ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"  (อ่าน 104723 ครั้ง)

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1

น้ำฝนเย็นเฉียบปลุกให้สติของเด็กหนุ่มกลับมาอีกครั้ง  ไม่รู้ว่าเขาหมดสติไปนานเท่าไหร่ แต่เจ็บไปหมดทั้งตัวโดยเฉพาะที่หัวที่ดูเหมือนจะหนักอึ้งและปวดแทบระเบิด  เด็กหนุ่มกัดฟันลุกขึ้นไปยังคฤหาสน์ที่ดับไฟมืดเห็นเป็นเงาตะคุ่มอยู่ข้างหน้า
สายฝนยังตกกระหน่ำไม่หยุดมาตั้งแต่หัวค่ำ  เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นก่อนที่ไฟทั้งบ้านจะดับวูบ   แต่ไม่ถึง 5 นาทีทั้งห้องก็กลับมาสว่างไสวอีกครั้งด้วยการทำงานของเครื่องปั่นไฟ  ริชมองสายฝนอย่างหงุดหงิด  ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไรแต่เขารู้สึกกระวนกระวายอย่างนี้มาตั้งแต่เย็นแล้ว  สังหรณ์ใจแปลกๆทำให้เขานั่งไม่ติด  เสียงคำรามและเสียงเห่าของเจ้าพลูโตแว่วขึ้นมา  แต่ไม่นานก็เงียบไป 
ริชวางแก้วเหล้าลงแล้วเดินไปหยุดยืนที่หน้าต่าง  ฝนที่ตกกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตากับต้นไม้ที่ไหวลู่ไปตามแรงลมบอกถึงความรุนแรงของพายุ  ริชเกือบถอยกลับไปนั่งอยู่แล้วหากไม่เห็นเงาวูบวาบในสวน  ชายหนุ่มชะงักและเพ่งมองอยู่นาน…นานจนไม่แน่ใจว่าเขาตาฝาดหรือไม่  แต่แล้วเงานั้นก็ขยับเคลื่อนไหวอีกครั้ง           
“เจฟ…ดับไฟ”
ไม่ต้องให้สั่งซ้ำ  ไฟในห้องดับวูบทันที  เมื่อในห้องมืด  ภายนอกย่อมสว่างกว่า  ริชหรี่ตามองแล้วเผ่นผึงออกจากห้อง  เจฟฟรี่วิ่งตาม มือแตะปราดที่อาวุธเพื่อความมั่นใจ  ลูกน้องที่อยู่ในห้องโถงชั้นล่างเลื่อนตัวเข้าหาที่บังอย่างเงียบกริบ  แต่ริชไม่หยุดอยู่แค่นั้น...หนุ่มเลือดร้อนพุ่งผ่านประตูด้านข้างออกไปอย่างรวดเร็ว  เจฟฟรี่สบถเบาๆขณะกวดตามไปติดๆ 
สายฝนและลมปะทะจนเจ็บหน้าไปหมด  ริชหลบเข้าหาพุ่มไม้ใหญ่เมื่อเงาที่เขาเห็นกำลังเคลื่อนไหวใกล้เข้ามา  มือที่เลื่อนไปหามีดที่ข้อเท้าชะงักกึกเมื่อเงาตะคุ่มนั้นซวนเซไปมาแล้วถลาล้มลง ฟ้าแลบวาบ…แสงสว่างชั่ววูบส่องให้เห็นว่าเงานั้นค่อนข้างเล็กบาง  เจฟฟรี่หรี่ตาลงอย่างแปลกใจและเคลือบแคลง  ท่ามกลางอากาศแบบนี้ไม่น่าจะมีเด็กที่ไหนมาเดินอยู่แบบนี้แน่  แต่ยังไม่ทันเอ่ยอะไรนายผู้เลือดร้อนของเขาก็พุ่งเข้าหาร่างนั้นแล้ว
ฟ้าแลบสว่างวาบขึ้นเมื่อริชกระชากร่างนั้นจนถลาล้มลงและกดลงกับไปกับพื้น มือที่ถือมีดเลื่อนไปแตะลำคอของคนข้างใต้  ริชตะลึงเมื่อเห็นใบหน้านั้นได้ถนัด         
“ราเชล!” ชายหนุ่มช้อนร่างอ่อนพับไว้กับอก เจฟฟรี่ปราดเข้ามาช่วยแต่
ริชอุ้มร่างบางปลิวเข้าบ้าน  ราเชลเปียกโชกไปหมดทั้งตัวใบหน้าขาวซีดปากเขียวคล้ำ  บอร์ดี้การ์ดคนหนึ่งส่งผ้าขนหนูเนื้อนุ่มผืนใหญ่ให้ทันใจ  ริชห่อร่างเล็กไว้แล้วพาขึ้นชั้นบน 
เสื้อผ้าเปียกชื้นถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว  ร่างเปลือยขาวซีดเพราะความหนาวถูกเช็ดแรงๆเพื่อให้เลือดไหลเวียน  รอยเขียวช้ำที่แขนเรียวทำให้ริชชะงัก  ชายหนุ่มสำรวจด้านหน้าจนทั่วก่อนจะพลิกร่างเปลือยให้นอนคว่ำลง  รอยช้ำสีม่วงปนแดงปื้นใหญ่บนหลังขาวกับรอยบวมปูดบริเวณศีรษะทำให้ชายหนุ่มถึงกับครางออกมาด้วยความสงสาร         
“ราเชล…ราเชล…ฟื้นสิ…ฟื้น…ราเชล…ได้ยินฉันไหม?”         
“คุณริชครับผมเข้าไปนะครับ” เจฟฟรี่เข้ามาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาล  เฝ้ามองนายหนุ่มสำรวจตามศีรษะและแขนขาเรียวอย่างรวดเร็ว  โชคดีที่ไม่มีกระดูกที่ใดแตกหัก  แต่การที่เด็กหนุ่มนอนนิ่งไม่กระดุกกระดิกแบบนี้ก็น่าวิตกไม่แพ้กัน
แม่บ้านเข้ามาพร้อมกะละมังน้ำอุ่นจัด ริชยอมถอยออกมาเพื่อเปิดทางให้คนชำนาญกว่าเขาเข้าไปปฐมพยาบาลราเชลแทน  สีผิวซีดขาวค่อยๆกลายเป็นสีชมพูระเรื่ออีกครั้ง         
“อุ๊ย…ฟื้นแล้วค่ะคุณริช” ริชโจนผึงเดียวถึงเตียง เปลือกตากว้างขยับ ขะยุกขะยิกและค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ  ดวงตาโตมองเหม่อเลื่อนลอย           
“ราเชล…ราเชล…ได้ยินฉันไหม?…ราเชล”         
“ริช…”         
“ใช่ฉันเอง…ดีจังนะที่ยังอุตสาห์จำกันได้”ชายหนุ่มอดเสียดสีไม่ได้ตามเคย         
“ริช…ช่วยด้วย…ริช” ตาลอยๆหรี่แล้วปิดลงอีก  ริชหน้าซีดด้วยความกลัว         
“ราเชล!ไม่นะ…ราเชล..ตื่นสิ…ราเชล!” ชายหนุ่มเขย่าร่างเล็กอย่างลืมตัวแต่เจฟฟรี่เข้ามายึดแขนเขาไว้         
“คุณริชอย่าครับ…คนของเราไปรับหมอแล้ว  อีกครู่คงมา”         
“เมื่อไหร่จะมาล่ะ…รอให้ราเชลตายก่อนหรือไง…ราเชล…ราเชลตื่นสิ” ริช กดจูบกับหน้าผากร้อนจัดและลูบไล้ใบหน้าขาวซีดเบาๆไปทั่ว  ก่อนจะกอดไว้แน่น         
“คุณริชครับใจเย็นๆ”         
“เจฟ…ราเชลจะ…จะเป็นอะไรไหม?”เจฟฟรี่มองหน้าซีดขาวของนายหนุ่มอย่างเข้าใจ  ทิฐิที่เคยมีหายไปหมดเพราะห่วงใยอาการของเด็กหนุ่ม  วงหน้าซีดขาวเมื่อครู่กลายเป็นสีแดงเข้มด้วยพิษไข้ที่กำลังรุมเร้า  อาการหายใจขัดและทุรนทุรายทำให้ริชนั่งไม่ติด         
“เจฟ…เมื่อไหร่หมอจะมา…เจฟ…เร็วหน่อย”         
“หมอมาแน่ครับ…คุณริชออกไปข้างนอกก่อนดีกว่าครับ”
ริชออกมาเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องอย่างกระวนกระวาย  เสียงรถแล่นเข้ามา ไม่นานนักหมอวัยกลางคนก็วิ่งขึ้นบันไดมาโดยมีคนของเขาหิ้วกระเป๋าตามมาติดๆ         
“หมอเร็วราเชลจะแย่อยู่แล้ว”         
“ครับๆ” หมอรับคำหอบๆก่อนจะเข้าไปในห้อง  ริชจำต้องถอยเมื่อแม่บ้านส่ายหน้าไม่ให้เข้าแล้วปิดล๊อคประตู
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง แต่สำหรับริชมันนานแสนนาน  ร้อนรนราวกับนั่งอยู่กลางกองเพลิง  หมอเปิดประตูออกมา  แม่บ้านของเขายังอยู่ข้างใน         
“ราเชลเป็นไงบ้างครับหมอ?”         
“ไข้สูงมาก…ปอดชื้น…คงต้องรอดูอาการคืนนี้  ต้องคอยระวังว่าจะเป็นปอดบวมด้วยหรือเปล่า” หมอสรุปรวดรัดด้วยรู้ความใจร้อนของคนฟังดี แต่ริชยังขมวดคิ้วหน้าขึง         
“หัวเขาบวมปูด หลังก็มีรอยช้ำใหญ่มาก” ริชเอ่ยลอยๆ ยังจำได้ดีถึงรอยเขียวช้ำน่ากลัวนั้น         
“ครับ…แต่ไม่มีอวัยวะใดแตกหัก…แต่พรุ่งนี้คงต้องส่งไปตรวจอย่างละเอียดอีกที”ประโยคหลังหมอหันไปบอกเจฟฟรี่         
“ได้ครับหมอ…คุณริช  เป็นอะไรไปครับ?” เจฟฟรี่ปราดเข้าคว้าแขนเมื่อเห็นริชเซคล้ายกับจะล้ม  ริชส่ายหน้าและโบกมือปฏิเสธความช่วยเหลือ  ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกก่อนจะจ้องหน้าหมอเขม็ง  แต่น้ำเสียงแผ่วอ่อน         
“หมอ…ราเชลปลอดภัยใช่ไหมครับ?”         
“ครับ…ผมรับรอง”
ริชถอนใจพรูอย่างโล่งอก  ลมหายใจที่เหมือนตีบแน่นมานานผ่อนโล่งอีกครั้ง         
“ผมจะเข้าไปดู”         
“อย่าดีกว่าครับ…เราจะเสี่ยงให้คุณราเชลรับเชื้ออะไรไม่ได้เด็ดขาด…คืนนี้ให้คุณแม่บ้านเธอดูแลไปก่อนนะครับ”         
“แต่…” ริชพยายามค้าน แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครฟัง         
“เชื่อคุณหมอเถอะครับคุณริช”         
“ก็ได้…เจฟให้ใครเลื่อนโซฟามาที่นี่หน่อย”         
“เลื่อนมาทำไมครับ?”         
“ฉันจะรอดูอาการราเชล  เผื่อมีอะไร  คืนนี้หมอค้างที่นี่นะครับ”         
“ก็…ครับตกลง”         
“เจฟจัดที่พักด้วยนะ”         
“ครับผม”         
      ..................................

แสงอบอุ่นสีส้มอ่อนๆทำให้ไม่แสบตานัก  แม้จะรู้สึกว่ารอบๆตัวยังโคลงเคลงไปมา  แต่อาการปวดหัวเหมือนจะแตกกับความเจ็บปวดในหน้าอกดูจะน้อยลง  แขนขายังหนักอึ้งและไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะขยับ  ในคอขมและแห้งผาก         
“ราเชล…เป็นไงบ้าง?”
ใบหน้าที่ก้มเข้ามาใกล้ทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นรัวด้วยความยินดี         
“ริช…”         
“ปวดหัวไหม…หิวน้ำหรือเปล่า?”
ราเชลมองตามมือที่แตะวัดอุณหภูมิที่หน้าและเลื่อนลงลูบไล้ไปทั้วใบหน้าอย่างตื้นตัน         
“ผมหิวน้ำ”         
“ได้สิ…เป็นไงบ้าง?” ริษประคองร่างบอบบางขึ้นนั่งพิงอก           
“นี่…ที่ไหน?” ราเชลเหลียวมองรอบตัวอย่างงุนงง         
“บ้านฉันไง…นี่เธอรู้ตัวดีแล้วสิ?” รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นเต็มหน้าคมคาย         
“รู้สึกสิ…รู้สึกแย่จัง” ราเชลตอบเสียงแผ่วเบา  ระคายคอจนต้องไอออกมาแต่ก็เจ็บในอกแปลบจนน้ำตาคลอ         
“ก็เธอไม่สบาย…เกิดอะไรขึ้นราเชลทำไมถึงตากฝนมาอย่างนี้  มันอันตรายมากเลยนะ  ไม่ได้ดูข่าวหรือว่าวันนี้มีพายุ”         
“ผมไม่มีเวลาดู…แค็กๆ…ขอผมพักหน่อย เหนื่อยจัง” ราเชลหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย ทั้งร่างกายและจิตใจ 
ริชวางศีรษะทุยลงบนหมอน  ดึงผ้ามาห่มให้จนถึงคอ  ไม่นานนักเสียงลมหายใจของคนป่วยก็แผ่วเบาสม่ำเสมอ  ชายหนุ่มจ้องมองวงหน้าแดงก่ำด้วยพิษไข้อย่างครุ่นคิด  ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ ไม่อย่างนั้นราเชลคงไม่มีวันมาหาเขาก่อน  เสียงเคาะประตูเบาๆ ชายหนุ่มรีบลุกไปเปิดไม่อยากให้เสียงรบกวนคนป่วย       
“มีอะไรเจฟ?”         
“เมื่อเช้าคนของเราเจอรถคุณกระจกแตก ก็เลยเอาไปซ่อมให้  ขากลับมีผู้หญิงจรจัดคนหนึ่งพยายามจะหยุดรถ เพราะเข้าใจว่าเป็นคุณราเชล”         
“หืม…แล้วรู้ไหมว่าเขาต้องการอะไรจากราเชล”         
“ครับ…ผู้หญิงคนนั้นเคยเป็นแม่ครัวของบ้านเวลล์บอนเมื่อสิบกว่าปีก่อน  เธอทำงานได้ไม่นานก็ถูกส่งโรงพยาบาลเพราะอาการทางจิต  สาเหตุมาจากลูกสาวถูกฆาตกรรม”         
“แล้วเกี่ยวอะไรกับราเชล”         
“คุณราเชลอยู่กับลูกสาวเธอวันที่เด็กนั่นถูกฆ่า”         
“อะไรนะ?”         
“คุณราเชลเห็นการฆาตกรรมแน่นอน  ผมว่านี่น่าจะเป็นสาเหตุที่คุณ
ราเชลต้องมีจิตแพทย์คอยดูแลอยู่ตลอด”
ริชยกมือขึ้นลูบท้ายทอย  ใจแห้งหายด้วยความสงสาร  ตอนนั้นราเชลคงยังเด็กมากการต้องเห็นภาพสยดสยองขนาดนั้นคงทำให้กลัวแทบขาดใจ         
“เช็คเรื่องนี้ให้ละเอียดนะ ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับราเชลบ้าง”         
“ครับ”
      ..................................

เพดานห้องลายแปลกตาทำให้คนเพิ่งตื่นจ้องมองอยู่นานกว่าจะ
นึกออกว่านอนอยู่ที่ไหน  ราเชลเหลียวไปรอบๆห้องที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นห้องนอนของเขากับริช  มีร่องรอยของการตกแต่งใหม่ให้ดูเรียบหรูขึ้น  แต่ของตกแต่งส่วนใหญ่ยังคงเป็นของเดิม  แม้แต่ตุ๊กตาคริสตัลตัวเล็กๆที่เขาสะสมไว้ก็ถูกนำมาจัดเรียงไว้ในตู้ข้างเตียง 
ราเชลลุกขึ้นช้าๆ  แม้แขนขาจะยังอ่อนแรงอยู่บ้างแต่ก็พอประคองตัวเองไหว  เด็กหนุ่มลงจากเตียงไปนั่งหน้าตู้  เพิ่งสังเกตว่านอกจากที่เขาสะสมไว้ ก็มีของใหม่เพิ่มขึ้นมา สาวน้อยในชุดกระโปรงสเปนมีหนุ่มชุดสเปนมายืนเคียงข้าง  หงส์แม่ลูกมีคู่เพิ่มขึ้นมาอีกตัว 
ราเชลหยิบของสะสมขึ้นมาดูทีละชิ้น  นึกถึงที่มาแต่ละที่ก็อดยิ้มไม่ได้  จนกระทั่งถึงคริสตัลรูปหัวใจที่แตกละเอียด  วันนั้นเขาขว้างมันใส่ริช ความรู้สึกที่เห็นมันแตกกระจายเหมือนกับความรู้สึกของเขาตอนนั้นไม่มีผิด  คริสตัลราคาแพงลิ่วกลายเป็นเศษแก้วไร้ค่าชั่วพริบตา  ริชใส่เศษแก้วแตกๆไว้ในกล่องแก้วใส 
ราเชลยกขึ้นพิจารณาใกล้ๆจึงเห็นว่ามีสีแดงคล้ำๆติดอยู่หลายที่         
“ลุกไหวแล้วเหรอ?” เสียงถามจากด้านหลังทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้ง  คงเพราะมัวคิดอะไรเพลินจึงไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู  ราเชลสอดซองพลาสติกลงในกระเป๋าเสื้อคลุมค่อยๆยันตัวลุกขึ้น  ริชก้าวยาวๆเข้ามาประคองไปที่เตียง         
“เป็นไงบ้าง  ยังปวดหัวอยู่ไหม…ตัวยังร้อนอยู่เลย” ราเชลหน้าร้อนผ่าวเมื่อริชแตะหลังมือไปทั่วหน้าและซอกคอ           
“เห็นพยาบาลบอกว่าเธอทานอาหารไปนิดเดียว…ระวังจะเป็นลมไปอีกนะ”         
“มันตื้อๆครับ…ไม่ค่อยอยากกินอะไร”         
“แต่ก็ต้องฝืนกินเข้าไปหน่อย  จะได้มีแรง”         
“วันนี้คุณไม่ไปทำงานเหรอ?”         
“ไม่ไป…ฉันมีประชุมทางไกล  ส่วนที่บริษัทก็ไม่ต้องห่วงนะ  ฉันโทรไปบอกเดนเซลกับเลขาเธอให้แล้ว”         
“ขอบคุณครับ…”
“แล้วนั่นจะไปไหน?”
“ผม...จะไปห้องน้ำ”
“มาฉันพาไปเอง”
“ไม่ต้องครับ  ผมเดินไหว”
“ไม่ได้เดี๋ยวล้มไปจะยิ่งแย่”
ริชประคองร่างผอมบางเข้าไปส่งในห้องน้ำแล้วปิดประตูให้แต่ไม่ยอมให้ล็อค  ครู่ใหญ่ประตูห้องน้ำก็เปิดออก  ริชหันไปมองและขมวดคิ้วเมื่อเห็นราเชลเปลี่ยนไปสวมชุดที่ใส่มาคืนฝนตก
“ทำไมแต่งตัวแบบนั้น”
“ผมจะกลับบ้านครับ  รบกวนคุณมามากแล้ว”
“เป็นอะไรไป…หรือว่าฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจอีก?”
“เปล่าครับ  ขอบคุณมากที่ช่วยผมไว้”
“ไม่ราเชล…พูดกันให้รู้เรื่องก่อน ทำไมเธอต้องหนีฉันด้วย?”
“ผมไม่ได้หนี  แต่ตอนนี้ผมดีขึ้นมากแล้วก็เลยอยากกลับบ้าน  ป่านนี้คุณย่าท่านคงห่วงที่ผมหายมาหลายวัน”
“ไม่จริง…เธอต้องการหลบหน้าฉัน  กลับไปเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดองอีกแล้วเหรอราเชล”
“คุณริช!”
“ฉันไม่ให้เธอกลับ”
“ปล่อย…นี่ผมเจ็บนะ ปล่อยผม”
“ไม่…ยังไงวันนี้เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง  ฉันไม่อยากเล่นเกมซ่อนหากับเธออีกแล้ว”
“ผมไม่เคยเล่นเกมกับคุณนะ”
“งั้นก็หันมาคุยกันจริงๆเสียที…ถามจริงๆเถอะราเชลเมื่อไหร่เธอจะยอมรับเสียทีว่ายังรักฉันอยู่”
“ผมเคยรักคุณริช…แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รักคุณแล้ว”
“ไม่จริง ตาเธอมันฟ้องอยู่ทนโท่ว่ายังรู้สึกกับฉันเหมือนเดิม  เธอยังหึงเวลาที่เห็นฉันควงกับคนอื่น”
“ผมไม่เคยหึง…คุณเข้าข้างตัวเองมากไปแล้ว”
“มองตาฉันแล้วบอกฉันชัดๆสิราเชลว่าเธอไม่รักฉันแล้ว…พูดสิ!”
ราเชลกัดปากแน่น เบือนหน้าไปทางอื่นไม่กล้าสบตาริชจนแล้วจนรอด  ใบหน้าเครียดขึงค่อยๆคลายลงแล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มร่า  ริชหัวเราะก้องรวบร่างบางมากอดแน่น
“ปล่อย…นี่ปล่อยผมนะ…ริช!”
“มาพิสูจน์กันราเชลว่าเธอไม่รักฉันแล้ว”
“พิสูจน์ยังไง…เอ๊ะ…อย่านะริช” ราเชลสะดุ้งพยายามเบี่ยงหน้าหนีเมื่อปากร้อนๆซุกไซ้ไปทั่วแก้ม คอและริมฝีปาก
“เธอจะพูดยังไงก็ได้  แต่ร่างกายเธอมันซื่อสัตย์กว่าเสมอราเชล…”
“ไม่…อื้อ…” ราเชลดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนที่รัดแน่น 
ริชกดร่างน้อยลงกับเตียง  แก้มเนียนใสแดงก่ำด้วยพิษไข้และแรงอารมณ์ ราเชลเบี่ยงหน้าหนี ปากร้อนจึงพลาดจากปากนุ่มไถลลงหาซอกคอขาว  ฟันคมขบเน้นแรงๆจนเด็กหนุ่มสะดุ้ง  ไม่ว่าจะดิ้นรนแค่ไหนก็ไม่สามารถหลุดจากอ้อมแขนแน่นหนาได้ 
 ริชผุดลุกขึ้นปลดกระดุมเสื้อราเชลออกอย่างรวดเร็ว  ราเชลพยายามปัดป้องแต่ครู่เดียวแผ่นอกขาวตึงก็เปลือยเปล่า  ริชก้มลงจุมพิตแผ่วๆไปทั่ว  ไม่สนใจกำปั้นเล็กๆที่ทุบตีอยู่บนหลัง  ชายหนุ่มจูบเน้นซอกคอขาวอีกครั้งก่อนจะเลื่อนลงมาที่ไหล่ขาว  คิ้วเข้มขมวดฉับเมื่อเห็นรอยถลอกเป็นแนวยาวสองสามแนวบนผิวนวล
“นี่มันรอยอะไร?”
“ปล่อยผมนะ…จะรอยอะไรก็ช่าง  บอกว่าให้ปล่อย”
“ใครเป็นคนทำรอยนี้ราเชล บอกมา!”
ราเชลสะดุ้งเมื่อโดนตะคอก  ตาคมดุดันจนไม่กล้าสบตา ริชกระชากเสื้อออกจากร่างบางอย่างรวดเร็ว  นอกจากรอยที่ไหล่ยังมีรอยนิ้วเขียวช้ำที่ท่อนแขนเรียว  คืนที่ราเชลป่วยเขาเห็นรอยเหล่านี้แล้วแต่มันแค่เป็นปื้นแดงๆไม่ชัดนัก  แสดงว่าราเชลมีรอยนี้ติดตัวก่อนหน้าที่จะมาหาเขา
“บอกมาว่าใครทำ!”
“มันเรื่องของผม  ปล่อยนะ…คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับผมนะ ปล่อย!”
“ไอ้หมอโรคจิตนั่นใช่ไหม?…ฉันจะฆ่ามัน”
“อย่านะ…คุณหมอไม่ได้ทำอะไรผมทั้งนั้น  หยุดนะริช”
“แล้วไอ้รอยบนตัวเธอนี่ล่ะจะว่าไง?”
“ผมทะเลาะกับเขา  แล้วเขากระชากแขนผมแค่นั้น”
“แค่นั้นเหรอ”
“ใช่แค่นั้นจริงๆ  นี่อย่าไปทำอะไรเขานะ คุณหมอเขาไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายผมสักหน่อย”
“ปกป้องมันจริงนะ  ถามจริงๆเถอะราเชล…เริ่มจะชอบมันหรือยังไง?”
“ใครบอกว่าเริ่มชอบ  ผมหลงรักคุณหมอเขาเลยหละ”
“ฮะๆๆๆ…ทีหลังเวลาโกหกหัดส่องกระจกบ้างนะ…หน้าเธอมันมีพิรุธรู้ไหม?”
“ผมไม่ได้โกหก ผมรักคุณหมอจริงๆ  ผมไม่ได้รักคุณแล้ว…ปล่อยผมนะ…บอกว่าให้ปล่อยไง…หูแตกเหรอริชผมรักคนอื่นไม่ได้รักคุณแล้ว”
“ฉันกำลังพิสูจน์ราเชล”
“ไม่…ริช!…อื้อ…”
ปากร้อนบดขยี้บนปากนุ่มรุนแรง  ราเชลพยายามดิ้นแต่โดนตรึงไว้ด้วยร่างหนาหนักจนแทบหายใจไม่ออก  ริชบดจูบรุนแรงขณะที่มือก็ฟอนเฟ้นทั่วร่างบางหนักๆ  กลิ่นหอมของเนื้อนวลกระตุ้นให้เลือดระอุขึ้นอย่างรวดเร็ว  แม้จะห่างเหินกันไปหลายปีแต่เขากลับจำจุดอ่อนไหวทุกที่ในร่างเล็กได้แม่นยำ  ชายหนุ่มปล่อยปากนุ่มบวมเป็นอิสระ  เลื่อนลงมาดูดเม้มที่ซอกคอขาวแทน  ราเชลสะดุ้งผิวหนังเห่อร้อนและเสียววาบเพียงแค่ลมหายใจร้อนๆเป่าผ่านยอดอก  มือเล็กๆพยายามผลักไหล่หนาแต่ไม่ขยับ  ปากร้อนค่อยๆแต่เล็มเนื้ออ่อนบนทรวงอกแผ่วเบา
เด็กหนุ่มผวาเมื่อริชดึงเขาลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง  ร่างหนาแทรกอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างและโน้มเข้ามาจนหน้าผากแตะกัน  ท่อนขาเรียวถูกยกขึ้นพาดไหล่ มือใหญ่ลูบผ่านจากข้อเท้าลงมาหาข้อพับใต้เข่า ลงไปยังต้นขา
ราเชลเม้มปากแน่นกลั้นเสียงครางสุดความสามารถ  แม้จะเป็นสัมผัสผ่านเนื้อผ้าแต่ก็รู้สึกวูบวาบ
ริชเลาะเล็มกลีบปากนุ่มเบาๆ บางครั้งก็งับดึงลิ้นนุ่มเล่นจนได้ยินเสียงครางแผ่ว  ชายหนุ่มสอดลิ้นเข้าไปควานในปากหอม ตวัดรัดลิ้นนุ่มไว้แน่นขณะที่มือก็ปลดเข็มขัดหนังเส้นเล็กอย่างว่องไว
ราเชลลืมตาขึ้นเมื่อปากเป็นอิสระ  ริชนั่งตัวตรงดวงตาวาววามกวาดไล้ไปทั่วตัวเขา ราเชลใจหายวาบเมื่อสังเกตเห็นความเปลือยเปล่าของตนเองและร่างหนา  ที่น่าอายคือขาของเขาพาดอยู่บนไหล่กว้างขณะที่ส่วนล่างเปล่าเปลือยสัมผัสถึงความร้อนระอุที่เสียดสีไปมาอยู่ด้านหลัง
สายตาของริชจ้องตาเขานิ่งขณะที่ใบหน้าลดต่ำลงช้าๆ  ราเชลคิดว่าเขาควรทำอะไรสักอย่างแต่กลับจ้องมองการกระทำนั้นเขม็งแทบจะเป็นรอคอยด้วยซ้ำ
ปากบางแตะจุมพิตแผ่วเบา ร่างกายเขากลับตอบสนองราวกับเป็นอีกชีวิตที่แยกจากกาย  ริชลากจูบไล้ลงต่ำแล้ววนกลับขึ้นมา  หน้าท้องเนียนเกร็งแน่นอย่างทรมาน เมื่อปากบางครอบลงมาเสียงครางแผ่วโหยก็หลุดออกมา  ราเชลกำผ้าปูที่นอนแน่น  ทุกปลายประสาทตื่นเพริดยินดีปรีดากับสัมผัสร้อนผ่าวที่โอบล้อมอยู่รอบกาย  รู้สึกได้ถึงฟันคมที่แตะครูดไปมาเบาๆ  ปากร้อนครอบนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วเลื่อนขึ้นปล่อยเขาเป็นอิสระ รู้สึกหนาวเยือกขึ้นมากะทันหัน         
“ริช…” ราเชลได้ยินเสียงเว้าวอนของตัวเอง  ร่างกายกับจิตใจเขาเหมือนแยกจากกันสิ้นเชิง ใจพยายามห้ามแต่กายกลับเสนอสนองอย่างยินดี 
ริชยิ้มก้มลงครอบครองเด็กหนุ่มไว้ในปาก  มือเล็กประคองหน้าเขาไว้และเปลี่ยนเป็นเหนี่ยวรั้งเมื่อริชขยับรูดปากเข้าออกช้าๆ         
“ริช…อา…ริช…”เสียงครางกระเส่าของราเชลกระตุ้นให้เลือดในกายร้อนฉ่า  ริชเริ่มสำรวจช่องทางแคบด้วยนิ้วยาว  เพียงแค่ปลายนิ้วที่สอดเข้าไปก็ได้รับการบีบรัดเป็นจังหวะ  ทางแคบคับแน่นกว่าที่คิด แม้เพียงแค่นิ้วเดียวยังผ่านเข้าออกแสนยาก  ริชไม่ละความพยายาม ปาดไล้ความฉ่ำเยิ้มด้านหน้าชะโลมนิ้วแล้วสอดกลับเข้าไปใหม่  เมื่อมีสิ่งช่วยหล่อลื่นไม่นานนักนิ้วที่สองสามก็ตามเข้าไปได้ 
ราเชลกัดปากแน่นเมื่อปลายนิ้วซนสอดลึกและสะกิดกระตุ้นจุดอ่อนไหวภายใน  ด้านหน้าที่ถูกเล้าโลมจนเสียวซ่านผสานกับจังหวะสอดแทรกด้านหลังผลักดันความร้อนให้ถึงขีดสุด           
“ริช” ร่างบางเกร็งกระตุก  ไอรักร้อนฉีดซ่าน และถูกรองรับไว้  ริชชะโลมหยาดรักของเด็กหนุ่มจนทั่วความร้อนผ่าวของตัวเอง  ชายหนุ่มเบียดแทรกเข้าไปในทางแคบช้าๆ
เสียงราเชลอุทานเบาๆ ร่างเล็กเกร็งขืนไว้แต่แล้วก็กลับผ่อนคลายยอมให้เขาเข้าไป
แต่สัมผัสที่ห่างเหินหลายปีทำให้การเดินทางของริชยากลำบาก เหงื่อหยาดเป็นสายกว่าที่จะผ่านเข้าไปได้หมด  ชายหนุ่มกอดร่างนุ่มไว้กระชับครู่หนึ่งจึงค่อยขยับเลื่อนกายแผ่วเบา แต่แรงบีบรัดกระตุ้นให้ความเสียวซ่านทวีขึ้นจนเจียนจะระเบิด  ริชโหมกายเข้าออกหนักขึ้น ได้ยินเสียงครางกระเส่า  ร่างบางแอ่นหยัดขึ้นรับทุกสัมผัส  แม้จะห่างเหินไปนานแต่ราเชลก็ยังเป็นนักเรียนที่ดีเสมอ  ริชยิ้มกระหยิ่มอย่างพอใจ 
ราเชลเหนี่ยวลำคอหนาลงไปหา  และเป็นฝ่ายรุกไล่ลิ้นนุ่มเข้ามา ซึ่งริชก็เสนอสนองอย่างปรีดา  แรงเสียดทานรุ่มร้อนพลุ่งขึ้นถึงขีดสุด เสียงครางกับเสียงเนื้อปะทะกันผสานกันระงม  ต่างกอดรัดและขยับรับเข้าหากันเพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุด    เสียงครางสะท้อนทั้งห้องก่อนที่ไอรักร้อนจะพรั่งพรมรินรดกันและกัน  เปียกชุ่ม อิ่มเอม และสุขสมจนเนื้อตัวสั่นเทา  ริชกอดรัดร่างบอบบางแน่นและหลับใหลไปด้วยกันอย่างอ่อนเพลีย
         ..................................


ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1

เสียงโทรศัพท์แผดสนั่นขึ้นทำให้ร่างที่ซุกซบกันอยู่สะดุ้งตื่น  ริช ควานมือไปรับสายก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะปลุกคนในอ้อมแขนให้ตื่นขึ้นมาด้วย
“ฮัลโหล...”
“ริช...ตกลงนายจะมางานได้หรือเปล่า?”
“งานเลี้ยงอะไร?”
“งานวันเกิดฉันไงฉันไง”
“หา!เออจริงสิ...ไปสิ...นี่กี่โมงแล้ว”
“หกโมงกว่า  เรารอนายอยู่คนเดียวนะ”
“โทษที  ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้...เอ่อ...พาใครบางคนไปด้วยได้ไหม?”
“ได้สิรีบมานะ”
“เดี๋ยวเจอกัน”
ริชก้มลงมองร่างในอ้อมแขนที่ยังหลับตาพริ้มแต่เขารู้ว่าเด็กหนุ่มตื่นแล้ว  ริชก้มลงไซร้จมูกไปตามซอกคอขาว  ราเชลหดตัวหนีด้วยความลืมตัว
“ฮายย...ตื่นแล้วนี่  ลุกไหวไหม  ถ้าลุกไหวไปเที่ยวกันดีกว่า”
“ไป...ไปไหนครับ?”
“ไปงานเลี้ยงบ้านเท็ดกัน  เท็ดจัดงานวันเกิด  เขาอยากให้เธอไปด้วยนะ”
“ผมเหรอครับ  ทำไมคุณเท็ดรู้ละว่า...เอ่อ...ผมอยู่นี่”
“เขาต้องรู้สิ  ว่าฉันควรอยู่กับใครเวลานี้”
“หมายความว่าไง?”
“อย่าอารมณ์เสียน่า  เท็ดเขารู้เรื่องที่เธอป่วยอยู่ที่นี่เท่านั้นแหละ”
“...ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร” ราเชลตอบอุบอิบทั้งๆที่เมื่อครู่ยังเดือดโมโหที่คิดว่าริชโอ่เรื่องที่นอนกับเขา  แต่พอรู้ว่าเข้าใจผิดก็นึกอายที่มองริชในแง่ร้าย ทั้งๆที่ริชช่วยดูแลเขามาตลอดเวลาที่เขาป่วย
“แล้วตกลงว่าจะไปงานวันเกิดเท็ดไหม?”
“ไปครับ...แต่ผมไม่มีเสื้อผ้า”
“ไม่ต้องห่วง  ฉันให้เขาจัดไว้ให้แล้ว  ไม่ใช่จัดไว้สำหรับไปงานอะไรหรอก แค่เสื้อลำลองเฉยๆน่ะ”
“ขอบคุณครับ”
งานเลี้ยงในครอบครัวพอลลิ่งเป็นไปอย่างเรียบง่าย  ริชพยายามชวน
ราเชลออกไปที่สวนแต่ราเชลเขินสายตาของบิดามารดาเท็ดจึงไม่ยอมออกไปด้วยและแก้เขินด้วยการหันไปคุยกับเท็ดแทน  ริชหน้างอแล้วลุกออกไปคนเดียว 
ราเชลรีรออยู่ครู่หนึ่งจึงลุกตามออกไป
“ริช…เอ่อ…โกรธผมเหรอ?”
“ก็มันน่าโกรธไหมล่ะ…เราเป็นคนรักกันนะราเชล แล้วทำไมต้องทำท่ารังเกียจฉันขนาดนั้นด้วย”
“ผมไม่อยากให้ครอบครัวคุณเท็ดเขามองเราไม่ดี”
“เธอเอาแต่หนีฉันตลอด แต่ทีกับเท็ดเธอยิ้มหวานเชียว อย่าบอกนะว่าสนใจเขา  เท็ดน่ะเขาไม่สนใจคนอื่นหรอกนอกจากกาย”
ชื่อกายทำให้หัวใจชุ่มชื่นฟุบแฟบลง ราเชลนิ่งไปนานกว่าจะรวบรวมกำลังใจถามริชเบาๆ
“จนป่านนี้แล้ว…แต่ดูใครๆก็ยังคิดถึงคุณกายกันอยู่นะครับ”
“แน่ล่ะ…กายน่ะน่ารัก แสนดี  แล้วก็ไม่ขี้งอนไร้เหตุผลเหมือนเธอหรอก”
ริชตอบห้วนๆ ความเงียบเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ริชเหลือบมองหน้านวลที่บัดนี้ซีดขาวอย่างตกใจ  เขาไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายความรู้สึกของราเชล แต่เพราะอารมณ์หึงหวงทำให้เขาพลั้งปากประชดไป         
“ราเชล…เอ่อ..”         
“ผมจะเข้าไปข้างในก่อนนะครับ” ราเชลผลุนผลันกลับเข้าไป ริชขยับจะตามแต่ทิฐิทำให้เขาหยุดยืนเฉย           
“แสนงอนดีนัก ดีปล่อยให้งอนเสียให้เข็ด” ชายหนุ่มวิ่งออกไปก็ทันทีเมื่อได้ยินเสียงรถ ทันได้เห็นท้ายรถของเด็กหนุ่มอยู่ลิบๆ         
“เกิดอะไรขึ้นริช…ทำไมจู่ๆราเชลก็กลับไปดื้อๆอย่างนั้น?”         
“ช่างปะไร…อยากงอนก็งอนไปเลย  ยิ่งง้อยิ่งทำฤทธิ์ ปล่อยให้ร้องไห้ให้เข็ดเสียบ้างก็ดี” ริชประชดแต่ก็หน้าขับรถออกไปอีกคน
      ..................................

อารมณ์โมโหแกมน้อยใจทำให้เผลอขับรถเร็ว ราเชลจึงถูกรถสายตรวจเรียกจอด  เด็กหนุ่มใจหายเพราะเกิดมาเขาไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน
“คุณขับรถเร็วนะครับ…ถนนแถวนี้ค่อนข้างพลุกพล่าน ขับเร็วขนาดนี้จะเกิดอันตรายได้”
“ขอโทษครับ…ผม…ผมรีบไปหน่อย”
“ขอใบขับขี่ด้วยครับ”
“ครับ” ราเชลส่งใบขับขี่ให้  นายตำรวจทั้งสองเรียกเด็กหนุ่มออกมา ให้เป่าตัวตรวจจับแอลกอฮอล์ แต่ไม่พบอะไร จึงให้ใบสั่งเรื่องขับรถเร็ว
ราเชลไปนั่งใจระทึกบนสถานี  คราวที่แล้วเขามาสถานีตำรวจเพราะหนีริชมา  คราวนี้ก็เพราะหนีริชมาอีกแหละ  คนที่ถูกจับมากมายจนเขาแปลกใจ  จนได้ยินตำรวจบ่นกันถึงแก็งค์ซิ่งรถที่ถูกจับเด็กหนุ่มถึงเข้าใจ 
ราเชลนั่งตัวลีบเมื่อมีนักซิ่งร่างยักษ์สองสามคนปราดเข้ามาใกล้เขา  ดีที่ตำรวจนายหนึ่งกันออกไป 
“มีอะไรกัน?”
“  ขับรถเร็วครับสารวัตร กำลังจะเสียค่าปรับ”
“งั้นเหรอ…เอ…เธอนี่หน้าคุ้นๆนะ…เราเคยเจอกันหรือเปล่าเนี่ย?”
“ไม่เคยครับ”
“แหมสารวัตรเห็นคนสวยหน่อยละไม่ได้เชียวนะ”
“เฮ้ย!ฉันคุ้นหน้าเจ้าหนูนี่จริงๆนะ”
“ผู้หญิงไม่ใช่หรือครับ?”ร้อยเวรทำหน้าเหมือนกับตำรวจคนที่จับความเร็วเขาตอนเห็นใบขับขี่
“ผมเป็นผู้ชายครับ” ราเชลเสียงแข็ง หน้าแดงด้วยความโกรธ
“ไหนขอดูหน่อยสิ…ราเชล เวลล์บอน …ฮ้า!เด็กคนนั้นนี่เอง”
“คนไหนครับ?”
“เรื่องมันตั้งนานแล้วตั้งแต่ฉันย้ายมาประจำที่นี่ใหม่ๆ  ไงหนูน้อยคุณย่าเธอสบายดีหรือเปล่า”
“ครับ..เอ่อ..ผมเคยเจอคุณด้วยเหรอครับ…ทำไมผมจำไม่ได้?”
“ฮะๆๆ…จะไปจำได้ได้ยังไง  ตอนนั้นเธอเพิ่ง 4-5ขวบเท่านั้นเอง  แถมยังถูกทำร้ายจนปางตาย  ตอนที่ฉันไปอุ้มออกมาเธอนอนตาลอยคว้างจนฉันใจหายหมด”
“ผม…ผมเคยถูก…ทำร้ายเหรอครับ” ราเชลใจหายวูบ เกือบหลุดคำว่าโดนข่มขืนออกไปถ้าไม่เห็นสายตาที่มองมาอย่างสนใจของตำรวจคนอื่นๆ
“ใช่…แต่ตอนนี้สบายดีแล้วใช่ไหม…ฝากบอกคุณย่าเธอด้วยว่าว่างๆฉันจะไปเยี่ยมนะ…อ้าว!นั่นจะรีบไปไหน…ว้า!ไปซะแล้ว” 
      ..................................
       
เสียงเปิดประตูโครมพร้อมกับร่างบางที่วิ่งถลาเข้ามาอย่างไร้-มารยาททำให้ท่านผู้หญิงแห่งตระกูลเวลบอร์นมองหลานชายด้วยดวงตาตำหนิ         
“คุณย่า…บอกผมหน่อยว่าแม่ผมตายยังไง?”         
“เป็นบ้าไปแล้วหรือราเชล เข้าห้องก็ไม่รู้จักเคาะประตู แล้วนี่ยังจะมาถามเรื่องไร้สาระอีก”
“ไม่!บอกผมสิคุณย่าว่าแม่ตายยังไง?”
“แม่เธอรถคว่ำ รู้อยู่แล้วจะมาถามทำไม?”
“มันไม่ใช่อุบัติเหตุใช่ไหมคุณย่า…พ่อ…พ่อเจตนาฆ่าแม่กับชู้”
“ราเชล…หยุดพูดจาไร้สติได้แล้ว  ไปเอาเรื่องบ้าบอแบบนี้มาจากไหน?”
“เบลบอกผมว่าแม่ตาย  ส่วนชู้รักของแม่เป็นบ้า  ย่าขังเขาไว้แล้วเขาก็ข่มขืนเอลล่า…มันจริงไหมครับย่า”
“เชื่ออะไรกับคนบ้า...ฉันไม่อยากจะพูดเรื่องบ้าๆกับเธอแล้ว”
ใบหน้าเหี่ยวย่นซีดขาวขึ้นมาทันที นางเวลบอร์นผุดลุกขึ้นเดินหนี  ราเชล วิ่งตามไปคว้าแขนเธอไว้แน่น
“บอกผมหน่อยคุณย่า…ว่าสิ่งที่ผมรู้มันไม่จริง  บอกผมหน่อยคุณย่า…ฮึก…บอกผม”
“นี่จะมาถามให้มันได้อะไร?”
“ก็แสดงว่าจริงสินะ…แสดงว่าจริงใช่ไหม?…ผู้ชายคนนั้นเป็นลุงผม  ลุงชาลีเป็นชู้รักของแม่จริงๆเหรอครับ”
“แล้วมันก็เป็นพ่อแกด้วยไง”
เสียงตวาดจากเบื้องหลังทำให้ราเชลชาวาบทั้งตัว  เด็กหนุ่มหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับคนที่เขาเรียกว่าพ่อมาตลอด 18 ปี
“หมายความว่า…ผม…ไม่ใช่…ลูก..”
“แกไม่ใช่ลูกฉัน…ไม่เคยใช่….”ชาร์ลตวาดสวนทันควัน ใบหน้าอูมแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์  ตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลเขาก็ดื่มหนักเพราะความกดดันที่เดินไม่ได้
“หยุดนะชาล์ล แกพูดอะไรบ้าๆ  ราเชลเป็นลูกแกนะ”
“คุณแม่จะโกหกไปถึงไหน  คุณแม่ก็รู้ดีว่ามันเป็นลูกไอ้ชาลี มันไม่ใช่ลูกผม”
“…ไม่จริง…” ราเชลครางเสียงแผ่วด้วยความตกใจมากกว่าจะคิดปฏิเสธ
“จริงสิ…แล้วรู้ไหมทำไมแกต้องมีหมอมาตามดูตลอดก็เพราะแกเกือบต้องตายเพราะพ่อแกนั่นแหละ…ฮะๆๆ พ่อที่เป็นบ้ามันเกือบฆ่าแกนะรู้ไว้ซะ” ชาร์ลไสรถเข็นเข้ามาประจันหน้ากับแอนนาและราเชลด้วยสีหน้าสะใจ
“ชาร์ลถ้าแกเมาก็ไปนอนซะ  แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
“คุณแม่จะปกป้องมันทำไมนักหนา  ก็แค่ลูกกาฝากจะเลี้ยงมันไปถึงเมื่อไหร่?”
ราเชลเย็นวาบทั้งตัวราวกับถูกราดด้วยน้ำเย็น  หัวใจเจ็บปวดราวกับถูกฉีกทึ้งออกเป็นชิ้นๆ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าออกจากบ้านมาได้อย่างไร  เด็กหนุ่มรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อตำรวจสายตรวจมาเคาะกระจกรถ  เขาไม่รู้ว่าตัวเองจอดรถและฟุบหน้าร้องไห้อยู่นานแค่ไหนแล้ว
“คุณครับ…เมาหรือเปล่าครับ?”
“…เปล่าครับ…ผม…ไม่ได้ทานเหล้า…”
“แล้วคุณเป็นอะไรหรือเปล่า  มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?”
“ไม่…ไม่เป็นอะไรครับ…ผมปวดศีรษะก็เลยหยุดพักครับ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”
“ถ้าคุณไม่เป็นผมขอตัวก่อน” นายตำรวจคนนั้นถอยออกไป
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นพอดี  ราเชลมองเบอร์ที่โชว์อย่างประหลาดใจ
“ครับ...ราเชลพูด”
“คุณรีบมาที่บ้านนะครับ  คุณริชเกิดเรื่องแล้ว”
“เรื่องอะไร  ริชเป็นอะไร?”
“....”
ยังไม่ทันรู้เรื่องว่ามีอะไรฝ่ายนั้นก็วางสายไปทันที เสียงอู้อี้ฟังดูแปลกๆ  แต่ราเชลห่วงริชเกินกว่าจะสนใจ
บอร์ดี้การ์ดต่างหันมองราเชลอย่างประหลาดใจที่เห็นเด็กหนุ่มลงจากรถด้วยท่าทางร้อนรน
“มีอะไรครับคุณราเชล?”
“เกิดอะไรขึ้นกับริช  ริชเป็นอะไร  ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
“เกิดอะไร...เอ่อ...ผมก็ไม่ทราบครับ...คือ....”
“โธ่เอ๊ย! ริชอยู่ที่ไหนรู้ไหม?”
“อยู่ห้องทำงานครับ...พอดีมี...ไปซะแล้ว...อะไรกันหว่า...” 
ราเชลวิ่งตัวปลิวไปก่อนที่จะทันฟังให้จบ  เกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมคนของริชเหมือนไม่รู้ว่าริชกำลังเดือดร้อน
ยังไม่ทันถึงห้องทำงานเสียงริชหัวเราะก็ดังลอดออกมาเพราะประตูห้องถูกแง้มอยู่  ราเชลชะงักตัดสินใจแอบดูแทนที่จะเข้าไปทันทีเพราะไม่แน่ใจว่าควรเข้าไปหรือไม่  ภาพที่เห็นทำให้เด็กหนุ่มเย็นวาบทั้งตัว 
ร่างบางอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าโถมเข้ากอดรัดร่างหนา  ราเชลรู้สึกเหมือนโลกตีกลับขึ้นหน้าเมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าของร่างเปลือยเปล่าชัดเจน 
 “…ลอว์ลี่…ทำไม...”
เสียงครางของราเชลไม่ได้ดังไปกว่าเสียงกระซิบ  น้ำตากลบตาจนมองอะไรแทบไม่เห็น   ราเชลหันกลับร่างกายสั่นเทิ้มจนแทบเดินไม่ไหว ในหัวว่างเปล่าโหวงเหวง 
‘คนรัก...เพื่อนรัก...ไม่มีอีกแล้ว...เราไม่เหลือใครอีกแล้ว’
      ..................................

ราเชลนอนเหม่อตาลอยคว้าง...เขาไม่มีที่ให้ไปอีกแล้วนอกจากที่นี่คอนโดที่ซื้อเพื่อพักระหว่างที่มาทำงานแทนบิดา เด็กหนุ่มพลิกตัวไปมาอย่างทุรนทุราย  ยานอนหลับ3เม็ดที่เขากินเข้าไปไม่ได้ช่วยให้เขาหลับได้เลย  ตายังแข็งค้าง ภาพของริชกับลอว์ลี่ยังติดตาไม่หาย  ความเจ็บปวดที่รุมเร้าทำให้เด็กหนุ่มต้องคู้ตัวขดแน่น  ในสมองอึงอลด้วยเรื่องเลวร้ายที่ประดังเข้ามาพร้อมๆกัน ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เบลเล่าจะเป็นความจริง แต่ถ้อยคำหยาบหยามของบิดายังดังก้องอยู่ในหู  ขนาดบิดาแท้ๆยังทำร้ายเขาได้  ไม่แปลกเลยที่โลกนี้จะไม่มีใครรักเขาจริงแม้แต่คนเดียว         
‘เรามันสกปรก…เราถูกพ่อตัวเองข่มขืนตั้งแต่เด็ก…มิน่าถึงไม่มีใครรักเราเลย…ในโลกนี้ไม่มีใครรักเราเลยเหรอนี่…แล้วเราเกิดมาเพื่ออะไร?…พระเจ้าครับ…ท่านให้ผมเกิดมาทำไม?’
ราเชลเกลือกกลิ้งไปบนที่นอนด้วยความทรมาน ในอกเจ็บจนเหมือนจะขาดใจ RRRRRRRRRRR…..
เด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์  อาจจะเป็นคุณย่า …อาจจะเป็นริช…หรืออาจจะเป็นหมอที่เป็นห่วงเขา         
“ฮัลโหล”         
“ราเชลนี่ผมเองนะ…เกิดอะไรขึ้นจู่ๆก็รีบร้อนกลับไป  ผมโทรเข้ามือถือแต่คุณปิดเครื่อง  โทรมาที่คอนโดก็ไม่มีคนรับสาย  นี่ผมเกือบถอดใจแล้วนะ  โชคดีจริงๆที่เจอคุณพอดี”         
“ใคร…นั่นใครพูดน่ะ…ไม่ใช่ริชนี่?”         
“ผมเอง…เท็ดไง…จำเสียงผมได้ไม่ได้เหรอ?”         
“เท็ด…เท็ด…ช่วยผมด้วย”         
“ราเชลเป็นอะไรไป!” เสียงร้องไห้ที่ดังลอดเข้ามาพลอยให้เท็ดร้อนใจไปด้วย       
“เท็ดอยู่ที่ไหน…ผมจะไปหา”         
“ผมไปหาคุณดีกว่าราเชล  รออยู่ที่ห้องนั่นแหละ”         
“ไม่!ผมจะไม่อยู่ที่นี่…ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว…เท็ดอยู่ที่ไหน…บอกผมที ผมจะไปหา…ผมเจ็บจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว…เท็ดช่วยผมที”         
“เอาอย่างนี้ราเชล  ลงมารอผมที่ห้องรับรองก็ได้ ผมจะไปหา อย่าขับรถดีกว่านะมันอันตราย  รออยู่ที่คอนโดนั่นแหละ”         
“ผมจะรอนะ…เท็ดต้องมาหาผมนะ…อย่าทิ้งผมไว้คนเดียว”         
“ผมไปแน่ราเชล  ผมสัญญา…เดี๋ยวเจอกัน”
ราเชลทิ้งโทรศัพท์ลงวิ่งออกไปทั้งที่ไม่ได้สวมรองเท้า  ยังไม่ทันถึงลิฟต์ร่างสูงๆก็เดินสวนมาเสียก่อน  ราเชลชะงักกึกด้วยความตกใจ
‘ไม่ๆ…เรายังไม่พร้อม…เราทนให้ริชบอกเรื่องเขากับลอว์ลี่ตอนนี้ไม่ไหวแน่…’
ราเชลหันกลับวิ่งหนีไปทางบันไดหนีไฟแต่ริชตามไปกระชากตัวกลับมาเสียก่อน         
“จะไปไหนราเชล เจอหน้าก็วิ่งหนีดื้อๆเลยนะ?”         
“ปล่อยผม…ผมจะไปธุระ”         
“รู้สึกว่าธุระของเธอมันจะร้อนเหลือเกินนะ…”
ตาคมกวาดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า  แสงทางเดินค่อนข้างสลัวแต่ก็พอสังเกตเห็นว่าราเชลไม่ได้สวมรองเท้า  แถมกระดุมเสื้อก็หลุดลุย
“รีบเสียจนไม่มีเวลาติดกระดุมเสื้อด้วยซ้ำ…อย่างนี้คงไม่มีเวลาคุยกับฉันสินะ?”         
“ไม่ๆ…ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณทั้งนั้น”         
“ต้องคุย!”         
“ไม่…ปล่อยผม…ผมจะรีบไป…ป่านนี้เขารอผมแย่แล้ว”         
“อ้อ!มีนัด”         
“ใช่ผมมีนัด…ผมขอตัว”         
“ทำไมหื๋อราเชล?...ฉันคนเดียวสนองให้เธอไม่ถึงใจหรือไง  ถึงต้องแล่น
ออกไปหาคนอื่นกลางดึกขนาดนี้…หรือว่าชอบแบบหมู่ก็ได้นะฉันจะเรียกบอร์ดี้-การ์ดมาให้ รับรองว่าดุเด็ดเผ็ดมันสมใจเธอแน่”
คำพูดของริชเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ลาหลังหัก  ราเชลหมุนตัวกลับไปและเหวี่ยงมือและเท้าเข้าใส่สุดแรง
“นี่ราเชล...หยุดนะ...บอกว่าให้หยุด!” 
ริชเบี่ยงตัวหลบและคอยปัดป้องแต่ไม่ตอบโต้  รอจนพายุหมัดเบาลงจึงรวบแขนเรียวไว้ได้  ชายหนุ่มดันร่างที่กำลังดิ้นรนกดกับผนังและใช้ท่อนขาตรึงร่างกายส่วนล่างของเด็กหนุ่มไม่ให้ขยับ
“หยุดเสียที  อย่าให้ฉันโมโหมากไปกว่านี้นะ!” ริชเขย่าไหล่บางแรงๆหวังให้ราเชลหยุดอาระวาด
 ราเชลไม่ได้ร้องไห้แต่คำรามอยู่ในลำคอ  ดวงตาโตลุกโพลงด้วยความคั่งแค้นและเจ็บช้ำ  ใบหน้าซีดจนแทบเขียว  ฟันขาวกัดปากแน่นจนเลือดค่อยๆไหลซึมลงมา  ริชรีบคว้าคางมนบีบให้คลายออก           
“หยุดนะราเชล! อย่าทำแบบนี้  เธอจะทำร้ายตัวเองทำไม?”
ราเชลไม่ได้ตอบโต้ หูของเขาอื้อด้วยเสียงเสียดสีที่ดังสะท้อนไปมา  ความคับแค้นขมขื่นจากการได้รับรู้อดีตที่น่าอับอายน่าขยะแขยงของตัวเอง บวกกับความเสียใจที่ถูกคนรักและเพื่อนสนิททรยศบีบคั้นมาหลายชั่วโมง ทำให้บางอย่างในตัวเขาขาดผึงออก 
ราเชลได้ยินเสียงตัวเองกรีดร้อง ดัง...และโหยหวน แต่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้  รู้สึกเหมือนในตัวเขาแยกออกมาจากกัน  ร่างกายเขากรีดร้องดิ้นรนและพยายามทำร้ายคนตรงหน้า  แต่จิตใตเขากลับขาวโพลนและค่อยๆว่างเปล่า  สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นคือใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจและเจ็บปวดของริช
         .................................
 :serius2: :o12:




แล้วเจอใหม่คะ :pig4:




ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
 :serius2: อยากจะบ้าตามราเชล
ก็บอกแล้วว่าอีตาริชไม่น่าไว้ใจ :angry2:
กรรมเวร มิเป็นบ้าเป็นบอไปแล้วเหรอเนี่ย :z3:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ไหนคุณ tianqin บอกว่า เชียร์ ริช แล้วไม่ผิดหวังไงค่ะ
แล้วดูเจ้าริชมันทำ  :fire:
ราเชลลุกขึ้นมา  :beat: :beat: มันเลย แอร๊ยยย โมโหมาก

ปล. ขอบคุณมากนะคะที่จะเอาเรื่องเล่ห์รักมาลงต่อ  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-09-2009 12:50:19 โดย dahlia »

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
จะกรีดร้องตามแระ

เฮ้อ จะอารายกันนักหนาเนี่ยยยยย!!!!!

ปล. เอาเรื่องเล่ห์รักมาลงด่วนค๊าบบบบบ อ่านเรื่องนี้แล้วเคียดดดดดด


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :beat: :beat: นิสัยไม่ดีไม่เคยเปลี่ยน  :beat: :beat:

ว่าแต่ ลงตอนต่อไปเลยได้ป่าว อยากอ่านแล้ว กำลังลุ้น  :monkeysad: :monkeysad:

Jellio

  • บุคคลทั่วไป
ชอบเรึ่องนี้มากค่ะ เรี่องน่าติดตามมากๆ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
วันนี้จะมาต่อหรือเปล่าค่ะ  :z3:

salapaw

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วเครียดอ่ะ  :z3:

พ่อข่มขืนลูก......


พระเอกก็เป็นอย่างงี้อีก
 o13

ปล. สงสัยฉากนึงเกี่ยวกับคุณหมอ ตอนที่เห็นราเชลลูบขนม้า แล้วพูดหมอนั่น  แหะๆๆไม่รู้อ่านผ่านตาหรือไร  ใครบอกหมอคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2009 19:51:47 โดย salapaw »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
ขอบคุณทุกๆข้อความที่คอมเมนท์นะคะ มาติดตามต่อกันเลยคะ

..........
เสียงโทรศัพท์ที่แผดขึ้นกลางดึกทำให้ซอเรนถอนใจยาวอย่างล้าๆ  เขาได้นอนไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเพราะเพิ่งกลับมาจากบ้านของคนไข้รายหนึ่งที่พยายามฆ่าตัวตาย  เขาต้องปลอบโยนอยู่เกือบสามชั่วโมงกว่าคนไข้จะสงบลงและยอมเข้ารับการบำบัดอีกครั้ง         
“ซอเรนครับ”         
“ซอเรนนายมาที่โรงพยาบาลด่วนเลยนะ” เสียงอายุรแพทย์คู่หูเครียดจนเขาประหลาดใจ         
“แต่คืนนี้มีหมอเวรนี่”         
“แต่คนไข้รายนี้เป็นคนไข้ส่วนตัวของนาย”         
“ใคร?”         
“ราเชล  เวลบอร์น”         
“อะไรนะ!...ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ซอเรนขับรถเร็วขนาดนี้  โชคดีที่เวลานี้ดึกจนถนนแทบไม่มีรถแต่สำหรับซอเรนใจเขาพุ่งไปถึงโรงพยาบาลแล้ว
ร่างที่นั่งหลังค้อมอยู่หน้าห้องฉุกเฉินทำให้เขาชะงัก  เดาได้ทันทีว่าการป่วยของราเชลครั้งนี้ริชต้องเป็นสาเหตุหนึ่งแน่ ซอเรนชะงักเมื่อมือเย็นเฉียบคว้าแขนเขาไว้         
“ช่วยราเชลด้วย…ได้โปรด” 
ซอเรนหันกลับไปมอง  ใบหน้าที่เคยเกลื่อนด้วยรอยยิ้มหยามหยัน  บัดนี้ซีดขาว ดวงตาแห้งผากและแฝงด้วยความกลัว  ซอเรนพยักหน้าและตบบนหลังมือริชเบาๆก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
หมอและพยาบาลที่รายล้อมอยู่รอบเตียงถอยออกเมื่อเห็นเขา  สภาพของคนบนเตียงทำให้ซอเรนหัวใจกระตุกวาบด้วยความกลัว  กลัวเหลือเกินว่าเขาจะมาช้าเกินไป  แขนขาเรียวเล็กถูกมัดตรึงไว้กับเตียง  ใบหน้าซีดขาวมีรอยช้ำเป็นจ้ำหลายแห่ง         
“ต้องถึงกับมัดเลยเหรอครับ?”         
“ตอนมาถึงคนไข้อาระวาดหนักมาก  ทำร้ายคนพามาจนบาดเจ็บหลายแห่ง  รอยฟกช้ำดำเขียวนั่นก็เกิดจากดิ้นจนไปกระแทกเอากับที่กั้นระหว่างที่ช่วยกันมัด  นี่เพิ่งสงบเพราะฉีดยาให้”         
“แล้วนอกจากอาการ...เพ้อล่ะ?”         
”ม่านตาขยายกว้างกว่าปกติ  กระวนกระวาย  อ่อนเพลีย ไม่มีสติรับรู้เขาจำใครไม่ได้เลย...เราให้haloperido....” ชาร์ทถูกส่งมาประกอบคำอธิบาย 
ซอเรนรับมาอ่านด้วยหัวใจที่หนักอึ้งก่อนจะลอบถอนใจแล้วเงยขึ้นยิ้มให้ทุกคนอย่างแกนๆ         
“ขอบคุณทุกคนมากครับ  ขอผมอยู่กับคนไข้ตามลำพังแล้วกันครับ”
คู่หูเข้ามาตบไหล่เขาเบาๆก่อนจะเดินตามคนอื่นๆออกไป  ซอเรนก้าวเข้าไปยืนจนชิดจ้องมองคนบนเตียงอย่างปวดร้าว  แม้ยามไม่มีสติสัมปชัญญะความทุกข์ทรมานก็ปรากฏบนใบหน้าซีดขาว         
“ผมต้องช่วยคุณให้ได้ราเชล…ผมสัญญา”
      ..................................

   ซอเรนเหวียงเอกสารในมือจนกระจายไปทั้งห้อง  ทุกข้อมูลทุกทฤษฎีที่เขาคิดว่าจะช่วยราเชลได้  เขาได้ทำจนหมดแล้ว  แต่เกือบสัปดาห์แล้วที่ไม่มีอะไรดีขึ้น  ราเชลยังคงอยู่ในโลกของความหลับใหล  ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองในทุกสิ่ง
ซอเรนเดินวนเวียนดูผลสแกนสมองของราเชลนับครั้งไม่ถ้วน  ไม่มีสิ่งผิดปกติ  ไม่มีความบกพร่องใดๆ  ผลการสรุปจากแพทย์ทุกฝ่ายคือร่างกายปกติแต่สิ่งที่ทำให้คนไข้กลายเป็นเจ้าชายนิทราคือจิตใจ         
‘ต้องมีสิ  ต้องมีอะไรที่ช่วยกระตุ้นให้ราเชลตื่นขึ้นมาได้’
      ..................................       
       
“คุณหมอซอเรนครับ”
ซอเรนเกือบเดินผ่านไปอยู่แล้วหากอีกฝ่ายไม่เรียกเขาเสียก่อน 
“ผมเท็ด พอลลิ่งครับ  ผมเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของราเชล” 
ร่างสูงใหญ่ดูเหมือนจะไล่เลี่ยกับริชแต่ตัวหนากว่าเล็กน้อย  ใบคล้ำมีแววกังวลและห่วงใย  แต่คนที่ยืนอยู่ข้างๆนี่สิ...ไม่น่าเชื่อว่าเวลาแค่สองอาทิตย์ได้เปลี่ยนคนหนุ่มอย่างริช  แฮมิลตันให้ดูทรุดโทรมและแก่ลงชั่วพริบตา  ใบหน้าคมหม่นหมองและเจ็บปวดแต่ท่าทางยังคงหยิ่งยโสไม่เปลี่ยน 
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณพอลลิ่ง”         
“ราเชลเป็นไงบ้างครับ  ผมมาทุกวันแต่ไม่ได้เจอกับคุณหมอสักที”         
“ครับผมทราบจากพยาบาลว่าพวกคุณมาทุกวัน”         
“แล้วอาการราเชล…เขา…ดีขึ้นบ้างไหมครับ?”         
“ยังหลับเหมือนเดิมครับ  แต่อย่างน้อยก็ไม่ทรุดลงไป”         
“ทำไมละครับ  เขาเจ็บป่วยที่ไหน  ทำไมถึงไม่ฟื้นเสียที หรือว่าเขากระทบเทือนที่สมอง”         
“ผลการตรวจสมองปกติครับ”         
“แล้วทำไมเขาไม่ฟื้นละครับ?”         
“ราเชลบาดเจ็บครับ…เจ็บมาก…แต่เป็นการเจ็บป่วยทางจิตใจ  ร่างกายมนุษย์มีกลไกพิเศษนะครับ  เวลาที่จิตใจต้องพบกับความเจ็บปวดมากๆจนทนไม่ไหว  จะเกิดปฏิกิริยาตอบโต้  บางคนจะลืมช่วงเวลาที่เจ็บปวดไปเลย”         
“หมายความว่าราเชลจะความจำเสื่อม  จะจำอะไรไม่ได้งั้นเหรอครับ?”         
“ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะครับ  บางคนจะลืมแค่เหตุการณ์ที่ทำให้เจ็บปวด  แต่ยังจำเรื่องราวในชีวิตประจำวันได้ปกติ  แต่บางคนก็ลืมเหตุการณ์ช่วงนั้นไปทั้งสัปดาห์หรือทั้งเดือนเลยก็มี”         
“แล้วราเชลเป็นแบบไหนครับ?”         
“กรณีของราเชลร่างกายเขาเลือกที่จะหลับ เขาจะอยู่แต่ในความฝัน  เพราะในความฝันเขาจะไม่เจ็บปวด...ไม่กลัว...ไม่ทุกข์ทรมาน  เขาถึงเลือกที่หลับอยู่อย่างนี้”         
“คุณหมอพูดยังกับเคยเห็นความฝันราเชลเลยนะครับ” ริชถามด้วยน้ำเสียงยียวน  เท็ดกระทุ้งศอกที่สีข้างเบาๆ         
“ผมรักษาคุณราเชลมาหลายปีแล้วนะครับ  เวลาที่มีปัญหาคุณราเชลมักมีความฝันที่แสนสุข  ยิ่งสภาพแวดล้อมบีบคั้นความฝันก็ยังบรรเจิดมากขึ้นทุกที  จนเขาไม่อยากตื่นขึ้นมาเพราะกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด”         
“เอาความลับคนไข้มาเปิดเผยไม่ผิดจรรยาบรรณหรือหมอ”         
“ต่อให้โดนไล่ออกหรือถอนใบอนุญาตผมก็จะทำถ้ามันช่วยให้คุณราเชลฟื้นขึ้นมาได้” ซอเรนสวนกลับทันควันด้วยเขาเองก็เริ่มโมโหเช่นกัน         
“โอ้!ช่างประเสริฐอะไรเช่นนี้”         
“ริช!พอได้แล้ว”  เท็ดหันไปปรามเสียงหนัก  ริชหน้าบึ้งแต่ก็ยอมเงียบแต่โดยดี  เท็ดหันกลับมาที่ซอเรนอีกครั้ง 
“ถ้าฟื้นขึ้นมาราเชลจะกลับมาเป็นปกติเลยใช่ไหมครับ?”
“เรายังคาดเดาอะไรไม่ได้หรอกครับ  แต่อันดับแรกต้องทำให้ราเชลยอมตื่นขึ้นมาเสียก่อน  จากนั้นก็...รักษาไปตามสภาพอาการ       
“แล้วมีอะไรที่จะช่วยให้ราเชลตื่นได้บ้างครับ?”         
“เรากำลังพยายามกันอยู่ครับ  ตอนนี้ผมขอให้คนในครอบครัวทุกคนช่วย  อาจมีใคร...หรืออะไร...กระตุ้นให้คุณราเชลอยากตื่นขึ้นมาอีกครั้ง”         
“ผมละครับได้ไหม?”         
“ต้องลองครับ  ถ้าวันนี้คุณพอลลิ่งว่างผมอยากให้ลองดู”         
“ยินดีครับ”         
“งั้นสักครู่ผมจะให้พยาบาลเขามาพาไปเตรียมตัวนะครับ”         
“ครับ” 
ซอเรนยิ้มให้เท็ดนิดหนึ่งแต่ดูเหมือนริชจะเมินไปทางอื่นเขาจึงผละจากมา  จิตแพทย์หนุ่มสั่งงานพยาบาลเรียบร้อยจึงเข้าไปที่ห้องของราเชล  มือเรียวลูบไล้แก้มซูบขาวแผ่วเบา  ในอกวาบลึกด้วยความเจ็บปวด               
“ผมจะช่วยคุณยังไงครับราเชล คุณถึงจะหลุดพ้นจากความทรมานนี้เสียที”
                                       ……………………..

   เท็ดขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ  ริชนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่โซฟาแต่ไฟในห้องนั่งเล่นปิดมืดเห็นแต่แสงแดงวาบยามเจ้าตัวอัดควันเข้าปอดแบบ ‘พวกปัญญาอ่อนชอบเผาตัวเอง’ ที่ริชชอบค่อนขอดเวลาเห็นใครสูบบุหรี่         
“นายนั่งทำอะไรมืดๆ?”         
“อย่าเปิดไฟ”         
“ทำไม?”       
“ฉันอยากถามอะไรนายหน่อย”         
“อะไร?”         
“นาย…สนิทกับราเชลมากเลยเหรอ?”         
“ไม่มากเท่าที่ฉันสนิทกับนายหรอก”         
“อย่ามาโกหก!”         
“ทำไมนายถึงคิดว่าฉันโกหกริช?”         
“เพราะนายทำให้ราเชลฟื้นได้นะสิ  ย่าเขา…พ่อเขา…แม่นมที่เคยเลี้ยงเขามา…เพื่อนสนิทสมัยเรียน…คุณหมอกับครอบครัว…ไม่มี…ไม่มีใครทำให้ราเชล ยอมตื่น  แต่นาย…แค่นายเข้าไปไม่ถึงชั่วโมงราเชลขยับนิ้ว…พอวันที่สองราเชลก็ตื่น…ฮึ!คนที่ราเชลผูกพันด้วยที่สุดคือนายแล้วนายยังจะกล้าพูดอีกเหรอว่านายไม่สนิทกับเขามากกว่าฉัน”         
“ริช”         
“ฉันเป็นคนรักของเขานะ…เขาเป็นสมบัติของฉันแต่เขา…เขาเลือกที่จะตื่นเพราะนาย…ทำไมละเท็ด!…ทำไม?”         
“นายเมาด้วยเหรอ?”         
“ตอบคำถามฉันมาดีกว่า”         
“ได้…ถ้านายจะฟังคำตอบ ฉันต้องแน่ใจว่านายมีสติมากพอ”
เท็ดเดินไปเปิดไฟ  แสงสว่างจ้ากะทันหันทำให้ริชตาพร่า  เท็ดมองร่างที่อยู่บนโซฟาอย่างสมเพช  ใบหน้ารกเรื้อด้วยหนวดเคราที่ไม่ได้โกนมาหลายวันมันเยิ้ม กลิ่นแอลกอฮอล์ โชยฟุ้ง             
“ที่ราเชลเลือกจะตื่นเพราะฉันไม่ใช่ว่าเขาไม่รักนาย  เขารักนายที่สุด...แต่นายทำให้เขาเจ็บที่สุดด้วยเช่นกัน  คนเดียวที่เป็นคนนอกก็คือฉัน...คืนที่ราเชลเข้าโรงพยาบาลฉันกำลังจะไปหาเขา”         
“อะไรนะ!”         
“วันนั้นเห็นเขาออกมาจากงานเลี้ยงกะทันหัน สีหน้าก็ไม่ค่อยดี ฉันโทรหาเขาทั้งวันแต่กว่าจะเจอเกือบเที่ยงคืนแล้ว  น้ำเสียงเขาแปลกๆคล้ายกับจะร้องไห้  เขาบอกว่าเขาเจ็บจนทนไม่ไหว  ฉันจะไปหาเขาที่ห้องแต่เขาไม่ยอม  เขาบอกว่าไม่อยากอยู่ในห้อง  ฉันก็เลยให้เขาลงมารอที่ห้องรับรองข้างล่าง  แต่พอไปถึงคอนโดพนักงานที่นั่นก็บอกว่านายพาเขาไปโรงพยาบาลแล้ว”         
“คืนนั้น…คนที่ราเชลจะไปหาคือนาย...”ริชครางเสียงแผ่ว หน้าซีดลงทุกที         
“ใช่”         
“พระเจ้า…นี่ฉันทำอะไรลงไป?” ริชผุดลุกขึ้นเดินวนเวียนไปมา จู่ๆก็หยุดกึกหันไปชกข้างฝาโครม         
“ริช…ทำอะไรน่ะ” เท็ดโดดคว้าแขนไว้ทันควัน ริชทรุดลงกองกับพื้น หน้าขาวซีดเหมือนกระดาษ         
“เท็ด…ฉัน…เป็นคนทำให้ราเชล…เป็นแบบนั้น…ฉันเอง…ฉันเป็นคนทำ”
เท็ดลากร่างอ่อนปวกเปียกกลับไปยังโซฟา  หลังมือริชแตกมีแต่เลือดแดงฉานแต่เจ้าตัวไม่สนใจ  ริชยกมือขึ้นกุมหัวซุกหน้าลงกับเข่า  เส้นเลือดบริเวณลำคอปูดโปนด้วยความเครียด         
“นายทำอะไรราเชล?”         
“ฉัน…ฉันไปหาเขาเพราะการ์ดที่บ้านบอกว่าตอนเย็นเขาไปหาฉัน  แต่ฉันไม่เจอเขา...สงสัยว่าจะเป็นแผนของลอว์ลี่  ฉันกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด  พยายามจะอธิบายแต่เขาก็ไม่ยอมฟังอะไรเลย  แถมยังรีบร้อนจะไปบอกว่ามีนัด…ฉันก็เลย…”
เท็ดตบไหล่หนาเบาๆเมื่อเห็นริชสะอึกอึ้งพูดต่อไม่ออก  ริชนิ่งไปนานกว่าจะรวบรวมคำพูดได้อีกครั้ง         
“ฉันพูดอะไรไปบ้างก็จำไม่ได้แล้ว…รู้แต่ว่ามันโมโหจนหน้ามืดที่เขาหลบฉัน แถมยังมีนัดกับคนอื่นดึกๆอย่างนั้น…ฉันไม่รู้เท็ด…ฉันไม่รู้ว่าราเชลจะไปหานาย”         
“อย่าคิดอะไรมากเลยริช  เรื่องมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้สิ่งที่นายต้องคิดต้องทำก็คือจะช่วยราเชลยังไงมากกว่า  ถึงราเชลจะตื่นขึ้นมาแล้วแต่นายก็เห็นว่าเขาแทบจะกลายเป็นตุ๊กตา  นั่งนิ่งๆตาลอยๆ ไม่พูดไม่ขยับ อาหารก็ต้องให้ทางสายยางอยู่อย่างนี้”       
“เท็ด…ฉันอยากดูแลราเชลเอง…นายช่วยคิดหน่อยสิว่าทำยังไงครอบครัวเขาจะยอมให้ฉันดูแลเขา”         
“นายต้องไปคุยกับคุณย่าของราเชล”         
“นายก็รู้ว่าย่าราเชลเกลียดฉันแค่ไหน…ตั้งแต่ราเชลฟื้นฉันยังไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้ราเชลเลย…ยังหมอโรคจิตนั่นอีก หมอนั้นขวางสุดตัวแน่” ริชเสยผมแรงๆอย่างหงุดหงิด
เท็ดมองกิริยานั้นนิ่ง  ริชในตอนนี้คำปลอบประโลมเห็นทีจะไม่ได้ผล คงต้องใช้คำพูดตรงๆแรงๆอาจจะทำให้รู้สึกตัวได้บ้าง         
“นายจะยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลองเลยอย่างนั้นเหรอ  ฉันผิดหวังในตัวนายจริงๆ  ฉันคิดว่านายรักราเชลมาตลอดเลยนะ  เพิ่งรู้ว่านายแค่รู้สึกผิดที่ทำให้เขาป่วยก็เลยหาทางแก้ตัวเท่านั้นเอง”         
“ฉันรักราเชล! ถ้าไม่รักฉันกลุ้มใจแทบบ้าอย่างนี้เหรอ?”
ริชลุกขึ้นกระชากคอเสื้อเท็ดด้วยความโกรธ เท็ดไม่สะทกสะท้านยิ้มเย็นมองตาริชนิ่ง         
“ไม่รู้สิริช  ฉันเห็นนายเอาแต่อาระวาด ว่าคนโน้น โวยคนนี้  พอทำอะไรใครไม่ได้ก็เอาแต่กินเหล้า  ฉันไม่เห็นนายจะลุกขึ้นมาทำอะไรที่แสดงให้เห็นว่านายรัก
ราเชลเลยสักอย่าง ถ้านายรักเขาก็พิสูจน์สิริช กลัวอะไรกับอุปสรรค  ถ้าอยากดูแลเขานายก็ต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่านายต้องการทำเพื่อราเชลจริงๆ จะมีอุปสรรคแค่ไหนนายก็ต้องฝ่าฟันให้ได้  ไม่มีพ่อแม่หรือย่ายายคนไหนหรอกริชที่จะนิ่งเฉยอยู่ได้ถ้ารู้ว่ามีหนทางที่จะทำให้ลูกหลานเขาหายป่วย  หากนายพิสูจน์ให้ย่าราเชลเห็นถึงความรักที่นายมีต่อราเชลได้ ฉันเชื่อว่าเขาต้องยอมให้นายดูแลราเชล”
ริชอึ้งไปนาน มือที่ยึดคอเสื้อเท็ดค่อยๆคลายออก คำพูดแรงๆของเท็ดทำให้สติที่ถูกน้ำเมาบั่นทอนค่อยๆกลับคืนมาอีกครั้ง  ริชลูบหน้าแรงๆก่อนจะยื่นมือให้เท็ดจับ         
“ขอบใจ…ที่เตือนสติ  ฉันจะทำทุกอย่างให้ย่าราเชลยอมรับ ยอมให้ฉันได้ดูแลราเชล…ฉันจะทำทุกอย่างให้ราเชลกลับมาเป็นคนเดิม”         
“ให้มันได้อย่างนี้สิน่า  นี่สิริช แฮมิลตันตัวจริง” เท็ดยิ้มกว้าง
ริชพ่นลมจากปากแล้วแยกเขี้ยวตอบ  สิ่งหนักอึ้งในใจค่อยบรรเทาลง
      ..................................         

ท่านผู้หญิงเวลบอร์นจำต้องออกมาพบคนที่เกลียดที่สุดจนได้  ริช มาขอพบทุกวันมาเกือบอาทิตย์แล้ว หากท่านไม่ออกไปพบดูท่าเด็กยโสนั่นคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ
ร่างสูงลุกขึ้นทันที่เธอเปิดประตูเข้าไป  ท่านผู้หญิงมองชายหนุ่มด้วยสายตาเย็นชาและเหยียดหยามที่สุดซึ่งมันเคยได้ผลทุกครั้ง  แต่คราวนี้ริชกลับมองตอบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ         
“สวัสดีครับ”         
“ฉันบอกไปหลายครั้งแล้วนี่ว่าไม่ต้องการพบเธอ”         
“คนของท่านบอกผมแล้ว”         
“แล้วยังจะมาอีกทำไม?”
“ผมต้องการคุยกับท่านเรื่องราเชล”
“แต่ฉันไม่มีเรื่องจะคุยกับเธอ  เรื่องเธอกับราเชลมันจบไปตั้งแต่เธอทำให้หลานฉันกลายเป็นผักแล้ว”
“ผมแน่ใจว่าไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกที่ทำให้ราเชลเป็นแบบนั้น”
“เธอ!”
“ผมรักราเชล…ผมไม่สนหรอกว่าอะไรเป็นสาเหตุให้ราเชลเป็นแบบนั้น  สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือทำให้ราเชลกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
“จะบอกว่าเธอทำได้งั้นสิ?”
“ครับ…ผมมั่นใจว่าทำได้”
“น่าขัน…เธอคิดว่าแค่คำพูดพล่อยๆไม่กี่คำของเธอจะทำให้ฉันยอมให้เธอมายุ่งกับหลานฉันงั้นเหรอ  ไม่มีวัน!...กลับไปซะดีกว่า แล้วอย่ามาเหยียบที่นี่อีก บ้านนี้ไม่ต้อนรับเธอ”
“เสียใจครับที่ผมต้องปฏิเสธ  คุณชาร์ลเชิญผมเป็นแขกประจำที่นี่”
“แฮมิลตัน!เธอคิดว่าจะชนะฉันได้งั้นเหรอ?”
“ผมไม่ได้อยากเอาชนะ  แต่ผมแค่ต้องการให้ราเชลหายป่วยเท่านั้น  ผมรักราเชล...ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรผมยอม ขอแค่ให้ผมได้มีโอกาสดูแลเขาเท่านั้น”
“หึ…งั้นเชียว? ไหนลองคุกเข่าลงอ้อนวอนหน่อยสิ เผื่อฉันจะใจอ่อนก็ได้นะ” 
แอนนายิ้มหยันเตรียมจะเดินขึ้นข้างบน  ริชเดินมาดักหน้า  ใบหน้าคมคายเรียบเฉยไร้แววเกรี้ยวกราดขุ่นเคืองอย่างที่เธอคิด และยิ่งไม่คาดฝันเมื่อริช คุกเข่าลงตรงหน้า
“ผมขอร้อง…ผมรักราเชลจริงๆ อนุญาตให้ผมดูแลราเชลได้ไหมครับ  ผมสัญญาว่าจะทำให้เขากลับมาเป็นราเชลคนเดิมให้ได้ นะครับได้โปรด”
สตรีเหล็กแห่งเวลบอร์นยืนนิ่งขึง  เมินมองออกไปข้างนอกก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบนเงียบๆ ริชถอนใจยาวอย่างอ่อนใจ  ดวงตาคมเป็นประกายกล้าขึ้นเมื่อนึกถึงร่างผอมบางในโรงพยาบาล ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นเดินออกไปขึ้นรถและขับไปที่โรงพยาบาล  แม้จะรู้ว่าไม่มีโอกาสได้เยี่ยมราเชลเพราะย่าของเด็กหนุ่มสั่งห้ามเขาเยี่ยม แต่ริชก็มาทุกวัน เขาหวังว่าสักวันหญิงชราจะใจอ่อนยอมให้เขาได้เยี่ยม
ราเชลโดยที่เขาไม่ต้องใช้อิทธิพลของแฮมิลตัน         
พยาบาลสาวที่อยู่หน้าเคาเตอร์สะกิดกันเมื่อร่างสูงปรากฏกายที่หน้าประตู  หัวหน้าแผนกต้อนรับรีบออกมารับหน้า         
“สวัสดีค่ะ…ฝากดอกไม้เยี่ยมคุณเวลบอร์นไว้ที่ดิฉันได้เลยค่ะ”         
“ขอบคุณครับ…เขาดีขึ้นบ้างไหมครับ?”         
“ยังเหมือนเดิมค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ คุณหมอท่านดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว”         
“ครับ…ผมขอไปดูเขานิดหนึ่งได้ไหมครับ  สัญญาครับว่าจะไม่รบกวนเขาเด็ดขาด”         
“ดิฉันก็อยากให้คุณไปเยี่ยมนะคะ  แต่ญาติของผู้ป่วยสั่งห้ามเด็ดขาด  ต้องขออภัยด้วยค่ะ”         
“ขอดูแค่หน้าห้องก็ได้ครับ”
ใบหน้ากลมแป้นส่ายไปมา ดวงตาที่มองชายหนุ่มเป็นประกายอ่อนโยนสงสาร  ริชพยักหน้าอย่างยอมจำนน ก่อนจะเดินคอตกกลับไป         
ริชทำให้พยาบาลทั้งตึกเห็นใจ  ที่ชายหนุ่มเพียรพยายามมาเยี่ยมราเชลทุกวันนับตั้งแต่เด็กหนุ่มเข้าโรงพยาบาลจนถึงวันนี้  แม้จะมีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมเพียงครั้งเดียว แต่ชายหนุ่มก็ยังมาทุกวัน 
พยาบาลสาวนางหนึ่งวิ่งตามมาทันทีที่แน่ใจว่าหัวหน้ากลับขึ้นตึกไปแล้ว         
“คุณคะ…คุณ…”         
“ครับ…เรียกผมเหรอครับ?”         
“ค่ะ…คุณอยากเห็นคุณเวลบอร์นใช่ไหมคะ”         
“ครับ คุณมีทางให้ผมได้เยี่ยมเขาเหรอครับ?”         
“เข้าไปเยี่ยมน่ะคงไม่ได้หรอกค่ะ…แต่ถ้าแค่ไปแอบดูน่ะพอได้”         
“แค่ดูก็ได้ครับ”         
“งั้นตามมาทางนี้ค่ะ”
ริชขมวดคิ้วเมื่อพยาบาลสาวพาเขาเดินไปอีกตึกแทนที่จะให้ขึ้นไปดูราเชล ที่ห้อง  ชายหนุ่มแทบโดดด้วยความยินดีเมื่อถูกพามายังชั้น3ของตึกด้านหลัง  และจุดที่เขายืนสามารถมองเห็นภายในห้องคนป่วยได้ชัดเจน  เพราะผนังด้านหลังเป็นกระจกใสสามารถเปิดออกมายังระเบียงที่ประดับด้วยไม้ดอกหลากหลายสี  ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยสดชื่นขึ้นนั่นเอง  ริชหันไปยิ้มกว้างกับพยาบาลสาว  อยากจะหอมแก้มเธอสักฟอดที่ช่วยให้เขาสมหวัง  แต่ก็เกรงจะทำให้เธอขุ่นเคืองหรือแปรเจตนาเขาในทางไม่ดี         
“ขอบคุณมากๆเลยครับ  ขอบคุณในความกรุณาครั้งนี้มาก”         
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  พวกเรา…ดิฉันหมายถึงพยาบาลที่ตึกนี้ ทุกคนก็อยากให้คุณได้เยี่ยมคุณเวลบอร์นกันทุกคน  แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของญาติผู้ป่วยเราก็ไม่มีสิทธิ์ให้คุณเข้าไป  แต่ตรงนี้ไม่เกี่ยวนี่คะ  คุณสามารถขึ้นมาดูคุณเวลบอร์นได้ทุกวันแหละค่ะ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”         
“ค่ะ…ดิฉันขอตัวก่อนแล้วกันนะคะ หายมานานเดี๋ยวหัวหน้าจะสงสัย”         “เดี๋ยวครับ…เอ่อ…ผมอยากตอบแทนความกรุณาของคุณกับเพื่อนๆ  ถ้า
มีอะไรให้ผมรับใช้ละก็ผมยินดีอย่างยิ่งเลยครับ”
พยาบาลสาวหัวเราะจนตาปิดก่อนจะส่ายหน้า         
“ไม่มีหรอกค่ะ…พวกเราแค่อยากให้คุณได้เห็นคุณเวลบอร์นเท่านั้น…แต่ถ้าคุณอยากตอบแทน...ขอเป็นขนมอร่อยๆสักกล่องก็พอค่ะ”         
“ได้ครับ  ขนมนะครับ”       
“ค่ะ…ดิฉันขอตัวนะคะ”         
“ครับ”
 ริชเฝ้ามองความเคลื่อนไหวในห้องผู้ป่วยอย่างใจจดใจจ่อ  ประมาณครึ่งชั่วโมงจะมีหมอและพยาบาลเวียนกันเข้าไปดูแลร่างที่นอนนิ่งๆบนเตียง ริชหลบวูบเมื่อร่างผอมบางของหญิงชราปรากฏขึ้น  พยาบาล2คนเข้ามาช่วยประคองราเชลนั่งรถ และเข็นออกมารับลมที่ระเบียง 
ริชมองคนรักด้วยความเจ็บปวดและเสียใจ  แม้จะไกลขนาดนี้ยังเห็นความผ่ายผอมของเด็กหนุ่มได้ชัดเจน  ศีรษะที่พับอ่อนพิงไปด้านข้าง  หญิงชรานั่งเก้าอี้ข้างๆหลานชายและพยายามชี้ชวนให้ดูดอกไม้และทิวทัศน์รอบๆ  แต่ไม่มีทีท่าว่าร่างบนรถเข็นจะขยับ  ริชได้เห็นคนรักเพียงครึ่งชั่วโมงพยาบาลก็มาพาเด็กหนุ่มกลับไปนอน  และไม่นานนักนางเวลบอร์นก็กลับไป  แต่ริชยังจ้องมองคนบนเตียงผ่านกระจกใสอยู่จนใกล้ค่ำ  เจ้าหน้าที่คนหนึ่งผ่านมาเจอเขาและแจ้งให้ทราบว่าหมดเวลาเยี่ยมแล้ว  ชายหนุ่มจึงต้องกลับบ้านด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
      ..................................

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
.........
พยาบาลทั้งแผนกจิตเวชพากันตื่นเต้นเมื่อขนมนาๆชนิดจากร้านดังทั่วโลกถูกลำเลียงเข้ามาในตึกจนหอมกลิ่นขนมฟุ้งไปหมด  ไม่มีใครทราบที่มาของขนมเหล่านั้น  ต่างพากันวิตกว่าจะถูกตำหนิ แต่เมื่อผู้อำนวยการมาถึงกลับไม่ได้ว่าอะไรซ้ำยังออกปากขอชิมสักจานเล่นเอาพยาบาลทั้งตึกพากันงงงัน  ยกเว้นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่พอจะเดาที่มาของขนมนั้นได้  เธอเริ่มสงสัยว่าคนที่เธอพาไปหาที่แอบดูคนป่วยเห็นทีจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว         
นางเวลบอร์นขมวดคิ้วเมื่อประตูอัตโนมัติของโรงพยาบาลเปิดออกแล้วมีกลิ่นหอมหวานของขนมลอยกรุ่นต้อนรับ  แต่ความกังวลในอาการของหลานชายมีมากกว่าที่เธอจะสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้
ในห้องของราเชลมีลิลลี่ขาวสดใหม่จัดใส่แจกันไว้เหมือนทุกวัน  มือขาว ที่ย่นด้วยริ้วรอยแห่งวัยหยิบการ์ดจากโต๊ะจะร่อนลงถังขยะเหมือนเคย แต่กลับชะงักค้าง ดวงตาคมดุอ่อนแสงลงตัดใจหย่อนการ์ดลงลิ้นชักตู้แทนถังขยะ  ก่อนจะเดินไปทรุดลงนั่งข้างเตียง 
หมอบอกให้เธอช่วยราเชลด้วยการพูดคุยหรือทำกิจกรรมที่เคยทำร่วมกันซึ่งจะช่วยให้ราเชลมีโอกาสกลับมามีสติเหมือนเดิม นางเวลบอร์นรู้สึกเศร้าและอดสู  เธอไม่อาจทำตามที่หมอบอกได้เพราะเธอไม่เคยมีกิจกรรมร่วมกับเด็กหนุ่มเลย 
ตั้งแต่เล็กจนโตราเชลมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น  กิจกรรมร่วมกันระหว่างเธอกับหลานชายมีเพียงการรับประทานอาหารเย็นหรือเรื่องรายงานผลการเรียน  หมอซอเรนกับอดีตแม่นมของราเชลเสียอีกยังมีกิจกรรมที่เคยทำร่วมกันกับหลานชายของเธอ 
นางเวลบอร์นพิงศีรษะอย่างอ่อนล้า  นิ้วย่นขาวไล้แก้มเรียวซีดอย่างอ่อนโยน
“ราเชล…ที่หลานต้องกลายเป็นแบบนี้เพราะย่าใช่ไหม…นั่นสินะ  ย่าคงโยนความผิดนี้ให้ใครไม่ได้ทั้งนั้น  หากย่าพยายามแสดงให้หลานรู้สักนิดว่าย่ารัก หลานคงไม่เป็นอย่างนี้…ราเชล…ย่าขอโทษนะลูก…” น้ำตาที่เธอเคยคิดว่าแห้งเหือดนับแต่วันที่สูญเสียสามีไหลเป็นทางอีกครั้งโดยที่เธอไม่คิดจะกลั้นไว้อีกต่อไป   
แอนนา เวลบอร์น ปล่อยใจให้จมอยู่กับอดีตแสนเศร้าเนิ่นนาน  กว่าจะสังเกตเห็นเงาวูบวาบจากตึกด้านหลัง  ครั้งแรกที่เธอหันไปดูก็ไม่เห็นอะไร  แต่เมื่อลอบชำเลืองมองอยู่ครู่หนึ่งก็แน่ใจว่าต้องมีคนแอบดูอยู่แน่ๆ  นางเวลบอร์นทำทีเป็นเข้าห้องน้ำแต่แง้มประตูไว้  ไม่นานนักร่างสูงก็ค่อยๆลุกขึ้นชะเง้อชะแง้มองมาจากตึกด้านหลัง  วูบแรกเธอคิดจะออกไปไล่แต่สายตาเหลือบไปเห็นตุ๊กตาคริสตัลตัวน้อยทำให้เธอชะงัก  ราเชลรักตุ๊กตาตัวนี้เหลือเกินเพราะมันเป็นของที่ริช แฮมิลตันซื้อให้  แม้แต่ตอนนี้...ราเชลจำใครไม่ได้เลยแต่กลับมีสีหน้าสดใสยามได้เห็นตุ๊กตาตัวนี้  เธอจึงเก็บมันไว้เพื่อใช้ปลอบหลานรัก         
นางเวลบอร์นออกมายืนมองร่างซูบผอมบนเตียงอยู่นาน  ทิฐิและความชิงชังค่อยๆบรรเทาลง
“ราเชล…ย่ารักหลานมากนะ…หากจะมีใครทำให้หลานกลับมาเป็นคนเดิมได้...ย่าก็จะยอม แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตย่า ย่าก็ยินดี…ย่าจะไม่ขวางเขาอีกแล้ว...ย่ายอมทุกอย่างแล้ว…กลับมาหาย่าเถอะนะคนดี” ปากซีดย่นจุมพิตบนหน้าผากนูนเกลี้ยงแผ่วเบา  ก่อนจะโทรศัพท์ออกไปที่เคาเตอร์ข้างนอก         
“ดิฉันแอนนา  เวลบอร์น ฉันขอให้คุณช่วยตามผู้ชายที่อยู่ตึกด้านหลังมาให้ดิฉันด้วย…ขอบคุณมากค่ะ”         
ร่างสูงเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าเครียดๆเขาแน่ใจว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นคนรัก
“มาได้ทุกวันนะ  ไม่เบื่อบ้างหรือไง?”
“ผมจะมาจนกว่าท่านจะยอมให้ผมได้ดูแลราเชล”
“หมายความว่าถ้าฉันยอมให้เธอเยี่ยมราเชล  เธอจะยอมไปจากชีวิตหลานฉันสินะ”
“ผมบอกแล้วว่าผมต้องการดูแลราเชลไม่ใช่แค่เยี่ยม  ผมอยากพาเขาไปรักษา  ผมแน่ใจว่าจะทำให้เขากลับมาเป็นคนเดิมได้”
“มั่นใจขนาดนั้นเชียว…เธอเป็นหมอหรือว่าพ่อมดล่ะถึงได้แน่ใจว่าจะรักษาราเชลได้”
“ผมไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น นอกจากเป็นคนที่รักราเชลที่สุด  และผมก็แน่ใจว่าราเชลก็รักผมที่สุดด้วย…ผมเชื่อว่าความรักจะช่วยให้ราเชลหายได้”
“เธอคิดว่าแค่ความรักก็สร้างปาฏิหาริย์ได้งั้นสิ”
“ผมมั่นใจ…หมอก็บอกนี่ครับว่าให้พยายามกระตุ้นให้ราเชลนึกถึงกิจกรรมที่ทำร่วมกัน ผมกับราเชลเราเคยมีเรื่องสนุกๆมีสิ่งดีๆที่ทำด้วยกันมากมาย”
“อะไรล่ะเรื่องสนุกที่เธอว่า…เซ็กส์หรือผับบาร์”
“ผมเคยพาราเชลไปเที่ยวผับแค่ครั้งเดียว  ที่พาไปก็เพราะไม่อยากให้
ราเชลไปกับคนอื่นอาจจะอันตราย  แล้วระหว่างเราก็ไม่ได้มีแต่เซ็กส์หรอกนะครับ  ผมไม่รู้จะอธิบายให้ท่านฟังยังไง  แต่ผมอยากขอร้องให้ท่านให้โอกาสผม  ให้ผมได้ดูแลราเชลเถอะครับ”
นางเวลบอร์นจ้องชายหนุ่มเขม็ง และริชก็สบตาไม่หลบ  เขาต้องพิสูจน์ให้หญิงชราเห็นว่าเขามั่นคงและจริงจังแค่ไหน         
“ตกลง...ฉันจะยกเลิกคำสั่งห้ามเยี่ยม และเธอมีสิทธิ์ที่จะดูแลราเชลได้เต็มที่  แต่…ฉันจะให้เวลาเธอ2เดือน  ถ้าราเชลมีปฏิกิริยาตอบสนองมากกว่านี้เราค่อยมาตกลงกันอีกที แต่ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนหรือราเชลเกิดอาการทรุดลง เธอจะต้องออกไปจากชีวิตหลานฉันตลอดไป”         
“...ขอบคุณมากครับ!…ผมสัญญาว่าผมจะทำให้ราเชลกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้  ผมสัญญา”
ริชหลุดปากระล่ำระลักหลังจากยืนตะลึงอยู่นาน  ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่เกลียดแสนเกลียดเขาจะยอมให้โอกาสเข้าง่ายๆ
นางเวลบอร์นยิ้มเย็นก่อนจะลุกออกไปจากห้อง  ริชผวาเข้าไปหาร่างผอมบางบนเตียง ก้มลงจุมพิตแก้มซูบด้วยหัวใจเต็มตื้น         
“ที่รัก…คิดถึงเธอที่สุดเลย…ในที่สุดพระเจ้าก็เข้าข้างเราแล้ว  ราเชลต่อไปนี้ฉันจะดูแลเธอให้ดีที่สุด  ฉันจะไม่ทิ้งเธอไปไหน  และจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอีก ฉันสัญญา” ริชยกมือที่เสียบสายน้ำเกลือขึ้นจูบเบาๆแล้วค่อยๆวางลง            
ชีวิตของริชเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง  เขาย้ายมาเช่าห้องเล็กๆที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง  ทุกวันชายหนุ่มจะมีดอกไม้และขนม ที่ราเชลชอบติดมือมาตลอดทั้งๆที่รู้ว่าราเชลกินไม่ได้ก็ตาม  บางวันก็ขนหนังสือมาอ่านให้ฟัง อ่าน...กระทั่งบทกลอนของกวีคนโปรดหรือแม้แต่แผ่นเสียงของนักร้องที่เด็กหนุ่มชอบก็จะสลับกันเปิดไม่ได้ขาด
ริชจะมาแต่เช้าและกลับก็ต่อเมื่อหมดเวลาเยี่ยม  และเมื่อกลับถึงห้องชายหนุ่มก็ไม่ได้พัก เขาจะตั้งหน้าตั้งตาอ่านตำราหรือข้อมูลที่เกี่ยวกับการดูแลรักษาผู้ป่วยจิตเวชจนกว่าจะผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย         
เช้านี้ริชมาก่อนเวลาเยี่ยมเล็กน้อย ชายหนุ่มหอบกล่องกระดาษใบโตมาด้วย  พยาบาลสาวที่แผนกประชาสัมพันธ์ยิ้มให้อย่างคุ้นเคย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ มาแต่เช้าเหมือนเดิมนะคะ”
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“แล้วนั่นหอบอะไรมาคะ?”
“ต้นไม้น่ะครับ”
“เอามาทำไมคะนั่น”
“ความลับครับบอกไม่ได้…ผมเข้าไปเยี่ยมราเชลได้หรือยังครับเนี่ย”
“อ่า…ค่ะ เข้าไปได้แล้ว” พยาบาลสาวยิ้มกว้างเมื่อเหลือบมองนาฬิกา แล้วจึงยอมเปิดให้ริชเข้าไปด้านใน
พยาบาลประจำห้องพิเศษเพิ่งจะเช็ดตัวเด็กหนุ่มเสร็จและกำลังผูกเชือกที่เสื้อ  ริชเคาะประตูเบาๆพอเป็นพิธีก่อนจะเข้าไป
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ  ตื่นอยู่พอดีเลย…ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”พยาบาลสาวยิ้มให้ก่อนจะออกไป  ริชก้าวเข้าไปหยุดข้างเตียงอย่างตื่นเต้นเพราะน้อยครั้งมากที่เขาจะได้เห็นตอนราเชลตื่น ส่วนใหญ่เด็กหนุ่มจะหลับเสียมากกว่า
“อรุณสวัสดิ์ที่รัก…คิดถึงเธอจังเลย”
ดวงตากลมโตลอยไกลไม่จับที่สิ่งใด  ริชหลับตาอย่างปวดร้าวก่อนจะหันไปยกกระถางสีขาวมาชูตรงหน้าเด็กหนุ่ม
“เห็นไหมนี่อะไร…กระถางสีขาว...สวยใช่ไหม…วันนี้เราจะมาเพ้นท์ -
กระถางกันนะ  ลายสตอร์เบอรี่ที่เธอชอบไง ดีไหม?” ริชชวนคุยพร้อมกับปรับเตียงให้ยกตั้งขึ้น  ปูผ้ารองบนตักของเด็กหนุ่มแล้วขนอุปกรณ์มาเรียงในถาด 
ริชจับมือผอมบางเพ้นลายผลสตอร์เบอรี่ที่ละใบจนรอบกระถาง  ก่อนจะค่อยๆย้ายต้นไม้จากถุงลงปลูกในกระถางที่ช่วยกันเพ้นท์         
“ชอบไหมราเชล…เธอเคยชวนฉันทำอยู่บ่อยๆแต่ฉันก็ไม่เคยว่างสักครั้ง  จริงๆแล้วฉันแกล้งทำเป็นยุ่งไปอย่างนั้นแหละ ที่ฉันไม่ยอมทำก็เพราะฉันวาดรูปไม่ค่อยเก่งน่ะ แต่วันนี้ฉันวาดสตอร์เบอรี่ได้สวยที่สุดเลย  เป็นเพราะมีเธอช่วยนี่เอง”
ริชเขี่ยแก้มซีดเบาๆ  เด็กหนุ่มกระพริบตาแล้วเหม่อไกล  ริชเปิดแผ่นเสียงแผ่นใหม่พร้อมกับอุ้มร่างเล็กใส่รถ  เข็นออกไปที่ระเบียง 
หากชายหนุ่มไม่มัวพะวงกับสายน้ำเกลือเขาคงได้เห็นภาพที่น่ายินดี ดวงตาที่ลอยคว้างไกลเป็นประกายวูบวาบ และรอยยิ้มบางๆก็แต้มที่มุมปากซีด แต่วูบเดียวใบหน้าเรียวซูบก็กลับไปนิ่งเฉยเหมือนเดิม
      ..................................         

ซอเรนมองร่างสูงที่ค่อยๆเข็นรถไปตามทางเดินในสวนอย่าง –
ปวดร้าว  ในที่สุดริชก็ทำให้ท่านผู้หญิงเวลบอร์นยอมแพ้จนได้  แต่ในความเจ็บปวดเขายอมรับว่าดีใจมาก...เพราะจากรายงานพบว่า ราเชลมีพัฒนาการขึ้นอย่างรวด -เร็ว  เด็กหนุ่มตื่นนานขึ้น  ร่างกายมีปฏิกิริยากับสิ่งเร้ามากขึ้น สีหน้าแววตาสดใสมากขึ้นกว่าเดิมจนสังเกตเห็นได้ชัด  ทุกอย่างดูเหมือนจะดีไปหมดยกเว้นเรื่องเดียว
ริชยื่นเรื่องขอรับตัวราเชลออกไปรักษาที่เซฟเฮ้าท์  และเมื่อเขารายงานเรื่องนี้ถึงท่านผู้หญิงเวลบอร์น กลับได้รับอนุญาต  คนสุดท้ายในโลกที่เขาคิดว่าจะคัดค้านกลับใช้เวลาเพียง5นาทีหลังอ่านรายงาน  เซ็นอนุญาตให้ริชพาราเชลไปรักษาได้           
‘เราต่างก็เพียรพยายามกันมานาน แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น  แต่เมื่อเขามาดูแลราเชลแค่เดือนเดียวราเชลก็ดีวันดีคืน…ฉันยอมแพ้แล้วหมอ…หากปาฏิหาริย์ของความรักจะทำให้ราเชลกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันก็พร้อมที่เชื่อใจเขา  แฮมิลตันเคยทำให้ราเชลเจ็บมามาก นี่อาจจะเป็นการชดใช้ที่พระเจ้ากำหนดไว้ก็ได้’ 
ซอเรนมองใบอนุญาตในมืออยู่นานกว่าจะตัดใจได้         
“ผมก็หวังอย่างนั้นครับท่าน…ผมภาวนาให้ปาฏิหาริย์มีจริง  ราเชลคนเดิมจะได้กลับมาเสียที” 
หมอหนุ่มใหญ่เดินลิ่วไปยังตึกอำนวยการเพื่อดำเนินการให้ราเชลได้ออกไปรักษาตัวที่เซฟเฮาท์ตามคำขอของริช  แฮมิลตัน
         ..................................

หมอกยามเช้ายังลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือแผ่นน้ำกว้างใหญ่  อากาศค่อนข้างเย็นทำให้ริชอดก้มลงมองคนบนรถเข็นด้วยความห่วงไม่ได้  ใบหน้าค่อนข้างซีดเป็นสีชมพูระเรื่อจากความเย็น ดวงตาคู่งามยังลอยไกลไม่สะทกสะท้านต่ออากาศโดยรอบ ริชคุกเข่าลงข้างรถเข็น ค่อยๆประคองหน้าเนียนให้หันกลับมามอง  ดวงตาลอยไกลราวกับมองทะลุเขาไปทำให้ชายหนุ่มเจ็บแปลบในอก         
“หนาวไหม…แต่เดี๋ยวพอพระอาทิตย์ขึ้นตรงนี้จะสวยมากเลย  คอยดูให้ดีนะ” ริชกระซิบบอกคนบนรถเข็นอย่างอ่อนหวาน ชี้ชวนให้เด็กหนุ่มดูราวกับเขารับรู้สิ่งสวยงามเหล่านั้น
“ไว้อากาศดีกว่านี้หน่อยเราค่อยไปพายเรือเล่นกัน…เคยพายแข่งกับเท็ดแต่ไม่เคยชนะหมอนั่นสักที…คราวนี้จะลองซ้อมให้คล่องเลยรับรองคราวหน้าชนะแน่…ไว้เราไปช่วยกันซ้อมนะคนดี…อา…นั่นไง…พระอาทิตย์กำลังจะพ้นมุมเขาแล้ว  สวยไหมที่รัก” ริชหันกลับมาจ้องหน้านวล  ดวงตาที่ลอยไกลยังคงว่างเปล่า…ริชก้มลงกอดร่างผอมบนรถเข็นด้วยความทะนุถนอม ชายหนุ่มฮัมเพลงในลำคอเบาๆเห่กล่อมด้วยบทเพลงรักที่เคยเป็นเพลงโปรดของราเชล         
ในม่านหมอกที่มืดมิด  แสงสว่างจากประตูค่อยๆลอดเข้ามา  ราเชลเฝ้ามองอย่างสนใจ  ไออบอุ่นนั้นเจือความเศร้าอย่างประหลาด  เด็กหนุ่มเกือบถอยหนีหากเสียงเพลงแผ่วหวานไม่แทรกเข้ามาเสียก่อน  เสียงที่ค่อนข้างเบาบางครั้งก็สะดุดราวกับคนร้องกำลังสะอื้นทำให้เขาสงสารจนอยากออกไปปลอบ…แต่เขาไม่กล้า…ข้างนอกนั่นมีเรื่องน่ากลัวรอเขาอยู่           
“ราเชล…ขอโทษนะที่รัก…หากไม่เพราะฉันเธอคงไม่อยู่ในสภาพนี้…ฉันขอโทษ”
เสียงเว้าวอนนั้นเรียกร้องจนราเชลทนไม่ไหว เด็กหนุ่มข่มความกลัวค่อยๆแง้มประตูด้วยมือสั่นเทา...แสงสว่างเรืองรองภายนอกส่องลอดรอยแง้มเข้ามา
ราเชลแอบมองผ่านรอยแง้มเล็กๆนั้นออกไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังร้องไห้           
 ‘ริชนี่…ริชร้องไห้ทำไม…คุณเสียใจอะไร?’ราเชลพยายามพูดด้วย แต่ก็เหมือนเคย ริชไม่ได้ยินเขาเหมือนกับทุกคนมันทำให้ราเชลยิ่งเสียใจ…           
‘ริชน่าสงสาร…แต่เราช่วยอะไรไม่ได้เลย’ เด็กหนุ่มปิดประตูแล้ววิ่งกลับไปซุกอยู่มุมห้องเหมือนเดิม…ข้างนอกนั่นเขาไม่มีประโยชน์อะไรเลย…เพราะฉะนั้นเขาก็ควรอยู่ในนี้เงียบๆ         
ริชเกือบสะดุ้งเมื่อสังเกตเห็นดวงตาลอยๆไหววูบ…วูบเดียวเท่านั้นแล้วก็กลับไปเหมือนเดิม  มันเร็วจนชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า         
“ราเชล…ที่รัก…ได้ยินฉันไหม…ราเชล…ได้ยินหรือเปล่า…กลับมาหาฉันเถอะนะคนดี”
ราเชลผุดลุกขึ้น  เขาได้ยินเสียงเรียกนั้น  แม้จะแผ่วเบาแต่ก็สะเทือนไปทั้งหัวใจ         
‘ริชเรียกเรา…ริชครับ…คุณอยากเจอผมใช่ไหม?’         
“ราเชล…ฉันอยู่ตรงนี้…กลับมาหาฉันนะ…ได้โปรด…จำได้ไหมคนดี…เราเคยสัญญากันว่าสักวัน…เราจะบินไปรอบโลกด้วยกัน…ฉันจะพาเธอไปดูศิลปะสวยๆที่อิตาลี…แล้วเราจะไปมัลดีฟด้วยกันไปนอนดูดาวกันที่นั่น…ความฝันของเรายังไม่เป็นจริงเลย…ราเชล…ที่รัก”
ราเชลเดินวนเวียนไปรอบๆห้องอย่างกระวนกระวาย…อยากออกไป…แต่ก็กลัว…ข้างนอกนั่นมีบางอย่างน่ากลัวรออยู่…แต่ริชล่ะ...ริชก็รออยู่เหมือนกัน…
         ‘ริช…เรียกผมเหรอ…ผมอยู่ตรงนี้…เปิดประตูให้ผมหน่อย’
เด็กหนุ่มร้องไห้  เขาอยากออกไปแต่ไม่กล้าเปิดประตู…เสียงเรียกหายไปทำให้ความกล้าพลอยหายไปอีกครั้ง  ราเชลถอยกลับไปแอบอยู่ที่มุมห้องตามเดิม     
      ..................................
   
ริชเข็นรถพาราเชลกลับบ้านก็เจอเข้ากับรถจิ๊ปคันเก่าของเท็ดจอดอยู่หน้าบ้านกลิ่นอาหารลอยมาต้อนรับทันทีที่เปิดประตูเข้าไป     เท็ดวางผักในมือลง  ปราดเข้ามาคุกเข่าข้างรถเข็น 
“วันนี้มีเมนูเด็ด…ฉันไปขอสูตรมาจากร้านที่เคยไปกินคราวที่แล้วจำได้ไหม…ไงราเชล…สบายดีไหมคนเก่ง…โอ!หน้าตาสดใสแบบนี้แปลว่าดีละสิ” เท็ดทักทายเด็กหนุ่มด้วยรอยยิ้มสดใส  ก่อนจะเงยขึ้นมองคนเข็นอย่างเห็นใจ 
ริชยังทำใจได้ไม่เท่าเท็ด…แม้จะพยายามแค่ไหนแต่เขาก็เจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นดวงตาลอยไกลของคนรัก…ความรู้สึกผิดทับทวีขึ้นทุกทีจนแทบแบกรับไว้ไม่ไหว       
“นายมานานแล้วเหรอ?”         
“เกือบชั่วโมงแล้ว…ราเชลดูดีขึ้นนะ”         
“จริงเหรอ…นายก็รู้สึกใช่ไหม?”         
“รู้สึกสิ…เขาต่างจากตอนอยู่โรงพยาบาลมากเลย…หน้าตาสดใสมากขึ้นจนแทบไม่รู้เลยว่าป่วย”
ริชหน้าชื่นขึ้น  เริ่มมีความหวังที่เขาไม่ได้รู้สึกอยู่คนเดียวว่าราเชลดีขึ้น         
“วันนี้จะงดทำกายภาพ…ว่าจะพาไปนั่งเรือ…นายว่างหรือเปล่า?”         
“ว่าง…ไงราเชลดีใจไหม…วันนี้เราจะแข่งเรือกันดูซิว่าผมกับแฟนคุณใคร
เจ๋งกว่า”         
“คอยดูนะที่รักวันนี้เราชนะแน่…คนเดียวจะมาสู้สองคนได้ยังไง”
เสียงหัวเราะกับความเย็นฉ่ำทำให้ราเชลแง้มประตูดูภายนอก…เสียงเรียกเขาดังสลับไปมาจากคนสองคน  ข้างนอกโคลงเคลงไปมาจนเขากลัว…แต่อ้อมแขนอบอุ่นที่โอบเขาไว้ทำให้เด็กหนุ่มคลายความกลัวลง
สายลมเย็นฉ่ำปะทะใบหน้า…ไกลออกไปราเชลเห็นน้ำกว้างๆ…และริชก้มลงมายิ้มให้เขา         
“ริช…เริ่มเลยนะ…หนึ่ง…สอง…สาม..ไป!”
ทิวทัศน์ข้างนอกวิ่งผ่านไปเร็วจี๋ แต่ราเชลไม่นึกกลัว…เขาอยากออกไป…อยากไปพายเรือด้วยแต่ข้างนอกน่ากลัวเกินไป         
‘ริช…ริชพายเรือเร็วจี๋เลย…ริชคงชนะ…แน่ะใช่ด้วยเขาหันมายิ้มกับเรา’
ราเชลยิ้มให้อายๆแต่ไม่ได้ปิดประตูหนีเหมือนทุกครั้ง         
ริชหันมายิ้มกว้างเมื่อพบว่าเขาหยิบธงมาได้ก่อน  แต่แล้วชายหนุ่มก็สะดุ้งเมื่อเห็นรอยยิ้มตอบจากเด็กหนุ่ม    แต่แล้วรอยยิ้มของราเชลจางหายราวกับน้ำค้างกระทบแดด  ดวงตาคู่งามลอยไกลไร้จุดหมายเหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น         
“ราเชล…ราเชลได้ยินฉันไหม…ราเชล…โธ่อย่าเป็นแบบนี้สิ…”
ริชเขย่าร่างในอ้อมแขนอย่างลืมตัว  เท็ดพายเรือเข้ามาเทียบแล้วคว้าไหล่เขาไว้         
“ริชอย่า…อย่าทำให้เขาตกใจสิ...ยิ่งทำอย่างนี้ราเชลอาจจะแย่นะ”
 “บ้าจริง…เมื่อครู่นี้ราเชลเหมือนรู้ตัวแล้ว…แต่ฉันทำพังอีกแล้วสิเนี่ย…ที่รัก…ฉันขอโทษ…”
ราเชลได้ยินทุกถ้อยคำของริช…เขาเองก็เสียใจที่ด่วนหนีมา…ไว้คราวหน้าเขาจะพยายามไม่หนีอีก   
      ..................................     

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
..................................     

ริชเข็นรถของราเชลนำเท็ดไปเรื่อยๆ  พอเจอของที่ต้องการก็หยุดเลือกและชี้ชวนให้คนบนรถเข็นดูแล้วจึงหย่อนใส่รถที่เท็ดเข็นตามมา เท็ดเองก็ทำเหมือนริช ทั้งคู่ไม่สนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนที่เดินสวนไปมา 
จากในซุปเปอร์มาเก็ตเรื่อยมาจนถึงแผนกเสื้อผ้า ริชเลือกและลองเสื้อให้
ราเชลมากมาย และเช่นเคยคนที่ต้องช่วยหอบหิ้วตามก็คือเท็ด  พนักงานขายนำสลิปและบัตรเครดิตมายื่นให้  ริชเซ็นแล้วส่งคืนก่อนจะก้มลงผูกหูรองเท้าให้คนบนรถเข็นจึงไม่เห็นรอยยิ้มหวานที่ค่อยๆเก้อไปของพนักงานสาว  เท็ดอมยิ้มเสมองไปทางอื่นเพื่อไม่ให้เธอหน้าแตกไปมากกว่านี้ 
ทั้งคู่ช่วยกันลำเลียงของทั้งหมดลงท้ายรถ  โดยมีรถเข็นของราเชลอยู่ข้างๆ  รถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นผ่านไปด้วยความเร็วแต่แล้วก็ชะลอลง  คนบนรถขยับวูบวาบ  ริชเหลือบมองหน้าเท็ด  ทั้งสองปราดเข้าประคองราเชลขึ้นรถ  ริชนั่งกับราเชลข้างหลังทิ้งให้เท็ดขับรถตามลำพัง  ปืนเลือนปราดเข้ามาอยู่ในมือ ชายหนุ่มกระชากเลื่อนตรวจดูกระสุนเพื่อความรอบคอบ…เท็ดแม้จะขับรถแต่บนตักก็ปรากฏวัตถุสีดำมะเมื่อมเช่นกัน 
ริชปรับที่นั่งราเชลให้เอนลงนอนเพื่อความปลอดภัย  จู่ๆเด็กหนุ่มก็ตัวสั่น  ริชเหลียวมองอย่างตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นยินดีเพราะการที่ราเชลรู้สึกกลัวก็หมาย -ความว่าราเชลยังรับรู้ความรู้สึกของคนรอบข้างได้
“ราเชล” ชายหนุ่มกุมมือนิ่มชื้นไว้อย่างอ่อนโยน  อาการสั่นของเด็กหนุ่มค่อยๆลดลง
รถแล่นปราดออกจากลานจอดไปตามถนน  ดูเหมือนแท็กซี่คันนั้นจะตามอยู่ครู่หนึ่งก็ถูกเท็ดสลัดหลุด  แต่ทั้งคู่ก็ไม่ประมาท เท็ดเข้าซอยโน้นออกซอยนี้อยู่นานจนแน่ใจว่าปลอดภัยแล้วจึงค่อยตีรถย้อนกลับบ้าน
ริชจ้องมองกิริยาของราเชลตลอดเวลา  ทันทีที่บรรยากาศเคร่งเครียดในรถจางลง  อาการเกร็งตัวและสั่นเทาของเด็กหนุ่มก็ค่อยๆหายไปจนกลับเป็นปกติ  แต่ราเชลหลับเร็วกว่าทุกครั้งและหลับนาน จนมาถึงบ้านก็ยังไม่ตื่น
ริชเล่าสิ่งที่เห็นให้เท็ดฟัง  เท็ดตัดสินใจให้โทรหาซอเรน  แม้จะไม่เต็มใจนักแต่ความห่วงในตัวคนรักมีมากกว่าริชจำต้องโทรหาคู่ปรับตัวฉกาจ  เป็นไปตามที่คาดซอเรนตื่นเต้นดีใจจนแทบจะแล่นมาหาเดี๋ยวนั้นแต่ติดที่ต้องดูแลผู้ป่วยรายหนึ่งที่อาการทางจิตค่อนข้างรุนแรง       
ตามปกติหากเท็ดมาค้างด้วยริชจะย้ายไปนอนที่ข้างเตียงราเชล  แต่คืนนี้ชายหนุ่มเปลี่ยนใจ  อาการของราเชลวันนี้ทำให้เขาอยากลองดูปฏิกิริยาบางอย่างของเด็กหนุ่ม  หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จริชก็สอดตัวเข้าไปนอนข้างๆ 
ร่างบอบบางดูเหมือนจะผอมกว่าเดิมมาก  แต่ก็ยังดูดีกว่าตอนอยู่โรงพยาบาล ริชถอดเสื้อผ้าออกจนร่างผอมบางเปล่าเปลือยเช่นเดียวกับเขา  ชายหนุ่มโอบประคองร่างน้อยไว้ในอ้อมแขนและจับตาดูทุกอิริยาบถของเด็กหนุ่ม  แรกๆนั้นราเชลยังคงหลับอยู่แต่เมื่อเขาเริ่มลูบไล้และจุมพิตเบาๆไปเรื่อยๆ เด็กหนุ่มก็รู้สึกตัวตื่น 
ริชประคองหน้านวลให้จ้องหน้าเขา  ดวงตาคู่งามใสแจ๋วแต่ว่างเปล่า  ชายหนุ่มค่อยๆเบียดจุมพิตอ่อนโยนแผ่วเบาแล้วเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ  ปฏิกิริยาไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ร่างเล็กเริ่มขยับเคลื่อนไหว  มือเล็กเกาะกอดตอบเขา  ริชดีใจแทบบ้า ฝ่ามืออุ่นร้อนลูบไล้ไปทั่วร่างบาง  ก่อให้เกิดอาการสั่นไหวเบาๆในลำคอของเด็กหนุ่ม         
ในความมืดราเชลรู้สึกร้อนวาบๆในท้อง  ร่างกายของเขาเกิดอาการแปลกๆ  เด็กหนุ่มบิดตัวไปมาอย่างทรมาน  หัวใจเต้นเร็วขึ้นและรู้สึกสั่นหวิวไปหมด เขาอยากได้สัมผัสมากกว่านี้  อยากรู้สึกมากกว่านี้….         
แม้ดวงตาคู่งามจะยังลอยไร้ไกล  หากแต่ความปรารถนากลับเต้นระริกให้เห็น  ริชฟอนเฟ้นทั่วร่างขาวด้วยเจตนาปลุกเร้า  ฟันคมขบเม้มและดูดดื่มยอดเม็ดสีสดเป็นจังหวะ  ตลอดเวลาชายหนุ่มเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาคนรักเพื่อให้แน่ใจว่าราเชลตอบสนองเขาแค่ไหน…ร่างขาวซีดค่อยซับสีระเรื่อขึ้นจนแทบเป็นสีชมพูทั้งตัว ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้นเมื่อเขาลากจุมพิตร้อนลงไปที่หน้าท้องแบนราบ  ริชขบไล้เลียไปตามซอกขาและผิวเนื้ออ่อนด้านในแต่ไม่แตะต้องส่วนสำคัญที่ขยับระริกอย่างรอคอย  ชายหนุ่มเลื่อนตัวขึ้นแนบหูกับทรวงอกนูนบางได้ยินเสียงหัวใจเต้นถี่ขึ้นทุกที มือใหญ่กอบกุมส่วนร้อนผ่าวของคนรักไว้และลูบไล้เป็นจังหวะ ร่างที่เคยนอนนิ่งแทบไม่เคลื่อนไหวกลับบิดไปมาเบาๆ  วงหน้างามแดงก่ำและเหยเกเมื่อเขาเร่งจังหวะมือให้เร็วขึ้น  ริชจูบปากอิ่มดูดดื่ม  แม้จะไม่ได้รับจูบตอบ แต่ลมหายใจกระชั้นก็ทำให้เขารู้สึก…จนแทบทนไม่ไหว  ชายหนุ่มเลื่อนใบหน้าลงไปแนบกับหน้าท้องขาว  จุมพิตผิวตึงเนียนอย่างนุ่มนวลก่อนจะครอบครองคนรักไว้ในปาก  หน้าท้องแบนเกร็งยกขึ้นจนสะโพกลอย  เมื่อลองหยั่งแหย่ช่องทางแคบก็ได้รับการบีบรัดตอบสนอง         
“ที่รัก…ราเชล…โอ…ที่รัก…”
ริชแทบคลั่งด้วยความทรมาน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่มีโอกาสได้แตะต้องเด็กหนุ่มเลย  และดูเหมือนเสียงริชจะมีอิทธิพลต่อราเชลเช่นกัน  ทางแคบบีบรัดแน่นทุกครั้งที่ริชเรียกชื่อ ชายหนุ่มเร่งจังหวะทั้งมือและปากไม่นานนักร่างเล็กก็ผวาเกร็ง ปลดปล่อยทุกอย่างออกมาเปรอะเปื้อนชายหนุ่ม แต่ริชไม่สนใจ
เขาเฝ้าจุมพิตปลอบโยนเหมือนที่เคยทำทุกครั้งจนอาการสั่นระรัวค่อยๆบรรเทาลงและกลับสู่สภาวะปกติในที่สุด  ราเชลผล็อยหลับไปแทบจะทันที  ริชทำ
ความสะอาดร่างเล็กอย่างถนอม  ก่อนจะกลับไปอาบน้ำเย็นๆเพื่อบรรเทาความรุ่มร้อนให้ตัว  ชายหนุ่มกลับมานอนร่วมเตียงอีกครั้ง ลมหายใจอุ่นๆที่รินรดอกเขาอบอุ่นอย่างประหลาด มันทำให้เขาหลับได้อย่างเป็นสุขเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ราเชลล้มป่วยมา….         
      ..................................
เท็ดเคาะประตูเพียงครั้งเดียวก็เปิดเข้าไปเหมือนทุกที แต่คราวนี้ชายหนุ่มได้แต่ชะงักค้าง  คาดไม่ถึงว่าจะเจอริชนอนร่วมเตียงกับราเชล ที่สำคัญเขาแน่ใจว่าทั้งคู่เปลือย!  เท็ดปิดประตูแล้วเดินออกมาข้างนอกอย่างกังวล…เกิดอะไรขึ้นกับริช ทั้งๆที่เขาแน่ใจว่าริชควบคุมตัวเองได้มาตลอดแต่ภาพเมื่อครู่ทำให้เขาไม่มั่นใจว่าริชหยุดตัวเองได้แค่ไหน  ถึงหมอจะไม่ได้สั่งห้ามเรื่องนี้แต่ริชก็ไม่น่าทำอะไรแบบนี้
เสียงประตูลั่นเบาๆ  ร่างสูงในสภาพเพิ่งตื่นเดินมายืนประจันหน้ากับเท็ด         
“ฉันไม่ได้ร่วมรักกับราเชล”         
“เมื่อคืนนายไม่ได้ดื่มนี่…ใช่ไหม?”         
“ฉันบอกว่าฉันไม่ได้ร่วมรักกับเขา…ฉันก็แค่…ทดสอบปฏิกิริยาเขาเรื่องนั้นว่าเขาตอบสนองหรือเปล่า”
เท็ดเลิกคิ้วสูง แล้วมองนิ่ง  ริชหลบตาเสยกมือขึ้นเสยผมแรงๆ       
 “เขามีปฏิกิริยาตอบสนองทางร่างกาย…เอ่อ…คล้ายๆตอนไม่ป่วย…ก็…แค่นั้น”       
 “นายควรเล่าให้หมอซอเรนฟังนะ”         
“บ้าสิเท็ด…ทำไมฉันต้องไปบรรยายเรื่องบนเตียงของตัวเองให้คู่แข่งฟังด้วย”         
“ถ้าเป็นเวลาอื่นอาจฟังดูบ้า…แต่ตอนนี้ราเชลต้องพึ่งหมอ…เราต้องช่วยกันทำให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ใช่เหรอริช”       
 “ก็…ก็ใช่…แต่…โว้ย!” ประโยคหลังชายหนุ่มตะโกนออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ  หากไม่ห่วงว่าจะเป็นการถ่วงให้การรักษาราเชลล่าช้า ไม่มีวันเสียหรอกที่เขาจะยอมทำตามที่เท็ดบอก  เท็ดตบบ่ากว้างอย่างเห็นใจก่อนจะเป็นคนต่อโทรศัพท์หาซอเรน
เท็ดเล่าสิ่งที่ริชบอกคร่าวๆ  ซอเรนเงียบไปอึดใจก่อนจะขอสายริช         
“คุณพอลลิ่งบอกผมว่าราเชลตอบสนองต่อ…สัมผัสของคุณคล้ายๆกับตอนปกติ…ที่ว่าคล้ายมันยังไง?”       
“ก็แค่ไม่ได้พูดคุยกันเท่านั้น”         
“หมายความว่าราเชลพร้อม…เอ่อ…จะตอบรับคุณ”         
“ก็ใช่”         
“ถ้าคนสัมผัสเป็นคนอื่นละ?”         
“ซอเรน!”         
“ผมไม่ได้จะหาเรื่องอะไรนะ…แต่ผมอยากให้คุณลองทดสอบเรื่องอื่นๆดู…ผมต้องการอาการที่ชี้ชัดลงไปว่าเขามีปฏิกิริยาตอบสนองตามความเคยชินหรือเกิดจากปฏิกิริยาอัตโนมัติของร่างกายเท่านั้น…มันจำเป็นกับการรักษาเขานะครับ”
“จะให้ทดสอบยังไง?”       
“พามาหาผมดีกว่านะครับ”         
“ไม่มีทาง”       
“แต่ผมควรได้ตรวจอย่างละเอียด  และควรได้เห็นอาการของเขาตอนทดสอบ”         
“ไม่…ฉันจะไม่พาราเชลไปไหนทั้งนั้น!”
ริชกระแทกหูโทรศัพท์โครม…เท็ดมองการกระทำของชายหนุ่มเงียบๆ         
“ไปอาบล้างหน้าล้างตาก่อนไป…อาหารเช้าพร้อมแล้ว”
ริชเดินลิ่วออกมาจากห้องยังไม่ทันขึ้นบันไดก็ได้ยินเสียงเท็ดคุยกับซอเรนแว่วๆ  ชายหนุ่มสบถเบาๆอย่างหงุดหงิด รู้ดีว่าเท็ดต้องจัดการพาราเชลไปให้ซอเรนตรวจแน่ๆ เขาเองก็อยากให้ราเชลหายแต่ไม่อยากให้คนรักษาราเชลเป็นซอเรนเท่านั้น         

ราเชลเดินวนเวียนในความมืดอย่างกระวนกระวาย  ริชหายไป…หายไปไหน…มีคนหลายคนเข้ามาหา…แต่ไม่มีเสียงที่คุ้นเคย…คนเหล่านั้นเรียกเขาพูดอะไรก็ไม่รู้แซดไปหมด…บางครั้งก็เอาเข็มมาแทงเขาจนเจ็บไปหมด…หนาว…เด็กหนุ่มขดตัวนอนอย่างทรมาน…หนาวเหลือเกิน…ทำไมริชทิ้งเขาไว้คนเดียว...ไม่มีใครอยู่ด้วยเลย…ราเชลเริ่มร้องไห้ด้วยความกลัว…         
‘ผมไม่อยากอยู่คนเดียว…ไม่เอาแล้ว…ริช…ช่วยด้วย’
ซอเรนขยับผ้าห่มให้กระชับเมื่อสังเกตเห็นอาการขดตัวของคนบนเตียง…เสียงสะอื้นแผ่วๆทำให้เขาชะงักหันขวับไปมอง…ร่างเล็กบนเตียงมีอาการกระสับ –
 กระส่ายเหงื่อซึมทั้งที่ตัวเย็นเฉียบ…ปากบางซีดขมุบขมิบพูดบางอย่าง….ซอเรนแนบหูฟังจนชิดจึงได้ยินสิ่งที่ราเชลพูด…
“ริช…ช่วย…ด้วย…”
      ..................................

                  ริชปราดเข้าไปกอดคนบนเตียงทันทีที่มาถึง…เขาถูกตามตัวกลางดึกเพราะอาการของราเชลแย่ลง  หลังจากที่ถูกแยกจากกันเกือบ 48 ชั่วโมงเขาก็ได้คนรักกลับคืนมาอีกครั้ง 
“ราเชล…ที่รัก…เป็นไงบ้าง…ผมมาแล้ว…ผมอยู่ข้างๆคุณแล้ว”
ชายหนุ่มลูบหน้าผากเย็นๆอย่างอ่อนโยน  อาการกระสับกระส่ายของคนบนเตียงทำให้เขากังวล แม้ก่อนเข้ามาหมอจะยืนยันแล้วว่าไม่มีอาการเจ็บป่วยทางกายก็ตาม         
“ริช…”
ริชสะดุ้งเมื่อจู่ๆคนบนเตียงก็เรียกหาเขา  แต่เมื่อพิจารณาก็พบว่าราเชล เพียงแค่ละเมอเท่านั้น  ถึงกระนั้นเขาก็อดดีใจไม่ได้ที่ราเชลเรียกหา  หลังจากริชมาอยู่ด้วย  ราเชลก็ไม่มีอาการทุรนทุรายอีก  มิหนำซ้ำดวงตาที่เคยลอยไกลเริ่มมีจุดหมาย  ถึงจะแค่ชั่วครู่แต่ก็ตาม       
ซอเรนออกจากห้องตรวจอย่างตื่นเต้น  ผลการทดสอบดีจนเขาแทบตะโกนด้วยความยินดี  ริชทำได้จริงๆ เขากำลังดึงราเชลกลับมา ซอเรนแน่ใจว่าอีกไม่นาน เด็กหนุ่มจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง         
 “เป็นไงครับหมอ?”         
“ยินดีด้วยครับ…ผลการทดสอบน่าพอใจมาก…ผมแน่ใจว่าอีกไม่นานเขาคงกลับมาเหมือนเดิม”         
“จริงเหรอหมอ?”         
“ครับ…คุณเก่งนะริช…คุณทำให้เขากลับมาได้จริงๆ”         
“ผมทำได้เพราะ…เรารักกัน” ริชตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ  ไม่ได้เยาะหรือแดกดันแต่อย่างใด  ซอเรนหน้าเผือดลงแต่กลับพยักหน้ารับอย่างจริงใจ
เท็ดมองหมอหนุ่มใหญ่อย่างสงสาร ขณะเดียวกันก็อดชื่นชมไม่ได้  ซอเรนทำให้เขาได้เห็นรักแท้อีกแบบ…รักที่ไม่ต้องการอะไรเลยนอกจากเห็นคนที่รักเป็นสุข…หากซอเรนเห็นแก่ตัวกว่านี้สักนิด เขาเชื่อว่าคนอ่อนโยนคนนี้คงทำให้ราเชลรักได้ในที่สุด         
      ..................................

การตอบสนองของราเชลเพิ่มขึ้นทีละน้อย…ดวงตาคู่งามค่อยๆมีแววจำได้ในบางครั้ง…และจำได้มากขึ้นเรื่อยๆ…เขาเริ่มยิ้มและมีท่าทางตอบสนองต่อคนที่คุ้นเคยมากขึ้น  ซอเรนแนะนำให้ริชพาเดิน ซึ่งระยะแรกๆแทบไม่มีผล แต่ไม่นานราเชลก็ยอมเดิน แม้จะแค่ระยะสั้นๆแต่ริชก็โห่ร้องด้วยความยินดี
สัปดาห์ที่สี่ราเชลก็กินอาหารได้ปกติ ไม่ต้องป้อน หลังจากนั้นก็เริ่มพูดคุยและจดจำคนรอบข้างอย่างริช  เท็ด หรือหมอซอเรนได้ จำเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันได้ 
ริชตัดสินใจย้ายออกไปนอนนอกห้องเมื่อราเชลเริ่มจำอะไรได้มากขึ้น  แต่กลับทำให้อาการของราเชลแย่ลง  เด็กหนุ่มร้องไห้และหวาดกลัวที่ถูกทอดทิ้ง ทำให้ทุกคนได้รู้ว่าราเชลจดจำริชต่างจากคนอื่นๆ  เขาจำว่าริชคือคนรักและพึงพอใจกับการใกล้ชิดริชตลอดเวลา 
      ..................................

รถสปอร์ตเลี้ยวเข้ามาด้วยความเร็วสูงจนแทบจะเกยฟุตบาต   ยามผิวดำเกือบสบถอยู่แล้วหากไม่เห็นว่าคนลงมาเป็นใคร  ร่างสูงใหญ่โดดข้ามประตูรถออกมาแล้วส่งกุญแจพรวดให้พร้อมกับดอลล่าห์เขียวๆ  ก่อนจะวิ่งเข้าไปในคอนโดอย่างรวดเร็ว  ยามร่างใหญ่ผิวปากอย่างอารมณ์ดีก่อนจะค่อยๆเคลื่อนรถสปอร์ตคันงามไปเก็บในลานจอด
ริชยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูสลับกับเหลือบมองไฟกระพริบบอกชั้นด้วยความร้อนใจ  เขากลับช้ากว่าปกติมาก  และไม่มีเวลาโทรหาราเชลเลย  แม้เมื่อเช้าเขาจะบอกราเชลไว้แล้วว่าวันนี้มีประชุมแต่ก็ไม่รู้ว่าราเชลจะยอมเข้าใจสักแค่ไหน
ในห้องเงียบกริบผิดกว่าทุกทีที่มักจะมีเสียงเพลงเปิดไว้เสมอ 
“ราเชล...ราเชล...ที่รักเธออยู่ไหนน่ะ   ราเชล  ฉันกลับมาแล้ว”  ริชโยนเสื้อนอกพาดไว้กับโซฟาก่อนจะรูดเนคไทออกพลางเดินหาราเชลไปทั่วห้องแต่ไม่มีวี่แววของคนรัก  ชายหนุ่มจึงเดินขึ้นไปชั้นบนซึ่งเป็นสระว่ายน้ำกับสวนหย่อมบนยอดตึก
ราเชลเกาะกระจกมองลงไปข้างล่าง  คงกำลังดูอะไรเพลินถึงไม่ได้ยินเขาเรียก
“ราเชล”
“ไปไหนมา?”
“อ้าว!เมื่อเช้าก็บอกแล้วนี่ว่าวันนี้ฉันมีประชุม”
ราเชลหมุนตัวมาเผชิญหน้า  ใบหน้าขาวซีด ดวงตาบวมแดงเพราะผ่านการร้องไห้มายาวนาน  ริชขยับเข้าไปใกล้และพยายามจะโอบไหล่บางแต่เด็กหนุ่มปัดมือออก 
“เอ๊ะ! นั่นอะไร?”
ริชอุทานอย่างตกใจเมื่อสังเกตเห็นผ้าสีขาวที่มีรอยเลือดเป็นด่างเป็นดวงพันอยู่รอบข้อมือบาง
“อย่ามายุ่ง”
“ราเชล...เธอบาดเจ็บเหรอ...เกิดอะไรขึ้น?”
“คุณจะสนใจทำไม...คุณจะทิ้งผมอยู่แล้วนี่...ไปเลยสิกลับมาอีกทำไม?”
“ทิ้ง?…เธอเข้าใจผิดแล้วละ พอเลิกงานฉันก็กลับมาหาเธอทันทีเลยนะ”
 “คนโกหก!ผมเช็คแล้วว่าคุณเลิกงานเกือบชั่วโมงแล้ว”
“ราเชล…จากออฟฟิศมานี่มันไม่ใช่ใกล้ๆนะ  อีกอย่างช่วงเวลานี้รถก็ติด นี่ฉันรีบจนเกือบโดนใบสั่งแล้ว”
“อย่ามาแก้ตัว คุณไปหาใครมามากกว่า”
“ไปหาใคร? ฉันไม่เคยมีใครอีกเลยนะตั้งแต่มีเธอ...ใครเอาความคิดบ้าๆนี่มาใส่หัวเธอหืม?”
 “อ๋อใช่สิผมมันบ้า เอาผมไปส่งโรงพยาบาลเลยสิ อย่ามาเสียเวลากับผม  แล้วคุณจะได้ไปหาคนอื่นให้สะใจไปเลยไม่ต้องมีผมเกะกะ…ฮือ”
ริชพยายามรวบร่างบางเข้ามากอดแต่ราเชลสะบัดหนี  ซ้ำยังพยายามทำร้ายเขา  ทำให้ผ้าที่พันไว้ลวกๆหลุดออกมาเผยให้เห็นรอยกรีดเป็นริ้วเต็มข้อมือและแผลก็มีแต่เลือดแห้งกรัง
“ราเชล...โอ...นี่...นี่มันอะไรกัน...ทำไม...ทำไมทำร้ายตัวเองอย่างนี้...”
“ตายไปเสียเลยก็ดี  คุณจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลากับผม  อยากไปหาใครจะไปให้สะใจไปเลย  ผม...ผมมันตัวเกะกะ...ผมมันตัวถ่วงคุณอยู่แล้วนี่...ฮือ...”
“ที่รัก...อย่าทำแบบนี้อีกนะ...ฉันทนเห็นเธอเจ็บไม่ได้...เธอรู้ไหมว่าเวลาเธอเจ็บฉันเจ็บยิ่งกว่าเธออีก  อย่าทำตัวเองอย่างนี้อีกนะ”
“โกหก...คนโกหก  คุณเห็นผมน่าโง่นักใช่ไหม  ใจจริงคุณทั้งรังเกียจทั้งรำคาญผมจะแย่อยู่แล้วยังจะมาพูดหวานๆหลอกผมอีก...คนโกหก”
“ราเชล...” ริชได้แต่อุทานอย่างอ่อนใจ ดวงตาคมจ้องมองหน้านวลที่เปรอะด้วยน้ำตาอย่างงุนงง  ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น  สาเหตุแค่เขากลับช้าไม่น่าทำให้
ราเชลเสียใจถึงขนาดทำร้ายตัวเองได้ขนาดนี้  แต่เขาก็นึกไม่ออกว่าอะไรเป็นสาเหตุ
“ราเชล ชี่ชชชชช….ใจเย็นๆที่รัก  ฉันขอโทษที่กลับมาช้า ทำให้เธอหงุดหงิด  อย่าโมโหเลยนะ...ใจเย็นๆ...หายใจลึกๆ...นั่นแหละ...ดี...ดีมาก  ฟังฉันนะ...ฉันไม่ได้ไปไหนจริงๆ  พอเลิกงานก็รีบกลับมาหาเธอเลย  เชื่อฉันเถอะนะได้โปรด”
ริชพยายามอธิบายอย่างใจเย็น ทั้งๆที่วันนี้เขาต้องเผชิญกับปัญหามากมายในที่ทำงาน  รวมถึงต้องคอยระวังตัวแจเพราะศัตรูของเขาก็พยายามส่งคนมาทำร้ายเขาไม่ได้หยุด  แต่เขากลับต้องมาเจอราเชลในสภาพนี้อีก  แต่ความรักเพียงอย่างเดียวที่ทำให้เขาอดทนกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
“คุณหลอกผมอีกแล้ว...คุณโกหกผมอีกแล้วใช่ไหม...แล้วผมก็เชื่อคุณอีกนั่นแหละ ก็ผมรักคุณนี่ แต่คุณ...คุณรักผมบ้างหรือเปล่าริช...รักผมบ้างหรือเปล่า?...”
ราเชลสะอื้นตัวโยนอย่างน่าสงสาร  ริชประคองข้อมื้อเล็กที่เต็มไปด้วยรอยกรีดขึ้นมาจูบเบาๆ  ลำคอเขาตีบตันด้วยความสงสาร 
“ฉันรักเธอยิ่งกว่าตัวฉันเสียอีกราเชล  แล้วฉันก็เจ็บมากนะที่เธอระแวงความรักของฉัน...ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันไม่ได้ทำให้เธอเชื่อใจฉันบ้างเลยเหรอ?”
ราเชลร้องไห้โฮโผเข้ากอดริช แน่น
“ผม…ผม…ฮึก…ขอโทษริช…ผมไม่ได้อยากระแวงคุณ  แต่คุณกลับช้า แล้วผมก็กลัวมาก...ผมก็เลย...คิดว่าคุณจะไม่กลับมาหาผมแล้ว”
“ฉันไม่ไปไหนหรอกราเชล  ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไปฉันสัญญา  คงมีอย่างเดียวแหละที่จะทำให้ฉันไปจากเธอได้…”
“ใคร  คุณหมายถึงใครริช”
“ไม่ใช่ใครราเชล  ฉันหมายถึงว่าฉันตายจาก…”
“อย่าพูด!อย่าตายไม่เอา  ถ้าริชตายผมจะตายด้วย  ผมไม่ยอมให้คุณทิ้งไว้คนเดียวเด็ดขาด”
“ใจเย็นๆที่รัก ฉันยังไม่ตายตอนนี้หรอก  แล้วฉันก็กลับมาหาเธอแล้วไง...มาเถอะฉันจะทำแผลให้”
ริชอุ้มร่างที่ยังสะอื้นตัวโยนกลับลงมาที่ห้องนั่งเล่น  แล้วลุกไปรินน้ำเย็นมาให้  เสียงเพลงจากโทรศัพท์ของราเชลทำให้เขาชะงักเพราะมันเบามาก  ริชเหลียวหาไปรอบๆห้องแต่ไม่เห็น  ชายหนุ่มก้มลงมองไปตามพื้นจึงพบว่ามันตกอยู่ที่มุมห้อง  ชายหนุ่มเดินไปหยิบมารับสาย
“ไงจ๊ะรูปสวยไหม...แล้วจะส่งไปให้อีกนะ”เสียงที่ดัดให้แหลมสูงสวนมาก่อนที่ริชจะพูด
“นั่นใครพูด?”
“......” ปลายสายเงียบกริบไปทันทีอย่างมีพิรุธ
“ถามว่าใคร?”
ตึดๆๆๆๆๆ ปลายสายวางไปก่อนที่เขาจะรู้ว่าคนพูดเป็นใคร  แม้เจ้าตัวจะดัดเสียงแต่ริชก็รู้สึกคุ้นๆหู  ชายหนุ่มเอะใจจึงลองเปิดไฟล์เมล์ภาพออกดู
“บัดซบ!”  ริชคำรามด้วยความโกรธเมื่อเห็นภาพที่ถูกส่งมาในโทรศัพท์ของราเชล  มิน่าราเชลถึงได้เสียใจจนทำร้ายตัวเองแบบนี้
………………


ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
......
นี่เป็นภาพตอนงานเลี้ยงรับรองแขกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  และสตรีที่ชะเง้อขึ้นจูบเขาเป็นบุตรสาวของหุ้นส่วนคนหนึ่งสนใจเขาจนออกนอกหน้า  แต่ริชก็ไม่เคยติด ต่อเธออีก  แม้ว่าเจ้าหล่อนจะพยายามส่งการ์ดมาเชิญเขาไปงานที่บ้านหล่อนอีกหลายครั้งก็ตาม
ใครก็ตามที่ส่งภาพนี้มาต้องเป็นคนที่ไปร่วมงานเลี้ยงรับรองด้วย  และเจตนาถ่ายภาพนี้ส่งมาให้ราเชล  ริชกัดกรามกรอดด้วยความแค้น  เบอร์โทรศัพท์ของราเชลตกไปอยู่ในมือของศัตรูได้อย่างไร  ที่สำคัญเสียงที่คุ้นหูนั่นต้องเป็นคนใกล้ชิดเขาเอง  ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะเลี้ยงงูพิษเอาไว้ใกล้ตัวขนาดนี้
ริชสูดลมหายใจลึกพยายามปรับสีหน้าให้ดูสดชื่น  ชายหนุ่มหันไปคว้าแก้วน้ำกลับไปหาราเชล
“ดื่มน้ำก่อนนะ” ริชประคองคนรักขึ้นพิงอก  ราเชลดื่มน้ำอย่างกระหาย  ก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนแรง  ริชบรรจงทำแผลที่ข้อมือให้อย่างเบามือ  แต่ดูเหมือนราเชลจะไม่ได้สนใจบาดแผลของตัวเอง  เด็กหนุ่มเอาแต่จ้องมองริชเขม็ง
เลือดที่ไหลออกมาใหม่ทำให้บาดแผลยิ่งดูน่ากลัวมากกว่าเดิม  ริชเหลือบมองไปรอบๆเพื่อหาสิ่งที่ราเชลใช้กรีดข้อมือ  แน่นอนว่าไม่ใช่มีดเพราะเขาเก็บซ่อนไปหมดแล้ว  ซอเรนยังแนะนำให้เขาเก็บวัตถุทุกอย่างที่น่าจะทำให้เกิดอันตรายกับคนรักได้  แม้แต่จานชามเขาก็ต้องหันมาใช้เมลามีลชนิดพิเศษแทนจานแก้ว  แต่ราเชลใช้อะไรกันเล่า...สายตาพลันไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง
มันเป็นเศษแก้วพลาสติกเนื้อหนาที่เขาเอามาให้ราเชลใช้แทนแก้วกระเบื้อง  ไม่น่าเชื่อว่าพลาสติกเนื้อหนาเมื่อทุบให้แตกก็มีคมได้  แม้จะไม่คมมากพอที่จะตัดเส้นเอ็นจนขาด  แต่มันก็ฝากรอยแผลไว้บนข้อมือราเชลไม่น้อย  รอยแผลขรุขระกับรอยเขียวช้ำบอกให้รู้ว่าราเชลต้องเจ็บปวดใจแค่ไหนถึงใช้พลาสติกทื่อๆกรีดไปบนข้อมือตัวเอง
ริชดึงร่างบางขึ้นมากอดไว้แน่น  ราเชลซุกซบอยู่กับอกของคนรักและหลับไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ริชนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืดจมอยู่กับความทุกข์ที่ไม่อาจปกป้องคนรักไว้จากความทุกข์ได้
....................................

ร่างสูงสะดุดตาที่เดินตรงดิ่งมาแผนกประชาสัมพันธ์ดึงดูดให้ทุกคนเหลียวมามอง  ประชาสัมพันธ์สาวยิ้มหวานที่สุดในชีวิตและแอบภาวนาให้เขายังโสด
   “สวัสดีค่ะ...มีอะไรให้ช่วยคะ”
“ผมมาขอพบคุณหมอโจนาธานครับ”
“คุณหมอติดผ่าตัดค่ะ  คงต้องรอสักครู่”
“ขอบคุณครับ”
ริชถอยไปนั่งรอเงียบๆ  ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงร่างผอมบางในชุดกราวน์ก็เดินลิ่วมาหา 
“ว่าไงไอ้ตัวแสบ  ทำไมมาหาฉันได้ละ”
“ฉันมีเรื่องจะให้นายช่วยว่ะ”
โจนาธานไหวไหล่และพยักหน้าให้ริชตามไปที่ห้องพักแพทย์เวร
“ก็นึกอยู่แล้ว  ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นหน้า  พอโผล่มาก็เอาเรื่องมาให้ปวดหัวทุกที  คราวนี้อะไรอีกละ  คงไม่ใช่แกล้งบาดเจ็บเพราะแผลแก้วบาดอีกหรอกนะ”
“ฉันอยากได้พยาบาลที่เก่งมากๆ  อ่อนโยน แล้วก็ใจเย็นพอที่จะดูแลคนป่วยทางจิต  ที่สำคัญ ถ้าเธอรักศิลปะด้วยจะดีมาก”
“หาพยาบาลหรือหาเมียวะ  เลือกซะขนาดนี้  จะเอาไปดูแลใคร?”
“คนรักของฉัน”
“หา...คนรัก...ใครวะ นางแบบหรือดารา?”
“จำคนที่ฉันให้แกหลอกว่าเขาว่าฉันโดนแทงได้ไหม?”
โจนาธานอ้าปากค้างไปครู่หนึ่งกว่าจะหลุดเสียงครางเบาๆ
“...ผู้ชายนะ...”
“เออ...ราเชล เวลบอร์น”
“นามสกุลคุ้นๆว่ะ”
“นายชาล์ล เวลบอร์น ที่ล้มฟาดในห้องน้ำจนเกือบเป็นอัมพาตไง”
“เออใช่...อะไรวะ  นี่แกรักแรกพบในห้องคนป่วยหรือไง?”
“เปล่า...รักแรกตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูลต่างหาก”
“โม้ป่าววะ...หน้าอย่างแกเนี่ยนะจะรักใครได้นานขนาดนั้น”
“ก็ไม่รู้สิ...จนป่านนี้ฉันยังรักใครไม่ได้อย่างที่รักเขาสักคน”
“...เอ่อ...เออ...เอาวะ  จะหาให้  ว่าแต่เขาป่วยตั้งแต่เมื่อไหร่  ครั้งก่อนก็เห็นปกติดีนี่”
“ฉันทำร้ายจิตใจเขา...ถึงจะไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ” ริชไหวไหล่  แต่ใบหน้าเครียดขึ้นกว่าเดิม
“เขาเสียใจหลายๆเรื่องอยู่แล้ว  ฉันก็ดันไปทำให้เขาเจ็บมากขึ้น  เขาก็เลย...ช๊อค  หลับยาว  พอฟื้นก็...ไม่เหลือความทรงจำ  เริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ทั้งหมด  ฉันถึงต้องเลือกคนที่จะดูแลเขาเป็นพิเศษ  ฉันไม่อยากพลาดซ้ำสอง”
“พระเจ้า...ที่นายหายหน้าไปเป็นปีนี่ก็เป็นเพราะ...”
“ฮื่อ...ฉันดูแลเขามาตลอด  ถึงจะมีหมอคอยให้คำแนะนำใกล้ชิดแต่ฉันไม่ใช่มืออาชีพ  ตอนนี้เขาก็ช่วยตัวเองได้มากแล้ว  ฉันถึงอยากได้คนเก่งๆไปช่วยฉันอีกแรง...อีกอย่างฉันทิ้งงานมานานเกินไปแล้วด้วย  บริษัทของฉันไม่เท่าไหร่  แต่ส่วนของเขาไม่มีคนดูแลที่ไว้ใจได้เลย  ถ้าทำงานไปด้วยฉันกลัวจะดูแลเขาไม่ดีพอ”
“ไม่ต้องห่วง  ฉันเลือกคนที่ดีที่สุดให้แกแน่”
“ขอบใจว่ะหมอ  กลับก่อนนะ ไว้วันหลังค่อยไปเลี้ยงข้าว”
โจนาธานมองตามไหล่กว้างงงๆ  ไม่อยากจะเชื่อว่า ริชจะกลายเป็นเกย์  แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ  ริชในวันนี้แทบไม่เหลือเค้าริชจอมกะล่อนเจ้าชู้ในวัยเยาว์อีกเลย
      ..................................

ราเชลชะโงกดูทิวทัศน์ข้างล่างอย่างตื่นเต้น  แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่
ริชพามาที่รีสอร์ทบนเกาะ  แต่เด็กหนุ่มก็อดตื่นเต้นไม่ได้  เพราะที่นี่นอกจากจะสวยมากแล้ว ยังเป็นเหมือนสถานที่ฮันนีมูนที่ราเชลโปรดปรานเป็นที่สองรองจากบ้านริมบึงเลยที่เดียว           
“ริชใกล้ถึงแล้วใช่ไหม…หมอครับดูสิครับ  เกาะแถบนี้มีชาวพื้นเมืองอาศัยอยู่ด้วยนะครับ  ผมเคยได้ไปเที่ยวบ้านชาวเลที่นั่นด้วย  นั่นไงครับหมอเกาะที่เรากำลังจะไปกัน”           
ซอเรนยิ้มแย้มดูตามที่ราเชลชี้ชวน  นึกสะใจที่เห็นคนขับเครื่องหน้าเรียบอย่างกับรีดไว้           
‘ท่าทางจะอารมณ์ไม่ดีแฮะ…สงสัยโมโหที่เราตามมาขัดคอ’         
ริชหงุดหงิดที่มีซอเรนตามมาด้วยจนแทบยิ้มไม่ออก แต่สมองเจ้าเล่ห์ก็คิดวิธีแกล้งคนขัดคอออกทันควัน ซอเรนสังหรณ์แปลกๆเมื่อเห็นท่าทางรื่นรมย์ของอีกฝ่าย  เมื่อครู่ยังหงุดหงิดอยู่ปุบปัปจะมาอารมณ์ดีมันต้องมีอะไรแน่ หมอหนุ่มใหญ่ระวังตัวแจแต่กลับไม่มีเหตุการณ์อะไรจนเครื่องลงจอดเรียบร้อย         
พนักงานจากรีสอร์ทเข้ามาต้อนรับราวกับเป็นแขกบ้านแขกเมือง  ซอเรนถึงกับอึ้งเมื่อได้เห็นหมู่อาคารและบ้านพัก  แม้จะเคยเห็นโรงแรมมามากทั้งในและต่างประเทศแต่ก็ต้องยอมรับว่าที่นี่ช่างงดงามจนไม่น่าเชื่อว่าฝีมือมนุษย์จะสร้างได้ถึงเพียงนี้ 
ริชให้คนจัดบ้านพักให้ซอเรนไม่ห่างกันนัก แต่ก็ค่อนข้างเป็นสัดส่วนด้วยปราการธรรมชาติคือธารน้ำที่ไหลกั้นกลาง  บ้านพักของซอเรนมีสองห้องนอนด้านหนึ่งมองเห็นทะเล  อีกด้านมองเห็นธารน้ำและเห็นระเบียงบ้านของริชกับราเชล
ยังไม่ทันจัดข้าวของเข้าตู้โทรศัพท์ที่หัวเตียงก็ดังเสียก่อน       
“หมอครับไปเล่นน้ำทะเลกันไหม?”
ซอเรนเกือบปฏิเสธหากไม่ได้ยินเสียงบ่นอุบอิบลอดเข้ามาในสาย         
“ตกลงครับ”
      ..................................
       
เก้าอี้ชายหาดถูกจัดเรียงไว้ตามร่มไม้  วัสดุอย่างดีหากแต่มีสีสันกลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบๆผิดจากบรรยากาศชายหาดทั่วไป ราเชลวิ่งนำชายหนุ่มทั้งสองอย่างร่าเริง  วงหน้างามเป็นสีชมพูปลั่งด้วยเลือดสูบฉีดเพราะวิ่งมาไกลพอสมควร         
“ว่ายน้ำแข่งกันดีกว่าราเชล” ริชพูดพร้อมกับถอดเสื้อออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดแน่นตึงน่าอิจฉา  ราเชลทำตาโตถอยกรูด         
“ไม่เอานะริช ไม่ลงนะ ริชปล่อย” ราเชลโก่งตัวหนีเหมือนแมวเมื่อชายหนุ่มคว้าข้อมือ  ริชไม่ฟังเสียงช้อนร่างบางวิ่งลงทะเล         
“ริชอย่า! ไม่เอานะริช…คิก…ปล่อย…ริ้ช!”
ราเชลร้องและดิ้นแต่ไม่ได้ห้ามจริงจัง  ริชทิ้งตัวลงในน้ำจนเด็กหนุ่มสำลัก  แต่ราเชลก็แก้คืนทันควัน เด็กหนุ่มกอบทรายเต็มกำมือแล้วโปะไปบนศีรษะของริช 
ริชแยกเขี้ยวพุ่งตัวไปคว้าร่างบางไว้  ราเชลร้องเสียงหลงแล้วเปลี่ยนเป็นหัวเราะคิกพยายามดิ้นหนีอ้อมแขนแน่นหนา  ดวงตาพราวระยับยั่วยวน  ริชตรึงร่างเล็กไว้แน่น  ลิ้นสีชมพูตวัดเลียริมฝีปากด้วยเจตนายั่ว  ชายหนุ่มก้มลงมาหาจนปากเกือบจรดกันอยู่แล้ว แต่เด็กหนุ่มกกลับยกมือขึ้นปิดปากบางไว้ทัน           
“อย่า…หมอมองเราอยู่นะ” ราเชลห้ามแต่ตาวาววับ         
“ช่างหัวหมอปะไร” ริชคำรามชิดมือนิ่มแล้วเบียดซุกไซ้จนควานหาปากอิ่มเจอ  ราเชลดันลิ้นที่สอดเข้ามาออกแต่ริชกลับกอดเกี่ยวเอาไว้แน่น  เด็กหนุ่มร้องครางอยู่ในลำคอ ร่างระทวยลงด้วยพิษจูบดุดัน  ลืมอาย ลืมหมดว่าใครจะมองมา  ในสมองมีเพียงคนที่จูบเร่งร้อนอยู่เท่านั้น         
ซอเรนเบือนหน้าหนีภาพบาดตา  สมน้ำหน้าตัวเองที่แส่ตามมาหาเรื่องให้เจ็บเล่นถึงที่  แต่การได้เห็นราเชลลุกขึ้นมาวิ่ง มาหัวเราะ มีชีวิตชีวาอีกครั้ง ช่างแสนคุ้มค่ากว่าอาการเจ็บจี๊ดๆในอก  หนังสือที่เขาคว้าติดมือมาด้วยความเคยชินดูช่างมีประโยชน์ในการปิดภาพบาดตาได้ดีอย่างยิ่ง  ซอเรนอ่านหนังสือแต่หูคอยตะแคงฟังเสียงหัวร่อต่อกระซิกไม่รู้ตัว  พอรู้สึกตัวก็อดสมเพชตัวเองไม่ได้ที่ทำตัวราวกับพวกโรคจิตคอยถ้ำมองคนอื่นเหมือนที่ริชเคยแดกดันเอาบ่อยๆ 
เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือทำให้เขาต้องเหลียวไปมอง  ดูเหมือนจะเป็นเครื่องของริช  เท่าที่เขารู้เบอร์นี้มีไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
ซอเรนเหลียวมองคู่รักที่กำลังหยอกล้ออย่างลำบากใจ  เขาไม่กล้าเรียกด้วยเกรงจะเป็นการขัดขวางช่วงเวลาแสนสุขของราเชล  แต่โทรศัพท์ก็เรียกเข้ามาไม่หยุดซอเรนได้แต่มองแล้วก็มองคนในทะเลสลับกันไปมา         
ริชปรายหางตามองคนบนฝั่งอย่างสะใจ ด้วยสังเกตเห็นท่าทางกระสับกระส่ายของอีกฝ่าย  ซอเรนได้โอกาสรีบชี้ไปที่โทรศัพท์  ริชมองตามอย่างระมัดระวังไม่รู้จะเป็นแผนของหมอหรือเปล่า แต่เบอร์นี้เป็นเบอร์ฉุกเฉิน  มีคนรู้ไม่กี่คนเท่านั้นชายหนุ่มตัดสินใจดึงร่างบางวิ่งขึ้นไปบนหาด         
ราเชลทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน  แต่ดวงตาเต้นระริกอย่างสนุกสนาน         
“หมอดูสิครับ…สวยไหม?”เด็กหนุ่มส่งเปลือกหอยที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ให้ซอเรนดู  หมอหนุ่มใหญ่รับมาดูยิ้มๆ         
ริชขมวดคิ้วเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาถึง15ครั้ง ชายหนุ่มเดินแยกออกมาห่างจากราเชลและซอเรนด้วยแน่ใจว่าเจฟฟรี่คงมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นแน่           
“มีอะไรเจฟ?”         
“คุณริช!พระเจ้าเจอคุณเสียที…เหมืองเพชรที่อัฟริกาถล่ม มีคนงานติดอยู่ข้างในหลายคนครับ”         
“อะไรนะ…แล้ว…หน่วยกู้ภัยของเราล่ะ?”         
“เข้าไปไม่ได้ครับเพราะยังถล่มเป็นระยะๆ  นี่เพิ่งหยุดไปสักพักแต่ยังไม่มั่นใจว่าจะถล่มลงมาอีกหรือเปล่า  ผมกำลังจะขึ้นเครื่องโชคดีที่โทรติด”         
“งั้นฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย  บอกพีทให้จองตั๋วเครื่องบินไฟท์ค่ำให้ฉันด้วย”
“อย่ามาดีกว่าครับ”
“ทำไม?”
“ผมไม่แน่ใจว่าเหมืองถลมครั้งนี้มันเป็นอุบัติเหตุหรือมีคนเจตนา”
“หมายความว่า?”
“บอกแล้วไงครับว่าผมไม่แน่ใจ...แต่ผมว่าคุณริชดูเหตุการณ์อยู่ทางโน้นก่อนดีกว่า”
“ไม่ได้! ยังไงฉันก็ต้องไป  สถานการณ์ของเรากับหุ้นส่วนที่อัฟริกากำลังตึงเครียดอยู่แล้ว  ถ้าเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้วฉันทำเฉยก็เข้าทางพวกมันเท่านั้นสิ”
“แต่ผมว่า...”
“ไม่ต้องห่วงฉันจะระวังตัวให้มาก  ให้พีทจองตั๋วไว้ได้เลย”
“ครับผม”
ริชปิดโทรศัพท์แล้วยืนนิ่ง  แต่สมองแล่นปราด  ดูท่าศัตรูของเขาคงเตรียมต้อนรับเขาไว้แล้วแน่  งานนี้ไปหรือไม่ไปผลที่ออกมาก็หนักพอๆกัน  การไปแม้จะเสี่ยงแต่โอกาสที่เขาจะพลิกสถานการณ์ก็มีมากกว่าการอยู่เฉยๆแน่
ริชหมุนตัวกลับมาเจอเข้ากับสายตาสนใจใคร่รู้สองคู่   โดยเฉพาะดวงตาโตนั้นทั้งสนใจและระแวงระคนกัน         
“เกิดอะไรขึ้นครับ?”         
“ราเชลฉันต้องไปอัฟริกาคืนนี้  เหมืองที่นั่นถล่มมีคนงานติดอยู่ในนั้นหลายคน”         
“ผมไปด้วย”         
“ไม่ได้ราเชล สถานการณ์ที่นั่นไม่ปลอดภัยนัก”         
“ไม่ผมจะไป…อย่ามาอ้างท่านั้นท่านี้ดีกว่า จริงๆแล้วเป็นชู้รักคนไหนโทรมาละสิถึงกลัวว่าผมจะไปนัก”         
“ราเชล…นี่มันเรื่องใหญ่นะ…ถ้าไม่เชื่อคุยกับเจฟก็ได้  เจฟไม่มีทางโกหกแน่ๆ”         
“ผมไม่เชื่อ…แล้วก็ไม่คุยกับใครทั้งนั้น เจฟเป็นคนสนิทของคุณนี่จะให้พูดว่าอย่างไรก็ได้อยู่แล้ว”         
“ราเชลอย่างอแงเป็นเด็กได้ไหม?”       
“ไม่ๆๆๆๆ…ร้อยไม่พันไม่…ถ้าไปผมต้องไปด้วย”         
“ราเชลผมว่านี่มันเรื่องใหญ่นะ  คุณต้องใช้เหตุผลบ้างสิ”  ซอเรนช่วยพูดด้วยเห็นว่าราเชลไม่ยอมฟังเหตุผลของริช               
“อ๋อ!นี่หมอก็กลายเป็นพวกเขาไปอีกคนใช่ไหม…แน่ละสิ…ใครจะมาฟังคนบ้าอย่างผม…ทุกคนนั่นแหละ…คงคิดละสิว่าผมมันทุเรศ…ผมมันน่ารำคาญมากเลยใช่ไหม…ฮือ” ราเชลสะอื้น  เนื้อตัวสั่นขึ้นมาทันที  ริชเอื้อมมือไปหาเพื่อปลอบแต่เด็กหนุ่มปัดทิ้ง           
“ราเชลใจเย็นๆนะฟังฉันก่อน”         
“ไม่ฟัง…ไปนะไปเลยจะไปไหนก็ไป…อยากไปจากผมนักละก็ไม่ต้องห่วงหรอก…ผม…ผมจะไปเอง…ผมสมควรเป็นคนไปเอง” ราเชลแผดเสียง ดวงตาขุ่นขวางเกรี้ยวกราดด้วยความโกรธ  เด็กหนุ่มหันรีหันขวางแล้วออกวิ่งหนี  แต่ริชวิ่งตามมาคว้าตัวไว้  ราเชลหันกลับมาเตะถีบอย่างรุนแรง  ปากก็ตะโกนต่อว่าสลับกับร้องไห้  ริชหลบหลีกแล้วพยายามรวบร่างบางมากอด แต่ก็โดนราเชลตบฉาดใหญ่  รอยนิ้วขึ้นเป็นแนวแดงทั้งแก้มแต่ชายหนุ่มก็ยังกอดราเชลเอาไว้อย่างอ่อนโยน           
“ราเชลหยุดเถอะนะ…ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้ว…ฉันไม่ไปไหนโดยไม่มีเธออีก…ฉันสัญญา…หยุดนะที่รัก…ทำแบบนี้เธอจะเจ็บนะ”   
อาการดิ้นสะบัดและแผดเสียงร้องค่อยๆลดลง  ไหล่และหลังแข็งเกร็งค่อยๆผ่อนคลายแต่เด็กหนุ่มยังคงสะอึกสะอื้นอยู่เป็นระยะๆ 
ริชลอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก  โชคดีที่ครั้งนี้ราเชลควบคุมอารมณ์ได้เร็วทำให้คนเจ็บตัวมีเพียงเขาคนเดียว   
“จริงๆนะ…ไม่ไปแล้วจริงๆนะ?” ราเชลถามทั้งน้ำตา  ท่าทางเศร้าสร้อยน่าสงสารราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อครู่         
“จริงสิ…ฉันสัญญากับเธอแล้วนี่”         
“ดีจัง…โถริชเจ็บมากไหม?…ผมขอโทษ ดูสิหน้าคุณแดงหมดเลย…ผมขอโทษ…ผมไม่ได้ตั้งใจ…ผมนี่เลวที่สุดเลย…ริชจ๋าอย่าโกรธผมนะ…ทีหลังผมจะไม่ทำตัวเลวๆอย่างนี้อีก…ผมขอโทษ”  ราเชลลูบแก้มที่เป็นรอยนิ้วชัดเจนด้วยมือสั่นระริก  ดวงตาคู่งามยังคงคลอครองด้วยน้ำใสๆ         
“ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง  เดี๋ยวทายาก็หายแล้ว” ริชเช็ดน้ำตาจากแก้มเนียนเบามือและยิ้มให้อย่างอ่อนโยนทำให้ราเชลยิ้มออก
“งั้นผมไปเอายามาทาให้นะรอเดี๋ยว” ราเชลวิ่งตัวปลิวจากไป 
ซอเรนมองหน้าคร้ามที่ขรึมลงอย่างเห็นใจ  แม้จะเคยเห็นราเชลอาระวาดมาบ้างแต่ไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้  ราเชลเคยเป็นเคนสุภาพอ่อนโยน และเก็บกดความเจ็บปวด ความทุกข์เอาไว้มายาวนาน เมื่อขาดการควบคุมจึงระเบิดออกมาอย่างรุนแรง   แต่ดูท่าทางริชไม่ตกใจเลยสักนิด แสดงว่าราเชลเป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา  ที่ผ่านมานับว่าริชอดทนได้ดีอย่างเหลือเชื่อ         
“เหนื่อยหน่อยนะ”         
“ผมจัดการได้…อย่าสอดมือเข้ามาก็แล้วกันหมอ”         
“ผมไม่มีวันทำร้ายคนที่ผมรักหรอกริช…ผมรู้ว่าราเชลให้ผมได้แค่ไหน”         
“ก็ขอให้หมอพอใจแค่นั้นแล้วกัน  อย่าได้โลภมากคิดจะก้าวข้ามเส้นมา  บอกไว้ก่อนว่าผมไม่ได้ขู่ แต่ผมฆ่าหมอแน่” ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินตาม
ราเชลไปที่บ้านพัก  ซอเรนผ่อนลมหายใจยาวลุกตามไปอีกคน
         ..................................

งานนี้จะสมน้ำหน้าริชหรือสงสารดีหนอ :z2:


 :pig4:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :เฮ้อ: เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ราเชลที่น่ารักกลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้  :เฮ้อ:

เพราะนายคนเดียว  :z6:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
สมน้ำหน้าซิ ให้ดูแลไปตลอดชีวิตเลยท่าจะดี

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
น่าสงสารจังเลยอะ ....................... แต่เป็น ราเชล นะ  
ส่วน เจ้าริช ดี....แบบนี้แหละ ผลของการทำอะไรไม่รู้จักคิด ผิดเต็มประตู :a14:

แต่ ลอร์รี่ นี่ชักทะแม่งๆ หละ

ผิดมั้ยถ้าบอกว่า อยากอ่านต่อ  :monkeysad:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
^
^

เห็นด้วย อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ  :monkeysad:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
รอดูกันต่อไป

หายไว ๆ นะ

ราเชล

เอิ๊กกกก



ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
สมน้ำหน้าเจ้าริช มีแต่คนเกลียด  :angry2:

มาอ่านต่อกันเลยคะ ขอบคุณทุกคอมเมนท์เลยคะ :L1:

...............

ริชยืนมองทะเลเหมือนกำลังชื่นชมทัศนียภาพที่เห็น  แต่ในหัวใจกลับร้อนรนด้วยความกังวล  ป่านนี้ที่เหมืองคงกำลังวุ่นวาย  แม้จะรู้ว่าเจฟฟรี่สามารถทำงานแทนเขาได้ แต่ก็ไม่เหมือนกับไปดูด้วยตัวเอง เสียงเพลงดังหงุงหงิงอย่างอารมณ์ดีของคนในห้องน้ำช่วยลดความเครียดลงได้บ้าง แม้จะเจือด้วยความหนักใจแต่สภาพจิตของราเชลในวันนี้ก็นับว่าดีขึ้นมากแล้ว
โทรศัพท์ในมือสั่นเตือน แต่ไม่มีเสียงเพราะริชปิดเสียงไว้เพื่อไม่ให้ราเชลระแวงจนเกิดเรื่องขึ้นอีก  
“ริช!ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?”เสียงร้อนรนตามสายกลับเป็นเท็ด          
“อยู่ที่เกาะ”        
“เฮ้ย!ไปเอ้อระเหยอะไรอยู่ที่นั่น…หรือว่ายังไม่ได้ข่าวที่เหมือง?”เสียงโวยวายตามสายทำให้ชายหนุ่มถอนใจยาวอย่างหนักใจ        
“รู้แล้ว…แต่ไปไม่ได้ ราเชลไม่ยอม...เมื่อเย็นก็อาระวาดใหญ่  ยังดีที่คราวนี้ไม่เจ็บตัวเหมือนคราวที่แล้ว”        
“แต่นายเจ็บอีกละสิ”เสียงเรียบๆเจือแว่วเห็นใจด้วยรู้สภาพจิตใจของราเชล ดี        
“นิดหน่อยเท่านั้น…ห่วงแต่ราเชล  เขายังปรับตัวได้ไม่มากเท่าไหร่  ยังดีที่ตอนนี้ซอเรนอยู่ด้วย  เขาก็เลยมีกิจกรรมให้คิดให้ทำเยอะกว่าอยู่กับฉันตามลำพัง”
“อ้าวญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ?”
“ก็ไม่ได้อยากจะดีด้วยนักหรอก  แต่ฉันห่วงราเชล  ไม่อยากให้ห่างหมอนานนัก  อีกอย่างเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญ  แล้วราเชลก็ค่อนข้างจะเชื่อฟังเขาพอสมควร”
“อย่างนี้ถ้านายไปอัฟริกาก็ฝากราเชลไว้กับหมอซอเรนได้นี่”
“ก็ได้หรอก  แต่ราเชลไม่ยอมให้ฉันไปนี่”        
“ไม่เป็นไรเรื่องราเชลฉันจัดการเอง…นายปิดมือถือแล้วไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”
เท็ดเอ่ยเรียบๆหลังจากนิ่งไปนาน  ริชปิดเครื่อง…ความกังวลคลายลง เท็ดมักมีวิธีแก้ปัญหาได้นุ่มนวลเสมอ
เสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือดังกรุ๋งกริ๋ง ราเชลวิ่งมารับอย่างร่าเริง        
“สวัสดีครับเท็ด”        
“ริชอยู่ด้วยหรือเปล่าราเชล?”        
“อยู่ครับ…อยู่ตรงโน้น”        
“นี่มันเป็นบ้าอะไร  ผมโทรมาตั้งหลายครั้งก็ไม่ยอมรับสาย  นี่ดันปิดมือถือเสียอีก”        
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ?” ราเชลหน้าเสีย ไม่สบายใจกับน้ำเสียงร้อนรนแกมโมโหของเท็ด  ปกติเท็ดจะใจเย็นแต่วันนี้กับสบถมาให้ได้ยิน        
“ก็เหมืองที่อัฟริกาถล่ม…มีคนตายไม่รู้เท่าไหร่ แถมเจฟก็เข้าไปกับหน่วย- กู้ภัยป่านนี้ยังติดต่อไม่ได้”
ราเชลเย็นวาบราวกับถูกราดด้วยน้ำแข็ง  ใจร้อนราวกับไฟขึ้นมาทันที        
“อะไรนะครับ!เจฟเป็นอะไร?”        
“เจฟเข้าไปช่วยคนงานกับหน่วยกู้ภัยแล้วขาดการติดต่อมาตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายจนป่านนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง  แล้วตอนนี้หุ้นส่วนก็มารวมอยู่ที่นี่กันหมด  ท่าทางทุกคนจะไม่พอใจที่ริชไม่ยอมมาดูแล…อาจรวมตัวกันบีบให้ริชถอนหุ้นก็ได้  ราเชลบอกช่วยบอกริชด้วยนะว่าถ้ายังทำเฉยต่อไปอย่ามาเสียใจก็แล้วกันหากต้องเสียเจฟไป”        
“ผมจะให้ริชไปเดี๋ยวนี้เลย ขอบคุณมากครับเท็ด”
เด็กหนุ่มวางโทรศัพท์ด้วยมือสั่นเทา  เปิดประตูระเบียงออกไปอย่างร้อนรน  ริชหันมายิ้มชี้ให้ดูทะเลที่กำลังเรืองแสงด้วยมีแพลงตอนบางชนิดกำลังลอยตัวไปขึ้นมาบนผิวน้ำเนื่องจากน้ำขึ้น          
“ริช…ไปแต่งตัวเถอะ  ผมจะช่วยเก็บเสื้อผ้า…”
ราเชลกอดเอวหนาและซุกหน้ากับอกกว้างแน่น พยายามกลั้นน้ำตาเพราะความรู้สึกผิดเอาไว้        
“เป็นอะไรไปราเชล”        
“เท็ดโทรมาบอกว่าเจฟไปกับหน่วยกู้ภัยป่านนี้ยังติดต่อไม่ได้…ริช…เพราะผมใช่ไหม…ถ้าผมปล่อยให้ริชไป เจฟก็คงไม่รีบเข้าไปช่วยคนงานจนติดอยู่ในเหมือง…ผมขอโทษที่เอาแต่ใจจนทุกคนต้องเดือดร้อนกันไปหมด”
ราเชลร้องไห้โฮ  ริชลอบถอนใจโล่งอกที่ราเชลยอมให้เขาไปแต่โดยดี  แต่งานนี้ไม่รู้จะขอบใจหรือไล่เตะเท็ดดี  แม้แผนนี้จะได้ผลแต่ก็ทำให้ราเชลเสียขวัญจนร้องไห้          
“ที่รักไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกนะ  ไม่ว่าฉันจะไปหรือไม่ไป เจฟก็ต้องเข้าไปช่วยคนงานจนได้แหละ”
ราเชลผละไปช่วยจัดเสื้อผ้าด้วยอาการมือไม้สั่นจนริชสงสาร  ชายหนุ่มรวบมือบางมาจุมพิตเบาๆ        
“ฉันจะส่งข่าวทุกระยะ….ถ้าทางโน้นปลอดภัยจะให้เท็ดมารับ”        
“รีบไปเถอะครับ…หากเจฟเป็นอะไรไปคงเป็นความผิดของผมคนเดียว”        
“อย่าคิดอย่างนั้น…เหมืองที่นั่นแข็งแรงมากพอ  อีกอย่างเรามีระบบป้องกันไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินแล้ว  การขาดการติดต่อไม่ได้แปลว่าได้รับบาดเจ็บ  อาจจะแค่ไม่มีสัญญาณติดต่อเท่านั้น…อย่ากลุ้มใจไปเลยคนดี”        
“เจอเจฟแล้วรีบโทรมาหาผมนะครับ…ผมจะรอฟังข่าว”        
“ตกลง” ริชก้มลงจุมพิตหน้าผากนูนงามเบาๆก่อนจะคว้ากระเป๋าลงมาขึ้นรถโดยมีร่างเล็กคลอเคลียตามไปส่งจนถึงเฮลิคอปเตอร์  แม้แต่หมอซอเรนก็ออกมาส่งริชด้วย
“ฝากราเชลด้วยนะหมอ  ผมจะรีบไปรีบกลับ”
“ไม่ต้องห่วง  ผมรับรองว่าราเชลต้องปลอดภัยแน่”
“โทรมาหาผมบ่อยๆนะริช”
“แน่นอนที่รัก  ดูแลตัวเองดีๆนะ”
“ริชก็เหมือนกันนะครับ”
“ครับผม...ทันทีที่ไปถึงฉันจะโทรหาเธอ”
ราเชลยิ้มทั้งน้ำตา ริชจุมพิตบางอิ่มเบาๆก่อนจะวิ่งไปขึ้นเครื่องที่รออยู่  
ราเชลมองตามเฮลิคอปเตอร์ที่ค่อยๆลอยขึ้นฟ้าด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
      ..................................

ราเชลเดินพล่านไปทั้งบ้าน   ความเครียดความกังวลเพิ่มขึ้นทุกทีทั้งที่ริชห่างไปไม่ถึง3วัน แต่สำหรับเด็กหนุ่มมันนานเหมือนชั่วกัปกัลป์  ขณะเดียวกันความหวาดกลัวว่าริชอาจจะทิ้งไปทำให้เด็กหนุ่มทุรนทุรายมากขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้
“ราเชล...ลงไปเดินเล่นกันไหม?”
“ไม่ดีกว่าครับ  ผมจะรอริช”
“เราไม่ได้ไปไหนไกลหรอกนะ  แค่เดินเล่นอยู่แถวๆนี้”
“ผมบอกว่าผมจะรอโทรศัพท์ริช  หมออย่ายุ่งได้ไหม!”
ซอเรนหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย   ปรกติงานของเขามักเจอคนไข้แบบนี้บ่อยๆ  แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากราเชลทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน
“ผมเพียงแต่อยากให้ราเชลผ่อนคลายลงบ้างเท่านั้น”
“ขอโทษครับหมอ...ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ผมทราบ  ราเชล...การที่ราเชลมานั่งกลุ้มใจอย่างนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรๆมันดีขึ้นมาได้หรอกนะ  ผมว่าราเชลควรทำใจให้สบาย  เมื่อจัดการธุระเสร็จริชเขาก็ต้องรีบกลับมาอยู่แล้ว”
“ครับ...ครับ...นั่นสินะ...ผมก็ว่างั้น...อืม...” ราเชลรับคำไปก็เดินพล่านไปด้วย  ซอเรนเหลือบมองนาฬิกา  ได้เวลาที่ราเชลต้องทานยาแล้ว  ไม่อย่างนั้นราเชลจะสงบลงได้ยาก
“ผมหิวจัง...ราเชลไม่หิวเหรอ?”
“ไม่หิว  ผมจะรอริช”
“แหมแต่ราเชลจะไม่เป็นเจ้าบ้านเลี้ยงผมหน่อยเหรอ?”
ราเชลชะงักหันกลับมามองซอเรนงงๆ  ก่อนจะเริ่มได้คิด  เด็กหนุ่มจึงเลิกเดินวนเวียน และยอมรับประทานอาหารเพื่อรักษาความเป็นเจ้าบ้านที่ดีให้ริชภูมิใจ
หลังรับประทานอาหารเย็นไม่ถึงชั่วโมงริชก็โทรมาบอกว่ากำลังเดินทางกลับ  เพราะสถานการณ์ทางนี้เรียบร้อยหมดแล้ว
ราเชลคอยจนผล็อยหลับด้วยฤทธิ์ยา  เมื่อริชมาถึงจึงเจอแต่ซอเรนรออยู่หน้าบ้าน
“เป็นไงบ้างคุณ?”
“เรียบร้อยแล้ว...เท็ดกับเจฟจัดการต่อให้  เสร็จปุ๊บผมก็รีบกลับทันที...
ราเชลเป็นไงบ้าง?”
“เครียด  วิตก  กลัว  อาการเพิ่มขึ้นตลอด3วัน ดูแล้วยังใช้ชีวิตปรกติไม่ค่อยได้  เขาติดคุณคนเดียวอย่างนี้ลำบากหน่อย”
“ทำไงได้...ผมไม่อยากให้เขาคิดมากอีก”
“ผมว่าคุณต้องหามืออาชีพมาช่วยแล้วละ”
“หมายถึงใคร...คุณหรือไง?”
“ผมหมายถึงพยาบาลส่วนตัวต่างหาก  คุณควรจ้างคนที่เก่งๆมาคอยดูแลระหว่างที่คุณทำงาน  เขาจะได้ปรับตัวให้รับคนอื่นเข้ามาบ้างและคุณเองก็จะได้มีเวลาทำงาน  มีเวลาพักผ่อนบ้าง  ไม่อย่างนั้นคุณเครียดตายแน่”
“ผมติดต่อไว้แล้ว  เขาจะมาถึงนี่พรุ่งนี้...ขอบคุณนะหมอที่ช่วยดูแลราเชลระหว่างที่ผมไม่อยู่”
“ไม่เป็นไร  ผมก็เหมือนคุณ  ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วเพื่อ...ราเชล”
“ผมขอตัวก่อน  คุณหมอก็ควรไปพักผ่อนได้แล้ว”
ริชกับซอเรนแยกกันไปคนละทาง  ทันที่ขึ้นไปชั้นบนก็เห็นราเชลหลับพับอยู่บนเก้าอี้รับรอง   ริชส่ายหน้าอย่างเอ็นดูก่อนจะค่อยๆช้อนร่างบางอุ้มเข้าห้องนอน
“ริช” ราเชลลืมตาขึ้นมองอย่างงัวเงีย
“จ้ะที่รัก...หลับเสียคนดี  ฉันกลับมาแล้ว”
ริชกระซิบบอกและก้มลงจูบแก้มเนียนใสเบาๆ  ราเชลยิ้มหวานทั้งๆที่ยังครึ่งหลับครึ่งตื่น  เด็กหนุ่มซุกตัวเข้ามาในอ้อมอกอุ่นแล้วถอนใจยาวอย่างเป็นสุข
         .................................
ไออุ่นๆที่แตะไล้ไปตามแก้มและริมฝีปากอย่างฉาบฉวยปลุกให้
ราเชลลืมตาตื่นอย่างง่วงงุน  ใบหน้าที่ลอยเด่นอยู่ใกล้เกลี้ยงเกลาด้วยเพิ่งโกนหนวดมาใหม่ๆ
“อรุณสวัสดิ์คนดี”
“อรุณสวัสดิ์ครับ…ริชกลับมาเมื่อไหร่?”
“กลับมาถึงดึกแล้ว  เห็นเธอกำลังหลับสบายเลยไม่อยากปลุก”
“เจฟเป็นไงบ้างครับ?”
“ปลอดภัยดี  ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว”
“ดีจัง...ริชอยู่กับผมได้แล้วใช่ไหม?”
“แน่นอน...หมอซอเรนกลับไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วนะ...เขาฝากขอโทษราเชลด้วยที่อยู่รอบอกเองไม่ได้”
“อ้าว!ทำไมละครับ”
“เห็นว่ามีคนไข้ด่วน …แล้ววันนี้เรามีนัด...กับใครนะ?”
“พยาบาลที่จะมาดูแลผม”
“ใช่แล้ว ไปเร็วไปอาบน้ำกันดีกว่า”
ราเชลโน้มคอริชลงมาจูบแก้มก่อนจะลุกเข้าห้องน้ำไป  ริชอมยิ้มหันกลับมาจัดเตียงให้เรียบร้อยแล้วลงไปคุยพยาบาลที่จะมาดูแลราเชล
ราเชลรู้สึกถูกชะตาทันทีที่ได้สบตากับสาวใหญ่หน้าตาใจดี  โดยเฉพาะดวงตาคมกล้าสดใสและติดจะขี้เล่นนิดๆด้วยซ้ำ
“ราเชลนี่คุณริวาน่า...คนนี้ไงครับที่จะให้คุณช่วยดูแลระหว่างที่ผมทำงาน”
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ” ราเชลยังมีท่าทางเก้อกระดาก ไม่ค่อยสนิทใจ  ริชจึงปล่อยให้ทั้งคู่ได้พูดคุยกันตามลำพังโดยอ้างว่าจะเข้าไปทำงานสักครู่  
เกือบเที่ยงเมื่อเขาออกมาก็ไม่พบราเชลกับพยาบาลสาวใหญ่แล้ว  ริชเดินตามหาอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก  แต่แล้วก็ถอนใจเฮือกอย่างโล่งอกเมื่อเห็นทั้งคู่หัวเราะต่อกระซิกกันมาจากชายหาด
“ไงครับ...ไปเที่ยวไหนกันมา  ไม่รอผมบ้างเลย?”
“ผมพาคุณรีน่าไปดูรอบๆนี้มาครับ” ราเชลตอบหน้าบาน
ริชขมวดคิ้วเมื่อได้ยินราเชลเรียกพยาบาลอย่างนั้น  ชายหนุ่มเหลือบไปมองหน้าแต่ริวาน่าขยิบตาให้  เขาจึงนิ่งเสีย
“ไปทานมือเที่ยงกันดีกว่า  ผมมีอาหารอร่อยจะแนะนำครับ”
“ใช่ครับ  แล้วที่โรงแรมนะครับแต่งร้านน่ารักมาก  คุณรีน่าต้องชอบแน่เลย”
“แหมอยากไปจังค่ะ  ขอไปล้างหน้าล้างตานิดหนึ่งนะคะ  ขอสวยหน่อยค่ะ”
ประโยคหลังริวาน่าหันมาทำเสียงกระซิบกับราเชล  เด็กหนุ่มหัวเราะคิก  พยักเพยิดให้  ริวาน่าจึงแยกไปห้องพัก
“ผ่านไหม?”
“อะไรครับ?”
“ก็พยาบาลส่วนตัวคนนี้ไง”
“ครับ...เธอน่ารัก  แล้วก็ใจดีมากเลย”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็สบายใจ  เธอจะได้ไม่เหงาเวลาฉันทำงาน”
“แต่ผมอยากอยู่กับริชมากกว่า”
“ฉันก็ไม่ได้ไปไหน  เพียงแต่ต้องทำงานมากขึ้น อาจจะมีเวลาดูแลราเชลน้อยลง  เข้าใจใช่ไหม...โกรธเหรอ?”
“เปล่าครับ...ผมแค่รู้สึกไม่ดีเมื่อคิดว่าจะต้องอยู่ห่างคุณนานๆ”
“ไม่หรอกที่รัก...เราก็ยังอยู่ด้วยกัน  เพียงแต่ฉันต้องทำงานเยอะ  ออกไปประชุมบ้างในบางวัน”
“ผมไม่ให้ไป!”
“แต่ฉันจะพาเธอไปด้วยนะ”
“...แน่นะครับ”
“แน่สิ”
ราเชลยิ้มออก  เด็กหนุ่มชะโงกเข้าไปจูบแก้มสากเบาๆ  ตาหวานเป็นประกายอย่างพึงพอใจ  
      ..................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2009 22:09:03 โดย tianqin »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
...
ริวาน่ามองคนไข้ของเธออย่างสนใจ ราเชลถอนหายใจเฮือกๆอย่างนี้มาตั้งแต่เช้าแล้ว  และดูเหมือนต้นเหตุที่ทำให้ราเชลถอนใจอยู่นี่คือคนที่อยู่ในห้องทำงาน
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“อ่า...ครับ...คุณรีน่าว่าอะไรนะครับ?”
“เห็นคุณถอนใจ  ท่าทางจะมีเรื่องให้คิดหนัก”
“ผม...เปล่าครับ...แต่...”ราเชลอึกอักอยู่ครู่หนึ่งก็ไหวไหล่อย่างจนคำพูด  
ริวาน่าชักสงสัยว่าเด็กหนุ่มคงเลียนแบบท่านี้มาจากริชแน่  เพราะเคยเห็นชายหนุ่มทำอยู่บ่อยๆ
   “ผมแค่เหงา...”
   “คุณริชทำงานนี่คะ”
   “ผมรู้ๆๆๆ...แต่ผมยังไม่ชินนี่  ปกติริชจะอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา  ได้พูดได้คุยกันบ้างก็ยังดี  นี่เอาแต่เข้าห้องทำงานเงียบ...สงสัยคงรำคาญผมเต็มที”
   ประโยคหลังสั่นเครือ  น้ำตาเริ่มคลอปริ่มจะหยดไม่หยดแหล่  ริวาน่าวางหนังสือลงและลุกมานั่งใกล้ๆ
   “ฮายย...เด็กดี  อย่าร้องไห้สิคะ  คุณริชรักคุณออก  ไม่มีทางรำคาญคุณแน่ๆ  เชื่อดิฉันเถอะค่ะ”
   “ผมไม่ใช่เด็ก...ผมโตแล้ว  ทำไมทั้งคุณทั้งริชทำเหมือนผมเป็นเด็ก3-4ขวบ"
จากกำลังเศร้าสร้อยราเชลก็กลับโกรธเกรี้ยวได้ในพริบตา  แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผู้ป่วยทางจิตที่อารมณ์จะปรวนแปรง่าย  ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ดีแล้ว  แต่ก่อนหน้านี้ต่างหาก  อาการของราเชลต้องรุนแรงกว่านี้มาก  และน่าทึ่งที่ริชรับมือได้ตามลำพัง
   “เปล่านะจ๊ะ  เพียงแต่เห็นว่าเธอน่ารัก  ก็เลยเรียกอย่างนั้น  ถ้าเธอไม่ชอบฉันจะไม่เรียกอีก”
   “ผมไม่ได้โกรธคุณนะครับรีน่าผมแค่อยากให้ริชเข้าใจว่าผมเป็นผู้ใหญ่เหมือนๆกับเขา”
   “บอกเขาสิจ๊ะ  รู้สึกยังไงก็พูดไปตรงๆเลย”
“ได้เหรอครับ...ผมกลัวริชจะว่าผม...”
“ไม่หรอกจ้ะ  บางเรื่องถ้าไม่พูดไม่บอก  ก็เข้าใจไม่ตรงกันนะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับรีน่า...ผมจะลองดู”
ราเชลยิ้มมาดหมายตาเป็นประกาย  แก้มใสซับสีระเรื่อด้วยความเขินอายกับสิ่งที่คิด  ริวาน่ามองยิ้มๆ  พรุ่งนี้เธออาจจะหาเรื่องหยุด...ถ้าสิ่งที่เธอสงสัยถูกต้อง  ริชคงเต็มใจที่จะดูแลราเชลเองในวันพรุ่งนี้...........
      ..................................

ริชถอนใจยาวอย่างล้าๆ  งานกองท่วมหัวกว่าเขาจะได้สะสาง  ลำพังในส่วนของเขาไม่เท่าไหร่ เพราะวางงานไว้แล้วและคนของเขาก็ไว้ใจได้  แต่งานที่บริษัทเวลบอร์นนี่สิ  ยังง่อนแง่นคลอนแคลนพร้อมจะล้มได้ทุกเมื่อหากไม่พยุงไว้ให้ดี  และเขาต้องรับผิดชอบเพื่อทดแทนที่ราเชลดูแลเองไม่ได้
ไฟในห้องปิดมืดไม่สว่างไสวเหมือนเคย  ริชพยายามไม่ให้เกิดเสียงขณะเข้าไปในห้องเพราะคิดว่าราเชลหลับแล้ว  แต่เมื่อเขาแทรกขึ้นไปบนเตียงร่างบางก็พลิกตัวเข้ามาในอ้อมแขน
“ยังไม่หลับเหรอเด็กดี...นอนดึกนะคืนนี้”
“ก็คุณอยากทำงานอยู่จนดึกนี่ผมก็ต้องอยู่ดึกตาม”
“คราวหลังอย่านอนดึกอีกนะ  มันไม่ดีกับสุขภาพ”
“ผมรอริช”
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“คุณรักผมบ้างหรือเปล่าริช...หรือแค่รู้สึกผิด แล้วเวทนาผม..”
“ราเชล...ทำไมถึงถามอะไรอย่างนี้...ทุกอย่างที่ทำฉันทำเพราะรักเธอไม่ใช่ความเวทนาสงสารอะไรเลย”
“คุณ...ไม่แตะต้องผมเลย...ทั้งๆที่คุณพร่ำบอกว่ารักผม  แต่คุณไม่เคยทำอะไรมากไปกว่าจูบ”
“ราเชล...เธอหมายถึง...”
“ใช่...ผมหมายถึงเรื่องนั้นแหละ  คุณไม่อยากยุ่งกับคนบ้าใช่ไหมริช  คุณทำใจมีอะไรๆกับคนบ้าไม่ได้...คุณแสร้งทำเป็นเอ็นดูเหมือนเห็นผมเป็นเด็กๆแต่ความจริงคุณไม่ต้องการผมอีกแล้ว  ผมพูดถูกใช่ไหมริช”
“ไม่จริงเลยสักนิด  ฉันรักเธอ  รักและต้องการอยู่ตลอดเวลาด้วยซ้ำ  แต่เธอยังไม่ค่อยแข็งแรง  ฉันไม่อยากเสี่ยง...ถ้าฉันทำอะไรไปแล้วเกิดเธอ...ไม่ตื่นอีกละ...ฉันจะทำยังไง...ฉันทนเสียเธอไปไม่ได้หรอกราเชล...ถ้าต้องเลือก  ฉันยอมไม่มีเซ็กไปตลอดชีวิตดีกว่าให้ฉันเสียเธอไป   เธอเข้าใจไหมราเชล...เข้าใจไหมที่รัก”
“ผม...ผมขอโทษ...ผมคิดว่าริชไม่ต้องการผมเสียอีก”
“ไม่มีทางที่รัก...ฉันรักเธอที่สุด...ต้องการที่สุดด้วย  แต่มันเสี่ยงเกินไป”
“ทำไม...ตอนผมหลับคุณยังทำได้เลย”
“อะไรนะ...เธอว่าอะไรนะราเชล...” ริชผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ
“ก็...ก็ตอนผมหลับ...ริช...ก็ทำ...เอ่อ...” ราเชลหน้าแดงซ่าน  ทั้งๆที่แสงไฟจากทางเดินข้างนอกไม่สว่างมากนัก  แต่ก็พอมองเห็นรอยเก้อกระดากของทั้งคู่
“เธอรู้เหรอว่า...เธอจำได้เหรอนี่?” ริชครางเบาๆอย่างตื่นเต้น  ไม่น่าเชื่อว่า ราเชลจะมีความทรงจำระหว่างที่อยู่ในช่วงหลับใหล
“ครับ...ผมจำบางเรื่องระหว่างที่หลับได้  มันคล้ายๆความฝัน...แต่มันชัดเจนกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นเธอคงไม่กลัวฉันใช่ไหม?”
ริชถามเหมือนละเมอ  อ้อมแขนโอบรัดเอวคอดแน่นกระชับขึ้น  ราเชลซุกหน้ากับอกอุ่นอย่างเขินอาย  แต่เมื่อปากร้อนซุกไซ้ผ่าน  ปากอิ่มก็เผยอรับอย่างเต็มใจ   จุ่มพิตอ่อนเรียกร้องไม่วายเจือความนิ่มนวลอ่อนโยน  ริชถอนริมฝีปากออก  กวาดตาไปทั่ววงหน้างาม มืออุ่นประคองแก้มเนียนและลูบไล้ด้วยข้อนิ้วจนทั่ว  ราเชลปรือตาขึ้นมอง  แล้วงับปลายนิ้วที่ลากผ่านบนริมฝีปากเบาๆอย่างหยอกเอิน  
ริชเพิ่งสังเกตว่าราเชลเปลี่ยนไป  ผิวเนียนใสดูเปล่งปลั่งราวกับมะเขือเทศอวบน้ำ  ดวงตาไร้เดียงสากลับยั่วยวนเสียจนเลือดระอุเพียงแค่เห็น  ไม่ว่าราเชลจะขยับทำอะไรเหมือนกับเจตนายั่วเขาไปหมดทั้งๆที่ริชก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าราเชลไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้น  แต่ตอนนี้เลือดในตัวเขามันร้อนฉ่าไปหมด  และเขากำลังต้องการราเชลอย่างรุนแรง ความคิดที่จะทะนุถนอมอ่อนโยนกลายเป็นร้อนรนด้วยความปรารถนาที่ถูกเก็บกดมานาน  ดวงตาคมที่จับจ้องเด็กหนุ่มวาวระยับราวกับจะกลื่นกินราเชลลงไปเดี๋ยวนั้น  
ราเชลยิ้มหวานอย่างพึงใจที่ทำให้ริชคลั่งได้ง่ายๆ   เสื้อนอนตัวใหม่ที่ริชเพิ่งซื้อมาให้ถูกดึงจนกระดุมขาดเพราะถอดไม่ทันใจ  เด็กหนุ่มไม่ได้ถอยหนี กลับทอดร่างเปลือยเปล่าลงบนเตียงช้าๆอย่างยั่วยวน  ริชถอดเสื้อผ้าออกจากตัวอย่างเร่งร้อน  ทันทีที่ร่างเปลือยเปล่าเขาก็เบียดตัวเข้าหาร่างบาง  กอดจูบทั่วเนื้อเนียนอย่างกระหายหิว  ทุกที่ที่ปากร้อนลากผ่านจึงทิ้งรอยแดงเป็นทาง  ยอดสีแดงสดชูชันท้าทายให้ลิ้มลอง
“ริช!...อ๊า”  
ราเชลกรีดร้องน้ำตาคลอเมื่อฟันคมกัดทึ้งยอดอกแรงๆ พอราเชลร้องริชก็เปลี่ยนจากกัดมาดูดและไล้เลียอย่างอ่อนโยน  ราเชลสะอื้น  อกแอ่นขึ้นรับด้วยความเสียวซ่าน  เสียงร้องและเสียงครางดังสลับกันไม่หยุดเมือริชเปลี่ยนเป้าหมายลงไปหาแก่นกายนุ่มเบื้องล่าง  ริชดูดกลืนเนื้อนุ่มอย่างรุนแรงและเร่งจนราเชลไปถึงจุดสูงสุดอย่างไม่ทันตั้งตัว  ทันทีที่ราเชลปลดปล่อยริชก็พลิกร่างบางคว่ำลง  ไล้เลียกลีบดอกไม้จีบแน่นสีชมพูสดไปทั่ว  ราเชลครางระงมขณะที่ปล่อยหยาดรักให้หลั่งออกมา  ช่องทางด้านหลังก็บีบรัดตอบรับลิ้นสากที่เสียดสีไปด้วย
ริชเชยชมเนื้อแน่นตึงจนบริเวณนั้นเปียกชุ่มโชก  แต่เขาไม่หยุดแค่นั้น  นิ้วยาวสอดเข้าไปแล้วขยับเข้าออกจนลื่นจึงสอดนิ้วเข้าไปเพิ่มเพื่อแหวกทางให้กว้างขึ้น  ปลายลิ้นสากสอดลึกเข้าไป  ได้ยินเสียงราเชลอุทานลั่น  แต่ริชไม่สนใจ  เขาหลงใหลแรงบีบรัดต่อต้านรอบนิ้วและลิ้นของเขาเหลือเกิน  
ริชสอดนิ้วเข้าไปเพิ่มเพื่อแหวกทางให้กว้างกว่าเดิม  เขาดันลิ้นให้ลึกเข้าไปอีกอย่างตั้งใจ  เสียงราเชลครางระงมดังยิ่งกว่าเดิม  และถี่ขึ้นทุกครั้งที่ริชสอดลิ้นเข้าออก  สะโพกกลมส่ายวนอย่างทรมาน  และริชก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจ  เขาเร่งจังหวะของลิ้นและถูไถหัวแม่มือไปตามป้านแดงด้านนอก  สะโพกบางโยกรับทุกแรงสอดลึกระรัวแล้วราเชลก็กรีดร้องจนเสียงแหบก่อนจะปล่อยไอร้อนลงชุ่มพรม
ริชไม่ได้รอให้ราเชลพัก  เขาชโลมทางแคบด้วยเจลเย็นลื่นก่อนจะสอดกายเข้าหาช้าๆ  ช่องทางแคบดูเหมือนจะยังไม่พร้อม  แต่น้ำลายกับเจลก็ทำให้เขามุดเข้าไปในช่องแคบได้ไม่ยาก  ริชกดดันไม่กี่ครั้งเขาก็แทรกเข้าไปอยู่ในตัวราเชลได้สนิท
ริชยึดเอวบางไว้ขณะโยกสะโพกเข้าออกช้าๆ  เมื่อความเสียวซ่านทวีขึ้นมือใหญ่ก็ช้อนร่างบางขึ้นนั่งพิงอก  ฝ่ามืออุ่นกอบกุมแก่นกายนุ่มไว้มือ  อีกมือบีบเคล้นยอดอกตึงหนักๆขณะที่สะโพกก็ดันสะโพกบางให้ลอยโลดขึ้นและกระแทกกายสวนขึ้นรับ  เสียงราเชลอุทานเรียกชื่อเขากระเส่า  มือเล็กที่ไขว่คว้าเปะปะในตอนแรกเลื่อนมาโหนต้นคอเขาไว้  ผมนิ่มหอมไถลไปตามซอกคอและอกของเขาตามจังหวะที่เขาพุ่งทะยานเข้าหา  
เมื่อความฉ่ำเยิ้มของราเชลใกล้ถึงที่สุดริชก็ละมือจากทุกอย่างมาประคองสะโพกเล็กกระชากลงมาหาถี่ยิบ  ราเชลเรียกชื่อเขาจนเสียงแหบแห้งให้ความรู้สึกภาคภูมิและฮึกเหิม  แรงเสียดสีบีบรัดปลายประสาทจนเสียววาบทั้งตัว  แล้วสิ่งที่อัดแน่นอยู่ภายในก็ทะลักทลายเข้าใส่โพรงแคบลึกจนหมดทุกหยดหยาด  ริชทิ้งตัวลงนอนหงายผลึ่งโดยมีร่างบางนอนอยู่บนอก  
ทั้งเหงื่อและคราบไคลของความรักเปรอะเปื้อนเต็มเนื้อตัว   แต่เขายังฝังอยู่ในซอกร้อนผ่าว  แรงบีบรัดรอบๆทำให้เขาเริ่มตื่นขึ้นมาอีกครั้ง  ริชถอนตัวออกช้าๆ  แรงเสียดสีทำให้เสียวท้องน้อย  และเขาก็ยังต้องการอยู่  แต่ดูเหมือนราเชลคงยังไม่พร้อม ร่างบนอกเขายังหอบหายใจแรง
“ราเชล...เป็นไงบ้าง...” ริชพลิกเด็กหนุ่มลงข้างล่าง  จูบซับเหงื่อให้อย่างเอาใจ  แต่สะโพกกลับเลื่อนถอยแทบสุดแล้วแทรกเข้าไปช้าๆ  พอฝังสุดตัวก็หยุดจูบปากอิ่มจนราเชลต้องเปิดรับลิ้นซุกซน  ลมหายใจของราเชลสะดุดเป็นห้วงทุกครั้งทีสะโพกแข็งเสียดสีเข้าออก  ถึงจะเนิบช้า แต่การกดเน้นอย่างเจตนาด้วยรู้จุดกระสันก็ทำให้เด็กหนุ่มต้องครางฮืออย่างทรมาน  ริชรั้งขาเรียวให้โอบรอบเอว  ขณะที่ขยับสะโพกเร่งเร้าขึ้น  ปลายลิ้นร้อนฉกลึกเข้าไปในโพลงปากหอมเป็นจังหวะเดียวกับที่สะโพกโจนจ้วง  ทำให้ราเชลรู้สึกเหมือนกำลังถูกจู่โจมจากสองทางพร้อมกัน  ลิ้นนุ่มบีบรัดรับปลายลิ้นร้อนทุกครั้งเช่นเดียวกับช่องทางแคบที่เกร็งแน่นถี่ขึ้นทุกที  ริชเหนี่ยวไหล่บางแล้วกระแทกตัวระรัว   ทั้งในปากและช่องทางเบื้องล่างกำลังเกิดสงคราม  ต่างฝ่ายต่างต่อสู้กันดุเดือด  และจบลงที่เสียงกรีดร้องสุขสมพร้อมๆกับทำนบที่พังทลายหลั่งไหลความสุขจนชุ่มโชก  ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีกลับยาวนานและอิ่มเอมจนแทบขาดใจ
      ..................................


งานไดมอนเวิลด์ คราวนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหลายฝ่าย
ร้านเพชรดังจากทั่วโลกต่างพยายามโชว์ศักยภาพของตัวเองเต็มที่ เพื่อหวังให้แฮมิล-ตันคอปเปอร์เรชั่นร่วมลงทุนด้วย งานนี้เจ้าภาพเจตนาจัดให้แตกต่างจากการโชว์เพชรทั่วไป แต่ทำราวกับเป็นเวทีประกาศรางวัลออสก้าร์ ลีมูซีนคันแล้วคันเล่าทยอยเข้ามาจอเพื่อให้นางแบบดังที่สวมเพชรของแต่ละห้องเสื้อเดินโชว์เข้ามาในงาน เรียกได้ว่าโชว์กันตั้งแต่ประตูทางเข้าเลยทีเดียว   เมื่อทั้งแขกที่มาร่วมงานและนางแบบต่างก็เข้างานด้วยวิธีเดียวกัน แขกที่มาแต่ละคนจึงแต่งเครื่องเพชรกันแพรวพราวไม่น้อยหน้านางแบบ บางคนออกจะล้นๆไปด้วยซ้ำ
ราเชลมือเย็นเมื่อรถเลี้ยวเข้างานแล้วเห็นนักข่าวกับผู้คนมากมายหน้าประตู  เด็กหนุ่มกังวลจนคนนั่งเคียงข้างสังเกตเห็น        
“เป็นอะไรไปที่รัก?”        
“ริช…เราไปเข้าทางอื่นได้ไหม?”        
“ทำไมล่ะ?”        
“ผม…ไม่ชอบ…คนเยอะๆแบบนี้”        
“ได้สิ…แฟรงค์จอดรถ”        
“...ดีใจใช่ไหมที่ผมทำอย่างนี้?”        
“อะไรนะ…” ริชชะงักหันมามองคนข้างๆอย่างงุนงง ปากอิ่มเม้มแน่น ตาเป็นประกายด้วยความโกรธ          
“คุณอายใช่ไหม…กลัวละสิว่าใครๆจะรู้เรื่องของเรา…คุณกลัวใช่ไหมริช?”        
“ราเชล…ทำไมถึงคิดแบบนั้น  เธอก็รู้ว่าไม่จริง”        
“อย่ามาแก้ตัวดีกว่า…ผมแค่ลองเชิงหน่อยเดียวคุณก็รีบฉวยโอกาสอย่างนี้ยังจะมาพูดอีกว่าไม่คิดแบบนั้น”        
“ฉันไม่เคยกลัวคนอื่นรู้เรื่องของเรา…ฉันรักเธอ…รักมากที่สุด และไม่คิดจะยุ่งกับใครอีก  ที่จะพาเข้าประตูอื่นเพราะเห็นว่าเธอกังวล  กลัวเธอจะไม่สบายใจ  แต่ถ้าเธอไม่กลัวที่จะปรากฏตัวต่อหน้าคนเยอะๆด้วยกัน ฉันจะดีใจที่สุด  เชื่อฉันเถอะ ราเชลว่าฉันรักเธอจนอยากประกาศให้คนรู้ทั้งโลกด้วยซ้ำไป”
ราเชลเบือนหน้าหนี ในใจยังสับสนว้าวุ่นไม่รู้ว่าสิ่งที่ริชพูดจะแค่ลมปาก หวานหูที่จะทำร้ายเขาอีกหรือไม่  รถค่อยๆเลื่อนจนจอดเทียบที่พรมด้านหน้า  ราเชลมือเย็นอีกครั้ง เมื่อประตูเปิดออกริชก็ลงไปก่อนแล้วก้มลงมามองเขา        
“มาเถอะ”
ราเชลกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ  แสงแฟลสวูบวาบจนตาพร่าเมื่อเขาลงมายืนเคียงข้าง  ริชโอบเอวบางให้เดินไปด้วยกัน  คนทั้งงานมองตรงมาที่ทั้งคู่เป็นจุดเดียว  ริชก้มมองหน้าเผือดสีของเด็กหนุ่มอย่างกังวล  ราเชลกำลังต่อสู้กับความกลัว  มันเป็นบทเรียนที่ค่อนข้างโหด  แต่ถ้าผ่านวันนี้ไปได้ โอกาสที่ราเชลจะหายเป็นปกติก็จะมีมากขึ้น          
“โอ…ยินดีต้อนรับริช”        
“สวัสดีครับคุณอา”        
“อาดีใจที่เธอยอมมางาน  แล้วนี่…”        
“ราเชล  เวลบอร์น ครับ คนพิเศษของผม”
สีหน้าคนฟังดูตกใจ แต่วูบเดียวก็กลับเป็นยิ้มแย้มปกติ มืออูมคว้ามือเล็กเรียวมาเขย่าอย่างยินดี          
“ยินดีที่ได้รู้จัก  อืมตระกูลเวลบอร์นนี่รู้สึกคุ้นหูจังนะริช”        
“ครับ คุณชาร์ล เวลบอน เป็นหุ้นส่วนธุรกิจในเครือแฮมิลตันคอปฯ สาขา -
อัมสเตอร์ดัมไงครับ”        
“โอ้…ที่แท้ก็ลูกของคุณชาร์ลนี่เอง”        
“ยินดีที่ได้พบท่านครับ”        
“เพื่อนๆอาดีใจกันใหญ่ที่รู้ว่าทายาทแฮมิลตันให้เกียรติมางานด้วยตัวเอง”        
“แฮมิลตันต่างหากละครับที่รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเชิญ”        
“ฮะๆๆ…เข้าใจพูดนะเราน่ะ”  
แม้จะเป็นแค่มารยาทสังคม แต่เจ้าของงานก็หน้าบานแฉ่งที่ได้แสดงให้คนอื่นๆเห็นว่าตนเอง ‘สนิทสนม’ กับตระกูลแฮมิลตันขนาดไหน
ริชกับราเชลถูกจัดให้นั่งในโต๊ะเดียวกับเจ้าภาพ  นางแบบนายแบบทั้งหมดจะต้องเดินวนมาหยุดโชว์เครื่องเพชรที่นั่นก่อนจะเดินต่อไปจนครบทุกจุด
“สวยไหมราเชล?”
“สวยครับ  สงสัยจะเป็นลูกครึ่ง”
“ฉันหมายถึงนาฬิกาที่นายแบบคนนั้นใส่อยู่ต่างหาก”
“อ้าว!ไหนครับ ผมดูไม่ทัน”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพอเลิกโชว์เราค่อยไปดูก็ได้  เขาจัดเข้าตู้ไว้เป็นคอลเลคชั่นเลย”
“ทุกชิ้นเลยเหรอครับ”
“ทุกชิ้น”
หลังจากโชว์จบ  เจ้าภาพก็เชิญแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายไปชมเครื่องเพชรทั้งหมดอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง  และไม่ว่าริชจะพาราเชลไปเดินผ่านไปทางไหน  เจ้าของร้านก็จะปรี่เข้ามาต้อนรับอย่างยินดี  ริชพาราเชลเดินดูอยู่ครู่หนึ่งจึงออกมาด้านหน้าเพื่อกลับไปที่รถ  เจ้าภาพถูกรั้งไปอีกทางจึงไม่ได้มาคอยส่ง  
“ริช!...พระเจ้าคุณจริงๆด้วย”
ริชและราเชลหันกลับไปตามเสียงเรียก  ยังไม่ทันตั้งตัว  ร่างโปร่งระหงก็โถมเข้ากอดและจูบริชอย่างดูดดื่ม ริชสะดุ้งรีบดันนางแบบสาวออกแล้ว  หันขวับมาทางราเชล เด็กหนุ่มยืนนิ่งขึงใบหน้าซีดเผือด  กำมือแน่นจนข้อนิ้วเกร็งขาว  
“ตอนเพื่อนๆบอกว่าเห็นคุณฉันยังไม่เชื่อ ดีใจที่สุดเลยที่คุณมางานของเรา”
“ปล่อยผมก่อนแคทเทอลีน”
“ทำไมคะ  ดูทำหน้าเข้าสิ”
“ผมมากับคนรัก...ที่รักจ๊ะนี่คุณแคทเทอลีน  เธอก็เป็นเจ้าภาพงานนี้”
“...ยินดี...ที่ได้รู้จักครับ…”
“คนรัก...คุณล้อเล่นใช่ไหมริช?” ใบหน้าที่พอกเครื่องสำอางไว้เต็มที่ขาวซีดเหมือนกระดาษ
“เปล่า...ผมพูดจริง”
“แต่ว่านี่มัน...เขา...”
“ใช่ คนรักผมเป็นผู้ชาย  ทำไมเหรอ?”
“คุณ...คุณเป็นเกย์เหรอเนี่ย”
“เอ่อ...ผมจะไปรอที่รถ” ราเชลหน้าชาเมื่อเห็นสายตาหมิ่นแคลนของคนตรงหน้า  ไม่กล้าแม้แต่จะเงยขึ้นมองริชด้วยกลัวจะเห็นสีหน้าอับอายของชายหนุ่ม
“ไม่ราเชล  เราจะออกไปด้วยกัน  ผมขอตัวกลับก่อนนะแคทเทอลีน”
ริชยิ้มให้หญิงสาวที่ยังยืนตาค้างด้วยความตกใจก่อนจะจูงมือราเชล ออกมาขึ้นรถ
แคทเทอลีนยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นกระทั่งบิดามาเจอเข้า
“แคที่...เกิดอะไรขึ้น?”
“พ่อคะ...คนรักของริช...เขาเป็นเกย์...ริชเป็นเกย์นะพ่อ”
“พ่อก็เพิ่งรู้  ทุเรศจริงๆ  ออกจะร่ำรวยมีชื่อเสียง  ดันเป็นเกย์เสียนี่”
แม้จะมีแสงแฟลสสว่างวูบวาบไม่ต่างจากตอนมาถึง แต่ดูเหมือนราเชลจะจมอยู่กับความคิดตัวเองจนไม่ได้สนใจสภาพแวดล้อมรอบตัว  จนรถออกจากงานมาได้ครู่หนึ่งเด็กหนุ่มถึงได้เปิดปากพูด
“ผู้หญิงคนนั้น?”
“คนเดียวกับในภาพที่มีคนส่งไปให้เธอ”
“คุณรู้!”
“วันนั้นฉันรับโทรศัพท์ให้เธอ มีคนโทรมาเยาะเย้ยเรื่องรูป  ฉันก็เลยเปิดดู...เธอก็เห็นว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขา  มันเป็นนิสัยของเขาที่ชอบทักทายแบบนั้นเอง  คนที่ส่งเขาเจตนาให้เธอเข้าใจผิด”
“...ริช...มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่เลย...ที่...ที่คุณเที่ยวแนะนำผมกับใครต่อใครแบบนั้น”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย   ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่”
“แต่...จะดีเหรอครับ  ผม...ไม่รู้สิ  ผมไม่แน่ใจ”
“เธอไม่แน่ใจในตัวฉัน หรือไม่แน่ใจว่าควรยอมรับกับใครๆว่าเป็นเราเป็นคนรักกัน”
“...ผมไม่รู้...ไม่รู้ว่าควรเปิดเผยเรื่องของเราไหม...ไม่รู้ว่าพ่อกับย่าจะว่าอย่างไรบ้าง...”
“ถ้าเธอไม่อยากให้ใครรู้เรื่องเราฉันจะสั่งเก็บภาพเราทั้งหมด”
“คุณจะทำได้ยังไง?”
“อิทธิพลของตระกูลแฮมิลตันมีมากกว่าที่เธอจะนึกถึงนะที่รัก”
“แต่ถึงเก็บภาพมาได้ก็ใช่จะปิดเรื่องเราได้ คนเขาต้องเอาไปพูดกันอยู่แล้ว”
“พูดก็พูดไป  ไม่มีภาพยืนยันเสียอย่าง”
“...ช่างเถอะครับ...”
“ทำไมละ  ฉันทำได้จริงๆนะ”
“ผมรู้...แต่ถ้าคุณไม่แคร์ผมก็ไม่แคร์” ราเชลขยับเข้าไปซุกหน้ากับอกอุ่นอย่างประจบ  ริชอมยิ้มโอบประคองร่างบางให้เลื่อนขึ้นมานั่งซ้อนบนตักและกอดไว้ด้วยความอ่อนโยน  กระจกกั้นระหว่างคนขับกับผู้โดยสารถูกกดปิดให้อย่างรู้ใจ  
      ..................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2009 22:06:05 โดย tianqin »

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
.........
แอนนาเม้มปากแน่นเมื่อสังเกตเห็นว่าลูกชายกำลังจะออกไปเที่ยวอีกแล้ว  ทั้งที่ยังเดินไม่ค่อยคล่องนักแต่ชาร์ลก็ยังไปขลุกอยู่ที่บ่อนไม่ยอมกลับบ้านจนกว่าเงินจะหมด  
“นั่นแกจะไปไหนชาร์ล”        
“ไปแถวๆนี้…คุณแม่มีอะไร?” ชาร์ลตอบรับเสียงห้วน  ขุ่นใจที่มารดาทำเหมือนเขาเป็นเด็ก  ต้องคอยรายงานเวลาไปไหนๆ      
“ริชส่งช่าวมาบอกว่าราเชลดีขึ้นมากแล้ว  เริ่มจำอะไรได้มากขึ้น”        
“แล้วไงครับ คุณแม่บอกผมทำไม?”        
“นี่ใจคอแกจะไม่ไปเยี่ยมลูกแกบ้างหรือไง?”        
“มันไม่ใช่ลูกผม!”        
“ราเชลเป็นลูกแก”        
“คุณแม่! จะหลอกตัวเองไปถึงไหน  มันตั้ง 17-18ปีมาแล้ว คุณแม่ยังทำใจไม่ได้อีกเหรอ?” ชาร์ลทำเสียงเย้ย  เย้ยทั้งมารดาและตัวเอง  มันเป็นความขมขื่นและคั่งแค้นที่เก็บกดอยู่ในใจมาตลอดชีวิต        
“ราเชลเป็นลูกของแกกับรีน่า  ไม่ได้เป็นลูกชาลีอย่างที่แกเข้าใจ”        
“ไม่จริง มันเป็นชู้กัน แล้วมันก็ท้องตอน…ตอนผมไม่อยู่”        
“รีน่าท้องกับแก  เขาตั้งท้องก่อนที่แกจะไปเที่ยวญี่ปุ่นกับแม่นางแบบนั่น เขาท้องก่อนที่ชาลีจะกลับมา”        
“โกหก…ใครมันเอาเรื่องบ้าบอมาหลอกคุณแม่”        
“ฉันรู้ก่อนที่รีน่าจะรู้ตัวด้วยซ้ำ  ฉันสังเกตเห็นอาการของรีน่าตั้งแต่เช้าวันที่แกไปสนามบิน  วันนั้นรีน่าเริ่มแพ้ท้องแล้ว  และก็แพ้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่มีอาการอยู่แค่เดือนเดียวก็หาย ก่อนที่ชาลีจะกลับมาเสียอีก”        
“ไม่จริง…” ชาร์ลไม่ได้คิดจะเถียงมารดาแต่ปฏิเสธที่จะยอมรับความจริง        
“แล้วแกรู้ไหม  ทำไมชาลีถึงยอมหลีกทางให้แกกับรีน่าง่ายดายนัก  เพราะชาลีเขารู้ว่าในตัวเขามีเลือดบ้า เขารักรีน่ามากจนไม่อยากให้รีน่าต้องเจ็บปวดในอนาคต”        
“อะไรนะ...?”        
“แกคิดว่าคนอย่างป้าแกจะฆ่าตัวตายได้งั้นเหรอ  เปล่าเลย...ชาลีเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด  คนที่ฆ่าแม่ตัวเองคือพ่อ  พ่อเกิดคุ้มคลั่งจับแม่โยนลงมาจากดาดฟ้าคอหักตาย  ตอนนั้นชาลีอายุ10ขวบแล้ว เขาจำทุกอย่างได้  แต่ไม่กล้าบอกตำรวจว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ  พอโตขึ้นเขาถึงแน่ใจว่าสายเลือดของพ่อเขาต้องถ่ายทอดมาถึงเขาแน่ๆ  พอเห็นรีน่าไปหลงรักแก เขาถึงได้ยอมหลีกทาง หนีไปเรียนที่อิตาลียังไงล่ะ”        
“ทำไม…ผมไม่รู้เรื่องนี้?”        
“ฉันก็ไม่คิดว่าจะต้องผิดคำพูดกับชาลี  เขาขอร้องให้ฉันเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ  แต่ฉันไม่นึกว่าแกจะคิดบ้าๆแบบนี้”        
“พระเจ้า..นี่ฉันทำอะไรลงไป…โอพระเจ้า…รีน่า…พี่ชาลี…ผมขอโทษ”        
“ชาร์ล…แกเป็นอะไรไป?”        
“คุณแม่ครับ  ผมเป็นคนสั่งฆ่าพี่ชาลีกับรีน่า  คุณแม่เรียกตำรวจมาจับผมเถอะ  ผมมันเลวจริงๆ”        
“รีน่ากับชาลีรถคว่ำเพราะอุบัติเหตุ”        
“ไม่ใช่หรอกครับ  ผมเอง…ผมจ้างเพื่อนที่อู่ตัดสายเบรครถรีน่า…ผมอยากให้ไอ้ชายโฉดหญิงชั่วมันตาย...ผมไม่รู้ว่าผมบ้าไปเอง”        
“แต่มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ…ก่อนที่รีน่าจะรถคว่ำ  เพื่อนแกโทรมาหาแก แต่แม่รับ  เขาคิดว่าเป็นแก  ก็เลยขอโทษขอโพยใหญ่  เขาบอกว่าถึงเป็นเพื่อนรักกันก็จริง แต่จะให้เขาฆ่าคนเพื่อแกเขาทำไม่ได้  ตำรวจเองก็สงสัยเรื่องนี้แต่เขาตรวจอย่างละเอียดแล้ว  เบรคไม่ได้มีปัญหาแต่รีน่าเมาและขับรถเองถึงได้เกิดอุบัติเหตุ”        
“หมายความว่า…ผมไม่ได้เป็นต้นเหตุให้พวกเขาตาย”        
“ไม่เลย  ที่ผ่านมาแม่คิดว่าแกรู้เรื่องนี้มาตลอด  แต่ที่แกเย็นชากับราเชลแม่คิดว่าแกเจ็บปวดเพราะทนเห็นหน้าราเชลไม่ได้  แม่พยายามเลี้ยงราเชลไม่ให้เขาเหมือนรีน่า  แต่ไม่เคยรู้ว่าสิ่งที่แม่ทำจะกลายเป็นการกดดันให้ราเชลกลายเป็นเด็กเก็บกด คิดว่าไม่มีใครรัก  หนำซ้ำยังเข้าใจผิด คิดไปว่าโดนชาลีข่มขืนตอนเป็นเด็กๆอีก  สุดท้ายอะไรๆที่มันเขม็งเกลียวก็ขาดผึง  สติสะตังถึงได้ไม่เหลือ”        
“ราเชล…โธ่ลูก พ่อขอโทษ  ที่แกต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะพ่อ  เพราะพ่อเอง…เพราะพ่อ”        
“ชาล์ล…ร้องไห้คร่ำครวญไปก็เปล่าประโยชน์  แกควรทำปัจจุบันให้ดีมากกว่า”        
“ผมจะทำอะไรได้ครับแม่  ป่านนี้ราเชลคงฝังใจไปแล้วว่าผมไม่ใช่พ่อ  ลูกคงเกลียดผม”        
“หมอซอเรนบอกแม่แล้ว  ราเชลตอนนี้เหมือนทารก  เขาเลือกที่จะลืมทุกอย่างที่ทำให้เขาเจ็บปวด ริชกับซอเรนพยายามใส่สิ่งดีๆให้เขาอยู่  เขาก็เหมือนโปรแกรมคอมพิวเตอร์  ใส่สิ่งดีก็รับแต่สิ่งดี  เขาจำไม่ได้หรอกว่าเคยเจอเรื่องร้ายๆอะไรมาบ้าง…แต่ต่อไปเขาอาจจะเริ่มจำอดีตได้  ถ้าแกปล่อยเวลามันผ่านไปโดยไม่แก้ไข  ราเชลก็จะไม่มีความทรงจำดีๆกับแกเลย”        
“หมายความว่าลูกจะยอมรับผมถ้าผมแสดงว่าผมรักเขางั้นเหรอครับ?”         “ใช่จ้ะ”        
“งั้นเราไปหาราเชลกันเถอะครับแม่”        
“ใจเย็นๆ  พรุ่งนี้เราค่อยเดินทางกัน”        
“ราเชลอยู่ที่ไหนครับ?”        
“อยู่ที่เกาะส่วนตัวของริช  พรุ่งนี้เราจะไปขึ้นเครื่องกันแต่เช้า  แกจัดเสื้อผ้า
ไปหลายๆชุดแล้วกัน เผื่อจะอยู่ค้างกับลูกนานๆ”        
“เราไม่รับราเชลกลับมาเลยเหรอครับ”        
“ราเชลคงไม่ยอมหรอก เพราะเขาติดริชมาก”        
“แต่ผมเป็นพ่อ  คุณแม่เองก็เป็นย่า  ยังไงก็มีสิทธิ์กว่าแฮมิลตัน”
พอรู้ว่าราเชลเป็นลูกสัญชาติญาณหวงลูกก็มาเยือน  ชาร์ลลืมไปแล้วด้วย -ซ้ำว่าครั้งหนึ่งเขาเคยวางแผนที่จะใช้ราเชลในการหาผลประโยชน์ให้ตัวเองอย่างไร  ตอนนี้เขานึกหวงลูกขึ้นมาจนแทบทนไม่ได้  ลูกที่เขาไม่เคยกอดสักครั้งแต่ต้องถูกคนอื่นแย่งไป        
“แม่ว่าแกอย่าทำตัวเป็นพ่อตาขี้หวงไปหน่อยเลยน่า”        
“คุณแม่! นี่คุณแม่ยอมรับความสัมพันธ์แปลกๆแบบนั้นได้เหรอครับ?”        
“แม่ก็เคยรับไม่ได้มานาน  จนกระทั่งแม่เกือบต้องเสียราเชลไป  แม่ถึงได้คิด  ...ชีวิตคนเรามันสั้นนิดเดียว...แค่เสี้ยววินาทีเราอาจต้องเสียคนที่เรารักไปต่อหน้าต่อตาก็ได้  แม่ถึงได้พยายามทำใจ...หากสิ่งใดที่เป็นความสุขของราเชลแม่ก็จะไม่ขัดขวางอีกแล้ว”        
“…ผมเกือบทำผิดต่อลูกอีกแล้วสินะครับ…” ชาร์ลคอตก  เกือบไปแล้ว เขาเกือบทำร้ายจิตใจลูกเพราะความเจ้าอารมณ์ของตัวเองอีกแล้ว        
“ไม่หรอก  ดีแล้วล่ะที่แกนึกรักนึกหวงลูก  แม่ถือว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่ดี ยิ่งถ้าแกรู้จักคิดถึงจิตใจลูกก่อนแบบนี้ ยิ่งเป็นสิ่งที่ดีเข้าไปใหญ่  แม่ไม่อยากให้แกพลาดเหมือนแม่  ทั้งที่แม่รู้ว่าราเชลขาดแคลนความรัก  แต่แม่กลับไม่เคยแสดงให้เขารู้ว่าแม่รัก  แถมยังพยายามพรากเขาจากคนที่เขารักเสียอีก”        
“ผมเพิ่งเคยได้ยินคุณแม่พูดอะไรยาวๆแบบนี้เป็นครั้งแรก”        
“แม่น่ะมารู้ตัวเอาเมื่อเกือบสาย  ยังดีที่พระเจ้าได้ให้โอกาสแก่เรา  เราต้องใช้ทุกวินาทีให้คุ้มค่า ทำให้ราเชลมีความสุขให้มากที่สุด ตกลงไหมชาร์ล”        
“ครับคุณแม่”        
      ..................................

ชาร์ลชะเง้อมองบ้านพักหลังเล็กที่งดงามแทบลืมหายใจนั้นอย่าง –
ตื่นเต้น  ความงามและบรรยากาศรอบตัวไม่ได้อยู่ในความสนใจเพราะหัวใจเขามุ่งตรงไปหา ‘ลูกชาย’ ที่เขาเพิ่งรู้ว่าเป็นลูกอย่างใจจดใจจ่อ
 “นั่นคุณจะทำอะไร?” เสียงเข้มงวดจากด้านหลังทำให้ชาร์ลเหลียวกลับมามอง  สตรีสาวใหญ่ในชุดวอร์มมองเขาอย่างตำหนิราวกับครูเจ้าระเบียบ        
“ผมจะเข้าไปข้างในนะสิ”        
“ไม่ได้  ตรงนี้เป็นเขตบ้านพักของคุณแฮมิลตัน  หากคุณต้องการพบท่านก็เชิญที่ออฟฟิศด้านหน้า”        
“ผมไม่ได้มาหาแฮมิลตัน ผมมาหาลูกผม”        
“ลูกคุณ?”        
“ใช่ ผมมาหาราเชล”        
“คุณเนี่ยนะพ่อคุณราเชล”        
“ก็ใช่น่ะสิ”
ริวาน่ามองชาร์ลตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสายตาเยาะหยัน  ปรกติเธอไม่ใช่คนเสียมารยาทแบบนี้ แต่กับคนที่เธอรู้สึกว่าเป็นภัยสังคมแบบหมอนี่ก็จำเป็นที่ต้องรีบกำจัดออกไป        
“ตลก!ฉันดูแลคุณราเชลมาเกือบปีจู่ๆเพิ่งมีพ่อมาเยี่ยม  หาอย่างอื่นที่มันฟังเข้าท่ากว่านี้มาอ้างดีกว่ามั้ง”        
“จะบ้าเหรอ ฉันนี่เแหละพ่อราเชล”        
“ถ้านายเป็นพ่อคุณราเชลฉันก็เป็นแม่เขาน่ะสิ  ในฐานะแม่นะขอสั่งให้แกไสหัวไปก่อนที่ฉันจะเรียกยาม”        
“เอ๊ะ!เธอนี่”        
“จะไปดีๆหรือต้องเจ็บตัวก่อน  เอาสิ  แม่หวดไม่เลี้ยงแน่  เข้ามาสิ” ริวาน่าวิ่งไปคว้าก้อนหินก้อนเขื่องมาขู่  ชาร์ลโกรธจนควันออกหู  เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนก้าวร้าวขนาดนี้มาก่อนเลย        
“เธอ!…แล้วเธอจะเสียใจที่ไม่ยอมให้ฉันเข้าไปพบลูก” ชาร์ลคำรามลั่นก่อนจะเดินโขยกเขยกจากไป  ริวาน่าแสยะปากตามหลังอย่างรังเกียจ    
“อยากเสียใจจังเลย  ไปหาลูกเอาข้างหน้าเถอะไปไอ้เฒ่าหัวงูเอ้ย!…หนอยมาอ้างว่าเป็นพ่อ”        
“มีอะไรครับคุณริวาน่า?” ริชที่เพิ่งกลับมาจากออฟฟิศกลางทักอย่างแปลกใจที่เห็นพยาบาลคนเก่งยืนสบถอยู่คนเดียว        
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ  แค่แขกหัวงูของคุณหลุดมาแถวนี้ คงจะเคยเห็นคุณ
ราเชลน่ะค่ะ ก็เลยแอบตามมา”        
“งั้นเหรอครับ เดี๋ยวผมจะให้เขาจัดเวรยามมาเพิ่มทางนี้อีกหน่อย ราเชลเป็นไงบ้างครับ?”        
“วันนี้ดีค่ะ  ไม่ค่อยงอแงเท่าไหร่  ยอมรับได้ว่าคุณงานยุ่ง แต่ถ้ารู้ว่าคุณมาคงแจ้นออกมารับแล้ว…นั่นไงคะไม่ทันขาดคำ” พยาบาลสาวใหญ่หัวเราะขันๆเมื่อร่างบางวิ่งตัวปลิวออกมากระโดดกอดคอ  ริชอุ้มร่างน้อยขึ้นจูบเบาๆอย่างอ่อนโยน        
“เป็นเด็กดีหรือเปล่าวันนี้?”        
“เป็นเด็กดีสิ…ริชทำงานนานจัง  ผมเหงา”        
“ขอโทษนะ  ไปด้วยกันดีกว่าวันนี้ฉันมีอะไรบางอย่างให้ดู”        
“อย่าเพิ่งสิ  ผมก็มีของอยากให้คุณดูเหมือนกันนะ”        
“อะไร?”        
“มานี่ดิ…นี่ไงแต่นแต้น”   เด็กหนุ่มผายมือไปยังภาพเขียนที่เพิ่งเสร็จ
ภาพริชบนขาหยั่งดูอ่อนโยนและมีชีวิตชีวาเสียจนแทบลุกเดินออกมา    
“นี่เธอวาดเหรอราเชล?”        
“ครับ…สวยไหม..มันว่างๆ  พอนึกคุณมือมันก็ไปเอง”        
“สวยสิ…สวยมาก  ขอบคุณที่รัก  เธอนี่อัจฉริยะจริงๆ”        
“ผมดีใจที่คุณชอบ”        
“สวยขนาดนี้จะไม่ชอบได้ไง  แถมดูหล่อกว่าตัวจริงด้วยซ้ำ  ใช่ไหมครับคุณริวาน่า?”        
“แหม…จะว่าไงได้ละคะ  นอกจากบอกว่าจริงที่สุดเลย  คุณราเชลน่าจะวาดเยอะๆ แล้วจัดเป็นนิทรรศการเลยนะคะ”        
“ผมทำได้เหรอครับ?”        
“ได้สิคะ  ฝีมือระดับนี้น่ะไม่ใช่หาง่ายๆนะคะ  ถึงดิฉันจะเป็นพยาบาลแต่ก็สนใจงานด้านศิลปะมากเลยนะคะ  เคยได้มีโอกาสไปชมผลงานดีๆมาตั้งหลายประเทศ  งานอดิเรกน่ะสะสมภาพเขียนด้วยนะคะ”        
“โห…ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย..มิน่าคุณหมอถึงเจาะจงให้คุณเป็นคนมาดูแลราเชล”        
“ฉันก็ดีใจค่ะที่ได้มาดูแลคุณราเชล  แล้ววันนี้ยิ่งรู้สึกขอบคุณคุณหมอม๊ากมากที่ให้ดิฉันมาทำให้ดิฉันได้ชมงานศิลปะสวยๆโดยไม่ต้องเสียเงินไปถึงต่างประเทศ”        
“ยอซะผมลอยแล้ว”        
“แหมพูดจริงๆค่ะ  เอ…ว่าแต่คุณริชจะพาคุณราเชลไปไหนคะ?”        
“ไปที่โรงแรมครับ  คุณก็ไปด้วยกันนะครับ พอดีย่าราเชลมาเยี่ยมผมเลยจะพาไปแนะนำให้รู้จักไว้ก่อน”        
“ขอตามไปทีหลังนะคะ  เพิ่งไปออกกำลังมาขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”        
“ได้ครับ…ไปหาคุณย่ากันนะราชล”        
“คุณย่า?…อ๋อครับ…ดีจังคุณย่ามา”  เด็กหนุ่มรับคำอย่างงงๆในทีแรกก่อนประกายตาจะไหววาบด้วยความยินดีเมื่อจำได้      
“คุณย่าไม่ได้มาคนเดียวด้วยนะ…มีคนพิเศษอีกคนมาด้วย”        
“ใครครับ?”      
“ไม่บอกไปดูเองดีกว่า”  ริชพาราเชลขับรถไฟฟ้าไปยังโรงแรมด้านหน้า  ทันทีที่ไปถึงราเชลก็วิ่งนำไปยังห้องรับรองก่อนอย่างตื่นเต้น    
“คุณย่า!” ราเชลอุทานเสียงใส   แอนนาอ้าแขนรอรับอย่างยินดี  
“ราเชล….หน้าตาสดใสเชียว มาให้ย่ากอดหน่อย…คิดถึงจัง”
ราเชลชุกตัวลงในอ้อมกอดของหญิงชราอย่างคุ้นเคย  แต่เมื่อผู้เป็นบิดาอ้าแขน เด็กหนุ่มกลับลังเลแล้วหนีไปแอบหลังริชดื้อๆ        
“อ้าว!ทำไมไม่ให้คุณพ่อกอดล่ะราเชล”        
“ผม…ผมกลัว”        
“ทำอย่างนี้พ่อเขาก็เสียใจแย่สิราเชล”        
“แต่…แต่ผมกลัวนี่ครับ”        
“กลัวอะไร   ไม่เอาแล้วอย่าเกเร  ไปให้พ่อกอดเถอะ”
ราเชลยอมให้บิดากอดนิดเดียวก็ดิ้นหนีไปซุกอยู่หลังริชเหมือนเดิม แต่ก็อดชะโงกมามองไม่ได้
ชาร์ลถอนใจยาว  ความรู้สึกที่ได้กอดลูกมันอบอุ่นและเต็มตื้นอย่างบอกไม่ถูก ถึงใจหายบ้างที่ลูกทำเหมือนกลัวเขา แต่จะโทษใครได้ในเมื่อเขาไม่เคยกอดลูกเลยตั้งแต่เกิด  ต่อให้ราเชลจำทุกอย่างได้ปรกติก็ใช่ว่าราเชลจะยอมรับเขาได้ง่ายๆ        
“ได้ข่าวว่าเล่นดนตรีได้แล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ  ไหนเล่นให้ย่าฟังบ้างสิลูก”        
“ได้ครับ”ราเชลรับคำกระตือรือร้น  แอนนามองตามด้วยความปลาบปลื้ม เมื่อก่อนราเชลจะไม่ค่อยกล้าแสดงออกมากนัก  คงเป็นเพราะเธอเองที่กักเก็บและบังคับให้หลานทำตามคำสั่ง ทำให้ราเชลไม่เคยตัดสินใจอะไรเอง  แต่พอมาอยู่กับริช ราเชลได้เป็นตัวของตัวเองมากกว่า เขาถึงแสดงความรู้สึกได้เต็มที่
แอนนานิ่งไปเมื่อได้ยินเพลงที่ราเชลเล่น แม้จะไม่ใช่เพลงคลาสสิคแบบที่เธอคุ้นหู แต่จังหวะสนุกสนานกับสีหน้าสดใสของคนเล่นทำให้หญิงชราเฝ้ามองอย่างแปลกใจ  ริชลุกไปยืนเกาะเก้าอี้แถมช่วยร้องเบาๆ  ราเชลเงยขึ้นยิ้มหวานก่อนร่วมประสานเสียงอย่างสนุก  ชาร์ลหน้าตึงด้วยความไม่พอใจ ไม่อยากยอมรับว่าลูกชายคนเดียวจะกลายเป็น…แต่นั่นแหละหากราเชลกลับบ้าน เขาอาจทำให้ลูกกลับมาเป็นผู้ชายปรกติได้        
ท่านผู้หญิงเวลบอร์นน้ำตาคลอ  ตื้นตันใจที่ได้เห็นความสดชื่นแจ่มใสของหลานรัก  แม้จะขัดหูขัดตากับท่าทางของทั้งคู่  แต่หากมองข้ามภาพลักษณะภายนอก  สิ่งที่เธอเห็นคือความรักความผูกพันของคนที่รักกันมากคู่หนึ่ง
แปะๆๆๆ…ริชและราเชลหันไปโค้งให้สตรีสาวใหญ่ในชุดเดินชายหาด  ใบหน้าอ่อนโยนมีรอยยิ้มแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา        
“ได้เวลาทานยาแล้วนะคะ”        
“ว้า…เจอกันทีไรให้ผมกินยาทุกที”        
“แหมก็มันหน้าที่นี่จ๊ะ  ถ้าไม่ใช่หน้าที่ฉันจะได้มาดูแลคนน่ารักๆอย่างเธอเหรอ  เอ๊ะ…” ริวาน่าสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก  และลางสังหรณ์ของเธอก็แม่นมากเมื่อเจอ  ‘ตาเฒ่าหัวงู’ นั่งอยู่กับหญิงชรารูปร่างผอมบาง  ริวาน่าเหลียวไปสบตาริช        
“เชิญครับคุณริวาน่า  ผมจะแนะนำให้รู้จักกับครอบครัวของราเชล  คุณย่าครับ คุณเวลบอร์น  นี่ริวาน่าเป็นพยาบาลส่วนตัวของราเชลครับ”        
“รีน่าเป็นแม่ทูนหัวให้ผมด้วย”ราเชลแทรกยิ้มๆ  แต่คนฟังสะดุ้งที่ราเชลเรียกริวาน่าว่ารีน่า!
 “สวัสดีค่ะท่าน”        
“ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะ” แอนนายิ้มให้พยาบาลสาวใหญ่พร้อมกับพิจารณาเธออย่างละเอียด  ริวาน่าไม่ใช่ผู้หญิงสวยสะดุดตาเหมือนรีน่า  แต่เธองามพิศและมีรอยยิ้มอ่อนโยนที่ชวนหลงใหล        
“ผมบอกแล้วว่าผมเป็นพ่อราเชล”  ชาร์ลชักสีหน้าเข้าใส่ทันที      
“ขอโทษนะคะที่เสียมารยาทกับคุณ”        
“ทีหลังก็หัดฟังคนอื่นบ้างสิ”        
“เอ๊ะนี่เคยเจอกันมาก่อนเหรอครับ?”     ริชถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าเดือดดาลของชาร์ลและท่าทางอึดอัดของริวาน่า    
“…ค่ะ…เมื่อเช้าคุณเวลบอร์นไปหาราเชลที่บ้านพัก…”        
“แล้วก็โดนพยาบาลคนนี้ไล่ หาว่าฉันเป็นพวกโรคจิต” ชาร์ลต่อฉุนๆ  
ริวาน่าเม้มปากแน่นพยายามสะกดอารมณ์ เนื่องจากเธอเป็นคนผิดที่ไปไล่เขาก่อนที่จะถามให้รู้เรื่อง        
“ช่างเถอะชาร์ลเรื่องเล็กน้อยแค่นี้”        
“แต่คุณแม่ครับ”        
“หยุดเถอะ!ทำตัวเป็นเด็กไปได้  ความจริงแกต้องดีใจต่างหากที่มีแต่คนเอาใจใส่ดูแลราเชลอย่างดี  นี่หากใครมาอ้างว่าเป็นญาติแล้วคุณริวาน่าก็ปล่อยให้เข้าไปหาราเชลหมดทุกคนสิค่อยไม่พอใจ  ขอโทษด้วยนะคะที่ชาร์ลเขาเสียมารยาท  ต้องขอบคุณคุณมากเลยค่ะที่เอาใจใส่ราเชลอย่างดี”        
“เป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้วค่ะ”        
“ไม่หรอกค่ะ คนเราทำเพราะหน้าที่กับทำด้วยหัวใจมันต่างกัน  ฉันดีใจที่
ราเชลโชคดีมีแต่คนดีๆอยู่รอบตัว”        
“แปลว่าผมไม่ดีอยู่คนเดียวสิ” ชาร์ลกระแทกเสียงหน้าบูดบึ้งอย่างหงุดหงิด      
“พูดอะไรยังกับเด็กเล็กๆ  แกน่ะจะเข้าวัยชราแล้วหัดทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่หน่อยชาล์ล ไม่อายลูกบ้างหรือไง?”  
ชาร์ลหน้าแดงก่ำด้วยความอายปนโกรธที่โดนมารดาดุเอาราวกับเขาเป็นเด็กเล็กๆ        
“ผมว่าเราไปทานอาหารเที่ยงกันดีกว่านะครับ  มีอะไรค่อยคุยกันที่โต๊ะอาหารดีกว่า  เชิญทางนี้ครับ”  ริชรีบแก้สถานการณ์ก่อนที่บรรยากาศอบอุ่นของครอบครัวจะลุกเป็นไฟเสียก่อน    
      ..................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2009 22:01:53 โดย tianqin »

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
.........
ริวาน่าตรงเข้าหาอย่างไม่ลังเลเมื่อตามเจอชาร์ลที่สวนด้านหลังบ้านพัก
“คุณเวลบอร์น  ดิฉันต้องขอโทษจริงๆกับเรื่องเข้าใจผิดเมื่อเช้า”        
“ช่างเถอะ เดี๋ยวคุณจะหาว่าผมทำตัวเป็นเด็กเหมือนคุณแม่อีกคน”        
“ดิฉันว่าคุณไม่เหมือนเด็กหรอกค่ะ  เหมือนวัยรุ่นมากกว่า”        
“อะไรนะ?”        
“ฉันว่าคุณเหมือนพวกวัยรุ่น  ใจร้อน ขี้โมโห แล้วก็ขี้ใจน้อย  รู้สึกเหมือนคนรอบข้างไม่ให้ความสำคัญ”        
“คุณ!นี่คุณจะมาขอโทษหรือจะมาด่าผมกันแน่” ชาร์ลหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห        
“ฉันว่าฉันคุยกับคุณแบบตรงไปตรงมามากกว่านะคะ”        
“ผมไม่อยากคุยกับคุณแล้ว  คุณนี่เหมือนแม่ผมเป๊ะเลย ชอบมองคนอื่นเป็นเด็กอยู่เรื่อย”        
“เหมือนที่ไหนคะ  ฉันว่าคุณเหมือนวัยรุ่นต่างหาก”        
“…”
ชาล์ลไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่ฮึดฮัดด้วยความโกรธก่อนจะเดินหนีไป        
“แสนงอนพอกันทั้งพ่อทั้งลูกเลย”
ชาร์ลมักจะมาขลุกอยู่กับราเชล ทำให้ได้ใกล้ชิดกับริวาน่าไปด้วย  ความใจเย็นและอารมณ์ขันทำให้ชาร์ลยอมลงให้เธอง่ายๆโดยไม่รู้ตัว  ริวาน่าจะคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำกายภาพช่วยให้ชาร์ลเคลื่อนไหวได้ดีและไม่ค่อยเจ็บปวดเวลาออกกำลังกาย ความจริงหากชาร์ลลดทิฐิแล้วทำตามที่นักกายภาพแนะนำเขาคงหายเป็นปรกติแล้ว  แต่เมื่อเขาเชื่อฟังริวาน่าอาการบาดเจ็บก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมๆกับความสนิทสนมของพ่อลูกก็งอกงามขึ้นเป็นลำดับ  ราเชลยอมรับและเริ่มจะผูกพันก็ได้เวลาที่ชาร์ลจะต้องกลับไปทำงาน ริวาน่าเองก็หมดหน้าที่แล้วเช่นกันเธอต้องกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลตามเดิม
ราเชล ส่งย่า พ่อ และแม่ทูนหัวด้วยท่าทางหงอยเหงา  แต่ริชให้สัญญาว่าเสร็จงานแล้วเขาจะรีบพาราเชลไปหาทุกๆคน  ทำให้เด็กหนุ่มมีสีหน้าดีขึ้น        
         .................................

   แสงแฟลสสว่างวูบวาบอยู่ตลอดเวลาจนตาพร่า  ราเชลยิ้มจนเมื่อยแก้ม แล้วแต่ก็ยังไม่ได้พักสักที  ดูเหมือนริชก็สังเกตเห็นจึงพยายามแยกตัวพาราเชล ออกมานั่งที่โต๊ะ  กระนั้นก็ยังมีนักข่าวโฉบมาขอถ่ายภาพเป็นระยะๆ
   “เหนื่อยหน่อยนะ  แต่งานนี้เราเซ็นสัญญาร่วมทุน  งานใหญ่ระดับนี้ก็โดนรุมทึ้งเป็นธรรมดา”
   “ความจริงพ่อไม่น่าจะให้ผมมาเลย  ใช่ว่าผมจะมีหัวทางธุรกิจสักหน่อย”
“แล้วฉันจะออกงานกับใครล่ะ  เอาน่าถือซะว่ามาเป็นเพื่อนฉันแล้วกัน”
“ริชเก่งออกนี่ครับ  เอาผมมาเกะกะมากกว่า”
“ใครบอก  เธอเป็นกำลังใจชั้นยอดต่างหาก”
ราเชลสบตาแพรวพราวแล้วยิ้มเขินๆ  ระยะแรกๆที่ต้องออกงานคู่กันเด็ก-หนุ่มก็กลัวไปสารพัด  แน่นอนว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเขากับริชคงเป็นข่าวใหญ่ประจำปีเลยที่เดียว  แต่ครอบครัวริชกลับออกหน้าปกป้องและแสดงตัวเต็มที่ว่ายอมรับเขา  ทำให้เสียงวิจารณ์เงียบหายไปอย่างรวดเร็ว  หรือถ้ามีก็คงเบาจนไม่มีคนสนใจ
“ริช!”
เสียงทักใสๆดังขึ้นข้างๆ  ริชกับราเชลหันไปมองพร้อมกัน  สาวสวยร่างอวบอิ่ม  แต่งดงามราวกับดาราภาพยนตร์ส่งยิ้มหวานก่อนจะโผเข้ากอดริชแน่น
“คิดถึงจังเลย...คิดถึงๆๆๆ”
“มาได้ยังไงเนี่ย  เธอทำวิทยานิพนธ์อยู่ไม่ใช่เหรอ?” ความแปลกใจทำให้ริชลืมตัวกอดตอบ  
“ก็คิดถึงริชนี่นา  อีกอย่างวิทยานิพนธ์ของฟลอเรนก็ต้องให้ริชช่วย  ถึงต้องรีบมาไงคะ”
“เธอทำวิทยานิพนธ์เรื่องธุรกิจส่งออกนี่  แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันละ?”
“ใครบอก  ฟลอเรนเปลี่ยนหัวข้อเป็นธุรกิจน้ำมันระหว่างประเทศต่างหาก”
“เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างนี้เมื่อไหร่จะจบ...จริงสิมานี่ดีกว่า  ราเชลคนรักของฉันเอง  ที่รัก...น้องสาวเจฟฟรี่ไง  จำได้ไหม?” ริชรีบแนะนำเพราะสังเกตเห็นหน้าซีดๆของคนรัก
“ครับ...ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งครับ”
“ยินดีค่ะ  หายแล้วเหรอคะ  เห็นพี่บอกว่าคุณเข้าโรงพยาบาล”
ฟลอเรนแกล้งถามหน้าตาเฉย สะใจกับสีหน้าซีดเหมือนกระดาษของอีกฝ่าย  แต่ริชก็หันมาจ้องเธอตาแทบลุกเป็นไฟ
“...ครับ...”
“ราเชลหายดีแล้ว  แล้วนี่เธอมางานนี้ได้ยังไง?”
แม้น้ำเสียงริชจะราบเรียบแต่ฟลอเรนก็รู้ว่าควรระวังคำพูดเสียแล้ว
“แหมไม่เห็นต้องดุเลย  ฟลอเรนมากับเพื่อนค่ะ  นั่งอยู่ตรงโน้น  กำลังว่าจะไปเซอร์ไพรท์ริชที่ห้องอยู่เลย”
 “บอกแล้วไงว่านั่นห้องส่วนตัว  ยังไงก็ห้ามไปวุ่นวาย  อีกอย่างตอนนี้ฉันกับราเชลอยู่ที่นั่น”
“แล้วไงละคะ  ฟลอเรนไปไม่ได้แล้วเหรอ?
ฟลอเรนยังยั่วต่ออย่างสะใจ  แต่ริชกลับยิ้มเย็น  ดวงตาคมกริบมองนิ่งอย่างรู้ทัน
“อย่าใช้คำนี้แม่ตัวแสบ  ยังไงฉันก็ไม่ให้เธอไป  และเธอก็ไม่เคยมีสิทธิ์ไปที่นั่นอยู่แล้ว  เสียใจด้วยนะ แผนแกล้งให้ราเชลงอนฉันน่ะไม่สำเร็จหรอก”
ฟลอเรนเบ้ปากอย่างแสนงอน  ส่วนราเชลหน้าร้อนวาบด้วยความอายเมื่อเห็นสายตาอ่อนโยนปลอบประโลมของริช  เอาอีกแล้ว...แค่คำพูดไม่กี่คำของฟลอเรนเขาก็พร้อมจะเข้าใจริชผิดอีกแล้ว  โชคดีที่ริชใส่ใจแม้กับความรู้สึกเล็กๆน้อยๆของเขา  ถึงได้พยายามแก้ข้อข้องใจเสียต่อหน้าฟลอเรน
ราเชลสูดลมหายใจลึก  พยายามตั้งสติ  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาต้องไม่ระแวงริชอีก
“ริชไปเต้นรำกัน” ฟลอเรนหันมาชวนดื้อๆ ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทอีกแล้ว
“ไม่ได้  ฉันมากับแฟนจะไปเต้นกับเธอได้ยังไง?”
“แล้วผู้ชายสองคนออกไปเต้นด้วยกันมันไม่พิลึกหรือไง?”
“ฟลอเรน...อย่าล้ำเส้น  ถึงเป็นน้องก็ห้ามล้ำเส้น  เข้าใจหรือเปล่า?”
“บ้า! ตามใจอยากให้ชาวบ้านเขาหัวเราะเยาะก็ตามสบาย  ฟลอเรนจะไม่ช่วยริชอีกแล้ว”  หญิงสาวสะบัดหน้าหนี  เดินลิ่วไปยังกลุ่มเพื่อนที่อยู่ห่างออกไป  ริช กุมมือเย็นชืดของราเชลไว้แน่น
“อย่าโกรธนะคนดี...ฟลอเรนเขาเหมือนเด็กติดพี่  ฉันกับเจฟตามใจเขามาตลอด  พอฉันมีเธอเขาคงรู้สึกเหมือนถูกแย่งพี่ไป  เมื่อก่อนก็เคยตามไปอาระวาดสาวๆของเจฟมาแล้ว  แต่พอเห็นว่าเจฟไม่ได้จริงจังกับใครเขาก็เลยเลิกไปเอง”
“ขอบคุณครับริชที่เข้าใจผม  ผมจะไม่ระแวงคุณให้คุณเสียความรู้สึกอีก  ผมสัญญา”
สายตาดื่มด่ำลึกซึ้งที่จ้องมาทำให้ริชอุ่นระอุในอก  ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นกะทันหันจนราเชลงง
“เรากลับกันดีกว่า”
“ครับ?...แต่เราต้องรอเซ็นสัญญา”
“ไม่ใช่เรา  แต่เป็นคุณพ่อเธอกับผู้บริหารที่อัมสเตอร์ดัมต่างหาก”
“ก็ใช่ครับ”
“ไปกันเถอะ  เธอเล่นมองด้วยสายตาน่ารักขนาดนี้แล้ว  ฉันคงนั่งรอจนงานเลิกไม่ไหว  เรากลับไปรักกันดีกว่า”
“บ้า...ทำไมคุณทะลึ่งอย่างนี้นะริช”
“แน่นอน  ผู้ชายนะจ๊ะที่รัก  ในหัวคิดได้ไม่กี่อย่างหรอก”
“ไม่เอาริช  คนหันมามองแล้ว...ผมอายเขา”
“ก็อย่าทำหน้าทะลึ่งสิ  หน้าเธอมันฟ้องใหญ่แล้วว่าเรากำลังคุยอะไรกันอยู่”
“หยุดนะริช...คุณทำให้ผมขายหน้า”
ราเชลอุทานเบาๆขณะที่เดินตามแรงลากของริชออกไปนอกงาน  เดนเซลยืนอยู่อีกฟากของงานหันมาโบกมือให้และริชก็โบกตอบก่อนจะรั้งตัวราเชลออกมาขึ้นรถลีมูซีนจนได้  ราเชลยังขืนตัวหนีและประท้วงเสียงเบาอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งถูกลากขึ้นไปเกยอยู่บนตักและถูกปากอุ่นปิดปากไว้  เสียงบ่นจึงหายเงียบไป
      ..................................

   เสียงกริ่งดังสนั่นแต่เช้าปลุกให้ร่างที่กกกอดกันอยู่บนเตียงขยับตัวอย่างรำคาญ  ริชจูบขมับนุ่มหอมเบาๆขณะลุกออกไปดู
“เซอร์ไพรท์!  เพิ่งตื่นเหรอคะ  ฟลอเรนมาสายแล้วนะเนี่ย  ยังกังวลอยู่เลยว่าริชจะไปทำงานเสียก่อน…อุ๊ย...เจ็บนะ” ฟลอเรนร้องเสียงหลงเมื่อถูกลากเข้าไปในห้องทำงานแถมริชยังปิดล็อคแน่นหนา
“มาทำไม?”
“แหมอย่าตัดรอนกันนักสิคะ  ก็เมื่อคืนฟลอเรนก็บอกแล้วว่าจะตามริชไปที่แท่นขุดเจาะน้ำมันด้วย  ฟลอเรนจะไปเก็บข้อมูลทำวิทยานิพนธ์ไงคะ”
“ไม่ใช่เรื่อง! ที่นั่นไม่ใช่ที่ๆผู้หญิงควรเข้าไป  อยากได้อะไรให้เจฟไปจัดการให้  อย่าเข้าไปวุ่นวายเด็ดขาด”
“ได้ไงคะ  ไม่เห็นของจริงฟลอเรนจะทำรายงานได้ยังไง  วิทยานิพนธ์ของฟลอเรนน่ะต้องสมบูรณ์แบบนะคะ  ถ้าให้คนอื่นทำแทนแบบนั้นฟลอเรนไปจ้างเขาเขียนเอาก็ได้”
“ก็ไปจ้างเขียน  ฉันไม่ชอบให้ใครเข้าไปวุ่นวายที่นั่น”
“แต่ว่า...”
“ฉันพูดครั้งเดียวฟลอเรน  แล้วมีอะไรอีก?”
“จะมีอะไรได้ละคะ  ขนาดเรื่องเรียนยังโดนกีดกันขนาดนี้เลยนี่”
“ดี...งั้นกลับไปได้แล้ว  แล้วที่หลังอย่ามาที่นี่อีก  ถ้าฉันไม่อนุญาตใครก็เข้ามาไม่ได้”
“ริช...ทำไมคะ ทำไมต้องดุฟลอเรนขนาดนั้นด้วย”
“ราเชลเปราะบางแล้วก็ไร้เดียงสาเกินกว่าจะทันเธอนะสิ  อย่ามาเล่นพิเรนทร์ที่นี่  ฉันไม่ใจดีเหมือนเจฟนะฟลอเรน  อะไรที่ฉันห้ามเธอต้องฟัง  ไม่อย่างนั้นโดนดีแน่”
“ฟลอเรนยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“เมื่อคืนเธอเสียดสีราเชลเรื่องเข้าโรงพยาบาล  แล้วยังท่าทางสนิทสนมเกินเหตุนั่นอีก...อย่านะฟลอเรน  ห้ามแตะราเชลเด็ดขาด  ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันร้ายไม่ได้นะ”
“ยัยกระเทยนั่นมีอะไรดีนักหนาริชถึงเห็นมันดีกว่าฟลอเรน”
คำพูดของฟลอเรนจุดไฟในดวงตาคมให้ลุกเรืองจนหญิงสาวผงะถอยหลังอย่างตกใจ  ริชสูดลมหายใจลึก  กัดกรามแน่นเพื่อรับอารมณ์
“...ถ้าเธอไม่ใช่น้องเจฟ  ไม่ใช่น้องที่ฉันรักมาก  เธอจะได้บทเรียนที่จำไปจนตายแน่”
“ริชหลงมัน...เอ่อ...เขามากขนาดนี้เลยเหรอ  ถึงได้พูดจาร้ายกาจขนาดนี้กับฟลอเรน”
“ฉันรักราเชล...มันไม่ใช่แค่รักอย่างเดียว  เราผ่านอะไรด้วยกันมามาก  มากเสียจนเราก้าวข้ามคำว่ารักไปแล้ว”
“ริช...ฟลอเรนคิดยังไงริชไม่เคยรับรู้เลยใช่ไหม?” น้ำเสียงละห้อยหาเหมือนครั้งที่เป็นน้องน้อยไม่ใช่เด็กสาวช่างเยาะช่างยั่วทำให้ริชใจอ่อนยวบ
“รู้ก็ไม่มีประโยชน์ฟลอเรน  ฉันขาดราเชลไม่ได้  ถ้าไม่มีเขาฉันก็ตาย...เธอเข้าใจไหม?”
“...ริช”
“ฟลอเรน...ขอโทษที่รับความรู้สึกดีๆที่เธอให้ไม่ได้  แต่ฉันจะเป็นพี่ชายที่ดีสำหรับเธอตลอดไป”
“แต่ฟลอเรนไม่ต้องการ  ริชจำไว้นะ...ถ้าฟลอเรนไม่มีความสุข  คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะมีความสุข   ฟลอเรนเกลียดมัน...ฟลอเรนจะทำทุกอย่างให้มันเป็นทุกข์  แล้วถ้าริชคิดจะหยุดฟลอเรนก็ฆ่าฟลอเรนซะ...ไม่อย่างนั้นฟลอเรนไม่ปล่อยมันไว้แน่  คอยดูนะริช”
ฟลอเรนไม่ได้ตะโกน  ไม่ได้กรีดเสียงใส่เขาเหมือนอย่างผู้หญิงคนอื่น  เธอพูดทุกอย่างด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้นและน้ำตานองหน้า   แต่แววตาแข็งกร้าวนั่นต่างหากที่ริชรู้ว่าเธอเอาจริง
“อย่าทำให้เรากลายเป็นศัตรูกันฟลอเรน”
“ริชประกาศสงครามกับฟลอเรนเองนะ  และตอนนี้ฟลอเรนรับคำท้า  เขาต้องเจ็บยิ่งกว่าที่ฟลอเรนเจ็บเป็น100เท่า  ต่อให้ฟลอเรนรู้ว่าทำแล้วจะต้องถูกริชฆ่าฟลอเรนก็จะทำ”
   “ฟลอเรน!”
ฟลอเรนเดินลิ่วออกไปจากห้องทำงาน  จ๊ะเอ๋เข้ากับเด็กหนุ่มหน้าสวยที่ห้องรับแขก  ราเชลยืนอึ้งเมื่อเห็นว่าแขกที่มาหาริชไม่ใช่เจฟฟรี่
   “ฉันกลับมาทวงของๆฉันคืน  ฉันจะไม่ยอมให้คนวิปริตแบบแกแย่งคนรักของฉันไป  จำใส่หัวแกไว้  เขาต้องกลับไปเป็นของฉัน”  ฟลอเรนกระซิบใส่หูราเชลแล้วเดินตัวปลิวจากไป  ทิ้งคำพูดที่ทำลายความมั่นใจของราเชลให้คลอนแคลนอีกครั้ง
      ..................................

 :beat: อันนี้สำหรับ“ฟลอเรน จากคนโพส

 :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2009 22:04:37 โดย tianqin »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :beat: :beat: นี่แนะ คนเค้ากำลังไปได้สวย โผล่มาให้เสียสถาบันชะนีหมด  :beat: :beat:

salapaw

  • บุคคลทั่วไป
อยากจะต่อยริชอยู่ดีนั่นแหละ ถึงจะมีคนอื่นมาแย่งซีนก็เหอะ


ริชเอ้ย ปกป้องราเชลนะ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ใครเชิญหล่อนคนนี้ออกมา  :angry2:  จับโยนลงทะเลไปซะ
ถ้า ราเชล เป็นไรไปนะ............แก เจ้าริช  :beat:

ปล. เรื่องนี้ทำให้รู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนอ่านนิสัยไม่ดีอย่างไงก็ไม่รู้  .......... เพราะว่า พออ่านจบก็อยากอ่านต่ออีกแล้ว  :sad4:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
ตามอ่านเรื่องนี้ทันแล้ว
เข้าใจแล้วว่าเรื่องตอนแรกมันเป็นมายังไง
พออ่านถึงตอนนี้ก็คิดว่า ทำไมแอนนาไม่พูดความจริงต่างๆให้เร็วกว่านี้
และน่าจะอ่อนโยนกับราเชลมากกว่านี้ซะหน่อย

ที่แน่ๆ นังฟลอเรนจะโผล่มาทำไมเนี่ย กลับไปซะหล่อน  :beat:

บวก 1 แต้มให้คนโพสและคนแต่งนะคะ ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากๆ


ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
หืม ฟลอเรน

มันน่านัก

 :m16:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
 :m22:  วันนี้มามั้ยค่ะ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด