แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แ ค่ เ อื้ อ ม . . .  (อ่าน 53227 ครั้ง)

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
« เมื่อ01-05-2009 17:33:15 »



แค่เอื้อม

นิยายเรื่องนี้ . . . ขอขอบคุณ  "ต้นสาย"

ที่อนุญาตให้นำเรื่องเดิมมา . . .

ปรับ  ปรุง  ต่อเติมใหม่  ตามที่ใจ  จขกท.  ปรารถนา

ที่เลือกเรื่องนี้ . . .

. . .ชอบกับสถานการณ์บางเรื่อง  และคาดว่าหลายคนที่ไม่เคยอ่านจะได้อ่าน

**คำเตือน**  

เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อสร้างความบันเทิง . . .

ไม่เกี่ยวข้องกับ  บุคล  แต่อาจเกี่ยวพันกับสถานที่  

หรือเหตุการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นในบรรณภิภพนี้

ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างมากถึงมากที่สุด

 



สรุปข้อสำคัญดังนี้

ประกาศ

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด


2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้

4.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

5.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

6.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ยกเว้นแนะนำนิยายหรือเรื่องราวที่อยากให้เพื่อนๆตามไปอ่านแล้วขอมาลงไม่สะดวก และช่วยกรุณาโพสลิงค์ที่บอร์ดนั้นกลับมาที่เวป http://www.thaiboyslove.com แห่งนี้ด้วยนะครับ

7.ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง

8.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด

9.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

10.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ




ตอนที่ ๑
   
   “ความฝันไม่เคยทำร้ายใคร  แล้วทำไมเราต้องทำลายความฝันด้วยล่ะ”  

เคยมีคนเปรียบเปรยเอาไว้เช่นนั้น  บอยกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น  เขารับรู้ได้ว่าฝ่ามือของเขาเย็นเฉียบ  แต่เหงื่อมันกลับซึมออกมามากมาย  อีกมือของเขามีกระดาษแผ่นเล็ก ๆ  ที่เขาเพิ่งได้รับตัวเลข ๙ หลักจากคนที่อยู่ไกลกันเกือบครึ่งฟ้า


   “เอาไงดีว่ะ  พี่ต้นนะพี่ต้น  ผมกำลังจะลืมอยู่แล้วเชียว  ดันมาบอกอีกว่าวันนี้เจอนัท”  ชายวัยเลยเบญจเพศเดินกระสับกระส่ายไปมาราวหนูติดจั่น

   เขามองลอดหน้าต่างอพาร์ตเม้นท์ออกไป . . .

. . . หิมะกำลังโปรยปราย  ทั่วทั้งบริเวณตึกขาวโพลนไปหมด  ต้นไม้เหลือแค่กิ่งก้านที่โดนเกล็ดหิมะจับ  ที่มองออกไปสุดลูกหูลูกตา  ไม่แตกต่างอะไรจากกองขี้เถ้าสีเทา  ที่โดนโถมทับด้วยหิมะที่ตกติดต่อกันมาหลายวัน

     ข้างนอกนั้นมันหนาวเหน็บ . . .  

. . . ไม่แตกต่างไปจากหัวใจของเขา  ที่มันทั้งหนาวทั้งแห้งแล้ง เพราะไร้น้ำมาหยดรดรินหัวใจมานานแล้ว  หัวใจที่แห้งผากเพราะความรักที่ตัวเองสร้างมันขึ้นมา

     แต่ . . .

. . . บอยอาจจะโชคดีอยู๋บ้างที่ด้านในมีฮีตเตอร์  ร่างกายเขาเลยอบอุ่นหากทว่าหัวใจของเขาล่ะ  มันหนาวกว่าหิมะที่โหมกระหน่ำอยู่ด้านนอกกระมัง
หนาวกายห่มผ้า . . .

. . .หนาวใจจักทำเยี่ยงไรดี

   . . .  really love you Nat.   From boy . . . .

   บอยมันยังจำแม่นข้อความสั้นที่มันส่งผ่านโทรศัพท์เมื่อหลายปีก่อน  

ตอนที่บอยรู้ตัวว่าต้องมาทำงานไกลถึงจังหวัดทางภาคใต้  มันห่างไกลจากจังหวัดที่เขาเรียนจบมาเกือบ ๑,๕๐๐  กิโลเมตร  จากโอบล้อมของขุนเขา และสายลมหนาว  เมืองที่หยุดหัวใจรักของเขาเอาไว้  

บอยเรียนมา ๖ ปีเต็ม  เป็นหกปีที่เจ้าตัวเองก็ไม่อยากจากมันเลย  แต่ตอนนี้  มันจำใจจาก  เมืองที่คุ้นเคยมาสู่จังหวัดร้อยเกาะ  หัวใจมันต้องโบยบินไกลเหลือเกิน  จากฟากหนึ่งของฟ้า  ลัดมาสู่อีกฝั่งของท้องนภา  และมันรับรู้หลังจากมันตัดสินใจส่ง SMS  ไปครั้งนั้น  

. . . นัทมันเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่

   ข่าวสุดท้ายที่บอยรับรู้  นัททำงานที่นิคมอุตสาหกรรมที่จังหวัดเล็ก ๆ  ติดกับจังหวัดใหญ่ทางภาคเหนือ  และครั้งสุดท้ายที่บอยเจอนัท  บนห้างสรรพสินค้าในงานแสดงรถยนต์ของที่นั่น

   “มาคนเดียวเหรอ”  

คำถามนี้บอยจำแม่น  บอยจำทุก ๆ  อิริยาบถของนัทได้ดีเสมอ  นับตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน  จนถึงวันสุดท้ายที่บอยต้องลาจาก  มันเก็บความรู้สึกส่วนลึกของหัวใจตัวเองไว้มิดชิด  ความรักของมันงดงามเสมอ  มันไม่ยอมเอาความรักของมันไปแปดเปื้อนตัวนัทเด็ดขาด  มันสัญญากับตัวเอง

   มันยินดีที่จะเก็บหัวใจรักของมันเอาไว้แบบนี้แหละ

   รักที่ไม่ต้องการการครอบครอง . . .  

. . . รักเพราะหัวใจสั่งให้รัก  

ไม่ใช่รักเพื่อเอาเขามาไว้ในกรงขังของหัวใจ  . . .

บอยมันยิ้ม  มันสุขกับรอยยิ้มที่ฉาบบนใบหน้านัท  เหมือนรอยยิ้มที่มันเห็นครั้งแรก  จากชายแปลกหน้า  ที่วันนี้กลายมาเป็นชายแรกที่มันรักอย่างเต็มหัวใจ  หัวใจที่ไม่เคยเปิดรับใครอีกเลยมาเกือบสิบปีเต็ม ๆ

   หัวใจของมันเหมือนอยู่ในโลกที่มืดสนิท  ลึกจนแทบไม่มีใครหยั่งไปถึง  

แต่วันนี้ . . . พี่ต้น  

กลับมากระตุกความรู้สึก  ที่มันเองก็แทบจะลืมไปแล้วว่าความรู้สึกนั้นเป็นเช่นไร  แต่บอยมันยิ้ม  มันยินดีที่จะเดินกลับไปในห้วงเวลานั้นอีกครั้ง  แม้มันจะรู้ว่า  มันทำได้แค่  แอบมองนัทเงียบ ๆ  เท่านั้น

   แค่นั้นเอง . . .

. . . ที่มันต้องการ  เก็บความรักที่มีเอาไว้กับตัวเอง

   “โทรเลย  รอไรอยู่อีก”   เสียงภายในตัวออกคำสั่ง

   “อย่าเชียวนะแก  เดี๋ยวนัทมันเปลี่ยนเบอร์หนีอีก”  

อีกเสียงคอยเตือน   บอยมันละล้าละลัง   จะทำอย่างไรดี  ในเมื่อตอนี้สมองของมันสับสน  และพะว้าพะวง  มันกำลังต่อสู้กับความรู้สึกที่มีในหัวใจตัวเอง  

 “โทรสิ  โทรไปขอโทษนัทมันที่คิดไปแบบนั้น  เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้ว  อีกอย่างตอนนั้นมันเหมือนการคิดยึดใครเอาไว้มากกว่าใช่คิดจะมีไรแบบนั้นกับเขาสักหน่อย”

   “โธ้โว้ย!  พี่ต้นนะพี่ต้น  ผมกำลังทำใจได้อยู่แล้วเชียว”  มันตะโกนออกมาดัง ๆ  พอที่จะดับอารมณ์อันเดือดพล่านภายในได้บ้าง

   บอยหงายโทรศัพท์ในมือ . . .

นับหนึ่งถึงสิบในใจก็แล้ว  นอนกลิ้งไปกลิ้งมาก็แล้ว  มันยังไม่สามารถเลือกสิ่งที่จะทำได้  มันนอนนิ่ง ๆ  มองเพดานห้อง

“เอาว่ะ  จะเสียอะไรมากกว่านี้อีก”

มันตัดสินใจแล้ว  จะเดินตามรอยหัวใจตัวเองอีกครั้ง   แล้วกดตามเบอร์ที่เพิ่งได้มา  เขารอสายแล้วกดมันทิ้ง  เขาทำไม่ได้  เขากลัวไปหมด  กลัวเสียงตอบรับจากปลายสาย  กลัวว่าปลายสายจะตัดสายทิ้งถ้ารู้ว่าเขาโทรไป  ถ้าเป็นแบบนั้นบอยมันคงเศร้าไปอีกหลายวัน  มันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเดินไปหยุดที่หน้าต่างริมกระจก

บอยไม่กล้า . . .

. . . ไม่กล้าเดินไปหาหัวใจตัวเอง

   หิมะยังคงตกมาโปรยปราย . . .

. . . เหมือนหัวใจของบอยตอนนี้กระมัง  

บอยมันเหมือนกับอะไรสักอย่าง  อาจเหมือนกับแก้วน้ำที่เต็มไปด้วยตะกอน  ตะกอนที่ตกอยู่ก้นแก้วจนน้ำในแก้วนั้นใส  แล้วจู่ ๆ  ก็มีคนมากวนตะกอนนั้นให้มันขุ่นมัวขึ้นอีกครั้งแทนที่จะตักตะกอนในหัวใจของเขาทิ้งไป  

บอยกดโทรศัพท์อีกเป็นครั้งที่สอง . . .  

แต่ . . .

เขาก็ต้องกดสายทิ้งอีกก่อนที่ปลายสายจะได้ยินเสียงตอบรับ  มันยากเหลือเกินกับการที่เราจะทำในสิ่งที่หัวใจปรารถนา

   “แม่งเอ้ย . . .”   มันถอนหายใจเฮือกใหญ่  

“. . .ไอ้พี่ต้นกล้าจังเลยว่ะ  เขาโทรไปคุยกับนัททั้ง ๆ  ที่ไม่รู้จัก  เอาดิ  กลัวไรว่ะมึงโทรเลย”  

ไม่รู้ว่าเป็นตัวร้ายหรือตัวดีในร่างกายบอยบอกให้บอยโทรอีก  มันกดโทรศัพท์อีกเป็นครั้งที่สาม  แล้วมันก็ต้องทำแบบสองครั้งแรก

   “โอ้ยอยากบ้า”

   บอยเขวี้ยงโทรศัพท์ลงบนเตียงนอน  ก่อนกระโดดตัวทิ้งตัวลงนอนบนที่นอน  เขาลืมตาโพลงมองฝ้าเพดานอีก  สีมันเหมือนเดิม  ไม่ได้แตกต่างไปจากที่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ   มือควานหาโทรศัพท์ที่ทิ้งลงมาก่อนหน้านี้  

บอยตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย . . .

“เอาว่ะ  เป็นไงเป็นกัน  อย่างน้อยมันคงไม่เจ็บเท่าที่ผ่านมามั้ง”

เจ้าตัวสูดลมหายใจเต็มปอด  รวบรวมความกล้าครั้งสุดท้าย    เพราะตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับนัทแล้วนี่หว่า  หรือ  ยังรู้สึก  แต่มันฝังอยู่ลึกเกินกว่าที่จะเห็น  มันไม่รู้เหมือนกัน  รู้เพียงแค่ว่า  อยากขอโทษที่เผลอคิดอะไรไปกับเพื่อนเก่า  

   เอ! ใช้คำว่าเพื่อนเก่าได้หรือปล่าวหว่า

     เพราะมันนานมาก  มากจนบอยไม่นึกว่าจะเจอกับนัทอีกแล้วในชาตินี้   บอยมันเหมือนคนที่ยืนในที่มืด  เฝ้ามองดูนัทอยู่ห่าง ๆ  เท่านั้นเอง  สิ่งที่มันต้องการคือแค่ได้เห็นคนที่มันรัก ยิ้ม  หัวเราะสนุกสนานในหมู่เพื่อนสนิทของเขาเท่านั้นเอง

   ส่วนมันเพื่อนร่วมงานที่บังเอิญสนิทกันในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง  นัทมันรายล้อมด้วยเพื่อนฝูงมากมาย  จะมีที่ว่างในหัวใจของนัทที่มองมาที่บอยหรอกหรือ  บอยมันคิดไปต่าง ๆ  นานา  เท่าที่สมองมันจะคิดได้ในตอนนั้น

   “ตื้ด . . .  ตื้ด”  

   เสียงปลายสายว่าง . . .  

. . . แต่หัวใจของบอยมันว้าวุ่น  

แต่ละเสียงเรียกที่ผ่านไปมันช่างนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์  เขารอปลายเสียงตอบรับด้วยความทรมานหัวใจเป็นที่สุด  แล้วหัวใจของบอยก็เต้นแรงขึ้นเมื่อเขาได้ยินเสียงจากคนไกลจากเมืองไทย

   “สวัสดีครับ”

   “ขอสายนัทครับ”  มันพยายามกลั้นหัวใจตัวเองให้พูดแบบที่ปกติที่สุด

   “ครับผม  นัทพูดอยู่ครับ  ใครนะ”  เสียงปลายสายมันจำได้ดี  เสียงที่ไม่เคยห่างหายไปจากหัวใจของมัมนเลย  มันแอบยิ้มกับเสียงที่ได้ยิน  แม้น้ำเสียงจะดูเป็นผู้ใหญ่กว่าตอนที่มันรู้จักกัน  หรืออาจเป็นเพราะว่า มันไม่กล้าที่จะคุยกับนัทตั้งนานมาแล้วก็เป็นได้  

มันนึก . . .  

. . .  มันนานแค่ไหนแล้วนะที่มันได้ยินเสียงนัท  ช่างเหอะ  บอยสลัดความคิดทั้งหมดทิ้ง  รวบรวมความกล้าพูดกับปลายสายต่อไป

   “ณัฐพงศ์หรือปล่าวครับ”

   “ครับผม  ณัฐพงศ์เองครับ”

   โอย!  

บอยมันเข่าอ่อน . . .

ร่างกายมันเหมือนคนหมดแรงเอาดื้อ ๆ  พี่ต้นนะพี่ต้น  ทำไรลงไปนี่  เมื่อวานตอนมันแชทกับพี่ต้น  พี่ต้นบอกรู้แล้วเบอร์นัท  กำลังโทรคุยกันอยู่มันยังคิดว่าพี่ต้นอำมันเล่นเสียอีก  แต่วันนี้ . . .  

. . . มันกลับได้คุยกับคนที่มันรู้สึกว่าสร้างความผิดเอาไว้  มันรู้สึกหมดกำลังวังชาที่จะยืนอยู่บนโลกนี้เสียด้วยซ้ำ  กระนั้นแหละ

   แล้วถ้ามันรู้อีกว่า  พี่ต้นของมันรู้จักกับนัทก่อนหน้านี้  มันจะทำหน้าแบบไหนกันนี่  ก็พี่ต้นเล่นปิดเงียบ  จนมันแทบไม่รู้สึกอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ  เพราะคนนึงไม่ถาม  อีกคนเลยไม่จำเป็นต้องบอก

   โลกก็เช่นนี้แหละ . . .

. . . โลกมันกลม

   สิ่งที่เราไม่คาดคิดมักจะเกิดขึ้นกับเราอย่างไม่รู้ตัวเสมอแหละ  มันคือความเที่ยงแท้ของโลก  ที่มนุษย์ทุกผู้ทุกนามยากที่จะปฏิเสธมันไปได้  เพราะเรายังต้องยืนอยู่บนโลก บูด ๆ เบี้ยว ๆ  ใบนี้  โลกที่นักวิทยาศาสตร์บอกว่ากลมไงล่ะ

   “โทรมาอย่าเงียบดิครับ”   เสียงจากปลายสายกระตุ้นให้บอยมันตื่นจากความคิด

   “ครับ ๆ  เราบอยนะครับ  บอยวิดยา๔๐   จำได้มั้ย”  

บอยละล่ำละลัก  คล้ายอะไรจุกอยู่ที่ปาก  ก็มันไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาพูด  แค่นี้มันก็อายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีแล้วล่ะ  หัวใจมันแทบจะกระดอนออกมาจากหน้าอกอยู่แล้ว  สิ่งที่มันไม่เคยคิดจะได้ยินได้เจออีกในชีวิตนี้

บอยแอบหยิกที่ต้นแขนตัวเอง . . .

. . . มันไม่ได้ฝันไปนี่หว่า  มันเจ็บที่รอยหยิก

   “บอย…”  

นัทมันทวนชื่อ  มันคลับคล้ายคลับครากับชื่อนี้  มันคุ้นเหมือนเคยรู้จัก  มันติดอยู่แถว ๆ  ตะเข็บหัวใจนี่แหละ  มันพยายามนึก  บอยวิดยา  ใครกันนะ  เอ  หรือมันหลงลืมเพื่อนบางคนไปหรือปล่าว  

“ . . . โทษทีนะครับ  นึกไม่ออกเลย  พอดีช่วงนี้มึน ๆ  เลยจำอะไรไม่ค่อยได้”

   ดูเอาเหอะ. . .  

. . . แม้จะจำไม่ได้  

แต่นัทมันยังคงเหมือนนัทคนเดิม ที่อ่อนโยนกับเพื่อนเสมอ  บอยมันจำได้แม่น  นัทที่คอยดูแลเอาใจใส่คนรอบข้างตลอดเวลา  ทุกสิ่งทุกอย่างของนัทเริ่มเข้ามาในความทรงจำที่แทบจะเลือนหายไปของบอย  

เขาเริ่มเห็นภาพ . . . นัท  

. . . กลับมาชัดเจนในความรู้สึกอีกครั้ง  หรือว่าที่แท้จริงแล้ว  ภาพนัทไม่เคยเลือนหายไปจากหัวใจของบอย  ภาพที่ติดตาตรึงใจของบอยตลอดมา  

ภาพจากเทคโลโลยี่อาจลบเลือนไปตามกาลเวลา . . .

. . . แล้วภาพจากความทรงจำ  ลบเลือนได้หรือ?

   “เพื่อนบิ้กไงครับ  อยู่กลุ่มเดียวกัน”  บอยมันไม่ละพยายามที่จะให้อีกฝ่ายจดจำมันได้

   “อืม . . .”  เสียงนัทขาดหายไปชั่วครู่  

“. . . ผมจำบิ้กได้ครับ  แต่จำบอยไม่ได้  โทษอีกครั้งนะครับ”

   บิ้ก . . .  นัทจำได้  

และมันยังจำเลยไปถึงอีกคนที่เป็นเพื่อนบิ้ก  นัทมันเริ่มจำอะไรได้ราง ๆ  ไม่ใช่สิ  ต้องเรียกว่าเริ่มแจ่มชัดมากที่สุดแล้ว  คนจากปลายสายที่หายไปร่วมสิบปี  มันจำได้แล้ว  นัทยิ้มกับตัวเอง  

แต่เดี๋ยวก่อน . . .  

. . . มันไม่รู้ว่าบอยจะมาแบบไหน  ขอมันอำเล่นสักพักนึงก่อนเหอะ  เพื่อให้แน่ใจว่าใช่ ไอ้บอยแน่ ๆ  คนที่คอยช่วยเหลือมันห่าง ๆ  ในงานของชมรม  นัทมันนึกในใจ  น่าจะใช่คนเดียวกัน

   “ผมจำบิ้กได้ครับ  แต่จำบอยไม่ได้  โทษอีกครั้งนะครับ”  

เอาอีกแล้ว . . .  

. . . คำตอบของนัท  คล้ายมีดที่กรีดลึกลงไปในหัวใจของบอย  

หรือจะเหมือนฟ้าผ่ากลางกบาล  นัทมันจำบอยไม่ได้จริง ๆ  เลยหรือ  

ช่างเหอะ . . .  

. . .จำไม่ได้ก็ดีเหมือนกันอย่างน้อยเขาอาจจะลืมคนที่แค่เคยผ่านมาเท่านั้น  สำหรับบอย  นัทไม่ใช่แค่คนเคยผ่าน  ไม่ใช้สายลมที่พัดมาแล้วห่างหาย  

แต่ . . .

. . . นัท

คือ . . . ความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตของบอย

   ความทรงจำ . . .

. . . ลืมกันง่าย ๆ  กระนั้นหรือ

   ถ้าลืมกันง่ายเขาจะเรียกมันว่า . . . ความทรงจำฤๅ

   “ได้ข่าวว่านัทมาเรียนต่อโทพลังงานเหรอครับ เป็นไงยากมั้ยครับ”

   “ครับผม  ก็ยากพอตัวอยู่ครับ  แล้วบอยละครับทำอะไรอยู่”  เสียงจากปลายสายเริ่มเป็นกันเองมาขึ้น  บอยมันค่อย ๆ  หายกลัว มันยิ้มออกมาได้  หรือจะมีใครบอกมันมั้ยนะว่าตอนนี้มันหน้าแดงกว่าปกติทั่วไป  บอยมันนอนบิดไปบิดมาบนที่นอนด้วยความเขิน

   มันเขินตัวเองหรือเขินที่ได้ยินเสียงนัทกันแน่นะ . . .  

แต่ที่มันรู้แค่มันเหมือนตัวเบา  คล้ายจะลอยได้  มันเหมือนปุยนุ่นที่โดนกระแสลมพัดลอยไปมาในอากาศมิปาน  มันเป็นเอามากขนาดนั้นเลยทีเดียวเทียวแหละ

   “ผมเรียนครับ เรียนต่อเหมือนกัน”

   “เรียนที่ไหนครับ”

   “เยอรมันครับ”   มันพูดออกไปแล้วนึกขึ้นได้  

ตายห่า . . .

. . . นี่มันเดาะโทรทางไกลหานัทจากเยอรมันเลยเหรอ  ปลายสายจะคิดยังไงนะที่จู่ ๆ  มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้โทรหาแถมยังโทรจากอีกซีกหนึ่งของโลกเสียด้วยสิ  นัทจะยังโกรธมันไหมที่มันเคยบอกอะไรนัทไป  

   “ไกลจัง  สบายดีมั้ยครับไปเรียนที่โน่น”

   “ก็พอปรับตัวได้แล้วครับ  เออ  นัทยุ่งหรือปล่าว  ถ้ายุ่งผมไม่กวนแล้วนะครับ”  

บอยมันไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว  จู่ ๆ  มันก็หมดเรื่องราวที่จะคุยเอาเสียงั้นแหละ  ทั้ง ๆ  ที่ก่อนโทรมันตั้งใจเสียดิบดี  ว่าจะโทรแล้วคุยโน่นคุยนี่  แต่เมื่อปลายสายยืนยันว่าจำไม่ได้  มันคงไม่เซ้าซี้หรอก  แค่นี้มันก็ดีนักหนาแล้วล่ะ  ได้ยินเสียงคนที่มันอยากได้ยินมาหลายปี

   “คุยได้ครับ  พอดีมาแข่งกีฬา ปริญญาโทที่ชลบุรีนะครับ”

   “อ่อครับเป็นไงมั้งครับ”

   “แพ้หมดแล้ว  ตกรอบแล้วล่ะ”   น้ำเสียงปลายสายไม่มีที่ท่าเสียใจเลย  แถมยังมีท่าทางร่าเริงเสียด้วยซ้ำ  เหมือนนัทคนเดิมที่บอยเคยเจอ

   “ไม่ใช่  ผมหมายถึงสบายดีมั้ยครับ”  บอยมันเริ่มกล้าที่จะคุยมากขึ้น

   “ก็ดีครับ  เรื่อย ๆ  ครับ ชีวิตถ้าไม่ดิ้นรนมากก็ไม่เหนื่อยมาก  บางครั้งคนเราอาจอยากได้โน่นได้นี่ก็เหนื่อยเป็นธรรมดาครับ”  นัทยังคงเป็นนัท  มันจะมีคำพูด  ดี ๆ  แฝงไว้ทุกครั้ง

   บอยมันยิ้มกับตัวเอง . . .  

. . . นัทของมัน  

. . . ไม่ใช่สิ  นัทเพื่อนเก่าของมันยังคงเป็นนัทคนเดิมที่มันรู้จัก  เป็นนัทที่มีความคิดความอ่านโตเกินตัวอยู่เสมอ  บอยมันยิ้มเมื่อมันมองย้อนไปในวันเก่า ๆ  ตั้งแต่แรก ๆ  ที่มันเริ่มรู้จักกับนัท  

   เหมือนวันเวลาเหล่านั้นไม่เคยผ่านไปเลย

   บอยมันเก็บเวลาทุกอย่างสำหรับนัทไว้ได้อย่างดี  ความรู้สึกที่มันมีทั้งหมด  มันรู้ตัวเองดี  มันมีสติดีทุก ๆ  เรื่อง  ที่มันรู้กว่ารู้  มันรู้มันรักนัทมากกว่าเพื่อน  มากว่าอะไรทั้งหมดที่มันเคยรู้มา

     บอยมันจะยิ้มทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา  

มันไม่เคยโกรธนัท  เพราะรู้ดีว่า  เรื่องราวของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้   แม้มันจะแอบน้อยใจนัทบ้าง  มันแอบคิดนัทน่าจะมองมันบ้าง  เห็นหัวใจที่มันทำทุกอย่างเพื่อนัทบ้าง  

แต่ . . .

. . . บอยมันรู้ตัวเอง  มันไม่มีวันที่จะโกรธรักแรกของมันเป็นอันขาด  บอยมันเฝ้าเก็บความรักของมันไว้เป็นอย่างดี  บัดนี้ความรักที่มันเก็บไว้มิดชิด  โดนมือดีมาเปิดอีกครั้ง

   และบอยมันยินดีที่จะให้เขาเปิด  มันยินดีเป็นที่สุดด้วยซ้ำไป

   “ครับ  ไม่กวนนัทแล้วดีกว่าครับ  บอยค่อยโทรหาใหม่แล้วกันนะครับ”

   “ได้ครับได้  หวัดดีครับ”

   ปลายสายตัดไปนานแล้ว . . .  

. . . แต่บอยมันยังนอนยิ้มมองเพดานห้องอยู่เลย  มันลองเอามือมาหยิกที่แก้มตัวเอง  

เออ!  เจ็บนี่หว่า  

. . . มันไม่ได้ฝันไปหรอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ล้วนเป็นความจริงทั้งนั้นแหละ  บอยมันยิ้มเป็นสุข  มันอาจเป็นวันที่มันสุขที่สุดในชีวิตตั้งแต่ที่มันส่งข้อความนั้นไปหานัทแล้วก็ได้

   “เฮ้ย  ยิ้มทำไม  พี่ต้นแกล้งเตี้ยมกับใครแล้วอำเล่นหรือปล่าว”  อีกเสียงภายในใจมันสอดแทรกมาในความคิด

   “นั่นดิ”  มันตอบคำถามที่มันตั้งขึ้นมาเอง

   “พี่ต้นชอบแกล้งด้วย  ถ้าเป็นนัททำไมเสียงเปลี่ยนไปจังเลย  เปลี่ยนมากด้วยนะโว้ย”  มันยังโต้ตอบกับความคิดของตัวเอง

   “ช่างเหอะ  คิดทำไมในทางไม่ดี  อย่างน้อยวันนี้ก็มีความสุขไม่ใช่หรือ”  

บอยมันตัดความคิดทุกอย่างออก  ค่อย ๆ  ลุกจากเตียงนอนมองลอดหน้าต่างออกไป  สนามบาสที่ข้าง ๆ  หอพักขาวโพลนไปด้วยหิมะ มันยิ้มกับตัวเองเอาหน้าพิงกระจก  ไอเย็นจากด้านนอกทะลุผ่านกระจกสัมผัสมาที่แก้มของบอยเบา ๆ  สายตาทอดยาวออกไปทางทิศตะวันออกราวกับจะมองให้เห็นถึงอีกซีกหนึ่งของโลก

อีกซีกโลกคนที่มันเพิ่งวางสายจะยิ้มแบบที่มันยิ้มอยู่ตอนนี้ไหม . . .





ขออนุญาตแก้ไขหัวเรื่องให้เหลือแต่ชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อลงค่ะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2010 12:12:40 โดย THIP »

ออฟไลน์ imon

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-10
จองที่

ออฟไลน์ DEMON3132

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1
เข้ามาจองที่ด้วยคน เจิมเรื่องใหม่ น่าสนุกนะ เรื่องที่ผ่านมาหลายปี
แต่ยังคงระลึกถึงกันอยู่ น่าติดตาม .....
 :mc4:

C2U

  • บุคคลทั่วไป
แวะมาเจิมเรื่องใหม่ด้วยคน   :L2:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
น่าติดตามมั่กๆๆๆ

ธีมของอารมณ์น่าจะอยู่ในลักษณะ เหงา เศร้า ซึ้งรึป่าวน๊อ

ขอบคุณ ราชบุตร และต้นสาย กับเรื่องดีๆค๊าบบบ
 o13

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่  ๒
เขมรไทรโยค แสงจันทร์นวลและเมฆฝน  
 
ปลายเดือนพฤษภาคม  ๒๕๔๐

   บอยมันนั่งเหงา ๆ  อยู่ที่ร้านอาหารใต้หอชาย๔  บ้านมันไกลนี่หว่ามันเลยมาก่อนมหาวิทยาลัยเปิด  ผมมันเริ่มยาวขึ้นเล็กน้อยจนตัดรองทรงได้  หลังจากที่ต้องทนตัดหัวเกรียนมา ๖ ปีเต็ม
 

   ตอนนี้มันเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว  มันกำลังจะได้เริ่มเรียนที่มหาวิทยาลัยเก่าแก่แห่งนึงของประเทศ  ช่วงนี้มหาวิทยาลัยใกล้เปิด  นักศึกษามากมายทยอยกันขนของเข้ามาอยู่  มันเหมือนคนแปลกหน้าในที่ใหม่  เพราะหลายคนมีเพื่อน ๆ  จากโรงเรียนเดิม  แต่มันหัวเดียวกะเทียมลีบมาเลยแหละ

   มันต้องปรับตัวอีกมาก  เพราะมันไม่เคยออกไปไกลนอกบ้านเลยนี่น่า  

   แต่ครั้งนี้ . . .  

   . . .  ครั้งแรกในชีวิตกระมังที่มันต้องรอนแรมมาจากจังหวัดที่อยู่คาบเกี่ยวกับอีสานตอนบน  ติดมาทางเหนือ  มาสู่รั้วมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของภาคเหนือ มันต้องใช้เวลาอีกกี่ปีนะสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่  ในรั้ว  “ลูกช้าง”

   “เอาเหอะ  ค่อย ๆ  ปรับไปเดี๋ยวชินเอง”  บอยปลอบใจตัวเอง  ทั้ง ๆ  ที่ยังอดหวาดหวั่นไม่ได้  กับการต้องใช้ชีวิตในต่างบ้านครั้งแรก

   ใครไม่เคยจากบ้านไม่รู้หรอกว่ามัน  เหงา  โดดเดี่ยว  ขนาดไหน

   แต่มันไม่กลัว . . .

   . . . มันกลัวไม่เหงามากกว่า  เพื่อนใหม่อีกเยอะแยะกลัวทำไมกัน

   อีกร่างของมันเถียงในใจ  เปิดเรียน  เพื่อนใหม่  ที่เรียนใหม่  มีอะไรมากมายให้ทำ  จะเหงาได้อย่างไร  อาจจะยุ่งจนไม่มีเวลาเหนื่อยด้วยซ้ำไป

   แล้วบอยมันจะรู้  ว่าจริง ๆ  แล้ว  มันเหงา  หรือสนุกกันแน่

   รอเวลาอีกนิดเหอะบอยเอ๋ย . . .  

   เส้นทางชีวิตเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง  อย่าเพิ่งล้าเสียก่อนเป็นพอ  ชีวิตไม่ได้จบแค่หลังเอ็นทรานซ์สักหน่อย . . .  

   แต่ . . .

   . . . เส้นทางชีวิตมันเพิ่งเริ่มต้นต่างหาก    การเอ็นฯ  เข้าได้  ไมใช่การจบ  แต่มันคือจุดเริ่มต้นต่างหาก  มันต้องฝ่าฟันไปอีกสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย  

   บอยเขี่ยข้าวในจานไปมา  

   อร่อยหรือ?  

   ไม่รู้ดิ . . .  

   มันรู้มันมีหน้าที่ต้องกิน  อย่างน้อยมันต้องอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งสี่ปีเชียวล่ะ  ระหว่างที่มันเกลี่ยข้าวไปมานั้น สาตาบอยทอดยาวไปตามทางเดินของหอที่มีนักศึกษาเริ่มเดินทางเข้าพัก  สายตาบอยมันไปหยุดที่คนกำลังเดินเข้ามา  

   มันขมวดคิ้วคล้ายรู้จัก . . .

   . . . เด็กหนุ่มร่างผอมเพรียว  ผิวค่อนไปทางคล้ำเล็กน้อย  คิ้วหนา ปากบางแดง  แบกเป้ใบโตเดินมายังหอชาย  บอยมองเขาเดินผ่านไปช้า ๆ  เขาคนนั้นหันมายิ้มให้  รอยยิ้มแรกที่บอยเจอในรั้วมหาวิทยาลัย

    รอยยิ้มนั้น . . .

   ยังคงไม่เลือนหายไปจากหัวใจของบอย ยิ้มจากชายแปลกหน้าในวันนั้น มันยังคงให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและจริงใจกับบอยได้เสมอ  หัวใจมันเต้นระทึก  แปลกกว่าที่เคยเป็น  บอยแปลกใจ  แต่มันกลับจำหน้าเด็กหนุ่มรุ่นเดียวที่เพิ่งเดินขึ้นไปบนอาคารหอพักได้แม่นทีเดียว

   ถ้า . . .

   . . . บอยมันรู้อนาคตข้างหน้า  มันจะต้องยิ้มรับชายแปลกหน้านั้นแน่ ๆ  แต่มันอ่อนต่อโลก  มันอ่อนต่อความรู้สึกของหัวใจตัวเอง  มันไม่กล้าที่จะสบสายตากับเจ้าของรอยยิ้มนั้นด้วยซ้ำ  สิ่งที่มันทำได้คือก้มหน้าแล้วยิ้มกับตัวเอง  เหมือนกับที่เพื่อน ๆ  ชอบล้อบอยว่า

   “ก้มหน้าหาเหรียญบาทเหรอ”

   คงจะจริงกระมัง . . .  

   . . . เพราะเวลามันอายมันจะก้มหน้า  หรือมันกำลังก้มมองหาเหรียญบาทที่ใครทำตกหล่นไว้  แต่สำหรับนัท  มันคงก้มลงหาหัวใจมั้ง  อาจจะหัวใจของมันที่ชอบหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มทุกครั้งที่มันเจอหน้ากับนัท  

      อ้าว !  ก็มันอายนี่หว่า

   แค่ความอายตัวเดียวแท้ ๆ  ที่มันไม่กล้าพาหัวใจตัวเองไปใกล้ชิดนัทมากกว่าที่เป็นอยู่  มันทำได้เพียงเอาร่างกายไปร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัยกับนัทเท่านั้น   ขอเพียงแค่ได้เห็นเงาคนที่มันรัก มันก็พอใจแล้ว  แม้จะเจ็บปวดกับหลาย ๆ  ภาพที่เห็น

   แต่ . . .

   . . . เมื่อเทียบกับความสุขที่ได้รับ  มันยิ่งกว่าคุ้มค่า

   . . . แค่นั้นหัวใจของมันก็อิ่มเอมแล้วล่ะ  มันไม่เคยต้องการให้นัทมารักตอบมันเลยสักนิด  เพราะความรักของมันเหมือนรักที่ต้องคำสาป  มันต้องคำสาปให้รักเขาข้างเดียว

   แต่มันก็ยิ้มรับกับคำสาป . . .

   . . . ที่มันปรารถนาจะให้เป็นคำสาปแบบนั้นไปชั่วนิรันดร์  

   มันขอแค่มันได้รักเขาแค่ฝ่ายเดียวเท่านั้นมันก็สุขหัวใจแล้วล่ะ  คนอย่างบอยไม่บังอาจดึงนัทลงมาต่ำหรอก  มันยินดีที่จะยืนอยู่ตรงนี้  ตรงที่หัวใจมันขีดเส้นเอาไว้  มันไม่อยากล้ำเส้นหัวใจไปมากกว่านี้   สมองมันคิดได้แค่นี้จริง ๆ

   มันใกล้แค่มือเอื้อม . . .  

   . . . แต่มันไม่เอื้อมมือคว้า

   แค่เอื้อม . . .

   มันก็อาจได้นัทมาเชยชม  แต่มันกลับไม่ทำ  หัวใจของมัน  รักเพื่อรักจริง ๆ  มันไม่อยากให้นัทลงมาเดินในเส้นทางของคำว่า . . . เกย์  

   เพราะบอยมันเชื่อแน่  นัทเป็น  ผู้ชาย  มันไม่อยากทำลายผู้ชายที่มันรัก  มันไม่อยากเอาสีดำไปทาทาบที่นัท



   หอพักนักศึกษาชายภายในมหาวิทยาลัย  ตั้งอยู่ใกล้กับถนนสายหลักในมหาวิทยาลัย  ที่เชื่อมระหว่างถนนสองเส้น  คือถนนหน้ามหาวิทยาลัยที่เลี้ยวซ้ายแล้วเลยขึ้นไปบนพระตำหนัก  สิ้นสุดที่หมู่บ้านม้ง  หากเลี้ยวขวาก็จะเข้ามาในเมือง  ส่วนถนนหลังมหาวิทยาลัยนั้นคลาคล่ำไปด้วยร้านค้าและหอพัก  นักศึกษาปีหนึ่งส่วนมากจะอยู่หอในเพราะราคาถูก  และมีกิจกรรมมากมายที่ต้องทำร่วมกับรุ่นพี่ในคณะ   ใกล้ ๆ  หอพักมีวงเวียนหอนาฬิกาที่มีเรื่องเล่าต่อ ๆ  กันมาว่า  ในเวลาเที่ยงคืน  ถ้าใครขับรถทวนเข็มนาฬิกาจะเจอผีเปรต  ซึ่งเรื่องเล่านี้ก็ยังไม่มีใครกล้าพิสูจน์อยู่ดี

   ถัดจากหอนาฬิกา  ทางฝั่งขวามือจะเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์  นัทมันเรียนที่นั่น  มันไม่ไกลจากหอพักเท่าบอย  เพราะบอยเรียนคณะวิทยาศาสตร์ฯ  ซึ่งอยู่ถัดไปอีก

   ภายในหอพัก  ด้านล่างเป็นร้านอาหาร  หอพักที่นี่คล้ายตัว  H  ที่  I  คือหอพัก  ส่วน  ---  คือทางเดินเชื่อมถึงกันระหว่างหอพัก   ที่ว่างข้าง ๆ  หอพักจะเป็นสนามแบดบินตันบ้าง  สนามตะกร้อบ้าง  แล้วแต่ว่าจะใช้งานอย่างไหนกันมากกว่า  ภายในห้องพักเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดสองเตียงนอน  ที่แต่ละฟากของหอจะเป็นห้องอาบน้ำรวม  เพราะที่นี่ไม่มีห้องน้ำส่วนตัว  นักศึกษาที่อยู่หอพักจะต้องไปใช้ห้องน้ำรวมซึ่งมีอยู่ในทุกชั้นของหอพัก

   บอยกระหืดกระหอบเพราะใกล้เวลาค่ำ  เกือบถึงเวลาที่อาจารย์คุมหอพักเรียกประชุมนักศึกษาใหม่ทุกคนเพื่อนเข้าร่วมประชุมทำความรู้จักกัน  มันเดินมาจากคณะวิทยาศาสตร์  มาถึงหอ๔   ระยะทางไม่ใกล้เลย  

   . . . เหงื่อมันโทรมตัวราวกับเดินผ่านสนามบอลมาสักสิบสนาม

   “อ้าวเฮ้ย  ทำไมเพิ่งมาถึงว่ะ  เดี๋ยวป๋าแกเรียกประชุมแล้วนะโว้ย”  บิ้กเพื่อนร่วมห้องเอ่ยทักเมื่อเห็นบอยมันเดินเข้ามาในห้อง

   ป๋า . . . ที่บิ้กพูดถึงหมายถึงอาจารย์คุมหอ  ที่สวมแว่นหนา ๆ  แต่ใจดีผิดกับใบหน้าที่ดูดุอยู่ตลอดเวลา

   “แม่งจารย์ปล่อยโครตช้าเลยว่ะ  ร้อนชิบขออาบน้ำก่อนแล้วกันว่ะ”  บอยมันเอาหนังสือวางไว้ที่หัวเตียง  ก่อนที่จะถอดกระดุมเสื้ออกทีละเม็ด

   “รีบหน่อยเหอะมึง  ไปช้าโดนป๋าซ่อม”

   “เออ  กูรู้น่า  รีบอยู่นี่ไง”

   “ช้าห้านาทีโดนแน่มึง”  ไอ้เพื่อนมันขู่เสียด้วย

   “มือชั้นกูแล้ว  ไม่มีทาง”  บอยหันไปยักคิ้วให้เพื่อนร่วมห้อง

   บอยมันหยิบเอาไม้แขวน  มาแขวนเสื้อขาวไว้กับระเบียงด้านหลัง เพื่อให้ลมโกรก  เสื้อที่ชุ่มเหงื่อจะได้แห้งไม่เป็นราดำ  

   บอยมันค่อย ๆ  เรียนรู้การอยู่คนเดียว . . .  

   . . . ไม่ใช่สิ  เรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนที่ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันถึงจะถูก   การต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นที่ไม่ใช่บ้าน  ตอนนี้มันเหมือนนักศึกษาประจำที่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองเสียแทบทุกอย่าง

   บอยเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พาดไว้กับราวที่ระเบียง  มันเอามาห่อตัว  แล้วถอดกางเกงขายาว  มันดูหนุ่มขึ้นแฮะ  เพราะมันชินกับกางเกงขาสั้นมาหลายปี  

   แต่ตอนนี้มันเป็น . . . นักศึกษา  

   มิใช่ . . . นักเรียน  เหมือนปีที่ผ่านมา  บอยมันไปหยิบอุปกรณ์อาบน้ำที่อยู่ในขันพลาสติกสีสด  ก่อนค่อย ๆ  เดินออกมาที่ห้องน้ำของชั้นสาม

   มันเดินผิวปากมาอย่างสบายอารมณ์  แต่แล้วบอยมันกลับผิดหวังห้องอาบน้ำมีแค่ ๔ห้องไม่เพียงพอเสียด้วย  มันเดินกลับไปอีกฟากของหอพัก  แล้วบอยมันผิดหวังเป็นครั้งที่สองเมื่อห้องน้ำชั้นสามเต็มหมดทุกห้องเสียด้วย

   “อาบชั้นสองก็ได้ว่ะ”  

   เร็วเท่าความคิด  บอยมันวิ่งลงมาที่ชั้นสองอย่างรวดเร็ว  

   เหมือนฟ้าเป็นใจ  เมื่อมันก้าวเข้ามาในห้องน้ำ  มีเสียงเปิดประตูห้องออกมาพอดี  มันยิ้ม มีที่ว่างสำหรับมันแล้ว  ประตูห้องค่อย ๆ  เปิดออก  นัทเดินออกมาหยดน้ำก็พราวตามตัว  บอยมันเห็นคนที่เดินออกมาเต็มตา  มันรู้สึกอาย ๆ  อย่างไรไม่รู้  ระยะมันห่างกันราว ๓ เมตร  แต่บอยกลับรู้สึกร้อนผ่าวกับคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำ

   “เฮ้ยยยยยยยย”  

   เสียงร้องจากคนที่เดินออกมา พร้อม ๆ  กับไหลลื่นไปตามพื้นห้องน้ำที่เปียกชุ่ม  นัทลื่นไถลจนก้นจ้ำเป้า  ผ้าขนหนูสีน้ำเงินหลุดจากตัว  ขันน้ำกระจาย  กางเกงในที่ชักไว้หลุดไปคนละทาง  บอยมันมองไปตามเสียงร้อง  มันเห็นถนัดตา  นัทลื่นล้มกับพื้นในสภาพเปล่าเปลือย

   มันต้องแอบซ่อนหน้า  ข่มอารมณ์ขันเอาไว้เต็มที่

   “เป็นไงบ้างครับ”  บอยเก็บผ้าขนหนูส่งให้นัท  แต่ไม่วายชำเลืองมอง

   “ขอบคุณครับ  พื้นมันลื่นอ่ะ  เลอะหมดเลย  เราขอล้างตัวอีกแปบนะ”  นัทบอก  ยิ้มเก้อ ๆ  เพราะรู้สึกอายเหมือนกัน  มันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ  ออกมาทั้ง ๆ  ที่ยังไม่ได้ใส่กางเกงใน  แต่กลับมาทะเล่อทะล่าโชว์ความเป็นชายให้เพื่อนแปลกหน้าดูซะแล้ว

   บอยมันเขินจนหน้าแดง . . .  

   ไม่รู้สิมันบอกไม่ถูกว่าทำไมมันต้องเขิน  ต้องอายทุกครั้งที่มันเจอหน้านัท  มันแพ้ทางกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า  เพราะตั้งแต่มหาวิทยาลัยเปิดมันเจอกับนัทแค่สามสี่ครั้งเอง  แล้วมันก็แทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเสียด้วยซ้ำ  แต่บอยมันเขินทุกครั้งที่เจอหน้ากับนัท

   เหมือนงูเจอเชือกกล้วยยังไงยังงั้น

   บางเรื่องมันอธิบายยากอยู่ . . .

     . . . ยิ่งเป็นเรื่องของหัวใจยิ่งพูดยากใหญ่  

   ความรู้สึกของหัวใจห้ามกันไม่ได้เสียด้วย  มันผิดหรือที่มันจะอายกับคนที่มันรู้สึกดี  บอยมันแปลกใจตัวเองเหมือนกันตั้งแต่มันเกิดเป็นตัวเป็นตนขึ้นมามันไม่เคยมีความรักเสียด้วยซ้ำ  มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรักหน้าตาเป็นแบบไหน  

   ถ้าบอยรู้ . . .

   . . . มันจะยังรักอีกหรือ?

   รักที่มันต้องเก็บ  ต้องซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิด

   ความรักที่มันพูดไม่ได้เหมือนน้ำท่วมปาก . . .  

   . . . มันอึดอัดแทบตายกับรักแรกที่มันเจอ  แต่อย่างว่าชะตาชีวิตของเรา ฝืนกันไม่ได้  ในเมื่อบอยมันโดนขีดมาแบบนี้  มันโดนสาปมาแบบนี้  มันก็ต้องเจอกับสิ่งที่รอมันอยู่ด้านหน้า

   ทุกสิ่งในโลกล้วนโดนขีดมาทั้งนั้น

   นัทกลับออกมาอีกครั้ง  มันยิ้มให้บอยอย่างอาย ๆ   แล้วนัทเดินสวนออกไป  

   . . . บอยมันมองตามจนลับตา  มันไม่รู้หรอก  สายตาที่มันมองตามนัทมีความหมายอย่างไร  แต่มันรู้  หัวใจมันชุ่มชื้น  มันยิ้มบาง ๆ  โดยที่มันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ  แล้วบอยมันเดินเข้าไปในห้องน้ำ  มันสูดลมหายใจเข้าปอดให้มากที่สุด  ราวกับจะเก็บเอากลิ่นของคนที่เพิ่งเดินออกไป

   มันแทบจะแยกได้ด้วยซ้ำว่ากลิ่นไหนเป็นกลิ่นสบู่  กลิ่นไหนเป็นกลิ่นของนัท



Lesses

  • บุคคลทั่วไป
ยังไม่มาเหรอ รออยู่ครับ :call:

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป


ตอนที่ ๒ (ต่อ)

   ห้องอ่านหนังสือของหอชาย คราคร่ำไปด้วยเด็กรุ่นเดียวกัน  ต่างส่งเสียงแข่งกันราวนกแตกรัง  เป็นธรรมดาของเด็กหนุ่มวัยเดียวกันที่เมื่อมารวมกลุ่มกันแล้วจะต้องมีเรื่องมากมายที่มาพูดคุยกัน  แล้วยิ่งเป็นวัยรุ่น  วัยที่เพิ่งก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยด้วยแล้ว  ไม่ต้องบอกเลยว่าภายในห้องที่อาจารย์เรียกประชุมนั้นจะมีเสียงดังกันขนาดไหน

   “หวัดดีครับ  ผมชื่อนัท  เกียร์๒๘”   เสียงแนะนำทักทายตัวเองทำเอาบอยต้องเงยหน้าไปมอง

   ใบหน้ายิ้ม ๆ  ตาหยี ที่ลอดมาจาแว่นเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ  ทำเอาบอยแทบจะละลายไปกองอยู่กับพื้น  บอยมันมองหน้านัทราวกับจะจดจำใบหน้านั้นเอาไว้ชั่วชีวิต  มันยิ้มน้อย ๆ  กับใบหน้าที่ห่างกับมันไม่ถึงเมตร

   “บอยครับผม  บอยวิดยา”  มันยิ้มตอบคำถาม

   “เราเจอกันหลายครั้งแล้ว  แต่ยังไม่ได้คุยกันเลย   เมื่อกี้ตอนออกจากห้องน้ำซุ่มซ่ามไปหน่อย บอยมาจากไหนครับ”  นัทมันเอ่ยชวนคุยพลางนั่งลงใกล้ ๆ  บอย

   บอยใจเต้นรัวราวกับจะทะลุออกมาจากอก . . . 

   . . . มันอายกว่าทุก ๆ  ครั้ง  นัทนั่งเบียดอยู่กับมันเพราะห้องมันแคบ  ผิวแขนของนัทสีกับแขนของบอย  บอยมันยิ้มน้อย ๆ  ใจลอยแทบไม่อยู่กับตัว  มันไม่รู้เลยเหมือนกันว่าทำไมต้องมีอาการแบบนั้น

   แบบนี้หรือปล่าวหว่าที่เขาเรียกว่า . . .

   . . . รัก

   “เห็นอยู่ไม่ใช่หรือ  พื้นมันลื่น  เรายังกลัวเลยตอนเดินออกมา  กลัวโป้”  บอยหัวเราะเบา ๆ 

   นัทเลยพลอยหัวเราะตามไปด้วย

   บรรยากาศของความเป็นเพื่อนเริ่มคืบคลานเข้ามาทีละน้อย  เมื่อต่างคนต่างพร้อมที่จะเปิดรับเพื่อนใหม่ ๆ   บ่อยครั้งที่บอยแอบเหลือบมองนัท  มันไม่กล้ามองนัทตรง ๆ  บอยมันยังอายอยู่

   “ตกลงบอยมาจากไหนนี่  เรามาจากน่าน  ได้โควต้ามา”   นัทบอกบอย

   ในมหาวิทยาลัยประจำภาคแห่งนี้  มีนักศึกษาที่สอบในระบบโควตามากมาย  เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก  ถ้านัทมันจะเป็นหนึ่งในนักเรียนระบบโควต้า

   “เราสอบเข้ามาแหละ  มาจากเพชรบูรณ์  เคยไปมะ” 

   นัทส่ายหน้าแทนคำตอบ

   “ไม่เคย  ไม่เคยไปไหนไกลจากน่านเสียด้วยซ้ำ” 

   เสียงคุยเริ่มเงียบลงเมื่ออาจารย์ประจำหอเดินเข้ามา  การสนทนาของทั้งสองก็ค่อย ๆ  สิ้นสุดลงเช่นกัน  อาจารย์ป๋า  เริ่มคุย  เริ่มแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ  ของการใช้ชีวิตในหอชาย  บอยมันเหลือบมองนัทเป็นระยะ 

   บางครั้งที่นัทหันมายิ้ม . . . 

   . . . บอยมันจะเขินจนหน้าแดง

   “นามสกุลนายนี่สงสัยเป็นลูกหลานเจ้าผู้ครองนครเก่านะ”   บอยถาม  เมื่ออาจารย์ป๋าให้ทุกคนที่พักในหอแนะนำตัวเอง 

   “อ๋อ  เห็นพ่อบอกมาแบบนั้นแหละ  แต่เราไม่รู้ไรมากนักหรอก”

   บอยมันเริ่มเข้าใจหัวใจตัวเองที่ละนิด   

   มันค่อย ๆ  เก็บเอาทุกสิ่งทุกอย่างของนัทไว้ในหัว  มันมองนัทด้วยสายตาชื่นชม  มันยิ้มกับตัวเอง  อย่างน้อยชีวิตของบอย มันก็ยังได้รักคนที่มันอยากรัก  มันไม่สนด้วยซ้ำว่าคนที่บอยรัก  จะมองบอยหรือไม่ 

   . . .  มันไม่เรียกร้องให้นัทมารักมัน 

   แค่นัทพูด . . .

     . . . นัทยิ้มกับมัน 

   บอยมันก็สุขหัวใจแล้ว  มันต้องการเพียงเท่านี้จริง ๆ    มันไม่ได้เรียกร้องอะไรไปมากกว่าที่หัวใจมันรู้ว่า  มันจะได้สิ่งที่มันควรจะได้เท่านั้น

   “บอยเลือกชมรมหรือยัง”  นัทต้องเป็นฝ่ายชวนคุยทุกครั้งเมื่อป๋า  แกไม่ใช้สายตาปรามสักเท่าไหร่

   “ยังเลย  นัทล่ะ”

   “ว่าจะลงชมรมวอลเลย์บอล  ส่วนอีกชมรมต้องดูก่อน”

   “นัทเล่นวอลเลย์ด้วยเหรอ”  บอยมันแปลกใจ  มันหันมามองหน้าอีกฝ่าย

   “เล่นดี  พูดแล้วจะหาว่าคุย  ตอนอยู่น่านสมัยเรียนม.ปลายเคยเล่นทีมเยาวชนเขตด้วยนะ  เราชอบกีฬาแทบทุกชนิดแหละ  บอล  แบด  แต่ถนัด ๆ  นี่บอลกับวอลเลย์”  นัทยิ้มพลางขยับแว่นไปมา

   “อืม  ผิดกับเราแฮะ  เล่นได้เกือบทุกอย่าง  แต่ไม่เก่งสักอย่างเดียว”

   “เอาน่า  เล่นได้หมดก็ดีไง”

   “ดียังไง”

   “ดีที่ยังเล่นได้ไง  เล่นอย่างละนิดละหน่อย  รู้จักเพื่อนเยอะดีไง  มีเพื่อนเยอะดีออก  ไม่เหงาไง”  นัทยิ้มตาหยี

   บอยมันเปิดหัวใจรับข้อมูลของนัทไปเรื่อย ๆ   มันจะเก็บทุก ๆ  รายละเอียดที่เพื่อนบอกกับมัน  เก็บเอาไว้ในหัวใจของมัน   ผู้ชายคนแรกที่ยิ้มให้มันตั้งแต่ที่มันก้าวเข้ามาในรั้ว  “เฌองดอย”   

   จะเรียกว่าบอยมันยึดนัทเอาไว้ก็ได้ . . .

   . . . แต่มัน  ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทุกครั้งที่มันเจอนัท  มันจะต้องอายทุกครั้ง  บอยมันไม่เข้าใจหัวใจตัวเอง  เหมือน ๆ  ที่มันไม่เข้าใจแหละว่านั่นคืออาการเริ่มแรกของคนตกหลุมรัก

   บอยมันค่อยตกหลุมหัวใจของนัทช้า ๆ . . . 

   มันไม่รู้สึกเจ็บเพราะมันหายเจ็บทุกครั้งที่มันเห็นหน้านัท    ใบหน้าที่มันเองก็ไม่รู้ว่าจะมาอะไรนักหนากับหัวใจของมัน  บางครั้งมันเหนื่อยมันล้า 

   แต่เพียงแค่มันเดินลงมาจากห้องของมันที่ชั้นสาม . . . 

   มาหยุดยืนหน้าห้องนัทที่ชั้นสอง  บอยมันก็ยิ้มกับตัวเอง  มันยิ้มกับประตูห้องของนัท  ทั้ง ๆ  ที่มันรู้ว่านัทอยู่ภายหลังประตูบานนั้น  แต่บอยมันกลับไม่กล้าที่จะยกมือเคาะ  มันแค่ยืนนิ่ง ๆ  สักพัก  แล้วมันเดินกลับขึ้นไปนอนที่ห้องของมันเหมือนเดิม 

   บอยมันทำแบบนี้บ่อยมาก
   



   บอยนอนกระสับกระส่ายไปมา  มันหลับไปตื่นนึงแล้ว  แต่อากาศมันอบอ้าวคล้ายฝนจะตก  บอยลืมตามาช้า ๆ  แสงจากภายนอกลอดผ่านหน้าต่างบานเกร็ดเข้ามา  บอยมันลืมตาโพลงในความสลัว ๆ  ของคืนข้างแรม  มันลุกขึ้นจากเตียงช้า ๆ  มาหยุดที่ระเบียง 

   จันทร์กระจ่างสว่างนวลละออกลางฟากฟ้า คล้ายโคมดวงใหญ่  บอยมองแสงจันทร์นวลเต็มดวงที่บดบังแสงดาวจนหมดสิ้น  มันยืนนิ่ง ๆ  ริมระเบียงหลังห้องมองเพ็ญโพยมดวงกลมโต  ที่อาบแสงไล้มาตั้งแต่เหนือยอดไม้ที่เขาสูงไล่ระดับลงมาตามยอดไม้ที่ไหวอ่อน ๆ  ด้วยแรงลม   แนวทิวเขาที่สลับซับซ้อน  ซ่อนความงามเอาไว้ยามคืนเดือนหงาย

   เสียงขลุ่ยแว่วมาตามลมเย็นเสนาะหู . . . 

   . . . ทำนองคล้ายคนรำพึงรำพันตัดพ้อ  ฟังดูเหงายิ่งนัก  เสียงนั้นไล่ทำนองสูงต่ำ  บางครั้งโหยหา  บางครั้งมีสุข  บอยขมวดคิ้ว  เขาตั้งใจฟังเสียงขลุ่ยนั้น  มันแว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง  ไม่ไกลจากที่บอยยืนอยู่ 

   บอยแน่ใจ . . . 

   . . . มันมาจากตึกเดียวกันกับที่บอยอยู่  เสียงมาจากด้านบน    มันค่อย ๆ  เปิดประตูออกไปเบา ๆ  ราวกับจะกลัวเพื่อนร่วมห้องตื่นเพราะมันทำเสียงดัง  เสียงขลั่ยสะกดให้เจ้าตัวหยุดนิ่ง  เงี่ยหูฟังแหล่งที่มาของเสียง

   บอยมายืนตรงทางเดินกลางของหอพัก . . . 

   เสียงนั้นยังคงล่องลอยมาตามลม  บอยเดินตามเสียงนั้นไปช้า ๆ   คล้ายมนต์สะกด ที่ค่อย ๆ  พาเขาเดินตามเสียงนั้น  อย่างช้า ๆ   มันเดินขึ้นไปที่ชั้นสี่  เสียงนั้นค่อย ๆ  แจ่มชัดขึ้น  บอยแน่ใจมันมาถูกทางแล้ว  แล้วเสียงชัดยิ่งขึ้นเมื่อบอยเดินผ่านประตูเหล็กที่ชั้นดาดฟ้า  ที่เป็นราวตากผ้า

   บอยเห็นชัด  คนที่นั่งที่ดาดฟ้าใช่คนเดียวกับที่มำให้เกิดเสียงขลุ่ยเป็นแน่แท้

   คนที่นั่งหันหลังให้บอย . . . 

    . . . คนนั้นแน่นอนที่เป็นต้นกำเนิดของเสียงขลุ่ย 

   บอยมันยืนพิงกับประตูเหล็ก . .   

   สายตาที่ทอดมองไปยังบุรุษหนุ่มที่นั่งเป่าขลุ่ยใต้แสงจันทร์  อ่อนหวานจับหัวใจ  แววตาที่ไม่อาจซ่อนความรู้สึกของหัวใจตัวเองเอาไว้ได้เลยแม้แต่น้อย   ด้านบนดาดฟ้าลมพัดหวิว  บอยยกมือมาประสานกันไว้ที่หน้าอก  สายตาจ้องมองไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มที่นั่งอาบแสงจันทร์ 

   แววตามันยิ้ม . . . 

   . . . บอยปล่อยหัวใจให้ลอยไปตามเสียงเพลงจากขลุ่ยเลานั้น   เสียงเพลงที่บ่งบอกจิตใจของคนเป่า  เสียงที่ปล่อยออกมา  บอกตัวตนที่แท้จริงของคนเป่าได้เป็นอย่างดีที่สุด  บอยมันไม่จำเป็นต้องเห็นหน้าหรอก  เพราะแค่แผ่นหลังมันก็รู้แล้ว  ใบหน้าของคนที่นั่งครวญเพลงจากขลุ่ยนั้นเป็นใคร

   นัทระรัวนิ้วลงบนเลาขลุ่ย . . . 

   เสียงทำนองสูงต่ำ  คร่ำครวญหา ฟังดูกินใจยิ่งนัก  สักพัก  เสียงค่อย ๆ  ทอดต่ำลง  แล้วระรัวมาอีกครั้งก่อนที่นัทจะเอาริมฝีปากออกจากเลาขลุ่ย 

   “เศร้าจังเลย  เพลงอะไรเหรอนัท”   บอยมันเดินเข้ามาทางด้านหลัง   แล้วนั่งลงที่ม้าหินกลมตรงข้ามกับนัท

   ด้านบนไม่มีไฟ . . .

   . . . มีเพียงแสงจันทร์อาบไล้ใบหน้า  บอยมองเห็นชัดเจน  ใบหน้าอีกคนที่นั่งด้วยกัน  ทุก ๆ  ความรู้สึกที่บอยเก็บเอาไว้กับตัว  บอยจำได้ดีเสมอ  ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆ  หรือ  แววตาที่หวาดวิตก . . .

   . . . จารจำทุก ๆ  สิ่งที่สัมผัสได้ด้วยหัวใจของบอย

   นัทมันสะดุ้งเล็กน้อย  มันคาดไม่ถึงว่าดึกดื่นขนาดนี้แล้วจะยังมีคนที่ไม่หลับไม่นอนอยู่อีก  เอ  หรือเสียงขลุ่ยมันปลุกคนทั่วทั้งหอนะ  มันยิ้มแห้ง ๆ  แววตานัทคล้ายมีทุกข์

   “เพลงเขมรไทรโยค  บอยยังไม่หลับรึ”  นัทมันยิ้ม

   “หลับแล้ว  แต่ตื่นเพราะเสียงขลุ่ยนี่แหละ  ทีแรกนึกว่าผีหลอกเสียอีก  แต่พอฟังดี ๆ  ถึงรู้ว่ามีคนเป่าเลยเดินขึ้นมานี่แหละ” 

   “อ้าว  เราเลยปลุกให้บอยตื่นเลย”  นัทเกาศรีษะไปมาแก้เก้อ

   “ไม่ใช่หรอนัท . . .”  บอยรีบปฎิเสธ

   “. . . ข้างล่างร้อน  ขนาดพัดลมยังช่วยไม่ได้เลย  นัทมีไรในใจหรือปล่าวเล่นเพลงเสียเศร้าเชียว  ทำเอาเราเหงาไปเลย  มีไรไม่สบายใจเล่าเราฟังได้นะ  ยังไงเราก็เพื่อนกัน  เราช่วยไรไม่ได้  แต่เรานั่งเป็นเพื่อนนัทได้เสมอ”  บอยมันเริ่มกล้ามากขึ้น  แต่มันยังรู้สึกอายอยู่ดี 

   นี่คงเป็นประโยคแรกกระมังที่มันพูดยาว ๆ  กับนัท

   “วันนี้ร้อนแหละ  เรานอนไม่หลับเหมือนกัน  เลยออกมานั่งเล่น  อากาศบนนี้ดีหน่อยลมพัด”  นัทหันไปรอบ ๆ  ตัว

   นัทไม่เคยสังเกตด้วยซ้ำว่าบอยมองนัท   และไม่ใช่มองแค่เพื่อนธรรมดาแบบคนอื่น ๆ  หากบอยมองแบบเก็บทุกรายละเอียดเลยทีเดียว   ทุก ๆ  อย่างของคนที่นั่งตรงหน้าสำคัญสำหรับบอยเสมอ

   “คิดถึงบ้านมั้ยบอย”   นัทมันหันมาถาม  เมื่อต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบกันอยู่นาน

   แต่ . . .

   สำหรับบอยมันไม่อยากให้เวลาเคลื่อนคล้อยไปด้วยซ้ำ  มันอยากหยุดเวลาทั้งหมดเอาไว้ตรงนี้  ตรงที่มันอยู่กับคนที่มันรัก  ในเวลาที่ไม่มีใคร  มีแค่มันสองคนแบบนี้  เวลาที่บอยคิดว่าดีที่สุดแล้ว. . .

   บอยขมวดคิ้ว  มองหน้าคนที่นั่งตรงข้าม  แสงจันทร์กระจ่างส่องสว่างให้บอยเห็นนัทได้ชัดเจนทีเดียวแหละ  บอยมันยิ้มอย่างเคย

   “คิดถึงดิ  แทบร้องเลยแหละ”

   “เราก็คิดถึง  แต่ทำไงได้มาเรียนแล้วนี่  เวลาเหงาก็ทำได้แค่มานั่งเป่าขลุ่ยเล่นให้มันหายเหงาลงได้บ้าง”  แววตานัทเริ่มสดใสขึ้นเมื่อมีเพื่อนคุย

   นัทมันไม่รู้หรอก . . . 

   . . . คนเดียวหัวหาย  สองคนเพื่อนตาย

   ก็ตอนนี้มันอยู่กันสองคน  มันก็ดีกว่าอยู่คนเดียวมิใช่หรือ   แม้มันจะยังไม่สนิทกันมาก  ที่มันเพิ่งแค่เวลาเริ่มต้นเท่านั้นเอง  มันยังมีเวลาอีกมากที่จะเรียนรู้กัน  ถนนสายมิตรภาพนี้เพิ่งเริ่มต้นเอง

   ความเหงา . . . 

   ไอ้นี่สิมันตัวร้ายเลยทีเดียว  มันชอบเข้ามายามที่เราอยู่คนเดียว  มันเข้ามาเมื่อไหร่ จิตใจเราจะค่อย ๆ  อ่อนลง ๆ  จนแทบอยากร้องไห้ออกมาเลยทีเดียวล่ะ  มันชอบคิดว่าเราคือเพื่อนแท้ของมัน  แต่มันไม่เคยถามเราว่าเราต้องการมันไหม  แต่เมื่อเวลาที่มันต้องการเรา  มันจะเดินมาอยู่ใกล้ ๆ  เราทันที  โดยที่เราไม่ต้องร้องขอ   นัทมันรู้ดี  ตั้งแต่มันมาอยู่ที่นี่  มันเหงาหลายครั้งแล้วล่ะ

   “นึกว่าคิดถึงแฟน”

   บอยหลุดปากมาแล้วมันทำหน้าแหย . . . 

   . . . มันยังไม่สนิทกับนัทถึงขั้นที่จะเข้าไปในโลกส่วนตัวของเขา  มันพยักหน้าทำหน้าแหย  คล้ายขอโทษ  นัทยิ้ม  รอยยิ้มของนัทสว่างกว่าพระจันทร์ที่ลอยอยู่เหนือหัวด้วยซ้ำไป

   “โอ้ย  ยังไม่มี  ใครจะมาเอาคนอย่างเรา”  นัทมันรีบปฏิเสธ  ก่อนหัวเราะเบา ๆ

   “เราก็ยังไม่มี  หายากว่ะ”   บอยเลยพลอยหัวเราะตามนัทไปด้วย

   มิตรภาพเล็ก ๆ  ก่อเกิดขึ้นในใจของบอย  บอยมันเริ่มยึดติดกับนัทมากขึ้น  มันไม่แยกหรอกว่ามันรักนัท แบบไหน  มันรู้แค่ว่า  ผู้ชายคนนี้คนที่อยู่ตรงหน้ามัน  สร้างรอยยิ้มให้มันได้ทุกครั้ง   และผู้ชายคนเดียวกันนี้แหละ  ที่ทำให้มันคลายเหงาทุกครั้งในเวลาที่มันนึกถึงรอยยิ้มของนัท

   ความรักเหมือนเส้นไหม . . . 

   . . . ที่ต้องใช้เวลาในการเพาะเลี้ยงม่อนไหม  จนมันมีใยไหม  แล้วผ่านกรรมวิธีสาวไหม  จนได้เป็นเส้นไหมเส้นบาง ๆ  แล้วถึงจะนำมาถักทอเป็นผ้าไหม  ทุกอย่างที่ประกอบกันเป็นผ้าไหม  ล้วนเกิดจากความทะนุถนอมแทบทั้งสิ้น 

   บอยมันอยากให้รักมันถักทอขึ้นช้า ๆ  มันไม่เร่ง  ไม่รีบ เพราะรู้ดีว่าการเร่งรีบย่อมนำมาซึ่งความไม่สมบูรณ์  ยังมีเวลาอีกมากสำหรับการได้เรียนรู้คนที่บอยรัก  เวลาที่จะทำให้ได้หัวใจของอีกฝ่าย

   เมฆทะมึนเริ่มเข้ามาบดบังดวงจันทร์   ลมกรรโชกแรงมากยิ่งขึ้น  เพียงชั่วเดียวฝนที่ไม่มีทีท่าก็เทกระหน่ำลงมาอย่างรวดเร็ว  บอยกับนัทต้องรีบวิ่งเข้าไปด้านในเพื่อหาที่หลบฝน

   “ฝนจะตกนี่เอง มิน่าร้อนซะแทบแย่”   บอยมันบ่นเมื่อเดินลงมาจากดาดฟ้า

   “นั่นสิ  ท่าจะตกแรงเสียด้วยสิ  ดีเหมือนกันหลับสบาย  ตอนเด็ก ๆ นะ  นัทไปบ้านยาย  แล้วบ้านยายมุงสังกะสี  พอฝนตกทีไร  เสียงเม็ดฝนกระทบสังกะสีดังไปทั่วบ้านเลย  นอนฟังเสียงฝนกระทบหลังคาจนหลับไปทุกทีเลย”

   “ช่าย ๆ  เสียงมันเพราะดี”  บอยเห็นด้วย

   “เฮ้ยจะไปไหน  ห้องบอยอยู่ชั้นนี้  ลงไปอีกชั้นก็ห้องเราดิ”  นัทมันทักเมื่อบอยจะเดินลงจากชั้นสามไปชั้นสอง

   บอยยกมือเกาหัว  มันเพลินจนลืมห้องตัวเอง

   “เออ  จริงแฮะ  คุยเพลินไปเลย  งั้นเราแยกกันตรงนี้นะ”  บอยมันยิ้มอีกครั้งก่อนที่นัทหันหลังให้แล้วเดินลงไปยังห้องของตัวเอง

   “อืมไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ  ฝันดีล่ะ”  นัทยกมือที่ถือขลุ่ยร่ำลา

   “ได้ ๆ  แล้ววันหลังเป่าขลุ่ยอีกนะ  เพราะดี” 

   บอยมองนัทเดินไปจนลับตา  มันค่อย ๆ  ย่องลงมา  แล้วแอบมองไปทางระเบียงทางเดินกลาง  มันเห็นหลังนัทไวๆ    มันมองจนนัทเดินเข้าห้องไป  บอยเอนหลังพิงกับพนังห้องที่บันไดทางขึ้น  มันหลับตาพริ้ม

   มันต้องฝันดี แน่ ๆ 

   คืนนี้น่าจะเป็นคืนที่ดีที่สุดตั้งแต่มันย่างก้าวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย น่าเสียดายที่มันน่าจะมีเวลาอยู่ด้วยกันยาวนานกว่าน้อีกสักหน่อย  มันเกลียดฝน  ไม่น่ามาตกเอาตอนนี้เลย  มันรักเสียงขลุ่ย  รักพระจันทร์เข้าแล้วสิ 

   เอ!  หรือมันรักคนที่นั่งกับมันหนอ

   ช่างเหอะ !

   บอยมันไม่อยากรู้อะไรแล้วล่ะ  มันรู้แค่ว่า  คืนนี้ของมันมันสุขหัวใจยิ่งนัก  มันเดินช้า ๆ  กลับไปที่ห้อง  เสียงฟ้าร้องด้านนอก  แต่บอยมันแทบไม่ได้ยินเสียง  หัวใจของมันล่องลอยกลับไปบนดาดฟ้า  ตอนที่มันนั่งคุยกับนัทใต้แสงจันทร์มากกว่า  บอยค่อย ๆ  ทิ้งตัวลงนอน  มันหยิบหมอนข้างมากอด  แล้วมันก็ค่อย ๆ  หลับตารอยยิ้มพริ้มบนใบหน้า  มันอยากให้ในฝันของมันคืนนี้มีแต่นัทเท่านั้น




mhu_porm

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ myxt

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ดูบอยจะมีความสุขเนอะกับการรักเงียบๆแบบนั้น
แต่นานๆไป มันจะยังสุขอยู่ได้มั้ยน๊อ

ขอบคุณนะคะที่เอาฉบับรียู้ดดดดดดดมาให้อ่าน
รออ่านตอนต่อไปค่า :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
วุ๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อึดอัดจัง
อยู่นานๆไปแล้วทำไมบอยจะทนได้เนี่ย :เฮ้อ:

รอตอนต่อไปอยู่ค๊าบบคุงราชบุตร ...

dokjarn

  • บุคคลทั่วไป
:L1: :กอด1: :L1:

สองตอน

ตั้งเยอะ

แต่ทำไม

ดูเหมือนน้อยจัง

อ่านยังไมจุใจเลย

เข้าใจอะนะว่าคนโพสเหนื่อย

แต่ถ็โพสทีละมาก ๆ ก็ไม่ต้องโพสบ่อย

อาจจะทำให้เหนื่อยน้อยลงก็ได้นะ...ว่ามั๊ย

ชอบอีกแล้วครับ

แค่เอื้อม

+1


 :pig4: :pig4:

 :z2:

SweetOrange

  • บุคคลทั่วไป
น่าติดตามมากค่ะ

แวะมาปูเสื่อรออ่านด้วยคน  :3123:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
วันนี้ก็มารออีกค๊าบบบบ
คุงราชบุตร สู้ๆๆ  :กอด1:

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ ๓

เมย์  สาวมอเตอร์ไซด์กับผ้าเช็ดหน้า



   ภาคเหนือตอนบน . . .

   นับว่าเป็นเมืองแห่งขุนเขา  ที่มีแอ่งที่ราบเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่น ๆ  ทั่วประเทศ  ผืนป่าส่วนใหญ่ยังอุดมสมบูรณ์ด้วยสรรพชีวิตมากมาย  นี่คือผืนป่าใหญ่ของโลกแห่งความเป็นจริง  ขุนเขาก่อให้เกิดวิถีชีวิตต่อเนื่องมากมายที่ต้องอาศัยผืนป่า  สายน้ำ  ในการดำรงชีวิต 

   เชียงใหม่ . . .
   

. . . เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ  เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านที่นี่ยังคงเงียบสงบและน่าอยู่เมืองหนึ่ง  แต่ตอนนี้  เมืองที่เปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์แห่งอาณาจักรล้านนาโบราณแห่งนี้  กลับกลายเป็นเมืองที่กำลังโดนเริ่มฉาบด้วยสีสันของสังคมเมือง  สังคมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ  เหมือนกรุงเทพฯ

   ความเปลี่ยนแปลง . . .

   . . . ก้าวมาครอบครองเมืองแห่งนี้  โดยที่ไม่มีใครสามารถที่จะหยุดมันได้  วัตถุที่เป็นสิ่งบ่งบอกความเจริญค่อย ๆ  กลืนกินวัฒนธรรมดั้งเดิมอย่างไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้  ไม่มีใครหยุดการไหลบ่าของวัตถุ

   . . . แล้วจิตใจของผู้คนล่ะ ?

   ไม่เคยมีใครที่จะพูดถึงการพัฒนาจิตใจ  เพราะสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  คือสังคมที่ฉาบไว้ด้วยวัตถุ  ผู้คนสรรเสริญเยินยอ  และยินดีกับ  ความร่ำรวยทางด้านเงินทอง

   โดยลืมมองถึง . . . น้ำใจ

   ชีวิตของผู้คน . . .

   . . . ชีวิตที่ไม่มีใครมาขีดเส้นทางให้เดิน   นอกจากตัวเราเอง

   ชีวิตที่อาจไม่สวยหรู  แต่นั่นก็เป็นประสบการณ์ที่ต้องจำมากมาย  มีอะไรมากมายที่ก่อเกิดขึ้นในช่วงเวลาของคนหนึ่งช่วงอายุ  มันมีทั้งสิ่งที่น่าจดจำ  และสิ่งที่ไม่น่าจดจำ  มันอยู่ที่ว่าเราจะเลือกจับเอาสิ่งใดกันแน่

   ในห้วงชีวิตของคน . . . 

   . . . คนที่มีทั้งส่วนที่ดีและส่วนที่ไม่ดี  เป็นส่วนผสมคละเคล้ากันในมนุษย์ทุกคน  อยู่ที่จิตใต้สำนึก  มันหล่อหลอมให้เกิดสิ่งไหนมากกว่ากันเท่านั้นเอง  ถ้าไม่มีความชั่ว  แล้วเราจะรู้สึกได้อย่างไรว่าอะไรคือความดี

   บอยตระหนักดีกับสิ่งที่ตัวเองเก็บเอาไว้ในใจ . . . 

   . . . สิ่งที่มันพยายามซ่อนเอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจเท่าที่มันจะทำได้   แม้บางช่วงเวลามันจะรู้สึกอึดอัด  ขื่นขม  แต่บอยมันยิ้ม มันไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเศร้าโศกกับความรู้สึกที่มันมีให้กับชายที่ชื่อ  “นัท”

   ความรักเป็นเช่นนี้แล . . .

   . . . บางคน  รักเพื่อจะครอบครอง  ให้ได้มาซึ่งคนที่ตัวเองรัก

   แต่ . . .

    . . . กับอีกหลายคน  รักที่จะรัก

   เขายินดีที่จะเก็บใจรักของตัวเองเอาไว้ตราบนานเท่านาน เก็บมันไว้ในหัวใจที่เขาเองก็สุขทุกครั้งเมื่อนึกถึงรอยยิ้ม  ของคนที่เขารัก . . .

   . . . ความรักเช่นนี้น่าสรรเสริญนัก

   บอยเลิกเรียนนานแล้ว   เขาออกไปกาดต้นพยอมกับเพื่อนอีกหลายคน  เดือนที่สองในรั้วมหาวิทยาลัย  เขาสนุกมากขึ้น  ความเหงาเริ่มเลือนหายไป  กิจกรรมมากมายที่รุ่นพี่จัดขึ้นมาทำให้เขาคลายความคิดถึงบ้านลงได้มาก  บอยเจอกับนัทมากขึ้น  แต่ดูเหมือนทุกครั้งที่บอยเจอ  บอยจะยังอาย ๆ  ทุกครั้ง  ซึ่งบอยมันไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม  มันตอบตัวเองไม่ได้กับความรู้สึกแปลก ๆ  ที่มันมีต่อนัท  มันรู้แค่วันไหนมันไม่เห็นนัทมันจะหงุดหงิด 

   แต่เพียงแค่ . . .

   มันเห็นนัทจากมุมไกล ๆ  ที่นัทเดินผ่าน    หัวใจที่ห่อเหี่ยวของบอยกลับพองโตมาทันที  มันจะยิ้มแล้วก้มหน้าอายทุกครั้ง  บอยไม่กล้าที่จะถามตัวเองด้วยซ้ำไปว่ารักนัทหรือ?

   บอยกลัว . . .

   . . . บอยมันยอมรับว่ามันกลัวคำตอบ   

   “ใช่”

   บอยมันไม่เคยคิด . . .

   . . .  ไม่นึกมาก่อนด้วยซ้ำไปว่าในชีวิตนี้มันจะต้องมารักผู้ชายด้วยกัน  อย่างน้อยสมัยเรียนมัธยมปลายมันก็มีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชาย  แต่มันก็แค่เพื่อนที่กอดคอ  เฮไหน  ฮานั่น  ไปตามเรื่องตามราวของวัยรุ่น  วันนี้  เมื่อนัทเดินเข้ามาในชีวิตของมัน  บอยกลับรู้สึกแปลก ๆ  ในหัวใจตัวเองเข้าแล้ว

   “บอย  บอยมาเรียนที่นี่ด้วยเหรอ”   หญิงสาววันเดียวกับบอยเอ่ยทักด้วยความแปลกใจ  ขณะที่บอยเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อที่หน้ากาดต้นพยอม

   บอยมันขมวดคิ้ว  สมองมันประมวลข้อมูลผู้หญิงตรงหน้า

   “เมย์  เมย์จริง ๆ  ด้วย”  บอยมันยิ้มตาหยี

   “ไม่เจอตั้งนานบอยสบายดีหรือปล่าว”  เมย์ยิ้มหวาน  น้ำเสียงตื่นเต้นที่ได้เจอ

   “สบายดี  เมย์ไปอยู่ไหนมานี่  ตั้งแต่จบม.๓ ยังไม่ได้เจอกันอีกเลยนะ”

   “ก็พ่อย้ายไปประจำที่พิจิตร  เลยย้ายตามพ่อ    แล้วบอยมาเรียนไรนี่”  เมย์ถามก่อนหลีกทางให้คนที่เดินผ่านไปมา

   “หาที่คุยกันดีกว่ามั้ย  พอดีเพื่อนมันทิ้งบอยไปหมดแล้ว  เมย์ไปไหนป่ะ” 

   “ดีเหมือนกัน  เมย์ก็กำลังจะกลับที่หอน่ะ  พอดีแวะมาซื้อของนิดหน่อย  บอยพักที่หอไหน  หอในหรือปล่าว”  เมย์หมายถึงหอพักของมหาวิทยาลัย

   “ช่าย ๆ  อยู่หอชาย ๔   เมย์ล่ะ”

   “หอสามค่ะ  งั้นเราเดินคุยดีกว่ามั้ย”  เมย์ยิ้ม

   “โอเค”

   บอยพยักหน้ารับ  ก่อนจะเดินมาข้ามแยกที่ถนนเลียบคลองชลประทาน  แสงแดดเริ่มอ่อนแรงเพราะเย็นมากแล้ว  รถราเริ่มมากมายบอยมันเลียวมองขวาก่อนผายมือให้เมย์เดินก้าวข้ามถนนไป

   “ยังไม่บอกเลย  บอยมาเรียนอะไรต่อ”  เมย์ถาม  ขณะที่เท้าก้าวเดินไปอย่างช้า ๆ

   “วิดยา  เมย์ล่ะ”

   “วิศวคอมฯ”

   “เก่งจัง  เรียนวิศวะด้วย” 

   บอยมันพาลนึกไปถึงใบหน้าของอีกคน  เพื่อนใหม่ของมันไง  เรียนวิศวเหมือนกัน  คนที่รูปร่างผอม ๆ เดินขาโก่ง ๆ  นิด ๆ  คนที่ใส่แว่น  แต่รอยยิ้มนั้นจริงใจ  จนบอยมันต้องแอบยิ้มทุกครั้งที่มันนึกถึง

   “ยิ้มอะไรบอย”  เมย์หันมาทำหน้าสงสัย

   “ปล่าว ๆ  แค่รู้สึกว่าโลกกลม  เอ  หรือโลกแคบดีนะ”

   บอยมันหัวเราะเบา ๆ  ไม่รู้สินะ  มันรู้จักกับเมย์ตั้งแต่เรียนตอน ม.๑  พ่อเมย์เป็นตำรวจ  สมัยก่อนพ่อเมย์ดุมาก  แต่มันกลับเฉย ๆ  เพราะบ้านมันติดกัน  ถึงบอยกับเมย์จะเรียนห้องเดียวกัน  แต่ทั้งคู่กลับไม่ค่อยสนิทกัน  อาจเพราะเมย์เขาเป็นผู้หญิงทุกกระเบียดนิ้ว  ส่วนบอยมันลิงทะโมนดี ๆ  นี่เอง  เวลาว่างส่วนมากของบอยคือการปั่น  BMX  กับเพื่อน ๆ  วัยเดียวกัน  หรือไม่ก็แบกคันเบ็ดไปตกปลาตามริมบึง  ซึ่งมักจะถูกเมย์ว่าเอาบ่อย ๆ

   “บาปกรรม  เอาเบ็ดไปเกี่ยวปากปลา  ระวังเหอะกรรมจะตามทัน”




   ประตูใหญ่หลังมอ  รถค่อนข้างมาก  เพราะเป็นเส้นทางที่สามารถทะลุไปยังถนนห้วยแก้วที่หน้ามอได้  บอยเดินริมฟุตบาทช้า ๆ  เมย์เดินทอดน่อง  มีเรื่องราวที่ถ่ายทอดกันไปมา    แดดเริ่มหมดความร้อนแรง  ในสนามฟุตบอลเริ่มมีคนมาซ้อม  บางคนก็ออกวิ่งจ๊อกกิ๊งช้า ๆ  บอยมันเหมือนกลับสู่ห้วงเวลาเก่า ๆ  อีกครั้ง  เพื่อนข้างบ้านสมัยก่อนกลายมาเป็นเพื่อนเก่าคนเดียวในมหาวิทยาลัย  เพราะนอกจากเมย์แล้วมันมีแต่เพื่อนใหม่ ๆ  ทั้งนั้นเลย

   “อ้าวไอ้เสือบอย  วันนี้ควงสาวเลยเหรอ  แฟนเหรอแก  ไม่แนะนำให้เพื่อนฝูงรู้จักเลยนะ”  เสียงจากด้านหลัง  ทำเอาบอยหน้าแดง

   บิ้ก  เพื่อนร่วมห้องยิ้มแผล่  เมื่อบอยมันเดินผ่านหน้าคณะวิศวะ  เพื่อจะกลับไปยังห้อง  แต่ที่บอยหน้าแดงอาจเพราะคนที่เดินมากับบิ้กมากกว่า

   “เอ้ยไม่ใช่  เพื่อนโว้ย . . .”  บอยรีบบอก

   “. . . เมย์นี่บิ้กรูมเมทบอย”   บอยแนะนำเพื่อนร่วมห้องให้เมย์รู้จัก 

   “หวัดดีค่ะ”  เมย์ยิ้ม

   “ผมนัทครับ  เพื่อนบิ้ก  เพื่อนบอยมันด้วย  แต่อยู่ชั้นล่าง . . .”   ไอ้คนท่าทางขี้อายชิงแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ

   “. . .  อะไรว่ะ  แนะนำแต่บิ้ก  กับบอยล่ะทำลืม”    นัทมันเย้าบอยเล่น

     “ค่ะ  เมย์ค่ะ . . .”   เพื่อนสาวผมยิ้มหวาน  พอ ๆ  กับใบหย้า

   “. . .   แต่เอ๊ะ  เมย์ว่านัทนี่อยู่ชมรมเดียวกับเมย์นะ  วันก่อนเห็นแว๊บ ๆ  ที่ชมรม” 

   นัททำท่านึก  เขาหันไปมองหน้าบอย  ที่มัวแต่ก้มหน้าด้วยความเขิน  นัทมันไม่รู้  มันไม่เคยมองบอยมากไปกว่าเพื่อน  เพราะฉะนั้น  เวลาที่มันเจอนัท  มันเหมือนปกติของมัน  แต่ทำไม บอยกลับเขิน  เขินได้ทุกครั้งสิน่า

   “เมย์อยู่ชมรมวอลเลย์ด้วยเหรอ”   นัททำหน้าแปลกใจ

   “ปล้าวววววว  วิชาการ”   เมย์ตอบเสียงสูง

   “เออช่าย  คุ้นแล้ว”  นัทมันยิ้ม 

   “แล้วบอยออกไปไหนมานี่   ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน”    นัทมันลงมาเดินข้าง ๆ  บอย    นัทต้องคอยหลบรถที่วิ่งผ่านไปมาลงเดินบนถนนที  ขึ้นมาเบียดบอยบนฟุตบาทที

   “อยู่ในมอนี่แหละจะไปไหนได้   แต่งานเยอะ  รุ่นพี่สั่งงานเพียบเลย” 

   บอยมันจะกล้าบอกได้อย่างไร  ว่ามันอยากเจอนัทแทบทุกวัน  มันพูดไม่ได้หรอก  มันยังไม่เข้าใจหัวใจตัวเอง  มันยังละอ่อนกับความรัก  หรือเพราะรักมันไม่ควรเปิดเผยก็ไม่รู้สิ  บอยมันเริ่มรู้สึกขาสั่น ๆ  เหมือนคนไร้เรี่ยวแรงเอามาดื้อ ๆ  ที่นัทเดินเบียดมันบนฟุตบาท  ภายในใจหัวใจมันเต้นระส่ำ

   นั่นนะสิ . . .

   . . . แล้วมันเป็นอะไรไป  ในอกในใจถึงได้แกว่งไกวไหวโยนขนาดนี้  บ้ามันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ  เลย  มันเคยรู้สึกแบบนี้กับใครที่ไหนเล่า  มันไม่เคยรู้สึกกับใครเลย  แต่ทำไมกับนัทมันถึงรู้สึกเช่นนี้ไปได้

   ความรักทำหัวใจเต้นแรงได้ขนาดนี้เลยหรือ ?

   บอยรู้สึกราวกับว่าชีวิตอันเรียบง่ายสงบสุขของเขา  ในอาณาจักรหัวใจกำลังถูกรบกวน  โดนสั่นคลอนอย่างหนักหน่วงที่สุดในชีวิต  ด้วย  อะไรบางอย่างที่บอยมองไม่เห็น  หากแต่บอยรู้สึกได้ถึงพลังมากมายมหาศาลที่ส่งผ่านจากผิวแขนของนัททุกครั้งที่มากระทบกับแขนบอย

   “เฮ้ยบิ้ก  แตะบอลกันมั้ย  แตะบอลมั้ยบอย”  นัทมันชวนเมื่อเห็นเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกันหลายคนกำลังแตะบอลกันอย่างสนุกสนาน

   บอยสั่นหน้าแทนคำตอบ

   “เอาสิว่ะ  บอยฝากหนังสือกลับด้วยว่ะ  หรือถ้ายังไม่อยากขึ้นห้อง ชวนเมย์นั่งดูข้ากับนัทแตะบอลที่ริมสนามก็ได้นะโว้ย”  บิ้กมันเอาหนังสือวางแหมะไว้บนแขนบอย 

   “งั้นนัทฝากของนัทด้วยคน”  นัทเอาหนังสือวางไว้ที่แขนบอยเช่นกัน 

ปลายนิ้วนัทสัมผัสกับแขนบอยเบา ๆ . . .

   . . . บอยรู้สึกเหมือนมีพลังไฟฟ้าอ่อน ๆ  ไหลจากตัวนัทมาสัมผัสกับบอย 
มันแทบจะละลายลงตรงนั้นไปเลย  สีเลือดฝาดฉาบบนใบหน้าบอยอีกครั้ง  แม้จะไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของนัท  แต่บอยมันยินดีอย่างที่สุด  อย่างน้อยมันก็ได้สัมผัสเผ่วเบาจากชายที่มันรู้สึกแปลก ๆ  ในหัวใจตอนนี้

   “เราไปนั่งคุยริมสนามดีกว่ามั้ยบอย  เมย์ยังไม่อยากกลับหอเหมือนกัน  เมย์ชวนบอย  บอยยิ้มกว้าง

   บอยมันอยากชวนเมย์เหมือนกัน . . . 

   . . . อยากเห็นนัทนาน ๆ  ไม่อยากกลับไปห้องเลยสักนิดเดียว  ที่ห้องไม่มีอะไร  แต่ที่ในสนามฟุตบอล  มีหัวใจมันวิ่งไล่ลูกไปมาอยู่ 

   แต่ . . .

   บอยมันกลัวเมย์จะเบื่อ  แต่ในเมื่อเมย์เอ่ยปากชวน บอยมันเลยยิ้มเสียกว้างกว่าที่เคย  มันค่อย ๆ  เดินนำหน้าเมย์ไปที่ม้านั่งริมสนาม

   บอยมองทอดสายตาไปในสนามคนที่เอ่ยปากชวนวิ่งฉิวเข้าไปขอเพื่อน ๆ  เล่น   แล้ววิ่งกลับมากที่มันนั่งอยู่  นัทมันถอดเสื้อ  แล้วโยนมาที่บอย  บอยมันรับรู้เพื่อนฝากไว้  แล้วนัทมันวิ่งกลับไปที่สนามตามเดิม  ตอนนี้ในสนามแบ่งเป็นสองฝั่ง  ฝั่งที่ใส่เสื้อและไม่ใส่เสื้อ  บอยมันไม่สนหรอกเกมส์วันนี้จะเป็นอย่างไร  บอยมันรู้เพียงแต่ว่าสายตามันจับจ้องไปที่คนร่างสูงที่วิ่งพลิ้วอยู่กลางสนามนั่นเอง

   บอยเอาเสื้อนัทมาพาดบ่าเอาไว้  หลายครั้งที่มันแอบเหลียวหน้าไปสูดเอากลิ่นจากเสื้อ  ที่เจ้าของกำลังวิ่งไล่ลูกกลม ๆ  อยู่กลางสนาม

   แค่กลิ่น . . .

   . . . เท่านี้กระมังที่มันมีสิทธิ์

   นัทมันโฉบเอาได้ลูกตั้งแต่กลางสนาม  มันเลี้ยงลูกไปมา  สายตาสอดส่องหาช่องที่จะส่งลูกไป  มันชี้ให้เพื่อนที่อยู่ทางปีกขวาเป็นสัญญาณ  คู่แข่งต่างเข้าประกบคนที่นัทชูมือ  กว่าคู่แข่งจะรู้  มันก็โยนลูกข้ามหัวไปทางปีกซ้าย  ที่อีกคนรออยู่  คนรับลูกต่อจากนัท  เลี้ยงหลบ  แล้วชะลอทำท่าจะยิง  ก่อนเปลี่ยนใจ  ส่งกลับมาทางหลัง  ทำเอาอีกทีมรวนไปเหมือนกัน 

   แล้วทีมนัท  ค่อย ๆ  บุกอย่างมีจังหวะ  มีชั้นเชิงก่อนที่จะส่งบอลกลับมาที่นัทอีกครั้ง  นัทเลี้ยงเข้าไปใกล้ประตู  กองหลังสองคนออกมาสะกัด  แต่นัทมันกลับหลัง  ใช้หลังบังเอาไว้  แล้วสาดลูกไปทางขวา  อีกคนคอยท่าอยู่แล้วกระโดดขึ้นโหม่งลูกเสียบสามเหลี่ยมบนหมดปัญญาที่นายประตูจะรับลูกได้  เสียงเฮ วี้ดหวิว  ของฝ่ายทำประตูนำดังลั่น  นัทมันวิ่งไปเอาลูกในประตู  แล้ววิ่งไปมา 

   บอยมั้นยิ้มกับประตูแรกที่นัทมีส่วนด้วย  มันกระโดดดีใจไปกับภาพที่มันเห็น  บอยมันมองนัทเล่นโดยที่ไม่รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย


ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ขอบคุณคับ
คืนนี้คงไม่อัพแล้วใช่มั๊ย
เด๋วรอพรุ่งนี้น๊า
ฝันดีกั๊บ

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
อยากที่เคยบอก
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกอึดอัดดีจัง
แต่ก็อยากรู้ว่าเรื่องราวมันจะดำเนินต่อไปยังไง

รออยู่น๊าคุงราชบุตร ^_^

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
มาอ่านแค่เอื้อมฉบับสมบูรณ์ เรื่องของนัท กับ บอย

ขอบคุณมากค่ะ แม้เนื้อเรื่องจะเปลี่ยนไปบ้าง

แต่กำลังใจที่มีให้คุณต้น ยังมีเหมือนเดิมค่ะ

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป


ตอนที่ ๓ (ต่อ)


   แสงไฟสนามเริ่มจุดใส้หลอด  จากจุดแดง ๆ  ตรงกลางหลอด  ค่อย ๆ  สว่างพรึ่บทั้งสนามในที่สุด  มันเหมือนหัวใจของบอย  ที่โดนนัทจุดความสว่างในหัวใจด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ  ในครั้งแรกที่เจอ  จนสว่างพรึ่บในวันนี้  วันที่บอยมันกล้ามองนัทได้เต็มตาในระยะไกล ๆ 


   สักวันนึงเหอะ . . . 

   บอยจะมองนัทให้เต็มทั้งตาทั้งหัวใจเลย วันที่บอยกล้าพอที่จะยิ้มและมองคนที่ตัวเองรัก มันจะไม่ต้องแอบอายเหมือนเช่นที่เคยเป็นมา 

   วันนั้นคงเป็นวันที่บอยมีความสุขที่สุด . . .

   . . .  แม้ว่า

   ตอนนี้จะยังไม่กล้า   สักวันข้างหน้าจะยิ้มอย่างเต็มใจ

   “นัทเก่งนะบอย  เล่นพลิ้วดีจังเลย”   เมย์เอ่ยออกมาเมื่อนัทยิงประตูที่สามให้ทีม 

   หลายคนในทีมวิ่งมาจับคนยิงสวมกอดด้วยความดีใจ  บอยมันนึกอิจฉาคนพวกนั้นเล็ก ๆ  ที่ได้กอดนัท  แต่เขาเหล่านั้นอาจไม่ได้คิดอะไรแบบที่บอยคิดอยู่ก็เป็นได้

   “บอย  ใจลอยเชียว  เป็นไร”  เมย์ผลักบอยเบา ๆ

   บอยหันมายิ้มเก้อ ๆ  . . .

   . . . โอ้ยนี่มันเป็นเอามากขนาดนี้เลยเหรอ  อีกหน่อยถ้านัทสนิทกับมันกว่าที่เป็นอยู่มันจะอาการหนักขนาดไหนนะ    บอยไม่อยากนึก  ถึงเวลาข้างหน้า  เวลาที่จะค่อย ๆ  สร้างความผูกพันให้เกิดขึ้นในหัวใจ 

   บอยมันรู้ . . .

   . . . ในความผูกพันนั้นเจ็บปวดเสมอ  บอยมันแอบถอนหายใจเบา ๆ

   “อยากเล่นเก่ง ๆ  แบบนัทมั่งจัง  แต่ไม่ไหวบอยกับบอลมันไม่ค่อยสามัคคีกัน  ต้องวอลเลย์ถึงจะไหว . . .”  บอยหันมายิ้ม 

   “. . . เมย์รอบอยที่นี่แปบนึงนะ  เดี๋ยวไปซื้อน้ำก่อนนะ  ใกล้หมดเวลาแล้วล่ะ  เดี๋ยวสองคนนั้นหิวแย่”  บอยบอกเมย์  ก่อนจะวิ่งปรู้ดไปที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ

   เมย์มองบอยวิ่งออกไปแล้วยิ้ม . . . 

   บอยยังเป็นบอยคนเดิมที่มีน้ำใจกับเพื่อนฝูงตลอดมา  เมย์จำได้ดี  สมัยเรียนมัธยมต้น  บอยมันเคยแบ่งข้าวครึ่งจานกับเพื่อนสนิทในห้องที่ไม่มีเงินกินข้าวตอนเที่ยง  แล้วบอยมันแบ่งกันทุกวันด้วยซ้ำไป

   ภาพของเพื่อนผู้มีน้ำใจยังจำติดตาเมย์

   บอยวิ่งกลับมาอีกครั้งพร้อมน้ำกับขนมถุงใหญ่  บอยเปิดเครื่องดื่มชากระป๋องแล้วเก็บเอาหูหนีบออกจากกระป๋องมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ ก่อนเอาหลอดใส่แล้วส่งให้เมย์ 

   “ขอบคุณค่ะ . . .” เมย์ยิ้มก่อนรับกระป๋องที่บอยส่งมา

   “. . . บอยเก็บไปทำไม”

   “อะไรเหรอ”  บอยถาม

   ในขณะที่มือกำลังทำแบบเดียวกันกับกระป๋องน้ำดำสีน้ำเงิน  เขาเอาหูกระป๋องบิดออกจากกระป๋องก่อนใส่ไว้ที่กระเป๋า

   “ไอ้นี่ไง”  เมย์ชี้มาที่อลูมิเนียมหูหนีบ

   “อ่อ  เก็บไว้บริจาคนะ  เขาเอากลับไปทำน้อตขาเทียมให้คนพิการได้บุญดีออก”  บอยมันเก็บใส่กระเป๋าเสื้อเหมือนเดิม

   “ทำได้เหรอ  เมย์ไม่เคยรู้เลยนะเนี่ย”  เมย์ยิ้ม  ทำหน้าแปลกใจ

   “ได้ครับ  เหมือนกับที่เขาเอาขวดยาคูลท์มาทำขาเทียมนั่นแหละเมย์ . . .”  บอยยิ้มตาหยี

   “. . . เราช่วยเท่าที่จะช่วยได้ไงเมย์  คนละไม้คนละมือ  ยังมีอีกหลายคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้  ถ้าเราคนในสังคมช่วยกันคนละนิด  เขาเหล่านั้นก็มีชีวิตที่ดีกว่าเดิมแน่ ๆ”

   เมย์ยิ้มกว่างกว่าเดิม  มองหน้าบอยเนิ่นนาน

   “เฮ้ย  ยังไม่กลับกันอีกเหรอ”  บิ้กตะโกนมาก่อนเสียง  แล้วมานอนแผ่หราที่ใกล้ ๆ บอย

   บอยส่งขวดน้ำให้นัท . . .

   หัวใจบอยเต้นแทบไม่เป็นจังหวะเมื่อ  นัทยิ้มตอบ

   “ขอบใจนะบอย”

   เจ้าตัวรับไปเปิดดื่ม  ก่อนจะหยิบเอาเสื้อมาเช็ดเหงื่อที่เกาะพราวเต็มใบหน้าและตามตัว  บอยมันเอาน้ำอีกขวดโยนไปให้บิ้ก  บิ้กรับอย่างชำนาญ  ก่อนจะยักคิ้วให้บอยเป็นเชิงขอบคุณ

   “แม่งเอ้ย  ทีมแกโกงวะนัท”  บิ้กอยู่ในทีมแพ้   ลดขวดน้ำจากปาก  ก่อนที่จะบอก

   “อ้าว  โกงไร”  นัทมันนั่งลงใกล้ ๆ  บอย

   “โกงดิ  ก็แกเล่นยิงก่อนได้ไง”  บิ้กมันหัวเราะชอบใจ

   “ห่าเอ้ย”  นัทใช้เท้ายันไปที่สะโพกบิ้กเบา ๆ 

   ที่สนามกีฬาวันนั้นบอยมันยังจำได้แม่น . . . 

   . . . วันที่มันรู้สึกใกล้นัทมากที่สุด  ใกล้กว่าตอนอยู่บนดาดฟ้าในคืนจันทร์เต็มดวงเสียอีก  เพราะอย่างน้อยวันนั้นมันกล้าที่จะมองนัทได้เต็มสายตา    เวลาเหล่านั้นแทบจะไม่เคยเคลื่อนย้ายไปจากบอยเลยด้วยซ้ำไป 



   เวทีโดนจัดอย่างเรียบง่าย  มีลูกโป่งหลากหลายสีมาประดับประดา  สนามข้างหอดูแคบไปถนัดตา  เมื่อเวลาใกล้เริ่มงาน  นักศึกษาต่างทยอยกันมาร่วมงานมากมาย  ไฟราวต่าง ๆ  สว่างขึ้นเมื่อพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า  เป็นสัญญาณบอกว่าเวลางานจะเริ่มขึ้นแล้ว

   หลายเดือนแล้วสินะที่บอยมันมาอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ . . . 

   และหลังจากสนามฟุตบอลวันนั้นบอยมันเห็นภาพที่บอยไม่อยากเห็นอีกเลย ภาพที่เจ้าตัวรู้สึกขุ่นเคืองในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก  เป็นความรู้สึกที่เจ้าตัวเองพยายามข่มเอาไว้ให้ลึกที่สุด  เพราะรู้ดีว่าตัวเองมีสิทธิ์แค่ไหน

   ภาพที่บอยเห็น . . .

   . . . นัทกับเมย์ 

   ภาพสองคนที่บอยเริ่มคุ้นตา  เมื่อสองคนนั้นไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น  หลายครั้งที่เมย์เจอบอยแล้วถามหานัท  เหมือนที่นัทเจอบอยแล้วถามถึงเมย์ 

   หัวใจบอยมันรู้สึกเหงา ๆ . . . 

   . . .แต่

   บอยกลับเป็นสุขที่ได้เล่าเรื่องราวของคนที่โดนถามถึงไปสู่คนถาม  ก็มันรักเพื่อรัก  ไม่ใช่รักเพื่อนครอบครอง

   บอยมันตอบคำถามตัวเองได้แล้ว . . . 

   . . . คำถามที่มันตั้งขึ้นมาเพื่อถามหัวใจตัวเอง  ตั้งแต่วันแรกที่มันรู้สึกแปลก ๆ  กับนัท

   รักนัทว่ะ . . .

    . . . คือคำตอบจากหัวใจส่วนลึกของบอย 

   หัวใจของบอย มีรัก  เท่าที่หัวใจรักของมันจะรักได้  มันยิ้มทุกครั้งที่เห็นนัทเดินไปกับเมย์  แม้ว่าความจริงแล้ว ภายในหัวใจส่วนลึกของบอยจะสั่นไหวบ้าง  แต่บอยมันยิ้มเสมอ  มันสู้ความจริงได้ตลอด  มันยอมรับในสิ่งที่มันเป็น  แต่มันแค่ยอมรับกับตัวเอง  เหมือนกับที่มันยอมรับว่าเมย์กับนัทตกลงใจจะคบกันนั่นแหละ  เพราะอะไรนะหรือ?

   เมย์คือเพื่อนเก่า

   ส่วน. . .

   . . . นัท

   นัท . . .คือ  ทั้งหมดที่บอยมันมีตอนนี้ไง

   หัวใจของบอยมันจะเจ็บก็เจ็บอยู่ . . . 

   . . . แต่บอยมันสุขหัวใจมากกว่าที่คนที่มันรักสองคนเข้าใจกันได้ 

   อย่างน้อยทั้งสองก็เดินบนถนนของความเป็นจริง  ส่วนมันเหมือนคนเดินอยู่ในที่มืด  ความรักของบอยใครเขารู้  เขาจะสมน้ำหน้ามากกว่าที่จะเห็นอกเห็นใจ  ใครเล่าจะมาเห็นใจในความรักที่ผิดธรรมชาติแบบที่บอยรู้สึกอยู่ในตอนนี้

   “ตื่นเต้นจังเลยเมย์”   นัทบอกเมย์เบา ๆ  เมื่อยืนอยู่ข้างเวที

   “เอาน่าเมย์เชื่อว่านัททำได้”  เมย์ตบไปที่หลังมือของนัทที่กุมมือเมย์เอาไว้มือนัทเย็นเฉียบเมย์รู้แหละ

   เมย์ยิ้มกว้างให้กำลังใจ

   บอยมันยืนมองภาพนั้นเงียบ ๆ  . . . 

   . . . แววตามันคล้ายมีน้ำเอ่อ 

   มันอิจฉาเมย์หรือ? 

   . . . ไม่ 

   ไม่มีทางแน่ ๆ  . . . 

   เมย์เพื่อนมันนะ  มันจะไปอิจฉาเมย์ทำไม  แต่มันก็แค่เพื่อนเท่านั้น  เพราะตอนนี้มันเหมือนคนนอก  บอยไม่เคยคิดโทษใครหรอก  โดยเฉพาะนัท  เพราะบอยคิดเสมอ  ว่านัทเป็นผู้ชาย . . . 

   . . .ไม่ใช่เกย์ 

   การที่นัทคบกับบอยให้ความสนิทกับบอย  บอยมันก็ดีใจแทบตายแล้ว  มันไม่เอื้อมนัทให้มากไปกว่านี้หรอก

   “บอย  ตื่นเต้นว่ะ  จับดูดิใจกูเต้นไม่เป็นจังหวะเลย”  นัทมันเอามือมาจับมือบอยแล้วไปทาบที่อกด้านซ้าย

   บอยสัมผัสได้ด้วยมือที่กุมมือบอยแตะไว้ที่หน้าอก . . . 

   . . . ก้อนเนื้อที่มีชีวิตด้านในเต้นตุ๊บตั๊บ  มันเหมือนน้ำที่รดรินหัวใจบอย  อุ้งมือนัทที่จับมือบอยให้แนบอยู่กับหัวใจนัท  บอยมันไม่เคยนึกไม่เคยฝันว่ามือมันจะมีโอกาสสัมผัสกับหัวใจนัท  เพราะมันแค่อยากรักนัทเงียบ ๆ  แบบนี้

   แต่ตอนนี้เหมือนหัวใจนัทอยู่ในกำมือมัน . . .

   “เออว่ะ  เอาน่ากูเชื่อว่ามึงทำได้”  บอยยิ้มมั่นใจ

   เสียงพิธีกรของงานเริ่มประกาศเปิดงาน . . . 

   “หนุ่ม-สาวชาวหอ”   หรือหลายหลายคนรู้จักว่ามันคืองาน  หาคนที่เป็นขวัญใจนักศึกษาประจำหอในของมหาวิทยาลัยนั่นเอง นักศึกษาใหม่ล้วนมากันเนืองแน่น

   หลาย ๆ  คนเริ่มขึ้นไปแสดงความสารถของตัวเองกันเต็มที่  จนเสียงพิธีกรประกาศเรียกชื่อนัท  บอยมันยิ้มอีกครั้ง

   “ไอ้บอยยืนอยู่ตรงนี้นะมึงอย่าไปไหน”  นัทมันเอื้อมมาจับมือบอยอีกครั้ง

   “เออ  กูกับเมย์จะยืนตรงนี้แหละ  เต็มที่เลยนะโว้ย”  มันตบไหล่นัทเบา ๆ

   นัทไม่รู้หรอก . . .

   . . . นัทไม่มีวันรู้แน่ ๆ 

   บอยมันถอดทั้งหัวใจไปช่วยนัทมันหมดแล้ว . . . 

   ตอนนี้ . . .

   . . . บอยมันมีแค่ร่างที่ยืนมองหัวใจตัวเองเท่านั้น 

   แค่ไออุ่นจากมือนัท . . . 

   ก็ทำให้บอยมันแทบจะตายให้ได้อยู่แล้ว มันมีความสุขกว่าใคร ๆ  ทั้งหมดในงานแห่งนี้เสียด้วยซ้ำ

   อีกแปบเหอะ . . . 

   . . . อีกแปบเดียวเท่านั้น 

   รอแค่เวลาที่นัทมันจะปรากฏตัวบนเวที  เวลานั้นแหละมันจะจ้องมองนัทไม่ให้กระพริบตาเลยทีเดียว  วันนี้มันจะจดจำนัท 

   มันจะจารจำไปชั่วชีวิตของมันเลยทีเดียว

   เสียงอินโทรลดนตรีดังขึ้น . . .

   . . . สปอร์ตไลต์ส่องไปข้างเวที 

   นัทมันเดินออกมาพร้อมจูงจักรยาน  เสียงทั้งกองเชียร์ทั้งชายจริงหญิงแท้ ชายเทียมดังกระหึ่มไปหมด  นัทมันคนเพื่อนเยอะ  และมันยังเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลตัวมหาวิทยาลัยอีก  เพราะฉะนั้นกองเชียร์จัดตั้งของนัทมันเยอะเป็นธรรมดา

   “อ้ายคนจนจำต้องทนปั่นรถถีบ  จะไปจีบอีน้องคนงาม  พอไปถึงอ้ายก็ฟังเอิ้นถาม  อีน้องคนงามกินข้าวแลงแล้วก๋า  น้องได้ยินก็ปิดประตู๋ดังปัง!  อ้ายเลยนั่งจูงรถถีบออกมา  อ้ายคนจนบ่อมีวาสนา  จะไปขี่ฮอนด้า  ขี่ยามาฮ่าไปได้จะได๋...”

   บอยมันยิ้มกับภาพที่มันเห็นตรงหน้า . . . 

   เสียงกองเชียร์ร้องกรี๊ดดังลั่นไปหมด เมื่อนัทเลือกเพลงของศิลปินชื่อดังแห่งล้านนามาโชว์บนเวที

   บอยมันมองนัทใส่ลีลาท่าทาง  จนมันเองยังอดนึกไม่ได้  ถ้ามันไปยืนตรงจุดเดียวกับนัทมันจะกล้าทำแบบที่นัททำอยู่ตอนนี้มั้ย 

   มันตอบได้ทันที . . . 

   . . . มันทำแบบนัทไม่ได้หรอก  มันไม่ใช่คนกล้าแสดงออกแบบนัท   แค่มันเดินขึ้นเวทีที่แสงไฟคอยตามส่องมันคงก้าวขาไม่ออกแล้ว

   ทำไปได้ . . .

   . . . มันได้แต่แอบยิ้มกับตัวเองในใจ  กับภาพที่เห็น  กับทุก ๆ  สิ่งที่นัททำ  บอยยิ้มกว้างอย่างที่สุดเมื่อเห็นนัทโดดเด่นอยู่บนเวทีแห่งนั้น

   บอยมันยืนมองไปบนเวทีจนกระทั่งนัทมันโชว์จบเพลง  แล้วนัทตรงรี่มาที่มันกับเมย์    มันยิ้มให้นัท  มันยิ้มกว้างกว่าทุกครั้ง 

   “โอยสั่นแทบตาย”  คำแรกที่นัทมันพูดออกมา 

   นัทมันคงสั่นจริง ๆ    เม็ดเหงื่อพราวอยู่เต็มใบหน้าของนัท  วันนี้นัทไม่ใส่แว่นด้วย  บอยมันมองเห็นแววตานัทชัดเจนที่สุด  แววตาที่นัทซ่อนไว้ใต้กรอบแว่น  แต่วันนี้ไม่มีม่านกระจกมาบิดบัง

   “บอยมีผ้าเช็ดหน้ามั้ย  ของเมย์ลืมหยิบมา”  เมย์หันมาถาม

   บอยหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อหน้าอกส่งให้เมย์ 

   เมย์ค่อย ๆ  บรรจงซับเหงื่อจากใบหน้าของนัท  บอยมันยิ้มตามเคย  กิริยาที่เมย์ทำให้นัทมันบาดใจบอย  แต่บอยมันสุขกว่าสุข

   อย่างน้อย . . .

   . . . ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กของมันได้คอยซับหยาดเหงื่อจากชายที่มันรู้สึกดี

   “ขอบใจนะบอย”  เมย์ส่งผ้าเช็ดหน้าคืนให้บอย 

   เหงื่อของนัทมันซึมอยู่ตามเส้นด้าย บอยยิ้มให้เมย์อีกครั้ง  แต่เมย์ไม่มีวันเข้าใจความหมายในรอยยิ้มของบอยหรอก

   บอยค่อย ๆ  เอาผ้าเช็ดหน้ามาบรรจงพับเก็บไว้ในกระเป่าเสื้อตามเดิม  มันเข้าใกล้นัทขึ้นทุกที  หัวใจมันสุข  แม้บางครั้งมันอาจนึกอิจฉาเมย์อยู่ลึก ๆ 

   แต่ . . .

   . . . บอยมันรักเพื่อรัก

   มิใช่รักเพื่อนครอบครอง . . .

   แค่มันได้อยู่ใกล้ ๆ  นัท  ใกล้ ๆ  หัวใจของมันเท่านั้นมันยินดี  มันไม่กลัวหรอก  เพราะตราบใดที่มันไม่เผยหัวใจให้นัทรู้  บอยรู้ดี  ความเป็นเพื่อนระหว่างมันกับนัท  นัทมีให้เสมอมิเปลี่ยนแปลง

   มันกลัวการสูญเสียมากกว่า  มันเลยจำต้องเก็บความรักไว้กับอก

   เสียงพิธีกรประกาศให้ทุกคนขึ้นเวทีอีกครั้ง . . .

   แล้วพิธีกรเริ่มประกาศรางวัล  บอยมันตื่นเต้นสุดชีวิตเมื่อสองคนที่เหลือ  มีนัทรวมอยู่ด้วย  บอยมันจ้องไปหน้าเวทีนิ่ง  หัวใจมันแทบหยุดเต้น  มันค่อย ๆ  เอามือมาจับที่ผ้าเช็ดหน้าชุ่มเหงื่อนัทช้า ๆ  สิ้นเสียงประกาศของพิธีกร

   หนุ่มชาวหอไม่ใช่ . . . นัท 

   . . . เพราะนัทได้แค่รอง 

   บอยมันมีแววหม่นหมองเล็กน้อยแอบเสียใจเล็ก ๆ  ที่คนที่บอยรักไม่ใช่คนที่เป็นหนึ่งบนเวทีแห่งนั้น 

   แต่ . ..

   . . .นัท

   นัทมันยิ้มกว้างยินดีกับคนที่ได้ตำแหน่ง  รอยยิ้มในคืนนั้นของนัท  ยังคงแจ่มสว่างในใจบอยเสมอ  เหมือน ๆ  กับที่บอยเก็บผ้าเช็ดหน้าชุ่มเหงื่อของนัทเอาไว้โดยไม่เคยเอามาใช้อีกเลย


RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป

ตอนที่ ๔

หนาวแรกบนดาดฟ้ากับโคมลอยที่อ่างเกษตร
 



   หนาวแรกของเชียงใหม่ . . . 

   อากาศหนาว ค่อย ๆ  ลอยมาสัมผัสกระทบผิวบอย  มันคล้าย ๆ  ว่าความหนาวเหน็บจะแทรกซึมไปถึงขั้วหัวใจเลยทีเดียว   มันเหมือนคนโดดเดี่ยวที่ยืนอยู่ริมผา  เวลาสายลมเอื่อยลอยมากระทบจนมันต้องห่อไหล่ 


   มันใช้มือขวากอดมือซ้ายของตัวเองเอาไว้  แนบไว้กับลำตัว  ที่นี่มันไม่มีใครให้กอด ผิดกับตอนมันอย่าเพชรบูรณ์มันยังมีแม่ให้กอดคลายเหงาได้บ้าง  ใครจะว่ามันลูกแหง่มันไม่สนหรอก  มันรู้ถ้ามันอยากได้ความอบอุ่น อกแม่ของมันอุ่นกว่าอ้อมกอดของใครในโลกที่มันเคยเจอ

   เสียงประทัดยักษ์  พลุ  ดังกันแทบทั้งเมือง  เสียงเพลงจากเวทีต่าง ๆ  ล้วนเป็นทำนองสนุกสนาน  แต่มันกลับบาดลึกไปในความรู้สึกของบอย  มันมองลอดระเบียงออกไปด้านนอก  โคมสีขาวที่มีดวงไฟสีส้มสุก  ล่องลอยไปในอากาศช้า ๆ  ลูกแล้วลูกเล่า  งานประเพณีที่ขึ้นชื่อของล้านนา  “ลอยยี่เป็ง”

   นัทแต่งตัวสบาย ๆ  กางเกงยีนส์เสื้อยืด  นัทมันชอบยีนส์เก่า ๆ  ขาดนิด ๆ  มันเซอร์ ๆ  ดี  นัทมันเดินลง  มาด้านล่างของหอพักคืนนี้แม้ไม่ใช่การเที่ยวครั้งแรกกับเมย์  แต่มันอาจเป็นครั้งแรกของนัทที่ควงสาวออกงานลอยกระทงเพราะแต่ไหนแต่ไรมา  มันเคยชินกับการเที่ยวกับเพื่อนรุ่นเดียวกันมากกว่า  เมย์เป็นผู้หญิงคนแรกที่เข้าก่อกวนหัวใจนัทได้มากที่สุด  ซึ่งนัทเองมันก็เต็มใจที่จะยอมให้เมย์ก่อกวน

   มันไม่เคยปิดประตูหนีความรัก . . .

    . . . เพราะมันรู้ว่าในความรักย่อมมีสิ่งสวยงามซ่อนเร้นอยู่  มันมีเสน่ห์ที่จะค้นหา

   “รอนานมั้ย  ไปกันหรือยัง”  นัทเอ่ยถามเสียงนุ่ม

   “อ้าว  นัทไม่ได้ชวนบอยไปด้วยเหรอ  เมื่อเย็นเมย์เจอบอย  เห็นบอกว่าปวดหัวคงไม่ออก  วันนี้ลอยโคมใหญ่  น่าจะชวนบอยไปด้วยกันนะนัท”  เมย์ถามเพราะเห็นนัทลงมาคนเดียว

   “เหรอ  นัทไม่เจอบอยหลายวันแล้ว  ตกลงจะให้นัทไปชวนบอยเหรอ”  นัทถาม  พลางชี้ไปทางบนห้อง

   “นัทไม่อยากให้บอยไปก็ไม่ต้องชวนก็ได้”  เมย์อาจมองสายตานัทมันออก

   “ไม่ใช่แบบนั้น  โธ่เมย์ก็  งั้นรอแปบนะ  เดี๋ยวนัทขึ้นไปดูบอย”  นัทมันวิ่งปรู๊ดกลับไปยังชั้นสาม

   เมย์ยิ้มออกมา  . . . 

   . . . ในความเป็นเพื่อนเมย์มีความจริงใจให้กับทุกคน  เมย์อาจโดนเลี้ยงมาจากที่บ้านให้มองทุกคนเป็นมิตร  หัวใจของเมย์เลยอ่อนโยน  อ่อนหวานสอดรับกับกิริยาและใบหน้าที่มีรอยยิ้มอยู่เสมอ

   นัทมันวิ่งหอบ ๆ  มายืนอยู่หน้าห้อง ๓๓๑  ของหอชาย ๔

   ยังไม่ทันที่นัทมันจะเคาะประตู . . . 

   . . . เสียงบานพับที่โดนสนิมเกาะก็เปิดออกมา  นัทมันยิ้ม  แต่มันคล้ายมีแววตาผิดหวังเพราะคนนั้นไม่ใช่คนที่มันจะมาหา

   “อ้าวไอ้นัท  ไม่ไปลอยโคมเหรอวันนี้กูกำลังจะออกไปพอดี  นัดสาววิจิตรไว้ว่ะ”  บิ้กมันค่อย ๆ  ปิดประตู

   “ว่าจะไป  เห็นเมย์บอกว่าไอ้บอยไม่สบายเหรอ  แล้วมันไม่ไปด้วยเหรอ”

   “เฮ้ย  มึงไม่ได้สวนกับมันหรอกเหรอ  มันออกไปก่อนหน้านี้ไม่ถึงสองนาทีเอง  แต่เอ!  กูลืมถามมันด้วยดิ  ว่ามันจะไปหรือปล่าว  หรือมันไปหาเพื่อนที่ห้องอื่นว่ะเห็นมันหยิบกีตาร์ไปด้วยนะดิ  หาเอาเองนะโว้ย  ถึงเวลานัดกับสาวแล้วล่ะ กูไปล่ะ”  บิ้กมันตบไหล่นัทเบา ๆ  ก่อนผละจากไป

   นัทมันยืนมึนอยู่กับคำตอบของบิ้ก 

   ตายห่า . . . 

   . . . มันจะหาบอยได้ที่ไหนวะเนี่ย 

   เพราะมันไม่ได้สนิทกับบอยขนาดที่รู้ว่าบอยมันชอบไปห้องไหนเสียด้วย  นัทมันค่อย ๆ  หมุนตัวกลับ  มันเดินก้มหน้าคล้ายใช้ความคิด  มันเดินมาถึงบันได  มันได้ยินเสียงเพลงลอยมาจากด้านบน 

   เร็วเท่าความคิด . . .

   นัทมันก้าวขาไปทันทีก็บิ้กมันบอกเองว่านัทเอากีตาร์ไป  นัทอาจเล่นกีตาร์อยู่กับเพื่อนที่ห้องไหนก็ได้  แต่เสียงนั้นมันไม่ใช่กีตาร์  มันเป็นเสียงเมาออแกน  แม้เสียงมันจะไม่ดังมาก  แต่เสียงมันเหงา ๆ  เศร้า ๆ  เย็นเยียบเข้าไปในหัวใจ ยังไงไม่รู้ 

   . . . นัทเดินตามเสียงมาจนถึงดาดฟ้า     

   นัทมันขมวดคิ้วบอยมันทำห่าอะไรแปลก ๆ  มันจุดเทียนไว้ตามระเบียงมากมาย  ลมเบา ๆ  พัดจนเปลวเทียนไหวเอนไปตามลม    พริ้วจนแทบจะมองออกว่าอันที่จริงแล้วที่ไหวเอนนั้นเป็นแสงเทียนหรือสายลมกันแน่

   เพราะเรามองไม่เห็นสายลม . . . 

   แต่ . . . ตอนนี้นัทมันเห็น  เปลวเทียนพลิ้วไปตามสายลม

   สายตาบอยมันมืดมิดมันต้องการแสงเทียนในการนำทาง . . . 

   . . .  ส่วนหัวใจบอยมันหนาวเหน็บ ไออุ่นจากเปลวไฟ คงพอช่วยบรรเทาความหนาวเหน็บของหัวใจมันได้บ้าง 

   กีตาร์มันวางไว้ใกล้ ๆ  ตัว บอยมันเป่าเพลงจากเม้าออแกน  มันขึ้นเพลงใหม่  เสียงเม้าท์ออแกนสะกดให้นัทมันทำได้แค่ยืนเฉย ๆ  เท่านั้น  นัทมันร้องตามในใจ  เพลงนี้มันเหงา  มันเศร้า 

   บอยมันหยิบกีตาร์มาไว้ในมือ  คราวนี้มันเริ่มไล่สาย  แล้วมันค่อย ๆ  เล่นใช้มือสองมือของมันกระทำให้ก่อเกิดทำนองเดิมขึ้นมาอีกครั้ง 

   เสียงหวีดกรีดลอยไปบนอากาศ  แล้วแตกกระจายดวงไฟเล็ก ๆ  หลากสีแตกจากพลุดวงใหญ่ที่ยิงขึ้นไป มองเห็นชัดบนดาดฟ้า. . .   

   . . . โคมลอยเริ่มมากดวงขึ้น 

   ที่อาบไล้ทั่วทั้งเมืองคือแสงจันทร์โผล่พ้นทิวเขาหลังพระธาตุ  ส่องสว่างกระจ่างบนดาดฟ้า  สมเป็นคืนเพ็ญเดือนสิบสอง  นัทมันยืนนิ่งคล้ายคนถูกสะกด  เมื่อบอยมันค่อย ๆ  ปล่อยเสียงร้องออกมา  น้ำเสียงมันแหบ ๆ  เศร้า ๆ  ยังไงไม่รู้  เสียงทำนองกีตาร์มันแทบไม่ผิดเพี้ยนจากต้นตำรับ



บทชีวิตคือบทละครที่สวรรค์กำหนด

ได้บทที่เหี้ยมโหดเฝ้าโทษตัวเอง

ก่อนจากหากได้ลาปัญหาฉันคงทุเลา

เพียงได้สบตาทุกข์คงบรรเทา

คำว่ารักคงยังไม่พอ เธอคงไม่รับฟัง

รักคงยังไม่พอ  แต่อยากจะขอ

ได้พบได้พูดให้เธอเข้าใจให้รู้ในใจยังรักเธออยู่

แต่กลัวจะซ้ำเติมทุกข์ให้เธอเจ็บช้ำเพราะรักคงยังไม่พอ

หมดความหมายแต่บทแสดงยังหายใจอยู่

ถูกคนลบหลู่ปลอบใจทุกวัน

ปิดฉากไปเสียดีกว่าแสดงเป็นคนไร้ค่า

อาจมีสักวันเข้าใจมากกว่านี้

คำว่ารักคงยังไม่พอ เธอคงไม่รับฟัง

รักคงยังไม่พอ  แต่อยากจะขอได้พบได้พูดให้เธอเข้าใจ

ให้รู้ในใจยังรักเธออยู่แต่กลัวจะซ้ำเติมทุกข์ให้เธอเจ็บช้ำ

เพราะรักคงยังไม่พอ

ดังเรือใบล่องหาทิศทางแบกภาระสูงจนเต็มลำ

ติดตามไปคงไม่ถึงฝั่ง ดูใจดำแต่ฉันหวังดีที่ต้องทิ้งเธอตามลำพัง

ไม่อยากให้เธอมาลำบากด้วยกัน ความจริงใจสื่อสารลำบาก

ฝากความหมายในเพลงบางคำ เผื่อสักวันเธออาจเข้าใจ

เผื่อสักวันเธอให้อภัย


(“รักคงยังไม่พอ”  ขอบคุณ  พี่เสือ  ธนพล)
 
 


   “เพราะมากเลยโว้ย  พ่ออารมณ์ศิลปิน”  เสียงนัทตบมือ  แล้วเดินมาทางด้านหลัง

   บอยมันชาวาบไปทั้งตัว . . . 

   . . . น้ำเสียงแบบนี้คือนัท 

   มันจะซ่อนหยาดรอยน้ำตาเอาไว้ได้อย่างไร ? 

   ในเมื่อตอนนี้น้ำตามันไหลอาบแก้ม  มันเหนื่อยมันอ่อนล้า  มันเห็นตั้งแต่เมย์เดินมาแล้ว  มันมองจากริมระเบียง  แล้วรู้โดยทันที  คืนนี้นัทออกไปกับเมย์แน่ ๆ  มันถึงได้ขึ้นมาทำอารมณ์ศิลปินแบบที่นัทบอกมันนี่ไง  บนดาดฟ้า

   บนนี้ . . .

   . . . บนโลกที่บอยมันคิดว่ามีแค่มัน  กับเงาของนัท

   เงาที่มันไม่สามารถสัมผัสได้ . . . 

   . . .แต่

   นี่มันอะไรกัน  เสียงทักจากด้านหลัง  เสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาใกล้ ๆ มันเข้าทุกที  หัวใจมันยังสั่งให้น้ำตามันหยุดไหลไม่ได้  มันต้องกลั้นเสียงสะอื้นกดไว้กับอก  มันเหมือนมีอะไรมาบีบหัวใจของมัน  มันแทบอยากหยุดหายใจเอาไว้ตรงนั้น

   “ไปอ่างเกษตรกันเหอะ  ไปลอยโคมกัน”  นัทมันดึงไหล่บอยให้หันกลับมา

    นัทมันเห็นเต็มสองตา . . . 

   . . . น้ำตาเพื่อนมันไหลเป็นทาง  แววตานัทมันเปลี่ยนไป  มันไม่เข้าใจบอยมีเรื่องคับอกคับใจอะไรนักหนา  มันพยายามดึงหน้าบอยมาเพื่อจะมองบอยให้ชัด  แต่บอยมันเอี้ยวตัวหลบ  มันจะสู้หน้านัทได้อย่างไร 

   มันจะพูดได้อย่างไร . . . 

   . . . หัวใจมันอ่อนแอ

   มันเหนื่อยมันล้า  มันแค่คิดนัทไปกับเมย์แล้ว  แต่มันคิดผิด  นัทยังอยู่ตรงนี้  อยู่ตรงหน้ามันนี่  มันแค่อยากให้มันแค่ฝันไปเท่านั้น  มันไม่อยากอ่อนแอให้นัทเห็น  แต่เหมือนมันอยากเข้มแข็งมากเท่าใด ความอ่อนแอในส่วนลึกมันกลับมากขึ้นทวีคูณ  มันไม่ร้อง  แต่น้ำตามันไหล

   เคยไหมที่ห้ามน้ำตาตัวเองไม่ได้

    “มีเรื่องไรว่ะ  บอกกูดิบอย  เล่าให้กูฟังก็ได้  กูเพื่อนมึงไง  เพื่อนมึงนะ  มึงมีอะไรในใจทำไมต้องมาเก็บไว้คนเดียว”  นัทมันตบไหล่บอยเบา ๆ

   แค่นี้แหละ . . .

   . . . แค่นี้จริง ๆ  ที่บอยมันต้องการอย่างนั้นหรือ

   มันยกมือมาปาดน้ำตา  กับน้ำมูกที่ใหลลงมารวมกันจนหน้ามันเหนอะไปหมด มันมองหน้านัท  มองด้วยความกล้ที่สุดแล้ว . . . 

   บอยมันยิ้ม . . . 

   . . . อย่างน้อยมันยังเหลือนัท  มันเหลือความเป็นเพื่อนที่นัทมีให้  มันยอมเก็บเอาไว้กับตัว  มันจะกลืนเก็บความช้ำให้มันไหลย้อนคืนกลับไปในหัวใจเพราะมันรู้ดี  วันไหนมันไม่เผยความรู้สึกของหัวใจ นัทจะยังไม่ไปไหน  จะยังอยู่กับมันในฐานะ . . . 

   . . . เพื่อน

   แต่วันใดที่มันบอกออกไป

   . . . มันไม่อยากนึกต่อ  มันใช้สองมือปาดน้ำตาจนหมด  มันยิ้ม  มันยิ้มตาหยีแบบเคย

   “มีไรว่ะ”  มันปรับน้ำเสียงเป็นปกติ

   “ไปลอยโคมกัน  ไปอ่างเกษตรกัน”

   บอยมองหน้านัท . . . 

   แม้บนดาดฟ้าจะมืด  แต่ใต้แสงจันทร์มันรู้หน้านัทสว่าง  ถึงไร้แสงจันทร์  บอยมันก็รู้  นัทสว่างในหัวใจบอยเสมอ มันจำได้แทบจะทุกริ้วรอยบนใบหน้าของนัทด้วยซ้ำ

   “ไม่ไปได้มั้ย  แล้วนัทไม่ไปกับเมย์เหรอ”

   “ทีแรกก็ได้อยู่นะ  บอยไม่ไปก็ได้  แต่หลังจากที่เห็นน้ำตามึงกูขอสั่ง  ต้องไปโว้ย ไป ไป  อย่าลีลา  แล้วเรื่องที่เก็บไว้หนักอกมาก  ถ้าอยากจะบอกกูบอกได้นะโว้ย  กูเพื่อนมึง”  นัทมันหยิบกีตาร์  พลางผลักบอยให้เดินลงกลับไป

   กูเพื่อนมึง . . .

   . . . บอยมันยิ้ม  แค่นี้ก็ดีถมไปแล้วสำหรับคนอย่างบอย  มันน่าจะห้ามหัวใจตัวเองได้แล้ว  บอยมันรู้ดีที่สุด  ในความเป็นเพื่อนนัทมันไม่เคยระแวง  มันไม่เคยระแวงบอยเลยด้วยซ้ำไป

   แล้วมันล่ะ . . . 

   . . . มันเดินเลยเส้นเพื่อนไม่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?

   หรือว่ามันไม่เคยรู้สึกกับนัทแบบเพื่อนเลย  มันรู้สึกแบบนั้นกับนัทก่อนที่จะมันรู้สึกแบบเพื่อนเชียวหรือ  มันเดินคิดมาตลอดทางจนถึงห้อง  นัทตบไหล่มันนั่นแหละมันถึงได้รู้สึกตัวว่ามันเดินเหม่อมาตลอดทาง

   “เฮ้ยกูให้เวลาล้างหน้า ๕ นาทีนะมึง  แล้วตามกูลงไป  เมย์รอนานแล้วว่ะ  กูเริ่มจับเวลาแล้วนะโว้ย”  นัทมันเอากีตาร์ส่งกลับให้บอยก่อนก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ 

   บอยมันยิ้ม . . . 

   ก่อนเผ่นแน่บเข้าห้องไป  แค่ห้านาทีมันจะรีบเก็บอาการทั้งหมดที่มีอยู่ตอนนี้  มันจะลงไปที่เพื่อนมันรออยู่ให้เร็วที่สุดเท่าที่หัวใจมันสั่ง 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2009 19:18:37 โดย ราชบุตร »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ myxt

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
 :monkeysad:
อ่านแล้วหายใจไม่ออก มันอึดอัดอยู่ตลอดเวลา
รักเพื่อรัก มันดูสวยงามนะคะ แต่อีกด้านมันก็ทรมานมาก
อาจจะเก็บความรู้สึกแบบบอยไม่ได้
เลยไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าบอยอยู่ได้ยังไงกับความรู้สึกแบบนั้น

ชอบเรื่องนี้ค่ะ ทรมานดี  o13

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
:monkeysad:
อ่านแล้วหายใจไม่ออก มันอึดอัดอยู่ตลอดเวลา
รักเพื่อรัก มันดูสวยงามนะคะ แต่อีกด้านมันก็ทรมานมาก
อาจจะเก็บความรู้สึกแบบบอยไม่ได้
เลยไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าบอยอยู่ได้ยังไงกับความรู้สึกแบบนั้น

ชอบเรื่องนี้ค่ะ ทรมานดี  o13

^
^
^
ใจตรงกันเลย

สำหรับเรานะการแอบรัก หรือรักข้างเดียวเนี่ย มันปกติธรรมดา ใครๆก็เป็นกัน
แต่กับเจ้าบอยนี่ มันหดหู่ หม่นหมองเกินไปแล้ว...
 :z3:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
รอคอยอยู่เสมอ...
แวะเวียนมาให้ไม่เงียบเหงา

เป็นกำลังใจให้เจ้าบอยนะ  :L2:

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
ชอบนัท - บอย เรื่องนี้น่ารักดี

ชอบมุมมองความรักของบอย ความรักที่ไม่ต้องครอบครอง

แค่ได้ทำอะไรให้กับคนที่รัก แล้วเขามีความสุขก็พอ

ขอบคุณคนโพสและคนแต่งค่ะ

C2U

  • บุคคลทั่วไป
ชอบความรัก ของบอยจัง

ถึงจะเจ็บปวด  แต่งดงาม   :L2:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
เป็นห่วงเจ้าบอย
เลยแวะมาคับ

อยากรู้จังนัทมันจะเคยรู้ถึงความรู้สึกของบอยมั่งมั๊ยนะ???

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
แหะๆๆ
ขออนุญาตขุดกระทู้ค่ะ
เผื่อคุณราชบุตรจะแว๊บๆมาเห็น
แล้วเห็นใจคนรอมั่ง

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
อยากอ่านต่ออ่ะ

เรื่องราวเป็นไงต่อไปอีก

มารอๆ

patz

  • บุคคลทั่วไป
อ่า... อ่านแล้วคุ้นตัวละคร นัท กับ เมย์ มากๆเลย 2 คนนี้มีตัวตนจริงๆด้วยนี่นา...
นัท วิดวะเครื่องกล กับ เมย์ วิดวะคอมพ์ อะ ใช่ป่าวครับ (อิงจากพูดถึงนามสกุลนัท และจังหวัดของนัทกับเมย์) คู่นี้รักกันน่ารักมากๆเลยนะ ในชมรมมีแต่คนอิจฉา


ปล. แฟนเก่าผม ปลื้มนัทมากๆเลยอะ เคือง  :m16:
ปล2. นัท เปรี้ยวมากนะเนี่ย เพิ่งเข้าเรียน บอกเกียร์ 28 พี่เค้ายังไม่รับเป็นเกียร์เลยนา...

dokjarn

  • บุคคลทั่วไป
 :z3:

นัทกับบอย

มันแค่เอื้อมจริงๆ

ภาษา นะ ภาษา

ทำเอาเราคนอ่าน

หลงตะเลิดเปิดเปิง

ไปใหนต่อใหนแล้วเนี่ย

เมื่อไรมาต่อคร้าบบบบ

คุณราชบุตร

 :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด