตอบรับ เก็บมือถือลงกระเป๋า ลุกเดินไปหยิบกุญแจรถ ผมตัดสินใจซื้อรถไว้ใช้เองแล้ว ตอนเดินทางกลับค่อยยกให้กิ๊ฟ บ้านเธอมีฐานะใช้ได้ครับ ไม่ได้ง้อผมแม้แต่น้อย ที่สำคัญ เวลาเธอแข่งรถครั้งหนึ่ง ชนะมา ได้เงินอยู่มากโข
 
เธอไม่ชอบให้ผมทำตัวสวีทมาก ให้คบกันอย่างเพื่อน เฮตามเธอ มีอะไรก็บอกกันตรง ๆ และต้องตามอารมณ์เธอให้ทัน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ก็สนุกไปอีกแบบ
 
 
“ตอนเย็นไปดูหนังกันไหม” ผมชวน เธอพยักหน้าหน่อย ๆ วันนี้เธอมีสอบ สมาธิเลยไม่ได้อยู่ที่ผมเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่ว่าหรอก แค่มีเธออยู่ใกล้ ๆ ถึงไม่ได้คุยกันก็โอเคแล้ว
 
ผมขับรถไปส่งกิ๊ฟที่มหา'ลัย เมื่อคืนเธอมาค้างด้วยที่ห้อง บรรเลงซะผมแทบลุกไม่ขึ้น
 
ร้อนแรงไปไหน
 
ถ้าไม่แรงควายจริงสงสัยจะคบกับกิ๊ฟยาก ช่วงหลัง ๆ นี่ผมเข้าฟิตเนสด้วย หุ่นจะได้ดี ๆ เห็นเพื่อนเธอแต่ละคนนี่ ยอมรับ หล่อเทพกันทั้งนั้น ขืนไม่หล่อเทียบเท่าหรือหล่อกว่า คงเอาเธอไม่อยู่
 
กิ๊ฟยังอ่านหนังสือตอนที่ผมเลี้ยวรถเข้าไปในมหา'ลัยแล้วจอดเทียบไว้ที่ทางเท้าหน้าคณะ
 
“อ่านหนังสือบทรถมาก ๆ เสียสายตานะ” ผมบอก เธอเงยหน้ามอง ตอนแรกก็คิดว่าเธอจะวีนกลับซะอีก
 
“แต้งค์ที่ห่วง”
 
ผมงี้ไปไม่เป็นเลย ผมเกาท้ายทอยยิ้มแหะ ๆ และก่อนที่เธอจะก้าวลงจากรถ ผมก็จับเธอมาจุ๊บเบา ๆ ที
 
“ขอให้สอบได้นะ”
 
เธอพยักหน้ารับ ก้าวลงจากรถไปหาเพื่อนเธออีกสามคนที่เดินผ่านมาพอดี พวกนั้นยิ้มให้ผมนิดหนึ่ง ผมยิ้มตอบ เห็นพวกนั้นตบหัวตบหลังกันยกใหญ่ 
 
สงสัยนิสัยจะเหมือนกิ๊ฟกันทั้งกลุ่ม ผมหันกลับมาสตาร์ทเครื่อง เคลื่อนตัวรถออกจากที่เทียบอีกครั้ง แต่ไปได้ไม่เกินเมตรก็ต้องเบรกตัวลง เพราะเห็นของของกิ๊ฟอยู่ที่เบาะท้าย สงสัยมัวอ่านหนังสือเพลินเลยลืม ผมรีบดับเครื่อง คว้าสิ่งนั้นก้าวลงจากรถวิ่งลิ่ว ๆ ตามเธอไป
 
คนมองกันใหญ่ แต่ผมชินแล้วล่ะ ชาวต่างชาตินี่เนอะ
 
“กิ๊ฟ!!” ผมตะโกนเรียก พวกที่เดินคุยกันอยู่หันมามอง ผมแอบเขินหน่อย ๆ แต่พยายามข่มใจเดินเข้าไปหา
 
“ลืมของ”
 
เธอรับไปถือไว้ อยากทักทายอยากคุยต่อเหมือนกัน แต่เกรงใจเพื่อน ๆ เธอ ผมเลยหันหลังหวังเดินกลับ แต่ก็ต้องหมุนติ๋วกลับมาที่เดิมเพราะแรงดึงจากมือเล็กที่ผมคุ้นเคย และ..
 
โอ๊ยโย๊ยโหยว…
 
กิ๊ฟโน้มหัวผมลงไปจูบแล้วผละปล่อย เป็นผมเองที่ยืนอายไปกับการกระทำนั้น พวกเพื่อน ๆ กิ๊ฟพากันแซวใหญ่ ผมรีบหันหลังเดินไปก่อนที่ตัวผมจะละลายลงไปเคลือบกับพื้น
 
“โหย กิ๊ฟ มึงเล่นซะเขาอายม้วนเลยว่ะ”
 
หือ อะไรม้วน ๆ นะ หรือกิ๊ฟอยากกินทองม้วน ของโปรดเขาครับ ผมจำได้ขึ้นใจเลย ผมรีบเดินกลับไปที่รถ สตาร์ทตัวเครื่องขับเคลื่อนออกไป พอผ่านตลาดก็แวะซื้อทองม้วนไว้ให้กิ๊ฟกิน
 
 
 
 
 
 
 
ผมคบกับกิ๊ฟมาร่วมสองเดือนแล้ว และตอนนี้ผมกำลัง…
 
“อ้วก อึก อ้วก!!” ผมกำลังโก่งคออ้วกโดยมีกิ๊ฟยืนลูบหลังอยู่ด้านหลัง ในมือถือขวดน้ำเอาไว้ให้ล้างปาก
 
ไม่ต้องห่วง ผมยังไม่ได้ท้อง กิ๊ฟก็ยัง แต่วันนี้เธอพาผมออกมาซิ่ง
 
ย้อนกลับไปเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
 
“เด” เธอเรียกผมสั้น ๆ ผมหันไปมอง
 
“เลิฟมีเลิฟมายด็อกใช่ไหม” เธอพูดพาเอาผมงงเลย ผมมองหน้ากิ๊ฟ นี่เธอเลี้ยงหมาด้วยเหรอ
 
“งั้นนายก็ต้องรักหมาฉันด้วยสิ” ผมเหงื่อแตกพลั่ก หันมองตามใบหน้าที่พยักไปยังเป้าหมาย
 
“เอ่อ…อย่าดีกว่านะ ผมยังไม่พร้อมจริง ๆ”
 
“เลิฟมีเลิฟมายด็อก” ผมจะพูดอะไรได้ นอกจาก
 
“โอเคครับ รักก็รัก”
 
ผ่านไปร่วมชั่วโมง สิ่งที่ผมพยายามหลีกเลี่ยงที่สุดในชีวิตก็เกิดขึ้น ใครจะรู้บ้างว่าผมเป็นพวกกลัวความเร็ว ผมถึงได้หลับตอนอยู่บนเครื่องบิน หรือหลับทุกครั้งที่ขึ้นรถ ตอนขับรถก็ขับด้วยความเร็วมาตรฐาน หลีกเลี่ยงมากที่สุดคือนั่งรถกับกิ๊ฟนี่แหละ เพราะเธอจะพาซิ่งแหลก
 
“น้ำ” เธอยื่นน้ำมาให้อีกที ผมรับมากรอกใส่ปาก คายทิ้งแล้วปาดด้วยหลังมืออีกที ไม่ไหวหัวใจจะวาย
 
“เก่ง” เธอพูดสั้น ๆ แล้วจูบปากผมเบา ๆ ที “นายอ้วก”
 
ผมแทบจะร้องไห้กับฉายาใหม่ที่เธอตั้งให้ เธอหัวเราะหึ ๆ แต่ก็แอบดีใจครับ แล้วเธอก็จุ๊บผมอีกที
 
“แต่ฉันก็ชอบละนะ” คำนั้น พาเอาหัวใจผมรู้สึกฟิตปั๋งขึ้นมาทันที “งั้นอีกรอบ”
 
“ม้ายยยยยยยยยย”
 
 
 
 
 
 
ตอนนี้ผมกลายร่างเป็นศพไปแล้วครับ อ้วกไปหลายรอบจนไม่รู้ว่าจะมีอะไรไหลออกมาจากท้องผมได้อีก กิ๊ฟใจร้ายมาก ขนาดผมอ้วกแล้วอ้วกอีกก็ยังจะรั้งให้ผมนั่งรถจนผ่านไปครบสี่ชั่วโมง
 
..นรกมาก
 
ผมเดินสะโหลสะเหลออกมาจากห้องน้ำ หันซ้ายหันขวามองหาคนสวยของตัวเอง แต่ไม่เจอครับ สงสัยจะกลับไปแล้ว ผมเลยเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง เอาหลังมือพาดตาไว้หวังสั่งให้ตัวเองหลับเร็ว ๆ
 
ยังไม่ทันได้หลับอย่างใจคิด ผมก็ต้องสะดุ้งเฮือกละมือออกมามองบางสิ่งที่ยุบฮวบลงบนที่นอนข้าง ๆ ผมตาโตแทบจะเท่าไข่ห่านมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกที
 
“กิ๊ฟ…” ผมครางเรียก
 
“ของขวัญสำหรับความอดทน” เธอบอก แล้วนั่งนิ่ง ๆ อยู่บนที่นอน ไอ้ความเพลียเปรี้ยเมื่อกี้กระเด็นหายไปแทบจะทันที ผมจ้องหน้ากิ๊ฟนิ่ง ๆ

แค่ผมหายเข้าห้องน้ำไปอ้วกกับหลับตาไปวูบเดียว ผมก็ได้นางฟ้ามาอยู่ตรงหน้าแล้ว กิ๊ฟปล่อยผมยาว แต่งหน้านิด ๆ ใส่ชุดคอสเพลย์เป็นสาวน้อยสีชมพูหวานจ๋า แต่แอบเซ็กซี่จนน้องผมตั้งขึ้นมาทันทีเลย
 
“ให้นายอยู่ข้างบนได้หนึ่งวัน”
 
พอเธอพูดจบ ผมก็รีบคว้าตัวเธอลงไปนอนด้านล่างแล้วฟาดเรียบทันที
 
อ้วกจนหมดพุงแต่ก็คุ้มแล้วล่ะครับ
 
 
 
 
 
สวรรค์ของผมจริง ๆ เพราะเมื่อคืนกิ๊ฟน่ารักมาก เป็นสาวน้อยสุดน่ารัก ครางหวานใต้ตัวผม ให้ผมเป็นคนนำทุกท่วงท่าอาการด้วย ผมควานมือสะเปะสะปะหาร่างอรชรอ้อนแอ้นที่ผมกอดไว้เมื่อคืน แต่มือที่ควานหาอยู่ดี ๆ กลับขยับไม่ได้ซะงั้น ผมพยายามดึงแล้วดึงอีก แต่มันไม่ยอมหลุด จนผมต้องลืมตามองว่ามันเกิดอะไรขึ้น
 
สาวน้อยสุดน่ารักของผมกลายร่างเป็นสาวสวยสุดกร่างไปแล้วครับ

เธอแต่งชุดดำตั้งแต่หัวจรดเท้า ล้างภาพสีชมพูเมื่อคืนออกจนหมด แต่งหน้าจัดจนเฉี่ยวเท่ มัดผมไว้ด้านหลังจนดูเหมือนผู้ชาย ภาพสาวน้อยผมยาวพลิ้วระกลางหลังเมื่อคืนอันตรธานหายไปในบัดดล 
 
และที่สำคัญ..
 
เธอเหยียบข้อมือผมด้วยรองเท้าหนังมันปราบของเธอ 
 
กรรมจริงเมียกู กลายร่างไปซะแล้ว T^T
 
“กลับละ” เธอบอกแค่นั้นแล้วจับคางผมแหงนขึ้นไปกดจูบเบา ๆ ดึงเท้าออก เดินอาด ๆ จากไป ผมมองตามจนประตูบานนั้นปิดตัวลง ถึงได้ดึงผ้าห่มมากอดแน่น
 
เมื่อคืนผมฝันไปใช่ไหม
 
แต่แบบไหนผมก็ชอบล่ะครับ
 
จะสาวน้อยวัยใส จะกร่างยังไง เธอก็ยังเป็นคนที่ผมรักอยู่ดี
 
“โอ้ว กิ๊ฟที่รัก”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“ไง ไอ้คนหลงเมีย” มันด่าผมทันทีที่รับสาย “มึงตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมที่จะอยู่เมืองไทยถาวรเลย”
 
“กูตัดสินใจดีแล้ว กูอยากอยู่กับกิ๊ฟว่ะ”
 
“ตามใจมึงละกัน ส่งงานอย่าให้ขาด”
 
“อืม” ผมตอบรับ แล้ววางสายไป ผมตัดสินใจที่จะย้ายมาอยู่เมืองไทยเป็นการถาวรแล้วครับ รับจ๊อบจากบริษัทของทางนี้ เพื่อเป็นใบเบิกทางให้ได้วีซ่าทำงานในไทย
 
ถึงผมจะมีเงินถุงเงินถัง คงไม่สามารถเอากิ๊ฟอยู่ได้ คงมีแค่ความรักและความพยายามอย่างเดียวเท่านั้นแหละ
 
ผมไม่ได้บอกกิ๊ฟว่าผมย้ายมาทำงานที่ไทย ไม่อยากให้กิ๊ฟคิดว่าผมทำตัวติดเธอหนึบ (ทั้งที่จริง ๆ ก็ใช่) อยากให้ผมเป็นคนที่เธออยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุดก็พอ
 
 
ได้ยินเสียงมือถือดังเบา ๆ ผมรีบกดรับทันทีที่เห็นชื่อคนโทรมา
 
“เด…” ปลายสายอ้อแอ้น่าดู ผมขมวดคิ้ว นี่กิ๊ฟกินเหล้าเหรอ “มารับหน่อย…” แล้วสายก็ตัดไปแค่นั้น ผมรีบโทรกลับทันทีแต่ไม่ติด กิ๊ฟปิดเครื่อง ผมเริ่มเป็นห่วง สถานที่ก็ไม่รู้แล้วจะให้ไปหาที่ได้ไหน ผมลองกดโทรหาอีกรอบ แต่ไม่ติดเหมือนเดิม ผมผละตัวลุก คว้ากุญแจ วิ่งออกจากห้องขับรถตะบึงรถไปบ้านกิ๊ฟทันที ที่บ้านมีเพียงแม่บ้านที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้อยู่คนเดียว
 
ผมร้อนรนไปหมด ผมแค่ต้องการหาเบอร์เพื่อนกิ๊ฟ แต่จนแล้วจนรอดผมก็คุยกับแม่บ้านไม่ได้สักที ผมรีบเดินไปนอกถนนถามใครสักคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ ให้เขาช่วยเขียนภาษาไทยว่าผมต้องการเบอร์เพื่อนกิ๊ฟแล้ววิ่งกลับไปยื่นให้แม่บ้าน แต่แม่บ้านส่ายหน้าปฏิเสธ คงไม่รู้เบอร์เพื่อนกิ๊ฟจริง ๆ ดึกแล้ว ผมจะทำยังไงดี
 
ผมพยายามนึกว่ากิ๊ฟจะไปดื่มที่ไหนได้บ้าง จนแล้วจนรอดก็นึกไม่ออก แต่เธอเคยบอกว่าชอบดื่มที่ร้านใกล้ ๆ มหา'ลัย ผมรีบตะบึงรถควบห้อไปแถวมหา'ลัย ขับรถเข้า ๆ ออก ๆ แทบจะทุกร้าน จนไปเจอร้านสุดท้าย ผมรีบเข้าไปเดินหาทันที
 
ผมแทบจะกู่ก้องร้องบอกฟ้าที่เห็นกิ๊ฟอยู่ตรงนั้น ผมรีบวิ่งเข้าไปหาทันที กิ๊ฟนั่งคอพับโดยมีเพื่อน ๆ นั่งดื่มเมาไม่ต่าง
 
“โห กิ๊ฟ ไอ้เดมันเจ๋งว่ะ หามึงได้ด้วย เหงื่อซกเลย” กิ๊ฟปรือตามามองผม ยิ้มหวานจนขาผมแทบอ่อน
 
“มาแล้วเหรอที่ร้าก หาเก่งจาง” เธออ้อแอ้ชม ผมรีบเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ ทันที
 
“ผมเป็นห่วงนะรู้ไหม” ผมรีบบอกเสียงหอบ
 
แม่ง หอบเหมือนหมาหอบแดดเลยกู
 
“หาเจอได้งาย” เธอถาม ผมรีบประคองคนอ้อแอ้ให้ลุกนั่งดี ๆ
 
“ไปที่บ้าน แต่คุยกับแม่บ้านไม่รู้เรื่อง เลยวิ่งหาทีละร้าน” ผมบอกไปตรง ๆ กิ๊ฟยิ้มหวานจนผมแทบใจละลาย
 
“แต้งค์ ๆ” กิ๊ฟจับหัวผมโน้มลงไปจุ๊บปากเบา ๆ ที ก่อนกระซิบบางอย่าง “เดี๋ยวจะให้รางวัลนะ พ่อยอดชาย” ผมแทบจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง สงสัยกิ๊ฟจะให้ผมอยู่ข้างบนอีกแน่ ๆ
 
“เต้นโชว์ไข่ให้ดูหน่อย”
 
พวกเพื่อน ๆ กิ๊ฟพากันพ่นเครื่องดื่มในปากออกมาจนหมด ส่วนผมอ้าปากค้าง “นายทำดีมาก ฉันจะให้รางวัล เต้นโชว์ไข่ให้ดูหน่อย” ผมอ้าปากพะงาบ ๆ รางวัลนั่นกิ๊ฟต้องให้ผมไม่ใช่เหรอ
 
“โชว์ไข่” เธอชี้มาที่เป้าผม ผมรีบปิดไว้ทันที
 
“อย่าล้อเล่นสิกิ๊ฟ”
 
“โชว์ไข่” เธอย้ำ ผมมองหน้าเพื่อน ๆ กิ๊ฟ
 
“พามันกลับเหอะ เมาไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ” อ้อยเพื่อนเธอบอก ผมพยักหน้า รีบรั้งแขนเธอพาดคอทันที
 
“โชว์ไข่”
 
“เอาน่า ผมจะกลับไปโชว์ให้ดูที่ห้อง”
 
“พูดจิงเป่า”
 
“จริง โชว์อย่างอื่นด้วย”
 
“ไม่เอา จะเอาไข่อย่างเดียว”
 
“มันพ่วงอย่างอื่นมาด้วยนะกิ๊ฟ”
 
“จะกินไข่”
 
“เอาเลยผมยกให้”
 
แล้วผมก็ลากกิ๊ฟอย่างทุลักทุเลไปขึ้นรถ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็พามาถึงห้อง เนื้อตัวกิ๊ฟมีแต่กลิ่นเหล้า ผมวางกิ๊ฟลงบนเตียง รีบเดินเข้าห้องน้ำ ไปหาผ้ามาเช็ดตัวให้ทันที
 
“ไข่” เธอบอกอ้อแอ้ ผมส่ายหัว หันไปชุบน้ำใหม่ ก่อนจะหันกลับมาเพราะแรงดึงที่ข้อมือ

“ไข่” เธอจับเป้ากางเกงผมไว้หมับ ผมทำผ้าหลุดมือทันที
 
“กินไข่”
เซนเซอร์นะครับ ขอป้อนไข่แถมด้วยไส้กรอกคนหิวก่อน ฮ่า ๆ
 
 
 
 
 
 
 
ผมไม่ใช่คนลามก คนลามกน่าจะเป็นกิ๊ฟมากกว่า สามารถพูดเรื่องทำนองนั้นได้โดยไม่อาย กล้าได้กล้าเสีย เป็นคนที่ผมไม่เคยตามความคิดได้ทัน บทจะดีก็ดีใจหาย บทจะร้ายผมก็เหมือนแมลงสาบตัวหนึ่งที่เธอชอบจับเล่น
 
เฮ่อ!! นรกชังหรือสวรรค์แกล้งดีละเนี่ย ชีวิตผม
 
“เด” เธอหันมาเรียกตอนผมนั่งดูทีวีอยู่ ผมหันไปมอง
 
เธอจับผมจูบเบา ๆ ที ก่อนยิ้มหวานให้ ผมทำรีโมตร่วงจากมือ
 
“แต้งค์ที่ทนนิสัยเราได้นะ” เธอพูดแค่นั้นแล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป
 
ผมยังนั่งนิ่งอยู่กับที
 
บางทีที่ผ่านมา อาจเป็นบททดสอบจากซาตานเจ้าเสน่ห์ของผมก็ได้
 
ผมนั่งยิ้ม ลูบปากตัวเองเบา ๆ
 
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ชื่นชมรสจูบความรู้สึกดี ๆ จบ กิ๊ฟก็เยี่ยมหน้าเข้ามาอีกที
 
“ป่ะเด ไปขี่รถกัน”
 
โอ้โน้ว ม้ายยยยยยยยยย


To Be Con
นั่งทำตอนนี้ในร้านกาแฟ นึกสภาพไรท์จิตป่วงคนหนึ่งนั่งขำจนคนหันมามองกันทั้งร้าน ฮาไปไหน ฮ่า ๆ โอ๊ยปวดท้อง ฮ่า ๆ










Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM         
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #เดกิ๊ฟ 3/4 [p26 D.29-9-60] นรกชังหรือสวรรค์แกล้ง
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-09-2017 01:47:40
กิ้ฟ.... นิสัยแบบนี้ คนแก่ยก  o13 ให้เลย นับถือ ๆ  o14
หัวข้อ: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #เดกิ๊ฟ [p26 D.29-9-60] 4/4 อกหัก รักคุด ตุ๊ดเมิน
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 01-10-2017 19:10:47
Kiss Love Special เดกิ๊ฟ Part 4/4 ตอน อกหัก รักคุด ตุ๊ดเมิน = =






ผมอกหักแล้วครับ
 
ผมเป็นโสดแล้ว
 
อันนี้ผมไม่ได้พูดเล่น ผมพูดจริง ๆ
 
ย้อนกลับไปเมื่อเช้า
 
“เด”
 
กิ๊ฟโทรหาผมตั้งแต่ตะวันยังไม่ส่องแสง ผมที่งัวเงียเอาโทรศัพท์มาแนบหูถึงกับยิ้มทันทีแม้จะมีขี้ฟันติดอยู่ก็ตาม
 
“ครับ” ผมรับปาก
 
“เราเลิกกันเถอะ” กิ๊ฟพูดแค่นั้นแล้ววางสายไป ผมกำมือถือค้างไว้ที่หู สมองขาวโพลน
 
นี่มันอะไรกัน ทำไมอยู่ ๆ กิ๊ฟถึงได้มาบอกเลิกผม ผมทำอะไรผิด
 
วันนั้นทั้งวัน ผมพยายามโทรหากิ๊ฟ ทำทุกวิถีทางเพื่องอนง้อขอคืนดี ผมไม่รู้ว่าผมทำอะไรผิด เรื่องบนเตียงรึก็ทำอย่างดี ดูแลก็ดี แล้วมีเรื่องอะไรอีก
 
ผมเบรกเท้าตัวเองไว้หลังจากใช้เวลาง้อมาร่วมอาทิตย์
 
บางที ผมคงต้องหยุดนิ่งดูบ้างเพื่อดูอะไรให้ชัดเจนอีกที บางทีผมอาจวิ่งตามมากเกินไปก็ได้
 
ผมหยุดการง้อแบบเดิม ๆ ลง กลับมานิ่งและสุขุมให้มากขึ้น
 
มองย้อนกลับไปว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผมต้องสูญเสียกิ๊ฟไป
 
ไม่มี...

หาไม่เจอ....
 
ช่างแม่งมันวุ้ย จะเลิกก็เลิก

ถามว่าเสียใจไหม
 
คำตอบคือ ไม่
 
ไม่เล้ย!
             
ไม่เสียใจเลย

แม่ง!
 
ผมเอื้อมหยิบทิชชู่ม้วนที่สองมาซับน้ำตา
 
ตุ๊ดแตกฉิบหาย ผู้หญิงบอกเลิกแค่นี้ก็ต้องมานั่งน้ำตาร่วงให้ทิชชู่ปลอบใจ
 
ทิชชู่หมดม้วนไปแล้วครับ ขี้เกียจไปหยิบม้วนที่สามเลยคลี่เอากระดาษแกนกลางมาโป๊ะตาไว้ล้มตัวนอนหงายกลางเตียงให้น้ำตามันร่วงจากหางตาลงบนที่นอน คราวนี้อยากร้องร้องไป ให้ผ้าห่มซับ ไม่เปลืองทิชชู่ดี ช่วยโลกประหยัดทรัพยากรต้นไม้ที่มันเริ่มร่อยหลอลงไปทุกทีแล้วด้วย
 
อยู่ ๆ ก็มีคนใจดียื่นทิชชู่มาให้ม้วนหนึ่งบนมือ
 
“ขอบใจ” ผมพูดโดยไม่ลุกมองคนให้ จับมันคลี่ดึง ๆ ๆ ๆ ไม่กลัวเปลืองไอ้ต้นไม้ที่ว่าไปเมื่อกี้แม้แต่น้อย นำมาโป๊ะน้ำตาที่ยังร่วงหล่นเป็นทาง
 
“เสียใจมากไง” เสียงคล้ายคนที่ทำให้ผมเสียใจถาม หูผมคงอื้อ ร้องไห้มากไปจนเพ้อแน่ ๆ ถึงได้ยินแบบนี้ ผมเลยตอบออกไปส่ง ๆ
 
“อื้อ เสียใจมาก รักมากก็งี้แหละ” ผมระบาย
 
“ยอมแพ้ที่จะง้อแล้วรึไง”
 
“เปล่า แต่รักมากจนไม่อยากทำให้รำคาญต่างหาก” ผมตอบ พอได้ระบายบ้างน้ำตามันก็เริ่มคลาย ที่เขาบอกว่าเวลาเศร้าให้หาที่ระบายคงเป็นงี้สินะ
 
“แล้วไม่คิดว่าเขาอยากจะให้ง้อต่อรึไง”
 
“ไม่รู้ เดาใจไม่ออก อ่านยาก คิดโจทย์แรกไว้ก่อน ที่เขาเลิกเพราะรำคาญ”
 
“บื้อ”
 
“คงงั้น” ผมตอบโดยมีทิชชู่แปะอยู่บนตา
 
“เด”
 
ผมชักไม่แน่ใจแล้วครับ ว่าคนที่ผมกำลังระบายอยู่จะเป็นเพียงความฝัน แต่ผมไม่อยากหยิบทิชชู่ออก เพราะผมกลัว กลัวว่าคนที่ผมคุยด้วยจะจางหายไปเมื่อผมลืมตามอง ผมไม่อยากนอนจมน้ำตาตัวเองอีก อย่างน้อยผมก็ยังอยากอยู่กับความฝันแบบนี้ต่อไป
 
“เด” เสียงเรียกยังดังไม่หยุด
 
“ครับ” ผมตอบรับ น้ำตาแห้งไปแล้ว แต่ผมรู้ว่าระลอกใหม่มันกำลังจะมา ตอนนี้มันจ่อไว้ที่ประตูหน้าด่านแล้ว
 
“เด” เธอเรียกอีกครั้ง
 
“ครับ” ผมตอบรับอีกที คราวนี้เสียงเรียกเงียบหายไป
 
หึ นางฟ้าของผมคงหายไปแล้วสินะ

ผมแนบหัวกับที่นอนมากขึ้น ลืมตามองกระดาษทิชชู่ด้านบน แต่แล้วอยู่ ๆ กระดาษทิชชู่แผ่นนั้นก็ถูกดึงออกไป สิ่งที่เห็นตอนนี้มีเพียงความพร่าและเพดานขาวด้านบนเท่านั้น และรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกำลังเคลื่อนที่มาทับสะโพกผมไว้
 
ผมหลับตาลงหลบหนีความจริง
 
“เด” เสียงเรียกนั้นหวานเอามาก ๆ หวานจนผมน้ำตาร่วงหล่นอีกรอบ หน้าผมเบะลงรับรู้ว่าตัวเองกำลังพยายามแค่ไหนที่จะไม่ร้องไห้ออกมา แต่มันก็ทำได้ยากยิ่ง น้ำตาผมไหลรินลงไปเป็นทาง
 
รู้สึกเหมือนมีสองมือนุ่ม ๆ มาทาบแก้มไว้ พอ ๆ กับความอุ่นนุ่มบนริมฝีปาก สัมผัสนั้นคุ้นเคยมาก ทั้งนุ่มและหอมหวานอย่างที่ผมเคยลิ้มรส
 
“ทำไม” ผมถามกลับเสียงเครือหลังจากอีกคนถอนริมฝีปากออก “ทำไมต้องทำแบบนี้กับผมด้วย” ผมถามกลับอีกรอบ ไม่มีแล้วความเป็นสุภาพบุรุษหรืออะไร ผมก็แค่มนุษย์คนหนึ่งที่รักผู้หญิงคนหนึ่งเอามาก ๆ “ผมรักคุณนะ รักมาก ๆ ด้วย”
 
“ฉันรู้” เธอตอบรับ “แต่ฉันอยากโสด”
 
ผมลืมตามอง ซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็มานั่งอยู่บนสะโพกผมแล้วจริง ๆ
 
“คุณมันใจร้าย”
 
“ใช่” เธอยอมรับ
 
ผมพูดอะไรมากไม่ได้อยู่แล้ว เพราะผมก็รู้มาตั้งแต่ต้นว่าเธอร้าย แต่ก็ยังเลือกที่จะรัก และผมก็ต้องยอมรับทุกผลของมันด้วย
 
“พอใจยัง โสดแล้วนี่” ผมหยิบทิชชู่มาซับอีกรอบ น้ำตามันก็ร่วงได้ร่วงดี

เอ๊ะ หรือว่าจริง ๆ แล้วผมเป็นผู้หญิง กิ๊ฟเป็นผู้ชาย รายนั้น หนังเศร้าขนาดไหนก็ไม่เคยสะกิดต่อมน้ำตาเธอได้ ผิดกับผมที่หมดทิชชู่ไปเป็นม้วน ๆ
 
“อืม รู้สึกดี” เธอย้ำให้ผมน้ำตาร่วงได้อีกระลอก ผมหลับตาลงไม่พูดอะไรต่ออีก
 
“แต่แค่ 20 เปอร์เซ็นต์ อีก 80 เหงาฉิบหาย” ผมเปิดตามองเพดานอีกที แต่ไม่พูดตอบอะไร
 
“เหงา เวลาไม่มีนายเคียงข้าง” ผมกระพริบตาปริบ ๆ
 
“เหงา เวลาไม่มีคนคอยโทรหาถามไถ่” น้ำตาผมหยุดร่วงแล้ว
 
“เหงาเวลาไม่มีคนมาคอยสั่งข้าวให้กิน หรือประเคนของที่อยากได้ให้” อืม ฟังแล้วเหมือนไอ้งั้งยังไงพิกล แต่ก็รู้สึกดีนิด ๆ แฮะ
 
“และเหงาที่สุด คงเป็นเวลาที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่มีใครมามอร์นิ่งคิสล่ะมั้ง” ผมค่อย ๆ ชันศอกค้ำไว้ที่พื้น ยกตัวขึ้นมองคนตรงหน้าให้ชัด ๆ อีกที
 
กี๊ฟยังคงสวยงามและดูร้ายกาจสำหรับผมอยู่เสมอ
 
“และที่สำคัญ…” กิ๊ฟหยุดคำพูดตัวเองไปนาน “เวลาต้องการแล้วหาที่ลงไม่ได้ หงุดหงิดฉิบหาย” กิ๊ฟกระชากจับคอเสื้อผมให้ลุกนั่งในขณะที่เธอยังนั่งคร่อมผมอยู่ เธอจูบหนัก สอดลิ้นเข้ามารุกรานชนิดที่ผมตั้งตัวแทบไม่ทัน
 
ผมอยากต่อต้าน แต่ยากครับ เพราะร่างกายผมมอบให้คนคนนี้ไปนานแล้ว
 
เพราะงั้น ผมก็เลย…
 
จับตัวเองใส่พานแล้วประเคนให้เธอกินจนอิ่มหมีพีมันไปเลย ฮ่า ๆ
 
 
 
 
 
 
“คุณจะกลับมาคืนดีกับผมใช่ไหม” ผมถามขณะคร่อมร่างเปลือยเปล่าของกิ๊ฟไว้ เธอนอนคว่ำหน้าเผยรอยสักสุดเท่ที่ผมชื่นชอบ ผมจูบซับไปเบา ๆ ที
 
“เปล่า”

ผมเบรกตัวลงกึก ก่อนลุกออกจากเตียงไปแต่งตัว ตอนแรกคิดว่ากิ๊ฟจะกลับมาคืนดี ที่ไหนได้
 
เธอแค่กลับมากินผมแค่นั้นเอง
 
“ยังสนุกกับการเป็นโสดอยู่”
ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น จับกางเกงมาสวม รูดซิปติดกระดุม คว้าเสื้อยืดมาสวมเข้าทางหัว หน้าตาผมคงงอนเป็นตูดเป็ดแน่ ๆ แต่ผมต้องรีบไปก่อนน้ำตาจะร่วงลงมาอีกรอบ

“แต่ก็ขาดนายไม่ได้” ขาที่กำลังก้าวเดินชะงัก ผมค่อย ๆ หันไปมองคนที่ยังนอนแหมะคว่ำหน้ากอดหมอนไว้บนเตียง ดวงตาคู่สวยทอดมองมาทางผม
 
 ผมจ้องดวงตาเรียบ ๆ นั้นกลับ พยายามอ่านความคิดให้ลึกลงไปอีกชั้น
 
 ผมหันหลังเดินไปที่หน้าประตู หมุนจับลูกบิดไว้ เตรียมเปิดออก แต่เพียงแค่นั้นผมก็หยุด คลายมือออกหันหลังให้กับประตูมองคนที่ยังนอนมองผมอยู่บนเตียง
 
“ทำไมคุณต้องปั่นหัวผมขนาดนี้ด้วยนะกิ๊ฟ”
 
ไร้คำตอบ แต่ผมก็รู้ว่าทำไม
 
เพราะกิ๊ฟก็คือกิ๊ฟ
 
กิ๊ฟไม่เคยเปลี่ยนไปเลย จากวันแรกที่ผมเจอยันวันนี้
 
กิ๊ฟที่ร้ายกาจ กิ๊ฟที่มีเสน่ห์ยั่วยวน

ผมตัดสินใจเดินกลับไปที่เตียงอีกครั้ง จับกิ๊ฟพลิกหงายโดยมีผมคร่อมเอาไว้
 
“เป็นผมได้ไหมกิ๊ฟ ให้ผมเป็นคนช่วยคุณแก้เหงา เป็นคนที่คุณนึกถึงตลอด คุณไม่ต้องคบผมก็ได้ แต่ขอให้คุณนึกถึงผมเป็นคนแรก เป็นคนที่คุณรู้สึกมีความสุขที่สุดเวลาที่ได้อยู่ใกล้ เป็นคนที่คอยห่วงใย คุณไม่ต้องรับความหวังดีจากผมก็ได้ แต่ขอให้ผมได้ทำให้คุณ เพื่อคุณ ผมอยากทำให้คุณมีความสุข” ผมสารภาพ กิ๊ฟไม่พูดอะไร นอกจากจ้องหน้าผมนิ่ง ๆ
 
แล้วเธอก็พลิกตัวเขยิบลุกออกจากเตียงไปใส่เสื้อผ้า
 
ผมทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรงบนที่นอน
 
หึ คำตอบคงไม่สินะ
 
ผมเขยิบมานั่งข้างเตียง วางสองเท้าราบไปกับพื้น เอามือปิดหน้าไว้ กะให้กิ๊ฟเดินออกไปก่อน จะได้ปล่อยโหให้เต็มที่
 
“หิว”
 
เอ๊ะ?
 
ผมละมือออกจากหน้า
 
“หิวแล้ว”
 
ผมหันไปมองคนที่อยู่ในชุดเรียบร้อย
 
“ใช้แรงไปเยอะ ไปหาไรกินกันจะได้กลับมาใช้แรงต่อ” เธอบอกแล้วหันหลังเดินไปที่หน้าประตู
 
ผมนั่งนิ่งอยู่กับที่ ในขณะที่กิ๊ฟกำลังจะจับลูกบิด
 
“กิ๊ฟ!!” ผมรีบตะโกนเรียกเบรกเธอไว้ แต่เธอเปิดประตูออกแล้ว ทำให้ผมต้องรีบแงะก้นที่ติดกับเตียงวิ่งตามเธอไปทันที
 
อยากถามเธอหลายอย่างมาก แต่ไม่รู้ว่าจะถามอะไรก่อนดี
 
“หิว” เธอย้ำ ผมฉีกยิ้มกว้าง
 
“ขอผมหยิบกุญแจรถก่อน”
 
“ไปมอเตอร์ไซค์ก็ได้” ผมเสียวไปวูบ
 
“คุณกำลังหิว ไม่มีแรงขับรถหรอก ไปรถผมดีกว่า” ผมหลอกล่อ กิ๊ฟทำท่าคิด ดูท่าจะหิวจริง ถึงได้พยักหน้ายอมง่าย ๆ

ผมรีบหันหลังวิ่งไปคว้ากุญแจรถ เสื้อผ้าตัวเองย่นยับน่าดู ผมรีบถอดทั้งเสื้อและกางเกงโยนใส่ตระกล้า เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ควานเลือกชุดที่มีรูปแบบและสีสันคล้ายกันมาใส่ ใส่กางเกงและเข็มขัดได้แล้ว กำลังจะสวมเสื้อลงที่หัว แต่เบรกไว้เพราะรู้สึกเหมือนมีใครบางคนมายืนทาบอยู่ด้านหลัง ผมหันไปมอง
 
“เปลี่ยนใจละ ฉันสั่งพิซซ่ามาแล้ว ระหว่างรอ ฉันจะกินนายแทน”
 
“กิ๊ฟ” ผมพูดได้แค่นั้นครับ แล้วหลังจากนั้น ผมก็กลายเป็นของว่างให้กิ๊ฟกินแก้หิวไปพลาง ๆ
 
หึ ๆ ก็ถือว่าโอเคนะ
 
พอพิซซ่ามา เราก็นอนเปลือยกินพิซซ่ากันบนเตียงนั่นแหละ

สนุกดีครับ

ผมรู้แค่ว่าถ้าผมจะรักผู้หญิงคนนี้ ต้องเผื่อใจเอาไว้หลาย ๆ ดวง และต้องเตรียมน้ำตาเอาไว้หลาย ๆ ปี๊บ

แต่ผมก็ดีใจ ที่สุดท้ายผมก็เป็นคนที่เธอคิดถึงมากที่สุด
 
 

จบคู่เดกิิ๊ฟ
ไว้มีรมณ์จะมาแต่งต่อเน้อ ^ ^   
 
 







Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM       
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #เดกิ๊ฟ [p26 D.29-9-60] 4/4 อกหัก รักคุด ตุ๊ด
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-10-2017 20:41:24
กิ้ฟ ถนอมเดไว้มากๆ นะ พันธ์นี้หายาก  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 79 หนี้รัก & ดูงานภาพถ่าย [p.26 D.7-9-60]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 07-10-2017 09:22:12
 

79
หนี้รัก & ดูงานภาพถ่าย Part 1
[กาย...♥]





ผมกำลังนอนเฝ้าพระอินทร์อยู่ แต่เสียงครืด ๆ ของเครื่องมือสื่อสารที่ตั้งระบบสั่นเอาไว้ปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ลึก ผมนอนคว่ำกึ่งตะแคงข้างสองมือกอดผ้าห่มแน่น พยายามซุกหน้าหนีเสียงน่ารำคาญอันนั้น แต่มันไม่ยอมหยุดเอาซะทีจนผมเบ้หน้าด้วยความรำคาญ
 
นอนฟังเสียงมันดังอยู่พักหนึ่ง ก่อนตัดสินใจควานมือสะเปะสะปะไปหยิบ
 
อยู่ไหนฟะ
 
จำได้ราง ๆ ว่าวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงนี่ ยืดตัวขึ้นอีกนิด ควานหาอีกหน่อย แล้วอยู่ ๆ เจ้าสิ่งนั้นก็มาอยู่ในมือผมเอง
 
โอ้ ดีเลย กูกำลังรำคาญ
 
ตอนแรกก็กะว่าจะกดปิด แต่กดผิดกดถูกไปกดรับเฉยเลย
 
“กาย ยังไม่ตื่นอีกเหรอ สายแล้วนะ”
 
เสียงใครวะ คุ้น ๆ
 
ใจจริงอยากถามว่าใคร แต่เสียงที่ออกมาฟังดูอู้อี้งึมงำยังไงพิกลจนปลายทางหัวเราะร่วน
 
“ตื่นได้แล้ว สายแล้วนะ”
 
ผมพยายามโต้ตอบด้วยน้ำเสียงปกติ แต่สิ่งที่ออกมาก็ยังงึมงำเหมือนเดิม
 
“ตื่น ๆ”
ปลายทางพยายามส่งเสียงปลุก
 
“อืม…แล้ว”
ผมลากเสียงยานตอบไป ตายังไม่เปิด สติยังไม่มา ได้ยินปลายทางหัวเราะหึ ๆ ก่อนสะดุ้งเฮือก เพราะความร้อนจากอะไรบางอย่างแถว ๆ หลังคอ
 
อะไรมายุบยับกับคอกูวะ


 
ผมปัดมืออีกข้างสะเปะสะปะไปด้านหลังไล่เจ้าสิ่งนั้นออกไป มันยังอยู่ครับ และดูเหมือนจะเคลื่อนที่ต่ำลงไปเรื่อย ๆ ผมพยายามควานมือไล่ออก
 
“กาย พี่จะบอกว่าวันนี้พี่เปิดภาพถ่ายอีกเซตนะ มาดูให้ได้ล่ะ”
ได้ยินเสียงแว่ว ๆ มาอีก
 
อะไรนะ ภาพถ่ายเหรอ
 
ได้ยินคำนี้ไม่ได้ ง่วงอยู่หูก็กระดิก
 
“อะ อ๊า”
ยังไม่ทันได้ประมวลผลอะไร ผมก็เผลอครางออกมาเพราะบางสิ่งกำลังลูบไล้อยู่แถว ๆ บั้นเอว
 
“กาย..เป็นไรหรือเปล่า”
ปลายทางถามด้วยความเป็นห่วง

ผมวางโทรศัพท์แนบไว้ที่หู แล้วเอามือนั้นไปช่วยกันปัด ๆ เจ้าสิ่งที่กำลังยุ่มย่ามกับเอวออก ก่อนที่สองมือผมจะไร้อิสระเพราะมีอะไรสักอย่างมากดติดกับที่นอน และบางสิ่งกำลังสอดแทรกรุกล้ำเข้ามาที่ช่องทางด้านหลัง ด้วยความเคยชิน ผมขยับยกสะโพกหน่อย ๆ ให้เจ้าสิ่งนั้นเข้ามาได้ง่ายขึ้น
 
“กาย”
ได้ยินเสียงปลายทางเอ่ยเรียกอีกครั้ง แต่ผมไม่ได้ตอบรับ เพียงขยับตัวให้คลายความอึดอัด ปากก็ครางออกมาเบา ๆ ระบายความเสียวซ่าน ได้ยินเสียงเรียกอีกหลาย ๆ ครั้งข้างหู สักพักเสียงเรียกนั้นก็เงียบหายไป
 
“มีอะไรฝากเรื่องมาได้เลย กายเขายังไม่ตื่นดี”
เหมือนได้ยินเสียงพี่เอกพูดกับใครสักคน อยากหันไปมอง แต่ตอนนี้ต้องยึดที่นอนเอาไว้ก่อน เพราะบางส่วนด้านหลังเริ่มขยับเข้าออกแล้ว
“ทำอะไร ก็…ทำเรื่องที่ผัวเมียเขาทำกันไง”
เสียงพี่เอกจริง ๆ ด้วย
 
พี่มันกำลังทำอะไรอยู่ อยากหันไปมอง แต่ต้องผวาเฮือกครางออกมาอีกที เมื่อช่องทางด้านหลังถูกใส่จังหวะมากขึ้น
 
“อ๊า..”
นี่ผมฝันเหรอ
 
“หึ..ขอบคุณที่ชม แล้วจะบอกกายให้อีกที”
ได้ยินพี่เอกพูดแค่นั้น ก่อนสะโพกผมจะถูกยกสูง และบางสิ่งที่โหมลงมาแรงและลึกขึ้น พอ ๆ กับสติผมที่เริ่มกลับมามากขึ้นเรื่อย ๆ



 
“ไอ้พี่เอกบ้า! ทำไมต้องมาทำเรื่องแบบนั้นแต่เช้าด้วยนะ”
ผมบ่นหงุบใส่คนที่นั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนฮัมเพลงในจังหวะสบาย ๆ อยู่บนโซฟา
 
ไม่ได้อยากบ่นครับ แต่มันอดไม่ได้จริง ๆ พี่มันเล่นฟัดผมแต่เช้า ยังไม่พอ ยังเป็นตอนที่พี่เชนโทรมาอีกต่างหาก สติสตางค์ผมก็ยังไม่ตื่นดี ไม่รู้เผลอทำอะไรไปบ้าง
 
“เอาน่า”
พี่มันพยายามตัดบท
 
“แล้วตกลงพี่เชนโทรมาบอกว่า…”
 
พี่มันเหลือบตามอง
 
“วันนี้เขาจัดงานภาพถ่ายวันแรก อยากให้กายไปดู”
 
ผมตาโตแทบจะทันที
 
“ไป ๆ พี่เอก ไป”
 
พี่เอกอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของผม
 
“ได้ พี่จะพาไป แต่หลังจากไปทำธุระกับพี่ที่หนึ่งก่อน”
 
ผมขมวดคิ้วมอง
 
แล้วหลังจากนั้นไม่เกินชั่วโมง ผมก็มานั่งอยู่ในร้านกาแฟที่ผมทำงานอยู่ประจำ ไม่เข้าใจว่าพี่มันจะพาผมมาทำไม
 
นอกจากครั้งแรกที่มาหาพี่เป้กับไอ้เต้ยแล้ว นี่เป็นครั้งที่สองที่มาในฐานะแขก
 
ผมนั่งเท้าคางมองพี่ไนท์กำลังเสิร์ฟกาแฟ พี่เก่งเช็ดโต๊ะ พี่อุ๋ยชงกาแฟ พี่เนเน่กดเครื่องคิดเงินต๊อกแต๊ก
 
ถ้าเป็นเวลาทำงาน ผมคงไปรับกาแฟจากเคาน์เตอร์ แล้วเดินเอาไปเสิร์ฟ หรือไม่ก็รับออเดอร์อยู่นอกร้านหรือไม่ก็เก็บโต๊ะอยู่มุมนู้นแน่ ๆ
 
มานั่งมองแบบนี้ ก็แปลกตาไปอีกแบบ
 
พี่เอกเดินกลับมาพร้อมเอกสารสองสามแผ่นในมือ พี่มันวางไว้ตรงหน้า ยื่นปากกามาให้ ผมมองงง ๆ
 
“เซ็นซะ”
 
“อะไรฮะ”
 
พี่มันไม่ตอบ แต่จิ้มให้ผมรู้ตำแหน่งที่ผมต้องเซ็น ผมที่กำลังนั่งงง ๆ อยู่ รีบจับปากกาแล้วเซ็นลงบนกระดาษที่เต็มพรืดไปด้วยตัวหนังสือสีดำสนิทนั้น เซ็นไปสองสามจุด
 
“เอาล่ะ ตอนนี้นายเป็นหนี้พี่อยู่ 10 ล้าน”
 
ผมอ้าปากค้าง งุนงงกับสิ่งที่พี่แกพูด พี่เอกยกเอกสารในมือให้ดู
 
“สัญญากู้เงิน”
ผมเบิกตากว้าง รีบคว้ามาดู แต่พี่แกยกหนี
 
“พี่ล้อผมเล่นหรือเปล่า”
 
“ไม่ได้ล้อเล่น”
พี่มันพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
 
“นายติดหนี้พี่อยู่ 10 ล้าน ตามสัญญา นายจะต้องหาเงินมาใช้พี่ให้ได้เดือนล่ะหนึ่งแสนบาท”
 
ผมตาโตเข้าไปใหญ่
 
“พี่เอก!!”
พี่แกต้องล้อเล่นแน่ ๆ

ผมรีบกระโจนเข้าหาแล้วดึงเอาเอกสารมาอ่าน
 
ผมยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ
 
ของจริงครับ
 
พี่มันไม่ได้พูดเล่น เอกสารระบุชัดว่าผมได้ทำการกู้เงินมาจากพี่เอก และต้องนำเงินมาชดใช้ให้พี่มันเดือนละแสนจริง ๆ ผมทำหน้าเหมือนอมปูเน่าไว้สิบตัวในปาก เงยหน้ามองพี่แกน้ำตาคลอ
 
ทำไมพี่เอกต้องทำแบบนี้ด้วย
 
มึงมาหลอกให้กูรักแล้วมาทำแบบนี้กับกูเนี่ยนะ
 
“ตามสัญญากายต้องทำงานชดใช้พี่”
 
“ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้ด้วย เงินมากมายขนาดนั้น ผมจะไปหาได้ที่ไหน”
ผมยืนน้ำตาร่วงเหมาะแหมะ
 
แม่ม…
 
แต๋วแตกฉิบ แค่นี้ก็ต้องร้องไห้ด้วย
 
“ในสัญญาระบุไว้แล้ว”               
พี่มันพยักหน้ามายังเอกสารที่ผมถืออยู่ ผมก้มอ่านอีกที
 
‘นายกันตรัตน์ เวชกิจ ต้องยินยอมรับทรัพย์สินและเป็นผู้ดูแลกิจการร้านกาแฟ Coffee Hug เพื่อชดใช้เงินคืนแก่นายเอกภพ กิจไพศาล’
 
ผมกะพริบตาปริบ ๆ ทั้งที่น้ำตายังไหลพราก อ่านทวนเนื้อหาใหม่
 
‘นายกันตรัตร์ เวชกิจ ต้องยินยอมรับทรัพย์สิน ซึ่งประกอบไปด้วย ที่ดิน จำนวน 2 ไร่ บ้านเลขที่…พร้อมกิจการร้านกาแฟ และทำงานชดใช้ให้นายเอกภพ กิจไพศาล โดยในสัญญาระบุว่า ต้องโอนเงินเข้าบัญชีของนายเอกภพทุกเดือน เดือนละหนึ่งแสนบาท’
 
ผมกะพริบตาไล่หยาดน้ำให้หล่นแหมะเป็นเม็ดสุดท้าย เพ่งดูลายเซ็นอีกที
 
นี่ตกลง นอกจากจะเผลอเซ็นรับหนี้สินก้อนโตมาแล้ว ผมยังเผลอเซ็นรับทรัพย์สินมาด้วยเหรอเนี่ย ผมไล่สายตาอ่านต่ำลงไปเรื่อย ๆ
 
รวมมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมด เป็นเงิน…
 
15 ล้านบาท
 
ป๊าดดด!!
 
ผมตาโต เงยหน้ามองพี่เอกอีกที
 
“นะ นี่”
 
เรียวปากได้รูปคลี่ยิ้มเพียงนิด
 
“ของหมั้น”
 
ผมอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก
 
“งานนี้ห้ามปฏิเสธ เพราะกายยินยอมรับสินสอดพี่ไปแล้ว”
 
กะ กูไปรับของมึงตั้งแต่เมื่อไหร่
 
พี่มันหัวเราะ ดึงผมไปนั่งบนตัก
 
มึง..
คนในร้านเขามองกันใหญ่แล้ว ถึงคนจะไม่เยอะก็เถอะ ผมพยายามดันตัวเองออก แต่พี่มันยังกอดผมไว้แน่น ผมจึงจำต้องนั่งตัวลีบ ๆ ไม่ให้คนสังเกตเห็น ดีว่านั่งกันอยู่โต๊ะในสุดภายในห้องแอร์ ลูกค้าคนอื่น ๆ นั่งนอกร้านกันหมด
 
“ให้กายดี ๆ กายคงไม่รับ พี่ก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ”
 
แน่นอนสิ เงินตั้ง 15 ล้าน ไม่ใช่ 15 บาทนี่
 
“ผมรับไม่ได้หรอก เยอะขนาดนั้น”
 
พี่มันถอนหายใจเบา ๆ
 
“ถ้ากายไม่รับ แปลว่ากายไม่รักพี่”
ผมตาโตไปกับคำนั้น
 
“ถึงไม่รับ ผมก็ยังรักพี่อยู่ดี”
 
“ถ้ารักพี่ก็ต้องรับของที่พี่ให้สิ”
ดู ดู๊ ดูมันทำ
 
“นี่มันของหมั้นจากพี่นะ”
 
ผมนั่งอึ้ง นี่พี่มันเอาจริงเหรอเนี่ย
 
“รับไว้เถอะ พอดีผู้จัดการเขาต้องบินไปดูแลพ่อแม่ที่ญี่ปุ่น เลยว่าจะขายกิจการทางนี้ พี่อยากได้อยู่แล้วเลยซื้อเก็บไว้ จะได้เอาไว้ให้พวกน้อง ๆ มาวิ่งเล่นกัน”
 
โห มึงพูดอย่างกับที่นี่ราคา 1500 บาทเนอะ
 
“พี่เห็นกายชอบด้วย เลยยกให้กายดูแลแทน เพราะพี่คงไม่มีเวลามาดูแล”
 
ผมจ้องตาพี่มันเขม็ง ก่อนหลุบเปลือกตาลงต่ำ
 
ผมรู้ฮะ ว่าพี่เอกพยายามเอาใจผมขนาดไหน แต่ของมันชิ้นใหญ่เกินไป ไอ้ชอบมันก็ชอบอยู่หรอก แต่มันก็ไม่สบายใจอยู่ดี
 
“พี่ไม่ได้ให้กายฟรี ๆ ซะหน่อย” พี่มันพูดต่อ “กายต้องโอนเงินเข้าบัญชีพี่ทุกเดือน เดือนละแสน ส่วนที่เหลือ กายจะเอาไปใช้ทำอะไรก็เอา”
 
แล้วไอ้ร้านกาแฟนี่ มันได้กำไรเยอะขนาดนั้นเลยเหรอวะ
 
“แล้วถ้าผมทำไม่ได้ล่ะ”
พี่มันยิ้มเจ้าเล่ห์ ตามด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
 
“งั้นกายก็ต้องจ่ายที่เหลือเป็นอย่างอื่นแทน”
 
แม่ม กูรู้นะว่ามึงหมายความว่ายังไง
 
“อีกเดือนหนึ่ง ผู้จัดการจะเดินทาง ช่วงเวลานี้ กายก็มาเรียนรู้งานจากเขาไปละกัน”
 
ผมพยักหน้าหงึกหงัก เถียงไม่ได้แล้ว หลับหูหลับตาเซ็นไปแล้วนี่
 
“เจ้าเล่ห์”
ผมว่าพี่มันไปที พี่มันหัวเราะหึ ๆ จุ๊บปากผมเบา ๆ
 
“เราไม่ใช่คู่รักแบบชายหญิงทั่วไป แต่งงานกันจริง ๆ ก็ไม่ได้ จดทะเบียนสมรสก็ไม่ได้ ถ้าพี่จะยึดกายไว้ ก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ”
 
ผมมองตาพี่เอกปริบ ๆ
 
“อะไรที่พี่ต้องการ พี่จะทำทุกวิถีทางเพื่อยึดสิ่งนั้นไว้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีเลวทรามขนาดไหนก็ตาม”
 
ผมกัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ
 
“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ หัวใจผมก็อยู่กับพี่ ขอแค่พี่ให้สิ่งนี้กับผมก็พอ”
ผมแตะอกซ้ายพี่แกเบา ๆ พี่เอกก้มมองแล้วยิ้ม
 
“นั่นคือภายใน แต่ภายนอกพี่ก็อยากให้อะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนกัน พี่ไม่ชอบให้ดอกไม้ ถ้าจะให้ก็ให้แบบนี้แหละ”
 
โห มึง ดอกไม้แค่ดอกละ 15 บาท แต่บ้านพร้อมที่ดินนี่มัน 15 ล้านเชียวนะวุ้ย
 
แม่ม ใครได้เป็นแฟนมึงนะ โชคดีฉิบหาย (ก็มึงไงกาย ==)
 
“แล้วอย่าคิดว่าพี่กำลังซื้อกายอยู่นะ”
 
แน่ะ รู้ความคิดกูอีก กำลังแอบคิดอยู่เลย
 
“เงินไม่มีทางซื้อความรักหรือหัวใจของกายได้ แต่สิ่งที่พี่ให้ คือของขวัญ และอีกอย่าง…”
 
ผมนิ่งฟัง
 
“มันคือสิ่งยืนยันว่า…พี่รักและไว้ใจกายแค่ไหน”
พี่มันยิ้มทั้งปากทั้งหน้า จนผมอดไม่ได้ที่จะหน้าร้อนผ่าวไปกับสิ่งที่ได้ยิน
 
“แล้วถ้าเกิดวันหนึ่ง ผมไม่ได้เป็นคนที่พี่รักหรือต้องการขึ้นมาล่ะ”
เพราะอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน วันนี้พี่มันยังหลงผมอยู่ แต่ถ้าเกิดวันใดวันหนึ่ง พี่มันไม่ได้ต้องการผมขึ้นมาล่ะ แล้วผมจะเป็นยังไง
 
“นั่นเป็นเรื่องของอนาคตนะ ตอนนี้พี่รู้แค่ว่าพี่รักกาย และกายรักพี่ พี่รู้แค่นี้แหละ”
 
ผมจ้องตาพี่แกเขม็ง
 
ไม่ผิดใช่ไหม ที่ผมจะรักคนคนนี้มากขึ้น ไม่ใช่เพราะทรัพย์สินที่เขายกให้ แต่เป็นเพราะใจที่พี่มันมีต่างหาก
 
“ขอบคุณครับ”
 
พี่มันยิ้มรับ
 
ผมมองไปรอบ ๆ อีกที ดีใจฮะที่ได้ร้านนี้มาเป็นของตัวเอง แล้วผมจะดูแลให้ดีที่สุด ให้สมกับที่พี่มันไว้ใจยกให้ดูแล
 
“งานคงไม่หนักหนามาก ดูแลเท่าที่ดูแลได้ ถ้าไม่ไหว พี่จะหาผู้จัดการมาช่วยดูแล”
 
ผมส่ายหน้า
 
“ไม่เป็นไร ผมดูแลได้ ไม่มีอะไรให้อยากทำอยู่แล้ว ทำที่นี่ก็ดีเหมือนกัน”
 
พี่มันยิ้ม
 
“พี่ยึดผมไว้ด้วยของล้ำค่า แต่ผมไม่มีอะไรยึดพี่ไว้ได้เลย”
ผมบอกความหวาดหวั่นคืนบ้าง
 
“งั้นก็ต้องใช้หัวใจยึดพี่ไว้สิ ทำให้พี่รักพี่หลงทุกวันจนโงหัวไม่ขึ้น งานนี้ มีบ้านให้บ้าน มีรถให้รถ มีอะไรให้หมดเลย”
ดูพี่มันพูดเข้า
 
“ทำตัวเป็นอาเสี่ยไปได้”
 
พี่มันหัวเราะร่วน
 
“ก็เพื่อกายคนเดียวละนะ พี่ยังไม่เคยให้ของอะไรใครชิ้นใหญ่ขนาดนี้เลยนะ มากสุดก็แค่สร้อยเพชรชิ้นเล็ก ๆ”
 
ผมมองเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน พี่มันยิ้ม
 
“ตอบแทนที่กายยอมยกครั้งแรกของกายให้พี่ตั้งเยอะตั้งแยะ” พี่มันทำสายตากรุ้มกริ่ม ก่อนทำหน้าเซ็งตามมา “ยกเว้นตอนอ้อนครั้งแรกน่ะนะ เสียอารมณ์ฉิบ”
 
ผมขำ จับหน้าพี่แกมองมาตรง ๆ
 
“ผมรักพี่นะ”
แล้วจุ๊บไปเบา ๆ ที พอทำไปแล้วก็รีบปล่อยมือออกเหมือนโดนของร้อน ลุกออกจากตักไปยืนอยู่ข้าง ๆ
 
กู ทำอะไรไปวะ
 
“ผมไปเดินดูรอบร้านหน่อยดีกว่า”
หันหลังเตรียมจะเดินหนีแต่ถูกฉุดข้อมือเอาไว้ พี่มันยิ้มจนเห็นฟันแทบทุกซี่
 
“ขอแบบเมื่อกี้อีกทีได้ไหม”
ผมอ้าปากพะงาบ ๆ ยังไม่ทันได้ตอบปฏิเสธ พี่มันก็ดึงผมก้มต่ำจนหูผมชิดปากพี่แก
 
“ไม่เป็นไร งั้นคืนนี้ พี่ขอออนท็อปสองรอบ”
 
ผมรีบผลักหน้าพี่แกออกแล้วเดินดุ่ม ๆ ออกไปนอกร้าน ได้ยินเสียงหัวเราะหึ ๆ ดังมาตามหลัง
 
แม่ม!
 
ได้หรือเสียวะเนี่ย



               

To Be Con...               
ได้อยู่แล้วล่ะกาย ได้ทั้งเงิน ทั้งร้าน ทั้งสามีเชียวน้า







Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM       
       


               
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 79 หนี้รัก & ดูงานภาพถ่าย [p.26 D.7-9-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 07-10-2017 18:28:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 79 หนี้รัก & ดูงานภาพถ่าย [p.26 D.7-9-60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-10-2017 18:58:53
รวยแล้วนะหลานกาย :a5:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 79 หนี้รัก &ดูงานภาพถ่าย Part 2 [p.26 D.12-10-60]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 12-10-2017 19:40:33
79
หนี้รัก & ดูงานภาพถ่าย Part 2
[กาย...♥]





ตอนนี้ผมกับพี่เอกมายืนกันอยู่หน้าแกลลอรี่แล้วครับ แต่ดูท่า คนที่จะเข้างานได้ ต้องมีบัตรผ่านก่อน ผมมองหาจุดสำหรับซื้อบัตร แต่ยังไม่ทันจะเจอ ก็หันไปเห็นใครบางคนเดินหน้าหล่อเข้ามาหา ผมยิ้มกว้าง เดินไปสมทบตามมาติด ๆ ด้วยพี่เอก
 
“มาแล้วเหรอ”
พี่มันทัก ล้วงหยิบการ์ดมายื่นให้สองใบ ผมกับพี่เอกคนละใบ
 
“นี่เป็นบัตรเข้างาน เดินดูกันไปก่อนละกัน แล้วพี่จะรีบกลับมาหา พอดีต้องไปรับแขกวีไอพีก่อน”
 
“ครับ”
ผมรับปาก แล้วพี่เชนก็หันหลังเดินลิ่ว ๆ ไปหาแขกชาวต่างชาติกลุ่มใหญ่ น่าจะเป็นคนโซนอังกฤษหรือฝรั่งเศสนี่แหละ
 
ผมกับพี่เอกเดินเข้าไปภายในงาน วันนี้คนเยอะน่าดู รู้สึกแปลก ๆ เพราะเหมือนมีคนพากันมองมาที่เรา ผมก้มมองตัวเอง
 
แต่งตัวประหลาดรึเปล่าวะกู หันไปมองคนหล่อข้าง ๆ ก็ดูปกติดี
 
สงสัยจะมองความหล่อของพวกเราสองคน
 
แค่ภาพแรกที่เห็นก็เรียกรอยยิ้มจากผมได้แล้ว เป็นภาพวิวครับ วิวไร่องุ่น ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด น่าจะเป็นไร่องุ่นของพี่กิ๊ฟ ต่อจากภาพนั้นก็เป็นภาพวิวท้องทุ่งนา ภาพผลส้มหลากไซส์ และดอกกล้วยไม้สีสันสวยงาม

ผมดูภาพต่อไปเรื่อย ๆ ก่อนสะดุดนิดหนึ่ง เพราะเริ่มมีผู้คนที่ผมรู้จักเข้ามาข้องเกี่ยว
 
ภาพนี้เป็นภาพเซตที่เราไปควบม้ากัน ผมยิ้ม มองภาพพี่โอ๊คบนหลังม้า โดยมีพี่ปิงนั่งซ้อนทอดมองไปยังจุดเดียวกัน

อีกภาพเป็นภาพของสามทโมน ที่พากันนั่งบนหลังม้า โน้มตัวไปในทิศทางเดียวกันตอนเข้าโค้ง
 
พี่เอกยิ้มกว้างไปกับภาพที่เห็นเหมือนกัน
 
อีกภาพเป็นภาพพี่มอกำลังตะบึงม้าเร็ว โดยมีพี่โอมยืนอยู่บนที่เทียบ มือหนึ่งจับไหล่กว้างไว้ อีกมือชี้ไปด้านหน้าเพื่อบัญชาการ
 
พอกินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ผมก็ต้องฉีกยิ้มอีกที ภาพนี้เป็นภาพผมที่กำลังก้มรับน้ำจากมือของเด็กหญิงคนหนึ่งในวัดที่เราไปสร้างกุฏิพระกัน


ภาพสวยดีครับ แสงและเงาแลดูนุ่มนวลและอ่อนโยนดี ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะทำหน้าแบบนี้ได้ด้วย
 
ผมไม่รู้สึกอายเลยที่ตัวเองไปปรากฏอยู่ในภาพแบบนั้น อาจเพราะพี่เชนเป็นคนถ่าย แล้วอีกอย่าง ภาพก็ออกมาดูสวยงามเอามาก ๆ ด้วย
 
สวยจริง ๆ
 
แต่ภาพต่อ ๆ มาเริ่มพาเอาผมหน้าร้อนขึ้นมาหน่อย ๆ รู้สึกเหมือนภาพตัวเองจะเยอะไปไหม มีภาพตอนที่ผมกำลังถ่ายรูปและยืนอยู่บนหลังม้ากับพี่เอกด้วย
 
จะว่าไปแล้ว ผมก็ระห่ำน่าดูที่ไปทำเรื่องแบบนั้น
 
ผมละสายตามองภาพต่อไป ก่อนฉีกยิ้มกว้างไปกับสิ่งที่เห็น ภาพนี้เป็นภาพของพ่อกับแม่ผมเอง ในภาพพ่อโอบกอดแม่ไว้ในอ้อมแขนบนหลังม้า แม่นั่งด้วยท่าทีสบาย ๆ พิงหลังไว้กับแผงอกกว้าง สีหน้าและท่าทางของพ่อดูราวนักรบที่เพิ่งไปช่วยเจ้าหญิงกลับมาเลย
 
เป็นภาพที่ผมอยากเห็นสุด ๆ นี่พี่เชนถ่ายมาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่
 
เดินไปอีกนิดก็เจอกับกลุ่มคนที่อยู่ในภาพนั้นเข้าจริง ๆ
 
“อ้าว พวกพี่ ๆ มากันได้ยังไงฮะ”
 
พวกพี่ ๆ ยกการ์ดสีขาวในมือให้ดู
 
“มีคนส่งบัตรเชิญไปให้ เลยมาดูซะหน่อย ฝีมือสุดยอดเลยนะนั่น”
 
ผมยิ้มแก้มบานเหมือนตัวเองเป็นคนถ่ายซะเอง พี่เชนยังคุยอยู่กับลูกค้ากลุ่มเดิมอยู่นู่น
 
“ทำไมพวกมึงไม่บอก ว่าได้บัตรเชิญ”
พี่เอกมันถาม
 
“เรื่องไรกูต้องรายงานมึงทุกเรื่องด้วย”
พี่กิ๊ฟครับ พี่แกยักคิ้วกวน ๆ ให้ที
 
แล้วพวกเราก็พากันเดินดูงานพร้อมกัน เป็นเป้าสายตาได้อีก อยากจะบอกว่าหนึ่งในนั้นมีภาพพี่กิ๊ฟตอนแต่งหญิงด้วย อยู่คู่กับภาพพี่กิ๊ฟตอนอาละวาด ผมขำทันทีที่เห็น
 
ภาพแรกให้ชื่อว่า ‘หญิงไทย’
 
เป็นภาพพี่กิ๊ฟตอนไปวัด ใส่เสื้อยืดสีขาว นุ่งผ้าถุงสีชมพูลายดอกไม้คล้ายดอกซากุระสีแดง ติดดอกกล้วยไม้สีขาวขนาดใหญ่ไว้ที่ผม อุ้มขันข้าวสีเงิน ยืนทำหน้าเรียบร้อยอยู่ใต้ต้นลีลาวดีที่วัด สวยเอามาก ๆ ใครเห็นคงต้องตกหลุมรักหญิงสาวคนนี้แน่ ๆ
 
แล้วพวกเราก็พากันขำพรืด เมื่อเห็นอีกภาพข้าง ๆ กัน เป็นภาพหญิงสาวผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับผู้หญิงในภาพที่อยู่ข้าง ๆ กัน แต่ต่างกันตรงที่ หญิงสาวคนนี้รวบผมเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง ใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนสีซีด เท่ ๆ เก่า ๆ ร้องเท้าผ้าใบเซอร์ ๆ ในมือถือไม้หน้าสาม เท้าหนึ่งวางราบไปกับพื้น ส่วนอีกข้างเหยียบอยู่บนหลังของหนึ่งในนักเลงหัวไม้ที่พากันนอนกองจมเลือดอยู่
 
ชื่อภาพคือ ‘หญิงแกร่ง’
 
ขัดกันน่าดู
 
“โห ไอ้กิ๊ฟ ถ้ามึงมีแค่ภาพนี้นะ กูจะเป็นคนแรกที่จีบมึงเลย”
พี่มอมันบอก
“แต่พอมาเห็นภาพนี้ กูยกให้ไอ้ฝรั่งมันฟรี ๆ พร้อมข้าวสารอีกสิบกระสอบ”
 
พวกเราหัวเราะครื้นเครง พี่กิ๊ฟยกกำปั้นให้พี่มันที
 
“เอาน่า อย่างน้อยไอ้ฝรั่งก็ยังรักมันล่ะวะ กูก็คิดว่ามันจะหนีไปตั้งแต่เห็นมึงถือไม้หน้าสามแล้ว ที่ไหนได้ สงสัยจะเป็นพวกมาร์โซคิสม์ คลั่งไอ้กิ๊ฟยิ่งกว่าเดิมอีก สมกันดี”
พี่อ้อยเสริม
 
อันนี้จริง ๆ ครับ พวกเรายังพากันหวั่น ๆ ไม่แพ้พ่อแม่พี่กิ๊ฟเลย เล่นไปรำไม้หน้าสามโชว์โหดกลางฝูงชน ผู้ชายที่ไหนจะอยากได้เป็นแฟน วันนั้นเห็นพี่ฝรั่งยืนหน้าซีด ตอนแรกไอ้เราก็คิดว่าพี่มันจะรีบแพ็คกระเป๋าหนีกลับประเทศ แต่ที่ไหนได้ เทิดทูนพี่กิ๊ฟราวกับวีรสตรีศรีสยาม 
 
พี่ฝรั่งบอกว่า พี่กิ๊ฟเป็นผู้หญิงที่สวย เซ็กซี่(ตรงไหน) แกร่ง กร้าว บางทีก็เรียบร้อยน่ารัก บางทีก็ห้าวหาญ มีหลากหลายบุคลิก น่าค้นหาดี
 
ที่พูดมานี่ไม่คิดถึงตอนขี่ม้าหน้าซีดเลยน่ะนั่น
 
ผมเหลือบไปเห็นหญิงชายคู่หนึ่งกำลังยืนดูภาพอยู่อีกมุมหนึ่งของงาน แค่แผ่นหลัง ผมก็รู้แล้วล่ะว่าเป็นใคร
 
“ป๊าม๊า!”
ผมตะโกนเรียกแบบไม่เกรงใจใคร

พ่อกับแม่หันมามอง ผมรีบเดินเข้าไปหาทันที
 
“อ้าว มากันด้วยเหรอลูก”
พ่อถาม มองผมเลยไปถึงหนุ่มสาวหน้าตาดีอีกกว่าสิบชีวิตด้านหลัง
 
“แล้วพ่อกับแม่มาได้ไง”
 
พ่อกับแม่ชูการ์ดให้ดู
 
“มีคนส่งไปให้เราน่ะ”
 
ผมยิ้ม รู้ได้เลยว่าใครเป็นคนทำ ผมมองภาพที่พ่อกับแม่กำลังดูอยู่ เป็นภาพที่พ่อนั่งอยู่ในน้ำ แหงนหน้าขึ้นมองแม่ที่กำลังนั่งเขียนนิยายอยู่บนโขดหิน เป็นภาพที่ดูดีครับ ดวงตาพ่อเต็มไปด้วยความรัก ที่แม่คงจะฉลาดพอที่จะมองออก
 
ชื่อภาพคือ ‘เฝ้ามอง’
 
“พ่อกับแม่ดูดีจัง”
ผมชม พ่อยิ้มแก้มบาน ในขณะที่แม่ ยิ้มแก้มแดง
 
พวกเราพากันเดินดูภาพกันไปเรื่อย ๆ จนไปถึงจุดสุดท้าย ซึ่งคนจะเยอะกว่าทุกมุม ตอนแรกก็ว่าจะรอให้คนซา แต่คนก็ไม่ยอมลดลงสักที พวกเราเลยตัดสินใจ เบียดตัวเองเข้าไปดูแทน 
 
“โห สวยสุด ๆ เลย”
พี่มอฮะ แกกำลังอึ้งกับภาพตรงหน้าอยู่
 
สวยจริง ๆ นั่นแหละ
 
ภาพนี้เป็นภาพพี่เอก พี่อาร์ตและพี่อิฐ สามหนุ่มหนึ่งมุม ยืนเปลือยท่อนบนเรียงกันอยู่ในน้ำ สงสัยเป็นภาพตอนที่พวกเรากำลังเล่นเกมกันอยู่ พวกพี่ ๆ ยืนทำหน้านิ่ง ๆ แบบเดียวกัน ราวกับรูปสลักของเทพโบราณท่ามกลางสายน้ำที่ลึกถึงสะโพก
 
ท่อนบนเปลือยเปล่า เผยกล้ามเนื้อทุกสัดส่วนที่แทบจะเหมือนกัน หยาดน้ำเกาะพร่างพราว มีแบล็กกราวด์เป็นต้นไม้ใหญ่พร้อมโขดหินสีเข้มเกือบดำ ริมฝั่งเต็มไปด้วยกิ่งก้านและเถาวัลย์เลาะเลื้อยสวยงาม มีนกตัวน้อยเกาะอยู่บนกิ่ง มีแสงแดดลอดผ่านใบไม้จากด้านบนลงสู่ด้านล่าง เป็นลำแสงสามเส้นตกกระทบผิวเนื้อสีเข้มของแต่ละคนให้ดูดีมีเสน่ห์ชวนมอง
 
ภาพนี้ชื่อ ‘แยกให้ออก’
 
“หล่อกันจังแฮะ”
ได้ยินเสียงใครสักคนชื่นชม

ผมหันไปมอง
 
เอ่อ.. ถ้าพวกคุณสังเกต ไอ้คนที่คุณชมน่ะ ยืนอยู่ข้างหลังผมเองครับ
 
ผมยืนภูมิใจหน่อย ๆ
 
แฟนกู หุหุ แฟนกู
 
แต่ภาพต่อจากนั้นน่ะสิ พาเอาผมหน้าร้อนแทบไหม้ทันที
 
ทำไมพี่เชน ถึงได้กล้าเอาภาพพวกนี้มาลงได้นะ
 
เกือบทั้งเซตในโซนนี้ เป็นภาพผมเองทั้งหมด แต่มันดูแบบว่า…
 
เอิ่ม...
 
เอ็กซ์มากมาย
 
ไม่ใช่เอ็กซ์สิ ต้องบอกว่าอิโรติกมากกว่า
 
ภาพแรกเป็นภาพผมที่ยืนอยู่ในน้ำ แสงเงาตอนเที่ยงวัน ส่องสว่างจากด้านบนของต้นไม้ให้ดูร่มรื่น สะท้อนผิวเนื้อให้ดูนวลผ่อง เสื้อถูกน้ำจนเปียกแนบเนื้อเห็นไปถึงภายใน แสงเงาและมุมกล้อง ส่องให้เห็นเรือนร่างที่แลดูอ้อนแอ้น จนดูรู้เลยว่าคนถ่ายจงใจให้ภาพออกมาดูอิโรติก(ผมไม่ได้หุ่นอ้อนแอ้นขนาดนั้นสักหน่อย)
 
อีกภาพผมกำลังโผล่พรวดขึ้นมาจากผิวน้ำ เม็ดน้ำบางส่วนหยดติ๋ง ๆ จากเส้นผมตกแหมะกลับไปยังผืนน้ำด้านล่าง ผิวขาว ๆ สะท้อนแสงแดด ปากแดงจนฉ่ำ เผยอน้อย ๆ ซ้ำลิ้นสีแดงยังแลบออกมาเลียข้างริมฝีปากหน่อย ๆ อีก หยดน้ำร่วงเปาะแปะ
 
ซึ่งถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นตอนที่ผมกระโดดน้ำเล่น แล้วโผล่ขึ้นมาใหม่ ๆ มั้ง
 
กูก็โดดน้ำเล่นธรรมดา ไหงออกมาเซ็กซี่ได้ขนาดนี้วะ 
 
ภาพนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ภาพสุดท้ายนี่สิ…
 
ผมยืนอึ้ง มองภาพตรงหน้าเขม็ง เพราะมันเป็นภาพของตัวผมเองกับพี่เอก ตอนกำลัง…
 
เอ่อ…
 
ทำไมพี่เชนถึงได้กล้าเอาภาพนี้มาลง!!
 
ภาพนี้เป็นภาพที่ผมถูกพี่เอกโอบแผ่นหลังช่วงร่องเอวเอาไว้ จนจะกลายเป็นผมทำท่าสะพานโค้ง ท่อนล่างจมหายลงไปในน้ำลึกถึงสะโพก ไม่ต่างกับเส้นผมและศีรษะด้านหลังบางส่วน ริมฝีปากแดงฉ่ำเผยออ้า หยาดน้ำพร่างพราว โดยมีใบหน้าคมคาย ก้มงับยอดอกผมผ่านเสื้อยืดสีขาวที่เปียกจนเห็นเนื้อในทุกสัดส่วน
 
สองเรือนร่างเปียกมะลอก สองมือผมจับสองต้นแขนแกร่งไว้พยุงตัวเองไม่ให้จมน้ำ แบล็กกราวด์เป็นโขดหินขนาดใหญ่ พร้อมสายน้ำใสสะอาด ถ้ามองดี ๆ จะเห็นว่ามีปลาตัวเล็ก ๆ แหวกว่ายวิ่งวนอยู่รอบ ๆ มีสีเขียวของใบไม้ และแสงเงาที่สาดส่องลงมาจากเบื้องบนราวกับสปอตไลท์ สวยจนสะกดทุกสายตาให้หยุดนิ่ง
 
แต่ว่า…
 
มันจะไม่ติดเรทไปหน่อยเหรอ!

แถมในภาพ มันก็เห็นได้ชัด ๆ ว่าเป็นผู้ชายทั้งคู่อีกต่างหาก ถึงจะสวยขนาดไหน มันก็ดูน่าอายอยู่ดี
 
ชื่อภาพคือ ‘ฉากรักในไพรกว้าง’
 
กูอยากตาย
 
ผมรีบก้มหน้า จับแขนพี่เอกดึงให้ออกไปจากจุดนั้น แต่พี่แกไม่ยอมขยับเขยื้อน ยืนยิ้มเป็นอาแป๊ะขายน้ำเต้าหู้อยู่นั่นแหละ(พระเอกกูเสียหมด - -)
 
“พี่เอก ไปกันเถอะ” ผมรีบชวน
 
“สวยใช่ไหมคุณเอก” พี่เชนเดินเข้ามาใกล้
 
“อืม ผมเหมาหมดเลยได้ไหม”
 
พี่เชนหัวเราะหึ ๆ
 
“ผมไม่คิดจะให้ลูกค้ารายอื่นอยู่แล้ว”
 
“เซ็กซี่ดีแฮะ”
 
“นั่นน่ะสิ”
 
ผมหันไปมองคนพูด เป็นพี่อาร์ตกับพี่อิฐฮะ มากันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ดูไม่ออกว่าใครใครเป็นใครด้วย เพราะดันใส่ชุดนักศึกษาเหมือนกันมาอีก
 
“แต่จะดีกว่านี้ ถ้าคนในภาพไม่ใช่พี่เอก”
 
“นั่นน่ะสิ” อีกคนเห็นด้วย
 
พี่เชนปรายตามอง ก่อนล้วงหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อโค้ทด้านในมายื่นให้หนึ่งในนั้น
 
“ตอบแทนที่เคยช่วยผมไว้”
 
คนที่ถูกยื่นของให้ขมวดคิ้วมุ่น
 
“คุณคิดว่าผมเป็นใคร”
พี่มันถาม ผมเองก็งงเหมือนกัน
 
พี่เชนมองหน้าคนถาม
 
“แฝดจิตคนที่สอง คุณอาร์ต”
 
คนถูกเรียกกระตุกหัวคิ้วนิดหนึ่ง ส่วนผมยืนมองอึ้ง ๆ
 
พี่เชนรู้ได้ยังไงวะ
 
“รู้ได้ยังไง”
พี่มันถาม
 
พี่เชนยกยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง
 
“ในบรรดาสามคนพี่น้อง คุณนี่แหละ ที่มีแววตาร้ายที่สุด รับไป ผมไม่ชอบติดค้างใคร”
พี่แกดันซองกระดาษสีน้ำตาลอ่อนกับอกพี่อาร์ตมากขึ้น จนพี่แกต้องรับไปถือไว้
 
“แยกออกได้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
พี่อาร์ตถามอีกที พี่เชนยิ้ม
 
“ก็ตั้งแต่ที่กายบอกว่าคุณคือพระอาทิตย์ตอนกลางคืนแล้วล่ะ”
 
พี่อาร์ตดูอึ้งไป มองตาพี่เชนเขม็ง
 
ผมยังทึ่งเลยที่พี่แกสามารถแยกออกได้เร็วขนาดนั้น
 
“ทำยังไงถึงแยกได้ล่ะฮะ”
ผมถามพี่เชนด้วยความอยากรู้ พี่เชนละสายตาจากพี่อาร์ตหันมามอง
 
“ไม่รู้สิ สัญชาตญาณล่ะมั้ง”
 
ทำผมหน้างง ๆ
 
“แล้วอย่างอื่นล่ะ ให้ผมจับสัญชาตญาณคงไม่ไหว”
 
พี่เชนหัวเราะ กวาดมองสามหนุ่ม ก่อนดึงตัวผมไปยืนอยู่ตรงหน้าพี่แก สองมือใหญ่จับหัวไหล่ผมไว้ แล้วก้มลงมากระซิบข้างหูเบา ๆ
 
อึ๋ย สยิวครับ
 
พี่เอกเปลี่ยนสีหน้านิด ๆ พอ ๆ กับพี่อาร์ตและพี่อิฐ
 
“ดวงตาไง ถ้ามองให้ดี ๆ จะรู้ว่าแววตาของแต่ละคน ไม่เหมือนกันเลยสักนิด”
 
แววตางั้นเหรอ…
 
ผมมองตาพี่เอก พี่แกทำตานิ่ง ๆ ติดจะแพรวพราว หันไปมองพี่อาร์ต รายนั้นก็ไม่ต่าง หันไปมองพี่อิฐอีกที ก็ไม่เห็นจะแตกต่างกัน
 
“ต่างกันตรงไหน”
ผมหันไปหาพี่เชนอีกที แต่พี่มันยังไม่ได้เคลื่อนหน้าไปไหน ปากผมเลยจิ้มแก้มพี่แกไปที ผมอ้าปากค้าง พี่เชนหัวเราะหึ ๆ ก่อนใครบางคนจะกระชากแขนผมออกแรงจนตัวผมถอยหลังไปชิดหน้าอกคนทำ
 
“พี่เอ…”
อ้าว…ไม่ใช่ครับ

ตอนแรกคิดว่าเป็นพี่เอกซะอีก
 
“พี่อาร์ต”
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อจากนั้น เอวผมก็ถูกรั้งไปชิดอกกว้างของใครอีกคน ผมเงยหน้ามอง
 
คราวนี้เป็นพี่เอกตัวจริงเสียงจริงแน่นอน ผมขนลุกซู่ ตอนเห็นดวงตาพี่แก
 
กูจะโดนฆ่าไหมเนี่ย
 


 To be con...

โดนฆ่าหมกเตียงแน่ ๆ กายเอ้ยยยยย >////<

มีใครไปงานสัปดาหนังสือวันที่ 18-29 ตุลาคม 60 กันบ้างง คนเขียนไป (จะไปสอยหนังสือมาอ่าน >////<) และก็ได้เอาหนังสือไปแปะไว้ที่บูธ B2S , บูธ Hermit (P29), บูธ Nananaris (Q53) , ใครสนใจงานเขียนของ Memew ก็ไปสอยกันได้นะคะ มีหลายเรื่องเลย (เรื่องคิสเลิฟก็มี ^^)

แล้วเจอกันนนน  :mew1:


           
 
 



                 








Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 79 หนี้รัก &ดูงานภาพถ่าย Part 2 [p.26 D.12-10-60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-10-2017 22:01:24
รูปถ่ายเล่าเรื่องราวได้ดี  o13 o13
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 79 หนี้รัก &ดูงานภาพถ่าย Part 2 [p.26 D.12-10-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-10-2017 23:38:16
โอ๊ยๆ...............ชอบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

อยากไปงานแสดงภาพถ่ายของพี่เชน  :ling1: :ling1: :ling1:
จะได้เอากล้องไถ่ายภาพสวยๆมาไว้ดูเอง
 :ling1:   โดยเฉพาะภาพอีโรติก สะพานโค้ง   :o8: :-[ :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 79 หนี้รัก &ดูงานภาพถ่าย Part 2 [p.26 D.12-10-60]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 22-10-2017 23:31:07
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 80 ฉลอง...ป๊อบปูล่าโหวต [p.26 D.27-10-60]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 23-10-2017 19:28:51
80
ฉลอง...ป๊อบปูล่าโหวต
[เอก...☼]








ผมนั่งขำมองไอ้มอที่กำลังถือไมค์ร้องเพลงเย้ว ๆ อยู่ตรงหน้า โดยมีคู่ขวัญเป็นไอ้โอม ที่ร้องเล่นเต้นแด่ว ๆ มึน ๆ เมา ๆ กันไปไม่ต่าง
 
พวกเราอยู่ในร้านกาแฟ แต่เครื่องดื่มเป็นของมึนเมาทั้งหมด วันนี้พวกเรามาฉลองรับเจ้าของร้านคนใหม่กัน มารวมกันหมดเลย ทั้งเพื่อน ๆ ของผม และพนักงานในร้านทุกคน รวมถึงพ่อแม่ไอ้ตัวเล็กมันด้วย
 
ผู้จัดการร้านนั่งหน้าแดงก่ำอยู่กับพนักงาน ร่ำไห้ล่ำลากันทั้งที่ยังไม่ถึงวันเดินทาง โต๊ะสำหรับรับแขกถูกลากมาชนกันหลายตัวกลายเป็นโต๊ะเหล้าเคล้าเสียงเพลงจากไอ้สองมึนหน้าห้อง ดีว่ากระจกมันกันเสียงเอาไว้บ้าง ไม่งั้นเสียงควายออกลูกของพวกมันคงดังไปรบกวนร้านรวงข้าง ๆ แน่ ๆ
 
“เอ้า! ฉลองวันแต่งงานให้เพื่อนเราหน่อยเร็ว!”
มันพูดหลังจากร้องจบเพลง แล้วทุกคนก็รับมุกโดยการชูแก้วขึ้นเหนือหัวมาทางผม จนผมต้องหน้าด้านชูแก้วตอบรับเช่นกัน ส่วนเจ้าสาวผมนั่งก้มหน้างุดอยู่กับพ่อแม่นู่น
 
คงอายน่าดู
 
ผมยอมรับว่าไม่เคยทุ่มให้ใครแบบนี้มาก่อน และไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ด้วย ดูเหมือนพวกอาเสี่ยหลงสาวยังไงพิกล 

ผมไม่ได้ซื้อกาย แต่แค่ต้องการตอบแทนด้วยบางอย่างที่ผมพอจะให้ได้บ้าง ตอบแทนความรักและอะไรหลาย ๆ อย่างที่เขาเคยให้ผม
 
“เป็นเด็กดีเชื่อฟังพี่เขานะลูก”
พ่อเล่นมุกบอกลูกตัวเอง ผมนั่งขำในขณะที่ไอ้ตัวเล็กนั่งหน้าแดง
 
“กูไม่เคยเห็นมึงทุ่มเทให้ใครขนาดนี้มาก่อนเลยนะ” ไอ้อ้อยมันว่า “ขนาดกับนกที่กูคิดว่ามึงจริงจังด้วยยังแค่สร้อยเส้นเดียวเอง”
 
ไอ้ตัวเล็กหันมาสนใจ
 
ผมยิ้ม ไม่ได้สนใจต่อความ นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ มือหนึ่งถือแก้วเหล้า อีกมือวางไว้บนโต๊ะ ก่อนชูสองนิ้วให้มันที
 
เพื่อน ๆ คงคิดว่าผมกำลังทำเครื่องหมายพีชอยู่ แต่ความหมายที่แท้จริงมีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ และตอนนี้มันก็รีบหันหน้าหนีไปทางอื่น เห็นเพียงเสี้ยวแก้มและหูแดง ๆ เท่านั้น
 
เจ้าสาวผมขี้อายจริงวุ้ย
 
ขอเพิ่มเป็นสามรอบจะได้ไหมเนี่ย
 
“มึง อาทิตย์นี้กูเก็บสถิติได้ 4”
ไอ้โอมมันพูดกับคู่หูมัน ไอ้มอยักคิ้ว ตอนนี้มันเปลี่ยนไมค์ไปให้สาว ๆ พนักงานในร้านร้องกันแล้ว
 
“แต่กูได้ 8”


ไอ้โอมทำหน้าฮึดฮัด
 
“งั้นอาทิตย์หน้าเอาใหม่”
 
“พวกมึงดวลไรกันอยู่”
ไอ้อิงถามด้วยความสงสัย ไอ้โอมหันมายิ้มรื่น
 
“ก็… กูกับไอ้มอแข่งกันทำสถิติเรื่องสาว ๆ น่ะ แล้วแต่ว่าจะแข่งกันเรื่องอะไร อย่างงวดที่แล้ว แข่งกันเก็บกิ๊กเป็นเด็กคอนแวนต์ ก่อนหน้านั้นเป็นเด็กศรี ก่อนหน้าไปอีกก็เด็กมศว
 
“เสื่อมว่ะ แข่งกันด้วยเรื่องไร้สาระ”
 
“ไร้สาระสำหรับมึง แต่มันคือศักดิ์ศรีสำหรับพวกกู”
ไอ้มอมันบอก
 
“แล้วงวดนี้ พวกมึงจะแข่งอะไรกัน”
มันถามต่อ ไอ้มอทำท่าคิด
 
“จริง ๆ พวกเราก็แข่งกันมาเยอะแล้วนะ แทบจะไม่เหลืออะไรไว้ให้แข่งแล้ว”
 
ไอ้กิ๊ฟยกยิ้มราวกับเจอเรื่องสนุก
 
“งั้นพวกมึงก็น่าจะแข่ง…”
 
ทุกคนหันไปมองมันกันหมด
 
“จีบกูเป็นไง”
 
“โหยยย ให้จีบมึงนะ จีบไอ้กายยังสนุกกว่าอีก” ไอ้มอมันลากเสียงยาว
 
ไอ้กิ๊ฟฉุนทันที
 
“กูไม่ได้ให้จีบจริง ๆ กูแค่ต้องการให้พวกมึงท้าทายความสามารถ”
 
ไอ้มอทำหน้าเบื่อหน่าย
 
“กูบอกตามตรงนะกิ๊ฟ มึงอะ สวย เซ็กซี่ หุ่นดี เป็นที่ปรารถนาของหนุ่ม ๆ”
 
อืม ผมเห็นด้วย
 
“แต่แย่หน่อย ตรงที่มึงดันเป็นคนคนเดียวกับคนที่ทำให้กูหมดอารมณ์ทันทีที่เห็นนี่สิ”
 
ทุกคนพากันหัวเราะร่วน
 
“เวลากูอยากให้อารมณ์กูสงบนะ แค่กูนึกถึงมึง น้องกูก็แฟบแล้วว่ะ ผู้หญิงอะไรวะ ห่ามฉิบ กูสงวนไว้ให้ไอ้เดวิดมันคนเดียวก็พอ”
 
ผมนั่งขำ จริง ๆ มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก
 
ไอ้กิ๊ฟคิ้วกระตุก
 
“สรุป ถ้าให้กูเลือกจีบใครสักคน ระหว่างมึงกับกาย กูขอเลือกกายดีกว่าว่ะ”
 
ไอ้กิ๊ฟคิ้วกระตุกอีกที
 
“งั้นอาทิตย์นี้ ลองแข่งกันจีบกายดูไหม”
 
ทุกคนหันไปมองหน้ามัน
 
“มึง อย่าเอาคนของกูไปเล่น”
ผมรีบปราม

มันส่งสายตาเย็นเยือกมาให้
 
แม่ง ไอ้มอ ไอ้โอม พวกมึงเล่นของสูงกันซะแล้ว
 
“กูไม่ได้ให้จีบจริง ๆ แค่ให้พวกนี้ตามจีบเป็นเกม แค่อาทิตย์เดียว แล้วให้กายเลือกว่าชอบใครที่สุด”
 
ผมหันไปมองไอ้ตัวเล็กที่นั่งอึ้งไม่แพ้กัน
 
“ผมว่าอย่าดีกว่า เลือกเกมอื่นเล่นเถอะ”
มันพูดเกรง ๆ
 
“กูขอยืมเมียมึงอาทิตย์เดียว ถ้าปฏิเสธ กูจะทำให้พวกมึงเลิกกันถาวร”
มันไม่สนใจคำร้องขอของไอ้ตัวเล็ก หันมาพูดกับผมแทน
 
“ตกลง”
ผมรีบตอบตกลงทันที ไอ้กิ๊ฟยกยิ้ม ไอ้ตัวเล็กมองหน้าผมงง ๆ
 
คือผมรู้อารมณ์ไอ้กิ๊ฟมันดีครับ สายตาแบบนี้มันเอาจริงแน่ ๆ
 
“พี่เอก” ไอ้ตัวเล็กครางเรียก
 
“ไม่ต้องห่วงหรอกกาย พี่แค่ยืมตัวกายมาให้สองตัวนี้มันเล่นเกมกันแค่นั้นแหละ”
มันหันไปพูดเสียงเย็นกับกาย และไอ้ตัวเล็กมันคงรับรังสีถมึงทึงจากไอ้กิ๊ฟได้ มันถึงได้รีบพยักหน้าหงึกหงักตอบรับทันที
 
“เอ่อ พวกกูว่า พวกกูไม่เล่นแล้วก็ได้”
ไอ้มอกับไอ้โอมค่อย ๆ เขยิบเข้าไปยืนชิดกัน
 
“ไม่ได้!!”
เอาแล้วไงครับ
 
“เฮ้ย พวกกูแค่ล้อเล่นน่า”
 
“แต่กูเอาจริง” ไอ้กิ๊ฟแสยะยิ้ม
 
“พวกมึงต้องจีบกาย คนไหนกายเลือกคนนั้นชนะ ส่วนคนที่ไม่ถูกเลือก…”
มันชกหมัดใส่มือตัวเอง หักคอกรอบแกรบซ้ายขวา สายตาแฝงความสนุกเอาไว้เต็มสตรีม ริมฝีปากคลี่ยิ้มจนดูสยดสยอง
 
“กิ๊ฟอ่า กิ๊ฟสุดสวย กิ๊ฟเพื่อนร้ากกก กูก็แค่ล้อเล่น”
 
“แต่กูเอาจริง”
 
ผมนั่งขำ สมเล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับไอ้กิ๊ฟซ่ามัน
 
“พี่กิ๊ฟ”
ไอ้ตัวเล็กเรียกอีกที ไอ้กิ๊ฟหันไปยิ้มหวานให้
 
“ไม่เป็นไรหรอก ให้พวกมันมาเห่ามาหอนรอบ ๆ ตัวแค่อาทิตย์เดียว พอจบก็เลือก ๆ เอาละกัน ว่าชอบใคร ส่วนคนที่เหลือพี่จะได้ยำเล่น”
 
ไอ้ตัวเล็กคงลำบากใจน่าดู เพราะยังไงก็เป็นพี่มันทั้งคู่ มันพยักหน้ารับเจื่อน ๆ
 
“มึง… ถ้ากูตาย มึงทำศพให้กูด้วยนะ”
ไอ้มอหันไปทำหน้าเศร้าใส่ไอ้โอม
 
“เหมือนกันว่ะ ถ้าไง ฝากให้ข้าวให้น้ำไจ้ไจ้มันด้วยนะ”
พวกมันทำท่าล่ำลาอาลัยอาวรณ์กัน พวกคนที่เหลือพากันนั่งขำก๊าก
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“เป็นไร”
ผมถามคนที่นั่งเงียบอยู่ข้างผม สายตามันมองไปยังไอ้เต้ยที่นั่งอยู่กับพ่อแม่ไอ้ตัวเล็ก
 
“กูดีใจด้วยนะ ที่มึงตัดสินใจเรื่องกายได้”
มันยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ผมมองหน้ามัน
 
“มึงคิดจะทำอะไร”
 
มันหันมายิ้มให้
 
“กูแค่ตัดสินใจจะทำอะไรสักอย่างให้มันจบ ๆ ไปก่อนจะถลำลึกจนถอยกลับไม่ได้มากไปกว่านี้”
ผมหันไปมองหน้ามันตรง ๆ

ตอนนี้เราคุยกันอยู่สองคนเงียบ ๆ เพราะคนอื่น ๆ ลุกขึ้นไปดิ้นกันหมดแล้ว ส่วนไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ย ซุกหัวดูรูปที่พ่อมันเอามาฝากจากต่างประเทศอยู่
 
“กูจะไปเรียนต่ออังกฤษ”
 
ผมมองมันอึ้ง ๆ มันกระดกเหล้าเข้าปาก แล้ววางแก้วลง ผมมองลึกเข้าไปในดวงตาแฝงแววเจ็บปวดของมัน ก่อนหันไปมองไอ้เต้ยอีกที
 
ผมรู้ว่ามันไม่มีทางเลือก ถ้ายังอยู่เมืองไทย ไม่แคล้วไอ้เต้ยก็ต้องตามตัวมันอยู่ร่ำไป แต่ไปให้ไกลขึ้น เพื่อให้คนทั้งคู่ได้ตัดใจจากกัน
 
“ขอให้มึงทำสำเร็จ”
 
มันพยักหน้า แล้วเราสองคนก็กระดกเหล้าเข้าปากอีกครั้ง
 
“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว สนุกให้เต็มที่ดีกว่า”
มันเลื่อนเก้าอี้ออก เดินไปลากไอ้เต้ยไปกลางฟลอร์
 
“ทำอะไรพี่เป้!!”
ไอ้เต้ยมันโวยวาย ยื้อตัวไว้หน่อย ๆ
 
“กูจะเต้น มาเต้นด้วยกันหน่อย”
 
“จะเต้นก็เต้นไปสิ กูไม่ชอบเต้น”
ไอ้เต้ยมันเถียงกลับ สรรพนามกลับมาห่ามเหมือนเดิมแล้ว
 
“ไม่เอา ไม่อยากเต้นคนเดียว”
แล้วมันก็ลากน้องมันไปยืนดิ้นแด่ว ๆ กลางฟลอร์ได้สำเร็จ สลัดคราบคนเศร้าเมื่อกี้ให้หายไปเลย
 
ผมลุกตามบ้าง เดินไปลากไอ้ตัวเล็กออกมาจากสองสามีภรรยาสูงวัย
 
“ไม่เอาพี่เอก ผมไม่ชอบเต้น”
 
“แล้วใครจะให้กายเต้น”
 
มันทำหน้าสงสัย ผมลากมันไปกลางฟลอร์แล้วจับตัวมันโยกซ้ายโยกขวาตามจังหวะของตัวเอง
 
“ไม่เอา พี่เอก”
 
“ก็ไม่ได้เอาอยู่นี่”
 
มันอ้าปากค้าง ผมเลยจับสองแขนมันเหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวาเต้นไปตามจังหวะของตัวเองต่อ
 
“ไม่เต้น พี่ปล้ำตรงนี้นะเออ”
 
มันทำหน้าตื่น พยักหน้าเร็ว ๆ ก่อนกวาดมองไปรอบ ๆ คงกำลังคิดอยู่ว่าจะเต้นท่าไหนดี
 
“โยก ๆ ไปเถอะ อย่าคิดมาก”
ผมบอก มันเริ่มโยกตัวตาม เรื่องแบบนี้ มันเป็นธรรมชาติครับ แป๊บ ๆ มันก็พลิ้ว รอยยิ้มเคลือบจนเต็มใบหน้าขาว ๆ นั้น
 
ผมยังยืนยันว่าผมโชคดีที่ได้มารักกับมัน
 
ยังดีกว่าอีกหลาย ๆ คู่ หลาย ๆ คนที่ไม่อาจรักกันได้ ผมยังโชคดีกว่าเยอะ และผมก็ไม่อยากจะทิ้งโชคดี ๆ นี้ของตัวเองไปด้วย
 
วันนี้ผมจะขอรักมันต่อไป












วันนี้วันเสาร์ ผมต้องมารับพวกทโมนที่สยาม มีเรียนกันช่วงเช้าจนถึงเที่ยง ให้นั่งรอคนเดียวก็กระไรอยู่ ผมเลยหนีบไอ้ตัวเล็กมาด้วย ซึ่งตอนนี้มันก็นั่งดูหนังสือภาพอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
 
“พี่เอกกกกกก”
แล้วเสียงใส ๆ ทะลุทะลวงแก้วหูก็ดังเข้ามาตามด้วยสาวน้อยวัยใสในชุดกระโปรงสั้นน่ารักบวกเสื้อยืดตัวเก๋
 
“คิดถึงพี่กายจัง”
มันเรียกผม แต่วิ่งเข้าไปสวมกอดกายกันทั้งสามคน กายหัวเราะลูบหัวลูบหางคนละทีสองที
 
“เรียนเหนื่อยไหม”
มันถาม
 
“ไม่เลยค่ะ”
 
“สนุกดี”
 
“มีขนมกิน”
ผมสะดุดนิดหน่อย
 
“มีขนมกิน?” ไอ้ตัวเล็กเลิกคิ้วสงสัย
 
“ก็ไปเรียนพิเศษทีไร”
 
“ก็จะมีเพื่อน ๆ”
 
“ทั้งผู้หญิงผู้ชาย”
 
“หอบขนมมาให้เยอะแยะเต็มไปหมด”
ผมกับกายถึงบางอ้อ เสน่ห์แรงจริงวุ้ยน้องกู
 
“ที่โรงเรียน” 
 
“พวกเราถูกโหวต” 
 
“ให้เป็นสาวน้อยวัยใส ขวัญใจโรงเรียนกันด้วย”
พวกน้อง ๆ สลับกันพูดพลางซุกหาที่นั่ง ตอนแรกก็นั่งประกบกายสองผมหนึ่ง ไป ๆ มา ๆ พวกมันก็ไล่ให้กายมานั่งข้าง ๆ ผมแทน แล้วพวกมันก็นั่งเรียงกันฝั่งตรงข้ามทั้งสามคน หยิบเมนูมานั่งวี้ดว้ายจิ้ม ๆ เลือกของที่จะสั่ง
 
เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้ แต่กินจุใช่ย่อยครับ ครอบครัวเรากินจุกันทุกคน เพียงแต่น้อง ๆ ตัวไม่ใหญ่เท่าผู้ชายบ้านเราเท่านั้นเอง
 
ผมนั่งไขว่ห้าง ฟังเสียงหนูแฮมทั้งสามสั่งอาหารกับพนักงาน ผมยิ้ม เบี่ยงสายตามองไปยังมอนิเตอร์ขนาดใหญ่นอกกระจกจากตึกฝั่งตรงข้าม
 
“กรี๊ดดด มาแล้ว ๆ”
พวกน้อง ๆ พากันวี้ดว้ายชี้ชวนให้ดูสิ่งเดียวกับที่ผมดูอยู่
 
“รายการอะไร” ผมถาม
 
“ก็…”
ยังไม่ทันได้ตอบ พิธีกรสาวน้อยวัยใสก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน จนพวกน้อง ๆ พากันหยุดฟังแทนที่จะตอบ
 
“ผลการโหวตจากประชาชนทั่วไป ดาราหญิงผู้มีคะแนนสูงสุดคือคุณ…”
 
อ๋อ พวกป๊อปปูล่าโหวต
ผมยกกาแฟขึ้นจิบ ตาก็มองภาพดาราที่เขาเอามาลง ต่อจากผู้หญิงก็เป็นผู้ชาย ความรู้รอบตัวแบบนี้ รู้ไว้บ้างก็ดี จะได้ไม่ตกเทรนด์เกินไป
 
“ต่อไปเป็นผลโหวตของบุคคลทั่วไปนะคะ คะแนนโหวตทั้งหมด ได้มาจากอินเตอร์เน็ต ตั้งแต่เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ และอื่น ๆ”
 
ปีที่แล้วดาราที่ผมชอบ ๆ อยู่ได้ ปีนี้ไม่ได้ชอบใครเป็นพิเศษเลยไม่ได้สนใจ ผมยกกาแฟขึ้นจิบ ตาก็จ้องอยู่ที่มอนิเตอร์ ในขณะที่ไอ้ตัวเล็ก กำลังจิ้มหยิบขนมกินสลับกับมองภาพในมอนิเตอร์ไม่ต่าง
 
“ฝ่ายหญิงคือ…น้องโม หรือน้อง……จากโรงเรียน….”
 
ผมมองคนในภาพอีกที

นั่นมัน…
 
“ว้าย คนนี้กิ๊กเก่าพี่เอกนี่”
 
ไอ้ตัวเล็กมันพ่นชาเย็นที่กำลังดูดอยู่จนเปื้อนโต๊ะ มันรีบวางแก้วชา หยิบทิชชู่มาเช็ดใหญ่
 
“ไม่เป็นไรนะ”
ผมหยิบทิชชู่มาช่วยมันเช็ด
 
“มะ ไม่เป็นไร”
มันรีบเช็ดมือเช็ดปาก เงยหน้ามองคนในมอนิเตอร์อีกที
 
ผมจำผู้หญิงที่อยู่บนมอมิเตอร์ได้ชัดเลย เพราะเป็นคนที่ผมเคยคบมาก่อน นานพอควร ถึงจะไม่ได้นานเท่ากับแฟนคนแรกก็เถอะ โมเป็นคนน่ารัก สดใสร่าเริง ยิ้มเก่ง แต่ที่เลิกกันไป เพราะตัวผมไม่มีเวลา ตอนนั้นรับตำแหน่งประธานนักศึกษาใหม่ ๆ ด้วย
 
“ตอนแรกก็คิดว่าพี่จะเลือกคนนี้ซะอีก จริง ๆ คนนี้ก็ผ่านนะ นิสัยน่ารักดี เสียแต่ความอดทนน้อยไปหน่อยเนอะ”
 
“ใช่ ๆ”
พวกมันพูดคุยปรึกษากันเอง
 
ผมเหลือบมองไอ้ตัวเล็ก มันนิ่งไป ผมโอบเอวมันนิดหน่อย บอกทางสายตาว่าโมเป็นเพียงอดีตของผมเท่านั้น
 
“แต่ฝ่ายชายนี่สิ ได้รับคะแนนท่วมท้น พอกับ ๆ กับคุณ…ที่เป็นดาราเลยล่ะค่ะ แหม หล่อ ๆ แบบนี้ น่าจะมาเป็นดาราซะเลยนะคะ”
พิธีกรหญิงออกแนวตบะแตก
 
ผมยิ้ม ไม่ได้สนใจอะไร ยกกาแฟขึ้นจิบอีกที แต่ไอ้คนข้าง ๆ ผมตัวแข็งทื่อไปแล้ว ผมเลิกคิ้วสูงมองตามสายตาวิ่งตรงไปที่มอนิเตอร์อีกที
 
แก้วกาแฟผมยังค้างอยู่ตรงริมฝีปาก มองคนที่อยู่ในมอนิเตอร์ให้ชัด ๆ อีกที เพราะคนคนนั้นดันมีรูปร่างและหน้าตาเหมือนผมเด๊ะ ๆ
 
ในภาพนั้นเป็นชายหนุ่ม ใส่เพียงกางเกงสแลคสีดำเอวต่ำมาก มีเข็มขัด แต่ถูกปลดหัวและกระดุมออก ซิปถูกแหวก และเลื่อนลงต่ำ จนเห็นขอบสีน้ำเงินของกางเกงชั้นใน ท่อนบนเปลือยเปล่า ใส่เพียงสร้อยรูปพระอาทิตย์ โชว์ซิกแพคหกห่อพร้อมกล้ามอกเน้น ๆ สองมือค้ำขอบประตู ทำหน้าโมโหสุดฤทธิ์สุดเดช
 
นี่กูไปถ่ายภาพพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ แล้วภาพกูไปอยู่บนมอนิเตอร์ได้ยังไง
 
ผมนั่งเงียบ ไอ้ตัวเล็กก็เงียบ พวกทโมนก็พากันนั่งเงียบ
 
“นอกจากภาพนี้แล้ว คุณเอกหรือคุณเอกภพ กิจไพศาล ยังเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ของสาว ๆ ในเน็ต ในความหล่อเหลาและเซ็กซี่เทียบชั้นดารา”
 
ผมตาค้าง มองภาพตัวเองในอิริยาบถต่าง ๆ ที่กายเคยถ่ายไว้
 
และภาพสุดท้ายที่โชว์หราจนเต็มมอนิเตอร์คือภาพตัวผมเอง ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสำหรับใส่ทำงาน เนกไทหลุดลุ่ยไร้กระดุม เผยกล้ามเนื้อท้องแน่น ๆ นอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียงพร้อมใบหน้าเชิญชวนจนสาว ๆ ที่มองมอนิเตอร์อยู่ พากันกรี๊ดแตกไปตาม ๆ กัน
 
“กรี๊ดดดดดดดดด”
ด้านในก็ด้วย แต่มาจากพวกน้อง ๆ ผมเอง
 
“กรี๊ดดด พี่เอกได้จริง ๆ ด้วย”
 
“รีบเปิดทวิตเร็ว”
 
“เฟสด้วย”
 
“บอร์ดด้วย”
แล้วพวกน้อง ๆ ก็พากันวี้ดว้ายดูข้อมูลกันใหญ่
 
ผมวางถ้วยกาแฟลง แล้วใช้มือข้างนั้นเลื่อนไปปิดหน้าจอมือถือไว้ ใช้สายตาเย็น ๆ จ้องหน้าพวกมัน พวกน้อง ๆ ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเก็บมือถือลงกระเป๋า
 
“หมายความว่ายังไง”
ผมคงคิดไปเอง ที่เห็นหูของพวกน้อง ๆ กำลังลู่ลง หางก็ตกลงเรื่อย ๆ จนแทบจะอุดตูดอยู่แล้ว
 
“กะ ก็”
 
“เมื่อเดือนที่แล้ว”
 
“มีการประกวดป๊อบปูล่าโหวตกัน”
 
“แล้วมีอันหนึ่ง”
 
“เป็นแบบบุคคลทั่วไป”
 
“พวกเราเลย”
 
“ถ่ายภาพพี่”
 
“ตอนเพิ่งตื่นนอน”
 
“จริง ๆ อยากถ่ายภาพอื่น”
 
“แต่พี่ไม่ชอบถ่ายรูป”
 
“ถ้าขอตรง ๆ”
 
“พี่คงปฏิเสธ”
 
“พวกเราเลย”
 
“ไปปลุกพี่”
 
“ตอนหลับลึกสุด ๆ”
 
“เพื่อขอถ่ายรูป”
 
“พี่ก็อนุญาต”
 
“พวกเราเลยรีบถ่าย”
 
“แล้วรีบหนี”
 
“ก่อนพี่จะรู้สึกตัว”
 
“แล้วหลังจากนั้น”
 
“พวกเราก็ถามพี่ว่า”
 
“จะเอาภาพนี้ไปใช้นะ”
 
“พี่ก็ไม่ว่าอะไร”
 
“พวกเราเลยส่งเข้าประกวด”
 
“จริง ๆ ก็ไม่อยากทำ”
 
“เพราะถ้าพี่มารู้ทีหลัง”
 
“พวกเราคงสยอง”
 
“แต่พวกเราโดนพวกเพื่อน ๆ”
 
“บังคับมาอีกที”
 
“ก็แฟน ๆ พี่นั่นแหละ”
 
“เพราะกลัว”
 
“บวกรีบ”
 
“เลยได้มาแค่ภาพเดียวเท่านั้น”
 
“ตอนแรกว่าจะไม่ส่ง”
 
“เพราะพี่ทำหน้าโหดเป็นยักษ์วัดแจ้งขนาดนั้น”
 
“ถึงส่งไป”
 
“คงถูกตัดทิ้งตั้งแต่รอบแรกแหงม ๆ”
 
“แต่ไหง”
 
“กลายเป็นได้รางวัลก็ไม่รู้”
มันประสานกันพูดเป็นเชต ๆ ทำเอาผมกับกายมองตามแทบไม่ทัน
 
มีเสียงเรียกเข้าดังขัดขึ้นมาก่อน ผมชี้นิ้วคาดโทษ ด่าพวกมันทางสายตา ล้วงหยิบมือถือมากดรับ
 
“เฮ้ยมึง ไอ้เอก ไหงมึงกลายเป็นป๊อบปูล่าโหวตไปได้วะ”
ไอ้มอครับ ผมขี้เกียจอธิบายเลยโยนมือถือให้พวกทโมนมันจัดการ แล้วพวกน้อง ๆ ก็พากันพล่าม เล่าให้เพื่อนผมฟังแบบละเอียดยิบ ไม่ได้มีแค่สายเดียวด้วยนะ มากันให้เพียบ
 
ไอ้ตัวเล็กหันมามองหน้า ผมถอนหายใจเบา ๆ
 
“เดี๋ยวมันก็ซา”
จริง ๆ ไอ้ตัวเล็กมันเอาภาพผมออกไปหมดแล้ว แต่ก็มีแฟนคลับบางกลุ่มแอบเซฟภาพเก็บไว้ แล้วเอาไปบอกต่อ ๆ กันอีกที จนตอนนี้ ถ้าเสิร์ซชื่อผมก็คงเจอได้ง่าย ๆ ผมเคยบอกมันให้ทิ้งไปสักพัก ถ้าเราไม่อัพเดทอะไร มันก็จะซาไปเอง
 
แต่ถ้าผมถูกเลือกให้เป็นป๊อบปูล่าโหวตขนาดนี้ รับรองได้ว่าต้องมีคนโทรเข้ามาไม่ขาดสายแน่ ๆ ช่วงนี้เวลาไปไหนมาไหนก็ถูกมองเยอะด้วย แต่ที่มหา’ลัยไม่มีใครกล้ามายุ่งมาก เพราะผมวางตัวดี และอีกอย่าง ผมเองก็งานยุ่งมาก จนไม่มีเวลามาเดินดินให้ใครเห็นเท่าไหร่ หลังจากหมดคลาส ก็เข้าห้องสภาไปทำงาน หลังจากทำงานก็ไปที่บริษัทต่อ ไม่ก็ไปรับไอ้ตัวเล็กไปนอนกกที่คอนโด (ช่วงข้าวใหม่ปลามันครับ)
 
“ผมขอโทษ” ไอ้ตัวเล็กมันบอก
 
“ไม่เป็นไร” ผมลูบหัวมันเบา ๆ
 
“โอ๊ยเหนื่อย กว่าจะตอบหมด” พวกน้อง ๆ บ่น
 
“ทำเรื่องเองก็ต้องจัดการเอง” ผมบอกเสียงเย็น
 
“พี่อ่า อย่าโกรธพวกเราน้า ก็พวกเราถูกบังคับนี่ พวกเพื่อน ๆ พากันปลื้มพี่กันทั้งนั้น เพื่อนหนูนี่ปลื้มพี่กันยกห้องเลย”
 
“พี่ไม่อยากมีชื่อเสียง มันวุ่นวาย”
ผมบอกตรง ๆ พวกน้อง ๆ ก้มหน้าสำนึกผิด
 
“แล้วพวกหนูจะรีบหาทางลบทุกภาพให้ค่ะ”
แล้วพวกมันก็พากันหงอแดก
 
ผมเห็นไอ้ตัวเล็กนั่งจิ้มหลอดกับแก้วชาเย็นจึก ๆ
 
“เป็นอะไร”
 
“ผมไม่อยากให้พี่เป็นคนดัง”
มันพูดเสียงเบา

พวกน้อง ๆ กำลังจิ้มมือถือ สงสัยส่งทวิตหรือเฟสบุ๊คเพื่ออัพเดทข่าวสาร
 
มันตวัดสายตาเหมือนคนตัดพ้อ ผมเลิกคิ้วนิด ๆ แปลกใจ
 
“ขนาดพี่ไม่มีชื่อเสียง พี่ยังเสน่ห์แรง มีสาว ๆ เข้ามาไม่เว้นวัน นี่ถ้ามีชื่อเสียงขึ้นมา สาว ๆ คงเข้ามาเยอะกว่านี้ แล้วผม…”
มันหยุดคำพูดไว้ เม้มปากแน่น
 
ผมดึงมันมานั่งจนชิด
 
“พี่เอก!!”
มันเรียกเสียงตื่น พยายามดันตัวออก
 
“งั้นกายก็ต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อรักษาพี่ไว้สิ”
ผมพูดยิ้ม ๆ
 
“พี่ก็รู้ ผมไม่ใช่คนที่จะไปทำเรื่องอะไรพรรค์นั้น แล้วอีกอย่างผมก็เป็นผู้ชาย จะไปสู้รบปรบมืออะไรกับผู้หญิงจริง ๆ ได้”
ผมยิ้มกับความคิดมัน
 
ก็เพราะมันเป็นแบบนี้แหละ ผมถึงได้รักมัน
 
“งั้นก็เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก นายที่เป็นนายแบบนี้แหละที่พี่ชอบ”
ผมบอกมันยิ้ม ๆ มันทำหน้าไม่ไว้วางใจ ผมก้มกระซิบข้างหูมันเบา ๆ
 
“ถ้าอยากให้พี่หลงมาก ๆ ก็ออนท็อปพี่สักวันละสองสามรอบก็พอ”
มันรีบผลักอกผมออกไปนั่งเงียบ ๆ ทันที ผมหัวเราะหึ ๆ กลับมานั่งเหมือนเดิม ไม่ได้สนใจอะไรอีก
 
ชื่อเสียง มีได้ มันก็หมดได้ ถ้ามันไม่นำมาซึ่งปัญหามากมายน่ะนะ
 



To be C


จิบกาแฟ เคาะแป้นพิมพ์ต๊อกแต๊ก
ขอบคุณเข้ามาอ่านนะคะ : )










Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 80 ฉลอง...ป๊อบปูล่าโหวต 50% [p.26 D.23-10-60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-10-2017 21:47:12
คู่หนึ่งสมหวัง  :กอด1: อีคู่ซดน้ำใบบัวบก  :เฮ้อ:
ส่วนคนแก่กลิ้งมาอ่าน  :katai5:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 81 แฟนเก่า [p.26 D.7-11-60] 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 04-11-2017 09:45:39
81
แฟนเก่า
[กาย...♥]







ผมหวั่นไหวมาก ๆ กับสิ่งที่รู้ ผมไม่อยากให้พี่เอกเป็นที่สนใจ แค่นี้พี่มันก็มีชื่อเสียงมากพออยู่แล้ว เดินไปไหนมาไหนด้วยกันก็เด่น ดีหน่อยตรงที่ว่าไม่มีใครสงสัยหรือรู้เรื่องอะไร แต่ถ้าวันหนึ่ง สังคมภายนอกเกิดรู้เรื่องขึ้นมาคงไม่ใช่เรื่องดี
 
โดยเฉพาะกับพี่เอก ที่ต้องสืบทอดธุรกิจต่อจากคุณพ่อ
 
ช่วงนี้ดูผมจะยุ่งวุ่นวายนิดหน่อย เพราะต้องไปเรียนรู้งานจากผู้จัดการร้าน ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าการดูแลร้านไม่ได้หนักอย่างที่คิด อาจเป็นเพราะผู้จัดการร้านวางระบบผังงานเอาไว้อย่างดีแล้ว 
 
ช่วงอาทิตย์นี้ ผมโดนพี่มอกับพี่โอมเร่งทำคะแนนค่อนข้างเยอะ นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้ว
 
แต่เป็นสามวันที่ผมคิดว่า…
 
ตัวผมคงเน่าน่าดู = =
 
“น้องกายยย…”
มาแล้วครับ เสียงหวาน ๆ ของไอ้พี่มอมัน นี่ถ้าผมไม่มีแฟน ผมคงจะยอมใจอ่อนกับพวกพี่มันอยู่หรอก แต่นี่ผมมีหวานใจอยู่แล้ว เลยไม่คิดอะไรมาก
 
“กาย ได้ยินเสียงนกเสียงกาแถวนี้ไหม เอ๋.. หรือว่าเสียงควายหว่า เพราะได้ยินมันร้องมอ ๆ ด้วย”
 
ส่วนนี่ก็อีกคน
พี่โอมฮะ เดินถือถาดมาช่วยผมเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้าอยู่
 
ไม่ต้องแปลกใจกันครับ พอดีพวกพี่มันมีเดทไลท์แค่อาทิตย์เดียว ที่มหา’ลัย ต้องเรียนและเข้าห้องสภา เลยหาเวลามาจีบผมกันที่ร้านแทน ผมเลยได้ผู้ช่วยเพิ่มมาอีกสอง แบบไม่เสียค่าจ้างแม้แต่แดงเดียว ซ้ำยังอาสามาเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำผมอีกต่างหาก
 
“พวกพี่ไม่เหนื่อยกันเหรอฮะ”
ผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง พี่มอถอนหายใจแรง
 
“เหนื่อยดิ ตั้งแต่จีบคนมา ยังไม่เคยเหนื่อยเท่าจีบกายเลย จีบคนมีเจ้าของมาก็เยอะ แต่ไม่ใช่ผู้ชายแถมยังเป็นแฟนเพื่อนอีกต่างหาก เล่นยากน่าดู”
พี่มันระบาย
 
ผมหัวเราะ ตบไหล่พี่แกเบา ๆ
 
“สู้ ๆ ครับ” ผมให้กำลังใจ
 
“เพราะมึงคนเดียว ถ้าไม่ไปหาเรื่องไอ้กิ๊ฟมันก่อนนะ กูก็คงไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ อาทิตย์นี้กูเลยอดฟันสาว ๆ เลย”
 
“โทษกูคนเดียวได้ไง คนที่แส่พูดว่าไม่เอาไอ้กิ๊ฟก็มึงเอง”
แล้วพี่มันสองคนก็ยืนเถียงกันไป จนมีสาว ๆ เดินเข้ามานั่นแหละ พวกพี่มันถึงได้รีบวิ่งออกไปรับกันจ้าละหวั่น ลืมเรื่องผมไปเลย ผมยืนขำอยู่คนเดียว
 
“เอ่อ ขอโทษค่ะ”
 
ผมหันไปตามเสียงเรียก เห็นสาวน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง ยืนส่งยิ้มหวานมาให้ น่ารักสุดยอดครับ หลุดมือพี่โอมกับพี่มอมาได้ยังไงเนี่ย
 
“คือ พี่รู้จักพี่เอกใช่ไหมคะ”
 
ผมพยายามนึกอยู่ว่าน้องเป็นใคร เพราะน้องหน้าคุ้นเอามาก ๆ
 
“ครับ”
จะบอกว่าไม่รู้จัก มันจะน่าเกลียด อาจเป็นแฟนคลับของพี่เอกมันก็ได้
 
สาวน้อยยิ้มหวาน
 
“งั้นช่วยฝากนี่ให้พี่เอกหน่อยได้ไหมคะ”
เธอยื่นจดหมายสีชมพูหวานจ๋ามาให้ ผมกำลังจะเอื้อมไปรับ
 
“กาย เลิกงานเร็วหน่อยได้ไหม พอดีพี่ต้องรีบเข้าออฟฟิศ”
พี่เอกโผล่หน้าเข้ามาพอดี

สาวน้อยตรงหน้าพอเห็นพี่เอกก็ฉีกยิ้มกว้าง รีบถลาไปหาทันที
 
“พี่เอก”

พี่แกเลิกคิ้วแปลกใจ

“โม”


ผมยืนอึ้ง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนคนเดียวกัน ผมจำน้องเขาไม่ได้ เพราะวันนี้น้องมาในชุดนักเรียน มัดผมเป็นหางม้าผูกโบว์สีน้ำเงินไว้ด้านหลัง แต่งหน้านิด ๆ เพื่อไม่ให้ผิดกฎโรงเรียน
 
ผมยืนมองน้องโมที่ยืนอ้อนพี่เอกอยู่ รู้สึกหวั่นไหวในหัวใจยังไงพิกล
 
ถ้าเป็นคนอื่นที่พี่เอกทิ้ง ผมจะไม่คิดมาก แต่คนนี้ พี่เอกไม่ได้ทิ้ง แถมตอนนี้พี่เอกก็เปลี่ยนไปเยอะ เป็นสุภาพบุรุษมากขึ้น แบ่งแยกเวลางานและความรักได้มากขึ้น มาถึงตอนนี้ น้องเขาคงไม่คิดจะทิ้งพี่เอกไปอีกแน่ ๆ
 
“มีอะไร”
พี่มันถามน้องเสียงเรียบ
 
“คือ โมมีเรื่องจะคุยกับพี่เอกน่ะค่ะ”
 
“โทษนะ พอดีพี่ต้องรีบเข้าบริษัท”
พี่มันตัดบทน้องโมเรียบ ๆ เงยหน้ามาพูดกับผมต่อ
 
“รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ พี่จะไปรอที่รถ”
 
ผมพยักหน้ารับ เดินไปบอกผู้จัดการ แล้วเดินเข้าห้องแต่งตัวไป
 
เหมือน ๆ จิตใจผมกำลังถูกคุกคามด้วยความหวาดหวั่นที่เพิ่มอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ
 
ไม่เอาน่ากาย พี่เอกก็บอกอยู่ว่ารักนาย นายต้องเชื่อใจพี่เอกสิ
ผมย้ำกับตัวเองในใจ
 
ผมถอดชุดทำงานทิ้งไว้ในตะกร้า คว้าเสื้อผ้าชุดเดิมมาใส่ เดินดุ่ม ๆ ไปทางหน้าร้าน ยังไม่ทันได้เปิดประตู ขาผมชะงักอยู่กับที่ สองดวงตานิ่งค้างไปกับสิ่งที่เห็น
 
ภาพของน้องโมที่ใช้สองแขนโอบแขนของพี่เอกไว้ ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ออดอ้อนพี่เอกด้วยท่าทีน่ารัก ในขณะที่พี่เอกก็ยิ้มอ่อนโยนส่งกลับไปให้เหมือนกัน รอยยิ้มแบบนั้นคว้านเอาหัวใจผมให้แหว่งหายเกือบครึ่ง
 
ธรรมชาติสร้างชายให้คู่กับหญิง ทั้งสรีระและจิตใจ ผมมองเรือนร่างตัวเองที่สะท้อนผ่านกระจกร้านกลับมา
 
ตัวเองเป็นเพียงผู้ชายธรรมดา แล้วจะเอาอะไรไปดึงดูดพี่แกได้
 
อยากจะหันหลังหนี แต่ถ้าทำแบบนั้นพี่มันต้องโกรธแน่ ๆ ผมจำต้องข่มความหวาดหวั่น กลืนก้อนน้ำเหนียวหนืดลงคอ เปิดประตูก้าวออกจากร้านไปหาพี่มัน
 
“เดี๋ยวโมจะขอติดรถไปลงระหว่างทางด้วยนะ”
พี่มันบอก ผมพยักหน้า กำลังจะเดินไปนั่งเบาะหลัง แต่พี่เอกรั้งแขนไว้ เปิดประตูออกให้ผมได้นั่งเบาะหน้าแทน ส่วนด้านหลังก็ให้น้องโมนั่งไป ผมก้มหน้าลงนิดหนึ่ง
 
ดีใจครับ ดีใจที่พี่มันยกตำแหน่งนี้ให้ผม
 
‘ตำแหน่งคนรู้ใจ’
 
ตลอดทั้งเส้นทาง ผมนั่งเงียบ โดยมีน้องโมนั่งจ้อชวนพี่เอกคุย
 
“ไม่น่าเชื่อนะคะ ว่าพี่เอกจะได้ตำแหน่งป๊อบปูล่าโหวตเหมือนโม จริง ๆ โมตามข่าวพี่เอกมานานแล้วล่ะค่ะ แต่เพิ่งมีความกล้าเข้ามาทักทายก็ตอนนี้แหละ”
น้องโมชวนคุยไปเรื่อย ๆ
 
“กาย”
 
ผมได้แต่นั่งทอดดวงตาเหม่อมองออกไปนอกตัวรถ
 
“กาย”
 
หวังแค่ให้ช่วงเวลาแบบนี้ จบลงเร็ว ๆ
 
“กาย!!”
 
“คะ ครับ!”
ผมหันไปตอบรับเสียงตื่น
 
“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า”
 
“ปะ เปล่าฮะ คิดถึงเรื่องงานนิดหน่อย”
ผมให้เหตุผล พี่มันพยักหน้า จอดรถให้โมลงระหว่างทาง แล้วพี่มันก็ขับรถพาผมกลับคอนโด
 
 
 
 
 
 
 
 
“เป็นอะไร”
พี่มันถามทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้อง คงเห็นผมเงียบผิดปกติมานานละมั้ง
 
“เปล่า”
พี่มันเดินเข้ามาใกล้ รวบจับเอวผมพลิกให้หันไปเผชิญหน้ากับพี่แก
 
“คิดเรื่องโมอยู่ใช่ไหม”
ผมสะดุดนิดหนึ่ง พยายามไม่แสดงความหวั่นไหวให้พี่แกเห็น พี่เอกยิ้ม ดึงผมเข้าไปชิด
 
“พี่รักกายนะ”

ผมยืนนิ่ง ฟังสิ่งที่พี่เอกกำลังจะพูดต่อ
 
“ถ้ากลัวว่าพี่จะหวั่นไหว ก็ทำให้พี่รักกายมาก ๆ จนหันไปมองคนอื่นไม่ได้สิ”
 
แล้วผมจะทำได้ยังไง ผมถามพี่มันผ่านดวงตา
 
“ก็แค่รักและเข้าใจพี่ให้มาก ๆ เหมือนที่พี่รักและพยายามเข้าใจกายให้มาก ๆ ยังไงล่ะ”
พี่มันบอก ผมซุกหน้ากับอกกว้าง กระชับอ้อมแขนกอดพี่มันแน่น
 
ถึงไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ไหม แต่ผมจะพยายามให้ถึงที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ละกัน
 
“อืม ตอนแรกก็ว่าจะเข้าบริษัทคนเดียว แต่พี่ว่า กายไปกับพี่ด้วยดีกว่า”
 
“เอ๊ะ?”
ผมดันตัวออกมาเลิกคิ้วมอง พี่มันยิ้มกริ่ม
 
“ไปช่วยพี่ทำงานหน่อย”
แล้วพี่มันก็ลากผมติดมือไปด้วยเลย
 
และตลอดสองชั่วโมงของการทำงาน ผมก็ได้แต่นั่งแหง่วรอพี่มันอยู่บนโซฟา ดีนะ ที่ผมเอาคอมมาด้วย เลยเอามาหาข้อมูลเกี่ยวกับงานที่ร้านกาแฟซะเลย
 
“กาย”
ได้ยินเสียงเรียกแว่ว ๆ มาตามทาง
 
“กาย”
ผมพยายามปรือตามอง ก่อนสะดุ้งเฮือกกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง
 
ตายห่า!!
นี่กูเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
 
หันไปมองจอคอม หน้าจอขึ้นสถานะเซฟโหมดไปแล้ว ผมเงยหน้ายิ้มเจื่อนมองพี่แก
 
“ขอโทษฮะ สงสัยผมจะเผลอหลับ”
ผมลูบหน้าตัวเองเบา ๆ ไล่ความง่วงทิ้งไป พี่มันพยักหน้าเหนื่อย ๆ ไม่เอาความ ท่าทางแบบนี้ งานท่าจะเครียดน่าดู ผมหันไปดูเวลาข้างฝา ห้าทุ่มกว่าเกือบเที่ยงคืนแล้ว ดึกขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
 
“ผมขับรถเองดีกว่า พี่จะได้งีบ”
 
พี่มันมองหน้าผมนิดหนึ่ง ทำท่าคิด ก่อนพยักหน้ารับ
 
สงสัยวันนี้พี่แกจะเหนื่อยจัดจริง ๆ เพราะถ้าเป็นเวลาปกติ เหนื่อยขนาดไหน พี่แกก็จะพยายามขับรถเอง แต่วันนี้ยอมง่าย ๆ เลย
 
พอขึ้นรถปุ๊บ พี่เอกก็หลับปั๊บ ผมขับรถให้ช้าและนิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้คนตื่นง่ายอย่างพี่เอกรู้สึกตัวระหว่างทาง
 
พอรถจอดปุ๊บ พี่เอกก็ตื่นปั๊บเหมือนกัน ผมรีบรุนหลังให้พี่มันขึ้นห้องไปอาบน้ำก่อน ช่วงนี้เหมือนตัวเองเป็นแม่บ้านยังไงบอกไม่ถูก ผมเตรียมชุดไว้ให้พี่แก วันนี้เป็นเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนเนื้อผ้าบางเบาบวกกางเกงขายาวเอวยืดเนื้อเดียว กับเสื้อสีน้ำเงินเข้ม
 
ไม่นานพี่เอกก็เดินนำหน้าหล่อ ๆ ออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าเช็ดตัวพันไว้ที่เอวหลวม ๆ หยดน้ำบางส่วนยังเกาะพร่างพราวอยู่ตามผิวเนื้อ ผมยื่นเสื้อผ้าให้พี่แกรับไปสวมเหนื่อย ๆ
 
“พี่นอนไปก่อนละกัน”
 
พี่มันพยักหน้าหงึกเดียว เดินไปทิ้งตัวแผ่หลาเต็มเตียง
 
ผมยิ้ม คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปอาบน้ำบ้าง นึกถึงแววตาอ่อนโยนที่พี่เอกมองน้องโมทีไร หัวใจผมรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาทุกที
 
ผมรีบสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป อาบน้ำ แต่งตัว แล้วเดินออกจากห้องน้ำไป
 
พี่เอกยังนอนอยู่ท่าเดิม ลมหายใจพากันเข้าออกสม่ำเสมอ ผมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ กวาดมองไปทั่วโครงหน้าหล่อเหลา
 
“เพราะพี่หล่อขนาดนี้ จะไม่ให้ผมหวั่นไหวว่าจะมีใครมาแย่งไปได้ยังไงกัน”
ผมสารภาพกับคนหลับ
 
“พี่ถึงได้บอกไง ว่ากายต้องรักพี่ให้มาก ๆ และกายต้องทำให้พี่รักกายให้มาก ๆ ด้วย”
ปากคนหลับขยับเปล่งเสียงเบา ๆ ก่อนดวงตาข้างหนึ่งจะค่อย ๆ หรี่ขึ้นมอง
 
“คิดว่าหลับไปแล้วซะอีก”
 
พี่มันยิ้ม
 
“ได้งีบสักหน่อย แรงกลับมาแล้วล่ะ”
 
โห เป็นระบบชาร์จแบตก็ไม่บอก ครั้งหน้ากูจะได้จับชาร์จแบบนี้บ่อย ๆ ไม่ถึงยี่สิบนาทีด้วยซ้ำ
 
พี่มันจับผมลงไปนอนด้วย
 
“อย่าปล่อยให้ความกลัวมาบดบังความสุขที่ควรจะ มีนะกาย ถ้ากายมัวแต่กลัว กายไม่มีทางจะมีความสุขแน่ ๆ แทนที่จะเอาเวลาไปกลัว เอาเวลาแบบนั้นมามีความสุขกับพี่ดีกว่า พี่มีเวลาให้กายไม่มากเท่าไหร่นะ พี่ยังต้องทำงานต้องเรียน ต้องใช้เวลาร่วมกับคนในครอบครัว ไหนจะเพื่อน ๆ อีก เวลาที่มีให้กายก็น้อยเต็มทน พี่ถึงอยากให้ช่วงเวลาของเรามีคุณค่าที่สุด แค่วันนี้กายนั่งเหม่อในรถ กายก็โยนเวลาที่เราควรจะมีให้กันทิ้งไปเยอะแล้ว พี่ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก”
 
ผมก้มหน้าเม้มปากแน่น
 
จริงสินะ…
 
เพราะผมมัวแต่กลัว เลยสูญเสียช่วงเวลาดี ๆ กับพี่มันไปเลย แทนที่จะหวั่นไหว สู้เอาเวลาแบบนั้นมามีความสุขกับพี่มันดีกว่า ผมช้อนตามองพี่มัน
 
“ครับ”
พี่เอกยิ้มหล่อ
 
“แบตพี่เต็มแล้ว แต่น้องพี่ยังไม่ได้ชาร์จเลย”
 
ผมขมวดคิ้วงุนงง
 
“ใคร”
 
พี่มันยิ้มพราว ชี้ไปยังเอกน้อยที่นอนสงบอยู่ด้านล่าง
 
“ชาร์จให้พี่หน่อยสิ”
 
หน้าผมร้อนวูบ ยังไม่อยากตีความอะไรทั้งนั้น
 
“น่านะ ทำให้พี่หน่อยสิ”
พี่มันอ้อน ผมกัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ พี่มันลุกขึ้นนั่งทิ้งขาไว้ข้างเตียง ผมเลยจำต้องเคลื่อนตัวลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น
 
ผมเงยหน้ามองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาฉาบรอยยิ้ม เจ้าเล่ห์และดวงตาแพรวพราวเอาไว้ แล้วไอ้คนที่ทำหน้าเมื่อยเหมือนจะตายเมื่อกี้หายไปไหนแล้ววะ
 
“เร็วสิ ดึกแล้วนะ”
พี่มันเร่ง ผมกัดปากตัวเอง จับขอบกางเกงดึงให้บางส่วนที่กำลังหลับใหลหลุดออกมา แล้วหลังจากนั้นผมก็นั่งชาร์จแบตให้พี่มันอยู่อย่างนั้นหลายสิบนาทีเลย
 
แถวไหนมีเครื่องชาร์จราคาถูก ๆ ขายบ้างครับ ผมอยากซื้อเก็บไว้
 
ไม่ไหว ชาร์จแบบนี้…
 
เมื่อยปากฉิบหาย
 
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
 
ยังไงผมก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ผิดที่จะหวั่นไหว แม้จะสั่งตัวเองให้มั่นใจในตัวพี่เอกขนาดไหน แต่มันคงทำได้ยากยิ่ง หากต้องมาเจอภาพอะไรตำตาแบบนี้
 
ความมั่นใจอันน้อยนิดที่ผมมี ตอนนี้มันแทบไม่เหลืออะไรเลย
 
ผมยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ หัวใจหล่นไปอยู่แทบเท้า มองภาพพี่เอกยืนจูบอยู่กับใครบางคนหน้าห้องสภา แม้ใจจะสั่งให้เคลื่อนเท้าถอยหนี แต่อีกใจก็สั่งให้เดินหน้าเพื่อพิสูจน์ว่าพี่เอกไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้น เหมือนคนอื่น ๆ ที่ผ่านมา
 
“คิดถึงเอกจัง”
 
ผมชะงักเท้า จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของพี่เอก
 
“คิดถึงเหมือนกัน”
คำพี่แก ทำเอาผมรีบก้าวไปยืนหลบอยู่หลังกำแพงทันที
 
“พอบินมาถึงปุ๊บ นกก็ตรงดิ่งมาหาเอกก่อนเลย”
 
พี่เอกยิ้มอ่อนโยน ไม่ต่างกับที่พี่แกเคยยิ้มให้ผม
 
นก…
 
ถ้าผมจำไม่ผิด คนคนนี้คือ…



                 
ยังไม่ทันที่ผมจะให้คำตอบตัวเอง พวกเขาทั้งคู่ ก็พากันเดินเข้าไปในห้อง ผมไม่อยากจะหวั่นไหวและเชื่อใจพี่เอกให้มากกว่านี้
 
แต่ตอนนี้ผมคงทำไม่ได้
 
“กายเป็นอะไรหรือเปล่า”
เสียงใครสักคนปลุกผมออกจากภวังค์ ผมหันไปมอง
 
“พี่โอ๊ค”
 
“เป็นอะไร”
 
ผมยิ้มอ่อนให้พี่แก อยากพูดเหมือนกันว่าไม่เป็นไร แต่จิตใจมันอ่อนแรงเกิน ผมเงยหน้ามองพี่โอ๊ค
 
“พี่โอ๊ค พี่รู้จักคนที่พี่เอกคบด้วยทุกคนหรือเปล่า”

พี่มันจ้องผมกลับ
 
“ก็พอรู้บ้าง”
 
“แล้วพี่รู้จักคนที่ชื่อโมกับนกไหม”

พี่มันจ้องหน้าผมอึ้ง ๆ แล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ
 
“ก็พอรู้บ้าง”
 
ผมมองหน้าพี่แกเพื่อหาคำตอบ
 
“โมคือรุ่นน้องที่เอกคบด้วยเกือบนานที่สุด ตอนนี้ก็น่าจะอยู่ม.หกมั้ง แต่ไอ้เอกมันบ้างาน โมเลยทนไม่ได้เลิกคบไปก่อน ส่วนนกคือคนที่เอกคบด้วยนานที่สุด 3 ปีตั้งแต่ม.สี่ยันม.หก เราเรียนอยู่ห้องเดียวกันมาตลอด พอสองคนนี้มาคบกัน นกเลยกลายมาเป็นหนึ่งในแก๊งเราด้วย สนิทกับไอ้กิ๊ฟที่สุด ถือว่าเป็นคนที่ไอ้เอกรักมาก จนมันเป็นคนเอ่ยปากเองว่าถ้าเรียนจบ มันจะขอนกแต่งงานทันที แต่นกต้องย้ายไปอยู่กับครอบครัวที่อเมริกาซะก่อน ระยะทางที่ห่างกัน บวกรวมกับสองคนนี้เป็นพวกจริงจังกับสิ่งที่ตัวเองรับผิดชอบทั้งคู่ พวกเขาเลยตกลงเลิกกันในที่สุด”
 
ผมยืนอึ้งฟังเรื่องทั้งหมด
 
“งั้นพี่นกก็เป็นคนที่พี่เอกรักมากที่สุด”
ผมถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
 
“ใช่ รักมาก รักมากถึงขนาดหมั้นหมายนกด้วยขอล้ำค่าที่มันเทหน้าตักให้นกเชียวล่ะ”
 
ผมทำได้แค่ยืนนิ่งอยู่กับที่
 
พี่โอ๊คลูบหัวผมเบา ๆ ที
 
“แต่ตอนนี้ไอ้เอกมันรักกายนะ”
 
ผมยิ้มขืนให้พี่โอ๊ค
 
“พี่นกกลับมาแล้ว”
 
พี่โอ๊คชะงักมือที่กำลังลูบหัวผมลง
 
“และเมื่อกี้ ผมเห็นพี่เอกกับพี่นก…”
 รู้สึกเหมือนน้ำลายพากันเหนียวหนืดจนแทบจะกลืนไม่ลง
 
“ยืนจูบกันอยู่หน้าห้องสภา”
 
“กาย…”
 
“ผมอยากมั่นใจนะพี่โอ๊ค แต่ผม…”
ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่น ผมไม่อยากอ่อนแอ แต่ตอนนี้น้ำตาผมกำลังร่วงหล่น
 
“กาย”
พี่โอ๊ครั้งผมเข้าไปไว้ในอ้อมแขน ผมรู้ว่าผมเป็นผู้ชาย และผมไม่ควรจะอ่อนแอ แต่ตอนนี้ความเข้มแข็งมันวิ่งหนีผมไปหมดแล้ว ผมกำอกเสื้อพี่โอ๊คแน่น โดยมีอ้อมแขนแกร่งตะกองกอดผมไว้แน่นเช่นกัน
 
“กาย อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยนะ บางทีมันอาจเป็นแค่จูบทักทายธรรมดาก็ได้ นกเขาไปอยู่เมืองนอกเมืองนามานาน อาจจะเคยชิน”
พี่โอ๊คพยายามปลอบใจ ดันผมออกเบา ๆ มาเช็ดน้ำตาให้ ผมกะพริบตาปริบ ๆ มอง
 
“ใจเย็น ๆ นะ ไอ้เอกมันรักกาย พี่มั่นใจ”
 
ผมก็ได้แต่หวังให้คำพี่แก เป็นความจริง
 
   





TBC 100%

เขวี้ยงเปลือกทุเรียนใส่คนเขียนกันเบา ๆ นะคะ  :mew6:








Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 81 แฟนเก่า [p.26 D.4-11-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-11-2017 14:13:15
ถึงมีที่ชาร์ตแบทอย่างที่กายอยากได้
มันก็ไม่ได้อารมณ์เหมือนคนหรอก  :laugh:

นึกระแวงและ เพราะช่วงหน้าไรท์บอกหลบเปลือกทุเรียน
ดราม่า มาแน่ โม หรือเปล่า
หรือรายอื่นๆ ทั้งกิ๊กเก่า สาวใหม่ พุ่งมาหาพี่เอก  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
น้องพี่เอกนี่ยังไง ไม่ว่าชาย ว่าหญิง ขยันชงให้เกิดเรื่องกันจัง
น้องสาวนี่อะไรกัน เกรงใจเพื่อน
จนทำความลำบากใจให้กายล้วนๆ  :fire:  :fire: :fire:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 81 แฟนเก่า [p.26 D.4-11-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-11-2017 01:01:18
น้องโมจะเข้ามาสร้างความร้าวรานใจให้หลานกายหรือปะ ความน่าจะเป็นสูงแน่ในตอนหน้า  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 81 แฟนเก่า [p.26 D.4-11-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-11-2017 01:01:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 81 แฟนเก่า [p.26 D.7-11-60] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: annch ที่ 14-11-2017 13:46:27
ตามทันแล้ว สนุกมากๆๆ
รอนะ  :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 82 แยกทาง [p.26 D.14-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 14-11-2017 19:31:13
(http://upic.me/i/7b/111737615.jpg)
82
แยกทาง
[เอก...☼]












 
ผมตกใจที่อยู่ ๆ คนรักเก่าก็โผล่เข้ามา ด้วยความเคยชิน ผมเลยเผลอจูบไป (ไวไฟกันตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วครับ)
 
“คิดถึงเอกจัง ไปอยู่ที่นู่นนะ เจอแต่พวกฝรั่งผิวขาว ๆ เห็นแล้วรับไม่ไหว”
นกยังคงเป็นนก สดใสร่าเริง และทำให้ผมมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้
 
“กลับมาเที่ยวเหรอ”
 
“เปล่า มาทำงานค่ะ”
 
ผมเลิกคิ้วสูง
 
“นกเรียนจบแล้ว ได้ปริญญามาสองใบ”
นกชูสองนิ้วด้วยความภาคภูมิ
 
ผมมองอึ้ง ๆ
 
“จบแล้ว… ได้ปริญญาสองใบ”
ผมทวน นกพยักหน้ายิ้มรื่น
 
“นกเร่งจบน่ะ จะได้รีบกลับมาหาเอกเร็ว ๆ ไง”
 
ผมยืนอึ้งไปอีกรอบ
 
นก หญิงสาวผู้มั่นใจในตัวเอง เป็นผู้หญิงที่หารครึ่งระหว่างผมที่แสนเย็นชา และไอ้กิ๊ฟที่เฮ้วและเอาเรื่องไว้อย่างละครึ่ง เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เอาผมอยู่
 
แม้กระทั่งตอนนี้…
 
หัวใจผมก็ยังแอบหวั่นไหว
 
ทั้งที่ผมมีกายอยู่แล้ว แต่พอเจอรอยยิ้มสดใสแบบนี้ ผมกลับพูดไม่ได้ว่าผมคบกายอยู่
 
“นกไม่รู้นะ ว่าตอนนี้เอกกำลังคบกับใครอยู่ แต่เท่าที่รู้ ๆ มา เอกไม่เคยคบกับใครนานเกินสามเดือนเลย นกว่า นกยังพอมีความหวังใช่ไหม”
นกถามด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจเต็มเปี่ยมว่ายังไง ผมก็ยังคงรักเธอไม่เปลี่ยน
 
จะว่าใช่ก็ใช่ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นกถือเป็นคนที่ผมรักมากที่สุด
 
ผมไม่รู้ว่านกรู้ข่าวผมได้ยังไง อาจเป็นหนึ่งในเพื่อนผมเป็นคนบอก แล้วนกจะรู้เรื่องกายด้วยไหม
 
“อุ้ย! สายแล้ว เดี๋ยวนกรีบไปรายงานตัวก่อนนะ แล้วจะแวบมาหาใหม่”
นกยืดตัวขึ้นมาจูบผมที แล้วผละจากไป
 
ผมปฏิเสธไม่ได้ ว่าผมยังรู้สึกดี ๆ กับนกอยู่
 
แต่ผมมีกายอยู่แล้ว…
 
ผมเดินอ้อมไปยังโต๊ะทำงาน อีกชั่วโมงต้องเข้าคลาส ต้องรีบเคลียร์งานส่วนที่เหลือก่อน ยังไม่ทันได้นั่ง ก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างบนโต๊ะก่อน
 
“นี่มันถุงของนกนี่”
ผมรีบหยิบสิ่งนั้น วิ่งออกจากห้องลงไปยังชั้นล่าง นกคงไปไม่ไกล ผมยิ้มเมื่อเห็นแผ่นหลังเล็กไว ๆ
 
“น…”
 
“ขอบคุณค่ะ”
 
ผมปิดปากไว้ เมื่อเห็นคนที่ก้มเก็บของช่วยนกอยู่ เพราะคนคนนั้นเป็นคนที่ผมรักในปัจจุบันนี้ ผมไม่กล้าก้าวขาไปข้างหน้า แต่สายตาของกายก็เร็วพอที่จะเห็นผม
 
นกคงเห็นว่ากายกำลังมองใครอยู่ ถึงได้หันมามองตาม
 
“อ้าวเอก อุ้ย! นกลืมของเหรอเนี่ย ขอบคุณค่ะ”
นกรีบเดินเข้ามาเอาถุงของจากมือผม
 
“ลืมไม่ได้เชียวนะเนี่ย นี่เป็นของฝากที่จะเอาไปให้คุณลุง เดี๋ยวว่าที่คุณพ่อสามีจะว่าเอาได้”
นกพูดไปเรื่อย ก่อนหันไปหากายที่ยืนถือของของนกไว้ด้านหลัง
 
“ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยเก็บ”
นกรับของไปถือไว้ ผมยังยืนนิ่ง ไม่รู้ว่าจะแนะนำคนทั้งคู่ให้รู้จักกันในฐานะอะไรยังไงดี
 
“งั้นนกไปนะ เสร็จธุระแล้ว นกจะแวะไปหาที่คอนโด”
นกเดินเข้ามาชิด โน้มคอผมลงไปกดจูบ ผมรู้ว่าผมควรจะปฏิเสธ แต่สัมผัสคุ้นเคย ความรู้สึกเดิม ๆ ก็ทำเอาผมเผลอจูบตอบ ก่อนจะได้สติและผละออก เงยหน้ามองด้านหลังของนก
 
แต่ภาพตรงหน้ากลับว่างเปล่า
 
“กาย”
ผมเรียก นกหันไปมอง
 
“หือ…คนรู้จักเหรอ”
 
ผมไม่ได้ตอบอะไร นี่ผมกำลังทำร้ายจิตใจของกายอีกแล้วใช่ไหม ทั้งที่ผมเพิ่งพูดให้ความมั่นใจกับกายไป แต่ตอนนี้ผมกลับเป็นคนทำผิดซะเอง
 
หลังจากนกไป ผมก็รีบโทรหาไอ้ตัวเล็ก แต่สิ่งที่ได้ มีเพียงเสียงข้อความตอบรับเท่านั้น ผมไม่รู้ว่ากายอยู่ในอารมณ์แบบไหน โกรธ น้อยใจ หึงหวง หรือ…
 
กำลังร้องไห้อยู่
 
ผมร้อนใจยิ่งกว่าเดิม กระหน่ำโทรหา แต่ไม่ติด
 
“แม่งเอ้ย!!”
ผมสบถแรงกับอากาศ อยากตื้บในความลังเลของตัวเอง ผมตัดสินใจวิ่งไปหามันที่คณะ
 
“เต้ย เห็นกายไหม”
ผมรีบถามทันทีที่เห็นคู่หูมัน
 
“ไม่ฮะ เห็นบอกว่าจะเข้าร้านเร็วหน่อย”
 
ผมยังมีเรียนอยู่ เลยตามไปที่ร้านตอนนี้ไม่ได้ คงต้องรอจนกว่าจะเลิกเรียน
 
กะว่าเลิกเรียนจะรีบไปตามไอ้ตัวเล็ก ไอ้พวกเพื่อนบ้าดันลากให้ผมอยู่เคลียร์งานให้เสร็จ ตอนแรกก็คิดว่าแป๊บเดียวจะเสร็จ ไป ๆ มา ๆ ก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่า ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู ไม่มีการติดต่อกลับเลยแม้แต่สายเดียว โทรกลับก็ไม่ติด
 
ผมกลับมาถึงที่คอนโด โดยหวังว่าจะพบกับคนที่ผมรักนอนงอนอยู่ในห้อง
 
แต่ภายในกลับว่างเปล่า…
 
ผมโทรหาอีกรอบ แต่เสียงตอบรับเป็นเพียงเสียงหวาน ๆ ของโอเปอร์เรเตอร์เท่านั้น ผมยัดมือถือลงกระเป๋ากางเกง หยิบแจ็คเกตมาใส่
 
กายคงกลับบ้านแน่ ๆ
 
เดินยังไม่ทันถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงกดกริ่ง ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูออกผัวะ
 
“กาย”
 
“นกเอง”
 
ผมหุบยิ้มลงทันที
 
นั่นน่ะสิ
 
กายมีคีย์การ์ดนี่ จะมากดกริ่งทำไม
 
“นี่เอกนัดเพื่อนหรือนัดกิ๊กไว้คะ นกเข้าไปได้ไหม”
นกถามด้วยน้ำเสียงสดใส ยกขวดรีสีสวยขึ้นโชว์
 
“ของโปรดเอก”
 
“ผมกำลังจะไปธุระ”
 
“อ้าวเหรอ ว้าแย่จัง”
นกทำหน้าเหงาหงอย
 
ผมยืนชั่งใจ ใจหนึ่งก็อยากไปตาม แต่อีกใจ ก็อดที่จะอยู่ทักทายเจ้าของดวงตาวิบวับตรงหน้าไม่ได้
 
แล้วที่เจ้าตัวเล็กมันปิดเครื่องเพราะงอน หรือแบตหมดกันแน่นะ
 
“นี่ตกลงเอกจะไปธุระหรือเปล่าคะ นกปวดขาแล้วน้า เดินดูงานมาทั้งวันเลย”
นกอ้อน ผมเลยรีบพยักหน้าให้นกเข้ามาในห้องแทน
 
“ให้เวลาหนึ่งชั่วโมง แล้วผมจะไปธุระต่อ”

                นกยิ้มแก้มบาน เดินลิ่ว ๆ เข้าครัวไป
 
“หือ นี่เอกมีใครมาอยู่ด้วยเหรอ”
นกคงสังเกตเห็นข้าวของบางอย่าง แต่ผมไม่ได้ตอบ
 
ผ่านไปร่วมชั่วโมงที่ผมอยู่กับนก ยอมรับว่าความรู้สึกเดิม ๆ หวนคืน นกคือคนที่ผมรักและรู้สึกดีด้วยที่สุด คือคนที่ผมตัดสินใจขอหมั้นด้วยเงินทั้งหมดที่มีแล้วซื้อจี้เพชรให้ และตอนนี้เธอก็ยังใส่มันอยู่
 
“จำได้ใช่ม๊าว่าเอกหมั้นนกไว้แล้ว”
 
ผมยกแก้วรีขึ้นดื่ม ความสับสนเริ่มครอบงำ ตอนแรกก็คิดว่าความรักที่ผมมีต่อนกคงจะจางหายไปตามระยะเวลาที่เราห่างกัน แต่เอาเข้าจริง มันกลับเต็มล้นอยู่เท่าเดิม
 
แล้วกายล่ะ ผมเอาไว้ไปที่ไหน
 
“ครบชั่วโมงพอดี เอกคงอยากไปทำธุระต่อ แล้ววันหลังเราค่อยเจอกันใหม่”
นกลุกขึ้นยืน ผมลุกตาม ฤทธิ์แอลกอฮอล์พาเอาผมรู้สึกมึนหน่อย ๆ แต่ไม่มาก ผมไม่ได้ไปส่งนก เพราะอยากล้างหน้าล้างปากก่อนออกไปหากาย
 
“นกไปก่อนนะ”
พอก้าวออกจากห้อง นกก็หันมาลาด้วยน้ำเสียงอ้อน ๆ รั้งคอผมลงไปกดจูบ ซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ
 
นกยังคงจูบเก่ง ยังมีเสน่ห์ และรู้จังหวะที่จะทำให้ผมลุ่มหลง จนหลงลืมใครบางคนที่ผมกำลังจะไปหา
 
“นี่เปลี่ยนใจกลับเข้าห้องแทนได้ไหม”
นกกระซิบเสียงพร่า และผมก็เลวพอที่จะตอบว่า…
 
“อืม”
 
 
 
 
 
ผมยกแก้วรีขึ้นดื่ม ในขณะที่คนนอนข้าง ๆ ไม่ใช่เจ้าของเรือนร่างแบน ๆ อย่างกายแต่เป็นเรือนร่างอวบอั๋นสมส่วนตรงตามสเป็คตัวเอง ใบหน้าหวานหมดจดจนผมอดไม่ได้ที่จะรั้งเส้นผมบางส่วนที่มันตกระลงมาขึ้นไปทัดหูไว้
 
“อืม คิดถึงเอกจังเลย”
นกลืมตาตื่น กระเถิบเข้ามากอดเอวผมไว้
 
“เอก เรากลับมาคบกันอีกได้ไหม”
นกชวนโต้ง ๆ ในขณะที่ผมนั่งนิ่งคิดไปถึงใครอีกคนที่ผมควรจะไปหาตั้งแต่เมื่อคืน
 
“หรือว่าเอกมีใครอยู่ก่อนแล้ว”
นกคาดเดาจากความนิ่งเงียบของผม นกยันตัวลุกขึ้นมองแบบไม่ทุกข์ร้อนเท่าไหร่ “นกไม่บังคับนะ ให้เอกจัดการทางนั้นให้เรียบร้อยก่อนก็ได้ นกรอได้”
นกพูดชิว ๆ ราวกับมั่นใจนักหนาว่ายังไงผมก็เลือกเธอแน่ ๆ ผมได้แต่นั่งนิ่ง ใช้สมองคิดทบทวนเรื่องต่าง ๆ
 
 
 
 
 
 
 
 
“เอก นี่นกกลับมาแล้วเหรอวะ”
ไอ้มอมันทัก ทุกคนหันมามอง
 
“อืม”
ทุกคนพากันนิ่ง
 
“เอ่อ แล้วมึง…”
ผมไม่ตอบคำถาม เพราะใจผมแบ่งออกเป็นสองทาง
 
ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ อยู่ ๆ ก็มีกระดาษแผ่นหนึ่งวางไว้ตรงหน้า
 
“เมื่อวาน กายร้องไห้ แล้วถามเรื่องโมกับนกกับกู ก่อนมึงคิดจะตัดสินใจอะไรยังไง ช่วยเห็นใจคนที่รักมึงหมดหัวใจหน่อย”
มันพูดแค่นั้น แล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป
 
ทุกคนพากันเงียบ เพราะนกถือว่าเป็นหนึ่งในแก๊ง แม้กระทั่งไอ้กิ๊ฟที่เคยปกป้องกายมาตลอด ก็เลือกที่จะยืนทำงานเงียบ ๆ ในมุมของตัวเองเท่านั้น
 
ผมนั่งทำงานเงียบ ๆ ในขณะที่สมองกำลังตวงตราชั่งระหว่างคนที่ผมเคยรักหมดหัวใจและยังคงรักอยู่ กับคนรักใหม่อย่างกาย ที่ผมก็รักเช่นกัน
 
 
 
 
 
 
 
หลังเคลียร์งานเสร็จ ผมว่าจะไปหากาย อย่างน้อยการได้เจอหน้า อาจทำให้ผมตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้นก็ได้
 
“เอก!!”
แค่ก้าวออกจากห้อง ก็เห็นใครบางคนยกไม้ยกมือเรียกมาแต่ไกล
 
“มาได้ไง”
 
“ก็คิดถึงเอกไง แวะซื้อของโปรดมาให้ด้วย”
นกยื่นถุงขนมมาให้ ผมรับมาถือไว้พร้อมรอยยิ้ม
 
“แล้วนี่ไม่คิดจะแบ่งรึไง งกจริงเชียว”
เจอลูกอ้อนกระเง้ากระงอดแบบมีชั้นเชิงแบบนั้นเข้า ใจที่อยากจะไปหากาย ถูกสับเปลี่ยนให้เดินเข้าห้องไปนั่งกินขนมกับนกแทน
 
“กว่าจะเรียนจบ รากเลือดมาก ดีนะที่มีคนช่วย”
 
ผมยิ้มกับคำบอกเล่าของนก
 
สรุปวันนี้ ผมก็ไม่ได้ไปหากาย ความกระตือรือร้นที่จะไปหามีน้อยกว่าความรู้สึกที่อยากจะอยู่ใกล้ชิดกับนกเสียอีก
 
จนล่วงเข้าไปวันที่สี่ ผมเริ่มแน่ใจแล้วล่ะ ว่าผมคงรักกายน้อยกว่าที่รักนกแล้ว
 
“เอก ตกลงมึงเลือกนกแทนกายแล้วใช่ไหม”
ไอ้อ้อยมันถาม ทุกคนมองมาที่ผม สำหรับเพื่อน ๆ แล้ว ถึงจะรู้ว่าผมรักกาย แต่ก็คงจะดูออกว่าผมรักนกเหมือนกัน และดูแล้วความรักที่ผมมีต่อนกนั้นน่าจะเยอะกว่ากายด้วย
 
และที่สำคัญ…
 
ยังไงนกก็เป็นผู้หญิง ทั้งสังคมและอนาคต นกยังคงเป็นต่อ ไม่แปลกใจที่เพื่อนจะไม่คัดค้าน
 
“แล้วมึงบอกเลิกกับกายเขารึยัง”
ไอ้อ้อยมันถามต่อ
 
“กูไม่แน่ใจว่ะ ยังไม่ได้เจอกายเลย แล้วกายก็ไม่ได้ติดต่อกูด้วย”
 
“คงจะติดต่อหรอกนะ มึงเล่นอยู่กับนกแทบจะตลอด แม่งเป็นใครจะไปทนได้”
 
“อืม กูก็ว่างั้น”
พวกมันให้ความเห็น ส่วนไอ้กิ๊ฟมันปิดปากเงียบ นกก็เพื่อนสนิทมัน กายก็น้องรักมัน มันคงเลือกข้างไม่ถูก จึงเลือกที่จะอยู่เงียบ ๆ แทน
 
“ยังไงก็ไปพูดกับกายมันตรง ๆ ละกัน”
ไอ้สาวมันให้ความเห็น
 
ผมได้แต่พยักหน้า กลับไปใช้เวลาทบทวนตัวเองอีกคืน ก่อนตัดสินใจไปพูดกับไอ้ตัวเล็กตรง ๆ มันอาจโกรธ อาจน้อยใจ หรืออาจเสียใจจนร้องไห้
 
แต่ผมต้องเลือกสักทาง
 
จนในที่สุด ผมก็มาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านมัน ห้องมันยังเปิดไฟส่องสว่าง เห็นเงามันลาง ๆ ข้างหน้าต่าง มันคงกำลังนั่งทำงานอยู่ ผมตัดสินใจกดกริ่ง เห็นมันแง้มหน้าต่างออกมามองนิดหนึ่ง เงานั้นลุกขึ้นยืน และลับหายไป
 
ผมรอไม่นาน คนที่ผมเคยหลงใหลก็เดินทำหน้านิ่ง ๆ ออกมาเปิดประตู
 
“เชิญครับ”
มันทำเสียงนิ่งมาก นิ่งเอามาก ๆ จนผมยังแอบหวั่นไหว
 
แต่ผมตัดสินใจแล้ว
 
ผมเดินไปนั่งบนโซฟา มันเดินไปเปิดตู้เย็นและหยิบน้ำมาให้
 
“น้ำฮะ”
แล้วมันก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม
 
“กาย”
 
“นี่ครับ”
ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร มันก็ยื่นซองสีขาว ๆ มาให้ และภายในก็น่าจะมีอะไรบางอย่างอยู่
 
“ผมคืนให้”

ผมชั่งใจ ก่อนรับมาถือไว้ และเปิดออกดู ผมมองสิ่งที่อยู่ภายในด้วยความแปลกใจ
 
“ผมว่าพี่คงไม่อยากให้สิ่งนี้อยู่กับผมแล้ว”
มันพูดนิ่ง ๆ แต่ผมเห็นว่าดวงตากลมใสนั้นกำลังสั่นคลอ น้ำเสียงที่ออกมาก็ดูแหบแห้งมากกว่าปกติ
 
หัวใจผมเจ็บจี๊ด
 
แต่ผมต้องเลือกสักทาง
 
“พี่…”
 
“ไม่ต้องอธิบายอะไรก็ได้ครับ ผมเข้าใจ”
มันตัดบท ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ มันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ แล้วชี้มาที่คอผม
 
“ผมขอสิ่งนั้นคืนได้ไหม”

ผมก้มมองสร้อยพระอาทิตย์ที่คอตัวเอง

“ผมว่าพี่คงไม่ต้องการมันแล้ว”
 
ผมนั่งชั่งใจอยู่พัก ก่อนตัดสินใจถอดออกและยื่นใส่มือที่ยื่นออกมารับ มันกำสิ่งนั้นแน่น
 
“ขอบคุณครับ ดึกมากแล้ว ผมว่าพี่กลับก่อนดีกว่า ผมง่วงแล้วด้วย ขอบคุณสำหรับทุก ๆ เรื่องที่ผ่านมานะครับ”
มันบอกเรียบ ๆ ผมพยักหน้าเดินออกไปหน้าบ้าน ผมกำลังจะเดินออกนอกรั้ว แต่มันรั้งแขนผมไว้จนผมหันกลับไปหามัน และดวงตาผมก็ถูกปิดสนิทด้วยมืออีกข้าง สักพักริมฝีปากผมก็ถูกกดจูบเอาไว้เบา ๆ
 
“ผมรักพี่นะฮะ...ลาก่อน”
มันปล่อยมือออกเคลื่อนที่หายไปพร้อมกับประตูรั้วที่ปิดตัวลง ในขณะที่ดวงตาผมยังคงพร่ามัว มองเห็นภาพตรงหน้าไม่ชัด ผมกำสิ่งที่อยู่ในมือแน่น มองตามแผ่นหลังที่กำลังหายลับเข้าไปในบ้าน
 
กายกำลังร้องไห้
 
ผมอยากตามไปกระชากกายเข้ามาปลอบ แต่ถ้าทำแบบนั้น ก็ไม่ต่างกับผมกำลังทำร้ายกายหนักยิ่งกว่าเดิม
 
ผมจำต้องหันหลัง ก้าวห่างออกไป ก่อนหยุดเท้าตัวเองไว้ แล้วหันไปมองห้องนอนที่ยังเปิดไฟอยู่ มองเห็นเงาเลือนรางมายืนอยู่ข้างหน้าต่าง ก่อนที่เงานั้นจะเคลื่อนที่หายไป
 
ผมได้แต่ยืนนิ่ง จ้องมองแสงไฟที่ลอดผ่านผ้าม่านสีอ่อน ผมรู้ว่าผมทำร้ายจิตใจและความรู้สึกของคนมามาก แต่ไม่เคยมีครั้งไหน ที่จะทำให้หัวใจผม รู้สึกเจ็บเท่ากับครั้งนี้อีกแล้ว



To Be Con....
             
T_T..ด่าคนเขียนเบา ๆ นะคะ แต่ยินดีให้ด่าพระเอกได้เต็มที่ (วิ่งหนี!!)..
 




Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
 
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 82 แยกทาง [p.26 D.14-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 14-11-2017 20:19:54
สาระเลว



 :z6:
ไอ่เชี้ยเอก
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 82 แยกทาง [p.26 D.14-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-11-2017 20:26:24
เอก เลวววววววววววววววววววววววววววววววววววววว  :fire: :fire: :fire:
สนับสนุนให้พี่โอม พี่เชน มาจีบกายเลย  :hao3:
พี่อาร์ต พี่อิฐ มาจีบยิ่งดี  o18

กาย ยังมีคนรักกายอีกมากมาย
อย่าอาลัยอาวรณ์ คนสองใจ
ใช้ชีวิตของตัวเอง รักตัวเองให้มากๆ
ไม่มีใครรักเราเท่าตัวเราเองหรอก

ยังสงสัย ได้ปริญญาสองใบแทบรากเลือด
แล้วมีใครช่วยนะ อยู่โน่นมีคนทางโน้น
พอกลับมาก็มาหาคนเก่าหรือเปล่า

รอดูคนสองใจ นอกใจกาย พอรู้ตัวว่ารักกาย
แล้วกายก็รักตัวเองอย่างจริงใจไม่วอกแวก
แต่กายก็ไม่อยู่ให้เจอแล้ว  :angry2:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 82 แยกทาง [p.26 D.14-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 15-11-2017 00:20:58
เอกกกกก...จะด่าว่ายังไงดีนี่
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 82 แยกทาง [p.26 D.14-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-11-2017 01:03:55
ที่ผ่านมาสรุปเอกรักกายจริงๆ ที่เปล่าเนีย เลวถึงขั้วเลย  :z6:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 82 แยกทาง [p.26 D.14-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Sky ที่ 18-11-2017 07:10:58
เข้มแข็งไว้นะกาย หนีไปอยุ่เชียงใหม่กับแม่ก็ได้ ใครไม่รักก็ชั่งมันแต่ยังมีพ่อมีแม่มีคนอื่นๆที่รักเราอยุ่นะ สู้ๆ  :กอด1:  :กอด1:  :z6:  :z6: ถีบนี้สำหรับพี่เอกคนเลว
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 82 แยกทาง [p.26 D.14-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ศตรัศมี ที่ 18-11-2017 07:36:29
ต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยหรอ อ่านตอนล่าสุดแล้วสะเทือนใจพอสมควรทีเดียว บอกตรงๆว่าเราแทบมองไม่เห็นทางที่เอกกับกายจะกลับมาคบกันใหม่ได้เลย มันเลวร้ายเกินกว่าจะรับได้จริงๆ เอกไม่คู่ควร เอกทำร้ายน้อง ทำลายความรักของน้อง ทำลายเกียรติยศของตัวเองได้อย่างย่อยยับที่สุด นำพาตัวเองไปสู่จุดตกต่ำจะกลับก็กลับไม่ได้ จะไปต่อก็ไปไม่ถึง พอมาคิดได้ในภายหลังก็คงสายเกินกว่าจะกู้อะไรกลับมาได้อีก และอีกอย่างเราคิดว่ามันไม่แฟร์กับกายเท่าไหร่นักถ้าจะให้ผู้ชายคนนี้กลับมามีบทบาทในชีวิตอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 82 แยกทาง [p.26 D.14-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: jpjiraporn ที่ 18-11-2017 07:37:00
เจ็บวันนี้เพื่อไปพบความสุขในวันข้างหน้าค่ะ
กายสู้ๆ :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 83 แยกทาง [p.27 D.20-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 20-11-2017 19:22:45
83
ตัดใจ...แฟนใหม่
[กาย...♥]





 
ผมนอนยิ้มทั้งน้ำตาอยู่บนเตียง ผมดีใจ ที่พี่เอกให้ร้านกาแฟกับผม แต่มันจะมีค่าอะไร ถ้าคนให้ไม่ต้องการผมแล้ว
 
ผมนอนหงาย ปล่อยน้ำตาให้ไหลร่วงจากหางตาลงสู่หมอน
 
ผมรู้ว่าพี่เอกรักผม
 
แต่ก็น้อยกว่าพี่นก
 
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมเฝ้ามอง และรอคอยพี่มันมาตลอด แต่พี่เอกไม่เคยปฏิเสธพี่นกเลย ตั้งแต่จูบกันหน้าห้องสภา กลางทางเดินตอนที่ผมเดินเหม่อไปชนพี่นกเข้า หรือแม้กระทั่งตอนที่พี่นกไปหาพี่มันที่คอนโด
 
และผมยังอยู่ตรงนั้น
 
แค่ปลายสายตา
 
ถ้าพี่เอกเงยหน้ามองสักนิด ก็จะเห็นผมยืนอยู่ตรงนั้น
 
ผมรู้ และรอเวลาให้พี่นกออกมาจากคอนโด แล้วผมจะได้กลับเข้าไปหาพี่เอกอีกครั้ง แต่ความหวังผมก็เป็นเพียงความหวัง เมื่อพวกเขาออกมาและกลับเข้าไปอีกครั้ง พร้อมจูบที่เต็มไปด้วยความรักและความเสน่หา
 
และพวกเขาทั้งคู่ ก็ไม่กลับออกมาอีกเลย จนผมต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ และเดินจากมาเงียบ ๆ
 
พี่เอกรู้ว่าบ้านผมอยู่ไหน พี่เอกรู้ว่าคณะผมคืออะไร แต่พี่เอกไม่คิดจะมาหา และผมรู้ว่าเพราะอะไร
 
คนมาทีหลัง หรือจะสู้คนที่รักกันมายาวนานอย่างพี่นกได้
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ผมมานั่งทอดอารมณ์อยู่ริมบึง จ้องมองท้องฟ้าสีครามยามเย็น วันนี้ไม่ได้เข้าร้าน ไม่ค่อยอยากเข้าเท่าไหร่ด้วย เพราะร้านนั้นเจ้าของที่แท้จริงคือพี่เอก เป็นร้านที่พี่เอกใช้หมั้นผม
 
หึ เป็นหม้ายขันหมากเร็วจังกู
 
ผมกำลังทำเรื่องโอนร้านคืนให้พี่เอกมัน เมื่อพี่มันไม่คิดจะรักผม ผมก็ไม่อยากได้อะไรจากพี่มันทั้งนั้น
 
“กาย”
 
ผมหันไปตามเสียงเรียก
 
“พี่เป้”
พอรู้ว่าเป็นใคร ผมก็หันกลับไปมองแม่น้ำเงียบสงบด้านหน้าอีกที
 
พี่เป้ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ 
 
“พี่กำลังจะไปอังกฤษ”
หลังจากต่างคนต่างเงียบกันมานาน พี่มันก็พูดตัดความเงียบขึ้นมา
 
ผมค่อย ๆ หันไปมอง แต่ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไป ดวงตายังคงเฉยเมย ไม่ได้ตกใจ ตื่นเต้น หรือดีใจอะไรกับสิ่งที่ได้ยิน
 
พี่มันจ้องหน้าผมนิ่ง ๆ เช่นกัน
 
“ไม่มีแรงจะปลอบพี่แล้วใช่ไหม”
พี่มันเอื้อมมาดึงตัวผมไปซุกอกแกเบา ๆ
 
ผมรู้ว่าผมร้องไห้มาหลายรอบแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาอีกรอบในอ้อมแขนอบอุ่นนี้
 
“ถ้าไม่ติดว่ากายยังเรียนอยู่ พี่ก็อยากชวนกายไปด้วยเหมือนกัน”
พี่มันเสยคางผมขึ้นมอง
 
“พี่จะไม่ได้อยู่ดูแลกายแล้วนะ กายต้องเข้มแข็ง เพื่ออนาคตของกายเอง พี่เองก็พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะเอกมันก็รักนก จนพี่คิดว่า…”
 
“รักมากกว่าผม”
 
พี่เป้เม้มปากแน่น
 
“ผมรู้แล้วล่ะครับ”
 
รู้ดีด้วย
 
ผมค่อย ๆ รั้งตัวเองออกมานั่งตรง ๆ ทอดมองท้องน้ำที่กำลังไหวกระเพื่อมเพราะแรงโหมของสายลมอีกที 
 
พี่เป้เลือกที่จะนั่งเงียบ ๆ ไม่ต่างกับผมที่ไร้คำพูด ผมยกเข่าขึ้นมากอด ไม่ต่างกับคนข้างกายที่ทำแบบเดียวกันบ้าง แล้วเราสองคนก็ทอดดวงตาเหม่อมองไปยังท้องน้ำสีสวยด้วยกันเงียบ ๆ
 
“นี่กาย”
พี่มันเรียกตัดความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง
 
ผมหันไปมอง
 
“ไปขี่จักรยานกับพี่ไหม”
พี่มันยิ้มให้นิดหนึ่ง
 
“ไปปั่นจักรยานเล่นกัน ที่สวนลุม”
 
ผมนั่งนิ่งอยู่พัก ก่อนพยักหน้าตกลง
 
ไม่เกินชั่วโมง ผมก็มานั่งอยู่บนจักรยานคันเดียวกับพี่เป้ ตอนแรกก็ว่าจะปั่นกันคนละคันนั่นแหละ แต่พี่เป้เห็นผมเหม่อเกิน แกคงกลัวว่าผมจะปั่นไปชนคนอื่นเข้า เลยให้ผมนั่งหน้า เบาะเดียวกับพี่แกนั่นแหละ แล้วพี่แกก็เป็นคนปั่นเอง ผมนั่งเงียบมาตลอดทั้งเส้นทาง ฟังพี่เป้ร้องเพลงคลอไปเบา ๆ
 
“เพราะจัง”
ผมชมทันทีที่เนื้อหาเพราะ ๆ ไร้เสียงดนตรีประกอบจบลง พี่เป้ก้มมอง
 
“กายชอบเหรอ”
 
“ผมชอบฟังเสียงพี่ เพราะดี”
 
“อืม เต้ยก็ชอบ”
พี่เป้เริ่มร้องอีกเพลง

ผมทอดดวงตาเหม่อมองทิวไม้จากริมทาง คอนกรีตบนท้องถนน และสัตว์เจ้าถิ่นญาติสนิทของจระเข้ที่มานอนเกยตื้นอยู่บนฝั่ง
 
“กาย”
 
“ครับ”
 
พี่มันเรียก แต่นิ่งเงียบไปนาน
 
“คบกับพี่ไหม”
 
ผมหย่อนขา เบรกรถที่กำลังวิ่งช้า ๆ ด้วยเท้า เงยหน้ามองพี่เป้ พี่มันมองตอบ
 
“พี่เคยบอกแล้ว ว่าถ้าไม่มีเอก กายจะเป็นคนที่พี่อยากคบด้วยมากที่สุด พี่ไม่สัญญาว่าจะรักกายได้ไหม แต่พี่สัญญา ว่าจะดูแลกายให้ดี อย่างน้อยก็ช่วงเวลาก่อนที่พี่จะเดินทางไปเรียนต่อ พี่ไม่อยากถลำลึกมากไปกว่านี้แล้ว แค่นี้พี่ก็จะบ้าอยู่แล้ว”
 
ผมตัดสินใจ ก้าวลงจากรถไปยืนอยู่ข้าง ๆ
 
“พี่แน่ใจนะ”
ผมถามย้ำ พี่มันพยักหน้า
 
“งั้นเรามาคบกัน แต่ผมคงไม่รับปากว่าจะรักพี่ได้ไหม ผมอยากคบเพื่อช่วยให้พี่ตัดใจจากเต้ย อย่างน้อยก็จนกว่าพี่เป้จะเดินทาง และทำให้หัวใจของผม… อยู่ห่างจากพี่เอกบ้าง”
 
พี่เป้ยิ้ม รั้งตัวผมให้ขึ้นไปนั่งบนรถ แล้วตั้งต้นปั่นอีกที
 
 
 
 
 
 
 
 
 
พ่อกับแม่ยังไม่รู้ว่าผมเลิกกับพี่เอกแล้ว พ่อยังวุ่นวายกับที่ทำงานใหม่อยู่ ในขณะที่แม่กำลังเร่งปั่นต้นฉบับ
 
พี่เอกดังขึ้นเรื่อย ๆ ควบคู่กับน้องโมที่มีคนติดต่อให้ไปเล่นหนังเล่นโฆษณาจนมีชื่อเสียง ผมไม่รู้ว่าหลังจากนั้นน้องโมติดต่อกลับมาหาพี่เอกบ้างรึเปล่า เพราะผมไม่ได้ใส่ใจ
 
แต่เท่าที่รู้ พวกโมเดลลิ่งต่างพากันติดต่อเพื่อให้พี่เอกไปเป็นนายแบบ แต่พี่เอกยืนยันปฏิเสธ
 
ผมไม่ได้เข้าใกล้ห้องสภาอีกเลยนับตั้งแต่เลิกกับพี่เอก พอเลิกเรียน ก็ไปทำงาน กว่าจะเคลียร์ร้านก็เกือบสี่ทุ่ม กลับบ้านนอน (รายงาน การบ้าน หรือโปรเจคทำที่ทำงานครับ กลับบ้านอาบน้ำนอนอย่างเดียว)
 
แม่อยู่เชียงใหม่เป็นหลัก โดยมีพ่อบินไปหาบ่อย ๆ พ่อแอบหาข้อมูลเพื่อเปิดสาขาที่เชียงใหม่ด้วย คงหาหนทางอยู่ใกล้แม่นั่นแหละ
 
ผมดีใจที่พ่อกับแม่เข้าใจกัน แม้จะมีพ่อแง่แม่งอนกันบ้าง แต่ก็ดูมีความสุขดี 
 
 
 
 
 
 
 
ผมวิ่งตุบตับไปตามทางเดิน สายแล้วครับ ต้องรีบเข้าคลาส แต่เพราะวิ่งไม่ดูทาง ผมเลยชนกับใครบางคนเข้าเต็ม ๆ จนล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้า ไม่แน่ใจว่าตัวเองตัวเบา หรือคนที่ชนตัวใหญ่กันแน่
 
เจ็บตูดเลยกู
 
ผมเงยหน้ามองคนชน พอรู้ว่าเป็นใครก็รีบลุกขึ้นก่อนที่คนคนนั้นจะเข้ามาช่วยพยุง ผมรีบก้มหัวแทนคำขอโทษ แล้ววิ่งหนีไป
 
วิ่งหนีจากคนคนนั้น
 
คนที่ผมยังรัก..สุดหัวใจ
 
 
 
 
 
ตั้งแต่ไอ้เต้ยรู้ว่าผมคบกับพี่เป้ เราสองคนก็ไม่ค่อยได้คุยกันอีก มันไม่ได้เลิกคบผม ไม่ได้โกรธหรืองอนด้วย เพียงแต่มันกำลังเสียใจ และขอเวลาอยู่เงียบ ๆ เพียงลำพังก่อน
 
ผมรู้ว่ามันคงเจ็บ แต่ผมยอมเป็นคนเลว เพื่อให้มันและพี่เป้ได้ตัดใจจากกัน
 
กำหนดเดินทางของพี่เป้เป็นอาทิตย์หน้า พี่เป้เตรียมเรื่องทุกอย่างเงียบ ๆ และมีผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้
 
วันนี้ผมมานั่งเหม่ออยู่หน้าร้านนมปั่นของมหา’ลัย ที่ผมกับพี่เอกเคยมานั่งด้วยกันนั่นแหละ
 
“นี่ ๆ นกอยากกินร้านนี้ เอาร้านนี้นะ”

                ผมหันไปมองเจ้าของเสียง เห็นพี่เอกถูกลากแขนตรงมาที่ร้าน ผมรีบล้วงหยิบเงินขึ้นมาจ่ายทันที
 
“นั่นเป้นี่ เฮ้เป้ทางนี้ ๆ!!”
พี่นกโบกมือไหว ๆ ให้พี่เป้ พี่แกเดินตรงมา โดยมีใครอีกคนเดิมตามมาติด ๆ พี่เอกเห็นผมแล้วและมีสีหน้าลำบากใจไม่ต่าง ผมกำลังจะเดินออกจากร้านไป
 
“กาย” พี่เป้เดินมาฉุดข้อมือผมไว้ “อย่าเพิ่งไป นั่งเป็นเพื่อนพี่ก่อน”
 
ผมรู้ว่าพี่เป้ต้องการอะไร พี่เป้ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวที่ผมเพิ่งลุกเมื่อกี้ โดยมีไอ้เต้ยเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ผมทำท่าอึดอัด พี่เป้คงรู้ เลยจับผมนั่งบนตักพี่แก แล้วหันหน้าหนีไปยังฝั่งที่ไม่มีพี่เอก
 
แต่ว่า…
 
นั่งแบบนี้ เดี๋ยวชาวบ้านเขาก็รู้กันหมดหรอก
 
“เอ่อ ดูเป้สนิทกับน้องเขาจัง”
พี่นกถามไม่เต็มเสียงนัก
 
“อืม เราคบกันอยู่น่ะ”
พี่เป้บอกตรง ๆ
 
พี่นกตาโต อ้าปากค้าง ก่อนยิ้มหน้าแหยง แต่ไม่ได้ทำท่ารังเกียจอะไร สำหรับพี่เอกผมไม่รู้ เพราะไม่ได้มอง
 
“ไม่รู้มาก่อนว่าเป้จะเป็น…”
 
พี่เป้ยิ้ม
 
“ไม่ได้เป็นหรอก กายเขาก็ไม่ได้เป็น”
 
“อ้าว…”
พี่นกถึงบางเอ๋อ มองพวกเราสองคนสลับกันไปมา
 
พี่เป้ยิ้มบาง กระชับอ้อมแขนที่กอดผมแน่นขึ้น
 
“กินอะไรมาแล้วใช่ไหม จะเอาอะไรเพิ่มรึเปล่า”
พี่เป้ถาม ผมส่ายหน้า
 
“มึงล่ะเต้ย จะเอาด้วยไหม กูสั่งให้”
ผมหันไปถามเพื่อน มันพยักหน้าขึ้นลงเหงา ๆ ผมเลยหันไปสั่งเครื่องดื่มของโปรดมันให้
 
“แล้วพี่ล่ะ เอาอะไรด้วยไหม”
ผมถามพี่เป้ต่อ พี่มันยิ้มทีเดียวเป็นการอนุญาต ผมเลยสั่งให้พี่เป้ด้วย หลังจากนั้น ผมก็ได้แต่นั่งมองไปยังที่ไกล ๆ ไม่สนใจใครอีกเลย ไม่ต่างกับพี่เป้ที่ซุกหน้ากับไหล่ผมหลบสายตาไอ้เต้ยที่มองมาตรง ๆ
 
พี่นกชวนคนนู้นคนนี้คุยไปเรื่อยตามนิสัยเฟรนด์ลี่ของเธอ บางทีเธอก็ถามผมเหมือนกัน ผมตอบเพียงสั้น ๆ ไม่ต่างกับพี่เป้และไอ้เต้ย รวมถึงพี่เอกอีกคน
 
“กาย ไปดูหนังกับพี่ไหม”
พี่เป้ชวน คงอยากหาทางหลบออกไปจากสถานการณ์นี้ ผมรีบพยักหน้ารับทันที
 
“ว้าย ดีเลย งั้นเราไปดูด้วยกันดีกว่า เต้ยไปด้วยกันนะ พี่เลี้ยงเอง ฉลองที่พี่เรียนจบได้งานทำ”
 
“อย่าดีกว่า นกจะได้มีเวลาอยู่กับไอ้เอกมัน”
พี่เป้ค้าน
 
“แหมเพื่อนกัน เวลาสองต่อสองมีอีกเยอะ พวกเราไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี สังสรรค์กันหน่อยสิ”
 
“แต่…”
พี่เป้พยายามหาหนทางเลี่ยง
 
“ห้ามปฏิเสธนะ”
พี่นกชี้นิ้วขู่
 
พี่เป้จำต้องพยักหน้า ในขณะที่ผมนั่งกัดริมฝีปากแน่นจำยอมตามไป
 
เรามาถึงโรงหนังกันช่วงเย็น พี่เป้คล้องเอวผมไว้แทบจะตลอดเวลา ผมรู้ว่าพี่เป้ไม่อยากทำ แต่คงอยากกันไอ้เต้ยออก และดูแลผมจากพี่เอกไปในตัว
 
“นี่ เดี๋ยวนกไปซื้อตั๋วเอง รอกันอยู่ที่นี่นะ”
พี่นกวิ่งลิ่ว ๆ หายไป ทิ้งพวกเราเอาไว้ด้วยกัน
 
“อยากกินอะไรรึเปล่า”
 
พี่เป้ถาม ผมส่ายหน้า
 
“กินสักหน่อยดีกว่า เข้าไปในโรงหนัง เดี๋ยวจะหิวเอา”
พี่มันรั้งเอวผมให้เดินไปกับพี่แกที่ร้านขนม
 
“พี่ขอโทษนะ”
พี่เป้ลูบหัวผมเบา ๆ
 
“ผมไม่เป็นไรมากหรอก แค่นี้ชิว ๆ”
 
พี่เป้ยิ้มหล่อ ดันตัวผมเข้าไปยืนในอ้อมแขนตัวเอง
 
“อยากได้อันไหนหยิบเอาได้เลย พี่เลี้ยงไม่อั้น”
 
ผมอมยิ้ม
 
“คบกับพี่จริง ๆ จัง ๆ เลยดีไหมเนี่ย”
 
พี่มันยิ้ม ลูบหัวผมเบา ๆ
 
“ถ้าเราทำได้น่ะนะ”
พี่เป้ยิ้มเอ็นดู พยักหน้าให้ผมเลือกขนมต่อ ผมจิ้มเอาสองสามอย่าง เป็นของโปรดของพี่เป้กับไอ้เต้ย ส่วนของตัวเองเอาเลย์ห่อเดียวพอ ซื้อไปเผื่อพี่นกกับพี่เอกด้วย เรายืนเลือกกันอยู่นานมาก เพราะไม่อยากกลับไปที่ตรงนั้น จนเห็นว่าพี่นกเดินกลับมาแล้ว เราถึงได้จ่ายเงินและเดินกลับไป
 
เพราะพี่นกเป็นคนเลือกตั๋วเอง แกจึงเลือกนั่งก่อน ต่อด้วยพี่เอก ตามด้วยผม พี่เป้และไอ้เต้ย ให้ผมนั่งคู่กับพี่เป้เพราะเห็นว่าเป็นคนรักกัน ให้พี่เป้นั่งคู่กับเต้ยเพราะเป็นพี่น้องกัน และให้ผมนั่งคู่กับพี่เอก เพราะพี่นกชอบนั่งริม
 
ผมนั่งหายใจแทบไม่ทั่วท้อง เพราะคนที่ผมไม่อยากอยู่ใกล้มากที่สุด มานั่งแทบหัวไหล่ชนกัน ได้ยินเสียงพี่นกพูดคุยออดอ้อนกับพี่เอกและอะไรอีกสารพัด แถมยังพิงหัวไว้กับไหล่พี่เอกด้วย ในขณะที่ผม พยายามเบี่ยงตัวหนีให้ห่างพี่เอกให้มากที่สุด ผมโน้มตัวไปทางด้านพี่เป้ พี่แกหันมามอง ขยับเกี่ยวเอวผมดึงเบา ๆ ไปชิดตัวแก 
 
ผมดูหนังแทบไม่รู้เรื่อง มีอยู่หลายครั้ง ที่สายตาผมแอบมองพี่เอก ทั้งที่ไม่ควร แต่ก็ละสายตาไม่ได้ พี่เป้ก็เรียกความสนใจผมคืนตลอด
 
พอออกจากโรงหนัง ตอนแรกก็คิดว่าจะจบแค่นั้น แต่พี่นกชวนพวกเราไปเลี้ยงกันต่อที่ร้านหมูกระทะ
 
ผมพยายามไม่ใส่ใจพี่เอก แล้วหันมาดูแลพี่เป้ดี ๆ แทน ไม่ต่างกับพี่เป้ที่ทำเป็นเมินไอ้เต้ย แล้วดูแลผมอย่างดี ในขณะที่ไอ้เต้ยเพียงนั่งเงียบ ๆ
 
ผมรู้ว่ามันคงเจ็บกับภาพผมกับพี่เป้ไม่ต่างกับผมมองพี่เอกสวีทกับพี่นก แต่ต่างกันตรงที่มันเลือกที่จะมองให้เต็ม ๆ ตา ในขณะที่ผมเลือกที่จะหลบหนี
 
“ทำไมเต้ยเงียบจัง ไม่สบายหรือเปล่า”
พี่นกถาม
 
ไอ้เต้ยส่ายหัว
 
“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะฮะ”
 
“งั้นต้องกินเยอะ ๆ นะ จะได้หายเครียด”
แล้วพี่นกก็มีน้ำใจคีบอาหารให้
 
“กายด้วย”
 
ผมยิ้มรับ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่เอกถึงได้ชอบผู้หญิงคนนี้ นอกจากจะสวยแล้วยังมีน้ำใจอีกต่างหาก ผมก้มหน้าก้มตาคีบอาหารกิน มันคงเลอะ พี่เป้ถึงได้หยิบทิชชู่มาเช็ดปากให้ ผมยิ้มรับ แล้วคีบอาหารกินต่อ
 
“พวกนายสองคนนี่น่ารักกันดีเนอะ ปกตินกไม่ชอบเกย์หรอก แต่พอเห็นแบบนี้แล้ว แอบชื่นชมยังไงบอกไม่ถูก ว่าแต่ถึงขั้นไหนกันแล้วล่ะ”
 
ผมรู้ละ ว่าทำไมพี่นกถึงร่วมก๊วนกับพวกพี่เอกได้
 
หื่นพอกัน
 
“ลึกซึ้ง”
พี่เป้เป็นคนตอบ
 
“แน่ะ ๆ ๆ ๆ หึ ๆ ๆ ขั้น C ใช่ม๊า กิ้ว ๆ ๆ”
 
ผมนั่งหน้าร้อน
 
คำว่าลึกซึ้งหมายถึง รู้ใจกันจนไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูดต่างหาก
 
ครืด!!
 
เสียงเลื่อนเก้าอี้ดึงความสนใจพวกเราให้หันไปมอง
 
“อ้าว เอก”
 
“จะไปห้องน้ำ”
พี่มันบอกแค่นั้นแล้วเดินดุ่ม ๆ ออกไป ผมทำเป็นไม่ใส่ใจ คีบหมูกระทะให้พี่เป้ ไอ้เต้ย แล้วเผื่อแผ่ไปให้พี่นกด้วย พี่นกยิ้ม ขอบอกขอบใจผมใหญ่
 
ตอนนี้พี่เป้โอบสองแขนไว้ที่เอวผม ผมเลยทำหน้าที่ป้อนอาหารให้พี่เป้ โดยมีไอ้เต้ย นั่งกินเงียบ ๆ
 
อยากให้วันนี้ ผ่านพ้นไปเร็ว ๆ จัง
 


To Be Con...
                 
 เป็นกำลังใจให้น้องกายสู้ๆ ต่อไป ส่วนอิพี่เอก เชอะ!!!







Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 83 แยกทาง [p.27 D.20-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-11-2017 20:17:41
กาย ไม่น่ายอมคบเป็นแฟนพี่เป้  :mew2:
แม้จะช่วยพี่เป้ แต่ก็เป็นการทำร้ายเต้ย
ถึงช่วยยังไง พี่เป้ก็ไม่เลิกรักเต้ยได้หรอก
เต้ย ก็ไม่เลิกรักพี่เป้เหมือนกัน

ท่าทางพี่เอก จะหวั่นไหวเรื่องที่กายคบกับเป้
แต่จะอะไร ยังไง ก็ทำตัวเองทั้งสิ้น
อยากให้คนที่ชอบกายทั้งหมด ดาหน้ามาจีบกาย
โอ๊ยๆ......คงมันน่าดู มีความสุขปลื้มปริ่ม  :heaven
จะบนความทุกข์ใครไม่รู้ แต่สะจายยยยยย  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 83 แยกทาง [p.27 D.20-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 20-11-2017 21:34:41
อ่านถึงตอนนี้กี่รอบ ก็อยากเอาประทัดยัดหูอดจมูกกาย แล้วจุด
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 83 แยกทาง [p.27 D.20-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-11-2017 23:59:38
สงสารทั้งกาย เป้ และเต้ยเลย สู้ ๆ นะหลาน ๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 83 แยกทาง [p.27 D.20-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ศตรัศมี ที่ 21-11-2017 19:44:05
หวงก้างทำสากกะเบือไรยะนังเอก อ่านฉากที่ตัวโกงในคราบพระเอกโผ่ลมาทีไรอารมณ์ขึ้นทุกที สับสนมึนงงอะไรมากป่ะ? ทิ้งคนนี้ไปเอาคนนั้น ไปๆมาๆเดี๋ยวไม่นานก็คงทิ้งคนนั้นกลับมาเอาคนนี้ คนแบบนี้เจ็บไม่เป็นเพราะไม่ยอมให้ตัวเองเจ็บ มักง่ายเลือกสิ่งที่ตัวเองต้องการมากที่สุดแม้ว่าจะต้องทำลายใครก็ตามแต่ แล้วไอ้ที่ยกนั่นยกนี่ให้น้องหลังจากเลิกกับเค้านั่นก็เข้าใจว่าอาจจะอยากชดเชย แต่น้องมันไม่ใช่อีตัวนะจำใจสมองไว้ วิงวอนผู้เขียนนะฮะ ถ้าจะให้คู่นี้ลงเอยกันก็ช่วยให้เจ็บกันอย่างเสมอภาคหน่อย ให้เอกมันเสียผู้เสียคนไปเลยยิ่งดี กฏแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ สาธุ! โอมเพี้ยง!
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 83 แยกทาง [p.27 D.20-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-11-2017 20:55:37
เลววววววววววววววววววววววววววววววววว
ไอ่สึด

ต่อให้กาดอเลี่ยมทอง
ก็ไปที่เลวๆ เหอะ
นรกมาก..เอกสึด
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 84 สายใยตัดไม่ขาด [p.28 D.22-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 22-11-2017 19:27:18
 84
สายใยตัดไม่ขาด
[เอก...☼]



 





“โธ่เว้ย!!!”
ผมยืนหัวเสีย ชกหมัดใส่กำแพงไปทีอย่างห้ามไม่อยู่ ผมไม่ควรจะรู้สึกแบบนี้ เพราะนกคือคนที่ผมเลือกแล้ว
 
แต่ทำไม…
 
ทำไมผมถึงยังหึงกายไม่หยุด
 
ผมวักน้ำใส่หน้าใส่หัวจนเปียกชุ่มดับความร้อนที่กรุ่นในหัวใจลง มันทั้งหงุดหงิด ทั้งโมโห จนอยากจะฆ่าใครสักคน
 
และคนคนนั้นก็คือไอ้เป้ ไอ้คนที่มากอดเอวเล็กนั้นไว้
 
ผมไม่รู้ว่าพวกมันเริ่มคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ และเพื่ออะไร
 
ผมไม่อยากรู้
 
เพราะยิ่งรับรู้ ผมยิ่งรู้สึกหงุดหงิด อยากลุกขึ้นไปดึงมือนั้นออก แล้วกระชากมันมาไว้ในอ้อมแขน อยากให้คนที่มันอ้อนมันกอดเป็นผม
 
ไม่ใช่ไอ้เป้!
 
ผมก้มหน้าวักน้ำใส่หัวจนชุ่มโชกแล้วเสยไปด้านหลังอย่างเคยชิน ผมเดินออกจากห้องน้ำกลับไปนั่งที่เดิม พยายามทำตัวให้เหมือนเดิม นกไม่ได้สนใจหัวที่เปียกชุ่มของผม แต่ใครคนหนึ่ง กำลังมองมาด้วยสายตานิ่งค้าง ก่อนจะเสหน้าหลบไปทางอื่น
 
ผมรู้ว่ามันเผลอมองผมหลายครั้ง เหมือนที่ผมเองก็เผลอมองมันหลายครั้งเหมือนกัน ผมพยายามละความสนใจจากมันไปหานก โอบมือไว้ที่เอวบางหลวม ๆ
 
นกหันมามอง ยิ้ม แล้วคีบอาหารมาป้อนผมบ้าง
 
“โอ๊ย ร้อน ๆ!!”
ไอ้เป้มันคีบหมูย่างจากเตาขึ้นมากินโดยไม่ระวัง
 
“ระวัง ๆ หน่อยสิฮะ เอ้าน้ำ ๆ ๆ”
ไอ้ตัวเล็กรีบจัดแจงคว้าแก้วน้ำไปป้อน ดูแลกันจนแทบจะกรอกปากอยู่แล้ว
 
“ร้อนจัง พองหรือเปล่าเนี่ย”
ไอ้เป้มันอ้าปากให้ดูลิ้น ไอ้ตัวเล็กส่องดู
 
“ไม่หรอก แค่แดง ๆ พี่เป้กินอันนี้ดีกว่า ไม่ร้อนแล้ว”
มันคีบหมูย่างในจานมันให้ไอ้เป้แทน
 
“ไม่กินรึไง ให้พี่เยอะแล้วนะ”
 
“ผมอิ่มแล้ว”
 
ไอ้เป้ยิ้ม รับเข้าปากไปเคี้ยว
 
ยิ่งมองยิ่งหงุดหงิด เพราะตอนที่ผมคบมัน มันไม่เคยออดอ้อนหรือดูแลผมเหมือนที่มันทำกับไอ้เป้ขนาดนี้มาก่อน
 
“แหม น่าอิจฉาจัง นกป้อนเอกบ้างดีกว่า”
นกคีบหมูย่างมาจ่อไว้ที่ปาก ผมอ้าปากรับ ใครบางคนเหลียวมามอง ก่อนเสหลบไปทางอื่น
 
 
“นี่ ๆ พวกเราไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งกันไหม น่านะ”
นกยังไม่ยอมจบทริป
 
“ถ้างั้น…”
 
“อ๊ะ ห้ามปฏิเสธ ไปด้วยกันเลย”
นกรีบดักทางไอ้เป้ที่จะตอบปฏิเสธ ไอ้เป้เลยจำต้องเดินทางไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้
 
ไม่นานพวกเราก็มานั่งใส่รองเท้าสเก็ตอยู่ข้างลานน้ำแข็ง นกเคยเล่นที่อเมริกาบ่อย ๆ พอมาเมืองไทยเลยติดต้องมาเล่นเป็นประจำ
 
“กายมึงเล่นเป็นด้วยเหรอ”
ไอ้เต้ยถามเพื่อนมันหลังจากเงียบมานาน
 
“อืม พี่เชนเคยพากูมาเล่น ที่นี่แหละ”
 
ผมคิ้วกระตุกกับคำมัน
 
“แล้วมึงล่ะ”
 
“กูเล่นเป็น กูเคยมาเล่นกับพี่กูบ่อย ๆ”
ไอ้เต้ยมันตอบเสียงเหงา
 
พอใส่รองเท้าเรียบร้อย พวกเราก็พากันเดินเข้าไปในลานน้ำแข็ง ไอ้เต้ยกับไอ้เป้เคยเล่นบ่อย เลยดูชิว ๆ แต่ไอ้ตัวเล็กยังเก้ ๆ กัง ๆ เกาะรั้วไว้แน่นเป็นหลักยึด อาจจะเพราะเคยมาเล่นแค่รอบเดียว ยังไม่ชินเท้าและพื้นที่ 
 
“กาย จับมือพี่ไว้ดีกว่า”
ไอ้เป้ยื่นมือไปจับมือไอ้ตัวเล็กไว้ พากันเดินไปรอบ ๆ ในขณะที่ผม มีนกอยู่เคียงข้าง สักพัก นกก็แล่นลิ่วโลดโผนไปตามประสา ปล่อยผมให้วิ่งช้า ๆ ไปตามสไตล์
 
ไอ้เต้ยวิ่งช้า ๆ ตามหลังไอ้เป้และไอ้ตัวเล็ก
 
ผมไม่เข้าใจมันเลยสักนิด ว่าทำไมมันถึงยังฝืนมองภาพไอ้เป้กับไอ้ตัวเล็กอยู่แบบนั้น ทั้ง ๆ ที่มันกำลังเจ็บปวดกับภาพที่เห็น
 
ไม่นานนักไอ้เป้ก็ปล่อยให้ไอ้ตัวเล็กวิ่งเอง ส่วนมันก็วิ่งเคียงไปด้วยกัน
 
“เขายังไม่ได้เกลี่ยน้ำแข็ง ระวัง ๆ ไว้หน่อยละกัน”
ไอ้เป้มันเตือน ไอ้ตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักรับรู้
 
“โอ๊ย!!”
ไอ้เต้ยที่วิ่งเหม่อ ๆ ตามสองคนนั้น ถูกเด็กเฮ้วแต่งตัวแนวบีบอยวิ่งตัดหน้าจนล้ม ไอ้เป้กับไอ้ตัวเล็กหันกลับมามอง ไอ้เต้ยนั่งกุมเท้าเบ้หน้าครางด้วยความเจ็บปวด ไอ้เป้กับไอ้ตัวเล็กวิ่งกลับมาหามันทันทีไม่ต่างกับผมและนก
 
“กาย อยู่ที่นี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่พาเต้ยไปเช็กก่อน”
ดูท่าจะไม่ได้เจ็บธรรมดา ไอ้เป้รีบพยุงไอ้เต้ยออกไปนอกลานน้ำแข็งทันที โดยมีเจ้าหน้าที่วิ่งเข้ามาช่วย
 
“นกเป็นห่วงจัง เดี๋ยวนกไปช่วยดูอีกแรงดีกว่า”
นกเคยเป็นอาสาสมัครมาก่อน เห็นคนบาดเจ็บเป็นไม่ได้ ต้องวิ่งเข้าไปช่วยตลอด พอนกไปก็เหลือแค่ผมกับกายเพียงสองคน
 
“ผมขอตัวไปดูไอ้เต้ยก่อนดีกว่า”
มันเลี่ยงที่จะอยู่กับผมเพียงลำพัง มันรีบเดินไปยังประตูทางออก แต่ยังไม่ทันจะถึงดี ไอ้เด็กเฮ้วคนเมื่อกี้ก็วิ่งตัดหน้าไปอีกรอบ ไอ้ตัวเล็กเสียหลักล้ม ผมรีบเข้าไปประคองทันที
 
“ขะ ขอบคุณครับ”
มันพยุงตัวยืนดี ๆ ก้มหน้าเดินออกไปจากลานน้ำแข็ง ตามติดด้วยผม แต่พวกไอ้เต้ยไม่ได้อยู่แถวนี้แล้ว พวกเราเดินไปถามเจ้าหน้าที่
 
“อ้อ น้องเขาถูกพาไปเช็กอาการที่ห้องพยาบาลน่ะ”
เจ้าหน้าที่รายงาน ผมพยักหน้า ไอ้ตัวเล็กเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนแสตนด์ข้าง ๆ ก้มหน้าถอดรองเท้าออก เห็นมันทำหน้าเหมือนเจ็บ ๆ ผมรีบตามไปดู
 
“ไม่เป็นไรฮะ”
ปฏิเสธทั้ง ๆ ที่พอผมจับหน้าก็เบี้ยวซะขนาดนั้น ผมถอดถุงเท้ามันออก ข้อเท้ามันดูบวมหน่อย ๆ ด้วย
 
ผมเดินไปหาเจ้าหน้าที่อีกรอบ
 
“ฝากดูแลเด็กคนนั้นด้วยนะ เตือนได้เตือน เพราะวิ่งเล่นไม่ระวังจนทำคนบาดเจ็บมาสองคนแล้ว อย่าให้รู้ว่าเด็กคนนั้นไปทำใครบาดเจ็บอีก ไม่งั้น ผมจะเอาเรื่องพวกคุณทั้งหมด”
ผมบอกแค่นั้น แล้วเดินกลับไปหาไอ้ตัวเล็กต่อ เห็นเจ้าหน้าที่พากันลนลาน รีบไปเรียกเด็กคนนั้นพร้อมผู้ปกครองมากล่าวตักเตือนทันที
 
ไอ้ตัวเล็กยังนั่งคลำข้อเท้าตัวเองอยู่ มันถอดรองเท้าอีกข้างออกแล้ว
 
“เจ็บมากไหม”
ผมย่อตัวลงไปถาม
 
“ไม่ครับ”
ปากแข็งจริง ๆ
 
ผมถอดรองเท้าสเก็ตตัวเองออก เปลี่ยนเป็นรองเท้าธรรมดาแทน
 
“ไปเช็กก่อนดีกว่า เผื่อซ้นหรือแพลง”
 
“ไม่หรอก”
มันยังเถียง ผมมองหน้าเอาเรื่อง มันหุบปากลงฉับ ลุกขึ้นเดินเขย่ง ๆ มือหนึ่งหิ้วรองเท้าสเก็ต อีกมือหิ้วรองเท้าตัวเอง ผมรวบเอาของทุกอย่างของมันมาถือเอง แล้วโอบเอวมันไว้เพื่อพยุง
 
“ไม่เป็นไร ผมเดินเองได้”
 
“ถ้าไม่อยากถูกอุ้มก็เงียบ ๆ ไปเลย”
 
มันเม้มปากแน่น ปล่อยให้ผมพยุง
 
ผมเจ็บแปลบที่หน้าอก
 
ตั้งแต่ผมบอกเลิกมัน มันก็ไม่เคยต่อว่าหรือด่าทอในความเลวทรามของผมเลยแม้แต่คำเดียว
 
จะกี่ครั้งแล้ว ที่มันต้องเจ็บตัวเพราะผม
 
และกี่ครั้งแล้ว ที่ผมไม่เคยปกป้องมันได้ อย่างที่ผมเคยสัญญาเอาไว้
 

 
“อ้าว กายเป็นอะไร” นกทักทันทีที่เห็น
 
“โดนไอ้เด็กเวรนั่นมันโฉบเอาด้วยอีกคนน่ะ”
 
นกปรี้ดแตกทันที เดินออกไปโวยวายกับเจ้าหน้าที่ ซ้ำยังวีนผู้ปกครองเด็กนั่นเสียงดัง ผมไม่ได้สนใจอะไรมาก นั่งดูข้อเท้าที่เริ่มขึ้นสีช้ำหน่อย ๆ
 
ข้อเท้าคงแพลงจริง ๆ
 
“อ๊ะ พี่เอกเบา ๆ”
ผมสะดุดเสียงร้องแบบนั้นนิดหน่อย แต่พยายามทำเป็นไม่ใส่ใจ
 
“แม่ง ไอ้ผู้ปกครองเวรนี่”
นกเดินบ่นกลับมา คนดูแลยื่นชุดปฐมพยาบาลมาให้ เพราะตัวเธอเองกำลังดูแลคนสองคนก่อนหน้าอยู่ นกเลยอาสาพันข้อเท้าให้ไอ้เต้ยแทน
 
“ของกายขาแพลงนิดหน่อย แต่ของเต้ยนี่สิ สงสัยจะเดินไม่ได้ไปสักพัก”
นกบอก ไอ้เป้มีสีหน้ากังวล มองน้องมันทีสลับกับกายที คงกำลังชั่งใจว่าจะดูแลใครดี
 
เพราะนั่นก็น้อง นี่ก็แฟน
 
“กูดูแลกายให้ก็ได้ มึงพาเต้ยกลับบ้านไปก่อนเถอะ”
ผมอาสา
 
“ไม่เป็นไรฮะ ผมกลับเองได้”
ไอ้ตัวเล็กรีบปฏิเสธ ผมเลยแกล้งบีบข้อเท้ามันไปเบา ๆ จนมันร้องโอ๊ย
 
“สภาพแบบนี้เนี่ยนะ”
 
มันหุบปากลงฉับ ไม่มองหน้าผมเลยสักนิด
 
หลังจากปฐมพยาบาลเบื้องต้น ผมขับรถไปส่งนกที่คอนโดนก แล้วขับต่อไปที่บ้านกายอีกที
 
มันนั่งเงียบมาตลอดทั้งเส้นทาง พอถึงบ้านก็รีบเปิดประตูก้าวลงจากรถเดินเขย่ง ๆ ไปเปิดประตูรั้วบ้าน ผมรีบตามไปช้อนอุ้มมันไว้ในอ้อมแขน
 
“ไม่เป็นไร ผมเดินเองได้”
 
“ที่นายทำ เขาเรียกกระโดดไม่ใช่เดิน”
มันเม้มปากแน่น ยอมอยู่นิ่ง ๆ ผมอุ้มมันก้าวผ่านประตูรั้วเดินตรงไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูบ้าน
 
“กุญแจ”
ประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงออกคำสั่ง มันรีบล้วงหยิบอย่างไว แต่ผมเปิดไม่ถนัด มันเลยไขเปิดเอง
 
ทุกอย่างภายในยังคงเหมือนเดิม แม้กระทั่งภาพ ‘ดั่งดวงอาทิตย์’ ที่ข้างฝา
 
ตอนแรกก็คิดว่ามันจะเอาไปทิ้งซะอีก เพราะรูปและข้าวของทั้งหมดของมัน ผมเก็บลงลังหมดแล้ว เก็บเพื่อไม่ให้นกเห็น
 
และเพื่อให้ผมลืมมัน
 
ตอนแรกว่าจะวางมันไว้บนโซฟา แต่ดูท่าจะขึ้นบันไดลำบาก ผมเลยอุ้มมันขึ้นห้องแทน
 
“ไปอาบน้ำก่อน พี่จะไปเตรียมยามาทาให้”
 
“ไม่เป็นไร พี่รีบ..”
มันเบรกคำพูดลง เมื่อผมจ้องตามันเอาเรื่อง
 
ผมปล่อยให้มันอาบน้ำ สักพักมันก็เดินออกมาในชุดเรียบร้อย เป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเหนือเข่า ชุดเก่งของมันนั่นแหละ
 
“นั่งสิ”
ผมสั่ง มันเดินเขย่ง ๆ มาทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียง ผมหยิบยามานั่งที่พื้นตรงหน้ามัน แล้วลงมือนวดข้อเท้าให้
 
ไร้คำพูดใด ๆ จากเราทั้งคู่ มันเงียบ เงียบเอามาก ๆ จนได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกของเราทั้งคู่ด้วยซ้ำ
 
ผมก้มหน้านวดเท้ามันไปเรื่อย ๆ
 
กระทั่ง…
 
มีเม็ดน้ำปริศนาร่วงแหมะลงมาบนหลังมือ
 
และอีกหลายแหมะต่อจากนั้น
 
ผมเงยหน้ามอง ก็เห็นมันนั่งก้มหน้ามองเท้าตัวเองโดยมีน้ำตาร่วงไหลเป็นทาง ผมเจ็บแปลบไปทั่วทั้งอก
 
มันคงพยายามอดทนมาตลอด…
 
จนถึงตอนนี้
 
มันนั่งร้องไห้เงียบ ๆ อย่างที่เคยเป็น ผมวางยาไว้ที่พื้น ลุกขึ้นไปนั่งข้าง ๆ แล้วรวบตัวมันมากอด
 
ผมผิดที่ทำร้ายจิตใจมัน
 
ผมผิดที่โลเล
 
ผมผิดที่ทำให้มันเจ็บ
 
หรือพูดให้ถูก
 
ผมผิดที่มารักมัน และทำให้มันรัก
 
ผมผิดมาตลอด ตั้งแต่ต้น
 
“พี่ขอโทษ”
สำหรับทุกความเลวร้ายที่ทำไป
 
“พี่ขอโทษ”
ที่ทำให้นายต้องร้องไห้ครั้งแล้วครั้งเล่า
 
น้ำตามันเปียกไปทั่วทั้งอก ผมกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น จูบซับที่หัวมันเบา ๆ
 
“พี่ขอโทษ”
คงเป็นคำเดียวที่ผมพอจะพูดได้ในตอนนี้
 
ผมเสยคางมันให้เงยขึ้น ดวงตามันคลอไปด้วยหยาดน้ำ ไหลรินลงมาเป็นทาง ราวกับมีใครสักคนมาเปิดก๊อกให้น้ำไหล

ผมก้มลงไปจูบมันเบา ๆ ที แล้วนิ่งค้างไว้อย่างนั้น
 
ผมรู้ว่าผมผิดที่จูบมัน แต่ผมต้องการปลอบประโลมมัน และอยากให้มันรับรู้ ว่าผมยังอยากปกป้องและดูแลมันเสมอ
 
แม้จะทำได้ไม่ดีนักก็เถอะ
 
ผมขยับริมฝีปากบดเบียดปากมันมากขึ้น ส่งผ่านความรู้สึกบางอย่างไปให้ มันเองก็ไม่ได้ขัดขืน ซ้ำยังขยับปากตอบรับรสจูบนุ่มนวลจากผมอีกด้วย
 
มันยังคงร้องไห้
 
ร้องไห้ให้กับผู้ชายเลว ๆ อย่างผม
 
ผมโน้มวางมันลงบนเตียง ถอนริมฝีปากมาจูบซับน้ำตาให้เบา ๆ แล้วเคลื่อนไปทั่วทั้งหน้า
 
“พี่ขอโทษ”
ผมบอกมันอีกครั้ง จูบซับไปที่ต้นคอไล่ต่ำลงไปที่ยอดอก ลงมาถึงติ่งไตที่ผมแสนคิดถึง แม้มันจะเล็ก แม้มันจะไม่มีเสน่ห์มากมายเหมือนอกตูม ๆ ที่ผมเคยสัมผัส
 
แต่เมื่อผมลงลิ้นหรืองับมันเบา ๆ ร่างที่นอนอยู่ ก็จะผวารับแทบจะทันที แค่นั้นก็ทำให้ผมร้อนจนไม่อาจถอนตัวได้แล้ว 
 
 











ผมกะพริบตาอีกครั้งเมื่อตะวันยามเช้าสาดแสง ผมหันไปมองข้างเตียง คนที่ผมกอดไว้ทั้งคืนหายไปแล้ว ผมลุกออกจากเตียงเดินไปอาบน้ำ แล้วเดินไปหามันข้างล่าง
 
ทั่วทั้งบ้านว่างเปล่า…
 
มีเพียงอาหารเช้าวางไว้บนโต๊ะและกระดาษโน้ตแผ่นเล็ก ๆ สีขาวแปะไว้
 
‘อาหารเช้าตอบแทนสำหรับความใจดีที่มอบให้ และผมขอโทษที่เผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเรื่องเมื่อคืน ฝากล็อกบ้านด้วยนะฮะ ซ่อนกุญแจไว้ใต้กระถางต้นเฟื้องฟ้าอันที่สาม ขอบคุณครับ’
 
ผมยืนมองอาหารมากมายตรงหน้า แม้ของทุกอย่างจะเป็นของโปรดของผม แต่คิดว่าผมจะกินลงรึไง
 
ถึงจะอย่างนั้น ผมก็เลือกที่จะทิ้งตัวลงนั่ง และกินทุกอย่างจนหมด มันอุตส่าห์ทำให้ ผมไม่อยากทำร้ายน้ำใจมันอีก 
 
ผมออกจากบ้านล็อกกุญแจ แต่ไม่ได้ซ่อนไว้อย่างที่มันบอก เพราะผมอยากเอาไปให้มันกับมือตัวเอง
 
 
 
 
 
 
 
 
“แหม มึงกับนกนี่ร้อนแรงเป็นบ้าเลยว่ะ”
ไอ้โอมมันแซว ผมเงยหน้ามองมันด้วยความแปลกใจ มันชี้มายังหน้าอกผม ผมก้มมองแผงอกที่เกือบเปลือยเปล่าของตัวเอง
 
พอดีวันนี้แอร์ที่ห้องสภาเสีย เรียกช่างแล้ว กำลังจะมา พัดลมสำรองก็ไม่มี เราต้องเปิดหน้าต่างเพื่อให้ลมโกรก แต่มันก็ยังร้อนอยู่ดี พวกผู้ชายเลยพากันปลดกระดุมเสื้อกันคนละเม็ดสองเม็ด
 
ส่วนผมเกือบทั้งตัว
 
สิ่งที่เห็นคือรอยข่วนแดง ๆ นกไม่มีทางมาทำรอยแบบนี้แน่ ๆ
 
นอกจาก…
 
ผมร้างไปไม่ถึงเดือน ร่างกายของกายแทบจะเหมือนครั้งแรกที่มีอะไรกัน ผมแน่ใจว่ากายไม่ได้มีอะไรกับเป้แน่ ๆ
 
พอพักเที่ยง ผมรีบเดินลิ่ว ๆ ไปที่คณะไอ้ตัวเล็กทันทีเพื่อคืนกุญแจ ถ้าไม่เจอก็คงเป็นโรงอาหารร้านประจำที่มันชอบ พอไปถึง เห็นแค่ไอ้เต้ยนั่งเหม่อพิงหลังไว้กับเสา ข้าง ๆ มีไม้ค้ำยันพิงไว้
 
“เต้ย”
 
คนที่กำลังนั่งเหม่อหันมามอง
 
“กายล่ะ”
 
มันพยักหน้าไปยังริมบึง แล้วหันไปนั่งเหม่อต่อ ผมปล่อยมันไว้อย่างนั้น ก้าวตรงไปยังริมบึง มองหาไม่นานก็สะดุดเข้ากับร่างของใครบางคน ที่นั่งซบหน้ากอดเข่าไว้
 
แม้เพียงแผ่นหลัง ผมก็จำได้แล้วว่าเป็นใคร
 
ผมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ไอ้ตัวเล็กไม่ได้สนใจการมาของผมแม้แต่น้อย ไม่ใช่เพราะผมย่องเบาแบบที่ผ่านมา เพราะผมเดินเหยียบมาทั้งเศษใบไม้ และกิ่งไม้แห้งจนดังกรอบแกรบมาตลอดทั้งเส้นทาง
 
แต่ที่กายไม่ได้ยิน เพราะกายกำลังเหม่อ
 
ผมนั่งมองมันเงียบ ๆ

ดวงตาคู่นั้น ทอดมองไปยังเวิ้งน้ำเบื้องหน้า ดวงตาที่เคลือบไปด้วยความเศร้า
 
และผม…
คือคนที่ทำให้มันมีดวงตาแบบนั้น
 
ไม่รู้ว่าผมนั่งมองมันอยู่นานแค่ไหน ผมแค่อยากมอง
 
มองคนที่ผมรักเท่านั้น
 
มันขยับตัวถอนหายใจทิ้งไว้กลางอากาศ ละมือจากหัวเข่าหันมามอง มันทำหน้าแปลกใจที่เห็นผม
 
“พี่เอก…”
ไม่ได้ยินเสียงเรียกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ
 
ผมมองหน้ามัน ก่อนเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่คอมัน มันรวบจับแล้วรั้งไปด้านหลัง แต่ผมก็รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร
 
สร้อยพระอาทิตย์
 
สิ่งที่มันเคยให้ผม ผมไม่รู้ว่ามันเอามาใส่เพราะอะไร เพราะมันยังคิดถึงผม หรือเพื่อเป็นตัวแทนผม หรือเพื่ออะไร แต่มันไม่เจ็บรึไง ที่เอามาใส่ไว้แบบนั้น
 
“พี่เอากุญแจมาให้”
ผมยื่นกุญแจคืน มันรับไปถือไว้
 
“ขอบคุณครับ ผมขอตัว”
มันลุกขึ้นยืน ผมรั้งข้อมือมันไว้
 
“พี่ขอโทษนะ สำหรับทุกอย่าง”
 
มันยืนนิ่ง ก่อนค่อย ๆ บิดข้อมือออก
 
“คิดซะว่า พี่กำลังเมายาคลายกล้ามเนื้อที่ทาให้ผมละกัน”
มันพูดแค่นั้นแล้วเดินจากไป ทิ้งให้ผมนั่งนิ่ง ใช้สายตาทอดมองเวิ้งน้ำด้านหน้าแทนมัน


To Be Con...
 
อ่านคอมเม้นท์ของแต่ละคนแล้วสะใจพิลึก  :z6:






Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 84 สายใยตัดไม่ขาด [p.27 D.22-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ศตรัศมี ที่ 22-11-2017 20:36:34
ฮึ่ยยยยยย! หมั่นไส้หมั่นพุงอีตาเอกนี่เหลือเกิน ถ้าเราหายตัวเข้าไปในนิยายได้อันดับแรกคือขอกระโดดถีบอีเอกให้หัวทิมตกบ่อ จากนั้นปล่อยตัวเงินตัวทองให้ว่ายตามไปกินมัน!
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 84 สายใยตัดไม่ขาด [p.27 D.22-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-11-2017 22:03:27
แล้วเอก กาย ก็มีไรกันใหม่ ทั้งที่เลิกกันไปแล้ว
แถมมีร่องรอยบนตัวเอกซะด้วย
ร้อนแรงซะขนาดนี้ โอมยังทัก
แล้วนกจะไม่เห็นรึ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 84 สายใยตัดไม่ขาด [p.27 D.22-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 22-11-2017 22:10:37
รู้สึกเอียนกับคำว่า..ขอโทษ..
พะอืดพะอม จนอยากจะอ้วกแตก

ขอโทษ..ขอโทษ และก็ขอโทษ
ไม่เข้าใจว่าจะพร่ำพูดทำไมให้มากมาย

ทั้งๆที่ใจของคนที่พูด ไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดอะไรด้วยเลย
มันก็แค่ลมเน่าๆ ออกจากปากของคนสันดานเหี้ยๆ

ถ้าอยากจะให้อีกคนยกโทษให้จริงๆ เรื่องนั้นต้องเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจจะทำผิด
แต่นี่มันเจตนาชัดๆ โจ่งแจ้งแบบไม่มียางอาย จะมาขอโทษทำไมกัน เพื่ออะไร

...?????...
กรูม่ายเข้าจายยยยยยยย
ไอ่ห่านจิก

อิเอกเมิงนรกแตกมาก สึดเอ๊ยยยยยยย

 :L2:
+1 ให้ครับ คุณนักแต่ง
คุณแต่งได้ เยี่ยมมากกกกกกกก
เพราะชอบเสพดราม่าเป็นอาหารหลัก
อิอิ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 84 สายใยตัดไม่ขาด [p.27 D.22-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-11-2017 22:49:51
คนแก่ละหน่ายจริง ๆ I้พระเอกเรื่องนี้  :fcuk:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 84 สายใยตัดไม่ขาด [p.27 D.22-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 22-11-2017 23:52:12
มันเกินไป ออกไปแล้วไม่ควรกลับมา
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 84 สายใยตัดไม่ขาด [p.27 D.22-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 23-11-2017 09:53:21
สุดจะบรรยาย เราได้อ่านเรื่องนี้มานานมากแล้ว ตอนนั้นก็ไม่ต่างจากตอนนี้ พระเอกยังคงทำร้ายนายเอกไปเรื่อยๆ ทั้งที่ผ่านอะไรมาด้วยกันมากมายแท้ๆ เราว่าพอเถอะ ออกจากวังวนนี้เสียที
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 85 เยื่อใย [p.27 D.25-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 25-11-2017 10:31:51

85
เยื่อใย
[กาย...♥]





ผมกำกุญแจในมือแน่น สัมผัสจากปลายนิ้วเมื่อกี้แล่นวาบไปทั่วทั้งร่าง ผมผิดที่ไม่คิดจะห้ามใจ ผมรู้ว่าพี่เอกต้องการปลอบใจผม เลยทำเรื่องแบบเมื่อคืนลงไป ถ้าจะผิดก็ผิดที่ผม ที่ไม่คิดจะห้ามใจตัวเอง
 
ผมกลับมาที่คณะ ก็เห็นไอ้เต้ยนั่งเหม่ออยู่ข้างไม้เท้า ผมเดินเดี้ยง ๆ ไปหามัน
 
“เต้ย”
มันหันมามอง แล้วกลับไปนั่งเหม่อต่อ
 
“เต้ย…พี่เป้จะเดินทางพรุ่งนี้แล้วนะ”
 
มันหันขวับมามอง
 
“ไปไหน”
 
“อังกฤษ”
 
“หมายความว่ายังไง!!”
มันตาโต สลัดอาการเหม่อเมื่อกี้ทิ้งไปเลย
 
“พี่เป้จะไปเรียนต่อ”
 
มันนั่งอึ้ง
 
“เพราะอะไรกาย กูถามจริง ๆ เถอะ เพราะอะไร ทำไมพี่เป้ต้องทำแบบนี้ด้วย”
 
ผมนั่งนิ่งไม่ได้ตอบคำถามมัน
 
“กาย กูขอร้องมึงเหอะ มึงช่วยบอกให้กูหายโง่ที พี่กูเป็นอะไร เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวเอ็นดูเดี๋ยวเย็นชาใส่กู ทำไม มีความลับอะไรกันนักกันหนา ทำไมถึงบอกกันไม่ได้!!”
มันกระชากคอเสื้อผมหันไปเผชิญหน้ากับมัน ผมค่อย ๆ ดึงเสื้อตัวเองออก
 
“ทันทีที่พี่เป้เดินทาง กูจะบอกความจริงกับมึงเอง”
 
มันมองหน้าผมอึ้ง ๆ
 
“กาย มึงก็รู้ว่ากูรักพี่กู แล้วทำไมมึง…”
 
“กูจำเป็นเต้ย เอาไว้ให้พี่มันเดินทางเมื่อไหร่ กูจะบอกมึงทันที แต่สัญญากับกูได้ไหม ว่ามึงจะไม่ตามพี่มึงไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหนก็ตาม ให้เรื่องมันจบอยู่แค่มึงเพียงรับรู้ไว้เท่านั้น”
 
มันมองหน้าผมน้ำตาไหลพราก มันไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ผมไม่สน เพราะตัวผมเอง ก็จะจบเกมรักครั้งนี้ด้วยเหมือนกัน ผมเลื่อนจี้พระอาทิตย์มาไว้ด้านหน้าอีกครั้ง
 
แม้ร่างกายพี่จะไกลห่าง แต่หัวใจพี่จะยังอยู่กับผมเสมอ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ตอนแรกก็คิดว่าไม่มีใครรู้เรื่องที่พี่เป้จะไปอังกฤษ แต่ไป ๆ มา ๆ กลับรู้กันยกยวง
 
“กูไม่อยากถูกฆ่าทีหลัง ข้อหาสมรู้ร่วมคิดว่ะ”
พี่เอกให้เหตุผล ตอนนี้พวกเรามารวมตัวกันอยู่ในสนามบินครับ รอส่งพี่เป้อยู่
 
“แม่ง ทำเรื่องจบก่อนก็ไม่บอก ไอ้เชี่ยนี่”
พี่อ้อยประทานพรให้ ตามด้วยเพื่อนคนอื่น แต่ก็ยังมีน้ำใจยื่นของขวัญชิ้นเล็ก ๆ มาให้ เพราะทุกคนรู้ว่าที่พี่เป้ทำแบบนี้เพื่ออะไร
 
“มึง กูจะยัดใส่กระเป๋าได้ยังไง เขาตรวจนะโว้ย”
 
“พวกกูรู้น่า ใส่ได้สบาย ๆ”

พี่เป้จำต้องรับมายัดใส่กระเป๋าเดินทางติดตัว
 
ผมบอกพี่เป้แล้ว ว่าวันนี้ผมจะบอกความจริงกับไอ้เต้ย แต่หลังจากพี่เป้เดินทางแล้วเท่านั้น ซึ่งพี่เป้ก็ไม่ว่าอะไร 
 
“ดูแลตัวเองด้วยนะ”
พี่เป้ก้มหอมแก้มผมเบา ๆ ที
 
“พี่ก็เหมือนกันนะฮะ”
 
พี่มันลูบหัวผม ก่อนหันไปทางไอ้เต้ย มันยืนร้องไห้แบบไม่อาย สายตาพี่เป้มองมันด้วยความเจ็บปวด ทุกคนมองภาพตรงหน้าด้วยความเห็นใจ
 
“ดูแลตัวเองดี ๆ นะ แล้วพี่จะติดต่อกลับมาหา”
พี่มันก้มหอมแก้มไอ้เต้ย
 
พี่เป้ไปต่อโท กว่าจะจบ พี่แกคงตัดใจจากไอ้เต้ยได้แล้ว และคงเป็นเวลานานมากพอที่จะทำให้ไอ้เต้ยตัดใจจากพี่เป้ได้เหมือนกัน
 
และทันทีที่พี่เป้หายเข้าไปภายใน ไอ้เต้ยก็หันใบหน้าเปื้อนน้ำตามาทางผม ผมเลยชวนมันกลับไปคุยกันที่บ้าน
 
ตอนนี้ผมอยู่บ้านคนเดียวแล้วครับ เพราะแม่อยู่เชียงใหม่เป็นหลัก (เห็นบอกว่าอยู่บ้านนู้นทีไรไอเดียบรรเจิดทุกที) เลยไม่ค่อยเข้ากรุงเทพเท่าไหร่ ส่วนพ่อยังอยู่ที่คอนโด เพราะใกล้ที่ทำงาน แล้วอีกอย่าง ช่วงนี้งานเยอะ กลับดึก จะกลับมาค้างก็ต่อเมื่อแม่ลงมาหาผมเท่านั้น
 
“บอกกูได้รึยัง ว่าเกิดอะไรขึ้น”
มันรีบถามทันทีที่ก้าวเข้าบ้าน ผมดึงมันไปนั่งบนโซฟา
 
“มึงเจ็บมากไหมเต้ย”
ผมถาม
 
“เจ็บ เจ็บมากด้วย”
มันตอบด้วยน้ำเสียงสะท้อนความรู้สึก
 
“พี่เป้เองก็เจ็บเหมือนกัน”
 
“แล้ว…”
มันหยุดคำถามไว้ ผมยิ้มให้มันที
 
“พี่เป้เขา…รักมึง”
 
มันนั่งนิ่ง นิ่งไปนานเอามาก ๆ
 
“มะ หมายความว่ายังไง”
 
“พี่เป้เขารักมึง รักมานานมากแล้วด้วย ที่เขาพยายามหนี ก็หนีจากมึงนั่นแหละ”
มันอึ้งยิ่งกว่าเดิม
 
“กะ กูไม่รู้”
 
“กูรู้ว่ามึงไม่รู้ พวกกูถึงได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อกันให้มึงออกห่างจากพี่เป้ แต่มึงก็ยังพยายามค้นหาความจริงอีก”
 
“แล้วทำไมไม่บอกกูตั้งแต่แรก”
 
“ที่ไม่บอก เพราะพี่เป้เขากลัวมึงจะรังเกียจพี่มัน พี่เป้แค่ต้องการตัดใจ แล้วกลับมาเป็นพี่ที่ดีของมึงเท่านั้น”
 
“ไม่มีทางที่กูจะรังเกียจพี่มัน ก็กูรักพี่มัน”
 
“มึงมารักพี่มันทีหลัง พอพวกเรารู้ว่ามึงรักพี่เป้ พวกเราเลยพากันปิดเงียบ เพราะกลัวว่ามึงจะไม่ยอมให้อะไรมาขวางทางรักของมึงกับพี่เป้แน่ ๆ แม้แต่ความเป็นพี่น้องก็ตาม”
 
“แน่นอนสิ รักก็คือรัก กูไม่สนอะไรทั้งนั้น แล้วอีกอย่าง กูเคยนอนกับพี่เป้แล้วด้วย”
 
“แล้วมึงไม่รู้สึกผิดรึไง!!”
ผมตะคอกถามกลับ
 
“มึงไม่แคร์ แต่พี่มันแคร์ ยังไงพวกมึงก็เป็นพี่น้องกัน ทำอะไร หัดใช้สติซะบ้าง พี่มันเป็นผู้ใหญ่ มันต้องมองความเป็นจริงมากกว่ามึงอยู่แล้ว”
 
ไอ้เต้ยกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ สายตายังเต็มไปด้วยความสับสน
 
“ยังไงกูก็จะไปตามหาพี่มัน ไปบอกว่ากูก็รักพี่มันเหมือนกัน”
มันถลึงตัวลุกขึ้นยืน
 
“พี่เป้เขารู้แล้ว ว่ามึงรักพี่เป้เกินกว่าคนเป็นน้อง”
 
มันมองผมหน้าตื่น
 
“ระ รู้แล้ว”
 
“ใช่ กูบอกพี่มันเอง”
 
“แล้วทำไม…”
 
“ก็อย่างที่กูบอก รักแค่ไหน ยังไงพวกมึงก็เป็นพี่น้องกัน”
 
“แต่กูไม่สน”
 
“แต่พี่มันสน!!”
ผมเถียงกลับ มันยืนอึ้ง ๆ
 
“ถึงยังไง กูก็จะไปตามพี่เป้ ถ้าใจเราตรงกัน มันต้องมีสักทางให้เราคบกันได้สิ”
 
“ยังไง”
 
“กูไม่รู้”
 
ผมถอนหายใจในความดื้อรั้นของเพื่อนตัวเอง
 
“ตัดใจดีกว่านะเต้ย”
 
“ไม่!! กูจะไปตามหาพี่เป้”
 
“แล้วมึงจะไปตามที่ไหน”
 
“ก็อังกฤษไง”
 
“พี่มันไม่ได้อยู่อังกฤษ”
 
“ก็ไหนมึงบอกว่าพี่กูไปอังกฤษ”
 
“ใช่ไปอังกฤษ แต่ใช้เป็นเส้นทางผ่าน แล้วบินจากอังกฤษไปที่อื่นอีกที ส่วนที่ไหน อันนั้นกูไม่รู้ พี่มันไม่ได้บอก เพราะพี่มันกลัวกูโดนมึงคาดคั้นให้บอกความจริง”
 
มันยืนนิ่ง ก่อนค่อย ๆ ทิ้งร่างไร้แรงลงนั่งที่เดิม
 
“ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย”
น้ำตามันค่อย ๆ ไหลรินลงมาอีกรอบ ผมนั่งนิ่ง แหงนหน้ามองเพดานด้านบน
 
“กูไม่รู้ว่ะเต้ย บางที เรื่องของความรักมันก็ยากที่จะเข้าใจเหมือนกัน”
 
“กูขอโทษ กูรู้ว่ามึงก็เจ็บเรื่องพี่เอกเหมือนกัน แต่กูก็ยัง…”
 
“อืม ไม่เป็นไร”
ผมยิ้มให้มันที รู้สึกเหมือนหน้าตัวเองจะเปียก ๆ เหมือนกัน
 
“มึงอย่าคิดอะไรมากเลยว่ะ เราก็แค่กลับมาเป็นคนเดิม กลับมาเป็นคนโสด เหมือนก่อนที่เราจะไปค่ายกันไง”
 
มันเงยหน้าเปื้อนน้ำตามอง ผมไม่รู้ว่าชีวิตไอ้เต้ยมันเป็นยังไงก่อนหน้านั้น แต่สำหรับผม ผมมีความสุขดีอยู่แล้ว
 
สุขแบบทุกข์ ๆ
 
ผมแหงนหน้ายิ้มให้กับเพดานอีกครั้ง
 
“กลับไปเป็นพวกเราอีกครั้ง”
ผมทวนให้มันฟัง
 
“แต่กูไม่เคยไม่มีพี่กูนะกาย”
 
ผมละสายตาจากเพดานมองมัน
 
“แต่มึงยังมีกู…”
 
มันมองหน้าผม ผมก็มองหน้ามัน ก่อนที่ผมจะย้ายไปนั่งบนโซฟาเดียวกับมัน แล้วดึงมันเข้ามากอด ผมรู้ว่ามันเจ็บ และผมเองก็เจ็บไม่ต่าง
 
“เริ่มกันใหม่นะ ยังมีอะไรดี ๆ รอพวกเราอยู่นะเต้ย ปล่อยพี่มันไป ปล่อยตัวมึงเองด้วย พวกมึงเจ็บวันนี้ เพื่อให้วันพรุ่งนี้มีความสุขมากกว่า”
 
มันพยักหน้ากับคอผม
 
ใช่…
 
แล้วเราจะเริ่มกันใหม่อีกครั้ง


......................................
:pig4: (มีต่อ)
         












Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 85 เยื่อใย [p.27 D.25-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 25-11-2017 18:52:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 85 เยื่อใย [p.27 D.25-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-11-2017 20:47:08
พี่น้อง เป้ เต้ย ตลกร้ายยยยยย
พี่รักน้อง น้องไม่รู้ พี่เศร้า

พอน้องรักพี่ พี่พยายามเลิกรักน้อง
น้อง วางยาพี่จนได้พี่
พี่รู้ว่าน้องรัก พี่หนีไปเรียนต่างประเทศ ตลกจริงๆ  :monkeysad: :m15: :sad11:
        :L1: :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 85 เยื่อใย [p.27 D.25-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-11-2017 22:10:09
สู้ ๆ นะ หลาน ๆ ทุกคน เว้นเอก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 85 เยื่อใย [p.27 D.25-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 25-11-2017 23:43:47
รักก็คือรัก
แต่พี่กับน้อง มันก็เข้าใจอะไรได้ยากจริงๆ

อ่านตอนนี้แล้วเศร้าแท้ ไม่มีความหมั่นไส้เจือปน
เพราะตอนนี้อิเอก(ไม่มา) ฮาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 85 เยื่อใย [p.27 D.25-11-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 26-11-2017 00:39:13
เต้ยด้วยตัวเองด้วย พากันเศร้าทั้งคู่
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 85 เยื่อใย [p.27 D.28-11-60] (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 28-11-2017 19:02:51
(ต่อ)





“กรี๊ดดดด พี่มอ!! พี่โอม!!”
 
ไม่ต้องแปลกใจถ้าได้ยินเสียงแบบนี้ในร้านผม สาว ๆ เดี๋ยวนี้ไม่แน่ใจว่ามากินกาแฟหรือมาเพื่อกรี๊ดหนุ่ม ๆ กันแน่
 
พวกพี่ ๆ มันก็ขยันสร้างเรตติ้งให้ตัวเองกันจริง ปกติจะขี้เล่น แต่พอใส่ชุดเสิร์ฟจะกลายร่างมาเป็นพ่อยอดชายนายสุดหล่อกันทันที สาว ๆ ก็พากันมายืนกรี๊ดล้อมหน้าล้อมหลัง (ที่ร้านอื่นเป็นแบบนี้ไหมฮึ?)
 
ผมอมยิ้มขำ ตั้งแต่พี่กิ๊ฟให้พวกพี่ ๆ สองคนมาแข่งกันจีบผม พวกพี่ ๆ แกก็ยังไม่เลิกมาช่วยเสิร์ฟ เห็นบอกว่าสนุกดี ได้ม่อสาวเยอะด้วย (ได้ค่าขนมด้วย แต่น่าจะน้อยกว่าที่พวกพี่มันได้จากครอบครัวนะ)
 
พี่กิ๊ฟไม่ได้ถามผมแล้ว ว่าจะให้ใครชนะ คงเพราะลำบากใจเรื่องผมกับพี่เอก
 
หรือไม่พี่แกก็คงลืมไปแล้ว
 
ตอนนี้ร้านผมเลยกลายเป็นแหล่งรวมของเหล่าคนดังและหน้าตาดีไปแล้ว พวกหนู ๆ น้อง ๆ ก็ใช้ที่นี่เป็นที่ติวหนังสือหรือเรียนพิเศษกัน พวกดารานักร้องหรือคนมีชื่อเสียงบางคน ก็พากันแวะเวียนเข้ามากิน (พลังทวิตเตอร์กับเฟสบุ๊คครับ มากินกันทีก็โพสต์กันที ร้านผมเลยมีชื่อเสียงขึ้นทุกวัน ๆ)
 
ผมเองก็เริ่มจะชิน ๆ กับบรรดาสาว ๆ ที่พากันมายืนถ่ายรูป หรือไม่ก็พวกช่างภาพจากนิตยสารต่าง ๆ มาถ่ายกันบ้าง บางคนก็ขนนายแบบนางแบบมาถ่ายกันเลยก็มี ซ้ำบางวันยังมีรายการทีวีมาถ่ายทำกันอีกต่างหาก
 
แหะ ๆ

ผมกับพ่อแม่ช่วยกันแต่งร้านกันใหม่น่ะฮะ ก็เอาของที่บ้านนั่นแหละมาแต่ง มันเลยดูสวยงาม น่าถ่ายรูปมากขึ้น มีแยกสัดส่วนไว้สองแนว แนวคลาสสิกกับแนวสดใส แล้วแต่ว่าใครชอบมุมไหน

คนทำงานส่วนมากจะชอบแนวคลาสสิก ก็ไปด้านนู้น ส่วนพวกหนู ๆ น้อง ๆ นักเรียนนักศึกษาหรือสาวออฟฟิศฝึกหัด จะชอบแนวสดใสมากกว่า ก็จะแยกไปอีกทาง
 
เสียงกรี๊ดเลยกลายเป็นเสียงประจำที่ได้ยินกันบ่อย ยิ่งช่วงไหนที่พวกดารานักร้องหรือคนดัง ๆ มากินนะ โอ้โห คนแน่นร้านสุด ๆ ทำงานกันตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต
 
เหตุผลหนึ่งที่ร้านเราดัง คงเพราะพี่เอกได้รับรางวัลป๊อบปูล่าโหวต และคนก็รู้กันว่าพี่เอกมักจะมาที่นี่เป็นประจำ
 
และอีกส่วน คงเป็นเพราะเครื่องดื่มและอาหารของที่นี่อร่อยจริง ๆ ถึงขนาดมีนิตยสารหลายฉบับเอาไปลงโปรโมตให้
 
ที่สำคัญมากไปกว่านั้น เขาบอกว่าพนักงานเสิร์ฟของที่นี่หล่อมากครับ = = (อย่างหลังนี่น่าจะมีผลต่อสาว ๆ มากที่สุด)
 
ลูกค้าแน่นมาก แน่นไม่แน่นก็ถึงขนาดมีคนมายืนต่อคิวเพื่อนั่งทาน (ขนาดสั่งเก้าอี้แบบม้านั่งมาเพิ่มแล้วก็ยังไม่พออีก) หรือไม่ก็สั่งกลับบ้าน ช่วงหลัง ๆ สงสารคนรอครับ ผมเลยเปิดให้มีการสั่งแบบส่งถึงบ้านให้แทน โดยจ้างพนักงานส่งเพิ่ม ค่าส่งแพงหน่อย (คิดตามระยะทาง) แต่คนก็ยังสั่งกันมาเยอะแยะจนทำแทบไม่ทัน
 
สั่งมาที ก็ไม่ใช่แค่แก้วสองแก้ว เล่นมากันเป็นสิบ ส่วนมากก็สาว ๆ ในออฟฟิศนั่นแหละ หรือไม่ก็พวกที่เข้าประชุมอะไรทำนองนั้น (คล้าย ๆ จะเป็นแฟชั่นน่ะฮะ ประชุมเมื่อไหร่ ต้องสั่ง Coffee Hug ไปนั่งกินกัน)
 
เห็นยอดขายในร้านแล้วผมแทบลมจับ ก่อนมาบริหารที่นี่ได้กำไรเดือนละไม่ต่ำกว่าสองแสน พอผมมาดูแลมันได้มากกว่าเดิมอีกแสนกว่า ๆ (ไม่ได้อวดว่าตัวเองเก่งครับ แต่แค่ตกใจ)
 
ที่นี่นอกจากจะได้กำไรจากค่าขนมและค่าเครื่องดื่มแล้ว เรายังได้จากค่าโฆษณาที่คนเอามาแปะไว้ที่บอร์ดหน้าร้าน คล้ายตามห้างน่ะ แต่เล็กกว่า แล้วก็ตามริมกำแพงด้วย อันนี้เป็นความคิดของผู้จัดการเขาครับ ฉลาดจริง ๆ
 
แล้วยังได้จากการขายส่งเมล็ดกาแฟ ผงชา และเครื่องไม้เครื่องมือบางอย่างด้วย เรียกได้ว่า ได้เงินทั้งขึ้นทั้งร่อง ผู้จัดการบอกว่า ถ้าไม่คิดจะเดินทางไปอยู่ญี่ปุ่นเสียก่อน แกว่าจะเปิดแฟรนไซส์ขยายสาขา
 
และถ้าผมสนใจ เขาจะสอนงานให้ ผมสนใจนะ แต่อยากให้เรียนจบซะก่อน จะได้มีเวลาดูแลเยอะ ๆ
 
เพราะผมยังต้องเรียน ต้องถ่ายภาพ กินและเที่ยว ไม่อยากหักโหมมากไป
 
จริง ๆ ผมเคยคืนร้านนี้ให้พี่เอกไปแล้ว แต่พี่แกไม่รับ บอกว่าเป็นค่าทำขวัญและขอโทษสำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา หนำซ้ำยังไม่ยอมรับเงินที่ผมต้องโอนให้ทุกเดือนอีกต่างหาก แต่ผมก็ยังโอนให้อยู่ดี
 
ไม่รู้พี่เอกจะรู้ไหม ว่าที่ร้านมีรายได้มากมายขนาดนี้ ถ้ารู้ แล้วทำไมยังเอากับผมแค่แสนเดียว
 
ผมไม่คิดจะหาคำตอบ และถ้าพี่มันต้องการร้านคืน ผมก็พร้อมที่จะส่งคืนให้เหมือนกัน ผมจะถือว่า ตัวเองเป็นเพียงผู้ดูแลคนหนึ่งเท่านั้น (แต่ค่าจ้างแพงนิด เพราะผมเก็บเงินที่เกินจากแสนเข้าบัญชีตัวเองหมดเลย ฮ่า ๆ ๆ งกครับ) 
 
ช่วงนี้สอบกลางภาคค่อนข้างหนัก ทำให้มีเวลาดูแลร้านน้อยลง ยังดีที่มีพี่เก่งคอยช่วยเหลืออยู่ ผมเลื่อนตำแหน่งให้พี่แกมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการร้านแล้ว
 
พี่เก่งเรียนจบแค่ม.6 เพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี แต่แกเป็นคนขยันครับ ชอบที่จะขวนขวายหาความรู้ด้วยตัวเอง ผมไม่สนใบปริญญาจากพี่แกหรอก แค่เห็นความสามารถในการทำงาน ผมก็เลื่อนตำแหน่งให้แล้ว
 
ผมสนุกและมีความสุขกับทุก ๆ วัน แม้จะยังนึกถึงคนที่มอบร้านนี้ให้ผมอยู่ก็ตาม
 
“พี่กายคะ”
ผมหันไปตามเสียงเรียกคุ้นเคย
 
“อ้าว สาว ๆ”
ผมเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พวกน้อง ๆ ยืนทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม ก่อนเบะหน้าลงเหมือนคนจะร้องไห้
 
“เป็นอะไรกันรึเปล่าฮึ”
ผมรีบเดินเข้าไปลูบหัวจับหน้าจับตาดู
 
“อึก..พี่กาย..อึก..”
 
“ไม่โกรธพวกหนูเหรอคะ..”
 
“ก็ อึก พี่เอก”
 
“เขา อึก ฮือ ๆ”
พวกน้อง ๆ พากันพูดแทบไม่เป็นภาษา ผมพอจะรู้แล้วว่าน้อง ๆ ต้องการจะสื่ออะไร ผมจับมือพวกน้อง ๆ ทั้งสามคนลากเข้าไปในห้องทำงาน
 
“ทำไมพี่ต้องโกรธด้วยล่ะ”
 
“ก็พี่เอก…”
น้องหยุดคำพูดไว้แค่นั้น
 
“พี่ไม่เคยโกรธใครนะ พี่เอกเขามีหัวใจ จะรักจะชอบใครก็ไม่ใช่เรื่องผิด”
 
“ก็พวกหนูรักพี่กาย แต่พวกหนูก็รักพี่นกเหมือนกัน”
 
ผมยิ้ม
 
“พี่นกเขาเป็นคนดีนะ ไม่ผิดที่จะรักนี่”
ผมจับมือสามสาวมาถือไว้รวมกัน
 
“พี่มาทีหลัง พี่ต้องยอมรับความจริงข้อนี้ เหมือน ๆ เวลาที่เราไปซื้อของนั่นแหละ คนมาก่อนย่อมมีสิทธิ์ก่อน แล้วอีกอย่าง ถ้าพี่เอกมีความสุข พี่เองก็พลอยมีความสุขไปด้วย”
 
“พี่กายอ่า ทำไมเป็นคนดีแบบนี้อ่า อึก ฮือ ๆ”
 
“หนูขอโทษ พี่เอกเป็นคนดี”
 
“ใช่ ๆ แต่ก็แค่โลเล รักมั่น แต่คนรักคนแรกดันเป็นพี่นกแค่นั้นเอง”
คำพูดมันดูขัด ๆ กันยังไงพิกล
 
“พวกหนูขอโทษ อึก”
 
“ถ้าไง เลือกพี่อิฐแทนได้ไหมคะ”
 
“ใช่ ๆ พี่อิฐก็เป็นคนดีเหมือนกัน”
 
“พี่อาร์ตก็ได้ เลวนิดแต่ก็เร้าใจ”
พวกน้อง ๆ พากันเสนอ ผมยิ้มแล้วส่ายหน้า
 
“หัวใจพี่มีดวงเดียวนะ แล้วพี่ก็ให้พี่เอกไปแล้วด้วย”
 
“อึก…พี่กายอ่า…”
พวกน้อง ๆ พากันร้องไห้จ้ายิ่งกว่าเดิม ส่วนผมก็ทำได้แค่ยืนปลอบใจไปเรื่อย ๆ แค่นั้นเอง
 
พอร้องกันจนหนำใจ ตาปูดตาบวมกันได้ที่ ผมก็ให้พวกน้อง ๆ ไปนั่งทำการบ้านกันโต๊ะในสุดภายในร้าน น้อง ๆ อยากช่วยงานครับ แต่ร้องไห้กันตาแดงเชียว
 
เห็นแล้วสงสาร
 
ช่วงนี้ผมแอบเหงานิดหน่อย เพราะพ่อติดงาน แม่เร่งปั่นต้นฉบับ พี่เชนก็เดินทางไป ๆ กลับ ๆ ต่างประเทศ ยิ่งไม่มีพี่เป้ยิ่งเหงา ส่วนไอ้เต้ยมันก็ดูหงอย ๆ ผมไม่อยากยุ่งกับมันเท่าไหร่ อยากให้มันทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง แล้วกลับมาสดใสเหมือนเดิม   
 
ผมกำจี้ที่คอไว้ ตอนนี้มันเป็นทั้งเพื่อนและกำลังใจให้ผม ในวันและเวลาที่ไม่มีพี่เอก ผมถอนลมหายใจเบา ๆ หันหลังหวังจะเดินกลับไปทำงานต่อ แต่ตัวผมชนเข้ากับใครบางคนจนเซไปด้านข้าง ดีที่ตั้งตัวทัน ผมเงยหน้ามอง
 
“พี่เอก…”

พี่มันจ้องหน้าผมกลับ
 
“พี่ไม่มีสร้อยแล้ว ทำไมกายถึงรู้ว่าเป็นพี่”

ผมมองไปทั่วใบหน้าหล่อเหลา
 
ทำไมผมถึงรู้ว่าเป็นพี่เอกงั้นเหรอ

ก็เพราะทุกครั้งที่ผมเข้าใกล้พี่ หัวใจผมจะเจ็บขึ้นมาทันทียังไงล่ะ
 
“มาทานกาแฟหรือมีธุระอะไรรึเปล่าครับ พวกทโมนนั่งทำการบ้านอยู่ข้างใน”
ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถาม
 
ดวงตาสีนิลจ้องมาที่ผมไม่เคลื่อนไปไหน จนเป็นผมเองที่หลุบเปลือกตาลงต่ำ หลบหนีดวงตาร้อนแรงดั่งเปลวเพลิงอันนั้น
 
“ขอบใจที่ดูแลพวกน้อง ๆ ให้”
 
“ไม่เป็นไรครับ เพราะถึงยังไงที่นี่ก็เป็นร้านของพี่อยู่แล้ว”
ผมบอก

“เชิญพี่ตามสบายนะฮะ อยากได้อะไรก็สั่งเอาได้เลย ผมขอตัวก่อน”
ผมรีบเดินเลี่ยง แต่ไปได้ไม่ไกลเพราะข้อมือผมถูกจับเอาไว้ ผมหันไปมอง เหมือนพี่เอกจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เงียบลง แล้วปล่อยมือผมออกอย่างรวดเร็ว
 
“เอก!! รอนานไหม โทษที งานเยอะมากเลย”
เสียงพี่นกดังแว่วมาแต่ไกล ผมรีบเดินเลี่ยงไปทางอื่นทันที
 
เพราะผมไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ใกล้ ๆ พี่เอกอีกต่อไปแล้ว
 
 
 
 
ผมออกไปทำงานตามปกติ หลีกเลี่ยงที่จะเดินไปใกล้ ๆ โต๊ะของพี่เอก พยายามทำหน้านิ่ง ๆ เหมือนปูนปลาสเตอร์ที่พี่เป้เคยทำ
 
“ร้านน่ารักดีเนอะ เคยเห็นลงในนิตยสารด้วย”
ได้ยินเสียงพี่นกชื่นชม โต๊ะพี่เอก มีพี่ไนท์เป็นคนคอยดูแลอยู่
 
“ทางนี้ ๆ!!”
พี่นกโบกมือไหว ๆ เรียกเพื่อนอีกสามคนให้มานั่งด้วยกัน
 
ผมไม่ได้อยากมอง แต่มันละสายตาไม่ได้ แม้พยายามหักห้ามใจ แต่หัวใจผม กลับพาร่างกายเบี่ยงเบนไปหาพี่เอกอยู่เรื่อย ผมทำงานอยู่ได้ไม่นาน ก็รีบเดินหลบเข้ามาในห้องทำงาน
 
เพราะที่นี่คงเป็นที่เดียวที่ผมจะมีอิสระและมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
 
ผมกำสร้อยที่คอแน่น ไม่ได้อยากอ่อนแอ แต่หน้าผมกำลังเปียกปอนไปด้วยเม็ดน้ำใส ๆ ผมยืนนิ่งก้มหน้าปล่อยน้ำตาให้ไหลริน ก่อนสะดุ้งเฮือก เพราะมีวงแขนใหญ่มาโอบไว้จากด้านหลัง ผมหันไปมอง
 
แต่ไม่เห็นอะไร…
 
เพราะมีบางสิ่งเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ และปากผมกำลังไร้อิสระจากผู้รุกราน
 
และผมรู้ว่าคนคนนั้นคือใคร
 
รู้ได้จากวงแขนอบอุ่นที่โอบกอดผมไว้…
 
รู้ได้จากลิ่นน้ำหอมอันคุ้นเคย…
 
และรู้ได้จากรสจูบอันนุ่มนวลอ่อนโยน…แต่แฝงไปด้วยความเร่าร้อนดั่งเปลวเพลิงอันนั้น
 
เขาคือคนคนนั้น
 
คนที่ผมรักที่สุด…
 
พี่เอก
 
ผมหลับตาลง กรีดเม็ดน้ำสีใสให้ร่วงหล่น
 
พี่มันถอนริมฝีปากออกช้า ๆ จับผมพลิกให้หันหน้าไปเผชิญกับพี่แก และกดจูบลงมาอีกครั้ง ผมดันอกกว้างออกห่าง ครางฮือท้วงห้ามในลำคอ พี่เอกเบียดผมจนถอยหลังไปชิดโต๊ะทำงาน ก่อนพี่มันจะยกผมขึ้นไปนั่ง
 
“อย่าพี่เอก”
ผมรีบปรามเมื่อปากเป็นอิสระ ถึงผมจะคิดถึงพี่มันมากแค่ไหน อยากให้พี่เอกสัมผัสร่างกายนี้มากขนาดไหน แต่มันไม่ควร พี่เอกมีคนที่พี่เอกรักอยู่แล้ว
 
และคนคนนั้นก็รอพี่เอกอยู่ด้านนอก
 
และผมเองก็กำลังทำงานอยู่
 
ลูกค้าก็ยังอยู่เต็มร้าน
 
และ และ…
 
และผม…
 
ก็แพ้ใจตัวเองอีกครั้ง
 
 
 
 
 
ผมหายใจหอบถี่โดยมีบางสิ่งเชื่อมอยู่ภายใน แม้จะเจ็บเสียดเพราะความฝืดเคืองร้างรามานาน แต่ความเสียวซ่านและอบอุ่นยังคละคลุ้ง พี่มันไม่พูดอะไรสักคำไม่ต่างกับผมที่ไร้คำพูดเช่นกัน ผมผลักอกพี่มันออกห่าง
 
“พอเถอะ อย่าทำแบบนี้เลย ผมไม่อยากเป็นคนเลวมากไปกว่านี้แล้ว”
 
“กายไม่เลวหรอก คนที่เลวคือพี่ต่างหาก”
แล้วพี่มันก็ปิดปากผมลงอีกครั้งด้วยปากพี่มันเอง
           



To Be Con...

ขอบคุณทุกรีค่ะ  :pig4:

             












Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM                             
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 85 เยื่อใย [p.27 D.28-11-60] (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 28-11-2017 19:12:52
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 85 เยื่อใย [p.27 D.28-11-60] (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 28-11-2017 21:21:30
ไอ่---เฮี่ยยยย


 :z6:
ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่าเมิงแล้ว


นรกส่งมา
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 85 เยื่อใย [p.27 D.28-11-60] (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 28-11-2017 22:10:56
ไอ่---เฮี่ยยยย


 :z6:
ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่าเมิงแล้ว


นรกส่งมา


เห็นด้วยอย่างยิ่ง หมดคำจะพูดแล้ว
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 85 เยื่อใย [p.27 D.28-11-60] (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 28-11-2017 23:22:52
 :ling1:อ๊ากกกก ชั่วร้ายอ่ะ พี่เอกเลวมาก
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 85 เยื่อใย [p.27 D.28-11-60] (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-11-2017 01:35:30
กายหนอ กาย เขาทำขนาดนั้น ทำไมยังไม่ตัดใจอีกละหลาน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 85 เยื่อใย [p.27 D.28-11-60] (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-11-2017 05:54:40
มีคำพูดว่า ถ้ารักคนที่หนึ่งที่สุด จะไม่มีคนที่สองตามมา
แล้วกรณีเอกล่ะ  มันรักคนที่หนึ่งยังงายยยยยย    :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
สมละที่รู้ตัวว่าตัวเองเลววววววววววววววววววววววววว

       รักสามเส้า คนเศร้าคือกาย        พี่เอกตัวร้ายวุ่นวายอยู่นั่น
ถึงแม้กายตัดใจทุกวัน                   เซ็กส์สดดัน ดีลิเวอรี่

 
                                                      :L1: :L1: :L1:
                                                :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 86 สับสน [p.28 D.5-11-60] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 02-12-2017 19:44:33
86
สับสน
[เอก...☼]







ผมรู้ว่าผมทำผิด ผมรู้ว่าผมกำลังทำเรื่องที่ไม่ควรทำ ผมรู้ แต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้ แม้ตัวจะห่างแต่ใจกลับถวิลหา แม้ผมจะกอดนก แต่ใจผมกลับคิดถึงแต่กาย
 
ผมกอดมันไว้ จ้องมองหยาดเหงื่อและปากแดง ๆ ที่กำลังเผยออ้า ผ่อนลมหายใจเข้าออกไร้จังหวะ ผมรู้แค่ว่าสายตาผมไม่อาจละไปจากกายได้
 
ทุกอย่างเริ่มกลับมาเป็นกายอีกครั้ง

ผมใส่จังหวะแรงขึ้น อย่างน้อยก็เป็นจังหวะรักที่ผมคุ้นเคย ที่ผมคิดถึง และอยากให้มันรับรู้ ว่าผมไม่เคยหยุดรักมันเลยแม้แต่วินาทีนี้
 
แต่ผมไม่รู้ ว่าผมกำลังรักใครมากกว่ากัน นกหรือกายเท่านั้นเอง
 
ผมจูบแผ่นหลังเพรียวบางของคนที่คว่ำหน้าไว้กับโต๊ะ โดยมีบางส่วนของผมเชื่อมเอาไว้ ผมไม่ได้คิดไปเอง แต่กายผอมลงอีกแล้ว
 
ผมปล่อยกายให้เป็นอิสระ ยกมันขึ้นมานั่งบนโต๊ะเหมือนเดิม สองแขนผมโอบกอดมันไว้ กอดมันนิ่ง ๆ ส่งผ่านทุกความรู้สึกของผมไปให้มัน
 
ไร้คำพูดใด ๆ จากเราทั้งคู่ ผมก้มจูบขมับมันเบา ๆ
 
“พี่ขอโทษนะกาย”
ผมกระซิบบอก ก้มเก็บเสื้อผ้ามาวางไว้ข้าง ๆ มันนั่งน้ำตาไหลริน ผมลูบหัวมันเบา ๆ ในขณะที่อีกมือก็ช่วยกันกรีดหยาดน้ำออกจากดวงตามัน แต่มันไม่หยุดไหลสักที จนเป็นผมเองที่ขอยอมแพ้
 
“พี่ขอโทษนะ”
ผมจูบซับน้ำตามันไปอีกรอบ ก่อนหันหลัง แต่งตัวและเดินออกจากห้องไป
 
เพราะถ้าผมยังอยู่ น้ำตานั้นคงไม่หยุดไหลเอาง่าย ๆ แน่
 
 
 
“หายไปไหนมาคะเอก”
ผมกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง นกยิ้มรื่น ไม่ต่างกับเพื่อน ๆ ของนก ผมได้แต่ยิ้มเหนื่อยตอบรับ
 
“เป็นอะไรคะ ดูเหนื่อย ๆ”
นกถามด้วยความเป็นห่วง ผมส่ายหัว ตีสีหน้านิ่งเรียบคล้ายคนกำลังคิดเรื่องงาน ซึ่งนกก็พอจะเดาได้ เลยเลิกเซ้าซี้ไป
 
“เอกนี่หล่อจริง ๆ นะ สมกับนกอย่างกับกิ่งทองใบหยก แพลนว่าจะแต่งงานกันหลังเรียนจบเลยหรือเปล่า”
ผมหันไปมองคนถาม ถ้าเป็นแต่ก่อน คงเป็นผมเองที่รีบขอนกแต่งงาน แต่ตอนนี้ผมชักลังเล
 
ผมไม่กลัวอิสระที่จะหายไป แต่สิทธิ์ที่จะได้ครอบครองกายอีกครั้งจะหายไปด้วย และผมยังไม่พร้อมที่จะสูญเสียสิ่งนั้นไป
 
ผมกำลังเห็นแก่ตัว ยึดนกไว้ แต่ไม่คิดจะปล่อยกาย ผมกำลังจับปลาสองมือ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดี เพราะปลายทาง ผมอาจต้องสูญเสียคนทั้งคู่ไป
 
“พี่เอกพี่นก มากันตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
พวกทโมนพากันเดินเข้ามาทัก
 
“อ้าวเด็ก ๆ มากันด้วยเหรอ”
นกทักกลับ แล้วก็แนะนำน้อง ๆ ให้เพื่อน ๆ รู้จัก
 
“นั่งกันตรงไหนเนี่ย ทำไมพี่ไม่เห็นเลย”
นกถามต่อ
 
“ข้างในสุดนู่นเลยค่ะ นั่งทำการบ้านกันอยู่ แต่ตอนนี้เสร็จแล้ว”
 
“เหรอ แล้วทานอะไรกันมารึยัง”
 
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
พวกน้อง ๆ ตอบคำถามกันเพียงสั้น ๆ ซึ่งถ้าเป็นแต่ก่อนคงแย่งกันพูดไม่หยุด และผมก็รู้ว่าเพราะอะไร
 
“ดี สาว ๆ”
 
พวกเราหันขวับไปมองคนที่เดินเข้ามาใหม่ ผมตัวเกร็งขึ้นมาทันที ไม่ต่างกับพวกทโมน ถ้าเป็นแต่ก่อน แค่ได้ยินเสียงทัก พวกน้อง ๆ ต้องวิ่งเข้าไปกอดแล้ว แต่ตอนนี้พวกน้อง ๆ ทำได้แค่ยืนทำท่าหางตกหูลู่ เหมือนพวกลูกแมวทำผิด
 
ผมรู้ว่าการที่ผมเลิกกับกายไม่เกี่ยวกับน้อง ๆ แต่พวกมันคงรู้สึกผิดไม่ต่างกับผมเท่าไหร่ 
 
ไม่เพียงผมทำร้ายจิตใจของกายเท่านั้น แต่ผมยังทำร้ายจิตใจของน้อง ๆ รวมถึงพ่อกับแม่ผมด้วย ถึงพวกท่านจะไม่พูดอะไร แต่ผมก็รู้ว่าพวกท่านคงเสียใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะคุณแม่ที่รักกายเหมือนลูกคนหนึ่ง
 
“เป็นไรกันฮึ”
พ่อคงเห็นความผิดปกติ พวกน้อง ๆ ยิ่งทำท่าหางตกหูลู่ยิ่งกว่าเดิม ก่อนพ่อจะมองเห็นผมที่ถูกพวกน้อง ๆ ยืนบังไว้อีกที
 
“อ้าว เอก อยู่ด้วยเหรอ”
 
ผมที่พอได้สติ รีบยกมือไหว้ ไม่ต่างกับนกและเพื่อน ๆ ที่ยกมือไหว้ไปตาม ๆ กัน แม้จะยังไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
 
พ่อยิ้มหล่อตอบรับ
 
“มากันนานแล้วเหรอ แล้วนี่กายอยู่ไหน”
พ่อถามในขณะที่สายตาก็มองหาไปรอบ ๆ   
 
“อยู่ในห้องทำงานครับ”
ผมตอบสั้น ๆ
 
“คนเยอะดีแฮะ นี่ถ้าไม่ติดธุระ ว่าจะมาช่วยเสิร์ฟนะเนี่ย”
พ่อบอกอารมณ์ดี เดินดี๊ด๊าเข้าไปภายใน ในขณะที่ผมยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม
 







“เอก”
ผมหันไปตามเสียงเรียก ก่อนหน้าผมจะหันไปตามแรงหมัดอันคุ้นเคย พวกสาว ๆ พากันร้องวี้ดว้าย ไม่ต่างกับลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้าน
 
พ่อยิ้มทันทีที่ต่อยหน้าผมเสร็จ
 
“ขอโทษด้วยนะจ้ะสาว ๆ ผู้ชายมีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อย”
พ่อคว้าคอเสื้อผม เดินกึ่งลากไปทางหลังร้าน
 
“เอก!!”
นกทำท่าจะตามมา แต่ผมเบรกไว้
 
“ไม่มีอะไรหรอก นั่งรอไปก่อน”
 
“นายทำอะไรกาย ทำไมถึงได้นั่งร้องห่มร้องไห้แบบนั้น”
 
ผมหลับตาแน่น นึกภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมาได้ทันที ผมมันก็แค่ไอ้เลวคนหนึ่ง ที่ชอบทำร้ายจิตใจของคนที่รัก
 
“ผมขอโทษที่ทำให้พ่อผิดหวัง”
 
พ่อปล่อยคอเสื้อผมออกแรง
 
“เล่าเรื่องทุกอย่างมา เพราะกายคงไม่ยอมพูดเอง”
 
“ผมเลิกกับกายแล้ว”
 
พ่อยืนอึ้งไป
 
“ผมกลับไปคบกับแฟนเก่า ขอโทษครับ ผมเลว ผมยอมรับ”
ผมยืนประจันหน้าเตรียมรับหมัดที่จะวิ่งเข้ามาอีกระลอก และก็ไม่ผิดหวัง หมัดหนักซัดใส่ปากอีกข้างเต็ม ๆ จนเลือดบางส่วนไหลแหมะลงมา
 
“ดีที่นายกล้ายอมรับ พ่อเสียใจที่แกทำให้กายเสียใจ แต่ก็ดีใจที่แกเป็นลูกผู้ชายมากพอที่จะยอมรับ เมื่อคิดว่าตัดสินใจดีแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบทุกความผิดของตัวเอง พ่อเห็นกายร้องไห้มามากพอแล้วนะ ถ้าเป็นไปได้ อย่ามาให้กายเห็นอีก”
 
ผมพยักหน้าเช็ดเลือดที่มุมปากออก พ่อหันหลังเดินจากไป ในขณะที่ผมเดินกลับไปยังจุดเดิมของตัวเอง พวกสาว ๆ ยังคงโวยวายไม่หยุด
 
“เขาเป็นใครคะ ทำไมมาต่อยเอก แล้วทำไมเอกไม่เอาเรื่อง”
 
“ขอตัวก่อนนะ นกกลับแท็กซี่ละกัน แล้วจะโทรหาอีกที”
ผมไม่ตอบคำถาม แต่บอกในสิ่งที่ตัวเองต้องการและเดินจากมา
 
“เอก!!”
นกส่งเสียงเรียกมาตามหลัง แต่ผมไม่คิดจะหันไปมอง ผมรู้ว่านกเป็นห่วง แต่ตอนนี้ ผมยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับใครทั้งนั้น
 
ผมขับรถไปเรื่อย ๆ โดยไร้จุดหมายปลายทาง พยายามคิดหาทางออกให้กับความสับสนที่เกิดขึ้น
 
แต่ยิ่งคิดยิ่งตีบตัน
 
ผมรู้ว่าความรักไม่มีตรรกะที่แน่นอน และผมก็ไม่สามารถหาข้อสรุปให้มันได้
 
“โธ่เว้ย!!”
ผมทุบพวงมาลัยแรง เหยียบคันเร่งระบายความอัดอั้น
 
ผมไม่รู้ว่าผมเป็นบ้าขับรถวนอยู่บนท้องถนนรถติด ๆ อยู่นานแค่ไหน กระทั่งตัวรถหยุดลงหน้าบ้านของใครคนหนึ่ง ผมมองผ่านประตูรั้วเข้าไปภายใน
 
ที่นี่คงเป็นที่สุดท้ายที่ผมอยากมามากที่สุด ผมมองมันอยู่นาน ก่อนตัดสินใจ ดับเครื่องก้าวลงจากรถไปกดกริ่งหน้าบ้าน
 
ไม่นานนัก เจ้าของบ้านก็เยี่ยมหน้าออกมาดู มันทำหน้าแปลกใจที่เห็นผม ผมเองก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน

....................................

“ลมอะไรหอบมาวะ”
 
“ไม่รู้…แต่กูไม่มีที่ไป”
 
มันมองหน้าค้นหาความจริง
 
“เข้ามาก่อนเถอะ”
มันเปิดประตูออกกว้างให้ผมเข้าไปภายใน
 
“อ้าว เอก”
คู่ซี้ปาท่องโกมันทัก
“มาได้ไง”
 
“ขับรถมา”
ผมตอบกวน ๆ
 
“มึงนี่ ทำหน้าเป็นหมาหงอยแต่ปากยังร่าเริงเหมือนเดิมเลยนะ”
 
ผมไม่สนใจที่จะตอบกลับ ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาสีอบอุ่น ผมแค่ต้องการสักที่ เพื่อทบทวนอะไรบางอย่าง แต่ไม่ใช่การอยู่คนเดียว
 
“เรื่องของกาย”
เจ้าของบ้านคาดเดา ไอ้คนที่นอนคว่ำหน้าอ่านหนังสืออยู่เงยหน้ามองผมอีกที ผมพยักหน้า มันถอนหายใจเบา ๆ
 
“กายเขารักมึง”
 
“กูรู้”
 
“แต่มึงก็รักนก”
พูดอีกมันก็ถูกอีก
 
“ทำไมกูหลายใจนักวะ”
ผมแหงนหน้ามองเพดาน มันหัวเราะหึ ๆ
 
ไอ้คนที่นอนคว่ำหน้าอยู่กัดป๊อกกี้ดังเป๊าะ
 
“มึงก็ต้องเลือกเอาสักทาง กูรู้ว่ามึงรักนก แล้วก็รักกายด้วย แต่มึงต้องถามใจตัวเองแล้วล่ะว่าอยู่กับใครแล้วมีความสุขมากกว่ากัน”
 
ผมละสายตาจากเพดานมองคนพูด มันหยิบป๊อกกี้แท่งใหม่มากินต่อ
 
“ปิง มึงลุกขึ้นมานั่งกินดี ๆ หน่อยดิ”
ไอ้โอ๊คมันสั่ง ไอ้ปิงจำต้องลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิอย่างว่าง่าย
 
“บอกตามตรงนะ”
มันพูดไปหักป๊อกกี้เข้าปากไป
“ตั้งแต่มึงมาคบกับนก กูยังไม่เห็นมึงจะมีความสุขแบบที่มึงเคยคบกับกายเลย”
 
ผมจ้องหน้ามันอึ้ง ๆ ตอนแรกผมก็คิดว่าผมมีความสุขดีซะอีก
 
“แต่กูรักนก”
 
“กูรู้ ไม่ได้โง่”
แม่ม อยากจับป๊อกกี้ยัดปากมันจริง ๆ
 
แต่มีคนทำให้แล้วครับ ไอ้โอ๊คดึงป๊อกกี้ในกล่องมายัดใส่ปากมันสองแท่ง แต่ไอ้ปิงมันหยิบออกแท่งหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ
 
“กูรู้ว่ามึงรักนก แต่มึงก็แค่รัก ไม่ได้มีความสุขจนดูบ้า ๆ บอ ๆ เหมือนที่มึงอยู่กับกาย ไม่รู้สิ สำหรับกู กูจะอยู่กับคนที่กูรู้สึกสบายใจ รักน้อยหน่อย แต่มีความสุขมากหน่อย อันนั้นน่าจะดีกว่า”
มันพูดปรัชญาที่ผมไม่ค่อยเข้าใจ
 
“หัวใจมึง มึงต้องค้นหาด้วยตัวเองนะ กูรักกายเขาก็จริง แต่เขาก็วางกูไว้แค่พี่ชาย และมันก็ไม่คิดจะเขยิบยกฐานะให้กูสักที แม้จะไม่มีมึงแล้วก็ตาม”
ไอ้โอ๊คมันเสริม
 
“ถ้ามึงคิดจะตัด มึงก็ต้องตัดให้ขาด” ไอ้ปิงมันหยิบป๊อกกี้มาชี้หน้าผม “กูไม่สนับสนุนหรือขัดขวางใครทั้งนั้น แต่ในฐานะเพื่อนที่ไม่อยากจะสนิทกับมึงสักเท่าไหร่” มันหักป๊อกกี้แท่งนั้นดังเป๊าะ “แต่กูรับมึงตอนนี้ไม่ค่อยได้ว่ะ ปากมึงบอกรักนก แต่มึงก็เอาแต่เหม่อ ทำงานเหมือนซอมบี้ มีตัวตนเหมือนไม่มี มึงคนที่กูรู้จักหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้”
 
ผมนั่งอึ้งมองพวกมัน นี่ผมเป็นแบบนั้นเหรอ
 
“มึงต้องเลือกเอาเอง”
ไอ้โอ๊คปิดประโยคแทนไอ้ปิง ก่อนแย่งป๊อกกี้ที่ไอ้ปิงกำลังจะเอาเข้าปากไปกินเอง

ผมพิงแผ่นหลังไว้กับโซฟา
 
ไอ้ความสุขที่ผมคิดว่าผมมี ตกลงมันเป็นความสุขที่แท้จริง หรือความสุขที่เคยชินกันแน่
 
“มึงจะค้างไหม”
ไอ้โอ๊คถาม
 
ผมพยักหน้ารับ ไม่อยากกลับไปอยู่คนเดียวเหมือนกัน เผื่อพวกเพื่อน ๆ จะช่วยเตือนสติอะไรได้บ้าง
 
บ้านนี้เป็นบ้านที่พ่อไอ้โอ๊คซื้อให้มันตั้งแต่เข้ามหา’ลัย มันเลือกบ้านเพราะมันไม่ชอบคอนโด แต่ผมไม่เคยรู้มาก่อน ว่าไอ้ปิงมันย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ด้วย
 
“มึงย้ายมาอยู่ด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
 
“กูไม่ได้ย้ายมา แต่ขี้เกียจกลับบ้านแค่นั้นแหละ”
ไอ้ปิงมันบอก
 
ผมพยักหน้าไม่ใส่ใจ
 
“มีอะไรดื่มไหม”
ผมถามเจ้าบ้าน แต่คนอาศัยเป็นคนตอบแทน
 
“ที่บ้านไม่มี แต่หน้าปากซอยมี”
 
 
 
 
 
 
“ยะโฮ่!!”
นั่งดื่มกันไม่ถึงชั่วโมง ไอ้มอกับไอ้โอมก็พากันเดินหน้าสลอนเข้ามา
 
“แหม พวกมึงนี่จมูกดีกันจัง ยังไม่ทันได้เคาะกะละมังเรียกเลย”
ไอ้ปิงมันแซว
 
“พวกกูไม่ใช่หมา แต่ดีเลยกูซื้อของกินมาด้วย”
ไอ้โอมรีบเดินลิ่ว ๆ หิ้วถุงของกินเข้าไปในครัว
 
“ฉลองอะไรกันวะ”
ไอ้มอมันถามไม่เจาะจงคนตอบ ทิ้งตัวลงนั่งคว้ากับแกล้มโยนเข้าปาก ไอ้โอ๊คลุกไปหยิบแก้วมาเพิ่ม
 
“หมาเอกมันอยากเมาน่ะ”
ไอ้ปิงเป็นคนตอบ
 
“มาแล้ว ๆ กูโทรตามพวกไอ้อ้อยด้วย”
ไอ้โอมยกของกินมาวางไว้ ไอ้นี่มันชอบดื่มกับคนเยอะ ๆ ไม่ต่างกับไอ้มอนั่นแหละ ในขณะที่ผม ชอบดื่มแบบเงียบ ๆ เหมือนไอ้เป้มากกว่า
 
“ไอ้เอก มึงไปโดนใครสอยปากมาวะ ได้ข่าวว่านกไม่ใช่คนซาดิสม์นี่หว่า”
โดนต่อยมาชั่วโมงกว่า ๆ มันคงขึ้นสีชัดเจนแล้ว
 
“ไม่ใช่นกหรอก…”
ผมกระดกเหล้าลงคออึกใหญ่
“พ่อกายเขาน่ะ”
 
ทุกคนเงียบกริบ
 
“มึงยังไม่ได้บอกเขา?”
 
“ตอนนี้รู้แล้วล่ะ”
 
“อืม…จารึกรังแกลูกเขา”
 
ผมแค่นยิ้ม ตามด้วยหัวเราะหึ ๆ
 
“ก็สาสมดี”
 
“เอ้า ๆ เลิกพูดเรื่องเมีย ๆ แล้วมาดื่มกันดีกว่า”
ไอ้มอยกแก้วขึ้นสูง ทุกคนยกตาม ปิดท้ายด้วยผม
 
“ไอ้พวกเลว ชวนพวกกูช้าไปไหม”
ไม่เกินชั่วโมงไอ้อ้อยกับไอ้สาวก็เดินโวยวายเข้ามา ตามด้วยอิง และไอ้กิ๊ฟ
 
“ไปโดนไรมาหมาเอก”
ไอ้กิ๊ฟมันถามทันทีที่เห็นหน้า
 
“โดนอดีตพ่อตาต่อยมาว่ะ”
อันนี้ไอ้โอมมันตอบแทน
 
ไอ้กิ๊ฟพยักหน้าเข้าใจ เดินมาตบหลังผมสองสามทีให้กำลังใจ
 
“เสียดายไอ้เป้ไม่อยู่”
ใครสักคนพูดขึ้น ผมไม่ได้ใส่ใจ แต่ลึก ๆ ผมแอบดีใจที่มันไม่อยู่ ไม่งั้นผมคงนั่งร้อนมากกว่านี้ที่เห็นมันควงกายออกหน้าแน่ ๆ
 
 
 
 
 
“มึง ไหวไหม”
ใครสักคนถามขึ้น มือผมยังถือแก้วเหล้าไว้ สติเลือนรางเต็มทน เปลือกตาหนักอึ้งจนต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเปิดออก ผมเงยหน้ามอง ใบหน้าของคนถามดูพร่ามัว ผมพยายามปรือตามองอีกที จนเห็นได้ลาง ๆ ว่าเป็นใคร 
 
“กาย”
 
“กายบ้ากายบอบ้านมึงอะดิ!!”
 
ผมวางแก้วไว้กับพื้น คว้ามือสะเปะสะปะหวังดึงคนตรงหน้ามากอด 
 
“กาย”
แต่ไอ้คนที่ผมจะจับมันปัดแขนผมออก
 
“มึงเมามากแล้วนะเอก พอเหอะว่ะ”
 
“กาย”
ผมยังพยายามคว้าคนตรงหน้าเข้ามาใกล้
 
“โว้ย!! ไอ้เอก กูไม่ใช่ไอ้กาย!!”
มันโวยวาย
 
“กาย”
ผมยังไม่ยอมแพ้ พยายามโน้มตัวไปหามัน
 
“มึง กูว่าพามันขึ้นห้องเหอะว่ะ”
เสียงใครสักคนสั่ง เสียงเล็ก ๆ ปนอำนาจ เสียงนี้ต้องเป็นไอ้กิ๊ฟแน่ ๆ
 
ตัวผมถูกยกขึ้นมายืนโซเซ
 
“แม่ง แดกเหล้าเหมือนคนอกหัก”
 
“ไม่หักก็เหมือนหักละวะ ดันรักพี่แต่เสียดายน้อง”
 
ผมยกมือขึ้นมาชี้โบ้ชี้เบ้ไปยังต้นเสียง
 
ไม่รู้ว่าใครล่ะ
 
“กู กู ร้ากกก…กาย”
ผมพยายามบอก ใครสักคนปัดมือผมลง แล้วก็มีอีกคนมาช่วยกันหิ้วปีกผมเดินขึ้นบันได ไม่นานผมก็ถูกโยนลงไปนอนบนเตียง
 
“ปล่อยมันนอนไปเถอะ พวกเราไปกินกันต่อดีกว่า”
 
“อืม…”
แล้วเสียงทั้งหลายทั้งแหล่ ก็จางหายไป
 
ท่ามกลางความมืด เหมือนมีใครสักคนมาจับมุมปากผมเบา ๆ ผมพลิกหน้าปรือตามอง ภาพเลือนรางตรงหน้าเบลอจนแทบจะไร้ตัวตน ผมพยายามมองอีกทีจนภาพตรงหน้าชัดขึ้นเรื่อย ๆ ผมยิ้มเมื่อเห็นคนตรงหน้าชัด ๆ
 
“กาย”
ผมรั้งคนด้านบนลงมานอน แล้วคร่อมไว้ด้วยร่างสูงใหญ่ของตัวเอง
 
“กาย พี่รักกายนะ”
ผมบอกแค่นั้น ก่อนปิดปากที่กำลังร้องท้วงด้วยปากตัวเอง
 
ผมรักกาย ตอนนี้ผมรู้เพียงเท่านี้


to be Con..
++++++++++++++++++++++++
รู้ตัวนอนนี้ สายไปหน่อยไหมพี่ชาย
.
.
.
.

ปล. ชอบ... :กอด1:
มีคำพูดว่า ถ้ารักคนที่หนึ่งที่สุด จะไม่มีคนที่สองตามมา
แล้วกรณีเอกล่ะ  มันรักคนที่หนึ่งยังงายยยยยย    :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
สมละที่รู้ตัวว่าตัวเองเลววววววววววววววววววววววววว

       รักสามเส้า คนเศร้าคือกาย        พี่เอกตัวร้ายวุ่นวายอยู่นั่น
ถึงแม้กายตัดใจทุกวัน                   เซ็กส์สดดัน ดีลิเวอรี่

 
                                                      :L1: :L1: :L1:
                                                :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 86 สับสน [p.28 D.2-11-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-12-2017 20:10:09
อ้าวๆ.....เอกยอมรับแล้วว่าอยู่กับนก แต่ใจคิดถึงกาย
รู้ว่าตัวเองเลว จับปลาสองมือ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 86 สับสน [p.28 D.2-11-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-12-2017 01:58:45
 :fcuk: ขอทีนึง ไอหื่นเอก
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 86 สับสน [p.28 D.2-11-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 03-12-2017 21:42:59
อิวันทอง 2017

หลายใจ มันใช่ทั้งสองคน
กรูจะเอาหมด ทั้งหน้า+หลัง

หุหุ ตามที่สบายใจเลย
เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยเอก
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 86 สับสน [p.28 D.2-11-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 05-12-2017 00:59:22
 :ruready
หัวข้อ: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 87 ปล่อยหัวใจไปกับสายลม [p.28 D.13-12-60] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 11-12-2017 09:33:14
87
ปล่อยหัวใจไปกับสายลม
[กาย...♥]






ผมนอนตะแคงข้างกึ่งคว่ำหน้ากอดหมอนใบย่อมเอาไว้ ตั้งแต่ไร้อ้อมกอดอบอุ่น ผมก็เลือกที่จะกอดหมอนกอดผ้าห่มรวมถึงตุ๊กตาตัวใหญ่ที่พี่มันเคยให้ ผมรู้ว่าควรจะทิ้งทุกอย่างที่พี่มันให้
 
แต่ผมทำไม่ได้
 
ผมกำสร้อยคอและยกมันขึ้นมาจูบเบา ๆ ผมรู้ว่าพี่เอกยังรักผมอยู่ รู้ได้จากอ้อมแขน จากสายตาและจากความห่วงใยที่พี่มันส่งถ่ายมาให้
 
แต่ก็รักผมน้อยกว่าที่รักพี่นก
 
ถ้าพี่มันไม่รักผมเลย ผมยังจะตัดใจง่ายกว่า แต่ไม่ว่าจะทางเลือกไหน สำหรับผมก็ตัดใจยากพอกัน
 
ก๊อก ๆ ๆ
 
“ตื่นได้แล้วลูก”
ได้ยินเสียงเคาะประตูพร้อมเสียงเรียกดังมาจากหน้าห้อง ผมเงยหน้ามอง สลัดผ้าห่มออกจากตัว ลุกออกจากเตียง เดินหัวฟูออกไปเปิด
 
“แตนแต่นแต้นแต๊นนนนนน!!”
พ่อทำซาวด์ประกอบ ยื่นบางอย่างมาไว้ตรงหน้า
 
“คะน้าหมูกรอบสูตรพิเศษ ฝีมือพ่อเอ้งงง!!”
 
“ขี้ตู่ ฝีมือแม่ย่ะ”
 
ผมยิ้มกว้างเมื่อเห็นใครอีกคนเดินออกมาจากหลังพ่อ
 
“แม่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
ผมโผกอดแม่ทันที
 
“มาเมื่อเห็น”
 
“แหม่ะ ปากดีเหมือนใครเนี่ย”
ผมแซวแม่กลับ
 
พ่อรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แต่ผมไม่รู้ว่าพ่อจะบอกแม่แล้วรึยัง
 
“แม่ทำปลาเปรี้ยวหวานให้ด้วย ช่วงนี้อ่านหนังสือสอบ ต้องกินปลาเยอะ ๆ หน่อย”
แม่บอกยิ้ม ๆ
 
“คุณ ผมว่าเราน่าจะฉลองกันสักหน่อยดีไหม”
พ่อออกความเห็น แม่ทำท่าคิด
 
“ก็ดีเหมือนกัน”
 
พ่อยิ้มแก้มบาน
 
“อ้ะ งั้นคุณถือไว้ พอดีมีไวน์ชั้นดีอยู่ในรถ”
พ่อยัดจานคะน้าหมูกรอบใส่มือแม่ แล้ววิ่งตุบตับลงบันไดไป แม่หันมามองผมอีกที
 
“ไม่เป็นไรนะลูก”
แม่ลูบหัวผมเบา ๆ เห็นแวววูบไหวผ่านดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นด้วย

ถ้าให้เดา พ่อคงเล่าให้แม่ฟังแล้ว
 
“ครับ”
 
แม่ยิ้มผ่านดวงตา
 
“กายรีบเข้าไปอาบน้ำก่อนดีกว่า จะได้ลงไปทานข้าวกัน”
แม่รุนหลังผมกลับเข้าห้อง แล้วตัวเองก็เดินไปวางจานคะน้าหมูกรอบไว้บนโต๊ะ หันไปจัดที่หลับที่นอนให้ ผมยิ้มกว้าง เดินเข้าห้องน้ำไป
 
 
 
 
 
“อ้าว เต้ยมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
ผมถามแขกไม่ได้รับเชิญที่นั่งหน้าสลอนอยู่ในห้องรับแขก
 
“มาตอนรู้ว่าแม่บินลงมา กูจะมาอยู่กับแม่ เนอะแม่เนอะ”
มันตู่เองเสร็จสรรพ คิดว่ามันคงไม่ได้มาแค่เช้าเดียวด้วย เพราะมันเล่นหิ้วกระเป๋าเดินทางมาเลย
 
“มึงจะเอากระเป๋าเดินทางมาด้วยทำด๋อยอะไร”
 
“มาอยู่กับมึงช่วงปิดเทอมไง บ้านนู้นไม่มีใครอยู่ เหงาฉิบหาย อยู่กับมึงนี่แหละดีแล้ว อีกอย่างพรุ่งนี้พอพวกเราสอบเสร็จ น่าจะไปเที่ยวที่ไหนกันสักแห่ง ดีไหม”
มันชวน
 
ผมมองตามัน มันคงฟื้นตัวได้แล้วระดับหนึ่ง
 
“เอาสิ พ่อไปด้วย” พ่อรีบเสนอหน้าเข้ามาทันที “คุณเร่งต้นฉบับเสร็จรึยัง” ก่อนหันไปถามแม่
 
แม่ส่ายหัว

“แต่ไม่เป็นไรหรอก ไม่รีบมาก”
 
พ่อฉีกยิ้ม
 
“งั้นดีเลย ไปเดินป่ากันสักสองสามวันดีกว่า”
 
ผมรู้ว่าพ่อกับแม่พยายามให้ความอบอุ่นกับผมแค่ไหน โดยเฉพาะในเวลาที่ผมกำลังอ่อนแอแบบนี้                 
 
หลังจากมื้อเช้า พ่อกับแม่ก็แยกย้ายกันไปทำงาน ทิ้งผมกับไอ้เต้ยให้นั่งอ่านหนังสือด้วยกันเพียงลำพัง
 
“นี่ มึง”
ไอ้เต้ยมันเรียก

ผมครางรับในลำคอ ตอนนี้เรานั่งกันอยู่บนพรมในห้องรับแขก ใช้โต๊ะรับแขกเป็นโต๊ะอ่านหนังสือ บนโต๊ะมีขนมกับน้ำอัดลมคนละกระป๋อง มันนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผม
 
“ทำไมมึงยังใส่สร้อยของพี่เอกอยู่”
 
ผมเงยหน้ามองคนถาม
 
“สร้อยกูต่างหาก กูฝากไว้กับพี่เขา พอเขาไม่อยากได้ กูก็เลยเอาคืน”
ผมตอบเรียบ ๆ
 
มันเบ้หน้า เท้าค้างเอาปากกาวางไว้บนร่องจมูก ทำปากจู๋ ๆ รั้งปากกาไม่ให้หล่น
 
“คิดถึงพี่เป้จัง พี่มันจะเป็นยังไงบ้างน้า”
มันเปรยถามกับอากาศ
 
“ป่านนี้คงมีเมียเป็นฝรั่งนมตูมไปแล้วล่ะ”
 
“ถ้าพี่มันทำได้น่ะนะ แต่ให้เดา นานแค่ไหน พี่มันก็ตัดใจจากกูไม่ได้หรอก”
 
ผมมองตามัน
 
“มึงรู้ได้ไง”
 
มันคลี่ยิ้มบาง ละมือจากคางไปวางไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม
 
“เพราะ…”
 
ผมเริ่มหวั่น ๆ กับสิ่งที่มันยังรู้สึก
 
“เพราะกูมันหล่อ กูมันน่ารัก กูมันดูดี ดูดิ ขนาดพี่ชายแท้ ๆ ของกู ยังมาหลังรักเลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
ผมประเคนเท้าใส่มันไปทีข้อหากวน…น
 
“ไอ้เชี่ยกาย อย่าเอาขาหลังมาสะกิดตัวกู”
 
“หมานะมึง”
 
“ได้ข่าวว่ากูเป็นพันธุ์เดียวกับมึงนี่”
 
ผมถีบมันไปอีกที มันหัวเราะร่วน ไม่ต่างกับผม แล้วเราสองคนก็มานั่งเงียบ ๆ อ่านหนังสือกันต่อ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“โฮกกกกกก ทำไมข้อสอบมันยากขนาดนี้วะ”
ไอ้เต้ยมันเดินบ่นออกมาจากห้องสอบ ผมออกมาก่อนหน้ามันเกือบสิบห้านาทีแล้ว
 
“กูสงสัยมานานแล้วนะ พี่เป้ก็ออกจะเรียนเก่ง ไหงมึงถึงได้บื้อขนาดนี้วะ”
ผมด่า

มันทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้
 
“กูจะไปรู้ไหมล่ะ”
 
“เอ้อ ๆ สงสัยพี่เป้เขาจะโกยเอาความความหล่อกับความฉลาดไปหมด เหลือไว้แต่ความขี้เหร่กับความโง่ให้มึง”
 
“มึง เอาตีนกูไปกินหน่อยเหอะ”
แล้วมันก็ไล่เตะผมมาตลอดทั้งเส้นทาง ตั้งแต่หน้าห้องสอบลงมาถึงชั้นล่าง
 
ผมเบรกกึกตรงหน้าของใครบางคน ปากที่กำลังหัวเราะอยู่หุบลงทันที ไม่ต่างกับไอ้เต้ยที่วิ่งมาหยุดอยู่ข้าง ๆ กัน
 
“พี่นก…”
 
“พี่มีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย”
 
“เอ่อ… งั้นกูไปเก็บของให้ เจอกันหน้ามอละกันมึง”
ไอ้เต้ยรีบขอตัว

ผมพยักหน้า เดินตามพี่นกไปยังร้านนมอันคุ้นเคย
 
พอมาถึง พี่นกก็เอาแต่นั่งจ้องหน้าผมนิ่ง ๆ ไม่พูดไม่จา จนผมรู้สึกอึดอัด ก่อนพี่แกจะเลื่อนสายตาลงต่ำมาที่คอผม
 
“ถ้าพี่จำไม่ผิด สร้อยเส้นนี้ของเอกนี่นา”
 
ผมก้มมอง ก่อนกุมมันไว้ทั้งอัน
 
“แบบเหมือนกันมากกว่าครับ สร้อยแบบนี้ หาซื้อที่ไหนก็ได้”
อันนี้ผมพูดจริง เพราะตั้งแต่พี่เอกได้ออกทีวี พวกแฟนคลับต่างก็พากันสั่งทำสร้อยเลียนแบบพี่เอกกันใหญ่ จนตอนนี้สร้อยพระอาทิตย์ กลายเป็นสร้อยคอแฟชั่นไปแล้ว แต่อันที่ผมใส่อยู่พิเศษหน่อย เพราะมันเป็นงานฝีมือจากช่างเชียงใหม่ และที่สำคัญมันเป็นแบบเดียว ที่มีตัวหนังสือสลักไว้ด้านหลัง
 
‘15 for 19’
 
พี่นกพยักหน้าเข้าใจ
 
“ได้ข่าวเป้บ้างไหม”
 
“ครับ ก็สบายดี”
จริง ๆ ผมคุยเมลกับพี่เป้อยู่ ไอ้เต้ยมันไม่รู้ พี่แกก็อยู่ที่อังกฤษนั่นแหละ เพียงแต่อยู่คนละเมืองกับที่แจ้งไว้ตอนต้น
 
“แล้วพวกเธอยังคบกันอยู่ไหม”
พี่นกถามด้วยน้ำเสียงซีเรียส

ผมทำท่าอึดอัด เพราะจริง ๆ แล้ว เราคบกันแค่ฉาบหน้าเท่านั้น
 
“ครับ”
 
“ถ้าอย่างนั้น ก็อย่ามายุ่งกับเอกเขาสิ!!”
คำพูดมาพร้อมกับความเย็นจัดของนมเย็นที่สาดใส่หน้าผมเต็ม ๆ มันเย็นเฉียบไปถึงหัวใจและปลายเท้า ผมมองคนตรงหน้าอึ้ง ๆ ดวงตาคู่สวยฉายแววเคียดแค้น

ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
 
“ผมว่าพี่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ”
ผมแกล้งบอกออกไป แม้หัวใจจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม
 
“พี่ไม่ได้โง่นะกาย ไม่มีใครพูดไม่ได้หมายความว่าพี่จะไม่รู้”
 
ไร้คำปฏิเสธใด ๆ จากผมอีก
 
“พี่รักเอก เลิกยุ่งกับเขาซะ”
 
ผมกล้ำกลืนก้อนน้ำอันใหญ่ในคอ
 
“เอาสร้อยเส้นนั้นคืนมาด้วย”
พี่มันลุกขึ้นยืน แบมือยื่นมาตรงหน้า
 
“ขอโทษครับ ผมให้ไม่ได้จริง ๆ อันนี้เป็นของสำคัญของผม”
ผมกุมจี้ไว้ ดันเก้าอี้ออก ลุกขึ้นยืนตามบ้าง
 
“หน้าด้าน!! มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วยังคิดจะมาแย่งแฟนของคนอื่นอีก”     
พี่นกโวยวายเสียงดัง จนคนรอบด้านหันมามอง
 
“ขอโทษครับ อันนี้ผมให้ไม่ได้จริง ๆ”
               
 
“หน้าด้าน!!”
 
หน้าผมหันไปตามแรงมือ
 
“หึ หน้าตาก็ออกจะดี ไม่น่าเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ หนำซ้ำยังชอบแย่งแฟนชาวบ้านเขาอีก”
 
“ผมเปล่า”
               
 
เพี้ยะ!!
 
แล้วหน้าผมก็หันไปอีกด้าน
 
“หน้าไม่อาย!!”
 
“กาย!!”
ไอ้เต้ยวิ่งเข้ามาช่วย
 
“พี่นก! พี่จะทำอะไรน่ะ!”
มันรีบเอาตัวเข้ามากันผมไว้ทันที ในขณะที่ผมยังยืนหน้าชาอยู่กับที่ สมองขาวโพลนไปหมด
 
“หึ เอาเพื่อนของนายออกไปไกล ๆ อย่าปล่อยให้มาแย่งแฟนชาวบ้านเขาอีก”
 
มันยืนนิ่งไม่แพ้กัน
 
“ผมว่ากายไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้าจะโทษจะด่าใคร ให้ไปหาพี่เอกดีกว่า เพราะคนที่เจ็บที่สุดงานนี้คือเพื่อนผม”
มันทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วลากผมให้เดินตามมันไป



..............................................50%..................................................
 :z13: :z13: :z13: :z13:










“อ้ะมึง”
มันเทน้ำคลิสตัลเย็น ๆ ใส่ผ้าเช็ดหน้ายื่นมาให้ ผมรับมาเช็ดแก้มเบา ๆ มันถอนหายใจแรง ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ
 
“เจ็บมากไหมมึง”
 
ผมส่ายหน้า

เจ็บกายไม่เท่าไหร่หรอก แต่หัวใจนี่สิ…
 
“สงสัยดวงความรักของเราสองคนจะจู๋ว่ะ”
มันพูดติดตลก ยกเข่าขึ้นมากอดเหม่อ ๆ ส่วนผมก็ได้แต่นั่งนิ่งไม่พูดอะไรเหมือนกัน
 
เราสองคนนั่งมองพระอาทิตย์ที่กำลังคล้อยตัวลงต่ำและกำลังจะเลือนหายไปกับยอดไม้ด้านบน
 
ไม่มีพระอาทิตย์สำหรับผมอีกแล้ว
 
“นี่กาย!!”
 
ผมสะดุ้ง เมื่ออยู่ ๆ ไอ้เต้ยก็ลุกพรวดขึ้นยืน
 
“ป่ะมึง กูว่า พวกเราสองคนไปปลดปล่อยกันหน่อยดีกว่า”
มันหันมาชวน

ผมเงยหน้ามองมันงง ๆ
 
“ไปทิ้งดวงจู๋ ๆ ของพวกเราลงน้ำกันดีกว่า”
มันคว้าข้อมือผมลากให้เดินตามอีกที

ผมหันไปมองแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับ
 
ลาก่อนครับ…พี่เอก


             


















                 
“ว้ากกกกกกกก”
ผมกำลังลอยละล่องอยู่กลางอากาศ ข้อเท้าสองข้างถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกจากด้านบนลงสู่ด้านล่าง ห่างปลายเส้นผมของผมลงไปไม่กี่วา คือแม่น้ำขนาดใหญ่สีโอวัลติน พอลงไปถึงจุดต่ำสุด ตัวผมก็เด้งกลับขึ้นไปอีกครั้ง ผมได้แต่ร้องโหยหวนด้วยความหวาดเสียว
 
“ว้ากกกกกกก”
 
ผมยังคงแหกปากไม่หยุด กระทั่งทุกอย่างจบลง ผมถูกปลดพันธนาการออก เดินโซซัดโซเซกลับไปหาพ่อกับแม่และไอ้เต้ยที่ยืนลุ้นอยู่ ณ จุดปล่อยตัว
 
ผมก็คิดว่ามันจะชวนผมไปดื่ม ที่ไหนได้ มันชวนมาแอดเวนเจอร์ครับ พ่อกับแม่ก็ตามมาด้วย
 
“เสียวเป็นบ้าเลย”
ผมเปรยหัวฟู
 
“แต่สนุกใช่ไหมล่ะ”
แม่ยักคิ้วให้ แม่มาเล่นบ่อยครับของพวกนี้
 
“มึง ไม่ตายแน่นะ”
ไอ้คนต้นคิดทำท่าสั่น ๆ
 
“มึงเป็นคนชวนกูเองนะเต้ย”
 
“ก็กูอยากปลดปล่อย แต่ไม่อยากขาขาดตายนี่หว่า”
มันสารภาพ ยืดคอดูผืนน้ำด้านล่างจากหอสูงที่เรายืนอยู่
 
“ไม่เป็นไรหรอกเต้ย เชื่อแม่สิ” แม่ปลอบโยนมัน “แต่ถ้าขาเต้ยเกิดขาดขึ้นมาจริง ๆ เดี๋ยวแม่ช่วยเย็บให้”
 
“โห ได้กำลังใจจมกองเลือดเลยแม่”
มันบอก แม่หัวเราะร่วน
 
ไอ้เต้ยไปยืนเตรียมตัวกล้า ๆ กลัว ๆ ณ จุดปล่อยตัว
 
“สู้โว้ยเต้ย”
ผมกำหมัดให้กำลังใจ มันพยักหน้า ยืนทำใจอยู่นาน ก่อนตัดสินใจทิ้งตัวลงไปด้านล่าง
 
“ว้ากกกกกก ไอ้เชี่ยกายยยยยย เสียวฉิบหายวายวอดดดดดดด”
 
แม่ง ปากมึงนี่นะ
 
“อ้าคคคคค ไอ้บ้า ไอ้สาดกายยยยย ปล่อยกูลงงงงงง”
มันหวีดร้องโหยหวน พาเอาพวกเราด้านบนพากันขำก๊าก เราให้เขาช่วยถ่ายวีดีโอเก็บไว้ให้ด้วย จะได้เก็บเอาไว้ดูทีหลัง

ในระหว่างรอไอ้เต้ยกลับมา แม่ก็หันไปหาคนที่กำลังยืนลูบหัวใจตัวเองอยู่ด้านหลัง
 
“ปอดอะดิ”
 
“อูย.. มันก็มีบ้าง ไม่อยากหัวใจวายตายก่อนวัยอันควร”
 
“ทีเมื่อคืนละทำตัวหนุ่มเฟี้ยว”
แม่พูดเสียงเบาจนผมกับพ่อเกือบไม่ได้ยิน พ่อทำสายตากรุ้มกริ่มกระแซะไหล่แม่เบา ๆ
 
“งั้นเรามาพนันกันไหม ถ้าผมโดดลงไปโดยไม่ร้องแต๋วแตกสักแอะ คืนนี้ผมขอสี่ยก”
 
ผมสะอึก ส่วนแม่หน้าแดงก่ำ นี่พ่อผมอึดได้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ
 
“กล้ารึเปล่า”
พ่อท้าอีก แม่เชิดหน้าจนหางม้าสะบัด
 
“หึ ได้ ฉันรับคำท้า แต่ถ้าร้องแต๋วแตกแม้แต่แอะเดี๋ยว คุณต้องยอมเป็นม้าใช้ให้ฉัน”
 
พ่อทำหน้าไม่เดือดร้อน
 
“ได้สิ”
 
“หึ”
แม่ทำเสียงขึ้นจมูกเย้ยหยัน พ่อกำหมัดทำท่าฮึด
 
“สู้โว้ย เพื่อสี่ยก”
 
ผมขำกับคำพ่อ
 
“วู้ มันเป็นบ้าเลยว่ะ”
ไอ้เต้ยเดินหัวฟูกลับมา แล้วพ่อก็ไปเตรียมตัวให้เขามัดข้อเท้า
 
พวกเรามาโดดบันจี้จั๊มพ์กันครับ ไอ้เต้ยมันอยากปลดปล่อย และทำสิ่งที่มันไม่เคยทำมาก่อนเพื่อเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ไหน ๆ มันก็ไม่มีพี่มันอยู่แล้ว มันเลยอยากลองเปลี่ยนแปลงตัวเองดูบ้าง
 
“มึงว่าพ่อจะร้องแต๋วแตกไหม”
ผมตั้งประเด็นขึ้น ทุกคนหันไปมองพ่อกันหมด
 
“แม่ว่าพ่อร้อง ร้อยหนึ่ง”
แม่วางเงินก่อน
 
“ผมว่าไม่ร้องร้อยหนึ่ง”
ไอ้เต้ยเข้าข้างพ่อ
 
“ผมว่าไม่ร้องเหมือนกัน ห้าร้อย”
เกทับครับ พ่อยิ้มกริ่มที่ผมเข้าข้าง
 
“ขอบใจลูก” ก่อนทำหน้าเป็นหมาหงอยใส่แม่ “แต่คุณนี่สิ ไม่เชื่อใจผมเลย”
 
“เชื่อ แต่ไม่มาก”
 
“ไม่เป็นไร ผมจะลองดู”
พ่อทำท่าฮึดอีกที พอเตรียมตัวพร้อม พ่อไปยืนอยู่ณ จุดกระโดด หันมามองแม่ด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ประหนึ่งจะลาไปกู้ชาติแถว ๆ ชายแดน เบะหน้าคล้ายคนจะร้องไห้ แต่ยกนิ้วขึ้นมาสี่นิ้ว เป็นผลทำให้แม่หน้าแดงแป๊ด แล้วแกก็กระโดดลงไปโดยไม่รอคำสั่งแอคชั่น
 
พวกผมรีบก้มมอง เห็นพ่อแหงนหน้ารับอากาศ กางแขนออกกว้างราวกับนกกำลังโบยบิน และที่สำคัญ พ่อไม่แหกปากร้องเลยสักแอะ พวกเรายืนมองอึ้ง ๆ โดยเฉพาะแม่ พอหยุด พ่อก็เดินหน้าหล่อกลับมา
 
“ว้าวว คุณพ่อเก่งจัง”
ไอ้เต้ยรีบวิ่งเข้าไปกอดแขนพ่อทันที พ่อยิ้มหน้าบาน ลูบหัวมันเบา ๆ
 
“ทำได้ไงเนี่ย ไม่ร้องเลยสักแอะเลย”
ผมชมบ้าง พ่อยิ่งยิ้มแก้มบานเข้าไปใหญ่
 
“หึ ๆ ก็คนมันเก่ง”
พ่อหันไปทางแม่
 
“สี่ยกตกลงนะ”
พ่อทวง

ผมกับไอ้เต้ยพากันยืนหน้าแดงไม่ต่างกับแม่
 
“ขอเคล็ดลับหน่อยสิพ่อ โดดครั้งหน้าจะได้ไม่แหกปากอีก”

พ่อหันมายิ้มให้ กำมือ ยกขึ้นมาทำท่ากระแอมไอเบา ๆ ที
 
“มันก็ไม่ยากมากมายอะไรนักหรอกนะ ก็แค่…”
พ่อยืดอกกว้าง ๆ ออก หันไปมองหน้าแม่
 
“โดดหลาย ๆ รอบ เดี๋ยวก็ทำได้เอง”
 
พวกผมอ้าปากค้าง ไม่ต่างกับแม่ พอได้สติ แม่ก็รัวมือตีอกพ่อใหญ่
 
“ไม่ใช่ครั้งแรกของคุณใช่ไหม นี่แน่ะ ๆ ทำไมไม่บอกกันก่อน”
       
“โอ๊ย ๆ คุณ!! เบา ๆ แล้วใครว่าครั้งแรกของผมเล่า”
พ่อยิ้มร่า รับมือขนมตุ๊บตั๊บเป็นพัลวัน
 
“งั้นที่พนันกันไว้ ยกเลิก”
 
“อันนั้นไม่ได้ เพราะคุณไม่ได้ถามผมก่อนนี่”
พ่อทำหน้าเจ้าเล่ห์ แม่อ้าปากพะงาบ ๆ ยังไม่ทันที่แม่จะได้พูดอะไร พ่อก็รวบเอวแม่ไปกอด ก้มหอมแก้มฟอดใหญ่
 
ผมกับไอ้เต้ยหัวเราะร่วน
 
“นี่มึง ก่อนที่พวกเราจะโดนมดมันยกโขยงมาถีบพวกเราตกฐาน เราไปโดดกันอีกรอบดีกว่า”
ไอ้เต้ยมันชวนกวน ๆ
 
“กูก็ว่างั้นแหละ”
ผมเห็นด้วย พวกเราไปติดต่อขอโดดกันอีกรอบ เลิกสนใจพ่อกับแม่ที่กำลังกระหงุงกระหงิงกันอยู่สองคนตรงจุดเดิม
 
พอจบจากบันจี้จั๊มพ์ พวกเราก็มาต่อกันที่…
 
“แน่ใจนะว่าคุณทำได้”
แม่เย้ย พ่อยักคิ้ว
 
“อย่ามาดูถูกกัน ตอนอยู่นอก ผมเคยเล่นกระทั่งมีคนติดต่อให้เข้าทีมแข่งเชียวน้า”
พ่อผมที่มีหมวกกันน็อคที่หัว สนับที่เข่าสองข้างพร้อมถุงมือคล้ายสนับสีดำสนิทตอบกลับ
 
“งั้นมาดูกัน”
แม่สตาร์ทเครื่อง ไม่ต่างกับพ่อ แล้วสองคนก็บิดคันเร่งพารถ ATV ซิ่งไปยังสนาม พวกผมมองกันตาค้าง
 
ทั้งคู่ดูสูสีกันมาก แต่แม่อ่อนกว่าหน่อย อาจเพราะสรีระ
 
“เอ้า ลุยได้เลยครับ”
พอเจ้าหน้าที่สั่ง ผมก็สตาร์ทเครื่องทันที แล้วออกวิ่งตามหลังพ่อกับแม่ไป ส่วนไอ้เต้ย มันเพิ่งหัดขับมอเตอร์ไซค์ กว่าจะได้ขับ ATV คงต้องรอเจ้าหน้าที่สอนหน่อย พอผมวิ่งไปได้สามรอบ ไอ้เต้ยก็ค่อย ๆ กระดื๊บออกมาจากที่สตาร์ท
 
ผมบิดคันเร่งเพื่อซิ่งแหลกโดยไม่มีคุณตำรวจมาตรวจจับ
 
เมื่อวานเจอเรื่องแย่ ๆ มา ผมอยากให้มันหยุดอยู่แค่นั้น วันนี้ผมขอมีความสุขดีกว่า
 
“ไม่หวั่นแม้วันมามาก!!”
ผมตะโกนก้องกลางอากาศ
 
“เป็นเมนรึไงมึง”
ไอ้เต้ยที่ค่อย ๆ เร่งตัวรถมาขับข้าง ๆ ตะโกนถาม
 
“เอ้อ มาแข่งกันหน่อยไหม”
ผมแกล้งชนมันเบา ๆ
 
“ไอ้เชี่ย กูขับไม่แข็ง”
 
“หึ ๆ งั้นกูจะทำให้มึงขับแข็งเอง”
แล้วผมก็ขับไปใกล้ ๆ มัน ตีคู่กันไปในสนาม จากช้าจนเพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ
 
ผมจะสนุกเพื่อลืมพี่เอกให้ได้
 

       
To Be Con...


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: (ขอบคุณรัวๆ ทุกคอมเม้นท์ค่ะ อ่านแล้วชื่นใจ)  :heaven :heaven :heaven


Ps. ช่วงนี้ติดอ่านนิยายสุดๆ ไปสอยมาจากงานหนังสือรอบที่แล้วได้มาราว ๆ 150 เล่ม (ฟินเวอร์...) รวมของเก่าที่ยังอ่านไม่หมดอีกสองร้อยกว่าเล่ม) อยากไล่ให้หมดก่อนงานหนังสือรอบถัดไปจะมาถึง หิ้วหนังสือกลับบ้านหนักมาก แต่กระเป๋าเงินเบาหวิว

...แดก...แกลบ... o22




Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 87 ปล่อยหัวใจไปกับสายลม [p.28 D.11-12-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 11-12-2017 09:44:57
กายตัดใจซะนะ หาคนที่ดีกว่านี้เถอะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 87 ปล่อยหัวใจไปกับสายลม [p.28 D.11-12-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 11-12-2017 09:56:08
ยากที่เราจะกลับไปยอมรับพระเอก ส่วนนกไปดูผัวมึงโน้น ไม่ใช่เอะอะมาทำร้ายคนอื่น อุตส่ามองมึงดีมาตลอดนะ ส่วนไอ้เอกคบคนนี้เอาคนนั้นไม่เหี้ยจริงทำไม่ได้นะ ให้มันทุกข์เพราะมักมากและมากรักจนตายไปก็ดี

ให้กายหลุดจากเรื่องพวกนี้เสียทีเถอะ อย่าวนอีกเลย // อินมาก ขอบคุณคับ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 87 ปล่อยหัวใจไปกับสายลม [p.28 D.11-12-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 11-12-2017 23:31:13
ผู้หญิงตบผู้ชายเพราะแย่งผู้ชาย
ฮ่าฮ่า ดี๊ยยยยดียยยยย

พระเอกเสน่ห์แรงโน๊ะ
เหี้ยลากกกกกก
หุหุ

+1 ให้คนแต่ง
ชอบอ่านเรื่องนี้ ได้อารมณ์ม่อกกก
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 87 ปล่อยหัวใจไปกับสายลม [p.28 D.11-12-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-12-2017 02:02:28
เวร...... กายโดนอีกแล้ว ส่วนอีพี่เอก  :fcuk:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 87 ปล่อยหัวใจไปกับสายลม [p.28 D.11-12-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-12-2017 06:41:14
นกเอ๊ย............ขอให้นกนะ   :angry2: :angry2: :angry2:

ทำไมไม่คิดบ้างว่าตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง
ตัวเองก็ตบแผละๆ กับผัวตัวเองตลอดๆ   หรือว่าเวลานั้น ขึ้น........เอง
อยากได้สร้อยก็ไปถามความจริงจากปากไอ้ผัวตัวเลวของตัวเองสิ
บ้าบอมาทวงของที่ตัวเองไม่รู้ที่มาที่ไป  :fire: :fire: :fire:
หรืออิจฉาที่ตัวเองมาก่อนแต่ผัวไม่ให้สร้อย กร๊ากกกกก สะจายยยย  :z3: :z3: :z3:

          อยากเป็นฝน เย็นฉ่ำดับทุกข์      ให้กายสุขคลายเศร้าหายขื่นขม
ลืมพี่เอกรักร้ายหายระทม                    กายรื่นรมย์เป็นสุขทุกเวลา

        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 88 เปลี่ยนไป [เอก...☼][p.28 D.23-12-60] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 18-12-2017 19:35:40
88
เปลี่ยนไป
[เอก...☼]




ผมลืมตา กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง เจ็บหัวจี๊ดจนต้องกุมขมับไว้ทั้งสองข้าง
 
“อูยยย…ปวดหัวฉิบ”
เมื่อคืนฟาดเข้าไปแบบไม่นับแก้วเลย
 
ผมพยายามทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นอีกที ผมเข้าไปหากายในห้อง โดนพ่อต่อย แล้วหนีมาบ้านไอ้โอ๊ค กินเหล้ากับเพื่อน ๆ แล้วหลังจากนั้นผมก็นอนกับ…
 
กาย!!
 
ผมหันไปมองที่นอนข้าง ๆ
 
ดวงตาที่เปิดแทบไม่ออกเมื่อกี้ เบิกกว้างแทบจะทันทีที่เห็นคนที่นอนล่อนจ้อนอยู่ข้าง ๆ แทนที่จะเป็นกาย ทำไมมันถึงได้กลายเป็น…
 
“ไอ้มอ…”
นะ นี่อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนผมกับมัน...
 
“ไรมึง มองกูเหมือนเห็นผี”
ไอ้มอสะลึมสะลือเงยหน้าขึ้นมาถาม
 
“ว้ากกก!!!!”
ผมแหกปากลั่น เมื่อเห็นใครอีกคนนอนเปลือยอยู่ข้าง ๆ ไอ้มออีกที
 
“มึงจะแหกปากทำเตี่ยอะไร ไอ้เอก!!”
ไอ้คนด้านในสุดมันเงยหน้ามาบ่นใส่
 
“นั่นดิ” ไอ้มอเสริม “ แล้วมึงอะ ไอ้โอม มึงจะมานอนด้วยทำไมเนี่ย ตัวก็ไม่ใช่เล็ก ๆ พื้นก็มี ทำไมไม่ไปนอน”
 
“เรื่องไร ก็กูอยากนอนเตียง”
มันดึงผ้าห่มที่ปิดตูดเอาไว้นิดหน่อยขึ้นมากอด ไอ้มอถีบมันแรงจนไปชนกำแพง
 
“มึงอย่ามาใช้ขาหลังถีบกู กูง่วง”
มันกระเถิบกลับมานอนที่เดิมดี ๆ
 
“งั้นมึงก็ลุกไปไอ้เอก”
ไอ้มอมันหันมาถีบผมแทน
 
“ใช่ มึงอะ ลุกไปได้แล้ว”
ไอ้โอมมันเสริม แถมยังช่วยกันถีบจนผมตกเตียงอีกต่างหาก
 
“พวกมึง…”
ผมไม่อยากจะคิด ว่าเมื่อคืนนี้ ผมกับพวกมันจะ….
 
“นี่พวกมึง”
ผมเรียกอีกรอบ พวกมันไม่ได้สนใจตื่นขึ้นมาตอบ ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
 
“พวกมึงมานอนกับกูตั้งแต่เมื่อไหร่”
 
“กูไม่รู้”
ไอ้มอบอก ส่วนไอ้โอม หลับไปแล้ว ผมมองพวกมันอีกทีเพื่อค้นหาความผิดปกติ
 
“มึงจะไปไหนก็รีบ ๆ ไป!! กูจะนอน!!”
ไอ้มอมันโวยวายต่อ ผมได้แต่ยืนเกาหัว
 
แล้วตกลงเมื่อคืนกูนอนกับใครวะ
 
ผมเดินเข้าห้องน้ำ เอาน้ำลูบหน้า จ้องมองร่องรอยบนตัว ลอยข่วนนี้คงเป็นของกาย แต่รอยนี้ล่ะ รอยคิสมาร์คจาง ๆ บนแผงอก
 
ผมออกจากห้องน้ำ เดินไปหาพวกมัน
 
“มึง เมื่อคืนมีใครขึ้นมาหากูเปล่า”
ผมใช้เท้าเขี่ย ๆ จนพวกมันงัวเงียตื่น
 
“กูไม่รู้ กูง่วง อย่ามายุ่งกับกู!!”
แล้วมันก็มุดหน้ากับผ้าห่มต่อ ผมเลยตัดสินใจเดินลงไปข้างล่าง พวกผู้หญิงคงกลับกันหมดแล้ว ยกเว้นไอ้กิ๊ฟที่นอนอยู่บนโซฟา มันพาดขาข้างหนึ่งไว้บนพนักพิง
 
“แม่.ง กูเกือบจะลืมไปเลยว่ามึงเป็นผู้หญิง”
 
“ตื่นไงมึง”
เจ้าบ้านมันทัก
 
“อืม”
 
“นู่นกับข้าว ไอ้ปิงทำไว้”
มันพยักหน้าไปยังกับข้าวที่วางเรียงรายกันบนโต๊ะ ผมเดินเอื่อย ๆ ไปนั่งกิน
 
“แล้วไอ้ปิงไปไหน”
 
“ไปเรียน”
ผมพยักหน้าจ้วงตักข้าวเข้าปาก กินข้าวยังไม่ถึงครึ่งจาน ไอ้กิ๊ฟก็เดินสะโหลสะเหลมาร่วมโต๊ะ
 
“มึงไม่คิดจะล้างหน้าล้างตาก่อนรึไง”
 
มันส่ายหัว
 
“กินก่อนค่อยล้างทีหลัง”
 
ผมส่ายหัว อาสาตักข้าวให้มันจานหนึ่ง แล้วไอ้โอ๊คก็เดินมาร่วมวงด้วย
 
“เนี่ย ข้าวเช้าพวกมึง แต่ข้าวเที่ยงของกู”
มันบอก
 
ผมนั่งกินไปเงียบ ๆ ยังไม่หมดข้อข้องใจเรื่องเมื่อคืน
 
“นี่ เมื่อคืนมีใครขึ้นไปหากูรึเปล่า”
ผมถามไม่เจาะจงคนตอบ ไอ้กิ๊ฟเงยหน้าเบลอ ๆ มอง มันทำตาปรือพยักหน้า
 
“ใคร”
ผมหวังให้คนคนนั้นเป็นกาย
 
“ไอ้มอ”
 
ผมทำหน้าเซ็ง
 
“แล้วนอกจากมันล่ะ”
 
มันทำท่าคิดเบลอ ๆ
 
โอ้เว้ยเพื่อนกู ใครจะคิดว่ามันเป็นนักเลงสาวบ้างวะ
 
“มี”
 
“ใคร”
ผมถามต่อด้วยความหวัง
 
“ไอ้โอม”
 
ผมทำหน้าเซ็งอีกรอบ
 
“แล้วใครอีกล่ะ”
 
มันส่ายหัว ผมทำหน้าเบื่อหน่าย
 
“นก”
 
ผมหันไปมองอีกคนที่ตักข้าวกินอยู่
 
“อะไร”
 
“นกมาหามึงเมื่อคืน พอดีเขาโทรเข้าเครื่องมึง กูรับสายแทนแล้วบอกว่ามึงดื่มอยู่ที่นี่ เขาก็เลยมา แต่ไม่เกินชั่วโมงก็กลับ”
 
ผมลูบหน้าตัวเองเบา ๆ ใจจริงอยากให้คนที่มาเป็นกายมากกว่า
 
“ทำไม”
มันถามต่อ
 
“เปล่า”
ผมตอบได้แค่นี้ แล้วตักข้าวกินต่ออย่างหิวโหย
 
“ไอ้เอก!!”
ไอ้กิ๊ฟตะโกนเสียงดังจนผมกับไอ้โอ๊คสะดุ้งเฮือกเกือบทำช้อนหลุดมือ
 
“มึงอะ! แย่งกับข้าวกู!”
มันทำหน้าเอาเรื่อง ก่อนค่อย ๆ แนบหน้าลงข้างจานข้าวแล้วหลับไป
 
“แม่.ง ตกใจหมด”
ไอ้โอ๊คลูบหัวใจตัวเอง
 
“นั่นดิ”
ผมส่ายหัว ลุกลากมันไปที่โซฟาอีกรอบ แล้วตัวเองก็กลับมานั่งกินอีกทีดี ๆ
 
 
ผมยอมรับว่าผมคิดถึงกาย และดูเหมือนจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย ผมกลับมาที่คอนโดเพื่อหาเสื้อผ้าเปลี่ยน ก่อนเดินไปหยิบอะไรบางอย่างจากกล่องมาดู มันเป็นสร้อยธรรมดา มีจี้เป็นทอง และสลักตัวหนังสือด้านหลัง 19 &15
 
สัญลักษณ์ของเราสองคน
 
ผมหยิบมันขึ้นมาจูบ สวมลงที่คอ ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้ แต่ผมอยากทำ







 :L2: :L2: :L2: :L2:






 
“หมาเอก”
 
ผมหันไปตามเสียงเรียก
 
“มีอะไร”
 
“เอ้านี่ สาว ๆ ฝากมาให้”
ไอ้อ้อยมันยื่นกล่องของขวัญขนาดเล็กมาให้ 
 
“ใคร”
 
“ไม่รู้สิ เด็ก ๆ ที่ปลื้มนายละมั้ง”
 
ผมวางกล่องของขวัญไว้บนโต๊ะ แล้วนั่งทำงานต่อ
 
“นี่มึงไม่คิดจะเปิดดูหน่อยเหรอวะ”
ไอ้อิงมันถาม สามสาวที่เหลือพากันทำหน้าอยากรู้อยากเห็น
 
“ไม่”
 
“แต่กูอยากเห็น นี่เปิดหน่อยดิ”
 
“อยากเปิดก็เปิดเอา”
 
ไอ้อ้อยรีบหยิบไปเปิดดูทันที
 
“ว้าววววว จดหมายรักพร้อมคุกกี้ ลงชื่อว่าจากน้องฝน ปีหนึ่ง คณะมนุษย์..”
 
“มึงนี่เสน่ห์แรงไม่เปลี่ยนเลยว่ะ”
มันแซวต่อ ผมไม่ได้สนใจสิ่งที่พวกมันกำลังดี๊ด๊า ตั้งหน้าตั้งตาเซ็นเอกสารตรงหน้าไปเรื่อย ๆ
 
รู้สึกเหมือนบางสิ่งห้อยต่ำลงมา ผมกำมันไว้ผ่านเสื้อ ผมกับกายจะใส่สร้อยต่างกัน ผมจะใส่จี้แบบติดคอ ในขณะที่กายจะใส่สายสร้อยยาว ๆ มองภายนอกไม่เห็น
 
ของขวัญเพียงชิ้นเดียวที่กายให้ผม กายเอาคืนไปแล้ว เหลือแต่ของขวัญที่ผมให้กาย และกายส่งคืนกลับมา
 
เสียงเครื่องมือสื่อสารดังขึ้นตัดภาพของกายทิ้งไป ผมเหลือบตามอง แล้วปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้น
 
“นี่ใจคอมึงจะให้มันดังอยู่อย่างนี้ตลอดเลยรึไง”
ไอ้อ้อยมันคงรำคาญเสียงหงุงหงิงจากมือถือผม ผมเลยจำใจต้องหยิบขึ้นมากดรับ
 
“ไง”
 
“ทำอะไรอยู่คะ”
ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง
 
“ทำงานที่สภา”
 
“ดึกไหม”
 
ผมมองกองงาน
 
“ก็พอควร”
 
“งั้นนกไปหาที่มหา’ลัยนะ”
นกไม่ได้รอให้ผมตอบรับ แล้วกดวางสายไป
 
มีบางสิ่งกำลังขัดใจผม มีบางสิ่งกำลังเปลี่ยนไป มีบางคนกำลังเปลี่ยน
 
นกไม่ได้เปลี่ยน แต่คนที่เปลี่ยน…
 
คือผมเอง
 
ผมหมุนเก้าอี้ หันไปมองวิวจากนอกหน้าต่าง
 
“เอก ไอ้เอก!!”
 
“หือ?”
 
“มึง นี่เหม่อได้เหม่อดีเลยนะ” ไอ้อ้อยมันทำหน้าหงิกใส่ “เอ้านี่ งานมึง จัดการให้เรียบร้อยด้วยล่ะ” ไม่รู้ใครเป็นประธานใครเป็นเลขา สั่งเก่งจริง ๆ
 
“นี่เอก กูถามมึงจริง ๆ เหอะ”
 
ผมเงยหน้ามอง
 
“มึงยังรักกายอยู่ใช่ไหม”
 
ลายเส้นสีน้ำเงินที่ผมกำลังตวัดวาดเป็นลายเซ็นอยู่หลุดออกนอกกรอบแทบจะทันที
 
“กูรู้ว่ามึงรักนก และพวกกูก็รู้ว่ามึงยังรักกายอยู่ กูเห็นมึงเป็นแบบนี้แล้วกูรับไม่ได้ว่ะ กูอยากมีเพื่อนไม่ใช่ซอมบี้”
 
ผมไม่ได้ตอบคำถามของมัน นอกจากก้มหน้าทำงานต่อไป
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“เอก ทางนี้”
นกตะโกนเรียกเสียงดัง โบกมือไหว ๆ อยู่ที่ทางลง มืออีกข้างถือแก้วนมเย็นไว้ วิ่งลิ่ว ๆ เข้ามาหาในชุดทำงานน่ารัก
 
“นกหิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะ”
 
ผมพยักหน้า พานกไปยังร้านอาหารเจ้าอร่อยที่ผมเคยพากายไป
 
“แหม ไม่ยักกะรู้นะว่าเอกใส่สร้อยได้ด้วย ว่าจะทักตั้งแต่เห็นสร้อยอันแรกแล้ว แต่ก่อนเห็นบอกไม่ชอบ”
 
ผมที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่หันไปมอง ก่อนจับจี้ที่มันหลุดออกมานอกตัวเสื้อกลับเข้าไปตามเดิม ผมนั่งกินของผมไปเงียบ ๆ ไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามอะไรกลับไป
 
“หลังทานข้าว เราไปเดินเล่นกันนะ”
ประโยคหนึ่งดังผ่านเข้ามา ผมทำได้เพียงพยักหน้าลอย ๆ เท่านั้น
 
“เอก”
ผมสะดุ้งตามเสียงเรียก
 
“ช่วงนี้เหม่อจังเลยนะ”
 
ผมเพียงแค่ยิ้ม เอื้อมตักของโปรดให้
 
“ทานเยอะ ๆ จะได้มีเนื้อมีหนังหน่อย”
ผมแซวกลบเกลื่อน
 
“แค่นี้ยังมีไม่พออีกเหรอ”
นกถามงอน ๆ ผมยิ้ม
 
“มีเยอะแล้ว แต่หมายถึง สุขภาพแข็งแรงต่างหาก”
 
นกยิ้ม ตักของกินตรงหน้าเข้าปาก
 


 
นกพาผมเดินช็อปอยู่หลายร้านเหมือนกัน ก่อนมาจบที่ร้านขายเครื่องประดับ
 
“นกอยากได้อันนี้”
นกยกสร้อยเส้นเล็ก ๆ ให้ผมดู ผมเพียงพยักหน้า ยื่นการ์ดให้พนักงานนำไปจ่าย แล้วนกก็หยิบอีกอันมายื่นให้
 
“อันนี้นกซื้อให้ ใส่อันนี้แทนอันนั้นได้ไหม”
สิ่งที่นกยื่นให้ คือจี้รูปหัวใจสองดวงคล้องกันไว้ มีลูกศรปักอยู่ตรงกลาง รูปแบบสร้อยก็คล้าย ๆ กับอันที่ผมใส่อยู่นี่แหละ ผมส่ายหน้าทันที
 
“ผมไม่ชอบใส่”
 
“แล้วอันนั้นล่ะ”
ผมมองตามมือที่ชี้มายังคอผม
 
“อันนี้พิเศษน่ะ”
 
“ของนกก็พิเศษเหมือนกัน”
นกเริ่มหน้าง้ำ
 
“ผมซื้อให้นกคนเดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องให้อะไรผมหรอก”
ผมหยิบสร้อยในมือนกวางไว้บนเคาน์เตอร์ คว้าจับข้อมือเล็กลากออกจากร้านไป นกเดินหน้าง้ำมาตลอดทั้งเส้นทาง แต่ผมก็ไม่คิดจะง้อหรือใส่ใจ
 
“เอก”
ได้ยินเสียงเรียกอีกครั้ง ผมหันไปมอง
 
“ก่อนนกมา เอกคบกับใครอยู่ก่อนคะ”
 
ผมนิ่งไปกับคำถามนั้น
 
“นกไม่ต้องสนใจหรอกว่าผมคบกับใครมาก่อน ให้สนใจแค่ว่า ตอนนี้ผมคบอยู่กับใครต่างหาก”
ผมบอกเสียงเบา
 
แล้วหัวใจผมล่ะ ตอนนี้มันอยู่กับใคร
 
“ให้นกค้างที่คอนโดนะคะวันนี้”
ผมยิ้มกับคำขอนั้น ก่อนส่ายหน้าปฏิเสธ
 
“พอดีต้องเข้าออฟฟิศ อยู่ดึก นกกลับบ้านดีกว่า”
ผมอ้างเหตุผล ทั้งที่แท้จริงแล้ว ผมไม่ได้มีงานเยอะอะไรขนาดนั้น
 
“นกรอก็ได้”
 
“อย่าดีกว่า อยากใช้สมาธิทำงาน โดยไม่พะวงว่าจะมีใครนั่งรออยู่”
 
นกเม้มปากแน่น
 
“ก็ได้ค่ะ”
 
ผมเข้าบริษัท นั่งทำงาน และนอนที่ออฟฟิศ ที่นี่มีโซฟาขนาดใหญ่ มีผ้าห่ม และมีห้องพร้อมอุปกรณ์การแต่งตัว
 
ผมไม่ได้โทรหานก พอนกโทรมาก็อ้างเอางานบังหน้า ผมนั่งทำงานต่อกระทั่งดึก หมดไปอีกวันที่เหมือนกับชีวิตขาดอะไรบางอย่างไป หลังเซ็นหนังสือตัวสุดท้าย ผมทิ้งแผ่นหลังไว้บนพนักเก้าอี้ หลับตาลงเบา ๆ ผ่อนคลาย
 
‘พี่เอก’
น้ำเสียงของกายดังเข้ามาในความคิด รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ หรือแม้แต่เรือนร่างที่ผมคิดถึง ผมถอนหายใจเบา ๆ เปิดเปลือกตาออกมามองคอมพิวเตอร์ที่หน้าจอยังมืดสนิท 
 
ผมตัดสินใจกดปุ่ม เปลี่ยนหน้าจอสีมืดนั้นให้มีแสงสว่างขึ้นมา
 



to be Con...

นิยายเรื่องนี้อัพจบไปแล้วที่เว็บเด็กดี แล้วเอามารีรันต่อที่เล้า โดยใช้วิธีก๊อปปี้จากที่นู่น มาแปะที่นี่เลย ยกเว้นไว้แค่ช่วงไรท์ทอล์ก เพราะส่วนใหญ่คนเขียนจะเวิ้นอะไรไร้สาระไปเรื่อย ย้อนกลับไปอ่านก็เพลินดีเหมือนกัน

ที่น่าอัศจรรย์ไปกว่านั้นคือ ตอนที่อัพนิยายตอนนี้เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว กำลังจะเดินทางไปลาว พอมาอัพอีกรอบ 4 ปีให้หลังดันอยู่ที่ขอนแก่นกำลังจะไปลาวเช่นกัน

ซึ่งครึ่งหลังที่เหลือ เดาเอาว่าน่าจะอัพจากลาวเลย

คนเขียนเริ่มเขียนนิยายเรื่องแรกคือฟิควอนฮยอกเรื่อง Cinderalla boy เมื่อปี 2010 ผ่านมา 7 ปีพอดีเลขอาถรรพ์ เห็นพัฒนาการนิยายของตัวเองมาเรื่อย ๆ พอ ๆ กับสังคมรอบตัว สิ่งที่เปลี่ยนไปมีแค่วิธีการนำเสนอ วิธีการเขียน แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยคือความสุขที่ได้เขียน ที่ได้อ่าน ที่ได้รับรู้ว่ายังมีคนคอยอ่านอยู่


ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอดนะคะ โดยเฉพาะคนที่กลับมาอ่านแล้วอ่านอีก (ทรุดตัวลงไปกอดขา ซบแก้มเบาๆ บ่าวปลื้มเหลือเกินเจ้าค่ะ) 



 :katai5: :katai5: :katai5:



Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
 
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 88 เปลี่ยนไป [เอก...☼] [p.28 D.19-12-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 18-12-2017 19:47:19
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 88 เปลี่ยนไป [เอก...☼] [p.28 D.19-12-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-12-2017 21:28:56
นก ยังตามเอกมาอีก
กิฟ ตลกมาก เกรียนมากกกกกกกกก

ดีนะสามหนุ่มไม่มีไรกัน กร๊ากกกกกก
เวลาง่วง ไม่มีใครรักเพื่อนกันเลย ถีบกันอุตลุด

พี่เอก ตอนนี้หลุดจากเสน่ห์น้ำมันพรายชะนีแล้วเหรอ
หลุดก็ดีแล้ว สวมสร้อยกาย แล้วทำสิ่งที่ถูกต้องซะที
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 88 เปลี่ยนไป [เอก...☼] [p.28 D.19-12-60] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-12-2017 01:18:59
ก่อนจะคิดถึงกาย ช่วยเอาชะนีนกออกไปจากชีวิตตัวเองก่อนได้ไหม  :katai1:
หัวข้อ: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 89 ทวงหนี้ Part 1 |25/12/17|
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 25-12-2017 09:01:47
 


89
ทวงหนี้ Part 1
[กาย...♥]




ผมนำภาพที่พวกเราไปเที่ยวกันทั้งหมดมาลงบอร์ดให้แฟน ๆ ได้อ่านกัน ผมไม่รู้ว่าแฟน ๆ มีความสุขกันได้ยังไงกับอีแค่ผมถ่ายภาพตัวเองหรือคนรอบข้างมาให้ดู แต่อาจจะเพราะสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงาม และคำบรรยายที่ผมสอดแทรกลงไปก็ได้
 
ผมยิ้ม นั่งอ่านคอมเม้นท์ที่ทุกคนทิ้งไว้ มีคนถามหาพี่เอกด้วย แต่ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพราะตอนนี้พี่เอก เป็นเพียงความทรงจำของผมเท่านั้น
 
ดึกแล้ว ผมกำลังจะปิดเครื่อง แต่มีข้อความทักทายเด้งขึ้นมา ผมมองชื่อคนส่ง และนั่งอึ้งอยู่อย่างนั้น
 
‘ดี…’
ข้อความทักทายสั้น ๆ จากผู้ส่งที่ทำเอาหัวใจผมแกว่งไกวไร้จังหวะ
 
Sun
 
แล้วผมควรจะทักกลับ หรือกดปิดดี
 
‘ถ้าพี่เป็นซัน พี่จะไม่ใช่พี่เอกสามีของกายอีกต่อไป แต่เป็นพี่ซัน หนึ่งในแฟนคลับของกายเท่านั้น’
ผมนึกถึงคำที่พี่แกเคยบอก
 
แล้วตอนนี้พี่เอกทักผมในฐานะใคร
 
พี่เอก หรือ พี่ซัน
 
 ผมนั่งมองข้อความนั้นอยู่นาน ก่อนตัดสินใจจิ้มนิ้วทักกลับไปในที่สุด
 
“ครับ…”
 
‘ทำอะไรอยู่’ พี่มันถามต่อ
 
“เพิ่งอัพภาพเสร็จ กำลังจะเข้านอน”
ผมพิมพ์ไปในขณะที่ใจกำลังคิดทบทวนว่าควรจะทำหรือไม่ทำต่อดี
 
‘ปกติผมจะเป็นที่ปรึกษาให้คุณ แต่วันนี้ ผมอยากให้คุณเป็นที่ปรึกษาให้ผมหน่อยได้ไหม’
 
ผมนั่งนิ่ง พยายามคาดเดาพฤติกรรมของฝ่ายตรงข้าม
 
‘ได้ไหม?’
 
ผมคงนิ่งนานไป ปลายทางถึงได้ถามย้ำอีกครั้ง ผมเลื่อนมือไปยังแป้นเพื่อพิมพ์คำว่า…
 
“ไม่”
แตะปลายนิ้วค้างไว้ที่ปุ่ม Enter ผมกรอกตาไปมาด้วยความสับสน ก่อนเลื่อนนิ้วไปกดเครื่องหมาย Delete แล้วพิมพ์คำใหม่ลงไป
 
“ครับ”
 
ปลายทางเงียบไป ก่อนข้อความใหม่จะผุดขึ้นมา
 
‘คุณเคยรักคนสองคนในเวลาเดียวกันไหม’
 
ผมนั่งอึ้งไปนานกับคำถามนั้น
 
“ไม่…เพราะหัวใจผมมีดวงเดียว”
 
‘ดีจัง แต่หัวใจผมมีสองดวง และผมรักทั้งสองดวง แต่ผมไม่รู้ว่าผมรักใครมากกว่ากัน’
 
ผมนั่งมองข้อความนั้น และกดพิมพ์อีกครั้ง
 
“ผมคงให้คำแนะนำคุณไม่ได้ คุณต้องถามใจตัวคุณเอง”
 
ปลายทางนิ่งไป
 
‘แล้วถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ถูกเลือก คุณอยากให้เขากลับมาหาคุณหรือเสียสละเขาให้อีกคน’
 
ผมนั่งนิ่ง อ่านทวนข้อความนั้นซ้ำไปซ้ำมา 
 
“ผม…ไม่รู้” ผมตอบกลับไป
 
‘ลองถามใจตัวเองดู’
ปลายทางให้โอกาส
 
ผมนั่งนิ่งอีกรอบ

              ถ้าให้ผมถามใจตัวเองอีกครั้งงั้นเหรอ
 
ผมมีคำตอบอยู่แล้ว

              ผมจิ้มปลายนิ้วลงบนแป้นคอม
 
“ผมเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง…และมนุษย์มักจะมีนิสัยเห็นแก่ตัว”
 
“และถ้าถามผม…”
 
“ผมเอง…”
 
“ก็อยากเป็นคนที่ถูกเลือกเหมือนกัน”
 
หลังกดเอ็นเทอร์ส่งข้อความไปแล้ว ความรู้สึกผิดก็พากันถาโถมเข้ามาไม่ขาดสาย ผมไม่ควรพูดแบบนั้นออกไป เพราะจะมีใครอีกคนที่เสียใจ
 
ผมไม่ได้รอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ เพราะผมล็อกเอาท์ออกมาก่อน ผมนั่งกุมหัว อยากย้อนเวลากลับไปดึงคำพูดเหล่านั้นกลับคืน
 
ผมไม่ได้อยากทำตัวเป็นนางเอกผู้เสียสละ หรือเป็นผู้ร้ายที่คอยแย่งชิงคนรักของใคร ผมเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง ที่อยากมีรัก และได้อยู่กับคนที่รักเท่านั้น
 
ถ้าเขายังรักและต้องการผมอยู่น่ะนะ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“ไอ้กายโว้ยยยยยยย ตื่นนนนนน”
เสียงไอ้เต้ยวิ่งทะลุแก้วหูผมไป ผมสะดุ้งลุกพรวดขึ้นนั่ง
 
“เชี่ย มึงปลุกกูดี ๆ ก็ได้ หูกูอื้อหมด”
 
“ก็ปลุกตั้งนาน มึงไม่อยากตื่นเองนี่นา ไม่ได้เอานาฬิกาปลุกมึงมาด้วย ป่ะมึง ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน”
 
ผมหยิบมือถือขึ้นมากดดูเวลา
 
“ไอ้เชี่ย!! พระอาทิตย์ประเทศไหนมันขึ้นตอนตีสี่วะ”
 
“จุดสวย ๆ มันอยู่ไกล เราต้องเดินไปกัน”
 
ผมเลิกคิ้วมอง
 
“มึงไม่กลัวความมืดแล้วรึไง”
 
มันเชิดหน้า
 
“กูจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ เรื่องแค่นี้จิ๊บจ๊อย”
 
ผมพยักหน้าส่ง ๆ
 
“ขอให้มึงทำได้ละกัน”
 
 “รีบ ๆ ไปอาบน้ำได้แล้ว กูขอเล่นคอมมึงหน่อยละกัน”
 
ผมพยักหน้าเดินเอื่อย ๆ เข้าห้องน้ำไป พอออกมา ก็เห็นมันนั่งนิ่งอยู่หน้าคอม 
 
“เป็นไรมึง” ผมถาม
 
“ทำไมมึงไม่บอกกูว่ามึงติดต่อกับพี่กูอยู่”
 
ผมมองไปยังหน้าจอคอม เมื่อคืนผมเปิดเมลทิ้งไว้ และพี่เป้คงส่งเมลมาตอนผมหลับไปแล้ว เพราะปกติ ถ้าผมเห็น ผมจะกดอ่านแล้วลบทิ้ง เพื่อกันไม่ให้ไอ้เต้ยมาเห็น พี่เป้เปลี่ยนเมลใหม่ ถ้าไม่กดเข้าไปอ่านข้อความข้างใน ก็คงไม่มีทางรู้
 
แต่หัวข้อที่พี่เป้ส่งมาวันนี้ มันคงไปสะกิดใจไอ้เต้ยเข้า ถึงได้ถือวิสาสะเปิดอ่านและเห็นเนื้อหาภายในแบบนี้
 
จะโทษมันไม่ได้ครับ เพราะผมเป็นคนประมาทเลินเล่อเอง
 
“กูขอโทษ แต่กูจำเป็นจริง ๆ”
 
มันเม้มปากแน่นจ้องผมเขม็ง
 
“ก็ดีแล้วที่พี่กูสบายดี”
มันพูดเรียบ ๆ หันหลังเดินออกจากห้องไป
 
ผมอดแปลกใจไม่ได้ที่มันไม่คะยั้นคะยอถามผมมากไปกว่านี้ ผมหันไปอ่านเมลที่ไอ้เต้ยเปิดทิ้งไว้ และเขียนทักสั้น ๆ กลับไป ผมบอกพี่มันด้วย ว่าไอ้เต้ยได้อ่านเมลนี้แล้ว
 
 
 
 
 
 
 
“ก็ไหนมึงบอกไม่กลัว”
 
“กูบอกว่ากูจะพยายาม”
ไอ้เต้ยมันตอบเสียงสั่น เดินกอดแขนผมแน่นไปตามเส้นทางที่ทำด้วยกรวดหิน มันหันซ้ายหันขวา สะดุ้งหลายทีกับความเคลื่อนไหวของต้นไม้ใบหญ้า ขนาดว่ามีไฟฉายอันใหญ่ ๆ คนละอันแล้วนะเนี่ย
 
เราเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางที่เขาขึงเชือกเอาไว้ให้ ไกลอยู่เหมือนกัน
 
พอเราไปถึง เห็นคนเยอะแยะมาคอยไม่ต่างกับเรา อากาศเย็นครับ ผมกระชับเสื้อคลุมกับตัว แอบคิดถึงพี่เอกนิดหน่อย เพราะถ้าพี่มันอยู่ พี่มันคงโอบให้ความอบอุ่นกับผมแน่ ๆ เรายืนรอกันไม่นาน พระอาทิตย์ก็โผล่ขึ้นมา
 
ผมยิ้ม นึกถึงพระอาทิตย์ที่ผมกับพี่เอกเคยมองด้วยกัน ผมเพิ่งนึกได้ ว่าผมกับพี่เอก ไม่เคยดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันเลย มีแต่ดูพระอาทิตย์ตก
 
ผมยืนนิ่ง จ้องมองแสงสว่างที่เริ่มโผล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ตามด้วยลูกกลม ๆ ของพระอาทิตย์สีส้ม ผมยืนมองด้วยรอยยิ้ม ยกกล้องขึ้นมากดชัตเตอร์ไปอีกหลายภาพ
 
‘แล้วถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ถูกเลือก คุณอยากให้เขากลับมาหาคุณหรือเสียสละเขาให้อีกคน’
 
‘ผมเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง…และมนุษย์มักจะมีนิสัยเห็นแก่ตัว และถ้าถามผม…ผมเอง…ก็อยากเป็นคนที่ถูกเลือกเหมือนกัน’
 
ผมนึกถึงสิ่งที่ผมกับพี่เอกคุยกันเมื่อคืน ไม่ได้อยากเข้าข้างตัวเองมากไป แต่ผมยังจะมีหวัง ให้พระอาทิตย์กลับคืนมาหาผมได้ใช่ไหม
 
 
 
 
 
 
 
“ไอ้เต้ย! มึงจะม่อสาวหรือมึงจะทำงาน!”
ผมตวาดใส่ไอ้เพื่อนตัวดีที่ยืนหลีสาวอยู่ไม่ห่าง
 
“โธ่ ไอ้กาย กูกำลังจะได้เบอร์น้องเขาแล้วเชียว”
 
ผมกรอกตาขึ้นฟ้า
 
“มึง หน้าน้องเขาราวกับเทพธิดา หน้าแบบยาจกอย่างมึงอย่าไปหวังเลย”
ผมตัดทางมัน
 
แต่จริง ๆ ไอ้เต้ยมันก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรหรอกครับ ไม่ถึงกับหล่อลากไส้แบบพี่เป้ แต่ก็ถือว่าหล่อน่ารักคล้าย ๆ กับเด็กเกาหลีทั่วไป ผิวขาว ๆ (แต่ผมขาวกว่า) ปากแดงหน่อย ๆ (แต่ไม่แดงเท่าผม) นอกนั้น ผมหล่อกว่ามันเห็น ๆ
 
ที่แซวนี่แค่อยากแกล้งมันเฉย ๆ
 
“มึง…น้องเขากำลังจะให้เบอร์กูนะเว้ย ถ้ากูได้ กูว่าจะขอเบอร์เพื่อนน้องเขาให้มึงด้วย น่ารักโคตร ๆ สเป็คมึงเลย”
 
หูผมเริ่มกระดิก
 
และภาพของใครบางคนก็ฉายขึ้นมาแทนที่ ผมรีบลบภาพเหล่านั้นทิ้งไปทันที
 
“แน่ใจนะ” ผมถาม
 
“ถ้ามึงไม่ชอบ กูให้มึงกระทืบปอดแหกเลย”
 
“โอเค ก็ได้ ๆ”
ผมยิ้มให้มัน แล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ต่อ
 
ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในช่วงทำใจครับ ตั้งแต่คุยกับพี่เอกครั้งล่าสุดในฐานะพี่ซัน ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้วตั้งแต่ปิดเทอมยันเปิดเทอม ผมก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับพี่มันอีกเลย
 
ผมว่าพี่เอกคงเลือกได้แล้วล่ะ ว่ารักใครมากกว่ากัน ผมก็หวังแค่ว่า พี่แกจะมีความสุขกับชีวิตที่แกได้เลือกแล้วเท่านั้นแหละ 
 
สำหรับผม ผมก็จะเริ่มต้นชีวิตใหม่เหมือนกัน
 
“กาย”
 
ผมหันไปตามเสียงเรียกและฉีกยิ้มกว้างทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
 
“พี่โอ๊ค”
ผมรีบเดินเข้าไปหาทันที
 
“บังเอิญแวะมา…อยากกินกาแฟ…อยากมาช่วยงาน…หรือคิดถึงผมกันครับ”
ผมถามพี่แกรวดเดียวจบ
 
พี่โอ๊คหัวเราะหึ ๆ
 
“ทั้งหมดรวมกัน”
 
ผมยิ้ม เชิญพี่แกให้เข้าไปหาที่นั่งภายใน
 
ผมกับพี่โอ๊คสนิทกันมากขึ้น แต่ในฐานะพี่ชายน้องชายนะฮะ ผมรู้ว่าพี่โอ๊คคิดยังไงกับผม แต่เป็นผมเองที่ไม่สามารถเลื่อนฐานะให้พี่มันได้สักที ผมรักพี่โอ๊คก็จริง แต่รักได้แบบพี่ชายเท่านั้น ซึ่งพี่แกก็เข้าใจและยังคงดูแลผมอย่างที่เคยเป็นมา เป็นเทวดาที่น่ารักของผมไม่เปลี่ยนแปลงเลย
 
“คาปูเย็นเฉียบ ใส่ความรักลงไปเยอะ ๆ”
ผมแซว พี่มันยิ้ม
 
“แล้วพี่มาคนเดียวเหรอฮะ”
ผมถามเผื่อใครอีกคนที่มักจะเป็นปลาท่องโก๋ของพี่มัน
 
“ไอ้เห็บน่ะเหรอ พี่ทิ้งมันไว้ที่ซีเอ็ดนู่น”
 
ผมหัวเราะร่วนกับคำเรียกใหม่พี่แก
 
“คิดว่าจะเลิกเป็นหมาเฝ้าเจ้าของแล้วซะอีก”
เสียงใครอีกคนแซวขึ้น ผมหันไปมอง ชะงักนิดหนึ่ง แต่พอสังเกตดี ๆ ถึงได้รู้ถึงความแตกต่าง
 
“พี่อาร์ต”
 
พี่แกเลิกคิ้วสูง
 
“แยกออกแล้วเหรอ”
 
ผมยิ้มจืด ชี้ไปที่หน้าผากพี่แก พี่มันลองจับดู
 
“อ๋อ…”
 
จริง ๆ ผมยังแยกไม่ออกหรอก แต่ที่รู้ เพราะพี่แกมักไปซ่าให้เขาต่อยตีจนได้แผลกลับมาประจำ ไม่รู้แกใช้ชีวิตยังไงของแก ถ้าวันไหนเลือดโชกมา ก็นั่นแหละพี่อาร์ตเลย
 
“แล้วนายล่ะ มาทำไม…บังเอิญผ่านมา…อยากกินกาแฟ…อยากช่วยงาน…หรือคิดถึงกาย”
 
ผมหัวเราะหึ ๆ เพราะพี่โอ๊คเล่นก๊อปคำพูดผมไปทั้งดุ้นเลย พี่อาร์ตยักไหล่ ยื่นมือขวาที่มีเลือดไหลโชกมาตรงหน้า
 
“พี่อาร์ต!!”
ผมเรียกหน้าตื่น พอดีพี่แกเอามือล้วงกระเป๋าไว้ตลอด เลยไม่เห็น ผมรีบดึงมือพี่มันมาดู กดหัวไหล่ให้นั่งยังเก้าอี้ตรงข้ามกับพี่โอ๊ค
 
“รออยู่นี่นะ ไปเอากล่องยาแป๊บ”
ผมเดินเข้าห้องทำงานไป ก่อนเดินกลับมาพร้อมกับกล่องยา ไม่ลืมสั่งของโปรดพี่มันมาให้ด้วย
 
“ทำไมชอบหาเรื่องใส่ตัวอยู่เรื่อยเลยน้า”
ยิ่งช่วงหลัง ๆ นี้ยิ่งบ่อยครับ เดี๋ยวหัวแตก เดี๋ยวปากแตก ดีว่าพี่แกเป็นพวกแผลหายเร็ว แต่ก็ขยันหาแผลใหม่ ๆ มาให้ทำเหลือเกิน
 
พี่แกยังนั่งชิว ๆ ปล่อยให้ผมทำแผลไป ในขณะที่มืออีกข้างก็ยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มสบายใจเฉิบ
 
“ถ้าไม่มีแผล กายก็ไม่อยู่ดูแลพี่นาน ๆ นี่นา”
 
ผมเงยหน้ามอง อยากดีใจนะครับ แต่เจตนาไม่ค่อยดีเท่าไหร่
 
“โอ๊ย!!”
 
ผมแกล้งบีบแผลพี่แกแรง ๆ
 
“ร้องทำไมครับ แค่นี้… พี่ไม่เจ็บหรอกใช่ไหม”
ปากผมยิ้ม แต่น้ำเสียงเยือกเย็น
 
พี่แกรีบดึงมือกลับ
 
“แอบซาดิสม์นี่นา” พี่มันทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเหมือนคนหวาดกลัว แล้วดึงผมไปนั่งบนตัก “แต่แบบนี้แหละ…”
พี่มันโน้มหน้าเข้ามาจนชิด
“พี่ชอบ”
 
ผมรีบผลักตัวเองออก แต่ไม่หลุดฮะ ดิ้นขลุกขลักอยู่พัก จนพี่โอ๊คต้องลุกมาลากผมออกจากตัวพี่แกแทน
 
“นี่ แฟนเขาจะสวีทกัน มายุ่งอะไรด้วยเนี่ย”
 
“เท่าที่จำได้ กายเขายังโสดอยู่นี่นา”
 
พี่อาร์ตยิ้มเย็น
 
“เพราะงั้น เลยมีหมาบางตัวมานั่งตอมหึ่ง ๆ อยู่แถว ๆ นี้ใช่ไหม”
 
เอ่อ…
 
พี่อาร์ต พี่โอ๊คเขาไม่ใช่หมาหรือแมงหวี่แมงวันนะฮะ
 
“แต่ผมว่าพวกคุณน่าจะเป็นหมาด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ”
ยังไม่ทันที่พี่โอ๊คจะได้กัดตอบก็มีเสียงใครบางคนทักขึ้นมาก่อน
 
ผมหันไปมอง
 
“พี่เชน!!”
ด้วยความดีใจ ผมรีบสลัดพี่โอ๊ควิ่งตุบตับไปหาพี่เชนทันที
 
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะ”
 
“เครื่องเพิ่งลง คิดถึงกาย เลยมาหาก่อน”
 
ผมยิ้มกว้าง
 
“อ้ะ ของฝาก”
พี่เชนยื่นกล่องอะไรสักอย่างมาให้ ผมมองดูลักษณะของกล่อง แล้วเงยหน้ามองพี่แกอีกที
 
“นี่อย่าบอกนะว่า…”
 
พี่มันพยักหน้า
 
“ก็ของที่กายอยากได้นั่นแหละ”
 
ผมทำหน้าลำบากใจ
 
“ผมบอกว่าอยากได้แต่ไม่ได้หมายความว่าอยากให้พี่ซื้อให้นี่นา แพงจะตาย”
 
จริง ๆ ผมเคยปรึกษาพี่แกว่าจะซื้ออุปกรณ์ตัวนี้ดีไหม คือตัวเองเป็นแค่มือสมัครเล่น ของบางอย่างซื้อมา ใช้ได้ไม่เยอะ มันก็ดูจะไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป แต่ไม่คิดว่าพี่แกจะซื้อมาให้แบบนี้
 
“ครั้งหน้าผมจะไม่ปรึกษาอะไรพี่อีกแล้ว”
 
“อดใจไหวเหรอ” พี่มันดักทาง
 
ผมยิ้มแห้ง
 
ก็นะ ผมเป็นแฟนคลับตัวยงของพี่แกนี่นา แต่ก่อนพยายามศึกษาเทคนิคแกจากพวกเว็บบอร์ดที่แกสอนไว้นิด ๆ หน่อย ๆ แต่เดี๋ยวนี่คุยได้ปรึกษาได้ ผมเลยถามแหลกเลย เหอ ๆ
 
“ถ้ากายลำบากใจ ก็เลี้ยงกาแฟพี่สักแก้วก็พอ”
 
มึง อุปกรณ์ตัวหนึ่งตั้งหลายหมื่น แลกกาแฟแก้วเดียว คุ้มมึงไหมเนี่ย

               ผมยิ้มแห้ง พยักหน้ายอม ๆ เดินไปสั่งเครื่องดื่มให้อีกที
 
ขัดยากครับรายนี้
 
พี่เชนลากเก้าอี้มานั่งรวมกับพี่โอ๊คและพี่อาร์ต ไม่ถูกกัน ก็ยังจะมานั่งคุยกันอีกนะ ผมยกกาแฟมาให้ด้วยตัวเองแล้วลากเก้าอี้มานั่งคุยด้วย มือพี่อาร์ตมีเลือดซึมออกมานิดหน่อย ผมรีบจับมือพี่แกมาดู
 
“อย่าขยับมากนักสิ ยิ่งขยับเลือดมันยิ่งออกนะ”
 
“ก็พี่ไม่ถนัดมือซ้ายนี่นา” พี่มันบอกหน้าเซ็ง “เจ็บแบบนี้ คงทำอะไรลำบาก” เหมือน ๆ พี่มันจะบ่น ๆ กับตัวเอง

“กายช่วยอะไรพี่หน่อยได้ไหม”
 
ผมเงยหน้ามอง พี่มันทำหน้าเจ้าเล่ห์
 
“ไปอาบน้ำให้พี่หน่อยสิ แก้ผ้าเองลำบาก”
 
หน้าผมร้อนผ่าว
 
“ปัญญาอ่อน”
พี่เชนเปรยเสียงเบาผ่านแก้วกาแฟที่กำลังจรดริมฝีปาก
 
พี่อาร์ตหันไปมอง
 
“รึคุณจะอาบให้ผมแทน”
 
พี่เชนยิ้มเย็น
 
“เอาสิ ผมจะได้ถ่ายภาพตอนคุณโป๊เอาไปประจานในเน็ต”
 
พี่อาร์ตหน้าตึงขึ้นมาทันที ก่อนยิ้มเจ้าเล่ห์
 
“เอาสิ ผมมั่นใจในรูปร่างของตัวเองซะอย่าง”
 
คราวนี้เป็นพี่เชนที่นั่งอึ้ง
 
ผมไม่รู้ว่างานนี้ใครจะกล้าหรือหน้าด้านมากกว่ากัน ระหว่างคนโป๊กับคนถ่ายภาพโป๊
 
“พี่กลับก่อนนะ แล้ววันหน้าจะมาใหม่”
พี่โอ๊คเลื่อนเก้าอี้ลุกหนี ผมพยักหน้า เดินไปส่งพี่แก แล้วพี่อาร์ตกับพี่เชนก็ขอตัวกลับหลังจากนั้นไม่เกินสิบนาที
 
แต่ไอ้สิบนาทีที่ผ่านมาเนี่ย พี่มันนั่งกัดกันตลอดครับ ไม่รู้ทำไม
 
พอทุกคนกลับ ผมก็ทำงานต่อเหมือนเดิม
 
“กายรถส่งของมาแล้ว”
พี่เก่งเดินเข้ามาบอก ผมรีบเดินตามพี่แกไปแบกของเข้าไปไว้ในห้องเก็บของทันที หลายลังครับ เราให้เขาจัดส่งอาทิตย์ละครั้ง ยกเว้นถ้าวันไหนของหมด เราอาจต้องสั่งเพิ่มระหว่างทาง
 
“พี่เก่งกลับไปข้างในก่อนก็ได้ ที่เหลือผมจะจัดการเอง”
ที่เหลือคือเอาของขึ้นชั้น โดยแยกเป็นฝั่ง ๆ เวลาเข้ามาหยิบจะได้ง่ายหน่อย
 
ผมปาดเหงื่อ ยกลังเมล็ดกาแฟห้าลังขึ้นเรียงไว้บนชั้น วันนี้สั่งเผื่อทั้งเดือนเลย ลังสุดท้ายเป็นลังน้ำตาล หนักสุด ๆ ผมค่อย ๆ ยก พยายามอีกนิดหน่อย จนในที่สุดมันก็ถูกวางลงล็อก
 
แต่ไม่ใช่ด้วยมือผมครับ
 
มันเกิดจากใครอีกคนที่ตัวสูงและใหญ่กว่าผมมาก
 
“ขอบคุณครับพี่เก่ง”
ผมพูดไปโดยไม่ได้หันไปมอง เพราะคนตัวสูง ๆ ในร้านตอนนี้มีแค่พี่เก่ง เพราะพี่ไนท์กับพี่โจหยุด ส่วนพี่โอมกับพี่มอไม่มา
 
พอหันไปมอง ปากที่ฉีกยิ้มอยู่หน่อย ๆ ของผมก็ค่อย ๆ หุบลง 
 
“พี่เอก…”
พี่แกอยู่ในชุดพนักงานของร้านเรียบร้อย ผมมองหน้าพี่แกงง ๆ ไม่เข้าใจว่าแกมาอยู่ในชุดนี้ได้ยังไง และเพื่ออะไร
 
“มันหนักนะ ทำไมไม่หาคนมาช่วยยก หรือหาเก้าอี้มารอง”
พี่มันบ่นใส่
 
“ผมยกได้ครับ”
ผมตอบกลับเสียงเรียบ ปวดแปลบในอกยังไงบอกไม่ถูก
 
“ลูกค้าเยอะแล้ว ออกไปกันเถอะ”
พี่มันชวนเสียงเรียบ เดินนำผมออกไป
 
ผมไม่รู้ครับ ว่าแกมาทำงานที่ร้านเพื่ออะไร หรือจริง ๆ แล้วแกอยากจะมาบริหารร้าน แต่ไม่น่าจะใช่ เพราะที่นี่ได้กำไรน้อยกว่าบริษัทพี่แกตั้งเยอะ
 
ผมถอนหายใจเบา ๆ
 
บางที นี่อาจถึงเวลาที่พี่เอกจะเอาร้านคืนแล้วก็ได้ (ผมเคยบอกพี่แกแล้ว ว่าถ้าแกอยากได้ร้านคืนเมื่อไหร่ก็ให้บอก ผมพร้อมจะคืนให้พี่แกเสมอ)
 
ผมเดินกลับไปทำงานเงียบ ๆ ไม่ได้สอบถามการมาของพี่แกแม้แต่น้อย แค่ทำตามหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เท่านั้นก็พอ
 
และไม่แน่ พี่เอกอาจจะอยากยกร้านนี้ให้พี่นกดูแลต่อก็ได้ ยิ่งคิดยิ่งเจ็บแปลบในหัวใจยังไงบอกไม่ถูก
 
มันถึงเวลาแล้วสินะ ที่ผมต้องไปจากพี่เอกอย่างแท้จริง

To Be Con...     


เมอรี่คริสมาสทุกคนจ้าาา







Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   

หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 89 ทวงหนี้ Part 1 |25/12/17|
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-12-2017 09:35:24
เอก รู้ใจตัวเองแล้วใช่ไหม
เลยมาหากาย มาทำงานกับกาย

ท่าทางมีคู่ใหม่เกิดและ
พี่อาร์ต พี่เชน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 89 ทวงหนี้ Part 1 |25/12/17|
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-12-2017 13:56:50
เรื่องนกยังไม่เคลียร์ เฮียแกโผล่มาทำไมฟ่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 89 ทวงหนี้ Part 1 |25/12/17|
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 25-12-2017 14:38:43
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 89 ทวงหนี้ Part 1 |25/12/17|
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 25-12-2017 22:13:38
เชอะ เปิดใจให้คนใหม่ก็ดีน๊ากาย
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 89 ทวงหนี้ Part 1 |25/12/17|
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 26-12-2017 09:23:02
วุ่นวายดีจริงเลยๆ มาต่อได้แล้ววจ้าาา
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 89 ทวงหนี้ Part 2 |31/12/17|
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 31-12-2017 09:57:55
 89
ทวงหนี้ Part 2
[กาย...♥]




พี่เอกอยู่ช่วยงานตลอดกระทั่งเก็บร้าน และก่อนปิดร้านชั่วโมงหนึ่ง ผมเข้าไปทำเรื่องเพื่อเคลียร์บัญชีและรายละเอียดอื่น ๆ เตรียมส่งมอบร้านคืนพี่มัน

ช่วงหลัง ๆ ผมจะอยู่เป็นคนสุดท้ายเพื่อปิดร้านเสมอ เพราะอยากดูแลความเรียบร้อยและคิดอะไรเกี่ยวกับงานเพิ่มเติม
 
และวันนี้ก็เช่นเดียวกัน แต่ผิดกันตรงที่มีพี่เอกอยู่ด้วย

พอปิดร้านเรียบร้อย ผมก็เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยมีใครอีกคนเดินตามเข้ามาด้วย ไม่ได้อยากหวั่นไหว แต่หัวใจผมกำลังเต้นแรงเอามาก ๆ

ผมแอบหวังเล็ก ๆ ว่าพี่มันจะยังมีเยื่อไย

แต่ความหวังเป็นเพียงแค่ความหวัง เมื่อพี่มันแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าลงตะกร้า หันหลังเดินออกจากห้องแต่งตัวไปเงียบ ๆ ผมยืนนิ่ง ยิ้มให้กับตัวเอง ก้มหน้าปลดกระดุมเสื้อ

อย่านะกาย มึงอย่ามาร้องไห้เพราะผู้ชายคนเดียวไม่สนใจนะ

เงียบ! อยู่นิ่ง ๆ

ผมนิ่งแล้วครับ แต่น้ำตาผมมันไม่นิ่ง

ผมปลดกระดุมเสื้อทำงานออกช้า ๆ แล้วถอดมันโยนลงตะกร้า หยิบเสื้อยืดมาสวม เงยหน้าจ้องมองล็อกเกอร์ตัวเองอีกที
 
ดีไม่ดี วันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้ใส่ชุดนี้แล้วก็ได้

พี่เอกคงกลับไปแล้ว ผมเดินตัวลอย ๆ ออกจากห้องแต่งตัว พอก้าวพ้นขอบประตู ข้อมือผมก็ถูกฉุดจนตัวถลาไปปะทะอกหน้าอกของใครบางคน ผมเงยหน้ามอง

“พี่เอก”

พี่มันทำหน้านิ่ง ๆ มองหน้าเปื้อนน้ำตาของผม

“ร้องไห้ทำไม”

ผมรีบปาดน้ำตาออก

“ไม่ได้ร้องนี่” ผมดันตัวเองออก “ผมจะปิดร้านแล้ว รีบไปกันเถอะ” ผมเดินลิ่ว ๆ นำหน้าพี่แกไปทางหน้าร้าน จุดอื่นล็อกหมดแล้ว เหลือแค่หน้าร้านหลักนี่แหละ

“ขอบคุณสำหรับวันนี้ครับ ผมขอตัว”
ผมกล่าวลาพี่แกนิดหน่อย แล้วหันหลังเดินลิ่ว ๆ ไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง


พอผมขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ได้ ก็เหมือนมีใครบางคนมานั่งซ้อนด้วย ผมหันไปมอง

“พี่เอก”

พี่มันนั่งนิ่ง ๆ ครับ ทำหน้าเหมือนปลาตาย

“ขึ้นมาทำไม”
ผมถาม เพราะรถพี่แกอยู่ที่ลานจอดนู่น

“ขี้เกียจขับ”

ผมพยายามคาดเดาว่าพี่แกต้องการจะเล่นอะไร

“พี่รีบกลับบ้านดีกว่า ผมจะรีบเหมือนกัน ดึกแล้ว”

“ก็ไปสิ แต่ไปส่งพี่ก่อนนะ” พี่มันสั่ง ผมหันไปมองงง ๆ

“ไปรถพี่สิ”

“ขี้เกียจขับ”
พี่มันพูดจากวนประสาท ผมเริ่มคิ้วขมวดอารมณ์ขุ่น

“รถผมมีหมวกกันน็อคแค่อันเดียว พี่ซ้อนไม่ได้”

แล้วพี่มันก็ยื่นกุญแจรถของตัวเองมาให้

“งั้นก็ไปรถพี่”

ผมมองหน้าพี่มันงง ๆ

“พี่เอก”

“แล้วแต่นะ พี่ซ้อนไปก็ได้ แต่ถ้าถูกตำรวจจับ กายจ่าย”
พี่มันพูดหน้าด้าน ๆ ผมขมวดคิ้วมองหน้าพี่แกด้วยความแปลกใจ

ทำแบบนี้ พี่มันต้องการอะไรกันแน่

ไม่อยากคาดเดาอีกแล้ว ไม่อยากอยู่ใกล้พี่แกนาน ๆ ด้วย ผมลงจากรถ เดินเข้าไปในร้านอีกที แล้วออกมาพร้อมหมวกกันน็อคสำรองของพี่โจ

พี่มันก็ไม่ว่าอะไร รับหมวกไปสวม ไม่ยอมขยับลุกไปไหนด้วย ผมเลยจำต้องขับมอเตอร์ไซค์พาพี่แกกลับคอนโด ตอนแรกผมก็ขับมาดี ๆ นั่นแหละ แต่สักพักพี่มันก็เอื้อมมาจับแฮนด์ แล้วบังคับรถด้วยตัวเอง

“พี่เอก!!”
ผมรีบท้วง พยายามจะขับรถด้วยตัวเอง

“อยู่เฉย ๆ”
พี่มันบอกผ่านหมวกกันน็อคแบบเต็มหัว ผมเอี้ยวไปมองด้วยความงุนงง พี่แกไม่ได้ขับรถไปที่คอนโด แต่เบนหัวไปบ้านผมแทน ไม่นานรถก็มาจอดสนิทที่หน้าประตูรั้ว

“พี่เอก ผมต้องไปส่งพี่ที่คอนโดก่อน”

พี่มันไม่ฟังอะไร ก้าวลงจากรถไปยืนคอยอยู่หน้าประตู   

“พี่เอก”
ผมท้วง พี่มันไม่โต้ตอบอะไร ยืนหน้ามึนหนีบหมวกกันน็อคไว้ที่แขนท่าเดิม

“หิวน้ำ” แล้วพี่มันก็พูดขึ้นมาลอย ๆ
ผมมองหน้าคนพูด พี่มันยังทำหน้านิ่งเหมือนเดิม ผมจำต้องเปิดประตูรั้วออก ทิ้งรถไว้หน้าบ้านนั่นแหละ เพราะเดี๋ยวต้องออกไปส่งพี่มันอีก แต่พอหันไปมองอีกที ก็เห็นพี่มันจูงมอเตอร์ไซค์ตามเข้ามาแล้ว

“ไม่ต้องหรอก ต้องขับไปส่งพี่ก่อน”

พี่มันไม่ฟังอะไร เอารถไปจอดไว้ยังจุดจอด

“พี่เอก”
ผมเรียกอีกที พี่แกหันมามองหลังจากจอดรถเรียบร้อย ผมจำต้องไขประตูเดินเข้าบ้าน โดยมีแขกไม่ได้รับเชิญเดินตามเข้ามาด้วย

หรือพี่มันจะตามมาคุยเรื่องร้าน

ผมเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมารินใส่แก้ว พี่เอกนั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟา ผมวางน้ำไว้บนโต๊ะตรงหน้าแก แล้วทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม

“แม่ล่ะ” พี่แกถาม

“อยู่เชียงใหม่”

“พ่อล่ะ”

“อยู่คอนโด”

คิ้วเข้มขมวดฉับ

“นี่อยู่คนเดียวมาตลอดเลยเหรอ”

“ครับ ผมโตแล้ว อยู่คนเดียวได้”
ไม่แน่ใจว่าผมจะมีนัยแฝงในคำพูดของตัวเองด้วยหรือเปล่า พี่มันพยักหน้า
 
“พี่มีธุระอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่า”
ผมเปิดประเด็น พี่มันกระดกน้ำเข้าปากชิว ๆ ผมนั่งรอ แต่พี่มันไม่ยอมพูดสักที

“พี่เอก”
ผมพยายามนับตัวเลขในใจ

“พี่ต้องการร้านคืนใช่ไหม”
ผมถาม พี่มันยังเงียบไม่ตอบอะไรทั้งนั้น

“พี่เอก!!”
ผมหมดความอดทน เรียกชื่อเสียงดัง

“นายจำได้ไหม ว่านายติดหนี้พี่อยู่”

ผมนั่งฟังอึ้ง ๆ

“พี่ต้องการให้นายใช้หนี้พี่ทั้งหมด”

ผมขมวดคิ้วฟังด้วยความงุนงง

“ได้ ผมจะคืนร้านให้พี่ทั้งหมด”

“พี่ได้ข่าวว่านายได้กำไรจากร้านเยอะเลยนี่”
พี่มันพูดเนิบ ๆ
 
“ครับ”

“พี่ต้องการกำไรทั้งหมดที่กายได้จากร้าน”

ผมมองคนตรงหน้าอึ้ง ๆ

“พี่เอก…”

ทำไมพี่มันถึงได้ทำแบบนี้

ผมหลับตาแน่น พอ ๆ กับกำนิ้วทั้งหมดเข้าหากัน

“ได้ แล้วผมจะโอนเงินทั้งหมดที่ผมหาได้คืนให้ แต่พี่ต้องยกเลิกสัญญากู้เงินที่พี่ทำไว้เหมือนกัน”

“ไม่ได้หรอกนะ”

ผมมองพี่มันตาเขม็ง

“นายต้องเป็นหนี้พี่ต่อไป และต้องเอารายได้ทั้งหมดที่นายบริหารได้ มาให้พี่ด้วย”

ผมมองคนตรงอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

ผมมันโง่เอง ที่มาหลงเชื่อคนแบบพี่เอก ใช้ความรักเป็นเครื่องเดิมพัน เมื่อเขาไม่ต้องการก็เฉดหัวทิ้ง ซ้ำยังต้องเป็นหนี้ก้อนโตอีกต่างหาก

“นานแค่ไหน สำหรับสัญญาคืนเงิน”
ผมถามกลับเสียงพร่า

“ตลอดชีวิต”

“พี่เอก…”
น้ำตาผมไหลพรากลงมาอาบแก้ม ไหลให้กับความโง่เขลาของตัวเอง นอกจากจะต้องเจ็บช้ำเพราะรักแล้ว ยังต้องมาเป็นหนี้ที่หามูลค่าไม่ได้อีก

“ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้ พี่ไม่รักผมไม่ว่า แต่ทำไมต้องมาหลอกลวงและเอาเปรียบกันแบบนี้ด้วย”
 
“ตอนที่นายมาชอบพี่ นายคงลืมไปแล้วว่าพี่ไม่ใช่คนดีอะไร”

ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

แต่ทุกอย่างมันเป็นความผิดของผมเองที่เลินเล่อไม่ดูแลหัวใจและรายละเอียดของเอกสารให้ดีเอง

“ได้ครับ เพราะถึงยังไงก็เป็นความผิดของผมเองที่ไม่ระมัดระวังเรื่องเอกสารเอง ผมจะรีบโอนเงินคืนให้ภายในวันพรุ่งนี้”
ผมบอก ก่อนลุกขึ้นยืน

“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ ผมจะไปส่ง หรือพี่จะกลับแท็กซี่เอง”
ผมให้ทางเลือก พี่มันไม่ตอบอะไร ผมไม่สนใจ หันหลัง เดินนำพี่แกไปทางหน้าบ้าน เดินยังไม่ทันถึงหน้าประตูดี ข้อมือผมก็ถูกคว้าเอาไว้ 

“นายอยากรู้วิธีใช้หนี้ให้หมดโดยไม่ต้องลำบากไหม”

ผมหันไปมองตาพี่เอก ตอนนี้รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังถล่มลงมา

“ครับ”
ผมตอบรับเสียงพร่า

“ขายตัวให้พี่สิ”

ผมมองพี่แกอึ้ง ๆ

“พี่เอก…”
ผมครางเรียก วาดฝ่ามืออ่อนแรงหวังฟาดใส่ใบหน้าหล่อเหลานั้น แต่ถูกกั้นเอาไว้ด้วยมือใหญ่ มืออีกข้างยังเป็นอิสระ ผมกำหมัดแน่น เตรียมซัดใส่ใบหน้าคมคาย แต่พี่เอกก็รั้งจับเอาไว้ได้อีก ก่อนรวบไปไว้ด้านหลังด้วยมือเดียว

“ผมเสียใจที่มาหลงรักคนแบบพี่”

พี่มันยิ้ม

“ทำไม ไหน ๆ ก็เสียตัวให้พี่แล้วนี่ ขายให้พี่ไม่เห็นจะเป็นไรเลย”

ผมพยายามดิ้นรน แต่ยิ่งดิ้น สองแขนใหญ่ยิ่งรัดผมแน่น น้ำตาพากันไหลพราก ผมถูกดันจนไปติดกำแพงห้อง จะยกขาขึ้นมาเตะก็ทำไม่ได้

เมื่อแขนขาไร้อิสระ ผมตัดสินใจอ้าปากงับต้นแขนพี่มันสุดแรงจนพี่มันร้องโอ๊ย ปล่อยมือข้างหนึ่งมาลูบบั้นเอวผมเบา ๆ

จนผมเผลอตัวปล่อยปากออกมาครางด้วยความเสียวซ่าน พี่มันจับคางผมไว้ แล้วกดจูบลงมาเบา ๆ 

อยากขัดขืนมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนร่างกายมันจะทรยศผมซะแล้ว รสจูบคุ้นเคยดึงมวลมากมายที่ห่างหายไปนานกลับคืน ผมถูกเบียดติดกำแพงมากขึ้น ซ้ำพี่แกยังแทรกขาเข้ามาระหว่างขาผมอีกจนตัวผมถูกร่นขึ้นสูง มือไม้พี่มันก็ไม่อยู่สุขลูบไล้แปะป่ายนวดคลึงไปทั่ว จนผมเผลอครางออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ผมไม่ได้อยากอ่อนแอ แต่มันทนไม่ไหวจริง ๆ   

พี่มันถอดกางเกงผมออก รั้งขาขึ้นสูง กดแทรกบางส่วนเข้ามาภายใน ผมหลับตาลง ร่างกายพากันอ่อนระทวยไปกับทุกสัมผัสคุ้นเคย

ผมพยายามดันไหล่กว้างออกด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี แต่มันก็อ่อนแรงเต็มทน ผมทิ้งลมหายใจไร้จังหวะไปตามบทรักเร่าร้อน และดูเหมือนมันจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายที่ไม่ได้ถูกแตะมานาน เจ็บเสียดแต่ก็เสียวซ่านในเวลาเดียวกัน
 
“อ๊า พี่เอก”
ผมครางเรียก สองมือคล้องคอพี่แกไว้ ปล่อยตัวไปตามแรงโหมของอารมณ์

แพ้อีกแล้ว จะกี่ครั้งกี่ที ผมก็ไม่มีทางชนะพี่มันได้เลย


Tbc...     

ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ค่ะ   :pig4: :pig4: :pig4: :L2: :L2: :L2: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 89 ทวงหนี้ Part 2 |31/12/17|
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-12-2017 23:36:11
 :pigangry2: อ่านแล้วรู้สึกอยากฆ่าพระเอกเรื่องนี้แฮะ  :fire:
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 89 ทวงหนี้ Part 2 |31/12/17|
เริ่มหัวข้อโดย: _2385yeah ที่ 03-01-2018 01:10:16
พึ่งมาตามอ่าน ไอ้พี่เอกกกก ไอ้สาดดเอกกก
ไอ่ง่าววว ไปตายยสะะะะ //กี่ครั้งแล้วที่ทำให้กายเจ็บ  ขอโทษเป็นสิบๆครั้งก็ยังดักดานเหมือนเดิม

เริ่มอยากให้เปลี่ยนพระเอกละ จับไอ้พี่เอกมันโดนรถชนไรงี้  :angry2: หึหึ
หัวข้อ: Re: Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 89 ทวงหนี้ Part 2 |31/12/17|
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 03-01-2018 21:19:36
ถ้าเข้ามาด่าไอ่(พระ)เอกอีกซักตอน
คนแต่งจะโกรธเราไหม
หุหุ

คนอะไร..เลวเกิ้นนนนนนน
หมดคำพูดจะสรรหามาใช้กับคนอย่างไอ่เอก เจรงๆ

FUCK!
หัวข้อ: Re: Kiss Love :: รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 90 ขอแต่งงาน |4/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 04-01-2018 19:47:09
90
ขอแต่งงาน
[เอก...☼]

ผมหายใจหอบถี่กอดมันไว้ในอ้อมแขน น้ำตามันยังคงไหลพรากลงมาเป็นทาง แม้ร่างกายจะยังไหวรับทุกสัมผัสจากผมก็ตาม
 
ผมรู้ว่าจุดอ่อนมันอยู่ตรงไหน และตอนนี้ผมกำลังจับจุดอ่อนของมันเอาไว้ และทรมานมันอยู่ ผมรั้งตัวมันมาทิ้งลงบนโซฟา จับมันสลัดเสื้อผ้าที่มีออก เหลือไว้เพียงร่างกายเปลือยเปล่า และเริ่มต้นบรรเลงเพลงรักอีกครั้งและอีกครั้ง

จนมันหมดแรงผล็อยหลับไป













 

ผมนอนมองใบหน้าน่ารักที่กำลังหลับพริ้ม ผมตื่นก่อนมัน เพื่อจะได้มองหน้าเวลาที่มันตื่นนอน(พาขึ้นมาบนห้องแล้วครับ)

และทันทีที่มันลืมตา และเห็นว่าใครอยู่ตรงหน้า มือที่สงบนิ่งเมื่อกี้กำแน่นเตรียมซัดหมัดใส่ผม แต่ผมก็รั้งเอาไว้ได้ แล้วกดมือมันสองข้างติดกับที่นอน เหวี่ยงตัวขึ้นคร่อมมันไว้   

“พี่มันเลว!!”

ผมยิ้มพราย

“แล้วใครว่าพี่เป็นคนดี กายผิดเองที่มารักคนแบบพี่”

น้ำตามันไหลออกมาอีกรอบ ผมแทรกร่างไว้ตรงหว่างขามันและกดแทรกบางส่วนเข้าไปภายใน

“อย่า…”
มันครางโรยแรง เชิดหน้าตามด้วยครางหวานเมื่อบางส่วนของผมเข้าไปจนสุด

“อ๊า…”
มันครางเสียงแหบ เอียงหน้าขยับขาออกกว้างอัตโนมัติ ผมยิ้ม กดสองมือที่พยายามขัดขืนของมันติดกับที่นอน ขยับท่อนล่างช้า ๆ เนิบ ๆ

“พอ...พี่เอก”
มันครางห้ามอีก แต่ยิ่งห้าม ผมยิ่งใส่จังหวะเร็วขึ้น ความร้อนภายในพาเอาผมครางออกมาคลอเคล้าเสียงครางแหบแห้งของมันเลย

ผมเร่งจังหวะเร็วขึ้น กระทั่งพามันไปถึงฝั่งฝัน มันนอนไร้แรง นัยน์ตาเหม่อลอยเต็มไปด้วยน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมาเป็นทาง

“พี่ไม่ใช่คนดีนะกาย”
ผมกระซิบบอก

มันเลื่อนดวงตาลอย ๆ มามอง

“แต่กายก็ยังรักพี่ และตัดใจจากพี่ไม่ได้ใช่ไหม”

มันคงงงว่าผมกำลังจะพูดอะไร

“กายขายตัวให้พี่แล้วนะ เพราะงั้น พี่เป็นเจ้าของเรือนร่างนี้ทั้งหมดคนเดียว”

มันมองหน้าผมแค้นเคือง และก่อนที่มันจะซัดหน้าผมอีกรอบ ผมยิ้ม วางมือไว้บนหน้าอกมัน
 
“และรวมถึง…”

มันง้างหมัดขึ้น 
 
“หัวใจดวงนี้ด้วย”

มันค้างมือไว้กลางอากาศ มองหน้าผมอึ้ง ๆ

“กายต้องเป็นเมียพี่ตลอดไปนะ”

แววตามันเต็มไปด้วยความแปลกใจ สับสน ก่อนโกรธเคืองใหม่ มันกัดกรามแน่น ง้างหมัด ซัดใส่หน้าผมอีกรอบ

“พี่มันเลว!!”

แต่ผมรับหมัดมันไว้ด้วยมือเดียว

“พี่ไม่เคยบอกนี่ ว่าพี่เป็นคนดี”

“เลว เลวที่สุด!!”
มันโวยวาย ทั้งยังพยายามดิ้นรนจะดึงหมัดมาต่อยผมอีกรอบ แต่ผมยึดมันไว้อยู่
 
“พี่ทำแบบนี้ทำไม ถ้าไม่เห็นแก่ผม ก็น่าจะเห็นแก่พี่นกบ้าง”

ผมถอนหายใจเบา ๆ

“บังเอิญคนที่พี่ขอแต่งงานเป็นกายไม่ใช่นก พี่เลยไม่รู้ว่าจะไปเห็นแก่เขาทำไม”

มันหยุดทุกการดิ้นรนลง กะพริบตามองหน้าผม

“แต่งงานกับพี่นะ”

มันมองผมอึ้ง ๆ ก่อนเบะหน้าลง

“พี่กำลังจะแกล้งอะไรผมอีก ถ้าพี่ไม่รักก็อย่ามาทำแบบนี้สิ”

ผมยิ้ม แล้วดึงมันขึ้นมานั่งบนตัก มันพยายามจะดิ้นหนี แต่ผมรัดเอวมันแน่น

“พี่เลิกกับนกแล้วนะกาย”

มันหยุดดิ้น เงยหน้ามองผมแทบจะทันที 

“เพราะพี่ตัดสินใจเลือกกายแทนเขา”

มันมองผมด้วยสายตางุนงง

“พี่กำลังล้อผมเล่นใช่ไหม”

“ใช่”
ผมตอบทันที มันเบะหน้า ดันตัวออกมาง้างหมัดเตรียมจะต่อยผมอีก แต่ผมก็เร็วกว่า คว้าจับมือมันแล้วถือค้างไว้กลางอากาศนั่นแหละ

“กาย…พี่รักกายนะ”

มันหยุดดิ้นอีกที มองผมตาค้าง 

“ที่พี่หายไป พี่ไปเคลียร์กับนกเขา และทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง และพี่ก็ได้ข้อสรุปว่า…พี่รักกายมากจริง ๆ”

“ผมไม่เชื่อ”

ผมยิ้ม

“ไม่เชื่อก็ตามใจ เพราะพี่ก็ไม่เชื่อใจตัวเองเหมือนกัน แต่ตอนนี้พี่เลิกกับนกแล้ว และกำลังขอกายแต่งงานอยู่”

“ไม่มีทาง”

“อันนั้นก็แล้วแต่กายจะคิด”

มันมองผมอึ้ง ๆ

“แล้วทำไมพี่ต้องมาแกล้งผมแบบนี้ด้วย”

“ตอนแรกก็ว่าจะเดินมาบอกดี ๆ นั่นแหละ แต่กายดันไปอี๋อ๋อกับพวกไอ้โอ๊ค ไอ้อาร์ต แล้วก็ไอ้คุณชรินทร์มันด้วย พี่เลยอยากทำโทษกายนิดหน่อย”

“พี่ไม่มีสิทธิ์มาหวงผม เพราะพี่เลิกกับผมไปแล้ว”

“พี่ไม่ใช่คนดีนะกาย พี่รักใครพี่ก็หึงหวงคนคนนั้น แม้ตัวจะเลิก แต่หัวใจพี่มันอยู่กับกาย พอเห็นพวกมันมาทำเจ๊าะแจ๊ะด้วย พี่แทบจะเดินไปฆ่าพวกมัน โดยเฉพาะกับไอ้อาร์ต แม่ง แต๊ะอั๋งคนของกูตลอด”
อันหลังนี่บ่นกับตัวเองครับ

“พี่มันเลว ไม่ใช่แค่ทำร้ายจิตใจผม แต่ยังทำร้ายจิตใจพี่นกด้วย”

ดู๊ดู มันยังมีกระจิตกระใจไปห่วงคนอื่นอีก

“นกเขามีคนดูแลอยู่แล้ว”

มันมองหน้าผมงง ๆ

“ใคร”

“ก็คนที่มีหน้าตาเหมือนพี่อีกคนไง”

มันขมวดคิ้วงุนงง

“พี่เคยบอกแล้ว ว่าพวกน้อง ๆ มักจะชอบอะไรเหมือน ๆ พี่ และนกก็เป็นหนึ่งในสเป็คของพี่ด้วย พอพี่เลิกกับนก ก็มีคนอาสารับช่วงดูแลนกต่อทันที”

มันทำท่าคิด

“พี่อาร์ต”

ผมส่ายหน้าปฏิเสธ

“พี่อิฐ”

ผมพยักหน้ารับ

“พี่อิฐกับพี่นก…”

ผมพยักหน้ารับอีกที

“คราวนี้ กายจะแต่งงานกับพี่ได้รึยัง”

มันหน้าง้ำ

“พูดเป็นเล่น ผู้ชายจะแต่งงานกันได้ยังไง”

“ไม่ได้จัดพิธีอะไรมากมายจริงจังซะหน่อย เอาเฉพาะคนรู้จัก”

มันรีบส่ายหน้า

“ไม่เอา ผมไม่อยากเป็นข่าว”

ผมอมยิ้ม

“งั้นก็เป็นเมียพี่โดยพฤตินัยอย่างเดียวก็ได้”

มันอ้าปากค้างไปกับคำผม ผมเลยก้มจูบมันไปที

 





 

ผมดีใจที่เรื่องทุกอย่างถูกเคลียร์จนหมด ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมคนคนหนึ่งถึงได้มีอิทธิพลกับตัวผมมากมายขนาดนี้ แต่ผมก็รักมันสุดหัวใจจริง ๆ มันยังนั่งหน้าบูดอยู่บนโซฟา เพราะผมดันไปแกล้งมันไว้ซะเยอะ

“อย่างอนพี่น่า พี่ก็แค่เอาคืนที่กายไปอี๋อ๋อกับคนอื่นแค่นั้นเอง”

“พี่มันเห็นแก่ตัวที่สุด ตัวเองเที่ยวไปอี๋อ๋อกับใครก็ได้ แต่ผมทำไม่ได้”

ผมลากมันมานั่งตักเบา ๆ

“พี่ไปอี๋อ๋อกับใคร”

มันเม้มปากแน่น คงกำลังจะบอกว่านกนั่นแหละ

“พี่รู้ว่าพี่ไม่ใช่คนดีอะไร พี่ทำให้กายเจ็บหลายครั้ง จนไม่อยากจะสัญญาแล้วว่าจะอยู่กับกายไปได้นานแค่ไหน ทำให้กายมีความสุขได้มากแค่ไหน แต่พี่จะทำให้ดีที่สุด อย่างน้อยเหตุการณ์ครั้งนี้ก็พิสูจน์ให้พี่ได้รู้ว่า หัวใจพี่เป็นของกายเสมอ”

มันนั่งนิ่ง ๆ

“อันนั้นน่ะ พี่ขอคืนได้ไหม” ผมชี้ไปที่คอมัน “มันไม่เหมาะกับกายหรอก ของกายอันนี้ต่างหาก”
ผมปลดสร้อยที่คอตัวเองออก มันทำหน้าอึ้ง ๆ

“พี่ใส่มานานแค่ไหน”
สร้อยมันยาว ถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็นหรอก (ตอนมีอะไรกับมัน ผมไม่ได้แก้ผ้าปลดน้องออกมาทำงานอย่างเดียว)

“ตั้งแต่เรามีอะไรกันครั้งสุดท้าย”

มันมองผมนิ่ง ๆ

“แล้วพี่นก…”

“พี่ไม่ได้พูดอะไร”

มันเม้มปากแน่น

“เอาเถอะ พี่รู้แค่ว่าตอนนี้กายเป็นเมียพี่และพี่เป็นสามีกายเท่านั้น พี่ไม่สัญญาว่าพี่จะรักเดียวใจเดียว แต่ตอนนี้หัวใจพี่เป็นของกายแล้ว”

“เชื่อใจไม่ได้”

“ก็จริง…แต่กายเป็นคนบอกให้พี่กลับมาหากายเองนะ”

มันอ้าปากเหวอ

“ก็ตอนพี่ถามว่า ถ้ากายเป็นคนที่ไม่ถูกเลือก กายจะทำยังไง แล้วกายก็บอกว่า อยากเป็นคนถูกเลือกเหมือนกัน พี่เลยเลือกกาย”

มันอ้าปากค้าง

“ก็ไหนพี่บอกว่าถ้าเป็นซันจะไม่ใช่พี่ไง”

“ก็ไม่ใช่ไง แต่นั่นก็คือความรู้สึกจริง ๆ ของกายใช่ไหมล่ะ”

มันมองหน้าผมนิ่งค้าง

“พอเถอะพี่เอก อย่าแกล้งผมอีกเลยนะ ผมขอร้อง”
มันซบหัวเหมือนคนหมดแรงกับไหล่ผมเบา ๆ

“ไม่ได้หรอก”

มันเงยหน้ามอง

“ตั้งแต่พี่คบคนมา พี่ยังไม่เคยแกล้งใครแล้วมีความสุขเท่ากับแกล้งกายเลยนะ”

มันมองเหมือนไม่เชื่อ

“ตอนที่พี่คบกับนก พวกเพื่อน ๆ มันบอกพี่ว่าดูพี่ไม่เห็นจะมีความสุขเท่ากับตอนคบกับกายเลย”

มันนั่งอึ้งอีกรอบ

“พี่เคยรักนกมากก็จริง แต่นั่นเป็นเพียงอดีต พอมาถึงตอนนี้คนที่พี่รักมากที่สุด ก็คือกาย”

มันยังนั่งนิ่ง

“พี่ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะ”
ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้อภัย แต่ผมจะอยู่ตรงนี้กับมันต่อไป อยู่กับคนที่หัวใจผมเป็นคนเลือก

 

 

 

 







 

 

 

 

“กลับมาคบกันอีกทำไมเนี่ย”

ไอ้อาร์ตมันทำหน้าเอือม มองผมทีกายทีบนโต๊ะอาหาร

วันนี้ผมพามันกลับบ้านมาหาพ่อกับแม่ครับ พวกท่านดีใจใหญ่ ไม่เสียใครเลย ทั้งนกทั้งกาย ไอ้ตัวเล็กนั่งทำหน้าลำบากใจ เพราะตรงข้ามมันเป็นนก ส่วนนกนั่งคู่กับอิฐอีกที

พอหมดมื้อเช้า คุณพ่อก็ไปทำงาน ส่วนคุณแม่ไปหาเพื่อน จึงเหลือพวกเราเด็ก ๆ นั่งหน้าสลอนกันอยู่ในห้องนั่งเล่น

“ขอโทษที่เคยตบหน้านะ”
นกหันมาบอกกาย
               
ผมมองนกอึ้ง ๆ สลับกับกาย

“นกเคยตบกายด้วยเหรอ”
ไอ้อิฐมันถาม

นกยิ้มแห้ง ส่วนผมยังอึ้งอยู่ เพราะไม่คิดว่านกจะรู้เรื่องของผมกับกายก่อนหน้าที่ผมจะบอกความจริง

“ก็ตอนจับได้ว่าเอกนอกใจนกน่ะ ไม่ใช่สิ ตอนนกจับได้ว่าเอกยังมีใจให้กับคนที่เคยคบอยู่ก่อนต่างหาก”

“ตบไปมากแค่ไหน”
ผมถามเสียงเย็น นกหน้าซีด

“ก็…”
นกหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม

“พี่เอก”
ไอ้ตัวเล็กมันปราม คงกลัวว่าผมจะวีนนกมั้ง

“ก็หน้าซ้ายขวา แล้วก็เอานมเย็นสาดหน้าน่ะ”

ทุกคนนั่งเงียบ

“เอกก็รู้ว่านกเป็นพวกยอมคนซะที่ไหน ใครคิดจะมาแหยมกับคนของนกละก็ แม่ตบแหลก”

ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะผู้หญิงกลุ่มผมนิสัยแรงทุกคน แต่ผมไม่คิดว่ากายจะกลายมาเป็นเหยื่อด้วยอีกคน   

“ทำไมไม่บอกพี่”
ผมหันไปถามไอ้ตัวเล็กบ้าง

“ไม่จำเป็นนี่ เรื่องมันผ่านมาแล้ว”
มันบอกแค่นั้น แล้วหันไปคุยกับพวกทโมนแทน

ผมถอนหายใจเบา ๆ ไม่เพียงผมจะทำร้ายจิตใจมันเท่านั้น แต่ผมยังทำร้ายร่างกายของมันด้วย

“น่าจะเลิก ๆ กันไปซะ ผมจะได้เสียบซะที”
ไอ้อาร์ตมันพูดอย่างเสียดาย

“นายเองก็เจอคู่ปรับคนใหม่แล้วนี่”
ผมพูดสั้น ๆ

มันมองหน้าผม ทุกคนหันไปมองมันไม่เว้นแม้แต่ไอ้ตัวเล็ก

“ใคร?”
มันจ้องหน้าผมเขม็ง

“ก็คนที่คุณก็รู้ว่าใคร”
ผมทิ้งเป็นปริศนาไว้

“กายเป็นของพี่แล้ว นายไปหาคนใหม่ดีกว่านะอาร์ต”

มันทำหน้าเบื่อหน่าย ก่อนยิ้มพราวตามมา

“ผมไม่ยอมแพ้หรอก”

คราวนี้เป็นผมเองที่ทำหน้าเบื่อหน่ายบ้าง

เอาเถอะ ถ้ามันไม่ทำอะไรกายเกินเลยเหมือนครั้งที่แล้ว ก็คิดซะว่ามันเป็นแมงหวี่แมงวันมาตอมน้ำผึ้งละกัน
 
“ไม่ต้องคิดมากเรื่องพี่กับเอกนะกาย พี่กับเอกรักกันก็จริงแต่นั่นมันสมัยก่อน ตอนนี้ เอกเขารักกายคนเดียวแล้ว และตอนนี้เราก็ตกลงที่จะเป็นเพียงเพื่อนกันเท่านั้น”
นกบอกกายอีกที 

“และอีกอย่าง…”
นกปรายตามองมาทางผม 

“พี่ไม่อยากได้ผู้ชายหลายใจ”

“หึ ระวังไอ้อิฐไว้เถอะ เพราะมันก็ชอบกายด้วยเหมือนกัน”

นกหันขวับไปมองหน้าไอ้อิฐทันที ความจริงข้อนี้นกยังไม่รู้ครับ

“จริงเหรออิฐ!!”

“ไอ้ชอบมันก็ชอบนั่นแหละนะ แต่กายเขาไม่ชอบ ผมก็เลยอกหักดังเป๊าะ แล้วมาหาคนดามใจเอาแถว ๆ นี้นี่ไง”

โห กูอยากแหวะใส่น้องตัวเองว่ะ 

“ไว้ใจไม่ได้ทั้งพี่ทั้งน้อง”
นกด่ากราด จริง ๆ แล้วนกยังไม่ได้รักอิฐ แค่เปิดโอกาสให้อิฐได้ทำคะแนนบ้างเท่านั้น แต่ผมมั่นใจอยู่อย่างว่าน้องผมเป็นผู้ชายที่ดี และดูแลนกได้ดีไม่แพ้ผม

หรือบางที อาจดีกว่าผมด้วยซ้ำ

ส่วนผมขอดูแลคนของผมดีกว่า อาจทำได้ไม่ดีเท่าคนอื่น แต่ก็ดีที่สุด เท่าที่ตัวผมจะทำได้ละนะ
 

“มิสชั่นเคลียร์!!”
ไม่รู้พวกทโมนมันคุยอะไรกับกาย อยู่ ๆ ก็พากันตะโกนลั่นด้วยความดีใจ พวกเราหันไปมอง 

“ดีใจจังที่พี่ชายของพวกเราได้เป็นฝั่งเป็นฝากันไปหมดแล้ว”

ไอ้อิฐหันไปมอง

“ยังนี่ เหลืออาร์ตอีกคน”

“โธ่ พี่อิฐอะ ไม่รู้อะไร”

“พี่อาร์ตน่ะนะ”

“เขามีคนถูกใจคนใหม่แล้ว”

“ใคร”
ไอ้อิฐมันรีบถาม เพราะข้อนี้มันยังไม่รู้จริง ๆ แต่ผมรู้แล้ว

“อันนี้ข่าวล่ามาแรง”

“จากสำนักข่าว ไอแอมอ้อน”

“หน่วยข่าวกรองของพวกเราได้รายงานมาว่า”

“พี่อาร์ตกำลังเจอคู่ปรับคนใหม่”

“ดูพี่แกจะถูกใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่มาก”

“เรายังไม่รู้ความรู้สึกที่แท้จริงของพี่ชายเรามาก”

“รวมถึงคู่กรณีด้วย”

“ทุกอย่างยังไม่แน่ชัด”

“เราเลยยังยืนยันอะไรไม่ได้”

“คงต้องรอให้พยานและหลักฐานแน่นหนากว่านี้”

“แล้วพวกเราจะรีบมารายงานความคืบหน้าให้ทราบทันที”

“จบข่าว”
พอพวกมันรายงานจบ พวกเรานั่งขำ มีเพียงไอ้อาร์ตเท่านั้นที่นั่งทำหน้าบู้บี้อยู่คนเดียว
 



to be con...

 :katai2-1:






Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
หัวข้อ: Re: Kiss Love :: รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 90 ขอแต่งงาน |4/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-01-2018 20:09:35
เคลียร์แล้ว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:



หัวข้อ: Re: Kiss Love :: รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 90 ขอแต่งงาน |4/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-01-2018 01:45:11
ใครหว่า คู่ของอาร์ต  :confuse:
หัวข้อ: Re: Kiss Love :: รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 90 ขอแต่งงาน |4/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 05-01-2018 15:11:19
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 91 พระอาทิตย์ขึ้น |9/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 09-01-2018 19:48:07
91
พระอาทิตย์ขึ้น
[กาย...♥]

 


ผมไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่กี่อาทิตย์ก่อน ผมได้สูญเสียพี่เอกไป แต่มาอาทิตย์นี้ ผมได้พี่เอกกลับคืน ผมนั่งยิ้ม มองภาพพระอาทิตย์ยามเช้าที่ถ่ายเอาไว้ล่าสุดอยู่บนโซฟาในห้องพี่เอก
 

“ยิ้มอะไร”
พี่มันเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ

“ภาพพระอาทิตย์ขึ้นน่ะ สวยดี”

พี่มันมองภาพที่ผมมองอยู่

“สวยดีแฮะ…” แล้วทำท่าคิด “จะว่าไปแล้ว เรายังไม่เคยดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันมาก่อนเลยนี่นา มีแต่ดูพระอาทิตย์ตก”

ผมหันไปยิ้มเห็นด้วย

“งั้นเราน่าจะหาเวลาว่างไปเที่ยวกันบ้างดีกว่า พี่อยากดูพระอาทิตย์ขึ้นกับกายเหมือนกัน”

ผมยิ้มแป้น จุ๊บปากพี่มันไปที

ทำแล้วก็รีบก้มหน้า เผลอครับ ดีใจทีไร เผลอตัวทำเรื่องแบบนี้อยู่เรื่อย

“กาย”
พี่มันเรียก ผมไม่ได้มอง นั่งก้มหน้าเอาตาจ่อไว้ที่ภาพพระอาทิตย์นั่นแหละ
 
“กาย”
พี่มันเรียกอีกที ผมจำต้องเงยหน้ามอง พี่มันฉีกยิ้มกว้าง

“เอาแบบเมื่อกี้นี้อีกทีได้ไหม”

ผมนั่งหน้าร้อน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“กายง่ะ”
พี่มันทำเสียงหงุงหงิง

ผมกัดปากแน่น รีบหลับหูหลับตาจุ๊บปากพี่มันไปที

“หอมแก้มด้วยสิ”
พี่มันอ้อนอีก

มึง ได้คืบจะเอาศอกนะ
 
ผมหอมแก้มตามคำที่พี่มันขอ

“อีกข้าง”
พี่มันเอียงหน้ามาให้หอมอีกข้าง ผมก็ทำตาม พี่มันยิ้มแป้น รวบผมเข้าไปกอด หอมแก้มลงมาฟอดใหญ่จนแก้มผมบี้

“เมียพี่น่ารักที่สุด”
แล้วพี่มันก็หอมย้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นแหละ

“เบา ๆ หน่อยพี่เอก แก้มช้ำหมดแล้ว”
ผมจับหน้าตัวเองไว้ไม่ให้พี่มันหอมอีก

“อ้าวเหรอ งั้นพี่จะหอมเบา ๆ ละกัน”
พี่มันทำหน้าเหรอหราก่อนทำหน้าเจ้าเล่ห์ ก้มแตะปากกับแก้มผมเบา ๆ รุกคืบไปทีละจุด

เอ่อ…

กูเปลี่ยนใจ เอาแรง ๆ แบบเมื่อกี้นี้ดีกว่า ถึงจะเจ็บ แต่ไม่สยิวแบบนี้ พี่มันยังไม่หยุดหอมแก้มผมเบา ๆ ราวกับจะกลั่นแกล้ง

“พอ…พี่เอก”

“อะไรกัน พี่ยังหอมไม่หนำใจเลย”

มึง หอมกันแบบนี้ มาฟัดกูเลยดีกว่าไหม

อะจ๊ากกก!!!

ผมแค่คิดครับ ไม่คิดว่าพี่มันจะทำจริง ๆ พี่มันดันผมนอนลงบนโซฟา แล้วคร่อมทับลงมาอีกที แล้วหลังจากนั้นก็…

เซ็นเซอร์ครับ

แม่ม แฟนใครวะ หื่นจริง ๆ

 












 


“เป็นไรเต้ย”
ผมทักเพราะเห็นมันนั่งเหม่อแบบนี้มาหลายวันแล้ว

“กาย กูไม่ได้เป็นเกย์นะ แต่กูคิดว่า นอกจากพี่เป้แล้ว กูกำลังชอบผู้ชายคนหนึ่งอยู่ว่ะ”

“ใคร”

“กูไม่รู้ บังเอิญเจอกันในเน็ต”

“มึง พวกที่มาผ่านเน็ต ไว้ใจไม่ค่อยได้นะเว้ย”
ผมรีบเตือน

“กูรู้ กูก็แค่เข้าไปคุยเล่น ๆ แต่กูกับเขาดันคุยกันถูกคอซะนี่”

“เขาเป็นเกย์?”

“เปล่า ชายแท้ แต่ดันมาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เลยยิ่งคุยกันถูกคอเข้าไปใหญ่”
มันเล่าแบบเพ้อ ๆ ผมพยักหน้าหงึกหงัก

“ถ้าดีก็ขอให้มึงสมหวังละกัน จะชายหรือหญิง ถ้าทำให้มึงมีความสุขและตัดใจจากพี่มึงได้ กูก็ยินดีทั้งนั้น”

มันพยักหน้าแล้วกลับไปนั่งเหม่อต่อ

 

 




 

 

อาทิตย์นี้พวกเราตกลงจะไปเดินป่ากัน นำทีมโดยคุณแม่สุดสวย และ…

แม่ม

มากันยกยวงอีกแล้ว นี่ตกลงจะไปไหนก็ต้องไปกันเยอะ ๆ ใช่ไหมเนี่ย ตอนแรกผมจะไปกับพ่อแม่ ไอ้เต้ยแล้วก็พี่เอก แต่พวกพี่ ๆ มันอยากไปด้วยครับ

จากรถเก๋งบ้านธรรมดา เราเลยต้องเปลี่ยนมาเป็นรถตู้แทน ขาดพี่เป้ไปแต่ได้มาเพิ่มคนหนึ่ง

พี่เก่งนั่นเอง

พอดีพี่แกชอบเดินป่า พอรู้ว่าพวกผมจะมา แกเลยขอติดมาด้วย (แกเป็นลูกป่าลูกเขามาก่อนน่ะ) ปกติพี่เก่งเป็นคนที่ทำงานหนักกว่าใครเพื่อนอยู่แล้ว (ทำงานเหมือนเป็นร้านตัวเองมากมาย) ผมเลยอนุญาตให้พี่มันมาด้วยได้

“เอาล่ะทุกคน สู้โว้ย!!”

พวกเราในชุดพร้อมรบ เสื้อผ้าแขนยาว หนา ๆ กันทั้งลมหนาวและสัตว์ป่าตัวเล็ก ๆ ที่จะกัด รองเท้าบูทหุ้มข้อ กระเป๋าเป้เดินทาง พร้อมเต็นท์ขนาดพกพา ถุงนอนและหมวกพร้อมสรรพ เราจะออกเดินทางกัน โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญทางเป็นคนดูแล

งานนี้แม่พกกล้องมาด้วยครับ ฝีมือการถ่ายไม่ดีเท่าไหร่ แต่อยากถ่ายเก็บไว้ด้วยตัวเอง

พวกเราเริ่มออกเดินทางกันแต่เช้าเพื่อจะได้ไปถึงเป้าหมายก่อนค่ำ ยังดีที่พวกเรากรุ๊ปใหญ่ เลยอุ่นใจ ได้ยินเสียงสัตว์ป่าร้องโหยหวนด้วย ไกด์เดินนำ ตามติดด้วยไอ้เต้ย พ่อแม่ และผมกับพี่เอก ส่วนพวกเพื่อน ๆ พี่มัน เดินรั้งท้ายครับ เดินไปคุยกันไปชิว ๆ

“คุณระวังนะ!! อันนั้นมีพิษ อย่าไปจับ”

ผมหันไปมองตามเสียง เห็นพี่เก่งจับมือพี่อิงค้างไว้กลางอากาศ

“เขาห้ามจับพวกต้นไม้หรือเห็ดโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะเห็ดสีสันสดใส ถึงไม่ได้เอาไปกิน แต่เห็ดบางชนิดแค่แตะก็มือร้อนคล้ายถูกไฟไหม้แล้ว”

พี่อิงพยักหน้าหงึก พี่เก่งปล่อยมือ เดินตรงมาทางผม หน้าพี่อิงแดงใหญ่เลย หรือว่า…พี่อิงจะถูกเห็ดพิษไปแล้ว!!

ผมรีบเดินไปหาพี่แกทันที

“พี่อิง เมื่อกี้ได้แตะเห็ดพิษไปหรือเปล่า!!”

“เปล่านี่ ทำไมเหรอ”

“ก็หน้าพี่ดูแดง ๆ”

พวกพี่ ๆ ด้านหลังพี่อิงพากันขำคิก ยังไม่ทันที่พี่อิงจะตอบ เอวผมก็ถูกรวบก่อนโดนรั้งให้เดินนำห่างออกไป

“พี่เอก! จะรีบเดินไปทำไม ผมเป็นห่วงพี่อิง สงสัยจะโดนเห็ดพิษนะ”

“ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกน่า”

“ไม่ให้ห่วงได้ไง พี่อิงหน้าแดงซะขนาดนั้น เมื่อกี้มืออาจเผลอไปโดนเห็ดพิษแล้วก็ได้”
ผมยังท้วงต่อ ยื้อตัวจะกลับไปดูอีกรอบ

“ไม่ได้โดนเห็ดพิษหรอก โดนอย่างอื่นมากกว่า”

“อะไร?”

พี่เอกยิ้ม “ต้นไม้ชนิดนี้ โดนทีไร หน้าจะแดงทุกที”

ผมมองหน้าพี่มันงง ๆ 

กูไม่เคยเดินป่า กูไม่รู้ รีบ ๆ บอกมาเดะ อมพนำอยู่นั่นแหละ กูจะได้มีความรู้ไว้ประดับหัวบ้าง เวลามาเดินครั้งหน้ากูจะได้ไม่เผลอไปแตะ เกิดเป็นต้นไม้มีพิษ ทำให้เป็นผื่นพุพอง กูไม่อยากเสียโฉมนะเว้ยเฮ้ย

“อะไร” ผมถามย้ำพี่มันอีกที

“อืม… พิษของมันจะมีผลมากน้อย ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของคน อย่างของกาย ถ้าเป็นแต่ก่อน แค่แตะถูกมือ หน้าก็จะแดงแล้ว แต่ช่วงนี้ คงต้องมากกว่านั้นหน่อย”

ยิ่งฟัง ยิ่งงงครับ

“มากแค่ไหนล่ะ”

มึงรีบ ๆ บอกมาเดะ กูอยากรู้

พี่มันก้มหน้ามาหอมแก้มผมเบา ๆ ผมรีบจับแก้มตัวเองไว้ หน้าร้อนขึ้นมาทันที

“เนี่ย หน้าแดงแล้ว”

ผมอ้าปากพะงาบ ๆ ไอ้เต้ยเดินมาชนไหล่ผมเบา ๆ

“พี่เอก แม่.งเจ้าเล่ห์ หาทางหอมแก้มมึง มึงก็ยังไม่รู้ตัวอีก”

ผมหันไปมองมัน

“แล้วกูจะไปรู้ไหมล่ะ แล้วเกี่ยวอะไรกับเห็ดพิษ”

ไอ้เต้ยถอนหายใจเบา ๆ

“เขามึงงอกแน่ะกาย”
มันยังใช้มุขเดิม ผมคิ้วขมวด

กูไม่ได้โง่นะเฮ้ย แต่กูไม่รู้จริง ๆ

“ก็พี่อิงเขา…”
มันกระซิบข้างหูผมเบา ๆ

“เฮ้ย!! จริงดิ”

“มึงมองไม่ออกรึไง”

“ได้ไงง่ะ”

“พี่อิงเขาชอบอาหารนี่มึงก็รู้ เห็นอาหารเป็นต้องวิ่งเข้าหา แล้วพี่เก่งน่ะ เขาก็เป็นพวกชอบทำอาหารเหมือนกัน ยิ่งอยู่ร้านกาแฟ กลิ่นตัวพี่แกก็มีแต่กลิ่นกาแฟ พี่อิงจะชอบก็ไม่แปลก”

“เหรอ ไม่เคยสังเกต”
ผมหยุดเท้าไว้ หันหลังเดินกลับไปหาพี่เก่ง

“พี่เก่ง”
ผมเรียก พี่แกหยุดเท้ากึก ผมเดินเข้าไปชิด ดมไปทั่วทั้งอกพี่แก

“อืม ตัวพี่มีกลิ่นกาแฟจริง ๆ ด้วย ผมไม่เคยสังเกต นี่พี่ใช้นำหอมกลิ่นกาแฟด้วยเหรอ ได้ข่าวว่ามีแต่น้ำหอมกลิ่นช็อกโกแลต”

เอวผมถูกใครบางคนกระชากออก ผมหันไปมอง

พี่เอกนั่นเอง แล้วจะมาทำหน้าเหมือนพวกขี้ไม่ออกไปทำไม

พี่เก่งยืนขำ

“พี่ชอบคลุกอยู่กับกาแฟตลอดเวลาเพื่อศึกษาเรื่องกาแฟและเมล็ดกาแฟน่ะ อยู่ร้านก็เสิร์ฟ อยู่บ้านก็คิดสูตรกาแฟ เสื้อผ้าพี่เลยมีแต่กลิ่นกาแฟ”
พี่มันดึงเสื้อที่หน้าอกขึ้นไปดม

“ใช่ มีแต่กลิ่นกาแฟจริง ๆ”
ผมย้ำ

“รีบเดินกันดีกว่า พี่ไม่อยากถูกเอกฆ่าเอา”
พี่เก่งชวน ผมทำหน้างง หันไปมองพี่เอก เห็นพี่มันขมวดคิ้วใหญ่

“อ้าว เป็นอะไรฮะ”
ยังทำหน้าเหมือนพวกขี้ไม่ออกอยู่

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า หรือโดนต้นไม้มีพิษอีก”
แต่คงไม่ใช่พิษแบบที่พี่มันทำกับผมแน่ ๆ

“ใช่ พี่โดนพิษ แรงด้วย พิษมันกระจายไปทั่วทั้งตัวเลย”
ผมทำหน้าตกใจ

“โดนตรงไหนพี่ ทายาก่อนไหม”

พี่เก่งหัวเราะร่วน รั้งไม่ให้ผมเอากระเป๋าออกจากหลัง (เจ้าหน้าที่ให้ยาจำเป็นกับทุกคนครับ)

“อาการพวกนี้ไม่มีผลกับผิวหนังหรอก แต่มีผลโดยตรงกับหัวใจ”

ผมตาโต หยุดเท้าตัวเองลงกึก

“งั้นต้องพาพี่เอกกลับไปหาหมอน่ะสิ”

พี่เอกหน้าบูดยิ่งกว่าเดิม ส่วนพี่เก่ง หัวเราะงอหายไปเลย

มึงจะขำอะไรกันนักหนา คนกำลังไม่สบาย

“พี่หมายถึง…พิษรักแรงหึงต่างหาก”
พี่แกทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเดินนำห่างไป ผมยืนอึ้งอยู่กับที่ ค่อย ๆ หันไปมองคนที่ทำหน้าหงิกอยู่ข้าง ๆ รู้สึกเหมือนเขาตัวเองจะงอก ๆ ยังไงบอกไม่ถูก


ผมเดินเคียงพี่เอกไปเงียบ ๆ ไม่แวะไปทักทายใครด้วย กลัวพี่เอกจะโดนพิษรักแรงหึงเข้าอีก

หึ ๆ


 

 

 

 

 

เหนื่อยครับ ทางมันไม่ได้ราบ เดินขึ้น ๆ ลง บางทีต้องขึ้นเขาลงภูเขา ข้ามต้นหญ้ากิ่งไม้ไปเรื่อย ๆ พวกเรานั่งพักกันไปหลายรอบมาก เดินกันไม่นาน พวกเราก็มาถึงลานกว้าง ที่เป็นจุดพักและชมวิวกันแล้ว ด้านซ้ายสุดมีหน้าผาอยู่ ด้านล่างเป็นแม่น้ำ น้ำกำลังไหลเชี่ยวเชียว น่ากลัวสุด ๆ ตกลงไปคงตายลูกเดียว

เขาไม่ได้กั้นรั้วไว้ครับ ปล่อยตามธรรมชาติเพื่อความสวยงาม แต่เขาเตือนเอาไว้แล้วว่าห้ามเข้าใกล้หน้าผามากเกินไป   

นอกจากกรุ๊ปเราแล้ว ยังมีผู้คนจากกรุ๊ปอื่นมาเดินกันด้วย แต่เดินเส้นทางอื่นครับ เห็นเด็กตัวเล็ก ๆ อายุไม่เกินสิบขวบมาเดินด้วย เก่งจัง

เห็นน้องวิ่งเล่นอยู่ในลาน ใส่ฮูดน่ารักเชียว ผมเลยเดินเข้าไปขอถ่ายรูปเล่นนิดหน่อย ท่าทางน้องจะชินกล้องครับ ยิ้มหวานเก็กหล่อใหญ่เลย โตขึ้นท่าทางจะเจ้าชู้นะเนี่ย
 
อยู่ ๆ น้องก็วิ่งหนีไป เรียกเอาไว้ไม่ทันครับ พอหันไปมองด้านหลังตัวเองก็เห็นพี่เอกมายืนกอดอกเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่

“พี่เอกทำเด็กกลัว”

พี่มันเลิกคิ้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

พวกเรากระจัดกระจายเลือกจุดที่ชอบในการกางเต็นท์ รีบกางครับ จะได้ไปดูพระอาทิตย์ตกกัน วันรุ่งขึ้นค่อยไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันอีกที

ผมปล่อยให้พี่เอกกางเต็นท์ไป ส่วนผม ถ่ายรูปตอนที่พี่แกกางเต็นท์ พี่แกใจดีครับ กางให้พ่อกับแม่แล้วก็เพื่อน ๆ ผู้หญิงคนอื่น ๆ ด้วย

พอจบ พวกเราก็ไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกกัน หลังจากนั้น พวกเราก็มานั่งรอบกองไฟเพื่อพูดคุยกัน ที่นี่เราจะไม่ร้องรำทำเพลงครับ มันรบกวนสัตว์ป่า แค่สองทุ่ม พวกเราก็เข้านอนแล้ว หลังจากนั้นก็ตื่นกันอีกทีตอนตีห้าเพื่อเตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์ขึ้น

“กาย ตื่นได้แล้ว”
ทั้งที่ปกติผมจะตื่นยากตื่นเย็น แต่ถ้าพี่เอกมาปลุกจะตื่นง่ายมาก (ถ้าตอนกลางคืน ผมไม่โดนหนัก ๆ น่ะนะ)

เมื่อคืนปลอดพี่เอก พี่แกคงเห็นว่าคนเยอะ เลยไม่ทำอะไรผมมาก ได้นอนเต็มอิ่มหน่อย ผมตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน ใส่ชุดให้มันทะมัดทะแมง แล้วเลือกจุดดี ๆ เพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน

คนอื่น ๆ ได้ที่นั่งกันตรงเนินบน แต่ผมกับพี่เอกได้เนินล่าง(มาช้า ต้องทำใจ) หน้าผาอยู่ไม่ห่างจากผมกับพี่เอกเท่าไหร่ เช้ามาวิวน่าจะสวยใช้ได้ พี่เอกนั่งชันเข่ากับพื้นโดยมีผมนั่งแทรกอยู่ระหว่างขาพี่แกอีกที ในมือถือกล้องคล้องสายไว้ที่คอ รอคอยพระอาทิตย์ที่กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาทักทาย

เหลือเวลาอีกเยอะครับ คงเกือบ ๆ ครึ่งชั่วโมงได้ (ที่รีบมากันเร็ว ๆ เพราะต้องมาจองที่นั่นแหละ ไม่งั้นมุมดี ๆ อาจโดนจับจอง) อากาศดีสุด ๆ ผมนั่งสูดอากาศเข้าปอดไปตั้งหลายรอบ

“กาย” พี่มันกระซิบเรียกข้างหู ผมหันไปมอง

“พี่รักกายนะ”

ผมยิ้ม จูบพี่แกไปเบา ๆ มันมืดครับ แสงจากดวงจันทร์ส่องให้เห็นพื้นที่โดยรอบนิด ๆ แต่คงไม่มีใครมาสนใจเราหรอก บรรยากาศแบบนี้ ผมอยากแสดงให้พี่มันรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่มันบ้างเหมือนกัน

“ผมก็รักพี่เหมือนกัน”

พี่เอกกระชับอ้อมแขนโอบผมแน่นขึ้น แล้วเราสองคนก็พากันแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้านบนพร้อมกัน 

“น้องแจ็ค อย่าวิ่งลูก!!”
แม่ของเด็กที่ผมเคยถ่ายรูปตะโกนเรียก น้องแจ็ควิ่งหัวเราะร่าตัดหน้าพวกเราไป ผมกับพี่เอกทำหน้าตื่น เพราะตรงหน้านั้นเป็นหน้าผาที่ไร้รั้วกั้น พี่เอกรีบดันผมออกลุกจากที่นั่งวิ่งตรงไปหาเด็กทันที แต่พอเด็กเห็นพี่เอก เด็กตกใจวิ่งหนีเร็วขึ้น และกำลังวิ่งตรงไปยังริมหน้าผานั้น

พี่เอกวิ่งเร็วขึ้น จนฉวยคว้าข้อมือของเด็กน้อยเอาไว้ได้ พี่มันเหวี่ยงเด็กให้ลอยกลับมาที่เดิม แต่ตัวเองเสียหลักไถลล้มลงกับพื้น และหลังจากนั้น พี่มันก็หายลับไปกับอากาศว่างเปล่าตรงหน้า

“พี่เอก!!!!!”




 
To Be Con...

ใกล้จบแล้วน้าาา
ps. เรื่องนี้มี 100 ตอนจบค่ะ

ps.2 ฝากเรื่อง Feel คนเจ้าอารมณ์ด้วยน้า คนเขียนลงคู่ที่ 4 ให้อ่านกันจบแล้ว แต่เดี๋ยวกำลังจะเอาคู่ที่ 1-3 มาอัพเพิ่ม (สามคู่แรกไม่ยาวเท่าคู่แรกค่ะ คู่ละไม่ถึงสิบตอนจบ ตามลิ้งค์นี้ >>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278






Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 91 พระอาทิตย์ขึ้น |9/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 09-01-2018 22:18:41
เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
เปลี่ยนมาแล้วก็เปลี่ยนไป

เฮ้อออออ..หล่อเลือกได้


คงต้องปลง ถ้าเจอคนอย่างพระเอกเรื่องนี้
ข่วยยยยยยยยยยเหอะ

รักคนแต่งน๊าาาาาาาาาาา
จัดมาเล๊ยยยยย ยิ่งมาม่ายิ่งชอบ
อิอิ
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 91 พระอาทิตย์ขึ้น |9/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-01-2018 02:00:57
อ้าว..... อีพี่เอกตกเขาไปแล้ว คิดว่าไม่ตาย แต่ไปติดตรงยอดต้นมะม่วงแน่ ๆ ไม่ต้องเป็นกังวลนะ หากิ่งไม้ไปสอยไม่กี่ทีก็หลุดแล้ว พระเอกเรื่องนี้ ตายยาก  :laugh: 
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 92 ความจำเสื่อม |13/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 13-01-2018 09:53:03
92
ความจำเสื่อม
[เอก...☼]




 

ผมสะลึมสะลือตื่น ความรู้สึกหล่นวูบแปลก ๆ กระตุ้นให้ผมต้องเด้งลุกขึ้นมานั่ง ก่อนจะรู้สึกเจ็บจี๊ดไปทั่วทั้งหัวจนต้องกุมมันไว้

“อย่าเพิ่งขยับนะ”
เสียงใส ๆ ของใครบางคนบอก ผมหันไปมอง เห็นน้องผู้หญิงคนหนึ่ง ทิ้งตัวลงมานั่งข้าง ๆ ผมขมวดคิ้วมองด้วยความงุนงง
 

“เจ็บตรงไหนบ้างล่ะพ่อหนุ่ม”
ก่อนจะมีชายสูงวัยเดินมาทิ้งตัวลงนั่งอีกฟากตามมาติด ๆ ด้วยคุณยายวัยไล่เลี่ยกัน ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไป ปวดหัวเอามาก ๆ ร้าวไปทั้วทั้งตัวเลย
 

ที่สำคัญหิวครับ

ท้องผมพากันร้องจ๊อก ๆ จนคุณยายต้องหันไปบอกน้องผู้หญิงให้ไปหาข้าวหาน้ำมาให้ผมกิน
 
“หลานนอนไม่ได้สติอยู่สองวันกว่า ๆ แน่ะ กะว่าถ้าวันนี้ยังไม่ฟื้น จะพาไปหาหมอในเมืองนะเนี่ย”
คุณตาว่า ผมพยักหน้า กำลังงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น

ไม่นานน้องผู้หญิงก็ยกถาดอาหารเก่า ๆ มาวางไว้ตรงหน้า ภายในมีกับข้าวที่ทำจากปลาและผักเป็นหลัก ที่เห็น ๆ ก็มีแกงส้มดอกแค แค่เห็นน้ำลายก็ไหลลงมาพลั่ก ๆ แล้ว มีปลาทอด น้ำพริก ผักต้ม แล้วก็ผัดผักบุ้ง ตามมาติด ๆ ด้วยข้าวสวยสีขาวฟู ๆ ในหม้อเก่า ๆ รอบนอกดำไปหมด
 
พอน้องยื่นจานข้าวมาให้ ผมก็จัดการกินแหลกด้วยความหิวโหยทันที คุณตาคุณยายมองผมที่สวาปามอาหารอึ้ง ๆ ดูทีท่าว่าจะไม่พอด้วย คุณตาเลยเดินไปหยิบกล้วยที่กำลังสุกเหลืองน่ากินมาให้ทั้งเครือเลย พอข้าวหมด ผมก็ดึงกล้วยมาซัดแบบไม่เกรงใจใคร มาตอนนี้ มีช้างก็กินช้างครับ
 
หลังจากผมอิ่ม คุณตาก็ยื่นขันน้ำเก่า ๆ ที่ถูกขัดจนเลื่อมมาให้ ผมรับมาดื่มอึก ๆ จนน้ำเกือบหมด
 
“กินเก่งจริง ๆ”

ผมตบหน้าอกตัวเองแรง ๆ ให้น้ำที่ค้างอยู่ลงไป น้องผู้หญิงเขยิบมาลูบหลังให้เบา ๆ

“ดีแล้ว กินได้เยอะขนาดนี้ แปลว่าภายในไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
คุณตาว่า
 
แล้วน้องผู้หญิงก็ยกถาดข้าวที่ผมกินอิ่มไปเก็บ

“ขอบคุณครับ”
ผมบอกเสียงทุ้มที่ติดจะแหบพร่าเล็กน้อย

“ชื่ออะไรล่ะพ่อหนุ่ม”

ผมกลืนน้ำลาย กำลังจะบอก

ว่าแต่…

กูชื่ออะไรวะ?

ผมขมวดคิ้วนั่งคิด มองหน้าคนนั้นทีคนนี้ทีไปมา   

“ผม…ไม่รู้”

“อ้าว”
อันนี้เป็นเสียงคุณตา

“จำชื่อตัวเองไม่ได้เลยรึ”
อันนี้เป็นเสียงคุณยาย

“สงสัยสมองพี่แกจะได้รับการกระทบกระเทือน“
อันนี้เป็นคนหลาน

“ไม่รู้ว่าพ่อหนุ่มมาจากไหนนะ แต่เห็นลอยน้ำมาเกยอยู่ริมแม่น้ำที่ตากับไอ้สาไปหาปลากันพอดี”

ผมพยักหน้ารับ พยายามนึกให้ออกว่าตัวเองเป็นใคร แล้วมาจากไหน

แต่นึกไม่ออก

ก้มมองตัวเอง ทั้งร่างใส่เพียงกางเกงเลเนื้อหนาสีน้ำเงินเก่า ๆ ท่อนบนเปลือยเปล่า

“พี่ตัวใหญ่ ไม่มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยน มีแค่กางเกงเลของตาตัวนี้แหละที่พอใส่ได้ สลับกับชุดของพี่เอง เดี๋ยวพรุ่งนี้ สาจะเข้าเมืองไปซื้อตัวใหม่ให้”
น้องผู้หญิงเป็นคนบอก

ผมพยักหน้า มองไปรอบ ๆ ตัวบ้าน ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนที่นอนตัวเองที่ปูด้วยเสื่อเก่า ๆ มีผ้าห่มบาง ๆ รองหลังและมีผ้าห่มบาง ๆ อีกผืนเอาไว้ห่ม และเพราะความหิวเมื่อกี้ ตอนผมลุกนั่งไม่ได้สนใจมอง มันเลยม้วนอยู่ที่ขา ผมดึงมันออกไปวางไว้ข้าง ๆ แทน

บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ทำจากหญ้าคา สภาพเก่ามากแล้ว ข้าวของเครื่องใช้ภายในก็เก่าไปหมดทุกอย่าง แต่สะอาดสะอ้านดี ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรเลย และถ้าให้เดา ไฟฟ้าก็น่าจะยังมาไม่ถึงด้วย แต่ตัวบ้านเย็นสบายดีครับ

รูปแบบบ้านสไตล์ไทยบ้านนอกแบบนี้ รู้สึกเหมือนใครบางคนจะชอบน้า

ใครสักคนที่ติดอยู่ในความรู้สึก แต่นึกไม่ออก

ใครหว่า….

“อันนี้ของพี่” น้องสายื่นสร้อยมาให้เส้นหนึ่ง “ของส่วนตัวของพี่อยู่ตรงนู้น ไม่มีบัตรติดตัว มีแต่แบ้งค์ยับ ๆ ติดอยู่ในกระเป๋ากางเกงพันเดียว พวกเราเลยไม่รู้ว่าพี่เป็นใคร ทำอะไร อยู่ที่ไหน สายังไม่ได้ไปแจ้งข่าวกับพ่อผู้ใหญ่ กะว่าจะรอให้พี่ฟื้นก่อนแล้วค่อยไปแจ้ง”
ผมพยักหน้า รับสร้อยเส้นนั้นมาดู

“สัญลักษณ์อะไรน่ะนั่น”
คุณตาถามเพราะรูปทรงอันแปลกตาของมัน

“พระอาทิตย์น่ะครับ”

“อ้อ จะว่าไปตอนตาไปเจอหลาน ก็ตอนพระอาทิตย์กำลังขึ้นพอดีเหมือนกัน”

ผมมองหน้าคุณตา ก่อนก้มมองสร้อยพระอาทิตย์อีกที พลิกด้านหลังขึ้นมาดู

“15 For 19”

ผมไม่รู้ว่าความหมายของตัวเลขเหล่านี้คืออะไร แต่ผมรู้สึกว่ามันต้องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผมมากแน่ ๆ

“จำชื่อตัวเองไม่ได้ งั้นก็เรียกว่าพ่ออาทิตย์ไปก่อนละกัน”
คุณตาเสนอ

“ซัน”
ผมโพล่งขึ้น

“อะไรนะ”
คุณตาถามย้ำ

“เรียกผมซันก็ได้ครับ ผมคุ้นกับชื่อนี้มากกว่า”

“เหรอ เอางั้นก็ได้ อาจเป็นชื่อเล่นจริง ๆ ของหลานก็ได้”

“ผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ซันเป็นภาษาอังกฤษ แปลว่าพระอาทิตย์น่ะครับ”
ผมจำเรื่องพวกนี้ได้ แต่ทำไมถึงจำเรื่องอื่น ๆ หรือครอบครัวไม่ได้หว่า

ใช่ว่าจะจำอดีตไม่ได้เลย แต่เหมือนภาพที่เห็นจะเบลอ ๆ จำได้ลาง ๆ แต่เหมือนความทรงจำมันไม่ชัด และขาด ๆ หาย ๆ มากกว่า

“เอาเถอะ พ่อซันลุกไหวไหม นอนมานาน จะไปเดินเล่นเพื่อผ่อนคลาย หรือจะนอนต่อ”
คุณยายถาม

“ขอผมเดินเล่นหน่อยดีกว่าครับ”
ผมค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน เซหน่อย ๆ เพราะไม่ได้ลุกมานาน จนสาต้องเข้ามาช่วยพยุง

“พาพี่เขาไปเดินเล่นทางใต้นะลูก กว้างหน่อย เดี๋ยวย่าไปดูผักให้ พรุ่งนี้สาจะได้เอาไปขาย”

น้องสาพยักหน้ารับ
 

ผมเดินสำรวจไปรอบ ๆ โดยมีน้องสาช่วยพยุงและเป็นไกด์นำทาง

“เราปลูกข้าวได้ตลอดทั้งปีเพราะเหมืองเรามีน้ำไหลตลอด ผักหญ้าก็ปลูกกินเองทุกอย่าง เลยไม่เดือดร้อนต้องเข้าหมู่บ้านไปหาซื้ออะไรเท่าไหร่ สาจะเข้าเมืองอาทิตย์ละครั้ง เอาผักไปแลกกับชาวบ้าน หรือไม่ก็เอาไปขาย เพื่อซื้อน้ำปูน้ำปลามาเก็บไว้ที่บ้านเพิ่ม”
น้องสาอธิบาย

“พี่เหมือนไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาเลยนะ คงเป็นลูกคนรวย แต่ดูสุภาพเรียบร้อย ไม่ห่ามเหมือนพวกลูกชายนายอำเภอ”
น้องสาบ่น ทำหน้างอนิด ๆ น่ารักน่าเอ็นดูดี ผมได้แต่นิ่งฟัง พยายามทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปในตัว

แต่ผมจำอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ ภาพทุกอย่างมันดูเบลอไปหมด เหมือน ๆ จะจำได้ แต่ก็จำไม่ได้
 

 

 

 

 




 

 

น้องสาไปแจ้งความกับพ่อผู้ใหญ่ให้ผมวันนี้ ใจจริงผมอยากตามไปด้วย แต่คุณตาห้ามไว้ เพราะระยะทางมันไกล ต้องเดินด้วยเท้าเป็นระยะทางมากกว่าสิบกิโล ล้มไป สาคนเดียวจะเอาไม่ไหว

“ไอ้สามันจะไปขายของที่ตลาดกลางหมู่บ้านทุกวันเสาร์ ยังไงก็รอไปวันนั้นละกัน”
คุณตาบอก ผมเลยจำต้องอยู่โยงเฝ้าบ้านอย่างช่วยไม่ได้(คุณตาคุณยายไปทำงานครับ)

ผมนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ที่บ้านจนเบื่อ พอตากับยายกลับมา ผมรีบเดินกะเผลกไปช่วยคุณตาหิ้วของทันที
 
“ไหวแล้วรึ”
คุณตาถาม ผมพยักหน้า

“ให้อยู่เฉย ๆ ผมคงต้องบ้าตายแน่ ๆ”

สองตายายพากันหัวเราะร่วน ถึงจะเจ็บขาเจ็บแขนบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับทำอะไรไม่ได้เลย

“ไอ้สายังไม่กลับรึ”

ผมส่ายหน้า

“คงจะเข้าเมืองไปหาซื้อของหลายอย่าง”

ผมพยักหน้าเข้าใจ หิ้วของขึ้นบ้านช่วย หลังจากนั้นผมก็ช่วยตากับยายทำงานก๊อกแก๊กทั่วไป ตามวิถีชีวิตแบบชาวบ้านง่าย ๆ ครับ

“มีกันแค่นี้เองเหรอครับ”
ผมถามตอนช่วยคุณตาเก็บแห ส่วนคุณยายนั่งขอดเกล็ดปลาอยู่ในครัวนู่น คงทำข้าวเย็นเลย 

“มีกันแค่นี้แหละ พ่อแม่ไอ้สามันตายไปตั้งแต่มันเกิดใหม่ ๆ แล้ว มันเป็นเด็กดี แต่ก็น่าสงสาร ทั้งที่อยากเรียนหนังสือ แต่ติดตรงที่ต้องดูแลตากับยายนี่แหละ มันเป็นเด็กขยัน ขนาดไม่มีโอกาสได้เล่าได้เรียนเหมือนคนอื่น มันก็ยังขวนขวายไปหาหนังสงหนังสือมานั่งอ่านนั่งเรียนเอง บางวันมันก็ไปให้ชาวบ้านหรือครูสอนให้ มันเป็นเด็กฉลาดนะ มันเคยขนพวกผักและผลไม้ไปฝากพวกครู ๆ เพื่อแลกกับการสอนหนังสือให้มัน ให้มันได้รู้กอไก่กอกา หลังจากนั้น มันก็มานั่งอ่านเอง มันเป็นพวกชอบอ่านหนังสือน่ะ”
คุณตาชี้ไปยังกองหนังสือที่ถูกเก็บใส่ตู้ไม้เก่า ๆ น้องสาคงดูแลดี เพราะแทบไม่มีฝุ่นจับเลย

“มันอ่านหนังสือทุกชนิดนั่นแหละ ก็ไปขอ ๆ เขามา อย่างใครที่เรียนจบแล้ว หรือบ้านไหนที่มีแล้วโละ ๆ มันเอาหมด เห็นมันบอกว่า ตอนนี้มันอ่านไปถึงพวกปอตรีปอโทกันแล้วมั้ง ถ้ามันได้เรียนจริง ๆ ตาคงภูมิใจ”

ผมนิ่งฟังไปเรื่อย ๆ

“แต่โรงเรียนมันไกลบ้าน กว่าจะเดินทางไปกลับ มันใช้ระยะเวลานาน แล้วอีกอย่าง มันห่วงตากับยาย เป็นอะไรขึ้นมาระหว่างวันจะลำบาก”

ผมยิ้ม ไม่แปลกใจว่าทำไมน้องสาถึงได้ดูแสนรู้แสนซนขนาดนั้น

“กลับมาแล้วค่า!!!”
ได้ยินเสียงน้องสาดังแว่วมาแต่ไกล ตามมาติด ๆ ด้วยเจ้าตัวที่วิ่งเหงื่อโชกหอบของพะรุงพะรังเข้ามา ผมละจากคุณตาไปช่วยน้องสาหิ้วของเข้าบ้าน

ตัวก็เล็ก แต่หิ้วมาซะเยอะเชียว

“หาเสื้อผ้าตัวใหญ่ ๆ ให้พี่ยากน่าดู สาเลยต้องนั่งรถเข้าเมืองไปอีกเพื่อหาซื้อให้”

“พี่ใส่ยังไงก็ได้ ขอแค่ไม่โป๊ก็พอ”

น้องสาหัวเราะร่วน แล้วพวกเราก็ช่วยกันจัดเสบียงให้เข้าที่เข้าทาง หลังจากนั้นน้องสาก็ไปช่วยคุณยายทำกับข้าวต่อ

ตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ ผมใช้ชีวิตเหมือนชาวบ้านธรรมดา ตื่นแต่เช้า เข้าไร่บ้าง เข้าสวนบ้าง เข้านาบ้าง แล้วแต่ว่าคุณตาจะพาไป ไม่ก็ไปที่แม่น้ำหว่านแหหาปลา โดยมีคุณตาเป็นคนสอน

แกบอกผมหัวดี สอนแป๊บเดียวก็ทำได้แล้ว ส่วนน้องสาก็ไปช่วยคุณยายปลูกผักปลูกหญ้า หุงหาอาหารไป ผมช่วยงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ในขณะที่สมอง ก็พยายามจำให้ได้ว่าตัวเองเป็นใครและมาจากไหน

“สาแจ้งพ่อผู้ใหญ่ไว้แล้วล่ะ ว่าถ้ามีคนมาตามหาพี่ก็ให้มาหาพี่ที่นี่”
น้องสาบอกให้คลายใจ

เรากำลังจะไปเก็บผักบุ้งกันที่หนองน้ำขนาดเล็กด้านล่างนี้แหละ ที่นี่มีผักสะเทิ้นบกสะเทิ้นน้ำแทบทุกชนิด ๆ เหมือน ๆ คุณตาจะแพลนเอาไว้

มุมหนึ่งเป็นผักกระเฉด อีกมุมเป็นผักบุ้ง อีกมุมเป็นผักแว่น และยังมีผักอีกหลายอย่าง น้องสาพับขากางเกงสูงถึงสะโพก เดินลุยน้ำลงไปเก็บ ตอนแรกผมจะเดินลงไปด้วย แต่สาบอกไม่เป็นไร ให้ผมยืนอยู่เฉย ๆ เก็บแป๊บเดียวก็เสร็จ

เก็บเร็วมาก แป๊บ ๆ ได้มาหอบเบ้อเร่อ วันนี้คงเป็นผักจิ้มน้ำพริกและปลาย่างล่ะมั้ง 

น้องสาอายุ 14 กว่า ๆ อีกไม่ถึงเดือนก็จะ 15 แล้ว ตัวเล็ก ๆ หน้าตาดูน่ารักแบบเฉี่ยว ๆ ดี ดวงตาสีนิล ผิวคล้ำจากการตากแดด ผมสีเดียวกับดวงตา ยาวถึงกลางหลัง กตัญญู ทำอาหารเก่ง พูดเก่ง แล้วก็ร่าเริงดี   

นิสัยแบบนี้ ทำให้ผมนึกถึงใครขึ้นมาตงิด ๆ
 



 

 

 

 

 

 

ผมนั่งเหม่อ กอดเข่าหลวม ๆ แหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์เกือบกลมท่ามกลางท้องฟ้าสีไม่มืดไม่สว่าง ทุกเย็น ผมจะต้องมานั่งอยู่ริมชาน แล้วแหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์แบบนี้เสมอ

ผมไม่รู้ว่าพระจันทร์มีความสำคัญกับผมยังไง แต่ทุกครั้งที่ผมมอง ผมจะรู้สึกสบายใจ

ผมจับสร้อยที่คอไว้ ก่อนปลดมันออก ยกดูเหนือใบหน้า ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ตั้งแต่ทรงกลมของพระอาทิตย์ คลื่นของแสงแดด และลายแปลก ๆ ตรงกลาง รวมถึงตัวหนังสือด้านหลังด้วย ผมหย่อนมันลงมาเหนือริมฝีปาก และจูบมันเบา ๆ
 
มันให้ความรู้สึกเหมือน ๆ กับผมเคยสัมผัสกับอะไรบางอย่างมาก่อน บางอย่างที่คุ้นเคย ผ่านสร้อยพระอาทิตย์เส้นนี้ มันให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

“สาว่าสร้อยเส้นนี้ต้องเป็นของสำคัญสำหรับพี่แน่ ๆ เลย”
สาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ผมหันไปมอง

“พี่ไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้สึกอุ่นใจที่มีมันอยู่”

“ไม่แน่นะ บางที...คนสำคัญของพี่ อาจให้พี่มาก็ได้”

“คงงั้นมั้ง”
ผมบอกยิ้ม ๆ ใส่มันกลับลงคออีกครั้ง แหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์อีกที
 

 

 

 

“สาเอ้ย!! ตื่นรึยังลูก”
เสียงปลุกน้องสาพาเอาผมต้องตื่นขึ้นมาด้วย ผมชะโงกหน้ามองนาฬิกาข้อมือที่ผมถอดวางไว้ข้างหมอน หกโมงพอดี

ผมลุกออกจากที่นอนไปด้านนอก เห็นคุณตาคุณยายเดินถืออุปกรณ์การหาปลามา สงสัยจะลงเหมืองไปหาปลากันแต่เช้ามืด ผมรีบเข้าไปช่วยทันที

“เสร็จแล้ว ๆ”
น้องสาเปิดประตูเดินออกมาในชุดน่ารัก

“โอ้ น่ารักเชียวไอ้สาหลานยาย”
ยายยิ้มแป้นเชียว

“หาโอกาสแต่งสวยยาก วันนี้มีคนไปด้วย เลยแต่งสวยได้”
น้องสาบอกยิ้ม ๆ

วันนี้น้องสาใส่กางเกงขาสามส่วนสีน้ำตาล เสื้อยืดเข้ารูป หน้าอกไม่มีครับ สงสัยจะยังไม่โต ไม่มัดผมด้วย

“พ่อซันไปล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวเถอะ”
คุณตาว่า ผมรีบไปอาบน้ำเตรียมตัว พอเรียบร้อยก็เห็นน้องสากำลังจะหิ้วของ ผมรีบเข้าไปแย่งทันที

“สาหิ้วได้พี่ แค่นี้จิ๊บจ๊อย”

“พี่รู้”
เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้ แต่แรงเยอะครับ เฮ้วเอาเรื่อง

“ให้พี่หิ้วไปก่อนละกัน พี่เมื่อยเมื่อไหร่สาค่อยช่วย”
ถ้าไม่พูดแบบนี้ สาคงไม่ยอมให้ผมหิ้วแน่ ๆ “และอีกอย่าง…” ผมมองหน้าสาตรง ๆ “วันนี้สาแต่งตัวน่ารัก เดินเฉย ๆ ก็พอ”

สาหน้าแดงทันทีที่ผมพูดจบ ผมหัวเราะหึ ๆ

“เอาล่ะ ขายกันให้หมดนะ”
คุณยายสั่งเสีย

“โห เชื่อมืออีสาเหอะน่า”
สายกกำปั้นทำท่าฮึด ผมอมยิ้ม แล้วพวกเราก็พากันออกเดินทาง ปกติสาจะแต่งตัวมิดชิด เพราะเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เดี๋ยวมีคนมาฉุดมาฆ่ามันจะยุ่งเอา

เราเดินลัดเลาะไปตามทางเดินที่สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าไม้สลับกับริมคลองเล็ก ๆ สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ชั่วโมงกว่า ๆ เราก็เดินมาถึงถนนใหญ่ ยืนรอกันสักแป๊บ ก็มีรถวิ่งผ่านมา น้องสารีบโบกทันที

บ้านนอกครับ โบกใคร ใครก็จอด เป็นรถกระบะเก่า ๆ แต่ก็ดีกว่าต้องเดินเท้าเป็นไหน ๆ เราลงรถกันที่ตลาดใหญ่ ช่วงเช้าเป็นตลาดของกิน ช่วงบ่ายจะเป็นตลาดเที่ยว น้องสาเอาของไปปูขายกับพื้น ที่นี่ไม่เสียค่าที่ด้วย ทางการเขาจัดไว้ให้ชาวบ้านโดยเฉพาะ

เห็นลีลาการขายแล้ว ผมก็อดขำไม่ได้ ดีว่าวันนี้แต่งตัวน่ารัก หนุ่ม ๆ เลยเหมาไปซะเกือบหมดร้าน ซื้อแล้วก็อยากได้ของแถมเป็นเบอร์โทรของแม่ค้า แต่น้องสาบอกไม่มีเบอร์มือถือ มีแต่เบอร์รองเท้าจะเอาไหม 

กวนได้อีก

ไม่นานน้องสาก็ขายหมด ได้เงินหลายร้อยอยู่ น้องสาไปหาซื้อข้าวของที่ขาดเพิ่มเติม ที่เหลือก็เอาเงินไปฝากไว้ที่ธนาคารหมู่บ้าน ถ้าไม่ได้ใช้ของฟุ่มเฟือย เงินก็เหลือเก็บเหลือใช้มากมายทีเดียวเชียว

“เสาร์หน้าเป็นเสาร์สิ้นเดือน ตลาดคนจะเยอะมาก เดี๋ยวสาจะพาพี่มาเดินเที่ยวด้วย”
และพวกเราก็จบการค้าขายไว้เพียงแค่นั้น

ผมกับสาเดินทางไปบ้านผู้ใหญ่อีกที เพื่อแจ้งความไว้ ผู้ใหญ่ไม่อยู่ เลยทิ้งเรื่องไว้กับผู้ช่วยอีกที

ผมกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม ตื่นเช้าเข้าไร่เข้านา ตกเย็นหาปูหาปลา จนลืมไปเลยว่าต้องออกไปตามหาครอบครัวตัวเอง อีกอย่างผมไม่รู้ว่าจะตามหายังไงด้วย

ให้ไปหาตำรวจ แล้วแจ้งว่าความทรงจำผมหาย ช่วยตามหาให้ที มันก็กระไรอยู่ ผมเลยปล่อยเวลาให้มันล่วงเลยจนเข้าอาทิตย์ที่สอง

วันนี้เราจะหิ้วของไปขายกันในตลาดเหมือนเคย เอาของไปเยอะขึ้น เพราะมีผมช่วยแบก ผมเอาเงินที่ผมพกติดตัวมาด้วย

พอมาถึงก็จริงอย่างที่น้องสาว่า เพราะข้าวของเยอะมาก และจัดระเบียบดีกว่าวันปกติ เรานั่งขายของกันช่วงเช้า พอหมดเราก็เก็บของเตรียมเดินเล่นกัน วันนี้ไม่มีของที่ต้องซื้อ เลยมีเวลาเยอะ

“สาอยากได้กิ๊ฟติดผมอันใหม่ หวีใหม่ด้วย อันเก่าพังหมดแล้ว”
น้องสาบอกยิ้ม ๆ

“แถวนี้มีร้านหนังสือไหม”
ผมถาม น้องสาพยักหน้า

“มีค่ะ แต่เป็นหนังสือเก่านะ อย่างพวกหนังสือเรียน หรือหนังสือที่เขาเอามาบริจาคน่ะ ไม่แพงหรอก พี่อยากได้อะไรเหรอ”

“พาพี่ไปหน่อยสิ”
ผมไม่ตอบ แต่ถามต่อ น้องสาพาผมเดินตรงไปยังร้านนั้นทันที มันเป็นร้านหนังสือเก่า ๆ ครับ เป็นพวกหนังสือเรียน หนังสืออ่านเล่น และหนังสือทั่วไป ร้านใหญ่อยู่เหมือนกัน

“อยากได้เล่มไหนหยิบเอาเลย พี่ให้งบพันหนึ่ง”

น้องสาตาโต

“ไม่เอาดีกว่า เยอะขนาดนั้น”

“เอาเถอะน่า หยิบเอาเถอะ ถ้าไม่เอา พี่เอาไปให้คนอื่นนะ”
ผมทำท่าจะเดินไปจริง ๆ จนน้องสาต้องรั้งไว้

“หยุด ๆ!! สาเอาเองก็ได้”

ผมยิ้ม ยืนรอน้องสาเลือกหนังสืออยู่อีกมุมของร้าน

“เฮ้ยไอ้ปิง!! พวกเรามาตามหาคน ไม่ได้มาเดินช็อปปิ้ง!!”

“กูรู้น่า แต่ขอกูดูนิดหนึ่ง เผื่อมีหนังสือหายากอยู่แถว ๆ นี้ ไม่เกินสิบนาทีหรอกน่า”
ได้ยินเสียงคนกำลังเถียงกันอยู่อีกฝากของชั้นหนังสือ เสียงฟังดูคุ้นเคยยังไงพิกล แต่ผมไม่ได้สนใจ หยิบหนังสือที่วางกอง ๆ กันอยู่ขึ้นมาดู หนังสือมันเก่าได้ใจจริง ๆ

“รีบไปเถอะน่า!!”

ผมหันไปมอง เห็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง กำลังดึงคอเสื้อผู้ชายที่ตัวเล็กกว่านิดหนึ่งเดินผ่านหน้าไป

“เดี๋ยวเดะ กูดูแป๊บเดียว!!”
คนที่ถูกรั้งคอเสื้อพยายามยื้อใหญ่ ผมเลิกคิ้วมอง อมยิ้มนิดหนึ่ง แล้วก้มดูหนังสือต่อ 

ตัวเล็ก

ไอ้ตัวเล็ก…

คำบางคำโผล่ขึ้นมาในหัว ผมละสายตาจากหนังสือมาทำท่าคิด แล้วคำคำนั้นก็ค่อย ๆ จางหายไป

ไม่นานน้องสาก็เดินหอบหนังสือจนสูงท่วมหัวมาหา ผมรีบเดินเข้าไปช่วยทันที พันหนึ่งได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอวะ

“เล่มละไม่กี่สิบบาทเอง”
น้องสาบอก ผมพยักหน้า หอบหนังสือเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์

“ไอ้โอ๊ค กูขอร้อง ขอกูดูนิดหนึ่ง!!”

“เอ้อ ๆ กูให้เวลามึงสิบนาที”

ผมหันไปมอง เห็นคนขอยิ้มแป้น เดินไปยังมุมที่ผมเพิ่งเดินจากมา ตามติดด้วยอีกคนที่ไปยืนทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่ข้าง ๆ

พอได้หนังสือ พวกเราก็ฝากเอาไว้ที่ร้านก่อน ขากลับค่อยมาแบกกลับ แล้วพวกเราก็พากันไปเดินดูของในงานกันต่อ

“กายไปดูทางนู้นละกัน ส่วนพี่จะไปดูทางนี้” 

ผมสะดุดหูชื่อของใครบางคนเข้า หันมองไปรอบ ๆ เพื่อหาเจ้าของชื่อนั้น แต่ไม่เห็นใครสะดุดตาเลยสักคน

...กาย

ทำไมผมรู้สึกคุ้นหูชื่อนี้พิกล

หรือว่าจะเป็นชื่อผมเอง?

พวกเราเดินเที่ยวกันอยู่ไม่นานก็เตรียมตัวกลับ

“เกือบลืมไปเลย! สาต้องไปซื้อสารส้มก่อน พี่ซันรออยู่นี่ก่อนนะ”
น้องสายื่นของที่ถืออยู่มาให้ผมหิ้ว ผมรับมาถือไว้งง ๆ

ผมเขยิบไปยืนรออยู่หลังร้านขายกิ๊ฟช็อป (จะได้ไม่ขวางทางคนอื่นเขาครับ ตัวผมใหญ่กินพื้นที่ทางเดินเล็ก ๆ น่าดู) ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นใครบางคนที่ยืนอยู่หน้าร้านค้าร้านหนึ่งห่างออกไปไม่ไกล

ผมหยุดสายตาเอาไว้ที่คนคนนั้น ไม่แน่ใจว่าเพราะการแต่งตัวที่ดูเป็นคนเมือง หรือเพราะใบหน้าเศร้าสร้อยคล้ายคนจะร้องไห้แบบนั้น

เขายืนนิ่ง ทอดดวงตาคล้ายกำลังมองหาอะไรสักอย่างอยู่ แต่เขาไม่ได้มองมาทางผม

ผมรู้สึกคุ้นเคยยังไงพิกล

“กาย!!”

คนคนนั้นหันไปตามเสียงเรียก ผมหันไปมองตาม เห็นผู้ชายคนหนึ่งโบกมือเรียกเดินตรงเข้ามาหา ผมไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่เห็นคนชื่อกายพยักหน้า เดินตามชายคนนั้นไป ผมมองตามจนลับสายตา รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันทีจนผมต้องกุมมันไว้

“เป็นอะไรหรือเปล่าพี่ซัน”
น้องสาเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง

“พี่ปวดหัวนิดหน่อย”

สาขมวดคิ้วมอง “สงสัยจะยังไม่หายดี แวะซื้อยากันสักหน่อยดีกว่า”

ผมพยักหน้าเดินตามน้องสาไป             

ขณะที่ผมยืนรอน้องสาซื้อยาอยู่ สายตาผมก็เหลือบไปเห็นใครคนนั้นเข้าอีก เขายืนห่างจากผมไปอีกล็อก รู้สึกหัวใจผมเต้นแรงแปลก ๆ ผมมองใครคนนั้นแทบตาไม่กะพริบ หวังให้เขาหันมามองผมบ้าง

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณนะฮะ”
น้ำเสียงก็คุ้นเคยยังไงพิกล ผมกับเขายืนห่างกันแค่สองวาเท่านั้น

หัวใจผมเต้นแรงขึ้นเมื่อคนคนนั้นกำลังจะหันมามอง

“กาย!”
แต่เสียงเรียกของใครอีกคนเบนสายตาและใบหน้าของเขากลับไปอีกด้าน แล้วคนคนนั้น ก็เดินตามเจ้าของเสียงนั้นไป

ความผิดหวังเข้าเกาะกุมจิตใจ

ไม่รู้ทำไม ผมถึงได้อยากให้เขาเห็นหน้าผมยังไงบอกไม่ถูก

ผู้ชายตัวขาว ๆ ที่ชื่อกาย



 

To Be Con....
  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:







Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 92 ความจำเสื่อม |13/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 13-01-2018 19:05:15
 :a6: :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 92 ความจำเสื่อม |13/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Sky ที่ 14-01-2018 02:01:02
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 92 ความจำเสื่อม |13/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-01-2018 02:47:25
รู้สึกสมใจผสมกับสะใจ ที่เอกตกระกำลำบากเสียบ้าง เอาหลาย ๆ ตอนเลยนะ ทำกายเจ็บมาหลายตอนแล้วนี้  :hao3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 92 ความจำเสื่อม |13/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 14-01-2018 07:21:40
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 93 พรหมลิขิต Part 1 |20/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 20-01-2018 08:54:05
93
พรหมลิขิต
[กาย...♥]
Part 1





 
เหมือนโลกทั้งใบของผมพังทลายลงในพริบตา ผมตะโกนเรียกสุดเสียงตอนเห็นพี่เอกหายลับไป พอตั้งสติได้ ผมรีบวิ่งไปดู

แต่ก็ไม่เห็นอะไรแล้ว 

โลกของผมพังทลายลงมาแล้ว

พวกเรารีบเร่งแจ้งตำรวจและหน่วยกู้ภัยเพื่อตามหาพี่เอก แต่น้ำด้านล่างไหลเชี่ยวมากจากพายุฝนที่เพิ่งตกลงมาจากทางตอนเหนือ ทำให้การค้นหาเป็นไปได้อย่างยากลำบาก

และพวกเขา…ก็คว้าน้ำเหลว

จากชั่วโมงที่พวกเรารอคอยด้วยความหวัง ผ่านไปเป็นวันยิ่งร้อนรนห่วงหา จนเข้าวันที่สองที่สามก็ยังไร้ร่องรอย ยิ่งนานยิ่งท้อแท้ จนผ่านมาร่วมอาทิตย์ เราก็ยังหาพี่เอกไม่พบ

“กายกินข้าวหน่อยนะลูก”
ได้ยินเสียงเรียกจากแม่ ผมนอนอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขก ในมือถือรีโมตกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ เผื่อว่าจะมีข่าวคราวพบเจอผู้ประสบภัยอะไรบ้าง 

“กาย”
แม่เรียกอีกครั้งเมื่อผมไม่ได้ขยับหรือตอบรับตามเสียงเรียก โซฟาข้างเอวยุบฮวบตามน้ำหนักที่ไม่มากนักของแม่ แม่ลูบหัวผมเบา ๆ

ผมละสายตาจากข่าวไปมอง

“กินข้าวหน่อยดีกว่านะ เมื่อเช้าก็ยังไม่ได้กิน แม่ไม่อยากให้กายป่วยนะลูก”

ผมมองหน้าแม่เลื่อนลอย

“แม่รู้ว่ากายเสียใจเรื่องเอก แต่กายก็ต้องมีชีวิตและมีแรงรอคอยข่าวสารนะลูก ถ้ากายป่วย แล้วเกิดพวกเราเจอเอกขึ้นมา กายกับเอกคงไม่ได้เจอกันอีก”
แม่พยายามหลอกล่อ ผมมองตาแม่อยู่พัก ก่อนยันตัวลุกขึ้นนั่งดี ๆ

“คุณ!…ลูกกินข้าวบ้างรึยัง”
ได้ยินเสียงพ่อดังมาจากทางหน้าประตู ผมกับแม่หันไปมอง เห็นพ่อยืนค้ำมือข้างหนึ่งไว้กับขอบประตู ส่วนอีกข้างพยายามดึงรองเท้าออกอยู่

ผมมองนาฬิกาข้างฝา เที่ยงกว่าแล้ว พ่อคงรีบกลับมากินข้าวกับผม พ่อเดินมาทิ้งตัวลงนั่งอีกด้าน ลูบหัวผมเบา ๆ ในขณะที่แม่ลุกเดินเข้าครัวไป

“ถ้ารอคอยแล้วมันทรมานมากนัก งั้นทำไมพวกเราไม่ลองไปตามหากันดูล่ะ”

ผมมองหน้าพ่อ

“ยังไม่พบศพ แปลว่ามีความเป็นไปได้สูงว่ายังไม่ตาย เรายังมีความหวังนะ เราลองเริ่มต้นตามหาจากจุดที่เอกเขาตกลงไป เผื่อมีใครเห็น แต่มาแจ้งข่าวไม่ได้ พ่อลองให้คนไปสืบข่าวดู แถบนั้นมีหมู่บ้านเล็ก ๆ เยอะมาก บางหมู่บ้านก็ตกสำรวจ ไม่ค่อยจะมีเครื่องมือสื่อสารหรือทีวีดู บางทีเอกเขาอาจบาดเจ็บกำลังรักษาตัวอยู่ หรือมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ออกมาแจ้งข่าวด้วยตัวเองไม่ได้ก็ได้”
พ่อบอกข้อสันนิษฐาน ผมรู้สึกวูบโหวงและทรมานใจยังไงพิกล 

“แม่เห็นด้วยนะ อย่างน้อยก็ดีกว่ารอคอยอย่างทรมาน”
แม่ยื่นน้ำเปล่าเย็นฉ่ำให้พ่อแล้วทิ้งตัวลงนั่งที่เดิม แม่ลูบหัวผมเบา ๆ

“ที่สำคัญ แม่ไม่อยากเห็นกายเป็นแบบนี้”

ผมมองตาแม่ เห็นแววความห่วงใยเต็มไปทั่วดวงตาคู่นั้น

พวกเรายังพอมีความหวังใช่ไหม

“ครับ ผมจะลองดู”

“งั้นกายต้องกินข้าวเยอะ ๆ นะลูก พ่อทดลองอดมื้อเช้าแบบกายดู ทรมานสุด ๆ ไปเลย นี่กะว่าจะมากินข้าวกับกาย ถ้ากายยังไม่กินอีก พ่อคงต้องอดไปถึงมื้อเย็น งานนี้พ่อคงหมดหล่อ…จริงไหมคุณ”
ประโยคแรก ๆ พ่อพูดกับผมฮะ แต่ประโยคสุดท้ายบอกเลยไปทางแม่ ผมขำออกมาทันที

“พ่อไม่ได้พูดเล่นนะ ฟังเสียงเอาสิ”
พ่อให้พิสูจน์ โดยการพากันนั่งเงียบ ๆ

จ๊อก! โครก! คราก!

ชัดแจ๋วเลยครับ

“คุณ! มาทำแบบนี้ เดี๋ยวกระเพาะก็ถามหาหรอก”
แม่วีน

“โธ่คุณ ลูกยังทนได้เลย ผมก็ต้องทนให้ได้สิ”

“ทั้งพ่อทั้งลูกนั่นแหละ”
แม่งอนแล้วครับ ตาแดง ๆ แก้มป่อง ๆ จนทั้งผมทั้งพ่อต้องรีบเข้าไปกอด

“โธ่คุณ ผมจะกินข้าวแล้ว สงสารกระเพาะตัวเองเหมือนกัน แสบก็แสบ หิวก็หิว หงุดหงิดก็หงุดหงิด วีนลูกน้องไปหลายคนเลยวันนี้”

ผมรู้สึกผิดมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากจะทำร้ายตัวเองแล้ว ผมยังทำร้ายพ่อกับแม่ที่ห่วงใยผมอีกหาก โดยเฉพาะพ่อ ที่จงใจอดข้าวไปกับผมด้วย

“ป่ะ ไปกินข้าวกันได้แล้ว เก็บแรงไว้เยอะ ๆ เพราะเส้นทางที่เราต้องเดินทาง มันไม่ราบรื่นหรอกนะ ไม่มีทั้งถนน ทั้งไฟฟ้า ดีไม่ดี บางช่วงเราต้องเดินกันหลายสิบกิโลเลย พ่อทำเรื่องลางานไว้อาทิตย์หนึ่งสำหรับตามหาเอกโดยเฉพาะเลย”

ผมมองหน้าพ่อ 

นี่พ่อทำเพื่อพี่เอกขนาดนี้เลยเหรอ

ไม่ใช่สิ…

นี่พ่อ ทำเพื่อผมขนาดนี้เลยเหรอ…

มื้อนั้นผมกับพ่อเลยซัดข้าวกันจนหมดหม้อเลย (แม่โทรสั่งให้พี่วินซื้อข้าวมาเพิ่มด้วย ไม่พอครับ)

“เอาอีกไหมลูก”
แม่ถาม ผมตีพุงปุ ๆ ส่ายหน้าไปมา

“แล้วคุณล่ะคะ”
แม่หันไปถามพ่อบ้าง สภาพพ่อก็ไม่ต่างกับผมเท่าไหร่ ตีพุงตัวเองปุ ๆ ให้แม่ดู

“ไม่ไหวแล้วคุณ ถ้าให้กินอีกคำ มันคงล้นมาถึงนี่”
พ่อชี้ไปที่คอหอยตัวเอง

“คุณ ช่วงนี้คุณออกกำลังกายบ้างรึเปล่าเนี่ย พุงยื่นแล้วนะ”
แม่หยิบเนื้อที่พุงขึ้นมาดู พ่อยิ้มแหะ ๆ

“ช่วงนี้ผมเร่งงานน่ะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะลางานตั้งอาทิตย์”

ผมสะอึก ก้มหน้าสำนึกผิด

“ขอโทษครับ”

พ่อลูบหัวผมเบา ๆ

“อย่าคิดมากนะลูก อะไรที่เราทำได้ เราก็ทำ แต่ก็ให้ทำใจเผื่อเอาไว้สักหน่อย ลูกจะได้ไม่เจ็บมาก”

ผมพยักหน้ารับคำ

พ่อกลับไปทำงาน ทิ้งให้ผมกับแม่เตรียมตัวเพื่อเดินทาง

ผมโทรไปหาพี่กิ๊ฟเพื่อใช้เส้นของพวกพี่แกในการลากิจที่มหา’ลัยเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ พอพวกพี่กิ๊ฟรู้ว่าผมจะไปที่ไหน พี่แกก็ขอร่วมขบวนไปด้วย ผมโทรบอกพ่อกับแม่พี่เอกด้วย พ่อถามว่ามีใครไปกับผมบ้าง ผมก็บอกว่ามีผม พ่อแม่ผมและพวกพี่ ๆ คุณพ่อกับคุณแม่เลยจะร่วมขบวนไปด้วย

น่าจะไปกันยกครัวนะนั่น

 

 






 

 

 

 

 

 

 

“คุณ!! เสร็จรึยัง”
พ่อตะโกนเรียก

“เสร็จแล้ว ๆ”
แม่วิ่งตึง ๆ ลงมาจากห้องนอน

วันนี้แม่ใส่เสื้อยืดสีเขียวขี้ม้า กางเกงลายทหาร รองเท้าบูทหุ้มข้อสำหรับเดินป่า สวมหมวกแก๊ปรวบหางม้า ดูทะมัดทะแมงดี ด้านนอกสวมแจ็กเก็ตสีเขียวขี้ม้าเข้มกว่าสีเสื้อยืดด้านใน 

“คุณ จะไปรบกับใครเขาเนี่ย”
พ่อผมแซว

“รบกับคุณไง ต่างกันตรงไหนล่ะ”
แม่แซวกลับ ผมหลุดขำ หันไปดูทางพี่ผู้ชายหน้าหล่อเคราขึ้นข้าง ๆ วันนี้พ่อแต่งเท่ฮะ ออกแนวทหารราวกับนัดกันมา ยิ่งไว้หนวดไว้เคราบาง ๆ ดูขรึม ๆ แบบนี้ เหมือนท่านนายพลเลย

“เห็นคุณแล้วอยากกลับเข้าบ้านไปแต่งนิยายแนวทหารเลยแฮะ”
แม่พูดขึ้นมาลอย ๆ พ่อเลิกคิ้วสูง

แม่ไม่พูดอะไรต่อ เสหน้าแดง ๆ ไปด้านข้าง พ่อเลยหันมาทางผมแทน

“แม่เขาหมายความว่ายังไงลูก”
พ่อถามผม แต่ชี้นิ้วไปหาแม่ ผมยิ้ม

“แม่เขาคงอยากจะชมว่าพ่อน่ะทั้งหล่อทั้งเท่ เหมือนท่านนายพลเลย”

พ่ออมยิ้มเขิน

โดนเมียตัวเองชมทางอ้อมครับ

 

“ลูกพ่อก็หล่อเหมือนกัน”
พ่อลูบหัวผมเบา ๆ ผมไม่ได้แต่งทหารเหมือนพ่อกับแม่หรอก แค่ใส่เสื้อยืดสีน้ำเงินด้านใน ด้านนอกเป็นแจ็กเก็ตสีเขียวเข้มกับกางเกงยีนสีซีดธรรมดา กันหน้าพังด้วยหมวกแก๊ปอีกนิดหน่อย และตบท้ายด้วยรองเท้าเดินป่า

พวกเรานัดเจอกันหน้าบ้านพี่เอก งานนี้พ่อพี่เอกจะออกค่าใช้จ่ายให้พวกเราทั้งหมดเลย เกรงใจอยู่เหมือนกัน เพราะเป็นความคิดของครอบครัวผม แต่ท่านบอกว่ายินดีมากกว่า เพราะจะมีคนมาช่วยตามหาพี่เอกเพิ่มขึ้น

พอพวกเราไปถึง พวกพี่ ๆ ก็มากันพร้อมหน้าพร้อมตากันหมดแล้ว ทั้งพี่มอ พี่โอม พี่โอ๊ค พี่ปิง พี่อิง พี่อ้อย พี่สาว และพี่กิ๊ฟ จะขาดก็แต่พี่เป้เท่านั้นแหละ แต่พี่เป้ส่งตัวแทนมาครับ
 

“ไงมึง จะไปทำไมไม่ชวนกูสักคำ”
มันต่อว่าทันทีที่ผมก้าวลงจากรถ

“กูไม่ได้ไปเที่ยวนี่”

“กูรู้ แต่นี่สำคัญยิ่งกว่าการไปเที่ยวซะอีก มึงต้องคิดถึงกูเป็นคนแรก ไม่ใช่ให้กูรู้เป็นคนสุดท้ายแบบนี้”
มันพูดงอน ๆ ผมเดินไปผลักไหล่มันเบา ๆ

“เฮ้ย โทษทีนะเพื่อน กูไม่คิดจะลืมมึง แต่กูแค่เกรงใจ ไม่อยากพามึงไปลำบาก แล้วอีกอย่างงานนี้ เราอาจต้องเดินทางกันดึก ๆ ดื่น ๆ กูกลัวมึงจะไม่ไหว”

มันพยักหน้าเข้าใจ

“กูไม่รับปากหรอก ว่ากูจะไหวไม่ไหว แต่กูจะพยายาม พวกทโมนยังทำได้เลย”

ผมอมยิ้ม

“ถ้ามึงมั่นใจ กูก็โอเค”

“แต่กูยังงอนมึงไม่หายที่ไม่เล่าให้กูฟัง แล้วนี่มึงคิดจะบอกกูเมื่อไหร่”
มันไล่บี้อีก

คือมันกะทันหันน่ะ พอพ่อบอก พวกผมเตรียมตัว โทรหาพี่กิ๊ฟ โทรบอกคุณพ่อคุณแม่พี่เอก แล้วก็พากันมาเลย ลืมนึกถึงมันไปจริง ๆ

“เฮ้ยเต้ย กูขอโทษ มันฉุกละหุกจริง ๆ”
มหกรรมง้อยังมีต่อไป ตอนนี้ทุกคนพากันเงียบมองมาที่ผมกับไอ้เต้ยกันหมด แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งครับ

“ไม่เป็นไร งั้นมึงเอาขนมมาง้อกูหนึ่งห่อ”
มันแบมือมาขอหน้าตาย ผมอ้าปากเหวอ ตีมือมันไปป้าบใหญ่

“ไอ้เชี่ย!! ไอ้งก กูก็คิดว่ามึงจะงอนกูจริง ๆ”

ผู้คนที่ยืนอยู่รอบด้านพากันหัวเราะร่วน ดึงบรรยากาศอึมครึมเมื่อกี้ให้หายไปเลย ผมยิ้มให้มันนิดหนึ่ง

“ขอบใจมากนะมึง”
ที่ทำให้กูหัวเราะได้หลังจากไม่ได้หัวเราะมานาน

“ไม่เป็นไร เพิ่มเป็นสองห่อ”
มันแบบมือมาสองข้าง ผมตีเพี้ยะอีกที ตามด้วยเบิ้ดกะโหลก

กูว่ามึงไม่ตลกล่ะ ท่าทางอยากได้ขนมจริง ๆ มากกว่า

“เอ้อ ๆ ระหว่างทางกูจะซื้อให้ละกัน คนที่บ้านให้อาหารไม่พอรึไง ถึงต้องมาเห่ามาหอนหาของกินข้างนอกแบบเนี้ย”
หมาครับ หมาในปากผมเริ่มอาละวาดแล้ว สงสัยจะเก็บกด ไม่ได้เห่าได้หอนมานาน

“มึง หมาอย่างกูเป็นพันธุ์หายากนะ ไม่รีบรับเลี้ยงมึงจะเสียใจ”
มันว่าหน้าเชิด ผมจับหลังหูมันเบา ๆ

“อะไร”
มันขมวดคิ้วถาม

“ขี้กลากขึ้นว่ะ สงสัยกูต้องจับมึงอาบน้ำด้วยน้ำยาชิลกี้แล้วล่ะ”

“ไอ้สาด”
แล้วมันก็ไล่ตื้บผมจนทุกคนพากันหัวเราะร่วนอีกระลอก

ผมรู้ว่าคุณแม่นั่งร้องไห้คิดถึงพี่เอกทุกวัน(พวกทโมนโทรรายงานแม่ผมตลอด แล้วแม่ก็มากรอกหูผมอีกที) อย่างน้อย ผมก็อยากทำให้ทุกคนได้ผ่อนคลายบ้าง แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม 

“เอาล่ะ ทุกคนพร้อมนะ!!”
พ่อผมตะโกนถาม ทุกคนขานรับ

พ่อกับแม่ผมแต่งตัวแนวลุย ๆ แต่พ่อกับแม่ของพี่เอกแต่งตัวแนวธรรมดาครับ พ่อใส่เสื้อยืดโปโล กางเกงยีนหนาหน่อยกับรองเท้าเดินป่า ไม่ต่างกับแม่ที่ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนรองเท้าเดินป่าเหมือนกัน

หันไปมองสองหนุ่มที่ทำให้หัวใจผมเจ็บแปลบ เพราะใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคนที่พวกเราต้องการตามหา สองหนุ่มแต่งตัวคล้ายกันคือเสื้อยืดกางเกงยีนเหมือนกัน

“หยุดร้องไห้ได้แล้วน่าแอม”

“ก็เขาคิดถึงพี่เอกนี่”

“เดี๋ยวก็เจอ”
พวกทโมนเดินออกมาจากบ้านกันเป็นกลุ่มสุดท้าย พอเห็นผมเท่านั้นแหละ ก็พากันวิ่งเข้ามากอดหมับทันที
“พี่กาย เราจะเจอพี่เอกกันไหมคะ”

“แล้วพี่เอกจะปลอดภัยไหม”

“ไอกลัวจังเลย”

ผมลูบหลังพวกน้อง ๆ ตัวเองก็ยังเอาตัวแทบไม่รอดแล้วจะไปปลอบใจใครได้ แต่ผมแอบยืมการปลอบใจของแม่มาใช้นิดหน่อย

“พวกเราต้องมีความหวังนะ”

น้อง ๆ เงยหน้ามอง ผมเช็ดน้ำตาให้น้องแอมเบา ๆ 

“จนกว่าจะเจอพี่เอก ห้ามร้องไห้เด็ดขาดนะ ไปร้องต่อหน้าพี่เขาก็พอ”
พอผมพูดจบปุ๊บ น้องแอมก็ซู้ดน้ำมูกแรง เช็ดน้ำหูน้ำตาตัวเองออกพยักหน้ารับ

“ดีมาก เอาล่ะ สู้ ๆ”
ผมกำหมัดฮึดสู้ น้อง ๆ ทำตาม

ผมหวังแค่ว่าในหนึ่งอาทิตย์นี้ พวกเราจะได้ข่าวอะไรที่เกี่ยวกับพี่เอกบ้าง
 

 

 

 

 

 

 

 

พวกเราเริ่มต้นตามหากันตั้งแต่หมู่บ้านแรกล่องลงไปตามแม่น้ำทั้งสองฟากฝั่ง เราแยกออกเป็นสองทีมเพื่อความรวดเร็ว ถ้าเจอข่าวก็ให้ติดต่อกันทางมือถือ หรือถ้าจุดไหนไม่มีคลื่นก็ให้ใช้วิทยุติดต่อสื่อสารแทน (พ่อพี่เอกลงทุนให้ครับ)

พวกเราตามหากันแบบละเอียดยิบ อย่างน้อยถ้าพี่เอกไม่มีชีวิตแล้ว เราก็อยากได้ศพกลับบ้านก็ยังดี

ผมทำใบปลิวตามหาคนหายและรายละเอียดติดต่อกลับติดตัวมาด้วย เผื่อเอาไปแจกให้พวกชาวบ้าน

เราสอบถามกันทั้งผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านทั่วไปว่ามีบ้านไหนเรือนไหน เห็นคนจมน้ำ หรือพบศพคนแปลกหน้าบ้าง สามสี่หมู่บ้านที่ผ่านมา เรายังหากันไม่พบ จะว่าโล่งอกก็โล่งอก จะว่าใจปิ๋วก็ใจปิ๋ว

แต่พวกเราก็ไม่ย่อท้อ ตั้งหน้าตั้งตาหากันต่อไป เดินเท้าบ้าง มอเตอร์ไซค์บ้าง รถกระบะบ้าง ตามแต่พื้นที่จะเอื้ออำนวย
 
ผ่านมาสามวันแล้ว พวกเราทั้งเหนื่อยและท้อ แต่ไม่มีใครคิดจะถอย เรามีเวลาเหลือกันอีกสี่วันเท่านั้น
















 

 

ผมทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นดิน ยกเข่าขึ้นกอดไว้หลวม ๆ แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า คืนนี้เป็นคืนเดือนหงาย รอบด้านสว่างจ้า พระจันทร์และดวงดาวแข่งกันสาดแสงอยู่ด้านบน

“พี่เอก”
ผมยกจี้ขึ้นมาจูบเบา ๆ

“พี่ต้องปลอดภัยนะฮะ”
ผมฝากคำขอผ่านดวงจันทร์ไปให้พี่แก

ได้ยินเสียงกรอบแกรบดังมาจากด้านหลัง ผมหันไปมอง

ใจผมวูบไปชั่วขณะ แต่ความจริงก็คือความจริง ผมอยากให้คนใดคนหนึ่งที่เดินมาเป็นพี่เอกมากกว่า พวกเขาทั้งคู่เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ 

“ไม่เป็นไรนะ”
พี่อิฐลูบหัวผมเบา ๆ ผมเพียงยิ้มอ่อนตอบรับ

ร่างกายน่ะ ไม่เป็นไร แต่หัวใจผมนี่สิ รู้สึกโหวง ๆ แหว่ง ๆ ยังไงพิกล

“พี่มั่นใจนะ ว่าพี่เอกยังปลอดภัยอยู่”
พี่อิฐบอก

“รู้ได้ไงละฮะ”

“ลางสังหรณ์น่ะ”
อันนี้พี่อาร์ตเป็นคนบอก ผมหันไปมอง

“พวกพี่หกคนพี่น้องลางสังหรณ์ดีกันทุกคน”

“มั่นใจได้แค่ไหนครับ”

“ถ้ามันยังไม่เน่าซะก่อนก็ล้านเปอร์เซ็นต์” พี่อาร์ตบอก ก่อนทำสายตาเจ้าเล่ห์มองตาผม “แต่ถ้าพี่เอกเป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ พี่ก็ถือว่าพี่เอกทำบุญมาแค่นี้ สมบัติที่พี่เอกต้องได้ รวมถึงเมีย พี่จะได้รับช่วงมาดูแลต่อ”
พี่มันพูดทีเล่นทีจริงซะทำเอาผมสะดุ้งเลย

แม่ม ยังไม่เลิกคิดจะงาบกูอีกเหรอวะ

พี่มันหัวเราะหึ ๆ ผมนั่งเสียวสันหลังวาบ ๆ ก่อนหันไปสนใจพระจันทร์ด้านบนแทนคนสองคนที่ได้แท่นพิมพ์มาจากคนคนเดียวกัน

           
To Be Con....

คนเราเมื่อคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน
คิสยู คิสเลิฟ ^^
             




Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM               
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 93 พรหมลิขิต Part 1 |20/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 20-01-2018 16:29:51
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 93 พรหมลิขิต Part 1 |20/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-01-2018 02:50:23
สงสารกายนะ แต่ก็สะใจกับเอก หายไปก่อนนะเอก สัก 4-5 ตอน  :hao3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 93 พรหมลิขิต Part 1 |20/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 21-01-2018 14:21:44
บทลงโทษพระเอ :ling3: :ling3: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 93 พรหมลิขิต Part 1 |20/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 21-01-2018 18:57:58
สงสารกาย อย่าเพิ่งท้อนะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 93 พรหมลิขิต Part 2 |23/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 23-01-2018 19:24:38
 

93
พรหมลิขิต
[กาย...♥]
Part 2

 
วันนี้พวกเรามาเดินตามหาพี่เอกกันในตลาดครับ เป็นตลาดประจำเดือนของหลายหมู่บ้านในแถบนี้แหละ เท่าที่รู้มา ผู้คนจากทุกหมู่บ้านจะพากันเอาข้าวของมาขาย (ค่าที่ฟรีครับ) มีของทุกอย่าง พวกเราแยกย้ายกันตามหา ใบปลิวที่ผมทำมาหมดแล้ว เลยใช้วิธีถือกันคนละใบเพื่อสอบถามผู้คนกันแทน

คนเยอะแบบนี้ ผมหวังให้มีใครสักคนรู้ข่าวบ้าง

“พี่ซัน”
ได้ยินเสียงเล็กใสเรียกใครบางคนด้านหลัง ผมไม่ได้หันไปมอง เพราะกำลังสอบถามเรื่องพี่เอกจากคนขายผักอยู่ ที่นี่เป็นตลาดที่คล้ายถนนคนเดินนั่นแหละ ร้านค้าจะตั้งไว้สองข้างทาง เว้นพื้นที่ตรงกลางให้ผู้คนเดินกันได้ประมาณ 4 แถว   

“สาว่าน่าจะซื้อที่โกนหนวดอันใหม่ให้พี่ด้วยดีกว่า หนวดเคราขึ้นครึ้มหมดแล้ว”
เสียงเล็ก ๆ น่ารักว่าต่อ ผมกำลังจะหันไปมอง

“ไม่มีหรอกพ่อหนุ่ม คนหน้าตาโดดเด่นขนาดนี้ เห็นปุ๊บต้องรู้ปั๊บอยู่แล้ว”

ผมรีบหันกลับมามองคนพูดทันที

“ครับ ขอบคุณมากครับ ถ้าเจอยังไง ฝากติดต่อมาที่เบอร์นี้ด้วยนะครับ”
ผมยื่นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่ทำจากกระดาษเอสี่ตัดแบ่ง เขียนเพียงชื่อและเบอร์โทรลงไปเท่านั้น
 
หมดหวังไปอีกรายแล้ว

ผมถอนใจเบา ๆ เดินไปถามคนที่ร้านอื่นต่อ ผมเดินตรงไปยังร้านขายน้ำปั่น ข้างกันเป็นร้านขายพวกกิ๊ฟช็อปสำหรับผู้หญิง ผมยื่นใบปลิวพร้อมสอบถาม แต่คำตอบที่ได้ก็เหมือนเดิม

เหนื่อยครับ หิวแล้วด้วย ผมสั่งโอวัลตินปั่นแล้วยืนกินแก้กระหายอยู่ตรงนั้นแหละ

“พี่ซัน อันนี้น่ารักไหม”

ผมหันไปมองเจ้าของเสียงน่ารักอีกครั้ง เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ยืนหันหน้ามาทางผม กำลังติดกิ๊ฟแหงนหน้าให้ผู้ชายตัวสูงใหญ่ในชุดเสื้อยืดสีน้ำเงินตัวโคร่งกับกางเกงผ้าสีดำดูอยู่

เจ้าของร่างนั้นตัวใหญ่เอามาก ๆ ทำให้ผมนึกถึงพี่เอกขึ้นมาเลย ผมมองเสี้ยวหน้าของชายคนนั้น แต่ไม่ชัดครับ เพราะใส่หมวกมีปีกเก่า ๆ บดบังเอาไว้ หนวดเคราขึ้นครึ้มจนดูน่ากลัว

ผมเห็นด้วยกับน้องคนนั้นนะ ว่าเขาควรจะโกนหนวดโกนเคราออกซะที

ชายคนนั้นไม่ได้ตอบ แต่หยิบอีกอันมาติดให้แทน น้องคนนั้นดูดีใจมาก พวกเขาจ่ายเงิน แล้วเดินไปดูของที่ร้านอื่นกันต่อ

“กาย แถบนี้ไม่มีเลย เราไปแถบนู้นกันดีกว่า”

ผมละสายตาจากคนทั้งคู่หันไปมอง

เราจะยอมแพ้กันไม่ได้ฮะ ยังไงผมก็อยากให้พวกเราเจอพี่เอกกันเร็ว ๆ

 

 

พวกเรากลับมารวมตัวกันอีกครั้ง แต่ดูสภาพใบหน้าของแต่ละคนแล้ว คงไม่ต้องถามหรอกว่าเจอกันหรือเปล่า

“ไม่เป็นไร ยังเหลืออยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง”
พวกเรามองแผนที่ที่เหลือด้วยความหวัง

พอรุ่งสาง พวกเราก็พากันออกเดินทางทันที เป้าหมายคือหมู่บ้านสุดท้ายที่อยู่ในแผนที่ พวกเรากระจายตัวกันไปสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านเหมือนเดิม

“เคยได้ยินมาว่า มีเด็กผู้หญิงในหมู่บ้านเล็ก ๆ กลางป่ามาแจ้งเอาไว้ว่าพบคนพลัดตกน้ำลอยมาติดฝั่ง ไม่รู้ว่าจริงไม่จริง ลองไปถามพ่อผู้ใหญ่ของหมู่บ้านนั้นดูละกัน”

ข้อมูลที่เราได้มาล่าสุดจากชาวบ้าน พาเอาความหวังที่แทบสูญสิ้นเริ่มกลับคืน พวกเรารีบสอบถามเส้นทางเพื่อไปบ้านผู้ใหญ่ของหมู่บ้านนั้น มันไกลเอาการอยู่ครับ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตกสำรวจ ไม่มีในแผนที่เรา

ถ้าจะไปต้องงมทางกันนิดหน่อย เราสอบถามเส้นทางกันไปเรื่อย ๆ แต่ยังไม่ทันจะถึง เราก็ต้องพักกันก่อน เพราะมันมืดแล้ว เสี่ยงเกินไปที่จะเดินทาง

ส่วนคนใจดีที่ให้ที่พักพิงเรา ก็ชาวบ้านที่บอกทางเราคนล่าสุดนั่นแหละ (พวกเราเอาเต็นท์มากันครับ ขอให้มีพื้นที่กว้าง ๆ กับน้ำให้อาบก็พอ) 

พอรุ่งสางพวกเราก็เตรียมตัวกันแต่เช้าตรู่ คุณพ่อให้สินน้ำใจคุณลุงเจ้าของบ้าน แต่แกไม่เอา บอกว่าเป็นคนไทย เรื่องแค่นี้ ถือว่าช่วย ๆ กันและอวยพรให้พวกเราเจอพี่เอกด้วย พวกเรากล่าวขอบคุณกันยกใหญ่

เพราะสิ่งที่แกให้ ไม่ใช่เพียงแค่ที่พัก อาหารหรือเครื่องดื่ม แต่เป็นน้ำใจงาม ๆ ที่หาได้ยากแล้วในสังคมเมืองกรุง

ยังดีที่ทางไปบ้านผู้ใหญ่ยังพอเดินรถได้ (แต่ลำบากครับ) พวกเราเลยเหมารถของชาวบ้านแถบนั้นเพื่อเดินทาง พอไปถึง พวกเรารีบเข้าไปสอบถามกันยกใหญ่

“ใช่แล้วล่ะ บ้านตาหลาน่ะ เขาเจอคนจมน้ำลอยมาติดฝั่ง รายละเอียดมีไม่มาก พอดีผมไม่อยู่ มีแต่เด็กรับเรื่อง และใบที่จดรายละเอียดไว้หายไปไหนก็ไม่รู้ กะว่าถ้าเขามาแจ้งความคืบหน้าอีก ก็จะขอเอาไว้ ที่จำได้คร่าว ๆ ก็คือ เป็นผู้ชาย ตัวสูงใหญ่ ได้รับบาดเจ็บมา นอกนั้นก็จำอะไรไม่ได้”

พวกเราพากันดีใจ อย่างน้อยข้อมูลคร่าว ๆ ที่ได้มาก็มากพอให้พวกเรามีความหวังและมั่นใจว่าน่าจะใช่พี่เอกแน่ ๆ

เส้นทางการไปบ้านหลังนั้นรถใหญ่ขับไปไม่ได้ เราต้องเดินเท้าอย่างเดียว แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครคิดจะยอมแพ้เลยแม้แต่คนเดียว พวกเราพากันเดินเท้ากันไปตามเส้นทางของป่าเขา โดยมีคนนำทางเป็นลูกบ้านแถวนั้นแหละ

เส้นทางร่วมสิบกิโลจากการเดินเท้า พาเอาพวกเราต้องพักแล้วพักอีกด้วยความเหน็ดเหนื่อย และตอนสายของวันนั้น พวกเราก็เดินทางมาถึงบ้านหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่ง

“สงสัยตาหลากับยายสมจะเข้านา คงต้องรอกันไปก่อน”
คุณลุงคนนำบอก พอดีคุณลุงเขาต้องกลับไปดูแลนาต่อ ลุงแกเลยขอตัวกลับก่อน คุณพ่อก็ให้สินน้ำใจตอบแทนไป พวกเรารีบแยกย้ายกันเดินสำรวจไปรอบ ๆ ตัวบ้านทันที

ลักษณะบ้าน เป็นบ้านไม้เก่า ๆ ยกสูงจากพื้นประมาณเท่าไหล่ผม มีบันไดเก่า ๆ ที่พี่มอกำลังถือวิสาสะก้าวขึ้นไปเช็คดูภายใน ตัวบ้านมีชานยื่นออกมา ลานหน้าบ้านเตียนโล่ง มีต้นมะม่วงและต้นขนุนให้ความร่มรื่น หน้าบ้านดูสะอาดสะอ้านจากการดูแลอย่างดีของเจ้าของบ้าน

ดูสวยจนผมอดใจไม่ไหว เผลอหยิบกล้องออกมาถ่ายรูปไว้ตั้งหลายแชะ

ใต้ถุนบ้านมีอุปกรณ์การหาปลาหลายชนิดแขวนอยู่ มีแหที่กำลังถักค้างไว้ตรงเสาเรือน มีแคร่ขนาดห้าคนนั่งวางอยู่ และมีแคร่ขนาดใหญ่ขนาดสิบคนนั่งอยู่ใต้ต้นมะม่วงอีกที

“เจอชุดไอ้เอกอยู่ข้างในแน่ะ!!”
พี่มอโผล่หน้าออกมาพร้อมชุดพี่เอกในมือ พวกเรายิ้มออกกันทันที แม่รีบวิ่งขึ้นเรือนไปรับเสื้อมาดู

“ใช่ของตาเอกจริง ๆ ด้วย!!”
แม่บอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปะปนดีใจ มันเป็นชุดที่พี่เอกใส่ตอนพลัดตกเหวมานั่นแหละ

พวกเราพากันดีใจ รีบสำรวจไปรอบ ๆ บ้าน ก็เจอรองเท้ากับนาฬิกาที่พี่เอกใส่ตอนล่าสุด คราวนี้พวกเรามั่นใจกันมากว่าพี่เอกต้องอยู่ที่นี่แน่ ๆ

แต่ผมสงสัยอยู่อย่าง ผ่านมาสองอาทิตย์ ทำไมพี่เอกถึงไม่ติดต่อกลับบ้างเลย ถ้าบาดเจ็บจนไม่ฟื้น ก็น่าจะนอนพักอยู่บนเรือน

คาดเดายากครับ ยังไงก็คงต้องรอให้พี่มันกลับมาอย่างเดียวเท่านั้น

พวกเรานั่งรอกันกระทั่งผ่านไปถึงสี่โมงเย็น ถึงได้เห็นคุณยายคนหนึ่งเดินกลับมา คุณยายดูตกใจไม่น้อย ที่เห็นคนแปลกหน้าเกือบยี่สิบชีวิตรอบบ้าน

ผมรีบถลาไปหาคุณยายทันที

“คุณยาย!! พี่เอก!! เจ้าของชุดนั้น คนที่ตกน้ำ แกอยู่ที่ไหน”
ผมเรียบเรียงประโยคถามแทบไม่ถูก คุณยายทำหน้าตื่นกลัวผสมงุนงงมองผม ก่อนมองไปยังผู้คนที่เหลืออีกที จนไปหยุดอยู่ที่พี่อาร์ตกับพี่อิฐ 

“มาตามหาพ่อซันกันใช่ไหม” คุณยายคาดเดา “ตอนนี้กำลังซ่อมฝายอยู่ที่ท้ายเหมืองนู่นแน่ะ อีกไม่นานก็กลับแล้วล่ะ”

“ไปยังไงฮะยาย ผมจะไปตามหาพี่เขา”
คุณยายดูตกใจไม่น้อยกับความกระตือรือร้นของผม

“ก็ตรงไปทางนี้แหละ ลัดเลาะไปตามคันนากับร่องน้ำนะ เดี๋ยวก็เจอ”

ผมรีบวิ่งไปตามเส้นทางที่คุณยายบอกทันที

“แม่ไปด้วย!!”
เสียงคุณแม่เรียก แต่ถูกคุณพ่อห้ามเอาไว้ 

“คุณรอก่อนเถอะ ให้ตากายไปตามคนเดียวก็พอแล้ว”

ผมไม่ได้สนใจอะไรอีก รีบวิ่งลิ่ว ๆ ไปตามทาง

ระหว่างทางเห็นคุณตาแก่ ๆ คนหนึ่ง เดินหิ้วของมา ผมรีบวิ่งเข้าไปหาทันที

“ขอโทษนะครับคุณตา ไม่ทราบว่าพี่เอกอยู่ไหน”
ผมรีบละล่ำละลักถาม คุณตาทำท่างง ๆ

“ใครเรอะพ่อหนุ่ม”

“ผู้ชายตัวใหญ่ ๆ ที่ถูกคนบ้านนั้นช่วยเอาไว้จากการจมน้ำน่ะฮะ”

“พี่ซันน่ะเหรอ”
สาวน้อยแก้มเปื้อนดินเอียงหัวผ่านคุณตามาถาม พอดีเรายืนอยู่บนคันนาเลนเดียว น้องยืนอยู่ด้านหลังคุณตาอีกที หน้าตาน้องคุ้นเอามาก ๆ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน

“พี่แกกำลังซ่อมเหมืองอยู่นู่นแน่ะ เดี๋ยวก็ตามมาแล้ว”

ผมรีบขอทางวิ่งลิ่ว ๆ ไปตามเส้นทางที่น้องบอกทันที

ผมวิ่งบนคันนาไปเรื่อย ๆ จนเห็นเส้นทางของน้ำ ผมวิ่งเรียบลำน้ำต่อไป จนเห็นร่างของใครบางคนกำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ในน้ำที่สูงเพียงสะโพก ผมหยุดเท้าตัวเองไว้ ยืนหอบหายใจแรง จ้องมองเรือนร่างสูงใหญ่คุ้นตา

ร่างสูงภายใต้ชุดม่อฮ่อมสีน้ำเงินเข้มทั้งตัว ตั้งแต่ช่วงอกลงไปเปียกน้ำหมด ปิดบังใบหน้าด้วยหมวกสานจักตอกเก่า ๆ ผิวเนื้อดูคล้ามแดดจนจะกลายเป็นสีแทนเข้ม

หัวใจผมเหวี่ยงแทบไม่เป็นจังหวะ ไม่แน่ใจว่าเพราะเหนื่อยจากการวิ่ง หรือเพราะกำลังตื่นเต้นที่จะได้เจอคนที่ตามหามานาน

จุดที่ผมยืนอยู่ เป็นสี่แยกให้น้ำไหล เพื่อปล่อยน้ำไปตามทุ่งนา เส้นทางที่ผมยืนอยู่ ไม่มีสะพานเพราะมันพังไปหมดแล้ว ผมต้องข้ามไปอีกฝั่งเพื่อไปหาคนคนนั้น

แต่ผมยังไม่แน่ใจ ว่าคนตรงนั้นจะใช่พี่เอกหรือเปล่า นอกจาก…

“พี่เอก!!”
ผมเรียกเสียงดังตัดกับเสียงน้ำที่กำลังไหลหลาก ชายคนนั้นชะงัก หันมามอง และทันทีที่ผมเห็นหน้า ผมรีบก้าวเท้าข้ามสะพานเก่า ๆ นั้นไปทันที

“ระวัง!! อย่าวิ่ง!!”




To Be Con...
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 93 พรหมลิขิต Part 2 |23/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-01-2018 22:19:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 93 พรหมลิขิต Part 2 |23/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 23-01-2018 23:40:28
เจอกันแล้ววว
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 93 พรหมลิขิต Part 2 |23/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-01-2018 00:55:49
ไม่อยากให้เจอกันเลยอ่ะ ยังเคืองอีพี่เอกไม่หาย นี่ก็คงจำน้องไม่ได้แน่ ๆ  :m16:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 94 เจอ |27/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 27-01-2018 09:50:25
94
เจอ
[เอก...☼]





 

ผมกำลังเสียบไม้กับผนังดิน เพื่อสร้างฝายน้ำเล็ก ๆ กันไม่ให้ปลามันว่ายหนี
 

“พี่เอก!!”
เสียงของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง ผมหันไปมอง

แปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะคนที่ผมเคยเห็นในตลาดวันนั้น มายืนอยู่บนสะพานไม้เก่า ๆ ห่างจากผมไปไม่ไกล และคนคนนั้นกำลังจะออกวิ่งเพื่อข้ามสะพานไม้ผุ ๆ ไปยังอีกฟากเพื่อตรงมาหาผม สะพานนั้นมันเก่ามากแล้ว เดินเบา ๆ ก็แทบจะหัก ถ้าวิ่งขนาดนั้นมีหวัง…

“ระวัง!! อย่าวิ่ง!!”
ผมรีบตะโกนห้าม

แต่ช้าไปแล้ว…

สะพานไม้หักลงกลางคัน คนคนนั้นเสียหลักตกลงไปในน้ำที่กำลังไหลเชี่ยว และร่างนั้นกำลังไหลตามน้ำมาทางผม ผมรีบกางขาไว้ที่พื้นเป็นหลักยึด กางแขนออกกว้างรอรับ และทันทีที่ร่างนั้นไหลมาถึง ผมรีบโอบสองแขนรอบเอวไว้ทันที

คนในอ้อมแขนไอค๊อกแค๊กเกาะผมแน่น คงกินน้ำเข้าไปหลายอึก น้ำมันไหลแรง ต่อให้ว่ายน้ำเป็น ก็คงตั้งตัวไม่ทัน ผมตบหลังเบา ๆ ช่วยไล่น้ำ

สัมผัสมันดูคุ้นเคยยังไงพิกล

“ไม่เป็นไรนะ” ผมถาม 

“พี่เอก พี่เอกจริง ๆ ด้วย!”
พอตั้งสติได้ มันก็รีบละล่ำละลักพูด สองมือขาว ๆ จับหน้าจับหัวผมไปมา ผมมองคนตรงหน้างง ๆ

“พี่เอก พี่เจ็บตรงไหนรึเปล่า!”

ผมไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร แต่ผมรู้สึกผูกพันยังไงบอกไม่ถูก ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบหรือถามอะไรกลับ ไอ้คนตรงหน้าก็ยืดตัวขึ้นมาจูบผมแล้ว

...ผมยืนอึ้งอยู่กับที่

ผมรู้ว่าควรจะปฏิเสธ เพราะผมเป็นผู้ชาย และไอ้คนตรงหน้านี้ก็เป็นผู้ชายด้วยเหมือนกัน แต่ผมกำลังทำสิ่งที่ตรงกันข้าม ผมขยับปากบดเบียดตอบรับปากแดง ๆ ของมัน ซ้ำยังทะลวงลิ้นเข้าไปเกี่ยวลิ้นมันภายในด้วย ร่างกายมันนำไปเองครับ

เหมือน ๆ ผมเคยทำแบบนี้กับมันมาก่อน ผมไม่รู้ ผมบอกไม่ถูก รู้แค่ว่าตอนนี้ ผมกำลังหลงใหลรสจูบของมัน

ผมไม่รู้ว่าเรายืนจูบกันอยู่นานแค่ไหน แต่รู้แค่ว่า ยิ่งจูบยิ่งรู้สึกมึนเมา และร่างกายกำลังมีปฏิกิริยาตอบสนอง

คนตรงหน้าค่อย ๆ ถอนปากออกมามอง 

“ผมคิดถึงพี่นะ คิดว่าพี่จะไม่รอดซะแล้ว”
มันกอดคอผมแน่น ผมค่อย ๆ รั้งลมหายใจตัวเองกลับ ก้มหน้ามองมัน

“นายเป็นใคร”
คำถามผม พาเอามันรีบดันตัวออกไปมองหน้าผมงง ๆ ทันที 

“พี่เอก…”

“นั่นชื่อผมเหรอ”

มันยิ่งมีสีหน้างุนงงเข้าไปใหญ่

“พี่เอก เกิดอะไรขึ้นกับพี่!”
มันถามเสียงตื่น

“ไม่รู้เหมือนกัน ลอยน้ำมา จำอะไรไม่ได้เลย”

มันมองผมอึ้ง ๆ ผมมองตอบ สองมือผมยังคล้องอยู่ที่เอวมันอยู่

ไม่อยากปล่อยมือครับ ไม่รู้ทำไม

“พี่จำผมได้ไหม”

ผมส่ายหน้า

มันเบะหน้าทำท่าจะร้องไห้

ผมชะงัก อารมณ์นั้นคิดได้อย่างเดียว

น่ารักวุ้ย

บางส่วนของผมตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ ไอ้ตัวเล็กมันไม่ได้สนใจครับ คงกำลังช็อกที่ผมจำมันไม่ได้

“ผมกายไง ผมเป็น…”
มันหยุดคำพูดไว้ หน้าแดงหน่อย ๆ ทำท่าเหมือนอยากพูดแต่พูดไม่ออก

“เป็น...?”
ผมทวนคำถาม มันก้มหน้า

“เป็นอะไร”
ผมถามอีกที มันเงยหน้าแดง ๆ ขึ้นมามอง

“เป็น…แฟน”

ผมเลิกคิ้วสูง

“แฟน?”

มันพยักหน้า

“กับผู้ชาย?”

มันพยักหน้าอีกที

ผมขมวดคิ้ว ละมือจากเอวมันข้างหนึ่งมาลูบหน้าตัวเองเบา ๆ

นี่กูเป็นเกย์หรือวะเนี่ย

ผมมองคนตรงหน้าอีกที มันก็ไม่ได้ดูเป็นตุ๊ดหรือเป็นกะเทยนี่หว่า แล้วทำไมมาชอบผู้ชายด้วยกันได้วะ

หรือว่าผมเอง ที่เป็นตุ๊ด?

“พี่จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ”
มันขมวดคิ้วถามย้ำอีกที ผมส่ายหน้า มันทำสีหน้าลำบากใจ

“แล้วพี่ยังเจ็บตรงไหนอยู่ไหม”

ผมส่ายหน้า มันถอนหายใจเบา ๆ กวาดมองมาทั่วใบหน้าผม ผมเผลอลูบคางตัวเองด้วยความประหม่า ไม่รู้มันพูดจริงไม่จริงเรื่องที่ผมเป็นแฟนมัน แต่พอรู้ว่าแฟนตัวเองมายืนมองแบบนี้ มันก็แอบเขินอยู่เหมือนกัน หัวใจเต้นแรงด้วย รู้สึกตื่นเต้นยังไงบอกไม่ถูก

แล้วผมหล่อพอรึยังวะ เมื่อเช้าน้องสาโกนหนวดโกนเคราให้ แต่ไม่ได้เอาออกหมด เหลือไว้เป็นเคราบาง ๆ (น้องสาบอกว่า ไว้แบบนี้แล้วดูเท่สมชายดี)

มันก้มหน้า แก้มแดงปลั่ง

แล้วตกลงมึงชอบหรือไม่ชอบวะ

“พี่ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
มันซบหน้ากับอกผม ยิ่งทำแบบนี้ใจผมยิ่งเต้นแรงเข้าไปใหญ่ มือไม้ก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปวางไว้ตรงไหน เลยวางเอาไว้…

บนเอวของมันเหมือนเดิมนั่นแหละ

มันเงยหน้ามองผมอีกที

“ผมว่า เรารีบกลับกันก่อนดีกว่า พ่อแม่ น้อง ๆ แล้วก็เพื่อน ๆ ของพี่รอกันอยู่”

ผมพยักหน้า

“แต่รอแป๊บนะ ขอทำฝายให้เสร็จก่อน”

มันมองไปยังฝายที่ผมกำลังทำอยู่ พอดีเมื่อกี้เศษไม้จากสะพานที่หักมันไหลมากระทุ้งฝายที่อุดไว้ไหลหนี คงต้องเซตกันใหม่ มันพยักหน้า

“ผมจะช่วย”

ผมพยักหน้า ดึงไม้และเศษหญ้าแห้ง ๆ มาอุด โดยมีมันมาช่วยอยู่ข้าง ๆ

เนื้อตัวพวกเราเปียกมะลอกด้วยกันทั้งคู่ มันพยายามดันไม้อัดเข้ากับผนังดินด้านข้าง ผมเดินไปขนาบหลังมันและช่วยดันอีกที

ผมก้มมองคนตัวเล็กกว่านิดหน่อย รู้สึกหวิว ๆ แปลก ๆ กับการยืนท่านี้ยังไงพิกล ใจก็เต้นตึกตัก ผมมองแผ่นหลังเปียกปอนแนบเนื้อไล่ลงไปถึงสะโพกกลมมน และร่องก้นที่เปียกน้ำจนแนบเนื้อของมัน 

และ…

น้องผมก็ตั้งขึ้นมาทันที

ผมชักจะเชื่อแล้วล่ะ ว่ามันเป็นแฟนผมจริง ๆ ไม่งั้น ร่างกายผมคงไม่ตื่นตัวเร็วขนาดนี้หรอก

“เรียบร้อย”
มันหันมาบอก แต่ผมยังไม่ได้ขยับไปไหน หน้ามันเลยห่างจากหน้าผมแค่คืบเดียว

หัวใจผมเต้นแรง มองปากแดง ๆ ของมันอยู่นาน ก่อนหน้าผมจะเคลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ และปากผมกำลังแนบสนิทไปกับปากแดงนั้นช้า ๆ

ปากมันนุ่มชะมัด
 

ผมค้ำสองมือไว้กับกำแพงดินด้านหลัง บดเบียดปากมันมากขึ้นจนหน้ามันแหงน ยิ่งจูบผมยิ่งรู้สึกดี น้องผมด้านล่างก็ตื่นเต็มที่แล้วด้วย ผมขยับร่างบดเบียดมันจนชิดติดผนังดินด้านหลัง มือไม้ก็เริ่มลูบไล้ไปทั่วลำตัวแขนขามัน ร่างกายผมร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ตัดกับสายน้ำเย็นด้านล่าง

มันรีบครางห้ามเมื่อเห็นว่าผมเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว ผมถอนริมฝีปากออกช้า ๆ มามองปากแดง ๆ และดวงตาฉ่ำเยิ้มของมัน
 
“ระ เรารีบไปกันดีกว่า”
เสียงมันเบาหวิวเลย ผมยิ้มนิด ๆ พยักหน้าเขยิบตัวออก มันรีบเดินขึ้นฝั่งไปทันที ตามติดด้วยผม

 

 

 

 

 

“พี่เอกกกกกกก”
พอเดินไปถึงระยะที่สามารถมองเห็นกันได้ ผมก็ได้ยินเสียงเรียกเล็กใสคุ้นหูสองสามเสียงซ้อนกันดังมาก่อน ตามด้วยร่างของสามสาวที่มีหน้าตาพิมพ์เดียวกัน วิ่งโร่น้ำตานองหน้าเข้ามากอดแขนกอดเอวผมหมับ ผมแทบเซ ยังดีที่ไหวตัวทัน
 
ดูแล้วน่าจะเป็นน้องสาวฝาแฝดผมนะ

“อ้อนคิดถึงพี่เอกจัง”

“แอมด้วย”

“ไอด้วย”
พวกน้อง ๆ สลับกันบอก ผมมองคนซ้ายทีขวาที คนกลางที ตอนนี้ขยับไม่ได้แล้วครับ โดนกอดแน่นหนึบเลย

มองตรงไปด้านหน้า เห็นผู้คนมองมาที่ผมด้วยสีหน้าตื่นเต้น 

ริมสุด มีชายวัยกลางคนยืนอยู่ ถ้าให้เดา น่าจะเป็นคุณพ่อ เพราะเค้าโครงหน้าตาหุ่นเหิ่นเหมือนผมเด๊ะ ๆ ส่วนผู้หญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็น่าจะเป็นคุณแม่ เพราะมีหน้าตาพิมพ์เดียวกับสามสาวที่กอดผมอยู่

แม่คงอยากจะวิ่งเข้ามาหาผมเหมือนกัน แต่โดนพ่อโอบไหล่เอาไว้หลวม ๆ สายตาพ่อ เต็มไปด้วยความตื้นตันดีใจ และผู้ชายตัวสูง ๆ สองคนที่ยืนเยื้องกับพ่อแม่นั่น น่าจะเป็นพี่น้องฝาแฝดผมเอง เพราะหน้าตาเหมือนผมอย่างกับแกะ

และรอบ ๆ ก็มีหนุ่มสาวหน้าตาดียืนมองมาที่ผมอีกโขยงใหญ่

“ทโมน เดี๋ยวเปียกนะ ให้พี่เอกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม”
ไอ้ตัวเล็กข้างผมมันบอก มันเองก็ทั้งเปียกทั้งเปื้อนไปด้วยดินโคลนไม่ต่าง (ที่เปื้อนโคลนเพราะผมดันมันติดกำแพงดินเอง) พวกน้อง ๆ รีบปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระ จูงมือผมคนละข้าง เดินตรงไปด้านหน้าส่วนคนสุดท้ายเกาะชายเสื้อด้านหลัง

น่ารักเหมือนน้องสาเลยแฮะ แต่น้องสาไม่ขี้อ้อนขนาดนี้ พอเดินเข้าไปในบริเวณลานบ้าน ทุกคนก็รีบเข้ามาทักทันที

“เป็นไงบ้างตาเอก จำแม่กับพ่อได้ไหมลูก”
แม่รีบเดินเข้ามาจับหน้าจับตาผมด้วยความเป็นห่วง แกร้องไห้ใหญ่เลย ผมไม่ได้ตอบอะไร พอดีมันมึน ๆ อยู่

“ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมลูก”
พ่อจับบ่าจับไหล่เสริม ผมยิ้มให้ท่านเพียงนิด รู้สึกเคารพยำเกรงผู้ชายคนนี้ยังไงพิกล เป็นพ่อที่น่าเกรงขามจริง ๆ   

“สงสัยมันจะลืมจริง ๆ นะเนี่ย”
ใครสักคนพูดขึ้น ผมหันไปมอง

“มึงจำกูได้ไหม กูมอไง”

ผมส่ายหน้าหลังจากมองหน้ามันอยู่พัก

“แล้วกูล่ะ”
ไอ้คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มันถามอีกที ผมส่ายหน้าอีก

“เออวุ้ย กูก็คิดว่ามันจะมีแต่ในละคร ที่พระเอกความจำเสื่อม ชีวิตจริงก็เป็นได้เหมือนกัน ว่าแต่มันจะเอ๋อหรือเปล่า ไม่พูดไม่จาอะไรเลย”
มันพูดไปด้วยสีหน้ากังวลใจ

ผมยิ้มนิดหนึ่ง 

“พอดียังไม่ชิน เลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไร”
ผมบอก

 “ตอบได้กวน ๆ แบบนี้ ก็ถือว่าใช้ได้ละนะ”
ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าตาสวยหมดจดบอก ผมรู้สึกคุ้นเคยกับผู้หญิงคนนี้เหมือนกัน

“ผมว่าให้พี่เอกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า”
ไอ้ตัวเล็กมันบอกสั่น ๆ มันเองก็คงอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเหมือนกัน ทุกคนเลยปล่อยให้ผมกับมันไปอาบน้ำกันก่อน

ห้องน้ำที่นี่เป็นห้องน้ำแบบตีฝาอ้อมกันลมหน้าหนาว ผมให้ไอ้ตัวเล็กมันอาบก่อน แล้วตัวเองอาบทีหลัง พอออกมาก็เห็นมันยืนรออยู่แถว ๆ ราวตากผ้า เสื้อผ้ามันพาดตากไว้เรียบร้อยแล้ว ผมเดินถือเสื้อผ้าตัวเองไปตากบ้าง ตอนนี้ผมใส่ชุดของน้องชายฝาแฝดผมอยู่ ไม่รู้คนไหนละ แต่งตัวแบบนี้แล้ว ดูเป็นคุณชายไปเลย

แค่อาบน้ำอย่างเดียวไม่ได้โกนหนวดโกนเครา มันเงยหน้ามอง ก่อนก้มหน้าแก้มแดงก่ำ ผมยิ้มนิดหนึ่ง

แฟนผมขี้อายดีแฮะ

ทุกคนนั่งรอกันบนเรือน พอไปถึง ทุกคนก็พากันแนะนำชื่อพร้อมฐานะ และความเกี่ยวข้องกับผมกันใหญ่ คุณตาคุณยายและน้องสานั่งมองพวกนั้นกันหน้าสลอน โดยเฉพาะอิฐกับอาร์ตที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับผม

สรุป ที่มาตามหาผม มีแฟนผม พ่อแม่ผม พ่อแม่ไอ้ตัวเล็ก (ที่ดูยังไง ๆ ก็เหมือนเป็นพี่ชายพี่สาวมากกว่า) ผู้ช่วยบวกเพื่อนสนิทอีก 8 ชีวิต น้องชายที่ไม่ใช่ฝาแฝดผมอีกสอง น้องสาวที่ไม่ใช่ฝาแฝดกันอีกสาม และน้องชายเพื่อนสนิทผมบวกเพื่อนสนิทแฟนผมอีกหนึ่ง

ใช้เวลาไม่เกินห้านาที ผมก็แยกอิฐกับอาร์ต รวมถึงสามสาวออก ทุกคนยังงงเลย (ไม่ใช่เพราะการแต่งตัว แต่แยกหน้าออกจริง ๆ)

สรุปคืนนี้ทุกคนตกลงกันว่าจะค้างที่บ้าน ยังดีที่ทุกคนมีอุปกรณ์การนอนของตัวเองมา ทั้งเต็นท์ และถุงนอนพร้อมสรรพ

 

 

 

 

 

ทุกคนกำลังกางเต็นท์กันอยู่ ผมเดินจุดยากันยุงและเอาไปวางไว้รอบ ๆ พื้นที่ โดยมีน้องสาเป็นผู้ช่วย น้องสามีสีหน้าสลด จนผมต้องหันไปถาม

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

“ก็พี่ซันจะไม่อยู่แล้ว สาคงเหงา”
น้องสาทำหน้าหงอยประกอบ ผมลูบหัวน้องสาเบา ๆ 

“สาอยากเรียนไหม” น้องสาพยักหน้าหงึกหงัก “ถ้างั้น หลังจากพี่กลับไปแล้ว พี่จะหาหนทาง ทำให้สาได้เรียนหนังสือนะ”

น้องสาพยักหน้าอีกที
 

ดึกมากแล้วครับ คุณตาคุณยายหลับกันไปหมดแล้ว พวกเพื่อน ๆ และพ่อกับแม่ก็พากันเข้านอนแล้วเหมือนกัน คงเพราะเหน็ดเหนื่อยกับการตามหาผมมาตลอดทั้งอาทิตย์ 

ผมรู้สึกดีใจเอามาก ๆ ที่มีคนห่วงใยผมเยอะแยะเต็มไปหมด ทั้งพ่อแม่ น้องชายน้องสาวและเพื่อน ๆ

รวมถึงใครบางคนที่มักมองผมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักเสมอ

มันส่งพวกน้อง ๆ ผมเข้านอน ส่วนผมก็ส่งน้องสาเข้านอนเหมือนกัน พอทุกคนเข้านอนกันหมด ผมกับมันถึงได้พากันออกมานั่งรับลมยามดึกบนแคร่ใต้ต้นมะม่วง โดยมีตะเกียงน้ำมันให้แสงสว่างเรืองรองอ่อน ๆ

พวกเรานั่งนิ่ง ฟังเสียงสัตว์เล็กสัตว์น้อยกลางป่าแข่งกันหวีดร้องจนดังระงม อากาศเย็นลงจนมันต้องกระชับเสื้อคลุมเข้าหาตัว รอบด้านไม่มืดมากนัก เพราะมีแสงจากดวงจันทร์ที่เกือบเต็มดวงส่องสว่างให้เห็นแนวไม้กำลังไหวเอน

บนกิ่งของต้นมะม่วง มีปลอกคอหมาขนาดใหญ่แขวนเอาไว้อยู่ ในเวลาที่มีลมพัดผ่าน มันจะส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊งเพราะพริ้งไปอีกแบบ

น้องสาเคยเล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนเคยเลี้ยงหมาอยู่ตัวหนึ่ง เป็นหมาพันธุ์ไทยสีน้ำตาลธรรมดา แต่มันแก่ตายไปเมื่อปีที่แล้ว ตาบอกว่าจะหาหมาตัวใหม่มาให้ ก็ยังไม่ได้หา มันชอบมานอนใต้ต้นมะม่วงต้นนี้ตลอด พอมันตาย เลยฝังไว้ที่นี่ และแขวนปลอกคอมันไว้ เพื่อให้มันอยู่เฝ้าบ้านตลอดไป

“พี่ลืมผมไปแล้วจริง ๆ”
มันพูดเสียงเศร้า

“พี่ไม่ได้อยากลืมนี่”

“ไม่เป็นไรฮะ ผมมั่นใจว่าสักวันความทรงจำของพี่ต้องกลับคืนมาแน่ ๆ ตอนนี้ขอให้พี่ปลอดภัยก็พอ”
มันยิ้มให้ผมเพียงนิด ผมเผลอสะกดสายตาไว้ยังใบหน้าต้องแสงตะเกียงของมัน

เราเงียบกันอยู่สักพัก ก่อนผมจะแหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์ และทุกครั้งที่ผมมองพระจันทร์ ก็อดไม่ได้ที่จะจับสร้อยเอาไว้ในมือ
 
“สร้อยเส้นนี้พี่ได้มายังไง”

มันหันมามอง

“ทำไมเหรอฮะ”

“ไม่รู้สิ ถึงพี่จะจำอะไรไม่ได้ แต่พี่ชอบมานั่งมองพระจันทร์แบบนี้ทุกวัน แล้วก็ชอบดูไอ้นี่ด้วย มันรู้สึกอบอุ่นยังไงบอกไม่ถูก”

มันก้มหน้าลง ก่อนเงยหน้ามามองผมอีกที

“อันนี้ เราเรียกมันว่าสร้อยพระอาทิตย์”
มันเขยิบมาจับสร้อยผมไว้

“มันเป็นสร้อยที่ผมให้พี่ตอนเราไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยกัน เป็นของขวัญชิ้นแรกที่ผมซื้อให้พี่น่ะ”

ผมพยักหน้าเข้าใจ

มันล้วงหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากคอเสื้อตัวเอง

“ส่วนอันนี้ เป็นของขวัญชิ้นแรกที่พี่ซื้อให้ในวันเกิดผม”
มันยื่นจี้มันมาให้ผมดู ด้านหน้าเขียนเป็นตัวเลข 19 & 15 ส่วนด้านหลังเป็นภาษาอังกฤษ

You’r mine

ผมเข้าใจความหมายทันที

“แล้วตัวเลข 15 กับ 19 ล่ะ คืออะไร”

มันเงยหน้าสบตา

“เป็นสัญลักษณ์ของเราสองคนน่ะ เพราะสองหมายเลขนี้ทำให้เราได้มาคบกัน”

ผมเลิกคิ้วสงสัย

“คือ..พวกเราถูกจับสลากให้เล่มเกม เอ่อ…จูบน่ะ ผมจับได้หมายเลข 15 แล้วพี่จับได้หมายเลข 19”
มันหยุดคำอธิบายไว้แค่นั้น แต่ผมก็พอจะเดาอะไรออกได้ลาง ๆ เหมือนกัน ความรักของผมกับมัน เกิดขึ้นเพราะเหตุบังเอิญสินะ

เพราะดู ๆ แล้วตัวผมเองคงไม่ได้เป็นเกย์ และตัวมันเองก็คงไม่ได้เป็นเกย์เหมือนกัน

“ผมขอโทษนะฮะ”

“เรื่อง?”

“ถ้าผมไม่ชวนพี่มาเที่ยว พี่ก็คงไม่ต้องเจ็บตัวและจำอะไรไม่ได้แบบนี้”
มันบอกเสียงหงอย

“พี่ไม่ได้โกรธกายนี่ และที่สำคัญ…พี่ยังหายใจอยู่”
ผมยิ้มอบอุ่นให้มันไปที

เรานั่งมองพระจันทร์กันอยู่สักพัก ถึงได้พากันเข้านอน ปกติผมจะนอนบนเรือน แต่วันนี้ผมให้พ่อกับแม่และน้อง ๆ ผู้หญิงไปนอนกันแทน ส่วนผมก็ระหกมานอนกับไอ้ตัวเล็กมัน

เต็นท์เรานอนกันได้สองถึงสามคน ปกติมันจะนอนกับเต้ยเพื่อนมัน แต่วันนี้ เพื่อนมันไปนอนบนเรือนแทน (เห็นบอกว่าเพื่อนมันเป็นโรคกลัวความมืดจัด ๆ นอนบนเรือนคงอุ่นใจกว่านอนข้างนอกแบบนี้)

ตอนนี้ดวงไฟทุกดวงถูกดับหมดแล้ว แสงสว่างหลัก ๆ จึงมาจากดวงจันทร์ด้านบนเท่านั้น ผมนอนหงายหายใจสม่ำ โดยมีมันนอนอยู่เคียงข้าง ดวงตาผมจ้องมองเพียงเพดานเต้นท์ที่ถูกสายลมพัดไหวจนกลายเป็นคลื่นอ่อน ๆ ให้ดูเพลินตา 

“พี่คิดอะไรอยู่”
มันถามเสียงเบาตัดความเงียบขึ้นมา

“พี่เป็นห่วงตากับยายแล้วก็สาน่ะ ตากับยายก็แก่ขึ้นทุกวัน สาเองก็ยังเด็ก ยังมีอนาคตอีกไกล สาเขาอยากเรียนหนังสือ แต่ติดภาระที่ต้องดูแลตากับยาย ห่างไกลความเจริญแบบนี้ คงไปเรียนลำบาก พี่เองก็อยากช่วย แต่ไม่รู้จะทำได้ไหม”

มันหัวเราะร่วน เขยิบตัวตะแคงข้างค้ำร่างตัวเองด้วยศอกขึ้นมามองหน้าผม

“ครอบครัวพี่เอกน่ะ รวยจะตาย เดือน ๆ หนึ่ง หาเงินได้เป็นล้าน ๆ แค่ส่งน้องสาให้ได้เรียนหนังสือ คงไม่ยากหรอก”
ผมเลิกคิ้วสูงมอง

“พี่รวยขนาดนั้นเลยเหรอ”

มันพยักหน้า ทำท่าคิด

“หรือถ้าพี่เป็นห่วงตากับยาย ทำไมพี่เอกไม่เอาพวกเขาไปอยู่ด้วยเลยล่ะ เพราะยังไง พวกเขาก็เป็นผู้มีพระคุณของพี่เอก เพราะถ้าไม่มีพวกเขา พี่เอกก็คงจะ…”

มันเงียบเสียงไป   

ผมยันตัวด้วยท่าเดียวกับมัน แต่ในตำแหน่งที่สูงกว่า 

“พี่ยังไม่ตายนะกาย”

“ผมรู้ แต่ผมก็แค่…”

ผมยิ้ม โน้มหน้าไปจูบหน้าผากมันเบา ๆ

“พี่ปลอดภัยแล้ว”
ผมปลอบมันอีกที มันมองหน้าผมผ่านแสงอ่อนของดวงจันทร์ไม่ต่างกับที่ผมมองหน้ามันผ่านแสงจันทร์เช่นกัน ผมจูบหน้าผากมันอีกที
 
เลื่อนต่ำลงไปที่ริมฝีปาก

ผมอยากถอนปากออกเหมือนกัน แต่มันอุ่นและนุ่มเอามาก ๆ จนอดไม่ได้ที่จะขยับเบา ๆ ให้สองริมฝีปากแนบแน่นมากขึ้น

ยิ่งจูบผมยิ่งหลงใหล ผมบดเบียดริมฝีปากมันหนักขึ้น ทั้งยังแทรกลิ้นเข้าไปภายใน เคลื่อนร่างตัวเองคร่อมเรือนร่างที่เล็กกว่าเอาไว้ ลมหายใจของมันหอบถี่ไม่แพ้ผม

“พอพี่เอก”
มันรีบเบือนหน้าถอนริมฝีปากมากระซิบห้าม แต่ผมปิดปากมันไว้ด้วยปากตัวเองอีกครั้ง

ผมจำวิธีมีอะไรกับผู้ชายไม่ได้ แต่สัญชาตญาณบอกให้ผมทำตามความรู้สึกแค่นั้นก็พอ

พอรุ่งสาง ผมคุยกับพ่อแม่เรื่องที่ผมได้คุยกับกายเมื่อคืน ตอนแรกพวกท่านก็ว่าจะให้เงินไว้ใช้กันสักก้อนใหญ่ ๆ แต่เห็นการเดินทางอันยากลำบาก และเกิดเอ็นดูน้องสาขึ้นมาจริง ๆ (น้องสาคล้ายพวกทโมนน่ะ) พวกท่านเลยเห็นด้วย

ผมไปคุยกับคุณตาคุณยาย ตอนแรกพวกท่านทำท่าจะไม่ยอม เพราะอยู่ที่นี่กันมาหลายสิบปีแล้ว แต่เพื่อน้องสา พวกท่านเลยยอม

คงอยากให้น้องสา มีอนาคตดี ๆ ได้เรียนหนังสืออย่างที่ใจต้องการ

และอีกอย่าง…

พวกท่านกลัวว่าถ้าวันใดวันหนึ่ง เกิดสิ้นพวกท่านขึ้นมา สาก็คงต้องอยู่คนเดียว และตัวผมเองก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไร พอ ๆ กับพ่อแม่และคนอื่น ๆ ที่มารับผม พวกท่านเลยไว้ใจตอบตกลงไปในที่สุด 

ผมเดินทางกลับพร้อมครอบครัว แล้วจะกลับมารับคุณตาคุณยายอีกทีหลังจากจัดการเรื่องทางกรุงเทพเรียบร้อย 

ผมยังคงเกร็ง ๆ กับชีวิตใหม่ของผม บอกตามตรงว่ายังไม่ชิน ทั้งกับครอบครัว เพื่อนสนิท

หรือ…

แม้แต่กับคนรัก

To Be Con....

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:





 
Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM     
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 94 เจอ |27/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 27-01-2018 10:25:51
จำไม่ได้ แต่สัมผัสยังจำได้สินะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 94 เจอ |27/1/18|
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-01-2018 02:49:07
เออ...... ความจำเสื่อมนี่ ทำให้คนมันนิสัยดีขึ้นเยอะเลยนะ เสื่อมไปตลอดเลยดีกว่านะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 95 กลับบ้าน |4/2/18|
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 04-02-2018 12:50:55
95
กลับบ้าน
[กาย...♥]


ผมเคยเห็นแต่ในหนังที่พระเอกหรือนางเอกความจำเสื่อม แต่ไม่คิดว่าในชีวิตจริง จะเป็นไปได้ด้วย ทันทีที่เข้ากรุงเทพ พวกเราก็พาพี่เอกไปหาหมอเพื่อเช็คร่างกายทันที ซึ่งคุณหมอก็บอกว่า ร่างกายโดยรวมของพี่เอกเป็นปกติดี แต่สมองได้รับความกระทบกระเทือนนิดหน่อย ส่วนเรื่องที่ความจำหายไป สามารถรักษาได้ อาจใช้เวลาไม่กี่อาทิตย์ หรืออาจยาวนานเป็นเดือน ๆ

คุณหมอก็แนะนำให้ใช้การพูดคุย หรือทำสิ่งที่คนไข้เคยทำ เพื่อกระตุ้นความทรงจำกลับคืน

พี่เอกกลับมาเรียนเหมือนเดิม ซึ่งทางครูบาอาจารย์ก็ยกให้แกเป็นกรณีพิเศษ (เส้นใหญ่ครับ) ส่วนงานที่สภา ก็มีพี่อ้อยรักษาการแทน ช่วงนี้พวกพี่ปีสามเข้ามาดูแลร่วมด้วย เลยแบ่งเบาภาระไปได้เยอะ พี่เอกเองก็กลับมาดูแลบ้างเป็นบางงาน

ส่วนงานที่บริษัท คุณพ่อก็ให้พี่อาร์ตกับพี่อิฐเข้ามาช่วยดูแล แต่ก็ยังไว้ใจให้พี่เอกเป็นหัวเรืออยู่ดี ขนาดความจำเสื่อม พี่แกยังทำงานเก่งเลย

หลังจากกลับมาเพียงอาทิตย์เดียว พี่เอกก็ดำเนินเรื่องจนสามารถรับน้องสาและคุณตาคุณยายมาอยู่ด้วยได้ แต่อยู่กันได้ไม่นาน ผมก็ต้องย้ายพวกเขาออกมาไว้ที่บ้านผมแทน เพราะพวกท่านรู้สึกอึดอัดกับความหรูหราใหญ่โตของตัวบ้าน ในขณะที่บ้านผม มีขนาดเล็กกะทัดรัด เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ทำให้พวกแกรู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านสวนมากกว่า 

และผมก็หางานให้พวกท่านทำด้วย คนสูงวัยที่ทำงานมาตลอดชีวิต ให้อยู่เฉย ๆ กลัวเป็นโรคซึมเศร้าครับ ผมเลยให้พวกท่านทำขนมไทย ๆ แล้วก็เอาไปวางขายที่ร้านนั่นแหละ             

ฝีมือการทำขนมของคุณยายอร่อยมาก ๆ เป็นสูตรดั้งเดิมที่ถ่ายทอดกันมาแบบรุ่นสู่รุ่น ใครได้กินก็ชอบกันทั้งนั้น คุณยายต้องตื่นเช้าเพื่อลุกขึ้นมาทำทุกวัน ซึ่งผมก็บอกให้ท่านทำเท่าที่ทำไหวก็พอ เพราะยังไงผมกับพี่เอกก็เลี้ยงดูพวกท่านอยู่แล้ว

ผมสั่งให้คนออกแบบแพ็คเกจให้ดูดีขึ้นมาหน่อยติดโลโก้ของร้านเข้าไปอีกนิด เพิ่มค่าให้สินค้า และเพราะคนทำมีน้อย แต่คนสั่งกันเยอะ ตอนนี้ยอดจองขนมไทยร้านผมเลยยาวเป็นวาเลย ผมจ้างเด็กนักเรียนแถว ๆ บ้านมาช่วยคุณตากับคุณยายทำขนมด้วย เด็กจะได้มีรายได้ และคุณตาคุณยายก็จะได้ไม่เหงา

โชคดีที่พื้นที่รอบบ้านผมกว้างมาก ผมเลยอนุญาตให้คุณตาปลูกต้นไม้หรือพวกพืชผักสวนครัวเอาไว้กินไว้ใช้ ผมเคยไปเดินสวนของคุณตามาก่อน อยากบอกว่าฝีมือแกดีจริง ๆ เป็นคนมือเย็นด้วย ปลูกอะไรก็เจริญงอกงาม จัดเป็นระเบียบเรียบร้อย พอมาอยู่ที่นี่แกก็ปลูกผักแทบจะทุกอย่าง เยอะหน่อยก็กล้วย กะว่าอนาคต จะได้ไม่ต้องไปหาซื้อใบตองให้มันเปลือง   

น้องสาก็เป็นเด็กดี อยู่บ้านก็ช่วยงานคุณตาคุณยาย แถมยังมาช่วยงานที่ร้านผมทุกวันอีก (เห็นบอกว่าชอบ สนุกดี) น้องสากำลังเตรียมตัวเพื่อสอบเทียบวัดระดับอยู่ แต่ดูท่าให้เรียนปริญญาตอนนี้ น้องก็ทำได้ครับ

สาเป็นเด็กที่เก่งทั้งงานบ้านงานเรือน จนผมไม่ต้องจ้างแม่บ้านมาดูแลบ้านแล้ว พ่อกับแม่ก็หายห่วง เพราะผมมีคนอยู่เป็นเพื่อน ครอบครัวผมเลยเหมือนมีคุณตาคุณยายกับน้องสาวเพิ่มมาอีกคน อย่าลืมนะครับ ว่าแม่ผมอยากได้ลูกสาวมาก พวกน้องอ้อนก็เจอกันบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่บ่อยเท่ากับคนที่อยู่บ้านเดียวกันอย่างน้องสาหรอก น้องสาเลยกลายเป็นลูกรักของพ่อกับแม่ผมไปโดยปริยาย

ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ด้วยกัน น้องสาก็โดนแม่จับขัดสีฉวีวรรณ อาบน้ำแร่แช่น้ำนม จนสลัดคราบสาวน้อยบ้านนาทิ้งไป น้องสาที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูอยู่แล้ว ยิ่งดูสวยงามและน่ารักเข้าไปใหญ่ น้องสาเป็นเด็กหน้าคม มีดวงตาสีนิล เส้นผมสีเดียวกับดวงตายาวระกลางหลัง และมีสีผิวที่สวยเอามาก ๆ ด้วย แต่เป็นสีแทนครับ (อันนี้ขัดยังไงก็ไม่ขาว)

ผมชักเข้าใจความรู้สึกของพวกพี่ชายหวงน้องสาวขึ้นมาโดยทันที โดยเฉพาะตอนเห็นใครมาเจ๊าะแจ๊ะ ไม่ว่าหน้าอินทร์หน้าพรหม ผมจะแยกเขี้ยวกางปีกปกป้องน้องแทบจะทันที

น้องกูอย่ามายุ่ง แง่งงง ๆ !!

“พี่กาย ๆ อ้ะนี่ สาให้”
น้องสาในชุดพนักงานเสิร์ฟของร้านวิ่งดุ๊ก ๆ กระโปรงเปิดเอาคุกกี้ที่ตัวเองเพิ่งทำเสร็จมาป้อน ผมรู้ว่าสาชอบกินขนมสุด ๆ แถมยังชอบวิจารณ์รสขนมอีกด้วย 

สาเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ส่วนสูงก็พอ ๆ กับพวกทโมนนั่นแหละ แต่แรงเยอะกว่ามากจนผมยังอึ้ง

“อร่อยไหม”
น้องสาถามยิ้ม ๆ ผมเพียงอมยิ้มทั้งที่กำลังเคี้ยวคุกกี้อยู่ น้องสายิ้มแป้น

“สูตรใหม่ เติมกลิ่นวานิลลาลงไปเพิ่มความหอมกลมกล่อม”
น้องสาสาธยาย ผมก็ตั้งใจฟัง

“อ๊ะ!! รถส่งของมาแล้ว”
น้องสาหันขวับไปมองรถส่งของ แล้วก็วิ่งกระโปรงเปิดไปที่รถต่อ (เด็กสาวบ้านนอกครับ ไม่ค่อยระมัดระวังเท่าไหร่ วิ่งทีกระโปรงเปิดจนเห็นชั้นในทีเดียวเชียว อาหารตาหนุ่ม ๆ เขาล่ะ)

ผมเดินตามยิ้ม ๆ มองคนที่พยายามแบกลังใหญ่ ๆ ด้วยตัวเอง

“มาให้พี่แบกเองดีกว่า เราเป็นเด็กผู้หญิง เสิร์ฟเองอย่างเดียวก็พอแล้ว”
ผมแย่งลังขนาดใหญ่มาจากน้องสา

“ไม่เอาพี่กาย สาแบกได้ แค่นี้ขี้ปะติ๋ว ตอนสาอยู่บ้าน สาแบกของไปขายถุงใหญ่แล้วก็หนักกว่านี้ตั้งเยอะ”
ผมเลิกคิ้ว น้องสายิ้มแก้มบาน 

“นั่นมันแต่ก่อน ตอนนั้นสายังไม่มีใครช่วย แต่ตอนนี้สามีพี่เป็นพี่ชายแล้ว มีอะไรก็ต้องให้พี่ชายช่วย รู้ไหม”

น้องสามองผมตาปริบ ๆ

เออวุ้ย…

หรือว่าสาจะเป็นน้องผมที่พลัดพรากจากกันมานานวะ

“พี่กายให้สาเป็นน้องสาวพี่กายจริง ๆ เหรอคะ”
น้องสาถามตาแป๋ว ผมพยักหน้า

“หรือสาไม่อยากให้พี่เป็นพี่?”

น้องสาส่ายหัวพรืด

“มีพี่กายเป็นพี่ชายน่ะดีจะตาย พี่กายใจดี หล่อแล้วก็น่ารักเอามาก ๆ ด้วย”

ปลื้มครับ โดนน้องชม

ว่าแต่... ไอ้น่ารักกับหล่อนี่ มันอยู่ด้วยกันได้ด้วยเหรอวะ

“ดีแล้วล่ะ เพราะพี่ก็อยากมีน้องสาวมานานแล้วเหมือนกัน แม่กับพ่อก็ด้วย”

น้องสายิ้มแป้น ก่อนหุบยิ้ม ทำท่าคิด

“สามีอะไรจะบอกพี่กายด้วย”

ผมเลิกคิ้วรอฟัง

“จริง ๆ แล้วสาเป็น…”

“เป็น?” ผมทวนคำเมื่อน้องหยุดคำไปนาน

“เป็น...” สายิ้มแห้ง
               
“เป็นผู้ชายค่ะ”

ผมตาโต อ้าปากค้าง และผมไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ในท่านั้นนานแค่ไหน จนน้องสาเข้ามาสะกิด ผมถึงได้ดึงสายตาค้าง ๆ มามองน้องสาตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกที

มองยังไง ๆ ก็เป็นเด็กผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ ตัวก็เล็ก ๆ หุ่นก็เหมือนผู้หญิงทุกอย่าง (ยกเว้นหน้าอกที่ยังเล็กอยู่ อาจเพราะยังไม่โตพอ) ถึงหน้าจะไม่หวาน แต่ก็คมเฉี่ยวน่ารักน่ามอง

น้องสายิ้มแห้งทำหน้าจืด ๆ มองกลับ

“ล้อพี่เล่นหรือเปล่า”

น้องสาส่ายหัวไปมา

“คือแม่สาตายหลังจากสาเกิดได้สามวัน แล้วพ่อก็มาตายตามสามวันหลังจากนั้น ตากับยายกลัวว่าพ่อกับแม่จะมาเอาสาไปอยู่ด้วย เลยพาสาไปหาพ่อใหญ่ของหมู่บ้าน พ่อใหญ่บอกว่าวิธีเดียวที่จะทำให้สารอด คือต้องเลี้ยงสาให้เป็นเด็กผู้หญิงเท่านั้น ตอนแรกสาชื่อแสง พ่อใหญ่ก็เปลี่ยนให้เป็นสา แล้วตากับยายก็เลี้ยงสาให้เป็นเด็กผู้หญิงมาตลอด คนอื่น ๆ ในหมู่บ้านไม่มีใครรู้หรอก พ่อใหญ่ก็เสียไปเมื่อสองสามปีที่แล้ว จริง ๆ สาไม่อยากบอกใครหรอก แต่ถ้าพี่กายจะมาเป็นพี่ชายสาจริง ๆ สาก็อยากจะบอกให้พี่กายรู้ไว้น่ะค่ะ”

ผมมองคนตรงหน้าอึ้ง ๆ

“พี่กายผิดหวังไหม”
น้องสาทำหน้าสลด

ผมมองคนตรงหน้าให้ชัด ๆ อีกที ถอนหายใจแผ่วเบา ลูบหัวน้องไปที

“จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็ขอให้สาเป็นคนดีก็พอ”

น้องสากอดเอวผมหมับ ให้ความรู้สึกเหมือนโดนพวกทโมนกอดยังไงบอกไม่ถูก

“แล้วใจจริง สาอยากเป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชายล่ะ แล้วเราต้องเป็นผู้หญิงแบบนี้ ไปอีกนานแค่ไหน”

สาผลักตัวออกมองผมยิ้ม ๆ
 
“เป็นอะไรก็ได้ เป็นผู้หญิงก็ดีนะ มีคนเอ็นดูเยอะดี แต่รำคาญพวกชอบเข้ามาจีบ ส่วนระยะเวลา อันนี้สาไม่รู้จริง ๆ ค่ะ พ่อใหญ่บอกให้เลี้ยงสาให้เป็นผู้หญิง แต่ไม่ได้บอกว่าใช้ระยะเวลานานแค่ไหน เราไม่ได้ถามกันไว้ พอพ่อใหญ่ตายก็หาคนมาถามไม่ได้ ตากับยายก็กลัวว่าสาจะตาย เลยให้เป็นผู้หญิงมาตลอด วันไหนแต่งตัวแบบผู้ชายหน่อย ก็โดนด่าแล้ว”

น้องสาเจื้อยแจ้ว

“อืม เราก็พิสูจน์อะไรไม่ได้นี่เนอะ”

ผมทำท่าคิด

“เพื่อความสบายใจของตากับยาย สาเป็นผู้หญิงแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็ได้”

ผมมองหน้าน้องสาอีกที

“แล้วถ้าสาเจอผู้หญิงที่ชอบล่ะ”

น้องสาทำท่าคิด

“อันนั้นค่อยคิดกันอีกทีดีกว่า สาเพิ่งจะ 15 เอง”
เองของหนู แต่เด็กสาวสมัยนี้เขามีลูกกันแล้วนะ

“อืม สาอายุ 15 แล้วนี่นาเนอะ แต่ทำไมเสียงยังไม่แตก ลูกกระเดือกก็ยังไม่ขึ้นฮึ ขนเขินก็ไม่มี”
ผมมองหน้าแข้งน้องสา ถึงจะใส่ถุงน่องสีขาว แต่โดยพื้นแล้วเป็นคนขาเนียนครับ มีร่องรอยแผลเป็นที่เกิดจากการทำไร่ทำนาบ้าง (หรืออาจจะมาจากความซนโดยส่วนตัว) แต่โดยรวมแล้วถือว่าสวยอยู่ดี

“เสียงสาแตกแล้วค่า”

ผมเลิกคิ้วสูง

“แตกแล้ว?”
ผมถามกลับด้วยความสงสัย เพราะฟังยังไง เสียงสาก็ฟังดูใส ๆ เหมือนเด็กสาวทั่วไปมากกว่า

“ส่วนเรื่องขนกับลูกกระเดือก สงสัยต้องรอไปก่อน ผู้ชายใช้เวลาอีกตั้งหลายปีกว่าจะหยุดโต สาเกิดมาตัวเล็กด้วยแหละ โลแปดเอง ตัวเล็กตึ๋งหนึ่ง แถมได้กินนมแม่แค่สามวันเอง ที่เหลือก็กินแต่น้ำซาวข้าว เลยโตช้ากว่าคนอื่น อยู่บ้านก็กินแต่ผักกับปลา หรือไม่ก็…”
น้องสาหยุดคำทำท่าคิด

“จำได้ว่าตอนอายุเก้าหรือสิบขวบนี่แหละ ตากับยายเคยพาสาไปหาพ่อใหญ่เพื่อให้พ่อใหญ่ทำพิธีเรียกขวัญย่าให้ จำไม่ค่อยได้แฮะ คล้าย ๆ กับอัญเชิญแม่ย่าให้มาอยู่ด้วยอะไรทำนองนั้นแหละ สาจะได้เหมือนเด็กผู้หญิงหน่อย อันนี้เป็นความเชื่อนะคะ สาเองก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเหมือนกัน”
น้องสาพูดติดตลก ผมก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ก้ำกึ่งครับ อาจเป็นเรื่องบังเอิญที่น้องสามียีนที่เหมือนผู้หญิง หรือไม่ก็คงเป็นเรื่องจิตใจโน้มนำให้ร่างกายเหมือนผู้หญิงเอง

“แล้วเอ่อ…ส่วนนั้น…”
ผมถามอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ น้องสาหัวเราะร่วน

“สาเป็นเด็กผู้หญิงที่มีร่างกายเหมือนตาเด๊ะ ๆ เลย”
ชัดเลยครับ ผมยิ้มแหะ ๆ

“อยากพิสูจน์ไหม”
น้องสาล้อ ทำท่าจะเปิดกระโปรงให้ผมดูจริง ๆ ผมรีบส่ายหัว

“ไม่เป็นไร พี่เชื่อแล้ว”
น้องสาฉีกยิ้มกว้างอารมณ์ดี

“แล้วพี่จะเก็บเป็นความลับให้”

น้องสายิ้มแป้น

ผมขมวดคิ้ว สงสัยอีกอย่าง

“อ้าว แล้วตอนทำบัตรประชาชน คำนำหน้าคือ…”

“แหะ ๆ ยังเป็นนายอยู่เลยค่ะ” น้องสาชูสองนิ้ว “พ่อเห่อสาน่ะ รีบเอาไปแจ้งเกิดที่อำเภอ ถ้ารออีกนิดหน่อย ตาว่าจะแจ้งเปลี่ยนให้สาเป็นเด็กผู้หญิงไปเลย แต่ไม่ทันแล้ว เลยต้องทำใจ”

ผมพยักหน้า

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ว่าร่างกายสาจะเป็นยังไง สำหรับน้องสา ถือว่าเป็นน้องที่น่ารักของพี่ที่สุด”
ผมลูบหัวน้องเบา ๆ ดันให้น้องไปทำงานต่อ
 

 

งานที่มหา’ลัยเยอะมาก ช่วงนี้แอบเหนื่อยครับ ยังดีที่มีเพื่อน ๆ มาคอยช่วยเหลือ

สามอาทิตย์แล้วตั้งแต่พี่เอกกลับมา พวกเราก็พยายามกันทุกวิถีทางเพื่อฟื้นความทรงจำพี่มัน ผมเองก็ยังทำตัวไม่ถูก ยังไม่ชินกับลุคใหม่ของพี่เอกเท่าไหร่ ปกติจะชอบบังคับขู่เข็ญหรือไม่ก็ใช้ความเจ้าเล่ห์เอาเปรียบผมตลอด แต่ตอนนี้พี่มันเรียบร้อยขึ้นเยอะครับ

ทุกคนพยายามทำทุกอย่างเหมือนเดิม เผื่อความคุ้นเคยต่าง ๆ จะทำให้ความทรงจำกลับมาเร็วขึ้น

...ยกเว้นผม

คือไม่ใช่อะไรหรอก เพราะตลอดระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน พี่มันก็จะ…

จุด ๆ ๆ กับผมตลอด ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องรื้อความทรงจำกับพี่แกยังไง เลยอยู่กันแบบขัด ๆ เขิน ๆ แบบนี้แหละ ทำได้มากสุดก็แค่เอารูปที่เคยถ่ายด้วยกันมาให้พี่แกดู หรือไม่ก็เป็นพวกรูปที่พวกเราเคยไปเที่ยวด้วยกัน อะไรทำนองนั้น

ตั้งแต่พี่มันสูญเสียความทรงจำ ผมกับพี่เอกก็เจอกันน้อยลงด้วย (แกพักอยู่บ้านใหญ่เป็นหลักครับ) โดยปกติ ผมไม่ใช่คนที่จะเข้าหาพี่มันก่อนอยู่แล้ว พอพี่มันไม่เข้าหา ก็เลยกลายเป็นพวกเราเจอกันน้อยลง (เจอกันในมหา’ลัยบ้าง ผมไปหาแกที่บ้านพร้อมพ่อกับแม่บ้าง แค่นั้นเอง หรือไม่พี่แกก็จะมาที่บ้านเพื่อเยี่ยมตากับยายและน้องสา)

จนผมแอบกลัวว่าถ้าพี่มันยังจำไม่ได้อยู่แบบนี้ ความรักที่เรามีให้กัน อาจจบลงไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง 

หรือว่าผมต้องเป็นคนรุกซะเอง

แต่พี่มันบอกว่าไม่ชอบคนตามตื๊อและยุ่งวุ่นวายกับพี่มันนี่นา

“โอ๊ย!! แล้วกูจะทำยังไงดีวะเนี่ย”

“โดนอะไรกัดมารึไง”

ผมสะดุ้งโหยงไปกับเสียงทักคุ้นหู พอหันไปมอง ก็เห็นคนที่กำลังนึกถึงมายืนอยู่ด้านหลังพอดี
 
“เอ่อ พี่เอก มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
ผมก้มหน้าหลบหนีดวงตาคม พี่เอกลุคใหม่จะไว้เคราหน่อย ๆ ให้เห็นเป็นไร ๆ ดูหน้าเข้มดุดันดี แต่ก่อนก็หล่อครับ แต่แบบนี้มันก็หล่อไปคนละแบบ

“เป็นอะไร”
พี่แกไม่ตอบคำถาม ซ้ำยังถามเพิ่มด้วย ผมเงยหน้ามอง

“ปะ เปล่าครับ”
วันนี้ผมชวนพี่เอกไปรับใครบางคนกับผมที่สนามบินด้วย พี่แกมาเร็วกว่าเวลานัดตั้งครึ่งชั่วโมงแน่ะ   

 

 

 

“พี่เป้!!”
ผมวิ่งโร่เข้าไปกอดพี่เป้หมับ สองเดือนแล้วที่ไม่ได้เจอกัน พี่เป้บินกลับมาเพราะคุณพ่อพี่เป้ป่วยหนัก ตอนนี้ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล โดยมีไอ้เต้ยและคุณแม่เฝ้าดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด
 
“คิดถึงพี่จัง”

พี่มันลูบหัวผมเบา ๆ ก่อนเงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังผม
 
“ไงมึง จำอะไรไม่ได้เลยอะดิ”

พี่เอกพยักหน้า พวกเราทักทายกันไม่นานครับ เพราะพี่เป้เป็นห่วงคุณพ่อ ผมกับพี่เอกเลยพาพี่เป้ไปโรงพยาบาล ถือโอกาสไปเยี่ยมท่านไปในตัวเลย

คุณพ่อพี่เป้ทำงานหนักมากจนเส้นเลือดในสมองแตก ยังดีที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่หมอบอกว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ฟื้นขึ้นมาแล้วอาจเป็นอัมพฤกษ์ได้

ตั้งแต่คุณพ่อเข้าโรงพยาบาล คุณแม่ก็ยกเลิกงานทุกอย่างเพื่อมาดูแลคุณพ่อโดยเฉพาะ

นี่แหละครับ ผลของการทำงานโดยไม่สนใจดูแลตัวเองหรือครอบครัว สุดท้ายก็มานอนรักษาตัวด้วยโรคที่แม้แต่เงินก็ไม่อาจรักษาให้หายได้

ไอ้เต้ยมองพี่เป้อึ้ง ๆ ตอนผมพาพี่มันเดินเข้าไปภายในห้อง เพราะผมไม่ได้บอกมันไว้ก่อน ผมไม่รู้ว่าสองเดือนที่ผ่านมามันทำใจได้มากน้อยแค่ไหน แต่สำหรับพี่เป้แล้ว คงยังทำใจไม่ได้ เพราะยังเห็นแววตาวูบไหวจากดวงตาพี่มันอยู่เลย

คุณพ่อยังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ที่หัวถูกพันด้วยผ้าพันแผล เนื้อตัวซูบผอม มีสายอะไรต่อมิอะไรระโยงระยางเต็มไปหมด

ในขณะที่คนเฝ้าไข้อย่างไอ้เต้ย ก็ดูซูบผอมและสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ผมอยู่พูดคุยกับไอ้เต้ยและพี่เป้อีกนิดหน่อย ก่อนปล่อยให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับคนในครอบครัว

“พี่จะกลับบ้านเลยไหม”
ผมถามตอนพากันเดินไปที่รถ พี่เอกมองหน้าผมอยู่พัก

“พี่ว่าจะกลับคอนโด จะลองไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นสักพักเผื่อจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง”

ผมยืนชั่งใจอยู่พัก

“ผมไปด้วย”
พี่มันมองตาผม ส่วนผมก้มหน้าลงต่ำ

พี่เอกเคยบอกว่าผมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพี่แก และตัวผมเอง ก็อยากได้พี่เอกคนเดิมกลับคืนมาด้วย ไม่ใช่พี่เอกคนปัจจุบันไม่ดี แต่ผมแค่กลัว กลัวว่าพี่เอกคนนี้ อาจรักผมไม่เท่าพี่เอกคนก่อน

ไม่นานเกินรอ พวกเราก็กลับมาถึงคอนโด ที่นี่ยังสะอาดสะอ้านเหมือนเดิม เพราะมีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดให้ทุกวัน

ตอนนี้เหมือน ๆ ผมกับพี่เอกจะกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับกันไปแล้ว และผมไม่อยากให้มันจบลงแบบนั้น

อย่างน้อย ถ้าความทรงจำเก่า ๆ ยังไม่กลับมา ผมก็อยากจะสร้างความทรงจำใหม่ ๆ กับพี่มันอีกครั้ง เท่านั้นเอง

เพราะไม่ว่าจะยังไง พี่เอกก็คือพี่เอก คือคนที่ผมรัก

และจะรักตลอดไป


To Be Con...





             ขณะนี้เวลา 0.09 นาที มาลงดึกมาก คนคงขี้เกียจรอกันแล้ว ไว้พรุ่งนี้จะมารีไรท์นะคะ วันนี้มิไหวแล้ว เลยเวลานอนมาสองชั่วโมงกว่า ดึกกว่านี้ สงสารร่างกาย T^T

              ขอเวิ้นสักเล็กน้อยเกี่ยวกับน้องสา น้องสาเป็นหนึ่งในนายเอกซีรี่ย์ต่อ ๆ ไปของน้องคิสนะคะ ส่วนซีรี่ย์ไหนอย่าถามเลย เพราะแต่งยังไม่จบ คู่กับพี่เก่ง ผู้ช่วยน้องกายนั่นแหละ
             ออกแนวแปลกเล็กน้อยที่มีการเล่าเกี่ยวกับความเชื่อและการทำพิธีแปลก ๆ (ซึ่งบางคนจะคิดว่าไรท์มันบ้าเป่าว่ะ) อันนี้มันเป็นเรื่องความเชื่อค่ะ สำหรับคนต่างจังหวัดแล้ว เพื่อรักษาลูกหลานตัวเองไว้ สามารถทำได้ทุกเรื่อง อย่างจับพี่น้องฝาแฝดมาแต่งงานกันเองก็มีให้เห็นถมไป (ลองไปค้นได้ในเน็ต) ^^
             น้องสามาได้ไง อันนี้ไรท์บอกไม่ได้ ตามน้ำมาค่ะ ฮ่า ๆ
 
             จริง ๆ ไม่ชอบแต่งนิยายดราม่า ชอบแนวฮา ๆ มากกว่า แต่เวลาแต่งนิยายจริง บางทีอารมณ์และเนื้อเรื่องมันพาไป ไม่ต้องไปดูไหนไกล อย่างน้องซินเป็นต้น เริ่มเรื่องมาซะโอ้ว ชื่นมื่น แต่พอเข้าตอนที่สามสี่ห้า นายเอกเราร้องไห้ตลอดยันจบเรื่อง แต่มันก็สนุกดี รักมากเรื่องนี้ คงเพราะเป็นเรื่องแรกที่แต่งละมั้ง อะไรที่เป็นครั้งแรก เรามักประทับใจเสมอ ^^ว่าแล้วก็อยากกลับไปอ่านต่อ- -
           
            จริง ๆ เป็นคนไม่เคยซีเรียสเรื่องการเขียนนิยายเท่าไหร่นะ แต่งได้ทุกสภาวะการณ์ เครียดก็แต่งแนวหื่นหน่อย อารมณ์ดีก็แต่งหวาน ๆ บ้า ๆ บอ ๆ ฮา ๆ แต่ยิ่งมีความสุขไอเดียยิ่งพุ่ง พลอตเพิดไม่ต้องถาม ไม่มี แต่งตามภาพที่ฉายเข้ามาในหัว หนุกไม่หนุกขึ้นอยู่กับมาตรฐานและเส้นความสนุกของแต่ละคน สนุกของคนบางคนอาจไม่สนุกสำหรับบางคน คงคล้าย ๆ กับเสื้อผ้าหรือหรือการแต่งบ้านนั่นแหละ จะมาบังคับให้คนชอบหรือไม่ชอบเหมือนเราก็ไม่ได้ ^^
             ทำให้ดีที่สุด ณ จุดที่เราอยู่ดีกว่า
             เวิ้นไรวะเนี่ย ฮ่า ๆ ดึกแล้ว นอนเถอะ ค่อยกลับมารีไรท์ใหม่พรุ่งนี้นะ รักคนอ่านทุกคน ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ด้วยนะคะ ดีใจที่ยังอยู่เคียงข้างกันเสมอ ฉากจบใกล้เข้ามาทุกที วันนี้จบไป ยังมีพรุ่งนี้ให้หายใจต่อ เราก็ก้าวต่อไปละกันเนอะ
             คิส ๆ ค่ะ ^^

             


 

รักเธอที่สุดAdd Fav. แฟนคลับน้องคีส

              กดไลค์ Facebook แฟนเพจ
                 (แล้วกด "เพิ่มในรายการที่สนใจ" หรือ "Add to interestiong List" ข้ามปุ่มไลค์นะคะ)

              onion05ทวิตเตอร์ฮับ


 


หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 95 กลับบ้าน |4/2/18|
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 04-02-2018 19:39:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 95 กลับบ้าน |4/2/18|
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 04-02-2018 20:10:41
อึ้งน้องสานิดๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 95 กลับบ้าน |4/2/18|
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 04-02-2018 20:34:30
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 95 กลับบ้าน |4/2/18|
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-02-2018 03:09:02
หมั่นไส้นายเอก ความจำเสื่อมยังทำงานเก่งเหมือนเดิม  ส่วนน้องสา อยากอ่านแล้วอ่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 96 คือ...พยายามฟื้นความทรงจำ |10/2/18|
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 10-02-2018 14:39:56
96
คือ...พยายามฟื้นความทรงจำ
[เอก...☼]





มันเดินตามผมมาเงียบ ๆ กระทั่งถึงห้อง ผมกวาดมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง

ชีวิตต่างกันลิบลับเลย ตั้งแต่ผมฟื้นขึ้นมาที่บ้านนาต่างจังหวัดกับชีวิตร่ำรวยหรูหราแบบนี้ ผมไม่แน่ใจว่าชีวิตแบบไหน ที่ผมอยู่แล้วมีความสุขมากกว่ากัน

กับหนึ่งชีวิต สองสไตล์

“พี่รีบไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
มันเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนมายื่นให้ ผมรับมาถือไว้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

ตั้งแต่ผมมีอะไรกับมันวันที่เจอกันครั้งแรก ผมก็ยังไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวมันอีกเลย(แม้แต่จับมือ) ครั้งนั้นมันคงเกิดจากบรรยากาศและอารมณ์พาไป

มาถึงตรงนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นกับมันยังไงดีในฐานะแฟน อยู่กับพ่อแม่พี่น้องหรือเพื่อน ๆ ก็ยังไม่รู้สึกอึดอัดเท่ากับอยู่กับมันเลย

ชุดนอนที่มันหยิบให้ เป็นเสื้อยืดเนื้อสบายพร้อมกางเกงเอวรูด คงเป็นชุดเก่งของผม พอผมออกมามันก็เข้าไปอาบต่อ ผมเดินไปนั่งบนโซฟา หยิบรีโมตขึ้นมากดเปิดทีวีดู

ไม่นานนักไอ้ตัวเล็กก็เดินออกมา กำเดาผมแทบจะกระฉูด ดีที่ระงับเอาไว้ได้ ผมพยายามตีสีหน้าให้นิ่งเข้าไว้

มันออกมาในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแบบพอดีตัว เนื้อผ้าเรียบลื่นแนบไปกับผิวเนื้อ ชายเสื้อยาวคลุมเลยสะโพกลงไปถึงต้นขาขาว และให้เดาคงมีกางเกงขาสั้นอยู่ภายใน ชุดมันเน้นหุ่นมาก ถึงไม่ได้มีส่วนเว้าส่วนโค้งหรือนมโต ๆ แบบผู้หญิง แต่รูปร่างก็มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก

มันเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบน้ำมาดื่ม โดยมีผมแอบมองตามหลัง ยิ่งมองน้องผมยิ่งตั้ง

ให้ตายสิ เป็นผู้ชายแท้ ๆ ทำไมเซ็กซี่ได้ขนาดนั้นวะ

หน้าผมมองตรงไปยังทีวี แต่ดวงตาเหลือบไปหาไอ้ตัวเล็ก มันเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ พร้อมแก้วสองใบและน้ำเปล่าหนึ่งขวด เสื้อมันไม่ได้กลัดกระดุมสามเม็ดบนจนผมเห็นร่องอกขาว ๆ ของมันรำไร

ผมหายใจแทบไม่ทั่วท้อง พยายามนับหนึ่งให้ถึงสิบ

มันเทน้ำเปล่าใส่แก้ว เลื่อนมาไว้ตรงหน้า แล้วก็นั่งดูสิ่งที่ผมกำลังดูอยู่ ผมพยายามสะกดตัวเองไม่ให้หันไปมอง แต่เผลอทีไร สายตาผมก็เหลือบไปมองต้นขาขาว ๆ นั้นทุกที 

“พี่เอกเอาเป๊บซี่ไหม”

“หะ หือ!?”
ผมถามเสียงตื่น ไม่ได้ยินว่ามันถามอะไร กลัวว่ามันจะรู้ว่าผมแอบมองมันอยู่ 

“เอาเป๊บซี่ไหม หรือเบียร์ก็ได้”
มันหันมาเสนอ ผมหันไปมองมันตรง ๆ แต่ทำสายตาให้นิ่งเรียบเหมือนไม่รู้สึกอะไร

“เบียร์ก็ได้ มีด้วยเหรอ”

มันพยักหน้า ลุกเดินไปเปิดตู้เย็นอีกรอบ ทันทีที่มันหันหลัง ผมรีบหยิบหมอนอิงมาปิดน้องชายตัวเองไว้ทันที เมื่อกี้ใช้แขนปิด ๆ ไว้ แต่ตอนนี้มันเอาไม่อยู่แล้วครับ ตื่นเต็มตัวแล้ว ยิ่งเห็นมันก้มหยิบเบียร์ที่น่าจะอยู่ด้านในสุดลึกสุด(ให้เดาคงกลัวพวกทโมนมาเปิดเจอ) เสื้อมันยิ่งเลิกสูงจนเห็นกางเกงขาสั้นโผล่พ้นออกมา

กำเดาแทบกระฉูดรอบสอง ใจอยากเดินไปกระชากกางเกงตัวนั้นทิ้งไปให้ไกล ๆ แล้วก็…

ผมรีบเบรกความคิดตัวเองลง

นี่กูหื่นได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ

ผมรีบดึงสายตาจากมันหันมามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่อ

มันเดินกลับมาพร้อมกับเบียร์สองกระป๋อง คงอยากผ่อนคลายด้วยเหมือนกัน มันนั่งที่เดิม แต่ยกเข่าขึ้นมากอดไว้ข้างหนึ่ง ชายเสื้อเลยร่นสูงขึ้นจนเห็นต้นขาขาว

ผมนั่งกลืนน้ำลายอึก ๆ แทนเบียร์

ผมนั่งกระดกเบียร์เข้าปาก ในขณะที่ดวงตาก็จ้องไปยังทีวี แม้มันพยายามจะเบี่ยงกลับมาที่คนตัวขาวด้านข้างก็ตาม

มันเองก็นั่งดื่มไปเงียบ ๆ เหมือนกัน ต่างคนต่างเงียบ ผมนั่งดูรายการสารคดีไปในขณะที่เนื้อหาในรายการนั้นแทบจะไม่เข้าหัวเลยสักนิด มีแต่เนื้อหนังมังสาของคนข้าง ๆ นี่แหละ ที่ปลิวว่อนเต็มหัวไปหมด ผมกระดกเบียร์เข้าปากแทบไม่รู้รสจนมันหมดกระป๋อง

“ยังมีอีกไหม”
ผมหันไปถาม มันพยักหน้า ทำท่าจะลุก

“เดี๋ยวพี่ไปหยิบเอง กายนั่งดูไปเถอะ”
ผมรีบหาทางเลี่ยงเดินไปให้ห่าง ๆ มันทันที

ผมมายืนสงบจิตสงบใจอยู่หน้าตู้เย็น เผื่อความเย็นของมัน จะทำให้น้องชายผมหดเล็กลงไปได้บ้าง มองไปยังคนตัวเล็ก มันสนใจเฉพาะทีวีตรงหน้าเท่านั้น

หันกลับมามองน้องชายตัวเอง มันยังตั้งโด่อยู่เลยครับ ผมพยายามไม่มองคนตัวเล็ก ให้น้องตัวเองต้องไอเย็นจากตู้เย็นให้มากที่สุด

ถ้าจับยัดช่องฟรีซได้ จับยัดไปแล้ว

ผมพยายามอดทนให้มากที่สุด แต่ทำยังไงมันก็ไม่ยอมลดสักที ซ้ำยังปวดเอามาก ๆ อีกด้วย

อดทนหน่อยสิลูกพ่อ เพิ่งเจอกัน จะมาทำหื่นใส่เขาไม่ได้นะ แต่ดูท่ามันจะไม่ยอมเชื่อฟังผมเลยสักนิด

ทำไงดีวะ เดินไปตอนนี้ รับรองมันต้องเห็นแน่ ๆ

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ นับหนึ่งให้ถึงสิบ ยังดีที่ไอ้ตัวเล็กมันเดินไปเข้าห้องน้ำ ผมเลยอาศัยจังหวะนั้นรีบควานหาเบียร์ กับพวกอัลมอนด์มาเป็นกับแกล้มอีกนิดหน่อย แล้วเดินลิ่วกลับไปที่โซฟา

นั่งได้แล้ว แต่ยังไม่ทันจะวางกระป๋องเบียร์ มันก็เดินออกมา อารามตกใจ ผมรีบสลัดกระป๋องเบียร์ คว้าหมอนมาปิดน้องชายตัวเองไว้ เบียร์สองกระป๋องเลยตกพื้นกลิ้งหลุน ๆ ไปชนเท้าไอ้ตัวเล็ก มันก้มมองงง ๆ ก่อนเงยหน้ามองหาที่มา

ผมยิ้มแหะ ๆ กดหมอนบนน้องผมแน่น 

อดทนเข้าไว้ลูกพ่อ

มันก้มลงหยิบ

โอ๊ย! กูจะบ้าตาย กูไม่ได้ตั้งใจมอง แต่เมื่อกี้แอบเห็นหัวนมมันด้วย น้องชายผมมันเด้งขึ้นมาอีก จนผมต้องกดหมอนลงไปมากขึ้นจนตัวเองเบ้หน้าเจ็บปวด มันเดินกลับมานั่งที่เดิม และ...

...ท่าเดิม

มึง เห็นใจกูหน่อยเหอะ

กูปวดโว้ย!!

“ซ่าาา”
มันเปิดฝากระป๋องเบียร์ออก ฟองจำนวนมากมายไหลทะลักออกมาจนเลอะมือ กระป๋องมันคงโดนเขย่าตอนตกพื้น ผมมองอึ้ง ๆ ไม่ต่างกับมัน

แต่แทนที่มันจะเดินไปล้างมือหรือหาทิชชู่มาเช็ด มันกลับเลียฟองเบียร์ด้วยลิ้น

ผมเผลอสะกดสายตาตัวเองไว้ยังลิ้นแดง ๆ ที่ตวัดเช็ดหยาดน้ำเข้าปาก พอ ๆ กับเรียวปากได้รูปที่เม้มพาน้ำเบียร์ที่เปื้อน ๆ เข้าไป พอมันเลียหมด ก็ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มอึก ๆ ผมจ้องมองลำคอขาว ๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวโดยมีก้อนน้ำรสขมไหลรินลงไป
 
มันตวัดปลายลิ้นเช็ดฟองเบียร์ตรงมุมปากเบา ๆ แล้วเช็ดอีกทีด้วยหลังมือ ผมมองตามแทบตาไม่กะพริบ พอได้สติ ผมรีบละสายตาหนีจากมัน แล้วเปิดฝาเบียร์ออก

แต่ผมลืมไป ว่าเบียร์กระป๋องนี้ มันคงมีสภาพไม่ต่างกับเบียร์ของมัน และผลที่ได้ก็คือ…

“ซ่าาา!”

ทั้งมือและแขนผม เต็มไปด้วยฟองเบียร์ไหลเลอะเป็นทาง มันหันมามอง

“พี่เอก เบียร์เลอะแน่ะ”

ผมจ้องมองฟองเบียร์ที่ยังไหลล้นไม่หยุด ก่อนหันไปมองมัน

“เช็ดให้พี่หน่อยสิ”
ปากเร็วกว่าความคิดครับ ห้ามไม่ทันแล้ว มันพยักหน้า กำลังจะลุก แต่ผมฉุดมันไว้

“ด้วยไอ้นั่น”
ผมชี้ไปที่ปากมัน

นี่กูพูดอะไรออกไปวะ! ทำเป็นตาหื่นเจ้าเล่ห์ไปได้

มันนั่งอึ้งจ้องหน้าผมเขม็ง ไม่นานแก้มขาวก็ค่อย ๆ แดงปลั่ง

“เอ่อ…”
ผมกำลังจะแก้ตัวว่า ‘ล้อเล่น’ แต่มันกลับเคลื่อนตัวมาที่มือผม ยื่นลิ้นแดง ๆ ออกมาเช็ดฟองเบียร์ให้

กระป๋องเบียร์ในมือผมร่วงตุบลงพื้น มันตกใจรีบหันไปมอง ผมเลยอาศัยจังหวะนั้น จับมันกดลงบนโซฟา แล้วคร่อมทับด้วยร่างสูงใหญ่ของตัวเองทันที 

ไม่สนแล้วว่ามันจะมองผมเป็นคนยังไง ตอนนี้ผมไม่ไหวแล้วครับ

“พี่เอก…”         
มันครางเรียกเสียงแผ่ว หน้าแดง ตาปรอยหน่อย ๆ มันคงรู้แล้วว่าผมรู้สึกยังไง เพราะตอนนี้ น้องผมกำลังทิ่มหน้าขามันอยู่   

“ขอโทษนะกาย แต่พี่ไม่ไหวแล้ว”
ผมรีบกดจูบและฉกลิ้นมันมาเกี่ยวกระหวัดทันที ได้ทั้งรสเบียร์และรสลิ้นนุ่ม ๆ ของมันเต็ม ๆ ผมขยับเนื้อตัวเบียดแทรกเรือนร่างสูงใหญ่ของตัวเองเข้าตรงหว่างขาของมัน มือไม้ก็ลูบไล้บีบเคล้นไปทั่วต้นขาขาว ๆ เข้าไปดึงกางเกงมันออกแรง     

“อึก...พี่เอกเบา ๆ”

เหมือนตัวเองเป็นโรคจิตยังไงบอกไม่ถูก ยิ่งมันห้าม ผมยิ่งอยากทำรุนแรงมากขึ้น ผมรีบปลดบางส่วนของตัวเองออกแล้วหาช่องทางอุ่น ๆ เพื่อเชื่อมร่างผมกับมันเอาไว้ด้วยกันทันที

มันทั้งคับและร้อนเอามาก ๆ

“อืม…”
ผมเผลอครางออกมาเบา ๆ จากแรงรัดของมัน ไม่สนแล้วครับ ขอทำตามใจตัวเองก่อนละกัน พอเข้าไปได้สุดทาง ผมก็ขับเคลื่อนตัวเครื่องอย่างเร็วทันที ผมใส่จังหวะไม่ยั้ง จนเนื้อตัวมันไหวขึ้นลงตาม

ปากแดงไหวระริก ดวงตามันปรอยจนฉ่ำเยิ้ม จ้องผมไม่วางตา

ทำไมมันถึงได้น่ารักขนาดนี้วะ

ผมทิ้งจังหวะทั้งรุนแรงสลับกับนุ่มนวล กลืนกินมันทั้งตัว พอจบบทแรก แทนที่จะหยุด ผมก็จับมันพลิกนอนคว่ำ แล้วเริ่มต้นจังหวะรักครั้งใหม่อีกครั้ง

มาถึงตอนนี้ ผมโคตรอิจฉาตัวเองเลยที่ได้ลิ้มลองร่างกายที่แสนมีเสน่ห์แบบนี้

ผมไม่รู้ว่าเมื่อก่อน ผมกินมันบ่อยแค่ไหน และครั้งละกี่รอบ เพราะผมไม่เคยถาม และมันคงอายที่จะตอบ แต่มาตอนนี้ ผมหยุดตัวเองยังไม่ได้ 

ผมอุ้มมันจากโซฟาเข้าห้องนอน ร่างมันระโหยโรยแรง ปากแดงยังคงครางห้าม แต่ยิ่งห้ามยิ่งกระตุ้นให้ผมรู้สึกร้อนแรงมากขึ้นกว่าเดิมอีก

ผมจับมันให้อยู่ในท่าคลานสี่ขา โดยมีบางส่วนของผมเชื่อมเอาไว้ ผมเลิกเสื้อมันสูงโชว์ร่องเอวขาว ๆ ให้ชัด ๆ ผมลูบเบา ๆ มันก็อ่อนระทวย ผมเริ่มจับจุดมันได้แล้ว จุดอ่อนมันอยู่ที่หัวนม ช่วงเอวและต้นคอ พอสัมผัสสามส่วนนี้ทีไร ตัวมันจะอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟทุกที

“อ๊า พี่เอก”
มันครางสะท้านเมื่อผมพามันไปถึงปลายทางอีกรอบ

ผมหอบหายใจถี่ จ้องมองเรือนร่างข้างใต้ที่หมดแรงทิ้งตัวลงนอนคว่ำหน้ากับผืนที่นอน เหงื่อไคลไหลย้อยทั้งจากตัวผมและตัวมันเองจนเสื้อที่ใส่อยู่เปียกชื้นไปหมด ผมก้มหน้าจูบซับหลังคอมันเบา ๆ ค่อย ๆ ทิ้งตัวลงไปนอนเคียงข้างมัน ไอ้ตัวเล็กหลับไปแล้ว ผมยิ้มเหนื่อย

นี่ผมเอามันกระทั่งมันสลบเลยเหรอเนี่ย   

 

 

 

ผมเสหน้าหลบแสงแดดที่ทแยงเปลือกตาเข้ามา

อืม…เช้าแล้วเหรอ

ใจจริงอยากนอนต่อ แต่วันนี้มีเรียนช่วงเช้า หันซ้ายหันขวา มองหาใครสักคนที่ผมนอนกอดเมื่อคืน

...แต่ไม่เจอ

คงอยู่ข้างนอก ผมลุกออกจากเตียงเดินสะโหลสะเหลหวังจะเข้าห้องน้ำ แต่เจอะกับใครบางคนที่กำลังเปิดประตูออกมาพอดี มันทำหน้าตกใจ แล้วก็ก้มหน้าแก้มเปลี่ยนสี

“อรุณสวัสดิ์”
ผมทักมันก่อน

“อะ อรุณสวัสดิ์ครับ”
มันพูดกุกกัก ไม่กล้าสบตาและทำท่าจะเดินหนี ผมรั้งมือมันไว้ทันที เพราะขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ทั้งผมกับมันคงแย่ด้วยกันทั้งคู่

ผมว่า ผมน่าจะคุยกับมันเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนตรง ๆ ไปเลยดีกว่า จะได้ไม่อึดอัดด้วยทั้งคู่ด้วย

“พี่มีเรื่องจะคุยด้วย รอพี่อาบน้ำก่อน”

มันพยักหน้าเดินออกจากห้องไป ส่วนผมพออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ออกไปหามันด้านนอก เห็นมันกำลังยืนทำอาหารอยู่ เป็นอาหารง่าย ๆ ครับ แต่จำนวนเยอะมาก พอผมทิ้งตัวลงนั่ง มันก็นั่งตาม แก้มมันยังแดงอยู่เลย

นี่คือท่าทีรังเกียจของมันหรือมันกำลังเขินผมอยู่กันแน่ แต่ให้เดาคงเป็นอย่างหลังมากกว่า

“มีอะไรเหรอฮะ”
มันเปิดปากถามก่อน

“อย่างที่กายรู้ว่าพี่จำอะไรไม่ได้เลย พี่รู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย เพราะพี่ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดีเวลาอยู่ต่อหน้ากาย”

มันเม้มปากแน่น

“แล้วพี่ยังมีความรู้สึกรักผมอยู่ไหม”

ผมนิ่งไปกับคำถามมัน มันก้มหน้าจนผมมองแทบไม่ออกว่ามันทำหน้าแบบไหนอยู่

“พี่บอกไม่ได้นะ พี่รู้แค่ว่า พี่รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่เข้าใกล้กาย รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ และมีความสุขเวลาที่เห็นกาย โดยเฉพาะตอนที่กายยิ้ม และที่สำคัญ…เอ่อ…ถ้าพี่พูดแล้วกายอย่าว่าพี่นะ”
ผมขอคำตอบจากมันก่อน มันพยักหน้า ผมยิ้มแหยงใส่มัน

“ทุกครั้งที่เข้าใกล้กาย ไอ้เนี่ย…” ผมชี้ไปด้านล่างตรงกลางระหว่างขาตัวเอง “มันจะตื่นทุกที กับคนอื่นไม่เห็นเป็น แต่พอเข้าใกล้กายทีไรเป็นทุกที เมื่อวานก็นั่งอดทนแทบตาย แต่สุดท้ายก็ทนไม่ได้ พี่ไม่ได้อยากถูกมองว่าเป็นพวกหื่นหรือพวกลามกหรอกนะ”

มันจ้องผมไม่วางตา จนผมเริ่มประหม่า

มึง กูรู้ว่ากูหื่น ไม่ต้องมามองกูจริงจังขนาดนั้นก็ได้

“พี่พยายามอดทนหรอกเหรอ ไม่ใช่ว่าไม่สนใจผม”

“เปล่า ไอ้นี่มันตื่นตั้งแต่เห็นกายเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว”

มันมองผมอึ้ง ๆ ก่อนก้มหน้าจนเห็นเพียงเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าผาก

“จริง ๆ แล้วชุดนั้นพี่เป็นคนซื้อให้ผมเอง แต่ผมไม่ค่อยจะใส่มันหรอก เพราะมันดูโป๊ ๆ ยังไงบอกไม่ถูก แต่เห็นพี่ชอบ ผมเลยลองเอามาใส่ดู เผื่อจะกระตุ้นความทรงจำของพี่ได้บ้าง แต่ผมเห็นพี่นั่งนิ่ง ๆ ไม่สนใจเลยคิดว่ามันคงไม่ได้ผล”

ตรงข้ามเลยต่างหาก กระตุ้นได้ดีเกินคาด แต่กระตุ้นอย่างอื่นนะ

ว่าแต่…

ผมเนี่ยนะ ที่เป็นคนซื้อชุดแบบนั้นให้มัน

นี่กูจะหื่นไปไหมฮึ?

“นี่พี่ถามจริงเหอะ”
ผมทำหน้าจริงจัง มันเงยหน้ามอง

“บอกพี่มาตามตรง เวลาที่พี่อยู่กับกายสองคน พี่เป็นคนยังไง ไม่ต้องเกรงใจหรอก พี่จะได้รู้นิสัยตัวเองไว้”

มันทำท่าอึดอัดเหมือนไม่อยากจะพูดเท่าไหร่

“บอกมาเถอะ”
ผมกระตุ้นต่อ มันก้มหน้า

“โหด”
อื้อหือ...เริ่มมาก็เลวได้ใจเลยกู

“หื่น”
สะอึกครับ

“เจ้าเล่ห์”
อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจแฮะ ว่าแต่เจ้าเล่ห์แบบไหนหว่า?

“โรคจิต”
ผมนั่งอึ้ง นี่กูมีดีอะไรมั่งเนี่ย

“ตื่นง่าย”
เอ่อ... ว่าแต่ตื่นง่ายของมึงเนี่ย ตื่นง่ายแบบไหนวะ แต่ให้เดาน่าจะทั้งคู่ เพราะผมตื่นง่ายจริง ๆ น้องผมด้วย

“ขี้หึงรุนแรง”
มึง ยังไม่หมดความเลวของกูอีกเหรอ

“บางครั้งก็เย็นชาไร้ความรู้สึกเหมือนน้ำแข็ง แต่บางครั้งก็ใจร้อนเหมือนลาวา ทำอะไรบางทีก็ไม่ฟังฟ้าฟังฝนฟังเหตุผลให้ดีก่อน”
เลวครบสูตรจริง ๆ ว่ะกู

“เจ้าชู้”

หะ!? กูเนี่ยนะ

“หลายใจ”
เอ้า! มึงเอาให้พอ มีใครจะเลวเหนือกูอีกไหม

“ที่สำคัญ ชอบบังคับด้วย”

ยังไม่หมดอีก =*=

“นี่พี่มีดีบ้างไหมเนี่ย”
ผมบ่นกับตัวเองเสียงเบา มันเงยหน้ามอง พยักหน้าให้ด้วย

เฮ้อ...ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

“พี่เป็นคนอบอุ่น”
ม่ะ ว่ามา กูอยากฟังความดีของกูให้ชื่นใจซะหน่อย

“ใจดี”
นี่แหละพระเอกตัวจริง

 

“รักน้อง รักครอบครัว ฉลาด ทำงานเก่ง”
แล้วมันก็เงียบไป

ผมรอฟังมันอยู่ครับ แต่มันยังเงียบอยู่

อ้าว เฮ้ย!! หมดแล้วเหรอ มึงพูดข้อเสียกูมาซะยืดยาว แต่ข้อดีกูมีแค่เนี้ย

“แค่เนี้ย!”
ปากเร็วครับ มันเงยหน้ามอง แล้วพยักหน้า       

กูเป็นพระเอกยังไงของกูวะ เลวได้ใจจริง ๆ =*=

“แล้วกายรักพี่ไปได้ยังไง เลวครบสูตรขนาดนี้”
ผมถามมันด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ไม่รู้เหมือนกัน”
อ้าว มึง จะพูดให้ดี ๆ หน่อยก็ไม่ได้

“แต่ผมรักไปแล้ว รักมากด้วย”
มันพูดเสียงหงอย และมันคงรู้สึกแย่ ที่ผมหลงลืมความรักที่มันมีให้ไป

เอาวะ ไหน ๆ กูก็เลวอยู่แล้ว ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจกันละวะ ผมดึงมันมานั่งบนตัก มันไม่ได้ขัดขืนด้วย ผมรัดมันไว้ในอ้อมแขน

“แล้วกายรักพี่เพราะอะไร เพราะความเลวมากมายของพี่ หรือความดีอันน้อยนิดของพี่”

“ผมไม่รู้… ผมแค่รักพี่เท่านั้น รักจนให้คำตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่พี่คือพระอาทิตย์ มีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง แต่ผมก็รักที่พี่เอกเป็นพี่เอก ไม่ว่าพี่เอกจะเป็นยังไงก็ตาม”

ผมมองตามัน

“พี่ขอโทษนะ ที่หลงลืมทุกความรักของกาย… พี่ไม่รู้ว่าพี่จะดึงความทรงจำเก่า ๆ กลับมาได้หรือเปล่า แต่พี่ขอสร้างความทรงจำครั้งใหม่กับกายได้ไหม”

“ครับ”

“พี่ไม่รู้ว่าแต่ก่อนพี่เป็นคนยังไงนะ แต่พี่จะเป็นตัวของตัวเอง ดีบ้างไม่ดีบ้างก็บอก ๆ กันหน่อยละกัน”

มันพยักหน้า ก่อนหน้าแดงก่ำ เพราะน้องผมมันตื่นขึ้นมาอีกแล้ว มันรีบเขยิบยกตัวเองออก แต่ผมกดมันไว้เหมือนเดิม

“กาย…”
ผมเรียกมันยั่ว ๆ มันมองตาผมหวั่น ๆ

“ระ เรารีบกินข้าวกันดีกว่า”

“กายง่ะ…”
ผมทำเสียงหงุงหงิง และก่อนที่มันจะปฏิเสธ ผมรีบรวบจับมันมากดจูบทันที

ขอกินมันเป็นออเดิร์ฟก่อนอาหารเช้าละกัน
         

To Be Con..             
     

พี่เอกยังไงก็ยังพี่เอกอยู่วันยังค่ำ
อัพเสร็จไปนอนต่อ ง่วงมากกกก :katai5:                 
                   


          ปล. ไม่รู้ว่าคนในเล้าสงสัยเรื่องน้องสาไหมนะคะ แต่อันนี้คือคนที่เด็กดีเขาเคยสงสัยเลยยกเรื่องน้องสามาตอบอีกรอบยกยวง
           
             มีคนสงสัยว่า
            1. พี่เอกดำเนินเรื่องเพื่อพาน้องสาเข้ากรุงเทพ ทำไมถึงไม่รู้ว่าสาเป็นผู้ชาย
            คำตอบก็คือ : เพราะพี่เอกดำเนินเรื่องแค่พาตัวพวกเขาเข้ามาค่ะ ไม่ได้แตะต้องเรื่องเอกสารอะไร พวกตากับยายเขาก็กัน ๆ เรื่องนี้ไว้ด้วย ไม่ให้แตะหรือเห็นอะไรหรอก (ทำมาตั้งแต่สาเกิดแล้ว เรื่องแค่นี้จิ๊บจ๊อย) ไม่ได้ย้ายสำมะโนครัวมานะคะ ชื่อที่อยู่ยังเป็นที่เดิม เวลาไปดำเนินเรื่องอะไร สาจะไปทำด้วยตัวเองหมด หรือหิ้วตากับยายไปด้วย(เพราะตากับยายไม่ได้ขายบ้านนา ชื่อแกเลยยังเป็นเจ้าของอยู่ ^^) ทุกคนจะรู้เท่าที่สาและตากับยายบอก อีกอย่าง น้องสาอยู่บ้านพี่เอกได้ไม่นานก็พากันย้ายออกมาอยู่บ้านน้องกายแล้ว คนบ้านนั้นเลยไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ และตามเนื้อหาจริง คนที่อาสาช่วยน้องสาดำเนินเรื่องต่าง ๆ นา ๆ คือน้องกายค่ะ (ทำแทนพี่เอก) และเป็นคนเสนอให้มาอยู่บ้านตัวเองด้วย เพราะรู้ว่าตากับยาย น่าจะชอบอะไรที่มันเป็นบ้านสไตล์ต่างจังหวัดมากกว่าด้วย

           2. น้องสาเคยถูกแม่จับขัดสีฉวีวรรณ ทำไมแม่ถึงไม่รู้ว่าน้องสาเป็นป้อจาย
           คำตอบคือ
           น้องสาเป็นสาวบ้านนาค่ะเด้อ คนต่างจังหวัด ต่อให้อยู่ให้ห้องน้ำมิดชิดปิดรูคนถ้ำมองขนาดไหน เขาก็นุ่งกระโจมอกอาบน้ำค่าาา ไม่ได้สลัดผ้าเดินเปลือยเหมือนคนกรุงหรอก น้องสาเราอาบแบบนี้มาตั้งแต่สามขวบแล้ว เพราะงั้นพอเข้ากรุง อิหนูเราก็ยังติดนุ่งกระโจมอกเข้าห้องน้ำอยู่(แม่ไรท์ก็เป็น- -) ต่อให้แม่แก้วเข้าไปอาบน้ำด้วย ก็บ่เห็นสาน้อยดอกเด้อค่า แม่ก็นั่งขัดไปสิ (นึกภาพแม่แก้วจับน้องสานั่งเก้าอี้เอามะขามเปียกผสมโยเกิร์ตขัดผิวน้องสาในชุดผ้าถุงกระโจมอกสีดำ ๆ นะ - -) นั่นแหละค่าาาา
          อีกอย่างแม่แก้วสอนครั้งเดียวค่ะ ที่เหลือน้องสาทำเอง - -
          เคลียร์เนอะ ^^
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 96 คือ...พยายามฟื้นความทรงจำ |10/2/18|
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 10-02-2018 14:53:00
พี่เอกก..จำไม่ได้แต่ึความหื่นนี่ยังอยู่นะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 96 คือ...พยายามฟื้นความทรงจำ |10/2/18|
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 10-02-2018 18:37:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 96 คือ...พยายามฟื้นความทรงจำ |10/2/18|
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-02-2018 04:39:08
เออดี  สมองจำไม่ได้ แต่เอกน้อยจำได้  :impress2:
ส่วนน้องสา อยากจะออกเรื่องนี้ไว ๆ แล้วอะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 97 รู้สึกแปลกๆ |17/2/18|
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 17-02-2018 13:01:18
97
รู้สึกแปลก ๆ
[กาย...♥]


ผมเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากได้เปิดอกพูดคุยกับพี่เอกดี ๆ ข้อดีก็คือ ผมได้พี่เอกเกือบคนเดิมกลับคืน แต่ข้อเสียก็คือ…

ผมถูกพี่มันฟัดหนักเกือบเหมือนเดิม

แม่ม นิสัยมึงนี่นะ

กูจะดีใจหรือเสียใจที่มึงกลับมาเป็นคนเดิมดีวะเนี่ย นิสัยโดยรวม แทบจะเป็นเหมือนเดิม เพียงแต่จดจำเรื่องราวเก่า ๆ ไม่ได้แค่นั้นแหละ

ผมจะเดินทางไป ๆ กลับ ๆ ระหว่างบ้านและคอนโดพี่เอก เป็นห่วงน้องสากับคุณตาคุณยายครับ แต่พวกท่านก็บอกว่าอยู่กันได้ไม่เป็นไร ให้ผมทำอะไรได้ตามใจ พวกแกรู้สึกสบายใจเหมือนอยู่บ้านต่างจังหวัดนั่นแหละ แถมสภาพโดยรวมสบายกว่ากันเยอะ แกรู้เรื่องผมกับพี่เอกแล้วครับ แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก(ก็หลานสาว(ชาย)แกเป็นแบบนั้นนี่นาเนอะ)

วันไหนว่าง ๆ เราก็จะพากันไปเยี่ยมพ่อพี่เป้บ้าง ตอนนี้คุณแม่วางมือจากงานถาวรแล้วครับ แล้วเอาเวลาทั้งหมด มาดูแลคุณพ่อแทน คุณพ่อออกจากโรงพยาบาลแล้วด้วย มาพักฟื้นที่บ้านเอา โดยมีคุณหมอเดินทางมาดูความคืบหน้าและแนะนำการพักฟื้นให้สามวันครั้ง

และตอนนี้ผมก็ได้มาเหยียบบ้านไอ้เต้ยอีกครั้ง

“เป็นไงบ้างมึง วันนี้ดูมีน้ำมีนวลขึ้นเยอะเลยนะ”

“มีน้ำมีนวลน่ะมันผู้หญิง”
มันค้อนผมกลับที

“มันก็เป็นความสุขบนความทุกข์ล่ะนะ กูเสียใจที่พ่อกูป่วย แต่กูก็ดีใจ ที่ครอบครัวกูได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้”
มันพูดยิ้ม ๆ เปิดฝากระป๋องน้ำองุ่นที่ผมเอามาฝากขึ้นดื่ม ส่วนพี่เอกยืนคุยกับพี่เป้อยู่ครับ

“หมอก็บอกนี่หว่า ว่าถ้าทำกายภาพบำบัดไปเรื่อย ๆ คุณลุงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้”

“กูก็หวังอย่างนั้นแหละ”

“มึง ทำตัวให้มีความหวังหน่อยดิวะ คุณลุงต้องการกำลังใจนะ”

มันหันมามองหน้าผม

“มึงเองก็เหมือนกัน พี่เอกยังจำอะไรไม่ได้เลยนี่”

ผมยิ้ม ค้ำแขนกับขอบระเบียง มองวิวตรงหน้าเคียงมัน

“คงต้องให้เวลาพี่แกเท่านั้นแหละ แต่ถึงพี่เอกจะจำอะไรไม่ได้ พี่เอกก็ยังเป็นพี่เอก เป็นคนที่กูรักอยู่ดีว่ะ”

มันไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่ยิ้ม กระดกกระป๋องน้ำอัดลมเข้าปากไปเงียบ ๆ

“กายกลับกันเถอะ”
พี่เอกเดินเข้ามาเรียก ผมพยักหน้า พากันเดินเข้าไปลาพ่อกับแม่ แล้วพากันกลับ

“ผมว่าผมจะเข้าร้านก่อน”

พี่มันพยักหน้า ผมทำท่าคิดนิดหนึ่ง

“พี่ติดงานหรือธุระอะไรที่ไหนหรือเปล่า”

พี่มันส่ายหัว

“งั้นลองไปทำงานที่ร้านดูไหม เผื่อมันจะกระตุ้นความทรงจำอะไรบางอย่างของพี่ได้บ้าง”

“พี่เคยทำด้วยเหรอ”

“ครับ ไปช่วยผมทำบ่อย ๆ และอีกอย่าง ร้านนั้นพี่เอกก็เป็นเจ้าของที่แท้จริงอีกด้วย”

พี่มันเลิกคิ้วสงสัย ผมทำท่าอึกอัก เพราะเรื่องนี้ผมยังไม่ได้เล่าให้พี่มันฟังเลย

“ร้านนั้นพี่ซื้อไว้จากผู้จัดการร้านคนเก่า และยกมันให้กับผมเพื่อ…เอ่อ…เป็นของหมั้นน่ะ”

“ของหมั้น?”

ผมพยักหน้า

“ฮะ แต่ผมต้องโอนเงินให้พี่ทุกเดือน เดือนละแสน”

“ทำไม”

ผมทำหน้างอนหน่อย ๆ

“ผมจะได้เป็นหนี้พี่ไปตลอดชีวิตไง”

พี่มันลูบคางตัวเองนิดหนึ่ง

“ไอเดียดีนี่หว่า”

“เจ้าเล่ห์น่ะสิ”
ผมค้านงอน ๆ

“เอาน่า รีบ ๆ ไปกันดีกว่า พี่อยากความจำกลับมาเร็ว ๆ แล้วล่ะ”
ลักษณะนิสัยพี่มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว รวมไปถึง ความเจ้าเล่ห์ครบสูตรด้วย
 

เนื่องจากพี่มันไว้หนวดไว้เคราบาง ๆ พี่มันเลยดูขรึมขึ้นกว่าเดิม พอมาแต่งชุดเท่ ๆ แบบนี้ เฮียแกยิ่งดูอินเตอร์เข้าไปใหญ่ หล่อลากมากมาย

พี่เอกทำได้ดีครับ ทั้งเสิร์ฟและดูแลลูกค้า แต่พี่แกก็ยังทำหน้าบูด ๆ เหมือนเดิม(พี่เอกถามผมด้วย ว่าแต่ก่อนทำงานแบบไหน ผมก็บอกไปตามตรง ที่เหลือก็ให้พี่แกทดลองทำทุกอย่างด้วยตัวเอง)

สาว ๆ ที่ไม่ได้เจอพี่มันมานานก็พากันกรี๊ดแหลก เฮียแกหน้าหงิกโดยไม่ต้องไกด์ทันที แต่ยิ่งทำหน้าโหด ยิ่งเข้ากับลุคแบดบอยเข้าไปใหญ่ ผมนี่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย

คนอะไร ทำอะไรก็หล่อไปหมด

“กายน้ำตาลหมดแน่ะ ไปหยิบให้พี่หน่อยได้ไหม”
พี่เก่งตะโกนบอก ผมรับปากเดินไปหลังร้าน

ลังน้ำตาลลังสุดท้ายมันอยู่ด้านบนสุด ข้าง ๆ เครื่องทำกาแฟที่ต้องจัดส่งให้ลูกค้า ผมหันซ้ายหันขวามองหาเก้าอี้

ใครเอาไปไว้ไหนอีกแล้วเนี่ย

ผมพ่นลมหายใจเบา ๆ ตัดสินใจเอื้อมหยิบสิ่งนั้นด้วยตัวเอง

มันหนักไม่ใช่น้อย ผมค่อย ๆ เคลื่อนที่มันออกมาจากชั้นทีละนิด ๆ จนมันโผล่ออกมาครึ่งทาง ผมยืดสองมือขึ้นไปจับ เตรียมแบก แต่เสียจังหวะทำท่าจะหล่น ผมยื้อไว้ แต่เอาไม่อยู่ครับ ผมรีบคู้ตัวรอรับความเจ็บที่จะตามมา ได้ยินเสียงอะไรมากมายหล่นลงใส่พื้นดังเคร้งคร้าง

พอทุกอย่างเงียบสงบลง ผมค่อย ๆ หันไปมองด้านข้าง เห็นลังน้ำตาลนอนสลบอยู่ที่พื้น ถุงน้ำตาลกระจายออกมานอนแหมะด้านนอก และเครื่องชงกาแฟที่นอนตะแคงอยู่ 

ซวยแล้วกู เครื่องชงกาแฟจะพังไหมน่ะ ราคาไม่ใช่ถูก ๆ

ไม่ใช่สิ ทำไมผมไม่เจ็บ มันน่าจะหล่นใส่หัวผมเต็ม ๆ นี่นา

แสงเงาจากดวงไฟที่สะท้อนกลับมาทำให้รู้ว่ามีใครบางคนยืนคร่อมร่างผมอยู่ ผมค่อย ๆ เอี้ยวหน้าไปมอง และสิ่งที่เห็นก็คือ…

พี่เอกฮะ

ผมยืนอึ้ง ถ้าให้เดา พี่แกคงใช้ร่างตัวเองกันไม่ให้กล่องน้ำตาลกับเครื่องทำกาแฟหล่นใส่ผมแน่ ๆ 

“เอ่อ ขอบคุณฮะ”
ผมยิ้มแห้ง ก่อนเบิกตากว้าง เมื่อมีน้ำสีแดง ๆ หยดแหมะลงมาใส่แก้มหลายหยด

“พี่เอก!!”
และเรือนร่างใหญ่โตของพี่มันก็ร่วงลงมาไม่ต่างกับของเล่นหมดลาน ดวงตาที่เคยมองผมเมื่อกี้ก็ค่อย ๆ ปิดตัวลง

“พี่เอก พี่เอก!!”

พี่มันหมดสติไปแล้ว ผมรีบตะโกนเรียกให้คนมาช่วย สักพัก พี่เก่งก็วิ่งเข้ามา พอเห็นเลือดก็รีบหิ้วปีกพี่เอกคนละข้างกับผมนำขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาลทันที

พวกเรายืนคอยกันอยู่หน้าห้องปฏิบัติการ ไม่เกินครึ่งชั่วโมง หมอก็ออกมา

“คนไข้ปลอดภัยดีครับ เย็บไปสามเข็ม สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือนอะไร ให้พักสักวันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”

ผมกับพี่เก่งพากันโล่งอก พี่เก่งขอตัวกลับไปดูแลร้านต่อ ส่วนผมรีบโทรรายงานคนที่บ้านทันที ไม่นานทุกคนก็มากันครบ คุณพ่อคุณแม่พากันเป็นห่วงใหญ่ คืนนี้ ผมอาสาขออยู่เฝ้าไข้พี่มันด้วยตัวเอง ซึ่งคุณพ่อกับคุณแม่ก็ยอม

“ไม่ใช่วัยเบญจเพสซะหน่อย เจ็บตัวบ่อยจัง”

 “นั่นน่ะสิ”

“สงสัยจะอยู่ในช่วงดวงตก”

“พอพี่เขาฟื้น เราน่าจะพาพี่เขาไปทำบุญกันบ้างนะ”
คุณแม่ออกความเห็น

“นั่นน่ะสิคะ”

ผมยืนอยู่มุมห้อง เฝ้ามองทุกคนด้วยรอยยิ้ม

พ่อกับแม่และน้อง ๆ อยู่กันไม่นานก็พากันกลับ ทิ้งไว้แค่ผมกับพี่เอกเท่านั้น

ผมนั่งลงข้างเตียงจ้องมองใบหน้านิ่งเรียบของคนที่ผมรัก

“เจ็บตัวบ่อยจังน้า หายดีแล้วสงสัยต้องพาพี่ไปอาบน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์จริง ๆ ซะแล้ว”
ผมย้ายตัวเองจากเก้าอี้ขึ้นไปนั่งบนเตียงกับพี่มัน แล้วเอนตัวแนบหน้ากับซอกแขนพี่มันเบา ๆ

“ขอโทษนะฮะ เพราะผม พี่ถึงได้เจ็บตัวแบบนี้”
ผมถอนหายใจเบา ๆ กอดเอวพี่มันแน่น โชคดีแค่ไหน ที่พี่มันยังมีลมหายใจอยู่ ผมฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นและหน้าอกที่ไหวกระเพื่อมเป็นจังหวะขึ้นลง ผมวางมือไว้บนนั้น จับจังหวะลมหายใจผ่านมือ ลูบมันเบา ๆ ไล่ขึ้นไปยังปลายคางคมได้รูป ลูบไปลูบมาก็เพลินมือดีเหมือนกัน ผมไล้มือวนตามแนวริมฝีปาก แตะปลายจมูกนิดหนึ่ง ขึ้นไปถึงเปลือกตาที่ปิดสนิท แล้วละมือลงมาลูบปลายคางอีกครั้ง

ผมยืดตัวขึ้นสูง แนบริมฝีปากตัวเองเข้ากับปากพี่มันเบา ๆ

“ผมรักพี่นะฮะ”
ผมกระซิบบอก หวังให้ความรู้สึกดี ๆ ทั้งหลายส่งผ่านไปหาพี่มันบ้าง แล้วผมก็แหงนมองใบหน้าคมคายได้รูปอีกที ในขณะที่มือก็ลูบไล้ปลายคางไม่หยุด

รู้สึกเหมือนมีมือของใครบางคนมาลูบอยู่แถว ๆ บั้นเอว ผมหันไปมอง ก่อนเงยหน้ามองคนที่ยังนอนหลับสนิทอยู่

“พี่เอก”
ผมลองเรียกเบา ๆ เพราะไม่แน่ใจว่าพี่แกฟื้นแล้วรึยัง ดวงตายังปิดสนิท ลมหายใจยังเข้าออกสม่ำเสมอ แต่มือที่ผมนอนทับอยู่นิด ๆ กำลังลูบไล้อยู่ที่เอวผมไม่หยุด ผมยกตัวขึ้นมาลองเรียกดูอีกที

“พี่เอก พี่ตื่นแล้วใช่ไหม”
ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับ

“เอ่อคุณคะ อย่าไปปลุกคนไข้แบบนั้นสิคะ ปล่อยให้คนไข้พักผ่อนไปก่อน”
นางพยาบาลเดินเข้ามาพอดี ผมรีบโดดลงจากเตียง พอ ๆ กับมือปลาหมึกเมื่อกี้ก็ละออกวางสงบอยู่ที่เดิม

“คะ คือ”
ผมแค่อยากจะบอกกับคุณนางพยาบาลว่าพี่มันน่าจะฟื้นแล้ว แต่ผมไม่แน่ใจ คุณนางพยาบาลมองผมดุ ๆ จนผมหงอลงไปนั่งเจี๋ยมเจี้ยมที่โซฟารับแขก พี่นางพยาบาลปรับสายนู้นนิดเช็คสายนี่หน่อย โดยมีผมชะเง้อคอมอง

พอพี่นางพยาบาลเดินออกไป ผมก็เดินไปดูพี่มันอีกที พี่มันยังนอนหลับกรนฟี้ ๆ เหมือนเดิม ผมเดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา ดึกมากแล้วเหมือนกัน แค่หัวแตะหมอน สติผมก็ค่อย ๆ เลือนหายไป





“อืม…”
ผมครางด้วยความหงุดหงิด

คนกำลังหลับจะนอน อะไรมายุบยับกับคอกูวะ =*=

ผมพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่สิ่งนั้นยังคงระรานไม่หยุด ผมรีบปัดสิ่งนั้นออก แต่มันไม่ยอมหลุดสักที

หรือว่าผีจะหลอก!!

ผมค่อย ๆ ลืมตามอง และสิ่งที่เห็นก็คือ…

ผีตัวหนึ่งครับ

ตัวใหญ่มากซะด้วย กำลังซุกหน้าอยู่แถว ๆ ซอกคอผม ผีตัวนี้มีผ้าก็อตแปะไว้ที่หัวด้านบนหย่อมหนึ่งด้วย

“พี่เอก!!”
ผมรีบจับไหล่พี่แกไว้ กะดันขึ้นมาพูดกันดี ๆ

“อ๊า…”
ผมเผลอตัวครางออกมา เมื่อพี่มันเลื่อนหน้าลงไปงับหัวนมผมเบา ๆ ในขณะที่มืออีกข้าง ก็ขยี้หัวนมอีกข้างเอาไว้ 

“อืม…พี่เอก!”
ผมพยายามดันหน้าพี่มันออก ดันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่พี่มันไม่ยอมหยุดซุกหน้ากับซอกคอผมสักที

“นี่พี่ฟื้นแล้วใช่ไหม”
ผมรีบดันตัวพี่เอกออกมาพูดกันดี ๆ แต่พี่มันไม่ยอมหยุดครับ ไซ้ซอกคออยู่นั่นแหละ 

“พี่เอก!!”
ผมตะโกนเรียก กางมือปิดปากพี่แกไว้แล้วดันออกแรง ผมมองหน้าพี่แกให้ชัด ๆ อีกที

“พี่ลงมาได้ยังไง ไม่เจ็บรึไง แล้ว…” ผมมองไปยังสายน้ำเกลือ พี่มันปลดออกแล้วครับ “นี่พี่ปลดสายน้ำเกลือออกเองได้ยังไง มันยังไม่หมดกระปุกเลย”

พี่มันจับมือผมที่ปิดปากพี่แกไว้ ยิ้มผ่านดวงตามาให้ผมแล้วไล้ปลายลิ้นตวัดเลียฝ่ามือผมเบา ๆ ผมรีบชักมือกลับ

“พี่เอก!! อย่าทำแบบนี้สิ พี่ป่วยอยู่นะ”

“โธ่ กายก็ พี่คิดถึงกายจะแย่อยู่แล้ว ขอกอดหน่อยนะ”
ไอ้ลักษณะการพูดหื่น ๆ แบบนี้ มันฟังดูคุ้น ๆ แฮะ 

“แต่พี่เพิ่งฟื้นนะ เรียกหมอมาเช็คก่อนดีกว่า”
ผมพยายามดันตัวพี่มันออก

“พี่น่ะ ไม่เป็นไรหรอก แต่ตอนนี้ เอกน้อยกำลังป่วย”

เอกน้อย?

“พี่เอก นี่ความจำพี่กลับมาแล้วใช่ไหม”

“จำอะไร”
พี่มันถามกลับหน้าซื่อ

“ก็ความจำพี่ไง ที่มันหายไปช่วงหนึ่ง พี่จำได้แล้วใช่ไหม”

พี่มันมองตาผม ก่อนส่ายหัว 

“พี่คิดถึงกาย”
แล้วเสตอบไปเรื่องอื่น           
           
มือไม้ปากเปิกก็ซุกไซ้ไปทั่ว 

“พี่เอก อย่าเพิ่งสิ”
ผมรีบดันพี่มันออก แต่ยิ่งดิ้น ตัวผมยิ่งถูกดันจนแบนติดโซฟา

“ถึงไม่สงสารพี่ก็สงสารเอกน้อยบ้างสิ”
พี่มันดึงมือผมไปจับบางส่วนด้านล่างที่ตอนนี้มันชี้โด่แล้วครับ ผมชักมือกลับแต่พี่มันยึดจับไว้

“พี่ เดี๋ยวนางพยาบาลเข้ามา”

“ไม่เข้ามาหรอกจนกว่าจะครบสองชั่วโมง”

“พี่เอก!!”

“น่านะ เอกน้อยปวด”
พี่มันทำท่าขอร้องจับมือผมไปลูบ ๆ น้องมันใหญ่

สุดท้ายผมต้องยอมใช้ปากทำให้พี่มันครับ

ขอเวลานอกสิบห้านาที

 

 

 

 

ผมเงยหน้ามาเช็ดปากมองพี่มัน พี่เอกหอบหายใจแฮก ๆ 

“นี่พี่จำได้แล้วใช่ไหม”

“เปล่า”

“อ้าว”
ไอ้ผมก็คิดว่าพี่แกจำได้แล้วซะอีก เห็นพูดถึงเอกน้อย แล้วไหนจะให้ผมทำเรื่องแบบนี้อีก เพราะพี่เอกเสื่อมไม่เคยให้ผมทำ

“ถ้าจำไม่ได้ แล้วทำไม…”
ผมนิ่งไป เม้มปากแน่น มองตาพี่มัน พี่เอกมองตาผมกลับใสซื่อ

บางทีอาจเป็นแค่สัญชาตญาณก็ได้ ผมถอนหายใจเสียดายเบา ๆ

“พี่ไม่เจ็บมากก็ดีแล้ว ผมเป็นห่วง”
ผมซบอกพี่มัน พี่เอกกอดตอบผมเหมือนกัน

พอรุ่งขึ้น หมอเข้ามาตรวจดูอาการอีกที พี่เอกฟื้นตัวเร็วมาก หมอเลยปล่อยตัวกลับบ้านได้ หลังจากกลับมา ผมก็ดูแลพี่มันอย่างดีมาตลอด ทุกอย่างดูปกติดีครับ

ยกเว้น…

“กาย หิวจังเลย ทำอะไรให้พี่กินหน่อยสิ”
พี่มันอ้อน ผมพยักหน้า เดินไปทำกับข้าว โดยมีพี่มันเดินตามมานั่งมองตาหวานหยาดเยิ้มบนเคาน์เตอร์ จริง ๆ ก็อยากทำตัวให้ชินครับ แต่ช่วงหลัง ๆ มันชักจะทนไม่ไหว ผมวางผักไว้บนเขียง หันไปมองคนที่นั่งมองผมอยู่

“พี่เอก ความจำพี่กลับมาแล้วใช่ไหม”

“เปล่า”
พี่มันทำหน้าเหรอหรา ผมหรี่ตามอง

“ทำไมกายถึงคิดว่าพี่จำได้แล้วล่ะ”

ผมทำท่าอึดอัด

“ก็…พฤติกรรมหลาย ๆ อย่างของพี่มันเหมือนพี่ก่อนความจำเสื่อมไง”

“ยังไง”

ผมเม้มปากแน่น รีบหันหลังไปทำกับข้าวต่อ

จะให้บอกได้ไงว่าพี่มันดูเจ้าเล่ห์และหื่นเหมือนเดิม ได้ยินเสียงหัวเราะหึ ๆ จากด้านหลัง แต่ผมพยายามทำเป็นไม่ใส่ใจ

To Be Con....
คนเจ้าเล่ห์ยังไงก็เป็นคนเจ้าเล่ห์อยู่วันยังค่ำ  :mew5:

 
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 97 รู้สึกแปลกๆ |17/2/18|
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-02-2018 05:09:04
ความหื่นกลับมาแล้ว ความจำก็ต้องกลับมา  o18
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 98 แกล้ง |13/2/18|
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 24-02-2018 10:27:54
(https://www.img.in.th/images/74a841b4ad3fc57cc2e2e2b0eb67feb4.jpg)

98 แกล้ง
[เอก...]








 





ความจำผมกลับมาตั้งแต่โดนเครื่องชงกาแฟตกใส่หัวแล้ว แต่อยากแกล้งไอ้ตัวเล็กมันเท่านั้นแหละ แล้วอีกอย่าง เวลาที่ผมจำอะไรไม่ได้ มันจะใส่ใจและดูแลผมดี ขออะไร มันทำให้หมด

อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน

“ดีมากกาย อืม อย่างนั้นแหละ”
ผมขอให้มันออนท็อปให้ครับ ตอนความจำเสื่อมไม่เคยให้มันทำ แต่ตอนนี้ขออะไรได้หมด โดยอ้างว่าทำแล้ว ความจำอาจจะกลับคืนมาก็ได้ มันอิดออดนิดหน่อย แต่ก็ยอมโดยดี

เปรมผมน่ะสิ งานนี้ หึ ๆ






 

 

มันนั่งทำโปรเจกต์ที่อาจารย์ให้มาอยู่ในห้องรับแขก โดยมันนั่งอยู่ที่พรมใช้โต๊ะรับแขกแทนโต๊ะเรียน ผมทิ้งตัวลงไปนั่งข้าง ๆ ก้มหอมแก้มมันไล่ลงมาที่ซอกคอ มันทำคอหดผลักห้ามใหญ่

“พี่เอก ผมกำลังเร่งทำโปรเจกต์อยู่”

“ก็ทำไปสิ พี่แค่หอมแก้มเท่านั้นเอง”
ผมเอาเคราตัวเองไซ้หน้ามันเบา ๆ ผิวมันขาวครับ ไซ้แรงเกินบางทีก็เป็นรอยแดง มันรีบผลักหน้าผมออก แต่ผมก็ยังหน้าด้านไซ้มันอยู่นั่นแหละ

โปรเจกต์มันคงจะเร่งจริง ๆ ถึงได้ขมวดคิ้วตั้งหน้าตั้งตาทำขนาดนั้น ผมเลยไปหยิบโน้ตบุ๊คมาทิ้งตัวลงนอนบนตักมัน มันไม่ว่าครับ ลูบหน้าลูบหัวผมเบา ๆ ก่อนจะหยุดมือไว้ที่เคราผม

ผมไว้บาง ๆ ไม่ให้ดูน่าเกลียด แต่ก็จับหรือสัมผัสแล้วรู้สึก แถมยังทำให้หน้าดูเข้มขึ้นอีก สงสัยมันจะชอบ ลูบใหญ่เลย ผมก็เพลินดี

“พี่เอก พี่ยังจำไม่ได้อีกเหรอ”
มันถามคำถามเดิม ผมก็ตีมึนปฏิเสธไป

เรื่องอะไรจะบอก อย่างน้อยผมจะได้ขอให้มันทำนู่นทำนี่ให้โดยอ้างว่าทำให้แล้ว ผมจะได้จำได้เร็วขึ้น มันจ้องผมอยู่พักเพื่อค้นหาความจริง ก่อนกลับไปนั่งทำงานเหมือนเดิม




 

“พี่เอก ช่วยผมหาของหน่อยสิ”
ไอ้ตัวเล็กมันเดินทำหน้าร้อนรนเข้ามาหา

“อะไร”

“กล่องใส่รูปถ่าย ผมหาไม่เจอ” มันบอก “จำได้ว่าแต่ก่อน ผมเคยวานให้พี่เอกเอาไปเก็บ แต่ไม่รู้พี่เอาไปไว้ตรงไหน หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ”
มันบ่นงึมงำเหมือนพูดกับตัวเองมากกว่าถามผมจริง ๆ

ผมนิ่งคิด ถ้าจำไม่ผิดมันน่าจะอยู่…

ผมเดินตรงดิ่งไปหยิบกล่องนั้นทันที ลองเปิดเช็คดูก็เห็นมันอยู่ในนั้นจริง ๆ ด้วย ผมยิ้ม หันหลังหวังเอาไปให้มัน

”ชะอุ้ย! กาย พี่ตกใจหมดเลย”

มันยืนกอดอกทำหน้านิ่ง ๆ อยู่ด้านหลัง

ผมชักเข้าใจความรู้สึกเวลาที่มันตกใจตอนหันมาเจอผมขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ

“พี่เอกเก่งจัง”
เหมือน ๆ น้ำเสียงมันจะไม่ได้ชื่นชมผมนะ

“พี่รู้ได้ยังไงฮะ ว่ามันวางไว้ตรงนั้น”
มันเอียงคอสี่สิบห้าองศา ท่าทางบ้องแบ๊ว

แต่สายตามันนี่…น่ากลัวสุด ๆ

“พี่ก็แค่เดา ๆ เอาน่ะ”

“เหรอฮะ แต่ผมเห็นพี่เดินดุ่ม ๆ ไปหยิบเลยนี่นา เหมือนพี่มั่นใจว่ามันวางไว้ตรงนั้นแน่ ๆ”

“พี่ก็เดา ๆ เอาไง”
ผมพยายามตีเนียน มันเดินเข้ามาจนชิด รังสีอาฆาตฟุ้งไปทั่ว

มันไปเอาวิธีรีดความจริงแบบนี้มาจากไหนวะ?

“โกหก!! พี่จำได้แล้วใช่ไหม ทำไมต้องมาแกล้งความจำเสื่อมด้วย!!”
มันตีแขนผมตุบตับ

“โอ๊ย ๆ!! กาย พี่เจ็บ”
ผมรีบปัดป้อง มันตีผมแรงกว่าเดิมอีก

โห เมียผมเริ่มโหดวุ้ย

“เจ็บเหรอ มาล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง รู้ไหมว่าคนอื่นเขาห่วงพี่กันแค่ไหน ไม่ใช่แค่ผมนะ ทั้งเพื่อน ๆ และคนในครอบครัวพี่ด้วย”

ผมรีบรวบจับมือมันสองข้าง แต่มันก็ยังใช้สองขาเตะขาผม หน้ามันแดงก่ำเลย สงสัยจะโกรธจริง

ผมยิ้มแห้ง

“ก็เวลาที่พี่ความจำเสื่อม กายจะดูแลพี่ดี แถมยังตามใจพี่ทุกอย่างเลยนี่นา”

“ที่ดูแลดีก็เพราะรักเพราะห่วง ที่ตามใจก็เพราะอยากให้พี่จำได้เร็ว ๆ ต่างหาก”

ผมรัดมันไว้ครับ ไม่ให้มันดิ้นรนได้ มันใช้สายตาด่าทอผมแทน

“พี่รักกายนะ ขอบใจที่ดูแลพี่อย่างดี”

มันหน้าง้ำจนผมอมยิ้ม เมียผมเริ่มเอามารยาหญิงมาใช้แล้วนะเนี่ย

“จำได้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
มันถามงอน ๆ

“ก็ตั้งแต่โดนกล่องเครื่องชงกาแฟหล่นใส่หัวนั่นแหละ ก่อนสลบไป”

มันทำหน้าอึ้ง ๆ 

“ที่พี่เจ็บตัว เพราะพี่ต้องการปกป้องคนที่พี่รักนั่นแหละ”

มันมองตาผม ก่อนก้มหน้า

“ขอบคุณครับ”

“เพราะงั้น กายต้องรับผิดชอบดูแลพี่ให้ดี ๆ ยอมตามใจพี่ทุกอย่างที่พี่ต้องการ โดยไม่ขัดขืน ปฏิเสธ หรือทักท้วง ตามมาตราบุญคุณแห่งชาติ”

โป๊ก!!

“โอ๊ย!!”

มันโหม่งหน้าผากใส่คางผมแรง ผมปล่อยมือมาลูบคางตัวเองป้อย ๆ

เจ็บฉิบหาย แล้วมันจะเจ็บไหมน่ะ

“พี่มันนิสัยไม่ดี เอาแต่ได้”
แล้วมันก็ตีแขนผมต่อยกใหญ่ ผมเลยรวบกอดมันไว้จากด้านหลังแทน หมดสิทธิ์ดิ้นรนครับ ผมหอมแก้มมันฟอดใหญ่

“พี่รักกายนะ”
และผมก็จัดการง้อมันเซตใหญ่

หึ ๆ

บนเตียง

 










 

ผมนั่งผิวปากอารมณ์ดีอยู่หลังโต๊ะทำงานในห้องสภา อีกชั่วโมงค่อยเข้าคลาส

“มึง ผิวปากเพลงนี้ได้นี่ แปลว่าความจำมึงกลับมาแล้วใช่ไหม”
ไอ้กิ๊ฟมันถาม ผมเงยหน้ามายิ้มผ่านดวงตาให้มัน

“ไอ้เลว!! ทำไมไม่บอกกันบ้างวะ”
พวกเพื่อน ๆ พากันเทศนาผมกันยกใหญ่ ผมได้แต่หัวเราะอารมณ์ดี

“กูชอบเวลาพวกมึงเป็นห่วงกูว่ะ ได้แกล้งพวกมึงแล้วสนุกดี”

“มึงทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ระวังไว้เหอะ ครั้งหน้าถ้าเกิดความจำเสื่อมขึ้นมา มึงจะโดนพวกกูยำมิใช่น้อย”

ผมยักไหล่

มือถือบนโต๊ะดังขึ้นเบา ๆ ผมหันไปมอง เห็นเป็นเบอร์ของคนคุ้นเคยถึงได้รีบกดรับทันที หลังจากนั้นไม่นาน ผมกับมันก็มานั่งกันอยู่ในผับที่เราสองคนชอบมานั่งดื่มด้วยกันประจำ

“แล้วตกลงมึงเอาไง”
ผมถามคนตรงหน้า มันไปอยู่เมืองนอกมาสองเดือนกว่า ๆ ทุกอย่างแทบจะเหมือนเดิม แต่มันนิ่งกว่าเดิม

“ตอนแรกว่าจะเรียนที่นู่นจนจบนั่นแหละ แต่กูต้องกลับมาดูแลกิจการแทนพ่อกับแม่”
มันถอนหายใจเฮือกใหญ่

“แล้วเรื่องไอ้เต้ย…”
ผมถามค้างไว้แค่นั้น มันถอนหายใจอีกรอบ

“กูไม่รู้ว่ะ แต่คิดว่ากูกับมันคงทำใจกันได้ทั้งคู่แล้ว เพราะตอนนี้กูก็กำลังดู ๆ ใจใครบางคนอยู่”

“ใครวะ”

“ก็คนที่เจอกันทางอินเตอร์เน็ตน่ะ”

ผมมองหน้ามัน

“ไว้ใจได้?”

“กูไม่รู้ ไม่มีอะไรให้หลอกอยู่แล้วนี่ เพราะคนในนั้นไม่รู้ว่ากูเป็นใครหรือกูมีเงินมีทองร่ำรวยอะไร บังเอิญคุยกันถูกคอเฉย ๆ”

ผมพยักหน้า

“แล้วแต่มึงละกัน อยากให้กูช่วยอะไรบอกมา”

มันพยักหน้า

“แล้วมึงจำได้หมดแล้วใช่ไหม”

ผมพยักหน้าบ้าง 

“ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“หลังจากโดนกล่องเครื่องชงกาแฟตกใส่หัว”

“สมองกระทบกระเทือนอีกครั้งจนความจำกลับมาว่างั้น? รู้งี้ พวกกูหาอะไรมาฟาดมึงตั้งแต่แรกก็คงจบ”

ผมหัวเราะหึ ๆ

สรุปไอ้เป้มันตัดสินใจเดินทางกลับมาเรียนต่อที่เมืองไทยเพื่อดูแลกิจการของทางบ้านร่วมกับน้องมัน และมันตัดสินใจที่จะนัดพบคนที่มันติดต่อไว้ทางอินเตอร์เน็ตด้วย ผมก็ขอให้คนคนนั้นทำให้มันลืมไอ้เต้ยได้บ้างนะ

(มีต่อ)
v
v
v
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 98 แกล้ง |13/2/18|
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 24-02-2018 10:28:25

ตอนนี้ผมกำลังจู๋จี๋กับเมียอยู่ที่คอนโดครับ แต่ดันมีเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาขัดจังหวะ ผมคว้ามามองเบอร์แล้วกรอกเสียงลงไปทันที

“ถ้าไม่มีเหตุผลดี ๆ มาขัดตอนกูกำลังจะฟัดเมีย มึงตาย”
ผมขู่ ไอ้ตัวเล็กมือไวครับช่วงนี้ ตีแขนผมเพี้ยะ ผมหัวเราะร่วนใส่มัน

“มาดื่มกันหน่อยไหม”
เสียงปลายสายฟังดูแย่มาก ผมเลยปล่อยไอ้ตัวเล็กให้เป็นอิสระ ลุกออกจากเตียง เดินไปยืนคุยกับมันเงียบ ๆ ริมหน้าต่างห้องนอน

“มีเรื่องอะไร”

“มึงจำคนที่กูเคยเล่าให้ฟังได้ไหม”

“อืม ทำไม”

“คนคนนั้นเป็นคนที่กูรู้จักว่ะ รู้จักดีด้วย”

“ใคร”

“ไอ้เต้ย”

ผมยืนอึ้งอยู่กับที่

“โลกมันคงไม่กลมขนาดนั้นหรอกมั้ง”

“แต่มันกลม”
มันย้ำเสียงเครียด

“งั้นไปเจอกันที่ร้านเดิมนะมึง สามทุ่ม”
ผมบอก เหลือบมองนาฬิกา เสียดายลูกแมวน้อยบนเตียงครับ แต่ตอนนี้ต้องไปหาไอ้เป้ก่อน พอหันไปมองไอ้ตัวเล็ก ก็เห็นมันลุกขึ้นแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว

“จะไปไหน”
ผมถามเสียงเครียด โรคเก่ากำเริบโดยไม่ทราบสาเหตุ

“ไปหาไอ้เต้ย”
มันทำเสียงอึกอัก

ผมพยักหน้า มันคงรู้เรื่องจากไอ้เต้ยแล้ว (เพราะเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงโทรศัพย์มันดัง)

“ให้พี่ไปส่งไหม” ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง น่าจะยังทันอยู่

“ไม่ต้องหรอก ผมนัดมันที่อื่น”
สีหน้ามันเต็มไปด้วยความวิตกกังวล มันยืนยันที่จะไปแท็กซี่ ผมก็ปล่อย มันไม่ใช่ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องไปห่วงอะไรมากมาย

ผมรีบรุดไปหาไอ้เป้ทันที มันเมาได้ที่แล้วล่ะ

“ทำไมวะเอก ทั้ง ๆ ที่กูคิดว่ากูจะตัดใจได้ แต่ทำไมชีวิตกูต้องวนเวียนอยู่แค่กับมันด้วยวะ”
มันเมาแอ๋บอก ผมถือแก้วเหล้านั่งฟังมันระบายอย่างเดียว

ผมก็ไม่รู้ว่าจะปลอบใจมันยังไงเหมือนกัน มันก็อุตส่าห์ทำทุกวิถีทางแล้ว ออกจากบ้าน น้องมันก็ตามไปได้ ไปอยู่ต่างประเทศ พ่อมันก็ดันมาป่วยจนต้องเดินทางกลับ ซ้ำยังต้องดูแลกิจการแทนพ่อกับแม่มันร่วมกับน้องมันอีกต่างหาก พอคิดว่าจะเจอคนที่ทำให้มันตัดใจได้บ้าง ก็ดันมาเจอกับคนที่ทำให้หัวใจมันเจ็บอีกต่างหาก

ผมกระดกเหล้าเข้าปากเครียดตามมัน ก่อนน้ำสีอำพันที่ดื่มเข้าไปเมื่อตะกี้จะกระฉอกออกมาจนหมด

ผมนั่งอึ้ง เพ่งสายตาไปยังสองชีวิตที่นั่งห่างจากเราไปอีกสองโต๊ะ เมื่อกี้ไม่เห็น เพราะมีคนมายืนบังไว้อยู่

ไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ย

“แม่ง โลกมันกลมจริง ๆ ว่ะ”

ไอ้เป้เงยหน้ามอง ผมพยักหน้าไปยังสองชีวิตที่หนึ่งดูท่าจะเมาหนัก กับอีกหนึ่งที่นั่งนิ่ง ๆ จิบเหล้านิด ๆ หน่อย ๆ

พวกเราจ้องมองสองชีวิตนั้นไม่ว่างตา เพราะออร่าบางอย่างที่ดึงดูดตัวผู้อย่างพวกผม

ไม่ใช่เพียงแค่ผมกับไอ้เป้เท่านั้นที่นั่งมองพวกมันอยู่ ถัดไปก็มีผู้ชายอีกกลุ่มกำลังเล็งพวกมันอยู่เหมือนกัน

กายกับเต้ยไม่ใช่เกย์ แต่ออร่าเซ็กซี่ของพวกมันสองคนกระจัดกระจาย ไอ้ตัวเล็ก คงเพราะผมเพิ่งทำมันค้างจากกิจกรรมเข้าจังหวะมาหยก ๆ และชุดที่ใส่ก็เซ็กซี่เอาการ อันนี้เป็นความผิดของผมเองครับ เพราะเสื้อผ้าที่คอนโดผมส่วนใหญ่ ผมจะเป็นคนซื้อให้มัน อยากเห็นมันใส่แบบไหนก็ซื้อแบบนั้นให้

มันใส่กางเกงยีนธรรมดา แต่เสื้อเป็นเสื้อยืดแขนยาวคลุมข้อมือ คอคว้านลึกโชว์ร่องรอยที่ผมเพิ่งทำทิ้งเอาไว้ ตัวที่ผมเพิ่งจะถอดมันไปหยก ๆ นั่นแหละ มันคงรีบ ถึงได้หยิบตัวเดิมมาใส่ เพราะปกติมันจะไม่ใส่ชุดแบบนี้ออกนอกห้องเด็ดขาด

พอกินเหล้าหน้าก็แดงหน่อย ๆ มันนั่งกินนิ่ง ๆ แต่ก็ดูน่ารักน่ามองไม่หยอก หรือไม่ก็เพราะมันเคยผ่านมือผู้ชายมาก่อน ออร่าดึงดูดผู้ชายด้วยกันมันถึงออก (ไม่งั้นไอ้โอ๊ค ไอ้คุณชรินทร์ ไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐไม่มาชอบหรอก)   

ส่วนไอ้เต้ย มันคงร้อนเลยแกะกระดุมออกจนเสื้อแหวกเห็นหัวนมโผล่รำไร มันแต่งตัวน่ารักครับ ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นมีสไตล์ แต่ตอนนี้มันลุ่ยหมดแล้ว

และไอ้กลุ่มคนที่นั่งมองกันอยู่ก็พากันเดินเข้าไปหาพวกไอ้ตัวเล็ก ทำท่าอ้อล้อ พวกมันสองคนก็พยายามปฏิเสธ แต่ไอ้พวกบ้านั่นก็ยังเข้ามาวุ่นวายไม่หยุด คนแรกฉุดไอ้ตัวเล็ก ส่วนอีกคนฉุดไอ้เต้ย

ผมกำลังจะลุก แต่ก็ช้ากว่าคนที่นั่งตรงข้ามผมที่ลุกตรงไปยังคนกลุ่มนั้นแล้ว มันง้างหมัดใส่ไอ้คนที่โอบเอวไอ้เต้ยไว้ทันที จนผู้คนพากันร้องวี้ดว้าย ผมที่ตั้งสติได้รีบเดินกึ่งวิ่งเข้าไปกระชากไอ้ตัวเล็กออกมาจากพวกนั้นทันที

พวกเราตะลุมบอนกันอยู่พัก จนพวกมันถูกยำตีนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น

“มาทำอะไรอยู่ในที่แบบนี้!!”
ไอ้เป้มันกระชากถามน้องมัน

“ทามอาราย”

ทั้งที่ไอ้เป้มันเมา แต่ดูเหมือนมันจะสร่างเมาแล้ว

“ที่แบบนี้มันไม่เหมาะกับนาย!!”

“ทำมายจาม่ายด้าย ทีพี่ยางมาด้ายเลย”

“ก็พี่ดูแลตัวเองได้”

“โผ้มก็ดูแลตัวเองด้ายเหมือน…กัน”

“ทั้งที่เกือบจะถูกฉุดเนี่ยนะ!!”
มันตะคอกเสียงดัง

“นั่นมันเรื่องของ..กู กูจะถูกครายฉุดมานก็เรื่องของ…กู มึงม้ายสนใจกูอยู่แล้วนี่ เอะอะก็หนีกูไป เคยสนใจกับชีวิตกูด้วยรึไง!!”
ไอ้เต้ยมันตะคอกกลับบ้าง

เห็นแววเจ็บปวดวิ่งผ่านดวงตาไอ้เป้มัน ผมไม่รู้ว่าไอ้เต้ยมันรู้สึกยังไงถึงพูดแบบนั้น แต่คนที่เจ็บกับคำพูดมันก็คนที่ทิ้งมันไปนั่นแหละ

“ปล่อยนะ ไอ้พี่บ้า มึงปล่อยกูเลย มึงจะไปที่ไหนก็ปาย อย่ามาใกล้กูอีก ไปไกล ๆ !!”
มันโวยวายเสียงดัง จนไอ้เป้ ตัดสินใจจับน้องมันพาดบ่าแล้วเดินดุ่ม ๆ ออกจากร้านไป

ผมหันมามองคนที่ยังยืนหน้าซีดข้าง ๆ

“เป็นอะไรมากไหม”

มันส่ายหัว

“ทำไมมาในที่แบบนี้”

เพราะกายไม่ใช่พวกชอบเที่ยวหรือดื่มในสถานที่แบบนี้อยู่แล้ว

“ไอ้เต้ยมันชวน”

ผมพยักหน้า

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

“ขอบคุณฮะ”

ผมยิ้ม จ่ายค่าเครื่องดื่มและค่าเสียหายแล้วเดินทางกลับทันที(ส่วนพวกมัน ผมไม่สนครับ พอดีผมกับไอ้เป้เป็นลูกค้าประจำ เส้นใหญ่ เลยไม่มีใครเอาเรื่อง)




 

 

 

วันและเวลายังคงดำเนินต่อไป ผมกับไอ้ตัวเล็กอยู่ด้วยกันด้วยความรักและความเข้าใจ ในขณะที่คู่ของเพื่อนสนิทผม ยังคงระส่ำเพราะหัวใจของพวกมันอีกครั้ง

ครั้งนี้ไอ้เป้จะหนีไม่ได้ เพราะมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ

แม่มันวางมือจากธุรกิจมาดูพ่อเต็มเวลา งานทั้งหมดที่พ่อกับแม่มันเคยดูแลเลยตกไปที่พวกมันทั้งหมด งานบางอย่างก็ขายทิ้งเพื่อที่มันจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก หรืองานบางอย่างก็หาคนมาดูแลแทน

พ่อกับแม่มันมารู้ว่าเวลามีค่าก็ตอนสูญเสียสิ่งนั้นไปแล้วนั่นแหละ

To Be Con....           

           
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 98 แกล้ง |13/2/18|
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 24-02-2018 19:07:41
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 98 แกล้ง |13/2/18|
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-02-2018 20:16:13
พี่เอก กาย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
พี่เอก หื่น นั่นล่ะใช่พี่เอกแน่ๆ

พี่เป้ หนียังไงก็หนีไม่พ้น
ก็หัวใจอยู่ที่เต้ย หัวใจเต้ย ก็อยู่ที่พี่เป้  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 98 แกล้ง |13/2/18|
เริ่มหัวข้อโดย: nyxca ที่ 03-03-2018 17:30:12
ที่จริงชอบเรื่องนี้ ชอบจนมาถึงบททวงหนี้ อยากอ่านต่อมากแต่อ่านต่อไม่ไหว เพราะไม่อินกับความรักของพระเอกทั้งที่เอาใจช่วยมาตลอดทั้งเรื่อง เข้าใจมาตลอด ตอนบอกเลิกกายเพราะกลับไปหาแฟนเก่าก็ยังเข้าใจ อย่างน้อยก็ยังมาพูดไม่ใช่หายไป คือช่วงนั้นก็หวังว่าเอกจะมีเหตุผลดีๆที่จะกลับมา แต่ก็ไม่มี แถมยังพูดออกมาได้ว่ารักทั้งสองคน จะบ้าเหรอ เอกก็พูดมาตลอดว่าเอกไม่ใช่คนดีแต่เราก็ไม่คิดว่าเอกจะเห้ขนาดนี้ คิดว่าแฟนเก่าเอกโครตโชคดีเลยที่ไม่ได้ลงเอยกับคนๆนี้ ซวยกายไป ขอบคุณคนเขียนมาก นิยายคุณสนุกจริงๆ เขียนดีด้วย อินกับความชั่วช้าของพระเอกจนกลับมาเข้าข้างไม่ได้เลย อิอิ ถ้ามีคำพูดที่ทำให้รู้สึกไม่ดีต้องขอโทษด้วยแต่เพราะมันอินจริงๆ
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 98 แกล้ง |13/2/18|
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-03-2018 00:44:42
เป้ สู้ สู้ นะลูก หนูต้องทำได้แน่ ๆ คนแก่เชื่อมือหนู  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 99 : ความจริงเปิดเผย |4/3/18|
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 04-03-2018 10:03:53
99
ความจริงเปิดเผย
[กาย...]




 


 
   
 

วันนี้พวกเรายกโขยงกันมาเยี่ยมพ่อพี่เป้กันที่บ้านครับ มากับครบวงเลย และเนื่องจากพ่อแม่พี่เป้ต่างจากพ่อแม่พี่เอกหรือพ่อแม่ผม พวกพี่ ๆ มันเลยต้องทำตัวเรียบร้อยกันนิดหนึ่ง

“เฮ้ย!! ไอ้เชี่ย มึงโกง ไอ้สาด เอาเงินกูคืนมาเลย”

เอ่อ…

ผิดพลาดทางเทคนิคบางประการครับ

ขอเทคสอง

“เฮ้ย ๆ!! ที่ห้องไอ้เป้มีคลิปแอบถ่ายของน้องเอมี่ด้วยเว้ย พวกมึงอยากดูกันเปล่า!!”

เอ่อ…

พวกพี่ ๆ จะเสื่อมกันไปไหม

ดูแทบไม่ออกว่านี่คือกลุ่มของผู้ปกครองนักศึกษาทั้งมหา’ลัย

แต่แทนที่แม่พี่เป้จะต่อว่ากลับนั่งหัวเราะร่วนมองพวกเราด้วยสายตาเอ็นดู ส่วนคุณพ่อก็ทำได้แค่นั่งหัวเราะเบา ๆ ร่างกายของท่านยังขยับไม่ได้ แต่พอพูดได้บ้างแล้ว แม่มองมาทางพวกเรายิ้ม ๆ

“แม่กับพ่อเกือบจะลืมไปแล้ว ว่าเคยยิ้มและหัวเราะแบบนี้กันเมื่อไหร่”
แม่เปรยเสียงแผ่ว

“มันไม่สายหรอกครับ ที่พ่อกับแม่จะมีความสุข”
พี่เป้บอกกับแม่ยิ้ม ๆ 

ตอนนี้พวกเราสุมหัวกันอยู่ในห้องรับแขก พ่อพี่เป้นั่งอยู่บนเก้าอี้นวด โดยมีแม่นั่งอยู่เคียงข้าง

“คุณพ่อเล่นหน่อยไหม”
ไอ้มอมันชวน ทุกคนหันไปมอง

“มึง พ่อกูจะเล่นได้ไง”
พี่เป้ท้วง

“จะไปยากอะไร ก็ให้คุณแม่เป็นคนถือ ส่วนคุณพ่อก็แค่ส่งซิกบอกคุณแม่ก็พอว่าอันไหน เชื่อกู คุณพ่อเล่นได้แน่นอน”

ทุกคนมองไปที่พ่อราวกับจะกระตุ้นให้ท่านตอบตกลงมากกว่าปฏิเสธ ท่านเลยพยักหน้าเบา ๆ แม่เลยต้องลงไปนั่งกับพวกพี่มัน

แม่ต้องใช้วิธีชี้ครับ ว่าอันซ้ายหรืออันขวา แล้วให้พ่อพยักหน้าหรือส่ายหน้าเพื่อให้แม่วางไพ่

ช่วงแรก ๆ ติดขัดกันนิดหนึ่ง สักพักแม่กับพ่อเริ่มมันมือ ปรึกษากันยกใหญ่ คราวนี้พี่มอกับพี่โอมกำลังจะกินเหลือพ่อเป็นตาสุดท้าย พี่มันเลยกดดันพ่อใหญ่

“อันนี้เหรอคุณ”
แม่ถาม พ่อส่ายหัว แม่ชี้ไปเรื่อย ๆ จนพ่อเริ่มทนไม่ไหว

“อันนั้น”

“อันไหนคะ”

“อันนั้น”
แล้วทุกคนก็พากันตลึงเมื่ออยู่ ๆ พ่อก็ขยับมือเบา ๆ เหมือนจะยกขึ้นมาชี้

“คุณพ่อ!! คุณพ่อขยับมือได้แล้ว!!”
ไอ้เต้ยมันวิ่งเข้าไปหาพ่อมัน พ่อก้มมอง ก็เห็นว่ามือตัวเองเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งเดิมจริง ๆ

“เห็นไหม กูว่าแล้วว่าต้องได้ผล”
พี่โอมกับพี่มอตบมือใส่กันดังป้าบ

“หมายความว่ายังไง” พี่เป้ถาม

“ก็พวกกูใช้เทคนิคคล้ายถีบคนตกน้ำนั่นแหละ ใช้วิธีกระตุ้นให้จิตใจอยากก่อน แล้วร่างกายจะทำตามเอง”
พี่โอมพูดยิ้ม ๆ

ผมก็ลืมไปเลยว่าพี่โอมเป็นหมอ อาจรู้เทคนิคบางอย่างที่พวกเราไม่รู้ก็ได้ แม่ดีใจใหญ่ หลังจากนั้นพวกพี่มันก็ใช้เทคนิคมั่ว ๆ แปลก ๆ มากระตุ้นพ่อต่อ จนผมชักไม่แน่ใจว่าพี่มันใช้ความรู้ หรือแค่มั่วแหลกอย่างเดียวกันแน่

ถึงร่างกายจะยังพัฒนาได้ไม่มาก แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่พ่อกับแม่มันมีมากขึ้น ผมนั่งมองทุกคนยิ้ม ๆ บางจังหวะก็ลุกไปถ่ายรูปเก็บความทรงจำดี ๆ เอาไว้

เครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงผมดังเบา ๆ ผมล้วงหยิบมากดรับ

“มากันแล้วเหรอฮะ งั้นเดี๋ยวผมออกไปรับ”

ไอ้เต้ยหันมามอง

“พ่อกับแม่กูมา”
ผมบอก ไอ้เต้ยยิ้มแก้มบาน รีบลุกเดินไปรับพ่อแม่กับผม

หิ้วของกันมาเยอะแยะเลย หนึ่งในนั้นก็มีกระเช้าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของเยี่ยมพ่อพี่เป้ ผมกับไอ้เต้ยรีบเข้าไปช่วยถือ และเชิญพวกท่านเข้าบ้าน พอพ่อแม่พี่เป้เห็นพ่อแม่ผม พวกท่านอึ้งไปเลย เพราะพวกท่านอายุใกล้เคียงกัน แต่พ่อแม่ผมดูหนุ่มดูสาวกันจนแทบจะกลายเป็นพี่ชายพี่สาวผม ในขณะที่พวกท่านดูแก่ไปเยอะ

พ่อกับแม่เดินไปยื่นของฝากให้พ่อแม่พี่เป้ คุยกันสักพักถึงได้หันมาทางพวกเรา   

“เอ้อ ลืมไป นั่นของกิน”
พ่อพยักหน้าไปยังถุงขนาดใหญ่ที่ผมหิ้วมาวางไว้ไม่ไกล

“ลาภปากเว้ย”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ขยับ พี่มอกับพี่โอมรีบวิ่งเข้าไปคว้าถุงนั้นแล้ววิ่งลิ่วเข้าครัวไปทันที ตามติดด้วยพี่อิงกับพี่สาวพี่ปิง คงไปช่วยกันจัดของลงจาน

พ่อแม่ผมมองตามยิ้ม ๆ หันมาคุยกับพ่อแม่พี่เป้ต่อ

“ดูไม่ออกเลยนะคะ ว่าเป็นพ่อกับแม่”
แม่พี่เป้ว่าเสียงจืด

“ไม่ได้หรอกครับ ถ้าไม่ทำตัวหล่อทุกวัน เดี๋ยวโดนเมียทิ้ง”

“คุณน่ะสิจะทิ้งฉัน”
พ่อโดนแม่ตีกลับ แม่พี่เป้หัวเราะ

พอจัดของลงจานเรียบร้อย พวกพี่ ๆ มันก็ยกของกินมาวางพื้น (ตอนแรกจะวางไว้บนโซฟา แต่เยอะครับไม่พอ เลยวางไว้ที่พื้นกันนั่นแหละ ดิบมาก = =) แล้วพวกเราก็แทบจะขี่กันแย่งกินของที่อยู่ตรงกลาง   

“คุณพ่อคุณแม่จะว่าอะไรไหม ถ้าพวกเราขอดีแตกกันสักวัน”
พ่อแม่พี่เป้พากันเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

“ก็รีเจ้นท์พ่อมันล่อตาพวกเราสุด ๆ”
พี่มอทำตาเยิ้ม ๆ มองตรงไปยังขวดรีเจ้นท์นับสิบที่เรียงกันสวยงามบนตู้โชว์ ปกติเขาจะโชว์กันแค่ขวดสองขวด แต่บ้านนี้มีเป็นแผง

พ่อมองหน้าแม่ แม่พยักหน้าเบา ๆ น่าจะประมาณว่า ปล่อยวางของแบบนั้นไปเถอะ พอพวกท่านพยักหน้าเท่านั้นแหละ พวกพี่มันก็รีบวิ่งกันไปเปิดตู้ คว้าขวดเหล้ามาคนละสองขวดทันที

เสื่อมมาก พ่อจะสั่งให้พวกพี่มันเลิกคบกับพี่เป้กันไหมน่ะ

พ่อผมคงเปรี้ยวปากไม่แพ้กัน เลยขอตัวมาร่วมวงกับพวกผมด้วย ส่วนแม่ผมยังคุยกับแม่พี่เป้อยู่

กับแกล้มไม่พอครับ แม่ผมเลยอาสาไปทำกับแกล้มเพิ่มให้ จริง ๆ มีแม่บ้านครับ แต่แม่อยากทำเองเพราะคงถูกปากมากกว่า (โดยเฉพาะพ่อ ฮ่า ๆ) ผมรีบลุกตามไปช่วย ผมยืนช่วยแม่อยู่พัก ไอ้เต้ยมันก็เข้ามาช่วย มันเริ่มทำอาหารเป็นแล้ว ก็เรียน ๆ มาจากแม่ผมตอนช่วงที่มันหอบเสื้อผ้าไปนอนบ้านผมนั่นแหละ

สักพักแม่มันก็เดินเข้ามา แม่เลิกคิ้วใหญ่ที่เห็นไอ้เต้ยยืนใส่ผ้ากันเปื้อนค้ำสะเอวคนน้ำซุปต้มยำกุ้งในหม้อ

“ทำเป็นด้วยเหรอลูก”

“อ้อฮะ แม่สอนน่ะ”
มันพูดชิว ๆ ก่อนจะหันไปยิ้มแห้งอีกที

“ผมหมายถึง แม่แก้วน่ะ”

แม่ทำหน้าสลดนิดหนึ่งจนมันรีบละมือจากหม้อต้มยำเดินไปหาแม่มัน ผมกับแม่ก็มองเหมือนกัน

“หึ ขนาดแม่เป็นแม่แท้ ๆ ยังไม่เคยจะใกล้ชิดลูก ๆ แบบนี้เลย แม่นี่ไม่ได้เรื่องเลย”
แม่มันยืนน้ำตาหยดแหมะ แกคงรู้สึกเสียใจกับหลาย ๆ เรื่อง

“ผมไม่เคยโกรธคุณแม่นะฮะ เพราะพ่อกับแม่ทำงานหนัก ผมกับพี่เป้ถึงได้มีกินมีใช้กันได้อย่างสุขสบายมาจนถึงทุกวันนี้”

แม่กอดมันไว้

“แม่รักลูกนะ”

“ผมก็รักแม่ฮะ”
แล้วสองแม่ลูกก็กอดกันแน่น

“เอ่อ…เต้ย แม่ว่าอาหารที่ลูกทำกำลังจะไหม้แล้วนะ”
แม่ท้วงเมื่อหม้อต้มยำมันเดือดปุด ๆ มันรีบละจากแม่ไปที่หม้อต้มยำทันที ผมกับแม่ก็พากันมองฉากซึ้งเพลินไปหน่อย

แล้วแม่มันก็มาช่วยพวกเราสามคนทำกับแกล้มกัน กินเป็นข้าวเย็นไปด้วยในตัว ผมเพิ่งรู้ว่าท่านทำกับข้าวเก่งครับ แต่ไม่ค่อยมีเวลาทำ

ไม่นานเราก็ยกอาหารไปเสิร์ฟ ได้ยินเสียงคุณพ่อหัวเราะร่วน ไม่รู้พวกพี่มอ แสดงตลกร้ายอะไรให้คุณพ่อดูอีก สองคนนี้เมาทีไร ป่วงทุกที
   
พี่เอกลุกเดินมาช่วยรับของจากมือผมไปวาง

“ทำอาหารหรือเอาตัวเองไปคลุกอาหารเนี่ย ดูซิ ตัวมีแต่แป้ง”
พี่มันเช็ดแป้งที่ติดหน้าผมออกให้เบา ๆ ผมยิ้มหวานให้พี่มันที

“เฮ้ย!! พวกมึง สวีทกันเห็นใจพวกโสด ๆ แบบกูบ้าง”
พี่โอมเมาได้ที่แล้วครับ พี่มันโวยวายใส่ผมกับพี่เอกใหญ่ ผมทำท่าอึกอัก เพราะเรื่องนี้พ่อแม่พี่เป้ยังไม่รู้ พวกท่านมองมาที่ผมกับพี่เอกกันแปลก ๆ

“ยุ่งไรด้วย”
พี่เอกไม่ใส่ใจ ลากผมไปนั่งข้าง ๆ พี่แก

“ไม่มีไร แค่อิจฉา”

“หึ มันเพิ่งอกหักจากน้องนุ่นมาน่ะ”

“มึง อย่ามาพูด ปากก็บอกว่ารักกู แต่ดันไปนอนกับผู้ชายคนอื่น ฮือ ๆ ผู้หญิงหลายใจ”
พี่มันเริ่มรั่วแล้วครับ

“อันนั้นคงเป็นกรรมของมึงว่ะโอม อยากเกิดมาหล่อน้อยเอง”
พี่ปิงแซว

“กูว่าเป็นกรรมที่เกิดจากความหน้าม่อของมึงมากกว่านะ กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นก็คืนสนอง”
พี่อ้อยว่าต่อ

“คนม่อไม่ใช่คนเลวเว้ย แต่คนขี้โกหก ตกนารกน่า” พี่มันรั่วหนัก “ที่กูม่อไปทั่ว เพราะกูกำลังตามหาใครสักคน ที่จะรักกูคนเดียว แบบที่ไอ้เอกมันเจอไอ้กายไง”
พี่มันเพ้อต่อ ผมสะดุ้งโหยงเลย

“กาย กายมารักกับพี่ดีกว่ามะ กายรักเดียวใจเดียวดี ขนาดไอ้เอกมันหลายใจ กายก็ยังร้าก ร้าก มาดามใจพี่หน่อยเร็ว”
พี่โอมแกเริ่มไหล จะโน้มตัวมาลากผม แต่พี่เอกเอาเท้ายันหน้าพี่แกไว้ก่อน

เท้าจริง ๆ ครับ ฝ่าเท้าเต็มหน้าแกเลย ดีว่าพี่มันใส่ถุงเท้าไว้

พวกพี่ ๆ พากันหัวเราะครื้นเครง พ่อแม่พี่เป้ก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย พี่โอมหลบเท้าพี่เอก ทำท่าจะเข้ามาหาผมอีกรอบ จนพี่เอกต้องยันเท้าใส่หน้าอกพี่โอม มือก็คว้าร่างผมเข้าหาแก

“มึง อย่ามายุ่งกับเมียกู”
พี่เอกประกาศก้อง ผมนั่งหน้าชาบวกร้อนผ่าว 

มึง มาพูดอะไรต่อหน้าผู้ใหญ่วะ

หลังจากนั้น พี่เอกก็ดึงผมไปนั่งตรงหน้าพี่แกแล้วโอบเอวผมไว้หลวม ๆ เลย อยากขัดขืนอยู่หรอก แต่ดูท่าพี่โอมจะเข้ามาลากผมไปจริง ๆ ผมเลยนั่งอยู่เฉย ๆ

มาถึงขนาดนี้ คนคงรู้กันหมดแล้วล่ะ ผมนั่งดื่มกับไอ้เต้ยไปเงียบ ๆ ข้าง ๆ มันเป็นพี่เป้ พ่อคงอยากดื่มเหมือนกัน แต่หมอห้าม เลยได้แต่นั่งดูพวกเรากินเฮฮากันไป

“กายกับเอกคบกันจริง ๆ เหรอ”
แม่ตัดสินใจถาม

ผมนั่งนิ่ง ก้มหน้าไม่รู้จะตอบยังไง

“ครับ”
แล้วพี่เอกก็เป็นคนตอบแทน

“คุณพ่อคุณแม่อย่าคิดว่าพวกมันเป็นเกย์นะ” ไอ้พี่โอมมันแพล่มต่อ “ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะมาน” พี่โอมชี้หน้าพี่มอ “มานเป็นคนอุตริให้สองคนนี้เล่นเกมจ๊วบ ๆ กาน”
อ้อ ไอ้คนต้นคิดก็ไอ้พี่มอนี่เอง

“หลังจากน้าน ไอ้เอกมันก็หลงรสจูบกายมาน แล้วหลังจากนั้นมันก็ลงเอ่ยกันอย่างที่เห็น”
ทุกคนนั่งฟังเงียบ ๆ

“แต่มึงรู้ไหมไอ้เอก ว่ามึงอะโชคดีขนาดไหน ขนาดมึงเลว มึงเจ้าชู้ ซ้ำยังหลายใจ แต่ไอ้กายก็ยังรักและเทิดทูนมึงคนเดียว แม่.งชาตินี้กูจะหาคนแบบไอ้กายมันได้ไหม คนที่รักกูจริง ๆ ไม่ใช่ที่หน้าตาหรือฐานะ รักกูที่เป็นกู”

ผมนั่งฟังอึ้ง ๆ ไม่น่าเชื่อว่าพี่แกจะมีปมขนาดนี้ 

“มึงอ่ะโชคดี”
ผมรู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อย และพี่เอกก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกัน รู้สึกได้จากวงแขนที่กระชับผมแน่นขึ้น   

“มึงต้องดูแลไอ้กายดี ๆ นะ เพราะไอ้กายมันรักมึงคนเดียว รักเดียวใจเดียว เหมือนที่ไอ้เป้มันรักไอ้เต้ยไง”

เหล้าที่อยู่ในปากของแต่ละคนกระฉอกออกมา พี่มอรีบเอามืออุดปากพี่โอม ส่วนพวกพี่ผู้หญิงเอาขนมที่กินอยู่เขวี้ยงใส่พี่มันกันใหญ่ พี่มันดิ้นขลุกขลัก ผมหันไปมองพ่อกับแม่

ดูพวกท่านอึ้งไปเลย       
           
“หมายความว่ายังไง”

“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณพ่อคุณแม่ เพื่อนผมมันเมา”
พี่มอรีบแก้ต่างให้

“ก็เมื่อกี้แม่ได้ยินว่าเป้รักเต้ย”

“แหม มันเป็นพี่น้องกัน รักกันก็ไม่แปลกนี่เนอะ”
พี่ปิงรีบเสริม

แม่ท่าทางจะไม่เชื่อ รีบหันไปทางพี่เป้ทันที

“จริงเหรอเป้”

พี่เป้กรอกเหล้าเข้าปากไปเงียบ ๆ ก่อนเหลือบไปมองไอ้เต้ย แล้วเทเหล้าจนเต็มแก้วกรอกเข้าปากจนหมด ลุกพรวดเดินออกจากวงเหล้าไปเลย ทุกคนมองสิ่งที่เกิดขึ้นหน้าตื่น

“เป้!! ไปไหนลูก เป้!!”
แม่ตะโกนเรียก หันมาทางพวกเรา “นะ นี่มันหมายความว่ายังไง” แม่นั่งหน้าซีด ก่อนหันไปทางไอ้เต้ย

“เต้ย หมายความว่ายังไงลูก”

ไอ้เต้ยมันไม่พูดอะไรเหมือนกัน เอาเหล้ามาเทใส่แก้วจนเต็ม แล้วกรอกลงคอไม่ต่าง

“เฮ้ยเต้ย พอเถอะ”
ผมรีบแย่งแก้วเหล้าจากมัน แต่มันไม่ยอม แย่งกลับเอาไปกรอกอีก ผมรีบแย่งกลับ

“มึง อย่ามาห้ามกูไอ้กาย พี่มันเกลียดกูแล้ว แค่หน้ากู มันก็ยังไม่อยากจะมองเลย”
มันพูดงอน ๆ

“กูไม่ได้อยากเกิดมาเป็นน้องมันนะ”
มันก้มหน้าร้องไห้ ผมรีบปลอบใจมัน

บรรยากาศเฮฮาเมื่อกี้ กลับกลายเป็นบรรยากาศมาคุโดยบัดดล ส่วนคนก่อเรื่องหลับฟี้ ๆ ไปแล้ว พี่มอรีบขอตัวลากพี่โอมกลับบ้าน ผมให้พี่เอกตามไปดูพี่เป้ ส่วนผมอยู่ดูแลไอ้เต้ยที่ยังนั่งกรอกเหล้าเข้าปากไม่หยุดจนหลายคนต้องเข้ามาห้าม

กลัวว่าเหล้าเพรียว ๆ จะกัดกระเพาะมันตายมากกว่า

มันกินจนสลบไปผมถึงได้พามันขึ้นห้อง ส่วนพวกพี่ ๆ ก็พากันแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน

พี่เป้เป็นยังไงไม่รู้ แต่ตอนนี้ไอ้เต้ยดูแย่เอามาก ๆ ผมนั่งอยู่ข้างเตียง เอาผ้าเช็ดตัวมาลูบหน้ามันเบา ๆ พอแม่ส่งแขกหมด ถึงได้ตามผมขึ้นมาหาไอ้เต้ยมันที่ห้อง

“เต้ยเป็นยังไงบ้างลูก”

“หลับสนิทไปแล้วครับ”

“แม่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย เรื่องเป้กับเต้ย”

ผมกัดปากแน่น

“ผมจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง แต่คุณแม่สัญญาได้ไหมฮะ ว่าจะไม่โกรธพี่เป้กับไอ้เต้ยมัน”

แม่มองตาผม มองเห็นแววเจ็บปวดและผิดหวังอยู่ภายใน แต่ก็พยักหน้ารับ

“ผมอยากเล่าให้คุณพ่อฟังด้วย เพราะทั้งหลายทั้งปวงก็มาจากคุณพ่อกับคุณแม่เหมือนกัน”

แม่มองผมอึ้ง ๆ แต่ก็พยักหน้าเดินออกไปเข็นรถคุณพ่อเข้ามาภายใน ผมกำลังเช็ดตัวให้มันอยู่ แม่มาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ

“ผมรู้ว่าคุณพ่อกับคุณแม่ทำงานกันจนให้เวลากับงานมากกว่าครอบครัวไอ้เต้ยเป็นเด็กขี้เหงา เลยกลายเป็นคนติดพี่ ไม่ต่างกับพี่เป้ที่กลายเป็นพี่ติดน้อง ไอ้เต้ยเป็นคนขี้อ้อนมันก็อ้อนแหลกจนพี่เป้หวั่นไหวพี่เป้ไม่รู้หรอกว่ารักมันแบบชู้สาว ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองเป็นโรคติดน้องธรรมดา”

“แต่ยิ่งนานวัน พี่มันก็ยิ่งเรียนรู้ว่ารักไอ้เต้ยมากกว่าพี่น้อง แล้วหลังจากนั้นพี่เป้ก็พยายามตัดใจมาตลอด ทั้งออกจากบ้านไปอยู่คนเดียว หาทำงานพิเศษทำ เพื่อจะได้ไม่มีเวลาว่าง ทำตัวเย็นชาใส่มัน ไม่พูดไม่จากับมัน แต่ไอ้เต้ยมันดื้อ มันพยายามค้นหาความจริงมาตลอด ว่าพี่เป้เมินมันเพราะอะไร”

“ถึงขนาดตามไปทำงานพิเศษด้วย และอดทนตามตื๊อพี่เป้ แม้พี่เป้จะไม่พูดไม่จากับมันก็ตาม ถึงมันจะทำตัวเข้มแข็ง แต่มันก็แอบนั่งร้องไห้ของมันคนเดียวทุกวัน ปลอบใจให้ตัวเองเข้มแข็ง และทำให้พี่เป้กลับมาเป็นคนเดิมให้ได้”

“ไม่ต่างกับพี่เป้ ที่ทรมานทุกครั้งที่เข้าใกล้มัน อย่าว่าแต่ไอ้เต้ยเลยที่ร้องไห้ พี่เป้เองก็อ่อนแอนับครั้งไม่ถ้วนเหมือนกัน ที่พี่เป้ต้องการคือตัดใจจากมัน แล้วกลับมาเป็นพี่ที่ดีของมันเหมือนเดิม พี่เป้กลัวว่ามันจะรู้ว่าพี่เป้รักมันมากกว่าน้อง เพราะกลัวมันเกลียด”

“แต่ยิ่งพี่เป้หนี มันยิ่งตามติด”

“ผมเลยโกหกมันว่า ที่พี่เป้เมินเพราะพี่เป้กำลังอกหักอยู่ ให้มันปล่อยพี่เป้ไป จนกว่าจะทำใจได้ แต่กลับกลายเป็นว่า มันพยายามค้นหาว่าใครคือคนที่ทำให้พี่เป้อกหัก จะได้ทำให้คนคนนั้นมาคบกับพี่เป้ จนมันเข้าใจผิดคิดว่าคนที่พี่เป้รักคือผม แต่ผมมีพี่เอกอยู่แล้ว มันเลยเข้าใจผิดไปใหญ่ว่าที่พี่เป้อกหักเพราะผมมีคนรักอยู่แล้ว”

“มันพยายามทำให้ผมเลิกกับพี่เอก แล้วให้ผมไปรักกับพี่เป้แทน มันทำทุกอย่างเพื่อให้พี่เป้มีความสุขและกลับมาเป็นเหมือนเดิม กระทั่งทำเรื่องสิ้นคิดเข้า”

ผมหยุดหายใจนิดหนึ่ง พอ ๆ กับที่พวกท่านพยายามหายใจหลังจากนิ่งฟังมานาน ผมกลืนน้ำลายแล้วเล่าเรื่องต่อ

“มันวางยาผมเพื่อให้ผมมีอะไรกับพี่เป้ แต่เกิดความผิดพลาด แทนที่ผมจะได้นอนกับพี่เป้อย่างที่มันวางแผน กลับกลายเป็นตัวมันเองที่โดนยา”

มันเสี่ยงมากกับเรื่องอ่อนไหวพวกนี้ แต่ผมจำใจต้องกัดฟันเล่าต่อให้จบ

“มันกับพี่เป้มีอะไรกันเพราะฤทธิ์ยา และผมก็เพิ่งรู้ในวันนั้นแหละว่ามันก็รักพี่เป้เหมือนกัน พอพวกเรารู้ว่ามันรักพี่เป้ เป้าหมายที่เราจะบอกความจริงกับมันต้องล้มเลิกไป เพราะตามนิสัยมัน ถ้ามันรู้ว่าพี่เป้ใจตรงกับมัน มันต้องไม่สนใจความเป็นพี่เป็นน้องแน่ ๆ พี่เป้ดีใจที่มันรักพี่เป้ แต่ความรู้สึกผิดนั้นมีมากกว่า พี่เป้เลยตัดสินใจ หนีไปเรียนต่อที่อังกฤษเพื่อจะได้ตัดใจจากมัน และทำให้มันตัดใจจากพี่เป้”

“แต่พี่เป้ก็ต้องบินกลับมากะทันหันเพราะคุณพ่อป่วย ระยะเวลาสองเดือนกว่า ไม่ได้ทำให้คนทั้งคู่ตัดใจจากกันได้เลย ไม่ใช่ว่าพี่เป้กับเต้ยไม่พยายามนะฮะ ไอ้เต้ยมันอุตส่าห์หาเพื่อนคุยทางอินเตอร์เน็ตไม่ต่างกับพี่เป้ จนไปเจอคนถูกใจเข้า”

“หึ แต่เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง คนที่ไอ้เต้ยคุยถูกคอและคิดว่าน่าจะเป็นคนที่ทำให้ตัวเองตัดใจจากพี่เป้ได้ ดันเป็นพี่เป้ไปอีกซะนี่ สรุปหนียังไงพวกพี่มันก็หนีกันไม่พ้น”

“ผมไม่รู้จะพูดยังไงดีเหมือนกัน แต่เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละ ผมสงสารทั้งเพื่อนผมและพี่เป้ด้วย”

ผมสรุปใจความลงและเงียบ ไม่ต่างกับทุกคนในห้อง ผมหันไปมองไอ้เต้ยที่นอนหลับสนิทบนเตียง ลูบหัวมันนิดหนึ่ง

“จุดเริ่มต้นของความรักพี่เป้ คงเกิดจากโรคหวงน้อง แต่จุดเริ่มต้นของมัน คงเริ่มจากความเหงาที่ขาดความรักจากคุณพ่อคุณแม่ แต่ตอนนี้มันถอนตัวยากแล้วล่ะครับ ผมเคยผ่านปัญหาเรื่องความรักกับพี่เอกมาบ้าง แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับ ยังไม่ได้เศษเสี้ยวที่พี่เป้กับมันต้องเจอเลย…โดยเฉพาะพี่เป้”

ผมหันไปมองพ่อกับแม่ที่แทบจะหมดลมหายใจไปแล้ว

“ผมขอโทษแทนเพื่อนกับพี่ผมด้วยนะฮะ แต่ผมรักพี่เป้กับไอ้เต้ยเหมือนพี่เหมือนน้องผมจริง ๆ ผมอยากให้คุณพ่อกับคุณแม่เข้าใจ และช่วยกันทำให้พวกมันตัดใจจากกันให้ได้”
ผมลุกขึ้นยืน

“ผมว่าคุณพ่อกับคุณแม่ คงมีเรื่องอยากคุยกันเพียงลำพัง ถ้ามีอะไร ก็โทรหาผมได้เสมอนะครับ ใช้มือถือไอ้เต้ยโทรก็ได้ มีโปรฟรีโทรได้ไม่อั้น”
ผมทิ้งมุขไว้ ก้าวเดินออกจากห้อง แต่ก่อนจาก ผมเกาะขอบประตูไว้ หันไปมองพ่อกับแม่อีกรอบ

“ผมดีใจนะครับ พี่พ่อกับแม่หันมามองพี่เป้กับไอ้เต้ยมันบ้าง”

แล้วผมก็ก้าวเท้าข้ามประตู จนเห็นใครบางคน ยืนนิ่งอยู่หลังกำแพงพร้อมใครอีกคนที่ยืนน้ำตาไหลพรากอยู่ข้าง ๆ กัน

“พี่เป้ พี่เอก”
ผมครางเรียกหน้าซีด

“ขะ ขอโทษครับ”

“เรากลับกันเถอะ”
พี่เอกเดินมาโอบไหล่ผม ดันเบา ๆ ให้ก้าวเดินตาม

ผมหันไปมองพี่เป้ เห็นพี่แกเดินเข้าห้องนอนไอ้เต้ยไป แล้วประตูบานนั้นก็ค่อย ๆ ปิดตัวลง

ตอนนี้ผมไม่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นหลังประตูบานนั้น แต่ผมขอแค่ว่า เรื่องทุกอย่างจะจบลงด้วยดีแค่นั้นเอง

อย่างน้อยก็ขอให้พวกพี่มันตัดใจได้ 

“ผมทำผิดไปหรือเปล่า”

“ไม่หรอก กายทำดีแล้ว ถ้าเป็นพี่ พี่ก็คงจะเล่าความจริงให้พวกท่านฟังเหมือนกัน”
ผมมองตาพี่เอก

“บางที ยิ่งเราปิดบัง เรื่องราวอาจยิ่งเลวร้าย สู้เราบอกความจริงไปเลยดีกว่า น่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด”
พี่มันบอก ผมยิ้ม

“บอกไปเลยทุกความรู้สึก”

ผมเงยหน้าพี่มันอีกที

“อย่างตอนนี้…ที่พี่รู้สึก…”

ผมหน้ามองพี่มันด้วยความหวัง ผมรู้ครับ ว่าพี่มันจะพูดคำว่าอะไร ผมยิ้ม รอคอยคำนั้นที่กำลังจะออกมา

“…อยากฟัดกายที่สุด”

ผมหุบยิ้มลงฉับ ตีปุพี่มันไปทันที

“โอ๊ย กายโหดจัง อย่างนี้ต้องทำโทษข้อหาใช้กำลังเกินกว่าเหตุ”

“พี่เอกจะทำอะไรน่ะ!!”

พี่มันยกผมแบกขึ้นบ่าวิ่งลิ่ว ๆ ไปที่รถ

“จะพากลับบ้านไปทำโทษ ข้อหาทำร้ายร่างกายไง โทษหนัก ต้องถูกกักบริเวณไว้บนเตียงสถานเดียว”

ผมโวยวายไปตลอดทั้งเส้นทาง กระทั่งไปนอนครางใต้ร่างของพี่มันบนเตียง

เฮ้อ!! ชีวิตผม จะว่าดีก็ดี จะว่าร้ายก็ร้ายนะ

ทั้งสุขทั้งทุกข์ปะปนกันไป

ก็แฟนผมมันหื่นนี่นา


To Be Con....
เหลืออีกตอนเดียวแล้ว  TT         
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 99 : ความจริงเปิดเผย |4/3/18|
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-03-2018 17:23:44
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 99 : ความจริงเปิดเผย |4/3/18|
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 04-03-2018 18:40:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 99 : ความจริงเปิดเผย |4/3/18|
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-03-2018 03:22:47
สู้ สู้ นะหลานเป้ หลานเต้ย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 10-03-2018 10:06:50
100
เพิ่งเริ่มเท่านั้น
[เอก...☼]



 
ผมดีใจที่ไอ้ตัวเล็กมันเล่าความจริงเรื่องไอ้เต้ยให้พ่อกับแม่ฟัง อย่างน้อยครอบครัวมันจะได้ช่วยกันหาทางออกให้กับปัญหานี้ แต่มันก็เสี่ยงเหมือนกันที่พ่อกับแม่จะต่อว่าหรือโกรธพวกมัน

ตอนสายของวัน ผมรีบโทรหาไอ้เป้ทันที แต่มันไม่รับสาย ผมรอกระทั่งเย็นแล้วโทรไปหามันใหม่ แต่มันก็ยังไม่รับสายเหมือนเดิม ลองให้ไอ้ตัวเล็กโทรหาไอ้เต้ยดู ไอ้เต้ยก็ไม่รับสายอีก ปิดเครื่องทั้งคู่ ผมกับไอ้ตัวเล็กห่วงพวกมันกันแทบตาย กลัวว่าจะเคลียร์กันไม่ได้จนทะเลาะกันกระทั่งฆ่าล้างครอบครัว

เกือบจะแจ้งตำรวจอยู่แล้ว ถ้าไม่โทรเข้าบ้านมันก่อน คนดูแลบอกว่าคนบ้านนั้นพากันไปเที่ยวยกครัว และจะไม่ติดต่อใครจนกว่าจะกลับ พวกผมถึงได้เบาใจ

วันนี้ไอ้ตัวเล็กมันพาผมมาทำบุญสะเดาะเคราะห์ครับ สถานที่ก็ไม่ไกลจากกรุงเทพเท่าไหร่ นั่งเครื่องมาไม่เกินชั่วโมงก็ถึง

เดาซิ ที่ไหน…

ถูกต้องนะคร้าบ เชียงใหม่นั่นเอง

บ้านหลังที่สองของมันนั่นแหละ ตอนที่มันชวนมา ผมก็ดีใจใหญ่ คิดว่าจะได้มาทำบุญกับฮันนีมูนไปในตัว

แต่มันจะน่าดีใจกว่านี้ ถ้าไม่มีพวกตัวเหลือบไรยกโขยงกันตามมาด้วยแบบนี้

ผมหน้าหงิกจ้องมองฝูงห่าซาตานนับสิบตรงหน้า

“พวกมึงจะตามมาทำไมกันเยอะแยะ”

ผมด่ากราดไม่เจาะจงคนรับ

“ก็พวกกูได้ข่าวว่ามึงจะเดินทางไปล้างซวย พวกกูเลยจะไปช่วยมึงล้างด้วย หลายมือดีกว่ามือเดียว และอีกอย่าง กูแวะซื้ออุปกรณ์ล้างซวยมาให้มึงด้วย”

ไอ้มอมันยกแชมพูอาบน้ำสำหรับหมาให้ดู

“อาบให้ตัวมึงเองเหอะ เพราะก่อนมา กูให้เมียกูอาบให้แล้ว”

แล้วผมก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นเสียงโห่ฮิ้วจากพวกสิงสาราสัตว์ต่างพันธุ์แถวนี้ ส่วนเมียผม ยืนหน้าแดงก่ำอยู่ข้าง ๆ

“นับวันเลเวลความเสี่ยวมึงจะยิ่งเยอะว่ะ…กายเอาอะไรให้เพื่อนพี่กินฮึ มันถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้”

ประโยคแรกมันว่าใส่ผม ก่อนหันไปพูดทีเล่นทีจริงกับไอ้ตัวเล็ก

ไอ้ตัวเล็ก เงยหน้ามามองผมเล็กน้อย 

“ก็ปกติดีนี่ฮะ”
คำตอบมันพาเอาเพื่อน ๆ ผมต่างโห่ร้องกันอีกรอบ

“ก็เพราะมันเสี่ยวพันธุ์เดียวกันไง”

เอ้า…ฮิ้ว!! ฮากันเข้าไป

ไอ้มอมันโยนขวดแชมพูมาให้ผม แต่มันไม่ได้ให้ผมจริง ๆ หรอก มันฝากมาให้คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผมอีกด้านมากกว่า ผมยื่นแชมพูขวดนั้นให้น้องสา น้องสายิ้มแป้นรับไปให้เจ้าหมาไซบีเรียตัวน้อยหน้าตาดุดันขัดกับนิสัยขี้เล่นใจดีสีดำสลับขาวในอ้อมแขน มันดมใหญ่

“เป็นไงชอบไหม พี่มอซื้อให้เชียวน้า”
น้องสาคุยอ้อแอ้กับน้องหมาของตัวเอง หมาตัวนี้ ผมเป็นคนซื้อให้เองเป็นของขวัญวันเกิดน้องสาน่ะ ตอนนี้มันอายุสามเดือนกว่าจะสี่เดือนแล้ว 

“ซันนี่อย่ากัดนะ กินไม่ได้ เอาไว้อาบ ตัวจะได้หอม ๆ”
น้องสารีบแย่งขวดแชมพูจากปากเจ้าซันนี่ที่กำลังใช้ปากงับกลางขวดยื้อแย่งกันใหญ่

“นั่นน่ะสิ ตัวหอม ๆ จะได้นอนด้วยกัน”
ไอ้ตัวเล็กครับ เห่อเหมือนกัน

“เอาสิ ถ้าให้ซันนี่นอนด้วย พี่จะทำให้กายมานอนครางใต้ร่างพี่ไม่หยุดสิบยกซ้อนเลยคอยดู”
มันอ้าปากค้าง รีบละมือจากหมาทันที

“ไอ้บ้า มึงนี่หึงแม้กระทั่งกับหมาเลยเหรอวะ”
ไอ้กิ๊ฟมันสรรเสริญ

“ช่วยไม่ได้ เมียกู”
เต็มปากเต็มคำครับช่วงนี้

ไอ้โอมมันยังซึมไม่หาย ที่เป็นสาเหตุให้ความจริงเรื่องไอ้เป้เปิดเผย แต่ทุกคนก็ไม่โทษมันหรอก

พวกเราทั้งหมดพากันมายืนอยู่หน้าบ้านไอ้ตัวเล็กมัน พ่อแม่ผมและน้อง ๆ ก็พากันยกทีมมาด้วย นกก็มา แถมยังมีไอ้คุณชรินทร์เพิ่มมาอีก อันนี้ไอ้ตัวเล็กเป็นคนเชิญมาด้วยตัวเอง รวมถึงเดวิดแฟนไอ้กิ๊ฟมันด้วย

พวกเรานัดทัวร์ไหว้พระเก้าวัดเพื่อความเป็นสิริมงคล เราแพลนกันไว้แล้วว่าจะเริ่มจากวัดไหนก่อน แล้วเริ่มเดินทางตามนั้น โดยใช้รถมอเตอร์ไซค์ครับ

พวกเราต่างเลือกรถคันที่เราต้องการ ผมลากไอ้ตัวเล็กมานั่งหน้า ไอ้โอมทำหน้าที่เป็นคนขับโดยมีควายขี้เกียจนั่งซ้อนมาด้วย ไอ้โอ๊คขับโดยมีไอ้ปิงนั่งซ้อน ทโมนนั่งคู่กับเพื่อนผู้หญิงของผม ไอ้กิ๊ฟขับโดยมีแฟนมันนั่งซ้อน รถตัวผู้เหมือนเดิม

พ่อผมมีแม่นั่งหน้า(เลียนแบบพวกเรา) พ่อไอ้ตัวเล็กขับแม่นั่งหน้าเหมือนเดิม ไอ้อาร์ตขับโดยมีน้องสาซ้อนท้าย(เอาน้องหมาใส่กระเป๋าสำหรับใส่หมาไปด้วย) ไอ้อิฐลากนกมาด้วย แต่นั่งซ้อนด้านหลัง(สองคนนี้ยังไม่ได้ขยับฐานะตัวเองเลย) มีเพียงไอ้คุณชรินทร์เท่านั้นที่ได้ฉายเดี่ยว

พวกเราเริ่มออกเดินทางไปที่วัดแรก ตระเวนไหว้พระและขอน้ำมนต์มารดหัว คนอื่นไม่เท่าไหร่ แต่ตัวผมนี่หนักหน่อย เพราะโดนน้ำมนต์จากทั้งพระและเพื่อน ๆ ที่พากันเอาน้ำมนต์มาราดจนเปียกมะลอกไปหมด

กระทั่งมาถึงวัดที่ 9

ทันทีที่กราบพระขอพรเสร็จ ผมก็ขอให้พระท่านเอาน้ำมนต์มาพรมหัว ก็เป็นอันจบพิธี หลังจากนั้น พวกเราก็ออกไปหาวิวสวย ๆ ในการถ่ายรูปกัน

วัดที่เชียงใหม่สวยทุกวัดครับ มุมถ่ายรูปก็เยอะ มากี่ทีกี่ทีก็ไม่เบื่อสักที

“หิวน้ำจัง”
ไอ้ตัวเล็กข้างผมมันบ่น ผมเลยอาสาพามันเดินไปซื้อน้ำดื่ม จะเอามาเผื่อคนอื่น ๆ ด้วย พวกมันยังบ้าปั้นท่าพิสดารถ่ายรูปกันอยู่

“โอวัลตินปั่นครับ/ โอวัลตินปั่นครับ”
เสียงสั่งเครื่องดื่มของไอ้ตัวเล็กดังขึ้นพร้อมกับเสียงสั่งของใครอีกคนที่มีขนาดตัวเท่ามัน ด้านหลังมันมีคนตัวใหญ่ ๆ ไม่ต่างกับผมยืนขนาบอยู่ พอดีพวกมันใส่หมวกแก๊ปด้วยกันทั้งคู่เลยมองไม่เห็นหน้า ไม่ต่างกับผมและไอ้ตัวเล็กเหมือนกัน

พวกเราหันไปมอง พวกมันก็หันมามองเหมือนกัน ผมเบิกตาแปลกใจ ไม่ต่างกับพวกมันและไอ้ตัวเล็ก

“ไอ้เต้ย/ไอ้กาย”

“ไอ้เป้/ไอ้เอก”
พวกเราผสานเสียงกันเรียก

“มากันได้ไง”
ไอ้เป้มันถามขึ้นมาก่อน

“แล้วพวกมึงล่ะ หายไปไหนกันมา พวกกูโทรหากันตั้งหลายรอบ”

มันยิ้ม

“พวกกูมาเที่ยว แล้วก็ต้องการมาเคลียร์อะไรหลาย ๆ อย่างด้วย”

“แล้วทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์”
ผมไล่บี้

“อยากอยู่กันเงียบ ๆ นิดหน่อย แล้วกูจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้มึงฟังอีกที”

ผมพยักหน้าเข้าใจ

“แล้วพวกมึงไปพักกันที่ไหน” ผมถามต่อ

“โรงแรมแถว ๆ นี่แหละ”

“ชวนพ่อกับแม่มึงมาเที่ยวบ้านกูไหม”
ประโยคนี้ไม่ใช่เสียงผมครับ ไอ้ตัวเล็กมันชวนเพื่อนมันอยู่

“ถ้าไม่รังเกียจที่คับแคบแล้วก็คนเยอะ ๆ ก็มานอนพักด้วยกันดีกว่า”

ไอ้เต้ยหันมามองพี่มัน ไอ้เป้ทำท่าคิดนิดหนึ่ง

“ก็เอาสิ เจอคนเยอะ พ่อจะได้อารมณ์ดี ส่วนเรื่องที่พัก ต้องลองปรึกษาพวกท่านดูก่อน”

 

ผมบอกที่นัดพบพวกมันอีกที แล้วหลังจากนั้น ผมกับกายก็เดินเอาน้ำกลับไปให้พวกที่เหลือ ไอ้ตัวเล็กปรึกษาพ่อกับแม่ว่าอาจมีสมาชิกมาเพิ่มอีกสี่คน ไม่แน่ใจว่าที่พักจะพอไหม แม่บอกสบายมาก ท่านเตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้แล้ว มาเยอะกว่านี้ก็ไม่หวั่น

ไม่นานพวกเราก็กลับมารวมตัวกันที่บ้านของไอ้ตัวเล็ก โดยมีสมาชิกใหม่มาเพิ่มอีกสี่คน ไอ้โอมมันขอโทษขอโพยพ่อกับแม่ใหญ่เรื่องที่มันปากพล่อย แต่ครอบครัวนั้นเพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้ต่อว่าอะไรมัน

สมาชิกยี่สิบกว่าชีวิตแทบทำบ้านพัง แต่แม่เตรียมพื้นที่ให้พร้อมครับ (ช่วงหลัง ๆ มีแฟนคลับมาเที่ยวบ้านบ่อย) หลังบ้านแม่ก็เอาเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยวมากางไว้ให้พวกเรานอน(ห้องไม่พอ) ดาดฟ้าก็กางเต็นท์ได้

พ่อกับแม่ผมจองเต็นท์ก่อนเป็นคู่แรกเลย (สงสัยจะติดใจ) หลังจากนั้นพวกเราก็ไปหาซื้อข้าวของสำหรับทำอาหารฉลองกันคืนนี้

ไหน ๆ ก็มาทำบุญกันแล้ว แม่ไอ้ตัวเล็กเลยชวนให้เราไปเลี้ยงอาหารเด็กดอยเหมือนเดิม แต่ผมลองเสนอดูว่า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว พวกเราน่าจะลองไปเยี่ยมโรงเรียนที่เราเคยไปสร้างโรงเรียนให้กัน

ทุกคนเห็นด้วย

ผมโทรติดต่อกับทางโรงเรียน พอทางนั้นทราบข่าวก็ดีใจกันใหญ่ พวกผมลงขันกันเอง ได้เยอะอยู่เหมือนกัน เฉพาะของพ่อผมคนเดียวก็บริจาคไปแสนหนึ่งแล้ว พ่อไอ้เป้อีกแสน พ่อกับแม่ไอ้ตัวเล็กรวมกันอีกสี่หมื่น ไอ้คุณชรินทร์อีกแสน(หมอนี่มันรวยอยู่แล้ว) และของเพื่อน ๆ ผมอีกรวม ๆ แล้ว เราได้เกือบครึ่งล้าน

แล้วพวกเราค่อยวางแผนกันอีกทีว่าจะทำยังไงกับเงินจำนวนนั้น

พวกเราจะไม่เมากันมาก เพราะต้องตื่นแต่เช้าออกเดินทาง และอีกอย่าง ผู้ใหญ่อยู่เยอะด้วย กลัวพวกตัวประหลาดจะหลุดออกมายั้วเยี้ยกัน

หลังจากฉลองกันจบ ผมรีบดึงไอ้เป้มาคุย ในขณะที่ไอ้ตัวเล็กก็ดึงเพื่อนมันไปคุยเหมือนกัน คงจะถามเรื่องเดียวกัน

“ตกลงว่าไง”

“ก็ไม่ไง”
มันดูอารมณ์ดียังไงพิกล

“นี่มึงผิดหวังกระทั่งสติแตกเลยเหรอวะ”

“คงงั้น”
มันพูดยิ้ม ๆ

“มึงเล่ามาอย่าให้พวกกูอารมณ์เสีย”
คนพูดไม่ใช่ผมครับ แต่เป็นไอ้กิ๊ฟ และคนอื่น ๆ ก็โผล่หน้าออกมาจากที่ซ่อนกันเป็นทิวแถว พวกมันคงอยากรู้ด้วยเหมือนกัน

ไอ้เป้มันทำท่าอึดอัด ถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“ทางออกของพวกมึงก็คือ…”
ไอ้กิ๊ฟมันค้างคำถามเพื่อรอคำตอบ

“กูกับมันได้คบกัน”

พวกผมยืนอึ้ง

“หมายความว่ายังไง”

“คืองี้ หลังจากกายเล่าความจริงให้พ่อกับแม่กูฟัง พวกท่านก็ดูอึ้ง ๆ และถามกูว่าเรื่องทุกอย่างเป็นความจริงหรือเปล่า กูก็ตอบไปตามตรง แล้วพวกท่านก็รอให้ไอ้เต้ยตื่นและถามคำถามเดียวกัน ซึ่งมันก็ตอบตามตรง”
มันหยุดคำพูดไปนิดหนึ่งเพื่อหายใจ ในขณะที่พวกผมหยุดหายใจกันไปนานแล้ว

“หลังจากนั้น กูกับไอ้เต้ยก็รอดูว่าพวกท่านจะต่อว่าหรือจับพวกกูแยกกันยังไง แต่พวกท่านกลับบอกกูกับไอ้เต้ยว่า…”
มันมองหน้าพวกเราทุกคน

ตอนนี้บรรยากาศโดยรอบเงียบเป็นเป่าสาก

“ตกลงว่าไงวะ มึงจะหยุดทำเชี่ยอะไร”
ไอ้โอมเร่ง ทุกคนพยักหน้าหงึกหงัก ไอ้เป้มันถอนหายใจเบา ๆ ตีสีหน้านิ่งเรียบพาเอาพวกผมคิดตามไปต่าง ๆ นา ๆ

“กูกับมันไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ”

“น้ำเน่าว่ะ”
ไอ้โอมมันว่าขึ้นมาทันที ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

“ก็ไม่เชิงว่าเป็นคนอื่นหรอก จริง ๆ กูเป็นลูกคนเดียว ส่วนไอ้เต้ยเป็นลูกน้องสาวคนละแม่กับแม่ พอดีท่านป่วยหนักจนเลี้ยงลูกไม่ได้ เลยเอามาฝากแม่เลี้ยง ตอนนั้นกูก็แค่สามสี่ขวบ พอมีน้องก็เห่อน้องเอามาก ๆ พอน้องจะกลับก็ไม่ยอมให้กลับ ประจวบกับอาการน้ากูทรุดหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ คราวนี้หมอช่วยไม่ได้ นอนรักษาอยู่ตัวร่วมสองเดือนท่านก็สิ้นใจ หลังจากนั้น แม่กูเลยรับไอ้เต้ยมาเป็นลูกบุญธรรม”

พวกเราพากันยืนฟังแบบอึ้ง ๆ พูดง่าย ๆ ก็คือ มันเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องกัน

“พวกท่านบอกว่า ถ้ากูรักกันจริงก็คบกันได้”

“พวกท่านใจดีดีแฮะ”
ไอ้ปิงมันเปรย

“ถ้าเป็นแต่ก่อนก็ไม่แน่หรอก”
ไอ้อ้อยมันเสริม และทุกคนก็รู้ว่าเพราะอะไร

“ดีแล้วล่ะ ที่เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้ พวกมึงจะได้มีความสุข กูเห็นไอ้เป้มันทรมานแล้วทรมานแทนเพื่อนว่ะ”
ไอ้สาวมันบอก พวกเราต่างพากันไปตบไหล่ตบหลังให้กำลังใจมันกันใหญ่

“แล้วพวกมึงหายไปไหนกันมาวะ พวกกูตามหากันให้ว่อน ไอ้เอกมันเกือบจะโทรแจ้งตำรวจแน่ะ”

“พวกกูมาเที่ยวกัน เพราะตั้งแต่จำความได้ ครอบครัวกูมาเที่ยวด้วยกันแค่ไม่กี่ครั้งเอง”

“ไอ้เลว แล้วก็ไม่บอกกันไว้บ้าง พวกกูก็เป็นห่วงกันแทบตาย กลัวว่ามึงจะฆ่าตัวตายกันยกครัว”

ไอ้เป้โดนเพื่อน ๆ รุมตบหัวตบหลังกันคนละที

วันนี้ผ่านไปด้วยดี ยังมีพรุ่งนี้ให้จัดการ
 

พอดวงตะวันขึ้นพ้นขอบฟ้า พวกเราก็มายืนรวมตัวกันอยู่หน้าบ้านอีกครั้ง โดยมีรถบัสคันใหญ่จอดรออยู่   

พอขึ้นรถได้ พวกเราก็รั่วแดก พ่อไอ้เป้หัวเราะร่วน ขยับมือได้แล้วข้างหนึ่ง (เร็วจริง ๆ) ร้องรำทำเพลงแบบโนแอลกอฮอล์ 

พอไปถึง พวกเราก็แจกจ่ายขนมนมเนย ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้เด็ก ๆ รวมถึงผู้ใหญ่บางคนด้วย 

ผมยืนมองโรงเรียนที่พวกเราสร้างขึ้น สภาพมันไม่ได้ต่างไปจากวันที่เราเห็นกันเลยสักนิด จะมีเพิ่มมาหน่อยก็คือรูปพระเจ้าอยู่หัวกรอบไม้ด้านบนของกระดานดำ กำแพงด้านนอกที่เปรอะเปื้อนจากน้ำฝนและฝุ่นผง นอกนั้นสภาพถือว่ายังดี

ผมจ้องมองอาคารสะท้อนแสงแดดตรงหน้า เพราะมันนี่แหละ ที่ทำให้ผมกับกายได้มารักและอยู่ด้วยกัน

พวกเรามากันวันธรรมดา เลยเห็นน้อง ๆ กำลังเรียนหนังสือกันอยู่ ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความปลาบปลื้ม   

เราอยู่เล่นกับพวกเด็ก ๆ กันจนดึกดื่น และตกลงจะค้างกันที่นี่แหละ (เอาเต็นท์กับถุงนอนมาด้วยครับ)

หลังจากอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย พวกเราก็มารวมตัวกันอยู่รอบกองไฟ ทุกสายตามองตรงไปยังไอ้เป้ที่กำลังเปล่งเสียงเพราะพริ้งคลอเคล้าไปกับเสียงกีต้าร์ที่มันกำลังเกาอยู่ พ่อกับแม่มันดูจะภูมิใจอยู่ไม่น้อย

“ไม่รู้มาก่อน ว่าเป้จะร้องเพลงเพราะขนาดนี้”
แม่มันบอก

“เสียงกับหน้ามันเทพครับ”
ไอ้มอชม ไอ้เป้เกาคางแก้เขินนิดหน่อย ก่อนขยับเนื้อขยับตัวกระแอมไอนิดหนึ่ง

“แต่ก่อนเคยสัญญากับตัวเองไว้ว่า ถ้ามีคนรัก จะร้องเพลงเพลงนี้ให้คนคนนั้นฟัง ตอนแรกก็คิดว่าชาตินี้ทั้งชาติ จะไม่ได้เล่นเพลงนี้ซะแล้ว แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว เต้ย พี่อยากมอบเพลงนี้ให้นายนะ พี่รักเต้ยที่สุด”
สิ้นเสียงมันก็มีเสียงโห่ฮิ้วเห่าหอนของบรรดาสิงสาราสัตว์รอบกองไฟดังระงม ไอ้เต้ยนั่งหน้าแดงก่ำ

และทันทีที่ไอ้เป้เริ่มเกากีต้าร์ ทุกเสียงก็เงียบลง

น้ำเสียงเพราะ ๆ ของมันกำลังสะกดให้ทุกคนเคลิบเคลิ้ม ผมยิ้ม รั้งเอาไอ้ตัวเล็กมานั่งใกล้ ๆ แล้วโอบมันไว้ในอ้อมแขน ไม่ต่างกับพ่อและแม่ผม แม่ไอ้เป้กุมมือพ่อมันแน่น ส่งสายตาหวาน ๆ ให้แก่กัน ในขณะที่ไอ้คุณชรินทร์กำลังยกกล้องเก็บภาพและความทรงจำดี ๆ ไว้เผื่อทุกคน

ความสุขมันหาได้ไม่ยากเลย มันอยู่ใกล้ ๆ อยู่ในมือเรานี่เอง เสียงปรบมือดังสนั่นทันทีที่สิ้นเสียงเพลง

“เพราะจริง ๆ”
แม่มันชม แล้วไอ้โอมก็รีบแย่งกีตาร์ไปถือไว้ คงไม่อยากน้อยหน้า

“ให้กูร้องแบบมัน ชื่อกูคงร่วงมากกว่ารุ่ง เพราะงั้น กูขอเอาเพลงนี้ดีกว่า”
แล้วมันก็เกากีต้าร์เป็นจังหวะมัน ๆ โดยมีไอ้มอหยิบกระติกใส่น้ำมาคว่ำกับพื้น แล้วตีให้เกิดเสียง

ไอ้โอมมันคงมันเลยลุกขึ้นเกากีต้าร์พร้อมเต้นไปด้วย ไอ้มอเปลี่ยนมือจากตีกระติกน้ำด้วยมือมาเป็นกิ่งไม้ที่หาได้จากแถว ๆ นั้น ก่อนโยนให้ไอ้โอ๊ครับช่วงต่อ ไอ้นั่นก็รับไปถือไว้แบบงง ๆ พอได้สติ มันก็รีบตามน้ำ ตีตามด้วยจังหวะมัน ๆ แล้วเพื่อน ๆ ของผมก็พากันลุกขึ้นมาดิ้นกันใหญ่

ผมยิ้ม คว้าแขนไอ้ตัวเล็ก แล้วลากมันขึ้นไปแดนซ์ด้วย

มันไม่ยอมครับ แต่ผมก็ลากมันมาจนได้ ไอ้เป้มันนึกสนุกลากน้องมันมาเต้นเหมือนกัน พ่อกับแม่ไอ้ตัวเล็กนิ่งกันได้ไม่นานก็พากันลุกขึ้นมาเต้น พวกทโมนหลุดโลกกันไปนานแล้ว ซ้ำยังลากน้องสาไปดิ้นด้วยอีกต่างหาก ไอ้อิฐลากนกขึ้นมาดิ้น ไม่ต่างกับไอ้อาร์ตที่กำลังยืนท้าให้ไอ้คุณชรินทร์มันลุกขึ้นมาเต้นอยู่

ผมอมยิ้มขำ

“ไม่ลองหน่อยเหรอครับคุณพ่อคุณแม่”
ไอ้มอมันหันไปชวนพ่อกับแม่ผม

“แก่แล้วนะลูก”

“วันนี้ลืมอายุครับ เอามันอย่างเดียว”
มันบอก พ่อผมเลยกล้า ๆ อาย ๆ ดึงแขนแม่ลุกขึ้นแล้วท่านก็ดิ้นเขิน ๆ ส่วนแม่ไอ้เต้ยนั่งโยกหัวเบา ๆ ในขณะที่คุณพ่อ นั่งเคาะนิ้วใช้สายตาจ้องมองทุกคน

ดิ้นกันจนเหนื่อยหอบ เพลงต่อเพลง เครื่องดื่มแก้กระหายที่เราเตรียมไว้ไม่พอ ไอ้อ้อยมันเลยวิ่งไปเอาเพิ่มในเต็นท์ (เป็นเต็นท์รวมครับ) 

“เฮ้ย ๆ ขวดนั้นไม่ได้!”
ไอ้โอมรีบตะโกนห้าม ทุกคนพากันหยุดดิ้นหันไปมอง พักเหนื่อยด้วย หอบกันแล้ว งานนี้พ่อผมคงลดพุงไปได้เยอะ

“อ้าว ทำไม”
ไอ้อ้อยมันถาม 

“อ๋อ นั่นน่ะ เป็นน้ำมนต์พิเศษ เอาไว้พรมกับคนที่เราชอบ จะได้ครองคู่ด้วยกันไปนาน ๆ”
มันรีบเดินไปคว้าขวดน้ำ(แบบขวดใหญ่ ๆ อ้วน ๆ ราคาห้าบาทน่ะ)มาถือไว้ทันที

“มึงน่ะไม่ต้องใช้หรอก เอามานี่”
ไอ้มอมันรีบเดินเข้าไปแย่งมาถือไว้

“นี่มันของกู”
ไอ้โอมรีบแย่งกลับ แต่ไอ้มอก็แย่งคืน แย่งกันไปแย่งกันมาจนฝาขวดมันเปิดออก น้ำมนต์บางส่วนหกรดพวกมันกันเอง

“เฮ้ยมึง! เอาของกูคืนมา”
มันยังแย่งกันต่อไม่หยุด จนน้ำมนต์ที่ยังไม่ได้ถูกปิดฝาสาดไปถูกนกกับอิฐที่ยืนหัวเราะอยู่คู่กัน เลยไปถึงไอ้โอ๊คกับไอ้ปิงที่ยืนอยู่ข้างกัน

ผมยืนขำอยู่ข้างไอ้ตัวเล็ก มองสองคนที่แย่งขวดน้ำกันไปมาเหมือนเด็ก ๆ ตอนนี้ขวดน้ำอยู่ที่ไอ้มอ มันยืดขวดขึ้นสุดแขนหลบหนี ไอ้โอมกระโดดหวังคว้าขวดน้ำให้ได้จนน้ำกระฉอกออกนอกขวดไปไกลถึงคนที่หนีไปยืนถ่ายรูปอยู่ห่าง ๆ

และก่อนที่น้ำจำนวนเกือบครึ่งขวดจะถูกกล้องของไอ้คุณชรินทร์ ไอ้อาร์ตรีบคว้าคอเสื้อไอ้คุณชรินทร์ดึงให้หันไปยืนอยู่ตรงหน้ามัน

ทุกคนมองภาพตรงหน้าอึ้ง ๆ

หลังและหัวของไอ้คุณชรินทร์เปียกมะลอกไม่ต่างกับหน้าของไอ้อาร์ตที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำมนต์ ไอ้คุณชรินทร์ปลดมือไอ้อาร์ตออกจากคอเสื้อตัวเองหันกลับมาที่เดิม ล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำบางส่วนที่เปียกตัวกล้อง

“ไอ้ห่ามอ มึงทำกล้องเขาพังหมดแล้ว”
ไอ้โอมโวยวาย รีบแย่งขวดน้ำจากไอ้มอคืน

“เอ่อ.. กล้อง”
ไอ้มอมันถาม

“ไม่เป็นไร มันกันน้ำ”

ไอ้สองป่วนพากันหายใจโล่งอก

“ดูดิเหลือนิดเดียวเอง”
ไอ้โอมทำหน้าเสียดายยกขวดขึ้นดู เหลือไม่ถึงหนึ่งในห้าแล้ว

“งั้นมึงก็ไม่ต้องใช้ เอามานี่”
ไอ้มอแย่งไปถือไว้ ไอ้โอมมันคงขี้เกียจแย่งคืน เลยทำหน้างอน ๆ ใส่ ไอ้คนแย่งไม่สนอะไร หันมองมาทางผมกับไอ้ตัวเล็ก รวมถึงไอ้เป้และไอ้เต้ยด้วย 

“พวกมึงสองคู่นั้นน่ะ มานี่เลย”
มันกระดิกนิ้วเรียก ผมเดินเข้าไปใกล้ มันสั่งให้ผมยืนคู่กับไอ้ตัวเล็ก ไม่ต่างกับไอ้เป้และน้องมัน แล้วมันก็จับมือผมไปวางไว้บนหลังมือไอ้ตัวเล็ก ผมกุมมือมันไว้อัตโนมัติ แล้วไอ้มอก็พรมน้ำมนต์ผ่านหลังมือของเราสองคน

“ขอให้พวกมึงรักกันให้นาน ๆ นะเว้ย”
มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมยิ้ม ส่วนไอ้ตัวเล็กหน้าแดง

“กูไม่เล่นด้วยนะ!”
ไอ้เป้รีบค้าน

“แปลว่ามึงไม่รักไอ้เต้ย”
ไอ้มอรีบดักทาง ไอ้เป้ทำหน้าอึดอัดหันไปมองไอ้เต้ยที่ดูท่าอยากได้น้ำมนต์เหมือนกัน มันเลยยื่นมือออกไปกุมมือน้องมันไว้อาย ๆ (เออวุ้ยเพื่อนกู ==) ไอ้เต้ยยิ้มแก้มบานทันที ไอ้มอมันราดน้ำบนหลังมือ แล้วให้พรแบบเดียวกัน

พ่อไอ้ตัวเล็ก เดินลากแม่มายืนอยู่ใกล้ ๆ 

“อยากได้บ้าง”
พ่อกุมมือแม่ยื่นไปตรงหน้า แก้มแม่แดงปลั่ง พวกเราหัวเราะร่วน แล้วไอ้มอมันก็รดน้ำมนต์ให้ แล้วให้พรยาวยืดยิ่งกว่าคู่เราซะอีก น้ำมนต์หมดขวดพอดี

พ่อกุมมือแม่ไว้หันหน้าเข้าหากัน พวกเรามองยิ้ม ๆ

“ผมรักคุณนะ”

แม่ก้มหน้าลงต่ำ แก้มแดงแป๊ด ปากเคลือบไปด้วยรอยยิ้มเขินอาย

“แต่ผมไม่แต่งงานกับคุณหรอก”

แม่หุบยิ้มลงฉับ เงยหน้าอย่างเขวี้ยง ดวงตาเขิน ๆ เมื่อกี้เปลี่ยนแววทันที สลับกับพ่อที่เคยทำหน้าจริงจังก่อนหน้านี้เปลี่ยนมาเป็นฉีกยิ้มกว้างแทน

“เพราะถ้าเราแต่งงานกัน บางทีเราอาจต้องหย่ากันอีกเหมือนที่ผ่านมา”

แม่นิ่งอึ้ง ทุกคนนิ่งฟัง

“แต่ผมอยากเป็นคนแรก คนปัจจุบันและคนสุดท้ายที่จะทำให้คุณมีความสุข ผมไม่อยากสัญญา เพราะคุณคงไม่ชอบคำสัญญา แต่ผมจะจีบให้คุณรักผมทุกวัน และจะเป็นผู้ชายที่ทำให้คุณมีความสุขมากที่สุด บ่อยที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ และจะเป็นสามีทางพฤตินัยที่ดีที่สุดของคุณ”
พ่อโดนแม่ตีเพี้ยะไปที พ่อหัวเราะหึ ๆ

“และผมจะเป็นพ่อเลี้ยงที่ดีของลูกชายคุณด้วย”

“ผมรักคุณ”
เป็นครั้งแรกที่พ่อจบประโยคได้สุดซึ้งโดยไม่ทำล่ม (คิดว่านะ) แม่ยืนเขินหน้าแดง ยิ้มแล้วยิ้มอีก ก่อนจะก้มหน้าอ้อมแอ้มตอบกลับ

“ฉันก็รักคุณเหมือนกันค่ะ”

พ่อยิ้มแก้มบาน ดึงแม่ไปจูบท่ามกลางเสียงปรบมือของสักขีพยานทั้งหลาย

“เฮ้ย ไอ้เป้ มึงไม่พูดอะไรซึ้ง ๆ บ้างรึไงวะ”
ไอ้มอมันกระตุ้น ไอ้เป้ยิ้ม จับมือไอ้เต้ยมาวางไว้ตรงตำแหน่งหัวใจมันเอง

“นายอยู่ตรงนี้ของพี่เสมอ แม้จะแสดงออกบ้าง ไม่แสดงออกบ้าง แต่อยากให้นายรู้ไว้ว่าพี่…”
ยังไม่ทันที่ไอ้เป้จะพูดจบ ไอ้เต้ยมันก็ยืดตัวขึ้นไปกดจูบพี่มันเองเลย แล้วพวกมันก็ยืนจูบกันอยู่อย่างนั้นจนพวกเราต้องเบือนหน้าหนีกันเองแทน

“แม่ง โคตรอิจฉาเลย”
ไอ้โอมมันพูดงอน ๆ

“เอาน่า สักวันมึงต้องเจอใครคนนั้น เชื่อกู”
ไอ้มอมันกอดคอคู่หูมัน แล้วหันมาทางผม

“แล้วมึงอะ จะทำซึ้งอะไรให้ไอ้โอมมันนอยด์เพิ่มไหม”

ผมส่ายหน้า

“กูไม่ทับถมเพื่อนหรอก แต่…”

ทุกคนหันมามอง

“กูอยากพาเจ้าสาวกูเข้าหอว่ะ”
แล้วผมก็ช้อนเอาไอ้ตัวเล็กขึ้นมาอุ้มจนมันร้องเหวอกอดคอผมแน่น ผมทำท่าจะเดินกลับเต็นท์จริง ๆ จนมันต้องท้วงเอาไว้ ตามติดด้วยทุกคนที่พากันลุกขึ้นมาค้าน คงคิดว่าผมจะพามันไปปล้ำจริง ๆ

ผมหยุดเท้าลง ห่างจากทุกคนประมาณสามวา ผมหันไปยักคิ้วให้ทุกคน แล้วหันกลับมามองไอ้ตัวเล็กที่ถอนหายใจทำท่าโล่งออก

“เสียดายที่พี่ไม่พาเข้าหอรึไง”
ผมพูดล้อ ๆ

“บ้ารึไง เล่นอะไร ผมตกใจหมด”

ผมหัวเราะหึ ๆ

“พี่ไม่ขอสัญญาอะไรกับกายหรอก แต่พี่จะรักกายแบบที่พี่รักกายทุกวันนั่นแหละ”

มันก้มหน้าลงต่ำ

“ขอบคุณครับ”
มันยิ้ม ก่อนเงยหน้าขึ้นมาจุ๊บผมเบา ๆ

“แบบนั้นมันผิดกฎนะ”

มันทำหน้างง ๆ

“เขาบอกให้หมายเลข 19 กับ 15 จูบแบบแลกลิ้นกันเป็นเวลาหนึ่งนาที”

มันหน้าแดงทันทีที่ผมพูดจบ

“รีบ ๆ ทำให้มันจบ ๆ ไปดีกว่าเนอะ” 
และก่อนที่มันจะตอบปฏิเสธผมก็ก้มจูบมันไปทีเบา ๆ ก่อนกดหนักและแทรกลิ้นลงไป
 
ผมเพิ่งรู้ว่าจุดจบของทุก ๆ เรื่อง มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องต่อไป

และชีวิตผมกับมัน ก็เพิ่งเริ่มขึ้นเท่านั้น

The End

จบแล้ววว
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอดนะคะ หวังว่านิยายเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนที่ได้อ่านมีความสุข  :mew1:
.
.
.
.
.
ฺBooks & e-book |► https://goo.gl/aJFpH5 (https://goo.gl/aJFpH5)
อ่านต่อเรื่องอื่นๆ |►
1. Hate Love ทาสแค้น : https://goo.gl/nwWsdb
2ฺ. Kiss love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : https://goo.gl/vbdhLK
3. Boyfriends [3P] : https://goo.gl/K4JVyr
4ฺ. Brother พี่ตัวร้ายกับนายตัวดี : https://goo.gl/93jMvE
5. Feel คนเจ้าอารมณ์ : https://goo.gl/xJFfUx
6. Love me 'จับเพื่อนทำเมีย' https://goo.gl/PBHg6K
หัวข้อ: Re: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-03-2018 14:52:38
ขอให้สุขีๆทุกคู่รักนะ  :กอด1:
คิดถึงน้องสา หวังว่าจะได้เจอน้องสาในเร็ววันนะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-03-2018 19:28:01
 จบแล้ว  :mew1: :mew1: :mew1:
ขอบคุณไรท์
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: _2385yeah ที่ 19-03-2018 00:27:54
ฮิ้วววว ได้น้ำมนต์กันทุกคู่เลนเว้ยเห้ยย :hao3: :hao3: 5555555 :hao7: :hao7:
ขอบพระคุณมากเลยค่ะ  เป็นนิยายที่สนุกมาก :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 19-03-2018 00:53:17
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 10-04-2018 23:27:51
 :m16: ถึงแม้เรื่องนี้จะหมั่นไส้พระเอกมากๆ ที่ทำผิดกี่รอบๆ นายเอกก็ให้อภัย(ง่ายเหลื่อเกิ๊น) แต่เป็นเรื่องที่มีครบทุกรสค่ะ
ฟิต สนุก ดราม่า ตลก ประทับใจ ยิ่งตอนออกค่อยมันทำให้เห็นถึงบรรยากาศของการตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว อ้ายยยยเขิน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 16-04-2018 17:57:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: FaX ที่ 22-04-2018 00:28:49
ขอบคุณนิยายเรื่องนี้มากๆเลยคะ ไม่ครบทุกอารมณ์ เนื้อหาจุใจมว๊ากกก เป็นนิยายวายเรื่องแรก(the first)ที่เราได้อ่านเลยคะ ตอนนั้นกำลังอยู่ในช่วงลองอ่านแนววายคะ เจอะเจอเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ก็ทำให้เราตกหลุมรักนิยาย กับการ์ตูนวายได้อย่างไม่ยากเย็น เป็นเรื่องที่ทำให้เราเข้ามาสู่ สาววายเลยคะ ขอบคุณจริงๆนะคะ
#กราบบบบ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 30-04-2018 23:54:00
หลากหลายอารมณ์จริงๆ ค่ะเรื่องนี้
เกือบจะรักพี่เอกอยู่แล้วเชียว
แต่มาติดเรื่องนก เกลียดค่ะ เกลียดพี่เอกมาก
น้องกายไม่น่าให้อภัยเลย คนใจโลเล  :m31:
สุดท้าย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ เรื่องนี้ค่ะ
สนุกมากค่ะ อ่านได้ไม่เบื่อเลยค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ii.mimi ที่ 28-11-2018 18:17:17
นายเอกคือง่ายชิบ แล้วอะไรคือ กินกันไปกันมาระหว่างพี่น้องวะเนี้ย พลอตเรื่องแปลกเกิ๊น นิย้ายยยยนิยาย
หัวข้อ: Re: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 15-05-2019 07:06:55
 เป็นการอ่านอย่างมาราธอนที่สุด   ชอบมากเลยค่ะขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 20-07-2019 21:47:44
เฮ้อ สุดท้ายก็จบแบบแฮ๊ปปี้ เอ็นดิ้ง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 20-07-2019 22:10:10
เพราะรักเค้ามาก
จนต้องให้อภัยเค้าซินะ

เฮ้อออออ.....

พระเอกโคตรเหี้ยแต่โชคดีจริมๆ
ที่มาเจอนายเอกที่รักซะมากมายขนาดนี้

โชคดีนะ..อิเอก
หุหุ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: auntreory ที่ 28-07-2019 17:53:30
อ่านวนน้ำเยอะข้ามเยอะมากมันสนุกนะ ถ้ามีสัก50ตอนหรือน้อยกว่านั้น เหมือนคนแต่งพยายามจะทำให้มีประเด็นให้มีเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆจนมันดูจงใจจนเกินพอดี นิสัยตัวละครทุกตัวก็ดูขัดแย้งในตัวเอง อันนี้ความคิดเรานะ แต่ส่วนดีคือเราชอบภาษาอ่านสบายดี เสียใจอ่านไม่จบ จะติดตามน่ะ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 12:31:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 05-09-2020 22:28:02
เหนื่อยมาก 100 ตอน
ลุ้นใจหายทุกตอนจริงๆครับ
มีทุกอารมณ์  แต่อารมณ์หื่น ดูจะมากสุด
ขอบคุณ ผู้แต่งมากๆนะครับ
หัวข้อ: Re: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 06-09-2020 23:29:06
กลับมาอ่านอีกครั้ง ก็ได้ครบรสจริง ๆ :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 22-09-2020 23:07:22
ขอสารภาพว่าอ่านเรื่องนี้ไม่จบ
คือแบบไม่ชอบนิสัยพระเอกมากๆ เห็นแก่ตัวสุดๆ
กายก็ยอมเกินไปอ่ะ
แรกๆอ่านแล้วน่ารักดีนะคะ
เนื้อเรื่องให้น่าติดตาม แต่อ่านไปอ่านมา
เรารับนิสัยพระเอกไม่ได้เลยอ่านไม่จบ
แต่ยังไงก็ขอบคุณนิยายดีๆค่ะ