พิมพ์หน้านี้ - [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 11 บทส่งท้าย [อัพ 30/11/2016] END

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Take ที่ 22-08-2016 20:34:04

หัวข้อ: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 11 บทส่งท้าย [อัพ 30/11/2016] END
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 22-08-2016 20:34:04
 :jul3:ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

หัวข้อ: Re: Mirrow ผู้ชายในกระจก [YAOI] - บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 22-08-2016 20:37:49
ตัวละคร
หัวข้อ: Re: Mirrow ผู้ชายในกระจก [YAOI] - บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 22-08-2016 20:39:44
Intro


...กระจกวิเศษเอ๋ย จงบอกถ้าเถิด ใครงามเลิศที่สุดในปฐพี...


ถ้าเกิดตอบคำถามนั้นได้ จะบอกทันที


...ท่านนี่แหละ งามที่สุดในปฐพี


สายตาคมทอดมองตรงไปยังเบื้องหน้าอย่างหลงใหลให้กับรูปลักษณ์ที่เห็น คำถามที่แม่มดในเรื่องสโนไวท์ที่เป็นนิทานหลอกเด็กที่มักจะพูดคุยกับกระจกเป็นประจำผุดขึ้นมาในหัวของชายหนุ่มอย่างช่วยไม่ได้


ความฝัน


หรือความจริง


ไม่รู้...ไม่รู้อะไรสักอย่าง


เขารู้แค่ว่าคนที่อยู่ตรงหน้ามันงดงามมากเกินกว่าจะกลัว เรือนผมสีขาว ดวงตาสีดำสนิท ผิวที่ขาวซีด ใบหน้ารูปไข่กับรูปร่างที่เล็กสันทัดพอดีตัว สวมเสื้อแขนยาวสีขาวสะอาดมีระบายตรงคอนิดหน่อย ถ้าเจอตามท้องถนนปกติ ชายหนุ่มอาจคิดได้ว่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งที่งดงาม


แต่นี่ไม่ใช่


ผู้ชายร่างเล็กคนนั้น กำลังยืนอยู่ในกระจก!




หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirrow ผู้ชายในกระจก - 1.1 [อัพ]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 23-08-2016 07:03:03

ลอนดอน 1880


"จะย้ายไปจริงๆ เหรอ"


เป็นอีกครั้งที่ 'เอ็ดเวิร์ด เนวิลล์' ต้องมานั่งตอบคำถามของใครหลายๆ คนที่เอ่ยถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่เว้นแม้แต่กระทั่ง 'วิกเตอร์ เกรย์' ผู้เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเขา


ชายหนุ่มถอนหายใจออกมานิดหน่อย ถึงจะเบื่อหน่ายแต่เขาก็หันมาตอบคำถามเช่นเคย อีกอย่างวิกเตอร์ก็ไม่เหมือนกับบรรดาคนที่เขารู้จักเท่าไหร่ ถึงจะถูกถามคำถามแบบเดียวกันแต่วิกเตอร์ก็แค่ถามด้วยความอยากรู้ซะมากกว่าและไม่เคยคิดที่ห้ามปรามหรือร้องขอให้เขาไม่ต้องย้ายออกไปเหมือนคนอื่นๆ


“ใช่” เอ็ดเวิร์ดตอบสั้นๆ


"แล้วจะย้ายไปเมื่อไหร่" ใคร่ความอยากรู้วิกเตอร์จึงถามไปอีกรอบ


"...พรุ่งนี้"


"เร็วขนาดนั้นเชียว?" วิกเตอร์ขมวดคิ้ว


เอ็ดเวิร์ดทำได้แค่เพียงยิ้มบาง...


ตระกูลเนวิลล์เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในกรุงลอนดอน ผลิตทั้งของเล่น เสื้อผ้าสตรีและของนำเข้ามากมายจากต่างประเทศ มีผู้บริหารชื่อว่า เอิร์น มาวิส เนวิลล์ และภรรยาชื่อ มาดาม ไดอาน่า เนวิลล์...เอ็ดเวิร์ดเป็นลูกชายคนโตและมีน้องชายที่อายุห่างกันไม่มากชื่อว่า ดอม เนวิลล์


แน่นอน...ลูกชายทั้งสองคนย่อมเป็นความหวังของวงษ์ตระกูล แต่ดอมกลับไม่เลือกเส้นทางเดินที่มาวิสขีดไว้ให้



'ไอ้ลูกไม่รักดี! แกจะทำให้ฉันปวดหัวไปถึงไหน!!!' มาวิสตะโกนลั่นใส่ลูกชายคนเล็กเมื่อเขาไม่ยอมทำตามคำสั่ง


'ผมไม่อยากทำ! คุณพ่อได้ยินไหมว่าผมไม่ชอบ!'



ดอมแหกกฎของบ้านและทำตัวเสเพล ไม่สนใจทรัพย์สมบัติหรือแม้กระทั่งบริษัท ก่อปัญหามากมายจนมาวิสต้องส่งไปอยู่ที่อื่นตั้งแต่ยังเด็กและเอาทุกอย่างมาลงที่เอ็ดเวิร์ดผู้เป็นความหวังเดียว


'ดีมากเอ็ดเวิร์ด ลูกเป็นความภาคภูมิใจของพ่อ' ร่างสูงลูบไปที่เรือนผมสีน้ำตาลเข้มพลางเอ่ยปากชมด้วยความภาคภูมิใจ


'ครับ คุณพ่อ'



เอ็ดเวิร์ดยิ้มบาง...เขารู้สึกภาคภูมิใจไม่น้อยที่ถูกชมและเขาจะต้องพยายามมากกว่านี้อีก เอ็ดเวิร์ดในวัยเด็กคิดว่าเขาจะไม่เป็นแบบดอมเด็ดขาด!


เอ็ดเวิร์ดจึงใช้ชีวิตแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ ในทุกๆ วันต้องเรียนอย่างต่ำวันละแปดชั่วโมง ท่องตำราเรียนอย่างหนัก ออกสังคม ทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองเหมาะสมกับคำว่าผู้สืบทอด แล้วเอ็ดเวิร์ดก็ทำได้ดีมาโดยตลอด เพราะการที่ต้องอยู่กับหนังสือทุกวันทำให้เอ็ดเวิร์ดต้องสวมแว่นตาตั้งแต่เด็ก จนช่วงเวลาผ่านล่วงเลยไปหลายปี เอ็ดเวิร์ดได้เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้วนั่นเองก็ทำให้เขารู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง...เธอชื่อว่าเลดี้ พริซซิลล่า ดักลาส ซึ่งเธอเป็นลูกสาวของนักธุรกิจใหญ่เช่นกัน


'ยินดีที่ได้รู้จักคะ เอ็ดเวิร์ด' พริซซิลล่ายิ้มสวย


'ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก'



เอ็ดเวิร์ดมองพริซซิลล่าอย่างหลงใหลไปกับความงามของเธอ หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงและวาดหวังไว้ว่าเธอผู้นี้แหละที่จะอยู่เคียงข้างกาย...จนกระทั่งทุกอย่างก็มาเปลี่ยนไป


เมื่อดอมกลับมาอีกครั้ง


'แกจะกลับมาทำไม! ไอ้ลูกนอกคอก!'


ด้วยความโกรธที่ยังหลงเหลืออยู่ในตัวผู้เป็นบิดา...มาวิสยังคงโกรธดอมไม่หายที่เจ้าตัวมักทำเรื่องให้เขาอับอายอยู่เสมอ
'ผมก็จะมาพิสูจน์ให้คุณพ่อเห็นนะซิ! ว่าผมเองก็ทำได้เหมือนกัน' ดอมเผยยิ้มอย่างคนมั่นใจ


มาวิสมองหน้า 'หึ ก็ได้...ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าแกจะทำได้ดีขนาดไหน' เสียงมาวิสประกาศกร้าว 'ฉันจะให้แกแข่งกับเอ็ดเวิร์ด! ถ้าแกชนะเอ็ดเวิร์ดได้ฉันจะยอมรับแก แล้วจะไม่บังคับแกอีก!!!'


เอ็ดเวิร์ดที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแน่นิ่งไปกับคำสั่งของบิดา เพราะความทะนงตัวที่คิดว่าตัวเองต่างหากที่จะเป็นผู้ชนะทำให้ร่างสูงเกิดความย่ามใจ เอ็ดเวิร์ดในตอนนั้นคิดว่าเขาที่ต้องร่ำเรียนมาอย่างหนัก ไม่มีทางแพ้ให้กับคนที่ไม่เอาไหนอย่างดอมแน่ๆ
แต่เอ็ดเวิร์ดคิดผิด


เขาแพ้...


'ทำได้ดีมาก ฮ่าๆ'


‘ขอบคุณครับคุณพ่อ’



เสียงหัวเราะและคำติชมถูกแปรเปลี่ยนเป็นอีกคนทันที เอ็ดเวิร์ดแค่แพ้ยังไม่พอ เขายังสูญเสียหญิงที่รักให้กับน้องชายตัวเองด้วย
พริซซิลล่า...หญิงที่เอ็ดเวิร์ดหมายมั่นปั้นมือจะให้เป็นเจ้าสาวในอนาคตแต่กลับถูกคนที่เพิ่งมาทีหลังอย่างดอมแย่งไปหน้าตาเฉย แต่มันจะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวของเขาเองที่เป็นคนนิ่งๆ เรียบๆ วันๆ ก็บ้าแต่ทำงานจนไม่มีเวลาให้พริซซิลล่า...เอ็ดเวิร์ดยอมรับว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปก็ตั้งแต่ดอมกลับเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง และด้วยความทนไม่ไหวเขาก็เลยขอออกมาอยู่ข้างนอก หาบ้านหลังเล็กๆ เป็นของตัวเองก่อนที่จะย้ายเข้าไป


เพื่อหลีกหนีและเริ่มต้นใหม่ที่นั่น




 :mc4: :mc4: :mc4:

หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirrow ผู้ชายในกระจก - 1.2 [อัพ]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 24-08-2016 19:07:04


"...เวิร์ด...เอ็ดเวิร์ด!"

!!?

ร่างสูงสะดุ้งเมื่อถูกวิกเตอร์เอ่ยเรียกเสียงดัง แต่ถึงกระนั้นเอ็ดเวิร์ดก็ยังคงท่าทีได้ดีสมกับที่ถูกฝึกอบรมมา ชายหนุ่มขยับแว่นที่สวมใส่ประจำนิดหน่อยพลางมองหน้าคนเรียกด้วยสีหน้านิ่งเรียบเหมือนอย่างเคย

“ฉันถามว่า นายจะไปดูของกับฉันไหม”

“...อืม”

เอ็ดเวิร์ดพยักหน้ารับเบาๆ เพราะเขามัวแต่คิดเรื่องอื่นที่ไม่สมควรคิดเลยทำให้ไม่ได้ฟังที่วิกเตอร์กำลังพูดอยู่
มันเป็นคำหลังที่ไม่น่าจดจำเท่าไหร่

วิกเตอร์ทำได้เพียงแค่ผ่อนลมหายใจเบาๆ แล้วมองเพื่อนสนิทของตัวเอง เขารู้จักนิสัยของเพื่อนคนนี้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าภายนอกจะเป็นคนเข้มแข็ง ดูดีและมีระเบียบทุกกระเบียดนิ้ว แต่ภายในลึกๆ แล้วเอ็ดเวิร์ดกลับเปราะบางง่ายยิ่งกว่าใครทั้งหมด
จากเพื่อนในวัยเด็กเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นและเข้าสู่วัยหนุ่มในที่สุด แต่วิกเตอร์ก็แทบไม่เคยเห็นเอ็ดเวิร์ดทำสีหน้าอื่นนอกจากสีหน้าแน่นิ่ง หรือบางทีแทบจะเรียกได้ว่าแทบไม่เคยเห็นรอยยิ้มของเอ็ดเวิร์ดเลยสักครั้ง
วิกเตอร์ก็ทำได้เพียงแค่หวังเล็กๆ ว่าสักวันหนึ่งจะมีใครสักคนผ่านก้าวเข้ามาแล้วทำให้คนที่แข็งทื่ออย่างเอ็ดเวิร์ดยิ้มได้ก็เท่านั้น
.

.
.

วิ้ง...

ภายในร้านขายของเก่าที่มีข้าวของวางอยู่เรียงราย ด้านลึกๆ กลับมีสิ่งหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางห้อง สิ่งนั้นมีผ้าผืนสีขาวปิดทับอยู่กำลังส่องแสงสว่างจ้าวับวาบเบาๆ

...ออกไป

…ออกไปจากที่นี่


เสียงที่แผ่วเบาเอ่ยพูดก่อนที่จะหายไปในที่สุดโดยที่คนอยู่ภายในร้านไม่ทันสังเกตเห็นแม้เพียงนิด

.
.

“เอ็ดเวิร์ด”

น้ำเสียงใสของพริซซิล่าเอ่ยเรียกอดีตคนรัก วันนี้เธอมาหาดอมที่บ้านแต่ระหว่างที่กำลังจะเดินเข้าไปก็เจอกับเอ็ดเวิร์ดพอดี พริซซิล่าเม้มปากแน่นก้มหน้าต่ำมองพื้นอย่างไม่กล้าที่จะสู้หน้าเอ็ดเวิร์ดเท่าไหร่ เพราะเรื่องนี้เธอเป็นคนผิดเต็มประตู ในตอนแรกที่เธอเจอกับเอ็ดเวิร์ด พริซซิล่ายอมรับว่าเธอเองก็พึงใจในตัวของเขาเหมือนกัน...เอ็ดเวิร์ดเป็นผู้ชายที่เก่งและสุขุมพร้อมทั้งอนาคตที่ดีแต่มันก็มีบางอย่างมาทำให้ พริซซิล่ายังไม่อาจตกลงปลงใจกับเขาได้ จนกระทั่งได้มาเจอกับดอม...ผู้ชายที่แสนร่าเริงและมีเสน่ห์ จึงทำให้ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้พริซซิล่าตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น

“คุณสบายดีเหรอคะ”

คำถามง่ายๆ แต่มันก็เป็นคำถามที่พริซซิล่าคิดออกในตอนนี้ ร่างบางส่งสายตาสั่นระริกมองอดีตคนรักอย่างกลัวๆ

“ผมสบายดี”

แต่เอ็ดเวิร์ดก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะรักหน้าของหญิงสาว เขาทำเพียงแค่ยิ้มตอบ เขาพยายามที่จะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษถึงแม้ว่าหัวใจจะเจ็บสักเพียงไหนก็ตาม เอ็ดเวิร์ดอยากจะเข้าไปกอดร่างเล็กๆ ของเธอแล้วถามว่าทุกอย่างมันเป็นแค่ความฝันเท่านั้นใช่ไหม แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งๆ

“เอ่อ ฉัน...” หญิงสาวมองหน้าของเอ็ดเวิร์ด ตั้งท่าจะพูดบางอย่างออกมา

“พริซซิล่า”

แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยพูดอะไร น้ำเสียงทุ้มต่ำก็ดังมาจากทางด้านหลัง ร่างสูงเดินเข้าหาพริซซิล่าแล้วโอบลำคอบางของเธอเอาไว้อย่างหวงแหนและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ดอมมองพี่ชายตัวเองก่อนที่จะทักขึ้นตามประสาพี่น้อง

“อ้าวพี่ อรุณสวัสดิ์”

ถึงจะอายุห่างกันแค่ปีเดียว แต่ด้วยกฎของบ้านแล้วดอมจึงได้เรียกว่าเอ็ดเวิร์ดว่า ‘พี่’ แต่ถึงอย่างนั้นดอมก็ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใด กลับกันเขากลับออกจะชื่นชมในตัวของเอ็ดเวิร์ดซะมากกว่าที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูถูกอกถูกใจมาวิสไปซะหมด ถ้าเปรียบเทียบกับลูกที่ไม่เอาไหนอย่างเขาก็เป็นแค่เจ้าตัวก่อปัญหาที่มักจะทำให้มาวิสปวดหัวซะมากกว่า พอคิดๆ แล้วมันก็ช่างน่าขำดีนัก

“อรุณสวัสดิ์” เอ็ดเวิร์ดยิ้มบาง

“ผมกำลังจะพาพริซซิล่าไปเที่ยวในเมือง พี่ไปกับผมไหม”

“ไม่ละ พวกนายไปกันเถอะ”

“ทำไมละพี่ ยังไงซะวันนี้พี่ก็ต้องไปซื้อของเข้าบ้านใหม่อยู่แล้วนี่ เราไปด้วยกันสิ” ดอมยังคงเอ่ยชวนด้วยสีหน้าสดใสและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

แต่มันทำให้เอ็ดเวิร์ดอึดอัด

“อืม”

เอ็ดเวิร์ดพยักหน้ารับ แต่มันกลับเป็นคำตอบรับที่ไม่ค่อยทำให้เขาพอใจสักเท่าไหร่ ถ้าหลีกเลี่ยงที่จะไม่เจอกับดอมได้เขาก็จะทำ แต่นี่น้องชายเขามาร้องขอขนาดนี้จะให้ตอบปฏิเสธก็คงจะไม่ใช่เรื่อง

การเดินทางด้วยรถยุโรปคันหรูที่มีม้าเป็นพาหนะในการขับเคลื่อน มันเป็นรถที่ดีที่สุดแล้วสำหรับคนในลอนดอน บรรยากาศในตลาดภายนอกก็คึกคัก พ่อค้า แม่ค้าต่างก็เร่กันขายของอย่างจ้าละหวั่น เด็กๆ ทั้งหญิงและชายต่างก็วิ่งซกซนไปในซอกซอยต่างๆ แต่คงจะเป็นแค่ภายนอกเท่านั้นที่ดูสนุกสนานแต่บรรยากาศภายในรถตอนนี้มันกำลังดูอึดอัด

ยกเว้นก็แต่กับดอม

เขายังคงร่าเริงและมองสิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็นและซุกซนราวกับเด็กๆ ท่ามกลางความอึดอัดของพริซซิล่า เอ็ดเวิร์ด และวิกเตอร์... ทุกการกระทำของดอมมันช่างทำร้ายจิตใจของเอ็ดเวิร์ดไม่น้อย แต่เขาก็ต้องทนมองเห็นภาพบาดตาบาดใจโดยที่ไม่ได้แสดงท่าทีหรือปริปากพูดแต่อย่างใด

รถม้าคันหรูจอดเทียบริมถนนที่เป็นถนนคนเดิน ที่นี่มีแหล่งซื้อของมากมายให้จับจ่ายใช้สอย พริซซิล่าและดอมต่างก็เดินดูของกันไปเรื่อยเปื่อยโดยที่มีเอ็ดเวิร์ดเดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง ยิ่งเห็นก็ยิ่งทำให้ใจของชายหนุ่มเจ็บปวดราวกับว่ามีมีดกรีดลงมาที่ใจของเขาให้เหมือนตายทั้งเป็น

หนึ่งคนก็น้องชาย

หนึ่งคนก็คนเคยรัก

.
.
ฟิ้ว...

...ออกไป

ในขณะที่ร่างสูงกำลังอยู่ในห้วงภวังค์ของตัวเองอยู่ จู่ๆ สายลมอ่อนๆ ก็พัดปลิวไสยพร้อมกับเสียงเพรียกเบาๆ จนแทบไม่ได้ยิน
เอ็ดเวิร์ดหันซ้ายหันขวาแต่ก็ไม่พบเสียงที่ได้ยินแต่อย่างใด จนคิดว่าคงหูฟาดก็เท่านั้น จนกระทั่งสายตาของชายหนุ่มไปสะดุดตากับร้านขายของเก่าที่ตั้งตระหง่านตาอยู่ตรงหน้า เหมือนมีอะไรมาดลใจทำให้ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในร้านอย่างช้าๆ
ภายในถูกประดับประดาด้วยสินค้ามือสองมากมายที่วางอยู่เรียงราย มันถูกจัดเป็นหมวดเป็นหมู่ แสงไฟที่สลัวๆ ทำให้บรรยากาศภายในร้านดูน่ากลัวไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นเอ็ดเวิร์ดก็ยอมรับว่าข้าวของที่นี่ยังดูใหม่อยู่และยังเหมือนไม่ได้ใช้หรือไม่ก็คงเป็นเพราะเจ้าของร้านเอามาทำใหม่จนมันยังดูสภาพดีแบบนี้ก็เป็นไปได้

เอ็ดเวิร์ดเดินดูของไปเรื่อยๆ จนไปถึงมุมๆ หนึ่ง เขามองไปรอบๆ อย่างวินิตฉัยจนกระทั่งสายตาคมสะดุดกับของสิ่งๆ หนึ่ง
มันถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวสะอาด

มันถูกตั้งอยู่ตรงหน้าไม่ห่างจากตัวเขา

ด้วยความอยากรู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าผืนนี้ เขาจึงค่อยๆ เอื้อมมือไปจับผ้าตรงหน้าก่อนที่จะกระตุกเบาๆ เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นผ้าสีขาวผืนใหญ่ก็ร่วงหล่นกับพื้นช้าๆ

“กระจก?”

เอ็ดเวิร์ดพูดกับตัวเองเมื่อเห็นสิ่งที่ถูกปกปิดเอาไว้ มันเป็นกระจกผืนใหญ่ที่สง่างาม ดูเก่า แต่ก็ยังคงความสวย
ราวกับว่าเอ็ดเวิร์ดถูกมนต์สะกดอีกครั้ง

ทุกอย่างรอบตัวเงียบงัน ดวงตาภายใต้แว่นตากรอบหนากำลังเหม่อลอย เอ็ดเวิร์ดกำลังไร้สติ สมองที่เคยปราดเปรื่องในตอนแรกเริ่มไม่สั่งการและเขาไม่เห็นอะไรรอบตัวนอกเสียจากกระจกบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
เอ็ดเวิร์ดเอื้อมมือแตะกระจกใสอย่างไม่รู้ตัว มันมีบางอย่างดึงดูดเขา

ข้างใน...

...ออกไป

ข้างในนั้น...

...ออกไปจากที่นี่


“เอ็ดเวิร์ด!”

เฮือก!

ร่างสูงสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ ก็ถูกเอ่ยเรียกจากทางด้านหลัง เป็นวิกเตอร์นั่นเองที่กำลังเรียกเขา ชายหนุ่มงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองชั่วครู่ เขาไม่แน่ใจว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ เหมือนอยู่ในความฝันแต่ก็ไม่ใช่

“นี่ฉัน...” เอ็ดเวิร์ดตั้งท่าจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ แต่ก็เปลี่ยนใจเป็นนิ่งเงียบแทน ถึงพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ สู้เขาเงียบๆ ไปจะดีกว่า

“นายเข้ามาทำอะไรที่นี่” วิกเตอร์ขมวดคิ้วพลางมองไปที่เพื่อนสนิทและกระจกที่อยู่ด้านหลัง

“แค่เดินมาดูของนะ”

เอ็ดเวิร์ดเอ่ยเสียงเบา เขาหันไปมองกระจกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่รู้สึกเหมือนกับครั้งแรกที่เห็น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ถึงจะเป็นของมือสองแต่มันก็ทำให้เขาหลงใหลไปกับความสวยงามนั้นไม่ยาก

“เอ็ดเวิร์ด?”

วิกเตอร์เรียก เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเขากันแน่ ตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้วก็ดูแปลกๆ ชอบกล

“ฉันอยากได้กระจกบานนี้”

แล้วนั้น...คือสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดเอ่ยออกมาหลังจากจ้องมองอยู่นาน



 :mc4:

ติชมได้นะคะ เทคไม่กัด ฮ่าๆ ><
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirrow ผู้ชายในกระจก - 1.2 [อัพ]
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 24-08-2016 19:33:26
สงสารเอ็ดเวิร์ดดด
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirrow ผู้ชายในกระจก - 1.2 [อัพ]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 24-08-2016 23:50:25
สงสารเอ็ดเวิร์ดดด

เอ็ดน่าสงสารจริงงง คือเอ็ดต้องพยายามมากเลยกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirrow ผู้ชายในกระจก - 2.1 [อัพ 25/8/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 25-08-2016 10:08:15



หนึ่งวันที่ผ่านพ้นไปอย่างกระอักกระอ่วน สำหรับเอ็ดเวิร์ดแล้วมันคงเป็นวันที่แย่ที่สุดก็ว่าได้ ดอมไม่ได้แค่จะพาพริซซิล่าไปเที่ยวกับเขายังไม่พอ แต่ดอมยังร้องขอขอตามไปยังบ้านใหม่ของเขาด้วย แล้วมันก็สร้างความอึดอัดให้เอ็ดเวิร์ดไม่น้อย


เขาไม่อยากให้คนในครอบครัวรู้ ไม่อยากให้ดอมเข้าไปเหยียบที่บ้านของเขา ดังนั้นเอ็ดเวิร์ดจึงพยายามหาข้อโต้แย้งและข้ออ้างต่างๆ เพื่อให้ดอมไม่ไป เขาอ้างว่าที่นั้นยังคงรก ยังไม่ได้ทำความสะอาดหรือเก็บกวาดแต่อย่างใด ซึ่งในตอนแรกดอมก็ดูท่าจะไม่ยอมง่ายๆ แต่เพราะได้วิกเตอร์ช่วยยกเรื่องของ พริซซิล่ามาอ้างว่าไม่เหมาะที่จะพาผู้หญิงเข้าไปในที่แบบนั้น ดอมจึงได้ยอมง่ายๆ แม้ว่าเจ้าตัวจะรู้สึกขัดใจอยู่บ้างก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็ถือว่าดีไป


“เรียบร้อยแล้วครับนายท่าน”


ชายหนุ่มร่างกำยำเอ่ยขึ้นพร้อมกับได้ทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จ เอ็ดเวิร์ดพยักหน้ารับก่อนที่จะมอบเงินให้เพื่อเป็นสินน้ำใจตอบแทน


หลังจากที่ดอมกับพริซซิล่าและวิกเตอร์ระหว่างทางแล้ว เขาก็สั่งให้คนเอากระจกบานที่เห็นในร้านขายของเก่าเอากลับมาด้วย ทุกอย่างเริ่มเตรียมการเสร็จเรียบร้อย บ้านชั้นเดียวหลังเก่าก็ถูกตกแต่งขึ้นมาใหม่จนสวยราวกับบ้านใหม่เลยก็ว่าได้
เหลืออีกเพียงแค่ไม่กี่วันเอ็ดเวิร์ดก็คงจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่อย่างเต็มตัว


“เฮ้อ”


เอ็ดเวิร์ดถอนหายใจพลางขยิบแว่นตาออกไปวางข้างโต๊ะ เขาเอนตัวลงนอนกับโซฟาตัวหนาผืนสีเทาเข้มด้วยความอ่อนล้า


เสียงลมพัดอ่อนๆ


เสียงใบไม้ที่ปลิวสไสว


กลิ่นไม้


แล้วเพียงไม่นานนักร่างสูงก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
.
.


เอ็ดเวิร์ดกำลังฝัน...


ในความฝันของเขาเต็มไปด้วยป่าทึบ ร่างสูงเดินไปรอบๆ ด้วยสีหน้านิ่งเรียบภายใต้กรอบแว่นตาหนาเหมือนอย่างเคย เอ็ดเวิร์ดไม่เคยเห็นที่นี่และคิดว่าคงไม่รู้จักแน่ๆ เขาขมวดคิ้วมองอย่างงุนงง ปกติแล้วเอ็ดเวิร์ดไม่ใช่คนช่างฝัน ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยได้ฝันอะไรง่ายๆ เพราะหัวสมองของเขามีแต่การเรียนและหนังสือเท่านั้น การที่จะฝันอะไรแบบนี้มันจึงเป็นเรื่องยาก เอ็ดเวิร์ดยังจำได้ดีว่าครั้งล่าสุดที่ตัวเองเคยนอนฝันก็คงจะเป็นเมื่อราวๆ อายุ 15 เห็นจะได้


ที่ไหน?...


เขาถามกับตัวเองพลางเดินไปรอบๆ ป่า บรรยากาศที่ถูกปลกคลุมไปด้วยหมอกมันทำให้เขารู้สึกเย็นยะเยือกไปจนถึงกระดูก


กรี๊ดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


แล้วทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง เอ็ดเวิร์ดสะดุ้ง เขาหันไปมองรอบๆ ตัวเพื่อดูว่าต้นตอมาจากตรงไหน แต่จนแล้วจนรอดก็กลับไม่มีเลย มันดังมาจากทุกทิศ


...ออกไป


...ออกไปจากที่นี่


...ออกไป!!!


กายใหญ่กำลังมีเหงื่อลุกโชนไปด้วยความกลัว...ใช่! เอ็ดเวิร์ดกำลังยอมรับว่าเขากำลังกลัว ทั้งๆ ที่มันเป็นเพียงแค่ความฝันแท้ๆ แต่ราวกับว่ามีบางอย่างมาทำให้ผู้ชายร่างใหญ่ๆ อย่างเขาอกสั่นขวัญแขวนได้ รอบด้านมันมืดสนิท แต่ความมืดนั้นมันกลับมีความรู้สึกบางอย่างแทรกเข้ามาด้วย


เศร้าใจ...


เสียใจ...


มันเจ็บปวดมากซะจนทำให้เอ็ดเวิร์ดแทบอยากร้องไห้ เขารู้สึกทรมานตรงช่วงอกด้านซ้ายจนต้องเอามือมากอมกุมเอาไว้


ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันแน่
.
.

ร่างสูงลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ พลันน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาหม่น เอ็ดเวิร์ดเอามือมาแตะตรงขอบตาตัวเองที่มีน้ำสีใสไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย


นี่เขาร้องไห้ทำไมกันนะ?


เอ็ดเวิร์ดจำอะไรไม่ได้เลย เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองฝันอะไร รู้แค่ว่ามันทั้งมืดและหนาวก็เท่านั้น... ร่างสูงลุกขึ้นนั่งพลางเอามือลูบไปที่ใบหน้าตัวเองเบาๆ ก่อนที่หางตาของเขาจะรู้สึกถึงบางอย่างที่อยู่ใกล้ตัว เอ็ดเวิร์ดหันไปมองกระจกที่ตอนนี้กำลังเรืองแสงรองๆ มีทั้งแสงสีขาวและสีดำสลับกันไปมาผสมปนเปมั่วกันไปหมด


“ฮึก!”


แต่ในช่วงระหว่างที่เขากำลังจดจ้องอยู่กับสิ่งที่เห็น จู่ๆ ความรู้สึกหนึ่งก็วูบเข้ามา เอ็ดเวิร์ดเริ่มหายใจไม่ออก ราวกับว่ากำลังมีบางกำลังรัดคอเขาอยู่...ชายหนุ่มงอตัวลงด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าหล่อเริ่มซีดเผือด เขาล้มลงกับพื้นและกำลังพยายามช่วยตัวให้รอดพ้นจากสิ่งที่มองไม่เห็น


“อ๊อก! แค่กๆ แค่กๆ”


เอ็ดเวิร์ดเหมือนจะตายซะให้ได้ ลมหายใจที่มีก็เริ่มร่อยหรอลงทุกขณะ เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
แต่ถ้าเกิดตายไปตอนนี้...


เหมือนมีบางอย่างมีจุดสวิตซ์ของชายหนุ่ม เขาเริ่มละมือออกจากคอตัวเองอย่างช้าๆ ร่างสูงเค้นยิ้มบางเบาอย่างนึกสมเพช


หึ นี่เราจะตายไปทั้งอย่างนี้งั้นเหรอ


ตายอย่างโดดเดี่ยว ตายอย่างอ้างว้าง...เอ็ดเวิร์ดกำลังคิดว่ามันอาจจะดีก็ได้ เพราะอย่างน้อยเขาเองก็ไม่มีใครอยู่แล้ว อีกอย่างทั้งบริษัทหรือครอบครัว ก็คงจะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป มันไม่มีอะไรให้เขาห่วงอีกแล้ว เพราะอย่างน้อยก็ยังมีดอม


ในช่วงจังหวะที่กำลังใกล้จะหมดลมหายใจ จู่ๆ ก็มีเงาดำทะมึนลอยออกมาจากกระจก รูปร่างของมันเป็นกลุ่มควันสีดำและเริ่มรวมตัวกันจนเป็นรูปเป็นร่าง ดูน่าเกลียดน่ากลัวไม่น้อย สภาพหัวที่มีขวานเจอะกลางกะโหลก ดวงตาโบ๋ลึกทั้งสองข้างถลนออกมานอกเบ้า ร่างกายที่เต็มไปด้วยหยาดเลือดสีแดงสด ท่าทางการเดินที่ไม่เหมือนมนุษย์มนา
มันกำลังเดินมาทางเขา


เอ็ดเวิร์ดเบิกตาโผลงไปด้วยความตกใจเพียงชั่วครู่ แต่ด้วยการที่เขาถูกอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่ครั้งยังเด็กให้รู้จักควบคุมสติทุกสถานการณ์ทำให้เขานอนอยู่นิ่งๆ และจ้องมองไปที่ร่างนั้นอย่างไม่วางตา


...เจ้าคิดจะตายอย่างนั้นหรือ


สิ่งนั้นเอ่ยถาม


ชายหนุ่มมองไปยังต้นตอของเสียง มันกำลังถามเขาอยู่


...ไม่กลัวความตายอย่างนั้นหรือ


“...กลัว”


ร่างสูงเค้นเสียงออกมาแผ่วเบา ในเมื่อเสียงนั้นมันถามเขา เขาก็จะตอบ


...กลัว? แล้วทำไมถึงอยากตาย


“ไม่รู้”


เอ็ดเวิร์ดไม่รู้จริงๆ ว่าสมควรจะตอบยังไงดี เขาไม่รู้อะไรเลยแม้กระทั่งความรู้สึกของตัวเอง


เขายังคงนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ถึงจะน่าสมเพชตัวเองขนาดไหนแต่อย่างน้อยเขาก็คิดว่าถ้าหากตายไปตอนนี้คงอีกสักสองถึงสามวันก็คงจะมีคนพาพบศพ


...เจ้าไม่กลัวข้า


มันเอ่ยต่อ


“ไม่”


เอ็ดเวิร์ดตอบทันที ถึงรูปร่างที่เห็นมันจะน่ากลัวแต่เขาก็คิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวหรือโวยวายอะไร เพราะยังไงเขาก็คงจะถูกฆ่าและกว่าจะมีคนมาพบศพสภาพก็คงไม่ได้ต่างอะไรจากผีตนนั้น


สิ่งที่เห็นมันเป็นแค่เพียงเปลือกนอก


คนส่วนใหญ่มักจะมองแค่ตรงนั้นเสมอ โลกที่เอ็ดเวิร์ดอยู่มันมีแค่เพียงคนสวมหน้ากาก รอยยิ้มที่แสแสร้ง สิ่งจอมปลอม ของเหล่านั้นมันทำให้เขาแทบอยากอาเจียนและหนีไปให้ไกลๆ


บางที...นี่อาจเป็นโอกาสเดียวก็ได้ที่เขาจะหลุดพ้น
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirrow ผู้ชายในกระจก - 2.1 [อัพ 25/8/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 26-08-2016 21:27:39
คิดอะไรน่ากลัวมา เอ็ด ไม่เอาเนอะ ถ้านายตายแช้วใครจะเป็นพระเอกละ  :hao7:
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirrow ผู้ชายในกระจก - 2.1 [อัพ 25/8/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 27-08-2016 08:40:47
คิดอะไรน่ากลัวมา เอ็ด ไม่เอาเนอะ ถ้านายตายแช้วใครจะเป็นพระเอกละ  :hao7:

เอ็ดเวิร์ดตายแล้วก็เข้าไปอยู่ในกระจกงายย ตามชื่อเรื่องเบย ><
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirrow ผู้ชายในกระจก - 2.2 [อัพ 27/8/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 27-08-2016 21:18:57


ชายหนุ่มหอบหายใจเข้าออกช้าๆ เขาเริ่มรู้สึกหายใจโล่งขึ้นไม่น้อย บรรยากาศรอบตัวที่มืดครึ้มเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นแบบเดิม กลุ่มควันสีดำทะมึนก็ค่อยๆ ลอยกลับเข้าไปในกระจกอีกครั้ง เอ็ดเวิร์ดลุกขึ้นนั่งเขามองตามด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาดก่อนที่จะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น

รูปร่างของกลุ่มควันสีดำเริ่มแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง ครานี้เอ็ดเวิร์ดมองอย่างตั้งใจกว่าครั้งแรก รูปร่างที่เคยน่าเกลียดน่ากลัวกลับกลายรูปเป็นร่างขึ้นมาทีละนิดๆ จนในที่สุดก็เผยสิ่งหนึ่งที่ทำให้เอ็ดเวิร์ดต้องตกตะลึง!
มันคือความฝันหรือความจริงกันแน่

เอ็ดเวิร์ดไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง ขาแค่รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามันงดงามเกินกว่าที่จะกลัว เรือนผมนุ่มที่ยาวระดับต้นคอเป็นสีขาว ดวงตาที่ดำสนิทซึ่งตัดกับผิวที่ขาวจัดราวกับน้ำนม ใบหน้ารูปไข่ได้รูปสวย แค่เพียงแรกเห็นก็ทำให้เอ็ดเวิร์ดมองจนแทบลืมหายใจไปชั่วขณะ ถ้าเจอตามท้องถนนทั่วไปบางทีเอ็ดเวิร์ดคงคิดว่าเป็นมนุษย์คนหนึ่งแน่ๆ

สวย...

และนี่ก็คือสิ่งที่เขาคิด

ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นผู้ชายแน่ๆ แต่เอ็ดเวิร์ดกลับคิดว่าคนๆ นี้ช่างเป็นผู้ชายที่สวยมาก บางทีอาจจะสวยกว่าผู้หญิงที่รู้จักบางคนก็เป็นได้

ภายใต้รูปร่างที่กลัวกลับมีความสวยงามที่ไม่อาจรู้ได้ซ่อนอยู่

“เธอเป็นใคร”

เอ็ดเวิร์ดถามเสียงเบาพลางเดินเข้าไปใกล้บานกระจกนั้นเรื่อยๆ

“...” ร่างนั้นไม่ตอบ

“ทำไมถึงได้เข้าไปอยู่ในกระจก” เขายังคงถามต่อ

ร่างเล็กในกระจกยืนมองเอ็ดเวิร์ดด้วยความฉงน ความคิดชั่วครู่หนึ่งนึกสงสัยชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไม่น้อย นอกจากจะไม่กลัวเขาแล้วแต่กลับยังเดินเข้ามาใกล้ๆ อีก

“คุณไม่กลัวผมเหรอ”

แทนที่จะตอบคำถามแต่ร่างปริศนากลับเป็นฝ่ายถามกลับ ใบหน้าหวานเอียงคอมองชายหนุ่ม ดวงตาสีนิลกาฬกระพริบไปมาเพื่อรอคำตอบ

ใจของชายหนุ่มกระตุกวูบเมื่อมอง เขาส่ายหน้าเป็นคำตอบว่าไม่กลัว ไม่ว่าจะเป็นร่างนั้นหรือร่างนี้เขาก็ไม่กลัวทั้งนั้น...มันไม่มีอะไรน่ากลัวเลย แต่มันน่าหลงใหลซะมากกว่า

“เธอชื่ออะไร”

เอ็ดเวิร์ดเดินเข้าไปใกล้แล้วเอื้อมมือสัมผัสที่กระจกแผ่วเบา

“...ไม่มี” คนในกระจกตอบเสียงแผ่ว

เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่มานานเท่าไหร่ กี่วัน กี่เดือน กี่ปี อยู่อย่างโดดเดี่ยวและอ้างว้าง ไม่มีใครเรียกชื่อหรือพูดคุยก็ยังไม่มี สิ่งที่จำได้คือความเศร้าและความผิดหวังอยู่แน่นอก ความเหงาและความเปล่าเปลี่ยวทำให้เขาอยากมีเพื่อนจนปรากฏกายให้กับผู้เป็นเจ้าของกระจกเห็น แต่ไม่ว่าจะกี่คนๆ ทุกคนต่างก็กลัวเขาจนต้องถูกขายเป็นทอดๆ คนแล้วคนเล่า ความเสียใจที่มีมากเป็นทีวีคูณทำให้เขาเลือกที่จะหลอกหลอนผู้เป็นเจ้าของกระจก จนทำให้เขากลายเป็นผู้ไรซึ่งเจ้าของอย่างแท้จริง

“อาร์เจน”

“...?”

“ชื่อของเธอ...คืออาร์เจน”

เอ็ดเวิร์ดย้ำอีกครั้ง

เขามองคนในกระจกอย่างหลงใหล ดวงตาคมจับจ้องดวงหน้าหวานด้วยรอยยิ้มบาง ‘อาร์เจน’ ชื่อที่เขาตั้งให้ทันทีที่แรกเห็น ผมสีเงินสวยกับผิวที่ขาวมันเหมือนราวกับไข่มุกสีเงินที่สว่างไสวอยู่ภายในความมืดมิด

เอ็ดเวิร์ดทำความรู้จักกับอาร์เจนด้วยความอยากรู้อยากเห็น ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่วิสัยทัศน์ของเขาที่จะต้องมายุ่งย่ามเรื่องของคนอื่นสักเท่าไหร่ และถึงแม้ว่าเอ็ดเวิร์ดจะรู้ว่าอาร์เจนไม่ใช่ ‘คน’ ก็ตาม แต่การพูดคุยกับร่างเล็กในกระจกทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากกว่าผู้คนที่พบกันซะอีก แล้วสิ่งหนึ่งที่เอ็ดเวิร์ดรู้เกี่ยวกับอาร์เจนนั่นก็คือ
ไม่สามารถที่จะเดินออกมานอกกระจกได้

“ผมเคยลองหลายครั้งแล้ว แต่ว่า...” ร่างเล็กเว้นคำ “ผมก็ออกไม่ได้”

“งั้นเหรอ” เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้ว

เรื่องผีสางนางไม้เขาก็เคยได้ยินคำร่ำลืออยู่เหมือนกัน แต่ไม่เคยได้ยินเลยว่าจะมีผีที่ถูกกักขังให้อยู่แต่ในกระจกได้

“แล้วตอนนั้น นายออกมาได้ยังไง” ชายหนุ่มถามต่อ พอนึกดูดีๆ แล้วเขาเองก็ถูกผีอาร์เจนหลอกเอานี่นา

“เปล่า ผมไม่ได้ออก ผมแค่สร้างกลุ่มควันเฉยๆ ผมเป็นผี...สร้างได้” อาร์เจนรีบตอบ เขาไม่อยากให้เอ็ดเวิร์ดเข้าใจผิด ด้วยความที่อยู่ตัวคนเดียวมานานและเขาก็ไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะสร้างสิ่งที่เหมือนกับวิญญาณ

ร่างเล็กทำท่าผายมือไปด้านหน้านิดหน่อยแล้วเพียงไม่นานนักกลุ่มควันสีดำที่เอ็ดเวิร์ดเห็นเมื่อคราวแรกก็ค่อยๆ ลอยออกมาจากมือของร่างเล็กก่อนที่รูปร่างของมันจะเริ่มแปรเปลี่ยนและบดบังคนที่อยู่เบื้องหลัง รูปร่างนั้นค่อยๆ ออกมาจากกระจกทีละน้อยสู่สายตาของคนร่างสูงที่จับจ้องไม่กระพริบ รูปร่างของมันก็น่าเกลียดน่ากลัวไม่เปลี่ยน แต่คราวนี้เอ็ดเวิร์ดกลับรู้สึกเฉยๆ หายใจก็คล่อง ไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด แล้วเพียงไม่นานนักกลุ่มควันนั้นก็หายไปเข้าไปในกระจกอีกครั้ง

“ผมทำได้แค่นี้” อาร์เจนตอบ สิ่งที่ร่างเล็กสร้างขึ้นมันก็แค่รูปลักษณ์ที่น่ากลัว แต่แท้จริงแล้วกลับไม่มีอะไรเลย ร่างบางก้มหน้าลงกับพื้นอย่างคนสำนึกผิด “ขอโทษนะ”

“ไม่เป็นไร” เอ็ดเวิร์ดยิ้มบาง

รอยยิ้มของคนร่างสูงตรงหน้าทำให้อาร์เจนรู้สึกอุ่นใจไม่น้อย อย่างน้อยเขาก็คิดว่าเอ็ดเวิร์ดคงไม่โกรธกัน

“เออ จริงสิ ผมยังไม่ได้ถามชื่อคุณเลย คุณชื่ออะไรเหรอ”

“เอ็ดเวิร์ด”

“...เอ็ด...เอ็ด”

อาร์เจนเอ่ยเรียกชื่อของเอ็ดเวิร์ดไปพลางยิ้มให้กับร่างสูงตรงหน้าไปด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์ เสียงหัวใจของเอ็ดเวิร์ดกำลังเต้นดัง มันเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นเรื่อยๆ บางที...นี่อาจจะเป็น

รักแรกพบ


.
.
“ผมกลับมาแล้วครับคุณพ่อ”

อีกด้านหนึ่งของดอมที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านหลังจากที่เพิ่งไปส่งพริซซิล่ามา ชายหนุ่มลืมไปว่าตัวเองนัดคุยงานกับมาวิส

“แกมาสาย” มาวิสเอ่ยนัยตาดุ

“เอาน่า คุณพ่ออย่าโกรธผมเลย เราก็แค่นัดคุยเรื่องงานกัน ไม่ใช่ประชุมใหญ่ สายนิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นอะไรหรอก” ดอมเดินไปนั่งที่โซฟา “แล้วนี่คุณพ่อมีอะไรจะพูดกับผมเหรอครับ จะได้เสร็จแล้วๆ ถ้าไม่มีอะไรสำคัญผมจะได้ไปนอน พาพริซซิล่าไปเที่ยวมาทั้งวันรู้สึกเหนื่อย”

ท่าทางสบายๆ ของดอมตระหนักแก่สายตาของมาวิส เขารู้ว่าลูกชายคนเล็กของตัวเองเป็นยังไง ดอมเป็นคนรักสนุกและไม่ชอบถูกมัด แต่ถึงกระนั้นงานที่เขาทำแต่ละอย่างในช่วงหลังๆ นี้ส่งผลทำให้ยอดขายของบริษัทเพื่มขึ้น อาจเป็นเพราะยังหนุ่มและยังไฟแรงอยู่

“พรุ่งนี้แกต้องเข้าประชุมใหญ่กับฉัน นี่เอกสาร” มาวิสยื่นเอกสารให้

“ผมด้วยเหรอครับคุณพ่อ นึกว่าแค่คุณพ่อคนเดียวซะอีก” ดอมรับเอาไว้พลางเปิดเอกสารดูทีละแผ่น มันไม่น่าพิสมัยเอาซะเลยกับพวกตัวเลขและตัวหนังสือที่ระรานตาเต็มไปหมด

“คืนนี้ไปอ่านซะ พรุ่งนี้จะได้เตรียมตัวประชุม”

“คร๊าบ~” ดอมรับคำ “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับคุณพ่อ” เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าประตูอย่างอิเรื่อยเฉื่อยแฉะ

“แล้วกับพริซซิล่าเป็นยังไงบ้าง”

“...ก็ดีครับพ่อ”

ปัง

ว่าจบดอมก็เดินออกไปทันที

มาวิสมองลับหลังลุชายตัวเองที่เดินออกไปก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ ถ้าจำไม่ผิดครั้งหนึ่งเขาก็เคยถามคำถามเดียวกันกับเอ็ดเวิร์ดเหมือนกัน

‘กับพริซซิล่าเป็นยังไงบ้าง’

‘เธอเป็นผู้หญิงที่ดีครับคุณพ่อ’





 :katai4: :katai4:

มาอัพจนจบตอนที่สองแล้วน้าาา

โอ๊ยๆ อยากอ่านเม้นจุงเบย จะมีใครใจดีเม้นให้ไหมน้าา

ใครเม้นนะ ขอให้สวยๆ หล่อๆ ฮ่าๆ เอามุขนี้มาใช้แปป

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะค้าาาา

หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirrow ผู้ชายในกระจก - 2.2 [อัพ 27/8/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 27-08-2016 21:26:40
เนื้อเรื่องน่าติดตาม เนื้อหาน่าสนใจ อ่านเพลินดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirrow ผู้ชายในกระจก - 2.2 [อัพ 27/8/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 28-08-2016 11:01:07
เนื้อเรื่องน่าติดตาม เนื้อหาน่าสนใจ อ่านเพลินดีค่ะ

ขอบคุณค่ะ ><
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirrow ผู้ชายในกระจก - 3.1 [อัพ 29/8/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 29-08-2016 21:08:59


“เอ็ดเวิร์ด นี่คืออะไรเหรอ”

ร่างเล็กชี้มือไปยังกล่องดนตรีขนาดเล็กที่วางตระหง่านอยู่ตรงหัวเตียง ใบหน้าหวานปนไปด้วยความสงสัยเอียงคอมองเล็กๆ  เขาไม่เคยเห็นและไม่เคยรู้จักกับเจ้าสิ่งนี้มาก่อน ก็แน่ละเขาเอาแต่อยู่ในกระจกนี่ จะไปรู้จักกับพวกแปลกใหม่แบบนั้นได้ยังไงกัน

“มันคือกล่องดนตรีน่ะ”

เอ็ดเวิร์ดเดินมาหยิบกล่องดนตรีขนาดเล็กที่อยู่บนหัวเตียงแล้วเดินเข้าไปใกล้บานกระจกที่ตอนนี้เปลี่ยนมาอยู่ภายในห้องของตัวเองแล้ว เอ็ดเวิร์ดชอบความเป็นส่วนตัว อีกอย่างการเอาอาร์เจนเข้ามาอยู่ในห้องมันก็ดีกว่าที่จะเอาไปไว้ข้างนอก

“กล่องดนตรี?” อาร์เจนทวนคำ

“ใช่ กล่องดนตรี”

ร่างสูงบอกพลางนั่งลงกับพื้น อาร์เจนก็ด้วยเหมือนกัน เมื่อเห็นเอ็ดเวิร์ดนั่งร่างเล็กก็นั่งตาม

“มันเอาไว้ใช้ทำอะไรเหรอ”

“ทำแบบนี้ไง”

เสียงดนตรีไพเราะถูกขับกล่อมออกมาเมื่อเอ็ดเวิร์ดปิดฝากล่องดนตรีนั้นขึ้น ร่างเล็กยิ้มกว้างออกมาด้วยความตื่นเต้น ใจดวงน้อยเต้นระรัวราวกับกลองเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันน่าพิศวงและน่าตื่นตาตื่นใจเสียจริง... เอ็ดเวิร์ดเอ่ยยิ้มให้กับร่างเล็กตรงหน้า ท่าทีของอาร์เจนราวกับเด็กๆ ที่เพิ่งได้ของเล่นใหม่ รอยยิ้มที่แสนใสซื่อและบริสุทธิ์ดูน่ารักซะจนอดที่จะเผลอมองตามไม่ได้จริงๆ

“เอ็ด...เพราะจังเลย” ร่างเล็กเคลิ้มไปกับเสียงเพลงที่ได้ยิน

“เธอไม่เคยเห็นเหรอ?” เอ็ดเวิร์ดถามด้วยความอยากรู้

“...ไม่”

อาร์เจนตอบเสียงแผ่ว... เขาไม่รู้จักเจ้าสิ่งที่อยู่นอกกระจก ไม่เคยไปไหน ไม่มีแม้กระทั้งเพื่อนคุย ขนาดชื่อของตัวเองยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วมันจะไปเคยเห็นได้อย่างไรเล่า

“ฉัน...” พอเห็นสีหน้าของอาร์เจนก็ทำให้เอ็ดเวิร์ดรู้สึกโทษตัวเองจริงๆ ไม่น่าที่จะถามคำถามแบบนี้ออกไปเลย

“นี่ๆ แล้วทำไมถึงตั้งชื่อให้ผมชื่อ ‘อาร์เจน’ เหรอ”

แต่ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะพูดจบอาร์เจนก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที เขาไม่อยากทำให้เพื่อนใหม่ต้องคิดมากในเรื่องแบบนี้ มันไม่จำเป็นเลยที่จะต้องรู้สึกผิด

เอ็ดเวิร์ดคลี่ยิ้มบางแล้วเอื้อมมือไปแตะตรงกระจกเบาๆ “สีเงิน”

“สีเงิน?” อาร์เจนมองอย่างสงสัย

“ผมของเธอ มันสวยเหมือนสีเงิน...อาร์เจนในภาษาละตินหมายถึงสีเงิน” เอ็ดเวิร์ดไม่พูดเปล่าแต่กลับทำท่าลูบไล้ไปที่เส้นผมสีเงินสวยที่ยาวระหง

ถึงแม้ว่าชายหนุ่มไม่ได้สัมผัสโดยตรงแต่อาร์เจนกลับรู้สึกว่าผมถูกจับอยู่อย่างนั้นแหละ ฝ่ามือที่อบอุ่น รอยยิ้มที่อบอุ่นของเอ็ดเวิร์ดมันทำให้ใบหน้าหวานแดงซ่านไปด้วยความเขินอายจนต้องก้มหน้างุดมองพื้น แต่ถึงอย่างนั้นอาร์เจนก็ยังคงนั่งนิ่งๆ อยู่กับที่ปล่อยให้เอ็ดเวิร์ดทำท่าลูบหัวของตัวเองไปพร้อมกับใจดวงน้อยที่เต้นตึกตักจนแทบจะห้ามไม่อยู่
.
.
.
“เฮ้ย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรอยู่คนเดียววะ”

วิกเตอร์ที่เห็นเพื่อนสนิทของตนนั่งยิ้มอยู่คนเดียวจึงเอ่ยถามขึ้น จะไม่ให้แปลกใจได้ยังไงในเมื่อเพื่อนตัวดีของเขาวันๆ นี่แทบจะยิ้มซะที่ไหน นอกจากเรื่องงานเคยคุยเล่นกับคนอื่นบ้างหรือเปล่ายังไม่รู้เลย จะเรียกได้ว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธุ์แย่แทบที่สุดคนหนึ่งก็ว่าได้ แต่ไอ้คนที่เย็นชาพรรณนั้นนะเหรอจะมานั่งยิ้มอยู่คนเดียว โลกคงได้แตกก็คราวนี้แหละ

“ก็เปล่า” เอ็ดเวิร์ดตอบหน้าตายก่อนที่จะแสร้งทำเป็นกรอกเอกสารที่อยู่บนโต๊ะทำงานต่อไป

ถึงเขาจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกแต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องทิ้งการทิ้งงานที่ทำอยู่ไปด้วย ถึงช่วงนี้คนที่เป็นที่โด่งดังของบริษัทจะไม่ใช่เขาก็เถอะ แต่ด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบมันทำให้เอ็ดเวิร์ดหนีไม่ได้
นี่คงจะเป็นนิสัยเสียของเขาละมั้ง

“ฮั่นแน่ หรือว่าแอบมีสาว” วิกเตอร์ชี้หน้าอย่างล้อเลียน

เอ็ดเวิร์ดได้แต่เพียงส่ายหน้าเบาๆ ให้กับความคิดเพี้ยนๆ ของเพื่อนสนิท คิดได้ยังไงว่าเขาจะเจอผู้หญิงที่ถูกใจทั้งที่เพิ่งจะอกหักจากพริซซิลล่ามา แต่ถ้าเป็นเด็กหนุ่มละก็คงไม่แน่เหมือนกัน...

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น เอ็ดเวิร์ดหันไปมองก็เจอกับคนที่เพิ่งเข้ามา

“คุณพ่อ”

“สวัสดีครับคุณลุง”

ชายหนุ่มทั้งสองต่างพากับลุกขึ้นก่อนที่วิกเตอร์จะเดินไปจับมือกับมาวิสเพื่อเป็นการทักทายตามประสาคนลอนดอน
สายเลือดเดียวกัน

เป็นสายสัมพันธุ์ของพ่อกับลูกแท้ๆ แต่เอ็ดเวิร์ดกลับรู้สึกกระอักกระอ่วนทุกครั้งที่อยู่ใกล้มาวิส ถึงจะถูกเลี้ยงดูให้อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะแต่น้อยครั้งมากที่เอ็ดเวิร์ดจะเห็นหน้าของพ่อตัวเอง ยิ่งพอมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ยิ่งทำให้เขาแทบไม่อยากเจอหน้ามาวิสด้วยซ้ำ

“คุณพ่อมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”

จนแล้วจนรอดเอ็ดเวิร์ดก็คนความอึดอัดไม่ไหวเป็นฝ่ายเอ่ยพูดออกมาโดยพยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ฉันแค่มาเตือน ตอนบ่ายอย่าลืมเข้าประชุม” พูดจบ มาวิสก็หันหลังกลับเตรียมตัวจะเดินออกไป

“ครับ” เอ็ดเวิร์ดรับคำ

แล้วไม่นานนักบรรยากาศภายในห้องที่ชวนอึดอัดก็เริ่มผ่อนคลายลงเมื่อมาวิสเดินออกไปจากห้อง เอ็ดเวิร์ดเอนพนักเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้า ให้เขาทำงานเป็นกองๆ ซะยังดีกว่าอีกที่จะต้องมาเผชิญหน้ากับพ่อตัวเองตรงๆ

“เอ็ดเวิร์ด”

เสียงทุ้มของวิกเตอร์เอ่ยเรียกเพื่อนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเก้าอี้ เขาเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับเอื้อมมือหนาไปจับเส้นผมนุ่มเบาๆ วิกเตอร์ยอมรับว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง ภายใต้แว่นหนากลับมีใบหน้าที่งดงาม รูปร่างที่กำยำ ทั้งหน้าอกหน้าใจก็ดูสมส่วนและสวยงาม ความทุกข์ของเอ็ดเวิร์ดเขาย่อมรู้ดีที่สุดเสมอ ไม่ว่าจะคิดยังไงหรือทำอะไรมันอยู่ในสายตาของเขาตลอด ทุกอย่างที่เป็นของเอ็ดเวิร์ดมันทำให้ใจของชายหนุ่มสั่นระรัวราวกับหญิงสาวแรกแย้มที่เพิ่งตกหลุมรักเป็นครั้งแรก
มันจะผิดหรือไม่ ที่เขาแอบมีใจให้กับเพื่อนสนิท

‘ฉันรักนายนะเอ็ดเวิร์ด’

“มีอะไร?” เอ็ดเวิร์ดลืมตาขึ้นมามองวิกเตอร์ด้วยความสงสัย

“เปล่า ผงมันติดผมนายน่ะ” วิกเตอร์พูดโกหกออกไป ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นสักนิด เขาแค่จะหาเรื่องแตะเนื้อต้องตัวของเอ็ดเวิร์ดเท่านั้นเอง
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirrow ผู้ชายในกระจก - 3.1 [อัพ 29/8/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Fenfen2537 ที่ 29-08-2016 21:17:21
ไม่ใช่ mirror หรอคะ
ที่แปลว่ากระจก
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirrow ผู้ชายในกระจก - 3.1 [อัพ 29/8/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 29-08-2016 22:23:11
ไม่ใช่ mirror หรอคะ
ที่แปลว่ากระจก


โอ๊ยตายย เทคเขียนผิด~~ ขอบคุ๊ที่เตือนจ้าาา น่าอ่ยจุงเบย
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 3.1 [อัพ 29/8/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 30-08-2016 15:04:02
บรรยากาศเรื่องหม่นๆดี
ชอบ
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 3.1 [อัพ 29/8/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Maiiz Ellfiez ที่ 30-08-2016 20:20:58
น่าติดตามมากค่า
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 3.1 [อัพ 29/8/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: shannara ที่ 31-08-2016 01:20:44
น่าสนค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 3.1 [อัพ 29/8/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-08-2016 05:14:56
มาควิส ช่างเป็นพ่อ ที่สนใจลูกเฉพาะลูกที่ทำงานได้ และดี :katai1: :katai1: :katai1:
แสดงว่าที่ผ่านมา ทำดีกับเอ็ดเวิร์ด
เพราะช่วงนั้นเอ็ดเวิร์ดทำงานได้คนเดียว
พอลูกที่เหลวไหล หันกลับมาทำงานได้ ก็ละเลยไม่สนใจเอ็ดเวิร์ด
ดูท่าว่า ดอมทำงานดีกว่าเอ็ดเวิร์ดจะเป็นแค่ฉากบังหน้า
ถ้าเอ็ดเวิร์ด หายไป จะรู้สึกถึงลูกคนนี้ไหมนะ
ตอนนี้เอ็ดเวิร์ด หลงใหล"อาร์เจน"
แต่วิกเตอร์ แอบรักเอ็ดเวิร์ด
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 3.2 [อัพ 8/9/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 08-09-2016 10:14:50




หลังจากที่คุยกับวิกเตอร์ได้ไม่นานนักเอ็ดเวิร์ดก็ต้องเตรียมตัวเข้าประชุมหุ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ใหม่ วิกเตอร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เขาหนักใจมากที่สุดก็คงไม่พ้นน้องชายสายเลือดเดียวกันอย่างดอมเห็นจะได้ ในช่วงหลังๆ นี้ผลงานของดอมมักจะเข้าผู้บริหารอยู่เสมอ แล้วอีกอย่างผลงานที่เขาทำมันกลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า...เอ็ดเวิร์ดคิดว่าตัวเองเป็นพี่ชายที่ไม่ดีและไม่เอาไหน เขาไม่อยากจะรับรู้แต่มันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเขา...กำลังอิจฉาน้องชายตัวเอง



ล่วงเลยเวลานัดมานานมากแล้ว



ดอมก็ยังไม่มา



“ท่านครับ”



หนึ่งในคณะบริหารมองประธานบริษัทฯ ด้วยสีหน้าเป็นกังวล มาวิสรูว่าเขาจะพูดอะไร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องรอคนสำคัญที่มาสาย เขารู้สึกเสียหน้าที่ลูกชายตัวเองมาสาย



“เราเริ่มประชุมกันก่อนไหมครับคุณพ่อ” เอ็ดเวิร์ดเสนอ



“นั่นสิครับคุณลุง บางทีดอมอาจจะเกิดอุบัติเหตุอะไรก็ได้ทำให้มาสาย” วิกเตอร์กล่าวเสริม

มาวิสพยักหน้าอย่างจำใจ ทั้งๆ ที่เขาก็บอกกับดอมแล้วว่าอย่ามาสายและให้เตรียมการประชุมให้พร้อม แต่ดูเจ้าลูกชายตัวดีมันทำ...มันน่านัก!



“ขอโทษครับทุกท่านที่มาสาย”



แต่ยังไม่ทันที่จะเริ่มประชุม คนมาสายก็โผล่หน้ามาด้วยกริยาที่ไม่น่ามองเท่าไหร่ เสื้อผ้าของดอมหลุดรุ่ยและไม่เป็นระเบียบ เขาหัวเราะพลางก้มหัวเบาๆ ให้กับผู้บริหารนับสิบที่อยู่ในห้องประชุม ร่างสูงเดินเข้าไปนั่งตรงฝั่งตรงข้ามกับเอ็ดเวิร์ด เขายกยิ้มให้กับผู้เป็นพี่ชาย เอ็ดเวิร์ดก็ยิ้มตอบเช่นกัน



‘อึดอัด’



เอ็ดเวิร์ดนึกดีใจที่ตัวเองใส่แว่นก็วันนี้แหละ ที่ไม่ต้องให้ใครมาคอยสังเกตสีหน้าเวลาที่มองน้องชายตัวเอง เขาไม่เคยรู้สึกอึดอัดขนาดนี้มาก่อน ทุกอย่างรอบตัวราวกับถูกปิดกั้นด้วยชั้นบรรยากาศสีดำสนิท



แล้วเอ็ดเวิร์ดก็ได้รู้ว่าคนที่มีความสามารถไม่ว่าจะทำยังไงก็ยังมีความสามารถอยู่วันยังค่ำ ไม่ต้องอ่านหนังสือหนักๆ ไม่ต้องพยายามไต่เต้าเพื่อที่จะทำให้คนอื่นยอมรับในตัวเอง ถึงจะมาสายและเป็นคนที่ไม่เอาไหน แต่คนเก่งอยู่แล้วก็แทบไม่ต้องพยายามอะไรเลย เหมือนอย่างดอม...ในการประชุมที่น่าอึดอัดของเอ็ดเวิร์ด ชั่วแวบหนึ่งเขาคิดว่าดอมอาจถูกตัดความน่าเชื่อถือจากผู้ใหญ่เพราะการมาประชุมสาย แต่ไม่ใช่เลย ดอมสามารถทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ยอมรับเขาได้อย่างง่ายดายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก



มือหนากำแน่นจนเล็บจิกไปที่เนื้อตัวเอง ความเจ็บแปลบเพียงเล็กน้อยแต่ก็ทำให้สติยังคงอยู่ เอ็ดเวิร์ดพยายามบอกกับตัวเองว่าไม่ให้นึกอิจฉาน้องชายไปมากกว่านี้ เขาต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่าเขา ‘เป็นคนแพ้’

 

อาร์เจนนั่งอยู่ในมุมห้องเดิม ดวงตาหม่นรอคอยคนที่เป็นเจ้าของบ้าน เมื่อไหร่กันนะ เมื่อไหร่เอ็ดเวิร์ดจะมาสักที เขารอจนเบื่อแล้วนะ การรอคอยที่คิดว่าน่าจะชินแต่มันกลับไม่ชินอย่างที่คิด เขาเองก็อยู่ในนี้มานานนับเป็นสิบๆ ปี แล้วทำไมกันนะ...ทำไมแค่นี้ถึงรอไม่ได้



“...เอ็ด”



ร่างน้อยพึมพำชื่อคนที่คิดถึง ใจก็เต้นแรงยามที่เห็นหน้า ใบหน้าแดงซ่านไปด้วยความเขินอายทุกครั้งที่เอ็ดเวิร์ดยิ้มมาให้



ความรู้สึกนี้มันคืออะไร?



มันเหมือนจะรู้แต่ก็จำไม่ได้ทุกที ตอนที่เขายังเป็นมนุษย์จะมีความรู้สึกแบบนี้ไหมนะ มันมีแต่คำถามเต็มไปหมด แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเห็นหน้าเอ็ดเวิร์ดเร็วๆ



รีบกลับมาสิ...กลับมา



“อาร์เจน”



บานประตูที่ถูกปิดถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามาใกล้



“เอ็ด!”



อาร์เจนกุลีกุจอไปหา เขาอยากสัมผัส อยากวิ่งเข้าไปโอบกอดกายแกร่งให้หายคิดถึง แต่ทำได้เพียงแค่มองข้ามผ่านกระจกบานใส



“ฉันกลับมาแล้ว”



“อื้อ” อาร์เจนยิ้มกว้าง



“เป็นยังไงบ้าง”



เอ็ดเวิร์ดถามเสียงอ่อนนุ่ม เขานั่งลงตรงหน้ากระจกเหมือนอย่างเคย จิตใจที่ห่อเหี่ยวมาทั้งวันกลับถูกเติมเต็มจากอาร์เจนอย่างน่าประหลาด



“น่าเบื่อ ไม่มีอะไรทำเลย” ร่างน้อยบ่นทำเสียงงุบงิบในลำคอ



ท่าทีของอาร์เจนทำให้เอ็ดเวิร์ดอดที่จะขำไม่ได้ มันช่างน่ารักเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆ ที่กำลังตั้งท่าจะงอนง้อ ผมสีเงินที่ตัดกับผิวขาวๆ นั่นอีก ถ้าอาร์เจนเปรียบเหมือนสุนัขก็คงจะเป็นสุนัขชั้นดีที่หาตัวจับได้ยาก ส่วนเขาก็คงจะเป็นสุนัขล่าเนื้อที่จ้องอยากจะจับเจ้าหมาตัวน้อยกินซะเต็มประดา เอ็ดเวิร์ดรู้ว่าเขาไม่สมควรคิดเช่นนี้ แต่มันห้ามความรู้สึกกันไม่ได้ ในสายตาของเขาอาร์เจนช่างน่าหลงใหลจนอยากที่จะกัดกินเนื้อนั่นเข้าไปให้หนำใจ



เหมือนราวกับมีมนต์สะกดอีกครั้ง เอ็ดเวิร์ดก้าวเข้าไปใกล้ร่างเล็กที่อยู่อีกฝาก มือใหญ่ทาบทับไปที่บานกระจกใส มันใกล้กันแค่นี้เองแต่เหมือนกับว่ามีอะไรกั้นระหว่างเราทั้งคู่ เอ็ดเวิร์ดไม่เข้าใจ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังอยากก้าวเข้าไปอยู่ในโลกเดียวกับอาร์เจน



ผู้ชายผมสีเงินที่หลงรักเพียงแค่แรกเห็น



“...เอ็ด...เอ็ด!”



อาร์เจนทำสีหน้าตื่นตระหนก เขามองอย่างฉงนและเป็นห่วงเอ็ดเวิร์ดที่จู่ๆ ก็เงียบไป คนตัวเล็กเอียงหน้ามองเล็กน้อยพลางเขยิบเข้าใกล้ ใกล้มากซะจนเอ็ดเวิร์ดคิดว่าอาจได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัว



“เอ่อ ขอโทษ...พอดีคิดอะไรนิดหน่อยนะ”



“คิดอะไรเหรอ?”



ร่างสูงสบตาคนตัวเล็ก “แค่...นึกถึง...นิทาน”



“นิทาน? นิทานมันคืออะไรเหรอ”



อาร์เจนไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยิน หรือไม่ก็อาจจะลืมไปแล้วว่ามันคืออะไร เขาอยู่ในโลกของกระจกมานานเกินไปจนไม่เข้าใจสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดพูดสักอย่าง



“มันคือเรื่องเล่า”



“เรื่องเล่า? แล้วทำไมต้องเล่าด้วยละ”



ยิ่งพูดอาร์เจนก็ยิ่งสงสัย ร่างน้อยเอียงคอมองพร้อมทำตาแป๋ว เอ็ดเวิร์ดหัวเราะแผ่วเบา เขาไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้ให้อาร์เจนฟังยังไงดี ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นจากตรงไหน เรียนมาก็สูง ความรู้ก็มีมาก การงานก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร แต่เรื่องแค่นี้ทำไมมันอธิบายออกมาเป็นคำพูดถึงยากขนาดนี้นะ หรือว่าทั้งหมดมันเป็นเพราะอาร์เจนแน่ๆ





“อยากฟังไหม”



“อื้อ!” อาร์เจนพยักหน้ารัว



เอ็ดเวิร์ดสูดหายใจเข้าปอด เขาเริ่มขยับปากด้วยน้ำเสียงโทนอ่อนนุ่ม ครั้งแรกที่เจอกับอาร์เจนจนถึงเดี๋ยวนี้นิทานเรื่องเดียวที่เขาคิดออก็มีแต่เพียง ‘สโนไวท์’ เอ็ดเวิร์ดไม่ได้นึกถึงเจ้าหญิงผู้เลอโฉม ไม่ได้นึกถึงแม่มดใจร้าย ไม่ได้นึกถึงเจ้าชายผู้สง่างามหรือพระราชาและคนแคระทั้งเจ็ด แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เรื่องทั้งหมดมันดำเนินต่อไปคือกระจกวิเศษที่เป็นของคู่กายแม่มดใจร้าย



“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีประเทศๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นประเทศที่มีหิมะ มีพระราชาและพระราชินี มีพลเมืองที่อยู่อย่างอุดมสมบูรณ์”



แค่เริ่มเรื่องก็ทำให้อาร์เจนถึงกับตื่นตาตกใจอย่างหน้าประหลาด ใจดวงน้อยเต้นระรัวยามที่คนเล่ากำลังตั้งอกตั้งใจ



“ช่างเป็นประเทศที่ดูดีจัง”



อาร์เจนก็เหมือนเด็กทั่วๆ ไป เขามีความฝันและจินตนาการสูง จึงสามารถสร้างโลกที่สวยงามราวกับเรื่องเล่าของเอ็ดเวิร์ดได้ มันเป็นสิ่งที่เขาอาจเคยสัมผัสแต่จำไม่ได้ การอยู่ในนี้คนเดียวมันช่างเงียบเหงาและว้าเหว่



เอ็ดเวิร์ดยิ้มแล้วเริ่มเล่าต่อ



“วันหนึ่งพระราชินีทรงตั้งครรภ์แล้วพระธิดาองค์น้อยก็เกิดมาพร้อมกับวันที่หิมะตก เด็กน้อยผู้เกิดมากับความงดงามแต่ ผิวที่ขาวผุดผ่องราวหิมะ ริมฝีปากที่แดงฉาน เธอจึงได้ชื่อว่า ‘สโนไวท์’ แต่พระราชินีกลับสิ้นใจจนทำให้พระราชาเสียใจอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นลูกน้อยก็ยังคงเป็นความหวังเดียว พระราชาจึงเลี้ยงดูสโนไวท์ด้วยความรัก จนกระทั่งวันหนึ่งพระราชาก็ได้แต่งงานใหม่ มีพระราชินีองค์ใหม่แต่พระราชินีผู้นี้เป็นคนจิตใจชั่วร้าย เขาเกลียดสโนไวท์”



“แล้วเขาจะทำอะไรสโนไวท์ไหม” คนตัวเล็กหน้าเศร้า มันเป็นแค่เรื่องเล่าแท้ๆ แต่ทำไมถึงน่าสงสารสโนไวท์เช่นนี้นะ เสียแม่ไปตั้งแต่เกิดยังไม่พอ ยังจะมามีแม่เลี้ยงใจร้ายอีก



เอ็ดเวิร์ดยังคงเล่าต่อ



“พระราชินีเป็นแม่มด เธอมีกระจกวิเศษอยู่บานหนึ่ง เธอมักจะคอยถามมันว่า ‘กระจกวิเศษเอ๋ย ใครงามเลิศที่สุดในปฐพี’ ”



กระจกวิเศษก็จะตอบว่า “ท่านนี่แหละที่งามที่สุดในปฐพี”



“วันหนึ่ง...พระราชินีก็ถามกระจกวิเศษเหมือนอย่างเคย แต่ทำคำตอบนั้นมันทำให้พระราชินีถึงกับโกรธ”



“สโนไวท์นี่แหละ ที่งามที่สุดในปฐพี”



“ความไม่พอใจทำให้พระราชินีสั่งฆ่าสโนว์ไวท์และให้นายพรานนำหัวใจของสโนว์ไวท์มาให้เพื่อเป็นการยืนยัน แต่ด้วยความสงสาร นายพรานจึงได้ปล่อยสโนว์ไวท์ไปและฆ่าหมูป่าเพื่อเอาหัวใจมาให้พระราชินีแทน สโนว์ไวท์ที่หนีไปได้ก็เดินเข้าไปในป่า เธอได้รับความช่วยเหลือจากคนแคระทั้งเจ็ดที่ใจดี”



พอเอ็ดเวิร์ดเล่าถึงตอนนี้อาร์เจนก็ดีใจเมื่อเห็นว่าสโนว์ไวท์ยังไม่ตาย



“พระราชินีที่รู้ข่าวก็โกรธมาก เธอแอบปลอมตัวเป็นยายแก่ขายผลแอ็ปเปิลแล้วไปหาสโนว์ไวท์ตอนที่คนแคระทั้งเจ็ดไม่อยู่ สโนว์ไวท์ที่ได้เห็นก็สงสารจึงช่วยเหลือ โดยที่สโนว์ไวท์ไม่รู้เลยว่าผลแอ็ปเปิลนั้นมันเคลือบยาพิษ เพียงแค่กัดเพียงหนึ่งคำสโนว์ไวท์ก็สิ้นใจทันที พระราชินีเมื่อได้เห็นด้วยตาตัวเองจึงได้กลับปราสาท”



“น่าสงสารสโนว์ไวท์จังเลยเอ็ด” อาร์เจนเริ่มน้ำตาคลอ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนๆ นึงถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้นะ ทำไมถึงได้ทำร้ายกันได้ลงคอ



เอ็ดเวิร์ดยิ้มบาง “คนแคระทั้งเจ็ดเมื่อกลับมาก็เจอกับสโนว์ไวท์ที่สิ้นใจ พวกเขาทำใจไม่ได้จึงได้เก็บสโนว์ไวท์ไว้ในโลงแก้วแล้วผลักกันมาดูแล จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีเจ้าชายขี่ม้าขาวผ่านเข้ามา ด้วยความสงสัยจึงเข้าไปดูโลกแก้วแล้วก็ได้เจอกับสโนว์ไวท์ เพียงแค่แรกเห็นก็ทำให้เจ้าชายถึงกับหลงรักสโนว์ไวท์ จึงได้มอบจุมพิตเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธอ แล้วปาฎิหารก็เกิดขึ้น สโนว์ไวท์ได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับหลงรักเจ้าชายด้วยเช่นกัน”



อาร์เจนกลืนน้ำลายลงคือ มือบางทั้งสองข้างกำกันแน่น



“เรื่องราวทั้งหมดได้ถูกเล่าให้เจ้าชายฟังผ่านคนแคระทั้งเจ็ด นางแม่มดตัวร้ายได้อยู่ในปราสาทและต้องการกำจัดทุกคนที่สวยกว่า เจ้าชายที่ได้ฟังดังนั้นจึงอาสาไปกำจัดราชินี แล้วชัยชนะก็เกิดขึ้น ราชินีพ่ายแพ้ ถูกสังหาร กระจกวิเศษก็ถูกทุบจนแตกละเอียด สโนว์ไวท์และเจ้าชายก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”



เมื่อถึงตอนจบของเรื่องเอ็ดเวิร์ดก็เฝ้ามองพฤติกรรมของร่างน้อยตรงหน้า เขาไม่รู้ว่าเขาเล่าเรื่องได้ดีไหม มันเป็นเพียงแค่นิทานธรรมดาๆ แต่เขาก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน อาร์เจนเป็นคนแรก เขาเห็นคนในกระจกทำหน้าเซื่องซึม ดูไม่สดใส ทั้งๆ ที่เรื่องราวตอนจบก็จบลงด้วยดี แล้วนั้น มันก็ทำให้เอ็ดเวิร์ดแปลกใจไม่น้อยเช่นกัน ทำไมถึงได้ดูเศร้าหมอง ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ หรือว่าเขาเล่าอะไรผิดตรงไหน? มันมีแต่ความไม่เข้าใจ



“...เอ็ด” น้ำเสียงแผ่วเบาเรียกชื่อ



มันเจ็บในอก มันทรมาน ไม่ใช่เพราะสโนไวท์ถูกฆ่าหรือแม่มดใจร้ายถูกฆ่า แต่มันเป็นเพราะกระจกของราชินีที่ถูกทำให้แตกต่างหาก เพราะเป็นเหมือนกัน เพราะอยู่ในกระจกเหมือนกัน อาร์เจนถึงได้นึกกลัว...กลัวเหลือเกินว่าถ้าเกิดว่าวันใดวันหนึ่งกระจกแตกขึ้นมาเขาจะหายไปจากที่นี่



“ผม...ผมจะแตกไหม ฮึก”



เอ็ดเวิร์ดไม่เข้าใจสิ่งที่อาร์เจนพูดสักนิด



“ฮือ สักวันผมก็จะต้องแตกเหมือนกระจกของราชินีสินะ แล้ว...แล้วสักวันผมก็จะต้องหายไปใช่ไหม เมื่อถึงตอนนั้น ฮึก ฮึก ผมก็จะไม่ได้เจอกับเอ็ดอีกแล้วใช่ไหม”



อาร์เจนกำลังร้องไห้น้ำตาพรั่งพรู ดวงหน้าหวานมีน้ำสีใสไหลหยาดเยิ้มจนถึงคาง น้ำเสียงที่แสดงถึงความสั่นเครืออย่างคนกำลังนึกกลัว แต่อกข้างซ้ายของเอ็ดเวิร์ดกำลังเต้นระริกด้วยความดีใจ ใบหน้าหล่อภายใต้แว่นตากำลังคลี่ยิ้ม ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากเข้าไปโอยกอด ปลอบโยนให้คนที่กำลังร้องไห้หยุดร้อย เรื่องนิทานสโนไวท์เขาไม่คิดที่จะสนใจสักนิด ถ้าอาร์เจนเป็นคนในกระจก เขาก็จะยอมเป็นราชินีใจร้าย



กระจกวิเศษ ใครงานเลิศที่สุดในปฐพี



ก็ท่านนี่แหละ กระจกวิเศษ ที่งามเลิศที่สุดในปฐพี



เอ็ดเวิร์ดทาบมือไปบนกระจกอีกครั้งให้ตรงกับมือของอาร์เจนที่อยู่อีกฝั่ง เขาเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ร่างเล็กก่อนที่จะทาบริมฝีปากอุ่นบนกระจกที่กั้นกลาง



“ฉันไม่มีทางให้เธอหายไปเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนฉันก็จะอยู่กับเธอ จะไม่ปล่อยให้เธอต้องเหงา ฉันสัญญา”



มันคือคำมั่นสัญญาที่เขาได้มอบให้กับคนที่รัก...



ผู้เป็นรักครั้งแรก







TAKE

มาอัพแล้วจ้าาา

แฮะๆ ขอบคุณนะคะที่ติดตามกัน เทคดีใจ
แล้วก็ขอโทษที่มาช้านะ พอดีเทคไปไล่ลงในเด็กดีกับธัญวลัยให้ทันในเล้าอยู่อ่ะ

1 คอมเม้นเท่ากับ 1 ล้านกำลังใจนะจ้าาา
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 3.2 [อัพ 8/9/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 08-09-2016 15:48:43
รักนี้อุปสรรคสูงจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 3.2 [อัพ 8/9/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-09-2016 16:09:31
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 4.1 [อัพ 11/9/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 11-09-2016 20:25:08




มือบางทาบทับริมฝีปากตัวเองแผ่วเบา ดวงตาใสสุกวาบคิดถึงคนที่ส่งจูบมาให้ ใจของร่างน้อยเต้นรัวราวกับกลองก็มิปาน นี่เขาตายแล้วไม่ใช่เหรอ นี่เขาต้องไม่รู้สึกสิ แล้วอาการหน้าร้อนผ่าวนี่คืออะไรกัน อาร์เจนไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง เขาเป็นผี เป็นวิญญาณ ไม่ต้องหลับต้องนอน การรอคอยให้เอ็ดเวิร์ดตื่นในแต่ละวันมันช่างแสนยาวนานแต่ก็มีความสุข การดำเนินชีวิตในช่วงกลางวันก็เช่นกัน เมื่อก่อนเคยเบื่อและไม่ชอบแต่นี่กลับไม่เลยสักนิด



อาร์เจนมีความสุขทุกครั้งที่คิดถึงเอ็ดเวิร์ด



“เอ็ด...” เสียงแผ่วเอ่ยเรียกคนหลับ



เอ็ดเวิร์ดไม่ยอมนอนที่เตียงใหญ่ ที่นอนนุ่มๆ หรือผ้าห่มดีๆ เขาก็ไม่สนแต่เลือกที่จะมานอนอยู่ข้างกระจกเป็นเพื่อนกับตัวเอง จนอาร์เจนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเกิดว่าตัวเองสามารถออกไปนอกกรงขังนี้ได้ก็คงจะดีไม่น้อยเช่นกัน



เอ็ดเวิร์ดกำลังฝันอะไรอยู่นะ



ดูสีหน้าช่างมีความสุข



แล้วในความฝันนั้นจะมีเขาอยู่หรือเปล่านะ



ร่างน้อยนอนลงขนาบกับพื้น ดวงตาวาวทั้งสองจับจ้องไปที่คนกำลังหลับ อาร์เจนยิ้มบางพลางทาบแก้มลงฝ่ามืออุ่นพร้อมกับคำภาวนาที่เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา



อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ จัง



 

นับเป็นครั้งที่เอ็ดเวิร์ดตื่นขึ้นมาในตอนเช้าท่ามกลางความสุขที่มันล้นในอก เมื่อเช้าหลังจากที่ตื่นนอนเขาก็เจอกับอาร์เจนที่นอนอยู่ข้างๆ คำที่บอกอรุณสวัสดิ์ในตอนเช้ากับรีบกลับบ้านเร็วๆ นะ ทำให้เขาแทบไม่อยากออกมาทำงานเสียด้วยซ้ำ แต่ด้วยภาระหน้าการงานและเขาก็ไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่จะต้องมานั่งทำตามใจตัวเอง เอ็ดเวิร์ดก็เลยต้องมาอย่างจำใจ แล้วก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาอยากให้ถึงเวลาเลิกงานเร็วๆ ขนาดนี้มาก่อนเช่นกัน



งานเอกสารที่กองท่วมหัว เคยมีครั้งหนึ่งที่เอ็ดเวิร์ดไม่ชอบใจนัก มันเป็นสิ่งที่น่ารำคาญสำหรับเขา แต่มันเป็นหน้าที่แล้วเขาก็ไม่สามารถทิ้งงานเพื่อไปหาคนตัวเล็กได้ในเวลานี้ เอ็ดเวิร์ดนึกถึงใบหน้าที่ยิ้มแย้มยามที่เขากลับไปถึงบ้าน คิดถึงเสียงหัวเราะ คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของอาร์เจน



ก๊อก ก๊อก ก๊อก



เสียงเคาะประตูดังขึ้น



“พี่”



แล้วผู้ที่เข้ามาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากดอมผู้เป็นน้องชาย เอ็ดเวิร์ดที่อยู่ในภวังค์เงยหน้าขึ้นมาสบตาผู้เข้ามาเยือนด้วยสีหน้านิ่งเรียบปกติ



“มีอะไร”



“เปล่า...ก็แค่จะมาชวน”



เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้ว



“วันนี้ผมจะพาพริซซิล่าไปสังสรรค์กัน พี่จะไปด้วยไหม”



“ไม่ดีกว่า” ชายหนุ่มปฏิเสธก่อนที่จะลงมือมองเอกสารตรงหน้าต่อ “พอดีพี่มีนัดกับวิกเตอร์แล้ว”



“อ่าหะ แล้วผมจะไปบอกกับพริซซิล่าให้ก็แล้วกัน”



ดอมพูดเพียงแค่นั้นก่อนที่ปิดประตูออกไป



เอ็ดเวิร์ดละมือที่จับปากกาลง ใบหน้าหล่อแหงนมองขึ้นเพดานด้วยความเหนื่อยล้าเต็มทน ดูเหมือนว่าช่วงนี้ความสัมพันธ์ของเขากับดอมจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่นัก มันไม่เหมือนพี่น้องสายเลือดเดียวกันสักนิด



ถ้าเป็นไปได้...เขาก็ไม่อยากเห็นหน้าดอมสักเท่าไหร่



ให้มันเป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว

 



ร้าน XXX



ในร้านเหล้าสุดหรูของขุนนางชั้นสูงและคนมีเงิน เอ็ดเวิร์ดกับวิกเตอร์นั่งอยู่ตรงเค้าท์เตอร์บาร์ชายหนุ่มมองน้ำสีม่วงเข้มที่อยู่ในแก้ว เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะมันไม่ได้ทำให้เขาสนใจสักนิด กลิ่นแอลกอฮอล์ที่อบอวลไปทั่วจนน่ามึนหัว เอ็ดเวิร์ดไม่ค่อยบบรรยากาศแบบนี้ มันน่าชวนอ๊วกและน่าขยะแขยงจนเกินทน



“เป็นอะไรไปเอ็ดเวิร์ด ไม่สนุกเหรอ”



วิกเตอร์ที่เห็นเอ็ดเวิร์ดทำหน้าเซ็งจึงเอ่ยถาม มันเป็นความผิดของเขาที่ชวนเอ็ดเวิร์ดมาในที่แบบนี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่ค่อยชอบ เอ็ดเวิร์ดเป็นพวกที่บ้างานส่วนใหญ่ เรื่องไปเที่ยวหรือออกนอกลู่นอกทางมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย



“เปล่า...แค่คิดอะไรนิดหน่อย”



“เรื่องของพริซซิล่า?”



วิกเตอร์แค่เดา...เขาไม่รู้ว่าเอ็ดเวิร์ดกำลังคิดเรื่องอะไร สิ่งเดียวที่วิกเตอร์พอจะคิดได้ก็คือเรื่องของพริซซิลาและดอมก็เท่านั้น การที่ต้องอยู่มองเห็นคนที่ตัวเองรักไปอยู่กับคนอื่นมันก็คงทรมานไม่น้อย ใช่...เหมือนกับเขาที่กำลังทรมานเพราะคิดกับคนข้างตัวเกินเพื่อน



“มันไม่ใช่เรื่องของเธอหรอก”



เอ็ดเวิร์ดหมุนแก้มไปมา...เขาไม่ได้คิดถึงพริซซิล่าสักนิด ไม่มีเรื่องของเธออยู่ในหัว ไม่มีแม้กระทั่งความคิดถึงด้วยซ้ำ นึกๆ แล้วเอ็ดเวิร์ดก็นึกแปลกใจตัวเองไม่น้อย ทั้งที่ควรจะห่วงหา ควรจะเสียใจมากกว่านี้ แต่นี่...มันกลับไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลย



บางทีเอ็ดเวิร์ด...อาจไม่ได้รักพริซซิล่าตั้งแต่แรก



มันอาจดูเลวร้าย แต่มันก็เป็นความจริง พริซซิล่าคือผู้หญิงที่ดีและน่ารัก เธอดูเป็นสาวทันสมัย ทั้งฐานะและชาติตระกูลมันก็เทียบเท่ากับสังคมชั้นเดียวกัน แต่ทุกครั้งที่อยู่ใกล้พริซซิล่าเขาไม่ได้ใจเต้นแรง ไม่ได้ประหม่าเหมือนกับที่อยู่กับอาร์เจนเลยสักนิด



 

ชายหนุ่มยกแก้วไวน์เข้าปากแล้วดื่มไปจนหมด วิกเตอร์จะเอ่ยห้ามแต่ห้ามไม่ทัน เขามองดูปฏิกิริยาของเพื่อนหนุ่มพลางหัวเราะออกมาอย่างชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าของเอ็ดเวิร์ดที่แดงแป๊ดอย่างกับลูกตำลึง



“ฮ่า ฮ่า”



เอ็ดเวิร์ดเป็นคนประเภทคออ่อน กินของมึนเมาแค่นิดหน่อยแค่นี้ก็ทำให้เมาได้แล้ว นับประสาอะไรกับไวน์ที่รินเกือบเต็มแก้ว



“นาย...หัวเราะอะไรน่ะ วิกเตอร์” เสียงอ้อแอ้เอ่ยถาม



“เปล่า ฮ่า ฮ่า นายเมาแล้วนะเอ็ดเวิร์ด”





ร่างสูงขมวดคิ้ว “ฉันเปล่าเมา”



คนกำลังเมาปฏิเสธ แค่ไวน์เพียงแก้วเดียวจะเมาได้อย่างไร เอ็ดเวิร์ดคิดว่ากำลังโดนวิกเตอร์แกล้ง ชายหนุ่มทำหน้าไม่ชอบใจนิดหน่อยเมื่อเห็นวิกเตอร์หัวเราะไม่หยุด แก้วแล้วแก้วเหล้าถูกส่งมาทีละแก้ว แล้วทุกแก้วก็ถูกเอ็ดเวิร์ดกินจนหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว จากคนที่นั่งหลังตรงกลับเริ่มทรุดหมอบกับเคาท์เตอร์บาร์เรื่อยๆ กลับกลายเป็นว่าเอ็ดเวิร์ดไม่สามารถที่จะยันตัวเองให้ลุกได้เหมือนเดิม



“อาว~ อีกแก้ว”



“พอเถอะน่าเอ็ดเวิร์ด นายเมาแล้วนะ”



วิกเตอร์ที่เป็นคนคอแข็งห้ามเพื่อนสนิทที่กำลังเมาได้ที่ น่าแปลกใจจริงๆ ที่เห็นเอ็ดเวิร์ดเมาขนาดนี้ ปกติแล้วเอ็ดเวิร์ดจะเป็นคนสุภาพจะตาย อย่าหวังเลยว่าด้านแบบนี้จะให้คนอื่นได้เห็น พอได้คิดแบบนั้นแล้วก็ทำให้วิกเตอร์อดที่จะภูมิใจในตัวเองไม่ได้ ร่างสูงเอื้อมมือไปจับเรือนผมสีเข้ม นิ้วเรียวยาวเกลี่ยปอยผมไปมาเบาๆ ด้วยความทนุถนอม



“เอ็ดเวิร์ด”



“...” ไร้เสียงตอบรับจากคนคออ่อน



“เอ็ดเวิร์ด”



วิกเตอร์เรียกอีกครั้ง



“...อื้อ”





“นายเมาแล้วนะ”



“อือ~”



เอ็ดเวิร์ดครางตอบรับ ทุกอย่างรอบตัวเหมือนหมุนเป็นวงกลม เขาตาลายและมองอะไรไม่ค่อยชัด อยากจะพยุงสติตัวเองให้กลับคืนเหมือนเดิมแต่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน เขาเหมือนราวกับว่าอยู่ในความฝัน กลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัวของวิกเตอร์มันก็ยิ่งทำให้เขาเคลิบเคลิ้ม เอ็ดเวิร์ดไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกผู้หญิงถึงได้หลงคนๆ นี้กันมากเหลือเกิน



แว่นของเขาเหมือนกับถูกถอดออก ดวงตาปรือพยายามลืมตาขึ้นแต่ก็เหมือนมีอะไรมาปิดเปลือกตาเอาไว้ เส้นผมก็เหมือนกับมีคนมาจับเบาๆ เสียงกระซิบที่ข้างหู มันเอ่ยเรียกชื่อของเขาซ้ำๆ น้ำเสียงที่แสนอ่อนโยนนั่นมันราวกับปลอบประโลมให้ผ่านพ้นเรื่องร้ายที่เกิดขึ้น...แล้วเอ็ดเวิร์ดก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเอง...กำลังถูกจูบ



“...อาร์...เจน...”



เสียงละเมอของเอ็ดเวิร์ดทำให้วิกเตอร์หยุดการกระทำทั้งหมด เขาขมวดคิ้วมองคนเมาหลับไม่รู้เรื่อง...



อาร์เจน?



วิกเตอร์จำได้ว่าเขาไม่รู้จักชื่อนี้ ความแคลงใจเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้งเหมือนกับตอนที่เอ็ดเวิร์ดเจอกับพริซซิล่าครั้งแรก แต่ครั้งนี้ความรู้สึกบางอย่างมันกำลังบอกกับเขาว่าคนที่เอ็ดเวิร์ดเอ่ยเรียกชื่อมีความสำคัญมากกว่านั้น ตั้งแต่เล็กจนโตวิกเตอร์จำได้ว่าเขาอยู่กับเอ็ดเวิร์ดมากกว่าคนในครอบครัวด้วยซ้ำ การที่คนๆ นี้ละเมอชื่อใครออกมามันเป็นเรื่องยาก



อาร์เจน...เป็นใคร

 

แอ๊ด...



หลังจากนั้นวิกเตอร์ก็มาส่งเอ็ดเวิร์ดที่บ้าน เขามีกุญแจสำรองของที่นี่เพราะเอ็ดเวิร์ดเคยให้ไว้ บ้านหลังเล็กที่เอ็ดเวิร์ดอาศัยอยู่ มันช่างเงียบสงบอย่างที่เจ้าตัวต้องการ ร่างที่ทัดเทียมกันทำให้วิกเตอร์เดินอย่างทุลัดทุเลกว่าจะถึงห้องก็พาเอาเหนื่อยไม่น้อยเลยทีเดียว



“เฮ้อ หนักไม่เบา”



วิกเตอร์เอ่ยยิ้มพลางส่วยหน้า ถ้าคนอื่นมาเห็นเอ็ดเวิร์ดในสภาพเมาขนาดนี้คงไม่เชื่อแน่ว่าเป็นคนๆ เดียวกันกับผู้ชายที่มีมาดสุขุม



พลันสายตาก็มองไปเห็นกระจกบานหนึ่ง





TAKE

วิกจะทำอะไรเอ็ดอ่าาาา

ปล.ใจร่มๆ กันเน้อ ค่อยๆ ลุ้นกันต่อไปว่าเมื่อไหร่อาร์เจนจะออกมา

ปล.ขอบคุณที่ยังคงมีคนอ่านและเม้น แค่นี้กะชื่นใจแล้วว
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 4.2 [อัพ 15/9/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 15-09-2016 11:37:55




วิกเตอร์จำได้...มันเป็นกระจกที่อยู่ในร้านขายของเก่า วิกเตอร์ไม่สามารถที่จะละสายตาออกจากมันได้เลยสักนิด ราวกับว่ากำลังถูกดูดเข้าไปในนั้น แต่มันก็แค่ความรู้สึกชั่ววูบเมื่อจู่ๆ คนกำลังหลับร้องครางอื้ออ้าในลำคอ วิกเตอร์รู้ว่าเอ็ดเวิร์ดกำลังอึดอัดกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ คนเมาก็มักจะเป็นแบบนี้ ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์มักจะทำให้ร้อนเสมอ วิกเตอร์จึงจัดการถอดเสื้อนอกของเอ็ดเวิร์ดออกพร้อมกับปลดกระดุมที่คอเพื่อให้เอ็ดเวิร์ดหายใจได้สะดวก



ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอด้วยความรู้สึกที่มันแน่นอยู่ในอก เอ็ดเวิร์ดกำลังเมาหลับ เขาไม่มีสติและไม่รู้เรื่อง ท่าทีเมามายที่แสดงออกมันกลับทำให้วิกเตอร์คิดว่าเอ็ดเวิร์ดกำลังยั่วอย่างไม่รู้ตัว ร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามบาง ขยับไปมา ผิวขาวที่ต้องกับแสงนีออนดูสว่างสดใสราวกับว่ามันไม่เคยได้ออกแดด วิกเตอร์ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เขาเอนตัวไปหาคนด้านล่างด้วยความประหม่า



ใกล้...จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ



หยุดนะ!



เหมือนได้ยินเสียงหนึ่งร้องห้าม วิกเตอร์สะดุ้งเฮือกอีกครั้ง สิ่งแรกที่เขาทำคือหันไปมองยังบานกระจกที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง



ไม่มีใคร



ไม่มีอะไรทั้งสิ้น



มันเป็นห้องที่มีเพียงแค่เอ็ดเวิร์ดและเขาเท่านั้น นอกจากเฟอร์นิเจอร์ไม้ เครื่องประดับตกแต่งก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น หรือบางทีเขาอาจจะคิดมากไปก็ได้...วิกเตอร์หันมองคนหลับ เขาลุกขึ้นจากเตียง บางทีเสียงเรียกนั้นอาจะเป็นเสียงเรียกจากจิตสำนึกให้เขาหยุด ถ้าเกิดทำอะไรเอ็ดเวิร์ดในตอนนี้ วิกเตอร์รับรองได้เลยว่าในวันพรุ่งนี้จะไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อน



ร่างสูงถอนหายใจและลูบไปที่หน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ ด้วยฤทธิ์ของไวน์มันทำให้เขาควบคุมสติตัวเองแทบไม่อยู่ วิกเตอร์ไม่ใช่คนคออ่อน ไม่ใช่คนเมาง่ายอย่างเอ็ดเวิร์ด เพราะฉะนั้นเรื่องในคืนนี้ที่เกิดขึ้นมันก็เป็นเพียงแค่ความคิดชั่ววูบที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น...วิกเตอร์จึงตัดสินใจหันเดินไปด้านหลัง ก่อนที่จะห้ามใจตัวเองไม่อยู่เขาจะต้องออกไปจากที่นี่



บานประตูที่ถูกปิดลงอย่างช้าๆ แต่สายตาของวิกเตอร์กลับมองไปเห็นบางอย่าง เขารู้สึกเหมือนราวกับว่าเห็นคนอยู่ในกระจก! ชายหนุ่มชะงักตัวเล็กน้อยแล้วมองไปตรงๆ อีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่มีอะไรเลยนอกเสียจากเงาของตัวเอง วิกเตอร์ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง หรือสิ่งที่เขาเห็น เขาสัมผัส และทำกับเอ็ดเวิร์ดในคืนนี้ มันอาจเป็นเพราะเขาเองก็เมาเช่นกัน



ปัง...



หลังจากที่วิกเตอร์ออกไปแล้ว สายตาหนึ่งก็ยังคงจับจ้องอย่างไม่พอใจนัก อาร์เจนไม่ได้ไปไหน เขาไม่ได้หายตัวหรือแสดงปาฏิหาริย์ให้เห็น สิ่งที่คนแปลกหน้าทำเมื่อสักครู่มันอยู่ในสายตาตลอดเวลา คนๆ นั้นกำลังจะทำไม่ดีกับเอ็ดเวิร์ด จึงได้ร้องห้าม...ใจดวงน้อยสั่นไหวด้วยความกังวลพลางมองไปที่ร่างของเอ็ดเวิร์ด อยากเข้าไปดู อยากเข้าไปหา แต่แค่ออกจากกระจกเขายังทำไม่ได้เลย



“อือ...”



เอ็ดเวิร์ดครางในลำคอ เขาปรือตามองไปยังรอบด้าน



“เอ็ด!” ร่างน้อยยิ้มกว้าง



สันชาติญาณของเอ็ดเวิร์ดยังคงอยู่ สติที่มีอยู่น้อยนิดผลักดันให้เขาลุกขึ้นก่อนที่จะคลานลงมาจากเตียงช้าๆ



“...อาร์...เจน”



เสียงอ้อแอ้ของเอ็ดเวิร์ดเอ่ยเรียกชื่อคนที่อยู่อีกฝั่ง ตาของเขาลายไปหมดแทบมองเห็นอะไรไม่ชัด เขาเห็นเพียงแค่อาร์เจนกำลังมองมาด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง



“...เอ็ด”



“ขอโทษ...ที่มาช้า...”



เอ็ดเวิร์ดรู้สึกผิด ที่ต้องปล่อยให้อาร์เจนรอ เขาจะต้องเหงามากแน่ๆ จะต้องคิดมากคิดว่าจะถูกทอดทิ้งอีกแน่ๆ เพียงแค่เห็นอาร์เจนทำหน้าจะร้องไห้มันก็ทำให้ใจของเขาเจ็บแปลบเหมือนกับว่ามีมีดมาแทงตรงอก เอ็ดเวิร์ดเอื้อมมือไปหาอาร์เจนเพียงหวังเพื่อที่จะจับมือนั้นแต่สิ่งที่เขาสัมผัสก็มีแต่ความเย็นของแก้ว เอ็ดเวิร์ดรู้สึกมึนหัวอย่างหนัก เขาจำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองเมาได้ยังไง แต่อย่างน้อย...เขาก็ยังกลับมาที่บ้าน...ร่างสูงพยุงให้ตัวเองลุกขึ้นแล้วเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้กระจกพร้อมกับริมฝีปากอุ่นทาบทับไปที่ริมฝีปากของอาร์เจน โดยมีกระจกกั้นเหมือนเดิม



จูบที่บางเบาและสัมผัสไม่ได้



เอ็ดเวิร์ดหลับไปอีกครั้ง ร่างน้อยเม้มริมฝีปากแน่น ใจเต้นไม่เป็นส่ำ อาร์เจนไม่ได้โกรธเอ็ดเวิร์ดเลยสักนิดที่กลับบ้านช้า เขาอยากแตะตัวเอ็ดเวิร์ด อยากอยู่ใกล้ๆ อยากเข้าไปกอดด้วยสองมือนี้



“เอ็ด...เอ็ด...”



ทำไมกันนะ...



ทำไมถึงต้องมาอยู่ในกระจก...



ทำไมต้องเป็นที่นี่



อาร์เจนจำไม่ได้เลยเรื่องราวก่อนที่ตัวเองจะตาย แม้แต่ชื่อที่มีก็ยังหลงลืม นับประสาอะไรกับความทรงจำก่อนที่จะไร้ซึ่งลมหายใจ แต่อาร์เจนก็ยังคงหวัง...ความหวังที่แรงกล้า



อยากออกไปนอกกระจก!



วูบ...



มือบางเคลื่อนผ่านสิ่งกีดขวางที่เป็นตัวกักขังตัวเองเอาไว้ กว่าจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นตัวเองก็ออกมาอยู่นอกกระจกซะแล้ว...ร่างน้อยเบิกตาโผลง มองที่มือตัวเอง หรือว่านี่อาจจะเป็นความฝัน? ไม่สิ! เขาเป็นผี เขาฝันไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น...สิ่งที่เห็นนี่ก็เป็นความจริง!



“เอ็ด!...เอ็ด! ดูสิ ผมออกมานอกกระจก”



อาร์เจนร้องหาคนเมา ร่างน้อยเผยยิ้ม ใบหน้าก็เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข เขาอยากให้เอ็ดเวิร์ดมาเห็นในตอนนี้ แต่พลันขยับกายเข้าใกล้ มือบางก็เคลื่อนผ่านตัวของเอ็ดเวิร์ดภายในพริบตา...เขาสัมผัสตัวเอ็ดเวิร์ดไม่ได้ อาร์เจนมองมือตัวเองที่ใสราวกับแก้วก็มิปาน ริมฝีปากบางขบเม้มกันแน่นก่อนที่จะตัดสินใจลองอีกครั้ง...อีกครั้ง...และอีกครั้ง...แต่ทุกครั้งก็เหมือนเช่นเคย เป็นแค่เงาเรือนรางที่ลอดผ่านผิวเนื้อเท่านั้น



มันน่าเสียดาย...



น่าเสียดายจริงๆ...



ตื่นขึ้นมาสิ...เอ็ดเวิร์ด...อาร์เจนส่งเสียงเอ่ยเรียกแผ่วเบาราวกับว่ารู้สึกเสียใจที่คนสำคัญไม่อาจเห็นตัวเองในเวลานี้ได้ ร่างน้อยก้มหน้าลงไปหาคนเมาด้วยแววตาสื่อความหมายที่เต็มไปด้วยความต้องการและ...ความรัก...ที่ล้นเปี่ยม




หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 4.2 [อัพ 15/9/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Maiiz Ellfiez ที่ 16-09-2016 20:22:48
น่ารักดีอาร์เจน  แต่แบบนี้จะลงเอยกันยังไงล่ะ
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 5.1 [อัพ 18/9/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 18-09-2016 21:58:46



เอ็ดเวิร์ดกำลังฝัน...



ความฝันที่แสนยาวนานและปวดใจ รอบข้างที่เต็มไปด้วยความดำมืด เขาวิ่งกระหืดกระหอบหนีอะไรบางอย่าง เอ็ดเวิร์ดไม่รู้...เขาไม่รู้จริงๆ ว่ากำลังหนีอะไรอยู่ รู้แต่ว่าเจ้าสิ่งปริศนานั้นมันจ้องจะทำลายเขาให้สิ้นซาก เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางที่สวมใส่ก็หลุดลุ่ย เส้นผมที่เคยหวีจนเรียบก็ยุ่งเหยิงราวกับว่าไม่ได้จัดแต่งมาเป็นเวลานาน และถึงแม้จะอยู่ในความฝันแต่มือและเท้าของเขากลับสั่นระรัว



ร่างสูงหันไปมองด้านหลัง มือนับสิบที่มาจากเงามืดกำลังจับเขาเอาไว้ เอ็ดเวิร์ดร่ำร้องตะโกนให้ปล่อยแต่ดูเหมือนเจ้ามือลึกลับกลับไม่ยอมทำตามแต่โดยง่าย มันพันธนาการเขาแน่น จับร่างสูงใหญ่เหวี่ยงลงกับพื้น เอ็ดเวิร์ดในตอนนี้ราวกับหนูติดจั่น เขาขยับไม่ได้ ไร้เรี่ยวแรง กว่าจะรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไรทั้งตัวก็ถูกพันธนาการเสร็จสิ้น



ริมฝีปากที่ถูกผ้ามัดเอาไว้ ข้อมือที่ถูกมัดด้วยเชือกจนมันบาดผิว เอ็ดเวิร์ดพยายามดิ้น...ดิ้น...ให้หลุดพ้น เขารู้สึกเจ็บแสบไปทั่วทั้งตัว ตรงหน้าเขาจากแค่มีมือที่ลอยมาจากในความมืดก็แปรเปลี่ยนเป็นดวงตาเหี้ยม พวกมันกำลังหัวเราะและมองมาทางเขาที่กำลังนอนอยู่ในที่คับแคบ



‘อั๊ก!’



ตรงท้องน้อยมีบางอย่างมากระแทก มันเจ็บจนร่างกายด้านชา เขากำลังสั่น กำลังกลัว น้ำตาของลูกผู้ชายก็ไหลอาบแก้ม เอ็ดเวิร์ดจ้องมองเจ้าสิ่งที่ทำร้ายเขาอย่างพินิจพิจารณา ไม่นานนักก็เห็นเป็นรูปทรง มันเป็นท่อนไม้ขนาดใหญ่ เสียงหัวเราะ เสียงเย้ยหยัน ดังก้องคำรามอยู่ในหัว เอ็ดเวิร์ดที่ขยับตัวไม่ได้เป็นหนูติดจั่น พวกมันกระแทกเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ซ้ำแล้วซ้ำอีก...จนเอ็ดเวิร์ดเจิ่งนองไปด้วยเลือด ความเจ็บที่มีก็ด้านชาจนแทบไม่รู้สึก จะมีก็เพียงหัวใจที่แหลกสลาย



‘ช่วย...ด้วย’



เขาเอ่ยร้องขอด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง



แต่ไม่มีใครเลย...ไม่มีสักคนที่จะยื่นมือมาช่วยเหลือผู้กำลังบาดเจ็บ



สวบ...สวบ...



เสียงบางอย่างดังขึ้นพร้อมกับความรู้สึกที่หนักอึ้งไปทั่วทั้งร่าง เอ็ดเวิร์ดไม่รู้ว่าเขากำลังเผชิญกับอะไร รู้แค่ว่ายิ่งเสียงนั้นเบาลงเท่าไหร่เขาก็ยิ่งอึดอัดจนหายใจไม่ออก



ออกไป...



ออกไปจากที่นี่...



น้ำตาของชายหนุ่มกำลังไหล เอ็ดเวิร์ดเองก็ใช่จะร้องไห้กับอะไรง่ายๆ แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมน้ำตาตัวเองถึงได้ไหล มันทรมานและเจ็บปวด ความชิงชังและความแค้นที่ค่อยๆ ก่อเกิดจากความเศร้าหมอง ร่างกายของชายหนุ่มชาดิก เขาแทบขยับไม่ได้...เพราะอะไร...ทำไม...มันมีแต่คำถามพวกนี้วนซ้ำนับสิบรอบ เอ็ดเวิร์ดไม่เข้าใจคำถามแต่เขาก็ยังคงคิดไม่หยุด ราวกับว่า...สิ่งนั้นมันกำลังต้องการคำตอบ

 



“เอ็ดเวิร์ด!”



เฮือก!



คนถูกเรียกสะดุ้งตัวตื่น เนื้อตัวของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ เอ็ดเวิร์ดหอบหายใจรวยรินเหมือนกับว่ากำลังจะตายเสียให้ได้ ร่างสูงมองไปยังรอบห้องด้วยดวงตาลอกแลกปนฉงนงง เขาอยู่ในห้องทำงานและตรงหน้าเขาก็คือวิกเตอร์ที่มองมาด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใย



ฝัน?



เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้ว เขามองไปที่มือตัวเองที่กำลังสั่น ความฝันเรือนรางเมื่อสักครู่เขายังคงจำมันได้ดี ความรู้สึกที่หายใจไม่ออก ความรู้สึกที่กำลังกลัว...



“นายเป็นอะไรหรือเปล่า เหงื่อออกท่วมตัวเชียว” วิกเตอร์ยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้อีกฝ่าย



เอ็ดเวิร์ดรับมันไว้ เขาค่อยๆ เช็ดเหงื่อที่ไหลออกทีละน้อย เอ็ดเวิร์ดเป็นคนไม่ค่อยฝัน บางทีมันอาจเป็นเพราะความเมาเมื่อคืนก็เป็นได้ แต่ความฝันนั้นช่างน่าประหลาด มันเหมือนจริงมาก เหมือนกับว่าตัวเองได้เข้าไปอยู่ในนั้น ทั้งมืด ทั้งแคบ และหนาว แค่คิดถึงความฝันที่เรือนรางเมื่อสักครู่มันก็ทำให้เขาหายใจลำบากอย่างไม่รู้ตัว



“นายไม่เป็นอะไรแน่นะเอ็ดเวิร์ด”



“อืม”



“แต่ฉันว่านายควรกลับไปพักผ่อน”



วิกเตอร์ยังคงดื้อดึง เขาเป็นห่วงเอ็ดเวิร์ดมากกว่าตัวเองด้วยซ้ำ รู้อย่างนี้แล้วเมื่อคืนไม่น่าพาไปกินเหล้ากินเบียร์เลย เอ็ดเวิร์ดที่เป็นคนคออ่อนต่อให้เมาขนาดไหนเจ้าตัวก็ต้องลุกขึ้นมาทำงาน เฉดเช่นวันนี้ที่เจ้าตัวดูอ่อนล้า แต่ก็ยังคงฝืนสังขารมาทำ นั่นอาจเป็นเพราะความเย่อหยิ่งในฐานะลูกชายคนโต



“เอาน่า นายคิดมากไปแล้ว” เอ็ดเวิร์ดตอบเสียงนิ่ง เขายังคงหลับตาเพื่อผ่อนคลาย เมื่อคนคงเมามากไปหน่อยมันก็เลยแค่ฝัน ร่างสูงค่อยๆ ทบทวนความฝันของตัวเองทีละนิด แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ยังจำไม่ได้ มันเลือนราง คลับคล้ายคลับคลาแต่ก็นึกไม่ออก



“จริงสิ...วิกเตอร์”



“หืม?”



“เมื่อคืนนาย...” คิดชั่วครู่ก่อนที่จะปฏิเสธออกมา “เปล่า...ไม่มีอะไร”



เมื่อคืน...นายทำอะไรกับฉันหรือเปล่า



เอ็ดเวิร์ดคิดเช่นนั้น...ในขณะที่ตัวเองกำลังเมาหลับ รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกใครบางคนจูบ...ร่างสูงส่ายหัว มันคงเป็นไปไม่ได้



วิกเตอร์คงไม่ทำเช่นนั้น

 

วันนี้เป็นวันหยุด วันที่เอ็ดเวิร์ดรอคอยมาทั้งอาทิตย์หลังจากที่โหมงานหนักเพื่อทำงานให้เสร็จสิ้น จะได้ไม่ต้องมีใครมาก่อกวน ปกติแล้วถึงจะเป็นวันหยุดก็จริงแต่เอ็ดเวิร์ดมักจะทำงานเสมอ เขาคิดว่าวันหยุดมันไม่จำเป็นสำหรับเขาสักนิด ความคิดเช่นนั้นมันเลยทำให้เขาตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเดียวโดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่คราวนี้กลับไม่ใช่...เขาอยากอยู่กับอาร์เจน



เมื่อหลายวันก่อนอาร์เจนเล่าให้เขาฟังว่าได้ออกมานอกกระจก แล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็ทดลองกันมาเรื่อยๆ หลายต่อหลายครั้ง ให้ร่างเล็กรีดเร้นพลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่จะสำเร็จ ไม่มีแม้กระทั้งการกระดิกของพลังวิญญาณ สิ่งที่อาร์เจนทำได้ก็มีแค่เพียงปล่อยกลุ่มควันทีเอ็ดเวิร์ดเคยเห็นในคราวแรก...ร่างสูงนั่งหน้าบานกระจกใหญ่เหมือนเช่นเคย เขาจ้องมองคนตัวเล็กที่อยู่อีกฝั่ง อยากสัมผัส อยากกอด แต่ก็ทำได้แค่เพียงมองสบตา



“ขอโทษ”



ร่างน้อยนัยน์ตาสีนิลกาฬเศร้าหมอง



เอ็ดเวิร์ดยิ้มบาง “ไม่เป็นไรหรอก”



ถึงเอ็ดเวิร์ดจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่อาร์เจนก็รู้สึกผิดอยู่ดี เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำได้ยังไง แค่วันนั้นที่เห็นเอ็ดเวิร์ดถูกจับต้องโดยผู้อื่นมันก็ทำให้เขาแทบคลั่ง



อาร์เจนไม่ชอบวิกเตอร์



ถึงเอ็ดเวิร์ดจะบอกว่าเขากับวิกเตอร์เป็นแค่เพื่อนสมัยเด็ก แต่อาร์เจนรู้...สายตาของผู้ชายคนนั้นมันมีให้เอ็ดเวิร์ดมากเกินกว่าเพื่อน เพราะสายตาคู่นั้น...มันเหมือนกับที่เขามองเอ็ดเวิร์ด



อาร์เจนรู้ว่ามันคือ ‘ความรัก’ กายที่ได้ตายไปแล้วมันกลับใจเต้นแรงเพียงแค่ได้เห็นหน้าหรือแค่คิดถึง เอ็ดเวิร์ดเป็นคนแรกและคนเดียวที่ไม่กลัวเขา นั่นมันหมายถึงว่าเขายังคงรู้สึกสำคัญกับใครบางคน ไม่โดดเดี่ยว ไม่อ้างว้าง ตลอดเวลาระยะหลายสิบปีที่ผ่านมา เขาที่อาศัยอยู่แต่ในกระจกทั้งเหงาและหว้าเหว่ จนกระทั่ง...ได้มาเจอกับเอ็ดเวิร์ด ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป



เอ็ดเวิร์ดลุกขึ้นเดินไปหยิบบางอย่าง อาร์เจนมองตามหลังด้วยคิดว่าเอ็ดเวิร์ดกำลังไม่ชอบใจ แต่พอเห็นสิ่งที่อยู่ในมือก็ทำให้คนตัวเล็กถึงกับฉงน



“อะไร”



มันคืออะไรที่อยู่ในมือของเอ็ดเวิร์ด...อาร์เจนไม่รู้



“หนังสือ”



“หนังสือ?” ร่างเล็กทวนคำ



เขาไม่เข้าใจ...หนังสือมีเอาไว้ทำอะไร เอาไว้กินอย่างนั้นเหรอ?



ร่างสูงขนหนังสือมากมายมากองตรงหน้ากระจก หนังสือพวกนี้มันเป็นหนังสือนิทานที่เขาเตรียมเอาไว้เพื่อใช้ในวันหยุดกับคนในกระจก...อาร์เจนมองสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดเรียกว่าหนังสือ ตรงหน้ามันมีรูปวาดสวยงาม ร่างน้อยมองมันอย่างตาไม่กระพริบราวกับว่ากำลังตื่นเต้นเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่...เอ็ดเวิร์ดนึกขำ มันเป็นอย่างที่เขาคิดเสียด้วย คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ลงทุนไปซื้อนิทานหลายเล่มมา เขาไปยืนเลือกมันเป็นชั่วโมงๆ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเลือกซื้อพวกนี้มาก่อนเลยไม่รู้ว่าจะเอาอะไรดี เอ็ดเวิร์ดจึงหยิบมาหมดทุกเล่มเท่าที่ร้านจะมี จนที่สุดหนังสือนิทานนับสิบก็ได้มาอยู่ในมือ



“เอาเล่มนี้ก็แล้วกัน”



ร่างสูงหยิบเล่มบนสุดขึ้นมา มันมีชื่อเรื่องว่า ‘เจ้าหญิงในหอคอย’



คราวนี้อาร์เจนรู้แล้วว่าหนังสือพวกนี้มีไว้ทำอะไร มันไม่ได้เอาไว้กิน มันไม่ได้เอาไว้ใช่ แต่มันเอาไว้สำหรับอ่าน...พลันหน้าที่ยิ้มกว้างก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง เอ็ดเวิร์ดสังเกตเห็น เขาไม่เข้าใจ...หรือว่าบางทีอาร์เจนอาจไม่ชอบ



“มันมีกระจกไหม”



แต่คำถามที่อาร์เจนเอ่ย กลับทำให้เขาอดขำไม่ได้



“ไม่มีหรอก”



“จริงนะ!”



“อืม” เอ็ดเวิร์ดพยักหน้ารับ



เขารู้ว่าอาร์เจนมีภูมิต้านทานในเรื่องนี้ต่ำ ครั้งก่อนตอนที่เล่าเรื่องสโนไวท์ กระจกของแม่มดที่แตกละเอียดทำเอาอาร์เจนเศร้าสลดไปหลายวันทีเดียว ครั้งนี้เขาก็เลยจงใจเลือกเรื่องที่ไม่มีกระจกเข้ามาเกี่ยวข้อง



แล้วหลังจากนั้นเอ็ดเวิร์ดก็เริ่มเล่า







TAKE

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของเทคเลยมั้งที่แทบ...ไม่มีอะไรเลย ฮ่าๆ ไม่ฮาร์ตคอ คือแบบ...ดำเนินเรื่องไปอย่างเรียบๆ แต่ก็ขอบคุณมากคะที่อ่านกัน รู้สึกดีใจมาก ><
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 5.2 [อัพ 21/9/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 21-09-2016 19:12:38




“กาลครั้งหนึ่ง...นานมาแล้ว...”



การกระทำของคนร่างสูงตรงหน้า มันอยู่ในสายตาของอาร์เจนตลอดเวลา เอ็ดเวิร์ดที่กลัวเขาเหงา ได้ซื้อนิทานมามากมาย คอยเล่าให้เขาฟังอย่างตั้งใจ แต่สำหรับอาร์เจนแล้วพวกนิทานพวกนั้นถึงจะน่าตื่นเต้น แต่มันก็ไม่อาจเทียบเท่าเวลามองเอ็ดเวิร์ดเล่านิทานเท่านั้นเอง



เอ็ดเวิร์ดทั้งสุขุม



และสง่างาม



ดั่งเจ้าชายขี่ม้าขาว...อาร์เจนรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นเจ้าหญิงในหอคอย ที่รอให้เจ้าชายมาพบและช่วยเหลือให้ออกไปสู่โลกกว้าง



“เจ้าชายได้ฆ่าแม่มดใจร้าย แล้วช่วยเจ้าหญิงได้สำเร็จ หลังจากนั้นพวกเขาก็อยู่กันอย่างมีความสุข...ตลอดไป”



หลังจากที่เล่านิทานจบ เอ็ดเวิร์ดก็ปิดหนังสือ เขามองไปยังร่างน้อยที่กำลังนั่งเหม่อลอย



“ดีใจจัง”



อาร์เจนเอ่ยเสียงแผ่ว ทั้งน้ำเสียงและท่าทางของเอ็ดเวิร์ดมันทำให้เขาเคลิ้มอย่างน่าประหลาด ในนิทานที่เริ่มอย่างไม่ดีนักแต่อย่างน้อยในตอนจบมันก็สวยงาม...



เอ็ดเวิร์ดหยิบนิทานอีกเล่ม เขาค่อยๆ เริ่มเล่าต่อ จนเวลาผ่านพ้นไปจากหนึ่งชั่วโมง กลายเป็นสองชั่วโมง แต่เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ดวงตาคมจับจ้องคนหน้าหวานด้วยความสุข รอยยิ้มของอาร์เจนมันก็ทำให้เขาอบอุ่น...เล่มแล้วเล่มเล่าถูกเล่าออกไปอย่างไม่รู้จบ กองหนังสือนิทานมากมายที่ยังไม่ถูกอ่านมันก็ถูกหยิบออกมาจนหมดกอง โดยที่เขาไม่ได้รู้เลยว่ายิ่งอยู่ใกล้กับอาร์เจนมากเท่าไหร่ พลังชีวิตของเขาก็ถูกดูดออกไปทีละนิดๆ



สีควันจางๆ ที่มองไม่เห็น มันกำลังลอยเข้าไปในกระจก



อาร์เจนไม่รู้ตัว เอ็ดเวิร์ดเองก็เช่นกัน



เอ็ดเวิร์ดวางหนังสือนิทานเล่มสุดท้ายลง...เขารู้สึกคอแห้งจึงเดินไปหยิบน้ำที่อยู่ในห้องครัว อาการวิงเวียนของศีรษะทำให้เขาแทบล้ม ร่างสูงส่ายหน้าไปมาเพื่อไล่ความมึนงงที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เอ็ดเวิร์ดเป็นคนที่ไม่ได้คิดอะไรมาก บางทีที่สภาพร่างกายของเขาเป็นเช่นนี้คงเพราะอยู่กับหนังสือและแสงเป็นเวลานาน พอคิดได้เช่นนั้นเอ็ดเวิร์ดก็ไม่สนใจอาการที่อ่อนล้า เขาเดินเข้าไปยังในห้องก่อนที่จะปิดประตูลงอีกครั้ง ราวกับว่าไม่อยากให้ใครด้านนอกเข้ามา



ปัง...



 

วันแล้ววันเล่าที่เอ็ดเวิร์ดใช้ชีวิตเยี่ยงนี้ เขาไปทำงานและกลับมาบ้าน เริ่มใช้ชีวิตแปลกแยกจากบุคคลอื่นหรือจะเรียกได้ว่าแทบไม่สุงสิงกับใครทั้งนั้น ในทุกวันเขาจะรีบทำงานให้เสร็จและกลับบ้านในทันที แม้แต่กับวิกเตอร์ที่เป็นเพื่อนสนิทก็ยังแทบไม่ได้คุยกัน นับประสาอะไรกับครอบครัวที่เหมือนกับแตกแยกไปคนละทิศคนละทาง



วันหนึ่งแม่ของเขาหรือที่ใครๆ เรียกว่ามาดามไดอาน่าได้เข้ามาเยี่ยมเยียนลูกชายที่ไม่ได้กลับบ้านมานานหลายเดือน แต่ก็ได้พูดคุยกันไม่กี่คำเท่านั้นแม่ของเขาก็กลับไป เอ็ดเวิร์ดเองก็รู้สึกผิดกับผู้เป็นแม่ไม่น้อยแต่ความทรงจำเกี่ยวกับแม่เขาแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ ไม่สิ...ความทรงจำเกี่ยวกับครอบครัวก็เหมือนกัน สิ่งที่เขาจำได้คือหนังสือและโต๊ะขนาดใหญ่ที่เอาไว้ให้ท่องจำคำศัพท์ต่างๆ นานา...เอ็ดเวิร์ดรู้ ถึงจะไม่มีเขาแม่ก็ไม่คิดที่จะใส่ใจอะไรอยู่แล้ว เพราะตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาแม่มักจะร้องเรียกหาลูกชายคนเล็กเสมอ



ความเสียใจ น้อยใจ กลายเป็นความชินชา...เอ็ดเวิร์ดที่ถูกหมางเมินมาตั้งแต่เด็ก เขารู้สึกชินกับสายตาคู่นั้น แววตาที่แสนเศร้าที่มีไว้มองแต่เพียงแค่ดอมก็เท่านั้น



“ดูซะ”



มาวิสหยิบเอกสารให้กับเอ็ดเวิร์ดดูด้วยใบหน้าเรียบเฉย...ผิดกับเอ็ดเวิร์ดที่ขมวดคิ้วด้วยความข้องใจ แต่เขาก็หยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู เขาไล่สายตาทีละบรรทัด สิ่งที่เห็นบนกระดาษที่มีตัวหนังสืออยู่เรียงรายคือผลประกอบการของบริษัทฯ และทั้งหมดนั่นก็เป็นผลงานของเขา



เปล่าเลย...มันไม่ได้ยอดขายดีหรือถูกชม



แต่มันกลับตรงกันข้าม ผลงานของเอ็ดเวิร์ดในช่วงหลายวันมานี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ งานก็ผิดพลาดจนเกือบทำให้บริษัทฯ เสียหายเพราะเซ็นเอกสารผิด ตั้งแต่วันที่เขาคลุกอยู่กับอาร์เจนทั้งวันร่างกายของเขาก็ไม่สู้ดีนัก ร่างสูงเหมือนไร้เรี่ยวแรงไปซะดื้อๆ แต่ก็คิดว่าเพราะทำงานหนักจึงได้ไม่ใส่ใจ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคืองานที่มันล้มเหลวไม่เป็นท่า



“ฉันไม่เคยสอนให้แกทำงานผิดพลาด”



เป็นครั้งแรกที่เอ็ดเวิร์ดถูกมาวิสต่อว่า ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเขาได้ยินแต่คำชมจนเบื่อ แต่ก็เพราะคำชมเหล่านั้นนั่นแหละที่มันเป็นแรงผลักดันทำให้เขาทำทุกอย่างได้ดี



“ขอโทษครับ” ร่างสูงก้มหน้าตอบอย่างสำนึกผิด



‘ปวดหัว’



เอ็ดเวิร์ดพยายามเก็บซ่อนอาการเอาไว้



“ฉันต้องการคำอธิบาย” มาวิสไม่ต้องการคำขอโทษ เขาต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันก็ไร้คำตอบอีกเช่นเคย



“ขอโทษครับ” ร่างสูงกัดฟันทน เขามองข้างหน้าแทบไม่ชัดแต่ก็พยายามทรงตัวให้อยู่



มาวิสมองดูลูกชายคนโตที่สภาพโรยรา เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างไม่รู้จะทำยังไงดี เอ็ดเวิร์ดที่ทำงานดีมาโดยตลอดแต่หมู่นี้กลับเป็นอะไรก็ไม่รู้ คนในบริษัทฯ ก็พูดกันว่าช่วงนี้เอ็ดเวิร์ดแปลกไป ในทีแรกเขาก็ไม่เชื่อจนได้มาเห็นกับตาตัวเอง มาวิสคิดเช่นเดียวกับเอ็ดเวิร์ด...บางทีเขาอาจให้ลูกชายทำงานหนักไปก็เป็นได้



“กลับไปพักผ่อนซะ”



มันคือคำสั่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เอ็ดเวิร์ดก้มหน้าทำตาม



เขาเดินไปหยิบกระเป๋าที่อยู่ในห้องตัวเองก่อนนั่งรถม้าไปยังบ้านหลังน้อยที่เขาอาศัยอยู่ช่วงนี้ พอไปถึงเขาก็ปิดประตูลงกลอนแล้วตรงดิ่งไปยังห้องของตัวเอง



อาร์เจนที่รอเอ็ดเวิร์ดอยู่ในกระจกมองด้วยความไม่เข้าใจ สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดจนน่าเป็นห่วง...เอ็ดเวิร์ดเอาหลังพิงกับขาเตียงพลางกุมขมับด้วยความปวดหัว ตลอดระยะทางที่กลับมาถึงบ้านเหมือนหัวเขาจะระเบิดเสียให้ได้



ราวกับถูกสูบพลัง



“เอ็ด...ไม่เป็นไรนะ” อาร์เจนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง



“อืม คงทำงานหนักมากไป พักสักเดี๋ยว เดี๋ยวก็หาย” ร่างสูงยิ้มให้ เขากุมขมับตัวเองแล้วเอนหลังไปยังปลายเตียงด้านหลัง



ปวดไปหมดทั้งตัว



ปวดหัว



ราวกับว่ากำลังจับไข้แต่ตัวก็ไม่ได้ร้อน แค่รู้สึกหน้ามืดเจนแทบจะเป็นลมล้มพับไปก็เท่านั้น...เอ็ดเวิร์ดเข้าใจว่าร่างกายของตัวเองแข็งแรงดี เรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยก็แทบไม่มีให้ได้เห็น อาการพวกนี้มันก็แค่ประเดี๋ยวประด๋าวไม่นานนักอาการก็คงจะหายไปและคงดีขึ้น เขาหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้าโดยมีสายตาของคนผมขาวจับจ้อง...กลุ่มควันที่มองไม่ได้ได้ค่อยๆ ลอยออกมาจากร่างสูงไปสู่คนในกระจกอย่างไม่รู้ตัว



อาร์เจนเป็นห่วงเอ็ดเวิร์ดแต่กลับทำลายเอ็ดเวิร์ดในคราวเดียวกัน

 
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 5.2 [อัพ 21/9/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-09-2016 19:32:36
หรือว่าอาร์เจนจะออกจากกระจกได้ แล้วอีกคนเข้าไปอยู่แทน
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 6.1 [อัพ 24/9/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 24-09-2016 19:56:56




ร่างสูงนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงขนาดกลาง ความผิดพลาดจากงานมันทำให้เขาคิดมากกว่าที่คิด การข่มตาหลับในยามค่ำคืนมันช่างยากเย็น หัวที่หนักอึ้งมันก็ยิ่งปวดมากจนเขาแทบทนไม่ไหว ร่างกายที่มีเริ่มอ่อนแรงและดูซูบผอมกว่าเมื่อวานอยู่มากโข แถมยังมีอาการไอเข้ามาแทรกซ้อน เสียงไอโครกเครกตลอดทั้งคืนดังสนั่นไปทั่วห้อง ไม่เพียงแค่นั้นกลับมีเลือดไหลออกมาจากลำคอและจมูก จากชายหนุ่มที่มีสุขภาพแข็งแรงดูเป็นคนขี้โรคไปถนัดตา



“เอ็ด...”



อาร์เจนมองดูเอ็ดเวิร์ดด้วยสีหน้าเป็นกังวล เขาเห็นเอ็ดเวิร์ดกำลังทรมานแล้วมันช่างเจ็บปวดไม่น้อย สองมือเล็กทำได้เพียงแค่ทุบไปที่กระจก ดวงตาหม่นทั้งสองข้างก็เรื้อไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า



ออกไปไม่ได้!



ทำไมถึงออกไปไม่ได้!



ร่างน้อยนึกโทษตัวเองนัก แม้แต่เวลาสำคัญขนาดนี้เขายังออกไปด้านนอกไม่ได้ อย่างน้อยก็ขอเพียงแค่ออกไปนอกกระจก...อยากเข้าไปดูเอ็ดเวิร์ดใกล้ๆ ไม่ใช่ถูกขังอยู่อย่างนี้



“ไม่เป็นไร...ฉันไม่เป็นไร”



เอ็ดเวิร์ดส่งเสียงทรมาน เขาหันมองไปยังร่างน้อยด้วยรอยยิ้มแผ่ว ก่อนค่อยๆ ยันตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากเตียง เอ็ดเวิร์ดมาหาอาร์เจนที่หน้ากระจก เขาลุกแทบไม่ไหวแต่ก็ยังฝืนสังขารให้ยืนขึ้น กายใหญ่เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างคนหมดแรง



“ฮึก ฮือ ฮือ เอ็ด”



น้ำตาที่ไม่น่าจะไหลมันกลับไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว แค่เห็นเอ็ดเวิร์ดกำลังทรมานแค่นี้มันก็ทำให้ใจดวงน้อยเจ็บแปลบ



“อย่าร้องไห้”



มือหนาเอื้อมมือสัมผัสสิ่งขวางกั้น เขาใช้นิ้วโป้งเกลี่ยไปที่เรือนกระจกใส ประหนึ่งกำลังเช็ดน้ำตาให้คนตัวเล็ก อีกมือก็ทาบทับลงไปตรงบานตรงหน้าให้ตรงกับฝ่ามือของอาร์เจนที่อยู่อีกฝั่ง



“เอ็ด ฮึก เจ็บไหม...เจ็บตรงไหนไหม”



เอ็ดเวิร์ดส่ายหัว



เขาทำให้อาร์เจนร้องไห้ ความรู้สึกมันท้วมท้นอยู่ในอก อยากดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด อยากปลอบประโลมและอยู่เคียงข้าง เอ็ดเวิร์ดรู้...ว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝันที่เรือนราง แต่อย่างน้อยตอนนี้...ก็ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันตอนนี้ก็เพียงพอ



เอ็ดเวิร์ดลางานอยู่หลายวันเนื่องด้วยจากว่าสภาพร่างกายที่เริ่มย่ำแย่ เขาเลือกที่จะซื้อยาแทนการไปหาหมอ เอ็ดเวิร์ดไม่ชอบสถานที่อึดอัดและโรงพยาบาลก็เป็นหนึ่งในนั้น ทั้งกลิ่นของยาและคนไข้ที่เดินเพ่นพ่านมันทำให้เขารู้สึกแย่พอสมควร...เอ็ดเวิร์ดทำเป็นแข็งแรงเหมือนแต่เก่าโดยที่ปิดบังไม่ให้อาร์เจนรู้ว่าเขายังไม่หาย แต่เพื่อให้คนตัวเล็กสบายใจเขาถึงได้ยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อไม่ให้เห็นน้ำตาของอีกฝ่าย



เอ็ดเวิร์ดกลับมาทำงานอีกครั้ง ท่าทีที่นิ่งงันเป็นทุนเดิมจึงไม่ได้เป็นที่สังเกตของคนรอบข้างเท่าไหร่นักว่าเขาป่วย แต่ภายในกลับย่ำแย่กว่าที่คิด การทำงานในช่วงครึ่งวันแรกมันช่างเหนื่อยสำหรับเอ็ดเวิร์ดเสียจริง เขาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน ดวงตาที่มองผ่านเลนส์แว่นพยายามปรับสายตาอยู่ตลอดเวลา เอกสารที่อยู่ตรงหน้ามีให้เซ็นมากมายแต่แค่หยิบปากกาเอ็ดเวิร์ดยังทำแทบไม่ได้ ร่างกายของเขาสั่นไปหมดทั้งตัว ไหนจะอาการหมดเรี่ยวหมดแรงนั่นอีก เมื่อถึงคราวไม่ไหว มันมากเกินกว่าที่เขาจะควบคุมเอ็ดเวิร์ดจึงได้ลุกไปเข้าห้องน้ำ อย่างน้อยบางทีการล้างหน้ามันก็อาจทำให้ร่างกายของเขาดีขึ้น



“อ้าว พี่...หายดีแล้วเหรอ”



มันเป็นวันที่แย่...เอ็ดเวิร์ดคิดเช่นนั้น



เขากลับมาจากห้องน้ำก็เจอกับดอมโดยบังเอิญ ทางด้านหลังของชายหนุ่มผู้เป็นน้องชายมีหญิงสาวที่คุ้นหน้าอยู่ด้วย พริซซิลล่าทำเพียงแค่ยกยิ้มบางให้เพื่อทักทายอดีตคนที่รู้สึกดีด้วย



“อืม”



ร่างสูงขยับแว่นพลางพยักหน้ารับ



“ผมได้ข่าวว่าพี่ป่วย ไม่ได้ไปเยี่ยม พอดีงานมันยุ่งๆ”



“ไม่เป็นไร ไม่ได้เป็นอะไรมาก”



ราวกับถูกทับถมจากอีกฝ่าย ดอมอาจไม่ได้คิดเช่นนั้น แต่ความคิดมันห้ามกันไม่ได้ เอ็ดเวิร์ดอาจมีอคติกับดอมถึงมองว่าน้องชายตัวเองร้ายกาจ มันเป็นความคิดด้านมืดที่เขาพยายามเก็บซ่อนมันไว้ หน้ากากของคนดีถูกสวมใส่เมื่อความอึดอัดถาโถมประดังเข้ามา



เขาเกลียดดอม...

 

“ผมว่า...พี่สมควรจะพักผ่อน”



“นั่นสิเอ็ดเวิร์ด คุณยังดูแย่อยู่เลย”



พริซซิลล่าเอ่ยด้วยความเป็นห่วง เธอได้ข่าวว่าเอ็ดเวิร์ดไม่สบายจากดอม ตอนแรกคิดว่าไม่เป็นอะไรมาก แต่ใครจะคิดว่าความจริงแล้วมันกลับไม่ใช่อย่างนั้น เอ็ดเวิร์ดดูซูบผอมลงไปมากกว่าที่เห็นเมื่อครั้งก่อน ปกติแล้วเขาเป็นคนแข็งแรงมีสุขภาพดี ถึงงานของเอ็ดเวิร์ดจะดูยุ่งขนาดไหนแต่เอ็ดเวิร์ดก็ไม่เคยปล่อยตัวให้เป็นเช่นนี้



“พริซซิลล่าพูดถูกนะพี่” ดอมยังคงสนับสนุน



“พี่ไม่เป็นอะไร”



“แต่...”



“ขอตัวก่อนก็แล้วกัน”



เอ็ดเวิร์ดส่ายหน้าให้กับความคิดด้านมืดที่กลับมองว่าดอมแค่เสแสร้งเป็นห่วง เขาไม่สนใจพริซซิลล่าที่กำลังมองมาด้วยแววตาโหยหา เขาไม่สนใจดอมที่กำลังมองตามหลังเมื่อเห็นว่าท่าทีแปลกไป ร่างสูงขยับขาก้าวแต่ละก้าวด้วยความยากลำบาก อาการปวดหัวก็เหมือนยิ่งหนักขึ้น ทางข้างหน้าเริ่มพร่ามัวและมองไม่เห็น สิ่งสุดท้ายที่เอ็ดเวิร์ดรู้สึกได้ก็คือความเย็นของพื้นกับเสียงเรียกของดอม แต่ถึงอย่างนั้นในห้วงความคิดหนึ่งก่อนที่จะสิ้นสติไป...เอ็ดเวิร์ดกำลังคิดถึงใครบางคน



อาร์เจน...

.

.

 

“...เอ็ด”



ราวกับว่าเหมือนได้ยินเสียงเรียกของเอ็ดเวิร์ด คนตัวเล็กมองผ่านกระจกไปยังห้องที่เงียบสนิท ตรงประตูที่ถูกปิดเอาไว้มันก็ยังคงปิดอยู่



เอ็ดเวิร์ดยังไม่กลับมา



“ทำไม ใจมันปวดขนาดนี้นะ”



มือบางจับไปที่หัวใจ มันยังคงเต้นตามปกติแต่ความรู้สึกบางอย่างมันกำลังบ่งบอกว่าต้องเกิดอะไรขึ้นกับเอ็ดเวิร์ด อาร์เจนคลานไปตรงจุดเดิมที่เคยนั่งคุยกับคนที่คิดถึง เขาเฝ้ามองเพื่อรอให้เอ็ดเวิร์ดกลับมา ห้องเอ็ดเวิร์ดก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแค่นี้ ถ้าออกไปนอกกระจกนี้ได้เขาก็จะสามารถอยู่กับเอ็ดเวิร์ดได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ต้องมานั่งเฝ้ารอให้ปวดใจ



‘รีบกลับมาเร็วๆ นะ’



อาร์เจนเฝ้าภาวนาเช่นนั้น

.

.

กลิ่นยาและกลิ่นฉุนต่างๆ ที่มันมาคัดจมูก ร่างผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือเพดานสีขาวสะอาด เอ็ดเวิร์ดขยับร่างกายแทบไม่ได้เพราะถูกสายน้ำเกลือทิ่มอยู่ที่แขนข้างซ้าย



“ตื่นแล้วเหรอคะ อาการเป็นยังไงบ้าง”



“ผม...มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”



เอ็ดเวิร์ดไม่ถามว่าที่นี่คือที่ไหน ไม่ได้ตอบคำถามของพยาบาลแต่กลับถามคำถามกลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ต่อให้เป็นคนโง่ก็คงจะรู้ว่ามันคือสถานที่เอาไว้ดูแลผู้ป่วย ก่อนที่เขาจะล้มลงไปเขาจำได้ว่าอยู่กับดอมและพริซซิลล่า บางทีคงเป็นพวกเขาละมั้งที่เอาตัวเขามาส่งโรงพยาบาล



“ครอบครัวของคุณนะคะ น้องชายของคุณ”



มันเป็นอย่างที่เขาคิด เอ็ดเวิร์ดทำแค่เพียงครางตอบในลำคอ ดวงตาหม่นหันมองไปยังนอกหน้าต่าง...



เอ็ดเวิร์ดกำลังคิดถึงอาร์เจน...



ไม่นานนักนายแพทย์ในชุดกราวน์สีขาวก็เดินเข้ามา เขาคอยถามและตรวจดูอาการจนเสร็จสิ้น สิ่งที่ได้คำความอ่อนเพลียของร่างกายกับโลหิตจางที่เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้วให้กับโรคที่เขาไม่เคยเป็น ต่อให้ทำงานหนักแค่ไหนเอ็ดเวิร์ดก็คิดว่าตัวเองไม่น่าจะจำผิด เขาเข้าโรงพยาบาลนับครั้งได้แต่ทุกครั้งก็ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้หรือบางทีอาจะเป็นเพราะช่วงอายุที่มันมากขึ้นจึงทำให้ร่างกายที่เคยแข็งแรงกลับอ่อนแอลง



“ผม...จะกลับบ้าน”



ร่างสูงกล่าวเสียงเบา



“ไม่ได้!”



เสียงทุ้มต่ำเอ่ยห้ามพร้อมกับร่างสูงสมส่วนเดินก้าวเข้ามายังห้องคนไข้ มาวิสมองลูกชายตัวเองที่นอนอยู่บนเตียงสีสะอาด ร่างกำยำอยู่ในชุดของคนไข้มันดูแปลกตาไม่น้อยเลยทีเดียว ด้านหลังของเขาคือมาดามไดอาน่าผู้เป็นคู่ชีวิต เธอวิ่งตรงมาหาลูกชายคนโตด้วยสีหน้าและแววตาด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง



“เอ็ดเวิร์ด เป็นยังไงบ้าง”



ดวงตาสวยของมาดามไดอาน่าคลอไปด้วยน้ำตา ร่างของหญิงสาววัยกลางคนโอบกอดแผ่วเบา ใจของผู้เป็นแม่แทบสลายเมื่อรู้ข่าวว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นลมล้มพับกลางที่ทำงาน โชคดีที่ดอมอยู่ด้วยถึงพาเอ็ดเวิร์ดมาโรงพยาบาลได้ทัน ถ้าไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ได้เห็นหน้าลูกชายคนโตอีกแน่



“แกหลับไปสองวันเต็มๆ รู้ไหมว่าทำเอาแม่ของแกไม่เป็นอันกินอันนอน”



สองวัน?...นี่เขาหลับไปถึงสองวันอย่างนั้นหรือ



เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้วให้กับคำพูดของมาวิส ทันทีที่ตื่นขึ้นมาเขาคิดว่านอนหลับแค่ไม่กี่ชั่วโมงจึงไม่ได้ถามพยาบาล แต่นี่มันกลับไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิด...เอ็ดเวิร์ดคิดถึงหน้าคนรออยู่ที่บ้าน ใจของเขาสั่นระรัวจนแทบควบคุมไม่อยู่ เขาถอดเข็มน้ำเกลือที่อยู่ตรงแขน แรงกระชากที่มีทำให้เลือดมันไหลย้อนไปสู่ท่อสายยาง เอ็ดเวิร์ดกระทำอุกอาจท่ามกลางสายตาของมาวิสและไดอาน่า



หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 6.2 [อัพ 27/9/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 27-09-2016 19:17:13




เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้วให้กับคำพูดของมาวิส ทันทีที่ตื่นขึ้นมาเขาคิดว่านอนหลับแค่ไม่กี่ชั่วโมงจึงไม่ได้ถามพยาบาล แต่นี่มันกลับไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิด...เอ็ดเวิร์ดคิดถึงหน้าคนรออยู่ที่บ้าน ใจของเขาสั่นระรัวจนแทบควบคุมไม่อยู่ เขาถอดเข็มน้ำเกลือที่อยู่ตรงแขน แรงกระชากที่มีทำให้เลือดมันไหลย้อนไปสู่ท่อสายยาง เอ็ดเวิร์ดกระทำอุกอาจท่ามกลางสายตาของมาวิสและไดอาน่า



ชายหนุ่มที่ยังคงดื้อดึงอยากกลับบ้านกลับสิ้นท่าให้กับคำสั่งของผู้เป็นพ่อ มาวิสและไดอาน่าไม่ยอมให้เอ็ดเวิร์ดกลับไปที่พักจนกว่าจะหาย



“ไม่ได้ครับ คุณต้องพักผ่อน”



ชายผู้เป็นผู้รักษายังคงไม่ยอมอีกเช่นกัน ในเมื่อเอ็ดเวิร์ดเป็นคนไข้ ร่างกายยังไม่แข็งแรง คงจะให้กลับบ้านในตอนนี้ก็คงจะไม่ได้



“ผมไม่เป็นอะไร ขอบคุณมากครับ ผมจะกลับบ้าน”



ร่างสูงยังคงดื้อดึง เอ็ดเวิร์ดลุกขึ้นจากเตียง สองขาที่ยังไม่ได้หย่อนถึงพื้นกลับเกิดเซกระทันหันเพราะอาการวูบไหว ด้วยร่างกายที่ยังไม่ปรับสภาพ เอ็ดเวิร์ดยังคงไม่หายขาดจากอาการที่เป็น คนหนุ่มที่แข็งแรงอย่างเขาจึงกลายเป็นคนอ่อนแอได้อย่างไม่มีข้อกังขา



“แกต้องอยู่ที่นี่เอ็ดเวิร์ด!” มาวิสออกคำสั่ง



“ผม...” เอ็ดเวิร์ดจะท้วง เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้ เขาต้องกลับไปที่บ้าน



“มันคือคำสั่งของฉัน”



คนที่เหนือกว่าย่อมเป็นมาวิสอยู่ดี เขาเป็นถึงผู้บริหาร มีลูกน้องนับร้อยนับพัน ให้มันรู้กันไปว่าลูกชายคนโตจะทำให้เขาผิดหวัง



เอ็ดเวิร์ดก้มหน้าทำตามความต้องการ อาการของเขาเริ่มกำเริบ เขาแทบมองไม่เห็นผู้คนที่อยู่รอบด้าน มันพร่ามัวและเรือนราง หายใจก็ติดขัด จนหมอและพยาบาลต้องวิ่งกันให้วุ่นเพื่อรักษา รอบข้างที่เริ่มเอะอะเอ็ดตะโรแต่เอ็ดเวิร์ดกลับไม่ได้ใส่ใจ สิ่งเดียวที่เขารับรู้ก็คือเสียงของมาดามไดอาน่าที่กำลังร้องไห้



กว่าที่เอ็ดเวิร์ดจะตื่นมาอีกทีก็ล่วงเลยไปเป็นช่วงพลบค่ำ พ่อกับแม่ของเขาก็กลับไปแล้วเหลือแต่เพียงพยาบาลสาวที่คอยดูแล ถึงจะหลับไปอีกรอบแต่อาการของเอ็ดเวิร์ดก็ยังไม่หาย เขายังคงรู้สึกมึนหัวอยากจะอาเจียน เมื่อดูแลเสร็จพยาบาลก็ออกไป เหลือแต่เพียงผู้ป่วยที่นอนเดียวดายอยู่บนเตียงคนไข้ เอ็ดเวิร์ดหันมองไปนอกหน้าต่างที่มีแสงจันทร์สาดส่อง ถ้าผ่านไปอีกคืนนี่ก็เป็นคืนที่สามที่เขาไม่ได้กลับบ้าน...เอ็ดเวิร์ดทนไม่ไหว ถึงจะต้องขัดคำสั่งของมาวิสเขาก็จะต้องกลับบ้าน ในตอนที่ไม่มีใครอยู่เขาดึงสายน้ำเกลือที่ถูกเจาะใหม่อีกครั้ง สองขายาวก้าวเท้าออกจากห้องโดยที่พยายามไม่ให้ใครเห็น ทางข้างหน้าที่เริ่มบิดเบี้ยวจนต้องหรี่ตามองเพื่อปรับสภาพให้มันมองเห็นได้ชัด ทุกย่างก้าวที่เดินมันเหมือนมีตะปูมาทิ่งแทงจนก้าวขาแทบไม่ออก



แต่ถึงอย่างนั้นเอ็ดเวิร์ดก็จะต้องกลับบ้าน!



“ฮึก ฮือ ฮือ”



ในบ้านที่ไร้ผู้คนอาศัยอยู่ ในบ้านที่ไม่มีใครนอกเสียจากคนที่อาศัยอยู่ในกระจก อาร์เจนร่ำไห้อย่างน่าสงสาร ทำไมเอ็ดเวิร์ดไม่กลับมา เอ็ดเวิร์ดหายไปไหน  สองวันมานี้มีแต่คำถามซ้ำๆ เดิมๆ วนเวียนอยู่เต็มไปหมด ใบหน้าหวานเปราะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำสีใส ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำจนน่ากลัวเพราะผ่านการร้องไห้มาหนัก



“เอ็ด...เอ็ด หายไปไหน”



สองมือเล็กทุบไปที่กระจกรัว ทำไมถึงออกไปไม่ได้ ทำไมถึงต้องถูกขังอยู่ในกระจก



“เอ็ด ฮือ ฮือ”



ใจของอาร์เจนเหมือนจะขาดรอนๆ เสียงสะอื้นที่ดังอย่างไม่ขาดและมันก็ยังจะคงดังต่อไปเรื่อยๆ อาร์เจนคิดถึงเอ็ดเวิร์ด



ปัง!



เสียงประตูที่เปิดดังทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งโหยง อาร์เจนทอดมองไปยังเบื้องหน้า พลันใบหน้าที่เคยร้องไห้ก็มีรอยยิ้มด้วยความหวัง แต่มันก็แค่เพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น เมื่อคนที่กลับมามีสภาพอิดโรย ร่างสูงที่คุ้นเคยคลานเข้ามายังในห้อง



“อาร์...เจน”



เสียงแหบแห้งของเอ็ดเวิร์ดเอ่ยเรียกชื่อตน



“เอ็ด!”



ยิ่งเห็นสภาพของอีกฝ่ายก็ยิ่งทำให้อาร์เจนร้อนรนมากกว่าเก่า เอ็ดเวิร์ดเป็นอะไรทำไมถึงได้เป็นอย่างนี้

เอ็ดเวิร์ดขยับร่างกายที่โรยราไปหาอาร์เจนที่อยู่ด้านหน้า สายตาที่มัวหมองเห็นแต่เพียงกระจกที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงมุมห้อง ในนั้นมีคนที่รักกำลังร้องไห้ เอ็ดเวิร์ดได้แต่คิด อย่าร้องไห้...ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องห่วง มันไม่มีอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวมันก็ดี...แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความคิด เอ็ดเวิร์ดยังคงคลานไปหาอาร์เจน เขาเอื้อมมือหมายที่จะไปคนด้านหน้า ยิ่งใกล้กับกระจกเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ยินเสียงร้องที่ดังก้องกังวาลด้วยความทรมาน



“ฮืออ เอ็ด...”



ไม่ไหว...ร่างกายมันไม่ขยับ



สิ้นไร้เรี่ยวแรงของคนหนุ่ม เอ็ดเวิร์ดไม่ขยับเขยื้อนพร้อมกับเสียงกรีดร้องของคนในกระจก

 



เอ็ดเวิร์ดที่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง มันเป็นครั้งที่สองที่เขาตื่นขึ้นมาในห้องพยาบาลสีขาวคาดว่าจะเป็นห้องเดิมที่ตื่นมาเมื่อครั้งแรก แต่คราวนี้กลับมีสายตาดุของเพื่อนสนิทมองมาทางเขา วิกเตอร์กำลังโกรธและก็คงเป็นห่วงในคราวเดียวกัน เอ็ดเวิร์ดไม่ได้ถาม เขารู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร ถ้าต้องถูกต่อว่าเขาขออยู่อย่างสงบนิ่งเพื่อรอรับคำด่าทอแต่โดยดี



“อาการเป็นยังไงบ้าง”



ถึงวิกเตอร์จะโกรธเอ็ดเวิร์ดขนาดไหนแต่พอเห็นหน้าเจ้าตัวแล้วเขาก็โกรธไม่ลง เอ็ดเวิร์ดหนีออกจากโรงพยาบาลทำตัวราวกับเด็กสิบขวบ หลังจากที่เขารู้ข่าวก็รีบตามหา และที่ที่เขาไปที่แรกก็คือบ้านของเอ็ดเวิร์ด



ร่างของเพื่อนสนิทได้นอนแน่นิ่งอยู่หน้าประตูห้องตัวเอง สภาพเขาเห็นไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าเอ็ดเวิร์ดปลอดภัย เขาตัวร้อนและหอบใจหายอย่างแรง เนื้อตัวก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ในช่วงเวลานั้นวิกเตอร์กลัวเสียจริงว่าเขาจะสูญเอ็ดเวิร์ดไปตลอดกาล



“อืม ไม่เป็นไร” คนป่วยเอ่ยน้ำเสียงแหบแห้ง เขาขยับร่างกายไม่ได้อย่างที่ใจคิดเนื่องด้วยตัวของเขาถูกมัดด้วยผ้า



“เขามัดไว้เพื่อกันนายหนี”



วิกเตอร์เดินมาอยู่ตรงข้างเตียง เขามองดูคนป่วยที่ถูกมัด เห็นแล้วมันก็ช่างน่าใจหายใจ แต่มันเป็นคำสั่งของเอิร์ลมาวิส ถ้าไม่ทำตามก็คงจะไม่ได้ การกระทำของเอ็ดเวิร์ดที่หนีออกจากโรงพยาบาลเมื่อคืนทำให้มาดามไดอาน่าล้มป่วยไปอีกคน  ผู้คนรอบด้านต่างก็ออกตามหากันจ้าละหวั่น...วิกเตอร์ไม่รู้ว่าบ้านหลังนั้นมีอะไรดี ทำไมเอ็ดเวิร์ดถึงได้อยากกลับไปนัก



วูบหนึ่ง...วิกเตอร์คิดถึงกระจกบานใหญ่ที่เขาเห็นอยู่ในห้องของเอ็ดเวิร์ด ชายหนุ่มนึกฉงน แต่ว่าบางทีอาจจะไม่ใช่ เขาคงคิดมากไปเอง



วิกเตอร์กลับไปแล้ว เพราะมีงานด่วนที่จะต้องทำ เหลือเพียงแค่เอ็ดเวิร์ดอยู่ในห้อง เขายังคงถูกมัด คุณหมอและนางพยาบาลต่างก็เข้ามาตรวจอาการปกติ หลังจากที่ได้ทานข้าวละทานยาไป ด้วยฤทธิ์ของมันเอ็ดเวิร์ดจึงได้หลับไปอีกครั้ง การปฐมพยาบาลก็เป็นไปอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาผู้ป่วย จวบจนล่วงเลยเข้าวันที่ห้า เอ็ดเวิร์ดก็ถูกแก้มัดแต่ก็ยังมีพยาบาลเข้ามาคอยคุมตลอด 24 ชั่วโมง



เอ็ดเวิร์ดรู้สึกผิดที่ทำให้มาดามไดอาน่าล้มป่วย เขารู้สึกผิดที่ต้องทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน แม้จะคิดถึงอาร์เจนขนาดไหน สิ่งที่เขาทำได้ก็มีแค่ทนเพื่อรักษาตัวให้หาย เป็นคนไข้ที่ดีเพื่อที่จะได้กลับบ้านเร็วๆ



“เอ็ดเวิร์ด”



เลดี้พริซซิลล่า ดักลาส ผู้เป็นคนรักเก่าของเอ็ดเวิร์ด เธอเข้ามาเยี่ยมชายหนุ่มพร้อมกับตระกล้าผลไม้ เธอมองดูคนป่วยที่ซูบผอมไปมากจนน่าใจหาย แต่ถึงอย่างนั้นเอ็ดเวิร์ดก็ยังคงดูแข็งแรงกว่าตอนที่เห็นเมื่อครั้งล่าสุด “คุณเป็นยังไงบ้างคะ”



“ผมไม่เป็นอะไร”



มันยังเป็นคำตอบเดิมๆ ที่เขาตอบอยู่เหมือนกับทุกคนที่เข้ามาเยี่ยม ไม่สิ...เรียกได้ว่าร่างกายของเขาเริ่มเป็นปกติ ไม่ได้แย่กว่าเมื่อสามวันที่แล้วสักนิด



“คุณดูผอมลงไปมากนะคะ”



“ครับ”



นี่เขายังดูผอมอีกหรือ...เอ็ดเวิร์ดคิดฉงน เขาว่าเขากินมากแล้วนะ ทำทุกอย่างตามหมอสั่ง แต่พริซซิลล่าก็ยังบอกว่าเขาผอม ถ้าอย่างนั้นเอ็ดเวิร์ดต้องกินมากกว่านี้หรือเปล่านะ



“เอ็ดเวิร์ด”



พริซซิลล่าใจหาย...ปกติแล้วเอ็ดเวิร์ดเป็นคนสงบนิ่งแล้วก็เยือกเย็นก็จริง แต่ไม่ว่าครั้งไหนเขาก็ยังคงดูดีเสมอ แต่ที่ดูย่ำแย่ไปกว่าเก่าคงเพราะว่ากำลังป่วย พริซซิลล่านั่งลงข้างเอ็ดเวิร์ด มือบางทาบทับไปที่หลังมือของคนป่วย แววตาของพริซซิลล่าเต็มไปด้วยความหมายที่เอ็ดเวิร์ดรู้ดียิ่งกว่าใครๆ



เมื่อถ่านไฟเก่ามันยังไม่ดับ มีหรือที่เธอจะยอมอยู่นิ่งๆ



“ฉันเป็นห่วงคุณ เอ็ดเวิร์ด”



“ผมรู้”



ร่างสูงยังคงทำเป็นนิ่ง เขาสบตามองไปยังหญิงสาวอดีตคนรัก



“คุณก็รู้ ว่าฉัน...” หญิงสาวละคำ “ยังรักคุณอยู่ ฉันยังรักคุณ เอ็ดเวิร์ด”



ดวงตาที่สบประสานพร้อมกับความเงียบงันของคนทั้งคู่ ในห้องที่ว่างเปล่ามีแต่เพียงสายลมพัดอ่อนๆ จากนอกหน้าต่างเท่านั้น



เอ็ดเวิร์ดไม่รู้



พริซซิลล่าก็ไม่รู้



สายตาหนึ่งกำลังจับจ้อง และทุกการกระทำ ทุกคำพูดเขาได้ยินชัดเจนจนหมดตั้งแต่ครั้งแรก แล้วคนๆ นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจาก...เอิร์ล มาวิส เนวิลล์


หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 6.2 [อัพ 27/9/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: ayumu ที่ 27-09-2016 23:01:03
สนุกมากค่ะ ตื่นเต้นดี แบบคาดเดาอะไรไม่ได้เลย อาร์เจนน่ารักมากๆ ที่คุณพ่อได้ยินอาจจะทำให้คิดไปว่าที่เอ็ดเป็นแบบนี้เพราะพริซซิลล่าก็ได้  ลุ้นมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 6.2 [อัพ 27/9/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 28-09-2016 07:31:55
สนุกมากค่ะ ตื่นเต้นดี แบบคาดเดาอะไรไม่ได้เลย อาร์เจนน่ารักมากๆ ที่คุณพ่อได้ยินอาจจะทำให้คิดไปว่าที่เอ็ดเป็นแบบนี้เพราะพริซซิลล่าก็ได้  ลุ้นมากๆเลยค่ะ

ขอบคุณคะ ><
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 6.2 [อัพ 27/9/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 28-09-2016 10:58:25
สนุกมากเลยค่ะ ชอบมากไม่ชอบนังชะนีพลิสเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 6.2 [อัพ 27/9/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: chandrarat ที่ 28-09-2016 11:08:45
 :กอด1: :กอด1: อาร์เจนน่ารักมากๆ เลย  เอ็ดอย่าเป็นอะไรนะ ฮือออออ  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 7.1 [อัพ 30/9/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 30-09-2016 18:52:29




กว่าที่เอ็ดเวิร์ดจะออกจาโรงพยาบาลได้ก็ปาไปเป็นอาทิตย์ ทันที่เขาได้รับอนุญาตให้กลับบ้านเอ็ดเวิร์ดก็รีบตรงไปที่บ้านอย่างไม่รีรอ เสื้อสูทสีเทาอ่อนตัดกับกางเกงสีดำกับหมวกรูปทรงยาวตามสมัยถูกสวมพร้อมกับแว่นตาประจำกาย...เอ็ดเวิร์ดนั่งรถม้าจากสถานพยาบาล ตลอดระยะทางที่เต็มไปด้วยผู้คนคับคั่งเพราะเป็นถนนในช่วงกลางวันไม่เหมือนกับตอนกลางคืน การค้าย่อมมีตลอดทาง ไหนจะต้องระวังคนเดินถนน



หญิงสาวมากมายที่อยู่ในชุดกระโปรงบานสะพรั่งลากไปจนถึงพื้น พวกเธอใส่เสื้อผ้าสีสันสดใส ดันทรวงอกเอิบอิ่มจนแทบทะลักออกมาด้านนอก นั่นเป็นความเชื่อว่าการแต่งตัวเช่นนี้จะทำให้พวกเธอดูสวยและสง่า แต่สำหรับเอ็ดเวิร์ด...เขาไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้นสักนิด



ผู้หญิงแม้จะงามเพียงใด...ก็ไม่อาจสู้คนที่อยู่ภายในใจเพียงคนเดียว



“อาร์เจน!”



ร่างสูงร่ำร้องหาคนที่คิดถึงใจแทบขาด เขาวิ่งตรงไปยังห้องนอนขนาดใหญ่ที่คุ้นเคย



“เอ็ด!”



คนผมขาวทาบทับมือไปที่กระจกบานใสที่กั้นระหว่างพวกเขาทั้งคู่...เอ็ดเวิร์ดก็ทำเช่นเดียวกัน ร่างสูงสมส่วนนั่งยองไปตรงหน้าคนตัวเล็ก เขาถอดหมวกออกก่อนที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสตรงนิ้วเรียวของอีกฝ่าย อาร์เจนน้ำหูน้ำตาไหลพราก ดวงตาและจมูกแดงก่ำ ใบหน้าหวานที่เปราะเปื้อนไปด้วยคราบหยาดน้ำสีใส คงผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักไม่ต่างจากอาทิตย์ก่อนที่เห็น



“เอ็ดไม่เป็นอะไรใช่ไหม ฮึก ฮือ ฮือ” ริมฝีปากบางสั่นระริกเอื้อนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง



“อย่าร้องไห้”



เอ็ดเวิร์ดอยากเช็ดคราบน้ำตานั่นนัก เขาไม่ชอบใจที่เห็นอาร์เจนร้องไห้เท่าไหร่ แต่อกด้านซ้ายมันกลับเต้นด้วยความยินดี



อนึ่ง...เขาได้รับความรักจนล้นเปี่ยม



“ผม...ผมเป็นห่วง”



ห่วงแสนห่วง



กลัวแสนกลัว



ทำไมกันนะ...ทำไมถึงออกนอกกระจกไม่ได้ ทำไมถึงได้ไม่เหมือนวันนั้น...เขาสามารถออกไปข้างนอกได้ละก็ก็คงไม่ต้องมานั่งรอคอยด้วยความกลัวเช่นนี้



“ฮึก อย่า...อย่าหายไปไหนอีกนะ”



เสียงสะอื้นยังคงเอื้อนเอ่ย ถ่อยคำที่แสนจะธรรมดาแต่มันกลับอัดแน่นไปด้วยความห่วงใย อาร์เจนคงทนไม่ได้แน่ๆ ถ้าเกิดว่าต้องสูญเสียเอ็ดเวิร์ดไปตลอดกาล ภาพเหตุการณ์เมื่อครั้งนั้นมันยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ เอ็ดเวิร์ดที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงล้มลงต่อหน้าโดยที่เขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้สักนิด อาร์เจนไม่อยากรู้สึกอย่างนั้นอีกแล้ว



มันทรมานเกินไป



จนเหมือนกับตายอีกครั้ง



“จะไม่ทำอีกแล้ว อย่าร้องไห้เลยนะ”



“ฮืออ เอ็ด...”



สองร่างยังคงเบียดเสียดอยู่ตรงบานกระจกกั้น ถึงจะอยู่กันคนละโลก คนละฝั่ง แต่หัวใจสองดวงกลัวเกี่ยวเชื่อมกันอย่างน่าประหลาด หยาดน้ำตาแห่งความเปรมปรีมันยังไหลรินอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าหวานทาบทับไปบนกระจกให้ตรงกับตำแหน่งหน้าอกของเอ็ดเวิร์ด เพียงแค่เห็นหน้า...แค่นี้ก็ดีใจเหลือเกิน



หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลเอ็ดเวิร์ดก็กลับมาทำงานตามปกติ เขาทำงานในส่วนที่ตัวเองขาดไปอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เอ็ดเวิร์ดก็ยังคงเป็นเอ็ดเวิร์ด ที่ยังบ้างานอยู่ตลอดเวลา การทำงานที่มากโขทำให้เขาแทบลืมเรื่องของพริซซิลล่าไปเสียซะสนิท ไม่สิ...แทบเรียกได้ว่าเขาไม่ได้จำด้วยซ้ำ จนกระทั่งได้เห็นหน้าพริซซิลล่าที่อยู่กับดอม...เอ็ดเวิร์ดก็ยังคงทำนิ่ง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้ว่าจะมีสายตาแห่งความห่วงหาอาทรณ์ส่งมาก็ตาม



พริซซิลล่าคืออดีต...



แล้วมันก็คงเป็นเช่นนั้นต่อไป...



 

“เฮ้อ...”



มันเป็นอีกครั้งที่เอ็ดเวิร์ดได้ยินเสียงของวิกเตอร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ร่างสูงกำยำดูเหนื่อยล้ากว่าที่ทวน หมวกสีน้ำตาลอ่อนถูกเอามาพัดเพื่อระบายความร้อน คนร่างสูงเอนกายไปทางด้านหลัง วิกเตอร์รู้สึกเหนื่อยหน่ายจากการทำงานเหลือเกิน ร่างกายมันดูย่ำแย่ลงไปทุกขณะเมื่อต้องอดหลับอดนอนไปหลายวันทีเดียว



ตระกูล ‘เกรย์’ เป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่สืบเชื้อสายกันมาอย่างยาวนาน คอยรับใช้ราชินีอลิซาเบธ ขจัดเรื่องราวที่ชวนปวดหัวให้กับชนชั้นสูง พ่อของเขาเป็นถึงนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เรียกว่าเป็นที่ยำเกรงต่อผู้คนก็ว่าได้...วิกเตอร์เองก็เช่นกัน นอกจากเขากับตระกูลเนวิลล์จะเป็นคู่ค้าทางธุรกิจแล้ว งานอีกอย่างหนึ่งที่วิกเตอร์ทำก็คือทำหน้าที่ในการสืบคดีให้กับองค์ราชินี



ความอ่อนล้าจากการที่ต้องอดหลับอดนอนหลายวัน วิกเตอร์จึงเลือกตรงดิ่งมาที่บ้านเอ็ดเวิร์ดในวันหยุด อย่างน้อยสถานที่นี้เขาก็ยอมรับว่าสบายใจกว่าที่ไหนๆ



“คดีเป็นยังไงบ้าง”



เอ็ดเวิร์ดแสดงตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี เขาเอาน้ำมาเสิร์ฟให้กับคนที่กำลังเหนื่อย นานๆ ทีจะเห็นวิกเตอร์เป็นแบบนี้ ตระกูลขุนนางชั้นสูงก็มักจะวุ่นวายเสมอ พ่อของเขาเองก็เช่นกัน แต่ตัวเอ็ดเวิร์ดที่ไม่ยุ่งวุ่นวายเรื่องของภายใน เขาไม่ชอบ ถึงในอนาคตมันจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องด้วยสภาวะทางครอบครัวและสิ่งแวดล้อม หน้าที่อันหนักอึ้งในตำแหน่ง ‘เอิร์ล’ แล้ว มันช่างหนักหนาสาหัสจริงๆ



“ยังหาตัวคนร้ายไม่ได้”



วิกเตอร์กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด คดีที่พูดถึงเป็นคดีเกี่ยวกับฆาตกรใจโหด ที่ฆ่าหญิงสาวเป็นว่าเล่น...แจ็ก เดอะ ริปเปอร์ (Jack the Ripper)



ฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนในย่าน ‘ไวต์ชาเปล’ ถิ่นยากจนในย่านอีสต์เอนด์ของกรุงลอนดอน ในช่วงครึ่งปีหลังมานี้ทางสำนักพิมพ์ได้ทำการประโคมข่าวและตั้งสมญานามให้กับฆาตกรผู้นี้ ถึงจะมีการสืบสวนและมีทฤษฏีที่น่าเชื่อถือมากมายขนาดไหน แต่ก็ไม่สามารถบ่งบอกโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้ร้ายรายนี้ได้



เหยื่อทั้งหมดของแจ็ก เดอะ ริปเปอร์ เป็นโสเภณี และเป็นผู้หญิง เหยื่อทุกรายจะถูกเชือดคอ หลังจากนั้นก็จะถูกชำแหละตรงช่องท้องหรือที่อวัยวะเพศ บางครั้งก็ตัดอวัยวะของเหยื่อออกมากองอยู่ด้านนอก ข้อสัญนิฐานของผู้ที่สืบคดีจึงอาจเป็นไปได้ว่าแจ็ค เดอะ ริปเปอร์ เป็นคนมีความรู้เกี่ยวกับทางการแพทย์หรือไม่ก็พวกคนชั้นกลางที่ทำอาชีพเกี่ยวกับขายเนื้อ คนร้ายยังคงจับไม่ได้ แม้ว่าจะล่วงเลยเวลามามากโขก็ตาม



“เหนื่อยหน่อยนะ”



เอ็ดเวิร์ดช่างเห็นใจเพื่อนสนิทนักที่ดันมาทำคดียากขนาดนี้



“อืม”



ร่างสูงยิ้มบาง เขาหรี่ตามองคนนั่งอยู่ด้านข้างจนเอ็ดเวิร์ดต้องขมวดคิ้ว



“อะไร”



“แค่เห็นหน้านาย ฉันก็หายเหนื่อยแล้ว”



วิกเตอร์หยอดคำหวาน แต่เอ็ดเวิร์ดกลับหัวเราะเบา มันไม่ใช่เรื่องขำหรือเรื่องน่าหัวเราะต่อความรู้สึกของมนุษย์ เอ็ดเวิร์ดรู้ว่าวิกเตอร์พูดเล่น เขามักจะพูดเช่นนี้อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว... แต่เอ็ดเวิร์ดไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดผิด วิกเตอร์ไม่ได้พูดเล่น เขาพูดอย่างที่ใจคิด บ่งบอกความรู้สึกตัวเองออกมาจนล้นเปี่ยม เขาชอบเห็นตอนที่เพื่อนสนิทหัวเราะ มันเหมือนกับว่าโลกทั้งใบกำลังสดใส



ใครอีกคน...



ที่อยู่อีกฝากฝั่งหนึ่ง...



กำลังไม่พอใจ...



อาร์เจนเม้มริมฝีปากแน่น เขานั่งกอดเข่าอยู่ตรงที่เดิมของโลกอีกฝั่ง ฝั่งที่เขาอยู่มันช่างเงียบเหงาและวังเวง ผิดกับฝั่งของเอ็ดเวิร์ดที่มีแต่เสียงหัวเราะ อีกอย่าง...ผู้ชายคนนั้นมาอีกแล้ว อาร์เจนกำลังคิดถึงวิกเตอร์...ผู้ชายคนนั้นมีความรู้สึกอื่นเกินเลยมากกว่าคำว่า ‘เพื่อน’



สายตานั่นที่บ่งบอกถึงความรักและความหวงแหน อาร์เจนย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ เพียงแต่ว่าคนอยู่ใกล้ตัวกลับมองไม่เห็น แต่อาร์เจนรู้อยู่เต็มอก...ความเดือดดาลเข้ามาแทนที่ ร่างน้อยเริ่มหายใจรุนแรง ความรู้สึกบางอย่างกำลังปะทุเดือดขึ้นมาในจิตใจอย่างเชื่องช้า มันกัดกินความรู้สึกไปทีละนิด จนในที่สุดก็กลายเป็นความไม่พอใจ

หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 7.1 [อัพ 30/9/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: ayumu ที่ 02-10-2016 20:08:03
อาร์เจนลูก กอดหน่อยๆ :กอด1:  เอ็ดหน่ะ เค้าให้ความสำคัญกับหนูมากนะ ใจเย็นๆ
เป็นห่วงเอ็ดจังเลย  :mew6:
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 7.1 [อัพ 30/9/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: chandrarat ที่ 03-10-2016 12:29:16
อาร์เจนโกรธแบบนี้ จะมีพลังขนาดที่ออกมาจากกระจกได้อีกรึเปล่า เอ็ดกลับบ้านมาแล้ว พลังก็จะโดนดูดจนป่วยหนักอีกมั้ยอ่า
เป็นห่วงเอ็ดจัง  :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 7.2 [อัพ 7/10/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 07-10-2016 21:24:47




เหมือนมีบางอย่างมาปะทุเดือนในห้วงอารมณ์ ดวงตาทั้งสองข้างที่เป็นสีนิลกาฬก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างไม่รู้ตัว ฝ่ามือบางที่ทาบทับบนกระจกมีพลังบางอย่างที่อาร์เจนมองไม่เห็น มันกำลังถูกปลดปล่อยออกมาจากร่าง ไม่สิ...พลังนั้นมันถูกปล่อยมาทั่วร่างจนเส้นผมสีขาวปลิวไสว



เอ็ดเวิร์ด!



ออกไปจากที่นี่!



นิ้วเรียวยาวค่อยๆ โผล่พ้นออกมานอกกระจก อาร์เจนไม่รู้ตัว เงาดำทะมึนก็ถูกปลดปล่อยจากร่างกายขาว มันแผ่ขยายไปทั่วท้องห้อง



บางอย่าง...กำลังแล่นอยู่ในห้วงความทรงจำที่ลืมเลือน



‘ทำไม ทำไม...’



...เราเลิกกันเถอะ ฉันหมดรักเธอแล้ว



‘ไม่จริง! คุณโกหก!’



...เราเลิกกันเถอะ



“ไม่...”



‘ผมรักคุณ’



...ไปซะ! ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก!



‘ได้โปรด ฮึก ฮือ’



…ออกไป!



ความทรงจำบางอย่าง มันกำลังไหลเข้ามาอย่างช้าๆ อาร์เจนเปลี่ยนเป็นจับไปที่หัวที่มันเริ่มปวดอย่างกะทันหัน ร่างน้อยทรุดเข่าลงกับพื้นพร้อมกับส่งเสียงด้วยความทรมาน



...ตายซะ!



...ตายไปซะ!



เสียงหนึ่งยังคงดังในหัว



‘ไม่ว่าคุณจะทำผิดขนาดไหน แค่คุณพูดเพียงคำเดียว...’



สิ่งที่ยังอยู่ในความทรงจำ



“ม่ายย!!!!”



อาร์เจนกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ควันสีดำอันใหญ่ก็ยิ่งแผ่ขยายพัดพาเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ รวมทั้งหนังสือนิทานให้ปลิวไสวกระจัดกระจายไปทั่วห้อง ยิ่งคิดถึงสิ่งที่ลืมเลือนก็ยิ่งเจ็บปวดจนแทบอยากร้องไห้ มันมีบางอย่างที่มากกว่านั้น บางอย่างที่ทำให้อาร์เจนเจ็บปวดเสียจนอยากฆ่าให้ตาย



เพล้ง!



ด้วยพลังที่ถูกปลดปล่อยกะทันหัน แจกันที่ตั้งประดับอยู่ในห้องเอ็ดเวิร์ดจึงแตกละเอียด เสียงที่ดังกึกก้องไปทั่วทำให้คนที่อยู่ด้านนอกวิ่งเข้ามาในห้อง



เอ็ดเวิร์ดมองไปรอบห้องที่มีแต่ควันสีดำ รูปร่างของมันเขาเคยเห็นเมื่อครั้งตอนที่เจอกับอาร์เจนครั้งแรก แต่ใหญ่ยิ่งกว่า รูปร่างของมันยังคงน่าเกลียดน่ากลัวไม่เปลี่ยน เมื่อเห็นท่าว่าจะไม่ดีเอ็ดเวิร์ดจึงได้รีบวิ่งไปหาคนผมขาวที่อยู่ในกระจก สิ่งที่เอ็ดเวิร์ดเห็นมีเพียงแค่เพียงตัวของอาร์เจนที่หงายหลังไปทางด้านหลัง คนตัวเล็กกำลังหมดแรงอยู่อีกฝากหนึ่ง



“อาร์เจน!”



ร่างสูงยังคงตกตะลึง เขาเอ่ยเรียกชื่อคนผมขาว...อาร์เจนก็ล้มลงไปกับพื้นเสียแล้ว ใบหน้าขาวที่ซีดเผือกเป็นทุนเดิมกลับขาวยิ่งกว่าเก่า เอ็ดเวิร์ดทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากตะโกนเรียกคนสลบอยู่ฝั่ง เขาไม่เคยเห็นอาร์เจนเป็นเช่นนี้ ใจของชายหนุ่มเต้นระรัวไปด้วยความกังวล



“เอ็ดเวิร์ด มีอะไรหรือเปล่า”



วิกเตอร์ที่เห็นเอ็ดเวิร์ดหายไปนานจึงได้เข้ามาดู เขาขมวดคิ้วให้กับสภาพห้องที่เห็น ห้องทั้งห้องราวกับว่าถูกรื้อจากบุคคลภายนอก แจกันก็แตกละเอียดไม่มีชิ้นดี แต่แทนที่เอ็ดเวิร์ดจะเข้ามาดูส่วนที่เสียหายแต่กลับเดินไปอยู่ตรงบานกระจกที่ยังตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า แต่น่าแปลก...กระจกบานนั้นมันกลับตั้งอยู่ที่เดิม ไม่มีอะไรเสียหาย ไม่แม้แต่จะถอยห่างออกมาจากที่เดิม



“แมวมันคงเข้ามา”



มันคือคำแก้ตัวที่ไม่ค่อยน่าเชื่อสักเท่าไหร่ วิกเตอร์มองไปยังบานหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้ สายลมที่พัดอ่อนๆ ทำให้ผ้าม่านหน้าต่างปลิวไสวไปตามแรงลม ในเมื่อเอ็ดเวิร์ดบอกเช่นนั้น เขาก็จะเชื่อ แม้ว่าส่วนลึกของจิตใจแล้วมันไม่อยากเชื่อเต็มร้อยก็ตาม...วิกเตอร์รู้ว่าไม่ควรแคลงใจกับเอ็ดเวิร์ด แต่ความรู้สึกบางอย่างมันห้ามกันไม่ได้ ยิ่งเห็นดวงตาที่ซื่อออกมาด้วยความเศร้านั้นมันก็ยิ่งทำให้เห็นว่าเอ็ดเวิร์ดให้ความสำคัญกับกระจกบานนั้นมากขนาดไหน



มันมีอะไรดี?



ถึงตอนนี้วิกเตอร์ก็ยังไม่รู้...เขามองมันก็เป็นกระจกเก่าธรรมดา ที่เห็นได้ทั่วไป ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ หรือว่าบางที...มันอาจไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคิด



กระจกบานนั้น...มันอาจมีบางอย่าง...ที่วิกเตอร์ไม่รู้

 



อีกทางด้านหนึ่ง ตระกูลเนวิลล์และลูกสาวตระกูลดักลาสกำลังทานอาหารอยู่บนโต๊ะอาหารสไตล์ยุโรป พริซซิลล่าในชุดสีชมพูอ่อนมีระบายตรงกระโปรงอย่างสวยงามอย่างชนชั้นสตรีชั้นสูง ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มให้กับบุคคลที่จะเป็นว่าที่พ่อกับแม่ในอนาคตในฐานะลูกสะไภ้ของตระกูลเนวิลล์



“เนื้อแกะอย่างดี แม่เตรียมเอาไว้ให้ ลองทานดูซิจ๊ะพริซซิลล่า” มาดามไดอาน่าเชื้อเชิญให้เลดี้พริซซิลล่าทานอาหารมือพิเศษที่เธอเตรียมเอาไว้ให้ “ดอม ตักให้พริซซิลล่าสิ”



“ครับ” ลูกชายคนรองพยักหน้ารับพลางเอื้อมมือไปตัดเนื้อแกะที่ถูกปรุงรสได้อย่างดิบดีให้กับคู่หมั่น



พริซซิลล่ายิ้มสวย “ขอบคุณคะ”



หญิงสาวตักเนื้อเข้าปาก ด้วยมารยาทที่ถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดีจึงทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบต่อหน้ามาดามไดอาน่า



“อร่อยไหม”



“ค่ะ” เธอพยักหน้าตอบรับ “หายดีแล้วเหรอคะ” ก่อนเป็นฝ่ายเอ่ยถาม



“ยังเลย สงสัยเป็นโรคคนแก่” มาดามไดอาน่าพูดติดตลก เธอป่วยตั้งแต่รู้ว่าเอ็ดเวิร์ดหนีออกจากโรงพยาบาล ถึงจะผ่านมาร่วมอาทิตย์แต่ก็ยังคงไม่หายขาด



บนโต๊ะอาหารที่มีเสียงพูดประปรายของเหล่าหญิงสาว เอิร์ลมาวิสที่นั่งอยู่หัวโต๊ะสุดได้แต่เพียงส่งรอยยิ้มบางให้กับมาดามไดอาน่าผู้เป็นภรรยาและเลดี้พริซซิลล่าคอยฟังเรื่องราวต่างๆ ที่พวกเธอเจื้อยแจ้วโดยมีดอมเป็นคนคอยเสริมบ้างบางเวลา แต่สิ่งที่มาวิสไม่ชอบที่สุดก็คงจะเป็นตอนที่พริซซิลล่าเอาแต่เอ่ยพูดเรื่องของเอ็ดเวิร์ด ด้วยความเป็นผู้ใหญ่และไม่ต้องการจะทำให้บรรยากาศบนโต๊ะทานอาหารต้องมัวหมอง เอิร์ลมาวิสถึงเก็บความไม่พอใจเอาไว้ เขาคอยมองพฤษติกรรมของเลดี้พริซซิลล่าอย่างเงียบๆ



ครั้งหนึ่งเมื่อก่อนที่จะได้เจอกับดอมเธอเองก็เคยมานั่งตรงนี้แต่คนที่เธอนั่งด้วยกลับเป็นชายอีกคนที่ไม่ได้เป็นคู่หมั่น เอ็ดเวิร์ดเคยเป็นคนที่เธอตกลงปลงใจที่จะแต่งงานด้วยเพราะด้วยฐานะทางสังคมที่อยู่ชนชั้นสูงในระดับเดียวกัน ครอบครัวของเอ็ดเวิร์ดและครอบครัวของเธอต่างก็ไม่ได้น้อยหน้ากันสักนิด



แต่เอ็ดเวิร์ดกลับปล่อยให้เธอต้องทนเหงาเพราะการบ้างานของเจ้าตัว ด้วยความสาวและความสวยกับอายุที่ยังคงเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น พริซซิลล่าก็ยังคงเป็นผู้หญิงทั่วไปอยู่ดีที่ต้องการการเอาอกเอาใจจากแฟนหนุ่ม แล้วเอ็ดเวิร์ด...ก็ให้เธอไม่ได้



มันจวบเหมาะกับช่วงจังหวะที่ดอมกลับมาพอดี เธอได้เจอกับดอมครั้งแรกก็ตอนที่กำลังเดินอยู่ในตลาด ในตอนนั้นพริซซิลล่ากำลังเดือดร้อนต้องการขอความช่วยเหลือเพราะถูกเหล่าคนไม่ดีเข้ามาทำร้ายคิดจะลักทรัพย์เพราะเห็นว่าเป็นลูกผู้ดี ดอมที่อยู่แถวนั้นจึงได้เข้ามาช่วยและกลายเป็นอัศวินของเธอในทันที



ความเหงาที่ถูกคนรักหมางเมินมีมากจึงทำให้หญิงสาวเลือกที่จะรักคนใหม่ แม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นน้องชายของอดีตคนรักก็ตาม...ดอมที่เป็นคนรักใหม่ เขามีดีทุกอย่าง ถึงภายนอกจะทำตัวเหลวแหลกแต่ดอมกลับเก่งกว่าที่คิด เขาสามารถจัดการเรื่องต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังคอยดูแลเธอในคราวเดียวกัน จึงทำให้พริซซิลล่าคิดว่าดอมคือคนรักที่สมบูรณ์แบบและเธอเองก็รักดอมมากเช่นกัน



แต่พริซซิลล่าคิดผิด...ถึงดอมจะดีขนาดไหน แต่ภายในจิตใจมันไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าแท้จริงแล้วเธอก็ยังคงรู้สึกรักเอ็ดเวิร์ดเช่นเดียวกัน ยามที่ถูกเอ็ดเวิร์ดหมางเมินเธอก็ยิ่งโหยหา แม้กระทั่งในเวลาเช่นนี้...พริซซิลล่าก็ยังคงคิดถึงเอ็ดเวิร์ด



หลังจากที่ทานอาหารจนเสร็จพริซซิลล่าก็ยังอยู่ในบ้านเนวิลล์ เธอรอดอมอยู่ในห้องโถงใหญ่ด้านล่าง มาดามไดอาน่าก็กลับขึ้นห้องไปแล้วโดยมีเอิร์ลมาวิสคอยเป็นคนดูแลอยู่ไม่ห่าง ส่วนดอมก็ขอตัวไปเคลียร์งานให้เสร็จเพื่อที่ว่าจะได้มีเวลาให้เธอมากขึ้น



ความเบื่อหน่ายที่ต้องทนรอคู่หมั่นเป็นชั่วโมง จึงทำให้พริซซิลล่าเลือกที่จะเดินเล่นรอบห้องโถง เธอมองรูปวาดจิตกรรมที่ถูกแขวนอย่างสวยงาม แต่ละภาพมันบ่งบอกได้ถึงรสนิยมของผู้สะสม...พริซซิลล่าเดินดูไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเดินมาถึงชั้นสองของตัวบ้าน ดวงตาของเธอก็มองไปเห็นหญิงรับใช้สาวที่ถือถังสำหรับทำความสะอาดออกจากห้องเอ็ดเวิร์ด...ด้วยความคิดถึงที่ยังคงมีต่อชายหนุ่มจึงทำให้พริซซิลล่าเดินไปยังห้องที่เพิ่งถูกปิดไปเมื่อสักครู่



หญิงสาวชั่งใจอยู่ชั่วครู่หนึ่ง เธอรู้ว่ามันไม่ดีที่ต้องแอบเข้าไปในห้องของผู้อื่น จิตใต้สำนึกมันก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันไม่สมควร เธอกับเอ็ดเวิร์ดจบไปแล้ว สำหรับพวกเขามันก็เป็นแค่เรื่องอดีตเท่านั้น พริซซิลล่ากำลังจะเป็นว่าที่ลูกสะไภ้ของตระกูลเนวิลล์ แต่เธอก็ไม่อาจหักห้ามใจได้อยู่ดี



ไม่มีใครอยู่และไม่มีใครเห็น



พริซซิลล่าเดินเข้าไปข้างใน หญิงสาวเดินไปตรงเตียงที่เป็นที่เคยนอนของเอ็ดเวิร์ด ทุกอย่างมันยังคงอยู่ดีเหมือนเดิม ยังคงสะอาดเพราะห้องนี้ได้รับการดูแลอยู่ตลอดเวลา กลิ่นไอของชายหนุ่มที่คุ้นเคยทำให้พริซซิลล่าอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง เธอเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกลนัก หยิบเสื้อนอกสีเทาเข้มชิ้นหนึ่งออกมาจากตู้



เธอคิดถึงเอ็ดเวิร์ด...



เสื้อของเอ็ดเวิร์ด...



ห้องของเอ็ดเวิร์ด...



พริซซิลล่ากอดเสื้อคนคิดถึงไว้แน่นแนบอก ราวกับว่ามันเป็นตัวแทนของเจ้าของห้อง...โดยที่เธอไม่รู้ ว่ามีคนกำลังแอบมองอยู่ด้านนอก สายตาคมมองการกระทำของเธออย่างเงียบๆ ภายใต้บานประตูที่ถูกปิดไว้ไม่สนิท



เอิร์ล มาวิส เนวิลล์ ถอนหายใจยาวให้กับว่าที่ลูกสะไภ้ในอนาคต นับว่าเป็นครั้งที่สองที่เขาเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ครั้งหนึ่งก็ที่โรงพยาบาล ครั้งนี้ก็ที่ห้องของเอ็ดเวิร์ด...ถึงพวกเขาจะเคยคบกันมาก่อนแต่มันก็เป็นเพียงแค่อดีต



บางที...คงต้องตัดไฟแต่ต้นลม









TAKE

ขอบคุณที่ยังมีคนหลงเข้ามาอ่านนะค๊าา ขอบคุณมากคะ ><
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 7.2 [อัพ 7/10/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: ayumu ที่ 07-10-2016 22:01:22
คุณพ่อเข้าใจผิดนะค่ะ ไม่ว่าพริซซิลล่าจะรู้สึกยังไงในตอนนี้ เอ็ดเปลี่ยนใจไปรักอาร์เจนแล้วนะ นี่คงคิดจะให้พริซซิลล่ากับดอมรีบแต่งงานกันแน่ๆ เฮ้อ พริซซิลล่าจะเสียใจตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว เพราะเธอเป็นเลือกเองนะให้มันเป็นแบบนี้ ยอมรับเหอะตอนนั้นตัวเองแย่มากที่เลิกกับพี่แล้วมาหมั้นกับน้องแทน ใจร้ายกับเอ็ดมากนะนั่น
วิกเตอร์เริ่มสงสัยแล้วล่ะ  :mew2:
อาร์เจน :sad4:  ใครกันนะที่ทอดทิ้งคนน่ารักอย่างอาร์เจนได้ลงคอ คือความทรงจำเริ่มกลับมาแล้ว เงาดำน่ากลัวมากอ้ะ คนที่ทำร้ายจิตใจอาร์เจนในอดีตคงไม่ใช่เอ็ดใช่ม้ายยยอย่าเลย  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 8.1 [อัพ 17/10/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 17-10-2016 20:35:27




กว่าอาร์เจนจะฟื้นขึ้นมาก็ปาไปอีกวัน เอ็ดเวิร์ดนั่งเฝ้าคนอีกฝั่งอยู่หน้ากระจกไม่ไปไหน เพราะแตะเนื้อต้องตัวไม่ได้จึงทำให้นึกกลัวว่าจะสูญเสียอาร์เจนไปตลอดกาล ถ้าเกิดเป็นเช่นนั้นเขาคงทนไม่ได้ อาร์เจนเปรียบเหมือนลมหายใจและชีวิต



“ปวดหัวไหม ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า เจ็บตรงไหนไหม”



ร่างสูงถามรัวๆ ด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยจนคนในกระจกถึงกับอดขำ ไม่ได้ ที่ขำเพราะว่าเอ็ดเวิร์ดคงลืมไปแล้วเสียมั้ง



“เอ็ด...ผมไม่ใช่คนนะ”



คนถูกแซวเก้อเขิน “นั่นสิ”



อาร์เจนใช่มนุษย์...



เขาเป็นแค่วิญญาณที่ยังสิงอยู่ในกระจก เพื่อรอวันที่จะไปเกิดใหม่ มันนานแค่ไหนไม่รู้...หลังจากที่ได้พบกับเอ็ดเวิร์ดชีวิตประจำวันที่เลื่อนลอยก็เปลี่ยนไปสิ้นเชิง อาร์เจนมีความสุขทุกครั้งที่อยู่กับผู้ชายคนนี้ เอ็ดเวิร์ดคือความหมายของชีวิต



มือบางที่ทาบอยู่บนกระจก ฝ่ามือของอาร์เจนอยู่ตรงตำแหน่งเดียวกับคนอีกฝั่ง ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ขนาดร่างกายกลับแตกต่างกันเหลือเกิน...สองสายตาที่สบประสาน ดวงตาของคนทั้งคู่เต็มไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง ร่างสูงใหญ่เขยิบเข้ามาใกล้กับคนตัวบางตรงหน้า ใกล้จนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดัง



ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก



ริมฝีปากหนาทาบทับไปที่บานกระจกพร้อมกับอาร์เจนเช่นกัน ลิ้นเปียกชื้นกำลังทำการแสดงเต้มรำด้วยความเชื่องช้าแต่มันกลับหอมหวานจนน่าลิ้มลอง ร่างกายมันเป็นไปโดยอัตโนมัติ มันร้อนรุ่มเหมือนดั่งไฟเผา น่าแปลกที่วิญญาณกลับรู้สึกเช่นนี้ ช่วงกลางลำตัวก็ปวดหนึบ มันเต้นตุบๆ ตามจังหวะของหัวใจที่เต้นกระหน่ำ ความรู้สึกอยากกระหายที่ไม่ได้มีมานานเริ่มเข้ามาเป็นดั่งเกลียวคลื่นที่ซัดสาด จนอาร์เจนแทบทนไม่ไหวต้องร่ำร้องหาชายหนุ่ม



“เอ็ด...”



กายขาวบิดเร้าด้วยความทรมาน เฉดเช่นเดียวกับคนร่างสูง



“อา...อาร์เจน”



สัมพันทางกายเริ่มทำผ่านกระจก...เอ็ดเวิร์ดลูบไล้ไปที่แผ่นใสแทนการสัมผัสกับเนื้อนวลโดยตรง เขายอมรับอย่างหน้าไม่อายว่าต้องการอาร์เจนมากเหลือเกิน เมื่อร่างกายสัมผัสกันไม่ได้ ทั้งอาร์เจนกับเอ็ดเวิร์ดก็เหมือนรู้กันโดยสัญชาตญาณ พวกเขาเคลื่อนมือไปยังกลางลำตัวที่มีบางอย่างกำลังนูนพองไม่แพ้กัน



“...เอ็ด” อาร์เจนเอ่ยเรียกชื่ออีกครั้ง



“ฉันต้องการเธอ”



นัยน์ตาสื่อความต้องการอย่างเห็นได้ชัดจนคนฟังหน้าแดงซ่าน...อาร์เจเค้นยิ้มบางอย่างเขินอาย ถึงจะเป็นเพียงวิญญาณ ถึงจะเป็นสิ่งที่หลายคนอาจไม่เชื่อว่ามีจริง แต่ความรู้สึกนี้มันไม่ได้โกหก อาร์เจนก็ต้องการเอ็ดเวิร์ดเช่นเดียวกัน



ร่างน้อยเคลื่อนหน้าเข้าใกล้อีกครั้งพลางทำท่าจูบให้ตรงกับริมฝีปากของคนตัวสูงกว่า อาร์เจนทำตามที่เอ็ดเวิร์ดต้องการเสมอ ไม่ว่าอะไรก็ทำให้ได้ทั้งนั้น...สองร่างพากันเบียดเสียดแผ่นกระจก อาจเพราะเคยเป็นมนุษย์มาก่อนอาร์เจนถึงได้ทำตามสัญชาตญาณโดยง่าย มือบางจับไปที่แก่นกายของตัวเอง เอ็ดเวิร์ดก็เช่นเดียวกัน



ความใหญ่โตสมชายชาตรีถูกงัดออกมาสู้ลมด้านนอก เอ็ดเวิร์ดยังคงจับจ้องคนอีกฝั่ง เขายิ้มให้กับสิ่งที่น่ารักสมกับเจ้าตัวด้วยความชอบใจ ตรงแก่นกลางลำตัวมันช่างเหมือนเจ้าของเสียจริง แต่คนถูกจ้องกลับเขินอายจนแทบอยากหนีไปให้พ้นๆ แต่ถูกสายตาคมจับเอาไว้จึงทำให้แม้แต่ขาก็ไม่อาจขยับหนีได้อย่างใจนึก



“ฉันรักเธอ”



คำบอกรักที่ถูกเอ่ยอย่างไม่ทันตั้งตัว หัวใจก็ยิ่งเต้นกระหน่ำ



“ผมก็รักเอ็ด”



มันเป็นความรักของคนสองคน ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่เอ็ดเวิร์ดกลับไม่เคยนึกรังเกียจ เขารักอาร์เจนมากจนไม่อาจสูญเสียไปได้



เอ็ดเวิร์ดคลำไปที่ของสงวน เขาสาวมือขึ้นลงไปมาสลับเบา ส่วนหัวที่มีสีแดงดูน่าอร่อยก็เริ่มมีน้ำปริ่มตรงปลาย เสียงครางอื้ออ้าในลำคอของชายหนุ่มมันทำให้คนฟังคล้อยตามอารมณ์มากกว่าเก่า ราวกับว่ามีมนต์สะกด อาร์เจนทำอย่างเอ็ดเวิร์ดบ้าง ทุกครั้งที่จับต้องไปตรงส่วนกลางลำตัวก็ยิ่งเสียวกระสัน ใบหน้าหวานทาบทับไปบนกระจก ลมหายใจอุ่นร้อนถูกเป่าพ่นพร้อมกับจินตนาการที่ไร้ขอบเขต



เอ็ดเวิร์ดกำลังโลมเลีย



เอ็ดเวิร์ดกำลังจูบ



เอ็ดเวิร์ดกำลังสอดใส่เข้ามาด้านใน



“อ๊า!~”



ไม่นานนักเสียงครางหวานก็หวีดร้องพร้อมกับสิ่งหนึ่งที่ออกมาจากส่วนปลาย เอ็ดเวิร์ดก็เช่นเดียวกัน แก่นกายขนาดใหญ่ปล่อยพ่นน้ำสีขาวราดรดไปบนบานกระจาก ความเหนื่อยหอบถาโถมเข้าสู่คนทั้งคู่ ถึงจะปลดปล่อยห้วงอารมณ์ไปแล้วแต่มันก็ยังไม่เพียงพอ



พวกเขาหัวเราะ...แล้วลงมือทำมันอีกครั้ง



โดยที่เอ็ดเวิร์ดไม่รู้...ว่าความสุขนั้นกำลังจะจบลง



 

ด้วยความเป็นห่วงในตัวเพื่อนสนิท จึงทำให้วิกเตอร์มาหาเอ็ดเวิร์ดอีกครั้งในวันถัดไป...เขากำลังคิดว่าหลังจากที่เอ็ดเวิร์ดออกมาจากโรงพยาบาลก็ดูแปลกๆ เอ็ดเวิร์ดดูสนใจกระจกบานนั้นจนน่าเป็นห่วง ยิ่งตอนเห็นกำลังเก็บเศษซากของแจกัน เอ็ดเวิร์ดเอาแต่ทำหน้ากระวนกระวายเหมือนมีอะไรทำให้เขาต้องเป็นกังวล ส่วนเรื่องอะไรนั้นวิกเตอร์ยังไม่รู้ แล้วเขาก็จะต้องรู้ให้ได้!



บานประตูที่ไม่ได้ล็อก มันสามารถเปิดออกมาจากด้านนอกได้ วิกเตอร์นึกเอ็ดเจ้าของบ้านนักที่สะเพร่าไม่ยอมล็อกแต่โดยดี ถ้าเกิดว่ามีโจรกับขโมยขึ้นมาจะทำยังไง



“ฮะ ฮะ”



วิกเตอร์เดินเข้ามาในบ้าน เขาได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากอีกทาง เขาจำได้ว่ามันเป็นเสียงของเอ็ดเวิร์ด



แล้วเอ็ดเวิร์ดกำลังหัวเราะกับใคร?



ความสงสัยที่มีมากทำให้ชายหนุ่มเลือกที่จะเดินย่องเข้าไปเงียบๆ ทำตัวราวกับหัวขโมยที่ต้องการบุกมาปล้นเจ้าของบ้านในทีเผลอ...วิกเตอร์เดินตรงมายังห้องของคนน่าสงสัย เขาได้ยินเสียงหัวเราะและพูดคุยดังชัดเจนขึ้น จนอดไม่ได้ที่จะต้องมองลอดไปยังช่องประตูที่ถูกเปิดแง้มออกด้วยฝีมือของตน



ภาพที่เห็น...เอ็ดเวิร์ดนั่งอยู่หน้ากระจก เขายังคงใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวตามสไตล์ ใส่กางเกงขายาวเหมือนทุกครั้ง แขนตรงข้อศอกถูกพับขึ้นเพื่อให้ดูทะมัดทะแมง หัวใจของชายหนุ่มเต้นระรัวอย่างไม่ทราบสาเหต แล้วสิ่งที่ทำให้ตกตะลึงไปกว่านั้นก็คือเอ็ดเวิร์ดที่กำลังเคลื่อนหน้าไปจูบกระจก



“เอ็ดเวิร์ด!” วิกเตอร์ขานเรียกชื่อคนที่ทำตัวแปลก เอ็ดเวิร์ดที่นั่งอยู่หน้ากระจกหันมองคนที่เข้ามาใหม่ ครู่หนึ่งวิกเตอร์เห็นเอ็ดเวิร์ดทำสีหน้าไม่พอใจแต่ก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางในแบบฉบับของเจ้าตัว “นายคุยกับใคร?”



ด้วยความสงสัยจึงได้เอ่ยถามในทันที



“เปล่านี่” คนตอบลุกขึ้นยืน “นายมีอะไรหรือเปล่าวิกเตอร์”



คนถูกเรียกขมวดคิ้วให้กับท่าทีที่ใจเย็นของอีกฝ่าย เอ็ดเวิร์ดทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำราวกับว่าเมื่อครู่นี้ที่เขาได้ยินเอ็ดเวิร์ดพูดคุยมันเป็นสิ่งที่เขาหูฟาดไปเอง ตั้งแต่เอ็ดเวิร์ดได้กระจกบานนี้มาเขาก็ดูแปลกๆ



“ฉันว่า...นายลองไปหาหมอดูไหม เอ่อ หน้านายยังดูซีดอยู่เลย ฉันกลัวว่านายจะยังไม่หายดี” มันเป็นข้ออ้างที่วิกเตอร์คิดขึ้นมาได้ อย่างน้อยความรู้สึกบางอย่างมันก็บอกกับเขาว่าเอ็ดเวิร์ดควรถอยห่างออกจากกระจกบานนั้น



“ฉันหายดีแล้ว นายกังวลมากไปแล้ววิกเตอร์” ร่างสูงแสร้งหัวเราะ



“ฉันว่านายกำลังป่วย” วิกเตอร์ก็ไม่ลดละความพยายามเช่นกัน ในตอนนี้เขาอยากให้เอ็ดเวิร์ดไปหาหมอ



“ฉันไม่ได้บ้า!” เอ็ดเวิร์ดเผลอขึ้นเสียงใส่ ดวงตาภายใต้แว่นถลึงตามองเพื่อนสนิท เอ็ดเวิร์ดกำลังแสดงกิริยาไม่ดีต่อหน้าวิกเตอร์ เขารู้ว่าไม่สมควรที่จะขึ้นเสียงใส่ แต่เมื่อสักครู่ร่างกายมันเป็นไปเอง เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำเช่นนั้น







TAKE

ต้องขออภัยอย่างยิ่งที่มาช้า เนื่องจากว่าเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับประเทศเรา ถึงพ่อหลวงจะไม่อยู่แล้ว แต่เราก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เทคเองก็เช่นกัน ถึงจะเสียใจขนาดไหนก็ต้องเก็บมันไว้แล้วเดินหน้าต่อ

ทุกคนก็ด้วยเหมือนกันนะคะ

ปล.ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านกันนะค๊าาาา เรื่องนี้ไม่มีไรมากและใกล้จบแล้วเน้อออ
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 8.1 [อัพ 17/10/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 17-10-2016 21:09:34
อา....ใกล้จบแล้วเหรอ กำลังสนุกเลย ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 8.1 [อัพ 17/10/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: ขวัญจิรา ที่ 21-10-2016 13:54:19
มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 8.2 [อัพ 25/10/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 25-10-2016 21:15:57




“เอ็ดเวิร์ด นายดูแปลกไปนะ” สายตาคมเหลือบมองไปยังกระจกที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านข้าง



“ฉัน...ขอโทษ” เอ็ดเวิร์ดกล่าวเสียงเบา



ครู่หนึ่ง...เอ็ดเวิร์ดที่กำลังสำนึกผิด ในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากอีกครั้ง เขาเห็นวิกเตอร์พุ่งตรงไปยังสิ่งที่ตั้งอยู่ด้านข้าง ดวงตาของเขามองมันอย่างน่ากลัว แล้วเอ็ดเวิร์ดก็รู้ว่าวิกเตอร์กำลังจะทำอะไร



“หยุดนะ!”



ความโกลาหลเริ่มเกิดขึ้นอย่างกระทันหันเมื่อวิกเตอร์ทำทุกอย่างเพื่อให้คนที่เขารักออกห่างจากกระจกบานนั้น แต่กับอีกคนที่ต้องการจะปกป้อง ถึงวิกเตอร์จะวิ่งเร็วและสูงกว่าเอ็ดเวิร์ดขนาดไหน แต่เอ็ดเวิร์ดก็ยังอยู่ใกล้กระจกกว่าอยู่ดี ในช่วงจังหวะที่วิกเตอร์กำลังเอื้อมมือไปปัดบานกระจกให้หล่นพื้นแตก เอ็ดเวิร์ดก็จับไปที่ข้อมือแกร่งของอีกฝ่ายแล้วเหวี่ยงให้ไปอีกทาง ด้วยแรงที่หนักหน่วงจึงทำให้วิกเตอร์เซถอยไปหนึ่งก้าวจนเกือบล้มเพราะการทรงตัวไม่อยู่



“นายจะทำอะไร!”



อาร์เจนที่มองอยู่ในกระจกรู้สึกใจเต้นระส่ำไม่แพ้คนด้านนอก เมื่อสักครู่เขาคิดว่าตัวเองจะต้องแตกไปแล้วเสียอีก ถ้าเอ็ดเวิร์ดห้ามไม่ทันคงแย่แน่ แววตาสั่นยังคงมองไปที่บุคคลทั้งสอง เอ็ดเวิร์ดทำท่าโกรธเคืองเพื่อนสนิท แต่อีกคนกลับมีสีหน้านิ่งเรียบ



“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”



ร่างสูงท้วมของเอิร์ลมาวิสเดินเข้ามาได้จังหวะ เขามาหาเอ็ดเวิร์ดที่บ้านเช่นเดียวกับวิกเตอร์ เห็นห้องไม่ได้ล็อคจึงได้เดินเข้ามาอย่างถือวิสาสะแต่กลับได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังมีปากเสียงจึงได้รีบเข้ามาดู



“คุณพ่อ”



เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้วมองอย่างฉงน เขาไม่คิดว่าพ่อของเขาจะมาที่นี่ด้วย...มาวิสมองชายหนุ่มทั้งสองสลับกันไปมา เขาต้องการคำตอบแต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีใครสามารถตอบคำถามเขาได้ในตอนนี้ แต่สิ่งที่ทำให้มาวิสสนใจมากกว่านั้นกลับเป็นสิ่งที่ตั้งอยู่ด้านข้างเอ็ดเวิร์ด



กระจกบานใหญ่กับลวดลายที่คุ้นตา



เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน...ไม่สิ เขาเคยเห็นมันแน่ๆ และแน่นอนมาวิสก็ยังคงจำได้ดีไม่มีวันลืมเลือน



แต่คนด้านหลัง...



สิ่งที่อยู่ในกระจก...



สายตาของอาร์เจนมองคนมาใหม่ เพียงแค่เห็น...เพียงแค่ได้ยินเสียง แม้จะไม่ได้ชัดเจนอะไรนัก และถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหน แต่สำหรับอาร์เจนแล้วเขากลับจำคนๆ นี้ได้ติดตา



กรี๊ด!!!!!!



อาร์เจนตะโกนก้องจนคนได้ยินถึงกับสะดุ้งเฮือก เขาเหลียวหลังหันไปมองคนในกระจกที่เริ่มมีแสงเปล่งออกมาจากร่าง ดวงตาของอาร์เจนแดงก่ำอย่างน่ากลัวกำลังเบิกโผลงกว้างมองมาทางเขา



ไม่ใช่! อาร์เจนกำลังมองไปข้างหลัง



ด้านหลัง!



เงาดำทะมึนลอยออกมานอกกระจกบานใหญ่ รูปร่างของมันเริ่มแผ่ขยายจนกว้างไพศาล ความเคียดแค้นที่เห็นหน้าคนหักหลังเริ่มปะทุเดือด ผู้ชายใจร้าย ผู้ชายที่ฆ่ากันได้อย่างเลือดเย็น...วิญญาณของชายผมขาวปรากฏกายให้ผู้คนได้เห็น ทั้งความเกลียด ความโกรธ มีเพียงให้แค่คนๆ เดียว รูปร่างที่เปลี่ยน ใบหน้าที่ดูชรามากขึ้น



“มาวิส!”



เสียงของอาร์เจนแหบกระด้าง



เอ็ดเวิร์ดนึกฉงน อาร์เจนรู้จักพ่อของเขา...รู้จัก เอิร์ล มาวิส เนวิลล์



ท่ามกลางความตกตะลึงของคนหนุ่ม มาวิสมองร่างขาวที่คุ้นตาอย่างไม่อาจที่จะละสายตาไปได้ เขารู้จักคนๆ นี้ดี ทั้งหน้าตา รูปร่างไม่ได้เปลี่ยนไปกว่าเมื่อสามสิบปีก่อนสักนิด เพียงแค่ว่าผมที่เคยเป็นสีดอ่อนกลับเป็นสีขาวก็เท่านั้น



“ลี”



มาวิสเอ่ยครางเรียกชื่อในลำคอ แต่มันกลับทำให้เอ็ดเวิร์ดได้ยินอย่างชัดเจน  พ่อของเรารู้จักอาร์เจนอย่างนั้นหรือ...ไม่น่าเป็นไปได้



แต่คนที่สงสัยมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นวิกเตอร์ เขามองเห็นสิ่งที่อยู่ในกระจก ผู้ชายตัวเล็กผมขาว ดวงตาสีแดงก่ำอย่างน่ากลัว บางอย่างที่เขาสงสัยมานานมีอยู่ในกระจกอย่างที่คิด ไหนจะกลุ่มควันสีดำที่ออกมานอกกระจกตรงนั้นอีก มันลอยมาทางพวกเขาเรื่อยๆ บางส่วนก็กลายเป็นพายุหมุนลูกเล็กปัดทุกอย่างที่ขวางหน้าจนล้มระเนระนาดไปจนหมด



“หึหึ ในที่สุดก็เจอตัว” อาร์เจนแสยะยิ้มร้าย



เขาไม่มีทางลืมหรอก...ไม่มีทางลืมคนที่ทำร้ายกันได้เด็ดขาด!



“ลี...นี่เธอ ตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ”



มาวิสพยายามทรงตัวให้อยู่ เขาเริ่มหายใจไม่ออกเนื่องด้วยความอึดอัดบางอย่างกำลังถาโถมเข้ามา



“ใช่! ผมตายไปแล้ว...ตายไปเมื่อวันที่ถูกคุณทรยศ”



เกลียด!



เขาเกลียดมาวิส!



“ผมเกลียดคุณ! อ๊าก!!!”



มือบางถูกยกขึ้นมาเหนือหัว อาร์เจนปล่อยพลังให้ไปจับสิ่งของที่อยู่ไม่ไกลนัก มันเป็นเก้าอี้ที่เอาไว้ใช้สำหรับทำงานของเอ็ดเวิร์ด แต่อาร์เจนในเวลานี้เขาไม่อาจยั้งคิดได้ว่าไม่สมควรเอาของคนที่รักมาทำลาย... มาวิสก้าวถอยหลังจะหลบเมื่อรับรู้ได้ว่าอันตรายกำลังคลืบคลานเข้ามาใกล้ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเตรียมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะถูกขว้างมาก็ไม่ทันการเสียแล้ว เมื่อเก้าอี้ตัวนั้นมันกำลังลอยมาทางเขาจนเกือบประชิดตัว





ผัวะ!



เสียงหนึ่งดังสนั่น คนกระทำเบิกตาโผลงเมื่อเห็นเอ็ดเวิร์ดเอาตัวเข้ามาบังคนที่เกลียดไม่ให้บาดเจ็บ เขาล้มไปกับพื้นด้านล่าง...วิกเตอร์ที่เห็นจึงได้รีบวิ่งเข้ามาประคองด้วยความเป็นห่วง



“ปกป้องมันทำไม!” อาร์เจนแผดเสียงร้องถาม



หัวของเอ็ดเวิร์ดมีเลือดไหลเพราะถูกแรงกระแทก ดวงตาคมจับจ้องมาทางคนผมขาวที่บัดนี้อยู่นอกกระจก



“เขาเป็นพ่อของฉัน”



ถึงเอ็ดเวิร์ดจะเคยนึกน้อยใจพ่อตัวเองขนาดไหน แต่มาวิสก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อ...คนเป็นลูกไม่สามารถทนเห็นคนในครอบครัวต้องได้รับบาดเจ็บ เอ็ดเวิร์ดยังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมอาร์เจนกับพ่อถึงได้รู้จักกัน แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาทั้งสอง แล้วนั่น...ก็ต้องเป็นสิ่งที่เขาจะต้องรู้ให้ได้อย่างแน่นอน แต่เอ็ดเวิร์ดก็ไม่อยากให้อาร์เจนทำร้ายคนอื่น



คนผมขาวส่ายหน้า เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เพราะการทำร้ายเอ็ดเวิร์ดเมื่อสักครู่ทำให้อาร์เจนถึงกับหยุดนิ่งไปชั่วขณะ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เอ็ดเวิร์ดกับมาวิสคือพ่อลูก พวกเขามีความสัมพันธุ์กันทางสายเลือด



“ผมไม่สน! เขาทำให้ผมต้องตาย! เขาทรยศผม! ผมไม่มีวันยกโทษให้เขาเด็ดขาด!”



ความโกรธ ความเกลียดยังคงมี ดวงตาของอาร์เจนยังคงเป็นสีเลือด ใครจะรู้ความทรมานของเขา ใครจะรู้ว่าเขาเจ็บปวดขนาดไหนกับการที่ต้องถูกคนรักมาหักหลัง เขาปล่อยพลังให้ควันขนาดใหญ่ลอยคละคลุ้งไปทั่วห้อง รูปร่างของมันก็เริ่มน่าเกลียดน่ากลัว ควันพวกนั้นเริ่มกระจัดกระจายไปทั่วห้อง ลมหายใจที่ของคนที่ยังหายใจก็เริ่มติดขัด อาร์เจนใช้พลังตนเองปัดเอ็ดเวิร์ดออกห่างจนกระเด็นไปอีกทางพร้อมกับวิกเตอร์ มุ่งหมายจะทำร้ายคนเกลียดชังเพียงคนเดียวที่ยังคงมีลมหายใจและปล่อยให้ตัวเขาต้องทรมานอยู่เป็นนับสิบๆ ปี



พลังของอาร์เจนปกคลุมร่างใหญ่ เขาจับมาวิสฟาดไปที่กำแพงโดยที่ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวสักนิด แรงอัดที่มีทำให้คนร่างใหญ่ถึงกับกับกระอัก มาวิสที่ร่วงหล่นสู่พื้นจับไปที่หน้าอกที่ถูกกระแทก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตั้งตัวก็ถูกจัดการอีกครั้ง คนผมขาวไม่มีความปรานียังคงทำร้ายต่อเนื่อง...เอ็ดเวิร์ดที่จะวิ่งเข้ามาห้ามกลับถูกซัดกระเด็นไปอีกทางไม่แพ้กัน เพียงแค่ว่าไม่โดนทำร้ายเท่ามาวิส



“ไปอยู่กับผมเถอะ มาวิส”



ดวงตาแดงกำลังร้องไห้



“ไปอยู่กับผม”



คนเจ็บที่ตอนนี้มีสภาพโรยรา มาวิสมีเลือดไหลออกจากปาก เนื้อตัวของเขาก็เขียวช้ำ ร่างน้อยจับไปที่คอของอีกฝ่ายแล้วยกลอยขึ้นจนขาของมาวิสลอยจากพื้น มาวิสดิ้นพล่านเพราะเริ่มหายใจไม่ออก เขาหรี่ตามองคนกระทำ แต่มาวิสไม่เคยคิดโทษคนตรงหน้าเลยถ้าจะทำให้เขาตาย ถ้ามันเป็นความต้องการเขาก็จะทำมัน



“ฉัน-รัก-เธอ นะลี” เขากระซิบบอกเสียงเบา



“โกหก!!”



แต่อาร์เจนกลับไม่เชื่อ คนรักกันที่ไหนถึงได้ทำร้ายกันลงคอขนาดนี้ หรือว่าที่ทำมาทั้งหมดก็เพราะอยากหาหนทางเอาตัวรอด ผู้ชายคนนี้ไม่เปลี่ยนเลย ไม่เคยเปลี่ยนสักนิด ยังคงใจร้ายเหมือนเก่า



“ฉัน แค่ก แค่ก รักเธอ”



มาวิสเอ่ยอีกครั้งคำเดิม ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือความรู้สึกเมื่อสามสิบปีก่อน เขาก็ยังคงรักอาร์เจนไม่เปลี่ยน ดวงตาสีเข้มสื่อถึงความจริงใจ



อาร์เจนยิ้มเยาะ



“ถ้ารักกันก็ไปอยู่กับผมสิ คุณปล่อยให้ผมต้องตายอย่างทรมาน ผมองก็จะทำให้คุณทรมานเช่นกัน”



มาวิสเริ่มหายใจไม่ออก เขาเหมือนกำลังจะขาดใจตายเสียให้ได้ ดวงตาสีเข้มเริ่มมีน้ำปริ่มตรงปลาย แต่ใช่ว่ามาวิสจะเสียดายชีวิต เพียงแค่เขากำลังนึกถึงความหลัง วันที่สูญเสียคนที่รักไป



“ฉันไม่ได้ทิ้งเธอ แค่ก แค่ก”



“โกหก! อย่ามาโกหกผม!”



ไม่เชื่อ…เขาไม่มีวันเชื่อใจผู้ชายคนนี้อีกเด็ดขาด เรื่องทั้งหมดมันเป็นแค่คำลวง เชื่อใจไม่ได้ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เชื่อไม่ได้ทั้งนั้น



อาร์เจนก็แค่...ไม่อยากกลับไปโดนทำร้ายเหมือนเมื่อครั้งก่อนก็เท่านั้น









TAKE

อดีตของอาร์เจนกำลังจะเปิดเผยละเน้อ เรื่องราวอาจไม่เข้มข้น แต่ก็ขอบคุณมากที่หลงเข้ามาอ่านกัน และก็ขออภัยที่มาช้านะจ๊ะ ><
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 8.2 [อัพ 25/10/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 25-10-2016 21:30:24
ลุ้นให้มีคนตาย ตายตกตามกัน...
จะได้ผิดขนบ การจบแบบ happy ending จัง
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 9.1 [อัพ 5/11/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 05-11-2016 10:17:37



30 ปีก่อนหน้า



มาวิส เนวิลล์...ในวัยอายุยี่สิบปี เขาเป็นลูกของ เอิร์ล รุ่นก่อน ‘เอิร์ล วิลเลี่ยม เนวิลล์’ ผู้มีชื่อเสียงอัดโด่งดังและเป็นที่เกรงขาม สำหรับบุคคลภายนอกแล้วพวกเขาต่างก็อิจฉาที่มาวิสมีคอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ทั้งฐานะและหน้าตาทางสังคม



มาวิสคือคนหนุ่มที่มีอนาคตไกล



เขาจะกลายเป็น ‘เอิร์ล’ ในอีกไม่ช้า แต่ถึงอย่างนั้นภายในจิตใจของชายหนุ่มกลับรู้สึกว่างเปล่า เขาทำตามที่พ่อสั่งทุกอย่าง เพียงเพื่อให้เหมาะสมกับวงศ์ตระกูล ไม่เว้นแม้กระทั้งคู่ชีวิต...คู่หมั่นที่ไม่เคยเห็นหน้าแต่ก็เหมาะสมกันทุกอย่าง อีกไม่นานมาวิสก็ต้องเข้าพิธีแต่งงานกับเธอ



ด้วยความเบื่อหน่ายจึงทำให้มาวิสออกมาเดินเล่นด้านนอกคฤหาส แล้วนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้เขาได้เจอกับ ‘ลี’



ลูกชายของชาวบ้านที่อยู่ละแวกนั้น...เพียงแค่เห็นครั้งแรกก็ทำให้หัวใจของชายหนุ่มพองโต เด็กผู้ชายที่ดูอายุน้อยกว่าเขาแต่ดูราวกับเทวดาที่ตกลงมาจากสวรรค์ ใบหน้าที่ขาวนวล เส้นผมตรงสีน้ำตาลเข้มดูเข้ากับนัยตาสีนิลกาฬ คนตัวบางใส่เสื้อผ้าเลอะมอมแมมเผยยิ้มมาให้ มันเป็นรอยยิ้มบริสุทธิ์ที่ชวนน่าหลงใหล



ไม่สิ...มาวิสหลงใหลผู้ชายคนนี้ไปแล้ว



ลีเป็นลูกชายชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้น ถึงจะอยู่ใกล้กันแต่มาวิสไม่เคยเห็นหน้า นั่นอาจเพราะเขาเอาแต่อยู่ในบ้าน...แต่การที่มาวิสได้เจอกับลีมันทำให้เขาเริ่มมีความหมายในชีวิตมากขึ้น เขาได้เรียนรู้อะไรมากมายจากคนตัวเล็ก



หัวใจตัวเองก็เช่นกัน...



มาวิสหลงรักลี...



ลีเองก็เช่นกัน...เขาหลงรักมาวิสที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน เมื่อหัวใจสองดวงต่างหัวใจตรงกัน ในค่ำคืนหนึ่งสองร่างจึงได้รวมเป็นหนึ่งเดียว ท่ามกลางทุ่งหญ้าและแสงไฟจากตะเกียง ในห้องที่มีแต่เพียงชายสองร่างกำลังร่วมรักกันท่ามกลางความสุขสม พวกเขากลายเป็นของกันและกันอย่างเต็มตัว



“ผมรักคุณ มาวิส”



“ฉันก็รักเธอ ลี”



คำบอกรักที่เอื้อนเอ่ย คำหวานที่เสนาะหู หัวใจของมาวิสเต้นระรัวให้กับความรักที่น่าหอมหวาน และในค่ำคืนนั้นสองร่างก็ยังคงเบียดเสียดกันจนเกือบถึงเช้าและคำสัญญาที่พวกเขาทั้งคู่ต่างก็ให้กันไว้

แต่ความลับที่ปกปิด ก็ถูกเปิดเผยเมื่อวิลเลี่ยมรู้ความสัมพันธุ์ของมาวิสกับผู้ชายอีกคน สำหรับวิเลี่ยมแล้วเรื่องที่มาวิสจะไปหาเศษหาเลอข้างนอก เขาไม่ได้ว่า แต่ถ้าหากจะเอาคนอื่นมายกย่องเชิดหน้าชูตาให้อยู่ร่วมสังคมเดียวกับเขา ยิ่งคนๆ นั้นเป็นผู้ชายด้วยก็ยิ่งแล้วใหญ่ วิลเลี่ยมไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้โดยเด็ดขาด!



ผู้เป็นพ่อใช้คำสั่งที่เหนือกว่าให้มาวิสเลิกยุ่งกับลีแต่กลับถูกลูกชายคนเดียวปฏิเสธ... มันเป็นครั้งแรกที่เขายอมที่จะขัดใจพ่อแม่ และมันก็เป็นครั้งแรกที่เขาอยากจะเลือกทางเดินโดยตนเอง มาวิสยอมที่จะออกจากวงศ์ตระกูลเพื่อไปใช้ชีวิตอยู่กับคนที่รัก



เขาอาศัยชีวิตอยู่กับลีท่ามกลางความลำบาก เดิมทีความรู้ที่มาวิสมีมันสามารถที่จะหางานทำและเลี้ยงดูลีได้อย่างสบาย แต่ทั้งหมดนั้นก็ถูกขัดขวางโดยพ่อของเขา... มาวิสยังคงกัดฟันสู้ เขาทำงานแรงงานขั้นต่ำและอยู่อย่างแร้งแค้น ด้วยความที่ไม่เคยลำบากมาก่อนในชีวิตทำให้มีบางครั้งที่มาวิสหัวเสียจนไปลงกับลีจนเกิดมีปากเสียงกันเล็กน้อย แต่ทุกครั้งมันก็มักจะจบลงด้วยดีเสมอ



ครั้งหนึ่งด้วยความที่อยากจะเอาใจลี มาวิสได้ถูกใจกระจกบานใหญ่ที่ถูกตั้งวางขายอยู่หน้าร้าน ลวดลายที่ถูกทำอย่างประณีตและสวยงาม บรรจงตกแต่งลวดลายอย่างวิจิตรศิลป์



มาวิสเลือกมันให้ลีด้วยความตั้งใจ



พวกเขาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข



จนกระทั่ง...



วันหนึ่ง...เขาได้กลับไปบ้านตามปกติ มาวิสที่เป็นถึงลูกชายของ เอิร์ล วิลเลี่ยม เนวิลล์ กลับถูกพ่อของตัวเองจับ...ในเมื่อใช้ทั้งไม้อ่อนและไม่แข็งมาวิสก็ไม่มีทางที่จะเลิกกับลี เขาจึงให้คนไปจับมาวิสกลับมาและขังเอาไว้ โดยที่ไม่ได้ทิ้งอะไรไว้เลย



มาวิสพยายามหนี เขาถูกจับมาหลายวัน นึกเป็นห่วงลีที่ป่านนี้คงนั่งเป็นห่วงเขาอยู่เป็นแน่ แต่บานประตูที่แข็งแกร่งมันไม่สามารถทำให้เขาหนีออกไปได้ จนสุดท้ายก็ต้องยอมจำนนกับผู้เป็นพ่อ...เมื่อมาวิสไม่คิดหนีทำให้วิลเลี่ยมรู้สึกพอใจอย่างมาก เขาได้เข้ามาในห้องที่ขังลูกชายตัวเองเอาไว้และเอาจดหมายจากลีไปให้มาวิสอ่าน



เนื้อความในจดหมายเป็นคำบอกลาและการไร้สิ้นซึ่งรัก



ลีบอกเลิกกับมาวิส



มาวิสเสียใจอย่างมาก ในคราวแรกเขาก็ไม่เชื่อแต่ด้วยหลักฐานที่เห็นกับตา มาวิสเห็นลีกำลังนอนกับผู้ชายคนอื่นในบ้านที่พวกเขาเคยอยู่ด้วยกัน



แล้วความรักของมาวิสก็จบลง



เขากลับมาทำตามสิ่งที่เอิร์ลวิลเลี่ยมสั่งอีกครั้งอย่างไม่คัดค้าน อยู่ในกรอบของตระกูลอย่างเดิมจนกระทั่งได้เจอหน้ากับคู่หมั่นสาวที่ไม่เคยเห็นหน้า ‘เลดี้ไดอาน่า’



มาวิสเป็นสุขบุรุษกับเธอทุกอย่าง ทั้งให้เกียรติและพาไปออกงานเต้นรำ จนมาวิสและไดอาน่ากลับกลายเป็นคู่ที่น่าอิจฉาที่สุด... ในคืนหนึ่งก่อนที่จะแต่งงานขณะที่มาวิสไปงานเต้นรำกับไดอาน่าอีกเช่นเคย เขาได้เจอกับลีอีกครั้ง คำขอร้องอ้อนวอน คำบอกรักของคนที่เคยหักหลังไม่อาจทำให้มาวิสใจอ่อนได้ เขาบอกเลิกกับลีอย่างเป็นทางการและปล่อยให้ลีอับอายต่อหน้าผู้คนที่ดูถูกดูแคลนว่าเป็นพวกรักร่วมเพศ ไม่มีแม้กระทั่งความเห็นใจ







TAKE

อดีตที่ทรมานของอาร์เจน เพราะรักมากจึงแค้นมาก แต่เป็ฯเพราะกาลเวลาจึงทำให้ความทรงจำลืมเลือน จนโชคชะตาได้พากลับมาพบกันอีกครั้ง

และเรื่องนี้...ก็กำลังจะจบในอีกไม่กี่ตอน

แล้วก็ลองเดาตอนจบกันสิค๊าา อิอิ
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 9.1 [อัพ 5/11/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: ขวัญจิรา ที่ 05-11-2016 10:36:37
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ฆ่าฉันที่ มันคางมากอะ รีบมาต่อนะ
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 9.1 [อัพ 5/11/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: April❤ ที่ 05-11-2016 13:02:15
มาต่อเร้วๆน้าาา กะลังลุ้นน
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 9.1 [อัพ 12/11/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 12-11-2016 23:42:02





“มาวิส...คุณจำได้หรือเปล่า ฮึก ถึงสัญญาของเรา”



เขาไม่ตอบคำถามนั่นในทันที ได้แต่มองคนกำลังขาดใจด้วยสีหน้านิ่งเรียบ



“ฉันจำไม่ได้”



แล้วนั่นก็เป็นคำตอบที่เขาเลือกที่จะตอบก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป แล้วหลังจากคืนนั้นเขาก็ไม่ได้ข่าวของลีอีกจนถึงวันแต่งงาน



ลี...ได้ฆ่าตัวตายไปแล้ว



โดยที่มาวิสไม่รู้...ไม่รู้ถึงความจริงที่เกิด



ลีไม่ได้ฆ่าตัวตายแต่ถูกทำให้ตายต่างหาก!



มาวิสกำลังเข้าใจผิด...เขาไม่ได้คิดนอกใจแต่เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพราะเป็นการจัดฉากของเอิร์ลวิลเลี่ยม... ผู้ชายคนนั้นต้องการให้เขากับมาวิสเลิกกันถึงได้ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้มาวิสเข้าใจผิด แล้วมันก็เป็นความจริงดั่งที่เขาหวัง มาวิสสั่นคลอนในความรักกับสิ่งที่เห็นมากกว่าจะถามไถ่ มาวิสเลือกที่จะหนีไปมากกว่าที่จะเข้ามาปลอบประโลม แต่ด้วยความรักที่ยังคงมีทำให้ลีจะพยายามอธิบายให้เข้าและหวังว่ามาวิสจะเชื่อ แต่สุดท้ายแล้วก็มีแต่ความเสียใจเท่านั้น



ลีถูกมาวิสทำให้เสียหน้า เขาถูกดูถูกและกล่าวหาสารพัดจากคนที่ไม่รู้จัก ต้องกลายเป็นคนผิดทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด



มีแต่ความสิ้นหวังและความเสียใจ



ในคืนวันแต่งงานของมาวิส เป็นวันที่ทรมานที่สุดสำหรับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังร้องไห้เพราะความรัก เขาเจ็บช้ำจากคนที่รักยังไม่พอแต่กำลังจะมาตายในวันมงคลของอีกฝ่าย



ร่างน้อยผมสีเข้มและนัยน์ตาสีเข้มถูกมัดมือมัดปากเอาไว้ เขากำลังถูกผู้ชายหลายคนหิ้วไปในทิศทางที่ไม่รู้ รอบด้านมีแต่เสียงอีกทึกเต็มไปหมด



ลี...ถูกโยนเข้าไปในหลุม



เขากรีดร้อง อยากจะขอความช่วยเหลือแต่ปากที่ถูกปิดเอาไว้ไม่สามารถตะโกนออกไปได้ ถึงจะถูกปิดตาแต่ลีก็รู้ดีว่ากำลังถูกทำอะไร



ฝังทั้งเป็น!



นั่นคือสิ่งที่คนใจร้ายกำลังทำกับเขา มาวิสใจร้ายมากจริงๆ มาทำให้รักและหลอกลวง คำว่า ‘รัก’ ที่เขาพูดมันก็เป็นเพียงแค่ลมปาก เมื่อหมดความต้องการมาวิสก็ทอดทิ้งเหมือนหมาข้างถนนตัวหนึ่ง ไม่เพียงแค่นั้นแต่คนใจร้ายกลับคิดจะฆ่ากันได้อย่างเลือดเย็น



ดินที่กลบฝังร่างมาพร้อมกับแรงกระแทกตรงช่องท้อง สิ่งใหญ่โตที่เหมือนกับเป็นเสาหรือท่อนไม้ใหญ่มันกำลังกระทุ้งมาที่หน้าท้องแบบราบ ร่างอันน้อยนิดไม่สามารถรับความเจ็บปวดซ้ำๆ ได้มากนัก ไม่นานนักร่างของเขาก็ชาชินเพราะความเจ็บปวดจนเจียนขาดใจ



หนึ่งคนกำลังสุขสมในวันวิวาห์



หนึ่งคนกำลังตายอย่างทรมาน



ก่อนที่ดินจะกลบหน้าจนหมด ลีได้ให้คำสัตย์สาบานว่าจะตามจองล้างจองพลางมาวิสจนกว่าผู้ชายใจร้ายคนนั้นจะตายอย่างทรมาน...วิญญาณที่ถูกกักกันด้วยความเคียดแค้นออกมาจากร่างทันที่สิ้นลมหายใจ



สีของผมที่เคยเป็นสีน้ำตาลเข้มแปรเปลี่ยนเป็นสีขาว



ดวงตาที่เคยทอประกายสดใสสีดำกลับกลายเป็นสีแดงฉาน



วิญญาณของลีที่ออกจากร่างล่อยไปสิงอยู่ในบานกระจกที่มาวิสเลือกให้เป็นของขวัญ สิ่งที่ล้ำค่าที่เคยเก็บรักษาเอาไว้



แต่โชคร้าย...กระจกบานนั้นกลับถูกขายทอดไปไกลแสนไกลก่อนที่จะทำการแก้แค้น วันเวลาที่ผ่านไปวันแล้ววันเล่าทำให้ความทรงจำที่มีเริ่มจางหายไปทีละนิดจนผ่านล่วงเลยไปหลายสิบปี...วิญญาณในกระจกก็ลืมเลือนในสิ่งที่คิดจะทำ กลายเป็นวิญญาณเร่รอนที่รอให้มีเจ้าของมารับ



แล้วลี...ก็ได้เจอกับเอ็ดเวิร์ด

 



มาวิสไม่อยากจะเชื่อ... เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดมันเป็นความจริงอย่างนั้นหรือ เขาเข้าใจลีผิดมาตลอด ลีไม่เคยนอกใจเขา ไม่เคยมีใครอีกคน ทั้งหมดมันเป็นแผนลวงของ ‘เอิร์ล วิลเลี่ยม’ ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพ่อของตัวเอง...มาวิสนึกแค้นใจตัวเองนัก ทำไมเขาถึงได้โง่งมขนาดนี้ ไม่เชื่อในความรักที่ลีมีต่อเขา เอาแต่โทษโชคชะตาที่เล่นตลก แต่ไม่เลย...คนที่ผิดจริงๆ คือเขาเองที่หูเบา สมควรแล้วที่จะตายด้วยน้ำมือของคนที่รัก...มันสมควรแล้วจริงๆ



“คุณเห็นหรือยังว่าผมต้องทุกข์ทรมานขนาดไหน!” ร่างน้อยแผดเสียงกร้าว ดวงตาแดงมีหยาดน้ำตาไหลลงมาข้างแก้มยามที่มองหน้าผู้ชายใจร้าย “ไปอยู่กับผมเถอะ มาวิส”



ดวงใจร้าวรานราวกับว่ามันจะแหลกสลายไปอีกครา รอบกายที่เป็นเหมือนดั่งพายุกำลังโหมกระหน่ำพัดแรงมากขึ้น เขากำลังจะแก้แค้นผู้ชายคนนี้ ตลอดระยะเวลาสามสิบปีที่ถูกขังอยู่ในกระจกมันช่างทรมาน แล้วเขาก็จะทำอย่างนี้กับผู้ชายคนนี้บ้าง มาวิสจะต้องถูกขังอยู่ในกระจกกับตนโดยที่ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด จะต้องทรมานเพราะความเหงาตลอดไป



เอิร์ล มาวิส รู้ชะตากรรมของตัวเองดี เขาที่เคยแดดิ้นเอาตัวรอดในคราวแรกแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย ในเมื่อถ้ามันเป็นสิ่งที่อีกคนต้องการทำไมเขาจะให้ไม่ได้ ชายวัยกลางคนหลับตานิ่งสนิทยามที่รู้สึกถึงแรงบีบอัดตรงลำคอ อีกไม่นานเขาก็จะขาดอากาศหายใจแล้วสิ้นลมไปในที่สุด



อาร์เจนเม้มริมฝีปากแน่น มาวิสที่ยอมโอนอ่อนแต่โดยดี มันน่าจะสะใจ มันน่าจะมีความสุข แต่อาร์เจนกลับร้องไห้อย่างไร้เสียงสะอื้น อีกไม่นานคนๆ นั้นก็จะตาย แค่ออกแรงอีกเพียงนิดเดียวผู้ชายคนนั้นก็จะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว



แต่ว่า...แต่ว่า...



“ฉันรัก...ลี”



เสียงแหบแห้งเอ่ยในวินาทีสุดท้าย มือของอาร์เจนกำลังสั่นอย่างเห็นได้ชัด เขากำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ที่กำลังแปรปรวน



ทำไม่ได้...ทำไม่ได้...



หมับ!



แต่ยังไม่ทันที่อาร์เจนจะคิดอะไรมากกว่านี้ ร่างของเขากลับถูกโอบกอดโดยผู้ชายอีกคน ร่างสูงใหญ่ของเอ็ดเวิร์ดกำลังโอบกอดแผ่นหลังบางไว้แน่น อาร์เจนนิ่งงันกับความรู้สึกที่ได้รับ เขารู้สึกเพียงแค่ไออุ่นของผู้ชายที่ยังมีชีวิต



“ในที่สุด...ฉันก็ได้สัมผัสเธอ”



เอ็ดเวิร์ดที่ยอมเสียงชีวิตเข้าไปกอดวิญญาณที่อาจสัมผัสไม่ได้ เขาไม่สนใจอดีตของอาร์เจน ไม่สนใจว่าเมื่อก่อนพ่อของเขากับอาร์เจนจะเคยเป็นอะไรมาก่อน และไม่สนใจชื่อเดิมของอาร์เจน...ในเวลานี้ เอ็ดเวิร์ดรู้แค่ว่าเขาได้ทำในสิ่งที่อยากทำมาตลอด



กอดกับคนที่รัก...



“...เอ็ด”



ดวงตาสีแดงเริ่มกลับกลายเป็นสีอ่อน ดวงหน้าหวานยังคงมีน้ำตาคลอไม่ขาดสาย ผู้ชายคนนี้มักจะทำให้เขาต้องแปลกใจเสมอ แม้กระทั่งเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ยังจะมาทำเรื่องเช่นนี้อีก...อาร์เจนร้องไห้ เขากอดคนร่างสูงด้วยความซาบซึ้งใจ ผิดกับคนด้านหลังที่กำลังมองมาด้วยสายตาเจ็บปวด...วิกเตอร์ปวดใจเหลือเกินที่เห็นเอ็ดเวิร์ดวิ่งเข้าไปกอดผู้ชายผมขาว



คนสำคัญของเอ็ดเวิร์ด ที่ไม่ใช่มนุษย์



ร่างน้อยอ่อนกำลังลง ในวินาทีที่มาวิสกำลังจะสิ้นลมหายใจ ร่างของเขาร่วงหล่นมาสูพื้นเบื้องล่าง เพราะการหายใจที่ติดขัดมานานทำให้เขาไอโครกเครก ดวงตาสีฟ้าทอดมองไปยังลูกชายคนโตที่กำลังกอดอยู่กับวิญญาณอดีตคนรัก



“ฮึก ฮืออ เอ็ด...”



อาร์เจนร้องไห้



เอ็ดเวิร์ดก็เช่นกัน



เขารักอาร์เจน...ความรู้สึกนั้นตอนนี้มันก็ยังคงอยู่ ถึงอาร์เจนจะมีเจตนร้ายทำร้ายพ่อของเขาแต่มันก็ไม่อาจทำให้ความรักที่เขามีต่อผู้ชายผมขาวคนนี้ลดลงแม้แต่เสี้ยวหนึ่งของหัวใจ...สองร่างที่กอดกันท่ามกลางสายตาสองคู่ กลุ่มควันสีดำเริ่มหดขนาดเล็กลง มันกลับเข้าไปอยู่ในกระจกอีกครั้ง



มาวิสรู้...ลูกชายคนโตกำลังหลงรักอดีตคนรักของเขา ผู้ชายด้วยกันย่อมที่จะดูออกถึงอีกฝ่ายจะไม่ได้พูดอะไรมาก เรื่องของพวกเขาทั้งสองคนเกิดขึ้นได้ยังไงอันนี้ยังคงเป็นปริศนาสำหรับมาวิส แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาจะต้องบอกให้รู้



มาวิสไม่ได้สั่งฆ่าคนรัก



“ลี” เอ่ยเรียกเสียงแผ่วจนถูกเรียกหันมามอง...มาวิสเดินไปหาคนผมขาว รอยยิ้มบางกับดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลที่ทอประกายยังคงทอดมองคนรักด้วยความรักล้นเปี่ยมไม่เปลี่ยนจากเมื่อครั้งที่ยังรักกันใหม่ๆ เลยสักนิด



“ฉันมีเรื่อง...” มือหนาเอื้อมมือจะคว้าคนผมขาวแต่กลับถูกเอ็ดเวิร์ดกันท่าเมื่อลูกชายได้ดึงคนตัวเล็กให้ถอยห่าง



เอ็ดเวิร์ดไม่ชอบ...ถึงพวกเขาทั้งสองคนจะเคยเป็นคนรักกันแต่มันก็แค่อดีต อาร์เจนในตอนนี้ไม่ใช่ลีที่พ่อรู้จัก แต่อาร์เจนคือคนที่เขารักในปัจจุบัน



“ฉันมีเรื่องต้องบอก” มาวิสเริ่มพูดอีกครั้ง “ฉันไม่ได้เป็นคนสั่งฆ่าเธอ เรื่องทั้งหมดมันเป็นการเข้าใจผิด คนที่ฆ่าเธอ...คือ” ชายกลางคนกล้ำกลืนน้ำลายลงคอย่างอยากลำบาก เขากำมือแน่นเมื่อคิดถึงคนร้ายตัวจริง



“พ่อของฉันเอง”



คำสารภาพเอื้อนเอ่ยออกมจากปากของชายวัยกลางคน ในตาสีฟ้าเศร้าหมองลงยามที่คิดถึงอดีตที่ตัวเองเคยทำเอาไว้ อย่างน้อยมาวิสก็ไม่อยากให้คนที่เขารักเข้าใจผิด ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ถึงจะแต่งงานกับไดอาน่าแต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะลืมคนรักเก่า...มาวิสเอ่ยปากพร่ำบอกว่า ‘ขอโทษ’ ถ้าเขามั่นใจในความรักคงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้



ลีก็คงจะไม่ตาย



เรื่องทั้งหมดเริ่มกระจ่าง...ความเคียดแค้นที่มีในคราวแรกก็มลายหาย...คนกำลังสำนึกผิดก็ร้องไห้อย่างไม่อายโดยที่ไม่สนใจสายตาของวิกเตอร์หรือเอ็ดเวิร์ดเลยสักนิด



“ฉัน...ขอโทษ”



มาวิสสำนึกผิดทั้งน้ำตา



คนฟังยิ้ม...ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ดวงตาที่กลับมาเป็นสีนิลกาฬเหมือนดั่งเดิม



“มาวิส...ครั้งหนึ่งผมเคยบอกกับคุณใช่ไหม” อาร์เจนทวงคำสัญญา



มาวินพยักหน้ารับ “อืม”



‘ต่อให้คุณทำผิดขนาดไหน’



“ต่อให้คุณทำผิดขนาดไหน”



‘ขอเพียงแค่...’



“ขอเพียงแค่...”



‘คุณพูดเพียงคำๆ เดียว ผมก็พร้อมจะยกโทษให้’



“คุณพูดเพียงคำๆ เดียว ผมก็พร้อมจะยกโทษให้”



สามสิบปีก่อน...มาวิสเคยพูดเช่นนั้น เขาเคยบอกกับคนรักเขาไว้ พร้อมให้คำมั่นสัญญา



“ฉัน...ขอโทษ”



คำขอโทษที่ถูกเอื้อนเอ่ยออกมาจากจิตใจอีกครั้ง อาร์เจนรู้สึกได้...เขายิ้มกว้างอีกครั้งให้กับคนรักเก่าพลันแสงสว่างก็เกิดขึ้นรอบตัวพร้อมกับเส้นผมของอาร์เจนที่เป็นสีขาวกลับกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มเหมือนครั้งที่ยังมีชีวิต



แต่...ร่างกายที่เอ็ดเวิร์ดกำลังกอดกลับค่อยๆ โปรงแสง จนเอ็ดเวิร์ดไม่สามารถที่จะจับต้องได้ เขาตื่นตะลึกเมื่อรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น



“อาร์เจน!”



ไม่นะ! เขาไม่อยากสูญเสียอาร์เจนไป!



“เอ็ด”



“ไม่นะ อาร์เจน...อย่าไปนะ”



เอ็ดเวิร์ดทนไม่ได้...เขาไม่อาจทนสูญเสียอาร์เจนไปได้ ถึงคนตรงหน้าจะไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นวิญญาณที่สิงอยู่ในกระจก ถึงอย่างนั้นเขาก็รับได้ ขอแค่อาร์เจนอยู่กับเขา...ไม่ว่าอาร์เจนจะเป็นอะไรเขาก็รับได้ทั้งหมด



“อย่าไปนะ อยู่กับฉัน”



“...ผม...อยากอยู่กับเอ็ด” อาร์เจนร้องไห้ เจ็บปวดเหลือเกินที่เอ็ดเวิร์ดทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่วิญญาณย่อมมีวันแตกดับ โลกของเขากับเอ็ดเวิร์ดมันเป็นแค่เส้นขนาด ถึงจะรักกันมากเพียงไหนก็ไม่อาจอยู่ด้วยกัน



มาวิสคือชีวิตแต่เอ็ดเวิร์ดคือลมหายใจ



อาร์เจนคงอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเอ็ดเวิร์ด



เขาคืนที่สอนทุกอย่างให้จนเหมือนกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง...เอ็ดเวิร์ดคือผู้ชายคนแรกที่มอบความสุขให้กับวิญญาณที่เอาแต่ล่องลอยในโลกกว้างอย่างไร้จุดหมาย คือสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงหนึ่งเดียว...แต่ตอนนี้



คงต้องจากกันแล้ว...



“ถ้าผมได้เกิดใหม่อีกครั้ง แล้วถ้าพวกเราได้เจอกันอีก”



“ไม่..อาร์เจน ฉันรักเธอ...ฉันรักเธอ ฮึก”



“ถ้า...ผม ฮึก ได้เจอกับเอ็ดอีกครั้ง ผมก็จะรัก...รักเอ็ดเวิร์ด”



มันเป็นครั้งแรกที่อาร์เจนเรียกชื่อเอ็ดเวิร์ดเต็มๆ แต่มันก็เป็นครั้งสุดท้ายอีกเช่นกัน...ร่างวิญญาณของผู้ชายผมขาวหายล่องลอยไปในอากาศที่สัมผัสไม่ได้



แล้วกระจกวิเศษก็แตก...



เพล้ง!





TAKE

โอ้วววว ม่ายยยยยยยย ฮือออ เกิดอะไรขึ้นกับอาร์เจนละเนี่ยยย ทำไมกระจกถึงแตก โฮววว อยากจะร้องไห้ กระซิกๆ T^T
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 9.1 [อัพ 12/11/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: ขวัญจิรา ที่ 14-11-2016 15:34:05
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก      ค่างอีกแล้วหืออออออออออออออออออออ :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 9.1 [อัพ 12/11/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 14-11-2016 16:03:50
หลากอารมณ์มากมาย แต่เป็นสิ่งที่ควรจะเป็น++
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 10.1 [อัพ 19/11/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 19-11-2016 20:57:34


เนื่องด้วยจากว่าเรื่อง ผู้ชายในกระจก จะมีการออกหนังสือกับ สนพ.รสิตา ในเร็วๆ นี้ ส่วนราคาอันนี้ยังไม่แน่ใจ แต่ถ้ามีคนสนใจรบกวนกดลิ้งค์แบบสำรวจที่อยู่ด้านล่างได้เลยจ้าา

ขอบคุณมากๆ ค่าาา

 จิ้มๆๆๆ ลิ้งค์ แบบสำรวจ

https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScdheqKwqRdSffO03WvU5dERLCFnfwpbKkTks-E4NFWTKdiSQ/viewform



-------------


อาร์เจน...



จากไปแล้ว...



คนที่เอ็ดเวิร์ดรักจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ไม่เหลือแม้แต่กระจกให้เอาไว้ดูต่างหน้า บานกระจกที่เอ็ดเวิร์ดเคยนั่งคุยอยู่ด้วยทุกวันบัดนี้มันเหลือแต่เพียงเศษซากแก้วที่แตกละไม่เป็นชิ้นดี...เมื่อยามที่กระจกแตกร่วงหล่นสู่พื้นก็เหมือนกับหัวใจของเอ็ดเวิร์ดได้แตกไปด้วย นิ้วมือของเขาเต็มไปด้วยรอยบาดแผลที่ถูกคมของกระจกบานเพราะพยายามที่จะต่อมันให้เหมือนดังเดิม



การกระทำของเขาอยู่ในสายตาของมาวิสและวิกเตอร์ พวกเขาทั้งสองอนาตใจที่เห็นเอ็ดเวิร์ดเป็นแบบนั้นจึงต้องเข้ามาช่วยกันห้าม ถ้าไม่อย่างนั้นมือของเขาคงเต็มไปด้วยบาดแผลที่มากมายกว่านี้แน่ กว่าจะดึงให้คนตัวสูงออกห่างจากเศษแก้วได้ก็ใช้เวลาอยู่มากโข มาวิสกลับไปขึ้นรถม้าที่จอดอยู่หน้าบาน เขาพาเอ็ดเวิร์ดกลับบ้านในทันที...พอมาถึงก็เจอกับมาดามไดอาน่าและรอนที่ต่างก็พากันตกตะลึงในสภาพลูกชายคนโต พวกเขามีความอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอ็ดเวิร์ดแต่ทั้งมาวิสและวิกเตอร์ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกไปทั้งนั้น พวกเขาปล่อยให้เอ็ดเวิร์ดอยู่กับตัวเอง อย่างน้อยก็ได้แต่หวังว่าเวลาจะช่วยรักษาบาดแผลในจิตใจของผู้ชายหัวใจบอบช้ำคนนี้ได้



หลังจากวันนั้นมาวิสก็สั่งให้คนรื้อห้องเก็บของที่อยู่ทางด้านหลังบ้าน มาวิสนึกถึงคำที่อาร์เจนเคยพูดเอาไว้ก่อนที่จะจากไป เขาจำได้ว่าห้องเก็บของนี้พ่อของเขาสร้างเอาไว้ก่อนที่จะถึงวันแต่งงาน บางทีศพของอาร์เจนอาจจะอยู่ใต้นี้ก็เป็นได้



ใช้เวลาหลายวันกว่าที่คนของมาวิสจะรื้อห้องเก็บของเสร็จ เอ็ดเวิร์ดที่รู้ข่าวก็ไปดูให้เห็นกับตา เดิมทีสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นสี่เหลี่ยมขนาดเล็กเพื่อเอาไว้เก็บของอันที่ไม่ได้ใช้แต่ตอนนี้กลับถูกรื้อออกจนเหลือแต่เพียงความว่างเปล่า



ใต้พื้นดินที่อยู่ลึก



ขาเสาบ้านข้างหนึ่งที่ปักอยู่ใต้ดิน



มีศพหนึ่งอยู่ในนั้น



ศพของมนุษย์ที่ถูกย่อยสลายไปตามกาลเวลาจนเหลือแต่เพียงกระดูกสีขาวที่ถูกย้อมไปด้วยสีดำของดิน เอ็ดเวิร์ดเข้าไปกอดอย่างไม่นึกรังเกียจ น้ำตาของลูกผู้ชายไหลไม่อายผู้คนรอบข้าง...ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นในกระจกจนถึงวันนี้ ไม่ว่าเมื่อไหร่อาร์เจนก็สวยสำหรับเขาเสมอ ริมฝีปากสั่นจูบไปที่หน้าผากของอีกคน เขามอบรอยยิ้มอบอุ่นให้กับโครงกระดูกตรงหน้าเหมือนทุกครั้งที่พบกัน



...ฉันรักเธอ



...รัก



...รัก

 



หลายเดือนผ่านไป



เอ็ดเวิร์ดทำใจได้ เขากลับมาใช้ชีวิตดั่งเฉดเช่นปกติอย่างที่เคยเป็นมา เอ็ดเวิร์ดยังคงเป็นเอ็ดเวิร์ดคนเดิม ภายใต้แว่นกรอบหนาเขายังคงทำงานอย่างมุ่งมั่นเพื่อจะได้ลืมเลือนสิ่งที่ทำให้หัวใจบอบช้ำ อาร์เจนหายไปจากโลกนี้แล้วแต่เอ็ดเวิร์ดยังคงอยู่ เขายังต้องทำหน้าที่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง



แม้ว่าหัวใจจะตายไปแล้วก็ตาม



เมื่อทำงานจนเสร็จเอ็ดเวิร์ดก็หยิบนาฬิกาที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงตัวเองมาดู มันเป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว วันนี้เขามีนัดกับวิกเตอร์ในตอนบ่ายจึงต้องออกก่อนกำหนด



“พี่”



เสียงของดอมดังมาจากด้านหลัง เขาเดินมาพร้อมกับพริซซิลล่า เธอยังอยู่ในชุดกระโปรงบานยาวแลดูสวยเสมอ



“สวัสดี เอ็ดเวิร์ด” พริซซิล่าเอ่ยทัก



“สวัสดี” ร่างสูงทักอดีตคนที่เคยรักด้วยสีหน้าเจือปนไปด้วยรอยยิ้มบาง



“จะไปหาพี่วิกเตอร์เหรอ” ดอมถาม



เอ็ดเวิร์ดทำเพียงแค่พยักหน้ารับ...เรื่องของดอม น้องชายคนที่เขาเคยนึกชัง บัดนี้หัวใจของเอ็ดเวิร์ดปล่อยวางแทบทุกอย่าง เขาไม่ได้อิจฉาหรือริษยาดอมเหมือนเมื่อครั้งก่อนแต่อย่างใด...เอ็ดเวิร์ดทำในสิ่งที่ดอมไม่คาดคิด เขาเดินเข้าใกล้น้องชายตนเองก่อนที่จะจับมือของดอมกับพริซซิลล่าให้มาซ้อนทับกัน ไม่เพียงแค่ดอมที่แปลกใจเท่านั้น พริซซิลล่าเองก็นึกแปลกใจเช่นกัน



“ขอให้มีความสุข”



มันเป็นครั้งแรกที่เอ็ดเวิร์ดอวยพรพวกเขาทั้งคู่ด้วยใจจริง ชายหนุ่มยิ้มให้กับบุคคลทั้งสอง...เอ็ดเวิร์ดปล่อยมือดอมกับพริซซิลล่า ร่างสูงตบไปที่บ่าของน้องชายตัวเองอีกครั้งแล้วเดินจากไป เหลือแต่เพียงสายตาของดอมกับพริซซิลล่ามองตามหลัง



พอคุยกับดอมเสร็จเอ็ดเวิร์ดก็ไปหาวิกเตอร์ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เพื่อฉลองชัยที่จับแจ็ค เดอะริปเปอร์ได้ เขาจึงต้องเป็นฝ่ายมาเลี้ยงเพื่อนหนุ่ม...อีกไม่นานวิกเตอร์ที่ทำผลงานได้สำเร็จก็จะได้ขึ้นเป็นเอิร์นตามพ่อของเขา งานที่วิกเตอร์ทำก็คงจะยิ่งยุ่งมากขึ้น



พวกเขาคุยกันไปเรื่อยเปื่อยแทบไม่มีสาระ ทั้งเรื่องงานและคนรอบข้าง บางครั้งก็หญิงสาวที่เดินผ่านไปผ่านมา มันเป็นหัวข้อสนทนาได้ดีเลยสำหรับชายหนุ่มทั้งสองคน...วิกเตอร์มองเพื่อนสนิทตัวเองที่กลับมาหัวเราะได้อย่างเก่า ไม่เหมือนกับเมื่อหลายเดือนก่อนที่เอ็ดเวิร์ดเอาแต่ทรมานตัวเองจนต้องพาเข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น



รอยยิ้มของเอ็ดเวิร์ด



ใบหน้าของเอ็ดเวิร์ด



ทุกอย่างของเอ็ดเวิร์ดมันคือสิ่งที่เขาชอบ



“ขอบใจที่มาเลี้ยง” วิกเตอร์ขยิบตาให้ชายหนุ่มตรงหน้า ท่าทีของเขาทำให้เอ็ดเวิร์ดอดที่จะหัวเราะไม่ได้ โดยที่คนมองกลับมองว่ามันน่ารักเสียจนอยากจะฟัดให้หนำใจ จนถึงตอนนี้ความรู้สึกของวิกเตอร์ที่มีต่อเอ็ดเวิร์ดก็ยังไม่จางหาย เมื่อก่อนเคยรักเอ็ดเวิร์ดอย่างไรตอนนี้ก็รักอย่างนั้น



“แล้วเจอกัน” เอ็ดเวิร์ดโบกมือลา เขาหันหลังเตรียมที่จะขึ้นรถม้าที่จอดอยู่แต่กลับถูกวิกเตอร์เรียก



“เอ็ดเวิร์ด”



ชายหนุ่มหันมองคนเรียก



“รู้ใช่ไหมว่าฉันรักนาย”



คำสารภาพที่เอ่ยออกมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้วให้กับคนพูด



“ฉันรู้” เขายิ้มเล็กน้อยตามแบบฉบับ



ทำไมเขาจะไม่รู้...วิกเตอร์เป็นห่วงและรักเขาขนาดไหน วิกเตอร์เป็นเพื่อนที่ดีเสมอ...แต่ดูเหมือนว่าคำว่า 'รัก' ของอีกฝ่ายจะไม่เหมือนกับคำว่ารักของเอ็ดเวิร์ด นัยน์ตาสีเข้มมันบ่งบอกได้ว่าจริงจังกับการพูดขนาดไหน วิกเตอร์ทำแค่เพียงสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ แล้วเอ่ยคำว่ารักให้อีกคนได้ยิน



“ฉันรักนายนะเอ็ดเวิร์ด”



คนถูกสารภพยังคงเงียบงัน...เอ็ดเวิร์ดเริ่มเข้าใจความหมายของคนพูด



“ขอบใจนะ”



แล้วนี่...ก็เป็นคำตอบของเอ็ดเวิร์ด



รับความปารถนาดีแต่ไม่อาจรับรัก



เอ็ดเวิร์ดไม่สามารถที่จะรับรักวิกเตอร์ได้ เขาเห็นวิกเตอร์เป็นแค่เพียงเพื่อนคนหนึ่ง ถ้าต้องรักใครสักคนเพราะความสงสารมันก็คงไม่ดีแน่ๆ ดังนั้นเพื่อเป็นการไม่ทำลายความรู้สึกของอีกฝ่ายเอ็ดเวิร์ดจึงทำแค่เพียงขอบคุณก็เท่านั้น



เอ็ดเวิร์ดก้าวขึ้นรถม้า



วิกเตอร์ยังคงมองตามหลัง



เขารู้ดีว่าจะต้องถูกปฏิเสธ แต่ความรู้สึกบางอย่างมันกำลังบอกกับวิกเตอร์ว่าสมควรที่จะพูดออกไป...วิกเตอร์ก็แค่ไม่อยากเสียใจตามหลัง อย่างน้อยเขาก็ยังได้บอกความรู้สึกตัวเองออกไปดีกว่าที่จะให้มันต้องมาระเบิดจนอกแตกตายไปซะก่อน



ความรักที่เอ็ดเวิร์ดไม่สามารถให้ได้ เหลือแค่เพียงความเป็นเพื่อนก็ยังดี...เขาแอบรักเพื่อนสนิทมาตั้งแต่ครั้งยังเด็ก ความรักของวิกเตอร์มันเป็นเพียงแค่การแอบรักมาตั้งแต่ต้น ถึงจะไม่ได้เป็นเจ้าของแต่วิกเตอร์ก็ไม่เคยนึกแค้นเอ็ดเวิร์ดสักนิด...ร่างสูงมองตามแผ่นหลังเอ็ดเวิร์ดจนลับสายตา เขาได้แต่หวัง...หวังว่าสักวันหนึ่งเอ็ดเวิร์ดจะกลับมามีความสุขอีกครั้ง





TAKE

อีกไม่เกิน 2 หรือ 3 ตอนก็จะจบแล้วเน้อ

คือใกล้จบแล้วก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี เอาไว้พูดตอนจบทีเดียวดีกว่าเนอะ

หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 10.1 [อัพ 19/11/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-11-2016 09:39:31
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 10.1 [อัพ 19/11/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 20-11-2016 15:53:13
รอคอยตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 10.2 [อัพ 24/11/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 24-11-2016 19:43:51


เนื่องด้วยจากว่าเรื่อง ผู้ชายในกระจก จะมีการออกหนังสือกับ สนพ.รสิตา ในเร็วๆ นี้ ส่วนราคาอันนี้ยังไม่แน่ใจ แต่ถ้ามีคนสนใจรบกวนกดลิ้งค์แบบสำรวจที่อยู่ด้านล่างได้เลยจ้าา

ขอบคุณมากๆ ค่าาา

 

 

จิ้มๆๆๆ ลิ้งค์ แบบสำรวจ
https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScdheqKwqRdSffO03WvU5dERLCFnfwpbKkTks-E4NFWTKdiSQ/viewform

 

 

คนถูกสารภาพรักนั่งอยู่บนรถม้า เขานึกแปลกใจที่วิกเตอร์รักเขา เอ็ดเวิร์ดไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ลองนึกย้อนดูเมื่อสมัยครั้งที่ยังเป็นเด็ก ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ทั้งเวลทุกข์ เวลาเศร้า เขาก็มีวิกเตอร์คอยอยู่เคียงข้าง บางทีมันอาจแปลกไปมาตั้งนานแล้วแค่เอ็ดเวิร์ดไม่รู้เท่านั้น... รถม้ายังคงขับเคลื่อนไปทางด้านหน้าเพื่อไปยังจุดหมายที่เอ็ดเวิร์ดบอก พลันสายตาของเขาก็ไปสะดุดสิ่งหนึ่งที่อยู่ข้างทาง

 

“จอดก่อน”

 

“ครับ”

 

ร่างสูงลงจากรถอย่างระมัดระวัง เขามองไปยังจุดหมายที่อยู่ไม่ไกลนักจึงได้ให้รถม้าที่มาด้วยกลับไปก่อน...ชายหนุ่มเดินกลับหลัง เขาเดินไปหาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนขายดอกไม้อยู่ไม่ไกลนัก เด็กผู้หญิงที่แต่งตัวมอซอ เธอสวมหมวกฟางสีน้ำตาลอ่อนที่ประดับด้วยดอกไม้ประปราย

 

“ดอกไม้ไหมคะ ราคาไม่แพง”

 

เด็กสาวยิ้มกว้างพลางยื่นดอกไม้กำหนึ่งมามาให้

 

“ฉันเอาทั้งหมด”

 

เด็กสาวตาโต เธอรู้สึกตาวาวเมื่อดอกไม้ที่อยู่ในตระกร้าถูกขายหมดในคราเดียว...รอยยิ้มบริสุทธิ์ของเด็กน้อยมันทำให้เอ็ดเวิร์ดคิดถึงใครอีกคนที่ได้จากโลกนี้ไปนานแสนนาน

 

“ขอบคุณคะ ขอให้คุณมีความสุข”

 

มันเป็นคำอวยพรจากเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่มีต่อชายหนุ่มตรงหน้าก่อนที่เด็กคนนั้นจะวิ่งจากไป เอ็ดเวิร์ดเองก็เช่นกัน...เขาต้องไปยังจุดหมายซึ่งอยู่อีกไม่ไกลนัก เดินไปจากตรงนี้ไม่นานก็น่าจะถึง ร่างสูงมองดอกไม้ที่อยู่ในมือ เขาได้แต่หวังว่าคนที่ได้รับมันจะชอบ

 

ตุบ!

 

“ขอโทษครับ”

 

เดินเพียงไม่กี่ก้าว ใครคนหนึ่งก็เดินมาชน เอ็ดเวิร์ดหันมองชายคนนั้นที่วิ่งไปอย่างเร่งรีบ...เขาไม่สนใจกับสิ่งที่เกิดแต่กลับเลือกที่จะเดินไปทางด้านหน้าต่อ รอบด้านเริ่มห่างไกลผู้คนมากขึ้น มีแต่เพียงทุ่งหญ้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตา รอบข้างของเขาก็เต็มไปด้วยป้ายชื่อของคนตาย

 

ที่นี่เป็นสุสาน

 

และที่นี่ก็มีอาร์เจนอยู่

 

“อาร์เจน”

 

เขาเอ่ยเรียกชื่อคนรัก...มันยังคงเป็นชื่อที่เขาตั้งให้ตั้งแต่พบกันครั้งแรก ร่างสูงวางดอกไม้ที่เพิ่งซื้อมาตรงหน้าป้ายหลุมที่เป็นรูปกากบาต เขาคลี่ยิ้มบางให้กับคนรัก เอ็ดเวิร์ดล้วงหยิบบางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋า มันเป็นสร้อยคอที่ใส่รูปของเขาเอาไว้ แต่กรอบของมันทำมาจากกระจก

 

กระจกที่เคยเป็นที่อยู่ของอาร์เจน

 

“ฉันคิดถึงเธอ”

 

เอ็ดเวิร์ดที่ไม่มีรูปถ่ายของอาร์เจน ไม่ว่าจะหายังไงก็ไม่มีเลยสักใบ เศษบานกระจกที่แตกจึงได้เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของคนที่รัก

 

‘เอ็ด...’

 

เหมือนได้ยินเสียงเรียก

 

ในหัวของเขาเต็มไปด้วยใบหน้าของอาร์เจน

 

เอ็ดเวิร์ดยืนมองหลุมศพด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ดวงตาสีเข้มทอประกายเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด ใครเล่าจะมีความสุข ใครเล่าจะยังยิ้มอยู่ได้ เอ็ดเวิร์ดแค่เก็บซ่อนความร้าวรานเอาไว้ในอก จนถึงบัดนี้เขาก็ยังคงทำใจไม่ได้สักนิด

 

ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าหลุมศพเปลี่ยนเป็นมานั่งด้านข้าง รอบกายของเขาที่ไม่มีใครทำให้ไม่ต้องกังวลว่าใครจะได้ยิน เอ็ดเวิร์ดยังคงต่อหน้าอาร์เจนเฉดเช่นเหมือนเจ้าตัวยังคงอยู่ เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทุกวันให้อาร์เจนฟัง ในมือของเขาก็ยังคงกำสร้อยที่หวงแหนเอาไว้แน่นพร้อมกับลมหายใจที่เริ่มติดขัด

 

“จริงสิ...ฉันลืมเล่าอีกเรื่องให้เธอฟัง”

 

เอ็ดเวิร์ดเริ่มหายใจไม่ออก

 

“ก่อนที่จะมาเจอกับเธอ ฉันได้ชนกับผู้ชายคนนึงเข้า”

 

มือของเขากุมไปช่องท้อง เสื้อสูทด้านในสีขาวถูกซับด้วยสีแดงของเลือด

 

ก่อนที่จะมาที่นี่...เขาถูกชนโดยคนที่ไม่รู้จัก ชายที่ชนเอามีดแทงตรงท้องก่อนที่จะปล้นเอากระเป๋าเงินที่อยู่ในมือไป ถึงมันจะเพียงแค่ครั้งเดียวแต่ก็คิดว่ามันน่าจะโดนจุดสำคัญอยู่ ถึงอย่างนั้นเอ็ดเวิร์ดก็ยังไม่ร้องขอความช่วยเหลือหรือรีบไปโรงพยาบาล เอ็ดเวิร์ดยังคงเดินมายังจุดหมายที่เขาคิดไว้ตั้งแต่แรก พูดคุยกับอาร์เจนเหมือนตอนที่ยังนั่งอยู่หน้ากระจก เล่านิทานให้ฟังเหมือนแต่ก่อน

 

อาร์เจนอยู่ในกระจก

 

ผมสีเงินที่สวยยามสะท้อนกับแสงอาทิตย์

 

รอยยิ้มที่ตราตรึงใจ

 

“เธอยังจำได้หรือเปล่า ฉันเคยให้สัญญากับเธอเอาไว้”

 

เอ็ดเวิร์ดหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า มือที่กำสร้อยคอไว้แน่นเริ่มคลายออก

 

...ถ้าเธอเป็นกระจกวิเศษ

 

...ฉันก็จะเป็นราชินีใจร้าย

 

...เพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกัน...ตลอดไป

 

 

“ฉันไม่มีทางให้เธอหายไปเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนฉันก็จะอยู่กับเธอ จะไม่ปล่อยให้เธอต้องเหงา ฉันสัญญา”

 

 

 

 

TAKE

แต่งตอนนี้แล้วมันปวดใจ...

 
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 10.2 [อัพ 24/11/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-11-2016 20:24:06
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 10.2 [อัพ 24/11/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 24-11-2016 22:18:17
เลือกที่จะไปหาอาเจนสินะ ยอมตายดีกว่าตายทั้งเป็น...
ใจคอ เด็ดเดี่ยวจริงๆ
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 10.2 [อัพ 24/11/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 24-11-2016 22:54:45
น้ำตาไหล
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 10.2 [อัพ 24/11/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 25-11-2016 02:11:36
โห อ่านท่อนสุดท้ายปุ๊ป น้ำตาซึมเลยอะ สะเทือนใจ เอ็ด คงอยากไปอยู่กับอาร์เจน ขอให้ได้อยู่ด้วยกันเถอะ แม้จะเป็นแค่เพียงวิญญาณ
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 10.2 [อัพ 24/11/2016]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 25-11-2016 12:12:36
 :hao5:
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 11 บทส่งท้าย [อัพ 30/11/2016] END
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 30-11-2016 11:37:37




กาลเวลาที่ผ่านพ้น...



คนที่มีชีวิตอยู่ยังต้องดำเนินชีวิตต่อไป เหลือแต่เพียงความทรงจำของคนที่เคยมีชีวิต จดจำอยู่ในห้วงความรู้สึกที่โหยหา แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน ทุกชีวิตมีดับและมีสลาย มีพบพานก็ต้องมีวันลาจาก



งานเลี้ยงย่อมมีวันต้องเลิกรา



แต่ความรักและความอาลัยก็ยังคงอยู่



ตราบจนชีวิตจะหาไม่



“โอ๊ย!! เจ็บ...เจ็บ”



ผู้หญิงคนหนึ่งร่ำร้องด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว ขาทั้งสองข้างสั่นระริกยามที่เด็กในท้องกำลังจะลืมตาออกมาสู่โลกภายนอก



“หายใจลึกๆ นะครับ ดีมากครับ”



“ฮึก ฮือ ฮือ ฉันเจ็บ”



“อีกนิดครับ อีกนิด”



หญิงสาวกำมือแน่น เธอพยายามที่จะหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ แต่มันก็ยากเย็นเหลือเกิน ดวงตาของเธอปรือตามองไปบนเพดานด้วยหยาดน้ำตา



“กรี๊ด!!!”



สิ้นเสียงร้องสุดท้าย



อุแว๊...อุแว๊...



เด็กน้อยก็ลืมตาขึ้นมาดูโลก



หญิงสาวมองลูกน้อยที่อยู่บนมือของพยาบาล เธอยิ้มต้อนรับให้กับสมาชิกใหม่ของครอบครัว...นานเหลือเกินกว่าจะเห็นหน้าลูกคนนี้ ดีจริงที่ปลอดภัย



“เจน...เจนลูกแม่”



นั่นคือเสียงสุดท้ายที่เธอเอ่ยพร้อมกับสติที่เลือนราง



จากเด็กทารกในวันนั้น เริ่มกลายเป็นเด็กน้อยเมื่ออายุเข้าปีที่ห้า ใบหน้าหวานที่ได้แม่มาเต็มๆ เผยยิ้มกว้างยามที่เรียกหามารดาตน เสียงหัวเราะที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาทำให้ใครที่เห็นต่างก็อดที่จะชื่นชมในความน่ารักนี้ไม่ได้



จากเด็กชายวัยห้าขวบก็แปรเปลี่ยนเป็นหกขวบและเจ็ดขวบตามช่วงปี แต่ยิ่งโตก็ยิ่งมีสิ่งหนึ่งที่ผู้เป็นแม่รู้สึกแปลกใจ และมันเป็นความลับที่รู้กันเพียงแค่สองคน



เด็กคนนี้ไม่เหมือนคนอื่น



“แม่จ๋า หนูฝันอีกแล้ว”



เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ย ใบหน้าหวานเอียงคอยามที่นึกถึงความฝันที่เกิดขึ้นเมื่อคืน



“ฝันเหมือนเดิมเหรอจ๊ะ”



“ฮะ”



เด็กน้อยพยักหน้ารับ



“ไม่เป็นไร เดี๋ยวโตขึ้นความฝันก็หาย”



มันเป็นคำปลอบประโลมทุกครั้งที่ผู้เป็นแม่มักจะเอ่ยกับลูกชายตัวน้อย โลกหลังความตาย วิญญาณ หรือจะเรื่องเหนือธรรมชาติ เธอไม่เคยลบหลู่ แต่ก็หวังว่าสักวันมันจะหายไปจากลูกชายตัวน้อย เพราะตอนนี้ลูกเธอยังคงเป็นเด็ก บางทีเพราะความบริสุทธิ์นั้นถึงทำให้เกิดเรื่องเหลือเชื่อขึ้นมาก็ได้



“ฮะ” เด็กน้อยโผเข้ากอดผู้เป็นมารดา



เพราะว่ายังเป็นเด็กจึงได้เชื่อในคำสอน เด็กน้อยหลับตานิ่งสนิท ความฝันเมื่อคืนยังคงตามหลอกหลอนอยู่ไม่ห่าง



เสียงเรียก



และน้ำตาของใครอีกคน



เด็กน้อยยังไม่เข้าใจ ความรู้สึกที่เศร้าหมองกลับทำให้คนตัวเล็กน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่รู้สาเหตุ จนคนเป็นแม่ต้องเช็ดน้ำตาจ้าละหวั่น...ด้วยความสงสารลูก เธอจึงหยิบสร้อยเส้นหนึ่งที่มักจะคล้องคออยู่เป็นประจำมาสวมให้กับลูกน้อยตรงหน้า มันเป็นสมบัติทางใจที่ไม่มีราคา เป็นมรดกตกทอดตั้งแต่สมัยปู่ทวดที่ได้ให้ไว้ เพียงเพื่อรอพบเจ้าของที่แท้จริง บางทีสิ่งนี้มันอาจช่วยลูกของเธอได้



“แม่ฮะ” เด็กน้อยนึกฉงน มองสร้อยที่อยู่ในมือ



“เก็บไว้นะลูก มันเป็นตัวแทนของแม่ ถ้าลูกฝันอีกเมื่อไหร่ก็กำสร้อยเส้นนี้ไว้ เข้าใจนะ”



“ฮะ” เด็กน้อยรับปากรับคำ



ดวงตากวางมองคนที่อยู่ในรูปภาพ ผู้ชายคนนี้ช่างหล่อเหลา เพียงแค่แรกเห็นกลับทำให้รอยยิ้มของเด็กชายวัยเจ็ดขวบยิ้มกว้าง ความรู้สึกหนึ่งมันกำลังบอกว่า...คิดถึง



อยากเจอ...อยากเจอเหลือเกิน...



 

ลอนดอน



ปัจจุบัน



ณ โบสถ์แห่งหนึ่ง



ดวงตาวาวหลุบตาลงพร้อมกับมือที่ประสานกันเพื่ออธิฐานต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า ร่างน้อยผมสีดำสนิทอยู่ท่ามกลางแสงสว่างของพระผู้เป็นเจ้า เจ้าตัวใส่เสื้อสีดำดูเข้ากับเส้นผมที่ดำสนิท ใบหน้าหวานที่ดูอ่อนเยาว์กับผิดที่ขาวผุดผ่องท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่เจิดจ้า รอยยิ้มบางที่เกิดขึ้นเมื่อได้อธิฐานสิ่งที่อยู่ในใจ



“เจน”



“ครับ” ร่างน้อยเอ่ยรับพลางลุกขึ้นหันมองคนที่เดินมาจากทางด้านหลัง



“ไปเถอะ ได้เวลาแล้ว”



“ครับ”



‘เจน เกรย์’ ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดพยักหน้ารับคำก่อนที่จะเดินตามหลังผู้มาตาม...แต่สองมือยังคงกำสร้อยคอที่หวงแหนไว้แน่น



เสียงฝีเท้าเบาเดินพร้อมกับจังหวะการเต้นของหัวใจ นึกแปลกใจนักที่วันนี้หัวใจมันเบาหวิวอย่างน่าประหลาด เหมือนมีบางอย่างมันกำลังฉุดรั้งเอาไว้ทำให้ร่างน้อยโหยหา ร่ำร้อง และอยากที่จะอยู่ที่นี่...เพื่อรอคอย...ใครบางคน



“เจน?” บอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยทักเมื่อเห็นคุณหนูตรงหน้าแปลกไป คนตัวน้อยเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกันตัว



“เอ่อ ไม่มีอะไรครับ” ยิ้มบาง “ไปกันเถอะ” เจนส่ายหน้าให้กับความเหม่อของตัวเอง สองขาที่หยุดนิ่งพร้อมก้าวเดินต่อไปข้างหน้า...ร่างน้อยเดินจนใกล้จะถึงกับประตูโบสถ์ เดินสวนผู้คนมากมายที่หลังไหลเข้ามาเพื่อกราบไหว้และขอพรพระผู้เป็นเจ้า



“เอ็ดเวิร์ด”



เสียงหนึ่งเอ่ยดังมาจากทางด้านหลัง...สองขาหยุดนิ่งอีกครั้ง ดวงตากวางหันไปมองยังชื่อที่ได้ยินโดยบังเอิญ



ชายคนหนึ่ง...เขาสวมเสื้อสีน้ำตาลอ่อน กำลังหันหลังให้ ร่างน้อยมองชายแปลกหน้าที่ชื่อคุ้นหู ผู้ชายคนนั้นหันด้านข้างให้ ทำให้เห็นหน้าไม่ค่อยชัด ชายหนุ่มกำลังยกยิ้มให้กับใครอีกคน สองสายตาประสานกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ในขณะที่เจนกำลังก้าวออกจากประตู



ใจดวงน้อยเต้นระรัว



ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก



ความบังเอิญ...



โชคชะตา...



หรือพรหมลิขิต...



END









TAKE

จบเนอะ...จบจริงๆ

ขอให้เอ็ดเวิร์ดกับอาร์เจนมีความสุขในชาติภพใหม่ ขอให้เจอกันเร็วๆ

และสุดท้ายขอบคุณที่เข้ามาอ่านและชอบกันนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เทคเขียนแนวย้อนยุค อาจไม่ดีมากนักแต่ก็ตั้งใจเขียนเต็มที่ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

ท้ายและท้ายสุด อยากบอกอะไรกับนิยายเรื่องนี้ไหม เทคอยากอ่าน อิอิ ><
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 11 บทส่งท้าย [อัพ 30/11/2016] END
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 30-11-2016 11:52:34
สุดท้ายขอฝากกกกกกกก


เปิดพรีออเดอร์จ้าา
 
 
ย้ำ! ซื้อคู่คุ้มกว่านะเออ
 
ติดต่อสั่งซื้อได้ที่ https://www.facebook.com/Rasita-Books-1552940261694720/?hc_ref=PAGES_TIMELINE&fref=nf
 
 
#PreOrder 27/11/2016-31/1/2017 พร้อมส่ง 1/2/2017

(http://www.uppic.org/image-9450_583E5B90.jpg) (http://www.uppic.org/share-9450_583E5B90.html)

หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 11 บทส่งท้าย [อัพ 30/11/2016] END
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 30-11-2016 15:59:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 11 บทส่งท้าย [อัพ 30/11/2016] END
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 01-12-2016 00:00:12
 ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

น่ารักมาก

หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 11 บทส่งท้าย [อัพ 30/11/2016] END
เริ่มหัวข้อโดย: tear0313 ที่ 01-12-2016 00:58:40
 :mew2:
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 11 บทส่งท้าย [อัพ 30/11/2016] END
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 03-12-2016 15:20:40
พวกเขาจะได้คู่กันใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 11 บทส่งท้าย [อัพ 30/11/2016] END
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 05-12-2016 07:49:43
เราว่าจริงๆเอ็ดเป็นคนอ่อนแอนะ เอาแต่น้อยเนื้อต่ำใจ ไม่สู้ชีวิตเลย // ปู่กับพ่อของเอ็ดนิสัยร้ายเหมือนกัน เสียดายไม่มีมุมมองของน้องชายเอ็ดว่าเป็นคนยังไง // ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 11 บทส่งท้าย [อัพ 30/11/2016] END
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 05-12-2016 20:43:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 11 บทส่งท้าย [อัพ 30/11/2016] END
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 06-12-2016 06:25:44
ใจหายจังจบแล้วเหรอค้า อยากได้ตอนพิเศษต่อจังเลย อยากเห็นเค้าแฮปปี้กันมากกว่านี้  :hao5:
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 11 บทส่งท้าย [อัพ 30/11/2016] END
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 08-12-2016 17:30:20
 :ling3: :ling3: o13
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 11 บทส่งท้าย [อัพ 30/11/2016] END
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 09-12-2016 19:57:38
น้ำตาไหลพราก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 11 บทส่งท้าย [อัพ 30/11/2016] END
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 08-02-2017 13:59:17
 :mew1: ขอบคุณค่ะ