คำสารภาพของเด็กขาย ภาค "ดินกะชล" ตอนพิเศษ ถวายเพล (8 กันยายน 2015)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คำสารภาพของเด็กขาย ภาค "ดินกะชล" ตอนพิเศษ ถวายเพล (8 กันยายน 2015)  (อ่าน 428329 ครั้ง)

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
คุณดินจะจากลา
ไปอเมริกา

ชลเศร้าแน่ๆ


ไม่อยากจะเข้าใจ..ก็ต้องเข้าใจ
เป็นใครก็เศร้า

ออฟไลน์ DIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +405/-0
งวดเข้ามา แล้วนะครับ ใกล้เต็มที สำหรับตอนจบของเรื่อง "ดิน กับ ชล"

อันที่จริง เรื่องนี้ ผมว่าคนอ่านคงไม่ค่อยจะอยากรู้ตอนจบแล้วละครับ เพราะ พอจะรู้คร่าวๆ ตั้งแต่อ่านภาค 1 กันแล้ว จริงไหมครับ

.....................................................................

ตอนที่ 64 พี่ธีร์

เรื่องของผมที่จะต้องบอกกับพี่ธีร์เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมค่อนข้างลำบากใจ ถึงมันเป็นความรู้สึกคนละอย่างกับไอ้ชลแต่ผมกับพี่ธีร์ก็อยู่กันมานานกว่า... หกปี…

แต่แล้ว มันก็มีเหตุที่ทำให้ผมต้องบอกพี่ธีร์อย่างชนิดที่เรียกว่า ช๊อค กันไปทั้งพี่ธีร์ และผม... มาดูกันครับ ว่าเกิดอะไรขึ้น

อย่างที่บอกว่าช่วงก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องระหว่างผมกับไอ้ตองนั้น ความสัมพันธ์ของผมกับพี่ธีร์ก็ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไรนัก จากสาเหตุของเวลาการทำงานของผมเอง อย่างที่บอกว่า งานใหม่ของผม เข้างานตอนบ่าย กว่าจะเลิกก็ห้าทุ่มกว่า และผมยังไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ที่ทำงานด้วยกัน กว่าจะกลับ ก็ตีสองตีสาม

ตอนนั้นเอง พี่ธีร์ก็ถอยรถกะบะออกมาคันนึง นัยว่าจะเอาไว้ขนของ เพราะพี่ธีร์ เริ่มขยายงานออกมาเป็นงานตกแต่งภายในบ้าน ซึ่งต้องมีการขนของที่ไปซื้อมา เอาไปตกแต่งบ้านให้กับลูกค้า

วันไหนที่พี่ธีร์ไม่มีงาน พี่ธีร์ก็จะบอกผม และอนุญาตให้ผมขับรถไปทำงานได้ เป็นการบังคับกลายๆ ว่าให้ผมกลับบ้านเร็วขึ้นเพราะไม่มีข้ออ้างเรื่องรถเมล์กลางคืนซึ่งผมก็เอาไปบ้าง ไม่เอาไปบ้าง... แต่ต้องยอมรับว่า ผมเองก็เป็นมนุษย์ปุถุชน คนนึง ที่หลงใหลในความสะดวกสบายที่พี่ธีร์หยิบยื่นให้... จนกระทั่ง

วันนั้น ผมจำได้ว่า ผมขับรถออกมาจากบ้าน กำลังจะไปทำงาน มาตามถนนวิภาวดีจนกระทั่ง ถึง สามเหลี่ยมดินแดงซึ่งจะต้องเลี้ยวขวาไปทางอนุสาวรีย์ชัยฯ ซึ่งทางที่ผมมากำลังเป็นไฟเขียว แต่พอผมขับมาจนห่างทางแยกอีกไม่ไกล ไฟเขียวที่เห็นก็เปลี่ยนเป็นไฟเหลือง ผมจึงถอนเท้าจากคันเร่ง แล้วค่อยๆ เหยียบเบรคเพื่อชลอเตรียมจอดติดไฟแดง

พอผมจอดสนิท ก็มีเสียงดัง “ตึง” พร้อมกับรถที่ผมขับ ไหวยวบเป็นสัญญานว่า ถูกชนท้าย... ผมหันไปมอง ก็เห็นรถตุ๊กๆ อยู่ด้านหลัง... ไม่ทันที่ผมจะจัดแจงปลดเกียร์เป็นเกียร์ว่าง เปิดไฟกระพริบ เพื่อจะลงไปคุยกับเค้า รถตุ๊กๆ คันนั้นก็ถอยออกมานิดนึง ก่อนจะหักเลี้ยวเข้าทางกลับรถใต้สะพานด่วนดินแดง ย้อนกลับไปทางถนนวิภาวดีอีกครั้ง อย่างไร้ความรับผิดชอบ

ผมลงมาดูที่ท้ายรถ ปรากฏว่า กันชนด้านท้ายเป็นรอยยุบจากการถูกชนจนเบี้ยวไป แต่ก็ไม่รู้จะไปเอาใครมารับผิดชอบ ก็คงต้องเป็นผมเองที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งผมเองก็กะว่า วันหยุดจะนำเข้าซ่อม... ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่ อะไรๆ มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด

เช้าวันต่อมา... ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงปลุกของพี่ธีร์ ซึ่งน่าแปลกใจ เพราะปกติ พี่ธีร์จะไม่มาปลุกผม เข้าใจว่าผมกลับบ้านดึก แต่วันนั้น กลับกลายเป็นว่า...

“ดิน... ตื่น เราไปทำอะไรมา...”

“อะไรครับ พี่ธีร์” ผมลืมตาขึ้นมางัวเงีย... เพราะยังไม่ได้เวลาตื่นดีนัก

“เราเอารถไปทำอะไรมา กันขนด้านหลังเบี้ยวบิดจะหักอยู่แล้ว” พี่ธีร์ถามด้วยความโกรธ ปกติพี่ธีร์เป็นคนรักรถมาก

“สามล้อชน ตรงสามเหลี่ยมดินแดง แล้วเค้าก็หนีไป...” ผมตอบอย่างไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรนัก

“เราขับอีท่าไหนล่ะ ถึงได้ให้เค้าชนได้” พี่ธีร์ถามเสียงดัง

“ผมก็ขับของผมตามปกติ กำลังจะจอดติดไฟแดง เค้าคงเบรคไม่ทัน เลยชน แล้วก็หักรถขับหนีไป...” ผมบอก

“แล้วเราทำไมไม่จดทะเบียนรถเค้าเอาไว้”

“ดูไม่ทันครับ พอจอดได้กำลังจะลง เค้าก็หักหนีไปแล้ว” ผมชี้แจง

พี่ธีร์นิ่งเงียบไปแป๊บนึง ก่อนจะบอก “เดี๋ยวเอาไปซ่อมให้เรียบร้อย แล้วก็ ถ้ายังไม่สามารถระมัดระวังรักษารถได้ ก็อย่าเพิ่งเอาไปขับ”

“ครับ” ผมพยักหน้าอย่างง่ายๆ

หลังจากนั้น ผมก็ไม่เคยแม้จะแตะต้องรถของพี่ธีร์อีกเลย แม้กระทั่งวันที่ผมจะต้องไปรับม้า ไปโรงพยาบาล ผมก็ไม่เคยบอกให้พี่ธีร์รู้ และไม่เคยบอกหรือร้องขอรถจากพี่ธีร์ไปรับม้า ที่สถานีรถไฟ...

ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่ธีร์ เหินห่างจนน่าใจหาย พี่ธีร์ไม่เคยรู้ว่าผมกำลังทำอะไรกับตัวเอง ทั้งเรื่องงานและที่ผมเดินเรื่องเพื่อจะไปเมืองนอก

นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่พี่ธีร์จะจับได้ว่า ไอ้ตอง เด็กที่เค้าเอามาประพฤติตัวเป็น แมวขโมยปลาย่างในบ้านไปกินลับหลังเค้า หลังจากนั้น พี่ธีร์ก็ไม่กล้าพาใครเข้าบ้านมาอีก ซึ่งผมก็ยังดำเนินชีวิตของผมไปตามปกติ

ในแต่ละคืน ผมกลับมาถึงบ้าน ตีหนึ่งบ้าง ตีสองบ้างแล้วแต่รถเมล์ที่วิ่งตอนกลางคืน ผมพยายามจะไม่ใช้บริการแท๊กซี่ ถ้าไม่จำเป็น เพราะต้องการจะเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์เพื่อเป็นทุนสำหรับตัวเองสำหรับชีวิตเมืองนอก

หากวันไหนที่ผมแวะไปหาไอ้ชล ก็จะกลับมาถึงบ้านเอาตอนเช้าบ้าง สายบ้าง ซึ่งก็คงเป็นสิ่งที่พี่ธีร์ไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก ตามประสาจนกระทั่ง...

วันนั้น ผมเลิกงานตามปกติ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้ รถเมล์จะน้อยกว่าปกติ มีคนยืนรออยู่ที่ป้ายรถเมล์ค่อนข้างหนาตา นานพอดูกว่ารถเมล์จะมา กลับถึงบ้านตอนตีสองกว่าๆ  พอผมเปิดประตูห้องเข้าไป พี่ธีร์ก็ลืมตาขึ้นมามองก่อนจะเหลือบตาไปที่นาฬิกา...

ผมยิ้มให้ ก่อนจะเดินเลยไปที่ห้องน้ำ เพื่อชำระร่างกาย ก่อนจะเดินมาที่เตียงนอนฝั่งผมตามปกติ

“ทำไมกลับดึกนักล่ะ ดิน”

“วันนี้รถเมล์ขาดช่วงครับ” ผมตอบเบาๆ

“ทำไมไม่ขึ้นแท๊กซี่หรือสามล้อ”

“เปลืองตังค์ครับ... ผมไม่ได้ลำบากอะไร” ผมตอบพร้อมกับหลับตาลง

“ดิน...”

“ครับ”

“พี่จะออกเงินดาว์นรถให้เราผ่อน จะได้สะดวกเวลาไปทำงาน เอาไหม”

“ไม่เอาครับ”

“ทำไมล่ะ รถมือสองก็ราคาไม่กี่ตังค์”

“ผมใช้รถเมล์ก็ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องรับผิดชอบเยอะ ทั้งค่าน้ำมัน ค่าซ่อม ค่าที่จอดรถ วุ่นวาย” ผมบอก แต่ยังไม่ยอมบอกพี่ธีร์ว่าผมจะทำอะไร

พี่ธีร์ดึงตัวขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง “พี่ไม่เข้าใจ ทำไม เงินเดือนเราก็ไม่น้อย ผ่อนได้สบายๆ แล้วทำไมไม่ซื้อรถ จะได้สะดวกกับตัวเอง กลับบ้านเป็นเวลา ไม่ต้องรอรถเมล์ คนเยอะเบียดเสียดขนาดนั้น” เสียงของพี่ธีร์หนัก เอาจริงเอาจัง

ผมลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงบ้าง หันมามาองพี่ธีร์ก่อนจะบอก “พี่ครับ... ผมว่าจะบอกพี่ แต่ยังไม่มีโอกาสสักที... ผมจะไปอเมริกาครับ”

พี่ธีร์นิ่งไปพักหนึ่ง เหมือนจะช๊อค ก่อนจะหันมามองหน้าผม “ไปทำอะไร”

“ผมจะไปเรียนต่อครับ ทำงานไปด้วย อาผมเค้ามีร้านอาหารอยู่ที่นั่น เค้าชวนผม”

“ไปเมื่อไร” พี่ธีร์ถามผมเสียงแหบ เหมือนคนจะจมน้ำ

“อีกเดือนครึ่งครับ ผมเดินเรื่องไว้สักพักแล้ว ได้วีซ่ามาแล้วด้วยครับ” ผมบอกพี่ธีร์

พี่ธีร์หันไปเปิดไฟหัวเตียง ก่อนจะหันมามองสบตาผม ในลูกกะตาพี่ธีร์มีน้ำเอ่อขัง เป็นประกาย “เราใจร้ายมากนะ ดิน แล้วเราจะรอจนถึงเมื่อไรถึงจะบอกพี่”

“ผมเพิ่งได้วีซ่ามาอาทิตย์ที่แล้ว ว่าจะบอกพี่แต่ไม่มีโอกาส” ผมบอก

“ทำไมล่ะ ดิน... อยู่เมืองไทยไม่ดียังไง หรืออยู่กับพี่มันอึดอัดหรือไง”

“อยู่เมืองไทย ผมก็ต้องพึ่งพาพี่ธีร์อยู่อย่างนี้เรื่อยไป ผมอยากโต อยากยืนบนขาของตัวเอง ถ้าผมยังอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ความฝันของผมก็ไม่เป็นจริงสักที ถ้าผมมีความรู้มากกว่านี้ หาเงินได้เยอะกว่านี้ ม้าผมจะได้ไม่ลำบาก...”

“หมายความว่ายังไง...”

“พี่ธีร์คงไม่รู้... เพราะผมไม่เคยเล่าให้ฟัง” ผมบอก ก่อนจะเล่าเรื่องวันที่เกิดเรื่องที่สถานีรถไฟมักกะสันให้พี่ธีร์ฟัง “ม้าผมอายุเยอะแล้ว... ถ้าผมยังล่องลอยไม่เป็นหลักอยู่อย่างนี้ ผมจะดูแลม้าได้ยังไง แค่นี้ ผมทนไม่ได้ แค่ผมเห็นเลือดที่หัวเข่าม้า ผมก็ใจจะขาดแล้วครับพี่” ผมบอกพี่ธีร์เสียงแหบในตอนท้าย....

พี่ธีร์นิ่งอึ้งไป ก่อนจะหลุดปากออกมา “เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อไร”

“หลังจากที่ผมขับรถไปโดนชนมาไม่นานครับ”

“แล้ว... ทำไมเราไม่บอกพี่ ทำไมเราไม่เอารถที่บ้านไปรับม้าไปโรงพยาบาล... เราคิดว่า ถ้าเราบอกพี่แล้วพี่จะไม่ให้เรางั้นเหรอ...ดิน เราคิดว่าพี่จะใจร้ายใจดำขนาดนั้นเลยเหรอ”

ผมส่ายหน้า... “เรื่องรถ... ผมไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น ผมก็แค่อยากมีความก้าวหน้า อยากมีหน้าที่การงานที่ดี ได้เงินเดือนเยอะๆ... ม้าผมก็อายุมากขึ้นๆ ทุกวัน มันจะต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นกว่านี้แน่...” ผมให้เหตุผลกับพี่ธีร์

“แล้ว ม้ารู้เรื่องนี้หรือยัง?”

“ครับ... ม้ารู้แล้วครับ... จริงๆ ม้าก็ไม่อยากให้ผมไป แต่ผมขอเวลากับม้าไว้ 3 ปี ผมสัญญาว่าจะกลับมาเมืองไทย”

“ม้ากลัวว่า เราจะไม่กลับ?” พี่ธีร์ดูเหมือนจะเย็นลงแล้ว

“ครับ” ผมพยักหน้า

“พี่คงห้ามเราไม่ได้แล้วใช่ไม๊ ดิน...”

“อย่าห้ามผมเลยครับ พี่... พี่ก็รู้นิสัยผม...” ผมบอก เพราะอยู่กันมาหกเจ็ดปี พี่ธีร์คงจะพอรู้ว่า ถ้าผมคิดหรือตัดสินใจจะทำอะไรแล้ว ใครๆ ก็ห้ามไม่ได้...

พี่ธีร์พลิกตัวหันมากอด แนบแก้มลงมาบนหน้าอกผม “พี่คงเสียเราไปจริงๆ แล้วใช่ไหมดิน”

“เราอยู่กันมาหลายปี ลองห่างกันสักสองสามปี บางทีอะไรๆ มันอาจจะดีขึ้นนะครับ” ผมบอก เอามือลูบหลังพี่ธีร์เบาๆ

“ดิน...” พี่ธีร์เสียงอ่อย “พี่รักเรานะ พี่บอกได้เลยว่า พี่ไม่เคยรักใครเท่าเรา... พี่อาจจะเคยเผลอไผลกับใครไปบ้าง แต่ ก็ไม่เคยมีใครมาแทนเราได้...”

“พี่ยังไม่เจอมั๊งครับ” ผมบอกยิ้มๆ ทีเล่นทีจริง...

“ไอ้ตี๋บ้า...” พี่ธีร์ล้วงมือลงไปกำไอ้ดินน้อยใต้ผ้าห่ม ซึ่งมันก็แข็งทันใจ ผงาดเต็มมือพี่ธีร์ “จะไปหาที่ไหน ใหญ่..ยาว.. แข็งทันอกทันใจแบบนี้” พี่ธีร์กำแน่น รูดขึ้นรูดลงอย่างเคยมือ

“ไม่ง่วงเหรอครับ” ผมแกล้งถาม

“แล้วเราล่ะ” พี่ธีร์หันมาถามย้อน

แทนคำตอบ ผมตลบผ้าห่มออกจากตัว “เมื่อกี้ง่วงครับ แต่ตอนนี้... เงี่ยนนน... อาซซซซ” คำสุดท้าย ผมครางออกมา เพราะไม่รอให้ผมพูดจบ ไอ้ดินน้อยก็หายเข้าไปในปากพี่ธีร์เกือบครึ่งดุ้นแล้ว...



*****************

ดูเหมือนพี่ธีร์จะทำใจได้ ว่าผมได้เลือกทางของผมแล้ว พี่ธีร์บอกให้ผมเดินตามความฝันของตัวเอง จะคอยเป็นกำลังใจให้ สุดท้ายผมกับพี่ธีร์ก็จากกันด้วยดี จนผมไปเรียนต่อกลับมา เราก็ยังคุยกันเป็นพี่เป็นน้องจนถึงปัจจุบัน

เฮ้อ... เหลือแต่ไอ้ชล ผมจะบอกมันยังไงดี...

..........................................................

ช่วยผมบอกไอ้ชลมันทีได้ไหมล่ะครับ คนอ่านคนดีของผม


zellda

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับพี่ดิน ดีใจจังที่พี่ดินมาต่อเรื่องเล่าแล้ว
อ่านมาถึงตรงนี้ รู้สึกใจหายที่ได้รู้ว่าอีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้ว
ใจหนึ่งรู้สึกสงสารพี่ชล แต่อีกใจก็เข้าใจว่าพี่ดินทำไปเพราะอะไร
ทีแรกที่อยากจะขอให้พี่ดินได้เจอกับพี่ชลอีกครั้ง
ก็เลยกลายเป็นว่าไม่กล้าบอกออกไปแบบนั้นซะแล้ว

ส่วนตัวเคยอ่านเรื่องเล่าทำนองนี้ไม่กี่เรื่อง
แต่ยอมรับว่าประทับใจวิธีเขียนของพี่ดิน
รู้สึกชอบความคิดความอ่านของพี่ดิน
ถึงจะมีทั้งดีและไม่ดี แต่ก็นี่แหละ...มนุษย์ธรรมดา
ที่พยายามจะใช้ชีวิต พออ่านแล้วเลยรู้สึกเหมือนได้เพื่อนมั้งครับ
ปกติไม่ใช่คนที่ชอบตอบหรือแสดงความคิดเห็นเท่าไร
เพราะส่วนตัวเป็นคนที่อธิบายอะไรไม่ค่อยเก่ง
แต่ที่ตอบกระทู้ เป็นเพราะอยากจะเป็นกำลังใจให้พี่ดิน
ให้พี่ดินได้รู้ว่ายังมีคนอ่านคนหนึ่งรอพี่ดินเล่าเรื่องอยู่นะครับ
ถ้าพี่ดินจะยังเขียนเล่าเรื่องต่อไปอยู่ ก็จะคอยติดตามนะครับ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ชลเข้าใจ
ไม่น่าจะยากนะ

คงจะยิ้มทั้งน้ำตา
คนที่ตัวเองรักกำลังจะมีอนาคตที่ดี

สุดท้ายต้องเข้าใจ
ถึงจะเศร้าก็ตาม

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
เตรียมร้องไห้เรื่องพี่ชล  :hao5:
แถมตอนกลับมาจากนอกก็ดัน.... ฮืออออออ

ออฟไลน์ คนอ่าน

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-13
เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
พี่ธีร์เข้าใจง่ายกว่าที่คิด  :katai2-1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ดีที่จากกันด้วยดีแล้วยังเป็นพี่น้องกันอยู่ ^^

ออฟไลน์ DIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +405/-0
คราวที่แล้ว ผมเขียนค้างไว้ที่ตอนพี่ธีร์ และว่าจะไม่เขียนต่อ... จนกระทั่ง มีแรงบรรดาลใจอย่างหนึ่งให้ผมกลับมาเขียน แรงบันดาลใจนั้นท้าทายผม ว่า ผมจะจำเรื่องราวความประทับใจระหว่างผมกับไอ้ชลได้มากน้อยแค่ไหน...

นั่นทำให้ผมกลับมาเขียนเรื่องไอ้ชล และ เรื่องราวอีก สี่ห้าตอนต่อจากนี้ จนกระทั่งจบเรื่อง...

แรงบันดาลใจนั้นคืออะไร เดี๋ยวเล่าจบเรื่องแล้ว จะเฉลยให้ครับ... (จบเรื่องนะครับ ไม่ใช่จบตอน)

..........................................................

ตอนที่ 65 ไอ้ชล

ต้องบอกว่า สิ่งที่ผมจะเล่าในตอนนี้ เป็นฉากประทับใจหนึ่ง ระหว่างผมกับไอ้ชลที่หาดเจ้าสำราญ จังหวัดเพชรบุรี ที่ผมไม่เคยลืม ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนแล้วก็ตาม...

……………………………………………

“ชล... อาทิตย์หน้ามึงว่างป่ะ วันที่....”

“ทำไมอ่ะ”

“กูจะชวนมึงไปเที่ยวทะเลน่ะ...” ผมบอกมัน

“มึงไม่ทำงานเหรอ นั่นมันวันพฤหัสฯ ไม่ใช่เหรอ”

“กูลาพักร้อน อยากไปเที่ยวทะเลกับมึงอ่ะ” ผมบอกมัน

“ไปดิ... กูก็อยากไปเที่ยวเหมือนกัน” ไอ้ชลมันพยักหน้าง่ายๆ “ไปไหนอ่ะ” มันหันมาถาม

“ไม่รู้เหมือนกัน นั่งรถไปก่อน” ผมตอบ

เราไปขึ้นรถกันที่ขนส่งสายใต้ จำได้ว่า ตอนนั้นจริงๆ ผมก็ไม่คุ้นเคยกับสายใต้เท่าไรนัก (อยู่สายใต้เก่าสามแยกไฟฉายนะครับ) พอไปถึงสายใต้ ก็มีเด็กรถของรถบัสที่จะออก กวักมือเรียกเราอยู่หลายคัน ผมกับไอ้ชลหันมามองหน้ากัน แล้วตะโกนถามเด็กรถคนหนึ่ง

“ผ่านเพชรบุรีหรือเปล่าครับ”

“ผ่าน ขึ้นเลย...”

ผมกับไอ้ชลก้าวขึ้นไปบนรถหาที่นั่งว่าง วันธรรมดาอย่างนี้ไม่ค่อยมีคนสักเท่าไร มาถึงที่ว่างคู่กัน ผมให้ไอ้ชลมันเข้าไปนั่งข้างในติดริมหน้าต่าง...สักพัก กระเป๋าคนนั้นก็มาเก็บเงิน

“ลงไหนครับ”

“เพชรบุรีครับ...”

กระเป๋าบอกจำนวนเงิน ผมส่งแบ๊งค์ร้อยให้ กระเป๋าฉีกตั๋วเรียบร้อยส่งให้ผมพร้อมเงินทอน “ถึงแล้วบอกด้วยนะครับ พี่” ผมบอก กระเป๋าพยักหน้าให้ก่อนจะเดินไปเก็บเงินผู้โดยสารคนอื่น

ผมมองเสี้ยวหน้าของไอ้ชลที่หันมองวิวสองข้างทางอย่างเพลิดเพลิน “กูจะบอกมึงยังไงดีวะ ชล” ผมรำพึงในใจ...

“กูชอบอ่ะ ดิน ออกมาเที่ยวต่างจังหวัดแบบนี้” ไอ้ชลหันมาเจอสายตาผมที่มองมันอยู่ก่อนแล้ว “มึงมองกูทำไม”

“เปล่าๆ” ผมรีบตอบมัน

ใช้เวลาเดินทางร่วมสองชั่วโมง (สมัยก่อนมีเส้นเพชรเกษมเส้นเดียวครับ ที่ลงใต้) ก็มาถึง... ได้ยินเสียงกระเป๋ารถตะโกนบอกมาจากท้ายรถ

“เพชรบุรี...ถึงแล้วครับ... ลูกพี่จอดด้วย มีคนลงสองคน”

ผมกับไอ้ชลลุกออกจากที่นั่ง หิ้วกระเป๋าเดินทางลงมาจากรถบัสที่นั่งมา

“ไปไหนต่ออ่ะ ดิน” ไอ้ชลหันมาถาม ผมชี้ที่คิวรถสองแถว มีคันนึงเขียนที่ป้ายด้านข้างรถว่า ‘หาดเจ้าสำราญ’

“เราไปดูที่นั่นกันเถอะ ชล” เราสองคนสะพายกระเป๋าไปขึ้นรถสองแถวคันที่ว่า ไม่นานนัก เราก็มาถึง ซึ่งเป็นเขตทหาร ผมไปถามเรื่องที่พัก เค้าก็ชี้ไปที่บังกะโลไม้ สามสี่หลังริมหาด มีเพิงขายอาหารอยู่ไม่ไกล ลุงกะป้า สองคนเฝ้าอยู่

“ก็คืนละ ห้าร้อย อาหารสั่งลุงกะป้าได้” ป้าบอกอย่างอารีย์ ช่วงนี้หน้าฝนไม่ค่อยมีคนเข้ามาเที่ยวเท่าไร

เราสองคนตกลงเช่าหนึ่งหลัง เป็นบังกะโลมีห้องน้ำในตัว ระเบียงอยู่ด้านหน้า ไม่ไกลจากชายหาดนักพร้อมกับสั่งอาหารกลางวัน สองสามอย่าง เพราะตอนที่เราไปถึงก็เกือบเที่ยงแล้ว...

หลังกินข้าว เราก็พักผ่อนจนเกือบเย็น ก่อนจะลงไปเล่นน้ำทะเลกัน ไอ้ชลว่ายน้ำไม่แข็งนัก เราเลยยืมห่วงยางจากป้ากะลุงลงไปลอยเล่นในทะเล... ไอ้ชลดูเหมือนจะชอบมาก เพราะมันเล่นจองนอนพาดอยู่บนห่วงยางคนเดียวไม่ยอมลงเลย

“ดิน...” มันเรียกผม ขณะที่ผมว่ายเข้ามาเกาะห่วงยางไว้มือนึง...

“หือมมมม”

“ถ้าเราอยู่ด้วยกันได้อย่างนี้ทุกวันก็ดีดิ เนอะ...”

ผมหัวเราะ “อะไรของมึง คราวก่อนไปเชียงใหม่ ก็บอกว่าอยากอยู่เชียงใหม่ ไปบ้านกูก็บอกว่าอยากอยู่บ้านกู พอมาทะเล ก็อยากอยู่ทะเล... เอาไงแน่วะ...”

ไอ้ชลหันมามองหน้าผม... “อือ... ถ้ามีมึงอยู่กะกู อยู่ที่ไหนกูก็มีความสุข...”

ผมหัวเราะเจื่อนๆ “ถ้างั้นต้องลงมาว่ายกะกู ไม่ใช่ นอนสบายอยู่บนห่วงคนเดียว” ผมบอกมัน กลบเกลื่อน...

“ไม่เอาอ่ะ... กูว่ายน้ำไม่เก่ง...”

“งั้นเดี๋ยวกู พาว่ายไปไกลๆ ทำไงวะ”

“ไม่เป็นไร มึงไปด้วย กูไม่กลัว...” ไอ้ชลบอกง่ายๆ เล่นเอาผมถึงกับอึ้ง...

เล่นน้ำทะเลกันจนเหนื่อย ฟ้าเริ่มมืดผมจึงชวนไอ้ชลขึ้นไปอาบน้ำ เพื่อทานข้าวเย็นตอนทุ่มนึงที่นัดลุงกับป้าไว้ ซึ่งพอเห็นเราขึ้นจากทะเล ลุงกับป้าก็เตรียมอาหาร พอเราอาบน้ำเสร็จลงมาอาหารก็เสร็จพอดี...

หลังอาหารเย็น ผมชวนไอ้ชลไปเดินเล่นชายหาด เนื่องจากวันนี้ฟ้าเปิด ทำให้ไม่มืดจนเกินไปนัก ผมอยู่ในชุดกางเกงเล ขาสั้นตัวเดียวที่ขมวดปมไว้ที่เอว เดินกอดคอไอ้ชลไปตามแนวคลื่นเรียบชายหาด มองเห็นโป๊ะไฟของเรือตกหมึกอยู่ลิบๆ คลื่นเล็กๆ ซัดกระทบฝั่งเป็นประกายระยิบระยับจากฟอสฟอรัสที่คลื่นซัดขึ้นมา...

“สวยนะ ดิน... อะไรอ่ะ”

“ฟอสฟอรัสเล็กๆ น่ะ” ผมบอกมัน ไอ้ชลหันมามอง

“ทำไมมึงรู้อ่ะ” มันถามผม

“กูเคยอ่านหนังสือเจอ...” ผมบอก ก่อนจะหันมาเรียกมันเบาๆ “ชล”

“หือม...”

“กูจะไปเมืองนอก...” ผมตัดสินใจบอกมันตรงๆ

ไอ้ชลหยุดเดิน ก่อนจะหันมา “กูรู้แล้วละ ดิน” ไอ้ชลตอบเสียงแหบอย่างที่ผมเองก็คาดไม่ถึง

“มึงรู้ได้ไง...”

“อาทิตย์ที่แล้ว กูไปบ้านมึงมา... กูไปขอโทษม้า ที่ไปรับม้าไม่ทันวันนั้น กูเสียใจจนนอนไม่หลับ ถ้ากูไม่ได้ขอโทษม้าด้วยตัวเอง กูคงรู้สึกผิดไปตลอด ม้าเลยบอกกู”

“แล้ว... มึงว่าไง”

ไอ้ชลส่ายหน้าน้ำตาคลอ... “ไปเถอะ ดิน... อนาคตของมึง ความฝันของมึง อย่าให้กูเป็นตัวถ่วง”

“ไม่โกรธกูเหรอ ที่กูบอกมึงช้า”

“ม่ายอ่ะ ดิน... มึงก็มีเหตุผลของมึง...”

“มึงรอกูนะ... กูไปไม่นาน”

“มึงจะให้กูไปไหนล่ะ ดิน... กูก็อยู่ของกูแบบนี้แหละ กูคงไม่มีวาสนาไปไกลถึงเมืองนอกเมืองนาอย่างมึงหรอก”

“ถึงกูจะไปเมืองนอกเมืองนาอย่างที่มึงว่า แต่กูก็ยังเป็นเพื่อนมึงนะ ชล” ผมบอก ค่อนข้างแปลกใจกึ่งโล่งอกว่าไอ้ชลไม่ได้ตีโพยตีพายอย่างที่ผมคิด ผมหันมากอดไอ้ชลเอาไว้เต็มอ้อมแขน ความรู้สึกเต็มตื้นอย่างไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนกับ ‘เพื่อน’ คนไหนๆ “สามปี นะชล ไม่เกินสามปี กูจะกลับมา...” ผมกระซิบบอกมัน

“เอาเถอะดิน...ไม่ว่าจะสามปี หรือกี่ปี กูก็ยังเป็นกู อยู่ตรงนี้แหละ” ไอ้ชลกระซิบตอบผม “กูดีใจนะ ที่มึงจะมีอนาคตที่ดี สมกับที่มึงฝันเอาไว้... และกูแน่ใจว่ามึงจะทำได้ และทำได้ดีด้วย” เสียงของไอ้ชลพร่าสั่นไปในตอนท้ายอย่างพยายามควบคุมอารมณ์ ผมรู้สึกได้ถึงหยดน้ำสองสามหยดไหลลงมาเปียกที่หัวไหล่

ผมลูบหลังไอ้ชลไปมาเพราะผมรู้ว่า นอกจากพี่สาวมันแล้ว ก็มีผมนี่แหละในชีวิตของมัน ไม่ว่าผมจะทำอะไร ที่ไหน ในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา ต้องมีไอ้ชลร่วมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ตาม

“กูเห็นมึงมาตลอด ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันที่ร้านข้าวผัด ซอยข้างๆ ร้านเจ๊รัตน์... วันนั้นกูก็รู้สึกถูกชะตากับมึงอย่างบอกไม่ถูก” ไอ้ชลย้อนกลับไปในเรื่องของเราในอดีต... “จากเพื่อนกินข้าวด้วยกัน จนกระทั่ง...”

“พี่ติ๋มออฟ เราไปด้วยกัน แล้วให้เรามีอะไรกันให้เค้าดู” ผมต่อให้

ไอ้ชลอาย...เอานิ้วหยิกที่เอวผมเบาๆ... “อือ... วันนั้นแหละ คนอะไรวะ...”

“ยังไง” ผมดันไอ้ชลออกมา มองหน้ามันยิ้มๆ ไอ้ชลอายกอดคอผมไม่ให้มองตามัน

“Kใหญ่อย่างเดียวไม่พอเสือกฝังมุกอีกแล้วยังเอาเก่งชิปเป๋ง...” ไอ้ชลกระซิบอายๆ

ผมหัวเราะดังลั่นหาด “มึงก็เลยหลงรักกูเลย ใช่ป่ะ?” ผมเลิกคิ้วถามมัน

“อือ... ก็ประมานนั้นแหละ” ไอ้ชลสารภาพ ก่อนจะกอดเอวผมไว้ทั้งสองมือ “ดิน”

“หือมมมม”

“กูอยาก...” ลูกกะตาไอ้ชลสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายวาววับ มีแววหื่น ผมเหลียวมองไปรอบๆ ไม่มีใคร...

“ตรงนี้เลยเหรอ” ผมถามยิ้มๆ ไม่ขัดอยู่แล้ว ถ้าไอ้ชลมันต้องการ

“ตื่นเต้นดี...” ไอ้ชลบอกหน้าทะเล้นพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าผม มือมันสะกิดทีเดียว ปมกางเกงเลก็คลายหลุดออกอย่างง่ายดาย ไอ้ดินน้อยพอได้รับอิสระ ก็ดีดตัวผึง ผงาด ผงกหัวงูบงาบ “แข็งทันอกทันใจเหลือเกินนะ มึง...” ไอ้ชลพึมพัมกับหัวบานของKผมที่ผงกขึ้นลงตามจังหวะการขมิบกล้ามเนื้อของผมอยู่ตรงหน้า

จากนั้น ฉากโลดโผนระหว่างผมกับไอ้ชลก็เกิดขึ้นอีกครั้งตรงหาดนั้นเอง ชนิดที่พอได้สติหลังจากพายุโลกีย์ของเราสองคนจบลง กางเกงเลของผมก็หายไปไหนแล้วไม่รู้... คืนนั้น ผมเลยต้องนุ่งลมห่มฟ้าเดินกลับมาบังกะโล... เคราะห์ดี ที่หาดเจ้าสำราญสมัยนั้น ค่อนข้างเงียบ และผมกับไอ้ชลเป็นคนที่มาพักบังกะโลเพียงหลังเดียวของทั้งหมดสามหลังในตอนนั้น..

ตอนเดินกลับมาฝนตกลงมาขนานหนัก ผมเองซึ่งเป็นคนชอบฝนอยู่แล้ว เลยชวนไอ้ชลเล่นกันกลางฝนซะเลย... บทรักของเราสองคนคืนนั้นโลดโผนจนแคร่ไม้ไผ่หลังบังกะโลที่ลุงกับป้าใช้เป็นที่นั่งพักผ่อน หักพังพาบลงไปกับพื้นตอนผมหลั่งทะลักน้ำเงี่ยนของผมเข้าไปในตัวไอ้ชลพอดี...

กว่าจะเข้านอนได้ก็ร่วมตีหนึ่งของวันใหม่ แถมไอ้ชลยังมีการดูดของผมแถมท้ายบนเตียงอีกหนึ่งรอบก่อนจะกอดกันหลับไปทั้งสองคนด้วยความอ่อนเพลีย...


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ว่าพี่ธีร์เข้าใจง่ายแล้ว ชลยิ่งเข้าใจ รักและหวังดีกับพี่ดินสุดๆ  :monkeysad:

“ไปเถอะ ดิน... อนาคตของมึง ความฝันของมึง อย่าให้กูเป็นตัวถ่วง”

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
อ่านแล้วอยากจะร้องไห้  :hao5:
แต่ก็ยังมีฉากเรียกเลือด  :jul1:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
เคยอ่านภาคแรกของพี่ดินไปแล้ว และจำได้ว่าพี่ดินบอกว่าจะเขียนภาคพี่ชลด้วย
แต่หาไม่เคยเจอ แต่ตอนนี้เจอแล้ว และไล่อ่านจนตาเปียกตาแฉะ
ขอบคุณพี่ดินจริงๆ ค่ะที่ไม่ทิ้งเรื่องนี้จะมาต่อจนจบ
หนูว่าเรื่องของพี่ดินให้ข้อคิดมากมายถึงวิธีการดำเนินชีวิต เลือกในสิ่งที่เราเป็นและอยากเป็น
มีทั้งความทุ่มเท ความตั้งใจ ความมานะพยายาม ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
สิ่งเหล่านี้ทุกคนสามารถยึดเอาเป็นแบบอย่างได้อย่างดี

ปล. อยากให้พี่ดินได้เจอกับพี่ชลจัง  :mew6:
ปล2. กอดพี่ดินค่า  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2014 09:31:44 โดย gayraygirl »

pupee

  • บุคคลทั่วไป
อ่าาาาาาาหนูิพิ่งมาอ่านได้ไม่นานกำลังไล่ๆอ่านเรื่องของพี่ตั้งแต่ คำสารภาพของเด็กขาย (รุ่นเก่า) จนมาถึง ภาคดินกับชลอะจ้า ยังไงก็จะติดตามเรื่อยๆจ้า แหะๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2014 02:27:51 โดย pupee »

ออฟไลน์ pakawatkheeta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว ไม่นึกว่าคุณดินมาเขียนต่อที่นี่อีก

ส่งความสุขมาให้คนเขียน และคนอ่านครับ   :o8: :o8:

ออฟไลน์ allegiant1994

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
อ่านแล้วทั้งสนุก ทั้งซึ้ง ทั้งเศร้า
แอบเสียใจที่พี่ดินไม่ได้เจอพี่ชลอีก
อ่านแล้วรักพี่ชลมาก มีความรักยิ่งใหญ่จริงๆอะ
ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่ชลจะเป็นยังไงมั่งน้อ
แอบอยากให้เจอกันอีกสักครั้ง

ออฟไลน์ bennnyyy

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 791
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
สงสารพี่ชล

พี่ดินขอบคุณที่มาเขียนต่อค่ะ

ออฟไลน์ DIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +405/-0
ต้องบอกว่า ภาค "ความหลัง ดินกับชล" เป็นภาคที่ผมไม่ได้เขียนไว้ตั้งแต่ตอนแรก แต่เป็นการรับคำท้าของใครบางคนที่ท้าผมว่า ผมจะจำรายละเอียดเกี่ยวกับความหลังอันน่าประทับใจนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ก็เลยต้องจัดให้ครับ อาจจะรายละเอียดเยอะ อาจจะหื่นไปหน่อย แต่ก็เพื่อเป็นการบอกว่า... "ผมไม่เคยลืม" ครับ

............................................................................................

ตอนที่ 66 ความหลัง “ดินกับชล”

ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าพร้อมกับความรู้สึกเสียวอุ่นสบายที่ไอ้ดินน้อย ลูกชายตัวร้ายที่แข็งตัวเต็มที่รับแสงอาทิตย์ที่ส่องลอดเข้ามาตรงหน้าต่างด้านทิศตะวันออก ที่ไอ้ชลมันเปิดม่านไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ความง่วงงุนจากการทำศึกเมื่อคืน ทำให้ผมยังไม่ตื่นเต็มที่ดีนัก ตรงข้ามท่อนKที่แข็งเหยียดเต็มขนาดเพราะความเสียวจากอะไรอย่างหนึ่งที่นุ่มอุ่น แต่ทรงพลัง ทั้งดูดทั้งเม้มที่หัวบานอวบของท่อนK ที่ผงกรับการรุกราน แรงดูดอย่างนี้ ไม่มีใคร

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นดู...ไอ้ชลนั่นเองที่อมหัวบานของผมไว้จนแก้มตุ่ย บางทีก็ครอบดูดลงมาจนมิดสุดหนอกของความยาวเจ็ดนิ้ว กล้ามเนื้อลำคอของมันบีบรัดท่อนลำKของผมเป็นจังหวะจนผมรู้สึกได้

ผมหรี่ตามองการปฏิบัติการของไอ้ชลเงียบๆ โดยที่มันเองก็ไม่รู้ตัวว่าผมตื่นแล้วและกำลังมองดูมันอยู่... ผมเห็นมันจับที่โคนKของผมไว้เต็มกำมือ ริมฝีปากของมันประกบอยู่กับหัวเห็ดบานอวบของผม ทั้งดูดทั้งเลีย บางทีก็เกร็งลิ้นจนแข็งเป็นแท่ง แล้วแยงเข้าไปในรอยแยกส่วนปลายของผม บางทีก็ตวัดลิ้นเลียไปตามขอบกระจังของส่วนหัว บางทีก็ห่อปากดูดท่อนKของผมเข้าไปในปากมันทีละนิดๆ จนมิดท่อน ใช้กล้ามเนื้อลำคอบีบรัด ท่อนKผมอยู่พักใหญ่ก่อนจะคายออกมาไล้ลิ้นเลียลงไปตามลำ จนถึงไข่สองใบที่มันชอบอมไว้ในปาก ดูดจนแก้มตอบ แล้วดึงออกมาจนตึง

“อาซซซ ชล...” ผมอดครางไม่ได้ จากความเสียวที่ระคนมากับความจุกน้อยๆ แอ่นสะโพกตามมัน

ไอ้ชลมันไม่ได้แปลกใจสักนิดที่เห็นผมตื่น... ยิ่งมันรู้ว่าผมตื่น มันยิ่งระดมทั้งปากทั้งลิ้น ทั้งมือ หนักกว่าเดิม... Kผมที่มันทั้งดูดทั้งอมมาร่วมเจ็ดปี ไม่มีส่วนไหนที่มันไม่รู้จัก มันรู้ว่าทำอย่างไรผมถึงจะเสียวจนกล้ามเนื้อกระตุก บางทีมันก็กดที่โคนแท่ง จนถอกออกมาสุดๆ ทั้งลำ ส่วนหัวอวบบานแดงก่ำ รับกับท่อนที่เกร็งแข็งจนเห็นเส้นเลือดโปนพาดไปบนลำท่อน เม็ดมุกที่ผมฝังไว้ใต้หนังหุ้มบนลำท่อนK  6 เม็ด ถูกไอ้ชลมันทั้งดูดทั้งเม้ม

“ซี๊ดดดซซซ ชล อูยซซซ อาซซซ มึงสุดยอด อูยวซซ” ผมครางด้วยความเสียวกระสันต์จากฤทธิ์ริมฝีปากของไอ้ชล

“ขี้เงี่ยนนะมึง เงี่ยนได้ทั้งวันทั้งคืน ไอ้ตัวเงี่ยน” ไอ้ชลว่าผมเสียงสั่นพร่า ใช้สองมือกดที่โคนท่อนลำKของผมจนท่อนKผม “ถอก” ออกมาสุดๆ “อาซซซ เงี่ยนละสิมึง... ถอกจนหัวบานเลย” ไอ้ชลครางอย่างสะใจเมื่อเห็นผมเกร็งสะโพกแอ่นสวนมือมันที่กดลงมาอย่างไม่ยอมแพ้ หน้าท้องผมเกร็งเป็นลูก

“อาซซ...ชล... ซี๊ดซซซ มึงดูKกูสิ ถอกออกมาสุดๆ เลย... อาซซซ” ผมครางกระเส่าเสียงพร่า พร้อมกับสูดปากด้วยความเสียวกระสันต์

ไอ้ชลเองก็ดูเหมือนจะหลงใหลท่อนลำของผมที่มันดูดดื่มมาร่วมเจ็ดปีไม่น้อย เพราะมันวนเวียน ทั้งดูด ทั้งอม ทั้งเลีย จนเวลาผ่านไปนานพอดู

“ดินคร๊าบ... กูอยากกินน้ำมึง... เอามาให้กูกินนะ...” ไอ้ชลเงยหน้าขึ้นมาอ้อนผม

เมื่อมันขอมาผมก็จัดให้... ผมจับมันนอนหงายก่อนจะขึ้นไปนั่งคุกเข่ากางขาคล่อมหัวมัน พวงไข่ผมห้อยยานตรงกับปากของมันพอดี... ไอ้ชลอ้าปากอมพวงไข่สองลูกที่ห้อยอยู่ตรงปาก ขณะที่ผมใช้มือนึงกดที่โคนท่อนK “ถอก” ออกมาจนสุด ส่วนอีกมือนึงกำลำท่อน สาวว่าวอยู่ตรงหน้าของไอ้ชลที่อมไข่สองลูกของผมไว้ในปาก ดูดอย่างเอาเป็นเอาตาย...

ผม เกร็งกล้ามเนื้อจนขึ้นเป็นลอน กำลำท่อน “ชักว่าว” อย่างรวดเร็ว ไม่นาน ความเสียวก็พุ่งจี๊ด

“อาซซซ ชล กูจะแตกแล้ว...อาซซ ซี๊ดดซซซ” ผมกดหัวบานของผมให้ตรงปากของไอ้ชลที่ปล่อยพวงไข่ของผมออกมา ปากของมันอ้ากว้าง รอรับน้ำเงี่ยนระลอกแรกของผมที่พุ่งกระฉูดออกมาจากส่วนปลายลำท่อ เข้าปากมันอย่างแม่นยำ

“อาซซ ซี๊ดดซซซ อูยซซซ อาซซซ” ผมครางพร้อมกับกระฉูดน้ำเงี่ยนระลอกที่ สอง สามสี่ ห้าตามมาเป็นจังหวะ บางส่วนกระฉอกออกมาเปรอะเปื้อนรอบๆ ริมฝีปากของไอ้ชลที่ปาดลิ้นตวัดเลียเข้าปากมันไปจนหมด จนกระทั่ง หยาดหยดสุดท้ายที่หลั่งออกมาก่อนที่มันจะอ้าปากอมหัวบานของผมเข้าไว้ในปากดูดจนแก้มตอบ...

ไอ้ชลดูดหัวบานของผมไม่ปล่อย ขณะที่มันเอื้อมมือข้างนึงลงไป “สาวว่าว” ของตัวเอง อีกข้างนึง ลูบไล้ไปตามลอนกล้ามเนื้อหน้าท้องของผมที่เกร็งจนเป็นลูกเด่นชัด

“อาซซซ อูยซซซ” ไอ้ชลคลายริมฝีปากออกจากKผม หลังจากอาการเกร็งกระตุกของมันผ่านไป... มันก็หันมาจับท่อนKผมรีดเบาๆ ที่ท่อใต้ลำท่อนจนน้ำเงี่ยนที่ค้างอยู่ในลำกล้องไหลออกมา ก่อนจะใช้ปลายลิ้นเลียตวัดเข้าปากจนมันแน่ใจว่าไม่มีเหลือตกค้างอยู่ในท่อแล้ว มันถึงค่อยปล่อยให้ผมเป็นอิสระ

“อูยซซซ... ดูดKกูล้างหน้าไก่แต่เช้าเลยนะมึง... หึหึ” ผมแขม่วเอวด้วยความเสียว ต่อว่ามันเบาๆ ไม่จริงจังอะไรนัก

“ก็Kมึง เสือกตื่นมาท้าทายกูแต่เช้า... ดันผ้าห่ม ตุงอย่างกะเสาค้ำเต้นท์...” ไอ้ชลบอก... “ขนาดกูออกไปเดินที่หาดมาตั้งนาน กลับมาก็ยังโด่อยู่ไม่ยอมลง ไม่รู้แมร่งแข็งอยู่ตลอดคืนหรือเปล่า”

“หือมมม มึงลงไปเดินหาดมาแล้วเหรอ”

“เออ... ตอนแรกก็ว่าจะมาปลุกมึงเพราะเห็นลุงบอกว่า เดี๋ยวเค้าจะมีลากอวนชายฝั่ง แต่พอขึ้นมาเห็นมึงนอนKโด่เลยอดใจไม่ไหวอ่ะ... คนอะไรวะ เงี่ยนได้ทั้งวัน”

ผมล้มต้วลงนอนข้างๆ มัน ไอ้ชลยกขาข้างนึงของผมให้ข้ามหัวมันไป ก่อนที่มันจะพลิกตัวนอนตะแคง ยกหัวขึ้นหนุนต้นขาด้านในของผม เท่ากับว่า ท่อนKของผมที่ยังแข็งผงกหงึกๆ อยู่ตรงหน้าของมันพอดี...

“ยังไม่พออีกเหรอชล หุ หุ ดูดของกูมาเจ็ดปีแล้ว” ผมถามเพราะไอ้ชลมันไม่ยอมให้Kผมอยู่ว่าง ใช้มือเหนี่ยวลงมาก่อนจะอ้าปากอมส่วนหัวบานของท่อนลำไว้พอดี...

ไอ้ชลปล่อยKของผมออกจากปากมันแล้วเงยหน้าขึ้นบอก “Kมึง ดูดมันส์ดี... แข็ง ใหญ่ เต็มปากเต็มคำ...” พูดจบมันก็ดึงเอาKผมเข้าปากมันอีกครั้ง

“แล้วมึงบอกว่า เค้าจะมี ลากอวนชายฝั่งไม่ไปดูเค้าแล้วเรอะ...”

ไอ้ชลลืมตาโพลง “จริงดิ... กูลืมไปเลย...ปะ ไปดูกัน” ไอ้ชลลุกขึ้น ดึงผมไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟันลวกๆ ก่อนจะแต่งตัวเดินลงไปที่ชายหาด

ที่นั่น ชาวบ้านประมาณสิบกว่าคนแบ่งเป็นสองด้านกำลังช่วยกันดึงเชือกที่ขึงติดกับอวนลากขนาดยาวประมาณ ร้อยกว่าเมตร เข้ามาที่ชายหาดทีละน้อยๆ

ผมกับไอ้ชลยืนดูอยู่ไม่นาน ก็ลงไปช่วยเค้าดึงอวนอย่างสนุกสนาน อีกพักใหญ่ จนกระทั่ง อวนทั้งปาก ก็ขึ้นมาอยู่ที่ชายหาด ผมกับไอ้ชลก็เดินเข้าไปดูการแกะปลาจากอวน...

ที่ก้นอวน มีทั้งปลาหลากหลายชนิด กุ้ง ปลาหมึก ปลากระเบน รวมไปถึงปลาสวยงามอย่างปลาการ์ตูน ที่ชาวประมงเค้าไม่เอา พอเค้าแกะออกมาไอ้ชลก็รีบจับไปปล่อยลงทะเลอย่างเดิม

ผมมองไอ้ชลมันประคับประคองปลาการ์ตูน อย่างทะนุถนอมทั้งสองมือ รีบวิ่งไปปล่อยที่บริเวณน้ำทะเลลึก พอปล่อยลงน้ำได้ ก็วักน้ำไล่พลางบอก “ไปนะ อย่าวิ่งมาติดอวนเค้าอีก ไปหากินที่อื่น...”

“ปลามันฟังมึงออกด้วยเหรอวะ...” ผมถามมันยิ้มๆ

“ออกดิ เมื่อกี้มันยังผงกหัวขอบคุณกูอยู่เลย” ไอ้ชลหันมาตอบ

“อือ... แล้วทำไมตัวอื่น ไม่เห็นมึงวักน้ำไล่มันไปเลยวะ” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ถามมัน

“ตัวไหนอ่ะ” ไอ้ชลตามไม่ทัน

“ก็... ที่ตัวโตๆ ยาวๆ หัวบานๆ อ่ะ... ไม่มีเกล็ดหรอก แต่ตัวมันเป็นปุ่มๆ หกปุ่มได้มั้ง...” ผมบอกมันหน้าตาย “มันผงกหัวให้ทีไร กูเห็นมึงจับมันใส่ปากทู๊กที... เมื่อเช้า... มึงก็อมมันเข้าไปทั้งตัวเลย... มันดิ้นจนคายเมือกออกมา แต่มึงก็ไม่ยอมปล่อย กินไปหมดเลย...” ผมกระซิบ

ไอ้ชลหน้าแดง ทำตาเหมือนจะค้อน แต่ก็เหลือบมองที่เป้ากางเกงเลของผมที่ไม่ได้ใส่กางเกงชั้นใน ตั้งแต่ตอนเช้า ไอ้ชลมันก็รู้... พอเห็นมันมอง ผมเลยขมิบกล้ามเนื้อ ให้มันกระดกนิดๆ ยั่วจนไอ้ชลเห็นความผิดปกติ

“ไอ้ลามก เดี๋ยวใครเห็น” ไอ้ชลกัดฟันบอกผม... พลางเหลียวซ้ายแลขวา แต่ไม่มีใครเค้าสังเกตุเราหรอกครับ

“ใครจะมาเห็น... ไม่มีใครเค้าสังเกตุหรอก ถึงเห็นก็ไม่เป็นไร... ของกูไม่เล็ก” ผมยั่วมันต่อ...

“ไอ้ลามก... พอได้แล้ว” ไอ้ชลยิ่งอาย... หยิกที่เอวผมค่อนข้างแรงจนผมทำหน้ายู่...

“อู๊ยยย... หยิกกูไมอ่ะ” ผมร้องออกมาเสียงดังจนคนหันมามอง ไอ้ชลยิ่งเขินทำตัวไม่ถูก เดินหนีลงทะเลไปเลย...

เราดูเค้าแกะปลาจากอวนจนเสร็จ หลังจากนั้นก็มีการขอซื้อสำหรับเอาไปให้ป้าปรุงอาหารเช้าให้เราทาน ทั้งปลา กุ้ง ปลาหมึก และปูม้าตัวโตสดๆ หิ้วเอาไปที่โรงครัว...

“หลับสบายไม๊ เมื่อคืน” ลุงหันมายิ้มให้อย่างใจดี เมื่อเห็นผมกับไอ้ชลหิ้วถุงที่บรรจุกุ้ง ปู ปลา ปลาหมึกเดินเข้าไปหา

“ครับ ฝนตก เลยเย็นสบายอ่ะครับ ฝันตกหนักนะครับ เมื่อคืน...” ผมตอบกึ่งชวนคุย

“อือ... เมื่อคนฝนตกหนักจริงๆ นั่นแหละ ทั้งลมทั้งฝน ตีแคร่พังไปตัวนึงเลย...” ป้าชี้ให้ดูแคร่ ที่หักพังพาบกับพื้น ผมกับไอ้ชลตีหน้าปูเลี่ยนกลัวโดนจับได้ ก็ได้แต่อ้อมแอ้มตอบไปตามเรื่อง...

“ครับ เดี๋ยวผมสองคนไปอาบน้ำก่อนนะครับ...” ผมบอก ก่อนจะเดินกลับมาที่บังกะโล...

“ถ้าป้ากะลุงเค้ารู้ว่า แคร่เค้าหักเพราะอะไร เค้าจะว่ายังไงวะ” ผมถามไอ้ชล...

“มึงนั่นแหละ ไอ้จอมเงี่ยน... ไม่รู้เมื่อคืนไปหื่นมาจากไหน เอาที เสียงดังปั่บ...ปั่บ...ปั่บ...” ไอ้ชลพูดเบาๆ ขณะนั้นเราก็เดินมาถึงบังกะโลที่พักพอดี ผมมองขึ้นไปที่ราวระเบียงแล้วก็ต้องลืมตาโพลง

“กางเกงเลกูนี่หว่า” ผมบอกอย่างแปลกใจเพราะกางเกงเลของผมที่คิดว่าหายไปที่ชายหาดตั้งแต่เมื่อคืนตอนที่มีอะไรกับไอ้ชล ตอนนี้มาพาดตากอยู่ที่ราวระเบียงอย่างเรียบร้อย... “ใครเอามาวะ”

“กูเองแหละ ที่กูบอกว่า ไปเดินหาดมาตอนเช้ามืดนั่นแหละ คลื่นซัดติดอยู่ที่ชายหาด... เงี่ยนจนกางเกงหาย... เอาจนแคร่หัก... คืนเดียว วีรกรรมเงี่ยนมึงเยอะเหลือเกินนะ” ไอ้ชลมองค้อน...

ผมมองมันตาเป็นประกาย... “ขอบคุณนะคร๊าบ เมียครับ... เมียใครน๊า... ตามเก็บกางเกงผัวมาด้วย ว่าผัวเงี่ยน เมียก็พอกันละน่า... กลางหาดโล่งๆ จับผัวดูดK กินน้ำไม่กระฉอกสักหยด... หุ หุ แล้วใครว้า... บอกว่า แรงๆ เลยครับ ผัวครับ แรงอีก แรงอีก...” ผมทำเสียงกระเส่าล้อจนไอ้ชลอายม้วน... เพราะนานๆ ผมจะพูดกับมันอย่างนี้สักที ยกเว้น ตอนที่มีอะไรกัน...

“กูไม่พูดกะมึงแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า” ไอ้ชลบอก เดินตรงไปห้องน้ำ...

“กูอาบด้วย” ผมบอกพลางวิ่งตามมันเข้าไปในห้องน้ำ…

...ออกมาจากห้องน้ำ ป้ากับลุงก็เริ่มยกอาหารมาที่ระเบียงแล้ว กลิ่นหอมของอาหารทะเลสด ปรุงด้วยฝีมือแม่ครัวชั้นเลิศ หอมยั่วยวนจนท้องร้อง เพราะเลยเวลาอาหารเช้ามามากแล้ว (หุ หุ กิจกรรมยามเช้าของผมกับไอ้ชลเยอะเหมือนกันครับ กว่าจะได้ทานข้าว)

“คืนนี้ ลุงจะไปไดหมึก (ตกหมึก) อยากไปดูกันไหมครับ” ลุงถามอย่างใจดี หลังจากยกอาหารอย่างสุดท้ายมาให้

“ไปได้หรือครับลุง”

“ได้สิ เรือลำไม่ใช่เล็กๆ แล้ววันนี้ก็ไม่มีฝนละ ฟังข่าววิทยุเมื่อเช้า... ถ้าไปเดี๋ยวเย็นๆ สักหกโมง ลุงจะมาเรียกนะ...” ลุงบอกก่อนจะเดินกลับไป... ผมกับไอ้ชลก็จัดการอาหารเช้า ที่ไม่เช้านัก เพราะตอนนั้นก็เกือบสิบโมงแล้ว

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-09-2014 22:35:41 โดย DIN »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +405/-0
อ่านแล้ว คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้คนเขียนหน่อยได้ไหมครับ คนอ่านคนดี

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ bennnyyy

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 791
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
เรื่องราวดีๆ ในอดีตเป็นสิ่งที่น่าจดจำจริงๆค่ะ

พี่ดินคะ ขอถามนะคะ พี่คิดว่าอะไรเป็นสาเหตุให้พี่ชลหายไป  (ถ้าพี่ไม่สะดวกก็ไม่ต้องตอบก็ได้นะคะ)

ขอบคุณที่มาเขียนต่อค่ะ :L1: 


ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :jul1: เลือดจิหมดตัว

ตอนนี้มุ้งมิ้งกัน จนไม่อยากจะเชื่อในตอนจบ  :hao5:

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
กำลังอ่านเพลิน
โดนตัดชับเฉยเลย แงๆๆ TT

หวานกันขนาดนี้
ไม่น่าห่างกันเลย
อยากรู้เหมือนกันค่ะ
ว่าอะไรคือสาเหตุให้พี่ชลหายไป
คงไม่ใช่แค่พี่ดินไปเรียนแน่ๆ

มาต่อเร็วๆนะคะ
กำลังเพลินเลย 555

ออฟไลน์ winmania

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โหวว กว่าจะตามอ่านจบ 2 ภาค ตาแฉะเลยค่ะ
เข้ามาให้กำลังใจพี่ดินอีกคนนะคะ

ชอบอ่านเรื่องของพี่ดินมากจริงๆ มันมีครบทุกอารมณ์เลย
สุข เศร้า เหงา รัก หื่น
เล่นเอาอ่านเรื่องอื่นไม่หนุกเลยค่ะ
อาจเพราะเรื่องนี้เขียนจากประสบการณ์จริงมันเลยสมจริง
มีเหตุผล ที่มาที่ไป

ยังไงถ้าพี่ดินเขียนภาคนี้จบแล้ว
แล้วจะเขียนภาคก่อนที่จะเป็นเด็กขาย แต่ไม่เอาลงที่นี่
แต่ถัาพี่ดินอัพในบล็อค ขอตามไปอ่านด้วยอีกคนได้มั๊ยคะ?

ขอเป็นอีกหนึ่งแรงใจเชียร์พี่ดินให้มาต่อภาคนี้ให้จบเร็วๆนะคะ
และแอบหวังให้พี่ดินกะพี่ชลได้เจอกันเเละกลับมากุ๊กกิ๊กกันเหมือนวันวานนะคะ

 :L2:  :กอด1:  :L1:

ออฟไลน์ pakawatkheeta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :mew2: :mew2:

เป็นกำลังใจครับ

ติดตามตลอด ...

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
เข้าขากันมากๆ  :m25: เป็นกำลังใจให้เขียนจนจบภาคนี้ค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ j_world

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-4
ทุกครั้งที่อ่านเรื่่องคุณดินกะชล จะมีความสุขบนความเศร้า แม้จะสุขแค่ไหน มันก็ผ่านมาแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดที่ชลจะเป็นได้..คือคน  ในความทรงจำ     :mew6:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เจอกัน..ความผูกพันยังมีอยู่
จากกัน..พลันเรื่องราวก็จบลง

ความจริงที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด