พิมพ์หน้านี้ - Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: minemomo ที่ 23-04-2017 19:58:23

หัวข้อ: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 23-04-2017 19:58:23
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************










Heartbeat 










: A Retelling of Beauty and the Beast













นิยายเรื่องใหม่ค่ะ  อย่างที่เห็นจากชื่อเรื่องเลยว่าเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Beauty and the Beast   พอได้ข่าวเวอร์ชันคนแสดงของดิสนีย์ก็ปิ๊งไอเดีย และเลือดวายก็แผ่ซ่านจนกลายเป็นโฉมงามกับเจ้าชายอสูรในเวอร์ชันใหม่ที่รับรองว่าจะน่ารัก มุ้งมิ้ง อ่านแล้วฟินๆ เพลินๆ เชิญจิกหมอนกันได้ตามสบาย



















แม้ว่าจะได้แรงบันดาลใจจากเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูร
แต่เนื้อเรื่องก็มีการปรับ เปลี่ยน หักมุมบ้างในบาง/หลายจุด   
สำหรับตัวละครหลักแน่นอนว่าต้องเป็น เจ้าอสูร (the Beast)
แต่สำหรับบิวตี้ของเรื่องนี้มีนามว่า โจชัวร์ (Joshua)   
พ่อโฉมงามของเราจะเป็นใคร มาจากไหน แล้วจะต้องฟันฝ่าอะไรบ้างกว่าจะถึงตอนจบที่
ทั้งคู่ก็ได้ครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป 
ไปติดตามรับชมกันได้เลยจ้าาาาา














PS: อีกหนึ่งช่องทางติดตามข่าวสารนิยายของ minemomo ค่ะ
 https://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199/?ref=bookmarks (ftp://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199/?ref=bookmarks)






(https://image.dek-d.com/27/0129/4005/123989298)







หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 23-04-2017 20:04:52
น่าอ่านๆ :katai2-1: :katai2-1: รอค่ะ ติดตาม
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 23-04-2017 21:39:26
น่าสนใจค่ะ จะรออ่านนะ o13
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 24-04-2017 05:21:35





Heartbeat 


: A Retelling of Beauty and the Beast









เบิกฤกษ์ตอนแรกเลยค่ะ
บอกกันไว้นิดนึงก่อนอ่านว่านิยายเรื่องนี้ใช้ภาษาเขียนเวิ่นเว้อ ยืดยาด
บางทีประโยคยาวเบื๊อยอาจสรุปง่ายๆได้ไม่กี่คำ  ใครไม่ชินอ่านแล้วอาจจะเหนื่อย

แต่ความยาวตอนๆหนึ่งกลับสั้นจู๋ ตีเป็นหน้าเวิร์ดก็ประมาณสี่ถึงห้าหน้าต่อตอนเท่านั้น
ค่อยๆทำความคุ้นเคยกันไปนะ แต่ถ้าชอบขอคำหวานๆเป็นกำลังใจให้หนูโจชัวร์กันสักนิดนะจร๊า














1




ณ ใจกลางป่ากว้างที่ไม่น่ามีสิ่งมีชีวิตใดออกมาเตร็ดเตร่นอกจากสัตว์กินเนื้อชนิดที่ออกล่าเหยื่อตอนกลางคืนกลับปรากฏร่างๆหนึ่งล้มลุกคลุกคลานอยู่เพียงลำพัง เมื่อมองดูให้ดีนั่นคือชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมใหญ่ในชุดเสื้อคลุมขนสัตว์ราคาแพงแต่เสียดายที่ตอนนี้ทั้งซอมซ่อและมีรอยฉีกขาดอันเกิดจากการเดินทางสมบุกสมบัน สภาพของเสื้อผ้าก็ไม่ต่างจากผู้สวมใส่ หากใครที่เคยได้พบหรือเพียงได้ยินชื่อเสียงของ คุณมอร์ริส เจ้าของเรือเดินทะเลนับสิบลำที่เวียนเข้าออกเพื่อขนถ่ายสินค้าเป็นประจำที่ท่าเรือหลักของเมืองก็คงไม่อยากเชื่อสายตา พ่อค้าใหญ่ผู้มั่งคั่งยามนี้เป็นแค่ชายตกอับที่ไม่มีแม้แต่ม้าสักตัวจะโดยสาร ในกระเป๋าที่เคยตุงด้วยเหรียญทองและตั๋วแลกเงินกลับเต็มไปด้วยใบแจ้งหนี้ และจดหมายด่าทอของบรรดาคู่ค้าที่ถูกเบี้ยวเงิน
เขาไม่มีเงินสักแดง ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เย็นวาน และหากยังหาทางออกจากป่าไม่ได้ เขาก็คงไม่มีชีวิตกลับไปเจอหน้าลูกๆเป็นแน่

.


มือหยาบกุมสาบเสื้อให้กระชับตัวเพื่อกันลมหนาว ดวงตาพร่ามัวพยายามมองฝ่าละอองหิมะในขณะที่สองเท้าก้าวต่อไปแม้จะรู้สึกสิ้นหวัง เขาภาวนาต่อพระเจ้า อ้อนวอนขอเพียงให้ได้กลับถึงบ้าน เขาแค่อยากกลับไปเจอลูกๆเป็นครั้งสุดท้าย หากจะตายก็ขอให้ได้หมดลมลงบนเตียงนอนของตัวเอง รายล้อมด้วยคนในครอบครัว ไม่ใช่กลางป่ากว้างแล้วกลายเป็นอาหารให้สัตว์ป่ารุมทึ้ง

.


“ขอได้โปรด...” คำขอดังแผ่วติดริมฝีปากแห้งผาก น่าผิดหวังที่กลายเป็นแค่ไอขาวแล้วสลายไป อาจส่งไม่ถึงพระผู้เป็นเจ้าบนสวรรค์

.


“โปรดประทานพร... ขอร้อง... สักครั้ง... แค่ครั้งเดียว...”

.


ร่างนั้นพลันหยุดชะงักราวถูกสาปให้กลายเป็นอนุสาวรีย์น้ำแข็ง ดวงตาอ่อนล้าเบิกโพลง สองมือทำท่าไขว่คว้าขณะที่สองขาขยับเร็วขึ้น พละกำลังที่เหลือน้อยนิดทำให้เขาหกล้มอยู่หลายครั้ง แต่ยิ่งเข้าใกล้สิ่งที่กำลังมองเห็น ความปีติก็เติมเรี่ยวแรงให้กลับฟื้น ไม่เหลือเค้าความเหนื่อยล้าอย่างเมื่อครู่อีกเลย

.


“ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ขอบคุณ...”

.


เขาพร่ำพรรณนาให้กับภาพตรงหน้าที่อาจเป็นทางรอดเดียว จนเมื่อเข้าใกล้ความเป็นจริงแค่เอื้อมมือสัมผัส เขาก็พบว่ากำลังยืนอยู่ต่อหน้าสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ บรรยากาศโดยรอบมืดสนิทจนมองไม่เห็นรายละเอียดใดๆ แต่เพียงแสงไฟริบหรี่ที่ลอดออกมาจากหน้าต่างบานหนึ่งก็เพียงพอจะชุบหัวใจให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง

.


“มีใครอยู่บ้างมั้ย” เขาพยายามตะโกนแม้จะไม่ดังอย่างที่ต้องการ “ข้าหลงทางมา ได้โปรดขอให้ข้าได้พักที่นี่สักคืน”

.


เขาพยายามเคาะจนกลายเป็นออกแรงทุบที่ประตู มีเพียงความเงียบและเสียงลมหวีดหวิวตอบกลับมา ยิ่งทำให้เขาสะท้านด้วยกลัวว่าความหวังเดียวจะเปล่าประโยชน์

.


“ใครก็ได้ โปรดมีเมตตา ข้าแค่ขอที่ซุกหัวนอน เศษอาหารสักมื้อ แค่เท่านี้จริงๆ ขอร้องเถอะ”

.


เขาทรุดตัวลงคุกเข่าอยู่หน้าประตู พร่ำวอนซ้ำไปซ้ำมาจนลำคอแห้งผากเป็นผง สายลมปนละอองหิมะปลิวฟุ้งยิ่งทำให้รู้สึกยะเยือกจนชาไปทั้งตัว ความหวังที่กำลังจะดับลงพร้อมลมหายใจสุดท้ายพลันสว่างขึ้นเมื่อมีสัญญาณความเคลื่อนไหวจากภายใน ประตูเปิดออกช้าๆพร้อมกับเสียงบานพับดังลั่น แต่สำหรับคนที่รอคอยนั้นประหนึ่งเสียงจากประตูแห่งสวรรค์

.


เมื่อเขาก้าวเท้าเข้าไป แสงเทียนก็เหมือนถูกจุดขึ้นด้วยมือที่มองไม่เห็น จากหนึ่งเป็นสองและสามสี่เรียงรายเป็นทางให้เดินตามจนมาถึงห้องๆหนึ่ง ที่กลางห้องปรากฏโต๊ะตัวยาวแต่มีเก้าอี้เพียงตัวเดียว เขารีบนั่งลงอย่างจดจ่อกับสิ่งที่วางอยู่ตรงหน้า

.


“เอ่อ... ถ้าข้าจะขอ...” เหมือนพูดกับตัวเองเพราะรอบด้านคือความมืดสนิท เทียนสว่างอยู่แค่เล่มเดียวและเพียงพอให้เห็นแค่อาหารค่ำอย่างง่ายๆ ขนมปัง ซุปร้อนๆ และเนื้อเสต็ก แต่แค่นั้นก็ทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายอยู่ตลอด

.


“ถ้าอย่างนั้นก็... ขอบคุณนะครับ” เขาถือความเงียบเป็นคำตอบและเริ่มลงมืออย่างหิวโหย ชั่วพริบตาทุกอย่างก็หายเข้าไปอยู่ในท้อง ไม่เว้นแม้แต่เศษขนมปังป่นๆยังถูกหยิบเข้าปากอย่างระวัง ทั้งที่ในยามปกติมักจะถูกปัดลงพื้นแล้วกวาดทิ้งเป็นขยะ

.


เมื่อไวน์ทั้งเหยือกล่วงเข้าริมฝีปากหมดจนหยดสุดท้าย แสงเทียนก็สว่างขึ้นอีกครั้ง เขาลุกเดินตามอย่างว่าง่าย แม้ปลายทางจะยังเป็นห้องมืดเหมือนเดิม แต่เตียงหลังเล็กๆที่ตั้งอยู่ทำให้เขาไม่รอช้าที่จะล้มตัวลงนอนโดยไม่ลืมเอ่ยคำขอบคุณให้ทันก่อนที่ดวงตาจะปิดลงและหลับสนิท

.


มอร์ริสรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อดวงอาทิตย์ฉายแสงจ้าจนไม่อาจนอนต่ออย่างสงบ บรรยากาศรอบตัวทำให้เขายิ่งตื่นตาตื่นใจ ห้องมืดที่มองไม่เห็นอะไรเมื่อคืนแท้จริงแล้วงดงามราวกับความฝัน แม้เตียงที่เขานอนจะดูธรรมดาแต่ก็เป็นเตียงไม้หอมชั้นดีที่สงวนไว้เฉพาะราชวงศ์หรือชนชั้นสูง เมื่อประกอบกับเฟอร์นิเจอร์และเครื่องตกแต่งชิ้นอื่นๆที่ดูงดงาม มีราคาก็ยิ่งทำให้ห้องนี้หรูหราเกินกว่าจะเป็นที่พักแรมของชายหลงทางคนหนึ่ง

.


เขาลุกลงจากเตียงไล่ดูสิ่งของมีค่ามากมาย นึกเปรียบอย่างอดสูว่าครั้งหนึ่งก็เคยได้ครอบครองสมบัติล้ำค่าไม่ต่างจากของพวกนี้ แต่เพราะการคิดคำนวณที่ผิดพลาด คาดหวังกำไรมหาศาลจนประมาทและถูกหักหลัง ซ้ำร้ายมรสุมหลงฤดูก็กลืนกินเรือสินค้าของเขาไปจนเกลี้ยง เขากับลูกๆต้องรีบเก็บข้าวของที่พอหยิบฉวยย้ายออกไปอยู่นอกเมือง อาศัยปลูกผัก ทำไร่พอเลี้ยงตัวไปวันๆ วันหนึ่งได้รับข่าวดีว่าพบเรือที่หายไป เขาก็รีบเข้าเมืองด้วยความหวังว่าครอบครัวจะได้ลืมตาอ้าปาก แต่กลายเป็นว่าถึงขายไม้กระดานเรือแผ่นสุดท้ายยังไม่พอใช้หนี้ โชคดีเหลือเกินแล้วที่บรรดาเจ้าหนี้ยังมีมนุษยธรรม ไม่ถึงกับจะให้เขาชดใช้ด้วยชีวิต
.


นั่นคือเหตุผลที่เขาต้องซมซานกลับบ้าน โชคร้ายซ้ำหลงทางกลางป่า แถมเจอพายุเกือบตายจนได้มาพบที่แห่งนี้เข้า
เสียงดนตรีดังแว่วเรียกสติกลับมาจากคืนวันอันโหดร้าย เมื่อคืนเขาเดินไปตามแสงเทียน มาตอนนี้จึงเรียนรู้ที่จะก้าวตามเสียงเพลง รายทางที่เดินผ่านยิ่งเรียกความตื่นตาตื่นใจให้อ้าปากค้างอยู่ตลอด เครื่องตกแต่งทุกชิ้นบ่งบอกรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของ และมูลค่าก็บ่งบอกฐานะชนิดที่ตัวเขาในอดีตเทียบไม่ติด หากได้ออกไปด้านนอกและเห็นทั่วทั้งบริเวณ เขาเชื่อว่าที่นี่จะต้องเป็นคฤหาสน์ที่งดงาม ตระการตาหลังหนึ่ง ไม่อยากเชื่อว่าจะมีสถานที่เช่นนี้อยู่กลางป่ากลางเขา

.


เสียงเพลงเงียบลงเมื่อเขากลับมายังที่เดิมซึ่งได้มีของกินตกถึงท้อง ห้องนี้ไม่เพียงแต่กว้างแต่ยังเป็นโถงสูง กลางเพดานคือช่อโคมไฟระยิบระยับ ผนังแบ่งเป็นช่องกรุกระจกใสโดยรอบทำให้ห้องดูโปร่งตา เสียแต่ว่าม่านหนาถูกปล่อยลงเกือบหมดทำให้พื้นที่ส่วนหนึ่งตกอยู่ในความมืดไปโดยปริยาย

.


“เชิญ” เสียงห้าวดังก้องมาจากหัวโต๊ะด้านหนึ่ง เจ้าของเสียงเหมือนซ่อนอยู่ในเงามืดทำให้ไม่เห็นหน้าค่าตา แต่เค้าร่างน่าจะเป็นชายตัวสูงใหญ่ แนวบ่ากว้าง ช่วงไหล่และแผงอกหนากว่าคนทั่วไป

.


มอร์ริสมองรอบตัวและเห็นที่นั่งเดิมของตนมีอาหารจัดวางพร้อมจึงเดินไปนั่งลงอย่างมีมารยาท อาหารเช้าอย่างง่ายๆแต่ดูน่ากินจนเขาไม่อาจรอช้า เมื่อไม่มีสัญญาณขัดขวางใดๆจึงลงมือกินอย่างหิวโหย ไม่ช้าก็หมดลงไม่เว้นแม้แต่เศษขนมปังเช่นเดิม

.


“เอ่อ... ขอบคุณมากสำหรับที่พักและอาหาร” เขาพยายามเพ่งมองหัวโต๊ะฝั่งตรงข้ามแล้วตะโกนบอก แม้จะดูเสียมารยาทก็ดีกว่าพูดปกติแล้วอาจจะไม่ได้ยินเพราะระยะที่ห่างกันเหลือเกิน

.


“ถ้าท่านต้องการสิ่งใดเป็นการตอบแทน...”

.


“แล้วเจ้าจะให้สิ่งใดตอบแทนได้บ้างล่ะ” เสียงห้าวสวนตอบจนคนถามเผลอสะดุ้ง ขนาดแก้วน้ำที่วางอยู่ยังเกิดอาการสั่นไหว

.


“เอ่อ... คือจริงๆข้าก็ไม่มีอะไรจะตอบแทนท่านได้หรอก” เขาตอบทั้งที่ก้มหน้า ความทดท้อกับโชคชะตาพาลให้ไม่อยากพูดอะไรต่อ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงควักกระเป๋า หยิบเหรียญทองโยนลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปอย่างผ่าเผย แต่ตอนนี้กลับจนตรอกจนต้องซานเข้ามาขออาหารประทังชีวิตไม่ต่างจากหมาข้างถนนตัวหนึ่ง

.


“เรื่องของเจ้า เล่ามา ข้าอยากฟัง”

.


เพียงเท่านั้นก็เหมือนประกายไฟจุดติดเศษฟางแล้วลามไหม้ไปทั้งทุ่งหญ้า เรื่องราวความเป็นมาของตัวเอง ชีวิตครอบครัวที่ต้องสูญเสียภรรยา เหลือเพียงพ่อและลูกๆสี่คน การต่อสู้บากบั่น เริ่มทำงานตั้งแต่เป็นลูกจ้างท่าเรือตัวเล็กๆจนกระทั่งมีเรือสินค้าในครอบครอง การค้าขายที่นำมาซึ่งความมั่งคั่งแต่ก็จบลงแบบสิ้นเนื้อประดาตัว การเดินทางจากบ้านพร้อมความหวังสุดท้าย แล้วต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้งจนเกือบจะต้องจบชีวิตลงกลางป่า มอร์ริสบอกเล่าทุกอย่างโดยไม่ลังเลราวกับว่าที่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะตัวยาวคือหลุมดำซึ่งจะช่วยดูดกินความโชคร้ายของเขาให้หมดไป เมื่อประโยคสุดท้ายจบลง เขาก็โล่งอก หัวใจที่เคยหนักอึ้งเบาสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

.


“ม้าเตรียมไว้พร้อมแล้วครับนายท่าน”

.


มอร์ริสสะดุ้ง ความวังเวงในค่ำคืนที่ผ่านมาชวนให้คิดว่าที่นี่ไม่น่าจะมีใครอาศัยอยู่ คนที่อีกฝั่งโต๊ะก็ดูแปลกเกินคน จนทำให้รายที่เพิ่งโผล่มาดูธรรมดาจนน่าตกใจ

.


“เชิญครับคุณมอร์ริส” ร่างสูงในชุดพ่อบ้านกล่าวซ้ำ

.


คนถูกเรียกลนลาน ถึงจะลุกจากเก้าอี้แต่ยังไม่กล้าขยับตัวไปทางไหน

.


“นายท่านสั่งให้เตรียมม้าไว้ให้คุณแล้ว เจ้าสโนว์เชื่องและถูกฝึกมาอย่างดี รับรองว่าคุณจะเดินทางกลับถึงบ้านได้แน่นอน ส่วนเรื่องอาหารและที่พักนั้นอย่าถือเป็นเรื่องต้องตอบแทน เพราะนายท่านต้องการให้คุณกลับไปหาครอบครัวอย่างปลอดภัยโดยมีน้ำใจของท่านติดตัวไปเท่านั้นก็พอ”

.


“ขอบคุณมากครับ ข้าสัญญาว่าจะไม่เอาสิ่งใดติดตัวไปอย่างที่นายท่านต้องการ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับความกรุณาและขอลา”

.


เขาเข้าใจว่านั่นคือการเชิญตัวกลับและคำขู่ไม่ให้ทำตัวเป็นพวกมือไวใจเร็วอย่างสุภาพ จึงรีบเอ่ยลาและเดินตามออกมาที่ประตู ผู้นำทางหายตัวไปโดยไม่ทันให้สังเกต เรียกว่าพริบตาเดียวก็เหลือเพียงเขากับม้าตัวโตสีขาวปลอดราวหิมะ

.


“เจ้าคงชื่อสโนว์สินะ” เขาถูมือให้อุ่นแล้วค่อยๆลูบไปบนสันจมูกและหัวของม้าแสนเชื่องเพื่อสร้างความคุ้นเคย มันส่งเสียงร้องตอบแล้วยืนรอให้เขาเหยียบโกลน เหวี่ยงตัวขึ้นหลังอย่างง่ายดาย

.


สโนว์ค่อยๆเหยาะย่างและคงจะคุ้นทางเหมือนอย่างที่เจ้าของอ้าง เขาจึงวางใจและใช้เวลาช่วงสุดท้ายสำรวจคฤหาสน์รูปทรงโบราณที่อาจดูทรุดโทรมตามกาลเวลาแต่ยังคงความสง่างาม น่าเกรงขาม บริเวณโดยรอบคงจะเป็นสวนที่จัดตกแต่งอย่างดีแต่เสียดายที่ตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาจนขาวโพลนไปหมด

.


“เดี๋ยวๆ หยุดประเดี๋ยวนะเจ้าเพื่อนยาก” เขารีบดึงรั้งสายบังเหียนแล้วเบนทิศไปยังจุดที่หมายตา ที่กลางลานโล่งมีพุ่มไม้ใหญ่โดดเด่น แม้กิ่งก้านจะแห้งกรังไม่มีสีเขียวแซมสักจุด แต่กลับปรากฏดอกไม้สีแดงที่ยิ่งโดดเด่นสะดุดตาท่ามกลางสีขาวของหิมะ

.


“ทำไมอากาศอย่างนี้ถึงยังเหลือกุหลาบให้เห็นอีกนะ” เขารำพึงกับตัวเองด้วยความประหลาดใจ พลันคิดถึงเมื่อตอนออกจากบ้าน ลูกๆต่างรบเร้าขอของฝากมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องแต่งตัว เครื่องสำอาง แต่หนึ่งในนั้นก็คือกุหลาบนี่ล่ะ

.


‘นะคะพ่อ แค่กุหลาบสักช่อ หรือดอกเดียวก็ได้ ลูกคิดถึงบ้านเก่าของเรา คิดถึงสวนดอกไม้ของแม่ ที่นั่นดอกไม้จะออกดอกงดงามทั้งปี แต่ที่นี่มองไปมีแต่ทุ่งหญ้าแห้งแล้ง ลูกเลยอยากได้กุหลาบมาทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นสักหน่อย’

.


ตอนนั้นเขารู้สึกขำความคิดแปลกๆของ เบลล่า ลูกสาวคนเล็กอยู่ไม่น้อย ถึงกับตกปากรับคำว่าจะขนกลับไปให้สักคันรถหนึ่ง แต่ตอนนี้คงเหลือแค่กุหลาบสักดอกอย่างที่เธอต้องการ แต่ทันทีที่เขาหักก้านริดกุหลาบดอกหนึ่งออกจากต้น เสียงคำรามอย่างสัตว์ป่าก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ เจ้าสโนว์หวีดร้อง ยกขาตะกุยตะกาย ตัวเขาที่ไม่ทันระวังตกลงมานอนกองที่พื้น สัญชาติญาณบอกว่าถึงหนีก็คงไม่รอดจึงได้แต่หมอบคู้ ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

.


“เจ้าผิดคำพูด” เสียงโฮกดังอยู่เหนือหัวเต็มไปด้วยอำนาจ แรงโทสะบันดาลให้พื้นดินสะเทือนลั่นจนเขาไม่กล้าเงยหน้ามอง “เจ้าสัญญาแล้วว่าจะไม่นำสิ่งใดติดตัวกลับไป”

.


“ขะ..ข้า ขะ..ขอโทษ” แม้จะเอ่ยสั้นๆ ปากคอก็พาลสั่นจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง

.


“ตัวเจ้าก็ไม่ต่างกับดอกไม้ที่ถูกปลิดทิ้ง”

.


ดอกไม้ตัวปัญหาหล่นลงมาอยู่ต่อหน้าทำให้เขายิ่งหวาดผวา สีแดงสดบนพื้นหิมะดูไม่ต่างจากหยดเลือดแดงฉาน

.


“ข้าขอร้อง โปรดเมตตาเถิด ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ข้าอยากจะทำตามคำขอของลูกสาวคนเล็ก นางต้องการแค่กุหลาบสักดอก ข้าเห็นว่าเพียงแค่นั้นคงไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร”

.


“แค่ดอกเดียวที่ไม่ใช่ของเจ้าย่อมไม่ได้”

.


“ข้าทราบ ข้ารู้ว่าทำผิด แต่นายท่านช่างมีน้ำใจ โปรดอภัยให้พ่อผู้โง่เขลาคนนี้ด้วยเถิด ข้าทำไปเพราะความรักที่มีต่อลูก ได้โปรดเห็นใจสักครั้ง”

.


“หนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิต”

.


มอร์ริสขุดความกล้าอึดสุดท้ายขึ้นมาใช้ เขาอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันถึงได้มีอำนาจเที่ยวพิพากษาชีวิตคนอื่นราวผักปลา แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเขาถึงได้รู้จักคำว่ากลัวจนแทบสิ้นสติ เขาผงะหงายและค้างอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าขยับตัว ลืมแม้แต่วิธีหายใจ เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ตุลาการ แต่เป็นอสูรร้ายในคราบมนุษย์ ตัวมันสูงใหญ่กว่าชายหนุ่มทั่วไป เนื้อตัวมีขนปกคลุม โดยเฉพาะท่อนหัวมีขนยาวหนาคล้ายแผงคอราชสีห์ ดวงตาสีเหลืองอำพันเป็นประกาย ทั้งสันจมูก แนวกรามก็ดูใหญ่โต ซี่ฟันวาววับรับกับเขี้ยวแหลมที่ในปาก โครงร่างสูงใหญ่สวมเครื่องแต่งกายงดงามแต่ก็ไม่อาจปิดบังรังสีอำมหิต แค่ตวัดมือครั้งเดียว กรงเล็บใหญ่นั่นก็คงบั่นคอเขาขาดเป็นสองท่อน

.


 “ชีวิตของเจ้าแลกกับลูกคนเล็ก ถ้าชีวิตของพ่อมีค่ามากกว่าทุกสิ่งที่ปรารถนา ลูกของเจ้าต้องยินยอมอยู่แล้ว”

.


เงื่อนไขของเจ้าอสูรนั้นเลวร้ายจนมอร์ริสไม่อาจทนได้ นับจากภรรยาตายไป เขาเฝ้าเลี้ยงดูลูกๆด้วยความรัก แม้ยามที่ตกยากก็ยังพยายามทำให้พวกนางได้รับสิ่งที่ดีที่สุด แล้วจะให้เขาทนดูลูกตายไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร

.


“ไม่นะครับ ลูกข้ายังเด็กนัก นางจะได้พบเจออะไรอีกมาก นางควรจะได้แต่งงาน มีครอบครัว มีลูก อย่าให้ชีวิตบริสุทธิ์ต้องจบสิ้นลงเพราะความโง่เขลาของข้าเลย”

.


ไอขาวพรูออกจากปลายจมูกใหญ่ ดวงตาสีอำพันส่อแววหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ

.


“ข้ายังไม่ได้บอกว่าจะฆ่าใครสักหน่อย”

.


“แล้วท่านจะให้นาง...” เขาไม่กล้าต่อความ แค่จะคิดยังนึกหวาดว่าสัตว์หน้าขนตรงหน้าจะเอาผู้หญิงตัวเล็กๆไปใช้ประโยชน์อะไรได้

.


“ข้าจะแต่งงานกับลูกของเจ้า เขาได้จะมีชีวิตที่สุขสบาย ได้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ใหญ่โต มีข้าทาสบริวารคอยรับใช้ แลกกับการที่เขาจะต้องอยู่กับข้าไปจนตราบลมหายใจสุดท้าย”

.


มอร์ริสแทบสิ้นสติอีกครั้ง หัวใจคนเป็นพ่อสั่งให้ปฏิเสธแต่ความหวาดกลัวยังทำให้อึกอัก

.


“หากเจ้าไม่ตกลงก็เตรียมตัวเป็นปุ๋ยบำรุงกุหลาบต้นนี้” อุ้งมือใหญ่ตวัดชี้ ปลายเล็บยาวแทงทะลุกุหลาบดอกใหญ่พาลให้คนมองตามรู้สึกเหมือนหน้าอกตัวเองเป็นรูไปพร้อมกัน

.


“ไม่นะ! ข้า...”

.


“ข้าจะให้เวลาเจ้ากลับไปเตรียมตัว อีกสามวันให้หลังข้าต้องได้พบลูกของเจ้าที่นี่ ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งครอบครัวต้องชดใช้”

.


ประกายสีอำพันสะท้อนเข้ามาในดวงตาขลาดขาวราวกับจะผนึกคำประกาศิต จอมอสูรส่งเสียงคำรามกร้าวให้ร่างสั่นเทารีบหมอบกราบรับบัญชา เมื่อเงยหน้าเห็นเพียงรอยเท้าใหญ่บนพื้นหิมะ เหลียวมองรอบตัวแล้วเหมือนเพิ่งตื่นจากฝันร้ายที่สุดในชีวิต แต่เขารู้ตัวดีว่านี่คือความจริงที่โหดร้ายยิ่งกว่า

.


“นายท่านให้จัดเตรียมของขวัญสำหรับคุณและลูกๆ เจ้าสโนว์จะอยู่กับพวกคุณจนถึงวันที่กำหนดแล้วมันจะพาลูกของคุณกลับมาที่นี่เพียงลำพัง ไม่จำเป็นต้องนำอะไรติดตัวมาเพราะเราได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ขอให้คุณไม่ต้องเป็นห่วง”

.


มอร์ริสกำลังจะอ้าปากก็ถูกตัดบทและพาขึ้นนั่งบนรถเลื่อนขนาดเล็กที่มีม้าขาวเป็นกำลังขับเคลื่อน รอบตัวเขามีหีบและถุงสัมภาระหลายชิ้นแต่ทั้งหมดนี้ก็เทียบไม่ได้กับความหนักอึ้งในหัวใจ เขากำลังกลับไปหาครอบครัวพร้อมแก้วแหวนเงินทองที่ต้องแลกด้วยชีวิตของลูกสาวตัวเอง และนี่คงเป็นครั้งแรกที่เขานึกอยากเจอพายุหิมะแรงๆสักลูกเพื่อที่จะได้หลงทางแล้วตายอยู่กลางป่าดีกว่ากลับถึงบ้านแล้วต้องทำให้ทั้งเขาและลูกตายทั้งเป็น




--------------------------










จบไปแล้วสำหรับตอนแรก เปิดมาก็รันทดกันเลยทีเดียว

 :mew2:

หวังว่าจะชอบกันนะคะ










^__^


----- Mine -----




หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 24-04-2017 16:10:30
ฮือออออออ อยากอ่านต่ออออ
บรรยายดี ชอบๆ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 24-04-2017 20:02:03
และแล้วโจชัวร์ก็กำลังจะได้พบกับผั----
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 24-04-2017 21:55:23
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast
เริ่มหัวข้อโดย: Nupammee ที่ 24-04-2017 23:50:09
อืมมมมมมมม ไม่น่าเข้ามาอ่านอ่ะค่ะ .... ค้างชิบหาย เฮียยเอ้ยยย   :katai1:  :katai1:  :katai1: / ขอโทษที่หยาบค่ะ มาต่อเร็วๆนะไรต์รู้สึกแบบ ฮรืออออ อยากอ่านต่อออออววววว
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 25-04-2017 00:06:12
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 2
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 30-04-2017 18:56:22





Heartbeat 





: A Retelling of Beauty and the Beast







ตอนที่สองมาแล้วค่ะ ไปรู้จักหนูโจชัวร์ของเรากันเลย












2






เสียงแม่ไก่ร้องระงมดังออกมาจากกรงที่ตีขึ้นด้วยแผ่นไม้หยาบ มองเข้าไปจะเห็นพื้นฟางแห้งดูหนานุ่มและสะอาด ไม่มีกลิ่นน่ารังเกียจเหมือนเล้าไก่ของบ้านอื่น แม่ไก่หลายตัวนอนจุมปุ๊ก หรุบปีกอูมกกสิ่งล้ำค่าที่เพิ่งหลุดออกจากตัว ดวงตาสอดส่ายระแวดระวัง แต่เมื่อดวงหน้าขาวคุ้นเคยเยี่ยมมองเข้ามาก็ยินดีขยับตัวลุกอย่างรู้งาน ไข่ไก่สีนวลอ่อนยังอุ่นจัดถูกเก็บอย่างระวัง แล้วตอบแทนด้วยถ้อยคำไพเราะ น้ำเสียงหวานละมุนเหมือนเช่นทุกเช้า


.



“ขอบคุณนะคุณเดซี่ คุณลิลลี่ คุณไวโอเลต วันนี้ก็อยู่กันดีๆเหมือนเคยนะ อ้อ! มีลาภปากด้วยล่ะ เมื่อวานนายแกสตันให้คนขนอาหารไก่มาให้ตั้งกระสอบแน่ะ บอกแล้วว่าไม่เอาก็ไม่ยอมฟัง แต่ช่างเถอะ เขาอยากให้เราก็รับไว้ ถ้ากินแล้วอร่อยพวกคุณๆก็ช่วยออกไข่เยอะๆ จะได้มีเหลือพอทำขนม เอาไปให้เขาเป็นการตอบแทนแล้วกันเนอะ”


.


เสียงร้องตอบราวรู้ภาษาเรียกรอยยิ้มขณะที่เจ้าตัวหยิบอาหารที่เตรียมมาโปรยปรายลงรอบๆเพื่อให้บรรดาแม่ไก่ออกมาจิกกิน ทีแรกตั้งใจจะเก็บกวาดเศษฟางหญ้าเก่าให้เรียบร้อยในคราวเดียวแต่เสียงเรียกดังมาจากตัวบ้านทำให้ต้องรีบวางมือ


.


“โจ! หายหัวไปไหนเนี่ย คิดจะอู้แต่เช้าเลยหรือนะ โจ! ยัยโจจจจจจแอนนนนน!”


.


ร่างเพรียวบางในชุดทะมัดทะแมงแทบจะปาไม้กวาดในมือลงพื้น แต่รู้ว่าทำไปก็พาลจะเสียของโดยไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ตั้งแต่การค้าของพ่อประสบปัญหา ทุกคนในบ้านต้องช่วยกันประหยัด ไม้กวาดพังไปสักอันก็ถือเป็นเรื่องเดือดร้อนได้เลย


.


สิ่งเดียวที่ โจชัวร์ ทำได้และต้องทำมาตลอดตั้งแต่รู้ความคือการอดทน ถึงครึ่งหนึ่งในตัวเขาจะเป็นสายเลือดของพ่อ แต่การมีแม่เป็นคนรับใช้ทำให้กระดากที่จะบอกใครๆว่าเป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่ง ยิ่งเมื่อเสียแม่ไป แถมครอบครัวยังมีปัญหาจนต้องย้ายออกมาอาศัยอยู่นอกเมือง ตัวเขาจึงไม่ต่างอะไรจากคนรับใช้ของพี่สาวต่างพ่อทั้งสามคน


.


“เลิกเรียกชื่อแม่ข้าได้มั้ย พี่จะเอาอะไรก็บอกมาดีๆ” เขากัดฟันบอก พยายามไม่ตะโกนเพราะนั่นจะยิ่งเป็นการยั่วอารมณ์ของ เบตตี้ พี่สาวคนที่สอง เจ้าของร่างเจ้าเนื้อและเสียงดังแปดหลอดที่สาบานได้ว่าเพื่อนบ้านที่อยู่ห่างไปอีกสามไมล์ก็ยังได้ยิน


.


“แหม! ก็มันติดปากนี่ เคยเรียกมาแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ดีนะ ถึงตัวแม่จะตายก็เหลือลูกมาให้ใช้งานต่อ จริงมั้ยล่ะ เจ้าลูกคนใช้”


.


โจชัวร์ไม่เห็นประโยชน์ที่จะยืนฟังคำด่าที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก จึงตั้งใจจะเลี่ยงเข้าครัวไปทำงานที่ค้างอยู่


.


“หยุดเดี๋ยวนี้นะ กล้าหันหลังให้ฉันเหรอโจแอน!”


.


“เลิกเรียกชื่อแม่ข้าซะที!” เขาเสียงดังตอบ ความอดทนที่มีถ้าใช้มากๆเข้าคงหมดลงได้สักวัน


.


เบตตี้ตั้งท่าจะเล่นงานน้องต่างแม่ให้หมดฤทธิ์ และยิ่งยิ้มกว้างเมื่อมีผู้ช่วยชั้นดี แมรี่ พี่สาวคนโตส่งเสียงเนือยๆลงมาจากชั้นสอง ไม่ช้าร่างซูบผอมที่ชอบใส่เสื้อรัดเอวให้ยิ่งคอดจนเหมือนจะหักคามือได้ก็เดินลงบันไดมา น้ำเสียงเย็นชาเข้ากันได้ดีกับใบหน้าเรียบตึง สีหน้านิ่ง และเหยียดมองคู่สนทนาอยู่เสมอ


.


“เอะอะเสียงดังอะไรกันแต่เช้า”


.


“พี่เบ็ตตี้ล้อชื่อแม่ข้า” โจชัวร์ฟ้องอย่างอดไม่ได้แม้จะรู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว


.


“โธ่เอ๊ย! ทะเลาะกันเรื่องไร้สาระเนี่ยนะ กะอีแค่ชื่อ จะเรียกอะไรลูกคนใช้ก็ยังเป็นลูกคนใช้วันยังค่ำ ไปเอากาแฟมาเสิร์ฟไป๊”


.


เสียงเหยียดหยันบอกส่งๆแล้วเดินนำไปยังโต๊ะอาหาร แน่นอนว่ามีแค่สองพี่น้องที่นั่งรอทานมื้อเช้า บ้านหลังนี้ไม่มีคนใช้ คนทำงานมีเพียงโจชัวร์ กับพี่สาวคนที่สาม แต่รายนั้นก็สุขภาพอ่อนแอ ขี้โรคมาตั้งแต่เด็ก เขาจึงเหมาทำทุกอย่างทั้งงานบ้าน ทำอาหาร ซักล้าง ทำความสะอาด เลี้ยงไก่เพื่อให้ได้ไข่และเนื้อมาทำอาหาร และปลูกพืชผักไว้เพื่อกินเองและอาจขายได้เงินอีกเล็กน้อย


.


“แล้วเช้านี้มีอะไรกินก็ยกมาพร้อมกันเลยนะ นี่ก็ไม่รู้เมื่อไหร่คุณพ่อจะกลับมาสักที ถ้ากลับช้าก็น่าจะส่งข่าวมาบอกกันบ้าง ไม่รู้ว่าชุดที่สั่งไปจะได้เรียบร้อยหรือเปล่า ถ้าไม่ทันอาทิตย์หน้าล่ะแย่แน่ ไม่มีอะไรใหม่ๆใส่ไปงานวันเกิดยัยซูซานนาเป็นได้ถูกเมาท์จนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ยัยนั่นก็ช่างกะไร กะอีแค่วันเกิดกระแดะจะจัดปาร์ตี้ โธ่เอ๊ย! ก็แค่งานเลี้ยงของพวกบ้านนอก นี่ถ้าได้เห็นปาร์ตี้ที่พวกเราเคยจัดกันทุกอาทิตย์ล่ะก็คงได้ตาค้าง ไม่มีหน้ามาดูถูกกันอย่างนี้หรอก”


.


ระหว่างรอทั้งคู่ก็เริ่มรำพึงรำพันถึงชีวิตรุ่งเรืองในอดีต และหากมีเวลาพอก็จะชวนกันออกไปเข้าสมาคมซึ่งไม่พ้นการหาเรื่องซุบซิบนินทากัน


.


“นั่นสิคะพี่แมรี่ จัดเบิร์ทเดย์ปาร์ตี้เพราะงกอยากได้ของขวัญเท่านั้นแหละ เค้กเอย ขนมเอยจะมีเลี้ยงมั้ย หรือถึงมีก็ไม่รู้จะกระเดือกลงหรือเปล่า น้องว่าเค้กที่คนใช้บ้านเราทำยังอร่อยเสียกว่า”


.


“ใช่สิ ฝีมือทำขนมของนังโจแอนน่ะขึ้นชื่อไปถึงไหนต่อไหน ไม่งั้นจะไต่เต้าจากห้องครัวมาถึงเตียงคุณพ่อได้ยังไงล่ะ”


.


โจชัวร์วางอาหารเช้าลงแล้วถอยห่าง ไม่อยากจะสู้รบในเกมที่ไม่มีวันชนะ เขารู้อยู่แล้วว่าเรื่องจริงๆของพ่อกับแม่ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ถูกกล่าวหา พ่อเสียภรรยาไปหลายปีก่อน ความเหงาเลยทำให้หันมามองสาวใช้ในบ้าน แม้จะไม่ได้ยกย่องเชิดชูแต่พ่อก็ให้เกรียติแม่เสมอ ฝ่ายแม่ของเขาไม่ใช่คนทะเยอทะยาน แม้จะให้กำเนิดลูกชายซึ่งถือเป็นทายาทโดยชอบธรรมก็ไม่เคยแสดงตัวเป็นใหญ่ จะมีก็แต่คุณหนูทั้งสองที่คอยระรานข่มเหง แม่ถูกทำร้ายน้ำใจสารพัดแต่ต้องกล้ำกลืนฝนทน เมื่อจิตใจบอบช้ำร่างกายก็พลอยอ่อนแอทำให้จากเขาไปก่อนเวลาอันควร


.


“ไม่ต้องอู้ไปเที่ยวเล่นที่ไหนล่ะ ขึ้นไปเก็บกวาดห้องของพวกฉันด้วย เอาเสื้อผ้าเก่าออกจะได้เตรียมตู้ไว้ใส่ชุดใหม่ๆที่คุณพ่อจะเอากลับมา พวกหมวกเอย รองเท้าเอย เก็บออกมาทำความสะอาด ขัดให้เป็นเงาเลยนะ เผื่ออันไหนใส่เบื่อแล้วจะได้แจกให้พวกบ้านนอกที่ไม่เคยมีของดีๆใช้ แต่หีบเครื่องแต่งตัวน่ะอย่าได้ริอาจแตะต้องเชียว ของดีๆแพงๆโดนมือคนใช้แล้วจะเสียราคาหมด”


.


โจชัวร์รับคำแล้วก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้านทั้งที่ยังมีงานครัวค้างอยู่ เพราะหากรีรอก็จะโดนดุว่าไม่เชื่อฟังคำสั่งอีกกระทง


.


“โจ”


.


น้ำเสียงอ่อนๆเรียกให้เขาเงยหน้ามองและรีบก้าวขึ้นไปยังบันไดขั้นบนสุดที่ เบลล่า พี่สาวคนที่สามและอาจเรียกว่าเป็นคนเดียวที่เห็นเขาเป็นน้องยืนรออยู่


.


“โดนดุแต่เช้าเลย ขอโทษนะที่พี่ช่วยอะไรเราไม่ได้ ถ้าพี่เข้มแข็งกว่านี้ก็คง...”


.


“ไม่ต้องห่วงหรอก แค่นี้เอง สบายมาก” เขาส่งยิ้มให้ร่างบอบบางน่าทะนุถนอม พี่สาวคนนี้สุขภาพอ่อนแอทำให้ทุกคนในบ้านต้องคอยดูแลจนบางครั้งเขายังรู้สึกว่ามีน้องสาวมากกว่า เธอเป็นคนเดียวที่ปฏิบัติกับเขาอย่างเท่าเทียม แม้จะห้ามปรามพี่ทั้งสองไม่ได้ก็ยังช่วยปลอบโยนและเป็นกำลังใจให้อยู่เสมอ


.


“จ๊ะพี่รู้ โจของพี่เก่งเสมอ” รอยยิ้มอ่อนๆยิ่งส่งให้เธอดูสวยน่ารัก และแม้จะไม่ใช่สาวสังคมเหมือนอย่างพี่ๆแต่เธอเป็นคนเดียวที่มีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตน แม้ครอบครัวตกยาก เขาคนนั้นก็ยังมั่นคง เพียงแต่หน้าที่การงานทำให้ไม่สามารถตามมาที่นี่ แต่เขาให้สัญญาว่าจะรีบจัดการแต่งงานและรับเธอไปอยู่ด้วยโดยเร็วที่สุด


.


“โจไม่ต้องขึ้นมาทำความสะอาดหรอกนะ เดี๋ยวพี่ทำเอง จะทำส่วนของพี่แมรี่กับเบตตี้ด้วย โจเสียสละยอมลงไปนอนที่ห้องเก็บของก็น่าสงสารพออยู่แล้ว ไหนจะต้องทำทั้งงานในบ้าน นอกบ้านอีกสารพัด พวกพี่สิได้แต่นั่งๆนอนๆ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย”


.


“อย่าเลย เจอฝุ่นมากๆจะไม่สบายไปอีก ตอนนี้รีบลงไปทานมื้อเช้าดีกว่า ข้าทำไว้ให้แล้ว” เขารุนหลังร่างบางให้ก้าวลงบันได “ไปเร็วๆสิครับ ทำตัวดีๆ ว่าง่ายๆน๊า พี่บ็อบจะได้มาสู่ขอเร็วๆ”


.


เขาส่งยิ้มตามจนพี่สาวลับสายตาไปจึงหันกลับเพื่อเผชิญหน้ากับงานที่รออยู่ ต้องขอบคุณที่บ้านหลังนี้เล็กกว่าบ้านที่เคยอาศัยในเมือง ห้องของพ่อและพี่สาวทั้งสามอยู่ชั้นบนส่วนเขาอาศัยนอนที่มุมหนึ่งของห้องเก็บของที่ชั้นล่าง ห้องนอนของแมรี่กับเบตตี้เป็นห้องใหญ่ที่สุดของบ้านและไม่น่าเชื่อว่าจะรกที่สุดเช่นกัน เสื้อผ้าใช้แล้วพาดไว้กับโซฟาบ้าง เก้าอี้บ้าง รองเท้าครบคู่บ้าง หายไปอยู่คนละมุมห้องบ้าง หน้าโต๊ะกระจกเต็มไปด้วยผงแป้งและสีเครื่องสำอาง ขนาดหีบที่เจ้าของหวงนักหวงหนายังเปิดอ้า แหวน สร้อย ต่างหูที่ควรถูกวางเป็นสัดส่วนรวมกันเขละขละชวนให้นึกถึงเครื่องประดับราคาถูกที่วางขายแบกะดินในตลาดนัดของหมู่บ้าน


.


โจชัวร์ส่ายหน้าน้อยๆและเริ่มลงมือเก็บกวาดเหมือนที่ต้องทำเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ถึงขึ้นรื้อของทุกชิ้นออกจากตู้เพราะเชื่อว่าพี่สาวคงไม่ได้ตั้งใจให้ทำอย่างนั้นจริงๆ แต่แค่ทำความสะอาด เก็บกวาด จัดของให้เข้าที่เข้าทางก็กินเวลานานพอดู จนเกือบจะถึงเวลามื้อเที่ยงที่เขาพบตัวเองยืนอยู่กลางห้องกว้างที่ดูเรียบร้อย แต่ก็เชื่อได้เลยว่าจะคงสภาพนี้อยู่ได้ไม่นาน


.


เขาเหลียวมองรอบห้องเพื่อความแน่ใจแล้วก็สะดุดกับเงาในกระจกบานสูงที่ตั้งอยู่มุมหนึ่ง คนในกระจกนั้นอายุเกือบจะยี่สิบแล้วแต่ยังดูเหมือนเด็กชายไม่รู้จักโต รูปร่างเพรียวบางสมส่วนค่อนไปทางผอม แขนขาเรียวยาว ผิวเนื้อนวลสีอ่อนราวกับเปลือกไข่ เมื่อก้าวเข้าไปมองใกล้ๆจะเห็นดวงหน้าเรียวรูปหัวใจ ดวงตาสุกใสสีน้ำตาลอ่อนรับกับเรือนผมยาวเคลียไหล่ที่มัดไว้เป็นหางม้า จมูกโด่งปลายเล็กเรียว ริมฝีปากได้รูปสีสดตามธรรมชาติ ทุกคนต่างบอกว่าเขาคล้ายแม่มาก ซึ่งอาจจะมากเกินไปจนบางครั้งถูกทักผิดว่าเป็นผู้หญิง แต่เขาก็ไม่ทุกข์ร้อน ถ้าส่องกระจกแล้วเห็นแม่ได้ก็ถือเป็นความสุข นี่ถ้าโลกนี้มีกระจกวิเศษที่จะทำให้เห็นคนที่อยากพบได้ เขาจะรีบหามาไว้ในครอบครองสักบาน


.


เขายิ้มให้ตัวเองอีกครั้งแล้วออกจากห้องเพื่อกลับลงไปด้านล่าง ในหัวกำลังนึกทวนสิ่งที่ต้องทำเป็นลำดับต่อๆไป อย่างแรกคือมื้อเที่ยง เสร็จแล้วก็เก็บกวาดทำความสะอาดบ้าน พอแดดร่มลมตกก็ออกไปจัดการแปลงผัก แวะไปดูพวกแม่ไก่สักหน่อยค่อยกลับมาทำมื้อเย็น เวลาหนึ่งวันคิดไปไม่นานเลยถ้ามีเรื่องมากมายให้จัดการ ยังสงสัยว่าพวกพี่ๆทำไมถึงชอบบ่นว่าวันเวลาช่างยาวนานจนพวกเธอเบื่อจนไม่รู้จะเบื่อยังไงแล้ว


.


ทว่าแผนการทั้งหมดต้องสะดุดเมื่อพบว่า... พ่อกลับมาแล้ว!


.


พ่อกลับมาพร้อมกับม้าสีขาวที่มีชื่อสมตัวมาก เขารับอาสาพาเจ้าสโนว์ไปหาน้ำและหญ้ากินในขณะที่พวกพี่ๆช่วยกันขนสัมภาระกองโตเข้าบ้านด้วยความกระตือรือร้น


.


“ขอโทษนะที่เราไม่มีคอกม้าให้เจ้าอยู่ แต่ต้นไม้ตรงนี้ก็ร่มดี ข้าจะผูกเชือกไว้ให้ยาวๆเจ้าจะได้เดินไปเดินมาได้ไกลๆดีมั้ย” เขาบอกพลางลูบขนคอยาวสลวยของเจ้าม้าที่กำลังจุ่มปากลงในถังน้ำอย่างกระหาย เมื่อยกหัวขึ้นมาก็สะบัดจนละอองน้ำกระเซ็นไปทั่ว


.


“หวา เปียกหมดเลย อย่าแกล้งกันสิสโนว์” เขาร้องอู้แล้วต้องยืนหลับตาปี๋ด้วยความตกใจเมื่อเจ้าม้าแสนรู้แลบลิ้นเลียแก้มเบาๆเหมือนอยากจะไถ่โทษ


.


เขาอยู่เล่นกับเจ้าสโนว์อีกพักใหญ่ก็ปล่อยให้มันได้เล็มหญ้าไปตามประสา เมื่อกลับเข้ามาในบ้านก็พบพี่ใหญ่ทั้งสองกำลังวุ่นรื้อค้นข้าวของและจัดสรรแบ่งปันกันด้วยความตื่นเต้น ขนาดเบลล่ายังเอาแต่ลูบคลำชุดเย็บปักถักร้อยกับชื่นชมพับผ้าแพรสีสวยไม่วางตา


.


“เรื่องเรือสินค้าเรียบร้อยดีหรือเปล่าครับ” เขานั่งลงที่ด้านข้าง อดแปลกใจกับสีหน้าของผู้เป็นพ่อไม่ได้


.


“เป็นเรือของเราจริงแต่พ่อก็ต้องขายใช้หนี้เขาไปหมด ตอนนี้พวกเราหมดตัว ไม่เหลืออะไรแล้ว”


.


มอร์ริสบอกเสียงเศร้า ดวงตาแดงชื้นเฝ้ามองลูกทีละคน แมรี่อายุสามสิบกว่าแล้ว คงหมดหวังเรื่องคู่ครอง แต่นิสัยไว้ตัวอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ชายต่างพากันส่ายหน้า เบตตี้ แม้จะยังมีหวัง แต่รูปร่างอวบเกินงามกับนิสัยเอะอะโวยวายก็คงเป็นอุปสรรคใหญ่ เบลล่า ลูกสาวที่ได้เค้าแม่มาทั้งหน้าตาและสุขภาพอนามัย แต่โชคดีที่เธอมีคนดีๆรอที่จะปกป้องดูแล นับเป็นลูกที่เขาห่วงน้อยที่สุด และเจ้าคนเล็ก โจชัวร์ มองกี่ครั้งก็ชวนให้นึกถึงแม่ของเขา เจ้าของรอยยิ้มสวยและกลิ่นหอมหวานของขนม เด็กคนนี้มีความฉลาดเฉลียว นิสัยใจคอน่าคบหา เชื่อว่าจะเอาตัวรอดและสืบสายเลือดของตระกูลให้ยืนยาวได้ต่อไป


.


“แล้วมีปัญหาอย่างอื่นหรือเปล่าคะ ทำไมสีหน้าพ่อดูไม่ดีเลย” เบลล่าเอ่ยถาม พาให้พี่อีกสองคนเลิกแย่งรองเท้าแล้วหันมาให้ความสนใจพ่อตัวเองบ้าง


.


“ถ้าไม่เหลืออะไรแล้วของพวกนี้พ่อเอามาจากไหนล่ะคะ แค่จับดูหนูก็รู้แล้วว่าของดีๆแพงๆทั้งนั้น แล้วไหนจะ...” เบตตี้สอดส่ายตาสำรวจ “หีบนั่นอีก มีอะไรอยู่ในนั้น เมื่อกี้ตอนยกเข้ามาหนั๊ก หนัก”


.


โจชัวร์ไม่ทันสนใจจึงเพิ่งเห็นว่ามีหีบใบย่อมๆวางอยู่ข้างเก้าอี้ พี่สาวส่งสายตาเป็นคำสั่ง เขาจึงยกหีบนั้นขึ้นมาแล้วเปิดออกต่อหน้าทุกคน


.


“ทอง!!” ลำพังเบตตี้ก็เสียงดังอยู่แล้ว เมื่อรวมพี่น้องทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ตัวเขา เสียงจึงดังก้องตัวบ้าน


.


“เรารวยแล้ว! ทองทั้งหีบ มากพอจะเอาบ้านของเราคืนมาด้วยซ้ำ ทำไมพ่อยังบอกว่าหมดตัวอีกล่ะ?!” แมรี่ร้องถามขณะถลาเข้ามาดึงหีบไปไว้ใกล้ตัวเพื่อสำรวจปริมาณเหรียญทองที่อยู่ด้านใน


.


“แล้วทีนี้เราก็จะซื้อทุกอย่างที่เราเคยมี เสื้อผ้า รองเท้า แหวน ต่างหู เราจะจัดปาร์ตี้เชิญทุกคนในเมืองเพื่อประกาศว่าเราไม่ได้จนตรอกอย่างที่ใครๆคิด ใครที่เคยดูถูกเราจะต้องหน้าแตก พวกผู้ชายที่เคยเมินเราก็จะต้องเสียใจ” เบตตี้รีบเสริม


.


“หมายความว่าหนูกับบ็อบก็จะได้แต่งงานกันเร็วกว่าที่คิดด้วยใช่มั้ยคะพ่อ โอว สวรรค์ หนูดีใจที่สุดเลย อยากให้บ็อบได้รู้ข่าวดีนี้เร็วๆจัง” แม้แต่เบลล่าผู้เคยเซื่องซึมยังสดใสร่าเริงขึ้นทันตา


.


มอร์ริสมองลูกสาวทั้งสามแล้วถอนหายใจหนักๆ ทุกคนต่างยินดีกับสิ่งที่ไม่ใช่ของตนจนลืมสงสัยถึงที่มาที่ไป ถ้าได้รู้ว่าของทุกอย่างล้วนมีราคาและหนึ่งในพวกเธอกำลังจะต้องจ่ายราคาที่แพงแสนแพงนี้จะเกิดอะไรขึ้น


.


“ฟังพ่อก่อนเถอะลูก”


.


เขาข่มกลั้นความอดสูแล้วค่อยๆลำดับเรื่องราวนับตั้งแต่หลงทางกลางป่า การพักแรมที่คฤหาสน์ลึกลับ จนถึงการทำผิดพลาดครั้งใหญ่และโทษที่ตามติดมาพร้อมสมบัติมากมายที่กองอยู่ตรงหน้า เพียงแต่ยังละรายละเอียดสำคัญบางอย่างไว้ ทุกคนจึงมีสีหน้าใคร่รู้ ท่าทางแมรี่กับเบตตี้อยากจะอาสาไถ่โทษนี้ให้ด้วยซ้ำ


.


“เจ้าของคฤหาสน์ใหญ่โตแสดงว่าต้องรวยมาก แล้วรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง แก่หรือว่าหนุ่มคะ”


.


“เขาบอกว่าให้พ่อส่งลูกสาวไปคนนึง หมายถึงคนไหนก็ได้ใช่มั้ยคะ”


.


คนเป็นพ่อถอนหายใจอีกครั้ง เค้าร่างสูงใหญ่ หน้าตาน่ากลัวอย่างสัตว์ป่ายังติดตา


.


“เขา...” ดวงตาทุกคู่จ้องมาเป็นจุดเดียว คำสรุปสั้นๆจึงหลุดปากออกไป “...ไม่ใช่มนุษย์”


.


ลูกๆทุกคนยังเงียบ สีหน้าแสดงอาการสนเท่ห์


.


“เขาตัวใหญ่มาก สูงกว่าเจ้าหนุ่มแกสตันนั่นอีกเป็นฟุต ทั้งตัวมีขนรุงรัง หัวใหญ่ ผมพองฟูเหมือนสิงโต ทั้งตา จมูก ปากยิ่งดูก็ยิ่งเหมือน แถมมีเขี้ยวซี่ยาว อุ้งมือก็ใหญ่แล้วยังกรงเล็บนั่นอีก!” เขาบรรยายพร้อมอาการปากคอสั่น


.


“แต่พ่อบอกว่าเขาพูดคุยกับพ่อ แถมยังเป็นนายท่านของคฤหาสน์ มีคนรับใช้ แล้วจะเป็นเสือเป็นสิงห์ไปได้ยังไง”


.


“พ่อก็ไม่รู้ เขาพูดจารู้เรื่อง เดินสองเท้า ใส่เสื้อผ้าแต่งตัวเหมือนอย่างกับเราแต่ดูยังไงก็ไม่ใช่พวกเรา เขาเหมือนสัตว์ป่าในร่างมนุษย์เท่านั้นเอง”


.


“แล้วพ่อบอกว่าเขาน่ากลัว ยังไงคะพ่อ เขา..เขาจะกินคนมั้ย?!”


.


“เขาเสียงดัง เวลาโกรธจะคำรามลั่น ท่าทางจะอารมณ์ร้อน ขี้หงุดหงิดมาก กรงเล็บยาวก็คมเหมือนมีด”
ลูกสาวทั้งสองไม่เหลืออาการกระตือรือร้นให้เห็น ส่วนอีกคนหน้าซีดยิ่งซีดลง ท่าทางเหมือนจะเป็นลม


.


“ถ้าอย่างนั้น... เราทำเฉยๆไปก็ได้นี่ เขากับเราอยู่ห่างกันตั้งไกล คงไม่มาตามถึงที่นี่หรอก หรือถึงมาเราก็คืนของพวกนี้ให้เขาแล้วปฏิเสธเรื่องการแต่งงานนั่นซะ ใครจะบ้าไปแต่งกับสัตว์ได้ล่ะ อี๋ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว!” แมรี่รีบปิดหีบเหรียญทองแล้วผลักออกจากตัวราวกับของร้อน


.


“แต่ถ้าพ่อไม่ส่งลูกสักคนไป เขาบอกว่าจะฆ่าเราทั้งครอบครัว”


.


“งั้นก็ให้ยัยเบลล่าไปสิ หล่อนเป็นคนอยากได้กุหลาบจนเกิดเรื่องก็ต้องรับผิดชอบ”


.


“ใช่ๆ เธอทั้งสวยทั้งน่ารัก เจ้าอสูรนั่นต้องชอบแน่ๆ” เบตตี้รีบหันไปบอก แถมด้วยเสื้อผ้ากองโตก็โดนกวาดไปไว้ตรงหน้าน้องสาว


.


“ไม่เอานะ” เบลล่าน้ำตาเอ่อ “ไม่ได้นะคะพ่อ หนูกับบ็อบกำลังจะได้แต่งงานกันอยู่แล้ว อย่าส่งหนูไปเลยนะคะ”


.


แม้น้องสาวจะอ้อนวอนด้วยน้ำตานองหน้า พี่สาวทั้งสองก็ยังยืนกราน ภาพนั้นราวกับมีดกรีดใจคนเป็นพ่อ ไม่ว่าจะทางไหนก็เหมือนเฉือนเนื้อตัวเองเพื่อสังเวยให้สัตว์อสูร หยดน้ำตาที่ไม่เคยหลั่งนับตั้งแต่สูญเสียภรรยาคนแรกเอ่อคลอ ก้อนเนื้อในอกเต้นระส่ำจนปวดแปลบ


.


“พ่อ!” โจชัวร์ร้องลั่นแล้วถลันเข้าไปประคองพ่อที่กำลังคอพับคออ่อน เสียงของเขาเรียกสติพวกพี่ๆที่กำลังทุ่มเถียง
สถานการณ์สงบลงชั่วครู่ก่อนที่ลูกสาวคนโตของบ้านจะลุกขึ้นประกาศิต


.


“งั้นก็ให้โจไป!”


.


สายตาเยียบเย็นกดให้เจ้าของชื่อไม่กล้าแม้แต่จะเผยอปาก เขามองตอบดวงตาคู่นั้นแล้วยิ่งสงสัยว่าสายเลือดที่เหมือนกันอย่างน้อยครึ่งหนึ่งนอกจากไม่ช่วยให้เขาได้รับความรักแล้ว ยังอาจจะเป็นชนวนความเกลียดชังบางอย่างที่ก่อสุมในจิตใจของผู้หญิงตรงหน้า แต่เมื่อไม่เคยเห็นแก่ความเป็นพี่เป็นน้อง เธอถือสิทธิ์อะไรมาพิพากษาชีวิตของเขาเช่นนี้









ขอยืนยันอีกทีว่านี่เป็นเรื่องโฉมงาม ไม่ใช่ซินเดอเรลลาแน่นอน ขี้เกียจคิดหาตัวร้ายก็จับยัยสองเจ๊สวมบทนี้ซะเลย 555


ปล. เรื่องนี้ขออัพสัปดาห์ละตอน นัดกันคร่าวๆ ไม่วันอาทิตย์ก็วันจันทร์นี่ล่ะ แล้วพบกันค่ะ









^__^




----- Mine -----










หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 2
เริ่มหัวข้อโดย: Boom890 ที่ 01-05-2017 00:35:59
ม่ายน้าาาา. ค้างง :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 2
เริ่มหัวข้อโดย: Nupammee ที่ 01-05-2017 02:56:45
ไรต์เขียนวันที่ ที่เอามาลงด้วยได้ไม๊คะ :hao7: ไรต์คะ มาต่อเร็วๆนะคะ เรื่องนนี้น่าติดตาม ฮรือออ อยากอ่านแบบทุกวัน  แต่ก็รู้เป็นไปไม่ได้~~ แต่มาเร็วๆนะคะ รออ่านค่าาา
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 3 (7/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 07-05-2017 05:29:24






Heartbeat 







: A Retelling of Beauty and the Beast












ตอนนี้น่าจะเรียกได้ว่าเปิดตัวตัวละครสำคัญอีกตัว ส่วนจะร้ายไม่ร้ายต้องตามกันไปยาวๆค่ะ








3






ความยินดีที่ได้ต้อนรับผู้เป็นพ่อสลายไปพร้อมกับข่าวร้ายที่ตามกลับมาด้วย แม้ทุกอย่างจะดำเนินไปตามปกติแต่บรรยากาศของบ้านยิ่งอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีเสียงพูดคุย ไม่มีการมองหน้าหรือสบตา ทุกคนทำราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่สมบัติทุกชิ้นยังเรียงรายอยู่มุมหนึ่งของบ้านแต่กลับไม่มีใครกล้าแตะต้อง


.



โจชัวร์เอนหลังพิงต้นไม้แล้วปล่อยลมหายใจทิ้งไปกับสายลมเอื่อยๆยามบ่าย มือเรียวลูบแผงคอของสมาชิกใหม่ที่ทำตัวคุ้นเคยกับเขาได้อย่างเหลือเชื่อ อาจเป็นเพราะหัวแครอทสดๆที่เขาลงแรงขุดขึ้นมาเลี้ยงถังใหญ่ ผลคือเจ้าม้าขาวชอบมาก กินอิ่มก็เดินตามต้อยๆ และตอนนี้ก็ล้มตัวนอนอยู่ข้างๆแถมยังพาดคอมาบนตักให้เขาเกาคางเล่น ทำตัวเหมือนหมามากกว่าม้าเสียอีก


.



เขามองเจ้าม้าที่กำลังหลับสบายแล้วยิ่งนึกหวั่นกับอนาคตตัวเอง วันนี้คือวันสุดท้ายของการตัดสินใจ พรุ่งนี้จะต้องมีหนึ่งคนกลับไปกับสโนว์และโอกาสของเขาก็เหลือน้อยเต็มที


.



“ยู้ฮูโจแอนนนน” คำทักทายดังมาแต่ไกล เจ้าของเสียงกวนประสาทคือร่างสูงกำยำของลูกชายนายอำเภอซึ่งถือเป็นผู้ชายครบสูตร คือรูปหล่อ พ่อรวย คารมดี มีสตรีมากมายหมายปอง


.



“วันนี้ก็ยังคงสวยน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ”


.



โจชัวร์กลอกตาขึ้นฟ้าอย่างสุดจะทน ปวดหัวกับเรื่องในบ้านแล้วยังต้องมาเจอคนนอกที่เอาปัญหามาให้อีก เขาไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อตอนอยู่ในเมืองมีคนชมว่าเขาหน้าตาน่ารักเหมือนผู้หญิงก็จริงแต่ไม่เคยมีใครเหมือนอย่าง นายแกสตัน คนนี้ ที่พอเห็นหน้าเขาเข้าก็ทำอาการตกหลุมรัก จากนั้นก็ตามเฝ้าจีบเช้าจีบเย็น เอาของมากำนัล เอาคำหวานเลี่ยนมาฝากจนเขากลายเป็นตัวประหลาดของหมู่บ้าน บางคนยังกล่าวหาว่าเขาเป็นตัวอาเพศที่ทำให้ผู้ชายดีๆที่เคยควงสาวไปทั่วหันมาชอบผู้ชายด้วยกันเอง


.



“ถ้ายังไม่หยุดเรียกข้าด้วยชื่อนั้น ข้าสาบานจะทำให้เจ้าร้องไห้กลับไปแน่” นี่ก็เป็นอีกรายที่ชอบเรียกเขาด้วยชื่อแม่ แต่ต่างจากพวกพี่สาวที่ใช้เพื่อดูหมิ่น เพราะเจ้าหมอนี่กลับบอกว่าอยากเรียกชื่อที่สมกับตัวเขามากกว่า


.



“แหมๆ ขนาดโกรธก็ยังน่ารัก”


.



“แกสตัน!”


.



เสียงตวาดลั่นทำให้เจ้าม้าขี้เซาตกใจตื่น พอเห็นคนแปลกหน้าก็จ้องตาขวาง ส่งเสียงหายใจฟืดฟาด ลุกขึ้นเตรียมพร้อมจู่โจม


.



“โอเคๆ ยอมแล้วจ้า” แกสตันยกมือยอมแพ้แล้วก้าวถอยหลังอย่างระวัง เขาไม่ได้กลัวคนหน้าสวย แต่เจ้าม้าตัวใหญ่ดูจะเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย “ข้าไม่อยากเห็นเจ้านั่งทำหน้าหงอยอย่างนั้นนี่ มีอะไรหรือเปล่า บอกข้าได้นะ เจ้าก็รู้นี่ว่าข้ายินดีและพร้อมจะดูแลเจ้าเสมอ”


.



“ข้าขอบอกอีกครั้งนะแกสตัน ข้าเป็นผู้ชาย และข้าไม่สนใจเจ้า ถ้าเจ้ายังไม่ฟังก็ไปตายซะ!” เขาลุกขึ้นเต็มความสูง นึกเจ็บใจว่ายังสูงได้แค่ปลายคางของอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อ่อนข้อ เรื่องจะยอมรับรักอะไรนั่นยิ่งเลิกคิด ถึงเขาจะไม่เคยมีสาวในดวงใจก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องชอบผู้ชายเสียหน่อย


.



แกสตันแกล้งถอนหายใจเหมือนสิ้นหวัง แล้วรีบตามร่างบางที่เดินหนีโดยมีเจ้าม้าเจ้าเล่ห์คอยระวังหลังให้


.



“โจชัวร์ ข้าอยากช่วยเจ้าจริงๆนะ”


.



หนุ่มหล่อประจำหมู่บ้านส่งเสียงเว้าวอนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน การพบกันครั้งแรกยังประทับอยู่ในใจไม่สร่างซา ทีแรกเขาไม่นึกสนใจครอบครัวอดีตพ่อค้าคนดังที่ย้ายหนีหนี้มา และบ่ายวันนั้นเขาก็กำลังรีบไปเจอสาวสวยที่อยู่หมู่บ้านถัดไป แต่พอมีกลิ่นหอมของสโคนอบเสร็จใหม่ๆลอยมา เขาก็ได้แต่ยืนค้างอยู่หน้าประตู เอาแต่จ้องทั้งขนมและคนที่เอามาฝาก


.



‘นายอำเภออยู่มั้ย ข้ามาจากบ้านคุณมอร์ริสที่เพิ่งย้ายมา จะเอาขนมมาฝากน่ะ’


.



พอเขาไม่ตอบอะไร เด็กหนุ่มก็ยิ้มเก้อ แล้วตีความเอาเองเสร็จสรรพ


.



‘ไม่อยู่เหรอครับ งั้นข้าฝากขนมไว้ก่อนแล้วกัน วันหลังค่อยมาแนะนำตัวอีกที’


.



ร่างเพรียวก้าวเข้ามาหาแล้วเกิดสะดุด ตะกร้าขนมหลุดจากมือ โชคดีเขาช่วยรับไว้ทันและได้สบตากันแบบใกล้ชิด เป็นเด็กผู้ชายที่หน้าสวย ขนตายาว ริมฝีปากก็แดงฉ่ำน่าจูบเป็นที่สุด


.



‘ขอโทษ ข้านี่ซุ่มซ่ามจริงๆ’


.



จังหวะที่กำลังลุกขึ้นทั้งคู่ เขายื่นหน้าออกไปโดยไม่ทันคิดแต่ก็ทำให้รู้ว่ากลิ่นสโคนยังสู้แก้มนุ่มๆนั่นไม่ได้ ดวงตาวาวใสเบิกโพลงแต่ไม่มีอาการเอียงอายอย่างสตรี ท่าทางคงตกใจแบบงงๆ รีบยื่นตะกร้าขนมให้แล้วก็จากไปโดยไม่หันกลับมาอีก


.



ตัวเขานี่สิที่ยืนมองตามจนร่างนั้นลับสายตา ไม่อยากเชื่อว่าจะได้พบประสบการณ์ที่เหมือนกับความฝัน ทั้งที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่กลับไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมเลิกคิดถึงเด็กหนุ่มไม่ได้สักที จากนั้นก็มีแต่คนหาว่าเขาบ้าที่ตามจีบผู้ชาย บ้างว่าจะเป็นเหตุให้เกิดอาเพศกับหมู่บ้าน แต่เขาไม่สนใจหรอก อยู่ที่นี่ไม่ได้ก็ออกท่องเที่ยวไป ขอแค่ได้อยู่กับคนๆนี้ จะที่ไหนก็เหมือนสวรรค์สำหรับเขา


.



ส่วนตอนนี้ใช่ว่าเขาจะเย็นใจเหมือนอย่างที่แสดงออก การกลับมาของคุณมอร์ริสเป็นที่รู้กันไปทั่ว ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเขาจะกลับมามั่งคั่งเหมือนเดิมและอาจย้ายกลับเข้าเมือง แต่ทั้งครอบครัวกลับเก็บตัวเงียบเชียบยิ่งกว่าปกติ ไม่มีข่าวหรือข้อมูลใดๆเล็ดลอดออกมา ยิ่งพอมาเจอเด็กน้อยนั่งตาละห้อยราวกับแบกโลกไว้ทั้งใบ ใจเขาก็ยิ่งร้อนรน อยากช่วย อยากปลอบ อยากทำอะไรก็ได้ที่จะเรียกรอยยิ้มหวานๆคืนมา


.



ทว่าฝ่ายหนุ่มน้อยเจ้าของรอยยิ้มกลับไม่ได้คิดแบบเดียวกัน


.



“โธ่เอ๊ย! ก็เจ้านั่นแหละที่ทำให้ข้ามีปัญหา”


.



เหตุผลของแมรี่ยังดังอยู่ในหัวเหมือนปัญหาที่วนเวียนไม่เจอทางออก


.



‘โจชัวร์ของเราน่ะเสน่ห์แรงจะตาย ดูอย่างนายแกสตันยังมาหลงหัวปักหัวปำ ไม่สนสักนิดว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย นี่ถ้าลองจับใส่กระโปรง ทำผม แต่งหน้าทาปากสักหน่อย ขี้คร้านเจ้าอสูรอะไรนั่นเห็นคงรีบจับทำเมีย’


.



แววตาเกลียดชังคือสิ่งที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก พี่สาวทั้งสองตั้งป้อมรังเกียจเขากับแม่มาแต่ไหนแต่ไร พอโตขึ้นก็มีความริษยาเจือปนเข้ามา ยิ่งมีคนสนใจ มีคนบอกว่าสวยเหมือนแม่ เขาก็ยิ่งถูกพี่ๆมองเป็นตัวประหลาด เวลามีใครมาที่บ้านจะถูกไล่ให้ไปไกลๆ ห้ามออกมาเสนอหน้าให้เห็น ตอนนี้เขาพอเข้าใจขึ้นมารางๆ คงกลัวเขาจะไปแย่งความสนใจจากผู้ชายของพวกเธอล่ะสินะ


.



‘แต่จะได้เหรอพี่ ถ้าเราย้อมแมวไป เกิดความลับแตกขึ้นมา เจ้าอสูรนั่นไม่ตามมาล้างแค้นพวกเราด้วยเหรอ’


.



‘เราไม่ได้ผิดคำพูด ก็มันบอกเองว่าให้พ่อส่งลูกคนเล็กไปให้ ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าลูกสาวหรือลูกชาย ถือว่าเราทำตามสัญญาแล้วนี่’


.



‘แต่ว่า... ยังไงน้องก็เป็นผู้ชายนะแมรี่ เป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน ถ้าเกิดเป็นอะไรไปแล้วใครจะสืบสกุลเราล่ะ’


.



ตอนนั้นเขายังคงพูดไม่ออก แม้ความหมายจะมุ่งไปที่เรื่องอื่น อย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่าพ่อยังห่วงเขาอยู่บ้าง


.



‘โธ่! พ่อคะ ตอนนี้อย่าเพิ่งไปคิดถึงอนาคตข้างหน้าขนาดนั้นเลย เอาชีวิตของพวกเราให้รอดก่อนดีกว่า พ่อให้โจไปน่ะดีแล้ว ถึงยังไงเจ้าอสูรนั่นก็คงเหลือความเป็นคนอยู่บ้าง คงไม่ถึงกับจับลูกพ่อกินลงท้องไปหรอก มันอาจจะเลี้ยงไว้ดูเล่นสักพัก พอเบื่อหรือคิดว่าเลี้ยงไปก็เปลืองซะเปล่าๆก็ปล่อยกลับมาเองนั่นแหละ’


.



เขาเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก เหมือนมีบางอย่างจุกขึ้นมาที่คอ มันมากกว่าความน้อยเนื้อต่ำใจ เขารู้ว่าพี่สาวไม่เคยเห็นเขาเป็นน้องแต่ก็ไม่นึกว่าจะต่ำต้อยถึงเพียงนี้


.



‘พอส่งโจไปแล้ว เราก็จะได้ใช้สมบัติพวกนั้นอย่างไม่ต้องกังวลอะไรอีก พอครอบครัวเรากลับมาลืมตาอ้าปาก พวกผู้ชายดีๆ รวยๆก็จะเข้ามาสนใจลูกกับเบตตี้ ส่วนเบลล่าก็อาจจะเจอใครที่ดีกว่าเจ้ายาจกบ็อบนั่นก็ได้ จากนั้นพอพวกเราแต่งงานก็จะมีหลานๆให้พ่อ แค่นี้ตระกูลของเราก็ยืนยาวไปถึงไหนต่อไหนแล้วเห็นมั้ยคะ’


.



เขาพยายามกลืนก้อนแข็งๆลงคอ กลั้นความร้อนระอุไม่ให้ไหลออกจากตา กำลังจะอ้าปากค้านกลับถูกตอกหน้า


.



‘ถ้าทำเพื่อครอบครัวแค่นี้ไม่ได้ข้าก็ไม่บังคับหรอกนะ แต่คิดดูให้ดีๆ ยังไงก็ต้องมีคนใดคนหนึ่งกลับไปหาเจ้าอสูร ไม่ใช่แกก็เบลล่า เลือกเอาเองแล้วกัน’


.



นั่นคือบทสรุปที่บังคับให้เขากลืนคำปฏิเสธกลับลงคอ เพียงหันไปสบตากับเบลล่า เขาก็ทนไม่ได้แล้วที่จะส่งพี่สาวที่ดีกับเขาที่สุดไปสู่เงื้อมมือของเจ้าอสูรที่ไม่รู้ว่าจะมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า ที่สำคัญคือชีวิตของเธอยังมีความหวังรออยู่ บ็อบเป็นผู้ชายที่เขาเชื่อว่าจะรักและดูแลพี่สาวเขาได้เป็นอย่างดี แล้วเขาจะเห็นแก่ตัวผลักเธอลงสู่ขุมนรกทั้งที่กำลังจะขึ้นสวรรค์ได้อย่างไร


.



“โจ... เป็นอะไรไป สีหน้าเจ้าดูไม่ดีเลย”


.



เสียงนั้นเรียกเขากลับมาและพบความห่วงใยจากดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่สะท้อนเงาของตนเสมอ ความจริงแล้วแกสตันเป็นคนดีมากคนหนึ่ง มีน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือ คอยรับฟังปัญหาและช่วยปรับทุกข์ ถ้าเขาจะไม่อยากไปจากที่นี่ ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่อยากเสียเพื่อนดีๆเช่นนี้ไป


.



“เปล่าหรอก” เขารีบปรับน้ำเสียงและสีหน้าให้สดใสขึ้น “อ้อ เกือบลืมบอก ข้าต้องไปอยู่ที่อื่นสักพัก ถ้าไม่ลำบากข้าฝากเจ้าดูแลพวกแม่ไก่กับพืชผักในไร่หน่อยได้มั้ย ถ้ามีใครพอจะรับไปเลี้ยงต่อได้ก็คงดี ส่วนผักถ้าเก็บเกี่ยวได้แล้วก็วานแจกจ่ายไปให้ทั่วๆ ไม่ต้องเอาเงินหรอก ถือเสียว่าเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ”


.



เพียงเท่านี้ก็เท่ากับหมดไปอีกห่วง พวกแม่ไก่นอกจากให้ไข่แล้วยังคอยอยู่เป็นเพื่อน ถ้าไม่มีเขาสักคนก็คงไม่มีคนดูแล ใครจะให้ข้าวให้น้ำ คอยเปลี่ยนฟางในกรงนอน ส่วนผักที่ปลูกไว้ยิ่งไม่มีคนสนใจ พ่อกับเบลล่าไม่มีกำลังพอสำหรับงานไร่ ส่วนพี่สาวอีกสองคนอย่าว่าแต่รดน้ำ แค่ลงมาเดินแถวแปลงผักก็ยังไม่เคยเลย


.



“เจ้าบอกว่าไปสักพักแต่ทำเหมือนจะไม่กลับมาอย่างนั้นแหละ”


.



เขาเงียบ ไม่อยากบอกความจริงว่ายังไม่รู้กำหนดกลับ หรือซ้ำร้ายจะได้มีชีวิตรอดกลับมาหรือเปล่า


.



“เจ้าจะไปที่ไหน ไกลหรือเปล่า ให้ข้าไปเป็นเพื่อนมั้ย”


.



ความกังวลห่วงหาที่มากมายจนเขาสัมผัสได้ทำให้ไม่อยากตัดรอนให้อีกฝ่ายต้องเจ็บช้ำ


.



“อย่าลำบากเลย ข้าไปคนเดียวน่ะดีแล้ว”


.



“โจชัวร์” แกสตันกดเสียงเรียกจริงจังให้คนตรงหน้ายอมสบตา “เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าข้าคิดอย่างไรกับเจ้า ข้าจริงจังนะ ข้ารักเจ้าจริงๆ ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อนเลย”


.



“ข้าบอกไปพันรอบแล้วนะว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย” เขาบอกยิ้มๆแม้จะดูฝืนเต็มที


.



“ต่อให้เจ้าตะโกนใส่หน้าข้าอีกเป็นแสนเป็นล้านรอบ ข้าก็จะยังรักเจ้าเหมือนเดิม”


.



น้ำเสียงหนักแน่นจริงจังทำให้โจชัวร์ฝืนยิ้มไม่ออกอีกแล้ว


.



“ทำไมเจ้าไม่ไปชอบใครที่เขา... ชอบเจ้า”


.



“เพราะข้าชอบเจ้า แค่เจ้าคนเดียว และข้าหวังว่าสักวันเจ้าจะชอบข้าเช่นกัน” แกสตันดึงร่างบางมาใกล้ เขากำรอบต้นแขนเล็กอย่างทะนุถนอม ไม่สนใจสายตาขุ่นๆของเจ้าสี่ขาตัวใหญ่ เพราะสายตาของเขาจดจ้องแต่ลูกแก้วสีน้ำตาลอ่อนที่ช่างสวยงาม แวววาวจับใจ


.



“ข้าขอที่จะรอเจ้าได้มั้ยโจชัวร์ ข้าขอรอให้เจ้ากลับมา รอวันที่เจ้าจะสนใจและหันมาชอบข้า ไม่ว่านานแค่ไหนข้าก็จะรอ”


.



ชายหนุ่มพรั่งพรูความรู้สึกออกมากับทุกอณูของลมหายใจ โจชัวร์ทำให้เขากลายเป็นอีกคนที่เขาไม่เคยรู้จัก คนที่เจอกับรักแรกพบ คนที่ทุ่มเทให้กับความรู้สึก ขวนขวายพยายามเพียงให้อีกฝ่ายหันมามอง และตอนนี้ก็กำลังทุรนทุรายอยากได้ความรักตอบ แต่เจ้าของหัวใจดวงน้อยเอาแต่ยืนนิ่ง ดวงตาไหวระริกราวกับจะร้องไห้ เขาจึงรวบตัวเข้ามากอดเพื่อหยุดหยดน้ำตาไว้


.



“ข้าจะรักและหวังดีกับเจ้าอย่างนี้เสมอไป ถ้าเจ้ามีภัย ไม่ว่าอันตรายแค่ไหนข้าจะรีบไปช่วย ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร ต่อให้เป็นอสูรร้าย ข้าก็จะกำจัดมัน ข้าจะไม่มีวันยอมให้ใครหรืออะไรมาพรากเจ้าไปจากข้าเด็ดขาด ข้าขอสาบาน”


.



แกสตันกอดรัดร่างน้อยอย่างคนที่กลัวจะสูญของรัก ความรู้สึกของเขาท่วมท้นจนโจชัวร์เองก็ไม่อาจฝืน ไร้กำลังจะทำร้ายน้ำใจมากมายที่ได้รับ ทั้งสองอยู่ในสัมผัสสนิทแนบนานจนฝ่ายที่ถูกบังคับให้เป็นพยานรับรู้ทนไม่ได้ เจ้าสโนว์ส่งเสียงฟืดฟาดแล้วงับชายเสื้อดึงโจชัวร์ออกห่าง เท่านั้นไม่พอยังก้าวมาแทรกลาง หันสะโพกใหญ่และสะบัดปลายหางใส่หน้าคนตัวโตเสียอย่างนั้น


.



“ม้าของใครกัน ข้าไม่ยักเคยเห็น หรือว่าพ่อเจ้าซื้อกลับมาจากในเมือง” แกสตันเท้าสะเอวมองเจ้าม้าแสนกลด้วยความหมันไส้


.



“เอ่อ.. ก็... มีคนให้ยืมมาน่ะ เดี๋ยวก็ต้องเอาไปคืนแล้ว”


.



“ดูท่ามันจะหวงเจ้าซะเหลือเกิน ไม่รู้ว่าหวงให้ตัวเองหรือใคร แต่หวังว่าข้าจะไม่ต้องสู้กับมันเพื่อแย่งเจ้าหรอกนะ”


.



โจชัวร์อดขำไม่ได้ เขายืนส่งสหายผู้มีน้ำใจด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อกลับเข้าบ้าน รอยยิ้มนั้นก็เหือดหายไปเหมือนน้ำค้างต้องไอแดด


.



“ปากบอกไม่มีอะไร แต่ร่ำลากันดูดดื่มเชียว” แมรี่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างและคงเห็นภาพของสองหนุ่มแล้วจึงได้เอ่ยทักพร้อมรอยยิ้มเหยียด “ที่จริงเหลือเวลาอีกคืนก็น่าจะใช้ให้คุ้มค่า แต่ขอบอกก่อนว่าถ้าจะทำเรื่องบัดสี...”


.



“หยุดปากของพี่สักทีเถอะ ถ้าไม่มีอะไรจะใช้ ข้าจะได้ขอตัว”


.



“เอาของพวกนี้ไปด้วย” เธอชี้นิ้วไปยังเสื้อกระโปรงชุดใหม่กับกล่องของแต่งตัวที่ถูกเลือกออกมาจากกองสมบัติ “ชุดนั่นดูจะพอดีกับตัวแกจนน่าแปลก สงสัยเจ้าอสูรคงชอบรูปร่างแบบนี้ล่ะมั้ง แกก็เอาไปให้เบลล่าช่วยแต่งตัวให้แล้วกัน ทำผม แต่งหน้าให้ดูเป็นผู้หญิงกว่านี้ด้วย อ้อ! เรื่องชื่อ อยู่ที่โน่นให้เปลี่ยนเป็นโจแอนล่ะ จะได้แนบเนียน เพราะยังไงแกก็คุ้นที่ถูกใครๆเรียกด้วยชื่อนั้นอยู่แล้วนี่จริงมั้ย”


.



“แค่นี้ใช่มั้ย” เขารวบของทุกอย่างมาถือไว้ พร้อมจะเดินหนีทันที


.



“ใช่ ที่จะสั่งมีแค่นี้ ไปเตรียมตัวเตรียมใจของแกให้ดีๆ อย่างไรเสียก็ขออวยพร ขอให้อยู่รอดปลอดภัย แต่ถึงได้ดีเป็นเมียเจ้าอสูรแล้วก็ไม่ต้องกลับมาหรอกนะ เพราะถึงตอนนั้นพวกเราก็คงย้ายกลับเข้าเมือง กลับไปใช้ชีวิตที่มีความสุขเหมือนเดิมแล้วล่ะ ลาก่อน”


.



ร่างผอมบางในชุดรัดทรงคอดกิ่วสะบัดหน้าเดินกลับขึ้นบันไดไปแล้ว แต่โจชัวร์ก็ยังถูกพี่สาวอีกคนรั้งไว้ ท่าทางของเธอดูอึกอัก ลังเลผิดจากทุกที


.



“เอ่อ... คือ... รู้ใช่มั้ยว่าพี่ก็ขัดพี่แมรี่เขาไม่ได้ โจคงเข้าใจ” เบตตี้ยอมรับว่าเกรงใจพี่สาวคนโตไม่น้อย แต่สิ่งที่กำลังจะพูดก็สำคัญกับชีวิตของเธอมากจนไม่อยากพลาดโอกาสสุดท้ายนี้ “พี่เป็นห่วงโจเหมือนกันนะ ไปอยู่ที่นั่นแล้วก็ส่งข่าวมาบ้างแต่ไม่ต้องให้พี่แมรี่รู้หรอก แล้วถ้าที่คฤหาสน์มีคนอื่น พี่หมายถึงถ้าเจ้าอสูรพอจะมีพี่หรือน้องหรือญาติที่ยังโสด แต่เอาแบบที่เป็นคนปกตินะ โจก็ลองแนะนำมาให้พี่รู้จักบ้าง เผื่อว่าโชคดีพี่จะได้แต่งงานกับเขาแล้วย้ายไปอยู่ที่นั่น เราจะได้อยู่เป็นเพื่อนกันไง โจก็คิดว่าดีใช่มั้ยล่ะ”


.



โจชัวร์นิ่งงัน รู้สึกละอายแทนจนพูดไม่ออก แต่เบตตี้ก็ถือเอาอาการนั้นแทนคำตอบตกลง


.



 “ตกลงตามนี้นะ พี่ต้องรีบไปก่อน เดี๋ยวพี่แมรี่จะหงุดหงิดโวยวายขึ้นมาอีก”


.



เขามองตามร่างเจ้าเนื้อวิ่งขึ้นบันไดจนแผ่นไม้สะเทือนลั่นแล้วก็ต้องส่ายหน้า คิดไม่ถึงจริงๆว่าพี่สาวทั้งสองจะใช้ประโยชน์จากตัวเขาจนวินาทีสุดท้าย สำหรับคำถามของพี่สาวคนรองนั้น เขาลองคิดแล้วก็ได้ข้อสรุปว่าขออยู่กับอสูรตามลำพังยังจะดีเสียกว่า


.



“อยากรู้จริงๆว่าจิตใจของสองคนนั้นทำด้วยอะไร” เบลล่ารำพึงด้วยความรู้สึกเดียวกัน เธอเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างและยิ่งสงสารในชะตากรรมของน้องชายคนเดียวที่เหมือนถูกขับไล่ไสส่งไปจากบ้านตัวเอง


.



“ช่างเขาเถอะ ข้าชินแล้วล่ะ ถ้าอยู่ดีๆพวกเขามาทำดีด้วยคงทำให้ข้าขนลุกมากกว่า เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ตอนนี้ที่ข้าห่วงก็คือพ่อ แต่พวกพี่ๆก็คงดูแลท่านได้ ส่วนพี่เบลล่า เตรียมตัวพร้อมแล้วใช่มั้ย”


.



โจชัวร์สบตากับเงาของพี่สาว เธอเข้ามาช่วยแปรงผมและกำลังคิดว่าจะทำทรงไหนจะได้เข้ากับชุดที่ต้องใส่เดินทาง แต่เขาคิดแล้วว่าจะแค่มัดเป็นหางม้าอย่างเดิม เพราะพรุ่งนี้ยังมีธุระหลายอย่างให้จัดการ และหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของพี่สาวที่เขารักที่สุด
ในหีบใบนั้นมีเหรียญทองอยู่เป็นพันเหรียญ เขาจึงแลกอิสรภาพตัวเองกับหนึ่งร้อยเหรียญทองเพื่อมอบให้เบลล่าและบ็อบ เขาส่งจดหมายแจ้งข่าวและนัดเวลาให้ว่าที่พี่เขยแล้ว พรุ่งนี้จึงไม่ได้มีแต่เขาที่ออกเดินทาง คนทั้งคู่ก็จะจากบ้านหลังนี้ไปสร้างครอบครัวและมีชีวิตใหม่เช่นกัน


.



“แต่มันจะดีเหรอโจ ถ้าพี่แมรี่กับเบตตี้รู้”


.



“เขารู้ก็ช่างสิ” เขาหันหลังกลับ กุมมือคู่บอบบางของเธอไว้ “สัญญานะว่าพอไปจากที่นี่ พี่จะแต่งงานกับพี่บ็อบแล้วสร้างครอบครัวที่มีความสุข อย่ากลับมาจนกว่าพี่จะเข้มแข็งกว่านี้”


.



“สิ่งที่เธอทำให้มันมีความหมายมาก พี่กับบ็อบคงไม่รู้จะตอบแทนเธอได้อย่างไร ขอบคุณจริงๆนะโจ” เบลล่าตอบรับเสียงเครือ เธอโผเข้ากอดน้องชายคนเดียวเป็นครั้งสุดท้าย หยดน้ำตานั้นมีทั้งคำขอโทษและขอบคุณซึ่งหลั่งออกจากใจอย่างแท้จริง


.



“แค่พี่มีความสุขก็ถือว่าตอบแทนข้าแล้วล่ะ”


.



โจชัวร์ยิ้มรับความรู้สึกของคนในอ้อมแขนด้วยหัวใจอิ่มสุข เขาหมดห่วงไปได้อีกเปลาะ ส่วนเรื่องของพ่อพอจะวางใจว่าท่านดูแลตัวเองได้ พี่ทั้งสองแม้จะร้ายกาจกับเขาแต่ก็เป็นลูกที่ดีของพ่อเสมอมา พวกเธอคงดูแลท่านเป็นอย่างดี ตอนนี้เขาพร้อมแล้วสำหรับการเดินทางที่ยังไม่รู้ชะตากรรม พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรก็สุดรู้ คงได้แต่หวังว่าจะไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้อีกแล้ว












เฮ่อ... รันทดได้อีกนะชีวิตนายเอกของฉัน






^__^






----- Mine -----






หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 3 (7/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Nupammee ที่ 08-05-2017 02:15:04
เห้อออ รอตอนต่อไปนะคะ 5555 สู้ๆค่ะไรต์
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 3 (7/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 08-05-2017 08:38:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 3 (7/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-05-2017 08:50:49
ตัวร้ายของคนเขียนนี่ช่างร้ายได้อย่างน่าเกลียดและน่าหมั่นไส้จริงเชียวค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 4 (14/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 14-05-2017 04:37:30









Heartbeat 






: A Retelling of Beauty and the Beast










มาแล้วๆ พาหนูโจมาเสิร์ฟแล้วจ้า ตอนนี้เดินทางมาตามหารัก (ใช่เหรอ???) ได้มาเจอกับเจ้าอสูรแล้ว ผลจะออกมาเป็นยังไงได้รู้กันล่ะค่ะ










4








ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่โจชัวร์วางแผน บ็อบเดินทางมารับเบลล่าตามสัญญา พ่ออนุญาตให้ทั้งคู่แต่งงานกันด้วยความยินดี แมรี่กับเบตตี้จึงได้แต่หงุดหงิด ไม่วายส่งสายตาอาฆาตมาที่เขาในฐานะคนต้นคิด เมื่อทั้งสองจากไปก็ถึงคราวที่เขาจะออกเดินทาง สีหน้ากังวลของพ่อทำให้เขารู้สึกดีที่ยังมีคนเป็นห่วง พ่ออวยพรให้เขาโชคดี เดินทางถึงที่หมายและเอาตัวรอดอยู่ที่คฤหาสน์ลึกลับนั้นด้วยความปลอดภัย ซึ่งตอนนี้เขาก็คิดว่าเขาต้องการโชคอย่างมากทีเดียว


.


เขาเดินทางเพียงลำพัง ไม่มีสัมภาระจึงอาศัยขี่เจ้าม้าขาวออกมาจากบ้าน พยายามจดจำเส้นทางเผื่อว่าจะมีโอกาสหนี แต่ผ่านไปไม่นานก็รู้สึกหมดหวัง เจ้าสโนว์ไม่ได้พาเขาไปตามทางโดยสารทั่วไปแต่กลับเดินลึกเข้ามาในป่า ลัดเลาะวนเวียนจนดูเหมือนชินทางหรือหลงทางก็ไม่ต่างกัน ต้นไม้รกครึ้มจนไร้แสงแดดลอดผ่านทำให้รอบตัวดูทึบทึมน่ากลัว พอใกล้พ้นแนวป่าคิดว่าจะสบาย พายุหิมะกลับตั้งเค้าและพัดกระหน่ำราวจงใจให้คนเดินทางพลัดจากจุดหมาย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพ่อถึงหลงทางจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด


.


“สโนว์” เขาตะโกนสู้พายุ แรงลมทำให้ต้องโน้มตัวลงกอดเจ้าสี่ขาที่ยังพยายามก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว “พายุแรงมาก ไหวหรือเปล่า พักกันก่อนดีมั้ย”


.


สโนว์สะบัดหน้าแรงๆแล้วก้าวต่อจึงได้แต่ฝากความหวังไว้กับความอึดของมัน ส่วนตัวเขาที่มีแค่ชุดกระโปรงเนื้อผ้าบางพลิ้วกับเสื้อคลุมขนสัตว์ก็กำลังหนาวจนชาไปหมด สมองเริ่มงุนงง ไม่แน่ใจว่ากอดเจ้าสโนว์แน่นพอหรือเปล่า หรือมือของเขาจะแข็งจนทำให้พลัดหล่นลงจากหลังของมัน ทำไมจู่ๆถึงได้รู้สึกตัวเบาราวกับลอยอยู่ในอากาศ ความหนาวเหน็บถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกเหมือนถูกห่ออยู่ในผ้าขนสัตว์หนานุ่ม อุ่นสบายจนเขาคิดว่าคงจะเคลิ้มหลับและฝันไป


.


เขามารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเรียก จากเสียงกระแอมในคอเบาๆ หลายครั้งและดังขึ้นจนคล้ายอาการไอโขลก เขาลืมตาและพบตัวเองยังอยู่บนหลังเจ้าสโนว์  ท้องฟ้าโปร่งกำลังฉายแสงสุดท้ายของวัน แสงสีส้มอาบไล้ตัวคฤหาสน์หลังใหญ่ให้ดูแดงฉานน่ากลัว


.


“อะแฮ่ม”


.


เขาละสายตาจากกอเถาวัลย์ที่ส่งกิ่งก้านใหญ่ขนาดลำแขนเลื้อยเกาะไปตามผนังอิฐกลับมายังเจ้าของเสียง ชายวัยคราวเดียวกับพ่อในชุดสูทดำผูกหูกระต่ายกำลังยืนอยู่ตรงหน้า มือสองข้างแนบชิดลำตัว ใบหน้าเรียบเฉยเชิดขึ้นเล็กน้อยฉายแววเจ้าพิธีรีตอง แต่ดวงตาหลังแว่นเลนส์ทรงกลมทอดมองเขาอย่างเป็นมิตร


.


“กระผม คอกซ์เวิร์ธ เป็นพ่อบ้านดูแลคฤหาสน์แห่งนี้ ขอยินดีต้อนรับคุณผู้หญิง”


.


โจชัวร์นิ่งขึงด้วยความตะลึง กระทั่งมีเสียงกระแอมอีกครั้งจึงค่อยรู้สึกตัวเต็มที่ รีบลงจากหลังเจ้าสโนว์มายืนบนพื้นด้วยอาการทรงตัวลำบาก การเดินทางบนหลังม้านานนับชั่วโมงทำให้รู้สึกเหมือนผืนดินเคลื่อนไหวได้ราวกับคลื่นในทะเล


.


“นายท่านของเราเสียใจเป็นอย่างมากที่การเดินทางของคุณผู้หญิงไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร ถ้ายังไงรีบเข้าด้านในไปพักให้สบายตัวเสียก่อน นายท่านจะมาพบคุณตอนทานมื้อค่ำ เชิญตามมา”


.


โจชัวร์ลูบแผงคอเจ้าสโนว์แทนการเอ่ยลาแล้วรีบตามคนนำทางที่ล่วงหน้าไปก่อน เมื่อก้าวผ่านประตูก็เหมือนทิ้งความหนาวเย็นไว้ด้านนอก ภายในคฤหาสน์อาจไม่เจิดจ้าสว่างไสวแต่ก็ไม่ดูทึบทึมน่ากลัวอย่างที่คิด แม้จะไม่เห็นเตาผิงหรือแสงไฟแต่ไออุ่นก็แผ่ซ่านทำให้สบายเนื้อตัวขึ้นมาก ตามทางที่เดินผ่าน ประตูส่วนใหญ่จะปิดสนิท บรรยากาศเงียบเชียบ ไม่มีใครคนอื่นออกมาปรากฏตัวให้เห็น กระทั่งขึ้นมายังชั้นสอง เลี้ยวไปทางซ้ายจนมาถึงที่หมายซึ่งเป็นห้องพักขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง
ร่างท้วมในชุดสูทยืนรอหน้าประตูห้องที่เปิดกว้าง


.


“นายท่านจัดพื้นที่ทั้งหมดของปีกนี้ไว้สำหรับคุณผู้หญิง...”


.


“เรียกข้าว่าโจแอน เอ่อ... แค่โจสั้นๆดีกว่านะ” คำสั่งของแมรี่ยังคงมีผลกับเขาแม้จะไม่อยากทำตาม แต่ก็คงดีกว่าถูกเรียกขานด้วยคำที่ทำให้รู้สึกขนลุกทุกครั้ง


.


“พลูมแมทจะเป็นสาวใช้ประจำตัวคุณโจแอน ต้องการอะไรบอกเธอได้ทุกอย่าง แต่ไม่ต้องฟังเธอมากก็ได้” คอกซ์เวิร์ธผายมือไปยังสาวใช้ที่ยืนรออยู่ด้านใน น่าแปลกตรงประโยคสุดท้ายที่ลดเสียงลงราวกับคำเตือน


.


“อาหารค่ำจะพร้อมในอีกหนึ่งชั่วโมง กระผมขอตัวก่อน” บอกเสร็จแล้วก็ก้าวถอยราวกับไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของหญิงสาว


.


“เดี๋ยวก่อน” เขาหลุดเสียงเรียกด้วยอาการประหม่า เพราะไม่เคยต้องอยู่ตามลำพังกับผู้หญิงแปลกหน้ามาก่อน แต่หากบอกออกไป ความลับคงแตกตั้งแต่ยังไม่ทันทำอะไร “คือ... ขอบคุณมาก”


.


“ด้วยความยินดี” คุณพ่อบ้านยิ้มน้อยๆแล้วค้อมตัวให้อีกครั้ง


.


ประตูถูกปิดลงเมื่อโจชัวร์เดินผ่านเข้ามา ห้องกว้างสว่างไสวงดงามมีเตียงนอนหลังใหญ่เป็นจุดศูนย์กลาง ด้านหนึ่งมีประตูบานเล็กคงจะเป็นห้องน้ำส่วนตัวซึ่งถือเป็นความสะดวกสบายอย่างหนึ่งของคนมีฐานะ ถัดมาเป็นมุมแต่งตัว กระจกเงาบานสูงเท่าตัวคนกับโต๊ะเครื่องแป้งวางคู่กัน ตู้ไม้ขนาดใหญ่ตั้งเรียงราย ข้างในคงมีเสื้อผ้า เครื่องแต่งตัวมากมายให้เลือกหยิบใช้ ผนังห้องอีกด้านกรุกระจกใสมีประตูเปิดออกไปยังระเบียงซึ่งจะเห็นภาพพระอาทิตย์ยามลับทิวเขา บรรยากาศโพล้เพล้ชวนหดหู่ไม่ต่างจากอารมณ์ของเขาในตอนนี้สักเท่าไหร่


.


“นายหญิง อุ๊ย ไม่ใช่สิ คุณโจแอนเดินทางมาเหนื่อยๆ จะพักสักครู่ก่อนมั้ยเจ้าคะ”


.


โจชัวร์หันไปตามเสียงเรียก พลูมแมทคงรุ่นราวคราวเดียวกับแมรี่แต่ดูเป็นคนอัธยาศัยดี เธอเดินไปตลบผ้าคลุมเตียงออกแล้วยืนรอพร้อมรอยยิ้มกว้าง


.


“เมื่อกี้เรียกข้าว่าอะไรนะ”


.


“คุณจะมาเป็นภรรยาของนายท่านก็เท่ากับเป็นนายหญิงของพวกเรา แต่คงจะเขิน ไม่ค่อยชินใช่มั้ยเจ้าคะ ถ้ายังไงก็รอให้เข้าพิธีเป็นเรื่องเป็นราวก่อนค่อยเรียกนายหญิงยังไม่สาย ตอนนี้เรียกคุณผู้หญิงหรือคุณโจแอนไปก่อนแล้วกัน ค่อยเปลี่ยน...”


.


เขาเริ่มจะเข้าใจสิ่งที่พ่อบ้านกระซิบบอก เธอคงเป็นผู้หญิงประเภทที่ต้องการคนฟังมากกว่าคนคุยด้วย เหมือนอย่างตอนนี้ที่เธอหลุดเข้าไปในโลกส่วนตัว แก้มแดงขึ้นทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร สีหน้าเคลิบเคลิ้ม นัยต์ตาเพ้อฝัน อาจจะคิดว่าตัวเองได้เป็นส่วนหนึ่งของนิยายรักโรแมนติค ซ้ำร้ายตัวเขาคงถูกจินตนาการให้ตกเป็นภรรยาเจ้าของคฤหาสน์ไปเรียบร้อยแล้ว


.


“พลูมแมท!”


.


“อุ๊ย! ขอโทษเจ้าค่ะ ดิฉันลืมตัวทีไรชอบพล่ามไปเรื่อยอย่างนี้ทุกที ขอโทษจริงๆนะเจ้าคะ ดิฉันนี่แย่จริงๆ ไม่น่า...”


.


“พลูมแมท” เขาเรียกอีกครั้งเพื่อรั้งสติเธอไว้ก่อน “เอาล่ะๆ ข้าไม่ได้จะว่าอะไร แต่ขอร้องล่ะ ต่อไปช่วยเรียกข้าว่าโจก็พอ แล้วไม่ต้องเจ้าคะ เจ้าขาให้มากพิธีหรอก ข้ามาที่นี่เพื่อชดใช้ความผิดแทนพ่อ ไม่ได้มีฐานะพิเศษเหนือกว่าใครเลย ขอให้คิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน พูดกันแบบธรรมดาๆเถอะนะ”


.


“คุณนี่น่ารักจริง ไม่ถือเนื้อถือตัวเลย พวกเราทุกคนน่ะตั้งตารอให้คุณมาอยู่ที่นี่จริงๆนะคะ นายท่านก็เหมือนกัน”


.


“ข้ายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย เธอพอจะเล่าอะไรได้บ้างมั้ย” เขาถามขณะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวสวยด้วยอาการล้าทั้งกายและใจ


.


“ได้สิคะ แต่ดิฉันก็ไม่ได้รู้รายละเอียดมากนัก ต้องเป็นคุณคอกซ์เวิร์ธกับมิสซิส พอทส์ที่อยู่ที่นี่มาตั้งแต่สมัยนายท่านคนก่อน”


.


“นายท่านคนก่อน เธอหมายถึงพ่อกับแม่ของ...?”


.


“โถ คุณโจก็ช่างสงสัย นายท่านของเราก็ต้องมีพ่อมีแม่สิคะ ไม่ได้เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่สักหน่อย ท่านพ่อของนายท่านเป็นถึงญาติห่างๆของพระราชา แต่ชอบความสงบ รักสันโดษก็เลยพาครอบครัวมาสร้างคฤหาสน์ไกลถึงขนาดนี้ นายท่านเป็นทายาทคนเดียว พอเสียท่านพ่อท่านแม่ไปก็อาศัยอยู่ที่นี่เพียงลำพังมาโดยตลอด”


.


“แต่พ่อของข้าบอกว่ารูปร่างหน้าตาของเขา... เอ่อ... ไม่ค่อยเหมือนคนสักเท่าไหร่ เกิดอะไรขึ้นเหรอ”


.


“เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ต้นสายปลายเหตุ คุณคงต้องไปถามนายท่านเองแล้วล่ะค่ะ” หญิงสาวเหมือนจะตัดบท แต่คงเพราะสีหน้าไม่สู้ดีของอีกฝ่ายจึงรีบพูดต่อ “แต่ดิฉันยืนยันได้ว่านายท่านทั้งใจดีและมีเมตตามาก อาจจะยกเว้นเวลาโกรธก็จะโมโห ฉุนเฉียวกว่าปกติบ้าง แต่คุณไม่ต้องกลัวหรอกเพราะเวลาที่นายท่านรู้ตัวว่าอารมณ์ไม่ดีก็จะเก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง มีแต่อีตาลูมิแยร์นั่นล่ะที่พลอยโดนหางเลขอยู่เรื่อย”


.


โจชัวร์รู้สึกใจชื้นขึ้นนิดหน่อย เขาซักถามถึงคนอื่นๆจึงได้รู้ว่าที่คฤหาสน์นี้มีเพียงเจ้าอสูรกับคนรับใช้จำนวนหนึ่ง คุณคอกซ์เวิร์ธเป็นพ่อบ้านคอยดูแลทุกอย่าง ลูมิแยร์ คือเพื่อนวัยเด็กที่รั้งตำแหน่งคนรับใช้ส่วนตัว มิสซิส พอทส์ เป็นผู้ควบคุมงานครัวและดูแลบรรดาสาวใช้ เดบูตองท์ กับ พลูมแมท รับหน้าที่ทำความสะอาด กับดูแลเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และสุดท้ายคือ พินช์ หลานชายวัยซนของมิสซิส พอทส์ ที่แม้จะไม่มีหน้าที่แต่ก็ช่วยสร้างสีสันให้คฤหาสน์อยู่เสมอ


.


ในส่วนของอาณาเขตกว้างใหญ่รอบตัวคฤหาสน์ถูกจัดสรรให้ใช้ประโยชน์หลากหลายทั้งคอกม้า ทุ่งเลี้ยงสัตว์ เรือกสวน ไร่นา คนงานจะมีที่พักแยกออกไปเป็นสัดส่วน แม้แต่ชาวบ้านทั่วไปก็ยังได้รับผืนดินสำหรับทำมาหากินแล้วส่งผลผลิตกลับเข้ามาเป็นสิ่งตอบแทน ฐานะของเจ้าอสูรจึงเปรียบเสมือนชนชั้นปกครองที่คอยดูแลทุกข์สุขของราษฎรในแถบนี้แม้จะไม่มีฐานันดรใดๆก็ตาม


.


“อีกประเดี๋ยวจะได้เวลาอาหารค่ำแล้ว คุณจะล้างหน้าล้างตาหรือเปลี่ยนชุดก่อนมั้ยคะ” พลูมแมทวกกลับเข้าเรื่องสำคัญ “ห้องนี้เดิมเป็นของท่านแม่ของนายท่าน นายท่านสั่งให้เก็บรักษาเสื้อผ้าข้าวของทุกชิ้นไว้ในสภาพเดิม ดูอย่างชุดที่คุณใส่สิ เหมือนของใหม่เลยใช่มั้ยคะ น่าแปลกเหมือนกันที่คุณใส่ชุดนี้ได้พอดีอย่างกับเป็นขนาดของตัวคุณเอง เพียงแต่...”


.


สายตาเพ่งพินิจทำให้คนถูกชมรู้สึกร้อนตัว กลัวจะเผยพิรุธให้จับได้


.


“ช่วงบนอาจจะดูน้อยไปนิด แต่ไม่ว่ายังไง ถ้านายท่านได้เห็นจะต้องพอใจมากแน่ๆค่ะ”


.


โจชัวร์ก้มมองตัวเองแล้วลอบถอนใจ เขาเป็นผู้ชายแต่ต้องมาใส่ชุดผู้หญิงแบบนี้จะเอาอะไรมาเป็นส่วนเว้า ส่วนโค้งให้ดูได้ล่ะ


.


“ข้าไม่เหมาะกับของพวกนี้หรอก และที่จริงไม่ควรจะได้อยู่ห้องนี้เลยด้วยซ้ำ น่าจะมีห้องข้างล่างที่ว่างๆสักห้องหรือห้องพักแขกยังน่าจะเหมาะกว่า”


.


“ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ คุณคอกซ์เวิร์ธก็บอกแล้วว่านายท่านสั่งให้จัดปีกนี้ไว้สำหรับคุณโดยเฉพาะ แล้วที่นี่ก็ไม่ได้รับแขกมานานมากจนจำไม่ได้แล้ว ข้างบนนี้มีแต่ห้องของคุณกับนายท่านเท่านั้น ดิฉันว่าดีออกนะคะ คุณทั้งคู่จะได้มีความเป็นส่วนตัวเพื่อจะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น คุณอยู่ทางปีกนี้ นายท่านอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ตื่นเช้าก็ออกจากห้องมาพบกัน อากาศดี มีเสียงนกร้อง...”


.


โจชัวร์ปล่อยให้พลูมแมทหลุดไปอยู่ในโลกส่วนตัวตามลำพัง เพราะตัวเขาเองก็ต้องการสมาธิในการทำใจและเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้า เมื่อได้เวลาเขาถูกนำมายังห้องอาหารซึ่งเป็นห้องโถงกว้างประดับด้วยแสงเทียนที่ช่วยให้ดูอบอุ่นนุ่มนวล โต๊ะตัวยาวมีที่นั่งจัดไว้สุดปลายทั้งสองด้าน ชุดจานชามวางเรียงเต็มพิธีการโดยมีคุณพ่อบ้านยืนรออยู่


.


“ต้องขอประทานโทษจริงๆที่ไม่ได้เรียนถามก่อนว่าคุณต้องการรับอะไรเป็นพิเศษ หรือว่ามีส่วนผสมอะไรที่ต้องการเลี่ยงบ้างหรือไม่”


.


“ไม่มีหรอก ข้าทานได้ทุกอย่าง” เขารีบตอบแต่คิดในใจว่ากลัวมื้อนี้จะกินอะไรไม่ลงเลยมากกว่า


.


ระหว่างฟังคอกซ์เวิร์ธบรรยายถึงรายการอาหารค่ำเลิศรสที่ถูกจัดเตรียมไว้เป็นพิเศษ หัวใจของโจชัวร์ก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆจนตระหนักว่าแรงสั่นสะเทือนที่สัมผัสได้ไม่น่าจะออกมาจากหน้าอกฝั่งซ้ายของตัวเองเท่านั้น


.


“นายท่านมาถึงแล้วครับ”


.


แรงสะเทือนสงบลง หัวใจของโจชัวร์ก็เหมือนจะหยุดเต้นในทันทีที่โครงร่างสูงใหญ่เกินคนปรากฏตัว เจ้าของคฤหาสน์คือสัตว์ประหลาดคล้ายสิงโตที่อยู่ในเครื่องแต่งกายและมีท่าทางการเคลื่อนไหวคล้ายมนุษย์อย่างที่พ่อบอก ดวงตาสีเหลืองอำพันตวัดมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะเดินไปนั่งลงประจำที่ จากนั้นอาหารก็ถูกนำเข้ามาเสิร์ฟตามลำดับท่ามกลางความเงียบเชียบระหว่างผู้ร่วมโต๊ะที่ทำให้ห้องอาหารวังเวงราวกับป่าช้า


.


แม้จะมีคมเขี้ยวและอุ้งมืออย่างสัตว์ป่า เจ้าอสูรกลับแสดงมารยาทบนโต๊ะอาหารได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งการใช้ช้อนตักซุบ ใช้มีดกับซ่อมหั่นชิ้นเนื้อ แม้กระทั่งถ้วยน้ำชาหลังมื้ออาหารก็ยกจรดริมฝีปากและวางลงโดยไม่มีเสียงดังสักกริ๊ก โจชัวร์เสียอีกที่กินจานละคำสองคำด้วยอาการประหม่า ท่าทางเหมือนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลืนอะไรลงท้องไปบ้าง เมื่อเจ้าของบ้านทำราวกับนั่งทานมื้อค่ำเพียงลำพัง ไม่ได้แสดงท่าทางคุกคาม ข่มขู่ ความตื่นตระหนกจึงค่อยๆบรรเทาลงแต่ไม่วายชำเลืองหาทางหนีทีไล่อยู่ตลอด


.


“ไม่ถูกปากหรือ” เสียงห้าวจากสุดปลายโต๊ะทำให้คนอีกฝั่งสะดุ้งจนพาลทิ้งถ้วยชาลงจานรองทั้งที่ยังไม่ได้ดื่มสักอึก เมื่อไม่ได้คำตอบก็พูดต่อเหมือนไม่เห็นอะไรผิดปกติ “ดูเจ้าไม่ค่อยกิน กลัวอาหารจะไม่ถูกปาก ถ้าอยากกินอะไรก็บอก มิสซิสพอทส์คงจัดการให้ได้ ใช่มั้ยคอกซ์เวิร์ธ”


.


“ขอรับนายท่าน” คนยืนรอทำหน้าที่ส่งเสียงรับโดยสายตายังตกลงตรงแจกันซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางโต๊ะอาหารตัวยาว มีกุหลาบดอกโตปักลดหลั่นเป็นทรงสวยงาม


.


โจชัวร์ลอบถอนใจที่การสนทนาเลี่ยงไปทางอื่น เพราะแม้อีกฝ่ายจะพูดรู้เรื่อง เขาก็ยังทำใจไม่ได้ที่จะคุยกับสิงโต


.


“แขกของเราผอมเหลือเกิน ควรกินให้เยอะๆจะได้มีเนื้อมีหนังมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นข้าจับทีคงแหลกคามือ เจ้าคิดอย่างนั้นมั้ย”


.


“ขอรับนายท่าน”


.


“เรื่องที่พัก ถ้าไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องก็ดี แล้วอย่าลืมที่ข้าสั่งให้เปิดทุกห้องออกดูแลให้เรียบร้อย เริ่มจากห้องหนังสือก่อนแล้วกัน เวลาว่างๆแขกของเราจะได้มีอะไรทำเพลินๆช่วยให้รู้สึกคุ้นเคยเหมือนที่นี่เป็นบ้านได้เร็วขึ้น เข้าใจใช่มั้ย”


.


“ขอรับนายท่าน”


.


โจชัวร์ตัดใจเรื่องดื่มชาเพราะกลัวอารมณ์ตัวเองจะพาลทำหูถ้วยน้ำชาที่แสนบอบบางหักคามือ การมีพี่สาวอย่างแมรี่และเบตตี้อาจทำให้เขาชินแต่ไม่ได้หมายความว่าต้องชอบที่ถูกทำเสมือนไร้ตัวตน เขารู้สึกว่ากำลังถูกท้าทาย และชักอยากจะลองแหย่หนวดสิงโตจอมยั่วโมโหตัวนี้ดูบ้าง


.


“ถ้ามีสิ่งใดที่แขกของเราต้องการ เจ้าต้องจัดเตรียมให้พร้อม...”


.


“ข้าไม่ได้ต้องการอะไร!” เขาจงใจขัดจังหวะ อาศัยเสียงดังเบี่ยงเบนอาการสั่นในน้ำเสียง   


.


“ขอรับนายหญิง”


.


พ่อบ้านยังรับคำอย่างไม่เห็นสิ่งผิดปกติ ผู้เป็นนายกลับแสยะยิ้ม ดวงตาสีแปลกมีรอยเหยียดหยัน ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นเดินตรงมาทีละก้าว เมื่อหยุดตรงแจกัน ปลายเล็บแหลมจงใจสะกิดเอากุหลาบกลีบหนึ่งร่วงลงบนผ้าปูโต๊ะสีขาว


.


“เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะไม่ต้องการอะไร มนุษย์ทุกคนย่อมมีความโลภอยากได้อยากมีด้วยกันทั้งนั้น ดูอย่างพ่อของเจ้ายังกล้าหยิบฉวยในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเลยไม่ใช่หรือ”


.


“พ่อไม่ได้ตั้งใจ ข้ายืนยันได้”


.


“ถ้าเขาไม่ตั้งใจ แล้วตัวเจ้าจะมาอยู่ต่อหน้าข้าได้อย่างไรกัน”


.


“นั่นแหละที่ข้าอยากจะ...”


.


“อ่าาา” เสียงห้าวคำรามอย่างพึงใจ “ดูเหมือนเจ้าจะมีความต้องการขึ้นมาแล้วสินะ” 


.


“ขะ..ข้า...!” เขาไม่นึกว่าจะโดนย้อนไม้นี้ พลันรู้สึกว่าตนถูกทำเหมือนเหยื่อตัวเล็กๆที่ถูกสิงโตแหย่เล่นก่อนจะจับกิน จึงควรรีบเข้าประเด็นก่อนจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากไปกว่านี้ “ข้าก็แค่อยากเจรจา ถ้าท่านยอมปล่อยข้าไป ข้าสัญญาจะหาทางชดใช้ให้กับความผิดของพ่อที่ปลิดกุหลาบของท่านไปดอกหนึ่ง”


.


“เจ้าพูดถึงกุหลาบดอกเดียว แต่ข้ากลับคิดถึงชีวิตหนึ่งชีวิตที่ต้องสูญไปด้วยน้ำมือคนที่ไม่รู้คุณค่า”


.


ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนตวัดมองแจกันใบเขื่อง นึกค่อนในใจว่าหากเป็นเจ้าของจะตัดกุหลาบจากต้นมาปล่อยทิ้งให้เหี่ยวแห้งมากแค่ไหนก็ได้สินะ


.


“ก็แค่กุหลาบดอกเดียวไม่ใช่หรือไง!”


.


“เจ้าดูไม่ใช่คนที่จะไม่เห็นค่าของทุกชีวิต” 


.


“แล้วท่านล่ะเห็นคุณค่าของชีวิตคนอื่นบ้างมั้ย ท่านถือสิทธิ์อะไรมาตัดสินความผิดของพ่อ เอาอำนาจอะไรมาบังคับให้ข้าต้องอยู่เป็นนักโทษของท่านที่นี่”


.


“พ่อเจ้าไม่ได้บอกหรือว่าเจ้ามาที่นี่ทำไม” เจ้าอสูรเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้าแปลกใจ


.


“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรข้าก็ไม่อยากอยู่ที่นี่!” ร่างเพรียวลุกขึ้นประกาศกร้าว “บอกมาเลยดีกว่าว่าท่านต้องการอะไร ข้าจะทำให้ทุกอย่าง ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟข้าก็จะไปหามาให้ แต่ท่านต้องสัญญาว่าจะปล่อยข้าไปและไม่ยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของข้าอีกเด็ดขาด”


.


เจ้าอสูรแสยะยิ้มโชว์เขี้ยวขาว จ้องมองดวงหน้าเรียวที่กำลังขึ้นสีของความโกรธ แล้วบรรจงดึงกุหลาบดอกใหญ่ที่สุดจากแจกันวางลงเบื้องหน้าอย่างมีความหมาย


.


“ความต้องการของข้ามีเพียงอย่างเดียวคือได้แต่งงานกับเจ้า” เจตนานั้นถูกตอกย้ำด้วยประโยคสุดคลาสสิคที่ผู้ชายทุกคนจะมอบให้หญิงสาวที่ตนรัก “เจ้ายินดีจะแต่งงานกับข้าหรือไม่”


.


โจชัวร์มองดอกกุหลาบสีสดแล้วรู้สึกชาวาบ สมองขาวโพลนไปชั่วครู่ รู้ตัวอีกทีกุหลาบดอกนั้นก็ลอยไปตกอยู่บนพื้นเสียแล้ว


.


“นั่นคือคำตอบของเจ้าสินะเด็กน้อย” ดวงตาสีอำพันมองตามแล้วรำพึงพร้อมรอยยิ้มซ่อนแววขมขื่น


.


“ฟังให้ดี!” ดอกกุหลาบถูกเก็บขึ้นมากระแทกวางลงที่เดิม “ตราบใดที่เจ้าไม่ตกลงก็จงอยู่ที่นี่ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม เจ้ามีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ ไปที่ใดก็ได้ในอาณาเขตการปกครองของข้า หน้าที่ของเจ้ามีเพียงอย่างเดียวคือต้องมาทานมื้อค่ำกับข้าทุกวัน ไม่ว่าเจ้าจะเข้าใจหรือไม่ก็จงจำใส่ใจและปฏิบัติตาม ไม่อย่างนั้นอย่าหวังว่าข้าจะเห็นชีวิตของเจ้ามีค่ามากไปกว่าดอกกุหลาบแค่ดอกเดียว”


.


เจ้าอสูรจากไปราวพายุ แรงโกรธเกรี้ยวสั่นสะเทือนคฤหาสน์ทั้งหลังพาให้คนที่เหลืออยู่ทรุดตัวอย่างหมดท่า แววตาสิ้นหวังทอดมองดอกกุหลาบกลีบช้ำราวกับเห็นชะตากรรมของตัวเอง น่าหัวเราะให้กับเงื่อนไขประหลาดที่ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็คือการสูญสิ้นอิสรภาพ ต้องจองจำชีวิตที่เหลืออยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้ อยากรู้นักหากเจ้าอสูรรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเขาจะยังยืนกรานให้ตอบรับคำขอนั้นอยู่หรือไม่
















ขอกำลังใจให้เด็กน้อยกันเยอะๆนะคะ   :mew6:











^__^








----- Mine -----








หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 4 (14/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 14-05-2017 13:00:53
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 4 (14/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-05-2017 13:51:14
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 4 (14/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 15-05-2017 13:11:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 5 (21/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 21-05-2017 05:14:33









Heartbeat 









: A Retelling of Beauty and the Beast














5





พระอาทิตย์ค่อยๆลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า แสงสว่างบ่งบอกถึงการเริ่มต้นวันใหม่ โดยปกติแล้วเวลาอย่างนี้ โจชัวร์กำลังอยู่ในครัว จุดเตาไฟให้พร้อมเตรียมอบขนมปังและทำซุปสำหรับมื้อเช้า จากนั้นก็ออกไปที่ลานด้านหลังตักน้ำจากบ่อมาสำรองไว้สำหรับคนทั้งบ้าน ออกแรงพอได้เหงื่อก็ไปทำความสะอาด เก็บไข่ ให้อาหารพวกแม่ไก่ ทำงานในแปลงผัก หรือออกไปรับจ้างตามไร่ของชาวบ้านจนหมดไปอีกหนึ่งวันที่แสนเหนื่อยแต่ก็ถือว่ามีความสุขตามอัตภาพ นี่จึงเป็นเช้าวันแรกที่เขาได้ฝังตัวอยู่บนเตียงที่ทั้งนุ่มและอุ่น ไม่ต้องรีบลุกไปทำงาน ไม่ต้องวิ่งตามแต่กลับนอนรอให้แสงแดดค่อยๆเคลื่อนมาทาบทับร่างกายของตน
เสียงเคาะและคำร้องขออนุญาตดังจากหน้าประตู ครู่หนึ่งพลูมแมทก็ก้าวเข้ามาพร้อมคำทักทายเสียงสดใส แต่พอได้เห็นสีหน้าของคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง





“ตายแล้ว! ไม่สบายหรือคะ หน้าซีดเชียว!” เธอรีบเข้ามาแตะหน้าผากดูอาการด้วยความร้อนใจ “ไม่มีไข้นี่ ปวดหัวหรือเปล่า สงสัยเมื่อคืนนอนไม่หลับใช่มั้ย คงจะแปลกที่ อีกสักพักก็ชิน ไม่เป็นไรหรอกนะคะ”





โจชัวร์พยักหน้าเนือยๆแล้วยันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ชั่วคืนที่ผ่านมาเขาพยายามข่มตา ภาวนาว่าตื่นมาจะพบตัวเองนอนอยู่บนฟูกเก่าๆในมุมหนึ่งของห้องเก็บของ แต่ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ เมื่อไม่หลับก็ไม่ฝัน แล้วพอลืมตามา มองรอบๆห้องยิ่งอยากร้องไห้ เพราะทุกสิ่งตอกย้ำว่าเขาจะต้องอยู่ในสภาพนักโทษของเจ้าอสูรตลอดไป





“พอจะลุกไหวมั้ย ล้างหน้าล้างตาสักหน่อย ดิฉันเตรียมชุดใหม่ไว้ให้แล้ว ดูสิคะ สวยมั้ย”





โจชัวร์มองตามไปยังชุดกระโปรงที่สวมอยู่บนหุ่น แค่เห็นก็รู้สึกได้ถึงเนื้อผ้าและฝีมือการตัดเย็บชั้นเลิศ ถ้าแมรี่กับเบตตี้มาเห็นคงกระโจนเข้าใส่ อาจถึงขั้นยื้อแย่งจนเสื้อขาด





“เอ่อ... ออกไปก่อนได้มั้ย” เขาก้มลงมองสภาพตัวเองแล้วรีบบอก เมื่อคืนเขาอ้างความเหนื่อยล้าและเข้านอนเลย ผ่านมาหนึ่งคืนแล้วจะทำแบบเดิมคงฟังไม่ขึ้น จะให้ทนใส่ชุดเดิมต่อไปอีกก็ไม่ไหว





“แหม ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ดิฉันมีหน้าที่คอยดูแลคุณอยู่แล้ว ช่วยอาบน้ำแต่งตัวแค่นี้สบายมาก”





“คือว่า...” เห็นประกายตาซื่อๆของสาวใช้ประจำตัวแล้วยิ่งอึดอัด เขาไม่ได้คิดจะปิดบังเรื่องที่เป็นผู้ชายไปตลอดอยู่แล้ว แต่คงต้องรอจังหวะอีกสักหน่อย “ข้า... ข้ามีแผลเป็นที่ไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ก็เลยไม่อยากให้ใครเห็น เธอออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะนะ ขอร้องล่ะ”





“ถ้าอย่างนั้นให้นายท่านช่วยดูให้สิคะ นายท่านของพวกเรามีความรู้เรื่องยาและการรักษาโรค โดยเฉพาะเรื่องบาดแผลนี่เชี่ยวชาญมากทีเดียว ขนาดพวกสัตว์ที่ติดกับดัก หรือถูกพรานเถื่อนซุ่มยิง นายท่านยังช่วยรักษาจนหายดี วิ่งปร๋อกลับเข้าป่ามานักต่อนักแล้ว อ้อ! เกือบลืม น้ำในท่อน้ำวันนี้ค่อนข้างอุ่นจัด ถ้าร้อนไปก็เปิดทิ้งไว้สักพักค่อยใช้นะคะ”





“ในห้องนี่มีน้ำร้อนด้วยเหรอ?!” เขาหลุดปากถามอย่างคาดไม่ถึง เมื่อตอนอยู่บ้านหลังเก่าในเมือง มีแต่ห้องนอนใหญ่ของพ่อและพวกพี่ๆที่มีห้องน้ำในตัวซึ่งถือว่าหรูหราและสะดวกสบายสำหรับคนอยู่ คนรับใช้นี่สิที่ต้องเหนื่อยหิ้วน้ำขึ้นไปเตรียมไว้ทุกวัน พอช่วงหน้านาวยิ่งเพิ่มงานต้มน้ำให้ทางห้องครัวอีกเป็นเท่าตัว





“นายท่านสั่งให้ชักน้ำขึ้นไปเก็บบนหอสูงเพื่อเพิ่มแรงดันก่อนจะปล่อยลงมา แล้วต่อท่อเอาความร้อนจากห้องครัวมาใช้ ทั่วทั้งคฤหาสน์เลยอุ่นสบายโดยแทบไม่ต้องจุดเตาผิง และถึงจะอยู่ชั้นบนก็มีน้ำร้อนให้ใช้ตลอด ไม่ต้องคอยต้มน้ำ หาบน้ำกันให้เหนื่อยเลยค่ะ” หญิงสาวอวดรอยยิ้มกว้างแสดงถึงความชื่นชมเจ้านายของตนที่ทั้งเก่งและมีความคิดรอบด้าน “นายท่านยังสั่งว่าคุณควรอาบน้ำอุ่นจัดสักหน่อยเพราะร่างกายยังไม่ชินกับอากาศของที่นี่ นี่ดีนะคะที่เช้านี้อากาศดี ถ้าเป็นวันที่มีพายุหิมะแรงๆ คุณคงไม่สบายแน่ๆ”





น้ำอุ่นจัดช่วยคลายความเหนื่อยล้า ทำให้รู้สึกสบายเนื้อตัวจนแทบหลับคาอ่างอาบน้ำ หลังจากเสียเวลาใส่เสื้อผ้าด้วยตัวเองแล้วยังต้องนั่งให้พลูมแมทช่วยทำผมแต่งตัวอีกพักใหญ่ โจชัวร์ก็ลงมายังชั้นล่าง แอบโล่งอกเมื่อพบว่ามื้อเช้าจัดไว้ที่ระเบียงด้านตะวันออกเพียงชุดเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะได้กินมื้อเช้าตามลำพัง





รอจนเลื่อนเก้าอี้ให้ว่าที่คุณผู้หญิงของคฤหาสน์นั่งลงเรียบร้อย คุณคอกซ์เวิร์ธก็ผายมือไปยังกลุ่มคนที่ยืนเรียงราย ใบหน้าแต่ละคนมีรอยยิ้ม ท่าทางตื่นเต้นชวนให้ผู้มาใหม่รู้สึกถึงการต้อนรับที่แสนอบอุ่น





“ขอให้กระผมได้แนะนำมิสซิส พอทส์ แม่ครัวใหญ่ของเรา” หัวแถวคือหญิงเจ้าเนื้อ วัยเดียวกับคุณพ่อบ้าน แววตาใจดี และมีกลิ่นหอมของอาหารติดตัว





“เดบูตองท์” หญิงสาวท่าทางร่าเริงแจ่มใส่แต่คงพูดน้อยกว่าเพื่อนของเธอทำอาการถอนสายบัวแล้วก็เอาแต่จ้องโจชัวร์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่





“แล้วก็...” รายสุดท้ายคือเด็กชายตัวเล็กที่กำลังเกาะโต๊ะเขย่งตัวให้สูงขึ้น แถมยังยกไม้ยกมือขอโอกาสแนะนำตัวเอง





“พินช์ฮะ!” เสียงใสรีบบอกพร้อมทำท่าโค้งราวกับอัศวินหนุ่ม “อรุณสวัสดิ์ฮะคุณโจแอน คุณสวยจัง”





“ขอบใจจ๊ะพินช์ เธอก็น่ารักมากนะหนุ่มน้อย” เขาวางมือลงบนกลุ่มผมสีทอง ลูบเบาๆด้วยความเอ็นดู นึกขันกับคำชมแต่ก็คงต้องรับไว้





“เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อนสิ ยังมีข้าอีกคนนะลืมได้ไง” เสียงตะโกนดังมาแต่ไกล คนที่กำลังวิ่งตรงมาสุดฝีเท้าคือชายหนุ่มร่างผอมสูงในชุดขี่ม้า คำแนะนำตัวจากคุณพ่อบ้านจึงไม่พ้นเสียงตวาด





“ลูมิแยร์!”





“กระผมลูมิแยร์” เจ้าตัวกลับยิ้มรับและทำท่าโค้งคำนับเต็มพิธีการยิ่งกว่าเจ้าหนูพินช์ “เป็นเกรียติเหลือเกินที่ได้พบคุณผู้หญิง ขอให้กระผมได้เป็นทาสรับใช้ผู้แสนต่ำต้อยของคุณด้วยเถอะนะขอรับ”





พวกสาวๆหัวเราะคิกคัก แต่โจชัวร์ไม่รู้สึกสนุกไปด้วย 





“เอ่อ... ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ ข้าก็ยินดีมากที่ได้รู้จักกับทุกคน แต่อย่างที่ทุกคนก็คงรู้อยู่แล้วว่าข้ามาที่นี่ในฐานะอะไร ถ้ายังไงก็ช่วยเลิกคิดว่าข้าจะมาเป็นเอ่อ... คุณผู้หญิงหรือนายหญิงอะไรนั่นเลยนะ ขอให้พวกเราเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันดีกว่า มีอะไรเราก็พูดคุยกัน ช่วยเหลือกัน ตกลงมั้ย”





เขามองตาและโล่งอกที่ทุกคนยอมให้ความร่วมมือ ยกเว้นชายหนุ่มรายสุดท้ายที่ยังทำท่าอิดออด





“แต่นายท่านจะตำหนิพวกเราได้...”





เพียงประโยคเดียวก็ทำให้เกิดความลังเลโดยทั่วหน้า โจชัวร์จึงรีบตัดบทด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว ส่วนผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากันอีกที





“ถ้านายท่านของเจ้ามีปัญหา ข้าจะเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่างเอง”





ทุกคนตอบตกลงและอยู่ทำความคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมคฤหาสน์คนใหม่อีกครู่ใหญ่จึงแยกย้ายกันไปทำงาน คนที่เหลืออยู่มีเพียงหนูน้อยพินช์และหนุ่มใหญ่ลูมิแยร์





“นายท่านให้กระผมคอยดูแลและอำนวยความสะดวกคุณในการทำความคุ้นเคยกับที่นี่ขอรับ”





“หมายความว่าข้าจะไม่มีวันได้ไปจากที่นี่อย่างนั้นสินะ”





“พี่โจจะไม่อยู่กับพวกเราเหรอฮะ” พินช์ร้องลั่นแล้วรีบเข้ามากอดเอวราวกับพี่สาวคนใหม่จะหายตัวไปเสียเดี๋ยวนั้น “ที่นี่กว้างมากๆ วิ่งเล่นทั้งวันยังไม่ทั่วเลย ทุกคนก็ใจดี ขนมของป้าก็อร่อย มีอะไรสนุกๆให้ทำตั้งเยอะแยะ พี่โจอยู่เถอะนะ อย่าไปไหนเลยนะฮะ น๊าาาา”





“พี่... พี่ก็ยังไม่ได้บอกว่าจะไปสักหน่อย” เขาบอกอย่างหมดท่าเมื่อเจอลูกอ้อนชุดใหญ่เข้าไป





“พี่โจจะไม่ไปจากที่นี่แล้วจริงๆนะ พี่โจสัญญาแล้วนะฮะ”





ลูมิแยร์ยิ้มมองหนูน้อยออกอาการร้องลั่นดีใจ ตัวเขาเองก็พลอยโล่งอกที่มีคนช่วยแบ่งเบาภาระบางอย่างไปบ้างแล้ว





“อย่าเพิ่งคิดว่าการอยู่ที่นี่จะมีแต่เรื่องแย่ๆ ลองเปิดใจดูแล้วคุณจะได้พบกับความสุขอย่างที่หาจากที่ไหนไม่ได้ เรื่องราวอันแสนอัศจรรย์ยังรอคุณอยู่อีกมากเชียวขอรับ”





“หมายถึงนายท่านของเจ้าด้วยหรือเปล่า” โจชัวร์รีบถามดักคอ อีกฝ่ายเป็นคนรับใช้ส่วนตัวก็น่าจะรู้จักเจ้าอสูรดีกว่าใคร “ข้าอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร ทำไมถึงได้ดู... เป็นอย่างนั้น พอจะเล่าให้ข้าฟังบ้างได้มั้ย”





“คำบอกเล่าหรือจะสู้การพิสูจน์ด้วยตนเองได้” คนรับใช้หนุ่มอมยิ้ม นอกจากไม่ตอบยังกระตุ้นให้ยิ่งอยากรู้ “คุณอาจคิดว่านายท่านของพวกเราน่ากลัว ใจคอโหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนา แต่หากลองใช้หัวใจมอง รับรองว่าคุณจะพบกับบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ ตัวตนที่แท้จริงของอสูรร้ายอาจจะงดงามอย่างที่คุณนึกไม่ถึงก็ได้นะขอรับ”





“ตกลงว่าเจ้าจะไม่ช่วย”





“กระผมยินดีช่วยพาคุณสำรวจรอบปราสาทและพื้นที่ในอาณาเขตการปกครองของนายท่านแน่นอน แต่เนื่องจากที่นี่กว้างขวางมาก ถ้าให้เดินไปคงไม่ไหวเลยได้เตรียมม้าไว้ให้แล้ว คุณคงดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า...”





อาศัยว่าทำงานกับคนขี้โมโหมานาน ลูมิแยร์จึงนับว่ามีทักษะในการจัดการกับอารมณ์ของคู่สนทนาได้เป็นอย่างดี และเพียงให้สัญญาณ อาชาสีขาวปลอดก็ควบตะลุยมาหยุดตรงหน้าแขกคนสำคัญราวกับสั่งได้





“นายท่านมอบสโนว์ให้เป็นม้าประจำตัวของคุณ หวังว่าคุณจะพอใจ”





“ที่สุดเลยล่ะ” โจชัวร์ตอบพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้า เจ้าสโนว์ก็ร้องรับได้จังหวะกัน





“ถ้าอย่างนั้นเราเริ่มจากคอกม้าก่อนเลยดีมั้ย สโนว์จะได้พาคุณไปรู้จักเพื่อนๆของมันด้วย”





แม้จะอยู่ในชุดกระโปรงแต่โจชัวร์ก็ส่งพินช์ขึ้นหลังม้าแล้วโหนตัวตามขึ้นไปอย่างคล่องแคล่ว ลูมิแยร์ขี่ม้าสีน้ำตาลอีกตัวพานำออกไปยังโรงเรือนซึ่งกว้างขวางใหญ่โตไม่แพ้ตัวคฤหาสน์ พื้นที่ด้านในถูกซอยย่อยเป็นซองสำหรับม้าสายพันธ์ดีซึ่งมีลักษณะพิเศษและท่าทางแสนรู้ไม่ผิดจากสโนว์ ถัดออกไปคือโกดังเก็บอุปกรณ์และอาหารสำหรับม้า ที่พักคนงาน และส่วนสุดท้ายคือพื้นดินปรับเรียบที่ถูกใช้เป็นลานฝึกซึ่งตอนนี้มีอาชาสีดำปลอดตัวใหญ่กำลังวิ่งควบจนได้ทั้งจังหวะและความเร็วที่สมบูรณ์แบบ





“ธันเดอร์เป็นม้าประจำตัวของนายท่าน” คนนำชมสถานที่บอกเสียงไม่ดังนัก ทั้งยังกางแขนออกเป็นสัญญาณห้าม “อย่าเพิ่งเข้าไปใกล้มากจะดีกว่า มันเป็นม้าฝีเท้าดีแต่อารมณ์ยังไม่คงที่ สมาธิยังไม่นิ่งเท่าสโนว์ เลยต้องแยกฝึกเดี่ยว ไม่ให้ทั้งม้าหรือคนเข้าไปยุ่มย่ามใกล้ๆ”





โจชัวร์มองตามความเร็วชนิดหาตัวจับยาก แต่สังเกตให้ดีเหมือนเป็นการควบไปตามสัญชาติญาณ กล้ามเนื้อโปนชัดบอกว่ามันเร่งความเร็วโดยไม่คำนึงถึงขีดจำกัด ไม่รู้จักกำลังตัวเอง หากไม่มีผู้ฝึกคอยคุมก็อาจเกิดอาการบาดเจ็บและล้มลงหมดสภาพ ขนาดเจ้าสโนว์มองแล้วยังส่ายหัว ส่งเสียงฟืดฟาดไม่ชอบใจ





“หมายความว่าสโนว์เก่งกว่าเจ้านั่นใช่มั้ย” เขาลูบแผงคอแถมคำชม หนูน้อยพินช์ก็ชอบใจ โน้มตัวลงกอดมันแน่น





“สโนว์เคยเป็นม้าประจำตัวนายท่าน เป็นสุดยอดอาชาที่ยากจะหาได้ในรอบหลายสิบปี ทั้งฉลาด กำลังดี และมีความเป็นผู้นำฝูง พอนายท่านมอบให้คุณ เราเลยต้องรีบฝึกม้าตัวใหม่ขึ้นมาแทน”





โจชัวร์มองอย่างอดทึ่งไม่ได้ เจ้าม้าขาวพอได้ฟังยิ่งลำพอง เชิดหัวขึ้นรับคำชมยกใหญ่





“ถ้าอย่างนั้นก็บอกให้นายท่านของเจ้าเอาคืนไปสิ ข้าไม่ได้ต้องการอะไรจากเขาสักหน่อย”





“แปลกที่บางครั้งม้าก็เป็นฝ่ายเลือกคนขอรับ โดยเฉพาะสโนว์ดูจะอยากอยู่กับคุณมากกว่า เรื่องนี้ถึงเป็นนายท่านก็คงบังคับใจมันไม่ได้ ใช่มั้ยล่ะเจ้าเพื่อนยาก”





สโนว์ร้องรับแต่โจชัวร์กลับเกิดความสงสัย เขาไม่ปฏิเสธเรื่องที่ถูกชะตากับมันมาก แต่พอได้รู้ที่มาที่ไปพาลให้นึกถึงความรู้สึกของเจ้าของคนเก่า เคยได้ยินว่าการมีม้าคู่ใจสักตัวนั้นต้องอาศัยจิตใจที่สัมพันธ์กันทั้งสองฝ่าย การเสียม้าคู่ใจก็เหมือนสูญเสียเพื่อนที่รู้ใจที่สุด ทำไมเจ้าอสูรถึงยอมมอบสิ่งล้ำค่าขนาดนี้ให้เขากันนะ





“พักสักครู่ก่อนมั้ยขอรับ” ลูมิแยร์เอ่ยถามเมื่อเห็นคนที่ตามกันมาเงียบเสียงไป





“ไม่ต้องหรอก นี่ก็แค่ขี่ม้ามาเฉยๆ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ปกติข้าอยู่บ้านต้องทำงานทั้งวัน เหนื่อยกว่านี้เยอะ”





“แต่หนูเหนื่อย หิวแล้วด้วยฮะ”





พินช์ชูแขนบอก ดวงหน้าใสมีรอยย่นหัวคิ้วเป็นสัญญาณว่ากำลังจะออกอาการงอแงตามประสาเด็ก ลูมิแยร์จึงนำทั้งสองมายังที่พักในบริเวณโรงม้าซึ่งมีขนมและน้ำชาจัดไว้พร้อม





“ข้าไม่ค่อยมีความรู้เรื่องม้าแต่ก็พอจะดูออกว่าที่นี่มีแต่ม้าสายพันธ์เยี่ยม การเลี้ยงดูเอาใจใส่ก็ดีมาก นายท่านของเจ้าคงจะรักพวกมันมาก” โจชัวร์เอ่ยปากขณะเดินชมสถานที่ต่อ ทิ้งสโนว์ไว้เป็นพี่เลี้ยงเด็กน้อยที่กำลังมีความสุขกับขนมแสนอร่อย





“นายท่านมีความเชี่ยวชาญเรื่องม้าเป็นพิเศษทั้งในเรื่องสายพันธ์และการเลี้ยงดู อย่างอาหารที่ใช้เลี้ยงนอกจากฟางหรือหญ้าตามปกติแล้ว ยังมีอาหารที่ปรุงขึ้นตามสูตรเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและบำรุงสุขภาพของม้าโดยเฉพาะ”





“ขอเดาว่าหนึ่งในส่วนผสมต้องมีแครอทแน่เลย สโนว์ถึงได้ชอบกินแครอทสดๆมาก กินได้เป็นถังๆเชียวล่ะ”





“เราไม่เคยให้ม้ากินแครอทสดๆ ถ้าเป็นผักส่วนใหญ่จะทำให้แห้งแล้วเอามาผสมในอาหารเสียก่อน แต่ก็ฟังดูน่าสนใจ กระผมจะนำไปปรึกษาเผื่อนายท่านจะปรับสูตรอาหารใหม่ๆบ้าง เรื่องผักผลไม้สดก็ไม่ได้หายากเพราะเรามีทั้งแปลงผักและไร่ผลไม้ ถ้าคุณสนใจ วันหลังคงได้ไปชมกัน”





“ไปตอนนี้เลยก็ได้นี่” โจชัวร์รีบบอกเพราะไม่อยากกลับคฤหาสน์ไปแล้วไม่มีอะไรทำ ได้แต่นั่งรอจนถึงเวลาทานมื้อค่ำที่ถูกบังคับให้ต้องพบกับใครบางคน





“อาณาเขตของนายท่านกว้างขวางกว่าที่คุณคิด อาจต้องใช้เวลาตะลุยขี่ม้ากันทั้งวัน เอาไว้ให้คุณเตรียมตัวให้พร้อมกว่านี้ดีกว่า” ลูมิแยร์ยิ้มมองชุดสวยของอีกฝ่ายอย่างสุภาพ “ที่สำคัญคือเราคงต้องพาเจ้าหนูกลับไปส่งที่คฤหาสน์เสียก่อน ใกล้จะได้เวลานอนกลางวันแล้ว กระผมไม่ถนัดงานพี่เลี้ยงเด็กสักเท่าไหร่”





โจชัวร์ยิ่งเห็นด้วยกับเหตุผลข้อหลังเพราะเมื่อกลับมาถึงโต๊ะน้ำชาก็พบเด็กน้อยกำลังนั่งตาปรือ พอกลับถึงคฤหาสน์ เขาจึงใช้เวลาที่เหลือจัดการเรื่องส่วนตัวบางอย่าง





“เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย ทำไมจู่ๆคุณจะใส่แต่ชุดพวกนี้ นี่มันชุดสำหรับขี่ม้าทั้งนั้นเลย” พลูมแมทร้องเสียงหลงเมื่อเห็นกองเสื้อผ้าที่ถูกคัดออกจากตู้ ทั้งหมดล้วนเป็นกางเกงหนังพอดีตัว รองเท้าบู้ท เสื้อแขนยาวแบบเรียบ ไม่มีลูกไม้หรือชายกรุยกรายเลยสักตัว





“ข้าไม่อยากอยู่ว่างๆก็เลยจะออกไปสำรวจพื้นที่กับลูมิแยร์สักหน่อย แล้วถึงจะไม่ได้ออกไปไหนก็ไม่อยากใส่ชุดกระโปรงยาวลากพื้นพวกนั้น จะลุกจะนั่งก็ลำบาก ต้องคอยระวังตัวทุกฝีก้าว ส่วนเสื้อลูกไม้ใส่แล้วมันคันยิบๆ ไม่เห็นจะสบาย หรือชุดเปิดไหล่เห็นไปตั้งครึ่งตัวนั่นยิ่งแล้ว อากาศหนาวจะแย่ เดี๋ยวก็ได้แข็งตายพอดี ข้าอยากได้เสื้อผ้าที่ใส่สบาย ดูทะมัดทะแมง เวลาจะทำอะไรก็สะดวกคล่องตัวน่ะ”





“แต่บรรดาชุดที่คุณพูดมานั่นสวยออกนะคะ เหมาะกับคุณมากๆเลยด้วย” พลูมแมทค้านเสียงอ่อย “ถ้าขืนใส่แต่เสื้อกับกางเกงก็กลายเป็นเด็กผู้ชายกันพอดี นายท่านเห็นแล้วคงไม่ค่อยพอใจ”





“ก็ดีสิ งั้นต่อไปข้าจะใส่แต่เสื้อกับกางเกงนี่ล่ะ ขอบใจนะที่ช่วยแนะนำ”





โจชัวร์ยิ้มกว้าง รีบคว้าเสื้อกับกางเกงชุดหนึ่งตรงไปยังห้องอาบน้ำแต่ถูกอีกฝ่ายยื้อไว้สุดแรง





“ไม่ได้นะคะ! ยังไงตอนมื้อค่ำคุณก็ต้องใส่ชุดที่เตรียมไว้ ไม่อย่างนั้นข้าอาจจะโดนนายท่านตำหนิเอาได้”





“แต่ว่า...” เขาเหลือบมองหุ่นเสื้อแล้วต้องถอนหายใจ ชุดกระโปรงยาวเนื้อผ้ามันเงา ชิ้นบนเป็นเกาะอกโชว์ไหล่ ด้านหลังประดับโบว์ทิ้งชายยาวพลิ้ว สำหรับผู้หญิงก็คงสวยอยู่หรอก แต่ผู้ชายอย่างเขาจะให้ใส่ไปโชว์อะไร แถมจะเอาหน้าอกที่ไหนมาให้เกาะ ทุกทีกว่าจะใส่ได้เรียบร้อยก็ต้องหาตัวช่วยมายัดเพิ่มส่วนสัดจนอึดอัดไปหมด





“ได้โปรดเถอะนะคะ ตอนอื่นคุณจะใส่อะไรก็ได้ แต่เวลาอยู่ต่อหน้านายท่าน ขอให้ดิฉันได้ช่วยแต่งตัวคุณให้งดงามที่สุดเถอะ”





ค่ำนั้นโจชัวร์จึงจำใจปรากฏตัวที่ห้องทานอาหารในชุดสวยของพลูมแมท โชคดีที่เธอยอมแถมผ้าคลุมไหล่อีกผืนทำให้เขาไม่ต้องรู้สึกเปลือยเปล่ามากนัก เขารอไม่นาน เพื่อนร่วมโต๊ะก็ปรากฏตัวพร้อมท่าทางแบบเดิมๆคือมองเขาเพียงแวบเดียวก็นั่งลงทานมื้อค่ำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่นั่นก็ทำให้เขารู้สึกสบายใจและทานได้มากขึ้น กระทั่งได้เวลาน้ำชาหลังอาหารการสนทนาจึงเริ่มขึ้น





“ฝากไปบอกมิสซิส พอทส์ด้วยว่ามื้อค่ำวันนี้รสดีมาก แขกของเราท่าทางจะพอใจ ขอให้เป็นอย่างนี้และดีขึ้นเรื่อยๆ”





ยังคงเป็นคุณคอกซ์เวิร์ธที่ตอบรับเจ้านายของตน ส่วนโจชัวร์แสร้งจิบชาไม่สนใจ พยายามไม่รู้สึกร้อนตัวว่าคำชมนั้นอาจมาจากการที่เขาจัดการอาหารทุกจานได้หมดจดเรียบร้อย





“ส่วนเรื่องสาวใช้ประจำตัวแขกของเรา ลองหาคนอื่น...”





“เดี๋ยวก่อนนะ!” โจชัวร์แทรกขัด และจ้องใบหน้าที่ไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนอย่างครั้งแรกที่เห็น “พลูมแมทไม่ได้มีปัญหาอะไร ทำไมต้องหาคนอื่นมาแทนด้วย”





เจ้าอสูรยังนั่งพิงเก้าอี้สบายใจ ละหน้าที่ตอบปัญหาให้คนกลาง





“กระผมขอเสียมารยาทสังเกตเห็นว่าคุณไม่ค่อยพอใจกับเสื้อผ้าที่เธอจัดเตรียมให้ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการบกพร่องต่อหน้าที่ และยังไม่พูดถึงการดูแลคุณในด้าน...”





“พอแล้ว!” เขารีบตัดบท “ข้าแค่เคยชินที่ทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาตลอด เอาเป็นว่าต่อไปจะยอมให้เธอทำหน้าที่ได้มากขึ้น ส่วนเรื่องเสื้อผ้า ข้าแค่ไม่ชอบใส่ชุดแบบนี้แต่ไม่ได้หมายความว่าพลูมแมททำงานไม่ดี เธอไม่ได้สร้างปัญหาอะไรเลย เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องหาใครมาแทน”





“ขอรับนายหญิง”





คุณคอกซ์เวิร์ธรับคำแล้วนิ่งพาลให้คนออกคำสั่งรู้สึกเขินที่อาจจะร้อนรนเกินกว่าเหตุ ฝ่ายที่ยังดูสบายใจที่สุดลุกขึ้นย่างเท้าเข้ามาหาจนโจชัวร์ต้องถอยร่น นึกอยากจะเอามีดทิ่มลูกตาสีเหลืองอำพันที่ส่งประกายวิบวับนั่นเหลือเกิน





“ทำไมถึงไม่ชอบล่ะ ข้าว่าเจ้าใส่ชุดนี้ก็ดูสวยดี”





“ข้าไม่ชอบก็คือไม่ชอบ! ท่านบังคับให้ข้าอยู่ที่นี่แต่ไม่ได้หมายความว่าจะบังคับให้ข้าชอบหรือไม่ชอบอะไรก็ได้”





“เจ้าคงเห็นข้าเป็นพวกชอบบังคับใจคน”





เจ้าอสูรแสยะยิ้ม ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนกับเสียงตะโกนใส่หน้า นิ้วใหญ่ประกอบด้วยขนรุงรังกับเล็บแหลมประคองดอกกุหลาบที่วันนี้ถูกตัดมาเพียงดอกเดียวขึ้นจากแจกันแก้วใบเล็ก





“แต่เจ้าอาจจะลืมว่ามีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่ได้บังคับเจ้า”





โจชัวร์ถลึงตาสู้ แต่ในสายตาคนอื่นคงเหมือนลูกแมวพองขนขู่ราชสีห์





“ก็เรื่องที่ข้าอยากได้เจ้ามาเป็นคู่ชีวิตยังไงล่ะ” ดอกกุหลาบถูกยื่นมาต่อหน้า พร้อมทั้งสายตาและประโยคเชิญชวนให้รับไว้ “เจ้ายินดีจะแต่งงานกับข้าหรือไม่”





แน่นอนว่าโจชัวร์ไม่มีทางยื่นมือออกไปสัมผัสกุหลาบดอกนั้น แถมยังกล้าตอบเจ้าของดอกไม้ด้วยน้ำเสียงท้าทาย





“ต่อให้ท่านบังคับ ข้าก็ไม่มีวันยอม!”





“เป็นคำตอบที่ชัดเจนดี” ดอกกุหลาบถูกกระแทกวางไม่ต่างจากวันวาน แววตากร้าวขึ้นไม่แพ้น้ำเสียง “ตราบเท่าที่ข้ายังบังคับให้เจ้าอยู่ที่นี่ได้ก็เท่ากับเจ้ายังมีเวลาคิดเรื่องนี้อีกนาน ลองคิดดูให้ดีเถอะ ส่วนข้าคงได้แต่หวังว่าที่สุดแล้วจะไม่ต้องบังคับใจเจ้า... ทุกเรื่อง!”





อีกครั้งที่เจ้าอสูรจากไปด้วยอาการคล้ายพายุที่กวาดเอาทุกอย่างพังพินาศ แต่โจชัวร์กลับไม่ได้ตกอยู่ในความสิ้นหวังอย่างเคย ดวงตาสีน้ำตาลมองตามและยังจ้องอยู่ตรงประตูเป็นครู่ใหญ่ก็เริ่มเกิดข้อสงสัย คำขอที่ได้ยินอีกครั้งชวนให้ฉุกคิดว่าเพราะเหตุใดเจ้าอสูรถึงได้พยายามทำให้ตัวเองถูกปฏิเสธอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในเมื่อเขายังต้องอยู่ที่นี่อีกนานอย่างว่า การลองพยายามทำความเข้าใจเจ้าของกรงขังแห่งนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องเสียเวลาหรือเปล่าประโยชน์นัก






 












^__^





----- Mine -----






หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 28-05-2017 05:10:40











Heartbeat 










: A Retelling of Beauty and the Beast




















6









เช้านี้โจชัวร์ลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกสดชื่นจนอดแปลกใจตัวเองไม่ได้ ชีวิตที่ผ่านมาสอนไม่ให้เป็นคนอยู่ยากจึงสามารถทำตัวให้คุ้นเคย ไม่อึดอัดกับบรรยากาศรอบตัวได้อย่างรวดเร็ว เขาลุกลงจากเตียง รูดม่านหนาและเปิดประตูออกไปยังระเบียงกว้างก็พบว่าแสงแดดอุ่นกำลังดี มีเสียงนกร้องพลอยให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า เขาหยิบเสื้อผ้าที่เลือกไว้เข้าไปอาบน้ำแต่งตัว






เมื่อมายืนที่หน้ากระจกเงาบานเท่าตัวจึงได้พบกับหนุ่มน้อยหน้าตาสดใสในชุดทะมัดทะแมง แต่ก็ชวนให้สงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมคนทั้งคฤหาสน์ถึงได้ยังเชื่อว่าเขาเป็นผู้หญิง เขาหันซ้ายหันขวาพลางนึกว่าอาจจะเป็นรูปร่างผอมเพรียว มือไม้เรียวยาว หรือผิวขาวสว่าง พยายามเพ่งเข้าไปใกล้ก็เดาว่าคงเพราะใบหน้าเรียวเล็ก ดวงตาสีน้ำตาลกลมโต แก้มใสระเรื่อ หรือริมฝีปากสีสดนี่ล่ะมั้งที่ทำให้เจ้าอสูรปักใจเชื่อและเอ่ยประโยคชวนขนลุกอยู่ได้ทุกคืน






โจชัวร์เท้าสะเอว ย่นจมูกใส่คนในกระจกแล้วเลิกสนใจ ป่วยการจะคิดหาเหตุผล และเมื่อหมุนตัวไปตามเสียงเรียกก็พบเรื่องเฉพาะหน้าให้จัดการโดยด่วน






“พลูมแมทล่ะ” เขารีบถามถึงสาวใช้ประจำตัวแต่หญิงสาวตรงหน้ายังเอาแต่อึกอัก “พาข้าไปหานางเดี๋ยวนี้!”






คนออกคำสั่งเดินนำลิ่วจนลงมาถึงชั้นล่างกลับยืนคว้าง ต้องรอจนเดบูตองท์วิ่งตามมาทันและพาไปตามทางที่ไม่เคยเดินผ่าน เพราะเอาเข้าจริงๆเขาเพิ่งรู้จักแค่ห้องนอนกับห้องทานมื้อค่ำ จึงบอกตัวเองว่าหากจะต้องอยู่ที่คฤหาสน์นี้อีกนานก็ควรรีบทำการสำรวจให้ทั่วทุกซอกมุมโดยเร็วที่สุด






ทั้งคู่หยุดฝีเท้าเมื่อเกือบชนเข้ากับประตูบานหนึ่งที่เปิดออก คุณพ่อบ้านก้าวออกมาและส่งสายตาขุ่นเคืองไปยังคนในปกครอง






“ข้าเป็นคนสั่งให้พามาเอง” โจชัวร์รีบออกตัวรับ “ข้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพลูมแมทถึงไม่ได้มาทำหน้าที่เหมือนเดิม”






“เจ้าไม่ได้เรียนคุณโจแอนหรอกหรือ”






คุณคอกซ์เวิร์ธหันไปถามเดบูตองท์ซึ่งยังยืนบิดผ้ากันเปื้อนจนแทบขาด ฝ่ายที่รอคำตอบยิ่งร้อนจนกลายเป็นขัดใจเพราะกลัวว่าจะช่วยคนไม่ทันกาล






“ไม่ต้องไปตำหนิเธอ คุณเป็นพ่อบ้านก็ควรรู้สิว่าใครอยู่ใครหาย หายไปไหน ทำไมถึงหาย มีอะไรที่ต้องปิดบัง บอกมานะว่าพลูมแมทอยู่ไหน เมื่อคืนข้าก็บอกแล้วว่าไม่ต้องเปลี่ยนใครมาแทน หรือว่าเป็นคำสั่งของใคร?!”






คุณคอกซ์เวิร์ธยังคงยิ้มเย็น ท่าทางไม่ตระหนกและรู้จักจัดการกับความเจ้าอารมณ์ของคนได้เป็นอย่างดี






“ใจเย็นลงก่อนเถอะครับ พลูมแมทสบายดีและยังอยู่ที่คฤหาสน์นี้ เพียงแต่เมื่อเช้าเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย กระผมเลยให้เดบูตองท์ขึ้นไปดูแลคุณแทน ถ้าพลูมแมทหายดีแล้วก็จะกลับไปทำหน้าที่ตามเดิม”






“คือดิฉันก็กำลังจะบอก แต่บอกไม่ทันน่ะค่ะ” เดบูตองท์รีบอธิบายเหมือนเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ “พลูมแมทซุ่มซ่ามจนทำข้อมือเคล็ด ตอนนี้นางพักอยู่ที่ห้อง พรุ่งนี้ก็คงหายกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะคะ”






“เอ่อ... งั้นข้าก็... ขอโทษด้วยที่ทำตัววุ่นวายเกินกว่าเหตุ แล้วก็ยังโวยวายใส่คุณคอกซ์เวิร์ธ”






โจชัวร์เอ่ยเสียงอ่อย คุณพ่อบ้านไม่ถือสา ทั้งยังเอ่ยเตือนถึงมื้อเช้าที่จัดรอไว้และขอตัวไปทำงานของตนต่อ เดบูตองท์กลัวแขกคนสำคัญจะใจเสียจึงรีบปลอบใจ






“อย่าคิดมากเลยค่ะ พลูมแมทจะต้องดีใจมากแน่ถ้ารู้ว่าคุณเป็นห่วงนางขนาดนี้”






“แต่ข้าทำตัวเสียมารยาทมากเลยนะ”






“โธ่ ถ้าเป็นเรื่องคุณคอกซ์เวิร์ธยิ่งไม่ต้องห่วงไปใหญ่ พวกเราทุกคนชินกับความเจ้าอารมณ์ของนายท่านอยู่แล้ว เวลาหงุดหงิดทีไรนายท่านจะยิ่งขี้โมโห เอะอะอาละวาด บางครั้งถึงกับพังข้าวของเป็นแถบๆ อย่างคุณโจน่ะเบากว่าเยอะ แค่ใจร้อนไปหน่อย แล้วก็เสียงดังกว่าปกตินิดเดียวเองค่ะ”






มื้อเช้าถูกจัดไว้ที่เดิม โจชัวร์นั่งลงแต่ความอยากอาหารถูกแทนที่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น






“ถ้าอย่างนั้นเล่าเรื่องนายท่านของพวกเจ้าให้ข้าฟังได้มั้ย เขาเคยเป็นคนมาก่อนหรือว่าอยู่ในสภาพนี้มาตั้งแต่แรก เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนั้น แล้วปกติวันๆเขาทำอะไร ทำไมถึงได้มาพบข้าตอนทานมื้อค่ำเท่านั้นล่ะ”






“เอ่อ...คือว่า...”






“จะเล่ามาดีๆหรือจะต้องให้ข้าโมโหก่อน!”






เดบูตองท์ต่างจากพลูมแมทตรงที่ไม่ช่างคุย ยิ่งถูกกดดันจะยิ่งพูดไม่ออก แต่สวรรค์ก็ส่งตัวป่วนประจำคฤหาสน์มาเป็นตัวช่วยได้ทันใจ พินช์วิ่งร่ามาเกาะขอบโต๊ะชวนออกไปเที่ยว โจชัวร์จึงถือเป็นโอกาสได้สำรวจให้ทั่วคฤหาสน์อย่างที่ตั้งใจไว้ โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเจ้าของผู้แสนลึกลับ ในเมื่อทุกคนเอาแต่ปิดปากเงียบ เขาไปหาคำตอบให้เห็นกับตาตัวเองก็ได้






หลังอาหารเช้า หนูน้อยกับแขกคนสำคัญจึงเริ่มออกสำรวจ ที่ชั้นล่างไม่มีอะไรน่าสนใจเพราะนอกจากห้องทานอาหารซึ่งโจชัวร์คุ้นเคยดีอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นห้องโถงโล่งๆที่ไม่มีการใช้งานเฉพาะเจาะจง ส่วนของห้องครัวยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเข้าไปก็ถูกมิสซิส พอทส์เชิญออกมา ซึ่งข้อนี้เขายอมทำตามโดยดีเพราะขืนให้รู้ว่าเขาถนัดงานบ้าน งานครัวคงได้ถูกตั้งข้อสงสัยหนัก ส่วนสำคัญต่อมาคือห้องหนังสือซึ่งยังไม่เรียบร้อยและไม่เป็นที่ดึงดูดใจเด็กน้อย แต่เขาหมายตาว่าจะได้ใช้เวลาอยู่ในห้องนี้มากแน่ๆ






เมื่อขึ้นมายังชั้นสอง แม้พื้นที่ทางปีกขวาจะยั่วยวนแค่ไหน โจชัวร์ก็ยังไม่กล้าพอจะเข้าไปสำรวจ พินช์จึงพาขึ้นไปยังส่วนใต้หลังคาซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นชั้นที่สามของคฤหาสน์เพราะมีขนาดใหญ่พอจะแบ่งสรรเป็นห้องต่างๆ ความสูงของเพดานก็ให้ความรู้สึกโล่งโปร่งไม่ต่างจากด้านล่าง พอพ้นจากบันไดวน เขาก็มาหยุดตรงหน้าประตูบานหนึ่ง ในขณะที่ไกด์ตัวน้อยเดินนำไปอีกทาง กระทั่งรู้สึกว่าไม่มีคนตามมาจึงมองหาและรีบร้องบอก






“เข้าไปไม่ได้นะฮะ!”






“ห้องอะไรน่ะพินช์ ใส่กุญแจดอกโตเชียว” กุญแจทรงโบราณดอกใหญ่ เก่าคร่ำแต่ไม่มีฝุ่นจับแสดงว่ายังถูกใช้งานอยู่เสมอ






“ไม่รู้ฮะ แต่ป้าบอกว่าถึงไม่ล็อกก็ห้ามเข้า ไม่งั้นจะโดนตี” พินช์วิ่งมาสมทบ สีหน้าตื่นๆเหมือนกลัวว่าผู้เป็นป้าจะปรากฏตัวเมื่อไหร่ก็ได้






“แสดงว่าบางครั้งก็ไม่ได้ล็อกกุญแจไว้เหรอ”






“หนูเคยแอบฟังก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่ข้างในด้วยฮะ ลูมิแยร์บอกว่าเสียงผี ถ้าเขาไปจะโดนผีหลอก พี่โจคิดว่าผีมีจริงมั้ยฮะ” หนูน้อยเข้าไปแนบหูกับประตูให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ถึงจะไม่ได้ยินเสียงแปลกๆก็ยังนึกกลัวอยู่ดี “ไปตรงโน้นดีกว่า หนูมีอะไรจะอวดพี่โจด้วย”






โจชัวร์ยิ้มแล้วรีบวิ่งตามแรงดึงของมือคู่น้อย หลังประตูบานหนึ่งปรากฏบันไดลิงสูงพอประมาณ พินช์ปีนนำขึ้นไป พอถึงขั้นบนสุดมีประตูลับที่ดันเปิดขึ้นเหนือหัว และของดีของเขาก็คือหอระฆังซึ่งนับเป็นส่วนที่สูงที่สุดของคฤหาสน์ น่าเสียดายที่ตัวระฆังถูกถอดออกไปแล้วแต่แค่ได้ขึ้นมาถึงตรงนี้ก็นับว่าไม่เสียแรงเปล่า






“สวยไหมฮะ หนูชอบขึ้นมาที่นี่แต่ต้องไม่ให้ป้ารู้ ไม่งั้นโดนหยิกเนื้อเขียวเลย”






โจชัวร์มองตามการชี้ชวนและเหมือนได้สำรวจอาณาเขตกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา รอบปราสาทคือพื้นที่ที่ถูกจัดสรรให้ชาวบ้านทำมาหากินอย่างที่ลูมิแยร์เคยบอก แล้วผืนดินทั้งหมดก็จะถูกห้อมล้อมด้วยแนวป่าที่เหมือนเป็นปราการธรรมชาติมีหน้าที่ทั้งป้องกันและกักขังอยู่ในที






“พินช์เคยเข้าไปในป่านั่นมั้ย”






โจชัวร์ชี้ไปยังแนวไม้รกครึ้ม หนูน้อยรีบส่ายหัว ท่าทางไม่ต่างจากตอนพูดถึงห้องที่ล็อกด้วยกุญแจดอกโต






“ป้าบอกว่าในป่าอันตราย เด็กๆห้ามเข้าไปในป่าเด็ดขาด ถ้าเข้าไปจะหลงทาง ไม่ได้กลับออกมาอีกเลย”






“นั่นสินะ พ่อของพี่ถึงได้หลงอยู่ในนั้น ขนาดพี่เองก็ยังแทบเอาตัวไม่รอดเลย”






“แต่นายท่านไม่หลงนะฮะ แถมยังพาพี่โจมาที่นี่ได้ด้วย”






“พี่เดินทางมากับสโนว์ต่างหาก”






“สโนว์เป็นม้าที่เก่งที่สุดในโลกเลย!”






โจชัวร์ยิ้มไปกับความร่าเริงของเด็กน้อยที่คุยจ้อไม่หยุด แต่สายตาครุ่นคิดจดจ่ออยู่กับผืนป่ากว้าง เขายังจำความลำบากครั้งที่เดินทางมาที่นี่ได้ราวกับเกิดขึ้นเมื่อวาน หนทางลดเลี้ยวจำต้องอาศัยสัญชาติญาณในการเดินทางอย่างสูง แต่ต่อให้ชำนาญแค่ไหนก็ยังมีพายุหิมะเป็นอุปสรรคใหญ่ ทั้งไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้าแล้วยังโหมกระหน่ำ คลุ้มคลั่งราวกับสัตว์ป่าหมายจะคร่าชีวิตนักเดินทางทุกคน ถือว่าสโนว์เป็นสุดยอดม้าอย่างแท้จริงถึงได้พาเขาผ่านมาได้อย่างปลอดภัย ลองมีมันอยู่ด้วยสักตัวจะไปที่ไหนก็คงไม่ยาก แต่เขาคงได้แค่ฝัน ถึงเจ้าม้าขาวจะดูมีอิสระแต่ก็เป็นม้ามีนาย มันอาจจะถูกยกให้เป็นม้าของเขาก็ใช่ว่าเขาจะมีสิทธิ์สั่งอะไรได้ทุกอย่าง ลองว่าเจ้าของที่แท้จริงไม่ยินยอม มีหรือมันจะกล้าพาเขาหนีออกจากที่นี่ไปได้






เขาถอนหายใจและทอดสายตาผ่านทิวไม้กลับไปยังบ้านในคะนึงความคิด ป่านนี้พ่อและพี่ทั้งสองคงมีความสุขอยู่กับทรัพย์สมบัติมากมาย อาจจะย้ายกลับเข้าไปในเมือง หรือถึงจะอยู่ที่หมู่บ้านต่อก็สามารถเชิดหน้าคุยกับทุกคนได้อย่างทัดเทียม เบลล่าก็ได้อยู่กับครอบครัวใหม่ บ็อบจะต้องเป็นสามีที่ดีและทำให้เธอมีความสุขได้แน่ ส่วนตัวเขาก็คงผ่านแต่ละวันไปโดยไม่รู้ชะตากรรม เพราะไม่รู้ว่าเจ้าอสูรจะปล่อยให้นักโทษอยู่ขวางหูขวางตาไปถึงเมื่อไหร่






พอหันกลับมาดูข้างตัวก็เพิ่งรู้ว่าพินช์หายไป เขารีบชะโงกดูรอบหอระฆังให้แน่ใจว่าเด็กน้อยไม่ได้หล่นลงไปจึงค่อยปีนลงมาที่ชั้นใต้หลังคา เดินกลับมาตามทางจนถึงบันไดวนที่จะพาสู่ชั้นสอง ทว่าสายตากลับไปสะดุดเข้ากับบางสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม เขาเดินไปดูสิ่งนั้นใกล้ๆอย่างอดใจไม่ได้ แม่กุญแจตัวใหญ่ถูกปลดล็อกออกแล้ว






“พินช์”






เขาลองเรียกเผื่อจะมีเสียงตอบกลับมา ความเงียบไม่ได้กดดันแต่เชิญชวนให้ผลักบานประตูอย่างช้าๆ ด้านในน่าจะเป็นห้องกว้างแต่มืดมากจนมองไม่เห็นว่ามีอะไรบ้าง สิ่งที่ดึงสายตาให้ค่อยๆก้าวต่อไปคือกุหลาบประหลาดดอกหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือปักอยู่ในแจกันแล้วมีโถแก้วครอบอยู่อีกชั้นหนึ่ง กลีบดอกสีแดงราวกับเคลือบด้วยอณูบางอย่างที่ส่งประกายวิบวับจนดูเหมือนเรืองแสงได้ จึงกลายเป็นแสงสว่างเพียงอย่างเดียวในห้องที่มืดสนิท แต่พอพิจารณากลีบดอกสองสามกลีบที่หลุดร่วงก็พบว่าเหี่ยวเฉาเหมือนกุหลาบทั่วๆไป บนโต๊ะข้างๆครอบแก้วมีกระจกแบบที่ผู้หญิงใช้ถือส่องหน้าวางอยู่ เขาเอื้อมมือไปกำลังจะหยิบก็ต้องรีบเข้าไปหลบหลังผ้าม่านเมื่อประตูเปิดออกโดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า โครงร่างสูงใหญ่ก้าวผ่านความมืดอย่างคุ้นชินในขณะที่เขายิ่งเกร็งจนแทบไม่กล้าหายใจเพราะกลัวถูกจับได้






เจ้าอสูรเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ แล้วนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ต่างจากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่ง จนคนที่แอบเข้ามาเริ่มกังวลว่าจะต้องซ่อนตัวไปอีกนานแค่ไหน






“วันนี้แปลก เจ้าเงียบไปนะ”






โจชัวร์สะดุ้งจนเผลอกลั้นหายใจอีกรอบ อากาศไม่ร้อนแต่เหงื่อเม็ดใหญ่กำลังไหลผ่านแผ่นหลังพาลให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว แต่ถ้านั่นคือความตกใจธรรมดา สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปคงเป็นระดับที่ทำให้สิ้นสติเอาได้






“นึกว่านายท่านชิงชังเสียงบ่นของข้าเสียอีก”






“รู้ตัวด้วยรึว่าขี้บ่น”






“คำว่าขี้บ่นออกจะฟังดูใจร้ายสำหรับสิ่งที่ไม่มีปากอย่างข้าหรือเปล่านายท่าน”






โจชัวร์พยายามจะมองหาที่มาของเสียงที่ตอบเจ้าอสูร จนเมื่อพบ...!






เขาต้องรีบยกมือปิดปากที่เม้มสนิทอยู่แล้ว ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองไปยังต้นเสียงซึ่งอยู่ใกล้เหมือนเม็ดไฝบนปลายจมูก นั่นก็คือกระจกที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าซึ่งจะมีอาการสั่นเล็กน้อยขณะที่เสียงดังขึ้น
แน่นอนว่าเจ้าอสูรต้องไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ มันส่งเสียงหัวเราะในคอเบาๆแล้วนั่งเหม่อต่อ กลายเป็นกระจกวิเศษที่เซ้าซี้ชวนคุย






“เวลาผ่านไปราวติดปีก หากเป็นข้าคงไม่มานั่งปล่อยลมหายใจทิ้งไปอย่างเปล่าประโยชน์เช่นนี้”






“แต่หากข้าเป็นเจ้าจะสงบปากสงบคำเท่ากับเป็นการรักษาชีวิตน้อยๆนั่นไว้”






“ท่านขู่จะทุบข้าทิ้งจนข้าคร้านจะกลัวแล้วล่ะ” กระจกสั่นเบาๆและเหมือนจะเขยิบเข้าใกล้ครอบแก้วนิดหน่อย “หากนายท่านไม่ได้สังเกต กลีบกุหลาบเริ่มร่วงหล่นแล้ว”






“แล้วยังไง” เจ้าอสูรตอบรับเสียงเนือยๆ ไม่ได้สนใจจะหันมาดู






“จากไม่เคยเหี่ยวเฉากลับโรยรา กลีบดอกบางร่วงหล่น  เป็นสัญญาณว่าเวลางวดเข้ามาทุกที”






“เหมือนว่าข้ากำลังโดนตำหนิ”






“หามิได้ ข้าแค่นึกสงสัย ในเมื่อนายท่านได้คนผู้นั้นมาแล้ว เหตุใดยังรีรอ”






“ไม่ใช่กงการของเจ้า เงียบเสียที ข้าจะพักสักหน่อย”






“ตามบัญชาขอรับ”






โจชัวร์แอบชำเลืองมองเจ้าอสูร ดอกกุหลาบในครอบแก้ว และกระจกวิเศษไปมา บทสนทนานั้นชวนให้คิดถึงสถานะของตัวเองซึ่งเพิ่งตกมาเป็นนักโทษของที่นี่ ดูเหมือนว่าเจ้าอสูรอาจกำลังถูกบังคับให้ทำอะไรสักอย่าง ซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งข่าวดีและข่าวร้ายสำหรับตัวเขา






“นายท่านหลับแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่เจ้าอยากรู้”






สิ่งที่ได้ยินทำให้เขาตัดสินใจขยับตัวออกจากที่ซ่อน ค่อยๆก้าวไปที่โต๊ะและหยิบของวิเศษขึ้นมาดู ทั้งน้ำหนักและรูปทรงไม่ต่างจากกระจกที่เคยเห็น ตัวกรอบทำจากโลหะแต่มีน้ำหนักเบา ด้านหลังเรียบ ไม่ได้แกะลวดลาย ด้านหน้าก็เป็นกระจกเงาสะท้อนภาพได้ตามปกติ เขายืดมือออกจนสุดก็แล้ว พยายามเพ่งจนติดลูกตาก็ยังเห็นแต่ใบหน้าของตัวเอง






“ถึงจะเขย่าจนข้าตาลาย ก็จะไม่เห็นอะไรนอกจากเงาของเจ้าหรอก”






เขาหยุดมือแล้วค่อยๆยกกระจกขึ้นดูสีหน้าประหลาดใจของตัวเองอีกครั้ง หากเป็นในนิทานอาจจะมีปีศาจถูกสะกดให้สิงอยู่ในกระจก ซึ่งอย่างน้อยก็น่าจะมีตาหรือปากลอยไปมาให้เห็น แต่เจ้าสิ่งนี้กลับดูธรรมดาจนเหมือนไม่มีความวิเศษเลยสักนิด จริงๆเขาอยากถามกระจกว่าทำไมถึงพูดได้แต่นั่นคงเป็นคำถามที่ฟังดูงี่เง่าเกินไป






“สีหน้าเจ้าเหมือนมีคำถาม”






กระจกเอ่ยเหมือนเข้ามานั่งอยู่ในหัว ชวนให้สงสัยว่าตกลงแล้วกระจกพูดได้หรือเป็นแค่อาการหูแว่ว หรือจริงๆเขากำลังคุยกับตัวเองอยู่กันแน่






“แต่ข้าขอแนะนำว่าไม่มีสิ่งใดจะดีไปกว่าตำตอบที่เราค้นหามาได้ด้วยตัวเอง แล้วบางครั้งคำถามก็ไม่ได้ต้องการคำตอบ หรือบางทีคำตอบอาจอยู่ตรงหน้าก่อนที่เจ้าจะถามเสียอีก”






เขาเผลอเหลือบตาไปยังเจ้าอสูร ดูเหมือนว่าตอนนี้ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยคำถามและทุกคำถามล้วนเกี่ยวพันถึงอสูรตัวนี้






“หากเจ้าอยากรู้เรื่องของนายท่าน เขาก็อยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว ไม่เห็นจะต้องมาถามข้าหรือใครคนอื่นเลยนี่”






เขาหันกลับมาดูใบหน้าในกระจกที่กำลังขมวดคิ้วแสดงถึงอาการครุ่นคิด   






“แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้าจะบอกและเจ้าสามารถเชื่อได้โดยปราศจากข้อสงสัย นั่นก็คือนายท่านกำลังจะตื่น”






คนในกระจกยิ่งขมวดคิ้วหนักจนหลุดปากกระซิบกลับออกไป






“หมายความว่า...”






“ยังจะต้องให้ข้าแปลอีกหรือเจ้าเด็กโง่ ถ้าเจ้าไม่อยากหลบอยู่ที่นี่ไปจนถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ก็รีบๆกลับออกไปได้แล้ว!”






เขาสะดุ้งเหมือนเพิ่งหลุดออกจากมนต์สะกด ถึงจะเห็นเจ้าอสูรยังนั่งนิ่งแต่เชื่อกระจกวิเศษเสียหน่อยก็คงไม่เสียหาย แต่กว่าจะตัดใจวางกระจกกลับลงที่เดิมได้ก็ตอนที่ได้ยินคำลาที่เหมือนการอนุญาตกลายๆ






“ถ้าอยากจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ตามใจเถอะ ข้าก็ไม่ได้รีบร้อนไปไหน อันที่จริงตัวข้าเองก็คงไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว”






ความคิดของโจชัวร์ยังคงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องลึกลับที่เพิ่งพบมาสดๆร้อนๆ แต่เมื่อได้มาเผชิญหน้าตรงๆก็จนใจจะเริ่มต้นหาคำอธิบาย มื้ออาหารเย็นผ่านไปโดยไร้คำพูดหรือบทสนทนา มีเพียงเสียงดนตรีบรรเลงคลอเบาๆ กระทั่งจานของหวานถูกเลื่อนออก






“มีอะไรหรือเปล่า”






“ขอรับ?”






คุณคอกซ์เวิร์ธขานรับทันควันโดยไม่ทันสังเกตฝ่ายที่ออกอาการสะดุ้งเมื่อถูกสายตาคมกริบจับจ้อง จนเมื่อเขามองตามจึงได้เข้าใจว่าผู้เป็นนายคงกำลังหาเรื่องคุยกับเพื่อนร่วมโต๊ะ วันนี้หญิงสาวปรากฏตัวในชุดไม่คุ้นตา แม้จะต่างจากชุดกระโปรงกรุยกรายแต่กลับยิ่งเสริมร่างโปร่งบางให้สง่างาม ใบหน้าหมดจดผุดผาดด้วยสีสันของเลือดฝาดตามธรรมชาติ และดวงตาวาวใสคู่นั้น... ถ้าเขามองไม่ผิดก็กำลังมองนายท่านด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้ ซึ่งถือเป็นลางดีที่ทำให้เขาอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้






“คุณโจแอนต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ” คอกซ์เวิร์ธเอ่ยตามหน้าที่และเพื่อทำลายความเงียบที่น่าอึดอัด เมื่อไม่มีคำตอบ เขาจึงรินชาเติมให้และยืนรอรับคำสั่งตามเดิม






“คือว่า... จริงๆก็มีเรื่องหนึ่ง ที่นี่พอจะมีงานอะไรให้ทำบ้างมั้ย ข้าไม่อยากอยู่ว่างๆให้เป็นภาระของใคร” โจชัวร์เอ่ยกับคุณพ่อบ้าน พยายามทำเป็นไม่สนใจคนร่วมโต๊ะ ปกติเจ้าอสูรจะเป็นฝ่ายลุกหนีไปด้วยอาการปึงปัง แต่วันนี้กลับเอาแต่นั่งนิ่ง ทอดสายตามองจนเขายิ่งรู้สึกกดดัน จะลุกจากโต๊ะก่อนก็ไม่ได้ จะชวนคุยกลับก็ไม่กล้า 






“ไม่ได้หรอกครับ คุณอยู่ในฐานะ...”






“ฐานะของข้าก็แค่นักโทษคนหนึ่งเท่านั้น” น้ำเสียงเรียบๆเอ่ยขัด แถมตอกย้ำสถานะตนเองแบบไม่คิดจะประชดใคร “ข้ามาที่นี่เพื่อรับโทษแทนพ่อ ตอนนี้ข้าพอจะรู้จักสถานที่และเริ่มคุ้นเคยกับผู้คนบ้างแล้วก็ควรจะทำตัวให้เป็นประโยชน์เสียที จะให้มานั่งๆนอนๆหรือเที่ยวเล่นไปวันๆคงไม่ดีหรอกคุณคอกซ์เวิร์ธ”






“เอ่อ...” คุณพ่อบ้านชำเลืองมองนายก่อนจะถามต่อ “แล้วคุณมีความถนัดในเรื่องไหน หรือว่ามีอะไรที่อยากทำเป็นพิเศษบ้าง กระผมจะได้พอให้คำแนะนำได้”






“ข้าทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานบ้าน งานครัวหรืองานในสวน และถึงจะมีอะไรที่ไม่เคยทำก็พร้อมจะเรียนรู้ รับรองว่าจะไม่ขี้เกียจและไม่เกี่ยงงานหนักแน่นอน”






พอโฆษณาตัวเองจบก็รอคอยด้วยความคาดหวัง แต่ไม่นึกว่าคำตอบจะมาจากคนที่เขาพยายามไม่สนใจ






“บอกเขาไปสิคอกซ์เวิร์ธว่าเราเองก็กำลังต้องการคนที่มีคุณสมบัติแบบนั้นอยู่พอดี เป็นตำแหน่งสำคัญที่เราค้นหาผู้ที่เหมาะสมมานานทีเดียว”






คอกซ์เวิร์ธก้มหน้าแอบยิ้มยิ่งทำให้คนรอใคร่รู้จนต้องยอมหันไปเผชิญหน้า เจ้าอสูรไม่ได้ตอบในทันที ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นแล้วเคลื่อนไหวไม่รีบร้อน ดวงตาสีอำพันสะกดร่างบางในชุดรัดกุมให้นิ่งค้างอยู่กับที่  ปลายเล็บแหลมสะกิดดอกกุหลาบที่ถูกจัดประดับโต๊ะไม่เคยขาด อาการหยอกล้อประกอบรอยยิ้มบางๆยั่วให้ดวงตาสีน้ำตาลใสเริ่มขุ่นด้วยโทสะ สุดท้ายกุหลาบดอกหนึ่งก็ถูกยื่นมาต่อหน้าพร้อมกับประโยคเดิมๆที่ถูกเอ่ยเมื่อจบมื้ออาหาร






“คู่ชีวิตของข้าจะต้องเป็นคนที่มีความสามารถรอบด้าน ไม่เกี่ยงงานหนัก และกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ ถ้าเจ้าพร้อมก็สามารถเริ่มงานได้ทันที เจ้ายินดีจะแต่งงานกับข้าหรือไม่ล่ะ”






โจชัวร์สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วจ้องตอบแววตาพราวระยับอย่างที่ไม่เคยกล้าทำมาก่อน






“ข้าไม่ยินดี!”






เขาตะเบ็งเสียงข่มแล้วเป็นฝ่ายลุกหนีจากโต๊ะเป็นครั้งแรก ก่อนจะพ้นจากห้องอาหาร เสียงหัวเราะห้าวเรียกให้หยุดฝีเท้า เมื่อตวัดสายตากลับไปก็พบว่าเจ้าอสูรยังคงยืนอยู่ที่เดิม อาจเป็นความรู้สึกคุ้นชินที่ทำให้รูปลักษณ์ผิดมนุษย์ดูไม่น่าหวาดกลัวเหมือนครั้งแรกที่เจอ แววตาอย่างนักล่าคู่นั้นก็ไม่ชวนขนลุกขนพองสักเท่าไหร่ และโดยเฉพาะตอนนี้ที่ฝ่ายนั้นกำลังสนใจดอกกุหลาบในมือ สายตาที่จดจ่อ อาการไล้ริมฝีปากกับกลีบบอบบางชวนให้เขารู้สึก... ราวกับเป็นกุหลาบดอกนั้นเสียเอง


















^__^








----- Mine -----








หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 28-05-2017 20:23:15
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกเลยค่ะ ยกทั้งใจให้เรื่องนี้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 29-05-2017 00:16:27
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ อยากให้อสูรรู้ความจริงเร็วๆจัง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 30-05-2017 16:25:53
ถูกขอแต่งงานทุกวันเลย
เมื่อไรอสูรจะรู้ว่าเป็นผู้ชาย หรือรู้แล้ว?
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 30-05-2017 18:35:33
ดีอ่ะ  สนุกมากก เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Aly-Q ที่ 30-05-2017 18:50:13
น่ารักๆ นายท่านรู้หรือยังว่าโจเป็นผู้ชายยยย กลัวดราม่าอ่ะ :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 31-05-2017 13:07:56
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ บอกได้คำเดียว ฟินนนนนนนนนนน
ตรงใจมากเลย อยากได้โฉมงามกับเจ้าชายอสูร เวอร์ชั่นวายมาตั้งแต่หนังฉาย
และก็เจอออออ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: kail ที่ 01-06-2017 22:20:47
คิดว่านายท่านต้องรู้แล้วแน่ๆว่าโจเป็นผู้ชาย ชอบมาก น่ารักมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 02-06-2017 20:56:22
สนุกมากกกก เป็นกำลังใจให้โจชัวร์นะ! อยากให้ความลับแตกไวๆจะได้ไม่ต้องคอยลุ้นคอยเกร็ง
แล้วก็อยากรู้จักอสูรมากกว่านี้ด้วยค่ะเพราะดูจะมีความคิดมีสติมากกว่าเวอร์ชั่นดิสนีย์อยู่เยอะเลย
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 03-06-2017 01:11:52
ดีงามมมม สนุกมากเลยค่ะ รอคอยคุณอสูรจีบหนูโจทุกวันเลย  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 03-06-2017 13:15:03
ปักๆๆๆๆๆรออ่านนต่อออ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-06-2017 17:25:30
อยากอ่านอีกๆ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 7 (4/6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 04-06-2017 05:25:18











Heartbeat 










: A Retelling of Beauty and the Beast












มาแล้วๆ ตอนใหม่รับเช้าวันฝนพรำ แต่ในเรื่องนี้จะมีแต่พายุหิมะ คือแบบเวลาไม่มีอะไรจะเขียนก็ให้พายุตั้งเค้า หิมะถล่มเอาไว้ก่อน บิวท์ตัวเองว่าฉันกำลังอยู่ท่ามกลางหิมะ จิบกาแฟร้อนๆอยู่หน้าคอม เวลาพูดทีมีไอออกจากปากทั้งที่ความเป็นจริงร้อนจะตาย_่า 555


ขอบคุณสำหรับคำทักทาย กำลังใจมากมายให้หนูโจค่ะ  :mew1:























7












แม้จะมีพลูมแมทเป็นสาวใช้ประจำตัว โจชัวร์ก็ยังเลือกที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเองเพื่อความสะดวกกายและสบายใจ พอได้รู้สึกคุ้นเคยกับบ้านใหม่และเตียงนอนหลังใหญ่ก็สามารถหลับสนิทและตื่นเช้าเหมือนที่เคยเป็น เขาจะตื่นและจัดการตัวเองก่อนที่พลูมแมทมาปลุกเสมอ เพิ่งจะมีวันนี้ที่ต้องสะดุ้งตื่น รู้สึกงงกับเสียงเรียกจนกระทั่งประตูห้องนอนเปิดออก






“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณไม่สบายหรือเปล่า ดิฉันเรียกอยู่ตั้งนานเลยต้องเสียมารยาทเข้ามาเอง สงสัยจะเป็นเพราะอากาศดีเลยนอนเพลินแน่เลยใช่มั้ยคะ” สาวใช้ช่างพูดทักทายเสียงใส เมื่อเห็นสภาพของว่าที่นายหญิงก็ยิ้มกับอาการงัวเงียน่าเอ็นดู ดวงหน้าเรียวขาวผ่องแต่โหนกแก้มกับริมฝีปากกลับมีสีแดงระเรื่อ เส้นผมสีอ่อนยุ่งนิดๆยิ่งทำให้ดูเย้ายวนจนอยากให้ผู้เป็นนายได้มาเห็นกับตาเสียเดี๋ยวนี้






“ก็... คงใช่ รู้สึกหนาวนิดหน่อยด้วย” ม่านหนาถูกเปิดออกจนสุด แสงแดดจ้าบอกให้รู้ว่าตนตื่นสายจนน่าตำหนิ และใจจริงก็ยังอยากจะซุกตัวลงกับไออุ่นของที่นอนต่ออีกสักหน่อย






“ไม่นิดหน่อยหรอกค่ะ เมื่อคืนพอตกดึกจู่ๆก็มีพายุ อากาศหนาวจะแย่ ทั้งลมทั้งหิมะพัดแรงจนดิฉันยังกลัวว่าคุณจะนอนไม่ได้ นี่หิมะก็เพิ่งจะหยุดตกไปตอนก่อนฟ้าสาง...”






เสียงของพลูมแมทยังแว่วอยู่ในหูในขณะที่โจชัวร์หวนนึกถึงค่ำคืนที่ผ่านมา เรื่องของวิเศษทั้งสองชิ้น และภาพสุดท้ายของเพื่อนร่วมทานมื้อค่ำติดตาติดใจจนยากจะข่มตาหลับ พอตกดึกเขาได้ยินเสียงลมพัดแรงและรู้สึกหนาวขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเคลิ้มหลับไป ในความฝันคล้ายเมื่อครั้งเดินทางมาที่นี่แล้วหลงทางอยู่กลางพายุ ซ้ำร้ายไม่มีเจ้าอาชาแสนรู้อยู่เป็นเพื่อน เหมือนเขากำลังวิ่งตามหาบางสิ่งอยู่ในความมืดมิด จนเมื่อไร้ทั้งเรี่ยวแรงและหนทางให้เดินต่อ จึงได้แต่ห่อตัวด้วยความหนาวบวกความกลัว ฟังเสียงลมหวีดหวู่จนกระทั่งรอบตัวไร้ซึ่งสรรพสำเนียงใดๆ เขาอาจหนาวจนหมดสติไป หรืออาจจะเป็นความฝันซ้อนในความฝันอีกชั้นหนึ่ง แต่ในห้วงความรู้สึกนั้นเขาได้ซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดหนึ่งที่แสนจะอบอุ่น เสียงทุ้มนุ่มขับกล่อมบทเพลงให้คลายความหวาดกลัว กลิ่นหอมอ่อนๆชวนให้นึกถึงแสงแดดยามเช้า สายลมอุ่นๆจากทุ่งหญ้าไล้ผ่านใบหน้าและผิวกาย เขาจึงหลับสนิทลงได้อีกครั้งจนกระทั่งมีเสียงเรียกดัง ลืมตาขึ้นมาก็ต้องตกใจที่พลูมแมทเข้ามาใกล้จนอาจจะเห็นความผิดปกติอะไรจากตัวเขาได้   






“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ดิฉันเรียกอยู่หลายทีคุณก็ยังไม่รู้สึกตัว เช้านี้คงต้องทนอุดอู้กันสักหน่อยเพราะข้างนอกทั้งหนาวทั้งเฉอะแฉะไปหมด ลูมิแยร์ก็ฝากให้มาเรียนว่าวันนี้ต้องงดขี่ม้าสักวัน คุณลุกไปล้างหน้าล้างตาก่อนสิคะ ดิฉันจะเตรียมชุดให้”






โจชัวร์รีบสลัดความง่วงงุน ก้าวลงจากเตียงไปยังห้องน้ำ ได้ยินเสียงน้ำอุ่นเปิดไว้รอท่า แต่ก็ไม่ลืมหันกลับมาเน้นย้ำเรื่องสำคัญ






“ไม่เอากระโปรงนะพลูมแมท เสื้อที่ติดลูกไม้ฟูๆนั่นก็ไม่เอาด้วย ขอตัวที่แบบเรียบๆแล้วก็ใส่ง่ายที่สุด”






“แต่ว่า... แหม!... คุณโจล่ะก็...”






โจชัวร์ต้องฝ่าฟันเสียงคร่ำครวญและเงื่อนไขต่อรองขอเพิ่มขอเปลี่ยนอยู่ตลอดการแต่งตัวจนสามารถลงมาที่โต๊ะอาหารได้ในเสื้อผ้าอย่างที่ต้องการ ทุกคนต่างแอบขำกับอาการงอนป่องของพลูมแมท แต่สิ่งที่ทำให้เขายิ้มกว้างคือข่าวดีจากคุณคอกซ์เวิร์ธว่าเจ้าของคฤหาสน์ได้มอบหมายหน้าที่ให้ตามที่เขาร้องขอ






“ห้องสมุดของที่นี่ความจริงควรเรียกว่าเป็นห้องเก็บหนังสือของนายท่านเท่านั้นล่ะครับ เราไม่มีบรรณารักษ์ที่คอยดูแลโดยเฉพาะมาก่อน เรื่องทำความสะอาดหลักๆจะเป็นหน้าที่ของเดบูตองท์ ส่วนหนังสือเล่มไหนจะเก็บยังไงหรือเอาไว้ตรงไหนนายท่านจะสั่งลูมิแยร์ไว้ซึ่งบางทีเจ้านั่นก็เก็บได้ตามนั้นบ้าง วางมั่วๆเอาบ้าง ถ้านายท่านรู้ก็โดนสำเร็จโทษไปตามระเบียบ”






“แต่ข้าก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องการจัดเก็บหรือดูแลรักษาหนังสือเหมือนกันนะ”






“ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ค่อยๆทำ ค่อยๆศึกษาไป อย่างน้อยเวลาว่างๆหรือเวลาที่ออกไปข้างนอกไม่ได้อย่างวันนี้ คุณจะได้ไม่เหงา ที่นี่มีหนังสือสะสมไว้มาก นายท่านอนุญาตให้คุณจัดการกับหนังสือได้ทุกเล่ม จะอ่าน จะเก็บ หรือจะมอบให้ใครก็แล้วแต่ความต้องการของคุณเลยครับ”






โจชัวร์รู้สึกโชคดีที่ได้รับหน้าที่ที่เหมาะกับตัวเองอย่างที่สุด ในวัยเด็กเขามักจะขลุกอยู่ในห้องหนังสือของพ่อเพื่อหลบพวกพี่สาวที่คอยตามหาเรื่อง เขาจึงมีหนังสือเป็นเหมือนเพื่อนคลายเหงา เหมือนครูที่คอยให้ความรู้และความเข้มแข็งเพื่อต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆในชีวิต น่าเสียดายที่พอครอบครัวสิ้นเนื้อประดาตัว หนังสือเหล่านั้นต้องถูกทิ้งไว้ที่บ้านในเมือง ได้แต่หวังว่าสักวันเขาจะได้กลับไปอ่านพวกมันอีกครั้ง






คำบอกเล่าของคุณคอกซ์เวิร์ธทำให้โจชัวร์วาดภาพถึงห้องโถงกว้างที่มีชั้นหนังสืออยู่ทุกด้าน แต่ละช่อง แต่ละชั้นจะเห็นสันปกต่างสี ต่างขนาดอัดแน่นตั้งแต่พื้นจรดเพดานถึงขนาดต้องปีนบันไดขึ้นไปเลือกหยิบ สภาพแสงค่อนข้างสลัวบวกกับอุณหภูมิที่ต่ำกว่าปกติเพื่อประโยชน์ในการรักษาสภาพของเนื้อกระดาษอาจทำให้เกิดกลิ่นอับอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ก็ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้บรรดาหนอนหนังสือรู้สึกเหมือนได้อยู่ในที่ทางของตน






ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้สัมผัสประตูแห่งสวรรค์ที่เปิดรอท่า...






“พี่โจฮะ!”






หนูน้อยคนเดียวของบ้านส่งเสียงเรียกและวิ่งเต็มฝีเท้ามาแต่ไกล พอมาถึงก็ลากแขนเขาให้วิ่งตาม กว่าจะรู้เรื่องก็เมื่อมาพบกับลูมิแยร์ที่กำลังอยู่ในอาการรีบร้อนไม่แพ้กัน






“มีคนมาแจ้งข่าวว่าเมื่อเช้ามืดมีรถเสียหลักเกือบจะตกลงในแม่น้ำ นี่ทั้งม้าทั้งรถก็ยังติดอยู่ริมตลิ่ง นายท่านรีบออกไปดูแล้ว ส่วนกระผมอยู่เตรียมของกับม้ากำลังจะออกไปสมทบ แต่เจ้าหนูนี่สิทำให้เสียเวลา บอกให้รอก่อนๆ ก็ไม่นึกว่าจะไปตามคุณโจมาด้วย แต่ผมว่าคุณอย่าไปเลย ทั้งอันตรายแล้วก็ไม่มีอะไรน่าดูหรอกขอรับ”






“ขอไปด้วยคนเถอะ อาจจะมีอะไรที่พอช่วยๆกันได้ หรืออย่างน้อยจะคอยดูพินช์ให้ จะได้ไม่เกะกะพวกผู้ใหญ่เวลาทำงานไงล่ะ”






โจชัวร์ไม่รอให้ลูมิแยร์ได้มีเวลาลังเลหรือปฏิเสธ เรียกว่าพอพูดจบก็เป็นฝ่ายพาพินช์วิ่งตรงไปยังคอกม้า ทางสโนว์เองก็เหมือนรู้ล่วงหน้า พอใส่อานก็พร้อมออกวิ่งโดยไม่ต้องรอให้สั่ง ใช้เวลาไม่นาน พวกเขาก็มาถึงยังจุดเกิดเหตุ สภาพพื้นดินเฉอะแฉะจากหิมะที่ละลายทำให้เห็นรอยไถลจากทางสายหลักลงไปยังริมฝั่งแม่น้ำซึ่งกระแสน้ำทั้งเย็นเฉียบและเชี่ยวกราก รถคันเกิดเหตุยังค้างเติ่งอยู่ริมตลิ่ง ด้านท้ายกระบะจมลงในน้ำเกือบครึ่ง ส่วนม้าที่ถูกผูกโยงยังอยู่ในอาการตื่น ยิ่งมันตะกุยตะกายเพื่อเอาตัวรอดก็ยิ่งทำให้รถลื่นไถลมากขึ้น หากปล่อยไว้คงจมลงในแม่น้ำ ไม่รอดทั้งรถทั้งม้า และปัญหาด่วนที่สุดคือบนรถคันนั้นมีเด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งกำลังร้องไห้จ้า อยู่ในอาการตื่นกลัวไม่ต่างจากผู้ใหญ่หลายสิบคนที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่






เมื่อสอบถามจากชาวบ้านก็ได้ความว่า ในขณะที่ลื่นไถลจากถนน พ่อแม่เด็กถูกสะบัดตกจากรถได้รับบาดเจ็บ ส่วนลูกชายที่อยู่ในวัยเตาะแตะนอนหลับสนิทอยู่กับกองสัมภาระจึงยังติดอยู่ในกระบะไม้ด้านหลัง ไม่สามารถปีนออกมาได้เอง วิธีการช่วยเหลือหากไม่ลุยน้ำลงไปรับตัวเด็กก็ต้องรีบลากรถทั้งคันขึ้นจากน้ำซึ่งไม่ว่าวิธีไหนก็ต้องอาศัยความชำนาญ และความกล้าชนิดที่ต้องเสี่ยงชีวิตตัวเองด้วยกันทั้งนั้น






ท่ามกลางเสียงร่ำไห้อ้อนวอนของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ที่ถูกฉุดรั้งให้รออยู่บนฝั่ง ภาพที่สะดุดตาโจชัวร์คือร่างสูงใหญ่ที่กำลังสืบเท้าเข้าไปยังรถม้าทีละก้าวๆ ดวงตาสีอำพันประหลาดจดจ่ออยู่กับอาชาที่กำลังตื่นกลัว เขาส่งเสียงคำรามต่ำแต่สามารถปลอบประโลมจนม้าค่อยๆสงบลง ชาวบ้านที่ชุมนุมอยู่โดยรอบพาลหยุดนิ่งด้วยความลุ้นระทึกจนเหลือเพียงเสียงร้องไห้ที่ยังดังชัดเจน ลูมิแยร์ค่อยๆไต่ลงไปหาผู้เป็นนายและช่วยผูกเชือกเส้นใหญ่เข้ากับรถเพื่อให้ม้าและคนบนฝั่งช่วยกันออกแรงลากขึ้นจากน้ำ ส่วนเจ้าอสูรรีบเข้าไปรับตัวเด็กน้อยโดยไม่สนใจอุณหภูมิระดับติดลบของสายน้ำที่เย็นเฉียบ






เมื่อรถทั้งคันพ้นจากน้ำ และเด็กชายได้คืนสู่อ้อมอกผู้เป็นแม่ เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีก็ดังก้องขึ้นทั่วบริเวณ






“ขอบคุณนายท่าน ถ้าไม่ได้นายท่าน พวกข้าคงต้องเสียลูกชายคนเดียวไปแล้ว” พ่อของเด็กประคองทั้งเมียและลูกของตนให้น้อมตัวลงแสดงความซาบซึ้งต่อร่างสูงใหญ่ที่เปียกโชกเกือบทั้งตัว “บุญคุณครั้งนี้ครอบครัวของเราจะไม่มีวันลืมตราบชั่วชีวิต ขอบคุณนายท่าน ขอบคุณมากจริงๆขอรับ”






“ไม่เป็นไร คราวหน้าคราวหลังก็ระวังให้มากกว่านี้ เดี๋ยวตามกลับไปด้วยกันทั้งหมดนี่ล่ะ พวกเจ้าจะได้ทำแผลให้เรียบร้อย คนที่คอกม้าจะดูแลม้าของเจ้าให้ ส่วนรถค่อยดูกันอีกว่าต้องซ่อมแซมมากแค่ไหน แล้วข้าวของที่หล่นลงน้ำไปหมดจะทำยังไงกัน สำคัญมากมั้ย ถ้าที่บ้านเจ้าขาดเหลืออะไรบอกให้ลูมิแยร์จัดหาให้ก่อนแล้วกันนะ”






“ไม่เป็นไรมิได้ครับ แค่นี้ก็เป็นพระคุณมากแล้ว พวกผมไม่อยากรบกวนนายท่าน”






“ไม่รบกวนหรอก อากาศหนาวออกอย่างนี้ แล้วนี่ก็สายมากแล้ว อย่างน้อยลูกชายเจ้าก็คงอยากได้ซุปหรือนมอุ่นๆสักถ้วย” 






โจชัวร์ไม่อาจเห็นสายตาของผู้ที่มีรูปลักษณ์ผิดมนุษย์ แต่ภาพที่เด็กน้อยในอ้อมแขนผู้เป็นแม่ตะปบมือใหญ่ที่ยื่นมาหาพลางยิ้มรับพร้อมเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากก็สะท้อนถึงความอ่อนโยนซึ่งจิตอันบริสุทธิ์พึงสัมผัสได้ และก่อนที่เขาจะสามารถละสายตาจากภาพน่าประทับใจนั้น ร่างสูงใหญ่ดังแผ่นหินก็หันกลับมาและพบว่าตนเองกำลังถูกจับจ้อง ดวงตาสีประหลาดจงใจมองตอบและเหมือนมีมนต์สะกดให้เขาไม่อาจหลบสายตา ชั่ววินาทีนั้นทุกอย่างรอบตัวพลันเลือนรางราวกับภาพฝัน โครงร่างและใบหน้าอย่างสัตว์ป่าไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่เคยเห็น คมเขี้ยวใหญ่หรือกรงเล็บแหลมก็เหมือนไม่ใช่ของอันตราย อาจจะฆ่ากระต่ายตัวเล็กๆสักตัวไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ยิ่งมองเขาก็ยิ่งไม่แน่ใจว่าเจ้าอสูรไม่เหมือนเดิมหรือตัวเขากันแน่ที่กำลังเปลี่ยนไป






“คุณโจขอรับ!” เสียงเรียกดังขึ้นข้างตัวทำให้เขาถึงกับสะดุ้ง “ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว แต่กระผมต้องอยู่จัดการกับรถม้าเสียก่อน ให้สโนว์พาคุณกับพินช์กลับเถอะ ข้างนอกนี่อากาศหนาว เดี๋ยวจะไม่สบายกันไปหมด”






โจชัวร์ไม่ดื้อดึงอยู่ต่อเพราะเห็นว่าคนส่วนใหญ่ก็เริ่มแยกย้ายกลับบ้านของตัวเอง สโนว์เดินกุบกับมาใกล้ๆโดยมีพินช์นั่งอยู่บนหลัง ห่อตัวเองจนอุ่นเรียบร้อยและยังเหลือผ้าห่มอีกผืน






“ลูมิแยร์...” เขาหลุดปากไปอย่างไม่รู้ตัว ฝ่ายนั้นเดินกลับมาหาและมองสิ่งที่เขายื่นให้งงๆ “เดี๋ยวข้าก็ถึงบ้านแล้วไม่ต้องใช้ก็ได้ แต่นายของเจ้าตัวเปียกอย่างนั้นคงหนาวแย่”






โจชัวร์รีบตวัดตัวขึ้นหลังม้าและจากมาโดยไม่สนใจว่าลูมิแยร์จะจัดการอย่างไรกับผ้าห่มผืนนั้น แต่ถึงไม่ได้หันไปมองก็รู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่ตามติดมาจนต้องเร่งให้สโนว์วิ่งเร็วขึ้น ถึงอย่างนั้นเขาก็พบว่าเรื่องที่ริมฝั่งแม่น้ำเดินทางมาถึงคฤหาสน์เร็วเสียกว่าฝีเท้าม้า ยิ่งได้พยานในเหตุการณ์อย่างเจ้าหนูพินช์ด้วยแล้ว...






“นายท่านเก่งที่สุดเลยฮะ นายท่านค่อยๆย่องๆๆเข้าไปยังงี้ แล้วก็ทำให้เจ้าม้ายอมอยู่นิ่งๆ...” ร่างเล็กโก่งตัวแล้วจิกปลายเท้าก้าวให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ที่ใช้นิ้วจรดริมฝีปากเป่าลมฟู่ๆนั้นคงเป็นส่วนที่แถมเพิ่มให้






โจชัวร์ไม่ได้อยู่รอดูว่าพินช์จะแสดงภาพการช่วยชีวิตได้สมจริงแค่ไหน เขาปลีกตัวมายังห้องหนังสืออย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรกและไม่ผิดหวังกับหนังสือจำนวนมากมายที่อัดแน่นอยู่ในพื้นที่ทุกตารางนิ้ว จากการเดินสำรวจอย่างคร่าวๆเขาพบว่ามีหนังสืออยู่เกือบทุกประเภท จำพวกที่ไม่ค่อยถูกหยิบมาอ่านจะจัดวางเป็นหมวดหมู่อย่างเรียบร้อย ผิดกับอีกส่วนที่เจ้าของสนใจก็จะถูกเลือกออกมา แต่พออ่านจบตรงไหนก็คงวางกองๆไว้ตรงนั้น ไม่ได้ใส่ใจจะเก็บคืนที่เดิม ถือว่าโชคดีมากที่มีคนคอยทำความสะอาดอยู่เสมอจึงยังพอจะเรียกได้ว่าห้องหนังสือแทนที่จะเป็นห้องเก็บของรกๆ






“พี่โจฮะ”






พินช์แอบอยู่หลังประตูแล้วโผล่หน้ามาส่งเสียงเรียก สีหน้าลังเลเพราะคงไม่คิดว่าห้องที่มีแต่หนังสือจะมีอะไรน่าสนุก โจชัวร์ยิ้มรับ ระหว่างที่เดินไปหาก็หยิบหนังสือนิทานติดมือไปด้วยเพื่อหลอกล่อให้เขาเริ่มคุ้นเคยกับการอ่าน แม้จะยังไม่รู้หนังสือก็สามารถเข้าใจเรื่องราวผ่านภาพการ์ตูนน่ารักๆ ไม่ช้าเด็กน้อยก็เพลินจนงีบหลับอยู่บนพรมกลางห้องรายล้อมด้วยนิทานกองโต ซึ่งมีหลายเล่มที่โจชัวร์รู้จัก และอีกหลายเรื่องที่เขาไม่เคยอ่านมาก่อน






“โฉมงามกับเจ้าชายอสูร...” เขาสะดุดตากับหน้าปกซึ่งเป็นภาพพิมพ์จากการแกะสลัก แม้จะไม่ชัดเจนเหมือนการวาดลายเส้นระบายสีแต่ก็ดูออกว่าเป็นรูปของสัตว์ป่าตัวใหญ่เคียงคู่กับร่างบอบบางของหญิงสาว และดอกกุหลาบหนึ่งดอกจึงลองเปิดออกอ่านด้านใน






“... กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในดินแดนอันไกลโพ้น  ยังมีเจ้าชายอาศัยอยู่ในปราสาทอันโอ่อ่า ถึงแม้พระองค์จะมีทุกอย่างดังที่ปรารถนา แต่พระองค์ก็เอาแต่ใจ เห็นแก่ตัว ไม่มีความเมตตา คืนหนึ่งในฤดูหนาว มีหญิงชราขอทานมาที่ปราสาท นางนำดอกกุหลาบดอกหนึ่งมามอบให้เจ้าชายเพื่อขอแลกกับที่พักหลบความหนาว...”







เสียงอ่านสะดุดลงเมื่อรู้สึกว่ามีศีรษะเล็กขยับยุกยิกอยู่บนหน้าตัก เขาก้มลงยิ้มให้หนูน้อยที่กระพริบตามองปริบๆแล้วเริ่มอ่านนิทานต่อ






“... แต่เนื่องจากความอัปลักษณ์ของนาง เจ้าชายมองกุหลาบอย่างเหยียดหยาม พร้อมขับไล่หญิงชราออกไป นางกล่าวเตือนเขาว่าอย่าตีคุณค่าจากรูปกายภายนอกมากกว่าความงดงามจากภายใน พอเจ้าชายได้ออกปากไล่อีกครั้ง หญิงชราหน้าตาน่าเกลียดก็ได้กลับกลายเปลี่ยนร่างเป็นหญิงสาวผู้สวยสดงดงาม เจ้าชายพยายามจะขอโทษ แต่ก็สายเกินไปเพราะนางรู้แล้วว่าเจ้าชายเป็นคนที่ไม่มีความรักในหัวใจ เพื่อเป็นการลงโทษ นางสาปเจ้าชายให้กลายเป็นอสูรน่าเกลียดและร่ายเวทย์มนต์ศักดิ์สิทธิ์ครอบคลุมทั่วปราสาทและทุกคนที่อยู่ที่นั่น เมื่ออับอายในความอัปลักษณ์ อสูรจึงเก็บตัวซ่อนเร้นอยู่แต่ในปราสาท มีเพียงกระจกวิเศษที่เป็นหน้าต่างสู่โลกภายนอกของพระองค์ ดอกกุหลาบที่นางมอบให้นั้นความจริงเป็นกุหลาบวิเศษ...”






เขาสะดุดใจอีกครั้งเพราะพาลนึกถึงดอกกุหลาบเรืองแสงกับกระจกพูดได้ซึ่งนับเป็นสิ่งวิเศษได้อย่างไม่ต้องสงสัย จนเด็กที่นอนฟังนิทานอยู่ต้องสะกิดเตือน






“... ดอกกุหลาบวิเศษจะบานจนกระทั่งเจ้าชายมีอายุ 25 ชันษา หากเจ้าชายรู้จักรักใครสักคนและได้รับความรักตอบจากคนผู้นั้นก่อนกุหลาบกลีบสุดท้ายโรยรา ตอนนั้นเจ้าชายจะพ้นคำสาป มิฉะนั้นพระองค์จะต้องเป็นอสูรเช่นนี้ไปตลอดกาล เวลาผ่านไปหลายปี เจ้าชายเริ่มรู้สึกท้อแท้และหมดสิ้นความหวัง จะมีใครกันเล่าที่ทำใจรักอสูรได้... อ้าว!”






“พี่โจอ่านต่อสิฮะ นิทานจบแล้วเหรอ ทำไมสั้นจัง”






โจชัวร์ส่ายหน้าเบาๆ เขาเองก็แปลกใจและคิดว่าเนื้อเรื่องแค่นี้ดูจะสั้นเกินไปสำหรับนิทาน แต่เมื่อพลิกกระดาษก็ไม่พบตัวหนังสือหรือรูปวาดใดๆ พยายามกวาดตามองก็ไม่พบว่ามีนิทานเล่มไหนที่มีเนื้อเรื่องต่อกัน






“พี่คิดว่ายังไม่จบนะ แต่เหมือนหน้าที่เหลือจะหายไป ไม่รู้กระดาษหลุดไปเองหรือโดนใครฉีกไปหรือเปล่า”






“ว้า! อยากรู้จังว่าเจ้าชายจะทำยังไง จะต้องฆ่ามังกรไฟกับยักษ์สามตาแล้วก็จะพ้นคำสาปได้ใช่มั้ยฮะ”






“ไม่ใช่หรอกพินช์ ในนิทานเรื่องนี้เจ้าชายไม่ต้องสู้กับใครแล้วก็ไม่ต้องออกไปฆ่าตัวประหลาดที่ไหนด้วย แค่เจ้าชายพบคนที่เขารัก และคนๆนั้นรักเจ้าชายตอบ เมื่อใดที่คนทั้งสองมีความรักให้กันจากหัวใจที่แท้จริง คำสาปก็จะสลายไปและทุกคนในปราสาทก็จะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดไป”






“ว้าว! ดีจังๆ หนูก็อยากช่วยให้เจ้าชายมีความรัก คำสาปจะได้สลายไป พี่โจก็ต้องช่วยเจ้าชายด้วยนะฮะ เราทุกคนจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไปเลยยยย”    






โจชัวร์เห็นอาการร้องเต้นด้วยความดีใจก็ได้แต่แบ่งรับแบ่งสู้ เพราะสำหรับคนอย่างเขา การรักใครสักคนและได้รับความรักตอบก็ดูจะเป็นสิ่งที่ไกลเกินกว่าจะฝันถึง ถ้าไม่นับความรักจากพ่อแม่ หรือพี่สาวซึ่งต้องละในฐานที่เข้าใจว่าคงมีเพียงเบลล่าที่นับว่าเขาเป็นน้องชายจริงๆ เขาก็ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรักกับใครมาก่อน ตั้งแต่เด็กเขาเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน เมื่อไม่ค่อยได้พบใครจึงไม่แปลกที่เขาไม่เคยสนใจหรือแอบชอบใคร และไม่เคยมีใครมาพะเน้าพะนอเอาใจ ไม่เคยถูกสารภาพรัก อ้อ! อาจจะยกเว้นแต่นายแกสตันที่จู่ๆก็ประสาทกลับมาบอกรักได้ไม่เว้นแต่ละวัน แต่จะให้นับว่านั่นคือความรักก็คงประหลาดเหลือทน






สรุปแล้วตัวเขาเองก็คงมีชะตากรรมคล้ายกับเจ้าชายในนิทาน เป็นคนจำพวกที่ไม่รู้จักความรัก แต่กลับต้องตามหาความรักแท้จริงเพื่อจะได้หลุดพ้นจากคำสาป ตอนจบที่ขาดหายไปทำให้เรื่องของเจ้าชายกลายเป็นปริศนา ส่วนตัวเขาที่ถูกจองจำอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ก็คงไม่แตกต่างกัน นักโทษอย่างเขาจะเอาปัญญาที่ไหนไปรักใคร และจะมีใครอยากมอบหัวใจให้คนไร้อนาคตเช่นเขากันล่ะ






เขารับปากพินช์ว่าจะตามหานิทานส่วนที่เหลือมาเล่าให้ฟัง ความคิดจึงยังหมกมุ่นจนเริ่มรู้สึกสับสนกับความเหมือนราวกับไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ภาพของเจ้าอสูรที่กำลังจิบชาหลังอาหาร กุหลาบดอกใหญ่ กลีบดอกหนาสีก่ำสะท้อนแสงไฟจากเตาผิงราวกับมีชีวิต แล้วไหนจะกระจกวิเศษที่พบในห้องลับ จะไม่ให้รู้สึกได้อย่างไรว่าตัวเขาเองนี่ล่ะที่กำลังหลุดเข้ามาในโลกแห่งจินตนาการของนิทานเรื่องนั้น






“ทำไมถึงทานได้น้อย”






โจชัวร์หลบสายตาลง รู้สึกเหมือนไอร้อนจากถ้วยชาลอยขึ้นมากระทบจนอุ่นวาบไปทั้งหน้า






“ไม่สบายหรือว่าเหนื่อย งานที่ห้องหนังสือหนักเกินไปหรือเปล่า”






คำถามยังคงส่งมาเรื่อยๆ เมื่อไม่มองหน้า น้ำเสียงห้าวลึกอย่างนี้ก็ไม่ได้ฟังดูน่ากลัวหรือคุกคาม กลับชวนให้นึกถึงภาพที่เจ้าอสูรเสี่ยงเข้าไปหาม้าที่กำลังตื่น ยอมลงไปในน้ำที่เย็นเฉียบเพื่อช่วยเด็ก แล้วยังให้ความช่วยเหลือโดยไม่หวังผลใดๆตอบแทน ผู้คนทั้งในคฤหาสน์และชาวบ้านต่างให้ความเคารพนบนอบสมกับที่เรียกขานว่านายท่านทุกคำ แม้แต่รูปลักษณ์อย่างสัตว์ป่านี้ก็ไม่ได้ดูแปลกประหลาด ไม่มีสายตารังเกียจหรือหวาดกลัวเลยสักนิดเดียว






“แปลก ทำไมวันนี้เงียบจริง”






โจชัวร์ผงะเมื่อเพิ่งรู้สึกว่ามีมือใหญ่ยื่นมาจะสัมผัสใบหน้า มือนั้นความจริงก็มีลักษณะเดียวกับมือมนุษย์แต่มีขนาดใหญ่และมีขนปกคลุมจนตลอดนิ้ว เล็บยาวแหลมเปื้อนคราบสีแดงยิ่งดูน่าหวาดเสียว เขาเงยหน้าขึ้นก็พบดวงตาสีอำพันเป็นประกาย กุหลาบที่กลางโต๊ะถูกหยิบติดมือมาและกลีบหนาก็คงถูกปลิดออก ขยี้จนเกิดน้ำสีกุหลาบกับกลิ่นหอมฉุนติดบนปลายนิ้ว






“กลีบของกุหลาบพันธ์นี้ถ้ายิ่งช้ำจะยิ่งมีน้ำมันหอมระเหยมาก ได้กลิ่นทีแรกอาจจะฉุนแต่ทิ้งไว้สักพักจะหอมลึก ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ชวนให้หลับสบาย”






เขาหรุบสายตาลง ได้กลิ่นหอมดังว่าแต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการสื่ออะไร ซ้ำเศษซากกุหลาบชวนให้นึกย้อนไปถึงสาเหตุที่ตนต้องมาอยู่ที่นี่ ความรู้สึกดีๆที่กำลังก่อตัวขึ้นจึงถูกแทนที่ด้วยโทสะ สายตาพาลขุ่นมัวด้วยอคติ






“พ่อข้าถูกลงโทษเพราะบังอาจไปเด็ดกุหลาบในสวน แต่ตัวท่านเองกลับทำลายดอกกุหลาบเพียงเพราะอยากรู้สึกผ่อนคลาย โลกนี้ช่างยุติธรรมเสียจริง!”






“ในสายตาเจ้า ข้าคงแย่มากเลยสินะ” น้ำเสียงของฝ่ายที่ถูกปฏิเสธก็พลันเย็นเยียบ “ข้าคงจะเป็นอสูร ปีศาจ หรือไม่ก็สัตว์ร้ายที่น่าเกลียด น่ากลัว ยินดีกับการเข่นฆ่า สังหารชีวิตใครต่อใคร เป็นความโชคร้ายของเจ้าเองที่ได้มาเจอข้า เพราะจะหาความดีงามหรือความยุติธรรมอันใดจากอสูรอย่างข้าก็คงยาก เจ้าจงทำใจยอมรับชะตากรรมเสียเถิด”






“ข้าไม่ยอมรับ!”






“แล้วเด็กน้อยอย่างเจ้าจะทำอะไรได้ อย่าบอกว่าคิดจะหนีไปจากที่นี่ ขอเตือนว่าอย่าแม้แต่จะฝัน เพราะแค่ย่างเท้าออกไปก็คงหลงทางจนโดนหิมะกลบฝังอยู่กลางป่า หรือไม่ก็กลายเป็นอาหารของสัตว์ที่หิวโหย แต่แย่หน่อยที่ตัวเล็กแกร็นอย่างเจ้า แม้แต่ลูกหมาป่าก็คงกินไม่อิ่มท้อง”






“สักวัน! ข้าจะต้องไปจากที่นี่ ท่านไม่มีวันขังข้าไว้ได้ตลอดไป!”






กุหลาบทั้งดอกถูกกำรวบแล้วบดขยี้อยู่ในอุ้งมือใหญ่จนกลิ่นกุหลาบลอยฟุ้งชวนคลื่นเหียน






“ถ้าแน่จริงก็พิสูจน์สิว่าทำได้อย่างที่พูด แล้วอย่าชะล่าใจไปล่ะ เพราะไม่แน่ว่ารู้ตัวอีกที เจ้าอาจจะอยู่กับข้าไปทั้งชีวิตแล้วก็ได้”






โจชัวร์ไม่เคยรู้สึกถึงความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ในตัวมากเท่านี้มาก่อนในชีวิต คำสบประมาท แววตาเยาะเย้ย ถากถางของเจ้าอสูรทั้งน่าเกลียด น่าขยะแขยง การอยู่ที่นี่คือความสุขสบาย ห้องนอนใหญ่โต เสื้อผ้าหรูหรา อาหารเลิศรสก็จริง แต่ฐานะนักโทษที่มีผู้คุมจอมโหด ฉากหน้าเป็นนักบุญ ช่วยเหลือผู้คน แต่เบื้องหลังทั้งป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรม จ้องแต่จะเอาชีวิตผู้อื่นแบบนี้ เขาขอเลือกกลับไปใช้ชีวิตขัดสน ทนให้พี่สาวทั้งสองโขกสับเหมือนที่ผ่านมาดีกว่า














อั๊ยย่ะๆ จบตอนบรรยากาศเปลี่ยนซะงั้น

ขอบอกเลยว่าตอนหน้าเป็นตอนที่คนเขียนชอบมากกกกกกก ดูเหมือนจะเป็นตอนที่ยาวที่สุดด้วยเพราะไม่สามารถแบ่งครึ่งหรือตัดฉับตรงไหน ส่วนจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง รอติดตามกันอาทิตย์หน้าค่ะ

อะไรคือยั่วให้อยากแล้วจากปายยยยยย    :z2:












^__^







----- Mine -----









หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 7 (4/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 04-06-2017 15:48:08
ปักไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 7 (4/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-06-2017 18:52:44
คร่ำครวญไปเถอะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 7 (4/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: mirimiror ที่ 08-06-2017 11:09:41
เพิ่งได้เข้าอ่าน ชอบการเล่าเรื่องมากเลย รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 7 (4/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-06-2017 10:02:33
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 7 (4/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 09-06-2017 11:22:12
หนูโจเกรี้ยวกราดจัง สงสารพ่ออสูรผู้อ่อนโยนนน  :hao5:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 7 (4/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: mooplapoo ที่ 10-06-2017 00:00:17
ถ้าถามนี่ยังไงก็เข้าข้างอสูรนะ พ่อของโจชัวร์ไปเด็ดดอกไม้ของคนอื่นเอง ทั้งๆ ที่เขาเตือนแล้ว หากจะอ้างว่าเล็กน้อย แต่ยังไงก็เป็นของของคนอื่นไม่ใช่ของเรา หากอยากเก็บให้ลูกจริง ทำไมไม่ลองย้อนกลับไปเอ่ยปากขอเขา แต่ก็เข้าใจโจชัวร์แหละ ที่ว่ารู้สึกถูกขัง ถูกบังคับ แม้จะอยู่อย่างสุขสบายก็เถอะ ส่วนตอนล่าสุดนี่สงสารอสูรมาก เหมือนพยายามจะช่วยให้โจชัวร์ผ่อนคลายแต่โดนตอกกลับมาซะงั้น เกือบละมุนแล้ว โถ่เอ้ย สู้ๆ นะพ่อคุณ ส่วนโจก็ใจอ่อนไวๆ นะจ๊ะ

เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ :)
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 8 (11/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 11-06-2017 05:18:35









Heartbeat 









: A Retelling of Beauty and the Beast














อ่านคอมเมนท์แล้วก็ร้องอ้าวววว เฮ้ยยยย ต้องยอมรับว่าเซอร์ไพรส์กับทีมเจ้าอสูรเลยค่ะ 

อาจเป็นเพราะเวลาเขียน เราจะมองจากฝั่งของโจชัวร์ก็เลยเทใจมาทางนี้มากกว่าจนอาจลืมดูหัวจิตหัวใจนายท่านไปเหมือนกัน

ซึ่งก็ขอบคุณจริงๆสำหรับทุกๆคอมเมนท์ที่ฝากกันมา ความคิดเห็นของคนอ่านช่วยเปิดมุมมองและเป็นกำลังใจให้คนเขียนได้มากๆเลยค่ะ


















8











โจชัวร์ตัดสินใจหนีโดยไม่มีอาการลังเล ไม่ว่ากลับถึงบ้านได้หรือไม่ก็จะต้องออกจากคฤหาสน์แห่งนี้ในทันที เขาแสร้งวางท่าเป็นปกติ ทนฟังพลูมแมทเล่าถึงความเป็นห่วงของเจ้าอสูรที่เห็นเขาทานมื้อค่ำได้น้อยจึงสั่งให้เอานมอุ่นๆมาให้ และยอมดื่มเข้าไปจนหมดแก้วเพื่อไล่เธอออกจากห้องทางอ้อม เมื่อได้เวลาที่ทุกคนน่าจะเข้านอนเรียบร้อยก็แอบย่องออกจากห้อง ทุกอย่างดูจะเป็นใจให้การหลบหนี ท้องฟ้ามืดสนิท บรรยากาศสงบ เงียบสงัดราวกับคฤหาสน์ร้าง






เขาตรงไปยังคอกม้าซึ่งโชคดีที่ไม่มีเวรยามคอยเดินตรวจตราเช่นกัน แม้จะเสี่ยงต่อการถูกตามจับได้ภายหลังแต่เขาก็เลือกสโนว์เป็นตัวช่วย เจ้าม้าแสนรู้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มันพาเขาออกจากเขตคฤหาสน์อย่างปลอดภัย จนกระทั่งล่วงเข้าแนวป่า สโนว์กลับชะลอฝีเท้า ทำท่าจะหมุนตัวกลับทางเดิมจนเขาต้องยื้อไว้สุดแรง






“สโนว์...” เขาเรียกเสียงอ้อนและต้องเป็นฝ่ายดึงสายบังเหียนให้ม้าเดินตาม “ไปกันต่อเถอะนะ อีกนิดเดียว แป๊บเดียวก็ถึงบ้านแล้ว เจ้าช่วยข้าหน่อยไม่ได้เหรอ”






เจ้าม้าขาวสะบัดหน้าพรืด ส่งเสียงฟืดฟาด สี่เท้าแทบจะปักลงในดิน ไม่ยอมเดินต่อแม้แต่ครึ่งก้าว






“ข้าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ ข้าอยากกลับบ้าน เจ้าพาข้ากลับบ้านทีเถิด หรือแค่พาออกไปให้พ้นป่านี่ก็ได้ แล้วข้าจะหาทางกลับบ้านต่อเอง นะสโนว์นะ”






โจชัวร์อ้อนวอน ทั้งดึงลาก ทั้งผลักดัน แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนใจเพื่อนสี่ขา สุดท้ายก็ต้องเป็นฝ่ายตัดใจเสียเอง






“เอาล่ะ ข้าจะไม่บังคับให้เจ้าต้องทรยศนายของเจ้าหรอก แต่ข้าก็จะไม่กลับไปที่นั่นเหมือนกัน งั้นเราแยกทางกันตรงนี้ เจ้ากลับไปเถอะ ข้าขอโทษที่พาเจ้าออกมาลำบาก หวังว่าเขาคงจะไม่ลงโทษเจ้า ขอบคุณที่เจ้าดีกับข้าเสมอมา แต่ต่อนี้ไปเราคงไม่ได้พบกันอีกแล้ว โชคดีนะสโนว์”






โจชัวร์กอดลาอีกครั้งและออกเดินทางเพียงลำพัง แม้หนทางข้างหน้าจะมีความหวังเพียงริบหรี่ก็พยายามปลุกปลอบตัวเองไม่ให้หันหลังหรือเปลี่ยนใจตามเจ้าสโนว์กลับคฤหาสน์ รู้ตัวอีกทีเขาก็ล่วงเข้าสู่ความมืดมิดของป่ากว้าง แนวไม้สูงพ้นสายตาปิดกั้นแสงจากท้องฟ้ายิ่งทำให้มืดจนเหมือนกำลังหลับตาเดิน สายลมแรงพรูผ่าน กิ่งก้านใบเสียดสีเกิดเสียงหวีดก้อง สัตว์กลางคืนส่งเสียงร้องรับกันเป็นทอดชวนให้รู้สึกวังเวงจนขาสั่น เขากลั้นใจรีบเร่งฝีเท้าไปข้างหน้า แม้จะเสี่ยงกับการเดินวนจนหลงทางก็ยังดีกว่าตกอยู่ในความกลัวจนประสาทเสียอยู่กลางป่า






ในเวลาไม่นาน โจชัวร์ก็พบว่าตนเองตัดสินใจพลาดครั้งใหญ่ ตอนที่ออกจากคฤหาสน์อาจถือเป็นฤกษ์ดี จะไปตรงไหนก็ทางสะดวก แต่ตอนนี้เขาได้แต่เดินหลงไปมาอย่างไม่รู้ทิศทาง ซ้ำร้ายอากาศแปรปรวนจนเกิดเป็นพายุ ทั้งลมทั้งหิมะโหมกระหน่ำสมกับเป็นป่าต้องสาปที่จงใจกลืนกินทุกชีวิตที่หลงเข้ามา ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพ่อของเขาถึงได้หลงทางไปติดกับดักของเจ้าอสูร ส่วนตัวเขาพยายามทนฝ่าพายุไปเรื่อยๆจนมาพลาดตกลงจากเนินดินหรืออาจจะเป็นหน้าผาเตี้ยๆ ยังโชคดีที่พื้นด้านล่างมีกองใบไม้และหิมะทับถมกันหนาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก และไม่ไกลจากตรงนั้นมีซอกถ้ำที่ใหญ่พอให้หลบพักจนกว่าพายุจะพัดผ่านไป






สถานการณ์ภายนอกดูไม่น่าวางใจเอาเสียเลย แม้หิมะจะเบาลงในบางช่วงแต่ก็ยังไม่มีทีท่าจะสงบจริงๆ สายลมพัดแรงจนผนังถ้ำพาลสั่นตามไปด้วย พอช่วงไหนลมเบาลงก็ยังมีเสียงเห่าหอน เสียงร้องคำรามแทรกมาให้ใจสั่น บางครั้งบางครามีเงาดำเคลื่อนไหววูบวาบ เงาสะท้อนจากดวงตาของนักล่าที่สอดส่ายหาเหยื่อ เขาได้แต่นั่งกอดตัวเองอยู่ในส่วนลึกที่สุดของถ้ำ แม้จะไม่ช่วยให้หายหนาวแต่ก็ยังพออุ่นใจว่าปลอดภัยจากสัตว์ร้ายที่วนเวียนอยู่ใกล้ๆ จนกระทั่งมีเสียงสวบสาบของฝีเท้าหนักๆดังใกล้เข้ามา เขาหรี่ตามองฝ่าความมืดไปยังต้นเสียง ในมือมีไม้ท่อนใหญ่เตรียมพร้อม เมื่อเงาดำมาหยุดอยู่ใกล้ๆ เขาก็ส่งเสียงข่มขวัญแล้วกระหน่ำตีสุดแรงเกิด






“พอได้แล้ว!”






เสียงตวาดลั่นในจังหวะเดียวกับที่อาวุธถูกกระชากออกจากมือแล้วโยนทิ้งไปไกล และเสียงนั้นก็ทำให้เค้าร่างสูงใหญ่ปรากฏชัดขึ้นในสายตา






“เจ้า... อสูร!”






“ก็ใช่น่ะสิ อสูรร้ายที่กำลังจะโดนมนุษย์ตัวเล็กๆอย่างเจ้าตีจนตายไงล่ะ” 






ถึงจะมืดจนมองไม่เห็นก็ไม่ใช่อุปสรรคที่จะฟาดฟันกันด้วยคำพูด น้ำเสียงของเจ้าอสูรโกรธจัดชนิดที่อยากจะบีบคนตรงหน้าให้แหลกคามือ ส่วนโจชัวร์แม้จะยอมรับว่าดีใจอยู่ลึกๆก็ใช่จะยอมอ่อนข้อ






“ใครใช้ให้เข้ามาเงียบๆ ข้านึกว่าตัวอะไรก็ต้องตีไว้ก่อนสิ”






“แล้วเจ้าล่ะ รู้ตัวมั้ยว่าทำให้ทุกคนเดือดร้อนกันไปหมด เกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา สติดีหรือเปล่าถึงเที่ยวมาเดินอยู่ในป่ากลางดึกแบบนี้ หรือว่าใจดีนึกอยากจะให้อาหารสัตว์ป่า ข้าบอกแล้วไงตัวเล็กๆอย่างเจ้ากินยังไงก็ไม่อิ่ม ไม่สู้ขุนตัวเองให้มีเนื้อกว่านี้ก่อนค่อยหนีออกมา”






เสียงตะคอกแรงจนกลายเป็นขู่คำราม คล้ายกับเจ้าตัวกำลังใช้อารมณ์โกรธปิดบังความรู้สึกบางอย่าง






“เงียบทำไม เก่งนักไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่พูด หรือว่าเถียงไม่ออก!”






“นักโทษอย่างข้าจะมีสิทธิ์พูดอะไร ในเมื่อจับได้แล้วจะลงโทษยังไงก็เชิญ”






เมื่อคนหนึ่งเสียงอ่อนลงก็เหมือนช่วยลดความโกรธที่ปะทุขึ้น ฝ่ายที่เหนือกว่าก็คร้านจะทะเลาะกันทั้งที่มองไม่เห็นหน้า เมื่อจับความรู้สึกได้ว่ามีบางคนกำลังยืนตัวสั่น ไม่แน่ใจว่าเพราะความโกรธหรืออากาศหนาว เจ้าอสูรจึงทรุดตัวลงแล้วกระชากอีกคนให้นั่งลงข้างๆ






“รู้ฐานะตัวเองอย่างนี้ก็ดี จะได้ไม่ก่อเรื่องให้ใครต้องเดือดร้อนอีก” 






“จะรออะไรอีกเล่า จะเอาไปฆ่าหรือต้มยำทำแกงก็เร็วสิ ข้าขี้เกียจนั่งรอความตายอยู่ที่นี่แล้ว”






“ไม่เห็นเหรอว่าพายุพัดแรงขึ้นอีกแล้ว ขืนออกไปตอนนี้ แม้แต่ตัวข้าเองก็คงไม่รอด เพราะฉะนั้นเราต้องรออยู่ที่นี่จนกว่าพายุจะสงบจริงๆ ข้าจะพักเอาแรงไว้ลากตัวนักโทษกลับไปชำระความ ส่วนเจ้าก็นั่งคิดนอนคิดไปแล้วกันว่าอยากรับโทษแบบไหน กว่าจะเช้าก็คงเลือกวิธีตายที่เจ้าพอใจที่สุดได้อยู่หรอกนะ”






โจชัวร์ได้แต่ข่มความอาฆาต อยากจะลุกหนีก็ติดตรงไม่รู้จะไปไหนพ้น โพรงถ้ำที่เล็กอยู่แล้วยิ่งแคบลงเมื่อมีคนเพิ่มเข้ามา แต่ร่างใหญ่โตก็มีประโยชน์ช่วยบังลมหนาว ทำให้อากาศภายในถ้ำอุ่นขึ้น ร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยจากการหลงวนอยู่ในป่า จิตใจที่ต้องทนรับแรงกดดัน ต่อสู้กับความหวาดกลัวอยู่ตลอดจึงผ่อนคลายลงจนผล็อยหลับไปในที่สุด






กว่าที่เขาจะรู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่ารอบกายสว่างขึ้นแล้ว รู้สึกถึงลำแสงอุ่นและกลิ่นหอมอ่อนๆของทุ่งหญ้ายามเช้า บวกกับความนุ่มของเตียง...!






ดวงตาสีน้ำตาลเบิกค้างเมื่อเจ้าตัวพลันนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เขาแอบหนี แต่ถูกจับได้ และต้องค้างแรมอยู่ในถ้ำกับผู้คุมที่คงไม่รู้ว่ากำลังอุทิศตัวเองให้กลายที่นอนของนักโทษไปเสียแล้ว เขาไม่กล้าขยับตัวแต่ค่อยๆเลื่อนสายตาสำรวจ แสงแดดอ่อนส่องกระทบเส้นขนเกิดประกายสีทองสว่างตลอดทั้งลำตัวของเจ้าอสูร ใบหน้ายามหลับสนิทดูไร้พิษสง อาจจะเป็นเครื่องหน้าที่ใหญ่โตไปทุกส่วน ปลายเขี้ยวขาวที่โผล่พ้นริมฝีปากสีคล้ำเท่านั้นที่ทำให้เขาดูผิดแผก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุ้งมือใหญ่แม้มีเล็บแหลมน่ากลัวก็สามารถส่งไออุ่นผ่านมาสู่มือของเขาได้ เมื่อลองแนบหูกับแผ่นอกกว้าง จังหวะหนักแน่นก็เหมือนจะสอดคล้องกับเสียงหัวใจตัวเอง จนเขาได้ข้อสรุปที่น่าตกใจว่าการตกอยู่ในเงื้อมมือของเจ้าอสูรกลับทำให้รู้สึกอุ่นใจกว่าอยู่ท่ามกลางมนุษย์ด้วยกันเองด้วยซ้ำ






โจชัวร์รีบหลับตาลงทันทีที่ร่างหนาเริ่มขยับ เขาจับได้ว่าเจ้าอสูรก็คงตกใจ กล้ามเนื้อทุกมัดแข็งขืนอยู่ครู่หนึ่งจึงผ่อนคลายลงพร้อมๆกับที่ลำแขนใหญ่ค่อยๆยกออกจากตัว เขารู้สึกถึงลมหายใจแรงแถวใบหน้าจนกลัวว่าจะถูกจับได้ว่ากำลังแกล้งหลับ






“ถ้าอยากจะนอนหลับตาอยู่อย่างนี้ไปทั้งวันก็ตามใจ ข้าไม่ได้รีบไปไหน จะรอเอาตัวเจ้ากลับไปนานเท่าไหร่ก็ได้”






น้ำเสียงเหน็บกัดกระแทกให้โจชัวร์ลุกพรวด เขาตั้งท่าพร้อมสู้แต่ร่างสูงใหญ่กลับลุกขึ้นด้วยท่าทางเมินเฉย ทั้งๆที่มีคราบเลือดแห้งกรังบนต้นแขน อาการค่อยๆขยับก็บอกชัดว่าไม่ปกติ






“ท่าน... บาดเจ็บนี่”






ดวงตาสีอำพันชำเลืองมองแวบหนึ่ง ไม่ใส่ใจทั้งแผลหรือคนที่ทำให้เกิดแผล






“แค่โดนไม้ทุบจนได้เลือดนิดหน่อย คงเป็นโชคดีของข้าล่ะมั้งที่เจ้ามีแรงตีได้แค่นี้”






โจชัวร์ได้แต่หมายมาดในใจว่าหากมีโอกาสอีกครั้งจะทุ่มแรงสุดตัว ถึงเป็นเจ้าอสูรก็จะเอาให้หมดท่า ไม่มีหน้ามาเยาะเย้ยเขาอย่างนี้อีกแน่






เมื่อออกมาที่หน้าถ้ำก็พบว่าพายุหนักตลอดคืนทิ้งร่องรอยไว้เป็นพื้นหิมะหนาเกือบฟุต แสงแดดตกสะท้อนพื้นหิมะขาวจนสว่างจ้าไปทั้งผืนป่า แม้จะรู้สึกชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามแต่โจชัวร์รู้ตัวว่ากำลังมีปัญหาใหญ่ ข้อเท้าที่ดูเหมือนปกติดีกำลังระบมขึ้นทุกที ยิ่งต้องมาตะลุยพื้นหิมะหนา เขายิ่งต้องกัดฟันในทุกๆครั้งที่ก้าวขา การต้องเดินกลับคฤหาสน์ก็ไม่ต่างจากการลงโทษที่แสนทรมาน






แต่ก่อนที่เขาจะรู้สึกตายทั้งเป็น คนที่นำหน้ากลับย่อตัวลงแล้วกระชากตัวเขาเข้าไปปะทะแผ่นหลัง จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินต่อ ทำให้เขาต้องรีบยึดร่างสูงใหญ่ไว้แน่นก่อนจะตกลงไปนอนจุกอยู่บนพื้น






“ทำไมไม่บอกว่าเจ็บ หรือว่าแค่แกล้งทำขากะเผลกจะได้ค่อยๆเดิน หอยทากยังคลานเร็วกว่าเจ้ารู้ตัวหรือเปล่า”






ถ้านี่คือการช่วยคนขาเจ็บด้วยการให้ขึ้นขี่หลัง ก็คงเป็นวิธีช่วยเหลือที่ทำให้โจชัวร์รู้สึกจุกจนพูดไม่ออกในหลายๆความหมาย






“ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย ปล่อย...”






“อย่าบอกว่าจะทำในสิ่งที่ทำไม่ได้ เก็บแรงไว้รอการลงโทษตอนที่กลับไปถึงคฤหาสน์ดีกว่า”






โจชัวร์สงบปากคำเพราะรู้ว่าพูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์ ซ้ำรอยแผลบนต้นแขนก็ยิ่งย้ำความผิด ยอมถูกแบกกลับสบายๆคงดีกว่าดื้อจนอาจบาดเจ็บมากขึ้นทั้งสองฝ่าย สถานการณ์จึงตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงฝีเท้าย่ำลงบนพื้นหนาและสายลมพัดเป็นระยะ ไอชื้นจากหิมะที่เริ่มละลายพาลให้กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของป่าหอมกำจาย






“หนีออกมาทำไม”






“แล้วจะให้ข้าอยู่ต่อไปทำไม”






คำถามดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย คำตอบก็ห้วนสั้นจนฝ่ายที่ถามต้องพยายามหาเรื่องชวนคุยต่อ






“อยู่ที่นี่... เจ้าไม่มีความสุขเลยเหรอ”






ร่างสูงใหญ่รับรู้ถึงเสียงถอนหายใจเบาๆกับอาการกำมือแน่นของคนบนแผ่นหลัง จังหวะก้าวเชื่องช้าลงคล้ายจะสะท้อนจิตใจที่อ่อนล้าด้วยกันทั้งสองฝ่าย






“ขอโทษ” เสียงคล้ายคำรามเบาๆจากในคอทำให้คนฟังต้องเลื่อนตัวเข้าใกล้มากขึ้น “อย่างน้อยในฐานะเจ้าของบ้าน ข้าควรทำให้คนที่เป็นแขกมีความสุขเหมือนอยู่บ้าน แต่สิ่งที่เจ้าตัดสินใจทำก็บอกชัดแล้วว่าข้าเป็นเจ้าบ้านที่เลวมาก”






“ไม่ใช่หรอก ข้าต่างหากควรขอโทษที่แอบหนีออกมา ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อน ความจริงแล้วข้าชอบที่นี่มาก ทุกๆคนดีกับข้า ทำให้ข้ามีความสุขยิ่งกว่าบ้านตัวเองเสียอีก อยู่ที่บ้านข้าไม่เคยได้สบายอย่างนี้ ไหนจะต้องทำงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ห้องนอนก็ไม่มี หนังสือก็ไม่ได้อ่าน แถมพวกพี่ๆก็ไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าข้าสักเท่าไหร่ ถ้าเทียบกันแล้วคฤหาสน์ของท่านเหมือนสวรรค์สำหรับคนอย่างข้าด้วยซ้ำไป”






โจชัวร์แอบมีรอยยิ้มให้แผ่นหลังกว้าง และเหมือนมีเสียงหัวเราะเบาๆแว่วมาจากที่ไม่ใกล้ไม่ไกล 






คำหนึ่งคำอาจเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวร้อยพัน คำขอโทษที่ออกจากความรู้สึกที่แท้จริงก็เปรียบเสมือนการที่สองฝ่ายพร้อมใจกันถอยคนละครึ่งก้าว ช่องว่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความห่างเหินแต่คือพื้นที่เล็กๆสำหรับเมล็ดพันธ์แห่งความเป็นมิตรจะได้ผลิบานและเติบโตขึ้นเป็นความสัมพันธ์ที่มั่นคงยืนยาว






“แล้วตัวข้าล่ะ” อีกหนึ่งคำถามตามมาหลังจากเงียบกันไปพักใหญ่ “ในสายตาเจ้า เห็นข้าเป็นยังไง”






“ท่านก็... เป็นคน... ดี” เขาไม่ได้ลังเลที่จะกล่าวคำนี้ ความกังวลมีเพียงอาจทำให้คนฟังผิดหู เมื่อพูดออกไปแล้วก็เผลอชะโงกตัวเข้าไปใกล้ขึ้นเพื่อลอบสังเกตปฏิกิริยา






“เจ้ามักเรียกข้าว่าเจ้าอสูรแล้วยังจะมองเห็นอสูรอย่างข้าเป็นคนดีอีกหรือ”






“ข้าขอถามได้มั้ย...” ในน้ำเสียงยังมีรอยกังวล รอจนแน่ใจว่าความเงียบคือการอนุญาตจึงค่อยเอ่ยต่อ “ทำไมท่านถึงอยู่ในสภาพแบบนี้ ข้าถามใครๆก็ไม่เคยได้คำตอบ แต่ทุกคนก็ดูจะไม่แปลกใจหรือมองว่าท่านประหลาดเลยสักนิด”






บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง สรรพเสียงของป่าดังกังวานจนกลบเสียงฝีเท้า หรือความจริงจังหวะก้าวเดินอาจหยุดลงด้วยเหตุผลบางอย่าง






“มันเป็นคำสาป... เจ้าอาจคิดว่าเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ แต่เมื่อนานมาแล้ว ข้าได้ทำผิดเลยถูกสาปให้ต้องอยู่ในสภาพนี้จนกว่า...”
เสียงของเจ้าอสูรคล้ายสะท้อนออกจากอกและหยุดลงจนคนรอฟังทนไม่ไหว






“จนกว่าคำสาปจะสลายไปใช่มั้ย แล้วคำสาปจะสลายไปได้ยังไง? หรือว่า... ท่านไม่รู้วิธีแก้คำสาป?!”






“วิธีที่ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะฉะนั้นรู้หรือไม่รู้ก็ไม่ต่างกันหรอก เราเลิกคุยเรื่องนี้กันเถอะ ข้าเบื่อเรื่องของตัวเองเต็มทีแล้ว” 






เจ้าอสูรตัดบทและเริ่มออกเดินอีกครั้ง มีลมเย็นพัดมาระลอกใหญ่ คนบางคนจึงฉวยโอกาสนั้นอิงซบแผ่นหลังกว้างเพื่อหลบลมและกระซิบคำปลอบใจ






“แต่ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนดี ข้าเชื่อว่าสักวันคำสาปจะต้องสลายไป”






“เจ้าสัญญาได้มั้ยว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนกว่าจะถึงวันนั้น”






โจชัวร์ปล่อยให้คำขอนั้นลอยหายไปกับลมเพราะยังไม่สามารถให้คำตอบที่ซื่อสัตย์มากพอ เขาถูกบังคับให้มาที่นี่ ถูกขู่เข็ญไม่ให้หลบหนี แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร ความหมายเดิมแต่รูปประโยคเปลี่ยน จากผูกมัดด้วยคำสั่งกลายเป็นการขอสัญญา น้ำเสียงเว้าวอนเชิญชวน คนที่ไม่เคยมีสิทธิ์ตัดสินชะตาชีวิต ไม่เคยมีโอกาสเลือกเพื่อสนองใจตนเองจึงเกิดลังเล ไม่มีความมั่นใจ กลัวไปหมดทุกสิ่งอย่าง






ถือเป็นโชคดีที่เจ้าอสูรไม่ได้เซ้าซี้เอาคำตอบ เขาจึงเลี่ยงการสนทนาด้วยการซบหน้าลงกับแผ่นหลังอุ่น กำลังเคลิ้มไปตามจังหวะก้าวเดินจนเกือบจะหลับตาลงก็บังเอิญเห็นบางอย่างผิดสังเกต 






“มีอะไรสักอย่างกำลังตามเรามา!”





(ถ้าตัดจบตรงนี้ ครึ่งหลังต่ออาทิตย์หน้า จะมีคนขู่ฆ่าเรามั้ยนะ 555

ล้อเล่น ต่อด้านล่างเลยค่ะ)



 :katai4:



หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 8 (11/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 11-06-2017 05:21:27


ต่อเลยค่ะ

^^








“ความรู้สึกช้าเหลือเกินนะ” เจ้าอสูรหยุดเดินอีกครั้ง มีเสียงหัวเราะเบาๆก่อนจะหันไปในทิศทางเดียวกันแล้วออกปาก “ออกมาเถอะเกรย์”









แนวพุ่มไม้ที่เป็นเป้าสายตาสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่งยิ่งเพิ่มความลุ้นระทึก ในเสี้ยวกระพริบตาบางสิ่งก็กระโจนออกมาแล้วแตะปลายเท้าว่องไวจนไปหยุดอยู่บนเนินเล็ก ใกล้พอให้อยู่ในระยะสายตาของมนุษย์แต่ไม่มากเกินระดับการระวังตัวตามสัญชาตญาณสัตว์ป่า หมาป่าโตเต็มวัยมีโครงร่างใหญ่กำยำลักษณะสมบูรณ์พร้อมตั้งแต่ส่วนหัวจรดพวงหาง ขนฟูหนาสีเทาต้องแสงแดดเป็นประกาย และสิ่งที่น่ากลัวไม่น้อยไปกว่าอุ้งเท้าแข็งแรงหรือคมเขี้ยวที่จะกัดกระชากลำคอให้ขาดวิ่นก็คือดวงตาที่สามารถสะกดเหยื่อของมันได้อยู่หมัด แววตาคมดุประเมินมองร่างเล็กที่กำลังลงมายืนบนพื้นโดยมีร่างสูงใหญ่ประคองไม่ห่าง และรู้ว่าดวงตากลมโตคู่นั้นก็กำลังทำเฉกเดียวกัน






“เกรย์เคยพลาดติดบ่วงพวกพรานเถื่อน ชาวบ้านไปเจอเลยเอาตัวมาส่งที่คฤหาสน์ ข้าช่วยทำแผลให้แล้วปล่อยมันกลับมา มันกับครอบครัวอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ ไม่ค่อยจะออกมาให้เห็นบ่อยนักหรอก แต่เมื่อคืนมันมาช่วยนำทางไปที่ถ้ำ ไม่อย่างนั้นข้าคงหลงคลำทางอยู่นานจนอาจไม่เจอเจ้าก็เป็นได้”






โจชัวร์พลันรู้สึกคุ้นกับดวงตาวาววับคู่นั้นขึ้นมา






“ขอบใจมากนะ... เกรย์” เขาส่งเสียงบอกพร้อมรอยยิ้ม สังเกตเห็นใบหูคู่นั้นกระดิกก็เข้าใจว่าเจ้าหมาป่ายอมรับคำขอบคุณของเขาเช่นกัน






“ที่บอกว่าครอบครัวของเกรย์อาศัยอยู่ที่นี่ แล้วท่านเคยเจอเมียกับลูกๆมันบ้างมั้ย”






“ตอนพามันกลับมาที่ป่า ข้ากับลูมิแยร์ลองสะกดรอยตามไปที่รังแต่ก็เข้าใกล้ไม่ได้มาก เพราะมันกำลังมีลูกอ่อน ตัวเมียเลยดุมาก พอรู้อย่างนั้นก็เลยแอบเอาอาหารมาให้หลายครั้งเพราะกลัวมันยังล่าเหยื่อไม่ได้เต็มที่ คิดว่ามันก็คงรู้ว่าพวกเรามาดี ไม่ได้จะมาล่าหรือทำร้าย แต่สัตว์ป่ายังไงก็มีสัญชาตญาณระวังภัยสูงอยู่ดี”






“แล้วทำไมเมื่อคืนมันถึงช่วยข้าล่ะ ข้าก็รู้สึกเหมือนกันว่ามันตามข้าไปจนถึงที่ถ้ำ”






“มันชอบเด็กน้อยอย่างเจ้าล่ะมั้ง... คงคิดว่าเนื้อของเจ้าจะนุ่มหวาน กระดูกก็อ่อน น่าอร่อยดี”






โจชัวร์ถลึงตาใส่แล้วเดินหนีเสียงหัวเราะของคนโรคจิตที่เอะอะก็เห็นคนอื่นเป็นอาหาร เขาค่อยๆก้าวไปหาหมาป่าอย่างระวัง หวังให้มันรับรู้ว่าเขามาอย่างมิตรแต่จู่ๆเจ้าสี่ขากลับเกร็งตัว ส่งเสียงคำรามขู่ เจ้าอสูรถลันเข้ามาขวางหน้า แต่ก่อนที่สถานการณ์จะบานปลาย ต้นเหตุที่ทำให้เจ้าหมาป่าระวังมากขึ้นก็ปรากฏตัว ลูกหมาป่าในลักษณะของเกรย์แบบย่อส่วนบุกตะลุยพื้นหิมะหนามาหยุดอยู่ด้านซ้ายและขวา มันคงไล่ฟัดกันมาตลอดทาง ขนสีเทาเงินจึงเปรอะหิมะตลอดทั้งตัว พอมาถึงก็รุมกันกัดขาหน้าคนละข้างจนตัวพ่อต้องคำรามเสียงดุ






“นั่นล่ะลูกๆของเกรย์ คอกนี้ที่จริงมีสามแต่รอดมาสอง ดูรวมๆเหมือนพ่อแต่ตรงหลังหูกับช่วงหางสีออกน้ำตาลเหมือนแม่” ร่างสูงใหญ่เบี่ยงตัวหลบ แถมด้วยคำอธิบายและรอยยิ้มเอ็นดูหมาป่าน้อยทั้งสองที่เขาเห็นมาตั้งแต่ยังไม่ลืมตา






“น่ารักมาก!” เสียงอุทานเรียกความสนใจจากเจ้าตัวน้อย ยิ่งพวกมันหันมาเอียงคอมองตาแป๋ว เขาก็ยิ่งตื่นเต้น เขย่าท่อนแขนใหญ่ที่ช่วยพยุงอยู่ ร้องขอราวกับเด็กเห็นของเล่นถูกใจ “ถ้าเข้าไปใกล้กว่านี้จะเป็นอะไรมั้ย ขอลองอุ้มพวกมันได้หรือเปล่า นะๆ แค่จับนิดเดียวก็ได้”






เจ้าอสูรทรุดตัวลงพาให้คนข้างกายทำตาม มีเสียงครางต่ำจากลำคอในขณะที่อุ้งมือใหญ่กวาดปุยหิมะเบาๆเป็นนัย ไม่ช้าสองหมาน้อยก็กลิ้งไถลลงเนินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ ดวงตากลมใสจ้องอย่างสนใจมากกว่าจะระแวงเหมือนสัตว์ป่าโตเต็มวัย มันอาจรู้สึกคุ้นหรือเห็นเจ้าอสูรเป็นพวกเดียวกันอยู่แล้ว ส่วนสิ่งมีชีวิตแปลกหน้าก็ไม่ได้ดูน่ากลัว หรือมีกลิ่นที่บ่งถึงอันตราย






“ยื่นมือให้มันลองดมดูก่อน ช้าๆ อย่าทำท่ากลัวหรือตกใจเพราะจะทำให้มันรู้สึกเหมือนกันแล้วจะกลายเป็นระแวงไป”






โจชัวร์วางมือตัวเองลงในอุ้งมือใหญ่ที่ค่อยๆพาเข้าไปใกล้ปลายจมูกเล็กๆ ทีแรกเขาเกือบสะดุ้ง สักพักก็รู้สึกจั๊กจี้ที่โดนปลายจมูกสีดำที่เย็นชื้นราวกับหิมะซุกไซ้ไปทั้งมือ






“ลองอุ้มได้มั้ย” เขารีบหันมาขออนุญาตคนข้างตัว






“อย่าเพิ่งเลย แค่ค่อยๆจับอย่างเดียวดีกว่า เพราะถ้ากลับไปที่รัง เกิดแม่ของเจ้าสองตัวนี่ผิดกลิ่นเจ้ามากไปจะไม่ดี”






“ข้าคงไม่ได้มีกลิ่นตัวอะไรแรงขนาดนั้นหรอก หรือถึงมีก็คงเป็นกลิ่นของท่านนั่นแหละ ข้านอนอยู่กับท่านทั้งคืน แล้วยังได้ขี่หลังมาตลอดทาง ตอนนี้กลิ่นตัวข้าหรือของท่านก็คงผสมกันจนแยกไม่ออก พวกมันคุ้นกับกลิ่นท่านอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอุ้มได้ ไม่เป็นไรหรอกจริงมั้ย”






ดวงตาสีอำพันเขม้นมองด้วยความรู้สึกอย่างที่อธิบายไม่ถูก






“เคยมีใครบอกมั้ยว่าเจ้าน่ะดื้อ”






“ข้าดื้อก็ได้ งั้นตกลงให้อุ้มได้แล้วนะ น๊าาา แค่นิดเดียวก็ได้”






เจ้าอสูรผู้เคยเป็นที่หวาดกลัวถึงคราวต้องพ่ายแพ้ เขาถูกโจมตีด้วยสีหน้า แววตา น้ำเสียงและรวมถึงท่าทางออดอ้อนขนาดนี้จะให้ทนใจแข็งได้ถึงแค่ไหน สุดท้ายจึงต้องยอมตามคำร้องขอ อุ้งมือใหญ่ช้อนลูกหมาป่ามาตัวหนึ่งแล้วส่งต่อให้อ้อมแขนเล็กอย่างระวัง เจ้าตัวที่เหลือเห็นอย่างนั้นก็ตะกุยตะกายเรียก เขาเลยจับขึ้นมาประคองไว้ ปล่อยให้มันดิ้นยุกยิกก่อนจะไต่ตามท่อนแขนขึ้นมาเกาะอยู่บนไหล่แล้วชะโงกหน้าลง วางท่าเหนือกว่าพี่น้องจนน่าหมันไส้






ส่วนโจชัวร์นั้นเอาแต่จ้องมองเจ้าตัวน้อยที่นอนมองตาแป๋วอยู่ในวงแขน ขนของลูกหมาป่าฟูหนา ไม่นุ่มนิ่มเหมือนอย่างขนตุ๊กตาแต่ก็ไม่สากหยาบจนระคายมือ เขาประคองมันไว้แล้วค่อยๆสัมผัสอย่างระมัดระวัง พอลูบหัวใบหูเล็กก็กระดิกรับ เลื่อนมือลงมาเกาเบาๆมันก็เอียงแก้มตอบ แถมยังหันมาแลบลิ้นเลียแผลบจนเขากลั้นหัวเราะไม่อยู่






“มันชอบเจ้า” เสียงห้าวกระซิบใกล้ๆ






“ข้าก็... ชอบ” เขาเงยหน้าแล้วต้องชะงักกับรอยยิ้มที่ส่งให้ดวงตาสีอำพันยิ่งทอประกายสวย






เจ้าอสูรหันไปส่งเสียงปรามลูกหมาอีกตัวที่เริ่มจะไม่อยู่สุข






“ดูแล้วตัวนั้นตัวโตกว่านิดหน่อย สงสัยจะเป็นพี่”






“เจ้าตัวพี่เลยอิจฉาน้อง มันคงอยากให้อุ้มเหมือนกัน วางเจ้าตัวเล็กลงก่อน เจ้าอุ้มสองตัวไม่ไหวหรอก”






โจชัวร์ยิ้มรับแล้วกระชับอ้อมแขนเบาๆเพื่อกอดลาแต่ยังไม่ทันจะได้ปล่อย เจ้าหมาตัวพี่ก็กระโจนลงมาหา ตัวน้องคงคิดว่าอยู่ในที่ปลอดภัยแล้วเลยไม่หนี จึงกลายเป็นการเข้าคลุกวงในกันอยู่ในอ้อมแขนที่เล็กเกินไปสำหรับลูกหมาสองตัว เขามัวแต่ตกใจในขณะที่เจ้าอสูรส่งเสียงคำรามแล้วกระชากพวกมันออกจากกัน






“ข้าไม่เป็นไร!” เขารีบบอกก่อนที่เจ้าขนฟูทั้งสองที่กำลังถูกหิ้วหลังคอจนดิ้นกระแด่วๆ ส่งเสียงร้องงี้ดๆจะถูกลงโทษ ที่สำคัญคือตัวพ่อซึ่งนอนคุมเชิงอยู่ถึงกับลุกขึ้นมามอง อาจจะเข้าใจผิดไปได้ว่าลูกๆกำลังถูกทำร้าย






“ทั้งดื้อทั้งซน!” เจ้าอสูรบ่นเสียงขุ่น ไม่ระบุชัดว่าหมายถึงอะไร






“ท่านรีบวางพวกมันลงเถอะ”






เจ้าอสูรเขย่ามือให้สองหมาน้อยหัวโยกหัวคลอนเป็นการลงโทษแบบเบาะๆก่อนจะปล่อยเป็นอิสระ แต่วิสัยเด็กไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ก็รักแต่การเล่นสนุก พอถึงพื้นก็กระโจนเข้าฟัดกันต่อทันที ไม่มีอาการสลดเลยสักนิด






“ข้าไม่เป็นไรจริงๆ” เขาย้ำหนักแน่นแต่ก็ยังถูกพบว่ามีแผลที่เกิดจากรอยฟันและเล็บแหลม ถึงจะเป็นแค่รอยครูดมีเลือดซึมเล็กน้อย เจ้าอสูรก็รีบพาเขาไปริมลำธาร อุณหภูมิน้ำเย็นเฉียบนอกจากจะทำให้แผลสะอาด ยังทำให้ชาจนไม่รู้สึกเจ็บอีกเลย






“อูยยยยย” เขาร้อง แต่พอเห็นคนหน้าดุชักคิ้วขมวดก็รีบบอก “น้ำมันเย็น”






เจ้าอสูรอมยิ้ม หลังจากช่วยเช็ดจนมือเล็กแห้งดีก็ประคองไว้แล้วเป่าเบาๆ ลมปากอุ่นไล้ฝ่ามือขาวซีดให้หายสั่น และคงมีผลช่วยสูบฉีดเลือดให้แรงขึ้นจนเห็นชัดว่ารอยแดงได้ลามไปจนตลอดทั้งตัว โดยเฉพาะสองแก้มระเรื่อสีกลีบกุหลาบน่ามอง






โจชัวร์จงใจหลบสายตาหันไปตามเสียงเจาะแจะ สองหมาน้อยเล่นจนเหนื่อยเลยตามมากินน้ำอยู่ใกล้ๆ เสร็จแล้วก็ตั้งท่าจะวิ่งมาหาแต่ถูกหยุดไว้ด้วยเสียงคำรามเบาๆของหมาป่าตัวพ่อที่ลงมาคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ






“เกรย์” เขาลดตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกันและพยายามจะสื่อสารเข้าไปในหน่วยตาเฉี่ยวคมคู่นั้น “ขอบใจนะที่ช่วยข้าไว้เมื่อคืน แล้วก็ยังยอมให้ข้าเล่นกับลูกๆของเจ้าอีกด้วย”






จู่ๆหมาป่าทั้งสามก็ไหวตัวราวกับได้รับสัญญาณบางอย่าง 






“พวกมันต้องไปแล้ว เราเองก็ได้เวลากลับเสียที ถ้าเกิดเจอพายุขึ้นมาอีกจะแย่”






โจชัวร์เข้าใจในทันทีว่าเจ้าอสูรก็คงได้ยินเสียงบางอย่าง เขาจึงรีบเอ่ยลาและหวังว่าจะได้พบครอบครัวหมาป่าอีกครั้ง เขามองเจ้าสองตัวเล็กวิ่งฉิวแข่งกันไปแล้วอดขำในความซุกซนของมันไม่ได้ และต้องประหลาดใจจนตัวแข็งค้างเมื่อหมาป่าหนุ่มซึ่งวางท่าเฉยชาตั้งแต่เริ่มจนจบค่อยๆเดินตามลูกๆของมันผ่านหน้าเขาไปชนิดที่แค่เอื้อมมือก็จะจับลำตัวสีเทาประกายเงินนั้นได้เลย






“ขอบใจนะเกรย์ ขอบใจที่ยอมรับข้าเป็นเพื่อนอีกคน แล้วพบกันอีกนะ โชคดี”






เขาอาศัยร่างสูงใหญ่ช่วยประคองเพื่อตะโกนบอกและโบกมือลาสุดแรง ทั้งยิ้มและหัวเราะดีใจจนน้ำตาซึมที่สุดท้ายก็ได้รับมิตรภาพอันดีเป็นการตอบแทน






“ทีนี้เบาใจได้ล่ะว่าถ้าเข้าป่ามาอีกก็ไม่ต้องกลัวหลงทาง หรือถึงหลงก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกกิน เพราะยังไงเจ้าสามตัวนี้คงเว้นเพื่อนไว้สักคน” เจ้าอสูรบอกยิ้มๆ เขารีบพยักหน้าเห็นด้วย แต่พอได้ยินทั้งหมด... “หรือว่าที่จริง พวกมันคงคิดว่าตัวเล็กๆอย่างเจ้ากินไปก็ไม่อิ่ม เนื้อไม่ค่อยจะมี เคี้ยวๆไปกระดูกติดฟันแย่”






โจชัวร์รัวกำปั้นอย่างไม่กลัวตาย เจ้าอสูรหัวเราะร่า ไม่หลบ ไม่หนี ยอมยืนให้ต่อยจนเขาต้องเป็นฝ่ายรามือ เพราะแต่ละหมัดนั้นเหมือนออกแรงทุบกำแพงหนา อีกฝ่ายไม่เจ็บเลยสักนิด แต่เขานี่สิกำลังทำร้ายตัวเองชัดๆ เมื่อเสียงหัวเราะเงียบลง อุ้งมือใหญ่ก็ยื่นมารอแทนการง้อและเมื่อเขาตัดสินใจวางมือลงไป สัมผัสถึงไออุ่นที่กำมือของตนไว้ ก็รู้สึกเหมือนกำลังจะได้กลับบ้านอย่างแท้จริง




















เป็นอีกตอนหนึ่งที่เปิดมาคล้ายจะเหมือนในหนังแต่ก็ฉีกไปเยอะทีเดียว โดยเฉพาะหมาป่าของเราไม่ร้าย แต่น่าร้ากกกกกกกก ส่วนไซส์ของเจ้าสองหน่อจอมซนก็จะประมาณนี้นะคะ (cr. ภาพจาก Game of Thrones ซีซันส์แรก)



(https://image.dek-d.com/27/0129/4005/124321613)




สำหรับตอนนี้ก็ถือว่าเจ้าอสูรและหนูโจได้เริ่มแง้มๆหัวใจให้กันแล้ว จากนี้จะหวานกันบ้างมั้ย มีอะไรให้เสี่ยงตายอีกหรือเปล่า ติดตามกันต่อไปค่ะ

 :mew1:














^__^








----- Mine -----











หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 8 (11/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 11-06-2017 06:43:56
สนุกมากเลยค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 8 (11/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: sun.bunny ที่ 11-06-2017 21:56:57
ตอนอ่านครึ่งแรกจบนี่เกือบหวีดจริงๆนะคะ 5555
ความสัมพันธ์ค่อยๆดีขึ้นแล้ว ชอบจังเลยค่ะ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป รอตอนถัดไปนะคะ กว่าจะถึงอาทิตย์หน้าติดถึงหนูโจกับคุณอสูรแย่เลย
ตอนนี้ติดเรื่องนี้ที่สุดแล้วว :ling1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 8 (11/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-06-2017 02:45:25
ความสัมพนธ์เริ่มกระเตื้องขึ้นแล้วละสิ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 8 (11/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 13-06-2017 21:51:50
ค่อยเป็นค่อยไปเนอะ กำลังน่ารักเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 8 (11/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 16-06-2017 14:06:04
เหยยย น่ารักมากเรื่องนี้

เราชอบหนุ่มดาร์กแต่ใจดีแบบนี้


เหมือนกำลังอ่านนิทานสักเรื่องนึงอบุ่เลยค่ะ


ชอบมากก
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 8 (11/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-06-2017 00:55:25
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 8 (11/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: olivevjs89 ที่ 17-06-2017 14:38:57
งือออ ชอบมากกก สนุกก รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 18-06-2017 05:17:01








Heartbeat 









: A Retelling of Beauty and the Beast














มาแล้วๆ  สวัสดีตอนเช้ามืดค่าาาา

คนอ่านรออ่าน คนเขียนก็รออัพ อยากให้ถึงวันอาทิตย์เร็วๆเหมือนกัน
พอดีว่าเรื่องนี้เป็นนิยายที่ค่อนข้างสั้น ยี่สิบกว่าตอนเท่านั้น เลยต้องขอโทษจริงๆที่อัพรัวๆไม่ได้ แต่ก็ดีใจมากๆที่ทุกคนชอบนะคะ


จากในคอมเมนท์ มีหลายจุดที่คนอ่านสงสัย เราเองก็คันปาก คันไม้คันมืออยากจะตอบ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นสปอยเนื้อเรื่องไปเลยจริงๆ  ถึงอย่างนั้นก็เชื่อว่าจะมีเซอร์ไพรส์แบบที่ต้องร้อง เฮ้ย! จะเล่นยังงี้เลยใช่มั้ย?! ยังไงก็ขอให้คาดเดาและติดตามกันต่อไปจนจบนะคะ


ส่วนตอนนี้ไปแอบดูเจ้าอสูรกับนุ้งโจเขาสวีทกัน (รึเปล่า?) กันได้เลยจ้า   


 :-[

















9












โจชัวร์ตื่นแล้วและกำลังรู้สึกสบายตัวจนคร้านจะลืมตาหรือลุกขึ้นจากที่นอน สิ่งที่ทำจะเรียกว่าฝันกลางวันก็คงไม่ผิดนักเมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนอยู่ในป่า สถานการณ์เล็กๆมากมายที่ชวนให้รู้สึกจั๊กจี้จนต้องพลิกตัวซุกหน้าลงกับหมอนเพื่อซ่อนยิ้ม และแม้ในยามหลับตา ภาพของร่างสูงใหญ่ที่ไม่เคยอยู่ห่างตัว คอยปกป้อง ให้ไออุ่น และประคับประคองในทุกย่างก้าวก็ชัดเจนจนลบความหวาดกลัวออกไปจากใจของเขาได้จนหมดสิ้น





“คุณโจ... ตื่นหรือยังคะ”







มีเสียงเรียกไม่ดังนักพร้อมกับแรงเขย่าเบาๆที่ปลายเท้า เขาเลยจำใจลุกขึ้นแล้วส่งยิ้มให้พลูมแมทที่คงมาเฝ้าอยู่นานแล้ว







“ถ้าหายเพลียแล้วก็ลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาแล้วเดี๋ยวจะได้ลงไปทานมื้อค่ำเถอะค่ะ คุณไม่ได้ทานอะไรมาทั้งวันเดี๋ยวจะไม่สบายไปกันใหญ่นะคะ”







โจชัวร์รีบทำตามด้วยอาการกระฉับกระเฉงโดยมีเสียงของพลูมแมทช่วยให้ไม่เหงาหู กระทั่งมานั่งอยู่หน้ากระจก เธอก็ยังช่วยหวีผมให้เขาไปคุยจ้อไปไม่หยุดปาก







“... เมื่อคืนตอนเจ้าสโนว์กลับมาก็ยิ่งวุ่นวายกันใหญ่ นายท่านเห็นมันเท่านั้นก็ให้ดิฉันรีบขึ้นมาที่ห้องนี้ พอไม่เจอคุณ ดิฉันนี่เข่าอ่อน แทบจะเป็นลมเชียว คุณอย่าแอบหนีออกไปแบบนี้อีกนะ เข้าป่าตอนกลางคืน ไหนจะไม่รู้ทาง จะไปเจอตัวอะไรน่ากลัวๆเข้า แล้วยังจะพายุอีก มีแต่อันตรายทั้งนั้น พวกเราทุกคนเป็นห่วงคุณมาก ไม่มีใครได้หลับได้นอนกันเลย...”







โจชัวร์โผเข้าไปกอดเธอด้วยความรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจอย่างที่สุด เมื่อตอนที่กลับมาถึง เขาอยู่ในอาการอ่อนเพลียจนถูกเจ้าอสูรอุ้มมาส่งถึงเตียงเลยไม่ทันได้บอกกับทุกคนว่า...







“ขอโทษที่ทำเรื่องโง่ๆ สัญญาว่าจะไม่ทำอีกแล้ว แล้วก็ขอบคุณมากที่เป็นห่วง ทุกคนดีกับข้ามากจนข้าไม่รู้จะตอบแทนได้ยังไง ขอบคุณมากจริงๆ”







“โธ่ คุณโจ...” พลูมแมทโอบแขนตอบ และลูบหลังให้เบาๆ







“ถึงแม้ว่าตอนแรกข้าจะกลัว แล้วก็ไม่ได้เต็มใจมาที่นี่เลยสักนิด แต่พอได้มาเจอทุกคนกลับกลายเป็นว่าข้าโชคดีเหลือเกินที่ได้มาเจอแต่คนดีๆ มีน้ำใจแล้วก็ใจดีกับข้ามาก เมื่อคืนข้าทำเรื่องบ้าๆไปโดยไม่คิดให้ดีก่อน ทำให้ทุกคนเดือดร้อนแต่ไม่มีใครโกรธหรือตำหนิสักคำ ข้าไม่รู้จะขอบคุณยังไงเลยจริงๆนะพลูมแมท”







พลูมแมทมองคนที่กำลังพูดไปป้ายหน้าเช็ดน้ำตาไปด้วยความเอ็นดู ส่วนตัวเธอเองก็ต้องสะกดกลั้นไม่ร้องไห้อย่างสุดกำลัง







“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหนีไปไหนอีกเลยนะคะ พวกเราทุกคนก็รักคุณ อยากให้คุณอยู่ที่นี่ด้วยกัน”







พลูมแมทยกมือของอีกฝ่ายขึ้นมากุมไว้ แปลกที่มือคู่นี้ปรากฏร่องรอยของคนทำงานหนักผิดวิสัยของคุณหนูลูกสาวพ่อค้าใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังจำภาพที่เกิดขึ้นได้ติดตา เมื่อรู้ว่าโจแอนหายไป นายท่านผู้ซึ่งไม่เคยมีสายตาให้สาวงามนางไหนกลับรีบบุกตะลุยไปชนิดที่ไม่มีใครตามทัน ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในป่า เกือบทั้งคืนและอีกครึ่งวันกว่าที่เขาจะกลับออกมาพร้อมกับคนที่ตามหา ทุกคนที่คฤหาสน์แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง บนหลังเจ้าสโนว์คือนายท่านที่ประคองกอดเธอไว้แนบอก แววตาอ่อนโยนทอดมอง ระวังในทุกจังหวะที่อาจทำให้เธอตกใจตื่น พอลงจากหลังม้าก็อุ้มขึ้นมาส่งถึงเตียง ตรวจดูอาการบาดเจ็บให้โดยไม่ท่าทีรังเกียจ ทั้งยังคอยเฝ้าอยู่จนแน่ใจว่าเธอหลับสนิทแล้วจึงได้ยอมให้คุณคอกซ์เวิร์ธกับลูมิแยร์ช่วยกันลากไปดูแผลที่แขน ฉะนั้นแล้ว สิ่งที่ทุกคนในคฤหาสน์ต้องการ และอยากจะร้องขอต่อหญิงสาวคนสำคัญคงไม่พ้น...







“คุณโจอยู่กับพวกเรา อยู่กับนายท่านตลอดไปเลยนะคะ”   







โจชัวร์ยังอ้ำอึ้งกับคำขอเดิมๆที่ได้ฟังนับตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาที่นี่ แม้ใจจะตอบตกลงไปกว่าครึ่งแล้วแต่คงต้องอาศัยความกล้าอีกสักหน่อยเพื่อจะยอมรับออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำ เขาจึงได้แต่ส่งยิ้มและจงใจถามถึงเจ้าอสูรเพื่อเปลี่ยนประเด็น







“นายท่านนอนพักอยู่ที่ห้อง คงจะลงไปพบคุณตอนมื้อค่ำเลยทีเดียว แต่ลูมิแยร์บอกว่าก็ยังไม่แน่ เพราะแผลที่แขนหนักเอาการอยู่ คุณคอกซ์เวิร์ธบอกว่าพอตัดแขนเสื้อออกยังตกใจว่าไปโดนอะไรมา แผลถึงได้ช้ำแล้วก็บวมมากขนาดนั้น ถามเท่าไหร่นายท่านก็ไม่ยอมบอก สั่งแต่ว่าให้ทำแผลแล้วก็ห้ามเอาเรื่องนี้มา... อุ๊ย... นี่ดิฉันเผลอหลุดปากเสียแล้ว!”







“เขาห้ามไม่ให้บอกข้าเหรอ” เขาแปลกใจและยิ่งซึ้งน้ำใจที่เจ้าอสูรไม่ถือโทษแล้วยังช่วยปิดบังความผิด เพราะหากทุกคนรู้ว่าเขาคือคนที่ทำร้ายเจ้านายจนสาหัสขนาดนั้นคงไม่ปล่อยเขาไว้แน่







“ค่ะ นายท่านสั่งไว้ว่าถ้าคุณถามก็ให้บอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่แผลเล็กน้อย ใส่ยาพันผ้าก็หาย แต่คุณคอกซ์เวิร์ธก็บอกแล้วว่าไม่ได้แย่ถึงขนาดรักษาไม่ได้ แค่อาจจะใช้เวลามากสักหน่อยกว่าแผลจะหายสนิทเท่านั้นเองค่ะ”







เมื่อรู้อย่างนี้ โจชัวร์จึงตัดสินใจบุกไปให้เห็นกับตา บรรยากาศของปีกขวาดูทึบทึมและเงียบสงัดกว่าส่วนอื่นของคฤหาสน์ เขามาหยุดอยู่หน้าประตูบานใหญ่ที่แย้มเปิดอยู่จึงไม่ได้เคาะให้สัญญาณเพราะเกรงจะรบกวนคนป่วย เมื่อเข้ามาด้านในก็ต้องปรับสายตาให้เข้ากับความมืดสลัวของห้องอยู่สักพัก เตียงหลังใหญ่ไร้เงาเจ้าของห้องแต่มีร่องรอยการนอน เขาเลยเดินสำรวจจนออกมายังห้องเล็กติดกันซึ่งมีลักษณะเหมือนห้องทำงาน กลางห้องมีโต๊ะตัวใหญ่ ผนังคือตู้กระจกซึ่งมีหนังสือจัดเก็บอยู่เต็ม และที่ชุดเก้าอี้ตรงมุมหนึ่งของห้องปรากฏร่างสูงใหญ่ที่เขากำลังตามหา







เจ้าอสูรเปลือยท่อนบนแต่มีแถบผ้าสีขาวพันทบตั้งแต่ช่วงไหล่จรดข้อศอกลามไปถึงครึ่งหนึ่งของแผงอก บาดแผลมีอาการบวมและคงเป็นสาเหตุให้เจ้าตัวกำลังหลับสนิท เขาทรุดตัวลงบนพื้นเพื่อจะได้มองคนตรงหน้าได้ถนัด ใบหน้ายามหลับไม่ต่างจากตอนอยู่ในถ้ำ เว้นก็แต่ร่องเล็กๆตรงหน้าผากที่บอกว่าอาจจะกำลังเจ็บหรือตกอยู่ในฝันร้าย เขาลองวางนิ้วลงไปเบาๆเพื่อคลายอาการขมวดคิ้ว ไม่นานใบหน้านั้นก็กลับมาดูสงบเหมือนคนนอนหลับสบาย







เขาไล่สายตาจากใบหน้าลงมาถึงไหล่กว้างและช่วงลำตัวที่ได้สัดส่วน ภายใต้เส้นขนยาวคือแนวกล้ามเนื้อเป็นมัดสวย และรอยแผลเป็นหลายแห่งซึ่งตอกย้ำชีวิตที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าเจ้าอสูรเคยผ่านอะไรมาบ้าง แม้จะเป็นนายท่านที่มีคฤหาสน์ใหญ่โต แต่รูปลักษณ์ผิดธรรมชาติย่อมไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปเห็นว่าปกติ สายตาหวาดกลัว คำพูดดูถูก หรือการขับไล่ไสส่ง เขาจะต้องใช้ความพยายามและอดทนมากมายแค่ไหนกันถึงจะผ่านวันเวลาเหล่านั้นมาได้ เทียบกันแล้ว ชีวิตลูกคนใช้ที่มีพี่สาวนิสัยแย่สองคนยังดูสบายกว่าหลายเท่านัก







“ขอบคุณ...” โจชัวร์ส่งเสียงกระซิบ เมื่อแน่ใจว่าคนฟังยังหลับสนิทจึงพูดต่อ “...สำหรับทุกสิ่งที่ท่านทำให้ข้า”







เจ้าอสูรขยับตัวเล็กน้อย มีเสียงครางเบาๆแล้วนิ่งไป มือใหญ่เลื่อนตกลงข้างลำตัว โจชัวร์รออยู่ชั่วอึดใจจึงทาบมือตัวเองลงไป ทั้งลักษณะและขนาดที่ต่างกันมากทำให้เขาแอบอมยิ้ม ฝ่ามือใหญ่มีผิวหนากร้าน ข้อนิ้วแข็ง แต่ให้ความรู้สึกอุ่นอย่างบอกไม่ถูก







“มีบางเรื่องที่ข้าอยากบอกท่าน... จริงๆควรเรียกว่าสารภาพมากกว่า...”







เขาสูดลมหายใจเข้าลึกรวบรวมความกล้า ได้กลิ่นหอมคล้ายไอแดดในสายลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้ายามเช้า ความคิดที่กำลังวุ่นวายถูกคัดกรอง ไตร่ตรอง เพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่อีกฝ่ายควรได้รู้







“ข้าไม่ใช่คนที่ท่านคิดว่าข้าเป็น... ข้าไม่ใช่ลูกสาวที่พ่อต้องส่งตัวมาแต่งงานกับท่าน ถ้าจะเอาให้ง่ายและตรงที่สุดก็คือ... ข้าเป็นผู้ชาย เป็นลูกชายคนเดียวของพ่อ ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่ทุกคนคิด”







นี่อาจเรียกว่าเป็นแค่การซ้อม ยังไม่ใช่การสารภาพความจริงต่อหน้า  แต่เมื่อพูดออกมาแล้วก็เหมือนได้ระบายความอึดอัดออกไป ทำให้รู้สึกหายใจโล่งขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มาถึงที่นี่







“ข้ามีพี่สาวสามคน และคนที่ควรจะถูกส่งมาที่นี่จริงๆคือเบลล่า นางเป็นคนสวย นิสัยน่ารักแล้วก็ใจดีมาก ถ้าท่านได้พบจะต้องตกหลุมรักแน่ๆ แต่เบลล่ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว ทั้งสองคนรักกันมาก และข้าเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นจะรักและดูแลพี่สาวของข้าเป็นอย่างดี พวกเขาควรจะได้แต่งงาน มีลูกๆที่น่ารักและมีครอบครัวที่มีความสุข ส่วนเหตุผลว่าทำไมข้าถึงกลายเป็นคนที่ถูกส่งมาแทนพี่สาวอีกสองคนมันก็ไม่สำคัญอะไรแล้วล่ะ เพราะถึงยังไงข้าก็ไม่ได้ถูกบังคับเสียทีเดียว อย่างน้อยข้าก็ได้มีโอกาสทำอะไรเพื่อครอบครัว ได้ทดแทนพระคุณของพ่อ หากจะมีอะไรที่ทำให้เสียใจก็คงเป็นเพราะต้องมาโกหกหลอกลวงท่านและทุกคนที่นี่ ข้าไม่รู้ว่าจะกล้าบอกความจริงกับท่านเมื่อไหร่ แต่ถ้าวันนั้นมาถึง ขอท่านได้โปรดให้อภัย หรือหากเห็นว่าความผิดของพวกเราร้ายแรงจนยกโทษให้ไม่ได้จริงๆก็ขอให้ลงโทษข้าคนเดียว ข้ายินดีรับผิดและจะชดใช้ให้ท่านทุกอย่าง โปรดเมตตาละเว้นพ่อกับพวกพี่ๆด้วยเถิด”







โจชัวร์ซบหน้าลงกับฝ่ามือใหญ่ หวังได้ไออุ่นช่วยปลอบประโลมความรู้สึกผิดที่เกาะกินใจ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่ใช่คนเข้มแข็งอย่างที่ใครๆคิด เมื่อไม่เป็นที่ต้องการของครอบครัว เขาก็เลือกที่จะหนี หลบซ่อน พยายามทำตัวให้เล็กจนเสมือนไม่มีตัวตนในบ้าน เมื่อต้องย้ายไปอยู่นอกเมือง เรื่องของแกสตันทำให้เขาไม่เป็นที่ต้อนรับ ถูกตราหน้าว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องวิปริต เขาก็ยิ่งหลีกหนีจากผู้คน วันๆใช้เวลาไปกับงานบ้าน อยู่แต่กับต้นไม้ พืชไร่และสัตว์เลี้ยง แต่ที่คฤหาสน์นี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือ เขารู้สึกถึงความจริงใจ ได้รับการต้อนรับอันอบอุ่น และเป็นที่ต้องการของทุกคนอย่างแท้จริง ความรู้สึกเหล่านี้เหมือนของขวัญที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต มันดีจนเขาหวงแหน และหวาดกลัวหากจะต้องสูญ... 







อาการเคลื่อนไหวทำให้ความคิดหยุดชะงัก เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นดู โล่งอกที่เจ้าอสูรคงเพียงแค่ขยับตัว เลยถือโอกาสทบทวนความรู้สึกที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป ความประทับใจแรกที่เขามีต่อเจ้าอสูรเรียกได้ว่าติดลบ ภาพความโหดร้ายที่พ่อเล่าให้ฟังสอดคล้องกับรูปร่างหน้าตาประหลาด ยิ่งมาเจออาการอาละวาด น้ำเสียงอย่างกับตะคอก คำรามขู่แทบจะทุกคำพูด เขาก็ปักใจว่ากำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ป่าในร่างมนุษย์







ทว่าในความเป็นจริง เจ้าอสูรคือตัวอย่างอันดีที่พิสูจน์ว่ารูปลักษณ์หรือการแสดงออกหาใช่เนื้อแท้ที่ซ่อนอยู่ภายใน ผู้ที่มีรูปกายอย่างสัตว์ร้ายกลับเป็นมิตรและมีน้ำใจกับมนุษย์ทุกคนไม่เลือกหน้า เขาทุ่มเทกำลัง ยอมเสี่ยงแม้แต่ชีวิตตัวเองเพื่อให้เด็กน้อยได้คืนสู่อ้อมอกของพ่อแม่ และภายใต้ท่าทางวางอำนาจ บังคับขู่เข็ญสารพัด โจชัวร์กลับพบว่าตัวเองมีอิสระเกินกว่าฐานะนักโทษ เขาไม่เคยถูกกักขัง หรือบังคับฝืนใจในสิ่งที่ไม่ต้องการ ดูอย่างเรื่องการขอแต่งงานแสนน่าขัน เจ้าอสูรเพียรเอ่ยปากขอ เมื่อถูกปฏิเสธก็ได้แต่เฝ้ารออย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเสียเวลารออีกนานแค่ไหน







ไม่เพียงเท่านั้น ทุกสิ่งที่เจ้าอสูรทำยังเหมือนเป็นการซื้อใจจากเขาไปได้ทีละน้อย การตามเข้าไปหาตัวถึงในป่าทั้งๆที่เสี่ยงต่ออันตราย ความเอาใจใส่จนเห็นอาการบาดเจ็บที่เขาพยายามซ่อนไว้ และการยอมตามใจแม้แต่ในเรื่องไร้สาระ จนถึงตอนนี้เขายอมรับว่าหวั่นไหว หัวใจแอบมีอาการเต้นผิดจังหวะในทุกครั้งที่นึกถึง เริ่มไม่แน่ใจว่าถ้าถูกถามด้วยประโยคนั้นซ้ำอีกครั้ง คำปฏิเสธจะยังหนักแน่นเหมือนเคย เพราะหากถามถึงความกลัวที่เขามีต่อเจ้าอสูร คำตอบย่อมไม่มีทางเหมือนเดิมอย่างแน่นอน







คนที่กำลังหลับเริ่มขยับตัวและค่อยๆลืมตาขึ้นมาในที่สุด แววตาสะลึมสะลือจ้องใบหน้าชวนมองอยู่ครู่หนึ่งก็เกิดมีคำถาม







“เจ้าเป็นใคร”







โจชัวร์ถึงคราวเจอเรื่องน่าตกใจของจริง เขาเหลียวหาทั่วร่างใหญ่เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีบาดแผลไหนนอกจากฝีมือตัวเอง จำได้ว่าใช้ไม้ตีที่แขนและอาจจะลงหมัดทุบซ้ำไปอีกหลายที แต่ทำไมคนเจ็บถึงตื่นมามีอาการความจำเสื่อมไปเสียได้







“ท่านจำข้าไม่ได้เหรอ”







ดวงตาสีอำพันทอประกายกร้าวจนโจชัวร์ต้องหลบสายตา แต่ติดตรงที่ถูกอีกฝ่ายล็อคปลายคางไว้แล้วย้ำถามเสียงหนัก







“จงบอกมาว่าคนที่อยู่ตรงหน้าข้าคือใคร”







โจชัวร์วาบลึกในอก หัวใจเต้นรัวเมื่อรู้ถึงสัญญาณอันตราย เหมือนมีเสียงร้องดังในหัวว่าความลับได้ถูกเปิดเผยออกแล้ว เจ้าอสูรอาจจะแกล้งหลับและคงได้ยินเรื่องทุกอย่าง... ทุกคำที่เขาสารภาพออกไป







“ข้าคือ... โจชัวร์” เขายอมรับตามตรงและพยายามแก้ไขความผิดของตน “ข้ารู้ว่าข้าไม่ใช่คนที่ท่านต้องการ ข้าขอโทษ แต่ข้าไม่ได้มีเจตนา...”







“โจชัวร์”







เจ้าอสูรเอ่ยเรียกเพื่อหยุดอาการพล่ามที่เขารู้สึกว่าไร้สาระ น้ำเสียงและสายตาดุดันจนคนถูกเรียกใจเสีย







“คะ.. ครับ”







“ข้าบอกชายคนนั้นว่าต้องการลูกคนเล็กของเขามาชดใช้ความผิดแทน แล้วเจ้าคือ...”







“ก็ใช่ที่ข้าเป็นลูกคนสุดท้องของพ่อ แต่ว่า...”







“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็คือคนที่ข้าต้องการตัว”







โจชัวร์จ้องอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา เขานึกกลัวไปสารพัดแต่เจ้าอสูรกลับสรุปเอาอย่างหน้าตาเฉย มันง่ายจนเขารู้สึกรับไม่ได้แทน







“แต่ข้าเป็นลูกชาย ไม่ใช่ลูกสาว ข้าเป็นผู้ชายท่านไม่เห็นเหรอ!”







มือใหญ่ปล่อยปลายคางเล็กแล้วลูบข้างแก้มเบาๆ สายตาเหมือนจะส่งรอยยิ้มออกมาได้ ส่วนน้ำเสียงนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง







“เจ้าคือคนที่ข้าต้องการ จำเอาไว้แค่นี้ก็พอ”







โจชัวร์กุมหน้าอกตัวเองแน่นเพราะกลัวหัวใจจะเต้นแรงจนหลุดออกมา เขารู้ตัวว่ากำลังเขิน ทั้งใบหน้า ใบหู สองแก้ม และแม้แต่ผิวเนื้อก็รู้สึกเห่อร้อนไปทั้งหมด เขาไม่อยากให้เจ้าอสูรรู้ถึงความผิดปกตินี้ แต่พอจะลุกหนีก็ถูกคนที่นอนอยู่คว้าตัวเข้าไปเบียดกับแผงอกกว้าง   







“ท่านเจ็บอยู่นะ”







โจชัวร์รีบร้องเตือนแต่คนมีแผลกลับยิ้ม ท่าทางไม่รู้สึกรู้สาหรือสนใจผ้าที่พันตัวอยู่เลยสักนิด







“และคนที่ทำให้เจ็บก็ควรจะรับผิดชอบ” สองแขนใหญ่รัดร่างเพรียวบางไว้แนบอกในตำแหน่งที่เขาสามารถประทับริมฝีปากลงบนเรือนผมนุ่มและหน้าผากหอมๆได้ถนัด “อยู่นิ่งๆอย่างนี้ก่อน ขอพักสายตาอีกสักหน่อย เจ้าคงไม่อยากทำให้ข้าเจ็บหนักกว่าเดิมใช่มั้ยล่ะ”







เมื่อเจ้าอสูรนอนหลับตานิ่ง โจชัวร์ก็ต้องยอมทำตามคำสั่งอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่กล้ากระดุกกระดิกตัวแต่หัวใจก็ยังเต้นแรงจนรู้สึกเหนื่อยจึงทาบศีรษะลงบนร่างหนา ไออุ่นและจังหวะหัวใจหนักแน่นทำให้ผ่อนคลายลง เมื่อรู้สึกว่ายังพอขยับตัวได้ เขาจึงยกแขนออกจากอ้อมกอดแล้วลูบท่อนแขนใหญ่ที่มีขนยาวปกคลุมเบาๆ







“ท่าน...” เขาลองส่งเสียงเรียกเมื่อเวลาผ่านไปพอควร เมื่อไม่มีการตอบรับจึงลองเปลี่ยนเป็นคำอื่นที่ไม่เคยใช้มาก่อน “... นายท่าน...”







อ้อมกอดกระชับแน่นเข้าเล็กน้อยพร้อมกับสัมผัสแผ่วเบาแถวขมับบอกถึงอาการรับรู้







“เรียกอย่างนี้ตกลงว่าเจ้ายอมเป็นคนของข้าแล้วสิ”







“หรืออยากให้เรียกว่าเจ้าอสูรอีกล่ะ”







เจ้าของชื่อลืมตาขึ้นมอง ไม่ทันเห็นอาการค้อนขวับแต่ก็รู้สึกได้ว่ากำลังถูกประชด มือใหญ่แตะปลายคางเล็กให้หันมาหาแล้วสะกดไว้ด้วยแววตาเป็นประกาย 







“จะเรียกอะไรก็ตามใจ ขอแค่เจ้าเรียกหาแต่ข้าคนเดียวก็พอ”







น้ำเสียงเอาแต่ใจกระซิบแผ่วขณะประทับรอยที่ข้างมุมปากสีฉ่ำแล้วเสียดสีริมฝีปากของตนกับแก้มนุ่มทั้งสองข้าง เขี้ยวคมทิ้งรอยบางๆทั่วลำคอระหง ริมฝีปากสวยถูกดูดชิมความหวานจนร่างเพรียวบางสั่นเทิ้ม กลุ่มขนหนาถูกมือเล็กขยุ้มเพื่อประคองตัวกึ่งผลักไส แต่อาการต่อต้านอย่างนี้กลับยิ่งทำให้ถูกเชยชิมจนได้แต่ส่งเสียงครางประท้วง







“นะ.. นายท่าน...”







โจชัวร์พยายามเค้นเสียงเพื่อเรียกสติของฝ่ายที่ถูกสัญชาติญาณดิบครอบงำ แน่นอนว่าไม่ได้ผล เจ้าอสูรยังคงละเลียดเนื้อตัวเขาด้วยความกระหาย เสื้อที่ใส่ถูกดึงทึ้งเพื่อเปิดทางให้ลิ้นใหญ่สากอย่างผิวทรายครูดผ่าน ยอดอกทั้งสองถูกดูดชิมราวลูกอมรสหวาน ให้รู้สึกเสียวซ่านเหมือนในร่างกายมีคลื่นลูกใหญ่ซัดสาดลูกแล้วลูกเล่า จนเมื่อถึงที่สุดก็เกิดเสียงครวญประหลาดดังออกมาจากท้องซึ่งสามารถหยุดการกระทำทุกอย่างได้ราวกับสับสวิตซ์







เจ้าอสูรสะกดอารมณ์ตัวเองลงได้ในฉับพลัน ไม่ใช่แค่เสียงท้องร้องจะทำให้ขำจนกลั้นไม่อยู่ แต่หลักฐานคือรอยแดงที่บ่งชี้อาการหื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็ทำให้รู้สึกสงสารคนที่ตกเป็นเหยื่อ







“กระเพาะเจ้านี่ช่างไม่รู้กาลเทศะจริงๆ”







ฝ่ายหนึ่งบ่นขำๆพลางช่วยจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะอดใจไม่อยู่อีกรอบ ส่วนอีกคนก็ได้แต่ก้มหน้าแก้ตัวด้วยความเขิน







“ก็ข้ายังไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน”







“นั่นสิ ข้าเองก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน ชักจะรู้สึกว่าอะไรๆแถวนี้หอมน่ากินเหลือเกิน”







โจชัวร์ผงะ รีบเขยิบหนีจนพ้นจากระยะจู่โจม ถึงอีกฝ่ายจะเอาแต่นั่งมองเขายิ้มๆ ไม่มีท่าทีจะลุกตามมา แต่ก็ไม่น่าไว้ใจ ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ตัวว่าหิวจนแสบท้อง ร่างกายต้องการอาหารไม่ใช่ต้องตกเป็นอาหารปากหรืออาหารตาของใครทั้งนั้น







“เย็นนี้ข้าขอกินมื้อค่ำบนห้อง ส่วนตัวท่านแผลยังไม่หายดีไม่ควรลงไปข้างล่าง เดี๋ยวคุณคอกซ์เวิร์ธก็คงจะจัดสำรับกับยาขึ้นมาให้ที่นี่เหมือนกัน”







“งั้นเราก็มากินด้วยกันสิ ข้าชักไม่ค่อยชินที่จะต้องนั่งกินข้าวคนเดียวแล้ว”







“ตะ.. แต่ว่า...”







“เถอะนะโจชัวร์ เจ้าก็เห็นว่าข้าพันแผลออกทั้งตัว ไม่มีปัญญาทำอะไรเจ้าได้หรอก”







โจชัวร์ถลึงตาตอบด้วยความหมันไส้คนที่บอกว่าไม่มีปัญญาแต่สามารถทำเอาเขาลายพร้อยไปทั้งตัว มันน่าสงสัยว่าผ้าพันแผลพวกนั้นคือของจริงหรือแค่ตัวหลอกให้หลงกล เพราะฉะนั้นหากเขาจะตอบรับคำชวนก็เพื่อหาโอกาสพิสูจน์ว่าเจ้าอสูรบาดเจ็บจริงหรือตอแหล ไม่ใช่เพราะใจอ่อนต่อสายตาออดอ้อนหรือน้ำเสียงน่าสงสาร ไม่ใช่เพราะเขาเองก็คงเหงาถ้าต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเพียงลำพัง และไม่ใช่เพราะเขาอยากจะใช้เวลาอยู่กับใครบางคนให้มากที่สุด ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ไม่ใช่อย่างเด็ดขาด!











เชื่อว่าคงมีคนขัดใจ แต่ก็นะ มันบ่ายแก่แล้วอ่ะค่ะ ท้องคนเรามันจะส่งเสียงคร่ำครวญออกมาบ้างคงไม่แปลกหรอก จริงมั้ยคะ 555


นิยายเรื่องนี้เป็นแนวนิทาน ระดับความฟินจะแค่จิกหมอนเบาๆ ไม่ถึงกับซับเลือด ไม่มีฉากกินกัน อย่างมากสุดจะแค่ชิมๆแล้วตัดเข้าม่าน เข้าโคมไฟ

สำหรับคนเขียนนั้น การที่เจ้าอสูรขนยาว เวลาโดนขยุ้ม โดนกระชากแล้วมันเอสดีจัง ช๊อบ ชอบ 











^__^






----- Mine -----










หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 18-06-2017 07:28:08
เริ่มหวานแล้ว
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 18-06-2017 09:45:21
ตอนแรกวันนี้รีบตื่นมาจะอ่านนส.สอบ   เจอเรื่องนี้เเวะยาวๆไปเลย  ฮรื่อออรู้ตัวอีกทีอ่านทันถึงตอนล่ทสุดซะงั้น   รออาทิตย์หน้าจ้าาา
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-06-2017 12:47:10
 :impress2:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 19-06-2017 01:08:16
ยอมพ่ายแพ้ให้แก่นายท่านเลยค่ะ หวานเว่อร์ :impress2:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 19-06-2017 07:19:35
โอ๊ยย ชอบความมุน อ่านไปนิ้มหน้าบานไป
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 20-06-2017 00:54:37
โอ้ยยย. ดีงามมม พัฒนาไปอีกขั้น :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-06-2017 11:29:04
โหหหหห ชอบความเอสเวลาเขี้ยวอสูรโดนตัวน้องมาก เป็นรุ่นมีอุปกรณ์เอสเอ็มในตัวครบชุด ไม่ต้องมีโซ่แส้  อยากให้โจชัวร์โดนย่ำยีเยอะๆจะผิดไหมคะ 55555555555555555 เขินฉากเอามือขยุ้มขนมาก มันก๊าวในหัวใจเหลือเกิน ทีนี้ต่อไปน้องก็แต่งตัวแบบแมนๆได้แล้วสินะ รอตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 21-06-2017 20:30:45
น่ารักกกกกกก
โจชัวร์ก็น่ารัก นายท่านก็น่ารัก
สนุกมากๆเลยค่ะ
รอตอนต่อไปนะคะ สู้ๆนะคะคนเขียน
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Tyche ที่ 21-06-2017 23:10:59
เพิ่งเจอเรื่องนี้เลยอ่านรวดเดียวเลยค่ะ เป็นเลิฟซีนที่เขินมาก ฮือออ นายท่านอ่อนโยนกับน้องหน่อยเดี๋ยวน้องช้ำน้าา
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 23-06-2017 08:45:17
โอยยย เขินนน
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 10 (25/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 25-06-2017 05:18:40








Heartbeat 












: A Retelling of Beauty and the Beast













ถึงวันอาทิตย์แล้วก็ได้เวลานัดของเจ้าอสูรกับโจชัวร์กันค่ะ


มีน้องคนอ่านพูดถึงประเด็นเสื้อผ้าของโจชัวร์ เอาจริงๆ หนูโจก็นุ่งกระโปรงอยู่ไม่กี่ฉาก ก็จะมีตอนที่เดินทางมา กับตอนมื้อค่ำวันแรกๆ ส่วนนอกนั้นนางจัดการรื้อตู้เสื้อผ้า โละกระโปรงทิ้งซะหมด จนพลูมแมทยังขัดใจบอกว่า ขืนใส่แต่กางเกงก็กลายเป็นเด็กผู้ชายกันพอดี แต่ด้วยลุคส์หวานน่ารัก ผมยาวสวยเคลียบ่าอีก ก็คิดว่าถึงจะพยายามแค่ไหน คงออกมาแนวทอมหน้าหวานซะมากกว่าค่ะ


สำหรับตอนนี้จะขอพักซีนซี้ดๆ เสียวๆ กลับไปส่องความเป็นไปที่บ้านของหนุ่มน้อยของเรากันสักหน่อย จะถือเป็นการตั้งเค้าดรามาหรือไม่นั้น ไปติดตามกันเลยจ้า

























10










ในช่วงเวลาเช้าที่แสนสงบ บนโต๊ะอาหารของบ้านหลังใหญ่สมฐานะของผู้คอยดูแลทุกข์สุขของหมู่บ้าน หลังจากคนรับใช้เข้ามาทำตามหน้าที่และถอยออกไป นายอำเภอจึงได้โอกาสเอ่ยถามถึงลูกชายคนเดียวซึ่งแม้จะตื่นสายเป็นประจำ แต่ทั้งเขาและภรรยาต่างรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติมาระยะหนึ่งแล้ว






“ออกไปข้างนอกก่อนคุณจะลงมาสักพักล่ะมั้ง” ผู้เป็นภรรยาสบตากับสามีซึ่งมีสีหน้าไม่ต่างกัน








“เห็นบอกว่าวันนี้จะไปช่วยคุณสมิทธิ์ซ่อมหลังคาคอกสัตว์ แม่วัวใกล้จะตกลูกแล้ว อากาศก็หนาว ถ้าไม่รีบทำให้เรียบร้อยจะแย่เอา แต่ก็รู้กันอยู่ว่าตาเฒ่าทั้งปากร้ายแล้วยังขี้เหนียวจนไม่มีใครอยากยุ่งด้วย ไม่รู้เจ้าลูกเรานึกยังไงถึงได้ขันอาสา”








“ไม่ใช่แค่บ้านตาเฒ่าสมิทธิ์หรอก เธอเองก็รู้ว่าช่วงนี้แกสตันมันชักแปลกๆ เที่ยวช่วยเหลือคนโน้นคนนี้ยิ่งกว่าพวกสังคมสงเคราะห์เสียอีก ทั้งๆที่เมื่อก่อนวันๆมันทำอะไรที่ไหน ได้แต่โฉบไปจีบสาวบ้านโน้นที มาเหล่หญิงบ้านนี้ที หรือไม่ก็เข้าป่าล่าสัตว์เอาสนุกๆ งานการไม่เคยคิดจะสนใจ ขนาดว่าข้าสั่งให้มาช่วยงานของอำเภอ หวังจะให้สืบทอดตำแหน่งใหญ่โตต่อไปในอนาคต มันก็บ่ายเบี่ยง ผัดผ่อนไม่ยอมทำไปเรื่อยจนข้าขี้เกียจจะยุ่งกับมันแล้ว”








นายอำเภอออกปากบ่นยาวเหยียดแล้วจิบกาแฟอึกใหญ่แก้คอแห้ง รสขมของเครื่องดื่มข้นคลั่กยังไม่เท่ากับความทุกข์ของคนเป็นพ่อที่มีลูกชายไม่ได้ดั่งใจ








“ก็นั่นน่ะสิ นอกจากไม่เอาการเอางาน ลูกชายเรายังมีเรื่องผู้หญิงให้ปวดหัวได้ไม่เว้นแต่ละวัน นี่ยังดีที่เขารู้จักระวังตัว ไม่อย่างนั้นเราคงได้มีลูกสะใภ้ต่อแถวกันยาวจากหน้าที่ว่าการไปจนสุดเขตอำเภอแล้ว”








ฝ่ายภรรยาผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันก็อดปรับทุกข์ในเรื่องเดียวกันไม่ได้ ด้วยความที่มีลูกชายคนเดียว เธอกับสามียอมรับว่ารักและตามใจเขามาก แกสตันเป็นชายหนุ่มที่มีภาษีดีกว่าใคร เกิดในครอบครัวที่สืบเชื้อสายนายอำเภอมาหลายต่อหลายรุ่น ในวัยเด็กทั้งแข็งแรง หน้าตาน่ารัก ถึงจะเกเรไปบ้างก็ไม่มีใครถือสา พอโตเป็นหนุ่มก็มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา เป็นขวัญใจของสาวๆทั้งในหมู่บ้านเดียวกันและต่างถิ่น ซึ่งเจ้าตัวเองก็รู้ถึงจุดนี้จึงยิ่งบริหารเสน่ห์เสียจนบางครั้งเธอและสามีก็เข้าหน้าพ่อแม่ของเด็กสาวพวกนั้นไม่ติด โชคยังดีที่ไม่เคยมีเรื่องราวอื้อฉาวหรือพลาดท่าเสียทีจนถูกจับแต่งเป็นลูกเขยบ้านไหน








“เรื่องนี้ต้องเรียกว่ามันได้เชื้อพ่อไปเต็มๆ รูปหล่อ คารมดี สาวๆคนไหนก็อยากได้”








“แหม ยังจะมีหน้าหัวเราะอีกเหรอคะ นี่ฉันไม่ได้กำลังชมลูกชายเราอยู่นะ อย่าเข้าใจผิด”








“ข้ารู้หรอกน่ะ แค่ไม่อยากให้เธอหงุดหงิด อารมณ์เสียไปก็เท่านั้น” เขาบอกพลางตบหลังมือภรรยาเบาๆ








“แล้วจะให้ฉันยังยิ้มได้อยู่อีกเหรอที่เห็นลูกชายเรากลายเป็นแบบนี้ ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น จากคนไม่เอาถ่าน ดีแต่ทำตัวหล่อไปวันๆ อยู่ดีๆก็กลายมาเป็นคนเอาการเอางาน ตื่นแต่เช้าออกไปดูแลแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน ไม่ว่าใครเดือดร้อนเป็นต้องปรี่เข้าไปช่วยโดยไม่รับเงินทองหรือของตอบแทนอะไรทั้งนั้น”








เธอจบคำด้วยเสียงถอนหายใจ จานอาหารถูกเลื่อนออกจากตัว อารมณ์ขุ่นมัวพาลให้ไม่รู้สึกอยากกินอะไรทั้งนั้น








“จากเพลย์บอยกลายเป็นพ่อพระเลยใช่มั้ยล่ะ”








“ก็ใช่น่ะสิ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ดีใจนะที่ลูกกลายเป็นคนดี แต่... เฮ่อ! ฉันก็ไม่อยากจะคิดหรอกว่ามันเป็นเพราะอะไร”








นายอำเภอเห็นสีหน้าบิดเบี้ยวของภรรยาแล้วก็ยิ่งขมขื่น เขาเคยช่วยลูกบ้านแก้ปัญหามาร้อยแปดอย่าง ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่งจะมาจนมุมด้วยเรื่องของลูกชายตัวเอง








“คุณไม่คิดแต่เราทั้งคู่หรือใครๆในหมู่บ้านต่างก็รู้แก่ใจ ยอมรับเถอะว่าลูกชายเราเปลี่ยนไปเพราะเด็กหนุ่มคนนั้น”








“ฉันไม่อยากพูดให้เป็นเสนียดปากนี่คะ ไม่อยากจะคิดถึงเลยด้วย”








“ข้าก็ไม่อยากยอมรับแต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะในเมื่อลูกเรามันเป็นไปขนาดนั้นแล้ว”








คำพูดมีนัยปล่อยวางทั้งที่รู้ว่ายากเต็มที หลายครั้งที่เขาพยายามหาเหตุผลเพื่อหาทางออกให้กับปัญหา ภาพของเด็กหนุ่มนามว่าโจชัวร์ก็จะปรากฏชัดขึ้นมา ใบหน้าที่ต้องยอมรับว่าน่ารักน่ามองจนพี่สาวทั้งสามเทียบไม่ติด อุปนิสัยสุภาพอ่อนน้อม มีความฉลาดเฉลียวแถมยังขยันขันแข็ง ไม่เกี่ยงงานหนักเบา แม้จะชอบเก็บตัว ไม่ถนัดการออกสังสรรค์แต่ก็เป็นที่กล่าวถึงว่ามีหลายครอบครัวอยากได้เป็นลูกเขย








ตัวเขาเองรู้สึกเอ็นดูเด็กหนุ่มอยู่ไม่น้อย ส่วนตัวคุณมอร์ริสนั้นเป็นคนนิสัยใจคอใช้ได้ น่าคบหาสมาคมด้วย ถึงจะล้มเหลวด้านการค้าแต่ก็ถือว่ามีสมอง ถ้าเขาเลือกตั้งรกรากที่นี่ก็น่าจะสร้างประโยชน์ให้กับหมู่บ้านได้มาก พอแกสตันแสดงท่าทางสนใจ เขายังนึกดีใจที่ลูกชายฉลาดเลือกคบคน ยิ่งเขาทำตัวดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มรู้จักหยิบจับงานการ ใส่ใจทุกข์สุขของคนรอบตัว ในฐานะคนเป็นพ่อก็ยิ่งนึกขอบคุณครอบครัวนี้








เขามาเอะใจในความผิดปกติเมื่อเริ่มมีข่าวเข้าหูว่าเจ้าลูกชายกำลังสนใจผู้ชายด้วยกันเอง ข่าวลือคงเริ่มในหมู่ผู้หญิงที่เห็นว่าแกสตันหายหน้าไปจากพวกเธอแต่กลับโผล่ไปบ้านคุณมอร์ริสได้ทุกวัน หากเป้าหมายใหม่คือหนึ่งในสามสาวพี่น้องก็คงไม่กระไรนักหนา แต่พอกลับตาลปัตรกลายเป็นโจชัวร์ไป ความอิจฉาของผู้หญิงจึงทวีขึ้นเป็นแรงริษยา ยิ่งแกสตันตั้งท่าปกป้องโจชัวร์ทุกอย่างยิ่งทำให้รู้สึกเสียหน้าที่แพ้ผู้ชาย พวกเธอก็ยิ่งแสดงท่าทางรังเกียจ กล่าวหาว่าเป็นพวกวิปริต ทำเรื่องผิดธรรมชาติ จนพาลให้คนทั้งหมู่บ้านตั้งป้อมกับเด็กหนุ่มตามไปด้วย 








“ตอนที่เจ้าเด็กโจชัวร์นั่นหายตัวไป ฉันก็นึกว่าอะไรๆจะดีขึ้น ที่ไหนได้!”








ฝ่ายภรรยาชวนคุยต่อ ถึงจะพยายามสะกดกลั้นก็ไม่วายใส่อารมณ์ลงในน้ำเสียง ทีแรกเธอนึกชังครอบครัวนี้ โดยเฉพาะลูกสาวคนโตทั้งสองซึ่งมีนิสัยทรามอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน ชอบโอ้อวดความร่ำรวยทั้งที่ความจริงจนกรอบ เอะอะก็ยกเรื่องฟุ้งเฟ้อในอดีตมาข่ม เหน็บคนอื่นๆว่าเป็นได้แค่พวกบ้านนอกไร้รสนิยม ส่วนลูกสาวคนที่สามท่าทางอ่อนแอขี้โรค วันๆได้แต่เก็บตัวอยู่ในบ้านเลยไม่น่าสนใจ จึงมีแต่เด็กหนุ่มที่พอเป็นหน้าเป็นตาด้วยความเพียบพร้อมในทุกด้าน ทั้งหน้าตาน่าเอ็นดู มารยาทก็เรียบร้อย ความสามารถรอบตัวทั้งงานบ้าน งานครัว งานในไร่ แถมยังเป็นคนมีน้ำใจ จะใช้ไหว้วานให้ช่วยอะไรก็ไม่เคยเกี่ยงงอน








เธอยอมรับว่าเคยผิดสังเกตในสายตาและการแสดงออกของแกสตัน แต่ก็ให้เหตุผลกับตัวเองว่าเขาคงเหงา เลยให้ความรักและเอ็นดูเด็กหนุ่มเหมือนน้องชายคนหนึ่ง เธอพยายามทำเป็นไม่เห็นว่าลูกชายทุ่มเททั้งเวลา ข้าวของและความเอาใจใส่ พยายามไม่ฟังคำซุบซิบนินทา และช่วยแก้ต่างว่าทั้งคู่บริสุทธิ์ใจต่อกัน จนเมื่อโจชัวร์ออกไปจากหมู่บ้าน เธอยังนึกว่าจะได้ลูกชายคนเดิมกลับคืนมา แต่พระเจ้ากลับไม่ฟังคำสวดอ้อนวอน คงไม่ทรงเห็นความพยายามทั้งหมดของเธอ แกสตันจึงยังหมกมุ่นและหลงเดินทางผิดจนถลำลึกขึ้นเรื่อยๆ เขาทำเหมือนเด็กคนนั้นยังอยู่ ทำอย่างที่โจชัวร์ชอบ ทำอย่างที่โจชัวร์อยากให้ทำ และทำเพื่อเวลาที่โจชัวร์กลับมาเห็นแล้วจะต้องดีใจ ในทุกขณะความคิดของแกสตันมีแต่โจชัวร์ๆๆๆๆจนคนเป็นแม่จะบ้าตายแทนอยู่แล้ว








“คุณอย่าคิดมากเลย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เราคอยดูกันไปก่อน ไม่แน่ว่าพอเวลาผ่านไปอีกสักพัก แกสตันอาจจะคิดได้หรือไม่ก็ลืมแล้วจะได้เลิกทำตัวบ้าๆ ต่อให้มันกลับไปเสเพล ทำตัวไร้สาระไปวันๆอย่างแต่ก่อนข้าก็ยอม จะไม่ว่าอะไรมันสักคำ”








“แล้วตกลงว่าคุณรู้มั้ยว่าเด็กโจชัวร์นั่นหายไปไหน ฉันถามใครก็ไม่มีใครรู้ คนบ้านนั้นก็ปิดปากเงียบกันหมด แถมยังทำตัวประลาด พอมีเงินมีทองเหมือนเดิมแต่ไม่ย้ายกลับเข้าเมือง ลูกชายลูกสาวหายไปทั้งคนก็ไม่พูดถึง ไม่แจ้งความ ไม่ตามหา ทำตัวลึกลับพิกล!”








“ผมคุยกับมอร์ริสแล้ว เขาบอกว่าแก่ตัวลงทุกวันเลยไม่อยากกลับไปเริ่มต้นใหม่ อยากจะใช้ชีวิตในที่ที่เงียบสงบอย่างหมู่บ้านของเรามากกว่า ส่วนเรื่องลูกๆก็วางใจได้แล้ว ลูกสาวคนเล็กย้ายไปอยู่กับคู่หมั้นเพื่อเตรียมตัวแต่งงาน ลูกสาวอีกสองคนถึงจะอยู่เป็นโสดก็มีสมบัติพอเลี้ยงตัว ไม่ลำบากอะไร ส่วนลูกชายเขาบอกแค่ว่าไปทำธุระที่อื่น แต่เรื่องว่าจะกลับมามั้ย หรือกลับเมื่อไหร่ไม่ยอมปริปากเลยสักคำ”








“ฉันเองก็ลองถามแกสตันว่าโจชัวร์หายไปไหน ท่าทางลูกจะไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็ยังหาเรื่องไปขลุกอยู่บ้านนั้นได้ทุกวัน ฉันว่ามันน่าสงสัย ไม่รู้ว่าทั้งคุณมอร์ริสหรือแกสตันจะแอบมีความลับอะไรกับพวกเราอยู่หรือเปล่า”








นายอำเภอสบตาภรรยาแล้วรู้สึกถึงความกังวลที่มีร่วมกัน ซึ่งการคาดเดาของทั้งคู่ไม่ถูกต้องทั้งหมด ความจริงคือแกสตันก็ไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่าคนอื่นๆ เขาพลาดท่ามารู้เรื่องเมื่อโจชัวร์ออกเดินทางจากบ้านไปแล้ว และไม่ว่าจะเพียรพยายามเค้นถามแค่ไหน คุณมอร์ริสก็ปิดปากเงียบ ทั้งยังสั่งห้ามลูกสาวสองคนที่เหลือไม่ให้พูดถึงน้องชายอย่างเด็ดขาด








แกสตันเชื่อว่าการจากไปของโจชัวร์ต้องมีเงื่อนงำบางอย่าง เพราะจู่ๆฐานะของครอบครัวก็ฟื้นกลับมาร่ำรวยยิ่งกว่าเก่า ข้ออ้างที่ว่าพบเรือสินค้าที่สาบสูญไปแต่หักกลบลบหนี้ก้อนโตแล้วก็ไม่น่าจะมีเงินทองเหลือมากมายนัก แต่พอโจชัวร์จากไปไม่ทันข้ามวัน แมรี่ก็ออกคำสั่งระดมช่างทั่วทั้งหมู่บ้านมาซ่อมแซมตกแต่งบ้านจนมีสภาพเหมือนใหม่ในพริบตา สองสาวจับจ่ายใช้สอยมือเติบ กวาดซื้อทุกอย่างโดยไม่ถามถึงราคา ส่วนคุณมอร์ริสยังคงมีชีวิตเรียบง่าย และเหมือนจะใช้เวลาส่วนใหญ่เฝ้าคิดถึงใครบางคน








“เจ้าอีกแล้วเหรอ”








เจ้าของบ้านเอ่ยทักด้วยคำถามเดิมๆพร้อมอาการส่ายหัว ระอาใจกับความดื้อด้านของคนที่เสนอหน้ามาได้ทุกวัน ฝ่ายผู้มาเยือนก็เพียงโค้งศีรษะแสดงความเคารพแล้วเลี่ยงไปให้อาหารแม่ไก่เหมือนอย่างที่เคยทำ เขาได้บอกชัดไปตั้งแต่ครั้งแรกๆแล้วว่าจะมาจนกว่าจะได้รู้เรื่องของโจชัวร์ ถ้าคุณมอร์ริสไม่ยอมพูดก็ต้องทนเห็นหน้าเขาจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง









แม้จะออกปากไล่หรือแสดงท่าทีหมางเมิน คุณมอร์ริสก็อดนับถือน้ำใจของชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้








‘ได้โปรดบอกข้าทีเถอะว่าโจชัวร์ไปไหน ท่านลุงให้เขาไปทำธุระอะไร บอกทางมา หรือแค่ชื่อหมู่บ้านแล้วเดี๋ยวข้าจะหาทางตามเขาไปเอง... ถ้าระหว่างทางเกิดเรื่องจะทำยังไง ถ้าเกิดอุบัติเหตุ หรือไปเจอโจรผู้ร้ายจะมีใครช่วยได้ทัน... แล้วเขาจะไปนานแค่ไหน กินอยู่อย่างไร อยู่กับใคร จะมีใครดูแล จะลำบากมากหรือเปล่า... โธ่! อย่าเงียบสิท่านลุง ข้าเป็นห่วงโจชัวร์จริงๆ ท่านบอกข้าหน่อยเถอะนะ’








เขาเกือบจะใจอ่อนกับภาพที่แกสตันพยายามขอร้องอ้อนวอน แต่เขาเองก็จนใจและไม่รู้จะอธิบายอย่างไรไม่ให้ถูกมองว่าเป็นเรื่องเหลวไหล หากไม่เห็นด้วยตาใครจะเชื่อว่าโลกนี้มีสัตว์ป่าในคราบมนุษย์ และถึงจะยอมเชื่อก็คงตราหน้าเขาว่าเป็นพ่อที่โหดร้ายที่ยอมส่งลูกไปเป็นเหยื่อของจอมอสูร เขาจึงได้แต่บอกว่าไม่รู้ ส่วนแมรี่กับเบตตี้ถึงเขาไม่สั่งห้ามก็คงไม่ปริปากอยู่แล้ว แน่นอนว่าคนอย่างแกสตันไม่ยอมเชื่อและยิ่งตื๊อหนักข้อขึ้นทุกที ชายหนุ่มแวะเวียนมาที่บ้านทุกวันโดยอ้างว่ามาดูแลแปลงผักและเล้าไก่ที่โจชัวร์เคยเอ่ยปากฝากไว้ โดยไม่ลืมเผื่อแผ่ความเอาใจใส่มาถึงคนแก่เช่นเขา








“ท่านลุงไม่สบายหรือเปล่า สีหน้าดูไม่ค่อยดี เสียงก็แห้งเหมือนคนจะเป็นหวัด”








“ก็นิดหน่อย แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แล้วนี่เจ้ากำลังจะทำอะไรอีกล่ะเนี่ย” มอร์ริสถามกลับเพราะเห็นอีกฝ่ายยืนทำท่าแปลกๆอยู่สักพักจนเขาต้องตามออกมาดูด้วยความสงสัย








“ข้ากำลังดูว่าจะต่อเติมเล้าให้ใหญ่ขึ้นเพราะคิดว่าจะหาพ่อไก่มาเพิ่มสักตัว ทีนี้ก็จะได้ทั้งไข่ไว้กินแล้วก็ฟักเป็นตัวได้ โจชัวร์บอกว่ายังไม่เคยจับลูกเจี๊ยบตัวเป็นๆ ข้าเลยอยากทำไว้ให้ ถ้าเขากลับมาเจอเข้าคงดีใจมาก”








อดีตพ่อค้าใหญ่ลอบถอนใจเบาๆ รู้สึกใจอ่อนยวบลงอีกหลายส่วน ถ้าโจชัวร์เป็นผู้หญิง เขาคงจะดีใจมากที่มีผู้ชายดีๆมาชอบลูกสาวของเขามากขนาดนี้ แต่เมื่อไม่ใช่ เขาจึงต้องทนใจแข็งต่อไป








“อ้อ! ข้าอยากจะปรึกษาท่านลุงอยู่พอดีว่าหมดจากข้าวโพดชุดนี้จะปลูกอะไรกันต่อ โจชัวร์เคยบอกว่าให้พอแค่นี้แต่ข้าไม่อยากปล่อยที่ดินให้ร้าง มีแต่หญ้าขึ้นรกจะพาลทำให้บ้านดูไม่สดชื่นไปด้วย ใจจริงข้าอยากปลูกดอกไม้ ถ้ากะระยะเวลาให้ดีก็จะบานทันตอนที่โจชัวร์กลับมา ท่านลุงเคยบอกว่าเขาจะกลับมาเมื่อไหร่นะครับ”








ดวงตามากประสบการณ์มองรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าหล่อเหลารุ่นลูกแล้วตอกกลับเบาๆ








“ถึงข้าจะแก่แต่ไม่โง่ แล้วก็ยังไม่หลงๆลืมๆ อย่ามาหลอกถามเสียให้ยาก”








“โธ่! ท่านลุงก็คิดมากไปได้ ข้าแค่อยากรู้จริงๆ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรเลย”








“เอาเถอะ เจ้าจะปลูกหรือจะทำอะไรก็ตามใจ ถึงยังไงลูกข้าก็คงไม่ได้กลับมาเร็วๆนี้หรอก”








“เขาจะไปนานมากเหรอครับ”








ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงที่ส่งมาพร้อมคำถามกระทบใจจนคุณมอร์ริสยิ่งรู้สึกผิด เหมือนว่าเขาได้ทำลายชีวิตของลูกชายคนเดียวและชายหนุ่มผู้นี้ไปพร้อมกัน 








“เจ้าอย่าถามข้าอีกเลยนะแกสตัน ทางที่ดีเจ้าควรจะลืมโจชัวร์ซะ กลับไปอยู่ในที่ทางของเจ้า อย่าเอาชีวิตมาผูกติดกับลูกของข้าอีกเลย”








แกสตันหน้าเสียกับความหมายของคำพูดตัดรอนที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดี ทั้งน้ำเสียงยังฟังดูแห้งแล้ง สิ้นหวัง ราวกับว่าคนพูดก็ยังไม่เชื่อว่าจะได้พบลูกชายของตนอีกครั้ง 








“ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้หรอกท่านลุง เพราะนับแต่ที่ข้าได้เจอโจชัวร์ หัวใจก็ไม่เคยเป็นของข้าอีกเลย ทุกคนอาจจะคิดว่าข้าบ้า ท่านเองก็คงมองว่าข้าเพี้ยน แต่ข้ารักโจชัวร์จริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รัก แต่จะให้เลิกรักก็ยิ่งทำไม่ได้ โจชัวร์เองก็บอกให้ข้าเปลี่ยนใจอยู่ตลอด แต่ข้าบอกเขาว่าขอให้ข้าได้รอ ไม่ว่านานแค่ไหนก็จะรอวันที่เขาเปลี่ยนใจมามองข้ามากกว่าเพื่อน เขายอมให้ข้ารอแล้วท่านก็อย่าบอกให้ข้าตัดใจเลยนะท่านลุง”








“เจ้านี่มัน... ให้ตายเถอะ ข้าพูดอะไรไม่ออกเลย จะสงสารหรือเวทนาเจ้าดีล่ะเนี่ย”








“ตามใจท่านลุงเถอะ เพราะข้าไม่ได้เป็นทุกข์หรือเดือดร้อนอะไรเลย แค่ได้รักโจชัวร์ข้าก็มีความสุขที่สุดในโลกแล้ว”








ร่างสูงใหญ่ยืดอกสูดลมหายใจเต็มปอด รอยยิ้มกว้างส่งให้ดวงตาสีน้ำเงินเข้มทอประกายแห่งความสุข








“เฮ่อ! เอาล่ะ ข้ายอมแพ้ ขอนับถือน้ำใจเจ้าจริงๆ”








“หมายความว่าท่านลุงจะยอมบอกว่าโจชัวร์ไปไหนใช่มั้ย”








“ไม่ใช่ ข้าหมายถึงข้ายอมรับว่าเจ้ารักลูกข้าจริง ถึงแม้เจ้ากับเขาจะเป็นผู้ชายทั้งคู่ต่างหาก”








แกสตันอยากจะโห่ร้องด้วยความยินดี แม้จะไม่ใช่คำตอบที่คาดหวังทั้งหมด แต่การยอมรับจากคุณมอร์ริสก็เหมือนเข้าใกล้ความสำเร็จไปกว่าครึ่ง 








“ถ้าอย่างนั้นข้าจะขออนุญาตท่านลุงสักหนึ่งอย่าง...” เขาลองเอ่ยปาก รู้สึกลุ้นมากจนว่าที่พ่อตายอมพยักหน้า








“ถ้าโจชัวร์กลับมา ข้าจะขอรับเขาไปอยู่ด้วย ข้าขอดูแลเขาไปจนชั่วชีวิตครับ”








“เจ้ากำลังหมายถึงเรื่องแต่งงานอย่างนั้นเหรอ มันเป็นไปไม่ได้หรอก ไม่มีใครที่ไหนเขาทำกัน พ่อแม่เจ้าก็คงไม่ยอม”








“ถึงเราจะแต่งงานกันไม่ได้ แต่ข้าสัญญาจะคอยอยู่เคียงข้างและทำทุกอย่างให้โจชัวร์มีความสุข ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ขัดขวางหรือพรากเราออกจากกัน”








“เจ้าแน่ใจแล้วนะ” เขาย้ำถาม คำตอบคือแววตาแน่วแน่อย่างที่เขามักเห็นจากชายหนุ่มผู้นี้เสมอมา “ตกลง ถ้าโจชัวร์ได้กลับมา ข้าจะยกเขาให้เจ้าโดยไม่มีข้อแม้ใดๆเลย”








 แกสตันกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจจนบรรดาแม่ไก่พากันวันวิ่งวุ่นด้วยความตกใจ ภาพความวุ่นวาย เสียงหัวเราะเอะอะเรียกความสนใจจากสองสาวที่มักยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง ถึงขนาดที่ทั้งแมรี่และเบตตี้ลงทุนคาดคั้นผู้เป็นพ่อ ทีแรกพวกเธอนึกกลัวว่าพ่อจะบอกเรื่องเจ้าอสูร ซึ่งหากหลุดรอดไปเข้าหูพวกชาวบ้านคงทำให้พวกเธอเดือดร้อนไม่น้อย แต่พอได้รู้ว่าหนุ่มหล่อประจำหมู่บ้านปักใจกับน้องชายของพวกตนมากแค่ไหน ไฟริษยาก็ยิ่งรุนแรงจนแทบเก็บไว้ไม่อยู่








“ไอ้ลูกคนใช้! พี่เกลียดมันจริงๆ ขนาดตัวไม่อยู่ก็ยังจะสร้างเรื่องได้ไม่หยุดหย่อน สมกับเป็นตัวเสนียดของบ้านเราจริงๆ”








“ใจเย็นๆแล้วก็เบาๆหน่อยเถอะพี่แมรี่ ถ้าพ่อได้ยินเข้าจะเป็นเรื่องเอา พี่ก็รู้นี่ว่าพ่อรักโจชัวร์มาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งมันถูกส่งไปให้... ไปไกลๆอย่างนี้ พ่อก็ยิ่งเอาแต่คิดถึง โทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุที่มันต้องไป พวกเราพูดอะไรเข้าหูได้ที่ไหน”








เบตตี้รีบมองซ้ายขวาให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครได้ยิน โดยเฉพาะหากรู้ถึงหูผู้เป็นพ่อจะเป็นเรื่องใหญ่ พ่อพูดเสมอว่ารักลูกทุกคนเท่ากัน ท่านอาจวางเฉยแต่ไม่เคยสนับสนุนให้พวกเธอรังแกน้อง โดยเฉพาะหลังจากเกิดเรื่อง ชื่อของโจชัวร์ดูจะเป็นของต้องห้ามที่ทำให้ท่านแสลงใจ หากพวกเธอไม่ระวังให้ดีก็คงเหมือนเอาไม้ไปแหย่รังแตน   








“พี่ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมใครๆถึงได้ทั้งรักทั้งหลงไอ้เด็กนั่นกันจนไม่ลืมหูลืมตา อย่างนายแกสตันนั่นก็อีกคน เอาแต่พร่ำเพ้อหามันแต่ไม่ชายตาแลเราสองคนเลยสักนิด เรารึอุตส่าห์ทำบ้านใหม่ แต่งเนื้อแต่งตัวดีๆให้สมหน้าสมตาก็ไม่คิดจะเข้ามาทักทายกันบ้าง เอ๊ะ! หรือเขาจะคิดว่าพี่แก่เกินไป เขาอายุอ่อนกว่าพี่นี่ใช่มั้ย เธอเห็นริ้วรอยอะไรบนหน้าพี่บ้างหรือเปล่าเบตตี้”








สาวผู้น้องแอบเบ้หน้าแล้วรีบจีบปากจีบคอตอบ








“ไม่ใช่หรอกค่ะ น้องไปสืบมาแล้ว พี่กับแกสตันเกิดปีเดียวกัน ห่างกันแค่ไม่กี่เดือน แล้วพี่ก็ยังดูสาวดูสวย ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ไม่มีไฝฝ้ารอยตีนกาสักนิด ตัวน้องนี่สิคะแย่กว่าเป็นร้อยเท่า ทั้งอ้วนแล้วยังชอบเสียงดังโวยวาย เขาคงรังเกียจน้องแน่ๆเลย”








ฝ่ายแมรี่ก็ไม่แพ้กัน เธอส่งน้ำเสียงปลอบโยนแต่ยกพัดขึ้นปิดปากที่กำลังเหยียดยิ้ม แม้จะเป็นพี่น้องที่ดูรักและเข้าขากันดี ธรรมชาติของผู้หญิงก็อดจะหาข้อเปรียบเทียบเพื่อเอาชนะกันและกันไม่ได้ ยิ่งโดยเฉพาะรางวัลในการแข่งครั้งนี้คือหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆทั้งหมู่บ้าน ต่อให้เป็นสายเลือดเดียวกัน เธอก็พร้อมจะถีบน้องสาวที่คลานตามกันมาให้พ้นทาง








“อย่าว่าตัวเองอย่างนั้นสิเบตตี้ เธอไม่ได้อ้วนมากมายอะไร คนเจ้าเนื้อนิดๆน่ะน่ารักจะตาย แลดูสุขภาพดีแล้วก็มีอันจะกิน ส่วนนิสัยก็ไม่ได้เลวร้าย เธอแค่เป็นคนตรงๆ เสียงอาจจะดังไปสักหน่อย เวลาพูดก็เลยดูเป็นคนโผงผาง แต่คนแบบนี้ใครๆก็รู้ว่าเป็นคนจริงใจ น่าคบหา”








“จริงเหรอคะพี่แมรี่ แสดงว่าแกสตันอาจจะชอบผู้หญิงอย่างน้องก็ได้...”







สาวอวบเบรกคำพูดแทบไม่ทัน เธอคงต้องยอมถอยสักก้าวเมื่อเจอสายตาที่พี่สาวส่งมา








“เอ่อ.. น้องหมายถึงชอบแบบเป็นเพื่อน  แบบคนรู้จักกันเฉยๆ ไม่เหมือนพี่แมรี่ที่เขาควรจะเลือกเป็นคนรักน่ะค่ะ”








“แหม พี่ก็ไม่อยากจะคิดอย่างนั้นหรอก แต่ถ้าเธอคิดว่าใช่ พี่ก็คงปฏิเสธอะไรไม่ได้แล้วล่ะ”








“แล้วเราจะทำยังไงต่อดีล่ะคะ ตอนนี้เริ่มมีข่าวซุบซิบเรื่องที่แกสตันยังเทียวมาบ้านเราทั้งๆที่โจชัวร์ก็ไม่อยู่แล้ว ใครๆคงคิดว่าเขาเปลี่ยนใจมาชอบพี่หรือไม่ก็น้อง แต่ถ้าทุกคนรู้ความจริง พวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”








น้ำเสียงกังวลของเบตตี้ไม่อาจส่งผลกระทบต่อแววตาเฉียบขาดของผู้เป็นพี่ ร่างผอมบางยืดแผ่นอกแบนราบขึ้นเพื่อแสดงถึงความมั่นใจเต็มเปี่ยม








“พี่จะไม่มีวันยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด! ไอ้เด็กนั่นไม่มีทางรอดเงื้อมมือของเจ้าอสูรหรอก ป่านนี้มันคงถูกจับกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกแล้ว แต่ถ้ามันโชคดี ถูกปล่อยตัวหรือหนีรอดมาได้ พี่จะทำให้มันรู้ว่ามันคิดผิดที่กลับบ้าน!”








ไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนของวัน บรรยากาศของหมู่บ้านก็ยังคงสุขสงบ ทุกคนอยู่กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย มีความรักใคร่สามัคคีกลมเกลียว การหายหน้าไปของโจชัวร์คือเหตุการณ์หนึ่งที่อาจดูไม่น่าสนใจ แต่เชื่อเถอะว่าเรื่องที่ดูไม่น่าสนใจมักจะได้รับความใส่ใจจากทุกคนจนเจ้าตัวคงไม่เชื่อว่ามีหลายคนกำลังตั้งตารอด้วยความหวัง อาจจะต่างกันก็เพียงจุดประสงค์ที่แฝงไว้เบื้องหลังเท่านั้นเอง












ตัดอารมณ์จากตอนที่แล้วดีเหลือเกิน 555



ขอย้ำอีกครั้งว่านี่คือเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูร ไม่ใช่ซินเดอเรลลาแน่นอน คอนเฟิร์ม



ส่วนแกสตันโผล่มาทีไรก็น่าจะเรียกคะแนนและความเห็นใจได้ทุกครั้ง คนเขียนเองก็ชอบพ่อหนุ่มคนนี้มากๆ มากเสียจนต้องยอมปรับพล็อตถึงสองรอบเพื่อเขา นี่ดีนะคะที่ตัดใจเขียนให้จบก่อนไปดูเวอร์ชันหนัง ไม่อย่างนั้นแกสตันคงเละแน่ เพราะในหนังช่างเลวได้ใจจริงๆ แต่ก็ขอยังไม่บอกว่าแก้อะไรไปบ้าง เอาไว้ถ้าไม่ลืม เราค่อยมาคุยกับหลังจากจบเรื่องนะ




See you next Sunday จ้า ^^









^__^








----- Mine -----







หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 10 (25/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-06-2017 06:08:41
อย่าใจร้ายกับแกสตันมากนะคะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 10 (25/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: mintra1982 ที่ 25-06-2017 08:35:22
 :-[ :-[น้องโจกะคุ๊อสูรน่าร๊ากก สงสารพ่อหนุ่มแกสตัน รักมั่นคงและจริงใจมากเลยจะเป็นไงต่อ รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 10 (25/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 25-06-2017 16:24:16
เราดูเวอร์ชั่นหนังมาแล้ว. อยากจะบอกว่าแกสตันในหนังเลวมากกกกกก แบบอยากจะเข้าไปบีบถึงในจอเลย ถ้าจะเขียนแนวแกสตันเป็นคนดีอย่าเพิ่งไปดูค่ะ 555. ล้อเล่น  อีกอย่างถ้าจะพูดถึงในหนังเบลในความรู้สึกเราใจง่ายมาก แปปๆรักแล้ว ยังงๆอยู่เลยตอนออกจากโรง
 ชอบเรื่องนี้. สนุกกก
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 10 (25/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Tyche ที่ 25-06-2017 20:51:42
ถึงแกสตันจะดีแค่ไหนแต่เราก็ยังอยู่ทีมอสูรนะคะ ฮี่~ รอตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 10 (25/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 26-06-2017 08:48:50
โอ๊ยแกสตันเอ้ยยย พ่อหนุ่มน้อย ทำไมรักมั่นอะไรขนาดนั้น

สงสารอ่ะ ต้องตัดใจนะ รู้ไหม  เค้ามีคนรักอยุ่แล้ว
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 10 (25/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: CattyMeawMeaw ที่ 28-06-2017 04:06:23
เรื่องนี้แกสตันรับบทเป็นพระรองใช่มั้ยคะ 555555
ส่วนตัวร้ายคือพี่สาวทั้งสองแทน
เป็นการฉีกแนวจากต้นฉบับเดิมได้ดีมากๆเลยค่ะ ทำให้อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อ
เราอยู่ทีมอสูรเต็มตัวเลยค่ะ เวอร์ชั่นนี้อบอุ่นและละมุนมากกกกๆ
ในหนังเราเฉยๆนะ แต่เรื่องนี้หลงรักเต็มๆเลยค่ะ   :-[
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 10 (25/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 29-06-2017 18:50:32
สนุกมากเลยค่า สนุกกว่าออริจินัลของดิสนีย์หรือแม้แต่เวอร์ชั่นที่เอ็มม่าเล่นอีกค่ะ ภาษาสวยมากกกกก การดำเนินเรื่องสนุก เราชอบมากสุดคือตรงที่ความสัมพันธ์ของตัวละครค่อยๆพัฒนาอย่างสมเหตุสมผล ไม่เหมือนในเวอร์ชั่นออริจินัลที่อยู่ๆก็รักกันซะงั้น ชอบมากค่ะ

คือ อยากให้หลายๆคนได้อ่านจนเอาไปแนะนำในกรุ๊ป

มาต่อเร็วๆนะค้า อยากอ่านต่อมาก
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 10 (25/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 29-06-2017 21:35:46
ตามมาจากห้องนิยายแนะนำนะคะ ชอบค่ะ พระนางเปิดตัวเปิดใจให้ได้รู้จักกันแล้วจะยังไงต่อ ติดตามเลยค่ะ
หนูโจน่ารักกก อ่านจากพ่อแม่แกสตันพูดถึงโจยิ่งรู้สึกว่าโจน่ารักมากขึ้น บอบบางมากขึ้นไปอีก
แค่อ่านพระนางเค้าหวานกัน ก็อยากจิให้มีโจน้อยๆเกิดขึ้น จะเป็นไปได้ม้ายยย อิอิ

แกสตันน่าสงสาร จะมีคู่กับเค้าไหมน๊า
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 10 (25/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Kyummii ที่ 30-06-2017 15:56:59
อ่านทีเดียวรวดเลยค่ะ ชอบมาก อ่านตอนของแกสตันที่มีใจให้กับโจชัวร์อย่างบรสุทธิ์ทำเอาเราจะน้ำตกตกตลอดเลยอะ ขออย่าให้พี่แกเลวตอนท้ายเลนะคะแบบทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาน่ะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 10 (25/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Kyummii ที่ 30-06-2017 15:58:37
อ่านทีเดียวรวดเลยค่ะ ชอบมาก อ่านตอนของแกสตันที่มีใจให้กับโจชัวร์อย่างบรสุทธิ์ทำเอาเราจะน้ำตกตกตลอดเลยอะ ขออย่าให้พี่แกเลวตอนท้ายเลยนะคะแบบทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาน่ะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 10 (25/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 30-06-2017 23:23:54
สนุกมากเลยค่ะ นี่อ่านรวดเดียวเลย
ตอนที่แล้วมันกร๊าวใจมากกกก  :haun4:
ชอบหนูโจชัวร์มากกกก นายท่านก็ดี กรุบกริบๆ 55555555
ปล.หมั่นไส้ยัยสองสาวนั่นมาก ตัวร้ายสุด
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 10 (25/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 01-07-2017 16:15:56
มาตามคำแนะนำค่ะ
เดี๋ยวมาอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 10 (25/ุ6/17)
เริ่มหัวข้อโดย: HisokaK ที่ 01-07-2017 19:50:34
กรี๊ดดดดดด สนุกมาาาก นี่อ่านซ้ำหลายรอบมากรอตอนใหม่มา ครั้งหน้ามาเยอะๆนะคะ :impress2: :mew1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 11 (2/ุ7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 02-07-2017 04:52:42












Heartbeat 













: A Retelling of Beauty and the Beast













หลังจากจบตอนที่แล้วมีคนอ่านสมัครเข้าทีมแกสตันกันเยอะทีเดียว แต่เราขออุ๊บอิ๊บ ยังไม่แปะฉลากว่าพ่อหนุ่มผู้มั่นรักจะเป็นพระรองหรือตัวร้ายของเรื่อง อย่างที่บอกว่ามันต้องดูกันไปยาวๆค่ะ



ขอบคุณคุณ sujusaranghae ด้วยนะคะที่เอา Heartbeat ไปโพสต์แนะนำ (รวมถึงคุณ donut4top, magarons, ดาวลูกไก่ ถ้าขาดตกใครไปต้องขอโทษด้วยค่ะ) ปลื้มมากกกก พอดีว่าช่วงนี้เนตบ้านเจ๊ง รอช่างมาแก้เราเตอร์อยู่เลยไม่ค่อยได้เข้าเล้า วันนึงเข้ามาเห็นยอดวิวพุ่งจนน่าตกใจ ต้องเอานิ้วถ่างจอให้แน่ใจว่าดูเลขไม่ผิด ขอบคุณจริงๆค่ะ



ส่วนเรื่องการเปรียบเทียบระหว่างนิยายเรื่องนี้กับต้นฉบับหรือเวอร์ชันหนังนั้น อาจจะพูดยาก เพราะหนังก็มีข้อจำกัดเรื่องเวลา วิธีการเล่าเรื่องที่ต่างกันอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวเราก็ชอบหนังเรื่องนี้มาก เขาเก็บความเป็นอนิเมชันที่อยู่ในความทรงจำไว้ได้ครบหมด เพลงเพราะ แถมยังขยายในบางจุด เช่นแกสตันก็เลวซะจนสะใจมากที่ตายๆไปซะได้ (ซึ่งดีใจมากที่ตัดสินใจเขียนให้จบก่อนดูหนัง ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้แกสตันเวอร์ชันนิยายแบบนี้)



แถมยังเซอร์ไพรส์กับตัวละครเลอฟู (ที่เป็นเพื่อนพระเอก) ที่มาสนับสนุนประเด็นเพศทางเลือกที่ไม่เคยมีในหนังของดิสนีย์มาก่อนอีกด้วย เพราะจำได้ว่าตอนดูการ์ตูนมันไม่มีนี่หว่า พอดูหนังจบนี่แบบร้องเฮ้ย! รู้สึกเหมือนว่าที่มาเขียนเรื่องนี้มันบังเอิญไปมั้ย เฮ้! ดิสนีย์ เรากับนายคลิกกันขนาดนี้เลยเหรอ

เม้าท์มาเสียยาว ก็เอาเป็นว่าขอบคุณทุกเสียงตอบรับที่มีให้เจ้าอสูรกับโจชัวร์ ไปตามกันต่อว่าความหวานของทั้งคู่จะไต่ระดับขึ้นไปถึงแค่ไหนได้เลยค่ะ















11












โจชัวร์ถือโอกาสเปิดเผยสถานภาพของตนต่อทุกคนในคฤหาสน์ น่าแปลกที่ไม่มีใครติดใจสงสัยราวกับรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นผู้ชาย แถมยังคงวางเขาไว้ในฐานะเดิม คนที่มีปัญหาที่สุดกลับกลายเป็นสาวใช้ประจำตัวที่ยืนกรานจะเก็บเสื้อผ้าทุกชุดไว้ในตู้ โดยอ้างว่าชุดสวยพวกนั้นเหมาะกับตัวเขามากกว่ากางเกงที่เขาชอบใส่ เขาทั้งขอร้อง อ้อนวอน กระทั่งออกคำสั่ง เธอก็ยังยืนกระต่ายขาเดียว อุตส่าห์วานเดบูตองท์ให้ช่วยเอาไปซ่อนก็ไม่ได้ผล สุดท้ายเป็นเขาที่อ่อนใจต้องยอมแลกกับที่เธอจะไม่บังคับให้ใส่ เรียกว่าขอแค่ได้เก็บไว้เผื่อโอกาสพิเศษซึ่งเขายังสงสัยว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างไร






ในส่วนของความสัมพันธ์กับเจ้าอสูรนับว่าดีวันดีคืน แม้จะรู้สึกเหมือนถูกหลอกใช้ โจชัวร์ก็ยังยอมรับหน้าที่พยาบาลจำเป็นคอยดูแลจนคนเจ็บหายดี วันเวลาที่ผ่านไปคือโอกาสให้ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เขารู้สึกว่าได้เปิดเผยออกไปทั้งหมดรวมถึงความรู้สึกที่นับวันจะยิ่งพิเศษขึ้นเรื่อยๆ แต่อีกฝ่ายยังมีหลายเรื่องปิดบังและตัวเขาเองก็ไม่กล้าเปิดอกถาม ถึงกระนั้นเขาก็เต็มใจรอจนกว่าจะได้รับความไว้วางใจมากพอเช่นกัน






“เป็นอะไร ไม่หิวหรือว่าเหนื่อย”






โจชัวร์หันไปส่งยิ้มบางๆแทนคำตอบและถือโอกาสวางมีดกับส้อมลงตามมารยาท เขาอาจรู้สึกทั้งสองอย่างเพราะได้ลองชิมขนมสูตรใหม่ของมิสซิสพอทส์ตอนมื้อน้ำชามากไปหน่อย ส่วนความรู้สึกเนือยๆ ไม่ค่อยสดชื่นคงเป็นผลมาจากกิจกรรมโลดโผนตลอดหลายวันที่ผ่านมา ในแต่ละวันเขาแทบจะอยู่บนหลังม้ามากกว่าเดินบนพื้น ทั้งการลองฝึกการควบคุมม้าอย่างถูกวิธี โชคดีที่ได้ฝึกกับม้าแสนรู้อย่างสโนว์ แต่ก็เล่นเอาแทบคลาน ส่วนสถานที่ไม่ใช่เฉพาะแค่ลานฝึกแต่คืออาณาเขตอันกว้างใหญ่ในการปกครองของเจ้าอสูร ถือเป็นการเรียนขี่ม้าควบคู่กับการรู้จักผู้คนและวิถีการดำเนินชีวิตของพวกเขาเหล่านั้น






“งั้นเสิร์ฟจานต่อไปเลย ได้กินของหวานๆเผื่อจะสดชื่นขึ้น”






เสียงรับคำสั่งในทันทีของคุณพ่อบ้านทำให้โจชัวร์รู้สึกว่ากำลังทำตัวเสียมารยาทกับเพื่อนร่วมทานมื้อค่ำที่นั่งห่างกันแค่ปลายมื้อเอื้อม ไม่ใช่ปลายสุดคนละด้านของโต๊ะอีกแล้ว






“ท่านอิ่มแล้วเหรอ”






เจ้าอสูรตอบด้วยรอยยิ้ม อุ้งมือใหญ่วางทาบลงบนมือเล็กเบาๆ แล้วทำท่าชะเง้อคอรอเมนูต่อไปด้วยสีหน้าตื่นเต้น ทำให้คนถามกลั้นขำ รู้สึกสดชื่นขึ้นด้วยความเอาใจใส่ที่ได้รับ






“วันนี้เข้านอนเร็วหน่อย สีหน้าเจ้าดูเพลียเต็มทีแล้ว”






“ข้าตั้งใจว่าจะค้นหนังสือต่อสักพัก มีนิทานสองสามเรื่องที่สัญญากับพินช์ไว้หลายวันแล้ว”






“งั้นให้ยกน้ำชาไปรอที่ห้องหนังสือดีมั้ย”






โจชัวร์ยิ้มค้างเมื่อจู่ๆก็มีเสียงเอะอะ คนที่โผล่มาท่าทางกระหืดกระหอบคือลูมิแยร์ซึ่งเวลาอย่างนี้ปกติจะคอยตรวจตราความเรียบร้อยโดยรอบคฤหาสน์






“เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับนายท่าน!”






เรื่องใหญ่ที่ว่าคือเหตุไฟไหม้ซึ่งมีต้นเพลิงมาจากบ้านของท่านเศรษฐี โชคไม่ดีที่ตอนนี้เขาออกไปติดต่อธุระต่างเมืองและพาคนงานชายส่วนใหญ่ไปด้วย เหลือแต่ลูกสาวคนเดียวกับพวกผู้หญิง การตรวจตราดูแลจึงอาจหละหลวม พอเกิดเหตุก็ยิ่งตระหนกจนไม่อาจควบคุมเพลิงไว้ได้แต่แรก ไฟลุกลามไปยังบ้านเรือนใกล้เคียงและกำลังจะถึงบ้านเด็กกำพร้า กลายเป็นเหตุด่วนที่เจ้าอสูรยอมรับว่าหนักมือไม่น้อย






“เจ้ารออยู่...”






“ท่านรีบล่วงหน้าไปก่อนเถอะ เมื่อตอนเย็นครูฝึกบอกว่าธันเดอร์อาการไม่ค่อยดี ท่านเอาสโนว์ไปดีกว่า ส่วนข้าจะอยู่เตรียมของที่ต้องใช้แล้วจะตามไปพร้อมรถม้ากับคนอื่นๆ”






โจชัวร์ตัดบทก่อนจะถูกสั่งห้ามให้รออยู่เฉยๆ แม้เจ้าอสูรจะอ้างถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น แต่เขาไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะเอาแต่รอการปกป้องดูแล เขาเชื่อว่าต่อให้คนอ่อนแอที่สุดถ้าตั้งใจจริงย่อมทำประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อย ดูอย่างนิทานเรื่องราชสีห์กับหนูนั่นปะไร เมื่อถึงคราวคับขัน เจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมป่าตัวจิ๋วเลยไม่ใช่หรือ






“เพราะว่ามันอันตราย เราถึงต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ ท่านรีบไปเร็วเถอะ พวกเด็กๆกำลังรออยู่ แต่ก็ต้องระวังตัวด้วย อย่าทำอะไรที่เสี่ยงเกินไปนะ”






โจชัวร์หันไปกำชับลูมิแยร์ให้คอยดูแลผู้เป็นนายให้ดีแล้วรีบผละไปเพื่อเตรียมการในส่วนอื่น ไม่ทันได้สนใจว่าเจ้าอสูรยังคงมองตามด้วยแววตาเป็นประกาย ดวงตาสีอำพันแสดงความรู้สึกมากมายจนคนสนิทออกปากแซว






“กระผมล่ะอดหวาดเสียวไม่ได้จริงๆ” ลูมิแยร์แกล้งพูดลอยๆ รอจนร่างสูงใหญ่หันมาสนใจ “ก็ลูกตานายท่านจะกินคุณโจได้อยู่แล้ว”






“มัวแต่ชักช้าอยู่ได้ จะให้ไฟมันลามมาถึงที่นอนแกด้วยหรือไง”






“ก็รอให้นายท่านมองคุณโจให้เต็มอิ่มก่อนจะได้มีแรงไปช่วยกันดับไฟยังไงล่ะขอร้าบบบ”






“ไอ้ลูมิแยร์!”












เมื่อเจ้าอสูรและคนสนิทมาถึงที่เกิดเหตุ ไฟลามมาถึงบ้านเด็กกำพร้าและกำลังโหมแรงจนไม่อาจควบคุมได้ โชคดีที่เด็กๆถูกช่วยออกมาได้ทั้งหมดโดยมีอาการบาดเจ็บบ้างเล็กน้อย แต่ในขณะที่ทุกคนเริ่มวางใจก็เกิดข่าวร้ายว่ามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งแอบกลับเข้าไปด้านในเพื่อเอาตุ๊กตาซึ่งเป็นของดูต่างหน้าพ่อแม่ที่เสียไปแล้ว ทุกคนมองเปลวเพลิงที่กำลังลุกโหมด้วยสีหน้าลำบากใจ เสียงโครมครามดังออกมาเป็นระยะบอกให้รู้ว่าตัวอาคารอยู่ในสภาพที่พร้อมจะพังลงมาได้ทุกเมื่อ






ในขณะที่หลายคนส่ายหน้า พากันถอดใจ เจ้าอสูรกลับอยากลองเสี่ยง เขารีบเตรียมตัวให้พร้อมกับการผจญเพลิง สอบถามข้อมูลจากผู้ดูแลเพื่อหาจุดที่หนูน้อยน่าจะอยู่ และยิ่งพร้อมถึงที่สุดเมื่อกำลังใจสำคัญมาทันพอดี






“ข้าคงไม่ได้รออยู่ตรงนี้เพราะจะไปดูพวกเด็กๆ กับชาวบ้านที่บ้านถูกไฟไหม้ ถ้าท่านออกมาแล้วช่วยให้ใครไปส่งข่าวด้วยแล้วกัน”






โจชัวร์ไม่ได้ห้ามปรามเพราะเคารพในการตัดสินใจและนับถือในน้ำใจที่เจ้าอสูรมีต่อชาวบ้าน ส่วนตัวเขาเองก็ตั้งใจจะช่วยทุกคนให้มากเท่าที่จะทำได้เพื่อแบ่งเบาภาระอันหนักอึ้งนี้ 






“ข้าจะเดินไปหาเจ้าด้วยตัวเองเลยดีมั้ย”






“อย่าทำพูดเล่นสิ นี่มันอันตรายมากนะ ท่านต้องระวังตัวให้มากๆ อย่าประมาท อย่ามัวแต่ห่วงเด็กจนลืมความปลอดภัยของตัวเอง เข้าใจมั้ย”






“เจ้าก็ดูแลตัวเองดีๆ ฝากพวกชาวบ้านด้วย”






โจชัวร์ยอมรับว่าไม่กล้ามองดูร่างสูงใหญ่หายเข้าไปในกองไฟจึงรีบกลับออกมายังพื้นที่ที่จัดไว้สำหรับการรักษาพยาบาล มิสซิสพอทส์นำทีมผู้หญิงดูแลคนเจ็บและจัดหาข้าวปลาอาหารแจกจ่ายให้กับทุกคน คุณคอกซ์เวิร์ธช่วยจัดการเรื่องทรัพย์สินที่เสียหาย จัดหาที่พักชั่วคราวให้ผู้ประสบเหตุและกำลังมีเรื่องลำบากใจสองเรื่องใหญ่






“เราพาคุณหนูลิเดียกลับไปพักที่คฤหาสน์รอจนกว่าคุณพ่อของเธอจะกลับมาดีมั้ยครับ”






โจชัวร์ช่วยออกความเห็นหลังจากทราบปัญหาเกี่ยวกับลูกสาวของเศรษฐีใหญ่ เธอนับว่าเป็นคนไร้ที่พึ่งพิง ไม่มีญาติพี่น้องและไม่มีใครกล้ารับเธอไปอยู่ด้วยเพราะเกรงจะไม่สมฐานะ






“กระผมเกรงว่านายท่านจะไม่พอใจ ท่านไม่ค่อยชอบให้มีคนนอกเข้าไปวุ่นวายที่คฤหาสน์”






“เอาเป็นว่าข้าจะรับผิดชอบคุยเรื่องนี้กับนายท่านเอง เพราะคุณพ่อของคุณลิเดียเป็นคนสำคัญของที่นี่ ถ้าเราดูแลเธอไม่ดีอาจจะเกิดปัญหาได้เหมือนกัน แล้วอีกอย่างคือห้องพักแขกอาจจะไม่ค่อยสะดวกสำหรับเธอ ถ้ายังไงก็ให้พักที่ห้องของข้าจะดีกว่า”






“ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าทำให้คุณโจชัวร์ลำบากไปด้วย นายท่านต้องไม่ยอมแน่ๆ”






“ยังไงก็เอาตามนี้ไปก่อนเถอะ ตัวข้าจะนอนที่ไหนก็ได้ และอันที่จริงคืนนี้ยังไม่แน่ว่าจะมีใครได้นอน ยังมีงานให้ทำอีกตั้งมากจริงมั้ย” โจชัวร์รีบสรุปและข้ามไปปัญหาที่เหลือเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสต่อรอง






“ส่วนพวกเด็กๆให้ไปรวมกันที่โบสถ์ก่อน แล้วเดี๋ยวเราบอกขอรับบริจาคเสื้อผ้ากับผ้าห่มมาเพิ่ม พวกเด็กๆเนื้อตัวมอมแมมกันหมด ถ้าได้ล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วได้นมอุ่นกับขนมสักหน่อยจะได้หายตกใจ ให้พวกแกได้นอนหลับภายใต้การดูแลของพระผู้เป็นเจ้าจะได้รู้สึกปลอดภัย ไม่ฝันร้าย ส่วนเรื่องที่อยู่ใหม่ไว้ค่อยปรึกษากันทีหลัง คุณคอกซ์เวิร์ธคิดว่ายังไงครับ”






“เป็นความคิดที่ดีมาก กระผมจะรีบไปจัดการตามนี้ให้เรียบร้อย”






โจชัวร์ไม่เพียงออกความคิดแต่ยังลงมือทำงานอย่างเต็มกำลัง แม้ใจจะพะวงกับคนที่กำลังสู้อยู่กับไฟก็พยายามอดทน ครองสติเพื่อให้ค่ำคืนยาวนานผ่านพ้นไป กระทั่งมีชาวบ้านคุยกันว่าเด็กถูกช่วยออกมาได้แล้ว ความอดทนก็สิ้นสุดลง เขาฝากงานไว้กับพลูมแมทแล้ววิ่งเต็มฝีเท้าเพื่อไปหาเจ้าของหัวใจตัวเอง






เปลวเพลิงสิ้นฤทธิ์โดยเด็ดขาดแล้ว เจ้าอสูรกำลังกำกับการตรวจสอบความเสียหายและจัดการกับซากปรักหักพังในเบื้องต้น ร่างสูงใหญ่มีสภาพไม่ต่างจากชาวบ้านที่รอดจากกองเพลิง ท่อนแขนใหญ่มีผ้าหนาพันคล้องคอไว้ ตามร่างกายปรากฏบาดแผลและรอยไหม้หลายแห่งจนคนที่เห็นยังรู้สึกเจ็บแทน และทันทีที่หันมาพบคนที่ยืนมองอยู่ สีหน้าดุดันก็เจื่อนลงจนเกือบเก้อเขิน






“แค่แผลเล็กน้อย คานมันหล่นลงมาโดนนิดเดียว ไม่ได้เป็นอะไรมาก นอกนั้นก็แค่ไฟลวกนิดๆหน่อยๆ ทำแผลไว้ดีแล้วพักเดียวก็หาย”






โจชัวร์รู้สึกว่าขาตัวเองหนักจนต้องก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว เมื่อเข้าไปใกล้พอก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะยื่นมือออกไปสัมผัส






“นิดเดียวจริงๆ แค่ยังไม่รู้ว่าแขนจะหักหรือเปล่าเลยต้องรีบดามไม้เข้าเฝือกไว้ก่อน ส่วนที่โดนไฟลวกก็เล็กน้อย แค่พอให้หอมเหมือนแกะย่างไปทั้งตัว แล้วที่เห็นแดงๆนี่ก็ไม่ใช่เลือด แต่คงมีใครเผลอทำสีหกใส่ตอนทำแผลใช่มั้ยขอรับนายท่าน”






เจ้าอสูรหันไปส่งสายตาคาดโทษคนสนิท แต่ที่ยังไม่ลงมือเด็ดขาดเพราะอย่างน้อยก็ทำให้ได้เห็นรอยยิ้มเล็กๆจากคนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เมื่อบรรยากาศเริ่มดีขึ้นจึงกล้าเอ่ยถาม






“เป็นห่วงเหรอ”






โจชัวร์มองลึกเข้าไปในแววตาคมกล้าแล้วก็รู้ว่าไม่อาจบิดคำพูดไปเป็นอย่างอื่นได้อีก






“ก็ต้องห่วงสิ แต่ที่ไม่ห้ามเพราะรู้ว่าท่านห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเอง ท่านไม่มีวันยืนมองเด็กคนหนึ่งตายในกองไฟโดยที่ไม่ช่วยอะไร ข้าถึงทำได้แค่เป็นห่วงแล้วก็สวดภาวนาให้ท่านและเด็กปลอดภัย”






เจ้าอสูรคลี่ยิ้มตาพราว มือข้างที่ยังใช้งานได้ดียื่นออกมารับมือเล็กแล้วกุมไว้ รับรู้ถึงความห่วงใยที่ส่งผ่านมาจนรู้สึกอุ่นไปถึงหัวใจ






“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะขอรับ คุณโจชัวร์ช่วยดูแลชาวบ้านเป็นอย่างดี ใครๆก็เห็นว่าคุณวิ่งวุ่นไม่ได้หยุดเลย”






“คงทำให้วุ่นวายมากกว่า คุณคอกซ์เวิร์ธกับมิสซิสพอทส์ต่างหากที่ทำทุกอย่างได้ดีอยู่แล้ว”






“อย่าถ่อมตัวสิขอรับ คุณเป็นเหมือนศูนย์รวมจิตใจ ทำให้พวกเรารู้สึกอุ่นใจไม่ต่างจากเวลาที่มีนายท่านอยู่ด้วย กระผมคิดว่าต้องเป็นเพราะคุณมีความพิเศษบางอย่างในตัว ใช่แน่ๆ นี่ล่ะคุณสมบัติของว่าที่...” 






โจชัวร์รู้สึกร้อนตัวตั้งแต่เห็นเจ้านายกับลูกน้องส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้กัน ขืนอยู่รอฟังจนจบคงเหมือนถูกจับโยนเข้ากองไฟจึงรีบหันหลังเดินหนีจากเสียงหัวเราะกวนประสาทของนายบ่าวที่จู่ๆก็เข้าขากันดีเหลือเกิน






กว่าทุกอย่างจะคลี่คลายก็ล่วงเข้าวันใหม่ ทุกคนกลับมาถึงคฤหาสน์ในสภาพอิดโรยเต็มที่แต่เมื่อเจ้าของคฤหาสน์พบว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญ มิหนำซ้ำยังมาทำให้คนสำคัญของตนต้องลำบาก เหตุการณ์จึงลงเอยไม่ต่างจากที่คุณพ่อบ้านคาดการณ์ไว้






“ถึงเป็นลูกสาวของเฮนรี่แล้วยังไง สำคัญขนาดไหนถึงจะนอนที่ห้องพักแขกไม่ได้”






เจ้าอสูรไล่บี้เอากับคนที่ออกมารับหน้า ยิ่งหัวเสียที่เห็นโจชัวร์ออกโรงปกป้องหญิงสาวที่ทำท่าตัวสั่นราวกับลูกนก






“ก็เธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว กำลังขวัญเสีย น่าจะมีคนอยู่เป็นเพื่อนสักคน แล้วอีกอย่าง ให้พักที่ห้องชั้นบนก็น่าจะสะดวกสบายกว่า”






“แต่นั่นเป็นห้องของเจ้า ข้ายกให้เจ้าคนเดียว ใครก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง”






“ถ้าท่านยกให้ข้า งั้นข้าจะให้ใครอยู่ก็ได้ไม่ใช่เหรอ” โจชัวร์แกล้งย้อนคำ แต่พอเจอดวงตาวาวโรจน์ที่บอกชัดว่าเจ้าตัวไม่อยู่ในอารมณ์ล้อเล่นก็รีบเปลี่ยนวิธีเจรจา






“น่าาาา เธอแค่อยู่รอคุณพ่อกลับมาแค่ไม่กี่วันเอง ส่วนข้าจะย้ายไปนอนที่ห้องหนังสือชั่วคราว ไม่ได้เป็นปัญหาหรือรู้สึกลำบากอะไรเลยจริงๆนะ”






เจ้าอสูรหรี่ตามองชายหนุ่มและหญิงสาวที่ยืนตัวติดกันแล้วยิ่งรู้สึกหงุดหงิด ฝ่ายหญิงเอาแต่ก้มหน้าและยึดอีกคนไว้เป็นที่พึ่ง ฝ่ายชายคงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอัศวินที่มีหน้าที่ปกป้องเจ้าหญิงถึงได้เสียงแข็ง แสดงท่าทางห้าวหาญจนน่าหมันไส้ นี่คงไม่ใช่ว่าเห็นเขาเป็นปีศาจร้ายที่ต้องถูกกำจัดให้พ้นๆทางไปหรอกนะ






“ตกลง! ให้อยู่ที่นี่ได้จนกว่าพ่อนางจะมาเอาตัวกลับไป พลูมแมทพาขึ้นไปห้องชั้นบน จัดการดูแลให้ดี อย่าให้เพ่นพ่านวุ่นวาย”






เจ้าอสูรออกคำสั่งเสียงกร้าว สาวใช้ซึ่งเข้าใจสถานการณ์จึงรีบเข้ามาแยกสาวน้อยออกไป ส่วนอัศวินหนุ่มก็ถูกอสูรร้ายคว้าตัวลากติดมือขึ้นห้องไปด้วยกัน






ความสงบจึงได้กลับคืนมาสู่คฤหาสน์ อย่างน้อยทุกคนก็มีโอกาสนอนพักสักงีบก่อนจะต้องตื่นมาเริ่มต้นเช้าวันใหม่ซึ่งอาจไม่ใช่ชีวิตในแบบที่คุ้นเคย อย่างเช่นสาวน้อยลิเดียที่หลับลงทั้งน้ำตา ชีวิตสวยงามราวเจ้าหญิงพังทลายลงในชั่วข้ามคืน แม้จะได้รับการช่วยเหลือแต่เธอก็ยิ่งหวาดกลัวเมื่อได้พบเจ้าอสูรอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก เธอรู้สึกได้ในทันทีว่าไม่เป็นที่ต้อนรับ ถ้าไม่ได้ชายหนุ่มแปลกหน้าช่วยไว้คงได้ถูกโยนออกไปนอกคฤหาสน์ในทันทีที่มาถึง






ส่วนชายหนุ่มผู้เป็นมิตรก็รู้สึกว่าตนทำพลาดไป ผลจากการทำดีกลับทำให้เขาข่มตาหลับลงยากเย็น เจ้าอสูรไม่ได้ต่อว่าหรือลงโทษ แต่ร้ายกว่านั้นคือสาปให้เขากลายเป็นหมอนข้างแล้วกอดเอาไว้ทั้งคืน แค่เพียงเขาขยับ อ้อมแขนใหญ่โตก็จะยิ่งรัดแน่น ซึ่งความจริงถ้าเขาออกแรงดิ้นสักหน่อยก็คงหลุดไปได้ แต่รอยแผลมากมายก็ทำให้ตัดใจทำไม่ลง






“ข้าไม่ได้จะหนีไปไหนสักหน่อย ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย” โจชัวร์ส่งเสียงอุทธรณ์เพราะตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาทำได้แค่กระพริบตากับขยับปาก






“ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าไปนอนขดอยู่ในเก้าอี้อ่านหนังสือทั้งคืน แต่พามานอนที่เตียง แถมกอดไว้จะได้อุ่นสบายนี่ยังไม่ดีอีกหรือไง”






“แต่ก็ไม่เห็นต้องกอดแน่นขนาดนี้ อึดอัดจะแย่ จะหายใจไม่ออกแล้วเนี่ย”






เมื่อไฟทุกดวงถูกดับไปหมด ความสว่างเพียงอย่างเดียวคือแสงจันทร์ที่ลอดผ่านมาทางหน้าต่างซึ่งไม่มากพอสำหรับเจ้าของน้ำเสียงประชดประชัน ผิดกับเจ้าของห้องที่คุ้นเคยกับความมืดสลัวขนาดนี้อยู่แล้ว






“งั้นข้าจะหายใจแทนเจ้าให้เอง”






สายตาคมกริบจดจ่อแล้วเคลื่อนต่ำลง เป้าหมายคือริมฝีปากสีกุหลาบดูน่าเย้ายวน รสหวานรัญจวนชวนให้เขายิ่งรู้สึกกระหาย ร่างน้อยดิ้นรนขัดขืน เขาก็ยิ่งตระโบมจูบ ขบเม้มริมฝีปากนุ่ม และดูดกลืนจนไม่เหลือแม้แต่เสียงครางประท้วง เขาจูบจนหมอนข้างมีชีวิตนอนหอบอยู่ในวงแขน จูบอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าสิ้นฤทธิ์ จูบปลอบอาการงอแง จูบรับขวัญที่ถูกรังแก และจูบสุดท้ายเพื่อกล่อมคนน่ารักให้หลับฝันดี













#อยากเป็นหมอนข้าง


อาจจะเป็นตอนสั้นๆที่ไม่ค่อยหวาน แต่เชื่อว่าจะอ่านจบแล้วระทวยมากกกกกกก


อย่าเพิ่งสงสัย สาวน้อยลิเดียเป็นตัวละครที่เพิ่มเข้ามา ไม่มีในนิทานหรือหนัง เดี๋ยวจะนึกไปว่าเผลอหลับเลยดูหนังไม่ครบเรื่อง แต่เธอจะโผล่มาทำไม เพื่ออะไร ไปติดตามกันต่ออาทิตย์หน้าเลยจ้า



ปล. ไม่เกี่ยวกัน เราชอบหน้ากากหมอนข้าง โดยเฉพาะเพลงHabits ทำเอาฮัมตามไปหลายวันเลย ไอซ์ร้องเพลงเพราะจริง แต่ต้องยอมรับว่าเสียงมีความเป็นวีและปาล์มมี่สูงมาก


แล้วเราเดาว่าโม่ว่าคือเดียว่า ขนลุกทุกเพลงของนาง อยากให้ซาลาเปากับซูโม่เล่นมวยปล้ำบนเวที เอาพุงชนกัน คงตะลุ้บตุ้บตั้บน่าดู 555












^__^






----- Mine -----








หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 11 (2/ุ7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-07-2017 05:22:24
จูบยังไง ไม่ติดหน้าติดเขี้ยวหรือ  :hao3:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 11 (2/ุ7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 02-07-2017 07:15:31
โอ๊ยยยยย จะทำยังไงให้วันอาทิตย์มาเร็วๆ
แต่งดี ภาษาลื่น เยี่ยมมาก
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 11 (2/ุ7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ingyunglamer ที่ 02-07-2017 17:07:31
โอยยยย ดีต่อใจ  อ่านแล้วเขิน  อยากอ่าน nc อ่ะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 11 (2/ุ7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-07-2017 17:28:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 11 (2/ุ7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 02-07-2017 20:29:20
ร้ายมากนะนายท่าน ลูกเขามีพ่อนะ เที่ยวมาจูบมาฟัดอย่างงี้ได้ไง  :o8:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 11 (2/ุ7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-07-2017 22:53:04
 :man1:

 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 11 (2/ุ7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 03-07-2017 09:40:28
ยินดีค่า คือนิยายสนุกมากจนไม่อยากให้คนอื่นพลาดค่ะ เป็น beauty and the beast เวอร์ชั่นที่ชอบสุดเลยค่ะ
อยากอ่านต่อ อยากให้อาทิตย์หน้ามาถึงไวๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 11 (2/ุ7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 03-07-2017 16:44:00
คิดผิดคิดถูกที่ให้เด็กลิเดียไปนอนห้องตัวเองฮึ

หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 11 (2/ุ7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-07-2017 12:18:01
ใจเรานี่กลัวไปหมดแล้ว อย่าให้ใครมาทำอะไรอสูรได้นะคะ กลัวใจพ่อลิเดียเนี่ย  :hao5:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 11 (2/ุ7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 04-07-2017 16:13:43
แค่นี้ก็หวานแล้วววว ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 11 (2/ุ7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-07-2017 17:36:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 11 (2/ุ7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: shcheribrand ที่ 05-07-2017 11:26:29
รอเจ้าชายอสูร :mew1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 11 (2/ุ7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 06-07-2017 07:12:41
จูบได้ละเอาใหญ่เลยยย ฮือ เขินน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 11 (2/ุ7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 06-07-2017 09:46:57
ไม่ได้เข้าเล้ามาสักพักพอเห็นว่าเรื่องนี้มีคนสนใจมากขึ้นเราดีใจมากกกกกกกกก เพราะอ่านทีเดียวงั้นคอมเม้นต์โดยรวมแล้วกัน

แกสตัน... คืออ่านแล้วเห็นใจ อะไรจะรักมั่นคงขนาดนี้ ได้โปรดให้พี่แกมีชีวิตที่มีความสุขตอนท้ายด้วย เขายึดติดในตัวหนูโจมากจนเรากลัวที่จะทำเรื่องเลวร้าย ทำให้ความรู้สึกที่ดีกับตอนต้นเรื่องจะหายไป5555

ลิเดีย... ต้องเป็นนางร้ายที่มาบ่อนทำลายความสัมพันธ์แน่นวลลลลลลลลลลลล แต่ต้องดูว่านางอยากได้ใคร ถึงจะบอกว่าเห็นอสูรแล้วตกใจกลัวแต่นางเพิ่งสูญเสียชีวิตหะรูหะรา พอได้มาอยู่ในปราสาท สัมผัสความไฮโซยิ่งกว่าที่เคยเจอกิเลสมันต้องมาล่ะวะ!

ส่วนคู่หลักของเรื่อง... ไม่ขอพูดมาก นอกจากอยากบอกพี่อสูรว่าน้องเป็นลูกมีพ่อมีแม่ เบามือหน่อยเดี๋ยวน้องช้ำ :hao7:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 11 (2/ุ7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 07-07-2017 10:11:24
สนุกมากเลยค้ะ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 12 (9/ุ7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 09-07-2017 04:02:17









Heartbeat 







: A Retelling of Beauty and the Beast















สวัสดีวันพระค่ะ มีใครได้ออกไปทำบุญกันบ้างมั้ยเอ่ย ถ้าอิ่มบุญกันแล้วก็มาอิ่มใจกับ Heartbeat กันต่อเลยค่ะ



ฉากจบของตอนที่แล้วเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดไปได้เยอะทีเดียว ส่วน nc ถามว่าจะมีมั้ย นั่นสินะ จะมีมั้ยน้ออออ






















12







โจชัวร์รูดม่านออกจนสุดเพื่อให้แสงแดดส่องผ่านเข้ามาอย่างเต็มที่ เวลายามนี้สายมากแล้วทำให้อากาศกำลังอุ่นสบายสำหรับคนที่ยังหลับสนิท เขานั่งลงบนเตียงข้างๆร่างใหญ่โตที่นอนตะแคงกอดหมอนข้างอย่างกับเด็ก โชคดีที่ท่อนแขนไม่ได้รับบาดเจ็บมากอย่างที่คิดจึงเหลือแต่ผ้าพันไว้กับรอยแผล รอยไหม้ประปรายทั่วร่าง เขามองริมฝีปากที่เผยอตามลมหายใจเข้าออกแล้วเผลอจับริมฝีปากตัวเองที่บวมเจ่อจนทำให้ไม่กล้าส่องกระจก และไม่อยากออกไปพบหน้าใครในตอนนี้



.



เขายกกำปั้นขึ้น นึกอยากจะทุบตัวการที่ยังนอนหลับไม่รู้เรื่อง แต่สุดท้ายกลายเป็นวางมือลงแล้วลูบข้างแก้มเบาๆ ลึกๆแล้วหัวใจของเขาพองโตด้วยความรู้สึกว่าเจ้าอสูรกำลังแสดงอาการหึงหวง เขาไม่ได้ยอตัวเองแต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ เขากลายเป็นขวัญใจของสาวๆทุกเพศทุกวัย เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆจะวิ่งมาให้อุ้มหรือขอหอมแก้ม สาววัยเดียวกันก็จะชอบแอบมอง ทิ้งสายตาและรอยยิ้มให้จนเก็บกวาดไม่ไหว ส่วนสาวสูงวัยกว่าก็จะเอ็นดู รักเป็นลูกเป็นหลาน



.



เวลาออกไปที่หมู่บ้าน เขามักถูกมะรุมมะตุ้ม ส่วนเจ้าอสูรจะคอยยิ้มมองดูอยู่ห่างๆ อาจมีแอบหัวเราะเยาะเวลาที่เขาโดนรุมมากจนจัดการไม่ไหว แต่สุดท้ายก็เข้ามาช่วยปรามพวกสาวๆให้ทุกที กรณีของลิเดียจึงถือเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนตัวโตแสดงอาการหงุดหงิด จู่ๆก็ดูจะไม่ชอบขี้หน้าเธอโดยไม่มีสาเหตุ แล้วก็พาลมาลงเอากับเขาจนน่วมไปทั้งตัว แล้วอย่างนี้เขาจะโกรธ หรือเอาคืนลงได้อย่างไร



.



สำหรับความรู้สึกที่มีต่อลิเดียแน่นอนว่าเป็นความสงสาร เขาเข้าใจว่าคนเรายิ่งอยู่สูง ถึงคราวตกอับก็จะยิ่งเจ็บหนักกว่าคนทั่วไป เธออาจไม่ได้มีร่างกายอ่อนแอเหมือนเบลล่า แต่ความที่เป็นลูกสาวคนเดียวซึ่งท่านเศรษฐีถนอมราวไข่ในหินทำให้เธอเปราะบางกว่าหญิงสาวทั่วไป แม้จะอายุไล่เลี่ยกันแต่เธอยังดูเป็นสาวน้อยวัยใส อ่อนต่อโลก เมื่อเจอเรื่องชอบใจก็เอาแต่ยิ้มเอียงอาย เวลากลัวก็ได้แต่ยืนตัวสั่น ไร้กำลังแม้แต่จะวิ่งหนีจากอันตราย ทำให้เขารู้สึกทั้งสงสารแกมเอ็นดู อยากจะปกป้องคุ้มครองเธออย่างสุดกำลัง



.



“คิดเรื่องอะไรอยู่หืม ทำหน้ายุ่งเชียว”



.



จู่ๆโจชัวร์ก็รู้สึกหนักอึ้ง พอก้มลงเห็นคนแอบมานอนหนุนตักหลับตาพริ้มก็นึกสนุกอยากลองแกล้งแหย่อสูรหลับ



.



“ป่านนี้คุณหนูลิเดีย...”



.



ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เขาก็ถูกพลิกตัวกลับมาบนที่นอน โดยมีร่างใหญ่ ขนหนา หน้ายุ่ง คร่อมไว้ 



.



“เจ้ากล้าคิดถึงคนอื่นนอกจากข้า!”



.



โจชัวร์ต้องกลั้นขำสุดกำลัง เจ้าอสูรตีหน้ายักษ์ ตั้งข้อกล่าวหาราวกับเขาทำความผิดร้ายแรง



.



“ท่าน!... งี่เง่ามาก!”



.



เขาจิ้มแผ่นอกหนาล้อเลียน ผลคือโดนค้อนขวับ โอยยยย อยากจะร้องเรียกคนทั้งคฤหาสน์มาดู จะได้ช่วยกันตัดสินว่าควรจะมองนายท่านว่าน่ากลัวหรือน่ารัก แน่นอนว่าเขากำลังรู้สึกดีกับสิ่งที่เจ้าอสูรแสดงออก และคงไม่ผิดนักถ้าเขาจะแกล้งยั่วเพื่อขอคำยืนยันอีกสักหน่อย



.



“... ท่านหึง...”



.



“ทำไมข้าต้องหึงเจ้า” เจ้าอสูรสะบัดเสียงตอบ ทำท่าราวไม่ใส่ใจ ทว่าคำตอบกลับยิ่งมัดตัวเองแน่นหนา



.



“ก็เพราะว่า... ท่านชอบข้า...”



.



ในดวงตาสีอำพัน เขาเห็นสีหน้าของคนที่กำลังเขินกับคำพูดของตัวเอง แต่เขาก็ไม่อยากเก็บเงียบไว้ให้กลายเป็นความอึดอัด หรือได้แต่เสียเวลาไปกับการคาดเดา ความรักควรจะนำมาซึ่งความสุข เขาจึงอยากให้เจ้าอสูรได้พบกับความสุขนั้นเช่นกัน



.



“เข้าใจผิดแล้วเด็กน้อย ข้าไม่ได้ชอบ...” เจ้าอสูรเย้าตอบ เห็นอีกฝ่ายหน้าเจื่อนนิดเดียวก็รีบกลับคำ “แต่ข้ารักเจ้า รักมาก เหมือนที่เจ้าเองก็รักข้าไม่ต่างกัน”



.



โจชัวร์รู้สึกเหมือนหัวใจที่พองฟูมากอยู่แล้วระเบิดโพล่งออกจากอก นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกบอกรัก แต่คือคำรักคำแรกที่ตรงผ่านเข้ามาถึงหัวใจ สั่นสะเทือนให้ทั้งร่างเอิบซ่านไปด้วยความยินดี เขามองใบหน้าที่ขยับใกล้เข้ามา น่าแปลกที่เคยนึกกลัวแต่ตอนนี้กลับเห็นแต่ความรู้สึกแสนหวานที่ฉายออกมาจากทั้งดวงตาและรอยยิ้ม



.



“ท่านเอาอะไรมาพูด ข้ายังไม่ได้บอกสักคำว่าคิดยังไงกับท่าน”



.



“ไม่รู้ตัวเหรอว่าดวงตาของเจ้าได้บอกข้าทุกอย่าง ทั้งหมดในใจของเจ้าแล้ว”



.



เจ้าอสูรอ้างถึงดวงตาแต่กลับทวงคำยืนยันจากริมฝีปากสีฉ่ำที่ยังปรากฏรอยช้ำ สองแขนแกร่งยกร่างเพรียวบางขึ้นแนบชิด บดเบียดเนื้อตัวทุกส่วนเข้าด้วยกัน นานทีเดียวกว่าอารมณ์อ่อนหวานจะค่อยๆสงบลง แต่ไม่วายคลอเคลียใกล้ชิด เฝ้าจูบเฝ้าหอม ดอมดมราวกับอาการเสพย์ติด



.



โจชัวร์ประคองใบหน้าของเจ้าอสูรแล้วจรดริมฝีปากเหนือหน้าผาก ดวงตาทั้งสอง แก้มซ้ายและขวา ริมฝีปากลงมากระทั่งปลายคาง เขาเองก็รู้สึกเหมือนได้พบแหล่งน้ำทิพย์สำหรับหัวใจที่แห้งผากได้ดื่มกินอย่างไม่มีวันหมด เขาอยากจะเก็บกักความมหัศจรรย์นี้ไว้ตลอดไปจึงต้องปิดตายทุกประตูที่จะนำมาซึ่งการสูญเสีย



.



“แล้วท่านล่ะ ได้เปิดเผยทุกอย่างกับข้าหรือยัง ถ้าท่านยังมีเรื่องปิดบังจะไม่ถือเป็นการเอาเปรียบข้าอย่างนั้นหรือ”



.



เขาไม่ได้นึกสงสัยในคำบอกรักหรือหัวใจของเจ้าอสูร แต่ก็ไม่อยากให้อดีตที่ยังเป็นปริศนาหรือบรรดาของวิเศษเหล่านั้นกลายเป็นเสี้ยนแหลมคอยสะกิดให้เกิดรอยแผลในความสัมพันธ์ที่จะเกิดขึ้น



.



“รออีกหน่อยเถอะโจชัวร์ สักวันข้าจะไม่มีเรื่องใดต้องปกปิด ข้าจะเปลือยตัวตนให้เจ้าพิจารณา หัวใจของข้าจะอยู่ในกำมือเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข และแม้แต่ลมหายใจนี้ก็จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าเพียงคนเดียว ข้าสัญญา”



.



โจชัวร์ยิ้มรับด้วยความเข้าใจ อาจจะดูว่าง่ายเกินไปแต่ก็คงดีกว่าทำให้ยุ่งยากจนกลายเป็นปัญหาทั้งที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เขาไม่ได้เขินอีกแล้วเมื่อเจ้าอสูรประทับริมฝีปากลงที่กลางฝ่ามือ



.



“ตกลง ข้าจะรอ” มือข้างเดียวกันนั้นลูบโครงหน้าใหญ่และแนบลงข้างแก้มทำให้รู้สึกถึงอุณหภูมิที่อุ่นกว่าปกติ



.



“แต่สำหรับตอนนี้ ข้าขอใช้สิทธิ์คนที่ท่านบอกว่ารักมากสั่งให้ท่านนอนพักอยู่แต่ในห้อง ลูมิแยร์จะคอยดูแลทั้งอาหาร ยา และทุกสิ่งที่ท่านต้องการ คุณคอกซ์เวิร์ธจะไปจัดการความเสียหายจากไฟไหม้ ข้าจะตามไปช่วยดูแลพวกเด็กๆที่โบสถ์และจะคอยรับรองคุณหนูลิเดียจนกว่าคุณพ่อของเธอจะกลับมา ส่วนท่านก็พักผ่อนให้มากจะได้หายเร็วๆ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอะไรทั้งนั้น เข้าใจมั้ยครับ”



.



เจ้าอสูรส่งเสียงถอนหายใจยาว ขนาดหลับตาฟังยังรู้เลยว่าแกล้งทำ



.



“แล้วถ้าข้าคิดถึงเจ้าขึ้นมาล่ะจะให้ทำยังไง”



.



คนตัวโตส่งเสียงอ้อน จงใจทำท่าหมดแรง โจชัวร์จึงได้จังหวะปลดอุ้งมือใหญ่และถอยห่างออกจากเตียง



.



“เชิญตามสบาย ข้าอนุญาตให้ท่านคิดถึงได้ แต่ห้ามงอแงอดข้าว ห้ามลืมกินยา และห้ามออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว”



.



โจชัวร์ต้องทำใจแข็งต่อเสียงเรียกแกมตัดพ้อแล้วรีบออกจากห้องในทันที เขาพบลิเดียทานมื้อเช้าอยู่เพียงลำพัง เธอยังคงอยู่ในอาการขวัญเสียจากเหตุการณ์ไฟไหม้ ซ้ำร้ายต้องมาอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เจ้าของไร้มนุษยสัมพันธ์ คนรับใช้ก็วางตัวห่างเหิน กลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบยิ่งกว่าตัวเขาตอนที่เพิ่งมาถึงคฤหาสน์เสียอีก



.



เขาไม่อยากให้เธอจมอยู่กับความหดหู่ เศร้าหมอง จึงชวนกลับเข้าหมู่บ้านเพื่อทำตัวให้เกิดประโยชน์ เธอดูจะแปลกใจที่เห็นเขาลงมือลงแรงทำงานไม่ต่างจากชาวบ้านคนอื่นๆ เมื่อถูกชวนให้ลองบ้างก็ออกอาการกล้าๆกลัวด้วยความที่ไม่เคยหยิบจับงานเป็นชิ้นเป็นอันมาก่อน แต่สักพักก็สามารถปรับตัวและสนุกกับการได้ช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะการดูแลเหล่าเด็กกำพร้าซึ่งแม้จะเพิ่งผ่านเรื่องน่าตกใจมาก็ยังมีความร่าเริงสดใส หัวเราะได้เสียงดังและมีพลังงานล้นเหลือ พลอยทำให้พวกผู้ใหญ่มีกำลังใจที่จะต่อสู้ตามไปด้วย



.



“ขอบคุณนะโจชัวร์” ลิเดียหันมาบอกคนที่นั่งห้อยขาอยู่ท้ายรถด้วยกัน วันนี้เธอหมดแรงแต่ก็สนุกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และคนที่ทำให้เธอได้รับประสบการณ์แสนวิเศษนี้ก็คือชายหนุ่มแปลกหน้าแต่ดูจะเข้าใจเธอมากกว่าใคร



.



โจชัวร์ยิ้มตอบแล้วหงายหลังพิงกองสัมภาระ ลิเดียรีบทำตาม รู้สึกสนุกที่ได้ละเลยมารยาทที่ดีของกุลสตรีอีกหนึ่งข้อ ทั้งคู่แหงนมองท้องฟ้ายามโพล้เพล้ในภวังค์อารมณ์ของตน เธอซึ้งน้ำใจที่เขาคอยอยู่เป็นเพื่อน เปิดมุมมองใหม่ๆและสอนให้เธอได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ส่วนเขาก็ขอบคุณที่เธอเสนอตัวเป็นผู้อุปถัมภ์บ้านเด็กกำพร้า ถือเป็นจุดเปลี่ยนของเจ้าหญิงที่เคยอยู่แต่ในหอคอยงาช้างจะได้ลงมาสัมผัสชีวิตและอุทิศตนเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น



.



รถม้าแล่นไปเงียบๆได้พักใหญ่ เป็นฝ่ายหญิงสาวที่เริ่มชวนคุย



.



“โจชัวร์ จะว่าอะไรมั้ยถ้าฉันจะขอถาม...” เธอเกริ่นแล้วรอจนอีกฝ่ายไม่ปฏิเสธ “คุณพูดจริงเหรอที่บอกว่ามาอยู่ที่นี่เพื่อรับโทษแทนพ่อ”



.



“ทำไมถึงคิดว่าผมโกหกล่ะ”



.



เธอมองรอยยิ้มที่แสนสดใสแล้วเผลอยิ้มตาม ชายหนุ่มผู้นี้มักทำให้เธอประหลาดใจได้อยู่เสมอ เมื่อแรกที่รู้ เธอรู้สึกสงสาร เห็นใจ แต่แปลกที่เขากลับไม่ได้เสียใจหรือทำให้ตัวเองจมอยู่กับชะตามกรรมอันเลวร้ายเลยสักนิด



.



“ก็คุณไม่เห็นจะเหมือนนักโทษหรือกระทั่งคนงานทั่วไปที่ตรงไหน นายท่านทั้งดูแลทั้งเอาใจใส่คุณมาก ทุกคนที่คฤหาสน์ก็ปฏิบัติกับคุณอย่างเจ้านายคนหนึ่ง แม้แต่พวกชาวบ้านยังเคารพเชื่อฟังคุณยิ่งกว่าใครๆ”



.



“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ผมแค่เชื่อว่าถ้าเรามอบสิ่งใดไปก็จะได้สิ่งนั้นตอบกลับมา ถ้าเราทำดีกับคนอื่นก็คงไม่มีใครอยากคิดร้ายกับเรา ถ้าเราเคารพคนอื่นก็คงไม่มีใครไม่ให้เกียรติเรา และถ้าเราคิดว่าทุกคนคือเพื่อนก็คงไม่มีใครเห็นเราเป็นศัตรูจริงมั้ยล่ะ”



.



ลิเดียคิดตามแล้วก็พยักหน้าเบาๆ ทั้งๆที่อายุไล่เลี่ยกันแต่เธอรู้สึกเหมือนเขาเป็นพี่ชายที่คอยปกป้องดูแล และมักจะมีข้อคิดดีๆให้เธออยู่เสมอ



.



“แต่ฉันก็ยังอดทึ่งไม่ได้เวลาที่เห็นคุณกับนายท่าน ทั้งพูดคุยทั้งเถียงกันอย่างสนิทสนม ไม่มีใครทำได้อย่างนั้น ขนาดฉันยังไม่กล้ามองท่านตรงๆเลยด้วยซ้ำ”



.



โจชัวร์รู้สึกเขินกับการถูกตั้งข้อสังเกต เขาเองก็เคยเป็นเช่นนั้น ในสายตาคนนอก เจ้าอสูรทั้งน่าเกลียดน่ากลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะมองเต็มตา แต่สำหรับเขาในตอนนี้กลับเห็นแต่แววตาที่อ่อนโยน เขี้ยวยาวๆนั่นก็ไม่สามารถปิดบังรอยยิ้ม เมื่อคุ้นเคยกันมากขึ้น เขายิ่งพบว่าเจ้าอสูรไม่ใช่คนโหดร้าย แต่มีความหลากหลายทางอารมณ์ไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง



.



“เจ้า.. นายท่านก็ไม่ได้น่ากลัวสักหน่อย เธอแค่ยังไม่คุ้นเคยเท่านั้นเอง”



.



“ไม่มีวันหรอก ต่อให้ต้องแต่งงานกันจริงๆ ฉันก็ไม่มีทางคุ้นกับหน้าตาน่ากลัวแถมรูปร่างประหลาดๆอย่างนั้นได้แน่ๆ”



.



เหมือนจู่ๆก็มีพายุหิมะพัดวูบมาทั้งที่ท้องฟ้าสดใส และคำสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่หูจะอื้อไปชั่วขณะจนต้องถามย้ำให้แน่ใจก็คือ...



.



“แต่งงาน?!”



.



ลิเดียยิ้มน้อยๆ พยักหน้าตอบพร้อมอาการเขินอาย



.



“คุณพ่อเคยบอกไว้ตั้งนานมาแล้วว่าฉันจะต้องแต่งงานเพื่อช่วยล้างคำสาปของนายท่าน”



.



“คำสาป?”



.



“มันเป็นเรื่องวงในที่รู้กันไม่กี่คนว่าจริงๆแล้วนายท่านก็คือทายาทของผู้ก่อตั้งเมืองของพวกเรา แต่โชคร้ายที่ไปโดนคำสาปจนต้องกลายร่างเป็นอสูรอย่างที่เห็นและจะกลับเป็นเหมือนเดิมก็ต่อเมื่อได้พบรักแท้ ฟังดูน่าเหลือเชื่อ อย่างกับเรื่องในนิทานเลยใช่มั้ยล่ะ”   



.



“รักแท้?”



.



“ใช่แล้ว” เธอตอบและแถมด้วยคำอธิบายที่เหมือนกับถูกสอนให้ท่องจนขึ้นใจ “เมื่อนายท่านพบคนที่จะมอบหัวใจให้ได้ทั้งหมด รักเหมือนเป็นอีกครึ่งชีวิตที่จะไม่มีวันพรากจากกัน และคนๆนั้นก็ต้องรักตอบด้วยหัวใจอย่างแท้จริงถึงจะเป็นรักแท้ที่แก้คำสาปได้”



.



โจชัวร์ยังคงมึนงงกับคำตอบที่ได้มาโดยฉับพลัน นี่น่ะหรือความลับที่เจ้าอสูรและคนทั้งคฤหาสน์ช่วยกันปกปิด เขารู้สึกก้ำกึ่งระหว่างความอัศจรรย์ใจกับเรื่องราวดั่งนิยายเพ้อฝัน และความเจ็บแปลบเมื่อรู้สึกได้ว่าตนไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ เจ้าอสูรก็คงกำลังควานหาคนที่จะมาช่วยล้างคำสาปซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ตัวเขา ความใกล้ชิดที่เคยได้สัมผัสแท้จริงแล้วอาจเป็นเพียงเรื่องโกหก



.



เขามองสาวน้อยตรงหน้าแล้วยิ่งเหมือนตอกย้ำถึงเรื่องสมมติที่ไม่มีวันเป็นจริง คนอย่างเขาคงถูกเลือกให้เป็นได้แค่ตัวแทน ไม่ใช่ตัวจริงและไม่มีวันเป็นตัวเอกของนิทานเรื่องใดทั้งนั้น



.



“แล้วเธอรักเขาหรือเปล่า”



.



สีหน้าของหญิงสาวมีทั้งความงุนงง ลังเลปนความตระหนกที่ถูกถามตรงๆ ผิวขาวขึ้นสีระเรื่อเป็นนัยถึงความไม่เดียงสากับเรื่องรักๆใคร่ๆ



.



“มะ..ไม่รู้สิ” ความเก้อเขินทำให้ไม่กล้าสบตาฝ่ายที่จดจ้องรอคำตอบ “ฉันไม่เคย... รักใครมาก่อน แล้วก็ยังไม่รู้จักนายท่านดีสักเท่าไหร่ ฉันไม่แน่ใจหรอกว่ารู้สึกยังไง จะรักได้หรือรักไม่ได้ แต่คุณพ่อบอกอยู่เสมอว่าฉันต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเป็นเจ้าสาวของนายท่าน ขอให้ได้แต่งงานกันเสียก่อน เรื่องของความรักอาจจะเกิดขึ้นทีหลังก็ได้ล่ะมั้ง”



.



โจชัวร์นึกเคืองหญิงสาวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดแต่เขายังรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องอยู่ดี



.



“แล้วถ้ามันไม่ใช่ล่ะ! ถ้าแต่งงานหรืออยู่กันไปแล้วยังรักไม่ได้ เขาก็ไม่มีวันพ้นคำสาปน่ะสิ!”



.



“ก็... ก็คงจะอย่างนั้น แต่อย่างน้อยฉันก็รู้สึกว่านายท่านเป็นคนดีนะ ท่านคอยดูแลหมู่บ้านของพวกเราเสมอมา คุณพ่อบอกว่ามีแต่ฉันเท่านั้นที่คู่ควรที่สุด ถ้าได้แต่งงานกันฉันก็คงรักนายท่านได้ไม่ยาก ฉันจะตั้งใจทำหน้าที่ภรรยาที่ดี ทำให้สามีมีความสุขและภูมิใจในตัวฉัน พอถึงตอนนั้นนายท่านคงจะรักฉันเช่นกัน คำสาปร้ายๆจะได้สลายไป แล้วฉันกับนายท่านก็จะกลายเป็นคู่สามีภรรยาที่ครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป”



.



ความคิดของสาวน้อยที่บอกเล่าออกมาเป็นฉากๆคล้ายถูกขับเคลื่อนด้วยจินตนาการเพ้อฝัน แต่กลับตอกย้ำให้ชายหนุ่มตระหนักถึงความจริงอันเจ็บปวดว่ารสรักอันหอมหวานลวงให้เขาหลงอยู่ในความฝันไม่ต่างกัน เขาเผลอลืมไปว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับผู้ชายไม่เคยเป็นที่ยอมรับ ดูตัวอย่างตัวเขากับแกสตันซึ่งยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ถูกหาว่าเป็นพวกวิปริต เป็นต้นเหตุที่จะทำให้เกิดภัยพิบัติ ไม่ว่าจะมองมุมไหน เขาก็คงไม่มีสิทธิ์อ้างความเป็นคนรัก ไม่สามารถเคียงข้างในฐานะคู่ชีวิตอย่างที่เจ้าอสูรเพียรขอ



.



แม้ความรู้สึกระหว่างตัวเขากับเจ้าอสูรอาจเรียกได้ว่ารัก ก็คงไม่ใช่รักแท้ที่จะก่อให้เกิดความสุขชั่วนิรันดร์ ในทางกลับกัน เขาเหมือนยืนอยู่ตรงกลางทางที่ต้องเลือก ปลายด้านหนึ่งคือความรัก อีกด้านคือคำสาป หากดึงดันรักษาความรัก เจ้าอสูรก็ต้องทนทุกข์อยู่กับคำสาปร้าย แต่หากปรารถนาให้เจ้าอสูรหลุดพ้น ก็คงเหมือนบีบหัวใจตัวเองให้แหลกลงคามือ



.



เขาน่าจะรู้ว่าตัวเขานั่นเองที่ถูกสาป ชีวิตของเขาไม่เคยพบพานความสุข หัวใจของเขาไม่เคยได้รักหรือถูกรัก และมันคงจะเป็นเช่นนั้นไปตลอดกาล

















ในตอนที่ดูหนังหรืออนิเมชัน อาจจะด้วยข้อจำกัดหลายอย่างเช่นเวลาหรือวิธีการเล่าเรื่อง ประเด็นคำสาปเลยถูกรวบรัดและทำเหมือนรู้ๆกันอยู่แล้ว พอมาเขียนเป็นนิยาย ทีแรกก็คิดหนักค่ะว่าจะเอายังไง จะเล่าไปตามหนังหรือนิทานเป๊ะๆเลยดีมั้ย แต่สุดท้ายก็ออกมาอย่างที่ได้อ่าน โดยเฉพาะเรื่องคำสาปที่อยากจะขยายและเน้นให้ชัดขึ้นอีกสักนิดเพื่อเสนอมุมมองของความรักในแบบของ Heartbeat โดยเฉพาะ แต่ก็พยายามไม่ออกทะเลไปไกลมากนัก สัญญาว่าจะพาโจชัวร์และคณะกลับเข้าฝั่งอย่างปลอดภัยค่ะ



สรุปนิยายเรื่องนี้เคาะๆตบๆแล้วได้ 21 ตอน นี่ก็ผ่านไปได้ครึ่งเรื่องแล้ว หวังว่าจะติดตามกันไปจนถึงตอนจบนะคะ



ส่วนตอนหน้าเราจะกลับเข้าจุดหักเหจริงๆของนิทานเรื่องนี้ ซึ่งจะเกิดอะไรขึ้นน้านนนนน....

ก็ต้องรออีกหนึ่งอาทิตย์น่ะสิคะ




 










^__^







----- Mine -----







หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 12 (9/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 09-07-2017 06:25:20
ที่นายท่านไม่พูดเพราะยังไม่แน่ใจหรือเปล่า
ส่วนโจก็เจียมเนื้อเจียมตัว
เราชอบ เรื่องนี้มาก
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 12 (9/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 09-07-2017 08:44:12
 :mew5:ชอบจังเลย จะทำเล่มมั้ยคะ อยากได้ๆๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 12 (9/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 09-07-2017 14:10:09
ชอบมากกกกกก  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 12 (9/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Amploveakame ที่ 09-07-2017 15:12:34
เง้อแล้วจะเป็นยังไงต่อละ รอตอนต่อไปนะคะ
 :impress3:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 12 (9/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-07-2017 16:16:33
  :hao7:
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 12 (9/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 09-07-2017 17:38:34
ชอบเรื่องนี้มากๆ  :pig4: :pig4: :a9:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 12 (9/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 09-07-2017 18:34:38
งืออออ อยากให้รักกันๆ มาต่อเร็วๆนะค้า
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 12 (9/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 09-07-2017 19:10:27
ทามมายมานส้านจางงงงงง
ไม่จุใจเลยง่ะะะ กำลังมันส์
 :hao7:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 12 (9/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 09-07-2017 21:44:49
เขียนดีจริงๆ ครับ
ชอบมุมมองที่นำมาตีความใหม่
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 12 (9/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 10-07-2017 12:50:05
หนูโจอย่าเพิ่งคิดเยอะสิลูกกกกก นายท่านก็บอกแล้วว่าเขารักหนู ที่เขาไม่บอกความจริงกับหนูเพราะอยากให้หนูรักเขาจากใจจริง ไม่ใช่เพราะสงสาร ไม่ใช่เพราะมีข้อแม้
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 12 (9/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 12-07-2017 10:35:26
ไม่มีอะไรกำหนดไว้นิ ว่าความรักที่เกิดกับคนสองคน จะต้องเป็นชายกับหญิง ความรักก็คือความรัก

อย่าพึ่งไปคิดมากเลย เหมือนเรื่องสัญญาของพ่อก็เหมือนกัน เจ้าอสูญบอกว่าให้นำพาลูกคนสุดท้องมาให้ ก็ไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นหญิง แค่เป็นคนสุดท้องก็พอ


ไม่มีอะไรที่ผิดเลยโจ   เรื่องแบบนี้อยู่ทีใจล้วนๆ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 12 (9/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 12-07-2017 19:25:48
นิยายสนุก อ่านไหนลื่นไปได้เรื่อยๆเลย

เงื่อนไขไม่ได้บอกสักหน่อยว่าต้องรักกับผู้หญิง
เริ่มไม่ชอบยายลิเดียนี่ขึ้นมาและ จุ้นไม่เข้าท่า
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 12 (9/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 12-07-2017 22:55:25
เค้าบอกว่าต้องเป็นรักแท้ แต่ไม่ได้กำหนดเพศนี่นาา รอท่านอสูรเป็นคนบอกดีกว่า โจจะได้เข้าใจจริงๆ ลิเดียยังใสๆอาจจะบอกพลาดไปก็ด้ายย ~
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 12 (9/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 13-07-2017 04:00:38
ต้นตอนอย่างหวาน จบตอน... :katai1:
โจชัวร์อย่าคิดมากน้าา มีอะไรก็คุยกับนายท่านก่อนนนนน
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 13 (16/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 16-07-2017 04:45:45











Heartbeat 











: A Retelling of Beauty and the Beast
















สวัสดีวันเช้าอากาศดี แต่คนเขียนเปื่อย อ่อนเปลี้ยเพลียร่างจากพิษไข้ตั้งแต่เมื่อคืน


โชคดีว่าเตรียมเนื้อเรื่องไว้กับทอล์คด้านล้างไว้ก่อนแล้ว มาถึงก็จับก็อปวาง


ไม่เมาท์แล้วล่ะ ขอตัวไปสลบต่อ คนอ่านก็ระวังรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ



















13









ท่านเศรษฐีคนสำคัญของเมืองรีบรุดกลับมาและจัดการความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้จนทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ แต่กลับออกปากฝากลูกสาวคนเดียวไว้อีกสักพัก เจ้าอสูรไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ และความจริงก็เป็นฝ่ายได้ประโยชน์ที่จะมีข้ออ้างเอาตัวคนพิเศษมาอยู่ข้างกายอย่างที่ต้องการ



.



โจชัวร์รู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ที่จะเห็นด้วยหรือคัดค้านกับการที่ลิเดียจะพักอยู่ที่คฤหาสน์ต่อไปหรือตลอดไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดกับภาพของเธอกับเจ้าอสูร ทั้งคู่ดูคุ้นเคยและมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น เธอกล้าที่จะมอง เริ่มชวนคุย และแสดงออกถึงความดีใจทุกครั้งที่ได้รับคำชม ฝ่ายเจ้าอสูรเองก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดเวลาที่เห็นเธอ บางครั้งยังเป็นฝ่ายเอ่ยทักหรือตั้งคำถามเพื่อต่อบทสนทนา รวมทั้งอนุญาตให้เธอเข้าร่วมโต๊ะอาหารและทำกิจกรรมอื่นๆได้ตามที่ต้องการ แม้จะไม่ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าสนิทสนมแต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้เขาเกลียดตัวเองที่รู้สึกอิจฉา



.


ในเวลาที่ได้อยู่กันตามลำพัง เขายังคงถูกกกกอดไว้ในอ้อมแขนใหญ่แต่ความรู้สึกผิดก็ยังตามเกาะกินจนไม่อาจปล่อยใจให้อิ่มเอมกับไออุ่นได้เหมือนเดิม



.


“ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่หลับ” เสียงห้าวกระซิบถาม “เป็นอะไรไปเด็กน้อย เจ้าแกล้งหลับอย่างนี้มาหลายคืนแล้วนะ”



.


ลมหายใจร้อนเป่ารดใบหูพาลให้รู้สึกเสียววาบไปทั้งสันหลัง แต่โจชัวร์ยังฝืนนอนนิ่ง ปิดเปลือกตาสนิทเพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้า ระหว่างนั้นสมองก็วุ่นวายเพื่อหาคำอธิบายให้กับตัวเอง เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนี้ทั้งๆที่ความเอาใจใส่ที่ได้รับก็ไม่เคยลดน้อยลง เขายังคงเป็นที่หนึ่งสำหรับเจ้าอสูรตลอดจนทุกคนในคฤหาสน์ แต่อาจเป็นความเอาแต่ใจอย่างเด็กๆที่ทำให้ไม่รู้จักพอ การเป็นที่หนึ่งมานานทำให้เริ่มมองคนอื่นเป็นคู่แข่ง เมื่อมีการแข่งขันย่อมมีแพ้ชนะ เขาอาจกำลังกลัวความพ่ายแพ้ทั้งๆที่มีเขาคนเดียวปรากฏตัวบนสังเวียน สรุปแล้วคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดก็คงเป็นใจที่ไม่มีวันสงบของตนเอง



.




PS: ขออนุญาติแทรก ไม่มีอะไรมาก แค่อยากบอกว่าเราชอบซีนนี้มากกกกกกก เขียนเองก็กรี๊ดเอง กลับมาอ่านซ้ำทีไร ก็บิดอยู่นั่นแหละ เขินนนนนนน >///<









“คิดอะไรอยู่หืม” เจ้าอสูรยังคงส่งเสียงอยู่ข้างหู นิ้วมือใหญ่วางลงที่หว่างคิ้ว “หรือว่ากำลังฝัน เจ้านี่คิดมากกระทั่งในฝันเชียวหรือ”



.


โจชัวร์ยังคงนิ่ง พยายามผ่อนลมหายใจให้คล้ายคนนอนหลับมากที่สุด แต่สักพักเขาก็โดนพลิกตัวกลับ มือข้างหนึ่งถูกจับไปแนบแผงอกกว้างให้รู้สึกถึงสิ่งที่กำลังเต้นเป็นจังหวะ



.


“อย่าได้นึกสงสัยหัวใจดวงนี้” อ้อมแขนใหญ่กอดกระชับแล้ววางจูบลงตรงขมับ “มันเป็นของเจ้า และตัวข้าเองก็เช่นกัน”



.


โจชัวร์เผลอกลั้นหายใจจนยิ่งรู้สึกถึงจังหวะระรัวที่กลางอกของตน ถ้อยคำสั้นๆดั่งมีมนต์วิเศษสลายตะกอนที่ทับถมความรู้สึกให้หนักอึ้ง เขาอยากจะลืมตาขึ้นมองแต่สัมผัสอุ่นก็เคลื่อนลงมาที่เปลือกตาและริมฝีปาก เขาเกือบเผลอจูบตอบแต่ยั้งตัวเองไว้ทัน เสียงหัวเราะเบาๆเป็นสิ่งสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่จะหลับสนิทไปจริงๆ และเป็นครั้งแรกที่เขาตื่นมาเพียงลำพังบนเตียงนอนกว้าง สัมผัสเย็นชืดทำให้รู้สึกแปลกจนต้องรีบจัดการตัวเองแล้วรุดลงมาที่ด้านล่าง ทุกหนแห่งเงียบเชียบ ปราศจากเงาของคนที่ตามหาจนเขายิ่งใจเสีย กระทั่งออกมาพบลิเดียยืนอยู่ลำพังที่หน้าคฤหาสน์



.


“แปลกจังที่วันนี้คุณตื่นสาย ฉันยังกลัวอยู่ว่าเราอาจจะไม่ทันได้เอ่ยลากัน” หญิงสาวเอ่ยทักน้ำเสียงสดใสเป็นปกติ



.


“ทำไมล่ะ?! แล้วนี่เธอจะไปไหน?!” การแต่งตัวที่ต่างไปจากทุกวันกับรถม้าคันใหญ่ที่จอดอยู่ไม่ไกลเหมือนจะบอกเป็นนัย “หรือว่าคุณพ่อของเธอ...”



.


“คุณพ่อกำลังเข้าพบนายท่านอยู่ด้านใน”



.


โจชัวร์ไม่ทันได้ตั้งตัวเมื่อจู่ๆเธอก็เข้ามาคว้ามือของเขาไปกุมไว้



.


“ฉันขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างที่ผ่านมา คุณมีน้ำใจและดีกับฉันจริงๆ ฉันขออวยพรให้คุณกับนายท่านมีความสุขมากๆนะ”



.


“เอ่อ... เธอเข้าใจผิดแล้ว คือว่ามันไม่ใช่...”



.


ลิเดียส่ายหน้าน้อยๆ อดขำกับท่าทางตื่นๆของคนที่กำลังเขินไม่ได้ เธอไม่ปฏิเสธความรู้สึกอิจฉาที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่เห็นคนทั้งคู่แสดงความรู้สึกต่อกันโดยไม่รู้ตัว เจ้าอสูรอาจเห็นเธออยู่ในสายตา แต่หากโจชัวร์ปรากฏตัว ดวงตาสีประหลาดคู่นั้นก็ไม่เคยสะท้อนภาพของใครอื่น และทุกคำพูดที่ออกจากปากก็ล้วนเกี่ยวข้องกับชายหนุ่ม ทั้งสิ่งที่เขาชอบและไม่ชอบ ทั้งเรื่องที่เขาทำหรืออยากทำ พูดได้ว่าที่เธอรู้สึกคุ้นเคยกับเจ้าของคฤหาสน์มากขึ้นก็เพราะเขานับเธอเป็นเพื่อนกับโจชัวร์เท่านั้นเอง 



.


“ถึงฉันจะไม่เคยมีความรักมาก่อนแต่ก็ไม่ไร้เดียงสาจนมองไม่ออกหรอกนะว่าคุณกับนายท่านรู้สึกอย่างไรต่อกัน ความจริงฉันว่าแม้แต่คุณพ่อก็คงรู้ แต่ท่านคงหวังดีกับนายท่านและหมู่บ้านของเราจริงๆถึงได้ทำอะไรเลยเถิดไปบ้าง ฉันขอโทษแทนคุณพ่อด้วยนะ”



.


“อย่าพูดแบบนี้สิ คุณพ่อของคุณเป็นคนดีมาก ผมไม่เคยคิดอะไรอย่างนั้นกับท่านได้เลย แต่ว่า... ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ นายท่านก็ดีกับคุณมากนะ คุณไม่ได้รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ”



.


“ฉันเชื่อว่าทั้งฉันและนายท่านต่างรู้สึกดีต่อกันมากขึ้นจริง แต่ความรู้สึกดีๆก็ใช่จะพัฒนาจนกลายเป็นความรักได้เสมอไป นายท่านคงเห็นฉันไม่ต่างจากคนอื่นๆในหมู่บ้านที่ท่านต้องปกป้องดูแล หรือหากมากหน่อยก็คงเอ็นดูฉันเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น ฉันรู้ว่าการที่ฉันมาอยู่ที่นี่ทำให้คุณอึดอัด”



.


“ไม่ใช่นะลิเดีย! ผมอาจจะแค่ไม่ชิน แต่ผมก็อยากให้คุณอยู่ที่นี่ ไม่ได้อยากให้คุณไปเลยจริงๆนะ”



.


“ฉันถึงได้บอกยังไงคะว่าคุณใจดีกับฉันมาก ที่ผ่านมานายท่านก็คงเกรงใจคุณพ่อถึงได้ปล่อยให้คาราคาซังกันอยู่ แต่ฉันไม่อยากให้อะไรๆมันลุกลามจนกลายเป็นปัญหาโดยไม่รู้ตัวเลยตัดสินใจบอกให้คุณพ่อมารับ และตอนนี้นายท่านก็คงจัดการในส่วนของท่านให้เด็ดขาดเช่นกัน”



.


โจชัวร์ยังไม่ค่อยเข้าใจแต่เมื่อมองตามสายตาของลิเดียก็เห็นคุณพ่อของเธอออกมาจากคฤหาสน์ กำลังเดินตรงมาด้วยท่าทางไม่ดีสักเท่าไหร่ ท่านเศรษฐีเป็นผู้ใหญ่อารมณ์ดี หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เวลาเจอกันท่านมักจะทักทาย พูดคุยสารทุกข์สุขดิบด้วยเสมอ แต่วันนี้กลับมองผ่านราวกับไม่เห็นว่าเขาก็ยืนอยู่ตรงนั้น 



.


“ไปกันได้แล้วลิเดีย เราเสียเวลากับเรื่องไร้สาระมามากแล้ว”



.


เมื่อลูกสาวขอเวลาส่วนตัวอีกครู่หนึ่ง ท่านก็ตวัดสายตาขุ่นเคืองมองชายหนุ่มแล้วรีบกลับไปขึ้นรถม้าที่รออยู่



.


“เอ่อ... ทำไมคุณ...” ยังไม่ทันได้ถามเขาก็ต้องคอย่นกับเสียงปิดประตูปังใหญ่



.


“นี่แสดงว่าฉันเดาใจนายท่านถูกจริงๆด้วย” หญิงสาวกลั้นขำกับอาการหัวเสียของผู้เป็นพ่อ



.


“นายท่านเลือกคุณค่ะโจชัวร์”



.


“เลือกผม?! หมายความว่า...”



.


โจชัวร์ตกใจตื่น หันไปหันมาระหว่างรถม้า คฤหาสน์ และหญิงสาวตรงหน้า



.


“นายท่านคงปฏิเสธเรื่องฉันกับคุณพ่อโดยเด็ดขาดแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไป เรื่องของนายท่านต้องฝากคุณโจชัวร์ดูแลแล้วนะคะ”



.


“ไม่ได้นะ คุณต่างหากที่จะช่วยเขาถอนคำสาป ผู้ชายอย่างผมจะไปทำอะไรได้!”



.


ลิเดียบีบมือที่กำลังสั่นให้แน่นขึ้น เธอเข้าใจว่าเขาอาจจะกลัวหรือเสียความมั่นใจไปบ้าง แต่เธอเชื่อสายตาตัวเองว่าเขาเข้มแข็งพอที่จะผ่านอุปสรรคนี้ไปได้



.


“มั่นใจในตัวเองสิคะโจชัวร์ ไม่ใช่ผู้ชายหรือผู้หญิง ไม่ใช่ฐานะหรือความคู่ควรเหมาะสม แต่หัวใจคนเราควรมีอิสระที่จะเลือกรักใครก็ได้ ตอนนี้นายท่านได้เลือกแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะค่ะ”



.


โจชัวร์พยายามยิ้มตอบกำลังใจที่ได้รับ ชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีสิทธิ์ได้เลือก พอจะมีโอกาสตัดสินใจก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันถึงโชคชะตาของคนสำคัญเสียอย่างนั้น



.


“หมายความว่าถ้าผมเลือกทำตามหัวใจตัวเอง...”



.


“ฉันก็ขออวยพรให้ความรักนั้นเยียวยาคนที่หัวใจของคุณเลือกได้เป็นผลสำเร็จค่ะ”



.


ทั้งสองโอบกอดและเอ่ยคำลาในฐานะมิตรแท้ที่จะรักและหวังดีต่อกันตลอดไป



.


โจชัวร์ตามไปส่งและได้มีโอกาสเอ่ยลาคุณพ่อของเธอ ท่าทางเมินเฉยในทีแรกคลายลง ดวงตามากด้วยวัยและประสบการณ์ชีวิตมีเค้าเหนื่อยล้ามองเขาอย่างจนด้วยคำพูด ท่านเพียงพยักหน้ารับแล้วนิ่งไป แต่เท่านี้ก็ทำให้เขาใจชื้นขึ้นมากเพราะท่านเศรษฐีและเจ้าอสูรต่างเป็นคนสำคัญของเมือง คงไม่ดีหากทั้งสองจะบาดหมางกันโดยเฉพาะมีสาเหตุมากจากตัวเขา



.


เมื่อรถม้าคันใหญ่จากไป โจชัวร์รีบกลับเข้าด้านในด้วยความรู้สึกอยากเห็นหน้าเจ้าของคฤหาสน์ใจจะขาด เขาเที่ยวตามหาจนเหลือเพียงห้องลับใต้หลังคาซึ่งเคยได้เข้าไปโดยบังเอิญ กุญแจดอกใหญ่ถูกปลดล็อกไว้ไม่ต่างจากครั้งนั้น เขาเคาะให้สัญญาณ เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจึงค่อยๆเปิดเข้าไป ห้องกว้างไม่ได้มืดสนิทเหมือนคราวก่อน ม่านหนาถูกรูดออกจนสุด แสงสว่างส่องผ่านผนังซึ่งประกอบขึ้นจากกระจกหลากสีจึงเกิดลวดลายงดงามทาบทับเต็มพื้นที่   



.


ร่างสูงใหญ่ยืนเด่นอยู่ข้างโต๊ะซึ่งมีโถแก้วใสวางครอบดอกกุหลาบเรืองแสงที่โรยลงจนเหลือกลีบสีแดงอยู่ไม่มาก แน่นอนว่ากระจกวิเศษก็วางอยู่คู่กัน องค์ประกอบทั้งหมดก่อให้เกิดความรู้สึกเหมือนภาพฝัน ราวกับได้ล่วงเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง



.


นาทีนั้นโจชัวร์เกิดความรู้สึกลังเล  แต่เมื่ออุ้งมือใหญ่ยื่นออกมาหา ดวงตาสีอำพันจดจ้องดั่งมีมนต์สะกดดึงดูดให้ก้าวเข้าสู่อ้อมแขนที่โอบแน่นจนเหมือนเนื้อตัวทั้งหมดได้ถูกฝังลงในไออุ่นอันคุ้นเคย และเมื่อเงยหน้าขึ้นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าของแผงอกกว้างโน้มตัวลงมา จูบรสหวานบดเบียดรุนแรงจนเขาต้องโอบแขนรอบลำคอหนา ขยุ้มเส้นขนยาวเป็นหลักยึด ร่างสูงใหญ่ยิ่งรัดแรง แนบริมฝีปากขบเม้มข้างลำคอ ปลายเขี้ยวจิกลากเบาๆจนเกิดเสียงครางไม่ได้ศัพท์ ฝ่ามือกร้านสอดเข้าลูบไล้ผิวเนื้ออ่อน สัมผัสอย่างหยาบคายปลุกอารมณ์ดิบให้ลุกโพลงจนกระทั่ง...



.


“อะแฮ่ม”



.


เสียงกระแอมดังขึ้นในจังหวะที่ผิดกาลเทศะอย่างไม่น่าให้อภัย วัตถุต้นเสียงจึงถูกหยิบขึ้นเตรียมจะเขวี้ยงทิ้ง ดีที่มีคนห้ามไว้พร้อมส่งสายตาเตือนสติ ไม่ให้วู่วามทำลายของวิเศษ แต่เจ้าอสูรไม่คิดจะใส่ใจ จัดการรวบยึดทั้งมือเล็กและของสิ่งนั้นไว้แล้วใช้ริมฝีปากของตนต่อ



.


“ว้าวววว จากมุมนี้ยิ่งเห็นชัดแจ๋วเลยขอรับ”



.


“อยู่เงียบๆไม่เป็นเลยใช่มั้ยเจ้ากระจกปากมาก”



.


โจชัวร์รีบออกแรงผลักอกกว้างด้วยความตกใจ ดวงตาสีน้ำตาลหันไปมาระหว่างเจ้าอสูรและสิ่งที่ถูกกำไว้พร้อมกับมือของตน เขาแน่ใจแล้วว่าไม่ได้หูฝาดหรือคิดไปเองว่าเคยได้คุยกับกระจกที่สามารถพูดได้ แต่ก่อนจะค้นหาความลับเบื้องหลังความวิเศษนี้ เขาควรจะจัดการกับเจ้าหื่นกามตัวโตที่เอาแต่จะล้วงปากล้วงคอเขาให้เด็ดขาดเสียก่อน



.


“ท่านจะหยุดจูบข้าก่อนไม่ได้หรือไงนะ”



.


“หรือเจ้าอยากจะให้ข้าทำอย่างอื่นที่มากกว่าจูบล่ะ”



.


“ส่วนข้าน้อยไม่ได้ขัดข้องอะไร แต่ช่วยวางลงก่อนจะเป็นตากุ้งยิง โอ๊ะ! ลืมไป ข้ามิมีลูกตานี่หน่า แต่ถึงยังไงก็รบกวนนายท่านรีบๆวางข้าลงเถิด อยู่ที่สูงๆแล้วแถมยังได้มาเห็นอะไรดีๆอย่างนี้มันค่อนข้างจะเสียววววววว”



.


เจ้าอสูรสนองตอบด้วยสีหน้ารำคาญหู ไม่ใส่ใจแม้จะมีเสียงขอบโลหะกระแทกโต๊ะดังอยู่หลายที เป็นโจชัวร์ที่รีบเก็บขึ้นมาดู โล่งอกที่หน้ากระจกยังอยู่ในสภาพปลอดภัยดี



.


“ตกลงว่ากระจกนี่พูดได้จริงๆ!”



.


“พูดมากเสียด้วย”



.


เสียงค่อนจากผู้เป็นเจ้าของถูกตัวกระจกสวนกลับแทบจะคำต่อคำ



.


“แต่อย่าลืมว่าข้ายังทำได้มากกว่าพูดนะขอรับ”



.


โจชัวร์พลิกกระจกไปมาก็ไม่เห็นอะไรนอกจากใบหน้าของตัวเอง จึงหันไปจ้องเจ้าอสูรเพื่อขอคำอธิบาย และต้องเสียอีกหนึ่งจูบก่อนจะได้รู้ความสามารถพิเศษที่กระจกอวดอ้าง



.


“กระจกสามารถบันดาลให้เห็นทุกสิ่งที่ปรารถนา”



.


“ทุกอย่างเลยหรือ?” เขาย้ำถามด้วยความสนใจ “แล้วท่านเคยเห็นสิ่งใดในกระจกบ้าง”



.


อาการอมยิ้มชวนให้ยิ่งสงสัยว่าเจ้าอสูรจะปรารถนาสิ่งใด หากให้เดาคงไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทองซึ่งมีล้นเหลืออยู่แล้ว แต่อาจเป็นภาพของโลกกว้างภายนอก เพราะรูปลักษณ์เช่นนี้อาจทำให้เจ้าอสูรรู้สึกเหมือนถูกกักขัง ไม่ได้มีอิสระตามที่ใจปรารถนา เหมือนอย่างที่ตัวเขาเองก็เคยฝันว่าจะได้ขึ้นเรือสินค้าของพ่อเพื่อออกเดินทางไปพบผู้คนและดินแดนใหม่ๆมากมาย



.


“ตกลงว่าท่านเห็นอะไร เป็นความลับที่บอกข้าไม่ได้เลยเหรอ”



.


“เจ้า...” ดวงตาสีอำพันยังคงแฝงรอยยิ้มอ่อนๆ อุ้งมือใหญ่แนบอยู่ข้างใบหน้า แต่ลงท้ายกลับตบแก้มเบาๆแล้วตอบด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า “จะอยากรู้ไปทำไมหืม”



.


คนถูกแกล้งสะบัดหน้าเชิดใส่แต่ก็ถูกง้อด้วยวิธีง่ายๆอย่างอ้อมกอดและเสียงหัวเราะก้องที่บ่งบอกถึงความสุข



.


“แล้วเจ้าล่ะ ปรารถนาจะเห็นสิ่งใด”



.


เสียงกระซิบถามจากเจ้าของอ้อมแขนทำให้โจชัวร์หยุดคิด เอาเข้าจริงเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แก้วแหวนเงินทองไม่ใช่สิ่งจำเป็นเช่นกัน ส่วนความฝันหากเอาแต่เฝ้ามองก็คงไม่มีวันเป็นจริง คนที่หัวใจใฝ่หาก็อยู่เคียงข้างกันอยู่แล้ว หากจะมีสิ่งใดหรือใครที่สำคัญพอให้คิดถึงก็คงจะเป็นครอบครัว พี่สาวทั้งสองไม่ใช่คนที่เขาจะเลือกแน่ๆ เบลล่าก็มีสามีที่คอยรักและดูแลเธออยู่แล้ว ถ้าเช่นนั้น...



.


“ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้พ่อเป็นยังไงบ้าง กระจกจะทำให้ข้าเห็นพ่อได้มั้ย”



.


เขาเอ่ยถามกึ่งร้องขอ ฉับพลันนั้นกระจกที่อยู่ในมือก็เกิดฝ้ามัวคล้ายมีหมอกควันลอยคลุ้งอยู่ด้านใน เมื่อกระจกกลับมาใสดังเดิมก็ปรากฏเป็นภาพที่ไม่ใช่เงาสะท้อน และความพิเศษคือมีการเคลื่อนไหวราวกับผู้เป็นพ่อกำลังอยู่ตรงหน้าจริงๆ



.


“พ่อ...”



.


ภาพที่เห็นทำให้เสียงเรียกสะดุดอยู่แค่ลำคอ พ่อของเขากำลังล้มป่วย ใบหน้าแทบจะไร้สีเลือด ริมฝีปากแห้งแตกพึมพำในสิ่งที่เขาไม่ได้ยิน และสิ่งที่ทำให้เขายิ่งเจ็บแปลบในอกคือพ่อกำลังนอนตัวสั่นอยู่เพียงลำพัง ไม่มีวี่แววว่าจะได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างที่ควรจะเป็น



.


“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้!? ทุกคนน่าจะกลับเข้าเมืองไปแล้วนี่! ทำไมพ่อถึงยังอยู่ที่บ้านหลังนั้น แล้วพวกพี่ๆหายไปไหน  ทำไมถึงไม่มีใครมาดูแล ไม่เห็นหรือไงว่าพ่อไม่สบายมากขนาดนี้!”



.


“ใจเย็นๆก่อนโจชัวร์”



.


“นี่เป็นภาพของพ่อจริงๆเหรอ หมายความว่าตอนนี้พ่อไม่สบายจริงๆใช่มั้ย?!” 



.


“กระจกไม่เคยโกหก แต่ภาพที่เจ้าเห็นอาจไม่ตรงกับความจริงเสมอไป เรายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วอีกอย่าง พวกพี่สาวเจ้าจะไม่ดูดำดูดีพ่อของตัวเองเชียวหรือ” เจ้าอสูรพยายามปลอบเพราะท่าทางโจชัวร์ร้อนใจจนแทบจะแทรกตัวเข้าไปในกระจกเสียให้ได้



.


“ตอนนี้เบลล่าไม่อยู่แล้ว ส่วนแมรี่เคยบอกว่าจะย้ายกลับเข้าเมือง แต่พ่ออาจจะไม่ได้ไปด้วย พ่อคงยังอยู่ที่หมู่บ้านเพื่อรอข้ากลับไป”



.


“เขาควรรู้ว่าไม่มีประโยชน์ เจ้าเป็นคนของข้าและข้าจะไม่ยอมเสียเจ้าไป”



.


โจชัวร์รู้สึกเต็มตื้นกับความมั่นคงที่สะท้อนอยู่ในดวงตาสีอำพัน แต่จิตใจก็ยังคงว้าวุ่นเมื่อนึกถึงความปลอดภัยของผู้เป็นพ่อ แม้จะไม่ได้ยกย่องเชิดชูอย่างออกหน้าออกตาแต่หากมีคนถาม คุณมอร์ริสจะแนะนำลูกชายคนนี้ด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ พ่อไม่เคยเก็บเขาไว้ก้นครัวแต่เป็นเขาเองที่เลือกจะอยู่อย่างเงียบๆเพื่อความสงบสุขของบ้าน พ่อจะคอยปลอบเวลาเขาถูกพวกพี่ๆรังแก และทุกครั้งที่คิดถึงแม่ เขาก็แน่ใจว่าจะยังมีความรักความอบอุ่นของพ่ออยู่ด้วยเสมอ



.


“แต่ว่าพ่อกำลังไม่สบาย... พ่อแก่มากแล้ว ถ้าปล่อยไว้ พ่ออาจจะ...” เขาพูดไม่ออก ไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงวันที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่



.


“ขอให้ข้ากลับไปหาพ่อได้มั้ย” โจชัวร์อ้อนวอน อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้มีโอกาสเอ่ยลาเป็นครั้งสุดท้าย “ได้โปรดเถอะ ข้าขอแค่กลับไปดูแล แค่ให้แน่ใจว่าพ่อไม่เป็นอะไร แล้วข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”



.


เจ้าอสูรยังคงนิ่งงัน ดวงตาสีประหลาดปรากฏแววสั่นไหวแสดงถึงความลังเล



.


“เจ้าสัญญาว่าจะกลับมา”



.


“แน่นอน ข้าสัญญาว่าจะกลับมาและจะอยู่กับท่านตลอดไป”



.


นานทีเดียวกว่าจะมีเสียงตอบแผ่วเบา



.


“สามวัน” 



.


แม้รู้สึกว่ามีแสงสว่างวาบหนึ่งทางหางตาแต่โจชัวร์ก็ไม่ทันได้สนใจเพราะรู้ว่านี่ไม่ใช่โอกาสที่จะหาได้ง่ายๆ



.


“เจ้ามีเวลาสามวัน จงไปดูแลพ่อแล้วกลับมาตามที่ได้สัญญา ข้าจะรอเจ้าอยู่ทุกลมหายใจ”



.


โจชัวร์วางมือลงในอุ้งมือใหญ่ ริมฝีปากอุ่นจูบลงที่หลังมือพลันให้รู้สึกร้อนวาบไปทั้งร่าง เขายกสองมือประคองใบหน้าของเจ้าอสูรแล้วตอบความรู้สึกนั้นด้วยจูบอันดูดดื่ม หากฝ่ายหนึ่งจะเฝ้ารออยู่ทุกลมหายใจ ใยอีกคนจะไม่โหยหาวันเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน และแม้ไม่มีคำสัญญา เขาก็รู้ด้วยหัวใจว่าจะไม่มีวันจากไปไหนได้อีกแล้ว 


















เค้าหวานกันขนาดนี้ ขอฟังเสียงกรีดร้องดังๆโหน่ยยยยยย





คุณ janehh บอกว่าตอนที่แล้วเริ่มต้นดี จบดรามาซะงั้น ถ้างั้นตอนนี้จะเรียกว่าอะไรดีเอ่ย เริ่มตอนมาแม้จะมีซีนหวานๆ แต่อารมณ์ก็หน่วงเหลือเกิน  พอจะหวานอีกก็โดนมุขแป้กๆของเจ้ากระจกขัดจังหวะ ส่วนตอนจบก็ยังไม่รู้อีโหน่อีเหน่อีกว่าจะหวานหรือขม รู้สึกเหมือนโดนเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาบ้างมั้ยคะ






ส่วนคุณหนูลิเดีย ถือว่าจบสวย อยากให้เป็นตัวแทนของผู้หญิงที่มีสติ รักไม่รักก็ขอให้รู้ใจตัวเอง อย่าเอาแต่ทำตามคนอื่นบอก และถ้าจะรัก ไม่ว่าจะผิดหวังหรือสมหวังก็ขอให้รักอย่างมีสติ เอ็นดูนางด้วยนะคะ





ในส่วนของโจชัวร์เองก็โดนความรักทำให้เป๋ไปพอสมควร เราว่าความอิจฉา ริษยา ผิดหวัง สมหวังเป็นเรื่องธรรมดาของความรัก แต่อย่างน้อยถ้าเรารู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในภาวะไหนก็น่าจะทำให้ก้าวผ่านไปได้ง่ายขึ้น เหมือนอย่างที่โจชัวร์อิจฉาก็ยอมรับเถอะว่าอิจฉา  อย่าตะบี้ตะบันไปต่อทั้งที่หน้ามืดตามัว ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดผลร้ายในภายหลังได้





หลังจากนอกเรื่องให้เจ้าอสูรปลูกต้นรักอยู่ซะนาน เราก็มาถึงจุดหักเหของนิทานตามต้นฉบับเสียที แต่เอาจริงๆเจ้าอสูรก็แอบใจร้ายไปเนาะ ในนิทานต้นฉบับให้ตั้งเป็นสิบๆวัน บางเวอร์ชันก็สองอาทิตย์เชียวนะ แต่นี่สามวัน รีบไปรีบกลับ ไม่ต้องทันพักหายใจกันล่ะ





โจชัวร์กลับบ้านไปจะเจอกับอะไรบ้าง มาลุ้นกันต่ออาทิตย์หน้าจ้า













^__^







----- Mine -----







หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 13 (16/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-07-2017 12:05:24
 :ling3:จะเจออะไรหนอ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 13 (16/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-07-2017 12:27:46
 :man1:
 :เฮ้อ:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 13 (16/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 16-07-2017 21:28:36
กลับไปแล้วจะดราม่าแบบในต้นฉบับมั้ยนะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 13 (16/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 17-07-2017 01:59:04
อ่านตอนนี้นี่หลายอารมณ์มาก อย่างแรกเลยคือโล่งใจเรื่องของลิเดีย อย่างน้อยนางก็ทำให้หนูโจชัวร์ของเราเลิกคิดมาก อยากบอกว่าชอบซีนจูบแล้วขยุ้มขนมากเลยค่ะ มันกร๊าวใจจจจ  :impress2: ส่วนตอนท้ายนี่ทำเรากังวลมากกก นอกจากจะกังวลเรื่องพี่สาวที่เราอยากจะ... :beat: ก็มีแกสตันนี่แหละค่ะที่กังวล กลัววางแผนอะไรไม่ให้โจชัวร์กลับไปนี่สิ ฮืออออ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 13 (16/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 17-07-2017 08:53:31
แหงะ แต่พ่อสัญญากับแกสตันแล้วนี่ว่าถ้าโจชัวร์กลับมาจะยกน้องให้แกสตัน โอยชีวตตตตต
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 13 (16/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 17-07-2017 13:48:07
แล้วแกสตันละ

โอ้ววตาย ถ้ากลับไปนี่อุปสรรค์แน่นอน


ทางนู้นก็สงสารนะ แต่ถ้ารักก็รักไปตั้งนานแล้วนิ


รอลุ้นอาทิตย์หน้าค่ะ   ฮือๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 13 (16/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: HisokaK ที่ 17-07-2017 17:04:14
สะบายใจไปเปราะหนึ่งละเรื่องลิเดีย
หนูโจรีบกลับมาหาอสูรน้า สงสารแกสตันก็จริงแต่ไงก็ทีมอสูรง่ะะะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 13 (16/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 17-07-2017 20:46:56
จะดราม่ามั้ยอ่ะฮือออออ :ling3:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 13 (16/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 17-07-2017 22:06:26
กลับไปเจอกัสตอน แฮร่  :a5:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 13 (16/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 20-07-2017 17:41:32
ละมุนมากมายอธิบายไม่ได้ ชอบคมาก่ะ
โจชัวร์เป็นเด็กดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 13 (16/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 20-07-2017 19:50:06
กุหลาบจะโรยกลีบสุดท้ายในสามวันรึเปล่าเนี่ยยยยยยย!
รีบกลับหนูโจชัวร์
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 14 (23/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 23-07-2017 04:53:08











Heartbeat 












: A Retelling of Beauty and the Beast



















สวัสดีจ้าาาา เอาหนูโจตอนร้อนๆมาเสิร์ฟกันแล้ว



กลับบ้านเรารักรออยู่.... จะใช้กับเรื่องนี้ได้มั้ย ไปลุ้นกันต่อเลยค่ะ



























14









การเดินทางจากคฤหาสน์ยังคงต้องผ่านพื้นที่และสภาพอากาศเลวร้ายไม่ต่างจากครั้งก่อน แต่เจ้าสโนว์ก็สามารถพานายของมันมาถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย การปรากฏตัวของโจชัวร์สร้างความประหลาดใจให้แก่พี่สาวทั้งสองอย่างที่อาจเรียกได้ว่าเกือบสิ้นสติ แมรี่ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะรอดพ้นคมเขี้ยวของสัตว์ร้าย ส่วนเบตตี้คงผิดหวังที่เขาไม่ได้กลับมาพร้อมว่าที่สามีของเธอ แต่สมบัติหนึ่งคันรถที่เจ้าอสูรฝากมาเป็นของกำนัลก็ช่วยปิดปากพี่สาวทั้งสองและทำให้เขาได้รับการต้อนรับตามสมควร




.



สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามคำพูดของเจ้าอสูรทุกประการ กระจกไม่ได้โกหก คุณมอร์ริสล้มป่วยจริง และใช่ว่าลูกสาวทั้งสองจะนิ่งดูดาย แต่บางครั้งจิตใจที่เจ็บป่วยส่งผลต่อร่างกายยิ่งกว่าเชื้อโรคร้ายแรง พวกเธอพยายามสรรหาทั้งหมอและตัวยาชั้นเลิศก็ไม่อาจรักษาหัวใจคนเป็นพ่อที่บาดเจ็บจากการต้องส่งเลือดเนื้อของตนไปเป็นเหยื่ออสูรร้าย แต่ทันทีที่ได้เห็นหน้า เขาก็สามารถลุกขึ้นกอดรับขวัญลูกชายคนเดียวด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ อาการป่วยแบบที่ได้แต่นอนรอวันตายแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง 



.



คุณมอร์ริสเอาแต่พร่ำคำขอโทษด้วยความรู้สึกผิดที่กัดกินใจมาเนิ่นนาน เขารู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เหมือนคนบาปหนาที่ได้รับการอภัย และสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ยอมทำผิดซ้ำอีก



.



“พ่อวางใจเถอะครับ ไม่ต้องเสียใจหรือรู้สึกผิดอะไรอีกแล้ว ลูกมีความสุขดี ความเป็นอยู่ก็สุขสบายทุกอย่าง ทุกๆคนที่คฤหาสน์ดีกับลูกมาก ส่วนนายท่านก็ไม่ได้ใจคอโหดร้ายอย่างที่พวกเราคิด เขาเป็นคนดี เป็นที่รักของทุกคนในเมือง แล้วเขาก็... เมตตาลูกมาก”



.



อาการอ้ำอึ้งในตอนท้ายไม่ได้เกิดจากการสงสัยในความรู้สึกของตน แต่เพราะยังไม่แน่ใจว่าคนอื่นๆจะเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจ้าอสูร ดูอย่างเรื่องแกสตันยังถูกทำให้เป็นปัญหาใหญ่โต อีกทั้งสุขภาพของผู้เป็นพ่อก็ยังไม่แข็งแรงจึงเกรงว่าจะรับความจริงทั้งหมดไม่ไหว



.



“นายท่าน? หมายถึงเจ้าอสูรที่เหมือนกับสัตว์ป่าในคราบมนุษย์นั่นน่ะหรือ?”



.



“จริงๆแล้วนายท่านแค่โดนคำสาปจนต้องอยู่ในสภาพน่ากลัวแบบนั้น ถ้าคำสาปสลายไปเขาก็จะกลับมาเป็นคนธรรมดาเหมือนกับเรานี่แหละครับ”



.



“ไม่จริงหรอก เป็นไปไม่ได้!” คุณมอร์ริสรีบปฏิเสธเสียงแข็ง ความน่าเกลียดน่ากลัวที่ประจักษ์แก่สายตาและความทุกข์ยากทรมานจากการเดินทางรอนแรมกลายเป็นความทรงจำอันโหดร้ายที่ยากจะยอมรับ



.



“พ่อยังจำได้ว่าเจ้าอสูรนั่นทั้งโหดร้ายป่าเถื่อนเหมือนสัตว์ป่ากระหายเลือดชัดๆ ที่เจ้าหนีมาได้ช่างเหมือนสวรรค์โปรดครอบครัวเราแท้ๆ พ่อจะไม่มีวันยอมให้ลูกของพ่อกลับไปตกนรกอย่างนั้นอีกเป็นอันขาด”



.



“โธ่! มันไม่ใช่อย่างนั้นจริงๆ ลูกไม่ได้ถูกกักขังหรือลงโทษอะไรเลย นายท่านให้อิสระและตามใจทุกอย่าง เขาให้ลูกกลับบ้านเพราะรู้ว่าพ่อล้มป่วย แต่ถ้าพ่อสบายดีแล้ว ลูกก็ต้องกลับไป”



.



“หมายความว่าเจ้าจะกลับมาบ้านอีกเมื่อไหร่ก็ได้ใช่มั้ย” คุณมอร์ริสกำลังชั่งใจเพราะไม่เห็นความกลัวหรือพิรุธใดๆในดวงตาของคนเป็นลูก 



.



“ลูกคงกลับมาเองตามใจชอบไม่ได้ ต้องให้นายท่านอนุญาตเพราะการเดินทางผ่านป่ากว้างที่มีแต่พายุไม่ใช่เรื่องง่ายพ่อก็รู้นี่ครับ”



.



“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็อย่าเพิ่งกลับ อยู่กับพ่อไปก่อน อยู่ไปให้นานที่สุด แล้วถ้าไม่มีใครมาตามก็ไม่ต้องกลับไปเลยดีมั้ย”



.



“ไม่ได้หรอกครับ ลูกมีเวลาแค่สามวันเท่านั้น อย่างช้าที่สุดมะรืนนี้ก็ต้องเดินทางกลับแล้ว”



.



โจชัวร์ไม่อาจตามใจผู้เป็นพ่อ ส่วนหนึ่งเพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้ แต่เหตุผลลึกๆคือหัวใจของเขาก็ปรารถนาเช่นนั้น แม้จะดีใจที่ได้พบพ่ออีกครั้ง แต่ก็เรียกว่าต้องตัดใจอย่างมากกว่าจะได้ออกเดินทาง เจ้าอสูรบอกลาเขาเป็นการส่วนตัวและไม่ได้ออกมาส่ง คงเพราะกลัวจะเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย ส่วนคนอื่นๆมารออยู่ที่หน้าคฤหาสน์เพื่ออวยพรให้เขากับสโนว์เดินทางโดยปลอดภัย เขามองกลับไปยังเห็นทุกคนอยู่ตรงนั้นจนลับสายตา และที่ช่องกระจกสีซึ่งตรงกับห้องใต้หลังตาก็เชื่อว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องอย่างรอคอย นาทีนั้นเขารู้สึกเหมือนคนที่กำลังเดินออกจากบ้านและดีใจที่มีคนเฝ้ารอให้กลับไปหา



.



“เอาเถอะๆ เราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง เจ้าเดินทางมาเหนื่อยๆไปพักเสียก่อนดีกว่า”



.



คุณมอร์ริสรีบตัดบทเพราะตั้งใจจะถ่วงเวลา รั้งตัวลูกชายเอาไว้ให้ได้นานที่สุด อย่างน้อยเขาก็มีแกสตันเป็นแรงสนับสนุน หากเจ้าหนุ่มนั่นรู้เรื่องจะต้องไม่ยอมปล่อยโจชัวร์กลับไปแน่ เขาอาจจะต้องยอมปิดตาสักข้าง ทำเป็นไม่รู้ไมชี้เสียบ้างเพื่อจะไม่ต้องปล่อยให้ลูกชายคนเดียวกลับไปเผชิญชะตากรรมตามลำพัง



.



ทีแรกโจชัวร์ตั้งใจว่าจะได้เฝ้าไข้อยู่ข้างเตียง ไม่นึกไม่ฝันว่ากลับบ้านมาแล้วจะได้มีห้องและเตียงนอนอย่างคนอื่นเขา ซึ่งหากไม่ใช่คำสั่งเด็ดขาดของพ่อให้เขาพักในห้องของเบลล่าที่ว่างอยู่ พี่สาวทั้งสองก็คงให้เขาได้ฟื้นความทรงจำกับฟูกบางๆที่มุมห้องเก็บของ แต่สุดท้ายเขาก็ได้แต่หลับๆตื่นๆ รู้สึกไม่คุ้นชินกับเตียงแคบ กลิ่นสาบสางของที่นอนเก่า และแน่นอนว่าไม่มีไออุ่นจากวงแขนใหญ่ที่จะกกกอดเขาไว้ให้หลับฝันดี



.



เขาลุกจากที่นอนตั้งแต่ยังไม่ฟ้าสางเพื่อเริ่มต้นกิจวัตรที่เคยทำ ต้องขอบคุณความเจ้ากี้เจ้าการของแมรี่ที่ใช้เหรียญทองของเจ้าอสูรในทางที่ก่อประโยชน์ บ้านทั้งหลังถูกปรับปรุงให้มีสภาพเหมือนใหม่และอยู่สบายด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่าง เขาไม่ต้องเดินไปตักน้ำจากบ่อ ไม่ต้องผ่าฟืนเพื่อก่อไฟ และใช้เวลาไม่นานก็สามารถเตรียมอาหารเช้าสำหรับทุกคนได้อย่างเรียบร้อย เสร็จจากงานครัวและการทำความสะอาดก็ถึงเวลาของพวกแม่ไก่เพื่อนยาก เขาแปลกใจไม่น้อยที่เล้าไก่ได้รับการดูแลอย่างดี ทั้งถูกขยายให้มีขนาดใหญ่และเป็นสัดส่วนมากขึ้นสำหรับแม่ไก่ พ่อไก่ และลูกเจี๊ยบแสนน่ารัก



.



“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคุณเดซี่ คุณลิลลี่ คุณไวโอเลต ดีใจจังที่พวกคุณยังอยู่สบายดีกันทุกตัว แล้วเจ้าตัวเล็กๆพวกนี้มาจากไหนกันล่ะเนี่ย น่ารักจัง”



.



โจชัวร์เอ่ยทักทาย บรรดาแม่ไก่ส่งเสียงระงมตอบราวกับจำเขาได้ ส่วนแม่ไก่หน้าใหม่ๆคงสัมผัสได้ถึงความเป็นมิตรจึงให้ความสนใจและยอมให้เขาสัมผัสเพื่อทำความคุ้นเคย แม้แต่ไก่ตัวผู้ก็ยังเชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ มันโก่งคอประกาศอำนาจ พองขนสีเหลือบสวยแสดงบารมีแต่กลับไม่มีอาการก้าวร้าวหรือส่งแววตาดุดันให้ชายหนุ่มแปลกหน้าสักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฝูงลูกเจี๊ยบที่แทบจะเดินเรียงเข้ามาในฝ่ามือให้เขาหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติราวกับเขาเป็นส่วนหนึ่งของพวกมัน



.



เวลาผ่านไปอย่างไม่ทันรู้ตัว เขาจัดการทำความสะอาด เปลี่ยนฟางและน้ำ และให้อาหารไก่จนเรียบร้อย กำลังจะเอ่ยลาเพื่อไปดูแลแปลงผักเป็นงานอย่างต่อไปก็ถูกจู่โจมด้วยอ้อมกอดแน่นราวกับคีมเหล็ก



.



“เจ้ากลับมาแล้ว... ในที่สุด...” เสียงพึมพำของคนที่กำลังสำลักความสุขจากการได้ของรักกลับคืนทำให้คนถูกกอดไม่กล้าขยับตัว



.



“ข้ารอเจ้า เฝ้ารออยู่ทุกวันทุกคืน ในที่สุดคำอธิษฐานก็เป็นจริง ข้าไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยโจชัวร์”



.



“เอ่อ... เจ้าไม่ได้กำลังฝันหรอกแกสตัน แต่ถ้ายังไม่ปล่อย ข้าคงได้ขาดใจตายจริงๆแน่” 



.



เสียงหัวเราะก้องกังวานสะท้อนความสุขที่อิ่มซ่านเต็มหัวใจ แกสตันหมุนร่างเพรียวให้กลับมาอยู่ตรงหน้า ดวงตาสีน้ำเงินเข้มยิ่งลึกล้ำยามทอดมองไปทุกส่วน เรือนผมนุ่มที่ถูกรวบไว้ลวกๆมีเศษฟางแซมให้ต้องช่วยหยิบออก ไรผมชื้นเหงื่อยิ่งขับกรอบหน้ารูปหัวใจให้เด่นชัด ดวงตากลมดังแก้วสีน้ำตาลอ่อนประดับแพขนตาหนา เรียวคิ้วรับกับสันจมูกโด่งปลายเล็กเชิดรั้น แต้มกระสีจางปรากฏที่หน้าแก้มไม่อาจกลบความเนียนละเอียดของผิวเนื้อ และสิ่งที่ชวนให้สงสัยใคร่รู้ว่าริมฝีปากสีกุหลาบจะมีรสหวานละมุนสมกับรอยยิ้มของเจ้าตัวหรือไม่



.



“เป็นเจ้าจริงๆ...” แกสตันครางแผ่วแล้วก้มลงหมายจะพิสูจน์ด้วยรสสัมผัส ดวงตากลมเบิกโต ริมฝีปากสวยเม้มแน่นราวกับรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีอะไรจะมาหยุดการเติมเต็มความปรารถนาจากคนที่เฝ้าหมายปองมาเนิ่นนาน เขาจะไม่ยอมให้สิ่งใดมากั้นขวางระหว่างเขากับ...



.



ขี้ไก่!



.



“เจ้าจะหายบ้าได้หรือยัง” โจชัวร์ถามพลางบดเบียดฝ่ามือตัวเองเข้ากับใบหน้าที่สาวๆทั้งหมู่บ้านเพ้อหา แต่หากพวกเธอมาเจอสภาพนี้คงได้วิ่งหนีแทบไม่ทัน



.



การเผชิญหน้าอันแสนหวานจบลงด้วยการที่ฝ่ายหนึ่งหัวเราะร่า ส่วนอีกคนส่งเสียงร้องดังยิ่งกว่า ร่างสูงใหญ่รีบตรงไปยังบ่อน้ำเพื่อล้างขี้ไก่ ทั้งขัดทั้งถูจนใบหน้าแสบร้อนไปหมด แต่สำหรับมือของคนที่ลากให้ตามมา เขากลับค่อยๆรินน้ำรด บรรจงล้างด้วยความทะนุถนอมจนแน่ใจว่าสะอาดหมดจดทั้งคราบทั้งกลิ่น



.



“เล่นอะไรไม่รู้เรื่องนะเจ้าเนี่ย”



.



“ก็เจ้าอยากเล่นบ้าๆก่อน ข้าก็แค่ช่วยให้เจ้าหายบ้าเป็นปลิดทิ้งเท่านั้นเอง เป็นไงบ้าง กลิ่นของพวกมาดาม หอมชื่นใจดีมั้ย”



.



แกสตันมองค้อนแล้วได้แต่ทำใจ จะโกรธลงได้อย่างไรในเมื่อรอยยิ้มนั้นคือความสุขของตัวเขาเอง แต่เห็นคนขี้แกล้งยังขำไม่เลิกก็ยิ่งหมันเขี้ยว เลยฉวยจังหวะกระชากตัวเข้ามาพิสูจน์กลิ่นแก้มไปหนึ่งฟอด ไม่ได้จูบ ขอหอมให้ชื่นใจก็ยังดี



.



“ห้ามทำแบบนี้อีกเด็ดขาด ไม่งั้นข้าจะไปเอาขี้ของสโนว์มาละเลงหน้าเจ้า!”



.



คนถูกขู่มองตามสายตาเอาเรื่องก็เห็นเจ้าม้าขาวที่ถูกผูกไว้ใต้ร่มไม้ใกล้ๆ ลักษณะท่าทางคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก แต่ต่อให้เป็นม้าวิเศษเขาก็ไม่คิดจะสนใจอยู่แล้ว



.



“เจ้าเองก็ห้ามหายตัวไปอย่างที่ผ่านมา ไม่อย่างนั้นข้าจะจับเจ้าขังไว้ ถ้าคิดหนีก็จะผูกติดกับตัวข้าให้แน่นๆ เจ้าไปไหนข้าไปด้วย จะไม่ยอมปล่อยเจ้าคลาดสายตาอีกแล้ว”



.



“ข้าไม่ใช่นักโทษของเจ้านะ!” โจชัวร์เสตวาดกลับ เจ็บใจนิดเดียวตรงมือที่ยังถูกจับไว้ ออกแรงสะบัดยังไงก็ไม่หลุด แถมคนตัวโตยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จนเขานึกอยากมีขวานสักเล่มจะได้สับมือที่เหนียวอย่างกับทากาวให้ขาดเป็นสองท่อน 



.



“ทำไมจะไม่ใช่ เจ้ามีความผิดที่ทำให้ข้าต้องทุกข์ทรมานอย่างไม่มีวันจบสิ้น เจ้าหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ส่งข่าวคราวว่าเป็นตายร้ายดี ไม่คิดบ้างว่าคนที่อยู่ทางนี้จะกังวลหรือเป็นห่วงมากแค่ไหน ท่านลุงตรอมใจจนล้มป่วย ส่วนข้าก็แทบไม่ต่างจากคนใกล้ตาย หัวใจเหมือนจะขาดรอนๆอยู่ทุกครั้งที่คิดถึง แต่เจ้ากลับเห็นความรัก ความหวังดี ความห่วงใยของข้าเป็นเรื่องเล่นๆอย่างนั้นหรือ เจ้ากลายเป็นคนใจร้ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือว่าเจ้าอยากจะปล่อยให้ข้าตายไปจริงๆเลยใช่มั้ยโจชัวร์!”



.



แกสตันระเบิดความรู้สึกที่เก็บไว้ออกมาทั้งหมด เขาอาจเคยอดกลั้นได้มากกว่านี้ เคยพอใจแค่คำว่าเพื่อน เคยเรียกร้องแค่ได้รอคอย แต่หลังจากการสูญเสียแม้เพียงระยะเวลาไม่นาน หัวใจของเขาก็ถูกความสิ้นหวังกัดกร่อนจนไม่เหลือความอดทน และเหมือนจะเพิ่งนึกได้ว่าแท้จริงแล้วคนอย่างเขาเมื่อต้องการคือต้องได้ เขาไม่ใช่คนอ่อนแอและจะไม่ยอมแพ้ใครหน้าไหนทั้งนั้น



.



“ข้า... ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจ...” โจชัวร์จนด้วยคำพูด เขารู้ตัวว่าไม่อาจตอบรับความรู้สึกของแกสตนแต่ก็ยังไม่อาจเปิดเผยความลับเกี่ยวกับเจ้าอสูร



.



“ถ้าเจ้าไม่ได้ตั้งใจงั้นก็บอกมาสิว่าหายไปไหนมา ไปอยู่กับใคร ไปทำอะไร มันเป็นความลับอะไรนักหนาถึงบอกข้าไม่ได้?!”



.



“ขอโทษนะแกสตัน แต่ข้าบอกเจ้าไม่ได้จริงๆ แล้วที่สำคัญก็คือ... พรุ่งนี้ข้าต้องกลับแล้ว” ท่าทางคุกรุ่นทำให้โจชัวร์ลังเลที่จะบอก แต่เขาก็ไม่อยากทำร้ายน้ำใจด้วยการหายตัวไปเฉยๆเหมือนครั้งที่แล้ว   



.



“ไม่มีวัน! ข้าไม่ยอมให้เจ้าไปไหนอีกแล้ว ห้ามเด็ดขาด!”



.



ความตั้งใจดีกลับเป็นการเปิดแผลที่ยังไม่หายสนิท มือใหญ่กุมรอบต้นแขนเล็กยิ่งกว่าตรวนเหล็กของนักโทษ เขาไม่ยอมปล่อยแม้อีกฝ่ายจะดิ้นรนจนแสดงความเจ็บปวดออกมาทางสีหน้า หากมีเสียงร้องเขาจะรีบตะคอกซ้ำเพื่อให้รู้ว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยมือ หากมีอาการดิ้นรนเขาจะยิ่งจับไว้สุดแรง ให้รู้กันไปว่าเขาจะไม่สามารถเหนี่ยวรั้งหัวใจตัวเองเอาไว้ได้



.



“เจ้าไม่เข้าใจ ข้าอยู่ที่นี่ไม่ได้ ข้าต้องกลับไป”



.



“งั้นก็บอกให้ข้าเข้าใจสิว่าเจ้าต้องไปที่ใด หรือว่ามีใครรอเจ้าอยู่ มีใครบังคับให้เจ้าต้องกลับไปใช่มั้ย?!”



.



“ข้าเป็นคนอยากกลับไปเอง ไม่มีใครบังคับทั้งนั้น เจ้าเองก็อย่าบังคับข้าเลยนะแกสตัน”



.



“แล้วถ้าข้าขอร้องเจ้าล่ะ ได้โปรดเถอะโจชัวร์ ข้าจะไม่ขออะไรอีกแค่เจ้าอยู่กับข้าเท่านั้น ถ้าเจ้าอึดอัดกับที่นี่ เราไปที่หมู่บ้านอื่นก็ได้ ข้าต้องการแค่เจ้าคนเดียว ขอแค่มีเจ้าอยู่ด้วยกันข้าก็พอใจแล้ว” แกสตันอ่อนท่าทีลงแต่ยังคงออกแรงจับจนรอยมือรอบต้นแขนเล็กปรากฏชัด



.



โจชัวร์ยอมหยุดดิ้นรนเพื่อตั้งสติและคิดหาวิธีเจรจา เขารู้ตัวว่าสู้ไม่ไหว หากแรงตอบรังแต่จะเสียเปรียบและอาจจุดไฟโทสะจนควบคุมไม่อยู่ ภาพเปรียบเทียบระหว่างเจ้าอสูรและแกสตันกำลังปรากฏชัดขึ้นทุกที เขาไม่ได้เอนเอียงเข้าข้างแต่อย่างที่รู้ว่าเจ้าอสูรไม่เคยบีบบังคับหรือใช้ความรุนแรงกับเขาเลย เขาเสียอีกที่เป็นฝ่ายทุบตีและอาศัยร่างกายใหญ่โตต่างโล่คุ้มภัย สำหรับแกสตันนั้น เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนที่เคยหวังดีและใส่ใจดูแลกันเสมอมา ความรู้สึกที่มากเกินไปกำลังทำให้เขาอึดอัด เขาไม่อาจตอบรับแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมให้ปฏิเสธ ที่สุดแล้วความรักอาจกลายเป็นดาบสองคมที่ทำร้ายทั้งสองฝ่ายอย่างนั้นหรือ 



.



“ฟังนะแกสตัน ข้าจะขอพูดให้ชัดเจนเป็นครั้งสุดท้าย เรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าเจ้าจะรักข้ามากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ เพราะข้าคิดกับเจ้าได้แค่เพื่อนเท่านั้น”



.



“ในเมื่อข้ารักเจ้าได้ แล้วทำไมเจ้าจะรักข้าไม่ได้ล่ะโจชัวร์ เจ้าก็รู้ว่าข้าทุ่มเทและมั่นคงกับเจ้ามากกว่าใคร ทั้งหมดนั่นไม่มีค่าอะไรในสายตาเจ้าเลยเหรอ ความจริงใจของข้าทำให้เจ้าใจอ่อนไม่ได้สักนิดเลยหรือไง”



.



โจชัวร์รับฟังทุกถ้อยคำและตัดสินใจจบปัญหา เขาระลึกถึงน้ำใจและความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้กัน และเพราะอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พบกัน เขาจึงไม่ควรปล่อยให้เพื่อนเอาแต่หลอกตัวเองจนหาความสุขในชีวิตไม่ได้อีกเลย



.



“เจ้าไม่ได้ฟังที่ข้าบอกหรือไง ข้าซาบซึ้งกับความรู้สึกของเจ้า แต่ต่อให้เจ้าทำอะไรมากมายแค่ไหน ข้าก็ให้เจ้าได้แค่ความเป็นเพื่อน ข้ารักเจ้าได้แค่เพื่อน เจ้าช่วยเข้าใจข้าบ้างไม่ได้หรือไง”



.



ทว่าความหวังดีนี้ไม่อาจทำให้อีกฝ่ายตาสว่าง



.



“ข้าไม่เข้าใจ! และข้าไม่ได้ต้องการความเป็นเพื่อน! ข้ารักเจ้าและเจ้าก็ต้องรักข้าเท่านั้น!”



.



โจชัวร์มองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ความรักที่ถูกทำลายด้วยความผิดหวัง ผสมกับความโกรธและต้องการเอาชนะได้เปลี่ยนผู้ชายคนหนึ่งให้กลายเป็นดั่งสัตว์ร้าย ใบหน้าชวนฝันแดงก่ำและบิดเบี้ยว อุ้งมือใหญ่บีบขย้ำและเขย่าตามแรงอารมณ์จนเขารู้สึกเหมือนแขนกำลังจะหลุดออกจากตัว



.



“แกสตัน... เจ้ามันบ้าไปแล้ว! ความรักบังตาจนเจ้าไม่ยอมรับความจริง ถ้าเจ้ายังไม่หยุด แม้แต่ความเป็นเพื่อนข้าก็คงให้ไม่ได้!”



.



“ข้าไม่สน! จำไว้ว่าเจ้าเป็นของข้า ของข้าคนเดียว!”



.



ร่างสูงใหญ่ในตอนนี้ไม่ต่างจากภูเขาไฟที่ปะทุรุนแรงและเอาแต่ตะคอกคำรามไม่หยุด



.



“ปล่อยข้านะ! อย่ามาพูดจาเพ้อเจ้อ เจ้าไม่มีสิทธิ์...”



.



“ทำไมจะไม่มี! ข้ามีสิทธิ์ในตัวเจ้าทุกอย่าง ท่านลุงยกเจ้าให้ข้าแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ไปฟังจากปากพ่อของเจ้ากันเดี๋ยวนี้เลย!”



.



แกสตันไม่รอให้ใครได้ทันตั้งตัว เขาลากโจชัวร์กลับเข้าบ้านมาอยู่ต่อหน้าสมาชิกทุกคนในครอบครัว เมื่อการอ้างสิทธิ์ได้รับการยืนยันจากคุณมอร์ริส พี่สาวทั้งสองแทบจะกรีดร้องด้วยความคับแค้น ส่วนโจชัวร์ยิ่งพูดไม่ออกกับสภาพที่ถูกกระทำเหมือนสิ่งของที่จะยกให้ใครก็ได้ ครั้งก่อนเขายังพอเข้าใจว่าพ่อทำเพื่อสวัสดิภาพของทุกคนในครอบครัว แต่สำหรับครั้งนี้...



.



“พ่อขอโทษนะโจชัวร์ แต่เชื่อเถอะว่านี่เป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับเจ้า”



.



“แต่ลูกไม่ได้ต้องการแบบนี้นะครับพ่อ”



.



“พ่อไม่มีวันยอมให้เจ้ากลับไปที่นั่นอีกแล้ว เจ้าต้องอยู่ที่นี่ พ่อเชื่อว่าแกสตันจะคุ้มครองดูแลเจ้าได้”



.



“ลูกก็บอกแล้วว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่พ่อคิด ทุกคนที่นั่นดีกับลูกและลูกก็อยากกลับไปจริงๆ ให้ลูกได้ทำตามความต้องการของตัวเองสักครั้งไม่ได้เหรอครับ”



.



“ไม่! ตราบใดที่ยังเห็นว่าข้าเป็นพ่อ เจ้าก็ต้องอยู่ที่นี่ นี่เป็นคำสั่ง!”



.



โจชัวร์พยายามต่อรองด้วยเหตุผล และหวังว่าพ่อจะเห็นแก่ความสุขของเขาบ้าง แต่เขาต้องผิดหวังอีกครั้งเพราะดวงตาของคุณมอร์ริสก็กำลังพร่ามัวด้วยความรักที่ถูกความขลาดกลัวบีบคั้นให้ต้องตัดสินใจ เขาอ่อนแอเกินไปจึงคิดยืมมือคนอื่น โดยไม่รู้ตัวว่าจะยิ่งเป็นการทำร้ายมากกว่าปกป้องลูกชายคนเดียวเอาไว้ได้ 



.



“พ่อ!”



.



โจชัวร์พยายามอ้อนวอน ดิ้นรน แต่ก็เหมือนปลาตัวน้อยที่ไม่อาจฝืนว่ายทวนกระแสน้ำ ร้ายกว่านั้นคือยังถูกแกสตันจับขังไว้ในห้องเพื่อไม่ให้หลบหนี น่าขำ! พ่อไม่อยากให้เขากลับไปเป็นนักโทษของเจ้าอสูรแต่สุดท้ายแล้วสภาพของเขาก็ยังไม่พ้นถูกจองจำอยู่ดี 



























ในอนิเมชัน ไม่มีชาวบ้านคนไหนเห็นด้วย และคิดว่าพ่อของเบลเป็นบ้าไปแล้ว เขาจึงต้องหาทางช่วยลูกสาวด้วยตัวเอง แต่คุณมอร์ริสในเรื่องนี้อาจจะเรียกว่าพลาดโดยไม่รู้ตัว เคราะห์ร้ายจึงมาตกอยู่กับหนุ่มน้อยของเราอย่างช่วยไม่ได้

จากนี้ไปก็เตรียมฟืน เตรียมไฟ จุดเตาต้มมาม่าหม้อใหญ่ รับรองว่าอิ่มจนจุกกันไปถึงตอนจบโน่นเลยค่ะ




ตอนนี้มีกิจกรรมให้ร่วมสนุกที่เพจนะคะ สนใจก็ตามลิงค์ไปได้เลยจ้า

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=463324794026133&id=241717489520199














^__^










----- Mine -----










หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 14 (23/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 23-07-2017 08:18:52
อ่า เริ่มต้มมาม่าแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 14 (23/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 23-07-2017 09:10:23
มาม่าน้ำข้นต้มยำสินะคะ โอยยยย อย่าลืมเติมผักใส่เนื้อหน่อยนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดี ฮือออออ  :ling1:  :ling1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 14 (23/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-07-2017 10:32:02
น้องโจกับเจ้าอสูรจะทำยังไงกันละทีนี้
การคิดแทนคนอื่นนี่มันไม่ใช่เหตุผลที่ดีในการบังคับให้ทำในสิ่งที่คิดว่าดีกับเขา (โดยไม่ยอมรับฟังเจ้าตัว) เลยนะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 14 (23/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 23-07-2017 11:06:26
ยืนกอดห่อมาม่าแน่น เราจะไม่เทใส่หม้อ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 14 (23/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 23-07-2017 12:21:51
*เอาน้ำราดฟืน* อุ๊ย ไม่มีไฟต้มมาม่าแล้วทำไงดี
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 14 (23/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-07-2017 13:21:21
 :เฮ้อ:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 14 (23/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-07-2017 13:42:32
กระจกรู้ กระจกมองเห็น
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 14 (23/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 23-07-2017 15:42:48
ตาพ่อนี่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่ต้นเรื่องจนจะจบเรื่อง ไม่น่ารักเลย
ดูแล้วพี่สาวสองคนนั้นยังทำตัวเป็นปัญหาน้อยกว่าอีก
555 ไม่เคยอินกับเทพนิยายเท่านี้มาก่อน
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 14 (23/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 24-07-2017 08:12:13



ตอนนี้มีกิจกรรมร่วมสนุกที่เพจ สนใจจิ้มไปตามลิงค์ได้เลยค่ะ



https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=463324794026133&id=241717489520199



^^





หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 14 (23/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 24-07-2017 10:42:47
มีแต่พวกคนน่าโมโห
นายท่านของสโนว์รีบมาแอบพาโจชัวร์กลับเร็วๆเลยนะ
หัวข้อ: Re: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 14 (23/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 25-07-2017 10:40:54
เป็นบ้าไปกันหมดแล้ว

ทำไมแต่ละคนถึงใจร้ายกันขนาดนี้นะ

หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 14 (23/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 25-07-2017 13:00:53
โอยยย รำคาญคุณพ่อ ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง รอบที่แล้วก็ปล่อยให้โเจชัวร์ถูกส่งตัวไป รอบนี้ก็มาตัดสินใจแทนลูกด้วยตัวเอง งี่เง่ามาก
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 14 (23/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: wichta ที่ 26-07-2017 13:31:32
เงินเดือนจะออกแร๊ะ เชื่อพี่ไม่ต้องแกะซองมาม่า ข้าวเหนียว ส้มตำ ยำ ซกเล็ก แซ่บกว่าเยอะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 14 (23/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: PAtxxkMxxn ที่ 27-07-2017 06:45:45
ริออออ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 14 (23/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 29-07-2017 20:05:10
แวะให้กำลังใจคนเขียนก่อนค่า ติดตามนะคะ
แต่เค้าไม่ชอบมาม่าน๊าาาาา
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 15 (30/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 30-07-2017 04:59:25














Heartbeat 


















: A Retelling of Beauty and the Beast


















พาหนูโจมาทักทายคนอ่านแต่เช้าเหมือนเดิมจ้า



ช่วงนี้มีข่าวน้ำท่วมในหลายพื้นที่ เราก็ขอส่งกำลังใจให้คนอ่านและผู้ที่อยู่ในจังหวัดที่ประสบภัย ขอให้ปลอดภัย ระวังรักษาตัวกันด้วยๆนะคะ



มีหลายคนบอกว่าไม่อยากหม่ำ บ้างก็ว่าจะกอดห่อมาม่าแน่นๆ บางคนถึงขนาดดับไฟไม่ยอมให้ตั้งหม้อต้มน้ำกันเลยทีเดียว แต่ทางเราก็ยังขอยืนยันจะจัดดราม่ากันต่อไป ส่วนใครเงินเดือนออกแล้ว อยากเลี้ยงข้าวเหนียวส้มตำก็ยินดีมากๆเลยนะคะ


ขออนุญาติปรับไซส์ตัวหนังสือ ถ้าใครอ่านในมือถือแล้วใหญ่ไปก็ขอโทษด้วยนะ คนเขียนเริ่มแก่แย้ว
























15









โจชัวร์เฝ้ามองท้องฟ้าค่อยๆเปลี่ยนสี ค่ำคืนกำลังคืบคลานเข้ามาทุกขณะ ตัวเขายังคงถูกขังอยู่แต่ในห้อง ไม่ว่าจะส่งเสียงตะโกน ทุบประตูอย่างบ้าคลั่งกลับเป็นการทำให้ตัวเองเจ็บตัวโดยเปล่าประโยชน์ จนเขาเริ่มหมดหวัง กำลังใจเดียวที่มีคือภาพที่ฉายอยู่ในกระจกวิเศษ ทว่าสภาพของเจ้าอสูรที่เอาแต่นั่งเหม่อ ดวงตาหงอยเหงาทอดมองออกไปแสนไกลก็ทำให้เขาน้ำตาเอ่อ สงสารทั้งตัวเองและคนในกระจกที่ทำได้แค่คิดถึงกัน



.



“เจ้าเอาแต่นั่งจ้องจนข้าเริ่มจะเขินนิดๆแล้วนะ”



.



โจชัวร์ยิ้มรับคำแซว จริงอยู่ที่เขาเอาแต่นั่งจ้องกระจกมาหลายชั่วโมง แต่สิ่งที่เขามองไม่ใช่ตัวกระจกสักหน่อย ถือเป็นโชคดีที่เจ้าอสูรให้เขาเอากระจกวิเศษติดตัวมาด้วย อย่างน้อยในเวลาอย่างนี้ก็ได้มีเพื่อนคุยแก้เหงา



.



“ไม่อยากเห็นอย่างอื่นบ้างหรือ ข้าเองก็ต้องทนดูนายท่านทำหน้าโศกจนชักจะเอียน”



.



“ถ้าเขาได้ยิน เจ้าคงได้แตกเป็นเสี่ยงๆจริงๆแน่” เขาอ้างคำขู่ที่เคยได้ยินเจ้าอสูรพูดติดปากแต่ก็ไม่เคยลงมือทำสักครั้ง



.



“กระจกอย่างข้าไม่โกหก ถ้าเขาจะโมโหก็เพราะไม่อาจยอมรับความจริง จะมาโทษข้ามิได้”



.



โจชัวร์ฟังแล้วก็คล้อยตาม ไม่ต้องคิดถึงใครที่ไหนไกล หลายครั้งที่พี่สาวทั้งสองรับสภาพตัวเองไม่ได้จนเผลอตัวทำลายภาพที่เห็น เขานี่แหละเป็นคนต้องคอยเก็บกวาดและเปลี่ยนกระจกใหม่ให้ตั้งไม่รู้กี่บาน ส่วนที่คฤหาสน์ เขายังไม่เคยได้ยินใครบ่นเรื่องกระจกแตก แต่นั่นเป็นกรณีของกระจกเงาทั่วไปซึ่งไม่น่าได้สนใจ กระจกในมือเขานี่สิที่ไม่ธรรมดา สามารถส่องให้เห็นทุกสิ่งที่ต้องการ ว่าแต่... ตัวเจ้าของกระจกเองจะอยากเห็นอะไรบ้างนะ?



.



“ถ้าอย่างนั้น เจ้าอสูรชอบดูอะไรล่ะ เจ้าฉายภาพพวกนั้นให้ข้าเห็นบ้างได้มั้ย”



.



บานกระจกปรากฏฝ้ามัวก่อนจะกลับมาส่องใบหน้าที่ฉายแววตื่นเต้นของเขา ส่วนน้ำเสียงของกระจกก็ฟังดูสดชื่นขึ้นเหมือนคนที่กำลังบิดนิ้วดังกร๊อบเพื่อเตรียมทำเรื่องสนุกๆ



.



“โดยปกติแล้วนายท่านจะตรวจตราความเรียบร้อยของเมืองหรือความเป็นไปของโลกภายนอกทั่วๆไป ไม่ได้เจาะจงขอดูอะไรเป็นพิเศษ แต่ถ้าถามถึงความชอบก็คงจะเป็นภาพของคนๆหนึ่งที่ได้ปรากฏแก่สายตาของนายท่านในทุกๆวัน วันละหลายๆครั้ง”



.



“ใครกันเหรอ เป็นคนที่ข้ารู้จักมั้ย ขอดูหน่อยสิ”



.



“ได้ตามที่ประสงค์ขอรับ”



.



โจชัวร์ยกกระจกขึ้นส่องก็ยังเห็นแต่ใบหน้าตัวเอง พอลองเขย่าแรงๆ กลุ่มฝ้าขาวก็คลุ้งขึ้น เมื่อทุกอย่างชัดเจนกลับกลายเป็นภาพคุ้นตา สวนดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งเป็นพุ่มเหลี่ยมล้อมรอบอ่างน้ำพุทรงสูง มีร่างหนึ่งกำลังโก้งโค้งอยู่ในมุมที่ค่อนข้างลับตา



.



“นี่มัน... ข้า... งั้นเหรอ?!”



.



เขาร้องด้วยความตกใจที่เห็นตัวเองในอดีต เป็นช่วงหลังจากที่แม่จากไปแล้ว ตัวเขาจึงเหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบ ถูกแมรี่กับเบตตี้ใช้งานไม่ต่างจากคนใช้ หากแข็งข้อขึ้นมาก็จะถูกลงโทษจนต้องหนีมาซ่อนตัวอยู่ในสวน รอจนพ่อกลับมาบ้านจึงจะค่อยออกมาได้



.



“ถูกต้องแล้ว คงเป็นความบังเอิญเมื่อหลายปีมาแล้วที่ข้าได้ทำให้นายท่านได้เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขาถูกตี มีรอยไม้เป็นทางยาวตามแขนขา และกำลังนั่งซุกตัวอยู่หลังกอกุหลาบกับขนมปังก้อนหนึ่งในมือ เขาค่อยๆแทะเล็มขนมปังด้วยความหิว สักพักมีแมวตัวหนึ่งวิ่งผ่านมา มันหยุดและมองดูเขาด้วยความสนใจ จู่ๆทั้งแมวและเด็กก็สะดุ้งด้วยความตกใจ เขาขดตัวให้ยิ่งเล็กส่วนเจ้าแมวก็เผ่นพรวดเข้าไปซุกจนดูคล้ายเป็นก้อนเดียวกัน เวลาผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เขาคลายตัวออก ท่าทางโล่งอกแล้วหันมาสนใจเจ้าขนฟูที่ปีนเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน แล้วทั้งคู่ก็แบ่งขนมปังก้อนนั้นกินกันอย่างเอร็ดอร่อย รอยยิ้มของเด็กหนุ่มสะท้อนรับกับแสงแดดยามนั้นช่างดูแจ่มใส ทั้งสายตาก็อ่อนโยนจนกลบความเจ็บปวดจากบาดแผลทางร่างกาย แม้จะไม่ได้ยินแต่ก็ทำให้สัมผัสได้ถึงเสียงหัวเราะที่คลอไปกับเสียงร้องของเจ้าแมวตัวน้อย”



.



โจชัวร์หัวเราะเบาๆกับเสียงพากย์ที่สอดรับกับภาพเคลื่อนไหว ทุกอย่างถูกต้องตามความทรงจำ เจ้าแมวตัวนั้นเป็นแมวจรที่เข้ามาขโมยของกินในครัว มันคงถูกจับได้แต่เผ่นหนีออกมาทัน เบตตี้แผดเสียงลั่นทำให้ทั้งเขาและมันตกใจจนต้องรีบแอบกันตัวสั่น รอจนเสียงอาละวาดเงียบลง เขากับมันก็แบ่งของกินและเล่นกันจนกระทั่งเย็น จากนั้นมันก็แวะมาเป็นประจำและตอบแทนด้วยการช่วยจับหนู น่าเสียดายที่มันหายไปตอนย้ายบ้าน เขาเที่ยวเรียกหาแต่ไม่เจอ ได้แต่หวังว่ามันจะได้เจอคนใจดีเมตตารับเลี้ยง



.



“จากวันนั้นข้าก็ถูกสั่งให้แสดงภาพของเด็กหนุ่มผู้นั้นอยู่เสมอ ในทุกๆวันที่เขาดีใจ เสียใจ หัวเราะ หรือร้องไห้  ทั้งตอนที่เขาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ใหญ่โตจนถึงบ้านหลังเล็กๆในชนบท เวลาที่เขายังยิ้มทั้งที่ต้องทำงานหนัก กระทั่งยามเหนื่อยจนหลับไปทั้งคราบน้ำตา”



.



ในกระจกยังคงเป็นตอนที่เขาเล่นกับแมว แต่เขาก็นึกภาพตามเสียงจากกระจกได้อย่างชัดเจน



.



“หมายความว่าเจ้าอสูรรู้จักข้ามาก่อนอย่างนั้นเหรอ”



.



“หามิได้ นายท่านไม่เคยได้รู้อะไรมากไปกว่าสิ่งที่เห็น ชีวิตของเด็กหนุ่มกลายเป็นเครื่องประโลมจิตใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ยิ่งทำให้เขาทุรนทุรายเพราะอยากจะได้พบเด็กคนนั้นจริงๆสักครั้ง”



.



โจชัวร์คิดตามแล้วรู้สึกสังหรณ์ถึงความบังเอิญที่เกิดขึ้นกับชีวิตของตน



.



“เพราะอย่างนี้ เขาถึงได้จับตัวพ่อแล้วสั่งให้ข้าไปที่คฤหาสน์!”



.



“ประเดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไป เท่าที่ข้ารู้ พ่อของเจ้าพลัดหลงไปที่คฤหาสน์เอง นายท่านให้ทั้งอาหารและที่พักและยังจัดการให้เขาได้เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยโดยไม่เรียกร้องสิ่งใดตอบแทน แต่เป็นพ่อของเจ้าที่รนหาที่ กระทำผิดคำพูดของตัวเองต่างหาก ส่วนนายท่านก็แค่อาศัยโอกาสเล็กๆน้อยๆให้เกิดประโยชน์เท่านั้น ที่สำคัญ เจ้าพูดเองว่านายท่านดีกับเจ้าทุกอย่าง เขาไม่ได้ลงโทษหรือทำร้ายเจ้าสักนิดเลยไม่ใช่เหรอ”



.



อารมณ์วูบเล็กๆดับลงเหมือนแสงที่ปลายไม้ขีดไฟ ตัวเขาเองยังนึกขำว่าจะโกรธเจ้าอสูรได้อีกเช่นไร เป็นไปได้ว่าความรู้สึกที่ไม่มั่นคงอาจเกิดจากความลับที่ยังรอการเฉลย



.



“จริงสิ ลิเดียเคยบอกข้าว่าเจ้าอสูรโดนคำสาปถึงได้มีรูปร่างเช่นนั้น เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”



.



เขาลองถามแต่กระจกช่างจ้อกลับเงียบผิดปกติ ชวนให้ยิ่งอยากรู้จึงต้องวางเหยื่อล่อให้หนักขึ้น



.



“ข้าเคยเจอนิทานเรื่องหนึ่งในห้องหนังสือ ที่เล่าว่ามีเจ้าชายรูปงามที่เย่อหยิ่งและดูแคลนหญิงชราที่มาขอความช่วยเหลือ เขาเลยถูกสาปให้กลายเป็นอสูรจนกว่าจะเจอคนที่มีความรักแท้จริง คนที่มองผ่านความอัปลักษณ์เข้าไปถึงตัวตนข้างใน พออ่านแล้วก็รู้สึกว่าช่างคล้ายกับเรื่องของเจ้าอสูรมากทีเดียว”



.



บานกระจกกลับคืนมาเป็นภาพสะท้อนของตัวเขา เห็นชัดว่าดวงตากำลังเป็นประกายด้วยความอยากรู้



.



“แล้วนิทานเรื่องนั้นว่าอย่างไรต่อล่ะ ในที่สุดเจ้าชายได้พบรักแท้หรือไม่”



.



“ไม่รู้สิ นิทานยังไม่จบ เนื้อเรื่องส่วนที่เหลือหายไปเลยไม่รู้ว่าตอนจบจะลงเอยอย่างไร”



.



“น่าสนใจ น่าสนใจ” กระจกเปลี่ยนเป็นภาพของเจ้าอสูรที่ยังคงนั่งเหม่ออยู่ลำพัง แต่แปลกตรงที่ค่อยๆจางลงเหมือนภาพเก่าสีซีด “แล้วถ้าเจ้าชายองค์นั้นคือนายท่าน เจ้าคิดว่านิทานจะดำเนินต่อไปแล้วจบลงในแบบไหนล่ะ พบรักแท้ที่ล้างคำสาปทั้งหมดหรือทุกอย่างสูญสลายไปตลอดกาลลลล”



.



ท้ายเสียงลากยาว น้ำเสียงวังเวงชวนให้รู้สึกใจเสีย



.



“เจ้าว่ายังไงนะ!? อะไรคือสูญสลายไปตลอดกาล เจ้าอสูรจะต้องเป็นอะไรไปอย่างนั้นเหรอ?!”   



.



“ฟังไว้ให้ดีเถิดเด็กน้อย ชายหนุ่มรูปงามที่แสนเย็นชาและเย่อหยิ่ง ได้เมินเฉยต่อคำร้องขออันน่าเวทนาเพียงเพราะรังเกียจในความอัปลักษณ์ จึงถูกสาปให้ตกอยู่ในสภาพอันแสนน่าเกลียดจนกว่าจะพบใครสักคนที่มองผ่านรูปกายภายนอกและสัมผัสได้ถึงหัวใจข้างใน ความรักแท้จริงที่เกิดขึ้นเท่านั้นจึงจะสามารถล้างคำสาป แต่หากปล่อยให้เวลาเนิ่นนานจนกลีบสุดท้ายของดอกกุหลาบวิเศษร่วงโรย ชีวิตก็จะดับสูญไปอย่างโดดเดี่ยวอ้างว้างในสภาพเดียวกับที่เจ้าตัวดูแคลน”



.



ภาพของเจ้าอสูรซีดจางลงทุกทีทำให้โจชัวร์ยิ่งนั่งไม่ติด ไม่คิดว่าเรื่องเล่าให้ความบันเทิงจะกลายมาเป็นเรื่องจริงอันแสนเจ็บปวด และอาจจะจบลงด้วยโศกนาฏกรรม



.



“อะไรนะ?! ที่เจ้าเล่ามาเป็นความจริง...?!”



.



“อย่าสงสัยในสิ่งที่สะท้อนจากตัวข้า ความจริงมักเจ็บปวดเสมอ และตัวข้าแท้จริงก็ไม่ต่างจากเครื่องมือทรมานชั้นเลิศ การเผยโลกภายนอกให้กับคนที่ถูกความอัปลักษณ์จำกัดให้อยู่แต่ในคฤหาสน์ได้เห็นไม่ยิ่งเป็นการสร้างความเจ็บปวดหรอกหรือ ได้เห็นแต่ไม่ได้สัมผัส ได้รับรู้แต่ไม่อาจไขว่คว้ามาครอบครอง อาาาา ช่างเป็นความทรมานอันแสนหวาน”



.



ภาพของอสูรหายไปแล้ว ตอนนี้เขาเห็นใบหน้าของคนที่กำลังเจ็บปวดจนแทบพูดไม่ออก



.



“เจ้า... ใจร้ายที่สุด! เขาทำผิดอะไรนักหนา ทำไมต้องทำร้ายกันถึงขนาดนี้”



.



“ด่าว่าข้าไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาหรอกนะ”



.



“ข้าจะช่วยเขา ข้าจะช่วยเจ้าอสูรล้างคำสาปให้ได้”



.



“เจ้าคงยังไม่ลืมใช่มั้ยว่าคำสาปจะสลายไปก็ต่อเมื่อ...”



.



ดวงตาของคนในกระจกแข็งกร้าว ความมุ่งมั่นฉายชัดออกจากหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก



.



“ข้ารักเขา ข้าไม่สนว่าเขาจะเป็นเจ้าชายหรือว่าอสูรร้าย และข้าก็ไม่ได้รักเพียงเพื่อจะช่วยล้างคำสาป ต่อให้เขาจะต้องกลายเป็นอสูรตลอดไปข้าก็ยังจะรัก ข้าจะทำให้เขามีความสุขและจะไม่ยอมให้เจ้าหรือว่าใครทำร้ายเขาได้อีก”



.



“แหมๆ ช่างเป็นคำสารภาพรักที่จับใจเสียจริง แต่ข้าขอเตือนว่าเจ้าเหลือเวลาไม่มากแล้ว พรุ่งนี้ก็จะถึงกำหนดสามวันแล้วนี่”



.



“สามวันแล้วทำไม?”



.



“เจ้าคงจำสัญญาที่ให้ไว้ได้ใช่มั้ย นายท่านเดิมพันทุกอย่างเพื่อให้เจ้าได้กลับมาเยี่ยมพ่อและจะกลับไปเพื่ออยู่ด้วยกันตลอดไป ดอกกุหลาบรับทราบพันธะนั้นแล้วและหากเจ้าทำไม่ได้ตามที่สัญญา ทุกอย่างก็จบเกม”



.



“อะไรนะ! อะไรคือจบเกม?!”



.



“อย่าถามในสิ่งที่เจ้ารู้อยู่แล้วสิ ข้าไม่อยากพูดซ้ำให้มันน่าเบื่อเสียเปล่าๆ”



.



โจชัวร์นึกย้อนถึงตอนที่อยู่ในห้องใต้หลังคา เขาเพียงแต่มองผ่านดอกกุหลาบในครอบแก้วแต่รู้สึกได้ว่ามันกำลังโรยรา กลีบดอกที่เหลืออยู่ไม่มากทำให้ประกายแสงหม่นมัวลงจากครั้งแรกที่ได้เห็น และในขณะที่เจ้าอสูรเอ่ยอนุญาตก็เหมือนมีแสงสว่างออกมาวูบหนึ่ง นั่นอาจจะเป็นสัญญาณแห่งพันธะสัญญาที่กระจกบอก แต่ปัญหาคือเจ้าอสูรจะรู้หรือไม่ว่าชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยง หากเขาไม่กลับหรือกลับไปไม่ได้ตามกำหนดเวลาจะไม่เท่ากับเป็นการ...



.



ไม่มีทาง! เขาจะไม่มีวันยอมให้เป็นเช่นนั้นอย่างเด็ดขาด!



.



ความลับที่ได้ล่วงรู้ทำให้โจชัวร์ยิ่งร้อนรนเพื่อหาทางกลับคฤหาสน์ และเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าพี่สาวคือนางฟ้ามาโปรด เบตตี้เข้ามาหาเขาพร้อมสำรับอาหารแต่เขารู้ว่าแมรี่ก็คงแอบหลบอยู่ไม่ไกล โชคดีที่เป็นพี่สาวคนรองซึ่งหัวอ่อนและถูกโน้มน้าวใจได้ง่ายกว่า



.



“กินอะไรซะบ้าง ถึงแกจะอดจนตายก็ไม่ได้ออกจากห้องอยู่ดี”



.



“ปล่อยข้าไปไม่ได้เหรอ ได้โปรดเถอะนะ ข้าสัญญาว่าถ้าได้กลับไปที่นั่น ข้าจะทำทุกอย่างให้พี่ได้สมหวัง ข้ารู้ว่าพี่ต้องการอะไรเบตตี้ ข้าทำให้ได้ ขอแค่ช่วยให้ข้าได้กลับไปเท่านั้น”



.



เบตตี้ตาโตแต่ยังมีอาการระแวดระวังแสดงว่ามีการแอบฟังการสนทนานี้อยู่จริงๆ



.



“เอ่อ... อะไร้! อย่ามาพูดจาเพ้อเจ้อน่ะ ข้าไม่ได้ต้องการอะไรสักหน่อย ข้าแค่จะเอานี่มาให้ แกก็รีบๆกินซะ เสร็จแล้วข้าจะได้เก็บออกไป” เธอหันไปตะเบ็งเสียงพูดใส่ประตู แล้วรีบป้องปากถามถึงสิ่งที่เขาอยากให้ช่วย



.



“ได้ๆ ข้าจะกินก็ได้เพราะข้าก็หิวไส้จะขาดอยู่แล้ว” โจชัวร์ตะโกนบ้าง แล้วค่อยกระซิบพอได้ยินกันสองคน



.



“แค่ช่วยให้ข้าออกไปเจอสโนว์ได้ก็พอ”



.



“ไม่มีทางหรอก แกสตันให้คนเฝ้าไอ้ม้านั่นอยู่ตลอด ข้าหาม้าตัวอื่นให้ดีกว่า”



.



“ไม่ได้ มีแต่สโนว์ที่รู้ทางและจะพาข้ากลับไปได้ ถ้าไม่มีมันก็คงหลงอยู่ในป่าแล้วตายเพราะพายุแน่ๆ”



.



“งั้นก็รออีกสักสองสามวัน ให้พวกเขาวางใจว่าเจ้าจะไม่หนีค่อยหาทางอีกที”



.



“รอไม่ได้อีกแล้ว ข้าต้องกลับไปภายในวันพรุ่งนี้เท่านั้น!”



.



“ทำไมล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นหรือไง?”



.



“เจ้าอสูรกำลังอ่อนแอลงทุกที ถ้าข้ากลับไปไม่ทัน เขาอาจจะ...”



.



เขาพูดต่อไม่ออก แต่อีกฝ่ายสามารถเดาทางออกได้ทันที



.



“ตายงั้นเหรอ!? เจ้าบอกว่าอสูรร้ายนั่นกำลังจะตายใช่มั้ย?!”



.



โจชัวร์ไม่มีหนทางอื่นนอกจากส่งสายตาอ้อนวอน เขาไม่หวังให้เบตตี้เห็นแก่ความเป็นพี่น้อง แต่ขอให้เธอนึกถึงผลประโยชน์ให้มากพอที่จะกล้าหักหลังแมรี่ทีเถอะ



.



“อิ่มแล้วใช่มั้ย งั้นข้าไปล่ะนะ”



.



เบตตี้เอ่ยเต็มเสียงอีกครั้งเป็นสัญญาณว่าการเจรจาได้สิ้นสุดลง เธอไม่กล้ามองตอบดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวัง และเมื่อกลับออกจากห้องก็ยิ่งไม่กล้าสู้หน้าคนที่รออยู่ แต่ที่แปลกใจยิ่งกว่าคือมีชายหนุ่มอีกคนยืนรออยู่กับแมรี่ สีหน้าท่าทางของเขาดูไม่ปกตินัก เธอมองพี่สาวคนโตและเห็นอาการแสยะยิ้มสะใจกับแววตาดูแคลนที่มองผ่านผนัง วินาทีนั้นเธอยิ่งรู้สึกกลัวจนขาสั่น ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ถูกขังอยู่ในห้อง



.



“มันว่ายังไงบ้าง” แมรี่สะกดน้ำเสียงเย็นเฉียบเพื่อข่มขวัญให้น้องสาวพูดความจริงทุกคำ



.



“ก็... เอ่อ... ก็จะให้น้องช่วย...”



.



เบตตี้ตอบด้วยอาการลังเล ยังชั่งใจไม่ถูกว่าควรวางตัวอยู่จุดไหน ใจหนึ่งก็อยากช่วยเพื่อประโยชน์ของตัวเอง อีกใจก็ไม่กล้างัดข้อกับพี่สาว แล้วไหนจะชายหนุ่มที่กำลังส่งยิ้มให้เธออีกคน



.



“โจชัวร์จะให้เจ้าช่วยอะไรเหรอ บอกมาเถอะเบตตี้คนดี พวกเราจะได้ช่วยกันสะสางปัญหานี้ให้จบไปเสียที”



.



เบตตี้รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังเต้นระรัวจนแทบระเบิด แม้แต่ในฝันเธอก็ยังไม่กล้าให้แกสตันปฏิบัติกับเธอเช่นนี้ เธอถูกใบหน้าหล่อเหลาสะกดให้พูดทุกอย่างออกไปโดยไม่รู้ตัว กระทั่งเสียงปิดประตูโครมใหญ่ทำให้เธอเพิ่งรู้ว่าหนุ่มหล่อตรงหน้าหายไปแล้ว รอยยิ้มหยันของแมรี่ยิ่งย้ำชัดว่าเธอทำพลาดอีกครั้ง และเธอคงได้แต่ติดค้างคำขอโทษ...



.



โธ่! โจชัวร์ที่น่าสงสาร เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอรู้สึกว่าเขาคือน้องชายแต่เธอกลับปกป้องดูแลเขาไม่ได้เลยสักนิดเดียว 



















 :กอด1:


ขอซ้ำประโยคนี้อีกสักที เขียนเองก็ชอบเอง >< ...


“ข้ารักเขา ข้าไม่สนว่าเขาจะเป็นเจ้าชายหรือว่าอสูรร้าย และข้าก็ไม่ได้รักเพียงเพื่อจะช่วยล้างคำสาป ต่อให้เขาจะต้องกลายเป็นอสูรตลอดไปข้าก็ยังจะรัก ข้าจะทำให้เขามีความสุขและจะไม่ยอมให้เจ้าหรือว่าใครทำร้ายเขาได้อีก”


อยากกอดหนูโจแทนเจ้าอสูร เข้มแข็งอะไรเบอร์นี้คะลูก






ขอสรุปสักนิดเผื่อมีใครงง... เจ้าอสูรรู้จักโจชัวร์มาก่อนก็จริงแต่พูดไปก็เหมือนเป็นแค่คนในฝันเพราะได้แต่เห็นภาพ ไม่ได้ยินเสียง ได้แต่คาดเดาเรื่องของเด็กหนุ่มไปฝ่ายเดียว

หรือหากมีจุดไหนสงสัยก็ฝากคำถามไว้ได้ (ฝากในนี้หรือในเพจก็ได้นะ) ถ้าไม่เป็นการสปอยเนื้อเรื่องในลำดับต่อๆไปก็จะรีบตอบให้เลยค่ะ





...อาาาา ช่างเป็นความทรมานอันแสนหวาน...


ไม่รู้ว่าตอนนี้ใครจะทรมานมากกว่าระหว่างเจ้าอสูรกับคนอ่าน


เพราะหลังจากเสียงปิดประตูโครมใหญ่ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ก็ต้องมารอลุ้นกันต่ออาทิตย์หน้า


ความจริงมักเจ็บปวดเสมอ... เห็นด้วยมั้ยคะ ฮิ ฮิ


 :mew1:




ปล. อย่าลืมไปร่วมกิจกรรมที่เพจ Minemomo ส่งความคิดเห็นมาเยอะๆ ชิงบัตรของขวัญไปกินขนมอร่อยๆแทนมาม่ากันนะคะ
 











^__^







----- Mine -----













หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 15 (30/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 30-07-2017 05:02:46








ขอยกแยกมาจากเรื่องเพราะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ และพยายามไม่สปอยสุดฤทธิ์ หากคนอ่านมีความคิดเห็นอย่างไร แชร์กันมาได้เต็มที่เลยค่ะ



สำหรับตัวเราเอง พอเขียนเรื่องนี้จบ ได้อ่านทวนจนเห็นภาพรวมทั้งหมด เวลาที่กลับมาอ่านตอนนี้อีกจะรู้สึกอยากกอดเจ้าอสูรขึ้นมาจับใจ อยากตบหลังเบาๆแล้วโอ๋ปลอบพระเอกที่แสนจะเจียมเนื้อเจียมตัวคนนี้



อย่างที่ได้เกริ่นไปว่าจริงๆแล้วเด็กหนุ่มอาจเรียกได้ว่าเป็นคนในฝันของเจ้าอสูรมาตลอด ได้เห็นแต่ไม่ได้สัมผัส ได้รับรู้เรื่องราวแต่ไม่เคยได้รู้จักตัวตนที่แท้จริง เมื่อได้พบคุณมอร์ริสซึ่งอาจจะทำให้ได้เข้าถึงคนที่เขาเฝ้ามอง เปรียบเหมือนได้พบหนทางทำฝันให้เป็นจริง แต่ก็เชื่อได้ว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมา ทั้งจากเรื่องราวที่เรารู้และไม่รู้ เจ้าอสูรคงได้สัมผัสลึกซึ้งกับคำกล่าวติดปากของเจ้ากระจกซาดิสม์ที่ว่า 'ความจริงมักเจ็บปวดเสมอ' ลึกๆเขาอาจกลัวที่จะได้เผชิญหน้ากับความเป็นจริง แต่ความรู้สึกที่ท่วมท้นในใจก็ผลักดันให้เขาอยากลองเสี่ยงสักครั้ง



เขาจึงใช้โอกาสนี้ท้าทายโชคชะตาของตนอย่างเจียมตน เดิมพันแรกคือการวางเงื่อนไขให้คุณมอร์ริสส่งลูกมาแทน เขาไม่ได้ระบุตัวว่าใคร (แม้จะมีการวางทริคเล็กน้อยว่าขอคนเล็ก) แต่เมื่อคนที่มาถึงคือโจชัวร์ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เดิมพันต่อๆมาคือโอกาสให้ความรักได้เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ใช้ความใส่ใจดูแล การให้เกียรติและความเสมอภาคเท่าเทียม เพื่อบ่มเพาะต้นรักในใจของเด็กหนุ่มให้เติบโตไปพร้อมกับความรักที่เบ่งบานอยู่ในหัวใจของเขาเอง



และในตอนที่เพิ่งได้อ่านกันไป ความไว้วางใจก็คือเดิมพัน (สุดท้ายหรืออาจไม่ใช่...) เพื่อพิสูจน์ว่าความรักระหว่างเขากับโจชัวร์คือของจริง และความจริงอาจไม่ได้เจ็บปวดเสมอไป การเดิมพันยังไม่สิ้นสุดและผลลัพธ์ก็ยังคาดเดาไม่ได้จนกว่าจะถึงตอนจบ




โอ๋ๆๆ เค้าขอโทษนะนายท่าน



เดี๋ยวค่ะ! อย่าเพิ่งปาหมอน เรายังยืนยันว่าเรื่องนี้แฮปปี้เอ็นดิ้ง ใช่มั้ย??? ใช่นะ ใช่ๆๆๆ อาจจะในบริบทที่แตกต่างแต่ก็ถือได้ว่าจบแฮปปี้แน่นอนค่ะ



#ระแวงระวังสุดฤทธิ์


#คนเขียนมันซาดิสม์



 :z2:



หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 15 (30/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-07-2017 07:25:55
เกือบวางใจแล้วค่ะ ถ้าไม่เจอท่อนนี้นะ อาจจะในบริบทที่แตกต่างแต่ก็ถือได้ว่าจบแฮปปี้แน่นอนค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 15 (30/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-07-2017 09:29:05
 :เฮ้อ: :mew2: :เฮ้อ:



 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 15 (30/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-07-2017 11:04:34
ทรมารกับการรอคอย
หัวข้อ: Re: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 15 (30/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 02-08-2017 10:36:28
พอรู้ว่าเจ้าอสูรมองโจมาตลอดแล้วรู้สึกดีมากนะ

มันเหมือนค่อยๆคลายบรรยาศดีๆออกมา

มันรู้สึกเหมือน ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมาปลดปล่อยคำสาป


แต่นี่คือโจนะ เด็กหนุ่มที่เฝ้ามองมาตลอด ถ้าเป็นเด็กคนนี้ก็จะดี


กอดโจ กอดเจ้าอสูร ต้องผ่านมันไปให้ได้นะ


โกธรแอสตั้นมาก ที่สงสารมาตลอด มันจบละ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 15 (30/7/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 02-08-2017 21:57:13
อาจจะในบริบทที่แตกต่าง หืมมม หืมมยาวๆเลยค่ะ ยังไงกันล่ะทีนี้  :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 16 (6/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 06-08-2017 04:10:42











Heartbeat 










: A Retelling of Beauty and the Beast















ประกาศผลผู้โชคดีรับบัตรของขวัญกัน ได้แก่ คุณ Fuse Fuse ค่ะ

ขอให้ทานขนมให้อร่อยแก้อาการจุกดรามาจาก Heartbeat นะ

และขอบคุณทุกคนที่ร่วมสนุกค่ะ



จากนี้ก็ไปลุ้น เอาใจช่วยโจชัวร์กันต่อเลยค่ะ

























16









เสียงปิดประตูดังทำให้โจชัวร์สะดุ้งและรีบซ่อนกระจกวิเศษให้พ้นสายตาผู้ที่บุกรุกเข้ามา เสียงฝีเท้าเงียบไปบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายยั้งอยู่แค่หน้าประตู และคงกำลังมองดูนักโทษของตนอย่างชั่งใจ แต่เขาไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียเปล่าสักวินาทีเดียวจึงเป็นฝ่ายหันกลับไปเพื่อเผชิญหน้า ร่างสูงใหญ่ดูไม่แปลกใจ ทั้งยังเป็นฝ่ายเริ่มแสดงว่ากำลังร้อนใจไม่ต่างกัน



.



“ถ้าเจ้าสัญญาว่าจะไม่...”



.



“ไม่!” โจชัวร์สวนตอบโดยไม่ต้องรอฟังจนจบ “ข้าจะกลับไป ต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะกลับ!”



.



“ทำไม?” ร่างสูงค่อยๆก้าวเข้าหา มือใหญ่กำแน่นเพื่อข่มความรู้สึกแต่อารมณ์ที่ปะทุอยู่ในอกก็ยังเล็ดรอดไรฟันออกมากับน้ำเสียง



.



“เจ้าถามเพราะอยากรู้เหตุผลของอะไรล่ะแกสตัน ทำไมข้าต้องกลับไป หรือทำไมข้าถึงไม่รักเจ้า”



.



โจชัวร์จ้องตาตอบ ใจเขาเองก็หวั่นไหวที่เห็นคำตัดรอนของตนทำให้ดวงตาแข็งกร้าววูบแสงลง



.



“ข้ารักเจ้านะโจชัวร์”



.



ฝ่ายหนึ่งฝากลมหายใจออกมากับคำบอกรัก พูดได้เต็มปากว่าทุ่มเทให้หมดแล้วทั้งชีวิตและจิตใจ นี่อาจเป็นเดิมพันสุดท้ายเพื่อรักษาหัวใจของตนเองไว้



.



“แต่ข้าไม่ได้รักเจ้าแกสตัน”



.



อีกฝ่ายกลับประกาศกร้าว เพราะนี่คือคำตอบที่เขาเพียรแสดงออกมาเนิ่นนาน ไม่ใช่ว่าเขาเพิ่งเจอผู้ชายคนนี้เมื่อวาน และไม่ใช่ไม่รู้ถึงความดีแสนดี แต่หัวใจของเขาไม่เคยสั่นไหว ไม่เคยและจะไม่มีวันรู้สึกได้มากเกินคำว่าเพื่อน ยิ่งตอนนี้เขามีคนที่รักแล้ว อาจจะดูใจร้ายหรือเห็นแก่ตัว แต่เขาไม่อยากปล่อยปัญหาให้คาราคาซังไม่สิ้นสุด   



.



“หัวใจของข้ามีเจ้าของแล้ว และข้าต้องกลับไปหาคนที่ข้ารัก เมื่อรู้อย่างนี้เจ้าจะปล่อยข้าไปได้หรือยัง?”



.



ร่างสูงใหญ่เหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางศีรษะ ทีแรกอาจชาวูบเพราะยังไม่ทันตั้งรับ แต่เมื่อความรู้สึกคืนมา กระแสแห่งความเจ็บปวดก็ซ่านไปในทุกอณูของร่างกาย โดยเฉพาะหัวใจราวถูกเฉือนจนวิ่นเป็นเศษเนื้อ เขาต้องพยายามตั้งสติและเค้นกำลังเฮือกสุดท้ายเพื่อปฏิเสธความจริง



.



“มัน เป็น ใคร?!”



.



โจชัวร์มองสีหน้าที่กำลังทรมานของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิด กระจกวิเศษพูดถูก ความจริงมักทำให้เจ็บปวด หากไม่ยอมรับก็จะไม่สามารถก้าวผ่านและรังแต่จะต้องเจ็บปวดอยู่ซ้ำๆไม่สิ้นสุด นี่อาจเป็นการตอกย้ำแต่เขาก็อยากให้เพื่อนได้หลุดพ้นจากความทรมานเสียที



.



“อย่าถามในสิ่งที่จะทำให้ตัวเองเจ็บปวดอีกเลยนะแกสตัน เจ้าเองก็รู้อยู่แล้วว่าข้ารักใครถึงได้ห้ามไม่ให้ข้ากลับไปหาเขา”



.



“ไม่จริง! ข้าไม่เชื่อ!” เสียงเหี้ยมตวาดลั่น ดวงตาแดงก่ำเบิกโพลง สีหน้าบิดเบี้ยวจนเกือบจะไม่เหลือเค้าหนุ่มรูปงามคนเดิม “มันเป็นอสูร เป็นสัตว์ป่าหน้าตาน่าเกลียด นิสัยโหดร้ายป่าเถื่อน ไม่มีทางที่เจ้าจะรักมันได้หรอก!”



.



“ข้ารักเจ้าอสูร ต่อให้ใครจะเห็นว่าเขาน่าเกลียดน่ากลัว หรือถูกประณามว่าโหดร้ายป่าเถื่อน ข้าก็ไม่สน เพราะข้า รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา และเขาคือคนที่ข้าเลือก เขาคือส่วนหนึ่งของชีวิตข้า ไม่ว่าเจ้าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีทางพรากเราออกจากกันได้”



.



แกสตันยังคงจ้องไม่วางตาจนโจชัวร์เริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มยิ่งดำมืดเหมือนท้องน้ำที่ไม่อาจหยั่งความลึก ทั้งยังส่งประกายประหลาดราวกับคลื่นวนที่พร้อมจะดูดกลืนเพื่อทำลายทุกสิ่งให้ย่อยยับ



.



“ไม่มีวันงั้นเหรอ!? ได้!” เพียงก้าวเดียว ร่างสูงใหญ่ก็เข้าประชิด สองมือล็อกเป้าหมายไว้แน่น “งั้นมาลองดูกันว่าข้าจะทำให้เจ้าลืมไอ้อสูรนั่นได้มั้ย?!”



.



ไม่ทันขาดคำ แกสตันก็ผลักร่างเพรียวบางกระแทกลงกับเตียง ราวกับทำนบแห่งสติที่ร้าวลึกอยู่แล้วได้พังทลายลง คลื่นความกระหายระเบิดรุนแรงและซัดใส่เหยื่อที่ถูกกอดกักไว้ เขากดสองแขนเรียวไว้เหนือหัวแล้วตะโบมริมฝีปากจูบไซร้ไปทั่วทุกตารางนิ้วของผิวเนื้อ ริมฝีปากสวยไม่ยอมตอบรับก็ถูกมือใหญ่บีบเค้นจนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาแทรกลิ้นอย่างย่ามใจแต่เจอฤทธิ์พยศจนได้แผล รู้ตัวอีกทีหลังมือของเขาก็ชาวาบ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนถูกตบจะเจ็บปวดสักแค่ไหน



.



โจชัวร์รู้สึกว่าใบหน้าเจ็บร้าวไปทั้งแถบ ดวงตาเกิดประกายพร่าไปชั่วขณะ ในปากแสบจี๊ดและคลุ้งกลิ่นคาวเลือด เมื่อไม่มีอาการต่อต้าน ริมฝีปากของเขาก็ยิ่งถูกขบเม้ม ลิ้นใหญ่พยายามตวัดรัด ไล่ต้อนลึกเข้ามาถึงในคอชวนให้รู้สึกคลื่นเหียน หลังจากจูบจนหนำใจ สัมผัสเปียกชื้นก็ลามเลียไปยังส่วนอื่นทั้งใบหน้า ลำคอ ยอดอกถูกดูดกลืนรุนแรง ลำตัวของเขาทั้งถูกชิมและขบกัด และแม้แต่พื้นที่ในส่วนลับที่สุดก็ยังถูกล่วงล้ำ มือใหญ่เข้ากอบกุม ชักเชิดโดยที่เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงจะต่อสู้ขัดขืน



.



“เห็นหรือยังโจชัวร์ ลืมตามาดูสิว่าตัวเจ้าเองก็ตอบรับข้ามากแค่ไหน”



.



โจชัวร์ยิ่งหลับตาแน่น เขารู้ว่าตอนนี้ร่างกายกำลังตื่นตัวอย่างที่สุด อารมณ์ดิบพุ่งทะยานจนเขาต้องกัดริมฝีปากเพื่อไม่ให้หลุดเสียงครางที่จะทำให้อีกฝ่ายพอใจ



.



“ร้องออกมาสิ ร้องออกมาดังๆว่าเจ้าก็ต้องการข้า อยากให้ข้าทำอย่างไร แรงแค่ไหน บอกข้ามาสิยอดรัก”



.



ต้องขอบคุณถ้อยคำเย้ยหยันที่ดังกรอกหู ความเจ็บปวดและอับอายจากการถูกกระทำอย่างหยาบช้าช่วยให้เขายังครองสติที่เหลืออยู่น้อยนิด เขาจะไม่มีวันยอมถูกชักเชิดไปตามเกมเหมือนของเล่นชิ้นหนึ่ง



.



“จำเอาไว้ว่าเจ้าเป็นของข้า ของข้าคนเดียว!”



.



“หัวใจข้ามีเจ้าของแล้ว... และคนๆนั้นไม่ใช่เจ้า... ไม่มีวันที่คนอย่างเจ้าจะเทียบเขาได้ ยอมรับเสียเถอะแกสตัน” 



.



โจชัวร์กลั้นใจเปล่งเสียงตอบ เป็นความพยายามครั้งสุดท้ายในฐานะเพื่อนที่ไม่อยากปล่อยให้อีกฝ่ายต้องมาเสียใจกับการกระทำของตนเองในภายหลัง แต่วูบหนึ่งที่ฝืนลืมตามอง ความรู้สึกกลัวแล่นเข้าจับใจ ผู้ชายตรงหน้าราวกับคนที่เขาไม่รู้จัก ใบหน้าคมสันแดงก่ำ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหลือกถลน เนื้อตัวสั่นเท่าราวกับว่าเขาก็กำลังต้องต่อสู้กับอสูรร้ายภายในตัวเอง



.



“หัวใจอย่างนั้นหรือ?!” แกสตันแค่นถามแล้วส่งเสียงหัวเราะคำราม “แล้วถ้าข้าได้ตีตราเป็นเจ้าของร่างกายเจ้าโดยสมบูรณ์ล่ะ ไอ้อสูรหน้าโง่ที่มันได้แต่หัวใจไปจะทำหน้ายังไง?!”



.



“จะ.. เจ้าจะทำอะไร?!” ร่างเพรียวบางดิ้นพล่านเมื่อกางเกงถูกกระชากหลุดจากตัว ไม่มีวันที่เขาจะยอมให้เรื่องเลวร้ายพรรค์นั้นเกิดขึ้นกับตัวเอง



.



“ปล่อยข้านะ เจ้ามันบ้าไปแล้ว!”



.



“ใช่ ข้ามันบ้าที่เอาแต่เฝ้ารักเจ้า หวังแต่จะได้ทำให้เจ้ามีความสุขโดยไม่ต้องการอะไรตอบแทน แล้วข้าก็ได้รู้ว่านั่นมันเป็นแค่ความรักบ้าๆ ไร้สาระ หาประโยชน์อะไรไม่ได้สักอย่าง ข้าดีกับเจ้าไปแล้วยังไง เจ้าก็ไม่มีวันหันกลับมามอง แถมยังมีหน้ามาบอกว่าไปรักตัวประหลาดที่ไหนก็ไม่รู้ ถ้าข้าบ้า เจ้าเองก็คงบ้าไม่ต่างกัน เพราะฉะนั้นคนบ้าอย่างเจ้ากับข้าได้ลงเอยกันมันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ!”



.



แกสตันกดอีกฝ่ายไม่ให้ขัดขืน พลางปลดส่วนล่างของตนที่เริ่มจะโป่งพองให้เป็นอิสระ เรียวขาเล็กถูกแยกออก เขามองช่องทางที่ไม่คุ้นเคยอย่างชั่งใจด้วยไม่เคยมีประสบการณ์กับผู้ชายด้วยกันมาก่อน ไม่รู้วิธีเล้าโลมหรือทะนุถนอม แต่คิดอีกทีก็รู้สึกสาแก่ใจที่จะได้ทำให้ทุกคนเจ็บปวด ทั้งคนที่เขารัก และคนที่มาแย่งของรักของเขา 



.



“อย่า! ไม่นะ!”



.



โจชัวร์ยิ่งดิ้นรนอย่างน่าเวทนา เนื้อตัวของเขากำลังถูกจาบจ้วง นิ้วมือใหญ่ค่อยๆสอดเข้าช่องทางด้านหลัง ยิ่งเขาต่อต้าน การรุกล้ำก็ยิ่งรุนแรง ร่างกายเหมือนกำลังถูกฉีกออก แต่เขากลับทำได้แค่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต 



.



“ไม่ต้องร้อง อีกสักพักเจ้าจะรู้สึกดี อย่างกับได้ขึ้นสวรรค์เชียวล่ะ เชื่อข้าสิ”



.



ถ้อยคำที่กระซิบอยู่ข้างหูไม่ต่างอะไรจากเสียงของนายพรานที่กำลังเล่นสนุกกับเหยื่อของตน เมื่อแรงดิ้นแผ่วลงก็เพิ่มจำนวนนิ้วมือจากหนึ่งเป็นสองและสามเพื่อกระตุ้นการตอดรัด ปฏิกิริยาที่ได้ชวนปลุกเร้าจนเนื้อตัวร้อนซู่ ในหัวเริ่มเกิดภาพอัศจรรย์อย่างที่เคยเสพสมมาตลอดวัยหนุ่ม เพียงแต่เปลี่ยนจากหญิงสาวเป็นคนตรงหน้า แม้จะไม่มีส่วนเว้าโค้งชวนมองหรือหน้าอกอวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือ แต่ร่างเพรียวบางก็ตึงแน่นได้สัดส่วน ผิวขาวไร้รอยตำหนิ ให้สัมผัสเรียบละมุนอย่างไม่น่าเชื่อ



.



“ช่วย...”



.



เสียงครางแผ่วลอดผ่านริมฝีปากแตกช้ำ ตอนนี้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตา ความเจ็บปวดและอึดอัดจนถึงขีดสุดเริ่มกลายเป็นความด้านชา เขากลั้นใจเพื่อจะไม่ต้องรับรู้ถึงสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย จนถึงขนาดที่เหมือนจะไม่รู้สึกว่ายังหายใจได้อยู่ สติของเขาค่อยๆเลือนราง คล้ายกำลังลอยคว้างขึ้นไปในอากาศ รู้สึกหนาวจนเส้นขนลุกชัน ซึ่ง... ไม่น่าแปลกหรอกเพราะหิมะกำลังโปรยปรายอยู่นี่ ละอองขาวปลิวฟุ้งเข้ามาถึงในถ้ำในขณะที่เขาซุกตัวกับร่างใหญ่โต ท่อนแขนใหญ่มีขนรุงรังโอบกอดไม่ต่างจากผ้าห่มฟูหนาคลุมทับให้อีกชั้น เขาละเมองึมงำไม่อยากลืมตาตื่น อ้อมกอดก็ยิ่งขยับแน่นขึ้นสำหรับนิทราอันแสนอบอุ่น



.



ฉับพลันความรู้สึกก็เปลี่ยนไปแต่ยังไม่หลุดจากความคุ้นเคย หากไม่ออกไปฝึกขี่ม้า เขามักจะขลุกอยู่ในห้องหนังสือโดยมีหนูน้อยและเจ้าของคฤหาสน์อยู่เป็นเพื่อน เด็กน้อยอาจดูเป็นส่วนเกินแต่ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับการเกี้ยวพา เมื่อใดที่เขาลืมตัวอยู่ท่ามกลางชั้นหนังสือสูง เพียงแค่แหงนคอมองยังจุดใดจุดหนึ่ง ตัวของเขาก็จะลอยขึ้นจนสามารถเอื้อมมือถึงหนังสือเล่มที่หมายตา เสร็จแล้วจะถูกวางลงบนพื้นอย่างนุ่มนวลแต่ก็ต้องแลกกับจูบที่รุ่มร้อนไม่ต่างจากแสงอาทิตย์ยามบ่าย และทุกครั้งที่เด็กน้อยเคลิ้มหลับคากองหนังสือ อสูรร้ายก็จะกระโดดออกมาจากในนิทานเล่นงานเขาจนน่วมไปทั้งตัว เขาพยายามต่อสู้ดิ้นรนก็ไม่อาจต่อกร แต่อย่างน้อยก็เป็นความพ่ายแพ้ที่เขาเต็มใจยอมรับ...



.



“... ช่วยด้วย นาย... ท่าน...”



.



เขามักร่ำร้อง อ้อนวอน เมื่ออีกฝ่ายจงใจล้อเล่นกับความปรารถนาของเขา



.



“นายท่าน... ช่วยข้าด้วย...”



.



เสียงครางแผ่วทำให้เจ้าของมือชะงักและถอนนิ้วทั้งหมดออกจากร่างอ่อนระทวย ดวงตาสีน้ำเงินก่ำเขม้นมอง พยายามเงี่ยหูฟังความจากคนที่แทบไม่ได้สติ



.



“... ท่าน... อสูร... ข้ารักท่าน...”



.



ณ วินาทีนี้ แกสตันรู้สึกหายใจ... ไม่ออก



.



ทุกอย่างที่อัดแน่นระเบิดอยู่ข้างใน เขาหูดับ นัยน์ตาฝ้า แขนขาอ่อนแรง แต่หัวใจเต้นรัวจนเหมือนจะแตกออก เขานั่งหอบอยู่พักใหญ่กว่าสติจะกลับคืนมาและต้องต่อสู้กับความรู้สึกที่ปะทะกันอย่างรุนแรง สภาพของโจชัวร์ คราบน้ำตาและร่องรอยมากมายตอกหน้าว่าเขาได้ทำเรื่องเลวร้ายกับคนที่เขารักที่สุด 
เขายื่นมือออกไปแต่ไม่กล้าแตะต้องร่างที่กำลังคุดคู้ด้วยอาการสั่นเทา ไม่กล้าย้อนคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากเอ่ยคำขอ...



.



“อย่า... ไม่...”



.



เสียงที่หลุดออกมาพร้อมอาการสะอื้นไห้ยิ่งตอกลึกลงในใจของชายหนุ่ม เขาทำร้ายคนที่เขารักซึ่งเท่ากับทำลายหัวใจตัวเอง และเขากำลังจะตายทั้งเป็นจากผลของการกระทำอันขาดสตินั้น



.



“ช่วยข้า... นายท่าน... ข้ารักท่าน... อสูร...”



.



 คำสุดท้ายที่ได้ยินสะท้อนก้องอยู่ในหัว ร่างใหญ่โต ขนยาวรุงรัง ดวงตาแดงก่ำ เขี้ยวยาวโง้ง กรงเล็บแหลมและอุ้งเท้าใหญ่ราวกับสัตว์ป่าค่อยๆปรากฏชัดขึ้น นั่นคืออสูรร้ายกระหายเลือด มันโปรดปรานการทรมานและสามารถฆ่าคนได้เพียงกระพริบตา มันมีอำนาจอันน่าพิศวงที่จะล่อลวงเหยื่อให้ตกหลุมพรางและหากหลุดเข้าไปในรัศมีก็ไม่ต้องเสียเวลาร้องขอชีวิต



.



ถูกต้องแล้ว! ถ้าไม่มีมัน เขาก็จะไม่ต้องสูญเสียคนที่เขารัก ถ้าไม่ใช่เพราะถูกมนต์ร้ายครอบงำ หัวใจที่งดงามดวงนี้ก็จะต้องตกเป็นของเขา ถ้าไม่มีเจ้าอสูร โจชัวร์ก็จะไม่ต้องเจ็บปวด เขาก็จะไม่ต้องผิดหวัง และทุกคนจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป เพราะฉะนั้นเจ้าอสูรคือภัยร้าย เป็นตัวอันตรายที่ต้องถูกกำจัดทิ้ง!



.



แกสตันไม่รอช้า เขาลุกขึ้นพร้อมกับการตัดสินใจที่แน่วแน่ เขาชักผ้าห่มคลุมเรือนร่างเปลือยเปล่าและก้มลงฝากรอยจูบไว้บนหน้าผาก ไม่สนใจอาการขยับหนีด้วยสีหน้า... ไม่ใช่หรอก! เขาเข้าใจดีว่าโจชัวร์แค่ไม่ชอบที่ต้องมาเจ็บตัวเพราะความหลงผิดชั่ววูบของเขา แต่เชื่อว่าหากเขากำจัดเจ้าอสูรได้สำเร็จ โจชัวร์จะต้องยินดีและชื่นชมในความกล้าหาญของเขาอย่างแน่นอน



.



ที่หน้าห้อง สองสาวยังคงไม่หายไปไหน สาวอวบคนน้องสีหน้ากระวนกระวาย พอเห็นหน้าก็โพล่งถาม บ่งบอกลักษณะคนที่ไม่สามารถควบคุมตัวเอง พอรู้สึกอย่างไรก็จะแสดงออกมาอย่างนั้น ส่วนหญิงสาวคนพี่ยังคงรักษาท่าทางและสีหน้าเฉยชาไว้ได้ แต่ดวงตาเป็นประกายน่ากลัว เป็นคนอันตรายประเภทซ่อนคมร้ายไว้ได้ลึกทีเดียว



.



“เกิดอะไรขึ้น?! พวกข้าได้ยินเสียงร้อง หมายถึงเสียงจากข้างในดังเอะอะมาก”



.



“ไม่มีอะไร ข้าแค่พยายามทำให้โจชัวร์เข้าใจอะไรๆให้ถูกต้อง ตอนนี้เขาไม่ค่อยสบาย ปล่อยให้นอนพักไปก่อน แต่พวกเจ้าก็ต้องเฝ้าเอาไว้ให้ดี อย่าให้หนีไปได้อย่างเด็ดขาด แล้วข้าจะรีบกลับมา”



.



“เจ้าจะไปไหนล่ะ?” แมรี่เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเป็นปกติราวกับไม่ใส่ใจ



.



“ข้าจะไปจัดการไอ้ตัวการที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย ถ้ามันถูกกำจัดไป ปัญหาทั้งหมดก็จะได้ยุติซะที”



.



“หมายความว่าจะไปหาเจ้าอสูรอย่างนั้นเหรอ?! มันอันตรายมากนะแกสตัน!”



.



เบตตี้รีบบอกด้วยความเป็นห่วง กระทั่งแมรี่ก็ยังออกปากเตือนกึ่งห้ามปราม



.



“นั่นสิ ถึงโจชัวร์จะบอกว่าเจ้าอสูรกำลังอ่อนแอมากและอาจจะตายลงเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ข้าว่าเจ้าอย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงจะดีกว่า”



.



แกสตันมองสองสาวด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง เบตตี้เป็นคนโผงผาง เจ้าอารมณ์ แต่เนื้อแท้ไม่มั่นคงจนอาจถูกหลอกใช้ได้ง่าย ผิดกับแมรี่ที่ดูสงบแต่คอยชักโยงอยู่เบื้องหลัง คำเอ่ยห้ามแต่ผลักดันอยู่ในที เขาไม่รู้แต่ก็ไม่สนว่าเธอมุ่งหมายอะไร เพราะถึงอย่างไรเขาก็จะทำตามความต้องการของตนเองอยู่ดี



.



“ข้าฝากดูแลโจชัวร์ด้วยนะเบตตี้” เขาจับมืออวบอิ่มขึ้นมาเพื่อฝากเรื่องสำคัญ แล้วหันไปประกาศกร้าวต่อหน้าคนที่ยังไม่ยอมเผยวัตถุประสงค์ที่แท้จริง



.



“ข้ายอมเสี่ยงดีกว่าจะต้องเสียโจชัวร์ไป ข้าจะปกป้อง จะไม่ปล่อยให้เขาตกอยู่ในอันตราย ใครหน้าไหนก็จะไม่มีวันทำร้ายเขาได้อีก ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาอย่างเจ้าหรือใครๆ และต่อให้เป็นอสูรร้าย ถ้าคิดจะมาทำอะไรคนที่ข้ารัก ข้าก็จะฆ่ามัน จะตัดหัวด้วยมือของข้าเอง”



.



เขาพอใจที่เห็นเธอหน้าเจื่อนลงซึ่งเป็นการยืนยันว่าคำขู่ของเขาได้ผล และเขายังต้องใช้วิธีเดียวกันนั้นกับเจ้าอาชาสีขาวที่สะบัดหน้าเมินใส่ทันทีที่เจอกัน



.



“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นม้าแสนรู้ และเชื่อว่าเจ้าจะเข้าใจคำพูดของข้าทุกคำ” เขาไม่แยแสอาการพยศ รอจนมันยอมหันกลับมาจึงว่าต่อ “ข้าจะให้เจ้าพาข้ากลับไป ข้ามีเรื่องต้องเจรจากับเจ้าอสูร”



.



ใบหูใหญ่มีอาการกระดิกแล้วกลับตั้งตรง ท่อนหัวได้ลักษณะของม้างามเชิดสูงแต่สังเกตได้ว่าดวงตากลมโตมีอาการหลุกหลิกเหมือนกำลังมองหา 



.



“โจชัวร์จะยังอยู่ที่นี่ในฐานะตัวประกัน สิ่งที่เจ้าต้องทำคือพาข้ากลับไปพบนายของเจ้า พอข้าเสร็จธุระก็พากลับมาส่งให้เร็วที่สุดแล้วข้าถึงจะปล่อยโจชัวร์ให้เป็นอิสระ แต่ถ้าเจ้าไม่ทำตามหรือเล่นตุกติกก็อย่าหวังว่าจะได้พบโจชัวร์อีกตลอดไป”



.



เขาบอกความต้องการอย่างชัดเจนแล้วโหนตัวเองขึ้นนั่งบนอาน กระแทกขาเข้าสีข้างเพื่อกระตุ้นให้มันออกเดิน บอกแล้วว่าคนอย่างแกสตันเมื่อต้องการคือต้องได้ คำสั่งของเขาต้องได้รับการปฏิบัติตามเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หน้าขนอย่างม้าตัวนี้ หรืออสูรร้ายเจ้านายของมันก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ

























จริงๆแล้วตามเนื้อเรื่องดั้งเดิมซึ่งเป็นนิทานพื้นบ้านของทางฝรั่งเศสก็ไม่ได้มีตัวละครที่เป็นผู้ร้าย

แกสตันคือตัวละครที่เวอร์ชันดิสนีย์เติมขึ้นมา และทางเราก็เพิ่มความโฉดชั่วให้ยิ่งมากขึ้นไปอีก

เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งรีบเดาตอนจบ มาลุ้นกันก่อนดีกว่าค่ะว่าพ่อหนุ่มที่ใครๆเคยพากันสงสารจะร้ายสุดๆได้ถึงแค่ไหน




ปล. อย่ากลัวๆ เรายืนยันว่าเรื่องนี้ Happy Ending จริง จริ๊งงง


See U   :mew1:















^__^









----- Mine -----









หัวข้อ: Re: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 16 (6/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 06-08-2017 05:27:44
เอิ่ม เทพนิยายใสๆ กระเจิงไปเลย
เริ่มมีความดิบเถื่อนสมกับเป็นเรื่องในยุคกลาง
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 16 (6/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 06-08-2017 08:26:13
เราไม่อยากรอเลยล่ะสนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 16 (6/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-08-2017 08:32:02
แล้วจะได้รู้นะแกสตัน อยากลองก็คงจะได้ลอง ถ้าเจ้าอสูรตายไปนายก็คงไม่เหลืออะไรในมือนอกจากร่างกายของโจชัวร์ แม้แต่วิญญาณของคนที่นายพร่ำบอกว่ารักหรือความเป็นเพื่อนของโจชัวร์ก็คงไม่มีให้อีกต่อไป
ตอนนี้รู้สึกว่าแกสตันบ้าคลั่งมากอะ
ถ้าจบด้วยความสูญเสีย แกสตันต้องได้รับบทเรียนจากการกระทำนี้อย่างสาสม!
ไม่ใช่แค่แกสตัน แต่รวมถึงทุกคนที่เข้าไปเสื.. แค่ก ก้าวก่าย/แทรกแซงชีวิตคนอื่นโดยการอ้างว่าเป็นห่วง เหอะ!
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 16 (6/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-08-2017 08:33:15
 :hao7:  o13 :hao7:


 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 16 (6/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 06-08-2017 13:11:29
น้ำตาซึมเลยค่ะ สงสารน้องมาก
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 16 (6/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 06-08-2017 16:15:04
โหดร้าย :ling3:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 16 (6/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 06-08-2017 18:39:31
กลายเป็นจากจะเกลียดแกสตันสุดทำไมนี่เกลียดพ่อมากกว่าเนี่ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 16 (6/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 06-08-2017 23:43:57
โอยยย แกสตั้นภาคนี้เลวอ่ะ ทำงี้กับโจชัวร์ได้ไง สงสารรรรโจชัวร์
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 16 (6/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-08-2017 02:33:47
 :ling3:
หัวข้อ: Re: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 16 (6/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 07-08-2017 16:11:00
สงสารนางนะ นางรักจนบ้าไปแล้ว

รักจนไม่มีสติ ไม่รู้จักหักห้ามใจ


ถึงไม่มีอสูญ ก็รักไม่ได้อะ น่ากลัวเกินไป
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 16 (6/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: casper75 ที่ 07-08-2017 19:51:16
เกลียดพ่อนายเอกมากอ่ะ ลูกจะโดนขมขื่น มุดหัวไปอยู่ไหนเนี่ย :fire: :fire:
เกลียดตั้งแต่ส่งลูกชายไปให้พระเอกแล้ว :katai4:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 16 (6/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: jittrawa ที่ 09-08-2017 14:12:02
ไม่เขียนฉาก nc แต่มีฉากข่มขืน อืมมม
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 16 (6/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 10-08-2017 14:39:43
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 16 (6/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: rori ที่ 10-08-2017 23:24:42
อ่านรวดเดียวจนถึงตอนนี้ เราประทับใจเรื่องนี้มากนะ แต่ตอนล่าสุดนี่ :katai1:
เป็นคนที่เกลียดฉากข่มขืนมากอ่ะ คือไม่คิดว่าจะมีในเรื่องนี้เลย
เราอยากอ่านต่อ แต่มันมีความรู้สึกที่รับไม่ค่อยได้....   :hao5:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 17 (13/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 13-08-2017 04:50:56













Heartbeat 












: A Retelling of Beauty and the Beast



















สุขสันต์วันแม่ย้อนหลังค่ะ


เชื่อว่าแกสตันคงทำให้ใครหลายคนจุกไปตามๆกัน
ดูดิสนีย์ก็ว่าแกสตันร้ายแล้ว มาเรื่องนี้ก็น่าจะสมกับคำว่าเลวอย่างไม่มีข้อโต้เถียง


ส่วนตอนนี้ขอชะลอความเดือดกันสักนิด เมื่อวานวันแม่ แต่วันนี้คุณพ่อขอเคลียร์ เอาให้เด็ดขาดกันไปเลย























17














โจชัวร์ยังคงนอนอยู่บนเตียงด้วยสภาพร่างกายที่ระบมอยู่มาก เขาไม่ได้ลืมตามองแต่รู้ว่ามีใครบางคนเข้ามาในห้องหลังจากที่เขาถูกปล่อยทิ้งเอาไว้พักใหญ่ คนผู้นั้นตรงเข้ามาและสวมกอดอย่างไม่ลังเลแต่กลับทำให้เขาพลันขนลุกซู่ด้วยความกลัวปนขยะแขยง รู้สึกว่าร่างกายของตนสกปรกจนรับไม่ได้ แต่สวรรค์คงเมตตาจึงได้ส่งนางฟ้าลงมาเพื่อชำระจิตใจของเขาให้พ้นจากมลทิน อ้อมกอดที่แสนคุ้นเคยนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากผู้หญิงเพียงคนเดียวที่นับเขาเป็นน้องชาย


.


ภาพของเบลล่าพร่ามัวด้วยหยดน้ำที่เอ่อขึ้นเต็มสองตา นานแล้วที่เขารู้สึกว่าต้องเป็นฝ่ายปกป้องจึงไม่เคยร้องไห้ให้เธอเห็น แต่หากเป็นตอนยังเล็ก นอกจากอกของแม่ก็มีพี่สาวคนนี้ที่คอยซับน้ำตาให้เขาอยู่เสมอ


.


“โจชัวร์คนดีไม่ร้องไห้นะจ๊ะ พี่กลับมาแล้ว ขอโทษที่มาช้า แต่พี่สัญญาว่าจะไม่ให้ใครรังแกโจได้อีก เงียบเสียนะคนเก่งของพี่”


.


โจชัวร์แอบยิ้มกับคำพูดที่ดูไม่เหมาะกับลักษณะของเบลล่าเท่าไหร่ เพราะบ่อยครั้งที่คนปลอบจะร้องไห้เสียงดังกว่าคนถูกปลอบด้วยซ้ำ แต่สำหรับคราวนี้เขารู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งเปลี่ยนไป


.


“ข้าไม่เป็นไรแล้วล่ะ” เขารีบเช็ดน้ำตาให้แห้งเพื่อจะได้มองหน้าเธอชัดๆ “แล้วนี่พี่กลับมาทำไม พี่บ็อบมาด้วยมั้ย หรือว่าเดินทางมาคนเดียว ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย ถ้าเกิด...”


.


หญิงสาวยกสองมือขึ้นแนบแก้มสีก่ำเพื่อหยุดอาการเป็นห่วงจนเกินเหตุ เธอพยายามทำเป็นไม่เห็นรอยช้ำทั้งบนใบหน้าและตามเนื้อตัวเพราะไม่อยากให้น้องชายรู้สึกอึดอัด ตอนนี้ควรเป็นเวลายินดีที่ได้พบกัน ได้ระลึกถึงวันเวลาและความรู้สึกเก่าๆที่หวนคืนมา อย่างเช่นที่โจชัวร์มักจะระวังและดูแลเหมือนเธอเป็นน้องสาวตัวเล็กๆ


.


“ใจเย็นๆก่อน พี่ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ดูสิ เดี๋ยวนี้พี่แข็งแรงขึ้นมากเลยนะ ไม่รู้ว่าเพราะได้พ้นออกไปจากพี่สาวใจร้ายอย่างสองคนนั้นด้วยหรือเปล่า พี่ถึงได้รู้สึกสดชื่น สุขภาพก็ดีวันดีคืน เดี๋ยวนี้พี่เริ่มทำอะไรๆที่ใช้แรงได้โดยไม่หน้ามืดอีกแล้ว พี่ได้ช่วยคุณแม่ดูแลบ็อบ ทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆ พอมีเวลาว่างก็จะทำสวน ปลูกต้นไม้ดอกไม้ เวลาอยู่กลางแดดพี่ไม่มีอาการใจสั่น หรือว่าอยู่ดีๆก็จับไข้เหมือนเมื่อก่อนอีกด้วยนะ”


.


ความจริงแค่มองด้วยตาก็พาให้เชื่อได้อยู่แล้ว จากหญิงสาวผิวพรรณซีดเซียว ท่าทางเซื่องซึม ได้แต่หลบแดดหลบลมอยู่ในบ้าน พอเจออากาศเปลี่ยนนิดหน่อยจะเป็นไข้ไม่สบายเลยยิ่งไม่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตา กลับกลายเป็นเบลล่าคนใหม่ที่ดูอวบอิ่ม ผิวพรรณผุดผาดมีเลือดฝาดอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งแววตา รอยยิ้มและการพูดจาก็สดใสร่าเริง แถมดูจะพูดมากขึ้นกว่าเก่าเสียด้วย 


.


“ดีจัง แล้วพี่กับพี่บ็อบมีความสุขกันดีใช่มั้ย”


.


“ที่สุดเลยล่ะ ครอบครัวของบ็อบใจดีและต้อนรับพี่ดีมากๆ คุณแม่รักพี่เหมือนเป็นลูกสาวท่านจริงๆ ส่วนน้องชายของบ็อบ เสียดายที่เขาต้องเดินทางไปโน่นมานี่ตลอดก็เลยไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน แต่บิลก็น่ารักมาก พอกลับบ้านทีจะมีของฝากแปลกๆมาทุกครั้ง อย่างล่าสุดเขาขึ้นเหนือไปกว้านซื้อสมุนไพรแล้วได้ตัวยาหน้าตาประหลาดๆมาหลายอย่าง บางอันก็ดูพิลึกเสียจนไม่มีใครกล้าลอง เขาเลยบอกว่าจะแอบเอาผสมในเหล้าหลอกให้พี่ชายกินทดสอบสรรพคุณดูสักที บ็อบรู้เข้าถึงกับไล่เตะเขาออกจากบ้านแทบไม่ทันแน่ะ”


.


สิ่งที่ส่งผ่านออกมาจากแววตา ท่าทาง กระทั่งน้ำเสียงทำให้โจชัวร์เต็มตื้นอยู่ในอก ทีนี้เขาก็จะได้หมดห่วง สามารถวางใจในอนาคตของเบลล่าได้เสียที พี่สาวของเขาเป็นคนดีจึงสมควรแล้วที่จะได้รับสิ่งดีๆเช่นนี้


.


“ขอบคุณที่พี่มีความสุขมากขนาดนี้ ขอบคุณจริงๆ”


.


โจชัวร์สวมกอดร่างที่ดูอวบอิ่มขึ้น เบลล่าก็กอดเขาแน่นและเหมือนจะมีเสียงสูดน้ำมูกเบาๆ


.


“พี่กับบ็อบก็ต้องขอบใจโจมากๆเหมือนกันที่ทำให้เราสองคนได้มีวันนี้ พี่มีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แล้วตอนนี้พี่ก็...” เธอผละจากอ้อมแขนของน้องชายเพื่อวางมือลงบนตัว พวงแก้มอิ่มแดงซ่านขึ้นทันตา


.


“ท้องแล้วด้วยนะ”


.


“พี่เบลล่า!” เขามองใบหน้าขวยเขินสลับกับหน้าท้องที่ยังแบนราบอย่างไม่เชื่อสายตา ความปีติเอ่อท้นจนไม่รู้จะบรรยายอย่างไรได้หมด “โอววว! จริงเหรอครับ ข้าดีใจด้วย ดีจังเลย พี่จะมีลูก ข้าก็จะมีหลานแล้ว นี่มัน.. สุดยอดที่สุดเลย!”


.


“พี่กลับมาเพราะตั้งใจมาเยี่ยมพ่อแล้วก็จะบอกข่าวดีนี้ ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอเรื่องใหญ่กว่า ดูสภาพเธอสิ ถ้าไม่เห็นกับตาพี่คงไม่เชื่อว่าพี่แมรี่กับเบตตี้จะใจร้ายได้ขนาดนี้ เขาปล่อยให้นายแกสตันนั่นเข้ามาทำร้ายเธอถึงในบ้านได้ยังไง นายคนนั้นก็เลวจริงๆ คอยดูนะพี่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ต่อให้เป็นลูกชายนายอำเภอก็จะไม่ปล่อยให้ลอยนวลหรอก!”


.


เบลล่าระบายความรู้สึกคั่งแค้นเต็มที่จนโจชัวร์รับมือไม่ถูก ดีที่มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยได้ทันเวลา อ้อ! เป็นพระเอกตัวจริงของเธอเสียด้วย


.


“ใจเย็นๆลงหน่อยเถอะเบล เสียงคุณดังไปถึงข้างนอกเลย”


.


คำทักทายดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดเข้ามา เจ้าของน้ำเสียงเย็นๆท่าทางใจดีคือชายหนุ่มเจ้าของแว่นทรงกลมสมกับตำแหน่งเสมียนคนเก่งผู้คอยจัดการงานด้านเอกสารของที่ว่าการอำเภอ บ็อบเป็นคนร่างสูงผอม หน้าตาธรรมดา ไม่โดดเด่น แต่มีเอกลักษณ์คือรอยยิ้มที่ดูซื่อใส จริงใจ ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร


.


ทั้งคู่พบกันด้วยเหตุที่บ็อบเป็นฝ่ายเห็นเบลล่าในทุกเช้าระหว่างเดินไปทำงาน เธอมักออกมานั่งรับแสงแดดอ่อนๆ อ่านหนังสือ หรือทำงานเย็บปักถักร้อยไปพลางโดยไม่รู้ตัวว่ามีคนแอบมอง จนกระทั่งมีลมแรงพัดเอาเศษกระดาษที่เธอตัดเอาไว้ทำงานประดิษฐ์ปลิวหล่นไปเข้ามือเขาพอดี


.


โจชัวร์แอบสืบประวัติและนิสัยใจคอแล้วพบว่าบ็อบเป็นคนดี แม้จะไม่ร่ำรวยแต่ก็ไม่เกียจคร้าน เป็นคนสุภาพอ่อนโยนและมีน้ำใจ จึงยอมเป็นพ่อสื่อคอยรับฝากจดหมายที่ทั้งคู่คุยโต้ตอบจนถึงขั้นรักใคร่ชอบพอกัน เมื่อเรื่องแดงขึ้นยิ่งโชคดีที่ผู้เป็นพ่อไม่คัดค้าน คนเดือดร้อนจึงมีแต่พี่สาวทั้งสองที่ได้แต่อิจฉาที่คนเก็บตัวอย่างเบลล่ายังได้มีคนรักเป็นตัวเป็นตน


.


“คุณจะให้ฉันใจเย็นยังไงไหว ดูสิว่าไอ้หมอนั่นทำร้ายโจของเราขนาดไหน นี่ถ้ายังอยู่ในเมืองจะเรียกผู้ตรวจการมาเอาตัวไปเข้าคุกเสียให้เข็ด คนทำผิดต้องถูกลงโทษ โดยเฉพาะการทำร้ายคนไม่มีทางสู้ยิ่งปล่อยเฉยไว้ไม่ได้ คุณเองก็ห้ามใจอ่อน เข้าใจมั้ยคะบ็อบ”


.


ในสายตาโจชัวร์ แม้บ็อบจะเป็นคนซื่อ แต่ก็ยึดมั่นในความถูกต้อง ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาตลอด เขาเชื่อว่าคนแบบนี้จะดูแลปกป้องเบลล่าได้ แต่ตอนนี้ชักจะดูไม่ออกแล้วว่าคู่นี้ ผัวจะแข็งกว่าเมีย หรือเมียจะข่มผัว


.


“ครับๆ ไม่ใจอ่อนเด็ดขาดเลยครับที่รัก แต่คุณก็ควรใจเย็นลงหน่อย โมโหมากๆ เสียงดังเกินไปลูกจะตกใจเอานะ”


.


“ลูกต้องเข้าใจค่ะ แกก็คงไม่อยากให้น้าโจของแกถูกทำร้ายฟรีๆเหมือนกัน”


.


เบลล่ากำหมัดแน่น สีหน้ามุ่งมั่น ส่วนบ็อบได้แต่กอดภรรยาไว้เอาไว้หลวมๆเพื่อเอาใจให้เธอหายโมโห เลยได้ข้อสรุปว่าบ้านนี้ภรรยาเป็นใหญ่อย่างแน่นอน


.


“เป็นยังไงบ้างโจ หนักเลยนะเราคราวนี้”


.


บ็อบหันมาส่งยิ้มทักทายหนุ่มน้อยที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี เขาไต่ถามอย่างเป็นกิจจะลักษณะจนแน่ใจว่าไม่มีอาการบาดเจ็บรุนแรงที่ควรถึงมือหมอ ซึ่งก็ทำให้ผู้เป็นภรรยาคลายความวิตกและใจเย็นลงได้บ้าง


.


“แต่ผมคงหลับไปนานพอดู ไม่รู้ว่าคนอื่นๆเป็นยังไงกันบ้าง”


.


“คุณพ่อกับเบตตี้อยู่ข้างล่าง ส่วนแมรี่...” บ็อบรับหน้าที่ตอบพลางชำเลืองมองสีหน้าคนข้างตัว “เบลให้พี่เอาตัวไปขังไว้ที่ห้องนอนของเธอน่ะ”


.


“มันเป็นสิ่งที่เธอสมควรโดน ความจริงก็ควรมีใครสักคนจัดการเธอมาตั้งนานแล้ว!”


.


โจชัวร์มองพี่สาวตาค้าง ไม่คาดว่าลูกแมวเซื่องๆจะเปลี่ยนเป็นนางแมวป่าตาดุได้ขนาดนี้ เขาถามถึงอีกคนที่ก่อเรื่องไว้แล้วหายตัวไป เขาไม่เชื่อว่าแกสตันจะรามือง่ายๆ พอรู้ว่าแกสตันประกาศว่าจะกำจัดเจ้าอสูรให้ได้ แถมยังหายไปกับสโนว์ได้พักใหญ่แล้ว เขาก็ยิ่งอยู่เฉยไม่ได้


.


“เดี๋ยวก่อน นี่จะลุกไปไหน โจกำลังไม่สบายอยู่นะ!” เบลล่าร้องห้าม แต่ขนาดว่าเธอกับบ็อบช่วยกันยังเกือบจะรั้งคนเจ็บไว้ไม่อยู่


.


“ข้าต้องรีบไปหาเจ้าอสูร เขากำลังตกอยู่ในอันตราย ถ้าข้ากลับไปไม่ทัน เขาต้องแย่แน่ๆ!”


.


สองสามีภรรยามองหน้ากันด้วยความหนักใจ ใจจริงๆพวกเขาเห็นด้วยกับคุณมอร์ริสที่ไม่อยากปล่อยให้โจชัวร์กลับไปเสี่ยงอันตราย ไม่ใช่แค่ความที่เป็นอสูรร้าย แต่การปักใจกับความรักที่ผิดธรรมชาติก็แทบจะมองไม่เห็นหนทางมีความสุขได้เลย


.


“ได้โปรดเถอะพี่เบลล่า พี่บ็อบ ช่วยข้าด้วย ข้ารักเขา ให้ข้าได้กลับไปหาคนที่ข้ารักเถอะนะ ขอร้องล่ะ!”


.


โจชัวร์ไม่ได้ร่ำร้องจนน้ำตาเป็นสายเลือด แต่เขาเอ่ยขอด้วยแววตามุ่งมั่นและเปี่ยมท้นไปด้วยความรู้สึกซึ่งเบลล่ากับบ็อบย่อมสัมผัสได้ หัวใจของคนที่เคยเกือบถูกพรากจากกันจึงเข้าใจว่ามันเจ็บเจียนตายขนาดไหน แต่นอกจากพี่สาวและพี่เขยที่ยอมเปลี่ยนใจมาเป็นกำลังสำคัญให้แล้วก็ยังเหลืออีกหนึ่งด่านสำคัญที่ต้องฝ่าฟันไปให้ได้   


.


“พ่อครับ...”


.


โจชัวร์ทิ้งตัวลงคุกเข่าต่อหน้าคนที่ยืนขวางประตูบ้านด้วยท่าทางดื้อดึงไม่ต่างกัน ความจริงแล้วทั้งสองฝ่ายต่างมีจุดยืนเดียวกัน ไม่มีพ่อคนไหนไม่รักเลือดเนื้อเชื้อไขของตน และไม่มีลูกคนไหนอยากทำผิดต่อผู้ให้กำเนิด แล้วอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ความรักให้ผลที่แตกต่างและขัดแย้งกันได้ถึงเพียงนี้


.


“ลูกขอโทษที่ทำให้พ่อผิดหวังแต่ลูกรักเขาจริงๆ ลูกต้องกลับไป ได้โปรดเข้าใจด้วยเถอะครับ”


.


เมื่อคนเป็นลูกได้แต่ก้มหน้าขอความเห็นใจ คุณมอร์ริสจึงต้องยอมเป็นฝ่ายเริ่มเพื่อให้เรื่องที่เขาไม่อยากให้เกิดจบลงโดยเร็ว


.


“เจ้ากับอสูร...” เขาแทบจะกัดฟัน ถ่มความรังเกียจออกมากับน้ำเสียง “มันจะเป็นไปได้ยังไง นั่นมัน... มันไม่ใช่คนด้วยซ้ำ!”


.


โจชัวร์สูดลมหายใจแล้วเงยหน้าขึ้นมองด้วยความโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง อย่างน้อยตอนนี้พ่อก็รับรู้แล้วว่าเขารักเจ้าอสูร ขั้นตอนต่อไปคือการทำให้พ่อเข้าใจและยอมรับว่าความรักของเขาก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป


.


“ลูกไม่ได้รู้สึกว่าเจ้าอสูรต่างจากพวกเรา เขามีหัวใจ มีความรู้สึก มีสำนึกผิดชอบชั่วดีและน้ำใจเอื้อเฟื้อกับทุกๆคน ใครที่ได้รู้จัก ได้อยู่ใกล้ชิดต่างก็รักเขา ตัวลูกเองก็เช่นกัน ลูกรักเขา อยากจะอยู่ข้างกายเขา อยากจะใช้วันเวลาอยู่ด้วยกันไปจนตลอดชีวิต”   


.


“แต่ดูรูปร่างหน้าตามันสิ มันเป็นสัตว์ร้ายนะโจชัวร์!”


.


“มนุษย์เราต่างก็มีความเป็นอสูรอยู่ในตัวด้วยกันทั้งนั้น ถ้าพ่อรังเกียจที่นายท่านดูเหมือนอสูร แล้วสิ่งที่แกสตันทำกับลูกมันไม่ยิ่งเลวร้ายกว่าเหรอครับ เวลาที่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้จนเผยด้านมืดออกมา เขาทำร้ายลูกทั้งทางร่างกาย จิตใจ เขาห่มเหงลูกด้วยคำพูด ด้วยกำลังที่เหนือกว่า แล้วก็เกือบ...”


.


เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่ต่างจากแผลสดที่ยังรู้สึกเจ็บแสบ ไม่อยากพูดหรือแม้แต่จะนึกถึง


.


“... เกือบจะขืนใจลูกด้วยซ้ำ...”


.


“แต่เจ้าอสูรมัน...” ร่องรอยที่ปรากฏชัด และอาการตัวสั่นเทาทำเอาคนเป็นพ่อยิ่งพูดไม่ออก การไว้ใจคนผิดก็ไม่ต่างจากการทำร้ายลูกด้วยมือของตนเอง แถมเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว เขายังไม่สามารถจัดการคนผิดได้เลยแม้แต่น้อย


.


“เจ้าอสูรที่พ่อพูดถึงให้เกียรติและดูแลลูกดีทุกอย่าง ขนาดโดนลูกทำร้ายก็ยังไม่ต่อว่าอะไรสักคำ เขาถึงกับยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ลูกได้กลับมาทำหน้าที่ลูกที่ดี ได้ดูแลทดแทนพระคุณของพ่อ ต่อให้ลูกไม่ได้รักเขา ลูกก็ไม่อาจผิดสัญญากับผู้มีพระคุณได้หรอกครับ”


.


คุณมอร์ริสคอตกและเซทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง สภาพของเขาคงไม่ต่างจากนักพนันที่ทุ่มหมดแล้วทั้งหน้าตัก เขาไม่มีอะไรจะเสียและยิ่งไม่เห็นหนทางจะได้คืน


.


“พ่อรักลูกนะโจชัวร์” เบี้ยตัวสุดท้ายซึ่งอาจมีค่าเท่าชีวิตของเขาเองถูกวางลงเพื่อหวังจะยื้อเวลาแห่งความสิ้นหวัง


.


“ลูกก็รักพ่อครับ” โจชัวร์เข้าสวมกอดร่างท้วมใหญ่เพื่อซึมซับความรู้สึกที่ไม่เคยจืดจางลง แม้พ่อจะไม่ค่อยแสดงออกหรือบอกตรงๆแต่เขาก็สัมผัสถึงความรักของพ่อได้อยู่เสมอ 


.


คุณมอร์ริสพลันรู้สึกถึงครั้งแรกที่ได้มีโอกาสสัมผัสชีวิตน้อยๆ วินาทีแสนวิเศษที่ได้โอบอุ้มทารกไว้ในอ้อมแขนแม้จะด้วยท่าทางเก้กังเต็มที ร่างเล็กจ้อยที่แสนบอบบางทำให้เขาขลาดกลัวแต่ก็กระหายจะได้สัมผัส ความรู้สึกรักอย่างไม่มีคำจำกัดความ ไม่มีที่มาหรือเหตุผล ในปริมาณที่มากอย่างไม่อาจควบคุมได้ทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจรู้สึกเอิบอิ่ม จนเขาอยากเก็บและปกป้องให้ความสุขเช่นนี้อยู่กับตนตลอดไป และนั่นอาจจะเป็นสัญชาติญาณความเป็นพ่อที่เกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องมีใครบอกหรือสอน


.


“พ่อไม่อยากให้ลูกไป ลูกเป็นลูกพ่อนะ ลูกชายคนเดียวของพ่อ”


.


“ลูกรู้ครับ” เขาผละจากอกกว้างเพื่อมองพ่อและให้พ่อได้มีโอกาสมองเขาเต็มตา แค่ช่วงเวลาไม่นานหลังจากวิกฤตของครอบครัวที่พ่อดูแก่ลงมาก ทั้งริ้วรอยและผมขาวที่แทรกขึ้นหนาจนกลายเป็นสีเทา เขารู้สึกผิดเช่นกันที่ไม่อาจดูแลพ่ออย่างที่ควรทำ


.


“แต่ความรักไม่ควรกลายเป็นกรงขัง เราควรให้อิสระและไว้ใจคนที่เรารักไม่ใช่เหรอครับ เจ้าอสูรยอมให้ลูกกลับมาเพราะเชื่อว่าลูกจะไม่หนีไปไหน เพราะฉะนั้นแล้ว เชื่อใจลูกชายคนนี้นะครับพ่อ ขอโอกาสให้ลูกได้กลับไปหาคนที่ลูกรัก แล้วสักวันลูกจะกลับมา ลูกเชื่อว่าความรักจะทำให้เราได้พบกันอีกอย่างแน่นอน”


.


คุณมอร์ริสรับรู้ถึงความว่างเปล่าในอ้อมแขนแล้วลองสำรวจใจของตนเอง... ซึ่งอาจจะไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่เขานึกกลัว เขายกมือแนบแก้มเพื่อเช็ดรอยน้ำตาของลูกชายให้แห้งสนิท น่าแปลก... รอยชื้นในดวงตาของเขาก็จางหายไปเช่นกัน


.


“ลูกเปลี่ยนไปมากนะ โจชัวร์ของพ่อโตขึ้นมากทีเดียว”


.


“ความรักทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้เสมอ” เขายิ้มรับความเปลี่ยนแปลงที่ตัวเขาเองก็รู้สึกได้ “ดูอย่างพี่เบลล่าสิครับ ความรักทำให้เธอดูสดใสขึ้นมาก และเธอก็ยิ่งเข้มแข็งเพื่อปกป้องคนที่เธอรัก หลานของพวกเราที่กำลังจะลืมตามาดูโลกยังไงล่ะครับพ่อ”


.


คุณมอร์ริสหันไปรับรอยยิ้มของทุกคนที่เข้ามารายล้อม เบลล่า ลูกสาวคนเล็กที่ดูสดใสแข็งแรงขึ้น บ็อบ ลูกเขยที่ยังคงนอบน้อมและพึ่งพาได้ เบตตี้ ลูกสาวคนรองที่กำลังสำนึกผิดจากใจจริง กระทั่งลูกสาวคนโตที่โดนจำกัดบริเวณอยู่เพียงลำพัง เขาก็เชื่อว่าแมรี่คงจะได้เรียนรู้และเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นมากขึ้น


.


“ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะความรักสินะ”


.


“ความรักพิสูจน์ให้เห็นว่าอสูรก็มีหัวใจไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ความรักทำให้เราทั้งแข็งแกร่งและอ่อนโยนขึ้นเพราะเราอยากจะทำทุกอย่างเพื่อคนที่เรารัก ความรักไม่ได้ทำให้พ่อสูญเสียลูกไปให้เจ้าอสูร หรือเสียเบลล่าให้กับบ็อบ แต่จะได้พบว่ามีใครอีกคนที่พร้อมจะดูแลลูกๆของพ่อเช่นกัน ความรักจะทำให้ครอบครัวของเราใหญ่ขึ้นต่างหากครับพ่อ”


.


คุณมอร์ริสยิ้มเยาะความโง่เขลาของตนเอง ในฐานะหัวหน้าครอบครัว เขาควรจะคิดได้และสอนให้ลูกๆเข้าใจความจริงข้อนี้ด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ภูมิใจ ลูกๆของเขาได้เติบโตเป็นคนที่เข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ หน้าที่ในความเป็นพ่อคงเหลือแค่เฝ้ามองดูพวกเขามีชีวิตในแบบของตนเอง


.


“เอาล่ะ กลับไปหาคนที่ลูกรักเถอะโจชัวร์ ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ ไม่ว่าเราจะได้พบกันอีกหรือไม่ พ่อก็จะคอยภาวนาขอให้ลูกมีความสุข ได้พบสิ่งดีๆ มีแต่คนรักใคร่ และปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง”


.


อีกครั้งที่โจชัวร์ต้องแยกจากครอบครัว แต่เป็นการเอ่ยคำลาที่เต็มไปด้วยความสุขและความปรารถนาดี เขามุ่งหน้ากลับคฤหาสน์ด้วยความช่วยเหลือของบ็อบที่อาสามาส่งจนกระทั่งถึงแนวป่าที่นักเดินทางทั่วไปไม่อาจฝ่าไปได้


.


“โจจะเดินทางต่อคนเดียวได้เหรอ ให้พี่ไปด้วยดีกว่า ยังไงสองหัวก็ดีกว่าหัวเดียวนะ” บ็อบมองหนทางข้างหน้าด้วยความหนักใจ เขาได้เคยคุยกับพ่อตาถึงความลำบากและอันตรายจากการเดินทางผ่านป่าต้องสาปแห่งนี้มาแล้ว ภาพผืนป่าที่ดูสงบเงียบจึงไม่ทำให้เขาวางใจได้เลย


.


“อย่าเลย พี่บ็อบรีบกลับเถอะ ข้าฝากพี่เบลล่ากับพ่อด้วย ถ้ามีโอกาส ข้าจะพยายามกลับไปหาทุกคนให้ได้”


.


“แต่พี่ว่า เอ๊ะ! นั่นมัน!”


.


ชายหนุ่มร้องบอกแล้วกระชากตัวน้องเขยมาหลบที่ด้านหลัง เมื่อเงาดำค่อยๆเผยโฉมเป็นหมาป่าสีเทาเงินตัวใหญ่ เขาก็ยิ่งเข่าอ่อนผิดกับอีกคนที่ส่งเสียงเรียกด้วยความดีใจ     


.


“เกรย์!”


.


“ถอยไปก่อนโจ ระวังตัวด้วย พี่ว่ามันไม่ว่าไว้ใจนะ” ชายหนุ่มยังคงกางแขนกว้าง พยายามมองแม้จะไม่กล้าจ้องเข้าไปในดวงตาของสัตว์ร้าย


.


“ไม่เป็นไรจริงๆ เกรย์เป็นเพื่อน คงมาช่วยนำทางผมกลับไป”


.


“เจ้าหมาป่าตัวใหญ่ยักษ์เนี่ยนะ!”


.


เมื่อสุดจะรั้ง บ็อบจึงต้องยอมปล่อยโจชัวร์เป็นอิสระ ยิ่งประหลาดใจที่เห็นร่างเพรียวบางเข้าไปยืนคู่กับหมาป่าด้วยท่าทางคุ้นเคย ส่วนตัวเขายอมรับว่ายังขาสั่น และคงได้แต่ยืนมองทั้งคู่หายเข้าป่าไปสักพักจึงจะสามารถกลับขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางต่อได้


.


“วางใจได้ ตอนนี้ผมมีเพื่อนเดินทางแล้ว รับรองกลับถึงคฤหาสน์ได้อย่างแน่นอน พี่บ็อบก็กลับเถอะ ขอให้เดินทางปลอดภัยนะครับ”


.


โจชัวร์เอ่ยลาแล้วรีบเดินทางต่อ การที่เกรย์เหมือนมารอทำให้ยิ่งร้อนใจว่าอาจจะเกิดเหตุร้ายกับเจ้าอสูรและทุกคนที่คฤหาสน์ การเดินทางตัดผ่านผืนป่านั้น ถ้ามีสโนว์อยู่ด้วยและโชคดีไม่เจอพายุจะใช้เวลาไม่นาน แต่ตอนนี้เขาต้องอาศัยฝีเท้าของตนเอง เชื่อมั่นในการนำทางของเกรย์ และภาวนาให้ไม่มีอุปสรรคใดๆมาขวางทาง เขาอยากรีบไปให้เร็วได้เท่ากับใจที่แล่นไปอยู่กับเจ้าอสูรตั้งนานแล้ว หวังแต่ว่าเมื่อไปถึงจริงๆ ทุกอย่างจะยังไม่สายเกินไป
























จบกันไปแล้วกับประเด็นของฝั่งครอบครัวพร้อมกับข่าวที่่น่ายินดีของเบลล่าค่ะ



พอมาอัพตอนนี้ก็นึกถึงเมื่อวันก่อนที่ได้อ่านโพสต์ของเพจหมอตุ๊ดเนื่องในวันแม่
ลูกๆทุกคนก็มักจะมีปัญหาที่ใหญ่มาก ประมาณปัญหาโลกแตกที่ไม่กล้าบอกพ่อแม่
พอคุณหมอเอาคำถามพวกนี้ไปปรึกษาคุณแม่ก็ได้คำตอบที่ดีเหลือเกินว่า

"หน้าที่พูดความจริง ไม่โกหกกับแม่ นั่นเป็นหน้าที่ของลูกจ๊ะ
ส่วนหน้าที่ยอมรับความจริงของลูก ในแบบที่มันเป็นจริงๆ
ไม่ว่าจะผิด ถูก ดี ร้าย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่เองเถอะลูก"



ตัวคุณมอรร์ริสเองก็คงเช่นเดียวกัน ไม่ว่าเขาจะคาดหวังหรือแม้จะผิดหวังกับการตัดสินใจของลูกมากแค่ไหน
สุดท้ายคนเป็นพ่อก็สามารถเข้าใจและยอมรับได้

ยิ่งถ้าเป็นกรณีที่เกิดปัญหากับลูก เชื่อได้เลยว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่นี่ล่ะที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างและช่วยลูกแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ที่สุด





สำหรับตอนหน้าตามไปลุ้นว่านายแกสตันตัวร้ายจะก่อเรื่องอะไรอีก อาทิตย์หน้าเหมือนเดิมจ้า


















^__^








----- Mine -----









หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 17 (13/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 13-08-2017 04:52:22




ตรงนี้ต้องขอยกแยกมาอีกครั้งเพื่อไม่เป็นการรบกวนการอ่านค่ะ


Heartbeat ในตอนที่ผ่านมา (ตอนที่ 16) น่าจะทำให้หลายคนรู้สึกจุกกันไปไม่มากก็น้อย
ทั้งตกใจกับความหน้ามืดตามัวของแกสตัน สงสารโจชัวร์ซึ่งต้องมารับเคราะห์ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
และอีกส่วนหนึ่งก็ถล่มคุณมอร์ริสที่ยังคงพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก


ในฐานะคนเขียนก็รู้สึกดีใจและขอบคุณสำหรับฟีดแบคต่างๆที่เกิดขึ้น
แต่ก็มีประเด็นหนึ่งทำให้มีเรื่องให้คิดมากจริงๆ นั่นก็คือเรื่องของฉากข่มขืน


ซึ่งจากความเห็นจากคุณ  jittrawa  "ไม่เขียนฉาก nc แต่มีฉากข่มขืน อืมมม"

และคุณ rori "...เป็นคนที่เกลียดฉากข่มขืนมากอ่ะ คือไม่คิดว่าจะมีในเรื่องนี้เลย เราอยากอ่านต่อ แต่มันมีความรู้สึกที่รับไม่ค่อยได้"



ตรงนี้ต้องขอย้ำหนักๆก่อนเลยว่าเราไม่ได้จะต่อว่าหรือแอนตี้คอนเมนท์ที่ยกมา
ต้องขอบคุณมากด้วยซ้ำที่เป็นโอกาสทำให้เราได้กลับมาทบทวนความคิดได้ในหลายๆเรื่อง
ทีแรกก็ลังเลอยู่เหมือนกันว่าควรจะตอบดีมั้ย กลัวอยู่ว่าเดี๋ยวจะกลายเป็นดรามาแข่งกับหนูโจ
แต่สุดท้ายก็รู้สึกอยากแชร์ในสิ่งที่เราคิด และเผื่อว่าใครจะอยากร่วมแบ่งปันความเห็นก็เชิญได้เลยนะคะ



กลับมาที่คอมเมนท์ข้างต้น พออ่านจบตรง 'อืมมม' เราเองก็เกิดอาการ อืมมมมมมมม ยาวกว่าอีกค่ะ
แก้ตัวอะไรไม่ได้เลย เพราะตัวหนังสือมันก็คาตาอยู่ทนโท่
ตอนนั้นแบบอึ้ง... อึ้งไปเลย แล้วก็ เฮ้ย! นี่เราพลาดอะไรไปหรือเปล่า
เพราะส่วนตัวแล้ว เราเองก็ไม่ได้ชอบอ่านหรืออยากจะให้มีฉากแบบนี้ในนิยาย
ประเด็นคือในตอนที่ผ่านมา แม้ว่าโจชัวร์จะไม่ได้โดนแกสตัน (พูดกันแบบตรงๆ) ข่มขืนจนสำเร็จ
แต่ก็ถือเป็นการข่มเหงจิตใจและทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง
ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือเรื่องสมมติก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น ไม่ว่ากับใครหรือตัวละครใดก็ตาม



งั้นถามว่าแล้วทำไมถึงได้เขียนให้ออกมาในรูปนี้ล่ะ ถ้าให้ตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คงประมาณว่า ไม่รู้จริงๆ อะไรสักอย่างมันพาให้เขียนไปค่ะ (ฟังดูไร้ความรับผิดชอบมาก แต่ไม่รู้จะมีใครเหมือนกันมั้ย มันจะมีบางครั้งที่ความคิดมันไหลลื่นเวอร์ๆ พิมพ์เพลินจนนิ้วแทบล็อค พอย้อนกลับไปอ่านยังงงว่าเขียนอะไรแบบนี้ไปได้ยังไง จะเรียกชุ่ยๆว่าองค์ลงก็คงได้ แต่องค์อะไรนี่ไปว่ากันอีกเรื่องนะคะ) 



แต่เท่าที่พยายามหาคำอธิบายให้ตัวเองฟังเอง (ฟังดูใกล้บ้าแล้วมั้ย) คือตอนเขียนรู้สึกว่าสถานการณ์ในเรื่องมันพาไปให้ต้องลงเอยแบบนั้น  อยู่กันสองคนในห้อง เป็นการทะเลาะกันเรื่องความรักที่อยู่บนพื้นฐานของอารมณ์ที่ไม่มั่นคงอย่างรุนแรง เป็นจุดที่ต้องมีอะไรสักอย่างที่จะทำให้ภาพของอสูรกับแกสตันขัดแย้งกันอย่างชัดเจน ที่จะสื่อให้เห็นว่าคนอย่างแกสตันก็มีสิทธิ์ที่จะเกิดสภาวะหลุด คือหลุดไปจากความมีสติ หลุดไปจากความรู้สึกผิดชอบชั่วดีต่างๆ และอาจจะเรียกได้ว่าหลุดไปจากความเป็นคนสู่ความเป็นสัตว์เลยด้วยซ้ำ



สิ่งที่เขากระทำกับโจชัวร์แน่นอนว่าเริ่มมาจากความรู้สึกรัก ซึ่งแม้จะเป็นสิ่งที่ดี แต่เขาก็รักมากจนกลายเป็นหลง พอหลงมากก็ลืมทุกอย่างไปหมด ลืมนึกถึงความถูกต้อง ลืมพิจารณาว่าอีกฝ่ายไม่ได้ยินดีกับสิ่งที่ตัวเองยัดเยียดให้ แต่ทีแรกเขาอาจจะยังไม่รู้สึกตัว เขายังนึกว่าเขากำลังมอบสิ่งที่เรียกว่าความรัก แต่เราในฐานะคนอ่านก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่ นั่นไม่ใช่การร่วมรัก แต่เป็นแค่การพยายามจะร่วมเพศ และมนุษย์ที่สักแต่จะร่วมเพศก็คงไม่ต่างอะไรกับสัตว์ที่มีแต่ความต้องการจะผสมพันธ์



ตรงกันข้ามกับเจ้าอสูรซึ่งภายนอกดูเหมือนสัตว์ร้าย น่าเกลียด น่ากลัว ถ้าไม่รู้จักใครก็คงคิดว่าเป็นสัตว์ป่าตัวหนึ่ง แต่เจ้าอสูรกลับไม่เคยล่วงเกินโจชัวร์ (เอาตามเนื้อเรื่องเลยนะคะ เจ้าอสูรอย่างมากก็กอด ก็หอม ก็จูบ ขบบ้างเบาๆ ก็... เอ๊ะ! ก็เยอะเหมือนกันเนาะ แต่มันก็ต้องมีเซอร์วิสแฟนๆบ้าง ไม่ว่ากันนะคะ ^^) เพราะสิ่งที่เขาต้องการจากโจชัวร์คือหัวใจที่มีความรักอย่างแท้จริง เขาทั้งรักทั้งถนอม (หรา?) ทั้งบ่มเพาะเด็กน้อยคนหนึ่งให้รู้จักกับความรัก จนถึงวันที่น้องน้อยคนนี้ชัดเจนว่ารักเขาแล้วนั่นแหละ เขาถึงจะสมหวังและอาจจะพัฒนาความสัมพันธ์ทางกายในลำดับต่อๆไป (ซึ่งบอกได้เลยว่าไม่มีให้เห็น ถูกเราเซนเซอร์แล้วเรียบโร้ย 555)



ก็เอาเป็นว่าขอฝากความคิดเห็นไว้ตามนี้นะคะ เราไม่สนับสนุนความรุนแรงทางเพศ ไม่เคยคิดว่าจะใช้ nc เป็นจุดขาย แต่ต้องขออภัยจริงๆที่ยังจำเป็นต้องให้มีฉากนี้เกิดขึ้น และขอบคุณอีกครั้งกับคอมเมนท์ที่ทำให้เราได้ทบทวนและเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองเขียนได้มากขึ้น



และสำหรับคุณ rori ขอบคุณสำหรับความประทับใจ หวังว่าคุณจะยังกลับมาอ่านต่อ ถึงฉากนี้จะทำให้คุณผิดหวังและเสียความรู้สึกไปไม่น้อย แต่เราเชื่อว่ายังมีประเด็นอื่นที่น่าสนใจ และมีฉากน่ารักๆ ซึ้งๆรอให้ได้สัมผัสอีกมากมาย ขอโอกาสให้ Heartbeat เป็นนิยายอีกเรื่องที่จะทำให้คุณอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ย้อนกลับมาอ่านอีกหลายๆๆๆๆรอบนะคะ



แต่เอาจริงๆนะ เราว่านี่ยังเบาะๆ ถ้าทุกคนได้อ่านไปถึงตอนจบซึ่งต่างจากทั้งนิทานพื้นบ้านและเวอร์ชันดิสนีย์โดยสิ้นเชิง ยังไม่รู้เลยว่าคนเขียนนี่จะเละหรือจะรอด บอกแล้วว่าเรื่องนี้ต้องลุ้นกันไปยาวๆๆๆๆค่ะ




#คนเขียนมันซาดิสม์

#ยังนั่งยันนอนยันว่าแฮปปี้เอ็นดิ้ง

#รักน้องอยากกอดน้องก็ลุ้นให้เราเขียนตอนพิเศษรอดด้วยนะ




^^





หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 17 (13/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 13-08-2017 15:47:20
สู้ๆ ค่ะท่านนักเขียน ประเดนข่มขืนหรือไม่ เราไม่โฟกัสตรงนี้นะ เพราะเราก็คิดเหมือนคุณว่าสุดท้ายน่าจะลงแบบนี้ซึ่งตอนแรกเราคิดว่าอาจจะโดนมากกว่านี้ก็ได้ เราเลยโอเค และที่เราโฟกัสจริงๆ คือการดำเนินเรื่องมากกว่าว่ามันจะแตกต่างหรือตื่นเต้นน่าติดตามมากน้อยขนาดไหนค่ะ

ติดตาม เป็นกำลังใจให้ค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 17 (13/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-08-2017 15:58:28
รอตอนต่อไปค่ะ
ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 17 (13/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-08-2017 16:37:14
หวังว่าจะไม่มีเรื่องร้ายแรงอะไรนะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 17 (13/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: rori ที่ 13-08-2017 17:05:02
อย่างที่บอกว่าเราประทับใจเรื่องนี้นะคะ พอขึ้นอัพเราก็เข้ามาอยู่ดี (ถึงจะยังไม่อ่านก็เถอะ) 555
ขอเวลาทำใจก่อนนะ รอผ่านไปหลายๆตอนก่อน จะได้ลืมๆฉากนี้ไป
เราเข้าใจคุณในฐานะคนเขียนค่ะ ขอให้เขียนนิยายดีๆแบบนี้ต่อไป  :L2:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 17 (13/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 13-08-2017 21:27:30
นายแกสตันคนเลววว รอดูจุดจบของเค้าค่ะ ชักจะหน้ามืดตามัวเกินไปแล้ว จะปล่อยให้ทำร้ายหนูโจฟรีๆไม่ได้นะคะ  :katai1: :katai1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 17 (13/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 14-08-2017 04:24:26
ขอให้อสูรได้มีความสุขจริงๆสักที  :กอด1:
ส่วนฉากล่อแหลมอะไรแบบนี้เราเข้าใจนะคะ เหมือนอารมณ์มันพาไปต้องไปให้สุด 55555555 ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วแต่คนเขียนเลยค่าาา ติดตามอยู่ตลอดเป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 17 (13/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 14-08-2017 07:19:28
เข้ามาอ่านรวดเดียวแล้วก็ติดงอมแงมเลยค่ะ อ่านไปก็ระแวงไป อสูรจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย แกสตันนะแกสตัน.  :z6:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 17 (13/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 14-08-2017 08:56:51
ส่งบทของเเกสตัสได้ร้ายมากเลวมาก
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 17 (13/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-08-2017 11:35:50
 :katai2-1: o13 :katai2-1:

 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 17 (13/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 14-08-2017 22:34:56
เราเข้าใจว่าทำไมมันต้องดำเนินมาถึงฉากนั้นนะคะ พี่สาวไม่ช่วย อยู่ในห้องกับแกสตันสองคนซึ่งกำลังอารมณ์รุนแรง อยากได้อยากครอบครองด้วยความหลงระคนโกรธเกลียดอสูร เราก็เป็นคนนึงที่ไม่ชอบฉากแบบนี้ ไม่มีใครชอบหรอกค่ะ แต่อย่างที่บอกเราเข้าใจ

ส่วน "แต่เอาจริงๆนะ เราว่านี่ยังเบาะๆ ถ้าทุกคนได้อ่านไปถึงตอนจบซึ่งต่างจากทั้งนิทานพื้นบ้านและเวอร์ชันดิสนีย์โดยสิ้นเชิง ยังไม่รู้เลยว่าคนเขียนนี่จะเละหรือจะรอด บอกแล้วว่าเรื่องนี้ต้องลุ้นกันไปยาวๆๆๆๆค่ะ" กลัววววววววววววววววแล้วเด้อTOT
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 17 (13/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 15-08-2017 21:22:12
ชอบเรื่องนี้ค่า เป็นกำลังใจให้นักเขียน
แอบตกใจกับฉากเกือบโดนข่มขืนเหมือนกันแต่ก็เข้าใจว่ามันเป็นพล็อตที่คนเขียนวางมาแล้ว
เราว่านิยายก็เหมือนกับชีวิตคนเรา บางทีก็มีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้นเสมอ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 20-08-2017 04:55:23









Heartbeat 










: A Retelling of Beauty and the Beast















ขอบคุณสำหรับทุกๆความคิดเห็นและกำลังใจที่ส่งมาค่ะ




สำหรับ Heartbeat ของเราก็เข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้วจริงๆ
เรื่องราวเข้มข้นและมีเรื่องน่าตื่นเต้นให้ลุ้นกันไปถึงตอนจบ
และคนที่ลุ้นที่สุดก็คือ... คนเขียนนี่เองล่ะ


#ปาดเหงื่อจนบรรทัดสุดท้าย


























18












แม้จะเตรียมปลุกปลอบจิตใจให้ฮึกเหิมเพื่อรับมือกับทุกสถานการณ์มาเป็นอย่างดี แต่การเดินทางในครั้งนี้ก็สั่นคลอนความมั่นใจของชายหนุ่มผู้ตระหนักในความสมบูรณ์พร้อมของตนไปมากโข นับตั้งแต่ผืนป่าทึบทึม เส้นทางซับซ้อนราวกับเขาวงกต พ้นจากป่าก็ยังมาเจออาณาเขตอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา พื้นที่เพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ บ้านเรือนและผู้คนมากมายซึ่งไม่ต่างจากหมู่บ้านของคนธรรมดาทั่วไป จนมาถึงสิ่งสุดท้ายที่ทำให้ภาพความป่าเถื่อนโหดร้ายอย่างสัตว์เดรัจฉานถูกลบออกไปจนหมดสิ้น คฤหาสน์หลังใหญ่ที่ทำให้เขาเผลอยึดสายบังเหียนโดยไม่รู้ตัว ในความทรุดโทรมกลับเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังแห่งกาลเวลา อิฐทุกก้อน กระจกทุกแผ่น หน้าต่างทุกบาน แต่ละกิ่งก้านของลำไม้ที่เลื้อยพาดแสดงถึงอดีตอันรุ่งโรจน์และสะท้อนความน่าเกรงขามของผู้เป็นเจ้าของ






ผู้ที่ออกมายืนรอตั้งแต่เจ้าม้าขาวยังไม่เทียบหน้าบันไดคือชายวัยเลยกลางคนในชุดที่บอกตำแหน่งพ่อบ้าน เมื่อผู้มาเยือนลงหลังจากหลังม้าก็ทักถามถึงธุระตามหน้าที่






“ข้าต้องการพบเจ้าอสูร!”






แกสตันประกาศกร้าว ไม่ยี่หระกับความสุภาพตามพิธีการ ทุกย่างก้าวองอาจผึ่งผาย สายตาไม่วอกแวกแต่ก็จับสังเกตสิ่งที่แวดล้อมไปโดยตลอดทาง แม้จะไม่เชี่ยวชาญเรื่องลักษณะของสถาปัตยกรรมแต่รู้สึกได้ถึงความโอ่อ่าและร่องรอยของความหรูหราที่ปรากฏอยู่ในตัวโครงสร้างและการตกแต่ง เริ่มจะไม่แปลกใจว่าทำไมคนบางคนถึงได้ผูกพันและอยากกลับมาที่นี่ใจจะขาด






เขาถูกพามายังห้องโถงซึ่งมีบรรยากาศขัดแย้งและไม่ชวนให้รู้สึกถึงการยินดีต้อนรับ ขนาดพื้นที่มากพอสำหรับงานเลี้ยงเล็กๆสักงานซึ่งสอดคล้องกับเครื่องดนตรีสำหรับวงขนาดเล็กบนยกพื้นที่มุมห้อง ผนังด้านหนึ่งเป็นหน้าต่างกรุกระจกใสสามารถเปิดออกสู่ภายนอกช่วยให้ไม่รู้สึกอุดอู้ บนเพดานมีไฟระย้าช่อเล็กและใหญ่ส่งประกายระยิบระยับ ทว่าโคมไฟที่ติดอยู่ตามผนังทั้งหมดถูกซ่อนอยู่ในหน้ากากของชุดเกราะเหล็ก เมื่อแสงไฟลอดออกมาจากช่องตา จมูกและปากคงจะชวนให้รู้สึกหลอนระทึก น่าหวาดเกรงไม่ต่างจากอาวุธโบราณหลากหลายประเภทที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่ง ส่วนตัวเขาก็ชื่นชอบความงดงามที่แฝงอยู่ในคมเขี้ยวของอาวุธเหล่านั้น แต่หากต้องการชัยชนะที่แน่นอนจำต้องอาศัยสิ่งที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงอย่างเช่นปืนสั้นคู่ใจที่เขาพกติดตัวมาด้วย






“นายท่านพร้อมจะพบคุณแล้วครับคุณแกสตัน”






ผู้ที่ถูกขานชื่อถอนสายตาจากดาบงามคู่หนึ่งซึ่งถูกแขวนโชว์ในลักษณะไขว้กัน แม้จะมีปลอกสวมทับแต่สังเกตจากการดูแลเอาใจใส่ทำให้เชื่อว่าเนื้อดาบที่ด้านในคงจะวาววับไม่ผิดจากอาวุธที่ถูกใช้งานอยู่เป็นประจำ






เมื่อวินาทีแห่งการเผชิญหน้ามาถึง แกสตันยอมรับว่าหัวใจของตนกระตุกแรงจนเหมือนจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ ร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินผ่านประตูเข้ามามีลักษณะของสัตว์ป่าอย่างเด่นชัด เส้นขนสีน้ำตาลดกหนาโดยเฉพาะช่วงแผงคอ ศีรษะและโครงหน้าใหญ่ อวัยวะดูเทอะทะไปทุกส่วนโดยเฉพาะเขี้ยวขาวที่ยาวจนงอกออกจากปาก ช่วงลำตัวกว้าง ลำแขนกำยำเป็นท่อนใหญ่ นิ้วมือยาวมีเล็บแหลม ส่วนเท้าเปลือยนั้นยิ่งไม่ต่างจากอุ้งตีนสัตว์จำพวกเสือหรือสิงโต






เจ้าอสูรมาหยุดอยู่ตรงหน้า อาการค้อมตัวเล็กน้อยแทนคำทักทายทำให้ชายหนุ่มต้องยั้งกิริยาของตนไว้ ความสูงใหญ่กว่าบวกกับลักษณะผึ่งผาย อกกว้างเหยียดตรง ท่าทางสุภาพหากไว้ตัวอยู่ในทีชวนให้เกิดความรู้สึกครั่นคร้าม และยามที่เผลอมองเข้าไปในดวงตาประกายสีอำพันก็เหมือนจะถูกสะกดให้รู้สึกยิ่งตัวเล็กลง






“เจ้า... คืออสูร” แกสตันพยายามคุมลมหายใจให้คงที่ บอกตัวเองว่าทุกสิ่งที่เห็นเป็นแค่เปลือกนอกที่ใช้หลอกใครต่อใคร ไม่ได้น่ากลัวหรืออันตรายอย่างที่คิด และหากสังเกตให้ดีจะเห็นร่องรอยความอ่อนล้าบนใบหน้าและแววตาสีประหลาดคู่นั้น






“เจ้ากลับมากับสโนว์ แล้วโจชัวร์...” ฝ่ายเจ้าอสูรก็ต้องสะกดตัวเองให้คงความสุขุมทั้งที่ข้างในกำลังปั่นป่วนอย่างหนัก นี่ไม่ใช่การทิ้งคำพูดห้วนๆแต่คือความพยายามปลอบใจว่าเหตุการณ์จะไม่เลวร้ายอย่างที่นึกกลัว โจชัวร์ให้คำมั่นแล้วว่าจะกลับมาและเขายังคงให้ค่ากับคำสัญญานั้นเสมอ






“เจ้าไม่มีมีสิทธิ์แม้แต่จะเอ่ยชื่อนั้น โจชัวร์เป็นคนรักของข้า เลิกเพ้อฝันลมๆแล้งๆได้แล้วอสูร”






“โกหก!!” เสียงคำรามกร้าวจนสะเทือนไปทั้งคฤหาสน์ แรงโทสะทำให้แม้แต่แกสตันเองยังผงะถอยไปหลายก้าว






“เจ้าต่างหากที่โกหกตัวเอง เห็นๆกันอยู่แล้วว่าโจชัวร์เลือกที่จะอยู่กับครอบครัว และเขาเลือกข้า เขาให้ข้ามาเพื่อยืนยันว่าจะไม่มีวันกลับมารับโทษทัณฑ์บ้าๆจากเจ้าอีก”






เจ้าอสูรจ้องตอบดวงตาสีเข้มลึกไม่ลดละ ต้องยอมรับว่าความหวาดกลัวกำลังทวีขึ้นทุกขณะ ผู้ชายคนนี้คือทุกสิ่งที่ตรงข้ามกับตน ทั้งรูปร่างหน้าตาราวเทพบุตร ท่าทางองอาจกล้าหาญ ความสามารถก็ดูจะมีพอตัว และความสนิทสนมอย่างที่เขาเองก็เคยเห็นจากกระจกวิเศษ นับเป็นคู่แข่งที่มีแต้มต่อในทุกๆด้าน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะยอมให้ใครหน้าไหนมาอ้างความเป็นเจ้าของเหนือหัวใจของเขาเช่นกัน






“โจชัวร์ไม่ใช่นักโทษ เขารู้ตัวเองดีว่าเป็นดังหัวใจของพวกเราทุกคน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เจ้าพูดไม่มีทางออกจากปากเขาเด็ดขาด กลับไปซะเจ้าคนโกหก!”






แกสตันรับเสียงตวาดอย่างไม่สะทกสะท้าน เมื่อเริ่มตั้งหลักได้ก็ไม่รู้สึกว่าเจ้าอสูรน่ากลัวอีกต่อไป เขาเองก็เป็นพรานมือฉมัง ล่าสัตว์ป่ามานักต่อนัก ถ้าจะหมายหัวสัตว์ประหลาดสักตัวก็คงไม่ครนามือสักเท่าไหร่ 






“หากว่าข้าโกหก เช่นนั้นแล้วอสูรอย่างเจ้าล่ะควรถูกตราหน้าว่าอะไร เจ้ามันก็ปลิ้นปล้อน หลอกลวง คงจะใช้สารพัดวิธีตบตาให้ใครๆเห็นว่าเจ้าเหมือนคนปกติทั่วไป เจ้าอาศัยความใจอ่อนทำให้โจชัวร์หลงผิดคิดว่ามีใจให้เจ้า แต่จงยอมรับความจริงเสียเถอะ สัตว์หน้าขนยังไงก็เป็นได้แค่สัตว์หน้าขน เอาเวลาไปมองหาตัวอะไรสักตัวที่ดูคล้ายๆกันดีกว่า อย่ามาหมายเอื้อมดอกฟ้าทั้งที่รู้ว่ามันเป็นไปได้เลยอสูร”






ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหยียดมองร่างสูงใหญ่กว่าตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเห็นอาการสั่นไหว เถียงไม่ออกก็ยิ่งตอกย้ำด้วยความสะใจ






“นี่คิดจริงๆน่ะเหรอว่าโจชัวร์จะชอบตัวอะไรอย่างนี้ เหลวไหลสิ้นดี! โจชัวร์เป็นของข้า ไม่ว่าเจ้าหรือใครก็อย่าได้ริอาจหวังจะแย่งของๆข้า จำใส่กะลาหัวอัปลักษณ์ของเจ้าเอาไว้!”






“โจชัวร์ไม่ใช่สิ่งของ หัวใจของเขามีอิสระที่จะรักใครก็ได้”






“ตัวประหลาดเช่นเจ้าก็เลยคิดจะแย่งหัวใจดวงนี้ไปจากข้างั้นสิ อย่าหวังเลยอสูร!”






เมื่อเจ้าอสูรตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง ไม่ได้เต้นไปตามการยั่วยุ แสดงถึงความมั่นใจในตัวเองและคนที่เขารัก แกสตันจึงเป็นฝ่ายเดือดดาล เขาเหลียวมองแวบหนึ่งก็ตรงไปกระชากดาบคู่ที่ประดับอยู่บนผนัง โยนเล่มหนึ่งใส่มือเจ้าของคฤหาสน์ แล้วชักเล่มที่เหลือออกจากฝัก ตัวดาบเป็นเหล็กกล้าน้ำหนักเหมาะมือ เนื้อดาบเงาวับโดยเฉพาะส่วนคมที่กำลังสะท้อนความกระหายในแววตาของเขาได้อย่างชัดเจน






“เจ้าต้องการอะไร” เจ้าอสูรกดน้ำเสียงถาม เขาไม่ได้กลัวแต่ไม่เห็นประโยชน์จากการต่อสู้ โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายท่าทางเหมือนกำลังจะควบคุมตัวเองไม่ได้






“ข้าก็จะทำให้เจ้าตื่นจากฝันน่ะสิ แต่ถ้าเกิดเผลอพลั้งมือปลิดลมหายใจเจ้าไปเสียด้วยก็อย่าหาว่าข้าอำมหิตเลยนะ เพราะนั่นน่าจะเรียกว่าความปรานีมากกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องมีชีวิตที่ทรมานเช่นนี้ต่อไปยังไงล่ะอสูร”






แกสตันพุ่งเข้าปะทะทันที ฝีมือของเขานับว่าร้ายกาจ ท่วงท่าทั้งงดงามและหนักหน่วง ทว่าผลการต่อสู้กลับไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะเจ้าอสูรกลับเอาแต่พลิกตัวหลบและสามารถหลีกได้พ้นทุกจังหวะลงดาบ โดยที่ดาบในมือยังคงนิ่งสงบอยู่ในฝักด้วยซ้ำ






“ขี้ขลาด! สู้สิอสูร ชักดาบออกมา!”






เสียงตวาดลั่นโถงกว้าง เมื่อเป้าหมายเอาแต่หลบ เขาก็ยิ่งระบายอารมณ์ใส่ทุกสิ่งที่ขวางหน้า ม่านหนาถูกฟันขาดทั้งแถบ บรรดาโคมไฟ แจกัน และของตกแต่งกลายเป็นเศษซาก เสียงเอะอะราวกับเกิดสงครามเรียกให้คนในคฤหาสน์มารวมตัว ต่างอ้าปากค้างกับสภาพห้องโถงที่แทบไม่เหลือชิ้นดี 






 “ข้าขอสั่งให้เจ้าสู้ เจ้าจะได้รู้ว่าไม่มีทางชนะข้าได้ โจชัวร์ต้องเป็นของข้า เจ้าไม่มีทางแย่งเขาไปจากข้าได้หรอกอสูร!”






เจ้าอสูรถอนหายใจแล้วทิ้งดาบลงกับพื้น ดวงตาสีประหลาดไม่ได้มีแววจำนน แต่เขาไม่ได้มีธุระอะไรกับผู้ชายคนนี้ ไม่ได้อยากเอาชนะหรือคิดจะยอมแพ้ จุดมุ่งหมายเพียงอย่างเดียวของเขาคือความสุขของคนที่เขารัก 






“กลับไปเสีย ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะต่อสู้กัน หากว่านี่คือการตัดสินใจของโจชัวร์ข้าก็จะยอมรับ ฝากเจ้าไปบอกว่าขอให้วางใจ เขาไม่มีอะไรติดค้างกับที่นี่ทั้งนั้น ขอให้เขามีความสุขกับสิ่งที่ได้เลือกแล้ว และถ้าเขาเป็นคนสำคัญของเจ้าเช่นกัน ข้าก็ขอฝากให้เจ้าช่วยดูแลและปกป้องเขาด้วย”






ทุกคนพากันตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน พวกเขาต่างเฝ้าดูความสัมพันธ์ระหว่างผู้เป็นนายกับเด็กหนุ่มด้วยความหวังว่าคำสาปจะได้สลายไปและความสุขจะได้คืนมาสู่ทุกชีวิตในคฤหาสน์






“แต่พี่โจสัญญาแล้วว่าจะรีบกลับมา ลุงเป็นคนไม่ดี ลุงไม่ให้พี่โจกลับมา ลุงจับตัวพี่โจไว้ใช่มั้ย?!”






แม้แต่เด็กน้อยก็ยังไม่เชื่อว่าเรื่องจะลงเอยด้วยการจากลา และบางครั้งความไม่ประสาก็ทำให้คำพูดตรงกับความจริงจนคนฟังแทบกระอัก






“อย่าปากเสียนะไอ้หนู โจชัวร์จะอยากกลับมาที่นี่ทำไม ไม่เห็นจะมีอะไรดีสักอย่าง!”






“ไม่จริง พี่โจบอกว่าพี่โจชอบที่นี่ พี่โจชอบพวกเราทุกคนแล้วก็ชอบนายท่านมากๆเลยด้วย พี่โจก็ต้องกลับมาหานายท่านสิ พี่โจจะกลับมาใช่มั้ยฮะนายท่าน”






เจ้าอสูรมองเด็กน้อยที่รี่เข้ามาขอคำยืนยันด้วยสายตาเอ็นดู อุ้งมือใหญ่วางลงแทบจะมิดศีรษะเล็กนั้น






“จงเชื่อมั่นในความรักเถอะพินช์ ไม่ว่าพี่โจของเจ้าอยู่ที่ไหน พวกเราก็จะขอให้เขามีความสุข และเฝ้ารอด้วยความหวังว่าสักวันความรักจะนำพาคนที่เรารักกลับคืนมา”






“ฮะ หนูเชื่อว่าพี่โจจะต้องกลับมาแน่นอน”






ไม่เพียงแต่เด็กน้อยที่รีบบอกเสียงดังลั่น พวกผู้ใหญ่ต่างก็พากันขานรับด้วยรอยยิ้มและแววตาเปี่ยมความหวัง






“ต่อให้พวกเจ้ารอจนตายไปเป็นผีเฝ้าคฤหาสน์ก็ไม่มีวันจะได้เห็นแม้แต่เงาของโจชัวร์!”






แกสตันประกาศกร้าว สายตาเคียดแค้นไล่มองไปแต่ละใบหน้าจนจบลงที่ร่างสูงใหญ่ซึ่งไร้อาวุธในมือแต่กลับรายล้อมด้วยบริวารที่จงรักภักดี






'... ไม่ว่าเจ้าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีทางพรากเราออกจากกันได้...'






อีกเสียงที่ดังขึ้นมาในความคิดยิ่งสอดคล้องกับภาพตรงหน้าทำให้คนนอกอย่างเขายิ่งรู้สึกแปลกแยก ความโกรธเกรี้ยวปะทุขึ้นพาลอยากจะทำลายทุกคนโดยเฉพาะศัตรูหัวใจของตนให้ย่อยยับ






“แต่เอาเถอะ ข้าจะสงเคราะห์เจ้าสักครั้ง” เขาเปลี่ยนจากดาบเล่มงามเป็นปืนคู่ใจที่พกติดตัวมาแล้วว่าต่อ “ข้าจะเอาตัวเจ้ากลับไป อย่างน้อยได้เจอหน้าโจชัวร์สักครั้งก่อนตาย วิญญาณของเจ้าจะได้สงบสุขไงล่ะ”






แกสตันยิงปืนขึ้นหนึ่งนัดเพื่อให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ฝ่ายเจ้าอสูรไม่ได้เกรงกลัวแต่ไม่อยากให้มีใครโดนลูกหลงจึงยอมตัวลงทำตามคำสั่ง ภาพที่ผู้เป็นนายถูกคุมตัวออกไปจึงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทุกคนในคฤหาสน์ได้เห็น






“เราจะไม่ทำอะไรกันจริงๆเหรอคะคุณคอกซ์เวิร์ธ!” พลูมแมทเอ่ยปากกับคุณพ่อบ้านแทนใจทุกคน






“นายท่านสั่งให้เราอยู่เฉยๆ รอดูสถานการณ์ก่อน เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งทำอะไรวู่วามไป ข้าเชื่อว่านายท่านจัดการไอ้หมอนั่นได้แน่” ลูมิแยร์รีบบอกความจากสัญญาณที่ได้รับเพื่อให้ทุกคนคลายกังวล ส่วนตัวเขามั่นใจว่าผู้เป็นนายคงตั้งใจทำอะไรบางอย่างเพราะลำพังแค่ผู้ชายคนหนึ่งกับปืนอีกกระบอกไม่นับเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อด้วยซ้ำ






แน่นอนว่าแกสตันก็รู้ถึงความจริงข้อนี้และยังคงระแวดระวังอยู่ตลอด ความระแวงยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเข้าเขตป่ามาสักพักแล้วรู้สึกว่าเส้นทางเดินวกวนจนไม่เห็นทางออก






“คิดจะทำอะไรน่ะอสูร จะพาข้าเดินวนไปวนมาอีกนานเท่าไหร่กัน เจ้าไม่อยากรีบไปเจอโจชัวร์หรือไง” เขาเอ่ยถามเสียงเครียด ปากกระบอกปืนยังคงเล็งตรงแผ่นหลังของร่างสูงใหญ่ แม้อานุภาพอาจไม่รุนแรงพอจะล้มยักษ์ แต่ถ้ากระสุนทะลุตรงเข้าสู่หัวใจก็ยากที่จะรอดชีวิต   






มีเสียงถอนหายใจเบาๆก่อนที่เจ้าอสูรจะหันกลับมาเผชิญหน้าโดยไม่สนใจปืนในมืออีกฝ่ายด้วยซ้ำ






“จากตรงนี้สโนว์จะพาเจ้ากลับไปอย่างปลอดภัย” เจ้าอสูรบอกคนที่อยู่บนหลังม้า และไม่ลืมเอ่ยลาพร้อมคำสั่งสุดท้ายกับอดีตอาชาคู่ใจ






“ลาก่อนเพื่อนยาก ฝากดูแลโจชัวร์แทนข้าด้วย”






“อย่าแสร้งทำเป็นคนดีไปหน่อยเลย ถึงยังไงข้าก็จะเอาตัวเจ้ากลับไปสำเร็จโทษต่อหน้าโจชัวร์ให้ได้ อย่าขัดขืนให้เสียเวลาเปล่าเลยน่ะ”






“เสียใจด้วยที่ข้าไปกับเจ้าไม่ได้ ลาก่อน”






“หยุดเดี๋ยวนี้นะเจ้าอสูร!” แกสตันตวาดลั่น เขารีบลงจากหลังม้าแล้วจรดปลายกระบอกปืนกับแผ่นหลังกว้างแทนคำขู่ “เจ้าไม่อยากรู้เหรอว่าโจชัวร์จะยังอยากเจอเจ้าอยู่หรือเปล่า”






“ไม่จำเป็น ไม่ว่าโจชัวร์จะรู้สึกอย่างไร แต่หัวใจของข้าก็ยังเป็นของเขา ข้าจะยังคงรักและทำทุกอย่างโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ถ้าโจชัวร์เลือกที่จะอยู่กับครอบครัว ข้าก็จะยินดีต่อการตัดสินใจนั้นและคงได้แต่ส่งความคิดถึงไปให้แม้จะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกก็ตาม”






น้ำเสียงราบเรียบกลับทำให้คนฟังใจเต้นรัวจนแทบจะบีบด้ามปืนให้แหลกคามือได้ อีกครั้งที่เหมือนมีเสียงแว่วขึ้นมาในหู ยามที่ร่างกายตอบรับเขาอย่างเต็มที่แต่หัวใจดวงนั้นกลับยิ่งห่างออกไปแสนไกล






'... หัวใจข้ามีเจ้าของแล้ว... และคนๆนั้นไม่ใช่เจ้า... ไม่มีวันที่คนอย่างเจ้าจะเทียบเขาได้... ยอมรับเสียเถอะ...'






ไม่! เขาไม่มีวันยอมรับ และใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์เอาเขาไปเปรียบเทียบกับอสูรชั้นต่ำตัวนี้






“ถ้าเจ้ารู้จักการเสียสละที่สูงส่งขนาดนั้น แล้วการที่เอาตัวเขามาเป็นนักโทษอย่างที่ผ่านมานั่นคืออะไร”






“ข้าบอกแล้วว่าโจชัวร์ไม่ใช่นักโทษ เขาเป็นคนที่ข้าเฝ้ารอคอยและสวรรค์ก็เมตตาให้ข้าได้มีโอกาสดูแลเขาในชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง”






“อย่ามาพูดให้ตัวเองดูดีหน่อยเลยอสูร เพราะความจริงคือเจ้าข่มขู่จะเอาชีวิตท่านลุง แล้วยังเอาตัวลูกชายเขามากักขังไว้ ทำให้เขาทุกข์ทรมานจนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนต่างหาก”






“โจชัวร์ไม่ใช่นักโทษ เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ”






ร่างสูงใหญ่หันกลับมาเผชิญหน้ากับปากกระบอกปืน เขานึกหวั่นใจเล็กน้อยกับสภาวะของคนที่เอาแต่ตั้งตัวเป็นศัตรู ความสั่นไหวรุนแรงในดวงตาสีน้ำเงินเข้มสะท้อนถึงความไม่มั่นคงของจิตใจ จึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้ใจเย็นลง มีสติและรับฟังเหตุผลมากขึ้น






“ข้าเชื่อว่ามนุษย์เป็นสัตว์ที่รักอิสระ การอยู่ร่วมกันเป็นสังคม เป็นครอบครัว หรือกระทั่งในฐานะคนรักควรมีพื้นฐานอยู่บนความผูกพัน ไม่ใช่การผูกมัดแน่นหนาจนต่างฝ่ายสูญเสียอิสระและความเป็นตัวของตัวเอง ความรักที่ยึดติดมากเกินไปอาจกลายเป็นความเห็นแก่ตัว เพราะมัวแต่เห็นแก่ความสุขของตัวเองจนลืมว่ากำลังทำให้คนอื่นเดือดร้อน ฝ่ายหนึ่งได้แต่อดทนอดกลั้น อีกฝ่ายก็อยู่กับความหวาดระแวง นานวันความสุขจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นความทุกข์ และสุดท้ายความรักก็จะนำไปสู่ความเกลียดชัง ความอยากเอาชนะและดิ้นรนที่จะหนีให้พ้นไปจากกัน” 






'... ข้าจะกลับไป ต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะกลับ!...'






เปรี้ยง!






เสียงสะท้อนก้องไปทั้งป่า พร้อมกับกลิ่นฉุนของดินปืนและเลือดสีเข้มที่พุ่งทะลักจากบาดแผล
แกสตันแสยะยิ้มสมใจ เสียงปืนช่วยดับเสียงหนวกหูน่ารำคาญได้ชะงัดนัก แต่ก็ยังน่าหงุดหงิดตรงที่อีกฝ่ายกลับทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สา ท่าทางเหมือนคนที่ชีวิตนี้ไม่มีความกลัวอะไรเลยสักนิด






“ทำเป็นพูดดีไปเถอะอสูร แล้วการที่โจชัวร์เลือกข้าไม่ทำให้เจ้าเจ็บเจียนตายหรือยังไง”






“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็ยังขอเลือกที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อได้เห็นโจชัวร์มีความสุข และข้าจะถือเอาความสุขของคนที่ข้ารักเป็นความสุขของตัวเองเช่นกัน ข้ายังขอยืนยันคำเดิม หากโจชัวร์เลือกเจ้าจริงๆ ข้าก็ขอฝากให้เจ้าดูแลเขาให้ดี เขาเป็นคนน่าสงสาร ชีวิตผ่านความยากลำบากมามาก ควรถึงเวลาที่จะได้มีความสุขเสียที หากเจ้าสามารถทำให้เขามีชีวิตที่ดีและมีความสุขได้ ข้าก็จะขอบคุณมาก”






แกสตันนิ่งขึงอย่างจนด้วยคำพูด เขากำลังถูกสั่นคลอนด้วยหัวใจที่หนักแน่นมั่นคงและอุดมการณ์อันแน่วแน่ ความละอายใจที่ถูกกดไว้ก้นบึ้งค่อยๆส่งผลต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดี หวนคิดถึงภาพของร่างเพรียวบางที่ทอดกายอย่างอ่อนแรง ดวงตาฉ่ำวาวเลื่อนลอย ริมฝีปากแตกช้ำยังคงพึมพำคำรักที่ทำให้หัวใจของเขาแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาจงใจทำลายทุกอย่างเมื่อความรักของเขาถูกปฏิเสธ ทำร้ายแม้กระทั่งคนที่เขารักเพียงเพราะไม่อยากให้หัวใจดวงนั้นตกไปเป็นของคนอื่น ดูไปก็คงไม่ต่างจากเด็กเกเรที่ยอมทุบทำลายของเล่นชิ้นโปรดแทนที่จะยอมแบ่งปันหรือยกให้ใคร แต่เจ้าอสูรกลับ...






เปรี้ยง!















เอ๊ะๆๆๆ ยังไม่จบ มันยาวเกินเลยต้องหั่นสองจ้า

 :katai4:


หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 20-08-2017 04:57:40














เสียงปืนดังขึ้นอีกนัดตามสัญชาติญาณเมื่อจู่ๆก็มีบางสิ่งกระโจนเข้ามาในระยะป้องกันตัว เป้าหมายที่พลาดไปอย่างน่าเสียดายคือหมาป่าสีเทาตัวใหญ่ แววตาคมดุจดจ้อง หมายหัวตัวเขาเป็นศัตรูในทันที แต่นั่นก็ยังไม่น่าตกใจเท่าสิ่งที่ตามเจ้าสัตว์หน้าขนมาติดๆ






“เกรย์!” เสียงคุ้นหูดังนำมาก่อน เจ้าตัวคงตกใจที่ได้ยินเสียงปืนและกลัวว่าเพื่อนจะเป็นอันตราย แต่เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าก็ไม่ต่างจากคนที่ได้ของรักของตนคืน






“นายท่าน!”






โจชัวร์ร้องเรียกเต็มเสียงแต่ยังไม่อาจโผเข้าสู่อ้อมกอดที่แสนคิดถึงเนื่องจากสถานการณ์ยังไม่น่าไว้ใจ ทั้งเสียงปืน รอยแผลและคราบเลือดทำให้รู้ว่าแกสตันไม่ได้ถือปืนไว้แค่ขู่ เขาจึงควรรอบคอบให้มาก ไม่ควรทำให้ทั้งตัวเองและเจ้าอสูรเสี่ยงโดยไม่จำเป็น






“พอเถอะนะแกสตัน มันไม่มีประโยชน์ที่เจ้าจะทำแบบนี้ ข้าขอร้อง อย่าทำร้ายใครอีกเลย”






โจชัวร์พยายามเกลี้ยกล่อม แต่ดูเหมือนจะเป็นการเร่งโทสะที่กำลังจะราเชื้อให้ลุกโพลงขึ้นอีกรอบ






“เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง?! ใครมันกล้าขัดคำสั่งข้าปล่อยให้เจ้าหนีออกมา!”






เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าอสูรก็เดาสถานการณ์ได้โดยตลอด






“หมายความว่าเจ้าไม่ได้ต้องการไปจากข้า แต่ผู้ชายคนนี้ห้ามไม่ให้เจ้ากลับมาอย่างนั้นใช่มั้ย?!”






“เงียบไปเลยอสูร! นี่เป็นเรื่องระหว่างข้ากับโจชัวร์ เจ้าไม่เกี่ยว”






“ข้าต้องเกี่ยวแน่เจ้าคนโกหก ข้าจะยอมทุกอย่างหากนั่นเป็นสิ่งที่โจชัวร์ต้องการ แต่ถ้าไม่ใช่ ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์จะมาบังคับใจเขา”






แผลถูกยิงเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับจิตใจ เขาดีใจที่ได้พบโจชัวร์อีกครั้ง โล่งอกอย่างบอกไม่ถูกที่ได้รู้ว่าเขาไม่คิดจะผิดสัญญา และความอดทนของเขาก็หมดลงทันทีที่ได้เห็นสภาพของคนรัก ร่องรอยการถูกกักขัง รอยช้ำตามเนื้อตัวที่บอกชัดว่าถูกทำร้าย ไม่ใช่การทำร้ายร่างกายอย่างปกติเสียด้วย!






“แต่โจชัวร์เป็นของข้า! ท่านลุงยกเจ้าให้ข้าแล้ว เขาต้องไม่ยอมให้เจ้าทำแบบนี้แน่ๆ”






“เลิกหลอกตัวเองสักทีแกสตัน ยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าตอนนี้พ่อรู้หมดแล้วว่าเจ้าทำเรื่องเลวร้ายอะไรกับข้าไว้บ้าง พ่อยอมรับเรื่องที่ข้ากับนายท่านรักกัน และพ่อก็อนุญาตให้ข้ากลับมาอยู่กับคนที่ข้ารัก ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็กลับไปถามพ่อข้าได้เลย”






เมื่อถึงจุดที่ไม่อาจฝืนความรู้สึกหรืออดทนเพื่อรักษาน้ำใจใครได้อีก ร่างเพรียวบางจึงโผเข้าสู่อ้อมแขนใหญ่ที่รออยู่ ทั้งเด็กหนุ่มและเจ้าอสูรเติมเต็มไออุ่นจากอ้อมกอดของกันและกันอย่างโหยหา กระทั่งเสียงปืนที่ดังขึ้นอีกนัดก็ไม่อาจแยกพวกเขาออกจากกัน






“เจ้าต้องกลับไปกับข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าไอ้อสูรนี่ซะ!” 






ปากกระบอกปืนล็อคเป้าหมายเดิมอีกครั้ง ควันเขม่ายังลอยกรุ่น วิถีกระสุนมั่นคงแต่ใจของคนยิงกลับไหววูบเมื่อคนที่ถูกออกคำสั่งเข้ามายืนขวาง สายตาที่จ้องตอบบอกชัดว่าจะไม่ยอมขยับหลบแม้แต่ครึ่งก้าว






“ทำไม?! ทั้งๆที่ข้ารักเจ้า!”






“พอเสียทีเถอะ เจ้าจะใช้แค่คำว่ารักเพื่อแลกกับความรักอย่างที่เจ้าต้องการไม่ได้หรอกนะแกสตัน”






“แต่ข้าทุ่มเทให้เจ้าทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่ข้าทำเพื่อเจ้าไม่ได้ ไอ้อสูรมีดีกว่าข้าตรงไหน หรือมันให้อะไรที่ข้าให้เจ้าไม่ได้บ้าง”






ถึงจุดนี้ โจชัวร์ก็เลิกหวังที่จะเปลี่ยนใจหรือพยายามทำให้เพื่อนกลับมาเป็นคนเดิม เขาหมดปัญญาแล้วจริงๆ






“ข้าขอโทษ เพราะข้าให้เหตุผลกับความรู้สึกนี้ไม่ได้เหมือนกัน ข้าบอกไม่ได้ว่าทำไมถึงรักหรือไม่รัก อาจจะฟังดูใจร้ายแต่ข้าก็แน่ใจได้อย่างหนึ่งว่าต่อให้ไม่ได้พบเจ้าอสูร หรือต่อให้เจ้าพรากเขาจากไป ข้าก็ไม่มีวันที่จะรักเจ้าได้อยู่ดี ถ้าเจ้าตั้งใจจะเหนี่ยวไกปืนนั่นจริงๆก็ช่วยยิงข้าคนเดียว ข้าเป็นคนที่ทำร้ายเจ้า ไม่ใช่เขา เพราะฉะนั้นฆ่าข้าซะ ความทุกข์ใจของเจ้าจะได้จบลงยังไงล่ะ”






“ไม่ได้!” เจ้าอสูรรีบรวบกอดคนที่พยายามบังเขาไว้แล้วหันไปสั่งคนที่มีปืนในมือ “ถ้าเจ้าอยากฆ่าก็ฆ่าข้า ห้ามทำอะไรโจชัวร์เด็ดขาด!”






“แต่ท่านไม่ได้รู้เรื่องด้วย ท่านไม่ควรต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”






“เจ้าเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เราแค่รักกัน ถ้ามันจะผิด เราก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ ตัวข้าอยู่กับคำสาปนี้มาครึ่งชีวิต แต่ถ้าต้องอยู่ต่อไปโดยไม่มีเจ้ามันคงทรมานยิ่งกว่าถูกสาป ข้าขอเลือกความตายเสียดีกว่า”






ภาพคู่รักที่แย่งกันเสียสละชีวิตทิ่มตาและตอกลงมาในใจจนเกิดเสียงร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด อาวุธที่พร้อมอยู่ในมือถูกใช้งานอีกครั้ง ดวงตาสีน้ำเงินก่ำเบิกโพลงเพื่อรอชมผลงานจากน้ำมือตน เสียงดังขึ้นหนึ่งครั้งคือหนึ่งรูที่กระสุนพุ่งผ่านร่างของสัตว์ร้าย ครั้งแรกคือความสะใจ ครั้งที่สองก็ยังเป็นความสะใจ กระทั่งเสียงดังรัวจบสิ้นลง ร่างสูงใหญ่ซึ่งแดงฉานไปด้วยเลือดออกอาการโงนเงนแต่ยังยืนอยู่ได้ เขาจึงโยนปืนที่หมดกระสุนทิ้งแล้วเข้าซ้ำเพื่อปิดฉากการต่อสู้   






เจ้าอสูรรีบผลักโจชัวร์ให้พ้นทางเพื่อรับหมัดที่พุ่งตรงเข้ามา หากจะพูดไปจึงนับว่านี่เป็นการต่อสู้ที่เท่าเทียมเพราะต่างก็มีสองมือเป็นอาวุธ แม้อสูรจะมีร่างกายใหญ่โตและกรงเล็บแหลมคมแต่ก็บาดเจ็บสาหัสจากการรับกระสุนไว้ทั้งหมด แกสตันเองก็รู้ถึงข้อนี้จึงยิ่งออกหมัดซ้ำลงไปตรงบาดแผล ทว่าสภาพอากาศอันเลวร้ายก็ทำให้คนต่างถิ่นค่อนข้างเสียเปรียบ กระแสลมและละอองหิมะที่โหมแรงขึ้นทำให้เขาพลาดท่าโดนเขี้ยวเล็บของอสูรอยู่หลายครั้ง เลือดจากบาดแผลสาดกระเซ็นจนสภาพของสองฝ่ายย่ำแย่ บอกไม่ได้เลยว่าใครจะเป็นฝ่ายมีชัย






“หยุดเถอะ อย่าสู้กันอีกเลย พอได้แล้ว!” โจชัวร์ได้แต่ส่งเสียงร้อง พยายามจะเข้าไปแยกก็ถูกสั่งห้าม แม้แต่เกรย์และสโนว์ยังเข้ามากันไม่ให้เขาเข้าไปใกล้ แต่จะให้เขาทนดูทั้งคู่สู้จนตายกันไปข้างหนึ่งก็คงไม่ได้






พายุหิมะพัดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ปุยขาวปลิวว่อนบดบังทัศนวิสัย อุณหภูมิลดฮวบลงทำให้ร่างกายแทบจะชาไปทุกส่วน รอยแดงเด่นชัดบนพื้นหิมะขาวไปทุกหนแห่งยิ่งทำให้โจชัวร์นึกกลัวว่าทั้งคู่จะยิ่งเป็นอันตรายจากการเสียเลือด เป็นตายยังไงเขาก็ต้องหยุดการต่อสู้นี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด






“ช่วยด้วย!”






โจชัวร์ตัดสินใจร้องตะโกนออกมาสุดเสียงเพื่อเรียกความสนใจ ถือเป็นการวัดใจกับความห่วงใยของคนที่กำลังสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย






น่าจะได้ผล! แม้จะมองเห็นไม่ค่อยชัดแต่ดูเหมือนทั้งคู่หยุดสู้กันแล้ว ทั้งเจ้าอสูรและแกสตันกำลังตรงเข้ามาหา แต่พายุทำให้พวกเขาไม่อาจเคลื่อนไหวเร็วได้ดังใจ ซ้ำยังทำให้ตัวเขาเองต้องถอยร่นเพราะทานกระแสลมไม่ไหว แล้วจู่ๆพื้นดินใต้ฝ่าเท้าก็พลันหายไปก่อนที่เขาจะทันรู้ตัว






“โจชัวร์!!”



















ยังคงเน้นย้ำไอเดียเดียวกับที่โจชัวร์ได้เคยพูดไว้กับพ่อ เจ้าอสูรเองก็รู้สึกในสิ่งเดียวกัน...


“ข้าเชื่อว่ามนุษย์เป็นสัตว์ที่รักอิสระ การอยู่ร่วมกันเป็นสังคม เป็นครอบครัว หรือกระทั่งในฐานะคนรักควรมีพื้นฐานอยู่บนความผูกพัน ไม่ใช่การผูกมัดแน่นหนาจนต่างฝ่ายสูญเสียอิสระและความเป็นตัวของตัวเอง ความรักที่ยึดติดมากเกินไปอาจกลายเป็นความเห็นแก่ตัว เพราะมัวแต่เห็นแก่ความสุขของตัวเองจนลืมว่ากำลังทำให้คนอื่นเดือดร้อน ฝ่ายหนึ่งได้แต่อดทนอดกลั้น อีกฝ่ายก็อยู่กับความหวาดระแวง นานวันความสุขจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นความทุกข์ และสุดท้ายความรักก็จะนำไปสู่ความเกลียดชัง ความอยากเอาชนะและดิ้นรนที่จะหนีให้พ้นไปจากกัน” 


ถ้าความรักสามารถปลดปล่อยอสูรจากคำสาป ความรักก็สามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นอสูรได้เช่นกัน... คงแล้วแต่ว่าเราจะเลือกว่าจะให้ความรักชักนำไปในทิศทางใด


เอ๊ะ! อ๋อ.. ไม่ได้อยากฟังเราพล่ามแต่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนูโจใช่มะ

ก็เหมือนเดิม ตามลุ้นกันต่ออาทิตย์หน้านะจ๊ะ

 :hao3:












^__^










----- Mine -----









หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 20-08-2017 07:11:49
อยากมุดไปตบแกสตันสักสองที  :z6:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 20-08-2017 07:15:40
โอัย!!!! ลุ้นอีกแล้ว เราว่าเพื่อนต้องกลับใจ พื้นฐานของเขาไม่ได้เลวร้าย
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 20-08-2017 08:30:20
โอ๊ยๆๆๆ  :ling1:  :ling1:
อย่าเป็นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 20-08-2017 19:46:44
ดาร์คจัง 55
ลุ้นมากๆ ว่าบทสรุปจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-08-2017 20:40:31
 :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 20-08-2017 20:52:17
โค้งสุดท้ายเข้าไปทุกที ยังไม่อยากจากหนูโจกับพ่ออสูรเลย :ling1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 20-08-2017 22:06:30
 :hao5: :hao5:
โค้งสุดท้าย ไฟต์ท่านอสูร
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-08-2017 00:52:39
 :hao7: o13 :hao7:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 21-08-2017 13:33:29
รอลุ้นตอนต่อไปค่ะ

หัวข้อ: Re: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 21-08-2017 23:33:44
โอ้ยยย ลุ้นมากกก
หัวข้อ: Re: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 22-08-2017 09:26:31
โอ้ยยย

ค้างมาก
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-08-2017 21:17:55
โหยยยค้างมากกกกก คนจมพายุหิมะควรเป็นแกสตันค่ะ ลำไยมากกก

เราชอบสำนวนภาษามากเลยค่ะ ยิ่งอ่านยิ่งชอบ อยากให้แต่งแนวเทพนิยายแบบนี้อีกหลายๆเรื่องเลย ถ้าทำเป็นบ๊อกเซ็ตรวมเทพนิยายคือแจ่มมาก จินตนาการในหัวคืออลังการสุด 555555555
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 24-08-2017 21:24:11
สนุกจัง  รอ ขอให้โจชัวร์ปลอดภัย
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 25-08-2017 02:37:25
ทำไมไม่ใส่กฏที่หัวเรื่อง?  ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ไม่มีใครแจ้งเลยหรอ?
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 1 (27/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 27-08-2017 04:37:32










Heartbeat 







: A Retelling of Beauty and the Beast













ความจริงแล้วตอนนี้ไม่ยาวมาก แต่เนื่องจากความพีคของอารมณ์ค่อนข้างสูง
และพอดีมีคนแนะว่าน่าจะลองแบ่งอัพตามจังหวะของอารมณ์ที่โหนไปมาเพื่อดูว่าเราจะโดนด่ามากน้อยแค่ไหน (นี่คือมันหวังดีใช่มั้ย -_-)


ดังนั้นจึงขอแบ่งตอนนี้ออกเป็นสองพาร์ท และพาร์ทสองจะขออัพอีกทีวันพุธนะคะ


ถ้าใครกลัวค้างจะรออ่านทีเดียวทั้งตอนก็ได้ แต่เราก็อยากให้คนอ่านได้ลองประสบการณ์ใหม่ๆเหมือนกับที่เราก็ได้พบสิ่งที่ไม่คาดคิดในตอนที่เขียน เพราะจริงๆเนื้อเรื่องเริ่มฉีกจากพล็อตที่วางไว้ตั้งแต่ตอนที่แล้ว พล็อตเดิมจะคล้ายกับในดิสนีย์ คือแกสตันพาคนทั้งหมู่บ้านเฮกันมาปราบอสูร แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขียนตามนั้นไม่ออก แล้วก็มาจบที่แกสตันบุกเดี่ยวมาแล้วก็เกิดเรื่องราวตามที่ได้อ่านกันไป


เนื้อเรื่องในตอนที่ 19 นี้ก็เช่นเดียวกัน จำได้ว่าเป็นตอนที่เขียนโครงคร่าวๆได้เร็วและรวดเดียวมาก เรียกว่ากลั้นใจพิมพ์จึ้กๆๆๆๆๆๆ เหนื่อยแต่มันส์สุดๆ แล้วจึงค่อยกลับมาใส่รายละเอียด เสริมบทบรรยายจนสมบูรณ์ แต่จากนั้นก็ชั่งใจอีกพักใหญ่ว่าตกลงจะเอาตามนี้แน่ๆใช่มั้ย แต่สรุปแล้วก็ซื้อไอเดียนี้ มันบ้ามากแต่ก็ชอบมาก ตัดใจรื้อเขียนใหม่ไม่ลงจริงๆ


สรุปก็เอาตามสะดวกของแต่ละคนแล้วกันเนาะ จะรออ่านทั้งตอน หรือจะอ่านครึ่งแรกวันนี้ก่อน แล้วอ่านทั้งหมดอีกทีวันพุธก็ได้ แล้วมาดูว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นจะแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ลุ้นดีออก ว่ามันแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ลุ้นดีออก ว่ามั้ยคะ




























ตัดสินใจได้แล้วชะมะ ถือว่าเราเตือนคุณแล้วน๊าาาาาาา






























19





โจชัวร์รู้สึกตัวแล้วและกำลังทวนความจำว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่เขาทำให้เจ้าอสูรและแกสตันหยุดต่อสู้กันได้ ทุกสิ่งก็พลันวูบหายไป เขารู้สึกเหมือน... ไม่ใช่สิ! เขาตกลงมาจริงๆ น่าจะเป็นหน้าผาที่มีความสูงประมาณหนึ่งแต่โชคดีที่ความหนาของพื้นด้านล่างช่วยลดแรงกระแทกไปได้มาก คงจะคล้ายกับคราวหลงป่าที่ซากใบไม้ทับถมรวมกับหิมะช่วยรับตัวเขาเอาไว้





ทว่าในความเป็นจริงนั้น โชคดีอาจไม่เกิดขึ้นในทุกครั้งที่เราตกอยู่ในอันตราย แต่การมีใครสักคนอยู่เคียงข้างในทุกครั้งที่เราต้องการความช่วยเหลือนั่นต่างหากที่ถือเป็นความโชคดี ครั้งนี้เขาไม่ได้รอดเพราะโชค แต่เพราะมีคนที่ไม่ห่วงชีวิตตัวเองช่วยไว้ ร่างของเจ้าอสูรชุ่มโชกไปด้วยเลือด บาดแผลจากกระสุนปืนถูกซ้ำให้สาหัสจากการต่อสู้ และตอนนี้ภายในคงยิ่งบอบช้ำจากการยอมเอาตัวเป็นเบาะรองรับแรงกระแทก





“นายท่าน!” เขารีบพลิกตัวออกจากอ้อมแขนแล้วเป็นฝ่ายกอดร่างใหญ่โตเอาไว้ ไออุ่นที่สัมผัสได้พอทำให้เขาใจชื้นแต่ลักษณะลมหายใจก็แผ่วเบาจนน่ากลัว





“นายท่าน... เจ้าอสูร... ได้ยินมั้ย ลืมตามามองข้าสิ เจ้าอสูร!”





โจชัวร์พยายามกลั้นน้ำตาเพราะอยากจะได้เห็นอีกฝ่ายอย่างชัดเจนที่สุด เขาร้องเรียกและออกแรงเขย่าสุดกำลัง เพื่อเรียกสติของคนเจ็บ นานทีเดียวกว่าจะได้เห็นอาการขยับแสดงถึงการรู้สึกตัว มีเสียงครางเบาๆพร้อมกับที่เปลือกตาค่อยๆเปิดขึ้นอย่างยากลำบาก





“โจ...” คนที่เพิ่งฟื้นส่งเสียงได้เพียงเท่านั้น เลือดกระอักใหญ่ก็พุ่งออกจากปาก





“ข้าอยู่นี่ ไม่เป็นไรนะ ท่านไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว”





โจชัวร์ยังพยายามกลั้นเสียงไม่ให้สั่นทั้งๆที่หยดน้ำที่เต็มปริ่มค่อยๆไหลออกจากตา เขาช่วยยกอุ้งมือใหญ่ขึ้นแนบแก้มตัวเอง หัวใจพลันชาวาบกับความเย็นชืดที่สัมผัสได้ อุณหภูมิของร่างกายนี้กำลังลดลง และเมื่อจ้องเข้าไปในดวงตาหรี่ปรือก็ไม่เห็นประกายสีอำพันที่เคยคุ้น กลับมีแต่ความดำมืดเหมือนท้องน้ำที่ลึกสุดจะหยั่งถึง





“ท่านเลือดออกมาก ข้าจะรีบไปตามคนมาช่วย ท่านต้องรอข้าอยู่ที่นี่ อย่าไปไหน อย่าเป็นอะไรไปเด็ดขาด ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ได้ยินมั้ยเจ้าอสูร รอข้าอยู่ที่นี่เข้าใจหรือเปล่า?!”





เขาส่งเสียงเน้นย้ำใส่หูคนเจ็บ แต่พอขยับ มือใหญ่กลับรีบจับตัวเขาเอาไว้ 





“ยะ... อย่าไป... อยู่กับข้า...”





“ได้ๆ ข้าไม่ไปแล้ว ข้าจะอยู่ แต่ท่านต้องไม่เป็นอะไร ห้ามจากข้าไปไหนทั้งนั้นนะ!”





เจ้าอสูรหลับตาลง มีอาการกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเปิดปากเปล่งเสียงอย่างลำบาก





“ขะ... ขอโทษ...”





“ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษ เป็นความผิดของข้าที่ดื้อจะกลับบ้านให้ได้ ข้าไม่รู้ว่าจะทำให้ท่านเดือดร้อน ต้องเสี่ยงอันตรายจากคำสาปแล้วยังมาถูกทำร้ายแบบนี้ ข้าขอโทษจริงๆ”





มือใหญ่พยายามยกขึ้นเพื่อช่วยเช็ดน้ำตา เขาจึงรีบก้มลงไปหา แต่ปลายนิ้วเย็นเฉียบก็ยิ่งทำให้น้ำตาไหลไม่ขาดสาย 





“ข้าไม่... ไม่ใช่...”   





“พอเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าสัญญาว่าจะไม่จากไปไหนอีกแล้ว ไม่ว่าท่านจะเป็นอะไร จะมีคำสาปหรือไม่ก็ตาม ข้าก็จะอยู่กับท่าน เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”





ดวงตาเข้มลึกปิดลงราวกับจะจารจำถ้อยคำทั้งหมดไว้ในหัวใจ ริมฝีปากกว้างพยายามเหยียดออกเป็นรอยยิ้ม





“โจชัวร์... ข้ารักเจ้า...”





หนึ่งห้วงหายใจค่อยๆระบายออกมาพร้อมกับเลือดที่ไหลจากมุมปากจนเกือบจะกลบคำพูดสุดท้าย





“... รักเจ้า... คนเดียว...”





สิ้นจากคำบอกรักนั้น โจชัวร์ก็รู้สึกเหมือนคนหูดับ เขาไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของตนเองที่พยายามร้องเรียกอย่างบ้าคลั่ง แขนขาชาจนเหมือนร่างกายมีแต่ความว่างเปล่า ประสาทสัมผัสที่เหลืออยู่คือดวงตาที่ไม่อาจปิดลง เหมือนมีมือของปีศาจร้ายมาขืนเปลือกตาให้เบิกโพลงเพื่อเป็นพยานรับรู้ในสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้น เขาถูกบังคับให้ต้องมองทุกๆขณะที่คนในอ้อมแขนพยายามเกร็งตัวแต่เลือดสดๆก็ยังทะลักออกจากปาก ดวงตาค่อยๆเลื่อนลอยไปอย่างไร้จุดหมาย แผ่นอกหนาขยับกระชั้นในจังหวะเหมือนคนสำลักอากาศสองสามครั้งก่อนจะ...หยุด... สนิท... ตลอดกาล





ชั่ววินาทีนั้นเขารู้สึกเหมือนแสงสว่างดับวูบลง ไม่มีสายลมหนาวบาดผิว ไม่มีเสียงก้องของผืนป่า รู้สึกเหมือนถูกกระชากออกจากร่างแล้วถอยห่างออกไปเพื่อจะยืนมองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ทุกอย่างเจื่อนจางลงคล้ายรูปถ่ายสีซีด เขาเห็นตัวเองกำลังซุกซบเพื่อหาไออุ่นที่ยังเหลือค้างจากแผ่นอกกว้าง เขาสะอื้นไห้ตัวสั่นในขณะที่ร่างหนานิ่งสนิทราวกับรูปสลักที่ไร้ชีวิต





เขามองภาพนั้นด้วยความสงสัยว่ามันจะเป็นไปได้หรือ... แววตาอันอบอุ่น รอยยิ้มอ่อนหวาน สัมผัสอันแสนอ่อนโยน ทุกสิ่งหายวับไปในเวลาเพียงเสี้ยววินาที... ก่อนหน้านี้เขามีคนที่รักเขา คนที่พร้อมจะปกป้องดูแลเท่าชีวิต แต่เพียงหลับตาลงและลืมตาขึ้นอีกครั้ง คนๆนั้นก็หายไป ทิ้งเขาไว้กับความเศร้าอย่างที่ไม่อาจพรรณนาออกมาเป็นคำพูดได้





เมื่อเขาหลับตาและรู้สึกถึงหยดน้ำตาที่ตกลงบนหลังมือ ความรู้สึกทุกอย่างก็วาบกลับมาเป็นปกติ เสียงกรีดร้องคร่ำครวญดังก้องในหู ความหนาวเหน็บเสียดแทงจนเจ็บไปถึงกระดูก และรอยแดงฉานบนพื้นหิมะขาวโพลนเด่นชัดเสียจนหลับตาก็ยังมองเห็น





“นายท่าน... เจ้าอสูร... เจ้าอสูร!”





เขาพยายามปลุกคนที่เหมือนแค่นอนหลับไป ทั้งเรียก ทั้งเขย่า กระทั่งออกแรงทุบจนเจ็บมือ





“ตื่นสิ ได้ยินข้ามั้ยเจ้าอสูร ลืมตาสิ ลืมตามามองข้า! ลุกขึ้นมา เราต้องรีบกลับไป ทุกคนกำลังรออยู่ ท่านต้องลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้! ได้โปรด ลุกขึ้นมา...”






ในขณะที่โจชัวร์กำลังทุ่มเทเหมือนคนไร้สติ ชายหนุ่มอีกคนที่ร่วงจากหน้าผาลงมาพร้อมกันก็เริ่มรู้สึกตัว...








พบกับ part 2 วันพุธ
สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหารค่ะ




















สรุป Heartbeat คือนิยายที่มีทุกอย่างที่ไม่ควรมีในนิยายหรือเปล่า...

#อ่านแล้วจุก

#คนเขียนวิ่งหลบหลังบังเกอร์โดยพลัน

#ยังยืนยัน Happy Ending เป็นคำตอบสุดท้ายค่า


See U on the Orange Day














^__^








----- Mine -----










หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 1 (27/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-08-2017 04:46:06
มันค้างคานะคะ
หัวข้อ: Re: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 1 (27/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 27-08-2017 06:21:49
ไม่ติดใจที่ตัดค้างแบบนี้ครับ ตอนเด็กดูดราก้อนบอลเจอมาจนชิน 55 แต่มันสั้นและเนื้อเรื่องยังไม่ขยับไปไหนจนน่าจะเป็นช่วงท้ายของตอนที่แล้วมากกว่า หรือไม่ก็มาเป็น Sneak Peek ของตอนหน้าไปเลย พอบอกว่าเป็น Part 1 เลยรู้สึกว่ามันควรจะยาวกว่านี้ถึงจะมีคำเตือนก็เถอะ

ในส่วนของเนื้อเรื่องยังไม่ตกใจครับ เพราะยังแอบคิดว่าเทพนิยายต้องจบด้วยความสุข เพราะฉะนั้นไม่ได้ตายจริง คนเขียนแกล้งเฉยๆ เอาไว้ถ้าเรื่องเดินไปแบบให้อสูรตายไปจริงๆ เดี๋ยวจะมาบอกความรู้สึกใหม่ครับ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 1 (27/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 27-08-2017 07:41:24
อสูรไม่ตายแน่นวล
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 1 (27/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 27-08-2017 08:53:13
จุกมาก
กว่าจะมีความสุข
ต้องทรมานขนาดนี้เลยหรอ
สงสาร
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 1 (27/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-08-2017 10:07:24
 :a5:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 1 (27/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 27-08-2017 18:08:16
ร้องเรียกโจชัวร์ด้วยคนนนนน
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 30-08-2017 05:26:06












Heartbeat 









: A Retelling of Beauty and the Beast










ทีแรกก็ว่าจะกลับไปเติมในโพสต์เก่า แต่พอดีไม่ได้แจ้งไว้ กลัวจะงงก็เลยขอแตกออกมาใหม่นะคะ



แต่ก็เอาเป็นว่าทำความเข้าใจและสรุปสั้นสำหรับส่วนแรกของตอนที่ 19 คือ... เจ้าอสูรตาย

ใช่ค่ะ นิยายเรื่องนี้พระเอกตาย แล้วไงล่ะ ไหนนั่งยันนอนยันว่าแฮปปี้ ก็ไปลุ้นกันต่อสิคะ จะรออะไร...



















19

part 2










ในขณะที่โจชัวร์กำลังทุ่มเทเหมือนคนไร้สติ ชายหนุ่มอีกคนที่ร่วงจากหน้าผาลงมาพร้อมกันก็เริ่มรู้สึกตัว เขาหันไปตามเสียงเรียกและมองภาพตรงหน้าด้วยความงุนงง หลังจากสำรวจร่างกายแล้วพบบาดแผลมากมายโดยเฉพาะรอยเหมือนโดนของมีคมฟันเป็นทางยาวที่หัวไหล่ซึ่งทำให้ขยับแขนค่อนข้างลำบาก บนใบหน้าก็คงมีรอยคล้ายกันแต่ขนาดเล็กกว่าและโชคดีที่เฉียดดวงตาไปเพียงนิดเดียว จึงสรุปได้ว่าเขาเจ็บปวด เลือดโชกและยับเยินไปทั้งตัว แต่ทั้งหมดนี้ก็เทียบไม่ได้เลยกับเรื่องอัศจรรย์ที่กำลังเกิดขึ้น






เขาพยายามพาร่างเข้าไปหาคนที่กำลังคร่ำครวญเพื่อพิสูจน์ และแน่นอนว่าทุกสิ่งที่เห็นช่วยตอกย้ำว่าเขาไม่ได้ฝัน คนที่เขารักกำลังร้องไห้กับการจากไปของคนรัก และเขาได้แต่ยืนตะลึงเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นก้อนน้ำแข็งเพราะคนๆนั้นก็คือ... ตัวเขาเอง!





ร่างสูงใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไป ขนยาวรุงรังโดยเฉพาะแผงคอหนาคล้ายสิงโต เขี้ยวยาว กรงเล็บแหลม ท่อนแขน ขา และอุ้งเท้า ทุกสิ่งที่กล่าวมาประกอบกันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใครๆพากันเรียกว่าเจ้าอสูร และใช่! แม้จะไม่เคยเห็นทุกส่วนของร่างกายตัวเองชัดเจนขนาดนี้มาก่อน แต่นั่นคือสิ่งที่เขาเป็นมากว่าค่อนชีวิต เขาคืออสูรที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น   





“โจชัวร์” เขาลองส่งเสียง แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เสียงแหบห้าวอย่างกับคำราม แต่เป็นเสียงของผู้ชายคนที่ต้องการจะแย่งโจชัวร์ไปจากเขา นั่นทำให้เขารู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก เหมือนว่าถ้อยคำเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ผ่านปากตัวเองออกไป และที่ทำให้เขาใจหายวาบคือสายตาที่หันมาตามเสียงเรียก ดวงแก้วสีน้ำตาลใสไม่แสดงถึงความรักหรือเกลียดชัง มันว่างเปล่ายิ่งกว่าที่ใช้มองคนไม่รู้จัก เจ้าตัวไม่ใช่ไม่เห็น แต่กำลังมองผ่านราวเขาเป็นอากาศ เป็นสายตาที่ทำให้คนถูกมองรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องกลายเป็นคนไม่มีตัวตน





“โจชัวร์! นี่ข้า...”





“กลับไปเถอะ ทุกอย่างมันจบแล้ว ข้ากับเจ้าจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ลาก่อน”





โจชัวร์ตัดบทอย่างไม่มีเยื่อใย ซึ่งนับว่าเขายอมให้อย่างที่สุดแล้ว เพราะหากจะโทษว่าแกสตันเป็นคนก่อเรื่อง เขาเองก็มีส่วนรับผิดชอบในฐานะตัวต้นเหตุ แกสตันมาที่นี่เพราะเขา จงใจทำร้ายเจ้าอสูรก็เพราะเขา เรื่องเลวร้ายทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะเขา เขาควรจะสำนึกสักทีว่าตัวเขานั่นเองที่ถูกสาปให้ชีวิตไม่มีวันได้พบกับความสุข หากฝืนชะตาเกิดมีความรักขึ้นมาเมื่อไหร่ก็จะต้องจบลงด้วยโศกนาฏกรรมเช่นนี้





“ไม่ใช่อย่างนั้น เจ้ามองข้าให้ดีๆสิโจชัวร์ นี่ข้าเอง” ชายหนุ่มยังคงตื๊อไม่เลิก พยายามจะทำให้อีกฝ่ายยอมมองเขาให้เต็มตา





“อย่าให้ข้าต้องหมดความอดทนนะแกส...!” เสียงตวาดพลันสะดุด โจชัวร์รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกระแทกในอกจนเปล่งเสียงต่อไม่ออก ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือแกสตันไม่ผิดแน่ แม้จะมีบาดแผลมากมายก็ไม่ถึงกับเสียโฉมไปทั้งหมด แต่... แต่เขากลับให้ความรู้สึกบางอย่างที่ต่างไปจากเดิม อาจจะเป็นท่าทาง บรรยากาศ หรือแววตา...





ใช่แล้ว! โจชัวร์รู้สึกเหมือนลมหายใจจะหยุดลงยามที่จมดิ่งไปในประกายสีอำพัน แววตาอันแสนอบอุ่นที่มักทอดมองอย่างอ่อนหวาน ดวงตาซึ่งสะท้อนความรู้สึกที่ตรงกันของตัวเขาและเจ้าอสูร





“ข้าไม่ใช่แกสตัน” เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเด็กหนุ่ม เขาก็รีบย้ำความด้วยความยินดี “เจ้าก็รู้สึกใช่มั้ยว่าไม่ใช่เขา แต่เป็นข้า เจ้าอสูรของเจ้ายังไงล่ะ”





ร่างสูงขยับเข้าหาแต่โจชัวร์กลับถอยหนี พยายามรักษาระยะห่างเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้กำลังก้าวเข้าไปในความฝัน เจ้าอสูรตายแล้วเป็นเรื่องจริงที่เขาไม่อาจปฏิเสธ ร่างใหญ่โตนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่มีวันที่จะฟื้นกลับมามีชีวิตได้อีก ส่วนผู้ชายที่ยืนอยู่ต่อหน้าคือคนที่เขาเคยนับว่าเป็นเพื่อน ซึ่งตอนนี้เหลือสถานะแค่คนรู้จักหรือน้อยกว่านั้น ไม่มีวันจะเทียบกับคนที่เขารักได้เลย





“ไม่จริง! เจ้าอสูรตายแล้ว! เจ้า... เจ้าไม่ใช่เขา เป็นไปไม่ได้!”





“ข้าก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ และไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่มันก็เป็นไปแล้วนะโจชัวร์”   





“ไม่! ข้าไม่เชื่อ เจ้าเล่นตลกอะไรอยู่แกสตัน เลิกทำตัวบ้าๆแล้วกลับบ้านเจ้าไปซะ ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่ต้องมาให้ข้าเห็นหน้าอีก!” โจชัวร์ประกาศกร้าว แม้จะมีความลังเลในแววตาวาวใส แต่ลักษณะท่าทางบอกชัดว่าถึงจะพยายามเกลี้ยกล่อมไปก็ไร้ประโยชน์





“เจ้าจะให้ข้ากลับบ้าน บ้านของข้า อย่างนั้นใช่มั้ย?” คนถูกไล่ย้ำถาม คำตอบที่ได้คืออาการดื้อเงียบ





“ได้! งั้นเราก็ต้องไปด้วยกัน เพราะตอนนี้บ้านของข้าก็คือบ้านของเจ้า ทุกคนที่คฤหาสน์กำลังคอยให้เรากลับไป คุณคอกซ์เวิร์ธกับลูมิแยร์เห็นสภาพเราสองคนได้บ่นเป็นหมีกินผึ้งแน่ๆ แต่เอาเถอะ เดี๋ยวมิสซิสพอทส์ก็จะปลอบใจเราด้วยซุปร้อนๆแสนอร่อย ส่วนพลูมแมทกับเดบูตองท์คงรีบมาช่วยกันพาเจ้าไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ข้าจะยุให้จับเจ้าใส่กระโปรงเสียให้เข็ด แล้วไหนจะเจ้าหนูพินช์อีกคน ระหว่างที่เจ้าไม่อยู่ เขาขยันท่องตัวอักษรทั้งวันทั้งคืน แถมยังค้นห้องหนังสือของข้าได้นิทานเล่มใหม่ๆมาเป็นตั้ง รับรองว่าเจ้าได้อ่านจนตาแฉะเชียวล่ะ”





“นี่เจ้า... เจ้าพูดเรื่องอะไร... ทำไมถึงได้...” โจชัวร์อ้าปากค้างมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา สิ่งที่ได้ยินบอกชัดว่าไม่ใช่การรู้จักเพียงผิวเผิน แต่ต้องอาศัยความสนิทสนมคุ้นเคยจึงจะสามารถบรรยายถึงลักษณะของแต่ละคนในคฤหาสน์ได้อย่างละเอียดชัดเจนขนาดนี้





ชายหนุ่มไม่ทันได้สนใจว่าโจชัวร์จะเชื่อหรือคิดว่าเขายิ่งเพี้ยนหนักกว่าเก่า เขาเหลียวมองรอบด้านด้วยสีหน้าหนักใจ หน้าผาที่พวกเขาตกลงมาสูงพอสมควร ในสภาพบาดเจ็บไปทั้งตัวยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะปีนกลับขึ้นไป คงต้องอ้อมไปทางอื่นและโดยเร็วที่สุดเพราะสภาพอากาศเริ่มไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่





“เจ้าเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อนเถอะ ลมแรงขึ้นทุกที เราควรรีบหาทางออกจากป่าก่อนพายุจะมาอีกรอบดีกว่า”





“ไม่! ข้าจะไม่มีวันทิ้งเจ้าอสูรไปเด็ดขาด!”





ร่างสูงนิ่งงัน ความรู้สึกประหลาดทำเอาเขาจนด้วยคำพูด บอกไม่ถูกจริงๆว่าควรรู้สึกยังไงที่เห็นโจชัวร์ยังคงกอดร่างของตนไว้อย่างหวงแหน เขานึกถึงความเป็นจริงว่าคนที่ตายไปแล้วไม่มีทางที่จะรับรู้อะไรได้อีก แต่เขากลับมีโอกาสได้รู้ว่าคนที่เขารักรักเขามากถึงขนาดที่ปฏิเสธเขาโดยสิ้นเชิง





ให้ตายเถอะ! เขาปวดแผลไปทั้งตัวแล้วยังต้องมาปวดหัวกับปัญหาโลกแตกที่ไม่มีวันจะเกิดขึ้นกับใครบนโลกใบนี้อีกอย่างนั้นหรือ





“ปล่อยนะ! เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือไง ข้าไม่ไป!”





โจชัวร์ดิ้นรนเมื่อจู่ๆก็ถูกกระชากให้หลุดจากร่างของเจ้าอสูร นึกเจ็บใจที่สู้แรงไม่ไหวทั้งๆที่อีกฝ่ายก็บาดเจ็บสาหัส และนึกชังตัวเองที่หลงใจอ่อนไปกับดวงตาคู่นั้น ทั้งที่แน่ใจว่าเป็นไปไม่ได้แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนได้หัวใจตัวเองคืนมาอีกครั้ง ยามที่จ้องเข้าไปในดวงตาสีอำพัน ความหนาวเหน็บที่เกาะกินใจก็พลันมลายไปราวกับต้องมนต์





ในจังหวะนั้น หมาป่าสีเทาร่างยักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นพาให้คนทั้งคู่หยุดการฉุดกระชาก ฝ่ายหนึ่งดีใจที่ได้ตัวช่วยมานำทาง อีกคนก็ใจชื้นที่มีกองหนุน เมื่อสองเสียงประสานเรียกด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน หมาป่าหนุ่มถึงกับเกิดอาการลังเลอย่างเห็นได้ชัด





“เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าข้าคือใคร” ชายหนุ่มเน้นเสียงหนักและจ้องเข้าไปในดวงตาคมดุเพื่อระลึกถึงความสัมพันธ์หนหลัง เขาเชื่อในสัญชาติญาณการรับรู้ของเพื่อนเก่า เพราะสัตว์ป่าคงไม่มีอคติหรือยึดติดกับรูปร่างหน้าตาเหมือนอย่างมนุษย์





“อย่าไปฟังนะเกรย์ เขาเป็นคนร้าย เขาเกือบจะยิงเจ้าด้วยซ้ำจำได้หรือเปล่า”





“ไม่บอกมันไปด้วยล่ะว่าข้าเป็นคนที่ทำให้ตัวเองนอนตายอยู่ตรงนั้น” ร่างสูงกลอกตามองฟ้า ทั้งขันทั้งเหลืออดจนแอบส่งเสียงประชดออกมาเบาๆ





“ก็ใช่! ถึงจะไม่ใช่ความผิดของเจ้าทั้งหมด แต่เจ้าก็มีส่วนทำให้เจ้าอสูรต้องตาย”





“โจชัวร์ เมื่อไหร่เจ้าจะยอมรับสักทีว่าข้าไม่ใช่แกสตัน ข้าไม่ใช่เพื่อนของเจ้าแต่คือเจ้าอสูรที่นอนไม่หายใจอยู่นั่น”





“เจ้าต่างหากที่ไม่ยอมรับ เจ้าก็คือเจ้า จะเป็นคนอื่นไปได้ยังไง”





สองคนยืนประจันหน้า จ้องตากันอย่างไม่ลดละ ต่างรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปตอนที่ยังเอาแต่ตั้งแง่ เถียงกันจนลั่นโต๊ะอาหาร สุดท้ายจึงกลายเป็นอาการเก้อเขิน เมินหน้ากันไปคนละทาง





“เอาเถอะ เรายังมีเวลาเถียงเรื่องพวกนี้กันอีกนาน แต่ถ้าไม่รีบออกจากป่า เจ้ากับข้าคงได้ถูกฝังอยู่ใต้หิมะนี่แน่ๆ” 





“นั่นเจ้าจะทำอะไร?!” โจชัวร์ส่งเสียงแว้ดเมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้าไปวุ่นวายกับร่างบนพื้นหิมะ





“เจ้าไม่อยากทิ้งข้าไว้กลางป่าไม่ใช่เหรอ” เสียงห้าวตอบส่งๆ แต่ก็อดใจหายไม่ได้ที่ต้องมาเห็นตัวเองนอนจมกองเลือด เมื่อร่างเพรียวบางถลันเข้ามาขวาง จึงต้องรีบอธิบายเพื่อไม่ให้เสียเวลามากไปกว่านี้





“วางใจเถอะ ข้าจะให้เกรย์พาไปหาโพรงถ้ำที่พอจะเก็บร่างของข้าไว้ก่อนค่อยย้อนกลับมาจัดการให้เรียบร้อยทีหลัง เพราะเราทั้งคู่ต้องรีบกลับไปสมทบกับสโนว์และออกจากป่าให้เร็วที่สุด แต่ถ้าเจ้าอยากกำจัดข้าให้พ้นๆไปก็ไม่ยากหรอกนะ แค่ถ่วงเวลารออยู่ที่นี่อีกไม่นาน ข้าก็คงทนพิษบาดแผลไม่ไหวจนขาดใจตายไปอีกรอบเอง”





โจชัวร์พลันสะดุดใจว่าคนตรงหน้าก็บาดเจ็บจากการต่อสู้ไม่น้อยกว่าฝ่ายที่จากไปแล้ว บนใบหน้าชวนฝันของสาวๆทั้งหมู่บ้านนอกจากรอยแตกช้ำ ยังมีรอยกรีดยาวพาดผ่านหางตาและแก้มซ้ายทั้งแถบซึ่งคงจะเหลือแผลเป็นที่ดูน่าหวาดเสียว บนหัวไหล่ด้านเดียวกันยังมีเลือดไหลจากบาดแผลค่อนข้างเหวอะหวะจากการถูกตะปบ ส่วนอื่นของร่างกายแม้ไม่เห็นแผลแต่เลือดก็ยังซึมออกมาจนรอยแดงขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ





“ถ้าเจ้าบาดเจ็บมากขนาดนั้นก็ไม่ต้อง...” ยิ่งพูดไม่ออกเมื่อเห็นคนเจ็บพยายามพยุงร่างไร้ชีวิตขึ้นหลัง





“ไม่เป็นไร ข้ายังพอไหว แล้วอีกอย่าง...” เสียงห้าวชะงักไปเมื่อร่างเพรียวบางเข้ามาช่วยซับหยดเลือดที่กำลังจะไหลเข้าตา ความห่วงใยในดวงตาสีน้ำตาลสวยทำให้เขาใจชื้น มีแรงเพิ่มขึ้นมาเป็นกอง





“เจ้าแบกข้าไม่ไหวหรอกเด็กน้อย”





โจชัวร์ค้อนขวับและรีบเร่งฝีเท้าตามเกรย์ที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว หมาป่าหนุ่มเชื่อฟังและทำตามคำสั่งที่ได้รับเป็นอย่างดี มันพาทั้งคู่แวะที่โพรงถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งมิดชิดพอเหมาะที่จะซ่อนร่างของเจ้าอสูรจากสัตว์ป่าอื่นๆ โจชัวร์จำต้องร่ำลาผู้เป็นที่รักด้วยความอาดูรสุดหัวใจ ชายหนุ่มเองก็ดูเหมือนจะเข้าใจแต่สถานการณ์จวนตัวทำให้เขาต้องเร่งเดินทางต่อ โชคดีที่เมื่อออกจากถ้ำก็พบสโนว์มารออยู่แล้ว น่าแปลกอีกเช่นกันที่เจ้าม้าขาวดูจะคุ้นเคยและรับคำสั่งชายแปลกหน้าเฉกเดียวกับเจ้านายของตน 





แม้จะไม่ได้อยู่บนหลังสโนว์เพียงลำพังแต่โจชัวร์ก็รู้สึกเหมือนเมื่อครั้งแรกที่เดินทางมายังคฤหาสน์ พายุหิมะพัดกระหน่ำชนิดไม่ลืมหูลืมตา เขาได้แต่โน้มตัวกอดคอเจ้าม้าจอมอึดไว้แน่นและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาติญาณของมัน ลมหนาวเสียดแทงร่างกายที่ยังอ่อนล้าพาให้สติเริ่มพร่าเลือนไปทีละน้อย มีหลายครั้งที่เขารู้สึกหมดแรง เหมือนจะวูบหล่น คล้ายตัวจะเบาจนลอยอยู่ในอากาศก่อนจะรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ละลายความอดทนของเขาให้ค่อยๆหมดไปในที่สุด





















 :laugh: :laugh: :laugh:




 :z6:



ไม่ต้องมองหาค่ะ คนเขียนเผ่นแน่บไปแล้ว


บ้ากว่าพระเอกตายตอนจบ ก็โดนสลับวิญญาณนี่ล่ะนะ

อย่าถามว่าคิดได้ไงพล็อตยังงี้ มันก็จะลี้ลับหน่อยๆ เพราะไม่ได้คิด มันปิ๊งขึ้นมาเองจริงๆ

555




ถ้าเกิดเป็นนิยายเล่มๆอยู่ในมือ อ่านมาจบตอนนี้มีใครอยากปาทิ้งมั้ย


#(บอกแล้ว)คนเขียนมันซาดิสม์+บ้ามากๆด้วย



แต่เรื่องราวก็ยังไม่จบแค่นี้ ถ้ายังไหว มาลุ้นกันต่อ บอกแล้วเรื่องนี้ต้องเคลียร์กันยาวยาววววววววววว













^__^











----- Mine -----






หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 30-08-2017 05:38:49
ตอนใหม่มาแล้ววววว เจ้าอสูรจะทำไงเนี่ย โจชัวร์ดูไม่เชื่อเลย
หัวข้อ: Re: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 30-08-2017 05:43:50
บ้าจริงๆ ด้วย อึ้งไปเลยครับ คิดได้ไง 55

แอบคิดต่อ หรือจริงๆ แล้วสองคนนี้คือคนเดียวกันตั้งแต่แรก แต่ตอนถูกสาปโดนแยกออกเป็นสองคน หัวใจส่วนดีถูกเอาไปใส่ในร่างอสูร ส่วนหัวใจที่มีกิเลสเอาไปใส่ในร่างเดิมแล้วกลายเป็นแกสตัน มโนไปเรื่อย 55
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-08-2017 07:40:34
แอบมาชะโงกดู  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 30-08-2017 10:14:14
เอาแล้วไงละ

ที่นี่สงสัยเพิ่มอีกเพียบเลย

คนที่กระโดดลงมาตอนแรกคือใคร เจ้าอสูญใช่ไหม ถ้าใช่ แอสตันตายตั้งแต่อยุ่ข้างบนแล้วหรอ หรือยังไง หรือตายพร้อมกัน

หรือจริงๆแล้วคนนี้คือคนเดียวกันตั้งแต่แรก  มันก็เป็นไปได้ เพราะเจ้าอสูญเคยร้ายมาก่อนไม่งั้นจะถูกสาบหรอ

ตอนนี้ก็แค่กลับคืนร่างเดิม แต่ถ้าเป็นแบบนั้นตอนแกสตันไปที่คฤหาส คนเก่าคนแก่ต้องแปลกใจบ้างสิทำไมหน้าเหมือนตอนก่อนถูกสาบ

แล้วพ่อแม่ในหมู่บ้านละ คืออะไร


ถ้าอย่างนั้นแปลว่าสองคนนั้นเป็นคนละคนกันจริงๆ แต่ไปเปลี่ยนร่างเอาตอนไหนกันแน่ ตอนแรกแกสตันดูไม่ได้สาหัสขนาดนั้น


อืมมมม รอเฉลยค่ะ


หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 30-08-2017 12:07:38
อ่านแล้วเหวอเลยค่ะ อย่างนี้ก็ได้หราาาาาาาาาาา ถ้างั้นก่อนแกสตัน(ในร่างอสูร)จะตายก็คือพยายามบอกโจว่าตัวเองไม่ใ่ช่อสูรสินะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-08-2017 16:04:56
 :hao7: o13 :hao7:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 30-08-2017 19:41:52
เราพึ่งเข้ามาอ่าน
เนื้อเรื่องสนุกมาก
รอตอนต่อไปจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 31-08-2017 11:59:56


เราอ่านตอนนี้แล้วคิดว่า ถ้าจะให้คนอ่านเชื่อ พอ ๆ กับที่โจชัวร์เชื่อ
เนื้อเรื่องตอนที่เหลือ ควรให้เวลากับตัวละครเรียนรู้กันใหม่อีกพักใหญ่ ๆ
 
เพราะถ้าเร่งรัดรวบจบเกินไป ความนุ่มนวลของการก่อสานความสัมพันธ์ที่ทำมาทั้งหมดจะแทบไม่มีความหมาย
ที่สำคัญ ถ้าเป็นเรา เราคงไม่อาจปักใจเชื่อคนที่ทำร้ายเรา ถึงขั้นรุนแรงว่าเป็นคนอื่นได้ร้อยเปอร์เซนต์ในเร็ววันแน่ ๆ
(คือ เราไม่เห็นเค้าว่าโจชัวร์จะมีลักษณะนิยมของนางเอกนิยายหลาย ๆ เรื่อง ที่โดนข่มเหงจิตใจ (แม้จะไม่สำเร็จก็ตาม) แล้วจะหลงรักคนที่ทำตัวร้ายกาจกับเราได้ในชั่วข้ามคืนน่ะค่ะ)

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอย่างเรา เราก็เคารพสิ่งที่คุณเขียน และจะติดตามไปจนจบค่ะ ^_^
ขอบคุณที่เขียนนิยายดี ๆ ให้พวกเราได้เสพกันนะคะ  :pig4:

หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 31-08-2017 17:26:12
ไม่คิดว่าจะพลิกมาเบอร์นี้  :hao7:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 31-08-2017 18:38:03
เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆไหงเป็นเงี้ย ถึงกับอ้าปากค้างเลย  :a5: :a5: :a5: o22 o22
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 02-09-2017 17:35:00
ทำไมเจ้าอสูรดูพูดมาก
หรือนี่เป็นการรวมร่างของเจ้าอสูรกับแกสตัน
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 20 (3/9/17)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 03-09-2017 04:44:25










Heartbeat 










: A Retelling of Beauty and the Beast















มีหลายคนเหวอ ห๊ะ! ยังงี้ก็ได้เหรอ

คำตอบคือก็เอาจนได้นั่นล่ะค่ะ

ส่วนคำถามมากมายที่ตามมา จะได้รับความกระจ่างจนถึงที่สุดมั้ยก็คงต้องลุ้นกันต่อจนบรรทัดสุดท้ายค่ะ


ปล. เห็นคอมเมนท์น่ารักๆของคุณทั่วหล้าว่าอสูรในตอนที่แล้วทำไมพูดมากจัง รวมร่างกับแกสตันเหรอ

คืออ่านแล้วทำไมภาพในหัวนึกไปถึงดรากอนบอล แบบโงกุนรวมร่างกับเบจิต้าอะไรยังงั้น 555

ก็เปล่านะคะ ไม่ได้รวมร่างค่ะ เอาแค่สลับล่างนี่ก็แฟนตาซีจนจะรับไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ

แต่เราลองกลับไปย้อนดูเจ้าอสูรในบทก่อนๆก็ปรากฏว่านางก็พูดเยอะอยู่นะคะ แถมออกแนวจิกกัดซะเยอะอีกต่างหาก เล่นเอาหนุโจของเราทั้งฉุน ทั้งขำ เดี๋ยวก็ค้อน เดี๋ยวก็เอือมกันสนุกสนาน ส่วนบทที่แล้วก็จะผสมอารมณ์ตกใจๆ จู่ๆตื่นมาสลับร่างก็เหมือนคนลนๆ ยิ่งอยากจะอธิบายให้โจชัวร์เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นน่ะค่ะ

























20














โจชัวร์สะดุ้งตื่นขึ้นด้วยอาการเหมือนคนเพิ่งหลุดจากฝันร้าย สภาพของห้องนอน สัมผัสของเตียงกว้างที่คุ้นเคยกลับยิ่งหลอกหลอนให้รู้สึกกลัวด้วยไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังตื่นอยู่หรือว่าฝัน เหตุการณ์ทุกอย่างคลับคล้ายคลับคลาว่าได้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เขาหนีออกจากคฤหาสน์แต่ก็ถูกจับตัวกลับมาได้ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งคนที่ไปพาเขาออกมาจากป่าก็คือ...






“เจ้าอสูรล่ะ?!” เขารีบหันไปถามสาวใช้คนสนิทที่ดูจะตกใจกับสภาพเพิ่งตื่นนอนของเขา “เจ้าอสูรอยู่ไหน อยู่ที่ห้องใช่มั้ย?!”





โจชัวร์เข้าถึงตัวพลูมแมทโดยไม่สนว่านั่นจะยิ่งทำให้เธอขวัญเสีย บอกไม่ได้ว่าที่เห็นคืออาการพยักหน้าหรือโดนเขย่าจนหัวคลอนแต่เขาก็ถือเป็นคำตอบที่ทำให้รีบวิ่งออกจากห้อง อีกฟากของคฤหาสน์สว่างไสวผิดจากทุกที เดบูตองท์และคนงานแปลกหน้าสองสามคนวิ่งวุ่น พอเห็นเขาที่หน้าตื่นมาก็ส่งยิ้มให้และรีบซ่อนข้าวของที่หอบหิ้วกันอยู่ สีของเลือดเด่นสะดุดตาแต่เขารีบยั้งปากไว้ ไม่เชิงไม่กล้าถามแต่กลัวว่าคำตอบจะยิ่งทำให้คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้





ประตูห้องนอนใหญ่เปิดกว้าง กลิ่นฉุนของยาฆ่าเชื้อลอยกรุ่น เจ้าของห้องทอดกายไม่ได้สติ แทบทุกตารางนิ้วของร่างกายและใบหน้าอีกครึ่งซีกถูกพันไว้ด้วยแถบผ้าราวกับมัมมี่ แต่ถึงอย่างนั้นนั่นก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่ทำเอาเขาหมดแรงจนต้องยึดเสาเตียงไว้เป็นหลัก เพราะภาพที่เห็นได้ช่วยยืนยันความจริงอันน่าอัศจรรย์ที่ว่าเจ้าอสูรกลับฟื้นคืนชีวิตมาอยู่ในร่างของแกสตัน... จริงๆน่ะหรือ!





“คุณโจชัวร์กลับไปพักก่อนเถอะขอรับ คงอีกนานกว่านายท่านจะได้สติ”





“นายท่าน...?” เขาทวนคำแทนการถาม และพยายามสบตาทุกคนที่เรียงรายอยู่รอบเตียงซึ่งล้วนเป็นคนที่คุ้นเคยกับเจ้าอสูรเพื่อหาพิรุธว่าทั้งหมดนี้อาจเป็นแค่ตลกร้ายฉากหนึ่งเท่านั้น





“บาดแผลค่อนข้างสาหัส ถ้าพูดกันตามจริงก็ต้องยอมรับว่าสาหัสมาก ถ้าหากผ่านคืนนี้ไปแล้วอาการไม่ทรุดลงก็คงพอวางใจได้ แต่ถ้าไม่...”





อาการที่คุณคอกซ์เวิร์ธเหลือบตามองคนบนเตียงแล้วพูดต่อไม่ออกแพร่ลามไปยังคนอื่นๆ มิสซิสพอทส์ยกผ้าขึ้นซับหางตาแล้วคว้าแขนหลานชายพากันออกไปจากห้อง ลูมิแยร์ที่กำลังนั่งชิดขอบเตียงเพื่อคอยซับคราบเลือดและเม็ดเหงื่อกำผ้าในมือแน่น แม้แต่สาวช่างจ้ออย่างพลูมแมทยังเอาแต่ปิดปากเงียบสนิท





บรรยากาศชวนสลดหดหู่แต่โจชัวร์ไม่อาจเก็บความสงสัยไว้ให้กลายเป็นเสี้ยนคอยทิ่มตำใจ เขาเลือกที่จะปรึกษากับคุณพ่อบ้านซึ่งมีอาวุโสและน่าจะรู้เรื่องทุกอย่างดีที่สุด คุณคอกซ์เวิร์ธไม่ได้ตอบในทันทีแต่พาเขาขึ้นไปยังห้องใต้หลังคา ทุกสิ่งยังคงเหมือนเมื่อครั้งที่เขากับเจ้าอสูรใช้เวลาอยู่ด้วยกันยกเว้น...





“คุณคงทราบอยู่แล้วว่านี่ไม่ใช่กุหลาบธรรมดา”





โจชัวร์เพ่งมองผ่านครอบแก้วด้วยความประหลาดใจ ดอกกุหลาบที่เคยอยู่ในนั้นเหี่ยวแห้งลงจนเหลือเพียงก้านแห้งแกร็นๆก้านหนึ่ง ตัวดอกขนาดใหญ่ประกอบด้วยกลีบเรืองแสงอัดกันแน่นกลายเป็นเศษซากชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่มองแทบไม่ออกว่าเคยเป็นกลีบกุหลาบมาก่อน





“จำได้ว่าก่อนที่ข้าจะกลับบ้าน กุหลาบเริ่มโรย มีกลีบหลุดร่วงไปบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะถึงกับ...”





คุณคอกซ์เวิร์ธพยักหน้าน้อยๆและยกครอบแก้วขึ้น ทันใดนั้นซากกุหลาบที่เห็นก็สลายตัวลงเป็นผง สายลมจากภายนอกพัดมาวูบหนึ่งพาให้ทุกอย่างหายวับไปราวกับไม่เคยมีอะไรอยู่ตรงนั้นมาก่อน โจชัวร์ยิ่งรู้สึกประหลาดใจจนเกือบจะร้องออกมา ผิดกับดวงตาของผู้มากด้วยวัยที่ดูเหมือนจะยิ่งเข้าใจอะไรได้มากขึ้น





“ดอกกุหลาบและกระจกวิเศษเกิดขึ้นมาพร้อมกับคำสาปที่ทำให้นายท่านของพวกเราตกอยู่ในคราบของอสูร แต่จากสภาพของดอกกุหลาบ และตัวกระจกวิเศษก็เช่นกัน...”





โจชัวร์เพิ่งได้สังเกตว่ามีกระจกวางอยู่ใกล้ๆ เมื่อคุณคอกซ์เวิร์ธหยิบมาส่งให้ เขาจึงได้เห็นรอยร้าวเป็นทางยาว ตัวกระจกเกิดฝ้าขาวทั้งบาน หมดสภาพของความเป็นกระจกเงา และเมื่อไม่มีเสียงใดๆดังออกมาก็น่าไม่จะเหลือความเป็นกระจกวิเศษเช่นกัน 





“ต้องขออภัยที่นำกระจกคืนจากห่อสัมภาระของคุณมาโดยพลการ แต่กระผมและคนอื่นๆต่างก็สงสัยในความเกี่ยวพันระหว่างของวิเศษเหล่านี้กับตัวของนายท่าน และอย่างที่คุณเห็น ทั้งกระจกและกุหลาบตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน พวกเราจึงได้ข้อสรุปว่าคำสาปคงสลายไปแล้ว แต่ด้วยสาเหตุใดหรือจะมีผลอะไรกับตัวนายท่านหรือไม่นั้นยังไม่อาจทราบได้”





โจชัวร์มองครอบแก้วว่างเปล่าและกระจกที่ใช้งานไม่ได้สลับกันไปมา อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตัวเลือกของตอนจบในนิทานที่กระจกเคยเอ่ยถึง...





“... พบรักแท้ที่ล้างคำสาปทั้งหมดหรือทุกอย่างสูญสลายไปตลอดกาล...”





เห็นชัดอยู่แล้วว่ามีเพียงสองทางเลือกสำหรับเจ้าอสูร กลับคืนสู่ร่างเดิม หรือ ตายไปพร้อมคำสาป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ควรจะเรียกว่าแค่ก้ำกึ่ง ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง และการมีตัวละครอื่นแทรกเข้ามาก็ยิ่งทำให้เรื่องราวผิดเพี้ยนไปกันใหญ่





“แต่การที่คำสาปสลายไปก็ไม่น่าจะกลายเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ พวกคุณอาจจะไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือแกสตัน จริงๆแล้วเขาเป็นเพื่อนของข้าที่อยู่ที่หมู่บ้าน และที่เขามาที่นี่ ทำเรื่องวุ่นวายทั้งหมดก็มีต้นเหตุมาจากข้า แล้วตอนนี้เขากับเจ้าอสูรยัง...”





คุณคอกซ์เวิร์ธมองอาการอึกอักของเด็กหนุ่มอย่างเข้าใจเพราะทุกคนในคฤหาสน์ล้วนตกที่นั่งเดียวกัน ไม่มีใครเชื่อว่าร่างโชกเลือดที่พยายามพาโจชัวร์กลับมาอย่างปลอดภัยจะเป็นเจ้านายของพวกตน แต่ความเหมือนทั้งอากัปกริยา คำพูด การกระทำ ทุกสิ่งที่เขาแสดงออก และโดยเฉพาะดวงตายามทอดมองทุกดวงหน้ายิ่งให้ความรู้สึกเหมือนนายท่านราวกับพิมพ์เดียวกัน





“ทีแรกพวกเราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นที่จู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งมาอาละวาดแล้วบังคับพาตัวนายท่านเข้าไปในป่า พอกลับออกมากลับบอกว่าตัวเขาเองคือนายท่านที่ได้สลับวิญญาณเข้ามาอยู่ในร่างใหม่ ช่างเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก แต่ถึงอย่างนั้น... จากข้อพิสูจน์หลายอย่างก็ทำให้เชื่อได้ว่าชายผู้นั้นคือนายท่านจริงๆ”





“มันจะเป็นไปได้เหรอ?! แล้วถ้ามีอะไรผิดพลาด... ถ้าเขาไม่ใช่...”





ใบหน้ามากด้วยวัยยังคงมีรอยยิ้มบางๆ เมื่อคิดดูให้ดี หากคนๆหนึ่งถูกสาปให้กลายร่างเป็นอสูรได้ แล้วทำไมการที่วิญญาณของคนๆหนึ่งจะย้ายเข้าไปอยู่ในร่างของอีกคนจะเกิดขึ้นไม่ได้ หรืออาจจะเป็นเพราะทุกคนคุ้นเคยกับเรื่องมหัศจรรย์มานานจึงสามารถยอมรับเรื่องการสลับร่างได้ง่ายกว่าที่คิด และโดยส่วนตัวเขาเองก็เชื่อว่าแม้แต่เรื่องมหัศจรรย์ที่สุดก็ย่อมมีคำอธิบายและเหตุผลบางอย่างซ่อนอยู่





“ไม่ผิดเลยที่คุณจะสงสัยหรือต้องการหาทางพิสูจน์ แต่กระผมเชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนควรได้รับก็คือโอกาส ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ควรให้โอกาสชายผู้นี้ได้พิสูจน์ตัวเอง และให้โอกาสตัวคุณเองที่จะเปิดใจยอมรับเขาเหมือนที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว”





โจชัวร์เก็บเอาคำพูดของคุณคอกซ์เวิร์ธมาคิดตามอย่างหนัก เขาพยายามถามตัวเองว่าทำไมไม่อาจยอมรับเจ้าอสูรในร่างแกสตันได้ง่ายดายเหมือนกับคนอื่นๆ อาจเป็นเพราะเขารู้จักแกสตันมาก่อน และรู้ว่าแกสตันสามารถทำเรื่องร้ายกาจได้มากแค่ไหน เขาจึงไม่อาจวางใจว่าเรื่องประหลาดนี้จะไม่ใช่แผนการหนึ่งของคนเจ้าเล่ห์ที่หวังจะกำจัดและครอบครองทุกอย่างของเจ้าอสูรไปในคราวเดียวกัน





เมื่อหวนนึกถึงวาระสุดท้ายที่เหมือนฝันร้ายคอยตอกย้ำให้หัวใจเจ็บแปลบ ก็เหมือนได้เห็นภาพเดิมๆในมุมมองที่ต่างออกไป หากลองก้าวข้ามความเสียใจและเจ็บปวดกับความสูญเสียก็ต้องยอมรับว่ามีบางสิ่งของร่างในอ้อมแขนที่ชวนสะกิดใจ ดวงตาที่เคยทอประกายอบอุ่นกลับเข้มขึ้นจนเหมือนท้องน้ำดำมืด





“...ข้าไม่... ไม่ใช่...”





ถ้อยคำที่แทบจับความไม่ได้หากคิดดีๆแล้วก็ชวนให้สงสัยว่าเจ้าตัวต้องการสื่ออะไร





“...โจชัวร์... ข้ารักเจ้า... รักเจ้า... คนเดียว...”





ไหนจะคำบอกรักที่เหมือนเคยได้ยินผ่านหูมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ฟังแล้วกลับไม่รู้สึกว่าจะเป็นคำพูดของเจ้าอสูร เพราะเจ้าตัวชอบสื่อความรู้สึกด้วยการกระทำมากกว่า เขายังจำได้ว่าตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน คำรักเคยออกจากปากหนักๆนั้นเพียงแค่ครั้งเดียว 





“เข้าใจผิดแล้วเด็กน้อย ข้าไม่ได้ชอบ... แต่ข้ารักเจ้า รักมาก เหมือนที่เจ้าเองก็รักข้าไม่ต่างกัน”





เป็นถ้อยคำที่เพียงแค่นึกถึงก็ทำให้รู้สึกหวิวไหวเหมือนเจ้าตัวมากระซิบบอกที่ข้างหู





เขาถอนหายใจและหยิบกระจกขึ้นดูแม้จะรู้ว่าเปล่าประโยชน์ กระจกวิเศษไม่อาจสะท้อนอะไรได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความจริงที่แสนเจ็บปวดหรือความปรารถนาที่ซ่อนลึกอยู่ในจิตใจ ตัวเขาในตอนนี้ก็คงไม่ต่างกัน ในหัวเต็มไปด้วยฝ้าขาว สมองขุ่นมัวจนไม่อาจหาทางออกจากความคิดของตัวเองได้เลย










บรรยากาศของห้องพักคนเจ็บสงบเรียบร้อยลงเพราะขั้นตอนการรักษาพยาบาลทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงแต่รอดูอาการให้คนเจ็บฟื้นตัวเพื่อจะได้กลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด ไม่นานโจชัวร์ก็พบว่าเหลือตัวเขาอยู่เพียงลำพังที่ข้างเตียงนอนหลังใหญ่





“หากเจ้าอยากรู้เรื่องของนายท่าน เขาก็อยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว ไม่เห็นจะต้องมาถามข้าหรือใครคนอื่นเลยนี่”





เขาอมยิ้มอย่างนึกขันที่จู่ๆก็นึกถึงคำแนะนำของกระจกวิเศษ ครั้งนั้นเขาสงสัยในตัวเจ้าอสูร และน่าแปลกที่ครั้งนี้เขาก็ยังคงสงสัยในตัวคนที่ใครพากันเชื่อว่าคือเจ้าอสูร





สิ่งเดียวที่ทำได้คงเป็นการเฝ้ารอให้ผู้ต้องสงสัยฟื้นขึ้นมาเพื่อจะพิสูจน์ตัวตนที่แท้จริง แต่เวลาก็ผ่านไปจนเขาเริ่มกังวล คนเจ็บยังไม่ฟื้น ไม่มีอาการรู้สึกตัวแม้แต่น้อย แถมยังมีไข้สูงเป็นระยะจนทุกคนในคฤหาสน์พากันวุ่นวาย กินไม่ได้นอนไม่หลับไปตามๆกัน





“ข้าว่าบอกเขาไปตรงๆดีกว่าว่าทางเรายังไม่พร้อม ถ้า...” โจชัวร์เหลือบตามองอย่าชั่งใจ จนป่านนี้เขาก็ยังลังเลทุกครั้งที่จะเอ่ยปากเรียกคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง “คนเจ็บฟื้นเมื่อไหร่จะส่งคนไปแจ้งอีกทีแล้วค่อยมาเยี่ยมตอนนั้นจะสะดวกกว่า และฝากให้เรียนท่านเฮนรี่กับคุณหนูลิเดียด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง”





คุณพ่อบ้านรับคำสั่ง และวางของที่ถือติดมือมาลงบนโต๊ะใกล้ๆก่อนจะออกจากห้องไปด้วยอาการสำรวม ดวงตามากด้วยวัยเต็มไปด้วยความอ่อนล้าแต่ยังฉายแววชื่นชมเด็กหนุ่มที่แม้ปากจะบอกว่าสงสัยแต่ก็ไม่เคยอยู่ห่างจากเจ้านายของเขาเลยสักวินาทีเดียว





“อุณหภูมิลดลงเป็นปกติแล้ว รอบนี้น่าจะพอเบาใจได้ คุณโจชัวร์ไปพักบ้างเถอะขอรับ เดี๋ยวกระผมเฝ้านายท่านต่อให้เอง”





“ข้าไม่เป็นไร เจ้านั่นล่ะที่ควรไปพัก อย่างน้อยก็หลับสักงีบ เดี๋ยวก็ต้องออกไปตรวจงานที่ไร่อีกไม่ใช่เหรอ” 





โจชัวร์เอ่ยปากพลางส่งผ้าที่ใช้เช็ดตัวคนไข้คืนให้ เทียบกันแล้วงานดูแลคนป่วยนั้นจะมีก็แต่ความหนักใจ เรื่องเหนื่อยกายนั้นคงเทียบไม่ได้กับหน้าที่ที่ทุกคนรับผิดชอบอยู่ โดยเฉพาะลูมิแยร์ที่ต้องจัดการงานแทนเจ้าอสูรทั้งที่คอกม้าและแปลงเพาะปลูก คุณคอกซ์เวิร์ธจะคอยดูแลธุระต่างๆในเมือง ทั้งยังต้องออกหน้าระวังไม่ให้ข่าวการบาดเจ็บส่งผลให้เกิดความวุ่นวาย ส่วนอีกหนึ่งเรื่องสำคัญคือร่างของอสูรที่ถูกเก็บไว้ในถ้ำกลางป่านั้นก็ได้ถูกนำกลับมาทำพิธีอย่างถูกต้องและสมเกียรติ แต่ก็ยังต้องเก็บไว้เป็นความลับเพื่อจะเลี่ยงคำถามที่ไม่อาจหาคำตอบให้ได้





แม้จะหนักใจกับอาการของคนเจ็บ แต่ก็ยังมีเรื่องที่ทำให้ทุกคนในคฤหาสน์ได้อมยิ้ม ส่วนตัวโจชัวร์เองอยากจะขำก็ขำไม่ออก สิ่งที่คุณพ่อบ้านได้รับและนำมาวางอยู่บนโต๊ะให้นั้นคือบัตรเชิญดื่มน้ำชายามบ่ายซึ่งระบุตัวเขาเป็นผู้ถูกรับเชิญ เป็นธรรมเนียมของพ่อแม่ที่มีลูกในวัยสมควรออกเรือนจะเฟ้นหาผู้ที่เหมาะสมกับลูกๆของตนโดยการเชิญชายหนุ่มหรือหญิงสาวที่หมายตาให้มาร่วมดื่มน้ำชาเพื่อทำความรู้จักและพัฒนาความสัมพันธ์ในลำดับต่อไป





แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าส่งของประเภทนี้มาถึงเจ้าอสูร ส่วนตัวเขาความจริงเริ่มได้รับเชิญตั้งแต่มาถึงที่นี่ใหม่ๆ แต่คุณคอกซ์เวิร์ธบอกว่าเจ้าของคฤหาสน์สั่งให้กำจัดบัตรเชิญทุกใบในทันทีที่ส่งมาถึง เมื่อเจ้าตัวนอนป่วยอยู่อย่างนี้  บัตรเชิญจึงได้ตกมาถึงมือและทำให้เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเป็นที่ต้องการถึงขนาดที่ว่าบางบ้านอยากได้เป็นลูกเขย ในขณะที่อีกหลายบ้านก็อยากได้ไปเป็นสะใภ้





“รอบนี้สามต่อหนึ่งขอรับ แต่ถ้าคุณยอมให้พลูมแมทช่วยแต่งตัวให้สักหน่อย กระผมว่าสัดส่วนน่าจะกลับมาสูสีกันเหมือนเดิม”





ลูมิแยร์ถือวิสาสะเปิดดูเพื่อรายงานผล และสิ่งที่เขาถูกสั่งให้ทำจนกลายเป็นหน้าที่อีกอย่างหนึ่งก็คือนำบัตรเชิญทั้งหมดไป...





“วางไว้อย่างนั้นแหละลูมิแยร์ ไม่ต้องเก็บไปเผาหรอก ว่างๆข้าจะได้เอาไว้ดูเล่นบ้าง”





“แต่ว่าถ้านายท่านรู้เข้า... คงไม่ชอบใจแน่ๆ”





ลูมิแยร์ไม่วายเหลือบตามองคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง ตัวเขานั้นก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆที่ไม่อยากเชื่อแต่สุดท้ายก็สามารถยอมรับว่าชายผู้นี้คือนายท่าน และสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาหมดข้อกังขาก็คือหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักต่อคนเพียงคนเดียว เพราะแม้ในยามที่ใกล้จะหมดสติ ดวงตาสีอำพันคู่นั้นก็ยังมั่นคงขณะเอ่ยประโยคที่เขาได้ยินจนจำได้ขึ้นใจ





‘ข้าฝากโจชัวร์ด้วย ดูแลเขาดีๆ ต้องให้ดีกว่าที่ดูแลข้า เข้าใจมั้ยลูมิแยร์’





ตอนนั้นเขายังเผลอรับคำเหมือนที่เคยรับปากมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เมื่อลองสำรวจความรู้สึกก็ยิ่งไม่อาจปฏิเสธว่าชายผู้นี้คือคนที่เขาคุ้นเคยมาตั้งแต่จำความได้ คือเพื่อนตายและเจ้านายที่เขาจะจงรักภักดีไปตลอดชีวิต 





“เอาน่า ข้ารับผิดชอบเอง เจ้ากลับไปพักผ่อนได้แล้ว”





โจชัวร์ตัดบทและรีบยึดบัตรเชิญเอาไว้ เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นบัตรเชิญกับตาตัวเอง สัดส่วนสามต่อหนึ่งที่ลูมิแยร์พูดถึงคือจำนวนคู่ดูตัวของเขาที่ปรากฏว่าเป็นผู้หญิงสามกับหนึ่งหนุ่ม โชคยังดีที่เขาไม่เคยรู้จักครอบครัวหรือตัวชายหนุ่มผู้นี้ ไม่อย่างนั้นหากได้พบกันคงทำหน้าไม่ถูก





“โซฟี ลิลลี่ หืม! มิแรนด้าด้วยเหรอ แต่นางอายุมากกว่าข้าตั้งหลายปีเลยนะ” เขาลองไล่รายชื่อพลางนึกถึงสามสาวในบัตรเชิญ ชักสงสัยว่าพ่อแม่ของพวกนางจะรู้จักเขาจริงๆหรือเปล่า เพราะทำอย่างกับว่าแค่ขอให้ลูกสาวได้ดูตัวกับใครก็ได้ทั้งนั้น





ดวงตาสีน้ำตาลที่หม่นแสงลงไปทุกวันหันมองบนเตียงกว้าง แถบผ้าที่เคยพันไว้เกือบครึ่งศีรษะถูกถอดออกหมดแล้ว รอยฟกช้ำจางลงจนเกือบเป็นปกติ สิ่งที่ปรากฏชัดคือรอยกรีดลึกเป็นทางยาวจากหางตาพาดผ่านแก้มซ้ายทั้งซีก ผลจากการสลบติดต่อกันมาหลายวัน สิ่งที่ได้รับมีเพียงยาและน้ำที่ถูกป้อนให้โดยไม่รู้สึกตัว ร่างกายจึงเริ่มปรากฏความผ่ายผอม ใบหน้าซูบตอบลงจนแทบจะไม่เหลือเค้าหนุ่มรูปงาม





“คำเชิญพวกนี้ก็น่าสนใจดี ถ้าว่างๆข้าอาจจะไปพบพวกเขาก็ได้ เริ่มจากคุณหนูโซฟี ลิลลี่ แล้วก็มิแรนด้า แล้วถ้าขืนท่านยังไม่ตื่นมาห้าม ข้าจะไปดื่มน้ำชาที่บ้านตระกูลเพอร์คินส์จริงๆด้วย!”





โจชัวร์เอื้อมมือไปใกล้แผลเป็นตรงข้างแก้ม หากแผลแห้งสนิทและจางลงสักหน่อยคงจะดูคล้ายรอยน้ำตา





“... เจ้าอสูร...” หลายวันมาแล้วที่คำเรียกนี้ไม่เคยออกจากปาก ไม่ใช่แค่ความตะขิดตะขวงใจ แต่เพราะภาพของร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยเลือดจะวาบขึ้นมาตอกย้ำจนเขารู้สึกทนไม่ได้





“... แกส... ตัน...” นี่ยิ่งไม่ใช่ชื่อที่อยากจะเอ่ย หรือได้พบเจอเจ้าตัวอีกเป็นครั้งที่สอง แต่จะให้ทำอย่างไรในเมื่อหน้าตาแบบนี้ รูปร่างอย่างนี้ก็คือคนผู้นั้นไม่ผิดเพี้ยน





“... แมกซ์... แมกซิมิเลียน...” แม้จะไม่ชินปากหรือคุ้นความรู้สึก แต่เขาก็ลองเอ่ยเรียกเพราะนึกถึงเรื่องที่คุณคอกซ์เวิร์ธเล่าให้ฟังว่านายน้อยของคฤหาสน์เดิมมีนามว่าแมกซิมิเลียน เป็นชื่อที่ตั้งตามท่านปู่ของเขาซึ่งมีศักดิ์เป็นผู้ปกครองอาณาเขตแถบนี้ทั้งหมด แต่หลังจากที่โดนคำสาป ทุกคนก็พาเรียกขานว่าเจ้าอสูรจนอาจจะลืมชื่อจริงๆของเขาไปเสียแล้ว





แมกซิมิเลียน ชื่อที่ถูกลืมก็อาจเปรียบได้กับตัวตนที่พร่าเลือน น่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการเริ่มต้นทำความรู้จักและ... รักได้อีกครั้ง





“แมกซิมิเลียน... ได้ยินข้ามั้ย...” มือใหญ่ร้อนผ่าวถูกช้อนขึ้นมากุมไว้เพื่อส่งผ่านความคิดคำนึง “เมื่อไหร่ท่านจะตื่นสักที ได้โปรดเถอะ ลืมตาขึ้นมาแล้วบอกข้าทีว่าท่านคือใคร”





ดวงตาสีน้ำตาลเริ่มฉ่ำวาวด้วยหยดน้ำและแววตัดพ้อ แม้จะไม่ย่อท้อแต่บางครั้งก็รู้สึกเหนื่อยกับความพยายามที่ไม่เห็นผล อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวว่าหากสูญเสียอีกครั้งจะไม่สามารถเรียกคืนมาได้อีกเลย





“ไหนบอกว่าจะพาข้ากลับบ้าน... ถ้าที่นี่คือบ้านของเรา ข้าก็อยู่ตรงนี้แล้ว แล้วท่านล่ะอยู่ที่ไหน... ทำไมถึงไม่รู้สึกตัวสักที ฟื้นขึ้นมาได้แล้ว... ท่านบอกว่าจะรอข้ากลับมา ตอนนี้ข้าเองก็รอท่านอยู่นะ รออยู่ทุกลมหายใจ... เราจะได้อยู่ด้วยกันใช่มั้ย ท่านจะไม่ทิ้งข้าไป... ใช่มั้ย...”





โจชัวร์ก้มลงจรดริมฝีปากกับอุ้งมือใหญ่และนำมาแนบเข้าที่กลางอก ตัวเขาเองก็วางมือลงบนแผ่นอกที่ขยับขึ้นลงแผ่วเบา





“แมกซ์ ใครๆต่างก็บอกว่าท่านคือเจ้าอสูร ข้าไม่รู้ว่าท่านจะใช่เขาหรือไม่ แต่ข้าก็จะขอสารภาพกับท่านว่าข้ารักเจ้าอสูร ข้ารักเขามาก รักอย่างที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะรักใครได้อีกแล้ว... ข้าไม่รู้ว่าตอนนี้คนที่ข้ารักยังอยู่หรือจากไปแล้ว ข้าไม่รู้จริงๆ... แต่เจ้าอสูรเคยบอกว่าทั้งตัวและหัวใจของเขาล้วนเป็นของข้าคนเดียว ถ้าข้าเชื่อในคำมั่นนั้น มันจะหมายความว่าหัวใจของท่านก็เป็นของข้าด้วยหรือเปล่า...”





เขาเลื่อนฝ่ามืออุ่นขึ้นมาแนบแก้ม ซบใบหน้าลงเพื่อซ่อนความรู้สึก ที่ผ่านมาเขาพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง ไม่ร้องไห้ ไม่คร่ำครวญ ความเสียใจถูกเก็บขังจนถึงจุดหนึ่งก็ไม่ต่างจากกระแสน้ำสาดกระแทกทำนบจนพังทลาย กลายเป็นหยดน้ำตาที่ร่วงหล่นตามกันไม่ขาดสาย





 “ถ้าข้ายังหวังให้คนที่ข้ารักกลับคืนมาจะเป็นไปได้หรือไม่ ถ้าข้าจะวอนขอให้หัวใจของเราทั้งคู่กลับมาเต้นในจังหวะเดียวกันอีกครั้ง ท่านคิดว่าข้าจะสมหวังมั้ย... ข้าจะขอแลกทุกอย่างกับโอกาสที่ข้าจะได้พูดคำว่ารัก แค่ครั้งเดียวที่ข้าจะได้เห็นเงาของตัวเองในดวงตาคู่นี้ แล้วบอกว่าข้ารักท่าน ได้โปรดเถอะ ขอโอกาสให้ข้าสักครั้ง ข้าแค่อยากบอก...”





คำแสนสำคัญยิ่งทบทวีจนล้นอยู่ในอก อึดอัดที่ไม่อาจพูดออกไปให้อีกฝ่ายได้รับรู้











“ข้ารักเจ้า”










โจชัวร์รีบกลั้นหายใจเพื่อหยุดอาการสะอื้น บางทีเขาอาจจะร้องไห้ดังจนทำให้ตัวเองหูฝาดไป หรือม่านน้ำตาอาจทำให้เขาเห็นภาพลวงว่าเจ้าของฝ่ามืออุ่น... ฟื้นขึ้นมาแล้ว!





ใบหน้าซูบเซียวมีรอยยิ้มบางๆ เห็นชัดว่าเจ้าตัวกำลังฝืนแรงเพื่อลืมตาขึ้นให้กว้างที่สุด ดวงตาสีอำพันอาจจะยังไม่ส่งประกายสดใสแต่ก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยและงดงาม เมื่อเห็นคนที่มองอยู่พูดอะไรไม่ออกจึงมีเสียงกระแอมในคอก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆแต่ชัดเจนทุกถ้อยคำ





“ข้ารักเจ้า เด็กน้อย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้สิ้นลมหายใจอีกกี่ครั้ง ไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือความฝัน หัวใจของข้าจะเป็นของเจ้าคนเดียว”





“เจ้า... เอ่อ... ท่าน... ข้าควร...” ไม่เพียงแต่อาการสะอื้นที่ทำให้กำหนดลมหายใจไม่ถูก ความรู้สึกหลากหลายที่ปะดังเข้ามาก็ทำเอาเขาพูดไม่เป็นภาษา





คนเจ็บกลับเป็นฝ่ายช่วยคนสบายดีด้วยรอยยิ้มขันในแววตา ฝ่ามือใหญ่กำรวบมือที่กำลังสั่นเทาไปแนบไว้กับแผ่นอกอุ่น ทำให้ร่างเพรียวต้องกระเถิบตัวเข้าไปชิดแต่ก็ต้องระวังไม่ให้กระเทือนบาดแผลที่ยังไม่หายสนิท ซึ่งสรุปแล้วไม่รู้ว่าจะทำให้ดีขึ้นหรือยิ่งแย่กว่าเดิม





“เรียกข้าว่าแมกซิมิเลียนก็ได้ ที่จริงก็ไม่ได้ยินชื่อนี้มานานจนข้าเกือบลืมชื่อตัวเองไปแล้ว”





“แต่ถ้าท่านไม่ชอบ ข้าก็จะ...” ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างในขณะที่ถูกปิดปากด้วยรอยจูบ... อาจจะไม่ตรงตัวนัก แต่ก็ใกล้เคียงความหมายอย่างที่สุดเมื่อจู่ๆคนที่นอนอยู่ยื่นมือมาไล้ที่ริมฝีปากของเขาแล้วทำเช่นเดียวกันกับริมฝีปากตัวเอง





“ข้าเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือ อยากจะเรียกเช่นไรก็ตามใจ ขอแค่เจ้าเรียกหาแต่ข้าคนเดียวก็พอ”





โจชัวร์แอบค้อนด้วยความหมันไส้ เขาค่อยๆเอนตัวลงกับแผงอกกว้างอย่างระวัง ชอบที่สุดคือได้นอนฟังเสียงจังหวะหัวใจ เพราะนั่นคือสัญญาณของชีวิต คือหลักฐานที่ยืนยันว่าเขาจะไม่ถูกทิ้งเอาไว้กับความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว เขาได้หัวใจของเขาคืนมาแล้ว





“นี่ข้าคงไม่ได้ฝันไป เป็นท่านจริงๆใช่มั้ย”





“แล้วคนที่เจ้ากำลังฝันถึงคือใครกันล่ะโจชัวร์”






เด็กหนุ่มหลับตาลงอย่างอิ่มสุข สอดเรียวแขนกอดตอบอ้อมอกแสนอุ่น รับรู้ถึงรอยจูบที่ประทับลงบนหน้าผาก ไม่ว่าสิ่งที่รู้สึกอยู่ตอนนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือแค่ความฝัน แต่เขาก็ได้คำตอบที่แน่ชัดว่าคนผู้นี้คือฝันที่กลายเป็นจริง คือคนที่จะเป็นทุกอย่างในชีวิต คอยเช็ดน้ำตาและปัดเป่าความเศร้าหมอง ให้ไออุ่นในยามที่เหน็บหนาว ปกป้องด้วยอ้อมกอดที่อ่อนโยน และรักเขาด้วยหัวใจอันสุดแสนพิเศษอย่างแท้จริง

















จริงๆในบางเวอร์ชันเจ้าชายอสูรก็มีชื่อนะคะ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เอ่ยถึง เรียกกันแต่เดอะบีสต์

ส่วนของเราถ้าถามว่าชื่อแมกซิมิเลียนนี้ท่านได้แต่ใดมา ก็ขอตอบใช้คำตอบเดิมๆที่ว่า จู่ๆมันก็แว้บขึ้นมาค่ะ

ตอนนั้นแวบมาสองชื่อ แมกซิมิเลียน กับ มาร์คัส แล้วก็เลือกชื่อแรกด้วยความที่ฟังแล้วอลังการดีค่ะ






ในส่วนเนื้อเรื่องก็ถือว่าเริ่มจะโล่งอกขึ้นแล้ว

แล้วอาทิตย์หน้าโจชัวร์จะมาเล่าตอนจบของนิทานเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูรให้ฟังกัน

หือออ มันใช่เหรอ??



















^__^







----- Mine -----










หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 20 (3/9/17)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 03-09-2017 07:46:42
พึ่งได้มาอ่านพาส 2 กับตอนใหม่ต่อกัน
ในฐานะคนอ่านนะคะ บอกเล่าความรู้สึกกันนะ
เรามันชอบเลยที่สลับไปเป็นแกสตัน มันรู้สึกว่า เราเกลียดคนนี้ ไม่ชอบคนนี้ แล้วต้องมาทำใจให้รักชอบกัน ต่อให้รู้ว่าเนื้อแท้เป็นใครก็เถอะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 20 (3/9/17)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-09-2017 12:05:11
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 20 (3/9/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-09-2017 12:30:57
 :katai2-1: :hao7: :katai2-1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 20 (3/9/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-09-2017 14:02:48
ออกจากร่างแกสตันได้ไหมคะ ไม่โอเคเลย รู้สึกแปลกๆ แบบจะหวานก็ไม่สุด   :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH.21 THE END (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 10-09-2017 05:03:40
























Heartbeat 

















: A Retelling of Beauty and the Beast












ถึงตอนจบของนิทานแล้ว

แอบใจหายแต่ก็รู้สึกสนุกมากได้เขียนนิยายเรื่องนี้

เรื่องราวอันแสนมหัศจรรย์จะจบลงอีท่าไหน ไปลุ้นกันจนกว่าจะได้เห็น The End เลยจ้า

























21














ในชั่วขณะที่ร่างกายลอยคว้าง สติของเจ้าอสูรกลับมุ่งมั่นไปตามแรงสัญชาติญาณ และความรู้สึกที่สามารถคว้าร่างเพรียวบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนได้ทำให้เขาโล่งอกจนลืมสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองไปจนหมด กระทั่งยามลงสู่พื้นด้วยแรงกระแทกมหาศาลยังเหมือนล้มลงบนฟูก ไม่ได้กลิ่นคาวเลือด ลืมว่ามีลูกกระสุนฝังอยู่ในร่าง พูดได้เต็มปากว่าเขาไม่เหลือความรู้สึกใดๆอีกเลยนอกจากความสุขที่สามารถปกป้องคนที่เขารักไว้ได้อีกครั้ง 





หลังจากที่เวลาน่าจะผ่านไปครู่ใหญ่ เขาค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียก แล้วก็ต้องผงะจนเกือบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้เห็นร่างโชกเลือดในอ้อมแขนของโจชัวร์ เพราะอย่างที่บอก แม้จะไม่เคยเห็นทุกส่วนของร่างกายตัวเองชัดเจนขนาดนี้มาก่อน แต่ก็มั่นใจว่านั่นคือร่างอสูรที่อยู่กับเขามากว่าค่อนชีวิต ถ้าเขาไม่ได้ตาฝาด และท่าทางของโจชัวร์ที่ไม่ได้กำลังล้อเล่นก็หมายความว่าเขาในตอนนี้คือวิญญาณที่หลุดออกจากร่าง หรือจะพูดให้ง่ายกว่านั้นก็คือ... เขาตายแล้ว!





“นายท่าน... เจ้าอสูร... ได้ยินมั้ย ลืมตามามองข้าสิ เจ้าอสูร!”





เขามองโจชัวร์และยิ้มให้กับทั้งโชคร้ายและโชคดีที่จู่โจมเข้ามาพร้อมกัน เขาไม่อาจตอบรับเสียงเรียกนั้นได้อีกแล้ว แต่อย่างน้อยในวาระสุดท้าย เขาก็สามารถปกป้องคนที่เป็นเสมือนดวงใจ หวังว่าจากนี้ไปเด็กน้อยของเขาจะได้มีชีวิตที่มีความสุข และสมหวังในทุกสิ่งที่ปรารถนา





เขารู้สึกละอายที่เป็นต้นเหตุของความโศกเศร้า ไม่อาจทนฟังเสียงเรียกหรือเห็นน้ำตาได้อีกจึงจำต้องตัดใจหันหลังเพื่อจากไปตามทาง





“เดี๋ยวก่อน!”





คนที่หยุดเขาไว้ ไม่ใช่สิ! สิ่งที่หยุดเขาไว้คือวิญญาณอีกดวงที่อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสไม่น้อยไปกว่ากัน ดูจากสีหน้าแล้วก็คงตกใจกับสถานะที่ไร้ชีวิตแบบปุบปับนี้เช่นกัน





“เจ้าจะไปไหนอสูร โจชัวร์เรียกเจ้าอยู่ ไม่ได้ยินหรือไง?!” แกสตันร้องถาม ยิ่งหันไปเห็นความพยายามของโจชัวร์ที่จะปลุกเจ้าอสูรขึ้นมาให้ได้ก็ยิ่งรู้สึกปวดใจ “เขาต้องการเจ้า แล้วเจ้าจะจากไปง่ายๆอย่างนี้น่ะเหรอ?!”





“ไม่มีประโยชน์ ข้าไม่มีโอกาสที่จะได้อยู่กับเขาอีกแล้ว” เขาเบือนหน้าหนี อยากจะอุดหูเพื่อจะไม่ได้ยินเสียงที่รังแต่จะกรีดลึกลงในใจ





“ทำไมล่ะ เจ้าจะบอกว่าไม่มีโอกาสได้อย่างไรในเมื่อโจชัวร์ก็อยู่ตรงนี้แล้ว เขาไม่ได้ผิดสัญญา เขาพยายามทุกอย่างที่จะกลับมาหาเจ้า แต่เป็นข้า... ข้าทำผิดไป ข้าพยายามรั้งเขาไว้ทั้งที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์ ข้าอยากทำให้เขารักจนกลายเป็นการทำร้าย แต่ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจ ไม่เคยคิดเลยว่าจะทำให้เขาเสียใจ” เมื่อนึกถึงสิ่งที่ได้ทำลงไป ความรู้สึกผิดก็ท่วมท้นจนพูดไม่ออก ทั้งยังละอายที่ต้องมาสารภาพผิดในเวลาที่สายไป





“ข้าว่าเจ้ายังมีโอกาสแก้ตัว รีบกลับเข้าร่างเถอะ กลับไปกล่าวคำขอโทษและอย่าทำผิดพลาดซ้ำอีก ข้าเชื่อว่าโจชัวร์จะให้อภัยเจ้าได้” เจ้าอสูรเอ่ยด้วยใจเป็นกลาง ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าอีกฝ่ายยังพอมีหวัง ผิดกับตัวเขาที่บอบช้ำเกินเยียวยา แม้จะฝืนก็คงเป็นเพียงการยื้อเวลาสูญเสียเท่านั้น





“ฝากโจชัวร์ด้วยเพราะข้าไม่มีโอกาสดูแลเขาอีกแล้ว”





“ขอบคุณ” แกสตันสบดวงตาสีอำพันแล้วเอ่ยออกจากใจ ความรู้สึกที่ชัดเจนของทุกฝ่ายทำให้เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง





“ข้าสัญญาว่าจะทำให้โจชัวร์มีความสุขให้ได้”





เมื่ออีกฝ่ายเลือนหายไป เจ้าอสูรจึงตัดใจหันหลังกลับ ถึงเวลาที่ต้องจากไปจริงๆเสียที





“โจ...”





เขาชะงักอีกครั้งกับเสียงที่ไม่เชิงคุ้นหู เมื่อหันกลับไปยิ่งไม่อาจบรรยายความรู้สึกต่อสิ่งที่เกิดขึ้น การได้เห็นตัวเองกลับมามีชีวิตก็ส่วนหนึ่ง สภาพบาดเจ็บสาหัสชนิดที่แค่เอ่ยปากก็กระอักเลือดนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่เขาข้องใจที่สุดคงหนีไม่พ้นจุดประสงค์ของคนที่กล้าเอาชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพัน การกลับเข้าไปอยู่ในร่างที่ไม่อาจมีลมหายใจต่อไปได้จะมีประโยชน์อะไรกัน 





“ขะ... ขอโทษ...”





ในที่สุด เขาก็เริ่มเข้าใจและรู้สึกนับถืออดีตศัตรูหัวใจผู้นี้ไม่น้อย แกสตันรู้สึกผิดจากใจจริงจึงต้องการเอ่ยคำขอโทษเพื่อจะไม่ต้องมีสิ่งใดติดค้างใจ และเขาคงต้องการเพียงโอกาสที่จะได้บอก...





“โจชัวร์... ข้ารักเจ้า... รักเจ้า... คนเดียว...”





นั่นคือคำพูดที่เอ่ยออกมาพร้อมลมหายใจสุดท้ายของร่างกายที่บอบช้ำเกินเยียวยา แม้แต่เขาซึ่งตอนนี้ถือเป็นคนนอกยังรู้สึกได้ถึงหัวใจที่ยิ่งใหญ่ ความรักของแกสตันไม่ใช่เรื่องหลอกลวง และเขาหวังว่าสักวันโจชัวร์จะได้รับรู้ความจริงในข้อนี้





“...ได้ยินข้ามั้ยเจ้าอสูร ลืมตาสิ ลืมตามามองข้า! ลุกขึ้นมา เราต้องรีบกลับไป ทุกคนกำลังรออยู่ เจ้าต้องลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”





เขาลังเลที่จะต้องตัดใจอีกครั้ง ทั้งๆที่ไม่มีร่างกายกลับรู้สึกหนักจนไม่อาจขยับตัว โจชัวร์กำลังพยายามปลุกคนที่เหมือนแค่นอนหลับไปทั้งที่รู้ว่าหมดหวัง เห็นแล้วยังแอบคิดว่าหากโดนเข้าไปขนาดนั้นคงจะเจ็บไม่ใช่น้อย เหมือนอย่างตอนนี้ที่เขาเริ่มรู้สึกอึดอัด แขนขาเหมือนโดนถ่วงให้หนัก พอพยายามขยับก็จะรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัว





“นายท่าน...”





เสียงเรียกยังแว่วอยู่ในหู แต่เขากลับมองไม่เห็นอะไรเลย พยายามจะลืมตาก็ทำไม่ได้อย่างใจ





“เป็นอะไรไป เมื่อครู่ก็ยังดีๆอยู่ หรือว่าจะมีไข้อีกแล้ว”





มีบางสิ่งวางลงบนหน้าผาก และสัมผัสไปยังส่วนอื่นๆอย่างนุ่มนวล





“ท่านกำลังฝันร้ายอยู่เหรอแมกซิมิเลียน ถ้าได้ยินก็ลืมตามามองข้าสักนิด นะครับที่รัก”





เห็นได้ชัดว่าหัวใจของเขาตอบรับกับน้ำเสียงนั้นเพราะเพียงแค่ได้ยินหัวใจก็ไหวระริก เลือดในกายสูบฉีดไปทั่วร่าง เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เชิงเป็นความฝันเสียทั้งหมด เขาเคยเกือบตายไปแล้วจริงๆ ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพคนเจ็บที่กำลังฟื้นตัว และไม่ว่าร่างกายนี้จะเคยเป็นของใคร เขาก็แน่ใจในตัวตนว่าไม่ใช่ทั้งเจ้าอสูรผู้อัปลักษณ์ หรือแกสตันขวัญใจของสาวๆ แต่คือ แมกซิมิเลียน ชายหนุ่มผู้มีความสุขที่สุดในโลกเพราะมีคนที่เขารักเท่าชีวิตคอยอยู่เคียงข้าง และรายล้อมด้วยบริวารที่จงรักภักดี





ทว่า... ก็ยังต้องทนทรมานกับตัวยาขมปี๋อย่างเลี่ยงไม่ได้!





“ยานี่เยอะขึ้นหรือเปล่า ทำไมยิ่งกิน ถ้วยมันก็ยิ่งใหญ่ขึ้นล่ะ”





“ถ้วยใบเดิม ยาเท่าเดิม ตัวยาก็สูตรเดิม” โจชัวร์เก็กตอบเสียงขรึมทั้งที่นึกขำสีหน้าราวกับจะต้องกลืนยาพิษ จริงๆเขาเองก็อดสงสารคนเจ็บไม่ได้ เพราะขนาดยาสำหรับคนที่มีรอยฟกช้ำเล็กน้อยยังทำให้เขาต้องดื่มน้ำล้างคอจนอิ่ม ไม่อยากคิดเลยว่ายาสำหรับคนที่มีอาการปางตายจะมีรสชาติเกินคำบรรยายแค่ไหน





“แต่ข้าว่าท่าทางมันจะขมกว่าเดิมนะ” แมกซิมิเลียนยังพยายามเลี่ยงเพราะแค่กลิ่นที่โชยเข้าจมูกก็ทำให้รู้สึกขมคอเสียแล้ว





“ก็ถ้าเมื่อเช้า ท่านไม่แกล้งทำเป็นหลับแล้วยอมกินยาตามปกติ มิสซิสพอทส์ก็คงไม่สั่งให้เพิ่มเวลาเคี่ยวยาให้นานขึ้นหรอก เพราะฉะนั้นท่านเลิกงอแงแล้วยอมกินดีๆดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าไม่รับประกันว่ายาถ้วยต่อไปอาจจะทั้งใหญ่และข้นคลั่กกว่านี้ก็เป็นได้”





โจชัวร์วางถ้วยยาใส่มือคนเจ็บแล้วโอบมือประคองไว้อีกชั้น เป็นวิธีบังคับคนกินยายากที่ค่อนข้างได้ผล เพราะสุดท้ายแมกซิมิเลียนก็ยอมยกถ้วยขึ้นจรดริมฝีปาก กลั้นหายใจแล้วดื่มเข้าไปหมดในรวดเดียว เสร็จแล้วเขาแทบจะโยนถ้วยทิ้ง ไม่วายออกปากบ่นเจ้าของตำรับยาเหมือนทุกครั้ง





“มิสซิสพอทส์น่าจะเอาฝีมือทำกับข้าวมาใช้บ้างนะ เผื่อว่ายาที่ต้มจะอร่อยขึ้นสักนิดก็ยังดี”





โจชัวร์แอบค้อนแทนคนถูกบ่น รู้ว่าทั้งหมดเป็นแค่ลูกเล่นของคนเจ้ามารยาเท่านั้น เพราะไม่เห็นว่าจะแสดงอาการขมปากขมคอหรือต้องดื่มอะไรตามเพื่อล้างปากสักนิด





“ท่านก็อย่าทำตัวเป็นเด็กกินยายากไปหน่อยเลยน่ะ”





“เจ้าลองดูมั้ยล่ะจะได้เข้าใจความรู้สึกของข้าบ้าง”





ดวงตาสีอำพันฉายประกายเจ้าเล่ห์ขณะดึงร่างเพรียวบางเข้าสู่อ้อมแขนแบบไม่ทันให้ตั้งตัว เป็นความลับที่รู้กันตั้งแต่ตอนที่โจชัวร์แอบหนีแล้วหลงอยู่ในป่า ครั้งนั้นเจ้าอสูรได้รับบาดเจ็บกลับมาจึงถือโอกาสสร้างเงื่อนไขว่าเมื่อใดที่เขาถูกบังคับให้ดื่มยาก็จะได้รางวัลเป็นจุมพิตจากพยาบาลพิเศษ หากจะว่าไปก็นับเป็นหลักฐานอีกชิ้นที่ยืนยันได้ว่าชายผู้นี้คือจอมอสูรเจ้าเล่ห์ตัวจริง





“พินช์ก็อยู่ด้วย...”





โจชัวร์บ่นอุบพลางเหลียวหาทางหนีทีไล่ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องหนังสือ ก่อนที่เขาจะออกไปเอายา พินช์ยังนอนอ่านนิทานอยู่บนพรมตรงหน้า แต่พอกลับมาก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน ถ้าออกไปวิ่งเล่นข้างนอกแล้วก็ดีไป เพราะสิ่งที่เขากำลังถูกขอให้ทำมันค่อนข้างจะ... ประเจิดประเจ้อ





“ไม่เป็นไรหรอก เจ้าหนูนั่นคงยังหาหนังสือเพลินอยู่ เถอะนะโจชัวร์ ขอจูบหวานๆล้างรสเฝื่อนในปากข้าสักที”





อดีตเจ้าอสูรเอ่ยอ้อนเสียงนุ่มแล้ววางริมฝีปากของตนแนบสนิทลง ไรหนวดครูดผิวเนื้อจนเจ้าของแก้มเนียนหลุดเสียงหัวเราะคิก ริมฝีปากอุ่นลากต่ำลงแล้วขบเม้มลำคอขาวจนขึ้นเป็นรอย





“อ๊ะ! ไหนบอกว่าจะจูบ...”





โจชัวร์ส่งเสียงประท้วงเบาๆจึงถูกปิดปากให้เงียบสนิท เขาหลับตาลง เสพย์รสขมเฝื่อนที่แทรกลึกเข้ามาด้วยความเต็มใจ ส่วนแมกซิมิเลียนนั้นยิ่งดื่มด่ำรสหวานละมุน ทั้งกระหวัดรัดลิ้นเล็กที่ตอบรับสัมผัส และดูดดึงริมฝีปากแสนเย้ายวน เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ถวิลหา อยากจะกอด อยากจะจูบ อยากจะได้สัมผัสเด็กหนุ่มคนนี้ทั้งในยามหลับหรือตื่น รสเสน่หาที่ได้รับราวกับยาเสพย์ติดที่ทำให้เขาไปไหนไม่รอด ไม่ต้องรอให้สิ้นลมหายใจ แค่ต้องอยู่ห่างสักนิดเขาก็คงรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น





ยาถ้วยไม่ไหญ่ แต่กรรมวิธีล้างรสเฝื่อนกลับไม่จบลงง่ายๆ ริมฝีปากสวยแดงช้ำเพราะโดนจูบแล้วยังต้องเม้มให้สนิทเพื่อไม่ให้มีเสียงครางเล็ดลอดออกมาในขณะที่เนื้อตัวของตนถูกเปิดเปลือยเพื่อให้ริมฝีปากอุ่นซุกไซ้ ฝากรอยช้ำย้ำลงทั้งจุดเก่าและใหม่ ชายหนุ่มมองผลงานของตนอย่างพอใจ แต่พอถูกดวงตาฉ่ำวาวมองค้อน กล่าวโทษที่ถูกล่วงเกิน เขาจึงตั้งใจจะง้อด้วย...





“พี่โจ! เจอแล้วๆ อยู่นี่ไงฮะ” 





ภวังค์อารมณ์ที่ลุกโชนมอดลงราวกับเปลวไฟที่ถูกกลบทับด้วยหิมะกองใหญ่ ดับสนิท ไม่เหลือแม้แต่ควัน แต่คงไม่อาจลบหลักฐานไปได้อย่างหมดจด 





“อ้าว! พี่โจกัดปากตัวเองทำไม หูยยย แดงแจ๋เลย ไม่เจ็บเหรอฮะ”





โจชัวร์จนใจจะอธิบาย ส่วนตัวการก็เอาแต่อมยิ้ม ไม่คิดจะช่วยแก้ต่าง แต่ยังดีที่รู้จักปิดปากเงียบ ไม่เผยพิรุธให้เด็กยิ่งสงสัย เขาจึงรีบเปลี่ยนประเด็นไปยังหนังสือเล่มที่เด็กน้อยชูโร่มาแต่ไกล





“พินช์ไปเจออะไรมาเหรอ เอ๊ะ! นี่มัน...”





อาการที่เด็กหนุ่มสะดุดใจเรียกให้คนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังยื่นหน้ามาขอดู ปกหนังสือเป็นภาพพิมพ์รูปคล้ายสิงโตกับผู้หญิงและดอกกุหลาบดอกใหญ่พาดทับชวนให้เขารู้สึกคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้อ่านหรือเห็นอยู่ในชั้นหนังสือของตนมาก่อน





“หนูจำรูปนี้ได้ มันเหมือนกับนิทานเรื่องที่พี่โจยังเล่าไม่จบ ใช่มั้ยฮะ” หนูน้อยร้องถาม เมื่อได้คำตอบก็รีบบอกด้วยความกระตือรือร้น “งั้นพี่โจอ่านต่อสิฮะ อ่านเลยนะ หนูอยากฟัง”





พินช์ปีนขึ้นมาบนเก้าอี้ตัวยาวแล้วเอนตัวลงหนุนตักเพื่อรอฟังนิทาน ถือเป็นท่าประจำที่ทำเอาเจ้าของคฤหาสน์รู้สึกอิจฉาแต่ทำอะไรไม่ได้ เจ้าของหน้าตักก็มัวแต่เปิดหนังสือดูด้วยความสนใจ เขาเลยถือโอกาสสอดแขนโอบรอบเอวบางแล้วดึงตัวให้เอนลงมาพิงอก แถมยังดึงหนังสือไปช่วยถือไว้ เหลือหน้าที่ให้คนอ่านแค่ออกแรงพลิกหน้ากระดาษ เพราะอย่างนี้เขาจึงได้รางวัลเป็นยิ้มหวานและรอยอุ่นที่ข้างแก้ม ก็ถือว่าได้ประโยชน์กันไปทุกฝ่าย 





หลังจากกวาดสายตาคร่าวๆ โจชัวร์ก็พบว่านิทานเล่มนี้คือ โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ที่เริ่มเรื่องแล้วทิ้งค้างไว้อย่างน่าสงสัย เหมือนจู่ๆหน้าที่ว่างก็ปรากฏตัวอักษรขึ้นอย่างอัศจรรย์ แต่เขาก็คร้านจะหาเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เมื่อกวาดสายตาจนเจอตอนที่อ่านค้างไว้แล้วจึงเริ่มอ่านต่อ...





“... ณ หมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลออกไปยังมีพ่อค้าคนหนึ่งผู้เคยมีฐานะร่ำรวย แต่หลังจากการค้าประสบปัญหา เรือสินค้าทั้งหมดอับปางกลางทะเลทำให้เขาถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องหอบหิ้วครอบครัวย้ายมาตั้งรกรากในที่ห่างไกล เขามีลูกสาวสามคน พวกนางล้วนแต่งดงาม น่ารัก โดยเฉพาะ บิวตี้ ลูกสาวคนสุดท้องซึ่งกลายเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆทั้งหมู่บ้าน
อยู่มาวันหนึ่งมีจดหมายมาถึงพ่อค้าแจ้งว่าพบเรือสินค้าลำสุดท้ายเหลือรอดจากพายุ เขาดีใจมากเพราะนั่นจะทำให้ครอบครัวได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้ง ก่อนออกเดินทางกลับเข้าไปในเมือง ลูกสาวทั้งสองต่างร้องขอของขวัญมากมาย แต่บิวตี้นั้นห่วงความปลอดภัยของผู้เป็นพ่อเหนือสิ่งอื่นใด เธอจึงขอแค่เพียงกุหลาบสักดอกที่พ่อพบระหว่างทาง...”






เพียงแค่เริ่มต้น โจชัวร์ก็ต้องประหลาดใจกับความคล้ายคลึงอย่างน่าประหลาด จะผิดกันก็แค่พ่อของเขามีลูกทั้งหมดสี่คน และเขาซึ่งเป็นคนสุดท้องก็ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่อย่างนั้นเขาคงรู้สึกว่ากำลังอ่านเรื่องของตัวเองอยู่





“... เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ข่าวเรื่องเรือสินค้าไม่เป็นความจริง พ่อค้าต้องกลับบ้านพร้อมความผิดหวัง ระหว่างที่เดินทางผ่านป่าด้วยความยากลำบาก ทั้งเหนื่อยล้าและหิวโหย เขาได้พบปราสาทลึกลับที่กลางป่า เมื่อเข้าไปด้านในก็พบว่าเป็นปราสาทที่ร้างไร้ผู้คนแต่กลับอบอุ่นด้วยไฟจากเตาผิง มีอาหารค่ำเลิศรสและเตียงนอนแสนอุ่นที่ช่วยให้เขามีชีวิตผ่านค่ำคืนอันโหดร้ายไปได้





ตื่นเช้ามาอีกวัน พ่อค้าเดินทางออกจากปราสาทด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง และระหว่างที่ผ่านสวนดอกไม้ซึ่งเต็มไปด้วยต้นกุหลาบที่แสนงดงาม เขาพลันนึกถึงคำขอของบิวตี้จึงตั้งใจจะเด็ดกุหลาบสักหนึ่งดอกกลับไปฝากนาง แต่ทันทีที่ทำเช่นนั้น เจ้าชายอสูรผู้มีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวก็ปรากฏตัวและกล่าวโทษต่อการกระทำอันอุกอาจ...”






โจชัวร์เหลียวไปมองคนข้างกายที่กำลังตั้งใจฟัง เจ้าอสูรของเขายามนี้คือชายหนุ่มที่ดูเป็นตัวของตัวเองขึ้นทุกวัน เขาอาจจะคิดไปเอง หรืออาจเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่อาจอธิบายได้เหมือนกับสีของนัยน์ตาคู่นี้ อาการบาดเจ็บส่งผลทางอ้อมทำให้เค้าหน้าของหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆเริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลง ผิวกระจ่างใสตัดกับไรหนวดและเครายาวขึ้นสีครึ้มขับโครงหน้าให้ยิ่งชัดเจน คมเข้ม ประกายตาสีอำพันส่งให้ดูมีอำนาจ น่าเกรงขาม ทว่าแผลเป็นคล้ายรอยน้ำตากลับให้ความรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว ทุกอย่างประกอบกันจนกลายเป็นชายหนุ่มที่ดูมีมิติทางอารมณ์หลากหลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ





“เจ้าชายอสูรนี่แย่จริง น่าเกลียดแล้วยังทำตัวร้ายกาจอีก ถ้าเขาเหมือนข้าได้สักครึ่งก็คงสบายไปแล้ว”





โจชัวร์ฟังแล้วก็อดถลึงตาใส่คนอวดตัวด้วยความหมันไส้ไม่ได้












ยาวไปค่ะ ต่อด้านล่างนะคะ











หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH.CH.21 THE END (จบแล้วจ
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 10-09-2017 05:13:36









ไปฟังนิทานกันต่อเลย



















“... พ่อค้าพยายามร้องขอชีวิต เขาอธิบายเหตุผลและเล่าถึงลูกสาวทั้งสาม เมื่อเจ้าชายได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดก็ตัดสินใจให้โอกาส เขายอมละเว้นชีวิตของพ่อค้าโดยแลกกับการส่งลูกสาวคนใดคนหนึ่งให้มาอยู่กับเขาที่ปราสาท พ่อค้าจำต้องรับข้อเสนอและกลับบ้านด้วยความปวดใจอย่างที่สุด





พี่สาวทั้งสองกล่าวโทษบิวตี้ว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ซึ่งเธอก็ยอมรับและตั้งใจจะกลับไปรับโทษแทนผู้เป็นพ่อ บิวตี้ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อได้พบกับเจ้าชายอสูรผู้เป็นเจ้าของปราสาท แต่อย่างน้อยเจ้าชายก็ต้อนรับเธอด้วยความเป็นมิตร เมื่อได้รู้ว่าเธอเต็มใจมาที่นี่ด้วยตนเองก็รู้สึกชื่นชมและหวังว่าเธอจะอาศัยอยู่ที่ปราสาทอย่างสุขสบายทั้งกายและใจ





บิวตี้พบว่าการใช้ชีวิตอยู่ในปราสาทแห่งนี้ไม่ได้น่ากลัวหรือเลวร้ายอย่างที่คิด เธอได้พักในห้องที่ใหญ่โต หรูหรา มีคนคอยรับใช้ มีเสื้อผ้าวิจิตรงดงาม ได้ลิ้มลองอาหารรสเลิศ เวลาว่างเธอจะอ่านหนังสือ เล่นดนตรี เล่นกับแมวแสนสวยหรือไม่ก็คุยกับเจ้านกแสนรู้ นอกจากนี้เจ้าชายยังมอบกระจกวิเศษที่ทำให้เธอได้เห็นภาพของพ่อและพี่ๆซึ่งช่วยให้เธอคลายความคิดถึงบ้านไปได้มากทีเดียว





สิ่งเดียวที่เจ้าชายอสูรร้องขอและทำให้เธอรู้สึกอึดอัดคือการต้องพบหน้ากันในตอนมื้อค่ำ เพราะหลังจากจบมื้ออาหารทุกครั้ง เขาจะเอ่ยกับเธอว่า...





“ตัวข้านั้นทั้งอัปลักษณ์และขลาดเขลา แต่ข้าก็รักเจ้า เจ้าจะแต่งงานกับข้าได้หรือไม่บิวตี้”





แน่นอนว่าเธอไม่อาจทำใจตอบรับคำขอนั้น เธอไม่คิดว่าจะสามารถหลงรักผู้ที่มีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์เช่นเขาจึงได้แต่ตอบออกไปว่า...





“ไม่ค่ะเจ้าชาย”





ทีแรกเธอนึกกลัวว่าเจ้าชายจะโกรธที่ถูกปฏิเสธ แต่เขาแค่ถอนหายใจและลุกจากโต๊ะไปด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเพียรถามและรับคำปฏิเสธจากเธออยู่ทุกค่ำคืน...”






โจชัวร์นิ่งอึ้งไปกับความเหมือนระหว่างความจริงกับเรื่องเล่าอีกครั้ง ทั้งเรื่องที่หญิงสาวต้องมาอยู่ที่ปราสาทเพื่อรับผิดแทนพ่อ กระจกวิเศษ และการขอแต่งงานในทุกค่ำคืน และเพียงหันหน้าไปก็พบดวงตาสีอำพันที่มองอยู่ก่อนแล้ว





“ข้าไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็น ยังไงนะ...” ชายหนุ่มก้มลงมองหน้ากระดาษแวบหนึ่ง “อัปลักษณ์และขลาดเขลา” พอเห็นคนฟังอมยิ้มก็เอ่ยต่อ “และเจ้าก็ไม่ใช่บิวตี้ของเจ้าชายอสูรหน้าโง่นั่น แต่เจ้าคือโจชัวร์ ดวงใจของข้า เข้าใจหรือเปล่า”





โจชัวร์ผงะหนีเพราะคนถามเล่นยื่นหน้าเข้ามา พินช์ยังนอนมองตาแป๋ว จะให้เขายอมโดนจูบต่อหน้าเด็กได้อย่างไร 





“... กระทั่งวันหนึ่งเธอเห็นภาพจากกระจกวิเศษว่าพ่อกำลังล้มป่วยจึงขออนุญาตเจ้าชายเพื่อกลับบ้าน โดยสัญญาว่าจะกลับมาหาเขาอย่างแน่นอน เขาอนุญาตโดยมีเงื่อนไขว่าเธอจะต้องกลับมาภายในหนึ่งอาทิตย์ ไม่เช่นนั้นตัวเขาซึ่งรักเธอมากเหลือเกินก็คงจะสิ้นใจไปด้วยความความโศกเศร้า พร้อมกันนี้ยังได้มอบแหวนวิเศษที่จะทำให้เธอเดินทางไปที่ไหนก็ได้ เพียงหมุนหัวแหวนก่อนเข้านอน เมื่อตื่นมาก็จะพบตัวเองไปอยู่ในที่ที่ต้องการ





เช้าวันต่อมา บิวตี้ตื่นขึ้นมาในบ้านของเธอท่ามกลางความยินดีของผู้เป็นพ่อที่คิดถึงเธออย่างสุดหัวใจ แต่ทว่าพี่สาวทั้งสองกลับรู้สึกอิจฉาและละโมบ อยากจะได้อยู่ในปราสาทใหญ่โตและมีชีวิตสุขสบายราวกับเจ้าหญิงเหมือนอย่างน้องสาวบ้าง ทั้งสองจึงวางแผนรั้งตัวบิวตี้ไว้จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกินกว่ากำหนดที่เจ้าชายให้ไว้





คืนหนึ่งบิวตี้ฝันเห็นเจ้าชายอสูรกำลังนอนสิ้นใจอยู่ข้างกอกุหลาบ เธอตกใจตื่นและรู้ตัวว่าได้ทำผิดสัญญาเสียแล้ว เธอจึงรีบหมุนหัวแหวนและตื่นมาอีกครั้งที่ปราสาท เธอออกตามหาแต่ไม่พบแม้แต่เงาของเจ้าชาย กระทั่งมาถึงสวนกุหลาบ ภาพที่เห็นในฝันก็ปรากฏเป็นความจริงตรงหน้า...”





โจชัวร์บีบตอบมือใหญ่ที่วางทาบลงบนมือตน รู้สึกถึงอ้อมแขนกระชับที่รอบเอวและริมฝีปากอุ่นที่กดลงบนไหล่เป็นการปลอบประโลม





“... เธอตรงเข้าไปกอดร่างของเจ้าชายและร่ำไห้ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ไม่ได้กลับมาหาเขาตามสัญญา ทันใดนั้นเจ้าชายก็ลืมตาขึ้นและเอ่ยขอแต่งงานอีกครั้ง แน่นอนว่าครั้งนี้เธอรีบตอบเขาด้วยความเต็มใจ





“ฉันจะแต่งงานกับท่านค่ะอสูร เพราะฉันก็รักท่านมากเหมือนเกิน”





ทันใดนั้นเอง ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น อสูรที่น่าเกลียดพลันเปลี่ยนร่างเป็นเจ้าชายผู้งามสง่า เขาคุกเข่าลงต่อหน้าบิวตี้และกล่าวกับเธอว่า





“บิวตี้ที่รัก ข้าถูกสาปให้กลายเป็นอสูรจนกว่าจะได้พบหญิงสาวผู้งดงามและดีพร้อม ผู้ที่จะมองข้ามรูปร่างอัปลักษณ์และความขลาดเขลา และแต่งงานกับข้าด้วยความรักจากหัวใจที่แท้จริง และตอนนี้เวทมนต์ก็ได้สลายไปแล้วเพราะความรักของเจ้านั่นเอง”





ทั้งสองกลับไปยังปราสาทและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเหล่าข้าราชบริพารที่รอแสดงความยินดีกับเจ้าชายและเจ้าสาวของเขา พิธีแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นพยานแห่งความรักของหญิงสาวผู้งามพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจกับเจ้าชายผู้หลุดพ้นจากรูปอสูรอันอัปลักษณ์ แล้วทั้งสองก็ได้ครองรักและ...”






เมื่อถึงตรงนี้ โจชัวร์ก็ละจากหน้ากระดาษเพื่อก้มลงสบดวงตาใสซื่อที่เป็นประกายด้วยความตื่นเต้น





“อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไปใช่มั้ยฮะ เย้ๆๆๆๆๆๆๆ”





พินช์ถามด้วยความมั่นใจ แม้ไม่มีใครตอบ เขาก็ลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นเพื่อฉลองให้กับตอนจบที่เต็มไปด้วยความสุขนั้น





“เอ้าๆ ดีใจพอแล้วพินช์ เจ้านี่ชอบนิทานมากขนาดนี้เชียว”





“ฮะนายท่าน หนูอยากให้พวกเราเป็นเหมือนอย่างในนิทาน คนที่ไม่ดีต้องถูกลงโทษ เจ้าชายกับเจ้าหญิงแต่งงานกัน แล้วทุกคนก็ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไปเลยฮะ”





“ข้าสัญญาว่าพวกเราทุกคนจะได้อยู่ด้วยกันอย่างที่เจ้าต้องการ” เขารีบเออออ พยายามซ่อนสายตาเจ้าเล่ห์ “แต่ว่าตอนนี้ ทำไม่ไม่ลองไปที่ในครัวเผื่อว่าจะมีใครใจดีเตรียมขนมอร่อยๆเอาไว้ให้เจ้าแล้วก็ได้นะ”





โจชัวร์อมยิ้มรู้ทัน มีผู้ใหญ่บางคนกำลังคิดหลอกเด็กไปให้พ้นๆ ถ้าเช่นนั้นเขาก็ควรยืมใช้แผนเดียวกันดัดหลังกลับบ้างจะได้สาสมกัน





“งั้นพี่ฝากเตือนเรื่องยามื้อต่อไปของนายท่านด้วยแล้วกันนะพินช์”





โจชัวร์ยิ่งต้องกลั้นขำเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจดังพร้อมกับที่หน้าผากอุ่นทิ้งลงมาบนไหล่





“ได้เลยฮะ” พินช์รีบตะเบ๊ะรับ เสียงแจ่มแจ๋วร้องทวนประโยคที่อาจจะมีใครเคยสอนเอาไว้จนค่อยๆเงียบหายไป





“ขนมอร่อยๆของผม ยาขมๆของนายท่าน ขนมอร่อยๆของผม ยาขมๆของนายท่าน...”





เมื่อกำจัดส่วนเกินพ้นทางไปได้แล้ว แมกซิมิเลียนก็ถือโอกาสรวบกอดคนในอก วางคางค้ำบนไหล่เล็กแล้วส่งเสียงกระซิบอุ่นๆที่ข้างหู ออกอาการออดอ้อนเสียจนเด็กน้อยยังต้องยอมแพ้





“ไม่กินไม่ได้เหรอ ข้าสบายดีแล้วจริงๆนะ แต่ถ้าจะป่วยอีกรอบก็เพราะยาของมิสซิสพอทส์นี่แหละ”





“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปบอกให้เปลี่ยนสูตรจากยารักษาเป็นบำรุงแทน ร่างกายที่เพิ่งฟื้นตัวจะได้กลับมาแข็งแรงเป็นปกติเร็วๆ” โจชัวร์ตอบเสียงเรียบ พยายามไม่สนใจ ไม่หันไปมอง ไม่อย่างนั้นหัวใจของตนคงยิ่งเต้นแรงจนหลุดออกจากอก





“สรุปคือยังไงข้าก็ต้องทนกินต่อไปสินะ งั้นไม่เอายาของมิสซิสพอทส์ แต่เปลี่ยนให้เจ้าเป็นคนปรุง แล้วก็ขอยาแรงๆที่จะช่วยบำรุง... หัวใจ”





คนถูกหมายหัวว่าป่วยแกล้งอมพะนำ รอจนพยาบาลพิเศษยอมหันมาสบตาจึงค่อยเฉลยพร้อมรอยยิ้มชนิดที่ภูมิต้านทานแข็งแรงแค่ไหนก็ไม่อาจสู้ได้ พวงแก้มขาวเปลี่ยนสีราวกับผลมะเขือเทศสุกในชั่วกระพริบตา เป็นตัวยาที่ทั้งถูกโรคและจริตของคนป่วยที่รีบอ้าปากงับโดยไม่มีอาการงอแงสักคำ ผลของยาคงช่วยให้หัวใจของคนป่วยคึกคักราวม้าศึกในขณะที่คนป้อนกลับรู้สึกหน้ามืดเหมือนหัวใจจะวายเอาเสียให้ได้





เมื่อได้ชิมยาสูตรพิเศษจนอิ่มหนำ เจ้าของวงแขนอุ่นจึงชวนคุยต่อ





“โชคดีเหลือเกินที่เราได้พบกัน เจ้าเป็นเหมือนแสงสว่างให้กับชีวิตที่มืดมนของข้า” 





“เพราะอย่างนี้ท่านถึงได้ชอบแอบดูข้ามาตลอดเลยใช่มั้ย ไม่ต้องทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ กระจกวิเศษบอกข้าหมดแล้ว”





“เจ้ากระจกปากมากจะไปรู้อะไร” แมกซิมิเลียนจ้องลึกในดวงตาสีน้ำตาลอ่อน รู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งขัดคอเพราะความเขิน จึงตอบโต้ด้วยการทำให้เขินยิ่งขึ้นไปอีก





“กระจกก็แค่รู้เท่าที่สายตามองเห็น แต่ไม่อาจเข้าถึงส่วนลึกในจิตใจ เมื่ออยู่ในสภาพของอสูรที่ใครๆต่างพากันเมินหน้า ไม่อยากเข้าใกล้จนรู้สึกว่าจะกลายเป็นสัตว์ร้ายจริงๆเข้าไปทุกที แต่เด็กหนุ่มคนนั้นกลับทำให้ข้ารับรู้ถึงความเป็นมนุษย์ในตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รัก โลภ โกรธ หลง ไม่ว่าข้าจะตกอยู่ในอารมณ์ไหนก็ล้วนเกี่ยวข้องกับเขา ข้ารักเขาทั้งที่ไม่เคยได้พบกันจริงๆ ข้าโลภอยากจะได้ครอบครอง อยากจะมีเขาไว้ในอ้อมกอด เวลาเห็นเขาอยู่กับใคร โทสะก็จะพุ่งขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ หากจะถามหาเหตุผลก็บอกได้เลยว่าเพราะความอิจฉา และทั้งหมดนี้ก็อธิบายได้ง่ายที่สุดว่าเป็นเพราะข้าหลงเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ ทั้งหลงรัก หลงใหล และหลงเพ้ออยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าจะได้มีโอกาสบอกจากปากสักครั้งว่าข้ารักเขามากเหลือเกิน”





แมกซิมิเลียนโน้มกายเข้าหาและประทับคำรักกับริมฝีปากแดงฉ่ำอย่างที่เคยฝันไว้ เด็กหนุ่มดูตกใจในทีแรกก่อนจะค่อยๆโอนอ่อนไปตามจังหวะการจุมพิต แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความขืนเกร็งของร่างในอ้อมแขนซึ่งอาจสะท้อนจิตใจที่ยังมีความเคลือบแคลงสงสัย โจชัวร์คงยังตะขิดตะขวงใจกับตัวตนที่เขาเป็นอยู่ ซึ่งเขาไม่คิดจะน้อยใจหรือถือสา โจชัวร์ไม่ผิดที่จะรู้สึกแบบนั้นเพราะมันเท่ากับยืนยันความมั่นคงที่มีต่อเจ้าอสูร เขาไม่คิดจะลบล้างหรือสอดแทรกเข้าไปในส่วนนั้น แต่เขาตั้งใจที่จะ...





“ขอโอกาสให้ข้าได้ทำให้เจ้าตกหลุมรักอีกครั้งได้มั้ยโจชัวร์ ข้าสัญญาว่าวันหนึ่งเจ้าจะสามารถบอกรักผู้ชายคนนี้ได้อย่างเต็มหัวใจ โดยไม่มีข้อกังขาใดๆหลงเหลืออยู่อีกเลย”





โจชัวร์สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเผลอกลั้นไว้ในขณะที่ดวงตาก็จ้องค้างอยู่อย่างนั้น จนเมื่อรู้สึกอึดอัดจึงค่อยๆผ่อนลมหายใจออกแต่สายตายังคงจดจ่ออยู่กับใบหน้าชวนมอง นัยน์ตาสีประหลาดแต่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างที่สุด จมูกโด่งเป็นสันที่ผิดรูปไปเล็กน้อยจากการต่อสู้แต่น่าจะกลับคืนเป็นปกติในไม่ช้า ริมฝีปากหนาได้สัดส่วน เวลาฉีกยิ้มจะเห็นเขี้ยวแหลมมุมปากซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน ส่วนความซูบตอบของโครงหน้าถูกซ่อนไว้ภายใต้แนวเคราและไรหนวดที่ยิ่งเพิ่มความคมเข้ม และชวนจั๊กจี้นิดๆ เพราะความยาวที่น่าจะได้เวลากันให้เข้ารูปเสียที





ถ้าเพียงพูดถึงรูปร่างหน้าตา โจชัวร์คงบอกได้ว่ากำลังสร้างความคุ้นเคย ความรู้สึกที่มีต่อแมกซิมิเลียนยังไม่อาจซ้อนทับกับเจ้าอสูรได้อย่างสนิทใจ ในยามค่ำคืนที่ถูกชายคนนี้ขอให้อยู่ข้างกาย เขายังคงฝันถึงอ้อมแขนใหญ่ที่มีขนยาวรุงรัง และชั่วแวบแรกที่ลืมตาก็ยังงุนงงปนตระหนกที่ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดไม่คุ้นชิน คงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าที่เขาจะสามารถปรับตัว ปรับใจ เพื่อที่จะ...





“อย่าได้นึกสงสัยหัวใจดวงนี้”





ความคิด และแม้แต่ความลังเลก็ยังสะดุดเมื่อมือของเขาถูกนำไปทาบกับแผงอกกว้าง สถานการณ์และบรรยากาศคุ้นๆเหมือนกับว่าเคยเกิดขึ้นมาแล้ว





“มันกลับมาเต้นได้อีกครั้งเพื่อยืนยันว่ามันเป็นของเจ้า และด้วยลมหายใจนี้ ข้าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อความสุขของเจ้าคนเดียว”





โจชัวร์มองลึกเข้าไปในดวงแก้วสีอำพัน แม้แต่หยดน้ำตาที่เอ่อคลอก็ไม่อาจปิดบังภาพสะท้อนใบหน้าของคนที่มีความสุขที่สุดในโลก คนโชคดีที่ได้ความรักที่เกือบสูญเสียไปกลับคืนมา เขาเคยร้องขอโอกาสที่จะได้เอ่ยคำว่ารักสักครั้ง แต่มาถึงตอนนี้ คำอ้อนวอนเหล่านั้นไม่จำเป็นอีกแล้ว ไม่จำเป็นต้องค้นหา ไม่จำเป็นต้องตั้งคำถาม เพราะผู้ชายคนนี้คือคำตอบที่สามารถปลดล็อกทุกอย่างในหัวใจของเขา





ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้ง แมกซิมิเลียนก็คือคนที่รอเขาอยู่ตรงก้นบึ้งของหัวใจ คนที่ทำให้เขายินดีจะตกหลุมรักเสมอและตลอดไป





“ถ้าท่านต้องการแบบนั้นจริงๆ ก็คงมีแค่วิธีเดียว”





มือเรียวคู่เล็กเลื่อนขึ้นประคองข้างใบหน้าคมเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลส่งยิ้มซนๆจนคนที่รอฟังอยู่เกิดอาการคิ้วกระตุก





“แมกซิมิเลียน...” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ยื้อไว้จนถึงจังหวะที่แนวคิ้วเข้มกำลังจะขมวด “ท่านยินดีจะแต่งงานกับข้าหรือไม่”





บรรยากาศที่ยังไม่ทันจะตึงเครียดสลายลงทันที ชายหนุ่มผู้ไม่คิดมาก่อนว่าจะเป็นฝ่ายถูกขอแต่งงานส่งเสียงหัวเราะก้อง ขำเสียจนต้องงอตัวเพราะอาการเสียวแปลบๆแถวชายโครง เมื่อตั้งสติได้แล้วจึงจ้องเข้าไปในดวงตาทะเล้นแล้วเอ่ยตอบด้วยความรู้สึกทั้งหมดในหัวใจ





“แน่นอนโจชัวร์ที่รัก และเราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป”





แมกซิมิเลียนรวบร่างเพรียวบางเข้ามากอดแน่น หลังจากการเอ่ยขอและตอบรับคำขอแต่งงาน เขาเชื่อว่าการกระทำทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าจะเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์กว่าคำสาบานปากเปล่า จึงขอข้ามไปยังขั้นตอนที่สองฝ่ายจะได้แลกจุมพิตต่อหน้าสักขีพยาน เขาเริ่มอุ่นเครื่องด้วยจูบแผ่วเบาบนหน้าผากและแก้มนุ่ม และทันทีที่ริมฝีปากสัมผัสกันก็พลันรับรู้ถึงสิ่งที่ไหลเวียนอยู่ทั่วร่าง เลือดเนื้อและจิตใจพลอยตื่นเต้นเหมือนกับเป็นจูบแรก เพียงแต่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้เคอะเขินกับการส่งผ่านความรู้สึก โจชัวร์เปิดเผยและตอบรับเขาด้วยความเต็มใจ ความเข้าขากันในทุกจังหวะยิ่งเร่งเร้าร่างกายให้ร้อนเป็นไฟ ความเงียบของห้องหนังสือขับเน้นให้เสียงจูบและเสียงครางดังชัดจนอาจก้องไปทั้งคฤหาสน์





อีกเพียงนิดเดียวที่สองฝ่ายจะพร้อมใจกันกระโจนลงสู่ห้วงอารมณ์ลึกล้ำ ร่างแกร่งก็พลันกระตุกเหมือนคนวิ่งมาสุดฝีเท้าแล้วชะงักอยู่ตรงปากเหว เขาเกือบลืมไปจริงๆว่าในพิธีศักดิ์สิทธิ์ย่อมต้องมีสักขีพยาน และดูเหมือนทุกคนจะพร้อมใจกันมาเสนอหน้าอยู่ไม่ไกล แต่ละคนทำเป็นเขินอายแต่ก็ยังตั้งใจแอบดูจนน่าขำ พอเขาตวัดสายตาไปก็พากันแตกฮือราวฝูงผึ้ง เหลือคุณพ่อบ้านที่รีบดึงประตูปิดล็อกให้... ก็ยังดีที่รู้หน้าที่!





ฝ่ายโจชัวร์ที่รู้ตัวช้ากว่าค่อยๆโผล่หน้าออกจากแผงอกกว้าง ดวงหน้าใสแดงก่ำ หรือที่จริงคือแดงไปทั้งตัว ริมฝีปาก ลำคอ และผิวกายหลายจุดแดงช้ำจนยากจะเก็บซ่อน เมื่อดวงตาคมดุหันกลับมา เขาถึงกับสะดุ้ง เก้อเขิน แต่ก็ยังมองตอบด้วยแววตาฉ่ำหวาน





“ข้ารักท่าน”





“ข้ารู้





แมกซิมิเลียนอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางเอียงคอนิดๆ กับแววตาช่างสงสัย





“เหมือนที่เจ้าก็รู้ว่าข้ารักเจ้ายังไงล่ะเด็กน้อย”





เขาโน้มตัวลงเพื่อสานต่อสิ่งที่ค้างคา ขั้นตอนสุดท้ายของพิธีแต่งงานคือเวลาที่บ่าวสาวจะได้อยู่กันตามลำพัง แม้จะขลุกขลักไปบ้างแต่การเข้าหอในห้องหนังสือก็น่าตื่นเต้นท้าทายดี






ไม่ว่าสิ่งที่พาให้แมกซิมิเลียนและโจชัวร์มาพบกันจะเป็นคำสาปที่ไม่น่ามีอยู่จริง โชคชะตาซึ่งอยู่เหนือการควบคุม หรือกระทั่งตลกร้ายที่ไม่มีใครคาดคิด แต่ทั้งสองก็ได้ผ่านช่วงเวลาที่บ่มเพาะความรู้สึกให้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นความรักแสนพิเศษที่มองลึกถึงตัวตนที่แท้จริง มองผ่านรูปกายภายนอกเข้าไปถึงจิตใจที่งดงาม และมองข้ามกระทั่งเพศสภาพซึ่งไม่ควรถูกใช้เป็นกำแพงกีดขวางความรัก





แม้ว่าในวันหนึ่งข้างหน้า การจากลาอันเป็นนิรันดร์จะมาถึง แต่เรื่องราวอันน่ามหัศจรรย์ของหนึ่งอสูรและหนึ่งโฉมงามจะยังคงเป็นที่เล่าขาน เพื่ออวยพรให้ทุกหัวใจได้พบรักแท้และครองคู่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป





THE  END





















ก็บอกแล้วว่า Happy Ending จริงๆนะ




ในที่สุดเรื่องราวของเจ้าอสูรและโจชัวร์ก็เดินทางมาถึงตอนสุดท้าย หรือในอีกนัยหนึ่งก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่เราไม่อาจคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เชื่อว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่จะดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงแต่ความรักที่ฉาบฉวย แต่คือความรู้สึกที่ผ่านบททดสอบมากมายจนผูกพันใจสองใจไว้ได้อย่างเหนียวแน่น


เหนืออื่นใดคือ 'โอกาส'  ที่ทั้งคู่ต่างได้รับ  เพราะ Heartbeat คือ เรื่องราวที่เต็มไปด้วยโอกาส เมื่อทั้งคู่ได้พบกัน เจ้าอสูรได้รับโอกาสให้หลุดพ้นจากคำสาป โจชัวร์เองก็ได้รับโอกาสให้ก้าวออกจากชีวิตที่มีแต่ความขมขื่นและเดียวดาย และเมื่อผ่านเหตุการณ์อันสุดพิสดาร เจ้าอสูรยังได้รับโอกาสต่อลมหายใจอีกครั้ง โจชัวร์เองก็ได้เรียนรู้ว่าความรักที่ว่าเกิดขึ้นได้ยากนั้นยากยิ่งกว่าที่จะรักษาให้คงอยู่ตลอดไป ชีวิตคนเราไม่ได้มีโชคดีกันบ่อยนัก หากได้รับโอกาสนั้นแล้วก็ควรถนอมรักษาเอาไว้ด้วยหัวใจ กระทั่งแกสตันผู้หลงผิดก็ยังได้รับโอกาสที่จะสำนึกและพยายามแก้ไขในสิ่งที่ตนได้ทำลงไป


ในโลกแห่งความเป็นจริงก็เช่นเดียวกัน คนเราทุกคนควรได้รับโอกาสที่จะรักคนที่อยากรัก และได้เป็นในแบบที่อยากเป็น อย่าให้อคติบดบังสายตาจนเห็นคนเป็นอสูร แต่ขอให้มองลึกเข้าไปถึงข้างใน เข้าใจในเนื้อแท้ของความรู้สึก แล้วคุณจะรู้ว่าความรักไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก็สวยงามเสมอค่ะ





ส่วนแผนการที่จะพิมพ์นิยายยังไม่ชัดเจนร้อยเปอร์เซนต์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าพอผ่านจุดหักมุมที่ทำเอาเหวอขนาดนี้แล้วจะยังมีใครอยากได้อยู่หรือเปล่า ล่าสุดสุดๆเลยกำลังละเลงตอนพิเศษที่สองอยู่ และหากเขียนได้ถึงสามตอนที่วางไว้ก็ถึงจะพิมพ์เป็นเล่มออกมาให้เชยชมกัน


ส่วนในเล้านี้ก็จะได้แจ้งให้ทางแอดมินย้ายไปอยู่กระทู้นิยายที่เขียนจบแล้ว สำหรับตอนพิเศษอาจจะมีหรือไม่นั้น... คงต้องติดตามลุ้นกันต่อไปนะคะ ซึ่งทั้งเรื่องรูปเล่มและตอนพิเศษเพิ่มเติมก็จะได้ส่งข่าวให้ทราบ และสามารถติดตาม สอบถาม พูดคุยกันมาได้กันมาได้ทางเพจ Minemomo เลยค่ะ


ขอลาและขอบคุณที่ทุกคนร่วมสนุกไปกับนิทานยำใหม่เรื่องนี้


ขอบคุณทุกๆคำติชม กำลังใจและการติดตามกันมาตลอดๆ


ขอบคุณที่รักเจ้าอสูรและหนูโจชัวร์


บ๊าย บายยยยยยจ้า



^____^
 















^__^










----- Mine -----












หัวข้อ: Re: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH.CH.21 THE END (จบแล้วจ
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 10-09-2017 06:10:53
ขอบคุณที่เปิดมุมมองใหม่ของเทพนิยายเรื่องนี้ให้ครับ
ขำแกสตันจากความเห็นบนๆ เหลือแต่ร่างแล้วยังถูกรังเกียจอีก
ส่วนตัวตอนแรกก็รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย แต่ในจุดที่หมดเวลาแก้คำสาปไปแล้ว นี่คงเป็นทางเดียวที่ทำให้พระเอกไม่ต้องอยู่ในร่างอสูรต่อ ถึงมันจะพิสดารไปกว่าคำสาปเองเสียอีก
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH.CH.21 THE END (จบแล้วจ
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-09-2017 07:27:23
อืม ก็จบแบบมีความสุขนะ ขอบคุณคนเขียนค่ะ คงต้องย้อนกลับไปอ่านใหม่ตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนหน้านี้กลัวค้างเลยอ่านแบบกล้า ๆ กลัว ๆ (หัวเราะ)
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH.CH.21 THE END (จบแล้วจ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-09-2017 09:55:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH.CH.21 THE END (จบแล้วจ
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-09-2017 12:43:48
 :katai2-1: o13 :katai2-1:

 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH.CH.21 THE END (จบแล้วจ
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 10-09-2017 14:54:59


ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH.CH.21 THE END (จบแล้วจ
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-09-2017 22:19:49
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ  ขอให้โจชัวร์กับอสูรมีความสุขตลอดไปเหมือนกันค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH.21 THE END (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: yokibear ที่ 13-09-2017 21:29:31
แต่งภาษาสวยมากกก
ขอบคุณนะคะ สนุกมากๆเลย
เลิ้บบบบ :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH.21 THE END (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 20-09-2017 21:29:28
ยอมรับตรงๆ ว่าผิดหวังตอนจบ(สลับร่าง) เราหวังว่าร่างจริงของอสูรคงงดงามมากๆ แต่ดำเนินเรื่องได้สนุกคับ ถึงจะฟินไม่สุดก็ตาม ขอบคุณคับ
หัวข้อ: Re: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH.21 THE END (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 21-09-2017 00:52:59
คิดว่าจะจบแบบน้ำตาท่วมซะแล้ว ขอบคุณนะครับ อ่านวางไม่ลงเลย
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH.21 THE END (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: TYKKK_HY ที่ 21-09-2017 03:31:48
เราชอบการเล่าเรื่องของคนเขียนนะ
ชอบที่นำเรื่องนี้มาเล่าในอีกแบบเพราะเรารักการ์ตูนเรื่องนี้มากจริงๆ
เป็นเรื่องที่ไม่ว่าจะหยิบมาดูอีกกี่ครั้งก็ยังชอบ

เรื่องโดยรวมสนุมากค่ะ ภาษาก็ดี การดำเนินเรื่องก็สนุก
แต่แอบผิดหวังกับตัวมอร์ริส เอาจริงๆคือเป็นพ่อที่แย่พอสมควรนะ5555
ไม่น่าจะมีลูกที่ดีแบบเบลล่ากับโจชัวร์ได้เลย แบบไม่ค่อยมีความเป็นผู้นำอะไรเลย
ชอบตัวละครในปราสาทของอสูรมากๆค่ะ แอบเสียดาย อยากให้มีบทมิสซิสพอทเยอะๆ
เพราะเราชอบตัวละครนี้ในการ์ตูนมากๆ แต่ฟินซ์น่ารักสุดๆไปเลยค่ะ
อีกตัวละครที่ชอบมากๆคือลิเดีย เป็นเด็กผู้หญิงที่ดูทำอะไรไม่เป็นแต่กลับมีความคิดที่ดีจัง

ด้วยความที่เราชอบในช่วงต้นมากจนตั้งความหวังกับตอนจบเอาไว้ซะมาก55555
เลยรู้สึกผิดหวังพอสมควรที่ตอนท้ายอสูรต้องมาอยู่ในร่างของแกสตัน อืมมม
เราสงสารโจชัวร์อะ ถึงจะรู้ว่านี่คืออสูรแต่ใบหน้าของคนที่ข่มเหงจิตใจเรา เราคงไม่อยากมองไปชั่วชีวิต
เราอินกับตอนโจชัวร์เกือบถูกข่มขืนมากจนรู้สึกขยะแขยงกับแกสตันแล้วต้องอยู่กับใบหน้านี้ไปตลอด สงสารโจจัง ㅠㅡㅠ
คิดว่าเ้นเราจะทำใจไหวหรือป่าว สงสารอสูรด้วย อยากให้ได้กลับร่างเดิมเหมือนยังไม่ได้เป็นตัวเองยังไงไม่รู้

ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าทำให้คนเขียนไม่สบายใจเรื่องบ่นตอนท้าย
เอาเป็นว่าขอบคุณที่นำเรื่องนี้มาเขียนเป็นนิยายนะคะ ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH.21 THE END (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 21-09-2017 12:53:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH.21 THE END (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: GUNPLAPLASTIC ที่ 21-09-2017 16:05:48
เราเพิ่งได้มีโอกาสมาอ่านเนื้อเรื่องนี้ รวดเดียวจบเลย คือคุณคนแต่งแต่งดีมากกกก
น่าติดตาม ถึงจะหักมุมไปนิดๆแต่ก็สดใหม่ ฉีกแนวจากเรื่องเดิมแต่ก็ยังคงคอนเซ็ป
ว่าถึงหน้าตาเป็นยังไงก็ไม่สำคัญอ่ะ ถ้าเรารักกันพอ ตอนที่แม๊กสลับร่างก็แอบลุ้นนะ
ว่าน้องโจชัวร์จะมาม่าใหญ่รัชดาลัยไหม พราะแกสตันก็งามหน้าจริงๆ :ling3:
แต่พอจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งก็ดีกับใจ ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆแบบนี้ให้อ่านนะคะ!
แล้วก็คุณคนแต่งใช้ภาษาดีมากกกกก ติดตามเรื่องต่อไปเลยค่ะ
หัวข้อ: (จบแล้วจ้า) Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast สอบถามความสนใจรูปเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 22-09-2017 18:38:26



...

ราชาเดวิททอดพระเนตรรอยยิ้มใสซื่อแล้วยิ่งรู้สึกเหมือนมีคลื่นซัดสาดอยู่ในอุระ ฟองอากาศมากมายพากันระเบิดให้ความรู้สึกซ่านซ่าส์อย่างกับพระหทัยได้กลับเป็นหนุ่มอีกครั้ง

.

“แล้วถ้าสมมติว่าเรากับแมกซิมิเลียนสลับสถานะกันล่ะ ถ้าเขาได้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งของเรา แล้วเรามาใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่แทน เจ้าจะยังยินดีต้อนรับเราอยู่เปล่า”

.

โจชัวร์ฟังคำถามแล้วกลับเริ่มเอะใจกับแววตาที่กำลังจงใจเปิดเผยความรู้สึก เขาไม่ปฏิเสธว่ามักจะเห็นสายตาชนิดนี้จากเจ้าอสูร แต่ที่ทำให้รู้สึกขนลุกเพราะจู่ๆก็พาลนึกไปถึงแกสตันที่เคยพยายามเรียกร้องในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เขาจึงเลือกที่จะนิ่ง เก็บงำท่าที และภาวนาว่าประวัติศาสตร์คงจะไม่ซ้ำรอยอีกครั้ง

....
Special Heartbeat II








สวัสดีจ้า


พอ Heartbeat จบแล้ว เช้าวันอาทิตย์ก็รู้สึกเหงาๆไปถนัดใจเชียว เลยแวะมาส่งเสียงทักทายไม่ให้เพจร้างนานเกินไป ส่วนที่เอามาฝากข้างบนนั้นคือของเรียกน้ำย่อยจากตอนพิเศษ 2

ดูเหมือนว่าโจชัวร์จะเสน่ห์ไม่ตกเลย อยู่ใกล้ใครเป็นได้เรื่องทุกทีสิน่ะ
คงต้องฝากติดตามกันต่อว่าหนุ่มน้อยของเราจะต้องผจญกับอุปสรรคอะไรอีกบ้างในเล่มที่จะตีพิมพ์ออกมาให้ได้จับจองกัน



ใช่แล้วค่ะ เราตัดสินใจว่าพิมพ์ Heartbeat แน่นอน ความคืบหน้าตอนนี้กำลังเขียนตอนพิเศษตอนที่สามซึ่งไปได้กว่าครึ่งแล้ว ระหว่างนี้ก็มองหาคนทำปกนิยาย และจัดหน้าอยู่ค่ะ

ในเบื้องต้น Heartbeat จะเป็นนิยายเล่มเดียวจบตามที่ได้ตั้งใจไว้ ความหนาน่าจะอยู่ที่ 350-400 หน้า และจะพยายามคุมตัวเลขให้เป็นราคาที่น่ารักที่สุด ถ้าได้รายละเอียดที่แน่ชัดก็จะได้มาบอกให้ทราบกันในลำดับต่อไป



เราจึงอยากรบกวนถาม หากใครสนใจ ช่วยตอบมาในโพสนี้สักนิดเพื่อขอเก็บข้อมูลในเบื้องต้น หรือถ้าสะดวกจะตามไปฝากข้อความที่เพจก็ได้นะคะ

https://www.facebook.com/241717489520199/posts/487709404921005?aymt_tip=1&placement=aymt_hot_post_notif&notif_t=aymt_promote_page_post_tip&notif_id=1506065778931587 (https://www.facebook.com/241717489520199/posts/487709404921005?aymt_tip=1&placement=aymt_hot_post_notif&notif_t=aymt_promote_page_post_tip&notif_id=1506065778931587)




ขอย้ำว่ายังไม่ใช่การจองนะคะ เราอยากรู้ว่ามีคนสนใจและอาจจะซื้อนิยาย Heartbeat มากน้อยแค่ไหน ไม่มีการผูกมัดใดๆทั้งสิ้น สบายใจได้ค่ะ



^^



Mine




หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast สอบถามความสนใจรูปเล่ม (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 22-09-2017 22:04:36
งือออ ต้องขอโทษคนเขียนที่เราโพสอย่างนี้ แต่เรารู้สึกดีและอินกับตอนต้นเรื่องมากเลย เลยผิดหวังกับตอนจบมากเลย แต่ถือว่าสนุกและแปลกใหม่พอสมควร แต่จะให้หยิบจับมาอ่านอีกรอบคงต้องคิดอีกที
หัวข้อ: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast แจ้งข่าวเปิดจองนิยายค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 26-09-2017 19:42:31



ขอแจ้งเรื่องการรับจองและโอนเงินสำหรับนิยาย

เรื่อง Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast โดย Minemomo ค่ะ




ไอดีซื้อขาย TBL-734-657

.


เล่มขนาด A5 ความหนาประมาณ 350 หน้า

ปก กระดาษอาร์ตการ์ด 260 แกรม  เนื้อในกระดาษถนอมสายตา 75 แกรม

เข้าเล่ม ไสกาว ใช้บริการโรงพิมพ์ฟาสต์บุ๊คค่ะ

.



ราคาเล่มละ 400 บาท พร้อมส่ง EMS หรือ Kerry Express

.

กำหนดรับจอง จนถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2560

กำหนดรับหนังสือ... ตอนนี้ตัวเนื้อเรื่องเสร็จแล้ว ติดต่อโรงพิมพ์ขอข้อมูลเบื้องต้นแล้ว กำลังรอปกและจัดรูปเล่ม แล้วพอสั่งพิมพ์ก็จะมีเรื่องคิวงานที่ยังบอกไม่ได้ แต่จะมาอัพเดทความคืบหน้าให้ทราบเป็นระยะๆค่ะ

.


สามารถเลือกได้ว่าจะให้ส่งทางไหน เรื่องความรุนแรงของการจัดส่ง อันนี้ไม่ขอคอมเมนท์ แต่เราก็จะห่อบับเบิลแล้วหุ้มกระดาษอีกชั้น แล้วในกล่องก็จะพยายามยัดไม่ให้เหลือช่องว่าง เรียกว่างานนี้หนังสือพิมพ์หรือกระดาษเหลือใช้เกลี้ยงบ้านแน่ๆ


อีกส่วนที่ต่างคือมีช็อปเคอรรี่มาเปิดทั้งที่หน้าบ้านและที่ใกล้ออฟฟิศเลยค่ะ ก็เลยจะสะดวกส่งให้ได้ทุกวัน ส่วนที่ทำการไปรษณีย์ไทยค่อนข้างไกล อาจจะต้องขอรวมแล้วค่อยส่งอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง แต่ทั้งสองอย่างมีบริการรหัสติดตามให้ตรวจสอบสถานะได้เหมือนกันค่ะ

.



ของแถมที่แน่นอนคือที่คั่นหนังสือ (ซึ่งโรงพิมพ์แถมมาอยู่แล้ว แหะ แหะ)

แต่เราจะมีของขวัญเล็กๆน้อยๆให้กับคนที่จองและโอนเงินเข้ามาในระยะเวลาที่กำหนดคือ 20 ตุลาคม 2560  ซึ่งจะเป็นอะไรนั้นยังบอกไม่ได้ เพราะยังไม่มีเวลามองหาเลย ขออุบเป็นเซอร์ไพรส์แล้วกันเนาะ

.



การสั่งพิมพ์ครั้งนี้จะเรียกว่าเป็นกึ่งๆพรีออเดอร์ เพราะเราจะพิมพ์เผื่อไว้จากยอดจองจำนวนหนึ่ง ดังนั้นถ้าใครที่พลาดในช่วงจอง หรือการเงินยังไม่พร้อม ก็สามารถติดต่อเข้ามาสอบถามหรือพูดคุยกันหลังไมค์ได้นะคะ

.


ทีนี้ก็มาถึงเนื้อหาในเล่ม นอกจากเนื้อเรื่องทั้งหมดตามที่ลงในเล้าเป็ดและเด็กดี ก็จะเพิ่มสามตอนพิเศษ ดังนี้



Special 1 A Cinderella Story   อย่าเพิ่งเข้าใจผิด โจชัวร์ไม่ได้ถูกเสกให้กลายเป็นนางซินนะ แต่เอาโครงเรื่องซินเดอเรลลามาเล่าเรื่องของครอบครัวนี้ในตอนที่ยังมีฐานะดีและอาศัยอยู่ในเมือง เราจะได้เห็นที่มาของความรักระหว่างบ็อบกับเบลลา และอาจจะเซอร์ไพรส์กับรักแรกของโจชัวร์ (ที่เจ้าตัวอาจจะยังไม่รู้ตัว) ซึ่งเกี่ยวพันกับชายหนุ่มถึงสองคน โดยหนึ่งในนั้นเป็นถึงเจ้าชายรัชทายาทเลยทีเดียว ส่วนทีมเจ้าอสูรต้องขอแสดงความเสียใจด้วยเพราะไม่มีบทนะคะ เจ้าอสูรโผล่มาแค่เสียงลอยลมจางๆเท่านั้น... น่าสงสารได้อีก 555



Special 2 ... The Power of Love   เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากเรื่องหลักจบไปแล้ว จะมีการย้อนความถึงคำสาปที่ทำให้แมกซิมิเลียนต้องกลายเป็นเจ้าอสูรว่าแท้จริงแล้วเกิดจากอะไรและมีใครเกี่ยวข้องบ้าง และย้ำชัดสถานะว่าพระเอกของเราไม่ธรรมดา แต่เป็นถึงเจ้าชายที่มีสิทธิ์ในบัลลังก์เชียวนะ นอกจากนี้ยังมีตัวละครสำคัญอีกหนึ่งคู่คือองค์ราชาซึ่งมีศักดิ์เป็นท่านลุง และ ฟรองซ์ เพื่อนวัยเด็กของแมกซิมิเลียน ทั้งสองจะมาสร้างปัญหาอะไร สุดท้ายแมกซิมิเลียนกับโจชัวร์จะยังคงครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไปได้หรือไม่ก็ต้องติดตามกันต่อไป



Special 3 ... A Happy Family   ตอนนี้เกิดจากไอเดียที่มีคนอ่านอยากเห็นโจชัวร์มีลูกก็เลยจัดมาให้ตามคำขอ ลูกของโจชัวร์และแมกซิมิเลียนคือใคร มาจากไหน มาได้ยังไง มันจะมหัศจรรย์หรือง่ายดายจนพลิกล็อกหรือเปล่า ไปลุ้นกันในเล่มเลยค่ะ



ปล. บางจุดบางประเด็นของตอนพิเศษอาจจะไม่ได้ตรงกับเรื่องหลักเป๊ะๆเพราะไม่อยากกลับไปรื้อเรื่องหลักใหม่ เลยขอแจ้งให้เข้าใจกันไว้ก่อนนะคะ

ส่วนใครที่อยากเห็นเจ้าอสูรกลับร่างเดิม... ไม่มีละกันนะ ยังไม่เข็ดกับเรื่องแปลกร่างกันอีกเหรอ ขอบอกว่าคนเขียนเข็ดมาก

ส่วนใครที่ขอเลิฟซีน... มาถึงขนาดนี้แล้ว มันก็น่าจะมีกันบ้างล่ะน่ะ วี้ด วิ้ว


สำหรับคนที่ยังเฮิร์ทกับบทสรุปของนิยายเรื่องนี้ เราเข้าใจนะคะ แต่ก็ยังอยากให้ลองได้ซื้อเล่มไปอ่านอีกสักครั้ง เพราะตอนพิเศษที่เพิ่มให้ก็ค่อนข้างเยอะและน่าจะทำให้ฟินได้ไม่แพ้ความหวานของเจ้าอสูรและหนูโจที่ทุกคนชื่นชอบกัน


.



สุดท้ายก็มาถึงเรื่องสำคัญ วิธีการจองและโอนเงินค่ะ





ขอให้ผู้ที่สนใจติดต่อจอง และแจ้งการโอนเงินมาที่อินบอกซ์ของเพจ Minemomo เท่านั้น (เพื่อป้องกันความสับสนของเราเอง ไม่ใช่อะไร ^^)



https://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199/ (https://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199/)



https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=489317791426833&id=241717489520199 (https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=489317791426833&id=241717489520199)


แจ้งชื่อ ที่อยู่ จำนวนเล่ม บริการส่งที่ต้องการ พร้อมหลักฐานการโอนเงินตามจำนวนหนังสือที่ต้องการจอง

(กรณีส่งโดยKerry ขอเบอร์โทร.ที่ติดต่อสะดวกด้วยนะคะ เพราะก่อนจัดส่งจะมีพนักงานโทรเข้าไปแจ้งล่วงหน้า)

.


บัญชีรับโอนค่าหนังสือ...

ธนาคารกสิกรไทย # 978-220-5657

ชื่อบัญชี ทัณฑิมา  ศรีวารีกุล 

.


สามารถแจ้งจำนวนเล่มและโอนเงินมาได้เลย ย้ำอีกครั้งว่าราคาเล่มละ 400 บาท(พร้อมส่ง)
พอเราได้รับข้อมูลแล้วจะตอบยืนยันการรับจองกลับไป
จากนั้นก็ชิลๆ รอกอดเจ้าอสูรกับหนูโจชัวร์อยู่ที่บ้านได้เลยค่ะ



.


^^


Mine











หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast แจ้งข่าวเปิดจองนิยายค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 28-09-2017 11:10:56
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast แจ้งข่าวจองนิยาย+หน้าปกค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 30-09-2017 05:58:52




มีปกมาอวดแล้วน๊า




(https://image.dek-d.com/27/0129/4005/125153633)



ใครยังไม่จอง รีบจองโดยพลันเลยจ้า









Mine




หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast แจ้งข่าวจองนิยาย+หน้าปกค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 01-10-2017 20:57:50
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ
หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast แจ้งข่าวจองนิยาย+หน้าปกค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 22-10-2017 23:32:57
ขอบคุณ​มาก​ค่ะ​ :mew1: :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast แจ้งข่าวจองนิยาย+หน้าปกค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: BlackCatty ที่ 23-10-2017 16:13:40
ไม่รู้เป็นเพราะเราเป็นคนยึดติดรึป่าวนะคะแต่ด้วยความที่ตอนแรกๆมันประทับใจมากก็เลยคาดหวังเป็นเรื่องธรรมดา พูดถึงเนื้อเรื่องช่วงหลังก็แบบว่าเป็นอะไรที่ไม่ชอบฉากข่มขื่นเอาซะเลยรู้สึกว่าความจริงมันไม่ใช่พริบตาเดียวก็อ่านจบแต่นึกถึงจิตใจของโจจะเจ็บปวดขนาดไหน มาถึงตอนจบที่แบบเห้ยผู้ชายคนนี้หายไปค่อนเรื่องมาแย่งซีนเจ้าอสูรเฉยเลยว่ะะะ 5555 รู้สึกอกหักเบาๆ ถึงแม้ว่าจริงๆแล้วในร่างจะเป็นเจ้าอสูรก็เถอะ(บอกแล้วค่ะว่ายึดติดจริงๆ 5555)
หัวข้อ: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เล่มตัวอย่างมาแล้วค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: minemomo ที่ 28-10-2017 19:18:21






เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=503310413360904&id=241717489520199&notif_id=1509192384552753&notif_t=feedback_reaction_generic (https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=503310413360904&id=241717489520199&notif_id=1509192384552753&notif_t=feedback_reaction_generic)

หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 21-01-2018 23:34:40
ชอบนิยายเรื่องนี้มาก การบรรยาย ภาษาของเรื่อง การดำเนินเรื่อง ถึงแม้จะผง่ะกับตอนจบนิดหน่อยแต่พอลองคืดว่าเขาจะสื่อว่ารักที่จิตใจมันเป็นยังไง ถึงแม้เจ้าอสูรจะอยู่ในร่างแกสตันที่ทำลายความไว้ใจความเป็นเพื่อนกับโจชัวร์จนไม่อยากจะนับเป็นเพื่อน แต่โจชัวร์ก็ยังรักเพราะจิตใจที่อยู่ในร่างนั้นคือเจ้าอสูร ไม่ว่าร่างกายจะเป็นแบบไหนแต่จิตใจข้างในคือเนื้อแท้ที่ทำให้โจมอบหัวใจให้  ฉากเศร้าก็เศร้ามากเลย แต่ฉากหวานก็แบบว่ามดขึ้นจอกันเลย เขิลมากตอนโจโดนจูบแล้วขย้ำขนเจ้าอสูร ในตอนนั้นใจฉันได้หลุดลอย55555ขอบคุณคนเขียนที่สร้างนิยายดีๆให้เราได้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 4 (14/5/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 23-01-2018 00:47:28
แง้ สนุกดีอ่ะ  แต่แอบหวั่นใจๆนะ

ว่าแกสตันจะเป็นคนที่ทำให้เรื่องเลวมากขึ้นหรือเปล่าอ่ะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: airjang ที่ 28-01-2018 19:50:16
 :pig4: ขอบคุณนะคะที่แบ่งปันงานเขียนดีๆให้อ่าน เราสะสมนิทานเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว เป็นสมุดภาพหลายๆversion ที่ไม่ใช่ของดีสนีย์ เพิ่งจะได้เปิดหูเปิดตา Beauty แบบวาย คุณเล่าได้ละมุนมาก เรามีข้อสงสัยนิดหนึ่ง ทำไงให้ชาวบ้านยอมรับนายท่านที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แล้วพ่อแม่แกสตันที่ลูกหายอะ เราไม่ควรคิดมากหาเหตุผลของนิทานใช่ไหม

ถึงจะรัก Bella&The Beast แต่ไม่รังเกียจ Joshua&The Beast NC นะจิ้  :z1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 1 (27/8/17)
เริ่มหัวข้อโดย: airjang ที่ 28-01-2018 20:01:13

:pig4: ขอบคุณนะคะที่แบ่งปันงานเขียนดีๆให้อ่าน เราสะสมนิทานเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว เป็นสมุดภาพหลายๆversion ที่ไม่ใช่ของดีสนีย์ เพิ่งจะได้เปิดหูเปิดตา Beauty แบบวาย คุณเล่าได้ละมุนมาก เรามีข้อสงสัยนิดหนึ่ง ทำไงให้ชาวบ้านยอมรับนายท่านที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แล้วพ่อแม่แกสตันที่ลูกหายอะ เราไม่ควรคิดมากหาเหตุผลของนิทานใช่ไหม

ถึงจะรัก Bella&The Beast แต่ไม่รังเกียจ Joshua&The Beast NC นะจิ้  :z1:








Heartbeat 







: A Retelling of Beauty and the Beast













ความจริงแล้วตอนนี้ไม่ยาวมาก แต่เนื่องจากความพีคของอารมณ์ค่อนข้างสูง
และพอดีมีคนแนะว่าน่าจะลองแบ่งอัพตามจังหวะของอารมณ์ที่โหนไปมาเพื่อดูว่าเราจะโดนด่ามากน้อยแค่ไหน (นี่คือมันหวังดีใช่มั้ย -_-)


ดังนั้นจึงขอแบ่งตอนนี้ออกเป็นสองพาร์ท และพาร์ทสองจะขออัพอีกทีวันพุธนะคะ


ถ้าใครกลัวค้างจะรออ่านทีเดียวทั้งตอนก็ได้ แต่เราก็อยากให้คนอ่านได้ลองประสบการณ์ใหม่ๆเหมือนกับที่เราก็ได้พบสิ่งที่ไม่คาดคิดในตอนที่เขียน เพราะจริงๆเนื้อเรื่องเริ่มฉีกจากพล็อตที่วางไว้ตั้งแต่ตอนที่แล้ว พล็อตเดิมจะคล้ายกับในดิสนีย์ คือแกสตันพาคนทั้งหมู่บ้านเฮกันมาปราบอสูร แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขียนตามนั้นไม่ออก แล้วก็มาจบที่แกสตันบุกเดี่ยวมาแล้วก็เกิดเรื่องราวตามที่ได้อ่านกันไป


เนื้อเรื่องในตอนที่ 19 นี้ก็เช่นเดียวกัน จำได้ว่าเป็นตอนที่เขียนโครงคร่าวๆได้เร็วและรวดเดียวมาก เรียกว่ากลั้นใจพิมพ์จึ้กๆๆๆๆๆๆ เหนื่อยแต่มันส์สุดๆ แล้วจึงค่อยกลับมาใส่รายละเอียด เสริมบทบรรยายจนสมบูรณ์ แต่จากนั้นก็ชั่งใจอีกพักใหญ่ว่าตกลงจะเอาตามนี้แน่ๆใช่มั้ย แต่สรุปแล้วก็ซื้อไอเดียนี้ มันบ้ามากแต่ก็ชอบมาก ตัดใจรื้อเขียนใหม่ไม่ลงจริงๆ


สรุปก็เอาตามสะดวกของแต่ละคนแล้วกันเนาะ จะรออ่านทั้งตอน หรือจะอ่านครึ่งแรกวันนี้ก่อน แล้วอ่านทั้งหมดอีกทีวันพุธก็ได้ แล้วมาดูว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นจะแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ลุ้นดีออก ว่ามันแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ลุ้นดีออก ว่ามั้ยคะ




























ตัดสินใจได้แล้วชะมะ ถือว่าเราเตือนคุณแล้วน๊าาาาาาา






























19





โจชัวร์รู้สึกตัวแล้วและกำลังทวนความจำว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่เขาทำให้เจ้าอสูรและแกสตันหยุดต่อสู้กันได้ ทุกสิ่งก็พลันวูบหายไป เขารู้สึกเหมือน... ไม่ใช่สิ! เขาตกลงมาจริงๆ น่าจะเป็นหน้าผาที่มีความสูงประมาณหนึ่งแต่โชคดีที่ความหนาของพื้นด้านล่างช่วยลดแรงกระแทกไปได้มาก คงจะคล้ายกับคราวหลงป่าที่ซากใบไม้ทับถมรวมกับหิมะช่วยรับตัวเขาเอาไว้





ทว่าในความเป็นจริงนั้น โชคดีอาจไม่เกิดขึ้นในทุกครั้งที่เราตกอยู่ในอันตราย แต่การมีใครสักคนอยู่เคียงข้างในทุกครั้งที่เราต้องการความช่วยเหลือนั่นต่างหากที่ถือเป็นความโชคดี ครั้งนี้เขาไม่ได้รอดเพราะโชค แต่เพราะมีคนที่ไม่ห่วงชีวิตตัวเองช่วยไว้ ร่างของเจ้าอสูรชุ่มโชกไปด้วยเลือด บาดแผลจากกระสุนปืนถูกซ้ำให้สาหัสจากการต่อสู้ และตอนนี้ภายในคงยิ่งบอบช้ำจากการยอมเอาตัวเป็นเบาะรองรับแรงกระแทก





“นายท่าน!” เขารีบพลิกตัวออกจากอ้อมแขนแล้วเป็นฝ่ายกอดร่างใหญ่โตเอาไว้ ไออุ่นที่สัมผัสได้พอทำให้เขาใจชื้นแต่ลักษณะลมหายใจก็แผ่วเบาจนน่ากลัว





“นายท่าน... เจ้าอสูร... ได้ยินมั้ย ลืมตามามองข้าสิ เจ้าอสูร!”





โจชัวร์พยายามกลั้นน้ำตาเพราะอยากจะได้เห็นอีกฝ่ายอย่างชัดเจนที่สุด เขาร้องเรียกและออกแรงเขย่าสุดกำลัง เพื่อเรียกสติของคนเจ็บ นานทีเดียวกว่าจะได้เห็นอาการขยับแสดงถึงการรู้สึกตัว มีเสียงครางเบาๆพร้อมกับที่เปลือกตาค่อยๆเปิดขึ้นอย่างยากลำบาก





“โจ...” คนที่เพิ่งฟื้นส่งเสียงได้เพียงเท่านั้น เลือดกระอักใหญ่ก็พุ่งออกจากปาก





“ข้าอยู่นี่ ไม่เป็นไรนะ ท่านไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว”





โจชัวร์ยังพยายามกลั้นเสียงไม่ให้สั่นทั้งๆที่หยดน้ำที่เต็มปริ่มค่อยๆไหลออกจากตา เขาช่วยยกอุ้งมือใหญ่ขึ้นแนบแก้มตัวเอง หัวใจพลันชาวาบกับความเย็นชืดที่สัมผัสได้ อุณหภูมิของร่างกายนี้กำลังลดลง และเมื่อจ้องเข้าไปในดวงตาหรี่ปรือก็ไม่เห็นประกายสีอำพันที่เคยคุ้น กลับมีแต่ความดำมืดเหมือนท้องน้ำที่ลึกสุดจะหยั่งถึง





“ท่านเลือดออกมาก ข้าจะรีบไปตามคนมาช่วย ท่านต้องรอข้าอยู่ที่นี่ อย่าไปไหน อย่าเป็นอะไรไปเด็ดขาด ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ได้ยินมั้ยเจ้าอสูร รอข้าอยู่ที่นี่เข้าใจหรือเปล่า?!”





เขาส่งเสียงเน้นย้ำใส่หูคนเจ็บ แต่พอขยับ มือใหญ่กลับรีบจับตัวเขาเอาไว้ 





“ยะ... อย่าไป... อยู่กับข้า...”





“ได้ๆ ข้าไม่ไปแล้ว ข้าจะอยู่ แต่ท่านต้องไม่เป็นอะไร ห้ามจากข้าไปไหนทั้งนั้นนะ!”





เจ้าอสูรหลับตาลง มีอาการกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเปิดปากเปล่งเสียงอย่างลำบาก





“ขะ... ขอโทษ...”





“ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษ เป็นความผิดของข้าที่ดื้อจะกลับบ้านให้ได้ ข้าไม่รู้ว่าจะทำให้ท่านเดือดร้อน ต้องเสี่ยงอันตรายจากคำสาปแล้วยังมาถูกทำร้ายแบบนี้ ข้าขอโทษจริงๆ”





มือใหญ่พยายามยกขึ้นเพื่อช่วยเช็ดน้ำตา เขาจึงรีบก้มลงไปหา แต่ปลายนิ้วเย็นเฉียบก็ยิ่งทำให้น้ำตาไหลไม่ขาดสาย 





“ข้าไม่... ไม่ใช่...”   





“พอเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าสัญญาว่าจะไม่จากไปไหนอีกแล้ว ไม่ว่าท่านจะเป็นอะไร จะมีคำสาปหรือไม่ก็ตาม ข้าก็จะอยู่กับท่าน เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”





ดวงตาเข้มลึกปิดลงราวกับจะจารจำถ้อยคำทั้งหมดไว้ในหัวใจ ริมฝีปากกว้างพยายามเหยียดออกเป็นรอยยิ้ม





“โจชัวร์... ข้ารักเจ้า...”





หนึ่งห้วงหายใจค่อยๆระบายออกมาพร้อมกับเลือดที่ไหลจากมุมปากจนเกือบจะกลบคำพูดสุดท้าย





“... รักเจ้า... คนเดียว...”





สิ้นจากคำบอกรักนั้น โจชัวร์ก็รู้สึกเหมือนคนหูดับ เขาไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของตนเองที่พยายามร้องเรียกอย่างบ้าคลั่ง แขนขาชาจนเหมือนร่างกายมีแต่ความว่างเปล่า ประสาทสัมผัสที่เหลืออยู่คือดวงตาที่ไม่อาจปิดลง เหมือนมีมือของปีศาจร้ายมาขืนเปลือกตาให้เบิกโพลงเพื่อเป็นพยานรับรู้ในสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้น เขาถูกบังคับให้ต้องมองทุกๆขณะที่คนในอ้อมแขนพยายามเกร็งตัวแต่เลือดสดๆก็ยังทะลักออกจากปาก ดวงตาค่อยๆเลื่อนลอยไปอย่างไร้จุดหมาย แผ่นอกหนาขยับกระชั้นในจังหวะเหมือนคนสำลักอากาศสองสามครั้งก่อนจะ...หยุด... สนิท... ตลอดกาล





ชั่ววินาทีนั้นเขารู้สึกเหมือนแสงสว่างดับวูบลง ไม่มีสายลมหนาวบาดผิว ไม่มีเสียงก้องของผืนป่า รู้สึกเหมือนถูกกระชากออกจากร่างแล้วถอยห่างออกไปเพื่อจะยืนมองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ทุกอย่างเจื่อนจางลงคล้ายรูปถ่ายสีซีด เขาเห็นตัวเองกำลังซุกซบเพื่อหาไออุ่นที่ยังเหลือค้างจากแผ่นอกกว้าง เขาสะอื้นไห้ตัวสั่นในขณะที่ร่างหนานิ่งสนิทราวกับรูปสลักที่ไร้ชีวิต





เขามองภาพนั้นด้วยความสงสัยว่ามันจะเป็นไปได้หรือ... แววตาอันอบอุ่น รอยยิ้มอ่อนหวาน สัมผัสอันแสนอ่อนโยน ทุกสิ่งหายวับไปในเวลาเพียงเสี้ยววินาที... ก่อนหน้านี้เขามีคนที่รักเขา คนที่พร้อมจะปกป้องดูแลเท่าชีวิต แต่เพียงหลับตาลงและลืมตาขึ้นอีกครั้ง คนๆนั้นก็หายไป ทิ้งเขาไว้กับความเศร้าอย่างที่ไม่อาจพรรณนาออกมาเป็นคำพูดได้





เมื่อเขาหลับตาและรู้สึกถึงหยดน้ำตาที่ตกลงบนหลังมือ ความรู้สึกทุกอย่างก็วาบกลับมาเป็นปกติ เสียงกรีดร้องคร่ำครวญดังก้องในหู ความหนาวเหน็บเสียดแทงจนเจ็บไปถึงกระดูก และรอยแดงฉานบนพื้นหิมะขาวโพลนเด่นชัดเสียจนหลับตาก็ยังมองเห็น





“นายท่าน... เจ้าอสูร... เจ้าอสูร!”





เขาพยายามปลุกคนที่เหมือนแค่นอนหลับไป ทั้งเรียก ทั้งเขย่า กระทั่งออกแรงทุบจนเจ็บมือ





“ตื่นสิ ได้ยินข้ามั้ยเจ้าอสูร ลืมตาสิ ลืมตามามองข้า! ลุกขึ้นมา เราต้องรีบกลับไป ทุกคนกำลังรออยู่ ท่านต้องลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้! ได้โปรด ลุกขึ้นมา...”






ในขณะที่โจชัวร์กำลังทุ่มเทเหมือนคนไร้สติ ชายหนุ่มอีกคนที่ร่วงจากหน้าผาลงมาพร้อมกันก็เริ่มรู้สึกตัว...








พบกับ part 2 วันพุธ
สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหารค่ะ




















สรุป Heartbeat คือนิยายที่มีทุกอย่างที่ไม่ควรมีในนิยายหรือเปล่า...

#อ่านแล้วจุก

#คนเขียนวิ่งหลบหลังบังเกอร์โดยพลัน

#ยังยืนยัน Happy Ending เป็นคำตอบสุดท้ายค่า


See U on the Orange Day














^__^








----- Mine -----
หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: fager_yaoi ที่ 02-02-2018 01:50:48
ภาษาสวยมาก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆคับ
หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 09-02-2018 18:00:47
สนุกมากค่ะ มีพลิกล็อค
แหกโค้งช่วงท้ายด้วย
ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆมาให้อ่านน้า
จะรออ่านเรื่องใหม่ของคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 05-08-2018 01:52:31
พึ่งได้มีโอกาสได้มาอ่านต่อหลังจากที่ดองมานานค่ะ เนื้อเรื่องนี้มันฉีกเนื้อเรื่องฉบับดิสนีย์ไปไกลโขจริงๆนะคะ แอบรู้สึกแย่ตรงน้องโจเกือบจะโดนแกสตันข่มขืนนี่แหละค่ะ เราค่อนข้างหดหู่กับประเด็นนี้พอสมควร แต่ก็กลั้นใจทั้งที่น้ำตานองหน้าอ่านต่อเพราะอยากรู้เนื้อเรื่องต่อมาก แล้วสุดท้ายก็พีคจริงๆค่ะ สลับตัวกันแบบนี้เลย แหวกแนวสุด5555 แต่พอเราลองมองในมุมน้องโจ(คิดเองเออเอง) เราก็คิดนะคะว่าตัวเองยังจะรักใบหน้าของคนที่ทำร้ายกันขนาดนั้นได้ลงหรอ แต่ก็เข้าใจแหละค่ะว่ากับอสูรแต่แรกก็รักกันที่จิตใจแล้ว พอมาเป็นคนถึงจะมีหน้าที่เป็นคนอื่นแต่ข้างในยังไงก็ยังเป็นอสูรคนเดิม แง้ แต่ว่าเรื่องนี้สนุกมากๆเลยนะคะ ภาษาสวยมากตั้งแต่ตอนที่อ่านครั้งแรกจนถึงตอนนี้ ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ :L1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 05-08-2018 19:58:35
Beauty and the Beast เป็นนิทานที่ชอบมากๆ คุณMineนำมาแปลงเป็นวาย ก็ทำได้สนุกสนานและซาบซึ้งไม่แพ้กัน

ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ
บวก1 ^^
หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 14-12-2018 23:48:05
ขอบคุณมากๆนะคะ สนุกมากเลยค่ะ ชอบมากกกกกกก :hao7:
หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: Maccagadz ที่ 15-12-2018 17:54:07
หื้อออออ ดีใจที่ได้มาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: Maccagadz ที่ 15-12-2018 18:59:22
น่ารักจังเลยค่ะ อิจฉาน้องโจแล้วว
หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-12-2018 06:54:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: oohsg94 ที่ 20-12-2018 16:54:15
ขอบคุณนะคะที่แต่งมาให้อ่าน ชอบมากๆเลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 29-12-2018 02:00:08
พลิกแบบความรู้สึกไปต่อไม่ถูกเลยคือถ้าไม่ให้แกสตันร้ายขนาดนั้นอาจพอทำใจได้แต่ความซึ้งความหวานมันจบตั้งแต่สลับตัวละ
หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: Stmmltww ที่ 08-01-2019 03:20:49
ขอบคุณค่า สนุกกกก ชอบที่มีความแตกต่างกับต้นฉบับทำให้เหมือนจะรู้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไปในทางไหน
หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 14-01-2019 15:56:28
ขอบคุณคนเขียนมาก น่ารักดี อันที่จริงเราไม่เคยอ่านหรือดูนิทานเรื่องนี้เลย แต่จากที่โจชัวร์เล่านิทานก็พอเข้าใจแล้ว เป็นเวอร์ชั่นที่ดีไปอีกแบบ
หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 15-01-2019 15:24:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 22:43:02
 :pig4: