##WITH NO NAME##
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ##WITH NO NAME##  (อ่าน 81606 ครั้ง)

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #90 เมื่อ19-03-2007 22:59:58 »

อยากเจอหน้าใครสักคน ไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้เลย ไม่อยากจากใครที่ผูกพันธ์อยู่ตอนนี้ไปทั้งนั้น…………..
เข้าโหมดเตรียมเศร้า  :เศร้า1:  :เศร้า1:

RoosT

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #91 เมื่อ22-03-2007 12:27:00 »

 :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #92 เมื่อ10-04-2007 22:09:09 »

รอคับรอ    :monkeycry4:

 :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #93 เมื่อ11-04-2007 20:32:41 »

รออ่านต่อค่ะ หายไปหลายตอนเลย  :monkeysad:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #94 เมื่อ11-04-2007 23:48:18 »

มารอด้วย :yeb:

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #95 เมื่อ12-04-2007 19:20:20 »

ขอโทษนะงับที่มาต่อช้าอ่ะ ช่วงนี้เหนื่อยๆ อ่ะ  :เฮ้อ:  เราไปอ่านต่อกันเลยดีก่าเนอะ

chapter16

“เอ๊ะ!! มือนายไปโดนอะไรมาน่ะ “ จินเห็นรอยแผลที่ปิดพลาสเตอร์ของคาซึยะก่อน ทำให้เบี่ยงเบนความสนใจไปได้

คาซึยะรีบชักมือหลบบ้างทีนี้ จินทำหน้าดุๆ

 “นี่นายปลอกแอปเปิ้ลจนเป็นแผลใช่มั้ย ทำไมต้องทำเพื่อฉันขนาดนี้ด้วยหล่ะ ถ้านายต้องเจ็บตัวฉันก็ไม่ดีใจหรอกนะ”

“ขอโทษ…..ฉันก็แค่อยากทำอะไรเพื่อนายบ้าง แค่นี้ไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอกน่า”

คาซึยะก้มหน้าเหมือนสำนึกผิด จินเอามือตบหัวเบาๆ

 “นายจะมาขอโทษทำไม ไม่ใช่ความผิดสักหน่อย ยังไงฉันก็ขอบใจที่นายอยากทำอะไรเพื่อฉัน แต่ว่าถ้าต้องเจ็บตัวอีก
อย่าทำเลยนะ” คาซึยะพยักหน้าเข้าใจ

 “ไหนขอดูมือหน่อยสิ” “ไม่ต้องหรอกน่า บอกว่าแค่นิดเดียว”

เหมือนจะอายๆไม่อยากให้ดู จินทำตาดุๆก่อนดึงมือออกมาดู จินมองดูด้วยสายตาที่เป็นห่วงมากๆ

คาซึยะรู้สึกได้ถึงความห่วงใยนั้นผ่านมือใหญ่ที่อบอุ่นของจิน สัมผัสแผลอย่างเบามือ

 เหมือนกับว่าจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้ยังไงยังงั้น

ผลสุดท้ายคาซึยะเลยถูกสั่งห้ามช่วยทำอะไรอีก จินจัดการซักเสื้อผ้าเองทั้งหมด แล้วนำไปตากที่ดาดฟ้า

คาซึยะเดินตามต้อยๆเหมือนเด็กน้อยๆก็ไม่ปาน เฝ้ามองดูจินทำงานเหมือนตั้งใจเป็นงานที่สำคัญอย่างนึง

จินหันมาเห็นก็อดขำไม่ได้


“นี่ฉันเป็นนักโทษ ของนายรึไง จ้องอยู่ได้” “หา!!!” คาซึยะหน้าเอ๋อๆ กับคำพูดของจิน

 “กะ…ก็ ฉันต้องดูแลนายนี่นา เกิดทำงานมากเป็นอะไรไปอีกจะแย่อ่ะ”

จินอมยิ้มเจ้านี่น่ารักแบบนี้นี่น้าถึงไม่อยากอยู่ห่างๆเลย จินทำท่าเบ่งกล้ามให้ดู

“นี่ แข็งแรงแล้วน่า ไม่งั้น คงทำงานพวกนี้ไม่ไหวหรอก เออ ว่าไปแล้วก็เหนื่อยจังแฮะ นอนสักหน่อยดีกว่า “

 ว่าแล้วก็นอนลงไปที่พื้นดาดฟ้าเลย คาซึยะตาโต

“เฮ!! มานอนตรงนี้ได้ไง เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก !!!“ จินหลี่ตาขึ้นข้างนึง เห็นคาซึยะ หน้าตาตื่นๆ ยืนอยู่เหนือ เค้า

เลยดึงข้อมือเล็กๆให้ล้มลงมาข้างๆ

“แดดอุ่นจะตายไป นายก็มานอนด้วยกันก็ได้นี่นา”

แล้วก็หลับตาลงสนิท ปล่อยให้คาซึยะที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆมองดูตาปริบๆ

 แล้วก็เหมือนจะหลับไปจริงๆ ช่างหลับง่ายดายจริงๆเลยนะ

คาซึยะเฝ้ามองหน้ายามหลับของจินนิ่งๆ รู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด ที่จินนอนหลับอยู่ข้างๆตัวเค้าแบบนี้

อยากจะดูแลปกป้องจินไปในแบบนี้นานๆ ถึงแม้ว่าจะทำได้ไม่ค่อยดี หรือไม่ได้เรื่อง แต่เค้าก็จะพยายาม

เพราะว่าจินคือความสุขของเค้า …………….


“กลับมาแล้ว!!" ยูอิจิตะโกนเสียงดังก่อนเหวี่ยงรองเท้าออก จุนโนะทำหน้าเข้มก่อนจัดให้ดีๆตามนิสัยเจ้าระเบียบ

ทัตซึยะเดินตามมาแบบเหนื่อยๆ

 “เงียบจังหายไปไหนกันนะ 2 คนนั้น”

แล้วทุกคนก็เดินหาตามห้องต่างๆก็ไม่เจอ จุนโนะพูดออกมา

 “ไม่อยู่รึไง ออกไปข้างนอกเหรอ” ยูอิจิแย้ง “ไม่หรอกมั้ง รองเท้าก็อยู่แล้วก็ไม่ได้ลอคบ้านด้วยนะ”

 “อยู่ดาดฟ้าป่าว” ทัตซึยะเสนอ แล้วทั้งสามก็ขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้า

ลมยามเย็นพัดเอื่อยๆ เสื้อผ้าที่ราวกระพือตามแรงลมกระทบกับแดดยามเย็นให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่ที่บ้าน

คนสองคนนอนหลับอยู่ใต้ราวผ้าเหมือนเด็กๆที่แอบเล่นซ่อนหากัน จนหลับไป ทั้ง 3 คนมองหน้ากันแล้วก็ยิ้มออกมา


“เดี๋ยวก็เป็นหวัดจนได้นะ มานอนตรงนี้กันน่ะ”

จุนโนะพูดเหมือนผู้ใหญ่แต่ก็ยิ้มๆ ยูอิจิเห็นแล้วก็หมั่นไส้อยากแกล้งขึ้นมา

 “เฮ้ย!!!! มีคนอู้ พวกฉันไปทำงานแทบตาย พวกนายมานอนหลับสบายแบบนี้ได้ไงห่ะ!!"

จินกับคาซึยะสะดุ้งตื่นด้วยเสียงอันดังของยูอิจิ จินขยี้ตางัวเงีย คาซึยะเองก็เหมือนกัน

 “บ้าเดะ พวกฉันทำตัวเป็นแม่บ้านที่ดี ทำงานบ้านเรียบร้อยขนาดนี้ไม่เห็นรึไง”

จินเถียงๆออกมา “แบบนี้แสดงว่าหายดีแล้วนะเนี้ย”

ทัตซึยะพูดยิ้มๆ แล้วทุกคนก็คุยเฮฮากัน คาซึยะได้แต่กระพริบตาปริบๆ ฟังเรื่องที่ทั้งสามคนเล่า

 แต่เรื่องที่เหมือนเค้าจะเห็นผ้าที่เปื้อนเลือดของจินนั้นก็ยังค้างคาในใจไม่หาย



แล้วแผนการโปรโมทโดยการตระเวนไปแสดงตามสถานที่ต่างๆทั่วโตเกียวก็เริ่มขึ้น

ทั้งหมดทำตัวเหมือนเป็นนักดนตรีอิสระทั่วไปที่ร้องเพลงตามความฝัน

 เพียงไม่กี่อาทิตย์กระแสเพลงของพวกเค้าก็เริ่มรุนแรงขึ้น เพราะยังไม่มีการเปิดตัว และไม่มีเดโมไปยังสถานีวิทยุ

ต่างๆ แต่เพลงก็ดังมากๆ จนมีคนขอทางสถานีวิทยุ และรายการเพลงต่างๆ

 เล่นเอามีคนถามหาวงนี้ทั่วทั้งโตเกียว จนรายการและสถานีวิทยุต่างๆตามหาตัวกันให้วุ่นวาย

“ตอนนี้เพลงของนักร้อง WITH NO NAME ก็กำลังขึ้นอันดับชาตร์มาเป็นอันดับ 1 แล้วนะคะ
เป็นปรากฏการณ์ที่แปลกมาๆเลยนะคะ ทั้งๆที่ไม่มีแม้แต่แผ่น หรือชื่อเสียงเรียงนามของนักร้อง ทั้งๆที่เป็นเพียงนักร้อง
อิสระ แต่เพลงของเค้าก็เป็นที่นิยมขนาดนี้ อยากจะมีโอกาสได้ดูการแสดงของพวกเค้าบ้างจริงๆนะคะเนี้ย “

เสียงผู้จัดรายการวิทยุชื่อดังรายงานออกมา ในรถตู้ที่เพิ่งพาทุกคนกลับจากการเปิดไลฟ์สดๆจากสถานนีแถวรปปงหงิ

ทุกคนเหนื่อยอ่อนจึงหลับไป จินเองยังไม่ได้ข่มตาลง ได้ฟังวิทยุแล้วอีกไม่นานทางบริษัทจะให้พวกเค้าเปิดตัวจริงๆ

ในงานแถลงข่าว แต่ว่าจินจะทนถึงตอนนั้นได้รึป่าว ยิ่งนานวันอาการก็ชักกำเริบหนัก

หลังจากการแสดงทุกครั้ง เค้าแทบอยากจะตายด้วยความเจ็บปวด

จินมองดูคาซึยะที่หลับคอพับอยู่ข้างๆ ผมเส้นบ้างสีอ่อนปรกหน้าขาวๆนั้นไว้

เวลาหลับแล้วท่าทางมีความสุขแบบนี้ คงไม่เป็นไรนะ ถ้าเค้าจะจากไปตอนนี้ คนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้

ต้องเข้มแข็งและดูแลตัวเองได้นะ

จินเอียงหัวลงข้างที่พนักพิง จ้องมองหน้ายามหลับของคาซึยะอย่างตั้งใจด้วยดวงตาที่หม่นเศร้า

พยายามเก็บรายละเอียดทุกอย่างเอาไว้ในความทรงจำ คาซึยะเอียงคอไปมานิดหน่อยเหมือนเด็กๆที่งัวเงีย

แล้วก็หลับต่อไป จินยิ้มนิดที่มุมปาก อยากจะกอดเจ้านี่แรงๆสักที แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเดี่ยวจะตื่นขึ้นมาโวยวายแน่ๆ

แค่มองแค่นี้ก็มีความสุขในใจแล้ว จู่ๆความเจ็บปวดก็แทรกซึมขึ้นมา เสียดแทงเข้าไปในโสตประสาท

มโนภาพเริ่มเลือนลาง จินเจ็บแน่นที่หน้าอก พยุงตัวออกห่างคาซึยะแล้วก็ไอออกมาเบาๆเพราะกลัวคนในรถจะตื่น

จินเอามือป้องปากไอ รู้สึกได้ถึงรสชาติที่เคยชิน เลือดสีคล้ำปนออกมากับการไอ

จินรีบดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ด หันมามองทุกคนในรถ ที่ยังคงหลับกันอยู่ แล้วก็ถอนหายใจ

รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกอีกครั้ง ดวงตาที่หม่นเศร้ามองกวาดตาไปทั่วทั้งรถ จุนโนะ ยูอิจิ ทัตซึยะ และคาซึยะ

 ทุกคนที่เป็นที่รักของเค้า ไม่อยากให้ใครต้องเห็นสภาพนี้ของเค้า ถึงเวลาแล้วใช่มั้ย ที่เค้าต้องเจ็บปวด

ไม่ใช่ที่ร่างกาย แต่ที่จิตใจ ถึงเวลาแล้วใช่มั้ย เวลาที่เค้าต้องจากทุกๆคนไป………………



แผนการโปรโมทจบลงแล้ว เป็นช่วงเก็บตัวและเร่งกระแสฟีเวอร์มากขึ้น ถัดจากนี้ไปอีก 1 อาทิตย์พวกเค้าจะออกแถลง

ข่าวกับสื่อมวลชน ช่วงนี้ทุกคนจึงได้พักผ่อนและไปซ้อมเต้นและร้องเพลงที่บริษัทบ้างเป็นครั้งคราว วันนี้ก็เช่นกัน รถที่

บริษัทมารับแล้วแต่จินก็ยังไม่ลงมา ยูอิจิจึงอาสาไปตามตัวมาให้

คาซึยะดึงสายกระเป๋าให้กระชับขึ้นมองตามขึ้นไป แล้วยูอิจิก็หน้าตาตื่นเดินลงมา

“จินไม่อยู่ที่ห้อง……….ข้าวของก็ไม่อยู่ด้วยเหมือนกัน!!!”

คาซึยะตาโต ทุกคนก็ท่าทางตื่นๆ

“อะไร พูดเล่นอีกหล่ะสินายนี่!!” จุนโนะดุออกมา “จริงๆนะ ไม่เชื่อขึ้นไปดูได้เลย!!”

ยูอิจิท่าทางร้อนรนขึ้นมา จนทุกคนรีบวิ่งขึ้นไปดูที่ห้องของจิน ไม่มีจินที่นั้นจริงๆ ข้าวของที่จำเป็นบางส่วนหายไป

“จินไปไหนกัน………” ทัตซึยะพึมพัมออกมายังงงไม่หาย

“ใช่ทำไมไม่บอกก่อนหล่ะ อยู่ดีๆก็หายไป”

“มีอะไรรึเปล่านะ!!” ทุกคนยังงง ไม่หาย คาซึยะเท่านั้นที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเดินดูทั่วทั้งห้องด้วยหัวที่หนักอึ้ง

จินหายไปไหน ทำไม ถึงหายไป เค้าหาคำตอบไม่ได้เลย

“เดี๋ยวโทรไปหาแล้วกัน ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน” จุนโนะเสนอขึ้นมา ทุกคนหันมามองเห็นด้วย ไม่เป็นผล ปิดโทรศัพท์

 คาซึยะรีบโทรกลับไปที่หอ เช่นกัน จินไม่ได้กลับไปที่นั่น

ทุกคนเริ่มมีสีหน้าที่วิตกกังวลอย่างหนัก จินทำไมถึงหายไป ติดต่อก็ไม่ได้แล้วจะทำยังไงต่อไปดี

คาซึยะรู้สึกเครียดขึ้นมาอย่างหนัก จินมีอะไร? ทำไมไม่บอกเค้า…………

เดินไปหยุดที่กระจกหน้าห้องน้ำ ในขณะที่ทุกคนพยายามโทรกลับไปหา ตามตัวจินเท่าที่จะมีเบอร์สามารถติดต่อได้

คาซึยะเปิดน้ำไหลออกมาล้างหน้าแรงๆให้ได้สติขึ้นมา น้ำกระเซ็นขึ้นเปียกกระจก คาซึยะเอามือลูบๆ

ประตูตู้ไม่ได้ปิดให้สนิท มันแง้มออกมา ให้เห็นขวดใสภายใน


คาซึยะเปิดตู้ออกดูด้วยความสงสัย ขวดยาหลายขวดที่ยาหมดแล้ววางเรียงอยู่ในตู้ ทำไม……ขวดยามากมายขนาดนี้ของ

ใครกัน ทำไมถึงมาอยู่ในตู้ในห้องน้ำของจิน คาซึยะหยิบออกมาดู ที่ฉลากปิดศัพทย์ทางยาที่เค้าไม่รู้จัก คิ้วขมวดด้วย

ความไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นกันนะ จินหายไปไหน แล้วเค้าจะทำยังไงต่อไป

แผนงานเลือนกระทันหัน เพราะตัวจินหายไป ไร้ร่องรอย ทุกคนเร่งตามหาจินทันที

 แม้แต่ทางญาติก็ไม่รู้ว่าจินหายไปไหน มืดมนไปหมด ทุกคนท่าทางร้อนใจที่อยู่ดีๆจินมาหายตัวไปแบบนี้

เกิดอะไรขึ้นกันนะ

“กินอะไรบ้างสิ เดี๋ยวจะไม่มีแรงนะ” ทัตซึยะส่งข้าวกล่องให้คาซึยะที่นั่งเปิดสมุดรายชื่อเพื่อนอยู่ข้างๆทางเท้า

คาซึยะมองหน้าที่อิดโรยของเพื่อน

”อืม นายเองก็ด้วยนะ “ ทัตซึยะยิ้มๆแล้วชูกล่องข้าวขึ้นมา แล้วนั่งลงข้างๆ ทั้งคู่เริ่มทานข้าว

 แต่ในใจก็ไม่ได้สงบลงเลย จุนโนะปั่นจักรยานมาพร้อมยูอิจิ หน้าตาตื่นทั้งคู่

 คาซึยะกับทัตซึยะแทบจะทิ้งกล่องข้าว ถามออกมาเกือบพร้อมกัน

“เจอจินแล้วเหรอ!!!”

จุนโนะส่ายหัว แต่หน้าตายังตื่นๆอยู่บ้าง

 “มีเมลเข้ามา จากจิน เค้าบอกว่า…….ให้ทุกคนทำตัวตามปกติ เค้าสบายดี ตอนนี้อยู่ที่ๆที่เค้ามีความสุขดี ไม่ต้องตามหา
แล้วเค้าจะกลับมาเอง “

คาซึยะรีบดึงดทรศัพท์ออกมาเชค จริงอย่างที่ว่า จินส่งเมลมาถึงทุกคน แต่มัวแต่วุ่นจึงไม่ได้สนใจเชคดู

“มันบ้าไงวะ หรือว่ามันอยากเดินทางไปไหน ไม่อยากให้ใครตาม” ยูอิจิบ่นอย่างหัวเสีย

 “ก้อาจจัะเป็นอย่างงั้นนะ” จุนโนะเห็นด้วย ทัตซึยะอ่านเมลอีกครั้งก่อนพูดออกมา

 “ตกลงว่าจินไม่เป็นไรแน่ๆใช่มั้ย วางใจได้รึเปล่า” ทุกคนมองหน้ากันก่อนพยักหน้า คาซึยะมองดูเมลแล้วก็คิดอะไร

บางอย่างในใจ ขวดยาที่เค้าเก็บมาจากห้องจิน ยังคงอยู่ในกระเป๋าของเค้าเสมอ

คาโต้ตามแม่ที่เป็นพยาบาลมาที่โรงพยาบาล เพราะตอนนี้ป่วยเป็นหวัด พอถึงฤดูนี้ทีไร เค้าจะแพ้เกสรสุดๆทุกที เดินไป

จามไป รำคาญเป็นที่สุด หลังจากรับยาแล้วก็กำลังจะกลับ ผ่านทางเดินของโรงพยาบาลที่ทอดยาวไปยังหาดทราย คาโต้

เห็นคนที่คุ้นเคยนั่งอยู่ที่ม้านั่งในสวนของโรงพยาบาลก่อนถึงหาด

“นั้นมัน………….รุ่นพี่……ไม่ใช่เหรอ”

chapter 16 end

to be con.....................

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #96 เมื่อ12-04-2007 19:59:36 »

chapter17



“จินนี่ฉันเองนะ จุนโนะน่ะ หายไปแบบนี้ทุกคนเป็นห่วงนะ มีอะไรก็บอกกันได้ ไงก็รีบกลับมานะ แค่นี้หละ”

“ติ๊ด”

“เป็นไรรึเปล่า คงไม่เป็นอะไรนะ สบายใจเมื่อไหร่ รีบกลับมานะ ทุกคนรออยู่ ฉันทัตซึยะนะ”

“ติ๊ด”

“ไอ้บ้า ชอบทำให้ตกใจนะแกอ่ะ อืม รีบๆกลับมาหล่ะ อย่ามัวเที่ยวเพลิน ทุกคนเป็นห่วงจะแย่แล้ว โดยเฉพาะเจ้าคาซึยะ
ไงก็ติดต่อมาบ้างหล่ะ อย่าหายเงียบไปอีกนะ ยูอิจิเองนะ น่าจะรู้นะ เออ แค่นี้แหละ”

“ติ๊ด”

“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรอกนะ แต่หายไปแบบนี้ฉันไม่ชอบเลย นายน่าจะรู้นะ ว่าทุกคนรู้สึกยังไง รีบๆกลับมาหล่ะ ฉันจะรอ “

จินฟังข้อความที่ฝากไว้คล้ายๆแบบนี้นับ 10 ข้อความ ยิ่งพวกนั้นเป็นห่วงเค้ามากเท่าไร ร่างกายของเค้าก็ดูเหมือนจะยิ่ง

อ่อนแอลงทุกที อยากเจอหน้าทุกคนเป็นที่สุด แค่ VOICE MAIL ก็ฟังมาเป็น 10 ครั้ง ยิ่งทำให้คิดถึงทุกคนมากๆ โดย

เฉพาะคาซึยะ ตอนนี้เจ้านั้นจะเป็นยังไงบ้างนะ จินยิ่งคิดก็ยิ่งอยากเจอ…….. ทุกคนคิดว่าเค้าจะกลับไป แต่ถ้าเค้าไม่กลับไป

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ ยิ่งคิดก็ยิ่งทรมาน…………..

คาซึยะบอกว่าจะ รอ……..จินอยากจะบอกว่าไม่ต้องรอหรอก เค้าคงไม่มีวันได้กลับไปอีกแล้ว การให้ความหวัง หรือทำลาย

มันไปแบบไหนจะทรมานกว่ากัน เค้าคิดว่าการให้ความหวังมันโหดร้ายกว่ามาก เพราะมันกินเวลานานจนความเจ็บ

แทรกซึมไปทั่ว ถ้าทำลายมันไปซะตั้งแต่แรก จะได้ตัดใจซะ ไม่ต้องรอแบบล้มแร้งๆ แล้วต้องผิดหวังในที่สุดแน่ๆ

จินกดมือถือโทรออก เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เค้าจากมา โทรหาใครสักคน ปลายสายท่าทางตื่นเต้น รีบรับสายทันที


“ฮัลโหล จินนายเป็นไง บ้าง สบายดีใช่มั้ย หายไปไหนของนาย ทำไมไม่บอกก่อนจะไปหล่ะ”

ยิงเป็นชุดจินขำออกไป เค้าไม่มีช่องจะพูดเลยนะ

“อะไรของนาย อย่ามาขำได้มั้ย ทุกคนเค้าเป็นห่วงจะแย่แล้วนะ”

“ขอโทษ ก็นายเล่นยิงเป็นชุด ฉันก็ไม่รู้จะพูดตอนไหนดีนะสิ”
คาซึยะทำหน้าเหมือนเด็กๆ ก่อนพูดกรอกไปตามสาย

 “ขอโทษ ก็ มันดีใจ นี่นา ที่นายติดต่อมา…………” จินได้ยินอย่างงั้นก็ขำไม่ออก มือที่กำโทรศัพท์ไว้แน่น เริ่มมีเหงื่อซึม

“จิน ..รีบกลับมาเถอะ นะ นายรู้บ้างมั้ย ฉันแทบจะทนไม่ได้ แค่ไม่เห็นนายอยู่ตรงหน้า นายจะว่า ฉันบ้าไง ก็เถอะ
 แต่ฉันรู้สึกยังงั้นจริงๆนะ ถึงแม้ว่า จะรู้ว่า นายสบายดี แต่ฉันไม่สบายใจเลย ………”

จินได้ยินคำพูดระบาย แบบนี้ออกมา ยิ่งเจ็บปวดที่สุด จะให้พูดยังไง ออกไปได้นะ

“อย่าพูดยังงั้นสิ นายจะทำให้ฉันพลอยหดหู่ไปด้วยเลย!!”

จินพยายามพูด น้ำเสียงปนหัวเราะ ฝืนหัวเราะออกไปทั้งที่ในใจมันเจ็บ……….

ปลายสายเงียบไปนิดหน่อย ได้ยินเสียงถอนหายใจแผ่วๆ

 “ อืม … งั้นนายเป็นอะไร ทำไมอยู่ดีๆก็ หนีไป มีอะไรรึเปล่า นายบอกฉันได้นะ นายเป็นคนพูดเสมอ ไม่ใช่เหรอว่า

ถ้าใครในกลุ่มมีความทุกข์ก็ให้ระบายออกมา ความไม่สบายใจจะเบาลง เพราะมันแบ่งออกเป้น 6 ส่วนนะ นายลืมไปแล้ว
เหรอ “

“ฉันไม่ได้เป็นอะไรนี่ ไม่ได้ไม่สบายอะไรสักหน่อย………… ก็แค่ว่า ตอนนี้ ฉันอยากจะอยู่คนเดียวสักพัก คนเราบางครั้งก็อยากมีเวลาที่จะอยู่คนเดียวบ้างใช่มั้ย”

 จินพยายาม ทำเสียงให้ปกติ ดูมีความสุขที่สุด

“แต่ว่า..นายหายไปแบบนี้ ฉันไม่สบายใจเลย ให้ฉันไปพบนายได้ไหม แค่นิดเดียวแค่นั้นแหละ แล้วฉันจะไม่กวนนายอีก “

คาซึยะร้องขอ น้ำเสียงเหมือนเด็กๆ จินนิ่งไปอึดใจก่อนหัวเราะออกมา

“นายนี่ !! ฉันไม่ใช่เด็กๆนะ ที่จะเป็นอะไร ฉันปลอดภัยดี ไม่งั้นจะโทรมาหานายได้ยังไง ตอนนี้ ฉันกำลังอยู่ที่ๆดีที่สุดสำหรับฉัน ขอให้ฉันมีเวลาสักพักนะ แล้วเราค่อยพบกันนะ…”

คาซึยะหน้าเบ้ กับคำตอบ และเสียงหัวเราะ แต่แค่ได้ยินจินหัวเราะ จิตใจเค้าก็ผ่อนคลายลง

 “ก็ได้…. ฉันคงดูเหมือนเด็กๆสำหรับนายเลยใช่มั้ย ที่พูดอะไรแบบนั้นออกไป ยังงั้นก็ตามใจนายแล้วกัน ”

“ไม่ใช่แค่เด็กธรรมดาหรอกนะ เด็กดื้อเลยแหละ” จินตอกกลับ คาซึยะคิ้วขมวด

“เจ้านี่ ก็คนเป็นห่วงนี่นา!!” จินหัวเราะออกมา “อืมๆ เข้าใจ ยังไงก็ฝากบอกทุกคนด้วยนะว่าไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

จินพูดเหมือนจะวางสาย คาซึยะรู้สึกใจหายวูบ รีบพูดออกไป

“นี่ๆ ให้ฉันโทรไปบ้างได้ไหม……อืม ถ้าจะไม่รบกวนนาย” คาซึยะรู้สึกยังงั้น ถ้าไม่ได้เจอ

แค่ได้ยินเสียงบ่อยๆหน่อยก็ยังดี จินเข้าใจดีเค้าก็รู้สึกอย่างงั้นเหมือนกัน แต่ทำยังงั้นคงจะไม่ได้แน่ๆ

“ไม่ดีกว่านะ นายก็รู้ว่าฉันอยากมีเวลาคิดอะไรบ้าง เอาเป็นว่า ฉันจะติดต่อกลับไปแล้วกันนะ แค่นี้นะ บาย!”

คาซึยะยังไม่ทันจะพูดลากลับปลายสายก็ตัดไปแล้ว คาซึยะมองหน้าจอ ด้วยแววตาเศร้าๆ

 จินเองเมื่อปิดโทรศัพท์ก็ก้มหน้าซบลงกับมือที่กำโทรศัพท์เอาไว้ เค้าไม่กล้าที่จะบอกให้คาซึยะเลิกรอเค้า ได้แค่ให้

ความหวังลมๆแร้งๆว่าเค้าจะกลับไปเท่านั้น เจ็บปวดจนแทบอยากร้องไห้……….


“ต้องการมีเวลาอยู่คนเดียวเหรอ?” จุนโนะหน้าเหรอ ทุกคนก็ไม่ต่างกัน คาซึยะรีบนำข่าวจินมาบอกกับทุกคนทันที

 “แล้วไม่มารร.เลยเนี้ยนะ มันเป็นบ้าอะไรของมันกัน” ยูอิจิเกาหัว ทัตซึยะตาโตเหมือนนึกอะไรออก

 “หรือว่าเรื่องที่เรา จะประกาศเดบิว จริงๆแล้วจินยังไม่อยากจะเดบิวหรือป่าว”

ทุกคนหันมาพร้อมกัน

“อาจจะเป็นยังงั้นก็ได้นะ!!” จุนโนะเห็นด้วย “แล้วทำไมมันไม่บอกออกมาตรงๆเลยหล่ะ”ยูอิจิท่าทางสงสัย


 “อาจจะกลัวว่าพวกเราไม่เห็นด้วยรึเปล่า” จุนโนะเสนอความคิด

“ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ต่อให้ได้เดบิวหรือไม่ ยังไงจินก็สำคัญกว่าทุกเรื่องอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องคิดแบบนั้นเลย “


คาซึยะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แววตาที่ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรนัก ทุก คนพยักหน้ารับรู้และเข้าใจ ยิ่งจินไม่อยู่

คาซึยะก็เงียบลงเรื่อยๆในจิตใจเหมือนคิดอะไรอยู่ อย่างหนักโดยตลอด


ทุกคนเองนอกจากเป็นห่วงจินก็ยังเป็นห่วง คาซึยะอีกคน ห่วงในความเงียบ……..ก่อนมีพายุทะเลมักจะสงบเสมอ

หลังเลิกเรียนทัตซึยะไม่ระวังถูกคัตเตอร์ในกระเป๋าบาดจึงไปหาพลาสเตอร์ยาที่ห้องพยาบาล

รีบเดินเข้าจนเกือบจะชนกับใครคนนึง คาโต้รุ่นน้องที่เคยเห็นหน้าบ้างนั้นเอง คาโต้โค้งให้เป็นเชิงขอโทษที่เกือบชน

ทัตซึยะส่ายหัวก่อนทักออกมา

“นายเองก็ไม่สบายเหมือนกันเหรอ” “ครับ ผมแพ้เกสรนะครับ ฮัดเช่ย!!” ว่าแล้วก็จามออกมา

“ว่าแต่เรื่องงานเดบิว เนี้ย เมื่อไหร่เหรอครับ” ทัตซึยะหน้าเจื่อนๆ “นายรู้ด้วยเหรอ ……“

“พวกรุ่นพี่ใช่มั้ยครับที่เป็นศิลปิน WITH NO NAME ที่โตเกียวเค้าพูดถึงกัน ผมว่าใช่แน่ๆ ใช่มั้ยครับ”

ดูท่าทางอยากรู้จนอาการไม่สบายหายไปเลยนะเนี้ย ทัตซึยะท่าทางตื่นๆ

“นายรู้แม้แต่เรื่องนี้ด้วยเหรอ ที่บริษัทเค้าปิดไว้นะ!!”

“จริงๆก็เดาๆ ไว้นะครับ เพราะลักษณะเหมือนพวกรุ่นพี่มากๆ แล้วเมื่อไหร่จะเดบิวอย่างเป็นทางการหล่ะฮะ

 “ พูดถึงตรงนี้ ทัตซึยะ หน้านิ่งๆไปเลย “ยังไม่มีกำหนดหรอก …..”

“เพราะรุ่นพี่ อาคานิชิ ไม่สบายเหรอฮะ รุ่นพี่เค้าป่วยเป็นอะไรเหรอฮะ?”

คาโต้ถามเหมือนเด็กที่ไม่รู้อะไร แต่ทัตซึยะหันควับด้วยความสนใจ

“นายว่าอะไรนะ จินไม่สบายเหรอ!!”



ทัตซึยะไม่รู้ว่าเค้าสมควรรู้เรื่องที่ไม่ควรหรือเปล่า แต่ตอนนี้จะจัดการยังไงถึงจะถูกนะ

ทั้งๆที่ปั่นจักรยานจิตใจก็ไม่ได้สนใจทางตรงหน้าเลย

“เอี๊ยด!!!”

เสียงเบรคดังสนั่น!!! รถยนต์คันใหญ่หักหลบแทบไม่ทัน ทัตซึยะใจหายวูบ เกือบไปแล้ว

จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วกับเรื่องที่รู้ ยังไม่หายตกใจเสียงเรียกจากฝากถนนอีกฝากก็ดังขึ้น

“เจ้าบ้าเอ้ย!! เอ๋อหรือไง เกือบตายแล้วนะ ไมไม่ดูรถเลยอ่ะ” ยูอิจิ ยืนอยู่กับจุนโนะ จัดการด่าแทนเจ้าของรถยนต์เสร็จ

สรรพ ทัตซึยะเห็นทั้งคู่ดีใจจนน้ำตาแทบไหล ทิ้งรถจักรยานรีบวิ่งข้ามถนนมาเลย แทบไม่ดูสัญญาณไฟเลย


“โชคดีจริงๆที่ฉันเจอพวกนาย!!” ทัตซึยะละล่ำละลัก ตื่นๆ จุนโนะเอามือลูบหลัง

 “ ใจเย็นๆ นายนี่อยากตายมากรึไง ขี่จักรยานก็ไม่ดูรถ เมื่อกี้ก็ข้ามมาเฉยๆเลย สัญญาณไฟเขียวแล้วนะ ระวังหน่อย
สิ!!”

“พวกนายฟังฉันนะ!!! ตอนนี้ มีคนบอกว่าเห็นจิน อยู่ที่โรงพยาบาล ที่อยู่ที่หาดทางเหนือของเมืองเราน่ะ!!”

น่าอยู่หรอกที่ ทัตซึยะจะเอ๋อได้ขนาดนี้ จุนโนะกับยูอิจิเองก็ ไม่ต่างกัน อึ้งไปชั่วขณะ

เกิดอะไรกันทำไมจินถึงต้องไปอยู่ที่นั้น ทุกคนมองหน้ากันเหมือนต้องการคำตอบ แล้วก็ภาวนาในใจ

ขออย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นเลย


“นายแน่ใจ แค่ไหน” จุนโนะ พยายามรวบรวมสติ

 “ฉันไม่รู้อ่ะ แค่รุ่นน้องคนที่ชื่อ คาโต้เป็นคนบอกมา ฉันก็งงไปหมดแล้ว”

ทัตซึยะเอามือเสยผม เหมือนขบคิดอย่างหนัก ยูอิจิพูดออกมาเสียงดัง

 “ เฮ้ย!! ไม่มีอะไรหรอกน่า การไปอยู่โรงพยาบาลก็ใช่ว่าจะเป็นอะไรนี่นา ฉันว่าเราไปที่โรงพยาบาลนั้นกันเลยดีกว่า”

ท่าทางจริงจังทุกคนก็เหมือนจะเห็นด้วย

 “เฮ!! แล้วคาซึยะหล่ะ !!” ทัตซึยะโพล้งออกมา “เราจะบอกหมอนั้นด้วยมั้ย!!”

 จุนโนะมองหน้ายูอิจิ เป็นเชิงปรึกษา ยูอิจิทำหน้าไม่ถูก เค้าก็ไม่มั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับจิน แล้วคาซึยะจะรับได้แค่ไหน

จะบอกให้ไปด้วยกันเลย จะถูกรึเปล่า จุนโนะเองก็คิดไม่ต่างกัน

คาซึยะเปราะบางที่สุด แล้วเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับจิน ถ้าแค่รู้ว่าตอนนี้จินอยู่ที่โรงพยาบาล

 แทบไม่ต้องคิดเลย คาซึยะคงคลั่งแน่ๆ

“ฉันว่า เราไปดูสถานการณ์ ก่อนจะดีกว่า ว่าจินอยู่ที่นั้นจริงรึเปล่า แล้วค่อยบอกเจ้านั้นดีกว่านะ”

จุนโนะเป็นคนสรุป ยูอิจิและทัตซึยะพยักหน้าเห็นด้วย แล้วทั้งสามก็ขึ้นรถเมล์ที่ผ่านมาพอดี

หาดทางเหนือของเมือง ต้องขึ้นรถเมล์ที่มีน้อยสายผ่านเนินเขาแคบๆไป ที่นั้นค่อนข้างสงบและ

 เงียบมากๆ มีโรงพยาบาลซึ่งเคยเป็นที่พักฟื้นของคนไข้ป่วยเป็นวัณโรค ในสมัยที่โรคนี้ยังรักษาไม่หาย

เพราะสภาพอากาศที่บริสุทธิ์และบรรยากาศที่สงบและห่างไกล แต่ปัจจุบันเป็นโรงพยาบาลธรรมดาที่มีบรรยากาศดีเท่า

นั้น คนไข้มักป่วยเป็นโรคไม่ร้ายแรง แต่เป็นโรคที่ต้องการการพีฃักฟื้นมากกว่า

 ทั้งสามคนนั่งบนรถไม่พูดอะไรกันสักคำ ต่างคนต่างคิดกันไปต่างๆนาๆ ทำไมจินถึงมาหลบตัวที่นี่

ถ้าไม่ป่วยก็ดูแปลกเกินไป เท่าที่ผ่านมา พวกเค้าไม่เคยสังเกตเห็นความผิดปกติใดๆเลย จินยังคงร่าเริง และขี้เล่น

เหมือนเคย มีแต่ร่างกายที่ ผ่ายผอมลง และอาการหวัดเล็กๆน้อยๆที่เจ้าตัวมักเป็นบ่อยๆ ไม่เคยสังเกตเลยว่า


ทำไม ช่วงหลังจินถึงป่วยบ่อยๆ ทุกคนเหมือนตำหนิตัวเอง ที่ไม่สนใจเพื่อนจนไม่รู้อะไร

 แต่อีกใจทุกคนก็ภาวนาว่าอย่าได้เกิดอะไรกับจินเลย ขอแค่จินมาอยู่ที่โรงพยาบาลเฉยๆ ในฐานะอะไรก็ได้ ขอแค่ไม่ใช่

คนป่วย แต่จะคิดยังงั้น มันก็ยากเต็มทีแล้ว


ทุกคนท่าทางเก้ๆกังๆที่จะเข้าโรงพยาบาล ที่นี่ค่อนข้างเก่าแก่แต่ว่า สวยงามตามรูปแบบอาคารสมัยเก่า

ยรรยากาศก็ดีเกินกว่าจะพูดได้ว่าเป็นโรงพยาบาลด้วยซ้ำไป

 จุนโนะเดินเข้าไปถามพยาบาลที่หน้าเคาเตอร์ทางเข้าอย่างสุภาพ

“ เอ่อ…ขอโทษนะครับ ที่นี่เอ่อมีคน….ชื่อ อาคานิชิ หรือเปล่าครับ “

 พยายามเลี่ยงไม่พูดคำว่าคนไข้ออกมาซะเฉยๆ พยาบาลเงยหน้าขึ้นมองงงๆ

“เป็นคนไข้หรือว่าหมอคะ?” ทั้งสามคนมองหน้ากัน ยูอิจิพยักหน้า “คนไข้ครับ มีมั้ยครับ อาคานิชิ จินน่ะครับ”

พยาบาล กดคอมพิวเตอร์เป็นจังหวะ พอๆกับการเต้นของหัวใจทั้งสามคน


“มีคะ คนไข้ ชื่ออาคานิชิ จิน อยู่ที่ตึก C ทางซ้ายที่ติดทางลงหาดนะคะ ห้อง 107 คะ”

พยาบาลยิ้มพร้อมบอกห้องเสร็จสรรพ แต่ทั้งสามคนแทบไม่มีอารมณ์ตอบรับกับยิ้มนั้น จินไม่สบายจริงๆ

 จินมาที่นี่เพื่อรักษาตัว หัวทั้งสามคนคิดไปต่างๆนาๆ ทำไมจินต้องปิดบัง โรคที่จินเป็นร้ายแรงขนาดไหนกันถึงบอกไม่

ได้ ต้องหนีมาอยู่ที่โรงพยาบาล นี้ ทั้งๆที่ใกล้ๆขนาดนี้กลับไม่บอกสักคำ กลัวว่าพวกเค้าจะมาเยี่ยมรึไง

 ยูอิจิทำท่าจะถามออกไปว่าจินป่วยเป็นอะไร จุนโนะกลัวว่าจะผิดสังเกตเกินไป ก็เลย โค้งขอบคุณก่อนดึง ยูอิจิออกมา


ทั้งสามคนเดินช้าๆไปยังตึกC ที่พยาบาลบอก ยูอิจิ รู้สึกอึดอัด จึงบ่นออกมา

“อะไรกัน ใช่จินจริงๆเหรอ เจ้านั้นจะป่วยเป็นอะไรได้ ทำไมต้องปิดบัง แอบหนีมาด้วย มันหมายความว่ายังไงกัน “

จุนโนะกับทัตซึยะเองก็อยากรู้ไม่ต่างกันเลย


“เงียบเถอะน่า เดี๋ยวเจอจินก็คงรู้เองแหละ “ จุนโนะ เหมือนอารมณ์ไม่ปกติเหมือนกัน

 ทัตซึยะเห็นท่าทางทั้งสองคนแล้วก็พูดออกมาบ้าง “ ไม่อยากไปเจอเลย………..ฉันกลัว…”

จุนโนะกับยูอิจิหันมาตาเขียวใส่ทัตซึยะพร้อมกัน ทัตซึยะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาเศร้าๆ

“หรือว่าพวกนาย ไม่กลัวกันหล่ะ …ความจริงบางครั้งมันก็ไม่น่ารู้เท่าไหรหรอกนะ “ จริงอย่างที่พูด ความจริงมันเจ็บปวด

ห้อง107 ภายในห้องว่างเปล่า……….

ทั้งสามแอบถอนหายใจออกมา ไม่มีจินท่าทางเจ็บป่วยนอนซมอยู่ตรงนั้น เหมือนหายใจกันโล่งสักระยะเท่านั้น

 พยาบาลที่ผ่านมา หันมาแล้วยิ้มให้

 “เพื่อนๆ อาคานิชิคุงเหรอคะ” ทุกคนสะดุ้งทันที หันมามองพยาบาลวัยกลางคนท่าทางใจดี ทั้งสามโค้งให้เป็นการตอบ

รับ หน้าตายังตื่นๆกันนิดหน่อย

“ปกติไม่เคยเห็นใครมาเยี่ยม อาคานิชิคุงเลย อืม…ตอนนี้เค้าจะไปเล่นกับเด็กๆที่ห้องโถงสุดทางเดินนี้นะจ๊ะ ไปหาที่นั้น
ได้นะ” ทุกคนพยักหน้า

 “งั้นตามมาสิจ๊ะ กำลังจะไปพอดีเลย” ทุกคนมองหน้ากัน แล้วรีบเดินตามพยาบาลใจดีไป


“พี่จิน ๆ ตรงนี้ต้องทำยังไงอ่ะ ผมไม่เห็นจะทำได้เลย” เด็กชายตัวเล็กที่หัวเกลี้ยงไม่มีผมเลย หน้าตาบ้องแบ้วเหมือนเณร

ไม่มีผิด จินมองดูแล้วก็หัวเราะ

 “ก็กลับด้านนี่นา เวลาจะต่อนายต้องต่อด้านนี้เข้าใจป่าว”

จินจับpuzzel ไม้รูปร่างไดโนเสาร์ให้ถูกทาง แล้วส่งคืนไปให้เด็กชาย เด็กผู้หญิงท่าทางน่ารักชูสมุดภาพให้จินดู

“พี่จินคะ หนูวาดเสร็จแล้วสวยมั้ยคะ “ จินมองทำหน้าทึ่งๆ

“หือ สุดยอดมากเลย หนูลงสีดูสิ พี่อยากรู้ว่าจะสวยขนาดไหนนะ”


เสียงเรียกพี่จิน มีไม่ขาดช่วง จินคอยหันไปคุยกับน้องคนนั้นทีคนนี้ที เหมือนครูรร.อนุบาลไม่มีผิด

แต่เด็กที่รายล้อมเค้า ต่างก็มีร่างกายที่เจ็บปวด ทุกคน หน้าตาที่ซีดเสียว และร่างกายที่ผอมแห้ง

แต่ทุกคนก็ยิ้มอย่างสดใส เพราะมีจินที่คอยให้ความรักและเอ็นดูอยู่เสมอ

ความใจดีของจินทำให้เด็กๆมีความสุข จนลืมอาการป่วยไปชั่วคราว

เด็กหญิงตัวเล็กและผอมแห้ง เดินมากระตุกชายเสื้อของจิน

“พี่จิน เล่านิทานให้หนูฟังที” คำขอร้องของเด็กๆ จินไม่เคยปฏิเสธ หยิบร่างผอมมานั่งที่ตัก

 แล้วก็กางหนังสือนิทานออก เด็กๆ ทุกคนรีบวางมือจากของเล่นมานั่งใกล้ๆพี่จิน เหมือนเป็นช่วงเวลาพิเศษ

พยาบาลเดินนำทุกคนมาจนถึงที่ จุนโนะ ทัตซึยะ ยูอิจิ ทั้งสาม นิ่งเหมือนถูก สตาฟ จิน จริงๆที่อยู่ตรงนั้น

 จิน เพื่อนรักของพวกเค้า เพียงแต่ตอนนี้ ร่างกายดูผอมกว่าเดิมมาก แต่ท่าทางรอยยิ้มและน้ำเสียงยังคงเดิม ไม่เปลี่ยน

“ อาคานิชิคุง มีเพื่อนมาเยี่ยมจ๊ะ “ จินหันมามมองตามเสียงเรียก ด้วยแววตาที่ตกใจ………….

chapter 17 end

to be con.........

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #97 เมื่อ12-04-2007 20:17:25 »

chapter18

ดวงตาทุกคนประสานมาที่จิน เหมือนจะทวงถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จินนิ่งไปอึดใจ ก่อนยิ้มออกมาเหมือนที่เคย ไม่ได้

มีทีท่าตกใจเหมือนครั้งแรกที่เห็นทั้งสามคน เด็กหญิงร่างผอมที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของจินเงยหน้าดู คนแปลกหน้าทั้ง
สาม

“พี่จิน ใครเหรอ?” จินก้มมองเด็กๆที่รานล้อมท่าทางสนใจเหมือนๆกัน

“เพื่อนของพี่น่ะ จ๊ะ………..”

ได้เวลาที่เด็กๆต้องไปทานยาและพักผ่อน จุนโนะ ยูอิจิ ทัตซึยะจึงมีโอกาสได้คุยกับจิน แต่ไม่มีเสียงใครเล็ดลอดออกมา

แม้แต่นิดเดียว จินที่นั่งขัดสมาธิ ที่พื้นห้องมองดูหน้าเพื่อนๆที่ทำหน้าเหมือนจะพูดอะไรกันไม่ออก จินยิ้มออกมา

 “พวกนายนี่สุดยอดจริงๆเล้ย!! ยังอุตส่าห์มาเจอฉันจนได้นะ”


ทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นออกมาได้ยังไงกัน ยูอิจิเองทั้งๆที่เป็นคนไม่ซีเรียสอะไรก็ยังไม่สามารถจะพูดอะไรออกมา

ให้เหมือนปกติได้ยากนัก

“นายเป็นอะไรน่ะ …..ทำไมต้องมาอยู่ที่โรงพยาบาลแบบนี้“ ยูอิจิน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ คนอื่นก็หน้าเสียไม่ต่างกัน

จินยิ้มเหมือนเคย

“ถามอะไรโง่ๆงั้นหล่ะ อยู่โรงพยาบาลก็ไม่สบายนะสิ” จินค่อยๆลุกขึ้น ร่างดูผอมบางแทบจะปลิว

 เดินเหมือนจะไม่มีแรงเท่าไรนัก

“ก็นั้นแหละ ป่วยเป็นอะไรกัน นายดูไม่ดีเท่าไหร่เลยนะ” จุนโนะ เห็นจินเดินผ่านทำท่าจะล้ม เอามือจับแขนพยุงไว้

ทุกคนท่าทางตกใจไม่น้อยกับท่าทางอ่อนแรงขนาดนี้

จินหัวเราะเหมือนไม่มีอะไรทั้งนั้น

 “บ้าน่า ดูไม่ดีตรงไหน เนี้ย ถือว่าดีที่สุดแล้วสำหรับคนที่ป่วยแบบฉันนะ “

ยังมีหน้ามาหัวเราะซะเฉยๆ ทุกคนไม่มีอารมณ์ร่วมได้ขนาดนั้นกับท่าทางที่ดูน่าเป็นห่วงของเพื่อนคนนี้

ทัตซึยะน้ำตาเริ่มซึม

 “จิน นายกำลังป่วยหนักใช่มั้ย อย่าทำท่าเหมือนไม่มีอะไรสักทีเถอะ นายไม่ยอมบอกพวกเราเลย ทุกคนเป็นห่วงนายนะ นายอย่าเป็นอะไรเลยนะ”

พูดจบน้ำตาก็ไหลออกมา จินยิ้มต่อไปไม่ได้แล้ว จุนโนะกับยูอิจิก็เหมือนกันหน้าตาเครียด แล้วก็บอกไม่ถูก


จินยิ้ม น้ำตาก็ไหลออกมา

 “พวกนายนี่บ้ากันจริงๆเลย ถ้าใครมาเห็นคงตกใจ ที่ผู้ชาย 4 คนมายืนกอดกัน อึดอัดเป็นบ้า “

จินทำทีเหมือนว่าอึดอัดแต่จริงๆแล้วในจิตใจที่หนาวเหน็บมานาน เริ่มสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่เค้าพยายามหลบหนีมาตลอด

เพราะไม่ต้องการให้ทุกคนเห็นเค้าในสภาพที่เจ็บปวด จึงพยายามหนี มาเพื่อสู้กับมันตามลำพัง ไม่เคยคิดเลยว่า เมื่อมี

คนมารับรู้ถึงความเจ็บปวดนี้ มันทำให้เค้าไม่สบายใจนัก แต่กลับสร้างพลังใจให้อย่างไม่น่าเชื่อเลย พลังของความรักและ

ความห่วงใย มีอานุภาพจริงๆ………..


คาซึยะนั่งจ้องโทรศัพท์ใจจดจ่อ ดูเหมือนบ้า แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่เค้าอยากจะทำและต้องการจะทำ ช่วงนี้เค้สาไม่ได้สนใจ

เพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆเลย แต่ดูท่าทีของทุกคนก็ไม่ค่อยจะดีนัก เหมือนมีเรื่องกังวลลึกๆ หลังชม.วรรณคดีที่แสนน่าเบื่อ

ทัตซึยะเดินเข้ามาที่โต๊ะท้ายห้อง มองไปที่นั่งจินด้วยแววตาเศร้าๆ จนคาซึยะสงสัย

“ทัตซึยะ มีอะไรรึเปล่าน่ะ?” ทัตซึยะรู้สึกตัวหันไปมองคาซึยะ ท่าทางเลิ่กลั่ก ยูอิจิจึงรีบพูดขึ้นมาก่อน

“อืม ที่บริษัทโทรมาอีกงั้นเหรอ นายบอกไปรึยังว่าพวกเรายังไม่คิดเรื่องเดบิวนะ “

ทัตซึยะทำท่าพยักหน้าเออออไปด้วย

“อืมๆ เรื่องนี้แหละ ฉันบอกเค้าไปแล้ว” คาซึยะไม่ได้สนใจคำพูดนั้นเท่าไหร่ เอาคางเชยกับหน้าต่างมองออกไปข้างนอก

ด้วยดวงตาเหม่อลอย ยูอิจิ กับทัตซึยะ สบตากันเหมือนกับว่า เข้าใจอะไรบางอย่าง

ถูกต้องแล้วรึเปล่า ที่ปิดเรื่องจินเอาไว้ ทั้งที่ จินน่าจะบอกเรื่องอาการป่วยกับคาซึยะที่สุด และคาซึยะเองก็น่าจะได้อยู่

ข้างๆจินในเวลานี้มากที่สุด ทำยังงี้ มันถูกแล้วรึเปล่านะ………..


วันนี้เป็นเวรที่จุนโนะจะมาเยี่ยมจิน การจะมาที่โรงพยาบาลนี้ค่อนจะเสียเวลา เพราะแต่ละวันมีรถไม่กี่เที่ยวที่จะมา

 ถึงได้ จุนโนะเผลอหลับจนเลยป้ายไปนิดหน่อย แต่เค้าไม่ลืมของที่ทุกคนฝากมาเยี่ยมจินแน่นอน



“ข้าวกล่องที่ยูอิจิฝากมา MD เพลงใหม่ที่จินชอบของทัตซึยะ ครบ!!”

จุนโนะพูดกับตัวเอง ก่อนพยายามทำหน้าให้สดชื่นที่สุดเหมือนที่จินหวังไว้ ว่าทุกคนจะไม่คิดมากเรื่องอาการป่วย

 แต่จะทำยังงั้นได้ยังไงกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำใจยากที่สุดจริงๆ จุนโนะ ถอนหายใจแล้ว

พยายามเดินยิ้มอย่างอารมณ์ดีมาจนถึงหน้าห้องจิน

ห้องถูกเปิดเอาไว้ จุนโนะหน้างงๆ มีพยาบาล 2-3 คนอยู่ภายในห้อง จุนโนะหน้าตาตื่นวิ่งเข้าไปวางกระเป๋านร.และข้าว

ของทันที มองหาจินที่เตียงไม่พบ ใจหายวูบ

จินอยู่ในห้องน้ำ พยาบาลอีกคนกำลังลูบหลังให้ จินกำลังอาเจียนอยู่ จุนโนะมองลอดไปทางประตูห้องน้ำที่แง้มไว้

จินอาเจียนออกมาเป็นเลือดแดงสด จุนโนะอึ้งไปอึดใจ ท่าทางจินทรมานกับอาการอาเจียน

 เห็นแล้วตาจุนโนะเริ่มร้อนผ่าวๆ น้ำอุ่นๆมันพาลจะไหล สงสารเพื่อนขึ้นมาจับใจ

พยาบาลอีกคนรีบดึงแฟ้มประวัติออกไป แล้วสักพักหมอก็เข้ามา พยาบาลพยุงจินมานอนที่เตียงหมอจัดการ

 ฉีดยาให้จิน แล้ว พยาบาลก็ต่อเข็มน้ำเกลือ เหมือนอาการจินจะสงบลง พยาบาลเช็ดเหงื่อที่ซึมตามใบหน้าและร่างกายที่

ขาวซีด ก่อนเดินออกไป เมื่อหันมาเห็นจุนโนะที่ยืนตัวเกร็งอยู่ที่มุมห้องก็ท่าทางตกใจ

 “อ๊ะ ตอนนี้คนไข้ต้องการพักผ่อนนะคะ งดเยี่ยมนะคะ”

จุนโนะ ตาแดงๆ ท่าทางทำอะไรไม่ถูก อ้าปากค้างจะพูดอะไรออกมาก็ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาได้

เป็นครั้งแรกที่เค้าเห็นอาการเจ็บป่วยของจินอย่างจังๆ แค่ท่าทางอ่อนแรงก็สงสารจะแย่ ไม่คิดเลยว่า

จินต้องทนสู้กับอาการขนาดนี้มานานแค่ไหน ต้องต่อสู้กับมันตามลำพังมาโดยตลอดเลยเหรอ……….

จินพลิกตัวมาทางนั้น หน้าซีดขาวเหมือนกระดาษ แต่รอยยิ้ม ยังมีแววสดใสอย่างเคย


 “ คุณพยาบาลครับ ขอให้เพื่อนผม เยี่ยมสัก 10 นาทีนะครับ แล้วผมจะตั้งใจพักผ่อนเป็นอย่างดีเลย”

 เวลายังงี้มีกะใจพูดเล่น จุนโนะยิ้มไม่ออกหรอกนะ พยาบาลพยักหน้า รับรู้ก่อนหันมาย้ำ

“แค่ 10 นาทีนะคะ” แล้วก็เดินออกจากห้องไป

จุนโนะ หันมามองร่างที่นอนนิ่งหายใจแผ่วๆที่เตียง น้ำตาเริ่มคลอๆ แต่ก็ร้องออกมาไม่ได้

เพราะจินต่างหากที่สมควรจะร้องออกมา

“ตกใจรึเปล่า ฉันแพ้ยาที่รักษานะ ร่างกายไม่รับมันก็เลยขับออกมา ดูแย่มากเลยใช่มั้ย…. “

เสียงจินพูดแผ่วๆ จุนโนะส่ายหัวไปมา “ ไม่นี่ ท่าทางนายยังแข็งแรงดีนะ “

จุนโนะพยายามพูดกลบเกลื่อน จินยิ้มจางๆ

 “อืม ฉันนะแข็งแรงที่สุดอยู่แล้ว นายเอาข้าวกล่องของคุณแม่เจ้ายูอิจิมาด้วยเหรอ” จุนโนะพยักหน้า

 “ใช่ๆ เจ้านั้นให้แมืทำเพิ่มเป็น 2 เท่าทุกวันเลย จะได้เอามาเผื่อนาย กับข้าวที่โรงพยาบาลคงไม่อร่อยเท่าไหร่ใช่มั้ย…….แล้วก็มีMD ของทัตซึยะด้วยนะ”

จุนโนะรีบขนของออกจากระเป๋า จินยิ้มก่อนพูดออกมาเบาๆ

 “ขอบคุณนะ ฝากขอบคุณยูอิจิกับทัตซึยะด้วย แต่วันนี้ ฉันเพิ่งถูกฉายรังสีมา อาเจียนตลอด กินอะไรไม่ได้หรอก นะ นาย
เองเก็บไว้กินเถอะ”

จุนโนะเม้มปากพยักหน้าเหมือนเข้าใจ จินเอื้อมือออกมา จุนโนะมองงงๆ “ขอมือนายหน่อยสิ”

 จุนโนะยื่นมือไปอย่างรวดเร็ว จินจับมันไว้แน่น จุนโนะรู้สึกว่ามือจินนั้นเย็นเหมือนไม่มีเลือเนื้อ ยังไงยังงั้น

 จินยิ้มก่อนหลับตาลงช้าๆ

“ขอบคุณนายด้วยนะ มือนายอุ่นมากๆเลย ช่วยอยู่อย่างงี้สักพักจะได้มั้ย” จุนโนะรีบพยักหน้า

“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้หล่ะ ฉันจะอยู่จนกว่านายจะหลับเลย”

จินยิ้มก่อนหลับตาลงนิ่งๆ จุนโนะเอามือปิดปากตัวเองแล้วเริ่มต้นร้องไห้เบาๆ

จินน่าสงสารเหลือเกิน ถ้าเป็นเค้าจะสามารถทนสู้กับโรคร้ายได้ขนาดนี้รึเปล่าทั้งเจ็บปวดทางร่างกาย และความว้าเหว่ที่

เยือกเย็นภายในใจ ไม่รุ้นานเท่าไหร่ที่จิน ต่อสู้มาตามลำพังกว่าพวกเค้าจะรู้ก็นาน

เกินไป นานจนแทบไม่ได้ช่วยอะไรจินได้เลย………….



จุนโนะมาถึงรร.แต่เช้าหน้าตาดูอิดโรย เพราะที่คิดหนักเรื่องอาการจิน เมื่อวาน

 ยูอิจิกับทัตซึยะที่เพิ่งมาถึงรีบตรงเข้ามาหา

“เมื่อวานที่คุยโทรศัพท์ ยังไม่ค่อยเข้าใจเลย” ยูอิจิ รีบทวงถึงอาการจินทันที จุนโนะ เอามือกุมขมับแล้วนั่งลงที่โต๊ะ

“บอกตามตรง ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ พวกนายต้องไปเห็นจินอาการหนักมากๆ เราสมควรจะปิดเรื่องนี้กับคาซึยะงั้นเหรอ”
จุนโนะบ่นออกมาก่อน ยูอิจิกอดอก

“แล้วจะทำไง เจ้านั้นก็คงรับไม่ได้หรอก จินเป็นห่วงเจ้านั้นที่สุด นายไม่เข้าใจรึไง

 “ จุนโนะเงียบไปอึดใจ “ แต่ว่า…จะให้เจ้านั้นรู้เมื่อตอนที่จิน…………….ถึงตอนนั้นเลย นายคิดว่ามันจะดีขึ้นเหรอ”

ทั้งคู่มีท่าทางเครียดไม่ต่างกัน

“ฉันคิดว่า บอกคาซึยะไปเลยก็คงจะดีนะ” ทัตซึยะพูดออกมาเบาๆ ทั้งสองคนหันมามองพร้อมกัน


“จินเองลึกๆก็คงอยากจะเจอคาซึยะเหมือนกัน ส่วนรายนั้นคงไม่ต้องพูดถึงคงจะรอเวลาที่จะได้เจอจินมานานแล้ว
 ผลจะออกมายังไง เราก็ต้องรับมัน ตอนแรกฉันก็ทำใจไม่ได้หรอก เพื่อนเราทั้งคน ที่สำคัญเป็นจิน มาป่วยหนักขนาดนี้
แล้ว เวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันก็ไม่รู้จะอีกนานแค่ไหน แต่ว่าจินเป็นคนเข้มแข็ง ทั้งๆที่เจ้าตัวจะตายยังไม่เคยมีทีท่าท้อแท้
ให้ฉันเห็นสักครั้ง แล้วพวกเราหล่ะ จะมามัวกลัวโน้น กลัวนี่ ทำตัวอ่อนแอต่อไปก็คงไม่ได้หรอก ตอนนี้จินยังอยู่กับพวก
เรา อะไรที่พอจะทำได้ก็รีบๆทำเถอะ ตอนที่โคคิจากเราไป เราก็ยังอยู่กันได้เพราะมีจิน คราวนี้ เราจะต้องทำให้
คาซึยะอยู่ได้ เพราะมีพวกเรานะ”


จุนโนะกับยูอิจิอึ้งไปกับคำพูดของทัตซึยะ ปกติเจ้านี่จะขี้แยแล้วก็อ่อนแอที่สุด แต่ในเวลาแบบนี้ กลับเป็นคนเดียวที่เข้ม

แข็งที่สุด เป็นอันตกลงกันว่าจะบอกเรื่องนี้กับคาซึยะ

ทั้งสามคนจึงไปเยี่ยมจินพร้อมๆกัน เพื่อที่จะบอกจินว่า สมควรที่จะบอกเรื่องนี้กับคาซึยะแล้ว

แต่อาการของจินไม่สามารถจะให้พวกเค้าเข้าเยี่ยมได้ซะแล้ว อาการแพ้ตัวยากำเริบหนักจนต้องนอนICU

แต่เหมือนกับว่าจินจะรู้ว่าพวกเค้ามา พยาบาลวิ่งออกมาตามทั้งสามคนถึงหน้าโรงพยาบาล

“อาคานิชิคุงได้สติแล้ว บอกว่าอยากพบพวกเธอด้วย!!”

พยาบาลใจดีคนนั้น นั่นเอง ทั้งสามคนรีบวิ่งตามเข้ามาที่ห้องICU หลังจากเปลี่ยนชุดคลุมเรียบร้อยแล้ว

 จินนอนตาแป๋ว มีสายระโยงระยางไปหมด จินต้องต่อออกซิเจนช่วยหายใจด้วย แต่รอยยิ้มก็ยังไม่เคยจางทุกครั้งที่พวก

เค้ามาเยี่ยม จินจะยิ้ม แม้ว่าสถานการณ์ไม่น่าจะยิ้มออก แต่จินก็จะยิ้ม


ทุกคนสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่ จินพูดไม่ได้ จินค่อยๆชูมือขึ้นแล้วชูสองนิ้วออกมา ทุกคนอยากจะร้องไห้

 ยูอิจิชูนิ้วกับให้จิน แล้วเปลี่ยนเป็นชูนิ้วโป้งให้ แสดงให้รู้ว่า นายเยี่ยมมาก

 จินยิ้มอีกครั้งก่อนขยิบตาข้างนึงเป็นการตอบรับ

ภาพจินที่พยายามต่อสู้อยู่นั้น ไม่สามารถลบออกจากหัวของทั้งสามคนได้เลย

จะให้บอกจินว่าจะบอกเรื่องนี้กับคาซึยะวันนี้ก็คงไม่เหมาะ จินเองก็ท่าทางไม่ค่อยดีซะแล้ว

ทุกคนนั่งเงียบไม่พูดจากัน ในใจเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง

คาซึยะเอ่ยถามทั้งสามคนขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น

 “หมู่นี้พวกนาย หายไปไหนกันบ่อยๆน่ะ? “ ทุกคนหน้าตาตื่นได้แต่อ้ำอึ้งกันไปมา

 “จินได้ติดต่อกลับมาบ้างรึเปล่า ทางพวกนายนะ” คาซึยะถามต่อ ทุกคนส่ายหัวพร้อมกัน คาซึยะมองงงๆ

“อืม งั้นเหรอ” โชคดีที่ได้เวลาเข้าเรียนพอดี ทั้งสามคนรู้สึกลำบากใจที่ต้องปิดเรื่องนี้ต่อไปอีก


คาซึยะก็ท่าทางน่าสงสาร ส่วนจินเองก็อาการหน้าเป็นห่วง พวกเค้าจะทำยังไง ต่อไปกันดีนะ

แล้ววันนี้ก็ดูเหมือนโชคจะเข้าข้าง จินท่าทางดีจนน่าประหลาดใจ ทุกคนมาเยี่ยมในเวลาทานข้าวพอดี

จิน นั่งเคี้ยวข้าวอย่างหิวโหย เหมือนไม่ได้กินอะไรมานาน ดูแปลกจากเมื่อวานหน้ามือเป็นหลังมือ

“อ้าว!! วันนี้ก็มากันครบเลยเหรอ” จินร้องทัก ทั้งๆที่ข้าวยังเต็มปาก ยูอิจิ กระโดดมาที่เตียงนั่งลงข้างๆ

 “เฮ้ย!! ไรเนี้ย นายหายแล้วเหรอ กินข้าวได้ด้วย “ ทุกคนก็ท่าทางตื่นเต้น สีหน้าแจ่มใสกันขึ้นมา

หน้าจินไม่ซีดมากนัก ตาเป็นประกาย หน้ามีสีเลือดจางๆ ยิ้มมุมปากนิดๆ

 “ก็งี้แหละ พอดียาตัวใหม่ถูกกะฉันไงก็เลยยืดอายุได้อีกวันนึง”

จินตั้งใจจะพูดให้ดูตลกแต่สีหน้าทุกคนกลับ เจื่อนไปตามๆกัน

“เถอะน่า ตอนนี้ กำลังสบายดี พวกนายอยู่นานๆหน่อยนะวันนี้ ฉันไม่ได้เล่นเกมกับพวกนายมานานแล้ว

 แผ่นเกมที่ฝากมาตั้งแต่คราวนั้นยังไม่ได้เล่นเลย เออจะร้องคาราโอเกะก็ได้นะ แต่ต้องเบาๆอ่ะ เดี๋ยวจะโดนด่าเอา”


จุนโนะมองหน้า ยูอิจิ และทัตซึยะ ทั้งคู่พยักหน้าให้จุนโนะ จุนโนะจึงพูดออกมา

“จิน นายพร้อมจะเจอกับ คาซึยะหรือยัง”

จินนิ่งไป อาการร่าเริงเมื่อกี้เหมือนจะหยุดไปเฉยๆ

“ทำไม คาซึยะรู้เรื่องนี้แล้วเหรอ “

“ไม่หรอก เพียงแต่ว่า พวกเราคิดว่า น่าจะบอกเรื่องนี้กับคาซึยะ สักที ท่าทางเค้าไม่ดีเลย“



ทัตซึยะ พูดขึ้นมา จินไม่ตอบนั่งนิ่งๆ มองเม็ดข้าวในจาน เหมือนกับไม่สนใจ อะไรแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต่อไป


“จิน!!” ยูอิจิเรียกให้จินหันมา แต่จินก็ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต่อไป “จิน!!”

ยูอิจิเอามือดึงมือที่ถือช้อนขอจินให้เลิกกินข้าว แล้วหันมาทางทุกคน

“เจ้านั้น ไม่ได้เปราะบางขนาดนั้นหรอกนะ จิน คนที่ห่วงนาย ก็ไม่ใช่จะมีเจ้านั้น พวกเราก็พยายามทุกวันนั้นแหละ
ร่างกายพวกเราแข็งแรง แต่จิตใจเราอ่อนแอ แต่ต้องทำเป็นเข้มแข็งอยู่ทุกๆวัน เพื่อมาเยี่ยมนาย หลังจากที่พวกเราผ่านอะไรมาก็ตั้งหลายอย่าง นายเองไม่ใช่เหรอที่สอนให้พวกเราเข้มแข็ง นายก็ต้องให้คาซึยะ นะ
รับรู้เรื่องนี้ นายต้องมอบความเขัมแข็งที่นายมีให้กับเจ้านั้น ด้วย เหมือนกับที่นายให้พวกเราไง ตอนนี้พวกเรายอมรับเรื่องของนายได้ไม่ใช่เพราะว่าเราเข้มแข็งอะไรหรอกนะ แต่เพราะเราเห็นนายสู้ สู้อย่างไม่ยอมแพ้พวกเราถึงไม่ยอมแพ้ไปด้วยไงหล่ะ”

ยูอิจิระบายความรู้สึกออกมา จินหลับตาลงช้าๆเหมือน อยากจะหลับลงไปซะตอนนี้ แล้วจินก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

“อืม…….ให้คาซึยะมาหาฉันเถอะ ฉันเองก็อยากเจอเจ้านั้นเหมือนกัน”

chapter 18 end

to be con................




idiotbox

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #98 เมื่อ12-04-2007 20:33:08 »

อา..... เพิ่งจะได้อ่าน นีมัน!! ...ฟิค kat-tun นี่นา!!!    :เชิป2:

มีครบรสเลยนะ ทั้งสนุกสนาน ทั้งเศร้า สะเทือนอารมณ์ กระตุ้นต่อมน้ำตา  :dont2:

ขอบคุงมากๆที่เอามาลงน้า~   :give2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #99 เมื่อ12-04-2007 20:44:05 »

ถึงตอนล่าสุดก่อนบอร์ดล่มแล้ว ขอบคุณมากค่ะ
ชอบเรื่องนี้มาก เศร้าสุด ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ##WITH NO NAME##
« ตอบ #99 เมื่อ: 12-04-2007 20:44:05 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #100 เมื่อ12-04-2007 22:11:06 »

chapter19

วันนี้คาซึยะ ไม่มีกะใจจะเรียนหนังสือ จินขาดการติดต่อไปนาน นานซะจนเค้ากลัว ความหนาวเหน็บเกาะกินใจช้าๆ รู้สึกเศร้าและหว้าเหว่อย่างที่สุด …………

มองรอยบาดแผลเก่าที่ข้อมือ ความรู้สึกเหงาแบบนี้ มันทำให้เค้าอยากจะตายหนีมันไปนัก แต่ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าจินกลับ

มา แล้วไม่เจอเค้า มันคงจะไม่ดีแน่ๆ สลัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไป

ลมที่ชายหาดพัดเอื่อยๆ แต่ก้พอที่จะทำให้ผมเส้นเล็กสีอ่อนพันกันไปมา คาซึยะ เอามือเสยผมที่ปิดหน้าขึ้น ทำให้รู้ว่ามี
ใคร บางคนที่โดดเรียนมาด้วย

จุนโนะ ยูอิจิ และทัตซึยะ ทั้งสามคน มายืนที่โขดหินใกล้กับที่คาซึยะนั่งอยู่ สีหน้าทุกคนดูเกร็งๆยังไงชอบกล คาซึยะ ลุก

ขึ้นช้าๆมองหน้าเพื่อนๆด้วยความแปลกใจ

“พวกนาย รู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่ แล้วพวกนายโดดตามาหมดแบบนี้ เดี๋ยวอาจารย์ก็รู้หรอก”

คาซึยะบ่นออกมา ยูอิจิถอนหายใจออกมา

“คาซึยะ พวกเรามีเรื่องจะบอกนาย”


แสงแดดยามบ่ายทอดผ่านพื้นน้ำที่เล่นเลื่อมสี ในเวลาที่ทะเลสงบ ความงดงามของมันช่างเด่นชัด สรรพสิ่งต่างๆเงียบ

สงัด คาซึยะตาเบิกค้าง แววตาเหมือนผิดหวังอย่างที่สุด


“พวกนาย ปิดฉันมาตั้งนานทั้งๆที่ เจอจินแล้วงั้นเหรอ!!! พวกนายทำได้ยังไง ความรู้สึกของฉันที่อยากเจอจินมันไม่ได้น้อยไปกว่าพวกนายเลยนะ ทำไมจะต้องปิดบังกันด้วย รู้มั้ยมันเป็นการทรมานฉันอย่างที่สุด!!”

คาซึยะต่อว่าด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด มือทั้งสองข้างกำไว้แน่น ทุกคนสีหน้าหนักใจที่จะบอกเรื่องต่อๆไปอีก จุนโนะเดิน

เข้ามาแตะที่แขนคาซึยะ คาซึยะสะบัดออกอย่างแรง จุนโนะหันหน้าไปอีกทางก่อนหันกลับมา

“จินเป็นคนบอกให้พวกเราห้ามบอกนาย”

คาซึยะหันหน้ามาจ้องจุนโนะ ตาเขม็ง แล้วก็คว้าเข้าที่ปกเสื้อสูทเขย่าไปมาด้วยความโมโห

“หมายความว่ายังไง ทำไมจินถึงพูดแบบนั้น นายโกหก ฉันไม่เชื่อนายหรอก!!!”

ยูอิจิและทัตซึยะ รีบเข้ามาช่วยกันแยก กลัวว่าจะมีเรื่องไปกันใหญ่

“พอซะทีน่า นายอย่าทำตัวเป็นเด็กๆจะได้มั้ย เรื่องอะไรมันยังมีมากกว่านี้นะ!!” ยูอิจิตะโกนออกมาบ้าง

“อะไรกันอีกหล่ะ จิน บอกว่าไม่ต้องการเจอฉันอีกแล้ว รึไง ใช่มั้ย!!!” คาซึยะฟิวส์ขาดไปแล้ว

“คาซึยะ ไปหาจินสิ แล้วจินจะเล่าทุกอย่างเอง!!” ทัตซึยะ พยายามจับให้คาซึยะหายคลั่ง

“พอกันที ถ้าเจ้านั้นไม่ให้บอกฉันว่ามันอยู่ที่ไหนตั้งแต่แรก ฉันก็ไม่สนใจอีกแล้ว ฉันจะไม่ไปให้เจ้านั้นเห็นหน้าอีก ทีนี้คง
พอใจแล้วสินะ “

คาซึยะพูดออกมา ทั้งๆที่มันตรงข้ามกับใจตัวเองโดยสิ้นเชิง แต่เค้าก็รู้สึกเสียใจไม่ต่างกัน จิน พยายามปิดบังเค้ามาโดย

ตลอด เหมือนจงใจไม่อยากเจอเค้าเพียงคนเดียว รู้สึกตัวเองเหมือนอะไรสักอย่างที่เป็นสิ่งน่ารังเกียจสำหรับจิน ………

เจ็บปวดเกินกว่าจะอดกลั้นไว้ได้ น้ำตาพาลจะไหล คาซึยะทนอยู่ตรงนั้นไม่ไหว วิ่งหนีออกมาอีกครั้ง ทุกคนพยายามเรียก

เอาไว้ แต่เค้าก็ไม่ยอมหยุด คล้ายกับครั้งแรกที่เค้ามาเพื่อตามหาจิน เมื่อได้พบก็วิ่งหนี นี่ก็อีกครั้งเมื่อรู้ว่าอยู่ที่ไหน กลับ

ไปหาไม่ได้ ไม่ว่าจะครั้งไหน เค้าก็เจ็บปวดทั้งนั้น


จินนั่งมองออกมานอกหน้าต่างของโรงพยาบาลฝั่งที่จะมองเห็นได้ว่ามีรถประจำทางเข้ามาที่หน้าโรงพยาบาล เหมือนเด็ก

รอคอยอะไรสักอย่าง นางพยาบาลเองก็ถึงกับร้องทัก

“อาคานิชิ แหม่วันนี้ดูสดใสเชียว นะ มานั่งทำอะไรตรงนี้น่ะ” จินหันมายิ้มสดใสสมคำพูดพยาบาล

“วันนี้ เพื่อนคนพิเศษจะมา ผมต้องพยายามร่าเริงให้มากที่สุด เจ้านั้น มันขี้เป็นห่วงที่สุดนะครับ” พยาบาลได้ยินก็ขำออก

มา กับคำพูดที่ดูแปลกๆที่ฟังแล้วจะอดยิ้มไม่ได้

“อ๊า!! มากันแล้วนี่นา” จินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจเหมือนเด็กๆ แต่ก็ต้องหยุดชะงักไปเล็กน้อย

ที่ กลุ่มที่เดินมานั้ย ไม่มีคาซึยะ คนที่รอคอยอยู่ในนั้น

กลายเป็นว่า คนที่มาแทนคาซึยะคือ คาโต้ ซึ่งเดินทางมาหาแม่ที่โรงพยาบาล

เผอิญเจอกับพวกยูอิจิ ก็เลยร่วมทางมาด้วยกัน



“รุ่นพี่ดูดีมากเลยนะครับ “ คาโต้กล่าวทักทาย จินพยักหน้ายิ้มๆ “อืม”

ทั้งยูอิจิ จุนโนะ ทัตซึยะ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก ดูท่าทางมีแววกังวลกันลึกๆ คงจะเป็นเรื่องคาซึยะแน่นอนจินสังเกตได้

“พวกนายเป็นอะไร นั้นก็ต้องเป็นปฎิกริยาของเจ้านั้นอยู่แล้ว ที่เราปิดบังเรื่องนี้ อย่าห่วงไปเลยน่า”

จินพูดออกมาด้วยหน้าตาธรรมดาอย่างที่สุด จนทุกคนแปลกใจ

“จะพูดยังงั้นได้ไง เจ้านั้นไม่ได้ปกติเหมือนทั่วๆไปนะ อาการแบบนี้มันน่ากลัว ฉันกลัวว่าเจ้านั้นจะกลับไปใช้วิธีเดิมๆอีก
นะสิ “ ยูอิจิ พูดออกมาแบบไม่ค่อยจะพอใจนัก

“ใจเย็นยูอิจิ …” ทัตซึยะเอามือแตะหลัง สังวเกตได้ว่าคาโต้มีสีหน้างงๆกับคำพูดของทุกคน

จินยังคงยิ้มอย่างอารมณ์ดีเหมือนเคย

 “ ฉันเชื่อว่า เจ้านั้นจะไม่ทำยังงั้น แล้วสักพักเจ้านั้นจะต้องมาหาฉันแน่นอน “

ทุกคนมีสีหน้าที่แปลกใจ อะไรกันทำให้จินเชื่อมั่นได้ขนาดนั้น ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ก่อนกลับคาโต้บอกกับจินว่า มีเด็กๆที่

ชมรมประสานเสียงหลายคนอยากมาเยี่ยมจิน จะอนุญาตมั้ย จินยิ้มแล้วพยักหน้าให้เป็นการอนุญาติ
 แล้วทุกคนก็ลากลับไป

จินโบกมือบ้ายบายทุกคนอย่างร่าเริง เมื่อทุกคนลับตาไปแล้ว เป็นเวลาเย็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ดาวนับล้านเริ่มมาจับ

จองพื้นฟ้าแทน จินเอียงคอมองมันเหมือนที่เคย

“รีบๆมาหาฉันนะ ในเวลาที่เราจะมีโอกาสเป็นครั้งสุดท้าย………”จินรำพึงกับตัวเองเบาๆ

คาซึยะเองก็นั่งมองดาวที่ท้องฟ้าเหมือนกัน มองด้วยความรู้สึกเจ็บปวดลึกๆ จินอยู่ที่โรงพยาบาล กำลังป่วยเป็นอะไรสัก

อย่าง ทำไมนะทั้งๆที่ห่วงที่สุดก็ ยังมาปิดบังกันอีก น้อยใจ และถือทิฐิเลยต้องมานั่งทรมานแบบนี้ อยากเจอ แต่ไม่ยอมไป
เจอ รู้สึกเหมือนตัวเองบ้าเต็มทน

“นายทำยังกับฉันไม่ใช่เพื่อน ………ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย”


คาซึยะเข้ามาในห้องเรียน ทัตซึยะทำท่าจะเรียกเอาไว้ แต่คาซึยะทำเหมือนหูทวนลม เดินไปซะเฉยๆ จุนโนะเองก็

เหมือนกัน ได้แต่มองหน้ากันไปมา ยูอิจิที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะเรียนหลังห้องก็เดินเข้ามาใกล้

“นี่ วันนี้จะไปเยี่ยมจินรึเปล่า” ยังพูดไม่ทันจบ คาซึยะก็เอาหูฟังใส่หูซะเฉยๆ จงใจไม่สนคำพูดใดๆของเจ้าพวกนี้ ยูอิจิอึ้งไปเลย

นี่คืออาการดื้อแพ่งที่น่ากลัวของคาซึยะ ทำตัวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิด ขึ้น เรื่องของจินเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นบนโลกของ
คนที่ชื่อคาซึยะ


ยาบุกับยาโอโทเมะแบกถุงขนมกันพะรุงพะรังสะดุดตาคาซึยะไม่น้อย เด็กๆในชมรมประสานเสียงอีก 2-3 คนวิ่งตามกัน

ไปเป็นพรวน เหมือนกับจะไปออกค่ายยังไงยังงั้น

คุซาโนะที่วิ่งตามหลังเด็กๆมาก็ชำเลืองมาเห็นคาซึยะพอดี โค้งให้นิดหน่อย

แล้วทำท่าลังเลก่อนที่จะเดินตรงเข้ามาหาคาซึยะ

“รุ่นพี่คาเมนาชิ ไม่ไปเยี่ยมรุ่นพี่อาคานิชิเหรอฮะ? “

คาซึยะสายตานิ่งเฉยเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น คุซาโนะเหมือนจะเดาสถานการณ์ออก มองด้วยสายตาเป็นห่วง

“บางครั้งทำอะไร ตามที่ใจเราต้องการ ตัดทิฐิลงไปบ้าง อะไรคงจะดีขึ้นนะฮะ “

พูดจบก็เดินไปรวมกับพวกเด็กๆ ทิ้งคำพูดให้สะกิดแผลในใจคาซึยะซะอย่างงั้น

ไม่ว่าใครก็ไปหาจินกันได้ทั้งนั้น ทำไม มีแต่เค้าหล่ะ ที่ไปไม่ได้…………………


คาซึยะนอนไม่หลับ จนเช้า เค้าลืมตาโพลงตลอดคืน ค่อยๆยันกายลุกขึ้น อาบน้ำแล้วสวมชุดนร.ตามปกติ วันนี้เช้าเกิน

กว่าทุกวัน ระหว่างเดินไปรร.อย่างหมดอะไรตายอยาก ได้ยินเสียงร้องเพลงดังแว่วมาจากโบสถ์ที่ๆเค้ากับจินเคยไปยืน

ร้องเพลงด้วยกัน ถึงเค้าจะไม่ได้ร้อง แต่ก็จำรูปหน้าด้านข้างของจินที่ตั้งใจร้องเพลงอยู่ใต้แสงเทียนที่สุกสว่าง หน้าจินดู

ผุดผ่องสวยงามและเห็นได้ชัด ในจินตนาการของเค้า

คาซึยะไม่รู้ว่าเค้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง รู้สึกตัวอีกที ก็นั่งอยู่ที่ม้านั่งในห้องสวดมนต์ซะแล้ว เด็กๆร้องเพลงเสร็จแล้วเตรียมตัว

จะไปทานอาหารเช้า ระหว่างเดินผ่านก็ได้ยินบทสนทนาถึงใครบางคน

“รุ่นพี่อาคานิชิดูผอมมากเลย นะ เมื่อวานน่ะ”

 “ช่ายๆ แต่ดูแล้วก็ยังสดใสเหมือนเดิมนะ ก็แค่ผอมลงแค่นั้น”

“ป่วยเป็นอะไรนะ ทำไมไม่มาเรียนสักที” “คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ถ้าหายก็คงจะกลับมาเองแหละ”

จินป่วย แล้วก็ผอมลงด้วย รู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูก พยายามไม่สนใจ แต่ยังไง

 จิตใจจะห้ามไม่ให้สนใจ มันทำได้ยากเย็นนัก

คุซาโนะเดินมาหยุดที่หน้าคาซึยะ ที่ก้มหน้านิ่งๆ

“รุ่นพี่อาคานิชิดูแข็งแรงดีนะครับ” คาซึยะเงยหน้ามองคุซาโนะ

“ใครถามนายกัน !!!“ พูดออกมาเสียงแข็ง

“แต่ดูเหมือนว่าแข็งแรงอย่างงั้น ดูมันไม่ใช่ของจริงเท่าไหร่ รุ่นพี่เค้ากำลังรอรุ่นพี่คาเมนาชิอยู่นะครับ”

“ไม่มีทาง!! นายอย่ามาทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย” คาซึยะรีบลุกขึ้น หน้าตาดูโกรธๆ

“จริงๆ ถ้ารุ่นพี่ได้เห็นดวงตาแบบนั้น แล้วจะรู้ว่ามันเป็นอย่างงั้นจริงๆ “


คาซึยะสะอึกกับคำพูดนั้น เมื่อนึกถึงสายตาของจิน แทบจะทนไม่ได้ ถ้าจริงอย่างงั้น

ดวงตาจินที่สื่อออกมาได้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่อยากรับรู้อีกต่อไปแล้ว

คาซึยะเดินออกมาโดยไม่สนใจแม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง


ในที่สุดก็จนได้ จิตใจที่ไม่แข็งพอ คาซึยะ มายืนตัวเกร็งที่หน้าโรงพยาบาลที่ทุกคนบอกว่าจินรักษาตัวอยู่ที่นี่

 เค้าจะไม่เข้าไปเยี่ยมหรือพูดคุยกับจินหรอก จะขอแค่ ดูเท่านั้น ดูอาการของจิน แค่รู้ว่าตอนนี้ยิ้มของจินเป็นยังไง เท่า
นั้น…เท่านั้นจริงๆ

ห้อง 107 มีเสียงหัวเราะออกมาเป็นช่วงๆ มองผ่านกระจกใสหน้าห้อง ชายหนุ่มผมสีอ่อน

หน้าตาที่ดูซีดเสียว แต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะทำให้ดูเหมือนกับว่าไม่เป็นอะไร

คาซึยะพยายามสำรวจทุกสิ่งทุกอย่างให้เต็มตา แขนขาที่ดูผอมกว่าที่เคยเห็น ดวงหน้าที่คุ้นเคย ท่าทางการพูดจา น้ำ

เสียงเวลาหัวเราะ แววตาที่ขี้เล่นและเย้ายวน ทุกๆอย่าง ที่เค้าจำได้แม่นยำ เฝ้าคิดถึงมาตลอด ตอนนี้ได้เห็นต่อหน้า

ทำไมถึงได้ทรมานขนาดนี้ รู้สึกอิจฉา ยูอิจิ จุนโนะ และ ทัตซึยะ ทั้งสามคน นั่งหัวเราะไปพร้อมกัน ในห้องนั้น ท่าทาง

เหมือนที่เคยๆ ความอบอุ่นแบบที่คุ้นเคย …..ความรักของเพื่อนๆ


คาซึยะอยากจะเมินหน้าหนี แล้วเริ่มต้นวิ่งหนีไป แต่แล้วภาพที่เค้าไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น จินอยู่ดีๆก็เริ่มไอออกมา ท่าทาง

ทุกๆคนตกใจ ต่างลุกขึ้นเข้ามาดูจินใกล้ๆ คาซึยะเข้าใจว่าทุกคนจะเข้าไปลูบหลังให้จินเท่านั้น

แต่เลือดสีแดงสดก็เริ่มไหลซึมออกมาจากปากและจมูกของจิน จุนโนะรีบหยิบผ้ามาช่วยซับให้ ยูอิจิรีบกดกริ่งเรียก
พยาบาลทันที

คาซึยะรู้สึกเหมือนตัว เองไม่มีสติ เส้นประสาทขาดผึง เสียงพยาบาลวิ่งเข้ามาก็ไม่ทำให้เค้ารับรู้ได้ จินป่วยเป็นอะไรกัน

ตอนแรกเค้าคิดว่าคงเป็นแค่โรคอะไรสักอย่างที่ธรรมดา แต่นี่มันคืออะไรกัน ทุกคนดูวุ่นวาย จินเอามือโบกไปมา เสียง
แผ่วๆแว่วๆออกมา

“ไม่เป็นอะไรครับ ผมไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย แค่เลือดกำเดาออก แล้วเสมหะมีเลือดปนแค่นั้นเอง ไม่เป็นไรจริงๆครับ”

พยาบาลทำการตรวจวัดชีพจรและหัวใจอีกนิดหน่อย ก่อนเดินออกไป ประตูเปิดกว้างออก คาซึยะยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

 ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว จินเองก็เหมือนกัน

ดวงตาที่เหมือนจะมีน้ำเอ่อๆ บรรยายความรูสึกได้ดีกว่าคำพูดใดๆ จินยิ้มออกมา

“เห็นแล้วใช่มั้ย อาการฉันไม่ดีเลยนะ………คาซึยะ ตอนนี้ฉันกำลังป่วย ป่วยอย่างหนักเลยหล่ะ”



“นายว่าคาซึยะจะรับเรื่องนี้ได้รึเปล่า?” จุนโนะหันไปถามยูอิจิ ที่กำลังกดน้ำจากตู้ขายน้ำ
 ยูอิจิ ท่าทางจริงจังกับมันจนเกินไปแล้ว

“นี่ได้ยินที่ฉันพูดรึเปล่า!!” จุนโนะย้ำอีกครั้ง ทัตซึยะเองก็สนใจคำตอบของยูอิจิเหมือนกัน

“ได้ยิน………ฉันก็ไม่รู้ว่าเจ้านั้นจะรับได้รึเปล่า แค่รู้ว่าจินกำลังพยายามที่สุดให้เจ้านั้น รู้สึกว่ามันไม่ใชเรื่องเลวร้ายอะไร แต่
มันก็ยากนะ ที่จะทำใจยังงั้นได้”

จริงอย่างที่ว่าเรื่องนี้ มันร้ายแรงเกินกว่าที่จะทำใจได้

ชายหาดที่ทอดยาวของโรงพยาบาล เงียบสงบจนบางทีก็ดูน่ากลัวจนเกินไป

 เหมือนความเงียบที่ครอบงำบรรยากาศของจินกับคาซึยะตอนนี้

เรื่องทุกอย่างถ่ายทอดออกมาจากปากของจิน คาซึยะรู้สึกเหมือนหนามแหลมนับพันทิ่มแทงทั่วทั้งตัว

 เจ็บปวดเกินที่จะทนรับได้ จินไม่ค่อยชอบความเงียบนี้เท่าไรนัก

“นายเข้าใจรึยัง หือ …..เรื่องที่ฉันบอกนายไปทั้งหมดน่ะ” จินมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนผู้ใหญ่ที่ใจดีพูดกับเด็กตัวเล็กๆ

คาซึยะตัวสั่นระริก ปากที่กัดริมฝีปาก เหมือนจะมีเลือดซึมๆ

“เข้าใจงั้นเหรอ……. นายกำลังจะบอกฉันว่า นายกำลังจะตายงั้นเหรอ!!! ใครเค้าจะไปเข้าใจได้หล่ะ”

คาซึยะโถมตัวเข้าใส่จิน จินเกือบจะทรงตัวไม่อยู่ ถึงแม้ตัวคาซึยะจะเล็กกว่า แต่คนป่วยอย่างเค้าก็ทนรับแรงไม่ได้นัก

 มือของคาซึยะเกาะเสื้อนอนของจินไว้แน่น กระชากไปมา เหมือนโกรธแค้นอย่างหนัก


“นายมันบ้า !!! นายมันเลว!! ทำไมกัน ทำไม ต้องปิดบังกันด้วย ทำไมไม่บอกฉันสักคำว่านายกำลังป่วย ทำไมนายต้อง
แบกมันไว้คนเดียว ทำไมต้องสู้กับมัน คนเดียว ฉัน อยากจะสู้ร่วมกับนาย………ไม่อยากเป็นคนสุท้ายที่ไม่รู้อะไร ฉันไม่ต้องการ……..”

จินหลับตานิ่งๆ คาซึยะกระชากเค้าอย่างแรงจนไม่สนใจว่าเค้าทนแรงไม่ไหว ทั้งคู่ล้มลงบนพื้นทราย

จินรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆที่หยดลงที่หน้าของเค้า คาซึยะกำลังร้องไห้ ร่างที่คร่อมจินไว้สั่นเพราะแรงสะอื้นและความกดดัน

แล้วหน้าที่ผอมบางนั้นก็ซบลงที่อกของเค้ามือที่กำเสื้อไว้ทุบลงที่อกเค้าเบาๆ

“ฉันไม่อยากให้นายตาย…………..นายจะตายไม่ได้น่ะ”

จินเริ่มรู้สึกอยากร้องไห้ แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา คาซึยะยังคงพึมพัมอยู่อย่างงั้น “นายจะตายไม่ได้นะ………”

มือก็ยังทุบที่อกของเค้ายังงั้น จินเอามือโอบกอดร่างเล็กบอบบางที่ทับร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของเค้าไว้

ทั้งที่ตั้งใจว่าจะแสร้งทำเป็นปกติยังสบายดี ต่อหน้าคาซึยะ จะพยายามทำให้ได้เหมือนกับที่ทำให้ทั้งจุนโนะ ยูอิจิ

และทัตซึยะรู้สึกได้ว่าเค้ายังเข้มแข็งพอ แต่พอเป็นคาซึยะ ทำไมนะเค้าถึงอยากแสดงความอ่อนแอออกมามากกว่า ไม่เข้าใจเลยจริงๆ…………………….

chapter 19 end

to be con................

idiotbox

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #101 เมื่อ13-04-2007 02:20:12 »

เศร้า....เศร้า....เศร้า...............   :monkeycry4:

สงสารคนที่เหลืออยู่อ่ะ

โคคิยังไม่พอ จินยังต้องไปอีกคนเหรอนี่  :dont2:  :dont2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #102 เมื่อ13-04-2007 03:03:16 »

รีบๆมาหาฉันนะ ในเวลาที่เราจะมีโอกาสเป็นครั้งสุดท้าย……  :เศร้า2:  :เศร้า2:
เศร้าสุด ๆ ไม่แพ้ตอนโคคิเลย  :เศร้า1:  :เศร้า1:
ขอบคุณมากค่ะที่มาต่อให้  :myeye:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #103 เมื่อ13-04-2007 19:27:20 »

น้ำตาจะกลายเป็นสายเลือดอีกแว้ว
เรื่องนี้มันช่างยอดเยี่ยม โดนใจเหล่าซาดิสดีแท้
 :haun4: :haun4: :haun4:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #104 เมื่อ14-04-2007 05:26:26 »

 :monkeycry4:  เศร้าเกินบรรยาย  :monkeycry4:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #105 เมื่อ14-04-2007 20:46:30 »

เศร้ามากเลยอะคับ โอ้ยยยยยยยยยยยยยไม่ไหว

mumumama

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #106 เมื่อ15-04-2007 13:20:54 »

เศร้ามากมาย :monkeycry2: :เศร้า2:

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #107 เมื่อ19-04-2007 17:02:28 »

chapter20

ทัตซึยะงัวเงียขึ้นมารับโทรศัพท์แต่เช้า ใครกันนะที่เป็นคนโทรมา เสียงปลายสาย มีอาการโมโหอยู่ไม่น้อยเลย

“ อูเอดะใช่มั้ย ตอนนี้มันเกิดอะไรกันแน่ ทำไม พวกเธอหายเงียบไปแบบนี้ เจอตัวอาคานิชิหรือยัง เรื่องเดบิวจะว่ายังไง ทางบริษัทจะรอต่อไปไม่ได้แล้วนะ ที่นี่กระแส รุนแรง มากขึ้นแล้วด้วย ถ้ายังปล่อยเวลาต่อไป ก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้วนะ “

เสียงโปรดิวเซอร์ของบริษัทนั่นเอง ทัตซึยะ เอามือเกาคอไปมา ไม่รู้จะทำยังไงได้
“ขอโทษครับ ยังไงตอนนี้พวกผมเองก็คงไม่มีกะใจที่จะเดบิวอยู่แล้ว สุดแล้วแต่ทางบริษัทก็แล้วกันนะครับ ขอโทษจริงๆครับ “

แล้วทัตซึยะก็กดวางโทรศัพท์และปิดเครื่องไป จริงๆแล้วไม่อยากจะทำตัวเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้เลย แต่ว่า

มันจำเป็นนี่นา ในเมื่อจินยังไม่สบายขนาดนั้น ใครหล่ะ ที่จะมีใจไปร้องเต้น อย่างงั้นได้

“นี่ๆเจ้าคาซึยะไปทำอะไรที่ห้องทะเบียนน่ะ!!!”

ยูอิจิ วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ถามจุนโนะและทัตซึยะ ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันงงๆ

ก่อนลุกพรวดพราดตามยูอิจิ ออกไปที่ห้องทะเบียน

ตั้งแต่ที่คาซึยะรู้เรื่องทั้งหมด ทุกคนก็ยากจะคาดเดาสภาพจิตใจและอาการของคาซึยะเป็นที่สุด ยังไม่ทันจะถึงที่ คาซึยะ

ก็เดินถือกระดาษสีขาวใบหนึ่งออกมาด้วย

“นายทำอะไรน่ะ คาซึยะ!!” จุนโนะถามออกมา คาซึยะหน้านิ่งๆก่อนตอบออกมา

“ฉันทำเรื่องดรอปเรียนไว้นะ”

“หา!!” ทั้งสามแทบจะร้องออกมา พร้อมกัน

“นายจะ ดรอปเรียน เพื่ออะไรกันน่ะ!!” ยูอิจิ คิ้วขมวดทันที คาซึยะ ถอนหายใจออกมา

“ฉันอยากมีเวลาที่จะได้ดูแลจินให้มากๆน่ะ ก็เลยคิดว่าจะดรอปเรียนเอาไว้ก่อน……..ก็แค่นั้น”

“นายคิดดีแล้วเหรอ” ทัตซึยะเอ่ยถาม ท่าทางเป็นห่วง

“นั้นสิ นายอาจจะต้องซ้ำชั้นก็ได้นะ เวลาเรียนไม่พออย่างงั้นนะ” จุนโนะผู้เห็นการเรียนเป็นสำคัญ คงไม่เห็นด้วยเท่าไร
นัก

คาซึยะมองหน้าทุกคนช้าๆ แล้วยิ้มนิดๆ

“เวลาสำหรับเรื่องนั้นนะ ฉันยังมีอีกนานใช่มั้ยหล่ะ แต่เวลาสำหรับฉันกับจินน่ะ มันจะเหลืออีกแค่ไหนตอนนี้สิ่งที่สำคัญสำหรับฉันที่สุดก็คือจิน ต่อให้ฉันเรียนต่อไป ฉันก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะ”

ยูอิจิได้ยินอย่างงั้นก็พูดออกมาเสียงดัง “งั้น ฉันก็จะไปดรอปด้วย” ทัตซึยะรีบพยักหน้า
 
“ฉันด้วยนะ!!” จุนโนะอ้ำอึ้งนิดหน่อยก่อนพูดออกมา “ฉันก็เหมือนกัน….”

คาซึยะยิ้มส่ายหัวไปมา

“บ้าจริงๆเลยพวกนายน่ะ ถ้าทำยังงั้นจินคงได้บีบคอฉันแน่ๆ พวกนายยังมีอะไรที่ต้องทำนะ ยูอิจินายเองก็ยังต้องเรียนเพื่อจะไปเป็นวิศวกรไม่ใช่เหรอ ส่วนนายทัตซึยะยังไง นายก็ต้องเรียนให้จบมัธยมปลายจะได้ไปเป็นศิลปินตามที่นายหวังไว้ แล้วนาย สำคัญที่สุด จุนโนะนายให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ที่สุดนี่นา อย่าผิดสัญญากับพ่อนายนะ จินน่ะเค้าก็อยากให้พวกนายทำหน้าที่ของพวกนายให้ดีที่สุดหล่ะ เข้าใจกันมั้ย”

ยูอิจิทำหน้าเหมือนผิดหวังเล็กๆ

 “นายขี้โกงชมัดเลย แล้วนายหล่ะ นายก็มีหน้าที่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ…..ทำไมนายยังดรอปไปเลยหล่ะ”

คาซึยะก้มหน้าลงนิดหน่อยก่อนยิ้มออกมาอีกครั้ง

“หน้าที่ของฉันก็ คืออยู่กับจินในตอนนี้ไงหล่ะ…….”

จุนโนะกำลังจะกลับบ้านพร้อมๆกับ ยูอิจิ และทัตซึยะ แต่ก็ต้องแปลกใจกับ บุคคลที่มารอเค้าอยู่ที่หน้าประตูรร.

“พี่!!” จุนโนะร้องออกมาด้วยความแปลกใจ ยูอิจิกับทัตซึยะเองก็ไม่ต่างกัน

มาโกโตะ ถอดแว่นกันแดดออก หน้าตาไม่ค่อยดีนัก โปรดิวเซอร์ที่นั่งรออยู่ในรถถึงกลับเปิดประตูรถออกมาด้วย

“พวกนายก่อเรื่อง มากทีเดียวนะ” มาโกโตะพูดออกมาเป็นการเตือนกับทั้งสามคน

แล้วทั้งหมดก็มาตกลงเรื่องกันที่ร้านกาแฟใกล้ๆแถวนั้น ดปรดิวเซอร์ท่าทาง ไม่ค่อยพอใจกับการเกเรของพวกเค้า ถึง

ขนาดไปตามตัว มาโกโตะให้พามถึงที่นี่ เพื่อมาตกลงเรื่องให้เรียบร้อยไป

“พวกเธอ รู้รึเปล่าว่า ทางบริษัทเสียงบประมาณไปเท่าไหร่ แล้วพวกเธอมาเบี้ยวยังงี้ จะต้องถูกปรับค่าเสียหายเท่าไหร่”

“ขอโทษครับ ที่พวกผมช่วยอะไรไม่ได้ แต่ว่ามันจำเป็นจริงๆนี่ครับ” ยุอิจิพูดออกมาเซ็งๆ

“ไม่ใช่ว่า เพลงพวกเธอ ขายไม่ได้ซะที่ไหน ออกจะไปได้สวย แค่พวกเธอ ไปปรากฏตัวนิดเดียวเรื่องก็จบแล้ว พวกเธอเล่นอะไรกันอยู่กันแน่”

“เอ่อ ใจเย็นๆก่อนนะครับ” มาโกโตะช่วยไกล่เกลี่ย ก่อนหันมาทางน้องชาย

“ จุนโนะ นายก็อธิบายเหตุผลออกมาหน่อยสิ”

จุนโนะถอนหายใจ

“ตอนนี้ จินกำลังป่วยอยู่ครับ เป็นมะเร็ง ระยะสุดท้ายแล้วด้วย พวกผม เองก้คงไม่มีใจจะทำงานเดบิวนี้ต่อไปแล้วหล่ะครับ”

“คุณพระช่วย!! จริงเหรอเนี้ย อาคานิชิ….”




โปรดิวเซอร์ท่าทางตกใจที่สุด มาโกโตะเองก็ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อเรื่องที่ได้ยิน

สมาชิก1 ในกลุ่ม ป่วยหนัก ก็พอจะเข้าใจอยู่เหมือนกันว่า คงจะประกาศเดบิว ได้ไม่ดีนักหรอก

โปรดิวเซอร์หน้าเครียดกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

เด็กๆเองก็เหมือนกัน ท่าทางอยากจะรับผิดชอบ แต่ว่า จะช่วยอะไรได้กัน มาโกโตะเอามือสองข้างเกยคางใช้ความคิดแล้วก็เหมือนจะคิดอะไรได้

“เปลี่ยนคอนเซปไปเลยก็แล้วกันนะครับ เอาเป็นว่า เราก็ปล่อย single นี้ออกวางขายไปเลยแล้วกัน โดยที่ไม่มีอะไรที่บ่งบอกออกมาว่าศิลปินเป็นใคร ตกลงมั้ยครับ”

หน้าโปรดิวเซอร์มีทีท่าสนใจกับคำพูดของมาโกโตะ

 “แต่ว่า…ปกติเพลงจะออกเป็นแนวเต้นอย่างงั้น จะปล่อยออกไปโดยไม่มีการเปิดเผยศิลปินเลยเหรอ มันจะแปลกอยู่นะ ทั้งๆที่สิ่งที่ดึงดูดก็คือการเต้นแล้วก็ตัวศิลปินน่ะ “

“เอาเถอะครับ เท่าที่ผมฟัง จะมีเพลงแทร็กนึง ที่เป็นเพลงช้าๆ เนื้อหาดีๆเพลงนึง ลองใช้เพลงนั้นเป็น main
ในการโปรโมทsingle นี้ไปก่อนนะครับ “

โปรดิวเซอร์พยักหน้าเหมือนเห็นด้วย ก่อนลุกขึ้นไปดทรศัพท์เข้าบริษัทเพื่อตกลงเรื่องนี้ต่อไป จุนโนะยกมือขึ้นเป็นเชิงขอบคุณพี่ชาย ที่ช่วยแก้ปัญหาไปได้

จินลืมตาตื่นขึ้นมาก็ต้องแปลกใจที่เห็นคาซึยะกำลังทำอะไรอยู่ในห้อง นี่เค้าฝันหรือว่าเรื่องจริงกันแน่

จินค่อยๆยันกายขึ้นมา ขยี้ตามองคนตรงหน้าให้แน่ใจ

“นายมาได้ยังไง นี่มันเวลาเรียนไม่ใช่เหรอ” จินถามหน้างงๆ

คาซึยะ ที่ท่าทางเก้ๆกังๆ ยุ่งๆกับดอกไม้ในแจกัน หันมามองจินแบบรำคาญนิดๆ

“ก็ทำไมหล่ะ ตอนนี้ไม่ต้องไปเรียนแล้วนี่นา”

จินไม่ได้ป่วยจนไม่รู้ว่า นี่ไม่ใช่ช่วงปิดเทอม และก็ไม่ใช่วันหยุดอะไร นี่มันหมายความว่ายังไง กัน ยังไม่ทันที่จะถาม

คาซึยะ ก็บ่นออกมาอย่างหัวเสีย

“เว้ย!! ทำไมกะอีแค่จัดดอกไม้ มันถึงได้ ยากยังงี้นะ”

จินอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้กับสภาพที่รับไม่ได้กับ ดอกไม้ในแจกันนั้น ไม่มีความสวยน่ามองเลยสักนิด

“ก็นาย น่ะน้า ทำไรเป็นบ้างหล่ะ “ จินลุกจากเตียงเข้ามาดูใกล้ๆ คาซึยะเอามือตีแขนจินเบาๆ

 “เฮ้ย!! แล้วไมนายลุกออกมาแบบนี้หล่ะ กลับไปนอนสิ “

“อย่าเวอร์นักเลยน่า ฉันไม่ได้ทำอะไรไม่ได้เลยสักหน่อย นายนี่”

 แล้วจินก็ทำท่า ขยุมๆ ดอกไม้ในแจกันใหม่ คาซึยะรีบคว้าออกมา

“อย่ายุ่งน่า นายจะทำให้มันน่าเกลียดไปกว่าเดิมรึไง”

จินยื้อกลับมาอีก

 “บ้านะสิ ฉันจะทำให้มันดีขึ้นต่างหากเล่า ไม่ได้เรื่องเลยนายนี่”

แล้วจินก็ตีหัวคาซึยะเบาๆไปหนึ่งที คนถูกตีถึงกับบ่นอุบอิบ

“ถ้าไม่ป่วยหล่ะน่าดู….”

แล้วเสียงพยาบาลที่เดินคุยกันก็เล้ดลอดเข้ามาในห้อง

“นี่ๆเธอ ผอ.ท่าทางโกรธใหญ่เลยนะ มีคนมาแอบตัดดอกไม้ ในสวนโรงพยาบาลนะ “

“เหรอ จริงๆก็คงจะโกรธนะ ท่านหวงมากนี่นะ แต่ว่า คนตัดเค้าอาจจะอยากเอามาเยี่ยมไข้ก็ได้นะ”

จินหันมองดอกไม้ในแจกัน แล้วรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาทันที คาซึยะหน้าเจื่อนๆ จินชี้ไปที่ดอกไม้

“นี่คงไม่ใช่ที่เค้าพูดกันนะ” คาซึยะพยักหน้าช้าๆเหมือนเด็กๆถูกจับได้ จินตาโต แล้วพยาบาลก็เปิดประตูเข้ามา

 จินรีบคว้าดอกไม้ออกจากแจกันมาแอบข้างหลัง แต่ก็ไม่ทัน พยาบาลเห็นเข้าซะแล้ว

“อุ้ย!! นั้นมัน…..” พยาบาลสาวหันไปทางพยาบาลใจดีของจิน ซึ่งตอนนี้ก็ยืนอมยิ้มอยู่

”เพื่อนอาคานิชิคุงนี่เอง ที่ทำท่านผอ.โมโห น่าตีจริงๆ”

จินรีบดึงให้คาซึยะก้มหัวไปพร้อมๆกัน “ขอโทษครับ….!!”

พยาบาลหัวเราะท่าทางเก้อๆของทั้งคู่ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างอารมณ์ดี

“ช่างเถอะคะ ไหนๆก็ตัดมาแล้ว เดี๋ยวจะจัดใส่แจกันให้นะคะ”
จินเอามือกระทุ้งสีข้างคาซึยะแล้วทำปากจุ๊กจิ๊ก คาซึยะก็กระทุ้งกลับ แล้วก็เอามือผลักๆกันเป็นเด็กๆ

 พยาบาลหันมาเห็นก็อมยิ้ม แวววตาใจดี

“อาคานิชิ มีเพื่อนคนนี้ มาอยู่ด้วย คงหายดีได้แน่ๆเลยนะ”

จินได้ยินยังงั้นก็แค่หัวเราะแห้งๆออกมา ทั้งๆที่รู้ว่าความจริงเป็นยังไง แต่คำพูดแบบนี้ก็ดูจะมีคุณค่าทางจิตใจกับคาซึยะ

ไม่น้อย ในใจลึกๆของเค้าก็หวังอย่างงั้น แม้แต่ว่า ให้จินแบ่งชีวิตจากเค้าที่มีอยู่ไปครึ่งนึงก็ยังได้เลย

 เค้าคิดอย่างงั้นจริงๆนะ

คาซึยะมาหาจินทุกๆวัน ช่วงเย็นๆทุกคนก็จะตามมาด้วย จินพยายามจะถามหลายครั้งว่าทำไม คาซึยะไม่ไปเรียนแต่ก็ดู

เหมือนว่า จะไม่เป็นผล ไปๆมาๆ เค้าก็พอใจที่มีคาซึยะมาอยู่ด้วยทุกๆวัน ทั้งๆที่ ทำอะไร ไม่ค่อยจะได้เรื่อง แต่เค้าก็มี

ความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันทุกๆวัน แล้วก็เหมือนกับว่ามะเร็งร้ายในร่างกายเค้า มันจะกลัวคาซึยะยังไงยังงั้น มันไม่เคย

กำเริบอีกเลย ตั้งแต่คาซึยะมาอยู่ด้วย

ยิ่งมีเวลาใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าตอนที่ไม่ป่วย จินก็รักคาซึยะมากขึ้น ในความที่เป็นคาซึยะ คนที่ชอบซ่อนความใจดี ความ

อ่อนโยนไว้ใต้ท่าทางที่เหย่อหยิ่ง

คาซึยะจะทำท่าเก้ๆกังๆ ทุกครั้งที่เด็กๆที่ป่วย เข้ามาเล่นกับเค้า บ้างครั้งเด็กๆก็แกล้ง ไม่อยากให้คาซึยะ ร่วมวงด้วย

เจ้านั้นก็แกล้งร้องไห้ จนเด็กๆเข้าไปปลอบ แล้วคาซึยะก็จัดการจั๊กกะจี๋เด็กๆพวกนั้น

ผลสุดท้ายกลายเป็นว่าเด็กๆติดคาซึยะมากกว่าจินซะแล้ว จินนั่งท้าวคางดูคาซึยะ เล่นกับเด็กๆแล้วก็อมยิ้ม ถ้าเวลาหยุด

อยู่แค่นี้ตลอดไปก็คงจะดีนะ รู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้มีความสุขที่สุดแล้ว ถ้าได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้น ของคนที่อยู่ตรงหน้า เท่านี้ก็

เพียงพอแล้วจริงๆ………..

“ทางบริษัทเค้าโทรมาบอกว่า พรุ่งนี้ single พวกเราจะวางขายอ่ะ” ทัตซึยะบอกทุกๆคนในเย้นวันนหนึ่ง จิน พยักหน้ายิ้มๆ

“พวกนายไม่เสียใจใช่มั้ย ที่ไม่ได้เปิดตัวเดบิวนะ” จินถามออกมา ทุกคนหันมามองจินตาเดียว

“บ้านะสิ แนน่ะปกติก็เด่นดังอยู่แล้ว กะอีแค่นี้จิ๊บจ๊อย” ยุอิจิยังคงพูดไม่ทิ้งรุปแบบเดิม ทุกคนหัวเราะออกมา

 “สำคัญตัวผิดรึเปล่า” คาซึยะร้องแซว

“ฉันว่าไม่ได้เดบิวก็ดีแล้ว ตอนนี้ แค่เวลาอ่านหนังสือสอบ ยังไม่ค่อยมีเลย” จุนโนะบ่นอุบอิบ ทัตซึยะเอามือตบไหล่

”ไม่ได้อ่านครบ100 รอบรึป่าว เนี้ย ตอนนี้ก็ยังอ่านอยู่เลยนะ”

จินรู้สึกเหมือนปกติ ทุกคนกำลังรับได้กับอาการป่วยของเค้า จินรู้สึกความหนักอึ้งที่เคยกลัวว่าทุกคนจะทำตัวตามธรรมดา

ไม่ได้ เหมือนหายไปจนหมดสิ้น แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างร่าเริง

“แต่ว่า ฉันอ่ะ อยากออกทีวีเหมือนกันนะ”

“โห้ย!! ไม่เจียมเลยนะนายเนี้ย!!” ทุกคนพูดแทบจะพร้อมกัน แล้วก็มีเสียงหัวเราะดังแว่วมาจากห้อง 107 เป็นเสียง

หัวเราะที่มีความสุขเหลือเกิน…….

“คะ ตอนนี้เพลงที่ทุกคนทราบว่าติดอันดับทั้งๆที่ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ร้องก็ออกมาแล้วนะคะ น่าแปลกจริงๆคะ ตอนนี้ก็ยังมีแค่
เสียงร้องเท่านั้นที่เราสามารถนำมาได้นะคะ ไปฟังกันเลยคะกับกลุ่มWITH NO NAME “

ซึบาสะที่กำลังแกะโน๊ตเพลงสำหรับซ้อมในวันพรุ่งนี้ได้ยินเสียงเพลงก็ถึงกับชะงัก หมุนดินสอที่ถืออยู่ไปมา ปล่อยอารมณ์ไปตามเพลง

“เพราะดีเหมือนกันนะ รู้สึกคุ้นเคยดีจัง…..”

มาโกโตะที่ต้องนั่งแช่อยู่ในรถที่ติดยาวเหยียด คว้าบุหรี่ออกจากซองแล้วจุดสูบ พลางฟังเพลงไปด้วย

“หายไวๆก็ดีนะ เพลงดีๆแบบนี้ ไม่มาทำต่อก็น่าเสียดาย”

โคยาม่านอนกระดิกเท้าอ่านการ์ตูนอยู่ก็ผุดลุกขึ้นนั่งฟังอย่างตั้งใจ

“เพลงของพวกรุ่นพี่ ไม่ใช่รึไงเนี้ย สุดยอดไปเลย”

คาโต้กำลังจ่ายเงินที่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งใจฟังเพลงจนพนักงานก็ยังแปลกใจ

“ใช่จริงๆด้วย เพลงของพวกรุ่นพี่แน่ๆ”

“เพราะจังเลยนะเนี้ย ใช่กลุ่มที่รร.ของนายรึเปล่า คุซาโนะ!!”

พี่สาวหันมาถามคุซาโนะ ที่นั่งทำการบ้านอยู่ พยักหน้าตอบรับ “ใช่ ……เพราะจริงๆด้วยสินะ”

จุนโนะปิดหนังสือลง ตั้งใจฟังเพลงของตัวเองด้วยใจจดจ่อ

 “รู้สึกดีจังเลยนะ ไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้ฟังเพลงของตัวเองแบบนี้”

ทัตซึยะนั่งชันเข่าบนเตียงนอน ยิ้มน้อยก่อนล้มตัวลงนอนแผ่เหมือนเด็กๆ

“วิเศษที่สุดเลย….ดีแล้วที่ได้ทำมันออกมา ดีแล้วที่ได้รู้จักทุกๆคน”

ยูอิจิปรับเสียงวิทยุเครื่องเล็กให้เข้าที่ เค้านั่งทอดอารมณ์อยู่ที่ม้านั่งใกล้ท่าเรือที่มักมานั่งกับโคคิบ่อยๆ
 
“เป็นไงหล่ะแก ชอบเพลงของพวกเรามั้ย อยู่บนนั้น หาฟังคงลำบากหน่อยหล่ะนะ”

คาซึยะเอียงคอแนบกับหูฟังภายในห้องนอนของเค้า

“จิน ถ้าเป็นไปได้ ขอให้นายฟังเพลงนี้แล้วมีกำลังใจ อยู่ไปนานๆเถอะนะ………เพราะเพลงนี้เป็นฝันของพวกเราไงหล่ะ”


ในห้อง107 วิทยุเครื่องเล็กยังคงมีเพลงนี้บรรเลงอยู่แต่ภายในห้อง ไม่มีร่างของอาคานิชิอยู่เพื่อจะฟังมันจนจบ………………………………

chapter 20 end
to be con..............

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: กว่าจะลงได้ น่าเบื่อจริงๆ   เอามาลงให้อ่านแล้วนะงับ  ขอบคุงสำหรับคอมเม้นนะงับ   :yeb:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #108 เมื่อ19-04-2007 18:53:54 »

ในห้อง107 วิทยุเครื่องเล็กยังคงมีเพลงนี้บรรเลงอยู่แต่ภายในห้อง ไม่มีร่างของอาคานิชิอยู่เพื่อจะฟังมันจนจบ…
 :monkeycry2:  :monkeycry2:  :monkeycry2:
สุดยอดเลย ตอนนี้ทำให้น้ำตาคลอได้ตั้งแต่ตอนต้น จนตอนจบก็..  :monkeycry4:
คนแต่งหัวใจทำด้วยอะไรหนอ ถึงได้แต่งออกมาได้เศร้ามากมายขนาดนี้  :เศร้า1:  :เศร้า1:
ขอบคุณมากค่ะที่มาต่อให้  :11111:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #109 เมื่อ19-04-2007 18:59:54 »

อยากให้ปาฏิหาริย์มีจิงจังเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ##WITH NO NAME##
« ตอบ #109 เมื่อ: 19-04-2007 18:59:54 »





idiotbox

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #110 เมื่อ19-04-2007 23:33:57 »

 :monkeycry4: :monkeycry4: :monkeycry4:

ฮืออ ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้วววววว 
...แต่ก็ซึ้งอ่ะ

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #111 เมื่อ22-04-2007 21:18:41 »

 
:เฮ้อ: ช่วงนี้เจอแต่เรื่องแย่ๆ อยากร้องไห้    :เศร้า2:   เรามาเศร้ากันต่อดีก่าเนอะ  :impress:

chapter21
 


คาซึยะวิ่งกระหืดกระหอบด้วยอาการร่าเริงที่สุด ในมือถือCD single แรกของพวกเค้าที่เพิ่งซื้อมาจากร้านในตัวเมือง

นางพยาบาลที่คุ้นเคยกับเค้าและจินร้องทักออกมา

“คาเมนาชิคุง อย่าวิ่งในโรงพยาบาลสิจ๊ะ!!” คาซึยะหันไปโค้ง

 “ขอโทษครับ!!” แต่ไม่ทันพ้น ก็เริ่มวิ่งอีกแล้ว พยาบาลได้แต่ส่ายหัวไปมายิ้มๆ

เบรคตรงหน้าห้อง107 พอดี เคาะ3ทีอย่างที่เคยก่อนเปิดเข้าไปอย่างเคยชิน

แต่รอยยิ้มก็ชะงักลงแทบจะพร้อมๆกับที่เปิดห้องออก

ไม่มีจินที่นั่น……..ห้องว่างเปล่า โล่งจนรู้สึกหวิวๆในใจ นางพยาบาลที่เพิ่งจัดเตียงเสร็จหันมมามอง

 เธอเพิ่งมาใหม่ ไม่รู้จักคาซึยะกับจิน

“มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ?”

“ไม่ทราบว่า คนไข้ห้องนี้ไปไหนครับ!!” น้ำเสียงดูร้อนรน

“อ้อ… เมื่อกลางดึกอาการดูเหมือนจะกำเริบนะคะ ตอนนี้ย้ายไปอยู่ห้องผู้ป่วยหนักแล้วน่ะคะ”

คาซึยะสะดุ้งสุดตัวก่อนวิ่งออกมา

ความสุขเป็นเหมือนภาพลวงตา ไม่เคยอยู่กับใครนาน เมื่อได้ลิ้มรส …..พอหลงใหล…….ก็จะกระพือปีกหนีไป เค้าไม่น่ามัว

แต่ทำตัวมีความสุขอยู่เลย ใจจริงๆ อยากจะร้องไห้อยู่ทุกวัน ที่รู้ว่า จะมีสักวันที่เค้ามาหาจิน แล้วจะไม่เจอ หัวสับสน

กดดัน และอยากจะร้องไห้ มัวแต่วิ่งผล่านไปมา แล้วเสียงหนึ่งก็เรียกเค้าเอาไว้

“วันนี้มาแต่เช้าเลย …..นายจะไปไหนของนาย”

ชุดนอนสีฟ้า ตัวที่ชอบที่สุด ร่างนั้นอยู่บนรถเข็น ใบหน้าซูบซีดกว่าที่เคย ที่แขนคล้องสายที่เหมือนเครื่องมืออะไรสักอย่าง

“นายไม่เป็นไรใช่มั้ย!!” คาซึยะถามเสียงสั่นๆ ก่อนเดินเข้ามาใกล้ ปกติจินจะไม่นั่งรถเข็น จินมักจะบ่นเวลาที่นาง

พยาบาลบังคับ พอพยาบาลคล้อยหลัง เค้าจะชวนคาซึยะให้มานั่งแทนแล้ว เข็นเล่นกันเป็นเด็ก แต่ตอนนี้เค้านั่งอยู่

อาการคงไม่ธรรมดาแน่ๆ


“อืม ……….”พยักหน้าช้า แววความเหนื่อยเห็นได้ชัด

 “กำลังจะไปเจาะไขกระดูกมาตรวจดูน่ะ”

คาซึยะกลืนน้ำลาย “จะเจ็บมั้ย?……..” จินส่ายหน้า

“ไม่รู้เหมือนกัน เป็นครั้งแรกที่เคย” เจ้าหน้าที่ทำท่าจะเข็นจินไป คาซึยะเดินมาหลบด้านข้างๆ

 หันมามองจินเรียกอย่างเป็นห่วง “จิน…….”

จินหันมามอง ทำหน้ายิ้มๆ แต่แววตาเต็มไปด้วยความกลัว

 “มะ..ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันไปแป๊บเดียว”

ทำท่าเข้มแข็ง อย่างเคย แต่คาซึยะรู้ว่ามันไม่ใช่อย่างงั้น แววตาเหมือนเด็กๆที่หวาดกลัว ต้องการใครสักคน

 คาซึยะวิ่งตามมาเอามือจับที่เข็นเอาไว้ เจ้าหน้าที่หันมามองงงๆ

“ให้ผมเป็นคนพาเค้าไปได้ไหมครับ” เจ้าหน้าที่ถอยออกมาแล้วพยักหน้าให้ ก่อนเดินนำหน้าไป จินเงยหน้ามองคาซึยะ

 ที่ยิ้มแสร้งทำเป็นเข้มแข็งกว่าจิน แต่มือที่กำพนักเข็นไว้สั่นน้อยๆ

“คาซึยะ…นาย….”

“ฉันจะไปส่งนายจนถึงที่เลย แล้วจะรอด้วย เวลาอยู่กับเครื่องมือแปลกๆที่โรงพยาบาล มันไม่สนุกเลย ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนายนะ……”


แผ่นหลังขาวๆตอนนี้เห็นรอยนูนของกระดูกเด่นชัด เพราะความผอมและร่างกายที่ทรุดโทรม

จินถูกสั่งให้นอนตะแคงและงอตัว เพื่อให้กระดูกนูนออกมามากที่สุด

คาซึยะที่ยืนอยู่ข้างนอกผ่านกรอบกระจกแคบๆ เค้าต้องพยายามขเย่งเพื่อจะมองเห็นภายในมากที่สุด

ปลายท่อมีเข็มเรียวแหลมดูน่ากลัว คาซึยะใจคอไม่ดี เค้าจะเอาส่วนนั้นทำอะไรกับจินกัน ไม่ทันจะคิดอะไรต่อ

 ปลายเข็มนั้นก็เจาะเข้าที่หลังบริเวณเอวของจิน เสียงจินร้องเอ็ดอึ้งออกมา คาซึยะ เผลอเอามือทุบประตูโดยไม่รู้ตัว


จินจะไม่ร้องออกมา แม้ว่าจะเจ็บมากๆ อาการกำเริบแต่ละครั้งไม่เคยได้ยินเสียงร้องเลย…….แล้วนี่เป็นความเจ็บแบบไหน

กัน จินถึงกับร้องออกมาแบบนั้น คาซึยะ อยากจะพังเข้าไป กระชากไอ้เครื่องบ้าๆนั้นออกจากร่างกายของจิน เสียงเครื่อง

กำลังทำงาน เมื่อมันทำการดูดเลือดเนื้อของเจ้าของร่างที่เจ็บอยู่ เสียงร้องก็ดังขึ้นอีก จินกัดริมฝีปากแน่น

ตัวที่ขดอยู่ยิ่งงอเข้าหากัน น้ำตาไหลออกมา ไม่สามารกลั้นได้เพราะความทรมาน

 มือทั้งสองข้างจิกที่แขนเสื้อตัวเองเอาไว้

คาซึยะเอามือทุบประตูเป็นครั้งที่2 ร่างของคนที่รักดิ้นเจ็บปวดทรมานอยู่ต่อหน้า ใครกันจะทานทนรับมันได้…….เจ้าหน้าที่

และหมอ เห็นการทุบประตูเริ่มถี่ จึงเดินมาแล้วรูดม่านทันที คาซึยะเหมือนถูกปิดม่านความเจ็บปวดลงชั่วขณะ

อีกใจ อยากจะเฝ้าดู อาการของจินให้ตลอด แต่อีกใจก็ทรมานจนอยากจะตายไปเลย ทำไมนะ ทั้งๆที่คิดว่าจะเข้มแข็ง

จะต้องทนให้ได้ แต่แค่เพียงเห็นความทรมานของจิน แค่ส่วนนึง ส่วนนึงเท่านั้น เค้าก็ทนไม่ได้แล้ว

จินนอนหลับอยู่ในห้องใหม่ที่มีเครื่องมือคล้ายห้องICU คาซึยะมองดูด้วยแววตาเศร้าหมอง ตอนนี้อาการจินดูไม่ดีเลย

หลังจากการดูดไขกระดูกไปตรวจ ร่างกายจินก็เริ่มมีจ้ำเลือดใต้ผิวหนัง เค้าอยากรู้นักว่า มันเป็นอะไร กัน จุนโนะ ทัตซึยะ

เดินเข้ามา คาซึยะหันหน้ามาเอามือแตะที่ปากเป็นเชิงบอกให้เงียบๆ

“จินเพิ่งหลับไปน่ะ ยูอิจิหล่ะ” ทัตซึยะกระซิบตอบ “ตอนนี้ คุยอยู่กับหมอของจินน่ะ”

กว่าจะลากคาซึยะออกมาให้มาทานข้าวเช้าได้ ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน เพราะเจ้าตัวไม่อยากละสายตาจากจินในตอน

นี้แม้แต่วินาทีเลย คาซึยะคนถ้วยน้ำชา เหมือนไม่มีชีวิตจิใจ ดวงตาเหม่อไปเรื่อยๆ

ยูอิจิมารวมกับทุกคนที่ห้องอาหาร หน้าตาแย่สุดๆ คาซึยะผุดลุกขึ้น ถามอาการจินทันที

 “ยูอิจิ หมอว่ายังไงบ้าง อาการของจินน่ะ………”

“อืม…..นายนั่งลงก่อนดีกว่านะ” ยูอิจิเอามือตบๆไหล่คาซึยะให้เย็นลง

 คาซึยะนั่งลงตามคำสั่งแล้วตั้งใจฟังยูอิจิพูด คนอื่นๆก็เช่นกัน

“ตอนนี้……หมอบอกว่า การผ่าตัดก็คงจะช่วยไม่ได้แล้ว……..เพราะว่ามันลามไปจนถึงเม็ดเลือดแล้ว”

คาซึยะคว้า คอเสื้อของยูอิจิทันที ทัตซึยะกับจุนโนะร้องพร้อมๆกัน “เฮ้ย!! คาซึยะ…”

“หมายความว่ายังไง นายอย่าบอกนะ ว่าจะปล่อยไปแบบนั้น พอผ่าตัดไม่ได้ก็จะไม่ทำอะไรงั้นเหรอ!!”

ยูอิจิดึงมือคาซึยะออก แล้วผลักคาซึยะกระแทกลงที่เก้าอี้ตามเดิม

“ไม่ใช่ว่าไม่ทำอะไรนะ ร่างกายจินจะทนรับผลข้างเคียงของการรักษาไม่ได้อีกแล้ว ไปๆมาๆ จะทรมานกว่า

โรคที่เป็นอยู่ซะอีก นายอย่าทำเป็นเหมือนกับว่า คนอื่นเค้าไม่รู้วสึกอะไรจะได้มั้ย ทุกคนนะ ก็เจ็บปวดเหมือนนายนะ

แหละ โดยเฉพาะจิน เอง นายอย่ามาทำตัวเอาแต่ใจ หน่อยเลย ยอมรับความจริงบ้างเถอะ”

ยูอิจิหัวเสียมาก คนที่ร่าเริงอย่างเค้า ทำไมต้องเป็นคนแรกที่รู้ความร้ายแรงของอาการจิน

 แล้วต้องมาบอกทุกๆคนอีกด้วย มันเจ็บนะ แล้วก็ทรมานด้วย……

“อย่ามาทะเลาะกันอยู่เลย ถ้าจินรู้คงไม่ดีใจหรอกน่า!!” จุนโนะพูดออกมาเตือนสติทั้งสองคน

แล้วความเงียบก็ปกคลุมความรู้สึกของทุกคน จินยังเหลือเวลาอีกแค่ไหนกัน…………………

ทุกคนยืนรายล้อมเตียงที่มีร่างหนึ่งหลับไหลอยู่ ร่างกายที่ผ่ายผอมดูน่าเจ็บปวด ใบหน้าที่นิ่งสงบนั้นกำลังต่อสู้กับความเจ็บ

ปวดอยู่ เครื่องมือที่คล้องแขนอยู่คือมอร์ฟีนระงับความเจ็บปวดนั้นเอง มีไว้ให้คนไข้เมื่อเจ็บจะสามารถฉีดให้ตัวเองได้

แต่ดูเหมือนจินจะไม่เคยใช้มันเลย

พอย้ายมาอยู่ห้องผู้ป่วยหนักเวลาเยี่ยมก็ถูกจำกัดลง ก่อนที่ทุกคนจะออกไป คาซึยะก้มลงใกล้จิน กระซิบเบาๆว่า

 “พรุ่งนี้ จะมาใหม่ นายต้องรอฉันนะ” เหมือนเป็นการสั่งว่า ห้ามไปไหน ห้ามตายนะ อะไรทำนองนั้น

บนรถเมล์ทุกคนไม่พูดคุยอะไรเช่นที่เคย แผ่น CD ถูกเก็บตายในกระเป๋าของคาซึยะ เสียงพูดคุยมีความสุขของคนอื่นดู

เสียดแทงพวกเค้ามากๆ เด็กผู้ชายวัยเดียวกันขึ้นรถมา ตะโกนแหกปากด้วยความคะนองและฉุนเฉียว


“โอ้ย!! ชีวิตน่าเบื่อชมัดเลย อยากตายวะ “

 แล้วก็หันไปหัวเราะกับเพื่อนๆ คาซึยะเงยหน้ามองคนพูดด้วยความโกรธแค้น จนคนพูดชักฉุน

“ไอ้นี่ มองไรวะ อยากตายด้วยคนไง!!”

คาซึยะลุกขึ้น จุนโนะ ยูอิจิ ทัตซึยะยังไม่ทันตั้งตัว คาซึยะบีบคอเจ้าคนปากดีด้วยแรงที่มี จนทำท่าว่าจะได้ตายสมใจแล้ว

 ยูอิจิ รีบคว้าแขนคาซึยะออกมา จุนโนะช่วยอีกแรง

คนปากดีกระอัก หายใจออกมา คอเป็นรอยแดงรูปมือ เพื่อนๆเจ้านั้นถึงกับมองกันตัวเกร็งไปหมด

“คนอย่างพวกแก มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนี้เหรอ ถ้าอยากตายนัก ก็เอาชีวิตแกมาให้จินเซ่!!!” คาซึยะเหมือนคนบ้า

 เจ้าพวกนั้นลุกขึ้นได้ก้ร้องออกมา

“มันพูดบ้าอะไรวะ!!” คนในรถมองกันเป็นตาเดียวท่าทางตกใจกันมาก ทัตซึยะจึงชวนให้ทุกคนลงจากรถ

“ฉันว่าเราลงป้ายหน้ากันเถอะ” แล้วทุกคนก็พากันลากคาซึยะที่กำลังบ้าเลือดลงจากรถไปได้

“ พวกนายมาห้ามฉันทำไมกัน !!!” ยูอิจิชกเตือนสติคาซึยะไปทีนึง

“ถึงไอ้นั้นมันตาย จินก็ไม่ได้จะได้ชีวิตจากเจ้านั้นหรอกนะ ถ้าแลกกันได้พวกฉันก็แลกกันไปก่อนแล้ว ในโลกนี้มีคนตั้ง
มากที่สมควรตาย แต่ก็ไม่ตาย นายนะมีสติหน่อยสิ อย่าบ้านักเลย!!!”

“ยูอิจิพูดถูก เราต้องมีสติ พยายามประคับประคอง จินต่อๆไป ครั้งแรกที่รู้เราก็เตรียมใจกันไว้แล้วนี่นาว่า
มันต้องเป็นแบบนี้ ……..เราต้องเข้มแข็งเอาไว้นะ”

จุนโนะเอีงคอไปมาเวลาพูด น้ำเสียงสั่นๆ

“ไม่ไหวแล้ว ฉันทนไม่ได้แล้ว ตอนจินปกติดี ฉันพอจะทนปั้นหน้ามีความสุขอยู่ได้บ้าง แต่นั้นก็แกล้งทำทั้งนั้น
 แต่ตอนนี้จิน ……ไม่ฉันทนต่อไปไม่ได้แล้ว ฉันรับไม่ได้!!!”

คาซึยะร้องไห้ออกมา ทัตซึยะกอดคาซึยะเอาไว้ ให้สงบลง

“ต้องได้นะ ……….พวกเราจะอยู่ด้วยกันนะ จะอยู่ข้างๆจิน ถึงจะเหลือเวลาอีกไม่มาก แต่เวลาที่เหลือก็ยังดีกว่าไม่มีเลย
 เรามารักษาเวลานั้นให้ดีที่สุดเถอะนะ……..”

ก่อนที่จะไปโรงพยาบาลทุกเช้าทั้ง4 คนจะมาสวดมนต์ขอพรที่โบสถ์ เด็กๆในชมรมประสานเสียงเองก็เช่นกัน

“จริงรึเปล่าที่เค้าบอกว่า รุ่นพี่อาคานิชิกำลังจะตาย” โคยาม่ากระซิบถามคาโต้

 “ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าเป็นยังงั้นก็แย่เลย จะไม่ได้ฟังเพลงดีๆแบบนั้นอีกนะเหรอ”

“นี่!! เงียบๆหน่อยสิ ตั้งใจสวดมนต์กันหน่อย!!”

คุซาโนะดุออกมา ก่อนหันไปมอง กลุ่ม4 คนที่ตั้งใจสวดมนต์โดยไม่ได้ยินอะไร

จินช่วงหลังนับเวลาที่รู้สึกตัวได้น้อยมากๆ บ่อยครั้งที่คาซึยะมาเยี่ยมจินกำลังหลับอยุ่ คาซึยะจะไม่ปลุก

จะนั่งเฝ้ามองจนหมดเวลาเยี่ยมไปเลยก็มี แต่บ้างครั้งมาเวลาที่จินตื่น ก็จะถูกจินว่า ทำไมไม่ปลุก

คาซึยะรู้สึกว่าช่วงเวลานี้ช่างทรมานเหลือเกิน เฝ้ามองร่างกายจินที่เจ็บปวดทุกวัน แม้แต่ตอนหลับ บางครั้งก็รู้ได้ว่ากำลัง

เจ็บปวด จากหน้าแล้วคิ้วขมวด อาการกระตุกเป็นครั้งคราว บางครั้งนั่งคุยกันไปเลือดกำเดาก็ไหลออกมา ไม่ยอมหยุด

 ผิวหนังบางครั้งก็เริ่มมีเลือดซึม ความตายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้จิน คาซึยะอยากจะเอาตัวบังจินเอาไว้ไม่ให้มันมอง

เห็น ยอมได้เลย ถ้าจะมาเอาตัวเค้าไปแทน

เช้าวันนึงทุกคนมาเยี่ยมจินอย่างที่เคยจินไม่ได้นอนซมที่เตียงกลับลุกขึ้นมานั่งรอพวกเค้าที่ริมหน้าต่างสีหน้าดูดี

กว่าที่ผ่านๆมา เหมือนอาการที่ผ่านๆมาเป็นเรื่องโกหก

“จิน….” คาซึยะเรียกชื่อจินด้วยเสียงที่แหบแห้งระคนแปลกใจ

จินลุกจากรถเข็นเดินเข้ามาหาทุกคนเอามือตีหัวทุกคนไปคนละที

“พวกนายทำไม ถึงได้ดูโทรมกันขนาดนี้นะ คนป่วยนะฉันนะ!! โดยเฉพาะนายคาซึยะ ทำไมถึผอมลงขนาดนี้"

จินชูแขนเล็กๆของคาซึยะขึ้น ตั้งแต่จินอาการทรุด แทบจะนับมื้อที่เค้ากินข้าวได้ ทำไม จะไม่ผอมลงหล่ะ


“จิน นายเจ็บอะไรอีกรึเปล่า ถ้าเจ็บก็ไม่ต้องฝืนหรอกนะ” จุนโนะพูดออกมาอย่างเป็นห่วง

“พวกนายนี่ บ้ากันจัง ตอนนี้ ฉันไม่เจ็บ ก็อยากให้ฉันเจ็บเหรอ”

“ไม่ใช่อย่างงั้น เพียงแต่เรากลัวว่านายจะเจ็บ “ ทัตซึยะรีบบอกออกมา

“จินนาย อาการดีขึ้นแล้วใช่มั้ย !!!!” คาซึยะ รีบตรงเข้าจับแขนทั้งสองข้างของจินไว้

จินเอามือลุบหัวคาซึยะ

 “อืมน่าจะใช่ โชคน่าจะเข้าข้างฉันบ้างแล้วหล่ะ ยาตัวใหม่ถูกกะบฉันดี”

ทุกคนยิ้มออกมาจริองๆหลังจากที่ไม่ได้ยิ้มมาร่วมอาทิตย์

“สุดยอดเลย งั้นนายก็รีบพักเถอะ เป็นไปได้ว่านายจะได้ออกจากโรงพยาบาลแน่ๆ”

 ถึงจะเป็นความหวังที่ลิบหลี่เต็มทนแต่ยุอิจิก็อดหวังไม่ได้

จินยิ้มอย่างสดใส

“ไม่ต้องรอขนาดนั้น ออกไปได้เลย วันนี้ ฉันออกจากโรงพยาบาลได้เลย!!”


เป็นคำขอร้องของจินกับคุณหมอ จากอาการที่ไม่ได้ทรุดลง แต่ก็ไม่ถึงกับดีขึ้นมากซะทีเดียว

 จินพยายามประคับประคองร่างกายจน สามารถที่จะแข็งแรงพอที่จะออกจากโรงพยาบาลได้ แต่ก็แค่การออกจากโรง

พยาบาลเพียงเวลา 1 วันเท่านั้น ทุกคนยังคงแปลกใจ แต่ท่าทางที่จินบรรจงแต่งชุดธรรมดาที่ไม่ได้ใส่มานานมากๆ

ก็ทำให้ลืมเหตุผลอะไรออกไป จินแข็งแรงจากที่ผ่านมาขนาดนี้น่าจะเป็นสัญญาณอันดีนะ ทุกคนเชื่ออย่างงั้น

“พวกนายอยากทำอะไรกันน่ะ วันนี้” ระหว่างที่เดินออกมารอรถเมล์จินก็ถามขึ้นมา ทุกคนอึกอักไปตามๆกัน ยังดีใจระคน

แปลกใจ ไม่ได้กับอาการที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นปกติของจิน

“วันนี้ เป็นวันของนาย นายอยากทำอะไรก็บอกมาดีกว่านะ “


จุนโนะเป็นคนตอบออกมาแทนทุกๆคน ที่ต่างก็เห็นด้วยพยักหน้าหงึกหงัก

“หือ !!! พูดอย่างงี้เดี๋ยวก็หนาวหรอก" จินเริ่มมีแววยียวนอีก ไม่ได้ฟังจินพูดแบบนี้มานานแล้ว

”อ้าว!! พูดงี้ก็กลัวเดะ” ยูอิจิเอง เริ่มสนุกตอกกลับบ้าง

คาซึยะยิ้มออกมา โดยที่ไม่รู้ตัว ความรู้สึกหม่นหมองเหมือนจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง

“แล้วตกลง จะทำอะไรกันหล่ะเนี้ย!!” ทัตซึยะงงๆ เอามือเกาหัว

“ก็ทำเรื่องที่อยากทำนะสิ……..” จินยิ้มเจ้าเล่ห์พูดออกมา

“หือ!!” ทุกคนงงไม่ต่างกัน

“ในชีวิตนึงก็มีเรื่องที่อยากทำอื้อเลย จะให้ทำหมดก็ยากเหมือนกันนะ มีทั้งเรื่องที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำ
จนมันก็ผ่านมาแล้ว เรื่องที่อยากทำในอนาคตก็มี ไม่รู้จะเลือกเรื่องไหนเลยเหมือนกัน”

จินเดินไปพูดไปเหมือนบ่นๆ ท่าทางทุกคนก็คิดว่า เจ้านี่คงเพ้อไปแล้ว มีแค่คาซึยะเท่านั้น ที่ฟังอย่างตั้งใจ

 แล้วคาซึยะพูดออกมา

“งั้นก็ทำเถอะ ทุกอย่างเลยที่นายอยากทำ ทำใน1 วันนี้หล่ะ”

chapter 21 end
to be con.................
 

 :เศร้า2: :เศร้า2: :เศร้า2:

mumumama

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #112 เมื่อ22-04-2007 22:17:58 »

 :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1:
พูดไม่ออกแล้ว ฮื่อๆๆๆ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #113 เมื่อ23-04-2007 19:50:14 »

 :monkeycry4:  :monkeycry4:  :monkeycry4:
ความสุขเป็นเหมือนภาพลวงตา ไม่เคยอยู่กับใครนาน เมื่อได้ลิ้มรส …..พอหลงใหล…….ก็จะกระพือปีกหนีไป 
ได้ใจมากประโยคนี้  :monkeysad2:

idiotbox

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #114 เมื่อ25-04-2007 01:55:36 »

....กลัวจะเป็นครั้งสุดท้ายอ่ะ  :dont2:  :dont2:

*แย่ยังไงก็"สู้ๆ"นะคับ... เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้เสมอ อิอิ    :yeb: :yeb:

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #115 เมื่อ25-04-2007 13:47:13 »

chapter22

“จะเอาจริงๆอ่ะเหรอ!!” ยูอิจิทำหน้าเครียดๆ

 “เออ ก็จริงเดะ ไหนว่าจะลองทำด้วยกันไง” จินหันมาตบหัวยูอิจิไป1ที

“แต่ที่ยูอิจิว่าก็จริงนะ ถ้าเราทำไม่ได้มีหวังจ่ายกันอานเลย”

จุนโนะเองก็หน้าเแหยๆ จินทำหน้าคิดหนักขึ้นมาเอามือล้วงกระเป๋าตัวเอง

 “พวกนายมีกันเท่าไหร่อ่ะ”

“ฉัน 3500” ยูอิจิ บ่นอุบอิบ “4000เยน” จุนโนะพูดผลางชูนิ้ว

“5000เยน” ทัตซึยะแง้มกระเป๋าดู จินส่ายหัวไปมา “ยากจนทั้งนั้นเลย

 “ คาซึยะหันมาถามจินบ้าง “แล้วนายหล่ะ มีเท่าไหร่”

จินยิ้มแหยๆ “1000เยน” “โธ่เอ้ย!!” ทุกคนแทบจะยันจินพร้อมๆกัน

“ช่างเถอะน่า ถ้าไม่มีตังค์ฉันจัดการเอง” คาซึยะะพูดออกมาแบบรำคาญ

“เอ ลืมไปเลยว่าเรามีคุณชายมาด้วย นายคงพกบัตรทองมาด้วยหล่ะสิ”

จินยิ้มเอามือวางที่ไหล่คาซึยะ คาซึยะทำหน้ากวนๆก่อนพูดออกมา

“มะเหงกสิ!! ไม่ได้เอามา… แค่ถ้าไม่มีตังค์จ่ายก็ให้ล้างจานเอาก็แค่นั้น"

แล้วทุกคนก็ทำหน้าเหว๋อ ก่อนเดินเข้าร้านตามๆกันไป เรื่องแรกที่อยากทำของจินก็คือการกิน จินอยากจะกินให้เยอะ

ให้จุกตายกันไปข้างนึง แต่จะกินได้ขนาดนั้นก็ต้องมาร้านที่จัดท้ากินจุ น่าจะเหมาะที่สุด

ทุกคนก็จำใจร่วมชะตากรรมไปด้วย แต่จะกินจนชนะ มันจะเป็นไปได้แค่ไหนกัน เพราะถ้ากินไม่ตรงตามที่กำหนด

ก็จะต้องจ่ายค่าอาหารส่วนที่กินกันไปทั้งหมด แล้วก็แน่นอน ไม่มีใครมีเงินมาพอขนาดนั้น

ผลปรากฏออกมาว่า ทุกคนทำได้ แต่แทบจะออกมาอ้วกกันหน้าร้านเลย

“โอ้ย!! อยากจะอ้วก กินเข้าไปได้ไงเนี้ย!!” ยูอิจิทำท่าจะอ้วกจริงๆ

 “เฮ้ยอย่าได้มั้ย ขืนนายอ้วก ฉันได้อ้วกตามจริงๆแน่” จุนโนะดึงคอให้ยูอิจิ หยุดทำท่าโก่งคอสักที

“น่าสงสารเจ้าของร้านเหมือนกันนะ ตั้ง 5 คนกินไปขนาดนั้น จะขาดทุนมั้ยเนี้ย”

 พูดๆไปก็เอามือปิดปากไป



จินท่าทางจะสบายสุดๆดูไม่เหมือนคนป่วยเลยสามารถกินได้เยอะขนาดนั้น คาซึยะเดินหน้าซีดๆตามทุกคนมา

 จินหันไปถาม

 “นายไมไม่พูดอะไรเลยอ่ะ “

คาซึยะเอามือโบกๆ “อย่าให้พูดเลย มานจะออก อุ๊บ” แล้วคาซึยะก็เป็นรายแรกที่อ้วกออกมา

จินตกใจรีบลูบหลังให้ คนอื่นๆ เบือนหน้าไปตามๆกัน

 “ไอ้บ้าจิน นี่เรื่องที่แกอยากทำทรมานน้อยกว่านี้ ไม่มีไงวะ” ยูอิจิ รีบด่าออกมา มองสภาพคาซึยะแล้วอนาถ

“อ้าว !!! แต่ก็อร่อยดีไม่ใช่ไง นานแล้วนะไม่ได้กินข้าวด้วยกัน”

“แบบนี้ ไม่อร่อยหรอกนะ!!!!” คาซึยะที่หน้าซีดแต่ท่าทางดีขึ้นหน่อย เอามือเช็ดปากไปมา ท่าทางฉุนๆ

“แต่ก็ดีนะ ได้เห็นคาซึยะอ้วกด้วย นานๆทีจะเสียฟอร์มกะเค้า”ทัตซึยะพูดออกมา

“เออใช่” จุนโนะเห็นด้วย แล้วทุกคนก็หัวเราะกันใหญ่ คาซึยะรีบโวยวายห้ามทุกคนหัวเราะเหมือนเด็กๆ



“แล้วเรื่องต่อไปหล่ะ อยากทำอะไร” ทัตซึยะถามขึ้นมา เมื่อทุกคนได้พักให้หายจากอาการกระฃอักกระอ่วน คาซึยะ

 กำลังล้างปากที่ก๊อกน้ำสาธารณะ ก็สนใจฟัง จินเอียงคอไปมา ท่าทางอายๆนิดหน่อยก่อนกระอ้อมกระแอ้มตอบออกมา

“อยากบอกรัก……..” “หู้!!!……….” ทุกคนส่งเสียงโห่ออกมาพร้อมๆกัน

“ร้อยวันพันปี แกเคยไปเหล่หญิงที่ไหนฟ่ะ คงไม่ใช่ในกลุ่มพวกเรานะ”

ยูอิจิ พูดเสียงแหวออกมา คาซึยะเองก็ท่าทางสนไม่น้อย ผู้หญิงที่จินชอบเป็นแบบไหนกันนะ

“บ้าสิ พวกนายอ่ะ ฉันรักอยู่แล้ว แต่ว่า ไม่อยากบอกหรอกเดี๋ยวจะเหลิง” จินตะโกนใส่แบบกวนๆ

“อ้าว แล้วใครคือผู้โชคร้าย เอ้ยโชคดีที่นายอยากบอกรักอ่ะ” จุนโนะถามออกมา จินยิ้มๆ

 “อืมมันก็ตั้งแต่ตอนปี2ม.ต้นแล้วนะ ตั้ง4ปีแล้ว ไม่รู้ว่าเค้าจะยังอยู่ที่เดิมรึเปล่า”



“หา !! อย่าบอกนะว่า ยายคนนั้น ..ที่ชื่อซากุระ ไรนั้นน่ะ” ยูอิจิ ท้าวเอวทำท่าไม่อยากจะเชื่อ

“เออ คนนั้นแหละ นายก็จำได้ใช่ป่าว”

“นายชอบคนๆนึงนานขนาดนั้นเลยเหรอจิน” คาซึยะหน้าตาตื่นเต้น จินยิ้มอายๆ

“มันก็ไม่เชิงงั้นหรอกตอนนั้นก็ชอบขนาดอยากบอกรักเลยหล่ะ แต่ตอนนี้ก็ไม่ถึงขนาดนั้นแล้ว แค่นึกถึงก็รู้สึกดีเท่านั้น”

“แล้วเค้าจะยังอยู่นี่ …..รู้ถึงที่อยู่เลยเหรอ” ทัตซึยะถามงงๆ

 “โอ้ย เจ้านี่โรคจิตจะตายแอบคตามไปจนถึงบ้านมาแล้ว” ยูอิจิแฉ

“โห้ย!!” ทุกคนที่เหลือร้องพร้อมกัน

จินหัวเราะเขินๆ

“นอกจากนี้ยังรูอีกนะว่า ชอบผูกโบกลายสก๊อต ชอบสวมชุดสีขาว ชอบเลี้ยงหมาพันธ์โกลเด้น แล้วก็ชอบดอกเดซี่มากกว่า
ซากุระด้วย “

“ใครจะเหมือนนายชอบซากุระ” จุนโนะแซว จินเอามือชกเบาๆไปที คาซึยะยิ้มแล้วพยักหน้า

“สุดยอดเลย ทุ่มเทขนาดนี้เสียดายนะที่ไม่ได้บอกรักไป”

“ก็เพราะตอนนั้น ฉันทำผลาดเอง ทั้งๆที่มีโอกาสแล้วแท้ๆ” จินสีหน้าเศร้าลงนิดๆ ยูอิจิ ทำหน้านึกขึ้นได้

“ตอนนั้นใช่ป่าวที่ เราไปงานวัฒนธรรมรร.สตรีที่ซากุระอยู่ แล้วนาย เดินผ่านอาคารนั้น ซากุระก็โปรยกลีบดอกเดซี่เล่น
แล้วร่วงใส่นายด้วยน่ะ”

“แล้วทำไมเหรอ?” คาซึยะท่าทางอยากรู้มากจนรีบถามออกมา ที่เหลือก็ตั้งใจฟัง

“ก็ตอนนั้น ฉันอายแล้วก็เขินมากๆ เผลอพูดออกไปว่า เล่นอะไรกันยายบ้านะสิ เรื่องก็เลยจบทั้งๆที่ยังไม่ทันเริ่ม”

“ว้า!! “ ทุกคนพูดออกมา แบบเสียดาย คาซึยะได้แต่จ้องจินแล้วก็อมยิ้ม เจ้านี่เวลามีความรักก็น่ารักเหมือนกันนะ “งั้นเรา
ก็ไปบอกเธอตอนนี้ก็ได้นี่นา” คาซึยะเสนอออกมา

สาวน้อยผมยาวจนถึงกลางหลังรวบผมด้วยโบลายสกอตเช่นเดิม ไม่ต่างจาก4 ปี เวลายิ้มจะมีลักยิ้มเล็กๆที่มุมปาก

 ผู้ชาย5 คนยืนดูตาหยาดเยิ้มบนสะพานที่เธอจะเดินผ่านเป็นประจำ

เพราะเป็นทางกลับบ้านวันนี้โชคดีเหลือเกินที่เธอก็ต้องผ่านด้วยในวันนี้


“จินนายนี่สุดยอดเลย “ จุนโนะพึมพัม “ใช่สุดยอดจริงๆ”ทัตซึยะเห็นด้วย “หวังดอกฟ้าเลยนะเนี้ย”

คาซึยะพูดออกมา จินหันมามองตาเขียว “ พูดงี้ฉันก็เป็นหมางั้นเหรอ”

“เฮ้ย !! อย่ามัวแต่เคลิ้มมากันแล้ว เตรียมตัวนะ” ยูอิจิเห็นสาวน้อยเดินคุยกับเพื่อนจนจะถึงสะพานนี้แล้ว

ทุกคนทำท่าเป็นอันเข้าใจ พอซากุระเดินผ่านสะพานมา ฝนกลีบดอกเดซี่ก็โปรยปรายลงมาจากข้างบนซากุระตาโตด้วย
ความแปลกใจ กับความสวยงามของมัน

“ใครเล่นอะไรเนี้ย” เพื่อนคนนึงในกลุ่มอุทานออกมา “แต่ว่าสวยดีนะ” เพื่อนอีกคนท่าทางชอบ ยื่นมือออกมาสัมผัส
กลีบดอกไม้ที่ร่วงหล่นมา ซากุระเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นจินยิ้มอยู่ข้างบน คนอื่นๆช่วยกันโปรยดอกไม้ลงมา

จินเอามือป้องปากพูดเบาๆว่า

 “ผมรักคุณ” ซากุระ ไม่ได้ยิน แล้วก็มองปากที่ขยับไปมาไม่ถนัดนัก

“เธอรู้จักเหรอ ซากุระ” เพื่อนในกลุ่มถาม ซากุระส่ายหัวไปมา “แต่ฉันว่าพวกเค้าดูน่ารักดีนะ”

อีกคนเสนอ ซากุระ ไม่พูดอะไร แค่ยิ้มๆ แล้วเก็บดอกเดซี่กำไว้ในมือก่อนเดินจากไป

“โอ้ย!! โรแมนติคจนอยากอ้วกอีกรอบแล้ว” ยูอิจิ ทำท่าล้อเลียนคาซึยะ ที่อมยิ้มกับเหตุการณ์เมื่อครู่

 จินเองก็หัวเราะออกมา เมื่อคาซึยะทำหน้าหงิกแล้วเตะเท้าในอากาศจนเกือบจะยันยูอิจิได้สำเร็จ

“ต่อไปๆ “ จุนโนะท่าทางสนุกกับเรื่องที่ทำขึ้นมาแล้ว รีบเรียกร้องให้จินหาเรื่องต่อไปที่อยากทำ

 จินเอามือจับคางไปมา “หลังจากเรื่องหวานๆต่อไปก็ต้องบู้เล็กน้อยหล่ะ”

เสียงหมาเห่าดังสนั่น แต่ละตัวแทบจะฉีกเนื้อคนกินได้ก็ไม่ปาน เห็นเขี้ยวขาวๆแล้วเสียวไส้จริงๆ

“ทำไมเนี้ย ทำไม ฉันจะต้องเป็นคนมาล่อหมาด้วยวะ เสร็จกันรึยัง!!” ยูอิจิตะโกนแข่งกับเสียงหมา

ตอนนี้ยืนตัวเกร็งเป็นตัวล่อสุนัขพันธ์ดุทั้งหลายเหล่ มีก็แค่รั้วเหล็กสนิมผุๆกั้นอยู่เสียวเหลือเกินว่ารั้วเกิดพัง

คนที่ตายนะเป็นเค้าแน่ๆ

“บ่นอยู่ได้ คนที่มาเก็บก็เสียวเหมือนกันนะ” ทัตซึยะทำท่ากลัวๆว่าเจ้าหมาพวกนั้นจะไม่สนใจยูอิจิแล้วหันกลับเข้ามาทาง

นี้มากกว่า ซึ่งมีแค่รั้วไม้เตี้ยที่พวกมันจะข้ามมาได้สบายๆ จินเอามือจุ๊ๆ

 “อย่าตะโกนเดะ เดี๋ยวมันหันมา” จุนโนะรีบๆเก็บลูกเบสบอลใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว

 อาทิตย์หน้าต้องมีสอบวัดระดับ ถ้าต้องมาตายในกรงหมา

ที่ตั้งใจเรียนมาก็เสียเปล่านะสิ ยิ่งคิดยิ่งเพิ่มสปีดในการเก็บเป็นเท่าตัว



แล้วก็ทำการเก็บลูกเบสบอลจนเสร็จ จิน จุนโนะ ทัตซึยะ และคัตซึยะ ปีนรั้วทางด้านหลังออกมาอย่างปลอดภัย

ยูอิจิรีบวิ่งอ้าวออกจากจุดนั้น ทุกคนหอบแฮ่กๆ

“นี่นาย จะเอาลูกเบสบอลตั้งเยอะแยะนี่ไปไหนกันอ่ะ” คาซึยะถามแบบหอบๆ เพราะวิ่งมาเหมือนกัน

”เออ บ้าป่าวแกอ่ะ อยู่ๆดีๆก็อยากเข้าไปเก็บลูกบอลในดงหมาดุ ตั้งกะเกิดมา ยังไม่เคยมีใครกล้าเข้าไปเก็บเลย เห็นก็มี
แต่นายนะแหละ”

“ก็เพราะงี้ไง ลูกบอลถึงได้มีเยอะขนาดเนี้ย อืม ฉันนะอยากจะปีนเข้ามาเก็บทุกครั้งที่เราเล่นกันแล้วมันมาหล่นในดง
หมาดุนั้นน่ะ” จินหยิบลูกบอลขึ้นมาดูแล้วก็พูดไป

“อ้าวแล้วไมไม่มาเก็บหล่ะ” จุนโนะ ถามขึ้นมาบ้าง

“ก็ตอนนั้น ถ้าจะมาเก็บก็คงมีฉันคนเดียวนะสิ ไม่มีพวกนาย งั้นฉันก็เละคนเดียวสิ”

“อ้าว!!” ทุกคนร้องออกมาแทบพร้อมกัน

แล้วจินก็ช่วยกันรวบรวมลูกบอลเอาไว้ให้กับกลุ่มเด็กๆประถมที่มักจะเล่นเบสบอลด้วยกันเสมอ

ถึงคราวนี้จะเสี่ยงโดนหมาฟัด แต่ก็เป็นการทำความดีอย่างนึงเหมือนกันนะ

ต่อจากนั้น ทั้งหมดก็ไปทำเรื่องที่ปกติ ไม่มีวันทำแน่ๆต่อไปอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น วิ่งขึ้นบันไดเลื่อนที่เป็นบันได

สำหรับลง ทำท่าหกสูงกลางถนน ถอดกางเกงตัวนอกออกเหลือแต่บอกเซอร์ เพื่อล้อเลียนพวกยากูซ่า แม้แต่วิ่งหลับตา

ข้ามถนนกัน ทุกอย่างเป็นสิ่งที่จิน อยากทำและทุกคนก็ทำด้วยกัน

เป็นเรื่องที่เหมือนกับว่า ทุกคนจะมีชีวิตเหลืออีกแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น

ทุกคนนอนแผ่หลาที่ ชายหาดของรร

. “อยากทำอะไรอีก หื้อ!! วันนี้ใช้ชีวิตสุดยอดเลย “

คาซึยะ ที่นอนกลิ้งไปมา ตอนนี้เหนื่อย แต่ความตื่นเต้นและสนุกก็ไม่จางหายไปเลย


“อยากแอบไปว่ายน้ำที่สระของรร.หน่ะ” ทุกคนผุดลุก “เฮ้ย!! นี่ไมใช่หน้าร้อนนะ หนาวตายชักดิ"

ยูอิจิโวยก่อนคนแรก “ก็ดีนะ ไม่เคยแอบเข้ามาใช้สระตอนกลางคืนสักกะทีอ่ะ” ทัตซึยะ ชักสนุกไปใหญ่แล้ว

 “ถ้าโดนจับได้ ถูกทำทัณฑ์บนแน่ๆ “ จุนโนะหน้าแหยๆ

 “เอาน่าวันนี้ก็ทำอะไรหลุดโลกมาทั้งวัน แล้วอีกสักเรื่องจะเป็นไรไปเล่า” คาซึยะ เอามือตบไหล่จุนโนะให้กำลังใจ

“แล้ว มีไรอีกป่ะ ที่อยากทำอีกน่ะ” ยูอิจิ ถามอีกครั้ง ลมพัดเส้นผมจินกระจาย รอยยิ้มจางๆที่ใบหน้า

”ก็เยอะ นะ แต่ทำตอนนี้ไม่ได้หรอก อยากไปเที่ยวรอบโลก อยากมีแฟนสวยๆ อยากขับเฟอร์ราลี่ ………..”

“เอ่อ ไม่เกินไปหน่อยไง แต่ละอย่างอ่ะหึ” จุนโนะแซวเล่น “ก็บอกแล้วไง ว่าทำไม่ได้ตอนนี้ “จินหัวเราะออกมานิดๆ

 คาซึยะได้ยินอย่างงั้นก็ลืมความสนุกเมื่อครู่ไป กลับสู่ความเป้นจริง จินที่ไปเที่ยวเล่นกับพวกเค้ามาทั้งวันคนนี้

 ไม่น่านะ ไม่น่าจะตายได้ง่ายๆหรอก ยังดูแข็งแรงกว่าที่คิดไว้ซะอีก

“แต่ที่อยากทำมากที่สุดก็มีอยู่อย่างนึง คิดว่า คงเป็นไปไม่ได้แน่ๆเลย” จู่จินก็พูดขึ้นมา ทุกคนตั้งใจฟัง

“อยากจะฉลองวันเกิด อายุ 19 พร้อมๆกับทุกคนน่ะ” รอยยิ้มของทุกคนชะงักไปตามๆกัน

 ต่างมองหน้ากันไปมาเหมือนพูดไม่ออก

“พูดอะไรอย่างงั้น นายยังอยุ่อีกนานน่า!!” ทัตซึยะพูดออกมา พยายามรักษาน่ฃ้ำเสียงให้สดใส จินยิ้มๆ

“ทำไมฉันจะไม่รู้ตัวเองหล่ะ คนเราก่อนจะตายจะเหมือนมีพลังชีวิตสุดท้ายอีกครั้ง

ฉันก็คิดว่านี่ละมั้งพลังชีวิตครั้งสุดท้ายของฉัน”

“จิน!!” ทุกคนร้องออกมาเสียงหลง

ท่าทางสนุกสนาทั้งวันที่ผ่านมา จะถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง จินยิ้มกลบเกลื่อน

 “เอาน่าๆ จริงๆ หมอเคยบอกว่าฉันจะตายมาตั้งแต่9ขวบแล้ว นี่ฉันได้กำไร ขนาดไหน เกินมาตั้งเกือบ10 ปีแนะ และที่คุ้มที่สุดที่ได้รุ้จักกับพวกนายนะ”

ทุกคนพูดไม่ออก จินลุกขึ้นปัดทรายที่เสื้อผ้า

 “นี่ๆ รีบๆไปเตรียมกางเกงว่ายน้ำกันดีกว่า คืนนี้เรามีนัดกันนะ”

ทุกคนฝืนยิ้มออกมา แล้วลุกตามกัน ไป คาซึยะ เองก็เหมือนกัน ไม่เข้าใจเลยว่าจะผ่านพ้น

 ช่วงเวลาและความทรมานตอนนี้ไปยังไงดี



ตกดึก ทุกคนโยนกระเป๋าข้ามรั้วของสระเข้ามาแล้วก็ปีนเข้ามาเหมือนเด็กๆที่ซุกซน

 ก่อนจะถอดเสื้อออกกันอย่างร่าเริง เสียงน้ำกระเซ็นเพราะแรงกระโดด

“ถ้าปกติ ทำแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ” จินหัวเราะ ออกมา แล้วก็สำลักน้ำ คาซึยะ และคนอื่นๆ ตกใจกันยกใหญ่ จินหันมา มอง

“บ้าน่า ฉันไม่เป็นอะไนหรอกนะ จริงๆ ตอนนี้แข็งแรงดี ไม่ได้หลอกด้วย” ทุกคนพยักหน้า ความสนุกเหมือนลดลงครึ่งนึง

จินรู้สึกได้ เลยคว้าสิ่งที่เตรียมมาด้วยจัดการทุกคน ปืนฉีดน้ำกระบอกใหญ่ แรงดันเล่นเอาคนโดนเจ็บได้เหมือนกัน

“เฮ้ย!!ไปเอามาจากไหนวะเนี้ย” ยูอิจิ จับแขนที่โดนฉีด แล้วถูไปมา “ขี้โกงชมัดเลยจินอ่ะ “ ทัตซึยะตัดพ้อ แล้วทุกคนก็

กลับมาเล่นน้ำสนุกกันตามปกติ แสงไฟฉายสาดเข้ามา

“นี่ พวกเธอเป็นใครกันน่ะ ใครอนุญาตเหอะ!!” ครูเวรออกมาตรวจเจอเข้าจนได้ ทุกคนรีบกระโดดขึ้นจากสระ

 วิ่งแบกของ ตกหล่นบ้างเหมือนเด็กๆ เมื่อหนีจนหลบพ้นแล้วทุกคนก็หัวเราะกันสนุก

คาซึยะหันไปมองหน้าจินที่จมูกแดงเพราะสำลักน้ำ และอากาศที่หนาว จินยิ้มอย่างเป็นสุข

หลังจากสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้วทุกคนลากจินไปที่หาดข้างๆโบสถ์

“อะไรกันเนี้ย ต้องรีบกลับโรงพยาบาลแล้วนะ” จินบ่น

“ตอนนี้รถเมล์หมดแล้ว ต้องรอพรุ่งนี้แล้วหล่ะ” จุนโนะพูดออกมา ยูอิจิมองดูนาฬิกาแล้วเริ่มต้นนับ

“5-4-3-2-1”

สิ้นเสียงไฟประดับต้นไม้ก็สว่างขึ้นสวยงามมากๆจินร้องออกมาด้วยความปนฃระหลาดใจ

 “ ว้าว!!”

แล้วเสียงเพลงสุขสันต์วันเกิดก็ดังขึ้น คาซึยะประคองเค้กวันเกิดที่มีเทียน 19ดอกปักเรียงราย

“เที่ยงคืนแล้ว สุขสันต์วันเกิดนะจิน” คาซึยะพูดออกมา จินหน้างงๆ “แต่ว่า นี่ไม่ใช่วันเกิดฉัน?”


“เอาเถอะ เป่าสิ แล้วอย่าลืมอธิฐานด้วยนะ” ทัตซึยะรีบสั่ง จิน ยิ้มออกมา แล้วก็ทำตามโดยดี ยูอิจิมองนาฬิกาอีกครั้ง

“ เที่ยงคืน 10นาที ถึงวันเกิดฉันแล้วเพื่อนๆ” จินหน้าเหรอ แต่ทุกคนก็พูดว่า “สุขสันต์วันเกิดยูอิจิ!!”

 แล้วเทียนก็ถูกจุดอีกครั้ง ยูอิจิทำการเป่า คนต่อไปก็คือ จุนโนะ ทัตซึยะ และก็คาซึยะ

จินมองการกระทำนี้ก็ หัวเราะออกมา หัวเราะออกมา ทั้งที่น้ำตาเริ่มคลอๆ คาซึยะอธิฐานแล้วเป่า

 จึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองจินแล้วพูดออกมา

“สิ่งที่นายอยากทำเราก็ทำกับนาย นี่เป็นสิ่งที่เราอยากทำ ก็คือ ฉลองวันเกิด อายุ 19 พร้อมๆกับนายไงหล่ะ”

จินผงกหัว แล้วพูดออกมาเบาๆ

” ขอบคุณนะ ขอบคุณมากๆ”

ทุกคนเอาพลุออกมาจุดแล้ววิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ตกลงกันว่าพอรุ่งเช้าจะไปส่งจินที่โรงพยาบาล ทุกคนได้มีเวลาอยู่ด้วย

กันทั้งคืน จนกระทั้ง รอชมแสงแรกของรุ่งเช้าพร้อมๆกัน นี่ก็เป็นสิ่งนึงที่ไม่เคยได้ทำด้วยกันเลย

 แต่จะได้ทำในวันนี้ วันที่จะติดอยู่ในความทรงจำของทุกคนไปโดยตลอด

ทุกคนนอนซบกันอยู่ที่ริมหาด แสงแรกแยงตา จุนโนะตื่นคนแรกเขย่าตัวยูอิจิ จนตื่น ยูอิจิเอามือผลักหัวทัตซึยะ

 แล้วคาซึยะก็พลอยตื่นไปด้วย จินยังหลับคอพับที่ไหล่ของคาซึยะ คาซึยะเอามือแตะเบาๆ จินไม่ไหวติง คนื่นลุกขึ้นชม

ความงามของรุ่งเช้าพลางบิดขี้เกียจกันไปมา แต่เมื่อหันมาทุกคนก็ถึงกับหยุดชะงัก

คาซึยะ น้ำตาเอ่อ ร่างจิน ไม่ขยับไม่ไหวติง…..ทั้งที่หน้าเหมือนกับหลับอยู่เท่านั้น…………

chapter 22 end
to be con.............
 

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #116 เมื่อ25-04-2007 14:00:30 »

chapter23 

เสียงฝีเท้าที่วิ่งอยู่เหมือนสะเทือนเข้าไปในใจที่เจ็บปวด ร่างของจินถูกยกขึ้นรถเข็น หน้ากากออกซิเจนถูกสวมทับไว้

คาซึยะ วิ่งเกาะมาได้จนถึงหน้าประตูห้องฉุกเฉินเท่านั้น

ทุกคนหน้าตาตื่น และชอคไปตามๆกัน ใครจะไปคาดคิด ทั้งๆที่อาการเหมือนปกติแบบนั้น แค่ชั่วข้ามคืนก็กลายเป็น

โคม่า แบบที่ไม่น่าเชื่อ ทุกคนรู้สึกเหมือนทำผิดอย่างร้ายแรงที่ไม่ได้ดูแลจินอย่างดี

ทั้งๆที่รู้ว่าจินไม่ได้ปกติขนาดที่จะไปทำอะไรแบบนั้นได้ก็ยังลาก จินไปทำทุกอย่างอยู่นั้นหล่ะ

คาซึยะหลับตาปี๋ภาพใบหน้าจินทุกฉากฉายซ้ำไปมา แม้แต่เสียงที่ได้ยินก็มีแต่เสียงของจิน รู้สึกเครียดหนัก

จนปวดท้องขึ้นมากระทันหัน และรู้สึกว่า ตัวเองจะทนไม่ได้อีกแล้ว ร่างผอมบางก็ล้มลง

 เสียงเพื่อนๆยังดังก้อง นั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่ได้ยิน ก่อนจะหมดสติ

ปีกขาวสะอาดกางออกอย่างสวยงาม คาซึยะลืมตาเบิกโพลง ขนนกปลิวว่อนไปมา คาซึยะสัมผัสมันเพียงเบาๆ อบอุ่นและ

อ่อนนุ่ม พยายามมองดูปีกนั้นให้ชัดๆ เจ้าของปีกยืนหันหลัง อยู่

 “นายเป็นใคร…….” คาซึยะ ถามออกไป ร่างนั้น ค่อยๆหันหน้ามา

“จิน!!”

แล้วคาซึยะก็ลุกพรวดขึ้นมา จุนโนะที่ยืนอยู่ถึงกับสะดุ้งไปด้วย “ที่นี่ที่ไหน!!”

“โรงพยาบาลไง” “ฉันหลับไปนาน แค่ไหน “ “ประมาณวันนึง” “แล้วจินหล่ะ…..” จุนโนะ หลบสายตาทันที

 “แล้วจินหล่ะ!!! “

“ตอนนี้ อาการไม่ดี อยุ่ที่ห้องICU”

คาซึยะพุ่งลงจากเตียง วิ่งเท้าเปล่า ตรงไปยังห้องICU จุนโนะเองก็จับตัวไว้ไม่ทัน วิ่งตามไป ยูอิจิกับทัตซึยะ


 ยืนหน้าเครียดอยู่ หน้าห้อง

คาซึยะเอาหน้าเข้าชิดกระจกที่กั้นไว้ เห็นร่างจินไม่ได้สติ นอนอยู่ภายใต้เครื่องช่วยหายใจและสายระโยงระยางนับสิบ


หมอเดินออกมาหน้าตาไม่ค่อยดีนัก ทุกคนหันไปหาพร้อมกัน คล้ายๆจะถามไถ่ หมอส่ายหัวไปมา ก่อนเดินจากไป

คาซึยะ ไม่เชื่อ ไม่จริง ต้องไม่ใช่วันนี้ และไม่ใช่ตอนนี้

“ไม่จริง!!” เสียงคาซึยะกรีดร้อง จุนโนะ คว้า ตัวคาซึยะเอาไว้กอดไว้แน่น ยูอิจิกับทัตซึยะร้องไห้ออกมาปนกับเสียงเครื่อง

ช่วยหายใจและสัญญาณการเต้นหัวใจที่แผ่วเบา


ซึบาสะเงยหน้าดูมอนิเตอร์ที่กำลังมีงานแถลงข่าวเกี่ยวกับยอดขายที่พุ่งทะลุหลักล้าน ในระยะเวลาไม่เกินอาทิตย์ เนื้อหา

ของข่าวเป็นการตอบรับกระแสที่ต่างถามหาตัวศิลปิน จนไม่สามารถปกปิดกันอีกต่อไปเพราะพลังของกระแสชลนั้นเอง

จึงมีการเปิดเผยรูปถ่ายของศิลปินเท่านั้น คนนับหมื่นมุงดูกันจนซึบาสะต้องเพ่งมอง เพราะอยู่ไกลมาก

 “นี่มัน เจ้าพวกนั้นนี่นา………….”

ภายในห้องแถลงข่าว มาโกโตะรับหน้าที่ในการประกาศ ในฐานะเป็นหนึ่งในโคโปรดิวเซอร์ของงาน

ที่เพิ่งเข้ามาช่วยในระยะหลังนี้เอง

“ตอนนี้ เหตุผลที่พวกเค้าไม่สามารถมาปรากฏตัวได้เพราะ หนึ่งในสมาชิกกำลังป่วยหนัก และในความที่เป็นเพื่อนกันนั้น
การจะออกมาสู่สาธารณะชน มาประกาศการเดบิว ทั้งๆที่เพื่อนไม่สบาย ผมคิดว่า คงไม่มีใครทนทำได้ ดังนั้น เราจึงสามารถทำการเปิดเผยได้แค่ชื่อ และรุปของพวกเค้า เท่านั้น ขอให้แฟนๆและสื่อมวลชนทุกท่าน กรุณาเข้าใจเหตุผลในจุดนี้ด้วย และขอให้ทุกคนช่วยภาวนา ให้สมาชิกในวงนั้น หายโดยเร็วด้วยนะครับ ขอบคุณครับ”

คนทั่วทั้งประเทศได้ฟังการแถลงข่าวนี้แล้ว กระแสรุนแรงมากๆ ทุกคลื่นวิทยุต่างพูดถึงเรื่องนี้ แม้ว่า จะไม่มีการเปิดเผย

ว่า คนที่ป่วยเป็นใครในกลุ่ม แต่ทุกคนต่างส่งข้อความ และ กำลังใจมาให้อย่างเต็มที่ทั้งๆที่ไม่รู้จักกันจริงๆ แต่บทเพลงก็


ทำให้ทุกคนยอมรับและรู้วสึกเหมือนกับว่าเค้าเป็นเพื่อนจริงๆ

เสียงวิทยุดังเข้ามาในห้องICU เป็นแฟนเพลงคนนึงที่โทรเข้ามาในรายการ

“สวัสดีคะ ครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงของ WITH NO NAME ก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของความเป็นเพื่อนเลยคะ อยากจะบอก
ว่า อยากเจอพวกคุณมากๆเลย อยากที่จะเห็นพวกคุณเต้นด้วยกัน จากที่ทราบมาว่า สมาชิกคนนึงกำลังป่วยอยู่ ขอให้หายเร็วๆนะคะ เชื่อว่า อานุภาพของความเป็นเพื่อนของพวกคุณจะต้องช่วยให้เค้าหายได้แน่ๆคะ แล้วอยากจะบอกว่า พวกคุณถ่ายทอดความรักของความเป็นเพื่อนได้ยิ่งใหญ่และอบอุ่นมากๆคะ ขอบคุณคะ”

ไม่รู้ว่าเพราะสิ่งนี้รึเปล่า จู่ๆ มือของจินก็กระตุก คาซึยะที่ยื่นร้องไห้อยู่ถึงกับตะโกนเสียงดัง “คุณหมอ จินรู้สึกตัวแล้ว !!!”

คาซึยะขอบตาแดงก่ำและบอบช้ำคนอื่นๆก็ไม่ต่างกัน ต่างยืนล้อมเตียงของจินไว้ จิน ไม่สามารถที่จะลุกได้อีกแล้ว ได้แต่

ยิ้มจางๆ หายใจระรวย แต่เค้าก็ยังปกติ มีสติครบถ้วน

“พวกนายร้องไห้กันทำไม ฉันยังไม่ตายสักหน่อย”

“ก็อย่า ทำเป็นเหมือนตายแบบนี้อีกสิ!!!” ยูอิจิ พูดออกมาน้ำเสียงสั่น

จินหัวเราะในลำค

 “ ใครจะอยากทำ นายนี่บ้าจริงๆเลย รู้สึกหิวจัง”

“หิว เหรอ อยากกินอะไรหล่ะ หื้อ!!!” คาซึยะที่อยู่ใกล้ที่สุด รีบถาม

“อยากกิน ข้าวไข่ทอด ฝีมือนาย แล้วก็แอปเปิ้ลด้วย” จินยิ้ม

“โธ่เอ้ย……” คาซึยะร้องออกมา

“จินอดทนอีกนิดเถอะ นายต้องผ่านช่วงนี้ไปได้นะ” ทัตซึยะร้องออกมา

จินยิ้มแล้วชูสองนิ้วออกมา “สู้อยู่แล้ว……” แต่สภาพที่อ่อนแรงขนาดนี้ จุนโนะ ถึงกับเดิน ไปอีกทางแล้วเบือนหน้าหนี

“ฉันสู้มาตลอดอยู่แล้ว พวกนายก็อย่าลืมสู้ด้วยนะ ยูอิจิ จุนโนะ ทัตซึยะนายต้องทำความฝันของพวกนายให้เป็นจริงนะ สู้ๆ”

คาซึยะน้ำตาคลอแล้วก็หยดลงที่แขนจิน จินหันมามอง

“นายก็เหมือนกันนะ คาซึยะ สู้นะ…”

คาซึยะ หน้าเบ้ ส่ายหัวไปมา

 “ไม่….ไม่สู้แล้ว เกินพอแล้ว ….ฉันทนไม่ได้ถ้านายมาตายไป ให้ฉันตายไปกับนายด้วยได้มั้ย”

ทุกคนหันควับมาที่คาซึยะพร้อมกัน จินยังยิ้มอ่อนโยน เอามือลูบแก้มที่เปื้อนน้ำตาเบาๆ

“ไม่ได้ นายจะตายไม่ได้นะ เรื่องที่ฉันอยากทำน่ะ วันๆเดียวทำได้ไม่หมดนายก็รู้ ฉันอยากจะมีครอบครัว มีลูกชาย อยากทำอะไรอีกตั้งหลายอย่าง อยากแก่ไปพร้อมๆกับพวกนาย แต่ฉันทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น นายก็จะตายไม่ได้ ฉันเคยผายปอดช่วยนาย ครั้งนึงจำได้มั้ย ตอนนั้นฉันแบ่งชีวิตให้นายไปแล้ว เพราะฉนั้น นาย ต้องใช้ชีวิตส่วนของฉันให้คุ้มค่านะ “

คาซึยะไม่ตอบแต่ซบหน้าลงที่ไหล่ของจินแล้วร้องไห้

“อืมอีกอย่าง ถ้าฉันจะขอพวกนายเป็นครั้งสุดท้าย พวกนายจะทำให้ฉันได้ไหม”


เสียงโทรศัพท์มาโกโตะดังขึ้น ปลายสายเป็นจุนโนะ มาโกโตะรีบรับสาย

“ได้ดูแถลงข่าวรึยัง ตอนนี้จินเป็นไงบ้าง”

จุนโนะตอบกลับด้วยเสียงเครือๆ มาโกโตะใจหาย ความคิดแล่นไปถึงไหนต่อไหน

“พวกผม ตัดสินใจ จะเปิดตัวแล้ว….แต่ว่า แค่ครั้งนี้ ครั้งเดียว เท่านั้นนะครับ …….แล้วก็เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ด้วย”


ข่าวการเปิดตัวถูกแจ้งออกไปเพียงชั่วข้ามคืน บริษัททุ่มทุนซื้อช่วงเวลาที่ดีที่สุดเป็นรายการพิเศษเฉพาะกิจเลยทีเดียว

แฟนเพลงที่รู้ข่าว ต่างมารอถึงหน้าสถานีที่อัด มากจนแทบไม่น่าเชื่อ

ภายในห้องคนไข้หนัก เป็นครั้งแรกที่มีการนำทีวีเข้ามา นางพยาบาลที่ใจดีเลื่อนเข้า ที่หันมายิ้มเศร้าๆให้จิน

ก่อนเอ่ยถาม

 “ตรงนี้ ดีรึยังจ๊ะ อาคานิชิคุง”

“ดีแล้วครับ ขอบคุณมากนะครับ”



คาซึยะ จุนโนะ ยูอิจิ ทัตซึยะ ทุกคนมีใบหน้าที่เศร้า ไม่ต่างกัน บรรยากาศภายในรถตู้ไม่จรรโลงใจนัก

มาโกโตะจ้องมองดูน้องชายและเพื่อนๆก็ถอนหายใจ

คาซึยะไม่เคยคิดที่จะทิ้งจิน เพื่อมาเปิดตัวบ้าบออะไรนี่เลย แต่ว่า ก็เพราะจินนั้นแหละเค้าถึงมา



“ตอนนี้ เพลงของพวกเรา กำลังเป็นสิ่งที่ช่วยให้กำลังใจใครได้หลายต่อหลายคน หลายๆคนสัมผัสถึงมันได้ ถ้าฉันมีโอกาส
ก็อยากจะได้ร้องให้พวกเค้าฟังอีกสักครั้ง แต่ฉัน คงทำไม่ได้ ถ้าจะขอร้องให้พวกนายช่วยทำให้ฉันทีจะได้มั้ย”

คาซึยะนึกถึงคำพูดจินก็รู้สึกขอบตาเริ่มร้อนผ่าว ขึ้นมาอีก

“สู้ๆนะ ไปให้กำลังใจกับทุกคนแทนฉันที แล้วฉันจะรอดูพวกนายที่ทีวีนะ”

จินชูนิ้วสองนิ้วเหมือนเคย ถึงยังงี้แล้ว จินก็ไม่ยอมที่จะเป็นผู้รับตามเคย จริงๆทุกคนต้องการส่งกำลังใจให้เค้า แต่เค้า

กลับต้องการส่งกำลังใจกลับให้ทุกคนคืน จินไม่ว่าจะยังไง ก็เป็นผู้ให้เสมอ …………

รถจอดแล้ว คาซึยะหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมไว้ ก่อนก้าวลงจากรถ ไป แสงแฟลชแวบวาบ จนแทบลืมตาไม่ขึ้น เสียงคน

กรีดร้อง จนอื้ออึง นี่คือเวที่ที่ใหญ่ที่สุด ที่เพลงของพวกเค้าจะมีโอกาส ช่วยเหลือใครบางคน

ให้ความสุขกับใครบางคน สมกับความฝันของใครบางคน………

ในห้องอัด ไม่มีคนดู นี่เป็นรายการถ่ายทอดเท่านั้น

มอนิเตอร์หน้าตึกห้องอัดก็จะทำการถ่ายทอดให้คนที่มาเฝ้ารอดูอยู่ภายนอก



แสงไฟสาดส่อง เสียงเจ้าหน้าที่เตรียมนับสแตนบาย คาซึยะหายใจเข้าลึกๆ มองตรงไปยังเลนส์ของกล้อง

 “จินนาย ดูเราอยู่นะ อย่าเพิ่งไปไหนนะ รอเรากลับไปก่อนนะ โคคิคุ้มครองจินและพวกเราด้วย”


เสียงดนตรีดังขึ้น คาซึยะยิ้มออกมาไม่ใช่ยิ้มที่เสแสร้ง แต่เป็นยิ้มที่ออกมาจากใจจริงๆ ยิ้ม เพื่อให้จินดู

ยิ้มเพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคน……..

“ ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าจะดูสดใสขนาดนี้น่ะ “พยาบาลใจดีกล่าวกับจิน ในขณะที่กำลังแพร่ภาพ

“ครับ….พลังของเจ้าพวกนี้ ไม่ธรรมดาเลย ถึงได้ยื้อชีวิตผมได้นานขนาดนี้”



การแสดงที่ยอดเยี่ยมผ่านไป จนมาถึงเพลงสุดท้าย ซึ่งเป็นเพลงช้าของพวกเค้า คาซึยะ กำไมค์เอาไว้

“ก่อนที่จะฟังเพลงสุดท้าย ผมขอพูดอะไรสักอย่างนะครับ”


เจ้าหน้าที่มองหน้ากันงงๆ ไม่มีในคิว แต่ผู้กำกับเวทีก็ยกมือให้ถ่ายต่อไป เพราะว่าเป็นรายการสด


“เพลงนี้ เป็นเพลงที่ตอนแรกตั้งใจแต่งให้กับสมาชิกคนที่เสียชีวิตไปแล้วคนนึง ตอนนั้นเราเชื่อว่าเป็นการสูญเสียที่ใหญ่
มากๆ และคิดว่านั้นน่าจะเป็นครังสุดท้าย แต่ดูเหมือนว่า โชคไม่เข้าข้างเราซะเลย เรากำลังจะสัมผัสการสูญเสียอีกครั้ง แต่ว่า ไม่เป็นไรครับ ตลอดเวลาที่เค้ามีชีวิต ผมเชื่อว่า เค้าทำความดีมาอย่างเต็มที่แล้ว ใช้ชีวิตได้เข้มแข็ง และมีคุณค่าที่สุดแล้ว ถ้าเค้าต้องจากเราไปจริงๆ เค้าต้องได้ขึ้นสวรรค์ แน่นอน ผมอยากให้เค้าสบายใจได้เลยนะครับ ว่าผมจะตาม
เค้าไปแน่ๆ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอกครับ ยังอีกนาน เพราะผมต้องใช้ชีวิตส่วนที่เหลือ แทนเค้าให้หมดซะก่อน แล้วผมจะตามเค้าไปแน่ๆครับ เท่านี้ละครับ ฟังเพลงต่อไปเลยดีกว่า”

จุนโนะ ทัตซึยะ ยูอิจิ หันมามองคาซึยะ ที่มีเหงื่อและน้ำตาไหลปนกันจนแยกไม่ออก แล้วทั้งหมดก็ร้องเพลงด้วยกันอีก

ครั้ง ดนตรีที่แทรกซึมเข้าสู่จิตใจทุกๆคน

จินค่อยๆหลับตาลงช้าๆ เหมือนกับว่าจะหลับไป รอยยิ้มยังไม่จางจากใบหน้า แต่ภายในห้องคนไข้ในวันนั้น นอกจากเสียง

เพลงนั้นแล้วก็ไม่มีเสียงอะไรอีกเลย แม้แต่เสียงลมหายใจของ จิน…………………………
 

 
:เศร้า2:จบแล้วน๊า :เศร้า2:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #117 เมื่อ25-04-2007 14:20:09 »

อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาก็ไหลมาเอง  :เศร้า2:


taebin7

  • บุคคลทั่วไป
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #118 เมื่อ25-04-2007 14:37:02 »



เคยเป็น หนึ่งคนที่ไม่แคร์อะไรเท่าไร
 ใครคนไหนเข้ามาก้อไม่คิดมีใจ
 ยังไม่เคยคิดผูกผัน  จนมาเจอะเธอ
 ตั้งแต่เราเข้ามากันใกล้
หมดใจฉันทั้งใจ ก้อไม่เหมือนเมื่อวาน
 มีแต่เธอคนเดียว
 แต่ความสุขเราไม่ยืนไม่ยาว เท่าไร
 คนบนฟ้าคงไม่เป็นใจ
  ให้มาเจอและให้ต้องลา นี่มันคงเป็นคำสาปฟ้าใช่มั้ย
 เจอคนที่ดี เมื่อไร ต้องเอา เอาไปจากฉัน
ให้เวลาไม่นานเท่าไร
 ที่ได้รักแค่สายลมผ่าน  แต่ที่แสนนาน
คือความช้ำที่ไม่อาจจะลืม
 มันคงจะดีถ้าหากเราไม่เคยพบเจอ
 ต่างไม่รู้ว่าใคร ไม่มีฉันและเธอ
คงไม่เจอเรื่องปวดใจ แต่คนบนฟ้า
ก็มาทำให้เจ็บหัวใจ
 จะให้รักทั้งที กลับต้องมีเสียใจ
ทำไมชั่งทำกัน
ให้ความสุขเราไม่ยืนไม่ยาว เท่าไร
 คนบนนั้นคงไม่เป็นใจ  
ให้มาเจอและให้ต้องลา
นี่มันคงเป็นคำสาปฟ้าใช่มั้ย  เจอคนที่ดี
เมื่อไร ต้องเอา เอาไปจากฉัน
ให้เวลาไม่นานเท่าไร ที่ได้รักแค่สายลมผ่าน
แต่ที่แสนนาน
 คือความช้ำที่ไม่อาจจะลืม


จบแล้วน๊า ขอบคุณมากนะงับสำหรับคอมเม้น ที่เข้ามาแบ่งปันความสนุก+เศร้าจากฟิคเรื่องนี้ คนแต่งเก่งมากๆเลย นะ เรียกน้ำตาได้ตลอดเลยอ่ะ "อยากเจอเพื่อนแบบนี้จังเลย ทุกวันนี้เจอแต่พวกเห็นแก่ตัว  เซ็งจิต อย่างแรง  :เฮ้อ: นึกถึงแล้วของมันจะขึ้นซะงั้นอ่ะ  :laugh3: " ไปแล้วนะงับ ไบ๋บาย :yeb:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-04-2007 00:30:30 โดย Se7olution »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: ##WITH NO NAME##
«ตอบ #119 เมื่อ25-04-2007 14:54:46 »

ขอบคุณคนแต่งและคนโพสนะ  :yeb:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด