¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12  (อ่าน 217605 ครั้ง)

ออฟไลน์ zingiber

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-4
มาต่อเร็วๆน๊าา  ฝันงอนแล้ว อยากรู้ว่าใหญ่จะง้อยังไง  :z1:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ความน้อยใจที่เพื่อนรัก ( รักเพื่อน ) มาแค่วันเดียว

จะทำให้ความสัมพันธ์ของคำว่าเพื่อนสะดุดลงเลยหรือ

มารอลุ้นกันดีกว่าว่า ใหญ่จะจัดการกับปัญหาที่ตัวเองเป็นคนเริ่มยังไง

+1 ให้เป็นกำลังใจในการมาต่อนะครับ

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
^
^
 :z13: จิ้มพี่ชายนะคะ หุหุ


ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างงอน
ยังไม่ทันฟังกันให้ดี
ใช้อารมณ์น้อยใจเข้าหากัน เพื่อนรักจะหนีกลับแล้ว ฝ่่ายรักเพื่อนจะง้อยังไงดี
บวก 1 แต้มจ้า รออ่านต่อนะจ๊ะ

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
อย่าโกรธกันเลยนะ นานๆเจอกันทีแค่มีเวลาให้กันบ้างก็พอละ
ที่แสดงออกขนาดนี้มันหมายความว่าไง แล้วจะรออ่านต่อ
นิว

ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
แอร๊ยยยยย ตามอ่านทันแระ 

งานนี้มีงอนวุ้ย  หุหุ  ... :impress2:

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
^
^
กระซวกรีบน   สปีดเทพมาก  :mc2:

ลงชื่อไว้ก่อน เดี๋ยวมาดิทเม้นจ้า  :z2:




เข้าใจทั้งสองฝ่าย ทั้งใหญ่และฝัน

ใหญ่เค้าก็อยากอยู่กับฝันนานๆอ่ะนะ  คนที่เราคิดถึงและรอมานาน
เคยคุมอารมณ์ไม่อยู่

ส่วนฝัน อยู่ดีๆๆใหญ่ก็๋พูดออกมาแบบนี้ มันคงมีงอนน้อยใจแหละ เราอุสาห์ดั้นด้นมาหาทั้งที
ใครมันจะรู้ว่าใหญ่คิดอะไรอยู่ เฮ้อออออ  แถมเรื่องน้องออมไรนั่น  เหมือนเราไม่รู้อะไรเลย

ให้กำลังใจค่ะ ทั้งคนโพสต์ คนเขียน !+ 1


เพิ่งสังเกต เราจะเป็นเม้นท์สุดท้ายก่อนคุณคิคิคุคุ  มาโพสต์ตอนต่อไป หลายทีแระ คึคึ :z2:
V
V
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-09-2009 20:20:24 โดย Ak@tsuKII »

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่๙แล้ว เลขนี้สวยดีนะคะ ชอบจริงๆ :really2:
*********************************
(ตอนที่ ๙)

พอผมพูดจบเหมือนบรรยากาศในห้องเป็นสภาวะไร้เสียง  มันเงียบกริบจนผมเองรู้สึกวังเวง ไอ้ใหญ่ไม่พูดอะไรอีก ผมเดินไปที่ประตูมือยังคงจับที่ลูกบิด  รู้สึกเสียใจที่อุตส่าห์มาทั้งทีแต่กลับมาทะเลาะกัน ผมก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องมันกลับตาลปัดไปแบบนี้ได้ยังไง ทั้งที่ก่อนหน้าเรายังคุยกันอยู่ดีๆแท้ๆ  

แต่ก่อนที่ผมจะก้าวออกไปจากห้องนี้แล้วก็จบความรู้สึกดีๆเมื่อมาถึงเชียงใหม่  แล้วต้องกลับไปอย่างมืดมนว่าจะแก้ไขเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องระหว่างผมกับไอ้ใหญ่ให้ดีขึ้นได้อย่างไร   ผมก็ต้องหยุดนิ่งเพราะอ้อมกอดที่เอวผม  ความรู้สึกจากไอ้ใหญ่ที่กอดผม รั้งไว้ทำให้ผมไม่สามารถก้าวขาออกไปจากห้องได้

“กะ..กูขอโทษ..มึงอย่าพึ่งไปนะ..กูขอโทษ ฮึกๆ” ผมรู้สึกได้ถึงความชื้นจากน้ำตาของไอ้ใหญ่ที่ชุ่มอยู่ข้างหลังผม  อาการสั่นสะท้านจากการร้องไห้ของมัน  เสียงที่สั่น แรงรัดจากอ้อมแขนของมัน ทำให้ความรู้สึกโมโหที่ก่อนหน้านี้มันพุ่งขึ้นถึงจุดที่เกือบระเบิด  ค่อยๆลดระดับลงมาทีละน้อย แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด

“แล้วมึงมาโมโหใส่กูทำไม...กูทำอะไรผิด  ที่กูมานี่มึงไม่ต้องการใช่มั้ย”
ผมยังคงสงสัยอยู่ไม่หาย ถ้าเรื่องนี้ไม่เคลียร์  เราก็คงค้างคาในความรู้สึกไปตลอด และมันอาจจะกลายเป็นสะเก็ดในใจของทั้งผมและไอ้ใหญ่ต่อไปก็ได้

“กูแค่น้อยใจ..เหมือนมึงไม่ได้เต็มใจ ไม่ได้ตั้งใจมาหากู..”
ไอ้ใหญ่ยังคงรั้งเอวผมไว้แน่นจนผมแทบหายใจไม่ออก พาลจะอ๊อกเอาอาหารเช้าที่กินเข้าไปสองรอบออกมา
ไอ้ใหญ่พูดเสียงอ่อยๆต่อไปว่า “มาทั้งทีก็มาแค่วันเดียว  เหมือนมาแบบเสียไม่ได้”

ผมฟังที่ไอ้ใหญ่มันพูดแล้วก็อ่อนใจกับมัน แต่ถ้ามันไม่พูดออกมาตรงๆ ผมก็ไม่คิดว่ามันจะคิดอะไรในมุมกลับกันกับผมได้ขนาดนี้  ผมกลับคิดว่าขนาดแค่มีเวลาวันเดียวผมยังตั้งใจมาหามัน   มันควรจะดีใจสุดๆเลยไม่ใช่หรือถึงจะถูก

ไอ้ใหญ่หยุดพูดแต่เอาหน้ามาเกลือกกับหลังผมเช็ดน้ำตา น้ำมูก ซวยแล้วกู..แล้วจะกลับยังไง เสื้อก็เอามาตัวเดียว  แล้วตอนนี้ผมอึดอัดกับแรงควายของมันที่รัดเอวผมอยู่ เลยพยายามแกะมือของมันที่รัดแน่นอย่างกับคีมเหล็กออก  แต่ไอ้ใหญ่คงเข้าใจท่าทางที่ผมแสดงออกผิดไป
“อื้อ...กูยังไม่ให้มึงไป..ก็กูบอกแล้วกูแค่น้อยใจ ทำไมมึงยังจะไปอีก กูขอโทษ..ไอ้ฝัน..กูขอโทษ”
เสียงมันสั่นๆทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ แถมด้วยอาการกระทืบเท้า งอแงเหมือนกับเด็กๆไม่มีผิด คราวนี้ผมเลยหายโมโหเปลี่ยนอารมณ์มาขำมันแทน  ตัวโตเสียเปล่า

“กูไม่ได้จะกลับ..แต่มึงเอาแรงควายๆมารัดกูแน่นขนาดนี้ ข้าวเช้าที่กูพึ่งกินมันจะพุ่งออกมาข้างนอกอยู่แล้ว มึงช่วยปล่อยกูก่อนได้มั้ย   กูจะได้หันไปคุยกะมึงตรงๆ..ไอ้ใหญ่”
“อ้าว....ก็กูไม่รู้นี่”
ผมหันหลังกลับมาพอดีได้ทันเห็นหน้าแดงๆของมันที่ก้มหน้างุดอยู่ที่อกผม “ไหนมึงมองหน้ากู  กูจะอธิบายให้มึงฟัง”

 ไอ้ใหญ่ยังคงก้มหน้าไม่ยอมเงย มันคงอายที่ปล่อยน้ำตาร้องไห้ฟูมฟายออกมามากมาย ทำตัวเป็นคนงี่เง่าให้ผมเห็น ทั้งที่ผมเคยเห็นจนออกจะบ่อยไปไม่เห็นว่าน่าอายตรงไหน ออกจะน่ารักมากกว่า
ผมเลยต้องเอามือประคองหน้ามันให้มองหน้าผม  แววตาของมันยังคงรื้นด้วยน้ำตา ดูแล้วน่าสงสารจริงๆครับ ผมเอามือค่อยๆเช็ดน้ำตาที่แก้มของมัน เอามือเกลี่ยผมที่ปิดบังดวงตาของมันเอาไว้  มองหน้ามันตรงๆแล้วเริ่มพูดอย่างช้าๆ

 “กูมาได้แค่วันเดียว ทั้งที่ใจกูอยากมาหลายๆวัน เพราะว่างานกูยุ่งมาก เจ้านายไม่ยอมให้ลา นี่กูก็บอกเค้าว่าลาไปหาหมอ” ไอ้ใหญ่ขมวดคิ้วทันที “มึงเป็นอะไร..ทำไมต้องไปหาหมอ แล้วนี่ดีขึ้นรึยัง ไปหาหมอที่ไหนมา หมอเค้า....”
ผมต้องรีบเอามือปิดปากมันก่อนที่มันจะถามผมต่ออีกร้อยคำถาม แล้วผมก็คงไม่มีโอกาสได้พูดอะไรอีก คงจะไม่มีใครรู้เรื่องกันแน่ถ้าแย่งกันพูดแบบนี้

“กูไม่ได้เป็นอะไร เพียงแค่กูกินข้าวไม่ค่อยลงเท่านั้นเอง มึงอย่าเว่อร์”  ผมเอานิ้วจิ้มหน้าผากมัน พอผมเริ่มเอ็ดมันคราวนี้มันเลยทำหน้าง้ำขึ้นมาบ้าง  แล้วค้อนผมทันที ดูมันครับ สาวเข้าไปทุกที   แต่ผมก็รักมันที่มันเป็นแบบนี้แหล่ะ ไอ้ใหญ่ไม่พูดอะไรอีกแต่ผมรู้ว่ามันงอน ผมเลยรั้งตัวมันเข้ามากอดแล้วตบไหล่มัน

 “มึงเลิกงอนกูซักที เราจะได้คุยกันดีๆให้หายคิดถึง แล้วไหนมึงว่าจะพากูเที่ยว กูอยากไปไหว้พระ พากูไปทีนะใหญ่”
ไอ้ใหญ่ยังคงไม่พูดอะไร ผมกอดมันไว้นิ่งๆอยู่แบบนั้นแล้วเอามือลูบหัวมัน  
“กูเป็นห่วงมึงนะ พอกูได้จดหมายมึงว่ามึงไร้ตัวตน กูก็เริ่มไม่สบายใจแล้ว แล้วพอมึงบอกให้กูเลิกติดต่อกับมึง กูก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่”
ผมว่ามันเริ่มร้องไห้อีกครั้งแล้วครับหรือว่าผมพูดอะไรผิดไปอีก  
“มึงอย่าร้องไห้ซิ กูตัวแฉะไปหมดแล้ว ยังไม่อยากเป็นปอดบวมเพราะน้ำตามึง แฉะหน้าแฉะหลังเลยไอ้บ้านี่...”คราวนี้ไอ้ใหญ่มันทุบผม แล้วโวยวายทั้งน้ำตา“มึงนี่กวนตีน ชอบว่ากู”ผมหัวเราะกับอาการของไอ้ใหญ่

“มึงก็หยุดร้องซักทีซิ ทำอย่างกับกูจะตาย  ร้องมากไปแล้วมึง”คราวนี้ไอ้ใหญ่กลับต่อยที่ท้องผมทำให้ผมจุกกว่าเดิมอีก
“มึงห้ามพูดเรื่องตายอีกนะ น้องกูตายไปคนเดียวกูก็เสียใจมากพออยู่แล้ว มึงอย่าตายนะ ห้ามตาย”คราวนี้น้ำตามันร่วงพราวเลยครับทำเอาผมใจเสีย  ผมน่าจะระวังคำพูดให้มากกว่านี้ ทั้งที่ผมก็รู้ว่าน้องมันเพิ่งตายไป ไอ้ใหญ่ดึงเอาเสื้อผมไปเช็ดน้ำตามัน

“กูขอโทษ...กูจะไม่ตายก่อนมึงโอเค๊ คราวนี้มึงหยุดร้องได้แล้ว น้ำตามึงทำให้กูต้องไปอาบน้ำแล้วเนี่ย มึงไปหาเสื้อมาให้กูใหม่เลย”ผมผลักมันไปออกจากตัว มานัวๆเนียๆแบบนี้มันทำเอาผมใจสั่นแปลกๆ  ถึงเราจะสนิทกันมากขนาดไหน มันก็ไม่เคยแสดงอาการกับผมมากขนาดนี้  แล้วไอ้ใหญ่มันดูอ่อนไหวมากกว่าแต่ก่อน หรือจะเป็นเพราะเราห่างกันมานานเกินไป หรือว่าฮอร์โมนเพศมันเปลี่ยนอารมณ์เลยไม่แน่นอน  

ไอ้ใหญ่หาผ้าเช็ดตัวมาให้ผมก่อนที่จะไล่ให้ผมไปอาบน้ำ “ไปอาบน้ำซะเดี๋ยวกูหาเสื้อให้” ผมหันไปมองมันก่อนที่จะเข้าห้องน้ำเห็นมันอมยิ้มนิดๆ  ทำให้อย่างน้อยผมก็รู้ว่า มันดีใจที่ผมมาจริงๆ
พอผมอาบน้ำเสร็จออกมาก็ไม่เห็นไอ้ใหญ่ในห้องแล้ว เจอแต่เสื้อที่มันวางไว้ไห้ผม  ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินลงมาข้างล่าง เห็นไอ้ใหญ่กำลังทำงานอยู่ครับ  ผมแอบมองมันทำงานยังไม่เดินเข้าไปหามันทันที  เวลาทำงานมันก็ดูขึงขังเอาจริงเอาจังดี  ท่าทางยังเคลียร์งานไม่เรียบร้อยผมเลยเข้าไปนั่งรอที่โต๊ะมัน  ไอ้ใหญ่เงยหน้ามามองผมแล้วยิ้ม
 “รอเดี๋ยวนะมึง  เดี๋ยวกูพาไปไหว้พระ  นานๆเพื่อนจะเข้าวัดทั้งที  ต้องเต็มที่หน่อย ไปปล่อยผี”
ผมส่ายหัวได้แต่ยิ้มแล้วบ่นพึมพำกับตัวเอง “กวนตีนนะมึง”

ร้านไอ้ใหญ่มันขายเครื่องมือเกษตรกรรมนะครับ มีหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ปุ๋ย เครื่องมือ ท่อประปา หลายอย่างแต่ผมไม่รู้เท่านั้นเองว่าเอาไปทำอะไรมั่ง  ท่าทางงานมันก็เยอะนะครับ ขนาดผมนั่งไม่นานยังรู้เลยว่ามันเองก็ไม่มีเวลาว่างมากซักเท่าไหร่   มีทั้งลูกค้า เซลส์ขายของเข้ามาติดต่อตลอดเวลา บางครั้งลูกน้องก็เข้ามาถามปัญหาต่างๆ ไม่ใช่ปัญหาอะไรเอ่ยที่เด็กๆชอบเล่นกันนะครับเช่น ผู้หญิงกลัวปลาอะไร???

  แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับงานเช่นจะลดราคาได้เท่าไหร่ จะเสนอราคาอย่างไรมากกว่า ถึงแม้ไอ้ใหญ่จะยังอายุน้อยแต่ดูลูกน้องก็ให้ความเคารพมันดีครับ เรียกมันเสี่ยทุกคำ มันก็คงเป็นเสี่ยจริงๆ  คิดๆแล้วก็น่าอิจฉา แสดงว่ามันก้าวข้ามคำว่าลูกจ้างมาเป็นเถ้าแก่น้อยไปแล้ว  ล้ำหน้าเพื่อนฝูงอย่างผมหรืออ้อยที่ยังทำงานเป็นลูกน้องกินเงินเดือนกันอยู่เลย

นั่งเล่นดูหนังสือนู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยผมพึ่งนึกขึ้นมาได้“เฮ้ยย....ตายห่า กูลืม”
ผมเพิ่งนึกได้ครับว่าผมลืมอะไรไปบางอย่าง แต่เสียงร้องของผมคงดังเกินไปทำเอาไอ้ใหญ่สะดุ้งมองหน้าผมหน้าตาตื่น
 “ลืมอะไรว่ะ”
“ กูยังไม่ได้ไปไหว้แม่มึงเลย  แม่อยู่ไหน โคตรเสียมารยาทเลย มึงพากูไปที” แม่ผมสอนเสมอไปที่ไหนต้องไปทำความเคารพเจ้าของบ้านให้เรียบร้อยก่อน  อย่าให้เค้าตำหนิได้ว่าไม่มีมารยาท

“โธ่เอ๊ย..กูก็นึกว่าเรื่องอะไร กูจะเสร็จงานแล้ว เดี๋ยวกูพาไปเอง แม่คงนอนอยู่ กูจะไปบอกพ่อด้วยว่ากูจะพามึงออกไปข้างนอกแล้ว” ผมเลยค่อยเบาใจถ้าแม่หลับอยู่ก็คงไม่เป็นไร แต่คิดไปคิดมา
 “กูไปเองก็ได้นี่หว่า มึงบอกกูว่าไปทางไหน จะได้ไม่เสียเวลามึงด้วย แล้วกูได้ไปคุยกับพ่อแม่หน่อย ไม่ใช่มาไหว้เสร็จแล้วก็เปิดตูดลากลูกเค้าหนีงานไปเที่ยว”

คราวนี้ไอ้ใหญ่หัวเราะร่าเลยครับ “ไอ้ฝันเอ๊ยยย....พ่อแม่มึงสั่งสอนมาดีว่ะ  ไม่รู้จะมารยาทดีไปไหน เค้าน่าส่งมึงไปประกวดหนุ่มไทยใจทรามเอ๊ย...ใจงามว่ะ  งามอย่างไทย ฮ่าๆๆ ไม่เลว ไม่เลว” ผมเลยเดินไปตบหัวมันทีหนึ่งโทษฐานมามอบตำแหน่งให้ผม “พูดมากนะมึง บอกมาซิไปทางไหน”

พ่อแม่ไอ้ใหญ่อยู่ห้องหลังร้านครับ  บ้านมันเป็นอาคารพาณิชย์ก็จริงด้านหน้าทำเป็นร้านขายของแต่ด้านหลังทำเป็นที่พักอาศัย  ตัวห้องเปิดโล่งสามารถเปิดประตูออกไปสู่สนามหญ้าเพื่อชมธรรมชาติที่อยู่ภายนอกได้  อากาศยามสายๆของเชียงใหม่ถึงแม้จะมีแดดออกแล้ว  แต่ผมก็ยังรู้สึกได้ถึงความเย็นสบายจากสายลมที่พัดมาเบาๆ  บรรยากาศเงียบสงบน่าอยู่จริงๆครับ

พ่อกับแม่ไอ้ใหญ่นั่งอ่านหนังสืออยู่ด้วยกันเงียบๆ จนผมชักลังเลว่าควรจะเข้าไปขัดเวลาพักผ่อนของท่านหรือเปล่า ขณะที่ผมยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเข้าไปหาหรือถอยหลังออกมาดี พ่อไอ้ใหญ่ก็เงยหน้าขึ้นมาพอดี
“อ้าว ยังไม่ไปเที่ยวกันอีกเหรอลูก” ผมยกมือไหว้แม่ขึ้นทันทีที่แม่เงยหน้าขึ้นมา  แม่ดูไม่ผอมเหมือนคนป่วยก็จริง  แต่สีหน้าดูหมองเศร้าจนผมรู้สึกได้   แต่แม่ก็ยังยิ้มตอบผม “ไหว้พระเถอะลูก”
“สวัสดีครับแม่   ยังไม่ได้ไปครับพ่อ...ใหญ่กำลังเคลียร์งาน  ผมต้องขอโทษพ่อด้วยครับที่วันนี้มาพาไอ้ใหญ่โดดงาน” แต่พ่อกลับกวักมือเรียกผมให้มานั่งคุยกับพ่อ

“ขอโทษทำไม  พ่อดีใจนะที่ฝันมา  มาๆนั่งคุยกันก่อน ช่วงนี้ใหญ่ดูเครียดๆตั้งแต่เล็กตายไป ยังดีที่มีน้องออมมาทำให้คลายเหงา  พ่อก็สงสารมัน บอกให้ออกไปข้างนอกบ้าง ออกไปเที่ยวบ้าง ก็ไม่ยอมไป”
แม่พยักหน้าเสริม “ไปเที่ยวกันเถอะลูก แม่เป็นห่วงใหญ่ ตั้งแต่กลับมาจากกรุงเทพ ก็เอาแต่ทำงาน ดูแลคนนู้นคนนี้  แล้วมาเจอเรื่องเล็กอีก เลยยิ่งเครียดไม่ยิ้มเลย  แม่เสียใจจริงๆที่ช่วยอะไรลูกไม่ได้เลย”เสียงของแม่สั่นเครือเหมือนจะร้องไห้  ทำเอาผมใจเสียไม่รู้จะทำตัวยังไงดี  จะให้ปลอบผู้ใหญ่ผมก็ทำไม่เป็น แต่ผมรู้แล้วว่าไอ้ใหญ่มันบ่อน้ำตาตื้นเหมือนใคร  

พ่อบีบมือแม่เบาๆเป็นการให้กำลังใจ  “เอาน่าเธอ อย่าทำให้ฝันเค้าใจเสียซิ  เสียบรรยากาศหมด  ฝันไม่ต้องห่วงทางนี้นะไปเที่ยวให้เต็มที่ พ่อดูร้านเอง ไม่เป็นไร” ผมพูดคุยกับพ่อพักใหญ่สอบถามอาการป่วยของแม่  ซึ่งดูๆแล้วก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไรเพราะไปหาหมอตามนัดอย่างสม่ำเสมอ   เว้นเสียแต่ว่าดูแม่ไม่มีกำลังใจเอาเสียเลย เหมือนคนหมดอาลัยในชีวิต พ่อเลยดูเหงาๆไปด้วยไม่ดูสนุกสนานเหมือนตอนที่คุยกับไอ้ใหญ่

บรรยากาศในบ้านที่มีแต่คนป่วยมันทำให้จิตใจห่อเหี่ยวจริงๆครับ  ผมพอเข้าใจความรู้สึกของไอ้ใหญ่  ขนาดผมมานั่งคุยไม่นานผมยังรู้สึกถึงความไม่สบายใจที่รุมล้อมอยู่รอบๆกายเลย
“ไงมึงหลอกอะไรพ่อแม่กูบ้าง  พ่อ แม่อย่าไปฟังมันมากนะมันขี้โม้” ไอ้ใหญ่คงจัดการสั่งงานเรียบร้อยแล้วมันเลยตามมาหาผม
“ไม่ต้องหลอกพ่อแม่มึงก็รักกูแล้ว แล้วนี่มึงทำงานเรียบร้อยแล้วเหรอ”

“อืม..ไปกันได้แล้ว พ่อ..ผมจะพาเพื่อนไปเที่ยวก่อนนะ ฝากร้านด้วยแล้วกันนะพ่อ ถ้ามีอะไรด่วนๆก็โทรหาผม ผมคงเที่ยวอยู่ในเมืองนี่แหล่ะ เพื่อนมันงานยุ่งมาได้แค่วันเดียว ไปไหนไกลๆไม่ทันหรอก”มันยังไม่วายแอบกัดผม  จนผมชักไม่แน่ใจว่าที่ผมมาได้แค่วันเดียวมันถูกหรือผิดกันแน่ หรือคนอย่างผมจะทำอะไรก็ผิดไปหมด
******************************************
ยาวไปมั้ยเนี่ย มันตัดตอนไม่ลงจริงๆ เอิกซ์ซซซซซซ :z10:

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
ไม่ยาว ยิ่งยาวยิ่งดี  :z1:

ออฟไลน์ pukpra

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-0
ตามอ่านรวดเดียวเลยค่ะ เรื่องราวน่าสนใจ ใช้ภาษาเข้าใจง่าย รวมแล้วชอบมาก ๆ ค่า  o13
จะติดตามต่อไปนะค้า
+1 ให้ค่า เรื่องสนุกมาก ๆ ค่า

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
เย้ๆๆๆๆๆๆ  หายงอนกันแล้ว 

ต่างคนก็ต่างคิดคนละมุมอ่านะ เลยเข้าใจผิด

แต่ตอนนี้เข้าใจกันแล้ว  อย่างน้องใหญ่ก็รู้ว่าฝันตั้งใจมาหาจริงๆๆ

ไม่ใช่ไม่สำคัญ แต่เพราะสำคัญมากต่างหาก :z2:

ชอบๆๆ  เรื่องนี้  :man1:  มะไหร่จะเปิดใจกันซะทีน้า 

เราว่าฝันก็ชอบใหญ่อยู่เหมือนกัน แต่เพียงแต่ยังไม่รู้&เข้าใจหัวใจตัวเองก็เท่านั้น 

ทั้งที่ใหญ่มีอิทธิพลต่อฝันมากขนาดนี้   :impress2:



 แอร๊ยยยย ไม่อยากให้เศร้า
ชอบเวลาสองคนกุ๊กกิ๊กกันน่ารักมากมาย :-[


 o13  ยกโป้งให้คนเขียนเหมือนเดิม เ



สู้ๆๆค่ะ  รอตอนต่อไป  อิอิ อยากอ่านแย้วววว


ปล. อยากให้ฝันอยู่กะใหญ่นานๆๆเหมือนกัน เฮ้อออไม่น่าลาได้แค่วันเดียวเลย :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






namtaan

  • บุคคลทั่วไป
เข้าใจกันซะที
ไม่งั้นเสียความรู้สึกกันทั้งคู่
ฝันมีอาการใจสั่นซะด้วย แต่ก็ยังไม่เข้าใจตัวเองอยู่ดี
แต่ใหญ่คงรู้ใจตัวเองนานแล้ว ไม่งั้น ไม่เศร้าขนาดนี้
บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
เมื่อเช้าถูกจิ้ม ตอนดึกจิ้มคืน น้องสาว  ^^

กลับมาเข้าใจกันแล้ว ไปไหว้พระจะอธิฐานอะไรน้า เจ้าใหญ่เนี่ย

รอฉบับที่ 10 ครับ +1 ให้เป็นกำลังใจครับ

ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
 ว้าว เข้าใจกันแล้ว เจ้าใหญ่เสียน้ำตาอีกแล้ว:กอด1:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :m15: :m15: :m15:
บรรยากาศท้ายๆตอนมันเศร้าๆจังอ่านแล้วเศร้าตาม
เรื่องราวไม่รู้จะเป็นยังไงต่อไปรู้แต่สองคนยังไม่รู้จักกันดีพอแน่ๆ
เพราะแม้แต่หัวใจตัวเองยังไม่ค่อยจะรู้เลย
แล้วจะรออ่านยาวๆน๊า(ตอนนี้แอบสั้นไปหน่อย อิๆ)
นิว

mecon

  • บุคคลทั่วไป
คนอ่านรักเพื่อนใหญ่จัง เพื่อนใหญ่ทั้งน่ารักและน่าทะนุถนอม
กอดเอวเพื่อนร้องไห้ฟูมฟาย จะขาดใจได้น่าสงสารมากๆ
โธ่ๆพ่อคุณ น้อยใจเพื่อนก้อสารภาพว่าน้อยใจน่ารักจริงๆ
ส่วนเพื่อนฝัน หึหึ เราว่าฝันที่มองว่าใหญ่อ่อนแอกว่าสมัยก่อนอ่ะ
เราว่าไม่ใช่หรอก แต่เป็นใจฝันมากกว่าที่สัมผัสความอ่อนแอที่ใหญ่
มีมาเสมอได้ต่างหากล่ะ คนเรา ถ้ารู้สึกและใส่ใจอารมณ์ของอีกฝ่ายอ่ะนะ
เราจะรู้สึกได้เลยว่า คนที่เรารักถึงแม้ว่าจะในฐานะเพื่อนตายก้อตามอ่ะ
เราจะหยั่งความรุ้สึกและมีอารมณ์ร่วมตามได้มากมายกว่าที่คิดไว้
น้องออมเนี่ย เป็นใครกันนะ เป็นน้องบุญธรรมอะไรแบบนี้รึป่าว
เอามาแทนน้องสาวตัวเองไงเนอะ พ่อกับแม่จะได้ไม่เหงาด้วยอ่ะ

+1จัดให้คะ ชอบมากมาย :กอด1:

ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
โธ่ใหญ่เพื่อนลามาได้วันเดียว ไหงกลับเข้าใจไปได้โน่น น่าจะซาบซึ้งน้ำใจเพื่อนว่างานยุ่งวันเดียวก็ยังอุตสาห์มา เชียงใหม่ไม่ใช่หน้าปากซอย จะได้ไปมาง่ายๆ เง้อ

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
วันนี้เล้าด๋อยๆเนอะ อาการน่าเป็นห่วงจริงๆ :เฮ้อ:
**************************
(ตอนที่ ๑0)

ไอ้ใหญ่พาผมไปเที่ยววัดพระธาตุดอยสุเทพครับ อากาศยามใกล้เที่ยงก็ยังไม่ร้อนมากเท่าไหร่  เนื่องจากวันนี้ไม่ใช่วันหยุดผู้คนจึงบางตา แต่ก็นับว่าไม่น้อยทีเดียวสมกับเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเชียงใหม่ที่ต้องมาให้ได้

“เราจะเดินขึ้นหรือขึ้นรถรางดีฝัน”เดี๋ยวนี้ดอยสุเทพมีรถรางขึ้นไปข้างบนได้ครับ  เป็นทางเลือกสำหรับคนสูงอายุหรือคนที่ไม่อยากเหนื่อยกับการเดินขึ้นบันได 306 ขั้น
ผมยกแขนทั้งสองข้างขึ้นแล้วเบ่งกล้ามโชว์ “เฮ้ยระดับกูแล้ว...แข็งแรงฟิตเปรี๊ยะ ขึ้นกระเช้าทำไม หรือมึงไม่ไหว แค่นี้เองสบายๆ”
ไอ้ใหญ่ไม่ตอบได้แต่หัวเราะ “เออๆๆ...กูจะดุหนุ่มกรุงคนฟิตเปรี๊ยะ  ถ้าไม่ไหวอย่ามาโทษกูนะ กูถามแล้วนะ ให้ทางเลือกมึงไปแล้ว”

ผมไม่พูดคุยโวอะไรอีกเงยหน้ามองบันไดนาคที่ทอดยาวลงมากลืนน้ำลายอีกครั้ง  แล้วบอกกับตัวเองว่าไหนๆก็มาถึงแล้วกะอีแค่บันไดไม่กี่ร้อยขั้นทำไมจะขึ้นไม่ไหว

ผมเดินนำหน้าไอ้ใหญ่ไปก่อน  ช่วงแรกๆอากาศเย็นสบายครับผมเร่งสปีดเร็วหน่อยเพราะแรงยังเยอะอยู่  ผมสังเกตว่าคนเดินขึ้นมีบางตาครับแต่ก็มีคนเดินสวนลงมาเป็นระยะๆมากกว่า   ช่วงที่เราเดินไปช่วงแรกๆยังไม่มีใครพูดอะไรครับต่างมีสมาธิกับการเดิน ผมเดินนำไปได้ระยะหนึ่งเริ่มรู้สึกเหมือนมาคนเดียวมันเงียบเกินไป ได้ยินแต่เสียงหายใจของตัวเองที่มันดังถี่ๆ เริ่มหอบนิดหน่อยแล้วครับ  หันหลังมาดูไอ้ใหญ่มันยังเดินตามผมอีกไกลครับ  แต่มันกำลังถ่ายรูปผมอยู่พอดี

“อ้าวจะถ่ายรูปก็ไม่บอกกูจะได้หันหน้ามา แปลกคนนะมึงใครเค้าถ่ายด้านหลังกัน”
ไอ้ใหญ่ยิ้มกว้างตะโกนตอบผมมา “ก็กูทำได้แค่มองมึงข้างหลังนี่ว่า จะให้ทำยังไง”
ผมเลยได้โอกาสหยุดพักเหนื่อยโดยการตะโกนคุยกับไอ้ใหญ่“ก็มึงก็เดินตามมาเร็วๆซิ ช้าแบบนี้กูไม่รอนะ”
“ไม่เป็นไรมึงไม่ต้องรอ  แค่กูรู้ว่าปลายทางมึงต้องอยู่ตรงนั้น แค่นี้กูก็ไม่กลัวอะไรแล้ว”

“มึงไม่กลัวว่าปลายทางไม่มีกูเหรอ ถ้ามึงตามมาช้ากูอาจไม่อยู่แล้วนะ” ผมหยุดยืนรอยังไม่เดินต่อขณะที่เราคุยกันอยู่  ไอ้ใหญ่มันเดินขึ้นบันไดมาเรื่อยๆเหมือนไม่รู้สึกเหนื่อยเลย
“กูรู้ว่ายังไงมึงต้องรอกูแล้วหยุด  รอ....จนกูตามมึงทัน”พอมันพูดจบมันก็มายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้วครับ  มันยกกล้องขึ้นถ่ายรูปผมอีกใบทันที  ผมยังไม่ทันตั้งตัว  เลยเก็กหน้าหล่อไม่ทันเพราะแอบยืนหอบอยู่ด้วยความเหนื่อย แววตาของมันที่มองมาแรงกล้าจนผมกลับเป็นคนต้องหลบสายตาเสียเอง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องหลบ

“เห็นมั้ย..ในที่สุดมึงก็หยุดรอกู  จนกูเดินตามมึงทัน”ผมเงยหน้ามองหน้ามันอีกครั้ง  ตอนนี้หน้ามันแดงระเรื่อคงเพราะเดินขึ้นบันไดมาหลายขั้น  ใบหน้าของมันดึงดูดใจผมจนไม่อาจละสายตาไปในทันทีได้ ผมเงียบไปชั่วขณะยังคงคิดถึงคำพูดที่แฝงความหมายบางอย่างในนั้น ไม่รู้ว่าจะพูดต่อว่าอย่างไรดี ผมไม่รู้ว่าเรากำลังคุยเรื่องเดียวกันหรือเปล่า ดูเหมือนเราต่างจะเข้าใจว่าจริงๆแล้วมันหมายถึงอะไร แต่คิดตรงกันรึเปล่านี่ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ

เรายืนให้ลมเย็นๆพัดจนคลายเหนื่อยไม่นานนัก  แล้วไอ้ใหญ่ก็พยักหน้าเป็นสัญญาณให้เริ่มเดินต่อ  แต่ผมยังคงกระพือเสื้อให้คลายร้อนเป็นสัญญาณเหมือนกันว่ายังเหนื่อยอยู่ ไอ้ใหญ่ยิ้มกว้างประกายตาสดใส
 “มึงเหนื่อยแล้วล่ะซิ หน้าแดงเหงื่อซกเลยนะมึง แล้วทำมาคุย”ไอ้ใหญ่เอื้อมมือมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากผมอย่างอ้อยอิ่ง เรามองตากันนิ่ง ผมรู้สึกถึงความสับสนในใจที่อธิบายออกมาไม่ถูก ก่อนที่มือของผมจะจับมือของไอ้ใหญ่ไว้ “เราต้องขึ้นอีกหลายขั้น ไปต่อกันเถอะ”

ผมหันหลังกลับเดินขึ้นบันไดต่อไป คราวนี้ไอ้ใหญ่เดินขึ้นมาเคียงคู่ไปกับผมเราเดินคู่กันไปเงียบๆ ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดในใจของตนเอง เดินต่อมาอีกหน่อยผมเริ่มเหนื่อยจนต้องหยุดขณะที่ไอ้ใหญ่เดินนำขึ้นไปก่อนสองสามขั้นถึงรู้ว่าผมหยุดพัก “อ้าวเหนื่อยอีกแล้วเหรอมึง ไหนว่าฟิตเปรี๊ยะ นี่ยังไม่ถึงครึ่งเลยนะ”

“เออดิ ร้อนว่ะ..ขนาดบนดอยทำไมร้อนไปได้เนี่ย มึงขึ้นล่วงหน้าไปก่อนเลยไม่ต้องรอกู เดี๋ยวกูตามไป”ผมอยากจะพักให้นานซักหน่อยค่อยเดินต่อไปครับ   มองขึ้นไปดูแล้วยังเหลืออีกว่าครึ่งจริงๆ ตอนนี้หัวใจผมเต้นแรงตามประสาคนไม่ได้ออกกำลังกายมานาน   รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นตุ๊บๆแรงกว่าปกติจนผมรู้สึกได้

“ถ้ามึงอยู่ข้างหลัง กูก็ต้องลงมาหามึงซิ ยังไงกูก็ทิ้งมึงหรอก เหมือนที่มึงไม่ทิ้งกู”ไอ้ใหญ่เดินลงมาหาที่ผมยืนอยู่
“มึงจะขาดทุนนะเดินขึ้นไปแล้วต้องเดินย้อนลงมา เหนื่อยฟรี”
“มันไม่มีคำว่ากำไรขาดทุนสำหรับมึงหรอก”ไอ้ใหญ่หยุดยืนเอนตัวพิงราวบันไดนาค  หยุดพักรอข้างๆผม
“เราไม่ต้องรีบนี่ วันนี้เรามีเวลาทั้งวัน กว่ารถจะออกก็กลางคืน หนึ่งวันที่มึงมามันไม่มากก็จริง  แต่มันก็ไม่น้อยสำหรับกูจนเกินไปนะ” 

ผมเลยต้องเหน็บมันกลับไปบ้าง“หึหึ ไม่น้อยจนเกินไปแต่ใครก็ไม่รู้โกรธกูแทบจะเป็นจะตายที่มาวันเดียว”
ผมนึกแล้วก็ขำ บางทีขนาดเราอายุ20กว่าแล้ว เรียนจบจนทำงานกันแล้ว แต่เราก็ยังมีอารมณ์แบบเด็กๆอยู่เลย โดยเฉพาะเมื่อเราอยู่กับเพื่อนรักของเรา 

ไอ้ใหญ่มันไม่ว่าอะไรครับแค่เหวี่ยงหมัดมาตุ๊ยท้องผมเบาๆเท่านั้นเอง แล้วก็ทำหน้าเขินๆ “มึงอย่าพูดมาก หายเหนื่อยรึยังจะได้ไปต่อ”
ผมถึงกับต้องหัวเราะออกมาดังๆเมื่อเห็นหน้าไอ้ใหญ่ในตอนนี้  ก็มันหน้าแดงน่ะซิครับมันคงอายที่ทำเรื่องงี่เง่าไว้กับผม พอมันเห็นผมหัวเราะมันเลยเดินขึ้นบันไดไปก่อนเลยครับ ไม่ยอมรอผมแล้ว
ผมตะโกนถามมันทั้งที่ยังยิ้มค้างๆอยู่นี่แหล่ะครับ ขำไอ้ใหญ่ที่มันเขิน“อ้าวไหนว่าจะรอกูไง ทำไมหนีไปแล้วล่ะ กูยังไม่หายเหนื่อยเลย กูไม่ใช่สิงโตเดอะสตาร์นะเว้ยจะได้ไปต่อ”

“ไอ้บ้า ...ไม่รอแล้ว มึงตามกูมั่งแล้วกัน”มันหันกลับมาตอบผมทำหน้ายู่ใส่ผมแล้วยกหมัดให้ ผมเลยวิ่งตามไปจนทันมัน แล้วหันไปบอกมันว่า “ไม่เป็นไรถ้ามึงนำกูก็จะตาม  ถ้ากูนำกูก็จะรอ”
“ยังไงกูก็ไม่ให้มึงหนีไปไหนหรอก กูก็อยู่ข้างมึงอยู่แบบนี้แหล่ะ”
 ไอ้ใหญ่หันมามองหน้าผมแล้วยิ้มตอบ ไม่มีคำพูดใดๆระหว่างเราอีกจนกระทั่งเราเดินไปถึงพระธาตุ  อาจจะเป็นเพราะเราเหนื่อยกับการเดินขึ้นบันได หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเราได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจของเราไปจนหมดแล้วก็ได้

ผมไหว้พระ  ปิดทอง  ทำบุญ  เดินเวียนรอบพระธาตุ เสี่ยงเซียมซี  เคาะระฆัง ชมวิวในมุมสูงของเมืองเชียงใหม่แล้วจึงมานั่งชมพระธาตุอยู่เงียบๆกับไอ้ใหญ่ที่ระเบียงวัด   ผมเคยเข้าวัดหลายๆแห่งทุกวัดจะให้ความรู้สึกเหมือนๆกันอยู่อย่างหนึ่งคือความสงบ และความเย็นที่มาจากทั้งอากาศภายนอกและความเย็นที่เกิดขึ้นมาจากภายในใจเราเอง  ทุกครั้งที่ไปวัดผมจึงอยากใช้เวลานั่งเงียบๆแล้วซึมซับความเย็นให้เกิดขึ้นในใจผม   

ไอ้ใหญ่เองมันก็รู้นิสัยผมครับเพราะเราเคยไปนั่งที่วัดพระแก้วในกรุงเทพฯกันบ่อยๆ  ผมกับมันจึงไม่เคยมีความคิดที่จะเที่ยวตามแบบสมัยนิยมคือไหว้พระเก้าวัดภายใน1วัน   การเข้าวัดควรจะให้อะไรกับเรามากกว่าจะมาขอพรกับพระหรือทำสถิติว่าได้ผ่านวัดที่มีชื่อเป็นมงคล  ยกมือไหว้พระมาได้แล้วถึง9วัด(ถึงแม้จะอยู่บนรถก็ตาม)

“มึงมาที่นี่บ่อยรึเปล่าใหญ่ กูชอบว่ะ สงบดีนะ ขนาดมีนักท่องเที่ยวมากๆ ทำไมใจกูยังสงบขึ้นมาได้เลย”
ไอ้ใหญ่หันหน้ามาแล้วถอนหายใจก่อนที่จะบอกผมว่า “มึงคงไม่เชื่อ ถ้ากูจะบอกว่า ตั้งแต่กูกลับมาจากรุงเทพฯ กูเพิ่งได้ขึ้นมาไหว้พระธาตุกับมึงนี่แหล่ะ”
มันยิ้มเหนื่อยๆ “ต้องขอบใจมึงที่ทำให้กูได้มา  อยู่ในวัดแล้วใจมันสงบขึ้นเยอะเลย  อย่างที่มึงบอก”
เรานั่งพิงเสาคุยกันเพื่อผ่อนคลายจิตใจให้สบายที่สุด “ถ้ามึงไม่สบายใจ  กูว่ามึงควรต้องทิ้งปัญหาไว้ก่อนบ้าง แล้วมึงก็มาที่นี่ซิ  มานั่งสำรวมกายใจ”
“กูก็อยากทำอย่างนั้น ไว้กูจะทำ”
ไอ้ใหญ่หลับตาพริ้มมันคงกำลังรู้สึกสบาย  ผมว่าลมมันเย็นจนผมเองก็แทบจะอยากล้มตัวลงนอนตรงนี้ ผมเลยได้ใช้เวลาช่วงนี้มองหน้ามันอย่างจริงจังอีกครั้ง  ผมว่ามันผอมลงไป
“มึงมีอะไรอยากจะพูดกับกูมั้ย”

“มี”ไอ้ใหญ่ลืมตาขึ้นมาทันที   แล้วมองหน้าผม ผมรอฟังคำพูดของมันอย่างตั้งใจ

“ขอบคุณนะ”
เราต่างก็มีรอยยิ้มส่งให้กัน  ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่พยักหน้าแล้วพูดเพียงแค่ว่า “อืม ด้วยความยินดี”

กว่าเราจะลงมาจากพระธาตุก็บ่ายกว่าแล้วครับ  อิ่มอกอิ่มใจแล้วแต่ท้องยังไม่อิ่ม ท้องผมเริ่มแสดงออกว่าอาหารมือเช้าได้หมดไปกับการใช้พลังงานในการเดินขึ้นบันไดไปหมดแล้ว ผมนึกขึ้นมาถึงประโยคที่ว่า

"หากมาเชียงใหม่ แล้ว ไม่ได้กินข้าวซอย
             ไม่ได้ขึ้นดอยสุเทพ ก็เหมือนกับว่ามาไม่ถึงเชียงใหม่"

“กูอยากกินข้าวซอย มึงพากูไปกินที”ไอ้ใหญ่พยักหน้า “ได้เลย ไปกัน กูก็หิวเหมือนกัน”

ไอ้ใหญ่พาผมซอกซอนเข้าซอยจนไปทะลุถนนเส้นหนึ่งซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันคือที่ไหนกัน แต่ร้านที่มันพาผมไปกินชื่อ “ข้าวซอยลำดวน” เป็นร้านเล็กๆก็จริงแต่มีลูกค้านั่งเต็มร้านเลยครับถึงแม้จะเป็นเวลาบ่ายมากแล้ว
ผมกับไอ้ใหญ่ใช้เวลาในการกินไม่มากซัดกันไปคนละสามชาม คงเป็นเพราะหิวมากและอีกสาเหตุหนึ่งคืออร่อยมากจริงๆครับ  พอทานอิ่มไอ้ใหญ่ก็ถามผมว่าผมมีแผนอยากจะไปที่ไหนบ้างอีกในเวลาที่เหลืออยู่  มันจะได้วางแผนพาไปให้ถูก

“กูไม่รู้จริงๆว่ะ กูไม่ได้ตั้งใจจะมาเที่ยวนี่ กูแค่จะมาหามึงเท่านั้นเอง”ตอนที่ผมขึ้นรถมานั้นใจผมจดจ่ออยู่ที่มันจริงๆ  ไม่ได้คิดเลยว่าจังหวัดที่ผมจะไปจะมีที่เที่ยวหรือไม่  เพราะต่อให้มันอยู่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ตอนนี้ไม่มีใครอยากจะเสี่ยงไป  ผมก็คงจะไปหามันอยู่ดี
“งั้นเราไปที่ไหนดี มึงอยากจะซื้อของฝากกลับบ้านรึเปล่า”ผมส่ายหน้า ผมไม่สนใจที่จะซื้อของจริงๆ  อีกเหตุผลหนึ่งคือไม่มีใครรู้ด้วยว่าผมมาที่นี่แล้วผมจะซื้อของไปฝากทำไมให้เค้ารู้ ไอ้ใหญ่ทำสีหน้าครุ่นคิด  กลายเป็นปัญหาของมันไปแล้วว่าเราจะไปที่ไหนกันดี

 “งั้นเดี๋ยวกลับบ้านกูก่อน ไปเปลี่ยนเป็นรถมอเตอร์ไซด์ กูจะขี่รถพามึงชมเมืองเชียงใหม่ไปทั่วๆ” ผมพยักหน้าเห็นด้วย ก็ดีเหมือนกัน มันว่าไงก็ต้องว่าตามกันอยู่แล้วครับ  ยังไงๆวันนี้ก็คงมีเพียงผมกับมัน ผมอยากใช้เวลากับมันให้มากที่สุด
************************************
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเช่นเคยค่ะ :L2:

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
^
^
แต่ละประโยคที่คุยกัน สื่อความนัย o13 :z2:

 :L2: ให้กำลังใจค่ะ !+1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2009 14:32:21 โดย Ak@tsuKII »

mecon

  • บุคคลทั่วไป
การี๊ดดด เพื่อนใหญ๋เพื่อนฝัน น่ารักมากมายอ่ะคะ
โชว์พลังค.เป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์ได้แมนแท้เสียเหงื่อไปหลายเลยเนอะ
ใหญ่น่ารักที่สุด “มันไม่มีคำว่ากำไรขาดทุนสำหรับมึงหรอก”
>ใช่สำหรับเพื่อน สำหรับคนที่เรารู้สึกว่ารักเกินคำๆนั้น ไม่มีคำว่าขาดทุนอีกแ้ล้ว
กับการที่ได้มาพบเจอกันอีกครึ่งนึง หรือจะรอคอยนานแค่ไหนก้อตามมันคุ้มแสนคุ้มต่างหาก :-[
ได้ใจหลายประโยคเลยนะเนี่ยเพื่อนใหญ่ “ไม่เป็นไรมึงไม่ต้องรอ  แค่กูรู้ว่าปลายทางมึงต้องอยู่ตรงนั้น แค่นี้กูก็ไม่กลัวอะไรแล้ว” >>  :monkeysad: รักนุ้งใหญ่

แค่คำพูดไม่กี่คำมันบอกทุกสิ่งทุกอย่างของค.รู้สึกระหว่างกันได้เลยนะเนี่ย
ไม่ต้องใช้คำพูดมากมายแต่มันทำให้การสื่อสารชัดเจนมากทั้งสายตาและการกระทำ :กอด1:
เด๋วนุ้งใหญ่จะพาสก๊อยทัวร์เมืองเชียงใหม่ อิอิ
+1 จัดให้คะ เลิศ!!1 o13

ออฟไลน์ zingiber

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-4
แต่ละประโยคที่คุยกันเนี่ย แบบว่า....ได้ใจสุดๆ  o13


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
ความนัยสุดๆเลยแต่ละประโยค

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ที่สุดแล้วก็ยังไม่มีความจริงที่อยากจะพูดหลุดออกมาจากปากของเพื่อนรัก

แล้วสภาพการแบบนี้จะอีมครึมต่อไปอีกนานแค่ไหน

+1 ให้เป็นกำลังใจ ให้กล้าพูดกล้าทำในสิ่งที่อยากทำ

รอฉบับที่ 11 อย่างใจจดใจจ่อ :z2:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 o13 o13 o13
ตอนนี้เป็นตอนที่มีความหมายมากในการจับความรู้สึกของแต่ละคน
ด้วยความนัยที่ต่างฝ่ายต่างสื่อถึงกันผ่านคำพูดง่ายๆ
ถ้ามึงนำกูก็จะตาม ถ้ากูนำกูจะหยุดรอ...
มันไม่มีคำว่ากำไรขาดทุนสำหรับมึงหรอก...
แค่สองข้อความนี้ก็กินใจความสำคัญที่ต้อง การจะถ่ายทอดได้เป็นอย่างดีแล้ว
จะรออ่านตอนต่อไป ตอนที่รู้ว่าทั้งคนต้องได้ไปเที่ยวด้วยกันต่อ อิๆ
นิว


morrian

  • บุคคลทั่วไป
เป็นการพบกันที่น่าประทับใจจริงๆ

ทั้งสองเป็นส่วนเติมเต็มของกันและกัน

 :กอด1:

รออ่านตอนต่อไปนะค้าบ

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
ใหญ่คงอึดอัดมากๆ ที่ต้องเก็บซ่อนความในใจบางอย่างไว้
จะพูดให้ชัดเจนออกไปก็กลัวจะเสียเพื่อนรักเพราะความรักเพื่อน
ฝันเองก็ยังไม่เข้าใจ แม้จะรู้สึกดีๆบ้างก็ตาม
จะมีวันได้เข้าใจและมีใจตรงกันบ้างมั้ยหนอ
บวก 1 แต้มนะคะ ชอบตอนนี้มากค่ะ

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
มาถึงตอนที่๑๑แล้ว อ่านต่อกันเลยค่ะ :really2:
******************************
(ตอนที่๑๑)

เรากลับไปที่ร้านอีกครั้ง ใหญ่ต้องใช้เวลาเคลียร์งานอีกนิดหน่อยแล้วเราก็ออกมากันอีกรอบ  พ่อของใหญ่ก็ไม่ได้ว่าอะไร  ไอ้ใหญ่เองก็ดูร่าเริงดีตามประสาคนได้โดดงานน่ะครับ  ผมยังไม่เคยเห็นใครโดดงานแล้วไม่มีความสุขซักคน ตอนที่เราจะออกมา  พ่อยังมายืนส่งพวกเราด้วย แล้วสั่งเหมือนเรายังเป็นเด็กๆ
“อย่าขับเร็วนะใหญ่ มีเพื่อนไปด้วยระวังๆล่ะ”  ผมเลยสงสัยว่ามันต้องชอบขี่มอเตอร์ไซด์เร็วๆแน่นอนพ่อถึงต้องมาเตือน
 “มึงมาซ้อนท้ายกูมา จับกูให้แน่นๆ อย่าปล่อยกูไปล่ะ”

ผมเองไม่เคยขึ้นมอเตอร์ไซด์ซักที ใส่หมวกกันน็อคเก้ๆกังๆ จนมันต้องมาใส่เข็มขัดรัดคางให้  ผมออกจะตื่นเต้นนิดหน่อย
 “กูกลัวว่ะ มึงอย่าขี่เร็วนะ”
“เออน่าเชื่อมือกูเหอะ ทำเป็นป๊อดดไปได้”แต่มันก็หลอกให้ผมตายใจครับ ไอ้ใหญ่ออกตัวรถอย่างรวดเร็วแกล้งจนผมเกือบหงายหลัง ผมเลยต้องรัดเอวมันไว้แน่นด้วยความกลัว   แล้วโวยวายออกมา
“เชี่..ใหญ่  ขับซะเร็วรู้ๆอยู่ว่ากูกลัว”เสียงมันหัวเราะดังมาแว่วๆ   คงดีใจที่ทำให้ผมเสียฟอร์มได้ แล้วยังหันหน้าจะมาชวนผมคุยอีก

“ไม่ยักรู้ว่ามึงกลัวความเร็ว เห็นชอบเลวๆๆ” ผมเลยยิ่งกลัวขึ้นไปอีก  คนขับหันเล่นหน้าหันหลังคุยไปแบบนี้ กลัวมันจะขับไปชนอะไรซะก่อน  ผมเลยตะเบ็งเสียงตอบมันไปว่า
“กูคงได้เลวๆแน่ ถ้ามึงยังแกล้งกูแบบนี้ ลงจากรถเมื่อไหร่น่าดูนะมึง ขับไปดีๆไม่ต้องหันหน้ามา”
“ก็กูกลัวมึงไม่ได้ยินนี่นา”มันยังหันมาอีกครับ
“ไม่ต้องหันมา   กูได้ยิน งั้นกูอยู่ใกล้ๆมึงแบบนี้ก็ได้”ผมกอดเอวมันแน่นขึ้นจนลำตัวแนบชิดกับมันแล้วเอาหน้าไปเกยไหล่ใกล้ๆกับหน้ามันแต่ขัดที่หมวกกันน็อคมันเกะกะ  แต่หน้าเราก็ใกล้กันจนผมเห็นแก้มแดงๆของไอ้ใหญ่ที่ตอนนี้แดงไปจนถึงใบหู
 “มึงไม่ต้องใกล้กูขนาดนี้ก็ได้ กูไม่พูดแล้ว”
ผมไม่ตอบอะไรแต่กลับกอดมันแน่นยิ่งขึ้น ไม่อยากจะขยับเปลี่ยนท่าอะไรอีก

เราใช้เวลาขี่รถวนเวียนชมรอบเมืองเชียงใหม่จนค่ำ  เชียงใหม่เป็นเมืองใหญ่ที่มีผู้คนมากมายพลุกพล่านไม่แพ้กรุงเทพฯ  ไปที่ไหนก็มีแต่คนมากๆ ผมเลยไม่ค่อยรู้สึกแตกต่างจากเมื่ออยู่กรุงเทพฯเท่าไหร่  จะต่างกันก็แค่ผมไม่ได้ซ้อนท้ายวิน
มอเตอร์ไซด์ แต่ผมซ้อนท้ายไอ้ใหญ่  เราคุยเรื่องทุกเรื่องที่เราสบายใจ เรื่องเพื่อนๆเรื่องงานที่เราขำๆ

ไอ้ใหญ่พาผมไปกินอาหารอร่อยๆหลายอย่างในเมืองเชียงใหม่จนผมจุกไปหมด ในตอนนี้สมองผมว่างเปล่าไม่มีเรื่องอะไรต้องคิด ไม่มีอะไรต้องห่วงอีกมีเพียงผมกับมันเท่านั้น  เราคงจะลืมทุกคนที่อยู่เคยรอบกายเรา  ไม่มีใครพูดถึงเวลากลับของผมทั้งที่มันใกล้เข้ามาทุกที จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นมาระหว่างที่ผมกำลังทานข้าวเย็นอยู่  ไอ้ใหญ่พยักหน้าให้ผมรับสาย  ผมดูชื่อสายที่โทรเข้ามา เป็นอ้อยนั่นเองครับ
“ฝัน..เธอไม่มาเรียนเหรอวันนี้ ทำไมยังมาไม่ถึงล่ะ”ผมเงียบไปชั่วขณะ ไม่อยากโกหกอ้อย
“วันนี้เราไม่ไปนะอ้อย  เอ่อ...”ผมหันไปมองไอ้ใหญ่  มันไม่ได้มองผมที่คุยโทรศัพท์อยู่ก็จริง แต่ผมรู้ว่ามันได้ยินทุกถ้อยคำที่ผมพูด “ไว้เจอกันพรุ่งนี้แล้วกัน มีอะไรรึเปล่าครับ”

“อ๋อ...ไม่มีอะไร เราแค่สงสัย ปกติฝันไม่ค่อยโดด เลยกลัวว่ามีเรื่องอะไรรึเปล่า แล้วไปหาหมอมาหมอว่าไงบ้าง”
“อืม..ไม่มีอะไรหรอกเราหาหมอเสร็จก็มาทำธุระนิดหน่อยเลยกลับไปเรียนไม่ทัน” ไอ้ใหญ่สบตาผมผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไร แต่ผมยังไม่อยากคุยโทรศัพท์กับอ้อยต่อ ผมอยากใช้เวลาก่อนกลับกับเพื่อนให้มากที่สุด
“แค่นี้ก่อนนะอ้อย ผมทานข้าวอยู่ แล้วเจอกันครับ” ผมวางสายทันทีแต่ยังทันได้ยินเสียงอ้อยที่ตอบกลับมาว่า “โชคดีจ๊ะ”

“อ้อยเหรอ?” ไอ้ใหญ่ถามผมทั้งๆที่มันรู้อยู่แล้ว หรือว่ามันไม่ได้ต้องการคำตอบจริงๆ เป็นเพียงแค่การชวนคุยเพื่อทำลายความเงียบเท่านั้นเอง ผมเลยพยักหน้าตอบไปแล้วกินข้าวต่อ
“อ้อยเป็นคนดีนะ” ผมเงยหน้าขึ้นทันที ไม่เข้าใจสิ่งที่ไอ้ใหญ่กำลังจะพูด ไอ้ใหญ่มันพูดไปยิ้มไป
 “กูจะดีใจมากถ้ามึงกับอ้อยจะเป็นแฟนกันเสียที” แววตาของไอ้ใหญ่ดูจริงใจกับทุกคำที่มันพูด แต่ผมกลับรู้สึกอึดอัดใจ   ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ผมสงสัยว่าอ้อยอาจจะมีใจให้ไอ้หนุ่ย แต่ผมรู้แค่ว่าผมไม่ชอบที่ไอ้ใหญ่พูดแบบนี้

“กูไม่อยากพูดเรื่อง..คนอื่น...ตอนนี้”ผมตัดบทไม่อยากคุยเรื่องนี้อีก แต่ไอ้ใหญ่กลับไม่ยอมจบ
“ทำไมล่ะ..ก็มึงชอบอ้อยมากนี่..ทำไม” ผมไม่อยากตอบมัน เพราะผมเองก็ไม่รู้ใจตัวเองเหมือนกันว่าตอนนี้ผมรู้สึกกับอ้อยแค่ไหน ผมกินข้าวหมดจานพอดีในขณะที่ไอ้ใหญ่กินข้าวหมดไปแค่ครึ่งจาน
“ทำไมมึงไม่กินข้าวก่อน เลิกพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องซะที” ดูเหมือนผมดุไอ้ใหญ่ไปแล้ว มันก็คงดูออกว่าผมรำคาญที่มันยังคงเซ้าซี้พูดไม่เลิก

 ไอ้ใหญ่ถอนหายใจ “มึงก็เป็นซะแบบนี้”
“กูก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว  หรือมึงไม่ชอบล่ะ”ไอ้ใหญ่ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป ผมนึกว่ามันจะไม่ตอบคำถามที่ผมถามมัน แต่มันก็ตอบ....ถึงแม้มันจะไม่ยอมเงยหน้ามองผมเลยก็ตาม
“ชอบซิ.... นิสัยมึงแบบนี้กูก็ยังชอบ”

เสียงไอ้ใหญ่ไม่ดังก็จริง มันพูดเบากว่าปกติด้วยซ้ำ แต่ผมก็ได้ยินชัด ผมรู้สึกเหมือนตัวชาๆแต่ก็มีความสุขกับคำตอบมัน  จนไม่รู้ตัวว่าผมกำลังยิ้มอยู่ มันเองก็คงไม่รู้ตัวว่ามันหน้าแดง  ไฟข้างถนนไม่สว่างมากก็จริงแต่ผมก็ยังเห็นอยู่ดีว่ามันหน้าแดง
“.......”ทั้งผมและมันต่างก็เงียบ ผมตัดสินใจให้ช่วงเวลาที่ต่างคนต่างเงียบหมดไป

“มึงกับกูก็เหมือนกัน..นิสัยเลวๆที่มีเหมือนกันหมด...พอกัน” ผมพูดไปก็หัวเราะไป  มันก็หัวเราะ แต่ฟังดูก็รู้ว่าเสียงหัวเราะของเรามันก็เพียงอาการแก้เขินเท่านั้นเอง ก็ผู้ชายสองคนมาพูดอะไรแปลกๆแบบนี้นี่ครับ
“มึงซินิสัยเลว..กูไม่มี…ไอ้ฝัน” มันเงยหน้ามามองผมเอากำปั้นชกเบาๆที่ไหล่ผม แล้วเราหัวเราะด้วยกันอีกครั้ง แล้วเสียงโทรศัพท์ของมันก็ดังขึ้นมาบ้าง มันบอกผมว่า “พ่อกูโทรมา”
ผมพยักหน้าให้มันรับ แต่ทันทีที่รับสายมันก็ขมวดคิ้วทันที
“ครับ...ผมลืมสนิทเลย”ไอ้ใหญ่ทำสีหน้าไม่ดีเลยครับ “แล้วใครไปรับ...นุ่นใช่มั้ย...โอเค”
“ให้ผมคุยกับน้องออมเองครับ...”ผมเริ่มเครียดขึ้นมาบ้าง อยู่กับมันทั้งวันแต่ผมลืมถามมันไปเลยว่าตกลงน้องออมคือใคร
“.อย่าร้องไห้นะคะ....โอ๋ๆๆๆ....ขอโทษนะคะ....รักซิคะ..จริงๆ.”

ไอ้ใหญ่หันหลังให้ผมก็จริง แต่ผมก็ได้ยินทุกถ้อยคำที่มันพูด น้องออมคงเป็นคนที่มันแคร์จริงๆ
“เอาขนมอะไรมั้ยคะ ...เดี๋ยวซื้อไปชดเชยนะคะ...ไม่โกรธกันนะ..ดีกันแล้วนะคะ”
ผมอยากเดินไปไกลๆไม่อยากรับรู้ไม่อยากได้ยินอะไรอีก  ก็คงเป็นเหมือนผู้หญิงคนก่อนๆของมันสมัยที่มันมีแฟนอยู่กรุงเทพฯ เพียงแต่มันไม่เคยหวาน ไม่เคยอ่อนโยน และไม่นุ่มนวลขนาดนี้
ทำไมผมรู้สึกเจ็บๆในใจ ผมอาจจะหวงเพื่อนเกินไปจนไม่มีความสุข  ผมกวักมือเรียกเด็กมาเก็บค่าอาหาร ดูนาฬิกาเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถทัวร์ก็จะออกแล้ว

“ไม่ร้องแล้วใช่มั้ยพ่อ...ผมขอโทษครับพ่อ เดี๋ยวผมจะไปส่งไอ้ฝันเลยคงไม่ได้ไปแวะที่บ้านก่อน”ไอ้ใหญ่หันหน้ามาพอดี ผมฝืนใจส่งยิ้มให้มัน “ขอกูลาพ่อมึงหน่อยซิ” ไอ้ใหญ่พยักหน้า
“พ่อ...ฝันจะคุยด้วย” ไอ้ใหญ่ยื่นโทรศัพท์ให้ผม สีหน้าไม่ค่อยดีนัก
“พ่อครับ ผมขอโทษนะครับ ไม่ได้ไปไหว้ลาพ่อกับแม่ด้วยตัวเอง ขอลาทางโทรศัพท์แล้วกันครับ”
“ไม่เป็นไร เดินทางปลอดภัยนะลูก ขอบใจที่มาเยี่ยมใหญ่มัน พ่อไม่เห็นมันมีความสุข ร่าเริงแบบนี้มานานแล้ว”ผมดีใจที่อย่างน้อยผมก็ทำให้เพื่อนมีความสุขขึ้นมาได้บ้าง  ถึงแม้จะไม่มากเท่าที่ควรก็ตามที

“บอกใหญ่นะว่าน้องออมไม่ร้องไห้แล้ว  สบายใจได้ คงหายงอนแล้วล่ะ ใหญ่มันลืมไปรับน่ะ เค้าเลยงอน”ผมพยักหน้ารับรู้ถึงแม้จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกอย่างบอกไม่ถูก
“งั้นผมลานะครับพ่อ เดี๋ยวไปขึ้นรถแล้ว”
 “โชคดีนะลูก มีเวลามาใหม่นะ”ผมวางสายจากพ่อด้วยใจที่หนักอึ้ง แต่ก็บอกไอ้ใหญ่ตามที่พ่อฝากบอกมา
“พ่อบอกว่าน้องออมไม่ร้องไห้แล้ว คงหายโกรธแล้ว”มันยิ้มอย่างดีใจ  สีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ค่อยยังชั่วหน่อย..กูลืมม....”ผมไม่ปล่อยให้มันพูดหรือเล่าอะไรต่อ  เวลาของเราหมดแล้ว

“เราต้องรีบไปแล้วใหญ่   รถจะออกแล้ว”ผมเดินไปที่รถเอาหมวกมาใส่ไอ้ใหญ่เอื้อมมือมาจะช่วยผมใส่เหมือนเคย แต่ผมปัดมือมันออก
“ไม่ต้อง..”ไอ้ใหญ่หน้าเสียทันที ผมเลยรู้สึกตัวว่าผมพูดห้วนเกินไปแล้ว ผมเริ่มคุมอารมณ์ไม่อยู่จริงๆ ไม่รู้ว่าอยู่ดีๆก็หงุดหงิดขึ้นมาได้ยังไง
“กูใส่เองเป็นแล้ว”ไอ้ใหญ่ไม่พูดอะไรอีกใส่หมวกแล้วก้าวขึ้นรถทันที ผมซ้อนท้ายมันเหมือนเคย แต่ยังลังเลที่จะกอดเอวมันอีกครั้ง ไอ้ใหญ่ยังคงไม่ออกรถจนผมสงสัยต้องชะโงกหน้าไปถามมัน
“ทำไมยังไม่ไป เดี๋ยวไปไม่ทัน”

ไอ้ใหญ่ตอบเสียงเรียบๆมาว่า “มึงยังไม่จับเอวกู เดี๋ยวมึงหล่นลงไป กูไม่มีมึงกลับไปคืนให้อ้อย”
ผมกัดฟันตอบมันไป  “อืม..จริง” แปลกที่ผมหงุดหงิดเมื่อมันพูดแบบนั้นผมเลยแกล้งกอดเอวมันแน่นจนได้ยินมันร้องออกมาเบาๆด้วยความเจ็บ
ไอ้ใหญ่เอามือซ้ายพยายามคลายมือผมออกไม่ให้รัดแน่นเกินไปแต่ผมกลับยึดมือของมันไม่ปล่อยคืนโดยกุมไว้อย่างนั้น ไอ้ใหญ่พยายามดึงมือออกอีกครั้งแต่ผมก็ไม่ยอม มันเลยจำใจต้องขับรถไปทั้งมือเดียวแบบนั้น

 แล้วไอ้ใหญ่ก็ออกรถด้วยความรวดเร็วอีกครั้งทั้งที่ขับมือเดียว ผมกลัวที่จะตกรถจริงๆ  เลยกอดเอวมันแน่นผมบอกตัวเองแบบนั้น  เมื่อออกถนนไปซักพักไอ้ใหญ่เริ่มชะลอความเร็วลง ผมรู้สึกเพลียกับการขี่รถมอเตอร์ไซด์ร่อนไปทั้งวัน เลยเอาหน้าแนบไปกับหลังไอ้ใหญ่เพื่อหยุดพัก  สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างกายมันเลือดเนื้อของมันที่ผมกอดอยู่  ผมรู้สึกสบายจนเกือบจะเคลิ้มหลับไป  ผมไม่รู้ว่ามันชะลอความเร็วลงไปอีกเมื่อไหร่  แต่รู้สึกเหมือนเรากำลังอยากทอดเวลาให้มันช้าลงเพื่อผมกับมันจะได้แยกจากกันช้าที่สุด แต่ความจริงก็คือผมมาถึงที่สถานีรถทัวร์แล้ว เหลือเวลาอีกประมาณ5 นาทีที่ผมจะต้องไป

“เดินทางปลอดภัยนะมึง แล้วเขียนจดหมายมาหากูบ้าง”ไอ้ใหญ่ฝืนยิ้มส่งให้ผม
ผมอยากได้เบอร์โทรศัพท์ของมัน “กูขอเบอร์มึงหน่อย เผื่อกูอยากคุยกับมึง”ไอ้ใหญ่เงียบไปชั่วครู่แต่ก็พยักหน้า ผมถามเบอร์มันแล้วโทรเข้าหาเพื่อให้มันบันทึกเบอร์ไว้ แต่มันก็ยังไม่วายสั่งผมว่า
“มึงอย่าโทรมานะ ไว้กูจะโทรไปเอง”ผมไม่เข้าใจว่าทำไม  แต่ผมก็เชื่อมัน อย่างน้อยผมก็ขออุ่นใจว่ามีเบอร์โทรของมันแล้ว

“ดูแลอ้อยดีๆนะ มีข่าวดีเมื่อไหร่อย่าลืมบอกกู” มันพูดกับผมอีกครั้งก่อนที่ผมจะก้าวขึ้นบันไดรถไป  ผมจุกๆในอกรู้สึกเหมือนมันกำลังยกผมไปให้คนอื่น ผมเลยหันกลับมาบอกมันบ้างว่า
“มึงก็เหมือนกันดูแลน้องออมดีๆ มีข่าวดีก็อย่าลืมบอกกูเหมือนกัน” ผมฝืนยิ้มส่งให้มันพยายามทำเสียงให้ร่าเริงเข้าไว้
“เสียดายวันนี้เลยไม่ได้เจอเพื่อนสะใภ้” ไอ้ใหญ่อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่มันก็ยังไม่พูด มีเพียงแววตาเศร้าๆที่มองกลับมา ในที่สุดมันก็พูดขึ้นมาว่า “น้องออมเค้าเป็น......”

แต่ก่อนที่มันจะพูดต่อจนจบประโยค ผมกลับไม่อยากรับรู้รีบยกมือขึ้นห้ามมันไม่ให้พูดต่อ
 “กูไม่สนใจ..ไม่ต้องบอกกู” เราสบตากันนิ่งเมื่อผมพูดจบ
ไอ้ใหญ่ถอนหายใจอีกครั้ง แล้วรำพึงกับตัวเองมากกว่าที่จะพูดกับผม
“จริงซินะ เราต่างก็มีคนที่ต้องดูแล เรื่องของกูก็ไม่ใช่เรื่องที่มึงต้องสนใจ” พอมันพูดทำนองน้อยใจแบบนั้น ผมอยากจะค้านว่ามันไม่ใช่ ผมไม่ได้คิดแย่ๆแบบนั้น
“กูไม่ได้...”

ไอ้ใหญ่บีบไหล่ผมแล้วส่ายหน้า “รถจะออกแล้วมึงขึ้นไปเถอะ”
ผมเข้าใจแล้วว่ามันรู้สึกยังไงเมื่อมีคนปฏิเสธไม่อยากฟังสิ่งที่เราจะพูด แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เวลามันหมดแล้ว

เวลาของผมกับมันในหนึ่งวันกำลังจะหมดไปแล้วจริงๆ  เหมือนอย่างที่มีคนเคยบอกไว้ว่าเวลาไม่เคยรอใคร  ผมรู้สึกใจหายที่จะต้องแยกจากกันแล้ว  ผมโบกมือให้มันก่อนจะจากไป
“ไปแล้วนะ เจอกันวันรับปริญญานะมึง"
" สัญญานะ”

มันพยักหน้าอย่างหงอยๆ  แล้วผมก็ต้องขึ้นรถไป มันยังคงยืนส่งผมอยู่ข้างล่าง เราโบกมือให้กันจนรถเคลื่อนออกจากอาเขตมันพูดออกมาคำหนึ่งซึ่งผมอ่านจากปากมันได้ มันบอกว่า
“สัญญา....เพื่อน”
**************************
เฮ้อ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
อ่านแล้วหนักใจจังไม่พูดกันให้หมดเปลือกเอาแต่ปิดกันไปปิดกันมา
น้องออม คงจะเป็นหลาน หรืออะไรสักอย่างนี่ละถึงต้องดูแลคอยรับส่ง
แล้วจะรออ่านต่อไป ในที่สุดทั้งคู่ก็ต้องแยกกันละไวจัง
เจอกันไม่ทันไรก็ต้องแยกกันแล้ว นับตอนได้เลยที่อยู่ด้วยกัน
นิว

morrian

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้เศร้าอะ :m15:

ได้แต่รอลุ้น เพราะในเมื่อเจ้าตัวกันเอง

ยังไม่ชัดเจนในความรู้สึกเลยว่า มีใจให้กัน

เกินคำว่า "เพื่อน" รึเปล่า  :เฮ้อ:

รอตอนต่อไปคับผม

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
เก็บไว้ในใจ
พอจะพูดก็ได้แต่เอ่ยออกมาแบบครึ่งๆ กลางๆ ไม่เข้าในกันสักที
แบบนี้เมื่อไรจะเข้าใจกัน
เศร้าแบบอึดอัดจริงๆ
ลุ้นขึ้นมั้ยเนี่ยคู่นี้
ขอบคุณมากนะคะ รออ่านต่อค่ะ


mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: (นิยาย)๑1๑1 จดหมาย
«ตอบ #89 เมื่อ06-09-2009 17:00:44 »

 :sad4: อะไรกันเนี่ย จะจากกันแล้วต่างฝ่ายต่างมีเรื่องต้องให้ขุ่นเคืองกันอีก
ต่างคนต่างคิดกันไปเอง  :เฮ้อ: กำลังจะลากันด้วยดีแล้วไหงเป็นแบบนี้ล่ะ
เพื่อนใหญ่ก้อคิดมากเรื่องอ้อย ส่วนฝันก้องอนไม่เป็นเรื่องๆน้องออม
ใหญ่ก้อปากหนักไปนิดส์ โดนเบรคซะหัวทิ่ม จะอ้าบอกซะหน่อยว่าน้องเอมเป็นอะไรกันตัว
แล้วนี่กะจะไปเจอกันจนกระทั่งรับปริญญารึไงเนี่ย พ่อคู๊น :z3:

+1 จัดให้คะ  o13
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-09-2009 19:44:25 โดย mecon »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด