##WITH NO NAME##
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ##WITH NO NAME##  (อ่าน 81654 ครั้ง)

RoosT

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #60 เมื่อ03-03-2007 11:49:04 »

อ่า ได้อ่านแระ

ค้างเชียวๆๆๆๆ    :monkeycry4:

มาต่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  อิอิ   :monkeysad:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #61 เมื่อ04-03-2007 00:15:35 »

ไม่ได้เข้ามาหลายวัน แหะๆ  :-[ :-[


ขอบคุณ taebin7 มากนะคับ ที่อุตส่าห์มาลงให้อ่าน  :myeye: :myeye:

แต่ว่านะที่ชอบมากที่สุดเนี่ยก็ มาโกโตะเนี่ยแหละ  :-[ :-[ :-[

(มาโกโตะเดียวกะเราป่าวหว่า  :confuse:)

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #62 เมื่อ07-03-2007 19:18:22 »

chapter11.1


จุนโนะอาบน้ำเสร็จแล้ว พี่ชายก็เอายามาทาหลังให้ จุนโนะออกจะงงๆนิดหน่อย จากรถแวนที่หรูขนาดนั้น รวมทั้งที่พักที่เป็น

โรงแรมหรูขนาดนี้ พี่ของเค้าหายไป ไปทำอะไรมานะ ทำไมถึงท่าทางร่ำรวยขนาดนี้ ถ้าเป็นนักคนตรีอิสระก็ไม่น่าจะรวยขนาด
นี้ได้

เสียงเพลงของมาโกโตะที่เค้าชอบดังขึ้นในห้องจุนโนะก็ตั้งใจฟัง พี่ชายก็ขำออกมา

“นายชอบเพลงของเจ้านี่เหรอ “ จุนโนะทำหน้ายิ้มๆ

“ใช่ ผมชอบ เค้าร้องเพลงเหมือนพี่นะ พี่รู้สึกรึเปล่า” มาโกโตะพยักหน้า

“อืมอยากได้ลายเซ็นมั้ยหล่ะ!!”

จุนโนะท่าทางสนใจ

“หืม พี่รู้จักเหรอ ล้อเล่นละมั้ง เค้าดังจะตาย แถมไม่เปิดเผยหน้าตาด้วย”

 มาโกโตะส่ายหัวยิ้มๆ เดินไปหยิบกระดาษออกมาเซ็นลวกๆแล้วส่งให้จุนโนะ

“หึ่ย!! พี่นี่เก่งชมัด ปลอมลายเซ็นได้เหมือนมากเลย”

มาโกโตะยกใบลายเซ็นตีหัวจุนโนะไปที

 “นี่ มาโกโตะก็คือพี่นี่แหละ ไม่รู้เรื่องอีกรึไง ต้องร้องเพลงให้ฟังเหรอถึงจะเชื่อ!!”

จุนโนะตกใจถอยห่างจนตกเตียง ศิลปินดังที่เค้าชอบก็คือพี่ชายของเค้าจริงเหรอเนี้ย

“เอ้ามาพูดเรื่องของนายบ้าง พี่นะคิดไม่ผิดเลยว่าแววนายต้องรุ่ง” จุนโนะตั้งสติได้ค่อยๆลุกขึ้นมานั่งบนเตียงอีกครั้ง

 “เรื่องของผม หมายถึงเรื่องอะไร “

“เรื่องทีมร้องเต้นของนายไง ท่าทางไม่เลวเลยนะ ผู้จัดการของพี่ก็ยังสนใจเลย “ จุนโนะเกาหัวงงๆ

“สนใจ ……หาพี่ก็ไปดูมาเหรอวันนี้น่ะ”

“อืม มันบังเอิญน่ะนะ กลุ่มของนายน่าสนใจดีนะ ไม่คิดจะไปAUDITIONกันบ้างเหรอ” จุนโนะมีสีหน้าคิดหนัก

 “พี่จะให้ผมออกจากบ้านมาเหรอ หนีออกมาแบบพี่งั้นเหรอ”

“นายไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอกน่า เพราะมีพี่คอยช่วยอยู่ ตอนนี้พี่ก็พอจะอยู่ได้สบายๆ นายมาเพิ่มก็ไม่หนักอะไรหรอก”

“ผมไม่อยากออกไปเฉยๆ โดยที่ยังทะเลาะกับพ่อแบบนั้น ผมอยากคุยให้รู้เรื่องมากกว่าหนีไปเฉยๆ อย่างน้อยเค้าก็เป็นพ่อนะ”
จุนโนะทำท่าสำนึกผิด


“นายก็รู้คนอย่าง พ่อไม่มีทางเข้าใจหรอก พอนายกลับไป ท่านจะขังนาย แล้วก้ไม่ให้นายไปร้องไปเต้นแบบนั้นอีกแน่ๆ นายจะเสียโอกาส นายเชื่อพี่ออกจากบ้านมา ไปAUDITION ด้วยกัน”

“ผมไม่ได้อยากจะเป็นนักร้องขนาดนั้น แค่ได้ร้องได้เต้นกับเจ้าพวกนั้นผมก็มีความสุขแล้ว ถึงแม้ว่าจะแค่วันนี้วันเดียวก็เถอะ พี่พาผมกลับบ้านเถอะ แม่คงเป็นห่วงแย่แล้ว”

มาโกโตะถอนหายใจยาวๆ พยักหน้ารับรู้ ก่อนเดินไปหยิบกุญแจรถที่ยืมผู้จัดการไว้ มือถือของจุนโนะดังขึ้น สายเรียกเข้าเป็น

ทัตซึยะ มีอะไรกันนนะ

“ฮัลโหล จุนโนะ เรื่องใหญ่มากๆ นายอยู่ไหนเนี้ย !!” “อะไร มีอะไรเหรอ?” ทัตซึยะพูดเหมือนกระซิบ

 “ตอนนี้จินกับโคคิกำลังทะเลาะกับพ่อนาย อยู่ที่บ้านนายนะสิ!!” “หา!!”


“พวกเธอเป็นพวกเด็กเหลือขอรึไง ถึงไม่มีมารยาทกับผู้ใหญ่แบบนี้ “พ่อโกรธจนลุกขึ้นมา

“แล้วคุณลุงเป็นพ่อแบบไหนหล่ะที่บีบจนจุนโนะออกจากบ้านไปนะ” โคคิลุกขึ้นยืนตะโกนแข่งกัน

”โอ้ย!! ผมมาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อจะมาทะเลาะกับคุณลุงนะครับ” จินรีบเอามือกั้น พ่อกับโคคิให้แยกออกจากกัน

คาซึยะ ยูอิจิ ทัตซึยะ นั่งตัวลีบไม่กล้าจะพูดอะไร

“ฉันละกลัว พ่อจุนโนะเส้นเลือดในสมองแตกจริงๆมาเถียงกับเจ้า2คนนี้”

คาซึยอดขำไม่ได้ สถานการณ์แบบนี้ยูอิจิก็พูดเป็นเรื่องตลกออกมาได้

จุนโนะวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในบ้าน ทุกคนหันไปพร้อมๆกัน แม่ที่ยกน้ำชาเข้ามาเห็น มาโกโตะยืนแอบที่ข้างประตูก็ดีใจ
เข้าไปหา

 “ซาโตชิ กลับมาบ้านเถอะนะลูก” มาโกโตะได้แต่ยิ้มๆ

“กลับมาแล้วรึไง ไอ้ตัวดี ไปไม่รอดเหรอ” พ่อทำท่าจะเข้าไปตบหน้าจุนโนะ

จินวิ่งเข้าไปขวางจนโดนตบไปเอง จุนโนะตกใจ พ่อเองก็เหมือนกัน

 “คุณลุงครับ เลิกใช้กำลัง กับจุนโนะเถอะครับ เจ้านี่เป็นเด็กดีมากๆเลยนะครับ คุณลุงคงไม่รู้ว่า ตลอดเวลา เค้าไม่เคยทิ้งการเรียนเลย ทั้งที่ซ้อมเต้นจนเหนื่อยแต่เจ้าหมอนี่ก็ยังไปเรียนพิเศษไม่เคยขาด ไม่ว่าในห้องมีปัญหาอะไร ก็ทำหน้าที่หัวหน้าห้องให้ดีที่สุด ไม่ได้ทำตัวนอกลู่นอกทางสักนิด เรื่องที่เราไปเต้นกันนั้นก็ไม่ได้มั่วสุมในทางที่ไม่ดี ถ้าคุณลุงตั้งใจดูดีๆ จะเห็นว่าพวกเรามีความสุขแค่ไหน คนที่มาดูพวกเราสนุกแค่ไหน แล้วคุณลุงก็จะเข้าใจนะครับ “

พ่อจุนโนะเงียบไปนิดหน่อย เหมือนกำลังใช้ความคิด อย่างหนัก มาโกโตะยิ้มออกมา

“พ่อน่าจะดีใจมากๆเลยนะที่มีลูกที่นอกจากจะไม่ทรยศความฝันของตัวเอง ยังเป็นเด็กที่ดีมากๆ ทั้งๆที่ผมชวนให้เจ้านี่หนีออกจากบ้าน แต่ก็ไม่ยอมหนี เพราะแคร์ความรู้สึกของคนที่บ้านมากๆ ทั้งๆที่คนที่บ้านไม่เคยสนใจความรู้สึกของเค้าเลย “

จุนโนะมองดูหน้าพ่อ ด้วยแววตานิ่งๆ เศร้าๆ พ่อเม้มปาก เหมือนคิดอะไรในใจอย่างหนัก

“อยากทำอะไร ก็ทำ แต่ถ้าแกเอนทรานส์ไม่ติดนะ ฉันตีแกตายแน่ๆ”

พ่อพูดแบบไม่มองหน้าทุกคนแล้วก็ทำท่าเดินออกไป มาโกโตะยืนดูพ่อ พ่อหันมามองนิดหน่อย

“แกนะ ยังไงก็กลับมาบ้านบ้างนะ แม่เค้าเป็นห่วงแก”

โคคิตบมือกับยูอิจิเป็นสัญญาณว่าเรื่องผ่านไปด้วยดี คาซึยะยิ้มให้ทัตซึยะ จินกอดไหล่จุนโนะให้ดีใจได้เลย

“AUDITION เหรอครับ”จินทวนคำกับมาโกโตะ มาโกโตะพยักหน้า “ท่าทางพวกนายน่าจะทำได้ น่าจะไปเวทีที่ใหญ่กว่านี้ จะ
ให้ฉันช่วยก็ได้นะ”

จินยิ้ม “อืม ขอบคุณครับแต่ว่า พวกเราไม่ได้หวังที่จะเป็นนักร้องกันจริงๆนะครับ แค่เต้นเพื่อความสนุกแค่นั้น”

มาโกโตะหัวเราะ เจ้าพวกนี้เหมือนกันแบบนี้เองถึงได้มาอยู่ด้วยกันได้

 “อืมตามใจก็แล้วกัน แต่ยังไงก็พยายามกันต่อไปหล่ะ หวังว่าคงมีโอกาสได้เจอกันจริงๆนะ”

มาโกโตะเดินไปลาแม่ ก่อนออกจากบ้านไป

จุนโนะเดินมาส่งเพื่อนๆ

“นี่พี่ชายนายเป็นแมวมองเหรอ” ยูอิจิถามจุนโนะขึ้นมา “ไม่ใช่ พี่ฉันคือมาโกโตะ นักร้องที่ดังๆตอนนี้ไงหล่ะ“

“เฮ้ย อย่ามาหลอกกันเดะ พี่นายเนี้ยนะ!!”ยูอิจิท่าทางไม่เชื่อ

จุนโนะยักไหล่แบบจนปัญญาไม่เชื่อก็ตามใจสิ ยูอิจิอ้าปากค้าง

 “เฮ้ย จริงหรือเนี้ย โธ่ไปซะแล้วยังไม่ได้ขอลายเซ็นเลย โธ่ๆๆๆๆๆ”

ทัตซึยะกับโคคิได้แต่หัวเราะยูอิจิยกใหญ่

จินยืนหัวเราะยูอิจิอีกคน คาเมะมองจินแล้วก็ยิ้ม “มีอะไร อยู่ดีๆมองหน้าฉันแล้วยิ้ม”

“ไม่มีอะไร นายนี่เป็นคนดีจริงๆเลยนะ ตอนที่พูดให้จุนโนะน่ะ ถ้าเป็นฉันคงพูดไม่ได้หรอก” จินเอามือกอดคอคาซึยะไว้

 ”ฉันนะเป็นคนดีไม่เถียงอยู่แล้ว แต่นายก็ไม่ใช่คนเลวหรอกนะ ตอนนี้ปีกนายเพอร์เฟ็กซ์มากๆ “


คาซึยะยิ้ม “เลิกพูดเรื่องปีกเถอะน้า ดูเพ้อฝันชอบกล พี่ชายจุนโนะนี่เท่ห์ดีเนอะ”

จินยิ้มๆ อย่างน้อยคาซึยะก็มีพี่ชายคงนึกถึงมันขึ้นมาบ้าง

“เหงาเหรอ มาจะกอดให้ความอบอุ่นน้า” แกล้งกอด คาซึยะเอาไว้ ทุกคนหันมามอง คาซึยะอายพยายามดันจินออกไป

 “ปล่อยนะ ทำอะไรนะ ทุเรศจริงๆ” ยูอิจิ หลบมายืนรวมกับโคคิ จุนโนะ ทัตซึยะ ก่อนทำท่ากระซิบกระซาบ

 “นี่ๆเจ้า 2 คนนี่ แปลกๆแล้วนะ ตอนนั้นก็เมาท์ทูเมาท์กันซะดูดดื่ม”

คาซึยะได้ยินก็หน้าแดงจนถึงหู “เจ้าบ้าพูดอะไรออกมานะ “

ทุกคนก็หัวเราะออกมาเหมือนแกล้งๆงั้นแหละ จินหันมามองทุกคนแล้วก็ยิ้มๆออกมา

“พวกนายคงไม่ว่าอะไรนะที่ฉัน ปฏิเสธเรื่องไป AUDITION นะ” จินพูดออกมาแทรกเสียงหัวเราะของทุกคน

 “โอ้ย ฉันเข้าใจดี เรื่องที่จะไปเป็นดาราไรเงี้ย ฉันก็โดนชักชวนบ่อยๆอ่ะนะ แต่ขี้เกียจจะไปอ่ะ อยู่กับพวกบ้าๆอย่างงี้สนุกกว่า
แยะ”

ยูอิจิพูดออกมาพร้อมเก็กท่าดาราใหญ่ ทุกคนหัวเราะออกมาอีก

“ฉันว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วหล่ะ ถ้าไปสู่เวทีใหญ่แบบนั้น อะไรจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างเราก็ไม่รู้ได้”

คาซึยะหันมาพูดท่าทางจริงจัง

“อืมผมก็ว่าดี ถ้ายังไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งเลย ตอนนี้ผมยังเต้นผิดๆถูกๆอยู่เลย” ทัตซึยะระบายออกมาบ้าง

“สำหรับฉัน แค่ยังมีRAPให้ร้อง จะเป็นยังไงก็ไม่คิดมากอยู่แล้ว” โคคิพูดกวนๆตามแบบฉบับ

 “ฉันแค่ได้ไปเต้น แล้วพ่อไม่ว่าอะไรก็พอใจแล้วหล่ะ “

จุนโนะยิ้มตาหยี จินหลับตาพยักหน้ายิ้มๆ

“ขอบใจนะทุกคน ขอบใจที่เข้าใจฉัน” แล้วก็เข้าไปกอดคอยูอิจิกับคาซึยะเดินไปพร้อมกับทุกคน





ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #63 เมื่อ07-03-2007 19:27:13 »

ซึ้งกับความรักของเพื่อน :-[ :-[ :-[

ต่อไวไวนะรออยู่ :yeb:

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #64 เมื่อ07-03-2007 19:29:23 »

“เฮ ไปดูด้วยกันรึเปล่า รุ่นพี่เค้าร้องเพลงที่ลานหน้าสถานีรถไฟทุกเสาร์เลยนะ“

คาโต้ชวนคุซาโนะเสียงดัง คุซาโนะหันมามองทำหน้าเบื่อๆ

 “นายจะบ้ารึไง รุ่นพี่พวกนั้นเค้าร้องเพลง คนละแนวกับชมรมประสานเสียงของเรานะ” โคยาม่ารีบแย้งขึ้นมา

 “ไม่นะ เพลงช้าๆที่รุ่นพี่เค้าร้องกันนะ มีเทคนิคการร้องประสานเสียงเอาไว้ด้วย
แล้วกลุ่มนั้นก็ดังมากๆด้วย เด็กมัธยมแถวนี้เค้ารู้จักกันหมดแหละ “


“นั้นสิ ถ้าเกิดไปAUDITION คงดังเป็นพลุแตกแหง่ๆ ขนาดแสดงแค่ตรงนั้นยังมีคนไปรอดูทุกเสาร์เลย”

คาโต้รีบเสริม คุซาโนะทำหน้ามุ้ยๆก่อนเดินออกมาจากโต๊ะหนังสือในห้อง

 “พวกนายลืมไปแล้วรึไง ว่าในกลุ่มนั้นมีรุ่นพี่ ที่น่ากลัวมากๆอยู่นะ “หมายถึงคาซึยะนั้นเอง

“ไม่เป็นไรหรอกน่าเราไปดูเค้าร้องเพลงไม่ได้ไปชวนเค้าทะเลาะสักหน่อย ไปกันเถอะนะ”

ว่าแล้วก็ลากคุซาโนะไปด้วยกันทันที มาถึงลานที่เป็นที่แสดง ขณะยังไม่ได้เวลาคนก็มาออเต็มไปหมด เยอะมากโดยเฉพาะ

สาวๆ คุซาโนะทำหน้าเบื่อๆ แต่ก็ตะลึงกับจำนวนคนไม่น้อยเลย สำหรับการแสดงข้างถนนแบบนี้ ดีไม่ดีจะมากกว่า คนที่ไปฟัง

การร้องประสานเสียงในการแข่งขันบางครั้งด้วยซ้ำ คุซาโนะเดินไปไม่ทันดูกลุ่มคนที่เบียดๆออๆกันอยู่ก็เลยโดนเบียดจนจะล้ม

ลง มีมือผอมบางของใครบ้างคนคว้าแขนเค้าเอาไว้ คาซึยะนั้นเอง วันนี้สวมแว่นตาสีชากรอบใหญ่ เสื้อกล้ามสีเขียวทหารซ้อน

กล้ามดำตัวใน กางเกนยีนส์เซอร์ๆ ทำไมดูเท่ห์ขนาดนี้นะ ขนาดคุซาโนะเป็นผู้ชายเห็นก็รู้สึกว่าดูดีมากๆ พวกสาวที่เบียดเค้า

เมื่อกี้ไม่ต้องพูดถึง กรี๊ดสลบกันไปแล้ว

“เป็นไรรึเปล่า?” คาซึยะหันหน้ามาถาม คุซาโนะส่ายหัวไปมายังตะลึงไม่หาย จินที่สวมเสื้อกล้ามสีเทากับกางเกงสามส่วนเดิน

แบกของมาด้านหลังก็ท่าทางเท่ห์ไม่แพ้กัน ยิ้มให้กับคนที่มาดูอย่างเป็นมิตร สาวๆยิ้มกันไปหมด

 “ขอโทษนะครับ ช่วย เผื่อทางเดินให้ด้วยนะครับ “

สมาชิกคนอื่นๆเดินตามมากันเป็นแถวๆ ทั้งที่แต่งตัวด้วยชุดลำลองง่ายๆทั้งนั้น แต่รัศมีความเด่นก็ส่องประกายมาจากทุกๆ

คน คุซาโนะรู้สึกผิดแปลกไปจากรุ่นพี่ที่เค้าเห็นที่รร.โดยสิ้นเชิง คาโต้กับโคยาม่า เข้ามาใกล้ๆคุซาโนะ

 “เท่ห์มากๆเลย ทั้งที่รร.ไม่เห็นบุคคลิคแบบนี้กันเลยนะ” โคยาม่า เผลอพูดขึ้นมาลอยๆ

เสียงดนตรีเริ่มขึ้นทุกคนเงียบรอดูการร้องเพลงใจจดจ่อ เพลงแรกเป็นเพลงช้าท่วงทำนองใสๆ มีการร้องประสานเป็นช่วงๆ คุ

ซาโนะรู้สึกว่าวิเศษจริงๆ การร้องของคาซึยะไห้ ความรู้สึกที่ดีอะไรจะขนาดนี้นะ น่าเสียดายจริงๆที่เค้าไม่เคยมีโอกาสร้องเพลง

ร่วมกับคาซึยะในโบสถ์สักครั้ง หรือแม้แต่จิน ปกติที่ต้องร้องประสานในโบสถ์ ไม่เคยรู้เลยว่าน้ำเสียงจริงๆของจินจะเด่นออกมา

ขนาดนี้ ทัตซึยะที่น้ำเสียงเบาๆแต่ร้องเพลงช้าฟังแล้วจับใจ ยูอิจิคอยช่วยเสริมเสียงในส่วนที่ขาดหายไป จุนโนะเน้นการเต้น แต่

น้ำเสียงก็ดึงดูดความสนใจได้มาก โคคิไม่ต้องพูดถึง RAPได้น้ำเสียงของมือาชีพจริงๆ

คุซาโนะยืนดูอยู่ก็รู้สึกเสียดาย เสียดายที่มีแค่เค้าและคนอีกไม่มากเท่าไหร่ที่ได้ฟังเพลงและการแสดงที่เยี่ยมยอดนี้ ทำไมนะ

ทั้งหมดไม่ไปสู่เวทีที่ใหญ่กว่านี้ ไปสถานที่ คนอื่นๆจะได้เห็นมากกว่านี้ ……..

การแสดงจบลง ทุกคนนอกจากต้องเก็บของแล้วยังแบกหอบขนมกองโตที่แฟนของแต่ละคนให้มาอีกด้วย

 “รู้สึกยิ่งนานวันตัวเองจะกลายเป็นไอดอลไปแล้ว” จินบ่นออกมาขณะแกะทอฟฟี่ออกมากินพลางเก็บของไปด้วย

 “น้านสิ ดูดิขนาดไม่ได้ร้องไม่ได้เต้นยังมีคนมาดูเลยนะ” พูดจบยูอิจิหันไปยิ้มพลางโบกมือให้กลุ่มสาวๆที่ยังยืนดูอยู่ห่างๆ 2-3

กลุ่ม คาซึยะยิ้มออกมา พร้อมกับเก็บของต่อไป สายตาก็ไปจะเอ๋กับคุซาโนะ

โคคิที่หันไปเห็นเหมือนกันก็หัวเราะออกมา

 “แฟนๆที่เป็นผู้หญิงก็พอทนนะ แต่เป็นผู้ชายด้วยกันนี่…น่ะ”

คาซึยะแบ่งขนมออกมาส่วนหนึ่งแล้วยื่นให้คุซาโนะ “เอาขนมนี่ไปกิน แล้วกลับบ้านไปได้แล้วนะ”

คุซาโนะรู้สึกอายๆที่ถูกปฏิบัติ ด้วยเหมือนเด็กๆ “ไม่ใช่อย่างงั้นนะครับ!! “

ทุกคนหันมาดูพร้อมๆกัน เพราะว่าเสียงดังเหลือเกิน

“ผมแค่อยากจะบอกว่า เสียดายมากถ้าพวกรุ่นพี่จะแสดงอยู่แค่ตรงนี้ !!” พูดจบก็วิ่งหนีออกไป

“พูดอะไรของเค้านะ?” ทัตซึยะทำท่าสงสัย ทุกคนหันมามองหน้ากัน แล้วก็ยักไหล่ เก็บของต่อไป

คาซึยะจับถุงขนมนั้นไว้ หันไปเห็นจินที่ท่าทางก็ติดใจกับคำพูดของคุซาโนะเหมือนๆกัน


เย็นวันนี้คาซึยะออกมานั่งคิดถึงคำพูดของคุซาโนะเงียบๆที่ระเบียงจินเดินออกมาที่ระเบียงของห้องตัวเองเหมือนกัน

 “คิดอะไรอยู่เหรอ “ จินกล่าวทักออกมา คาซึยะยิ้มๆ “ลองทายมาสิ นายมีพลังจิตไม่ใช่เหรอ “

จินยิ้มแล้วทำปากเบ้ๆ “ก็ได้ๆ จะลองทายดู“จินแกล้งเอามือจับที่หน้าผากเหมือนพวกมีพลังจิตจริงๆ

”กำลังคิดถึง ผู้หญิงใส่ชุดว่ายน้ำทูพีซ!!” คาซึยะพ่นหัวเราะออกมา เหมือนเสียฟิวส์ “บ้านะสิ …..ไม่ใช่เฟ้ย!!”

“ล้อเล่นน่า ล้อเล่น!! กำลังคิดถึงคำพูดของฮิโรโนริงั้นเหรอ ” คาซึยะยิ้มสงสัยจะมีพลังจิตจริงๆนะเนี้ย “อืม”


“เท่าที่พูดออกมาแบบนั้นก็แสดงว่า เค้ายอมรับตัวนายน่ะ แต่ก่อนนั้นเค้าไม่ยอมรับนาย เพราะเห็นนายใช้กำลัง แต่พอมาฟัง
เพลงที่นายร้องก็ทำให้ทุกอย่างกลับกันไปเลย” จินร่ายยาว


“ใช่ ฉันรู้สึกดีนะ เวลาที่ร้องเพลง ถึงฉันจะเป็นคนที่สังคมอาจจะไม่ยินดีต้อนรับ แต่เมื่อฉันร้องเพลง เรื่องเลวร้ายก็ดูเหมือนจะ

หายไป ทุกคนจะลืมมันไป แล้วเปิดใจยอมรับ”คาซึยะพูดดวงตาเป็นประกาย


“นายพูดเหมือนโคคิเลย เจ้านั้นแต่ก่อนก็รู้สึกว่าตัวเองแย่ แต่ตั้งแต่ที่เริ่มร้องเพลง คนก็ชอบในสิ่งที่หมอนั้นเป็นได้ ลักษณะของ
คนร้องRAP BAD – BOY ไงหล่ะ”


จินกับคาซึยะอดหัวเราะออกมาพร้อมกันไม่ได้ จินหน้าตาเคร่งขึ้นมา

 “หรือว่า ถึงเวลาที่เราจะไปเวทีที่ใหญ่ขึ้นแล้วจริงๆนะ “

คาซึยะก้มหน้าลงนิดหน่อย รู้สึกช่วงเวลาที่ได้ไปร้องเต้นในช่วงปิดเทอมนี้สั้นนิดเดียวนับตั้งแต่ครั้งแรกที่พี่ของจุนโนะชวนให้ไป
AUDITION

 “ฉันเชื่อนาย ถ้านายตัดสินใจอะไรลงไปฉันคิดว่ามันน่าจะดีที่สุดสำหรับพวกเรานะ”



taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #65 เมื่อ07-03-2007 19:30:53 »

จินเดินกลับมาที่ห้อง พรุ่งนี้ทุกคนนัดไปทะเลไปเที่ยวด้วยกันครั้งสุดท้ายก่อนเปิดเทอม จินจะคุยเรื่องเกี่ยวกับการ

AUDITION กับทุกๆคน รู้สึกเวียนหัวขึ้นมานิดๆ เดินไปที่ห้องน้ำ เปิดตู้ในห้องน้ำเบาๆ สีหน้าเศร้าๆ ก่อนหยิบยาในตู้ ออกมาใส่ปาก แล้วเดินไปนอน

“ไม่เข้าใจทำไมถึงต้องมาทะเลที่ไกลๆด้วยน้า” คาซึยะบ่นขณะที่แบกข้าวของพะรุงพะรัง

 “อ้าว ถ้าไปหาดที่เราชอบไปเล่นกันทุกวันก็ไม่เหมือนเที่ยวนะซี่” ยูอิจิพูดพอหาที่เหมาะได้ทำการกางร่มออก

 ทัตซึยะที่ปูผ้ายางอยู่ก็ช่วยสนับสนุน “แล้วที่นี่คนก็เยอะ ครึกครื้นกว่าที่เราไปเล่นกันด้วยนะ”

“ที่สำคัญที่นี่มีผู้หญิงในชุดว่ายน้ำเยอะด้วยใช่มั้ยหล่ะ” โคคิที่ช่วยแบกของตามมาพูดแบบรู้ทัน

 “เออ ชีวิตวัยหนุ่มของฉันเนี้ยผ่านมาตั้งขนาดนี้ ยังหาแฟนไม่ได้เพราะขลุกอยู่กับวกแกนะแหละ ขอสักครั้งเถอะนะ นะ “

 ยูอิจิเอามือตบไหล่โคคิเหมือนขอร้อง “ผมด้วยๆ” ทัตซึยะยกมือเหมือนเด็กๆ “ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย !!”

โคคิกับคาซึยะพูดพร้อมกัน สาวๆในชุดว่ายน้ำผ่านมายูอิจิกับทัตซึยะรีบมองกันตาไม่กระพริบ แต่พวกเธอกลับส่งยิ้มให้คาซึยะ

กับโคคิแทน สองคนท่าทางอายๆเหมือนกัน ยูอิจิกับทัตซึยะเลยเดินมาตบหัวทั้งคู่

“โธ่เอ้ยตัวเองก็เหมือนกันนะแหละ ไม่เกี่ยวทำเป็นยิ้มทำไมหล่ะ”

จุนโนะเห็นพวกนี้ทะเลาะกันก็ส่ายหัวด้วยความเคยชิน จินที่เดินตามมาท่าทางไม่ค่อยดีนัก

 “ท่าทางไม่สบายเลยนะ เป็นไรรึเปล่า? “จุนโนะถาม จินขยับแว่นกันแดดขึ้นคาดผม

 “ไม่เป็นไร เมื่อคืนนอนไม่หลับก็เพลียนิดหน่อยน่ะ” พูดจบก็นั่งลงที่เก้าอี้พับที่เอามาด้วย จุนโนะ ทาครีมกันแดด ที่ตัวก่อนจะ

ลงทะเล ก็เห็นเหมือนมีคนจ้องอยู่ จินที่นอนพักก็หันมามองตาม กลุ่มนร.ม.ปลายหญิงกลุ่มนี้คุ้นๆว่าจะไปดู พวกเค้าแสดงหลาย

ครั้งอยู่ จินกับจุนโนะยิ้มให้ตามปกติ พวกนั้นก็เดินเข้ามาหา

“ดีใจจังเลยที่เจอพวกคุณมาเที่ยวที่นี่ด้วย” หนึ่งในกลุ่มนั้นกล่าวทัก ยูอิจิ ทัตซึยะไม่ผลาดรีบวิ่งมาที่จินกับจุนโนะอยู่ สาวๆหัน

มามองยิ้มๆกัน “ว้าว มากันทั้งกลุ่มเลยเหรอ ยอดไปเลยนะ” “ดูพวกคุณสนิทกันดีจัง “

“โอ้ยไอ้เรื่องสนิทนะไม่ต้องพูดถึงเลยครับ” “ใช่แล้วไปไหนไปด้วยกันอยู่แล้ว”


แล้วพวกสาวๆก็หัวเราะคำพูดของยูอิจิกับทัตซึยะกันใหญ่ จินได้แต่ยิ้มน้อยๆ จุนโนะเองก็หัวเราะออกมาอายๆ โคคิกับคาซึยะ

ไม่ร่วมวงด้วยดีกว่า เพราะวางตัวกันไม่ค่อยถูก


“ว่าแต่ว่ามาพร้อมกันที่นี่ น่าจะร้องสักเพลงนะคะ” สาวคนนึงในกลุ่มเสนอออกมา

“จริงด้วยถ้าเล่นที่นี่ คนที่ไม่มีโอกาสไปที่ลานนั้นก็จะได้ดูด้วย” จินท่าทางเหนื่อยๆหันหน้าหนีทันที

คาซึยะเห็นอาการแปลกก็เลยพูดออกมาอย่างสุภาพ

 “ เอ่อ คงไม่สะดวกหรอกนะวันนี้ เพลงก็ไม่มี เครื่องเสียงด้วยแล้วที่สำคัญวันนี้พวกเรามาพักผ่อนกันน่ะ”

“ว้าแย่จังเลย ไม่เป็นไรหรอก เอาไว้เดี๋ยวพวกฉันไปดูที่ลานหน้าสถานีอีกก็ได้นะ แล้วเจอกันจ๊ะ”

คนนึงในกลุ่มกล่าวออกมา แล้วพวกเธอก็เดินจากไป จินที่ทำท่าเหมือนหลับก็ลุกขึ้นมาทันที ทุกคนหันมามองพร้อมๆกัน

“ในเมื่อมีคนเค้าต้องการพวกเรากันขนาดนี้ ไปกันเถอะไป้ ไปAUDITION กันเถอะ “

ทุกคนงง คิดว่าจินละเมอหรือไม่ก็พูดเล่น จินส่ายหัวไปมา

“ไม่ได้พูดเล่นพูดจริงๆ พอปิดเทอมหน้าหนาวเราก็ไปกันเลย!!”

ทุกคนท่าทางตื่นเต้นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จริงๆแล้วก็อยากไป AUDITION กันแล้วสินะจินเห็นก็ยิ้มออกมา

 คาซึยะพยักหน้าให้ยิ้มๆ จินเองก็ยิ้มตอบ ก่อนชวนทุกคนไปเล่นน้ำกัน

โคคิรู้สึกเล่นน้ำมากจนหิวน้ำเดินขึ้นมาหาน้ำกินหน่อยดีกว่า แล้วโคคิก็ชนกับใครบางคนเข้า “เฮ้ยเดินระวังหน่อยสิ !!”

ท่าทางหาเรื่อง โคคิมีหรือจะยอม

 “แกนั้นแหละ……เฮ้ย ชินโง!!” อีกฝ่ายก็ตกใจเหมือนกัน

“ เฮ้ย!! โคคิ คิดว่าแกจะตายไปแล้วซะอีก “ โคคิยิ้มกับคำทักทาย “ไอ้บ้า เจอกันก็ทักแบบนี้เลยเหรอ แกนี่…”


“เฮ้ย ไม่ได้พูดเล่น พูดจริงๆ ก็ซุบารุมันออกจากคุกมาแล้ว มันแหกคุกออกมาแล้วแกก็รู้มันติดคุกเพราะใครมันออกมา ใครที่ที่
น่าอันตรายหล่ะ “


แค่ได้ยินชื่อขึ้นมา โคคิก็รู้สึกแขนขาชาไปเลย ซุบารุออกจากคุกแล้วเหรอ……………..

chapter 11 end
to be con.....................

รางร้ายกำลังจะมา  :monkeycry4:    คอมคุณทุกคอมเม้นนะงับ :yeb:



ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #66 เมื่อ07-03-2007 19:40:50 »

ทันใจดีจัง :yeb:

สงสารโคคิจะเกิดอะไรขึ้นนะ :confuse:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #67 เมื่อ07-03-2007 20:07:28 »

เหอเหอ ลางร้ายจริง ๆ ด้วย  :เฮ้อ:
ขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดีนะ  :yeb:
สู้เค้าโคคิ  :yeb:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #68 เมื่อ08-03-2007 00:23:51 »

พยายามเข้านะทุกคนนนนนนนนนนน  :โหลๆ: :โหลๆ: :โหลๆ:

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #69 เมื่อ09-03-2007 16:27:31 »

chapter12


“โคคิ มัวใจลอยอะไร ท่อนRAP ตรงนี้OKมั้ย” จินเรียกเสียงดัง จนทุกคนหันมามอง โคคิหันมาทำหน้าเหรอ

 “อืม ได้ๆ ไงก็ได้ ฉันปรับได้อยู่แล้ว “ “แกนะเนื้อร้องไม่เหมือนชาวบ้าน เวลาจริงมั่วไปกับใครเค้าไม่ได้นะเฟ้ย!!”

ยูอิจิเอามือท้าวคางบ่นใส่โคคิ ”เข้าใจหรอกน่า เมื่อคืนมีงานเข้าที่อู่เลยทำดึกไปหน่อย”

โคคิเอาเนื้อเพลงตัวเองมาดูอย่างตั้งใจ

ใบไม้รอบรร.เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว อากาศก็เริ่มหนาวขึ้น ตั้งแต่วันสุดท้ายของปิดเทอมหน้าร้อน หลังจากกลับจากเที่ยวทะเลทุกคน

ไปเล่นดอกไม้ไฟต่อที่รร. ทุกคนสัญญาว่าปิดเทอมหน้าหนาวจะไป AUDITION ด้วยกันที่โตเกียว และทุกคนต้องทำให้สำเร็จ

แต่มีบางอย่างที่ติดค้างในใจคาซึยะอยู่ ในคืนนั้น จินพูดอะไรบางอย่าง

“ถ้าพวกเรารวมตัวกันอยู่ครบทั้ง 6 คนตลอดไปก็ดีนะ “

แสงของดอกไม้ไฟที่ทอขึ้นมาที่ใบหน้าของจินตอนนั้น เห็นแววเศร้าๆลึกๆ

 “บ้าเหรอ ยังไงพวกเราก็ต้องอยู่ด้วยกัน 6 คนยังงี้ตลอดไปนั้นแหละ “

คาซึยะพูดออกมาทั้งที่ใจไม่ค่อยดี จินหันมายิ้มแบบเด็กๆ “อืม นั้นสิเนอะ!!”

ดอกไม้ไฟวันนั้นสวยงามอยู่ชั่วพริบตาแล้วก็ดับมอดไปที่สุด คาซึยะไม่เคยเล่าเรื่องที่จินพูดวันนั้นให้ใครฟัง เค้าปล่อยให้มัน

เงียบไปเหมือนดอกไม้ไฟวันนั้น ต่อมาไม่นาน พี่ชายจุนโนะก็ส่งข่าวการประกวด นักร้องที่รับเป็นกลุ่ม พวกเค้าทั้งหมดจึงตั้งใจ

ไปแข่งขันในการประกวดนี้ซึ่งจะมีในช่วงปิดเทอมหน้าหนาวแทนการไป AUDITION เพราะถ้าชนะการประกวดนี้

 ก็จะได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินในค่ายเพลงทันที

จินเร่งรีบทำเพลงและท่าเต้น ท่าทางจริงจังตลอด คาซึยะรู้สึกเหมือนจินพยายามทำความฝันให้เป็นรูปเป็นร่างไม่ใช่แค่ความ

ฝันของตัวเองแต่เป็นความฝันของทุกๆคน คาซึยะเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกันเค้าก็พยายาม

พยายามทำในส่วนของตัวเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

จินนั่งแต่งเนื้อเพลงให้เข้ากับทำนองที่ทัตซึยะแต่งไว้ให้ ที่เก้าอี้นั่งหน้าหอ ใบไม้สีส้มแดงร่วงหล่นเต็มพื้น จินที่นั่งอยู่กับทิวทัศน์

เบื้องหลัง ดูราวกับภาพวาด คาซึยะเดินเข้ามานั่งข้างๆ จินหันมามองก็ยิ้มน้อยๆก่อนกลับไปตั้งใจแต่งเพลงต่อไป คาซึยะหัน

หน้ามามองจิน ซีกหน้าด้านข้างของจินดูดีมาก

ติดก็แต่ว่าดูผอมกว่าแต่ก่อนไปเยอะ ผมก็เริ่มยาวไม่มีเวลาไปตัดให้เรียบร้อยรึไงนะ


“ที่นี่เวลาฤดูใบไม้ร่วงสวยดีนะ ใบไม้เปลี่ยนสีตลอดทางเดินไปรร.เลย”

 คาซึยะชวนคุยขึ้นมา จินเงยหน้าขึ้นมามองดูบรรยากาศรอบๆ


 “ฉันอยู่ที่นี่มา3ปี ชอบทุกฤดูของที่นี่ รักมากด้วย ไม่ว่า ฤดูฝน ร้อน หนาว ใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วง สวยงามแตกต่างกัน เสียดายที่ไม่
ได้เกิดที่นี่นะ แต่ถ้าตายก็อยากตายที่นี่”


“ฉันเองก็รักที่นี่ ที่นี่สวยงาม มีความทรงจำมากมายด้วย ถึงแม้ว่าฉันจะมาอยู่แค่ปีเดียว ฉันอยู่ที่โตเกียวมาทั้งชีวิต แต่หาเพื่อนที่เป็นเพื่อนจริงๆไม่ได้สักคน แต่มาอยู่ที่นี่แค่ปีเดียวฉันได้มาตั้ง5คน น่าตลกมั้ย”

จินกับคาซึยะย้อนคิดถึงเรื่องราวตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน เรื่องราวมากมาย

 ทั้งคราบเลือดน้ำตา เสียงหัวเราะ ร้องไห้ ต่างผ่านกันมาด้วยกันทั้งนั้น

“จิน ฉันว่านายเพลาเรื่องประกวดหน่อยก็ได้นะ นายดูผอมเกินไปแล้ว”

คาซึยะกล่าวออกมาเพราะเป็นห่วง จินเอามือจับแก้มตัวเอง แล้วก็เอาไปจับแก้มคาซึยะ

 “นายน่ะแหละผอมกว่าฉันแยะเลย “

“นายนี่จริงๆเล้ยเอาเป็นว่า ฉันว่านายทำไปตามธรรมชาติก็พอ พวกเราไม่ได้หวังจะเป็นนักร้องจริงจังขนาดนั้น แค่อยากให้คนอื่นๆได้ฟังเพลงของเราบ้างแค่นั้น เข้าใจป่าว”

เอามือชี้หน้าจิน จินยกมือขึ้นทำท่าเป็นตำรวจ “เข้าใจแล้วครับผม” คาซึยะหัวเราะก่อนเดินเข้าหอไป

จินถอนหายใจออกมา หน้าตาเศร้าๆก่อนเปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมา

เดือนหน้านี้มีนัดสำคัญที่โตเกียวจินปิดมือถือลง แล้วหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน

โคคิกำลังทำงานในอู่ จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น โคคิเอื้อมมือไปหยิบมา หน้าจอแสดงคนโทรเข้า

 “มุราคามิ ชินโง” โคคิใจคอไม่ค่อยดีก่อนรับโทรศัพท์

“ฮัลโหล มีอะไรรึเปล่า ฉันกำลังทำงานอยู่นะ”

“เออ โทษที แต่ว่ามีข่าวของซุบารุอีกแล้วน่ะ แกรู้เรื่องรึยัง ที่มันเงียบไปตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนที่แหกคุกออกมานะ“

เสียงตามสายท่าทางร้อนรน

“อืม ที่นายบอกว่า ดูมันเงียบไปจนน่ากลัวใช่มั้ย!!”

“โคคิ ตอนนี้ ยู นะมันตายแล้วนะ………..”


ได้ฟังแค่นั้น มือแทบจะไม่มีแรงถือโทรศัพท์ต่อ ยูตายแล้วเหรอ ยูที่เป็นคนสนิทที่สุดของซุบารุตายไปแล้วเหรอ

“ฉันกลัววะ ตอนนั้นที่เราถอนตัวแล้วทำให้ซุบารุ มันติดคุก เราคิดถูกรึเปล่าวะ มันคงแค้นเรามากๆแน่ๆ ตอนนี้ยูก็ตายไปแล้ว ต่อไปจะเป็นใคร ฉันหรือแก…….”

โคคิชักจะมีอารมณ์

“เงียบเถอะน่า แกจะมาขี้ขลาดอะไรตอนนี้ ถ้าตอนนั้นเราไม่ทำยังงั้น มันก็คงไม่ให้เราถอนตัวออกมาจากการค้ายาของมัน เราคงโดนฆ่าไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วหล่ะ อย่างน้อยพวกเราก็ได้มีชีวิตอยู่อย่างคนปกติเค้าบ้างนะแหละ !!”

ปลายสายเงียบไปพักนึง

 “เออๆ ที่นายพูดก็ถูก เอาเถอะฉันจะหนีไปอยู่ที่ไกลๆสักพักแก ที่อยู่กับที่แบบนี้นะ ก็ระวังตัวด้วยนะ “

“ขอบคุณนะ ที่โทรมาบอก” โคคิวางหูโทรศัพท์ลง นั่งลงทำงานจนเสร็จ ไม่ช่วยให้จิตใจสงบขึ้นมาได้เลย โคคิเดินไปซื้อบุหรี่

จากตู้สาธารณะ เดินแบบสังกะตายไปนั่งที่ท่าเรือข้างๆอู่อากาศหนาวเย็นขึ้นมา

ใกล้จะถึงหน้าหนาวแล้วเหรอหรือว่า จิตใจของเค้ากันแน่ถึงรู้สึกหนาวขนาดนี้

โคคิจุดบุหรี่สูบ แล้วคิดย้อนไปถึงเรื่องในอดีต กลุ่มที่เค้ามั่วสุมอยู่ มีที่สนิทสนมกันมากมี4คน

โคคิเป็นคนที่อายุน้อยที่สุด ที่เหลือก็เป็นชินโง ยู และซุบารุ ซุบารุ คนนี้เป็นคนน่ากลัวบ้าบิ่นและเลือดเย็นที่สุดในกลุ่มทุกทางที่

จะได้เงิน ต่อให้เลวร้ายขนาดไหน ซุบารุก็ทำ หมอนี่เคยฆ่าคนตอนอายุ 15 ถูกจับเข้าสถานกักกัน2ปีก็ออกมา

ดังนั้นซุบารุจึงกลายเป็นหัวหน้ากลุ่มไป หมอนี่เป็นเอเย่นคอยขายยาให้กับเด็กนร.มัธยม โคคิก็เคยช่วยส่งยา2-3ครั้ง ไม่ค่อย

ชอบนักแต่ก็ต้องทำเพราะซุบารุเป็นคนน่ากลัว ตอนที่โคคิได้รู้จักกับจินและยูอิจิ คิดจะถอนตัว ซุบารุ ไม่ยอมทำร้ายร่างกายโคคิ

และขู่ว่าจะฆ่าทิ้งซะ โคคิไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี พอดีมีชินโง กับยูที่อยากถอนตัวเพราะทนความน่ากลัวของซุบารุไม่ไหว และคิดจะ

ใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้สักที โคคิเลยชวนไปเป็นพยานให้ตำรวจจัดการจับซุบารุเข้าคุกไป โคคิยังจำสายตาของซุบารุในวันนั้น

ได้ น่ากลัวเหมือนเคียดแค้นและอยากจะฆ่าคน


“อ๊ะ!! เด็กเลว!!” โคคิตกใจจนบุหรี่หลุดมือ “เฮ้ย ไอ้บ้าร้องซะดังตกใจหมดเลย” เจ้าของเสียงดังตะโกนออกมาอีก

 “แกสิบ้า เลวใหญ่แล้วนะแกอ่ะ มานั่งสูบบุหรี่ สูดเข้าไปสิ มะเร็งนะสูดเข้าไปเยอะๆ”

 โคคิรู้สึกผิด”นานๆทีน่า” แล้วก็เอาเท้าเหยียบบุหรี่ที่พื้นทิ้ง ยูอิจิแบมืออกมา

โคคิทำเป็นไม่เข้าใจ “อะไร?” ยูอิจิกระดิกมือ “เอาออกมาเลย ทั้งหมดที่มีน่ะ” โคคิควักกล่องบุหรี่ออกมาแบบเสียดาย

 ยื่นให้ยูอิ ได้มาโยนเล่นนิดหน่อยก่อนขว้างทิ้งลงทะเลไป “แกเป็นเพื่อนหรือแม่ฉันกันแน่วะเนี้ย” ยูอิจิกระโดดมานั่งข้างๆ

“จะให้ฉันเป็นแม่แกก็ได้ เพราะแกไม่มีแม่นี่นา ฉันรักแกนะเว้ย เป็นห่วงแก ถ้าไม่รักแกนะ ฉันไม่สนใจหรอกจะบอกให้!!”

 ยูอิจิพูดพร้อมบิดแก้มโคคิไปมา “เออๆ!! พอทีๆ มันเจ็บเว้ยรู้แล้ว่ารัก พอซะที แล้วนี่มาทำไมเนี้ย!!”

“อะไร แกก็จะขับไล่ไสส่งฉัน อีกเหรอ ไปเป็นเพื่อนเที่ยวหน่อยเด้!!” โคคิเอามือเกาคอ

 “นี่ไปชวนมาหมดแล้วเหรอ ฉันต้องเฝ้าที่อู่นะเผื่อมีงานเข้า”

“เออ ดีจริง จินไปธุระ คาซึยะอยากนอน จุนโนะท่องหนังสือ ทัตซึยะไปกับทางบ้าน นายมีงานอีก คือสรุปว่าเนี้ยมีฉันคนเดียวที่มี
ชีวิตไร้สาระใช่มั้ยครับ!!”


โคคิหัวเราะออกมากโชคดีนะที่มียูอิจิอยู่ด้วย เรื่องกังวลเมื่อกี้แทบไม่อยู่ในหัวอีกเลย

จินรวบรวมเอกสารการรักษาทั้งหมดลงกระเป๋า หมอที่เคยรักษาอาการทางจิตของคาซึยะหันมาเห็นจินก็รีบทักออกมา

 “เฮ!! เจ้าหนู ได้เจอกันอีกจนได้นะ สบายดีรึเปล่าเรา” จินเห็นหน้าหมอก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ

 “ เย้!! คุณหมอ ยังไม่ถูกไล่ออกอีกเหรอครับ “

“ดูทักเข้าสินายเนี้ย…เออมีเด็กที่ชื่อ อะไรน้า อืม อ้อ คาเมนาชิไปหานายบ้างมั้ย” จินตาลุกวาว

“คุณหมอนี่เองที่เป็นคนให้เทปเจ้านั้น วุ่นวายมากเลยนะหมอ เรื่องมากมายเลย แต่สุดท้ายก็OKอ่ะ ตอนนี้เจ้านั้นมีความสุขดี

ครับ ไม่คิดอะไรแบบเก่าๆอีกแล้ว หมอต้องแบ่งเงินเดือนให้ผมนะ ที่ทำให้เจ้านั้นหายได้” หมอเกาหัวขำๆ


 “อืมๆ อย่างน้อยหมอก็ทำเรื่องที่ถูกลงไปหล่ะนะ อ้าวจะกลับแล้วเหรอ “ จินพยักหน้า “ครับ เดี๋ยวจะไม่ทันรถไฟเที่ยวเย็น ผมไปก่อนนะครับ” หมอพยักหน้ายิ้ม “เจ้านี่ร่าเริงตลอดดีจริงๆ”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2007 16:43:47 โดย taebin7 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ##WITH NO NAME##
« ตอบ #69 เมื่อ: 09-03-2007 16:27:31 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #70 เมื่อ09-03-2007 16:41:37 »


หมอเหลือบไปเห็นแฟ้มประวัติของจิน คราวที่แล้วค้นหาที่อยู่ให้คาซึยะไป ไม่ได้สังเกตเลยว่า ป่วยเป็นอะไร ขอดูสักหน่อยคงไม่

เป็นไรมั้ง หมอพลิกแฟ้มออกดูช้าๆ สีหน้าของหมอเปลี่ยนไปเมื่ออ่านชื่อโรคที่บันทึกเอาไว้ ก่อนปิดแฟ้มลงด้วยสีหน้าตกใจ

จินขึ้นรถไฟมาแล้วก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมารุนแรงมาก ค่อยๆเซไปนั่งที่นั่งช้าๆ ควานหายาในกระเป๋ากลืนลงไปอย่างยากลำบาก

รู้สึกหายใจไม่ถนัด หอบถี่ขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้หัวเบลอไปหมด อยากเจอหน้าเพื่อนๆขึ้นมา

คาซึยะรู้สึกเป็นห่วงจินขึ้นมาแปลกๆ เลยมาเตร็ดเตร่ในเมือง แล้วเลยมารอรับจินที่สถานีรถไฟ อากาศที่นี่หนาวเร็วกว่าที่

โตเกียวมาก คาซึยะสวมเสื้อสองชั้นยังรู้สึกหนาวอยู่เลย กระชับผ้าพันคอให้เข้าที่ มองดูแสงไฟที่ประดับตกแต่งทั่วบริเวณนั้น

แม้ไม่ฟู่ฟ่าเท่าที่โตเกียว แต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นใจมากกว่า ใกล้จะถึงคริสมาสแล้ว อีกไม่นาน หิมะคงจะตก

จินลืมตาขึ้นช้าๆอาการค่อยดีขึ้นแล้ว แต่หวาดกลัวในใจแปลกๆ อยากเจอใครสักคน คาซึยะ………. ถ้าประตูรถไฟเปิดออกแล้วได้

เห็นหน้าเจ้านั้นคงจะดีไม่น้อย เหมือนเค้ามีพลังจิตที่เข้มแข็งยังไงอย่างงั้น ปากที่เป็นสีชมพูซีดยิ้มออกมา ประตูรถไฟเปิดออก

คาซึยะยืนอยู่ตรงนั้นจริง หน้าตาบูดๆเหมือนเด็กๆที่รอคอยอะไรบางอย่าง จินเดินเข้าไปหาโดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้เรื่อง

“เอ้ย..!!”คาซึยะร้องออกมาอย่างตกใจ จินเอาหัววางไว้ที่หัวไหล่ของเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่ “อะไร เป็นอะไรเหรอ ไม่สบายรึไง”

คาซึยะถามออกมา ท่าทางจะอายๆนิดหน่อย ที่คนเพิ่งออกจากรถไฟมองกันใหญ่ จินเงยหน้าขึ้นยิ้มแช่งแบบเด็กๆ

 “อืม หนาวมากๆๆ” คาซึยะทำหน้าแบบผู้ใหญ่ดุเด็กๆ “ก็ดูใส่เสื้อเดะ แจคเก็ตบางขนาดนั้นเอ้า”

คาซึยะดึงผ้าพันคอออกมาพันให้จิน จินรู้สึกความหวาดกลัวมั่วครู่หายไปจนหมดสิ้น

”มารับฉันเลยเหรอ!!”

 “ไม่ใช่สักหน่อย มาเดินเล่นในเมืองต่างหาก แล้วเห็นว่าใกล้เวลารถไฟมาก็เลยแวะมาดูเท่านั้น”

นิสัยอย่างงี้ทุกที ชอบปิดบังความรู้สึกนักนะเจ้านี่ แต่ช่างเถอะ แค่รู้ว่าเจ้านี่เป็นห่วงก็พอแล้ว ถึงไม่บอกก็รับรู้ได้ด้วยความรู้สึก

รู้สึกว่าตอนนี้ชีวิตมีความสุขมากๆ อยากให้เวลามันหยุดอยู่ตรงนี้นานๆ

 “ตอนนี้ฉันมีความสุขจัง พวกเราทุกคนอยู่ด้วยกัน มันดีจังเลยนะ” ขณะเดินไปตามทางที่จะกลับหอจินก็พูดออกมา

 คาซึยะออกจะงงๆ นิดหน่อย

“อืม ดี ฉันก็รู้สึกดี แต่ว่าความสุขมันเป็นสิ่งที่เปราะบางมากนะ พ่อเคยบอกฉันว่าความสุขมักจะอยู่กับเราแป๊บเดียว ไม่ทันรู้สึกตัวมันก็จะหายไป แต่ความเจ็บปวดความทุกข์จะอยู่กับเรานาน เป็นสิ่งที่แข็งแรงแล้วก็อยู่ได้นานกว่ามาก ขณะที่มีความสุขก็ยังหวนคิดถึงความทุกข์ขึ้นมาได้เลย”

 จินได้ยินก็ทำหน้าบู้ “นี่นายพูดอะไรให้ใจฉันหดหู่ไปเนี้ย……” คาซึยะเพิ่งรู้สึกตัว

 “อ้าขอโทษ ก็ฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความสุขนะ พอมีก็เลยระแวงเป็นพิเศษกลัวว่ามันจะหายไปไง “ จินยิ้ม

 “อย่าคิดมากเลยน่า ถ้ามันทำท่าจะหายนายก็มาบอกฉันนะ จะไปเค้นคอให้มันกลับมาหานาย”

คาซึยะพยักหน้าขำๆ แล้วละอองสีขาวอ่อนนุ่มเย็นเหยียบก็ตกลงมากระทบผิวหน้าของจิน “อว๊า!!!! หิมะตกแล้ว !!”

คาซึยะเงยหน้าขึ้นไปดู จริงๆด้วยหิมะกำลังตก หิมะแรกของปีนี้ จินรีบยกมือถือขึ้นมากดทันที คาซึยะหันมามองจินงงๆ

 “ทำอะไรเหรอ” “โทรไปบอกเจ้าพวกนั้นไง ว่าหิมะตกแล้ว ให้พวกนั้นดูหิมะแรกพร้อมๆกันไง” คาซึยะยิ้ม

 “อ๋อ อืม เดี๋ยวฉันจะช่วยโทรไปบอกด้วยก็แล้วกัน”

จุนโนะรับโทรศัพท์แล้วก็กระโจนจากกองหนังสือไปเปิดหน้าต่าง “ตกแล้วจริงๆด้วย”

ทัตซึยะที่อยู่ในร้านอาหารกับครอบครัวได้รับโทรศัพท์ก็มองออกไปที่กระจกหน้าต่างของร้าน “ว้าว !!สวยจังเลย ตกลงมาแล้ว”

โคคิกับยูอิจิที่เพิ่งกลับจากทำงานอยู่ในร้านสะดวกซื้อ ได้รับโทรศัพท์ก็วิ่งออกมานอกร้านพร้อมกันแหงนหน้าดูพร้อมๆกัน

 “อืม พรุ่งนี้เล่นปาหิมะกันดีกว่ามั้ง”

 “แกอย่าแผลงกินเข้าไปอีกหล่ะ”

หิมะที่ตกมาคืนนั้น เป็นเหมือนสิ่งที่เชื่อมโยงความรู้สึกดีๆของทุกคนเอาไว้ด้วยกันอ่อนโยนและบริสุทธิ์


เช้านั้นทุกคนท่าทางขี้เกียจจะมารร.กันที่สุดทางเดินมารร.หิมะหนาเป็นฟุต คาซึยะบ่นด้วยความแปลกใจ

 “ไม่มีรถกวาดหิมะบ้างเลยรึไงนะ หรือที่นี่ ต้องใส่บูทเดินมารร.เวลาหน้าหนาว” จินพยักหน้าแกล้งๆ คาซึยะหน้าตะลึง

 “จริงอ่ะ ทำงั้นจริงๆอ่ะ” ทัตซึยะหัวเราะออกมา

 “ ไม่ใช่หรอก กวาดหิมะน่ะมีแน่ แต่ไม่มีรถหรอกนะ แรงงานของนร.รร.เรานะแหละ” คาซึยะหน้าเหนื่อยๆ

 “บ้านนอกก็งี้แหละนะคุณชาย” ยูอิจิเอามือตบไหล่คาซึยะ จุนโนะเดินเข้ามา

“ นี่ตอนบ่ายทุกคนไปช่วยกันด้วยนะ กวาดหิมะเหมือนเดิมเราจากหน้ารร.ไปจนถึงต้นไม้ต้นที่5 “

โคคิที่ท่าทางง่วงไปกับบรรยากาศงัวเงียขึ้นมา โทรทัศน์ในห้องที่เป็นข่าวประชาสัมพันธ์ทั่วไป เป็นช่องข่าวช่วงเช้าพอดี

“พบศพชายวัย20ปีบริเวณย่านกินซ่า สภาพศพถูกตีด้วยของแข็ง ทราบชื่อภายหลังคือ มุราคามิ ชินโงสาเหตุอาจจะมาจากการ
ตามล้างแค้น………”

โคคิสะดุ้งเฮือก ตาเบิกกว้าง แหงนหน้ามองข่าวในทีวีทันที ภาพชินโง ใช่จริงๆ เจ้านั้นตายไปอีกคนแล้ว รายต่อไปต้องเป็นเค้า

แล้วงั้นเหรอ โคคิรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วตัว ทั้งที่อากาศข้างนอกหนาวเย็น เสียงเพื่อนคุยกันเฮฮา

 ไม่มีอะไรแทรกเข้ามาในประสาทรับสัมผัสเค้าแม้แต่นิดเดียว

โคคิกวาดหิมะแบบไร้ชีวิตจิตใจ ทุกคนเล่นกันซะมากกว่าตั้งใจกวาดหิมะ

 
จุนโนะตามดุเหมือนเป็นคุณครู จินเดินมาผลักไล่โคคิ โคคิตกใจมากหันมาตะคอกเสียงดัง “อะไร!!” จินตกใจชักมือกลับ คนอื่น

ก็หยุดหันมามองกันหมด

“เปล่า…..แค่จะบอกว่าอย่าลืมมาซ้อมใหญ่นะเย็นนี้ พรุ่งนี้เราต้องไปแข่งรอบแรกกันน่ะ”

จินท่าทางกลัวๆ โคคิเอามือตบไหล่จินกลับเบาๆ “ โทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจตวาดนาย พอดีคิดอะไรเพลินๆน่ะ”

 “เออไม่เป็นไรอย่าบ่อยหล่ะ” จินทำท่าเอาจริงแกล้งๆโคคิ ยิ้มนิดๆแล้วก็วิ่งไปบอกให้ทุกคนไปซ้อม

โคคิสลัดความคิดเรื่องนั้นทิ้ง ตรงนี้เค้ายังมีชีวิตอยู่ มีการแข่งที่สำคัญ การทำตามสัญญา มีเพื่อนอยู่


สถานที่แข่งขัน ค่อนข้างใหญ่มีคนมาแข่งในรอบแรกเยอะจนละลานตา ทุกคนท่าทางมั่นใจกันทั้งนั้น

ทัตซึยะพูดออกมาแบบปอดๆ

” มีแต่ท่าทางเก่งๆทั้งนั้นเลยนะ เหมือนมืออาชีพน่ะ” จินมองดูแล้วก็พยักหน้า บางคนดูเด็กกว่าพวกเค้าด้วยซ้ำ

 “ช่างมันเถอะน่า!! คนอื่นเค้าเก่งแต่เรามีความบ้ามากกว่าอยู่แล้ว”

ทุกคนหัวเราะคำพูดยูอิจิพร้อมๆกัน จินยื่นมือออกมาตรงกลาง ทุกคนยื่นมืออกมาประกบไว้พร้อมกัน

”สู้จนตายก็แล้วกัน!!”

ได้เวลาแสดงโคคิรวบรวมสมาธิอีกครั้ง รู้สึกอยากร้องอยากเต้นมากที่สุด พอได้เวลาโคคิก็พยายามอย่างเต็มที่ ทุกคนก็เต็มที่

กรรมการมองการร้องการเต้นของทุกคนอย่างสนใจ

 ไม่มีกลุ่มที่ผสมผสานกันได้ลงตัวขนาดนี้มาก่อน ผลที่ออกมาไม่ต้องบอกก็รู้

“โธ่เอ้ยเห็นมั้ย สุดท้ายก็ผ่านจนได้ ฮะๆ” ยูอิจิท่าทางคุยโวออกมาเชียว คาซึยะส่ายหัวไปมา

 “ความบ้า มีมากกว่าจริงๆด้วย” ยูอิจิเอาศอกกระทุ้งเอวคาซึยะทันที จินยิ้มหันมามองโคคิ

”วันนี้เต็มที่เชียวนะ เจ๋งสุดเลยนะนายน่ะ” โคคิหัวเราะออกมา “อืม ฉันนะเต็มที่ทุกวันอยู่แล้วพวก!”

“วันนี้ไปฉลองกันรึเปล่า”ยูอิจิร้องออกมา “อะไรของแกอีกหล่ะ นี่คริสมาสอีฟไม่ไปหาแฟนอีกรึไง!!”

โคคิพูดแทงใจดำ ยูอิจิทำสายตาเจ็บนิดๆมองมา คาซึยะนึกขึ้นได้ก็พูดออกมา

“เออไปที่รร.ไง โบสถ์ที่รร.มีประดับไฟที่ต้นคริตสมาสด้วย ตอนเที่ยงคืนก็คงจะมีร้องเพลงให้ฟัง ฉันว่าเข้าท่าดีนะ”

“โหหวานแววมาก เป็นสาวช่างฝันเหรอ” ยูอิจิแซวอีก คาซึยะมองตาขวาง

“ก็ดีไปกันเถอะนะ เอาพลุที่เหลือจากตอนหน้าร้อนไปจุดเล่นด้วย ที่ลืมไว้ที่หอฉันน่ะ”จินเห็นด้วย

“อืมที่รร.ก็ดี ไปมาง่ายๆ เสร็จแล้วฉันจะได้กลับไปท่องหนังสือต่อ” จุนโนะรีบเห็นด้วย ทุกคนโห่ออกมา

 “เป็นอันว่ามารวมกันที่รร.ตอน 5 ทุ่มก็แล้วกันนะ” ทัตซึยะสรุปเรื่องให้ทุกคนเห็นพร้อมๆกัน

โคคิแวะกลับมาช่วยงานที่อู่จนใกล้ถึงเวลานัด ทั้งที่เจ้าของอู่บอกว่าให้ไปเที่ยวตามสบาย วันนี้จะปิดเร็ว แต่โคคิอยากช่วยเช็ค

รถคันสุดท้ายให้เสร็จ เจ้าของอู่เลยยอม แล้วให้กุญแจเอาไว้

โคคิจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็เลื่อนประตูปิด แล้วเดินอารมณ์ดี เตรียมไปตามนัด


เดินออกมาตรงซอกตึกรู้สึกแปลก เหมือนมีใครตามมา โคคิมองดู

 แล้วก็มีแมวดำกระโจนออกมา โคคิร้องออกมาอย่างตกใจ “เจ้าบ้านี่ !!ตกใจหมดเลย “

“กลายเป็นคนขวัญอ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่”เสียงเยือกเย็น ที่คุ้นเคย โคคิหันมามอง ร่างกายเหมือนไร้ความรู้สึกไปชั่วขณะ

“ทุกคนมากันหมดแล้วนะ ทำไมโคคิยังไม่มาอีกหล่ะ” คาซึยะถามด้วยความเป็นห่วง ยูอิจิดึงไฟเย็นออกมาจุด

 “โอ้ย เจ้านั้นนะ มาสายชัวร์ๆ ถ้าไปแวะอู่นะ ทำงานเผลินกว่าจะมาก็ให้งานเสร็จก่อนนะแหละ”

คาซึยะพยักหน้า เฝ้ามองดู แสงจากไฟเย็นที่ยูอิจิจุดออกมา

โคคิยืนตัวแข็ง ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปาก ซุบารุยืนตรงหน้า

ท่าทางน่ากลัวเหมือนเดิม สายตาเย็นชาจ้องมองเค้าด้วยความเกลียดชัง

 “แกนะมันเด็กที่สุด แต่ก็แสบที่สุด ฉันให้แกได้หายใจนานที่สุดเลยนะ ถึงมาหาแกเป็นคนสุดท้าย”


“นายจะมาแค้นพวกฉันไม่ได้นะ นายเองนะแหละที่ผิด ที่โดนจับไปก็สมควรแล้ว ทำไมนายจะต้องฆ่ายู กับชินโงด้วย ทุกคนก็
แค่อยากกลับตัว นายเองก็เหมือนกัน กลับตัวซะ มอบตัวกับตำรวจ แล้วมาใช้ชีวิตใหม่ หลังออกจากคุก เป็นคนธรรมดา มีเพื่อนสักคน แล้วนายก็จะรู้ว่ามันดีขนาดไหน“

ซุบารุหรี่ตายิ้มเย็นๆ

“แกพล่ามอะไรของแก ใครจะอยากมีชีวิตแบบนั้น นอกจากคนโง่ๆแบบแก”

ประกายแวววาวสีเงินของมีดสะท้อนไปที่ใบหน้าโคคิ ชั่วพริบตามันก็พุ่งเข้าที่ตัวของเค้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“สวยจังเลย!!” ทัตซึยะพูดออกมาพร้อมกับจุนโนะที่ยืนดูแสงไฟจากต้นคริตมาส จินมองดูนาฬิกาใกล้เที่ยงคืนแล้ว

รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมานิดๆ แต่ก็อดชื่นชมกับไฟระยิบระยับที่สุกสว่างเบื้องหน้าไม่ได้ “อ้า!!หิมะตกอีกแล้วน่ะ!!”

ยูอิจิร้องออกมา โคคิล้มลงบนพื้นที่มีหิมะปกคลุม ดวงตากระพริบถี่ๆ เหมือนน้ำตาจะไหลออกมา

 “เจ็บจังเลย หนาวด้วย พวกนายอยู่ที่ไหนกัน……” โคคิเพ้อออกมาแผ่วเบา

จินหันหลังมารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงโคคิเรียก ใจคอไม่ดีเลย “ยูอิจิ โคคิยังไม่มาเลยนะ” ยูอิจิพยักหน้า

“ฉันโทรไปตามมันดีกว่า”

เสียงโทรศัพท์ที่พื้นดัง แต่ไม่มีคนรับสาย ร่างผอมนอนอยู่บนพื้นหิมะที่เย็นเหยียบ ไม่เคลื่อนไหว ดวงตาหลับสนิท ดูอ่อนแรง ไร้

ความรู้สึก หิมะสีขาวที่โปรยปรายเหมือนเป็นสายใยบางที่จะตกลงมาคลุมร่างนั้น สีแดงฉานของเลือดที่โอบร่างนั้นไว้ช่างตัดกับ

ความบริสุทธิ์ของหิมะจริงๆ

to be con................


 :3024: :3024: :3024: :3024:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #71 เมื่อ09-03-2007 16:51:02 »

แล้วโคคิจะตายมั้ย เศร้าอีกแล้ว :เศร้า2:

แล้วจินป่วยเป็นอะไร นี่ก็เศร้า :เศร้า2:


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #72 เมื่อ09-03-2007 20:18:03 »

 :3024:
ตอนนี้ทำน้ำตาซึมอีกแล้ว ทำไมรู้สึกว่ามันแฝงไปด้วยความเศร้าทั้งตอนเลยนะ
แถมมากระชากอารมณ์ในช่วงท้ายกับเรื่องของโคคิอีก
โคคิ แม้ในสำนึกสุดท้าย ก็ยังคิดถึงเพื่อน "พวกนายอยู่ไหน"  :monkeycry2:  :monkeycry2:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #73 เมื่อ10-03-2007 00:22:10 »

โคคิอย่าเป็นไรน๊า  :dont2: :dont2: :dont2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #74 เมื่อ10-03-2007 01:18:24 »

อ่าส์ แบบนี้มันแรงไปนะ
คนดีๆต้องตายไป เพื่อคนเลวๆงั้นหรือ
 :monkeycry2:

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #75 เมื่อ13-03-2007 14:58:07 »

chapter13

“เจ้าบ้าเอ้ย ทำไรวะ ทำไมไม่รับโทรศัพท์!!” ยูอิจิบ่นออกมา ท่าทางร้อนใจ

ทุกคนมีสีหน้ากังวลเหมือนๆกัน เลยเวลานัดมาถึง3ชม.เข้าไปแล้ว ไม่มีวี่แววของโคคิสักนิด นานเกินไปจนน่ากลัว

“คงไม่เกิดอุบัติเหตุระหว่างทางหรอกนะ” ทัตซึยะพูดออกมาเสียงอ่อยๆ จุนโนะทำหน้าดุๆ

 “พูดอะไรออกมานะ” คาซึยะรีบพูดออกมาบ้าง

“เอาเถอะน่า อาจจะเป็นหรือไม่เป็นก็ได้ฉันว่าเราไปหาที่สถานีตำรวจหรือ โรงพยาบาลกันเถอะ”

ทุกคนกำลังเดินไปด้วยกัน จินรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่หน้าอก เหมือนจะล้มลง แต่ก็ฝืนเดินต่อไป คาซึยะหันมาเห็นจินที่ท่าทาง

ไม่ค่อยดี หน้าออกซีดๆ

“นายเป็นอะไรรึเปล่า” จินส่ายหน้าไปมาแล้วเสียงโทรศัพท์ของจินก็ดังขึ้น จินรีบรับทันทีเพราะสายเข้าเป็นของโคคิ

ทุกคนหันมามองด้วยความตื่นเต้น ว่าเกิดอะไรขึ้น “ครับ ใครเหรอครับ”เสียงจินดูสุภาพเหมือนปลายสายไม่ใช่โคคิ

 หน้าตาทุกคนเป็นกังวลกว่าเดิม

“นี่เป็นตำรวจน่ะ คือว่าตอนนี้เราเก็บมือถือของเพื่อนคุณได้ คือว่าเพื่อนของคุณตอนนี้เสียชีวิตแล้วเราต้อการคนที่พอจะรู้จักแล้ว
ให้รายละเอียดได้บ้างนะ”

จินคอแห้งผาก สายตาที่มองตรงมาที่หน้าเพื่อนทุกๆคนแทบสะกดอารมณ์ให้ยืนไหวก็ยากเต็มทน ยูอิจิท่าทางร้อนรน

 จินกลืนน้ำลายลงไปยากลำบากเหมือนกับกลืนยาพิษลงไป

 “ครับ ผมเป็นเพื่อนเค้า จะให้ไปพบที่ไหนครับ” เสียงปลายทางบอกสถานที่เป็นโรงพยาบาลใกล้ๆนี้เองแต่หูจินอื้ออึงไปหมด

ยากที่จะรับฟังเสียงนั้นได้ เค้าจะพูดออกมายังไง จะบอกเพื่อนๆยังไงดีว่า

ตอนนี้ โคคิ เจ้าบ้านั่น ไม่มีลมหายใจอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว……….

จินหน้านิ่งๆพาทุกคนมาที่โรงพยาบาล คาซึยะอยากจะถามเหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้นกัน

ทุกคนก็มีอาการไม่ต่างกัน แต่ท่าทางจินที่แสดงออกทำให้กลัว กลัวมากจนไม่กล้าจะเอ่ยปากถาม

 ยูอิจิเองคงทนรับอาการแบบนี้ไม่ไหวแล้ว จึงโพล่งออกมาเสียงดัง ทั้งๆที่เป็นโรงพยาบาล

“นายจะเงียบไปถึงไหนกัน พาเรามาจนถึงที่นี่แล้วบอกทีเถอะว่าเกิดอะไรขึ้น!!” จินหน้านิ่งๆรู้สึกเจ็บปวดกับคำถามและเป็นคำ

ถามที่เค้าต้องเป็นคนตอบเหรอ เค้าเองยังรับมันไม่ได้เลยนะ ทำไมต้องเป็นเค้าด้วยที่แจ้งข่าวนี้ ทำไม…..

“ฉันไม่รู้…. มันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า…….”

 จินกัดริมฝีปากแน่น เจ็บจนเหมือนเลือดจะออก ยากลำบากกับความเป็นจริงตรงหน้า ”โคคิ….ตายแล้ว”

ยูอิจิชะงักไป ส่ายหัวไปมาช้าๆ น้ำตาเอ่อจนล้นออกมาจากตา จุนโนะอึ้งๆไป ทัตซึยะน้ำตาเริ่มคลอๆแล้ว เหมือนเป็นเรื่อง

โกหก คาซึยะยังเบลอๆอยู่ จริงเหรอ โคคิตายไปแล้วจริงๆเหรอ ทั้งๆที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ยังเต้นด้วยกัน

คุยหัวเราะด้วยกัน รอยยิ้มแบบที่เคยเห็นนั้น จะไม่มีอีกแล้วงั้นเหรอ

“โกหก… ไม่จริง… เป็นไปไม่ได้ เจ้านั่นมันหนังเหนียว ไม่มาตายง่ายๆหรอก!!”

 ยูอิจิพูดออกมาเสียงดัง น้ำตาไหลออกมา ถึงจะพยายามพูดว่าไม่เชื่อยังไง แต่คำพูดของจินก็ดูหนักแน่น จนยากที่จะปฏิเสธ

จินหลับตาลงแบบเจ็บปวดที่สุด ก่อนเดินหันหลังมาเปิดประตูบานหนึ่งออก ภายในห้องเงียบสงัด แสงไฟนีออนสว่างจ้าภายใน

นายตำรวจ2-3คนยืนอยู่ที่นั่น เตียงคนไข้ที่ตั้งอยู่กลางห้อง ผ้าคลุมสีขาวสะอาดสะท้อนไฟนีออนเจิดจ้า ร่างที่อยู่ภายใต้ผ้าขาว

นั้น นิ่งสงบไม่เคลื่อนไหว จินเดินเข้าไปใกล้ๆ ด้วยดวงใจที่เจ็บปวดที่สุด หวาดกลัวที่สุด

คาซึยะเดินตามเข้ามาด้วย มองดูภาพที่เห็นตรงหน้า นี่เรื่องจริงใช่มั้ย หรือถ้าเป็นความฝันก็ขอให้ตื่นเสียทีเถอะ

 ขอร้องเลย มือที่สั่นนิดหน่อยค่อยๆจับผ้าที่คลุมอยู่เปิดออกช้าๆ ดวงตาจินเริ่มพร่าไปหมดแล้ว ใบหน้าภายใต้ผ้านั้นสงบนิ่ง

เหมือนเพียงแค่หลับไปเท่านั้น

แต่สีผิวที่ดูขาวซีดเหมือนไม่มีกระแสเลือดไหลผ่าน หรือแม้แต่ลมหายใจนั้นมันบอกได้ว่า ไม่ใช่แค่หลับหรอกนะ ……..


ยูอิจิวิ่งเข้ามาที่ร่างไร้วิญญาณนั้น มองเหมือนเจ็บปวดยิ่งกว่า น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย จุนโนะ ทัตซึยะมองดูเหมือนคน

หมดแรง ยืนแทบไม่ไหว น้ำตาเริ่มไหลออกมากันบ้าง คาซึยะนิ่งจนไม่รู้จะรู้สึกยังไง นี่คือความตาย รูปแบบความตายที่เค้าเคย

เจอมาแล้ว เหมือนคราวของพี่ชาย ร่างคนที่เคยเห็นนอนนิ่งไม่ขยับ ไม่หายใจ ไม่สามารถพูดกับเราได้อีก ไม่ร้องไห้ หัวเราะ

หรือยิ้ม…….ตายนี่คือความตาย ….. ทั้งๆที่เคยคิดว่าจะตาย แต่พอเห็นแบบนี้แล้ว แทบจะคลั่ง การตายของคนที่เป็นที่รักมันเจ็บ

ปวดยิ่งกว่าตายเอง …….เจ็บปวดกว่าไม่รู้กี่เท่า ต่อกี่เท่าตัว


“ไอ้บ้า!! …..แกตายไปแล้วเหรอ…บ้าที่สุด!! ทำไมต้องตาย แกยังไม่ตายใช่มั้ย ลุกขึ้นมาเซ่!!! แกยัง ร้องเพลงส่วนของแกไม่เสร็จ
เลยนะเว้ย ลุกขึ้นมา!!!”

ยูอิจิกระชากร่างที่ไร้ความรู้สึกนั้น ขึ้นมาอย่าแรง ร่างที่ผอมบางไร้เลือดเนื้อก็ไม่ตอบสนองกลับ

จุนโนะกับ ทัตซึยะต้องเข้าไปห้ามดึงแขนยูอิจิที่กำลังบ้าคลั่งให้พอเสียที

แต่มือยูอิจิก็ยังกำเสื้อของโคคิไว้แน่น

คาซึยะรู้สึกตัวขึ้นมา หันไปมองจินเพื่อจะบอกให้ช่วยกันห้าม จินยืนอยู่ที่หัวเตียงนิ่งๆ น้ำตาไหลออกมาช้าๆ ไหลออกมาอย่าง

เยือกเย็น ดวงตาหม่นเศร้า ปากที่กัดไว้แน่น ไม่เอื้อนเอ่ยอะไรออกมาสักนิด


เจ็บปวดมาก…..คาซึยะรู้…. ..มันเจ็บปวดไม่ต่างกันเลย ทุกคนก็เจ็บ จินก็เจ็บ…..ไม่น้อยกว่ายูอิจิที่แสดงออกมาตรงๆ

 ยูอิจิถูกจุนโนะกับทัตซึยะดึงให้เลิกทำ แต่มือที่เกาะไว้แน่นเหมือนกับไม่ยอมที่จะให้โคคิจากไป…..จากโลกใบนี้ไป

แล้วยูอิจิก็ซบหน้าลงที่ร่างไร้วิญญาณนั้น ร้องไห้โฮออกมาดังๆ ทัตซึยะก้มหน้าร้องไห้ที่ไหล่ของยูอิจิ จุนโนะจับไหล่ของทั้งสอง

คนไว้แน่นแล้วก็ร้องไห้ออกมา เสียงสะอื้นดังกลบความเงียบภายในห้องนั้น

จินก็ร้องไห้ แต่ร้องเงียบๆเหมือนไม่รู้สึก อะไรมากมาย……แต่จริงๆแล้วรู้สึก……คาซึยะเองก็เหมือนกัน ค่อยๆเอามือเสยผมขึ้น

ปาดน้ำตาอุ่นๆที่อาบแก้มออกมา แต่ไม่รู้ว่า

 พยายามปาดทิ้งมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไหลมากขึ้นกว่าเดิม มากเหมือนกับไม่มีวันหมดเลย

คาซึยะลืมตาช้าๆแสงแดดเริ่มสาดเข้ามาในห้อง อากาศหนาวเย็นถึงจะมีแสงแดดก็ไม่มีความอบอุ่นเอาซะเลย

 คาซึยะรู้สึกเจ็บตา ตาที่บวมแดงจากการร้องไห้ กวาดสายตาไปรอบๆห้อง ไม่ใช่ห้องนอนของเค้า

แต่เป็นห้องโถงในบ้านของยูอิจิ จุนโนะ ทัตซึยะ ยูอิจิ ยังคงหลับอยู่ ข้างๆนี่เอง


หลังจากสอบปากคำกับตำรวจ บ้านยูอิจิจะช่วยจัดการเรื่องงานศพให้ ทุกคนเลยมามาค้างที่นี่ เพราะเป็นห่วงยูอิจิ และอาจจะ

อยากอยู่ด้วยกันมากๆขึ้นมาด้วย ตอนนี้ทุกคนกำลังอ่อนแอไม่ต่างกัน คาซึยะมองหาจินไม่พบ อากาศหนาวจนเจ็บลึกไปถึงข้าง

ในใจ ค่อยๆดันผ้าห่มที่ใช้ร่วมกับยูอิจิห่มให้เพื่อนอย่างเป็นห่วงแล้วลุกขึ้น

 ดึงเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ออกมาคลุมตัวไว้ก่อนเดินออกมา เพื่อหาอีกคนที่เป็นห่วงที่สุด……

ผมเส้นเล็กสีอ่อนที่กระเจิงเพราะแรงลมเอื่อยๆของหน้าหนาว จินหายใจออกมาเป็นไอสีขาว อากาศหนาวจนเจ็บลึกถึงข้างใน

แก้มสีขาวซีดแทบไม่มีสีเลือดเพราะไอเย็นกระทบ ดวงตามีรอยช้ำแดงๆ เพราะเสียน้ำตาไปมาก ระเบียงนอกชานเย็นเหยียบ

ไม่ต่างจากจิตใจของจินตอนนี้ คาซึยะเดินเข้ามานั่งข้างๆโยนเสื้อคลุมที่ถือมาด้วยให้ไป


จินเงยหน้าขึ้นมามอง

 “ฉันฝันเห็นโคคิด้วย……” คาซึยะนั่งลงข้างๆแก้มเริ่มซีดเย็นเพราะลมหนาวมากระทบ “เหรอ ….ฝันว่าไงบ้าง”

 จินยิ้มๆเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่แววตาแฝงไว้ด้วยความเศร้าอยู่

” ฝันว่ามันก็บ้าเหมือนที่เคย ชอบทำอะไรห่ามๆงี่เง่าๆ แหกปากเสียงดัง ชอบก่อเรื่องเหมือนทุกที แต่ฉันไม่รู้สึกรำคาญเหมือน
ที่ชอบเป็น กับรู้สึกดี….. ดีใจมากๆด้วย ที่เห็นยังงั้น”

คาเมะอึ้งไปถนัด ภาพความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับโคคิ ทำให้ตาเริ่มร้อนๆ น้ำอุ่นๆเริ่มคลอ ถึงจะ ท่าทางร้ายๆไม่สนใจ ……แต่จริงๆ

แล้วเป็นห่วงที่สุด ใจดีที่สุด…… คาเมะจับข้อมือหนังที่โคคิเคยให้ไว้ เป็นของขวัญชิ้นแรก

ชิ้นเดียวที่โคคิให้มา น้ำตาก็ร่วงลงมาที่ข้อมือ คาเมะรีบปาดน้ำตาทิ้งกลัวว่าจินจะเห็นเข้า

จินไม่พูดอะไรเอาหน้าซบที่ไหล่ของคาซึยะ ซบนิ่งๆไม่พูดอะไร คาซึยะกล้ำกลืนน้ำตาเอาไว้ เค้าต้องไม่ร้องอีก

 ยิ่งร้องออกมา จินที่จะหวังพึ่งเค้าก็จะพลอยร้องไปด้วยอีกรอบ เสียงแผ่วเบาของจินก็ดังขึ้นมา

“ฉันทนไม่ไหวอีกแล้ว โหดร้ายเกินไปแล้ว ทั้งๆที่ในฝันเห็นเจ้านั้นยิ้มอย่างร่าเริง เหมือนคล้ายๆกับมาบอกลาฉันว่า
ไม่ต้องเป็นห่วงน่า ไม่เป็นอะไรนักหรอก แต่จะให้ทำใจยังงั้นได้ยังไง เจ้านั้นตายอยู่แค่ลำพัง
ถูกมีดแทงนับครั้งไม่ถ้วน ถูกแทงจนปลายมีดหัก……”

จินหลับตาเหมือนคิดถึงภาพคืนนั้นขึ้นมาได้




ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #76 เมื่อ13-03-2007 15:07:38 »

เศร้าจังเลยตอนนี้  :monkeysad2:

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #77 เมื่อ13-03-2007 15:08:27 »

“ทั้งเจ็บปวด ทั้งหนาว แล้วก็คงกลัวอย่างที่สุด พยายามร้องเรียกหาเพื่อน แต่ก็คงไม่สามารถมีใครได้ยิน
ทั้งๆที่จะไม่ได้เจอใครอีก เจ้านั้นจะทรมานเจ็บปวดแค่ไหนบ้าง แต่ฉันกลับมัวแต่สนุก ไม่รู้อะไรสักอย่าง ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แม้แต่อยู่เป็นเพื่อนเจ้านั้นในวินาทีสุดท้ายก็ทำไม่ได้ ฉัน….”

จินร้องไห้ออกมา ดูรุนแรงกว่าเมื่อคืน ตัวจินไหวๆเพราะแรงสะอื้น คาซึยะหลับตาลงเม้มปากแน่น

จินเจ็บปวดที่ไม่ได้ทำอะไรให้โคคิแม้แต่เล็กน้อย

แต่คาซึยะอยากบอกให้รู้ไว้ว่าเท่าที่ผ่านมาจินได้ทำทุกอย่างเพื่อทุกคนเต็มที่แล้ว ไม่มีใครสามารถตำหนิจินได้เลย

“เจ้านั่นนะ …..ขนาดตายก็ยังเป็นห่วงพวกเราอยู่เลย ไม่แค่นายหรอกที่ฝันเห็น ฉันเองก็ฝันเห็นโคคิเหมือนกัน เจ้านั้นยิ้มเหมือนกับบอกทุกคนว่าไม่ต้องเป็นห่วงงั้นแหละ นายเองก็อย่าตำหนิตัวเองเลยนะ ไม่งั้นถ้าโคคิรู้คงจะยิ้มแบบในฝันไม่ได้แน่ๆ”

 คาเมะพูดออกมา น้ำตาเริ่มไหลเปื้อนแก้ม

จินสะอื้นรุนแรงขึ้นคาเมะเอื้อมมือกอดร่างที่สั่นเทาเอาไว้

“ฉันยังอยู่นะ….ฉันจะอยู่ข้างๆนายตลอดไป”

โคยาม่า คุซาโนะ คาโต้ เคารพศพตามพิธีเรียบร้อยก็เดินมานั่งรวมกับนักเรียนชั้นปีต่างๆที่เป็นตัวแทนมาร่วมงานศพ

โคยาม่ามองไปในกลุ่ม จิน คาซึยะ จุนโนะ ทัตซึยะ แล้วก็ถอนหายใจออกมา

“น่าเสียดายจัง ได้ข่าวว่าพวกรุ่นพี่ผ่านการแข่งในรอบแรกไปแล้วนี่นา แล้วคนในทีมมาตายไปแบบนี้ จะทำไงหล่ะ”

โคยาม่าบ่นๆ คาโต้มองไปกลุ่มนั้นบ้าง

 “ก็จริงน่ะนะ ต่อให้ไปแข่งต่อก็คงรู้สึกไม่ค่อยดีแล้ว กลุ่มรุ่นพี่เค้ารักกันขนาดนั้นด้วยแล้ว”

“แต่ฉันคิดว่า สมควรที่จะแข่งต่อไปนะ “ คำพูดของคุซาโนะทำเอาเพื่อนสองคนมองตาค้าง

 “อะไรของนาย จะบ้ารึไง เรื่องแข่งขันคงไม่สำคัญกว่าเรื่องจิตใจหรอกนะ” คาโต้พูดเชิงตำหนิ คุซาโนะส่ายหัวไปมา

“ก็เพราะเรื่องจิตใจนะแหละ รุ่นพี่ทานากะคงไม่ดีใจหรอกที่ทีมมาร่มกลางทาง เพราะตัวเค้าน่ะ”

 สีหน้าจริงจังมาก เพื่อนทั้งสองได้ฟังแบบนี้ก็เห็นด้วย จริงอย่างที่คุซาโนะว่านั้นแหละ

หลังงานเลิก พวกจินช่วยกันส่งแขกทุกคนจนหมด แล้วทุกคนก็เริ่มมองหายูอิจิ “ยูอิจิหายไปไหนนะ”

ทัตซึยะถามขึ้นมา จุนโนะมองหาบ้างแล้วก็ตอบออกมา

” นั้นสิ รู้สึกว่าไม่เคยมาช่วยงานเลยนะ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเท่าไหร่เลยด้วย ดูน่าเป็นห่วง”


จินพยักหน้า

 “ลองเข้าไปดูข้างในหน่อยก็ดีนะ” แล้วทั้งหมดก็เดินเข้ามาที่ห้องที่ใช้เป็นที่เก็บศพ ยูอิจิอยู่ที่นั้น

 นั่งอยู่หน้ารูปถ่ายของโคคิ เหมือนกำลังพึมพัมอะไร คล้ายๆกับคุยกับรูปภาพนั้น แผ่วเบา ได้ยินเพียงแค่สองคนเท่านั้น

“ยูอิจิ นายยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ นายกินข้าวหน่อยจะดีกว่ามั้ย”

จินเอามือแตะที่ไหล่เบาๆ ยูอิจิหันหน้ามามองดูซูบซีดลงไปมาก ไม่มีวี่แววของคนที่ร่าเริงแจ่มใสคนนั้นเลยสักนิด

 ยูอิจิพยักหน้านิดๆ ก่อนเดินออกมาช้าๆ ทุกคนมองดูอาการของยูอิจิด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ยอมพูดจริงๆนะ ไม่พูดออกมาบ้างเลย”ทัตซึยะพูดออกมา คาซึยะพยักหน้า

“คงจะยังช็อคอยู่รึเปล่า อาจจะยังทำใจไม่ได้ละมั้ง” จุนโนะกอดอกหน้าตาครุ่นคิด

“ใครๆก็ทำใจไม่ได้ทั้งนั้นหล่ะ แต่ไม่ยอมพูดอะไร ข้าวปลาก็ไม่ยอมกินแบบนี้ จะแย่ไปอีกคนได้นะ”

“จะให้ทำใจ คงยากมากๆ ยูอิจิสนิทกับโคคิที่สุด “จินพูดออกมาเศร้าๆ คาซึยะเม้มปาก สถานการณ์ ไม่ดีแบบนี้ จะสมควร

ถามออกมาดีรึเปล่า

 “เอ่อ อีก2วันก็จะถึงวันแข่งรอบสุดท้าย ตกลงว่าพวกเราจะทำยังไงดีหล่ะ” จุนโนะ ทัตซึยะ มองจินด้วยความสงสัยเหมือนๆกัน

“ยังไงเราก็ไม่เลิกล้มความตั้งใจเดิมหรอก ถ้าทำยังงั้น โคคิคงไม่ยอมแน่ๆ ยังไงเราต้องแข่งต่อไป”

จินพูดออกมาท่าทางหนักแน่น ทัตซึยะสีหน้าเป็นกังวล

 “แต่ว่า ยูอิจิสภาพยังเป็นยังงั้น……”

“เอาเถอะ วันนี้เราจะต้องคุยกันให้รู้เรื่อง แล้วก็คงปล่อยให้ยูอิจิอยู่ในสภาพนั้นนานกว่านี้ไม่ได้แล้วหล่ะ”

จินสรุปเรื่องอย่างเด็ดขาด

ยูอิจินั่งแบบคนไร้ความรู้สึก ทุกคนมีสีหน้าเป็นห่วง ท่าทางที่เย็นชาแบบนี้ ดูเหมือนจะไร้จิตใจไปซะอย่างนั้น

 จินลากเก้าอี้มานั่งประจันหน้า ตบมือดังๆใส่หน้ายูอิจิไปครั้งนึง ยูอิจิหันมามองด้วยดวงตาว่างเปล่า

“ตกลงยังไงเราก็ต้องไปแข่งต่อไปนะ ต้องทำความฝันให้เป็นจริง นาย OK ใช่มั้ย”

จินพูดออกมาน้ำเสียงเป็นห่วง ยูอิจิส่ายหัวไปมา แล้วก็ชันเข่าขึ้นมากอดเอาไว้

 คาซึยะเสยผมขึ้น ทำหน้าแบบไม่ค่อยสบอารมณ์

”นายจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ไม่พูดไม่จา ทำไปเพื่ออะไรกัน ยังไงซะ…..โคคิก็ไม่ฟื้นขึ้นมาได้หรอก”

คาซึยะกระแทกเสียงใส่ ยูอิจิหันไปมองสายตากร้าวๆ จินรีบพูดออกมาก่อน

“ นี่อย่ามาทะเลาะอะไรกันอีกจะได้มั้ย ยูอิจินายต้องแข่งนะ โคคิก็ไม่อยู่แล้ว นายจะต้องร้องส่วนของโคคิแทนเค้าสิ”


ยูอิจิสีหน้าเปลี่ยนไป ดวงตารุกวาว เหมือนโกรธๆ แล้วคำพูดก็หลุดออกมาเป็นครั้งแรกหลังจากโคคิตาย


taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #78 เมื่อ13-03-2007 15:14:41 »

 “ นายทำไมถึงพูดออกมาง่ายๆแบบนี้หล่ะ นายทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเหมือนโคคิเป็นแค่หมาข้างถนนที่ตายไปก็ไม่มีผลอะไรกับชีวิตนาย ฉันร้องไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะส่วนของฉันหรือของเจ้านั้น…. เพื่อนรักของฉันตายนะ แล้วเค้าก็เป็นเพื่อนพวกนายด้วย อย่าทำเป็นเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไปร้องไปเต้นแบบนั้นได้มั้ย ฉันทำไม่ได้หรอก จะให้ฉันร้องเพลงทั้งที่ความรู้สึกแบบนี้ ฉันไม่มีทางทำได้แน่ๆ”

ยูอิจิตะโกนออกมาแบบอัดอั้น น้ำตาก็พลั่งพลูออกมาด้วย

จินยังไม่ทันพูดอะไรออกมา มือของคาซึยะก็เร็วกว่าชกหน้ายูอิจิไปเต็มๆ แรงมากๆ เลือดลิ่มๆติดที่มุมปากของยูอิจิ

จุนโนะกับทัตซึยะตกใจทำอะไรไม่ถูก

“อย่าพูดแบบนี้จะได้มั้ย คิดว่าคนอื่นไม่รู้สึกรึไง จินเจ็บปวดไม่น้อยกว่าใคร พวกฉันก็เหมือนกัน นายมันเด็ก เก่งแต่แสดงออกมา แต่จินไม่ใช่ เจ็บไม่แตกต่างกัน ทั้งที่เฝ้าโทษตัวเองที่ไม่ได้ช่วยอะไรโคคิสักนิด แต่ต้องเก็บกดเอาไว้ เพราะไม่ต้องการให้ทุกคนรู้สึกแย่ไปด้วย พยายามเข้มแข็ง นายคิดว่ามันง่ายเหรอ โคคิเป็นเพื่อนของพวกเราทุกคนนะ ฉันก็ทนไม่ได้เหมือนกัน ทั้งๆที่เคยอยากจะตาย ไม่คิดเลยว่าต้องมาเห็นเพื่อนที่ช่วยให้ชีวิตใหม่ฉันต้องมาตายจากไปก่อน นายคิดว่าฉันไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง!!”

คาซึยะร้องไห้ออกมา ยูอิจิเบือนหน้าหนีร้องไห้ออกมาเหมือนกัน จินเดินเข้ามาแตะไหล่คาซึยะเบาๆ คาซึยะหันหน้าหลบแล้ว

เสยผมที่ยาวปิดหน้าขึ้นแล้วปาดน้ำตาทิ้งไปด้วย แล้วจินก็ค่อยๆนั่งลงที่พื้นข้างๆยูอิจิ เอามือจับไหล่ยูอิจิแล้วบีบแรงๆ

 “เข้าใจเถอะนะ โคคิเค้าต้องการให้พวกเราเดินหน้าต่อไป คงไม่อยากให้เราล่มลงตรงนี่หรอก”

“ฉันทำไม่ได้หรอก การตายของโคคินั้นนะ มันเป็นเพราะฉันคนเดียว เพราะฉันชอบพูดแต่ว่าเจ้านั้นไม่เป็นอะไรเรื่อยๆ เลยไม่
มีใครเอะใจสงสัย ไม่ได้ไปตามหาเจ้านั้นให้เร็วกว่านี้ ไม่งั้นเจ้านั้นก็คงไม่ตาย มันเป็นเพราะฉัน ฉันไม่สมควรได้ทำหน้าที่แทนเจ้านั้นหรอก”

ยูอิจิลุกขึ้นวิ่งออกมา ทุกคนรู้สึกเป็นห่วงยูอิจิที่สุด

"รุ่นพี่คาเมนาชิ วันนี้จะมีพีธีไว้อาลัยให้รุ่นพี่ทานากะ กลุ่มชมรมประสานเสียงจะร้องเพลงให้นะครับพวกรุ่นพี่จะร่วมด้วยมั้ยครับ”

คุซาโนะ ถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆเช่นเคย คาซึยะมองดูก็พยักหน้าตอบรับ ท่าทางของคุซาโนะยังไม่ยอมไปเหมือนกับมีอะไร

ค้างใจอยู่ คาซึยะเลยถามออกมา

 “มีอะไรอีกรึเปล่า”

“พรุ่งนี้ จะแข่งรอบสุดท้ายแล้วใช่มั้ยครับ ยังไงก็พยายามเข้านะครับ”

คาซึยะรู้สึกประหลาดใจ แต่ก่อนคุซาโนะมองเค้าไม่ต่างจากสิ่งที่น่าเกลียดน่ากลัว แต่เดี๋ยวนี้เหมือนกับเค้าเป็นคนพิเศษ เพราะ

เสียงเพลงที่เป็นสิ่งมีค่าสำหรับเค้า อยากจะทำตามที่อวยพรหรอกนะ แต่ว่ายูอิจิยังไม่ยอมร่วมมือด้วยซ้ำ แต่ยังไงเค้าก็จะ

พยายาม พยายามอย่างที่สุดที่จะรักษาสิ่งมีค่านี้ให้ได้ คาซึยะยิ้มออกมานิดๆ

“อืม ขอบใจนะ”

จินถือเนื้อเพลงที่ใช้ในการประสานเสียงในโบสถ์สำหรับการไว้อาลัยของโคคิ เพลงนี้เค้าเป็นคนเลือกขึ้นมาเอง จินยื่นเนื้อเพลง

ให้กับทุกๆคน รวมทั้งยูอิจิที่นั่งนิ่งๆทีท่าไม่ได้สนใจเนื้อเพลงที่ได้เลยสักนิด

คาซึยะท่าทางเป็นห่วงจินและ ยูอิจิพอๆกัน

 “จิน….” จินหันมามองคนเรียก ยิ้มออกมาเหมือนเคยๆ

“นายไปเตรียมตัวเถอะนะ เดี๋ยวฉันต้องเตรียมตัวกล่าวคำอาลัยด้วยหล่ะ ไม่เป็นไรหรอก”

ทุกครั้ง คำพูดไม่เป็นไรจะออกมาจากปากจินเสมอ หนัก ลำบาก เจ็บ แค่ไหนก็รับไว้หมด คาซึยะอยากขอแบ่งมาบ้างจะได้มั้ย

เวลาที่เค้าเจ็บ จินก็แบ่งไปทุกครั้งเลย รู้สึกเหมือนเอาเปรียบจริงๆเลยนะ

พีธีไว้อาลัยถูกจัดขึ้นในโบสถ์ของรร. ดอกไม้ถูกจัดตกแต่งไม่แตกต่างจากพีธีศพแบบคริต แสงเทียนสุกสว่างอบอุ่นแต่เย็น

เหยียบถึงขั้วหัวใจ รูปโคคิที่เป็นรูปใบหน้ายิ้มแย้ม เหมือนยังมีชีวิตอยู่ใกล้ๆที่ไหนสักแห่ง……. ในห้องโถงนี้……… คุณพ่อบาทหลวง

กล่าวบทสวดตามพีธีจนเสร็จ จุนโนะที่ทำหน้าที่หัวหน้าห้องออกมากล่าวขอบคุณบาทหลวง แล้วกล่าวเรียกชื่อจินออกมาเพื่อ

กล่าวคำไว้อาลัยครั้งสุดท้ายแก่เพื่อนผู้ร่วงลับไปแล้ว

จินไม่ได้เตรียมบทพูดเหมือนคนที่จะกล่าวคำอาลัยตามพีธีทั่วๆไป ทุกคำพูดที่เค้าจะกล่าวออกมา ไม่ใช่คำพูดที่ร่างขึ้น เพื่อให้

ดูสละสลวยน่าฟัง ซาบซึ้ง แต่ทุกอย่างที่เค้าจะพูดออกมาเป็นเรื่องที่ออกมาจากข้างใน จากจิตใจของเค้าจริงๆ อาจจะไม่เข้า

ท่า ฟังไม่รู้เรื่อง หรือไม่มีความซาบซึ้งเลย แต่ก็เป็นเรื่องที่เค้าใช้ความรู้สึกแสดงมันออกมา ถึงความรักและอาลัยที่มีทั้งหมด

ให้กับเพื่อนรักของเค้า ทานากะ โคคิ

to be con.....................

 เอาพี่คิคืนมานะ  :3024: :3024: :3024: :3024: :3024: :3024:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #79 เมื่อ13-03-2007 15:31:45 »

คนเขียนทำร้ายจิตใจคนอ่านเกินไปหรือปล่าว
 :monkeycry4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ##WITH NO NAME##
« ตอบ #79 เมื่อ: 13-03-2007 15:31:45 »





ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #80 เมื่อ13-03-2007 18:50:18 »

 :monkeycry4:
เห็นด้วย คนเขียนทำร้ายคนอ่านเกินไปรึเปล่า
และมีแววว่าจะทำร้ายคนอ่านต่อไปเรื่อย ๆ   :monkeycry2:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #81 เมื่อ13-03-2007 21:10:36 »

 :เศร้า2: เศร้า  :เศร้า2:

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #82 เมื่อ15-03-2007 11:58:59 »

chapter14

ดอกไม้สีขาวสะอาดประดับตกแต่งในห้องโถงของโบสถ์ กระจกหน้าต่างโบสถ์มีไอน้ำเกาะ เพราะความหนาวเย็นของภายนอก

แสงเทียนที่ส่องสว่างทั่วห้อง ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกอุ่นขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว ความรู้สึกเย็นเหยียบและเศร้าสร้อยยังคงอบอวลไปทั้ง

หมด นักเรียนและอาจารย์ที่มาร่วมในพีธีไว้อาลัย ได้รับอิทธิพลความเศร้าไปตามๆกัน ทั้งๆที่โคคิ ไม่ใช่เด็กที่มีความประพฤติ

ดีเลิศ แต่การจากไปของเค้าก็ทำให้ทุกคนรู้สึกหดหู่ไม่น้อย หรืออาจจะเป็นจากอาการเศร้าสร้อยของกลุ่มเพื่อนทั้ง 5 คนด้วยก็เป็นได้

จินเดินมาที่ข้างหน้าสุด ตรงที่บาทหลวงสวดมนต์ไปเมื่อครู่ มองตรงไปที่รูปถ่ายโคคิ ก่อนหลับตาลงช้าๆ เหมือนกับรวบรวม

อารมณ์อีกครั้งที่จะกล่าวคำพูดออกมาจากใจ หันหน้าไปมอง คาซึยะ จุนโนะ ทัตซึยะและยูอิจิ แล้วจึงเริ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียง
เรียบๆ

“เพื่อนของผมคนนี้ เป็นคนที่ดูแล้วไม่ใช่คนดีอะไร ออกจะเกเร อันธพาลด้วยซ้ำ แต่ว่า นั้นมันก็แค่สายตาของคนทั่วๆไป ตลอดชีวิตของเค้า ถึงแม้จะไม่ได้ทำเรื่องดีๆอะไรมากมาย แต่ว่าความเป็นตัวตนของเค้าจริงๆนั้น มันเป็นสิ่งที่ผมจดจำได้ ไม่มีวันลืมเลยจริงๆ การที่เคยทำผิดมาก่อน การจะให้ทุกคนยอมรับนั้น มันเป็นสิ่งที่ยากลำบาก และเจ็บปวดมากเหมือนกัน หลายครั้งที่เค้าต้องทนสู้กับสายตาของเพื่อนร่วมห้องและอาจารย์ที่จ้องจะจับผิด แต่เค้าไม่เคยยอมแพ้เลยสักครั้ง มีอยู่ครั้งนึงที่เพื่อนในห้องของหายไป ทุกคนมุ่งประเด็นมาที่เค้า ทั้งๆที่ไม่ได้ทำแต่ก็เหมือนกับต้องเป็นคนผิด ตอนนั้น ยูอิจิเองก็คงจะจำได้ พอเรื่องกลายเป็นว่า ของไม่ได้หายไปจริงๆ แต่ว่าเพียงเก็บผิดที่ อาจารย์และคนเสียหายกลับทำเป็นเฉยๆ ทั้งที่ใส่ร้ายเพื่อนของผมอย่างรุนแรง สร้างบาดแผลในความรู้สึกเอาไว้ ตอนนั้นยูอิจิถึงกลับร้องไห้ออกมาด้วยความแค้นเคืองใจ ตะโกนใส่หน้าทั้งอาจารย์และคนเสียหายว่า “ขอโทษเดี๋ยวนี้นะ!!“ ตอนนั้นเพื่อนของผมไม่ได้ว่าอะไร ได้แต่กอดไหล่ยูอิจิเอาไว้ แล้วบอกว่า”ไม่เป็นไรหรอกน่า….” ทั้งๆที่ยูอิจิยังทนไม่ได้กับความไม่ยุติธรรมนั่น แต่เค้ากลับใจกว้างไม่ว่าอะไร นั้นก็เป็นเรื่องนึงที่ผมจำได้ไม่มีทางลืม “

จินกล้ำกลืนความรู้สึกเอาไว้ ทั้งๆที่ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว คาซึยะเองก็แทบจะทนไม่ไหวแล้ว จุนโนะกับทัตซึยะตาแดงกันแล้วทั้ง

คู่ ยูอิจิยังคงก้มหน้านิ่งๆ เหมือนไร้ความรู้สึกอยู่

“ หลายครั้งที่ได้คุยกัน ทั้งๆที่ปกติเป็นคนบ้าๆ ห่ามๆ ไม่ได้เรื่องอะไรสักนิด ออกจะกวนประสาทด้วยซ้ำ แต่ว่าบางครั้งคำพูด

ของเค้าก็แสดงให้เห็นจิตใจที่ยิ่งใหญ่มากๆ บ่อยๆที่มักจะพูดว่า “เฮ้อ!! คนอย่างฉันตายไปจะมีคนร้องไห้บ้างมั้ยนะ” ทั้งที่พูด

ออกมายิ้มๆ แต่ว่าลึกๆคงรู้สึกเศร้าขนาดไหนกันนะ รู้สึกตัวเองไร้ค่าหรือเปล่า ผมไม่สามารถจะรู้ได้เลย จนเกิดเรื่องขึ้นมาก

มาย และที่ร้ายแรงที่สุด ทั้งผม ทัตซึยะ จุนโนะ ยูอิจิ และคนที่คงไม่มีทางลืมแน่ๆ คาซึยะ ตอนนั้นเป็นเหมือนเรื่องร้ายแรงที่ยิ่ง

ทำให้มิตรภาพของพวกเรายิ่งเหนี่ยวแน่นมากขึ้น เป็นครั้งแรกที่พวกเรา 6 คนร้องไห้พร้อมๆกัน ตะโกนร้องเพลงด้วยกัน คำ

พูดหลังจากเหตุการณ์วันนั้นของเค้า ต่อให้นานแค่ไหน ผมก็คงลืมไม่ลง เค้าพูดออกมาจากใจจริงๆ จิตใจที่งดงามที่สุด เค้าพูด

ว่า “ความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ ไม่ใช่ว่าความตายของตัวเองนะที่น่ากลัว ฉันหมายถึงความตายของคนที่เรารักต่างหาก ถ้า

เพื่อนในกลุ่มเราเกิดตายขึ้นมา ฉันคงต้องตายตามไปด้วย ยังไงถ้าจะตายจากกันไปจริงๆ ฉันขอตายเป็นคนแรกแล้วกัน เพราะ

การเห็นพวกนายตายไปละก็ฉันคงทนไม่ได้แน่ๆ แต่ว่านะถ้าฉันตายไปจริงๆละก็ ไม่อยากให้พวกนายเศร้าเลยจริงๆนะ ไม่รู้จะ

หลงตัวเองไปรึเปล่า แต่คิดว่าคงต้องร้องไห้กันแน่ๆ คนอื่นคงไม่เท่าไหร่ แต่เจ้ายูอิจินี่น่าเป็นห่วงที่สุด ไม่อยากให้มันเศร้าเลย

จริงๆ เจ้านี่เป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกมีค่า เพราะว่ามันเป็นคนที่จิตใจดีมากๆ ขนาดหมาข้างถนนตายยังร้องไห้ยกใหญ่เลย

ถ้าเกิดเจ้านั้นมันเศร้ามากๆเวลาที่ฉันไม่อยู่ ยังไงๆฝากดูแลมันให้ดีด้วยนะ ฉันอยากให้มันยังคงหัวเราะ ในแบบของมัน

เหมือนเดิมน่ะ แล้วพวกเราทุกคนด้วยน่ะ เพราะทุกคนเป็นคนดี ต้องอยู่อย่างมีความสุขต่อไป “ เหมือนกับว่าเป็นคำพูดสั่งลายัง

งั้นหล่ะ ตอนนั้นผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย ได้แต่หัวเราะไปพร้อมๆกับเค้า และไม่ได้บอกเค้าออกไปว่า ความจริงแล้วเค้าก็เป็น

คนดีเหมือนกัน ไม่งั้นก็คงพูดคำพูดแบบนี้ออกมาไม่ได้แน่ๆ …….แต่ผมก็ไม่ได้บอกเค้าออกไป “

จินน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง ไหลออกมาไม่หยุด บรรยากาศเงียบสงัดเด็กบางคนน้ำตาไหลออกมาเหมือนกัน แม้ไม่ได้รู้จัก แค่

ได้ฟังเรื่องราวก็สะเทือนใจไม่น้อย คาซึยะน้ำตาอาบแก้ม จุนโนะ ทัตซึยะก็ไม่ต่างกัน

ยูอิจินั้นเม้มปากแน่น น้ำตาไหลออกมา สะเทือนใจกับเรื่องที่ได้ฟัง โคคิห่วงใยเค้ามากกว่าเพื่อนคนอื่น บ่อยครั้งที่ถูกว่า เรื่อง

เป็นคนใจอ่อน ครั้งที่สุนัขข้างถนนตัวนั้นตายไปเค้ายังจำได้ดี ตอนกลับบ้านในฤดูใบไม้ผลิตอนม.ต้น มีลูกสุนัขถูกทิ้งเอาไว้

ระหว่างทางกลับบ้าน เค้ากับโคคิเห็นพร้อมๆกัน มันน่ารักมากๆ ยูอิจิรีบเข้าไปเล่นกับมัน “น่ารักจังเลยอ่ะ ดูสิโคคิ” อุ้มเจ้าขน

ปุยชูขึ้น สายตาโคคิตอนนั้นแฝงความเศร้าเอาไว้ “ถ้าไม่คิดจะเลี้ยงมันก็อย่า ทำใจดีได้มั้ย…” ยูอิจิงงกับคำพูดเย็นชานั้น “ทำไม

หล่ะ พูดจาใจดำชมัด”

 “นายก็อย่างงี้ ใจอ่อน ใจดีกับคนเค้าไปทั่ว ก็ถ้านายทำดีกับมัน มันก็จะดีใจ พอนายไม่มาหามันอีก มันก็คง……”

โคคิหยุดไปเท่านั้น ยูอิจิกอดเจ้าลูกสุนัขนั้นไว้ยิ้มๆ

“คนที่ใจดีนะ นายต่างหาก โธ่!! อย่าเอาเจ้านี่ไปเปรียบกับนายเลยเพราะมันน่ารักกว่านายตั้งแยะนะ แล้ว ที่ฉันคบกับนายเพราะ

ว่าอยากคบจริงๆไม่ใช่เพราะสงสารหรอกนะ ฉันจะไปขอที่บ้านเพื่อเลี้ยงมัน อืมตั้งชื่อมันว่าโคคิน้อยก็ดีแฮะ “

โคคิหันมามองยิ้มๆก่อนชูกำปั้นขึ้น “หนอย!! เจ้าบ้านี่…..”

แต่ว่าในวันต่อมาเมื่อขอที่บ้านได้แล้ว เจ้าสุนัขน้อยนั้นก็ถูกรถชนตายไปเสียแล้ว ยูอิจิจำได้ว่าเค้าร้องไห้ออกมา โคคิไม่ได้ห้าม

หรือปลอบอะไร เพียงแต่เดินไปอุ้มศพมันไว้ แล้วไปฝังที่สวนสาธารณะแถวนั้น

แล้วพูดกับเค้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไม่เหมือนที่เคยนัก

“ อย่าร้องไปเลย ไว้คราวหน้ามันคงกลับชาติมาเกิดเป็นลูกนายแน่ๆเพราะฉะนั้นนายเลิกเศร้าได้แล้ว ยิ้มในแบบที่นายเป็นจะดีกว่า ฉันน่ะชอบนายที่ร่าเริงมากกว่านะ”

 เหมือนเป็นคำพูดประหลาดๆ แต่ยูอิจิรู้ดีว่านั้นคือการปลอบ จิตใจที่อ่อนโยนนั้น ถ้าไม่ใช่พวกเค้าก็คงไม่สามารถสัมผัสถึงได้

ยูอิจิคิดถึงขึ้นมาก็ยิ่งร้องไห้ออกมาหนักขึ้น จินเองที่อดกลั้นความเศร้าไม่ได้อีกแล้วก็ร้องไห้ออกมาเหมือนกัน เค้าคงจะพูดคำไว้อาลัยครั้งนี้ไม่จบจริงๆ

 “ขอโทษ…ผมพูดต่อไปอีกไม่ไหวแล้วจริงๆ”

คาซึยะเห็นยังงั้นปาดน้ำตาทิ้งแล้วเดินตรงไปที่จินเอามือตบไหล่จินเบาๆ แล้วเริ่มต้นพูดแทน

“ระยะเวลาที่ผมได้รู้จักกับโคคิ เพื่อนที่จากไปแล้วของเรา แม้จะไม่มากเท่ากับ จิน หรือยูอิจิ หรือแม้แต่จุนโนะ ทัตซึยะ แต่ผมก็รู้ดีว่า โคคิเป็นคนแบบไหน ถึงแม้ภายนอกจะดูร้ายๆ ไม่ค่อยแคร์ หรือสนใจอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องของพวกเรา เค้าจะไม่อยู่เฉยๆแน่นอน บางครั้ง เค้ายังรู้สึกเจ็บมากกว่า พวกเราด้วยซ้ำไป จิตใจที่น่านับถือของเค้า ผมเองไม่สามารถทำได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่เราจะเจ็บปวดและเศร้าอย่างที่สุดเมื่อเค้ามาจากเราไปก่อน เรามีความฝันร่วมกัน มีความจริงใจให้แก่กัน ผมหวังว่าเค้าคงจะหลับอย่างสบาย คอยคุ้มครองพวกผมจากที่ไหนสักที่ และคงรอดูความฝันที่เค้าสร้างมากับพวกผมที่ยังไม่สมบูรณ์ ว่าสุดท้ายแล้วมันจะมีหน้าตาเป็นยังไง สักที่นึงที่นั่นอาจจะเป็นสวรรค์ ผมเชื่อว่ายังงั้น …..” คาเมะเอามือจับไหล่จินไว้แน่น จินก้มหน้าที่อาบน้ำตาพยักหน้าช้าๆ คาเมะน้ำตายังไหลอยู่ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะต้องพยายามในส่วนของนายแน่ๆ หลับให้สบายนะ…….”


ยูอิจิที่น้ำตาอาบแก้มอยู่ที่เก้าอี้แถวหน้าสุด มองตรงไปที่รูปถ่ายเพื่อนรักแล้วก็เบือนหน้าหนีออกมา จิน คาซึยะ จุนโนะ ทัตซึยะ

ที่ตอนนี้ คราบน้ำตาได้แห้งกันไปหมดแล้ว จินนั่งลงข้างๆยูอิจิ

 “โคคิคงกำลังดูนายอยู่ แล้วก็คงเป็นห่วงนายในตอนนี้มากๆ เจ้านั้นไม่ได้หายไปไหนหรอก ยังคงอยู่ที่นี่ อยู่กับพวกเราตลอดไป…. “

จินเอามือจับที่หน้าอก ยูอิจิพยักหน้ายิ้มๆ ทั้งที่น้ำตายังไหล “ จริงสิ เจ้านั้นก็ยังอยู่ที่นี่นี่นา….”

ยูอิจิแตะที่อกเบาๆ ยาบุก้าวออกมาที่ข้างหน้า จิน คาซึยะ ยูอิจิ ทัตซึยะ จุนโนะ ยืนเรียงอยู่แถวหลังสุดของกลุ่มเด็กๆที่ร้องเพลง

ประสานเสียง แล้วยาบุก็เริ่มร้องเพลงที่เป็นเพลงสำหรับการจากไป และการจะระลึกถึง เพื่อนรักตลอดกาล

“THERE YOU’LL BE “ แล้วสักวันหนึ่งเราจะพบกันอีกครั้งในที่ๆ ที่เธอจะคงอยู่รอคอยอยู่ที่นั้น ชั่วนิรันด์


แล้วงานศพของโคคิก็เสร็จสิ้นลงในวันนั้น จิน ยูอิจิ คาซึยะ จุนโนะ ทัตซึยะ ทุกคนไปรวมที่หน้าหลุมศพ อากาศหนาวเย็น คาซึยะ

วางช่อดอกไม้สีขาวสะอาดที่นำมาจากโบสถ์วางลงช้าๆที่หน้าหลุมศพ


“อยู่คนเดียวที่นี่คงเหงาแย่เลยนะ“

จุนโนะกล่าวขึ้นมาลอยๆ ทัตซึยะรีบแย้งออกมา “ ไม่เป็นไรหรอกน่า แล้วพวกเราจะมาเยี่ยมบ่อยๆนะ “

จินพยักหน้า คาซึยะเองก็เหมือนกัน ยูอิจิยืนนิ่งๆไม่ได้พูดอะไร ทุกคนหันไปมองเหมือนรอคำตอบอะไรสักอย่าง
 
“ตอนที่ร้องเพลงออกมา รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเจ้าบ้านี่หัวเราะออกมางั้นแหละ น่าเจ็บใจชมัด ตายไปแค่นี้ก็มาหลอกกันแล้ว เจ้าบ้าเอ้ย !!”

ทุกคนยิ้มๆ ยูอิจิกลับเป็นคนเดิมเต็มรูปแบบแล้ว

“ตกลงนายจะยอมแข่ง ต่อใช่มั้ย นายจะช่วยร้องแทนโคคิใช่มั้ย “ จินหันมาถาม ยูอิจิเอามือกอดอก

“ก็แน่นอนอยู่แล้ว เสียงแบบเจ้าบ้านี่ฉันทำได้ไม่ดีเท่ามันหรอกนยะ แต่ว่าดีกว่าไงหล่ะ”
 
คาซึยะขำๆแล้วก็เอามือผลักหลังยูอิจิแบบแกล้งๆไปที จุนโนะยิ้มร่าเริง “งั้นพรุ่งนี้ก็เต็มที่นะ !!” “อืม!!”

ทุกคนพูดออกมาพร้อมกัน

ทุกคนลาโคคิเป็นครั้งสุดท้ายเตรียมตัวจะกลับกัน จินลุกขึ้นมารู้สึกหน้ามืดขึ้นมากระทันหัน เจ็บแปลบที่หน้าอก รุนแรงเหมือน

จะหายใจไม่ออก ทุกคนเดินคุยกันจนไม่ได้หันมามองจิน ที่เริ่มหอบแรงๆ อากาศทั้งๆที่หนาวเย็น แต่เหงื่อกลับผุดออกมาไม่

ขาดสาย คาซึยะหันมาสังเกตอาการผิดปกติของจิน

 “จิน….เป็นอะไรรึเปล่า หน้าซีดมากเลยนะ” สีหน้าวิตกมากๆ จินทั้งๆทีเจ็บจนทนแทบไม่ไหว

ฝืนยิ้มออกมา เหมือนไม่เป็นไร

 “อืม …เพลียนะ เมื่อคืนนอนน้อยไปหน่อย …รีบกลับกันเถอะนะ ฉันง่วงน่ะ”



taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #83 เมื่อ15-03-2007 12:16:43 »


จินพยายามทรงตัวให้ดี แต่เพราะความเจ็บปวดนั้นทำเอาเดินเป๋ไปมา คาซึยะเห็นท่าทางไม่ค่อยดีเลยจะเข้าไปช่วยพยุงจินจึงผลักออกไป

“บ้าน่า ไม่เป็นไร รีบๆไปดีกว่า เดี๋ยวหลับในแถวนี่แน่”

ว่าแล้ว จินก็รีบเดินนำออกไป คาซึยะรู้สึกเป็นห่วง แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก กล่าวลาแยกย้ายกับทุกคนแล้วก็เดินตามจินไป

จินกลับมาถึงหอ ด้วยความยากลำบาก พอมาถึงก็ล็อคห้องทันที คาซึยะยังไม่ทันจะเอ่ยปากอะไรเลย

 จึงได้แค่ส่ายหัวไปมา แล้วก็เข้าห้องล้มตัวลงนอน เพราะตัวเองก็เหนื่อยอ่อนไม่แพ้กัน

จินพอเข้าถึงห้องก็แสดงอาการเจ็บปวดออกมาทันที หายใจแรงๆหอบแบบเหมือนขาดอากาศหายใจเต็มที่ แม้แต่หายใจก็เจ็บ

ปวดเหมือนร่างกายจะไม่รับอากาศ ตอนนี้ร่างกายที่ผอมบางทรุดอยู่ที่พื้น พยายามจะลุกเดินไปที่ห้องน้ำ แต่ว่า ไม่มีเรี่ยวแรง ที่

พยายามเดินทางกลับมาจากสุสาน ก็ใช้พลังทั้งหมดที่มีไปแล้ว พยายามคลานอย่างๆช้าๆไปที่ห้องน้ำ ตะเกียกตะกายอย่างยาก

ลำบากไปที่ตู้ในห้องน้ำ คว้ายากล่องใสหยิบยาออกด้วยมือที่สั่นและไร้เรี่ยวแรงกลืนลงไปอย่างยากลำบาก เหมือนไม่ได้ช่วย

อะไรสักนิด ความทรมานกลับทวีรุนแรงขึ้น จินกระเสือกกระสนกลับมานอนที่พื้นห้องอีกครั้ง หายใจช้าๆยาวๆ กระพริบตา
ถี่ๆ

 “ทำไมอาการต้องมากำเริบตอนนี้นะ ….. ไม่ได้นะ…..ขอเวลาอีกนิดเถอะนะ”

ตอนนี้ความเจ็บลดลงไปบ้างแล้ว แต่ก็ไม่ปกติซะทีเดียว แต่ว่าวันนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกๆคนสายตาท่าทางที่มุ่งมั่น

ของทุกๆคน จินมองดูรูปถ่ายของโคคิที่ยูอิจิพกมาด้วย แม้แต่โคคิเองก็เหมือนกัน ทุกคนกำลังพยายาม เค้าเองก็ต้อง
พยายาม……..


วันนี้เป็นวันตัดสิน อีกแค่อึดใจเดียวแค่นั้น ตอนนี้ทุกคนกำลังรวบรวมสมาธิข้างหลังเวที ต้องมีโชว์การแสดงการถ่ายทอดสด

เสียงเพลงอึกทึกของทีมก่อนหน้า ดังอยู่ข้างหน้า รอเวลาของพวกเค้าเท่านั้น จินรู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาด บางทีโคคิอาจจะ


คอยช่วยอยู่ก็ได้กระมัง คิดแล้วก็ขอบคุณโคคิในใจ พอเงยหน้าขึ้นมาก็สบสายตากับคาซึยะพอดี คาซึยะยิ้ม “สู้นะ!!” เหมือนเป็น

คำพูดที่มีความหมายมากๆกับเค้าตอนนี้จริง จินพยักหน้า “อืม”

แล้วเวลาก็มาถึง ทั้งหมด ออกมาร้องเต้นอย่างเต็มที่ แม้จะขาดโคคิไป แต่ก็ไม่ได้รู้สึกขาดเลย ทุกคนพยายามเพิ่มสำหรับส่วน

ของโคคิที่ขาดหายไป จินรู้สึกความร้อนพุ่งผล่านไปทั่วทั้งตัว ความเจ็บปวดเหมือนหายไปชั่วขณะ การทำในสิ่งที่รัก กับคนที่รัก

รอยยิ้มและความสุขของทุกคน มันเป็นยาวิเศษที่หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว


การแสดงจบลง รอเพียงผลคะแนนโหวตและจากคณะกรรมการ ทุกคนพักแต่ท่าทางก็กังวลลุกลี้ลุกลนอยู่บ้าง จินเริ่มรู้สึกแย่ขึ้น

มาเฉยๆ อาการท่าทางจะกำเริบอีกครั้ง แต่ไม่รุนแรงนัก พอที่จะทนได้อยู่บ้าง

ผลออกมาว่าทีมของพวกเค้าได้เข้ารอบ3ทีมสุดท้าย สตาฟเข้ามาแจ้งให้ออกมาหน้าเวที เพื่อทำการประกาศผลชนะเลิศ จินลุก

ขึ้น แต่รู้สึกเจ็บที่หน้าอกรุนแรงแล้ว แต่ก็กัดฟันอดทนเอาไว้ คาซึยะเดินมาข้างๆ สังเกตหน้าที่ซีดๆของจิน

“จินเป็นไรรึเปล่า? “
จินยิ้มออกมาทั้งที่เจ็บปวด”อืม ไม่เป็นไร คงตื่นเต้นมั้ง ถ้าเกิดเราไม่ชนะจะเป็นอะไรมั้ยนะ “

คาซึยะยิ้มออกมา สีหน้าดูดีสดใสสุดๆ

“ ไม่เป็นไรอยู่แล้ว เพราะเราทำเต็มที่แล้วก็มีความสุขกับมันแล้วนี่นา “ จินยิ้มออกมา “อืม”


ผลประกาศออกมา ทุกคนกระโดดด้วยความดีใจจนสุดตัว ทีมของพวกเค้าชนะเลิศ ได้เซ็นสัญญาเข้าเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัว

กับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ตอนนี้ ความฝันของพวกเค้าเริ่มเป็นรูปร่างใหญ่โต มากขึ้นเรื่อยๆแล้วทุกคนยิ้มแย้มออกมา ตะโกนด้วย

เสียงดัง เพราะความดีใจที่สุด จินเองก็ดีใจเหมือนกัน แต่แววเศร้าที่ทาบทอบนใบหน้านั้น คาซึยะเองก็สังเกตเห็น และรู้สึกติด
ค้างอยู่ในใจไม่หายเลย……..

“หือ ตอนนี้ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนในรร. คนก็มองกันใหญ่ เราจะกลายเป็นดาราไปแล้วเหรอไงเนี้ย สุดยอดจริงๆนะ “ ทัตซึยะพูด

ขึ้นมา ยูอิจิเอามือผลักหัวไปที

“ เหอ อันนั้นมันก็เป็นเรื่องปกติแล้วนี่นา ใช่มั้ยฉันชินแล้ว “

จุนโนะมองทั้งสองคนเบื่อๆก่อนหันมาหาคาซึยะที่นั่งใจลอยคิดอะไรอยู่

 “ว่าแต่นายเถอะเป็นไงบ้าง คิดว่าตัวเองดังรึยังหึ “ คาซึยะหันมาแล้วก็ยิ้ม

 “ ไม่แตกต่างจากเมื่อก่อน หรอก แต่พ่อสิตื่นเต้นยกใหญ่ น่าตลกมากกว่า”

จุนโนะหัวเราะคำพูดของคาซึยะ ยูอิจิเหมือนคิดอะไรได้

“ เออ ว่าแต่ว่า เรื่องที่ทางบริษัทเค้าเรียกไปตกลงเกี่ยวกับsingle แรกของพวกเราจะว่าไงอ่ะ”

 จุนโนะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

“อืม คงเป็นช่วงปิดเทอมนี้แหละ แล้วก็นะ หลังจากปิดเทอมฉันเองก็คงต้องเตรียมสอบพรีเทสด้วย “ ยูอิจิ

 “เออๆ รู้แล้วๆ พ่อคนคงแก่เรียน” ทัตซึยะทำท่า มองซ้ายมองขวา

“ ว่าแต่ว่า แล้ววันนี้จินขาดเหรอ ไม่เห็นเลยนะ”

คาซึยะเองรู้มาตั้งแต่เช้าแล้ว จินไม่ได้บอกอะไรเลย หายไปแต่เช้า คงมีธุระอะไรแน่ๆ

 “อืม ช่วงนี้เจ้านั้นดูซีดๆผอมๆไปนะว่าป่ะ” ยูอิจิพูดขึ้นมา “ดูพูดเข้าสิ ทำยังกับว่าจินป่วยเป็นเอดส์ไปได้”

 จุนโนะพูดติดตลกออกมา แล้วก็พากันหัวเราะออกมา “ฉันก็คิดว่าจินเหมือนไม่สบายนะ”

คาซึยะพูดออกมาจริงจัง ทุกคนเลยชะงักไป

“หืม คิดมากไปมั้ย จินยังท่าทางดีๆนะ ถึงดูผอมลง แต่ก็คงเพราะการทำงานหนักมากกว่า ทั้งเรื่องโคคิ เรื่องการแข่งก็เลยไม่ค่อยดูแลตัวเอง ช่วงหลังๆคงจะดีขึ้นแน่นะ”

ทัตซึยะมองโลกในแง่ดีเสมอ “ใช่ๆ ยังไงเจ้านั้นก็ไม่เป็นไรอยู่แล้ว สบายใจเถอะ “

 ยูอิจิช่วยเสริม จุนโนะพยักหน้าเห็นด้วยก่อนหันมาพูดยิ้มๆกับคาซึยะ

 “อืม นายเองก็ท่าทางผอมไปเหมือนกันแหละน่า รู้ตัวเปล่า”

คาซึยะส่ายหัวยิ้มๆ นั้นสินะ เค้าอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้ ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวทุกคนจะพลอยเป็นกังวลไปด้วยเปล่าๆ

จินดึงเสื้อเชิ๊ตที่แขวนไว้มาสวมกลับตามเดิม ค่อยๆติดกระดุมช้าๆ ที่หน้าอกขาวๆนั้น

มีรอยแผลจางๆถ้าไม่สังเกตก็คงจะไม่เห็นแน่ๆ หมอเดินเข้ามาในห้อง จินแต่งตัวเสร็จก็มานั่งที่เก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้แล้ว หมอสี

หน้าเคร่งเครียดไม่น้อย ก่อนดึงเอกสารออกมาผลิกไปมา แล้วเงยหน้ามองดูคนไข้ที่ยังนั่งรอคอยอย่างใจเย็น

“หมอรู้สึกว่า มันจะหนักเกินไปแล้วนะ อาคานิชิ คิดว่าจะรักษาตัวที่นี่ดีแล้วเหรอ ที่โตเกียวมีโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือพร้อม และเหมาะสมกว่าที่นี่มากนะ “

ท่าทางหมอจริงจังมาก จินยิ้มน้อยๆ

“ต่อให้ดียังไง สำหรับผมแล้วคงไม่มีผลอะไรหรอกมั้งครับ”

หมออึ้งเหมือนกับพูดอะไรไม่ออก หมอคนนี้เป็นคนรู้จักดี เพราะเป็นหมอคนเดียวกับที่รักษาพ่อของจินมาก่อน แล้วได้ย้ายมา

อยู่ที่นี่ ดังนั้นจินก็ไม่ต่างจากลูกชายคนนึงของเค้าเลย จินเห็นท่าทางลำบากใจของหมอก็ยิ้มออกมา ก่อนพูดอย่างใจเย็นว่า

 “ไม่เป็นไรหรอกครับอาหมอ ผมอยู่ที่นี่มีความสุขมากกว่า ถึงจะเหลือเวลาน้อยลงยังไง ก็คงดีกว่า มีเวลามากขึ้น แต่ไม่มีความสุขใช่มั้ยครับ”

หมอพยักหน้า

“ไม่ค่อยเข้าใจ2คนพ่อลูกนี้จริงๆ ทั้งๆที่ไม่ยอมรักษาตามวีธีแบบที่เค้าทำๆกัน แต่ก็ยังอยู่กันมาได้นะ ตอนแรกหมอคิดว่าอาการของอาคานิชิจะหายขาดซะอีกจากการผ่าตัดคราวนั้น “

จินเอามือแตะที่หน้าอกบริเวณที่มีรอยแผลจางๆนั้น แล้วยิ้ม

 “อาจจะเป็นโชคชะตาก็ได้มั้งครับ ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนว่าจะตายไปแล้วแท้ๆ แล้วก็กลับมามีชีวิตได้อีก ระยะ2ปีก็ปกติดีทีเดียว ถึงจะเจ็บหน้าอกบ้างแต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก คงเป็นเพราะโชคชะตาจริงๆที่ให้เวลากับผม2ปี ให้ได้พบเจอสิ่งดีๆที่สำคัญกับผม การได้เจอกับเจ้าพวกนั้น “

แล้วก็ยิ้มด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข

“แต่ว่าเรื่องที่จะdebutนั้นน่ะ คิดว่าแน่ใจจะทำจริงๆเหรอ ร่างกายของเธอคงไม่พร้อมขนาดนั้นหรอกนะ หมอคิดว่าน่าจะเริ่มมานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลได้แล้วนะ”

“ผมคิดว่าผมยังไหวอยู่นะครับ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ผมก็จะมา แต่ตอนนี้ ความฝันกำลังเป็นรูปเป็นร่าง เจ้าพวกนั้นกำลังพยายามกันอย่างเต็มที่ผมเองก็จะพยายามด้วยครับ “

หมอพยักหน้ารู้ดีว่าสั่งอะไรไปคนไข้คนนี้ก็ดีแต่ดื้อดึงอยู่ดี แล้วก็สั่งยาที่จำเป็นให้ตามปกติ จินโค้งก่อนออกจากห้องตรวจไป นางพยาบาลที่เพิ่งสวนเข้ามามองดูจินจนเหลียวหลัง

 “แหม่ คนไข้คนนี้หน้าตาหล่อจังเลยคะ อืมรู้สึกหน้าตาคุ้นเหมือนเคยเห็นในทีวีด้วยสิคะ “

หมอหัวเราะออกมาแล้วส่ายหัว ไปมา

 “ก็คงเคยมั้ง เห็นว่าไปแข่งประกวดนักร้องอะไรนี่แหละ แล้วก็ชนะกำลังจะdebutเร็วนี้แหละ เตรียมขอลายเซ็นไว้ได้เลย“

นางพยาบาลตาโต

 “ อ้า !! เป็นจริงเหรอคะเนี้ย อ้อต้องการแข่งขันที่ถ่ายทอดวันนั้นแน่ๆ หล่อจริงๆเลย เอ๋ แต่ว่าเค้าป่วยเป็นไอะไรหรือคะ”

หมอถอนหายใจก่อนตอบออกมาเสียงเรียบๆ

“มะเร็งนะสิ…… “



:3024: :3024: :3024: :3024: คิจากพวกเราไปแล้ว จินก้อมาเป็นแบบนี้อีก   :3024: :3024: :3024: :3024:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #84 เมื่อ15-03-2007 19:23:23 »

จะไม่ไหวแล้วนะ  :monkeycry4:  :monkeycry4: อย่าให้เศร้าไปมากกว่านี้เลย  :monkeycry4:
เนื้อเรื่องก็เศร้าอยู่แล้ว แถมยังมีตอนที่พูดถึงความตายของโคคิได้อย่างน่าสงสารมาก และตอนที่พูดไว้อาลัยอีก
มันยิ่งเศร้าเข้าไปใหญ่  :monkeycry2:  :monkeycry2:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #85 เมื่อ16-03-2007 00:18:49 »

เศร้าอีกเระ จินคงไม่จากไปอีกคนนะ :dont2:

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #86 เมื่อ18-03-2007 22:21:46 »

chapter15

เริ่มปิดเทอมฤดูหนาว จิน คาซึยะ จุนโนะ ยูอิจิ ทัตซึยะก็เดินทางมาพักที่บ้านพักที่ทางบริษัทจัดไว้ให้ เพื่อที่จะทำงานสำหรับ

การเดบิวได้สะดวก ทั้งหมดได้มาอยู่รวมกันท่าทางจะมสนุกมากกว่าที่จะได้เดบิวด้วยซ้ำไป แต่ท่าทางของจินดูจะเคร่งมากกว่า

เดิมทำเอาทุกคนแปลกใจไปบ้างไม่น้อย

“จินเป็นไรของเค้าน้า ท่าทางจะเร่งรีบชอบกล” ทัตซึยะบ่นขึ้นในห้องครัวของเช้าวันหนึ่ง จุนโนะวางขวดนมลงที่โต๊ะกินข้าว

 “ก็ดีแล้วนะ งานจะได้เสร็จไวๆ ถ้าเปิดเทอมมาจะวุ่นนะ “ ยูอิจิพยักหน้า

“ใช่ๆ ไงๆนะ ฉันก็รักที่นั้นมากกว่าที่นี่แยะ ไม่อยากย้ายมาเรียนที่นี่หรอก ถ้าทำงานเสร็จยังไงก็ต้องกลับบ้านนะ “ ทุกคนพยัก

หน้าพร้อมๆกัน คาซึยะควงช้อนเล่นไปมาแล้วพูดออกมาน้ำเสียงเรียบๆ

 “จริงๆแล้วนะ ที่เราตัดสินใจเพื่อจะเดบิวแบบนี้ดีแล้วเหรอ รู้สึกเหมือนว่า ต่อไปเราจะมาอยู่ที่จุดนี้คงไม่มีเวลากลับไปที่เดิมได้อีกยังงั้นหล่ะ “

“มันก็จริง แต่จะได้อะไรมาก็คงต้องเสียอะไรไปบ้าง พวกเราน่ะตั้งใจที่จะร้องเต้นเพื่อให้ความสุขกับคนที่มาดูไม่ใช่เหรอ ดังนั้นการที่มีคนดูพวกเรามากขึ้น เยอะขึ้นก็เหมือนกับเราช่วยให้คนมีความสุขเพิ่มมากขึ้นไงหล่ะนะ “

ยูอิจิพูดออกมาดูจริงจังกว่าที่เคยๆ

จินเดินเข้ามาที่ห้องครัว ท่าทางอิดโรย หน้าตาเหมือนคนอดนอน จุนโนะเห็นก็ร้องทัก

 “จิน ….นายท่าทางไม่ดีเลยนะ ไหวป่าวเนี้ย” จินยิ้มน้อยๆเหมือนคนเหนื่อยอ่อน

“เมื่อคืน คุยกับโปรดิวเซอร์เรื่องแผนโปรโมทน่ะ แล้วก็คอนเซปงานทั้งหมดดด้วย คุยโทรศัพท์จนดึกเลย วันนี้ก็จะประชุมกันอีกทีด้วย”

คาซึยะมองจินตาปริบๆ ดูเหนื่อยขนาดนี้ น่าเป็นห่วงจริงๆนะ

 “นายจะโหมงานมากเกินไปไม่ดีนะ ฉันว่าถ้าเหนื่อยก็พักบ้างก็ได้ “ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ยูอิจิพูดแทรกขึ้นมาบ้าง

“ ถึงนายจะเป็นหัวหน้าทีมอ่ะนะ เอาเป็นว่าฉันทำแทนดีมั้ยนะ นายจะได้พักไง” ทัตซึยะหน้าตาเหรอๆ

“ ถ้ายูอิจิเป็นหัวหน้า งานนี้จะรอดมั้ยเนี้ย”

พูดแค่นี้ทุกคนก็หัวเราะออกมา ยูอิจิจัดการทัตซึยะทันทีที่ปากมาก ทุกคนหัวเราะเฮฮา แต่คาซึยะก็รู้สึกเป็นห่วงจินไม่หาย หัน

หน้าไปมองดู หน้าด้านข้างจินที่กำลังหัวเราะ ร่างผอมๆไหวๆ เหมือนจะล้มลงง่ายๆ ดูอ่อนแรงแบบที่ไม่น่าจะเป็นได้ จินหันมา

เห็นสายตาที่เป็นห่วงนั้นก็ยิ้มออกมา

“ไม่เป็นไรจริงๆนะ “ คาซึยะ ยิ้มตอบนิดๆ ก่อนหันกลับไปทานข้าวต่อไป

“เอาหล่ะนะ เรื่องงานที่วางแผนเอาไว้ทั้งหมดคร่าวๆก็ที่บอกไปแล้ว คิดว่าพวกเธอจะเสนออะไรอีกไหม”

โปรดิวเซอร์ เขียนกระดานเสร็จก็หันมาพูด ทุกคนอ่านแผนงานอย่างตั้งใจ ท่าทางทุกคนจะเห็นด้วย จินยกมือขึ้น

ขอพูด โปรดิวเซอร์พยักหน้าให้พูดได้

 “ผมคิดว่า อยากจะให้มี แทร็กซ์ พิเศษด้วยนะครับ เป็นเพลงที่พวกผมเคยร้องร่วมกับเพื่อนคนนึงนะครับ ผมอยากให้มีเสียง
เค้าในงานแรกนี้ด้วย ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่อยู่แล้วก็ตาม”

ทุกคนหันมามองหน้าจิน แล้วพยักหน้าจริงจัง รู้สึกเห็นด้วยอย่างมาก โคคิที่ไม่มีโอกาสมายืนตรงจุดนี้ แต่ก็อยากให้ทุกคนมี

โอกาสได้ฟังเสียง RAP ที่ยอดที่สุด โปรดิวเซอร์พยักหน้า

 “อืม!! น่าสนใจดีตกลงเอาแบบนี้ก็ได้ เอ่อช่วยจดไว้ด้วยนะ” ผู้ช่วยที่นั่งข้างๆทำการจดบันทึกลงแผนงานอีกครั้ง

“อืม แล้วพูดถึงเรื่องโปรโมทงานหล่ะ ต้องการแบบไหนรึเปล่า แบบที่มีรถโฆษณา หรือว่า ป้ายLCDตามตึก อยากได้แบบไหน
ดี”

ฝ่ายการตลาดถามขึ้นมาบ้าง ทุกคนหน้าเหรอ ออกจะเป็นเด็กๆไม่คุ้นเคยกับงานแบบนี้ก็เลยได้แต่ยิ้มๆไม่พูดอะไรออกมา


“ผมว่า แบบนั้นมันดูจะยังไงไม่รู้นะครับ เหมือนขัดๆกับพวกเรานิดๆ เห็นสมควรแบบไหนก็ได้นะครับ”

จินพูดขึ้นมา ฝ่ายการตลาดทำหน้างงๆ

 “แบบนี้ไม่ชอบเหรอ ดูขัดๆเหรอ อืม” แล้วทุกคนก็ท่าทางใช้ความคิดกันใหญ่

“เอาแบบนี้ดีมั้ยครับ ปกติที่พวกผมทำกันก็คือแสดงตามข้างถนน ถ้าแผนโปรโมทของเราเป็นคล้ายๆแบบนั้นจะได้มั้ยครับ มัน
คงเป็นตัวพวกผมที่สุดแล้ว”

ทุกคนในกลุ่มหันมามองคาซึยะ พยักหน้าไปตามๆกันด้วยความเห็นด้วย ฝ่ายการตลาดส่ายหัวไปมา

 “จะดีเหรอ แบบที่ว่ามาเนี้ย บริษัทเราไม่เคยทำมาก่อนนะ ออกจะแปลกๆไปรึเปล่า ไปร้องเพลงตามถนน แบบศิลปินไม่มีสังกัดแบบนั้น” โปรดิวเซอร์ยิ้มออกมา

 “เอาน่า ยังงี้ก็น่าสนใจดีนี่นา เราก็ให้เป็นแผนโปรโมทแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนไง แปลกดีออกไม่ใช่เหรอ ที่มีแบบนี้ออกมา
เราก็ปล่อยเพลงออกมาก่อนโดยไม่เปิดเผยหน้าตาศิลปินยังไม่มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ แล้วก็ให้พวกนี้ไปร้องเพลงตามที่ต่างๆไง เข้าท่าดีนะ ตกลงตามนี้แล้วกัน”

แล้วแผนงานทั้งหมดก็ถูกตกลงออกมา เรียบร้อยรวมทั้งวันนัดอัดเสียง หลังจากการประชุมเสร็จแล้ว ทุกคนเดินคุยเฮฮากัน

ก่อนที่จะเข้าห้องซ้อมเต้น จินหหันมามองคาซึยะยิ้มๆ คาซึยะรู้สึกอายๆขึ้นมาเลยหันไปพูดกวนๆใส่

“บ้ารึป่าวนายน่ะ อยู่ดีๆก็มายืนยิ้มอยู่ได้ประสาท!!” จินหัวเราะออกมา

“ไม่ได้บ้า แต่ภูมิใจในตัวนายต่างหาก นายเนี้ยมีความเป็นผู้นำ และก็มีความคิดที่ดี ดีกว่าฉันซะอีกนะ ต่อไปนายคงเป็น head

ที่ดีของกลุ่มได้แน่ๆ” คาซึยะรู้สึกใจหายทันที กับคำพูดแปลกๆแบบนี้

 “บ้าสิ!! นายพูดอะไรของนาย จะมีใครมาแทนหัวหน้ากลุ่มแบบนายได้ เลิกพูดบ้าๆสักทีเถอะ ยังไงนายก็ต้องดูแลพวกเราตลอด
ไปนะแหละ” จินได้ฟังก็ยิ้มออกมาแฝงแววเศร้าๆไม่น้อย

“นี่ๆ เร็วๆเถอะน่า ทุกคนเค้าพร้อมกันหมดแล้วนะ มัวแต่จู๋จี๋ กันอยู่นั้นหล่ะ 2 คนนั้นน่ะ”

ยูอิจิตะโกนเสียงดังออกมา ทำให้ทั้งจินและคาซึยะหน้าเหรอ แล้วตามเข้ามาซ้อมพร้อมๆกัน

ระยะเวลาการทำงานที่ทั้งเหน็ดเหนื่อยและยากลำบากค่อยๆผ่านไปทั้งๆที่ดูเหมือนจะใช้เวลามากแต่ชั่วพริบตาก็หมดไปและ

แล้ว Single เปิดตัวก็เสร็จสมบูรณ์ออกมาแล้ว จินสัมผัสมันเปรียบเหมือนของมีค่า

วันนี้ทุกคนเตรียมตัวที่จะไปงานเลี้ยงที่เป็นงานฉลองเล็กๆระหว่างทีมงานทั้งหมดหลังจากงานสำเร็จออกมาครึ่งทางแล้ว หลัง

จากนั้นเค้าจะมีเวลาพักอีก2วันเพื่อเตรียมตัวโปรโมทงานแบบที่ตกลงกันไว้ โดยการไปแสดงตามข้างถนน ทั่วทุกมุมเมือง

โตเกียว หลังจากนั้นจึงมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการออกมาอีกที

จินมองแผ่น CD อย่างมีความสุขแล้วอยู่ๆดีก็รู้สึกเบลอๆ แล้วเลือดก็หยดลงบนที่แผ่นCDนั้น จินรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกทันที

เลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูก ปนๆกับอาการคลื่นไส้และเวียนหัว แล้วก็กระอักเลือดออกมา จินพยายามลุกไปที่ห้องน้ำเพื่อที่

จะเปิดตู้ยา แต่ด้วยความเจ็บปวดที่ประดังเข้ามาก็ทำให้เค้าล้มลงที่พื้นห้อง หมดสติไปตรงนั้น

“จินช้าจังเลยนะ”ทัตซึยะบ่นออกมา ขณะมองดูนาฬิกา

“นั้นสิเจ้านั้นบอกว่าขอตัวกลับไปนอนที่บ้านพักก่อนน่ะเพราะว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายนี่นา จะเป็นอะไรมารึเปล่านะ”

จุนโนะเริ่มมีสีหน้าเป็นห่วง คาซึยะเองก็เหมือนกันไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะใจว้าวุ่นไปหมดแล้วว่าจินจะเป็นอะไรรึเปล่า ยูอิ

จิวิ่งเข้ามาในห้องท่าทางตื่นๆ

“ เฮๆ!! ทำไงหล่ะ ตอนนี้ประธานบริษัทเค้ามาที่เลี้ยงด้วยนะ สตาฟเค้าบอกให้พวกเรารีบๆไปกันน่ะ”

“จะไปเลยเหรอ แต่ว่าจินยังไม่มาเลยนะ” คาซึยะพูดออกมาทันที ทุกคนมองหน้ากันเหมือนทำอะไรไม่ถูก

“เอางี้ โทรไปตามจินก็แล้วกันว่าเป็นไงบ้าง” จุนโนะเสนอแล้วก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก

จินกระพริบตาถี่ๆ ตอนนี้อาการค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อยแต่ยังไม่ดีเท่าไหร่นัก รู้สึกเลือดจะยุดไหลไปแล้วค่อยพยุงตัวลุกขึ้นรู้สึกมึน

หัวมากๆ แต่ก็ฝืนลุกขึ้นจนได้ เสียงโทรศัพท์ดัง จินเอื้อมมือไปรับอย่างอ่อนแรง

“เฮ !! จินเหรอ เป็นไงบ้างอ่ะ ทำไมยังไม่มาอีก นี่ประธานอยากพบพวกเราด้วยนะ รีบมาเร็วๆสิ”

จินกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากรู้สึกแสบลำคอ

“ขอโทษจริงๆนะ ปวดหัวมากๆ ฉันไปไม่ไหวน่ะ ขอนอนพักที่บ้านก็แล้วกัน ฝากขอโทษประธานแล้วก็สตาฟให้ทีนะ ไปไม่ไหว
จริงๆ พวกนายไปกันดีๆนะ”




taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #87 เมื่อ18-03-2007 22:34:44 »


“อะไรนะ!! นายจะไม่มาเหรอ” จุนโนะโพล้งออกมาแค่นั้น คาซึยะก็รีบแย่งโทรศัพท์มาทันที ก่อนพูดกรอกไปตามสาย

 “จิน เป็นไรมากรึเปล่า ให้พวกเรากลับไปดูนายดีมั้ย” จินพยามยามหายใจยาวๆก่อนพยายามทำเสียงให้เหมือนปกติที่สุด

“อย่าพูดบ้าๆสิ แค่ปวดหัวน่ะ พวกนายห้ามทิ้งงานนะ ไปเถอะไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันกินยานอนแล้วพรุ่งนี้ก็คงดีขึ้นเองนะ”

คาซึยะยังไม่ทันพูดอะไรต่อ จินก็กดวางและปิดเครื่องไปเลย “จิน …เฮ้ยจิน!!”

 คาซึยะพยายามเรียกและต่อโทรศัพท์ใหม่แล้วก็ไม่เป็นผล ยูอิจิท่าทางกังวล “นี่ๆพวกเราจะกลับไปดูจินกันดีมั้ย”

แต่จุนโนะที่ท่าทางเป็นห่วงทั้งจินและห่วงงานเหมือนกัน “แต่ว่า จะทิ้งทางนี้ไปเลยนะเหรอ”

“ไปกันเถอะ ไปงานเลี่ยงที่สตาฟเค้าจัดกันเถอะ “

คาซึยะพูดออกมาเหมือนเป็นการตัดสิน ทุกคนทำท่างงๆ เหมือนกับอยากพูดอยากถามอะไร คาซึยะก็พูดตัดบทออกมา

“ก็จินบอกว่าห้ามทิ้งงานน่ะ ตอนนี้จินไม่สบายเราก็ต้องพยายามในส่วนของจินนะ ไปกันเถอะ” ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ คาซึยะ

เองถึงแม้จะแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง แต่จริงๆแล้วรู้สึกกังวลลึกๆเป็นห่วงจินไม่น้อยเลย

จินกินยาเข้าไปแล้วพอจะระงับอาการได้นิดหน่อย เค้าเช็ดทำความสะอาดคราบเลือดตามพื้นห้องเรียบร้อยแล้วก่อนมาล้มตัวลง

นอนรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว เหมือนกับว่ากระดูกถูกเข็มนับพันทิ่มแทง พยามข่มตาให้หลับแต่ก็ทำได้ยากลำบากเหลือเกิน ภายใน

ห้องนอนที่มืดมิดไม่มีใครแบบนี้ ทำให้รู้สึกเหงาและอ้างว้างเหลือเกิน ถึงแม้ว่าไม่อยากให้ใครรับรู้แต่ในใจที่ว่างเปล่าก็อดคิด

ถึงไม่ได้ อยากเจอหน้าใครสักคน ไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้เลย ไม่อยากจากใครที่ผูกพันธ์อยู่ตอนนี้ไปทั้งนั้น…………..

แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านสีขาวเข้ามา กระทบกับร่างที่หลับตาอยู่บนเตียง ขนตายาวๆเริ่มกระดิก แสงแดดที่ทาบทอบนหน้าที่

ขาวซีดเริ่มรู้สึกอุ่นๆ จินลืมตาช้าๆ ความเจ็บปวดเมื่อคืนจู่ก็หายไปซะเฉยๆ เหมือนเป็นปกติดีมาก ค่อยๆเอามือขึ้นมาเพื่อที่จะ

เสยผมก็รู้สึกว่าแขนเสื้อเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง เส้นผมสีน้ำตาลเข้าไปติดกับกระดุมแขนเสื้อจินไม่ได้กระตุกออก เพราะกลัวว่า

ร่างที่หลับสนิทข้างๆจะตื่น คาซึยะหลับสนิท ท่าทางจะเฝ้าเค้าทั้งคืนแน่ๆหลังจากลับจากงานเลี้ยง ท่าทางที่หลับสนิทเพราะ

ความเหนื่อยดูน่าเอ็นดูเหมือนเด็กๆ


จะเป็นไปได้รึเปล่าว่าอาการเจ็บปวดที่หายไปเพราะใครคนนี้ คนที่เค้ารู้สึกว่าเป็นเทวดาน้อยๆ จ้องมองหน้ายามหลับไหล ท่า

ทางมีความสุข อยากให้เจ้านี่มีความสุขแบบนี้ตลอดไป ไม่อยากให้อะไรมาทำร้ายจิตใจที่บอบบางของเจ้านี่อีก คิดอย่างงี้แล้ว

……..จินก็รู้สึกเจ็บปวดในใจลึกๆ

แล้วร่างที่หลับไหลก็เริ่มขยับลืมตาขึ้นแบบงัวเงีย เมื่อตื่นเต็มตาก็เห็นจินนั่งจ้องอยู่ก็รู้สึกตกใจ ลุกขึ้นทันที เส้นผมที่เกี่ยวกับ

กระดุมแขนเสื้อจินก็ กระตุกขาดออก จนเจ้าของเส้นผมร้องออกมาเสียงดัง “โอ้ย!!”

จินหัวเราะออกมาขำๆกับท่าทางของคาซึยะ ที่เอามือจับหัวตรงที่เส้นผมถูกกระตุกขาดออก

 “นายนี่ ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกฉันบ้างหล่ะ” คาซึยะบ่นออกมาเหมือนเด็กๆ จินทำหน้าตาย

“ก็นายหลับท่าทางมีความสุขดี ใครจะกล้าปลุกหล่ะ” คาซึยะทำหน้าบึ้ง “น่าเกลียดชมัดเลย !!” จินทำตาโต

 “อะไร เรื่องอะไรมาว่าฉันน่าเกลียดหล่ะ นายนี่!!!” คาซึยะทำหน้าเหรอ

“ไม่ใช่นาย หมายถึงฉันต่างหากมา เฝ้าไข้ แต่กลับหลับไปซะเอง น่ะ”

จินได้ยินแค่นั้นก็ขำออกมา “ใช่ๆน่าเกลียดชมัดเลยนายน่ะ “ แล้วก็เอามือมาถูๆหัวคาซึยะ จนผมเส้นเล็กพันกันยุ่งไปหมด

” เฮ้ย !! นายไม่มีสิทธิมาว่าฉันนะเจ้าบ้า เลิกเล่นหัวคนอื่นด้วย” จินได้ฟังก็ยิ้มๆ รู้สึกว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเคยเกิดมาแล้ว

ตอนที่คาซึยะมีเรื่องกับเรียวตะแล้วเค้าก็ไปนอนเฝ้า ไม่รู้ว่าเจ้านี่จะจำได้รึเปล่านะ คาซึยะเอามือจับทรงผมให้เป็นปกติเหมือน

เด็กๆ จินหันไปมองรอบๆ รู้สึกเงียบผิดปกติก็เลยถามออกมา


“แล้วเจ้าพวกนั้นหายไปไหนกันหมดอ่ะ “ คาซึยะตอบออกมา

“ไปดูสถานที่ที่จะเปิดการแสดงตามจุดต่างๆ ตอนแรกทำท่าจะเกเรไม่ไปกันหมดเพราะว่าจะอยู่ดูนาย แต่ว่าฉันบอกว่าฉันจะ
ดูแลเองก็เลยไปกันหมดไงหล่ะ” จินพยักหน้าก่อนหันมาจ้องคาซึยะตาเขม็ง

 “ว่าแต่ว่า นายอยู่นี่จะดูแลฉันได้เหรอ ทำอะไรก็ไม่เป็น “ คาซึยะหน้าเหรอ

“หา นายก็ท่าทางแข็งแรงดีแล้วนี่ ไม่เห็นต้องดูแลอะไรนี่นา” บ่นออกมาซะงั้น เพราะเกิดมาก็ไม่เคยดูแลใคร

มาก่อน จินแอบยิ้มเหมือนคิดจะแกล้งอะไรคาซึยะได้

“ ไม่จริงสักหน่อย ยังมึนๆตัวก็ยังอุ่นๆอยู่เลย นายนี่ ดูแลฉันไม่ได้แน่ๆ “ แล้วก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ งอแงแบบเด็กๆ คาซึยะ

เลยยิ่งทำท่าเก้ๆกังๆไปกันใหญ่

“บ้าน่า!! จริงๆเหรอไหนดูสิ “ ลองเอามือมาแตะที่หน้าผาก “ไม่เห็นจะร้อนเลย !!” คาซึยะพูดออกมาเสียงดัง จินทำหน้าบู้

“บ้านะสิวัดแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าร้อนหรอก เค้าต้องใช้หน้าผากวัดกันต่างหาก แค่วัดไข้ยังทำไม่เป็นเล้ย พึ่งไม่ได้จริงๆนะเนี้ย”

คาซึยะทำท่าอายๆ ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน เคยเห็นแม่ทำกับลูกมาบ้าง แต่กับเพื่อนกันแบบนี้ไม่เคย แต่จินทำท่าแบบนี้ ก็เลย

รู้สึกว่าต้องทำ ดึงหน้าจินมาใกล้แล้วก็เอาหน้าผากชนกัน แล้วก็ร้องออกมาเสียงดัง

 “จริงๆด้วย หน้าผากนายอุ่นๆนี่นา ทำไงดีหล่ะ ทำไงดี “ ตื่นเต้นจนน่าขำ จินกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่

“ไม่เป็นไรหรอกน่า เอาแผ่นสีฟ้าในตู้เย็นมาแปะเดี๋ยวก็หาย แต่ว่าฉันหิวแล้วนะ ทำอะไรให้กินได้ป่าว” จินปัดผ้าห่มออกแล้วก็

ลุกขึ้นยืน คาซึยะทำหน้าเหวอไปเลย ทำอาหารพูดเป็นเล่นไปได้นะนั้นน่ะ

 “เอาเป็นว่า เดี๋ยวฉันไปซื้อที่ข้างนอกให้ดีกว่ามั้ย ฉันทำไม่เป็นน่ะ “ จินกอดอกเหมือนเด็กเอาแต่ใจ

 “ไม่เอา ไม่อยากกินของแบบนั้นน่ะ ทำอะไรก็ได้น่ะ ไข่ทอดไง ทำได้ป่ะ ไข่ทอดกับข้าวก็พอแล้ว”

คาซึยะเองท่าทางไม่ยอมใครเหมือนกันเริ่มเสียงดังขึ้นมาบ้าง

“ก็บอกแล้วไงว่าทำไม่เป็น จะให้ทำได้ไงหล่ะ” จินเหมือนโดนดุ ทำหน้าสลดนิดหน่อย

 “อ้อ เข้าใจแล้ว ฉันไม่กินก็ได้ ตามสบายนายเถอะ” คาซึยะรู้สึกเหมือนทำผิดร้ายแรง

เพราะบอกเองว่าจะดูแลจิน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย

“ก็ได้ๆจะทำให้ จะทำให้ “ จินยิ้มออกมา เหมือนว่าแกล้งเจ้านี่ได้แล้ว “ในตู้เย็นเหมือนว่ามีแอปเปิ้ลปอกให้กินด้วยนะ”


คาซึยะเริ่มขมวดคิ้ว “หา!! “ เหมือนได้คืบจะเอาศอกเลยนะ จินทำหน้าเศร้าๆ

“ก็ฉันเป็นคนป่วยนี่นา ก็อยากกินผลไม้บ้างน่ะ” คาซึยะรู้สึกว่าทำตัวดุๆอีกแล้วก็พยักหน้า

“ได้ๆ แอปเปิ้ลด้วยนะอืมๆ”

รู้สึกเหมือนจะลำบากหน่อยนะ แต่ก็จะพยายามดูเพื่อจินเลยนะ คาซึยะเดินมาที่ห้องครัวเปิดตู้เย็นออกหยิบข้าวของออกมา

ไข่1 ถาด อันดับแรกต้องทอดไข่ก่อน

จินเดินตามลงมาด้วยคาซึยะหันไปมองจินที่กำลังเปิดตู้เย็นหยิบแผ่นลดไข้ออกมาแปะหัวเอง

“อ้าวแล้วนายลุกมาทำไมหล่ะเนี้ย!!” คาซึยะพูดออกมาแปลกใจ จินหัวเราะออกมา

 “ล้อเล่นน่าที่จะให้นายทำทั้งหมดน่ะ มีหวังไฟไหม้บ้านแน่ๆ เดี๋ยวฉันทำเองนายอยู่เฉยๆเถอะ”

คาซึยะท่าทางเอ๋อ จินเดินมาตั้งกระทะ ใส่น้ำมันเรียบร้อย คาซึยะก็โพล้งออกมาเสียงดัง

 “ นายไม่ต้องทำหรอกน่า แค่บอกวิธีมาก็พอ ฉันอยากทำมากกว่า “ จินทำหน้ายิ้มงงๆ

 “ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวฉันทำให้” คาซึยะแย่งไข่ออกมา

“ให้ฉันทำเถอะ ฉันอยากทำอะไรให้นายบ้าง ที่ผ่านๆมาก็พึ่งนายมาตลอดแล้ว”

 พูดออกมาอายมากๆจนหน้าแดงก่ำ จินยอมถอยออกมายิ้ม ๆ

แล้วคาซึยะก็เก้ๆกังๆหน้าเตาต่อไป จินบอกว่าให้ลองตอกไข่ดู ใบแรกออกมา จินยิ้ม “ อืมทำได้ดีนี่นา”

คาซึยะรู้สึกอายๆก่อนตั้งหน้าตั้งตาทอดไป แล้วไข่ราดข้าวก็ออกมารูปร่างไม่น่ากินนักแต่ก็พอรับได้

คาซึยะวางจานข้าวลงข้างหน้าจิน ภูมิใจมากๆเหมือนตัวเองเป็นเชฟมือหนึ่ง จินพนมมือก่อนพูดออกมาอย่างร่าเริง

 “ทานนะครับ” จินท่าทางหิวจัดหรืออะไรก็ไม่รู้ กินข้าวคำใหญ่เคี้ยวเหมือนเด็กๆ คาซึยะมองดูก็ขำนิดๆ

ก่อนเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบแอปเปิ้ลออกมา

“นี่ๆ นายไม่ต้องทำแล้วก็ได้นะ “ จินหันมามอง คาซึยะทำหน้าบูดๆประมาณว่าจะทำให้ได้ จินก็พยักหน้าแล้วหันมากินข้าวต่อ

ไป คาซึยะทำท่าจริงจังแล้วก็เริ่มปลอกเปลือกแต่แล้วก็จนได้ บาดนิ้วจนได้แผลเลย เจ็บแต่ไม่กล้าร้องกลัวจินจะหันมามอง


จินยังกินข้าวอยู่ เลยหันมาตั้งหน้าตั้งตา พยายามต่อไป ปกติงานแบบนี้ต่อให้ตายก็ไม่ทำเด็ดขาด เพราะอะไรนะ

ถึงต้องมาทนเจ็บ เพื่อจิน......ก็เพราะว่าจินเป็นคนที่เค้ารักมากๆนะสิ เรื่องแค่นี้ทำได้อยู่แล้ว การที่ทำอะไรเพื่อจิน ต่อให้ต้อง

เจ็บเค้าก็ทนได้ เพราะจินทำเพื่อเค้าละทุกคนเสมอด้วย

จินกินข้าวเสร็จเรียบร้อย ท่าทางอิ่มแล้ว ลุกขึ้นบิดตัวไปมา ทำท่าจะเดินเข้ามาหาคาซึยะ ที่ตั้งใจปลอกแอปเปิ้ลอยู่ คาซึยะรีบ

ซุกมือหันหน้ามามองจิน

 “ยังไม่เสร็จอ่ะ ถ้าทำเสร็จแล้วจะเอาไปให้น่ะ” จินเอามือบิดคอไปมาเหมือนเมื่อยๆ

 “เอางั้นเหรอ งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนแล้วกันนะ “ คาซึยะพยักหน้าตอบรับ

จินเดินขึ้นห้องไป คาซึยะถอนหายใจ เอามือทั้ง2ข้างที่เป็นแผลมีดบาดเต็มไปหมด เป่ามือด้วยความเจ็บ การปลอกผลไม้นี่ยาก

จริงๆนะ ถ้าจินเห็นมีหวังถูกดุแน่ๆ แล้วก็รีบจัดการเอาแอบเปิ้ลใส่จานให้เรียบร้อยก่อนจินจะออกมาอีก

จินอาบน้ำเสร็จแล้วเดินผิวปากมาที่ห้องครัว เห็นแอปเปิ้ลวางในจานเรียบร้อย รูปร่างออกจะประหลาดนิดๆ แทบที่จะบอกได้ว่า

กินได้จริงๆเหรอเนี้ย แต่ก็รู้สึกได้ถึงความตั้งใจ และก็พยายามของคนทำ แล้วก็ยิ้มออกมา ก่อนหยิบใส่ปาก คาซึยะเดินออกมา

จากห้องน้ำชั้นล่างพอดี เห็นจินกำลังกินอยู่ก็ยิ้มนิดๆ จินหันมาเห็นก็ชูนิ้วโป้งให้ “อร่อยมากๆเลย” บ้าจริงๆของแค่นี้ก็ต้องชม

กันด้วยนะ แต่ก็อดดีใจไม่ได้สักทีน้า

ทั้งคู่นั่งเล่นกันที่ห้องทีวีท่าทางไม่มีอะไรทำกัน

“พอเจ้าพวกนั้นไม่อยู่ก็รู้สึกเงียบจริงๆเลยนะ” คาซึยะพยักหน้า

 “ขอโทษนะ ฉันเป็นคนที่คุยไม่สนุกเหมือนเจ้าพวกนั้น ก็เลยเบื่อสินะ” จินหันควับ

 “ไม่ใช่ ฉันหมายความว่า ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้ซ้อมเต้น ไม่ได้อัดเสียงแล้วมันดูว่างๆไปต่างหากหล่ะ

 “ คาซึยะพยักหน้า “นั้นสิ ตอนนี้พวกนั้นก็ทำงานอยู่เหมือนกันนะ วันหยุดนี้ก็เหมือนว่ามีเรา 2 คนที่ได้หยุดจริงๆ”

จินยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

“แต่ก็ดีนะ ฉันไม่เคยได้มีโอกาสอยู่กับนายแบบนี้เลย “ คาซึยะห่อตัวทันทีพยายามหลบหน้า เพราะรู้สึกเขินอายๆขึ้นมาชอบกล

 “พูดอะไรของนาย ไม่กระดากบ้างไง ผู้ชาย2 คนทำไมต้องอยู่ด้วยกันตามลำพัง” จินเอามือผลักหัวคาซึยะ

 “นายสิบ้า ประสาทรึเปล่า ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย เอาเป็นว่าในขณะที่พวกนั้นทำงานเราก็น่าจะช่วยอะไรบ้างนะ
มาทำความสะอาดบ้านกันดีกว่านะ!!”



อยู่ดีๆก็คึกขึ้นมา คาซึยะกลัวว่าไข้ของจินจะกลับ

 “ เฮ้ย!! จะดีเหรอนายหายดีแล้วรึไง” จินเหวี่ยงแขนไปมาแบบเด็กๆ

“เถอะน่า ออกกำลังกายแบบนี้จะได้หายเป็นปลิดทิ้งไง” ว่าแล้วก็ถลกแขนเสื้อท่าทางทมัดทแมงขึ้นมาเชียว

 คาซึยะได้แต่ส่ายหัวในความห่ามของจิน…… เจอจนชิน… และรู้สึกชอบปนหมั่นไส้

“ งั้น ฉันซักผ้าให้ก็แล้วกันนะ” คาซึยะพูดขึ้นมา แล้วเดินไปเพื่อจะเอาตระกร้าผ้าในห้อง จินรีบวิ่งเข้าไปแย่ง

 “ไม่ได้ฉันทำเอง!” ท่าทางผิดปกตินิดหน่อย คาซึยะคิ้วขมวด

 “ทำไมหล่ะ ให้ฉันทำก็ได้นี่นา กะอีแค่ใส่เครื่องเอง” จะให้ได้ยังไง ผ้าพวกนี้มันเปื้อนเลืดนี่นา

“ไม่เอาอ่ะ ฉันไม่ชินให้ใครมาสักชั้นในให้ “ แก้ตัวออกไปข้างๆคูๆ

คาซึยะนึกสนุกจะแย่งเอามาให้ได้

 “เออ เป็นผู้หญิงไปได้ไม่เห็นต้องอายเลย เอามานี่น่า!!” ไม่พูดเปล่าเอามือยื้อออกมาได้

จินใจหายวูบรีบชักกลับ คาซึยะเองก็เหมือนกันรู้สึกเหมือนเห็นผ้าเปื้อนเลือดใช่มั้ย!!

chapter 15 end

to be con....................
   
เลือด เลือด ใกล้ถึงเวลาแล้วซินะ :เฮ้อ:





ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #88 เมื่อ19-03-2007 01:33:33 »

จินจะตายมั้ย :เศร้า2: :เศร้า2: :เศร้า2: ไม่ยอม ไม่ยอม

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #89 เมื่อ19-03-2007 19:24:20 »

 :give2: :give2: :give2:

ทำกับข้าวให้กินด้วยอ่า :-[ :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด