แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แ ค่ เ อื้ อ ม . . .  (อ่าน 53225 ครั้ง)

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #60 เมื่อ13-07-2009 18:08:39 »


ต อ น ที่  ๑ ๔

ข่ า ว ร้ า ย


   นัทเข้าใจดี  อาการเจ็บแบบรวดเร้าเข้ากระดูกมันเป็นเช่นไร  กี่วันแล้วนะ  ที่นัทมันร้องโอดโอย  โอดครวญด้วยความเจ็บปวด นัทมันคิดแค่  น่าจะกล้ามเนื้ออักเสบเดี๋ยวก็หาย  นัทมันอาจลืมไปก็ได้กระมัง  ว่ามันเรียนวิศวะ  ไม่ใช่หมอ  มันดันวินิจฉัยโรคเองเสียด้วยสิ . . . 

   . . . กว่านัทมันจะรู้ตัวว่าตัวเองควรไปหาหมอก็เมื่อมันรู้สึกว่าเข่าข้างซ้ายมันปวมเป่ง  แทบจะลุกไม่ไหวเสียแล้ว

   หมอค่อย ๆ  ปิดไฟที่แผ่นเอ็กซเรย์  แล้วหันมาทางคนดันทุรังที่นั่งหน้าตูม  หมอขยับแว่นเบา ๆ  พลางมองหน้าคนป่วย

   “เข้าใจนะครับที่ผมอธิบาย”

   นัทพยักหน้ารับช้า ๆ . . . 

   มันเข้าใจดีอย่างที่สุด   เรียกว่ามันเข้าใจดีแจ่มแจ้งเสียด้วย  มันแทบอยากจะโขกกบาลตัวเองเสียเหลือเกินที่ปล่อยให้แผลมันเรื้อรังมาถึงขนาดนี้  เมย์ได้แต่เอื้อมมือมาแตะที่หลังมือนัทเบา ๆ

   นัทรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่เมย์มีให้

   “ต้องผ่าตัดเลยเหรอครับหมด”  นัทมันถาม  ทั้ง ๆ  ที่ตัวมันเองก็รู้อยู่แล้ว  หมออธิบายชัดเจนแล้วตั้งแต่เมื่อกี้

   “เส้นเข่ามันอักเสบ  แล้วคุณก็ปล่อยจนมันเป็นหนอง  เราต้องใช้วิธีผ่าตัด  เอาเส้นที่เป็นหนองทิ้ง  แล้วเอาเนื้อเยื่อจากเข่าที่ดีอีกข้างมายึดต่อ  มิฉะนั้น  ขาข้างที่เป็นอยู่อาจใช้การไม่ได้ตลอดชีวิต  ไม่ต้องกังวลน่า  ผ่าเข่าแล้วรักษาอีกระยะก็เดินได้เหมือนเดิม  เพียงแต่เล่นกีฬาหนัก ๆ  ไม่ได้ก็เท่านั้น”

   “ครับ  ผ่าก็ผ่า”  มันก้มหน้านิ่งคล้ายรับชะตากรรม

   “คุณติดต่อที่ด้านนอกนะครับ  ทำเรื่องเข้าเป็นผู้ป่วยในเลย  แล้วกินข้าวซะก่อน  เพราะเย็นนี้หมอจะให้อดข้าวอดน้ำ  เตรียมผ่าพรุ่งนี้เลย”

   “พรุ่งนี้”  นัทมันตกใจ  ทำไมมันรวดเร็วหว่า

   “อ้าว  หรือคุณจะรอให้มันกินไปทั้งหัวเข่าก่อน”

   เออ . . . 

   . . . หมอพูดถูก 

   เพียงแต่นัทมันนึกไม่ถึงว่ามันจะรวดเร็วขนาดนั้น  นัทมันออกมาจากห้องหมอพร้อมกับเมย์  นัทตรงรี่ไปที่โทรสัพท์สาธารณะ  มันยกหูโทรศัพท์  แล้วกรอกหมายเลขอันคุ้นเคยอย่างช้า ๆ 

   “แม่เหรอครับ  นัทนะครับ  พรุ่งนี้แม่มาเชียงใหม่นะครับ  นัทมีธุระด่วนกับแม่นะครับ”  นัทมันกรอกเสียงไปตามสาย  มันไม่อยากจะบอกให้แม่ต้องตกอกตกใจไปมากกว่านี้  มันรู้แค่นี้  แม่ก็อกสั่นขวัญแขวนแล้วล่ะ  ถ้าแม่มาถึงเชียงใหม่แล้วเห็นมันนอนขาเข้าเฝือกอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งสองข้าง

   “เมย์  เมย์ต้องไปหาไอ้น้ำแล้วล่ะ  ให้มันเอาของใช้มาให้นัทด้ยนะเมย์” 

   เมย์จับมือนัทเอาไว้นิ่ง

   “ไม่ต้องกลัวนะนัท  เมย์ไม่ไปไหนหรอก  จะอยูใกล้ ๆ  นัทนี่แหละ  พอผ่าแล้วอีกไม่นานก็หายนะนัท  นัทอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” 

   นัทมันแค่นยิ้ม . . . 

   . . . มันแค่ยิ้มบาง ๆ  เท่านั้นเอง 

   นัทมันรู้  หลังฝ่าต้องนอนโรงพยาบาลอีกหลายวัน  แล้วคนอย่างมันที่เคยกระโดดโลดเต้น  เห็นกีฬาเป็นต้องวิ่งเข้าหา  จะต้องทนมานั่งดูแค่เพื่อนเล่นเท่านั้นเหรอ  มันแค่คิดก็หงุดหงิดตัวเองที่ไม่ยอมมาหาหมอตั้งแต่วันแรก

   
   เสียงค้อนกระทบกับไม้  สังกะสี  ดังโป้งป้าง ระคนกับเสียงเพลงที่ร้องกันแทบฟังไม่ได้ศัพท์ เจ้าคนร่างผอมหน้าตามอมเมม  ชุดนักศึกษาเลอะไปทั่วทั้งตัว  ทุกคนต่างเร่งทำงานให้เสร็จแข่งกับเวลาที่เริ่มตะวันเริ่มรอน ๆ  เข้ามาทุกขณะ


   “มันดอกอะไรกันจ๊ะน้องอ๋าข๋า  สามสี่ดอกบานสะพรั่งไปทั้งตัว”  ดินมันยื่นหน้ายื่นตาเข้ามาใกล้ ๆ  ประเทืองน้อยที่ยื่นกระติกน้ำมาให้บอย

   “ดาวเรืองมั้ง  หรือเบญจมาศหว่า”    อ๋า  ก้มลงมองเสื้อลายดอกไม้ที่ตัวสวมใส่อยู่

   “อ่อ  ดอกเบญจมาศเหรอ  ไอ้เราก็นึกว่าดอกทอง”  บอยมันหัวเราะ  พาเพื่อน ๆ  ในกลุ่มหัวเราะตาม

   “ไอ้หมาบอย ห้ามกิ๋นมัน เอามานี่”  มันพยายามจะดึงกระติกน้ำกลับ

   “โอ๋  น้องอ๋านะ  แค่ล้อเล่น  ใครจะกล้ากับน้องอ๋าใจดี๊  ใจดีได้ละครับ”  คราวนี้มันเห็นท่าจะไม่ได้กินกลับมาเอาอกเอาใจ

   อ๋ามันสะบัดหน้าให้  ทำปากย่นจมูกเชิด  ก่อนเดินออกมาจากโรงเพาะชำ  ที่พวกเด็กวิดยา  มันสร้างขึ้นมาง่าย ๆ  มันต้องทดลองอะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้กันอีกในเทอมนี้

   “ว้า  เป๊บซี่มะมีหรือน้องอ๋า  น้ำเปล่าอีกแหละ”  บอยมันส่งกระติกน้ำให้ดิน  แต่ไม่วายโวยคนเอาน้ำมาให้

   “คิงบ่าเกยซื้อทองก๋า”  นั่นเจ้าคนเสื้อลายดอกหันมาทำหน้าตาย

   บอยมันทำหน้างง แบบหมาเจอแดด  มันถามทำไมเรื่องทอง  มันเกี่ยวกันมั้ยนี่กับเป๊บซี่นะ

   “กูเคยโว้ย  เลิกอู้กำเมื๋องได้ก๋า  กูไม่ชอบแปลไทยเป็นไทยอีแฮ่น . . .”  สองที่เดินออกมาจากโรงเพาะชำร้องบอก  ก่อนขยายความต่อ   

   “. . . ทองคำเปลวไง”

   “ไม่ใช่โว้ย  ทองที่เป็นเส้น  ไม่ใช่ท้องม้วนหรือทองก้อน”  ประเทืองสาวเริ่มขัดใจ  ออกลีลาท่าเต้นเล็กน้อย

   “แล้วไงว่ะอีอ๋า”  บอยมันหันมาถาม

   “อ้าว  ก็เวลาเอ็งไปซื้อทอง  ถ้าเอ็งตกลงที่จะซื้อ  จะเอาเส้นไหน  เขาถึงจะเลี้ยงโค้กไง  นี่ก็เหมือนกัน  ไว้เอ็งทำโรงเพาะกันเสร็จข้าจะเลี้ยงเป๊บซี่”  มันลอยตาลอยตาเล่าเรื่องการซื้อทองซะงั้น

   “เอ้ย   น้องตุ่มมาแล้วโว้ย  หอบของกินมาเพียบเลย”  ยุทธที่ยังอยู่บนหลังคาโรงเพาะชำตะโกนบอกพวกด้านล่าง  เมื่อเห็น  คนร่างคล้ายตุ่ม เดินหิ้วของตัวเอียงมาแต่ไกล

   “ไอ้ปากมอม  คอยดูนะ  ชั้นจะบอกกัลยามัน”  น้องอ๋า  ชี้หน้ายุทธ  แต่คนพูดกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

   แค่คำว่าของกินเท่านั้นแหละ  พวกที่อยู่ด้านล่างก็เพ่นแนบไปยังคนที่หอบของมาแล้วล่ะ

   “เอ้ยกินกันก่อนโว้ย”  บอยตะโกนบอกเพื่อน ๆ  เมื่อดินมันช่วยกัลยาหอบของกินมาวางไว้ที่โต๊ะไม้สารพัดประโยชน์ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่

   “ไอ้บอย  แล้วโรงเพาะชำเมื่อไหร่จะเสร็จ”  น้องอ๋าเท้าสะเอวก๋า

   “พอรอน รอน สุริยันอัสดง  พี่ก็คงทำเสร็จน้องเอ้ย  แต่ตอนนี้กองทัพเดินเดินท้องว่ะ  กัลยายอดยาหยี  มีอะไรกินมั้งอ่ะ”  มันสาระแนไปทางของกินในทันที

   “ข้าวหมูแดง  ข้าวหมูกรอบ  แล้วก็ข้าวมันไก่  เลือกเอาเอง  คนล่ะห่อนะพวกแก  งบจำกัดว่ะ  อ้อ  มีเป๊บซี่สองลิตรด้วย  หิ้วได้แค่นี้แหละ  หนัก”

   “แล้วอีกถุงนั่นอะไร”  บอยชี้ไปที่ถุงอาหารอีกถุง

   “อ้อ  มีส้มตำ  ข้าวเหนียว  ไก่ย่างด้วย  อีอ๋ามันอยากจะกินเลยซื้อมาเผื่อ”  กัลยาชูอีกถุงใหญ่

   “บุคลพิเศษโว้ย  กินไม่เหมือนชาวบ้าน  แต่มีเป๊บซี่ว่ะ  ไม่ต้องง้อแกแล้วอีอ๋า  อีแฮ่น”  บอยมันหันไปด่า

   “แม่พระมาโปรดโว้ย  ตั้งแต่เที่ยงยังมะมีไรตกถึงท้องเลย”  ยุทธมันเอามือลูบท้องไปมา

   แล้วเพียงไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อยเหลือเพียงผักบุ้งไทย  ที่แม่แค้ส้มตำให้มาแนม  บุคลพิเศษโดนพวกทโมนแย่งซะแทบจะกินไม่ทัน  บอยมันพลิกไปพลิกมามองผักบุ้งอย่างสนใจ

   “ไอ้นี่มันพันธุ์เอธิโอเปียแหงเลยวะ”

   “รู้ได้ไง  นี่มันผักพื้นเมือง  ผักบุ้งไทยโว้ย”  ดินดึงกลับมา

   “อ้าว  เอ็งดูดี ๆ  สิวะไอ้ดิน  ผอมเหมือนน้องอ๋าเลย  นี่ถ้าน้องอ๋าไปประกวดนะ  รับรองเลยได้มิสอีโบล่าแหง ๆ  ไอ้เชื้อนี่แรงกว่าอหิวาต์อีกนะมึง”   มันยังไม่วายไปแขวะอีกคน

   อีโบล่า  โรคพื้นเมืองพวกแอฟริกัน

   “ไอ้หมาบอย  วกมาที่กูเรื่อยนะมึง  นี่ นี่” 

   “เฮ้ย  มึงสองคนจะกัดกันไปถึงไหนว่ะ”   ดินมันห้ามทัพ  เพราะมันเองก็โดนลูกหลงจากน้ำแข็งที่อ๋าปามายังบอย

   “ก็ดูไอ้บอยดิ  แม่งกวนประสาท”

   “อ้าวหรือใครว่าไม่จริง  ใครจะส่งอีอ๋าส่งประกวดมิสอีโบล่ามั้งว่ะ”  บอยมันหันไปหาพวก  เพื่อน ๆ  มันเฮฮากันใหญ่  จนน้องอ๋างอนตุ๊บป่อง

   “เอ้ยอีนี่  เล่นน้ำทั้งแก้วเลยเหรอ . . .”  ดินมันสะบัดเสื้อที่โดนน้ำสาดมา 

   “. . . ถ้ามึงยังไม่หยุดนะอีอ๋า  กูจะปล้ำมึงทำเมียตรงนี้แหละ”  ดินชี้หน้า 

   “ก็พี่ดินหล่อยังกับเดวิด  ถ้ามาปล้ำน้องอ๋าก็ยอมล่ะค่า”  มันยานคางพลางกระแซะเข้าหาดิน

   ดินมันยืดเมื่อโดนชมงว่าหล่อ 

   แต่ . . .

   . . . ผลักอ๋าออกห่าง ๆ 

   “อย่ามึงเดี๋ยวกูอดใจไม่ไหว”

   เพื่อน ๆ  ฮากันอีกยกใหญ่    พวกเพื่อน ๆ  ที่คิดว่าตัวเองหล่อโดยไม่ต้องตะไบตะโกนถามกันเซ็งแซ่

   “เดวิด แบคแฮม เหรอน้องอ๋า”

   “นี่ แก  แก  แก  แล้วก็แก  มันพวกสายพันธุ์ไหนว่ะนี่  สายพันธุ์ลาหรือว่ากระบือว่ะ  ถึงไม่รู้จักรูปปั้นเดวิด”  อ๋ามันแทบจะใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากรายคนเลยทีเดียว

   “อ๋อ . . . รูปปั้น  แล้วปั้นไว้ที่ไหนว่ะ”

   “ไอ้บอย  ทำไมเอ็งแดกหญ้าแทนข้าวเหรอนี่”  อ๋าเอามือตบกบาลตัวเอง พลางมองหน้าบอย

   “เออดิ  มึงไม่รู้เหรอ  กูชอบกินหญ้าอ่อน”  มันหันมาลิ่วตาให้อ๋า

   “เฮ้ยตกลงเดวิดนี่ใครว่ะ  แล้วเขาปั้นไว้ที่ไหนว่ะอีอ๋า  มันจะหล่อสู้ไอ้ดินได้เหรอ  ไอ้ดินของเรานี่จัดว่าหล่อสุดในรุ่นแล้วนะมึง”  ยุทธยังไม่เลิก  หันมาถามอีก

   “เดวิดรูปปั้นผู้ชายแก้ผ้าที่หล่อที่สุดในโลกไง  หล่อที่ซู้ดดดดดดดดด”  อ๋าทำตาหวานเชื่อม

   “อีอ๋า”  ดินชี้หน้า

   “แหม . . .”  มันทำท่าห้ามดินไม่ให้ก้าวเข้ามา 

   “. . . มันปิดไว้มั่งสิวะ  ใครจะแก้หมด”

   “ปิดหน้าเหรอวะ”  บอยถาม

   “เวรเอ้ย  ไม่สงสัยเลย  ทำไมหญ้าแถวคณะเราไม่รก  ไอ้บอยเล็มหมดนี่เอง”

   “อ้าว  ก็มันอายไง  เลยต้องปิดหน้าเอาไว้  หรือมึงไม่อายถ้าต้องแก้ผ้า”  บอยมันเถียงอีก

   “ถ้าอายทำไมไม่ปิดที่อื่นล่ะ  ที่ที่มันอายนะ”  กัลยานั่งฟังอยู่นานเอ่ยออกมา

   น้องอ๋าได้ที  ตบที่กบาลบอยเบา ๆ     

   “เห็นมะ  ผู้หญิงเขามีอัจฉะ  กว่าเอ็งอีก”   

   “แล้วมันปิดตรงไหน”  บอยหันมาถาม

   “ก็เดวิดมันเอาใบองุ่นมาปิดไว้”

   “ใบองุ่น? . . .”  ดินมันทำหน้าสงสัย 

   “. . . องุ่นพันธุ์ไหนหว่าจะปิดมิด”

   “เออ  ใบมันแค่เนี้ยะ”  ยุทธทำมือประกอบ

   “เออ”  น้องอ๋า  ตอบหน้าตาเฉย

   “แล้วมันปิดมิดเหรอ”  บอยถาม

   “ก็ทำนองนั้นแหละ . . .”  มันลอยหน้าลอยตา 

   “. . . ชั้นถึงบอกไง  ถ้าพี่ดินหล่อแบบเดวิดจะยอมให้ปล้ำ  เพราะมันเล็กกระจิ้ดริด  แค่ใบองุ่นปิดเท่านั้นเอง”  ประโยคสุดท้ายมันหันมาทางดิน

   เพื่อน ๆ  ได้ทีฮากันอีกครา

   “อีอ๋า  มึงอย่าอยู่เลย  แม่งดูถูกกูว่ะ”  ดินมันค่อย ๆ  ไล่แตะอ๋า  ที่ร้องพลางวิ่งหนีพลาง

   บอยมันยิ้ม . . . 

   . . . โลกมันสนุกเมื่ออยู่ในหมู่เพื่อน 

   มันแทบจะลืมเรื่องหัวใจของมันเองเสียสนิท  ในวงล้อมของเพื่อน ๆ  โลกของมันสนุกสนาน  ต่างคนต่างมีเรื่องทะลึ่งตึงตังมาเล่นกันมากมาย  จนมันไม่อยากเดินกลับไปในโลกของมันอีกเลย 

   โลกที่บอยมันหวงแหนเอาไว้   มันเก็บโลกของมันที่มีนัทเอาไว้เงียบ ๆ  คนเดียว


   เสียงรถมอเตอร์ไซด์ที่แล่นเข้ามา  ทำเอาทุกคนรับหันไปมอง  บางคนมองด้วยสายตาแปลก ๆ  เพราะว่านาน ๆ  จะมีสาวจากต่งคณะมาหา  แล้วยิ่งเป็นพวกคณะวิศวะด้วยแล้วอีก ยิ่งแทบไม่มีย่างกรายเข้ามาเลยเสียด้วยซ้ำ

   “ไอ้บอยโว้ย  เมย์มาหาโว้ย”  ดินมันหยุดไล่แตะน้องอ๋า  แล้วหันมาตะโกนบอก

   “ลงมาก่อนมั้ยเมย์  กำลังง่วนเลย”  ดินยิ้ม

   “ดินเป็นไงบ้าง  ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ”  เมย์ทักทาย

   “อืม  ดีแหละ  บอยมาแล้ว   คุยกับบอยไปก่อนนะเมย์  ขอตัวจัดการกับสาวสวยประจำกลุ่มก่อน”  ดินมันลา  ก่อนจะเดินปรี่ไปหาคู่กัด

   “เมย์มาถึงนี่เลย  มีอะไรมั้ย”  บอยมันยิ้ม หน้าตามันดูไม่ได้เชียวล่ะ  มอมอย่างกับลูกหมา

   “เมย์แค่แวะมาบอกบอย  นัทอยู่โรงพยาบาล”  น้ำเสียงเมย์ดูเศร้า ๆ  ไม่เหมือนเมย์ที่บอยรู้จัก

   “อะไรนะเมย์  นัทเป็นไร”  บอยมันถามกลับไปอย่างรวดเร็ว 

   มันลืมตัวมั้ง . . 

   . . . แค่เมย์บอกนัทอยู่โรงพยาบาล  หัวใจมันก็ตกอยู่ที่ตาตุ่มแล้วล่ะ  มันห่วงแหละ  มันห่วงนัทจริง ๆ

   อาจเป็นโชคดีของบอยที่เมย์มัวแต่ห่วงอาการของนัท  จนลืมสังเกตุความเปลี่ยนไปของมัน  ถ้าเมย์มองมันสักนิดเมย์อาจจะเฉลียวใจเพราะมันเองยังรู้สึกเลยว่ามันออกจะห่วงนัทจนออกนอกหน้าเลยก็ได้

   “ผ่าตัดเข่า  อาทิตย์ก่อนนัทไปแตะบอล  แล้วสวนกับอีกฝ่าย  เข่าฉีก  นัทไม่ยอมไปหาหมอ  จนมันอักเสบ  แล้ววันนี้นัททนไม่ไหว ชวนเมย์ไปหาหมอ  หมอบอกว่าต้องผ่าตัด  เอาอะไรจากเข่าอีกข้างนึงมั้งมาใส่ในข้างที่อักเสบ”

   “จะผ่าเมื่อไหร่ละเมย์”  น้ำเสียงบอยมันละห้อย  มันเห็นชัด  ภาพที่นัทล้มลงที่สนามบอลวันนั้น  มันไม่นึกว่าจะร้ายแรงได้ถึงขนาดนี้

   “พรุ่งนี้แหละบอย  หมอจะผ่าพรุ่งนี้  เมย์ไปก่อนนะ  แวะมาบอกบอย  ต้องกลับไปเฝ้านัท  เพราะแม่นัทคงมาถึงพรุ่งนี้” 

   “ขับรถดี ๆ  นะเมย์  เดี๋ยวหมอผ่าแล้วนัทมันก็หายน่า”  บอยยิ้ม

   บอยยืนมองเมย์ขับรถจากไปจนลับตา . . . 

   . . . มันรู้สึกอย่างไรก็บอกไม่เช่นกัน  หัวใจมันอ่อนเหลือเกิน  มันอยากปรี่ไปหานัทเสียด้วยซ้ำ  แต่มันตัดสินใจแล้วนี่นา  ระหว่างมันกับนัทก็แค่เพื่อนธรรมดาคนนึง  มันต้องมองนัทแบบที่มันมองเพื่อนคนอื่นให้ได้สิ

   มันรู้ดี . . . 

   . . . การห้ามความรู้สึก  รัก ห่วงนะยาก 

   แต่ . . .บอยมันต้องพยายาม 

   มันเหมือนคนที่ยืนอยู่บนทางแยก  มันไม่รู้หรอกหนทางข้างหน้าจะมีอะไรบ้าง  มันไม่กล้าทั้งที่จะเดินไปทางไหน  มันได้แค่ยืนนิ่ง ๆ  ตรงทางแยก  รอเวลาที่มันจะกล้ามากกว่านี้

   นี่อาจเป็นข่าวร้ายที่สุดของบอยในรั้วมหาวิทยาลัยก็ได้

   มันยืนนิ่ง ๆ . . .

   . . . กับข่าวที่เมย์มาบอก 

   ทำไมต้องเกิดกับนัท  ทำไมไม่มาเกิดกับมันแทนหว่า  มันไม่อยากให้นัทเจ็บ  มันเองก็เจ็บแหละ  มันแทบอยากจะรี่ไปหานัทด้วยซ้ำ 

   แต่ . . .

   . . . มันรู้ตัวเอง 

   มันควรยืนอยู่ที่ไหน  มันก็แค่เพื่อนต่างคณะ  จะมีที่ยืนสำหรับมันเชียวเหรอ  มันได้แต่ส่งใจไปให้  มันฝากหัวใจของมันไว้กับเมย์  มันรู้เมย์น่าจะดูแลนัทได้ดี  และดีกว่าที่มันจะดูแลเสียด้วยซ้ำไป

   บอยมันรู้ตัวอีกทีก็เมื่อดินมายืนใกล้ ๆ 

   ดินโอบบ่ามันเอาไว้  ตบที่ไหล่มันเบา ๆ  โดยที่ดินมันไม่พูดอะไรสักคำ  บอยมันได้แต่ยืนนั่งเหมือนคนถูกสาป  มันจะทำอย่างไรกับชีวิตของมันต่อไปดี

   “คิงสองคนจะยืนกอดกั๋นแหมเมินก่อ”    อ๋ามันตะโกนไล่หลังมา

   บอยมันฟังรู้ . . . 

   . . . แม้มันจะอู้กำเมืองบ่อได้ 

   แต่มันรู้ . . . 

   . . .  อ๋าพูดว่าอะไร  มึงสองคนจะยืนกอดกันอีกนานมั้ย

   “อีวอกอ๋า ดักปากไปเลย ถ้าบ่าอั้นจะหาว่าฮาบ่าเตือน ได้ก้า  เล่นบ่าฮู้เวล่ำเวลา”    ดินตวาดใส่

   อ๋า  มันทำหน้าหน้าเศร้า . . . 

. . . เพราะมันไม่เคยเห็นดินมีน้ำโหกับมันมากขนาดนี้มาก่อนเลย

   “อารมณ์บ่าดีก่อบ่าบอก หมะเล่นก่อได้วะ”  มันค่อย ๆ  ถอยห่างออกไป

   “อย่าไปว่ามันเลยดิน  สงสารมัน  ดูมันดิ  มันเศร้าไปเลย”  บอยมองอ๋าที่เดินจากไปเงียบ ๆ  บอยมันรู้แหละ  อ๋ามันแค่แหย่เล่น  มันเล่นกันเสียจนชิน

   “บอย  เมย์มาพูดไรเหรอ  เรื่องนัทเหรอบอย”  ดินถามหลังจากที่เห็นว่านัทเริ่มคุย

   “อืม”

   “เมย์รู้แล้วเหรอ”   ดินทำหน้าตกใจ

   “รู้อะไร  ไม่มีใครรู้อะไรทั้งนั้นแหละดิน  แม้แต่ตัวกูเองกูยังไม่รู้เลยว่ะ  ว่ากูกำลังคิดอะไรทำอะไร  เมย์แค่แวะมาบอกว่านัทอยู่โรงพยาบาล”

   “นัทเป็นไร”  น้ำเสียงดินมันก็เป็นห่วง      มันห่วงนัทหรือมันห่วงความ รู้สึกของบอยมันเองก็ตอบไม่ได้เช่นกัน   

   บอยมันหันมายิ้ม . . . 

. . . มันยิ้มให้ดินเหมือนที่มันยิ้มให้เพื่อนคนอื่น ๆ    มันรู้  มันไม่เคยกลัวสายตาดิน  มันไม่เคยคิดว่าดินจะมารู้อะไรในความคิดของมัน    

   “เห็นเมย์บอกผ่าตัดเข่าพรุ่งนี้”

   “ผ่าตัด  เลยเหรอ”

   “เบา ๆ  ก็ได้  ตกใจอะไรขนาดนั้น”  บอยมันปรามเมื่อดินกึ่งตะโกนออกมา

   “แล้วมึงว่าไง  ไปเยี่ยมนัทมันเหอะ”  ดินเร่ง

   “ไม่เอาไง  ยังไม่ว่าง  ทำไม  มาจับผิดไรกูไอ้ดิน  อย่ามามองกูด้วยสายตาแบบนี้  รับรองมึงหาอะไรในแววตากูไม่เจอหรอกน่า  กลับไปช่วยงานพวกนั้นต่อเหอะ  จะมืดแล้วนะมึงเดี๋ยวไม่เสร็จ”  บอยมันดันหลังดินเข้าไป

   ดินมันไม่รู้หรอก  ตราบใดที่บอยมันไม่รับ  ดินก็ได้แต่คิดไปเองเท้านั้นแหละ  เรื่องแบบนี้ใครจะรับกันง่าย ๆ  เล่า

   บอยมันรู้ดีว่ามันต้องทำเช่นใดต่อไป . . . 

 . . . หัวใจมันเองทำไมมันจะไม่รู้ 

   เพียงแต่เวลานี้มันเหนื่อย  มันเหนื่อยทั้งกายทั้งหัวใจ  มันแค่อยากได้พักบ้างเท่านั้น  บางทีการที่มันอยู่ห่างจากนัท  อาจทำให้มันลบความรู้สึกที่มันมีต่อนัทมากกว่าความเป็นเพื่อนได้เร็วขึ้นก็ได้





dokjarn

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #61 เมื่อ13-07-2009 23:49:41 »

เฮ้อ....เจ็บแทนเขาอีกแล้ว บอย
ยังคงต้องอยู่ในวังวนของความรู้สึกแบบนี้ไปอีกนานเลย
เห็นใจมากๆ 

นัทค้าบบบ
รับรู้หัวใจเพื่อนมั่งหรือปล่าวนี่

 o13

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #62 เมื่อ14-07-2009 01:45:24 »

ความรัก มันมีหลายการกระทำหลายความหมาย
การแอบรัก ถ้าทำให้เรามีความสุข มันก็มีความสุข

การฝันเพียงชั่วคืน แค่ได้ยิ้มก็มีความสุขแล้วแหละ......
เมื่อเลือกที่จะเดินไปข้างหน้าเราก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น
ถ้าเลือกถอยออกมา เราก็ต้องยอมรับ ในเรื่องที่ต้องพบเจอ

รัก บางทีมันก็เจ็บปวด บางทีมันก็ให้เราได้เรียนรู้ถึงความกล้า
กล้าที่ต้องเผชิญหน้ากับทุกสิ่งทุกอย่าง

เป็นกำลังใจให้ใครอีกหลายๆคน ที่ยังวนเวียนอยู่ใจห้วงแห่งความรัก
รัก....ที่ถึงแม้ยังไงก็ยังรัก

อยู่เหมือนเดิม

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #63 เมื่อ14-07-2009 09:24:49 »

ภาคนี้ อยากให้บอยสมหวังจัง

 :เฮ้อ:

 :z13: :z13:

patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #64 เมื่อ14-07-2009 15:22:19 »

ไปเยี่ยมนัทหน่อยเหอะบอย ทำใจคิดว่าไปในฐานะเพื่อนก็ได้

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #65 เมื่อ14-07-2009 18:59:48 »


ตอนที่ ๑๕

   “ไปเถอะบอย  เพื่อนเจ็บทั้งทีไม่ไปน่าเกลียดว่ะ ดีไม่ดีเขาอาจสงสัยหนักกว่าเดิมอีก”   ดินมันส่งถุงผลไม้  ที่มันเพิ่งซื้อมาให้บอย

   ดินรู้ดี เรื่องราวที่มันปะติดปะต่อเอาเอง . . . 

   . . . มันรู้เหมือนที่บอยรู้กระมัง 


   เพื่อนมันทำปากแข็งไปแบบนั้นเอง  แต่ภายในใจแล้วมันคงโลดแล่นไปถึงเตียงคนไข้แล้วกระมัง  ดินดึงบอยให้ลุกขึ้นยืน  แล้วดันหลังมัน

   “ไปอาบน้ำไป๊มึง  เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน”    ดินยิ้ม

   บอยมันยิ้มให้ดิน . . . 

   . . . บอยมันใช้สายตาบ่งบอกมั้ง 

   มันไม่พูด . . . 

   . . . เพราะมันไม่รู้จะพูดอะไร 

   แต่มันใช้สายตาขอบอกขอบใจดินเป็นการใหญ่  มันนอนกระสับกระส่ายมาทั้งคืน  ทำไมเพื่อนที่อยู่ด้วยกันจะไม่รู้

   เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้  แค่การเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  คนที่เราอยู่ด้วยเขาก็จับอาการได้แล้ว

   ดินมันจับอาการเพราะมันรักบอย

   มันบอกไปแล้ว . . . 

   . . . มันไม่กลัวหรอก 

   ดินมันรู้ บอยคงอึดอัดมากกว่ามันเพราะบอยไม่พูด  บอยไม่กล้าบอกออกไปด้วยซ้ำ  แต่ดินมันเข้าใจ  เรื่องแบบนี้ใครจะกล้าลุกขึ้นมาประกาศถ้าไม่แน่ใจว่าคนที่เรารักเขาจะรักเราด้สวยหรือไม่

   บอยมันรู้สึกเหมือนจะไม่มีแรงเอาดื้อ ๆ 

   มันมายืนนิ่งที่หน้าห้องพิเศษของโรงพยาบาล  ดินยังไม่ทิ้งมัน  ยังอยู่เป็นเพื่อนมัน  แต่มันขอเวลาสักเดี๋ยวได้ไหม  ขอเวลาทำใจสักเล็กน้อย  มันแค่คอยดูนัทห่าง ๆ  มานานแค่ไหนแล้ว  แม้มันจะอยู่ชั้นเดียวกัน ตึกเดียวกันแต่มันเหมือนอยู่กันคนละโลกด้วยซ้ำ 

   โลกของมัน . . .

   . . . กับโลกของนัท

   โลกที่เหมือนดั่งเส้นขนานกันไปตลอดชีวิต

   ดินเอามือมาแตะที่หลังมือบอยเบา ๆ  พยักหน้า

   บอยหันกลับไปมอง  แววตาดินที่มองมายังมัน  ที่คอยให้กำลังใจมันอยู่  บอยพยักหน้ารับก่อนสูดลมหายใจลึก ๆ  แล้วรวบรวมความกล้าทั้งหมดค่อย ๆ  ยกมือเคาะประตู  ก่อนจะเปิดเข้าไป

   กลิ่นยาจากในห้องลอยมาปะทะจมูก . . . 

   . . .  บอยมันย่นจมูกปรับสภาพกลิ่นเล็กน้อย  ก่อนหันไปยกมือไหว้ หญิงวัยกลางคนที่บอยเองก็ยอมรับว่าช่างละม้ายคล้ายกับคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง  บอยมันเดินเข้าไปช้า ๆ  ส่งของเยี่ยมให้

   “หลับอยู่เหรอครับ”  บอยถามแม่นัท

   “จ้ะ  สงสัยยังไม่หมดฤทธ์ยาสลบ  เมย์เพิ่งกลับไปเมื่อครู่นี้เอง  เห็นว่าจะกลับไปที่หอก่อน  เชิญนั่งก่อนสิค่ะ”  น้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่นทำให้บอยรู้สึกคลายความรู้สึกต่าง ๆ  ที่มีมาก่อนหน้านี้

   “หมอบอกต้องนอนโรงพยาบาลกี่วันครับนี่”  ดินเดินไปอีกฝั่งของเตียงคนป่วยก่อนหันมาถามแม่

   “หมอยังไม่กำหนดเลย  นัทโทรไปบอกแม่เมื่อวาน  แม่ยังไม่นึกว่าจะมีอะไร  พอเมย์ไปรับที่ขนส่ง  แล้วพามาโรงพยาบาล  แม่ตกใจหมดเลย  กลัวว่านัทจะเป็นอะไร  นัทนี่แปลกคน  ไม่ค่อยกล้าบอก  กลัวแม่เป็นห่วงกระมัง”  แม่เล่ายิ้ม ๆ  ก่อนจะส่งแก้วน้ำให้ผู้มาเยี่ยม

   “ขอบคุณครับ”  บอยรับแก้วน้ำจากมือแม่มา

   บอยนั่งมองสายน้ำเกลือที่ห้อยระโยงระยาง  กับถุงยาถุงเล็ก ๆ  ที่ห้อยอยู่กับเสาเดียวกับสายน้ำเลือ  แล้วมาบรรจบกันก่อนจะไหลลงมาที่หลังมือนัท  บอยมันกวาดสายตาไปมองหน้าคนนอนหลับนิ่งช้า ๆ  แม้ร่างนั้นจะนอนหลับใบหน้าค่อนข้างไร้เลือด  ไม่เหมือนปกติ  แต่ร่างนั้นนอนหายใจสม่ำเสมอ 

   บอยกวาดตามตามร่างเรื่อย ๆ  จนมาหยุดที่เข่าทั้งสองข้างที่ใช้ผ้าพันแผลพันเอาไว้  มันรู้สึกเจ็บแปลบเข้าไปในหัวใจ  โดยที่บอยเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม บอยจะต้องเจ็บด้วย  อย่างนี้กระมังที่เขาเรียกว่าความรัก

   บอยมันรู้ . . .

   . . .  และยอมรับกับตัวเองอย่างเต็มหัวใจแล้ว

   บอยรักนัท

   มันรักทั้ง ๆ  ที่รู้ว่าผิด  และไม่มีวันจะเป็นไปได้  แต่บอยมันยังอยากที่จะรัก  เพราะมันไม่ได้รักเพื่อทำลาย  แต่มันรักเพราะหัวใจสั่งให้รัก  บอยแหงนหน้าไปมองดินช้า ๆ  ดินยิ้มให้มัน  เข้าใจมันแหละ  ดินน่าจะเข้าใจความรู้สึกของมันดี  ดีกว่าใครทั้งหมด

   เพราะดินกับมันเป็นพวกเดียวกันนี่หว่า . . .

   . . . พวกที่รักด้วยหัวใจรัก

   บอยมันไม่รอให้นัทฟื้นจากฤทธิ์ยาหรอก  มันแค่รู้ว่าควรได้เวลากลับ  แล้วมันก็ลากลับ  มันยังจำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนนั้นได้ดี ไม่ต่างไปจากรอยยิ้มของชายแปลกหน้าที่มันเคยเจอเลย



   ถนนรอบคูเมืองรถราขวักไขว่วุ่นวาย บอยมันค่อย ๆ  เลี้ยวรถไปตามโค้งด้วยความชำนาญ  ดินนั่งซ้อนท้ายมันตัวเกร็งแหละ  บอยมันมองทางกระจกข้างเห็นดินนั่งตัวลีบ  มันยิ่งได้ใจ  มันบิดรถปาดซ้ายทีขวาที  จนดินต้องกอดเอวมันไว้แน่น  แล้วบอยมันก็ลี้ยวมาตามถนนห้วยแก้ว  พอไปเขียวที่แยกเชียงใหม่ภูคำบอยบิดคันเร่งเต็มที่ ทะยานไปด้านหน้าที่ ถนนยังว่าง

   “ขับเบา ๆ  หน่อยดิมึง  กูเสียวนะโว้ย”  ดินมันตะโกนดัง ๆ  แข่งกับสายลมที่โต้มาตามใบหน้า

   “เออน่า มือชั้นนี้แล้ว  มึงนั่งดี ๆ  ล่ะ”  บอยหันมาบอก  แต่ยังไม่ลดคันเร่ง  มันยังคงปล่อยเจ้าสองล้อทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

   มันรู้จังหวะแล้วมันไม่กลัวหรอก  มันจะกลัวทำไม  รถเคย ๆ  มือมันมาตั้งนาน  จนเกือบจะเป็นชีวิตเดียวกับมันอยู่แล้ว

   มันขับรถกินลมสบายใจเฉิบ  แต่คนซ้อนท้ายหลับตาปี๋เวลามันเร่งแซงรถคันหน้า

   บอยตีวงขวาขึ้นมาตามถนนที่จะไปบนดอยสุเทพ  เขาค่อย ๆ  เปลี่ยนเกียร์ต่ำเมื่อเริ่มขึ้นบนทางลาดชันของถนน  ยามนี้ฝนเพิ่งเริ่มตก  ใบไม้เริ่มผลิใบแตกยอดอ่อน  อากาศไม่ร้อนเท่าช่วงก่อนหน้านี้  บอยมันสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ  นานแล้วที่มันไม่ได้ขี่รถขึ้นมาทางถนนบนดอย 

   “ขึ้นมาทำไมว่ะ  จะมืดแล้วนะมึง”  ดินบอก  เพราะมันเย็นมากแล้ว

   “ก็อยากขึ้น”  บอยมันตอบกวน ๆ 

   . . . เออมันอยากขึ้น  แล้วมันถามคนซ้อนท้ายสักคำไหมว่าเขาอยากขึ้นมาด้วยมั้ย

   มันรู้แค่มันอยากทำอะไรตามใจตัวเอง  มันลุ้นแทบตายตั้งแต่ที่อยู่โรงพยาบาล  มันไม่อยากให้นัทฟื้นมาเจอว่ามันไปเยี่ยมหรอก  มันยังไม่อยากเจอนัทในตอนนี้  มันไม่พร้อมด้วยทุกสิ่งทุกประการแหละ  มันออกจะดีใจด้วยซ้ำที่เจอกับแม่นัท  แล้วแม่นัทไม่ได้ถามมันสักคำว่ามันชื่ออะไร  อย่างน้อยนัทมันก็จะได้ไม่รู้ว่ามันไปเยี่ยม 

   มันตัดสินใจแล้ว . . . 

   . . . มันจะไม่เข้าใกล้นัทอีกแล้ว 

   มันขออยู่ในมุมที่มันยืนอยู่ตรงนี้แหละ

   “อ้าวไม่ขึ้นไปต่อล่ะ”  ดินถาม  เมื่อเห็นบอยเอารถมาจอดไว้เทียบริมถนน

   บอยมันไม่ตอบ  มันลงจากรถ  แล้วเดินไปอยู่ที่ริมเหว  จากจุดที่บอยยืนอยู่  มันสามารถมองลงไปเห็นตัวเมืองเชียงใหม่ได้ชัดเจน  มันกวาดสายตามองไปรอบ ๆ  ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์นั่นคล้ายงูใหญ่ที่เลื้อยมาจากที่ไหนสักแห่ง  แล้วยังสนามบินอีก  มันจับจุดใหญ่ ๆ  ของเมืองไว้  แล้วมันมองไปที่ตั้งของโรงพยาบาล  มันแทบอยากมองให้เห็นคนที่นอนอยู่ในอาคารโรงพยาบาลด้วยซ้ำ

   ดินมันเดินมาหยุดที่ใกล้ ๆ  บอย  มันยืนอยู่เคียงใกล้  มองลงไปในตัวเมือง  แต่มันคงจะคนละความคิดกับบอยเป็นแน่  ดินมันไม่ได้คิดแบบที่บอยคิดตอนนี้แน่นอน

   ลมพัดโบกใบไม้ไหว . . . 

   . . . ดินมันได้กลิ่นจากคนที่ยืนอยู่เหนือลม  สลับกับกลิ่นดินกลิ่นใบไม้แรกผลิ  มันยืนอยู่นิ่ง ๆ  บางครั้งมันก็หันไปมองคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ  มัน  มันยิ้ม  มันมีความสุขแล้วล่ะ

   “ดิน”  บอยเรียกมันหลังจากที่ยืนนิ่ง ๆ  อยู่นาน

   ดินหันไปตามเสียงเรียก   

   แต่ . . .

   . . . ดินมองเห็นแค่เสี้ยวหน้าของบอยเท่านั้นแหละ  เพราะสายตาของบอยยังทอดยาวไปยังเบื้องหน้า  สายลมเริ่มพัดแรงขึ้นกว่าตอนขึ้นมา  แต่เพียงแค่สายลมพัดผ่านเท่านั้น เพราะมันแค่พัดผ่านไปจริงๆ

   “อะไร  เรียกทำไมว่ะ”

   “ขอบใจนะ”  บอยหันมายิ้ม

   “ขอบใจ ขอบใจเรื่องไร” 

   ดินมันทำหน้างง . . . 

   . . . เพราะมันไม่รู้ว่า  บอยจะมาขอบอกขอบใจมันทำไม  เรื่องอะไรที่มันต้องมาขอบใจ  มันเลิกคิ้วมองบอยด้วยความประหลาดใจ

   “ทุกเรื่องแหละ”  บอยยิ้ม  มันยิ้มคล้ายมีเลศนัย

   “บ้าแล้วว่ะมึงไอ้บอย  อยู่ ๆ  มาขอบใจกูทุกเรื่องนี่นะ”  ดินส่ายหน้าไปมา  มันยิ้ม ๆ 

   “จริง ๆ  นะดิน  กูขอบใจมึงจริง ๆ  มึงเป็นเพื่อนคนเดียวที่กูคิดว่าน่าจะเข้าใจกูมากที่สุด”  บอยมันจริงจัง  มันมองดิน 

   มันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม  มันรู้แค่ตอนนี้มันไม่อยากยึดตัวมันกับใคร  ไม่ว่าจะนัทหรือใครก็ตาม  มันอยากเป็นเหมือนเดิมก่อนที่มันเคยเจอนัท  มันแค่อยากเป็นบอยคนเดิมที่มันเคยเป็น

   แต่บอยมันไม่รู้หรอก

   มันยาก . . .

   . . .  ยากนักที่จะลืมใครสักคน

   แล้วยิ่งคน คนนั้นเป็นคนที่เรารักยิ่งชีวิตแล้วล่ะก็  มันยากพอ ๆ  กับการที่มันจะหักห้ามหัวใจของตัวมันเองเชียวแหละ  มันไม่รู้ดอกหรือ  ถ้าคนเราลืมกันง่าย ๆ  มันคงไม่ต้องมาเจ็บมาปวดเช่นทุกวันนี้

   “บอย  มึงเจ็บมากมั้ย”  ดินถามเสียงละห้อย 

   บอยมันรู้ . . . 

   . . . ดินห่วงมัน 

   รักมันเหมือนที่มันรักนัทหรือปล่าวมันไม่รู้ 

   แต่ . . .

   . . . มันรู้ 

   หน้าตาอย่างดินนี่ ไม่ควรมามองคนแบบมันเสียด้วยซ้ำ  ดินหล่อ  บ้านมีฐานะ เป็นผู้ชายในแบบฉบับที่ผู้หญิงหลายคนต้องการเลยทีเดียว  แต่ทำไมดินต้องมาองมัน  มันไม่เข้าใจ

   เหมือนที่บอยมันไม่เข้าใจ . . . 

   . . . ว่าทำไมมันรักนัท

   “ไม่รู้เหมือนกันดิน  ว่ามันเจ็บหรือมันชา  เพียงแค่เราอยากมองคนที่เรารักเท่านั้นเองดิน  ดินเคยรู้สึกมั้ย  แค่รอยยิ้มของคนที่เรารัก  แม้รอยยิ้มนั้นไม่ใช่รอยยิ้มที่เขายิ้มให้เรา  แต่มันกลับสร้างความสุข  ความอิ่มเอมในหัวใจให้เราได้อย่างมากมาย  เรารู้  ดินเคยเจอแหละ  เรามองดินเราก็รู้” 

   บอยมันมองดินแววตามันเศร้า 

   มันรู้ดีสายตาที่ดินมองมัน . . . 

   . . . แต่มันเอง  มันกลับไม่มองดิน

   “จะพูดถึงมันทำไมว่ะไอ้บอย  ในเมื่อแกบอกข้าเองนะโว้ย  เป็นเพื่อนกันก็ดีอยู่แล้ว  ข้าไม่ได้บอกให้เอ็งมารักข้าสักหน่อย  แต่ข้าก็ดีใจนะโว้ยที่เอ็งยังรู้สึกกับข้าเหมือนเดิม  ไม่รังเกียจที่ข้าเป็นแบบนี้”  ดินมันยิ้มเจื่อน ๆ

   “แบบนี้แบบไหนว่ะดิน” 

   “มึงจะถามทำไม  แบบเดียวกับที่มึงรู้สึกกับนัทไง  ก็ไม่อยากตอกย้ำนะโว้ย  แต่มึงน่าจะรู้จักตัวมึงดีที่สุด”

   “เออ  กูเข้าใจดิน  กูสัญญานะโว้ยว่ากูจะเป็นเพื่อนที่ดีของมึง”  บอยมันยื่นมือออกมาตั้งฉากกับลำตัว

   ดินมันยิ้ม . . . 

   . . . ก่อนยื่นมือมาสัมผัสมืออีกฝ่าย 

   มันรู้แหละ  เพราะมือมันสัมผัสกัน ความรู้สึกมันส่งถึงกัน  จะมีอะไรดีไปกว่าความเป็นเพื่อนกันอีกได้เล่า  บอยมันคิดถูกก็ได้  ที่มันบอกดินไป เป็นเพื่อนกันก็ดีอยู่แล้ว  เพราะเพื่อนมีไว้ยามเพื่อนท้อแท้มิใช่หรือ

   ถึงบอยมันจะยังไม่เจอรักแท้ 

   แต่ . . .

   . . . มันก็มีเพื่อนแท้แบบดิน

   บางทีมันอาจจะมีค่ากว่ารักแท้ที่มันตามหาอยู่ก็เป็นได้




   นัทค่อย ๆ  พยุงกายออกมาจากห้องอย่างช้า ๆ  เขามาอยู่ตรงทางเดินกลางแคบ ๆ  ของหอ  นัทมันหันไปมองที่ห้องเยื้อง ๆ  กัน  แววตามัน คล้ายน้อยใจ  มันไม่รู้เหมือนกันทำไมคนในห้องใจดำกับมันเหลือเกิน  ไม่โผล่หน้าไปเยี่ยมมันเลยตลอดเวลาที่มันอยู่โรงพยาบาล  แล้วนี่มันกลับออกมาอยู่หอแล้ว  คนในห้องนั้นยังไม่โผล่หน้ามาหามันเลยสักครั้งเดียว  นัทใช้ไม้เท้าพยุงกายลงไปตามบันไดอย่างยากลำบาก 

   บอยมันค่อย ๆ  โผล่หน้ามามองคนที่เดินลงไปช้า ๆ 

   มันเจ็บร้าวในหัวใจอยู่ลึก ๆ  . . .

   มันอยากเข้าไปช่วย ไปประคองจนกว่านัทจะเนได้เป็นปกติ  แต่มันรู้  ไม่ใช่ที่ของมัน  ไม่ใช่เวลาของมัน  มันค่อย ๆ  ปิดประตูไว้ตามเดิมก่อนเดินไปที่ระเบียงก้มมองไปยังด้านล่างของตึก

   เมย์ยิ้มตรงรี่เข้ามาหานัท 

   เมย์รับเป้จากนัท  ก่อนค่อย ๆ  เลื่อนมอเตอร์ไซด์ของนัทมาใกล้ ๆ  ก่อนที่นัทจะขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายเมย์

   “นัทนั่งได้ยังล่ะ”  เมย์หันมาถาม  ขณะที่ตัวเองประคองมอเตอร์ไซด์ที่สตร์ทเครื่องรออยู่ก่อนแล้ว

   “ได้ ได้แล้ว  ขับดี ๆ  นะยังไม่อยากไปนอนที่โรงพยาบาลอีก”   

   นัทมันเหย้า  มันแหย่ทุกครั้งที่เมย์เอารถนัทมารับนัท  เพราะรถเมย์คันกะจิ้ดริ้ดเอง  ส่วนรถนัทมันรุ่นพิมพ์นิยมของนักศึกษาที่นี่

   “แหมนัทก็  ทุกวันเลยฯ  มือชั้นเมย์แล้ว  ไม่ตกหรอกน่า”  เมย์หันมาค้อนเล็กน้อย

   นัทมันสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่เมย์มีให้มา . . .   

   . . . ตั้งแต่วันแรกที่นัทเข้าไปนอนโรงพยาบาลจนถึงวันนี้ เมย์มันยังไม่เคยห่างนัทไปไหนเลย  เมย์ต้องมารับนัททุกเช้า  และมาส่งทุกเย็น  เด็กวิศวะเหมือนกัน ไปเรียนทางเดียวกันอยู่แล้วล่ะ

   “ถ้าไม่มีเมย์นัทคงแย่เหมือนกันนะเนี่ย  ทำไมต้องมาเจ็บทั้งสองขาก็ไม่รู้สินะ  เลยเป็นภาระให้เมย์”  นัทบ่น

   “ไม่เป็นภาระหรอกนะนัท  นัทอย่าคิดมากสิ ยังไงเมย์ยืนยันว่าไม่เป็นภาระนะ  เมย์ยินดี”  เมย์ค่อย ๆ  ออกรถไปช้า ๆ

   บอยมันยืนมองภาพนั้นจากมุมสูง . . .   

   . . . น้ำตามันเอ่อ 

   มันอิจฉาเมย์เหรอ . . . 

   . . . ไม่รู้สิ 

   มันรู้แค่ว่าถ้ามันได้ดูแลนัทเหมือนที่เมย์ดูแล  มันจะมีความสุขไม่น้อยทีเดียวล่ะ  แต่มันทำไม่ได้ 

   . . . อย่าว่าแต่ดูแลเลย 

   แม้จะเดินไปเคาะห้องนัทแล้วถามว่า  นัทเจ็บมากมั้ย  มันยังไม่กล้าทำเลย  มันไม่กล้าเอาหัวใจตัวเองไปใกล้นัทมากกว่านี้

   มือที่จับที่ไหล่มันเบา ๆ  แล้วกดที่ไหล่มัน 

   บอยมันรู้ . . .

   . . . มันไม่อยากหันหน้ามามองเจ้าของมือด้วยซ้ำ

   “เอาน่า  เดี๋ยวก็ดีเองแหละ  มองมันทุกวันแบบนี้ได้ประโยชน์อะไรเล่า  ไปเรียนเหอะไป  นัทมันไปแล้วล่ะ

   ดินตบที่บ่ามันอีกครั้ง  ก่อนที่จะถอยห่างออกไป

   บอยมันแทบอยากจะร้องไห้ออกมาตรงนั้น  ทำไมมันต้องทำร้ายหัวใจตัวมันเองขนาดนี้  มันไม่เข้าไปใกล้นัทเลยเหรอ  มันไม่อยากเข้าไปใกล้จริง ๆ  หรือว่ามันกำลังหนีกันแน่




moonoi_sert

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #66 เมื่อ14-07-2009 21:31:23 »

 :m15:เศร้าจังเลย คน 2 คนที่รัก คนหนึ่งรักแบบเพื่อน อีกคนรักมากกว่าเพื่อน ทำให้ต้องหลบกันนแบบนี้มันช่างทรมานจริงๆ :m15:

ออฟไลน์ myxt

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #67 เมื่อ15-07-2009 06:36:00 »

บอยจะทนทำแบบนี้ไปได้นานแค่ไหนเหรอ
มันจะเจ็บกว่าการเจอหน้ากันมั้ย เฮ้อ....
ขอบคุณดินที่อยู่ข้างๆบอย
เฮ้อออ เจ็บจี๊ดๆกันทั้งเรื่อง คนอ่านก็เจ็บด้วย  :monkeysad:

dokjarn

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #68 เมื่อ15-07-2009 08:13:46 »

 :m15:

เศร้าซึม....ยาวนาน
คนแบบบอย  จะมีมากมั๊ยนี่
ทำไมต้องทำร้ายหัวใจตัวเองขนาดนั้น
เข้าไปพูดเข้าไปคุย ในฐานะเพื่อนไม่ดีกับหัวใจกว่าเรอะ

คอยตอนต่อไปครับ

 :pig4:

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #69 เมื่อ15-07-2009 08:44:46 »

เจ็บ จิ๊ดดดดดดดด เลยนะ

ทำไมคนดีอย่างบอย ต้องมาเจออะไรแบบนี้ล่ะ :z3:

เฮ้ออออ
 :z13:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
« ตอบ #69 เมื่อ: 15-07-2009 08:44:46 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #70 เมื่อ16-07-2009 09:00:21 »

อ่านแล้วก็ เฮ้อ... สงสารบอยอะ  :L3:

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #71 เมื่อ16-07-2009 11:45:15 »

ต อ น ที่  ๑ ๖
สิ่ ง ที่ ไ ม่ เ ค ย รู้

   บอยรู้สึกปวดหัวมาตั้งแต่เช้า  เขาพยายามทนนั่งเรียนจนถึงเที่ยง  แล้วบอยมันก็บอกตัวเองว่าไม่ไหวแล้วล่ะ  มันคล้ายจะเป็นไข้  มันฝืนนั่งกินข้าวร่วมกับเพื่อนที่คณะ  แต่มันคล้าย ๆ  เจ็บคอ  จนไม่สามารถกลืนอาหารลงไปได้ด้วยซ้ำ  สุดท้ายมันเลยตัดสินใจกลับไปนอนพักที่หอ

   บอยจอดมอเตอร์ไซด์ไว้ที่ลานจอดรถข้างหอพัก . . .  

   . . .  มันปวดหัวจิ้ด ๆ   จนแทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยง ๆ  ก็ว่าได้   มันรู้สึกคล้ายโลกนี้จะหมุนเร็วเมื่อมันเดินขึ้นไปบนบันได  สมองมันแทบไม่ได้ยินอะไรเสียด้วยซ้ำ  แล้วบอยมันต้องยืนตัวชาวาบกับคนที่เดินลงมาเผชิญหน้ากับมัน  

   มันมองหน้าเขานิ่ง . . .

   . . . อีกฝ่ายใองหน้าบอยนิ่งเช่นกัน  

   ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครคิดจะพูดอะไร  บอยมันเลยหลบไปทางซ้าย  ขณะที่อีกฝ่ายหลบไปทางขวา  มันเลยต้องไปเจอกันอีกทางฝากฝั่งของบันได  แค่รอยยิ้มจากคนที่เพิ่งเดินลงมา  บอยมันคล้ายจะหายไข้เสียด้วยซ้ำ

   “ไม่มีเรียนแล้วเหรอ  กลับมาเร็วเชียว”  บอยมันได้ยินชัด

   คนที่ทักทายมัน  หอบข้าวของพะรุงพะรัง  อีกทั้งไม้เท้า  ที่ตัวเองยังต้องหนีบเพราะยังเดินไม่ถนัด

   “ปวดหัว เหมือนจะเป็นไข้  นัทเพิ่งไปเรียนเหรอ” บอยมันถาม  ก่อนค่อย ๆ  เข้าพยุงเพื่อน

   มือมันสัมผัสกับนัท . .  

   . . . มันพ่ายแพ้ต่อสิ่งที่มันตั้งความหวังเอาไว้  มันไม่คาดคิดจะเจอนัทด้วยซ้ำ  แต่เหมือนมันบังเอิญเจอ  เหมือนสวรรค์เล่นตลกกับมันอย่างไรไม่รู้  มันอยากให้นัทได้รับรู้เหลือเกินกับสัมผัสเผ่วเบาที่มันจับต้องตัวนัทอยู่

   บอยค่อย ๆ  ประคองนัทลงมาอย่างนิ่มนวลมือมากที่สุดเท่าที่บอยมันจะทำได้  เพราะมันรู้แหละว่ามันไม่มีโอกาสแบบนี้บ่อยนัก  แม้ว่ามันอยากจะทำแบบนี้ทุกวันก็ตามทีเหอะ

   “วันนี้นัทมีเรียนบ่ายเหรอ”  บอยมันเอ่ยถามหลังที่ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบอยู่นาน

   “ใช่แล้ว  วันนี้มีเรียนบ่าย  ขอบใจนะบอย”  นัทมันบอก  เมื่อบอยมาส่งนัทถึงด้านล่างของหอ

   นัทสะพายเป้ไว้กับหลัง  ก่อนที่จะเอาไม้เท้าที่เจ้าตัวเริ่มรู้สึกว่าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแล้วหนีบไว้กับรักแร้  แล้วหันมายิ้มกับบอยอีกครั้ง

   “ไปนะบอย  ไว้ค่อยคุยกัน”  นัทยิ้ม

   “เดี๋ยวก่อนนัท”  มันมันร้องเรียก

   นัทหันหน้ามามองมันแหละ  แววตาคล้ายสงสัย  บอยมันสูดลมหายใจเข้าปอดรวดเร็ว ก่อนจะพูดออกมา

   “เมย์ไม่มารับเหรอวันนี้”

   “อืม  เขามีเรียนตั้งแต่เช้า”  นัทยิ้มตอบก่อนจะหันหลังกลับไป

   “นัทรอบอยที่นี่นะ  เดี๋ยวบอยไปส่ง  จะเดินไปได้ยังไง  ตั้งไกล  รอบอยที่ตรงนี้แปบนะ”  บอยมันสั่ง  แล้วมันวิ่งปร๋อไปที่ลานจอดรถ

   มันไม่สนใจหรอก  ว่ามันตั้งใจเอาไว้แบบไหน  บอยมันรู้แค่ว่ามันต้องไปส่งนัท  จะปล่อยให้นัทเดินด้วยไม้เท้าจากหอ ๕  ไปยังคณะวิศวะ  นะหรือ  มันไม่ยอมให้นัททำแบบนั้นเป็นแน่

   แค่อึดใจเดียว . . .  

   . . . บอยมันก็เอารถมาจอดเทียบที่นัทยืนคอยอยู่  นัทมันเจ็บขาอยู่  มันเลยนั่งได้แบบสะพายข้างแบบผู้หญิง  บอยมันไม่เคยชินกับการที่มีคนนั่งซ้อนแบบนี้  แต่มันก็อาศัยความชำนาญในการขับ  ค่อย ๆ  ขับพานัทออกไป

   ดินมองเห็นตั้งแต่ที่บอยเอารถมาจอดเทียบแล้วรับนัทออกไปแล้ว . . .  

   . . . แววตามันหม่นหมอง  

   มันค่อย ๆ  ไปจอดรถที่ลานจอด  แล้วหยิบเอาถุงยาหน้ารถที่มันออกไปซื้อมาจากร้านขายยาที่ตลาดหลังมอ  ดินมองถุงยาในมื่อ  ก่อนที่จะเดินขึ้นมาบนห้อง  แล้วดินมันค่อย ๆ  แขวนถุงยาที่มันซื้อมาไว้กับลูกบิด  ก่อนที่มันจะเดินกลับลงไปด้วยความรู้สึกน้อยใจ

   ถ้าบอยบอกว่า  . . .

   . . . จะมารับนัท  

   มันจะทำไรบอยได้  มันไม่ทำอะไรบอยอยู่แล้ว  เพราะมันรู้  มันแค่เพื่อนบอย ส่วนนัทคือคนที่บอยมันรัก  มันรู้ตัวมันเองดีแหละ  มันห่วงว่าบอยจะเป็นไข้มากไปกว่านี้  มันเลยไปซื้อยา  ที่แท้บอยมันไม่ได้เป็นอะไร  แค่มันอยากไม่ให้ดินรู้สึกเสียใจมั้งมันเลยต้องบอกว่าเป็นไข้

   ดินมันปาดน้ำตา . . .  

   . . . ก่อนที่จะขับรถของตัวเองกลับไปที่คณะ

   โลกนี้ล้วนมีปัญหามากมาย

   แต่ละคนย่อมเจอสิ่งที่ตนเองไม่ปรารถนา  ดินมันเห็นด้วยสายตาของตัวเอง  มันไม่ผิดที่จะคิดแบบที่มันคิด

   บอย . . .  

   . . .  มันก็เจอแบบที่มันเจอ  แล้วมันก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำที่จะปล่อยให้คนที่มันรักเท่าชีวิตต้องลำบาก  เดินหนีบไม้เท้าไปเรียน

   เรื่องบางเรื่องมันยากที่จะบอก .  . .  

   . . .  หรือยากที่จะอธิบายให้เข้าใจ  แค่คุยกันมันไม่พอหรอก  ถ้ามันไม่มีเยื่อใย

   เยื่อใยมันเหมือนอะไรบาง ๆ  ที่เรามองไม่เห็น  แต่เราสามารถสัมผัสได้  ด้วยใจ  ด้วยความรู้สึกที่เขามีต่อเรา เหมือนกับบอย  ที่มันเองก็รู้สึกได้  บอยจะเปิดกุญแจเข้าห้อง  แต่มันเห็นถุงยาที่แขวนไว้กับลูกบิด  ทีแรกมันขมวดคิ้วสงสัย  แต่พอมันนึกไปว่าใครล่ะที่จะสนใจมันขนาดนี้ถ้าไม่ใช่ . . .   

   . . . ดิน

   แต่บอยมันลืมไป  

   บอยลืมคิดไปเลย  ว่าดินมองเห็นบอยตั้งแต่บอยออกไปส่งนัทแล้วล่ะ  มันแค่คิดว่าดินเข้ามาแล้วเห็นว่ามันไม่อยู่ห้องเลยเอายาแขวนไว้ที่ประตู  เพื่อว่ามันกลับมาจะได้เห็นยาที่ดินซื้อมาให้

   “โธ่เอ้ย  ไอ้หมาดิน  ทำมาเป็นห่วง”  มันยิ้มกับสิ่งที่เพื่อนร่วมห้องกระทำให้  

   แต่ . . .

   . . . บอยมันไม่รู้เลย เพื่อนร่วมห้องของมันหัวใจแหลกสลายตั้งแต่เห็นมันพ่วงนัทออกไปส่งที่คณะแล้วล่ะ  

   บอยมันค่อย ๆ  อ่านซองยาที่ดินซื้อมา  มีทั้งยาแก้ปวด  ยาลดน้ำมูก  ยาแก้อักเสบแก้เจ็บคอ  มันอ่านฉลากยาที่ตรงกับอาการของมัน  ก่อนที่จะฉีกซองยา
แล้วหย่อนลงคอก่อนดื่มน้ำตามไป    เพื่อนห่วงมันมันรู้  เพราะฉะนั้นมันจะต้องกินยาที่เพื่อนซื้อมาให้  แล้วบอยมันก็หลับไปเพราะฤทธิ์ยา
   


   แล้ววันเวลาที่ชาวหอรอคอยก็มาถึง . . .  

   “วันเปิดหอ”


   เป็นวันที่หลาย ๆ  คนต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอย  เพราะวันนี้  ชาวหอทั้งชายและหญิงสามารถขึ้นไปมาหาสู่กันได้  ชายจะเดินขึ้นไปกินข้าว กินปลา ร้องรำทำเพลงบนหอหญิงได้  ในขณะเดียวกัน  หญิงก็สามารถทำแบบเดียวกันได้  โดยที่ทางอาจารย์ผู้คุมหอจะยืนมองกันแค่ห่าง ๆ  เท่านั้น  กิจกรรมนี้จะทำกันสองวัน ให้ทางหอสลับกันเปิดเพราะหอนึงสามารถทำได้แค่วันเดียว

   วันนี้เด็กหอทั้งหลายต่างแต่งเนื้อแต่งตัวกันเป็นพิเศษ  เพราะมันมีแค่ปีละครั้งเท่านั้นเอง  บอยเองมันก็ตื่นเต้นเหมือนกับหนุ่ม ๆ  ในหอนั่นแหละ  การได้ขึ้นหอหญิงหรือพวกหอหญิงมาสนุกที่หอชายนั้นมันเห็นเป็นเรื่องที่น่าสนุกมากกว่า . . .  

   . . . ปีที่แล้วมันกลับบ้าน  

   มันเลยไม่ได้ร่วมกิจกรรมครั้งนี้ แต่ปีนี้ บอยมันตั้งใจจริงแล้มันไม่ยอมพลาดโดยเด็ดขาด  วันนี้หอมันเปิดด้วย  มันกับดินช่วยกันเก็บกวาดห้องตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ  ไม่รู้ใครจะโผล่ขึ้นมาบ้าง  ประเดี๋ยวมันได้อายกันไปข้างนึงแน่ ๆ  ถ้าสาว ๆ  มาเห็นสภาพห้องที่รกรุงรังของมัน  

   “เสร็จแล้ว  ไปที่ห้องไอ้ปิ่นดีกว่าว่ะ  มันนัดสาวบริหารมาเพียบเลยวะ”  ดินมันเร่ง  เมื่อมันแต่งตัวซะเฟี้ยวเชียว

   “อ้าวกูนึกว่ามึงจะนัดสาวมาเสียอีก  เสียชื่อหนุ่มหล่อประจำคณะหมดเลย”  บอยมันเหย้า  มันแหย่ตามเคย

   “โอ้ยไม่เอา  มึงพูดอย่างกับไม่รู้จักกู”  ดินมันมองหน้า

   บอยมันหลบตา  มันไม่อ่านสายตาดินดีกว่า  ขืนมันอ่าน  ดินจะยิ่งกว่านี้อีก  มันค่อย ๆ  ดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอน

   “ไปดิ๊ไป”

   บอยมันเดินออกมาจากห้อง  หลายห้องที่มีสาว ๆ  มาทำอาหารกินเปิดประตูห้องค้างเอาไว้  เสียงพูดคุยกระเซ้าเย้าแหย่ดังก้องมาตามทางเดินตรงกลาง  กลิ่นอาหารที่เกิดจากการปรุงของสาว ๆ  ลอยมาปะทะจมูกเบา ๆ  บอยมันเดินมาตามทางเดินช้า ๆ  

   มันรู้สึกใจเต้นแรง . . .  

   . . . เพราะมันต้องผ่านประตูห้องที่เปิดอยู่  

   มีเสียงผู้คนหัวเราะพูดคุยกันสนุกสนาน  บอยมันเดินผ่าน  มันเหลือบสายตาไปมองคนในห้อง  มีเพื่อน ๆ  ของเจ้าของห้องมากมาย  และแขกของเจ้าของห้องอีก  ห้องนั้นดูคับแคบไปถนัดตา

   “นัทนี่  เขยิบไปก่อนสิ  เมย์ทำไม่ถนัด”  เสียงจากแขกจากหอหญิง  บอกให้เจ้าของห้องเขยิบหนีห่าง

   นัทเหมือนยิ่งยุ  กระเถิบตัวเข้าใกล้  เตาไฟฟ้าที่ควันฉุย ส่งกลิ่นหอมชวนกิน  มันคอยชะโงกหน้าไปสูดกลิ่นที่ลอยมาตามลม

   “เสร็จยังอ่ะเมย์  หิวแล้วนะ”

   “ใกล้แล้วล่ะ  ไปทุบพริกขี้หนูกับ  ผ่ามะนาวมาอีก 2 ใบไป๊”  เมย์  ผลักนัทเบา ๆ

   “จ้า  กลัวแล้วจ้า  ใช้จังเลยนะคนเรา”  นัทมันบ่น  แต่มันก็ถอยออกมาแล้วหันไปหยิบพริกขี้หนู

   “จะเอากี่เม็ดละเมย์”

   “ตามใจดิ  กินเผ็ดก็ทุบมาเยอะ ๆ  เลย”  

   เสียงเมย์ยังแว่วมาตามลม . . .  

   . . . บอยเดินก้มหน้านิ่ง  มันคล้ายปลาช่อนโดนทุบหัวกระมัง  เพราะมันอยากนอนดิ้นพล่านให้ตายลงตรงหน้านั้นให้ได้  มันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

   ดินเดินมาตบไหล่มันเบา ๆ  ก่อนที่จะเดินขึ้นมาเดินเคียงกับบอย  แล้วเอามือเดินกอดคอบอยเอาไว้  

   “น่า  ไม่ตายหรอกน่า  ชินแล้วล่ะ  เห็นมาจนชิน”  บอยมันหันไปบอกดิน

   “ก็ดีที่ไม่ตาย  ชินไว้แหละดี  กูเห็นนะมึง  ตอนมันกลับมาหอ  มึงมองแม่งทุกวันเลย  มึงจะมองทำไม  ถ้ามองแล้วใจมันไม่สุข”  ดินถาม

   บอยมันไม่ตอบคำถาม . . .

   . . . มันแค่ยักไหล่ไปมาเบา ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของปิ่น  ที่เต็มไปด้วยสาว ๆ

   มันสนุกสนานอยู่ที่ห้องของปิ่นจนเกือบค่ำ  แล้วทั้งหมดก็ยกโขยงขึ้นไปกันบนดาดฟ้า  ที่นั่นมีหลาย ๆ  คนรวมตัวกันอยู่ก่อนแล้ว  บอยมันเห็น  นัทกับเมย์นั่งอิงแอบแนบกันบนดาดฟ้า เหมือนคืนนั้น  คืนที่มันอยู่รอบกองไฟที่แม่นะ

   “อ้าว  บอย  นึกว่าไปหอสาวมา  เดินไปดูที่ห้องก็ไม่เห็นอยู่”  นัทมันเอ่ยทักเมื่อเห็นบอยเดินมากับเพื่อน ๆ  อีกกลุ่มใหญ่

   “ไปอยู่ห้องปิ่นมา  มืดเลยยกโขยงกันมานี่แหละ”  บอยบอกยิ้ม ๆ  มันมองเมย์แล้วมันทำหน้าล้อเลียน

   “บอยพรุ่งนี้ไปหอเมย์  นัดสาวที่ไหนไว้ก็ต้องไปนะ  ต้องไปให้ได้นะบอย”  เมย์หันมาสำทับ  บอยพยักหน้ารับ  ก่อนหาที่นั่ง

   คราวนี้บนดาดฟ้ากลายเป็นกลุ่มใหญ่ . . .  

   . . . บ้างก็ร้องเพลง  

   นั่งคุยดื่มกันนิดหน่อย  บอยมันเหลือบมองไปที่นัทเป็นระยะ ๆ  มันแอบหลบสายตาทุกครั้ง  มันยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม  มันกระดกรวดเดียวเข้าปาก  แต่มันเพิ่งรู้เหล้าเพียว ๆ  มันขม  มันบาดคอ  บอยคล้ายสำลักเหล้าในปาก  บอยหันไปมองรอบ ๆ  วงไม่มีใครเห็นมันมั้ง  มันเลยแกล้งแหงนหน้ามองฟ้า มองดาว  สลับกับตบมือให้จังหวะเพื่อน ๆ  ที่กำลังสนุก

   “อ้าว  ดินครับ  คราวนี้ตาดินแล้วนะครับ  เอ้าสาว ๆ  ตบมือหน่อยครับ  เดือนวิดยาจะโชว์เพลงให้ฟังแล้วนะครับ”  น้องเด็กวิจิตร  ส่งกีตาร์ให้ดินเป็นรายต่อไป

   เสียงตบมือเกรียว . . .  

   . . . ดินมันแจกยิ้มหวาน  โค้งไปรอบ ๆ  วง  

   “ขอบคุณครับ  สาว ๆ  ทุกท่าน  และเพื่อน ๆ  ทุกคน  เพลงนี้นะครับ  ผมขอเล่นให้กับทุกคนในวันนี้นะครับ  ผมว่าทุกคนน่าจะเหนื่อยกันทั้งวันแล้วนะครับ  คืนนี้มาสนุกกันให้เต็มที่ไปเลย  เมื่อกี้ฟังเพลงจังหวะสนุกมาหลายเพลงแล้ว  ขอสลับเพลงช้าบ้างแล้วกันนะครับ”  ดินมันเกากีตาร์คลอ  

   มันเห็นเพื่อน ๆ  ตั้งหน้าตั้งตารอฟังมัน  เพราะกิติศัพท์มันเรื่องเล่นกีตาร์นี่หาตัวจับยากเลยทีเดียว  จะมีก็บอยเท่านั้นที่น่าจะสูสีกับดิน

   “อ้อ  แล้วผมขอมอบเพลงนี้พิเศษสุดสำหรับคนที่สำลักเหล้าเมื่อสักครู่ด้วยนะครับ”   ดินบอก  ก่อนจะค่อย ๆ  โซโล่เสียงกีตาร์

   บอยมันแทบจะสำลักเหล้าอีกรอบ . . .  

   . . . เมื่อมันได้ยินดินบอกแบบนั้น  มันกวาดตาไปมองเพื่อน ๆ  ไม่มีใครเฉลียวใจมั้ง  มันคล้ายโล่งใจ  แต่เพียงแค่มันสบตากับนัท  มันร้อนวูบวาบไปในหัวใจ  เมื่อนัทขมวดคิ้วคล้ายตั้งคำถามกับมันหรือปล่าวหว่า  

   บอยไม่รู้ . . .  

   . . . มันหลบสายตานัท  

   ก่อนหยิบแก้วเหล้ามากระดกหมดแก้ว


เจอะเธอทุก ๆ  ครั้ง พร้อมรอยน้ำตา

กับความทุกข์ที่มีมาเพื่อมาระบาย

เมื่อคนที่เธอรักเขาไม่เคยแคร์ แหละเหมือนโดนเขารังแกอยู่ร่ำไป

ไม่อยากจะถามเธอให้เสียบรรยากาศ

ว่ารักตัวเขามากมายสักเพียงไหน

มีเพียงคำถามเดียวที่ฉันไม่เข้าใจ

สิ่งที่ฉันนั้นห่วงใยแหละอยากรู้

เหนื่อยมั้ยสิ่งที่เธอทำอยู่ สิ่งที่ฉันได้คอยเฝ้าดูยิ่งรู้ยิ่งห่วงใย

เหนื่อยมั้ยกับที่ต้องร้องให้  ให้กับเขาที่เธอปักใจแหละเขาไม่เคยรับรู้เลย

กับคนที่เธอรัก รักด้วยน้ำตา ช่างดูเหมือนมีคุณค่ากว่าใครทั้งนั้น

ส่วนคนที่รับรู้ รักเธอมากมาย กลับเหมือนเป็นที่ระบายอย่างเพื่อนกัน

ไม่อยากจะถามเธอให้เสียบรรยากาศ

ว่ารักตัวเขามากมายสักเพียงไหน

มีเพียงคำถามเดียวที่ฉันไม่เข้าใจ

สิ่งที่ฉันนั้นห่วงใยแหละอยากรู้

เหนื่อยมั้ยสิ่งที่เธอทำอยู่ สิ่งที่ฉันได้คอยเฝ้าดูยิ่งรู้ยิ่งห่วงใย

เหนื่อยมั้ยกับที่ต้องร้องให้  ให้กับเขาที่เธอปักใจแหละเขาไม่เคยรับรู้เลย

เหนื่อยมั้ย  สิ่งที่เธอทำอยู่  สิ่งที่ฉันได้คอยเฝ้าดูยิ่งรู้ยิ่งห่วงใย

เหนื่อยมั้ยกับที่ต้องร้องให้  ให้กับเขาที่เธอปักใจแหละเขาไม่เคยรับรู้เลย  



   ดินมันเรียกความสนใจจากหมู่เพื่อน . . .  

   จนทั้งวงนั่งเงียบกริบ  

   บอยมองหน้าคนร้องเพลง  มันเข้าใจความหมายดีมันรู้  ว่าดินจะสื่ออะไรให้กับมัน  แต่มันไม่ทรยศหัวใจตัวเองหรอแก  มันได้แต่ก้มหน้านิ่ง  ไม่กล้าที่จะมองหน้าดินเลย

   สิ้นเสียงโซโล . . .  

   . . . ครั้งสุดท้าย  

   เสียงปรบมือจากเพื่อนทั้งวงดังกระหึ่มและยาวนาน  บอยมันมองหน้าคนร้องเพลงที  มองหน้านัทที  มันโชคดีมั้งที่ฤทธิ์แอลกอฮอร์ทำให้มันซ่อนสีหน้าเอาไว้ได้  เพราะทุกคนเข้าใจแค่ว่าบอยเมา

   ใช่แล้ว . . .  

   . . . บอยเมา

   มันเมารักเสียหัวปักหัวปำ

   ก็เพราะว่าความรักมันห้ามกันไม่ได้ มันบอกไม่ได้ด้วยสิว่า  จะต้องรักใคร  หรือรักแบบไหน  หัวใจของบอยมันมีไว้เพื่อรัก  มันรักด้วยน้ำตาจริง ๆ  หรือ  แต่มันก็ยอม  มันยอมทั้งน้ำตานี่แหละ . . .  

   . . . ใครจะทำไม


   บอยมันเดินกระสับกระส่ายไปมาที่หน้าห้องตรวจ  เมื่อคืนดินท้องเสียทั้งคืนเลย  มันไม่ยอมบอก  จนรุ่งเช้า  บอยมันจะไปเรียน  บอยมันถึงรู้ว่าดินมันมีอาการไข้แฝงอยู่ด้วย  มันจำต้องลากดินไปโรงพยาบาล  แล้วมันก็เดินวนไปวนมาราวหนู่ติดจั่นอยู่ครงนี้

   “บอย  มาทำอะไรที่นี่”  เสียงทักทายมันคุ้น  ไม่ใช่มันมันจำได้ดี  เสียงนี้มีคนเดียวในหัวใจมันด้วยซ้ำ

   บอยมันหันไปมอง . . .  

   . . . นัทนั่นเอง  

   นัทเดินมากับพยาบาลสาว  บอยมันยิ้มให้กับทั้งสองคน

   “ดินนะนัท  ดินมันท้องเสีย  แล้วนัทมาทำอะไรล่ะ”

   “อ๋อ  หมอนัดมาตรวจนะ  เรื่องขานั่นแหละ  ไปก่อนนะบอย”

   นัทค่อย ๆ  เดินแยกตัวออกมาจากบอย  พยาบาลที่เดินมาด้วยกันมองนัทแล้วยิ้มก่อนจะเอ่ยออกมา

   “เพื่อนเหรอนัท”

   “ใช่แล้วพี่กุ้ง  อยู่หอเดียวกัน  ไหนแม่บอกจะมาไงพี่กุ้งวันนี้”  นัทมันหันไปถาม

   “อ้าวก็น้าเขาบอกพี่มาแบบนี้นี่นา  ตอนพี่กลับไปบ้านอาทิตย์ก่อน”

   “สงสัยติดงานอีกแหงเลย  เลยปล่อยผมเป็นลูกพี่ไปเลย  เฮ้ย”

   “ทำมาติดแม่ไปเหอะ  ตอนเข้ามาผ่าตัดสาวมาเฝ้าทุกวันเลยนะ  เออ  แล้วเพื่อนนัทคนเมื่อกี้  พี่ก็เห็นนะ  เขามามองนัททุกวันเลย”

   “ผิดคนแล้วมั้งพี่  ไอ้บอยนี่นะ  ผมไม่เคยเห็นมันโผล่มาเลยสักนิดเดียว”  นัทมันหันไปมองหน้าญาติผู้พี่

   “จริง ๆ  นัท  พี่เห็นเขามาตั้งแต่วันแรกแล้ว  ตอนนัทเพิ่งออกจากห้องผ่าตัด  เขายังเข้าไปคุยกับแม่นัทตั้งนานเลย  แล้ววันอื่น ๆ  เขาก็มานะ  บางวันเขาแค่ยืนมองนอกห้อง  บางวันเขาก็เข้าไปในห้องแหละ  พี่เห็นจริง ๆ  ไม่ผิดคนแน่”

   นัทมันขมวดคิ้ว . . .

   . . .  บอยมาเหรอ  

   บอยเคยมาเยี่ยมมันด้วยเหรอ  มันไม่เคยเจอบอยสักครั้งเดียวเลยด้วยซ้ำ  ถ้าบอยมันมา  ทำไมมันไม่รอให้เขาฟื้นล่ะ  หรือถ้าบอยมันมาแค่ยืนดูเขาจากด้านนอก  มันจะมาทำไมกัน  คำบอกเล่าของพี่กุ้งทำให้นัทมันคิด  มันไม่เข้าใจว่าบอยทำแบบนั้นทำไม

   แต่อย่างน้อยมันก็รู้แหละ . . .

   . . .   บอยมา  บอยมาเยี่ยมมัน  

   นัทมันเดินตามพี่กุ้งเข้าไปยังห้องตรวจของหมอช้า ๆ  สมองมันยังติดใจในเรื่องที่เพิ่งรับรู้มา  มันคงต้องหาโอกาสถามบอยมันดู  อย่างน้อยมันจะได้ขอบใจที่เพื่อนอุตส่าห์มาเยี่ยมมันยามมันเจ็บไข้ได้ป่วย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2009 11:47:36 โดย ราชบุตร »

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #72 เมื่อ16-07-2009 13:09:43 »

นัทถามบอย แล้วบอยจะกล้าตอบเหรอ

กล้าๆหน่อยนะบอย

ป้าเชียร์อยู่ สู้โว้ย

patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #73 เมื่อ17-07-2009 06:47:14 »

เฮ้อ... จากที่สงสารบอย ตอนนี้ก็สงสารดินอีกคนแล้วสิ

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #74 เมื่อ17-07-2009 08:32:50 »


ต อ น ที่  ๑ ๗

ร อ ย ด่ า ง . . .




   “เมย์...”  นัทเรียกเมย์เสียงละห้อย  แววตานัทหมองเศร้าคล้ายแบกความทุกข์ไว้เต็มบ่า

   “หือ”  เมย์หันมายิ้มแจ่มใจ


   นัทมองหน้าเมย์นิ่ง . . .  

   . . . เขาจะทำอย่างไรดีหนอเรื่องบางเรื่อง  มันก็ยากที่จะบอกจะพูดออกไป  

   เมย์ผิดหรือ ?  

   ก็ไม่ผิดอะไรนี่นา . . .  

   . . . นัทผิดหรือที่เกิดมาต่ำต้อยกว่าเมย์

   ก็ไม่ผิดอีกนั่นแหละ  . . .

   แต่ . . . บางครั้ง  

   ความเหมาะสมมันทำให้คนสองคนต้องหมางใจกัน

   “นัทมีอะไรเหรอ  ท่าทางนัทเหมือนมีอะไรในใจ”  เมย์ห่วงใย  ระหว่างเมย์กับนัท  ทั้งสองแทบจะไม่เคยมีเรื่องที่ปิดบังกันมาก่อนเลย  เรื่องของอีกฝ่ายมีหรือที่อีกฝ่ายจะไม่รับรู้  

   “สมมุตินะเมย์  สมมุติว่าวันนึง  เรื่องระหว่างเมย์กับนัท  มันไม่ได้เป็นแบบนี้  ไม่ได้เป็นแบบที่เราคิดตอนนี้  เมย์จะยังคุยกับนัทมั้ย”  นัทจ้องหน้าเมย์นิ่ง

   อย่างน้อยนัทมันก็เริ่มที่จะพูด  มันกล้าที่จะพูดออกไป

   “ทำไมนัทถามแบบนั่นล่ะ  นัทมีอะไรมากกว่าเรื่องสมมุติมั้ย”  เมย์ทำหน้าประหลาดใจเพราะคาดไม่ถึงนัทจะคุยเรื่องนี้

   นัทมันหลบสายตาเมย์ . . .  

   . . . มันจะพูออย่างไรดีกับเรื่องนี้  บางสิ่งบางอย่างมันอัดอั้นอยู่ในหัวใจ  มันมองเมย์  นัทอยากมองเมย์ให้เต็มตาอีกครั้ง  เหมือนครั้งก่อน ๆ  ที่นัทเคยมองเมย์  มองแบบเต็มหัวใจด้วยซ้ำไป

   “เมย์”  นัทมันจับมือเมย์เอาไว้ มันพูดอะไรไม่ออกอีกแล้วล่ะ  มันได้แค่แต่จับมือมือเอาไว้นิ่ง ๆ  นัทมันอยากจะถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดที่มีในหัวใจให้เมย์ได้รับรู้ด้วยซ้ำไป

   เมย์จะรับรู้และสัมผัสมันได้มั้ยนะ . . .  

   . . . สัมผัสของหัวใจที่นัทส่งไปนั่นเอง

   “นัท . . . นัทมีอะไรในใจ  บอกเมย์ได้มั้ยนัน”  

   เสียงเมย์ยิ่งอ้อนวอนมากเท่าไหร่  นัทมันเหมือนรู้สึกผิดมาเท่านั้น  ทุกอย่างนัทเริ่มต้นขึ้นเอง  นัทเดินไปหาเมย์เองตั้งแต่ตอน  แล้วมาวันนี้

   วันนี้ . . .

   นัทมันคล้าย ๆ  จะยอม  แต่มันกลับฮึดสู้ขึ้นอีกครั้ง

   “เมย์  เราถอยคนละก้าวดีมั้ย”  นัทมันบอก  น้ำตามันร่วงพรู  มันหันหน้าหนีเมย์เอามือปาดน้ำตาทิ้งอย่างรวดเร็ว

   เมย์มันเหมือนโดนฟาดอย่างแรง . . .

   . . . เมย์มองนัท  ด้วยแววตาทุกข์  เมย์ทุกข์ใจแหละ  จู่ ๆ  นัทมาบอกเรื่องถอยคนละก้าว

   “ทำไมเหรอนัท  นัทบอกเมย์ได้มั้ยว่าทำไม”  เมย์จับแขนนัทเขย่าไปมา

   “เมย์อย่าถามนัทได้มั้ย  นัทไม่รู้จะตอบเมย์อย่างไรดี  นัทรู้แค่ว่า  ระหว่างเรามันเหมือนมีอะไรบาง ๆ  มากั้นอยู่  นับวันมันยิ่งมากขึ้น  มันหนาขึ้นทุกทีเลยนะเมย์  ขอเวลาให้เราถอยไปตั้งหลักกันอีกสักก้าวนะเมย์”  นัทมันเห็น  

   น้ำตาเมย์อาบแก้ม  มันอยากจะเอามือไปซับน้ำตาเหมือนวันก่อน  แต่นัทมันทำไม่ได้  มันจะยิ่งทำให้เมย์เจ็บปวดยิ่งขึ้นไปอีก

   “นัท  นัทเคยมีเหตุผลมาตลอด  แล้วทำไม ตอนนี้นัทถึงกลายเป็นคนไร้เหตุผลไปได้ล่ะนัท  เมย์ผิดอะไรเหรอนัท  บอกเมย์หน่อยสินัท”  เมย์ปล่อยน้ำตาไหลเป็นทาง

   คนโดนเฉือนใจเป็นแบบนี้เองเหรอ

   “นัทไม่มีเหตุผลหรอกเมย์  นัทขอโทษ”  

   นัทปลดมือเมย์เบา ๆ  ก่อนหันหลังให้เมย์  น้ำตานัทไหลเป็นทาง    นัทมันไม่แม้แต่จะหันหลังไปมองเมย์ด้วยซ้ำ  มันรู้  ถ้ามันหันไปมองเมย์อีก  มันจะต้องกลับไปหาเมย์แน่ ๆ  นัทมันทำไม่ได้  เสียงพ่อของเมย์ยังก้องในหัวนัท

   “ผมไม่ได้ดูถูกคุณหรอกนะ  แต่ลูกเมย์  ผมเลี้ยงมาแบบยุงไม่ให้ใต่ไรไม่ให้ตอม  คุณคงเข้าใจนะว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่อยากเห็นลูกตัวเองมีอนาคตที่ดี  ไม่ใช่ต้องมาจมอยู่กับคนที่ยังไม่รู้อนาคตของตัวเอง  ผมไม่ได้ดูถูกคุณนะ  แต่ผมว่าคุณเลี้ยงลูกผมไม่ไหวหรอก  ถ้าคุณมีความเป็นลูกผู้ชายพอ  ออกจากชีวิตลูกสาวผมเถอะ  ถือว่าผมขอ”

   นัทมันจำแม่น . . .  

   . . . คำพูดของพ่อเมย์ยังก้องในสมอง  

   แววตามันมุ่งมั่น  มันต้องเอาชนะคำพูดของพ่อเมย์ให้ได้  คนอย่างมันต้องดีกว่าพ่อเมย์ปรามาสเอาไว้  แต่ตอนนี้มันขอเดินออกมาจากชีวิตของเมย์ก่อน  เมย์อาจไม่เข้าใจมันหรอก  แต่สักวันนึง  

   เมย์อาจจะรู้  . . .

   . . . แล้วเข้าใจในสิ่งที่มันทำ

   นัทมันรู้ะ  เมย์นะอยู่แค่ปลายนิ้วของมันนั่นแหละ

   แค่เอื้อม . . .

   . . . แต่นัทมันเลือกที่จะไม่เอื้อม  

   แค่เอื้อมของมันจึงดูห่างไกลเสียเหลือเกิน



   ตะวันจวนลับเหลี่ยมฟ้า  หมู่นกกาโผผินคืนรัง  อากาศรอบ ๆ  ตัวเริ่มเย็นชื้น  เมย์ยังนั่งนิ่ง ๆ  ที่ริมอ่างเกษตร  ที่เดียวกับที่เขามาปล่อยโคมลอยเมื่อปีก่อน  เมย์ไม่เข้าใจนัทหรอก  นัททำอะไรออกไป  เมย์รู้แต่สมองเมย์มันตื้อ ๆ  คิดอะไรไม่ออก  ไม่มีคำสั่งหรือประมวลผลใด ๆ  ลอยออกมาจากสมองของเมย์เลยแม้แต่น้อย  ผู้คนมากมายที่มาวิ่งออกกำลังกายมองเมย์แหละ  แต่เมย์กลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสายตาของคนเหล่านั้นเสียเลย

   เหมือนโลกนี้มีแค่เมย์เพียงคนเดียว

   เมย์ฟุบหน้าลงกับฝ่ามืออีกครั้ง . . .  

   . . . มันเจ็บนะ  เจ็บที่โดนบอกเลิกโดยไร้สาเหตุ  เมย์พยายามคิดทบทวนว่าทำอะไรผิดลงไป  แต่ยิ่งคิดมันยิ่งมืด  เหมือนที่โบราณบอกไว้กระมัง

   มืดแปดด้านไปหมด

   “ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ”

   เสียงทักทาย . . .  

   . . . ทำให้เมย์ต้องแอบปาดน้ำตาทิ้ง  เมย์หันกลับมาที่ต้นเสียง  รอยยิ้มของเพื่อนเก่า  ทำให้เมย์ยิ้มออกมานิดนึง

   “บอย  มาทำอะไร”

   “มาวิ่ง เห็นนั่งอยู่นานแล้ว”  บอยนั่งลงที่ใกล้ ๆ  เมย์

   บอยมันหยิบก้อนหินที่ริมอ่าง . . .  

   ก่อนเขวี้ยงลงไปในอ่าง  เสียงก้อนหินกระทบน้ำดังตุ๋ม  ก่อนที่ระลอกคลื่นจะค่อย ๆ  ตีวงกว้าง  กว้างขึ้น ๆ  จนมาถึงริมตลิ่ง  บอยมันทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมาหลาย ๆ  ครั้ง

   “เราจะไม่คุยกันเลยเหรอเมย์”  บอยมันเอ่ยขึ้นหลังจากที่นิ่งเงียบกันอยู่นาน

   “คุยอะไรล่ะ  บอยอยากคุยอะไร”  เมย์พยายามฝืนให้เหมือนเมย์คนเดิม  บอยเห็นแหละ  มันเพื่อนกันนี่หว่า  ความเปลี่ยนไปของเพื่อนทำไมบอยจะมองไม่ออก

   “ช่างเหอะ  ถ้าเมย์ไม่อยากคุย  แต่บอยขอนั่งเงียบ ๆ  เป็นเพื่อนเมย์อยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน”  บอยมันหยิบหินมาก้อนหนึ่ง

   “เมย์เห็นหินมะ  นี่”  

   บอยมันแบมือให้เมย์ดู . . .  

   . . . หินก้อนขนาดย่อมที่วางอยู่ในมือ  แล้วบอยมันค่อย ๆ  กำมือ  มันกำแน่นเข้า  แน่นเข้าไป  จนมันรู้สึกเจ็บ  

   “โอ้ย . . .”  

   บอยร้องออกมาเมื่อกำเอาไว้แน่นที่สุดแล้ว

   “เป็นอะไรไปบอย  ไปกำแน่น  มันก็เจ็บสิ”  เมย์รีบเอามือมาจับมือบอย  กางออกดู  รอยหินที่กำไว้  แดงเป็นจ้ำ ๆ

   บอยหันมามองหน้าเมย์ . . .  

   . . . มันยิ้ม  ยิ้มอย่างเคยแหละ

   “เมย์เห็นที่ตรงนั้นมั้ย  จำได้มั้ย  ครั้งนึงเราเคยมาทำอะไรกันที่นี่”  บอยชี้ไปยังที่ ที่ทั้งสามเคยมาลอยโคมยี่เป็งด้วยกัน

   เมย์พยักหน้ารับ

   “จำได้  จำได้สิบอย  ปีแรกที่เราเรียนที่นี่แล้วเรามาลอยยี่เป็งไง”

   “ใช่เมย์  บางครั้งความสุข  มันอยู่ที่ความทรงจำของเรานี่แหละ  มันอยู่กับเราตลอดเวลานะเมย์  เหมือนความทุกข์  ความทุกข์มันก็วนเวียนอยู่กับเราตลอดเวลาเหมือนกัน . . .”  บอยหยุดยิ้มมอหน้าเมย์

   “. . . เมื่อกี้บอยกำหิน  เรารู้ทั้งรู้ว่าหินมันแข็งกว่ามือแต่เรายังจะไปกำมันไว้อีก  แล้วทีนี่พอกำไว้นาน ๆ  มันก็เจ็บ  ถ้าเรารู้ว่าเราเจ็บแล้วเราจะกำมันไว้ทำไม  เราก็ปล่อยมันแบมือออกแบบนี้ไง  เห็นมั้ย”  

   บอยแบมืออีกครั้ง  ยิ้มกับเมย์อย่างเคย

   “พอเราแบมันก็หายเจ็บแล้วล่ะ  เหมือนความสุขไง  ความสุขมันเหมือนความทรงจำ  ที่เมย์เห็นไง  เมย์เห็นมันไม่ใช่เหรอที่เราเคยมาลอยโคมนะ  บอยไม่รู้ว่าเมย์จะทุกข์เพราะเรื่องคนนั้นหรือปล่าว  แต่เมย์อยากให้รู้  เราเก็บความสุขได้เมย์  และเราก็ทิ้งความทุกข์ได้เช่นกัน”  บอยมันเขวี้ยงหินก้อนที่กำไปในน้ำ  

   น้ำกระจายระลอกคลื่นตีวงกว้างเรื่อย ๆ . . .  

   “บอย  นัทเขาไม่อยู่แล้ว  เขาไม่อยู่กับเมย์แล้วบอย”  เมย์หมดแรงจะจะแข็งขืนหัวใจตัวเอง

   บอยรับรู้ข่าวใหม่ด้วยหัวใจแห้งแล้งพิกล . . .  

   . . . ความจริงบอยมันน่าจะดีใจเสียด้วยซ้ำที่เมย์กับนัทไม่มีอะไรกันแล้ว  อย่างน้อย  นัทก็ไร้พันธะ  

   แต่ . . .

   บอยมันกลับรู้สึกว่า  ระยะห่างของมันกับนัท  ห่างขึ้นไปเรื่อย ๆ  เพราะว่าคนที่เชื่อมมันกับนัทคือเมย์  เมย์เหมือนตัวเชื่อมให้มันถึงนัท  แต่ตอนนี้  มันเหมือนไร้แล้วซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง

   ด้ายเส้นสุดท้ายที่เชื่อมมันไว้กับนัทขาดสะบั้นลงแล้วหรือ ?

   “เมย์ . . .”  บอยเรียกชื่อเมย์เสียงอ่อนโยน

   “. . . เมย์ต้องเข้มแข็งไว้นะเมย์  ก่อนเจอนัท  เมย์อยู่ได้ใช่ไหมเมย์”  บอยหันมาถาม  มันเอามือแตะที่หลังมือเมย์เบา ๆ

   “ถ้าเมย์เคยอยู่ก่อนไม่มีนัท  เมย์อยู่ได้  เพราะฉะนั้น  ตอนนี้เมย์ต้องกลับมาอยู่แบบนั้นให้ได้นะเมย์  ถึงมันจะยากสักหน่อย  แต่เมย์ต้องอยู่ให้ได้นะ  บอยเชื่อว่าเมย์จะต้องอยู่ได้  เมย์คนเก่งจะต้องเข้มแข็งไว้นะ”  

   บอยมันปลอบ  มันเองก็เศร้า . . .

   . . .  มันเคยเห็นเมย์ยิ้ม  มันเคยเห็นนัทยิ้ม

   แม้มันจะเคยแอบร้องไห้เพราะรอยยิ้มของคนสองคน  แต่มันก็ยังสุขในหัวใจอยู่บ้าง  ตอนนี้มันเหมือนไร้หัวใจมั้ง  มันเกือบจะร้องไห้ตามเมย์อยู่แล้วทีเดียว  ถ้ามันอ่อนแอกว่านี้อีกนิด  มันร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่าแน่ ๆ

   มันไม่รู้หรอกว่า  ทั้งสองต้องเลิกกันด้วยเรื่องอะไร  บอยมันรู้แค่ว่า  มันเองก็ไม่สบายเหมือนกัน  มันไม่อยากเห็นเพื่อนที่มันรู้จักมาแต่เล็กแต่น้อยต้องทุกข์  แล้วมันพาลนึกไปถึงอีกคน . . .  

   . . . คนนั้นจะทุกข์แบบเมย์มั้ยนะ




   “มาเสียค่ำเชียวนะเอ็ง”  ดินทัก  เมื่อบอยเปิดประตูเข้ามา

   “เออ  พอดีมีธุระนิดหน่อย  แต่งตัวซะหล่อ  ไปหาเด็กเหรอ”  บอยมันทักเพราะมันเห็นดินแต่งซะเต็มคราบ  พร้อมออกเที่ยวกระมัง

   “ป่าว  จะออกไปเที่ยวนะ  พอดีน้ำมันมาชวนให้ออกไปนะ  เห็นบอกนัทมีเรื่องกลุ้มใจ  มึงรู้มั้ยนัทมันมีเรื่องไร”   ดินบอก  แล้วจ้องหน้าบอย  คล้ายค้นหาอะไรบางอย่างในตัวบอย


   บอยมันมองหน้าดิน . . .  

   . . . มันไม่หลบสายตาเสียด้วย  

   มันจะกลัวทำไม  ในเมื่อมันพอจะรู้เรื่องมาจากเมย์บ้างแล้ว  เรื่องที่นัทกลุ้มใจคงไม่พ้นเรื่องเมย์หรอก  แต่มันไม่รู้หรอกรายละเอียดปลีกย่อยมันเป็นเช่นไร  มันคงไม่อยากรู้ไปมากกว่านี้แล้วล่ะ  เพราะเมื่อตอนมันขับรถตามรถคันเล็กของเมย์มาส่งที่หอมันเองก็แอบปาดน้ำตาทิ้งไปหลายทีเหมือนกัน

   “อย่าเพื่อนอย่า  อย่ามามองแบบนี้  กูไม่รู้เรื่องอะไร”  บอยมันยกมือห้ามดิน  เพราะมันเกลียดสายตาที่ดินจ้องมันแบบจับผิด

   “นึกว่าจะรู้  ไม่ไปด้วยกันหน่อยเร่อะ  โอกาสทำแต้มนะมึง”  ดินมันยั่ว

   มันเกิดมายามไหนนะ . . .  

   . . . ช่างยั่วเสียเหลือเกิน  

   ถ้าบอยมันไม่รู้จักดิน  มันอาจจะแตะดินไปสักป๊าบ  แต่นี่มันรู้จักเพื่อนดี  มันเลยแกล้งไม่สนใจ

   “ไม่ไปว่ะ  เหนื่อย  อยากนอน”  มันตั้งท่าจะถอดเสื้อ

   “ไม่ได้โว้ย  กูบอกนัทกับน้ำมันแล้วเดี๋ยวตามไป  ยังไงกูก็จะลากมึงไปให้ได้  ไปหน่อยเหอะว้า  ทีมันนอนโรงพยาบาลมึงยังไม่โผล่ไปเลย  แล้วคราวนี้มันท่าจะหนักเอาการนะมึง  สงสารมันไปนะบอย”  ดินบอก

   บอยมันทำท่าอยู่พัก  . . .

   . . . มันไม่ต้องตัดสินใจอะไรแล้วล่ะ  

   มันไปนะไปแน่  แต่ต้องเล่นตัวซะหน่อย  อย่างน้อยก็ให้ดินมันไม่พูดเอาได้ว่า พอเป็นเรื่องนัท  มันต้องไป  มันต้องไปทุกครั้ง  ถ้านัทต้องการ  มันไม่อยากให้ดินรู้สึกแบบนั้น

   “เออ . . เออ” มันเออออไปทั้ง ๆ  ที่หัวใจพองโต

   “. . . แม่งเอ้ยยุ่งกับกูจัง  รอเดี๋ยวอาบน้ำก่อนวิ่งมาเหนื่อย เหม็นด้วย”  มันบอก  ก่อนจะคว้าผ้าขนหนู  และขันอาบน้ำเดินออกไป

   ดินส่ายหน้าไปมา  

   “หนอยมาทำฟอร์มไอ้ทุเรศเอ้ย”

   เสียงดนตรีจังหวะคึกคัก  ดังแว่วมาตามลม  ดินมันจอดรถไว้แล้วมันเดินนำบอยเข้าไป  ในร้านคนยังไม่มาก  อาจเพราะเป็นวันธรรมดา  ดินมันกวาดสายตามองไปในร้าน  โน่น  มันเห็นแล้ว  นัทกับน้ำนั่งอยู่  มันค่อย ๆ  เดินนำหน้าไปยังโต๊ะด้านใน

   “ทำไมเพิ่งมาว่ะ”  นัทมันถามเสียงยาน ๆ  

   บอยมันเหลือบมองไปที่ขวดเหล้า  มันเห็นเหล้าพร่องไปแล้วกว่าครึ่งขวด  มันเดาได้ไม่ยาก  คนพูดน่าจะเริ่มเมาแล้วล่ะ  มันหันมายิ้มก่อนที่จะมองไปยังคนที่ถาม  แม้ไฟไม่สว่างมาก  แต่นัทหน้าแดงเพราะฤทธิ์เหล้าหรือเพราะพิษรักมันก็สุดจะคาดเดา

   หรืออาจจะทั้งสองอย่างก็เป็นได้

   “ไปวิ่งเพิ่งกลับมา  นึกไรขึ้นมาว่ะ  มากินเหล้าตั้งแต่ค่ำนี่”  บอยมันถาม  พลางหยิบน้ำแข็งใส่แก้ว  แล้วมันรินเหล้าใส่  ก่อนจะรินโซดาลงเต็มแก้ว  แล้วมันใช้นิ้วคนไปมา

   “ฉลองความเป็นโสดโว้ย  แม่งเอ้ยคนเราก็เท่านี้แหละว้า  กว่าจะรู้ว่าดอกฟ้าก็ตอนที่หลงเสียหัวปักหัวปำ”  นัทมันยกแก้วขึ้นซดคราวเดียวหมดแก้ว

   “เหล้านะโว้ย  ไม่ใช่น้ำปล่าว”  บอยมันปราม

   “ขอโว้ย  วันนี้ขอวันนึง  ฉลองความโง่งี่เง่าให้กับตัวเอง  แม่งเอ้ยแค่มือคว้าแต่ดันไม่คว้า  แค่เอื้อมเท่านั้นแต่ดันไม่เอื้อม  โง่ฉิบหายเลยคนอะไร”  มันเริ่มเมามั้ง  เพราะมันพูดจามากกว่าเก่า

   แค่เอื้อม . . .

   . . . มันแทงใจบอยจิ้ด  

   มันมองหน้านัทแล้วยิ้มเยาะตัวเองก่อนจะกระดกไปหมดทั้งแก้วเช่นกัน  นัทพูดถูกทุกอย่างแหละ  มันโง่ฉิบหาย  แค่ปลายนิ้วมันก็เอื้อมถึงแต่มันเสือกทะลึ่งไม่ยอมเอื้อม

   “เออ  แม่งแบบนี้ดิถึงเรียกเพื่อน  เห็นมั้ยน้ำ  บอยมันยังหมดแก้วเลย  มึงนี่ไม่ได้เรื่องว่ะ  อ่อนโครตเลย  บอยคืนนี้มึงมาเมากับกู”  นัทมันยกแก้วที่ดินชงให้ให้ชูมาตรงหน้า

   บอยมันยกแก้วไปชน  . . .

   . . . มันกลัวที่ไหนเล่า  

   เหล้ากินเมื่อไหร่ก็เมาเมื่อนั้นแหละ

   ดินกับน้ำมองหน้ากันเงียบ ๆ  มันได้แต่มอง  เพราะมันรู้ดี  ว่าน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง  มันรู้การขวางนอกจากไม่สำเร็จแล้วยังพาลจะทำให้เรือล่มเสียง่าย ๆ  ด้วย

   “กูรักเค้านะโว้ย  ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยรักใครเท่านี้มาก่อน  แต่ทำไม  ฟ้าถึงต้องแกล้งกูด้วยว่ะ  กูเจ็บนะโว้ย  เจ็บตรงนี้”  นัทมันตบที่อกข้างซ้ายแรง ๆ

   บอยมันปวดใจจิ้ด . . .  

   . . . นี่มันต้องมาทนนั่งฟังนัทระบายความรู้สึกอีกนานแค่ไหนกันนะ  มันไม่พูด  มันยกแก้วทีไร  นั่นหมายถึงเหล้าหมดแก้ว  ดินเอื้อมมือมาแตะมือมันเบา ๆ  บอยสลัดมือดินทิ้งอย่างไม่ใยดี

   “บอยกูขอบใจมึงนะโว้ย  ที่อย่างน้อยมึงก็ทำให้กูเจอเค้า  แต่วันนี้  เค้าไปแล้ว  ไม่ดิ  ไม่ดิ๊  ก็ไปแล้วกูไปจากชีวิตเค้าแล้วบอย  กูไม่ดี  กูมันต่ำไม่ควรกับเขาบอย  มึงได้ยินมั้ยกูมันไม่ควรกับเค้า”  

   จากหนึ่งแก้ว . . .

   . . .  เป็นสองแก้ว  

   จากสองแก้ว เป็นสามแก้ว

    แล้วเหล้าที่มีอยู่น้อยนิดก็หมดไป  นัทมันสั่งมาอีกขวด  คราวนี้มันไม่รู้อะไรแล้ว  บอยมันเริ่มตาลาย  มันมองอะไรซ้อนกันไปหมด  แสงสีกับเสียงเพลงที่เร่งเร้ากลับทำให้มันเมายิ่งขึ้น

   นัทมันเมารักแน่แล้ว

   บอยล่ะ . . .

   . . .บอยเมาอะไร

   หูมันอื้อ  สมองมันเบา ๆ  ความรู้สึกและสติมันถดถอย  บอยมันไม่รู้สึก  มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันกลับมาที่ห้องได้อย่างไร  มันรู้แค่ว่า  ตอนร้านปิดมันแทบจะเดินไม่ตรงทาง  ไม่แตกต่างไปจากนัทเลยด้วยซ้ำ



   แสงแดดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง  บอยมันรู้สึกปวดหัวจิ้ด ๆ  มันสะบัดหัวไปมา  มันรู้สึกอึดอัด  ในความหนักแน่นของศรีษะ  มันรู้สึกเหมือนร่างกายมันโดนรัดอยู่  มันค่อย ๆ  รวบรวมสติ  แล้วบอยมันรับรู้  ร่างกายมันไร้เสื้อผ้าติดกาย  มันรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณทวารหนัก


   มันผลักดินออกจากการโอบกอดร่างของมัน  คนที่ยังหลับอยู่ต้องสะดุ้งตื่นเพราะแรงผลัก  บอยมันจ้องมองดิน  ร่างกายดินไร้เสื้อผ้าเช่นร่างกายมัน  

   บอยมองตาดิน . . .  

   . . . คล้ายจะถาม  

   ดินหลบสายตาวูบ  

   เท่านั้นเอง . . .  

   บอยมันรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน  มันไม่ได้ฝันหรอก  เพราะในฝันมันไม่ใช่ดิน  แต่เป็นผู้ชายอีกคนที่มันเฝ้าหลงรักมานาน  ผู้ชายคนเดียวที่เมากับมันเมื่อคืน  แต่พอรุ่งเช้าคนที่บอยมันเจอกลับเป็นดิน

   “บอย  กูรักมึงจริง ๆ  นะ”  ดินเข้ามาสวมกอดมันเมื่อมันเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาพันกาย

   บอยมันสะบัด . . .  

   . . . มันไม่พูด  

   แต่แววตามันซ้ำ  มันซ้ำหนัก  เสียแรงที่มันไว้ใจเพื่อน  แต่เพื่อนกลับมาทำกับมันแบบนี้  มันไม่พูด  มันจ้องหน้าดินนิ่ง  มันเกลียดเหลือเกิน  มันขยะแขยงคนที่แก้ผ้าอยู่ตรงหน้ามัน

   “เพื่อนกันเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอกโว้ย  ต่อไปนี้มึงกับกูขาดกัน”  บอยมันจ้องหน้านิ่ง  ก่อนที่มันจะเดินออกไปอาบน้ำ

   “บอย  ๆ  ฟังกูดิ๊”  ดินมันร้องเรียก  

   แต่ . . .

   บอยมันปิดประตูโครมใหญ่  

   ดินมันนั่งลงกับเตียง  มันเอาหน้าซุกกับมือตัวเอง  มันเสียใจ  มัมนเสียใจไม่น้อยไปกว่าบอยหรอก  แต่มันทำไปแล้ว  มันรักบอยเกินกว่าที่มันจะห้ามหัวใจตัวเองได้

   “ไอ้ดิน  ไอ้ห่าเอ้ย  มึงทำไรลงไป  มึงทำไรนี่”  มันเฝ้าถามตัวเอง

   บอยเดินเข้ามาอย่างคนใจลอย . . .  

   . . . ระยะจากห้องนอนไปห้องน้ำไม่ไกล  

   แต่ . . .

   บอยมันกลับรู้สึกไกล  เสียเต็มประดา  สมองมันมีแต่ความชิงชัง  มันเจ็บแปลบเวลาที่มันก้าวขาออกไปแต่ละก้าว  มันไม่รู้หรอกเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่มันเดาเอาจากสิ่งที่มันเห็นเมื่อเช้า

   “อ้าวบอยเพิ่งตื่นเหรอ  เมาว่ะปวดหัวจิ้ดเลย”  คนที่เดินสวนกับมันมาเอ่ยทัก    

   นัทมันยิ้มเหมือนที่เคยยิ้มให้บอยเสมอมา . . .

   . . .บอยมันแทบจะแทรกแผ่นดินหนีไปตรงนั้น  

   มันอาย  มันเกิดอาการอายนัทขึ้นมาดื้อ ๆ  ไม่รู้สิ  มันอาจจะคิดไปต่าง ๆ  นานา  กลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นมั้ง  มันได้แต่พยักหน้าให้นัท  ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ

   มันเปิดน้ำจากฝักบัว . . .  

   . . . น้ำราดรดตั้งแต่ศรีษะมัน  

   บอยมันใช้มือถูร่างกายอย่างแรง  ราวกับจะขัดเอาสิ่งที่ดินยัดเยียดให้มันออกไปให้หมดจากตัว  มันปล่อยน้ำตาไหลปะปนไปกับสายน้ำ  มันทรุดร่างลงกับพื้นห้องน้ำปล่อยให้น้ำชำระล้างสิ่งที่มันไม่ต้องการจากดิน  

   มันรู้ . . .

   . . . ต่อให้ล้างอย่างไรก็ไม่หมดไปจากตัวมันหรอก  เพราะสิ่งที่ดินทำไว้กับมันเกินที่มันจะรับได้

   มันไม่ต้องการสิ่งนั้นเลย  สิ่งที่ดินสร้างรอยด่างให้ชีวิตมัน  





yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #75 เมื่อ17-07-2009 10:02:05 »

เกลียดดิน มากกก :beat:

คนฉวยโอกาส  :z6:

สงสารบอย :serius2:

 :z3:


teenza

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #76 เมื่อ17-07-2009 11:27:43 »

ยังไม่ได้อ่านเลยแวะมามอบดอกไม้เป็นกำลังใจให้คนโพสก่อน :L2:
ไม่ให้ไม่ได้ลงอย่างฟิตขนาดนี้ ท่าทางเรื่องจะเข้มข้นดูจากอาการของรีบน เดี๋ยวไปอ่านก่อน :bye2:

patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #77 เมื่อ18-07-2009 15:24:37 »

อ้าว... ไหงเป็นงี้ล่ะ ตอนที่แล้ว ดินยังเป็นคนที่น่าสงสารอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ละเนี่ย

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #78 เมื่อ18-07-2009 18:49:34 »


ต อ น ที่  ๑ ๘

ก ลั บ สู่ จุ ด เ ดิ ม  .  .  .  ด า ด ฟ้ า


   ตั้งแต่เกิดเรื่องกับดินก็ดูเหมือนว่าโลกของบอยจะแคบลง . . .  

   . . . ชีวิตของบอยเปลี่ยนไป  


   บอยไม่ร่าเริงเหมือนเก่าชีวิตเหมือนจะแค่ให้ผ่านไปวัน ๆ  เท่านั้น  บางครั้งบอยมันก็นั่งมองฟ้าเงียบ ๆ  ให้น้ำตามันไหลออกมา  บอยมันเหมือนจะลบลี้หนีจากโลกนี้ไปเสียด้วยซ้ำ  เวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของบอยคือเวลาที่บอยได้แอบมองนัทเงียบ ๆ  จากริมระเบียงในเวลาที่นัทเดินกลับมาที่หอเท่านั้น

     ชีวิตของบอยกลับเข้าสู่สภาพเดิมอีกครั้ง  

   สภาพที่บอยทำได้แค่ยืนมองนัทในมุมมืด . . .

   . . .  มุมที่ดินมันยัดเยียดให้บอย

   หรือเพราะบอยอยากยืนที่มุมนั้นตลอดชีวิตก็สุดจะคาดเดา

   ดินเองเสียอีกที่พยายามจะให้บอยยกโทษให้  แต่ดูเหมือนว่าในสายตาที่บอยมองออกไปจะไม่เห็นดินเสียด้วยซ้ำ  ดินเป็นเหมือนอากาศธาตุ ที่ล่องลอยไปมาในห้อง  บอยมันไม่รู้สึกเลยว่าดินเดินอยู่  หรือดินจะคุยกับบอย

   ช่วงแรก ๆ  นั้นดินมันจะแทบบ้าให้ได้  มันผิดเต็ม ๆ  มันรู้  

   มันรู้ดี . . .  

   . . .  มันคิดว่าบอยอาจจะเห็นใจมันบ้าง  แต่ดินคิดผิด  เวลาไม่ได้ช่วยอะไรดินเลย  นับวันสายตาที่บอยมองดินมันยิ่งห่างออกไปทุกที  ห่างจนดินมันกลัว  กลัวว่าบอยกับมันคงจะไม่พูดกันอีกตลอดชีวิต

   บอยมันรักแรงและมันออกจะซ้ำแรงเสียด้วยกระมัง

   เรื่องแบบนี้มันถือ  

   บอยมันจำ . . .

   . . . จำจนตาย



   ฟ้าเริ่มมืด  แสงแดดจ้า เริ่มกลายมาเป็นสีเทาคราม  ก่อนที่จะกลายมาเป็นสีส้ม  แล้วความมืดก็ค่อย ๆ  เข้ามาครอบคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ  บอยมันไม่รีบ  มันเดินช้า ๆ  ผ่านทางศูนย์กีฬา  บอยมองเห็น ไฟข้างในยังสว่าง  บอยมันเดินเข้าไปใกล้ ๆ  โรงยิม  มันใช้สายตาลอดผ่านไปทางช่องลมเล็ก ๆ  แล้วบอยก็ยิ้มกว้างกับตัวเอง

   คนตัวเล็กร่างสูงโปร่ง . . .  

   . . . เหงื่อชุ่มตัวกระมัง  

   เขากำลังตั้งท่าที่จะเสริฟลูกขนไก่  มือขวากระชับไม้แบดไว้แน่น  สายตามองหาช่องว่างในสนามของคู่ต่อสู้  ก่อนที่จะเหวี่ยงแขนไปสัมผัสกับลูกขนไก่สีขาว  แล้วลูกก็กระดอนข้ามเน็ตไปยังอีกฝั่ง  ทางโน้นตีโต้กลับมาทางขวาของสนาม  นัทกระเถิบตัวเข้ามารับลูกอย่างชำนาญ  แล้วตวัดข้อมือรับให้ลูกข้ามไป  อีกฝั่งตบกลับมาอย่างรวดเร็ว  นัทแค่หักข้อมือเบา ๆ  ลูกหยอดไปหน้าเน็ทของอีกฝั่ง แล้วฝั่งโน้นตบกลับมา  นัทมันถอยมา  แล้วกระโดดตบจนลูกไหลเลียดไปทางริมเส้น  ทั้งคู่โต้กันไป โต้กันมาต่างไม่มีใครยอมใคร  แล้วในที่สุดนัทมันก็เสียทีอีกฝั่งหยอดลูกมาริมเน็ทสุดวิสัยที่นัทจะรับไว้ได้

   บอยมันยืนลุ้นอยู่ด้านนอก . . .  

   . . . มันอดเสียดายไม่ได้  ที่หลายครั้งที่นัทเกือบจะปิดเกมส์ได้แต่นัทปิดไม่ได้  

   มันได้แค่ยืนมองนัทห่าง ๆ  จากนอกกำแพงเท่านั้น  

   เพราะบอยมันรู้ดี  ตอนนี้ระหว่างมันกับนัท  เหมือนคนห่างกันเสียแล้ว  บอยมันไม่เสียใจหรอก  ระยะเวลาหนึ่ง  มันเคยมีเวลาอยู่กับนัท  มันเชื่อว่านัทจะเป็นเพื่อนที่ดีของมันได้  แต่มันคิดอีกแบบ  มันกับนัทแตกต่างกันมาก . . .  

   . . . นัทเขาเป็นผู้ชาย  

   ผู้ชายแท้ ๆ  ส่วนบอยล่ะ ?

   บอยตั้งคำถามให้ตัวเอง

   . . . บอยมันก็แค่มนุษย์ที่ถูกสาป  มันตอบตัวเองทันควัน  

   คนที่ต้องคำสาปแบบมันนี่นะ จะรักเพศตรงกันข้ามก็ไม่ได้  ต้องมารักกับเพศเดียวกันแถมยังต้องยืนอยู่ในมุมที่ทุกคนไม่อยากยืนเสียด้วย  

   บอยมันยิ้มกับภาพนัทอีกครั้ง . . .  

   . . . ยิ้มกับนัทที่ไม่เคยมองเห็นบอยเลยด้วยซ้ำ  

   แล้วบอยก็ค่อย ๆ เดินถอยหลังมาช้า ๆ  มันยิ้มกับตัวเอง  แววตามันพร่ามัว  มันสูดหายใจลึก ๆ  เข้าปอด  อย่างน้อยวันนี้บอยก็เห็นนัท  นานแหละ  นานกว่าทุกวันด้วยซ้ำ

   บอยมันเดินมาช้า ๆ  ตามถนนในมหาวิทยาลัย  

   บอยรู้แล้วล่ะ . . .  

   . . . โลกนี้มันมีความสุขได้  

   ความสุขของคนอื่นอาจจะอยู่ที่การได้อยู่กับคนที่ตนเองรัก  

   แต่ . . .

   . . . ความสุขของบอย

   มันอยู่แค่การได้เห็นนัท  การได้แอบมองนัทห่าง ๆ  แบบนี้  

   มันอาจจะเศร้า  อาจจะแอบร้องไห้บ้าง  นั่นเพราะบอยมันรู้สึกเหงา  เพราะบอยมันรู้สึกโดดเดี่ยว  แต่บอยมันรู้  ตราบใดที่บอยมันยังไม่ออกไปหานัท  มันยังมีสิทธิ์ที่จะมองนัทแบบนี้  มันพอใจกับการได้แอบรักนัทอยู่แบบนี้  ใครจะมองว่ามันบ้ามันไม่สนใจหรอก  เพราะบอยมันรู้ไง  ไม่มีใครบ้าได้เท่ามัน

   มันเดินมาเรื่อย ๆ  

   . . . ถนนสายนี้จะไปสิ้นสุดที่ไหนบอยมันไม่รู้  มันรู้แค่ว่าขามันก้าวพาร่างมันมาเรื่อย ๆ  มันรู้ด้วยว่าถึงที่ไหนควรเลี้ยวทางซ้าย  ตรงไหนควรเลี้ยวทางขวา  

   แต่ . . .

   . . . บอยมันไม่รู้เลย  

   ผู้คนที่เดินสวนไปสวนมา  มีใครบ้างที่บอยรู้จัก  เพราะบอยมันไม่รู้  และมันไม่คิดจะรับรู้ด้วยซ้ำ  ตอนนี้สมองมันเห็นแต่ภาพนัทกับลูกขนไก่เท่านั้น  มันยินดีเก็บภาพทรงจำนั้นเอาไว้  ยามมันคิดถึงนัท  อยากจะเห็นหน้านัท  บอยมันรู้แหละว่าควรจะไปดูนัทได้ที่ตรงไหน  นัทไม่เคยไปไหนไกลจากห้องแลปและศูนย์กีฬาของมหาวิทยาลัย

   ความรักของบอยมันออกจะแปลก  และไม่มีใครคาดคิดเสียด้วยซ้ำ



   กว่าบอยจะรู้ตัวว่าเดินกลับมาถึงที่หอพักก็ได้เหงื่อไม่น้อยเลยทีเดียว  บอยมันเห็นตั้งแต่ไกล ๆ   คนที่นั่งที่ใต้หอมันคุ้นหน้ามัน  และไม่ใช่คนในมหาวิทยาลัยเดียกันกับมันด้วย  เขายิ้มให้มันเหมือนเคย  เหมือนวันแรกที่รู้จักกัน  บอยมันยิ้มตอบ  มันดีใจหรือปล่าวหว่าที่ได้เจอกันอีก

   “หวัดดีครับพี่ต้น”  บอยมันยิ้มมันปรี่เดินเข้าไปหาคนที่นั่งที่ม้าหินอ่อนใต้ตึกหอชาย

   “หวัดดี  เป็นไงบ้าง  ไม่ได้เจอกันเลย  วันนี้เพิ่งกลับจากแม่นะพี่สารภีเขาฝากสะตอเบอรี่มาให้บอยชะลอมนึง  ของนัทอีกชะลอมนึง  แต่พี่ไม่รู้ว่านัทอยู่หอไหน  ต้องฝากบอยไปให้แล้วล่ะ”  พี่ต้นชี้ไปที่ชะลอมไม้ใผ่สาน

   บอยมันยิ้ม . . .  

   . . . มันเห็นชะลอมแล้วมันตื้นตันหัวใจ  

   หัวใจมันแบ่งบาน  

   มันยังมีคนที่คิดถึงมัน  มันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลกเสียที่ไหน  อย่างน้อย ๆ  มันยังมีคนที่แม่นะคิดถึงมันอยู่  แม้ว่ามันจะไม่ได้ไปที่นั่นหลายเดือนแล้ว  ก็ตั้งแต่ที่เจ้าหน้าที่โครงการหลวงไปประจำที่นั่น  มันแทบจะไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว  เพราะเจ้าหน้าที่เขาสอนชาวบ้านแทนมันได้

   “หลวงตาเป็นไงบ้างพี่ต้น   แล้วลุงกำนันล่ะ  อ้อยายทองคำ  ตาสุข  ตามา  ตามีอีกละพี่  . . . “  มันถามยาวรัว  จนคนตอบหน้าเหวอ

   “. . . ว้า  ผมนี่แย่จังไม่ได้ไปที่นั่นเลย  เขายังนึกถึงยังฝากของมาให้อีกแน่ะ”    มันเกาหัวไปมาแก้อาย

   บอยมันอดโทษตัวเองไม่ได้  มันไม่น่าจะปล่อยให้สิ่งที่ดีในชีวิตของตัวเองต้องหล่นหายไปเลย

   “ถามแบบนี้ตอบไม่ทัน  หลวงตาก็เหมือนเดิมแหละ  ทุกคนสบายดี  โครงการที่บอยไปทำไว้ได้ผลดี  ตอนนี้ชาวบ้านเขาผลิตสินค้าสมุนไพรกันเยอะขึ้นเพราะออเดอร์เข้ามามาก  จนผลิตกันแทบไม่ทัน  ทุกคนยังนึกถึงเรานะบอย  เขายังอยากให้บอยไปหาบ้าง  เห็นบอกว่าเมื่อสองอาทิตย์ก่อน  นัทก็เพิ่งเข้าไป  แล้วนัทไม่ได้เล่าให้บอยฟังเหรอ”   พี่ต้นเล่าเรื่องราวของแม่นะให้บอยฟัง

   บอยมันอดภูมิใจเล็ก ๆ  ไม่ได้  ที่อย่างน้อยมันก็ได้ทำให้หลาย ๆ  สิ่งของที่นั่นเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น  

   แต่ . . .

   สำหรับนัท  มันส่ายหน้าช้า ๆ  แทนคำตอบ

   “ไม่ค่อยได้เจอกับนัทหรอกพี่  คงเรียนหนักกันแหละครับ  ถ้ามีธุระกันถึงจะไปหากันสักทีนะครับ”

   บอยมันไม่ได้โกหกนี่หว่า  มันไม่มีธุระอะไรแล้วมันจะแบกหน้าไปหานัททำไมกันล่ะ  มันรู้ดีระหว่างมันกับนัท  ก็แค่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เท่านั้น  และคงไม่มีโอกาสเป็นจริงได้เลยสักวันแน่นอน

   “เออ  อีกเรื่องนึง  ได้ข่าวบอยเล่นกีตาร์เก่งเลยนี่  ไปเข้าวงกับเพื่อนพี่มะ  ตอนนี้เขาตั้งวงกัน  แต่ละคนฝีมือพอไหวทั้งนั้นเลย  แล้วยังรับงานที่ผับที่จะเปิดใหม่เอาไว้ด้วยล่ะ  เดือนหน้าผับคงเปิดแหละ  สนใจมั้ย”   พี่ต้นยิ้ม  

   บอยเห็นชัดแม้ไฟใต้หอจะไม่ส่างมากมาย  รอยยิ้มแบบนี้  มันอุ่นหัวใจ  เหมือนพี่ชาย  ที่อยู่ใกล้ ๆ  มันยามมันท้อแท้

   “ฝีมือผมแค่หางอึ่งพี่  ไม่ไหวมั้ง . . .”  บอยมันถ่อมตัว  มันไม่มั่นใจหรอก  

   “. . . ดีไม่ดีจะพาเขาล่มทั้งวงสิไม่ว่า”

   “ลองดูสักหน่อยน่า  ไม่เห็นเป็นไรเลย  สอบเสร็จแล้วค่อยไปเล่ยก็ได้นี่  สอบวันไหนล่ะ”

   “อาทิตย์หน้าพี่  ก็ดีเหมือนกันพี่  ไว้สอบเสร็จผมจะลองไปเล่นดูนะครับ  แต่ผมว่าคงไม่ผ่านหรอกฝีมือแค่ลูกเด็กแบบผม”  บอยมันยิ้มมันหัวเราะ

   มันเองไม่รู้ตัวหรอกว่ามันไม่ยิ้มไม่หัวเราะมานานเท่าใดแล้ว  แต่วันนี้บอยมันยิ้มได้  มันหัวเราะเสียจนตาหยีไปเสียด้วยซ้ำ

   “งั้นพี่ไปก่อนนะบอย  ว่าง ๆ  อย่าลืมไปเยี่ยมพี่ ป้า น้า อาที่แม่นะบ้างนะ  เขาคิดถึงบอย “  พี่ต้นบอกก่อนลุกขึ้นช้า ๆ

   บอยลุกตาม . . .  

   . . . เขาเดินไปส่งพี่ต้นที่ลานจอดรถมอเตอร์ไซด์  บอยมันมองพี่ต้นขับรถออกไปจนลับตา  

   มันยิ้ม . . .  

   . . . วันนี้มันเหมือนมีความสุขหลังจากที่มันโหยหามานาน  ยามมันไม่มีใครเลยในชีวิต  แต่ชาวบ้านที่แม่นะกลับยังนึกถึงมันยังต้องการมัน

   มันไม่ใช่คนไร้ค่า . . .  

   . . . ในสายตาคนอื่นมันอาจไร้คารา  แต่ที่แม่นะ  มันคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดของคนที่นั่นกระมัง

   “บอย บอย”  เสียงเรียกจากด้านหลังในขณะที่บอยกำลังจะหิ้วชะลอมที่บรรจุสตอเบอรี่เต็มชะลอม  

   บอยมันยืนนิ่ง . . .

   . . . คอยฟังเสียงฝีเท้าที่เดินมาใกล้ ๆ  มันขึ้นทุกขณะ  มันใจเต้นราวกับจะทะลุออกมาจากอก  บอยจำได้ดีเสียงเรียกนี้ไม่มีใครหรอก  มีคนเดียวแหละ มันจำได้น้ำเสียงที่บอยมันอยากได้ยินชั่วชีวิต

   “ไปไหนมากลับเสียค่ำ  ไม่เจอกันเลยนะบอย  เรียนหนักเหรอ”  คนที่ส่งเสียงเรียกตอนแรก  ก้าวเท้ามาถึงตัวบอยกลิ่นเหงื่ออ่อน ๆ  ลอยมาปะทะจมูกมันมั้ง  มันเผลอกสูดดมเข้าไปเต็มปอด

   “งานมาก  ใกล้สอบด้วยล่ะ  เลยไม่ได้ออกไปไหน  นัทไปไหนมา”  บอยมันรู้แหละ  แต่มันถามไปยังงั้นเอง

   “ตีแบดมา เหนื่อยเลยวันนี้”  นัทยิ้ม

   บอยมนอิ่มเข้าไปในหัวใน  นานแค่ไหนแล้วที่บอยไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ  นัท  นานแค่ไหนแล้วที่บอยได้แต่แอบมองนัทเงียบ ๆ  นานแค่ไหนแล้วที่มันไม่ได้ยินเสียงนัทยาว ๆ  แบบวันนี้  และอีกมากมายที่บอยมันเฝ้าถามตัวเอง  

   มันมองนัทนิ่ง  แววตามันระรื่นกว่าที่เคย

   “มองอะไร  มีอะไรแปลกเหรอ”  นัทมันเอามือมาคลำหน้าตัวเอง

   บอยมันรู้ตัว  มันมองนัทมากกว่าที่เป็นไปแล้ว  มันยิ้มส่ายหน้าไปมา  นึกอยากเขกกะโหลกตัวเองสักป๊าบที่เผลอมองจนนัทมันถามเอาได้

   “ไม่มีอะไร . . .”  มันรีบปฎิเสธ  ก่อนที่นัทจะจับความรู้สึกของมันได้มากกว่านี้

   “. . . เออ  เมื่อกี้พี่ต้นเอานี่มาให้  บอกว่าพี่สารภีฝากมาให้นะ”  บอยยกชะลอมสะตอเบอรรี่ส่งให้นัท

   “อ้าวสุกแล้วเหรอ  ไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนยังเขียวอยู่เลย  พี่สารภีบอกเหมือนกัน  ว่าสะตอเบอรี่ชุดแรกน่าจะเก็บได้ปลายเดือน . . .”  นัทรับชะลอมนั้นมาจากบอย

   “. . .  แกบอกว่าจะเก็บให้บอยคนแรกเลย  อย่างน้อยตอนนี้แกก็ดีกว่าตอนกลับมาจากกรุงเทพฯ ใหม่ ๆ  แกบอกนัทนะบอย  ว่าถ้าไม่ใช่เพราะบอยที่สอนให้แกผสมปุ๋ยเอา  อะไรเอา  แกไม่มีวันกลับมาลืมตาอ้าปากได้แบบวันนี้หรอก  ทุกคนบ่นถึงบอยทั้งนั้นแหละ  เห็นบอยหายไปนาน”

   บอยฟังนัทเล่าเงียบ ๆ  

   เขารู้สึกสับสนในหัวใจกว่าคราวใดทั้งสิ้น  เขารับรู้ได้จากคำบอกเล่าจากปากนัท  ทุกคนที่นั่นไม่เคยลืมบอย  ยังคงคิดถึงบอย  แต่บอยกลับหลงลืมคนที่นั่น  

   บอยลืมคนที่นั่นจริง ๆ  หรือ ?  

   เขาตั้งคำถามกับตัวเอง . . .

   . . . ไม่หรอก  ไม่ใช่หรอกบอย  บอยอาจยุ่ง  แต่บอยไม่เคยลืม  บอยตอบกับตัวเอง

   “ช่วงนี้ใกล้สอบไง  งานค้างมากเลยนัท”

   “ถึงว่าสิ  ไม่ค่อยได้เจอบอยเลย  ปิดเทอมนี้ไปอยู่แม่นะกันมั้ยบอย”  นัทมันชวน

   บอยมันแทบจะตอบตกลงในทันที . . .  

   . . . แต่มันนึกได้  

   มันไม่ควรใกล้นัทเกินกว่านี้  หัวใจของมันขีดเส้นเอาไว้แค่ไหนมันควรจะอยู่ในเส้นแค่นั้น  มันไม่ควรล้ำเส้นหัวใจออกไป  มันต้องทำให้ได้  มันต้องพยายามคิดกับนัทแค่เพื่อนให้ได้

   ดูเหมือนยิ่งบอยจะพยายามถอยห่างจากนัท . . .  

   . . . บอยกลับรู้สึกรักนัทเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้จบ

   ความรักมันห้ามกันไม่ได้  ห้ามกันยาก

   แต่มันนี่แหละจะห้าม . . .

   . . .   มันจะห้ามหัวใจตัวเอง  แม้มันรู้ว่ามันต้องเจ็บเจียนแทบขาดใจเลยก็ตาม  แต่มันจะยอมเจ็บ  มันไม่ยอมดึงนัทลงมาต่ำเทียมเท่ามันเป็นอันขาด

   “น่าจะไปไม่ได้หรอกนัท  เพราะบอยต้องทำงานพิเศษนะปีนี้ แต่ถ้าว่างบอยจะไปนะ  บอยมันยิ้ม

   นัทพยักหน้ารับรู้  มันรับรู้ในสิ่งที่บอยบอก

   “อ้าวดิน  มานานแล้วเหรอ”  นัทมันหันไปทัก  

   บอยหันไปมองอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ

   “ก็สักพักแล้วล่ะนัท  ไปเล่นกีฬามาเหรอนัท”   ดินยิ้ม  เดินเข้ามาใกล้อีกนิด

   “อืม  เพิ่งกลับมาเจอบอยเลยคุยกันแปบนึง  ดินเป็นอะไรไป  หน้าตาเหมือนไม่ค่อยสบายใจ  ผอมไปนะเนี่ย”  นัทมองดินที่เคยสมาร์ททุกท่า  แต่วันนี้เขาเหมือนซากอะไรสักอย่าง

   “อกหักมั้ง  คนที่รักเขาไม่สนใจ”  ปากตอบแต่สายตามองมาที่บอย

   บอยมันไม่รู้สึกอะไรอยู่แล้ว . . .  

   . . . เพราะในสายตาของบอย  มันไม่เคยมองเห็นดินอีกเลยตั้งแต่คืนนั้น  บอยมันสาบาน  สาบานกับตัวเอง  มันจะไม่ยอมพูดกับคนที่ทำร้ายหัวใจมันเด็ดขาด

   “แหม เดือนคณะอกหัก  ใครจะกล้ามาหักอกเดือนคณะวิดยาได้ว่ะบอย”  นัทมันหันมาทางบอย  

   บอยมันชาวาบ  . . .

   . . . คำถามนัทมันตอบได้เหรอ  มันควรจะตอบเหรอ

   “ไม่รู้ว่ะ  ขอตัวก่อนนะ  งานเพียบเลยส่งพรุ่งนี้ด้วย”  บอยมันหันมายิ้มให้นัทก่อนจะค่อย ๆ เดินหลีกไปขึ้นตึก

   ดินมองตามบอยด้วยสายตาร้าวราน . . .  

   . . . มัดผิดเองที่รวบรัด  มันผิดเองแหละที่บอยหมางเมินไป  แต่มันต้องอยู่ให้ได้  มันต้องยอมรับในสิ่งที่ตัวเองข่มแหงน้ำใจเพื่อนเอาไว้  เรื่องนี้ดินผิด  ดินผิดเต็ม ๆ  นะ  

   ดินได้แต่คิด . . .



   บอยมันถอนหายใจยาว ๆ  มันยิ้มกว้างก่อน ๆ  ค่อย ๆ  เก็บสัมภาระที่จำเป็นลงในกระเป๋าและลังอีกสองสามใบ  มันสอบเสร็จแล้ว  จบปีสองแล้ว  คราวนี้มันได้อยู่หอนอกแล้วล่ะ มันดีใจที่มันได้งานด้วยอย่างน้อยการร้องเพลงกลางคืนทำให้บอยมันทุ่นค่าใช้จ่ายได้บ้าง  

   สำหรับดิน . . .

   . . .  มันเหมือนตกนรกมาหลายเดือน  มันจำต้องทนอยู่ร่วมกัน  แต่ตอนนี้มันมีเส้นทางเดินกันคนละเส้นทางแล้วล่ะมันจะไปกลัวอะไร  ปีสามเจอกันแค่ในมหาวิทยาลัยเท่านั้น  ใช่เจอกันแบบยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบที่ผ่านมา

   นัทล่ะ ?

   แค่นึกถึงนัทบอยมันก็ใจหาย  

   นัทจะไปอยู่ที่ไหน  สายใยระหว่างมันกับนัทจะขาดหายกันเพราะต่างฝ่ายต่างต้องไปอยู่ที่หอใหม่กะนั้นหรือ  บอยมันอยากจะอยู่ใกล้ ๆ  นัท  

   แต่ . . . มันตั้งใจแน่วแน่  

   ถ้ามันคิดกับนัทแค่เพื่อนไม่ได้มันจะถอยห่างออกมา  ไม่มีวันที่มันจะเดินไปบอกนัทเด็ดขาด  มันยอมเก็บงำความรู้สึกของหัวใจตัวเองเอาไว้เงียบ ๆ  แบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว

   ถ้ามันคิดถึงนัท . . .

   . . .  มันจะแอบไปมองนัทเงียบ ๆ  มันตั้งใจแน่แน่ว

   “บอย  จะไม่พูดกันเลยเหรอ”  ดินมันเรียกหาบอยเสียงละห้อย

   บอยมันรู้ . . .

   . . .  มันเจ็บ  

   มันจำ . . .  

   สิ่งที่ดินทำกับมันยากเกินที่หัวใจบอยมันจะรับได้  มันได้แต่หันไปมองดิน  คล้าย ๆ  จะเอ่ยอะไร  แต่บอยมันก็เงียบเหมือนที่เคยเป็นมา

   ปล่อยเหอะ  . . .

   . . . ปล่อยให้เป็นเป็นไปเช่นที่ผ่านมานั่นแล

   มันเก็บของชิ้นสุดท้ายลงกระเป๋า  ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ  บอยมองแล้วยิ้ม  ค่อย ๆ  หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาดม  บอยมันหลับตา  ที่มาของผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นบอยจำได้ดี  จำได้จนตาย

   ภาพของนัทตอนวันประกวดหนุ่มสาวชาวหอ . . .  

   . . . ภาพที่นัทร้องเพลงบนเวที  

   บอยมันอายแทน  มันอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีด้วยซ้ำ  กับภาพที่นัทมันหน้าตื่นลงมาจากเวที  แล้วเมย์ค่อย ๆ  เอาผ้าเช็ดหน้าผืนนี้วับเหงื่อให้นัท  

   บอยมันยิ้ม  มันยิ้มกว้างกับภาพความหลังที่มันมีความสุข

   แล้วมันนึกถึง . . .

   . . .  ดาดฟ้า

      ที่ของมันที่แรกที่มันเดินตามเสียงขลุ่ยไป  มันเห็นนัทนั่งเป่าขลุ่ยอยู่ด้านบน  บอยมันนึก  มันค่อย ๆ  เดินไปช้า ๆ  มันเดินไปบนดาดฟ้า  ที่ที่หวงแหนของมัน ในมือกุมผ้าเช็ดหน้านิ่ง  บอยมองกวาดสายตาไปช้า ๆ  มัมนคล้ายจะเก็บทุกสิ่งของที่บอยเห็นเอาไว้  บอยมันอยากเก็บสถานที่ที่บอยรักเท่าชีวิตเอาไว้ในหัวใจ

   บอยปล่อยใจให้อิ่มเอมไปกับความสุขบนดาดฟ้าอยู่นาน . . .

   . . . นานจนบอยแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขายืนอยู่นานแค่ไหนแล้ว  บอยรู้เพียงบนนี้เขามีความสุข  เขารู้ทุกอณูของนัทบนนี้  บอยเก็บมันเอาไว้  เก็บไว้ในส่วนลึกของหัวใจตัวเอง

   “อ้าวบอย  มาทำไรบนนี้”  เสียงนี้อีกแล้ว  เสียงที่เข้ามาก่อกวนหัวใจบอยเป็นระยะ ๆ

   บอยมันรีบขยำผ้าเช็ดหน้าให้เล็กสุด . . .

   . . . มันไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะจำได้หรือปล่าว

   “นัท  มาทำอะไร  แอบดูสาวจากบนดาดฟ้าเหรอ”  บอยมันหันมาตีหน้าเซ่อ

   “ป่าว  แค่มาดูวิว  วันนี้ต้องย้ายแล้ว  คงไม่ได้มาบนนี้อีกแล้ว  เร็วนะสองปี  ผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน  แรก ๆ  ที่มาอยู่ที่นี่นัทยังจำได้เลย  เหมือนเมื่อวานเอง  บางคืนเหงายังแอบมานั่งมองดาว  นั่งเป่าขลุ่ยเล่นบนนี้  แล้วตอนลอยกระทงยังมาเจอคนนั่งทำมิวสิคบนนี้อีกด้วยสิ”  นัทมองหน้าบอย

   บอยมันอาย . . .

   . . . หน้ามันแดง  

   นัทจำได้ด้วยเหรอ  นัทจำวันนั้นได้  มันควรจะดีใจหรือเสียใจดี  บางครั้งบอยมันอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่านัทเองก็มีใจให้มัน  หลายครั้งที่มันเจอนัทบนนี้  เหมือนการเจอแบบนัทตั้งใจเดินมาหามันเสียด้วยซ้ำ  

   แต่บอยมันก็ได้แค่คิด . . .

   . . . เพราะมันรู้ดีอย่างที่สุด  ความคิดห้ามไม่ได้   มันแค่คิดเข้าข้างตัวเองให้มีความสุขไปวัน ๆ

   “บอยย้ายไปอยู่ไหน”  

   “ริมดอย”  

   นัทมองหน้าบอยแล้วทำปากจู๋  

   “หูย . . .  หรูเสียด้วยแฮะ  แพงนะที่นั่น  ย้ายไปอยู่กับดินมันเหรอ”

   บอยส่ายหน้าช้า ๆ

   “ปล่าวหรอก  บางทีคนเราอยู่กันปีเดียวก็พอมั้ง  นัทล่ะไปอยู่ไหน”

   “หลังมอแหละ  ไม่แพงมากหรอก  เราอยู่กันคนละทิศเลยนะบอย  ย้ายแล้วเราจะเจอกันมั้ยนี่  ขนาดอยู่ที่เดียวกันยังแทบไม่เจอกันเลย”  นัทเอ่ยมา  สายตามองที่บอย

   บอยมันแทบละลายไปกองกับพื้น . . .

   . . . นัทมาพูดอะไรกับมันแบบนี้นี่  เวลานี้นัทมาพูดแบบนี้ทำไม  มันคิดเตลิดไปไกลจนได้  นัทนะนัท  พูดอะไรให้บอยต้องคิดอีกแล้ว

   “เจอสิ  เชียงใหม่ไม่ได้กว้างนี่นา”

   “ขนาดมหาวิทยาลัยแคบ ๆ  ยังเจอกันยากเลย”  นัทพูด  หากแต่แววตาทอดยาวไปไกล

   บอยยิ้ม  เข้าข้างตัวเอง  แปลในสิ่งที่ตัวเองได้ยินเองอีกแล้ว

   “นัทจะไปแม่นะวันไหน  บอกทุกคนนะบอยว่างจะรีบไป  จะไปกราบหลวงตา”

   “หลังจากย้ายหอเสร็จละบอย . . .”  นัทมันหันมามองหน้าบอย

   “. . . ว่าแต่ไม่ไปพร้อมกันจริง ๆ  เหรอบอย”

   “ขอดูวันว่างก่อนได้ไหม  อยากไป แต่มันไม่ว่างจริง ๆ  นะนัท”  

   บอยบอก . . .

   . . .  แล้วมันเดินไปนั่งที่ริมดาดฟ้าช้า ๆ  

   นัทเดินไปนั่งใกล้ ๆ  บอย  

   “อืม  อย่านานล่ะ  ที่แม่นะเขารอบอยกันอยู่”

   “ไม่ขนาดนั้นมั่งนัท”

   “พูดจริง ๆ  ไปทีไร  มีแต่คนถามหา  พ่อบอยล่ะพ่อนัท  พ่อบอยไม่มาเหรอ  โอ้ย  ลองไปดูเหอะ  ยายแช่มเชือดไก่รับขวัญบอยแหง ๆ”  นัทมันยิ้ม  

   “บอยจะรีบไป”  มันบอก

   หากหัวใจมันโลดแล่น . . .

   . . . มันไม่รู้จะทำอย่างไรกับหัวใจมัน  ที่มีต่อคนใกล้ ๆ  นี้ดี  มันได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ  ก่อนที่จะนั่งเงียบ ๆ  

   มันแทบไม่มีเรื่องคุยกันเลยด้วยซ้ำ  สิ่งที่ทำได้คือต่างฝ่ายต่างนั่งมองไปเบื้องหน้าเงียบ ๆ  เพราะไม่รู้ว่าวันข้างหน้าชีวิตจะดำเนินไปในทางใด  วันนี้บอยรู้  บอยมีความสุข  สุขที่สุดแล้ว  แค่มันมีนัทอยู่ใกล้ ๆ  เท่านั้น  มันไม่ต้องการอะไรอีกแล้วในโลกนี้




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2009 18:51:27 โดย ราชบุตร »

moonoi_sert

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #79 เมื่อ19-07-2009 02:59:20 »

 :m15:เข้าใจความรู้สึกบอยที่โดนเพื่อนกระทำแบบนั้น และเข้าใจว่าที่ดินทำลงไปเพราะรักบอยมากเลยคิดจะผูกมัดบอยด้วยวิธีนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรทั้งดินและบอยต่างก็เจ้ฐปวดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น :m15:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
« ตอบ #79 เมื่อ: 19-07-2009 02:59:20 »





ออฟไลน์ myxt

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #80 เมื่อ19-07-2009 08:55:28 »

ดินพลาดจริงๆที่ตัดสินใจรวบรัดแบบนั้น
เข้าใจนะว่ารัก แต่การกระทำที่เกิดจากความคิดชั่ววูบ
มันทำลายความสัมพันธ์ได้ตลอดชีวิตจริงๆ

ระหว่างบอยกะนัท ระยะทางดูห่างขึ้นเรื่อยๆจริงๆ
บอยพยายามไม่ก้าวเข้าไป ทั้งที่ใจเจ็บจะแย่
เฮ้ออออ อึดอัดกว่านี้ มีอีกม้ายยยยย :serius2:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #81 เมื่อ19-07-2009 22:09:59 »

การตัดสินใจเร็ว ทำให้เกิดความพลาดหลายๆอย่างมากมาย

บางอย่างมักอยู่เพียงแค่ใต้ความนึกคิด
บางสิ่งเพียแค่เส้นผมที่บังภูเขา


ความรักไม่ใช่แค่รัก.....แต่ต้องกล้าที่จะรักด้วย


 :เฮ้อ:  ดิน นัท บอย  ทางแยกที่ต้องเลือก

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #82 เมื่อ20-07-2009 07:50:50 »

นิยามความรักที่แตกต่าง

บอย รักคือการเห็นคนที่รักมีความสุข แม้ตัวเองจะเป็นทุกข์ก็ตาม :serius2:

ดิน รักคือการครอบครอง :beat: :z6:

นัท รักคือ??? :z3:

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #83 เมื่อ20-07-2009 13:38:01 »


ต อ น ที่   ๑ ๙


อี ก ก้ า ว ข อ ง ชี  วิ ต




   แม้จะเป็นเวลาที่ใกล้เที่ยงวัน  เข้าไปทุกที  หากแต่   แสงแดดในปลายฤดูหนาวกลับไม่ร้อนแรงอย่างที่คิด   ทั่วทั้งมหาวิทยาลัย  ล้วนละลานตาไปด้วยดอกไม้เมืองหนาวที่บานสะพรั่ง    ลมหนาวพัดโชยมาเอื่อย ๆ  บอยแยกตัวจากเพื่อนฝูงและญาติมิตรที่มาแสดงความยินดี  เพื่อมายังป้ายประกาศบอกแถว  ซึ่งคราคร่ำไปด้วยบัณฑิตหนุ่มสาว  ที่ต่างแย่งกันดูชื่อตัวเองบนป้ายประกาศ



   บอยอาศัยรูปร่างที่เล็กกว่าคนอื่น ๆ  ลอดเข้าไปดูป้ายชื่อตัวเองจากด้านใน  ซึ่งก็กะว่าคงจะไม่แตกต่างไปจากวันซ้อมใหญ่สักเท่าไหร่  เมื่อทราบตำแหน่งของตัวเองแล้วเขาก็ถอยหลังออกมาจากป้ายประกาศแห่งนั้น

   รองเท้าคู่ใหม่ยังไม่ชินเท้าทำให้บอยต้องหาที่พักเพราะการเดินมาก ๆ   จะทำให้เกิดความเมื่อยล้า  เขาก้มลงปลดตะขอรองเท้าให้หลวม  กว่าเดิมเพื่อที่จะเดินได้สะดวกยิ่งขึ้น

   “Congratulations  ไอ้น้องชาย” 

   เสียงทักทายพร้อมทั้งการ์ดใบเล็ก ๆ  ผูกติดกับช่อดอกไม้  ที่ส่งมาให้ขณะที่บอยกำลังก้มลงเพื่อจัดการกับรองเท้า

   บอยเงยหน้ามองเจ้าของมือที่ยื่นการ์ดมาให้   คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย  ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มกว้าง

   “พี่ต้น . . . มาได้ยังไงครับ”

   “ไม่มาได้อย่างไร  วันที่น้องชายเป็นบัณฑิตเต็มตัวทั้งที  ยินดีด้วยใจจริงไอ้น้องที่เดินมาจนถึงวันนี้”

   ผู้สูงวัยกว่ายิ้มโชว์ฟันขาวตัดกับผิวสีแทน

   บอยรู้สึกปลาบปลื้มอยู่ไม่น้อย  ที่วันนี้นอกจากญาติพี่น้องหลาย ๆ  คนที่มาแสดงความยินดีกับตัวเขาแล้วยังมีเพื่อน ๆ  และรุ่นพี่อีกหลายคนที่เห็นว่าเขาเองก็เป็นคนที่สำคัญอยู่  ยกเว้นแต่

   นัท . . .

   บอยมันพยายามกวาดสายตามองหานัทแต่มันไม่เจอ  อาจเพราะนัทกับบอยรับกันคนละรอบก็ได้กระมัง  นานแค่ไหนแล้วที่มันไม่ได้เจอนัท  นานเหลือเกิน แต่หัวใจของบอยมันรู้สึกว่านานชั่วกัปชั่วกัลป์ 

   คราวนี้ . . .

   . . .  พ้นรั้วมหาวิทยาลัย 

   ระหว่างบอยกับนัทคงจบลงแล้วเหมือนกันกระมัง  เพราะบอยมันก็ไม่รู้ว่าตอนนี้นัทไปทำงานที่ไหน  ส่วนบอย  บอยได้ทุนเรียนต่อปริญญาโทที่เดิม  มันยังคงวนเวียนไปตามสถานที่ ที่นัทเคยไป  ด้วยหวังไว้ว่าจะเจอนัทบ้าง 

   แต่ . . .

   . . . ทุกที่ของบอยล้วนมีแต่ความว่างปล่าวเช่นเคยมา

   มันยิ้มกับคนที่ยืนมองมันอยู่  มันยิ้มจนตาหนี

   แน่นอนที่สุดสำหรับจุดหมายปลายทางของการศึกษาทุกคนหวังที่จะมีวันนี้ด้วยกันทั้งนั้น  เพราะมันได้กลายมาเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งไปเสียแล้ว  สำหรับสังคมไทยที่เห็นว่า “ปริญญาบัตร”  คือเครื่องหมายวัดความสำเร็จในระดับหนึ่ง

   “ขอบคุณครับพี่  พอดีผมยุ่ง ๆ  อยู่เลยไม่ได้โทรไปบอก  แต่พี่มาวันนี้ทำผมประหลาดใจมากเลยล่ะ  ว่าแต่พี่รู้ได้อย่างไรครับ”

   บอยถามพลางเลือกนั่งที่ม้าหินใกล้ ๆ 

   “อย่ารู้เลยว่ารู้   ได้อย่างไร  เอาเป็นว่าดีใจที่เห็นน้องในวันนี้”   

   พี่ต้นนั่งลงใกล้ ๆ

   “แล้วพี่   สบายดีหรือเปล่าครับ  นานแล้วนะครับที่ไม่ได้เจอกันเพราะเจอกันครั้งหลังสุดก็ปีกว่าแล้วเห็นจะได้  ตั้งแต่พี่ลงไปทำงานที่กรุงเทพฯ  ใช่มั้ยพี่”

   “ใช่แล้ว  งานก็ดี เรื่อย ๆ  ไม่หวือหวา  บอยละยังไปร้องเพลงที่เดิมหรือปล่าว”   

   พี่ต้นยิ้มอ่อนโยนเหมือนทุกครั้ง

   บอยยิ้มรับพี่ชายร่วมโลก อย่างเป็นสุขที่สุด . . .

   . . . เพราะอย่างน้อยเขาก็มีวันเวลาที่ดีที่พึงระลึกได้เสมอ    กว่าสี่ปีที่รู้จักกันพี่ต้น  ยังคงเป็นพี่ชายที่น่ารักเหมือนเดิม  แม้ว่าโอกาสที่จะได้เจอกันมีไม่บ่อยก็ตาม  ด้วยต่างฝ่ายต่างมีภาระกิจของตนเอง  แต่ในการเจอกันแต่ละครั้งมันก็สร้างความรู้สึกที่ดีให้แก่กันเสมอ

   เสียงประกาศเรียกให้บัณฑิตไปตั้งแถวรอ  ตามจุดที่ได้กำหนดไว้  ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง  เพราะบัณฑิตต่างก็แยกย้ายกันไปตามจุดของตนเอง

   “พี่ต้นครับผมคงต้องไปแล้วล่ะ”

   บอยร้องบอก  เมื่อเห็นบัณฑิตต่างทยอยไปยังจุดของตัวเองเกือบหมดแล้ว

   “เออ  นี่นามบัตรพี่   ค่ำนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ  เลย คงไม่ได้อยู่ฉลองกับเราหรอกนะ โดดงานมาวันนึง   เอาเป็นว่าถ้าว่าง  จะมาเที่ยวเชียงใหม่อีกล่ะกัน”  พี่ต้นพูดยิ้ม ๆ

   “ครับพี่  งั้นผมลา ตรงนี้เลยนะครับ”   บอยยกมือไหว้พี่ชายร่วมโลก  ก่อนที่จะเข้าไปสวมกอดเบา ๆ  แล้วเดินขึ้นไปยังจุดที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดไว้

   ต้นมองภาพรุ่นน้องที่เดินหายไปในฝูงคน  มันยิ้มบาง ๆ  ก่อนที่จะเดินหายไปอีกทาง




   ต้นหยิบมือถือขึ้นมา  เขากดเบอร์โทรออก  ก่อนที่จะเอามันมาแนบหู  เสียงเรียกจากปลายสายดังสองสามครั้ง  ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะรับสายตอบกลับมา

   “หวัดดีครับพี่”

   “นัทเหรอ  ออกจากหอประชุมแล้วเหรอ . . .”   ต้นยิ้มกับตัวเอง


   “. . . อยู่ไหนนี่  อืม . . . รู้จักแหละ  เดี๋ยวไปไม่เกิน ห้านาที”   ต้นกดปิดเครื่องก่อนจะเดินไปยังที่นัดหมาย

   ต้นเดินมาตามทางที่อากาศเริ่มร้อนมากยิ่งขึ้น . . . 

   . . . เขานึกถึงเด็กรุ่นน้องสองคน 

   คนแรก  “บอย” 

   คนที่เขาเจอที่แม่นะ 

   และ . . . 

   . . . “นัท” 

   คนนี้เขาก็เจอที่แม่นะอีกเช่นกัน  แต่หลังจากที่บอยมันหายไปนาน  แต่นัทยังคงวนเวียนมาที่ชาวบ้านแม่นะสม่ำเสมอ  แม้หลายครั้งที่ชาวบ้านถามนัทถึงบอย  แต่ต้นมันไม่เคยคิดจะถามนัท  ว่ารู้จักบอยด้วยหรือ 

   ไม่รู้สิ . . .   

   . . . มันไม่ถาม  เพราะมันไม่อยากถาม หรือมันไม่ถามเพราะไม่ใช่เรื่องอะไรของมันก็เป็นได้กระมัง

   ต้นยิ้มให้กับเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ขยับกายมาทางเขา 

   “ยินดีด้วยนัท  บัณฑิตเต็มตัวเลยนะเราวันนี้”  ต้นส่งดอกไม้ที่เขาแวะซื้อให้นัท

   “ขอบคุณครับพี่  อุตส่าห์มาจนได้”

   “อะไร ๆ  พูดดี ๆ นะ  ใครบอกอุตส่าห์มา  ตั้งใจเลยน้อง  ตั้งใจมางานรับปริญญานัทโดยเฉพาะเลยนะเนี่ย  วันนี้ดูหล่อกว่าทุกวันแฮะ  หรือครุยลูกช้างนี่มันทำให้คนหล่อได้ด้วยสิ”   

   “แหมพี่  ผมหล่ออยู่แล้ว  หล่อเสมอแหละ”  นัทมันหัวเราะเบา ๆ

   “นั่น คนเรา  ยกหางปั๊บขี้ใส่มือเลยนะเนี่ยเวรกรรมจริง ๆ  ว่าแต่คืนนี้ไปเลี้ยงที่ไหนนี่”  ต้นเดินมาข้าง ๆ  นัท 

   บางครั้งต้องเบียดกับฝูงคนมากมาย  บางคราวต้องหลบจากหลาย ๆ  คนที่จะถ่ายรูป  งานรับปริญญามีผู้คนมากหน้าหลายตา  จนดูจะเวียนหัวเสียด้วยซ้ำไป

   “ยังไม่รู้เลยพี่  พี่ไปกับผมมั้ย”

   “คงไม่ได้หรอก  เพราะบินกลับคืนนี้แล้ว  เออว่าแต่ทำงานที่ไหนแล้วล่ะเรา  อยากไปทำงานที่กรุงเทพฯ มั้ย”

   “ไม่ไหวมั้งพี่  ทำที่ลำพูนดีแล้วครับ  ใครจะเหมือนพี่  บินมาเช้า บินกลับค่ำ  สบายจริง ๆ  งานพี่นี่”

   “ไอ้นี่  วกมาจนได้  บอกแล้วไง  ถ้านัทรับปริญญาพี่จะมา  ก็ต้องมาแหละ  จะลำบากขนาดไหนก็ต้องมา สัญญาไว้แล้วนี่นา”

   สัญญา . . .

   . . . คนบางคนรักษาสัญญา

   หากแต่อีกหลายคนเลือกที่จะไม่รักษาสัญญา

   “ถ่ายรูปกันนะพี่” 

   “เอาดิ  ได้ถ่ายกับวิศวกรคนใหม่”   ต้นหันไปยิ้มบาง ๆ

   มิตรภาพเล็ก ๆ  ที่ก่อตัวขึ้นตั้งแต่สองปีก่อนที่แม่นะ . . .

     ต้นมันจำได้ดี 

   บอยค่อนข้างขาว . . . 

   . . . แต่นัทออกจะดำ 

   มันรู้ จักสองคนนี้ที่เดียวกันคือที่แม่นะ  แต่มันไม่เคยเจอสองคนนี้พร้อมกัน  ต้นไม่รู้หรอก  มันเคยเจอ  เจอทั้งนัทและบอยพร้อมกัน  ก็ตั้งแต่วันแรกที่นัทกับ
บอยเดินไปหากำนันดวงนั่นแหละ  แต่ต้นมันดันจำไม่ได้เสียด้วยส

   สิ่งที่จำกลับลืม . . .

   . . .   สิ่งที่ลืมกลับจำ



   กว่าบอยจะเดินออกมาจากหอประชุมก็เย็นย่ำ  ท้องฟ้าเกือบหมดแสงสุริยา  แต่ผู้คนยังรออยู่มากมาย  มันเหนื่อย  มันร้อน มันอยากจะกลับห้องไปอาบน้ำ  มันไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้คือวันที่ดีที่สุดในชีวิตการเรียนของมันหรือปล่าว  แต่มันรู้สึกแย่ตรงที่  มันเหนื่อยทั้งวันเหนื่อยจนแทบขาดใจจริง ๆ


   “บอย”  เสียงเรียกละห้อยหา   ทำให้บอยมันหยุดเดิน  มันหันไปตามเสียงเรียกช้า ๆ

   เดือนวิดยา  ในชุดเดียวกับบอย  เดินมา  มองหน้าบอยนิ่ง

   “ดีใจด้วยนะบอย  ขอโทษด้วยกับเรื่องที่ผ่านมา”  ดินเอ่ยเพียงเบา ๆ  สายตามันจับจ้องไปที่บอยนิ่ง

   บอยมันก้มหน้าคล้ายจะคิดอะไรอยู่

   “ดีใจกับดินเหมือนกัน  ตอนนี้ดินทำงานที่ไหน”  มันถามเบา ๆ  เช่นเดียวกัน

   “กรุงเทพฯ  บอยเรียนต่อหรือเห็นเพื่อน ๆ  บอก”   

   เมื่อบอยคุยดินมันกล้าที่จะคุยมากขึ้น  จริง ๆ  แล้วดินมันอยากจะคุยกับบอยแบบนี้ทุกวันเสียด้วยซ้ำ    สิ่งที่ผ่านมา  มันไปหักหาญน้ำใจเพื่อนมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ  มันไม่โทษบอยหรอก  ที่บอยไม่พูดกับมัน  เป็นมัน  มันเองก็คิดนานไม่แพ้บอยหรอก 

   แต่ . . .

   . . .วันนี้บอยยอมพูด  ดินมันรู้สึกคล้ายกับว่า  คำพิพากษาที่บอยเคยพิพากมันไว้จบลงแล้ว

   “อืม  เรียนต่อ”  บอยเหมือนจะยังสงวนคำพูด  ไม่มากเหมือนตอนก่อนเกิดเรื่อง

   “เจอนัทบ้างมั้ย . . .”  ดินถามออกมา  แล้วมันสังเกต  สีหน้าบอยเปลี่ยนไป  คล้ายไม่พอใจ 

   “. . . ขอโทษ  ถ้าทำให้ไม่สบายใจเรื่องนี้” 

   “ไม่เป็นไรหรอก  ก็ไม่ค่อยเจอหรอก  ตั้งแต่แยกไปอยู่หอนอกเจอกันแทบนับครั้งได้ แล้วที่เจอก็เราเจอเขาเสียมากกว่า  เขาไม่เจอเราหรอก”

   บอยมันรู้ . . .

   . . . เวลามันอยากเจอนัท 

   มันจะแอบไปมองนัทที่โรงยิมหรือที่คณะ  มันไม่กล้าเข้าไปใกล้นัทอีกแล้ว  มันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม  แต่มันรู้แค่ว่า  มันขอรักนัทแบนี้แหละ  สักวันมันจะลืมนัทได้เอง  แต่บอยมันคิดผิด  ยิ่งมันหนี  มันกลับยิ่งอยากเจอ  มันลืมนัทได้เหรอ

   ไม่ได้หรอก . . . 

   . . . มันไม่เคยลืมนัทได้เลย

   สองปีที่ผ่านมา  มันทำได้แค่แอบมองนัทห่าง ๆ  แต่หัวใจของบอยมันกลับเอาไปผูกไว้กับนัทมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ

   “บอยพักที่ไหนเหรอ”

   “ริมดอย  ที่เดิมนั่นแหละตั้งแต่ย้ายออกจากหอในนั่นแหละ  ดินมีแฟนยัง  ไม่พามารู้จักเพื่อน ๆ  มั่งล่ะ”

   “ยังเลย  ทำงานก่อน  ชีวิตไม่เร่งรีบหรอก  นัทมันก็ยังพักที่เดิมนะบอย  ที่อพาร์ทเม้นท์ใหญ่  ตรงข้ามตึกวิศวะที่หลังมอนั่นแหละ  รู้สึกจะทำงานอยู่ที่นิคมลำพูนมั้ง  เห็นเพื่อนดินเขาบอกมา”

   “จะมาบอกทำไม”  บอยมันยิ้มเจื่อน ๆ

   “อ้าว  เผื่อบอยคิดถึง  แอบไปมองมันที่อพาร์ทเม้นได้ไง  เห็นตอนอยู่หอในทำบ่อยมิใช่เหรอ”

   “นั่นมันเมื่อก่อนดิน  เหมือนกันที่ไหนกับปัจจุบัน”  บอยมันบอก 

   แต่มันรู้ . . .

   . . . มันตอบในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับหัวใจตัวเอง  จะสมัยก่อนหรือสมัยนี้  มันก็ทำได้แค่แอบมองนัทอยู่ดี

   ดินมันรู้ใจ . . . 

   . . . รู้ใจบอย

   ในขณะที่บอยมันก็รู้หัวใจตัวเอง

   แต่ . . .

   บอยมันไม่พูด  มันไม่ยอมพูดหรอก  ตราบใดที่มันเก็บไว้  มันจะยังคงมีนัทในหัวใจตลอดไป  แต่ถ้ามันเปิดออกมาเมื่อไหร่  นัทจะมองมันอีกหรือ  มันอยู่ตรงนี้  ในสภาพแบบนี้แหละดีที่สุดแล้วเพราะอย่างไรเสียเวลาที่มันเจอนัท  นัทคงมองมันอย่างเต็มตาเหมือนที่เคยเป็นมากระมัง

   “บอย . . .”  ดินเรียกเบา ๆ  แล้วหยุดเดิน

   บอยหันมาทางดิน  . . .

   . . . มองหน้าดิน 

   แววตาดินมันรวดร้าวอยู่เลย  บอยมันยิ้ม  ยิ้มให้ดินเหมือนเก่าก่อน

   “หือ”

   “เรายังเป็นเพื่อนกันอีกมั้ยบอย”   น้ำเสียงดินคล้ายคนอยากร้องไห้

   บอยเอื้อมมือมากุมมือดินเอาไว้ช้า ๆ   มันคล้ายอยากถ่ายเทความรู้สึกที่ดีจากหัวใจของตัวเองให้ดิน 

   เวลาที่ผ่านมา . . . 

   . . . บอยมันคิดอะไรได้หลายอย่าง

   “เป็นสิดิน  เรายังเป็นเพื่อนกัน . . .”  บอยบีบมือดินเบา ๆ 

   “. . . แม้ว่าครั้งนึงบอยเคยคิดนะว่าชาตินี้เราคงจะไม่พูดกันอีก  แต่พอเวลามันผ่านไป  อะไร ๆ  มันผ่านตาม  เราได้เจอ  ได้เรียนรู้อะไรมากมาย  มากจนบอยรู้ว่าเพื่อนมันมีค่า  แต่นั่นแหละ  ทุกคนใช่จะสมหวังเสมอไป  บางทีมันอาจมีอุปสรรคบ้าง  เหมือนที่ดินทำ  ที่บอยเจอไง  แต่เราเลือกที่จะจำได้ดิน  บอยจะจำในสิ่งที่ดีของดินไว้ในใจของบอยเสมอ”   บอยพูดยาว  มากกว่าที่ดินคิดเอาไว้เสียด้วยซ้ำ

   “ขอบใจนะบอย  ขอบใจ”  ดินมันยิ้ม

   “น่า  อย่าคิดแบบที่ผ่านมาอีกก็แล้วกัน  ถ้ามันใช่มันก็ใช่แหละดิน  เราไม่เอื้อมมันก็ไม่เจ็บ  แต่ถ้าเราเอื้อมเราก็เจ็บเจียนตาย”

   “เหมือนที่บอยทำอยู่ทุกวันนี้นะเหรอบอย”

   บอยพยักหน้ารับ 

   “ใช่ดิน  แค่เอื้อมเท่านั้น  แต่ไม่ดีกว่า  เพราะผู้ชายแท้ ๆ  ที่ไหนเขาจะมารับความรู้สึกที่ผู้ชายมอบให้ไปได้เล่า  ถ้าเอื้อมแล้วเจ็บปล่อยไว้แค่เอื้อมแบบนี้น่าจะดีที่สุด”

   บอยมันคิดถูกมั้ยนะ  . . .

   . . . แค่เอื้อม

   จริง ๆ  หรือ  ถ้ามันเอื้อมนัทมันก็น่าจะทำได้ 

   แต่มันกลับปล่อยให้รอยเวลาขยายตัวกว้างขึ้นเรื่อย ๆ  จนมันเองยังอดคิดไม่ได้  นัทคงลืมมันไปแล้วล่ะ  เพราะมันพ้นรั้วมหาวิทยาลัยไปแล้ว  ชีวิตนัท  กลายเป็นคนทำงานเต็มตัวไปแล้วล่ะ  เขาคงเจอสังคมอีกสังคมนึง  ที่มันแตกต่างจากเด็กอายุ ๑๘  ในเวลานั้นที่ทั้งสองเพิ่งเจอกัน

   บอยยินดีที่จะเก็บเอาวันเวลาที่ดีเอาไว้ในหัวใจตัวเองเงียบ ๆ  แบบนี้



   บอยมันหงุดหงิดตัวเองมาหลายวันแล้วล่ะ  งานที่อาจารย์สั่งยังไม่ถึงไหนเลยด้วยซ้ำ  แถมงานที่มันร้องเพลงยังปรับเวลากันใหม่อีก มันไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม  สิ่งเดียวที่บอยอยากทำตอนนี้คือเดินออกจากห้องแคบ ๆ  จากหน้าโต๊ะคอมที่มันไม่มีหัวจิตหัวใจที่จะทำงานเอาเสียเลยเร็วเท่าความคิด  บอยมันปิดหน้าจอคอม  แล้วเดินมาหยิบเอากุญแจรถมอเตอร์ไซด์  ก่อนที่จะลงมาจากห้องพักอย่างรวดเร็ว


   บอยสตาร์ทรถ . . .

   แล้วขับมาตามถนนห้วยแก้ว อากาศยามเช้ามีหมอกลงบาง ๆ  มันไม่หนาวหรอก    เพราะไม่ใช่หน้าหนาวสักหน่อย  บอยเลี้ยวเข้ามาทางหน้ามหาวิทยาลัย  มันนั่งทำงานหน้าจอคอมแทบทั้งคืน  แต่มันไม่มีความคืบหน้าของงานเลยแม้แต่น้อย 

   ยามเช้าแบบนี้ . . .

   . . .  ถ้ามันได้สูดอากาศบริสุทธิ์บ้างมันอาจจะดีขึ้นก็เป็นได้  บอยขับผ่านหอนาฬิกามาช้า ๆ  จนถึงประตูหลังมอ  บอยเลี้ยวขวา  มันรู้  ปลายถนนเส้นนี้เป็นอ่างเกษตร  แต่ก่อนจะสุดถนนนั้น  ฝั่งซ้าย  อพาร์ตเม้นท์หลังสูง  ใช่หลังนี้หรือปล่าวที่ดินบอก   มันเองก็อยากรู้เหมือนกัน  บอยมันเห็นต้นฉ่ำฉาต้นใหญ่  ริมกำแพงมหาวิทยาลัยหน้าตึกวิศวะ  บอยมันเอามอเตอร์ไซด์ไปจอดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นในทันที

   มันรอ . . .

   . . . รออย่างมีความหวัง

   การรอคอยอาจจะทรมาน . . .

   . . . แต่

   สำหรับบอย  บอยมันสนุกกับการรอคอยมากกว่า  เพราะบอยมันคิดเสมอถ้ารอแล้วสมหวังมันยินดีที่จะรอ  เพราะมันรู้ปลายทางของการรอคอยคือความสุข

   แต่ . . . ทว่า

   การรอ  โดยไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเลยมันทรมาน  แล้วมันยิ่งทรมานยิ่งกว่า  ถ้าการรอแบบนั้นไร้ซึ่งสิ่งที่ตนเองเองรอคอย  บอยมันกำลังอยากรู้เหมือนกัน  ว่าตอนนี้  บอยรอแบบแรกหรืออย่างหลังกันแน่

   สายตาบอยจดจ่อไปที่ประตูทางออกของอพาร์ตเม้นท์  ยังเช้าอยู่เลย  ไฟถนนเพิ่งดับไปเมื่อสักครู่นี้เอง  ถ้านัทอยู่ที่นี่  อีกไม่นานนัทคงต้องลงมา  เพราะนัทต้องไปทำงานที่ลำพูน  จะต้องเดินทางก่อนโมงเช้าแน่นอน 

   มันยกข้อมือมาดูเวลาก่อนบอกตัวเองว่า  ไม่น่าจะเกินชั่วโมง

   บอกแล้วบอยมันสนุกกับการรอ  เพราะมันรอมาตั้งห้าปีแล้ว  มันรอทั้ง ๆ  ที่อีกฝ่ายไม่เคยรับรู้ด้วยซ้ำว่ามีคนรออยู่

   บอยมันลุ้นทุกครั้งที่มีคนเดินออกมา  มันหวังไว้  ในหลาย ๆ  คนที่เดินออกมา  ขอให้เป็นคนนั้นด้วยเถิด  มันไม่ได้เห็นหน้านัทมานานเท่าไหร่แล้ว    ภาพของนัทแทรกซึมอยู่ในทุกอณูหัวใจของบอยจนมันจำได้แทบทุกอย่าง 

   แต่ . . .

   . . . บอยยังหวัง  อยากเห็นหน้านัท  ตัวเป็น ๆ  ของนัทอีกสักครั้งก็ยังดี

   เกือบโมงเช้า . . .

   . . . บอยมันยิ้มกว้าง 

   เมื่อคนที่เดินออกมานั้น  ใช่คนเดียวกับคนที่บอยรอ  มันยิ้ม  หัวใจมันพอโต  บอยมันรู้สึกตื้นตันไปหมดในหัวใจ  มันยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่มันกำลังจะเอ่อออกมาด้วยความดีใจ  บอย ค่อย ๆ  แทรกตัวเข้าหลังต้นฉ่ำฉาต้นใหญ่  มันไม่ต้องการให้นัทเห็นมันหรอก 

   แค่มันแอบมองนัทอยู่ตรงนี้มันก็สุขหัวใจแล้วล่ะ 

   นัทเดินไปไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามีใครมองอยู่  บอยมองนัทที่เดินห่างออกไปอีกฝากถนน  บอยค่อย ๆ  เข็นรถตัวเอง  แล้วเดินตามนัทไปช้า ๆ  บอยมันทิ้งระยะห่างระหว่างตัวเองกับนัทไว้พอสมควร 

   ถ้า . .

   . . .นัทเห็น 

   มันก็แกล้งก้มแล้วทำเป็นรถเสีย  นัทไม่รู้หรอกว่าคนที่รถเสียจะใช่บอยหรือไม่

   บอยมันยังคงเข็นรถตามนัทมาเรื่อย ๆ  บอยเดินทางฝั่งมหาวิทยาลัย  ส่วนนัทเดินนำหน้าไปอีกฟากฝั่งของถนน  บอยมันรู้ดี  ชีวิตของมันกับนัทอยู่กันคนละฝั่งแหละ  แม้จะอยู่บนถนนเส้นเดียวกันแต่นัทไม่เคยมองเห็นบอยเลยด้วยซ้ำไป 

   บอยต่างหากที่แอบมองนัทเงียบ ๆ  บอยมันสุขหัวใจที่ทำได้แค่แอบมอง     มันกลัวหรือมันไม่กล้ากันแน่  ถ้ามันเข้าไปทัก  นัทคงคุยกับมันแหละ  แต่มันไม่อยากเอาตัวไปพัวพันกับนัท  บอยมันตั้งใจแน่แน่ว  ถ้ามันคิดกับนัทแค่เพื่อนไม่ได้  มันจะไม่เดินเข้าไปหานัทอีกเป็นอันขาด

   ความสุขของมันอยู่ที่การได้รัก . . .

   . . .  ไม่ไช่อยากครอบครอง

   นัทเดินมาถึงคลองชลประทาน  แล้วนัทข้ามฟากมาทางเดียวกับบอย  บอยมันได้แค่แอบมองห่าง ๆ  ๐๗.๑๕ น. รถบริษัท  เข้ามาจอดเทียบ  แล้วนัทก็เดินหายไปบนรถคันนั้น  บอยรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองวิ่งตามรถคันนั้นไปด้วย 

   แต่ . . .

   . . . สิ่งที่บอยรู้สึกยิ้มได้ 

   บอยรู้แล้ว  ถ้าบอยคิดถึงนัท  บอยก็รู้แล้วว่าบอยจะมาหานัทได้อย่างไร  เพราะนัทจะต้องออกมาเวลานี้ทุกวันแน่ ๆ  เพื่อไปทำงาน

   พรุ่งนี้ . . .

   . . . พรุ่งนี้นะ

   พรุ่งนี้จะมาอีก  จะมาแอบดูนัทอีก  บอยมันบอกตัวเองเบา ๆ  ก่อนที่จะสาตร์ทรถแล้วขับไปตามทางที่รถนัทแล่นไปพักใหญ่แล้วล่ะ  หัวใจบอยมันอิ่มเอม  วันนี้มันได้เห็นหน้าคนที่มันรักยิ่งชีวิต  แม้เขาจะไม่มองมาที่มันเลยก็ตาม









moonoi_sert

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #84 เมื่อ20-07-2009 15:04:43 »

 :m15:การที่เราได้เฝ้ามองคนที่เรารักอยู่ห่าง ๆ เพียงเท่านี้มันก็สุขใจที่ได้คอยเฝ้ามองแม้ว่าคน ๆ นั้นจะไม่รับรู้ก็ตาม :m15:

dokjarn

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #85 เมื่อ20-07-2009 23:35:24 »

 :L3:

แค่ได้รัก

แค่ได้มอง

แม้ไม่ได้ครอบครองก็อิ่มใจ

บอย ทำให้คนอ่านอย่างเรา เศร้าซึม

เห็นใจ เอาใจช่วย

ต้องมีสักวัน ที่จะมีความสุขมากขึ้น

กับความเป็นจริงที่สัมผัสได้

ขอบคุณ

 :pig4:

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #86 เมื่อ21-07-2009 08:04:56 »

บอย เอ้ย กล้าๆ หน่อย :serius2:

เฮ้อ

พี่ต้น นี่ใช่คุณต้นสายหรือเปล่าคะ อิอิ




ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #87 เมื่อ21-07-2009 22:03:44 »

รัก....แค่รู้สึกรักก็มีความสุข.......

บางอย่างไม่ต้องการครอบครอง
มันก็ทำให้เรายิ้มได้..

แค่ได้เห็น แค่ได้รู้สึก
ความรักก็เป็นเพียงกระจกบางๆที่อยู่ตรงหน้า

สายลมที่ส่งผ่านไปยังบุคคลที่รัก
อ้อมกอดที่หวังว่าซักวันหนึ่งจะเป็นจริง.....

ออฟไลน์ myxt

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #88 เมื่อ21-07-2009 23:27:27 »

เรียนจบก็แล้ว เรียนต่อก็แล้ว
ก็ยังต้องแอบมองกันต่อไป เฮ้ออออ บอยเอ๊ย
แค่เอื้อมจริงๆ
นึกย้อนไปตอนแรกๆแล้วชักเริ่มสงสัยว่า หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #89 เมื่อ22-07-2009 12:18:02 »


ต อ น ที่  ๒ ๐


เ สี ย ง ที่ ไ ม่ ไ ด้ ยิ น




    
   เวลาที่บอยเศร้า  เหงาและต้องการกำลังใจ  บอยมักจะแอบมามองนัทในยามเช้าเสมอ  บอยรู้ดีแค่มองไม่ผิดอะไรหรอก  นัทไม่เสียหาย  บอยอาจจะแอบหวัง  อยากเข้าไปใกล้นัทเหมือนสมัยเรียนปีแรก ๆ  แต่บอยมันรู้  ไม่ดีกว่า  เวลามันผ่านเลยมาหลายปีแล้ว  นัทอาจจะลืมมันไปแล้วก็ได้  


   บอยไม่หวังอะไรอีกแล้วล่ะ . . .  

   . . . เพราะบอยรู้ดี  

   อีกไม่เกินสี่สิบแปดชั่วโมง  บอยก็ต้องไปไกล   ไกลจากนัทแล้ว

   บอยมันนึกสามเดือนที่บอยพยายามจะห่างนัท  ไม่ไปแอบดูเหมือนเช่นที่ผ่านมา  มันยากมาก  มันทุรนทุราย  

   แต่ . . .

   . . .  บอยรู้

   มันต้องทำให้ได้  

   พรุ่งนี้ . . .

   มันจะเดินตามวันเวลาเก่า ๆ  

   แล้วมะรืนนี้ . . .

   . . . มันต้องเดินไปบนเส้นทางใหม่ของมัน  บอยต้องเดินทาง  บอยต้องไปรายงานตัวยังมหาวิทยาลัยเจ้าของทุนที่ทำให้บอยได้ต่อโทจนจบ  บอยรู้  เรื่องราวระหว่างบอยกับนัทก็คงจะจบกันสำหรับนัท  บอยไม่รู้หรอก  นัทจะมีความทรงจำระหว่างมันเหลืออยู่บ้างไหม  

   แต่ . . .

   . . . สำหรับบอย  

   นัทจะอยู่ในความทรงจำของบอยตลอดไป

   . . . ความทรงจำของวันวาน

   ความรู้สึกที่เหมือนพลังงานอันมหาศาล ที่คอยขับเคลื่อนให้บอยเดินต่อไปข้างหน้า  เหมือนความเย็นที่แผ่ซ่านมายามบอยร้อนรนและทุกข์ใจแสนสาหัส  ภาพความหลังที่บอยได้รับยังแจ่มชัดเสมอ  

   นัทในวันก่อนโน้นของบอย . . .

   . . .  ยังคงแจ่มสว่างกลางใจบอยอยู่มิรู้ลืม  บอยมันยิ้มเมื่อนึกถึงวันคืนเก่า ๆ  ที่มันเคยทำร่วมกันกับนัท  มันไม่เคยลืมเลือนไปแม้แต่วินาทีเดียว

   บางคนยินดีที่จะเก็บวันคืนเก่า ๆ  เอาไว้

   เพราะวันเวลาที่ผ่านมาเป็นทั้งบทเรียน  และความหวังทั้งหมดที่เขามี  ใครจะมองว่าจมอยู่กับอดีต  แต่คนเราต้องมีอดีตด้วยกันทุกคน  ใครบ้างเล่าที่ไม่เคยมีอดีต

   อดีตคือพื้นฐานสู่อนาคต

   บอยมันแค่อยากเก็บอดีตเอาไว้ . . .

   . . . มันนึกขันตัวเองที่เมื่อสองสามวันก่อน  มันขอยามที่เฝ้าตึกหอชาย  มันบอกยามว่ามันอยากไปบนดาดฟ้า สักครู่  

   ยามทำหน้างง ๆ . . .

   แต่ก็ยอมให้บอยเข้าไป  บอยมันเดินไปที่ชั้นสอง  มันเดินไปที่ห้องที่นัทเคยอยู่ตอนปีหนึ่ง  มันเอามือลูบไล้ไปที่ประตูอย่างเผ่วเบาราวกับว่าบานประตูนั้นจะพาบอยกลับไปสู่ห้วงอดีตที่ผ่านมา

   บอยยิ้ม . . .

   . . . แต่แววตามันร้าว  

   มันคล้าย ๆ  จะยิ้มทั้งน้ำตาแบบที่เคยเป็นมาด้วยซ้ำ  

   มันใช้เวลาอยู่ที่ห้องเดิมของนัทอยู่นาน  โชคดีที่มหาวิทยาลัยปิด  นักศึกษาอยู่กันไม่มาก  บางคนที่เดินผ่านบอยมองมันแปลก ๆ  แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจบอยเลยเสียด้วยซ้ำ

   . . . บอยมันเดินมาเรื่อย ๆ  จนถึงห้องน้ำของชั้นสอง  มันอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้  ภาพความหลังยังคงแจ่มชัดในสายตาของบอยเสมอ
   
   เหมือนฟ้าเป็นใจ . . .

   . . .   เมื่อมันก้าวเข้ามาในห้องน้ำ  

   มีเสียงเปิดประตูห้องออกมาพอดี  มันยิ้ม มีที่ว่างสำหรับมันแล้ว  ประตูห้องค่อย ๆ  เปิดออก  นัทเดินออกมาหยดน้ำก็พราวตามตัว  บอยมันเห็นคนที่เดินออกมาเต็มตา  มันรู้สึกอาย ๆ  อย่างไรไม่รู้  ระยะมันห่างกันราว ๓ เมตร  แต่บอยกลับรู้สึกร้อนผ่าวกับคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำ

   “เฮ้ยยยยยยยย”  

   เสียงร้องจากคนที่เดินออกมา พร้อม ๆ  กับไหลลื่นไปตามพื้นห้องน้ำที่เปียกชุ่ม  นัทลื่นไถลจนก้นจ้ำเป้า  ผ้าขนหนูสีน้ำเงินหลุดจากตัว  ขันน้ำกระจาย  กางเกงในที่ชักไว้หลุดไปคนละทาง  บอยมันมองไปตามเสียงร้อง  มันเห็นถนัดตา  นัทลื่นล้มกับพื้นในสภาพชีเปลือย

   มันต้องแอบซ่อนหน้า  ข่มอารมณ์ขันเอาไว้เต็มที่

   “เป็นไงบ้างครับ”  บอยเก็บผ้าขนหนูส่งให้นัท  แต่ไม่วายชำเลืองมอง

   “ขอบคุณครับ  พื้นมันลื่นอ่ะ  เลอะหมดเลย  เราขอล้างตัวอีกแปบนะ”  นัทบอก  ยิ้มเก้อ ๆ  เพราะรู้สึกอายเหมือนกัน

   มันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ  ออกมาทั้ง ๆ  ที่ยังไม่ได้ใส่กางเกงใน  แต่กลับมาทะเล่อทะล่าโชว์ความเป็นชายให้เพื่อนแปลกหน้าดูซะแล้ว

   บอยมันเขินจนหน้าแดง . . .

   . . . ไม่รู้สิมันบอกไม่ถูกว่าทำไมมันต้องเขิน  ต้องอายทุกครั้งที่มันเจอหน้านัท  มันแพ้ทางกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า  เพราะตั้งแต่มหาวิทยาลัยเปิดมันเจอกับนัทแค่สามสี่ครั้งเอง  แล้วมันก็แทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเสียด้วยซ้ำ  แต่บอยมันเขินทุกครั้งที่เจอหน้ากับนัท

   เหมือนงูเจอเชือกกล้วยยังไงยังงั้น

   บางเรื่องมันอธิบายยากอยู่ . . .

   . . . ยิ่งเป็นเรื่องของหัวใจยิ่งพูดยากใหญ่  ความรู้สึกของหัวใจห้ามกันไม่ได้เสียด้วย  มันผิดหรือที่มันจะอายกับคนที่มันรู้สึกดี  บอยมันแปลกใจตัวเองเหมือนกันตั้งแต่มันเกิดเป็นตัวเป็นตนขึ้นมามันไม่เคยมีความรักเสียด้วยซ้ำ  มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรักหน้าตาเป็นแบบไหน  

   ถ้าบอยรู้ . . .

   . . . มันจะยังรักอีกหรือ?

   รักที่มันต้องเก็บ  ต้องซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิด

   ความรักที่มันพูดไม่ได้เหมือนน้ำท่วมปาก  มันอึดอัดแทบตายกับรักแรกที่มันเจอ  แต่อย่างว่าชะตาชีวิตของเรา ฝืนกันไม่ได้  ในเมื่อบอยมันโดนขีดมาแบบนี้  มันโดนสาปมาแบบนี้  มันก็ต้องเจอกับสิ่งที่รอมันอยู่ด้านหน้า

   ทุกสิ่งในโลกล้วนโดนขีดมาทั้งนั้น

   นัทกลับออกมาอีกครั้ง  มันยิ้มให้บอยอย่างอาย ๆ   แล้วนัทเดินสวนออกไป  บอยมันมองตามจนลับตา  

   บอยไม่รู้หรอก  สายตาที่มันมองตามนัทมีความหมายอย่างไร  

   แต่ที่บอยมันรู้  หัวใจมันชุ่มชื้น  มันยิ้มบาง ๆ  โดยที่มันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ  แล้วบอยมันเดินเข้าไปในห้องน้ำ  มันสูดลมหายใจเข้าปอดให้มากที่สุด  ราวกับจะเก็บเอากลิ่นของคนที่เพิ่งเดินออกไป

   มันแทบจะแยกได้ด้วยซ้ำว่ากลิ่นไหนเป็นกลิ่นสบู่  กลิ่นไหนเป็นกลิ่นของนัท

   บอยมันเดินเข้าไปในห้องน้ำที่นัทเคยใช้ . . .

   . . .  มันบ้าไปแล้ว  มันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ  เลย  

   บอยมันหลับตา  มันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ  ราวกับว่าจะพยายามจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาของนัท  บอยันไม่รู้เลยหรือ  นัทจากสถานที่ตรงนี้ไปตั้งหลายปีแล้ว  มันจะหลงเหลือร่องรอยใด ๆ  อยู่อีก  นอกจากความทรงจำของบอยเท่านั้นเอง
   


   บอยเดินเรื่อย ๆ  มาจนถึงดาดฟ้า  ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเก่าลงตามกาลเวลา  แต่บอยมันกลับรู้สึกเหมือนเวลาเหล่านั้น ไม่เคยเคลื่อนคล้อยผ่านไปเลยเสียด้วยซ้ำ  บอยเดินมานั่งเงียบ ๆ  ที่ม้าหิน  มันมองก้าวอี้ม้าหินตัวตรงกันข้าม  บอยมองอากาศแต่กลับเห็นเหมือนนัทนั่งมองมันอยู่  บอยมันเหมือนคนที่เอื้อมคว้าแค่เงา  มันทำได้แค่คว้าเงาเท่านั้นหรือ

   เสียงนาฬากาจากหอนาฬิกาบอกเวลา . . .

   . . . บอยถึงรู้

   ว่าสิ่งที่บอยเห็นสิ่งที่บอยสัมผัสมันแค่ฝันเท่านั้น  เวลาแห่งความเป็นจริงผ่านพ้นไปนานแล้ว  มันโง่เองที่ปล่อยให้เวลาแยกให้มันกับนัทห่างออกจากกันเรื่อย ๆ  ถ้ามันย้อนเวลาได้มันจะไม่ยอมให้เวลาแยกมันออกจากนัทแบบนี้เป็นแน่  

   บอยมันคิดมาถึงตอนนี้ . . .

   . . . มันรู้  

   เหมือนมีอะไรมาจุกที่หน้าอก  มันคับแน่นไปหมด  บอยพยายามแหงนหน้ามองฟ้า  ราวกับจะสะกดกลั้นสิ่งที่มันอัดอั้นอยู่ด้านใน  แต่ดูเหมือนว่าบรรยากาศรอบ ๆ  ตัวจะไม่เป็นใจเอาเสียเลย

   ลมพัดเผ่วเบาโชยมากระทบผิวบอย

   บอยสุดที่จะห้ามหัวใจตัวเองอีกต่อไป . . .

   . . .  มันปล่อยให้ตาตาค่อย ๆ  รินไหล  ร้องไปเถอะร้องเสียให้พอ  อีกไม่นานก็ต้องจากสถานที่เหล่านี้ไปแล้ว   และไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ถึงจะได้กลับมาอีก  คราวก่อนโน้นสมัยเรียนยังมีนัท  แม้จะไม่กล้าเข้าไปหาเขาเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ  ทั่ว ๆ  ไปเพราะหัวใจตัวเองมันคิดกับนัทเกินกว่าเพื่อนไปเสียแล้ว  

   อีกไม่นาน . .

   . . . มันก็จะจากที่นี่ไปแล้ว  และเมื่อนั้นสายใยสายสัมพันธ์ที่มันถักทอให้นัทฝ่ายเดียวก็คงจะขาดสะบั้นลง  

   ฝูงนกการ้องเสียงระงมไปทั่ว . . .

   . . . อากาศใกล้ค่ำลงทุกขณะ  

   บอยมันสะอื้นให้ราวกับจะขาดใจ  มันไม่สามารถควบคุมหัวใจตัวเองได้เลย  บอยรู้เพียงแต่ว่าอีกไม่นานมันจะต้องห่างนัท  แล้วมันจะอยู่ได้อย่างไรกันในเมื่อมันยิ่งรักนัทเข้าทุกวัน  รักทั้ง ๆ  ที่มันแทบจะไม่ได้เจอหน้านัทมาเลยในระยะสามเดือนหลัง  มันกำลังต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง  

   ความรู้สึกที่มันยากจะเอ่ยออกมาด้วยซ้ำ . . .

   . . . ใครบ้างเล่าที่ห้ามความรู้สึกของตัวเองได้

   บอยมันปล่อยให้ความอ่อนแอเข้ามาครอบงำหัวใจของมัน จนมันหมดน้ำตาที่จะรินไหล  แต่มันรู้  ชีวิตของมันต้องเดินต่อ  มันค่อย ๆ  พาร่างลงมาจากดาดฟ้า  มันยิ้มและเอ่ยขอบคุณคนเฝ้าหอ ที่ยอมให้นักศึกษาปริญญาโทอย่างมันขึ้นไปได้  

   บอยขับรถมาช้า ๆ  ผ่านทางศูนย์กีฬา  ไฟในโรงยิมยังสว่าง  บอยมันคิด  นัทอาจจะอยู่ที่นั่นมั้ง  เพราะนัทชอบมาเล่นกีฬาที่นี่เสมอ  บอยมันจอดรถ  แล้วเดินไปในโรงยิมเนเซี่ยมอย่างช้า ๆ  

   วอลเลย์บอล . .

   . . .มีคนกำลังซ้อมวอลเลย์บอลกันอยู่  

   บอยมันยิ้ม เพราะนี่ก็เป็นกีฬาอีกอย่างที่นัทชอบเล่นและชอบดู  

   บอยยิ้ม  เดินเข้าไปนั่งบนอัฒจันทร์ช้า ๆ  บอยมันจำได้  จำได้ดีแหละ  ทุกครั้งที่มีแข่งวอลเลย์ในสนามแห่งนี้  บอยมันจะมานั่งตรงนี้  ที่ที่มันนั่งอยู่ตอนนี้แหละ  บ่อยครั้งที่บอยเห็นนัทนั่งอยู่ตรงโน้นบ้าง  ตรงมุมนั้นบ้าง  บอยกวาดตาไปทุกมุมที่นัทเ คยนั่ง  บอยแทบจะเก็บเอาทุกอย่างที่นัทเคยทำไว้ในสมอง  ไว้ในหัวใจส่วนที่ลึกที่สุดของบอย

   บอยจำได้ . . .

   . . . จำได้ดีไม่มีวันลืม  

   ในขณะที่บอยนั่งอยู่ตรงนี้  แล้วนัทนั่งอยู่อีกมุม  มันอยากจะตะโกนบอกให้นัทมานั่งใกล้ ๆ  มัน  แต่อีกใจมันกลับบอก  อย่าเลย  นั่งมองเขาตรงนี้ดีกว่ามั้งเห็นหน้าเขาชัดด้วย   และบางความรู้สึกก็สั่งให้บอยเดินไปนั่งลงใกล้ ๆ  นัทเสียด้วยซ้ำ  

   แต่บอยมันกลับไม่ยอมกระทำ  

   บอยมันกลับให้เวลาแยกให้มันกับนัทห่างกันไปเรื่อย ๆ  แบบที่ผ่านมา  บอยทำได้แค่นั่งมองนัทจากที่เดิม ๆ  ของบอย  โดยที่ไม่กล้าจะเข้าไปหานัทเลยด้วยซ้ำ  

   บอยทำได้ไง . . .

   . . .  บอยทำร้ายหัวใจตัวเองไปเพื่ออะไรกัน

   จะมีสักกี่คนกันที่ยอมทำร้ายหัวใจตัวเอง

   บอยมันทำร้ายหัวใจตัวเอง  เพียงเพื่อมันได้รักคนที่มันรักแบบนี้  มันคิดว่ามันทำดีแล้วกะนั้นหรือ  บอยไม่กล้าที่จะเอื้อมไปหานัทจริง ๆ

   บอยจำได้  บ่อยครั้ง  ที่นัทเดินผ่านกลับมาทางที่มันเดิน  นัทแค่ยิ้มบาง ๆ  ให้กับมัน  มันคิดไปเองหรือปล่าวว่านัทไม่อยากคุยกับมัน  มันยอมให้นัทเดินผ่านมันไปช้า ๆ  ทั้ง ๆ  ที่หัวใจของมันอยากจะดึงมือนัทเอาไว้  อยากจะดึงให้นัทนั่งลงใกล้ ๆ

   มันอยากกอดนัท  อยากอดให้สาสมกับที่หัวใจมันต้องการ  แต่บอยไม่เคยกล้าที่จะทำ  บอยกลับปล่อยให้นัทเดินผ่านมันไปจนลับตาแทบทุกครั้ง

   “คุณครับโรงยิมจะปิดแล้วครับ”  เสียงยามเดินมาบอกมัน

   บอยมันกวาดสายตาไปรอบ ๆ . . .

   . . . ไม่มีใครเลยอยู่ตรงนั้นแล้ว  

   มันปล่อยให้เวลาในอดีตไหลมาทับความรู้สึกในปัจจุบัน  มันจมกับอดีต  กับความรักของมัน  รักเพียงฝ่ายเดียวที่บอยมันคิดว่าดีที่สุดเท่าที่คนอย่างบอยจะทำได้กระมัง




   ห้างสรรพสินค้าที่ใกล้กับสนามบินคลาคล่ำไปด้วยผู้คน อาจเพราะตอนนี้ที่นี่มีงานแสดงรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือก็ได้กระมัง  บอยมันไม่รู้จะทำอะไรดีกว่ามาเดินฆ่าเวลา  

   มันจัดของลงกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว . . .

   วันนี้มันรอให้ค่ำ  แล้วมันจะไปเล่นดนตรีอีก  วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายที่มันได้ไปเล่นดนตรีแล้วล่ะ  มันต้องจากสิ่งที่มันรัก  จากแผ่นดินที่ให้ความรู้มันมาถึงหกปีเต็ม  มันยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์โหยหาในสิ่งที่กำลังจะเข้ามาในชีวิตของมัน

   “บอย  ไอ้บอย”  เสียงเรียกทักทายมันท่ามกลางผู้คนมากมาย  ทำให้บอยต้องหันไปมอง

   บอยยิ้มให้อย่างเคย  อย่างน้อยมันก็ได้เจอเพื่อนเก่า  เพื่อนเก่าที่มันไม่ได้เจอกันนานแล้วแหละ  หลายปีแล้วกระมัง

   “บิ้ก  อ้วนขึ้นนะมึง  ไปอยู่ไหนมาว่ะ”  บอยมันทักทาย  มันกวาดสายตามองเพื่อนร่วมห้องที่อยู่หอเดียกับมันตอนปีหนึ่ง

     “กลับไปอยู่บ้านว่ะ  เรียนจบเลยได้งานทำที่บริษัทเล็ก ๆ  ว่าง ๆ ไปเที่ยวบ้านข้าดิเอ็ง  ที่น่านที่เที่ยวเยอะนะโว้ย . . .”  เพื่อนมันยิ้ม  ตบที่ไหล่บอยเบา ๆ

   “. . . แล้วมึงละ  ทำไรว่ะ  ไหนว่าเรียนต่อโท  จบแล้วสินะ”  บิ้กเอ่ยชวน  ก่อนจะถามสารทุกข์สุขดิบ

   น่าน . . .

   . . . จริงสิ  

   บิ้กมันคนน่าน  บอยยิ้มพาลนึกไป ถึงอีกคน  มันยิ้มกว้างเมื่อนึกไปถึงเพื่อนของบิ้ก

   “ไม่ได้แล้วมั้ง  พรุ่งนี้ต้องลงไปใต้แล้วล่ะ  ไปใช้ทุนเรียนโทนี่แหละ . . .”  บอยยิ้ม

   “. . . เออ  ถ้าว่างคืนนี้ไปนั่งที่ร้านดิ  คืนนี้เล่นคืนสุดท้ายแล้วล่ะ  เพราะพรุ่งนี้คงไม่มีโอกาสเล่นดนตรีอีกแล้ว”  บอยมันชวน  

   บิ้กเคยไปนั่งกินเหล้าที่ร้านที่มันเล่นดนตรีออกบ่อย

   “ไอ้ห่าบิ้ก  มาอยู่นี่เองเดินหาตั้งนาน”  เสียงทักทายที่ดังมาจากด้านหลังบอย  ทำเอาบอยหัวใจพองโต

   ไม่ว่าจะนานแค่ไหน . . .

   . . .  บอยก็จำได้  

   เสียงแบบนี้บอยจำได้ดี  จำได้ไม่เคยลืมและไม่มีวันลืมมันเลยตลอดชีวิต

   “อ้าวบอย  มาคนเดียวเหรอ  ไม่เจอกันตั้งนาน”  คนที่บอยตั้งหน้าตั้งตารอเพื่อจะเจอเอ่ยทักเมื่อบอยหันกลับไป

   รอยยิ้มของชายแปลกหน้าในหกปีที่แล้ว . . .

   . . .  ยังเหมือนเดิม

   วันนี้รอยยิ้มดูเป็นมิตรมากขึ้น  แต่สำหรับบอย  บอยยังอาจเหมือนคนแปลกหน้าของเขาอยู่ดีแหละ  ไม่รู้เหมือนกันทำไมบอยถึงคิดแบบนั้น  อาจเพราะบอยปล่อยเวลาให้ห่างนานกว่าที่ควรจะเป็นก็ได้มั้ง

   “มาคนเดียว  นัทละสบายดีมั้ย”  บอยยิ้ม

   “สบายดี  ไม่เจอกันเลยนะบอย  หลายปีเลยแหละทำไรอยู่ที่ไหนล่ะตอนนี้”  นัทถาม  

   เขาอยากรู้เรื่องของบอยหรือถามด้วยมารยาทกันแน่นะ . . .

   . . .  บอยไม่สนหรอก  

   บอยรู้เพียงแต่ว่าวันนี้บอยสุขหัวใจ  

   พรุ่งนี้ . . .

   บอยจะเดินทางไกลด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข  มันอาจจะคิดไปไกล  ขนาดที่อยากให้นัทไปส่งมันที่สถานีรถไฟ  แต่มันต้องสลัดความคิดนั้นโดยเร็ว  แค่เจอกันตรงนี้  ร่ำลากันที่นี่ น่าจะดีที่สุดแล้วสำหรับบอย

   “เรียนต่อ  เอ้อ  บิ้ก  ขอเบอร์หน่อยดิ  ไว้โทรคุยกันได้”   บอยหันไปขอเบอร์เพื่อน  อย่างน้อยยังมีโอกาสติดต่อเพื่อน ๆ  ได้บ้าง

   “ได้ดิ  เอาโทรศัพท์มึงมาดิ”  บิ้กแบมือขอโทรศัพท์จากบอย  

   บอยส่งให้ไป  บิ้กมันจัดการแจกเบอร์ของตัวเองเรียบร้อย  ก่อนจะยิ้มแล้วส่งให้บอยเหมือนเดิม

   “ว่าง ๆ  โทรไปนะโว้ย  ขอตัวก่อนนะ  คืนนี้ถ้าว่างจะไปนั่งกินเหล้าด้วยว่ะ”  บิ้กมันร่ำลา

   “ไปก่อนนะบอย”  นัทหันมายิ้ม  

   บอยยิ้มตอบ

   . . . มันมองนัทเดินจากไปจนลับตา  

   บอยสุขหัวใจ

   อย่างน้อยวันสุดท้ายในเชียงใหม่  มันยังได้เห็นหน้านัท  มันก้มหน้ามองเบอร์ในเครื่อง  บิ้กมันเมมเบอร์ไว้จริง ๆ  ด้วยล่ะ  

   แล้วบอยก็ยิ้มกว้าง . . .

   . . . เมื่อบิ้กมันเผื่อแผ่เบอร์ของอีกคนไว้ในเครื่องของบอยเช่นกัน  บอยมองชื่อในเครื่องด้วยความสุขเต็มหัวใจ

   “NAT”



   นัทเดินตามบิ้กมาเงียบ ๆ  ท่ามกลางผู้คนที่มากหน้าหลายตาที่มาชมงานแสดงรถยนต์  มันเหนื่อยมั้ง  หิวด้วย  นัทมันกำลังจะบอกให้บิ้กหาอะไรกินก่อน  แต่ดูเหมือนบิ้กจะเดินนำมันเข้าไปยังร้านอาหารก่อนแล้วด้วยซ้ำ


   “เหนื่อยว่ะ  หิวยังไอ้นัท”

   “เออ  ไม่ได้กินไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว”  นัทตอบมันพลางรับเมนูมาเปิดดู

   มันสั่งอาหารไปสองสามอย่าง  เสียงเพลงเบา ๆ  ผสานแอร์เย็น ๆ  ทำให้มันรู้สึกผ่อนคลายลงมาบ้าง  เพียงครู่เดียวบริกรเอาเครื่องดื่มมาเสริฟ  นัทหยิบมันมาดื่มอย่างกระหาย

   “คืนนี้ไปกินเหล้ากันมั้ยไอ้นัท”  บิ้กมันชวน  สายตามันมองนัทแปลก ๆ

   “อารมณ์ไหนว่ะมึง  ไหนบอกไม่กินเหล้ามาหลายเดือนแล้วไง”

   “เออน่า  ไปที่ร้านที่บอยมันเล่นดนตรีกัน  คืนนี้มันเล่นที่นั่นคืนสุดท้ายแล้วล่ะ  เห็นมันบอกพรุ่งนี้มันต้องไปใช้ทุนทางใต้โน่น”

   “เหรอ  ไม่ยักรู้”

   “อ้าว  มึงเคยรู้ไรมั้ยไอ้นัท  มึงเคยมองไอ้บอยมันมั้ยเล่า”  บิ้กปรายตามามองนัท

   นัทมันขมวดคิ้ว . . .

   . . .  มันเข้าใจในคำพูดของบิ้กเสียเมื่อไหร่กัน  

   บิ้กมันพูดอะไรแปลก ๆ  ก็มันกับบอยรู้จักกันทำงานร่วมกัน  แล้วบิ้กจะมาบอกว่ามันไม่มองบอยได้อย่างไรเล่า

   “มึงพูดอะไรกูไม่เข้าใจมึงเลย”

   “อ้าว  กูนึกว่ามึงรู้แล้วเสียอีกไอ้นัท”  บิ้กหยิบแก้วน้ำมาดื่ม

   “อะไรของมึง  รู้อะไร  พูดมาเหอะไอ้นี่ลีลาเยอะว่ะ”

   “บอยมันชอบมึงว่ะ  มันแอบชอบมึงมานานแล้ว”

   “ห๊า . . . อำกูแล้ว  ไอ้บอยนี่นะมาชอบกู  มันเป็นกะเทยเหรอ”   นัทตกใจ  

   คาดไม่ถึงบิ้กจะพูดอะไรออกมาแบบนั้น  บอยที่มันรู้จักไม่เคยมีอาการกับมันเลยด้วยว้ำ  ถ้าบอยชอบมัน  บอยต้องเข้าหามันสิ  แต่นี่บอยมันปกติดีทุกอย่างด้วยซ้ำ  มันไม่เคยมีทีท่าแบบที่บิ้กพูดเลย

   “กูไม่ได้อำนะโว้ย  เกย์ว่ะเพื่อน  ไม่ใช่กะเทย  กูดูออกน่า  มันอยู่กับกูมาตั้งปีนึงทำไมกูจะไม่รู้  เวลาที่มันมองมึงตาเยิ้มเชียว  มีแต่มึงล่ะมั้งที่ไม่รู้”

   “กูไม่เชื่อว่ะ  ถ้ามันชอบแล้วทำไมมันไม่เข้าใกล้กูว่ะ  กูเห็นเวลามันอยู่กับกูมันก็เฉย ๆ  นะโว้ย”

   “เชื่อกูเหอะไอ้นัท  บอยมันรักมึงเข้าแล้วด้วยซ้ำ  บางคนรักนะโว้ยแต่ไม่กล้าที่จะพูด  กูว่าบอยมันคิดกับมึงแบบที่กูคิดแน่นอน  พิสูจน์กับกูคืนนี้ไปกินเหล้าที่ร้านไอ้บอยมันร้องเพลง  ตกลงนะโว้ย”

   นัทพยักหน้ารับ . . .

   . . .  มันอยากรู้เหมือนกัน  

   บอยจะเป็นแบบที่บิ้กคิดเหรอ  ในเมื่อตลอดระยะเวลาที่มันรู้จักกับบอย  บอยแทบไม่มีทีท่ารู้สึกกับเขาแบบออกนอกหน้าเลยด้วยซ้ำ  

   นัทมันพยายามนึก  มีตอนไหนบ้างนะที่บอยมองมันแบบแปลก ๆ  แต่มันยิ่งคิดยิ่งมึน  ไม่มีเลย  ไม่มีทีท่าว่าบอยจะเป็นแบบที่บิ้กพูดเลยด้วยซ้ำไป  แต่เพื่อความสบายใจ  มันจะไป  มันอยากรู้เหมือนกัน  

   . . . ว่าบอยรักมันที่ตรงไหน

   
   เสียงเพลงดังกระหึ่มอยู่ทั่วทั้งร้าน  ไฟสีสลัว ๆ  สร้างให้บรรยากาศน่านั่ง  บิ้กเดินนำมาที่โต๊ะ  มันกะดูให้เห็นยังหน้าเวทีชัดเจน  และคนบนเวทีคงจะมองมาเห็นมัน  ผู้คนในร้านกำลังสนุกสนานกับเสียงเพลงจากดีเจ  ที่เล่นสลับกับดนตรีสด    บริกรชงเหล้าให้มัน  มันพยักหน้าขอบใจ  ก่อนทำอารมณ์ให้ลอยไปกับเสียงเพลง

   “เป็นไง  มาบ่อยมั้ยเอ็ง”  บิ้กถาม

   “ถ้าร้านนี้ไม่บ่อยว่ะ  ส่วนมากไปที่ร้านอื่น”  นัทมันยิ้ม  มันยกแก้วเหล้าขึ้นกระดก

   นัทกวาดสายตามองไปรอบ ๆ   ร้าน  บรรยากาศร้านตกแต่งใช้ได้ทีเดียว  มันนั่งดื่มกับบิ้กเงียบ ๆ  

   “แปบว่ะ  ไอ้ดินโทรมา”   บิ้กบอก  พลางเดินออกไปนอกร้าน

   นัทมันพยักหน้าให้  แล้วปล่อยอารมณ์ไปตามเสียงเพลง  สมองมันยังคิดเรื่องที่บิ้กบอก  มันไม่น่าใช่  บอยจะคิดอะไรกับมันขนาดนี้เลยเหรอ  บอยไม่มีทีท่าเลยด้วยซ้ำไป

   “นัทหวัดดี”   เสียงคนทักทายนัทหันไปตามเสียงทัก

   “อ้าวดิน  นั่ง ๆ  มาได้ไงนี่  ทำงานที่กรุงเทพฯไม่ใช่เหรอ”  นัทมันบอก  พลางสั่งแก้วมาเพิ่ม

   บิ้กมันนั่งลงตรงข้ามกับนัท  ปล่อยให้ดินนั่งชิดกัน

   “เออดิ  พอดีมาสัมนา  เลยโทรหาบิ้กมัน  มันบอกคืนนี้จะออกมากินเหล้า  ส่งไอ้บอยมันไปแดนใต้  แล้วเจ้าตัวมันไปไหนเสียล่ะ  มันรู้มั้ยนี่นัทมาด้วยนะ”  ดินถามกลับ

   นัททำหน้าแปลกใจ  ดินมันพูดอะไรแปลก ๆ  อีกคน

   “ทำไมเหรอ  นัทมาแล้วมันดีกว่าคนอื่นตรงไหนเหรอ”

   “ไม่รู้ว่ะ  งานนี้ต้องคุยกับมันเองโว้ย  โน่นไง  มันเตรียมขึ้นจะเล่นแล้วล่ะ”  ดินบุ้ยปากไปทางหน้าเวที

   บอยมันยิ้มตามเคย . . .

   . . . มันทำหน้าที่ของมันได้อย่างดี  มันเหลือบสายตามามองตามโต๊ะต่าง ๆ  มันยิ้มเมื่อเห็นนัท  วันนี้แล้ว  วันสุดท้ายแล้วล่ะมันจะทำหน้าที่นี้ของมันให้ดีที่สุด  มันจำต้องรับแก้วเหล้าจากนักเที่ยวบ่อยครั้ง  

   มันยกขึ้นดื่ม  เขาคะยั้นคะยอให้มันหมดแก้ว  มันก็ทำตามอย่างขัดเสียมิได้

   จากแก้วแรก . . .

   . . .  เป็นแก้วสอง  

   และตามมาเรื่อย ๆ  

   จนบอยมันเริ่มรู้สึกมึน  มันเริ่มตึง  มันรู้สึกเลือดในกายสูบฉีดเร็วขึ้นมั้ง  มันเหมือนจะกล้ามากขึ้น  มันมองไปที่โต๊ะนัท  มันมองนัทได้เต็มตาขึ้น    ดินนั่งอยู่ด้วย  มันดีใจอย่างน้อยมันจะได้เจอเพื่อนเก่า ๆ อีกครั้ง  

   มันมีเวลาอยู่ที่นี่ไม่มาก . . .

   . . .  เพราะพรุ่งนี้มันจะไปไกลแล้ว  มันไม่กลัวอะไรแล้วมั้ง

   “ขอบคุณครับ  แล้วก็มาถึงช่วงสุดท้ายนะครับ  มีเพลงที่ขอขึ้นมาอีกเยอะเลยนะครับ  แต่ผมคงเล่นให้ได้ไม่หมดนะครับ  ต้องขอโทษด้วยนะครับ  พรุ่งนี้ผมคงต้องลาทุกคนแล้วล่ะครับ  วันนี้ผมดีใจนะครับที่ได้มาร้องเพลงที่นี่  และวันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขมาก  อย่างน้อยที่สุดผมได้ร้องเพลงที่ผมรัก  ได้มอบความสุขให้กับทุกคน  เพลงนี้เป็นเพลงสุดท้ายที่ผมจะเล่นนะครับ . . .”  บอยหยุดเพียงชั่วครู่  ก่อนทอดสายตามายังนัท

   “. . .  ผมขอมอบเพลงนี้ให้กับคนที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต  ผมเคยคิดนะครับว่าผมจะไม่บอกเขา  แต่วันนี้ผมขอบอกตรงนี้เลยนะครับ  ผมดีใจมากที่วันนี้เขามานั่งในร้านนี้ด้วย  เพลงนี้คงแทนความรู้สึกทั้งหมดในหัวใจของผมนะครับ”  บอยมันพูดยาว  

   มันพูดยาวกว่าทุกครั้ง  แล้วมันหันไปพยักหน้ากับเพื่อน ๆ  ในวง  ก่อนที่ดนตรีจะคลอเบา ๆ  แล้วบอยมันเปล่งเสียงร้องออกมาสะกดผู้คนในร้านให้นิ่งเงียบ



“เธอคงไม่รู้เลย  ไม่เคยจะเข้าใจในความเปลี่ยนไปที่ฉันมี

เรายังอยู่ใกล้กันดังเพื่อนที่แสนดี  เธอคงรู้สึกแค่นั้น

เพราะฉันซ่อนเอาไว้ข้างใน ความในใจที่ตัวฉันมี

ไม่เคยบอกให้เธอได้ฟังสักที  คำ ๆ นี้ที่ดังอยู่ก้องในใจ

เสียงที่เธอนั้นไม่ได้ยินหัวใจฉันพูดกับเธอทุกทีที่พบที่ได้เจอ

ฉันรู้ว่าเธอไม่เคยจะสัมผัสถึงในใจฉันมันเปลี่ยนไปแล้วคำว่าเพื่อน

เธอคงไม่ตั้งใจฉันเองก็รู้ดี บางทีที่มาใกล้ชิดกัน

เธอคงไม่คิดเกิน เกินคำว่าเพื่อนกัน  ฉันพอเข้าใจฉันรู้

เพราะฉันซ่อนเอาไว้ข้างใน ความในใจที่ตัวฉันมี

ไม่เคยบอกให้เธอได้ฟังสักที  คำ ๆ นี้ที่ดังอยู่ก้องในใจ

เสียงที่เธอนั้นไม่ได้ยินหัวใจฉันพูดกับเธอทุกทีที่พบที่ได้เจอ

ฉันรู้ว่าเธอไม่เคยจะสัมผัสถึงในใจฉันมันเปลี่ยนไปแล้วคำว่าเพื่อน

เสียงที่เธอนั้นไม่ได้ยินหัวใจฉันพูดกับเธอทุกทีที่พบที่ได้เจอ

ฉันรู้ว่าเธอไม่เคยจะสัมผัสถึงในใจฉันมันเปลี่ยนไปแล้วคำว่าเพื่อน

มันเปลี่ยนไปแล้วคำว่าเพื่อน”


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด