The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 37 ฺComplete ending 26/3/10)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 37 ฺComplete ending 26/3/10)  (อ่าน 69894 ครั้ง)

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


สวัสดีอีกครั้งครับ กลับมาอีกครั้งกับนิยายแฟนตาซีเรื่องใหม่ The odyssey

เรื่องนี้ค่อนข้างที่จะแตกต่างไปจากเรื่องก่อนมากพอควรทีเดียว

จากเรื่องที่แล้วที่ออกแนวแฟนตาซีออกทะเลไปไกล

เป็นแฟนตาซีจ๋ามากขึ้นกลับสู่สมัยเวทมนต์ เทพเจ้า และการเดินทาง

ยังไงก็ขอฝากตัวฝากใจด้วยนะครับ


ขอบคุณครับ


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2010 01:41:38 โดย Tifa »

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
Re: [นิยาย] The odyssey
«ตอบ #1 เมื่อ02-06-2009 12:02:25 »

บทเบิกโรง




โชคชะตา


บางสิ่งในโลกนี้ล้วนแต่มีบทของมันเอง ทั้งดีและร้ายผสมปนเป บทเศร้าเคล้าน้ำตา เสียงหัวเราะ ความขมขื่น มันช่วยสร้างสีสรรให้โลกใบนี้มีความหลากหลาย ขึ้น

อยู่กับว่าผู้กำกับที่เรียกตนว่าพระเจ้านั้นกำหนดให้คุณเป็นสีอะไรก็เท่านั้น





การเดินทาง


สิ่งมีชีวิตย่อมไม่หยุดอยู่กับที่…..ทุกสิ่งเคลื่อนไหวอยู่เสมอ และการเดินทางนั้นเองนำพาการเปลี่ยนแปลงให้มาพบคุณ…..ไม่มีใครรู้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะนำพาคุณ

ไปสู่จุดไหน ทางแยกมีอยู่มากมาย การเลือกนั้นส่งผลต่อบทสุดท้าย…….หลายคนบอกว่าชีวิตของเรานั้นขึ้นกับเส้นทางที่เราเลือกเอง



แต่ถ้าการเลือกนั้น……อยู่ในบทชีวิตอยู่แล้วล่ะ





ความขัดแย้ง


มีความขัดแย้งเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง หนึ่งครั้งเกิดจากความเห็นที่ไม่ลงรอย สองครั้งเกิดจากอารมณ์ที่ไม่รู้จักควบคุม บ่อยครั้งที่เกิดจากความไม่เหมือนกัน ทั้งเชื้อชาติ

ศาสนา และทุกครั้งมันจบลงที่คำว่าสูญเสีย





ความรัก


นิยามของคำนี้ช่างมีมากมายนักตามแต่คุณจะมองว่ามันเป็นอย่างไร บางคนบอกว่ารักเป็นสิ่งสวยงาม ในทางตรงกันข้ามอีกคนกลับบอกว่าคือความเจ็บปวด แต่ไม่ว่า

ใครจะพูดว่ามันคืออะไรมีอยู่สิ่งหนึ่งที่สามารถพูดได้เต็มปาก……….นั่นคือ………ทุกคนต้องการมัน







เมื่อโชคชะตากำหนดให้พวกเขาต้องเดินทางไกล……ทางเลือกต่างๆมีไว้ทดสอบพวกเขา


………..และในเมื่อเริ่มต้นด้วยความขัดแย้ง…….ความรักจะช่วยบรรเทารอยร้าวนั้นอย่างไร





ติดตามได้ใน The Odyssey

ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
Re: [นิยาย] The odyssey
«ตอบ #2 เมื่อ02-06-2009 12:25:26 »


 :mc4:
แอร้ย  เข้ามาเจิม  ชอบแนวแฟนตาซีอ่ะ
แล้วเรื่องนี้ มีน้องสาวคีน่าจังป่ะ

 :L1:

mole eye man

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] The odyssey
«ตอบ #3 เมื่อ02-06-2009 16:45:51 »

มาตั้งโต๊ะรอ   เพราะติดใจหักมุมท้ายเรื่องของอันที่แล้วมากมาย  >w</

จะรอติดตามต่อนะฮะ  ^^

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: [นิยาย] The odyssey
«ตอบ #4 เมื่อ03-06-2009 12:21:50 »

เปิดเรื่องน่าสนใจ 

ขอร่วมเดินทางด้วยคน :mc4:

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
Re: [นิยาย] The odyssey
«ตอบ #5 เมื่อ03-06-2009 14:53:48 »

ขอบคุณทุกเสียงตอบรับมากๆเลยครับ อิอิ มีกำลังใจๆ



อ้างถึง
กิมตี๋หัดขับ = คือเรื่องนี้เป็นอีกแนวเลยอะแฟนตาซีจ๋า......แต่ก็ไม่แน่อาจมีตอนพิเศษ ให้น้องคีน่าเข้ามาป่วนเล่น คริๆ


mole eye man = ถ้าจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่มีหักมุมจะติดตามอ่านมั้ยครับ แงๆ (อ่านเถอะนะ)


dahlia = ยินดีต้อนรับสู่ขบวนจ้า


มาเริ่มเรื่องกันต่อเลย



[/color]

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
ปฐมบทแห่งการเดินทาง





ณ ห้วงนภาอันกว้างไกล




ปุยเมฆขาวนวลลอยล่องอยู่รายรอบโอบล้อมสิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ ปราสาทสีขาวนวลเปล่งประกายเจิดจ้าเด่นสง่าอยู่ใจกลางหมู่เมฆหมอกเหล่านั้น แสงสีทองสาดส่องไปทั่วสร้างความอบอุ่นให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้ สถานที่อันเป็นนิรันดร์ ที่สถิตของเหล่าปวงเทพ


เสียงฝีเท้ากระทบพื้นหินอ่อนดังก้องไปรอบห้องสี่เหลี่ยมขนาดกว้างห้องหนึ่ง บ่อน้ำขนาดย่อมตั้งอยู่ใจกลางของห้องนี้ และข้างๆนั้นก็มีชายผู้สวมชุดเกราะยืนรออยู่ก่อนแล้ว


“เจ้ามาช้า” ชายที่รออยู่ว่าอย่างหัวเสีย แน่ล่ะทั้งๆที่นัดเวลากันแน่นอนแล้ว แต่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่ใส่ใจกับมันนัก ยังทำทีเดินอย่างสะบายใจมาอีก เห็นแล้วมันน่าลงโทษนัก

“ท่านอย่าคิดเป็นจริงเป็นจังนักเลย….ก็แค่เล่นอะไรสนุกๆ” ผู้มาช้าหยุดยืนด้านตรงข้ามของบ่อน้ำ เขายิ้มอย่างอารมณ์ดีที่กวนใจอีกฝ่ายได้ เขานั่งลงที่ขอบของบ่อน้ำสีใส ชายผ้าขาวบางเบาข้างลำตัวสัมผัสกับน้ำจนเปียกชุ่ม มือเรียวเล็กค่อยๆเลื่อนไล้ไปตามผิวน้ำเกิดคลื่นเป็นวงกระจายไปตามแนวมือ ใบหน้าขาวนวลนั้นจ้องไปยังอีกฝ่ายอย่างยั่วเย้าริมฝีปากแดงสดนั้นยังยิ้มร่า แน่ล่ะมันสร้างความหงุดหงิดให้อีกฝ่ายเป็นอย่างมาก

อีกฝ่ายได้แต่ทำตาดุไปถึงเจ้าตัวกวนที่มีแต่จะสร้างเรื่องให้เขาเสียเรื่อย เขาสะบัดหัวไปมาอย่างเบื่อหน่าย ผมสีน้ำตาลเข้มโบกไปมาตามแรง เขาย่อตัวลงคุกเข่าลงพื้น

เสียงเกราะเหล็กกล้ากระทบกันดังไปสักพักจนกระทั่งเขานั่งลงเรียบร้อย มือที่หยาบหนากว่าอีกฝ่ายจ้วงลงไปในน้ำอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายฉีกยิ้มยิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่าเขาอารมณ์เสียแค่ไหน

“เริ่มกันได้แล้ว” ชายผู้ใส่เกราะเหล็กว่าอย่างเร่งรีบ เขาเสียเวลามามากแล้ว

“ท่านจะรีบไปไหนกัน…..ข้ามีเวลาให้ท่านทั้งคืน ทั้งวัน” เจ้าตัวกวนไม่ตอบเปล่ายังแกล้งทำเสียงสั่นเพียงเพื่อหวังแหย่เล่นๆก็เท่านั้น

“หึ ปากดีนักนะเจ้า….อย่ามายั่วข้าเลย….เร่งมือเข้าท่านมหาเทพใกล้กำหนดกลับมาแล้ว”

“ท่านกลัวรึ”

“รึเจ้าไม่กลัว”




กว่าที่ทั้งสองเลิกต่อล้อต่อเถียงกันได้ ก็ล่วงไปหลายนาทีแสงทองที่ลอดมาจากหน้าต่างค่อยๆลับตาไป น่าแปลกแม้ภายในห้องนี้ไม่มีแสงไฟ แต่ร่างของทั้งสองกลับเปล่งแสงอ่อนๆออกมาพอให้เห็นสภาพในห้องได้เลาๆ ว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน




และบัดนี้ก็ได้เวลาเริ่มต้นเสียทีกับการละเล่นต้องห้ามที่เหล่าเทพต่างพากันชื่นชมมันเสียยิ่งนัก แต่ก็เพราะเป็นของต้องห้ามทำให้ยิ่งมีความใคร่รู้…..อะไรที่ปกปิด….สิ่งใดที่ซ่อนเร้น….มันช่างน่าค้นหานัก

เทพทั้งสองหยุดการเคลื่อนไหวของมือแล้วดึงกลับมาปล่อยให้คลื่นน้ำค่อยๆนิ่งสงบลง แต่เมื่อผิวน้ำกลับมาราบเรียบอีกครั้งภาพสะท้อนที่ควรจะเป็นใบหน้าอันสง่าของทั้งสองกลับเป็นภาพของกองทหาร

ทางฝ่ายท่านนักรบเกราะเหล็กที่ตอนนี้กวาดสายตาสำรวจเหล่าทัพของตนอย่างพอใจในความพร้อมและความยิ่งใหญ่ของทัพตน ทัพหน้าประกอบด้วยพลหอกนับพันคอยทะลวงคู่ต่อสู้ให้กระเจิง ปีกซ้ายและขวาขนาบด้วยทหารราบที่ฝึกปรือมาอย่างดีชุดเกราะตีด้วยเหล็กกล้า อีกทั้งศาสตราวุธยังเป็นของชั้นดีหาที่เปรียบได้ไม่ ในส่วนหลังเป็นส่วนของกองทัพจอมเวทคอยให้ความคุ้มครองและโจมตีได้อย่างรุนแรง ด้านหน้าสุดปรากฎแม่ทัพผู้อยู่บนอาชาสีดำสนิท ข้างกายเขามีเหล่าเสนาธิการอีกสองคนเคียงข้างเขาเสมอ

“ยอมแพ้เสียตอนนี้ยังทันนะ” เทพแห่งสงครามหันไปเล่นงานฝ่ายตรงข้าม เขาดูยังไงก็ไม่น่าจะมีทางชนะได้เลย ดูสิทั้งกำลังคน ทั้งประสบการในการรบ…เทพแห่งความรู้จะมาสู้กับเทพสงครามอย่างเขาได้อย่างไร

“แหมท่านก็…..ถ้าข้ายอมแพ้สัญญาที่ให้ก็ถือเป็นโมฆะ” เทพแห่งความรู้ไม่ยอมเปล่าจะยอมเสียเชิงท่านเทพแห่งสงครามได้อย่างไรกัน ถึงแม้ในด้านกำลังคนของเขาจะน้อยกว่าและจะเสียทีให้ในการรบครั้งที่ผ่านมา แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้……เรื่องอะไรจะยอม

“เจ้าเลือกเองนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เทพหนุ่มหัวเราะร่า ในใจคิดเพียงจะทำอย่างไรรางวัลที่ได้ดี




กองทัพของจ้าวแห่งตำรานั้นดูด้อยไปถนัดตาเมื่อเทียบกับอีกฝ่ายทัพหน้าที่กระกอบด้วยเหล่าทหารที่ขี่อยู่บนบรรดาสิงสาราสัตว์ประเภทต่างๆ พลธนูอยู่ถัดลงไป ท้ายสุดเป็นเพียงเครื่องยิงหินแบบเหวี่ยงที่ถูกสร้างด้วยไม้ดูแล้วไม่น่าจะทำงานได้เกิน 3 ครั้งก็น่าจะหักโครมเสียแล้ว ไม่เพียงแค่จำนวนคนที่ลดน้อยลงจากการรบครั้งที่ผ่านๆมา ขวัญกำลังใจของเหล่าทหารดูจะไม่มีเอาเสียเลย…..แววตามีแต่ความสิ้นหวัง หดหู่……จะมีก็เพียงแม่ทัพที่ยืนสง่าอยู่เบื้องหน้าที่ไม่ว่าจะตกเป็นรองแต่ก็ยังมีใจสู้…….หรือเพียงว่าจำเป็นต้องสู้



“ข้าเริ่มก่อนล่ะนะ” จ้าวแห่งการรบเปิดฉากก่อนจะให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว



เสียงแตรดังลั่นก้องไปทั่วทุ่งหญ้า เสียงโห่ร้องระงมร้อง เหล่าทหารฝ่ายเทพสงครามชักอาวุธจัดเตรียมในท่าพร้อม บรรดานักเวทร่ายมนต์เสียงงึมงำ ไอเวทสีเทากระจายแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ท่านแม่ทัพปืนทรงขึ้นเหนือศีรษะแล้วลั่นไกส่งสัญญาณออกศึก

เหล่าฝีเท้ากระหน่ำเหยียบลงฝืนปฐภีสร้างแรงสั่นสะเทือนได้น่ากลัวพอๆกับเสียงโห่ร้องอย่างบ้าคลั่ง
กระแสทหารไหลหลากเข้าบุกอย่างไม่ลังเล พลหอกเบื้องหน้าตั้งหอกไว้เฉียงไปเบื้องหน้าหมายปลิดชีพผู้ที่คิดขวางทาง ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆสีดำที่มีกระแสไฟ้ฟ้าวิ่งไปมาส่งเสียงครืนๆเป็นระยะ

“ขี้โกง เล่นไม่ทันตั้งตัว” เมื่อเห็นทัพของข้าศึกวิ่งกรูเข้ามาเทพแห่งความรอบรู้ก็ต้องเหงื่อตก เขาไม่แน่ใจเลยว่าจะชนะศึกนี้ไปได้ง่ายๆหรือไม่…..เอาน่ะไม่ชนะด้วยกำลังก็ต้องใช้เล่ห์เอาล่ะ

ไม่รอช้าแม่ทัพฝ่ายเทพแห่งความรู้ชูมือชี้ไปบนฟากฟ้าที่กำลังแปรปรวน สัตว์ร้ายคำรามสร้างขวัญ เหล่านักรบตั้งรับชักอาวุธออกมาประจำกาย ศัตรูใกล้เข้ามาแล้ว………….ห่างไปเพียง500เมตร



เสียงกรีดร้องของสัตว์ร่างยักษ์ดังขึ้นเหนือหมู่เมฆ กองทัพเทพแห่งการต่างรบชะงักไปพร้อมกับมองหาต้นเสียงอันน่าสะพรึงนั้น เสียงที่เล็กแหลมจนมันกรีดเข้าไปถึงหัวใจ

เสียงนั้นไม่หยุดร้องยังคงข่มขวัญเหล่าผู้รุกรานได้อย่างดี

“เฮ้ยยยย….” เสียงร้องโวยวายพร้อมทั้งการชี้นิ้วกับบางสิ่งที่ค่อยๆปรากฏออกมาจากฟากฟ้าสีดำนั้นเล่นเอากองทัพหอกถอยกรูกันไป



วิหกยักษ์สีทองอร่ามนับสิบค่อยๆร่อนลงยังพื้นอย่างสวยงามประกายสายฟ้าแล่นไปมาระหว่างดวงตาคมของจ้าวแห่งนภาไม่บอกก็รู้ว่าพวกมันกำลังโกรธ……

“บุกเข้าไป….ไม่ต้องกลัว” แม่ทัพบนม้าดำไม่ยี่ระต่อกำลังเสริมที่พึ่งเข้ามา เขายังควบม้าต่ออย่างรวดเร็ว มือซ้ายกุมบังเหียน ขวาจับปืนไว้มั่น ปืนกระบอกยาวเล็งเป้าหมายไปยังกลางอกของนกสีทองตัวหน้าสุด


เสียงปืนดังลั่น…….เลือดสีแดงสดไหลรินสู่พื้นปฐภี……จ้าวแห่งนภาสิ้นใจล้มตัวลงกระแทกกับพื้นดิน….พรรคพวกวิหกที่เหลือมองเป้าหมายอย่างโกรธกริ้ว….สายฟ้าถูกปล่อยลงมานับสิบสายกวาดเป็นลานกว้าง แสงสีขาวทอดยาจากฟ้าลงฝืนดิน เสียงระเบิดดังก้องไปทั่ว

เทพในชุดขาวยิ้มอย่างปิติ อย่างน้อยก็จัดการตัวสำคัญได้….แต่ก็ได้แต่ดีใจไปชั่วครู่ในเมื่อผงฝุ่นจากการระเบิดจางลงไป ชายบนหลังม้ายังยืนหยัดอยู่อย่างไร้บาดแผล รอบกายประกอบด้วยสองเสนาธิการซึ่งหนึ่งในนั้นได้จัดการกับสายฟ้านั้นให้พ้นทางไป

“เจ้าคิดว่าจะใช้แผนเก่าๆได้อย่างนั้นรึ หึหึ” จ้าวแห่งการรบยิ้มเยาะ ก่อนจะโบกมือออกคำสั่งผ่านบ่อน้ำไป ในตอนนี้กองพลหอกได้ฝ่าทะลวงกองทัพสัตว์เทพไปได้แล้ว…..และดูเหมือนจะมีชัยได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงจากนี้ไป

“ขอเวลานอก” เทพแห่งความรู้กล่าว



ภาพการรบอันดุเดือดถูกหยุดค้างไว้ อีกฝ่ายได้แต่แอบยิ้มแต่ก็แกล้งทำเป็นตีหน้านิ่ง



“ข้าว่า…..ข้าอาจจะต้องทบทวนขอเสนอของท่านดูเสียหน่อย” เทพแห่งความรู้ค่อยๆเคลื่อนตัวไปยังอีกฝั่งของบ่อน้ำ ชายผ้าที่เปียกน้ำนั้นแนบชิดติดกับผิวกายเผยให้เห็นสัดส่วนที่เย้ายวน เล่นเอาอีกฝ่ายกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่

“ท่านพอที่จะให้โอกาสข้าอีกหรือไม่” มือเรียวเล็กนั้นไล้ไปตามเกราะเหล็กกล้า สร้างความหวั่นใจให้ชายร่างยักษ์ไม่ใช่น้อย

“แล้วเราจะไม่ต้องมาเล่นเกมบ้าๆนี่อีก” มือทั้ง 2 รวบใบหน้าของนักรบที่พยายามหลบหนี บิดหันมาจ้องตา เทพร่างบางค่อยๆโน้มตัวเข้าใกล้อีกฝ่ายทีละน้อยช้าๆ แล้วบรรจงฝากริมฝีปากไว้กับเขาอย่างนุ่มนวล



ภาพสะท้อนในบ่อน้ำนั้นเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง



“ท่านพอจะให้ข้าได้ไหม…….” เสียงสั่นๆของเทพแห่งความรู้กระซิบเข้าที่ข้างหูของนักรบ พร้อมรอยยิ้มแฝงไว้ด้วยเล่ห์…

ท่านเทพแห่งการรบก้มลงหอมแก้มขาวนวลอันนั้นก่อนจะกระชับวงแขนรวบเจ้าตัวเล็กไว้




“เจ้าอย่ามาลีลา…..ลูกไม้ตื้นๆใช้กับข้าไม่ได้หรอก” น้ำเสียงดุดันกลับมาอีกครั้ง แววตาที่หวั่นไหวเมื่อครู่ถูกเปลี่ยนเป็นความแข็งกร้าว……แขนทั้ง 2 รัดตัวเทพเจ้าเล่ห์ไว้

“ยังไงข้าก็จะชนะ……”เขากระซิบริมหูพร้อมใช้ลิ้นชิมรสของเทพตัวดีองค์นั้น

“และเจ้าก็หนีข้าไม่พ้น”


เสียงร้องห้ามจากเทพแห่งความรู้ไม่ได้ทำให้เทพแห่งสงครามหยุดการกระทำของตน เขายังคงมีความสุขกับการลิ้มรสของหวานที่อยู่ตรงหน้าอย่าตะกละราวกับอดอยากมานาน

การศึกยังคงดำเนินไปต่อเนื่อง……..เป็นไปตามคาดทัพของเทพแห่งสงครามบุกเข้าถึงทัพหลวงของอีกฝ่ายแล้ว……..และอีกไม่นานคงจบลง

“เจ้ามันโรคจิต” เทพตัวบางพยายามดิ้นแต่มันก็เหมือนเด็กสู้กับผู้ใหญ่นั่นล่ะ มือเล็กๆที่ทุบลงบนร่างใหญ่นั้นแทบจะไม่เห็นผลอันใด ยิ่งจะเป็นแรงกระตุ้นให้อีกฝ่ายปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกไปให้พ้นเสียมากกว่า

เกราะเหล็กถูกปลดลง เผยให้เห็นความแข็งแกร่งภายในที่อุดมไปด้วยมัดกล้าม เทพแห่งสงครามกระชากอาภรสีขาวนุ่มนั้นออกไปอย่างง่ายดาย พรางกดร่างบางนั้นลงกับพื้นเย็นๆของห้องแห่งนี้

“ปล่อยข้า อ๊ะ……ทะ…ท่าน…..อ….อย่า” เทพแห่งความรู้พูดไม่เป็นคำ เมื่อเทพตัวใหญ่ระดมลงลิ้นไปทั่วร่าง มือแกร่งนั้นลูบไล้ไปทั่ว

“เจ้ายั่วข้าเอง……เป็นของข้าเสียเถอะ” ท่านเทพไม่อยากรอช้าอีกเขาจับท่อนสวรรค์ชี้ไปยังเป้าหมาย เขารอเวลานี้มานานเหลือเกิน…..แล้วจะไม่ยอมให้เขาหลุดมือไปอีก



“พวกเจ้าทำอะไรกัน”



เสียงอันทรงอนุภาพดังก้องไปทั่วห้อง เทพทั้งสองหัวขวับมาทางประตู ปรากฏร่างชายชราในอาภรสีขาวนวลพาดสะพายจากไหล่ขวาลงมาบรรจบที่เอว อวดอกหนาที่ยังดูแข็งแรงผิดกับสีผมและหนวดเคราที่เริ่มจะมีสีขาวแซมมาบ้างแล้ว เขาก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็วและหยุดลงเบื้องหน้าเทพทั้ง 2 ซึ่งตอนนี้ได้แต่หมอบกราบตัวสั่นอยู่ที่พื้น










“ข้าถามว่าพวกเจ้าทำอะไรกัน”

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
เข้ามาเชียร์เรื่องใหม่  :mc4:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
แอร๊ยยยยยยยยยยยย  เล่นหมากเก็บกันอยู่ มั้งค่ะ  :laugh:

จะมาถามทำไมตอนนี้เนี๊ย

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
ฮิ้วๆ......มาอ่านกันเยอะนะจ๊ะ

อ้างถึง
mist= ยินดีต้อนรับเจ้า

dahlia = แอร๊ยยยย นึกว่าเล่นจำ้จี้นะเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
บทที่ 1 บารอน มหานครแห่งผู้กล้า





   มหานครบารอนอันเกรียงไกรตั้งอยู่ทางเหนือของทวีปแห่งนี้ ด้านบนถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาสูงเสียดฟ้า เป็นปราการธรรมชาติที่ช่วยป้องกันอันตรายต่างๆนับแต่อดีต กาลเวลาผ่านเลย นครบารอนได้พัฒนาตนเองไปได้อย่างรวดเร็วจนขึ้นชื่อเป็นศูนย์รวมของอารยะธรมมต่างๆไว้มากมาย นครบารอนแห่งนี้ มีปราสาทขนาดใหญ่ตั้งอยู่ภายในติดกับขุนเขาบารอน ล้อมรอบด้วยแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากเขาเกิดเป็นอุปสรรคขนาดใหญ่หากคิดจะบุกเข้ามา นอกจากนี้กำแพงเมืองยังสร้างจากหินชั้นดีที่ใช้เวลานับร้อยปีในการก่อสร้างจนกลายเป็นป้อมกำปังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหาได้มีนครใดเทียม


   จากรุ่นสู่รุ่น “แอสตรา” ปืนประจำกายของผู้ปกครองบารอนได้ส่งทอดมือต่อมือ ผู้ที่สามารถบงการความเป็นอยู่ของผู้คนแห่งนี้ ผู้ที่สามารถสร้างกฎเกณ ผู้ที่อาศัยในปารสาทใหญ่แห่งบารอน






   เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินอ่อนดังก้องไปตามทางเดินในปราสาทบารอน ชายหนุ่มผมยาวคนหนึ่งเดินไปตามทางพร้อมสาดส่องสายตาไปตามห้องต่างๆที่มีอย่างมากมายในปราสาทแห่งนี้



อยู่ที่ไหนกัน



หนุ่มวัย 27 คนนี้กำลังตามหาใครบางคนอยู่ใบหน้าบึ้งตึงช่างไม่เหมาะสมกับผิวขาวเนียน และผมดำขลับที่รวบไว้ด้านหลัง เสื้อคลุมดำยาวพริ้วไหวไปตามการก้าวขาดูเหมือนมีชีวิตและน่าเกรงกลัวไปพร้อมกัน

นางสนมคนหนึ่งถูกซักถาม ก่อนจะถูกตวาดไล่ให้ไปทำงานเสีย

“ไม่ได้เรื่อง คนๆเดียวยังไม่รู้อยู่ไหน” ชายหนุ่มบ่นอย่างหัวเสีย เห็นทีเขาคงทำการจัดการกับพวกไร้ประโยชน์เหล่านี้เสียที







“อ๊า………….”

เสียงครางดังแว่วกระทบเข้าโสตประสาทของเขาเข้า ชายหนุ่มหยุดเดิน เงี่ยหูฟังถึงตำแหน่ง นั่นไง ตรงนั้น

“ท่านไทนอส…..อ๊ะ…….แรงอีกค่ะ…..อ๊า”


ชายหนุ่มหยุดอยู่หน้าห้องเก็บของ ภายในมีเสียงแห่งความสุขลอดผ่านออกมาอย่างเสมอ เขาจ้องผ่านรอยแยกของประตูไม้ที่เก่าเจียนพัง ดวงตาสีดำกลับถูกฉาบด้วยสีแดงเพลิง ผ้าคลุมสะบัดไปมาทั้งที่ไม่มีลม



เขากำลังโกรธ



ปัง




ประตูถูกกระชากให้เปิดออกเผยให้เห็นภายในห้องซึ่งบัดนี้ ชายหญิงไร้สิ่งปกปิดร่างกายคู่หนึ่งกำลังกอดรัดกันอย่างลึกซึ้ง

หญิงสาวร้องกรี๊ดด้วยความตกใจพลันสายตาเห็นผู้ที่มาขัดจังหวะก็ถึงกับผละตัวออกจากคู่ รีบก้มหมอบที่พื้นทันที


“เจ้ามีอะไรชีวาส”


ชายร่างเปลือยถามอย่างหงุดหงิด

“ได้เวลาแล้วไทนอส” หนุ่มผมยาวตอบไปแต่สายตายังคงจ้องไปที่นางสนมที่หมอบอยู่กับพื้นอย่างคาดโทษ

“อีกเดี๋ยวน่าชีวาส…ข้ากำลัง…..”

“ไม่มีแต่ไทนอส” ชีวาสว่าเสียงเข้ม




สุดท้ายไทนอสก็ต้องยอมแพ้ต่อเสนาธิการของเขาเอง ชายหนุ่มหยิบเสื้อผ้าที่กองทิ้งไว้มาสวมอย่างลวกๆพร้อมจัดแจงสิ่งที่ยังไม่สงบให้ลงไปอัดอยู่ในกางเกงหนังตัวเล็กนั่น มันทำให้ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีก

“เดี๋ยวเราค่อยมาต่อกัน” ไทนอสทิ้งท้ายไว้กับสาวน้อยแล้วเดินจากไป

สาวน้อยผู้น่าสงสารยังคงก้มหน้าหมอบติดอยู่กับพื้นห้อง น้ำตาแห่งความกลัวไหลนองทั่วหน้าอันงดงาม


“ข้าว่าเจ้าคงไม่ได้ทำกันต่อแล้วล่ะ”

ชีวาสก้มลงกระซิบข้างๆหูของสนมนางนั้นหลังจากทิ้งให้ไทนอสเดินไปจนลับตา ประกายไฟลอยล่องออกจากฝ่ามือพุ่งตรงเข้าไป…..ตรงจุดที่สาวน้อยนั่งอยู่

หากมีใครเดินผ่านไปบริเวณนั้นคงได้ยินเสียงกรีดร้องของสาวน้อยผู้น่าสงสารคนหนึ่ง





ภายในห้องโถงใหญ่ โต๊ะหินอ่อนขาวทรงกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางรายล้อมด้วยผู้คนหลายหน้าหลายตำแหน่ง ทางทิศเหนือของโต๊ะเป็นที่นั่งของ ไทนอส ผู้ปกครองมหานครบารอนคนล่าสุด ผู้ซึ่งขึ้นชื่อว่า ผู้ปกครองที่เด็กที่สุด ด้วยวัยเพียง 25 ปี ไทนอสก็ได้รับความไว้วางใจจากผู้ปกครองคนก่อน ทว่านั่นเป็นเหตุที่ทำให้หลายผ่ายไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง จึงจำเป็นต้องมีเสนาธิการทั้ง 2 เพื่อถ่วงดุลอำนาจไว้


   ไทนอสนั่งประจำอยู่ที่ตำแหน่งเหนือ ตำแหน่งที่บ่งบอกถึงภาระ ที่ต้องสอดส่องดูแลความสงบสุขของผู้คนในบารอนแห่งนี้ เขาช่างสง่างามด้วยเครื่องทรงขาวนวลทับด้านนอกด้วยเกราะพื้นดำประดับลวดลายด้วยทองคำเกี่ยวกระหวัดไปมาน่าชม ข้างกายมีกระเป๋าหนังสีน้ำตาลห้อยไว้ข้างสะโพกภายในบรรจุกระสุนปืนไว้ใช้ ปืนแอสตรา ไม่เคยห่างตัว ผมสีน้ำตาลที่ตัดสั้นถูกเสยขึ้นไปขับให้เห็นใบหน้าคมคายนั้นชัดเจน

“แล้วคำทำนายว่าอย่างไร”

โหรตัวน้อยค่อยๆมองมาที่ท่านผู้นำก่อนเอ่ยวาจาออกมา

“เอ่อ…..คือว่าข้า…….”

“ว่าอย่างไรข้ารอฟังอยู่” ไทนอสออกเสียงเร่งเมื่อเห็นผู้น้อยพูดขัดๆเขิน แต่มันก็ยิ่งทำให้โหรตัวน้อยเกิดอาการหนักเข้าไปเสียอีก

“เอ่อ….อะ…..ขะ ขะ ข้าว่า…..ตะ”

“อ้าว…..ว่ามาสิ” ไทนอสยิ้มจนแก้มปริ อะไรก็ไม่สนุกเท่าแกล้งคนน่ารักๆแบบนี้หรอก

“นี่ไทนอสเลิกเล่นเสียที…..เจ้าก็อีกเลิกติดอ่างได้แล้วข้าไม่ได้มีเวลาทั้งวันนะ” ชีวาสดึงไทนอสที่กำลังชะโงกหน้าไปทางโหรให้กลับมานั่งตรงเก้าอี้ของตนอย่างเรียบร้อย พร้อมทั้งส่งสายตามองเจ้าผู้ทำนายอย่างไม่พอใจ

“ดะ…..ดวงชะตาบ้าน…..เมือง…..มะ…ไม่ค่อย….ดิ…ดีนัก……อะ…อาจ…เกิดเรื่องยุ่ง..ยะ..ยาก”
โหรตัวน้อยพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะบรรยายสิ่งที่ตนทำนายได้ออกมาแต่นั่นล่ะเรื่องที่ยากที่สุด….ในเมื่อไทนอสยังจ้องเขาไม่เลิกแบบนี้



“ไร้สาระน่า”
 “ก็แค่เดา”
“โอ….ช่างน่ากลัวนัก”


ต่างคนต่างแสดงความคิดเห็นอย่างออกรส เห็นได้ชัดว่ามีคนไม่เชื่ออยู่มากพอควร



   ปัญหางั้นรึ…..ในตอนนี้ก็มีเพียง “นครกราซ” พวกบ้านป่าเมืองเถื่อนแบบนั้นจะทำอะไรให้นครบารอนได้ ไทนอสเองพยายามคิดวิเคราะห์ถึงเหตุ พอที่จะเห็นทางที่จะเกิดภัยมาสู่เมือง เนื่องด้วยทั้งบารอนและกราซเองมีอาณาเขตติดกันมีเรื่องกระทบกระทั่งกันอยู่เรื่อยมา ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันจนมีสงครามยืดเยื้อเรื่อยมาจนกระทั่งได้มีสัญญาเลือดเกิดขึ้นมา ทั้งสองยอมสงบศึก…..ทว่าก็ยังสะสมกองกำลังไว้ดูท่าทีของกันและกัน




เอาเถอะถึงยังไงเตรียมตัวให้พร้อมไว้คงไม่เสียหาย ไอ้เมืองกราซนั่น……..ได้มาคงดีไม่น้อย ไหนจะทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งน้ำกลางเมืองนั่นอีก ผลประโยชน์มากมายจริงๆ






“แอล เจ้าจะรีบไปไหน” ไทนอสร้องทักเมื่อโหรตัวเล็กนั้นรีบก้มหน้าก้มตาเก็บของเพื่อกลับไปห้องตน

“ขะ….ข้าต้องรีบกลับห้อง” โหรแอลตอบไปอย่างติดๆขัดๆ และมักเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เข้าใกล้ไทนอส

“ข้ายังไม่ได้คุยกับเจ้าเลย” ท่านผู้นำยังไม่ยอม เรื่องอะไรจะยอมล่ะ ในเมื่อคนน่ารักทำตื่น แบบนี้ใครจะอดใจไหวกัน

“…..” แอลไม่ตอบ เขารู้ตัวดีว่าโดนไทนอสแกล้งเข้าอีกแล้ว

“เจ้ากลับไปพักได้แล้วแอล” ชีวาสเดินแทรกเข้ามาระหว่างแอลกับไทนอส ดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงบ่งบอกอันตรายได้อย่างดี แอลรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะตกเป็นเป้านิ่งเสีย



ใครๆในปราสาทบารอนก็รู้กันทั้งนั้นล่ะว่าพิษรักแรงหึงของชีวาสนั่นน่ะรุนแรงแค่ไหน ถ้าไม่นับหญิลสาวที่พึ่งโดยเผาไปวันนี้ก็รวมได้ 58 รายแล้วที่มีรอยแผลเป็นจากความร้อนประทับบนใบหน้า



ชีวาสส่งเสียงคำรามในคอก่อนจะหันไปมองไทนอส……หนุ่มเสน่ห์แรงแห่งบารอน

ไทนอสเองได้เพียงส่ายหัวไปมาด้วยความเสียดาย ของเล่นหลุดมือไปอีกแล้ว วันหลังคงต้องหาเวลาส่วนตัวที่ไม่มีชีวาสอยู่ด้วยเสียแล้ว (แต่คงยากเนอะ)

“เจ้าไม่ต้องคิดเลยนะไทนอส”

เสนาธิการฝ่ายซ้ายชีวาส ตรงรี่เข้าเกาะกุมแขนล่ำนั้นไว้ทันทีที่แอลวิ่งหนีไปจนลับตา ทำตัวประหนึ่งเป็นคู่ชีวิตของไทนอส

แต่ก่อนที่ไทนอสจะได้พูดอะไรเสียงหัวเราะก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน

“มีอะไรน่าขัน  เกรย์” ชีวาสหันไปต่อว่าเจ้าคนที่นั่งหัวเราะอยู่

   เสนาธิการฝ่ายขวา เกรย์ ชายผู้มีผิวขาวซีดเหมือนซากศพ ใบหน้าครึ่งหนึ่งถูกปิดด้วยหน้ากากที่ทำมาจากกระดูก ยากนักที่จะเห็นเกรย์ผู้นี้หัวเราะ เขามักเหม่อลอยจมอยู่กับความคิดของตน ปล่อยให้ดวงตาเศร้าๆจ้องไปยังเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย

“เปล่านี่ชีวาส เจ้าคิดมากไปมั้ง คิกๆ”
“ข้ารู้นะว่าเจ้าคิดอะไร”

“เอ่อ…..เจ้าคุยกันไปแล้วกันข้าไปก่อนล่ะ” ไทนอสได้ทีรีบสลัดแขนตนออกจากการเกาะกุมแล้ววิ่งออกไปอีกคน ทวีเสียงหัวเราะของเกรย์ให้ดังยิ่งขึ้นเมื่อเห็นท่าทีหัวเสียของชีวาส

“เออ…..หัวเราะเข้าไป อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะเกรย์ว่าแกรู้สึกอย่างไร” ชีวาสกว่าวเสียงแข็งก่อนประกาศจุดยืนอย่างชัดเจน




เสียงหัวเราะหยุดไปแล้ว





“ข้าไม่ยกไทนอสให้เจ้าหรอก เกรย์……ไม่ยกให้ใครทั้งนั้น”

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ชีวาส แรงสมชื่อ แล้วจะกลมกล่อมด้วยม้ายอะ   :o8:

ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3

รีเจ้น อีกคน  แรงไม่แพ้ชีวาส  เหอๆ  :fire:

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
เรื่องราวชักเข้มข้น

แต่อิตาไทนอสนี่มันเด็กดี ๆ นี่เองอ่ะ ดู ๆ ไป ชีวาสเหมือนแม่มันเลยเนาะ  :laugh:

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
มาแล้วจ้ามาแล้ว ตอนใหม่แต่ก่อนหน้านั้น

พบกับมุมไขปัญหาคาใจกันค้าาาา



อ้างถึง
dahlia = ค้าาาาาา......อันนี้ก็ต้องรอดูต่อไปว่าจะแรงได้สักกี่แก้ว เอ้ย ตอน


กิมตี๋หัดขับ = โอเคๆ......เดี๋ยวเปลี่ยนชื่อทั้งหมดเป็น เรด......เบนมอร์......ไพเพอร์ แอร๊ยยย คงไม่มีน้องแสงโสมเนอะ


mist = แหมๆ ก็เป็นคนรักเด็กนี่เนอะ มันเคี้ยวง่ายดี

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
บทที่ 2 กราซ นครนอกรีต





   นครกราซนั้นตั้งอยู่ทางใต้ต่อมหานครบารอน ทั้งสองเมืองมีตำนานร่วมกันมานานนับร้อยปี ทว่าตำนานนี้กลับเป็นเรื่องเศร้า ความปิติยินดีนั้นหาได้มีไม่……..มันเป็นเรื่องของสงคราม



การต่อสู้ของทั้งสอง……การสูญเสีย



ต่างฝ่ายต่างอ่อนกำลังลงจนกระทั่ง 10 ปีที่แล้วผู้ปกครองทั้ง 2 เมืองได้ตกลงทำสัญญาเลือด นั่นจึงเป็นเหตุให้ไฟสงครามสงบลง……แต่มันก็เป็นเพียงฉากบังหน้าเพียงเท่านั้น ต่างฝ่ายต่างทำสงครามเย็น สะสมกองกำลัง ทั้งอาวุธและกำลังพลเตรียมพร้อมสำหรับการรบเสมอ



นครการซนั้นดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับบารอน ถ้าเปรียบได้บารอนคงเสมือนผู้ดีที่มีเงิน อำนาจ แต่กราซนั้นเล่าคงเป็นได้เพียงขอทานจนๆเพียงเท่านั้น ด้วยขนาดอาณาเขตที่เล็กกว่าบารอนเกือบครึ่ง ไม่มีสิ่งก่อสร้างใหญ่โต มีเพียงเพิงไม้หลังเล็กๆที่ประชากรใช้เป็นที่พักอาศัย แต่ที่น่าจะจัดได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่ดีที่สุดนั้นคงหนีไม่พ้นคุ้มหลวงแห่งกราซ……ที่อาศัยของผู้ปกครองนครแห่งนี้


   สิ่งก่อสร้างที่ผสมกันระหว่างไม้และดินตั้งอยู่ใจกลางเมือง กำแพงไม้ปักเรียงรายอยู่โดยรอบ คงไม่ถือว่ามันแข็งแรง เพียงแต่แค่ปักไว้แสดงอาณาเขตก็เท่านั้น

“กองกำลังของเราในขณะนี้ยังน้อยนัก”

“อาวุธส่วนใหญ่ก็ชำรุดเสียหาย”

“ข้าเกรงว่าถ้าทางบารอนยกทัพมา…..เราจะแย่”



ภายในคุ้มหลวง เหล่าผู้บริหารต่างถกเถียงกันถึงเรื่องความมั่นคงของเมือง เนื่องด้วยช่วงนี้มีข่าวลือหนาหูว่า ทางบารอนได้เตรียมการที่จะฉีกสัญญาเลือดแล้วยกทัพมาถล่มกราซ


“เรายังมีสัตว์เทพท่าน ทั้งหลายอย่าพึ่งตื่นตนไป” เมื่อผู้ที่นั่งตรงตำแหน่งสูงสุดพูดขึ้น การถกเถียงจึงหยุดลง




เขาลุกยืนขึ้นเดินไปปรับแผนการรบบนแผนที่ขนาดใหญ่ที่ตั้งกลางโต๊ะ ปรับให้มีรูปปั้นสัตว์ต่างๆวางเป็นจุดๆ เสริมด้วยกองกำลังมนุษย์เป็นระยะอย่างลงตัว เหล่าผู้เข้าร่วมมองตาม ต่างพากันพยักหน้าเป็นเชิงว่าเห็นด้วย และมีบางส่วนที่ทำท่าหมั่นไส้ความฉลาดของผู้ปกครองเสียจนอยากจะร้องออกมาดังๆ


   เอสเปอร์ ชายหนุ่มวัย 30 ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามและรอยแผลหลายแห่ง ผิวสีคล้ำกร้านแดด แสดงถึงความโชกโชนในการรบ เขามักใส่เสื้อแขนกุดสีดำเสมอ สีเดียวกับผมที่ถูกตัดสั้นไถเกรียนไปกับศีรษะ มีดสั้นสองเล่มงามห้อยอยู่ข้างตัว อกหนาล่ำนั่นขยายตัวตามจังหวะลมหายใจแลน่าเกรงขาม


   การประชุมจบไปแล้วบัดนี้เหลือเพียงเอสเปอร์เท่านั้นที่ยังคงพิจารณาถึงแผนการรบต่างๆ เขานั่นเหม่ออยู่นานจนเผลอถอนหายใจออกมา ไอ้พวกบารอน ไอ้พวกฉวยโอกาส พวกหัวขโมย……ชายหนุ่มได้แต่นั่งบ่นกับตัวเองอยู่คนเดียวในใจ




“ใช่แล้วท่านเอสเปอร์”



เสียงปริศนาดังขึ้นด้านหลังเขา มีดประจำกายถูกคว้าเข้าประกบลำคอผู้บุกรุกทันที มืออันใหญ่หยาบนั้นคว้าข้อมืออีกคนรวบไว้ไม่ปล่อยให้หนีได้

“ใจเย็นๆสิท่านเอสเปอร์”

ผู้บุกรุกร่างบางกล่าวอย่างใจเย็น รอยยิ้มนั้นดูสบายใจหาได้กลัวเกรงใบมีดที่กดแนบลงบนคอของตนไม่

“เจ้าเป็นใคร”

“ปล่อยข้าก่อนสิ ท่านเอสเปอร์” ผู้บุกรุกหัวเรอะเล็ก ก่อนที่เอสเปอร์เองค่อยๆคลายมือ ปลดปล่อยมือทั้งสองให้เป็นไท ถึงแม้กระนั้นใบมีดนั้นยังคงเล็งไปที่ผู้บุกรุกหมายเอาชีวิตได้ทันที

“ระวังตัวจริงนะท่าน หึ…..ไม่ต้องจ้องข้าขนาดนั้น ข้ารู้ตัวดีว่าน่ารัก หึหึ” เจ้าคนแปลกหน้าพูดทีเล่นทีจริง เรื่องยั่วโมโหคนน่ะเขาถนัดนักล่ะ

“ข้าเห็นด้วยกับท่าน เอสเปอร์ ท่านควรกำจัดพวกเห็นแก่ตัวบารอนนั่นซะ”
คนแปลกหน้าร่างบางชิงพูดขึ้นก่อนเมื่อสังเกตเห็นกล้ามเนื้อใบหน้าของเอสเปอร์เริ่มกระตุก….นั่นหมายถึงหมดเวลาสนุกแล้วสิ

“เจ้าว่าอะไรนะ” เอสเปอร์แปลกใจกับคำพูดที่ได้ยิน
“ข้าคิดเหมือนที่ท่านคิด เอสเปอร์ กำจัดมันซะ…..พวกเห็นแก่ตัวบารอน” น้ำเสียงขี้เล่นนั้นหายไป

“สิ่งที่ท่านต้องการคือ…..สงคราม”

“แต่ติดอยู่ตรงสัญญาสงบศึกบ้านั่น”


สถานะการเปลี่ยนไปแล้ว เอสเปอร์ได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้คนแปลกหน้ากระซิบข้างๆกาย ทางซ้ายที ขาวที มีดพกที่เคยถือไว้กลับถูกปลดลงปักที่โต๊ะทำงาน



“พวกบารอนหวังจะบุกทำลายท่านก่อน”

“ท่านลองจัดทัพไปสำรวจชายแดนสิ”









เอสเปอร์ตกใจตื่นขึ้นกลางดึก เขายังอยู่ในห้องทำงาน



ฝัน………



เหมือนจริงมาก



หรือว่า……เขาสำรวจมีกพกข้างตัวทันที แต่มันไม่ได้ห้อยข้างตัว มันถูกปักอยู่บนโต๊ะนั่นเอง

“เห็นทีต้องจัดทัพไปสำรวจเสียหน่อยแล้ว”




…………………………………………………………………………………



ทัพขนาดย่อมถูกเตรียมพร้อมภายในวันถัดไป กว่าจะเดินทางไปถึงชายแดนได้ก็ใช้เวลาถึง1 วันเต็มด้วยกัน และบัดนี้กองทหารสำรวจแห่งนครกราซก็ได้ยืนอยู่ ณ จุดบรรจบกันของเขตแดนนครทั้ง 2 ที่ราบ “ดาสราล” กลุ่มทหารทั้งหลายเดินตรวจตราเลอะแนวชายแดนไปเรื่อยอย่างอดทนไม่ย่อท้อต่อแสงแดดที่แผดเผาร่างกำยำ การสำรวจเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีทีท่าของอีกฝ่ายมาให้พบเจอ


“เอาล่ะ จุดสุดท้ายแล้ว พวกเรากลับ” หัวหน้ากองออกคำสั่งลูกน้องที่พร้อมใจเฮโลกันอย่างดีใจที่จะได้กลับเสียที


“ข้าจะได้ไปนอนกอดเมียเสียที”

“ลูกข้าคงคิดถึงข้า”

“เจ้าน่ะมีเมียด้วยหรอ ข้านึกว่ามีแต่ผัว ฮ่า ฮ่า ฮ่า”


เหล่าทหารต่างหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ด้วยความปิติที่จะได้กลับเมืองเสียทีจนลืมระวังตัวไปเสีย ทันใดนั้นเอง




ฉึก




ร่างทหารนายหนึ่งร่วงตกลงจากหลังม้าแน่นึ่งไป ลูกธนูปักลงใจกลางอกเลือดสีแดงสดไหลลามด้ามศรสู่พื้นดิน เหล่าทหารแตกฮือ ชักอาวุธเพื่อเตรียมพร้อม



ทว่า



สายไปเสียแล้ว ลูกธนูตกลงจากฟากฟ้าราวกับห่าฝน แต่น้ำฝนในครั้งนี้คงไม่เย็นชุ่มฉ่ำเป็นแน่แท้




…………………………………………………………………………………………




“เท่านี้เราก็เตรียมการเรียบร้อย” ร่างบางยืนมองซากไร้ชีวิตเหล่านั้นบนยอดไม้ใกล้ๆ ชายผ้าขาวไหวปลิวไปตามลม ใบหน้าประด้วยรอยยิ้ม ข้างกายนั้นเป็นหนุ่มร่างกำยำที่กำลังมองไปอีกฟากหนึ่ง มองไปยังทางบารอน

“ส่วนของข้าก็เรียบร้อย” ชายตัวใหญ่เอ่ยในที่สุด

“เท่านี้เราก็เริ่มเกมกันได้แล้วสินะท่าน” คนตัวบางไม่พูดเปล่า เขาเดินเข้าไปชิดอีกคน

“เจ้าอย่าลืมข้อตกลงก็แล้วกัน”

“แหม…..ท่านเห็นข้าเป็นคนอย่างไร คิก คิก”

“เจ้านี่มันกวนโมโหนัก” ชายร่างใหญ่ไม่พูดเปล่า ใช้มือคว้าเอวอีกคนเข้ามาแนบชิดทันทีพร้อมโน้มตัวลงหมายจะปิดปากตัวดีนี้เสีย แต่เจ้าตัวเล็กรู้ทัน

“อย่าสิท่าน ข้ายังไม่ได้แพ้เกมนะ” มือเล็กนั้นวางทาบบนอกอีกคนเป็นเชิงเตือน

“หึ” เจ้าตัวใหญ่หัวเราะเบาๆก่อนจะปล่อยมือออกมา

“ยังไงเจ้าก็แพ้ข้าอยู่ดี ยอมข้าเสียตอนนี้ก็ได้” เขายืดอกอย่างมั่นใจ เขาหลงรักเจ้าตัวเล็กนี้มานานแล้ว



นานมาแล้ว



แต่อีกคนเหมือนยังไม่ตกลงเสียที มีแต่ทำทีเล่นทีจริง



“เอาน่าท่าน ของที่ได้มาง่ายๆน่ะมันไม่น่าภูมิใจหรอก”

นั่นไง เหตุผลบ้าๆบอของคนตัวเล็ก ชอบนักไอ้เรื่องให้ความหวังคนแล้วกลับมาหักอกกันเสียนี่ เอาสิลองดูสักตั้งให้มันรู้ว่าเทพแห่งสงครามจะมาแพ้ไอ้เทพแห่งความรู้

“ได้……จัดการเตรียมทัพของเจ้าได้เลยข้าจะนับวันรอ”

ชายร่างใหญ่หันตัวกลับไปทะยานตัวสู่ห้วงอากาศแล้วลอยล่องไปจนลับตา ทิ้งให้อีกคนยืนอยู่บนยอดไม้สูงนั่นตามลำพัง งานของเขายังไม่เสร็จ เขาต้องการสงสารและจำเป็นต้องมีผู้นำสารด้วย เขามองซากเหล่านั้นพลางวิเคราะห์ความเป็นไปได้



และแล้วก็พบเป้าหมาย




ร่างไร้ชีวิตชายวัยกลางคนถูกศรปักเข้ากลางอกและแขนนอนแน่นิ่ง

แสงสีทองไหลจากปลายมือของเทพหนุ่มห่อหุ้มร่างไร้วิญญาณนั้น

ร่างที่ควรอยู่นิ่งกลับค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนอย่างง่ายดาย


“กลับไปเมืองซะ” เทพตัวน้อยสั่งการ

นายทหารพยักหน้าช้าๆ เดินไปด้วยสายตาเหม่อลอย จุดหมายของเขาอยู่ที่ประตูเมือง












“เท่านี้เกมก็เริ่มขึ้นได้”

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อ้าว อ้าว อ้าว  ไหงมายิงคนเล่นกันแล้วล่ะ

คำถามเมื่อตอนปฐมบทยังคาใจอยู่เลยนะ   :z3:

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
 :เฮ้อ: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ชอบแนวแฟนตาซีอยู่แล้ว (เรื่องของตัวเองยังไม่มาต่อ และคงจะมาต่อยาก...) เหอๆๆๆ ต้องติดตามอ่านต่อกันต่อไปเรื่อยๆล่ะจ้า คุณ "ทีฟา"...

 o13

ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3

เกมล่าสวาทเริ่มแล้วคร้า    :oo1:
มาเชียตัวเล็ก  :laugh:

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
 o22 เทวดาเรื่องนี้ใจร้ายแท้ เอาชีวิตคนมาเป็นเกมได้ 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
บทที่ 3 ลางร้าย





เสียงปืนยังคงดังต่อเนื่อง เลือดไหลรินลงพื้นปฐภีไม่ขาดสาย ไทนอสควบอาชาสีนิลคู่กายตรงฝ่าเข้าดงวิหกสายฟ้าอย่างไม่กลัวเกรง ข้างกายตามติดด้วยผู้ช่วยทั้งสอง ชีวาสและเกรย์ เสนาธิการแห่งบารอน



เปรี้ยง



สายฟ้านับสิบพร้อมใจแหวกอากาศสู่ผู้บุกรุกทั้ง 3 แต่ผลที่ได้นั้นคงเหมือนเคย ชีวาสปัดออกไปได้อย่างง่ายดาย



ปัง



ลูกกระสุนทะลวงเข้ากลางหัวของนกสายฟ้าผู้เคราะห์ร้าย มันทิ้งตัวลงสิ้นใจในทันที ผูงวิหกที่เหลือกระพือปีกหลบหลีกขึ้นบนฟ้าอย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องด้วยโทสะของพวกมันดังก้องไปทั่ว



เปรี้ยง



สายฟ้านับสิบพุ่งลงมาอีก แต่คราวนี้เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่ไทนอสอีกต่อไป


เสียงระเบิดพร้อมกับเสียงร้องตะโกนดังขึ้นเบื้องหลัง กองทัพบารอนถูกสายฟ้าเข้าอย่างจัง นายทหารนับร้อยนอนดิ้นอยู่กับพื้นบนตัวของพวกเขามีแต่แผลดำไหม้ ส่งกลิ่นเหม็นสาปคลุ้งไปทั่ว




“ชีวาสทำอะไรสักอย่างเร็วเข้า” ไทนอสเร่ง ปืนของเขาไม่สามารถยิงไปถึงเป้าหมายได้

“ขอเวลา 5 นาที” ชีวาสกระโดดลงจากมาทันที หนังสือปกหนังปรากฎต่อหน้าจอมเวทย์ มันเปิดออกทันควันราวกับรู้ใจเจ้าของว่า ชีวาสต้องการเวทบทใด


ทันทีที่ชีวาสเริ่มท่องบทสวดวงเวทย์สีฟ้าอ่อนก็ปรากฎห้อมล้อมเขาไว้อักขระโบราณค่อยๆแต่งเติมให้เวทย์นั้นสมบูรณ์ ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี


คุณคิดอย่างนั้นหรือ


นักรบแห่งกราซบุกเข้าระรานทันทีที่เห็นวงเวทย์นั้น ขวานขนาดใหญ่เงื้อขึ้นอย่างง่ายดายก่อนที่จะฟาดลงอย่างแรง…..ชีวาสยังคงร่ายคาถาอย่างไม่สนใจ



ปัง



นายทหารผู้โชคร้ายปล่อยขวานใหญ่นั้นลงจากมือ ตาของเขาเบิกโพลงเลือดจากกลางหน้าผากพร้อมเศษของเนื้อสมองไหลย้อยลงตามใบหน้าก่อนร่างอันไร้วิญญาณจะล้มลง



ฝ่ายกราซไม่ยอมแพ้ พลทหารต่างรุมเข้าโรมรันผู้รุกรานเสียงปืนดังต่อเนื่อง คนแล้วคนเล่าที่ล้มลง ไทนอสยังใจเย็นลั่นไกจัดการกับศัตรู เขาหาได้รู้ตัวว่าเบื้องหลังตนได้มีทหารแห่งกราซนายหนึ่งลอบเข้ามาช้าๆ ในมือกำดาบยาวไว้มั่น ใกล้เข้าไปอีกนิดเดียว…….และดาบนั้นถูกเงื้อขึ้น



อ๊อก




ไทนอสตกใจหันกลับในทันใด



“ระวังตัวด้วย” เกรย์พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยในแบบของเขา มือขวาทิ่มเข้าไปกลางอกของนายทหารดาบยาวนั้น ก่อนจะกระชากมือกลับออกมาอย่างแรง

โครงกระดูกสีขาวของนายทหารนั้นติดมือเกรย์ออกมาทั้งร่างเศษเนื้อแดงสดหล่นร่วง เนื้อหนังที่เคยยืนอยู่เมื่อไร้โครงร่างอันแข็งแกร่งก็สุดที่จะยืนอยู่ได้ เกรย์จ้องเข้าไปในโพรงเป้าตาที่ว่างเปล่านั้นพร้อมกับปล่อยมือออกจากกระดูดซี่โครง

ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาทางด้านข้าง และเป้าหมายมันคือเกรย์ ไทนอสร้องตะโกนบอกอย่างร้อนรน



หมับ




มือที่มีแต่กระดูกนั้นคว้าลูกธนูไว้ได้ก่อนที่จะหักมันทิ้งไป
“จัดการซะ” เกรย์ออกคำสั่ง


และบัดนี้โครงกระดูกดาบยาวก็ไล่ฟันเหล่าทหารกราซอย่างไม่กลัวตาย



เวลาผ่านไปสองนาทีวงเวทย์ของชีวาสเปล่งแสงเรืองรองมากขึ้นอักษรต่างๆรายเรียงอย่างสวยงาม พิธีกรรมใกล้เสร็จสิ้นแล้ว ทว่ากองกำลังกราซยังไม่สิ้นหวังเข้าถาโถมหมายกำจัดจอมเวทย์ก่อนที่มหาเวทย์จะสำแดงฤทธิ์ นั่นหมายถึงความเสียหายนับแสนที่พวกตนต้องเสียไป


กองศพค่อยๆเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น เหงื่อเม็ดใหญ่เกาะตามใบหน้าคมของผู้นำแห่งบารอน เขายังคงกำจัดศัตรูอย่างต่อเนื่อง ลูกกระสุนชุดใหม่บรรจุเข้าสู่ปืนแอสตราอย่างคล่องตัว นัดแล้วนัดเล่า ศพแล้วศพเล่า


กองกำลังกระดูกขาวของเกรย์เองก็ดูจะเพิ่มจำนวนเร็วขึ้นอย่างน่าใจหาย มือทั้งสองข้างของเกราย์ชุ่มไปด้วยเลือดของข้าศึก เขากระชากโครงกระดูกออกมาจากทหารร่างอ้วนนายหนึ่ง และนั่นก็นับเป็นตัวที่ 15 ในวันนี้



เปรี้ยง



สายฟ้ายังกระหน่ำลงบนพื้นที่ทัพของบารอน ขณะนี้บารอนเสียกำลังไป 1ใน3 แล้วและดูท่าทีจะมากขึ้นเรื่อยๆ ไทนอสชักวิตกหันไปมองจอมเวทย์ที่ยังคงนิ่งในวงเวทย์นั้น

“เมื่อไรจะเสร็จชีวาส” เขาตะโกนพร้อมยิงนายทหารที่ย่องเข้ามาด้านหลัง

ไม่มีเสียงตอบจากชีวาสเขาเพ่งสมาธิกับการท่องบทสวดอันนี้ หากเป็นเวทย์ระดับกลางแล้วล่ะก็มันคงไม่เสียเวลามากมายเท่านี้หรอก

บทสวดดำเนินมาถึงจุดสุดท้ายวงเวทย์สว่างวาบพร้อมทั้งหมุนรอบตัวผู้ร่ายเร็วขึ้น เร็วขึ้น ดวงตาชีวาสเปล่งแสงสีฟ้านวลร่างของเขาลอยขึ้นสู่ผืนฟ้า ห่าลูกธนูพร้อมใจกันพุ่งสู่เขาเป็นจุดเดียว



แต่สายไปแล้ว มหาเวทย์เสร็จสิ้นแล้ว



สายลมพัดหมุนรอบชีวาสอย่างรวดเร็วปกป้องเขาจากห่าลูกดอกเหล่านั้น เขาลอยขึ้นไปเรื่อยๆจนใกล้กับฝูกนกสายฟ้า เหล่าวิหกรู้สึกได้ถึงสายลมที่แปรปรวนพวกมันหันมามองเป็นจุดเดียว ก่อนจะรีบกระพือปีกเพื่อหนีจากอันตรายครั้งนี้

น่าสงสารเจ้าพวกวิหกสายลมทวีความแรงดึงดูดเข้าสู่จุดศูนย์กลาง ก่อเกิดพายุขนาดย่อมที่ส่งผลแก่เหล่าทหารบนพื้นด้วย ทั้งหมดต้องหาที่ยึดกับพื้นเพื่อไม่ให้ตนปลิวเข้าหาใจกลางพายุนั้น

แต่เป็นเรื่องยากสำหรับวิหาตัวใหญ่เหล่านั้น พวกมันถูกดูดเข้าใจกลางพายุ่อย่างง่ายดาย เสียงกรีดร้องด้วยความกลัวดังก้องแข่งกับเสียงพายุลม



เปรี้ยง



สายฟ้าฟาดลงมายังชีวาส แต่เขาก็หลบมันได้อีกตามเคย


“เอาล่ะได้เวลาแล้ว”


แรงลมทวีความแรงขึ้น แรงขึ้น และบีบเข้าจุดศูนย์กลางมากขึ้น ยิ่งเข้าใกล้ชีวาสมากเท่าไรกระแสลมยิ่งรุนแรง
พายุค่อยๆหดเล็กลง เล็กลง

จนกระทั่ง



เสียงระเบิดดังก้องทั่วน่านฟ้า พายุลมระเบิดออกทุกทิศทาง เหล่าวิหกปลิวไปทั่วทิศ กระแสลมที่คมดุจใบมีดต่างแหวกผ่านเนื้อหนังที่ปกคุมด้วยขนเหล่านั้นอย่างสนุก รอยบาดหลายแห่งปรากฎบนเจ้านกสายฟ้า ละอองเลือดกระเซ็นไปทั่ว ก่อนจะโปรยปรายสู่พื้นดั่งเช่นสายฝนที่ถูกย้อมด้วยสีชาด…….สีแห่งชีวิต

เมื่อทุกอย่างสงบลง ไม่มีเสียงกรีดร้องของเหล่าวิหกอีกต่อไป พวกมันได้จากไปแล้ว เสียงเฮจากฝั่งบารอนยิ่งทำให้ฝ่ายกราซหมดกำลังใจไปใหญ่

ในเมื่อไพ่ตายของพวกเขาได้พ่ายต่อเสนาธิการแห่งบารอนเสียแล้ว









อีกด้านของสนามรบ


“ห้ามเลือดเร็วเข้า”
“อดทนไว้”
“หมอ…..หมอทางนี้”



ผนังเมืองบารอนฝั่งในถูกจัดตั้งเป็นสถานพยาบาลไปเสียแล้วบัดนี้ผู้คนบาดเจ็บต่างถูกทยอยมา ณ จุดนี้ นางพยาบาลในชุดคลุมสีขาวซึ่งบัดนี้ถูกแต่งแต้มไปด้วยโลหิตแดงฉานพากันวิ่งวุ่นไปทางโน้นทีทางนี้ที ทั้งแพทย์และนักเวทย์ขาวกระจายตัวตามจุดต่างๆ เสียงโอดโอยระงม ช่างน่าเวทนานัก



แอลมองไปยังกองผ้าสีขาวที่ตั้งอยู่ทางตะวันตก ใช่แล้วมันคือร่างของทหารผู้จากไป หนึ่ง สอง สาม สี่…….เขาไม่อาจนับจำนวนทั้งหมดได้ เขาได้แต่สวดมนต์ภาวนาขออย่าได้มีใครอีกเลย ขอให้ศึกครั้งนี้จบเสียที




พระเจ้าได้โปรดฟังข้าด้วย



แอลคุกเข่าลงพื้นประกบมือมั่นปากพร่ำสวดอ้อนวอน ใบหน้างามนั้นเงยขึ้นสู่ฟากฟ้า สู่มหานครแห่งเทพ


ได้โปรด


ได้โปรด



ฉับพลันนั้นท้องฟ้าเหนือสมรภูมิถูกย้อมเป็นสีแดง ประหนึ่งลางร้าย ผู้ทำนายตัวน้อยจ้องตาไม่กระพริบ กล้ามเนื้อทุกส่วนสัดแข็งเกร็ง เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นบนใบหน้า





ไม่ได้การ……ข้าต้องรีบไป




สำรับไพ่ถูกคว้าออกมาจากแขนเสื้ออย่างรวดเร็วก่อนที่จะปล่อยให้ไพ่เหล่านั้นกระจายลอยตัวอยู่รอบตัว แอลกวาดตามองหาสิ่งที่ต้องการอย่างเร่งรีบ

ท่านอยู่ที่ไหน ไทนอส…..ชีวาส…..เกรย์

นั่นไง The moon……เขาเอื้อมมือไปสัมผัสไพ่แห่งดวงจันทร์ ไพ่ใบนั้นส่องแสงสว่างวาบแล้วลอยมาเบื้องหน้าแอล

และก็เป็น The emperor ไพ่แห่งผู้เป็นใหญ่ที่ลอยมาหยุดเบื้องหน้าเป็นลำดับต่อไป

สุดท้าย The magician ไพ่ของเหล่าพ่อมด ก็หยุดลงต่อหน้าเขา

เมื่อองค์ได้เป้าหมายแล้วขั้นตอนต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป The temperance ไพ่แห่งการเดินทาง การโยกย้าย เปล่งแสงพร้อมตอบรับการทำงาน ก่อนแสงนั้นสว่างวาบ

แล้วร่างของหมอดูหนุ่มก็หายไปจากตรงนั้น





ภายในกลางวงล้อมของข้าศึกนั้นมีคนทั้งหมดสี่คนอยู่ในนั้น สามคนได้แก่ไทนอส ชีวาส และเกรย์ ส่วนอีกคนนั้นคือเอสเปอร์แม่ทัพของทางฝั่งกราซ ถึงแม้จะอยู่ในศึกแต่เขากลับไม่ใส่ใจที่จะสวมเกราะป้องกันตัวแม้แต่น้อย แววตาฮึกเหิมกับท่าทีกร่างนั้น ข่มขวัญคนทั้งสามจากบารอนได้มากโข

เหล่าขุนศึกแห่งกราซถูกกันออกไปโดยกำแพงไฟที่โอบล้อมทั้งสี่คนไว้ใจกลาง ทั้งป้องกันคนเข้า และดักทางหนี

“ช่างกล้านักที่บุกมาโดยไร้กองกำลังแบบนี้” เอสเปอร์เปิดฉากทักทายเขาเดินอ้อมไปทางซ้ายคอยจับตาอยู่ที่ศัตรูทั้งสามอย่างระวังตัว เล่นมีทั้งนักเวทย์ นักรบ และหมอผีแบบนี้ใครจะไปไว้ใจได้

“เจ้าจงยอมแพ้เสียเอสเปอร์ กองทัพของเจ้าเสียหายเกินกว่าจะทานทัพบารอนได้” ไทนอสตอบกลับไปด้วยเสียงที่ห้าวหาญไม่แพ้กัน ในมือจับด้ามปืนมั่นนิ้วชี้รั้งไว้ตรงไก พร้อมรับการจู่โจม

“ไม่มีทาง” เอสเปอร์แผดเสียงลั่นเขาหายใจแรงด้วยโทสะ
“ใครจะยอมยกเมืองให้พวกเห็นแก่ได้แบบเจ้า” เขาดึงมีดออกมาเตรียมพร้อมแต่ยังคงรั้งระยะห่างไว้

“เจ้าโง่ คนของเจ้าจะตายเปล่าใช้สมองเสียมั่ง” ลำปืนถูกยกขึ้นตั้งฉากกับโลกเล็งไปทางเอสเปอร์
“เจ้าต้องเสียใจในความรั้นของเจ้า”



ปัง



กระสุนแห่งไฟวิ่งออกจากกระบอกปืนแอสตราด้วยความเร็วสูง มันหมุนเกรียวด้วยความเร็วสูงก่อนลุกติดไฟทวีความรุนแรงในการโจมตี

แต่เอสเปอร์เร็วกว่านั้นเขาพุ่งหลบไปด้านข้าง เขาเร็วอย่างเหลือเชื่อ ชีวาสร่ายเวทไฟขึ้นมาบนมืออย่างรวดเร็ว
เกรย์ถอยออกมาหนึ่งก้าวสายตาจับจ้องไปยังเอสเปอร์



ปัง



ไทนอสเล็งพลาดอีกครั้ง เอสเปอร์หลบได้ฉิวเฉียด เขาพุ่งเข้าหาไทนอสด้วยความเร็วสูง โดยที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้ไทนอสต้องทิ้งตัวหลบใบมีดนั้น





แต่เขาพลาด

เอสเปอร์ไม่ได้หวังพุ่งเข้าหาไทนอสแต่แรก

ใบมีดคบกริบนั้นนาบลงบนคอจอมเวทย์หนุ่ม เวทย์ไฟในมือนั้นถูกปัดไปให้พ้นทางเสียแล้ว

“อะไรจะน่ากลัวไปกว่าทิ้งให้จอมเวทย์มีเวลา….เจ้าว่ามั้ย” เอสเปอร์ที่บัดนี้อยู่เบื้องหลังจอมเวทย์กดมีดลงบนคอนวลนั้น รอยบาดมีเลือดซึมไหลย้อยตามคมมีด

“อ๊ะๆ อย่าดีกว่า” เอสเปอร์ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ พลางกระชับอ้อมกอดให้แน่เข้าไปอีกเมื่อชีวาสมีท่าทีขัดขืน
“วางอาวุธเสีย” เขาตะโกนขู่ ไทนอสทำท่าลังเลเล็กน้อย

“เร็วสิ อยากให้มันตายหรือไง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

แต่ทันใดนั้นสิ่งแวดล้อมรอบตัวเอสเปอร์ก็เปลี่ยนไป มันมืด ทหารที่รายล้อมค่อยๆถูกความมืดกลืนไปทีละคน เขาเริ่มรู้สึกผิดปกติ กดแนบใบมีดแน่ขึ้นไปอีกจนบัดนี้มันกรีดลึกจนเลือดสีแดงไหลทะลักออกมามากมาย

แต่กลับไม่มีเสียงร้องของชีวาสแม้แต่น้อย

“เฮ้” เอสเปอร์ตะโกน แต่ไม่มีเสียงตอบรับใด ใจของเขาเต้นรัว

เขาลองเขย่าตัวของชีวาสไปมา หัวของชีวาสโครงเครงไปมาตามแรงสั่นก่อนที่จะเกิดรอยฉีกจากแนวมีดไปยังลำคออีกข้างหนึ่ง

และแล้วศีรษะนั้นก็หลุดลงสู่พื้น ผมสีดำยาวสยายทั่วพื้นหญ้า เลือดพุ่งกระฉุดออกจากต้นคออันว่างเปล่าตามจังหวะหัวใจเต้น และค่อยๆช้าลง ช้าลง

เอสเปอร์ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เขาไม่เคนฆ่าใคร แต่ครั้งนี้เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยต่างหาก

“ฮิ ฮิ ฮิ” เสียงหัวเราะเล็กแหลมดังมาจากพื้น

เอสเปอร์ตัวสั่นค่อยๆมองไปยังต้นเสียง

นัยตาของชีวาสเบิกโพรง ปากฉีกยิ้มกว้างแสยะ เลือดไหลทลักออกมาจากนัยตา

ศีรษะนั้นกำลังหัวเราะ

เอสเปอร์ตกใจรีบปล่อยส่วนลำตัวของชีวาสออก แต่ทำไม่ได้แขนทั้งสองข้างของจอมเวทย์หนุ่มกอดรัดเขาไว้เสียแล้ว

เสียงหัวเราะดังมาอีก

“จะรีบไปไหนจ๊ะพ่อรูปหล่อ”




เพล้ง




อยู่ๆความมืดที่เคยปกคลุมก็เกิดรอยร้าวก่อนที่จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆราวกับแก้วที่ถูกทุบ

สนามรบกลับมาอีกครั้ง

เอสเปอร์หายใจหอบ เขาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากเดิมที่เขาเป็นต่อ แต่ตอนนี้มันกลับกัน ศัตรูทั้งสามอยู่ห่างจากเขาไปห้าก้าว กระบอกปืนเล็งมายังจุดตาย ไหนจะเวทย์ไฟนั่นอีก



“ท่าทางเจ้าฝันดีนะ” ไทนอสเดินเข้าไปหนึ่งก้าวปลายปืนยังคงนิ่ง

“ข้าไม่ชอบบทนี้เลย” ชีวาสส่ายหัวไปมาพลางทำหน้าไม่พอใจให้เกรย์

“…….” เกรย์เองยืนเงียบ เขาเองดูอิดโรยมากกว่าเดิม จากที่ปกติก็ดูไม่มีเลือดอยู่ในตัวอยู่แล้ว บัดนี้ร่างของเขาดูซีดอย่างน่ากลัว ริมปากและเล็บมือคล้ำเป็นสีม่วง

“เจ้าแพ้แล้วเอสเปอร์”

ไทนอสเหนี่ยวไกปืนช้าๆ

แต่ก่อนที่อะไรจะเกิดขึ้น แสงสว่างขาวแสบตาปรากฎต่อหน้าของไทนอส ทำให้การมองเห็นพร่ามัวไป

คนๆหนึ่งโผล่มาจากแสงนั้น ใครกัน




“พวกท่านต้องหยุด” เสียงนั้นช่างคุ้นหู…..แต่มันจะเป็นไปได้หรือ

“พวกท่านต้องหยุด…..อ๊ะ”


เสียงตะโกนดังพอดีกับที่สายตาของทั้งสามกลับมาสู่ปกติ


“ดูเหมือนพระเจ้าจะเข้าข้างข้านะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”







แอลตกเป็นเหยื่อรายต่อไปเสียแล้ว

Lollipop_pop

  • บุคคลทั่วไป
 เย่ๆๆ เรื่องใหม่ๆๆ   

น่าสนใจมาก ขอสมัครเป้นแฟนคลับด้วยคนน๊า

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ขอบอกว่า มันส์มากกกกกกกกกก   o13

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ยิ่งอ่านยิ่งมันTifa ฝีมือไม่ตกเลย  o13

three

  • บุคคลทั่วไป
เห็นชีวิตมนุษย์เป็นของเล่นกระนั้นหรือเหล่าทวยเทพ :fire:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

ออฟไลน์ thanagorn

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 117
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ว้าวนิยายใหม่...ชอบแนวนี้มากๆเลย...

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
มาแล้วจ้าตอนใหม่

ขอคุณทุกแรงใจที่เข้ามาอ่านกันนะจ๊ะ


อ้างถึง
Lollipop_pop = ค่าสมัครคือชายรูปงาม สูง 180 อัพ อกหนาท้องเรียบผิวขาว มีรถ บ้านรวยค่ะ ........แอร๊ยยยยย


dahlia = ขอบใจจ้า......คนละอารมณ์กับเรื่องที่แล้วเนอะ


mist = ใจจ้า.....เวลาแต่งก็กลัวๆเหมือนกันนะ


three = นางฟ้าเรื่องนี้ใจร้าย.....แต่คนแต่งใจดี แอร๊ยยยยย


nOn†ღ = ขอบใจสำหรับดอกไม้จ้า


thanagorn = คอเดียวกัน เราก็ชอบมากเลยแนวนี้ แนวสูงๆ ล่ำๆ แอร๊ยยยย


ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
บทที่ 4 คำสาป







สถานะการกลับพลิกผันอีกครั้ง ใบมีดเล็กเรียวกดนาบลงคอพ่อหมอดูคนเก่ง ทำให้พวกไทนอสเองทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ เอสเปอร์ยิ้มออกได้อีกครั้ง




“พวกเจ้าน่าจะฆ่าข้าเมื่อมีโอกาส”



“อย่า…..พวกท่านต้องหยุดศึกนี้” แอลในอ้อมแขนเอสเปอร์ไม่ยอมหยุดนิ่งเขาพยายามงัดตัวออกมา แต่ก็เหมือนแรงเด็กที่ยังไงก็สู้ผู้ใหญ่เอาไม่ได้เสียเลย

“อยู่นิ่งๆ” เอสเปอร์ส่งเสียงดุพลางรัดวงแขนให้แน่นขึ้นจนแอลไม่สามารถพูดได้อย่าชัดเจน

“ปล่อยเขานะ” ทางไทนอสเองก็ได้แต่เล็งหาช่วงที่อีกฝ่ายเผลอ



ชีวาสเร่งพลังเวทย์ส่งไปยังลูกไฟในมือทวีความแรงขึ้น เขาหันไปมองเกรย์เพื่อนร่วมทีม…..ท่าทีโงนเงนกับสายตาที่เลื่อนลอยแบบนั้นบ่งบอกได้ว่าเกรย์เองไม่สามารถสู้ได้อีกต่อไป



“ดะ….ได้โปะ…..โปรด” แอลพยายามพูดออกมาอย่างยากลำบาก น่าเสียดายเสียงที่หลุดรอดออกมาช่างแผ่วเบาเหลือเกิน….เบาจนไม่มีใครได้ยิน

“กะ…ก่อนทุก….ทุกอย่าง….จะ….”





ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป





ในโลกใบนี้มีเรื่องราวต่างๆมากมายที่ยังคงไม่เป็นที่เข้าใจ บางเรื่องก็เป็นเรื่องง่ายๆ……แต่มันกลับลึกซึ้งจนหาบทสรุปไม่ได้….บางเรื่องมันควรจะมีบทสุดท้ายอย่างลงตัว….แต่กลับพลิกผันอย่างเหนือความคาดหมาย



มันเกิดจากอะไร……โชคชะตา



หรือว่าเกิดจากการกระทำของพวกเรา







ก้อนแสงสว่างสีขาวนวลลอยเด่นอยู่เหนือสนามรบ ไม่มีใครรู้ว่ามันมาอยู่ตรงนี้เมื่อไร ดูเหมือนมันค่อยๆขยายตัวขึ้นทีละน้อย ความสว่างของมันทวีความแรงขึ้น จากกลางคืนที่มืดมิดค่อยๆผันแปล แสงสว่างนั้นส่องสาดไปทั่วสมรภูมิ สว่างขึ้น สว่างขึ้น จนกระทั่งพื้นที่แห่งนี้ปกคลุมด้วยสีขาว







“มันเกิดอะไรขึ้น”



พวกไทนอสทั้งสามมองหน้ากันอย่างสงสัย เอสเปอร์เองก็ดูงงไม่น้อย ผิดกับแอลที่เหมือนจะหมดสติคอพับอยู่ในอ้อมแขนเอสเปอร์

เสียงต่อสู้หายไปอย่างน่าใจหาย เสียงกระทบของอาวุธ เสียงโห่ร้อง เสียงโอดโอย เสียงกรีดร้อง ทุกสิ่งมันเงียบเกินไปเงียบจนไม่น่าเป็นไปได้




เพราะอะไรน่ะหรอ




รูปปั้นหินขนาดเท่าคนจริงปรากฎอยู่ทั่วไปตามทุ่งหญ้าแห่งนี้ บางอันยืนถือดาบทำท่าฟาดฟัน บางอันเป็นนักเวทย์ถือไม้เท้ายื่นไปเบื้องหน้า รูปปั้นม้านั่นอีก ไหนจะรูปปั้นเครื่องยิงหิน โอ้รูปปั้นสัตว์อัญเชิญ



“ไม่จริง”




“เพราะเจ้า” ไทนอสกัดฟันกรอดเล็งเป้าหมายไปยังเอสเปอร์
“……..”เอสเปอร์ไม่ตอบโต้ เขาเองก็ไม่เข้าใจมันเกิดอะไรกันคนของเขา…..สัตว์ของเขา…..กองทัพของเขากลายเป็นหินไปเสียแล้ว




“เพราะเจ้าคนเดียว” ไทนอสตะโกนด้วยความโกรธ นิ้วชี้เลื่อนมาสัมผัสกับไกปืน




ปัง




แต่กระสุนนั้นกลับไม่สามารถทำอันตรายเอสเปอร์ได้ ไม่สิมันไม่ได้ถูกตัวชายหนุ่มเลย……มันถูกพลังบางอย่างสลายทิ้งไปเสียก่อน





“เจ้าพวกโง่”



เสียงตะโกนจากฟากฟ้าดังสนั่นปฐพี เศษก้อนหินสั่นไปมาตามแรงพลังเสียง รูปปั้นหินตัวที่ใกล้ชีวาสล้มลงแตกเป็นเสี่ยง ทั้งสี่คนเงยหน้าสู่เบื้องบนด้วยความตกใจ




“พวกเจ้าถูกสาป…..” เสียงของแอลดังขึ้น




เขาดึงแขนของเอสเปอร์ออกได้อย่างง่ายดายในครั้งนี้ ดวงตาของเขาล่องลอย มองเหม่อไปยังบนฟ้า






“พวกเจ้าต้องเดินทางสู่ประตูแห่งทวยเทพ”



“พวกเจ้าต้องร่วมกันเดินทาง”



“ข้าจะชี้ทางให้เจ้า”






พูดจบแอลก็ล้มลงทันที ไทนอสรีบเข้าไปดูอาการ เขาโอบเจ้าตัวน้อยขึ้นมา เสียงหัวใจเต้นเบา….ลมหายใจยังคงมีถึงแม้จะอ่อนแรงเสียเต็มทน


ในใจของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนไหว ค่ำคืนนี้เกิดเรื่องมากมายเหลือเกิน เขาเสียทั้งกองทัพ……และตอนนี้เขากำลังจะเสียโหรประจำเมืองไปอีก…..พระเจ้า….ท่านทำอะไรลงไป


ทางเอสเปอร์ก็สับสนไม่แพ้ไทนอส เขาออกวิ่งไปยังนครกราซเพื่อหวังจะได้พบเพื่อน…..หรือคนของกราซบ้าง แต่นั่นก็ยิ่งตอกย้ำความเสียใจให้มากขึ้นไปอีก….ทุกที่ที่ย่างก้าวมีแต่รูปปั้นหินที่เย็นชืดเท่านั้น


ชีวาสและเกรย์รีบเข้ามาดูอาการของแอล แต่ที่ทั้งสองทำได้ก็เพียงเฝ้าดูและให้กำลังใจไทนอสที่กำลังก้มหน้าก้มตาร้องเรียกคนที่อยู่ในอ้อมกอดนั้น






อาจเป็นโชคชะตาที่คนบนฟ้ากำหนดให้มันเป็นไปตั้งแต่ต้น

หรืออาจเป็นเพราะสิ่งที่เราได้ทำลงไปมันส่งผลตอบแทน

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าสิ่งที่เราได้ทำลงไปนั้นไม่ได้มาจากการขีดเส้นของสิ่งที่เรียกว่าชะตา






เวลาล่วงไปแล้วสามวันอาการของแอลยังคงที่เขานอนนิ่งสงบอยู่ภายในห้องของผู้ปกครองแห่งบารอนข้างกายแอลคงมีไทนอสเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง

“ไทนอสเจ้าไปพักเสียเถอะ เดี๋ยวเกรย์จะดูแลแอลให้เอง” ชีวาสที่ทนนั่งเงียบๆอยู่อีกฝั่งทนไม่ไหวเมื่อเห็นว่าไทนอสที่ดูอิดโรยนั้นกุมมือของแอลไว้

เขาไม่มั่นใจนักว่าเป็นห่วงที่ไทนอสดูอ่อนแรงลง

หรือว่ากำลังหวงที่ไทนอสมีท่าทางเป็นห่วงเจ้าแอลนั่นเสียประดา

เกรย์ที่ถูกโยนงานให้มองชีวาสอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร




แต่ไทนอสยังคงอยู่ที่เดิม




“เขาไม่เป็นไรหรอก ดูแล้วพรุ่งนี้เขาคงฟื้น” ชีวาสไม่พูดเปล่าเดินเข้าไปดึงแขนของไทนอสให้ลุกขึ้น

“ข้าแค่กลัว….ชีวาสข้ากลัวเหลือเกิน…..กลัวว่าจะเสียใครไปอีก”ไม่บ่อยนักที่ไทนอสจะแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นแต่จากเหตุครั้งนี้มันใหญ่หลวงเกินไปนัก ไม่เพียงแต่พวกทหารเท่านั้น ประชาชนทั่วทั้งนครบารอนก็มีสภาพไม่ต่างจากก้อนหินเลย เหลือเพียงพวกเขาเท่านั้น

“ไม่เป็นไรไทนอส ไม่เป็นไร” ชีวาสโอบกอดเขาไว้พลางตบหลังเบาๆ
“เจ้าแค่เหนื่อย….พักเสียหน่อยเถอะไทนอสแล้วเราค่อยหาทางกัน” ชีวาสเดินพาไทนอสไปอีกห้องหนึ่ง

“ฝากด้วยนะเกรย์” ผู้ถูกโยนงานทำหน้าเฉย มองไปยังร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง เกรย์ประสานมือเข้าหากันสวดอ้อนวอนขอให้แอลหายดี

อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากเสียใครไปอีกแล้วเหมือนกัน






“นอนเสียนะไทนอส”

ชีวาสพยุงตัวชายหนุ่มเอนลงบนเตียงของตนก่อนที่ตยเองจะเอนตัวลงนอนข้างๆ

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร….เราอยู่นี่ไทนอส ไม่เป็นไร”

เขาโอบกอดร่างที่กำลังสั่นเทาอยู่ข้างๆ หยดน้ำใสๆค่อยไหลลงมาจากตา ชีวาสกระชับอ้อมกอดไว้ กระซิบข้างหูไทนอสเพื่อปลอบโยน…..เสียงสะอึกดังแผ่วเป็นระยะ ก่อนจะเงียบหายไปเหลือเพียงคำกระซิบ



“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร….”








กว่าที่แอลจะฟื้นขึ้นมาก็กินเวลาไปอีกสามวันให้หลัง ระหว่างนี้ไทนอสมาเฝ้าโดยไม่ยอมห่างไปไกลอีก เล่นทำเอาชีวาสหงุดหงิดอยู่บ่อยครั้ง ส่วนเกรย์ได้ออกสำรวจไปทั่วนครหวังเพียงอาจจะพบสักคน ที่ยังรอดเหลือปลอดภัย แต่นั่นคงเป็นเพียงความฝันเท่านั้น






รุ่งเช้าของวันที่หก



“เจ้าว่าอะไรนะ” ชีวาสทวนคำถามอย่างไม่เชื่อหูตน

“ทะ….ท่านได้ยินถูกแล้ว” โหรน้อยที่อาการดีขึ้นตอบ

“จะบ้าไปแล้วหรือ ไปสู่ประตูแห่งทวยเทพเนี่ยนะ” ชีวาสยังคงไม่ยอมแพ้ ต้องยอมรับว่าเรื่องที่ได้ฟังนั้นดูเกินที่จะเชื่อถือได้ บางทีสมองแอลอาจจะถูกกระทบกระเทือน

“ข้าว่าแอลพูดจริง เจ้าก็ได้ยินนิชีวาสในวันนั้น” เกรย์ที่เงียบมานานเสนอความคิด

“แต่….”

“เชื่อข้าเถอะ…..ข้ามั่นใจ” แอลตอบเสียงแข็ง

“แต่เราจะไปกันอย่างไร…..ที่ไหนก็ยังไม่รู้เลย”

“ไม่ต้องห่วง…..ข้าสามารถบอกพวกท่านได้”

“แต่….” ชีวาสยังคงเป็นกังวล เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องห่างจากนครไปไกลขนาดนี้

“ไม่มีแต่ชีวาส ถ้านี่เป็นเพียงวิธีเดียวที่จะทำให้ผู้คนของเรากลับมาเหมือนเดิม” เป็นไทนอสที่สรุปผล เนื่องจากเขาไม่เห็นทางไหนที่จะสามารถแก้ไขได้เลย เขาทั้งลองใช้สมุนไพรต่างๆ ยาแก้คำสาปที่ดีที่สุด แม้กระทั่งเวทย์สายรักษาที่พอมีติดตัวบ้าง แต่มันไม่สามารถทำให้คนเหล่านั้นกลับมาได้เลย

และทางแก้คงมีอยู่ทางเดียว

“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจอย่างนั้นข้าเองก็ไม่อาจขัด” ชีวาสตอบรับไป ทั้งๆที่เขาแอบน้อยใจอยู่ลึกๆที่ไทนอสไม่ยอมรับฟังเขาบ้าง ตั้งแต่ที่แอลฟื้นมานี้ ไทนอสพูดคุยกับแอลอยู่ตลอด

แต่นั่นก็เพราะไทนอสอยากหาวิธีช่วยผู้คนไม่ใช่หรือ

คำตอบคือใช่……แต่ทำไมถึงรู้สึกไม่ชอบเลย……รู้สึกเหมือนถูกแย่งไป









โอ……ถ้าเป็นแบบนั้นจริงข้าจะทำอย่างไรดี

three

  • บุคคลทั่วไป
มะม่วงแฝงพวงมะม่วงอ่ะสิ55+ก็นะตีตราจองเป็นของตัวเองตั้งนานแล้วก็โดนพกทำนายแย่งความสำคัญไปนี้นา :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด