##WITH NO NAME##
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ##WITH NO NAME##  (อ่าน 81665 ครั้ง)

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #30 เมื่อ26-01-2007 13:10:55 »

“เจ้าของอู่ที่ ดูแลทานากะโทรมาบอกว่าเจ้านั้นได้รับบาดเจ็บแนะ”

“เอะอะอะไรก็หัวหน้าห้อง เทอมหน้าขอไม่เป็นหัวหน้าห้องอีกแล้วนะฉันน่ะ”

จุนโนะบ่นตลอดทางที่ไปห้องเช่าของโคคิ ยูอิจิทำหน้าแบบสงสารปนสมเพศ จุนโนะ

 “เออน่า เป็นหัวหน้าห้องก็ไม่เท่าไหร่หรอก ถ้าจะแย่ก็แค่มีพวกเราเป็นเพื่อนเท่านั้นแหละ”

 นี่จงใจปลอบหรือซ้ำเติมนะ จุนโนะยิ้มแบบเสแสร้ง “เออๆ ขอบใจที่บอกนะ”

ทัตซึยะหน้าจ๋อยที่สุด ท่าทางเป็นห่วงโคคิมากๆ จินทำท่าจะเอามือตบหลัง

 แต่คาซึยะกับเป็นคนที่ทำไปก่อน จินยิ้มอย่างอ่อนโยน เดี๋ยวนี้คาซึยะอ่อนโยนมากขึ้น ดีไม่ดีจะมากกว่า

เค้าด้วยซ้ำ โคคิเดินมาเปิดประตูพร้อมทำหน้าเซ็งๆ

 “แห่กันมาทำไมเนี้ย ห้องฉันไม่ได้กว้างพอให้ทั้งหมดเข้ามาได้นะเฟ้ย!!”

ยังพูดจาแบบนี้ได้คงไม่เป็นไรมากจริงๆนะแหละ

 “ไอ้บ้า คนเค้าเป็นห่วงนะ มากอดทีเดะ”ยูอิจิรีบผลักประตูออก ทำให้เห็นว่าแขนโคคิมีผ้าสีขาวผันเอาไว้

เหมือนเข้าเฝือก จินเห็นก็ตกใจ “นี่นายแขนหักเลยเหรอ ฝีมือใครกันน่ะ” โคคิทำหน้าแบบรำคาญ

 “ไม่ได้หัก แค่เคลื่อนนิดหน่อย ไอ้คนทำฉันมองไม่เห็นหรอก มันมืด ฉันกำลังลงบันได อยู่ดีๆก็มีคนมาผลัก”

“ก็บอกแล้วไง ไอ้เรื่องแกล้งกันนะ แกล้งกันไปแกล้งกันมาสุดท้ายก็ไม่จบสักที”

จุนโนะพูดออกมาเหมือนตำหนิ

“อ้าวแล้วทำยังไงถึงจะจบหล่ะ จะให้คนที่ถูกแกล้งทนไปงั้นเหรอ ตายกันพอดี”

ยูอิจิเถียงจุนโนะขึ้นมา

 “นั้นสิผมควรทำยังไงดี ไม่อยากให้เรื่องมันแย่ไปกว่านี้ ตอนแรกก็ คาเมนาชิ ต่อมาก็ทานากะ แล้วต่อไปจะเป็นใครอีก “

ทัตสึยะบ่นออกมาบ้าง จินใช้ความคิดอย่างหนักในการแก้ปัญหาคราวนี้

“ทางแก้ก็คือตายไงหล่ะ!!” คาซึยะพูดคำนี้ออกมา ทุกคนหันมาพร้อมกันทันที

“ถ้ามันไม่มีวันจบสิ้นก็ต้องตัดวงจรมันไปซะ คือฆ่าตัวตาย คนที่ถูกแกล้งต้องใช้ความตายหนีมันไปซะ คน
ที่ตามแกล้งถ้าไม่มีคนให้แกล้งแล้วก็จบ”

จินขมวดคิ้ว อยู่ดีๆทำไมถึงพูดแแบนี้ออกมา จุนโนะกับยูอิจิกลืนน้ำลายด้วยความตกใจกับคำพูดคาซึยะ

ทัตซึยะอึ้งไปเลย โคคิใช้สายตานิ่งรอดูต่อไปว่า คาซึยะ อยากสื่ออะไรออกมา

“แต่ถ้าเราไม่อยากตายเอง ก็ฆ่าคนที่ตามแกล้งซะ กำจัดมันออกไปแค่นี้เรื่องก็จบแล้ว”

“นี่นายพูดเป็นเชิงเปรียบเทียบไม่ได้คิดจริงๆใช่มั้ย”
จุนโนะถามออกมาอย่างสงสัย ตาก็พาลไปมองรอยแผลเป็นที่ข้อมือนั้น คาซึยะยิ้ม แต่สายตายังคงเย็นชา

“ นายคิดว่าฉันพูดจริงรึไง ฆ่าคนอาชญากรรมเชียวนะ “

ยูอิจิพยายามแค่นหัวเราะออกมาให้บรรยากาศไม่เครียดไปกว่านี้
จินมองดูสายตาเยือกเย็นของคาซึยะ รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ในตัวคาซึยะเหมือนมีระเบิดอยู่ข้างใน

ไม่รู้อะไรจะทำให้มันระเบิดออกมา อานุภาพของมันอาจจะร้ายแรง แค่เผาผลาญตัวคาซึยะคนเดียว

แต่ถ้ามันมากกว่านั้นหล่ะ บางทีอาจจะทำร้ายคนรอบข้างไปได้ นึกแล้วก็กลัวขึ้นมา

จินเดินมาเคาะประตูห้องคาซึยะ “ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ” คาซึยะพยักหน้าแล้วเปิดประตูกว้างต้อนรับ

 “มีอะไรอีกหล่ะ รีบๆพูดหน่อยนะ เดี๋ยวฉันก็จะนอนแล้ว” จินเม้มปากก่อนระบายออกมา

 “ฉันรู้สึกกลัวนายขึ้นมา วันนี้ที่นายพูดเรื่องการฆ่ากัน มันน่ากลัวมากรู้มั้ย “ คาซึยะได้ฟังแล้วก็หัวเราะ

“นายกลัวว่าตอนนี้ฉันไม่ฆ่าตัวเอง จะไปฆ่าคนอื่นงั้นเหรอ” จินส่ายหัวไปมา

 “ไม่ใช่อย่างงั้น ฉันไม่อยากให้นายคิดแบบนั้น”คาซึยะลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่ประตูอีกครั้ง
เปิดมันออกให้จิน

“งั้นนายก็สบายใจได้เลย กลับไปนอนเถอะ ฉันจะไม่มีทางฆ่าใครหรอก นอกจากตัวฉันเอง เพราะไอ้การ
ฆ่าคนน่ะ ฉันเคยลองมาแล้ว มันก็ไม่ทำให้ฉันชอบเท่าไหร่หรอก”

จินได้ยินก็ถึงกับอึ้งไปเลย คาซึยะพูดว่าเคยฆ่าคนงั้นเหรอ หมายความว่ายังไงกัน!!!

to be con :yeb:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #31 เมื่อ26-01-2007 20:34:29 »

คาซึยะนี่เหมือนกับระเบิดแฮะ ถ้าแตะโดนปุ่มเมื่อไหร่ ก็ .............   :sad4:

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #32 เมื่อ26-01-2007 20:41:24 »

แหะๆ ยังไงก็ยังมีผมอีกคนนะคร้าบบบบที่ติตามงานนี้อยู่อะครับ

มาเป็นกำลังใจให้อีกหนึ่งเสียงคร้าบบบบ

 :monkeylove2: :angellaugh2: :love2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #33 เมื่อ28-01-2007 21:20:44 »

เรียวตะนี่ไม่เห็นโรงศพก็ไม่หลั่งน้ำตานะสิ

แต่การฆ่าเขาให้ตายไปมีอีกหลายวิธี

ใส่ความรักเข้าไปสิครับ แล้วคนๆนั้นจะตายไปเอง

 :3061:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #34 เมื่อ29-01-2007 00:03:23 »



หนุกอะ


มาต่อเร็วๆ นะ

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #35 เมื่อ01-02-2007 22:17:52 »

chapter6

จินไม่อาจจะหลับตาลงไปได้ เฝ้าแต่คิดเรื่องของคาซึยะในใจ ถึงแม้ว่า

คาซึยะจะพูดคุยมากขึ้น

ท่าทางอ่อนโยนมากขึ้น แต่ว่าก็ยังไม่ยอมเปิดใจทั้งหมด

เงาดำที่ปิดบังจิตใจยังอยู่ จะทำยังไงให้เงา

นั้นหายไปได้นะ จินคิดจนหัวแทบระเบิด แล้วก็เผลอหลับไป

เช้าวันต่อมาคาซึยะไปช่วยงานที่โบสถ์ตามปกติ

หลังจากเสร็จจากการร้องเพลงจินเดินคุยกับยาบุ

คาซึยะเห็นใครบางคนนั่งสวดมนต์อยู่ที่แถวหน้าสุด ก็เดินเข้าไปหา

“อรุณสวัสดิ์ อูเอดะ” คาซึยะกล่าวทักทาย คนที่กำลังก้มหน้าอยู่ ทัตซึยะได้ยินก็หันมายิ้มให้
 
“นายไม่เคยมาสวดมนต์ตอนเช้านี่นา” ทัตซึยะพยักหน้ายิ้มๆ “วันนี้ผมมาขอพรนะ”

คาซึยะมองตรงไปยังรูปเคารพพระเยซูเบื้องหน้า แสงเทียนในโบสถ์ทาบผ่านใบหน้าคาซึยะ

เผยให้ผิวขาวดูเด่นชัด สวยงาม ปากแดงค่อยๆเอื้อนเอ่ยถ้อยคำออกมา

 “นายกำลังขอเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”

“จะหัวเราะผมก็ได้นะ ตั้งแต่เด็กผมก็เป็นเด็กที่ถูกแกล้งเป็นประจำอยู่แล้ว ทางเดียวที่จะทำได้ก็คือมาอธิฐานกับพระเจ้า เฝ้าสวดมนต์ทุกวัน ขอให้พวกนั้น หายไป”

มือที่กุมไว้ใกล้กับคางดูเหมือนสั่นน้อยๆ คาซึยะมองดูแล้วยิ้มออกมา

 “แล้วพวกนั้นหายไปมั้ย!!”

ทัตซึยะสั่นหัวไปมา “ผลสุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายที่ย้ายรร.หนีไป”

คาซึยะได้ยินน้ำเสียงเศร้าๆนั้นก็คุกเข่า

ลงข้างๆทัตซึยะ เอามือกุมไว้แนบอกหลับตาสนิท อึดใจนึงก็ลืมตาขึ้นมา

 “คราวนี้น่าจะสำเร็จ ฉันช่วยอธิฐานด้วยแล้ว”

ทัตซึยะทำหน้างงๆ “อธิฐาน…. อธิฐานว่ายังไงเหรอครับ”

 “ให้หายไป หายไปเลยไงหล่ะ” ดวงตาเยือกเย็นดูน่ากลัว ทัตซึยะ รู้สึกกลัว ดวงตาแบบนี้

 เป็นดวงตาที่ไม่รู้ว่าต้องการอะไร… แน่นิ่ง… เรียบเฉย……


“ทั้งสองคนทำอะไรอยู่นะ!!” เสียงจินเรียกมาจากข้างหลัง หันไปดูพร้อมกัน

 “มาเถอะ มาทานข้าวเช้าได้แล้ว” คาซึยะยิ้ม “ไปกันเถอะนะ”


คาซึยะเดินไปถอดชุดออก จินเลยถือโอกาสถามทัตซึยะที่เดินมาด้วยกัน

 “พวกนายคุยอะไรกันเหรอ?”

“ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ แต่ว่าคาเมนาชิไม่ได้ร้องเพลงเลยสักเพลงนะครับ ผมเห็น”

จินพยักหน้า “ใช่ ตั้งแต่ให้มาช่วยที่นี่ ก็ไม่เคยเห็นอ้าปากร้องสักที”

ทัตซึยะ ไม่เข้าใจสายตาที่เป็นห่วงของจินนัก

 “ แล้วอาคานิชิ ถามว่าผมคุยกับคาเมนาชิทำไมเหรอ มีอะไรรึเปล่า” จินหันมายิ้มกลบเกลื่อน

 “ไม่มีอะไรเห็นท่าทางสนุกดีนะ”

คาซึยะเก็บของเสร็จก็เดินมารวมกัน พร้อมจะไปห้องอาหาร

 จินเดินไปข้างหลังของทั้งคู่มองดูหลัง

ของคาซึยะด้วยแววตาเศร้าๆ จินรู้สึกว่าปีกของคาซึยะกลายเป็นสีดำไปชั่วแวบตานึง

โคคิอาการดีขึ้นแล้ว มาเรียนได้ แต่แขนก็ยังคงถูกมัดห้อยไว้กับคอเช่นเดิม

ยูอิจิเห็นเข้าก็แกล้งๆ

เพราะโคคิตอนนี้เหมือนคนพิการไปแล้ว ทำอะไรก็อาศัยแค่มือข้างเดียว

“โคคิ!!” เอามือจี้เอวข้างที่แขนเจ็บ โคคิเลยเอามือฟาดไม่ถนัด ยูอิจิหลบไปแล้วก็ยืนขำ

โคคิยิ้มๆแล้วก็ใช้เท้าเตะ ก่อนหัวเราะเสียงดังกว่า

 “ ไอ้บ้า ถึงแขนจะเจ็บ แต่ขายังใช้ได้ดีเว้ย!!”

 จินกับคาซึยะเห็นก็หัวเราะออกมาเหมือนๆกัน สมน้ำหน้ายูอิจิ

เรียวตะเดินเข้ามาในห้อง โคคิทำท่าจะเดินไปหาเรื่อง แต่จินเอามือจับหัวไหล่เอาไว้

 “พอเถอะน่า เรื่องมันจะไม่ยอมจบสักที “

โคคิท่าทางไม่พอใจแต่ก็นั่งลงแต่โดยดี คาซึยะมองดูด้วย

สายตาเย็นชา ในใจเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

เรียวตะกับเพื่อนกำลังซ้อมอยู่ในห้องชมรม หัวเราะกันเฮฮา

“โธ่เอ้ย ไอ้เด็กเกเรนั้น คิดว่าจะแน่”

เพื่อนคนนึงกล่าวออกมา เรียวตะหัวเราะ

“นี่ยังน้อยไป ขำจะตายตอนที่มันกลิ้งตกลงไป แต่สูงขนาดนั้นน่าจะตายไปนะ นับว่ามันอึด แค่แขนเดาะ”

“เจ้าบ้า ถ้าเล่นกันจนตายไม่แย่รึไง ฮะฮะฮะ”อีกคนนึงก็ช่วยเสริม

“น่าสนุกขนาดนั้นเชียวเล่นแกล้งคนทีเผลอนะ” คาซึยะเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่

 พวกเรียวตะถึงกับชะงัก ก่อนแสร้งยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 “ทำไม มีหลักฐานอะไรมาว่าพวกเราเหรอ ไม่เห็นจะรู้เรื่อง”

หน้าด้านจริงๆ ที่คุยกันเมื่อกี้คิดว่าไม่มี


ใครได้ยินรึไงนะ คาซึยะไม่พูดอะไรต่อเดินไปที่กีตาร์ของเรียวตะ เอามือสัมผัสเบาๆ
 
“กีตาร์นี่ของนายเหรอ สวยดีนี่” เรียวตะรีบเดินเข้ามาใกล้ “เฮ้ย อย่าเอามือแกมาแตะนะ”

ท่าทางหวงขนาดนี้ คงรักมากสินะ คาซึยะยิ้มที่มุมปาก แล้วใช้เท้าเตะกีตาร์ล้มลง

 กระแทกตามไม่ยั้ง จนมันไม่เหลือชิ้นดี

“เฮ้ย!!แกทำอะไรของแกนะ ไอ้สารเลว!!”

โกรธมากเอามือตบหน้าคาซึยะอย่างแรง ร่างเล็กๆผอม

บางสู้แรงแบบนั้นไม่ไหวแน่ ล้มกลิ้งไปถึงครึ่งห้อง “เฮ้ยเรียวตะ แกจะบ้าเหรอ แรงไปแล้ว”
 
“ใช่ๆเดี๋ยวมันก็ตายหรอก”

“ตายไปสิดี ดูมันทำสิ นั้นมันกีตาร์ของฉันนะ”

 คาซึยะเงยหน้าขึ้นมา หน้าชาไปซีก ลิ้นสัมผัสรสเลือด

ปากคงจะแตก แล้วก็หัวเราะออกมา “แรงแกมีแค่นี้เหรอ!!”

จุนโนะวิ่งหน้าตาตื่นมาที่ห้องชมรมของจินอีกครั้ง ทุกคนทักทายเฮฮาเหมือนเคย
 
“นั้นแน่ อยากเข้าชมรมเราเหรอ แวะมาแทบทุกวันเลย”

ยูอิจิแซวเหมือนเคย จุนโนะไม่มีอารมณ์เล่นด้วย
 
“ พวกนายไม่รู้บ้างเลยรึไง ว่าคาเมนาชิกำลังมีเรื่องอยู่ที่ห้องชมรมดนตรีสากลนะ….”

จินไม่ฟังเสียงอะไรรีบกระโจนออกจากห้องไปเลย บ้าที่สุดเค้าน่าจะรู้ตัวเร็วกว่านี้นะ

ที่คาซึยะพูดเรื่องนั้น เค้ากลัวขึ้นมา กลัวว่าคาซึยะจะทำอะไรรุนแรงไป

เรื่องการตาย…….เรื่องฆ่ากัน………

“ตึ๊ง” ร่างเล็กเซล้ม ข้าวของในห้องกระจัดกระจาย

ตอนนี้เลือดไหลเปราะผิวหน้าที่ดูสวยจนหมด

ไม่รู้สึกเจ็บ เหมือนชาชิน เอามือปาดเลือดที่ปากและจมูกก่อนหัวเราะออกมา

“มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆเลย พอเถอะน่าเรียวตะ”

เพื่อนเห็นอาการคาซึยะก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ยอมให้เรียว

ตะอัดจนเละขนาดนั้น ยังหัวเราะออกมาอีก เรียวตะยิ่งเห็นท่าทางแบบนี้ก็ยิ่งโมโห

อยากจะฆ่าซะให้ตายด้วยซ้ำ มือใครคนหนึ่งดึงมือเรียวตะที่จะชกคาซึยะเอาไว้

คาซึยะตาเบิกโผลง “จิน!!”

เสียงแหบแห้ง เพราะเลือดไหลเปอะปากไปหมด จินมาได้ยังไง เค้าคิด

จะไม่ให้เรื่องนี้เกี่ยวกับใครอีก ทำไมจินถึงเข้ามาได้
 
“พอซะที นายทำเกินไปแล้ว คาเมนาชิไม่ได้สู้สักหน่อย นายหยุดได้แล้ว”

จินท่าทางโมโห ไม่เคย

เห็นจินอารมณ์รุนแรงแบบนี้มาก่อน เรียวตะไม่สนใจกระชากข้อมือจินอย่างแรงจน

จินล้มหัวไปฟาดกับกระจกที่มุมห้อง

“เพล้ง!!” เสียงกระจกแตก เหมือนเวลาหยุดหมุนไปดื้อๆ

จินเจ็บแปลบที่หางคิ้วด้านซ้าย เอามือจับ

ผมที่ปิดๆอยู่ขึ้น เลือดแดงสดไหลออกมาไม่หยุด ลืมตาข้างซ้ายแทบไม่ขึ้น

แสบเพราะเลือดไหลเข้าตา ทุกคนที่ตามมาหน้าตาตื่น “เฮ้ยจิน!! เป็นยังไงบ้าง’"

จินยังเอ๋ออยู่ พูดอะไรไม่ออก คาซึยะเห็นแค่นั้น

ก็รู้สึกเจ็บกว่าที่โดนเองหลายร้อยเท่า จิน ที่ไม่รู้

อะไรด้วย ทำไมต้องมาเจ็บตัว เลือดไหลออกมาขนาดนั้น ทำไมกัน

ทำไมต้องลากจินเข้ามาเกี่ยวกับวงจร ชั่วร้ายนี้ด้วย ครั้งที่ ทัตซึยะโดน

หรือ โคคิโดนก็รู้สึกไม่ดี แต่พอเป็นจิน มันกลับเจ็บปวดแสน

สาหัส ไม่ต้องการให้ใคร ทำลายจิน ไม่อยากให้จินต้องเจ็บ

“ไม่เกี่ยวนะเว้ย ไอ้บ้านี่เข้ามาเจ๋อเอง ไม่เกี่ยวกับฉัน” เรียวตะปัดความรับผิดชอบออกมา

คาซึยะที่ก้มหน้านิ่ง หายใจหอบ รุนแรงขึ้น เหมือนจะขาดใจ

ดินสอไม้ที่กลิ้งตกอยู่ที่พื้น คว้ามัน แล้ว

กำไว้แน่น ปลายแหลมเรียว จ้องมันเป็นจุดเดียว

“อ๊าก!!” เรียวตะร้องเสียงหลง ทุกคนในห้องตะลึงงัน เพื่อนเรียวตะวิ่งหนีไม่คิดชีวิต

จุนโนะ โคคิ ยูอิจิ ทัตซึยะ หรือแม้แต่จิน ตาเบิกค้างไปพร้อมๆกัน

คาซึยะยืนอยู่เหนือเรียวตะที่นอนกลิ้งๆกุมขาที่มีดินสอไม้ปักอยู่

เลือดไหลออกมาบ้าง เรียวตะร้อง

ครวญคราง เพราะความเจ็บปวด “นี่เป็นส่วนของอูเอดะ”

เสียงเย็นชาเหมือนไม่สะทกสะท้านกับเสียง

ร้องและเลือดของเรียวตะ ดึงดินสอไม้ออกมาอย่างแรง เรียวตะร้องเหมือนจะขาดใจ
 
ทุกคนคิดว่าคาซึยะจะหยุด แต่ไม่ใช่!!

กำดินสอไว้แน่นแล้วปักลงที่ฝ่ามืออย่างแรงเลือดไหลขึ้น

เปราะหน้าขาวซีดไร้อารมณ์ เรียวตะร้องเสียงหลงน้ำตาไหลพรากออกมา

“พอที !! ฉันเจ็บ!!" พูดปนๆกับน้ำตา ขยับแขนขาไม่ไหว เพราะความเจ็บปวด

 คาซึยะยิ้มน้อยๆ แววตาไม่มีความรู้สึกใดๆ

 “นี่เป็นส่วนของทานากะ!!”

จุนโนะอ้าปากค้าง แรงที่จะเดินไปห้ามไม่มีเหลือ จินเองมองดูเหตุการณ์ด้วยความตื่นตะลึง

โคคิรีบลุกขึ้น “ยูอิจิ เราต้องห้ามเจ้านี่ แล้ว มันกำลังบ้าไปแล้ว!!”

ยูอิจิที่จับแขนจินเอาไว้ทำหน้าเหรอหรา “หา!! อะ…..อืม” เดินตามโคคิไป

โคคิกับยูอิจิช่วยกันลอคแขนของคาซึยะเอาไว้ แต่โคคิที่

มีเพียงแขนข้างเดียวที่ใช้การได้ ก็ไม่อาจทานแรงของคาซึยะตอนนี้ได้

ทัตซึยะกับจุนนโนะก็เลยเข้า

ไปช่วยห้ามอีกคน ร่างผอมบางแค่นั้น ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนกัน

แม้แต่คนตัวใหญ่กว่าอย่างจุนโนะก็ยังถูกสลัดล้ม โคคิร้องออกมาเสียงดัง

“เจ้าบ้า แกจะทำอะไร พอได้แล้ว หยุดสักที เดี๋ยวได้มีตายกันจริงๆหรอก”

ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดเข้าไปในโสตประสาท คาซึยะ

เดินไปดึงดินสอออกจากฝ่ามือ ดวงตาเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง

จินมองเห็นได้ด้วยตาข้างขวา ตาที่ไม่

มีแววตา ไม่มีจิตใจ ไร้ความรู้สึกแบบนั้น เหมือนคนที่ตายไปแล้ว

แต่เจ้านี่ยังไม่ตายนะ หยุดเถอะ
หยุดการกระทำแบบนี้สักที อะไรจะหยุดได้กัน
เพื่อนๆถูกเหวี่ยงล้มไม่เป็นท่ากันจนหมด จินอึดอัด

ทนไม่ไหว ไม่อยากเห็นคาซึยะในสภาพแบบนี้ อย่าทำลายล้างมากไปกว่านี้เลย

คนที่เจ็บก็คือตัวนายเองนะ

“นี่เป็นส่วนของ จิน!!” เรียวตะตาค้าง

ปลายดินสอกำลังจะปักกลับมาที่ดวงตาข้างซ้ายของเค้า ใครก็ได้ช่วยที !!

“หยุดได้แล้ว พอซะที ปีกนายจะหายไปอยู่แล้ว!!!………….” เสียงจินดังขึ้น

น้ำตาไหลออกมาเหมือนคั่งแค้นใจ คาซึยะหยุดปลายดินสอห่างไม่ถึงเซน
 
“ต่อให้นายฆ่าเจ้านั้นตายไป ฉันก็ไม่ดีใจหรอกนะ!!” เหมือนได้สติ ดินสอล่วงลงที่พื้น

เสียงอาจารย์เอะอะ ดังมาแต่ไกล คาซึยะเวียนหัวอย่างหนัก แล้วภาพจินที่เห็นเบื้องหน้าก็

ค่อยๆเลือนราง ……..เลือนราง…… แล้วดับมืดลง

“ต่อให้นายฆ่าคนที่ทำร้ายพี่จนตาย พี่ก็ไม่ดีใจหรอกนะ!!” เสียงนั้นยังก้องอยู่ในหู

 เหมือนกันอีกแล้ว อดีตที่อยากลืม เหมือนมันจะดำเนินมาเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

คาซึยะลืมตาขึ้น ผ้าม่านสีขาวต้อง

แรงลมปลิวไปมา มือของเค้าขยับไม่ได้ มีอะไรบางอย่างทับอยู่ ค่อยๆหันหน้ามามอง

จินนอนฝุบอยู่ที่ข้างๆเค้า ใบหน้าขาวสะอาด มีคราบเลือดเปรอะผมอยู่บ้าง

 ผ้าพันแผลสีขาวมีรอยเลือดแปะที่หน้าผากเหนือคิ้วด้านซ้าย

จินจงใจนอนทับแขนเค้าไว้รึไงนะ จงใจเฝ้าเหมือนกลัวว่าเค้า

จะไปไหนรึไง หลับเหมือนเด็กๆ ไม่มีทีท่าจะตื่นเลยสักนิด คาซึยะรู้สึกกลัว

กลัวว่าจินจะไม่หายใจ

ค่อยๆใช้มืออีกข้างมาสัมผัสแก้มของจิน แผ่วเบา ไออุ่นยังมีอยู่ ยังหายใจอยู่

จินทำหน้ามุ้ย ขยิบตา

สองสามที แล้วค่อยๆลืมตาขึ้น แล้วก็ร้องให้ตกใจ “เอ้ย!! นี่ฉันเผลอหลับไปรึไง บ้าจริงๆ"
 
“นายนี่หนวกหูจริงๆ อยากนอนทำไมไม่ไปนอนเล่า มานอนทับแขนชาวบ้านเค้าอยู่ได้ “

คาซึยะที่นอนหันหน้ามาทางจิน ที่ท่าทางเอ๋อๆอยู่บ่นแบบรำคาญ

“ก็…กลัวนายตื่นมาไม่เจอใครนะสิ” คาซึยะหันหน้ากลับมานอนหงาย

 “ฉันไม่ใช่เด็กนะจะได้ร้องไห้ แบบนั้น “ แล้วก็ยิ้มออกมานิดหน่อย “อย่ามาล้อเลียนฉันนะ

 ที่ฉันร้องไห้ออกไปตอนนั้นก็เพราะไม่อยากให้นายทำอะไรบ้าๆออกไป

“จินท่าทางจะอายเอามือทุบลงไปที่แขนคาซึยะ ที่ตัวเองนอนทับเมื่อกี้
 
“โอ้ย!! มันชาจนเจ็บจะตายอยู่แล้วนะ” คาซึยะร้องออกมา จินหน้าตาตื่น

 “อ๊ะโทษที นายโดนตีที่แขนเหรอ” “ไม่ใช่ ก็นายนะแหละที่เป็นคนนอนทับน่ะ ยังไม่รู้ตัวอีก”

จินทำหน้าเก้อๆที่โดนดุเหมือนเด็กๆ “ว่าแต่ว่า เรื่องเป็นไงบ้างหล่ะ” คาซึยะถามหน้านิ่งๆ
 
“คนที่บ้านนายมา ทางบ้านเรียวตะไม่เห็นว่าอะไรสักคำ” จินพูดหน้าหงอยๆ

คาซึยะหัวเราะหึๆในลำคอ ก่อนค่อยๆหลับตาลงช้าๆ
 
“โชคดีข้อเดียวของฉันก็คือที่บ้านมีเงิน ต่อให้ร้ายแรงแค่ไหน เงินก็จัดการทุกอย่างได้”

จินมองดูคาซึยะด้วยสายตาเศร้าๆ

 “นายทำยังงั้นเพื่ออะไร ไปยั่วเรียวตะ แล้วก็ทำร้ายกลับ…..รุนแรงขนาดนั้น”

“ตอนแรกฉันคิดว่าจะจัดการให้เรียวตะโดนไล่ออกจากรร.ไป โดยการยั่วให้หมอนั่นทำร้ายร่างกายฉัน”

จินหน้าตาตกใจสุดๆ

“อะไรกัน ทำไมนายเอาตัวเองไปแลกอย่างงั้น ไม่ปรึกษาพวกฉันสักคำ แล้วดูสิผลมันเป็นอย่างงั้นซะที่ไหน”

“ก็เพราะนายนะแหละ…… “คาซึยะพูดออกมาเสียงดัง จนจินเงียบไ
 
“เพราะฉันเหรอ ….อะไรหล่ะ”

คาซึยะนึกถึงสภาพตัวเองฟิวส์ขาดเพราะเจ็บปวดที่จินถูกทำร้ายก็อาย

ที่จะบอกรีบหันหน้าหนีทันที

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #36 เมื่อ01-02-2007 22:30:13 »

“ไม่มีอะไร!!” จินไม่ยอมแพ้ รีบดึงเสื้อให้หันกลับมา “ขี้โกงนี่ ทำไมไม่ยอมบอกอ่ะ บอกมาสิ!!”

คาซึยะนิ่งๆแกล้งทำเป็นหลับ จิน ทำหน้าแบบอึ้งๆ

 “ไม่ต้องมาแกล้งหลับเลย !! ที่นายลุกขึ้นมาทำแบบนั้นเพราะโกรธที่ฉันถูกทำร้ายใช่ม้า “

รู้แล้วยังถามอีกนะเจ้าบ้า จินมองคาซึยะนิ่งๆสักพักก่อนที่จะพูดออกมาน้ำเสียงราบเรียบ
 
“ ฉันก็ขอบคุณที่นายเป็นเดือดเป็นร้อนแทนฉัน แต่การใช้กำลังในการแก้มันไม่ใช่วิธีที่ดีนักหรอก ถ้านายปักดินสอลงไปที่ตาของเรียวตะ คนที่เสียใจมากที่สุดก็จะเป็นตัวนายเอง……..”

คาซึยะลืมตาขึ้นมาแล้วฝืนหลับไปอีกครั้ง

จินชะโงกหน้ามาดูเห็นคาซึยะ ทำท่าหลับจริงๆก็ไม่พูดต่อ

 เอาผ้าห่มมาคลุมให้ แล้วออกจากห้องไป

เรื่องทั้งหมดถูกแก้ไขด้วยเงินของบ้านคาซึยะจริงๆ เรียวตะย้ายรร.ไปอยู่ที่อื่น

คาซึยะถูกพักการเรียน1อาทิตย์ ทุกอย่างดูเหมือนจะเข้ารูปเข้ารอยดีแล้ว

แต่เหตุการณ์วันนั้นก็ยังไม่ลบไปจากความทรงจำของคนในกลุ่ม

“เจ้านั่น น่ากลัวจริงๆเลยนะเนี้ย “ ยูอิจิอยู่ดีๆก็พูดขึ้นมา
 
“แต่ว่าคาเมนาชิก็ทำให้คำอธิฐานของผมเป็นจริงนะ” ทัตซึยะพูดขึ้นมาบ้าง โคคิท่าทางสงสัย

“คำอธิฐานอะไรของนาย”

“ผมขอให้เรียวตะหายตัวไป แล้วเค้าก็หายไปจริงๆคาเมนาชิเหมือนเป็นเทวดา ช่วยให้มันเป็นจริงขึ้นมา”

โคคิหัวเราะออกมา

 “เออ เจอขนาดนั้น มันก็สมควรหายไปแล้วหล่ะ คงมีแค่นายคนเดียวมั้งที่ว่ามันเป็นเทวดานะ ทั้งรร.เค้าว่ามันเป็นปิศาจกันหมดแล้ว”

จินได้ยินที่โคคิพูดก็ทำหน้าเห็นด้วย ตอนนี้คนทั้งรร.รู้เรื่องควาน่ากลัวของคาซึยะหมดแล้ว

 ถ้าคาซึยะกลับมาจะเจอกับสายตาคนรอบข้างเป็นยังไงบ้างนะ แค่คิดก็รู้สึกเป็นห่วงลึกๆ

“รุ่นพี่อาคานิชิ ผมว่าไม่ต้องให้รุ่นพี่คาเมนาชิมาช่วยที่โบสถ์แล้วจะดีกว่ามั้งครับ”

ฮิโรโนริ คุซาโนะ ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มชมรมประสานเสียงระดับม.ต้นพูดออกมา
 
จินมีสีหน้าแปลกใจ ” ทำไมหล่ะ!!”

“ต้องบอกด้วยเหรอครับ เท่าที่ดู รุ่นพี่เค้ามาทุกวัน แต่ไม่เคยร้องสักครั้ง ผมไม่เห็นประโยชน์ที่จะให้เค้ามาช่วยเลย”

จินอึ้งไปเลย ก่อนพูดดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

”จริงๆแล้วเรื่องที่เค้าอาลาวาดที่ชมรมดนตรีสากลต่างหากใช่มั้ย!!” คุซาโนะพยักหน้าหนักแน่น

“ครับ ก็เข้าใจดีนี่ครับ เพราะว่าชมรมเรามีเด็กเยอะ มีคนแบบนั้นมันคงไม่เหมาะ ทางผู้ปกครองเค้าก็อาจจะไม่พอใจด้วย”

คนแบบนั้นมันคนแบบไหนกันนะ ไม่เข้าใจเลย

“ตกลง งั้นฉันก็คงจะไม่มาด้วยหรอกนะ” คุซาโนะหน้าตื่นนิดหน่อยก่อนพยักหน้า
 
“ก็แล้วแต่รุ่นพี่หล่ะครับ!!”

คาซึยะนั่งทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโบสถ์ตามปกติ เด็กๆจ้องกันตาไม่กระพริบ
 
ยาบุเองก็จ้องใจจดใจจ่อ คาซึยะหันไปมองด้วยสายตาดุๆ จนยาบุรีบหันกลับไปทานข้าวต่อ
แต่ก็อดแอบหันมาดูอีก

ไม่ได้คาซึยะนึกสนุกก็เลยแกล้งแยกเขี้ยวให้ร้องแห่ๆแกล้ง ยาบุก็ตกใจนิดหน่อยแล้วก็ขำออกมา

คาซึยะก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ฮิคารุที่นั่งข้างๆดึงแขนเสื้อยาบุ

 “รุ่นพี่ฮิโรโนริบอกว่ารุ่นพี่คนนี้น่ากลัวนะ !!” ยาบุส่ายหัวไปมา
 
“ไม่จริงหรอกมั้งเมื่อกี้เค้ายังยิ้มให้ฉันเลยนะ” จินเดินออกมา เอามือตีหลังคาซึยะเป็นการเรียก

“เราไปกันเถอะ ต่อไปไม่ต้องมาที่นี่อีกแล้วหล่ะ”

คาซึยะงงๆแต่ก็พอจะเข้าใจเลยลุกตามออกมา

“ไม่เห็นจะต้องโกรธขนาดนั้นเลย นี่นา แค่พวกเค้ากลัวฉันก็เท่านั้นเอง”

คาซึยะเดินล้วงกระเป๋าบ่นออกมา จินหยุดเดินหันหน้ามามองคาซึยะ “นายรู้ได้ยังไง”

คาซึยะยิ้ม

“ ทำไมจะไม่รู้หล่ะ เรื่องใหญ่ขนาดนั้น ฉันเคยเจอมาบ่อยๆแล้ว ไอ้เรื่องแบบนี้ ถ้าเบื่อก็จะย้ายออกไปเอง “

จินหน้าตาตกใจกว่าเดิม” นี่นาย คงไม่คิดจะย้ายไปจากที่นี่หรอกนะ”

“ไม่หรอกน่า ฉันยังรู้สึกสนุกอยู่ไม่คิดจะย้ายไปหรอก” จินท่าทางใจชื้นขึ้นมา

จริงๆแล้วเพราะมีจินอยู่ที่นี่ต่างหากหล่ะถึงไม่ย้ายออกไป “ตอนนั้นนะนายเรียกฉันว่าจินใช่มั้ย!!”

อยู่ดีๆก็เปลี่ยนเรื่องพูด

คาซึยะออกจะอายๆก็เลยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน “หา!!”
 
“ไม่ต้องมาหาเลย ต่อไปก็เรียกฉันว่าจินก็ได้ แต่ฉันก็จะเรียกนายว่าคาซึยะนะ เข้าใจมั้ย” สรุปเอง

เสร็จสรรพ คาซึยะยังไม่ทันจะพูดอะไร เสียงยูอิจิก็ร้องทักออกมา

 “เฮๆ มากันแล้วเหรอ นี่ๆ โคคิถอดเฝือกแล้วนะ มันบอกว่าจะเลี้ยงด้วยแหละ”

โคคิเอาแขนที่เพิ่งหายตบหัวยูอิจิทันที “ใครบอกแกกันเจ้าบ้า!!” ทัตซึยะหัวเราะออกมา

ก่อนหันมายิ้มให้คาซึยะ “มาเรียนสักทีเนอะ”

คาซึยะพยักหน้า ยิ้มน้อยๆ ต่อให้คนทั้งรร.เห็นเค้าเป็นศัตรู

อย่างน้อยก็มีเพื่อนกลุ่มนี้แหละที่ไม่มีทาง

ทอดทิ้งเค้าแน่นอน “อืม ในที่สุดชมรมเราก็จะได้ฤกษ์ซ้อมกันสักทีนะ มีเรื่องมาตั้งเยอะ”

 จินพูดอย่างอารมณ์ดี

“ได้เลย แขนเพิ่งหายอยากยืดเส้นยืดสายมานานแล้ว” โคคิพูดพร้อมทำท่าชกๆ

“นี่ๆ ซ้อมเต้นนะ ไม่ได้ไปชกมวย” ยูอิจิเอามือตีหัวโคคิเป็นการเอาคืน

จุนโนะเดินเข้ามาในกลุ่มสีหน้าไม่ค่อยดีนัก


 “อ้าว คราวนี้จะมีอะไรอีกหล่ะคุณหัวหน้าห้อง มาทีไรเอาแต่ข่าวร้ายมาทุกที”

โคคิร้องทัก จุนโนะทำหน้าแบบเบื่อๆ

”ก็ไม่อยากหรอกนะ อาจารย์ฝ่ายกิจกรรมเรียกนายไปพบแนะ อาคานิชิ “

ทุกคนท่าทางแปลกใจกันหมด “เรื่องอะไรเหรอ” จินถามจุนโนะ

 “ก็คงเรื่องชมรมละมั้ง ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน!!”

“ชมรมของเธอถูกพิจารณาว่าสมควรจะโดนยุบ เพราะว่ามีเด็กที่มีปัญหาอยู่ถึง 2 คน
ทานากะ โคคิ เคยมีประวัติมั่วสุมกับอันธพาลมาก่อน แถมเคยมีคดีลักขโมยอีกด้วย
แล้วคาเมนาชิ คาซึยะ เท่าที่ดูๆมาประวัติจากรร.ที่ย้ายมาเคยก่อการทะเลาะวิวาท และทำร้ายร่างกายมาแทบทุกรร. สมาชิกในชมรมก็มีแค่ 5 คน ทางรร.กลัวว่าจะรวมตัวกันก่อความวุ่นวาย “

หมายความว่ายังไงกัน แค่มีคนที่เคยมีปัญหา ก็สั่งยุบไปเลยงั้นเหรอ

 จุนโนะที่ยืนฟังอยู่ไม่พูดอะไร จินเองทนไม่ได้หรอก
 
“ทำไมหล่ะครับ ถึงจะมี5 คนแล้ว2 คนนนั้นมีประวัติไม่ดีมาก่อน แต่คนเราก็ทำผิดกันได้ ทำไมไม่ให้โอกาสหล่ะครับ โอกาสให้เราแก้ตัวไม่ได้เลยเหรอครับ”

อาจารย์ทำหน้าแบบไม่พอใจ

 “ก็ครูจะไว้วางใจคนอย่างเธอได้ยังไง ประธานชมรมที่ชอบโดดเรียน ซ้ำสมาชิก็มีแต่พวกเหลือขอ แล้วไอ้การที่จะไปร้องเพลงหรือเต้นอะไรนั้นนะ ที่รร.ก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร ดูจะออกไปในทางมั่วสุมซะมากกว่า”

จินเม้มปากสนิทใช่สิ ก็เค้าผลการเรียนอยู่ในระดับแย่ ชอบมาสาย โดดเรียนก็บ่อย

 แต่เค้ามั่นใจ100%ว่าชมรมของเค้าจะทำแต่เรื่องที่สร้างสรรค์ไม่ก่อความเดือดร้อนให้ใครแน่ๆ

ทำไมไม่ให้โอกาสกันบ้างนะ

“เอ่อ อาจารย์ครับถ้าเกิดว่าผมมาอยู่กับชมรมนี้ อาจารย์พอจะพิจารณาใหม่ได้มั้ยครับ”

จินแทบไม่เชื่อหูตัวเอง จุนโนะเหรอที่พูดออกมานั้นน่ะ………..


to be con.............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2007 22:36:56 โดย taebin7 »

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #37 เมื่อ02-02-2007 09:57:42 »

มาเป็นกำลังใจให้คนโพสคับ สู้ๆๆ  :piglove2:

ตามอ่านอยู่นะคับ  :impress2:



ลุ้นกันต่อปายยยย  :sad4:

ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #38 เมื่อ02-02-2007 11:48:44 »

มาให้กำลังใจคนโพสเหมือนกันค่ะ  :yeb:

แล้วมาโพสต่อไวๆนะค่ะ   :monkeylaugh2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #39 เมื่อ02-02-2007 20:30:31 »

คาซึยะได้เพื่อนแล้ว  :monkeysad:

รออ่านอยู่นะคะ  :yeb:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ##WITH NO NAME##
« ตอบ #39 เมื่อ: 02-02-2007 20:30:31 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #40 เมื่อ08-02-2007 19:16:16 »

chapter7

“การมาอยู่ชมรมนี้ ฉันก็มีกฎเหมือนกันนะ “
 
จุนโนะประกาศออกมาอย่างจริงจัง ทุกคนหันมามองอย่างตั้งใจ พยักหน้าตามกันหงึกหงัก

“คือจะซ้อมเต้นด้วยร้องเพลงด้วย แต่จะไม่ไปแสดงที่สาธารณะชนเด็ดขาด!!” ยูอิจิทำหน้างง

“อ้าว!! แล้วจะซ้อมจะเต้นไปเพื่ออะไรอ่ะ “ทัตซึยะรีบแย้งขึ้นมา

 “ก็ความหมายของทากุจิคือจะเต้นแต่ที่ๆปิดไงหล่ะ แบบเป็นฮอล์ หรือที่เวทีใหญ่ๆต่างหาก”

ยูอิจิพยักหน้าเข้าใจ

“อ้อ ยอมแสดงแต่ที่หรูๆเท่านั้น เข้าใจแล้ว ไอ้นี่หัวสูงนั้นเอง!!”

“ไม่ใช่ ไม่ว่าที่ไหนก็ตามที่มีคนดู ฉันจะไม่เต้นเข้าใจมั้ย!!” จุนโนะพูดออกมาเสียงดังจนทั้ง

ทัตซึยะและยูอิจิเงียบไป โคคิท่าทางรำคาญ

 “อ้าว!! แล้วจะบ้าเต้น ซ้อมๆอยู่แต่ที่นี่นะเหรอ ทำไปเพื่ออะไรกัน”

“ก็เพราะว่าชอบไงหล่ะ อยากเต้น อยากทำก็ทำ ไม่จำเป็นต้องให้คนมาดูก็ทำได้ไม่ใช่
เหรอ “

คาซึยะพูดออกมา จุนโนะนิ่งไม่พูดต่อ จินยิ้มออกมา


“จริงด้วย ที่ทากุจิมาร่วมกับพวกเราก็ดีใจแล้วหล่ะ ถ้าไม่อยากให้ใครดูก็ไม่เป็นไร แค่นายยอมมาร่วม ช่วยให้ชมรมเราไม่ถูกยุบ ก็ขอบคุณมากๆเลยนะ”

“นายกลายเป็นคนเข้าใจจิตใจชาวบ้านเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย” โคคิเดินกอดอกเอาเอวชนหัว

ไหล่คาซึยะที่นั่งที่เก้าอี้เป็นการหยอก “ใครเค้าจะเหมือนนาย” “หนอยเจ้านี่!!” โคคิหมั่นไส้ก็

ล็อคคอคาซึยะเล่นกันเป็นเด็กๆ

ยูอิจิยังสงสัยอยู่ ที่ทำไมจุนโนะถึงมาเข้าร่วมชมรมซะเฉยๆ ทั้งที่แต่ก่อนชวนกันแทบตาย

“ทำไมนายถึงยอมเข้าชมรมเราแล้วหล่ะ” จุนโนะท่าทางอายๆนิดหน่อยก่อนอ้อมแอ้มตอบมา

“ก็ยุ่งกับพวกนายบ่อยๆจนชินละมั้ง ก็เลยอยากยุ่งต่อไปเรื่อยๆนะสิ” ยูอิจิยิ้มออกมาแล้วก็เอา

มือบิดแก้มจุนโนะเหมือนเด็กๆ “นายนี่น่ารักจริงๆเลย” “เล่นบ้าอะไรเนี้ยเจ็บนะ!!”

จุนโนะรู้สึกว่าตัดสินใจถูกรึเปล่านะที่เข้าชมรมมา คิดถึงเรื่องที่บ้านขึ้นมาก็ถอนใจนิดหน่อย

ก่อนหันไปรวมกับทุกคนเหมือนไม่มีอะไรค้างคาในใจ

"เพลงเสร็จแล้ว มาลองซ้อมร้องกันก่อนม้านี่ๆ" จินหมุนแผ่นเอ็มดีในมือไปมา

“โหย สุดยอดไปอัดมาจากที่ไหนนะ” ยูอิจิท่าทางลิงโลดที่สุด

“ที่บ้านอูเอดะเค้ามีเครื่องคอมที่ใช้มิกซ์ซาวน์ได้ด้วยนะ ก็เลยสบายไปเลย”

ทุกคนตาโต ร้องขอไปที่บ้านทัตซึยะบ้าง ทัตซึยะยิ้มยินดีต้อนรับทุกคนเสมอ

"เอาเถอะมาลองซ้อมร้องกันก่อนมั้ย!!” จินเอาแผ่นเข้าเครื่องเล่นแล้วกด ทุกคนคว้าเนื้อร้อง

ของตัวเองมาเตรียมพร้อม คาซึยะคนเดียวที่ยังนั่งนิ่งๆ จินหันไปเห็น ก็สีหน้าแปลกใจ

 “คาซึยะ ท่อนที่สองนายร้องต่อจากฉันไม่เตรียมตัวอีกเหรอ”

คาซึยะสีหน้าเหมือนคนไม่สบาย “ขอโทษนะวันนี้ฉันขอตัวก่อนละกัน …..” ลุกออกมาเลย

ทุกคนได้แต่มองหน้ากันด้วยความสงสัย จินรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา มีอะไรรึเปล่านะ

วันนี้ลมแรง เหมือนกับว่าจะมีพายุเข้ายังไงยังงั้น คาซึยะเดินมาที่ชายหาด ไม่ได้เดินกลับที่

หอแต่เดินไปอีกทาง เรื่อยๆแบบไร้จุดมุ่งหมาย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แค่ไม่อยากอยู่ตรง


นั้น ร้องไม่ออกจริงๆ ไม่ใช่ไม่อยากร้อง แต่ร้องไม่ออก ขี้เกียจสู้สายตาทุกคน ขี้เกียจตอบคำ

ถาม ทำอะไรได้บ้างนอกจากหนี ลมพัดรุนแรง ผมเส้นเล็กนุ่มสีน้ำตาลเข้มปลิวลู่ไปข้างหลัง

คาซึยะต้องหรี่ตาลง คิดถึงอดีตขึ้นมาอีกจนได้ ครั้งสุดท้ายที่ร้องเพลง คือวันที่มีงานศพ

 “I WILL REMBER YOU” หลังจากเพลงนั้นจบ ไม่มีทั้งน้ำตา และเสียง เค้าพูดไม่ได้เป็นเวลา

3 เดือนไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากนั้นก็ไม่ได้เข้าชมรมอีกเลย ต่อมาก็ออกจากรร. ย้ายรร.

ใหม่ ฆ่าตัวตาย แล้วก็ย้ายรร.ใหม่ ทำเป็นวัฎจักร มาสิ้นสุดที่นี่

การกลับไปร้องเพลงอีกครั้งเป็นเรื่องที่เค้ากลัว กลัวอดีต กลัวความทรงจำที่จะหลอกหลอน

เค้าจะทำยังไงได้นะ เนคไทที่ถอดใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ โดนลมพัดจนปลิวหลุดไป คาซึยะ

พยายามหันมาจะเก็บ แล้วมันก็ปลิวออกไป มือขาวๆของใครบางคนจับเอาไว้ให้ ร่างสูงผม

ยุ่งๆกระจายตามแรงลม รอยแผลที่หน้าผากหายสนิทไม่มีรอยเหลือแล้ว


จินยิ้มสดใสเหมือนเด็กๆ “ตามมากันทำไม กลัวฉันจะหนีไปตายรึไง!!”

 คาซึยะพูดจาแบบเดิมๆ จินฟังจนเบื่อ

 “ก็บอกว่าเลิกคิดไปตั้งนานแล้ว เจ้าพวกนั้นมันบ้า มันอยากออกมาดูทะเลกันต่างหากหล่ะ”

โคคิ จุนโนะ ทัตซึยะ ยูอิจิ วิ่งไล่จับกันที่หาดทราย

รู้ดีว่าเป็นห่วงกัน เลยตามมา อดจะยิ้มไม่ได้ “เจ้าพวกนี้มันบ้ากันจริงๆนะแหละ!!”

จินมองดูร่างผอมบางนั้น อะไรบางอย่างยังหลอกหลอน ยังครอบงำจิตใจ อีกนานแค่ไหนถึง

จะยอมเปิดใจ คาซึยะวิ่งไปรวมกับเพื่อนๆ จินที่เดินตามมา ข้างหลัง ได้แต่เฝ้ามองดู พูดมาก

ขึ้น หัวเราะออกมาได้ แต่รอยแผลที่เห็นได้ชัดที่ข้อมือ อะไรกันจะช่วยให้มันจางไปได้ มัน

เป็นสัญลักษณ์ที่ไม่มีวันลบไปได้เลยรึไงนะ

อยู่ดีๆฝนก็เทกระหน่ำลงมาไม่รู้เรื่องทุกคนวิ่งหนีฝนเหมือนเด็กๆ

ตัวเปียกปอนกันไปหมด ยูอิจิจึงชวนให้ไปที่บ้านซึ่งสามารถวิ่งขึ้นมาจากหาดตรงนั้น


“ยอดไปเลยบ้านนากามารุเป็นที่อาบน้ำสาธารณะเหรอเนี้ย”

คาซึยะท่าทางแปลกใจที่สุด โคคิที่ถอดเสื้อเสร็จแล้วมองหน้าคาซึยะ

“อะไรอย่าบอกนะว่า นายไม่เคยเข้าห้องอาบน้ำรวมแบบนี้มาก่อนนะ” คาซึยะพยักหน้า

“ก็ทำไมหล่ะ” โคคิยิ้มเยาะ”คุณหนูสุดยอดเลย” คาซึยะฉุนขึ้นมานิดหน่อย

“ใครจะเหมือนนายหล่ะ ห้องเช่าเล็กแค่นั้น ไม่มีห้องน้ำในตัวก็ได้มาอาบบ่อยๆนะสิ”

จินที่เตรียมตัวเรียบร้อย เดินมาลากทั้งคู่ให้ไปอาบน้ำได้แล้ว

“ไปอาบน้ำกันเถอะน่า เดี๋ยวได้เป็นหวัดกันหมดนี่หรอก”

“ซ่าส์” เสียงน้ำแตกกระจาย ยูอิจิรีบตะโกนด่าออกมาทันที

“นี่ๆ ถึงไม่มีคนก็ห้ามมากระโดดน้ำเล่นเข้าใจมั้ย เดี๋ยวแม่มาตบหัวเอาหรอกพวกแกนี่!!”

จินที่โผล่ขึ้นมา จากการกระโดดน้ำกับโคคิหัวเราะกันใหญ่

“ไม่เป็นไรน่า นิดเดียวเอง นานๆจะได้มาอาบน้ำด้วยกันทีเนอะ” ทุกคนพยักหน้าตามๆกัน

แกล้งยูอิจิ “เออๆ จ่ายมาเลยค่าเข้าอาบน้ำทุกคนนะ” พูดพร้อมทำท่าแบมือ โคคิเอาถังน้ำ

ครอบหัวยูอิจิ “เอ้า !!เอาไป “ ทุกคนหัวเราะไปตามๆกัน แล้วก็เริ่มเล่นน้ำกันเป็นเด็กๆ

จุนโนะไม่ได้ไปเล่นกับคนอื่นๆ แค่แช่น้ำเฉยๆ คาซึยะเองก็เหมือนกัน คาซึยะหันหน้าไปก็เห็น

รอยแผลเป็นที่แผ่นหลังกว้างขาวของจุนโนะ เป็นแนวยาว ท่าทางสนใจจนจุนโนะรู้สึกตัว

“รอยดาบไม้น่ะ ตอนเด็กๆดื้อ พ่อก็เลยใช้ดาบไม้ตี ตอนนั้นแตกเลย เป็นแผลเป็นจนทุก

วันนี้”จุนโนะเล่าให้ฟังยิ้มๆ คาซึยะพยักหน้า ตั้งแต่โตมาจนป่านนี้ เค้ายังไม่เคยโดนพ่อตีสัก

ครั้ง แค่ตีมือเบาๆยังไม่เคย อาจจะเพราะไม่สนใจเลยละมั้ง แม้แต่เวลาเจอกันยังแทบไม่มี

สลัดความคิดทิ้งไปหันไปคุยกับจุนโนะต่อ “พ่อท่าทางเข้มงวดนะ” จุนโนะบิดผ้าขนหนูเอาขึ้น

มาเช็ดหน้าหยดน้ำเปียกผมไหลผ่านบ่าเรียบลื่นไปจนถึงแผ่นหลังตามแนวแผลนั้น

 “มากด้วย ไม่ใช่เข้มงวดธรรมดา ตั้งแต่พี่ชายหนีออกจากบ้านไปน่ะ” คาซึยะไม่อยากจะถาม

ต่อ กลัวว่าจะล้วงลึกจนเกินไป เจ้าตัวอาจไม่อยากเปิดเผย จิน โคคิ ยูอิจิ และทัตซึยะ


หน้าแดงเพราะแช่น้ำร้อนไปด้วยเล่นกันไปด้วยอีก แม่ยูอิจิเรียกให้ทุกคน ขึ้นได้แล้ว

เพราะแช่กันนานกว่านี้ มีหวังป่วยกันแน่ๆ

ครอบครัวยูอิจิเป็นครอบครัวที่น่าอิจฉาจริงๆ คุณพ่อคุณแม่ท่าทางใจดี ไม่สงสัยสักนิด ที่ยูอิจิ

เป็นคนอารมณ์ดี สดใสร่าเริง พื้นฐานครอบครัวดี ส่งผลถึงจิตใจที่ดีด้วย

จินถึงได้ว่า ปีกของยูอิจิแข็งแรงดีที่สุด

จินกับคาซึยะเดินกลับหอพร้อมๆกัน ท้องฟ้าหลังฝนดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด

ดูสวยงามแบบที่โตเกียวหาดูไม่ได้ “สนุกมั้ย การเข้าห้องอาบน้ำสาธารณะครั้งแรกน่ะ”

คาซึยะพยักหน้า

“สนุกสิ ที่นี่ดีนะ น่าอิจฉาคนที่เกิดที่นี่ อะไรก็สวยงามไปหมด ท้องฟ้ามีดาวมากกว่าใน
โตเกียว มีทะเลสวยๆ มีหาดทรายสะอาด ผู้คนใจดี “

“นายก็อยู่ที่นี่แล้วไงหล่ะ” คาซึยะหันไปมองจินที่ตอนนี้แหงนหน้าดูท้องฟ้าเหมือนๆกัน

 “อืม จริงด้วยฉันอยู่ที่นี่แล้วนี่นะ”

“ทุกคนที่นี่ก็ยินดีรับฟังทุกอย่างนะ นายมีเรื่องอะไรที่อยากจะเล่าก็เล่ามาได้ทุกเมื่อเลย”

ได้ยินแค่นั้นก็เอามือข้างนั้นล้วงกระเป๋าให้ลึกที่สุด ก่อนซอยเท้าถี่ๆเข้าหอไป

 จินเดินคอตกๆตามมา พูดกันขนาดนี้แล้ว ยังไม่ยอมเปิดใจกันอีกรึไงนะ

ทำยังไงถึงจะเปิดปากได้

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ คาซึยะตื่นสายมาก พอจัดการตัวเองเสร็จแล้วก็เดินไปที่ห้องจิน

เคาะ2-3ทีไม่มีเสียงตอบ ลองบิดลูกบิดดู ล็อคนี่นา!! ไม่อยู่ไปไหนกันนะ ทำไมไม่บอกกันบ้าง

เลย เดินกลับไปที่ห้อง ไม่มีอะไรทำเอาเนื้อเพลงขึ้นมาดู อยากจะร้องจริงๆแต่ร้องไม่ออก

ได้ยินเสียงเอะอะ ข้างล่าง ชะโงกหน้าออกทางหน้าต่างหัวเตียง

“เฮ!! ไปเที่ยวกันป่าวไปขี่จักรยานกัน” โคคิ ยูอิจิ ทัตซึยะ พร้อมหน้ากันข้างล่าง

 คาซึยะเกาหัวงงๆ แต่ก็เดินลงมาหาทั้งหมด “จินไม่อยู่หรอก พวกนายกลับไปเถอะ”

“รู้แล้วว่าอาคานิชิไม่อยู่ พวกเรามาชวนคาเมนาชินะแหละ”ทัตซึยะพูดยิ้มๆ

 “จินบอกพวกนายเหรอเค้าไปไหนน่ะ? “ ยูอิจิรีบแทรกออกมา

“ไปเยี่ยมญาติที่โตเกียวละมั้ง เนี้ยกลัวว่านายจะเหงานะเนี้ย เลยมาชวนไปเที่ยว”

 “ไปเถอะน่า เนี้ย ฉันจะปั่นให้คุณชายอย่างนายนั่งสบายๆเลยน้า คนอย่างโคคิเนี้ยปั่นจักรยาน
ให้นั่งเชียวนะ”

คาซึยะได้ยินก็ขำออกมา “ก็ได้ !! ไปก็ไป”

“แน่ใจเหรอว่าทำแบบนี้ดีแล้ว ถ้าเกิดเจ้าตัวเค้าไม่อยากให้รู้หล่ะ”

จุนโนะบ่นขณะที่อยู่บนรถไฟมุ่งหน้าไปโตเกียว จินนั่งนิ่งไปสักพัก

“ก็ฉันไม่รู้จะทำยังไงนี่นา ถ้าเกิดจู่ๆเจ้านั้นตายไป ฉันคงถือว่ามันเป็นความผิดของฉันเต็มๆที่

ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” จุนโนะโยกไหล่ไปมา

“นายหล่ะน้า เป็นคนดีจริงๆ แล้วผลสุดท้าย….” “อะไรอะไรก็หัวหน้าห้อง!!”

จินจงใจพูดออกมาพร้อมๆกับจุนโนะ แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะพร้อมกัน

“แล้วนายจะไปที่บ้านรึเปล่าหล่ะ “ จุนโนะถามขึ้นมา “

ไม่หล่ะ ฉันโทรไปมาแล้วพ่อเค้าไปต่างประเทศ คิดว่าจะไปที่รร.นะ “ จุนโนะหน้าเหรอ

“ไปทุกรร.เลยเหรอ เจ้านั้น ย้ายรร.เป็น10นะ “

 “ไปที่แรกก่อน ที่หมอนั้นอยู่ตอนม.ต้น ถ้าได้เรื่องที่นั้น ที่อื่นก็ไม่จำเป็นต้องไปแล้วหล่ะ”

“ไหนบอกว่าจะให้นั่งจักรยานสบายๆไงหล่ะ”

คาซึยะบ่นออกมา ผิวขาวเริ่มมีเหงื่อเม็ดเล็กผุดออกมา ปลายผมเปียกเหงื่อจนโชก

 “เออ ก็ขึ้นเขานี่ ใครจะปั่นขึ้นได้หล่ะ แล้วตัวเองก็เดินตัวเปล่าแท้ๆ พวกฉันสามคนต้องจูง

จักรยานนะเฟ้ย อย่าบ่นมากจะได้มั้ย”

คาซึยะเข้าใจเลยที่บอกให้เตรียมผ้าขนหนูมาเพื่ออะไร

เอามือเอื้อมไปดึงผ้าขนหนูจากเป้ข้างหลัง ผูกผ้าเข้ากับคอดึงปลายผ้ามาเช็ดหน้าเป็นระยะ

มองไปข้างทาง ดอกไม้กำลังบานหลังจากฝนตก สีเขียวสดแซมด้วยดอกหญ้าเล็กๆหลากสี

สวยงามไม่มีที่ติ เจ้าพวกนี้เข้าใจหาที่เที่ยวนะ นอกจากทะเลก็ยังมีภูเขาด้วย เมืองนี้ถึงจะห่าง

ไกลความเจริญ แต่มีความงดงามแบบที่หาไม่ได้ที่ไหน

“แล้วนี่เราจะไปไหนกันน่ะ” คาซึยะถามออกมาอย่างอารมณ์ดี

“ข้างบนมีลำธารเล็กๆแล้วก็น้ำตกด้วยนะ สวยมากเลย เราจะไปพักกินข้าวบนนั้นแหละ”

ทัตซึยะเป็นคนตอบ “แล้วใครทำข้าวกลางวันมา หวังว่าคงไม่ใช่พวกนายน่ะ”

คาซึยะทำหน้าแบบไม่ไว้วางใจ ถ้าเจ้าพวกนี้ทำกันมาเองจะกินได้มั้ยเนี้ย

“ไม่ต้องห่วง พระมารดาข้าพเจ้าเตรียมมาให้แล้วสบายใจได้!!”

ยูอิจิเอามือตบๆที่ท้ายจักรยานมีตระกร้าใบใหญ่ใส่ของกินมาพร้อม ถึงทางราบแล้วโคคิเรียก

ให้คาซึยะมานั่งซ้อนท้ายต่อได้ “เอ้าท่านชาย มานั่งต่อได้แล้วขอรับ”

คาซึยะยิ้มๆก่อนไปนั่งหันหลังซ้อนท้ายโคคิ

แสงแดดยามสายส่องแทรกร่มไม้ภายในป่าลงมา คาซึยะหลับตาลง เอาหัวพิงหลังโคคิ

 โคคิไม่ได้ว่าอะไรยังคงปั่นจักรยานต่อไป รู้สึกสบายใจ นานแค่ไหนที่ไม่ได้ออกมาเที่ยวแบบ

นี้นะ นานจนจำไม่ได้เลย…..

“คาเมนาชิ คาซึยะ…..” อาจารย์ทวนชื่อ แล้วทำหน้าแบบไม่อยากจะพูดถึง

 “เด็กคนนั้นละก็ คงต้องให้อาจารย์คาเนชิโร่ดูเรื่องให้ละมั้ง”

ชี้บอกทางให้จินกับจุนโนะไปที่ห้องดนตรี ทั้งคู่ก็มาถึงห้องดนตรี มีเด็กยังซ้อมดนตรีกันอยู่

อาจารย์หนุ่มท่าทางใจดี คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ อาจารย์หันมามอง ทั้งคู่ก็โค้งให้อย่างสุภาพ

“คาเมนาชิเหรอ เค้าออกจากรร.ไปกลางเทอมน่ะ”

 อาจารย์พูดออกมาหน้าตาเหรอๆ ทั้งจินและจุนโนะพยักหน้าพร้อมๆกัน

 “เอ่อ คือว่าเค้ามีปัญหาอะไร อาจารย์พอจะรู้บ้างมั้ยครับ”

“พวกเธอเป็นเพื่อนใหม่เค้าเหรอ เด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ย?”

กลับเป็นอาจารย์ที่ถามกลับ

“ยังมีชีวิตดีอยู่ครับ แต่ว่าพวกเราไม่รู้เลยว่าเค้ามีปัญหาอะไรรึเปล่า ถ้าอาจารย์รู้ก็ช่วยบอก
พวกผมด้วยนะครับ”

อาจารย์พยักหน้าก่อนหันไปบอกให้เด็กๆเลิกซ้อม

แล้วจึงหันมาพูดเรื่องที่รู้ทั้งหมดให้จินกับจุนโนะฟัง

อาจารย์เดินไปเปิดตู้เก็บรางวัลเกียรติบัตรต่างๆ แล้วคว้าอัลบั้มภาพออกมาเล่มหนึ่ง

เปิดออกแล้วกางให้จินกับจุนโนะดู

ภาพคาซึยะ ช่วงม.ต้นท่าทางร่าเริง

ถ่ายคู่กับเด็กผู้ชายอีกคนท่าทางโตกว่า3-4ปีมีรอยยิ้มน้อยๆ ทั้งคู่ดูรูปแล้วก็เงยหน้าขึ้นมอง

เหมือนตั้งคำถาม อาจารย์ชี้ให้ดูที่ใต้รูปเขียนชื่อไว้ว่า

“คาเมนาชิ คาซึยะ ฮิเดอากิ ทากิซาว่า”

“นี่เป็นรูปของคาเมนาชิ ถ่ายคู่กับพี่ชายไงหล่ะ….”

ทั้งจินกับจุนโนะงง พอๆกัน คาซึยะมีพี่ชายด้วยเหรอ ไม่เคยรู้มาก่อน แต่ก็ไม่เท่ากับที่ ทั้งคู่

ใช้นามสกุลต่างกันอีกด้วย “เป็นพี่น้องกันทำไมนามสกุลต่างกันหล่ะครับ”

จุนโนะถามออกมาด้วยความสงสัย

“อันนี้อาจารย์ก็ไม่รู้นะ แต่ว่า คาเมนาชิใช้นามสกุลของพ่อ ส่วนฮิเดอากิใช้นามสกุลของแม่ ทางบ้านเค้าคงตกลงอย่างงั้นละมั้ง “

“เออ แล้วตอนนี้พี่ชายเค้าไปเรียนที่ไหนหล่ะครับ พอจะติดต่อได้ไหม!!”

จินถามเอาไว้ เผื่อว่าเสร็จจากที่นี่จะได้ไปหาพี่ชายคาซึยะต่อ อาจารย์นิ่งไปนิดหน่อย ขยับ

กรอบแว่นตาก่อนพูดออกมา

“เมื่อ 2 ปีก่อน ฮิเดอากิเสียชีวิตไปแล้ว กระโดดตึกฆ่าตัวตายที่นี่แหละ ที่สำคัญเค้ากระโดด

ลงมาต่อหน้าคาเมนาชิด้วย….”

จินรู้สึกเหมือนโดนกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านร่างกาย

พี่ชายคาซึยะตายไปแล้ว…. ฆ่าตัวตาย……ต่อหน้าคาซึยะอีกด้วย

“อ้าวอะไร !!ตะเกียบหักรึไงน่ะ เดี๋ยวนี้ตะเกียบใช้แล้วทิ้งไม่มีคุณภาพเล้ย”

ยูอิจิบ่นๆ ก่อนยื่นอันใหม่ให้คาซึยะ คาซึยะมองตะเกียบหักนั้นนิดหน่อยก่อนโยนมันทิ้งไป

อยู่ดีๆก็หักจะมีเรื่องไม่ดีอะไรรึเปล่านะ ไม่คิดดีกว่าแล้วก็หันไปเฮฮากับทุกคนต่อ

“2คนพี่น้องนะรักกันมากเลย เป็นเด็กเก่งทั้งคู่ พี่ชายเค้ามีพรสวรรค์ทางการร้องเพลงน่าดู
ส่วนน้องชายเห็นพี่ก็ทำตาม ถึงไม่ได้มีพรสวรรค์ แต่ก็ตั้งใจจนฝีมือเทียบเท่ากัน แต่ถ้าพูดถึง
นิสัยแตกต่างกันลิบลับเลยนะ ฮิเดอากิเป็นคนใจเย็นอ่อนโยน แต่คาเมนาชิเป็นคนแข็งๆ ออกก้าวร้าวนิดหน่อยถึงจะอ่อนกว่า แต่ก็ปกป้องพี่ชายได้ มีเรื่องก็หลายครั้ง ออกจะเป็นเด็กน่ากลัว มีอยู่ครั้งนึง ฮิเดอากิมีเรื่องกับเพื่อนในห้อง ก็รู้อยู่ว่าเด็กม.ปลาย กับเด็กม.ต้นต่างกันขนาดไหน แต่คาเมนาชิก็ไม่ยอมแพ้ วันต่อมาก็ไปเอาปืนมาจากไหนไม่รู้ มาจ่อหัวคนที่มีเรื่องกับพี่เค้า ตอนนั้นวุ่นวายกันมากเลย แต่บ้านเค้ารวยใช้เงินปิดเรื่องไปได้”

จินกับจุนโนะพอจะเข้าใจสภาพการณ์เคยเห็นอาการแบบนั้นมาบ้างแล้ว คราวเรียวตะ


 “เอ่อ แล้วสาเหตุที่พี่เค้าฆ่าตัวตายพอจะรู้บ้างมั้ยครับ!! “

จินรีบถามให้ตรงประเด็นที่สุด หน้าอาจารย์นิ่งๆไปอีกครั้ง

“คือว่านะอาจารย์ก็ไม่รู้ละเอียดหรอก รู้แต่ว่าเหมือนพี่น้องเค้าทะเลาะเรื่องอะไรสักอย่าง แค่

นั้น แต่ที่น่ากลัวกว่าก็คือ…..”

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #41 เมื่อ08-02-2007 19:34:15 »

อาจารย์อ้ำอึง เหมือนไม่อยากพูดซะอย่างงั้นจินกับจุนโนะพูดออกมาพร้อมกัน
 
“อะไรเหรอครับ”

“ก็คนที่อยู่กับ ฮิเดอากิเป็นคนสุดท้ายก่อนที่จะโดดลงมาก็คือคาเมนาชิใช่มั้ย หลังจากที่ฮิเด

อากิโดดลงมาแล้ว คาเมนาชิก็เดินลงจากตึก สายตาเยือกเย็น ไม่มีอาการตกใจหรือหวาด

กลัวสักนิด น้ำตาสักหยดก็ไม่มี ได้ยินแค่เสียงบ่นเบาๆ ตลอดเวลา บ่นว่า เค้าเป็นคนผลัก ฮิ

เดอากิลงมา ตลอดเวลา ซึ่งตอนนั้นอาจารย์เองก็เชื่อนะว่า คาเมนาชิเป็นคนทำน่ะ แต่ทาง

ตำรวจเค้ายืนยันว่า เป็นการฆ่าตัวตาย จริงๆ”


จุนโนะหันมามองหน้าจิน ตอนนี้นิ่งสงบ ไม่ทีท่าอะไรตอบสนอง

จุนโนะส่ายหัวนิดหน่อยก่อนตั้งใจฟังเรื่องต่อไป

“หลังจากนั้น คาเมนาชิก็ป่วย ใครๆก็ว่าเป็นอาการทางจิต เค้าไม่พูดอะไรเลย แม้สักคำเดียว
เป็นเวลา3เดือน แล้วก็ฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ หลังจากนั้น พ่อก็จับเค้าย้ายรร.ไป อาจจะต้อง
การให้พ้นสภาพแวดล้อมเดิมๆก็ได้มั้ง หรืออาจจะหลบข่าวเรื่องฆ่าตัวตายด้วย เรื่องทั้งหมดที่
อาจารย์รู้ก็มีเท่านี้หล่ะ“

หนักเหลือเกินเรื่องราวที่ได้รู้ เข้าใจจิตใจที่บอบช้ำของคาซึยะอย่างเต็มที่ การตายต่อหน้า

เปรียบเหมือนเป็นความผิด แสนสาหัส เฝ้าแต่โทษตัวเองมาตลอดเลยใช่มั้ยว่า

ที่พี่ชายตายไปเพราะตัวเค้าเอง เค้าเป็นคนผิดเหรอ

จินเองก็ไม่เข้าใจนัก ทั้งคู่มีเรื่องอะไรกันแน่

“เออ แต่ว่าถ้าอยากรู้เรื่องเพิ่มก็ลองไปถามคนคนนี้ก็ได้ เค้าเป็นเพื่อนสนิทของฮิเดอากิน่ะ “

เปิดอัลบั้มภาพไปอีก2-3หน้า รูปถ่ายทากิซาว่าข้างเพื่อนรุ่นเดียวกันอีกคนนึง

“เค้าเป็นเด็กเล่นเปียโนให้ชมรมน่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ที่มหาลัยดุริยางค์ศิลป์ เดี๋ยวจะหาที่อยู่ให้นะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะอยู่รึเปล่า”

จินกำที่อยู่ในมือแน่น เรี่ยวแรงที่จะไปที่ต่อไปแทบไม่มี
 
จุนโนะหันหน้ามามองด้วยความเป็นห่วง

”ไปต่อไหวมั้ย” จินพยักหน้า ก่อนเงยหน้าขึ้นไปที่ตึกสูงๆที่เพิ่งออกมา

มองจากตรงนี้ แสงแดดรุนแรงจนตาแสบพล่าไปหมด คนที่ตัดสินใจโดดลงมาจะมีความรู้สึกแบบไหนกัน นานแค่ไหนกว่าจะถึงพื้น เจ็บปวดขนาดไหนกว่าจะตาย……..อะไรกันที่ทำให้

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้น

“เอ๋!! หลับไปแล้วนี่นา เหมือนเด็กๆเลย”

ทัตซึยะชะโงกหน้ามาดู คาซึยะเหนื่อยจนหลับไป เท้ายังแช่อยู่ในน้ำในลำธาร

“อืม ดีแล้วหล่ะปล่อยให้หลับไปเถอะ” ยูอิจิเก็บกล่องข้าวลงตระกร้าหันมายิ้มให้ทัตซึยะ

โคคิที่เล่นโยนก้อนหินอยู่หันมามองแล้วก็ถอนหายใจ

 “ไม่รู้จินจะได้เรื่องอะไรกลับมาบ้างรึเปล่า” ยูอิจิกับทัตซึยะพยักหน้าพร้อมๆกัน

โคคิ เดินเข้ามาใกล้คาซึยะที่ตอนนี้นอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องอะไร หลับตานิ่งๆขนตายาวไม่

เคลื่อนไหว แก้มขาวมีสีเลือดฝาดเพราะแสงแดดและการปีนขึ้นเขามาวันนี้

หัวที่นอนพาดอยู่บนขอนไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่ท่าทางจะแข็งจนเกินไป

โคคิดึงเป้เอาไปยัดให้แทนที่ ขยับหัวไปมานิดหน่อยก่อนซุกหัวลงที่เป้หลับต่อไปอย่างมี

ความสุข ……ถ้าชีวิตหยุดแค่ตรงจุดนี้ ความสุขตอนนี้คงไม่หลุดลอยไปไหนแน่ๆ

chapter 7 end
to be con..........



ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #42 เมื่อ08-02-2007 20:39:04 »

ความสุข ……ถ้าชีวิตหยุดแค่ตรงจุดนี้ ความสุขตอนนี้คงไม่หลุดลอยไปไหนแน่ๆ

แต่ถ้าชีวิตก้าวไปเรื่อย ๆ อาจจะมีความสุขใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิต และความสุขในตอนนี้ก็จะกลายเป็นความทรงจำที่ประทับในใจตราบนานเท่านาน

ขอบคุณที่มาต่อให้ค่ะ  :yeb:

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #43 เมื่อ13-02-2007 15:00:12 »

ยังไม่ได้อ่านเลย มาเม้นให้ก่อนเป็นกำลังใจ  :yeb:
เดี๋ยวอ่านนะ  :haun6:

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #44 เมื่อ21-02-2007 21:51:25 »


สอบใกล้จะเสร็จแล้วงับ แอบดีใจ  :laugh: ตอนนี้มีนิยายใหม่ๆมาเต็มเลยอ่ะ  ป๋มอยู่บอร์ดนี้มา ได้ 2เดือนกับอีก21

วันแล้วรู้สึกว่าคนในบอร์ดไม่ค่อยสนใจนิยายเพ้อฝัน จะชอบนิยายที่เป็นเรื่องเล่าและชีวิตจริงของตัวเองกันมากกว่า  ป๋ม

ก้อชอบอ่านนะ สนุกดี  ส่วนเรื่องเพ้อฝันไม่ค่อยจะมีใครสนใจมากนะ (แอบน้อยใจ :monkeysad:)

 แต่เรื่องเพ้อฝันของป๋มจะลงให้จบนะงับ ขอบคุณคอมเม้นขาประจำนะงับ  ถึงไม่อ่านแต่ก้อยังมาให้กำลังใจ

กัน  :laugh:  มาอ่านต่อกันดีก่าเนอะ ไปอ่านกันเลยคร๊าบบบบบบ :yeb:



ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #45 เมื่อ21-02-2007 22:02:24 »

รอคับรอ  :sad4: :sad4:

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #46 เมื่อ21-02-2007 22:05:01 »

chapter8

“อิมาอิ มีเด็กท่าทางแปลกๆมาหา2คนแนะ”เพื่อนนักศึกษาเดินเข้ามาเรียกซึบาสะ ที่กำลังคร่ำเคร่งกับการทำรายงานกองโตในห้องสมุด ขยับแว่นสายตาขึ้นคาดผม ดวงตาคมคายเหมือนแมวมีแววสงสัยย้อนคำพูดเพื่อนอีกครั้ง “เด็กแปลกๆ….”

เดินออกมาจากห้องสมุด โยกคอไปมาเพราะความเมื่อย จินกับจุนโนะรีบลุกขึ้นโค้งให้อย่างสุภาพ

 ซึบาสะทำหน้างงๆ แต่ก็พยักหน้าตอบรับไป

“เป็นเพื่อน คาซึยะเหรอ?” ท่าทางตกใจไม่น้อย “ตอนนี้หมอนั้นเป็นไงบ้าง เอ่อ คงมีชีวิตอยู่ใช่มั้ย!!”คำถามแบบเดิม

เหมือนกันจริงๆ ทุกคนคงคิดว่าคาซึยะ ไม่มีชีวิตอยู่แล้วทั้งนั้นรึไงนะจินกับจุนโนะพยักหน้าตอบรับ

“ตอนนี้เจ้านั้นอยู่ที่ไหนกัน ช่วยพาฉันไปหาทีสิ ได้มั้ย!! “ ซึบาสะท่าทางดีใจ เขย่าแขนทั้งจินและจุนโนะอย่างแรง

 “อะ..เอ่อจะดีหรือครับ ที่เรามาสืบเรื่องเค้าตอนนี้ เจ้าตัวก็ยังไม่รู้เลยนะครับ!!” จุนโนะรีบแย้งขึ้นมาทันที

 “หือ !! ทำไมหล่ะ มีเรื่องอะไรอีกรึเปล่า ?“

จินเล่าเรื่องเรียวตะที่เกิดขึ้นที่รร.ให้ฟัง ซึบาสะฟังไป ท่าทางครุ่นคิด

 “เรื่องที่คิดจะฆ่าตัวตายยังไม่เลิกอีกงั้นเหรอ พวกนายเห็นท่าทางบ้าเลือดแบบนั้นก็เลยกลัวขึ้นมาว่างั้นเถอะ “

 จินและจุนโนะพยักหน้าพร้อมกัน

“ปกติเจ้านั้นก็เป็นคนแบบนั้นอยู่แล้วหล่ะ ถึงจะไม่มีเรื่องการตายของทากิซาว่าเข้ามาเอี่ยวก็เถอะ ที่สำคัญคาซึยะชอบ
ทะเลาะกับที่บ้านเป็นประจำอยู่ด้วย ถ้ามีทากิซาว่าอยู่ก็ยังพอช่วยให้เรื่องพอจะดำเนินไปได้ แต่ว่าตั้งแต่ทากิซาว่าตายไป สถานการณ์ ก็คงดูไม่จืดน่ะสิ คุณลุงเองก็เป็นคนเฉยๆซะด้วย”

“แล้วพ่อของคาซึยะไม่สนใจคาซึยะเลยเหรอครับ” จินเอ่ยถาม ซึบาสะเอามือลูบคางไปมาใช้ความคิด

“ไม่นะไม่ใช่ไม่สนใจ สนใจมากแต่ว่า คาซึยะชอบทำตัวเป็นศัตรูกับพ่อมากกว่า ไม่รู้ทำไม แล้วท่านก็มีงานเยอะซะด้วย
เวลาจะมาอยู่ด้วยกันนี่คงไม่มีอยู่แล้วหล่ะ”

“แล้วพี่อิมาอิพอจะรู้เรื่องที่ทั้งสองคนทะเลาะกันบ้างมั้ยครับ ระหว่างพี่ฮิเดอากิกับคาเมนาชิ” จุนโนะรีบจับประเด็น

“ตอนนั้นเหรอ ไม่เข้าใจเท่าไหร่ ทากิซาว่าช่วงนั้นแปลกๆไปเหมือนกัน อยู่ๆดีก็ดูเศร้าจนผิดปกติไป คาซึยะก็ไม่ค่อย
สนใจด้วย เหมือนมีเรื่องกันจริงๆนะแหละ หลังจากนั้นทากิซาว่าก็ตาย แล้วก็มีเรื่องต่างๆตามมาเท่าที่นายรู้มาจากอาจารย์นั้นหล่ะ”

ไม่ว่าจะอาจารย์หรือซึบาสะ ก็ได้รู้เรื่องไม่ต่างกันเลย อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เกิดเรื่อง ผลสุดท้ายก็ยังไม่รู้ได้ ซึบาสะให้

เบอร์ติดต่อเอาไว้ จินกดเมมเอาไว้ในโทรศัพท์ก่อนเก็บลงกระเป๋า

จุนโนะเอาหน้าพิงข้างกระจกรถไฟ ระหว่างทางกลับบ้าน

 “เจ้านั้น คงทรมานนะ อยากตายก็ไม่ได้ตาย ต้องทนอยู่กับความรู้สึกแบบนั้น เป็นฉันก็อยากตายเหมือนกันแหละ ทะเลาะกับพี่จนพี่ฆ่าตัวตายน่ะ “

จินเอาหัวพิงที่นั่งกระพริบตาถี่ๆ

 “ ไม่หรอก บางทีที่พี่ฆ่าตัวตายไปมันอาจจะไม่ใช่ความผิดของคาซึยะก็ได้ มันยังคงมีเรื่องอย่างอื่นอีกที่เราไม่รู้”

ซึบาสะดีดดินสอกระเด็นไปมา ไม่มีอารมณ์ทำรายงานเลย เรื่องเพื่อนเก่าวนเวียนมาในสมองอีกครั้ง ทากิซาว่ารักน้องชาย

ยังกับอะไรดี คาซึยะก็เหมือนกัน รักกันมากจนบางทีซึบาสะ รู้สึกเหมือนว่ามันมากเกินไปด้วยซ้ำ

“นี่ฉันว่าน้องนายมันจะน่ากลัวไปแล้วนะ ดีนะที่ปืนมันไม่ลั่นน่ะ เด็กอายุ 14 ที่ไหนบ้างเค้าทำแบบนี้ มันน่ากลัวเกินไป
แล้ว”

ซึบาสะพูดเตือนออกมาหลังจากเกิดเหตุการณ์คาซึยะเอาปืนมาขู่เพื่อนร่วมห้องของเค้า

“ไม่ใช่น่ากลัว เพราะคาซึยะรักฉันมาก ถึงทำลงไป เค้าเป็นเด็กทำไปก็เพื่อปกป้องฉัน “

ทากิซาว่าพูดออกมาน้ำเสียงเรียบๆ

“อืม รักกันขนาดนี้ เกิดใครตายขึ้นมาไม่โลกแตกเลยรึไง “บ่นขึ้นมาลอยๆเท่านั้น

“ขึ้นอยู่กับว่าใครตายก่อนใคร ถ้าคาซึยะตายก่อนฉัน ฉันก็จะไม่มีชีวิตอยู่ต่อไปได้แน่ๆ “

ซึบาสะได้ฟังก็ขำ เจ้านี่เป็นคนอ่อนไหวจริงๆแถมติดน้องสุดๆ

 “ แต่ถ้าฉันตายไปก่อน คาซึยะก็ต้องตาย!! ตามไปอยู่กับฉัน”

ซึบาสะได้เห็นแววตาตอนนั้น… ทั้งที่ทากิซาว่าเป็นคนที่ดูอ่อนโยนขนาดนั้น ไม่คิดเลยว่าจะมีสายตาแบบนั้นได้ รู้สึกเหมือน

อยากให้คาซึยะตายตามไปจริงๆ ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องล้อเล่น ไม่เคยเห็นทากิซาว่าน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน

ซึบาสะนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ก็ เดินไปลื้อๆข้าวของที่ตู้ มีลังกระดาษกล่องนึง พ่อของทักกิซาว่ามอบให้เค้าเพราะว่ามีโน๊ต

เพลงที่คิดว่าเค้าจะได้ใช้ประโยชน์ นับตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยแกะออกดู ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงนึกถึงมันขึ้นมา แกะกระดาษ

กาวออกช้าๆ ฉีกดูข้างใน สมุดโน๊ตหลายเล่ม

มีโน๊ตเพลงและเนื้อเพลงที่เคยใช้ในชมรม ไม่ได้สนใจรวมๆกันไว้เปิดดูไปเรื่อยๆ…….แล้วเค้าก็พบบางอย่าง

คาซึยะเดินหน้าตาสดชื่นเข้ามาในห้องของจิน จินที่ท่าทางเหนื่อยอ่อนหันมามองด้วยสายตาเศร้า แล้วก็ฝืนยิ้มออกมา แค่รู้

เรื่องของคาซึยะแค่นั้น การจะฝืนยิ้มก็ทำได้ยากเย็นเหลือเกิน

“วันนี้ไปปีนเขามาสวยสุดยอดเลย ยิ่งตอนลงเขานะ โคคิบ้าสุดๆ เล่นขี่จักรยานลงไม่เหยียบเบรคเลย ดูรอยแผลนี่สิ ดีนะ
เนี้ยแขนไม่หักอีกรอบเจ้านั้นน่ะ”

 คาซึยะโชว์รอยแผลถลอกที่หัวไหล่ผอมบาง ยาวมาจนถึงข้อศอก ท่าทางไร้เดียงสาเหมือนเด็กน้อยๆ จิน อยากลูบหัว

เบาๆ แล้วจับมากอดเอาไว้ อะไรกันที่ทำให้เค้าสงสารคาซึยะจับใจ คงเป็นเรื่องของวันนี้นั่นเอง

 “รู้สึกดีก็ดีแล้ว ที่นั้นฉันก็ไปกับพวกมันบ่อยๆ ดีใจที่นายชอบ”

 น้ำเสียงดูเศร้าจนผิดไป คาซึยะรู้สึกได้ทันที

 “ นายมีเรื่องอะไรรึเปล่า ถ้าไม่สบายใจจะเล่าให้ฉันฟังก็ได้นะ”

เค้าจะมีเรื่องอะไร คนถามนะแหละที่สมควรเล่า กลัวว่าจะผิดสังเกตมากไปกว่านี้

“อืม ไม่มีอะไรก็แค่เดินทางเหนื่อย ฉันไปอาบน้ำหน่อยก็แล้วกันนะ”

เดินไปเอามือผลักไหล่เบาๆ แสดงให้มั่นใจว่าไม่เป็นอะไรจริงๆ

คาซึยะนอนลงที่เตียงของจินกลิ้งหัวไปมาอย่างสบายใจ มองเห็นโทรศัพท์จินวางทิ้งไว้ ไม่ได้เปิดเสียง แต่มันสั่นมีคนโทร

เข้านี่นา คาซึยะผุดลุกขึ้นเอื้อมมือไปหยิบ จะรับเองหรือเรียกจินดีนะ รับให้ก็คงได้ละมั้งแล้วบอกว่าจินอาบน้ำอยู่ ให้โทรมา

ใหม่ก็แล้วกัน ไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวดีด้วย เปิดโทรศัพท์ออก หน้าจอโชว์ชื่อสายเรียกเข้า

 “-----IMAI TSUBASA-----“

ชื่อนี้มองปราดเดียวก็จำได้ ชื่อเพื่อนสนิทของพี่ชายเค้า ทำไมชื่อนี้มาอยู่ในโทรศัพท์ของจินได้ ไม่น่าจะบังเอิญกันขนาด

นี้ ในหัวคิดไปต่างๆนาๆ ก่อนกดรับสาย สายตาเยือกเย็น

“ฮัลโหล อาคานิชิเหรอ นี่ฉันอิมาอินะ เรื่องของคาซึยะนะ ตอนนี้ฉันเจออะไรบางอย่างแล้ว เกี่ยวกับการฆ่าตัวตายของทากิซาว่าที่นายมาถามวันนี้น่ะ เฮ ยังอยู่รึเปล่า เฮ…”

คาซึยะกดปิดมือถือ ลำคอตีบตัน หัวใจเต้นแรงแทบจะระเบิดออกมา จินโกหก!! ทุกคนรวมหัวกันโกหก ชวนเค้าไปเที่ยว

เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ จินแอบไปสืบเรื่องของเค้าที่โตเกียว ทำเพื่ออะไร ขุดคุ้ยอดีตนั้นขึ้นมาอีก เพื่ออะไรกัน อยากรู้

มากนักรึไงความหลังที่อัปยศของเค้า เพราะไม่อยากให้รู้ถึงไม่บอก คิดว่าเชื่อใจได้ คิดว่าจะเป็นที่พึ่งทางใจ ยอมรับเค้า

ในตอนนี้ ไม่สนใจอดีตของเค้า คิดว่ามีความสุขจากตรงนี้ได้ ทำไม ทำไมต้องอยากรู้เรื่องนั้นด้วย หรือว่ากลัว ไม่กล้าที่จะ

คบคนแบบนี้ได้อย่างสนิทใจ เรียวมือผอมบางจิกเล็บลงที่ข้อมือข้างที่เคยถูกคมมีดมาแล้วนับไม่ถ้วน

จินออกมาจากห้องน้ำ หัวเปียกปอน เอาผ้าเช็ดไปมาละอองน้ำกระเซ็นมาโดนผิวหน้าที่ร้อนผ่าวของคาซึยะ จินเห็นคาซึยะ

นั่งตัวแข็งก็แปลกใจ

 “เป็นอะไรรึเปล่า นิ่งเชียว”

คาซึยะหันหน้ามามองจิน แค่นยิ้มจืดๆออกมา “วันนี้ ไปทำอะไรมาเหรอบอกฉันได้มั้ย” จินอึกอักขึ้นมาไม่รู้ว่าเจ้าพวกนั้น

บอกไปว่าไง ลืมนัดกันให้เรียบร้อย นึกแล้วก็อยากตบหัวตัวเองขึ้นมา

“ก็ธุระกับญาตินะ วุ่นน่าดู” ทั้งที่ถามออกไป ก็ยังโกหกกันอีก คาซึยะรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง การโกหกคือไม่ไว้วางใจ ทั้ง

ที่เค้าวางใจจิน แต่ทำไมจินถึงทำแบบนี้ได้ ลุกขึ้นเหมือนไร้วิญญาณ

“อืม งั้นฉันไม่กวนดีกว่า ขอตัวไปนอนก็แล้วกันนะ นายจะได้พักผ่อน” จินที่หัวโผล่พ้นผ้าขนหนูออกมาพยักหน้า “ อืมๆ”

จินเช็ดหัวจนแห้ง ตลอดเวลาก็คิดเรื่องคาซึยะไปเรื่อยๆแล้วก็ล้มตัวลงนอน จนลืมมองดูมือถือที่ถูกปิดเครื่องไป

“กริ๊ง กริ๊ง …”เสียงโทรศัพท์ของหอดังปลุกจินกลางดึก จินงัวเงียมารับ มองดูนาฬิกาที่หัวเตียง ตี3ครึ่ง

“จิน แกทำอะไรวะ ทำไมปิดมือถือหล่ะ!!”เสียงโคคิดังออกมาจากโทรศัพท์ จินยังงัวเงียงงๆ จำได้ว่าเค้าไม่ได้ปิดมือถือสัก

หน่อย ควานหาแล้วดู จริงด้วย ทำไมมือถือปิดหล่ะ

 “เออ โทษทีมีอะไรรึเปล่า มันดึกแล้วนะ”

“พวกฉันรู้เรื่องหมดแล้ว แล้วเมื่อกี้จุนโนะก็โทรมาบอกเรื่องบางอย่าง พวกฉันก็เลยมาหานายกัน เรื่องสำคัญมาก นายมา
เปิดประตูหอให้ทีได้มั้ย “

จินรับคำ ตาตื่นเต็มที่แล้ว เรื่องสำคัญขนาดไหนกันนะ มีอะไรเกิดขึ้นรึไง สีหน้าทุกคนดูไม่ดีเท่าไหร่นัก จุนโนะคงเล่าเรื่อง

ให้ฟังจนครบแล้วแน่ๆ

“เรื่องสำคัญอะไรหล่ะ “ จินถามทันที จุนโนะพูดออกมา

”ก็ยังไม่แน่หรอกนะ พี่อิมาอิบอกว่าอาจจะเป็นจดหมายลาตายของพี่ฮิเดอากิ ตอนนี้เค้าก็ยังไม่ได้แกะออกอ่าน เพราะจ่า
หน้าซองถึง คาเมนาชิ”

จินหน้าตาตื่น “หมายความว่าไง แล้วไปเจอที่ไหนกัน”

 “พี่เค้าบอกว่าอยู่ในข้าวของส่วนนึงที่พ่อเค้ายกให้ แล้วเผอิญพี่เค้าไม่ได้สนใจเปิดออกดูเลย ก็เลยไม่รู้มาตลอด2ปีน่ะ”

“ทำไมพี่เค้าไม่โทรบอกฉันนะ!!” จินรู้สึกแปลกใจ “ก็มือถือนายปิดนี่ “ ยูอิจิพูดขึ้นมา

“ไม่นะ พี่เค้าบอกว่าโทรมาแล้ว แต่นายตัดสายไปแล้วก็โทรไม่ติดอีกเลย แล้วเค้าถึงโทรถึงฉันตอนเที่ยงคืนน่ะ”

จุนโนะแย้งขึ้นมา จินส่ายหัวไปมาช้าๆ “ไม่น่านะ….” โคคิหยิบโทรศัพท์ของจินขึ้นมาเปิดดู หน้าจอแสดงหมายเลขสุดท้าย

ที่เรียกเข้า “มีเบอร์คนที่ชื่อ อิมาอิ ซึบาสะ เข้ามาจริงๆ ตอน 5ทุ่ม 15 นาที”

โคคิรายงานให้เพื่อนๆฟัง ทัตซึยะหน้าตาตื่น “ตอนนั้น อาคานิชิทำอะไรอยู่เหรอครับ” จินทบทวนความจำช้าๆ

“ตอนนั้น ก็อาบน้ำมั้ง” “แล้วใครเป็นคนรับสายหล่ะ รวมทั้งปิดมือถือนายด้วย” จุนโนะพูดหน้าตาตื่น จินสะดุ้งเฮือก คาซึยะ

อยู่ในห้องช่วงเวลานั้นพอดี คนที่น่าจะทำทั้งหมดก็มีแค่คาซึยะคนเดียว แล้วจะเป็นยังไงไปหล่ะ คาซึยะก็ต้องรู้เรื่องทั้งหมด

แล้วสิ รู้ว่าเค้าโกหก รวมหัวกับทุกคนหลอกคาซึยะ ตอนนั้นก่อนที่คาซึยะจะออกจากห้องไป คาซึยะถามเค้า เค้าก็เบี่ยงเบน

ไปตอบอีกอย่าง ทำไมเค้าไม่สังเกตอาการคาซึยะให้ดีๆ เค้าโกหกหน้าตาย ทำลายความเชื่อใจทั้งหมดที่คาซึยะมีให้ แล้ว

ตอนนี้คาซึยะจะเป็นยังไงบ้างนะ

จินรีบพรวดพราดไปที่ประตูหน้าห้อง ทุกคนก็ตามออกมา จินทุบๆแรง ไม่มีเสียงตอบออกมา ใจหายวูบ โคคิเดินมาทุบๆ

ต่อ จินรีบวิ่งไปที่ระเบียงปีนข้ามไปทันที กระแทกประตูระเบียง แม้แต่ประตูระเบียงก็ปิดสนิท ไม่เคยเป็นอย่างงี้มาก่อนผิด

สังเกตเกินไป พยายามมองเข้าไปข้างใน ไร้ประโยชน์ผ้าม่านปิดไว้ มองอะไรไม่เห็นทั้งนั้น





taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #47 เมื่อ21-02-2007 22:13:58 »

จินลนลานเหมือนคนบ้า “อาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะ” ทัตซึยะพูดออกมาให้จินสงบใจ จินส่ายหัวไปมา

 “งั้นก็พังเข้าไปเลยแล้วกัน ฉันจะช่วย!!” โคคิโพล้งออกมา แล้วทั้ง5 คนก็ช่วยกันพังประตูเข้าไป เงียบสนิท ในห้องมืดมิด

หน้าต่างตรงหัวนอน เปิดเอาไว้ ลมพัดแรงผ้าม่านปลิวว่อน แสงจันทร์สาดเข้ามาจากทางนั้น ทอดแสงไปที่หน้าคาซึยะ ที่

นอนบนเตียงท่าทางหลับสนิท

“ชูว์!! ก็หลับอยู่ไม่ใช่เหรอ เราวู่วามเกินไปรึเปล่า”ยูอิจิกระซิบกับจุนโนะ โคคิเดินไปเปิดสวิตไฟ ทั้งห้องที่มืดมิดสว่างขึ้น

คาซึยะนอนหลับอยู่บนเตียงไม่มีอะไรผิดปกติ ทุกคนมองหน้ากัน แล้วก็ถอนหายใจ

“ดูเดะ พังประตูเข้ามาซวยมั้ยเนี้ย!!” โคคิบ่นออกมา “ไม่เป็นไรหรอกมั้ง อธิบายตามความเป็นจริงเค้าคงเข้าใจ”

 ทัตซึยะเอามือแตะไหล่โคคิ จุนโนะชวนให้ทุกคนออกมา” อย่าไปกวนเค้าดีกว่าเราไปกันเถอะ”

ทุกคนทำท่าจะออกจากห้องไป จินเดินเข้าไปใกล้ๆ มองดูหน้าที่หลับสนิทนั้นอย่างพินิจพิเคราะห์ หน้าที่เห็นเมื่อไม่กี่ชม.ดู

มีเลือดมากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ดูซีดไม่มีสีเลือดเลย แม้แต่ริมฝีปากที่มีสีแดงระเรื่อ ตอนนี้ก็เป็นสีชมพูซีดๆ

เหมือนคนป่วย ดูหลับนิ่ง เหมือนไม่ได้หายใจไปด้วยผ้าห่มที่คลุมจนถึงหัวไหล่ไม่ขยับสักนิด

 จินค่อยๆเอามือสัมผัสที่ข้างแก้มสีขาวซีดเบาๆ

สะดุ้งสุดตัวชักมือกลับ ตาเบิกโตด้วยความตกใจ ผิวที่สัมผัสเย็นชืดเหมือน สัมผัสน้ำแข็ง

 จินดึงผ้าห่มออกอย่างแรง ทุกคนตกใจในการกระทำของจิน

ร่างผอมบางนอนขดภายใต้ผ้าห่ม ทั่วร่างใต้ผ้าห่มนั้นอาบไปด้วยเลือดสีแดงสด ข้อมือถูกกรีดเป็นรอยแผลลึก เลือดไหล

ออกมาจนท่วมเตียงแบบนี้กินเวลามานานขนาดไหนแล้ว

ทุกคนตกใจยืนนิ่งไปกันหมด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นคนที่จะมาตายต่อหน้าแบบนี้ จินเคยมาก่อน ตอนที่พ่อเสีย ล้มลงไป

ต่อหน้า จินวิ่งไปเอายามาให้ ไม่ทัน….. พ่อไม่หายใจ ตาย…. ตัวเย็น ไม่พูด ไม่ยิ้ม ไม่รู้สึก ตาย…..

จินไม่ยอมหรอก ไม่ยอมให้คาซึยะมาตายตอนนี้ ไม่งั้นเค้าจะไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต จินก้มลงดึงร่างคาซึยะเขย่าๆ

แรงๆ ไม่มีปฏิกริยาโต้ตอบ นิ่งเกินไปจนน่ากลัว โคคิได้สติก่อน รีบบอกให้จุนโนะกับทัตซึยะไปเรียกรถพยาบาล จินต

บหน้าคาซึยะไปมา บ้าที่สุดนิ่งมากไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว ยูอิจิ วิ่งเข้ามาช่วยจับชีพจรที่ข้อเท้ายังเต้นอยู่ถึงเบามากก็ตาม

แล้วฉีกผ้าปูที่นอนยืนให้โคคิ โคคิดึงมาพันข้อมือห้ามเลือดเอาไว้ ฟังเสียงหัวใจ ยังเต้น แต่แผ่วเบาที่สุด

 “หัวใจกับชีพจรยังเต้นอยู่นะ !! แต่ไม่หายใจแล้วน่ะจิน!!" โคคิรีบบอกจิน

ตบหน้าอีกครั้งไม่กระดิก จินใช้ริมฝีปากประกบปากที่ซีดไม่มีเลือดของคาซึยะเอาไว้ ถ่ายทอดลมหายใจให้คาซึยะ

พยายามหน่อยเถอะ อย่าเพิ่งมาตายตอนนี้เลย ช่วยหายใจหน่อยเถอะ ขอร้องหล่ะ!!

คาซึยะลืมตาขึ้นมานิดหน่อย ยูอิจิร้องเสียงดัง “จิน คาซึยะรู้สึกตัวแล้ว” จินถอนริมฝีปากขึ้นมา หันมามองหน้าผอมขาวซีด

นั้น สำลัก แล้วหายใจแผ่วๆ ดวงตาลืมได้แค่ครึ่งตา

“นายเก่งมากเลย นายจะต้องไม่ตายตอนนี้นะ ยังมีอะไรอีกมากมายรอนายอยู่ อดทนหน่อยนะ”

จินละล่ำละลักออกมา คาซึยะตอนนี้คงฟังไม่เข้าใจหรอก “รถโรงพยาบาลมาแล้ว เร็วๆเข้าเถอะ”

ทัตซึยะวิ่งขึ้นมาบอกทุกคน จินอุ้มร่างผอมนั้นขึ้นมา ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเบามากกว่าที่คิดเหลือเกิน

“อะไรกลัวเข็มมากจนร้องไห้เลยรึไง” โคคิพูดจาเอะอะในห้องรับบริจาคเลือด

 “ไม่ใช่ผม แค่ไม่อยากให้คาซึยะตายก็แค่นั้น “ ทัตซึยะเอามือปาดน้ำตาที่ไหลออกมา

โคคิเองก็อยากร้องไห้เหมือนกัน เอามือขยี้หัวทัตซึยะไปมา

 “ไม่เป็นไรหรอกน่า เจ้านั้นจะต้องไม่ตาย”

จุนโนะโทรไปแจ้งข่าวให้ซึบาสะรู้หน้าตาซึมเหมือนจะร้องไห้ ยูอิจินั่งทำอะไรไม่ถูกกัดริมฝีปากแน่น จินนั่งก้มหน้าหลับตา

นิ่งๆมานานแล้วก็เสยผมขึ้น แล้วก็เริ่มร้องไห้เงียบๆ ยูอิจิเห็นเข้าก็น้ำตาซึมออกมาบ้าง

จินรู้สึกความผิดทั้งหมดเป็นเพราะเค้า ไม่น่าบ้า อยากรู้อะไรขนาดนั้น เป็นไงหล่ะ ผลที่ได้ไม่คุ้มกันเลยทั้งๆที่คาซึยะ

เปิดใจให้มากขนาดนั้น แค่เค้าไม่เล่าเรื่องพี่ชาย ก็พยายามไปขุดคุ้ยอยู่นั้นหล่ะ ผลสุดท้ายเค้าก็ฆ่าตัวตายจนได้

ถ้าคาซึยะตาย คนที่ผิดก็คือเค้า คิดแล้วก็สะอื้นออกมาแรงๆ จุนโนะเดินมานั่งข้างๆ ยูอิจิเอื้อมมือไปกอดไหล่จินเอาไว้ แต่

ตัวก็ยังสั่นไม่หาย ยิ่งร้องออกมามากขึ้น ไม่อาจจะหยุดมันได้

คาซึยะสะลึมสลือลืมตาขึ้น มองไปรอบๆ ภาพในห้องเบลอไปหมดมือของเค้ากำอะไรบางอย่างไว้แน่น รู้สึกอุ่นๆ ภาพ

ทุกอย่างชัดขึ้น จินยืนอยู่นี่นา สิ่งที่เค้ากำไว้แน่นก็คือมือของจิน เป็นไปได้ยังไง คราวนี้เค้ามั่นใจว่าตายแน่ๆ ทำไมยังรอด

มาได้อีกเหรอ หรือนี่จะอาจเป็นสวรรค์ก็ได้ ถึงทำให้เค้าได้เห็นคนที่เค้ารัก รักมากๆ จิน โคคิ ยูอิจิ จุนโนะ ทัตซึยะ ทุกคน

อยู่กันหมดเลย เป็นครั้งแรกที่ตื่นมาจากการฆ่าตัวตายคนที่อยู่ด้วย ไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่เป็นเพื่อนของเค้า เพื่อนที่เค้า

หาไม่ได้อีกแล้วตลอดชีวิต

“ขอโทษนะที่หลอกนาย แล้วก็ขอบคุณที่นายยอมหายใจอีกครั้ง “ จินมากระซิบข้างๆหู คาซึยะ ได้ฟังแค่นั้นก็หลับตาลงอีก

ครั้ง เมื่อกี้เรื่องจริงหรือฝันกัน

 “นี่พวกเธอ บอกให้ไปก็ไม่ฟังกันเลย คนไข้จะได้พักผ่อน” เสียงพยาบาลดุเจ้าพวกนั้นนี่นา

ฟังแล้วก็นึกขำแล้วก็หลับไปเพราะความเพลีย

ซึบาสะมาถึงที่โรงพยาบาลท่าทางตื่นๆ จินเห็นก็รีบวิ่งเข้าไปหา ซึบาสะมองสภาพทุกคนที่ดูโทรมไปหมด ตาแดงก่ำ

เหมือนร้องไห้กันมาอย่างหนัก โดยเฉพาะจิน เสื้อยืดสีขาวที่สวมอยู่มีคราบเลือดซกทั้งตัว

“ปลอดภัยดีใช่มั้ย แต่สภาพทุกคนนี่สุดยอดเลยนะ”ซึบาสะกล่าวทักคำแรก ทุกคนโค้งแบบหมดแรง ซึบาสะพยักหน้า

“เอาเป็นว่าพวกนายพักกันซะหน่อยก็ได้นะ แล้วค่อยมาคุยกันต่อ”

ทุกคนเห็นด้วยอย่างที่สุด ทุกคนอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยที่บ้านยูอิจิ ซึบาสะนั่งทานของว่างที่ระเบียงบ้าน ทุกคนที่สภาพดูดีขึ้น

มานั่งรวมกันตรงนั้น ซึบาสะทำความรู้จักทุกคนพอเป็นพิธี

“พี่ ถามไรหน่อยเถอะ พี่รู้จักเจ้าคาซึยะก่อนที่มันจะคิดฆ่าตัวตายใช่มั้ย ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ย”

อยู่ดีๆโคคิก็พูดขึ้นมา ทุกคนพยักหน้าอยากรู้ไปด้วย

“จะพูดว่าไงดี ก็เหมือนเด็กๆทั่วไปนั้นแหละ หัวเราะได้ เล่นได้ ออกจะร่าเริงด้วยซ้ำ แต่บางทีก็ดูเก็บกดเหมือนกัน อาจจะ
เป็นเพราะมักจะถูกเปรียบเทียบกับพี่ชายบ่อยๆละมั้ง แต่ยังไงก็คงจะไม่เลวร้ายเท่าไหร่ เพราะเจ้านั้นก็รักพี่ชายออกขนาดนั้น คงไม่คิดเปรียบเทียบตามคนอื่นเค้าหรอก”

“เออ พี่แล้วพี่เคยแต่เห็นเค้าหัวเราะกับเล่นเหรอ ไม่เคยร้องไห้บ้างเหรอ”

 ยูอิจิอยู่ๆก็สงสัย จินเองก็หันมาสนใจทันที นั้นสิ คาซึยะไม่เคยร้องไห้ออกมา ไม่ว่าจะเจ็บยังไง น้ำตาสักหยดก็ไม่มี ขนาด

ที่พี่ชายตายคำบอกเล่าก็ไม่มีเลยที่ว่าคาซึยะจะร้องไห้

“เรื่องนั้นมันก็จริงอยู่นะแหละ ผิดกับพี่ชายรายนั้น เป็นพวกอ่อนไหว บ่อน้ำตาตื้น เล็กน้อยนิดหน่อยก็ร้องไห้ ชีวิตพี่น้องคู่นี้ก็
คล้ายๆกับสีขาวกับดำ พอทากิซาว่ากลายเป็นคนที่ร้องไห้เก่ง อีกคนก็เลยต้องปรับตัวเป็นไม่ร้องไปละมั้ง”

“บางทีเค้าอาจจะอยากร้อง แต่ว่าไม่สามารถร้องออกมาก็ได้ละมั้ง กลัวว่าจะแสดงความอ่อนแอออกมาจนพี่ชายที่เป็นคน
อ่อนแอจะหาที่พึ่งไม่ได้ต้องพยายามเข้มแข็งอยู่ก็ได้”

ทุกคนนิ่งไปกับคำพูดของจิน
“เอาเถอะ ถ้าเจ้านั้นปลอดภัยก็ดีแล้ว พี่คงไม่ไปให้เห็นหน้าดีกว่าเดี๋ยวจะทำให้เจ้านั่น คิดถึงอดีตแย่ๆอีก พี่เอานี่มาให้แล้วพี่จะกลับเลยแล้วกัน”

 ซึบาสะดึงซองสีน้ำตาลออกมาจากกระเป๋าเป้ จินรับมาไว้ในมือรู้สึกแปลกๆขึ้นมา

“อ้อ เรื่องที่ว่าเจ้านั้นไม่ยอมร้องไห้นะ บางทีอาจจะหาคนที่จะร้องไห้ด้วยไม่ได้รึเปล่า ถ้ามันหาคนที่ร้องไห้ด้วยได้ขึ้นมา ก็คงจะร้องไห้ออกมาเองนั้นแหละนะ”

ซึบาสะทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนที่จะขึ้นรถไฟจากไป

chapter 8 end
to be con.............  :yeb:


ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #48 เมื่อ21-02-2007 22:21:54 »

 :o :o :o :o


ค่อยยังชั่วหน่อย  :try2: :try2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #49 เมื่อ26-02-2007 20:14:14 »

ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิน  :sad4: อะไรที่คิดว่าจะดีขึ้น กลับแย่ลงไปอีก  :dont2:
แต่ก็คงเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้วล่ะ  :impress3:  :impress3:

ขอบคุณมากค่ะที่มาต่อให้  :yeb:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ##WITH NO NAME##
« ตอบ #49 เมื่อ: 26-02-2007 20:14:14 »





ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #50 เมื่อ26-02-2007 23:07:34 »

รอคับรอ  :undecided: :undecided: :undecided:

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #51 เมื่อ27-02-2007 14:15:29 »

chapter9

หน้าต่างเปิดออกกว้าง อากาศข้างนอกไม่ค่อยสดใสนัก ท้องฟ้าไม่เป็นสีฟ้าสดใส มัวๆเหมือนสีควันบุหรี่

ตึกของโรงพยาบาลตั้งอยู่ใกล้ทะเล ได้ยินเสียงคลื่นเบาๆเหมือนเป็นบทเพลงเศร้าๆคอยขับกล่อม

ร่างผอมบางไม่ได้นอนบนเตียง ตอนนี้ยืนสงบริมหน้าต่าง หน้าขาวซีดตอนนี้เริ่มมีสีเลือดจางๆปรากฏให้เห็นบ้าง ดวงตาดำ

ขลับสงบนิ่ง ทอดยาวไปยังชาวประมงที่นำเรือเข้าฝั่ง มองดูทะเลคลื่นสงบ แต่ไม่น่าไว้ใจ ท้องฟ้ามืดแบบนี้น่าจะมีพายุ

ทะเลชอบหลอกลวง แกล้งทำเป็นสงบ สักพักก็จู่โจมคร่าชีวิตกันได้……….

ลมพัดผ่านจากหน้าต่าง ไร้เส้นผมสีน้ำตาลเข้มลู่ไปตามลำคอผอมบางขาวซีดของคาซึยะ หันหน้าไปมอง คนที่คุ้นเคย หน้า

ตาบอกรับไม่ถูก เม้มปากแน่น เดินเข้ามาหาเข้า ยิ้มเศร้าๆ แล้วทุกคนก็ตามมาหมด

“ท่าทางดีขึ้นแล้วนี่นา แล้วลุกจากเตียงได้แล้วเหรอ” จินกล่าวทักตามปกติ

คาซึยะไม่ได้ตอบหันหน้ากลับ มองออกไปนอกหน้าต่าง

ทุกคนมองหน้าไปตามๆกัน ยูอิจิยกตระกร้าของกินที่แม่เตรียมไว้ให้วางลงบนโต๊ะ

”นี่ ของกินที่นายชอบ แม่ฉันอุตส่าห์ทำมาให้นะ”

“ใช่ๆ นี่ดอกไม้นี่ทานากะเป็นคนไปตัดมาให้จากบนเขาด้วยนะ” ทัตซึยะชูช่อดอกไม้ป่าที่ห่อกระดาษไว้ขึ้นมาบ้าง

คาซึยะยังคงหันหลังไม่พูดอะไร
 
“ก็บอกแล้วไง เอาดอกไม้มาเยี่ยมผู้ชายยังไงก็ไม่ดีใจหรอก!!”

โคคิหันไปดุทัตซึยะ

จุนโนะ รีบดึงแขนเสื้อโคคิไว้ “อย่าเอะอะไปน่า เอามานี่ฉันเอาไปใส่แจกันให้!!”

“พอซะทีเถอะ!!” คาซึยะตะโกนออกมา ทุกคนเงียบไป

“เลิกทำใจดีกับฉันซะที ฉันจะทนไม่ได้แล้วนะ ทำไมต้องมาทำดีกับฉันด้วย แล้วก็หลอกกัน ทำไมถึงต้องขุดคุ้ยเรื่องของ

ฉัน แล้วทำไมต้องห้ามไม่ให้ฉันตาย เล่นสนุกกับชีวิตฉันรึไง”

“ ไอ้บ้าเอ้ย!! ใครเค้าจะเล่นสนุกกับชีวิตแกกัน ที่ทำไปเพราะเป็นห่วงแกไม่อยากให้แกตาย ทุกคนตรงนี้เค้าห่วงแกทั้งนั้น
ดูไม่ออกรึไง !!”

โคคิเดินไปกระชากคอเสื้อ คนป่วยเขย่าไปมาแรงๆจนตัวโยน จินเดินเข้าไปกอดหลังโคคิเอาไว้
 
ไม่พูดอะไร สีหน้าเจ็บปวด โคคิถึงปล่อยมือจากคาซึยะ คาซึยะมองดูมือที่สั่นนิดๆที่กอดโคคิเอาไว้

จะเป็นไปได้มั้ย ที่จินจะกอดเค้า ปลอบโยนเค้าแบบที่ทำกับโคคิบ้าง……

“คาซึยะ เรื่องของนาย ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันรุนแรงขนาดไหน เพราะฉันเองไม่ได้เป็นนาย ความเจ็บปวดแม้แต่เศษเสี้ยวที่เล็กที่สุดฉันก็ไม่รู้ ฉันไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะห้ามไม่ให้นายเจ็บปวด หรือต้องการทำร้ายตัวเอง แต่ว่า นายมองตรงมาข้างหน้าหน่อยจะได้มั้ย…….”

จินยังก้มหน้าอยู่ข้างหลังโคคิพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสงบ

คาซึยะมองมาข้างหน้าตามที่จินพูด แล้วจินก็เริ่มพูดต่อ

”ทุกคนยังยืนอยู่ข้างหน้าตรงนี้นะ ยืนรอนายแบบนี้เสมอ ความเจ็บปวดของนายถึงมันจะเยอะ จะหนัก แต่ถ้าถูกหารออกเป็น6ส่วน มันก็จะเบาบางลงได้ ทุกคนยอมแบกรับความเจ็บปวดของนายนะ แค่นายเชื่อใจเราต่อไป เปิดเผยเรื่องที่นายเจ็บปวด แบ่งมาให้พวกเราเถอะ!!”

จินตะโกนออกมาเสียงดังขึ้นในช่วงสุดท้าย

คาซึยะมองลึกลงไปในสายตาของทุกคน สายตาที่จริงใจ ไม่มีสักคนที่จะเบือนหน้าหนี เหมือนกับ พ่อ เลขาของพ่อ หมอ

พยาบาล ทุกคนตรงนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าของเค้า อีกต่อไปใช่มั้ย ทุกคนตรงนี้เป็นเพื่อนนะ เป็นเพื่อนรัก……

“จริงๆที่ฉันไม่ยอมเล่าเรื่องทั้งหมดอาจจะเป็นเพราะความกลัวของฉันเองก็ได้ ไม่ใช่เพราะความไม่วางใจพวกนายหรอก…”

คาซึยะพูดออกมาน้ำเสียงเยือกเย็น จินเงยหน้าขึ้นมาจากหลังของโคคิ จ้องมองตาไม่กระพริบไปที่คาซึยะ

“เรื่องที่พวกนายรู้มาจากพี่ซึบาสะ ไม่ใช่ความจริงทั้งหมดหรอก….. ถ้าฟังอย่างงั้นพวกนายคงรู้สึกว่าฉันนะ ดีเหลือเกิน แค่เรื่องพี่ชายตายก็เก็บเอามาเป็นความผิดของตัวเอง แต่ถ้านายรู้ความจริงจากปากของฉันแล้วพวกนายจะรับมันได้รึเปล่า….”

ดวงตาสงบ เย็นชา ของคาซึยะจ้องตรงมาที่จิน

“ตั้งแต่ที่แม่ตาย ฉันกับทากิซาว่าไม่เคยแยกจากกันเลย ทั้งๆที่เป็นพี่ชายแท้ๆ แต่กลับอ่อนแอจนน่ารำคาญ ฉันต้องเป็นคนคอยปลอบปกป้องเสมอ ไม่ว่าจะทำอะไร ใครๆก็ดูเหมือนจะเป็นห่วงกังวลจิตใจของเจ้านั้น ในทางกลับกันเจ้านั้นก็เป็นสิ่งสวยงาม เป็นเด็กดี พ่อรักเจ้านั้นมาก แต่กับฉันพ่อออกจะรู้สึกธรรมดา ไม่เหมือนกัน คนภายนอกอาจดูไม่ออก ในการแสดงความรักของพ่อ แต่ฉันรู้สึกได้ ตอนนั้นก็คิดแบบเด็กๆ เพราะฉันไม่ใช่เด็กดี ไม่อ่อนโยนเหมือนเจ้านั้น ฉันก็เลยพยายาม เลียนแบบความอ่อนโยน ความเก่ง ความฉลาด แต่ผลที่ได้กลับมาก็เหมือนเดิม ความรักของพ่อที่มีให้ฉันไม่ได้เพิ่มขึ้นสักนิด ไม่เลย…….จนกระทั้งฉันได้รู้ว่าเหตุผลที่พ่อรักเจ้านั้นมากกว่าฉัน……”

คาซึยะหยุดไปชั่วอึดใจ ทุกคนใจจดใจจ่อ

“เพราะว่าฉันไม่ใช่ลูกของพ่อจริงๆไงหล่ะ……….”ทุกคนตาโตด้วยความตกใจ คาซึยะหัวเราะเยือกเย็น เสียงหัวเราะเสียด

แทงเข้าไปในใจ

 “ฉันไปเจอสมุดบันทึกของแม่ พร้อมกับรูปถ่ายผู้ชายที่ฉันไม่รู้จัก ในนั้นบรรยายถึงความรักที่แม่มีให้จนน่าสะอิดสะเอียน
แม่มีชู้กับน้องชายแท้ๆของพ่อเพราะว่าพ่อไม่มีเวลานั้นแหละ โทษใครไม่ได้ …..มันเป็นความผิดของพ่อเองไม่ใช่เหรอ…..
แต่ผลของมันก็คือฉัน ผลแห่งความเกลียดชังของพ่อก็คือฉัน ตอนนั้นฉันรู้สึกแค้นทากิซาว่า เพราะว่าเจ้านั้นเป็นลูกแท้ๆของพ่อ ถึงได้ความรักมากกว่างั้นเหรอ ทั้งๆที่ฉันได้ใช้นามสกุลของพ่อ แต่ฉันก็เป็นเพียงสิ่งเลวร้ายที่พ่อต้องทนเลี้ยงดู งั้นสิ เจ้านั้นยังมีหน้ามาทำตัวอ่อนโยน สวยงามอยู่ได้ คิดแล้วก็แค้นใจอยู่คนเดียวโดยตลอด เพราะฉันเป็นผลของความผิด จิตใจของฉันก็เลยเลวร้ายไปด้วย ฉันทำการเปลี่ยนแปลงข้อความในสมุดบันทึกของแม่นิดหน่อย แล้วเอาไปให้ทากิซาว่าอ่าน….”

“เปลี่ยนแปลง …เปลี่ยนแปลงอะไร”จุนโนะถามออกมา คาซึยะยิ้มออกมา

 “เปลี่ยนให้ดูเหมือนว่าเด็กที่ไม่ใช่ลูกพ่อจริงๆก็คือ ทากิซาว่านะสิ เจ้านั้นหัวอ่อน แค่ได้อ่านก็เชื่อสนิท แค่รู้ว่าแม่ที่เทิดทูนสุดทำตัวแบบนั้นก็เกินทน หน่ำซ้ำตัวเองก็เป็นเพียงลูกชู้เท่านั้น เจ้านั้นก็ได้ลิ้มรสความเจ็บปวดแบบฉันบ้าง แต่มันไม่มีความอดทนเอาซะเลย ไม่สามารถทนกับความจริงหลอกๆนั้น แล้วก็ตัดสินใจ ฆ่าตัวตาย แต่หมอนั้นเก่งกว่าฉันนะ แค่ครั้งเดียวก็ตายเลย หึๆๆ”

คาซึยะหัวเราะออกมาเหมือนประชดประชัน พวกนี้คงช็อคหล่ะสิ

ความจริงนะคนที่ทำให้ทากิซาว่าต้องฆ่าตัวตายก็คือเค้านี่แหละ บีบจนต้องตาย……

เงียบสงบ ในห้องไม่มีใครยอมพูดอะไร คาซึยะไม่อยากจะมองหน้าใคร ทุกคนคงผิดหวังที่จริงๆแล้วเค้าเป็นคนแบบนี้เอง

ไม่ได้อยากฆ่าตัวตายเพราะรู้สึกผิด แต่ฆ่าตัวตายเพราะชดใช้ความผิดที่เป็นความผิดของเค้าจริงๆ

“ออกไปข้างนอกกันเถอะ!!” จินพูดออกมาเสียงดัง ทุกคนหน้าเหรอ คาซึยะกระพริบตาปริบๆ

 “ออกไปที่ทะเลกันนะ…”

ฝนทำท่าจะตกลมพัดรุนแรง ทุกคนมารวมตัวกันที่หาดทราย ไม่เข้าใจว่าจินต้องการทำอะไร โดนเฉพาะคาซึยะตอนนี้เอา

มือจับแผลที่ข้อมือไว้แน่น ผมพัดไปข้างหลังมองตรงไปยังทะเลที่กำลังบ้าคลั่ง เพราะแรงลม………

“ความจริงนายเหนื่อยใช่มั้ยหล่ะ……..” จินพูดขึ้นทุกคนหันมามอง คาซึยะคลายมือจากแผลนั้น

 “เหนื่อยที่จะต้องคอยปกป้องพี่ชายของนายตลอด…..ทั้งๆที่นายเจ็บปวด แต่พี่ชายนายก็ไม่เคยจะแบ่งเบาเลย…..นายก็เลย
โกรธแล้วก็ทำเรื่องนั้นลงไปโดยไม่ตั้งใจ……แต่พอเค้าตายไปนายก็คิดว่าตัวนายสะใจ แต่จริงๆแล้วรู้สึกผิดมากๆก็เลยจะจบชีวิตของตัวเอง “

จินเงยหน้าขึ้นมามองสายตาเศร้าๆ คาซึยะรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้า ไม่ต้องการให้ใครมาทำเป็นสมเพศแบบนี้โดยเฉพาะจิน

 “ใครบอกกัน ฉันแค่รู้สึกรำคาญชีวิตก็แค่นั้น ไม่ได้สนใจเรื่องที่เจ้านั้นตายไปเพราะฉันสักนิด!!”

ทุกคนมองดูอาการของคาซึยะ อย่างเป็นห่วง

“ถ้ารู้สึกผิดก็บอกออกมาสิ ไม่ต้องปกปิดอารมณ์ไว้หรอก พูดขอโทษออกมาก็ได้ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ทุกอย่างกลับมาไม่
ได้แล้วก็เถอะ ฉันคิดว่าถ้านายพูดขอโทษออกมา พี่ชายนายต้องได้ยินแน่ๆ ตะโกนผ่านจากที่นี่นะแหละ “

จินพูดเสียงดัง แข่งกับเสียงลมที่กำลังพัดรุนแรง คาซึยะนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา ทำไมถึงรู้ได้ว่า เค้าอยากย้อนกลับไป

วันนั้น ก่อนที่ทากิซาว่าจะขึ้นไปที่ตึก พูดขอโทษเรื่องราวทั้งหมด บอกความจริงว่าเป็นอย่างไร

ทากิซาว่าคงยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เค้า แล้วบอกว่า

 “ไม่เป็นไรหรอก พี่เข้าใจ” แต่มันไม่มีทางที่จะทำได้อีกแล้ว แค่จะอ้าปากก็ไม่มีแรงเลย

“พี่ครับ…..!! ขอโทษนะครับ ยกโทษให้คาซึยะด้วย!!” เสียงที่ดังขึ้นมาไม่ใช่เสียงของคาซึยะ ทัตซึยะเป็นคนพูดออกมา

 “ขอโทษคร๊าบ ยกโทษให้มันด้วยนะครับ” โคคิตะโกนตามบ้าง “ขอโทษครับ คาซึยะสำนึกตัวได้แล้วครับ!!”

จุนโนะตะโกนสุดเสียงจนตาหยีไปหมด “เอ้อ!! พี่ครับ ได้ยินมั้ย คาซึยะขอโทษนะครับ ยกโทษให้เค้านะครับ”

ยูอิจิตะโกนจนตัวเกร็ง จิน ยิ้ม แล้วเอามือป้องปากตะโกนออกมาบ้าง “ขอโทษครับพี่ …..ขอโทษ”

คาซึยะมองดูการกระทำของทุกคน แล้วเค้าก็ก้าวมายืนข้างๆจิน ตะโกนออกมาเสียงดัง

 “ขอโทษ บอกว่าขอโทษ ได้ยินรึยัง พี่!!!!”

ทุกคนตะโกนโหวกเวกด้วยกัน แล้วฝนก็เทลงมาเหมือนกับว่าจะเป็นการตอบรับ

จินหันมามองคาซึยะที่ตอนนี้ยืนตากฝนที่เทกระหน่ำลงมาใบหน้าเปียกปอนไปกันหมด เหมือนไม่ใช่ฝนนั้นมันเป็นน้ำตาที่

ไหลปนมากับน้ำฝน คาซึยะร้องไห้แล้ว ร้องออกมาพร้อมๆกับเค้า ทุกคนร้องไห้เหมือนกัน ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน

จะมีใครไหมที่จะร้องไห้ร่วมกันแบบนี้ได้ คาซึยะสะอื้นออกมาแรงๆ จินเอามือเสยผมที่เปียกน้ำฝนขึ้นไป

 ปาดน้ำตานิดหน่อย แล้วเอามือโอบคาซึยะเอาไว้ ตบเบาๆ เป็นการปลอบ

เสียงแผ่วแว่วๆมาจากสายฝน เหมือนเสียงฮัมเพลงก่อน แต่ฟังดีๆก็ได้ยินว่าเป็นเสียงคนร้องเพลง คาซึยะร้องเพลง

 เสียงเพลงจากคาซึยะที่ไม่เคยได้ยินสักครั้ง เสียงโทนแปลกฟังแล้วรู้สึกเพราะอย่างประหลาด

จินร้องตามออกมาดังๆ แข่งกับเสียงฝน คาซึยะก็ร้องดังขึ้น แข่งกับจิน คนอื่นยิ้มแล้วก็ร้องออกมาบ้าง

เสียงเพลง Stand by me ดังก้องปนไปกับเสียงฝน ฟังแล้วเพราะอย่างจับใจ

“รู้สึกแปลกๆกันบ้างมั้ย ผู้ชาย6คนยืนร้องไห้พร้อมกัน แล้วก็ร้องเพลงพร้อมกัน แถมยังเป็นตอนที่ฝนตกอีกต่างหาก”
โคคิบ่นออกมา เอาผ้าขนหนูเช็ดหัวแรงๆ “ไม่รู้สึกแปลก กลับรู้สึกดีมากกว่า”

 จุนโนะยกขวดน้ำแร่ขึ้นดื่ม ท่าทางสบายใจ “ใช่ๆ ดูเหมือนคนบ้า แต่ให้ความรู้สึกดีนะ “

ยูอิจิเดินตามมานั่งที่ระเบียงยื่นขวดน้ำแร่อุ่นๆอีกขวดให้ทัตซึยะ

”ทุกคนตาแดงเหมือนกันหมดเลยรู้สึกดีนะครับ”ทั้งสามคนหันมามองทัตซึยะพร้อมกัน แล้วก็ผลักหัวกันใหญ่

”แกนั้นแหละ แดงที่สุด !!“

จินหัวเราะเจ้าพวกนั้น เล่นเหมือนเด็ก คาซึยะ ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดขาวกางเกงขาสั้นของยูอิจิ

ไม่ใช่ชุดโรงพยาบาลที่เค้าเกลียด เอาหน้าคลอเคลียกับขวดน้ำแร่อุ่นๆหลับตาที่บวมแดงเพราะการร้องไห้

นั่งชันเข่าขึ้นมารู้สึกเป็นสุขอย่างประหลาด ในชีวิตของคนคนนึง ยากที่สุดก็คือหาคนที่จะร้องไห้ด้วยได้

“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง “จินนั่งกอดเข่าอยู่ข้างๆ คาซึยะ

“ดี ดีมากๆ เหมือนกับได้เกิดใหม่อีกครั้งเลย” จินฟังแล้วก็พยักหน้า หยิบซองสีน้ำตาลออกมา

 “จดหมายนี่เป็นของพี่ชายนาย ไม่รู้ว่ามีอะไร จ่าหน้าซองถึงนาย พี่อิมาอิ ฝากไว้ให้”

จินตัดสินใจให้ไปเพราะคิดว่า ตอนนี้คาซึยะคงเข้มแข็งพอจะรับ มันได้

ไม่ว่าข้อความภายในจะเป็นเรื่องเลวร้ายหรือ ดีสุดยอดยังไง คาซึยะก็สมควรได้รับรู้

คาซึยะผลิกดูที่ซอง เขียนจ่าหน้าซองถึงเค้า ลายมือที่คุ้นเคย ฉีกซองออกช้าๆ


taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #52 เมื่อ27-02-2007 14:22:46 »

"คนเราสามารถจะพูดได้ทุกวัน เวลาที่ตื่นเช้าขึ้นมาว่า วันนี้เป็นวันแรกของชีวิตที่เหลืออยู่ แต่จะพูดไม่ได้ถ้าวันนี้เป็นวันตายของตัวเอง วันนี้พี่จะตาย……
คาซึยะจะได้อ่านจดหมายฉบับนี้รึเปล่าพี่ก็ไม่รู้ได้ จะมีผลอะไรกับคาซึยะรึเปล่าพี่ก็ไม่รู้ เพียงแต่ตั้งใจเขียนมันขึ้นมา เพราะมันคือความในใจของพี่ทั้งหมด เป็นมรดกเพียงชิ้นเดียวของชีวิตพี่ที่มีให้คาซึยะ
เรื่องที่คาซึยะเอามาบอกพี่นั้น พี่รู้ก่อนหน้าคาซึยะ หลายปีแล้ว รู้ว่าแม่เป็นชู้กับคุณอาจนคลอดคาซึยะออกมา แต่พี่ก็ไม่เคยบอกคาซึยะ ไม่ใช่เพราะรักหรอกนะ จริงๆแล้วภายนอกที่ทุกคนมองพี่ว่าเป็นคนดี จิตใจอ่อนโยน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่สักนิด
พี่เกลียดคาซึยะ เท่าๆกับที่แม่รักคาซึยะ แต่เกลียดพ่อและพี่ แม่ไม่ได้รักพี่เลย ท่านรักแต่คาซึยะ ลูกของผู้ชายที่แม่รักจริงๆ พี่เข้าใจ สงสารพ่อที่ต้องทนเลี้ยงลูกของชายชู้ที่เป็นน้องแท้ๆของพ่อ พี่โกรธแค้นคาซึ
ยะ ทำไมพ่อต้องเหลียวแลรักคาซึยะด้วยทั้งๆที่คาซึยะเป็นลูกของชู้ หลังจากคุณอาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ แม่ก็เสียสติ หวงนายที่ยังเด็กมากกว่าอะไรทั้งหมด หวงมากจนน่ากลัว
มีอยู่ครั้งนึงแม่จะฆ่านายแล้วฆ่าตัวตายตามไป พี่เห็นเต็มสองตา พ่อกลัวมาก รีบแยกพวกเราออกจากแม่ ส่งเราไปอยู่กับญาติที่ต่างประเทศ ตอนนั้นนายยังเด็กจำรายละเอียดไม่ได้ แต่พี่จำได้ดี แม่หานายไม่เจอคลุ้มคลั่งผลสุดท้ายก็ฆ่าตัวตายโดยการยิงตัวเอง
พี่เสียใจร้องไห้ไม่ยอมหยุด เฝ้าแต่คิดแค้นในใจ เพราะนายคนเดียวแม่ถึงตาย นายเป็นเด็กไม่เข้าใจอะไร ก็แกล้งทำเป็นเข้มแข็งปกป้องพี่ พ่อเองก็ไม่คิดแค้นอะไรกับมองว่านายเป็นลูกเสมอ พี่ทนไม่ได้ก็เลย ทำตัวให้อ่อนแอ น่าสงสาร เรียกร้องให้พ่อสนใจพี่มากๆจนลืมนายไป ใช้น้ำตาความอ่อนแอของพี่บีบให้นายยิ่งก้าวร้าว แสดงออกในความรุนแรง ทุกครั้งที่นายยิ่งแสดงความรุนแรงออกมา พี่ก็แอบมีความสุขในใจ
เหมือนกับว่าสิ่งชั่วร้ายในใจพี่จะเจริญเติบโตเรื่อยๆ พี่แสดงความรุนแรงออกมาผ่านทางนายที่ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง จนวันนั้นที่นายมาบอกเรื่องของแม่ ปิศาจร้ายในใจของพี่รู้สึกขบขัน ทั้งๆที่รู้เรื่องจริงอยู่แล้ว พี่ก็แกล้งทำตามที่นายต้องการ แกล้งเสียใจ แกล้งทำเป็นเชื่อ ทำให้นายรู้สึกสะใจ
แล้วก็เหมือนกับพี่คิดอะไรบางอย่างออก ถ้าพี่ตายไปเพราะเรื่องนี้ ชีวิตนายจะเป็นยังไงต่อไป ความผิดที่ทำให้พี่ตาย จะติดตัวนายไปตลอดชีวิต พ่อจะเลิกรักนาย ไม่สนใจนาย เหมือนกับพี่เป็นผู้ชนะ แล้วพี่ก็คิดจะตายในวันนี้
พี่คงตายไปแล้วเมื่อนายได้อ่านจดหมายฉบับนี้ นายจะเป็นยังไงบ้างนะรู้สึกผิดจนต้องตายตามมารึเปล่า แต่นอกจากที่พี่คิดจะทำร้ายนายแล้ว พี่ก็คิดที่จะหยุดตัวเองด้วย หยุดปิศาจร้ายที่กำลังเติบโตในร่างกายของพี่ จบมันด้วยมือของพี่เอง
ไม่ว่าเรื่องจะมีผลยังไงกับนายก็ตาม ไม่ว่าช้าหรือเร็วเราคงได้พบกันอีก พี่จะรอ………….
ฮิเดอากิ ทากิซาว่า "
 
คาซึยะอ่านจดหมายจบก็ยิ้มออกมาแบบสมน้ำหน้าตัวเอง ไม่ใช่แค่เค้าหรอกที่รู้สึกเจ็บปวดพี่ชายของเค้าก็เจ็บปวดมาก

ไม่ต่างกันเลยต่างคนต่างมีแผลในใจทั้งนั้น คนที่น่าสงสารที่สุดคือพ่อ เค้าไม่เคยคิดถึงมาก่อน ผู้ชายคนที่ยอมเลี้ยงดูเค้า

พยายามรักเค้าทั้งๆที่เค้าเป็นบาดแผล เป็นความเจ็บปวดซ้ำร้าย ลูกชายแท้ๆก็ยังมาตายเพราะสิ่งที่ทิ่มแทงจิตใจแบบ

เค้า แล้วทำไมพ่อยังสู้ทนรักเค้า ถนอมชีวิตของเค้าไว้อีกนะ

แม่ของยูอิจิเดินเข้ามาหน้าตาตื่น

 “ยูอิจิ นี่ทำอะไรกันน่ะหึ ไปลักพาตัวคนมาจากโรงพยาบาลได้ยังไง!!”

“ลักพาตัวไรแม่นี่ไง อยู่นี่เลย อยู่อย่างเปิดเผย ไม่ได้เอาไปแอบสักกะหน่อยน้า “

 ยังไม่ทันพูดอะไรกันต่อ ผู้ชายวัยกลางคน ท่าทางดูดี แต่งตัวภูมิฐานสีหน้านิ่งเฉย

สายตานิ่งที่มองผ่านแว่นมาที่ จินและทุกๆคนในห้อง

“พ่อ!!” จินหันไปเห็นคาซึยะพูดออกมาน้ำเสียงเรียบๆ ทุกคนออกมารอที่ระเบียง มองผ่านบานกระจกห้องรับแขกที่ละออง

น้ำหลังฝนตกเกาะอยู่ มองเห็นเลือนลางไม่ชัดเจนนัก คนคนนี้ที่ไม่ใช่พ่อแท้ๆของคาซึยะ

 แต่เค้าโครงรูปหน้าไม่ต่างกันนัก อาจเป็นเพราะมีสายเลือดที่เหมือนกันก็เป็นได้ ถึงไม่ใช่โดยตรงก็ตาม

คาซึยะมองดูผู้ชายที่เป็นพ่อเค้า สูทสีเข้มมีร่องลอยผ่านน้ำฝนมาบ้าง หน้าตาที่ดูโทรมเหมือนโหมงานหนัก แต่ก็ยังดูดีไม่

เปลี่ยนแปลง พ่อคงเดินทางมาทันที จากต่างประเทศ มาเพื่อมาพบเค้า

มาด้วยความเป็นห่วงที่เค้าหายไปจากโรงพยาบาล

พ่อถอนหายใจก่อนพูดออกมาเสียงเข้มแต่มีแววอ่อนๆใจ

 “ไหนแกสัญญากับฉันว่า ถ้าห่างกันไปแกจะไม่ฆ่าตัวตายอีก ฉันถึงยอมให้แกมาอยู่ที่นี่ แล้วมาอยู่ที่นี่แกก็ยังฆ่าตัวตาย
อีก ยิ่งแกอยู่ห่างฉันมากเท่าไหร่ ฉันก็ไม่ไว้ใจ “

ท่าทางโกรธไม่น้อยน้ำเสียงนั้นยังคงดุเหมือนที่เคย

“ขอบคุณนะครับ” คาซึยะพูดออกมา พ่อมีสีหน้างง”อะ…อะไรของแก”

“ขอบคุณมาก ที่พ่อพยายามรักผม พยายามช่วยให้ผมอยู่ต่อไปครั้งแล้วครั้งเล่า”

แล้วคาซึยะก็กอดพ่อเค้าไว้ เป็นครั้งแรกตั้งแต่โตมาที่คาซึยะสวมกอดผู้ชายคนนี้ ผู้ที่ไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่ก็ปฏิบัติกับเค้าไม่

ต่างจากพ่อเลย พ่ออึ้งพูดอะไรไม่ออก ใช้มือใหญ่ๆโอบกอดคาซึยะไว้เหมือนกัน ตบหลังลูกชายเบาๆ

จินยืนดูการกระทำของคาซึยะ แล้วก็ยิ้มออกมา คิดว่าเรื่องทุกอย่างได้คลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว

รอยแผลนั้นถึงจะไม่มีวันลบเลือนไป แต่อาการเจ็บเรื้อรังจะไม่เกิดขึ้น อีก เค้ามั่นใจ และเชื่ออย่างงั้น

chapter 9 end
to be con..........

มาลงให้ Lucifer +shell   อ่านโดยเฉพาะเลยนะเนี้ย :monkeylove2:

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะงับ :piglove2:
 :monkeycry4:


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #53 เมื่อ27-02-2007 19:27:55 »

 :impress3:  :impress3:  :impress3:  :impress3:  :impress3:
ประทับใจตอนนี้มากเลย ไม่ผิดหวังกับพล็อตตอนนี้จริง ๆ เพราะคาดไว้ว่าความเจ็บปวดของคาซึยะต้องไม่ธรรมดา และคนแต่งก็แต่งได้เกินคาด วางเรื่องไว้ถึงสองชั้นทั้งคาซึยะและทากิซาว่า
ฉากตอนเพื่อน ๆ คนตะโกนริมทะเลก็ประทับใจมาก แบบนี้แม้ว่าคาซึยะจะแบกรับความเจ็บปวดแค่ไหน เมื่อมีคนมาร่วมแชร์ สิ่งเหล่านั้นก็จะเบาบางลงไป :impress3:

ขอบคุณมากค่ะที่มาต่อให้  :myeye:  :yeb:

ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #54 เมื่อ28-02-2007 12:53:16 »

สนุกดีค่ะ

แล้วจะรออ่านตอนต่อไปนะค่ะ

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #55 เมื่อ01-03-2007 16:06:50 »

chapter10

“สุดยอดเลย!!” ยูอิจิตะโกนออกมาดังลั่น “อะไรคือสุดยอดของแกวะ ร้อนจะตายชัก”

โคคินอนถอดเสื้ออยู่ในห้องชมรม ถือพัดกระพือไปมา

 “ก็ร้อนไงเล่า ร้อนสุดยอด ทำไมถึงร้อนขนาดนี้วะ!!” พูดเสร็จก็ถอดเสื้อออกบ้าง

“ก็มันหน้าร้อนนี่นา ทำไมห้องชมรมเราไม่มีแอร์อ่ะ”

ทัตซึยะบ่นอุบ จินเอาพัดที่ถืออยู่ตีหัวไป1ที “บ้านนายรวยก็เอามาติดให้สิ”

“ถึงจะร้อนขนาดนี้ก็ยังมีคนบ้า 2 คนซ้อมเต้นอยู่นะ”

ยูอิจิที่นอนแผ่ที่พื้นชี้ไปทางคาซึยะกับจุนโนะที่ยังซักซ้อมท่าเต้น แล้วเต้นพร้อมๆกันอยู่ที่กลางห้อง

ผมสีน้ำตาลเข้มเหงื่อมซึมจนเปียกชุ่ม สลัดผมที่เปียกไปมา เข้ากับจังหวะของเพลง

ขยับแขนขาได้คล่องแคล่วเหมือนเป็นไปตามธรรมชาติ กระแทกเท้าไปมาเข้ากับจังหวะที่เปลี่ยนไป ร่างสูงผอมของจุนโนะเตะ

ปลายเท้าขึ้นสูงขยับแขนไปมา เหงื่อที่ท่วมตัวเหมือนเป็นประกายสวยงามผ้าขนหนูที่ใช้

โผกหัวอยู่สลัดปลายไปมาตามจังหวะที่ร่างกายเคลื่อนไหว

เสียงนาฬิกาข้อมือดังเตือนขึ้นจุนโนะหยุดการเต้นทันที คาซึยะหันมามอง “เฮ!! จะไปแล้วเหรอ “

 คาซึยะถาม จุนโนะรีบถอดเสื้อที่เปียกเหงื่อออก เอาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดตัวแล้วสวมเสื้อตัวใหม่ทับ

 “ใช่ได้เวลาไปเรียนพิเศษแล้ว เดี๋ยวอาจารย์จะคอย” “จะเรียนไปถึงไหน แค่นี้ก็ฉลาดกว่าพวกฉันหลายร้อยเท่าแล้วนะ”

ยูอิจิลุกขึ้นเอาเสื้อพันหัว “ก็ฉันต้องเอนทรานนี่นา คณะที่จะเข้าคะแนนก็สูงด้วย”

“อืมๆ นี่ๆจุนโนะเอาเอ็มดีไปด้วยสิ แล้วพรุ่งนี้มาต่อท่าด้วยกันอีกนะ” คาซึยะรีบดึงแผ่นออกจากเครื่องส่งให้จุนโนะ

จุนโนะรับไปแล้วหันมาหาทุกคน “ไปนะ!!” ทุกคนโบกตอบรับ

“จุนโนะอยากเรียนอะไรเหรอ ท่าทางเต้นเก่งแบบนี้น่าจะเรียนทางด้านนี้ไปเลยนะ”

คาซึยะดึงผ้าขนหนูที่พันคอขึ้นเช็ดเหงื่อ

“ไม่ได้หรอก บ้านเจ้านี่เค้าผู้ดีเก่ารับราชการมาหลายชั่วอายุคนมาเต้นๆแบบนี้ที่บ้านรู้โดนเหยียบแน่ๆ”

ยูอิจิพูดออกมา ทัตซึยะพยักหน้า

“ มิน่า หล่ะถึงไม่ยอม ไปเต้นโชว์ที่ลานหน้าสถานีด้วยกันนะ”

“เอาเหอะน่า ยังไงเราก็มาซ้อมกันบ้างเถอะ อีกอาทิตย์ก็จะปิดเทอมหน้าร้อนแล้ว เราจะได้ไปแสดงที่ลานนั้นจริงๆสักที “

จินรีบตัดบท ให้ทุกคนลุกขึ้นมาซ้อมกันสักที

วันนี้จุนโนะ จิตใจว่อกแว่ก จากการเรียนพิเศษน่าดู เพราะมัวแต่ฟังเอ็มดี เพลงที่ใช้เต้นกับคิดท่าเต้นไปด้วย แต่ก็ไม่ทำให้รู้สึก

อะไรนัก กลับท่าทางมีความสุขมากกว่า ขณะเดินกลับบ้านก็ยังขยับเท้าตามเพลงที่ฟังอยู่ไปด้วย

 เปิดประตูเข้าบ้านด้วยอารมณ์ร่าเริง

“จุนโนะสุเกะ ทำอะไรของแกน่ะ!!” เสียงพ่อดังจนจุนโนะสะดุ้ง ปกติพ่อจะมีงานที่กระทรวงนี่นา ทำไมวันนี้ถึงกลับเร็วนัก

รีบดึงหูฟังแล้วยัดลงกระเป๋าสะพายไป “ทำท่าอะไร ยังกับพวกปัญญาอ่อน เดินๆเต้นๆแบบนั้น!! ไปไหนมารึเปล่าฮะ!!” จุนโนะ

ไม่กล้าจะสบตา พูดเสียงเบาๆตอบออกไป “ผมไปเรียนพิเศษที่ในเมืองมาครับ” ผู้เป็นพ่อได้ยินก็พอใจ พยักหน้า

“ดีแล้ว คิดว่าไปมั่วสุมกันเหมือนพวกเด็กบ้าๆในเมือง หรือพวกที่แถวลานหน้าสถานีรถไฟพวกนั้นซะอีก “

พ่อเดินนำหน้าเข้าบ้านไป จุนโนะ เอามือนวดๆหัวใจ คิดว่าจะตายแล้วซะอีก

บ้านจุนโนะเป็นบ้านแบบญี่ปุ่นเก่าแก่ เวลาเดินก็ยังต้องเดินเบาๆไม่งั้นไม้จะลั่นจนพ่อหันมาดุเอาได้

ไม่ว่าจะทำอะไรในบ้านหลังนี้ ต้องมีกฎระเบียบไปหมด จุนโนะไม่แปลกใจเลยที่พี่ชายทำไมถึงหนีออกจากบ้านไป

จุนโนะล้มตัวลงนอนในห้อง เป็นที่เดียวในบ้านที่ไม่ต้องระวังตัว พอเห็นหน้าพ่อก็คิดถึงเรื่องตอนที่พี่ทะเลาะกับพ่อยกใหญ่

พี่ไม่ยอมเรียนต่อบอกพ่อว่าจะออกมาทำวงดนตรีกับเพื่อน แค่นั้นหล่ะพ่อ โมโหหนักตบตีพี่รุนแรง

แถมยังจับพี่ขังในห้อง มัดขาไว้ด้วยโซ่ จุนโนะเห็นก็ตกใจมากๆ

จุนโนะเองก็ไม่ต่างกับพี่ชอบเรื่องร้องเพลงการเต้นเป็นที่สุด พี่ชายก็เข้าใจดี คอยแอบเอาวีดีโอมาแอบดูด้วยกัน

จุนโนะดู ชอบมาก อยากทำได้แบบนั้นบ้าง แต่ให้พ่อรู้ไม่ได้ ต้องแอบเรียน แอบเต้นเอาเอง พอความลับแตกก็ถูกตีจนหลังแตก

พี่ก็ถูกจับขังเอาไว้แบบนี้ จุนโนะรู้สึกสงสารพี่ชายมาก คืนก่อนที่พี่จะหนีออกไป จุนโนะ แอบเข้าไปหาพี่ชาย

 “ต่อให้ตายพี่ก็ไม่ทรยศความฝันของตัวเองหรอก!!”

“ผมก็ไม่อยากทรยศความฝันหรอกครับ แต่ว่า….ผมไม่กล้าพอ” หลังจากพี่หนีไปแม่ก็ร้องไห้อย่างหนักจุนโนะ สงสารจับใจ

 พ่อเป็นคนหัวแข็งไม่ออกไปตามหา แล้วหลังจากนั้นเรื่องทุกอย่างก็มาตกหนักที่เค้า การที่จะต้องตั้งใจเรียน

เข้ารับราชการในกระทรวงศึกษา ทุกอย่างมาประดังประเดที่เค้าจนหมด ไม่ต่างกับหน้าที่หัวหน้าห้องที่เค้าต้องทำทุกวันนี้

เหนื่อยนะแต่เมื่อทั้งพ่อและแม่ฝากความหวังไว้จะทำยังไงได้นะ

จุนโนะอยากจะหลับ แล้วเพลงในวิทยุที่เปิดทิ้งไว้ก็ดังขึ้น เค้าชอบเพลงของคนๆนี้มาก ตอนนี้ประกาศแยกวงกันไปแล้ว แต่ก็ยัง

ชอบเสียงนักร้องนำอยู่ นักร้องนำที่ไม่เคยเปิดเผยหน้าตา เคยได้ยินแต่เสียงร้องเท่านั้น เพลงที่มีลักษณะการร้องไม่แตกต่าง

จากพี่ชายเค้าเท่าไรนัก ฟังแล้วปลอบโยนจิตใจเค้าได้ทุกครั้ง

“เอ่อไม่ทราบว่ารู้สึกยังไงกับการแยกวงบ้างคะ คุณมาโกโตะ”

เสียงสัมภาษณ์ของดีเจในวิทยุถาม”มาโกโตะ" นามแฝงของนักร้องคนนนี้

“ก็คงถึงเวลาอิ่มตัวที่ต้องให้แต่ละคนมีทางเดินของตัวเองที่ต้องแยกกันไปทำละมั้งครับ แต่เราก็จากกันด้วยดีนะครับ แฟนก็ไม่

ต้องเป็นห่วงไปนะครับ ทุกคนยังจะมีผลงานของตัวเองออกมาอีกแน่ๆ”

“แล้วทั้งๆที่ดังมากๆตอนนี้ ตัดสินใจแยกกันไปไม่กลัวกระแสแฟนจะจืดจางเหรอคะ”

“คือว่าตอนนี้ผมอยากพักนะครับ อยากกลับไปบ้านสักที …….“

“เอ๋บ้านเกิดของคุณ มาโกโตะ อยู่ที่ไหนเหรอคะ”

“อันนี้คงจะบอกไม่ได้หรอกครับ รู้ไว้แค่ว่าเป็นเมืองเล็กๆที่คนไม่ค่อยรู้จัก แต่ว่าสวยงามมากๆ มีทะเล ภูเขา คล้ายๆกับสวรรค์
ที่ห่างไกลเลยหล่ะครับ”

จุนโนะไม่ได้ฟังบทสัมภาษณ์ต่อก็รู้สึกเพลียมากๆจนหลับไป

“ฮือๆๆๆๆ!!!” ยูอิจิเอามือกุมหน้าแล้วก็ร้องออกมาดังๆจนโคคิรำคาญ “เป็นบ้าอะไรของแกวะ !!”เอามือตบหัวไปที

 “จะเป็นอะไรซะอีกหล่ะก็ข้อสอบนะ ทำไม่ได้สักข้อมีหวัง ปิดเทอมหน้าร้อนต้องมาเรียนเพิ่มแหง่ๆ”

ยูอิจิเอามือออก แล้วใช้เท้ายันๆโคคิไป โคคิตาโตตวาดแหวออกมา

“ไอ้บ้า แกทำไม่ได้ไมไม่บอกฉันวะ ฉันลอกแกทั้งนั้นเลยนะ”

คาซึยะเห็นท่าทางทั้งคู่ที่ตีกันก็ขำ หันมาทางจินที่ท่าทางหงอยๆเหมือนกัน

“อะไร นายเองก็ทำไม่ได้เหมือนกันเหรอ” คาซึยะหันมามองจิน ที่ทำท่าจะร้องไห้ “ฉันก็ลอกโคคิอีกทีนะสิ…..”

คาซึยะได้ยินก็ขำ “โชคดีจริงๆที่ฉันทำเองนะเนี้ย!!” จินตาโต “อ้าว เจ้านี่ นายทำได้ทำไมไม่บอกกันบ้างหล่ะ ปล่อยให้ฉันลอก

คนผิดอยู่ได้ตั้งนาน” คาซึยะทำหน้ากวนๆ “ก็ไม่ถามกันมาเองนี่นา ช่วยไม่ได้นะ”

แล้วทั้งสามคนก็รุมอัดคาซึยะเล่นกันเป็นเด็กๆ ทัตซึยะเดินเข้ามาในห้องชมรมหน้าตาไม่ค่อยดีนัก

 “พวกนายได้อ่านข่าวนี้รึยัง…..” “ข่าวอะไร เคยอ่านหนังสือพิมพ์กันซะที่ไหนอ่ะ” จินเงยหน้ามาจากการแกล้งคาซึยะ

“มีผู้บริหารในกระทรวงศึกษายื่นเรื่องขอเสนอกฎหมาย ห้ามเด็กออกมาแสดงกันกลางถนนไงหล่ะ

เค้าว่ากำลังพิจารณาว่าจะเอาไงดี เค้าว่าเป็นการรวมกลุ่ม ทำสิ่งไร้สาระ แล้วก็มั่วสุมกันเปล่าๆ”

ทุกคนอ้าปากหวอ “บ้านะสิ ที่ต่างประเทศก็มีกันทั่วไป เป็นการเปิดโอกาสให้แสดงออกในทางที่ถูกต่างหาก “

จินท่าทางไม่พอใจ เดินมาหยิบหนังสือพิมพ์อ่าน “เออ !! บ้าอำนาจชมัดเลย ใครวะเป็นคนเสนอ นโยบายเนี้ย“

โคคิรีบกระโดดมาอ่านหนังสือพิมพ์ด้วย ยูอิจิกับคาซึยะก็ชะโงกหัวเข้ามาดูบ้าง

“นามสกุลทากุจิ เหมือนจุนโนะเลยนะ” คาซึยะพูดขึ้น

“แหม่ คงไม่ใช่พ่อเจ้านั้นหรอกมั้ง อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นพ่อเจ้านั้นก็รับราชการอยู่กระทรวงศึกษาซะด้วย!!”

ยูอิจิทำท่าไม่เชื่อ

“พ่อฉันเองนะแหละ เป็นคนที่เสนอเรื่องนี้น่ะ” จุนโนะเข้ามาในห้องท่าทางเคร่งๆ ทุกคนหน้าเหรอ

“พ่อนายคงไม่ได้รู้ว่านาย มาเต้นกับพวกเราหรอกนะ” จินหันมามองท่าทางเป็นห่วง

“ไม่รู้หรอก ที่บ้านฉันปิดไว้เป็นความลับ ฉันก็ไม่เข้าใจ พ่อคงจะเกลียดไอ้เรื่องพวกนี้มาก เพราะพี่ฉันก็เป็นนักดนตรีที่เล่น
ตามข้างถนนแบบนี้เหมือนกัน”

“แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ ยังไงนายก็ไม่ได้ไปเต้นกับพวกเราที่ลานนั้นอยู่แล้วยังไง ท่านก็ไม่รู้อยู่แล้วหล่ะ”

ทัตซึยะพยายามพูดให้เรื่องดีขึ้น

“แต่ว่าเล่นเสนอเรื่องมาแบบนี้ แล้วที่ลานนั้นยังจะเปิดให้เราไปแสดงได้อีกรึเปล่าก็ไม่รู้”

โคคิพูดออกมาแค่นี้ทุกคนก็เงียบไปเลย จุนโนะถอนหายใจ “ฉันจะไปเต้นที่ลานนั้นกับพวกนายด้วย “

คาซึยะกับจินหันมามองจุนโนะพร้อมกัน คนอื่นๆยังเอ๋ออยู่

“ฉันอยากร้อง อยากเต้นร่วมกับพวกนาย อยากเก็บมันไว้ เพราะบางทีอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะได้ทำแบบนั้น”

จุนโนะพูดออกมายิ้มๆ

“แต่ถ้าพ่อนายรู้หล่ะ……” คาซึยะรีบโพล้งออกมา จินเอามือจับไหล่คาซึยะไว้ก่อนพูดออกมา

“อืมไปเถอะ……ไปเต้นด้วยกันเถอะนะ”


taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #56 เมื่อ01-03-2007 16:08:27 »

แสงแดดสดใสมากๆ เพราะว่าเป็นหน้าร้อนรึเปล่า ลานแสดงคนเยอะไม่แพ้ที่ฮาราจุกุเลย เพราะเป็นปิดเทอม ทุกคนเลยมา

รวมกันที่นี่ บรรยากาศดูสนุกสนานมีชีวิตชีวา มีเด็กวัยรุ่นหลายกลุ่มเตรียมเครื่องดนตรีมาหลากหลายสไตล์ บางกลุ่มก็มาเพื่อที่

จะเต้นโดยเฉพาะ บางพวกก็มาโชว์กีฬาผาดโผนแบบเอ็กซ์ตรีม

พวกเป็นวงดนตรี หรือแต่งตัวแนวโคลสเพลย์ก็เยอะแยะ ละลานตาไปหมด

นร.หญิงม.ปลายแต่งตัวน่ารักก็เดินเที่ยวเต็มไปหมด ทัตซึยะรู้สึกอายๆเก้ๆกังๆ เพราะอยู่รร.ชายล้วนมาตลอด มีสาวน้อยหน้า

หวานคนนึงยิ้มให้ ทัตซึยะอายจนเดินไปชนโคคิกับยูอิจิเข้า

“ไอ้นี่ เดินดีๆเดะ มาชนได้ไงวะของยิ่งหนักๆอยู่ด้วย”

โคคิที่ถือเครื่องเสียงหันมาตวาดแหว ยูอิจิหันมามองก็เห็นกลุ่มสาวๆหัวเราะกันคิกคัก

 “โอ้ว!!น่ารักกันทั้งนั้นเลยอ่ะ อยากอยู่รร.สหบ้างจัง!!” “จริงด้วยนะครับ” ทัตซึยะเออออไปด้วยอีกคน

“บ้ากามกันใหญ่ เอ้า!! เอาเข้าไป มาทำอะไร ไม่ได้ให้มาเหล่หญิงนะ มาช่วยเซทเครื่องเสียงเลย"

ยูอิจิกับทัตซึยะทำท่าจะตบหัวโคคิ แต่ก็มาช่วยกันวางเครื่องเสียงทันที

คาซึยะเดินสายลำโพงไปที่อีกมุมของที่จะร้องเพลงกัน กลุ่มสาวๆที่ผ่านมาท่าทางสน ใจ ยิ้มให้คาซึยะ

คาซึยะรู้สึกเก้อๆอายๆนิดหน่อย แต่ก็ยิ้มเขินๆตอบไป

“จะทำอะไรกันเหรอ ?” สาวน้อยผมสั้นท่าทางน่ารักก้มหน้าลงถามคาซึยะที่กำลังติดกระดาษกาวกับสายลำโพง

“อะ..เอ่อ ร้องเพลงนะ …มาฟังก็ได้นะ” อายสุดๆ เลยนะ สาวน้อยคนนั้นเห็นท่าทางแล้วก็ขำ เพื่อนสาวข้างๆก็กรี๊ดกร๊าดกันนิด

หน่อย จินที่เดินสายไปอีกทางยืนดูพร้อมกับกัดนิ้วไปด้วย “ท่าทางเจ้านี่ต้องมีแฟนคลับเร็วๆวันนี้แหง่ๆ อิจฉาชมัดเลย”

จุนโนะที่ปรับเสียงลำโพงอยู่ก็ขำ

สาวน้อยคนนั้นยิ้มให้คาซึยะ แต่พอเห็นรอยแผลที่ข้อมือก็สีหน้าเปลี่ยน เดินจากไปทันที คาซึยะมองข้อมือตัวเองเหมือนรู้ตัวดี

เอามืออีกข้างมาจับรอยแผลเป็นเอาไว้ จินกับจุนโนะเห็นพร้อมกันก็รู้สึกเป็นห่วง จริงอยู่ที่ปัญหามันคลี่คลายไปได้ แต่การจะให้

คนรอบข้างยอมรับเรื่องแบบนี้ได้คงลำบากน่าดู

โคคิเดินเข้าไปใกล้ๆ คาซึยะที่นั่งกำข้อมืออยู่ ก่อนถอดข้อมือหนังอันใหญ่ของตัวเองยื่นให้ “เอาไปใส่ไป เดี๋ยวเรทติ้งแกจะตก

ซะเปล่าๆ สาวๆก็ออกจะกรี๊ดขนาดนั้นนี่!!” คาซึยะเงยหน้ามายิ้ม “อิจฉาละซิ”

 แล้วก็เอาข้อมือใส่ทับรอยแผล ปิดได้มิดมองไม่เห็นแผลเลย

จินกับจุนโนะยิ้มให้กัน ก่อนเดินไปเตรียมตัวต่อไป เสียงดนตรีดังขึ้น คนในบริเวณนั้นท่าทางสนใจ เพราะซาวน์ของดนตรีไม่ใช่

เพลงแบบที่ได้ยินทั่วๆไป กลุ่มสาวๆรีบวิ่งกันมาตามเสียงเพลง

จินจับไมค์ร้องเพลงเสียงใสตามที่เค้าถนัดออกมา คนอื่นขยับตามจังหวะดูสนุกสนานสดใส คาซึยะก้าวออกมาร้องข้างหน้า ปลด

ปล่อยอารมณ์ไปตามจังหวะของเพลงท่อนต่อๆมาทุกคนร้องเต้น อย่างสนุกสนาน คนดูท่าทางสนใจ เรียกให้มาดูกันมากๆขึ้น

มากขึ้น บางกลุ่มที่มาแสดงที่ลานนั้นถึงกลับชะโงกหน้าดู ว่ามีอะไรดีนักคนถึงได้ไปมุงเยอะขนาดนั้น

รถแวนติดฟิมล์กรองดำสนิทมาจอดใกล้ๆบริเวณนั้น คนขับรถซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวพูดออกมาอย่างตกใจ

 “อืม คนเยอะนะเนี้ย จะลงไปรึเปล่า “ ชายหนุ่มหน้าตาสวยสวมแว่นตาดำเอามือเสยผมไปมาก่อนพูดน้ำเสียงสดชื่น

 “ลงไปดูอยู่แล้วยังไงก็ไม่มีคนรู้จักผมหรอก อยากดูว่าที่นี่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากมั้ย อีกสัก 2 ชม.ค่อยมารับก็แล้วกันนะ”

มาโกโตะลงจากรถเดินเอามือล้วงกระเป๋าไปตามทางยาวๆของลาน สาวๆกลุ่มนึงวิ่งมาใกล้ได้ยินเสียงคุยกัน

 “ นี่ๆเธอเค้าบอกว่ามีกลุ่มนึงมาใหม่ น่ารักทุกคนเลย เสียงก็ดี๊ดีนะเธอ!!” “จริงเหรอ อยู่ทางไหนน่ะ”

มาโกโตะท่าทางสนใจเหมือนกันก็เลยสะกิดสาวทั้งสองคน

 “โทษนะครับ กลุ่มนั้นอยู่ทางไหนเหรอครับ”

“อะ..เอ่อตรงไปทางซ้ายนะคะ ที่มีคนมุงเยอะๆ” มาโกโตะยกแว่นตาดำขึ้นนิดหน่อย ยิ้มออกมา”ขอบคุณครับ!!”

สาวทั้งคู่แทบช็อคเลย “หล่อจังเลย เป็นายแบบหรือดารารึเปล่าเนี้ย!!”

มาโกโตะเดินมาจนถึงกลุ่มที่กล่าวถึง แน่ใจเพราะปริมาณคนที่ยืนดูกันจนล้นลาม ออกจะเบียดเสียดกันด้วยซ้ำ พอๆกลับเป็น

LIVE เล็กๆก็ว่าได้ โชคดีที่คนดูส่วนมากเป็นสาวๆ ตัวเค้าที่สูงกว่ามองเห็นได้ชัด เด็กผู้ชายหน้าตาหมดจด 6 คน ร้องเต้นไม่

ต่างจากวงบอยแบนด์ที่บริษัท ออกจะดีกว่าด้วยซ้ำ แทบไม่น่าเชื่อว่า เป็นแค่เด็กๆที่มารวมตัวกัน เฉยๆ

การร้องเต้นมีจังหวะและความพร้อม กลมกลืนกันหาที่ติไม่ได้

ช่วงร้องRAPน้ำเสียงโดดเด่นได้อารมณ์ดี โดยเฉพาะท่าทางคนร้องเหมือน B-BOYจริงๆ ก่อนจะจบเด็กตัวสูงที่กระโดด

ตีลังกานั้น ท่าทางคุ้นเคยนะ จุนโนสุเกะไม่ใช่เหรอ มาโกโตะถึงกับถอดแว่นออก เพราะไม่เชื่อสายตาของตัวเอง

พอดนตรีจบลง เสียงกรี๊ดร้องดัง ทุกคนขอให้ร้องอีก จนหน้าทั้ง6 คนออกจะงงนิดหน่อย

แต่ก็ยิ้มออกมาพร้อมเต้นต่ออีกครั้ง มาโกโตะเฝ้าดูจนจบการแสดงของวันนี้ไป

“เย้!!!”ทุกคนยกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นชนกัน เหมือนฉลองอะไรสักอย่าง ก่อนดื่มกันรวดเดียวเพราะความเหนื่อย

“ไม่คิดเลยว่าจะมีคนดูเยอะขนาดนี้ ผมเต้นผิดด้วยหล่ะ” ทัตซึยะพูดออกมาคนแรก “ฉันก็ผิด ผิดไปไม่รู้คนเห็นรึเปล่า”

โคคิเอามือตบหลังทัตซึยะ “ผิดไม่ผิดก็ไม่เป็นไรหรอก คนดูชอบก็พอแล้วนะ”

ยูอิจิพูดพร้อมทำท่ากำมือเหมือนภาคภูมิใจมากๆ

คาซึยะไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้มนิดๆ จินหันไปเห็นก็เอามือคล้องคอเอาไว้

 “รู้สึกดีใช่มั้ย ก็บอกแล้วการร้องการเต้นของเราไม่ได้เสียเปล่านะ นอกจากทำให้เรามีความสุข คนที่เค้ามาดูก็มีความสุขไป
ด้วย”

จุนโนะดื่มน้ำอัดลมต่อยิ้มๆก็หันไปเห็นพ่อเข้า ตกใจจนกระป๋องน้ำอัดลมหล่นลงพื้น ทุกคนหันมามองพร้อมกัน

“จุนโนะสุเกะ กลับบ้านเดี๋ยวนี้!!” เสียงพ่อเหมือนโมโหเกรี้ยวกราดมากๆ ทุกคนสีหน้าตื่นๆไปหมด

ไม่คิดว่าพ่อจุนโนะจะดุขนาดนี้ จินทำท่าจะพูดอะไรออกมา แต่จุนโนะก็หันมาส่ายหัวให้

“ฉันกลับก่อนนะ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ช่วยเก็บของ”

แล้วจุนโนะก็เดินไปขึ้นรถคันหรูของที่บ้าน ทุกคนมองหน้ากันไปมา ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับจุนโนะบ้าง

จุนโนะถูกดาบไม้ตีไม่หยุด แม่ที่ดูก็เข้ามาห้ามพ่อ “พอทีเถอะคะคุณ อย่าตีแกไปมากกว่านี้เลย แกเจ็บนะคะคุณ!!”

“เจ็บรึ คงไม่เท่าฉันหรอก คิดดูสิ พาเจ้าหน้าที่ไปตรวจดูพวกเด็กที่มันมั่วสุมกัน อับอายขนาดไหนที่มีลูกตัวเองปนอยู่กับพวกนั้น

ด้วย มันโกหกเราตลอด บอกว่าไปเรียนพิเศษไปท่องหนังสือห้องสมุด แต่จริงๆก็ไปมั่วอยู่กับพวกนั้น!!”

“พ่อก็คิดแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้นหล่ะ ….. “ พ่อชะงักหันมาจ้องลูกชายที่คุกเข่าก้มหน้าที่พื้น”แกว่าไงนะ!!”

 “หรือว่าไม่จริง พ่อสนใจแต่สายตาคนในแวดวงของพ่อ พ่อต้องการให้ลูกเจริญรอยตามพ่อ ต้องดีนะ ต้องทำตัวถูกต้องนะ ถ้าแค่ลูกเดินเฉจากเส้นที่พ่อขีดพ่อก็คลั่งจนแทบบ้า กรอบที่พ่อต้องการให้พี่กับผมเป็นนะ มันไม่ใช่ความฝันของพวกผมหรอกนะ พ่อเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว ที่เอะอะอะไรก็ จะต้องเป็นไปตามฝันของพ่อ พวกผมก็มีความฝันของตัวเองนะ แค่นั้นยังไม่พอ พ่อเที่ยวไปจำกัดความฝันของลูกคนอื่นๆ เด็กที่ไปที่นั้นน่ะไม่ได้ไปมั่วสุมหรอกนะครับ เค้าไปทำตามความฝัน พวกเค้า อย่างถูกต้องต่างหาก”

“เพียะ” พ่อใช้มือตบหน้าจุนโนะ โกรธจัด พ่อไม่เคยใช้มือมาก่อน แสดงว่าโกรธมากจริงๆ “ ความฝันพรรณนั้นของแกนะ มัน
กินไม่ได้หรอกนะ !!”

“ถึงจะกินไม่ได้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตยังอยู่ต่อไปนะครับ!!” ชายหนุ่มผมยาว สวมเชิ๊ตขาวปล่อยชายกับกางเกงหนังเดิน

เข้ามาในบ้าน ตอนนนี้ไม่ได้สวมแว่นตาดำเอาไว้จุนโนะเพ็งดูให้ดีก็เห็นชัดว่าเป็นใคร

“พี่!!!”

มาโกโตะยิ้ม แม่ดีใจน้ำตาไหลเอามือปิดปาก พ่อ ท่าทางตกใจมาก “กะ …..แกกลับมาอีกทำไมกัน ไอ้ลูกนอกคอก”

“กลับมาสิครับ กลับมาเพื่อน้องชายผม พ่อน่าจะดีใจที่มีลูกที่ไม่คิดจะทรยศความฝันของตัวเองถึง2คน”

มาโกโตะก้มลงจับไหล่น้องชายที่ทรุดลงไปไว้

“แกพูดบ้าอะไรของแก น้องมันเสียคนก็เพราะแกนี่เอง!! เอออยากไปตายข้างถนนกันที่ไหนก็เชิญ”

พ่อทำท่าเกรี้ยวกราดใส่มาโกโตะ มาโกโตะพยุงจุนโนะลุกขึ้น

“ถ้างั้น ผมขอตัวเค้าไปเลยก็แล้วกัน ถ้าพ่อพูดอย่างนี้ละก็!!” จุนโนะหน้าตาตื่น ยังไม่ทันจะรู้เรื่องอะไร มาโกโตะก็ลากออกจาก

บ้านมา พ่อตกใจทำท่าจะวิ่งตาม แต่ก็ทิฐิแรงกว่า เดินขึ้นห้องไป แม่ก็ได้แต่ร้องไห้โหที่ลูกชายทั้งสองคนออกจากบ้านไป

“พี่!!…..กำลังทำอะไรนะ” จุนโนะหน้าตาตื่น มาโกโตะยิ้มๆไม่ได้ตอบอะไร

chapter 10 end

to be con.................

พ่อใจร้ายที่สุดเลยยยยยยยย  :3024:


ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #57 เมื่อ01-03-2007 16:23:39 »

กำลังสนุกเลย รีบมาต่อไวไวนะ :yeb:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #58 เมื่อ01-03-2007 19:31:48 »

สนุก ๆ มีปัญหาอีกคนแล้ว  :yeb:
ขอบคุณที่มาต่อให้ค่ะ  :like6:
รออ่านอยู่นะคะ  :yeb:

ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #59 เมื่อ01-03-2007 19:35:49 »

กำลังมันส์เลยอ่ะ  :laugh3:

มาต่ออีกไวๆนะค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด