¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12  (อ่าน 217670 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
 มาลงชื่อไว้ก่อน เดี๋ยวมาดิทเม้น  

สงสารใหญ่มากๆๆอ่า   เฮ้อ ปัญหาทุกอย่าง ถาโถม แล้วมีความรู้สึกว่า
ใหญ่ต้องมีอะไรที่ยังไม่บอกฝัน อีกเยอะ จึงย้ำนักย้ำหนา ว่าห้ามให้ฝันไปหาตน
โอ้ยยยยย เศร้า เป็นห่วงใหญ่จัง มีอะไรที่ยังปิดบัง :z3:

เฮ้อ...เป็นไงวะเพื่อนฝัน
<< -ขึ้นต้นประโยคก็ถอนหายใจมาเลย เฮ้อออออ  หนักน่าดู

คิดถึงมึง...กูอยากบอกคำนี้กับมึง.......เผื่อกูจะไม่ได้พูดอีก”
>> อย่าพูดเป็นลางอย่างนั้นสิ  :m15:


ส่วนหนุ่ย 55  ไม่อยากให้หนุ่ย คิดอะไรกะอ้อย กร๊ากกกกก จะได้สมน้ำหน้า หุหุ

อยากโลเลจับปลาหลายมือ  ดีที่ฝันไม่ชอบยัยอ้อยแล้ว จากที่ดู ความรู้สึกมันเบาบางลงไปมากแล้ว

 ขอให้ให้ฝันอย่ารอ ตามคำบอกของใหญ่  เดินทางไปให้เห็นกะตาตัวเองเลย  :z3:

 :L2: !+ 1

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2009 09:23:25 โดย Ak@tsuKII »

mecon

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ: สงสารใหญ่จัง เรื่องปัญหาครอบครัวเนี่ย
ถึงเราอยากช่วยแต่คงได้แค่ส่งกำลังใจอ่ะนะคะ
ฝันน่าจะไปหาใหญ่อ่ะนะ จะได้มีคนคอยปลอบและให้กำลังใจ
ที่ฝันพูดอ่ะคงไม่อยากให้ฝันเห็นว่าตัวเองอ่อนแอหรอกเนอะ  :เฮ้อ:


+1 จัดให้คะ  o13

JkrR

  • บุคคลทั่วไป
ชอบคับ ตะละตอนยาวได้ใจ

ชอบแนวจกหมายด้วย แหะๆ ประมาณว่าชอบเจือกเรื่องชาวบ้าน แหะๆๆ

ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
อย่ารอเลยเป็นเราจับเครื่องบินไปหานานแล้ว เง้อ  :sad11:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
เฮ้อเศร้ากว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ
เป็นกำลังใจให้ใหญ่ และคนเขียนนะ แล้วจะรออ่านต่อ

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
จดหมายฉบับหลังๆชีวิตใหญ่ช่างหนักอึ้งเลย
แต่เหมือนใหญ่จะพยายามกันฝันให้อยู่ห่างจากชีวิตของตนเองไปช่วงหนึ่งอยู่ตลอด
อืมมม อ่านแล้วทำไมคิดว่า หนุ่ยจะไม่ได้คิดกับฝันแค่เพื่อนซะแล้ว
ส่วนสาวอ้อยคงชอบหนุ่ยไปแล้วจริงๆ
บวก 1 แต้มให้ค่ะ

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
วันนี้ขอมาแบบไม่ยาวนะคะ :really2:
***********************
(ตอนที่๖.๑)

“ใกล้บ้าแล้วเหรอมึง...ชวนไปไหนก็ไม่ไป ปล่อยให้กูไปกับน้องอ้อยคนเดียว สอบก็ไม่ได้สอบ งานก็ไม่ได้ยุ่ง เป็นบ้าอะไรว่ะ”
ไอ้หนุ่ยมันชวนผมหลายครั้งแต่ผมก็ปฏิเสธมาตลอดหลายอาทิตย์  จนในที่สุดมันคงสงสัยว่าผมเป็นอะไรแน่  มันบุกมาหาผมถึงที่ทำงานแล้วลากผมไปกินข้าวกลางวัน

“แล้วดูหน้าตามึง  ทำยังกับโดนของ ทำไมมันซีดเซียวขนาดนี้ว่ะ”ผมเอามือลูบหน้าตัวเอง รู้สึกสัมผัสได้เหมือนกันครับว่ามันช่างแห้งผาก กระด้างไปหมดแม้กระทั่งผิวหน้าเลย
“กูนอนไม่หลับ หน้ากูโทรมมากเลยหรือ”เสียงผมยังแทบจะไม่มี

 “มึงไม่โทรมหรอก แค่เหมือนคนป่วยหนักที่น่าจะส่งไปห้องICU ไม่ก็ห้องดับจิต”
ไอ้หนุ่ยยังกวนตีนเหมือนเดิมครับ  เวลาไม่ได้เปลี่ยนคนจริงๆ
“ก็กูกินข้าวไม่ลง นอนไม่หลับ แล้วมึงจะให้กูทำยังไง”
ผมหันไปถามมัน แต่ก็อยากรู้จริงๆครับว่าจะให้ผมทำยังไง ตัวผมเองผมยังไม่รู้เลยว่าผมเป็นอะไรไป
“อ้าว....แล้วกูจะรู้ไม๊ แล้วทำไมมึงถึงเป็นแบบนี้ล่ะ...หรือว่ามึงอกหักที่อ้อยไปเที่ยวกับกู”

ผมเหล่สายตาไปมองหน้าไอ้หนุ่ย ไม่รู้ว่ามันคิดยังไงที่พูดแบบนี้   พูดจริงๆหรือพูดเล่นกันแน่  แล้วผมก็กลับมาคิดตามคำพูดของมันว่าผมเป็นแบบนี้เพราะเรื่องอ้อยหรือเปล่าผมกำลังใช้ความคิดอยู่ตอนที่ไอ้หนุ่ยมันพูดขึ้นมา
“กูก็มีบ้างที่ไปกับเค้าสองคน แต่มึงสบายใจได้กูไม่ได้คิดกับน้องอ้อยแบบนั้น”

เรื่องที่ไอ้หนุ่ยไปกับอ้อยสองคนเป็นเรื่องใหม่สำหรับผมครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อน เลยออกจะแปลกใจมากกว่า  ที่จริงเรื่องนี้ก็อยู่ในใจลึกๆของผม ผมเองก็อยากถามมันอยู่หลายครั้งว่ามันคิดยังไงกันแน่กับอ้อย แต่พอไอ้หนุ่ยพูดออกมาก่อนแบบนี้ผมก็ยังสงสัยอยู่ดี
“แต่มึงก็หวานใส่เค้าตลอด...ทำ.ทำไม”
ผมถามเพราะผมคิดแบบนั้นจริงๆ ถึงแม้ผมจะรู้ว่าที่ไอ้หนุ่ยมันพูดคุยก็เพื่อความสนุกสนาน ใจไม่ได้คิดอะไร   แต่ใจคนมันห้ามกันยากครับ ผมคบอ้อยมากี่ปีทำไมจะสังเกตไม่เห็นว่าเวลาไอ้หนุ่ยคุยเล่นกับอ้อย  อาการมันออกครับ  ผมออกจะหนักใจแทนอ้อยไม่เบาเมื่อไอ้หนุ่ยพูดแบบนั้น

“ก็...กูก็เป็นแบบนี้..กูเป็นอย่างนี้ตลอด  แต่ความจริงใจกูก็มีให้เต็มร้อยนะเว้ย กูไม่ได้คิดจะหลอกใคร” มันก็ยังพูดไปยิ้มไปตามสไตล์ของมัน
 ผมจะทำอะไรได้ ผมเลยชี้หน้ามัน “มึงอย่ามาทำให้เพื่อนกูเสียใจนะเว้ย กูเอามึงตายแน่” พูดไปแล้วก็รู้สึกเจ็บๆในใจนิดๆ นิดเดียวจริงๆครับ

“กูไม่ได้ทำอะไรเลย ทุกคนก็เพื่อนกันหมด กูพวกรักสนุกไม่ผูกพัน จริงใจแต่ไม่จริงจัง  กับมึงกูก็ไม่คิดอะไรถึงมึงจะมารักกู กูก็ไม่คิดอะไร มึงรักกู แต่กูไม่ได้รักมึงนี่หว่า”
“เชี่ยแระใครไปรักมึงกัน...” ผมอดใจไม่ไหวขอด่ามันไปหน่อย
“แต่....มึงกำลังจะบอกว่า ถ้าใครมารักมึงก็เรื่องของเค้าไม่ใช่เรื่องของมึงงั้นซิไอ้หนุ่ย”
 ถ้าเพื่อนที่เรารักคิดแบบนี้กับเพื่อนของเรา เราจะทำยังไงดีครับ เรื่องมันชักหาทางออกไม่ได้ แต่ผมคิดไปคิดมามันก็ไม่ใช่เรื่องของผมเหมือนกันนี่นา  หรือมันไม่ใช่เรื่องโดยตรงก็เรื่องอ้อมๆ

“ช่ายยย...ที่สุด  ก็ไม่ใช่เรื่องของกูจริงๆนี่”ไอ้หนุ่ยยักไหล่ทำท่าไม่แคร์
“ แต่กูว่ากูลากมึงมาแดกข้าวฟรีนี่...กูจะถามมึงว่าเป็นอะไร  ไม่ใช่ให้มาถามเรื่องกูนะ อย่ามาเบี่ยงเบนประเด็น”
ผมจะบอกมันได้ยังไงในเมื่อผมเองยังไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร ผมเบื่อไปหมด ไม่มีอารมณ์อยากทำอะไร ไปไหน หรือแม้แต่หายใจผมก็ยังเบื่อ

“กูไม่ได้เป็นอะไร แค่เบื่อๆ เซ็งๆ ไม่มีเหตุผล”ผมยกกาแฟขึ้นมาจะดื่มแล้วก็ไม่อยากดื่ม วางลงไปเฉยๆ  ข้าวนั่นวางช้อนไปตั้งแต่คำแรกแล้ว กินไม่ลง เบื่ออาหาร เบื่อๆๆๆ....
“มึงนี่ท่าจะเป็นเอามาก  หรือว่ามึงอกหัก ใครมาหักว่ะ หวังว่าไม่ใช่กูนะ กูบอกมึงแต่แรกแล้วนะ กูไม่สนมึง”
“เชี่ยยยย......น่ารักตายอ่า....หลงตัวเอง...” ผมเอามือเขี่ยข้าวในจาน แล้วก็ถามตัวเองอีกบ้างว่าผมเป็นอะไร

ไอ้หนุ่ยส่ายหัว “กูดูแล้วนะ มึงต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ แต่มึงไม่บอกกูเอง เล่ามาซิถ้ายังคิดว่ากูเป็นพี่เป็นเพื่อนมึง อย่าให้ต้องใช้กำลังกัน”ไม่ทันระวังตัวไอ้หนุ่ยมันเอื้อมมือมาตบหัวผมหน้าเกือบคว่ำลงจานข้าว
“เฮ้ยย...เล่นแรงนะมึง..เล่นกันเจ็บๆเกิดกูคออ่อนหน้าทิ่มจานไปใครรับผิดชอบกู..เล่นไรบ้าๆกลางร้านอาหาร”
ผมยังคงบ่นพึมพำๆ ไอ้หนุ่ยมันหัวเราะเบาๆ
 “เออหน้าไม่ทิ่มลงไปแสดงว่ามึงยังมีสติอยู่บ้าง เล่ามาอย่าให้ช้า กูยิ่งไม่ค่อยมีเวลา”

“กูไม่รู้จะเริ่มยังไง...เรื่องคนอื่นแท้ๆเลย”จริงๆคือผมไม่อยากเล่ามากกว่า ไม่รู้จะเล่าไปเพื่ออะไร ไอ้หนุ่ยกอดอกขมวดคิ้ว ถามเสียงเครียด“ใครกัน...เรื่องใคร”
“เพื่อนกู มันมีปัญหา จดหมายมาก็ดูหดหู่ เศร้าหมอง แต่มันห้ามไม่ให้กูไปปลอบมัน แต่กูก็ห่วงมันอยู่ดี”
“เค้าเป็นอะไร  อกหักเหรอ”ไอ้หนุ่ยก็ยังสงสัยได้อีก

“เปล่า...คิดว่าไม่นะ พอดีพ่อแม่ป่วย น้องสาวน้องเขยตาย มันคงเหงาด้วย...อยู่ไกล ไม่มีเพื่อน”
ในใจผมบอกว่า ไม่มีผมอยู่มันคงเหงาน่าดู ผมเผลอถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ผมเหลือบตาขึ้นมาเห็นไอ้หนุ่ยมันมองหน้าผมอยู่ แล้วมันก็บอกว่า
 “คงเป็นเพื่อนรักมึงมากนะ เพื่อนคนนี้”

 ผมพยักหน้าหงึกๆหลายๆครั้ง “กูเป็นห่วงมัน มันเหมือนน้องกู”ไอ้ใหญ่มันเป็นยิ่งกว่าเพื่อนสำหรับผม
“มึงก็ไปปลอบเค้าซิ มานั่งหน้าโทรมเป็นหมาป่วยทำไม หึหึ”
“เอ๊า..ก็บอกอยู่ว่ามันไม่ให้ไปปลอบ  อย่ามาทำเป็นจำไม่ได้ ยังไม่แก่เลยนะมึง”
ผมเผลอตักข้าวมาทานช้อนนึง จืดชืดสิ้นดีกินไม่ลง ต้องวางช้อนลงไปอีกครั้ง

“กูว่ามึงคิดซับซ้อนไป....เค้าไม่สบายใจบอกไม่ให้มึงไป มึงก็โง่ไม่ไป แต่ก็มาทำหน้าอย่างกับคนจะตาย  บ้าหรือเปล่า”
ผมไม่เข้าใจที่มันพูด”กูซับซ้อนยังไง ก็เค้าไม่สบายใจอยากอยู่คนเดียว  กูก็อยากให้เค้าดีขึ้นก่อน แล้วกูค่อยไปหา ก็ถูกแล้วนี่”
ไอ้หนุ่ยสบถเบาๆ “ไอ้ดื้อเอ๊ย..ทั้งดื้อทั้งโง่ ทั้งซื่อ มึงจะตรงไปถึงไหน”
“ก็พูดอยู่นี่ไง  เราเป็นห่วงก็ไปปลอบเค้า จะมารออะไรล่ะ คิดอะไรให้มันง่ายๆหน่อย”  ผมเงยหน้ามองหน้าไอ้หนุ่ย มันยักคิ้วยิ้มกวนๆให้ผม  “เข้าใจรึยัง...... ไปหาเค้าซะ”

ผมพยักหน้าแล้วหัวเราะเบาๆ “เข้าใจแล้วว่ะ...พี่หนุ่ย หึหึ”
จริงของไอ้พี่หนุ่ยครับ ผมห่วงมันขนาดนี้ กังวลขนาดนี้ ทรมานใจมากมาย แล้วไอ้ใหญ่เองก็คงไม่ได้ดีไปกว่าผม มันคงกำลังทุกข์ใจอย่างหนัก แล้วผมไปคิดอะไรให้มากมายทำไม

ผมบอกกับไอ้หนุ่ยไปว่า“พรุ่งนี้กูจะไปลางาน ไปหามันดีกว่า ขอบใจว่ะมึงสำหรับคำแนะนำ”
ไอ้หนุ่ยขยับจานกับข้าวมาให้ผม ตักน้ำแกงให้แล้วบอกว่า
“ก็แค่นั้น...คราวนี้ก็กินข้าวซะ ผอมจนจะกลายเป็นซากอยู่แล้ว กูเลี้ยงก็ได้ ถือว่าให้ข้าวหมาหงอย หึหึ”
********************************
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
นั่นสิคิดอะไรให้ยาก

ว่าแต่เรื่องอ้อยกับหนุ่ยนี่ของเรื่องของเค้าสองคนจริงๆนั่นแหละ  :z10:

mecon

  • บุคคลทั่วไป
 :m1: อาการห่วงใหญ่เป็นเอามานะเนี่ย นายฝัน
มีเพื่อนจุดประเด็นเข้าหน่อย ฮึดเลยทีเดียวไปหาเพื่อนนะ
ทำตามที่ใจต้องการจะไปยากอะไร ใหญ่มันคงไม่ไล่ตะเพิดออกมาหรอกครึๆ
จะมาซบอกร้องไห้หนะสิไม่ว่า เฮ้อออออออ
ส่วนอิพี่หนุ่ย เหอะๆๆ พี่หนุ่ยรักทุกคนสินะ คอนเซปต์เฮียเค้าเนี่ย
พูดไรตรงๆเกิ๊น ไม่ใช่เรื่องของกรู แต่ว่าอ้อยนี่คิดไปลึกแค่ไหนกันแล้วนะ

+1 จัดให้นะคะ   :กอด1: :man1:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :impress2: :impress2:
จะได้เจอกันไหมน๊า ใหญ่จะว่าไงถ้าอยู่ๆฝันโผล่ไปหาถึงที่นะ
อยากจะรู้ใจจะขาดลุ้นๆ
แล้วจะรออ่านต่อนะคราบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






namtaan

  • บุคคลทั่วไป
ฝันคิดมากเนอะ
แต่ใหญ่อาจคิดมากกว่า
สำหรับหนุ่ยเนี่ย ยังไงไม่รู้ น่าจะไ่ม่ได้คิดกับฝันแบบธรรมดาซะแล้วหละมั้ง
บวก 1 แต้มนะคะ ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
 :mc4: ตามไปเล้ยยยยย

หนุ่ยเยี่ยมมากก o13

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณสำหรับทุก+และทุกรีพลายค่ะ :L2: เป็นกำลังใจอย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ
******************************
(ตอนที่ ๖.๒)
วันรุ่งขึ้นผมก็เสนอหน้าไปลางานอีกหน โดยอ้างความจำเป็นที่ว่าผมกำลังป่วยหนักต้องไปหาหมอ
ใครจะไปบอกละครับว่าไปต่างจังหวัด หัวหน้ามองหน้าผม ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
“หน้าตาคุณตอนนี้ดูไม่ได้เลย ไปหาหมอก็ดีเหมือนกัน ท่าทางจะไม่สบายเอาจริงๆ โทรมดูไม่ได้ขนาดนี้ไปหาลูกค้าก็คงไม่ดี  งั้นพรุ่งนี้ก็ลาไปหาหมอซะ แต่ถ้าไม่เป็นอะไรก็รีบกลับมาทำงานแล้วกัน”
ไม่วายบอกให้กลับมาทำงานต่อจนได้หัวหน้าผม ไม่ค่อยโหดเลยจริงๆ  แต่ผมก็ไม่โทษแกหรอกครับช่วงนี้งานยุ่งจริงๆ  แล้วผมก็โกหกแกด้วยเรื่องป่วยเลยถือว่าเจ๊าๆกันไป

“ฝันให้เราไปหาหมอเป็นเพื่อนมั้ย ไหวรึเปล่า”อ้อยก็ยังคงน่ารักเหมือนเดิม  เป็นห่วงคนอื่นเสมอๆ ทั้งที่คนอย่างผมก็ไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่
“ไม่ต้องหรอกอ้อย ขนาดผมกว่าจะลาได้ยังยาก จะลากอ้อยให้ไปยุ่งยากทำไมกัน ผมไม่เป็นไรจริงๆ เดี๋ยวก็กลับมาทำงานต่อได้”  
 ผมไม่ได้บอกอ้อยเรื่องที่ผมจะไปเยี่ยมไอ้ใหญ่ แล้วก็กำชับไอ้หนุ่ยว่าไม่ต้องบอกอ้อย ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ครับ ก็แค่เพื่อนเยี่ยมเพื่อนเท่านั้นเอง

ผมกะว่าผมจะไปรถทัวร์ตอนกลางคืนก็ไปถึงเช้าพอดี พอเย็นก็กลับ ก็ลางานแค่วันเดียว ถึงจะเหนื่อยไปหน่อยแต่ก็ขอให้ได้ไปจะดีกว่า ผมจะได้เลิกอึดอัดใจแบบนี้ วันนี้ผมเลยทำงานด้วยใจที่กระชุ่มกระชวย รู้สึกคึกคักเป็นพิเศษโดยไม่รู้สาเหตุ จนหัวหน้าอดแปลกใจไม่ได้เดินมาถาม
“ตกลงคุณหายแล้วหรือเนี่ย ดูท่าทางสดชื่นดีนี่ ตกลงต้องไปหาหมอรึเปล่า” ผมเกือบๆจะเกลียดหัวหน้าแล้วครับ ดีที่หัวหน้าพูดต่อขึ้นมาว่า “แต่ยังไงก็หาหมอให้รู้เรื่องเถอะ  อาการกลับไปกลับมาไม่แน่นอนแบบนี้ ไม่น่าไว้ใจ” โล่งอกไปครับ กลัวหัวหน้าจะจับได้จริงๆ

คืนนั้นผมขึ้นรถไปด้วยความตื่นเต้น ผมไม่ได้เจอไอ้ใหญ่นานแค่ไหนแล้วนะ ผมนับดูไม่ถึงปีหรอกครับแต่ทำไมรู้สึกเหมือนนานแสนนาน ผมคิดวนเวียนไปมา
ไอ้ใหญ่มันจะดีใจรึเปล่าที่ผมไปหามัน
ผมจะทักมันว่าอะไรดี
ผมจะปลอบใจยังไงไม่ให้มันร้องไห้
ผมจะพูดจะคุย จะเล่าเรื่องอะไรดีให้มันฟัง
แล้ว.....มันจะดีใจเหมือนที่ผมดีใจหรือเปล่าที่ได้เจอกัน
มันจะ..คิดถึงผมมั้ย  
ผมคิดจนเผลอหลับไปโดยสิ่งที่ติดอยู่ในความจำของผมคือหน้าเปื้อนรอยยิ้มของมันที่ส่งมาให้ผมในรูปที่มันส่งมาคราวก่อน

อากาศยามเช้าของเชียงใหม่ปลุกให้ผมตื่นก่อนที่จะถึงสถานี อากาศตอนตี5 ยังคงหนาวไปสำหรับคนกรุงอย่างผมอยู่ดี   ท้องผมเริ่มร้องอุทธรณ์ด้วยความหิว เมื่อวานเย็นอาหารกล่องที่แจกบนรถทัวร์คงย่อยไปหมดแล้ว  หรือว่าผมเครียดเกินไปจนน้ำย่อยมันหลั่งออกมามากไปก็ไม่รู้  

ผมยื่นที่อยู่ของไอ้ใหญ่ให้รถรับจ้างแถวท่ารถทัวร์ดู คนขับดูเข้าใจเป็นอย่างดี
 “แต่ไกลหน่อยนะพี่  ไปกันเลยหรือว่าพี่จะไปไหนก่อนมั้ยครับ” ผมยกข้อมือดูเวลาเพิ่งจะตี5กว่าๆยังไม่ถึง6โมงดี ออกจะลังเลว่าเช้าไปหรือเปล่า แต่ใจก็อยากเจอมันให้เร็วที่สุด ผมส่ายหน้ากับคนขับรถ
 “ไม่ไปไหนหรอก ไปตามที่อยู่เลยน้อง”
   
ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงรถก็มาจอดหน้าร้านของไอ้ใหญ่   เป็นตึกแถวร้านขายของขนาด2คูหา อยู่ไม่ไกลจากชุมชนมากนัก เวลาเพิ่งจะหกโมง ร้านจึงยังไม่เปิดผมเลยตัดสินใจเดินไปตลาดที่อยู่ใกล้ๆหาอะไรกินรองท้องก่อน  แล้วกลับมาใหม่ตอนหกโมงครึ่ง ผมนั่งรออยู่หน้าร้านไม่อยากจะไปกดกริ่งรบกวนคนที่ยังไม่ตื่นนอน

 เมื่อก่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยไอ้ใหญ่เป็นคนตื่นสาย ถ้าไม่9โมงมันเป็นไม่ยอมตื่น ถ้ามีชั่วโมงเรียนเช้าวันไหนผมต้องมามหาวิทยาลัยเช้ากว่าเดิมเพื่อขึ้นไปปลุกมันที่หอทุกครั้ง นึกแล้วก็ยังแปลกใจตัวเองไม่หายว่าช่างมีความอดทนกับมันจริงๆ เพื่อนคนอื่นปลุกมันก็ไม่ยอมลุกด้วยต้องเป็นผมเท่านั้น จนเพื่อนๆยังล้อกันว่าไอ้ใหญ่ต้องจ้างผมไปเป็นนาฬิกาปลุกให้มันตลอดชีวิต

ผมคิดนู่นนี่จนเพลินไม่รู้ตัวว่ามีคนลงมาเปิดร้านแล้วและคงสงสัยว่าไอ้คนนี้มันเป็นใครมานั่งอยู่หน้าร้าน
ผมรีบลุกขึ้นแล้วบอกกับเด็กหนุ่มที่มาเปิดร้านที่กำลังทำหน้างงๆอยู่
 “ผมมาหาอะไอ้..เอ๊ยย..คุณใหญ่ครับ ผมเป็นเพื่อนมาจากกรุงเทพ”
 เด็กหนุ่มเปิดรอยยิ้มกว้างให้ทันที “อ้อพี่ฝันนี่เอง มิน่าหน้าคุ้นๆผมจำได้...เสี่ยยังไม่ตื่นเลยครับ จะฮื้อผมขึ้นไปตามหรือว่าปี้จะขึ้นไปหาเสี่ยเอง”
ผมถึงกับงงเด็กคนนี้มารู้จักชื่อผมได้จะได เอ๊ยยได้ยังไง แต่เรื่องนี้ช่างมันไว้ก่อนอยากเจอหน้าเพื่อนมากกว่า แสดงว่ามันยังคงไม่ทิ้งนิสัยเดิมๆคือเป็นคุณชายตื่นสาย

“ไปหาเองเลยดีกว่า พาผมไปทีน้อง”ไอ้หนุ่มนี่ก็ดีครับเรียกคนอื่นมาเปิดประตูร้านต่อแล้วพาผมขึ้นบ้านทันที  ผมอดขำว่ามันช่างไว้ใจคนง่ายจริงๆถ้าผมเป็นโจรมิตีหัวมันแล้วขโมยของไปหมดบ้านแล้วเหรอเนี่ย
“แล้วพ่อแม่ของใหญ่ ยังไม่ตื่นเหรอ พี่จะได้ไปไหว้ก่อน”ผมถามไอ้หนุ่มน้อยเบาๆ คิดว่ายังไงถ้าไปไหว้ผู้ใหญ่ก่อนท่าจะดีมีมารยาท
“ตื่นแล้วมั๊งครับ แต่ยังไม่ออกมาจากห้อง”
“อืม..เหรองั้นไปหาใหญ่เลยก็ได้”ผมเลยเปลี่ยนใจตรงไปที่ห้องไอ้ใหญ่เลย เด็กหนุ่มชี้ห้องให้ผมแล้วก็ขอตัวลงไปเปิดร้านก่อน
“ตามสบายนะพี่ฝัน” ผมหัวเราะกับตัวเอง ไอ้นี่มันมาสนิทสนมเรียกผมเป็นพี่  มาเป็นน้องเป็นนุ่งกับผมตั้งแต่เมื่อไหร่นี่

ผมค่อยๆบิดลูกบิดประตูกลัวจะส่งเสียงดังทำให้เพื่อนตื่น แล้วค่อยๆเดินย่องเข้าไปในห้อง  แสงสว่างจากภายนอกลอดผ้าม่านเข้ามาในห้องทำให้พอมองเห็นสภาพภายในห้องชัดเจน ด้านหนึ่งเป็นชั้นวางหนังสือมีหนังสืออยู่เต็มไปหมด แต่หนังสือคงเยอะมากจนไม่มีที่จะวาง เลยมีหนังสืออีกหลายกองที่ยังวางอยู่ที่พื้น ข้างชั้นหนังสือมีโต๊ะทำงานอยู่มีสมุดกระดาษวางระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ  ก้อนกระดาษขยำทิ้งอยู่บนพื้นหลายก้อน  ผมเลยเดินไปหยิบทิ้งลงถังขยะ ด้วยความรำคาญ  ได้แต่ส่ายหัวแล้วบ่น“รกจริงๆเลย”

ผมไล่สายตามองสำรวจต่อ เตียงนอนอยู่ชิดริมหน้าต่าง แสงสว่างส่องเป็นลำมาที่หน้าไอ้ใหญ่แต่มันก็ยังคงไม่ยอมตื่นอยู่ดี   ท่านอนขดคุดคู้อยู่บนเตียงเป็นท่านอนของมันที่ผมเห็นจนเจนตา ผมเข้าไปยืนมองมันใกล้ๆ ไอ้ใหญ่ผมยาวขึ้นอีกนิดหน่อย ผมว่ามันผอมลงไปเยอะแก้มมันดูซูบไป  เห็นปากมันขยับบ่นอะไรเบาๆแต่ก็ยังไม่ตื่น ดูแล้วก็ขำ ชายผ้าห่มเปิดให้เห็นขาของมันที่โผล่พ้นออกมา มันก็ยังคงใส่บ๊อกเซอร์นอนเหมือนเดิม ขาขาวๆของมันดูจะซีดไปกว่าเดิมด้วยซ้ำไป เสียงลมหายใจของมันยังคงสม่ำเสมอ ผมกำลังจะเอื้อมมือไปปลุกมันเหมือนเคยๆแต่ก็คงค้างมือไว้อย่างนั้น   ก็ผมไม่อยากขัดความสุขจากการนอนของมัน

ผมเปลี่ยนใจเป็นเดินดูรอบๆห้องมันอีกครั้ง แล้วมาหยุดนั่งที่โต๊ะทำงาน แล้วก็หายสงสัยว่าทำไมไอ้หนุ่มคนที่เปิดประตูมันถึงจำผมได้  
รูปของผมกับไอ้ใหญ่ที่ถ่ายที่มหาวิทยาลัยวันรับน้องตอนปี3 ผมเอาแขนเกี่ยวล็อคคอมันไว้แล้วโน้มตัวมันลงมาเพื่อทำท่าจะหอมแก้ม  ไอ้ใหญ่เปิดรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันหมดปาก  ดูทีไรก็อดยิ้มไม่ได้ เหมือนยังได้ยินเสียงหัวเราะของเพื่อนๆที่ส่งเสียงเชียร์ในวันนั้นแว่วเข้าหูมา

บนโต๊ะมีกระดาษเขียนจดหมายวางอยู่ แต่เหมือนเขียนไม่จบค้างอยู่แค่ครึ่งๆ  ผมเกือบจะละความสนใจในข้อความตรงหน้า ถ้าไม่บังเอิญเหลือบไปเห็นว่ามีชื่อของผมอยู่ในนั้น  มันเป็นจดหมายที่ไอ้ใหญ่เขียนถึงผมนี่นา ผมยอมเสียมารยาทอ่านจดหมายของคนอื่น ไม่ใช่ซิมันเป็นจดหมายของผมอย่างแน่นอนที่สุด ผมก็ต้องมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะอ่าน....มั๊ง

ฝัน....
   กูต้องพยายามอย่างมากที่จะผ่านวันคืนที่เหงาไปให้ได้โดยไม่มีมึง  กูยังต้องหักห้ามใจไม่ให้เขียนจดหมายไปหามึง ทั้งที่ปากกูก็บอกว่ามึงอย่าเขียนมาหากู แต่กูก็อยากอ่านข้อความปลอบใจจากมึง  มึงว่ากูเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจอยู่บ่อยๆ กูชักเริ่มรู้แล้วว่าที่มึงพูดมันคงจะจริง  
   
บางทีกูก็รู้สึกว่าทำไมเรื่องร้ายๆปัญหาซ้ำๆซากๆมันต้องมาเกิดขึ้นกับกูคนเดียว  แล้วที่แย่ก็คือกูต้องเป็นคนตัดสินใจเสียทุกเรื่อง มึงรู้มั้ยว่ากูต้องพยายามทำตัวเข้มแข็งแค่ไหน ทั้งที่ในใจกูกลัวตลอดเวลา  กูไม่มั่นใจแต่ก็ต้องพยายามทำเป็นมั่นใจ กูไม่แน่ใจแต่ก็ต้องทำเป็นแน่ใจ  กูอยากร้องไห้แต่ก็ต้องกลั้นน้ำตาไว้ กูไม่อยากยิ้มแต่กูก็ต้องพยายามยิ้ม แต่กูบอกกับใครไม่ได้  

กูดีใจที่มีสิ่งหนึ่งที่กูทำได้  ก็คือการเขียนจดหมาย  กูเขียนจดหมายระบายได้เต็มที่เพราะกูรู้ว่ายังไงกูก็ไม่ส่งถึงมึงแน่ๆ  กูคงไม่เอาความอ่อนแอของกูไปตีแผ่ให้ใครๆฟังแน่ๆ มันคงจะอยู่ในใจของกูคนเดียว   กูอายว่ะฝัน แล้วกูก็ไม่อยากเอาความทุกข์ในใจของกูไปให้มึงต้องมาเครียดไปอีกคน

 มึงอย่าบอกนะว่ามึงไม่เครียด กูไม่เชื่อ มึงมันใจดีเกินไป ใจอ่อนเกินไป เห็นใจคนเค้าไปหมดทุกเรื่อง กูรู้ขนาดนี้แล้วยังจะเอาความทุกข์ของตัวเองไปใส่ให้มึงอีก กูก็คงไม่มีสิทธิพอที่จะเป็นเพื่อนรักของมึงแล้ว

กูอยากเจอมึงว่ะ...ฝัน กู..คิดถึงมึง...

ผมอ่านข้อความของมันแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ละสายตาจากจดหมายแล้วเหลือบมองไปที่ไอ้ใหญ่    มันคงอยู่ในช่วงที่กดดันและอ่อนแอช่วงหนึ่งในชีวิต  คนอายุ20ต้นๆยังเด็กเกินไปที่ต้องมารับผิดชอบชีวิตคนป่วยสองคน และรับกิจการโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเตรียมใจมาก่อน หรืออาจจะมีเรื่องอื่นที่ทำให้มันกลุ้มใจแต่ผมไม่รู้อีกก็ได้

ผมเดินไปหาไอ้ใหญ่ที่นอนอยู่  ผมค่อยๆนั่งลงไปบนเตียง...ลูบหัวมันเบาๆ  เส้นผมของมันยังคงนุ่มมืออยู่เสมอ ไอ้ใหญ่คงจะชอบให้ผมลูบหัว  มันเลยเอาหัวขยับไปมาในมือผมเหมือนลูกแมวกำลังอ้อนอย่างไรอย่างนั้น  หน้าไอ้ใหญ่เหมือนเด็กผู้ชายตัวโตๆวัยซนมากกว่าที่จะมาเป็นเสี่ยเจ้าของร้าน

 ผมแกล้งเอามือบีบจมูกปลุกมันเหมือนเมื่อก่อน  ไอ้ใหญ่เอามือปัดมือผมออกบ่นงึมงำๆ“ไอ้ฝัน เอาอีกแล้วแกล้งกู...”
 แต่ตายังไม่ยอมลืมครับ มันคงเผลอปากไป ผมแกล้งปล่อยแล้วบีบอีกที มันทำตายุกยิกเหมือนจะตื่นแต่ก็ยังไม่อยากตื่น ปากบ่นพึมพำๆ พอผมปล่อยมือเลิกแกล้งมันก็หลับต่อ

ผมตัดสินใจปล่อยให้มันนอนต่อไป แล้วมานั่งที่โต๊ะมันใหม่อีกครั้ง แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ผมหยิบก้อนกระดาษที่ผมทิ้งลงถังขยะมาคลี่ดูอีกครั้ง   แล้วก็เห็นว่ามันเป็นจดหมายที่ไอ้ใหญ่เขียนหาผมแต่เขียนไม่จบ หลายฉบับ บางฉบับก็มีแต่คำขึ้นต้นแล้วก็รอยกาแฟหกใส่ บางฉบับเขียนไปครึ่งหนึ่งก็มีแต่รอยน้ำตาเป็นหยดๆ  แต่รวมๆแล้วก็เป็นถ้อยความคล้ายๆกับจดหมายฉบับที่ยังวางอยู่บนโต๊ะ

ผมนั่งคิดอะไรเงียบๆเกี่ยวกับจดหมายพวกนี้ ถ้าเราเขียนอีเมลล์คุยกัน แล้วเขียนผิดเราก็คงลบมันไปหมดแล้ว ถ้าผมมาที่นี่ผมก็คงไม่เห็นสิ่งที่ไอ้ใหญ่มันเขียน คงไม่รู้ว่าใจของมันตอนนี้คิดอะไรขนาดไหนกัน  หรือนี่มันคือเสน่ห์ของการเขียนจดหมายกันแน่  ไม่ว่านานแค่ไหนเนื้อความในจดหมายก็ยังคงอยู่  เหมือนความจริงที่มันอยู่เสมอไม่เคยถูกลบเลือนไปหรือไม่สามารถซ่อนจากใจของเพื่อนผมไปได้

 ผมถือวิสาสะเปิดลิ้นชักของไอ้ใหญ่ดู  ออกจะเสียมารยาทอยู่สักหน่อย แต่ผมก็บอกตัวเองว่ามันจะมีความลับอะไรนักหนากัน อีกอย่างผมกับมันก็เพื่อนสนิทกัน  ถ้ามันจะโกรธอย่างมากมันก็คงด่าผมแค่นั้นเอง คงไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น แล้วแค่เรื่องด่าหรือจะมาปิดกั้นความอยากรู้อยากเห็นของผมไปได้

ใหญ่เก็บจดหมายของผมอย่างดีในลิ้นชักกลาง  กระดาษยับย่นไปหมดเหมือนถูกเปิดอ่านหลายครั้ง ผมอ่านจดหมายตัวเองอีกรอบแล้วก็ขำสิ่งที่ตัวเองเขียนมา  เวลาของผมผ่านไปอย่างช้าๆกับจดหมายฉบับแล้วฉบับเล่า  ไม่น่าเชื่อว่าเราเขียนคุยกันมากมายขนาดนี้  กว่าผมจะรู้ตัวว่า 7โมงกว่าแล้วก็ตอนที่ผมพักสายตาบิดตัวเพื่อคลายเมื่อย  แล้วเหลือบมาเห็นสายตาของไอ้ใหญ่ที่มองผมอยู่อย่างเงียบๆ  ผมไม่รู้ว่าไอ้ใหญ่มองผมนานแค่ไหนแล้ว แต่แววตาของมันยังคงเหมือนเดิม
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ได้เจอกันแล้วนะ :really2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2009 17:57:39 โดย คิคิคุคุ »

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
อะลัลลาาา เจอกันแล้ว  :z2:

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: (นิยาย)๖.๒๖.๒ จดหม
«ตอบ #44 เมื่อ27-08-2009 18:22:07 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดีใจจังที่ฝันกลับมาอ่านซากอารยธรรมของจดหมายที่
ใหญ่เขียนไว้เพื่อระบายแต่ไม่ได้ส่ง นี่แหละเสน่ห์ของจดหมายคือ หลักฐานมัดตัวคนก่อ เอิ๊ก
ส่วนนุ้งใหญ่ เซอร์ไพรส์มั๊ย อิอิ มอนิ่งคิสหน่อยเป็นไง :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: เอาให้เหม็นน้ำลายบูด
ตายไปเลย เนอะๆๆๆ :m3:
ส่วนนุ้งฝัน โดนเจ้าของเค้าจับได้แล้นว่าแอบดู แต่ว่าก้อนะ
ความเป็นเพื่อน และความรู้สึกที่ท่วมท้นของนุ้งใหญ่ มันแสดง
ออกผ่านสายตาคู่นั้นนี่เอง ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยจริงๆชิมิ แววตาของความรักเืพ่อน :กอด1:

+1 จัดให้คะ  o13 เลิศ!!~ ได้เจอกันแล้วสินะ ดีใจจัง
ปล. เจ้านายฝันนี่ สุดๆจริงๆจะไร้น้ำใจไปไหนเนี่ย เหอะ

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :z3: :z3: :z3:
ค้างได้ใจมากครับคุณคนเขียน
ไม่รู้ว่าใหญ่จะรู้สึกอย่างไรบ้าง
เมื่อเห็นเพื่อนมาหา แต่เค้ากลับถือวิสาสะเปิดดูของตามใจชอบ
แล้วเรื่องจะเป็นเช่นไรจะรออ่านต่อ
นิว

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
ได้พบเจอกันเสียที
และฝันยังได้รับรู้ความรู้สึก และความทุกข์ของใหญ่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ตอนต่อไปจะเป็นยังไงหนอ
เมื่อเพื่อนรักสองคนที่จากกันไปเกือบปีได้มาพบกันอีกครั้ง
บวก 1 แต้ม ขอบคุณนะคะ รออ่านต่อค่ะ

ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
ได้พบกันสักที พอได้อ่านจดหมายฉบับนี้ของใหญ่ ฝันต้องเสียใจแน่ถ้าไม่ได้จับรถมาหาถึงเชียงใหม่ คิดอะไรต้องลงมือทำเลยเนอะ ปล่อยเวลาผ่านไปโดยไม่ทำอะไรมีแต่จะทำให้เราเสียดายและเสียใจ

เพื่อนใหญ่ลัลล้าแน่เลยงานนี้

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
เย้ๆๆๆ เจอกันแล้ว :mc4:

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
พอดีจะไม่อยู่หลายวันเลยมาลงก่อนค่ะ กลัวคนอ่านลืม  :3123:
************************************
(ตอนที่ ๗)

แล้วไอ้ใหญ่ที่ผมเห็นก็กำลังร้องไห้ น้ำตาของมันไหลรินลงเปียกหมอน มันกระพริบตาถี่ๆไล่น้ำตาออกไป   
ผมเดินไปหามันอย่างช้าๆนั่งลงที่เตียงแล้วเอามือเช็ดน้ำตาที่แก้มให้มัน ไอ้ใหญ่ขยับหัวจากหมอนมาวางบนตักผมแล้วเริ่มต้นร้องไห้เงียบๆใหม่อีกรอบ
 “ใหญ่ร้องไห้ทำไม....หรือเสียใจที่เห็นกูมา”
ผมถามมันอย่างที่ตัวผมเองยังรู้สึกแปลกใจว่าทำไมเสียงของผมช่างอ่อนโยนกับเพื่อนได้ขนาดนี้ แล้วผมก็เอามือลูบหัวปลอบมัน

 “กูดีใจต่างหากล่ะ..ตอนที่มึงนั่งเฉยๆกูยังนึกว่ากูฝันไป  แต่พอมึงหันหน้ามามองกู กูรู้ทันทีว่ากูไม่ได้ฝัน...มึงเป็นตัวจริง”
มันพูดไปสะอื้นไป  เสียงอู้อี้ ทำอย่างกับเห็นผมเป็นวิญญาณที่ตายแล้วครบ7วันกลับมาเยี่ยมญาติ

 ผมพูดอะไรไม่ออกแต่ปฏิกิริยาของมันที่มีต่อการมาของผมก็คงบอกได้แล้วว่า  มันรู้สึกอย่างไรกับผม ความผูกพันของเรามันมีมากมายเกินกว่าที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดใดๆได้ มือของผมยังคงลูบหัวมันต่อไป ผมให้ไอ้ใหญ่มันปลดปล่อยน้ำตาออกมาเต็มที่ 

ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเศร้าขนาดนี้  แต่แค่ผมมาอยู่ข้างๆมัน ให้มันได้ร้องไห้  ไม่ต้องเก็บทุกสิ่งอย่างไว้กับตัวเองตามลำพัง ผมก็พอใจแล้ว ไม่มีคำพูดปลอบประโลมใจใดๆระหว่างผมกับมัน  ผมรับรู้ด้วยหัวใจถึงความเศร้าที่ฝังลึกอยู่ในใจมัน ขณะที่ไอ้ใหญ่เองก็คงสัมผัสความหวังดีและเป็นห่วงของผมผ่านทางมือที่ลูบหัวมันอยู่

พอมันร้องไห้จนพอใจแล้วมันก็เอามือปัดมือผมออกจากหัวมัน แล้วลุกขึ้นนั่งมองหน้าผมถามเสียงสั่นๆทันที
“มึงมาทำไม มาได้ไง ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมา”
ผมขำกับอาการเขินของมัน เมื่อสักครู่ยังร้องไห้กับตักผมสะอึกสะอื้น แต่พอตั้งตัวได้ก็กลับมากวนเหมือนเดิม ทำหน้าตาแปลกๆจะยิ้มก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง ทั้งที่คราบน้ำตายังเปรอะแก้ม พอผมไม่ตอบเอาแต่อมยิ้ม ไอ้ใหญ่คงทนไม่ไหวมันมาเขย่าไหล่ผมแรงๆ  ท่าทางโมโหผม
“ทำไมไม่พูดยิ้มอยู่ได้  ขำบ้าอะไรนักหนาว่ะ”

ผมขำกับท่าทางมันจนในที่สุดก็ต้องตอบมันไป “ก็ขำมึงไง ท่าจะเพี้ยนไปแล้ว ไม่เจอกันไม่นาน ประสาทกลับไปแล้วมั๊ง”
 ผมเอามือเขกหัวมันให้หายบ้า มันร้อง “โอ๊ย..”แต่หัวเราะ ผมถึงว่ามันประหลาดขึ้นจริงๆ อารมณ์เปลี่ยนได้ตลอด

“มึงรอกูแป๊ปนึงนะ กูไปอาบน้ำ ล้างหน้าเดี๋ยวมา”มันไม่รอคำตอบจากผม วิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่วายชะโงกหน้ามาอีกที สั่งผมว่า
 “มึงอย่าหายไปไหนนะ รอกูด้วย” ผมได้แต่ส่ายหัวขำกับมัน มันก็ยังคงเป็นเด็กซนๆคนเดิมเพื่อนของผม

ใช้เวลาไม่นานไอ้ใหญ่ก็ออกมาพร้อมกับหยดน้ำพราวเต็มตัว มันนุ่งผ้าขนหนูเปลี่ยนเสื้อผ้าไป พูดกับผมไปด้วยไม่หยุดปาก
“มึงมาแต่เช้า คงยังไม่ได้กินอะไรเดี๋ยวกูจะพามึงไปตลาดไปกินข้าว หรือจะกินข้าวอร่อยๆของบ้านกู”
“แล้วนี่มึงคิดไว้รึยังว่าจะไปเที่ยวไหนเดี๋ยวกูจะได้ไปสั่งงานลูกน้องไว้แล้วพามึงเที่ยวเต็มที่”
“มึงไม่ได้เอารถมาล่ะซิ งั้นเดี๋ยวกูไปสั่งให้ลูกน้องเตรียมรถไว้”
“แล้วไหนว่างานยุ่ง โดดงานมาล่ะซิมึง”
“มาทำไมไม่บอกกูก่อน กุได้ไปรับที่สถานี”
“มึงเจอพ่อแม่กูรึยังน่าจะตื่นแล้วนะ”

มันคงจะพูดต่อไม่หยุดถ้าผมไม่เบรกมันไว้ก่อนที่มันจะขาดใจตายไปก่อน
“พอๆๆๆ มึงหยุดพูดบ้างก็ได้ หยุดถามด้วยกูตอบไม่ทัน พูดอย่างกับคนเพิ่งพูดได้หลังจากเป็นใบ้ไปหลายวัน”
ผมสาวเท้าเดินไปหามันก็พอดีกับที่เห็นว่ามันติดกระดุมผิดแถวทำให้เสื้อเบี้ยวไปเป็นแถบ
  “ไหนๆๆ หนูใหญ่ มาๆๆป๋าจะติดกระดุมให้ แค่นี้ก็ติดผิด เด็กหนอเด็ก หึหึ”
ไอ้ใหญ่ไม่ยักกะเถียงกลับครับ แต่มันทำหน้าแดงๆ คงจะอายเสแกล้งทำเป็นเอามือเกาหัวแก้เขิน
พูดเก้อๆว่า “กูก็มัวแต่มองหน้ามึงเลยไม่ได้ดูน่ะซิ นิดเดียวเอง กูทำเองด้ายยย” แต่ผมก็ดึงเสื้อมาหาตัวจนตัวมันชิดกับตัวผมจนได้กลิ่นสบู่อ่อนๆรวยรินเข้าจมูก
 “ไม่ต้องเลย อยู่เฉยๆ ไม่ต้องพูดแล้ว พูดพอแล้ว”

ผมค่อยๆแกะกระดุมทีละเม็ดๆจนออกมาหมด เห็นหยดน้ำยังเกาะอยู่ที่หน้าอกมัน แล้วก็บ่นออกมา
“เช็ดตัวก็ไม่แห้งแล้วใส่เสื้อเดี๋ยวก็เหม็นอับ เอาผ้ามาเช็ดก่อนซิ”
โดยที่มันไม่ทันตอบ และโดยที่ผมไม่ทันคิด ผมแหวกเสื้อมันออกแล้วดึงผ้าที่มันนุ่งอยู่ออกทันที   ชะรอยมันคงเป็นบุญของผมที่ไอ้ใหญ่มันไม่ลืมยังนุ่งบ๊อกเซอร์ลายโดเรมอนอยู่ครับ  ผมดึงผ้าหลุดติดมือมาแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้  มันก็คงตกใจรีบเอามือปิดของสงวนข้างล่าง
“ไอ้เชี่ยยยย....เล่นอะไรเสียวๆๆ”

แต่ผมก็ไม่สนใจครับเอาเช็ดตัวเช็ดหน้าอกให้มัน เช็ดซอกแขน “บอกว่าไม่ต้องพูด ยกมือขึ้นซิเช็ดไม่ถนัด”
 มันก็ว่าง่ายครับยกมือขึ้นข้างนึง แต่อีกข้างยังปิดส่วนล่างไว้อยู่ ผมได้แต่ขำแต่ต้องทำหน้าเก็กไว้ เดี๋ยวงานไม่เสร็จครับ
“อีกข้างล่ะ จะปิดไปทำไม กูไม่สนหรอกน่า”
ไอ้ใหญ่มันเลยกระมิดกระเมี้ยน ค่อยๆยกมือขึ้นสองข้าง ผมเช็ดเสร็จหันซ้ายหันขวาเห็นกระป๋องแป้งวางอยู่เลยเอาแป้งเด็กโปะจักกะแร้มันให้หอมๆ  แล้วก็บอกให้มันเอามือลงมันก็ทำตามครับ
“คราวนี้ยืนถ่างขากว้างๆหน่อยมึงจะหนีบไว้ทำไมว่ะ...”มันอ้าปากจะเถียง “ก็..กะ..กู”

ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตามัน “มึงไม่เชื่อกูเหรอ..”
ผมเห็นมันหลบตาผมอ้อมๆแอ้มๆบ่น “ทำไมมันดุจังว่ะ..กูก็เชื่ออยู่นี่ไง”
ผมเอาผ้าเช็ดไปตามหน้าขามัน เช็ดอ้อมหน้าอ้อมหลังจนแห้ง แล้วหยิบกระป๋องแป้งเอามือจับขอบบ๊อกเซอร์เตรียมจะดึงยางยืดออกแล้วโปะแป้งเข้าไปที่ส่วนสำคัญเบื้องล่าง แต่ไอ้ใหญ่รีบคว้าจับมือผมไว้แล้วทำหน้าแดง
 “ไม่ต้องๆ..กูทำเอง”ผมขำแต่ก็ปล่อยมันไป ยังไม่อยากทำไข่ชุบแป้งแต่เช้าเหมือนกัน

“โอเค..งั้นกูติดกระดุมให้มึงทาแป้งไป”
ผมดึงตัวมันมาใกล้ๆ กลิ่นสบู่ กลิ่นแป้ง กลิ่นกายมันเข้าสู่จมูกผมเต็มๆ ผมรู้สึกหวิวๆปั่นป่วนใจอย่างบอกไม่ถูก  ผมค่อยๆติดกระดุมให้มันอย่างช้าๆ ไอ้ใหญ่เองก็ยังคงถือกระป๋องแป้งในมือไม่ทำอะไรต่อ จนผมติดกระดุมเสร็จ
“อ้าว..ไม่ทาแป้งล่ะถือไว้ทำไม” ผมมองหน้ามันที่ยังคงแดงอยู่

“กะ...ก็มึงอยู่ตรงนี้กูจะทาก็ไม่สะดวกนะซิ..ไอ้บ้า...กูก็อายเป็นนะเว้ย” ในที่สุดผมก็หัวเราะออกมาจนได้ ไอ้ใหญ่มันเขินจนน่ารักจริงๆครับ
เหมือนเด็กนักเรียนยืนอยู่ตรงหน้าผม “กูไม่ดูก็ได้แล้วมึงก็ทาซะจะได้ใส่กางเกงให้เรียบร้อย"
  “เออ..มึงห้ามดูนะ”
“อืมมม..ไม่ดูก็ไม่ดูซิ”
“มึงก็หันไปดิ ยืนจ้องหน้ากูอยู่อย่างงี้ ใครจะไปทาได้เล่า..เง้อ” ผมหัวเราะเบาๆอีกครั้ง

 “งั้นกูทำแบบนี้ได้มั้ย” โดยไม่รอคำตอบรับจากมัน  ผมรั้งตัวมันให้เข้ามาหาตัวผมแล้วเอามือคล้องคอมันไว้หลวมๆ  ตอนนี้คางมันเลยพาดอยู่ที่ไหล่ผมจนรู้สึกถึงลมหายใจของไอ้ใหญ่ที่แผ่วๆอยู่ที่ลำคอผม        ไอ้ใหญ่ดิ้นขยับตัวไปมาในอ้อมแขนผมอยู่พักหนึ่ง  จนผมต้องกดบ่ามันเอาไว้
“ขอกูกอดมึงให้หายคิดถึงหน่อยไม่ได้เหรอ” 

ไอ้ใหญ่หยุดขยับตัวแล้วนิ่ง ก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงสัมผัสจากอ้อมแขนของมันที่ค่อยๆกอดตอบอย่างลังเล  ผมได้ยินเสียงกระป๋องแป้งหล่นลงพื้น ความเงียบกลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่งไม่มีคำพูดใดๆผมลูบหัวมันอีกครั้ง  อ้อมกอดของมันรัดลำตัวผมแน่นขึ้น ก่อนที่ใหญ่จะพูดเสียงสั่นๆว่า “ขอบใจนะฝัน....ที่มาหากู”

ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกที่หลั่งไหลมาในใจผมตอนนี้คือความรู้สึกอะไร รู้แต่ว่ามันเต็มตื้นในใจ  มันไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้  เหมือนได้กลับมาบ้านเก่า ความรู้สึกเดิมๆที่อบอุ่นใจ อิ่มใจ กลับเข้ามาอีกครั้ง

“มึงไม่น่าต้องเสียเวลามาเลย ก็กูบอกแล้วว่าไม่เป็นไร กูยังไหว”
ผมถึงกับถอนหายใจ ทั้งที่แย่ขนาดนี้ยังทำปากดีอีก“แล้วมึงไม่ดีใจเหรอ ที่เห็นกู”ผมแกล้งทำเสียงตัดพ้อ ปนน้อยใจ
“กะ...กู..ดีใจซิ..แต่เกรงใจมึงต้องลางานมา”คราวนี้ผมดันตัวมันออกมาอยากมองหน้ามันเต็มๆชัดๆเสียที  เราสบตากันตรงๆ ผมพูดช้าๆชัดๆ

“คำว่าเกรงใจ..มึงไม่ควรนำมาใช้กับกู  คำนั้นมันไม่ใช้หรอกสำหรับ.....เพื่อน”
 มีแววตาวูบหนึ่งของไอ้ใหญ่คล้ายๆจะตัดพ้อ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า  เสียงของมันยังคงแผ่วเบาจนผมไม่รู้ว่าตกลงมันป่วยหรือเปล่าเสียงพูดถึงดูเหมือนคนไม่มีแรงเอาเสียเลย
“เพื่อน..”เสียงของไอ้ใหญ่แหบพร่า มือที่กอดผมอยู่ตกลงทันที ใหญ่ยิ้มให้ผมแต่ทำไมมันช่างดูเศร้าเหลือเกิน
“ใช่ซินะ..ก็เราเป็น..เพื่อน..กันนี่นา” แค่คำพูดนี้ก็ทำเอาผมใจหายๆ ทำไมฟังแล้วมันหวิวๆบอกไม่ถูก

เสียงของผมที่พูดตอบไปเลยเหมือนคนเหม่อลอยไม่เหมือนตัวผมเอง“ใช่เพื่อนกัน..มึงมีอะไรอยากพูดอยากระบายก็บอกมาให้หมดนะ กูอยู่นี่แล้ว” ใหญ่ส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรหรอก กูรู้ว่ามึงรับรู้ทุกอย่างที่กูคิด แค่เห็นมึง... ไม่ต้องพูดอะไร แค่นั้น...พอ”
รอยยิ้มของไอ้ใหญ่ที่ส่งให้ผม  ทำให้ผมรู้ว่าผมคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจมา เรายืนส่งความรู้สึกอยู่นิ่งๆแบบนั้นและคงอยู่อีกนานถ้าไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูเรียก

 “เสี่ยครับ..เถ้าแก่ให้มาเชิญเสี่ยกับเพื่อนทานข้าวเช้าครับ” ไอ้ใหญ่เปลี่ยนสีหน้าเป็นกระปรี้กระเปร่าทันที   มันคงดีใจที่จะได้กินข้าว คว้ามือผมแล้วดึงผมให้ตามไปทันที

“ไปทานข้าวกัน กูหิวแล้ว แล้วเดี๋ยวกูจะได้พามึงไปเที่ยวกัน” ผมยิ้มรับคำชวนของมันไม่อยากจะบอกให้มันเสียน้ำใจว่าผมไปทานที่ตลาดมาแล้ว ผมเลยไม่ทักท้วงอะไรเดินตามแล้วแต่มันจะพาไป ก็วันนี้ผมตั้งใจแล้วนี่ว่าจะให้เวลากับเพื่อนเต็มที่
*************************
ขอบคุณทุกๆคำติชมค่ะ :pig4:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






mecon

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
สุดยอดดดดดดน่ารักกกกกกกกทั้งหวานทั้งซึ้งทั้งอิ่มใจ
ใหญ่คงดีใจมากๆที่ฝันมาตัวเป็นๆแล้วก้อไม่ใช่แค่ฝันไป
นอนซบตักร้องไห้ด้วยอ่ะ แล้วไอ้เรื่องเช็ดตัวให้แห้ง
ทาแป้งให้นวลทุกจุดแม้กระทั้งใหญ่น้อยก้อคิดจะโรยให้
กรี๊ดดดดดดดดน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เพื่อนรักกับรักเพื่อน เส้นกั้นมาบางมากจริงๆ
ใหญ่รู้ตัวแล้วล่ะแ่ต่ฝันเนี่ยสิ เมือ่ไหร่กันนะถึงจะรู้ตัวสักที
ว่าความรู้สึกห่วงใย ผูกพัน อยากดูให้เห็นกับตานั่นอ่ะ
มันคือความรู้สึกที่มีมากกว่าคำว่ามิตรภาพ  :sad4:

“ขอกูกอดมึงให้หายคิดถึงหน่อยไม่ได้เหรอ” 
>> กรี๊ดดดดดดดดดดอุตส่าห์มาขอกอดให้ชื่นหัวจิตหัวใจหน่อยนะเพื่อนร้ากกกกกกกกกก :กอด1:

เลิศมากๆคะ อ่านแล้วน้ำตาซึมๆเลยอ่ะสงสารใหญ่
แบบไม่มีคำบรรยาย ถึงไม่รู้ว่าใหญ่เจออะไร
แต่เชือว่ามันต้องหนักแน่ๆและต้องการคนปลอบโยนหรือไม่ก้อ
ให้กำลังใจ ซึ่งก้อคือ เพื่อนใหญ่ นั่นเอง   :o8:

+1 จัดให้คะ ความเลิศ 10 แต้มชนะเลิศ

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
เพื่อนรักกับรักเพื่อน กับคำที่สลับกันแต่ความหมายมันต่างกันราวฟ้ากะดิน

เมื่อไหร่ฝันจะรู้ใจตัวเองเหมือนกับที่ใหญ่รู้ใจตัวเองแล้ว

มารอลุ้นและเป็นกำลังใจให้ทั้งสอง รู้ใจกันและกัน

+1 ให้เป็นกำลังใจนะครับ รอตอนต่อไปอยู่ ฉบับที่ 8

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
^
^
จิ้มพี่ชายสุดที่เลิฟ

เจอกัน ร้องไห้ ตื้นตันใจ
แล้วฝันก็ยังไม่เข้าใจอะไรเหมือนเดิม
สงสารใหญ่ คงพูดอะไรไม่ออก พูดมากไปก็กลัวเีสียเพื่อนอีก
บวก 1 แต้มค่ะ ขอบคุณนะ
คนเขียนบอกว่าจะหายไปหลายวันเหรอ แล้วจะรออ่านต่อนะคะ

ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
เล่นแต่งตัวกันแต่เช้า ใหญ่ขี้เกรงใจแบบนี้ ชาตินี้จะมีวันได้เผยความในใจไปไหมเนี่ย :call:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
+1 ให้เลยครับ
มาแต่ละทีไม่มีผิดหวังยาวได้ใจทุกตอน 555+
อ่านตอนนี้แล้วแอบลุ้นๆนะเนี่ยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นไหม
แหมๆแต่ปรากฏว่าไม่ แอบเสียดายแต่ก็เข้าใจว่า เราเป็น เพื่อน สินะ
แล้วจะรออ่านต่อนะคราบบบบ
นิว

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  ชอบตอนนี้มากๆๆ

เห็นมะ ดีแล้วที่ฝันตัดสินใจไปหาใหญ่   

ฉากเจอกันชอบมาก  หวานมาก ชอบที่นอนหนุนตักด้วยอ่ะ


กรี๊ดดดดดดด มีทาแป้งติดกระดุมให้กัน  แอร๊ยยยยยยยย ตีลังกาเขินแทนใหญ่   :-[

อิ่มเอมตอนนี้ :monkeysad:   อยากให้ตั้งคู่เปิดใจกันเร็วๆๆ ก้าวข้ามผ่านเส้นของคำว่า เพื่อน   :กอด1:


ไม่อยากเห็นใหญ่เศร้าอีก ปวดตับ :z3:

หนึ่งบวกสำหรับตอนนี้นะจ๊ะ 



สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
อย่าเพิ่งเริ่มเบื่อนะคะ ถ้ามีคนอ่านเรื่อยๆคนเขียนก็คงเขียนไปเรื่อยๆ :L2:
*****************************************
(ตอนที่๘)
“เอ้า...มาๆๆใหญ่พาเพื่อนทานข้าวเร็วๆ ดูซิเราน่ะตื่นสาย เห็นว่าเพื่อนมาตั้งแต่เช้าแล้ว ดูสิเลยทำให้เพื่อนพลอยทานข้าวสายตามเราไปด้วย”
พ่อมันส่งสายตาดุปนเอ็นดูใส่ลูกชายตัวดี “ตื่นสายซะเคยตัว....มานั่งซิลูก”
พ่อของใหญ่กวักมือเรียกให้ผมนั่งที่โต๊ะทานข้าว แล้วกำลังจะเริ่มบ่นลูกชายต่อ  “พ่อนี่ไง..ไอ้ฝันเพื่อนผมไงพ่อ..”ไอ้ใหญ่รีบชิงแนะนำผมตัดหน้าก่อนที่พ่อมันจะบ่นไปมากกว่านี้

“สวัสดีครับพ่อ..”ผมไม่ลืมที่จะทำความเคารพพ่อเพื่อนก่อน ผมจำได้ว่าผมเคยเห็นรูปพ่อมันก่อนที่มันจะกลับมาบ้าน ผมบอกได้แค่ว่าพ่อผอมลงไปเยอะเลยทีเดียว  ผมก็ดูจะเป็นสีขาวมากขึ้น สีหน้าดูซีดๆเหมือนคนป่วย มีเพียงรอยยิ้มที่ยังดูว่ายังสดใสอยู่บ้าง
“แล้วคุณพ่อทานรึยังครับ แล้วคุณแม่...”
ผมกำลังจะถามอาการว่าแม่เป็นอย่างไรบ้าง แต่พ่อไอ้ใหญ่โบกไม้โบกมือพูดขึ้นมาก่อนว่า
“ไม่ต้องห่วงลูก ทุกคนเค้าทานกันไปหมดแล้ว ไม่มีใครเค้าตื่นสายเหมือนเจ้าใหญ่ซักคนหรอก แม่เค้าก็เรียบร้อยแล้ว คนป่วยยังไงก็ต้องทานข้าวให้ตรงเวลาเพราะต้องทานยาน่ะลูก”

ผมพยักหน้าเข้าใจแล้วก็ต้องเริ่มทานข้าวอีกครั้ง เพราะพ่อมันนั่งจ้องอยู่เห็นๆ “นี่ถ้าฝันไม่ไปปลุกเจ้าใหญ่สงสัยมันจะยังไม่ยอมตื่น นอนกินบ้านกินเมือง กลางคืนก็ไม่ค่อยยอมหลับยอมนอนไม่รู้นั่งทำอะไรอยู่ได้”
ไอ้ใหญ่เริ่มแสดงท่าทีฮึดฮัดที่พ่อมันยังตำหนิเรื่องที่มันนอนตื่นสายไม่ยอมเลิก
“เอาอีกแล้ว..พ่อนี่แปลกคน ชอบว่าลูกตัวเองต่อหน้าชาวบ้าน..บอกเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง เฮ้อ...ฝันมันไม่ฟังพ่อหรอก..มันรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นคนยังไง”ไอ้ใหญ่บ่นไปกินข้าวไป   มือก็ตักกับข้าวให้ผมไปด้วยผมขมวดคิ้วนิ่วหน้าใส่มันว่ามันตักให้มากไปแล้ว พอได้แล้วกูกินไม่หมดแน่ๆ  แต่มันก็ยังไม่หยุดตักให้ผมอยู่ดี

“ฟังมันพูดกับพ่อซิลูก...ไม่อายเพื่อนมั่งหรือยังไงพูดจากับพ่อแบบนี้”พ่อไอ้ใหญ่เริ่มหาพวก
“อายทำไม..เพื่อนกัน..เนอะ...กินซิฝัน...อย่ามัวแต่ยิ้ม..ยิ้มแล้วอิ่มหรือไง ที่กูตักให้น่ะกินให้หมดนะห้ามเหลือ ข้าวของมันแพงรู้มั้ย”

 ผมได้แต่ฟังไปยิ้มไป ดูเหมือนพ่อลูกกำลังเหวี่ยงใส่กัน แต่ดูจากสีหน้าฟังจากน้ำเสียง ก็รู้ว่ารักกันแค่ไหน แบบที่เรียกว่าทะเลาะกันไปก็รักกันไป  เห็นแล้วก็คิดถึงแม่ตัวเอง  ผมไม่มีเวลาพูดคุยกับแม่ผมเลย วันๆเอาแต่ทำงานกับเรียนหนังสือ กลับบ้านเหนื่อยจัดๆก็นอน มีแค่คำทักทายแม่เท่านั้นเอง   วันหยุดก็ออกจากบ้านมาเที่ยวกับเพื่อนมั่ง ไปพักผ่อนส่วนตัวดูหนังฟังเพลงมั่ง  ผมมาคิดๆดูนี่ผมแทบไม่ได้ให้เวลากับแม่ผมเลย  กลับไปผมคงต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างแล้ว

“แล้วใครไปส่งน้องออมล่ะพ่อ”ผมหันไปมองหน้าไอ้ใหญ่ น้องออม...ใครหว่าชื่อคุ้นๆ
“ก็เราลงมาสายพ่อก็ให้ไอ้หมึกไปส่งน่ะซิ..จะให้ใครล่ะ..แกก็ไม่ยอมตื่นเช้าๆ”ไอ้ใหญ่ขมวดคิ้วแล้วบ่น
“อีกแล้วพ่อ..ผมบอกแล้วไม่อยากให้ไอ้หมึกไปส่ง ผมไม่ไว้ใจมัน..บอกก็ไม่ฟังกันบ้าง”พอได้ยินแบบนั้นพ่อเริ่มออกอาการครับ หน้าบึ้งเลยคราวนี้ ผมก็เริ่มรู้สึกว่าตัวลีบลงไปทุกที เหมือนตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทาง

“แล้วก็จะให้ฉันทำไง..ตัวเองไม่ดูแลเองแล้วยังมาพาลเรื่องไม่เป็นเรื่อง  ไอ้หมึกมันเป็นยังไงทำไมไม่ไว้ใจมัน”ผมชักเริ่มรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินมากขึ้นไปอีก  เพราะผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย แถมสงสัยด้วยว่ามันเรื่องอะไรยังไงกันแน่
“ก็ออมก็เป็นสาวแล้ว คนสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน ทำไมพ่อไม่ให้นุ่นมันขับไปส่งแทน”
พ่อเริ่มทำหน้าแบบระอาใจ“ก็นุ่นมันมาสาย พ่อกลัวออมจะไปสาย” คราวนี้ก็เงียบไปทั้งคู่ครับ

ผมกลอกตามองไปมาระหว่างสองคนที่กำลังทำลายบรรยากาศยามเช้าของผมไปแล้วด้วยการทะเลาะกัน แต่พอพ่อหันขวับมามองที่ผม  เหมือนพึ่งนึกได้ว่ามีผมนั่งอยู่ด้วยตรงนั้น ผมกลับรีบหลบตาวูบ ผมอยากบอกว่าผมไม่ได้อยากรู้เรื่องชาวบ้านแล้วก็ไม่ได้แอบฟังนะ แต่มันได้ยินเอง  พอเงยหน้าไปสบตากับไอ้ใหญ่ ผมก็ส่งสายตาไปเชิงถามมันว่าเรื่องเห้...อะไรว่ะกูงง มึงช่วยกูด้วย  น้องออมไหนว่ะ

ผมว่าสัญญาณทางสายตาของผมอาจบอกไอ้ใหญ่ไม่ได้หมด แต่คงบอกอะไรมันไปบ้างว่าเพื่อนเริ่มอึดอัดแล้ว
ไอ้ใหญ่เลยพยายามเปลี่ยนบทสนทนามาที่ผมแทน “วันนี้เราไปเที่ยวไหนดี มึงอยากไปไหนบ้างล่ะ”พูดจบโดยไม่รอคำตอบจากผม มันก็หันไปหาพ่อแล้วบอกว่า

 “พ่อ..วันนี้ผมพาเพื่อนไปเที่ยวนะ พ่อเฝ้าร้านด้วย แล้วเย็นผมไปรับน้องออมเอง  พ่อไม่ต้องให้ใครไปแทน”ผมว่าไอ้ใหญ่มันพูดกับพ่อไม่เพราะเลย แต่พ่อมันก็ไม่ว่าอะไรนะครับ
“เออ..เพื่อนมาทั้งทีพาไปเที่ยวซะ...แล้วฉันจะไม่ยุ่งกับเรื่องน้องออมของแกแล้ว ไปรับไปส่งจัดการกันเอาเอง”เหมือนๆพ่อจะงอนนะครับ ไอ้ใหญ่ก็ไม่เห็นสนใจ แต่พ่อก็มาชวนผมคุยต่อ ผมว่าจะถามเรื่องน้องออมว่าเป็นใครเลยลืมไปเลย

“แล้วนี่ฝันลางานมาเหรอลูก แล้วไหนกระเป๋าล่ะ เอาไปไว้ไหน จะได้ให้เด็กเอาขึ้นไปเก็บที่ห้องใหญ่ก่อน”ผมเริ่มงงว่าพ่อพูดถึงกระเป๋าอะไร ผมไม่ใช่จิงโจ้หรือโดเรม่อนที่มีกระเป๋าติดตัวเป็นเนื้องอกนี่นา
 “กระเป๋า..กระเป๋าอะไรครับพ่อ??” พ่อเลยเริ่มงงบ้าง
“อ้าวก็กระเป๋าเสื้อผ้าของลูกไง เอาไปไว้ไหนทำไมไม่เห็นมี” ผมเลยถึงเข้าใจว่าพ่อคิดว่าผมจะมาเที่ยวหลายวันก็ต้องมีกระเป๋ามาด้วย ผมหัวเราะเบาๆแล้วบอกพ่อไปว่า “ไม่มีหรอกครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมก็กลับแล้ว ลางานมาได้วันเดียวเอง พรุ่งนี้มีงานต้องรีบกลับไปทำครับ”

เพล้ง!!!!ผมถึงกับสะดุ้ง ก็ไอ้ใหญ่นะซิครับอยู่ดีๆก็กระแทกช้อนดังโครมลงบนจาน พ่อเองก็คงตกใจ
 “ใหญ่...เป็นอะไรไป พ่อตกใจหมดเลย ”
“นั่นซิ..เป็นอะไรกัน”ผมก็สงสัยผมแทบจะสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่ ไอ้ใหญ่ไม่ตอบผมแต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดลุกขึ้นยืนแล้วดึงข้อมือผมให้ลุกตาม “มึงไม่ต้องกินแล้ว....เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ผมได้แต่มองหน้ามัน “คุย...อารายยก็คุยตรงนี้ซิ..”

“นั่นซิอะไรกันลูกคนนี้..มีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจากัน” ถึงพ่อจะพูดแบบนั้นเพื่อให้ใหญ่ใจเย็นขึ้น  แต่ไอ้ใหญ่มันก็ยังดึงดันที่จะลากผมไปกับมันให้ได้  ผมพูดอะไรต่อไม่ได้อีกเพราะตอนนี้ไอ้ใหญ่มันทำตาขวาง ทำหน้าเหมือนว่าถ้ามันขบหัวผมได้มันคงทำไปแล้ว  ผมเลยจำใจต้องลุกตามแล้วแต่มันจะลากไป  เรากลับขึ้นไปบนห้องมันอีกครั้ง ไอ้ใหญ่ลากผมมาที่เตียงมันแล้วดันให้ผมนั่งลง แล้วมันก็ไม่พูดอะไรซักทีเอาแต่ขมวดคิ้ว เม้มปากเดินวนไปวนมาอยู่แบบนั้น

จนผมชักสงสัยว่าเพื่อนผมท่าจะบ้าไปแล้ว “เอาอีกแล้วนะมึง  นี่...มึงลากกูจากจานข้าว ให้กูทิ้งช้อนทิ้งส้อม แล้วขึ้นมาเพื่อมานั่งดูมึงเดินจงกรมท่าคนบ้าเนี่ยนะ..มีอะไรทำไมไม่พูด..”
มันยืนเท้าสะเอวมองหน้าผม  แล้วจ้องอย่างกับคนจะหาเรื่องชวนทะเลาะ
“มึงมาทำไม..ฮึ...มึงมาทำไม”

“อ้าว..ไอ้นี่..นี่”ผมชักโมโหมัน ผมเริ่มเลือดขึ้นหน้า
 “กูมาหาพ่อมึงมั๊ง..กูมาเยี่ยมพ่อมึง.พอใจรึยัง”ผมชักหน้างอบ้าง ก็รู้อยู่แล้วว่ามาหามันแล้วจะมาคาดคั้นอะไรกับผมว่ามาทำไม  ทำอย่างกับว่าผมทำผิดที่มาที่นี่ ผมเลยล้มตัวลงนอนแล้วหันหลังให้มัน ให้มันรู้บ้างว่าผมโกรธ  ผมก็เดาว่ามันก็คงรู้ เพราะเสียงของไอ้ใหญ่ยังพูดต่อแต่น้ำเสียงอ่อนลงแล้วไม่แข็งกร้าวเหมือนคนโมโหแบบเมื่อครู่  แต่ก็ยังไม่วายเหยียบต่อมหงุดหงิดผมอีกจนได้

 “แล้วมาทำไม..วันเดียว” ผมเซ็งจนไม่อยากตอบ จุกจิกกับกูชิบ.......อดทนไว้ไอ้ฝันอย่าอารมณ์เสียกับเพื่อน
“ลางานมาได้แค่นี้แล้วมาทำไม...”พอมันพูดแบบนี้ขึ้นมาอีก ผมโมโหจนต้องลุกขึ้นมาโวย
“ถ้าการที่กูมาที่นี่เพียงวันเดียว แล้วมันเป็นเรื่องที่ผิดมากมายสำหรับมึง มาทำให้มึงยุ่งยาก ลำบากใจ ทำให้มึงไม่มีเวลาไปส่งน้องออมอะไรของมึง” ผมลุกขึ้นยืนทันทีแล้วผลักตัวไอ้ใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างเตียงให้หลีกออกไป เราต่างก็มองหน้ากันอยู่ชั่วครู่ แล้วผมก็พูดขึ้นมาว่า

“งั้น....กูกลับ”
*************************
ช่วงนี้ฝนตกทุกวันดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ :pig4:

mecon

  • บุคคลทั่วไป
 :z3: :monkeysad: โหยอะไรกันเนี่ย
ฝันอย่าพึ่งน้อยใจนะัฟังใหญ่อธิบายก่อน
ใหญ่แค่เพียงน้อยใจหนะที่ฝันมาได้แค่วันเดียว
เหมือนหรอกให้เค้าดีใจเก้อหนะ  :sad4: ใหญ่มันก้อน้อยใจตามประสา
คนขี้ใจน้อยอะไรแบบนี้ล่ะ ส่วนเรือ่งน้องออมก้อคงเป็นแค่เหตที่ไม่ใช่เหตล่ะมั้งนะ
น้องออมนี่ คงไม่แฟนหรอกมั้ง แต่เป็นอะไรล่ะ????
ส่วนเจ้าฝันใจร่มๆเน้อ เพื่อนมันวีนใ่ส่นิดๆหน่อยๆอย่าเสียเวลามาทะเลาะกันเลยนะนะๆ
ดีๆกันไว้ 24 ชั่วโมงเนี่ย ไม่ได้มากมายอะไรเลยนะ คุยกันดีๆก่อนจิ น้าๆๆๆๆ

+1 จัดให้คะ รักฝันรักใหญ่ :กอด1:

ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
อย่าเพิ่งงอลซี่ พูดกันด้วยเหตุและผลนะนะ มีเวลาอยุ่ด้วยกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงอย่าให้มันต้องหมดไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องน้า  :sad4:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อ่านทันแล้ว   :m4:

น่าเห็นใจทั้งคู่เลย กว่าจะได้เจอกัน เวลาอยู่ด้วยกันก็สั้นจนน่าใจหาย

ชื่อ ฝัน น่ารักจัง  :man1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด