¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12  (อ่าน 217296 ครั้ง)

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
^^
^^
จิ้มน้องสาว

กักกันเข้าไป ไอ้ความรู้สึกนะ สักวันมันคงระเบิดออกมา

แต่เอ ให้รอยกุหลาบไว้บนเตียง หรือว่าครั้งนี้ใหญ่กะจะ :oo1:ฝันหรือเปล่า

+1  และเป็นกำลังใจให้นะครับ รอฉบับที่ 15

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
กว่าจะเข้าใจใจตัวเองจะสายไปหรือเปล่าหว่า  :z10:

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
มาบอกก่อนว่าสต็อกกำลังจะหมด คงไม่ได้ลงบ่อยๆแล้วค่ะ ขึ้นกับคนเขียนจะเขียนได้มากน้อยแค่ไหน :z2:
*****************************
(ตอนที่๑๕)


เช้านั้นผมไปที่มหาวิทยาลัยแต่เช้า7.00น. แม่กับพี่สาวบอกว่าจะตามไปตอน9โมง  ผมเลยตั้งใจว่าช่วงแรกๆจะถ่ายรูปกับเพื่อนๆให้เต็มที่ก่อน  ก็ได้แต่หวังว่าไอ้ใหญ่จะมาไวๆจะได้ถ่ายรูปกันเยอะๆ น้องที่ผมจ้างมาให้ช่วยถ่ายรูปให้ก็มาแล้วครับ
“พี่ฝันหวัดดีครับ แล้วเฮียใหญ่มารึยังครับ”
“เออ..ไหว้พระ”
“ผมยังไม่เคยบวชเลยพี่....”ผมไม่รู้ว่ามันกวนตีน หรือว่ามันโง่กันแน่ แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะด่าใคร กำลังหงุดหงิดที่ไอ้ใหญ่ไม่มาซักที เลยหยวนๆกะน้องมันไปตอบส่งๆมันไป“เออ..กูผิดเอง”

 แต่ไอ้เกี๊ยงยังไม่เลิกกวน “นั่นซิพี่ก็เรียนจบแล้วไม่น่าพลาดนะ ผิดก็รู้ตัวก็ดีแล้ว”มันลามปามมาตบไหล่ผมอีกแน่ะ อยากจะกระทืบมันก็ติดที่ใส่ครุยอยู่ เลยต้องสำรวมกายหน่อย  ไอ้เกี๊ยงทำท่าชะเง้อชะแง้มองหาคนเลียนแบบผม
“ เฮียใหญ่ยังไม่มาเลย แต่ผมไม่ลดราคานะพี่ ราคาเหมา 1คน 2 คนผมคิดเท่านี้นะ ห้ามเบี้ยว กำลังเก็บเงินจะไปซื้อกางเกงใหม่ ไม่ลดนะ” มันพูดย้ำๆแล้วทำท่ายียวน เอียงหัว ยักไหล่กวนประสาทจริงๆ

ผมต้องมองหน้ามันอีกที “นี่กูเลือกคนผิดจริงๆทำไมมึงเค็มเป็นเกลือสินเธาว์ขนาดนี้วะ” ไอ้เกี๊ยงเอามือจับคางเหลือบตามองด้านบน มันคงนึกว่าท่าทางมันน่ารักสิ้นดี “สินเธาว์นี่เหมือนลุงสีเทาที่เป็นตลกรึเปล่าพี่ แล้วเค้าอยู่คณะไหน ทำไมไม่เคยได้ยิน” ผมอยากจะหัวเราะ แต่ก็หัวเราะไม่ออก คงเป็นความผิดของผมเองที่ใช้ภาษาที่เด็กมันไม่เข้าใจได้แต่ปลง “เออ กูผิดอีก”

ขี้เกียจอธิบายครับ  ตอนนี้คนเริ่มมาเยอะขึ้นเรื่อยๆเพื่อนๆผมก็มากันมากแล้ว พวกมันกวักมือเรียกให้ผมไปถ่ายรูปด้วย ขาดก็แต่ไอ้ใหญ่ที่ยังมาไม่ถึง ผมเลยต้องไปถ่ายหมู่อย่างเซ็งๆ “ไอ้เกี๊ยง..มึงจะยืนเกาหัวทำไม  ให้ไวรีบๆมาถ่ายเลยมึง อย่าให้ต้องเรียก..เงินน่ะเอามั้ย อย่าดีแต่ปากนะมึง”
“ก็สินเธาว์มันใครล่ะพี่ฝัน..” ผมกำลังจะตะโดนด่าไอ้เกี๊ยงที่ยังเป็นเด็กเจ้าปัญหา ไม่ยอมทำงานทำการถ่ายรูปให้ผมซะที ก็รู้สึกถึงแรงตบหนักๆที่ไหล่ของผมจนเจ็บ  จะเปลี่ยนหันมาด่าไอ้บ้าที่มาตบไหล่แทน แต่กลับเจอรอยยิ้มของไอ้หนุ่มเชียงใหม่ ที่ส่งมาให้

“โกรธแล้ว....ถ่ายรูปหมู่ทำไมไม่รอกู” ไอ้ใหญ่ทำเป็นโวยวายใส่เพื่อนแต่สายตาของมันก็ยังมองที่ผมคนเดียวอยู่ดี ผมเพิ่งรู้ว่ามันส่งยิ้มทางสายตาให้ผมได้ด้วย ไอ้ใหญ่เอาแขนมาพาดบ่าผม แล้วหันไปส่งยิ้มให้กล้อง
เพื่อนๆส่งเสียงทักทายไอ้ใหญ่กันเกรียวกราว จนไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร“ไอ้ใหญ่!!!....มาสายนะมึง อยู่แค่เชียงใหม่ยังมาสายอีก”
“กระผมอยู่ตั้งเชียงใหม่นะเว้ย  ไม่ได้อยู่ประตูน้ำ จะได้มาไวเหมือนขึ้นรถไฟฟ้า”
“เฮ้ย...แล้วมึงไม่ใส่ครุยวะ หรือมึงไม่จบ ฮ่าๆๆๆ”
“สาดดดด..ไอ้ด้า....นานเจอๆทีเค้ายังไม่ปล่อยหมาออกจากปากเหมือนเดิมเลยนะมึง” เสียงโต้ตอบหยอกเย้าของไอ้ใหญ่กับเพื่อนๆยังดังต่อไป  มีแต่เสียงหัวเราะล้อมรอบในหมู่ของเพื่อนๆ   ผมได้แต่ฟังแล้วก็หัวเราะตาม ปลดมือของไอ้ใหญ่ลงจากไหล่จะเดินไปเอาเสื้อครุยมาให้มันใส่  ไอ้ใหญ่ขมวดคิ้วดึงมือผมไว้ “มึงจะไปไหน..”

“กูจะไปเอาเสื้อครุยมาให้มึงไง..รอเดี๋ยวนะ”มันพยักหน้าแล้วปล่อยมือผมไป
“เอ้าใส่ซะมึง..มาซะสายเลย”ไอ้ใหญ่ผละจากเพื่อนๆรับเสื้อครุยไปใส่ มันได้แต่ยิ้มๆ ไม่ว่าอะไรที่ผมต่อว่ามัน ผมช่วยมันจัดครุยให้เข้าที่เข้าทาง แล้วก็บอกกับมันว่า “แต่กูก็ดีใจที่มึงมา”
“ก็กูสัญญาแล้วไงว่าจะมา  ก็ต้องมาซิ” ผมกับมันยังยืนคุยกันอยู่อย่างนั้น ไอ้ใหญ่เล่าให้ฟังถึงความฉุกละหุกจากการเดินทางมาที่มหาวิทยาลัย  ผมก็เล่าให้มันฟังเรื่องความกวนตีนของไอ้เกี๊ยง ได้แต่ยืนหัวเราะกันอยู่ตรงนั้น ได้ยินแต่เสียงกดชัตเตอร์รอบๆกายที่ยังคงรัวไม่หยุด

 แต่คุยได้ไม่นานเพื่อนๆก็เรียกเราสองคนไปถ่ายรูปร่วมกันอีก  หลังจากนั้นก็เป็นความชุลมุนของการถ่ายรูป  การรุมล้อมของน้องๆปีหนึ่งที่มาบูมแสดงความยินดีให้กับพี่ๆบัณฑิตใหม่ พ่อไอ้ใหญ่กับแม่และพี่สาวผมก็ตามมาร่วมถ่ายรูปทีหลังแต่ทนอากาศร้อนและความแออัดของมหาวิทยาลัยไม่ไหว แม่ผมกับพี่สาวเลยขอตัวกลับไปก่อน
บรรยากาศในมหาวิทยาลัยยังคงอบอวลไปด้วยความสุข ทุกคนเหน็ดเหนื่อยกับการถ่ายรูปแต่ก็ยังคงมีแต่รอยยิ้มระบายเต็มใบหน้า  ช่างภาพลากผมกับไอ้ใหญ่ไปรัวชัตเตอร์กันแทบทุกมุมของคณะ
เพื่อนผู้หญิงในกลุ่มคนหนึ่งมาถามผมว่า“เอ๊ะ..ฝันแล้วอ้อยไปไหน ยังไม่เห็นเลย”
“เออ..นั่นซิ เราก็ไม่เห็นเหมือนกัน สงสัยยังไม่มา”
“แต่เท่าที่รู้อ้อยไม่ได้ไปแต่งหน้าทำผมที่ไหนนี่นาทำไมมาช้า”ผมก็ได้แต่ชะเง้อมองอ้อยท่ามกลางผู้คนที่แน่นขนัด แต่ก็ไม่มีวี่แววเลย

“ทำไมมึงไม่โทรไปตามล่ะ”ไอ้ใหญ่ถามผม ผมถึงพึ่งนึกขึ้นมาได้ “เออ..นั่นซิ กูก็โง่ซะนาน” ผมพยายามโทรหาอ้อยไม่นานอ้อยก็รับสาย “อ้อย..มาถึงรึยัง เพื่อนๆถามหา”
ระหว่างที่ผมคุยกับอ้อยไอ้ใหญ่ก็ยืนถ่ายรูปอยู่ข้างๆผมนี่แล่ะครับ “อ้าว..แล้วเป็นอะไรรึเปล่า..จะถึงรึยังล่ะ”
“เฮียใหญ่...ถ่ายคู่กับพี่ฝันดีกว่าเร็วๆ”ได้ยินเสียงไอ้เกี๊ยงคุยกับไอ้ใหญ่เสียงดังเลยครับ แล้วมันยังมาดึงแขนผมให้มายืนคู่ไอ้ใหญ่ด้วย “เฮ้ย....กูกำลังคุยโทรศัพท์อยู่”

ไอ้เกี๊ยงมันส่ายหน้า “ก็คุยไปซิ แต่ถ่ายไปด้วย คุยอยู่ได้เสียเวลา”
แต่ไอ้ใหญ่ไม่พูดซักคำครับก็มายืนอยู่ข้างผมเงียบๆ “เอ้า....แล้วเฮียใหญ่เป็นอะไร ทำหน้ายังกับคนท้องผูก ยิ้มน่ะทำเป็นมั้ย ที่เชียงใหม่เค้าไม่ยิ้มกันเหรอ อย่าให้ต้องสอนนะเฮีย” ผมได้ยินไอ้เกี๊ยงพูดแบบนั้นอยากรี่เข้าไปอัดมัน ลามปามไม่เลิก แต่ก็ไม่วายอยากรู้หันหน้าไปดูหน้าไอ้ใหญ่ มันก็หน้าบูดจริงๆนั่นแล่ะ มิน่าให้น้องมันหลอกด่า
เสียงกดชัตเตอร์ยังคงดังต่อไป เรื่อยๆ “อ้อยรีบมาแล้วกันเดี๋ยวผมรอ”

 ผมวางสายเสร็จก็หันไปบอกไอ้ใหญ่ “รถแท็กซี่ที่อ้อยนั่งมาดันไปเฉี่ยวกับมอร์เตอร์ไซด์ เลยมาช้า แต่ใกล้ถึงแล้ว”
ไอ้ใหญ่ตอบผมสั้นๆ“อืม..”ผมดูสีหน้ามันแล้วก็แปลกใจ “มึงเป็นเห้...อะไร..หิวข้าวเหรอ”
ไอ้ใหญ่กระพริบตาปริบๆ ปากคว่ำๆ ทำอย่างกับงอนใคร “เปล่า...”
ผมรำคาญเลยหันไปบอกไอ้เกี๊ยงว่า “มึงรอกูอยู่นี่ เดี๋ยวกูมาไอ้ห่..เกี๊ยง” มันได้แต่ทำหน้างงๆว่าอยู่ดีๆทำไมผมไปด่ามัน

ผมดึงแขนไอ้ใหญ่ไปที่โต๊ะกลุ่มที่ตอนนี้มีแต่พวกพ่อแม่ไม่กี่คนนั่งพักเมื่อยกันอยู่  ส่วนเพื่อนๆน้องๆตอนนี้กระจายไปทั่วคณะแล้วครับ คนจึงบางตา  ผมปล่อยแขนไอ้ใหญ่ทันทีที่ปลอดคนแล้วถามมันอย่างไม่เข้าใจว่า
“มึงบอกกูมาตรงๆ มึงเป็นอะไร..ไอ้ใหญ่”
ไอ้ใหญ่ก้มหน้าหลบตาผมไม่ยอมตอบ ผมเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นอีก “ทำไมมึงไม่พูด กูทำอะไรให้มึงไม่พอใจรึไง” มันเงยหน้าขึ้นมามองผมทำตาปริบๆ น้ำตาเอ่อ ทำเอาผมตกใจผมคงเผลอไปตะคอกใส่มันไปแล้ว “มึงอย่าเป็นแบบนี้ซิ ถ้ากูทำกูก็ขอโทษแล้วกัน”

ในเมื่อมันไม่ยอมพูด ไม่ยอมบอกถ้าผมยังดื้อดันตะคอกถามมันก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา “กูไปหาอะไรเย็นๆดื่มก่อนนะ ...มึงอารมณ์ดีแล้วตามกูมา” ผมจะเดินหันหลังจากไป แต่ไอ้ใหญ่ดึงมือผมไว้ “กูขอโทษฝัน..กูแค่ร้อนเลยหงุดหงิด” ผมขมวดคิ้วฟังแล้วก็ไม่อยากเชื่อ “แค่ร้อนนี่นะ”
“ก็กูร้อนแล้วมึงยังมาดุกูอีกอ่ะ...กูก็เลยโกรธนะซิ”ไอ้ใหญ่ทำเสียงอ่อยๆ เหมือนมันจะรู้สึกผิดที่มันร้อนแล้วมาทำหน้าบึ้งใส่ผม
“เออ...กูขอโทษที่ดุมึง มึงก็รู้ว่ากูขี้หงุดหงิด ถามอะไรมึงก็เงียบกูก็เผลอดุไปน่ะซิ” มันยิ้มขึ้นมาทันทีที่ผมเองก็ขอโทษมัน ผมยิ้มแล้วเอื้อมมือไปลูบหัวมัน “งั้นไปถ่ายรูปกันต่อดีกว่านะ อย่าเสียเวลาเลย เวลายิ่งไม่ค่อยมี”
“อืม...ไปกัน”ไอ้ใหญ่ยังจับมือผมไว้เมื่อเดินมาหาน้องเกี๊ยงแล้วตะโกนบอกน้องว่า “ถ่ายรูปคู่ให้เฮียกับไอ้ฝันหน่อยเกี๊ยง” ไอ้เกี๊ยงยิ้มกว้างตะเบ๊ะให้ “กระหน่ำเลยพี่”

ทั้งผมและไอ้ใหญ่ต่างแข่งกันโพสท์ท่าอย่างไม่แคร์สายตาใคร ช่วงเวลาแห่งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะนี้ผมอยากให้มันอยู่กับผมนานๆ  ผมลอบมองใบหน้ายิ้มแย้มของไอ้ใหญ่ระหว่างที่เราถ่ายรูปกัน พยายามมองหาร่องรอยการบาดเจ็บของอุบัติเหตุ แต่ก็ไม่เห็นมี มันยังคงดูสดใสร่าเริงแข็งแรงดี นับว่ามันยังโชคดีจริงๆ  ไอ้ใหญ่กับผมเดินตระเวนไปทั่วมหาวิทยาลัยเพื่อถ่ายรูปให้ได้มากที่สุด แดดเริ่มแรงเข้าทุกที ทั้งนายแบบและตากล้องเริ่มไม่ไหวครับ..เหนื่อยและร้อนมากๆ  เราเลยกลับมาที่กลุ่มอีกครั้ง  ผมถือโอกาสนั่งพักดื่มน้ำก่อน  กำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงไอ้ใหญ่ตะโกนดังมา

“ฝัน..มาเร็ว..คิดไรอยู่วะ”ไอ้ใหญ่ยิ้มกว้าง กวักมือเรียกผมให้ไปถ่ายรูปหมู่กับเพื่อนๆคนอื่น
  “มันคงคิดถึงอ้อยมั๊ง..มาไม่ถึงซักที “ เสียงเพื่อนๆที่เหลือส่งเสียงหัวเราะยั่วเย้ากันเกรียวกราว ผมเลยพูดไม่ออก
“อ้อยมาเกือบจะถึงแล้ว..พวกมึงเป็นบ้า..อะไรกัน ปากดีนักนะมึง  ถ่ายๆๆๆให้ไว ใหญ่มาอยู่ข้างหน้ากู”ไอ้ใหญ่เองก็ทำหน้าเจื่อนๆแต่ก็ยังยิ้มให้ผม 

ใหญ่ขยับตัวมาข้างหน้าผมแล้วรีบย่อเข่าลงไม่ให้บังคนข้างหลัง ผมยืนโค้งตัวลงเอามือจับไหล่มันไว้ทั้งสองข้าง  บีบไหล่มันเบาๆ มันเอามือมาจับมือผมออกจากไหล่มัน หันหน้ามาบอกผมว่า “กูยืนไม่ถนัด ขอยึดมือมึงไว้หน่อยนะ”ผมไม่ได้ตอบมันแต่มันก็ยังกุมมือผมไว้ เพื่อนๆคนอื่นรีบวิ่งเข้าเฟรมกล้อง  เวลาถ่ายรูปหมู่ช่วงที่สนุกที่สุดก็ตรงที่คนมาทีหลังจะรีบวิ่งเข้ามาแจม  แล้วเราก็ต้องฉีกยิ้มกันอีกเรื่อยๆอีกครั้งและอีกครั้ง

“รออ้อยด้วย...มาแล้วค่า” อ้อยวิ่งเข้ามาถ่ายรูปหมู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เราสบตากันแวบหนึ่ง แล้วยิ้มให้กัน
*********************************************
เอาดอกไม้มาฝากคนอ่านค่ะ :L2:

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
^
^
จิ้ม +1  ก่อนเลย  

มาบอกก่อนว่าสต็อกกำลังจะหมด คงไม่ได้ลงบ่อยๆแล้วค่ะ ขึ้นกับคนเขียนจะเขียนได้มากน้อยแค่ไหน
 :sad4:   หวังว่าคนเขียนจะไม่ดองนะ  เค้าติดเรื่องนี้แล้วอ่า

ขอตัวไปอ่านก่อน

ในที่สุดใหญ่ก็มา
 
โธ่พ่อคุณคงจะน้อยใจมาก  หน้าบอกบุญไม่รับ  แถมยังโดนดุอีก  น้ำตาแตกเลย  :impress3:

ยัยอ้อยยยย  แอร๊ยยยยยยย ใครก็ได้เอาชีไปเก็บที   :z3:  เจอชื่อนี้ทีไร จากที่มีความสุขดี ก็ดับวูบลงทุกที

ขอให้ฝันบอกกะใหญ่ที่เถอะ ว่าไม่ได้คิดอะไรกะยัย ซาก อ้อยนั้นแล้ว  จะได้เลิกนอยด์เรื่องนี้ซะที


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-09-2009 18:21:02 โดย Ak@tsuKII »

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :z3: :z3: :z3:
กำลังสนุกเลยอะใกล้จะหมดแล้วหรอเนี่เศร้า
ดูตอนนี้แล้ว ใหญ่มีแสดงทีท่าไม่พอใจเรื่องอ้อยออกมาด้วยนะ
แต่อย่างว่าละจะให้ไปทำอะไรได้ ในเมื่อเรากับเค้าเป็นแค่เพื่อนิน่ะ
ส่วนฝันก็เหมือนจะไม่รู้อะไำรเลย  :เฮ้อ:
ความเป็นจริงมันช่างโหดร้าย แต่นี่ละความเป็นจริง
แล้วจะรออ่านต่อ
นิว(LOVEis)

ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
สารภาพออกไปซะทีสิคะเสี่ย  :o12:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
สองหนุ่มนี่นอกจากจะกั๊กกันเองแล้ว
ฝันก็ยังกั๊กเรื่องอ้อยด้วย
ตัวเองไม่ชัดเจน ยังไปสร้างความไม่ชัดเจนให้คนอื่นอีก
มันจะเสียใจกันไปเพราะความเข้าใจผิดหรือเปล่า

ใกล้หมดสต็อกแ้ล้วก็ไม่เป็นไรนะคะ
นานๆมาที ยังไงก็จะรออ่านค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
รู้มั๊ยคนอ่านใจจะขาด  :sad4:

mecon

  • บุคคลทั่วไป
ใหญ่น่ารักที่สุดเลย โดนฝันตะคอก ด้วยอารมณ์น้อยใจ
และหึง เลยนะน้ำตาปริ่มๆเลยอ่ะ โธ่คนดีของคนอ่านน่าสงสาร  :man1:
ส่วนฝัน เฮ้อ อ้อยมาเป็นตัวประกอบฉากอีกล่ะ เด๋วโดนจัดฉากให้ถ่ายรูปคู่กันอีก
ม่ายยยยยยยยยยยยยยแม่ยกใหญ่ไม่ยอม

+1 จัดให้คะ

ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
เข้ามากอดใหญ่ แล้วก้บอกว่ายังรอคอยอยุ่ :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






morrian

  • บุคคลทั่วไป
รูปตอนเผลอ ของทั้งสองคน ที่น้องเกี๊ยง รัวชัตเตอร์ ถ่ายให้

คงน่าประทับใจ  :impress2:

อ่านตอนนี้แล้ว นึกถึงบรรยากาศงานถ่ายรูปรับปริญญาของตัวเองเลยนะเนี่ย ^^

รออ่านตอนต่อไปนะคับ

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
:m7:

ย่องๆๆ

เข้ามารอฝันกะใหญ่


 :call:ตอน 16

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
พอไม่ได้ลงแล้วมันหงุดหงิด 555+ :serius2:
เลยดอดมาลงก่อน ขอบคุณที่รออ่านกันค่ะ  :3123:
***************************
(ตอนที่ ๑๖)

“รออ้อยด้วย...มาแล้วค่า” อ้อยวิ่งเข้ามาถ่ายรูปหมู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เราสบตากันแวบหนึ่ง แล้วยิ้มให้กัน
“อ้อยมาทางนี้เลยมายืนข้างๆฝัน...”ไม่รู้ว่าเป็นเสียงใครที่พูดไปอย่างนั้น แต่ดูเหมือนเพื่อนๆก็พร้อมที่จะแหวกทางให้อ้อยมายืนข้างๆผม   ไอ้น้องเกี๊ยงตากล้องตะโกนเสียงดัง

“พี่ๆสลับที่..... เปลี่ยนข้างบ้าง” การเปลี่ยนที่ยืนสร้างความโกลาหลให้กับทุกคนพอควร   แต่ทุกคนก็ดูสนุกกับมัน  ในที่สุดไอ้ใหญ่ก็ต้องปล่อยมือจากผมไปยืนอีกมุมหนึ่งห่างจากผมและอ้อย  ผมส่งสายตาพยักหน้าให้มันมาอยู่ข้างๆผมเหมือนเคยแต่มันตะโกนบอกว่า “ที่กูอยู่ตรงนี้...ดีแล้ว” ผมก็เลยตามใจมันไป

 ช่วงเวลาหลังจากนั้นทั้งเพื่อนที่ทำงานผมกับอ้อย เพื่อนที่เรียนโทด้วยกันก็พร้อมใจกันมาถ่ายรูปแสดงความยินดีให้ผมและอ้อย  คนนี้มาคนนั้นไปจนผมสับสนไปหมด  รู้แต่ว่ายิ้มจนเมื่อยปากและตะโกนกันจนคอแห้ง เพื่อนๆก็ทั้งผลักทั้งดันให้ผมถ่ายคู่กับอ้อยตลอด ผมเลยต้องห่างจากไอ้ใหญ่ไปโดยปริยาย ถ่ายไปถ่ายมาไอ้ใหญ่หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“เกี๊ยง..เฮียมึงไปไหนแล้ว”ไอ้เกี๊ยงเกาหัวแกรกๆ “ไม่รู้...มัวแต่ถ่ายพี่กับเจ๊อ้อย กลับมาอีกทีหายไปแระ”

“ทำงานภาษาอะไรวะ นายแบบหายยังไม่รู้อีก”ผมเดินหารอบๆนั้นอยู่พักใหญ่ก็ไม่เจอมัน  ผมเริ่มรู้สึกว่าวันนี้ไอ้ใหญ่มันมีผลกับอารมณ์ที่ขึ้นๆลงของผมจริงๆ  สุดท้ายเมื่อหามันไม่เจอผมลองโทรศัพท์ไปหามันสักพักมันถึงรับสาย
 “ใหญ่มึงอยู่ไหน?”
“นี่พ่อเอง....ฝันรึเปล่า”อ้าวทำไมโทรศัพท์ไปอยู่กับพ่อได้
“ครับใช่ครับ....พ่ออยู่กับใหญ่หรือเปล่าครับ”
“แยกกันไปแล้ว พอดีพ่อลืมเอาโทรศัพท์มา ใหญ่เลยให้พ่อไว้ใช้ นี่พ่อกำลังจะกลับเชียงใหม่แล้วล่ะ คิดว่าเดี๋ยวใหญ่คงเดินกลับที่กลุ่มนะ”
“อ้าว...แล้วพ่อไม่อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนเหรอครับ”คืนนี้เรามีนัดกันว่าจะไปกินเลี้ยงฉลองกันแล้วให้พ่อแม่ไปด้วยครับไปทั้งหมดเลยแล้วหารกัน แต่แม่กับพี่สาวผมก็บอกแล้วว่าไม่ไป ผมเองก็ไม่เห็นความจำเป็นอะไรสำหรับงานเลี้ยง
“ไม่อยู่หรอกฝัน เป็นห่วงคนที่บ้านมีแต่ผู้หญิงอยู่กันตามลำพัง”ตกลงพ่อไอ้ใหญ่ก็ไม่มาอีกคน เอาไงดีละ ไอ้ใหญ่ก็ไม่รู้ไปไหน
 “งั้นผมลาพ่อเลยครับ ไว้ผมจะไปเที่ยวเชียงใหม่อีก สวัสดีครับพ่อ”
“อืม..ไหว้พระลูก คืนนี้ ฝากใหญ่ไปค้างด้วยคนแล้วกัน แค่นี้นะลูก”
พ่อไอ้ใหญ่วางสายไปแล้วไอ้ใหญ่ก็ยังไม่กลับมา  ไม่รู้หายตัวไปไหนนี่ก็ใกล้เวลาต้องเข้าหอประชุมแล้วด้วย  แม่ผมเตรียมข้าวกล่องมาให้ผมกับใหญ่แล้ว ผมเริ่มอารมณ์กรุ่นๆรู้สึกว่าทุกอย่างมันวุ่นวายไปหมด เริ่มเบื่อการถ่ายรูปอยากจะหยุดพักก่อน

“ฝันกินข้าวก่อนดีกว่า เดี๋ยวเข้าหอแล้วนะ เตรียมมารึเปล่า เราซื้อมาเผื่อให้ด้วยนะ” อ้อยมานั่งข้างผมตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้  ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อแต่ก็ยังมีรอยยิ้มให้ผม ผมส่ายหน้าอยากจะรอไอ้ใหญ่มากินด้วยกันมากกว่า
“ยังดีกว่า..ยังไม่หิว”
“ฝันเหงื่อออกมากเลย เช็ดเหงื่อหน่อยซิ”ผมอ้าปากกำลังจะพูดว่าไม่ต้อง แต่อ้อยก็เอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ผมแล้ว ผมจับมืออ้อยจะเอาออก ก็พอดีไอ้ใหญ่เดินเข้ามากับไอ้หนุ่ยพอดี  ผมดูสีหน้าทั้งสองคนแสดงอารมณ์แตกต่างกัน แต่ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันคิดอะไรไปถึงไหน แต่ทั้งคู่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

แต่ผมสงสัยว่า“ไอ้หนุ่ยมากับเพื่อนกูได้ไงวะ” ไอ้หนุ่ยหันไปมองหน้าไอ้ใหญ่
“อ้าว...เพื่อนมึงเหรอ...กูไม่รู้..กูเห็นครุยคณะมึงเลยถามว่ามาทางไหนเค้าเลยพากูมา”
 ไอ้ใหญ่ก็แค่ยิ้มๆบอกกับผมว่า “กูไม่รู้ว่าเพื่อนมึง  กูแค่เป็นคนดี พาพี่เค้ามาที่คณะ”

“เออ..พอกันทั้งคู่ กูขอเฉ่งเป็นรายหัวนะ เริ่มที่มึงก่อนไอ้ใหญ่ นี่มึงหายหัวไปไหนมา จะเรียกมากินข้าวเดี๋ยวเข้าหอแล้ว...ปล่อยให้กูตามหา……” วันนี้ผมรู้สึกเหมือนผมเป็นพ่อไอ้ใหญ่ ต้องคอยดุมันตลอดเวลา
“ไอ้หนุ่ยมึงรอก่อน ไม่มาซะตอนกูเข้าหอไปเลยล่ะ  เดี๋ยวกูค่อยจัดการมึง”

ไอ้หนุ่ยยักไหล่ไม่สนใจผม มันเดินไปหาอ้อยแล้วยื่นดอกไม้ให้ “ยินดีด้วยครับน้องอ้อย” อ้อยรับดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม ผมดูแล้วค่อยสบายใจ มันเป็นรอยยิ้มของเพื่อนที่จริงใจต่อกันจริงๆ  หันกลับมาดูไอ้ใหญ่มันก็มองทั้งคู่เหมือนกับผม มันทำหน้าสงสัยคงแปลกใจที่อ้อยรู้จักไอ้หนุ่ยด้วย
 หันกลับมาที่ไอ้ใหญ่ “ไปไหนมา...”ไอ้ใหญ่ทำหน้าสำนึกผิด “กูไปส่งพ่อขั้นแท็กซี่ พ่อจะกลับบ้าน” ผมเหลียวไปดูไอ้หนุ่ยมันกำลังถ่ายรูปกับอ้อยอยู่ ผมเลยมีเวลาคุยกับไอ้ใหญ่ต่อ
 “กูรู้แล้ว..กูคุยกับพ่อมึงแล้ว แต่พ่อมึงไปนานแล้วนะ ทำไมมาช้า ไม่รู้เหรอว่ากูรออยู่”
มันสบตาผม “กูนึกว่ามึงไม่รอกูแล้ว กูเลยเดินดูนู่นนี่เล่น”
ผมถอนหายใจ “กูบอกว่ากูจะรอ..กูก็ต้องรอซิ กูบอกมึงรึยังว่ากูเลิกรอแล้ว”ไอ้ใหญ่ส่ายหน้า

“มึงไม่เคยบอก แต่เห็นมึงมีอ้อยอยู่ด้วย กูเลยไม่ห่วง” มันเข้าใจผิดอะไรรึเปล่า เหมือนมันไม่รู้ใจผมเลย
“คนอื่นไม่เกี่ยวกัน..มึงจำไว้นะ” ผมบีบไหล่มันหนักๆ ให้รู้ว่าผมพูดจริงจัง
“เฮ้ย..ฝันมาถ่ายรูปมา เดี๋ยวเข้าหอแล้วไม่ใช่เหรอ”ไอ้หนุ่ยเดินมาเรียกผมไปถ่ายรูป แล้วมันก็หันไปเรียกไอ้ใหญ่ด้วย
“น้องใหญ่ด้วยครับ เชิญๆ ได้ยินฝันมันพูดถึงหลายครั้งแล้ว มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อย”กับคนรู้จักใหม่ๆไอ้หนุ่ยมันยังมีมารยาทครับ  ผมเดินเข้าไปชกแขนมันเบาๆ แล้วแบบมือขอของขวัญ

“ทำไมมึงมาสาย  กูนึกว่ามึงลืม ไหนของขวัญกูล่ะ”มันไม่เห็นมีดอกไม้ให้ผมเหมือนให้อ้อยเลยครับ โลกมันไม่ยุติธรรม
“เอาไปทำไม  เดี๋ยวก็เหี่ยว กูมาก็บุญแล้ว ปกติไม่ไปงานใครนะเว้ย” มันพูดดีมากครับเค้าให้กันทั้งเมือง ผมได้แค่ประณามมันแต่คงทำอะไรมันไม่ได้ เดี๋ยวมันจะว่าผมงกของขวัญ
“มึงมันอย่างนี้ชอบแหกคอกคนอื่น”
“ทำไมกูต้องเหมือนใคร...มึงอยากได้จริงๆเหรอ”ไอ้หนุ่ยมันคงคิดว่าผมอยากได้จริงๆ แต่ผมส่ายหน้า
 “เปล่า...ไม่อยากได้” คราวนี้ไอ้หนุ่ยยิ้มเผล่เลยครับ “เห็นมะ กูว่าแล้ว กูจะไปเสียเงินซื้อมาให้มึงทำไม เก็บเงินไว้เลี้ยงเหล้ามึงดีกว่า”
ไอ้หนุ่ยโอบไหล่ผมกระซิบ “แต่เพื่อนมึงหน้าตาดีกว่ามึงนะ หน้าตาฉลาดด้วย ไม่น่ามาคบกับมึงเลย”ผมรีบปัดมือมันออกจากไหล่ “นั่นเพื่อนกูไม่ต้องวิจารณ์เลย  แล้วมึงพูดแบบนี้มึงมาคบกูทำไม”
“คนอื่นจะได้เห็นไงว่ากูดี ฮ่าๆๆ”
มันพูดเสร็จแล้วก็เดินไปโอบไหล่ไอ้ใหญ่ครับ  ปล่อยให้ผมยังงงอยู่ว่ามันหมายความว่ายังไง
 “ไปถ่ายรูปกัน..ใหญ่...แล้วกลับวันไหน...” ไอ้หนุ่ยเดินคุยจ้อกับไอ้ใหญ่ไปแล้ว แต่ผมยังตีความที่มันพูดไม่ออก จนเดินไปถึงจุดที่ยืนถ่ายรูป  ผมถึงนึกออกเลยตบกบาลไอ้หนุ่ยไปทีแล้วด่ามัน

 “ไอ้เลว เอากูไปเป็นพระรองให้มึงดูดีกว่าเป็นพระเอกเหรอ” ไอ้หนุ่ยได้แต่หัวเราะดังๆ ไม่ว่าอะไรผม หลังจากนั้นเราก็ถ่ายรูปกันไปหลายรูปครับ ช่วงหลังๆผมได้ยินไอ้หนุ่ยเรียกใหญ่ว่า ‘น้องใหญ่’ แล้วครับ  ใหญ่มันก็ยังมารยาทดีเรียก ‘พี่หนุ่ย’ ผมก็เห็นคุยกันถูกคอดีครับแถมผมยังได้ยินไอ้ใหญ่ชวนไอ้หนุ่ยไปเที่ยวเชียงใหม่อีกด้วย
 จนกระทั่งต้องเข้าหอประชุม ไอ้หนุ่ยถึงขอตัวลากลับ มันเดินมาโอบไหล่ผมแล้วแสดงความยินดีเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง “ยินดีด้วยนะไอ้น้อง  มึงเป็นคนดี  เรียนดี มีอนาคตดี มีคนรักที่ดี รักษาความรักของมึงให้นานๆนะ” ผมฟังแล้วยังแปลกใจที่ไอ้หนุ่ยเกิดจะมาเป็นพี่หนุ่ยพูดอวยพรผมเป็นงานเป็นการ แต่ก็รู้สึกดีใจครับที่ได้มีโอกาสรู้จักกับมัน พี่หนุ่ยก็เหมือนพี่ชายผมคนหนึ่ง  ผมซาบซึ้งจนน้ำตาจะไหล  ผมยกมือไหว้แล้วคว้าตัวไอ้หนุ่ยมากอด
 “ขอบคุณนะพี่หนุ่ย....แล้วอย่าลืมเลี้ยงเหล้ากูต่อไปด้วยล่ะ” เพราะนี่คือสิ่งที่ทำให้ผมรักมันมากที่สุดครับ
 ไอ้หนุ่ยเลยตบหลังผมแรงๆกลับบ้าง “เออ...กูคงเป็นหนี้มึงชาติก่อน ชาตินี้เลยต้องมาเลี้ยงเหล้ามึงตลอด”

ไอ้หนุ่ยเดินไปหาอ้อยเพื่อลากลับ ทั้งสองคนต่างมีรอยยิ้มให้แก่กัน “น้องอ้อยยินดีด้วยนะครับ แล้วคราวหน้าพี่ชวนไปดื่มกันอย่าลืมไปนะ ให้พี่หนุ่ยได้เลี้ยงแสดงความยินดีกับน้องอ้อย ให้เรากลับมาเที่ยวกันสนุกๆเหมือนเดิม” ผมว่าผมเห็นอ้อยน้ำตาคลอแต่อ้อยก็ยังยิ้มได้
 ไอ้หนุ่ยยิ้มอ่อนโยนเอื้อมมือไปจับที่ไหล่อ้อย “ไม่เอาอย่าร้องไห้เดี๋ยวไม่สวย พี่ไปก่อนนะครับ”
ไอ้หนุ่ยผละจากอ้อยไปจับมือกับไอ้ใหญ่ “ดีใจนะที่ได้มารู้จักกับมึง ยินดีด้วยนะ พี่จะเป็นกำลังใจให้เราทุกเรื่อง ไม่ต้องห่วง พี่คอยดูไอ้ฝันเอง มันชอบโง่ พี่จะคอยชี้ทางสว่างให้มันเอง ฮ่าๆ”

ผมว่าผมได้ยินแต่ไม่แน่ใจ เลยเดินไปฟังใกล้ๆอีกครั้งเข้าไปกอดคอไอ้หนุ่ยแรงๆ  “เฮ้ยๆๆ..มึงว่ากูว่าโง่เหรอ...ไอ้เชี่....หนุ่ย”
“เออซิ..ไม่ได้รู้อะไรเล้ย.. กูไปแล้วเดี๋ยวต้องรีบไปหาลูกค้าอีกตอนเที่ยง มึงอย่ามารัดกูแน่นซิเสื้อยับหมด ไว้เจอกันนะใหญ่” ไอ้หนุ่ยโบกมือให้แล้วหายไปกับกลุ่มคนมากมายอย่างรวดเร็ว พวกผมไม่มีเวลาคุยอะไรกันมากรีบทานข้าวเพื่อเตรียมตัวเข้าหอประชุม
“ใหญ่ พ่อมึงกะแม่กูไม่ไปงานเลี้ยงแล้วเราจะไปกันรึเปล่าล่ะ” อ้อยที่นั่งอยู่ทานข้าวอยู่ข้างๆคงได้ยิน “จะไม่ไปกันเหรอ”
ผมยังไม่ค่อยแน่ใจ “กำลังคุยกันอยู่พอดี ว่าจะไปหรือไม่ไป อ้อยไปรึเปล่าครับ” อ้อยพยักหน้า “พ่อแม่เราก็ไปด้วย น้องสาวเราอีก คงไปนะจะได้ไม่ต้องไปเลี้ยงกันอีกรอบ” ผมหันไปถามไอ้ใหญ่ “เอาไงมึง...ไปปะ”

ผมรู้ว่ามันต้องตอบว่าแล้วแต่ผม แต่ผมรู้สึกเหนื่อยๆแล้วผมก็เจอเพื่อนๆบ่อยอยู่แล้ว การเลี้ยงรวมกันกับพ่อแม่คนอื่นก็คงไม่สนุกเท่าไหร่  ผมมองใหญ่อีกครั้ง มันก็พยักพเยิดหน้าให้  ผมเลยเดาใจว่ามันก็คงไม่อยากไป
“ไม่ไปดีกว่า..คนมากๆมีแต่ผู้ใหญ่ ผมไม่ค่อยถนัด”
อ้อยทำหน้าเสียดาย “ว้า..นานๆใหญ่มาที เรานึกว่าจะได้คุยกันเยอะๆ วันนี้เราก็มาสายไม่ค่อยได้มีเวลาคุยเลย”
“อ้อยคุยกับฝันก็เหมือนคุยกับเราแล่ะ บ้าๆพอกัน”ดูไอ้ใหญ่มันมาว่าผมบ้า
“ไม่ๆ ไม่เหมือน กูมันพวกบ้าเป็นพักๆ แต่บ้ารักทุกวันเว้ย” อ้อยหัวเราะหน้าแดงเอามือมาตีแขนผมเบาๆ  แล้วมาชวนคุยต่อ
“ฝันน่ะชอบพูดเล่นเรื่อย.....เออแต่วันนี้ที่แผนกที่ออฟฟิศเรามากันหมดเลยนะ ดีใจจังเลย เห็นพี่บีบอกว่าจะเลี้ยงให้เราสองคนอีกรอบนะ” อ้อยยังพูดถึงเพื่อนๆคนนู้นคนนี้ที่เรียนโทด้วยกัน ไอ้ใหญ่ก็เอาแต่ยิ้มมองผมกับอ้อยคุยกัน จนผมเริ่มสังเกตว่ามันเงียบเสียงไป

“ใหญ่มึงไม่เห็นคุยอะไรมั่ง เงียบเชียวมึง ง่วงแล้วเหรอ”
“เปล่า...กูไม่รู้จะคุยอะไร กูไม่รู้จักเพื่อนๆมึงนี่” พอมันพูดออกมาแบบนี้ผมตำหนิตัวเองทันที  ผมมันแย่ทั้งที่มันก็มาได้แค่วันเดียวผมน่าจะใส่ใจความรู้สึกมันมากกว่านี้  “โทษทีว่ะมึง...กูก็ลืมไป”
ไอ้ใหญ่ส่ายหัว “เรื่องเล็กๆน่ะ อย่าคิดมาก” เริ่มมีเสียงตามสายเรียกบัณฑิตให้เตรียมตัวเข้าหอประชุม  เราคงต้องเตรียมตัวแล้ว “โอเค....งั้นกูว่าเราไปรวมกับเพื่อนๆดีกว่า เดี๋ยวคงทยอยเข้าหอกันแล้ว...ไปอ้อย”
ระหว่างเดินไปเข้าแถวผมกระซิบบอกใหญ่ว่า “ใครถามก็ให้บอกว่าเราไปกินเลี้ยงด้วยนะ แล้วเราค่อยแอบปลีกตัวออกมา ถ้าบอกพวกมันว่าไม่ไปเดี๋ยวเรื่องจะยาว”  ไอ้ใหญ่ยิ้มยกนิ้วให้เป็นสัญลักษณ์ว่าโอเค  ผมรู้สึกเหมือนสมัยที่เรากำลังวางแผนจะโดดเรียนกัน
อ้อยเดินตามมาทันพวกผมพอดี“คุยอะไรกันเหรอสองคนนี้ทำท่าลึกลับ”

“ไม่มีอะไรอ้อย  เรื่องไม่มีสาระอะไร” อ้อยทำหน้างงๆแต่ก็ยิ้มรับฟังด้วยดีหลังจากนั้น ก็ไม่มีใครได้คุยอะไรกันอีก   การเข้ารับพระราชทานปริญญาเราต้องนั่งเรียงตามตัวอักษร ผม ใหญ่และอ้อยจึงแยกกันนั่ง  แต่ผมกับไอ้ใหญ่นัดกันไว้แล้วว่าออกมาแล้วจะไปเจอกันที่กลุ่ม เพราะไอ้ใหญ่มันไม่มีโทรศัพท์ติดตัวแล้ว
กว่าจะออกมาจากหอประชุมได้ก็เย็นๆ  ผมนั่งหลับน้ำลายไหลยืดไปหลายรอบกว่าจะถึงคิวของตัวเอง  แต่ไอ้ใหญ่มันรับก่อนผมเพราะมันได้เกียรตินิยมอันดับสองน่าภูมิใจแทนพ่อแม่ของมัน เสียดายที่แม่มันไม่ได้มาด้วยแต่ถ้ามาก็คงลำบากน่าดูเพราะคนก็มากอากาศก็ร้อน  ถ้าป่วยขึ้นมาคงทุลักทุเล

หลังจากรับปริญญาเพื่อนๆลากพวกผมไปถ่ายรูปถือใบปริญญากันอีกรอบ  ทั้งๆที่ผมว่าแต่ละคนหน้าตาโทรมกันหมดแล้วครับตากแดดกันมาทั้งวัน  พวกสาวๆต้องรีบทาแป้งเติมหน้ากันวุ่นวายผมเห็นแล้วก็เหนื่อยแทน ถ่ายกันไปเยอะแล้ว  ไอ้ใหญ่เริ่มมาสะกิดผม “เราจะออกกันไปได้หรือยัง กูเบื่อคนเยอะๆแล้ว เหนื่อยด้วย”
 ดูหน้าตาแล้วผมก็ว่ามันดูเหนื่อยมากจริงๆ  ก็มันดั้นด้นมาจากเชียงใหม่ตั้งแต่เช้า  เดินทางมาตลอดแล้วยังมาตากแดดร้อนๆอีกทั้งวัน ผมว่าหน้าขาวๆของมันคล้ำลงไปตั้งเยอะ

 “อืม..เดี๋ยวเอาอย่างนี้นะพอเค้าถ่ายหมู่กันเพลินๆ เราก็ไปถ่ายซะหน่อย แล้วมึงค่อยๆเดินหลบออกไปรอกูที่ประตูใหญ่ฝั่งคณะสังคมนะ แล้วกูจะหลบตามมึงออกไป” เหมือนลักลอบทำอะไรเลวๆเลยครับ แต่มันก็ตื่นเต้นดี  มิน่าคนเลยชอบทำอะไรหลบๆซ่อนๆ
ผมไปกระซิบบอกไอ้เกี๊ยงก่อนว่าผมจะไม่ไปต่อ ถ้าผมหายไปเมื่อไหร่มันก็เสร็จงานได้ทันที แต่มันก็ยังไม่วายสงสัยอีก
 “แล้วทำไมพี่ไม่ไป”
“แล้วทำไมเฮียก็ไม่ไปด้วย”
“แล้วพี่กับเฮียจะไปไหนกัน”
“แล้วเจ๊อ้อยล่ะ ไม่ไปกะพี่เหรอ” มันถามผมจนผมอยากเตะมัน “นี่ตกลงนอกจากมึงจะรับจ้างกูถ่ายรูป มึงยังมีของแถมเป็นคำพูดกวนๆ กับคำถามซอกแซกเรื่องชีวิตกูอีกใช่มั้ย แล้วมึงอย่าปากดีไปบอกใครล่ะ”
ได้ยินเสียงมันหัวเราะแหะๆ แล้วมันก็มาผลักไหล่ผม “พี่ฝันก็...อารมณ์เสียอีกแล้ว  เฮียใหญ่หายทีไรอารมณ์เปลี่ยนทุกที”
 ทนไม่ไหวต้องเตะไปมันไปสักทีจนได้ครับ แต่ก็ไม่โดนเพราะไอ้เกี๊ยงไวยังกับลิงวิ่งหนีไปได้ทัน

ใช้เวลาไม่นานผมก็แอบหนีกลุ่มเพื่อนๆออกมาได้ รีบจ้ำเดินมาที่ประตูอีกไม่พ้นช่วงตึกนี้จะถึงประตูอยู่แล้ว
“ฝันจะไปไหน.??” อ้อยวิ่งตามผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เอามือมาดึงแขนผมไว้
“เราจะกลับแล้ว...ไม่ไปกินหรอก ถ้าใครถามอ้อยก็บอกว่าไม่รู้ว่าไปไหนนะ” อ้อยขมวดคิ้วทำหน้าเบ้ทันที  ดูเหมือนจะอารมณ์เสียนิดหน่อยด้วย
“เราอยากให้ฝันไปด้วย...ฝันไม่ไปเราไม่รู้จะตอบคำถามคนอื่นว่าฝันไปไหนได้ยังไง เมื่อกี้คนก็ถามกันมากแล้ว เราตอบไม่ถูก”
“ก็ตอบไปว่าไม่รู้ซิ...ยากตรงไหน ในเมื่อไม่รู้ก็ตอบไปว่าไม่รู้”
“แต่ทุกคนคาดหวังว่าเราจะต้องรู้นี่” ผมชักงงทำไมเพื่อนจะต้องคาดหวังแบบนั้น แล้วถึงจะคาดหวังแบบนั้นแล้วถ้าไม่ใช่ ทำไมอ้อยต้องเดือดร้อนด้วย
 “มันเป็นเรื่องเล็กมากเลยนะอ้อย..ถึงอ้อยไม่รู้ก็ไม่มีใครว่าหรอก ผมไม่อยู่คนนึงมันไม่ใช่ปัญหาเลยนะ”พูดๆไปสีหน้าอ้อยก็ไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ หรือว่าเสียงผมมันเริ่มดังขึ้นก็ไม่แน่ใจ
“อ้อยก็รู้ว่าพวกเพื่อนๆเรานัดมีทติ้งกันบ่อยจะตายไป”

“แล้วทำไมฝันต้องรีบไป คนอื่นเค้ายังถ่ายรูปกันไม่เสร็จเลย”ผมยกข้อมือดูเวลานี่ผมปล่อยให้ไอ้ใหญ่รอเกือบสิบห้านาทีแล้ว
  แล้วผมก็ยืนคุยกับอ้อยนานเกินไปด้วยเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง  ผมไม่เคยหงุดหงิดเพราะอ้อยแต่วันนี้ผมเริ่ม ‘รำคาญ’ทั้งที่ผมไม่อยากใช้คำๆนี้กับอ้อยเลย ผมค่อยๆพูดช้าๆชัดๆกับอ้อย อยากให้อ้อยเข้าใจเสียที

“คนอื่นถ่ายรูปยังไม่เสร็จ  แต่สำหรับผม..ผมพอแล้ว ผมเหนื่อย..อยากพักผ่อน อยากกลับ ถ้าเพื่อนๆยังอยากสนุกต่อก็แล้วแต่เค้า ผมไปก่อนนะอ้อย ไว้เจอกันที่ทำงาน” ผมปลดมืออ้อยที่จับแขนผมอยู่แล้วผละจากอ้อยมาทันที ถึงแม้ผมจะเห็นว่าอ้อยเริ่มน้ำตาคลอแล้วก็ตาม   ผมไม่ชอบให้เกิดเรื่องแบบนี้เลยเพราะเราไม่ได้กำลังทะเลาะกัน แต่ผมรู้สึกว่าเวลานี้อ้อยกำลังงอแงกับผมมากเกินไป เหมือนเด็กที่พูดไม่รู้เรื่อง

อ้อยตะโกนตามหลังผมมา “เพราะฝันจะไปหาใหญ่ใช่มั้ยล่ะ....ฝันบอกเราตรงๆก็ได้”
ผมหยุดเดินทันทีแล้วหันมาบอกอ้อย “ใช่...พรุ่งนี้ใหญ่จะกลับแล้ว ผมอยากให้เวลากับเพื่อนผมให้มากที่สุด ผมไปนะอ้อย”

ผมไม่ได้หันไปดูอีกว่าอ้อยจะทำหน้ายังไง  ทุกอย่างที่ผมพูดไปมันเป็นความจริงอย่างที่สุด  ถ้าอ้อยจะโกรธผมเรื่องนี้ผมก็คงทำอะไรไม่ได้ ผมคงไม่สามารถรับผิดชอบกับความต้องการของใครได้หมด..... นี่ผมคงเหมือนไอ้หนุ่ยเข้าไปทุกทีแล้ว
****************************
ลงเสร็จสบายใจ แล้วค่อยไปตามเรื่องตอนต่อไป  :z3:
VV ขอบคุณ คุณnamtaanค่ะ สำหรับข้อผิดพลาดแก้แล้วนะคะ  :pig4:
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-09-2009 13:47:15 โดย คิคิคุคุ »

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
อ่านจบตอนนี้ทั้งหงุดหงิดฝัน ทั้งสะใจเล็กๆ
เรื่องของอ้อยกับฝันนี่มันไม่น่าจะมีอะไรแล้วนะ ในเมื่อฝันก็เหมือนจะชัดเจนกับตัวเองแล้วว่า จริงๆมีความรู้สึกพิเศษกับอ้อยแค่ไหน
อ้อยเองสินะ พอพลาดจากหนุ่ยก็ทำเหมือนกับจะหันมามองฝัน
(โทษอ้อยคนเดียวก็ไม่ได้ ก็ฝันเคยพูดรับปากเหมือนว่าจะรอ รออะไรตัวเองเข้าใจหรือเปล่าก็ไม่รู้)
ยิ่งพอมาอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่คิดว่า ฝันกับอ้อยคือคนพิเศษของกัน (แม้แต่ใหญ่ยังคิดเลย ก็ฝันมันซื่อบื้อทำให้ึคนอื่นคิดไปไกล)
ปากเพื่อนที่พูดกันไป เจตนาบ้าง ไม่เจตนาบ้าง ก็คงฉุดความคิดของอ้อยที่พลาดกับเรื่องหนุ่ยมาแล้วให้กลับมาหาฝันอย่างชัดเจนอีกรอบ
ไม่งั้นอ้อยคงไม่แสดงออกหลายอย่างแบบนี้ แถมอ้อยก็คงอายถ้าเพื่อนจะรู้่ว่าฝันทำเหมือนไม่ได้สนใจอ้อยมากไปกว่าเพื่อนคนอื่น
แต่ตอนต้นที่หนุ่ยพูดออกมาหลายประโยคนั้น เหมือนหนุ่ยจะสังเกตรู้ว่าระหว่างฝันกับใหญ่มันน่าจะมีอะไรมากกว่าเพื่อนรัก
หรือหนุ่ยก็คงมองเห็นว่าใหญ่คิดยังไงกับฝัน (ทำไมคนอื่นเขายังมองออกขนาดนี้ ฝันมันไม่ได้หลอกตัวเองอยู่ใช่มั้ย)
 :laugh: ตอนนี้อินจัดเป็นพิเศษ
บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากนะคะ

เจอที่ผิดตรงนี้ค่ะ >> “ครับใช่ครับ....พ่ออยู่กับฝันหรือเปล่าครับ”
ฝันคุยโทรศัพท์กับพ่อของใหญ่ แล้วถามถึงใหญ่นี่นา


morrian

  • บุคคลทั่วไป
ใหญ่น่ารักที่ซู๊ดด

ขอบคุณที่มาต่อให้นะคับ

รออ่านตอนต่อไปคับผม

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
+1 ให้กับตอนนี้ นานๆฝันจะกล้าทำไรที่เด็ดขาดขนาดนี้
อ่านแล้วมันแบบโดนใจที่สุดเลย  :กอด1: เป็นกำลังใจให้น๊า
จริงๆจะบอกว่าโดยส่วนตัวอ่านแล้วไม่ชอบอ้อยเท่าไหร่
ด้วยพฤติกรรมที่ผ่านๆมา อ้อยทำตัวได้น้ำเน่ามาก ทั้งเรื่องของการแสดงออกของความรัก
การเลือกผู้ชายแบบฉาบฉวยจริงๆไม่อย่างใช้คำนี้แต่มันตรงตัวดี
แล้วพอเธอไม่ได้ในสิ่งที่ตัวต้องการก็มองหาทางเลือกที่เหมือนกำลังสำรอง
พอมาเจอการตอกกลับแบบเหมือนจะนิ่มๆแต่ก็ดุดันแบบที่ฝันไม่เคยแสดงออกมา
เธอก็เริ่มรับรู้ทำตัวเป็นนางเอกเต็มจอ
แล้วจะรออ่านต่อเป็นกำลังใจให้ครับ
นิว(LOVEis)

ออฟไลน์ baroona59

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
 :3123: :3123: :3123: :3123:


สนุกมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



แล้วเมื่อไหร่ ฝันจะรู้ซักทีนะ ว่า


คนใกล้ตัวคิดยังไง


 :z3: :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
อ่านตอนนี้แล้วรำคาญ อ้อย ยกกำลัง แปดสิบ :fire: 

สมน้ำหน้า สะใจจริงๆ  โดนฝันตอกหน้าไป ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปรับผิดชอบความสึกคนอื่น

สำหรับฝันอ้อยคือคนอื่น หุหุ  แล้วนะคงกลัวเสียหน้าอายกลุ่มเพื่อนๆ ที่คอยแซว

เหมือนที่รีบนบอกพฤติกรรมการเลือกผู้ชายที่ฉายฉวย  พอผิดหวังจากหนุ่ยก็เบนเป้ามาหาฝันทันที  :z6:

แล้วก่อนหน้านั้นไม่แลความรู้สึกฝันเลยไม่ใช่เหรอ  พอฝันทำแบบนี้เองบ้างแล้วเป็นไง  :z2:

มีประชดประชันเรื่องใหญ่ด้วย  มันน่า  :beat:  นัก ใหญ่เค้าเป็นเบอร์ดี้ในใจฝันไม่รู้เหรอ  โหะ ๆ(หัวเราะแบบนางมารร้าย)

ส่วนท่านหนุ่ย นึกว่าจะปิ๊งใหญ่เข้าซะแล้ว  เห็นเรียก น้องใหญ่ๆ  555  นี่จะรับจ๊อบเป็น กาม-มา- เทพ ให้ทั้งคู่ชิมิ 

อิอิ  คงมองออกละนะว่าใหญ่รู้สึกยังไงกะฝัน  รวมทั้งความรู้สึกฝันที่มีต่อใหญ่ด้วย (ด้วยการที่ฝันบ่น รึจะเป็นจะตายตอนได้รับ จม จากใหญ่)
แต่ฝันมันโง่ ต้องให้ท่านหนุ่ยเคาะกระโหลก  ให้ฉลาดซะที 

ปล,ว่าแต่หนุ่ยจะอกหักจากสาวเมื่อไหร่อ่ะ 5555  ยังสติลเชียร์ให้หนุ่ยมันเป็นเกย์ :jul3:



ขอบคุณมากค่ะที่มาต่อ   รอตอน17 ต่อไป มาต่อไวๆนะ

+1  เป็นกำลังใจให้คนเขียน คนโพสต์เช่นเดิมจ้า


ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
อ้อยนี่ยังไงไม่รู้
แบบทำตัวน่าเกลียดอะ อย่างงี้คนที่โดนเขาก็รู้สึกแบบไม่มีใครแล้วค่อยเหลียวไรเงี้ย
แล้วคนยิ่งแทบจะหมดความรู้สึกเขาจะแคร์ยังไงถ้าทำแบบนี้

mecon

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ีพี่หนุ่ยได้ใจมากๆ ทั้งฉลาดและไม่ซื่อบื้อเหมือนเจ้าฝัน ครึๆ
ส่วนน้องอ้อย 555 นาทีนี้อะไรก้อเปลี่ยนความรู้สึกของฝันไมได้แล้วคะ
ให้รู้ๆกันไปเลยว่า ฝันอ่ะไม่ใช่คนที่ให้ใจเธอไปแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว
ฝันตอนนี้ในสายตาอ่ะมีแต่ใหญ่ ทั้งๆที่มันไม่รู้ัตัวหรอกนะ
แต่การแสดงออก แต่การให้ความสำคัญกับเพื่อนใหญ่หนะ
มันออกนอกหน้ามากกว่าคนเป็นเพื่อนจะรู้สึกและแสดงออกมา
ทั้งขี้วีน น้อยใจ หงุดหงิด โมโห ทุกๆอย่างที่ฝันเป็นเพียงเพราะ
นาทีนั้นใหญ่ไม่ได้อยู่ในสายตา และคิดแทนใหญ่เอาเองกลัวใหญ่รอ
กลัวใหญ่น้อยใจ กลัวใหญ่คิดมาก ทุกสิ่งทุกอย่างอ่ะฝันเป็นไปโดยอัตโนมัติ
แค่นี้ก็มองออกแล้วล่ะว่าความสำคัญของอ้อยกับใหญ่อ่ะมันไม่เท่ากันและมันไม่เหมือนกันเลย
คงมีเพียงแต่พี่หนุ่ยนั่นแหละที่มันฉลาด 5555 มองออกหมดทุกหยดเลย
ส่วนใหญ่อ่ะนะก็คงได้แต่เก็บเอาภาพอ้อยกับฝันไปคิดมากเอาเอง ทั้งๆที่มัน
ไม่มีอะไร แต่เป็นเพราะใหญ่ไม่อาจแสดงออกอะไรได้ พี่หนุ่ยเลยต้องเป็นคนสะกิดเองไง
กรี๊ดดดดดดดดด ถูกใจที่สุด

“กูบอกว่ากูจะรอ..กูก็ต้องรอซิ กูบอกมึงรึยังว่ากูเลิกรอแล้ว”
>>>  :-[ ฝันเอ้ยโคตรน่ารักเลย
“คนอื่นไม่เกี่ยวกัน..มึงจำไว้นะ”
>> กรี๊ดดดดดดดดดดดได้ในแม่ยกนุ้งใหญ่  :m1:

ฮาฝันนะ ดูท่าจะหวงแล้วก็แสดงออกถึงค.เป็นเจ้าของน้องใหญ่
โดยไม่รู้ตัวด้วย แ่ค่พี่หนุ่ยมันแหย่เล่นแค่นี้ก็นะ จัดการพี่หนุ่ยไปซะล่ะ เฮ้อ แจ่มเลย

+1 จัดให้นะคะ  o13 เลิศเลอที่สุด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
ทำถูกแล้วล่ะฝันพูดตรงๆ ดีที่สุด ชอบจังคนแบบนี้

พี่หนุ่ยเซนส์ดีกว่าฝันเยอะเลยนะเนี่ย

แอบเศร้าใจตอนใหญ่ต้องย้ายไปยืนไกลๆ ฝัน ทำไมช่างไม่ทะเยอทะยานและทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างเลย  :z10:

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
“ที่กูอยู่ตรงนี้...ดีแล้ว”
### เพื่อนใหญ่ เจียมบอร์ดี้จริงๆ :impress3: 

แล้วปฏิกิริยาที่มีต่อใหญ่ก็เป็นไปแบบอัตโมมัติจริงๆๆ 
ขนาดนี้แล้วพี่ท่านยังไม่รู้ตัวอีก


สงสัยควรมีตัวแปรมาเร่งซะแล้ว หากมีคนมาจีบใหญ่ คงตามหึงดีพิลึก :laugh3:


 :call:  17 


สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
(ตอนที่๑๗)

ถึงแม้จะเป็นเวลาเย็นแล้วแต่ที่มหาวิทยาลัยก็ยังเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งตัวบัณฑิตจบใหม่ ทั้งญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และนักศึกษาที่ยังคงอยู่กันเกือบเต็มพื้นที่ของมหาวิทยาลัย  ผมเดินจ้ำด้วยความเร็วก็จริงแต่ก็ยังต้องหลบหลีกผู้คนที่เดินสวนไปมา ทำให้พาเท้าไปได้ไม่ไวเท่าความคิด แต่ไอ้ใหญ่ก็ยังยืนรออยู่ตรงนั้น มันยืนกอดอกหันหลังให้ผม มองเหม่อไปทางวัดพระแก้วที่ดูงดงามยิ่งนักในยามค่ำคืน ผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่แต่สีหน้าด้านข้างของมันดูเศร้าหมอง แล้วก็...เหงาๆ

ผมเดินไปข้างหลังใหญ่เงียบๆแต่มันก็ยังไม่รู้ตัว ผมเอาแขนไปโอบไหล่มัน ไอ้ใหญ่สะดุ้งแต่เมื่อเห็นว่าเป็นผมมันก็หันมายิ้มให้ “ไงมึง...โทษทีนะใหญ่ กูมัวแต่วิ่งไล่เตะไอ้เกี๊ยงมัน เล่นเอาเหนื่อยเลย ไปกันเถอะ”
“อืม...แต่เราจะไปไหนดี...กูหิวแล้วล่ะ เมื่อกลางวันกินไม่ค่อยลงมันรีบๆด้วย” พอมันพูดแบบนี้ผมก็รู้สึกหิวเหมือนกัน อยากจะหาอะไรกินแถวนี้จะได้ไม่ต้องแบกท้องไปไกลๆ
“ไปกินริมน้ำกันมั้ย จะได้นั่งพักเหนื่อยแล้วคุยกันไปด้วย เราไม่ต้องรีบกลับบ้านหรอก กูบอกแม่ไปแล้วว่าอาจกลับดึก” ไอ้ใหญ่ยังไม่ทันตอบอะไรแต่เหมือนจะเห็นอะไรซักอย่าง มันรีบลากผมออกมาจากหน้าประตูไปโบกแท็กซี่ทันที “มึงจะพากูไปไหนก็รีบไปเลย เพื่อนเราทั้งกลุ่มเดินกันมาแต่ไกลนู่นแล้ว ถ้ายังไม่อยากโดนมันด่า”

ไอ้ใหญ่มันตาดีจริงๆเลยครับผมมองตามที่มันชี้ให้ดู เห็นไอ้ด้าเดินนำมาก่อนใครเพื่อน อีกไม่นานมันคงมาถึงที่พวกผมยืนกันอยู่ จังหวะเหมาะแท็กซี่มาจอดพอดี  ผมเลยรีบดันไอ้ใหญ่ขึ้นรถไปก่อน แล้วรีบปิดมือถือกลัวเพื่อนโทรตาม  พี่แท็กซี่หันมาถาม “ไปไหนครับ” ผมยังตอบพี่เค้าไม่ถูก เลยบอกไปว่าให้ขับเส้นเลียบริมแม่น้ำไปก่อนเพราะมีอยู่หลายร้าน 

ในที่สุดผมเลือกได้ร้านอาหารที่ผมเคยมาทานกับไอ้หนุ่ย  ร้านนี้ตกแต่งร้านได้ทันสมัย บรรยากาศเงียบสงบเห็นวิวสะพานแขวนริมแม่น้ำ  ไอ้ใหญ่เองก็ดูตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศในร้าน ผมเดินนำเข้าไปก่อนไอ้ใหญ่เดินขึ้นบันไดตามหลังผมมา
“ร้านสวยจัง มึงเคยมาเหรอฝัน”
“กูเคยมากับไอ้หนุ่ย กับอ้อย แต่เคยมาหนเดียวเอง ร้านนั่งสบายแต่อาหารไม่เท่าไหร่ แค่พอกินได้”
“เหรอ...พวกมึงสนิทกันกับพี่หนุ่ยจังนะ แต่พี่เค้าคุยสนุกดี”
“ใช่...กูไม่มีมึงก็ได้เค้านี่แหล่ะเป็นเพื่อน  คุยกับมันแล้วไม่เครียดดี  แต่ไม่ค่อยมีสาระนะ”
ได้ยินเสียงไอ้ใหญ่หัวเราะเบาๆ “กูก็นึกว่าไม่มีกูแล้วมึงมีอ้อยซะอีก  ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นพี่หนุ่ยไปได้” ผมไม่รู้ว่าพอไอ้ใหญ่พูดแบบนี้ ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นตุ๊กตาล้มลุกของทั้งไอ้ใหญ่และอ้อย  ทั้งสองคนต่างผลักผมให้กันและกัน โดยที่จริงๆแล้วมีใครเคยคิดถึงความรู้สึกผมหรือเปล่า...ว่าผมเต็มใจที่จะอยู่กับใครมากกว่า

“อุ๊บ....มึงหยุดเดินทำไม ถึงโต๊ะแล้วเหรอ” หน้าไอ้ใหญ่ชนกับหลังผมพอดีเมื่อผมหยุดเดินกะทันหัน  มันเอามือมาจับเอวผมไว้ ผมหันหลังมามองหน้ามัน
“กูขอร้อง วันนี้กูอารมณ์ไม่ค่อยดี มึงเลิกพูดเรื่องคนอื่นทีได้มั้ย” ไอ้ใหญ่ทำสีหน้าแปลกๆอ้าปากกำลังจะพูดออกมา แต่น้องที่พามาที่โต๊ะเดินย้อนกลับมาเรียกเราพอดี “พี่ครับทางนี้เลยครับ สองที่พอดี”

เราเลยยังไม่ได้พูดอะไรต่อ พากันไปนั่งที่โต๊ะ “พี่จะรับอะไรดีครับ” ผมหมดความรื่นเริงไปเยอะไม่อยากตัดสินใจอะไรอีก
“ใหญ่มึงสั่งแล้วกัน กูกินได้หมด” ไอ้ใหญ่พยักหน้าแล้วสั่งกับข้าวไปสามสี่อย่าง แต่ผมก็ไม่ลืมสั่ง “น้องเอาเบียร์มาด้วยนะ” ไอ้ใหญ่ทำหน้าประหลาดใจ  ปกติเวลาผมอยู่กับมันผมไม่ค่อยดื่มเพราะมันก็ไม่ชอบดื่ม แต่หลังจากที่ผมคบกับไอ้หนุ่ยและตั้งแต่เริ่มทำงาน ผมมีรายการเที่ยวสังสรรค์มากขึ้นเลยติดที่จะดื่มเมื่อมีโอกาสไปโดยไม่รู้ตัว
“มึงดื่มเป็นเพื่อนกูนะ” มันทำหน้าอึกอัก “แต่กู..ไม่ชอบ..” ผมทำหน้านิ่วอีกครั้ง “เพื่อกู...นะ”
ไอ้ใหญ่เลยรับคำอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่ “ก็ได้..แต่ไม่มากนะ”

วันนี้เป็นวันรับปริญญาร้านอาหารส่วนใหญ่เลยเต็มไปด้วยผู้คนมาเลี้ยงฉลองกัน  แต่ผมยังโชคดีที่พอดีมีคนยกเลิกโต๊ะที่จองไว้เลยมีโต๊ะนั่ง ช่วงนี้ฝนตกบ่อยก็จริงแต่วันนี้คงเป็นฤกษ์ดีเลยมีละอองฝนเหมือนพรมน้ำมนต์ให้ในตอนเช้า แล้วทั้งวันก็ไม่มีฝนอีก อากาศยามเย็นริมแม่น้ำกำลังเย็นสบาย แสงไฟจากสะพานแขวนส่องสว่างสวยงาม แสงไฟแวววาวจากบ้านเรือนริมแม่น้ำ และจากเรือที่ล่องอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เหมือนดวงดาวที่ระยิบระยับอยู่ใกล้ๆ  ใกล้จนเราอาจจะคว้ามาได้แต่มันก็คงเป็นเพียงภาพลวงตา

ระหว่างนั่งรออาหาร ทั้งผมและใหญ่นั่งมองความงดงามของวิวจากแม่น้ำที่เป็นสายหลักของประเทศไทย ลมเย็นจากริมแม่น้ำช่วยให้เราคลายความเหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมทั้งวันลงไปบ้าง
 “สวยนะมึง”
“อืม...สวย” ไอ้ใหญ่หันมาที่ผม พร้อมรอยยิ้ม  ราวกับมีแสงสะท้อนออกมาจากดวงตาของใหญ่  มันส่องสว่างเป็นประกายเข้าไปในใจผม   ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกสงบที่อยู่ในใจ หยุดความวุ่นวายทั้งมวลที่เกิดขึ้นในวันนี้
“มึงจำได้มั้ย แต่ก่อนตอนที่เราอยู่ทำรายงานกันดึกๆ พอทานข้าวเสร็จเราก็ต้องมานั่งริมแม่น้ำ มองเรือแล่นผ่านไปมา  สมัยนั้นกูว่าไฟมันไม่เยอะขนาดนี้นะ” แววตาของไอ้ใหญ่ขณะที่กำลังย้อนคิดถึงความหลังดูรื่นรมย์
“ใช่..ทั้งที่ผ่านมาไม่กี่ปี อะไรๆก็เปลี่ยนไปนะ” ทุกๆอย่างเปลี่ยนได้หมด ไม่เคยมีอะไรหยุดนิ่งแม้กระทั่งใจคน

เด็กเสริฟรินเบียร์แล้วส่งให้ผมกับใหญ่คนละแก้ว ไอ้ใหญ่รับมาจิบแล้วทำหน้าเบ้ ผมเห็นแล้วก็หัวเราะหน้าตาของมัน
รสชาติของเบียร์เย็นๆทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายลง “กูถามมึงหน่อยซิ มึงนึกยังไงให้กูเขียนจดหมายติดต่อกับมึง ทั้งที่โลกเค้าเปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว สมัยนี้มันยุคไอทีใครๆก็ติดต่อกันทางอินเตอร์เน็ทกันทั้งนั้น”
ไอ้ใหญ่ยักไหล่ “ก็แค่กูชอบ..ไม่มีความหมายอะไร” มันเผลอยกเบียร์ขึ้นมาดื่มอีกครั้งคราวนี้ไม่ทำหน้าเบ้ มันคงเริ่มชินกับรสขมๆแล้ว ไอ้ใหญ่ย้อนถามผมว่า “มึงไม่ชอบเหรอ”
 ผมส่ายหัว “เปล่า..กูแค่คิดไม่ถึงว่ากูจะได้เขียนจดหมายหาใครอีก” ใหญ่เลิกคิ้วสงสัย “มึงเคยเหรอ เขียนหาใครวะ”
“เคยซิ กูเคยเขียนไปจีบสาวตอนสมัยประถมนู่น นึกแล้วก็ขำ ทำไปได้ยังไงไม่รู้” พูดแล้วก็หัวเราะออกมา ผมเล่าให้ใหญ่ฟังว่า  ผมเคยเขียนอยู่2-3ฉบับ แต่สาวเจ้าไม่ตอบ กลับพาแม่มาชี้ตัวผมต่อหน้าครูต่อหน้าเพื่อนในห้องเรียน เพื่อนๆหัวเราะกันเกรียวกราว  ผมเลยไม่กล้าเขียนหาใครอีกเลย...เข็ดจนตาย เรื่องเขียนจดหมายรัก

ไอ้ใหญ่ฟังแล้วยิ้ม ตอนนี้แก้มมันเริ่มแดงแล้วครับทั้งที่ดื่มไปแค่ครึ่งแก้ว  ดูแล้วก็แปลกตา
“แต่กูพึ่งเคยเขียนหามึงเป็นคนแรกนะ....”ผมว่าเวลามันพูดแก้มมันแดงยิ่งขึ้นไปอีก หรือว่าผมคิดไปเองก็ไม่แน่ใจ
“เหรอ..ไม่น่าเชื่อ มึงเขียนดีนะ กูชอบอ่าน เวลาเห็นลายมือมึง กูนึกถึงตอนเอาสมุดจดมึงมาลอก ต้องมานั่งเดาว่ามึงคิดอะไร เขียนอะไร” พนักงานเอาอาหารมาเสริฟพอดี เราเลยหยุดพักรอให้บริกรออกไปก่อน
“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย  ลายมือกูก็เหมือนตัวกูอ่านง่ายจะตาย มึงน่าจะเป็นคนที่อ่านออกมากที่สุดนะ”
“เป็นงั้นไป  หึหึ กูจะไปรู้หมดได้ยังไง ถ้ามึงไม่บอก บางเรื่องกูก็ไม่รู้หรอกนะ”  พอคุยไปดื่มไป ผมดื่มหมดไปแก้วหนึ่งแล้ว ส่วนไอ้ใหญ่มันก็จิบมั่งดื่มมั่ง แต่ผมต้องเรียกให้เค้าเอามาเบียร์มาเพิ่มอีกขวดแล้ว

“มึงก็ถามกูซิ ถ้ามึงไม่รู้” ไอ้ใหญ่มันเอาแก้วมาชนกับแก้วผม ตาเริ่มหวานเข้าไปทุกที ตอนนี้หน้ามันแดงลามไปใบหูแล้ว ผมว่าเราเริ่มสนุกกับการต่อคารมกัน  คุยกันแบบนี้ไม่มีจบง่ายๆ
“แล้วถ้ากูไม่ถาม มึงทำไมไม่บอกกูมาเองล่ะ มึงก็รู้ว่ากูมันเป็นคนประเภทอยากรู้แต่ไม่อยากถาม”
“มึงมันนิสัยเสียแบบนี้เรื่อย...... อยากรู้แต่ไม่ถาม กูก็ไม่อยากบอกเหมือนกันเพราะกลัวมึงไม่อยากรู้”
ผมหัวเราะออกมาดังๆ ชักเห็นด้วยกับที่มันพูด “เออก็จริงอย่างมึงพูด....บางเรื่องกูก็ไม่อยากรู้” ผมถอนหายใจยาว
“รู้ไปก็เท่านั้น ทำอะไรไม่ได้ แก้อะไรเปลี่ยนอะไรไม่ได้ สู้ไม่รู้ดีกว่า”

ใหญ่ไม่ได้พูดอะไรอีกเห็นเพียงรอยยิ้มขื่นๆที่ริมฝีปากมันเท่านั้น แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินไปเงียบๆ  ผมกินข้าวไปไม่มากรสชาติอาหารสำหรับผมเป็นอย่างไรอร่อยหรือไม่อร่อยผมยังตอบไม่ได้เลย  เรานั่งกันเงียบๆอยู่นานต่างคนก็ต่างใช้ความคิดกันไป ผมไม่ได้สังเกตเลยว่าโต๊ะอื่นๆทยอยกลับกันไปมากแล้ว เหลือเพียงไม่กี่โต๊ะเท่านั้นเอง

ผมรู้แต่ว่าตอนนี้ผมเริ่มเมานิดๆแล้ว จำไม่ได้ว่าดื่มไปมากแค่ไหน  แต่แอลกอฮอล์ในเลือดผมคงมากเกินไปผมถึงทำอะไรแปลกๆ ผมยื่นหน้าเข้าไปชิดหน้าไอ้ใหญ่แล้วเอามือจับหน้ามันไว้  ไอ้ใหญ่ตกใจร้องออกมาดังๆ “เฮ้ย...ทำไร”
ผมเอานิ้วชี้มาปิดปากไอ้ใหญ่  บอกมันอย่างอารมณ์ดี “จุ๊...จุ๊  อย่าเสียงดังซิ ไม่อายคนอื่นเหรอมึง”
ไอ้ใหญ่หน้าแดงแต่มันยังไม่ยอมหยุดพูด ผมมองริมฝีปากของมันที่ขยับไปมาทั้งที่นิ้วผมยังแตะที่ปากมัน “ก็มึงจะทำอะไรเล่า ที่มึงทำมันทำให้กูอายมากกว่าอีก”
 ผมบอกตัวเองว่าผมคงเมาคำว่า ‘อาย’ ผมถึงไม่ใส่ใจกับมัน

ผมเอานิ้วค่อยๆลูบริมฝีปากมันแล้วเปลี่ยนไปลูบไล้แก้มไอ้ใหญ่ทั่วๆใบหน้า กวาดสายตามองแทบจะทุกๆรายละเอียดบนหน้ามัน ผมพูดอย่างช้าๆ
 “กูก็แค่...ดูให้ละเอียดว่ามึงรถไปชนเจ็บตรงไหนบ้าง  มีแผลตรงไหนมั้ย...”นิ้วของผมไปสะดุดแผลที่หางคิ้วมันพอดี พอนิ้วผมไปโดนเข้า ใหญ่มันสะดุ้งแสดงว่ามันยังเจ็บอยู่ “เจ็บมากมั้ย...กูขอโทษ”
ไอ้ใหญ่พยักหน้าแล้วเอามือมาจับมือผมไว้ “กูเจ็บ...เจ็บมาก”
มันคงเจ็บมากจนแทบจะร้องไห้แต่ผมไม่อยากเห็นน้ำตามัน “กูขอโทษ..ที่เผลอไปทำให้มึงเจ็บ”
ไอ้ใหญ่ส่ายหน้าพูดเสียงแผ่วๆ “กูรู้ว่ามึงไม่ตั้งใจ กูไม่โกรธมึงหรอก”

เหมือนลมหายใจของผมขาดไป สายตาไอ้ใหญ่ที่มองมาสะกดใจผมจนนิ่ง  ความรู้สึกหลายๆอย่างมันตีกันไปหมด ผมทำอะไรไม่ถูกเลย ได้แต่พูดไปเหมือนละเมอ “ทำไมมึงต้องไปอยู่ไกลกูด้วยนะ..”

ผมวางมือจากหน้าไอ้ใหญ่ลงปล่อยให้มันเป็นอิสระ แล้วกลับไปนั่งพิงเก้าอี้หลับตา  หายใจเข้าไปลึกๆ เอามือลูบหน้าตัวเอง “ไม่รู้กูเป็นอะไรว่ะมึง...สงสัยกูจะเมาแล้ว ฮ่าๆ”ผมฝืนหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกๆที่ไหลเข้ามาในใจ
“นั่นน่ะซิ ดึกแล้ว มึงก็ดื่มมากไป กูว่าเรากลับกันดีกว่า”  ผมก็เห็นด้วยถ้าดื่มไปมากกว่านี้คงเดินไม่ไหวแน่ๆ
“อืม..ดี เรียกเค้าเก็บเงินเลย”

ผมกับไอ้ใหญ่ค่อยๆเดินลงบันไดกันอย่างทุลักทุเลเพราะกรึ่มกันได้ที่ทั้งคู่  ไอ้ใหญ่มันดื่มน้อยกว่าผมก็จริงแต่มันก็คออ่อนกว่าผมเพราะไม่ค่อยได้ฝึกปรือฝีมือ มันเดินลงไปก่อนแต่อยู่ดีๆก็เกิดเข่าอ่อนขึ้นมาทำท่าจะตกบันได ผมต้องรีบคว้าแขนมันไว้ แล้วดุมันไป “มึงระวังหน่อยซิ ไม่ใช่รอดจากรถชนมาเป็นตกบันไดนะมึง กูพยุงมึงดีกว่า”
ไอ้ใหญ่หัวเราะหึหึ “เดี๋ยวก็ได้ตกบันไดไปทั้งคู่ล่ะมึง เมาพอกัน”
ผมตอบมันไปแค่ว่า “พร้อมกันก็พร้อมกัน ดีกว่ามึงตกคนเดียว มึงจะได้ไม่เหงา” ไอ้ใหญ่ไม่พูดอะไรผมได้ยินแค่เสียงถอนหายใจ และถ้าผมไม่ตาฝาดผมว่ามันเห็นมันเอามือปาดน้ำตา

กว่าเราจะเดินออกมาเรียกรถได้ก็ทำท่าจะกองลงไปที่พื้นทั้งคู่ พอขึ้นรถได้ผมง่วงจนอยากจะหลับ พอบอกว่าบ้านผมอยู่ตรงไหนกับพี่แท็กซี่ไปแล้วก็หลับตาลง  ไอ้ใหญ่พูดค่อยๆว่า “มึงหลับแล้วเหรอฝัน”
“อือฮึ...ยัง..แต่ใกล้แล้ว”  ได้ยินเสียงเสียงหัวเราะเบาๆข้างหู  “กินไปมากมายนี่มึง มาพิงไหล่กูมา”
ไอ้ใหญ่เอามือมาจับหัวผมให้อิงกับไหล่มัน ผมเลยคว้ามือไอ้ใหญ่เอาไว้แล้วกุมไว้ไม่ปล่อย ก่อนที่ผมจะหลับลงไปผมบอกมันว่า “ขอกูจับไว้หน่อยนะ กูจะไม่ปล่อยให้มึงไป” ก่อนที่ผมจะหลับสนิทไปยังได้ยินมันพูดว่า
“ กูไม่เคยปล่อยมึงต่างหากล่ะ”

ผมหลับไปนานแค่ไหนไม่รู้ รู้ตัวก็เมื่อพี่แท็กซี่มาเขย่าตัวผม “พี่ๆซอยไหนครับ”ผมสะลึมสะลือตื่นมาบอกทางพี่คนขับ ปรากฏว่าตอนนี้ไอ้ใหญ่หลับสนิทและมาเป็นฝ่ายพิงไหล่ผมแทน แต่มือของเรายังคงจับกันไว้ จนรถมาจอดสนิทที่หน้าบ้านผม ผมถึงปลุกให้มันตื่นไอ้ใหญ่งัวเงียเหมือนยังไม่ตื่นดี
“ถึงแล้วเหรอ  ไวจัง” ไอ้ใหญ่จะปล่อยมือผมเพื่อเปิดประตูแต่ผมไม่ยอมปล่อยมือมัน “ก็ไหนบอกว่ามึงไม่เคยปล่อยกูไง”
ไอ้ใหญ่ทำตาโต “มึงได้ยินด้วยเหรอ”
ผมไม่ตอบแต่ดันให้มันลงไปก่อนทั้งๆที่มือของเราก็ยังคงจับกันไว้ ไอ้ใหญ่ก้มหน้างุดบ่นพึมพำๆอยู่ที่ประตูหน้าบ้านผม “ทำไมมันได้ยินวะ”

 ผมพยายามล้วงกุญแจบ้านในกระเป๋ากางเกงอย่างทุลักทุเล จนข้าวของที่ถืออยู่หล่นหมด เพราะไม่ยอมปล่อยมือไอ้ใหญ่  ผมโมโหตัวเองจนขำต้องหัวเราะออกมา  ไอ้ใหญ่เองก็หัวเราะไปด้วย “ก็มึงก็ปล่อยกูซิ จะจับเอาไว้ทำไม”
“ก็กูไม่อยากปล่อยนี่ กูไม่อยากปล่อยมึงก่อน” มันเหมือนเกมวัดใจระหว่างผมกับไอ้ใหญ่นะครับว่าใครจะปล่อยใครก่อน ไอ้ใหญ่มันคงเห็นว่าถ้าไม่มีใครปล่อยก่อนคงไม่ได้เข้าบ้านแน่ๆเลยเสนอว่า

“งั้นนับ3แล้วเราปล่อยพร้อมกันดีมั้ย” ผมก็เห็นด้วยกับมันครับเลยพยักหน้าตกลง แต่ก็บอกกับมันว่า
 “ถ้าเราจะปล่อยเราต้องปล่อยพร้อมกันนะ อย่ามีใครปล่อยก่อน”
ไอ้ใหญ่สบตาผมพยักหน้าแล้วมันก็เริ่มนับ “1...2...3”พอถึงสามเราก็ปล่อยมือพร้อมกันครับ  ผมยิ้มแล้วไขกุญแจเปิดประตูอย่างสบายใจ  เราช่วยกันเก็บข้าวของขึ้นมาแล้วหิ้วเข้าบ้าน ผมยิ้มเพราะผมรู้ว่าถึงตอนนี้ผมกับไอ้ใหญ่จะปล่อยมือจากกันไปแล้ว แต่ในใจของเรายังไม่มีใครปล่อยใครไปครับ
*************************
ตอนนี้มัน :-[ ยังไงไม่รู้นะ

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
ความรู้สึกนี้ การกระทำแบบนี้ของทั้งคู่ อยากให้มันเพิ่มขึ้นๆ อีกเยอะๆๆจัง
จะปิดจะบังกันไว้ทำไม ใจตรงกันมากซะขนาดนี้แล้ว

บวก 1 แต้มนะคะ ขอบคุณมากๆๆค่ะ

mecon

  • บุคคลทั่วไป
 :m3: :m1: :m11:
กรี๊ดดดดดดดดดดดดรักที่ซู้ดดดดดดดดดดดดดดดด
น่ารักมากกกกกกกกกกกฝันเอ้ยอ้อนให้เพื่อนดื่มเนี่ย
ไม่ได้คิดอะไรชิมิ นุ้งใหญ่เจอฤทธิ์เบียร์เข้าไป หุหุ
หน้าแดงหวานเชื่อมเลยลูก น่าเอ็นดูเป็นที่สุด
เฮ้อ ทำไมฝันมันอ่อนโยนแบบนี้นะ มีการจับหน้าแล้วเอานิ้วลูบปาก
ลูบหน้า ดูว่ามีแผลเป็นรึป่าวด้วยกรี๊ดดด ใจน้องใหญ่กระเด็นออกนอกอก
แล้วใช่มั๊ยเนี่ยลูก ฝันแง่งทำอะไรไม่คิดถึงใจดวงน้อยๆของใหญ่เลยนะ

ผมไม่รู้ว่าพอไอ้ใหญ่พูดแบบนี้ ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นตุ๊กตาล้มลุกของทั้งไอ้ใหญ่ฃและอ้อย  ทั้งสองคนต่างผลักผมให้กันและกัน โดยที่จริงๆแล้ว
มีใครเคยคิดถึงความรู้สึกผมหรือเปล่า...ว่าผมเต็มใจที่จะ อยู่กับใครมากกว่า

>> กรี๊ดดด แล้วแกคิดยังไงอ่ะฝัน ไม่บอกไม่พูดไม่แสดง
แบบนี้นุ้งใหญ่จะกล้าคิดเข้าข้างตัวเองรึ
“อืม...สวย” ไอ้ใหญ่หันมาที่ผม พร้อมรอยยิ้ม
 ราวกับมีแสงสะท้อนออกมาจากดวงตาของใหญ่

>> เจ้าซื่อบี้อฝัน อ่านอะไรได้จากดวงตาคู่นั้นบ้าง รู้แต่ว่าหัวใจตัวสงบนิ่ง
แล้วรู้มั๊ยว่าดวงตาคู่นั้นอ่ะมันบอกอะไร เฮ้อออ
“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย  ลายมือกูก็เหมือนตัวกูอ่านง่ายจะตาย
มึงน่าจะเป็นคนที่อ่านออกมากที่สุดนะ”

>>  :man1: น้องใหญ่ของอิป้าบอกเค้าหมดเลยลูก โธ่ๆ

ฝันอ่ะพูดจริงพูดหยอดมากๆ น้องใหญ่ก็แยกไม่ออกหรอกวา
อันไหนจริงอันไหนล้อเล่น เฮ้อ น้องใหญ่ก็คงไม่กล้าคิดไปเองแค่
ได้ฟังเหมือนเพื่อนให้ค.หวังโธ่ๆน้ำตาหยดเลยลูก

 o13 เลิศเลอ +1 จัดให้คะ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ผมยิ้มเพราะผมรู้ว่าถึงตอนนี้ผมกับไอ้ใหญ่จะปล่อยมือจากกันไปแล้ว แต่ในใจของเรายังไม่มีใครปล่อยใครไปครับ
*************************
ตอนนี้มัน :-[ ยังไงไม่รู้นะ

นั่นสิค่ะ แต่ที่แน่ๆ แอบคาดหวังกับตอนหน้า
ไหนๆ ใจ ก็ไม่ยอมปล่อยกันทั้งคู่ ก็มัดใจมันให้แน่นๆ ไปเลยสิ  :กอด1:

morrian

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :-[
หวานกันจังคู่นี้แหมมีจับมือกันด้วยเอาหัวอิงไหล่อีก หึหึ
อ่านแล้วชอบบทสนทนาช่วงนึงมากมันกินความบางอย่างเอาไว้
“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ลายมือกูก็เหมือนตัวกูอ่านง่ายจะตาย
  มึงน่าจะเป็นคนที่อ่านออกมากที่สุดนะ
“เป็นงั้นไป  หึหึ กูจะไปรู้หมดได้ยังไง ถ้ามึงไม่บอก บางเรื่องกูก็ไม่รู้หรอกนะ”
มึง ก็ถามกูซิ ถ้ามึงไม่รู้
“แล้วถ้ากูไม่ถาม มึงทำไมไม่บอกกูมาเองล่ะ..."

“เจ็บมากมั้ย...กูขอโทษ”
กูเจ็บ...เจ็บมาก
 “กูขอโทษ..ที่เผลอไปทำให้มึงเจ็บ”
“กูรู้ว่ามึงไม่ตั้งใจ กูไม่โกรธมึงหรอก”
เหมือน ลมหายใจของผมขาดไป สายตาไอ้ใหญ่ที่มองมาสะกดใจผมจนนิ่ง 
ความรู้สึกหลายๆอย่างมันตีกันไปหมด ผมทำอะไรไม่ถูกเลย ได้แต่พูดไปเหมือนละเมอ “ทำไมมึงต้องไปอยู่ไกลกูด้วยนะ..

อ่านแล้วจะเป็นลมมีแต่โดนๆ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกแล้วจะรออ่านต่อน๊า
นิว(LOVEis)

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  อิชั้นขอกรี๊ดดดดดดก่อนเลยค่า  
มันหวานไม่แคร์สื่อ (พี่แท็กซี่) จริงๆเลยวุ้ย!! จับมือกันไม่ปล่อยเลยยยยยยยยย


แอร๊ยยยยยยยยแอบหวังคืนนี้เหมือนกัน    :pighaun:  

(อยากให้ลูกสาว(?)ออกเรือนเต็มทน :laugh:)


“พร้อมกันก็พร้อมกัน ดีกว่ามึงตกคนเดียว มึงจะได้ไม่เหงา” ไอ้ใหญ่ไม่พูดอะไรผมได้ยินแค่เสียงถอนหายใจ และถ้าผมไม่ตาฝาดผมว่ามันเห็นมันเอามือปาดน้ำตา

###ตอนนี้นุ้งใหญ่ของเพ่ ก็น้ำตาแตกอีกแล้ว อยากเข้าไปซับน้ำตาให้จริงๆ :impress3:


“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย  ลายมือกูก็เหมือนตัวกูอ่านง่ายจะตาย มึงน่าจะเป็นคนที่อ่านออกมากที่สุดนะ”

“มึงก็ถามกูซิ ถ้ามึงไม่รู้” ไอ้ใหญ่มันเอาแก้วมาชนกับแก้วผม ตาเริ่มหวานเข้าไปทุกที ตอนนี้หน้ามันแดงลามไปใบหูแล้ว ผมว่าเราเริ่มสนุกกับการต่อคารมกัน  คุยกันแบบนี้ไม่มีจบง่ายๆ
“แล้วถ้ากูไม่ถาม มึงทำไมไม่บอกกูมาเองล่ะ มึงก็รู้ว่ากูมันเป็นคนประเภทอยากรู้แต่ไม่อยากถาม”
“มึงมันนิสัยเสียแบบนี้เรื่อย...... อยากรู้แต่ไม่ถาม กูก็ไม่อยากบอกเหมือนกันเพราะกลัวมึงไม่อยากรู้”
ผมหัวเราะออกมาดังๆ ชักเห็นด้วยกับที่มันพูด “เออก็จริงอย่างมึงพูด....บางเรื่องกูก็ไม่อยากรู้” ผมถอนหายใจยาว
“รู้ไปก็เท่านั้น ทำอะไรไม่ได้ แก้อะไรเปลี่ยนอะไรไม่ได้ สู้ไม่รู้ดีกว่า”

###   :m15:ใหญ่ของเจ้



ขอกรี๊ดดดดดดดดดด  ให้กะซีนนี้ :m11:
ผมเอานิ้วค่อยๆลูบริมฝีปากมันแล้วเปลี่ยนไปลูบไล้แก้มไอ้ใหญ่ทั่วๆใบหน้า กวาดสายตามองแทบจะทุกๆรายละเอียดบนหน้ามัน ผมพูดอย่างช้าๆ
 “กู ก็แค่...ดูให้ละเอียดว่ามึงรถไปชนเจ็บตรงไหนบ้าง  มีแผลตรงไหนมั้ย...”นิ้วของผมไปสะดุดแผลที่หางคิ้วมันพอดี พอนิ้วผมไปโดนเข้า [ฝันบ้าทำอะไรก็ไม่รู้  กรี๊ดดดดมันจะหวานเกินไปแระ (แต่ชอบ)  :o8:]
ใหญ่มันสะดุ้งแสดงว่ามันยังเจ็บอยู่ “เจ็บมากมั้ย...กูขอโทษ”[วิ๊ดวิ้วววววววว]
ไอ้ใหญ่พยักหน้าแล้วเอามือมาจับมือผมไว้ “กูเจ็บ...เจ็บมาก”[ :o12:  ]
มันคงเจ็บมากจนแทบจะร้องไห้แต่ผมไม่อยากเห็นน้ำตามัน “กูขอโทษ..ที่เผลอไปทำให้มึงเจ็บ”
ไอ้ใหญ่ส่ายหน้าพูดเสียงแผ่วๆ “กูรู้ว่ามึงไม่ตั้งใจ กูไม่โกรธมึงหรอก”


[สรุป สองคนนี้จะคุยแบบปกติเป็นมั้ย555 คุยแบบเล่นจิตวิทยากันตลอด  ต้องเก็บเอามาตีความหมาย]

เหมือน ลมหายใจของผมขาดไป สายตาไอ้ใหญ่ที่มองมาสะกดใจผมจนนิ่ง  ความรู้สึกหลายๆอย่างมันตีกันไปหมด ผมทำอะไรไม่ถูกเลย ได้แต่พูดไปเหมือนละเมอ “ทำไมมึงต้องไปอยู่ไกลกูด้วยนะ..”[กรี๊ดดดดฝันบ้า อยากตีลังกาเขินแทนใหญ่  :o8:     ]

ผมไม่รู้ว่าพอไอ้ใหญ่พูดแบบนี้ ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นตุ๊กตาล้มลุกของทั้งไอ้ใหญ่ฃและอ้อย  ทั้งสองคนต่างผลักผมให้กันและกัน โดยที่จริงๆแล้ว
มีใครเคยคิดถึงความรู้สึกผมหรือเปล่า...ว่าผมเต็มใจที่จะ อยู่กับใครมากกว่า

###  :fcuk:  ขอซักหน่อยเถอะ  หมั่นไส้ว่ะ  แล้วก็ไม่เคยบอกอะไรเค้าเลย นอกจากให้ใหญ่มันอ่านใจฝันเอาเอง  โธ่ใครมันจะไปตรัสรู้ฟระ  แต่ก่อนอะไรก็อ้อยๆๆๆ  ใหญ่เค้าก็ยังเข้าใจผิดอยู่น่ะสิ  ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง  


ขอบคุณที่มาต่อค่ะ  หนึ่งบวกนะ  เป็นกำลังใจให้คนเขียนคนโพสต์เหมือนเดิม

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2009 21:53:44 โดย Ak@tsuKII »

ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
ผมยิ้มเพราะผมรู้ว่าถึงตอนนี้ผมกับไอ้ใหญ่จะปล่อยมือจากกันไปแล้ว แต่ในใจของเรายังไม่มีใครปล่อยใครไปครับ

 :impress2:

อมยิ้มแก้มปริ


สองคนนี้ออกอาการกันมากๆ เลย ชอบพูดอะไรแฝงนัย

ทำเอาคนอ่านขัดเคืองใจ จับกดไปเลยเพ่  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด