EP. 9ครั้งแรกที่บีมเจอดวงใจของเขา(ครึ่งแรก)
Part’ s กันต์ธีย์ วันนี้เป็นวันนัดตรวจครรภ์ครั้งที่สอง ครั้งแรกที่ไปตรวจเลือดผมไม่ได้เจอหมอภีมปภพเพื่อนของอาจารย์กันตภณและครั้งที่หมอภีมนัดผมหลังจากวันนั้น ผมก็ติดสอบแต่ว่าผมก็ไม่ได้มีอะไรที่ผิดปกติ เลยทำได้แค่คุยโทรศัพท์กันเล่าถึงอาการของผม ผมไม่ค่อยแพ้มาก ผมก็ไปสอบมาเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ของอาจารย์เปรมสินีที่เขาไม่ยอมให้ผมสอบ แต่ก็ไม่เป็นไร ผมคงลงเรียนใหม่
ผมได้ย้อนกลับไปที่ผับนั้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้อะไร ไปเจอน้องผู้หญิงที่ผมรู้จักเธอบอกว่าผมไม่ควรย้อนกลับไปอีก ผมเป็นเหยื่อ เหยื่ออะไรผมยังไม่รู้เลย ผมว่าน้องคงเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ ไอ้ฟิล์มมันจิตตก ห้ามผมไปหาข้อมูลคนที่ทำให้ผมท้องเด็ดขาด ผมเลยต้องหยุดไว้แค่ ได้ชื่อมันมา ว่าเธียรวิชญ์ แค่ชื่อนามสกุลก็ไม่ได้ มันจะมีประโยชน์อะไร ผมเลยคิดว่าพอดีกว่า
ผมยืนเพ่งพิจารณาแหวนที่ไอ้คนนั้นให้เอาไว้ มันราคาแพงมากแต่ผมไม่คิดอยากจะเอาไปขายหรือจำนำ ไม่ใช่ว่ากลัวเจ้าของมันจะรู้น่ะแต่ถ้ามันรู้ก็จะดี ว่าสิ่งที่มันทำไว้กับผมน่ะ แต่คิดอีกทีอย่ารู้เลยก็ได้ ผมอยู่กันได้สองคนพ่อลูก ผมคิดในใจ ผมก็เลยหันไปเก็บเอาแหวนใส่ไว้ในลิ้นชักเหมือนเดิม มันอยู่ตรงตู้ลิ้นชักข้างเตียงนอนผมตลอด
Rrrrr มือถือผมดังขึ้น ผมเดินไปหยิบมาดู เบอร์อาจารย์กันตภณ ผมก็รู้สึกแย่น่ะที่จะให้คนที่มีอนาคตที่ไกลอย่างอาจารย์กันตภณมารับผิดชอบผม ที่มีแต่ทำให้เขาเสียชื่อ
//ครับพี่กัน// ผมกดรับสายอาจารย์กันตภณ
//บีม วันนี้หมอภีมเขานัดอัลตราซาวน์ใช่ไหมครับ/// อาจารย์กันตภณ เป็นคนที่คอยโทรถามผมบ่อยกว่าแม่ของผมซะอีก รองลงมาก็คือเพื่อนๆ ผม ส่วนแม่ผมส่วนมากจะส่งข้อความมาถามมากกว่า แม่บอกว่าฟิลิปส์คอยพยายามจะฟังแม้จะฟังไม่ออก บางที่ก็ใช้ตัวช่วยแปลเพื่อแอบฟังแม่คุยกับผม ฟิลิปส์มันเป็นพวกหัวหมอด้วย
//ครับ พี่กันรู้ได้ยังไงครับ// ผมถามอาจารย์กันตภณกลับทันทีด้วยความแปลกใจ
//ก็หมอภีมเขาเป็นเพื่อนกับพี่นี่ครับบีม และพี่ก็โทรไปถามเกี่ยวกับเรากับหมอภีมมาตลอด หมอภีมเลยบอกพี่มานะครับ// อาจารย์กันตภณบอกผม ผมก็ลืมไปซะสนิทเลย
//ครับพี่กัน// ผมตอบอาจารย์กันตภณด้วยน้ำเสียงที่เบามาก
// พี่เจอเพื่อนๆ เราน่ะและเขาบอกกับพี่พวกเขามีสอบกันอีกวิชาวันนี้ ดังนั้นพี่จะเป็นคนพาเราไปหาหมอภีมเอง /// อาจารย์กันตภณพูดขึ้น มันทำให้ผมต้องเงียบไปชั่วขณะ ไหนพวกนั้นบอกว่าว่างไงวันนี้ แต่จู่ๆ ก็มีสอบ สงสัยวิชาของอาจารย์เปรมสินีซินะ ผมเลยไม่มี แต่ก็ดี ผมมีพบหมอพอดีเลยวันนี้
//ถ้าอย่างนั้นผม…// ผมกำลังจะบอกว่าไปแท๊กซี่เอง
// เดี๋ยวพี่พาเราไปหาหมอเองน่ะ พี่ว่างตอนบ่ายนะครับบีม // อาจารย์กันตภณรีบบอกผม
// อย่าปฏิเสธพี่น่ะ บีม เพื่อนเราบอกว่าช่วงนี้เราทานไม่ค่อยได้ อาเจียนก็บ่อยขึ้น พี่กลัวว่าเราจะไปเป็นลมกลางทางไม่มีใครช่วย และพี่บอกเราว่าพี่อยากดูแลเรา //อาจารย์กันตภณพูดหว่านล้อมผมจนได้
//พี่กันสงสารผมเหรอครับ//ผมเผลอถามอาจารย์กันตภณไป
//พี่ว่าเรารู้คำตอบดีว่าทำไม ไม่ใช่แค่คำว่าสงสารนะบีม พี่มีมากกว่านั้น// อารจารย์กันตภณพูด มันทำให้ผม ก้มลงมองสิ่งที่ผมถือไว้อยู่ แหวนไอ้คนที่ทำให้ผมท้องลูกของมัน มันจะรู้ไหมว่าผมนี้เป็นยังไงบ้าง กับการกระทำของมันวันนั้นน่ะ ไอ้คนเห็นแก่ตัว ไอ้ไม่มีความรับผิดชอบ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย (เออ ผมก็ผู้ชายนี่หว่า) ไอ้ ไอ้ นึกคำด่าไม่ออกแล้ว
//พี่ขับรถออกมาจากมหา’ ลัยแล้วบีมและใกล้จะถึงแล้วด้วย น่าจะสิบห้านาทีได้ //อาจารย์กันตภณบอกผม
//ผมลงไปรอพี่ที่ชั้นล่างดีกว่าน่ะครับพี่กัน// ผมพูด ผมหันไปหยิบเสื้อเชิ้ตมาสวมทับ ท้องผมดูแทบจะไม่ออกมาว่าผมกำลังตั้งท้องอยู่ ถ้าไม่สังเกตดีดี ท้องแรกก็แบบนี้แม่ผมพูดดูไม่ค่อยออกและอายุครรภ์ก็ยังไม่เยอะด้วย
ผมก้มลงมองท้องน้อยๆ ของผม มีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในนั้น ผมหันไปมองรูปพ่อของผม ดร.เคลวิน เบน กิบสัน เมื่อก่อนผมชื่อ เบนจามิน เบน กิบสัน แต่พอแม่ผมส่งผมมาอยู่ไทย แม่ก็เอาชื่อจริงที่คิดว่าจะตั้งให้ผมมาตั้งชื่อให้ใหม่ ส่วนบีมนี้เป็นชื่อเล่นที่คุณยายผมเรียกเวลาที่ผมมาอยู่ไทย และชื่อนี้เลยเป็นชื่อที่ทุกคนเรียกผมจนติดปากทุกวันนี้
//บีม พวกกูกำลังสอบแต่จะทำเวลาน่ะ จะรีบไปดูหน้าหลานว่ะ กูไปเจอมึงที่โรงพยาบาลเลยนะบีม ปล. กูขอโทษว่ะที่ต้องบอกอาจารย์กันตภณเป็นคนพามึงไปแทนพวกกู แล้วเจอกันน่ะ // ไอ้ฟิล์มมันส่งข้อความหาผม
“มันไม่ยุติธรรมกับเขาไงมึง ที่ต้องมาทำหน้าที่แบบนี้ ในสิ่งที่เขาไม่ได้เป็นคนทำ “ผมพูดกับโทรศัพท์ของผมก่อนจะเดินออกจากห้อง ผมหันมาจับโซ่ที่คล้องประตูเอาไว้ออก ผมยืนเพ่งมองมันอยู่พักหนึ่ง โซ่คล้องประตู เพื่อนป้องกันไม่ให้เข้ามาทำร้ายคนในห้องได้ ลูกในท้องก็เหมือนสิ่งที่จะปกป้องหัวใจของผมที่แตกสลายให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้เช่นกัน
“ลูกโซ่ พ่อจะให้เจ้าชื่อว่าลูกโซ่นะครับ” ผมก้มลงพูดกับน้องน้อยๆ ของผม
“อุ้ย!” ผมรับรู้ได้ว่ามีบางสิ่งที่กระทุ้งแต่ไม่แรงเพราะว่าน้องยังเล็กมากแต่ผมก็รู้สึกได้ว่าเขาดิ้น
“แสดงว่าชอบชื่อนี้ใช่ไหมครับ ไปหาหมอกันน่ะ ดูซิว่า ตัวแสบของพ่อ ตัวโตขึ้นบ้างไหม พ่อจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” ผมพูดกับตัวเล็กของผมในท้องน้อยๆ ผมเดินออกมาก็เจอเพื่อนบ้านเขาก็ยิ้มทักทายผม ผมก็ยิ้มทักทายตอบ ผมอยู่ที่คอนโดนี้มานานมาก เพราะว่าแม่ผมซื้อเอาไว้ให้ ผมเดินลงถึงชั้นล่างของคอนโดของแม่ผม ผมก็เจออาจารย์กันตภณยืนรอผมอยู่แล้วที่ด้านหนาคอนโดของผม
// ป๊าเราล๊อกบัตรเครดิตทุกใบ ก็มันน่าไหมล่ะ เรียนยังไงไม่จบตามแผนที่วางเอาไว้ เราน่ะไม่ใช่คนเรียนไม่เก่งน่ะ นี้คงเอาแต่เที่ยวละซิ ก็ตั้งใจเรียนให้จบ ภายในปีนี้หรือถ้าเร็วกว่านั้นจะดีมาก โอเคเจ๊กจะพูดให้แต่ไม่รับปากน่ะ เพราะว่านั้นเฮียเจ๊คและที่สำคัญ ม๊าเรายังคุยให้ไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับเจ๊กละ แต่ถ้าเรายังไม่จบ เจ๊กจะพาอาม่าไปพาเรากลับ ไม่ได้ขู่ อาม่าบ่นถึงแล้ว กลับมาได้แล้ว อ้อ เจ๊กจะไปทำธุระก่อน แค่นี้ก่อนน่ะ เอาไว้เจ๊กโทรหา บาย // อาจารย์กันตภณพูดกับคนปลายเหมือนจะหัวเสียหน่อยๆ ก่อนจะวางสายไป เขาหันมายิ้มให้ผม ผมน่ะเดินมาด้วยท่าที่หันหน้าหันหลัง มันเหมือนระแวงสายตาคนที่เดินผ่านผมไปยังไงก็ไม่รู้
“เป็นอะไรไปน่ะบีม พี่เห็นเดินเหมือนระแวงอะไรเลย” อาจารย์กันตภณถามผม ก่อนจะมองตามที่ผมมอง แสดงว่าเขาสังเกตเห็นตอนผมเดินลงมา ผมยิ้มๆ ให้อาจารย์กันตภณ
“ไม่มีใครสังเกตเห็นหรอก ใส่เสื้อตัวใหญ่ขนาดนี้ พี่เองยังดูเราไม่ออกเลยน่ะ” อาจารย์กันตภณพูดปนหัวเราะและชี้มาที่ผม ผมก็รู้แต่เหมือนเรารู้ว่าตัวเรามีอะไรที่ซ้อนสายตาเขาอยู่แค่นั้น
“อันที่จริงพี่ไม่น่าลำบากมาเลยน่ะครับ “ผมพูดขึ้นพร้อมกับทำสีหน้ารู้สึกผิด ที่ต้องให้คนที่ไม่ได้ทำกับผมมาคอยตามดูแลผมแบบนี้
“พี่เต็มใจอยากจะช่วย ให้พี่ช่วยน่ะ เพราะว่าเราเป็นเด็กดี เป็นเด็กตั้งใจเรียน พี่เสียดาย และพี่ก็รู้สึกดีกับเรามากๆ พี่จึงอยากยื่นมือเข้ามาช่วย “อาจารย์กันตภณพูด
“พี่ขอน่ะครับ อย่าพูดว่าพี่ไม่น่าลำบากมาเลยอะไรแบบนี้ พี่เสียกำลังใจ นะครับบีม” อาจารย์กันตภณพูดกับผมก่อนจะผายมือให้ผมเดินไปพร้อมๆ กับเขา ผมเดินไปที่รถเก๋งคันหรู หรูมากจริงๆ อาจารย์กันตภณหันมามองหน้าผมพร้อมรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นเสมอมาให้ผม
ตื้ด!!! มือถือผมสั้นเพราะว่ามีข้อความเข้าในแอปพลิเคชันที่ผมใช้คุยกับเพื่อนๆ เป็นไลน์กลุ่ม
//บีมถึงโรงพยาบาลหรือยัง พวกเราสอบเสร็จแล้ว//มะนาวเพื่อนสาวของพวกผม ตัวจะอวบๆ น่ารักๆ ส่งข้อความมาถามผม ผมหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ตอบ
// ใกล้จะถึงแล้วมะนาว// ผมส่งข้อความกลับไปหามะนาว อาจารย์กันตภณ หันมามองผมพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น
//พวกเรานั่งรถแท็กซี่ไปเลย เจอกันบีม// มะนาวบอกผม ผมนั่งเอามือลูบท้องตัวเองเหมือนกำลังปลอบโดยเด็กน้อยในครรภ์ของผมอยู่ ไม่เป็นไรน่ะถ้าเจ้าจะมีแค่ พ่อคนเดียวไม่ได้มีครบเหมือนคนอื่นๆ เขา สายตาก็กวาดมองไปรอบๆ ขณะที่รถจอดรอไฟแดงอยู่ และจังหวะที่ผมหันมาก็ต้องสุดเพราะว่าอาจารย์กันตภณเข้าหันมามองจ้องผมอยู่ แววตาที่ดูอบอุ่นคู่นั้น
“พี่จะไม่พูดว่าบีมต้องเข้มแข็งให้มากๆ บีมอ่อนแอได้ บีมร้องไห้ได้ และพี่นี่จะอยู่ข้างๆ บีมเองและตลอดไป” พี่กันตภณพูดพร้อมกับใช้นิ้วมือจับปลายคางของผม ให้หันไปมองหน้าเขา อาจารย์กันตภณเอี่ยวตัวมาหาผม เหมือนกับว่าเขาทำท่าว่าจะจูบผม ผมนี่มองหน้าอาจารย์ที่ใกล้เข้ามาทุกที แผ่นหลังผมก็ติดชิดพนักผิงเบาะ ผมค่อยๆ หลับตาลงช้า ทำไมผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมกำลังจะกลั้นหายใจเลยและที่ผ่านมาอาจารย์เขาก็ไม่เคยแสดงแบบนี้กับผมเลย แต่ว่าวันนี้เขากำลังจะ จะ …
“ปื้นนน!” เสียงแตรรถคันหลังบีบดังลั้นถนน ตอนนี้เป็นไฟเขียวแล้วทำให้อาจารย์กันตภณต้องหันเปลี่ยนเกียร์รถยนต์และขับตรงไปทันที ผมได้แต่นั่งกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ก่อนจะหลุบตาลงมองที่พื้นแทน ผมไม่กล้าหันไปสบตากับอาจารย์เขาเลย จนกระทั่งรถมาจอดที่สำหรับจอดรถสำหรับคนที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาลนี้
“กึก” ผมรีบจับที่ตรงประตูรถและจะเปิดออกไป
“บีม” อาจารย์กันตภณเรียกผมเอาไว้ ผมจึงชงักเท้าเอาไว้ก่อนจะก้าวลงจากรถอาจารย์ไป ผมค่อยๆ หันมามองหน้าอาจารย์กันตภณ จากที่ก้มหน้ามาตลอด
“พี่ขอโทษ ที่พี่…” อาจารย์กันตภณรีบมาขอโทษผมทันที เขาช่างเป็นคนที่สุภาพที่สุด ไอ้นั่นมันทำมากกว่าพี่มันยังไม่คิดจะขอโทษผมเลยด้วยซ้ำ
” ไม่เป็นไรครับ พี่กัน ผม เออ ผม ขอโทษนะครับ ถ้าผมจะบอกว่าผมยังไม่พร้อมจะรับมือกับเรื่องอื่นๆ ตอนนี้ผมต้องโฟกัสที่เรื่องลูกในท้องผมก่อนนะครับ” ผมพูดกับอาจารย์กันตภ ผมยิ้มอ่อนๆ ให้อาจารย์ว่าผมไม่ได้โกรธเขา
“ครับพี่เข้าใจ พี่รอได้” อาจารย์กันตภณพูด
ผมกับอาจารย์เดินเข้าไปในโรงพยาบาล เพื่อนของอาจารย์เขาเป็นแพทย์ที่นี้และโรงพยาบาลนี้เป็นของพ่อและแม่ของพี่เขาด้วย พี่เขาเป็นลูกชายคนเดียวของคุณหมอที่เป็นหมอประจำบ้านให้กับครอบครัวอาจารย์กันตภณมานาน
“บีมนั่งรถเข็น พี่เข็นให้นั่งนะครับ” พี่หมอภีมถามผมก่อนจะชี้ไปที่รถเข็นคนไข้ ผมรีบส่ายหน้าทันที
“ไม่เอาอ่ะพี่กัน” ผมรีบหันมาพูดทันที (หึๆ) พี่เขาหัวเราะเบาๆ ทันที
“ไม่เอาก็ไม่เอา ปกติม๊าพี่มาพี่ต้องขอรถเข็นตลอดไง และเห็นเราเดินแบบนี้พี่กลัวเป็นลมไป พี่เลยถามเราดูและพี่ก็ไม่อยากให้เราเดินไกลแค่นั้นเอง” อาจารย์กันตภณพูด ผมยู่ปากเล็กน้อย อาจารย์กันตภณเขาพาผมเดินไปยังแผนกแม่และเด็กแต่เขาแยกไว้สองฝั่ง ฝากครรภ์และอีกฝั่งคนไข้เด็ก ผมหันไปมองเด็กน้อยที่มานั่งรอหมอตรวจ มีทุกเพศทุกวัยจริงๆ มันทำให้ผมยิ้มอ่อนๆ ที่เห็นเด็กเล็กเด็กน้อย มากับพ่อแม่ พ่อแม่ของเด็ก ผมหันมามองอาจารย์กันตภณ ผมเองก็รู้สึกน่ะว่าการที่เราอยู่กับคนที่ไม่ใช่พ่อหรือแม่แท้ มันแปลกแต่ถ้าเลือกได้ ผมก็อยากเลือกให้เขาอยู่กับคนที่ให้เขามีชีวิตจริงๆ ถ้าไม่ได้ก็คงต้องเป็นผมแค่นั้น
“สวัสดีค่ะ” พยาบาลเดินมาทักทายผมกับอาจารย์กันตภณ
“สวัสดีครับ ผมรองศาสตราจารย์กันตภณครับ ผมเป็นเพื่อนกับหมอภีมปภพครับ วันนี้ผมพาคุณกันต์ธีร์มาตามหมอนัดครับ” อาจารย์ทักทายพยาบาลหน้าห้องตรวจเขาพยักหน้าและผายมือให้ผมไปนั่งที่โต๊ะสักประวัติเพื่อจะได้วัดไข้หวัดความดัน ทุกอย่างปกติและชั่งน้ำหนัก พอผมขึ้นไป น้ำหนักเท่าเดิม ผมเดินกลับมานั่ง
“ขอโทษนะคะ เป็นคนไข้ของคุณหมอภีมปภพ ใช่ไหมคะ” พี่พยาบาลเขาถามผม
“ใช่ครับ” อาจารย์กันตภณรับตอบแทนทันที
“เดี๋ยวรบกวนนั่งรอสักครู่นะคะ คุณหมอแจ้งเอาไว้แล้วค่ะ “พี่เขาบอกผม
“พอดีว่ามีคนไข้ที่พึ่งจะส่งเข้าไปที่ห้องตรวจเขาก่อนนัดของคุณนะคะ รบกวนนั่งรอสักครูนะคะ คนไข้ออกมาแล้วจะไปเรียกนะคะ” พยาบาลหน้าห้องแจ้งผมสองคน ผมหันมามองหน้าอาจารย์กันตภณ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ที่มีแต่คนท้องนั่งอยู่ ตอนนี้เหงื่อผมเริ่มไหล ผมเริ่มหายใจติดๆ ขัดๆ ภาพตอนผมที่ยืนอุ้มท้องโย่มันผุดเข้ามาในหัวของผม
“หมับ” ข้อมือของผมถูกใครสักคนจับเอาไว้เพราะว่ามันเริ่มสั่น ผมหันไปมองคนที่จับมือผมเอาไว้
“หายใจลึกๆ บีม พี่เชื่อว่าบีมก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้พ่อแม่คนอื่น “อาจารย์กันตภณพูดกับผม มันทำให้รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผมทันที ผมเดินไปหาที่นั่ง และก็ชะเง้อคอมองเพื่อนๆ ของผมว่ามาถึงกันหรือยัง
“คุณกันต์ธีย์ กิฟสันค่ะ เชิญที่ห้องตรวจได้เลยค่ะ “พยาบาลเดินออกมาเรียกชื่อผม แต่ว่าเพื่อนของผมยังไม่มาเลย
“รอเพื่อนเหรอบีม” อาจารย์กันตภณมองตามสายตาของผมก่อนจะหันมาเอ่ยถามผม
“ครับ พี่กัน” ผมตอบ
“พี่จะบอกพยาบาลให้ว่าถ้าพวกเขามาถึงแล้ว ให้พวกเข้าไปในห้องตรวจได้” อาจารย์กันตภณบอกผมก่อนจะเดินไปคุยกับพยาบาลที่หน้าห้อง ผมเดินตรงเข้าไปในห้องตรวจ ผมก็เห็นคุณหมอหนุ่มรูปหล่อ สวมแว่นตา การแต่งกายที่ดูภูมิฐาน เสื้อสูทสีขาว เสื้อกาวน์แพทย์ที่แยกชั้นว่าเป็นแพทย์ระดับมีฝีมือ
“เชิญนั่งครับ ใช่น้องบีมหรือเปล่าครับ” น้ำเสียงที่นุ่มนวล พี่เขาทักทายผมอย่างเป็นกันเอง ผมหันไปมองคุณหมอหนุ่มรูปหล่อ ก็ละสายตาจากหน้าคอมพิวเตอร์หันมามองผมพร้อมรอยยิ้มที่ดูมีเสน่ห์ไม่น้อย
“ใช่ครับ สวัสดีครับคุณหมอภีมปภพ” ผมยกมือไหว้คุณหมอทันที
“เรียกพี่หมอว่าพี่หมอภีมก็ได้ครับ “พี่หมอภีมปภพบอกผม ก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผม
“พี่ขอโทษทีนะครับที่ไม่ได้เจอกันวันที่มาตรวจคัดกรองวันนั้น พอดีพี่มีเครสผ่าคลอดด่วนนะครับ” พี่หมอภีมปภพพูด เขาหันมามองผมแว๊ปหนึ่ง
“ไม่เป็นไรครับพี่หมอภีม ผมเองก็ไม่มีอะไรที่ผิดปกติครับ” ผมตอบพี่หมอภีม
“เพื่อนพี่ล่ะครับ ไม่ได้มาด้วยกันเหรอครับ รองศาสตราจารย์กันตภณนะครับ” พี่หมอภีมปภพเอ่ยถามเพราะเห็นว่าผมเดินเข้ามาคนเดียว คำถามที่ปนเสียงหัวเราะเบาๆ
“พี่หมอภีมหมายถึง...” ผมกำลังจะเอ่ยถามคุณหมอหนุ่ม แต่คนที่พี่หมอกำลังถามถึงก็เดินเข้ามาพอดี อาจารย์กันตภณ
“ทำไมปล่อยน้องเขาเดินเข้ามาคนเดียวล่ะครับ ไอ้คุณแฟน” พี่หมอภีมปภพเงยหน้าขึ้นพร้อมกับถามอาจารย์กันตภณทันที ผมหันไปชำเลืองตามองนิดหนี่ง
“ไอ้ภีม” อาจารย์กันตภณทำท่าใช้นิ้วจุปาก
“โอเครู้กัน “พี่หมอภีมปภพพูดตัดบทก่อนจะหันมามองหน้าผม
“วันนี้เราจะอัลตร้าซาวน์ฟังหัวใจน้องกันนะครับ ตอนนี้ก็สิบหกสัปดาห์แล้วซิน่ะ พอจะเห็นอวัยวะเพศน้องได้แล้วน่ะ อยากรู้ไหมว่าน้องผู้หญิงผู้ชาย” พี่หมอภีมถามผม ผมก็หันไปมองหน้าอาจารย์เฉยเลย
“แต่ก่อนจะไปดูหน้าตาเด็กน้อยกัน พี่ขอดูผลการตรวจเลือดเราก่อนน่ะ ผลออกมาดีมากแต่ว่า ธาตุเหล็กต่ำไปหน่อย ทานไม่ค่อยได้เหรอครับ” พี่หมอภีมปภพถามผมยิ้มๆ ผมพยักหน้าว่าใช่
“ผมไม่อยากทานเนื้อสัตว์เลยอ่ะครับพี่หมอ ทั้งที่ผมพยายามทานแล้วแต่พอลิ้นผมสัมผัสเท่านั้นแหละผมก็ต้องวิ่งไปอาเจียนออกอ่ะครับ” ผมพูด อาจารย์กันตภณหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“พี่จะให้ธาตุเหล็กไปทานนะครับแต่ถ้านัดรอบหน้ายังต่ำพี่ต้องให้ธาตุเหล็กทางเส้นเลือดแทนนะครับ เพราะว่าอันนี้สำคัญมากๆ และวิตามินดี ก็ต่ำไปหน่อยแต่ไม่มาก พี่ว่าไม่ต้องทานแค่ ออกไปรับแสงแดด ช่วงเช้าและช่วงบ่ายสักหน่อยก็น่าจะพอช่วยได้ “พี่หมอภีมปภพพูด
“เพิ่มวิตามินให้บีมเขาหน่อยซิไอ้หมอ” อาจารย์กันตภณบอกพี่หมอภีม
“ได้ครับคุณกัน ลืมไปว่าเสี่ยกันมาเอง วันนี้จัดไปหนักๆ เลยน่ะ เพราะว่าคุณแฟนเขาเป็นห่วงเรามากน่ะ พี่นี่อิจฉาเลย” พี่หมอภีมปภพพูดแซวอาจารย์กันตภณทันทีแต่สายตาพี่หมอเขาที่มองอาจารย์กันตภณ มันทำให้ผมสังเกตได้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น มันนิ่งค้างอยู่หลายวินาทีก่อนจะหันมายิ้มให้ผมและทุกอย่างก็กลับมาสู่ปกติ แต่สายตาคู่นั้นมันสื่อให้ผมรู้ว่าเขาไม่อยากเสียคนนี้ไป
“ที่หมอดูโดยรวมทุกอย่างดีหมดยกเว้นเรื่องทานอาหารใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นพี่จะให้ยาทานเพิ่มเป็นวิตามินบี6 ช่วยลดอาการแพ้ได้ และเห็นบอกว่าปวดจุกแน่นท้องด้วยใช่ไหมครับ แสบร้อนกลางอก น่าจะกรดไหลย้อน พี่หมอแนะนำ ให้ทานแบบแบ่งมื้ออาหารทานเอาน่ะครับ อย่าทานมือหนักเกินไป ให้แบ่งเป็นมือย่อยๆ ห่างกันสักอย่างน้อยสองถึงสี่ชั่วโมง “พี่หมอก็พูดอธิบายจนกระทั่ง
“คุณหมอค่ะ เพื่อนๆ ของคนไข้นะคะ เขาขอเข้ามาได้ไหมคะ” พี่พยาบาลถามพี่หมอภีมปภพ
“เชิญเข้ามาเลยครับ” พี่หมอภีมปภพพูด ผมหันไปมองเพื่อนๆ ของผมที่เดินเข้ามาด้านในมานั่งยืนล้อมเพื่อตั้งตารอจะเห็นหลานตัวน้อย ผมหันไปมองไอ้ฟิล์มที่ไม่เจอมาหลายวันและเป็กซ์อีกคนหายไปพอสมควร ส่วนมะนาวกับใบชานี่เจอกันทุกวัน
“กราบสวัสดีค่ะคุณหมอ “มะนาวเพื่อนสาวของผม เดินมายกมือไหว้คุณหมอ ไหว้สวยเกิ้นจนใบชาต้องสะกิด สั้นหัวไปมาด้วยและพยักหน้าไปที่พยาบาลที่ยืนอยู่
“แพ้เครื่องแบบแพทย์ค่ะ เห็นแล้ว อยากเป็นคนไข้แทนเลยค่ะ” มะนาวหันพูด
“มึงจะฝากท้องเหรอมะนาว มึงไม่มีลูก ที่มันยื่นไปน่ะ อาหารที่มึงกินเข้าไปทั้งนั้น” ใบชากระซิบกับมะนาว
“สวัสดีค่ะอาจารย์” และหันไปยกมือไหว้อาจารย์กันตภพอีกคน
“สวัสดีครับคุณหมอ สวัสดีครับอาจารย์” ฟิล์ม ใบชาและเป็กซ์ ก็ยกมือไหว้ปกติ
“เอาล่ะ พร้อมกันหรือยังที่จะเห็นหลานๆ ของพวกเรากัน ดูท่าจะตื่นเต้นกว่าคนท้องอีกน่ะ” พี่หมอภีมพูดปนหัวเราะเล็กน้อย
“พร้อมมากค่ะ” มะนาวรีบตอบก่อนผมซะอีก
“อีนาวไม่ใช่ลูกมึง” เป็กซ์รีบแย้งดึงแขนมะนาวทันที
“อ้าว! ก็อยากเห็นหลานอ่ะ เพื่อจะหน้าตาดีเหมือนกู” มะนาวพูดผมหันไปยิ้มให้มะนาว ทำท่าเขินเพราะลืมไปว่าอาจารย์กันตภพนั่งอยู่ด้วย
“เดี๋ยวรบกวนให้พี่พยาบาลเข้ามาช่วยพี่หมอก่อนนะครับ” พี่หมอภีมพูดก่อนจะเดินไปที่เตียงคนไข้และผายมือให้ผมเดินไปเพื่อไปขึ้นเตียงคนไข้ในห้องนั้น ผมรู้สึกใจสั่นยังไงก็ไม่รู้ที่จะได้เห็นหน้าเขา เด็กน้อยในพุงของผม มันกลัวและตื่นเต้น ปนดีใจ มันหลายอารมณ์มากจนผมทำตัวไม่ถูก ผมมองสายตาพี่หมอภีมเขาพยักหน้าให้ผมขึ้น ผมจะได้เห็นหน้าเขาแล้วไง
TBC...