¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12  (อ่าน 217398 ครั้ง)

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
--------------------------
ขออนุญาตินำเรื่องมาให้อ่านกันนะคะ ชอบไม่ชอบติชม ได้เต็มที่

*************************************
(ตอนที่๑)

เคยมีคนบอกผมว่าการจากตายเศร้าก็จริงแต่ทรมานน้อยกว่าการจากเป็น  ผมก็ไม่เคยเข้าใจความหมายของมันสักที จนวันเวลาผ่านไปผมถึงรู้ว่ามันก็ไม่ผิดไปจากที่เค้าว่ากันจริงๆ  เพียงแต่ผมไม่เคยคิดเท่านั้นเองว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นกับผม
*****************************************************************
“มาทางนี้ก็เงียบดีนะไม่มีใครเลย เพื่อนเราคนอื่นไปไหนกันหมดแล้ว นี่มึงจะพากูมาหมกป่ารึเปล่าเนี่ย” ปากผมพูดไปอย่างนั้นแต่ใจผมไม่ได้คิดหรอกครับ ก็ไอ้ใหญ่มันหันมามอบโชค  เอ๊ยๆไม่ใช่....มอบรอยยิ้มมาให้ผมแบบนั้น 

แต่คำพูดที่มันพูดต่อไปนี่ซิ ผมชักอยากเปลี่ยนใจไปหมกมันซะเอง
“พามาหมกทำไม เดี๋ยวมึงก็ต้องตายอยู่ดี” ฟังจากที่มันพูดเหมือนๆจะเป็นสัจธรรม แต่ก็เหมือนๆจะเป็นการแช่งยังไงไม่รู้ครับ
ผมเอื้อมมือจะไปตบหัวมันซักหน่อยก็กลัวรถจะล้ม  ยังขี่ไม่แข็งพอครับ แล้วมันก็นกรู้หลบมือผมไปได้

 “ปากดี นะมึง แต่กูว่ามึงตายก่อนกู ด้วยน้ำมือกูเองมากกว่า ...แม่ม..เสือกมาแช่ง” ไอ้ใหญ่มันหัวเราะเสียงดังทำหน้ามีความสุขที่ยั่วให้ผมด่ามันได้ ผมว่ามันคงเป็นโรคจิตชอบถูกผมด่า  แต่เวลามันหัวเราะทีไรโกรธมันไม่ลงครับ หน้าตามันน่าเอ็นดู  โกรธไม่ลง...มิน่าเค้าถึงว่าหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เกี่ยวมั้ยครับเนี่ย

“อ้าว.....ใครๆเกิดมาก็ต้องตาย รึมึงเป็นผีดิบไม่มีวันตาย กูเองก็ต้องตาย หรือมึงจะเถียง ไอ้ผีดิบยักษ์ ฮ่าๆๆ” ไอ้ใหญ่เอียงหน้ามาแลบลิ้นใส่ผมแล้วสปีดเร่งขี่จักรยานแซงผมไปไกล ไปลิบๆเลยครับ

  “ทำให้กูต้องเหนื่อยอีกแล้วนะมึง “
ผมได้แต่ส่ายหัวกับตัวเอง แล้วตะโกนเรียกรั้งมันไว้ก่อน
 “เฮ้ย...รอกูด้วย กูตามไม่ทัน”

ผมใส่แรงรีบปั่นให้เต็มที่ ขี่จักรยานที่เช่ามา  เร่งตามมันไป อากาศที่นี่ดีจริงๆครับ จะว่าไม่มีคนเลยก็ไม่ใช่ แต่มีคนอยู่น้อยมากกว่า มหาวิทยาลัยของผมอยู่ออกมาทางชานเมืองครับ อยู่ติดกับมหาวิทยาลัยนานาชาติอีกแห่งหนึ่ง  แล้วที่ไอ้ใหญ่มันพาผมมาเนี่ยก็มหาวิทยาลัยข้างๆครับ  มหาวิทยาลัยของตัวเองมันไม่ตื่นตาตื่นใจครับ  อาหารที่อื่นก็ดีกว่าอาหารที่มหาวิทยาลัยตัวเองด้วยครับ ที่ไอ้ใหญ่เป็นคนพามาเพราะมันอยู่หอใน แต่ผมเดินทางไปกลับเลยไม่ค่อยได้มีเวลามาเที่ยวเล่นซักเท่าไหร่

แล้วในที่สุดมันก็จอดครับ  แล้วนั่งรอผมที่ม้าหินขัดใต้ต้นไม้ใหญ่ ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าที่นี่อยู่ส่วนไหนของมหาวิทยาลัย  แต่บรรยากาศมันดีจริงๆครับ อากาศที่สดชื่นในยามเย็น สายลมพัดเบาๆ ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“เหนื่อยว่ะใหญ่....ไม่ได้ขี่จักรยานไกลๆแบบนี้มานานแล้วนะเนี่ย”

ใหญ่ไม่ตอบคำรำพึงของผมแต่ส่งสายตาเรียกให้ผมมานั่งใกล้ๆ   ผมเข้าไปนั่งใกล้ๆมัน  หลับตาลงแล้วพักสูดลมหายใจช้า  คลายเหนื่อย  สูดอากาศบริสุทธ์เข้าไปเต็มปอด ลมเย็นๆพัดมาเป่าเหงื่อบนหน้าผมให้แห้ง  เย็นสบายจริงๆ นิ้วเล็กๆของใหญ่ปาดเหงื่อที่หน้าผากของผม ผมสะดุ้งแล้วลืมตาขึ้นมา สบสายตาของใหญ่ที่มองมาพอดี  ตาของใหญ่ดูนิ่งมากไม่ได้ตกใจอะไรที่ผมมองจ้องกับอาการแปลกๆนี้ แล้วใหญ่ก็ยิ้ม

 “ทำไมเหงื่อมึงเยอะจัง  ของกูไม่เห็นมี สงสัยรูตัน ฮ่าๆๆๆ” ใหญ่หัวเราะเสียงดัง แต่ผมไม่เห็นขำเลย แต่ก็ต้องฝืนหัวเราะไปให้มัน ได้แต่คิดในใจว่ามันเป็นอะไรของมัน ทำท่าแปลกๆ พูดแปลกๆ

“แล้ว...ตกลงนี่มึงพากูมาที่นี่ทำไม” เข้าประเด็นไปเลยดีกว่า ผมไม่ชอบอะไรที่มันค้างๆคาๆ หรือว่าจะพาผมมารู้จักธรรมชาติ เรียนวิชาสปช.สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต

“กูมีเรื่องจะคุยกับมึง....” พูดเสร็จแล้วมันก็ลุกเดิน เดินวนไปวนมา อยู่เกือบ1นาที แหะๆไม่นานหรอกครับ แต่ใจผมน่ะซิมันบอกว่านานมากกกก...ก็มันเดินเงียบๆหันมามองหน้าผมเป็นช่วงๆขมวดคิ้ว  แล้วก็เดินต่อ

“นี่ตกลงมึงจะมาเดินทำสมาธิใช่มั้ย...กูจะได้กลับ” หมดกันความอดทนที่มีน้อยนิด  มันอยากรู้ให้มันจบๆไป   แล้วไอ้ใหญ่มันก็ไม่บอกมาซักที ผมทำลีลาลุกขึ้นจะเดินไปที่จักรยาน แต่ก็นึกมาได้ว่ากลับทางไหนว่ะ ผมว่าไอ้ใหญ่มันจงใจขับให้วกวน  ทำให้คนฉลาดๆอย่างผมก็เปลี่ยนเป็นคนโง่ไปฉับพลัน แต่เมื่อบอกไปแล้วว่าจะกลับ จะเปลี่ยนใจก็กลัวเสียฟอร์ม ผมเลยหันไปดูมันอีกที มันก็ยืนมองผมอยู่แต่ทำไมมึงไม่เรียกกูไว้ แล้วบอกว่า “อย่าเพิ่งกลับล่ะ”

“เงียบทำสมาธิอีกหรือมึง...กูให้โอกาสมึงอีกครั้งพูดมา”
ผมเริ่มต้นนับอย่างช้าๆ “ 1..2...3...4..5...6...7...8....9..10 10.ครึ่ง”
ผมหยุดพักหายใจ แล้วคิดว่ากลับดีกว่า แต่....

“11...12..13...”ไอ้ใหญ่มันนับต่อจากผมน่ะซิครับ ผมเดินเข้าไปหาใหญ่อีกครั้งแล้วผลักไหล่มันเบาๆ
“พอๆเลยมึงอย่ามากวนตีนกับกู..ตกลงมีเรื่องอะไรบอกมา อย่ามาโยกโย้ให้เสียเวลา”
ผมยกข้อมือไอ้ใหญ่ดูเวลา “ดูซิ5โมงกว่าแล้ว กูจะกลับแล้วนะ บ้านก็ไม่ใช่ใกล้ๆ ไม่ได้อยู่หอเหมือนมึงนะ”

“ไม่เห็นมีปัญหามึงก็นอนกับกู ไม่ใช่เรื่องใหม่..”
ผมคิดในใจว่าก็จริงของมัน แต่ไม่อยากยอมมันง่ายๆ เดี๋ยวมันจะนึกว่าผมง่ายๆใครมาจุ๊ๆเรียกก็วิ่งกระดิกหางตามเค้าไป
“กูก็คนมีบ้านนะมึง..ไม่กลับได้ไง” ไอ้เรื่องลีลาลังเลนี่ต้องมีไว้อย่าให้ขาด
เราก็พูดเถียงกันไปมาเรื่องนี้อีกพักใหญ่เลยครับ จนนึกขึ้นมาได้ว่า
 “แล้วตกลงมึงมีอะไรจะบอกกู”

ไอ้ใหญ่ถอนหายใจ “มึงก็รู้ว่าพวกเราปี4แล้ว” ท่าทางมันจะเกริ่นนาน เหมือนเริ่มตั้งแต่กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.. ผมเลยต้องขอแทรกไปหน่อย
“ใครๆเค้าก็รู้มึง เรื่องเนี้ยนะที่มึงจะมาบอกกู กูยังไม่ปัญญาอ่อนจนไม่รู้ว่าตัวเองเรียนปีอะไรอยู่หรอกเว้ย”

ใหญ่มันส่ายหัวแล้วพูดต่อ ไม่ได้สนใจว่าผมจะกวนตีนมันยังไง ก็มันอยากทำหน้าจริงจังทำไมล่ะครับ ผมเริ่มกลัวนี่นา  ผมไม่ชอบฟังอะไรยาวๆ
“อีกไม่กี่เดือนเราก็ต้องแยกย้ายจากกันแล้ว”ผมพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ
แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่า...แล้วยังไง “แต่เราก็นัดสังสรรค์กันได้ พวกไอ้ด้า ไอ้เกียรติ มันก็ต้องนัดแดกเหล้าเคล้านารีกันอยู่แล้ว มึงก็..

“กูก็คงต้องกลับบ้าน”มันเงยหน้ามองผม  ไอ้ใหญ่บ้านมันอยู่ทางเหนือครับ  มันก็ไกล
 แล้ว..

 “เราจะได้เจอกันอีกมั๊ย”

ผมพูดไปแล้วก็ใจหาย ทั้งที่รู้อยู่ตลอดว่าวันนึงพอเรียนจบ ทุกคนก็ต้องไปตามทางของตัวเอง  แต่ผมลืมไปว่าเวลามันผ่านไปเร็ว แต่ระยะทางที่ต้องห่างกันไม่เคยสั้นลงมาเลย  ยังคงไกลอยู่เหมือนเดิม

ผมเอื้อมมือไปจับมือมัน ผมไม่รู้ว่ามือผมเย็นหรือมือไอ้ใหญ่เย็นกว่ากัน  แต่มันเย็นเฉียบไปถึงหัวใจจริงๆ  เสียงแผ่ว ๆของไอ้ใหญ่ที่ตอบมา ทำเอาผมมือตก

 “คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว”

ความเงียบเข้ามาครอบครองบรรยากาศอีกครั้ง ต่างคนต่างใช้ความคิด

“ทำไมล่ะ..กูไม่เข้าใจ ก็เราอยู่ประเทศไทยนะ ทำไมเราจะไม่ได้เจอกันอีก”
ถึงปากผมจะพูดไปแบบนั้น แต่ในใจผมซิ ผมไม่เคยรู้สึกเศร้าขนาดนี้มาก่อน แต่แค่คิดว่าต่อไปนี้จะไม่ได้เจอกัน ไม่ได้คุยกัน ไม่ได้กวนตีนใส่กัน เหมือนที่ทำมาตลอด3ปีกว่า ผมก็ปวดหัวใจหนึบๆ ใจมันหาย ชาๆมึนๆ ก็ตลอดเวลาที่เรียนด้วยกัน4ปี  ผมอยู่กับมันตลอดแทบจะใช้เวลาอยู่กับมันมากกว่าอยู่กับคนที่บ้านอีก

"กูก็ไม่รู้....แค่คิดว่าจะไม่ได้คุยกับมึงอีก กูก็..กูก็...กูๆๆ..”

“ใจหาย...”เราสองคนพูดขึ้นมาพร้อมๆกัน
น้ำตาไอ้ใหญ่คลออยู่ที่ดวงตา  มันรีบกระพริบตาถี่ๆให้น้ำตาหมดไป แต่มันกลับไหลลงมาได้อีก มันเป็นคนแบบนี้ครับ ฟังเพลงซึ้งๆก็น้ำตาไหล ดูหนังเศร้าๆก็น้ำตาไหล กับข้าวไม่ถูกปากก็น้ำตาไหล เห็นหมาขี้เรื้อนก็น้ำตาไหล ร้องเพลงชาติมันยังน้ำตาไหล ไม่รู้ว่ามันเป็นดาวพระศุกร์กลับชาติมาเกิดรึเปล่า พี่ภาคย์อย่างผมก็อดไม่ได้  ผมไม่รู้ตัวว่าเอานิ้วเช็ดน้ำตาให้ใหญ่ไปตอนไหน แต่รู้เพียงว่าผมรับรู้ความรู้สึกที่ใหญ่คิด เพราะผมก็คิดแบบเดียวกัน ไอ้ใหญ่เอามือของตัวเองปัดมือผมออกจากใบหน้าตัวเอง

“อย่าสงสารกู มึงก็รู้พูดอะไรกูก็อิน”     
“กูรู้..กูก็อิน แต่กูไม่ร้องมึงเสือกมาร้องทำไม เดี๋ยวกูร้องตาม ทำอย่างกับจะจากตายไม่ใช่จากเป็น  เรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายนะมึง”

“แต่ทำไมกูรู้สึกเหมือนจะจากตายก็ไม่รู้...เมื่อคืนพ่อกูโทรมาบอกว่าแม่เป็นโรคหัวใจ  อยากให้กูเรียนจบแล้วรีบกลับ พ่อก็ทำงานกลัวไม่มีเวลาดูแม่ได้เต็มที่”น้ำเสียงที่เศร้าสร้อยของมัน ทำเอาผมหดหู่ไปด้วย ตกลงมันมีเรื่องเป็นเรื่องตายที่ซ้อนเรื่องนี้อยู่จริงๆด้วย มิน่าดูอารมณ์ไอ้ใหญ่มันวูบวาบมากมาย

“กูคุยกับแม่ แม่ก็เสียงใสดี แต่กูก็ไม่รู้ว่าแกเป็นมากน้อยแค่ไหน  พ่อรักแม่มากก็คงกังวล แต่แม่บอกให้กูสบายใจ เรียนจนจบแล้วค่อยกลับ ทั้งที่กูบอกจะขึ้นไปเยี่ยมแกก็ยังไม่ยอม” ผมเอื้อมมือไปลูบหัวมัน ผมสูงกว่ามันมากขนาดนั่งบนเก้าอี้ก็ยังคงสูงกว่าเยอะ ผมรู้สึกเหมือนมันเป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งน้อง

“คนเป็นโรคหัวใจเดี๋ยวนี้หมอเค้ารักษาได้ มึงไม่ต้องกังวลใจไป รู้ว่าเป็นก็ไปหาหมอตามที่เค้าสั่ง ไม่เป็นอะไรมากหรอกเชื่อกูซิ” ผมก็ปลอบใจมันไปตามเท่าที่รู้

 “มึงก็โทรไปหาเค้าบ่อยๆ น้องแจน น้องนิ น้องกบไรของมึง ก็เพลาๆซะบ้าง โทรไปหาแม่แทน เข้าใจ๋”ผมเอาไหล่กระแทกมันเบาๆ มันหันมายิ้มให้ผมแล้วบอกว่า

 “ไอ้เชี่ย...แอบด่ากู” ผมดีใจที่เห็นมันยิ้มได้
 “กูแอบที่ไหน ..กูด่าตรงๆ ไม่เอียง ไม่เฉียง ไม่แอบไม่ซุก  หึๆ”

“เออๆๆ..ไม่แอบก็ไม่แอบ..แต่มึงว่าแม่กูจะไม่เป็นอะไรใช่มั๊ย”สายตาที่มีความหวังของมันที่มองมา  ทำเอาผมต้องคิดนิดนึงก่อนจะพูดอะไรออกไป ไม่อยากให้รู้ว่ามันเป็นแค่คำพูดปลอบของคนนอกอย่างผม

“ไม่เป็นหรอก พ่อมึงก็รักแม่ขนาดนั้น มึงก็เป็นลูกแสนดีขนาดนี้ คนเป็นโรคหัวใจถ้ามีความสุข ไม่เครียด หาหมอเรื่อยๆ รับรองอยู่ได้เหมือนคนปกตินะมึง เชื่อกูดิ”

นะ..เชื่อกูหน่อย กูปลอบเหนื่อยแล้ว กูจะขาดใจแล้ว  ผมอยากบอกมันอย่างนั้น แต่ประกายตาใสซื่อ และรอยยิ้มที่ดีใจเปี่ยมด้วยความหวังของมัน  ทำเอาผมต้องรีบหยุดแม้กระทั่งความคิดที่อยากจะกวนตีนออกไป มันคงจะเชื่อสิ่งที่ผมพูดจริงๆ

“งั้นเรากลับกันเถอะ  กูหิวข้าวแล้ว”
ไอ้ใหญ่มันรีบลุกขึ้นแล้วลากผมไปที่รถ แล้วหันมาบอกผมว่า
“มึงขี่ตามมาไวๆนะกูเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ากูนัดน้องกบไว้ ลืมสนิทเลย เดี๋ยวน้องเค้างอนกูอีก”พอมันตั้งตัวได้ มันก็ลิ่วไปเลยครับ ผมได้แต่ส่ายหัวแล้วรีบขับตามมันไป
“อารมณ์เปลี่ยนไปเลยนะมึงพอคิดถึงหญิงขึ้นมา หึหึ”

ผมรู้ซึ้งดีในความเป็นไอ้ใหญ่  ใหญ่เป็นคนหน้าตาดี ยิ้มแย้มแจ่มใส อัธยาศัยดีเป็นมิตรกับทุกคน ไม่แปลกหรอกครับที่จะมีผู้หญิงมาชอบมากมาย แต่สำหรับตัวผมก็ไม่มีผลอะไร เพื่อนจะมีแฟนรึเปล่าเพื่อนก็ยังคงให้เวลากับผมเสมอๆ

“คิดไรอยู่ว่ะไอ้ใหญ่”ผมเดินเข้าไปตบไหล่ไอ้ใหญ่ที่กำลังยืนเหม่อลอยอยู่ริมระเบียง สายตามองออกไปเบื้องหน้า  ความเงียบเข้าคลอบคลุมบรรยากาศระหว่างผมสองคน มันไม่ตอบผมทันทีเหมือนกำลังใช้ความคิดคำนึงเรื่องอะไรอยู่  แล้วใหญ่มันค่อยๆเบือนหน้ามามองหน้าผม แล้วก็..........

.................กลายเป็นหมาป่า.......เอ๊ยยย...ไม่ใช่แล้ว...

มันบอกผมเบาๆว่า “กูกำลังมองพระจันทร์ทรงกลด...”
“สวยนะมึง ดีจังเลยที่ได้ดูพระจันทร์สวยๆอยู่กับมึง”
ผมเกือบจะสวนออกไปแล้วว่า—กูยังไม่ได้ดูเลย  มึงดูอยู่คนเดียวแล้วมาตู่ว่าผมไปดูกับมันได้ยังไง---

แต่สำนึกของความเป็นเพื่อนที่ดีบอกผมว่า...อย่าไปกวนตีนมัน ..รักษาบรรยากาศกันหน่อยนึง..
 ผมก็เลยตอบไปแค่ว่า “อืมมม....ก็สวยนะมึง”ก็คืนนี้พระจันทร์สวยจริงๆนี่ครับเต็มดวงสวยสว่าง

“เอ... แต่วันนี้มันไม่ใช่วันลอยกระทงนี่หว่าทำไมพระจันทร์เต็มดวงล่ะ”ผมรู้แล้ว หรือว่า

 “ใช่แล้ว..วันนี้วันไหว้พระจันทร์ซิ มิน่าสวยเชียว” ไอ้ใหญ่มันไม่พูดอะไรครับมันหันหลังให้ผมแล้วก็ตัวสั่นเทา นี่มันคงซึ้งจนร้องไห้อีกแล้ว แต่มันคงอายผมเลยหันหลังให้ ผมเลยค่อยๆเอามือไปตบไหล่มันเบาๆ

“ใหญ่มึงไม่ต้องเสียใจไป..วันหลังเรายังมีโอกาสดูพระจันทร์ด้วยกันอีก..นะอย่าร้องดิมึง”

มันค่อยๆหันหน้ามาครับโถ..น้ำตาคลอตาเชียวมึง ผมค่อยๆเอามือเช็ดน้ำตาให้มัน นี่กูเช็ดบ่อยแล้วนะเนี่ย จะร้องไห้บ่อยไปไม๊ หน้ามันแดงเชียวครับ   ไอ้ใหญ่ค่อยๆเอ่ยปากพูดอย่างยากเย็น
“ก...กะ..กูไม่ได้ร้องไห้  กูขำมึง..ไอ้ฟายย...ที่ไหนว่ะวันนี้วันไหว้พระจันทร์ ฮ่าๆๆๆๆ” มันเอามือกุมท้องแล้วหัวเราะเอาเป็นเอาตายน้ำตาเล็ดน้ำตาร่วง จะขำบ้าอะไรนักหนา

ผมงงได้แต่ขมวดคิ้วหรือไม่ใช่เหรอ “อ้าว...แต่วันนี้ไม่ใช่วันลอยกระทงนี่..แล้วทำไมพระจันทร์เต็มดวงล่ะก็ต้องเป็นวันไหว้พระจันทร์ซิ” ไอ้ใหญ่มันระเบิดเสียงหัวเราะอีกครั้ง

 “มึงอย่าบอกนะว่ามึงคิดว่าพระจันทร์จะเต็มดวงแค่สองวัน”ไอ้ใหญ่มันชี้หน้าผม ผมไม่ชอบเลยเหมือนผมทำอะไรผิดไป
 “ก็หรือไม่ใช่ล่ะ เอ๊า...ขำให้ตายไปเลยนะมึง ขำเสร็จแล้วไปส่งกูด้วยกูจะกลับบ้าน” ผมชักโมโห..พูดอะไรก็ไม่พูดเอาแต่หัวเราะเป็นบ้าเป็นบอ

มันคงรู้ว่าผมงอนมันเลยเดินมากอดเอวผมทั้งๆที่มันยังหัวเราะอยู่อย่างนั้น “โอ๋ๆๆๆอย่างอนมึง ตัวใหญ่ๆงอนแล้วฮามากกว่าน่ารัก ...”มันเริ่มลามปามเอามือมาลูบหัวผม แล้วทำเป็นพูดเสียงอ่อนโยน

“ก็มันใช่ที่ไหนเล่ามึง พระจันทร์น่ะมันก็เต็มดวงเรื่อยแหล่ะ  เดือนนึงมันก็เต็มดวงหนนึง  ไอ้ฝันเอ๊ยมึงจะน่ารักไปไหน ฮ่าๆๆๆ”ผมฟังแล้วถึงกับเหวอ..นี่ผมเข้าใจผิดมาตลอดเกือบ20ปีหรือนี่ ดีที่ผมไม่ไปปล่อยไก่กับใครอีก เง้อ...อายนะเนี่ย

 ไอ้ใหญ่มันกอดผมแล้วเอามือลูบหลังผมอยู่อย่างนั้น
“กูจะไม่มีวันลืมวันนี้เลย ถ้ากูเห็นพระจันทร์เมื่อไหร่กูจะนึกถึงมึงนะ”
ร่างกายผมกับมันแนบชิดกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มันอุ่นจังเลยครับ ผมไม่รู้สึกแปลกอะไรเลย กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำ เวลาไอ้ใหญ่พูดขึ้นมาผมรู้สึกเหมือนคำพูดนี้เพื่อผมเท่านั้น คนเดียวในโลกจริงๆ ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจแผ่วๆที่ต้นคอของผม ผมก้มลงมองหน้ามันหน้าเราใกล้กันมากจริงๆ

“กูก็จะคิดถึงมึง..ไม่ต้องมองพระจันทร์กูก็จะคิดถึงมึง....กูสัญญา”มือของไอ้ใหญ่ค่อยๆตกลงไปจากเอวผม มันเอามือเช็ดน้ำตาป้อยๆ แล้วเอากำปั้นชกที่อกผมเบาๆ
“มึงนี่ชอบพูดอะไรให้กูตื้นตัน..”
“อ้าว..ความผิดกูอีก..เหอๆๆๆ..หึหึ..ไอ้ขี้แยเอ๊ย”
คราวนี้เป็นผมเองที่ลูบหัวมัน แล้วโอบมันหลวมๆ ความรู้สึกของผมกับไอ้ใหญ่มันบอกไม่ถูกครับ จะว่ามากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนมันก็ไม่ใช่ ผมไม่รู้ว่าจะนิยามว่ายังไงมากกว่า แต่ผมรู้แค่ว่าคงมีมันคนเดียวที่ผมจะมีความรู้สึกแบบนี้ได้

ผมใช้เวลาคืนนั้นที่หอกับเพื่อนผมคนนี้เป็นคืนสุดท้ายครับ แล้วผมก็ไม่เคยได้มีโอกาสไปนอนค้างกับมันอีกเลย การเรียนในปีสุดท้าย ทำให้เราต้องใช้เวลาในการตั้งใจเรียนอย่างมาก ผมโชคดีที่มีเพื่อนดีๆหลายๆคน เวลาเพื่อนไม่เข้าใจอะไรก็มาสอนกัน  ทำแบบฝึกหัดด้วยกัน กว่าจะรู้ตัวว่าเราจบแล้วและคงถึงเวลาที่ต้องจากกันก็ตอนที่จะสอบปลายภาค แล้วไอ้ด้าก็เสนอขึ้นมาว่า

“กูว่าสอบเสร็จก่อนเราจะแยกย้ายกันไปเที่ยวกันดีกว่าว่ะ ฝันมึงว่าไปไหนดีว่ะ แต่กูอยากไปทะเล”
“อ้าว...ก็มึงบอกมาแล้วยังมีหน้ามาถามกูอีก ถามพวกสาวๆดีกว่าว่าอยากไปไหน  ไปไหนดีอ้อย”
“ถามอ้อยคนเดียวเลยนะมึง”ไอ้ด้ามันแซวผม
ใครๆก็รู้ครับว่าผมแอบชอบอ้อยมานานแล้ว แต่ใครๆก็ชอบอ้อยกันทั้งนั้น ก็อ้อยทั้งเรียบร้อย ขาว สูง นิสัยอ่อนหวาน สวย แล้วยังเรียนเก่ง  ได้ข่าวว่าเกียรตินิยมอันดับสองได้แน่ๆรอลุ้นแค่เกรดเทอมนี้เท่านั้นเองว่าจะได้อันดับหนึ่งหรือเปล่า

“ไม่รู้ซิ..ไปไหนก็ไป กล้วยว่าไง ไปไหนดี”ต่างคนก็ต่างเสนอกันมาหลายๆที่ครับ แต่ในที่สุดก็ตกลงกันที่เกาะตะรุเตา  เรายังไม่ได้ถามกันหมดทุกคนว่าจะมีใครไปได้บ้าง แต่ผมก็อยากให้ไปกันได้มากที่สุดเป็นการเที่ยวส่งท้ายของพวกเรา แล้วผมก็หวังว่าไอ้ใหญ่มันจะไปด้วยเหมือนทุกครั้ง

“ทริปนี้กูนับมึงไปแล้วนะใหญ่ มึงห้ามเบี้ยวด้วย สอบเสร็จแล้วคืนนั้นไปเลยนะเว้ย”ผมย้ำกับไอ้ใหญ่อีกครั้งก่อนที่ผมจะกลับบ้าน
ใหญ่มันยิ้มตอบผม “กูจะพลาดได้ไง..ทริปส่งท้ายชีวิตนักศึกษาของพวกเรา กูไปแน่”

จนวันที่สอบเสร็จก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปเอากระเป๋าเสื้อผ้ากัน ผมยังเจอไอ้ใหญ่  ยังบอกกับมันว่า “เจอกันที่สายใต้เลยนะ มึง ทุ่มนึงอย่าลืมล่ะเผื่อเวลาด้วย” ใหญ่ก็ยังตอบผมว่า
“เออน่า..กูไม่มีทางลืมมึงหรอกเชื่อกูสิ” ผมยังจำคำพูดสุดท้ายของมันได้เลยจนวันนี้
************************



*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-01-2012 17:02:02 โดย คิคิคุคุ...zzZ »

ออฟไลน์ หอยทาก

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ก่อนอื่น ขอเจิมเรื่องใหม่เยยนะคร้าบ
อิอิ ส่วนเรื่องนี่แบบว่าพออ่านแล้ว...
ง่ะ ง่า ทำไมวันรู้สึกโหวงๆจังเยยอ่ะ
เหมือนจะเศร้านานยังไงไม่รู้
มาต่อเร็วๆนะครับ ^^

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
มาจิ้มเรื่องใหม่อีกแล้ว

ช่วงนี้ออกมาเยอะจัง

mecon

  • บุคคลทั่วไป
ชื่อใหญ่แต่ขี้แงจัง อ่อนไหว อ่อนโยนอีกต่างหาก
แล้วคำพูดสุดท้ายนี่ คือลางบอกเหตอะไรรึป่าวนะ
ดูท่าใหญ่จะรู้สึกกับฝันไม่ใช่ แค่เพื่อนธรรมดาๆแน่ๆ
แต่แค่ยังไม่เคยกล้าบอกออกไปก็เท่านั้น

+1 คะ สู้ๆนะคะ

ออฟไลน์ DEMON3132

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1
เข้ามา +1 (แต้มที่ 11) เป็นกำลังใจ และเจิมเรื่องใหม่ด้วย  :mc4:
อ่านเนื้อเรื่องตอนนี้ก็ยังเห็นภาพความรักระหว่างเพื่อน ซึ้งดีค่ะ
มิตรภาพที่แท้จริงระหว่างเพื่อนมักจะหาได้ตอนเรียนอยู่เท่านั้น
เพราะเป็นช่วงที่ไม่ต้องแข่งขันกัน แต่เมื่อก้าวเข้าสู่วัยทำงานแล้ว
เกิดมิตรภาพที่ดี ๆ จริงใจค่อนข้างยาก (ยังมีอยู่นะคะแต่น้อยลง)
เพราะจะเริ่มมีการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่นกัน ถึงจะมีมิตรภาพแต่ก็มัก
จะมีอะไรแฝงผลประโยชน์หรือการตอบแทนมาด้วย เก็บเอาไว้ให้ดี
นะคะมิตรภาพและความรักระหว่างเพื่อนในวัยเรียน
เขียนได้ดีค่ะ ถูกอักขระภาษาไทย อ่านดูยังไม่เจอเขียนตัวสะกดผิดเลย
ขอปรบมือให้ในฐานะที่เป็นคนไทย รักภาษาไทย  :pig4:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :mc4: :mc4: :mc4:
มาเจิมเรื่องใหม่ +1 เป็นกำลังใจนะคราบ อิๆ
o13 o13 o13
ยอมรับเลยอ่านจบตอนแรกแล้วเสียวมากมายกับประโยคสุดท้าย
“เออน่า..กูไม่มีทางลืมมึงหรอกเชื่อกูซิ” ผมยังจำคำพูดสุดท้ายของมันได้เลยจนวันนี้
ลุ้นสุดๆว่าจะเกิดอะไรต่อไป แล้วจะรออ่านต่อนะคราบ

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณทุกๆคำติชมค่ะ และทุกๆ+กำลังใจค่ะ  หวังว่าจะติดตามกันต่อไปค่ะ :pig4:
***************************************
ตอนที่๒

แล้วในที่สุดใหญ่ก็ไม่ได้ไปครับ  ช่วงนั้นมือถือส่วนตัวยังไม่มีกัน มันได้แต่ฝากบอกเพื่อนที่อยู่หอเดียวกันให้มาบอกผมว่า แม่มันอาการกำเริบเข้าโรงพยาบาลกะทันหันต้องทำบอลลูนวันพรุ่งนี้  มันเลยต้องรีบขึ้นเชียงใหม่คืนนี้เลย แล้วฝากโน้ตแผ่นเล็กๆมาให้ผมด้วย

“กูขอโทษว่ะ ที่ไม่ได้ไปเที่ยวกับมึง กูอยากมีประสบการณ์ร่วมกับมึงและเพื่อนๆให้มากที่สุด แต่โอกาสสำหรับกู  มันคงมีเพียงแค่นี้   ยังไงกูก็รักแม่ ถ้ากูไปเที่ยวแล้วกูไปทำหน้าเป็นตูด พวกมึงก็คงไม่สนุก  กูคงไปแล้วไม่กลับลงมากรุงเทพอีก ไม่รู้จะได้เจอมึงอีกมั๊ย แต่กูจะเขียนจดหมายหามึง กูให้ที่อยู่กูมาด้วย ถ้ามึงคิดถึงกูมาก มึงก็เขียนจดหมายไปหากูนะ กูจะรอ กูจะคอยรอจดหมายจากมึงเสมอ

ไม่ต้องโทรหากู มึงก็รู้กูมันชอบต่อมน้ำตาแตก กูไม่อยากพูดไปสะอื้นไป กูกลัวเสียฟอร์มว่ะ

สุดท้ายนี้(มึงว่ากูเขียนเป็นทางการไปมั๊ยว่ะ ฮ่าๆๆ) ขอให้พวกมึงเที่ยวให้สนุก แล้วเที่ยวเผื่อกูด้วย
บอกพวกเพื่อนๆด้วยว่าถึงกูไม่ได้ไปทริปนี้ แต่กูก็มีความทรงจำที่ดีของพวกเราอยู่ในใจแล้ว แล้วกูก็จะไม่มีวันลืมตลอดไป
ขึ้นเชียงใหม่ก็ไปหากูได้ แต่จะเจอไม่เจอค่อยว่ากันไป

สุดท้ายของสุดท้าย(จริงๆแล้ว)
ฝัน...กูดีใจที่ได้มาเจอมึงนะ ขอบคุณมึงทุกความทรงจำที่มอบให้กูตลอด4ปี ให้มึงรู้ไว้เลย 4ปีที่ผ่านมา จะอยู่ในใจของกูตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของกู

ไอ้ใหญ่ ปี4”


ผมอ่านจดหมายมันแล้ว ใจมันโหวงๆ ในขณะที่คนอื่นคุยเฮฮากัน ผมกลับสนุกได้ไม่เต็มที่ มันเหมือนความสุขของผมมันหล่นหาย และไม่รู้ว่าจะเติมเต็มได้อย่างไร  ผมขึ้นรถไปอย่างเซ็งๆแล้วก็หลับไปด้วยความกังวลใจลึกๆเกี่ยวกับไอ้ใหญ่ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าผมกังวลอะไร
  เรื่องอาการของแม่มัน
หรือเรื่องที่ผมไม่มีมันมาเที่ยวด้วย
 หรืออาจจะเป็น..เรื่องที่ผมกับมันจะไม่ได้เจอกันแล้ว

เมื่อพวกเราไปเดินเที่ยวในตลาดผมเห็นโปสการ์ดสวยๆแล้วผมก็นึกถึงมัน..ไอ้ใหญ่ ผมส่งจะโปสการ์ดไปให้ใหญ่ เพื่อนๆถามกันใหญ่ว่าผมส่งไปให้ใคร แต่ผมก็ไม่บอก นาทีนั้นผมก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องปิดบังเพื่อนๆว่าผมคิดถึง...ผมคิดถึงไอ้ใหญ่   สุดท้ายผมไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกเหงาลึกๆในใจเมื่อมันไม่ได้มาด้วยได้ยังไงให้มันรู้
 ผมเลยเขียนไปแค่ว่า

“ทะเลสวย..
น้ำใสมากเลยมึง....
ฟ้าก็สว่าง...งามจับตา...
ตากูพร่ากับแสงตะวัน...
แต่มันเหงาว่ะ...เมื่อไม่มีมึง
.
.
.
อยากให้มึงได้มาเห็นเหมือนที่กูเห็น
อยากให้มาอยู่ตรงนี้ด้วยกัน..”


พอส่งไปแล้วผมพึ่งนึกขึ้นมาได้ว่า..
”ชิบหายแล้ว...ไปรษณีย์บัตรเค้าก็อ่านกันได้หมดนี่ อายพ่อ อายแม่ อายไปรษณีย์”  

อยากจะล้วงเอาคืนออกมาจากตู้ก็ไม่ได้  แต่ก็นึกมาได้อีกว่าผมไม่ได้เขียนที่อยู่  กับลงชื่อไปด้วย คงไม่เป็นไร แล้วก็นึกได้ว่าลืมถามเรื่องอาการป่วยของแม่ไอ้ใหญ่ไป ผมเลยซื้อไปรษณียบัตรอีกใบแล้วส่งไปให้มันใหม่ คราวนี้เขียนว่า

“แม่มึงเป็นไงบ้าง ขอให้พระคุ้มครองนะ กูเอาใจช่วย” คราวนี้ผมลงชื่อที่อยู่เรียบร้อยครับ

ทะเลที่ตะรุเตานี่น้ำใสจริงๆครับ  ทะเลสวยๆน้ำใสๆ ลมเย็นๆและเพื่อนๆทำให้ผมสนุกมาก  แต่ผมก็ยังคิดถึงไอ้ใหญ่อยู่ดี

 “ฝันมานั่งทำไมเงียบๆคนเดียว พวกด้าเค้าถามหากันใหญ่เค้าตั้งวงไพ่กันแล้วนะ  ไม่ไปเล่นกับเค้าเหรอ” เสียงหวานๆของอ้อยทำผมสะดุ้ง กำลังคิดอะไรเพลินๆครับ รอยยิ้มสดใสทำเอาผมลืมเรื่องที่คิดอยู่เมื่อสักครู่ไปเลย
“ก็คิดอะไรเล่นๆ เรื่องงาน เรื่องเพื่อนๆ เรื่องชีวิต ไปเรื่อยเปื่อยน่ะอ้อย แล้วทำไมเธอไม่ไปเล่นกะเค้าล่ะ”

“อ้อยเล่นไม่เป็นฝันไม่รู้เหรอ ไม่เคยคิดจะเล่นด้วย เคยเห็นคนใกล้ชิดเป็นผีพนันมาแล้ว ไม่อยากยุ่งเลยเรื่องการพนันอะไรแบบนี้” ยังมีด้วยเหรอครับคนที่ไม่เล่นไพ่ ผมก็เห็นเค้าเล่นกันทั่วไปทั้งชายหญิง ก็เราเล่นกันขำๆ

“แต่นี่เราเล่นกันขำๆนี่อ้อย อีแก่กินน้ำไม่เหรอ ก็เล่นไปซิสนุกดี”ไม่งั้นมาเที่ยวแล้วมานอนกันอย่างเดียวจะดีเหรอครับ เบื่อแย่ อ้อยส่ายหน้าจนเส้นผมมาบังหน้า ผมเผลอใจเอื้อมมือจะช่วยหยิบเส้นผมที่ติดอยู่ที่แก้มออก แต่อ้อยก็เขี่ยมันออกไปก่อน แก้มของเธอเป็นสีระเรื่อ  คงเห็นสิ่งที่ผมเกือบจะทำไปแล้ว  

“ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจเล่นมานั่งคุยกันดีกว่า อีกหน่อยก็คงไม่ได้เจอกันแล้ว จะมีเวลามาคุยแบบนี้อีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ เนอะ"
เรานั่งมองทะเลกันเงียบๆ ลมทะเลพัดมาเย็นๆคืนนี้เราอยู่เป็นคืนสุดท้ายแล้วครับ พรุ่งนี้ก็กลับกรุงเทพกัน
“ดีจังเลยนะ ดีที่ได้มา เมืองไทยนี่สวยจริงๆ เรามากันไกลมาจริงๆ”
อ้อยพยักหน้าเห็นด้วย  “มากับเพื่อนๆก็สนุกด้วย อีกหน่อยคงไม่ได้มาแบบนี้อีกแล้วล่ะ”
ผมหันไปมองหน้าอ้อย เธอน่ารักจริงๆครับ แก้มขาวๆใสๆน่าจูบเป็นที่สุด ผมต้องข่มใจไม่ให้มองจ้องอ้อยมากเกินไป
“ทำไมล่ะอ้อย วันหลังถ้าอยากมาอีกบอกผมนะ ผมพามาเอง”

“มากับเธอเนี่ยนะ คริคริ ไม่เอาหรอก”อ้อยหัวเราะเบาๆ
“วันๆเอาแต่นั่งเหม่อไม่รู้คิดถึงใครกัน ถ้ามากับเธอเราก็คงนั่งจมจ่อมทั้งวัน”
ผมละงงกับอารมณ์ผู้หญิงก็เมื่อกี้เพิ่งบอกผมว่าไม่เล่นไพ่แต่อยากคุยมากกว่า   พอมานั่งคุยกับผมกับบอกว่าไม่ชอบอีก ตกลงจะเอายังไงกันแน่
“แล้วคุยกับผมไม่สนุกเหรอ ถึงไม่อยากมากับผม”

อ้อยรีบส่ายหน้าปฎิเสธ
“ไม่ใช่ เราไม่ได้คิดแบบนั้น แค่คิดว่ามากันหลายๆคนสนุกดี ฝันเธอน่ะคิดมาก ไม่เอาแล้ว เราไปเตรียมอาหารเย็นดีกว่า แล้วตามมานะ”
ดูซิครับคุยกันอยู่ดีๆก็ลุกหนีไปเสียแบบนั้นเอง แต่กำลังคุยกันดีๆแบบนี้ผมก็ต้องตามไปซิครับ “อ้อยรอด้วย...ผมไปช่วย”

ในทริปนั้นผมได้ใช้เวลากับอ้อยมากกว่าทุกครั้ง อ้อยยังคงเป็นผู้หญิงในฝันเหมือนเช่นเคย ทุกครั้งที่อ้อยยิ้มให้(ถึงจะยิ้มให้คนอื่นก็เถอะ)ผมก็ยังอิ่มเอมใจ แต่ลึกๆมันก็ยังไม่ใช่ที่สุดของผม แต่บอกได้เลยว่านี่เป็นโอกาสสำคัญในชีวิตผมที่ทำให้อ้อยหันมามองผมในฐานะผู้ชายอย่างจริงจังไม่ใช่ในฐานะเพื่อนอย่างที่เคยเป็นมา  มันเป็นจุดเริ่มต้นของวันนี้ของเรา

หลังจากกลับมาจากการไปเที่ยวครั้งนี้พวกเราต่างเร่งหางานทำกัน ใครที่มีธุรกิจทางบ้านก็แยกย้ายกันไปทำเอง ผมหางานทำได้ในเวลาไม่นาน  มีหลายบริษัทที่เลือกให้ผมเข้าไปทำ  บริษัทที่ผมเลือกทำก็ไม่ได้ดีไปกว่าบริษัทอื่นๆเท่าไหร่  แต่ที่ผมเลือก......เพราะมีอ้อยอยู่ด้วยต่างหากล่ะ  

เมื่อเริ่มเข้าทำงานผมเริ่มสนุกกับการทำงาน การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่พบในการทำงานจริงนอกเหนือจากที่เรียนมา เพื่อนร่วมงานใหม่ๆ ที่รวมถึงอ้อยด้วย ตอนนี้เราเริ่มมีสถานะใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกในฐานะเพื่อนร่วมงาน ผมยอมรับว่าช่วงนั้นผมลืมไอ้ใหญ่ไปเลย  จนกระทั่งวันหนึ่งที่ผมกลับบ้านไปแล้วมีจดหมายส่งมาถึงผม แล้วพี่สาวผมเอาไปวางให้ที่โต๊ะ

ผมเห็นลายมือของมันผมก็จำได้ทันที ผมรีบเปิดซองจดหมาย เพิ่งรู้สึกกับตัวเองว่าคิดถึงมันมากจริงๆ

หวัดดีมึง(ต้องกราบเท้าด้วยความเคารพมั๊ย)

   เป็นไงบ้างมึง สบายดีป่าว ลืมกูไปแล้วซิ ไหนๆลองบอกมาซิกูชื่อไรเพื่อนมึงคนนี้..ที่มึงอ่านจดหมายมันอยู่ ไหนพูดซิ ให้หลับตานึกว่ากูฟังอยู่ด้วยล่ะมึง


ผมก็บ้านะครับหลับตาแล้วนึกถึงหน้ามันแล้วก็พุดขำๆกับตัวเอง
 “ก็มึงไง..ไอ้ใหญ่..กวนตีนจริง..ขนาดเขียนจดหมายยังมาสั่งกูให้ทำนู่นนี่อีก เออ..แล้วก็นะกูก็บ้าจี้ตามมัน หึหึ”
 ผมอ่านไปก็ยิ้มไป  แล้วผมก็อ่านจดหมายมันต่อ

เออดีมากเพื่อนรัก ที่มึงยังจำชื่อกูได้ ก็ยังดีที่มึงยังพอสำนึกว่ายังมีกูเป็นเพื่อนมึงอยู่  
ติดหญิงอยู่ล่ะซิ กูได้ข่าวว่ามึงทำงานที่เดียวกับอ้อยนี่  เข้าทางแล้วซิ กูเอาใจช่วยนะเว้ย  
ยังไงๆอ้อยก็ผ่านเสมอในสายตากู เค้าต้องดูแลมึงได้ดีแน่ๆ


“ยุ่งเรื่องกูจริง...ใครคาบข่าวไปบอกมันว่ะ”ก็คงเป็นเพื่อนคนอื่นๆ แต่ผมก็ยังสงสัยว่ามันติดต่อกันยังไง ขนาดผมสนิทกับมันที่สุดแล้ว แต่ไอ้ใหญ่ไม่เคยแม้แต่จะโทรหาผมเลยซักครั้ง ชักน้อยใจโว้ย

กูรู้ว่าช่วงนี้มึงคงยุ่งกับงานใหม่ คงต้องพยายามเข้าอีกมาก โง่ๆอย่างมึงเก็บเขาหน่อยนะเว้ย เดี๋ยวเค้ารู้กันหมด โดยเฉพาะอย่าให้อ้อยเห็นเขาบนหัวมึงเชียว เดี๋ยวเค้าไม่เลือกมึง เห็นว่ามีคนเล็งอ้อยเยอะด้วย มึงอย่ายอมแพ้นะ

ผมรู้สึกดีใจที่มันเห็นด้วยกับผมที่ผมจะเริ่มจีบอ้อยจริงๆจังๆเสียที  เพราะมันรู้มาตลอดว่าผมชอบอ้อย
แต่ “หลอกด่ากูเป็นควายอีกแล้วนะมึง..จำไว้เลย”

กูสบายดี อยากบอกมึงแบบนี้ถึงมึงจะไม่ถามกู แม่กูก็สบายดี (มึงก็ไม่ถามอีกแหล่ะ ไอ้ฝัน..ไอ้คนใจดำ) ตอนนี้แม่ทำบอลลูนไปแล้ว ช่วงนี้กูต้องคุมเรื่องอาหาร ให้ลดไขมันลงไป พ่อกูก็สบายใจขึ้นเพราะมีกูมาช่วยงานและช่วยดูแลแม่เพิ่มมาอีกคน งานก็ไปด้วยดีพ่อกูทำไว้ดี กูเลยสบาย ใครๆก็เรียกกูเสี่ย มีเพื่อนๆพ่ออยากได้กูไปเป็นลูกเขยทั้งนั้น
กูก็ไม่ยอมแพ้มึงหรอกนะเรื่องแฟน กูคงหาได้ในเร็วๆนี้แหล่ะ แต่ปัญหาคือตัวเลือกมันเยอะชิบ...ไม่รู้จะเลือกใครว่ะ


“น่าหมั่นไส้..ไอ้ใหญ่ไอ้ขี้โม้เอ๊ย”
ยังไงไอ้ใหญ่ก็คือไอ้ใหญ่ชอบพูดให้เกินจริง  แล้วผมก็เกิดมีความคิดอีกอย่างขึ้นมา  ผมอยากให้มันมีแฟนมันจะได้ไม่เหงา แต่ทำไมผมถึงนึกว่ามันจะเหงาล่ะ คนอย่างมันมีแต่คนรัก คงมีเพื่อนฝูงทางนู้นมากมาย เชียงใหม่ก็ไม่ใช่จังหวัดเล็กๆ ที่เที่ยวมากมายมันคงไม่เหงาหรอก แต่ในใจลึกๆก็ค้านกับความคิดแรกว่าไอ้ใหญ่คงจะต้องเหงาแน่นอน  แต่มันจะเหงาหรือไม่เหงามาเกี่ยวอะไรกับผมกันล่ะ  ผมจะคิดไปทำไมให้ปวดหัวกัน

มึงรู้มั๊ยเค้าจะรับปริญญากันเมื่อไหร่ว่ะ มึงช่วยทำเรื่องให้กูหน่อยซิ กูส่งใบมอบอำนาจมาให้มึงแล้วด้วย แต่ส่งมาแล้วดันนึกได้ว่าต้องปิดอากรแสตมป์รึเปล่าว่ะ จ่ายให้หน่อยนะเว้ย นิดหน่อยเอง แหะๆ

ตอนนี้อากาศที่นี่ร้อนมากเลยมึง ถ้ากูไม่กลัวลูกน้องสาวๆของกูเค้าตากุ้งยิง กูกะว่าจะถอดเสื้ออยู่บริษัทแล้ว แล้วมึงล่ะอยู่เมืองศิวิไลส์ร้อนมั๊ยวะ แต่คงไม่ร้อนหรอกนอกจากจะอยู่แต่ห้องแอร์แล้ว  มึงยังมีสุดที่รักให้นั่งมองหน้ากันทุกวัน อิจฉาคนจะมีแฟนโว้ย กูอยากมีมั่ง..เดี๋ยวไปเลือกมาซักคนดีกว่า จุ๊บแจง น้องส้ม น้องข้าวปุ้น น้องดาว น้องสุ่ย เอ....กูจะเลือกใครดีนะ คราวหน้ากูส่งรูปมาให้มึงช่วยเลือกดีกว่า

แต่วันนี้แค่นี้ก่อนนะมึง เมื่อยมือว่ะ แต่กูชอบมากเลยนะ อารมณ์ตอนเขียนไปนึกไปมันดีน่ะมันดีมึงรู้สึกเหมือนกูบ้างมั๊ย  กูชอบเขียนด้วยลายมือกู แต่มึงจะชอบอ่านลายมือกูรึเปล่าซิ

แต่ช่างซิ กูเขียนไปแล้วก็เรื่องของมึงละที่ต้องพยายามแกะลายมือกูให้ออก แล้วตอบมาด้วยล่ะ อย่าให้กูรอนาน

กูเอง..เพื่อนมึง..ไหนอ่านชื่อกูอีกครั้งซิ..ขอหวานๆหน่อยนะ

ปล.มึงไม่ต้องตอบกูทางอีเมลล์ กูชอบฟ้อนท์ฝัน(ไม่ต้องทำหน้างงก็ฟ้อนท์ชื่อของมึงไง...ไอ้ตุ่นนน) มากกว่าฟ้อนท์อังศนา หรือฟ้อนท์คอร์เดีย

ปลล.โปสการ์ดสวยดี แต่ที่มึงเขียนมาไม่สัมผัสเลยว่ะ...แต่ยังไงกูก็ชอบ ขอบใจนะมึง”



“ไอ้ใหญ่..”ผมอ่านไปก็ยิ้มไป นึกถึงหน้ามันไปด้วย มันคงตั้งใจเขียนจริงๆ ลายมือมันหวัดมาก แต่ผมก็อ่านออก ก็อ่านมาตลอด4ปีนี่ครับ จะอ่านไม่ออกได้ยังไง  ผมควานหากระดาษเขียนจดหมายจะตอบกลับก็ไม่มี  เลยกะว่าวันรุ่งขึ้นจะไปซื้อกระดาษกับสมุดมาไว้เขียนหามัน แล้วไปอาบน้ำนอน แล้วผมก็นอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลียอย่างรวดเร็ว

แต่จนแล้วจนรอดผมก็ลืมซื้อทุกทีครับ เพราะช่วงนี้งานเร่งมาก ผมต้องกลับดึกๆทุกวัน พอถึงบ้านก็เหนื่อยอยากจะนอนท่าเดียว ขนาดเวลาจะชวนอ้อยไปเที่ยวยังแทบไม่มี แล้วเวลาผ่านไปผมก็ไม่ได้ตอบจดหมายมันเกือบเดือน จนกระทั่งจดหมายฉบับที่สองของมันส่งมา

กูโป้งมึงแล้ว

ปล่อยให้กูรอคอยลอยคอ อ๋อๆๆมึงเห็นกูอยู่บ้านนอกใช่มั๊ย  มึงไม่อยากคบกูแล้วซิ เลยไม่ตอบจดหมายกู หรือถ้าคิดอีกอย่าง จดหมายกูไม่ถึง แน่เลยเนี่ย กูว่าแล้ว....ไอ้ไปรษณีย์คนนี้มันแปลกๆ รับจดหมายกูแล้วยิ้มแปลกๆ
แล้วยังมาถามนู่นถามนี่อีกมากมาย  ไม่เอาแล้ววันหลังกูส่งตู้ดีกว่า แต่กูไม่ย้อนเรื่องแล้วนะ กูลืมไปแล้วว่าเขียนอะไรไปมั่ง เริ่มใหม่เลยดีกว่า

กูจะบอกว่ากูส่งใบมอบอำนาจมาให้มึงอีกใบแล้วนะ แล้วมึงอย่าเอาชื่อเสียงกูไปทำไรเลวๆล่ะ  เช่นอย่าเอาชื่อกูไปจดทะเบียนสมรสกับใคร หรือเอาชื่อกูไปกู้เงินมาใช้นะเว้ย   เอ..หรือว่านี่กูชี้โพรงให้มึงไปแล้วเนี่ย ตายละลบๆๆๆดีกว่า


ผมเห็นลอยลบๆเลอะเทอะมากมาย แต่ก็ไม่มีข้อความอะไรเปลี่ยนไป “ไอ้ซกมกเอ๊ย ไอ้ใหญ่ หึหึ”

คือที่กูส่งมาเนี่ยอยากให้มึงช่วยจัดการเกี่ยวกับเรื่องวันรับปริญญา หรือถ้าต้องมีทำเรื่องอะไรก็ทำให้กูด้วย กูคงไม่มีเวลาลงมาทำเรื่องเองแน่ๆ ยังไงเวลามึงไปทำของมึง ก็นึกซะว่ามีกูไปด้วย กูไปทำด้วย แต่มึงทำให้กูไง

 ขอบคุณล่วงหน้านะฝัน ช่วงนี้กูกำลังสนใจหญิงคนนึงว่ะ ชื่อน้องออม เรียบร้อยน่ารักมาก ไว้จะพยายามหารูปมาให้มึงดู  กูไปก่อนนะลืมไปอีกแล้วว่านัดน้องออมไว้ จะไปกินข้าวด้วยกัน ช่วงนี้กูกำลังทำคะแนนคนมารุมรักเค้าเยอะน่าดู แต่มึงก็รู้นี่ใครจะสู้กูได้ ใช่ปะล่ะ ฮ่าๆๆๆ

คิดถึงมึงว่ะ แล้วตกลงมึงจะตอบจดหมายกูบ้างรึเปล่า
กูเอง..ใหญ่...เพื่อนมึง


*****************************
ขอบคุณที่มาอ่านค่ะ :o8:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2009 12:28:12 โดย คิคิคุคุ »

ออฟไลน์ Seiki

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2726/-64
เจิมๆ  :mc4:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :z2: :z2: :z2:
สำผัสได้ถึงคำๆนึงสั้นๆ "เหงา"
เป็นกำลังใจให้นะคราบ แล้วจะรออ่านต่อน๊่า
นิว

mecon

  • บุคคลทั่วไป
"ฟ้อนฝัน" :m3:
>>>คิดได้ยังไงเนี่ย น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกก
จดหมายฉบับแรกของใหญ่มันมากับค.น้อยใจนะ ชัวร์
ก็เพื่อนหายเงียบไปเลยหนิ เป็นจั่วหัวก็รู้แล้วว่าโคดน้อยใจเพื่อนรัก ณ เมืองศิวิลัย เอิ๊ก
ความโลเทคโนโลยีมันดีแบบนี้นี่เอง จดหมายน้อยถึงได้ดูมีคุณค่ามากๆ
ยิ่งลายมือของคนที่เค้าเขียนถึงเราอ่ะนะ สุดๆอ่ะ ช๊อบชอบคะ
ต่างคนต่างมีทางเดินของตัวเอง แล้วตอนนี้ใหญ่ก็กำลังจะ
อยากเดินเคียงคู่กับสาวน้อยรึเนี่ย ม่ายยย เอาใหญ่เซนส์ซิทีฟคนนั้น
คืนมานะ ส่วนฝันไมไม่ตอบจดหมายเพื่อนล่ะ แย่ๆๆๆๆๆ นิสัย!!!!
จดหมายฉบับที่สองอ่ะ ทั้งน้อยใจ และโคดเสียใจเลยที่เพื่อน ละเลย
เชอะๆๆๆ น่าลงมาเขกกะโหลกเจ้าฝันนะใหญ่ เอาให้จำเพื่อนรักไม่ลืมเลย
หนอยบังอาจลืมตอบกลับได้ รู้มั๊ยว่าค.รู้สึกของคนคอยอ่ะมันช่าง
ต่างจากคนรับเสียนี่กระไร เฮ้อออออออให้ไวนะฝัน

+1 จัดให้คะ  น่ารักจังเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ก่อนอื่น +1 ไปก่อนเลย เป็น 12 นะครับ

เป็นกำลังใจให้นะครับ  อ่านแล้วนึกถึงตอนที่เรียนจบใหม่ ๆ

แล้วก็เขียนจ.ม. หาเพื่อนแบบนี้แหละ เขียนไปเขียมมา หายไปเลย :z2:

รอจ.ม. ฉบับที่ 3 นะครับ

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป

คนเขียนฝากบอกมาว่า ดีใจจังที่มีคนอ่าน ถึงจะเป็นส่วนน้อยก็ตาม ถ้ามีตรงไหนที่ผิดพลาดก็ขออภัยด้วยค่ะ :pig4:
*****************************
ตอนที่ ๓

หลังจากที่ได้รับจดหมายจากไอ้ใหญ่ก็เป็นวันเสาร์พอดี ผมนัดอ้อยว่าจะไปเดินเล่นกันแล้วก็ดูหนัง พอเดินผ่านแผนกเครื่องเขียนผมเลยนึกขึ้นมาได้
“อ้อย ผมขอแวะซื้อของใช้หน่อยซิ อ้อยรอแป๊ปนะ”
อ้อยพยักหน้าแล้วบอกว่า “ งั้นเราไปเดินดูของอื่นด้วย เธอเสร็จแล้วเรียกมาแล้วกันนะ เรารอแถวๆนี้แหล่ะ”
 “ครับ ผมซื้อนิดเดียวไม่ช้าหรอก”

ผมเดินซื้อสมุดโน้ต ซองจดหมายเรียบร้อย แล้วก็ไปจ่ายเงิน แล้วเดินไปหาอ้อยที่กำลังเลือกสติ๊กเกอร์ที่เป็นแผงๆแขวนอยู่ “อ้อยเอาไปทำอะไรน่ะ..มันของเด็กๆเล่นนะ หึหึ”
 อ้อยไม่ตอบผมได้แต่ยิ้มแล้วเลือกต่อ “ก็เราชอบนี่ มันน่ารัก เอาไปเก็บไว้ดู อันนี้ก็ดีนะ รูปหัวใจ รูปดาว มันนูนๆด้วย”
 ผมดูแล้วก็น่ารักดีครับอ้อยกุ๊กกิ๊กสมเป็นผู้หญิงดีจัง 

แล้วผมก็คิดอะไรได้ เอาด้วยดีกว่า ผมหยิบรูปหัวใจมา2แผง แล้วซื้อสมุดเล่มเล็กๆขนาดเท่าฝ่ามืออีกสองเล่ม อ้อยเองยังงงตอนที่ผมมาเอาของอ้อยไปจ่ายรวมกัน “มาผมซื้อให้อ้อยเอง”
อ้อยทำตาโต “เธอจะเอาไปทำอะไรฝัน นี่เราซื้อเอาไปเก็บนะ”
“เอาน่า..เดี๋ยวบอกอ้อยเอง...แต่หลังดูหนังจบนะ”

“โอเค..ทำเป็นมีลับลมคมในนะ  แล้วนี่ฝันซื้อซองจดหมายไปทำไมน่ะ เดี๋ยวนี้เค้าไม่ใช้กันแล้ว ถ้าจะใช้ทำไมไม่เอาของที่บริษัทล่ะ”  ฟังแล้วก็ขำ ผมว่าหลายๆคนก็คงใช้วิธีนี้ เอาของบริษัทมาใช้ พี่สาวผมออกจากที่ทำงานเก่ามาเป็นปี ป่านนี้ผมยังเห็นใช้สมุดฉีกของบริษัทอยู่เลย แต่ไม่คิดว่าอ้อยก็เป็นกับเค้าไปด้วย หรือมันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้ว

“นั่นซิ...ผมลืมนึกไปเลยน่าไปเอาของบริษัทจริงๆด้วย   พอดี..แม่ฝากซื้อน่ะสงสัยจะเขียนจดหมายไปหาเพื่อน แหะๆ ก็อย่างนี้แหล่ะอ้อยคนโบราณชอบใช้วิธีแบบโบราณๆ”
ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องปิดบังอ้อยเรื่องการเขียนจดหมายหาไอ้ใหญ่ ผมคงอายที่ผมใช้วิธีแบบเก่าๆมั๊ง ตอนนั้นผมคิดแบบนั้นจริงๆ

พอดูหนังเสร็จ ผมก็ส่งสมุดโน้ตเล่มหนึ่งให้อ้อยพร้อมกับสติ๊กเกอร์รูปหัวใจหนึ่งแผง อ้อยรับมาอย่างงงๆ
“เธอจะให้เรามาทำไมฝัน ไม่ต้องซื้อให้เราหรอก”ผมยิ้มดีใจสนุกกับความคิดของตัวเอง  สิ่งที่ผมจะทำ และกำลังจะอธิบายให้อ้อยฟัง
“อ้อยรู้ใช่มั๊ยว่าผมชอบอ้อย”ผมพูดตรงๆไปเลยครับ อ้อยพยักหน้ายิ้มอายๆแล้วแกล้งหัวเราะแก้เขิน
“ฝันพูดอะไร มันเขินนะเนี่ย” ผมเกาหัวแกรกๆ ที่จริงผมก็เขิน แต่ใครๆก็บอกว่าจีบหญิงต้องด้านเข้าไว้

“ก็..ผมพูดความจริงนะ ที่ผมให้สมุดเล่มนี้ กับหัวใจอ้อยไป คือ...”พอต้องพูดออกมาจริงๆชักอายครับ ไม่รู้สิ่งที่ผมทำอ้อยจะมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระแบบเด็กๆหรือเปล่า เลยได้แต่อื้อๆอ้าๆอยู่แบบนั้น
“ยังไงเหรอฝัน..บอกมาเหอะไม่ต้องทำหน้าแดง เดี๋ยวเราเผลอขำออกมาได้อายเค้าไปทั้งร้านนะ”

 ผมสูดลมหายใจลึกๆเข้าไป  ก่อนที่จะพูดต่อ “คือผมให้หัวใจอ้อยไปทั้งหมดไง แล้วผมก็อยากให้อ้อยให้ใจผมบ้าง”
ผมปล่อยลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกลั้นใจพูดต่อ ตอนนี้อ้อยหน้าแดงมากครับ พยายามกลั้นยิ้มไว้แต่ก็ปกปิดสายตาผมไม่ได้หรอก ผมรู้ว่าเธอกำลังเขินมากๆ แต่ว่าผมจะน้ำเน่ามากไปมั๊ยเนี่ย

ผมค่อยๆพูดต่อไปอย่างช้าๆ“เวลาที่เราเจอกัน...ถ้าผมทำอะไรให้อ้อยรู้สึกดีๆผมอยากให้อ้อย จดไว้ แล้วแปะหัวใจให้ผม ถ้าผมทำดีมากอ้อยก็ให้ใจผมมากหน่อย ..นะครับ”
“แล้ว....ถ้าวันนึงที่อ้อยให้ใจผมหมดแล้ว ผมก็อยากรู้จากอ้อย  ผมอยากให้เราข้ามความสัมพันธ์แบบเดิมๆที่เป็นเพื่อนออกไป อ้อย..อ้อยว่าเป็นไงครับ” ผมชักรู้สึกว่าตัวเองพร่ำรำพันอยู่คนเดียวเลยกลับไปถามอ้อยแทน เราสบตากันจนอ้อยต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาผมไปก่อน

“อ้อยจะลองดูแล้วกัน..ฝันนี้ทำอะไรเป็นเด็กๆกว่าที่คิดนะ  เจ้าชู้จัง”อ้อยส่งค้อนให้ผมวงใหญ่
ผมขำกับอาการเขินของอ้อย แล้วบอกว่า“อะไรกัน คนเค้าให้ใจไปทั้งหมดขนาดนี้ให้คนเดียวด้วย ยังมาว่าเจ้าชู้ได้อีก ” แล้วผมก็อ้อนต่อ
“ผมให้ใจอ้อยหมดแล้ว อ้อยอย่าเอาใจอ้อยไปให้ใครนะครับ”ผมรู้ว่ามีคนมาชอบอ้อยอีกหลายคนที่ทำงาน ยังไงขอดักทางไว้ก่อนครับ อย่างลองหยั่งเชิงดูด้วย

“ฝันพูดอะไร... ใจเรา เรายังไม่ให้ใครทั้งนั้น ทุกคนเป็นเพื่อนเป็นพี่กันหมด ให้เวลาเป็นตัวบอกอนาคตของเราก็แล้วกัน”

   พออ้อยพูดแบบนี้ผมก็เบาใจครับว่าคงยังไม่มีใครแซงหน้าผมไป อย่างน้อยผมก็ได้เปรียบที่เป็นเพื่อนกันมาก่อน แล้วยังทำงานที่เดียวกันด้วย แต่ตอนนี้ผมดีใจมากที่สุดที่ผมได้บอกอ้อยไปแล้วว่าผมรู้สึกยังไงกับอ้อย มันโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก ผมจะได้เดินหน้าเต็มที่อย่างจริงๆจังเสียที

คืนนั้นพอกลับบ้านผมถึงได้มีเวลาเขียนจดหมายตอบไอ้ใหญ่มัน ก็คนกำลังอารมณ์ดีนี่ครับ อารมณ์นี้อยากอวดเพื่อน

โย่ว...วอทซับแมน ไงไอ้ใหญ่เพื่อนกู ไอ้บ้านนอกกก...(อย่าโกรธกูนะ..โอ๋ๆๆๆเพื่อนล้อเล่น)

โทดทีว่ะมึง กูไม่มีเวลาเล้ย งานมากมายท่วมหัวหู ไอ้วิชาการตลาดที่มึงเพียรพยายามสั่งสอนกู กูเพิ่งเห็นคุณค่าก็วันนี้ เสียดายมึงดันโลว์เทค ไม่ยอมใช้โทรศัพท์ซะงั้น กูจะได้โทรไปถามมึงหน่อย

คิดถึงกูอะดิ๊..เขียนจดหมายรักมาหากูตั้งสองฉบับ กูโคตรคิดถึงมึงเลย อยากเห็นหน้า อยากกอดรัดฟัดเหวี่ยง อยากนวดๆๆๆด้วยฝ่าเท้าให้มึง ไอ้ลูกหมาเอ๊ย ดันไปอยู่ซะไกล กูเหงาเฉาปากเลย ไม่รู้จะบ่นเรื่องที่กูมีความสุขให้ใครฟัง

มึงรู้ปะ...กูบอกอ้อยไปแล้วว่า...กูชอบเค้า กูจีบเค้าอยู่ นี่ๆๆๆกูให้หัวใจเค้าไปด้วย กูให้เค้าไปหมดเลย หัวใจแบบนี้ไงมึง (ผมปะสติ๊กเกอร์รูปหัวใจไปในจดหมายด้วย) กูบอกเค้าว่า วันไหนที่เค้าให้ใจกูหมดแล้วให้เค้าบอกกู คราวนี้เราจะได้เป็นแฟนกันเสียที
กูแทบจะรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว เนี่ยๆๆๆมึงน่าอยู่ที่นี่ กูจะได้เล่าให้มึงฟังละเอียดๆทุกๆชอทที่กูคุยกะอ้อย แม่ม..เวลาอ้อยหน้าแดง น่ารักมากเลยมึง กูแทบจะอยากรวบตัวเค้ามากอด นี่ถ้ามึงอยู่กูกอดมึงแทนไปแล้ว  เอาว่ะขาวๆเหมือนกันกูหลับหูหลับตากอดมึง คงไม่ต่างกัน

แล้วแม่มึงเป็นไงมั่ง(กูถามแล้วนะมึงห้ามด่าว่ากูใจดำอีก ..มึงก็รู้ว่ากูเป็นคนดี) อาการดีขึ้นรึยัง  กินข้าวได้ดีรึเปล่าล่ะ แล้วพ่อมึงล่ะเป็นไงมั่ง (กูถามเผื่อพ่อแล้วนะ ฮ่าๆๆ เพื่อนมึงน่ารักมั้ยละ) แล้วมึงล่ะแดกข้าวตรงเวลาป่าว ชอบนักเชียวกินข้าวตอนบ่ายๆ เดี๋ยวโรคกระเพาะก็ถามหา ด่าเท่าไหร่ สั่งสอนเท่าไหร่ไม่มีฟังกัน เป็นมะเร็งกระเพาะอาหารขึ้นมา กูไม่ไปเผามึงนะเว้ย โทษฐานไม่เชื่อกู กูเหนื่อยขี้เกียจนั่งรถไปเผามึง...มันไกล

เรื่องรับปริญญาไม่ต้องห่วง กูจะจัดการให้ ถึงกูจะไม่ค่อยรู้เรื่องเดี๋ยวตามๆคนอื่นไป เค้าทำไรกูทำด้วย จะพยายามคิดว่ามึงอยู่ด้วยตลอดจะทำเผื่อมึงแล้วกัน

 เออ..กูว่าจะถามกูส่งโปสการ์ดไปให้มึง จากที่ตะรุเตาน่ะ สวยมากเลยมึง มึงน่าไปด้วยกันจริงๆนะ  แต่คิดไปคิดมามึงไม่ไปก็ดีอย่าง(กูเป็นคนมองโลกในแง่ดีโว้ย)มึงรู้ปะกูมีเวลาคุยกับอ้อยเยอะเชียว ถ้ามึงไปกูก็คงอยู่กับมึงมากกว่าเหมือนเคย  แต่ต่อให้กูอยากคุยกับอ้อยมากแค่ไหนก็อยากให้มึงไปด้วยอยู่ดี จริงๆนะ (ไม่มีมึงเหมือนกูขาดพลังงานชีวิตยังไงไม่รู้ )

มึงจะลงมากรุงเทพเมื่อไหร่ กูอยากเจอมึง  กูเกือบลืมหน้ามึงไปแล้วนะ ตอนนี้ผมยาวรึยังเห็นว่ามึงอยากไว้ผมยาว คราวนี้น่าจะไว้ได้แล้วนี่ ตอนนี้กูอ้วนขึ้นด้วย กินดีอยู่ดีว่ะแถมต้องพาสาวเที่ยวด้วย  กูว่ากูจะลงพุงแล้วสงสัยต้องหาทางไปออกกำลังกายหน่อย แล้วมึงล่ะ ส่งรูปมาให้กูดูหน่อยนะ  ถ่ายกะน้องออมของมึงก็ได้ อยากรู้จักเพื่อนสะใภ้หน่อย ท่าทางจะงามไม่เบา ทำเอามึงเพ้อได้นี่

เฮ้อ.....ง่วงแล้ว แต่เราจะไม่โทรคุยกันจริงๆเหรอ หรือจะส่งอีเมลล์ดี  แต่กูใช้ไม่ค่อยเป็น เขียนแบบนี้ก็ดีไปอย่างแต่มึงว่ามันเชยมั๊ย แต่เอาเหอะแบบไหนก็ได้ แต่กูอาจไม่มีเวลาตอบมึงบ่อยๆนะ  งานแยะจริงๆ ไปละ

เจอกันเพื่อน...ฝัน..เพื่อนมึงเหมือนกันไง
ปล.กูลืมตัวเขียนไปซะยาวเลย แหะๆ


ผมส่งจดหมายไปแล้วก็รอมันตอบกลับครับ  แต่มันก็ไม่ตอบมา จนสามอาทิตย์ผ่านไป ผมทนไม่ไหวเพิ่งรู้ว่าการรอคอยมันทรมานแบบนี้นี่เอง   มิน่ามันถึงต่อว่าผมว่าไม่ตอบจดหมายมันสักที กลับบ้านมาทีไรผมถามแม่ว่ามีจดหมายมั้ยพอแม่บอกไม่มีผมหงุดหงิดสุดๆ จนแม่สงสัยว่าผมรอจดหมายใคร ผมก็บอกไปตรงๆครับว่าจดหมายไอ้ใหญ่ ก็ไม่เห็นเค้าว่าอะไรกัน ผมรอจนทนไม่ไหวต้องเขียนไปอีกฉบับ

ไอ้ตูดใหญ่..ทำไมไม่ตอบจม.กู

กูรอตั้งนานจนทนไม่ไหวเนี่ย..หรือว่ามึงป่วย เป็นไรป่าว เผาเมื่อไหร่ละมึง พิมพ์การ์ดไว้แล้วส่งมาให้กูด้วย แต่บอกมาก่อนนะว่าตายเพราะอะไร ถ้าตายเพราะกินข้าวไม่ตรงเวลา...กูไม่ไป

 หรือว่างานยุ่ง แต่กูรู้มาว่าส่วนใหญ่ไม่ค่อยทำงานนี่หว่า  ให้แต่พ่อทำ แล้วทำไมไม่ตอบกู  สงสัยเอาแต่ไปเที่ยวกับน้องออมสินล่ะซิ  มีแฟนแล้วลืมเพื่อนนี่หว่า ถ้ามึงไม่ตอบกูภายใน7วัน  ขอให้มึงกำพร้าแฟนคอยดู แล้วไม่ต้องมาง้อกูด้วย ทำงานก็เหนื่อยๆคิดถึงเพื่อน เพื่อนก็ทิ้ง  ไม่ตอบมากูจะสะกดจิตตัวเองให้ลืมมึงเลย

ปล.วันนี้กูไปกินข้าวกับอ้อยด้วยเค้าถามถึงมึง กูเลยบอกว่ามึงสบายดี ใช่มั้ย กูตอบถูกรึเปล่า
ปลล.อ้อยน่ารักว่ะ พอกูถามว่าให้หัวใจกูมากี่ดวงแล้วเค้าไม่ตอบ แต่ยิ้มแล้วทำท่าอายๆ


ผมไม่เคยถามอ้อยอีกเลยครับว่าตอนนี้คะแนนใจของผมไปได้เท่าไหร่แล้ว ผมก็ได้แต่รอคอยเท่านั้นเอง แต่ก็ยังพยายามแบ่งเวลาทำคะแนนอยู่เสมอๆ แต่ผมก็ยังไม่ลืมนะครับว่าใหญ่มันยังไม่ตอบจดหมายผมอีก

จากวันนั้นที่ผมส่งไปหามันอีกฉบับ  ผมก็เริ่มนับวันรอจดหมายตอบจากไอ้ใหญ่ ถึงแม้จะทำงานเหนื่อยแค่ไหนแต่พอกลับมาบ้านสิ่งที่ผมนึกถึงเรื่องแรกก็คือจดหมายจากมัน ชักจะเป็นห่วงว่ามันจะไม่สบายมากกว่า  พอวันที่7 ผมก็ได้จดหมายมาจากมันครับ ถ้าบอกว่าดีใจก็ยังน้อยไป ต้องบอกว่าโคตรรดีใจเลยมากกว่า อย่างน้อยก็ให้รู้ว่ามันตอบมา.......แค่ตอบมาเท่านั้นเอง ผมก็พอใจแล้ว

ไอ้บ้าฝัน..มาแกล้งกู ให้เวลากูโคตรน้อยแค่7วัน ยังดีนะมึงกูกลับมาทัน

กูไปเที่ยวมา ฮ่าๆๆอิจฉาล่ะซิกูไปกับน้องออมสินด้วย แต่ไปไม่กี่วันหรอก แต่พอกลับมามาเจอเส้นตายมึงเข้า กูจะบ้า ทีมึงยังตอบจดหมายกูช้าเลย ทีงี้ทำมาบ่นทำโวยวาย กูอยากตอบจดหมายมึงจะตาย กูก็ว่างอย่างที่มึงเดาแหล่ะ  แต่นี่กูไม่อยู่ไงล่ะ  เออวันนี้กูขโมยหอมแก้มน้องออมด้วย น้องเค้าทำหน้างงๆว่ะ โคตรน่ารักเลย ฮ่าๆๆๆ คราวนี้กูตกหลุมรักน้องเค้าเข้าจริงๆแล้ว เฮ้อ...ใจละลายเป็นยังไงกูก็เพิ่งรู้วันนี้เอง

เรื่องแม่...เค้าไม่เป็นอะไรแล้ว แต่แกก็ยังเหนื่อยนิดหน่อย (แต่ที่มึงถามถึงนี่...จริงใจป่าวว่ะ)กูต้องแบ่งเวลาจากน้องออมมาดูแม่บ้างเหมือนกัน  ใครจะสบายเหมือนมึงมีเวลาให้อ้อยเต็มที่
เรื่องอ้อยกูดีใจด้วยมึงนี่น้ำเน่าน่าดู แต่มึงก็รอมานานแล้วนี่  ดีใจที่อาจจะได้สมหวังว่ะ

 แต่....มึงจะไม่แบ่งใจมาให้กูมั่งเหรอ กูก็อยากได้ใจมึงเหมือนกันนะเว้ย
คืนนี้แค่นี้นะ ..กูจะรอใจจากมึง
เพื่อนมึงเอง..ใหญ่ใจกว้าง..ไม่มีเส้นตายเว้ย...ตอบเมื่อไหร่ก็ได้

ปล.กูส่งรูปกูมาด้วย แต่ไม่ได้ส่งรูปน้องออมมา น้องเค้าไม่ยอมถ่ายรูปกับกูเค้าคงยังอายอยู่ แต่คอนเฟิร์มว่าน่ารักจริงๆโดยเฉพาะเวลายิ้ม ใจละลายว่ะ
ปล.1 อีเมลล์กูไม่สะดวกว่ะ กูชอบเวลาเขียนจดหมาย เงียบๆ มืดๆ เปิดเพลงเบาๆ ค่อยๆคิด ค่อยๆเขียน ได้อารมณ์ดีนะมึง เชยที่ไหนกัน
ปล.2 ลืมบอกไปว่าคนอย่างกูยังไม่ตายง่ายๆหรอก หรือถึงตายกูก็ไม่บอกมึง (กูไม่อยากได้เงินช่วยงานจากมึงหรอกไอ้บ้าฝัน)

ผมมองดูรูปไอ้หนุ่มผมยาวหน้ามนที่มันส่งมาให้ผม แววตาของไอ้ใหญ่ยังเป็นประกายเหมือนเดิม ปากแดงๆของมันยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวๆซี่เล็กๆ  จมูกเล็กๆเชิดรั้นมีเหงื่อเกาะอยู่ ผมมันยาวขึ้นเยอะแต่กลับทำให้หน้ามันดูเด็กกว่าเดิม เหมือนเด็กอายุ18มากกว่าคนที่เรียนจบปริญญาตรีแล้ว ผมเอานิ้วลูบใบหน้ามันแล้วก็คิดถึงมันจับใจ ไอ้ใหญ่เอ๊ย..ไอ้ใหญ่ กูคิดถึงมึงว่ะ...รู้ตัวไม๊
**********************
ขอบคุณเช่นเคยค่ะที่ติดตาม :really2:

mecon

  • บุคคลทั่วไป
ฮาโคด
ในจดหมายของฝันมีแต่สาวอ้อยอ่ะ เฮอ้พ่อลิเก
นุ้งอ้อยคงติดดาวยังไม่หมดแผงมั้งถึงยังมะพูดอะไร
กว่าจะตอบให้เพื่อนได้ มีแต่ อ้อย อ้อย แล้วก็อ้อย
เป็นไงล่ะคนรอมันทรมานมะ เหอะๆต้องส่งจม.ไปทวง
ยังกะจดหมายลูกโซ่เลยนะนั่น ส่วนนุ้งใหญ่ก็คุยโวเรื่องนุ้งออม
เป็นลูกที่ดีมากๆ แบ่งเวลาจากน้องออมมาให้แม่ แม่แกรจะดีใจป่ะห๊ะ :o อิอิ
"แต่....มึงจะไม่แบ่งใจมาให้กูมั่งเหรอ กูก็อยากได้ใจมึงเหมือนกันนะเว้ย"
>>  :monkeysad: หยอดเล่นๆ หรือคิดจริงๆอ่ะนุ้งใหญ่ ชื่อใหญ่แต่หน้าตาน่ารักชิมิ

แต่ละคนคุยโวเรื่องแฟนตัวเอง แต่ว่าใหญ่อะมีแฟนจริงๆเรอะ มะอยากจะเชื่อเลยนะนั่น
พ่อหนุ่มยอดดอย อิอิ

ปล. สู้ๆนะคะ ผลงานดีมีคุณภาพ o13
แปลกแหวกม่าน อิอิช๊อบชอบคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ +1 จัดให้คะ

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
สงสารใหญ่จัง คงแอบรักเพื่อน เฮ้อออออออออออ

เหมือนรู้สึกมีเรื่องอะไรมากกว่านั้นเลย เหมือนใหญ่ปิดบังไรอยู่ เพื่อให้ฝันสบายใจ

เรื่องน้องออมสินไรนั่นก็คงจะโกหก? สินะ 

อยากให้สมหวังเร็วๆ ฝันก็รีบๆๆให้ใจ ใหญ่ทีนะ  :z3:

ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
ตามทันแย้ว เขียนดีจังค่ะ ภาษาสวยลื่นไหลดี มีความรู้สึกว่าเรื่องนี้หลังๆ ต้องโศกน้ำตารินแหง เดาว่าน้องออมต้องเป็นบุคคลที่ถูกใหญ่อุปโลกน์ขึ้นมาแน่เลย จม.ของใหญ่แฝงความเศร้าไว้ยังไงไม่รู้สิคะ

เชียงใหม่ใกล้แค่นี้ แปปเดียวก็ไปถึง  :o12:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ใช่เลย การรอคอยมันเป็นอะไรที่...สุด ๆ

เป็นกำลังใจให้นะครับ อย่าพึ่งท้อนะครับ  +1 ให้อีกด้วย

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :z2: :z2: :z2:
คนที่ชื่อ ออมสิน ที่ว่ามีตัวตนจริงหรือเปล่าน๊า
เหตุผลอะไรถึงไม่ใช้อีเมล์ และต้องอยู่แต่เชียงใหม่ไม่ลงมาเลย
ชอบความคิดของตัวละครในเรื่องแต่ละตัวมีเอกลักษณ์
มีการใช้ภาษาที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นคนๆนั้นดีอ่านแล้วชิวๆ
ยังไงก็มาต่อเรื่อยๆน๊าจะรออ่านต่อ อิๆ

นิว

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ไอ้สองคนนี้มันชักจะยังไงๆ กันอยุ่นะ  อิอิ

เจ้สอง  :bye2:

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
เวลาเราห่างจากเพื่อนนานๆ แล้วเราก็มีนู่นนี่นั่นทำมากมาย ไม่ได้ติดต่อพูดคุยกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราลืมกันใช่มั้ยค่ะ
เพราะเพื่อน...ก็คงอยู่ตรงนั้นเสมอในใจของเรา
****************************************
(ตอนที่๔)

พอผมได้ข่าวจากไอ้ใหญ่มันมาบ้าง   ผมก็ค่อยเบาใจว่าอย่างน้อยมันก็อยู่สุขสบายดี...ยังไม่ตาย 
หลังจากนั้นงานก็สุมรุมเร้ามาเรื่อยๆแถมอ้อยมาชวนผมไปเรียนปริญญาโทด้วย   ผมเลยต้องแบ่งเวลามาเตรียมอ่านหนังสือสอบบ้าง  เพราะไม่อยากเข้าห้องสอบแบบสมองว่างเปล่า เลยลืมเรื่องเขียนจดหมายตอบไอ้ใหญ่มันไปเลย ส่วนไอ้ใหญ่เองก็คงลืมผมไปแล้วเหมือนกัน เพราะไม่มีมีข่าวคราวจากมันอีกหลายเดือน

“อ้อยว่าเราจะสอบเข้าได้มั้ย..ผมว่าผมทำข้อสอบไม่ค่อยได้เลย”
ผมว่าผมก็พยายามทำแล้วนะครับ แต่ก็ยังไม่มั่นใจกลัวสอบไม่ได้ แล้วต้องห่างจากอ้อยไป เพราะผมไม่อยากให้อ้อยมาเรียนโทโดยไม่มีผมมาด้วย ใครๆก็รู้ว่ามาเรียนโทต้องเจอคนอีกมากมาย ผมไม่อยากเปิดโอกาสให้กับใครเข้ามาเป็นคู่แข่งของผมอีก
“อ้อยว่าฝันน่าจะได้นะ ฝันไม่รู้ตัวหรอกฝันก็เก่งนะ อย่าถ่อมตัวไปเลย”
ถึงแม้อ้อยจะให้กำลังใจผม พูดเพราะๆกับผม  แต่พอผมเผลอถามเรื่องที่ว่าเมื่อไหร่อ้อยจะให้ใจผมจนเต็ม
อ้อยกลับบอกว่า “มันก็ต้องใช้เวลานะฝัน เราคงไม่ให้ใจใครไปหมดง่ายหรอก เดี๋ยวถึงวันนั้นไม่ว่าจะเป็นใคร เราจะบอกฝันเอง”

ความสัมพันธ์ของเรายังคงเป็นเพื่อนครับ แต่สนิทกันมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง เจอกันทุกวัน คุยสนุกหัวเราะกันได้ทุกวัน แต่เหมือนอ้อยก็ยังคงขีดเส้นไว้ที่แค่คำว่าเพื่อน ผมเลยไม่กล้าก้าวข้ามเส้นนั้นไป คงต้องรอจนกว่าเจ้าของเค้าจะตัดเส้นนั้นให้ขาด  แล้วเชื้อเชิญให้ผมก้าวข้ามไป ตอนนี้ผมเลยได้แต่ชะโงกหน้าเข้าไปแอบดูเท่านั้นเอง

ลึกๆผมแอบกังวลใจนิดหน่อยในเรื่องนี้แต่เมื่อมองไปรอบๆตัวอ้อย ผมก็ไม่เห็นใครที่จะมีภาษีดีไปกว่าผม ผมก็เลยยังไม่เร่งรัดอ้อยให้มากไปกว่านี้ ถ้าเราจะมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนในอนาคต ถึงแม้จะต้องใช้เวลามากขึ้นผมก็ยินดี จนเมื่อมีคนที่เป็นบุคคลที่3เข้ามา มันชื่อหนุ่ย

คุณหนุ่ยเป็นซัพพลายเออร์เข้ามาติดต่องานที่บริษัทเราแล้วก็ให้บังเอิญที่ผมกับอ้อยต้องเข้าไปคุยด้วยกัน เราไม่รู้หรอกครับว่าไปๆมาๆจากคนที่ทำธุรกิจกัน คุณหนุ่ยมันจะกลายเป็น “พี่หนุ่ย”สำหรับอ้อย แล้วก็กลายเป็น “ไอ้หนุ่ย”สำหรับผม ก็มันเป็นคนเข้ากับคนง่ายมากครับ ถ้าคุณเจอมันวันแรกคุณจะเหมือนกับรู้จักกันมาอาทิตย์นึง พอคุยๆกันต่อไปคบๆกันต่อไป เจอครั้งต่อๆมาคุณก็จะเหมือนรู้จักกันมาหลายปีแล้ว คุยเรื่องอะไรก็สนุกรู้ใจกันไปหมด เวลาคุยกับอ้อยก็จะกลายเป็นพี่ชายที่แสนดี แต่เวลาคุยกับผมหนุ่ยก็จะกลายเป็นเพื่อนที่คุยสนุกจริงๆ

มันจะไม่เป็นเรื่องหรอกครับ ถ้าอ้อยจะทำเหมือนกับเวลาเจอคนอื่นๆ แต่กลายเป็นว่าผมพอมองออกว่าอ้อยเองดูจะชื่นชมเจ้าหนุ่ยนี่มากกว่าเพื่อนธรรมดาไปแล้ว จนผมเริ่มกังวลใจ  ผมไม่รู้จะระบายเรื่องนี้ให้ใครฟังดีก็เลยนึกถึงไอ้ใหญ่ขึ้นมา ผมแอบละอายใจนิดๆที่พอไม่สบายใจก็กลับคิดถึงมัน แต่ผมก็ยังเป็นคนนี่ครับ  ย่อมคิดถึงตัวเองก่อนเป็นธรรมดา

ใหญ่เพื่อนรักและเคารพ

ขอโทษจริงๆ ไม่ได้เขียนจดหมายหามึงนานเลย โกรธกูป่าว...อย่าโกรธเลยนะกูยุ่งจริงๆ  ช่วงก่อนเพิ่งสอบเข้าเรียนปริญญาโทมา ก่อนหน้านี้ก็งานยุ่งแล้วยังต้องอ่านหนังสือสอบอีก ไม่ได้ลืมมึงไปจริงๆ แต่หาเวลายากเย็นจริงๆ แล้วมึงเป็นไง แม่มึงด้วย เอ้ากูแถมพ่อมึงอีกคน สบายดีป่าว  (เหมือนโปรโมชั่นซื้อ1แถม2เลยว่ะ 555) หวังว่าทุกคนสบายดี ที่บ้านกูทุกคนแม้กระทั่งหมายังสบายดีเลยมึง (อันนี้เป็นบริการสริม กูบอกให้โดยมึงไม่ต้องถามกลับตามมารยาท หึหึ)

 งานการมึงเป็นไงมั่ง ป่านนี้มึงเป็นอาเสียหย่ายแล้วซิ  มีเงินเยอะป่าวแบ่งมาให้กูช่วยใช้มั่งมั๊ย กูก็ไม่ใช่ไม่มีนะแต่ว่าจะเก็บเงินไว้แต่งงานว่ะ ฮ่าๆๆ
มึงไม่ต้องถามกูเลยเรื่องอ้อย กูกับเค้ายังคบกันอยู่ดีเว้ย ถึงแม้เค้าไม่เป็นมีกูเป็นแฟน แต่กูมีเค้าเป็นแฟนไปแล้ว น่าน....งงล่ะซิ ก็กูยังงงเลย ฮ่าๆๆๆ

  เออกูมีเรื่องถามความเห็นมึงหน่อยซิ กูว่ามึงเหมาะมากที่จะเป็นศิราณีตอบปัญหาศาลาคนเศร้า พอดีเพื่อนที่ทำงานกูเค้ามีปัญหาเรื่องความรัก เค้าไปชอบผู้หญิงคนนึงนานแล้ว ดูๆทีแรกผู้หญิงก็เหมือนมีใจให้เค้า  แต่ต่อมาผู้หญิงคนนั้นเริ่มมีท่าทีกับผู้ชายคนอื่น มึงว่าเพื่อนกูจะทำไงดีว่ะ แล้วที่สำคัญผช.ที่ผญ.คนนั้นไปชอบก็เป็นเพื่อนกันกับเพื่อนกูด้วย มึงงงมั๊ยว่ะ กูเริ่มงงอีกแล้ว เฮ้อ ปวดกบาล

ถ้ามึงเริ่มงง............กูว่า........... มึงไปอ่านใหม่อีกรอบนะ กูขี้เกียจเขียนใหม่อีกรอบ เมื่อยมือแล้ว แหะๆ
มึงว่าให้เพื่อนกูไปบอกกับเพื่อนมันเลยมั๊ยว่าผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ  แต่กูว่าผญ.คนนั้นจะโกรธรึเปล่าถ้ารู้ เพราะเพื่อนกูกับเค้าก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน  ที่จริงเพื่อนกูก็ไม่มีสิทธิที่จะไปห้ามไม่ให้เค้าไปรักไปชอบใคร ตอนนี้เพื่อนกูเศร้ามากว่ะ มันน่าสงสารเหมือนรักจะหลุดลอยแต่ก็ไม่กล้าพูด แต่มึงคงไม่เข้าใจเรื่องความรักที่ไม่สมหวังหรอก เพราะตอนนี้มึงมีแต่น้องออมสินนี่หว่า นึกไปนึกมากูไม่น่าถามมึงเลย มึงจะช่วยอะไรได้ ถือว่ากูไม่ได้เขียนแล้วกัน (ทำไมกูเป็นคนแบบนี้ว่ะกลับไปกลับมา เฮ้อ...กลุ้มใจตัวเอง)

ช่วงนี้เพื่อนๆมันเริ่มนัดกันแล้วนะเว้ยงานรับปริญญาน่ะ ตกลงเป็นวันที่2 สิงหาคมน่ะ มึงไปเตรียมจัดเวลาด้วย กูจองเช่าชุดครุยให้มึงแล้ว  น่าจะพอดี  แล้วมึงอย่าผอมลงล่ะเดี๋ยวถ่ายรูปไม่สวย วันซ้อมมึงจะมารึเปล่า แต่กูอยากให้มึงมา เรื่องคนถ่ายรูปมึงไม่ต้องห่วงกูจ้างไอ้น้องเกี๊ยงไว้แล้ว  มันจะมาถ่ายให้กูกะมึง เป็นแพคเกจคู่ราคาพิเศษ  รับรองว่าเราเป็นดาวแน่ รูปออกมาต้องเพอร์เฟค

ช่วงนี้ไอ้ห่าด้ามันเริ่มมาชวนกูออกนอกลู่นอกทางอีกแล้ว  ทุกศุกร์มันต้องเรียกกูไปกินเหล้าทุกที  กูก็ขัดมันไม่ค่อยได้เลยต้องไปกับมันเกือบทุกศุกร์ ฮ่าๆๆ ก็กูมันคนรักเพื่อน  แฟนก็ไม่มี ไปกับเพื่อนก็สนุกดีว่ะ บางทีก็ไปนั่งเหล่สาว  แต่มึงก็รู้พอมาแข่งกับไอ้ด้าทีไรกูเป็นต้องแพ้ทางมันทุกที ไม่มีสาวๆคนไหนได้ตกถึงท้องกูซักคน แต่คิดในทางที่ดีก็ดีเหมือนกัน กูจะได้บริสุทธ์เวลาเข้าหอกับเจ้าสาวกู หึหึ ไม่เหมือนไอ้ด้าตอนนี้กูว่ามันเป็นคาสโนว่าไปแล้วว่ะ แถมเดี๋ยวนี้มันหล่อขึ้นทุกทีๆ ไปเที่ยวกันมีแต่คนมาเหล่มันทั้งสาวทั้งชาย กูย้ำเลยนะเว้ยว่าทั้งสาวและชาย กูว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆว่ะ  มึง นี่กูเองก็กะว่าถ้ามีชายมาจีบก็จะลองพิจารณาดู มึงว่าดีมั๊ยว่ะ กูอยากมีประสบการณ์หลายๆแบบในเรื่องความรักว่ะ แต่ตอนนี้ท้องกูร้องแล้ว กูไปกินมาม่าหน่อยนะ ไว้คุยกันใหม่

กูเอง...ฝัน
ปล.แล้วมึงอย่าไปบอกไอ้ด้าล่ะว่ากูนินทามัน เดี๋ยวมันไม่เลี้ยงเหล้ากูอีก    


ความจริงผมก็อยากจะเล่าอะไรกับมันตรงไปตรงมานะครับ แต่ตอนนี้มันก็ยังไม่แน่ใจอะไรหลายๆอย่าง เลยต้องใช้วิธีถามแบบอ้อมๆแบบนี้ แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะอยากตอบผมรึเปล่า หรือว่ามันจะรู้หรือเปล่าว่าคนที่ผมเล่าก็คือตัวผมเอง  บางทีเพื่อนผมคนนี้ก็ฉลาดจนผมคาดไม่ถึงเหมือนกัน

เวลาที่เราเพิ่งเริ่มทำงานแรกๆเราจะสนุกไปกับงานใหม่ๆ สิ่งใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ  แต่การคบกันมันก็ยังไม่สนิทใจหรอกครับผมยังคิดถึงเพื่อนสมัยเรียนอยู่เสมอๆ ต้องแอบดอดไปกินเหล้ากับเพื่อนเก่าอยู่เรื่อยๆ แล้วก็คุยสัพเพเหระกันเหมือนสมัยเรายังเรียนอยู่เลยครับ  ถ้าใครมาฟังเราคุยกันจะไม่รู้สึกเลยว่าพวกนี้เป็นคนวัยทำงานแล้ว  ผมว่าเราเปลี่ยนแค่แพคเกจภายนอกเท่านั้นเองครับ เรากินหรูขึ้น เราขึ้นแท็กซี่บ่อยกว่าเดิม  แต่ข้างในเราก็ยังเป็นไอ้ด้า ไอ้ฝัน ไอ้ใหญ่ ไอ้เมศเหมือนเดิม  และเมื่อผมไปเจอเพื่อนกลุ่มมหาลัยครั้งใด  ผมก็ยังต้องคิดถึงคนที่อยู่ไกลอยู่ดี ......ไอ้ใหญ่

ผมใช้เวลารอจดหมายอยู่ไม่นานไอ้ใหญ่ก็ตอบผมมา  ผมว่ามันเองก็คงรอจดหมายจากผมเหมือนกัน

ฝันเพื่อนกู

กูเองก็ไม่ค่อยมีเวลาเหมือนกัน  แม่อาการไม่ค่อยดีเลย แกยังบ่นเหนื่อยอยู่เสมอๆ  กูเลยต้องคอยพาไปหาหมอเรื่อยๆ พ่อกูเองก็เริ่มป่วยอีกคน  วันก่อนแกไปหกล้ม เดินไม่ได้อยู่หลายวันกูเลยต้องวิ่งวุ่นอยู่คนเดียว ดูแลทั้งสองคน เหนื่อยจังว่ะเพื่อน   เรื่องเพื่อนมึงกูก็ไม่รู้นะ  เรื่องความรักกูเองยังเอาตัวไม่รอด

แล้วมึงรู้ได้ไง..ว่ากูไม่เข้าใจคนที่รักไม่สมหวัง มึงนี่....ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกูเลยจริงๆ เป็นเพื่อนกูจริงๆรึเปล่าว่ะ
ส่วนเรื่องมึงเรียนโท กูขอให้มึงสอบได้แล้วกัน วันนี้แค่นี้ก่อนนะพ่อจะเข้าห้องน้ำกูไปช่วยเค้าก่อน

ใหญ่..ลูกกตัญญูเว้ย..


คราวนี้ไอ้ใหญ่มันตอบจดหมายผมสั้นกว่าปกติไปจริงๆ แถมไม่ค่อยกวนตีนด้วย ผมชักเป็นห่วงมัน แต่ก็ติดอะไรหลายๆอย่าง งานก็มาก แถมผมสอบโทได้ต้องไปติดต่อเรื่องเรียนอีก และยังต้องแบ่งเวลาให้อ้อยให้มากขึ้นกันโดนไอ้หนุ่ยมาแย่งเวลาอ้อยไปอีก ปวดกบาลไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี

  แล้วผมไม่มีเบอร์โทรศัพท์ไอ้ใหญ่ แต่ผมก็รู้ถ้าผมอยากโทรไปหามันผมก็ต้องมีวิธีหาได้ แต่ผมก็ไม่ได้หา    ใจผมก็คิดแต่ว่าไว้ก่อนแล้วกัน คงไม่มีอะไรหรอกน่ะ  ผมว่าคนเราส่วนใหญ่มักคิดเรื่องตัวเองเป็นหลักก่อนเสมอๆ  ใช่ครับผมเข้าเรียนโทกำลังเห่อกับสิ่งใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิตผมอีกครั้ง เพื่อนใหม่ วิชาความรู้ใหม่ๆที่ผมได้เรียน ผมกลับมารู้สึกคึกคักอีกครั้ง เหมือนตอนเข้าปี1ไม่มีผิด  แต่ครั้งนี้ความมั่นใจมันมากกว่าเดิมเยอะเหมือนเราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เวลาคุยกันก็เป็นเรื่องที่คนทำงานคุยกัน 

“พี่ธี..คืนนี้มาเร็วหน่อยนะครับเรามีนัดทำงานกลุ่มกัน แล้วเรื่องหุ้นที่ผมถามไปพี่ว่าน่าสนใจซื้อมั๊ยครับ”
“น้องขวัญ พี่ไม่เข้าใจหนังสือตอนนี้เลย น้องขวัญมาช่วยพี่แปลให้ฟังหน่อยนะเด็กอักษรนี่”
“อ้อย...คืนนี้เลิกคลาสแล้วไปกินข้าวกันที่เยาวราชดีกว่า มีร้านอาหารทะเลเจ้าอร่อย กินหลายๆคนสนุกดี”

 เวลาของผมในแต่ละวันหมดไปกับงาน การเรียนและเพื่อนใหม่  แต่พอว่างทีไรผมก็ยังอดคิดถึงไอ้ใหญ่ไม่ได้ มันขาดการติดต่อไปจากผมเป็นเดือนแล้ว ผมเริ่มรู้สึกว่าผมให้ความสนใจเพื่อนสนิทน้อยเกินไป ผมจึงเขียนจดหมายไปหามันอีกครั้ง

ไอ้ใหญ่..

หวัดดีว่ะ กูขอโทษที่ตอบมึงช้าไปหน่อย ตกลงตอนนี้พ่อมึงเดินได้ปกติยัง แล้วแม่มึงเป็นไงบ้าง ตัวมึงด้วยดูแลตัวเองบ้างหรือเปล่า กูอยากคุยกับมึงจังว่ะ ขอเบอร์โทรมึงหน่อยซิ กูบอกเบอร์ที่ทำงาน กับที่บ้านมาให้มึงอีกที ยังไงมีอะไรโทรหากูนะ ถ้ามึงโทรหากู1ครั้งกูไม่รับ มึงโทรใหม่ ยังไงไม่ว่ากี่ครั้งต้องมีสักครั้งที่กูได้รับสายมึง หรือไม่มึงก็ต้องเอาเบอร์มึงมา มึงจะหวงไปทำไมยังไงกูก็ไม่มีเวลาไปโทรกวนมึงได้ทุกวันหรอกน่า

ถ้ามึงหายไปนานๆกูก็ไม่สบายใจ ยังไงก็เจียดเวลาตอบจดหมายกูด้วย ส่งเป็นไปรษณียบัตรก็ยังดี อย่างน้อยให้เราได้ keep contact กัน 

ตอนนี้กูเองก็มีกิจกรรมมากมาย กูลืมบอกตอนนี้กูได้เรียนโทแล้วนะ เรียนตอนกลางคืนเกือบทุกวัน เสาร์อาทิตย์กูก็ต้องไปเรียน ตอนนี้กูเลยเบาใจหน่อยที่ได้อยู่กับอ้อยแทบจะตลอดเวลา เรื่องเพื่อนที่กูถามมึงไปคราวก่อน ตอนนี้มันก็กำลังทำคะแนนอยู่ แต่เห็นมันบอกว่าไอ้ผช.ที่เข้ามาใกล้ชิดเพื่อนมันก็เป็นคนดี ถ้าผญ.จะเลือกคนนั้นมันเองก็คงต้องทำใจ  (กูก็งงกับมันว่าแล้วมันจะบ่นไปทำไม เนอะ)

ทำไมคิดถึงมึงวะ..ไม่เข้าใจ
ฝัน..ฝันหวาน

******************************

ออฟไลน์ Seiki

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2726/-64
เข้ามาอ่านจดหมาย  :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :z2: :z2: :z2:
อ่านเพลินๆดีคราบ อิๆ
อยากรู้เรื่องของใหญ่บ้างจังเลย
มันจะมีความหมายไหมน๊าที่ใหญ่ตอบกลับมาว่า
ทำไมจะไม่เข้าใจคนที่ไม่สบายใจในเรื่องความรัก

นิว

mecon

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ:
เวลามีเรื่องไม่สบายใจต้องการที่ระบาย
เพื่อนนี่แหละคือหมอใจยามฉุกเฉิน
แล้วนี่ใหญ่คงยุ่งจริงๆอ่ะนะ อีกอย่างไม่เห็นผู้ถึงออมเลย
แสดงว่าไม่มีอยู่จริงหรอกชิมิ
ส่วนเรื่องค.รักที่ฝันเอามาปรึกษาอ่ะเราว่านะ ใหญ่รู้ดีเลยล่ะว่าใคร
ต่อให้เป็นเรื่องของเพื่อนฝันก็ตาม ใหญ่จะเป็นยังไงบ้างนะ ดูจากจม.
ก็คงน้อยใจขวัญโคดๆเลยอ่ะ ที่ถามว่าเคยรู้เรื่องอะไรของใหญ่บ้างมั๊ย :เฮ้อ:
สงสารใหญ่จัง ใหญ่ตอบจม.ไวไวนะ ให้เบอร์ด้วย พ่อคู๊นนนนนนนนนเลิกทรมานตัวเองซะทีล

+1 จัดให้คะ

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
เป็นเรื่องที่อ่านง่าย ทั้งส่วนของการบอกเล่าจากตัวละคร และส่วนของจดหมาย
ดำเนินเรื่องได้มีเอกลักษณ์ ใช้ภาษาได้ดี กระชับ ถ่ายทอดได้ตรงไปตรงมา
หาคำสะกดผิดแทบไม่มีเลย ชวนติดตามต่อๆไปมากค่ะ
สงสัยว่าจะไม่ใช่แค่จดหมายจากเพื่อนรัก แต่เป็นรักเพื่อนด้วยสินะ
เพิ่งเข้ามาอ่านนะคะ บวก 1 แต้มค่ะ ขอบคุณคนแต่งและคนโพสต์ด้วยค่ะ


The Living River Ping

  • บุคคลทั่วไป

เห็นด้วยกับคุณน้ำตาลรีบน ในเรื่องการใช้ภาษาไทยได้ดี
การดำเนินเรื่องที่เป็นตัวของตัวเอง
อ่านแล้วอยากเขียนให้ได้แบบนี้บ้าง
เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ บวกเพิ่มให้อีก ๑ เป็น ๑๘ นะ


ฝากถึงคนเขียน
~ อย่าท้อเพราะคนอ่านน้อย หรือเรียกเม้นท์ไม่ได้เยอะๆ
เพราะงานเขียนที่ดีไม่ได้ดูแค่จำนวนคลิกหรือจำนวนโพสต์ ~

:impress2:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
เป็นกำลังใจให้เช่นกัน ขอจื้มทะลุ คุณเบ๊อะ ถึงน้องสาวคนเก่ง

ได้กูรูทางภาษา มาเป็นกำลังใจให้ ยินดีด้วยครับ  :mc4:

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
:sad4: สงสารใหญ่อ่า  เฮ้ออออออออ มีอะไรมากรึเปล่านี่ เป็นห่วงจัง

แล้วมึงรู้ได้ไง..ว่ากูไม่เข้าใจคนที่รักไม่สมหวัง มึงนี่....ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกูเลยจริงๆ เป็นเพื่อนกูจริงๆรึเปล่าว่ะ
>>  :เฮ้อ: โธ่ เฮ้ออออออ  ทำไมใหญ่จะไม่เข้าใจ เพราะตอนนี้ก็กำลังเป็นอยู่

ส่วนยัยอ้อย :mc4:   ใกล้แล้วอีกนิดเดียว ฝันจะได้ตาสว่างซักที   

อยากให้สมหวังเร็วๆๆ ไม่อยากให้เศร้าเลย เฮ้อออออออ



ขอชมว่าเขียนได้ดีค่ะ  ภาษาอ่านง่ายด้วย o13
แทบจะไม่เจอคำผิดเลยด้วย ขอชมค่ะ

ให้กำลังใจคนเขียนและคนโพสต์ด้วยค่ะ หนึ่ง+


ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
เพื่อนถึงอยุ่ห่างกัน ที่ในใจก็ยังเหมือนเดิม หวังว่าใหญ่คงจะไม่ใช่คนสุดท้ายที่ฝันจะคิดถึงยามเสียใจ  :o12:

ออฟไลน์ Seiki

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2726/-64
ฉบับต่อไปมารึยังเอ่ย  :z10:

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจค่ะ คนเขียนขอขอบคุณมาด้วยค่ะ  :pig4:
ส่วนเรื่องภาษาก็พยายามที่จะให้มีผิดน้อยที่สุดค่ะ(ถ้าไม่หลุดหรือไม่รู้จริงๆ) แต่อาจจะมีติดภาษาวัยรุ่นบ้าง หรือมีคำที่ใช้กันเฉพาะเพื่อนที่อาจดูไม่สุภาพเท่าไหร่ และถ้ามีข้อผิดพลาดตรงไหนก็ต้องขออภัยมาด้วยค่ะ
********************************************
(ตอนที่๕)

การเรียนปริญญาโทไม่ง่ายอย่างที่คิด  ผมต้องคร่ำเคร่งกับการเรียนและการสอบที่มีเข้ามาเรื่อยๆอย่างที่ผมไม่ทันตั้งตัว
ไหนจะปวดหัวกับเท็กซ์ภาษาอังกฤษเล่มโต  ที่ผมต้องใช้ความพยายามในการทำความเข้าใจให้มากขึ้น  เพื่อนๆพี่ๆที่มาเรียนทุกคนต่างก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง ไม่มีใครว่างพอจะมาช่วยใครเท่าไหร่ ตอนนี้เวลาของผมใน1วันมีตารางแน่นไปหมด ทั้งเรื่องงานทั้งเรื่องเรียน

พอกลับถึงบ้านผมก็แทบหมดแรง อาบน้ำแล้วนอนทันที ขนาดเวลาจะโทรไปคุยกับอ้อยผมยังไม่คิดจะทำเลย  เรื่องอ้อยกับไอ้หนุ่ยเองผมก็ยังดูไม่ออก และผมก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถามอ้อยตรงๆ เพราะยังไงเราก็ยังเป็นแค่เพื่อนอยู่ดี   ผมเองก็อดแปลกใจในความรู้สึกของตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมกังวลใจกับเรื่องนี้น้อยมาก

 หรือว่าผมชอบนิสัยไอ้หนุ่ยมาก....จนพอที่จะวางใจให้อ้อยไปรักกับมันได้

 หรือว่า...ผมไม่ได้รักอ้อยมากพอกันแน่

“ฝัน!ไปกินข้าวฟังเพลงกัน..กูชวนน้องอ้อยแล้วด้วย”วันดีคืนดีไอ้หนุ่ยก็โทรหาผมที่บ้าน ปกติมันเป็นคนงานยุ่งมากครับ ทำงานจนดึกแทบจะทุกวัน  แต่สงสัยเพราะคืนนี้เป็นคืนวันเสาร์
“แล้วทำไมมึงไม่ไปกันสองคนล่ะ มาชวนกูไปเป็นก้างทำไม”แอบเหน็บมันไปหน่อยครับ แต่ไอ้หนุ่ยมันไม่ถือสาผมหรอก แค่หัวเราะเบาๆ

 “ก้างเห้.....อะไรล่ะ น้องอ้อยก็เพื่อนมึง กูก็เพื่อนมึง รึไม่ใช่..ไอ้ฝันน..มึงหึงกูเหรอ...หึหึ”
ดูมันครับตัวมันเองก็ไม่ได้มีท่าทีกับอ้อย แล้วฟังที่มันพูดก็ถูกของมันอีก เรื่องที่ว่าเราต่างก็เป็นเพื่อนกัน   ผมจะไปเกลียดขี้หน้ามันลงได้ยังไง  ผมว่ามันปากแบบนี้แต่ใจมันไม่ได้คิดอะไรจริงๆครับ
 “เออๆๆไอ้คนหลงตัวเอง.....กูหึงมึง ก็มึงก้นงอนซะขนาดนี้ กูก็อดหวงไม่ได้ซิ.."
"ไปก็ได้ กูอยากจับก้นมึงไม่ได้จับตั้งนาน คิดถึงจริงๆ” หึหึ เล่นมากูก็เล่นไปเว้ย

“เชี่ยยยย..แระ...ไม่ต้องมายุ่งกับก้นกู ไปห่างๆเลยถ้ายังไม่อยากโดนตีน..”
กวนๆกะไอ้หนุ่ยแล้วสนุกดีครับ  ด่าได้ไม่ต้องยั้ง ไม่ต้องเกรงใจ  ผมเคยเรียกมันว่าพี่แค่ไม่กี่ครั้งตอนที่รู้จักกันใหม่ๆ  แล้วหลังจากนั้นเราก็คือเพื่อนครับไม่มีพี่ไม่มีน้อง
“อ้าว  ไล่กูไป....แล้วตกลงมึงจะให้กูไปรึไม่ให้ไป  เดี๋ยวชวนเดี๋ยวไล่ กูสับสนหัวใจไปหมดแล้วนะมึง เอาให้แน่ กูได้วางแผนว่าจะไปไหนยังไง” ผมกับมันยังคุยวกวนกันไปมาเรื่อยๆจนเรื่องไปไม่ถึงไหนซักที

“เอ๊า..พูดไม่รู้เรื่องก็ไปดิ๊...อย่าทำกวนตีน กูฝากเหล้าไว้แล้ว แดกๆให้หมดๆซะที อยากมีเพื่อนดื่มหน่อย วันนี้กูอารมณ์ดี ขายงานได้หลายล้าน” พูดแบบนี้แต่แรกก็จบ เหล้าฟรีไม่ต้องใช้เหตุผลในการตัดสินใจครับ ไปแน่นอนของฟรีใครๆก็ชอบ
“แล้วอ้อยเค้าตกลงกะมึงรึยังล่ะ”ลืมไปเลยว่ามันบอกว่าชวนอ้อยด้วย เดี๋ยวจะกลายเป็นผมไปกันสองคนมันจะเหงาหัวใจไปหน่อย ไม่มีสาวๆมาเคียงข้าง

“ตกลงอะไรล่ะถ้าแต่งงานล่ะก็ยังไม่ตกลง  เพราะกูยังไม่ได้ขอ ฮ่าๆๆๆ รอขอมึงก่อน มึงไม่แต่งกะกูกูค่อยไปขออ้อย”
“ลามมมแล้วมึงงง  เล่นของสูงถึงแต่งงานเลยเหรอ กูหมายถึงว่า...เค้าจะไปเที่ยวด้วยมั้ย”เสียงไอ้หนุ่ยมันหัวเราะสะใจ มีความสุขจริงนะมึง
“กูบอกเค้าไปแล้ว แต่เค้าบอกให้มาชวนมึงด้วย แต่กูก็กะชวนมึงไปอยู่แล้ว  มึงไปรับอ้อยมาด้วยนะ แล้วขากลับกูไปส่งเค้าเอง”มันพูดง่ายครับ เพราะมันมีรถ แต่มันลืมอะไรไปมั้ย  ผมมีเหมือนกันรถ แต่มันเป็นรถแท็กซี่นี่ซิ แล้วกะนี้ผมก็คืนรถไปแล้วด้วย ...เอ๊ยยยไม่ใช่..

  มันทำแบบนี้จะให้ผมกับมันเปรียบเทียบกันไปถึงไหน....แต่จะทำยังไงได้ความจริงก็คือความจริง ในเมื่อมันไม่มีก็คือไม่มี
“เออๆๆ..เดี๋ยวกูถอยโตโยต้ารุ่นใหม่ไปรับอ้อยเอง แล้วเจอกันกี่ทุ่มดีมึง ร้านเดิมของมึงใช่มั้ย”
“ช่ายย..ที่Riccoแหล่ะ เอ๊ะตกลงมึงซื้อรถแล้วเหรอ เมื่อไหร่วะไม่เห็นปรึกษากูเลย”
“ฮ่าๆๆ....มึงเป็นพ่อกูเหรอต้องปรึกษา....ก็รถพี่แท็กไง...แท็กซี่นะมึงรู้จักมั้ย แล้วตกลงกี่โมง พูดไม่รู้เรื่อง นี่กูจะไปเข้าส้วมแล้ว ให้ไวมึง..บอกมา”

“สาดดดฝัน..ด่ากู  หลอกกูเรื่อย คุยกะมึงแล้วเหนื่อยจริงๆ  ก็เจอกัน 3ทุ่มเป็นไง เจอกันนะเว้ย ไปแล้ว เจ้านายเรียก ขี้ให้สุดชีวิตเลยนะมึง”
ไอ้หนุ่ยกวนตีนไม่สร่างจริงๆ พอมันวางสายผมก็โทรนัดกับอ้อยครับ เราเลยตกลงใจกันว่านัดเจอที่มหาวิทยาลัยก่อนไปคุยๆเรื่องรายงานแล้วค่อยไปต่อด้วยกัน
เราเที่ยวกันสามคนแบบนี้อยู่บ่อยๆครับ มันก็สนุกนะครับแต่มันก็ทำให้ผมกับอ้อยเป็นเพื่อนกันมากขึ้นไปทุกที ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง
*****************************************************************************
ผมลืมไปว่าผมให้เบอร์โทรศัพท์ไอ้ใหญ่มันไปนานมากแล้ว เพราะมันก็ยังคงไม่โทรหาผมเช่นเคย  จนผมเรียนจะจบเทอมแรกถึงมีจดหมายมาจากไอ้ใหญ่อีกครั้ง

เฮ้อ...เป็นไงวะเพื่อนฝัน

กูสบายดี ชีวิตเหมือนทุกวัน ตื่น(สาย)มาทำงาน กลางวันทำงาน ตกเย็นพาพ่อกับแม่ไปเดินเล่น กลับมาทำงานต่ออีกหน่อย จนเย็นกินข้าวเสร็จก็เข้าห้องนอน ชีวิตกูวนๆเวียนๆอยู่แบบนี้ เหงาว่ะมึง บางทีก็เบื่อๆ อยากทิ้งทุกอย่างที่นี่ แล้วไปแสวงหาหนทางของตัวเองดู กูไม่ได้เสียใจนะที่ต้องมาทำงานที่นี่ มาดูแลพ่อแม่ มันเป็นสิ่งที่กูควรจะทำ แต่ทำไมกูรู้สึกว่าชีวิตกูทำไมมันว่างเปล่าขนาดนี้  เหมือนกูไร้ตัวตน

เหงาว่ะมึง…………..
ไอ้ใหญ่..คนที่ไร้ตัวตน


ผมอ่านจดหมายมันแล้วก็เป็นห่วงมันอีก  มันโหวงๆในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก สงสัยคงเหงาตามมันไปแล้ว ทำไมมันชอบทำให้ผมเป็นห่วงได้เรื่อยๆเลยก็ไม่รู้ ผมจะไปหามันดีกว่า ผมจะขึ้นไปเชียงใหม่ไปดูให้เห็นกับตาว่ามันสบายดี  ไปหามันตามที่อยู่ที่ผมส่งจดหมายไปทุกครั้ง

ใหญ่....

กูว่ามึงคงไม่ได้สบายดีอย่างทีมึงบอกกูหรอก กูอ่านจม.ของมึงแล้ว เหมือนคนมีปัญหาเลย มึงเป็นไรรึเปล่า????ให้กูขึ้นไปหาดีมั้ย เดี๋ยวกูจะลางานขึ้นไปหามึง

 กูแค่อยากบอกมึงว่า....ที่มึงทำเป็นสิ่งที่ดีแล้ว มึงเป็นคนกตัญญู ใครๆก็รู้ ใครๆก็เห็น  ใครกันที่ว่ามึงไร้ตัวตน  อย่างน้อยมึงก็มีตัวตนอยู่ในใจกูนะเว้ย เราห่างกันก็จริง แต่กูก็คิดถึงมึงเรื่อยๆ ถึงแม้จะไม่ใช่3เวลาหลังอาหาร แต่ก่อนนอนกูก็คิดถึงมึงเรื่อยแหล่ะมึงวางใจเหอะ   ถ้ามันเครียดมากๆหาเวลาไปเที่ยวหน่อยดีกว่านะมึง ลงมากรุงเทพซิอีกไม่กี่เดือนก็จะรับปริญญาแล้ว บอกที่บ้านว่ามาจัดการเรื่องนี้ก็ได้ หรือว่าไงดี ตัดสินใจยังไงบอกกูมา ให้กูขึ้นไปหรือมึงลงมาก็ได้
โทรหากูมั่งดิ ....

ฝัน..เพื่อนที่ไม่ไร้ตัวตนของมึง


วันรุ่งขึ้นผมไปขอลางาน แต่หัวหน้าไม่อนุมัติเนื่องจากมีงานเร่งด่วนที่ผมต้องดูแล พอหัวหน้าซักคาดคั้นมากๆว่าผมจะลาไปทำไม ผมก็อึกๆอักๆพูดเหตุผลไม่ถูก  ในที่สุดเลยสรุปว่าผมจะลาได้ก็ต้องผ่านต้นเดือนหน้าไปแล้วซึ่งก็ต้องใช้เวลาอีกเกือบเดือน
“ฝันเป็นอะไรน่ะ หมู่นี้ดูหงอยๆ กังวลๆยังไงไม่รู้”อ้อยถามผมขึ้นมาวันหนึ่ง หลังจากที่ผมเซ็งไอ้ใหญ่มันที่มันเงียบหายไปหลายอาทิตย์แล้วและมันก็ไม่ได้ตอบจดหมายผมอีกเลย ผมก็ส่งไปตามนะครับแต่ก็ไร้วี่แวว  จะติดต่อมันทางอื่นก็ไม่ได้ จนปัญญาไม่รู้จะทำยังไงดี

“ก็เครียดเรื่องเรียนนิดหน่อยนะอ้อย  ตุ๋มเพื่อนในกลุ่มผมน่ะ ชอบหลบเวลาทำรายงาน คนอื่นๆในกลุ่มก็บ่นกัน แล้วผมเป็นคนไปชวนตุ๋มมาเข้ากลุ่มด้วย เลยรู้สึกผิดต่อเพื่อนๆ”
เรื่องนี้ผมก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆครับ แต่ก็ยังน้อยกว่าความจริงที่ว่าผมกังวลเรื่องไอ้ใหญ่มัน จากจดหมายของมันฉบับก่อนผมกลัวว่ามันจะมีปัญหาอะไรน่ะซิครับ แต่ผมไม่อยากเล่าให้อ้อยฟังตรงๆมันเหมือนกับว่าผมจะคิดมากไปเอง  แต่คนที่เป็นเพื่อนสนิทอย่างผมก็ควรจะคิดไม่ใช่เหรอครับ

“ตุ๋มเหรอ  ก็เห็นว่าที่ทำงานเค้ายุ่งๆน่ะฝัน เห็นว่าเปลี่ยนสายงาน คงกลัวเจ้านายว่า เลยไม่มีเวลามาทำรายงานมั๊ง  อันนี้เพื่อนตุ๋มเล่าให้เราฟังอีกทีนะ ไม่ได้รู้มาโดยตรงหรอก”
“อ้าวเหรอ  แต่เค้าก็น่าจะมาบอกเพื่อนๆนะ กินแรงกันแบบนี้ไม่ดีหรอก ยังเหลืออีกหลายวิชา เดี๋ยวอีกหน่อยจะไม่มีคนอยากรับเข้ากลุ่มน่ะซิ”
ธุระมันก็มีกันทุกคนแหล่ะครับ ก็ทำงานแล้วนี่ แต่มันจะเอามาเป็นข้ออ้างไม่ได้ คนเรามันต้องมีความรับผิดชอบ  ถ้าตัวเองไม่พร้อมที่จะเรียนหรือแบ่งเวลาไม่ได้ ก็น่าจะทำงานไปก่อน  เพราะทำแบบนี้ไอ้ความรู้ที่ควรจะได้จากการเรียน การทำรายงาน  มันก็จะไม่ได้ไปด้วย

“ฝันอย่าใจร้ายนักเลย  เดี๋ยวเอางี้อ้อยจะฝากเพื่อนเค้าไปบอกแล้วกัน”อ้อยก็ใจดีแบบนี้ล่ะครับ แต่บางคนที่ชอบเอาเปรียบเพื่อนคิดแต่ว่านิดๆหน่อยๆไม่เห็นเป็นไรก็มีเยอะเหมือนกัน
“ฝันไม่น่าเครียดเรื่องแค่นี้เลย ทำหน้าตาเป็นคนแก่เลย หมดหล่อกันพอดีนะ”
อ้อยเอานิ้วมาเขี่ยๆที่หัวคิ้วผมที่ผูกโบว์ไว้อยู่ “เลิกขมวดคิ้วได้แล้วจ้า”

ผมเลยอดยิ้มตอบไม่ได้  คลายเครียดไปหน่อยที่ยังมีคนมาคอยเป็นห่วงเป็นใย  แล้วความคิดหนึ่งก็แวบข้ามา ผมคิดถึงไอ้ใหญ่ มันอยู่ทางนู้นมันจะมีใครที่คอยดูแลมันรึเปล่า
“เออ...หมู่นี้พี่หนุ่ยหายไปเลยนะ ฝันได้โทรคุยกะเค้าบ้างมั้ย นี่เราโทรไปหาก็ไม่ติดเลย”พออ้อยถามขึ้นมาผมก็เพิ่งนึกได้ว่าไอ้หนุ่ยมันสั่งผมไว้ว่าให้บอกอ้อยว่าไป ทำงานที่ญี่ปุ่น  
“ไอ้หนุ่ยมันไปญี่ปุ่น มันฝากให้บอกอ้อยด้วย ผมก็ลืมสนิทเลย มัวแต่คิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ อ้อยมีอะไรกับมันรึเปล่า”
ถามไปแล้วก็ไม่ได้เพราะว่าหึงนะครับ แค่อยากรู้เท่านั้นเอง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยากรู้ไปทำไม แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมความรู้สึกหวงมันหายไปไหนหมด

“เปล่าหรอก ก็เห็นหายไปปกติพวกเราก็เจอกันแทบทุกอาทิตย์ เลยอดแปลกใจไม่ได้น่ะ แล้วพี่หนุ่ยจะกลับเมื่อไหร่เหรอ เค้าบอกไว้รึเปล่า” อืมม...ผมชักสงสัยมากขึ้นไปอีกว่าอ้อยคิดยังไงกับไอ้หนุ่ย  บางทีความรู้สึกของผมอาจจะถูกก็ได้ที่ว่าอ้อยสนใจไอ้หนุ่ย
“เค้าไม่ได้บอกไว้ กลับมาเมื่อไหร่คงติดต่อมาน่ะอ้อย  แล้วถ้ามันโทรมาผมจะบอกให้โทรหาอ้อยแล้วกัน ดีมั้ยครับ”
อ้อยหัวเราะเขินๆ  แก้อายด้วยการเอามือมาตีแขนผม แล้วบอกผมว่า “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ซีเรียส  แล้วนี่ฝันจะกลับบ้านเลยไหม หรือจะไปไหนก่อน”
“กลับเลยดีกว่า ช่วงนี้แม่ก็ไม่ค่อยสบายไม่รู้เป็นอะไร เห็นบ่นๆปวดขา  ปวดหัว มึนหัว ว่าจะกลับไปดูซักหน่อย”แม่ผมก็เริ่มแก่ลงทุกวันครับ ยังไงวันนี้ผมก็เซ็งๆไม่อยากไปไหน กลับไปอ้อนแม่ดีกว่า

“เหรอ..งั้นก็รีบกลับเถอะ เอางี้ดีกว่าอ้อยตามไปเยี่ยมแม่ด้วยดีกว่า ไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว วันนี้อ้อยว่างๆ แต่เดี๋ยวไปซื้อของไปเยี่ยมแม่กันหน่อยดีกว่า”
ตกลงวันนี้ผมเลยต้องไปซื้อของกินกับอ้อยไปเยี่ยมแม่ผมเอง อ้อยเป็นเพื่อนกับผมมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ เคยไปที่บ้านบ่อยๆจนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ก็ไม่แปลกอะไรครับ แม่ผมเองก็ดูจะชอบอ้อยอยู่มากเหมือนกัน พี่สาวผมก็ไม่ใช่คนชอบอ้อนแม่ แม่เองก็ชอบที่จะมีลูกสาวอีกคนมาคอยอ้อนเอาใจ  ก็อ้อยเป็นคนน่ารักมีน้ำใจใครอยู่ใกล้ๆแล้วไม่รักก็คงเป็นคนใจแข็งน่าดู

พออ้อยกลับไปแล้วผมถึงเห็นจดหมายของไอ้ใหญ่ที่อยู่ในห้องผม ผมรีบแกะจดหมายของมันออกมามือไม้สั่นด้วยความดีใจ  อยากรู้เหตุผลที่มันหายไปนาน  และความรู้สึกจริงๆก็คือ....ผมคิดถึงมันมาก

“ฝัน....

ขอโทษว่ะที่หายไปนาน พอดีที่บ้านมีเรื่อง  น้องสาวกูกับน้องเขยเกิดอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาลอยู่หลายวัน ก่อนที่จะเสียชีวิตไปทั้งคู่  นี่กูก็เพิ่งกลับมาจากงานเผาศพ เลยไม่มีเวลาเลยจริงๆ แม่ก็มาล้มป่วยลงไปอีกเพราะเสียใจที่น้องกูตาย 
 
มึงเคยคิดบ้างรึเปล่าว่าชีวิตคนมันไม่แน่นอนจริงๆ  น้องกูอายุน้อยกว่ากูตั้ง2ปีกลับต้องมาตายก่อน  กูเริ่มปลงแล้ว มันเกิดขึ้นไวมาก กูไม่มีเวลาแม้แต่จะบอกขอบใจน้องกูเลย มันอุตส่าห์ไม่มาเรียนที่กรุงเทพเพราะจะดูแลพ่อแม่แทนกู อยากให้กูได้มาเรียนที่กรุงเทพฯตามความฝัน แล้วพอกูกลับไปช่วยให้เค้าสบายขึ้น เค้ากลับมาตาย กูไม่รู้จะทำยังไงดีว่ะ มันสับสนไปหมด
กูเหนื่อย  ช่วงนี้กูขออยู่เงียบๆซักพักนะ

 มึงไม่ต้องเขียนจดหมายมาหากู ถ้ากูพร้อมกูจะตอบไปเอง มึงคงไม่ว่ากูนะ
ยังไงกูก็เพื่อนมึง..ไม่ต้องห่วงกู กูเข้มแข็งพอ

ปล.มึงอย่ามาหากูนะ
คิดถึงมึง...กูอยากบอกคำนี้กับมึง.......เผื่อกูจะไม่ได้พูดอีก”

ผมวางจดหมายของมันลงด้วยใจที่หนักอึ้งกว่าปกติ จดหมายของมันมีคราบน้ำตาให้เห็นเป็นจุดๆ ผมรู้ว่ามันร้องให้อีกตามเคย มันคงร้องไห้คนเดียว ใหญ่มันไม่เคยท้อแท้ ไม่เคยบ่น จดหมายของมันแม้จะดูเครียดบ้าง แต่ก็ยังมีมุกตลกสอดแทรกให้ผมได้ยิ้มอยู่เสมอๆ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนกับว่ามันเหน็ดเหนื่อยจนดูเหมือนจะยอมแพ้ให้กับชีวิตไปจริงๆ

 ผมลังเลว่าผมควรจะทำอย่างไรดี ทำตามอย่างที่มันบอกมา ไม่มีการติดต่อใดๆ ไม่เขียนจดหมาย  ไม่ไปหามัน ทิ้งมันไว้ให้อยู่กับตัวเองตามลำพัง  แล้วนับวันรอเวลาให้มันติดต่อมาเอง

ผมถามตัวเองหลายๆครั้งว่า มันจะถูกต้องเหรอ มันสมควรแล้วหรือที่ผมจะทิ้งเพื่อนในช่วงเวลาที่เศร้าใจและหดหู่ไว้คนเดียวแบบนั้น
แล้วผม...จะมีความสุขอยู่คนเดียวแบบนี้ได้ยังไง ผมจะทำได้หรือ
+
+
+
แต่ผมก็เชื่อที่มันพูดว่า...ไม่ต้องห่วงกูเข้มแข็งพอ ผมอยากให้เวลากับมัน
 ผมจะรอ...รอจนกว่าผมจะทนไม่ไหว  แล้วผมจะไปหามันที่เชียงใหม่
****************************
เรามารอด้วยกันค่ะ   :call:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2009 11:19:33 โดย คิคิคุคุ »

morrian

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาอ่านจดหมายด้วยคนนะคับ

แอบเศร้าเหมือนกัน

รออ่านฉบับต่อๆไปนะคับ

ฝัน_ใหญ่  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด