แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แ ค่ เ อื้ อ ม . . .  (อ่าน 53213 ครั้ง)

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #90 เมื่อ22-07-2009 12:18:26 »

บอยมันตั้งใจร้องสุดชีวิต . . .

   . . . มันเศร้า

   น้ำตามันเอ่อไปตลอดที่มันร้องทั้งเพลง 

   วันนี้แล้ว . . .

   . . . วันนี้มันจะเปิดหัวใจของมัน 

   หัวใจที่มันปิดตายมาหกปีเต็ม  บอยมันร้องมาถึงท่อนสุดท้าย    นัทลุกขึ้นยืน  มองมันนิ่ง  แล้วนัทค่อย ๆ  เดินหันหลังเดินออกไปจากร้าน 

   บอยมันปล่อยน้ำตาไหลพราก . . .

   . . . มันทำอะไรลงไปหรือนี่ 

   นัท คิดอะไรกับมันหรือ ?

   ทำไมนัทเดินหนีออกไป . . .

   . . .  มันไม่รู้ 

   มันได้แต่มองนัทเดินจากมันออกไป 

   มันเดินตามนัทออกมาที่หน้าร้าน  มันอยากจะร้องเรียกนัทให้กลับมา  แต่บอยมันทำไม่ได้  มันได้แต่เดินตามหลังนัทห่าง ๆ  มาที่ลานจอดรถ  แล้วมันก็เห็น นัทค่อย ๆ  ออกรถจากไป  โดยที่ไม่พูดกับมันสักคำ 

   บอยปล่อยน้ำตาไหลพรากเมื่อรู้ว่านัทจากมันไปแล้ว . . . 

   . . . คราวนี้นัทจากมันไปแล้วจริง ๆ 

   มันทำอะไรออกไป  มันไม่รู้เหรอ  มันต้องสูญเสียนัทไปแล้ว  มันไม่เหลือใครแล้วกระมัง  ชีวิตมันไม่เคยได้พบพานความสุขที่แท้จริง  แม้คนที่มันหลงรักยังรับไม่ได้ที่รู้ว่ามันบอกรัก 

   นัท . . .

   . . .  บอยมันเฝ้าเรียกชื่อนี้อยู่ในใจเบา ๆ  ด้วยหัวใจที่แหลกสลาย

   บอยมันทำลายหัวใจของตัวมันเองหรือ?

   มือที่แตะที่ไหล่ . . .

   . . .  แล้วมาโอบมันไว้ 

   เอาศรีษะมันพิงอิงแอบกับไหล่  มันอยากให้มือนี้เป็นมือของนัท  แต่มันไม่ใช่  มันออกแบบความรักไม่ได้  เหมือนกับที่มันบอกหัวใจให้รักเจ้าของมือนุ่มมือนั้นไม่ได้เช่นกัน

   “เจ็บมากมั้ยบอย  กูเจอมึงทุกครั้งที่มึงเห็นนัท  กูเห็นน้ำตามึงทุกครั้ง  มันไม่ต่างกันหรอกบอย  บอยเจ็บเหมือนที่ดินเจ็บ  แต่ดินช่วยให้บอยหายเจ็บไม่ได้  สิ่งที่ดินทำได้คือยืนนิ่ง ๆ  ข้าง ๆ  บอยแบบนี้  ร้องเหอะบอย  ถ้าบอยอยากจะร้องออกมา  ดินจะยืนตรงนี้  ข้าง ๆ  บอยแบบนี้ ปล่อยน้ำตาออกมาเป็นเพื่อนบอยเองนะ  บอยร้องให้สมกับที่บอยเจ็บเหอะ”   ดินปลอบบอยเสียงสั่น 

   มันเองไม่ต่างจากบอยหรอก . . .

   . . .  มันทนเห็นคนที่มันรักเจ็บได้อย่างไรกัน

   โลกล้วนแต่ไม่พอดี 

   เหมือนความรัก . . .

   . . .  ห้ามกันไม่ได้ 

   ขอให้รักไม่ได้  ทุกอย่างล้วนเกิดมาจากหัวใจทั้งนั้น  ไม่มีใครที่จะออกแบบความรักได้เลย  บอยมันเจ็บ  ดินเองมาทนเจ็บที่เห็นมันเจ็บ  แต่มันรักดินแบบที่มันรักนัทไม่ได้  มันเป็นความผิดของบอยหรือที่บอยรักเพียงแค่นัทคนเดียว


ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #91 เมื่อ22-07-2009 17:51:59 »

ไม่รู้ว่านัทคิดอะไร

เพียงความอยากรู้....เกิดความสับสน

เวลาบางอย่างมันน้อยไป ในการที่จะยอมรับอะไรบางอย่าง

ความรักที่ยังต้องการเวลา..........

ออฟไลน์ สุขาพาเพลิน

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 617
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
    • facebook
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #92 เมื่อ22-07-2009 23:34:56 »

วันนี้กะว่าจะนอนซัก 4 ทุ่ม ตอนนี้ ใหล้เที่ยงคืนและ เพราะว่ามาอ่าน"แค่เอื้อม"นะเนี่ยครับ
แบบเศร้าอ่ะ สงสารดินอ่ะ มันเจ็บเนอะ
และก็เหนื่อยกับบอยจังครับ

เป็นกำลังใจให้เจ้าของเรื่องนะครับ   อย่าลืมมาต่อหล่ะ ฝันดีครับ นอนแล้วววววว

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #93 เมื่อ23-07-2009 14:05:24 »

ต อ น ที่  ๒ ๑

วั น ว า น  .  .  .  มิ ต ร ภ า พ



   นัทยืนขึ้นช้า ๆ  สองหูของเขาได้ยินแจ่มชัด  เสียงเพลงนั่นเหมือนบอกอะไรบางอย่างเขากระนั้นหรือ  นัทยืนนิ่งมองหน้าคนร้อง  ราวกับจะมองให้ลึกไปถึงหัวใจ  แล้วนัทมันค่อย ๆ  หันหลังก่อนจะเดินออกมาจากที่นั่นช้า ๆ  เสียงดนตรียังแว่วมาตามลม  นัทมันรู้สึกไม่ไหวแล้วล่ะ  เรื่องที่บิ้กบอกมันยังคงแล่นมารบกวนในประสาทสัมผัส  มันยังวกวนอยู่ในทุก ๆ  อณูของมองนัทด้วยซ้ำ


   นัทเข้านั่งประจำในที่คนขับ  เขาหลับตานิ่งเฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา    นัทมันไม่เข้าใจ  ไม่เข้าใจกับเรื่องที่มันเจอ  มันยังงง ๆ  กับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อสักครู่  สมองมันมีแต่คำถาม

   บอยคิดแบบนั้นจริงหรือ?  

   บอยมันคิดตั้งแต่เมื่อไหร่?  

   ทำไมบอยถึงรู้สึกกับมันแบบนั้น?  

   สารพัดคำถามที่นัทมันเฝ้าคิดวกไปวนมา  นัทมันเอามือที่สั่นไขไปในกุญแจเบา ๆ  ก่อนที่จะสตาร์ทเครื่อง  เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่ม  นัทมองลอดกระจกหลัง  

   บอยเดินออกมาไม่ห่างจากมันเท่าไหร่  

   นัทมันหลับตาสลัดภาพที่มองเห็นในกระจกหลังอย่างรวดเร็ว  ก่อนที่จะค่อย ๆ  ออกรถไปจากที่นั่น

    นัทมันเห็น . . .

   . . . แม้จะไกล  

   บอยร้องไห้มั้ง ?

   นัทมันขับรถเลยผ่านที่พัก  ขึ้นเลยไปทางอ่างเกษตร  มันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องมาที่นี่  แต่มันรู้เวลาเที่ยงคืนที่นี่เงียบสงบเหมาะสำหรับให้มันได้คิดอะไรเพลิน ๆ  เสียด้วยซ้ำ  นัทชะลอรถไว้ที่ริมอ่าง  ก่อนที่จะลงมานั่ง  

   มันแหนหน้ามองฟ้า . . .

   . . . ดวงดาวพร่าวพราวระยิบระยับวับวาวตัดกับท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม  ลมลอยมาปะทะผิวจนนัทมันต้องยกมือขึ้นกอดตัวเองเอาไว้  ความคิดมันค่อย ๆ  จมลงไปในอดีต  กับห้วงเวลาที่ผ่านมา

   นัทจำได้ . . .

   . . . และจำได้ดี  

   วันที่นัทเจอบอยครั้งแรก  

   วันที่นัทมันทำเปิ่นลื่นล้มในห้องน้ำนั่นไง  มันอายแทบแทรกแผ่นดินหนี  ที่ผ้าขนหนู สบู่อะไรต่อมิอะไรของมันกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง  แล้วหลังจากนั้น  มันก็เจออีก  เด็กหนุ่มคนเดิม  มันเจอกันที่ห้องอ่านหนังสือวันที่มีการประชุมเพื่อแนะนำเรื่องราวต่าง ๆ  ให้นักศึกษาใหม่ได้รับทราบกฏข้อบังคับของการอยู่ร่วมกันในหอใน  ภาพของบอยในความทรงจำของนัทค่อย ๆ  เลื่อนมาเหมือนภาพยนตร์ที่ฉายย้อนกลับ  มันอาจจะเลือนราง  ไม่แจ่มชัดเท่าใดนัก  เพราะระยะหลัง  นัทแทบจะไม่เจอกับบอยเลยก็ว่าได้

   ความทรงจำของนัทในเรื่องของบอยมีน้อยเต็มที . . .

   . . . น้อยเสียเหลือเกิน

   แล้วนัทมันนึกต่อ  

   บอยเดินมากับเมย์ . . .

   . . . ใช่แล้ว  

   บอยมันเพื่อนเมย์นี่หว่า  

   มันยังจำได้เลยวันแรกที่มันเจอกับเมย์  เมย์อยู่กับบอย  ทั้งสองคนนั่นต่างมาดูมันเล่นบอล  แล้วบอยเองก็เป็นคนวิ่งไปซื้อน้ำที่ร้านสะดวกซื้อ  นัทมันเริ่มเห็นภาพบอยชัดขึ้น  ภาพบอยออกจะทับซ้อนมากับภาพของเมย์  

   จนกระทั่งที่นี่ . . .

   . . . นัทมันกวาดตัวไปรอบ ๆ  อ่างเกษตร

   คืนนั้น . . .

   . . .   คืนลอยกระทงแรกของชีวิตในรั้วลูกช้าง  

   นัทมันคลับคล้ายคลับคราว่ามันนัดกับเมย์  แต่เมย์เสียอีกที่เร่งเร้าให้นัทไปชวนบอย  แล้วนัทก็ไปเจอบอยที่บนดาดฟ้า  ใช่แล้วบนดาดฟ้าของหอ  นัทเจอบอยบ่อยครั้งบนนั้น  ตั้งแต่คืนแรก ๆ  ที่นัทเข้าไปอยู่ในหอในด้วยว้ำ  บอยเดินขึ้นมาในห้วงเวลาที่นัทอยากมีเพื่อนคุยสักคน  แล้วคืนที่ลอยยี่เป็งที่เมย์ให้นัทมาชวนบอยอีก  บอยมันจุดเทียนไว้รอบตัว  มันร้องเพลง  เพลงไรน๊า  

   นัทมันนึก . . .

   . . . ใช่  

   เพลงของเสือ . . .

   บอยมันร้องเพลงนั้นทำไม  ในวันก่อนนั้น  นัทไม่เคยคิดเลย  แต่มาถึงเวลานี้  มันอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้  บอยมันอาจอัดอั้นตันใจ  มันไม่รู้จะระบายให้ใครฟังก็ได้กระมังเลยต้องถ่ายทอดออกมาเป็นเพลง  ตอนที่มันเข้าไปเจอบอย  บอยเหมือนคนเพิ่งเสียน้ำตามาด้วยซ้ำ  แต่ตอนนั้นนัทมันไม่ได้คิดอะไรนี่หว่า  มันเร่งบอย  เร่งให้มาที่นี่ไง  ที่นัทนั่งมองฟ้า  มองดาวอยู่ตอนนี้

   ภาพในคืนนั้นค่อย ๆ  แจ่มชัดขึ้นในความรู้สึกของนัท
   

   อ่างเก็บน้ำขนาดเล็กที่อยู่ตีนดอยสุเทพ ตั้งอยู่ในบริเวณสำนักงานเกษตรและสหกรณ์ภาคเหนือ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หรือที่เรียกกันติดปากว่าบริเวณอ่างเกษตร หากมาทางเส้น ถ.สุเทพ (หลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่) ให้ตรงมาเรื่อยๆ จะเจอกับเนินสูงก็ให้ตรงขึ้นมา เลี้ยวโค้งทางซ้ายเสร็จแล้วตรงมา ให้เลี้ยวขึ้นไปบนเนินสูงทางขวามืออีกครั้ง ก็จะเจอห้องอาหารกาแล  แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะเจออ่างเกษตร

   เสียงดนตรีพื้นเมืองดังถนัดขึ้นเมื่อทั้งสามเดินเข้ามาในบริเวณงาน  บนท้องฟ้าเริ่มสว่างไสวไปด้วยโคมลอย  นับร้อย ๆ  ดวง  หนุ่มสาวมากหน้าหลายตาล้วนสนุกสนานกับประเพณีที่สวยงามของเมืองเชียงใหม่

   ปลายตุลาคม . . .

   . . . ช่วงปลายฝนต้นหนาวอากาศกำลังดี  เพราะต้นไม้แถวตีนดอยเพิ่งได้รับฝนอย่างเต็มที่  ต่างออกใบเขียวขจี  อีกไม่นานเมื่อถึงธันวาคม  ต้นไม่เมืองเหนือจะแข่งกันผลิดอกอวดสีสันต่อสายตาผู้คนอีกครา

   นัทมันเอาโคมลอยที่มีลักษณะกลม ๆ  ก้านด้านล่างทำด้วยไม้ไผ่  ห่อด้วยกระดาษว่าวจนเป็นรูปทรงกระบอก  ความบางของกระดาษทำให้สามารถพับเก็บได้  ส่วนตัวเชื้อเพลิงนั้นทำจากกระดาษชำระที่ตัดมาทั้งก้อน ชุบด้วยน้ำมันและขี้ผึ้งเพื่อให้มันแข็งตัวและไหม้ไฟช้าขึ้น    ทั้งหมดช่วยกันผูกก้อนเชื้อเพลิงที่ด้านตรงกลางของโคมเพื่อให้มันได้สมดุล  แล้วโคมจะลอยขึ้นสวย  

   “บอยผูกดี ๆ  หน่อยสิ  เดี๋ยวลอยโย้ไปเย้มานะ”  เมย์บอก  พางดึงกระดาษให้กลายเป็นรูปทรงกระบอก

   “ผูกดีแล้ว  แน่นแล้วด้วย  เอาเลยนัทจุดเลย”  บอยบอก

   นัทเอาไฟจุดที่ก้อนเชื้อเพลิง  ควันสีดำพวยพุ่งเป็นทาง  เข้าไปดันในกระดาษว่าวทรงกระบอกที่เมย์ถือไว้

   “เมย์ดึงสูง ๆ  ดิ  เดี๋ยวไฟไหม้โคม”  นัทร้องบอก  เมื่อแรงลมโหมไฟแรงขึ้น

   “เริ่มเต็มแล้วเมย์  จับขอบไม้ที่โคมไว้”  นัทร้องบอก  เมื่อควันไฟ  เข้าๆไปดันให้โคมนั้นกลายเป็นโคมที่พร้อมจะล่องลอยไปในอากาศ

   “แปลกจังมันลอยได้ไงนี่”  เมย์ทำหน้าแปลกใจ  เมื่อกระดาษจากโคมลอยค่อย ๆ  ตึงขึ้น

   “คิดตามหลักวิทยาศาสตร์ไงเมย์  ก๊าซที่เกิดจากการเผาไห้มวลต่ำกว่าอ๊อกซิเย่น  มันจะลอยขึ้นสู่ที่สูง  แต่มันมีโคมกระดาษมาดักเอาไว้  แล้วถ้าดักจนเต็ม  และยังมีมวลก๊าซอยู่เรื่อย ๆ  มันก็จะทำให้โคมลอยได้เหมือนบอลลูนไง”  บอยอธิบายฉาดฉาน

   ก็มันเด็กวิดยานี่นา  แล้วเรื่องพวกนี้ก็เรียนกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ  แล้วด้วย

   คนล้านนาเก่ง  สามารถใช้หลักวิทยาศาสตร์มาปรับใช้กับภูมิปัญญาชาวบ้าน  จนออกมาเป็นงานประเพณีที่หาดูได้ยาก  โคมเริ่มตึง  ลมพัดโคมไหวไปมา  แต่มือของทั้งสามยังยึดติดกันอยู่  โคมเลยยังไม่สามารถลอยได้อย่างอิสระ

   “เอาละนะ  คราวนี้หลับตาแล้วอธิฐานนะ  คนโบราณเชื่อว่าการลอยโคมคือการลอยทุกข์ลอยโศก  ใครที่มีทุกข์โศกลอยมันไปให้หมดนะ  อย่าเก็บมันมาจนต้องเสียน้ำตาอีกล่ะ”  นัทบอก  แต่สายตามองมาที่บอย

   บอยมันอ่านสายตานัทออก . . .

   . . .  นัทจงใจจะบอกมัน  

   ในสายตาของนัท   มีความรู้สึกเป็นเพื่อนให้มันเสมอ  มันละอายใจจังเลยที่กลับไปคิดกับนัทแบบนี้

   เสียงประทัด  และลูกโยนดังกันระงมไปหมด  บอยมันหลับตานิ่ง  มันขอ  มันขอให้อะไรก็ได้ในที่นี้  ช่วยมัน  ช่วยให้มันเดินกลับมาที่เส้น  

   “เพื่อน”  

   มันไม่อยากทรมานกับการรัก   แม้มันเต็มใจที่จะรัก  แต่มันรู้รักของมันผิด  มันผิดธรรมชาติ  มันไม่ใช่แนวทางที่ควรจะเป็น

   ไม่มีใครผิดที่จะรัก . . .

   . . .   และผิดที่เป็นคนถูกรัก  

   แต่มันผิด  ถ้าไม่รู้จักแยกแยะความรักนั้น

   เพื่อนที่ดีไม่ได้หากันง่าย ๆ . . .

   . . .  เหมือนหาซื้อปลาทูในตลาดนะ

   มิตรภาพมันต้องใช้เวลา  และใจ  สร้างมันขึ้นมา

   “ปล่อยแล้วน๊า”  นัทบอกพลางค่อย ๆ  ปล่อยมือจากที่เกาะกุมโครงโคม  

   เมย์กับบอยก็ปล่อยพร้อม ๆ  กับนัท

   โคมลอยสีขาวค่อย ๆ  ลอยละลิ่วขึ้นไปในอากาศ  ท่ามกลางแสงจัทร์นวลของเดินสิบสอง พลุดวงใหญ่หลากหลายสีถูกจุดขึ้นเรื่อย ๆ  

   ยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาว  บอยมันเดินกอดอกตัวเอง  ข้าง ๆ  มันมีนัทเดินมาด้วยกัน  มันเพิ่งกลับจากการส่งเมย์กลับเข้าหอ  ถนนในมหาวิทยาลัยเริ่มเงียบ  เพราะดึกมากแล้ว  แสงไฟจากโคมถนนส่องสว่างเป็นระยะ  ลมหนาวกระทบผิวจนบอยมันรู้สึกได้  

   “ดีขึ้นยัง”  นัทเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ

   บอยยิ้ม  ก่อนหันไปมองคนที่เดิน  เคียงใกล้  

   “อะไรว่ะ”

   “ก็มึงไง  อาการดีขึ้นยัง”  นัทหันมามอง

   บอยมันลืมคิด . . .

   . . .  “เพื่อน”

   มันยิ่งใหญ่  กว่า . . .

   . . . “คนรัก”

   คนรักอาจจะคลายกันไปตามกาลเวลา  เมื่อใดที่เลิกรักจะยังมองหน้ากันได้อีกหรือปล่าวยังไม่มีใครสามารถตอบได้  

   แต่ . . .

   . . . เพื่อนนั้นมันคงอยู่  และยังอยู่ในหัวใจตลอดไป    

   “เป็นไร  ไม่ได้เป็นไรนี่”  บอยมันทำหน้าตาย

   “ไอ้ห่าบอย  ไอ้เวรนี่  ทีเมื่อค่ำเล่นไปทำมิวสิคบนดาดฟ้า  ทีตอนนี้มาบอกไม่เป็นไรถุยขอแตะทีเหอะมึง”  นัทกวาดเท้ามาที่ก้นบอย  

   แต่ช้ากว่าบอย  มันหลบส้นเท้านัทได้อย่างเฉียดฉิว  แล้วยังหันมาทำหน้าเยาะเย้ยอีก  “เอาดิ  แตะให้โดนดิมึง”  บอยมันทำหน้าล้อเลียนอีก  ก่อนวิ่งหนีนัทที่
ไล่แตะมันไปตลอดทาง

   นัทมันถอนหายใจยาว  ยาวกว่าที่เคยเป็นมาเสียด้วยซ้ำ  

   “บอยเอ้ย  แกคิดอะไรแบบนี้ว่ะ  แกคิดตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะบอย  เราน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีกันได้นะบอย  แกไม่น่าคิดแบบนี้กับกูเลย”  นัทมันบ่นกับตัวเอง  เมื่อนึกถึงวันคืนเก่า ๆ  ที่มันรู้สึกว่า  มันเองก็สุขที่มีเพื่อนแบบบอย  มันไม่ได้คิดแบบบอยเกินกว่าที่บอยคิดเป็นแน่

   นัทมันไม่อยากจะเชื่อเลย . . .

   . . .  มันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบอยรู้สึกกับมันแบบนั้น  

   อย่างน้อยมันก็อยู่ชมรมวอลเลย์บอล  มันมีเพื่อนที่เป็นกะเทยมากหน้าหลายตา  บางคนชะม้ายชายตาให้นัทเสียด้วยซ้ำ  แต่ดูเหมือนว่านัทจะรู้ตัวว่าพวกนั้นคิดอย่างไรกับนัท  แต่สำหรับบอย  ทำไมบอยมันถึงปกปิดมิดชิด  มิดเสียจนนัทเองก็คาดไม่ถึง  

   นัทมันพยายามนึกถึงบอยในมุมที่นัทเห็น . . .

   . . . บอยคนนี้ไม่ใช่หรือที่ช่วยนัทสร้างสิ่งที่นัทอยากรู้  

   ก็ที่แม่นะไง . . .

   . . .  นัทนึกตาม  

   ใช่ !  

   ตอนปิดเทอมปีหนึ่ง  ที่แม่นะ  นัทมันมีโอกาสได้ใกล้บอย  และดูเหมือนว่าระยะเวลาหนึ่งเดือนนั้นมันเข้าใกล้บอยมากที่สุดแล้วล่ะ  มันกินนอนด้วยกัน  ทำงานร่วมกันแทบทุกอย่างแต่ทำไมบอยไม่มีอาการมารุกล้ำในร่างกายของนัทเลย  

   ถ้า . . .

   . . . คนที่แอบหลงรักนัท  

   มันต้องมีบ้างแหละ  ที่เขาจะต้องคอยถูกเนื้อต้องตัว  แต่บอยไม่ใช่  บอยเคยทำแบบนั้นกับมันหรือ

   นัทมันถอนหายใจอีกครั้ง  สมองมันเริ่มหนักอึ้ง

   ใช่ . . .

   . . . บอยมันมีอาการแหละ  

   ตอนที่เมย์แสบตาเพราะหอมแดง  คราวนั้นมันอยู่ด้วยกัน  แล้วบอยมันคล้าย ๆ  จะไม่พอใจเดินออกไปจากลุ่ม  บอยมันหึงนัทเหรอ  มันหึงที่นัทเอาอกเอาใจเมย์กระนั้นหรือ  แล้วภาพแห่งวันคืนเก่า ๆ  มันล่องลอยมายังนัทอีก  

   นัทจำได้ . . .

   . . .  คืนนั้นเล่นรอบกองไฟ  

   บอยมันร้องเพลงอะไร  คล้ายสื่อความหมาย  ทีแรกนัทอคิดว่าบอยมันชอบเมย์  แต่ความจริงแล้วไม่ใช่หรอกหรือ  บอยไม่ได้ชอบเมย์แบบที่นัทคิดในตอนแรก  แต่บอยชอบนัท

   มันแน่ใจแล้ว . . .

   . . . บอยแอบชอบมันจริง ๆ  

   เพราะหลังจากนั้น  หลังจากที่นัทกลับมาจากออกค่าย  บอยมันเริ่มห่างไป  มันห่างไปจนผิดสังเกตด้วยซ้ำ  เพียงแต่ตอนนั้นนัทมันทำอะไรอยู่หว่า  มันถึงได้ปล่อยให้บอยหลุดไปจากความรู้สึกของความเป็นเพื่อนไปได้  มันอาจจะเรียนอยู่คนละคณะด้วยมั้ง  แม้จะอยู่หอเดียวกัน  แต่มันก็คนละคณะอยู่ดี  

   นัทยิ่งมาตอกย้ำคำพูดของบิ้กก็ตอนที่นัทนึกได้  ตอนนัทผ่าเข่า  บอยไม่เคยไปเยี่ยมมันเลย  แต่มันรู้ตอนหลัง  บอยแอบมาตอนที่มันหลับ  และแอบมามองมันทุกวันตั้งแต่วันแรกที่มันเข้าโรงพยาบาลด้วยซ้ำ  

   นัทมันไม่เข้าใจ . . .

   . . .  บอยจะแอบมองมันทำไม  

   ถ้าบอยเข้าไปหามัน  คบกับมันเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ  บอยมันก็น่าจะคบกันได้ดี  และน่าจะคบกันได้ยืนยาวเสียด้วยสิ  เพราะบอยมันมีมุมหลาย ๆ  มุมที่นัทเองก็ยังอดชื่นชมบอยมันไม่ได้  อย่างน้อยก็เรื่องที่บอยมันมีแนวคิดใหม่ ๆ  ไปช่วยเหลือชาวบ้านไง

   เสียงโทรศัพท์มือถือ . . .

   . . . ปลุกให้นัทตื่นจากความฝันครั้งเก่า  

   นัทมองเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอ  ก่อนจะกดปิดเครื่อง  เขาไม่อยากรับ  บิ้กมันอาจจะยังมีอะไรที่อยากบอก  

   แต่ . . .

   . . . มันไม่ใช่เวลานี้  

   เวลานี้นัทมันสับสน  มันยอมรับ  บอยเป็นเพื่อนที่ดีคนนึง  แต่มันไม่เคยมองบอยมากกว่านี้  วันนี้บอยมองมันเกินกว่าเพื่อน  มันจะทำอย่างไรกับบอยดี  มันได้แต่ถอนหายใจยาว  แล้วนอนลงบนพื้นถนนบนอ่างเกษตร  

   นัทมองไปบนท้องฟ้า . . .

   . . .   มันยากตั้งคำถามกับดวงดาวนับแสน  จะมีดาวดวงไหนที่ตอบคำถามมันได้บ้างนะ  ว่ามันควรจะทำอย่างไรกับเรื่องที่มันเพิ่งรับรู้มา

   นัทมันปล่อยให้ความคิดตัวเองไหลไปเรื่อย ๆ



   อพาร์ทเม้นท์ที่บอยอยู่ไม่ไกลจากร้านเท่าไหร่  บอยมันเลือกที่จะเดินกลับมาเงียบ ๆ  โดยมีดินเดินมาส่งมัน  ขณะนี้  ระหว่างมันกับนัท  เหมือนไม่มีอะไรกันแล้วกระมัง  ด้ายเส้นบาง ๆ  ที่ยึดมันเอาไว้ขาดสะบั้นลง ตั้งแต่ที่นัทยืนมองมันแล้วค่อย ๆ  หันหลังเดินจากมันไป  


   บอยมันรู้ . . .

   . . . มันเริ่มทำใจ  

   บางทีเวลาที่มันรักมาหกปี อาจจะนานมากเกินไปที่จะทำให้บอยทำใจได้ง่าย ๆ  ก็ได้กระมัง  บอยไม่รู้หรอก  อีกนานแค่ไหน  มันถึงจะลืมเรื่องร้าย ๆ  ที่เกิดกับมันได้  มันไม่โทษนัทหรอก  ไม่โทษนัทเลยจริง ๆ  นัทเป็นผู้ชาย  การที่นัทมารับรู้เรื่องราวแบบนี้  นัทคงช๊อคและยังรับไม่ได้

   บอยได้แต่หวัง . . .

   . . . สักวันนัทจะเข้าใจมัน  และยอมรับในสิ่งที่มันเป็น

   “บอย  บอยไม่อยากพูดอะไรเลยเหรอ”  ดินเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เดินเงียบ ๆ  กันมานาน  มันหันไปมองบอย  

   ดินมันห่วงบอย  

   ดินคงเป็นคนที่เข้าใจหัวอกของบอยที่สุดในเวลานี้  เพราะอย่างน้อย  ดินเองก็เคยตกยู่ในสภาพนี้มาก่อน

   บอยแค่หันมายิ้ม . . .

   . . . ดินมองลึกไปในแววตาของบอย  

   มันก็แค่อาการยิ้มเท่านั้น  ปากบอยมันฉีกกว้างออกบ่งบอกว่ายิ้ม  

   แต่ . . .

   . . . แววตาบอยมันร้าวลึก  

   มันไม่ได้สุขเลย  ดินมันรู้สึกเจ็บแปลบเข้าไปในหัวใจเลยทีเดียว  มันเข้าใจบอยดี บอยรักนัทมานาน  บอยมันปิดหัวใจรักไม่ให้ใครรู้มานาน  แต่วันนี้บอยมันเปิดแล้ว

   บอยเอื้อมมือไปคว้านัทแล้วล่ะ . . .

   . . . เหมือนที่ดินเคยเอื้อมมือไปคว้าบอย

   บอยมันคงเจ็บไม่ต่างจากดินวันนั้น  หรือบอยอาจจะเจ็บกว่าดินเสียด้วยซ้ำ  เพราะบอยคว้าได้แค่อากาศ  แค่ความว่างเปล่าเฉกเช่นที่เคยมา  

   แต่ . . .

   . . . ดินได้  

   ดินได้ในสิ่งที่ดินต้องการ

   บางครั้งถ้าบอยมันปล่อยไว้ . . .

   . . . แค่เอื้อม

   บอยอาจไม่เจ็บแบบวันนี้ก็ได้  

   บอยเคยบอกมันเอง  ถ้าเอื้อมแล้วเจ็บจะเอื้อมทำไม  ดินมันอยากถามบอยกลับเหมือนกัน  บอยเอื้อมทำไม  บอยเอื้อมนัทมันทำไมกัน

   “ขอบใจนะดิน  ขอบใจที่เป็นห่วง  บอยไม่เป็นไรแล้วล่ะ  ดีเหมือนกันจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที  การที่เ ราหลงรักใคร  โดยที่เขาไม่รู้ตัวนี่มันเจ็บนะ  บอยหลอกตัวเองมาตลอดเลยดิน  บอยหลอกว่าสักวันนึง  นัทมันอาจจะมองบอยบ้าง  แต่บอยลืมคิดไป  นัทมันเป็นผู้ชายนะดิน  ผู้ชายที่ไหนเขาจะมามองอย่างเรา ๆ  ดินว่ามั้ย”  บอยมันหันมาถาม

   ดินได้แต่พยักหน้ารับ

   “บอยมันโง่เองดิน  โง่ที่คิดว่าผู้ชายเขามจะมารักเราได้  ถ้าบอยคิดกับนัทแค่เพื่อน  บางทีเรื่องแบบวันนี้มันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้  เรื่องของบอยกับนัทมันคงเป็นบทเรียนครั้งสำคัญในชีวิตบอยละดิน  แต่อย่างน้อยบอยก็ดีใจนะที่ดินอยู่วันนี้”   บอยหันไปมองดิน  มันมองดินดีกว่าวันเก่าก่อน

   อย่างน้องดินก็แสดงให้บอยเห็นว่า  ดินยืนข้างบอยเสมอ  แม้บอยจะไม่เคยมองดินเลยก็ตาม  บอยมันน่าจะมองดินแบบนี้มานานแล้ว  ถ้ามันย้อนเวลาได้  มันคงรักดินให้มากกว่าความเป็นเพื่อนที่มันมี  

   แต่ . . .

   . . . บอยมันรู้  

   มันให้ดินได้แค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้น  เพราะมันปิดประตูหัวใจของตัวเองแล้วล่ะ  มันไม่กล้าจะรักใครอีกแล้ว  รักครั้งแรกของบอยมันเจ็บปวด  เสียจนแทบจะก้าวขาเดินไปข้างหน้าไม่ไหวด้วยซ้ำไป

   “ดินเสียใจนะบอย  ที่เคยทำอะไรไม่ดีลงไป  แต่ดินทำเพราะอะไร  ดินไม่พูดอีกแล้วล่ะ  บอยน่าจะรู้ดี”

   “บอยเข้าใจดินแหละ  เหมือนวันนี้แหละ  สิ่งที่ดินทำไปวันนั้นเหมือนกับสิ่งที่บอยทำไปวันนี้  ดิน . . .”  บอยเรียกเสียงอ่อนล้า

   “. . . กรรมมันสนองบอยแล้วล่ะ  บอยทำกับดินเอาไว้มาก  มาวันนี้  บอยกำลังโดนนัทมันทำแบบที่บอยเคยทำกับดินไง”  บอยมันปลง  บางเรื่องมันยากที่จะเอ่ยออกมา

   “ถึงแล้ว  บอยอยู่คนเดียวได้นะ”  ดินเอ่ยเมื่อเดินมาถึงหน้าอพาร์ทเม้นท์

   “ได้  บอยอยู่ได้แหละดิน  พรุ่งนี้บอยต้องลงไปใต้แล้วล่ะ  เอาเป็นว่าเราลากันตรงนี้เลยนะดิน  ถ้าบอยขึ้นกรุงเทพฯ  จะมาหาดินมาค้างกับดินนะ”  บอยมันยิ้ม

   ดินยิ้ม . . .

   . . .   มันรู้ดีที่สุด

   บอยอาจแค่พูดให้มันดีใจเล่น  แต่มันก็ยินดี  ที่อย่างน้อยบอยก็ยังไม่ลืมมัน  บอยยังมีใจจะมาหามันอยู่

   “ให้ดินโทรหาบอย บ่อย ๆ  นะ”  ดินย้ำคำว่า  “บ่อย”

   บอยหัวเราะเบา ๆ  ยิ้มกว้าง  

   คราวนี้ดินเห็นแล้ว . . .

   . . . บอยมันยิ้มจริง ๆ   มันไม่ได้แสแสร้ง

   “ได้สิดิน  โทรมาทุกวันเลยนะ  บอยจะได้ไม่เปลืองค่าโทรสัพท์หาดิน”

   “จริง ๆ  นะบอย  ดินโทรหาบอยทุกวันได้นะ”  ดินดีใจเหมือนเด็กได้ของถูกใจ  เขายิ้มให้บอย

   บอยไม่ตอบ . . .

   . . .  บอยเดินมากอดดินเอาไว้หลวม ๆ  

   บอยมันไม่เคยทำแบบนี้กับใครบ่อยนัก  แต่วันนี้มันรู้มันอยากกอดดิน  มันอยากกอดเพราะมันอยากกอด  มันไม่ได้คิดกับดินแบบนั้นแน่นอน  แต่มันก็กอดดินเอาไว้นาน  นานทีเดียว

   “จริงสิเพื่อนรัก  ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่  แค่ดินเห็นบอยเป็นเพื่อน  ไม่รู้สึกมากกว่าเพื่อนบอยก็ดีใจแล้ว  ดินเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่บอยเคยเจอมาเลยนะดิน  กูรักมึงนะโว้ย  ไอ้เพื่อนดิน”  บอยมันตบบ่าดินก่อนจะผละออกมา

   กูรักมึงนะโว้ย . . .

   . . . ไอ้เพื่อนดิน  

   ดินมันรู้แล้ว  มันได้เพื่อนคนเดิมของมันกลับคืนมาแล้ว  บอยห้ามไม่ให้มันคิดกับบอยเกินเพื่อนไม่ได้หรอก  เหมือนกับที่บอยห้ามไม่ให้บอยคิดกับนัทเกินเพื่อนไม่ได้นั่นแหละ

   “ไปนอนเหอะดิน  ค้างกับบอยก็ได้นะ”  บอยมันยิ้ม

   “นอนโรงแรมแหละดีแล้ว  ใกล้แค่นี้เอง  ดินคงไปส่งบอยพรุ่งนี้ไม่ทันนะ  แต่ดินจะส่งบอยตรงนี้แล้วกัน  บอยขึ้นไปเหอะ  ดินขอมองบอยเดินไปนอนจนลับตาแหละ  เดี๋ยวดินเดินกลับโรงแรมได้  ไม่ต้องห่วงหรอก”  ดินยิ้ม

   บอยมันเอื้อมมือมาจับมือดิน . .

   . . . บอยยิ้ม  มองหน้าดิน

   “ขอบใจอีกครั้งนะดิน  ขอบใจที่สุด”  บอยค่อย ๆ  ปล่อยมือจากดิน  ก่อนที่จะเดินเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์  บอยหันกลับมามอง  ดินทำอย่างที่พูดแหละ  ดินยังยืนมองมอง  ดินยังหันมายิ้มกับบอยด้วยซ้ำไป  

   บอยมันยิ้ม . . .

   . . . ก่อนที่ประตูลิฟท์จะปิดลง

   บอยมันยืนพิงลิฟท์คล้ายคนหมดแรง  มันต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็งเพื่อไม่ให้ดินต้องกังวลใจ  มันแกล้งทำได้ตั้งนาน  แล้วถ้านับเวลาต่อจากนี้  บอยมันจะเข้มแข็งเหมือนที่มันทำต่อหน้าดิน  มันจะทำได้มั้ยนะ  มันถามตัวเองเงียบ ๆ

   มันจะลองทำดู  มันจะเก็บเรื่องราวของนัทเอาไว้ในความทรงจำเก็บไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจของมัน   นับจากวินาทีที่มันเดินทางออกจากเชียงใหม่  นัทจะกลายเป็นความทรงจำของมัน  เพราะมันจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง  ชีวิตที่มันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป


ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #94 เมื่อ23-07-2009 23:28:08 »

ความทรงจำแห่งความรัก

มันมีค่า....

แต่ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป ไม่มีอะไรที่แน่นอน
ถ้ายังไม่ได้ลงมือทำหรือยังไม่ได้เกิดขึ้น

เศร้าวันนี้ให้มากที่สุด....เเละเดินต่อไปด้วยรอยยิ้มที่มีค่า :กอด1:

dokjarn

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #95 เมื่อ24-07-2009 18:16:33 »

 :m15:

ไม่เคยไม่เศร้า เวลาที่ได้อ่านเรื่องนี้
แต่ก็เชื่อนะ ว่าเพื่อน คำนี้น่ะ
มีค่าที่สุดแล้ว

เกินกว่านี้ บางที
ก็ทำให้ไม่สนิทใจพอ
ในความรู้สึกของอีกคนหนึ่ง

เขียนได้บรรยากาศ เศร้ามาก
อีกแล้วครับ

 :pig4:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #96 เมื่อ25-07-2009 14:19:50 »

ขอบคุณครับ


moonoi_sert

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #97 เมื่อ25-07-2009 15:01:22 »

 :m15:ความทรงจำแห่งรักคือความทรงจำที่มีค่าเช่นเดียวกับความทรงจำอื่น ไม่ผิดที่จะรักใครสักคนจนหมดใจ :m15:

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #98 เมื่อ25-07-2009 16:22:17 »

เฮ้อ...อ่านแล้ว ทั้งดีใจปนไปกับความสงสาร อยากรู้จริงๆ ว่าต่อไปจะเป็นยังไง
ขอบคุณสำหรับเอาเรื่องมาแบ่งปันนะครับ

ออฟไลน์ สุขาพาเพลิน

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 617
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
    • facebook
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #99 เมื่อ25-07-2009 19:11:33 »

ไม่อยากเดาเลยว่าตอนจบเป็นยังไง

กลัวสุดท้ายจะเป็นเหมือนหนังไต้หวันเรื่องอะไรนี่แหล่ะเรื่องนึงเลยอ่ะ


อ๊ายยยยย   ไม่อยากคิด :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
« ตอบ #99 เมื่อ: 25-07-2009 19:11:33 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






mango

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #100 เมื่อ25-07-2009 20:06:11 »

Thank you Khun ราชบุตร,


RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #101 เมื่อ26-07-2009 12:31:20 »


ต อ น ที่  ๒ ๒

แ ค่ เ สี้ ย ว น า ที


   ตอนพักเที่ยงจากสัมมนา  ดินมันรีบไปที่อพาร์ทเม้นท์นัท  วันนี้วันอาทิตย์มันหวังว่านัทคงจะอยู่ที่ห้อง  มันได้แต่ภาวนาในใจไปตลอดทาง  ระหว่างโรงแรมที่มันสัมนากับอพาร์ทเม้นต์ของนัท  มันไม่ไกลกันมากนัก  แต่ดินกลับรู้สึกเหมือนมันช่างไกลเสียเหลือเกิน

 
   ดินมันเร่ง . . .

   . . . ใจมันรีบ 

   เมื่อใจมันรีบ  แล้วพาตัวมันไปไม่ได้ดั่งใจ  มันเลยรู้สึกว่าไกล  ทั้ง ๆ  ที่ความจริงแล้ว  ปางสวนแก้วกับหลังมอชอมันไม่ไกลกันเลย  มันห่างกันไม่มากด้วยซ้ำไป  ดินจ่ายค่ารถมอเตอร์ไซด์  แล้วมันปรี่ไปแจ้งที่อพาร์ทเม้นว่ามันต้องการมาพบใคร  เจ้าหน้าที่  โทรไปติดต่อยังเจ้าของห้องก่อน อนุญาตให้ดินขึ้นไปได้

   มันโล่งใจไปเปราะนึงอย่างน้อยนัทมันอยู่ที่ห้อง  ดินกดลิฟท์ไปยังชั้นที่นัทอยู่  มันนึกในใจตลอดทางจะพูดอะไรกับนัทดี  มันจะพูดกับนัทเรื่องอะไรดีหว่า  มันรู้เพียงแต่ว่ามันสงสารบอย  มันไม่อยากเห็นน้ำตาของบอยอีกต่อไป

   ดินเดินออกมาจากลิฟท์  มันเดินมาช้า ๆ  ตามทางเดินที่ดูเหมือนจะมืดเสียด้วย 

   เหมือนหัวใจดินตอนนี้กระมัง . . .

   . . . หัวใจของดินมืดมิดไร้แสงสว่างมั้ง  ดินมาหยุดที่หน้าห้องนัท  ก่อนจะยกมือเคาะประตูเบา ๆ 

   แค่อึดใจเดียว  ประตูก็เปิดออก  ดินมันเห็น  นัทคล้ายเพิ่งตื่นมั้ง  เพราะยังอยู่ในชุดนอนอยู่เลย  นัทเปิดประตูค้างไว้  ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง  ดินเดินตามนัทเข้ามาเงียบ ๆ 

   นัทเดินไปเสียบกาต้มน้ำร้อน  ดินมันมองนัท  มันแอบถอนใจเบา ๆ  ชีวิตของนัทเรียบง่าย สบาย ๆ  แล้วนัทมันไม่เคยระแวงในความเป็นเพื่อนของบอยเสียด้วย 

   นัทมันรู้ . . .

   . . . รู้แล้ว 

   เมื่อคืนนัทมันเลยหนีออกมาก่อน  นัทมันคิดอะไรอยู่บ้างนะ

   “เอากาแฟสักถ้วยมั้ยดิน  เพิ่งตื่นว่ะ  เมื่อคืนมึน ๆ  เหมือนเมาค้าง”  นัทหันมาถามดิน

   “ไม่ดีกว่า  อยากคุยกับนัท  พักจากสัมมนาเลยรีบมา”  ดินมันไม่อ้อมค้อม  มันบอกเรื่องที่อึดอัดค้างคาหัวใจตัวเองมานาน

   “ด่วนขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ  ขอล้างหน้าแปบนะ”  นัทหันมาบอกก่อนกลับหายเข้าไปในห้องน้ำ

   ดินหลับตาลงช้า ๆ 

   มันต้องรวบรวมความกล้า  มันต้องกล้ามากกว่าที่เป็นอยู่ 

   มันรู้ . . .

   . . . ถ้ามันพูดออกไปนัทอาจจะถามอะไรมันต่ออีกมากมาย  วันนี้มันพร้อมแล้วล่ะ  มันไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแล้ว

   ดินมองนัทกลับออกมาจาห้องน้ำอีกครั้ง  หยดน้ำเกาะพราวตามหน้า  นัทหยิบผ้าขนหนูมาคล้องคอ  เขาใช้ชายผ้าซับน้ำที่เกาะอยู่ตามใบหน้า  แล้วเดินมานั่งลงบนเตียงใกล้ ๆ  กับดิน

   “เสร็จแล้ว  มีเรื่องด่วนเหรอ  หนีสัมมนามาเลยนะเรา”  นัทมันยิ้ม  มันไม่รู้มั้งว่าดินจะมาคุยกับมันเรื่องอะไรในเวลานี้

   นัทมันไม่เคยระแวง . . .

   . . . มันไม่เคยระแวงเพื่อน  มันคบกับเพื่อนด้วยความรู้สึกจริงใจเสมอ

   “เมื่อคืนรีบกลับออกมาทำไมว่ะ  ไม่รออีกหน่อยเล่า”  ดินยิงหมัดตรงเข้าไปหานัท

   นัทมันมองหน้าดิน . . .

   . . .   มันก้มหน้าต่ำ  มันกำลังใช้ความคิดมั้ง

   “บอยให้ดินมาพูดเรื่องนี้เหรอ”

   ดินยิ้มหยัน ๆ 

   นัทไม่เคยรู้จักบอย . . .

   . . . ไม่รู้จักบอยจริง ๆ  เพราะถ้านัทรู้จักบอยนัทจะไม่มีวันพูดแบบนี้ออกมาเป็นอันขาด

   “ไม่ใช่หรอกนัท  บอยมันคงจะกล้าหรอก  ถามจริง ๆ  เหอะนัทแกไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบอยมันเลยเหรอ”   ดินจ้องหน้านัท

   นัทพยักหน้าคล้ายยอมรับ

   “เวรจริง ๆ  เลย”   ดินมันบ่นออกมาเบา ๆ

   “ดินมึงรู้อะไรมาบ้าง  บอกกูได้ไหมดิน  กูไม่รู้อะไรเลย  เมื่อวานบิ้กกับกูเจอบอยที่เซ็นทรัล  แล้วบิ้กมันบอกกูว่าบอยชอบกู  กูไม่เชื่อไง  บอยมันเคยมีอาการที่ไหน  กูรู้จักกับมันเห็นมันปกติทุกอย่าง  พอเมื่อคืน  เพลงที่บอยมันร้อง  ทำให้กูคิดไงดิน   มันรวดเร็วมาก  มันตั้งตัวไม่ทันว่ะ”   นัทมันบ่นออกมายืดยาว

   มันตั้งตัวทันเสียที่ไหน  เพื่อนที่มัน คิดว่าเพื่อนกลับรู้สึกกับมันมากกว่าเพื่อน

   แล้วเพื่อนที่ว่าดันเป็นเพศเดียวกับมันเสียอีก

   “นัท. . . ”   ดินเรียกนัทเสียงละห้อย 

   ดินมองหน้านัท . . .

   . . . คล้ายจะบอกว่าถ้าวันก่อนนัทมองบอยให้ลึก  นัทคงจะเห็นแบบเดียวกับที่มันเห็น

   “บอยมันรู้สึกแบบนั้นกับมึงมาตั้งนานแล้วนัท  มึงไม่เคยมองมันเลยเหรอมึงถึงไม่รู้  ก่อนที่มึงจะไปแม่นะ  บอยมันวิ่งวุ่นหาสูตรปุ๋ย  เมล็ดพันธุ์ผัก  แทบไม่มีเวลาเรียนเลย  มันทำไปทำไม ถ้าเพราะงานนั้นไม่ใช่งานของมึง  มันจะบ้าทำไปทำไมว่ะนัทกูถามสิ  ถ้าไม่ใช่เพราะมันรักมึง”

   นัทแน่ใจแล้ว . . .

   . . .   แน่ใจทั้งความคิดของตัวเอง  และทั้งเรื่องที่ดินมันเล่ามา  นัทไม่เฉลียวใจเลยด้วยซ้ำว่าบอยจะคิดกับมันเกินเพื่อน  มันรู้สึกปวดหัวจิ้ดขึ้นมา

   นัทได้แต่มองหน้าดิน . . .

   . . .   ฟังดินเล่าต่อไปเรื่อย ๆ

   “ตอนมึงผ่าตัดเข่า  บอยมันไปโรงพยาบาลทุกวันไอ้นัท  มันไปดูมึง  แต่มันไม่เข้าไป  แม้กระทั่งตอนมึงออกจากโรงพยาบาล  บอยมันยังยืนมองมึงที่ระเบียงทุกวันเลย  มันมองมึงที่เมย์มารับไปเรียน  แม้กระทั่งเวลามึงไปเล่นแบดที่โรงยิมเย็น ๆ  บอยมันยังแอบไปมองมึงเลยนัท  มันรักมึงนัท  บอยมันรักมึงมานานแล้ว”    ดินย้ำ  ดินย้ำให้นัทรับรู้ในเรื่องที่บอยไม่เคยบอกใครเลย 

   สิ่งที่บอยกระทำ . . .

   . . . อยู่ในสายตาของดินตลอด  ดินไม่กล้าห้ามเพราะรู้ตัวเองดี  แม้กระทั่งตอนที่ย้ายมาอยู่หอนอก 

   ดินมันเห็น . .

   . . . บอยแอบไปมองนัทบ่อยครั้งที่โรงยิมหรือที่คณะ

   นัทนั่งนิ่ง  อย่างน้อยดินมันยืนยันเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

   “แต่กูไม่เคยรู้สึกกับบอยมันเกินเพื่อนเลยนะดิน  กูคิดว่ามันเป็นเพื่อนกูคนนึง  กูไม่ได้มีความรู้สึกกับบอยมันแบบนั้นนะดิน”

   “เออ  กูรู้  ไอ้นัท  มึงมันผู้ชายคนนึง  มึงจะมองบอยมันแบบนั้นได้อย่างไรกัน  บอยเองมันก็รู้  มันเลยห่างมึงอกมาไง  มึงไม่เห็นเหรอ  พอออกมาอยู่หอนอก  มึงเคยเจอบอยมันกี่ครั้ง  ถ้าไม่บังเอิญจริง ๆ  มึงไม่ได้เจอบอยมันหรอก  บอยมันคิดเสมอว่ะนัท  มันอยากคบกับมึงแบบเพื่อน  แต่มันคิดแบบเพื่อนไม่ได้ไงมันเลยต้องคอยหลบหน้าไม่เอาตัวไปใกล้ชิดมึงเหมือนตอนปีหนึ่งปีสอง  มันรักมึง  แต่มันไม่อยากอยู่ใกล้มึง  มันแอบมองมึงเพราะความสุขของมันอยู่ที่มันได้มองมึง  มึงเข้าใจมั้ยนัท”   ดินมันมองบอย 

   แววตามันปวดร้าว . . .

   . . . มันกำลังทำอะไรลงไปหว่า  มันจะมาพูดกับนัท  ทำไม  ให้นัทเข้าใจบอยผิด ๆ  ไปเสียยังจะดีกว่า  อย่างน้อย  มันยังมีโอกาสได้ใกล้บอย 

   แต่ . . .

   . . . ดินไม่ทำ

   ดินไม่ทำ  เพราะดินรู้แล้ว  การได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข  มันจะสุขมากกว่าการที่เราได้คนที่เรารักมาครอบครอง

   ความรักของดิน . . .

   . . .   มันเริ่มจากการอยากได้ครอบครอง 

   แต่ตอนนี้มันรู้แล้วล่ะ  มันอยากรักเพราะรักแบบที่บอยมีให้นัท  ดินมันอยากเห็นรอยยิ้มของบอย  มันอยากได้บอยที่สนุกสนานกลับคืนมา  มันเห็นแหละ  น้ำตาของบอย  ทำให้มันเจ็บปวด  มันไม่สุขเลย  ที่เห็นบอยร้องไห้  มันกลุ้มใจเรื่องน้ำตาของบอย

   ทุก ๆ  ครั้งที่มันเห็นบอยมองนัท . . .

   . . .  บอยไม่เคยมีแววตาของคนสมหวังเลย  ดินมันเห็นแววตามที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก  มันไม่อยากเห็นบอยเศร้า  ดินมันคิดเอาเอง บอยเศร้ามามากแล้ว  เศร้ามานานเกินไปแล้วกระมัง

   ดินมันเริ่มรู้จักรักแท้แล้วมั้ง

   “เมื่อคืนตอนมึงเดินออกมา  บอยมันเป็นไงมึงรู้มั้ยนัท  มึงลองคิดดูนะนัท  ถ้ามึงรักใครซักคนแล้ว  แล้วมึงกำลังจะจากคนที่มึงรักไปไกล มึงจะอยากเจอเขามั้ย  มึงอยากจะเห็นรอยยิ้มของเขามั้ย  บอยมันผิดหรือที่มันรักมึง  มันผิดมั้ยนัทกูถามมึงแบบนี้”

   นัทส่ายหน้าแทนคำตอบ . . .

   . . . บอยไม่ผิดหรอก  บอยมันรักแต่มันไม่บอก  มันไม่เอารักของมันมาครอบครองนัทไว้ด้วยซ้ำ

   “อย่างน้อยนะโว้ยไอ้นัท  บอยมันยังเป็นเพื่อนมึงนะ  ถ้ามึงเห็นแก่ความเป็นเพื่อนที่เคยมีมา  มึงควรจะรู้นะโว้ยว่ามึงจะทำอย่างไรต่อไปดี  เกย์มันไม่เป็นกันง่าย ๆ  เหมือนหวัดนกนะมึง  ถ้าใจมึงไม่เป็นเสียอย่าง  ใครจะมาบังคับให้มึงเป็นไม่ได้ . . .”  ดินยิ้ม

   “. . . แต่ความเป็นเพื่อนนะนัท  มันไม่ได้หากันง่าย ๆ  นะโว้ย  มึงอาจคิดบอยเข้ามาในชีวิตมึงเพราะมันคิดแบบนั้นกับมึง  แต่มองลองมองย้อนกลับ  บอยมันเคยทำอะไรให้มึงเสียใจมั้ย  มันก็แค่อยากรักของมัน  ถ้ามึงคิดว่ามันยังเป็นเพื่อนมึงอยู่  มึงควรทำอะไรสักอย่างนะนัท  ก่อนที่บอยมันจะไปวันนี้  กูมีเรื่องจะคุยกับมึงแค่นี้แหละ  ขอโทษนะมึงที่กูมารบกวนเวลามึง  แต่เพราะกูไม่อยากเห็นคนที่กูรักต้องเสียใจ  บอยมันเพื่อนกูว่ะ  กูคงทำให้มันได้แค่นี้แหละ  ไปก่อนนะโว้ยนัท”  ดินลุกมาตบบ่านัทเบา ๆ  ก่อนที่จะเดินจากไป

   นัทเดินมาส่งดินที่ประตู . . .

   . . .  นัทมองดินเดินลับหายไปที่ลิฟท์ 

   ก่อนที่จะเดินกลับมาทิ้งตัวลงนอน  สายตาจ้องไปที่เพดานนิ่ง ๆ   มันคิดเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแหละ  มันคิดมาแทบทั้งคืนเสียด้วยซ้ำ  มันไม่รู้หรอกว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปดี  ตอนนี้สมองมันสับสนไปหมด

   มันไม่เคยรังเกียจกะเทยหรือเกย์เลยนี่หว่า  เพื่อนในทีมวอลเลย์บอลมันก็มีหลายคน  แล้วกับบอยล่ะ  นัทมันตั้งคำถาม  มันรังเกียจบอยเหรอ

   ดินพูดถูก . . .   

   บอยรักเพราะอยากจะรัก 

   บอยห่างมันเพราะรักมันมากขึ้นหรอกหรือ  บอยไม่อยากรักมันเกินเพื่อนหรอกหรือ  บอยมาแอบมองมัน  เรื่องราวต่าง ๆ  ที่ดินเล่ามา  ทำให้นัทมันคิด  และมันคิดหนักเสียด้วย 

   นัทมันรู้ . . .

   . . . มันควรต้องทำอะไรสักอย่าง  เพื่อชดเชยสิ่งที่มันกระทำเมื่อคืน

   มันลุกเดินออกมาโดยไม่ล่ำลาบอยสักคำ  มันควรบอกลาเพื่อน  ก่อนที่เพื่อนจะไปทำงานไกล มันควรไปส่งบอยใช่ไหม

   นัทมันถามตัวเอง  มันควรไปให้บอยรู้ว่ามันยังเป็นเพื่อนกัน



   บอยลากกระเป๋ามาตามชานชาลาอย่างช้า ๆ  หัวใจมันหวิว ๆ  ชอบกล  มันยิ่งใกล้เวลาหัวใจมันยิ่งเหี่ยวแห้ง  ผู้คนที่เดินผ่านไปมา  มันเหมือนร่างที่ไร้ชีวิตที่อยู่คนละมิติกับคนเหล่านั้นเสียด้วยซ้ำ  มันแทบไม่รู้สึก รู้สากับสิ่งต่าง ๆ  รอบตัวมันเลย

   บอยชินกับการใช้ชีวิตในเชียงใหม่มาหกปี . . .

    ตอนนี้มันกำลังจะเดินทางไกลอีกครั้ง  มันต้องเดินทางจากจังหวัดทางเหนือ  ไปสู่จังหวัดทางด้ามขวานทอง  แม้มันไม่อยากจะไป  แต่บอยมันต้องไป  เพราะมันขอทุนของที่นั่นเอาไว้  มันต้องไปสอนใช้ทุน

   เส้นทางเดินชีวิตของมันกับนัทคงจบลงแล้วล่ะ . . .   

   มันไม่รู้ใครเป็นคนขีดเส้นกำหนดชีวิตของมัน  ทำไมต้องขีดให้มันเป็นแบบนี้  มันรู้ดีรักแบบมันรังแต่จะเจ็บ  จะมีแต่ความทุกข์  มันพยายามแล้วที่จะไม่รักนัทแบบนั้น  มันพยายามมาหกปีเต็ม  แต่มันทำไม่ได้  มันไม่สามารถห้ามหัวใจของมันได้เลย

   มันเดินเลยเส้นคำว่าเพื่อนมาตลอด

   ทั้ง ๆ  ที่บอยมันรู้ ถ้ามันกับนัทเป็นเพื่อนกัน  มันน่าจะดีกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้  แต่มันทำไม่ได้  มันไม่เคยจะทำได้เลย

   บอยมันอยากให้เวลาย้อนกลับ  ถ้ามันทำได้  มันอยากย้อนเวลาใหม่ทั้งหมด  มันไม่เคยเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา  มันดีใจด้วยซ้ำที่ชีวิตมันมีนัทก้าวเข้ามาในชีวิต 

   ถ้ามันย้อนเวลาได้มันจะย้อน  . . .

   . . .  มันจะทำให้ดีกว่าที่เป็นอยู่  มันจะทำให้ดีกว่าที่ผ่านมา  มันจะไม่ยอมหลบหน้านัท  มันจะยอมเป็นแค่เพื่อนกับนัท  ไม่ใช่เป็นแบบทุกวันนี้เด็ดขาด

   แต่ . . .

   . . . บอยมันไม่สามารถย้อนเวลาได้

   ไม่ใช่แต่บอย . . .

   . . .   ไม่มีใครสามารถย้อนเวลาได้เลยต่างหาก

   เวลามันเดินของมันไปเรื่อย ๆ  เราต่างหากที่ปล่อยให้เวลาเหล่านั้นมันตกหล่นเรี่ยราด  โดยที่ใยดีกับมันเลยด้วยซ้ำไป

   บอยมันไม่รู้ตอนนี้มันมีหัวใจหรือปล่าว  หรือแค่ร่างที่เดินได้  เพราะมันแทบไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น  มันเหลือบมองดูนาฬิกาเรือนกลมตัวเลขโรมันที่ชานชาลา  ยังมีเวลาอีกกว่าครึ่งชั่วโมงที่รถจะออก 

   บอยมันเดินไปยังตู้ที่มันได้จองเอาไว้  มันเดินขึ้นไปช้า ๆ  ของแล้วนั่งลงยังที่นั่งของมัน  มือบอยกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น  บอยกำลังใช้ความคิด 

   บอยกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง . . . 

   แล้วบอยมันก็แพ้ตัวเอง  บอยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู  ก่อนจะกดไปยังเมนูข้อความ  ด้วยมือที่สั่นระริก  แล้วบอยกดไปที่ส่งข้อความใหม่

   “ . . I . .  “  บอยกดตัวนั้นลงไปช้า ๆ  มันแหงนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง  คล้ายตัดสินใจบางอย่าง

   “really. . “  บอยกดอักษรอีก ๖ ตัว  น้ำตามันเริ่มเอ่อ  มันกำลังต่อสู่กับความรู้สึกของตัวเอง

   “. . . love”    บอยกด  แล้วยิ้ม  บอยยิ้มทั้ง ๆ  ที่สายตาพร่ามัว

    “you”    บอยมันสูดลมหายใจเข้าปอดลึกกว่าที่เคย

   “. . . Nat.”   มันตั้งใจแน่วแน่ 

   ชาตินี้ . . . 

   มันจะไม่มีวันลืมชื่อนี้เป็นอันขาด  เจ้าของชื่อคือคนที่มันรัก  แม้เขาจะไม่เคยรักมันเลยก็ตาม  แต่มันยินดีที่จะรักเขาแบบนี้  ต่อจากวันนี้ไป  มันคงจะมีแค่วันวานเท่านั้นที่พอทำให้บอยมันระลึกถึงได้บ้าง  มันจะเก็บเอาความรู้สึกที่ดีที่มันเคยมีให้นัทเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจยามมันอ่อนล้า  มันจะต้องทำให้ได้  มันต้องอยู่บนโลกเบี้ยว ๆ  ใบนี้ให้ได้

   “From boy.”     มันกดอักษรชุดสุดท้าย  ก่อนที่จะมองที่หน้าจอนั้นอีกครั้ง

   “I really love you Nat.   From boy.”   

บอยมองตัวอักษรทั้งหมดที่หน้าจอ  บอยมันตัดสินใจแล้ว  มันชั่งใจแล้วแหละ  ว่าหลังจากที่มันส่งข้อความนี้แล้ว  คนรับอาจจะไม่อยากเจอมันอีกเลยตลอดชีวิตก็ได้  เขาอาจไม่มองมันเป็นเพื่อนอีก 

แต่ . . .

มันไม่สนใจแล้ว  มันเดินมาถึงสุดสายปลายทางแล้วล่ะ  มันไม่เห็นมีนัทเลย  แล้วถ้าข้อความนี้จะทำให้มันกับนัทขาดลง  มันก็ยินดี  เพราะบอยมันตัดสินใจแล้ว

   บอยมันหลับตา . . .

. . .   น้ำตามันไหล 

   ก่อนที่จะใช้นิ้วกดส่งข้อความไปหานัท!

   บอยซบหน้าเข้าหากระจก . . .

   . . .   มันไม่อายหรอกใครจะมองมันแบบไหนมันไม่สนใจใครทั้งนั้น  มันรู้แค่ว่า  มันไม่ไหวแล้ว  มันอยากจะร้องไห้  มันเสียใจที่หัวใจมันรักนัทแบบเพื่อนไม่ได้  มันไม่อยากจากเชียงใหม่ไป  มันอยากยืนอยู่บนแผ่นดินเดียวกับคนที่มันรัก

   บนแผ่นดินที่มีแต่หยาดน้ำตาของมัน

   ข้อความถูกส่งแล้ว  บอยมันคล้ายโล่ง ๆ  อย่างไรไม่รู้  มันรู้สึกเหมือนพันธนาการความรัก . . .

   . . . ระหว่างมันกับนัทขาดลงแล้ว 

ตอนนี้มันไม่เจ็บแล้วล่ะ  มันเหมือนเป็นอิสระ  มันค่อย ๆ  ยกมือปาดน้ำตาทิ้ง  แล้วยิ้มกับตัวเอง  บอยปลอบโยนตัวมันเอง

   เข้มแข็งไว้นะบอย . . .

. . .  เอ็งต้องไปอยู่ไกล 

ไกลมาก . . .

    ต่อจากนี้  เวลาเอ็งต้องการกำลังใจเอ็งมาแอบมองไม่ได้แล้วนะ  เพราะฉะนั้นเอ็งต้องใช้สองขาของเอ็งยืนหยัดบนโลกนี้ให้ได้นะ  เอ็งต้องรักตัวเองมาก ๆ  นะ 

    บอยมันเฝ้าแต่ปลอบโยนตัวเอง  ก็บอยมันไม่มีใครที่จะปลอบใจมันนี่หว่า
   


   นัทเดินออกมาจากห้องน้ำ  เพราะเมื่อคืนกว่านัทจะได้นอนก็เกือบรุ่งสาง  นัทมันทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างมันกับบอย  บอยอาจคิดไปเอง  แต่ถ้านัทไม่เล่นด้วยกับบอย  บอยมันก็ทำได้แค่การแอบรักข้างเดียวเท่านั้นเอง   แล้วยิ่งดินมาบอก  นัทมันสงสารบอยจับใจ 

   คนเราห้ามหัวใจตัวเองมันยากนัก . . .

   . . .  แต่นัทเห็นแล้วบอยมันห้ามตัวมันเอง  บอยห้ามหัวใจตัวเองไม่ให้รักนัทไม่ได้  แต่บอยห้ามไม่ให้ร่างกายมาพัวพันกับนัทได้  นัทมันตั้งใจแล้ว  มันจะไปส่งบอย  มันจะบอกบอย   

   “บอย อย่าคิดแบบที่ผ่านมาเลย  เราเป็นเพื่อนกันเถอะ” 

   ความรักห้ามกันไม่ได้ . . .

   . . .   แต่มันยังมีความเป็นเพื่อนกันได้

   เพื่อน . . .

   ในความเป็นเพื่อนนัทมีให้บอยเสมอ  บอยไม่ใช่เหรอที่คอยช่วยเหลือมัน  ทำความฝันของมันให้สำเร็จ  บอยจะทำเพราะอะไรก็ช่าง  แต่บอยพิสูจน์ให้นัทเห็นแล้ว  บอยมีน้ำใจกับทุกคนที่บอยช่วย  บอยอาจจะเหนื่อย  แต่นัทมันก็ไม่เคยเห็นบอยจะบ่นเลยสักครั้งเดียว

   นัทหยิบเอายีนส์ตัวโปรดมาสวม  แล้วหยิบเสื้อคอกลมสีขาวมาสวม  แล้วหยิบโทรศัพท์มามอง  หน้าจอโชว์   

   “คุณมี ๑ ข้อความใหม่”

   นัทเปิดเข้าไปดู  แล้วมันขมวดคิ้ว

   “I really love you Nat.   From boy.”

   “ไอ้นี่  จะไปอยู่แล้ว  ยังเล่นไม่เลิก”  นัทส่ายหน้าไปมา  มันไม่คิดหรอกว่าบอยจะมั่นคงกับมันขนาดนี้ 

มันไม่รู้หัวใจบอย . . .

    . . . แต่มันรู้หัวใจมัน 

ไม่เคยโกรธบอย  เมื่อวานมันอาจจะยังงงกับเรื่องที่มันรับรู้  แต่มันคิดแล้ว  มันทบทวนแล้ว  บอยไม่ผิด  มันไม่ผิด  เพราะฉะนั้น  การที่มันเดินออกมาเมื่อวานอาจจะกระทบใจเพื่อน  มันจะต้องไปเจอบอย

   บอยส่ง  SMS มาให้มัน 

   แต่นัทมันตั้งใจแล้วมันจะต้องไปคุยกับบอยให้รู้  มันรีบออกมาจากอพาร์ทเม้นท์  นัทมันเอาโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง  แล้วนัทมันคร่อมที่มอเตอร์ไซด์คันโปรดของมัน  ก่อนจะสตาร์ทแล้วปิดออกไปอย่างรวดเร็ว 

   ถนนวันอาทิตย์ค่อนข้างโล่ง . . . 

   นัทลัดเลาะมาตามถนนสายในกำแพงเมืองอย่างชำนาญ  จากเส้นสวนดอก  มาออกยังเส้นสะพานนวรัฐ  มันรู้เพียงแต่ว่า  มันต้องคุยกับบอย 

   ถึงนัทมันจะรู้  บอยคิดกับมันแบบไหน  แต่มันอยากจะบอกบอย  มันยังเป็นเพื่อนบอย  ที่เมื่อวานมันเดินจากมา  เพราะมันยังช๊อคกับเรื่องที่มันเพิ่งรับรู้  ตอนนี้มันรู้แล้วล่ะ  ความเป็นเพื่อนกันมันสำคัญ  มันต้องใช้เวลาที่สร้างกันมานาน

   นัทไม่โกรธหรอกที่บอยจะคิดแบบนั้น  เพราะเหมือนที่ดินบอก  บอยมันห้ามหัวใจตัวเองมาตลอด  ถ้าเจอบอย  นัทจะบอกบอยว่า 

   “ตามใจมึงเหอะ  ถ้ามึงจะคิดกับกูแบบนั้น  แต่กูคิดกับมึงแค่เพื่อนเท่านั้นเอง  เพราะอย่างไร  กูก็เคยเป็นเพื่อนมึง  และเป็นเพื่อนที่มึงน่าจะจำได้ดีกว่าเพื่อนคนอื่นด้วยซ้ำไป”

   นัทมันขับมอเตอร์ไซด์ผ่านสะพานนวรัฐ  สายลมพัดหอมกลิ่นน้ำ  นัทมันสูดเข้าเต็มปอด  แล้วมันก็มาชะลอเพื่อเลี้ยวขวาเข้าไป 

   “สถานีรถไฟเชียงใหม่”
   
   บอยมันสูดลมหายใจเข้าปอดลึก  ราวกับว่าจะจดจำกลิ่นเชียงใหม่เอาไว้นานเท่านาน  เสียงประชาสัมพันธ์ประกาศ  ขบวนรถพร้อมเดินทาง  เสียงหวูดสัญญาณจากหัวรถจักร  ดังแหลมบาดเข้าไปในหัวใจของบอย  แล้วขบวนรถก็ค่อย ๆ  เคลื่อนตัวออกอย่างช้า ๆ  บอยมันหลับตานิ่งราวกับจะจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เชียงใหม่เอาไว้

   สิ่งที่บอยจะเก็บเอาไว้ได้คือความรู้สึกดี ๆ  ที่ผ่านมาเท่านั้น

   มันเลือกเก็บเอาเฉพาะสิ่งที่ดี . . .

   . . .  ส่วนที่ดีที่สุดในชีวิตของบอยที่เชียงใหม่ 

   คือการที่มันได้รู้จักความรัก 

   แม้จะเป็นรักที่ไม่สมหวังก็ตาม  แต่มันได้เรียนรู้  ตราบใดที่บอยรักเพื่อนที่จะรัก  ความรักไม่มีวันย้อนมาทำอะไรบอยได้เลย  แต่ถ้าหากวันใดบอยคิดจะครอบครองคนที่บอยรัก  วันนั้นบอยจะเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

   บอยมันได้เรียนรู้ด้วยตัวเองเรียบร้อยแล้ว

   นัทมันจอดรถไว้  . . .

   แล้วมันวิ่งรี่เข้ามาในชานชาลา   

   ขบวนรถกำลังเคลื่อนตัวออกไป    นี่มันมาช้าไปเหรอ  มันวิ่งตามขบวนรถที่กำลังออกไป  มันมองลอดไปตามหน้าต่าง  มันหวังจะเห็นบอยอยู่ในนั้น  ขบวนรถยังวิ่งช้ากว่ามันเสียอีก  มันวิ่งตามไปจนถึงโบกี้ที่บอยนั่งอยู่แล้วเชียว  แต่มันหมดเรี่ยวแรงเพราะขบวนรถเคลื่อนเร็วขึ้นตามลำดับ   

   ถ้านัทมันไปอีกแค่สองหน้าต่างของโบกี้ . . .

   . . . มันจะเห็นบอย

   นัทมันคิด  ถ้ามันเห็นบอยมันจะกระโดดขึ้นตามไป  แล้วมันจะคุยกับบอย  มันค่อยไปลงที่ลำพูนก็ได้  ขบวนรถเพิ่ม ความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ    นัทมันเริ่มหมดหวัง  มันยืนนิ่ง ๆ  ให้ขบวนรถค่อย ๆ  ลับหายไปในที่สุด

   บอยมันรู้สึกเหมือนหัวใจโดนกระชากเมื่อขบวนรถเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ  มันลืมตาขึ้นอีกครั้ง  ด้วยสายตาที่ยังพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตา  ทิวเขาที่สลับสล้างมันเห็นอยู่ไกล ๆ  มันยกมือท่วมหัวไหว้พระธาตุดอยสุเทพ . . . .

   ต่อจากนี้ . . .

   . . .  ชีวิตของมันคงจะไม่ได้เจอนัทอีกแล้วกระมัง 

   แต่ไม่เป็นไรหรอก  มันยังมีนัทในหัวใจมันเสมอ  ต่อจากนี้ไปมันต้องเข้มแข็ง  มันต้องอยู่อีกต่อไปให้ได้  หกปีสำหรับคนอื่นอาจจะนาน  แต่สำหรับบอยมันเหมือนเพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวานนี้เองด้วยซ้ำไป

   ถ้าเพียงแต่บอยชะโงกหน้าออกมานอกหน้าต่าง  แล้วมองกลับหลัง 

   บอยจะเห็น . . .

   . . . . ที่ปลายทางเส้นนี้มี

   นัท

   คนที่บอยรอมาตลอดหกปีที่เชียงใหม่  มันคลาดกันแค่เสี้ยวนาทีเท่านั้นเอง

   ถ้าเพียงแต่ . . .

   . . . นัทมาเร็วกว่านี้ 

   ถ้าเพียงแต่ . . .

   . . . บอยชะโงกหน้ามองย้อนออกมา

   มันจะเข้าใจเองโดยไม่ต้องพูดกันเลยด้วยซ้ำ 

   “เพื่อน” 

   ยังไงก็คือเพื่อน 

   แต่มันคงไม่ใช่  สวรรค์จึงเล่นตลกกับมัน  โลกให้ความสุขมาคู่กับความทุกข์ฉันใด  โลกก็ให้เสียงหัวเราะมาคู่กับเสียงร้องไห้ฉันนั้น

   ใครเลยจะเลี่ยงสิ่งที่โลกให้มาได้

   นัทมันยืนนิ่ง ๆ . . .

   มองขบวนรถที่แล่นหายลับไปกับตา  ก่อนที่นัทจะกวาดตามองไปรอบ ๆ  ชานชาลา  นัทมันหวัง  บอยอาจจะไปกับรถอีกขบวนก็ได้  มันมองผ่านผู้คนที่มันไม่คุ้นตาเลยสักคน  มันไม่ได้บอกกับบอย  มันไม่ได้ให้บอยรู้เลยด้วยซ้ำ 

   “มันยังเป็นเพื่อนบอย  มันยังเป็นเพื่อนกับบอยเสมอ”

   ใช่ . . . 

   . . . บอยส่งข้อความเข้ามา 

   มันต้องมีเบอร์บอยสิ  มันยิ้ม  พลางล้วงกระเป๋า  แล้วใบหน้านัทก็มีแววฉงน  นัทใช้มือควาญหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง  ทั้งสองข้าง 

   นัทจำได้  มันหยิบมาแล้วนะ  มันหยิบโทรศัพท์มาแล้วจริง ๆ 

   หรือว่าหล่นหาย . . .

     โธ่โว้ย! 

   แล้วมันจะมาหล่นหายเอาอะไรตอนนี้  มาหายเอาตอนที่มันต้องการใช้เสียด้วย  มันไม่ได้จดเบอร์เพื่อน ๆ  ไว้ด้วยสิ  ทุกเบอร์มันบันทึกเอาไว้ในเครื่องทั้งนั้น  แล้วมันจะคุยกับบอยได้อย่างไรกันนี่   

   มันหันซ้ายหันขวา  คล้ายคนที่กำลังหงุดหงิด  มันไม่รู้เหมือนกัน  วันนี้ทำไมมันซวยแบบนี้  มันมาส่งบอยไม่ทัน  แล้วโทรศัพท์เจ้ากรรมของมันก็ดันหายเสียอีก  มันได้แต่ปลงกับเรื่องที่เกิดขึ้น 

   นัทเดินคอตกกลับออกไปจากชานชาลาช้า ๆ

   ทุกอย่างคล้ายหยุดนิ่ง . . . 

   นัทมันได้แต่หวัง  สักวันมันจะได้เจอบอยอีกครั้ง  แล้วมันจะบอกบอย  ถึงมึงจะคิดแบบไหน  แต่มึงยังเป็นเพื่อนของกูเสมอนะบอย  มันได้แต่หวังสายลมจะพาความรู้สึกของมันในตอนนี้ไปถึงบอย  นัทมันหวังแค่นั้นจริง ๆ



ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #102 เมื่อ26-07-2009 14:59:25 »

ขอบคุณมาก ๆ ครับ คุณราชบุตร


dokjarn

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #103 เมื่อ26-07-2009 15:05:16 »

 :serius2:

ให้มันได้อย่างนี้ซิครับ

ทำไมซื้อหวยไม่ถูก

ชื่อมัน...แค่เอื้อม...ดังนั้น

เอื้อมยังไงก็ไม่มีทางถึง

คนอ่านก็อ่านไป สงสารไป

ร้าวใจไปกับ คนชื่อ...บอย

ถ้าเปลี่ยนชื่อเรื่อง อาจสมหวังขึ้นมาบ้าง

จะรอตอนที่เขาเจอกัน

ครับ

 o13

 :pig4:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #104 เมื่อ26-07-2009 22:52:37 »

เอื้อมไคว่....

เอื้อมคว้า....

กลับมา  มือเปล่า....

เพียงแค่สองเรา ฝันเฝ้า ทรงจำ.........

 :o12:


jackoo

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #105 เมื่อ27-07-2009 10:44:09 »

ใจจะขาดแล้วครับ.....คุณราชบุตร   ขอบคุณมากๆเลย :เฮ้อ:

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #106 เมื่อ27-07-2009 23:01:44 »



ตอนที่ ๒๓

วันใหม่  . . .  ชีวิตใหม่



   ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในรถ  ทำให้กระจกมีฝ้าขาว  คนที่นั่งเอาหน้าพิงกระจกมองลอดออกไปตามรายทางอย่างแปลกตา  สองข้างทางล้วนมีต้นไม้แปลก  ๆ  ที่เขาไม่คุ้นตา


   ต้นอะไรก็ไม่รู้ปลูกเป็นแถวเป็นแนวอย่างเป็นระเบียบ  แต่ทำไมมันไร้ใบหว่า  มันคล้ายไม้ทิ้งใบพร้อมกัน  หรือว่ามันตายยกสวนกันแน่นะ  บอยมันมีคำถามกับตัวเอง  เมื่อรถแล่นผ่านสวนยางพาราที่กำลังผลัดใบ

   เมื่อวานมันมาถึงกรุงเทพฯ  ตอนเช้า  มันเข้าไปพักที่บ้านญาติ  ก่อนที่จะมาขนส่งสายใต้ที่อยู่แถวปิ่นเกล้า  บอยมันไม่ชอบเลยกับสถานีขนส่งที่ดูเล็ก  เมื่อมันไปเทียบกับสถานีขนส่งหมอชิต  รู้แบบนี้มันนั่งรถไฟต่อไปดีกว่า 

   แต่พี่ต้นนะสิ . . .

   . . .  พี่ต้นบอกมันว่า 

   ที่อำเภอเมืองสุราษฏร์ธานีไม่มีสถานีรถไฟ  เพราะสถานีรถไฟสุราษฏร์ธานีนั้นตั้งอยู่ที่อำเภอพุนพิน  ซึ่งอยู่ห่างจากสถานที่ ที่บอยต้องไปใช้ทุน  รถทัวร์จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับบอย

   ที่จริงรถควรจะมาถึงตั้งแต่รุ่งสางเสียด้วยซ้ำ  แต่บังเอิญว่าตอนที่รถวิ่งมาถึงทับสะแก  ยางรถยนต์เกิดระเบิดไปเส้นนึง  บอยมันจึงเสียเวลาไปร่วมสองชั่วโมง  ก็ดีเหมือนกัน  เพราะถ้ามันมาถึงรุ่งสางมันจะหารถไปยังสถานที่นั้นได้อย่างไรกัน  การมาถึงเช้าทำให้บอยมีเวลาที่จะเดินทางเข้าไปรายงานตัวได้ง่ายขึ้นกระมัง

   บอยมันเดินทางไกล  กว่า ๑,๕๐๐  กิโลเมตรเห็นจะได้ 

   จากจังหวัดที่โอบล้อมด้วยขุนเขา  บัดนี้มันมายืนงงเหมือนกะเหรี่ยงตกดอยอยู่ที่จังหวัดริมทะเลแห่งหนึ่งในภาคใต้  เสียงรถสองแถวตะโกนโหวกเหวกเรียกคนให้ต่อรถเพื่อจะเข้าไปในเมือง  ขนส่งของที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองมาราว  ๔ กม. 

   บอยมันชินกับการอยู่ในจังหวัดใหญ่ แบบเชียงใหม่  มันจึงมองที่นี่ด้วยสายตาที่แปลกออกไป  ขนส่งมันไม่ใหญ่แบบเชียงใหม่อาเขต  แล้วรถราที่จะต่อเข้าในเมืองมันไม่มากเหมือนที่เชียงใหม่

   “ไปไหนน้อง  เข้าเมืองหม้าย” 

   คนหน้าตาดุ ๆ  ชี้หน้ามัน  แล้วพูดกับมันด้วยภาษาท้องถิ่น  สำเนียงดุ ๆ  ห้วน ๆ  บอยมันไม่กล้าตอบ  มันฟังไม่รู้เรื่อง  มันได้แต่ ก้มหน้าหงุด

   เวรเอ้ย! 

   บอยเฝ้าโทษตัวเอง  ห่าบอยเอ้ย  ทำไม ไม่เลือกเอาทุนที่มันดีกว่านี้ว่ะ  มาเลือกห่าไรที่นี่  มันหงุดหงิดพาลโทษตัวเอง

   “ไอ้ไหรบ่าวนี้  ถามไหรก็ไม่แหลง” 

   ชายคนเดิมพูดอะไรกับมันอีก  มันไม่เข้าใจ  มันอยากร้องให้ออกมาด้วยซ้ำ  เวรกรรมจริง ๆ  บอยเอ้ย  มันจะไปยังไง  จะเอายังไงกับชีวิตต่อไปดีหว่า

   “ไงไอ้เสือ  นึกว่าไม่รอแล้วนี่” 

   บอยเงยหน้ามองคนที่ทักทายมัน 

   บอยยิ้มตาหยี . . .

   . . . พี่ต้นนั่นเอง 

   มาช้ากว่ามันเสียอีก  มันแทบจะกระโดดกอดเลยด้วยซ้ำไป  มันดีใจอย่างที่สุด  มันนึกไม่ออกเลย  ถ้าพี่ต้นไม่มารับมัน  มันจะไปยังไงต่อดีหว่า  เช้า ๆ  แบบนี้  กับสถานีขนส่งเล็ก ๆ  มันไม่ชินเลยให้ตายดิ

   “ของมีแค่นี้เองเหรอ”  พี่ต้นชี้ไปที่สัมภาระของมัน

   “ครับพี่  มารายงานตัวก่อนนะพี่  แล้วค่อยขึ้นไปขนของที่เพชรบูรณ์อีกรอบ  ผมกลัวแทบตายพี่  นึกว่าจะไม่มารับซะแล้ว”  มันบอก  พลางลุกตาม   พี่ต้นที่หยิบของของมันหิ้วแล้วเดินไปที่รถ

   “เอา  ก็เอ็งบอก  รถยางแตกเสียเวลาราวสองชั่วโมงไง  เลยไม่อยากตื่นมาเช้า  เป็นไงบ้างมาสุราษฏร์เที่ยวนี้ถึงสุราษฏร์เสียทีคราวที่แล้วไปเกาะเต่าลงทางชุมพรไม่ได้เข้าเมือง”  พี่ต้นยิ้มให้มัน  ก่อนเปิดกระโปรงหลังเอาของมันไว้  แล้วไปประจำที่คนขับ

   “ไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน  เดี๋ยวสาย ๆ   พี่จะพาเข้าไปที่ทำงานของเอ็ง  พี่หยุดได้แค่สองวัน  ต้องขึ้นไปทำงานกรุงเทพฯ  อีก . . .”  คนมารับหันมายิ้มอีกรอบ

   “. . . สองวันนี้  จะพาให้รู้จักสุราษฏร์ฯ  ให้ทั่วก่อน  เวลามาอยู่จริงจะได้ไม่หลง  แต่เมืองมันเล็กจิ้ดเดียวเอง  ไม่กี่วันมาอยู่ก็ชินไปเองแหละ”

   บอยมันเข้าไปนั่งข้างคนขับ  มันควรขอบคุณพี่ต้น  อย่างน้อยพอพี่ต้นรู้ว่ามันต้องมาใช้ทุนที่สุราษฏร์ฯ  พี่ต้นก็บอกกับมันเลย  ว่าลงมาวันไหนให้บอกมาล่วงหน้า  จะมาพาตะรอนในเมือง  ในความโดดเดี่ยวเดียวดาย มันยังพอมีโชคดีหลงเหลืออยู่บ้าง

   “บอบคุณนะพี่ต้น  อุตส่าห์ลางาน”  มันบอก  บอยมันเกรงใจจริง ๆ 

   “โอ้ย  เรื่องเล็กว่ะ  หาเรื่องหยุดอยู่แล้วด้วย  นี่ถนนเส้นนี้  เขาเรียกถนนสุราษฏร์ฯ – พุนพิน  นะ  จำไว้ล่ะเลี้ยวขวาไปพุนพิน  ซ้ายเข้าเมือง  มันเป็นเส้นทางเดียวที่จะไปกรุงเทพฯ ได้”  พี่ต้นบอกเมื่อ  ออกมายังถนนใหญ่  ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าเมือง

   บอยมันพยักหน้ารับ  มันมองสองข้างทาง  มันเริ่มเห็นรถราเริ่มมาก  เพราะวันจันทร์ เช้า ๆ  คนเริ่มออกมาทำงานกระมัง

   “นี่  ตรงไปทางโลตัสนั่นเป็นถนนเลี่ยงเมือง  คล้าย ๆ  ซุปเปอร์ไฮเวย์ที่เชียงใหม่แหละ  แต่ที่นี่ถนนเล็กกว่า  สุราษฏร์ฯ เป็นจังหวัดที่เพิ่งเจริญมั้ง  เพราะสมัยก่อนความเจริญทางภาคใต้ตอนบนไปกระจุกตัวอยู่ที่นครศรีธรรมราช  แต่ตอนนี้สุราษฏร์ฯ  เริ่มแทรงหน้าแล้วล่ะ  ส่วนเส้นที่เราไปนี่  เป็นถนนเข้าเมือง  ซ้ายมือนั่นโรงแรมไดมอนด์เพิ่งมาเปิดได้มั้ยนาน” 

   บอยมองตามพี่ต้นที่ชี้ไปที่อาคารแท่งสี่เหลี่ยมสูง ๆ  ที่ริมถนน  มันเริ่มจดจำกับสิ่งที่พี่ต้นบอก  อย่างน้อยมันยังต้องใช้ทุนที่นี่อีกนาน  มันต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานที่ใหม่ให้เร็วที่สุด  พี่ต้นขับมาเรื่อย ๆ    ไม่เร่งรีบ  อาจเพราะอยากให้มันคุ้นกับสถานที่  ตามที่พี่ต้นบอกก็เป็นได้

   “นี่โรงพยาบาลสุราษฏร์ฯ  เล็ก ๆ  ไม่ใหญ่เหมือนที่เชียงใหม่หรอก  ส่วนขวามือนั่น  โรงเรียนพาณิชย์กับวิทยาลัยตาปี  เดี๋ยวพอเราข้ามสะพานก็จะถึงโรงแรมวังใต้ทางซ้ายมือนะ  เป็นโรงแรมที่เก่าแก่ของจังหวัดมั้ง”  บอยมองเมื่อพี่ต้นขับรถข้ามสะพาน    ทางริมแม่น้ำมั้ง  ทางซ้ายของมันมีโรงแรมที่ค่อนข้างเก่าตั้งอยู่

   “แล้วแม่น้ำนี้ล่ะครับแม่น้ำอะไร”  บอยมันถาม

   ต้นหัวเราะเบา ๆ

   “ไม่ใช่แม่น้ำ  นี่เขาเรียกคลองมะขามเตี้ย  อยากเห็นแม่น้ำเหรอ  เดี๋ยวพาไปดู” 

   “หัวเราะทำไมพี่  คลองอะไร  ทำไมใหญ่จัง”

   “คลองจริง ๆ  คลองนี้จะไหลไปบรรจบกับแม่น้ำตาปี  ตรงข้างหน้านี้แหละ  แยกนี้เรียกแยกวัดโพธิ์นะ  ถ้าเราเลี้ยวขวาไปในลึก  ออกทางเยื้อง ๆ แมคโคร  แต่ถนนแคบมาก  ส่วนตรงไปนี่เป็นถนนสายหลัก  ชื่อถนนชนเกษม  เป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการหลายที่  เลี้ยวซ้ายดีกว่านะ  อยากเห็นแม่น้ำไม่ใช่หรือ” 

   พี่ต้นหักพวงมาลัยมาทางซ้าย  แล้วบอยมันก็เห็น  แม่น้ำสายใหญ่  ที่ขนานไปกับถนน  ไกล ๆ  ของสายตามันมองเห็นสะพานข้ามแม่น้ำ

   มันแปลกใจ . . .

   . . .  ทำไมฝั่งที่มันอยู่เจริญด้วยอาคารพาณิขย์ต่าง ๆ  มากมาย 

   ส่วนอีกฝั่งของแม่น้ำเต็มไปด้วยต้นมะพร้าว  แล้วยังมีสวนสุขภาพที่กลางแม่น้ำอีกด้วย  เกาะอะไรหว่า  ใหญ่ทีเดียว  ดูร่มรื่น  มันเคยชินกับจังหวัดที่โอบล้อมด้วยขุนเขา  แต่ตอนนี้มันมาอยู่ในจังหวัดที่ติดกับแม่น้ำแล้วล่ะ

   “เกาะตรงนั้น  เกาะอะไรเหรอ พี่”  บอยมันชี้ไปที่เกาะกลางแม่น้ำ

   “เกาะลำพู  ไว้จะพาข้ามไปนะ  ฝั่งขวานี่ตำรวจน้ำ  แล้วก็สถานีตำรวจ  ส่วนที่เห็นเป็นศาลาเรือนไทยนั่นนะ ศาลหลักเมือง  เพิ่งสร้างไม่กี่ปีเอง  สมัยก่อนที่ศาลหลักเมืองนี่ยังเป็นสนามศรีสุราษฏร์อยู่เลย”  พี่ต้นอธิบายบอยมันไปเรื่อย ๆ 

   บอยยกมือไหว้ไปที่ศาลหลักเมือง   

   บอยคงเหมือนคนไทยทั่วไปกระมัง  เพราะอย่างน้อย  สิ่งยึดเหนี่ยวที่หลาย ๆ คนยึดถือไว้สืบมาจากความเชื่อทั้งทางศาสนา และความเชื่อที่สืบต่อกันมาทั้งนั้น  บอยมันก็เหมือนคนไทยคนอื่น ๆ  ที่พร้อมจะยกมือไหว้ไปยังสถานที่ที่คนทั่วไปเคารพบูชา

   “แยกหน้าเราตรงไปไม่ได้นะ  มันเป็นวันเวย์  ต้องเลี้ยวซ้ายกับขวาเท่านั้น  ตรงที่คนเยอะ ๆ  นะตลาดสด  เหมือนกาดหลวงที่เชียงใหม่ไง  เราเลี้ยวซ้ายดีกว่านะเลียบแม่น้ำไปเรื่อย ๆ”  พี่ต้นบอก  พลางเลี้ยวไปทางซ้าย

   แถวนี้ล้วนแต่มีพ่อค้าแม่ค้าขายของเต็มไปหมดเลย  สมกับที่พี่ต้นบอกว่าเป็นตลาดสดจริง ๆ    เมื่อพี่ต้นเลี้ยวมาทางถนนเลียบแม่น้ำบอยมันมองผ่านไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำ  อาคารไม้เก่า ๆ  ที่ดัดแปลงเป็นร้านอาหารมั้งเพราะป้ายมันบอกชวนชิม  เต็มไปหมด  ส่วนฝั่งที่พี่ต้นขับ มันก็พลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่มาจับจ่ายตลาด  เพราะถนนเส้นนี้ มีทั้งรถเร่ที่มาจอดขายผักผลไม้มากมายทั้งเส้นทางเลยทีเดียว

   บอยตื่นตาตื่นใจกับวิถีชีวิตผู้คนที่แปลกตาไป . . .

   มันมองไปในแม่น้ำ  มีเรือหางยาวลำเล็ก ๆ  มั้งจอดเรียงรายกันแน่นไปหมด  บางลำวิ่งหัวเชิดเสียงดังไปอีกฝั่งของแม่น้ำ  แล้วลับหายไปตามคลองเล็ก ๆ 

   “นั่นนะท่าเรือเกาะ  สมัยก่อนคนที่จะไปสมุย พะงัน  ต้องมาขึ้นเรือที่นี่ทั้งนั้น  เรืออกห้าทุ่มกว่าจะไปถึงเกาะก็เช้า  แต่เดี๋ยวนี้เหรอสะดวก  เฟอรรี่วิ่งกันทั้งวัน  ท่าเรือเกาะเลยกลายเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าเสียส่วนมากนะ” 

   บอยมองตามพี่ต้นบอก  เรือลำใหญ่ ๆ  ที่ดัดแปลงมาจากเรือหาปลาจอดเรียงรายอยู่สามสี่สำ  คนงานกำลังง่วนกับงานของตัวเอง  มีทั้งลังพลาสติกหลากสี  ถังแก๊สขนาดต่าง ๆ  ที่คนงานละเลียงขึ้นมาจากเรือ  ถัดจากท่าเรือ  บอยเห็นอาคารหลังเล็ก ๆ  มันอ่านป้ายที่อาคาร 

   “ห้องสมุดประชาชน”

   บอยมันตื่นตา  ตื่นใจกับสถานที่แปลกใหม่  จนมันลืมไปเลยว่า  เมื่อสองวันก่อน  มันเพิ่งเสียน้ำตามาหมาด ๆ  ที่นี่อาจทำให้บอยเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง  ฟ้าที่เมืองริมทะเลสวยจริง ๆ  มันเป็นสีฟ้าอ่อน

   บอยมันเริ่มวาดภาพ . . .

   . . . ชีวิตใหม่ของบอยจะเริ่มต้นอีกครั้ง  ที่นี่บอยจะมีชีวิตอีกแบบ  อย่างที่บอยไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิตมั้ง  เพราะสถานะของบอยในที่นี่คือ คนที่พร้อมจะทำงาน

   มันหมดสภาพนักศึกษาแล้วล่ะ  ต่อจากนี้มันจะเป็นผู้ให้  มันต้องโตเป็นผู้ใหญ่  สิ่งที่ผ่านมาในชีวิตเหมือนบทเรียนที่บอยมันได้เรียนรู้และผ่านมาได้ 

   มันจะไม่ลืมนัท . . .

   . . . เพราะมันรู้  นัทคือส่วนที่ดีที่สุดในชีวิตที่บอยเคยเจอ  มันจะไม่ลืม  และไม่มีวันลืมได้เลยตลอดชีวิต



   บอยมันแปลกตา  มันตื่นเต้นกับสถานที่ใหม่ของมัน  พี่ต้นขับรถพามันออกมาทางอำเภอนาสาร  ผ่านเขาลูก ๆ  เล็ก ๆ  ที่พี่ต้นบอกมันว่า 

   “เขาท่าเพชร” 

   เป็นที่ตั้งของพระธาตุศรีสุราษฏร์ฯ  แล้วพี่ต้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางถนนสายใหม่  ที่จะมุ่งไปสู่สถานที่ทำงานของมัน  บอยมันชินกับการเรียนในมหาวิทยาลัยใหญ่ติดอันดับของประเทศ  มันชินกับเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศอย่าง เชียงใหม่ 


   แต่ . . .

   . . . ที่นี่ 

   เป็นเพียงแค่เมืองขนาดกลาง  องค์กรที่บอยทำงานยังเป็นเพียงองค์กรขนาดเล็กเท่านั้นเอง

   อาคารหลังใหญ่สีขาวหลังคาสีน้ำเงินเข้ม ที่สร้างเป็นจั่วลดหลั่นกันลงมา  สถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างสมัยใหม่ กับสถาปัตยกรรมท้องถิ่นดูแปลกตาในสายตาของบอยที่เป็นคนทางเหนือ 

   แต่ . . .

   . . . อาคารหลังใหญ่นี้กลับดูเด่นเป็นสง่าท่ามกลางฉากหลังเขียวขจีของเขาลูกย่อม ๆ  ใกล้ตัวเมือง  บอยมันรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง  อย่างน้อยบรรยากาศที่นี่ก็ไม่เลวร้ายจนเกินไป  บอยมันชินกับมหาวิทยาลัยที่มีเขาด้านหลังมาหกปี 

   หกปีก่อนนั้นมันอยู่ในฐานะนักศึกษา 

   ต่อจากนี้มันอยู่ในอีสถานะหนึ่ง   ตอนนี้บอยไม่ใช่นักศึกษาแล้วล่ะ  แต่บอยคือทรัพยากรของชาติที่สมบูรณ์ที่พร้อมจะทำงานแล้วกระมัง

   บอยมันลงจากรถ  พี่ต้นพยักหน้าให้มัน  ก่อนจะออกรถกลับไป  มันต้องรายงานตัว  และไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานเท่าใด  พี่ต้นบอกมันเสร็จธุระของมันให้โทรบอก  จะกลับมารับ  บอยกะเวลาที่พี่ต้นขับรถมาจากในเมืองไม่เกิน ๑๕  นาที 

   มันสูดลมหายใจเต็มปอด  ก่อนที่จะเดินเข้าไปในอาคารหลังนั้น  มันพร้อมแล้วล่ะที่จะเดินไปในเส้นทางใหม่ของชีวิต  เส้นทางที่มันขีดเองตั้งแต่วันที่มันตัดสินใจขอทุนเรียนต่อบอยรู้มันต้องมาใช้ทุนในองค์กรเล็ก ๆ  ที่นี่

   กว่ามันจะทำอะไรต่อมิอะไรเสร็จก็บ่ายแก่ ๆ . . . 

   ที่นี่มีหอพักสำหรับบอยด้วยแฮะ  บอยค่อนข้างโชคดีเพราะหลังจากที่รายงานตัวเรียบร้อยแล้ว  มันก็ได้ห้องพักเลย  มันยิ้มแย้มแจ่มใสกับแม่บ้านที่พามันไปดูห้องพัก  ห้องยังใหม่มั้ง  เพราะที่นี่เปิดมาไม่นานแหละ  และมีไม่กี่หน่วยงานในองค์กรของมัน   แต่ที่บอยชอบที่สุดเห็นจะเป็นบรรยากาศของที่นี่  ที่บอยรู้สึกเหมือนว่าไม่แตกต่างจากรั้วลูกช้างที่บอยจากมา  บอยชอบภูเขา 

   เพราะบอยเกิดท่ามกลางแนวทิวเขาที่รายล้อมโอบอ้อมมันอยู่  แล้วมันยังไปเรียนที่มหาวิทยาลัยที่ริมเขาอีกตั้งหกปี  ตอนนี้มันจบ  มันต้องทำงานตามที่ได้ร่ำเรียนมา  มันยังมาอยู่กับภูเขาอีก  มันแปลกชีวิตมันคงแยกจากภูเขาไม่ได้แน่ ๆ  มันคิดถึงเชียงใหม่จับใจเมื่อมองไปยังภูเขาทีไร

   บอยยังอาลัยในสถานที่เก่าอย่างมิลืมเลือน . . .

   . . . หรือยังอาวรณ์ถึงคนที่โน่นกันแน่

   มันจะลืมได้อย่างไรกัน 

   ที่นั่น . . . 

   . . . มีอะไรให้บอยได้จดจำเยอะเลยทีเดียว

   บอยมันเดินดูรอบ ๆ  องค์กร  ที่เหมือนบริษัทเล็ก ๆ    มันไม่ได้ใหญ่เท่าเฌองดอย  แต่ที่นี่มันอยู่ตีนเขาเหมือนกัน  มันคิดดูแล้วเห็นทีต้องเอามอเตอร์ไซด์มาใช้  เพราะเวลาที่ออกไปในเมืองจะลำบากมากทีเดียว  ไม่เป็นไร  ยังมีเวลาอีกเกือบเดือนที่มันจะเริ่มทำงาน  มันต้องกลับไปบ้าน  เอาเจ้ามอเตอร์ไซด์ทะเบียนเชียงใหม่มาวิ่งในเมืองหอยใหญ่ให้ได้ 

   มันไม่ซื้อใหม่หรอก . . .

   . . .  เปลือง

   สำหรับบอยแล้ว 

   . . . เงินมีค่าทุกสตางค์  ไม่ใช่ทุกบาท

   เสียงโทรศัพท์บอยดัง  โทรศัพท์มันยังรุ่นเก่าอยู่เลย  เครื่องนี้แม่ซื้อให้มันตอนมันเรียนปริญญาโท  ราคาหลายเงินอยู่แหละ  แต่มันยังใช้การได้ดี  มันยังไม่เปลี่ยนหรอก  จะใช้มันไปเรื่อย ๆ  แบบนี้แหละ  เงินเดือน เดือนแรก  บอยจะให้แม่ทุกบาททุกสตางค์เลย  อย่างน้อยมันยังมีเงินเก็บอีกเล็กน้อย  สำหรับใช้ไปได้อีกหลายเดือน  แม่คงภูมิใจ  ที่เห็นมันได้ทำงานเสียที

   บอยตั้งใจ . . .

   . . .  มันจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ 

   ต่อไปนี้บอยจะรักตัวเอง  บอยจะรักแม่ให้มาก  บอยรู้แม่ลำบากเพื่อมันมามาก  มันรู้แหละ  แม่รักมัน  ในขณะที่มันไปรักใครก็ไม่รู้  แต่หลังจากนี้มันจะรักแม่ให้มากขึ้น 

   “ครับแม่  ถึงแล้วครับ”  บอยพูดไปยิ้มไป 

   แม่โทรมา  ห่วงมันมั้ง  นอกจากพี่ต้นแล้ว คนแรกที่โทรหาบอยเมื่อบอยเหยียบผืนดินที่นี่คือ . . .

   . . . แม่

   แม่พูดอะไรอีกมากมาย  สอนเหมือนมันเป็นเด็ก  เป็นลูกเล็ก ๆ  ของแม่   ในสายตาของแม่มันยังไม่โตหรอก  แม่เห็นมันเป็นเด็กอยู่เสมอ  มันไม่ได้เจอแม่นานแค่ไหนแล้วนะ  มันคิดถึงแม่จัง  มันอยากกอดแม่  หอมแก้มแม่  ใครจะว่ามันลูกแหง่มันไม่สนหรอก 

   มันรู้แค่  นี่แม่ของมันมันอยากกอดอยากหอมได้ทุกเวลา  ไม่เหมือนคนอื่นหรอกมันได้แค่หลงรูปจูบเงาเท่านั้น

   หลงรูปจูบเงา . . .

   . . . ดูเอาเหอะ 

   แม้แต่เวลาที่มันคิดถึงแม่ คนนั้นยังมาป่วนในหัวใจมันเล่นอีกจนได้

   มันยิ้ม . . .

   . . .  ช่างมันเหอะ 

   ไกลกันตั้งพันกว่ากิโลเมตร  ยังไงเสีย  มันก็คงดีขึ้นกว่าเดิม  ดีกว่าที่มันอยู่ใกล้ ๆ  นัทด้วยซ้ำไปมั้ง  ตอนนี้มันไกลทั้งตัว  ไกลทั้งใจแล้วล่ะ  มันถอนหายใจเบา ๆ  ก่อนที่จะเดินไปนั่งรอพี่ต้น

   เสียงเรียเข้ามาอีก  บอยดูเบอร์แล้วยิ้ม  มันกดรับทันที 

   “หวัดดีครับ”

   “บอย  เป็นไงบ้างที่ทำงานของบอยลำบากมั้ย”  เสียงดินทักทายมา  ดินมันห่วงมั้ง  น้ำเสียงมันบอก

   “ก็ดี  ไม่ใหญ่มากนะดิน  พี่ต้นพามา  ดินจำพี่ต้นได้มั้ยดิน  พี่ต้นที่เรียนที่ตีนดอยไง  บ้านแกอยู่ที่นี่ดิน”  บอยเล่าไปพลางนั่งมองไปตามถนนรอคนที่กำลังพูดถึง

   “จำได้บอย  จำได้  บอยอยู่ได้แน่นะ”  ดินยังไม่วายห่วง

   “ได้สิดิน  มาใช้ทุนเขานะ  อยู่ไม่ได้ก็ต้องได้แหละดิน  ที่นี่เมืองไม่ใหญ่แบบเชียงใหม่หรอก  ออกจะเล็กกว่าเชียงรายอีกมั้ง  แต่ที่ทำงานของบอย  ติดภูเขาด้วยดิน  เหมือนที่มอชอแหละ  แต่ที่นี่เขาลูกเล็กไม่ใหญ่มากดิน  ไว้ดินว่างดินลงมาเที่ยวนะ”  บอยมันรู้ 

   มันแพ้ดินแล้วล่ะ . . .

   . . .  ดินดีกับมันเหลือเกิน

   มันหลงไปเองที่คิดคว้าดาว . . .

   . . . ทั้ง ๆ  ที่รู้ว่าดาวนั้นไกลเหลือเกิน

   มันหลงกับแสงของดาว  โดยไม่ก้มหน้าลงมองดิน

   ดินที่มันเหยียบ  ที่มันย่ำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน  ถ้ามันรักดินได้ก็คงจะดี  แต่มันรักดินได้แค่เพื่อนเท่านั้น  แม้ตอนนี้มันจะไม่มีใคร  แต่ดินก็ไม่อาจแทรกเข้ามาในหัวใจของมันได้  เพราะดินก็เป็นดิน  ไม่อาจเข้ามาแทนที่หัวใจได้เลย

   หัวใจของบอยมันไม่เอาใครเข้ามาซ้ำรอยคนนั้นโดยเด็ดขาด

   ถ้ามันไม่มีใครในชีวิตนี้ก็ช่างหัวมัน  แต่มันจะไม่ยอมให้ใครมาเบียดพื้นที่ในหัวใจของมันที่มีให้นัทเด็ดขาด

   “ดินจะไปนะบอย  ดินจะไปหาบอย  แต่ไม่ใช่เร็ว ๆ  นี้หรอกบอย  ถ้าบอยมีอะไร  โทรหาดินนะบอย  ดินจะกลับกรุงเทพฯ แล้วล่ะไว้ดินกลับถึงกรุงเทพฯ  จะโทรหาบอยใหม่นะ  ดูแลตัวเองนะบอย”  น้ำเสียงดินเหมือนไม่อยากจะวางสายด้วยซ้ำไป 

   “อืม  ไว้บอยเข้าที่เข้าทางจะโทรหาดินนะ  เพื่อนรัก”  บอยมันเน้นตรงคำพูดสุดท้าย

   สิ่งที่บอยมีให้ดินคือ . . .

   . . .   “เพื่อน”

   มันต้องพูดกันเอาไว้  อย่างน้อยเพื่อไม่ให้ดินคิดว่ามันหันมามองดิน  ตราบใดที่มันยังไม่เปิดหัวใจ  ใครก็เข้ามาไม่ได้  มันไม่อยากให้ดินเจ็บเพราะมันอีก  บอยรู้  การรักเขาข้างเดียวมันเจ็บปวดเช่นไร  มันไม่อยากให้เรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับใคร

   รถพี่ต้นเลี้ยวเข้ามาแล้ว  บอยดีใจอย่างน้อยมันก็ยังมีคนที่รักมันหลงเหลืออยู่บ้าง  มันไม่ได้โชคร้ายไปทั้งหมดหรอก  มันโง่เองที่หลงคิดว่าโลกนี้มีแต่นัท  แต่ตอนนี้บอยรู้แล้ว  โลกนี้กว้างกว่าที่มันเคยเจอ  มันมีมิตรที่ดีหลายคนเชียวล่ะ  มันควรรักษามิตรที่มันมีเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่มันจะทำได้

   ส่วนนัท . . .

   . . .  นัทคือคนที่มันรัก 

   อย่างไรเสียมันคงจะลืมนัทไม่ได้หรอก  เพราะหัวใจมันหลอมเป็นเนื้อเดียวกับคนชื่อนัทแล้วกระมัง



   “เป็นไง  รายงานตัวเรียบร้อยแล้วเหรอติดขัดมั่งมั้ย”  พี่ต้นถามด้วยความห่วงใย  เมื่อมันขึ้นมานั่งบนรถ

   “เรียบร้อยดีพี่  มีที่พักให้ด้วย  ย้ายเข้ามาอยู่ได้เลยนะครับ  แต่ผมคงต้องอาสัยพี่ไปก่อนคืนนี้  พรุ่งนี้ค่อยย้ายเข้ามาดีกว่านะพี่”  มันหันไปยิ้มกับคนขับ

   “ได้ ๆ  จะย้ายวันไหนก็ได้  เพราะพี่อยู่อีกแค่สองวันเอง  วันพุธต้องขึ้นกรุงทพฯ  แล้วล่ะ  ทำงานต่อ”


   พี่ต้นบอก . . .

   . . .   บอยมันนึกเศร้า  เดี๋ยวมันก็ต้องอยู่คนเดียวอีกแล้วล่ะสิ  มันยังไม่รู้จักใครในเมืองนี้เลย  แต่ช่างเหอะ  มันเหมือนอยู่ตัวคนเดียวมาหกปีแล้ว  จะสนทำไมว่าจะมีใครที่มันรู้จักหรือไม่รู้จักเหลืออยู่ในแผ่นดินที่มันยืนอยู่อีก

   “จำได้มั้ยนี่สี่แยกอะไร”  พี่ต้นถาม  เมื่อรถมาจอดรอสัญญาณไฟ

   บอยมันนึก  มันแอบเปิดสมุดเล่มเล็ก ๆ ที่มันจดเอาไว้

   “สี่แยกบางใหญ่ใช่มั้ยพี่  ตรงไปก็เข้าเมือง  ส่วนถนนเส้นที่ตัดกันนั่นเป็นถนนเลี่ยงเมืองเลี้ยวซ้ายไปกรุงเทพฯ  แล้วขวาไปนครศรีธรรมราช  หรือจะเข้ามเมืองอีกก็ได้  แล้วก็มีค่ายวิภาวดีรังสิต  สุสานคนจีน  ห้างบิ้กซี”  บอยมันยิ้ม  มันจดไว้ไม่น่าพลาด

   พี่ต้นยิ้ม  ก่อนจะออกตัวเมื่อได้สัญญาณไฟเขียว

   “เก่งนี่  รู้จักถนนหลักหลายเส้นแล้วด้วย  แบบนี้รับรอง  อีกไม่นานปิดตาเดินได้ทั่วเมืองแน่”

   “อ้าวพี่  ก็ผมจดไว้นี่ไง  แต่เหมือนที่พี่บอกแหละ  ที่นี่เมืองเล็ก  ผมจำแค่ถนนสายหลักที่พี่พามาเมื่อเช้า  มันทอดยาวจากเหนือจดใต้  กับถนนเส้นนี้  รู้สึกว่ามันจะขนานกับถนนสายหลักในเมืองนะพี่”

   “ใช่แล้ว  เพราะมันคือถนนเลี่ยงเมืองนี่หว่า  แล้วถนนสายหลักในเมืองก็ขนานไปกับแม่น้ำตาปีอีก  เพราะฉะนั้นใครขับรถในสุราษฏร์ฯ  แล้วหลงนี่  เชยระเบิดเลยว่ามั้ย”

   “ใช่ครับพี่ . . .”  บอยยืดอก

   “. . . เออ  พี่ต้น  แล้วตรงไปนี่ไปที่ไหนเหรอครับ”  บอยถามอีก  เมื่อต้นมาหยุดรถรอสัญญาณไฟที่สี่แยกอีกครั้ง

   “นี่เขาเรียกสี่แยกบางกุ้ง  ตรงไปก็เป็นปากน้ำตาปี  มีถนนอีกสายก็สายเดียกับที่เรือที่จะไปเกาะสมุยจอดอยู่ไง  ที่ผ่านมาเมื่อเช้านะ  จำได้มั้ย”  ต้นอธิบายพลางหันไปมอง

   บอยพยักหน้ารับ

   “ส่วนเลี้ยวซ้ายก็เข้าเมือง  ทางขวานี่ไปไหนรู้มั้ย”  พี่ต้นแสร้งถาม

   “นครศรีธรรมราชไงพี่  ป้ายออกโตขนาดนั้น”  บอยมันชี้ไปที่ป้ายบอกทาง

   “เออ  จริงแฮะ  ไม่น่าถามเลยตู  เดี๋ยวจะพาไปกินอาหารทะเล  ชอบกินอะไรเหรอเรานะ”  พี่ต้นหันมาถาม

   “ปูครับพี่  ปูทะเล  ปูม้ากินได้หมดเลยพี่  ยิ่งกรรเชียงนึ่งมะนาวนะพี่  อร่อยสุด”  มันชักหิวขึ้นมาทันทีเมื่อพี่ต้นพูดถึงของกิน

   ก็มันยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้าเลยนี่หว่า

   พี่ต้นขับรถออกมานอกเมือง  มันมองสองข้างทาง ที่ล้วนไปด้วยสวนยางพาราที่กำลังผลัดใบ

   “พี่  แล้วที่นี่มันแล้งขนาดต้นไม้ตายยกสวนเลยเหรอ  มีแต่ยืนต้นตายเต็มไปหมด”  มันชี้ไปสองข้างทาง

   “อะไรนะ  ไหน”

   “นั่นไง”

   พี่ต้นหัวเราะชอบใจใหญ่  ขันมันแหละ  พลางเหลือบมามองมันด้วยสายตาเอ็นดู

   “ไม่ใช่  นี่นะพืชเศรษฐกิจของภาคใต้เลยนะ  ยางพาราไง  รู้จักมั้ย  พอหมดฤดูฝนย่างเข้าฤดูร้อนยางพาราจะผลัดใบจนร่วงโกร๋นแบบที่บอยเห็นนั่นแหละ  แล้วพอไม่นาน  มันก็จะมีใบอ่อนออกมาเหมือนเดิม  ช่วงยางผลัดใบนี้ชาวสวนเขาจะไม่ตัดยางกันหรอก”  พี่ต้นอธิบาย

   “ตัดยาง  อะไรเหรอพี่”

   “เออลืมไป  พูดยากวุ้ย  คนละภาคนี่  ตัดยางคือกรีดยาง  ชาวสวนถือว่าช่วงยางผลัดใบนี่เขาไม่กรีดกัน  ให้ต้นยางได้พัก  จนกว่าจะมีใบใหม่นั่นแหละถึงจะกรีดยางอีกครั้งนึงที่นี้เข้าใจยัง” 

   บอยพยักหน้ารับ . . .

   . . . มันได้ความรู้ใหม่ ๆ  มันไม่รู้นี่หว่า  ชีวิตมันเดินทางไกลสุดก็ครั้งนี้ละมั่ง  คราวก่อนมันมาแค่ชุมพรเอง  แล้วข้ามไปเกาะเต่า  แต่คราวนี้มันมาไกลเหลือเกิน  สิ่งที่มันไม่รู้  มันก็ต้องถาม  ถามพี่ต้นไว้ก่อนแหละดี  ดีกว่าคอยถามคนอื่น ๆ  เพราะเขาอาจจะมองว่ามันเปิ่นก็เป็นได้  ก็ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในแต่ละภาคเหมือนกันที่ไหนเล่า 

   ที่นี่ไม่มีเขามากมายเหมือนเมืองเหนือที่มันเรียนจบมา 

   อากาศแม้จะอบอ้าวกว่า  แต่มีลมพัดมาตลอดเวลาแหละ  บอยหลับตานึกถึงแผนที่ประเทศไทย  จังหวัดทางใต้ดีตรงที่มีลมมรสุมจากสองฝั่งทะเลพัดมาตลอดเวลา  ทำให้ไม่ร้อน 

   พี่ต้นเลี่ยงมาทางซ้ายมืออีกครั้ง  เมื่อมาถึงสามแยกใหญ่  บอยมองป้ายบอกข้างทาง  มันอ่านเสียงเบา ๆ 

   “กาญจนดิษฐ์”




ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #107 เมื่อ28-07-2009 10:17:53 »

กาญจนดิษฐ์ คือไรอ่ะ

หุหุหุหุ

ขอบคุณครับที่มาต่อ

dokjarn

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #108 เมื่อ28-07-2009 14:28:39 »


ไปไกลเลยอ่ะทีนี้
กาญจนดิษฐ์  อำเภอหนึ่ง ที่สุราษฏร์
อ่านๆไป คุ้นมากเลย
ถนนหนทาง ชื่อสถานที่ต่างๆ

แล้วเมื่อไรจะเจอ นัท ล่ะครับ

 :z3:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #109 เมื่อ29-07-2009 16:10:56 »

ยังเป็นคำถามที่รอคอยการตอบ....


 :z10: ความพยายามที่อยสกหลุดพ้นในห้วงรัก
ที่ยาก.....จะลบเลือน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
« ตอบ #109 เมื่อ: 29-07-2009 16:10:56 »





tonsai_2520

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #110 เมื่อ30-07-2009 00:41:10 »


คนเรานี้  คิดให้ดีก็น่าขำ . . .

. . . อยากจำกลับลืม  อยากลืมกลับจำ

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #111 เมื่อ30-07-2009 13:31:38 »

ู          ^

          ^

          ^

บอยคงไม่ได้จำ แต่ไม่เคยลืมมากกว่า :z3:

อิอิ  :z13:

winney555

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #112 เมื่อ30-07-2009 15:14:27 »

คุ้นๆว่าเคยอ่านเวอร์ชั่นของพี่ต้นสาย ตอนอยู่เวป ปาล์ม ตอนนั้นจำได้ว่า ตอนจบ มันแค่เอื้อมจริงๆๆ บีบคั้นหัวใจมาก พอตอนนี้คุณราชบุตร เอามารีเมค ใหม่ ภาวนา นะคับ .....ย้ำ ภาวนา  ขอตอนจบ ขอให้เอื้อมถึงหน่อย หัวใจที่แห้งผาก มันจะได้ชุ่มชื้นบ้าง .............สงสารตัวละคร ชื่อ บอย มาก ดูชีวิต ถ้าเทียบกับสี คงเป็นสีเทา ..............เห้อ *--*
            รักคนแต่งคับ

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #113 เมื่อ30-07-2009 22:39:16 »

ไม่รู้ผมคิิดไปเองหรือเปล่า แต่เรื่องนี้ดูยังไงก็ท่าจะ แค่เอื้อม ตามชื่อเรื่องไม่ใช่หรือ
เพราะแค่บทนำ ก็นู้น บอยเรียนเอกอยู่ที่เยอรมัน โทรกลับมาหลังจากรู้ข่าวจากพี่ต้น

ตอนนี้บทมาถึงแค่บอยจบโท กำลังไปทำงานใช้ทุน อีกนานแน่ครับ รู้ว่าชีวิตบอย
คงแค่เอื้อม... ไปอีกหลายปี ผมรอลุ้นเหตุการณ์หลังโทรศัพท์ดีกว่า มันจะยังเป็น
ชีวิตแค่เอื้อมอีกหรือเปล่า คงต้องรอดูต่อไปนะน่ะครับ

winney555

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #114 เมื่อ30-07-2009 23:17:34 »

ไม่รู้ผมคิิดไปเองหรือเปล่า แต่เรื่องนี้ดูยังไงก็ท่าจะ แค่เอื้อม ตามชื่อเรื่องไม่ใช่หรือ
เพราะแค่บทนำ ก็นู้น บอยเรียนเอกอยู่ที่เยอรมัน โทรกลับมาหลังจากรู้ข่าวจากพี่ต้น

ตอนนี้บทมาถึงแค่บอยจบโท กำลังไปทำงานใช้ทุน อีกนานแน่ครับ รู้ว่าชีวิตบอย
คงแค่เอื้อม... ไปอีกหลายปี ผมรอลุ้นเหตุการณ์หลังโทรศัพท์ดีกว่า มันจะยังเป็น
ชีวิตแค่เอื้อมอีกหรือเปล่า คงต้องรอดูต่อไปนะน่ะครับ
จะว่าไปนะ ถ้าเป็นความจริง ไม่รู้ว่า บอยเขาทนได้ยังไงนะคับ เป็นผมนี่ มีแฟนไปหลายคนแล้ว 55555555
   คลายเครียดคับ เห็นเรื่องมันเศร้าๆ

ออฟไลน์ สุขาพาเพลิน

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 617
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
    • facebook
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #115 เมื่อ31-07-2009 23:52:02 »

ตามพี่บอยไปเรื่อยครับ จากมอชอ มาสุราษฏร์แล้ว  :z2:

ออฟไลน์ myxt

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #116 เมื่อ01-08-2009 08:59:47 »

ไม่บอกก็อึดอัด บอกไปแล้วก็เจ็บ
แต่อย่างน้อย คนที่ถูกรักก็ยังได้รู้ว่าตัวเองกำลังถูกรัก
เอาใจช่วยบอยให้ใช้ชีวิตในเมืองใหม่ได้อย่างมีความสุขขึ้นนะ
ขอบคุณค่ะคุณราชบุตร :pig4:

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #117 เมื่อ01-08-2009 11:00:21 »


ตอนที่ ๒๔

ความคิดไปเอง...ย้อนมาทำร้ายตัวเราเสมอ




   จากถนนเส้นใหญ่ ที่แยกมา  ถนนเริ่มบีบเล็กลงเรื่อย ๆ  บอยมองสองข้างทางที่เป็นอาคารไม้สองชั้นเก่า ๆ  มันไม่เห็นอาคารทรงแบบนี้มานานเท่าใดแล้วนะ  มันยังเพลิดเพลินกับสิ่งที่มันเห็น  พี่ต้นเลี้ยวซ้ายอีกครั้งเมื่อถึงสามแยก 


   บอยมันแปลกใจ . . . 

   ทำไมพี่ต้นเลี้ยวซ้ายบ่อยจังเลยนะ  ตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ  หรือเมืองนี้สถานที่สำคัญจะอยู่ทางซ้ายกันทั้งเมือง  บอยมันลองนับเล่น ๆ  สถานีขนส่งก็อยู่ทางซ้าย  ถ้ามาจากกรุงเทพฯ 

   ห้างโลตัสก็อยู่ทางซ้ายอีก . . . 

   . . .โรงแรมไดมอนด์ 

   หรือโรงแรมวังใต้ก็ทางซ้าย . . .

   . . . ท่าเรือเกาะก็ทางซ้ายอีกแล้ว 

   แถมมหาวิทยาลัยที่มันสอนก็อยู่ทางซ้ายอีกเช่นกัน  มันอดยิ้มขัน ๆ  ไม่ได้ เมื่อนึกถึงแต่ละสถานที่ที่ได้เจอมา

   “ยิ้มอะไร  นั่งยิ้มคนเดียวได้ด้วยคนเรา”  พี่ต้นแซวมันเมื่อเห็นมันนั่งนึกไปยิ้มไป

   “ปล่าวพี่  ไม่มีอะไร  แล้วพี่จะพาผมไปไหนนี่”

   “หาไรกินไง”

   “อะไรพี่  ร้านอาหารอะไรอยู่ลึกมาขนาดนี้  ทางเข้าดูลึกลับชอบกล”  บอยมันบอก  เพราะเห็นว่า  ตั้งแต่แยกมาจากถนนสุราษฏร์ฯ – นคร  มันก็ไกลมากแล้วล่ะ

   “อ้าว  ของอร่อยมันต้องซ่อนตัวดิ  ไม่เคยได้ยินเหรอ  ช้างเผือกมันต้องอยู่ในป่า”  พี่ต้นยิ้ม

   “มีงี้ด้วยเหรอพี่  ร้านอะไรเหรอพี่”

   “เคียงเล”

   “ห๊า  มีความหมายมะ”  บอยมันทำหน้างง

   “เคียงนี่ภาษาใต้หมายถึง  ใกล้  ติดกัน  ส่วนเล  ก็ทะเล  เพราะฉะนั้นเคียงเล  ก็น่าจะหมายถึง  ร้านอาหารที่อยู่ใกล้ชิดหรือติดทะเล”  เจ้าบ้านอธิบายได้ไม่มีจนมุมมันหรอก

   บอยยิ้ม . . .

   . . . เออ 

   มันเริ่มเข้าใจแล้วล่ะ  คนใต้ชอบใช้คำสั้น ๆ  เล  มาจากทะเล  แต่มันไม่เข้าใจ  คนใต้จะประหยัดคำไปทำไมกัน  คอยดูนะ  ไอ้ร้านเคียงเลที่ว่านี่  มันต้องอยู่ทางซ้ายมืออีกแหง ๆ  เลย  บอยมันคิดในใจ 

   รถมาจอดเทียบที่ลานกว้าง ๆ  บอยมองไปรอบ ๆ  มันคล้าย ๆ  ลานจอดรถที่สามารถจอดรถทัวร์ขนาดใหญ่พี่ต้นเอียงหน้าส่งสัญญาณให้มันเดินตามเข้าไป  มันเดินตามพี่ต้นไปเงียบ ๆ  เสียงแม่ค้าจาเพิงขายของรองเรียกลูกค้นกันดังลั่นไปหมด 

     อาหารทะเลแปรรูปมากมายหลายอย่าง  ที่แม่ค้าเอามาขาย  และยังมี  ขนมทองม้วนสด  ที่แม่ค้าทำกันตรงนั้นเลย  แต่ที่มันสนใจ  หอยอะไรไม่รู้ตัวโตเท่าฝ่ามือ  ที่แม่ค้าพ่อค้าบรรจงใช้ฆ้อนตอกให้มันแยกจากกัน  ข้างในเนื้อขาวมันเมื่อมเลยทีเดียว

   “หอยนางรมหม้าย  ตัวสิบบาทเองนิ  ข้างในไม่มีขายนะ  ซื้อไปลองกินหิดตะ  สด หรอย  รับรองน้ำจิ้มใช้ดีปรีขี้นก  กับลูกนาวไม่ใช้น้ำส้มสายชูเลย”  แม่ค้าร่างอ้วน ๆ  ร้องบอก  บอยมันทำหน้างงกับภาษาถิ่นที่มันยังไม่คุ้นเคย 

   พี่ต้นยิ้ม  เมื่อเห็นมันทำหน้าแปลก ๆ

   “กินเป็นป่ะ  นี่นะหอยนางรม  ที่นี่หอยใหญ่นะเอ็ง  รับรองในประเทศไทยไม่มีหอยที่ไหนใหญ่เท่าหอยสุราษฏร์ฯ  หรอกน่า”  พี่ต้นยิ้มพลางหยุดที่ร้านค้า

   “อย่ามาอำผมเลยพี่  ทำไมหอยจังหวัดอื่นเล็กเหรอ”  บอยมันไม่เชื่อหรอก 

   มันไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ . . .

   . . .  โดยเฉพาะกับพี่ต้น  ขาอำอันดับหนึ่ง

   “อ้าวไม่เชื่ออีก  จริงโว้ย  สุราษฏร์ฯ  หอยใหญ่อันดับหนึ่งแน่นอน  ไม่งั้นจะได้ชื่อว่าเมืองหอยใหญ่เรอะ”  พี่ต้นยิ้มหัวเราะเบา ๆ

   “ทะลึ่งอีกแล้วพี่ต้น”  มันอายมั้ง  หน้าบอยมันแดง ๆ  มันเพิ่งเคยได้ยิน  เมืองหอยใหญ่

   “จริง ๆ  นะโว้ย  นอกจากหอยจะใหญ่แล้ว  ไข่ยังแดงอีกต่างหาก”

   นั่น . . .

   . . . พี่ต้นเอ้ย 

   ลามกได้ไม่เลือกสถานที่เลย  บอยมันมองหน้าแม่ค้า  กะเทยสาวสองคนที่กำลังใช้พิมพ์เหล็กทับทองม้วนสดมองหน้ามันแล้วหัวเราะกันคิกคัก  คล้าย ๆ  มีความลับ  บอยมันทำหน้าไม่ถูกเลยแฮะ

   “พอเหอะพี่ต้น  พูดอะไรอายเด็กมัน”

   “อายทำไม  ก็ที่หอยหอยก็ใหญ่  ใข่ก็แดง  จริงหม้ายน้องสาว”  ประโยคหลังพี่ต้นหันไปถามกะเทยสาวรุ่น ๆ  สองคนที่หัวเราะมันเมื่อกี้

   “จริงพี่  เชื่อเขาตะพี่บ่าวเขาแหลงจริง ๆ  แหละพี่คนหล่อ”  กะเทยสาวรุ่นกะเตาะหันมายืนยันกับมันเสียด้วย

   แม่ง . . .

   . . .  คนที่นี่ทะลึ่งกันทั้งจังหวัดแน่ ๆ 

   บอยมันเริ่มทำใจ  เฮ้ยกรรมเวรอะไรของมันหว่า  มันต้องมาทำงานที่นี่  ดูเอาเหอะ  ทั้งหอยทั้งใข่  แล้วยังมีอะไรที่หนีไม่พ้นเบื้องต่ำอีกนะ  บอยมันไม่รู้  สมองมันคิดไปเตลิดเสียแล้วในตอนนี้

   พี่ต้นหันมาพยักหน้า  ยักคิ้วกับบอยเหมือนจะบอกว่า  เห็นมะ  พี่พูดจริง ๆ

   “เอาหกตัวพี่  หกตัวห้าสิบได้หม้าย  แล้วน้ำจิ้มกับยอดตอเบานี่แถมหม้ายเลา”  พี่ต้นหันไปสั่งแม่ค้าเป็นภาษาถิ่น

   “น้ำจิ้มชุดยี่สิบเองนิ อย่าให้แถมหลาวตะน้องบาวเหอ  ดีปรีก็แพง  ลูกนาวก็หนวยนึง ห้าบาทเข้าไปแล้ว”  แม่ค้าบอก  พลางใช้ค้อนตอกหอยออก  แล้วแคะลงล้างในน้ำสะอาด  ก่อนจะใส่ถุงพลาสติก  แล้วเอาน้ำแข็งอัดลงไปอีกที

   “ขอบใจนะหนาน้องบาว  เดี๋ยวขากลับซื้อไปฝากแฟนมั้งต่ะ”  แม่ค้าทอนเงินให้พลางชวนซื้อต่อ

   “ครับ”  พี่ต้นบอกก่อนเดินนำเข้ามาทางเดิน เล็ก ๆ 

   สะพานไม้เล็ก ๆ  ทอดตัวจากริมตลิ่งที่อุดมไปด้วยไม้แสมของป่าโกงกางริมทะเล  ร้านอาหารสองร้านติดกัน  ต้นเลือกเดินไปทางขวามือ  บอยมันทำหน้าแปลกใจ  คราวนี้มันทายผิดแฮะไม่ยักทางซ้ายแบบที่มันคิด  มันดูตามร่องสะพาน  ด้านล่างเป็นดินเลนมั้ง  มีตออะไรไม่รู้คล้ายหน่อไม้ขึ้นมาเต็มไปหมด  ระยะทางจากสะพานไม้มายังอาคารที่สร้างยื่นไปในลำคลองราวยี่สิบเมตร  พี่ต้นเลือกมานั่งที่โต๊ะด้านที่ติดกับริมแม่น้ำเลย

   “น้องเอาหอยใส่จานพี่กันนะ  เดี๋ยวพี่เลือกอาหารกันแปบ”   พี่ต้นบอกเด็กเสริฟ  แล้วส่งถุงหอยนางรมไปให้ 

   “กินไรดี  ที่นี่อาหารอร่อย  ราคาไม่แพงมาก”

   “ไม่รู้พี่  พี่สั่งมาผมกินได้หมดแหละหิวจนกินช้างได้ทั้งตัวแล้วนี่”

   “อืม  ได้ ๆ  เดี๋ยวสั่งให้  กินเผ็ดได้มั้ยเรานะ  อาหารใต้นะรสชาติจัดจ้านเผ็ดเป็นเผ็ดเลยนะแก” 

   บอยมันพยักหน้ารับ  เรื่องอาหารใต้ที่รสชาติเผ็ดมันรับรู้มาบ้าง  มันกินได้  แต่มันยังไม่รู้ว่าถ้ามาเจอรสชาติแบบใต้แท้ ๆ  มันจะกินได้หรือปล่าวก็เท่านั้นเอง

   “แล้วนั่นต้นไรพี่  คล้ายหน่อไม้เลย”  บอยชี้ไปที่ยอดเล็ก ๆ  ที่โผล่พ้นดินเลน

   “แสมกับโกงกาง  แถวนี้นะเป็นป่าชายเลนไง . . .”  เจ้าบ้านมองไปยังพื้นป่าชายเลนที่น้ำลด

   “. . . รู้จักใช่มั้ยป่าชายเลนนะ  ที่ไหนมีป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ที่นั่นย่อมมีอาหารทะเลที่อุดมสมบูรณ์ด้วย  เพราะป่าชายเลนเป็นแหล่งอนุบาลของสัตว์ทะเลวัยอ่อนไง  สุราษฏร์ฯ  นี่เป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้  แต่ประชากรน้อยกว่านครศรีธรรมราชและสงขลา  พื้นที่ริมฝั่งทะเลของจังหวัดส่วนใหญ่เป็นป่าชายเลนแทบทั้งนั้น  แทบจะหาหาดทรายน้อยมาก  แต่สุราษฏร์ฯ  โชคดีตรงที่มีเกาะแก่งมากมาย  ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งฝั่งอ่าวไทยเลยทีเดียว  ส่วนอาหารทะเลก็สมบูรณ์เพราะสุราษฏร์ฯ  เป็นชะวากอ่าว  เขาเรียกว่าอ่าวบ้านดอน  เป็นแหล่งสัตว์ทะเลที่สำคัญเลยทีเดียว”  เจ้าบ้านเล่าเรื่อย ๆ 

   บอยนึกภาพตามแผนที่ประเทศไทย  อืม  เป็นอ่าวจริง ๆ      

   “. . . แต่ถ้าอยากเที่ยวนั่งเรือข้ามไปเกาะราวสองชั่วโมงแกก็จะเจอกับฝรั่งอาบแดดตึมเลย  ถ้าไม่ชอบทะเล  ก็ขึ้นเขา  ที่นี่เขาสก  สวยมากป่าดิบชื้นที่สำคัญของภาคใต้เลยทีเดียว  แล้วยังมีเขื่อนอีก  เขื่อนเชี่ยวหลาน  อ้อ  ลืมไป  ในหลวงพระราชทานชื่อใหม่แล้ว  “เขื่อนรัชชประภา”  หมายถึงแสงสว่างแห่งรัชกาล  ที่เขื่อนนะเขาเรียกกุ้ยหลินเมืองไทยเลยนะเอ็ง  ไว้ลงมาคราวหน้าจะพาไป  ถ้าไม่มีเมียเสียก่อนนะโว้ย  เพราะฉะนั้นเอ็งคิดถูกแล้วที่มาอยู่ที่นี่  เพราะทั้งอาหารการกินและที่เที่ยวสมบูรณ์ที่สุด . . .”  พี่ต้นเล่าไปเรื่อย ๆ   

   “. . . อ้อที่สำคัญนะเอ็ง  สุราษฏร์ธานี  ยังเป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่มีสนามบินพาณิชย์เปิดบริการมากที่สุดถึงสองแห่ง”

   “โม้ป่ะพี่”

   “ไอ้นี่  พี่ทำงานสนามบินนะโว้ยโม้ทำไม  สนามบิน  URT  สุราษฏร์ธานี  กับสนามบิน  USM  สมุย  ที่สมุยนะมีบางกอกแอร์เวย์บินวันนึงเกือบยี่สิบไฟล์จากกรุงเทพฯ  แถมยังมีบินไป ภูเก็ต สิงคโปร์  ฮ่องกงอีกด้วยนะแก  เชียงใหม่ที่ว่าแน่มีแค่สนามบินเดียวเอง  แต่สุราษฏร์ธานีมีสนามบินพาณิชย์สองแห่ง  อันนี้เป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยชัวร์เลยน้องเอ้ย” 

   “เชื่อแล้วพี่  รักจังหวัดจังเลยนะพี่”

   “แน่นอนเฟ้ย”  พี่ต้นยักคิ้วให้มันแหละ

   เด็กเสริฟยกหอยนางรมมาวาง  พี่ต้นหยุดเล่า  แล้วหันไปสั่งอาหาร

     “เอายำเคียงเล  หมึกผัดน้ำพริกเผา  ผัดผักรวมเนื้อปู  แกงส้มปลา  ปลาสำลีราดพริก เป๊บซี่ลิตร”

   “โหยพี่  สั่งมาทำไมเยอะแยะ”  บอยมันท้วง

   “อ้าวก็เอ็งบอกหิวกินช้างได้ทั้งตัวไง   เอาน่าเหลือห่อกลับบ้าน  แต่ขี้คร้านจะไม่พอว่ะ”

   เสียงเรือหางยาวติดเครื่องครางกระหึ่มดังก้องไปทั้งท้องคลอง  บอยหันไปมอง  ชาวบ้านตัวดำ ๆ    กำลังจะเอาใบจักรที่หมุนติ้วอยู่ลงจุ่มในน้ำ  แล้วเพียงชั่วครู่หัวเรือก็แหวกสายน้ำออกตัวไปอย่างช้า ๆ  ระลอกคลื่นทำให้แพลูกบวบที่มีโต๊ะอีกหลายโต๊ะริมน้ำกระเพื่อมตามแรงคลื่น  บอยมันมองเรือที่แล่นออกไปยังทะเล  ที่มีเสาอะไรไม่รู้ปักอยู่ตามทะเลเต็มไปหมด

   “เล่าต่อสิพี่  ป่าโกงกางมีประโยชน์อะไรอีก”  บอยมันหันกลับมา 

   พี่ต้นตักหอยตัวใหญ่ ๆ  วางบนจานของมัน  ก่อนเอาหอมเจียวมาโรยหน้า  พริกนี้หนูเม็ดเล็ก ๆ  กับกะเทียม  แล้วทำแบบเดียวกันที่จานของพี่ต้นเอง  ก่อนจะหันมาบอกกับบอย

   “เอ้าลองซะ  เอ็งมาสุราษฏร์ฯ  ไม่กินหอยใหญ่  ถือว่ามาไม่ถึงสุราษฏร์ฯ นะโว้ย  นี่หอยนางรม  กินกับหอมเจียวพริกกะเทียม  น้ำจิ้ม  แล้วที่ขาดไม่ได้นี่เลย . . .”  พี่ต้นชูให้มันดู

   “. . . รู้จักมั้ยยอดตอเบา” 

   “กระถินเหรอพี่”

   “ใช่แล้วที่นี่เรียกยอดตอเบา  กินแบบนี้นะ ตามที่พี่กิน”  พี่ต้นตักหอยที่มีเครื่องครบเข้าปาก  แล้วเอากระถินตามเข้าไปก่อนเคี้ยวกร้วม ๆ  ด้วยท่าทางที่อร่อยสุด 

   บอยมันมองหอยในจานตัวใหญ่ทีเดียว  มันกลั้นใจทำตามพี่ต้นเพราะกลัวเจ้าภาพจะเสียน้ำใจ  มันเอาหอยเข้าปากแบบเดียวกับพี่ต้น หอยตัวใหญ่สด ๆ  เข้าไปอยู่ในปากมันนุ่มลิ้น  มันรู้สึกพะอืดพะอม  เพราะไม่คุ้นลิ้น  มันอมไว้สักพักก่อนที่จะค่อย ๆ  เคี้ยวรสหวานจากหอยสดกับน้ำจิ้มรสชาติเยี่ยม  ทำให้ลิ้นมันเริ่มรับรส  มันเคี้ยวแล้วกลืน  อร่อยดีแฮะ

   “เป็นไง  ถึงสุราษฏร์ฯ  ครึ่งทางแล้ว  เดี๋ยวต้องหาโอกาสพาไปกินไข่แดง” 

   “โหยพี่  ลามกไม่เลิกเลยนะ”

   “ลามกเรื่องอะไร” 

   “ทั้งหอยทั้งใข่ไงพี่”   บอยมันตอบ  คราวนี้มันไม่ต้องรอให้พี่ต้นบอกมันเรื่องกินหอยอีกแล้ว  มันทำเป็นแล้วล่ะ  มันค่อย ๆ  ตักหอยมาวางที่จานเอาหอมเจียวพริกนี้หนูกะเทียม  แล้วเอาน้ำจิ้มราดจนชุ่มเลยทีเดียว

   พี่ต้นมองมันแหละ  ยิ้ม ๆ   เสียด้วย

   “อ้าวไอ้นี่  เอ็งไม่เคยรู้อะไรเลยเหรอนี่”

   “รู้อะไรพี่”

   “ก็หอยใหญ่ ไข่แดงไง”

   “ฮือ” 

   บอยสั่นหัวปฏิเสธ  ก็คนมันไม่รู้  จะให้มันรู้ได้อย่างไรกันเล่า  มันมองหน้าพี่ต้น แกขำมันอีกมั้งหัวเราะชอบใจเลยทีเดียวก่อนจะชี้แจง

   “ที่บอกว่าที่นี่หอยใหญ่ไข่แดงเพราะเมืองสุราษฏร์ฯ  นะมีคำขวัญโว้ย  เมืองร้อยเกาะ  เงาะอร่อย  หอนใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ ชักพระประเพณี  แล้วแกไปคิดถึงอะไรว่ะ  หอยใหญ่ก็หอยนางรมที่แกเปิบไปสองตัวแล้วนั่นไง  ส่วนไข่แดงก็ไข่เค็มไชยา  สินค้าขึ้นชื่ออันดับต้น ๆ  ของประเทศนะแก  ถ้าเชียงใหม่มีใส้อั่ว น้ำพริกหนุ่มแคบหมู  สุราษฏร์ฯ  ก็ต้องไข่เค็มไชยาโว้ย”

   ตาย . . .

   . . . บอยมันอยากจะนอนตายลงไปตรงนั้น

   เมื่อฟังคำอธิบาย  มันหลงคิดไปลึก  มิน่าสองสาวเทียม ๆ  ที่ร้านขายหอยถึงได้หัวเราะมัน  ทำไมมันไม่ศึกษาประวัติหรือข้อมูลของจังหวัดที่มันจะมาอยู่เลยนะ  มันอายจริง ๆ  แหละ  คราวนี้มันอายมากเลย

   เด็กเสริฟยกยำมาวาง  บอยมันเห็นเลย  กุ้งชุบไข่ทอด  ปลาหมึกชุบไข่ทอด  เนื้อปลา  เม็ดมะม่วงหิมพานต์อีก  กับเครื่องยำที่คลุกเค้ากันกลิ่นยั่วน้ำลายมันเหลือเกิน

   “เอาลองซะ  ยำสาวเคียงเล  อาหารเรียกน้ำย่อย”  พี่ต้นตักยำใส่จานมันแล้วยิ้ม

   มันมองหน้า คราวนี้มันจะโดนอำอะไรอีกหว่า  มันไม่แน่ใจแล้วล่ะ  พี่ต้นที่มันรู้จักอำเก่งชะมัด  อำมันได้เรื่อย ๆ  เชียวแหละ   

   บอยมันเริ่มเข้าใจแหละ  บางที่โลกที่มันเห็นมันเคยเจออาจเป็นอีกสีหนึ่ง  แต่โลกที่มันเดินอยู่ตอนนี้เป็นสีที่แตกต่างจากที่มันเจอมั้ง  เพราะเวลาหรือระยะทางที่ห่างกันหรือปล่าวมันไม่แน่ใจ  แต่บอยแน่ใจ 

   อย่างน้อย . . .

   . . . โลกที่มันเห็นตอนนี้กว้างกว่าที่เชียงใหม่  โลกกว้างแบบนี้มานานแล้วหรือว่ามันไม่เคยมองว่าโลกกว้างกันแน่นะ  มันยิ้มกับโลก  โลกที่มันเพิ่งเคยมอง




   บอยเริ่มชินกับความเป็นอยู่ในที่ใหม่  ดินยังคงเป็นเหมือนสายใยบาง ๆ  ที่โยงบอยกับโลกที่เชียงใหม่ไว้ด้วยกัน  ดินโทรมาทุกวันตามที่บอกจริง ๆ บอยออกจะเหนื่อยกับงานที่ตัวเองทำ  แต่มันตั้งใจแน่แน่วแล้วล่ะ  มันจะทำงานให้ดีที่สุด  ให้สมกับที่มันอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่  แต่ใครเลยจะหลอกตัวเองได้นาน  บอยมันเองมันก็หลอกตัวเองไม่ได้นานเหมือนกัน

   บอยมันโทรศัพท์เอาไว้แน่น  ในมือชุ่มไปด้วยเหงื่อ  มันกดดูชื่อที่บันทึกเอาไว้หลายครั้งแล้วล่ะ  บอยตั้งใจจะโทร  แต่เหมือนมีเสียงห้ามเอาไว้ทุกครั้ง  มันเดินไปที่ระเบียงหอพัก  มองไปที่ภูเขา  สายลมพัดใบไม้ไหว เหมือนหัวใจบอยในตอนนี้  บอยเองก็หัวใจไหวเหมือนกันแหละ  บอยเหงา  มันเริ่มเหงากับสถานที่ใหม่
   ความเหงามันมักมาเยี่ยมตอนตะวันโพล้เพล้เช่นนี้เสมอหรือ?

   บอยมันหลับตานิ่งถอนหายใจยาว . . .

   . . . เอาว่ะ 

   มันตัดสินใจแล้ว  มันต้องทำ  เป็นไงเป็นกัน  มันกดเบอร์ไปตามหน้าจอที่โชว์อยู่

   NAT… 

   แล้วบอยมันก็กดเบอร์ทิ้ง  มันกลัวไปสารพัด  มันกลัวไปร้อยแปดพันเก้า  นัทรับแล้วมันจะพูดอะไรกับนัท  แล้วถ้าเกิดมันคุยแล้วนัทเกิดตัดสายทิ้งขึ้นมา  มันจะทำอย่างไร  แล้วถ้านัทรับแล้วนัทไม่พูดอีกล่ะ

   แล้ว?

   แล้ว?

   สารพัดคำถามที่เกิดขึ้นในใจ  บอยมันแทบหมดแรง  มันถอนหายใจยาวมองโทรศัพท์ในมือนิ่ง ๆ  มันต้องทำอย่างไรต่อไปดีหว่า  มันคิดถึงนัทจะตายอยู่แล้ว  ที่นี่มันเพิ่งมาทำงานเพื่อนร่วมงานของมัน  มันไม่สนิทเลย  มันได้แต่คุยกับดินให้พอคลายเหงาเท่านั้น  แต่คนที่มันอยากได้ยินเสียงคือ . . .

   . . .นัท

   บอยมันรู้แล้ว  อย่างไรเสียมันก็ลืมนัทไม่ได้ 

   มันคงลืมรักแรกของมันไม่ได้แน่นอน

   แววตามันฮึดสู้  เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน  บอยมันกลั้นหายใจก่อนกดไปที่เบอรืเดิมอีกครั้ง  แล้วมันต้องแพ้เช่นครั้งแรก  มันไม่รอให้ปลายสายตอบกลับมา  มันชิงตัดสายไปก่อน

   “โธ่โว้ย  ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยว่ะ”  มันสบถออกมาดัง ๆ  แล้วนั่งลงที่ระเบียง

   มันเหมือนคนหมดหวัง . . .

   . . .  นั่งกอดเข่า 

   มือจ้องมองแต่โทรศัพท์ในมือ  ไม่รู้สิ  มันกลัวอะไรนักหนาว่ะ  มันกลัวนัท  หรือมันกลัวหัวใจตัวเองที่จะไปผูกกับนัทหรือ

   เดือนกว่า ๆ  มันอยู่ได้  มันลืมนัทได้เดือนกว่า ๆ  แล้วมั้ง  แล้วทำไมวันนี้ความรู้สึกในหัวใจมันกลับรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ  นะมันไม่เข้าใจหัวใจตัวมันเองเลย

   บอยมันกดโทรสัพท์แบบเดิมซ้ำ ๆ  อีกร่วมสิบครั้ง  มันทำไม่ได้

   ทำไม่ได้เลย

   น้ำตามันเอ่อ  มันปล่อยน้ำตามันไหลออกมาเสียงั้น  หยาดน้ำตาแรกบนแผ่นดินใหม่  แผ่นดินที่ห่างไกลจากหัวใจมันร่วมพันห้าร้อยกิโลเมตร  มันร้องไห้เสียบ้างก็ดีนะ  บางทีอาจทำให้มันหายอึดอัดในหัวใจเหมือนที่เป้นอยู่ในตอนนี้ก็ได้  บอยปล่อยใจตัวเองไปตามความรู้สึกที่มันมี

   แล้วมันลองอีกครั้ง . . .

   . . .  มันกดอีกครั้ง 

   คราวนี้มันเหมือนคนหมดแรง มันไม่กล้าที่จะกดวาง  มันรอสัญญาณตอบรับจากปลายสาย

   “ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก”

   มันคล้ายโล่ง . . .

   . . . นัทปิดเครื่องมั้ง 

   มันยิ้มเล็กน้อย  ที่แท้มันกลัวไปเองแหละ  มันกลัวที่จะได้ยินเสียงนัท  บอยรู้แล้ว  ตอนนี้มันได้โทรหานัทแล้ว  แต่นัทไม่เปิดเครื่อง  มันยังรู้สึกเหมือนได้รับการปลดปล่อย เห็นมั้ยไม่ได้น่ากลัวแบบที่คิดเลย  โทรไปแล้วรู้สึกสบายใจ  กลัวทำไม  นัทมันจะมาทำอะไรได้เล่า

   แล้วบอยมันก็โทรหานัทอีกในสัปดาห์ต่อมา  คราวนี้มันเริ่มแปลกใจมาตะหงิด ๆ  แล้วล่ะ  เพราะมันได้รับ  เสียงตอบรับแบบเดิม

   “ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก”

   นัทเป็นอะไรไปหว่า . . .

   . . . ทำไมมันไม่เปิดเครื่อง  บอยมันเฝ้าถามตัวเองเงียบ ๆ  มันอยากถามดินเหมือนกันเวลาที่ดินโทรมา  ว่าดินโทรหานัทหรือปล่าว  แต่ปากมันหนักมั้ง  มันกลัวดินจะเสียใจมั้ง  มันเลยไม่ถาม  มันได้แต่เพียรโทรหานัทเรื่อย ๆ  ทั้งสัปดาห์  ในช่วงระยะเวลาที่ต่างกัน

   “ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก”

   เสียงตอบรับแบบเดิมทุกครั้งจนบอยมันอ่อนใจที่จะโทรหานัทอีก  เพราะบอยไม่รู้  นัทปิดเครื่องทำไม  . . .

   . . .  นัทมันปิดเครื่องทำไมกัน

   จนล่วงเข้าเดือนที่สาม  บอยมันกล้ามากขึ้น  คราวนี้มันกดโทรศัพท์หานัท  มันหวังเต็มเปี่ยมนัทจะรับสายมันสักที  มันรอเสียงสัญญารจากปลายสายด้วยหัวใจเบิกบานเป็นที่สุด

   แล้วเสียงจากปลายสายคล้ายมีดกรีดหัวใจมันเสียเลือดสาด!

   “หมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่ได้ลงทะเบียนในระบบ”

   บอยมันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย  ค่ายพันกันหรือมันโทรผิดหว่า  มันกดใหม่อีกครั้ง  แล้วบอยมันก็ได้ยินเสียงตอบรับแบบเดิม  มันทำซ้ำ ๆ  กันเป็นอาทิตย์  จนมันแน่ใจ  ไม่มีเบอร์นัทแล้ว

   บอยเหมือนคนที่โดนโยนหล่นลงเหวลึก . . .

   . . . มันคล้ายตัวเบา ๆ 

   มันตัดสินใจโทรหาดิน  มันไม่รู้จะหันหน้าไปมองใคร  มันแค่อยากมีคนคุย  มันถามดินแหละ  ถามในเรื่องที่มันสงสัย  แต่มันฉลาดพอที่จะไม่ถามดินตรง ๆ  บอยเลียบ ๆ  เคียง ๆ  ถามดินในเรื่องที่บอยสงสัย

   “ดิน  ถ้ามีคนโทรหาดินบ่อย ๆ  แล้วคนนั้นเป็นคนที่ดินไม่ชอบดินจะทำไง”

   เห็นมั้ย . . .

   . . .  บอยมันฉลาด 

   มันพยายามเลี้ยวไปไกล  มันไม่อยากจะถามดินตรง ๆ  แต่มันไม่รู้หรอกดินรู้จักมัน รู้จักมันดีกว่าตัวมันรู้จักตัวเองเสียอีกมั้ง  บอยมันหลงคิดว่ามันฉลาดไง  มันหลงคิดไปเองทั้งนั้น

   “ถ้าเป็นดิน  ก็จะบอกเขาดี ๆ  แต่ถ้าเบื่อมาก ๆ  ดินจะปิดเครื่องหนีหรือถ้าสุด ๆ  จริง ๆ  ก็ปิดเบอร์หนีไปเลย”

   คำตอบของดินทำเอาบอยหมดเรี่ยวแรง . . .

   . . . นัทมันคงอยู่ในคำตอบของดิน

   ทีแรกก็ปิดเครื่องหนี . . .

   . . . แล้วตอนนี้บอยมันรู้แล้ว 

   นัทเปลี่ยนเบอร์หนี

   บอยมันชาวาบไปทั้งตัว  มันค่อย ๆ  ทรุดลงกับพื้น  มันถดตัวเองเข้าหาซอกมุมของห้อง  อย่างน้อยมุมหลีบแคบ ๆ  ก็โอบกอดมันไว้  ไม่ให้มันถอยไปทางไหนได้อีก  แล้วมันร้องไห้ออกมา 

   มันเสียใจ . . . 

   นัททำไมทำแบบนี้  ทำไมนัทเกลียดมันมากนักเหรอที่มันเป็นแบบนี้  ทั้ง ๆ  ที่มันไม่เคยเข้าไปทำให้นัทเสียหายเลย  มันแค่อยากบอกความรู้สึกของตัวเองให้นัทรับรู้  แต่นัทกลับทำเหมือนว่ามันเป็นตัวอะไรที่น่ารังเกียจ 

   แค่ข้อความ  SMS  เท่านั้น  นัทถึงกับรับไม่ได้เชียวหรือ

         “I really love you Nat.   From boy.”


   บอยมันเกลียด . . .

   . . .  มันเกลียดข้อความนี้เหลือเกิน  ถ้าวันนั้นมันไม่เขียนข้อความบ้า ๆ  นี้ไป  นัทคงไม่เปลี่ยนเบอร์หนีมัน  บอยมันเชื่อแล้ว  ระหว่างมันกับนัท  มันนี่แหละที่บ้าไปต่าง ๆ  นานา  นัทไม่เคยมองมัน  ไม่เคยเห็นมันนายตาด้วยซ้ำ  บอยมันร้องจนตามันซ้ำ 

   แต่หัวใจมันแหลกเหลวไปแล้วตั้งแต่ที่บอยคิดว่านัทเปลี่ยนเบอร์หนีมัน

   ความคิดไปเองย้อนกลับมาทำร้ายบอยอย่างเจ็บปวดที่สุด



ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #118 เมื่อ01-08-2009 13:15:55 »

กรรมจริง ๆ

เจ้าดินนี่ก็นะ

เฮ้อ....

ขอบคุณที่มาต่อครับคุณราชบุตร

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #119 เมื่อ02-08-2009 12:59:22 »

อย่าคิดอย่างนั้นซิบอย

นัทมันทำมือถือหาย ไม่ใช่รังเกียจบอยซักกะหน่อย

คุณราชบุตร ใจร้ายมากๆ ให้บอยคิดแบบนี้ได้ไง :z3:

 :z13: :z13:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด