ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"  (อ่าน 104595 ครั้ง)

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และคอมเมนท์นะคะ :L1:

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาอ่านกันต่อคะ
.........

ติ๊งๆๆๆ  ราเชลชะงักยิ้มกว้างด้วยความดีใจ  รีบปิดเตาแก๊ส  และวิ่งออกมาเปิดประตู  รอยยิ้มสดใสจางวาบเมื่อเห็นผู้ที่อยู่หน้าประตู         
“คุณ!…มีธุระอะไร?”         
“ฉันมาหาริช”         
“ริชยังไม่กลับ”         
“ไม่เป็นไรฉันรอได้”         
“แต่ผมกำลังยุ่ง  คงไม่มีเวลาดูแลคุณ”         
“ไม่จำเป็นย่ะ  หลีกไป”   
ฟลอเรนแทรกเข้าไปและจงใจกระแทกไหล่ราเชลจนเซ  ราเชลหันตามไปด้วยความโกรธ  แต่ด้วยมารยาทของเจ้าของบ้าน  เด็กหนุ่มจำต้องเข้าไปหยิบน้ำมารับรองฟลอเรนและกลับเข้าไปสงบสติอารมณ์อยู่ในครัว           
“ห้องสวยดีนี่”
ราเชลสะดุ้งวิ่งออกไปแต่ไม่เห็นฟลอเรนอยู่ในห้องรับรอง  ชายเสื้อสีฟ้าไหวๆอยู่ในห้องนอน  ราเชลพรวดเข้าไปและคว้าข้อมือฟลอเรนไว้แน่น         
“คุณจะทำอะไร?”         
“อะไรแค่นี้ทำเป็นหวง  กะอีแค่ตุ๊กตาตัวนิดเดียว  ราคาจะเท่าไหร่กัน”         
“นี่คุณ!ของบางอย่างมันก็มีค่ามากกว่าราคานะ”         
“งั้นเหรอคืนก็ได้เอาไปสิ  อุ๊ย! “ ฟลอเรนปาตุ๊กตาในมือไปกระแทกกับฝาผนัง  ราเชลตะลึงตัวชา  ตุ๊กตาคริสตัลตัวน้อยตกลงไปกลิ้งอยู่ที่พื้นและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“ตายจริงฉันไม่ได้ตั้งใจ  คิก…เอาน่าฉันจะซื้อให้ใหม่”
ฟลอเรนหัวเราะคิกคักอย่างสะใจที่ได้แกล้ง  ราเชลหน้ามืดด้วยความโกรธ  แม้จะมีรูปร่างบอบบางแต่ราเชลก็เป็นผู้ชาย และอยู่ในอารมณ์โกรธ เรียวแรงจึงมาก กว่าฟลอเรนหลายเท่า เด็กหนุ่มดันร่างอวบกระแทกเข้ากับฝาผนัง ฟลอเรนตะลึงด้วยความตกใจ สายตาของราเชลที่มองมานั่นเย็นเฉียบและดุดันจนหญิงสาวตัวสั่นเทาด้วยความกลัว ยังไม่ทันขยับ มือเรียวขาวก็กดที่คอแน่นจนเธอตาเหลือกลานเพราะความอึดอัดและเจ็บปวด                 
“อะ…อ่า…ฆะ…อ๊อก…”
เสียงกระท่อนกระแท่นที่หลุดออกมาทำให้ราเชลได้สติ  เด็กหนุ่มใจหายวาบเมื่อรู้สึกตัว  เขารีบปล่อยมือออก  ฟลอเรนทรุดลงไอโขลกและร้องไห้โฮ         
“ไอ้บ้า!…แกจะฆ่าฉันหรือไง…โอ๊ย!…ฉันจะฟ้องริช…ไอ้บ้า…โฮ….”
ราเชลยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกขณะที่หญิงสาวคลานหนีไปซุกอยู่มุมห้องและกรีดเสียงร้องลั่นทุกครั้งที่ราเชลขยับเข้าไปใกล้ 
ราเชลหันรีหันขวางก่อนวิ่งออกมาจากห้อง  เด็กหนุ่มลงลิฟต์มาชั้นล่างและวิ่งออกไปโดยไม่รู้ทิศทางจนเหนื่อยอ่อน  จึงค่อยๆลดความเร็วลงและทรุดลงนั่งที่พื้นหญ้า  ราเชลกอดเข่าและซุกหน้าลงร้องไห้ด้วยความตกใจและเสียใจ  เขาเกือบฆ่าคนตายด้วยความโกรธ  แสดงว่าเขายังไม่หาย  เขาอาจจะยังเป็นบ้า  ถ้าริชรู้ว่าเขาทำร้ายฟลอเรน ริชต้องไม่ยกโทษให้เขาแน่ ริชอาจจะขอเลิกหรืออาจส่งเขากลับไปรักษา ราเชลยกมือขึ้นกุมอกเมื่อคิดว่าจะต้องจากริชไปหัวใจก็เจ็บแปลบจนทนแทบไม่ไหว
ราเชลนั่งเหม่อยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้จนกระทั่งสะดุ้งเฮือกเพราะโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นเรียกขึ้นมา  เด็กหนุ่มล้วงโทรศัพท์กดรับ         
“ราเชล…ผมเองนะ  เย็นนี้ผมต้องไปหาพ่อแม่  คงไปหาร่วมงานไม่ได้”         
“ไม่…ฮึก…เป็น…ไร  ไม่เป็นไรครับเท็ด”         
“ราเชล เป็นอะไรทำไมเสียงเป็นงั้นล่ะ…ราเชลเกิดอะไรขึ้น?”         
“เท็ด…ฮึก…เท็ดครับ…”         
“ราเชล…ราเชล  ตอนนี้อยู่ที่ไหน  ผมจะไปหา…ราเชล”         
“ผม…อยู่ที่สวนสาธารณะหน้าคอนโดครับ”         
“รออยู่นั่นเดี๋ยวผมไป  อย่าไปไหนเด็ดขาด สัญญานะราเชล”         
“ครับ..”
หลังจากเท็ดวางสายราเชลก็ตัดสินใจปิดเครื่องด้วยเกรงว่าฟลอเรนจะโทรไปฟ้องแล้วริชอาจจะโทรมาต่อว่าเขา  เด็กหนุ่มนั่งคอตกปล่อยน้ำตาให้ไหลพรากไม่สนใจว่าใครจะมอง  นานแสนนานในความรู้สึกของราเชลกว่าจะเห็นร่างสูงใหญ่วิ่งวนหาเขา           
“ราเชล…เป็นอะไรไป?”
ราเชลร้องไห้โฮโผเข้ากอดชายหนุ่มแน่น เท็ดลูบหลังให้เบาๆอย่างอ่อนโยน         
“เท็ดครับ  เมื่อครู่ผมเกือบฆ่าคน”         
“อะไรนะ!”         
“เมื่อครู่นี้…ผมเกือบฆ่าฟลอเรนไปแล้ว  ผมเป็นบ้าอีกแล้วใช่ไหมครับเท็ด  ผมจะทำยังไงกับตัวเองดี  ผมไม่กล้ากลับไปที่นั่นอีกแล้ว  ผมเป็นคนบ้า  ผมต้องถูกจับส่งโรงพยาบาล  ริชก็จะเกลียดผม เจฟฟรี่ต้องเกลียดผมด้วยที่ผมทำร้ายน้องเขา  แล้ว…แล้ว…เท็ด…เท็ดจะเกลียดผมไหม?”
“ราเชล!หยุด  หยุดเดี๋ยวนี้…ฟังนะ  หายใจลึกๆ ดีมาก  เอาละฟังให้ดีๆ 
ราเชลต้องตั้งสติแล้วค่อยๆเล่าใหม่  เล่าตั้งแต่ต้นนะ…ช้าๆไม่ต้องรีบ”
ราเชลสูดลมหายใจลึกแล้วค่อยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง  เท็ดถอนใจเฮือกอย่างโล่งอกเมื่อรู้ว่าเรื่องราวไม่ได้บานปลายอย่างที่คิด  ชายหนุ่มดึงร่างบอบบางเข้าโอบไว้  ราเชลใช้อกกว้างเป็นที่ระบายความเจ็บช้ำและน้ำตา 
แม้จะไม่มีคำพูดปลอบประโลมแต่เท็ดก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นจนช่วยให้ทุกสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจถูกระบายออกมาจนหมด  เรื่องบางเรื่องที่ราเชลไม่คิดว่าจะเล่าให้ใครฟังได้กลับถูกเปิดเผยอย่างง่ายดาย  เล่าแม้กระทั่งความสัมพันธ์บนเตียงของเขากับริช  เท็ดแอบอมยิ้มนึกขำ  หากริชรู้ว่าราเชลเล่าหมดเปลือกอย่างนี้มีหวังแทบจับเขาไปล้างสมองแน่  ถึงจะพอรู้ว่าริชน่ะค่อนข้างจะร้อนแรง  แต่ถ้าทำทุกวันอย่างนี้ก็สมควรอยู่หรอกที่ราเชลจะระแวงเวลาริชไปไหนไกลๆ  ราเชลพูด พูด และพูด จนไม่รู้จะเล่าอะไรอีกต่อไปจึงได้แต่ถอนใจยาวแล้วนั่งเงียบ 
เท็ดจูงมือราเชลให้เดินไปด้วยกันเรื่อยๆ  เพื่อให้ราเชลผ่อนคลายและลดความเครียดลง  แสงแดดยามบ่ายค่อยๆลดความแรงลงจนกลายเป็นอบอุ่นเมื่อถึงเวลาเย็น  ราเชลเหลือบมองหน้าเท็ดเป็นระยะ  สลับกับการเหม่อมองสระน้ำกว้างและผู้คนที่เริ่มหนาตามากขึ้น 
แสงแดดอ่อนจับผิวน้ำเป็นประกายทำให้ราเชลหวนนึกถึงทะเลสาบกว้างใหญ่ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเกือบปี  ที่ที่มีเพียงเขากับริชสองคน…         
”…เชล…ราเชล”
ราเชลสะดุ้งเพิ่งรู้ตัวว่าเท็ดเรียก 
“อะ…อะไรครับ เท็ดว่าอะไรผมไม่ทันฟัง”         
“ราเชลทานอะไรแล้วหรือยัง  นี่เย็นแล้วนะหิวไหม?”         
“ไม่ครับ  มันตื้อๆ  ผม…อยากไปไหนไกลๆ  ความจริงผมอยากไป…ที่นั่นอีกสักครั้ง”         
“ที่ไหน?”       
“ที่บ้านริมทะเลสาบไงฮะ”         
“อ๋อ!…บอกริชสิ  รับรองว่าริชต้องพาไปแน่”         
“คงไม่ได้ครับ  ช่วงนี้ริชงานยุ่งผมไม่อยากรบกวน...อีกอย่างเขาก็มีฟลอเรนอยู่แล้ว ผมคงไม่มีความหมายสำหรับริชแล้วล่ะ”         
“สำหรับคนที่เรารักไม่มีคำว่ารบกวนหรอกราเชล  ริชอาจจะดีใจที่ราเชลเข้าใจเขาเรื่องงานแต่เขาคงเจ็บปวดถ้ารู้ว่าราเชลระแวงเขา  ริชรักราเชลมากนะ  อย่าประเมินค่าความรักของเขาต่ำนักสิ...หรือราเชลเห็นเขาเป็นคนมักงายที่ใกล้ใครก็คว้าคนนั้น”         
“เปล่านะครับไม่ใช่อย่างนั้นเพียงแต่…เอ่อ…”         
“เพียงแต่ราเชลน้อยใจ  เพียงแต่ราเชลระแวงว่าริชจะสนใจฟลอเรน  หรือเพียงแต่ราเชลยังไม่มั่นใจในตัวริช  เพียงแต่ข้อไหนล่ะราเชล?”         
“ผม…ผมก็ไม่รู้  รู้แต่ว่าผมกลัวทุกครั้งที่มีคนอื่นเข้ามาใกล้ริช  เท็ดก็รู้ว่าริชเจ้าชู้แค่ไหน เมื่อก่อนเขาทำให้ผมเจ็บมาก  เจ็บซะจนบางครั้งผมก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่าทำไมยังมีชีวิตอยู่  ทำไมไม่ตายๆไปเสียจะได้พ้นจากความทรมานนี้ซะที”         
“แต่นั่นมันตอนที่ริชยังเป็นวัยรุ่น  แล้วมันก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้วนะ?”         
“แต่ทุกวันนี้ริชก็ยังมีคนมาสนใจไม่หยุด  ทั้งดาราทั้งนายแบบนางแบบอะไรนั่น  แล้วยังลูกหลานของหุ้นส่วนอีก”
   “เป็นความผิดของริชสินะที่เขามีคนมาสนใจ”
“ผม...ผมไม่รู้”         
“ราเชลรู้ไหม…ผมวิงวอนต่อพระเจ้าทุกวัน  ขอให้พระองค์ให้โอกาสผมขอให้ผมได้เจอกายอีกครั้ง  ไม่ว่าวันนั้นต้องเจอกับอะไรผมก็ยินดีรับมัน ผมอยากให้ราเชลเข้าใจริช และถนอมช่วงเวลานี้ให้ดีๆ  ไม่ว่ามันจะยาวนานหรือสั้นแค่ไหน  มันก็คุ้มค่าถ้าคุณสองคนมีความสุขทุกวัน”           
 “ผมไม่แน่ใจว่าจะทำได้ แต่ผมจะพยายาม”         
“ดีมาก  เอาละเย็นมากแล้วเรากลับกันดีกว่า”         
“ตายจริงผมทำอาหารยังไม่เสร็จเลย  ป่านนี้ริชคงใกล้กลับมาแล้วรีบไปกันดีกว่าครับ”         
“ไปสิเอ๊ะ!”         
“นั่น...ควันอะไรครับเท็ด?”         
“ไฟไหม้คอนโด ราเชลไปเร็ว”
ราเชลกับเท็ดรีบวิ่งกลับไปยังห้องพัก  กลุ่มควันจำนวนมากพวยพุ่งออกจากตึก  ราเชลอุทานด้วยความตกใจและทำท่าจะวิ่งเข้าไปเมื่อสังเกตเห็นว่ากลุ่มควันมาจากห้องของตนเอง  แต่เท็ดรีบคว้าตัวไว้         
“เท็ด!ข้างในมีของริช  มีงานริชที่ทิ้งไว้ด้วยผมจะไปเอา”         
“ไม่ได้  มันอันตรายเกินไป  ของแค่นั้นช่างมันชีวิตเธอสำคัญกว่า”         
“แต่ว่า…เอ๊ะ! เท็ดนั่นฟลอเรน!…” ราเชลอุทานออกมาเมื่อเห็นเงาคนที่หน้าต่างห้อง 
ฟลอเรนยืนโอนเอนไปมาแล้วผลุบหายไปข้างใน  เท็ดกระโจนเข้าไปในตึกอย่างรวดเร็ว  ราเชลวิ่งตามแต่ถูกเจ้าหน้าที่คนหนึ่งคว้าตัวไว้ทัน           
“ปล่อยผม!ปล่อยสิเพื่อนผมติดอยู่ข้างในนั้นนะ  ปล่อย!”         
“บ้าเหรอ! เพื่อนเธอเดี๋ยวเจ้าหน้าที่เขาช่วยเหลือเอง  ถ้าเธอเข้าไปมีหวังตายอยู่ในนั้นแน่”         
“แต่เพื่อนผม….”         
“ไม่มีแต่ถอยไป!  ถอยไปสิ!  ถ้าอยากช่วยเพื่อนก็อย่าขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่”         
“ราเชล!” 
ราเชลหันขวับแต่ช้ากว่า  อ้อมแขนแข็งแรงโอบรัดเด็กหนุ่มเข้าไปกอดไว้แน่น  ราเชลได้ยินหัวใจริชเต้นระรัว           
“เกิดอะไรขึ้นราเชล  ฉันรีบแทบตายกลัวเธอติดอยู่ในนั้น”         
“ริชช่วยด้วย!ฟลอเรนติดอยู่ในนั้น”         
“อะไรนะ!”         
“ฟลอเรน  ผมเห็นเขา…เท็ดเข้าไปช่วย”         
“เท็ดเข้าไป?”         
“ริช  ริชช่วยเท็ดกับฟรอเรนด้วย”         
“ได้ๆ…เดี๋ยวนะ”  ริชผละไปหาเจ้าหน้าและพูดคุยกันเคร่งเครียด  ชายหนุ่มโทรศัพท์หาใครบางคนและพูดคุยอยู่ครู่หนึ่ง  ตลอดเวลาริชคอยเหลียวมามองราเชลเป็นระยะด้วยความเป็นห่วง
         .................................

เจฟฟรี่เกาะกระจกมองน้องสาวด้วยความห่วงใยปนเจ็บปวด ในใจยังเสียวแปลบเมื่อคิดว่าเขาเกือบต้องสูญเสียเธอ  ใครบางคนแตะที่แขนเขาเบาๆ
เจฟฟรี่หันไปยิ้มให้ ดวงตาโตดูเศร้าด้วยความเป็นห่วง           
“ขอบคุณมากครับคุณราเชล“         
“ผมไม่ได้ช่วยอะไรสักหน่อย…เท็ดต่างหากที่เข้าไปช่วย”         
“แต่ถ้าคุณไม่เห็นฟลอเรน  คุณเท็ดก็คงเข้าไปช่วยไม่ทันอยู่ดี  ขอบคุณมากนะครับสำหรับความมีน้ำใจ  ผมรู้ว่าน้องผมทำร้ายจิตใจคุณมากแค่ไหน  แต่คุณนอกจากจะไม่เคยเอาเรื่องเขาแล้วครั้งยังช่วยชีวิตเขาไว้อีก  ขอบคุณมากครับ”         
“อย่าขอบคุณเลยครับเจฟ  ผมเองก็ไม่ใช่จะดีอะไร  แอบอาระวาดกับริชก็หลายครั้ง  แต่ผมสัญญานะว่าต่อไปนี้ผมจะไม่ทำตัวโง่ๆแบบนั้นอีกแล้ว”         
“ผมก็สัญญาครับว่าจะไม่ให้น้องเข้าไปทำความเดือดร้อนให้คุณกับคุณ
ริชอีก”         
“ริชกับหมอมาแล้วครับ”         
“เจฟ!มาถึงเมื่อไหร่?”         
“เพิ่งมาถึงครับ  พอพีทโทรไปบอกก็รีบดิ่งมานี่เลย…แล้วคุณเท็ดเป็นไงบ้างครับ?”         
“ยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน…หมอบอกว่าโดนกระแทกอย่างแรงจนซี่โครงหัก  แต่หมอนั่นยังขืนอุ้มฟลอเรนลงมาจนถึงข้างล่างได้”         
“…ผม…ไปเยี่ยมคุณเท็ดได้หรือยังครับ?”         
“อย่าเพิ่งดีกว่า  หมอเพิ่งให้ยาไป ไว้ตอนค่ำๆค่อยไปเยี่ยมก็ได้”
เจฟฟรี่พยักหน้า แต่ดวงตาหมองลงด้วยความเป็นห่วง  หากครั้งนี้เท็ดต้องเป็นอะไรไปคงเป็นความผิดของเขาเองที่ดูแลน้องไม่ดี  สร้างความเดือดร้อนให้ทั้งริช ราเชลและทำให้เท็ดเกือบตาย  แพทย์ที่เข้าไปตรวจฟลอเรนเปิดประตูออกมา เจฟฟรี่  ริชและราเชลต่างเข้าไปรุมล้อม         
“ฟลอเรนเป็นไงบ้างครับ?”         
“อาการดีขึ้นมาแล้วครับ  นอกจากขาหักแล้วก็มีรอยไฟลวกนิดหน่อย  รอให้คนไข้ฟื้นก่อนแล้วค่อยย้ายไปห้องพิเศษ”         
“ขอบคุณมากครับหมอ”         
“งั้นหมอขอตัวนะครับ”
………………………..

ราเชลเหลือบมองริชบ่อยๆ สีหน้าของริชดูเครียดเขม็งทั้งๆที่หมอก็ยืนยันแล้วว่าฟลอเรนและเท็ดปลอดภัย  ริชพาเขามาพักที่โรงแรมในเครือของแฮ- มิลตันชั่วคราวจนกว่าบ้านหลังใหม่จะเสร็จซึ่งความจริงก็สร้างมานานจนใกล้จะเสร็จแล้ว  เพียงแต่ไม่คิดว่าจะต้องย้ายกระทันหันเอาตอนนี้
พนักงานในโรงแรมรีบออกมาต้อนรับแทบจะทั้งโรงแรมก็ว่าได้แต่ริชกลับโบกมือไล่ดื้อๆเป็นสิ่งที่ไม่เห็นริชทำมานานนับแต่เปลี่ยนนิสัยจากหนุ่มน้อยเจ้าอารมณ์มาเป็นนักธุรกิจเต็มตัวอย่างทุกวันนี้
ราเชลเดินตามหลังริชเงียบๆจนเข้าสู่ห้องพักจึงถอดเสื้อคลุมออกแขวน         
“หิวหรือเปล่าครับ  เดี๋ยวสั่ง…ริช!เป็นอะไรไป?”
อ้อมแขนที่ตวัดโอบรัดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก ตัวคนกอดสั่นระริกทำให้ราเชลตระหนก ได้แต่ลูบหลังไหล่กว้างไปมาเพื่อปลอบโยน           
“ราเชล…ราเชล…ให้ตายเถอะ…ฉันรู้สึกเหมือนจะคลั่งตอนที่รู้ว่าไฟไหม้แล้วมีคนติดอยู่ในห้องเรา  ถ้าเธอไม่ทะเลาะกับฟลอเรน  ถ้าเธอไม่ออกไปข้างนอก  ถ้า…ถ้าคนที่บาดเจ็บเป็นเธอ…ฉันจะทำยังไง…ฉันต้องทนไม่ได้แน่ๆ...ราเชล…โอพระเจ้า!…” ริชซบหน้ากับผมนุ่มหอมแน่น
“ริช…อื้อ…ริชครับ…เดี๋ยว!”  เด็กหนุ่มพูดไม่ออกเพราะอ้อมแขนริชรัดแน่นไม่คลาย ราเชลรู้สึกตื้นในอกด้วยความปลาบปลื้มที่ได้เป็นคนสำคัญของริช  แต่ไม่เคยคิดว่าจะมากมายจนทำให้ริชถึงกับสั่นไปหมดทั้งตัวอย่างนี้  ริชช้อนหน้านวลขึ้นมาจูบไปทั่ว ปากก็พร่ำเรียกแต่ชื่อของเด็กหนุ่ม  ราเชลจูบตอบและลูบไล้ใบหน้าหมองคล้ำของริชอย่างอ่อนโยนเพื่อถ่ายทอดการปลอบประโลมด้วยสัมผัส  ริชถอนจุมพิตและจ้องมองราเชลเขม็ง  ดวงตาแดงซ่านด้วยความกดดันที่อัดแน่นอยู่ในอก         
“ราเชล…ที่รัก…ฉันนึกว่าจะเสียเธอไปแล้ว…ตอนนั้นหัวใจเหมือนจะหยุดเต้น…คิดอะไรไม่ออก รู้แต่ในหัวมันขาวโพลนไปหมด…ฉัน…ฉันคิดไม่ออกว่ามีชีวิตอยู่ต่อไปยังไงถ้าไม่มีเธอ” มือที่ประคองแก้มสั่นจนเด็กหนุ่มรู้สึกได้  ราเชลยิ้มตอบด้วยความซาบซึ้งหมดใจ         
“ผมก็เหมือนกัน…ถ้าไม่มีริชก็อยู่ต่อไปไม่ได้”
ริชรัดร่างในอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก  ความทุกข์ที่ได้เจอในวันนี้ตอกย้ำถึงความโหดร้ายที่เขาเคยทำไว้กับราเชลเมื่อครั้งยังวัยรุ่น  ริชหลับตาลงอย่างเจ็บปวด  เท็ดช่างเข้มแข็งเหลือเกินที่ผ่านคืนวันอันโหดร้ายตอนสูญเสียกายมาได้  เพราะหากวันนี้เขาเสียราเชลไป  ไม่รู้ว่าเขาจะครองสติไว้ได้หรือไม่  ชายหนุ่มเพิ่งซาบซึ้งกับสิ่งที่เท็ดเคยบอก           
‘สำหรับฉันนะริช  กายไม่ใช่แค่คนรัก  กายเป็นหัวใจ  เป็นอากาศ เป็นอนาคต เป็นทุกอย่างในชีวิตฉัน  ไม่มีกายฉันก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว’         
ถ้าวันนี้เขาต้องเสียราเชลไป  เขาคงไม่เหลืออากาศหายใจเหมือนกัน  ริช ช้อนร่างบอบบางเข้าไปวางบนเตียง  ค่อยๆปลดอาภรณ์ออกจนหมด และจูบไล้แผ่วเบาไปจนทั่วร่างขาวนวลด้วยความหวงแหนจับหัวใจ  ราเชลหลับตาปล่อยกายและใจให้เพริดไปกับสัมผัสอ่อนโยนที่แม้จะนุ่มนวลปานใดแต่ก็ปลุกให้เลือดร้อนฉ่าขึ้นมาจนได้  ร่างหนาแน่นด้วยกล้ามเนื้อเบียดกระชับลงบนร่างนุ่มนิ่มอย่างทะนุถนอม  ให้สัมผัสช่วยถ่ายทอดความรักแทนคำพูด
         ..................................

เพดานสีขาวพร่ามัวอยู่ครู่หนึ่งกว่าที่สายตาจะปรับจนชัดเจนได้  ใบหน้ากร้านเกรียมด้วยวัยและความทุกข์ใจทำให้ฟลอเรนน้ำตาคลอ
   “เป็นไงบ้าง?”
“เจฟ...ฟลอเรนคิดว่าจะไม่ได้เห็นพี่แล้ว”
“เด็กดื้อ...เธอเกือบฆ่าพี่ทั้งเป็นแล้วนะ  คิดบ้างไหมว่าถ้าไม่มีเธอพี่จะอยู่ยังไง”
“ก็ฟลอเรนเกลียดมัน  ฟลอเรนอยากทำลายทุกอย่างที่มันรักให้สิ้นซาก”
“เธอก็เลยจุดไฟเผางานเขียนของคุณราเชล”
“ใช่...แต่...แต่ฟลอเรนไม่คิดว่าไฟมันจะลุกแรงขนาดนั้น”
“คุณราเชลเขียนภาพสีน้ำมันไว้มากมาย  วัสดุในนั้นหลายอย่างเป็นวัตถุไวไฟ  พอมีเชื้อก็...บึ้ม!  เธอคงตายไปแล้ว  ถ้าคุณราเชลไม่กลับมาแล้วเห็นเธอ  ไม่มีใครอยู่ที่ชั้นพิเศษนั่น  ถ้าคุณราเชลไม่เห็น เธอถูกไฟคลอกตายอยู่ในนั้นแน่”
ฟลอเรนหันหน้าหนี  ทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้  เธอพยายามทำลายทุกอย่างที่เด็กนั่นรัก  แต่กลับกลายเป็นเธอที่บาดเจ็บ  เด็กนั่นปลอดภัยและยังกลายเป็นคนช่วยชีวิตเธอไว้เสียอีก
“เธอรักคุณริชขนาดตายเพื่อเขาได้เชียวเหรอ?”
“ใช่”
“แน่ใจเหรอฟลอเรน  วินาทีที่เธอคิดว่าต้องตายแน่แล้ว  เธอคิดถึงแต่คุณ
ริชสินะ”
“หยุดๆๆๆ...พอได้แล้ว...ทำไมพี่ต้องมาตอกย้ำ  พี่ก็รู้ว่าฉันไม่อยากเสียริชไป  ใช่!ตอนที่จะตายฉันไม่ได้คิดถึงเขาเลย  ฉันคิดถึงพี่  คิดถึงเพื่อนที่มหาวิทยาลัย  คิดแต่ว่าฉันอยากออกไป  ถ้าฉันรอดฉันจะกลับมากอดพี่  มาขอโทษพี่...แล้วทำไม...ฉันไม่มีสิทธิ์หรือไง  ฉันโตมากับริช  แล้วริชก็รักฉันคนเดียวมาตลอด  ทำไมตอนนี้ฉันต้องเสียพี่ เสียริชให้ไอ้กระเทยนั่น  ฉันไม่ยอม”
“ถ้าเธอไม่เจ็บอยู่พี่จะตบหน้าเธอ  สิ่งที่เธอคิด เธอทำมันผิด  และคนที่ผิดยิ่งกว่าเธอก็คือพี่  พี่ใจอ่อนมากเกินไป  รักเธอมากเกินไป  รู้เห็นว่าเธอทำอะไรก็ไม่กล้าขัดขวาง  กลัวเธอเสียใจ  มองข้ามไปว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ  ฟลอเรน...เมื่อเธอออกจากโรงพยาบาลเราจะกลับไปอยู่บ้านเก่าด้วยกัน  พี่จะลาออกแล้วไปดูแลเธอไม่ให้เธอออกมาเพ่นพ่านทำร้ายใครอีก”
“ฉันไมใช่สัตว์เลี้ยงของพี่นะ”
“เพราะเธอเป็นน้องต่างหากฟลอเรน  ถ้าเธอเป็นแค่สัตว์เลี้ยงแล้วแว้งกัดผู้มีพระคุณ พี่ก็แค่ยิงเธอทิ้ง  แต่นี่เธอเป็นน้องพี่  พี่ถึงต้องเก็บตัวเธอไว้ไม่ให้เธอทำร้ายใครได้อีก”
“เจฟ!”
“พี่พูดจริง...พี่ทำแน่  เพื่อไม่ให้เรื่องเลวร้ายอย่างนี้มันเกิดขึ้นอีก  เธอทำให้พี่ไม่มีทางเลือก”
“ทำไมละเจฟ  ทำไมพี่ต้องปกป้องเด็กนั่นนัก  ทำไมใครๆต้องปกป้องมันนัก  แค่คนบ้าคนเดียว”
“เธอไม่รู้หรอกว่าระหว่างคุณริชกับคุณราเชล  มันมีอะไรมากมายกว่าความรัก”
“ริชก็พูดแบบพี่  แต่ฉันนึกไม่ออกว่าจะมีอะไรยิ่งใหญ่ขนาดนั้นได้”
เจฟฟรี่เล่าเรื่องของริชกับราเชลให้ฟลอเรนฟังรวมถึงเรื่องที่ราเชลต้องเข้าโรงพยาบาล  และความพยายามที่จะรักษาจนราเชลกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“ทำไมกัน...ทำไมริชต้องทุ่มเทขนาดนั้นด้วย?”
“เพราะรักไง...เพราะว่ารักคุณริชถึงทำได้ทุกอย่าง  และเพราะความรักคุณ
ราเชลถึงกลับมาเป็นปรกติได้อีกครั้ง  เธอยังคิดอีกไหมว่าจะแยกเขาออกจากกันได้”
ฟลอเรนหลับตานิ่ง  น้ำตาไหลพราก  แต่สีหน้าดูสงบลงกว่าเดิม  เจฟฟรี่ได้แต่ภาวนา  ให้ฟลอเรนคิดได้และเปิดใจยอมรับราเชลได้เร็วๆ  ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องทำอย่างที่พูดไว้
         ..................................

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
.....
เสียงเคาะประตูเบาๆดึงความสนใจของพยาบาลสาวให้ละจาก –
หนังสือ  เจ้าหล่อนลุกออกไปเปิดประตูให้  ขณะที่คนไข้เบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยรู้ว่ายังไงคงไม่พ้นพี่ชายหรือไม่ก็ริชที่จะต้องมาคาดคั้นให้เธอยอมรับเรื่องรักวิปริตของริชกับ กระเทยหน้าสวยคนนั้น
   “คุณเวลบอร์นมาเยี่ยมค่ะ  ดิฉันจะออกไปรอข้างนอกนะคะ”
ฟลอเรนหันขวับมาทันที  ราเชลหอบคัทลียาสีขาวช่อใหญ่เข้ามาเยี่ยม ร่างบอบบางไม่สูงมากนัก  ใบหน้าสวยหวานราวกับผู้หญิงดูอ่อนเยาว์ราวกับเด็กทั้งที่อ่อนกว่าฟลอเรนแค่ปีเดียว  ดวงตาที่มองมายังเธอดูหวั่นกลัวและขาดความมั่นใจ 
   “มาทำไม?”
   “ผมมาเยี่ยมครับ...นี่ครับดอกไม้”
   “เอากลับไป!ฉันไม่ต้องการ  แล้วจะบอกให้นะว่าคนอย่างฉันน่ะหัวแข็ง  ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก  หึ..คิดว่าช่วยฉันแล้วฉันจะมองนายดีขึ้นหรือไง  ไม่มีทาง  ฉันจะเอาริชคืนมาให้ได้”
“ผมไม่ให้”
ฟลอเรนอ้าปากค้างเมื่ออีกฝ่ายสวนกลับมาทันควัน  ทั้งที่ใบหน้าซีดจนแทบเป็นกระดาษ  มือที่ถือดอกไม้ก็สั่นระริก  แต่ดวงตาของราเชลกลับดูเข้มข้นและเด็ดเดี่ยวเสียจนฟลอเรนงง
“...อะไรนะ...”
“ผมไม่ให้  คุณเอาริชไปไม่ได้  ผมไม่ยอม”
ฟลอเรนอึ้งไปพักหนึ่งกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ  ตลอดชีวิตของเธอนอกจากริชกับเจฟไม่มีใครกล้าขึ้นเสียงเถียงเธอสักครั้ง
“นะ...นายไม่มีสิทธ์มายอมหรือไม่ยอม  ฉันต่างหากที่มีสิทธิ์ ฉัน...”
“สิทธิ์ของอะไร  น้องสาวคนสนิทเหรอ  ผมเป็นคนรักของริช  และผมก็ไม่มีวันยอมเสียเขาไป” ราเชลสวนกลับทันควันก่อนที่ฟลอเรนจะพูดจบ  คำพูดเหมือนท้าทายทำให้คนเจ็บหน้าแดงจัด เนื้อตัวสั่นด้วยความโกรธ
“นายกล้าท้าฉันเหรอ?”
“ผมไม่ได้ท้า  แต่ผมไม่ให้”
“แล้วนายจะได้เห็นว่านรกมันเป็นยังไง”
ดวงคมดุเกรี้ยวกราดสบกับตาโตที่ดูสงบแต่เด็ดเดี่ยวอย่างไม่น่าเชื่อ
“ผมไม่กลัว  ให้ผมตายเสียดีกว่าต้องเสียริชไป”
“นาย...แก...”
“ผมขอโทษที่มาขึ้นเสียงใส่คุณ  ผมตั้งใจจะมาเยี่ยมไม่ได้อยากมาทะเลาะกับคุณ...ผมจะเอาดอกไม้ไปใส่แจกันให้”
“ฉันไม่เอา  เอาออกไปนะ” ฟลอเรนกรี๊ดใส่หลุดมาดนางพญามาเป็นเด็ก
เจ้าอารมณ์
“คุณก็ลุกมาเอาไปทิ้งเองแล้วกัน”  ราเชลบอกหน้าตาเฉยก่อนจะหายไปห้องเก็บของด้านในเพื่อหาแจกันมาใส่ดอกไม้
ประตูห้องเปิดผลัวะเข้ามาโดยไม่มีเสียงเคาะ  สีหน้าของเจฟฟรี่เหมือนถูกผีหลอก  แต่พอเห็นฟลอเรนก็ชะงัก
“อะไรเจฟ  เกิดอะไรขึ้น?”
“บ้าฉิบ...ติดกับมันแล้ว” เจฟสบถลั่นคว้าโทรศัพท์มาโทรหาลูกน้องสั่งให้ตามริชไปด่วนที่สุด  และให้ขอกำลังจากตำรวจท้องที่
“อะไรล่ะพี่! บอกมานะ “
ฟลอเรนโวยลั่นเมื่อเห็นท่าทางร้อนรนของพี่ชาย  เพราะโตมากับริช
สัญชาติญาณระแวงภัยของเธอจึงทำงานฉับพลัน
“มีคนอ้างว่าเป็นพยาบาลพิเศษของเธอโทรไปบอกว่าการ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าห้องถูกทำร้าย  มีผู้ชายสองคนเข้าไปในห้องเธอ   พี่เลยรีบมา ปล่อยให้คุณริชกับพีทไปงานกันแค่สองคน”
“อะไรนะ บ้าแล้วพี่  ปล่อยไปได้ยังไง”
“พี่จะรีบไป...” เสียงโทรศัพท์มือถือของเจฟดังขึ้นเสียก่อน
“ว่าไงแฟร้งค์...อะไรนะ...อยู่ที่ไหน...ไอ้พวกหมาลอบกัดเอ๊ย! ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
เจฟสบถลั่น  ยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วทำท่าจะออกไปแต่ฟลอเรนเรียกไว้เสียก่อน
“เกิดอะไรขึ้นกับริช”
“ถูกลอบยิงนะสิ  แฟร้งค์โดนเข้าที่ไหล่”
“แล้วริชละ”
“แฟร้งค์ไม่เห็น คุณริชอยู่กับพีท  พวกมันรุมยิงรถพีทเละทั้งคันเลย”
เพล้ง!!! เจฟฟรี่และฟลอเรนหันขวับไปทางต้นเสียง  ราเชลยืนหน้าขาวเหมือนกระดาษ  แก้วทรงสูงที่ใส่ดอกไม้แทนแจกันแตกละเอียดคามือ  เลือดสดๆไหลทะลักออกมาเต็มมือและหยดลงบนพื้น
“คุณราเชล!...ฟลอเรนเรียกหมอเร็ว!” เจฟฟรี่กระโจนทีเดียวถึงตัวเด็กหนุ่มและรีบแกะเอาเศษแก้วออกจากมือ 
ฟลอเรนหันไปคว้าเนิสคอร์มากดถี่ยิบ  หากไม่ติดว่าขาหักเธอคงกระโดดลงมาด้วยความตกใจเช่นกัน
“ริช...ริช...ไม่ๆ...เจฟปล่อยผม...ปล่อยผมเร็ว...” ราเชลพยายามกระชากแขนออกและผลักไส แต่เจฟยึดมือเลือดโชกไว้แน่น
“คุณราเชลครับ  อย่ากำมือครับ  ผมจะเอาเศษแก้วออกให้”
“ช่างมัน  ช่างหัวมันสิ  ไปเร็วเจฟ  ไปช่วยริชก่อน  ไปสิเจฟ  ช่วยริชที...ช่วยริชด้วย” มือเปื้อนเลือดพยายามผลักไสเจฟฟรี่ออกจากห้อง  เป็นจังหวะเดียวกับที่หมอและพยาบาลกรูกันเข้ามา
“คุณฟลอเรนเป็นอะไรครับ?”
“โน่นคนเจ็บอยู่โน่นต่างหาก  เร็วสิหมอยืนทื่ออยู่ได้” ฟลอเรนตวาดแหว  ตกใจที่เห็นราเชลโวยวายเหมือนกับขาดสติอย่างนั้น
“ใจเย็นๆครับ  คุณราเชลครับ  ขอหมอดูมือคุณก่อน” โจนาธานชะงัก  แค่แผลที่มือน่ะไม่น่ากลัวเท่ากับอารมณ์ของเด็กหนุ่มแน่  ดวงตาโตเบิกค้างจนน่ากลัว  ใบหน้าขาวซีดจนแทบเขียว  ท่าทางทุรนทุรายนั้นชวนให้กังวลว่าราเชลจะขาดผึงไปอีกครั้งมากกว่า
“ไม่...ไม่ต้อง  หมอครับ เจฟช่วยริชก่อน  ไปสิเจฟช่วยริชก่อน” ราเชลร้องไห้โฮอย่างขวัญเสีย  หมอแอบถอนใจ  ถ้าแสดงอารมณ์ออกมาอย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย  ขืนช็อกตาค้างแบบเมื่อกี้เขาคงทำอะไรไม่ถูก  หมอหันไปขยิบตาให้เจฟฟรี่  หนุ่มใหญ่รีบบอกลาละล่ำละลัก
“ครับๆผมจะไปเดี๋ยวนี้”
“หมอด้วย  หมอไปช่วยริชด้วยเร็วๆสิ  ริชถูกยิงนะ  ริชถูกยิง” ราเชลหันมาเขย่าแขนหมอ  เลือดเปื้อนแขนเสื้อกราว์นจนชุ่ม
“อะไรนะ จริงเหรอครับคุณเจฟ” โจนาธานหันไปถามหน้าตาตื่นเช่นกัน เจฟกำลังจะออกจากห้องอยู่แล้วต้องชะงักหันกลับมาตอบ
“ผมยังไม่รู้รายละเอียด”
“งั้นผมไปด้วย   ผมกำลังจะออกเวรพอดี” หมอวิ่งตามเจฟฟรี่ออกมาติดๆ  เจฟเหลียวมองราเชลอย่างเป็นห่วง  เห็นพยาบาลเข้าไปมะรุ่มมะตุมกันโดยมีน้องสาวเขาบงการแหวๆยังกับเป็นหมอเสียเอง
“แล้วทางนี้ละครับ?”
“ผมจะให้เขาตามหมอส่วนตัวคุณราเชลมาให้”
 “งั้นมาทางนี้ครับหมอ...รถจอดอยู่ทางนี้”
      ..................................

ฟลอเรนเหลือบมองร่างบางที่นั่งนิ่งเหมือนหุ่นเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้ว  ตั้งแต่เจฟฟรี่ออกไปราเชลก็ไม่พูดอะไรอีกเลย  ดวงตาโตจ้องเขม็งที่ประตูราวกับจะมองให้ทะลุ  ไม่ว่าพยาบาลจะทำแผลหรือฉีดยาเด็กหนุ่มก็นั่งเฉย  หน้าขาวซีดเหมือนกระดาษ  อารมณ์ของเด็กหนุ่มดูเปราะบางจนเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆหากมีอะไรมากระทบสักนิด
พยาบาลที่เข้ามาเฝ้าทีเดียวสองคนหันมองกันหน้าแหยๆ  ต่างบุ้ยใบ้เกี่ยงกันไปมาจนฟลอเรนหันไปมองเป็นเชิงถาม
“เราอยากให้นอนหลับสักครู่น่ะคะ  แต่คุณเวลบอร์นไม่ยอมนอน”
พยาบาลทั้งสองขยับเข้ามากระซิบเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน  พลอยให้
ฟลอเรนต้องกระซิบตามไปด้วย
“ก็ฉีดยานอนหลับสิ”
“ฉีดแล้วค่ะ  แต่ทำไมไม่หลับก็ไม่รู้”
“แล้วจะเอายังไง?”
“เรารอหมอส่วนตัวของคุณราเชลอยู่ค่ะ...มาพอดีเลย”
ทั้งพยาบาลและฟลอเรนแทบถอนใจเมื่อร่างสูงโปร่งโผล่เข้ามาในห้อง
ซอเรนก้มศีรษะทักทายฟลอเรนนิดหนึ่งก่อนจะขยับเข้าไปใกล้คนบนเตียงเสริม  ที่เสริมกันฉุกละหุกเมื่อครู่นี้เอง
“คุณราเชลครับ”
“........” ราเชลนั่งเฉย  ไม่หันกลับมามองซอเรนด้วยซ้ำ  พยาบาลคนหนึ่งเอาชาร์ทไปส่งให้  ซอเรนรับมาดูแล้วพยักหน้า
ซอเรนเข้าไปประคองราเชลลงนอน  ตอนแรกเด็กหนุ่มขืนตัวไว้  แต่ไม่นานก็ยอมนอนแต่โดยดี  ซอเรนดึงผ้ามาห่มให้ และปัดปอยผมยุ่งๆออกจากใบหน้าชื้นเหงื่อ  ฟลอเรนจับตาดูท่าทางทะนุถนอมของซอเรนอย่างสงสัย  ดูท่าจะไม่ใช่แค่หมอกับคนไข้เฉยๆเสียแล้ว 
ราเชลหลับไปเพราะฤทธิ์ยาฉีด   แต่ไม่นานก็เริ่มกระสับกระส่ายและตื่นขึ้นมาอีก 
“ริชละ...ริชกลับมาหรือยัง...ริชเป็นยังไงบ้าง?”
“คุณเจฟไปช่วยแล้วครับ  อีกสักครู่คงโทรมาบอก” ซอเรนอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบเพื่อให้เด็กหนุ่มสงบลง  เขาเองก็เพิ่งรู้รายละเอียดจากการ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าห้องเมื่อครู่นี้ 
เด็กหนุ่มฝืนตัวลุกขึ้นนั่ง  แต่เนื่องจากยังไม่หมดฤทธิ์ยาทำให้มีอาการ คลื่นไส้อาเจียนอยู่เป็นระยะ จนหมดแรง
“ถ้าเจฟโทรมาบอกผมนะ...บอกผม” ราเชลพึมพำเบาๆก่อนจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ใบหน้าซีดขาวของเด็กหนุ่มทำให้ซอเรนสะท้อนใจด้วยความเจ็บปวด
ราเชลหลับยาวนานกว่าครั้งแรกมาก  เมื่อลืมตาตื่นจึงเห็นดวงตาสีฟ้าเข้มมองมาอย่างอ่อนโยนแกมห่วงใย
“ริช...ริช...ฮือ...ริช...” ราเชลร้องไห้สะอึกสะอื้น  ทั้งดีใจ โล่งใจจนทำอะไรไม่ถูก  ริชช้อนร่างน้อยขึ้นกอดแน่น  เสียงสะอื้นของราเชลทำให้ตื้นในลำคอด้วยความปวดร้าว  ความทุกข์ทรมานของราเชลเกิดเพราะเขาทุกที  จนเขาไม่รู้จะไถ่โทษอย่างไรแล้ว
“คนดี...ที่รัก...ชูววว...ไม่เอา...อย่าร้องไห้น่า  ฉันกลับมาแล้วไง”
“ผม...ผมนึกว่าริช...เจ็บ...ผม...ผมได้ยินว่าริชถูกยิงด้วย”
“มันยิงรถน่ะ  คนปลอดภัยดีทุกคน  อ้อ!มีแฟร้งค์โดนเข้าที่แขน  แต่ก็แค่ถากๆไป  นี่ไงเห็นไหม...ฉันไม่มีแผลเลย”
ริชผละออกกางแขนอวด  ราเชลลูบไล้ไปทั่วใบหน้าและลำตัวของชายหนุ่มก่อนจะโผเข้าไปกอดแน่น  ริชกอดตอบและโยกตัวไปมาเบาๆ  เสียงสะอื้นแผ่วลดลงเรื่อยๆและไม่นานก็มีแต่เสียงหายใจเบาๆเข้ามาแทน
ทุกคนในห้องแอบถอนใจพรู  แต่เมื่อทำพร้อมๆกันเสียงถอนใจก็เลยดังจนทุกคนเหลียวมามองกันแล้วต่างอมยิ้ม  คนนั่งกันเต็มห้องแต่ดูเหมือนราเชลจะมองไม่เห็นใครนอกจากริช  ซอเรนลุกขึ้นเตรียมจะกลับ  ตอนนี้ราเชลไม่ต้องการเขาอีกต่อไปแล้ว  แต่ริชหันกลับมาเรียกไว้เสียก่อน
“หมอ...ขอบคุณมากครับ”
“ไม่เป็นไรครับ  มันเป็นหน้าที่ผม  ลาละครับ”
ซอเรนก้มศีรษะให้แล้วออกไป  ตอนแรกริชตั้งใจจะชวนซอเรนไปทานอาหารค่ำด้วยกันเพื่อเป็นการขอบคุณ  แต่แววตารวดร้าวของซอเรนบอกให้รู้ว่าเขาคงอยากอยู่ตามลำพังมากกว่า
ฟลอเรนมองร่างผอมบางในอ้อมแขนริชนิ่งงัน  ไม่มีความเกลียดชังหรือริษยา มีแต่ความเวทนา  เพิ่งเข้าใจในสิ่งที่ริชและเจฟฟรี่พยายามอธิบายให้เธอฟังเกี่ยวกับอาการของราเชล  อารมณ์ที่เปราะบางและพร้อมจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆหากถูกกระทบกระเทือนรุนแรงสักครั้ง  นี่เองริชถึงออกโรงปกป้องจนแทบฆ่าเธอ 
ถึงจะถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ  แต่ฟลอเรนก็ไม่ใช่คนอ่อนแอ  เธอถูกเลี้ยงมาให้แข็งแกร่งเหมือนไม้ใหญ่  เพื่อเป็นหลักและปกป้องคนใต้บังคับบัญชาในฐานะทายาทคนหนึ่งในตระกูลแฮมิลตัน  แม้จะเป็นพียงลูกบุญธรรมก็ตาม
แต่ราเชลไม่ใช่  เด็กหนุ่มเป็นเพียงไม้เลื้อย  อ่อนแอ เปราะบางและจะตายทันทีหากไม่มีไม้ใหญ่อย่างริชให้เกี่ยวพัน  ราเชลไม่สามารถมีชีวิตอยู่โดยปราศจากริชได้  ฟลอเรนเพิ่งซาบซึ้งกับสิ่งที่เด็กหนุ่มพูดกับเธอเมื่อเช้า
“ฟลอเรน...พี่ว่า...”
“ฟลอเรนรู้เจฟ  อย่าพูดอะไรอีกเลย  ถึงรู้ดีฟลอเรนก็ขอเวลาทำใจหน่อยเถอะ...ฟลอเรนไม่ใช่นางเอกในหนังนี่  จะได้เป็นฮีโร่จอมเสียสละ...”
“แค่เธอยอมเข้าใจพี่ก็ดีใจแล้ว...พี่ภูมิใจในตัวเธอมากนะ”
“อย่ามาประชดเลย  ปวดหัวแทบตายละไม่ว่า  ฟลอเรนรู้หรอกว่าพี่เหนื่อยกับฟลอเรนแค่ไหน...ขอโทษนะเจฟ ที่ฟลอเรนเอาแต่ใจ”
“ไม่เลยที่รัก  พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ  ถ้าพี่ใจแข็ง เข้มงวดกับเธออีกนิด  ตามใจเธอให้น้อยลงอีกหน่อยเธอคงไม่เอาแต่ใจตัวเองแบบนี้”
ฟลอเรนหันไปเหล่มองพี่ชายตาขุ่นๆ
“ตกลงจะชมหรือด่าเอาให้แน่เจฟ”
“หึๆๆ...พี่รักเธอนะ”
“ฟลอเรนก็รักเจฟ  รักริชด้วย...แต่แฟนริชยังรักไม่ลง...ถึงจะไม่เกลียดแล้วก็เถอะ”
“ขอบใจ” ริชหันมาขอบใจเบาๆ  ก่อนจะค่อยๆช้อนอุ้มร่างบางขึ้นจากเตียง
“นั่นจะไปไหนริช?”
“จะพาราเชลกลับบ้าน  ขอบใจอีกครั้งนะที่ดูแลราเชลให้”
“ฮื่อ...ดูแผลด้วยล่ะ  เห็นพยาบาลเย็บไปตั้งหลายเข็ม” ฟลอเรนเผลอเตือนด้วยนิสัยจู้จี้อันเคยชิน
“ขอบใจมากน้องรัก”
“เชอะ...เรามันเป็นได้แค่น้องนี่นะ”
ฟลอเรนแบะปากสะบัดหน้าหนีอย่างแสนงอน  ขณะที่ริชกับเจฟสบตากันอย่างอ่อนใจ  เจฟฟรี่ตบศีรษะน้องสาวเบาๆก่อนจะตามริชออกไป
ฟลอเรนทิ้งตัวลงนอน  ทั้งที่ควรจะเจ็บปวดเสียใจที่ต้องสูญเสียริช  แต่เธอกลับรู้สึกโล่ง
“เฮ้อ! เรานี่ช่างเป็นนางเอกเสียจริงๆ” ฟลอเรนพึมพำกับตัวเองเบาๆ  แต่เสียที่แทรกเข้ามาทำเอาเธอสะดุ้ง
“สวัสดีครับนางเอก  ขอดูข้อเท้าหน่อยนะครับ” โจนาธานโผล่เข้ามายิ้มเผล่
“เสียมารยาท  แอบฟังคนไข้ได้ยังไงหมอ”
“คุณพูดออกลั่น  ผมไม่ต้องแอบฟังก็ได้ยิน”
“...ออกไปเลยไป  เข้ามาทำไมเนี่ย”
“อ้าว!ผมก็ต้องมาตรวจคุณตามหน้าที่สิครับ  ผมเป็นเจ้าของไข้คุณนี่”
“ไม่ต้อง...ฉันจะขอเปลี่ยนหมอ”
“เสียใจด้วย  ผมเป็นศัลย์แพทย์ที่เก่งที่สุดของโรงพยาบาลนี้  และคุณเจฟ -
ฟรี่ก็เจาะจงเลือกผมดูแลคุณ”
“ฉันให้ริชเปลี่ยนหมอให้”
“ผมเป็นเพื่อนซี้กับริชสมัยเรียนประถม...โจนาธาน แว่นหนาไงครับ  ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะจ๊ะ  ฟลอเรนจอมเฮี้ยว”
ฟลอเรนอ้าปากค้าง  เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร วีรกรรมสมัยเด็กที่เคยแกล้งนายแว่นเพื่อนริชจนหัวร้างข้างแตกนั้นแทบเป็นตำนานในโรงเรียนด้วยซ้ำ  หญิงสาวหนาวหลังเยือก  สังหรณ์ใจว่าเธอต้องถูกแกล้งคืนแน่ๆ
“เจฟ! ริช!นี่ใครอยู่ข้างนอกเข้ามาเดี๋ยวนี้นะ  นี่...ได้ยินไหม!”
      ..................................

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
........

ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลฟลอเรนกลับตามราเชลแจ  เพื่อยึดเป็นเกราะกำบังจากหมอโจนาธาน  ดูเหมือนทั้งริชและเจฟฟรี่จะสนับสนุนหมอเต็มที่ให้ตามจีบฟลอเรน  แต่ฟลอเรนรู้สึกเหมือนกำลังโดนรวมหัวแกล้งมากกว่าโดนขอความรัก  แต่ไม่ว่าจะขอความช่วยเหลือจากใครก็โดนเมินเฉยไปหมด  มีแต่ราเชลเท่านั้นที่ดูจะให้ความช่วยเหลือ  ทั้งหาที่ซ่อนให้ในบางครั้งและให้คำแนะนำที่ฟังเหมือนจะช่วยอะไรไม่ค่อยได้  แต่บางครั้งคำพูดของราเชลก็กลับจี้ใจดำอย่างประหลาด
‘คุณฟลอเรนครับ...คุณอย่าหนีอีกเลยนะครับ  ถ้าคุณไม่ชอบคุณหมอก็บอกไปตรงๆสิครับ  พูดกันด้วยเหตุด้วยผลคุณหมอคงเข้าใจ’
‘ก็ทั้งพี่ทั้งริชให้ท้ายอย่างนั้น อีตาบ้านั่นคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ’
‘งั้นก็ให้คนจัดการสั่งสอนคุณหมอให้เข็ดไปเลยเอาไหมครับ?’
‘บ้า!ทำงั้นได้ไง...นี่...หัวเราะอะไรราเชล?’
‘ผมว่า...คุณกลับไปถามตัวเองให้แน่อีกทีดีไหมครับ  ว่าคิดยังไงกับหมอกันแน่  อย่าบอกนะครับว่าเกลียด  เพราะถึงตอนเด็กๆคุณจะเคยแกล้งคุณหมอจนหัวแตก  แต่คุณก็เป็นคนตามผู้ใหญ่มาช่วยคุณหมอนี่’
‘ก็มันตกใจนี่’
‘ตกใจจนร้องไห้ข้ามวันข้ามคืนนี่ไม่สมกับเป็นคุณเลยนา’
‘นี่ตกลงจะช่วยฉันหรือช่วยหมอกันแน่หา’
‘ผมว่า...ผมกำลังช่วยคุณอยู่นะ’
ฟลอเรนอึกอักหน้าแดงก่ำแล้วสะบัดหน้ากลับไปดื้อๆ  ราเชลได้แต่มองตามยิ้มๆ  ชักแน่ใจว่าอีกไม่นานเขาอาจได้ฟังข่าวดีแน่ๆ
      ..................................

ราเชลรีบคว้าผ้ามาคลุมรูปไว้เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู  ในใจยังนึกฉงนที่ฟลอเรนมาเร็วกว่าที่นัดไว้หลายชั่วโมง           
“ทำไมวันนี้มาเร็วจังฟลอเรน ไหนว่าเราจะไปกันตอน4ทุ่มไม่ใช่เหรอ?”
ราเชลพลางเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำรับแขก  เงาดำวูบเข้ามาประชิดตัวอย่างรวดเร็ว แรงกอดรัดจากด้านหลังทำให้ราเชลคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ เขาเกือบทุ่มอยู่แล้วหากไม่ได้กลิ่นอาฟเตอร์เชฟเคยคุ้นเสียก่อน           
“ริช!ทำไมมาเร็วจังครับ” ราเชลอุทานอย่างประหลาดใจและยินดี  ริชไปประชุมต่างประเทศและมีกำหนดอยู่ที่นั่นถึง 2สัปดาห์  แต่จู่ๆก็กลับมาก่อนกำหนดเสียนี่       
“มือไวจังที่รักเกือบทุ่มฉันลงไปกองแล้วนะนี่…ไม่เสียแรงที่หัดอย่างนี้ต้องให้รางวัลกันหน่อย”         
“อื้อ…” ราเชลพูดไม่ออกเมื่อถูกประกบจูบแนบแน่น จูบทั้งหวานทั้งเรียกร้องจนแทบละลาย ยังไม่ทันตั้งตัวริชก็เหนี่ยวขาเรียวให้โอบรอบเอวแล้วอุ้มเข้าห้องนอนอย่างรวดเร็ว         
“อือ..เดี๋ยว..อะ…ริช”  ราเชลร้องไม่ออกเพราะปากร้อนๆกำลังโลมลูบยอดอกผ่านเนื้อผ้าบางๆของเชิตที่สวมอยู่จนยอดเล็กตึงเขม็งขึ้นรับ ได้ยินเสียงซิปรูดลงไปพร้อมๆกับนิ้วยาวก็แทรกผ่านขอบกางเกงชั้นในลงไปกอบกุมส่วนที่อ่อนไหวของเด็กหนุ่มไว้อย่างรวดเร็ว  ราเชลกัดปากกลั้นเสียงครางไว้ สองมือพยายามถอดเสื้อของริชออก  แต่ดูเหมือนไม่ทันใจอีกฝ่ายริชผุดลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็วแล้วแนบร่างเปล่าๆกลับเข้ามาใหม่  ราเชลหลับตาพริ้มสองมือสางไล้และคอยกดต้นคอที่ซุกไซ้อยู่ที่ทรวงอกเป็นระยะ  นิ้วยาวเปลี่ยนเป้าหมายจากแก่นกายของเด็กหนุ่มไปเป็นซอกหลืบร้อนผ่าวด้านหลัง  สะโพกกลมยกลอยเมื่อนิ้วยาวสอดเข้าไปสะกิดจุดเร้าภายในจนเสียวซ่าน  ริชเพิ่มจำนวนนิ้วขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงอาการตอบรับเป็นจังหวะ  ราเชลบิดกายเร่าเมื่อทนไม่ไหว                 
“ริช…อะ…อือ…”           
“ที่รัก…พร้อมนะ…”  ราเชลไม่ตอบแต่ปลายเท้าแยกออกกว้างขึ้น  ริชค่อยๆกดตัวเองเข้าไปในซอกหลืบแคบร้อนช้าๆ….RRRRRR         
ราเชลผวาทั้งตัวขณะที่ริชสบถลั่นด้วยความโมโห  เสียงโทรศัพท์ยังดังไม่หยุด ริชซบหน้าลงกับซอกคอขาวหายใจแรงด้วยความหงุดหงิด  เด็กหนุ่มลูบไล้แผ่นหลังกว้างอย่างปลอบประโลม         
“ริช…รับเถอะ เบอร์นี้มีแต่คนในเท่านั้นที่รู้นะ  อาจเป็นเรื่องสำคัญก็ได้”         
“ใครจะเป็นจะตายตอนนี้หรือไง  คอยดูถ้าไม่สำคัญมีเรื่องแน่” ริชกัดกรามกรอดถอนตัวออกไปแล้วกลิ้งตัวไปอีกฟากของเตียงเพื่อรับโทรศัพท์           
“ฮัลโหล!” ริชเสียงดังจนแทบกลายเป็นตะคอก ราเชลขยับลุกขึ้นมานั่งฟังใกล้ๆ           
“ทำไมนะเท็ด  นายเลือกเวลาโทรได้…เอาเถอะมีอะไรว่ามา”
ริชหันมาคว้าคอราเชลเข้าไปจูบเบาๆที่ศีรษะ  ราเชลหน้าแดงแม้จะรู้ว่าเท็ดไม่เห็นแต่ก็อดเขินไม่ได้  เสียงเท็ดลอดออกมาเบาจนจับใจความไม่ได้           
“อือแล้วไง…หา!เจอกาย  เท็ดนายอยู่ที่ไหนฉันจะไปหา”
ริชผุดลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ  ราเชลใจระรัวด้วยความตกใจตั้งแต่ได้ยินชื่อกาย  เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าเท็ดพูดอะไรบ้างแต่สีหน้าของริชเปลี่ยนแปลงไปหลากหลายจากวิตกกังวลกลายเป็นปิติยินดี           
“พระเจ้า!เท็ดนายไม่ได้อำฉันเล่นใช่ไหม…ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?...ทำไมกายเป็นอะไร?” ริชลุกขึ้นไปคว้าเสื้อผ้ามาสวมแล้วบุ้ยใบ้ให้ราเชลแต่งตัว         
“ฉันกับราเชลจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ริชวางโทรศัพท์แล้วหันมาคว้าตัวราเชลเข้ามากอดและจูบแรงๆ         
“เกิดอะไรขึ้นครับ ผมได้ยินพูดถึงกาย  กายไหนครับ?”         
“ราเชล เท็ดเจอกายแล้ว  กายยังไม่ตายนะราเชล…พระเจ้า!ไม่อยากจะเชื่อเลย ปาฏิหาริย์มีจริงเหรอเนี่ยกายยังมีชีวิตอยู่จริงๆ”         
“คุณกายยังมีชีวิตอยู่  โอพระเจ้า...คุณกายอยู่ที่ไหนแล้วเขาหายไปไหนมาตั้งหลายปี?”         
“เท็ดยังไม่ได้บอกรายละเอียดแต่ตอนนี้กายอยู่ที่โรงพยาบาล”         
“อ้าว!ทำไมละครับ?”         
“ได้ยินว่าถูกทำร้าย…แต่ยังไม่รู้ว่าอาการเป็นยังไง?”         
“เราไปโรงพยาบาลกันเถอะครับ” ริชพยักหน้าแล้ววางราเชลลงเพื่อให้แต่งตัวไปเยี่ยมกายด้วยกัน
      ..................................
ริชเดินนำลิ่วจนราเชลต้องวิ่งตาม
“เท็ดกายเป็นไงบ้าง?”
ร่างสูงหนาผุดลุกขึ้นพร้อมๆกับสาวน้อยที่หน้าตาเหมือนคนเอเซีย เจ้าหล่อนจ้องราเชลไม่วางตา  ราเชลจึงส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร         
“ริช  ราเชล…กายอยู่ข้างในหมอยังไม่ออกมาเลย”
ใบหน้ากลัดกลุ้มของเท็ดทำให้ราเชลพลอยเครียดไปด้วย  ริชถอนใจเฮือกแล้วเสยผมแรงๆอย่างหงุดหงิด แต่พอสังเกตเห็นคนที่ยืนข้างเท็ดก็ชะงัก           
“แล้วนั่น…?”
 “นี่ซูหลินเป็นเพื่อนกาย  ครอบครัวเธอช่วยชีวิตกายไว้” เท็ดก้มลงยิ้มกับ
สาวน้อยคนนั้นอย่างอ่อนโยน         
“ขอบคุณมากครับ  ผมราเชลนี่ริชเราเป็นเพื่อนคุณกายครับ”
ราเชลยื่นมือไปจับกับเจ้าหล่อนนึกขันปนประหลาดใจกับท่าอ้าปากค้างแล้วก็เปลี่ยนเป็นยิ้มจนตาปิด           
“สวัสดีค่ะ…ฉันซูหลินเป็นเพื่อนซันเหมือนกันค่ะ”         
“ซัน?…” ราเชลเหลียวมองเท็ดอย่างงงๆไม่เข้าใจว่าซูหลินหมายถึงใคร         
“ชื่อของกายตอนอยู่ที่เกาะน่ะ…กายความจำเสื่อมเพราะอุบัติเหตุ”         
“เขาจำอะไรไม่ได้ เราเลยเรียกเขาว่า‘ซัน’…ชื่อนี้ฉันเป็นคนตั้งเองแหละค่ะ” ซูหลินอธิบายท่าทางภูมิใจนิดๆนั้นน่าเอ็นดู 
ก่อนที่จะได้พูดคุยกันมากกว่านั้นประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก  นายแพทย์สูงวัยก้าวออกมา เท็ดปราดเข้าไปหาก่อนใคร         
“หมอครับ  น้องผมเป็นไงบ้าง?”         
“ก็บอบช้ำมากเหมือนกัน  แต่ก็ไม่มีกระดูกแตกหัก อวัยวะภายในไม่เป็นอะไรมาก  แต่ที่หนักเห็นจะเป็นที่สะโพกคงเพราะโดนกระแทกที่รอยแผลเก่า”         
“แล้วตอนนี้เขาเป็นไงบ้างครับ?”         
“เขาปลอดภัยแล้วครับ แต่คงต้องให้อยู่ดูอาการสักคืนถ้าไม่มีอะไรพรุ่งนี้สายๆก็กลับบ้านได้แล้ว”         
“ผมเข้าไปเยี่ยมได้ไหมครับ?”         
“เชิญครับ”         
“หมอครับ…” ริชเข้าไปคุยกับหมอ ขณะที่เท็ดเข้าไปในห้องฉุกเฉิน 
ราเชลเดินตามริชไปเงียบๆ  ริชไม่มีทีท่าร้อนรนเหมือนเท็ดก็จริง  แต่สีหน้าและแววตาก็ดูวิตกกังวลมาก  หมอยืนยันว่ากายปลอดภัยแล้วแต่ต้องขอเช็คให้ละเอียดอีกครั้ง ริชจึงขอย้ายกายไปห้องพิเศษซึ่งก็ได้รับอนุญาต  ริชเดินนำ
ราเชลเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน ร่างสูงคุกเข่าอยู่ข้างเตียงและคงอยู่ในท่านี้นานแล้ว  บุรุษพยาบาลที่จะเข้ามาเข็นเตียงจึงกระแอมให้เสียง           
“เท็ดเราจะย้ายกายไปห้องพิเศษนะ” ริชเข้าไปพูดกับเท็ดเบาๆเพราะไม่อยากให้รบกวนผู้ป่วยคนอื่นๆ         
“ขอบใจริช” เท็ดหันกลับมาขอบใจแต่สีหน้าของเขาดูเศร้าเหลือเกิน 
ราเชลรู้สึกตื้นในอกเมื่อเห็นสภาพของคนบนเตียง กายในวันนี้ต่างจากกายในอดีตที่เขาเคยเห็น  ใบหน้าที่เคยเนียนใสแตกช้ำ รอยแผลเป็นขนาดใหญ่พาดผ่านจากขมับลงมาจนถึงโหนกแก้มนูนเด่น  แม้จะมีผ้าห่มคลุมอยู่แต่สภาพผ่ายผอมก็ยังเห็นได้ชัดเจน
ริชเม้มปากแน่นในอกคลั่งแค้นและเจ็บปวด ใครก็ตามที่ทำให้กายมีสภาพอย่างนี้เขาจะไม่ปล่อยให้มันลอยนวลแน่         
กายย้ายจากห้องรวมในห้องฉุกเฉินมาอยู่ห้องพิเศษ ทันทีที่บุรุษพยาบาลออกไปเท็ดก็เข้าไปนั่งกุมมือกายอยู่ข้างเตียง  ริชกับราเชลมองหน้ากันอย่างอ่อนใจก่อนจะหันมามองเพื่อนใหม่ที่จ้องมองเท็ดกับกายนิ่งงัน ราเชลขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นรอยเขียวช้ำบนใบหน้ากับรอยถลอกบนหลังมือของซูหลินได้ถนัด         
“เอ๊ะ! คุณซูหลินได้รับบาดเจ็บด้วยหรือครับ?” เสียงอุทานของราเชลทำให้ริชกับเท็ดเหลียวมามองซูหลินพร้อมกัน  เท็ดอึ้งไปอย่างเสียใจที่เขามัวแต่ตื่นเต้นดีใจจนละเลยซูหลิน           
“ผมขอโทษนะซูหลิน  มัวแต่ตื่นเต้นที่ได้เจอกายเลยไม่ได้ดูแลเธอเลย”         
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ โธ่!อย่าทำหน้าตกอกตกใจกันอย่างนั้นสิ ฉันน่ะแข็งแรงจะตาย  แค่นี้สบายมากค่ะ” ซูหลินทำท่าเบ่งกล้ามอวด         
“แต่ผมว่าคุณซูหลินให้หมอตรวจสักหน่อยก็ดีนะครับ เผื่อมีอะไรจะได้แก้ไขทัน”         
“โอ๊ย!ไม่เอาเด็ดขาด ขืนตรวจหมอก็ต้องหาเรื่องฉีดยาฉันแน่ๆไม่ตรวจเด็ดขาด  ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ไม่เป็นไรจริงๆ”         
‘ซูหลินคนเก่งกลัวเข็ม’ ราเชลกับเท็ดสบตากันก่อนจะเหลือบมองริช  นี่ก็อีกคนที่กลัวเข็ม  ริชพยักหน้าหงึกท่าทางเข้าอกเข้าใจกันดี         
“ถ้าเธอว่าไม่เป็นไรก็ไม่ต้องตรวจหรอก  เดี๋ยวไปให้พยาบาลเข้าทำแผลให้ก็ได้  รับรองเขาไม่ฉีดยาแน่”         
“แล้วกัน! แทนที่จะได้ให้หมอตรวจคุณซูหลินดันมาสนับสนุนไม่ให้ตรวจซะอีก  พอเลยริช  ขืนพูดอะไรไม่เข้าท่าอีกผมจะหมอฉีดยาคุณแทนคุณซูหลิน”
ริชหน้าเจื่อน ปล่อยให้ราเชลพาซูหลินออกไปให้หมอตรวจ  ชายหนุ่มเข้าไปตบไหล่เท็ดเบาๆ           
“แล้วจะโทรบอกพ่อกับแม่นายเมื่อไหร่?”         
“พรุ่งนี้เช้า…คงต้องดูอาการกายก่อน  รอให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาค่อยบอก  ขืนพ่อรู้ตอนนี้อาจจะ ช็อกไปง่ายๆ”         
“นายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีไหม?”         
“ไม่ล่ะฉันอยากอยู่กับกายอยากรู้ว่าเขาจะจำฉันได้ไหม เขาอาจจำฉันได้นะริช”
ริชแอบถอนใจ  หากกายจำได้ก็เป็นเรื่องน่ายินดีแต่ถ้ากายจำเท็ดไม่ได้ เท็ดจะเจ็บปวดขนาดไหน เวลาเกือบ7ปีที่เท็ดทุกข์ทรมานอยู่กับอดีตเฝ้าแต่โทษว่าเป็นความผิดของตัวเองนั้นใช่ว่าคนรอบข้างจะไม่รู้ แต่เมื่อเท็ดไม่พูดก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงต้องปล่อยให้เท็ดใช้ชีวิตขมขื่นตลอดมาเพราะเท็ดไม่เคยเปิดใจยอมรับใครเข้ามาอีกเลย       
“ริช…ร้านเสื้อผ้าผู้หญิง  ร้านไหนยังเปิดอยู่บ้างเนี่ย?”  จู่ๆเท็ดก็ถามขึ้นมาเล่นเอาริชงง       
“อะไรนะ…ร้านเสื้อผ้าผู้หญิงเหรอ…นายจะทำอะไร?”         
“ซูหลินเขาเสื้อขาดหมด  นี่ให้ใส่เสื้อฉันอยู่  ว่าจะหาเสื้อผ้าให้เขาใหม่”         
“เสื้อขาด…มิน่าถึงดูแปลกๆนี่มันเกิดอะไรขึ้นบ้างเนี่ย นายเล่ารายละเอียด มาดีกว่า”         
เท็ดเล่าเรื่องที่กายกับซุหลินถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายให้ฟัง  พอดีราเชลกับ
ซูหลินกลับเข้ามาได้ยินเข้าซูหลินจึงเล่ารายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง ริชหน้าร้อนผ่าวด้วยความโกรธ    ทุกคนเหลียวไปมองคนบนเตียงด้วยความสงสารและห่วงใย  เท็ดดึงมือเรียวขึ้นมาจูบทีละนิ้ว  สีหน้าเหมือนใจจะขาดของเท็ดทำริชโมโหมากขึ้น           
“นายจำทะเบียนรถได้ใช่ไหม?”
ทันทีที่ได้ทะเบียนรถริชก็ผลุ่นผลันออกไปจากห้อง ราเชลเหลือบมองตามแม้จะพอรู้ว่าริชต้องเล่นงานคนพวกนั้นแน่แต่คราวนี้ราเชลไม่คิดจะห้าม เพราะสภาพของกาย ไม่ว่าใครที่เห็นก็คงทนไม่ได้กันทั้งนั้น         
“เจฟ…ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วยจัดการหน่อย  ฉันอยากรู้ว่าใครเป็นเจ้าของรถคันนี้…ได้ที่อยู่เมื่อไหร่โทรมาบอกด้วย”         
“จะให้ผมจัดการให้ไหมครับ?”         
“ไม่ฉันจัดการเอง”         
“ครับผม” ริชยิ้มเหี้ยม แน่ใจได้ว่าเจฟฟรี่ต้องจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อย
ชายหนุ่มเดินกลับเข้ามาในห้อง  เท็ดยังนั่งกุมมือกายแน่น ส่วนราเชลก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้จึงเข้าไปโอบไหล่ออกมาให้ห่างเตียงเพื่อไม่ให้ราเชลต้องสะเทือนใจไปมากกว่านี้         
“ที่รักหิวหรือเปล่า?” ริชเกี่ยวปอยผมนิ่มเหน็บข้างหูให้  ราเชลเงยขึ้นหน้าหมอง         
“ไม่ครับ…ริชต่างหากหิวหรือเปล่า?”         
“หิวเหมือนกัน  ออกไปหาอะไรกินกันดีกว่าแล้วจะได้หาเสื้อผ้าใหม่ให้
ซูหลินด้วย”                 
“ตกลงครับ”         
“เท็ดเดี๋ยวฉันกับราเชลจะพาซูหลินออกไปซื้อเสื้อแล้วจะหาอะไรกินด้วย นายเอาอะไรบ้าง?”         
“ไม่ล่ะไปเถอะ ฝากซูหลินด้วยแล้วกัน  ขอโทษนะซูหลินที่ไม่ได้ดูแลเธอเลย”         
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ฉันไม่อยากไปเลยกลัวซันตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอฉันเขาจะตกใจ”         
“คืนนี้กายนอนยาวแน่ครับ หมอฉีดยาให้เขาได้พักเต็มที่คิดว่ากว่าจะตื่นก็คงเป็นพรุ่ง นี้เช้า”         
“แต่…” ซูหลินยังมีท่าทางลังเล ราเชลเลยต้องเกลี้ยกล่อมเอง         
“ไปเถอะครับคุณซูหลิน  ผมว่าคุณก็ควรได้พักสักหน่อย  คืนนี้จะเปลี่ยนกันเฝ้าคุณกายไงครับ”  ราเชลหันมาคะยั้นคะยอจนซูหลินใจอ่อนยอมไปด้วย 
ริชอมยิ้มไม่พูดอะไรเลย  ลองราเชลอ้อนอย่างนี้มีหรือจะไม่สำเร็จ  ขนาดเขายังไม่เคยขัดได้สักครั้ง         
“เดี๋ยวมา”         
“ฮื่อ…ขอบใจริช”
ริชตบไหล่เท็ดเบาๆก่อนจะออกจากห้อง
         ..................................

ราเชลเหลือบมองคนข้างๆเป็นระยะๆ  ตลอดเวลาที่ริชสั่งงานคนของเขาเด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว  หูและตาคอยจับเพียงอากัปกิริยาของคนข้างๆเท่านั่น  ให้อย่างไรความหวั่นไหวกังวลก็ไม่จางหายไป 
กายกลับมาแล้ว....แม้จะอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมปานใด  แต่กายก็เป็นรักแรกของริช  มีหรือที่ริชจะตัดใจได้ง่ายๆ  ขนาดเขาเองโดนริชทำร้ายเสียจนแทบเป็นบ้ากว่าจะฟื้นตัวจนกลับมาเป็นปรกติได้ก็กินเวลาเกือบ4ปี กระนั้นเขาก็ยังให้อภัยและยังรักริชไม่เสื่อมคลาย แต่กายกับริชจากกันทั้งที่ยังผูกพันกันมากมายแล้วริชจะตัดใจได้อย่างไร....
ราเชลเดินไปหยุดยืนมองทัศนียภาพของนิวยอร์คยามค่ำอย่างเลื่อนลอย  หูคอยฟังแต่เสียงของคนข้างหลัง  กระจกโปร่งใสที่กว้างยาวตลอดแนวผนังห้องด้านนี้สะท้อนภาพของริชกระจ่าง  คิ้วเข้มยังขมวดเป็นระยะ  ปากบางเม้มแน่นบางครั้งก็บิดเยาะหยันอย่างพึงพอใจ  มือข้างหนึ่งยังถือโทรศัพท์แนบหูแต่อีกข้างก็เหวี่ยงเสื้อนอกลงบนเตียง  แล้วรูดเนคไทออก   ราเชลหยิบหูฟังไปส่งให้เมื่อเห็นชายหนุ่มวางสายแล้วเริ่มกดเบอร์ใหม่  ริชชะงักเงยขึ้นมองอย่างงุนงงนิดๆ         
“ใช้หูฟังดีกว่าครับ  จะได้ไม่ปวดหูอีก”         
“ประชดเหรอที่รัก?”         
“เปล่าครับ  แต่เห็นคุณใช้โทรศัพท์นานๆทีไรบ่นปวดหูทุกทีนี่ครับ”         
“ล้อเล่นน่า…มานี่มา…อืมวันนี้เหนื่อยจัง” ริชปิดมือถือแล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่หราบนเตียง  ราเชลตามมานั่งข้างๆ         
“ไม่โทรแล้วเหรอครับ?”         
“ไม่โทรดีกว่า”         
“อ้าว!เรื่องสำคัญไม่ใช่เหรอครับ?”         
“ว่าจะโทรถามอาการของกายน่ะ เห็นว่าวันนี้กลับบ้านได้แล้วเลยว่าจะโทรหาเสียหน่อย  แต่นึกอีกที...ไม่ดีกว่า”         
“ทำไมครับ?”         
“ก็…อยากให้เท็ดมีเวลาส่วนตัวบ้าง  อีกอย่างเราก็เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้วพักหน่อยดีกว่า…วันนี้ดูเครียดจัง  มีอะไรเหรอ?”         
“ทำไมถึงคิดว่าผมเครียดละครับ”         
“ก็คิ้วจะผูกกันเป็นโบว์อยู่แล้ว  ไม่รู้ตัวเลยเหรอ?…โกรธหรือเปล่าที่ฉันทำแต่งานแทบไม่มีเวลาให้เลย”         
“ผมไม่ใช่เด็กๆนะครับจะได้ไร้เหตุผลขนาดนั้น”         
“แล้วกังวลอะไร  หรือที่บ้านมีอะไร?”         
“เปล่าครับที่บ้านปกติดี”  ริชผุดลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าเด็กหนุ่มเขม็ง  ราเชลหลบตาวูบแต่ชายหนุ่มเชยคางมนไว้ไม่ให้เบี่ยงหนี         
“เกิดอะไรขึ้นราเชล  ฉันแน่ใจว่าต้องมีอะไรสักอย่าง?”         
“ไม่มีอะไรจริงๆครับ”
ริชหรี่ตาแต่กลับยอมปล่อยเด็กหนุ่มแต่โดยดี         
“ถ้าแน่ใจว่าไม่มีอะไรก็ตามใจ” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนโดยเหนี่ยวร่างบางให้ล้มลงบนอก  ราเชลลูบไล้แผ่นอกกว้างแผ่วเบา  ในใจยังหนักอึ้งเกินกว่าจะหลับได้ลง  แม้จะได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของชายหนุ่มแล้วก็ตาม  เด็กหนุ่มเลื่อนตัวลุกขึ้นท้าวคล่อมร่างหนาไว้  ใบหน้าคมสันยามหลับเหมือนจะถอยวัยกลับไปเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อนคนเก่า 
ราเชลแตะนิ้วบนแก้มสากแผ่วเบา...ให้รักแสนรัก...ให้ริชดีแสนดีอย่างไร  ในใจก็ยังยอกแสยงไม่จาง  ความเจ็บปวดแต่หนหลังยังฝังแน่นอยู่ข้างใน...เป็นแผลเป็นแตะโดนคราใดก็ยังเจ็บปวดไม่หาย  หากการกลับมาของกายครั้งนี้จะทำให้ริชเปลี่ยนใจอีกเล่า...เขาจะเป็นอย่างไร? 
ราเชลกลั้นเสียงไว้ได้แต่น้ำตาร้อนๆไหลพรูลงอาบหน้า  เด็กหนุ่มรีบลุกไปร้องไห้ในห้องน้ำด้วยเกรงจะทำให้ชายหนุ่มรู้ตัว
ริชลืมตาขึ้นทันทีที่ประตูห้องน้ำปิด  ดวงตาคู่คมไร้รอยงัวเงียหากแต่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและครุ่นคิด  ให้อย่างไรราเชลก็ยังระแวงเขาไม่หาย 
นานเท่าไหร่ที่เขาจะรักษาบาดแผลในหัวใจของคนรักได้ คนที่เขารักที่สุดและเคยทำร้ายให้เจ็บช้ำที่สุด  ซอเรนเคยบอกว่าเวลาเท่านั้นที่จะช่วยรักษาบาดแผลในใจของราเชล  แต่อีกนานเท่าไหร่ที่หัวใจดวงน้อยนี้ลืมความทุกข์ทนเสียที
         ..................................

   ราเชลเหลือบมองนาฬิกาเป็นครั้งที่สาม  เกือบบ่ายโมงแล้วแต่ริชยังไม่โทรมา และไม่มีวี่แววว่าจะมารับเขาไปกินมือเที่ยงด้วยกันเหมือนเคย  ราเชลตัดสินใจโทรหาเสียเอง
   “ขอสายริชครับ”
“คุณริชไปโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าแล้วครับ”
“ไปโรงพยาบาล?...ริชเป็นอะไรครับ?”
“อ๋อเปล่าครับ  เจ้านายสบายดี  แต่เห็นว่าคุณกายเข้าโรงพยาบาลอีกแล้ว”
“...งั้นเหรอครับ...ขอบคุณมากครับพีท”
“ยินดีที่ได้รับใช้ครับคุณราเชล”
ราเชลวางโทรศัพท์ลงช้าๆ  คล้ายกับว่าถ้ามีแรงสะเทือนสักนิดร่างกายเขาจะแตกเป็นเสี่ยงๆ  เจ็บ...จนชาไปหมดทั้งใจ  ทั้งๆที่พยายามบอกตัวเองว่าต้องเชื่อมั่นในตัวริช  แต่คราวนี้เขาไม่แน่ใจอีกแล้ว  กายแตกต่างจากผู้หญิงของริช  ต่างกับน้องสาวอย่างฟลอเรน  เพราะรักครั้งแรกนั้น  ไม่สามารถตัดใจได้ง่ายๆแน่
ราเชลจมอยู่กับห้วงทุกข์จนไม่ได้ยินเสียงประตูเปิด  ริชขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจที่เห็นราเชลยืนพิงกระจกเหม่อออกไปข้างนอก
“คิดอะไรอยู่...นี่ร้องไห้นี่  เกิดอะไรขึ้นราเชล  ร้องไห้ทำไม?”
“อะ...ริช...ผม...ตกใจหมด”  ราเชลฝืนยิ้มพยายามเช็ดน้ำตาวุ่นวาย  แต่ริช กลับยึดข้อมือเล็กไว้แน่น
“มีอะไรที่ทำให้เธอทุกข์ขนาดนี้เหรอที่รัก?”
“เปล่าครับ”
“ราเชล”
“ริชครับ...อย่าเพิ่งคาดคั้นผมเลย...ผมเหนื่อย...ขอผมตั้งสติหน่อยนะครับ...แล้วผมจะบอกทุกอย่างที่คุณอยากรู้”
ริชอึ้งไปกับคำตอบ  ท่าทางท้อแท้หมดหวังของราเชลทำให้เขาไม่อยากทำร้ายจิตใจของคนรักมากไปกว่านี้  แต่หากปล่อยไว้ราเชลก็อาจกลับไปป่วยอีกก็ได้
“ราเชลสอบเสร็จแล้วใช่ไหม?”
“ครับ...รอฟังผลเท่านั้น”เพราะป่วยราเชลจึงต้องหันมาเรียนทางอินเตอร์ –
เนต เหมือนกับริช
“งั้นไปเที่ยวกันดีกว่า”
“ครับ” ราเชลรับคำลอยๆ  ไม่ว่าริชอยากพาไปไหนเขาก็ไปทั้งนั้น    อนาคตเขาอาจจะต้องเสียริชไปฉะนั้นตอนนี้ต้องตักตวงช่วงเวลาที่มีริชอยู่ให้มากที่สุด
      ..................................

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
....
ราเชลยิ้มออกเมื่อเห็นสถานที่ที่ริชพามา  บ้านริมทะเลสาบที่แสนคิดถึงนั่นเอง
“ทำไมไม่บอกละครับว่าจะพามาที่นี่  ผมจะได้เตรียมของสดมาทำอาหารกันด้วย”
“ไม่ต้องห่วง เจฟเตรียมไว้ให้เราหมดแล้วละ”
แสงสีส้มยามเย็นสาดส่องทั่วบริเวณและสะท้อนพรายน้ำเป็นประกายสีทองระยับ  ต้นไม้ใบไม้รอบๆกลายเป็นสีส้มและแดงเพราะกำลังย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง
“ที่นี่สวยทุกฤดูจริงๆนะครับ  ตอนหน้าหนาวก็สวยไปอีกแบบ”
“แน่นอน  ให้รางวัลก่อนเร็ว”
“รางวัล?”
“ก็...เลือกสถานที่ได้ถูกใจขนาดนี้ไม่ให้รางวัลหน่อยเหรอ?”
“แหม...ครับ” ราเชลชะโงกไปจูบแก้ม  แต่ริชหันปากมารับ  เด็กหนุ่มชะงักเพียงนิดเดียวก็ยอมเคล้าเคลียปากอุ่นแต่โดยดี  ลิ้นสีชมพูกวาดไล้ริมฝีปากล่างของริชเบาๆ  ก่อนจะสอดเข้าไปในโพรงปากอุ่น  ทันทีที่ลิ้นกระทบกัน  ก็เกาะเกี่ยวดูดดื่มความหวานจากกันและกันหนักหน่วง  ราเชลโหนลำคอแข็งแรงพยุงตัวไว้ขณะทีริช ช่วยช้อนสะโพกกลมขึ้นจนใบหน้าของทั้งคู่เสมอกัน  จูบเร่าร้อนเชียวชาญกว่าเดิมของราเชลทำเอาริชเคลิ้มไปเหมือนกัน  ความตั้งใจเพียงจะออดอ้อนกลายเป็นไฟลุกพรึบขึ้นอย่างรวดเร็ว  และต่างก็รู้ว่าควรดับไฟนั้นอย่างไร
ริชช้อนร่างบางเข้าไปในบ้าน แต่หยุดอยู่ที่ห้องโถงกลาง ราเชลไม่ได้ห้ามเมื่อชายเสื้อถูกดึงออกจากขอบกางเกง แต่กลับช่วยปลดกระดุมออกจากอกกว้าง  และลูบเลยเข้าไปสำรวจกล้ามเนื้อแข็งแน่นภายใน
ริชขบไล้ใบหูนิ่มเบาๆ  ขณะที่ดันเสื้อเชิ้ตขาวออกจากไหล่บาง  ปากเลื่อนมาผนึกกันอีกครั้ง  ราเชลโอบแขนรอบลำคอแข็งแรงทำให้อกเปลือยเบียดกันกระชับ  มืออุ่นลูบไล้แผ่นหลังขาวแผ่วเบาแล้วระลงไปปลดเข็มขัดและกางเกงลง  เสียงใสครางเบาๆเมื่อสะโพกถูกยกขึ้นไถลไปตามกล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งๆ 
“อะ...ริช...ตรงนี้มัน...อืม…” ราเชลอุทานเสียงแผ่ว  เมื่อหลังสัมผัสพรมหนาหน้าเตาผิง  ริชเงยขึ้นสบตา  มืออุ่นลูบไล้ต้นขาขาวและเลยมายังหน้าท้องเรียบเนียน  ดวงตาโตหรี่ปรือเมื่อฝ่ามืออุ่นสอดเข้าไปในขอบกางเกงชั้นใน 
“อะ...อา...” ราเชลอ้าปากหอบหายใจเมื่อแก่นกายถูกกอบกุมและขยับเลื่อนขึ้นลงหนักๆ  มือที่วางอยู่บนอกแข็งรวบยอดอกสีเข้มและจึกทึ้งเบาๆเพื่อระบายอารมณ์  ขณะที่อีกมือเลื่อนลงไปวางทาบบนมืออุ่น  ทุกครั้งที่ริชขยับมือ ปลายนิ้วเรียวก็จะกดเน้นบนหลังมืออุ่นหนักขึ้น  หน้าท้องแบนราบยกเกร็งกระชั้นขึ้นพร้อมๆกับลมหายใจ  เมื่อแรงบีบคั้นในท้องชักมากจนเจียนจะหมดความอดทน  ราเชลก็หยุดมือใหญ่หยาบไว้  พร้อมกับเหนียวไหล่หนาพยุงตัวขึ้น  ปากอิ่มจูบไซ้ไปบนแผงอกกว้าง  และไล้เลียกัดทึ้งยอดอกสีเข้มหนักๆ  ริชคำรามในลำคอเบาๆ  พึงพอใจกับความเสียวซ่านและปฏิกิริยาตอบสนองของคนรัก  เด็กหนุ่มเน้นมือและปากปลุกเร้าเหมือนที่ริชเคยทำให้  ปากนุ่มๆยามลากไล้ไปบนกล้ามเนื้อแข็งให้ความรู้สึกดีเสียจนริชต้องหอบหายใจเบาๆ  ราเชลกัดเม้มกล้ามเนื้อแข็งเป็นลอนบนหน้าท้องแข็งหนักๆ  ขณะปลดเปลื้องกางกางและเข็มขัดออกไป  จุมพิตแผ่วเบาผ่านเนื้อผ้ากลับได้รับ ปฏิกิริยาตอบสนองกลับเด่นชัดเสียจนกางเกงชั้นในแทบปริออก  เสียงหัวเราะใสแผ่วๆกับลมหายใจอุ่นๆที่รินรดอยู่บนแก่นกายทำให้ริชขนลุกซู่อย่างห้ามไม่อยู่  แทบเป็นความทรมานกับการรอคอยให้ราเชลปลดปล่อยเขาเป็นอิสระ 
ราเชลกลั้นหายใจเล็กน้อยเมื่อความกำยำผงาดขึ้นท้าทายทันทีที่ปล่อยเป็นอิสระ  ปากนุ่มครอบลงบนเนื้อร้อนผ่าวอย่างขัดเขิน  แม้จะคับแน่นไปทั้งปาก แต่เสียงครางแผ่วๆของริชก็ชวนให้ลิ้มลองมากขึ้น  เด็กหนุ่มกลืนเนื้อร้อนเต้นตุบๆเข้าไปเรื่อยๆ  บางครั้งก็คายออกและไล้เลียไปรอบๆ  ผิวแห้งและร้อนระอุค่อยๆลื่นและหยาดเยิ้มด้วยน้ำลายและน้ำรักจนชุ่มฉ่ำ  ราเชลกอบกำผิวหยาบแต่นุ่มนิ่มไว้เต็มสองมือขณะครอบปากเข้าออกเป็นจังหวะ 
ริชสูดลมหายใจลึก  ทั้งเคลิบเคลิ้มและมัวมัวกับความหรรษาที่ราเชลมอบให้  และปรารถนาจะตอบแทนให้สาสมเช่นกัน  ชายหนุ่มจูบไซ้จากแผ่นหลังขาวไล่ลงไปหาสะโพกกลมแน่น  ขบฟันลงบนเนื้อนุ่มหนักๆ  ก่อนจะแลบเลียผิวแห้งในซอกแคบ  นิ้วยาวแหวกก้อนเนื้อนุ่มให้แยกออกเพื่อปาดลิ้นไปบนรอยจีบพับแรงๆ  เสียงราเชลครางอู้อี้ด้วยยังมีเขาอยู่เต็มปากสร้างความหฤหรรษ์มากขึ้น  ยิ่งริชถูกไถลิ้นแรงเท่าไหร่จีบซ้อนพับก็ยิ่งบีบแน่นมากขึ้นเท่านั้น  เสียงราเชลหอบหายใจแรงขึ้นแต่ปากก็ยังกลืนกินเขาไม่หยุด  ริชเลื่อนมือไปกอบกุมและขยับเนื้อร้อนผ่าวด้านหน้า  ขณะเดียวกันก็พยายามสอดนิ้วเข้าไปในจีบซ้อนแน่นด้วย 
พอถูกเล้าโลมจากด้านหน้าช่องทางแคบก็เกร็งตัวและคลายออกเป็นจังหวะทำให้ริชสามารถสอดนิ้วเข้าไปจนได้  แม้จะฝืดและแน่นในระยะแรก    แต่ริชก็ช่วยขบเม้มและโลมเลียด้านนอกอยู่ตลอดเวลา  ไม่นานนิ้วก็ลื่นพอจะสอดเข้าไปจนสุดโคนและชักเข้าออกอย่างถูกที่เรียกเสียงครวญครางจากราเชลไม่ขาดปาก 
ราเชลปล่อยเนื้อร้อนผ่าวในปากอย่างยอมจำนน  แรงเสียดสีภายในกับการขยับกระชั้นด้านหน้าเร่งความเสียวกระสันให้ทับทวีจนเจียนใจขาด  เด็กหนุ่มยอมให้ริชช้อนสะโพกขึ้น  นิ้วยาวยังรุกคืบเข้าออกไม่หยุด  แต่ปากก็ครอบครองแก่นกายร้อนโชนของเด็กหนุ่มไว้จนสุด  แรงบีบรัดถี่ๆรอบนิ้วทำให้ริชรู้ว่าอีกไม่นานราเชลจะสิ้นสุดความอดทน  จังหวะของนิ้วและปากจึงเร่งกระชั้น
“ริช...ริช...อ๊า...” ราเชลครวญครางไม่หยุด  สะโพกยกโยกขึ้นหาปากร้อน  มือก็กดศีรษะของริชให้กลืนกินมากขึ้นไปอีก   ในที่สุดแรงบีบคั้นในกายก็ขาดออก  ราเชลกรีดร้องและปลดปล่อยตัวเองเข้าไปในปากร้อนจนหมด 
ริชปล่อยให้เด็กหนุ่มนอนหอบหายใจรวยรินส่วนเขารีบเข้าไปหยิบหลอดเจลในห้องนอนอย่างรีบเร่ง 
แม้จะยังหอบด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่ทันทีที่เจลเย็นๆถูกลูบไล้ภายนอก  ราเชลก็แยกปลายเท้าออกกว้างและพยายามผ่อนคลายยามนิ้วยาวสอดลึกเข้าไปภายใน  ริชเลื่อนตัวขึ้นมาจูบปากนุ่มหนักๆ  ต่างแลกลิ้นกันไม่มีใครยอมแพ้  นิ้วยาวที่ชโลมเจลไว้จนเยิ้มสอดลึกเข้าออกและเพิ่มจำนวนขึ้นทุกที  ราเชลลูบมือไปตามสะโพกแข็งแกร่งและเกาะกุมเนื้อร้อนๆด้านหน้าเพื่อตอบสนองให้ทัดเทียมกัน  เปลือกตาพริ้มปิดสนิทแต่ทุกประสาทกลับตื่นโพลงรับสัมผัส 
ริชท้าวศอกข้างหนึ่งลงข้างตัวเด็กหนุ่มและปล่อยปากช้ำเป็นอิสระเพื่อรุกรานยอด อกสีแดงแทน  แผ่นหลังบางเดาะขึ้นรับเมื่อปากและลิ้นกัดทึ้งและดูดกินยอดทรวงนุ่มจนตึงเขม็ง  ชายหนุ่มถอนมือจากช่องทางแคบเพื่อยกสะโพกกลมให้ลอยขึ้น  ความกำยำแทรกลึกเข้าไปในทางแคบทีละน้อย  ราเชลครางเสียงสั่น...ไม่ว่าจะตื่นตระหนกหรือพึงพอใจแต่ริชก็ลืมไปหมดแล้วเพราะใจจดจ่ออยู่กับความแน่นกระชับรอบกาย  กล้ามเนื้อนับร้อยที่แย่งกันบีบรัดรอบๆเหมือนเชิญชวนและต่อต้านอยู่ในที 
ริชกัดฟันแน่นยามดิ่งกายลึกเข้าไปช้าๆตราบจนแทรกกายได้สุด  ชายหนุ่มถอนหายใจพรู  สะโพกแข็งกดนิ่งเพื่อซึมซับความปรีเปรมยามที่ได้ฝังตัวอยู่ในกล้าม- เนื้อแน่นที่พอดีเสียจนหายใจแรงยังเสียววาบ  ราเชลขยับตัวอย่างทรมาน  การมีริชแทรกเต็มอยู่ภายในโดยไม่ยอมเคลื่อนไหวสร้างความอึดอัดให้ไม่น้อย  และเด็กหนุ่มก็ต้องการให้ริชมอบความสุขให้  สะโพกเล็กส่ายวนไปมาเบาๆอย่างยั่วยวน  ริชคำรามเบาๆ  มือกดตรึงสะโพกกลมไว้ขณะที่ปากก็กัดทึ้งและดูดดึงยอดอกตึงจนสั่นระริก
“ริช...อา...ผมต้องการคุณ...ที่รัก...อือ...ได้โปรด...” ราเชลวิงวอนเสียงกระเส่าและริชก็สนองให้  สะโพกหนาถอดถอนออกแทบสุดแล้วโถมกลับเข้าไป  แรงเสียดสีเสียววาบตลอดหน้าท้อง  ราเชลอุทานเสียงหลงและร้องร่ำไม่หยุด  ทุกครั้งที่
ริชถอนกายออกห่าง เล็บสั้นๆก็จะจิกรั้งสะโพกแข็งให้กลับมา  แรงบีบรัดจนเสียวเสียดไปทั้งท้องทำให้ริชไม่สนรอยข่วนครูดบนสะโพก    ราเชลเกี่ยวปลายเท้าไว้บนลำตัวแข็ง  ขณะที่สองมือก็ไขว่คว้าสะโพกหนาดึงให้โถมเข้าหา  สะโพกบางยกร่อนรับไม่หยุด  ลืมความเจ็บ...ลืมโลก  ปรารถนาเพียงความสุขสมที่กำลังเอ่อทนขึ้นทุกที  เสียงเนื้อกระทบกันกระชั้นเมื่อต่างฝ่ายต่างโถมตัวเข้าหากันระรัว 
“ริช!” ราเชลกรีดเสียงลั่น  เมื่อพุ่งผ่านขีดสุดขึ้นไป  ร่างกายเบาหวิวแล้วดิ่งวูบราวกับตกจากหน้าผา  สะโพกแอ่นขึ้นรับแรงกระแทกและเกร็งค้างไว้  เนื้อตัวสั่นสะท้านด้วยแรงกระทั้นและความอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ 
ริชจ้วงกายลึกแรงยิ่งขึ้นเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย  แรงบีบรัดกระชั้นถี่กับเสียงครางสะท้านของราเชลเร่งให้เขาพุ่งขึ้นถึงขีดสุดเช่นกัน  ชายหนุ่มครางกระเส่าขณะปลดปล่อยเข้าไปในช่องคับแคบเฉพาะตัว  ปรารถนาที่เอ่อท้นทะลักลงเปียกชุ่มทั้งเนื้อตัวและพรมจนโชก ต่างกอดรัดกันแน่นเพื่อซึมซับความสุขสมนี้ไว้ให้นานเท่านาน
แสงสีส้มจากเตาผิงเต้นระริกกระทบแก้มเนียนให้นวลตา   ริชท้าวศอก คร่อมร่างบางไว้  แต่แก่นกายยังฝังลึกอยู่ภายใน  จมูกโด่งเป็นสันสูดดมผมนุ่มหอม และหน้าผากชื้นเหงื่อ จนแตะลงมาบนแก้มตึงก็ชะงักค้างเมื่อสะดุดที่น้ำตาร้อนชื้น
“ร้องไห้ทำไมคนดี...หรือปลื้มที่ฉันเก่ง”  ริชยิ้มค้างเมื่อปฏิกิริยาที่ได้รับผิดกว่าที่คาด  เขาคิดว่าราเชลควรจะเขินอายหรือปฏิเสธ  แต่เด็กหนุ่มกลับร้องไห้หนักขึ้น
ริชค่อยๆถอนตัวออกช้าๆ  แต่ราเชลกลับผวาเข้ากอดเขาแน่นเนื้อตัวสั่นเทาราวกับขวัญเสีย 
“ราเชล...เกิดอะไรขึ้นที่รัก...บอกฉันบ้างได้ไหม  ฉันกลุ้มนะที่เธอเอาแต่ร้องไห้อย่างนี้”
“ผมไม่อยากเสียริชไป  ผมไม่อยากเสียริช” ราเชลร้องไห้โฮ  ยิ่งสุขสมอิ่มเอมในรสรัก  ก็ยิ่งแหนหวงและหวาดกลัวต่อการสูญเสีย
“เธอไม่มีวันเสียฉันไปราเชล  บอกแล้วไงว่าความตายเท่านั้นที่จะแยกฉันจากเธอได้  แล้วกายก็เป็นแค่เพื่อน  เขาไม่เคยเป็นมากกว่านั้น”
“คุณรู้!”
“รู้สิที่รัก  ตั้งแต่กายกลับมาเธอก็เศร้าซึมลงทุกวัน  ราเชล...ฉันไม่อยากให้เธอเก็บเอาเรื่องในอดีตมาคิดมากอีก  ฉันอาจจะเคยชอบกาย  แต่ฉันไม่เคยรักเขาแบบที่รักเธอ  เชื่อไหม...ถ้าจะบอกว่าเธอเป็นรักแรกของฉัน  เป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันทุรนทุรายและฝันร้ายทุกครั้งที่คิดว่าจะเสียเธอไป  ”
“ผมก็รักริช  รักมากแล้วก็เจ็บมากทุกทีที่รู้ว่าริชมีคนอื่น”
“ฉันอาจจะกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้  แต่ฉันสัญญานะราเชล  ว่าฉันจะไม่ทำตัวเลวๆแบบตอนนั้นอีก...ไม่ว่าจะไปทางไหน  ถนนที่ไม่มีเธอเดินด้วย มันเงียบเหงาแล้วก็ว้าเหว่มากเลย  ถ้าต้องเสียเธอไปตอนนี้ฉันคงอยู่ไม่ได้”
“ผมก็เหมือนกัน  ถ้าต้องเสียริชไปให้ผมตายเสียดีกว่า”
“งั้นเราจะอยู่เพื่อกันและกัน  จะเดินไปข้างหน้าด้วยกัน ตกลงไหม?”
“ครับ...ครับ...ผมสัญญา” 
ราเชลสะอื้นตัวโยนแต่น้ำตาที่ไหลเป็นน้ำตาแห่งความสุข  ริชกอดร่างน้อยแน่นกว่าเดิม  นึกขันที่เขาบอกรักแล้วมานอนกอดกันกลมอยู่หน้าเตาผิงนี่เอง
      ..................................
 
ราเชลเดินออกมานอกอาคารด้วยความสดชื่น  การที่ได้รู้ว่าตัวเองเป็นคนสำคัญช่างเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ  หลังจากหนีไปฮันนีมูนอยู่ที่กระท่อมริมทะเลสาบเสีย2 สัปดาห์ ริชก็ถูกตามตัวกลับมาประชุมด่วน
ส่วนราเชลได้รับอนุญาตให้หยุดงานได้อีกวัน จึงตั้งใจจะไปหาซื้อของขวัญวันเกิดให้ฟลอเรน เด็กหนุ่มหันไปยิ้มให้บอร์ดี้การ์ด 2คนที่ยืนอยู่ที่รถ  แต่แล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆเลือนไปเมื่อรู้สึกไม่คุ้นหน้ากับสองคนนี่เลย         
“ไปห้างนะ  ผมจะซื้อของ”
 ราเชลนั่งนิ่งๆมองเหม่ออกไปข้างนอกหลังจากบอกจุดหมายปลายทางแล้ว  เด็กหนุ่มขนลุกเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของสองบอร์ดี้การ์ดที่มองเขม็งอยู่ตลอด เวลา  แต่ก็ยังคงทำเฉยๆเหมือนไม่มีอะไร  จนถึงห้างสรรพสินค้า 
ราเชลเดินไปเรื่อยๆโดยมีทั้งสองคนเดินตามตลอดเวลา  แม้จะไม่ผิดสังเกตแต่การอยู่กับริชมานานก็พอจะซึมซับได้ว่าบรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยอันตราย  เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินไปร้านหนังสือ  เข้าไปเลือกเล่มโน้นเล่มนี้อยู่นาน  แรกๆสองบอร์ดี้การ์ดก็ตามประกบติดๆ  แต่เมื่อนานเข้าก็ค่อยๆทิ้งระยะห่าง 
ราเชลเปิดหนังสือดูไปทีละเล่ม รอจนบอร์ดี้การ์ดเผลอจึงลองกดโทรศัพท์หาเจอร์รี่  จู่ๆหนึ่งในสองก็พรวดพราดเข้ามายืนจนติด  แม้จะรู้สึกกลัวแต่ราเชลก็ทำเพียงหันไปมองนิดหน่อยก่อนจะชวนเจอร์รี่คุยถึงหนังสือเล่มที่ออกใหม่ และคุยสัพเพเหระไปเรื่องเสื้อผ้าเรื่องแฟชั่นหน้าตาเฉย  ดูเหมือนเจอร์รี่เองก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ   เพราะมันไม่ใช่วิสัยของราเชลที่จะชวนคุยเรื่องไร้สาระหรือสนใจแฟชั่น     
“ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนเหรอราเชล?”         
“อ๋อ!อยู่ที่ห้างข้างๆบริษัทริชนี่เอง…นี่ว่าจะหาหนังสือดีๆสักหน่อย แล้วค่อยไปหารองเท้าสักคู่  อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานวันเกิดฟลอเรนแล้ว พรุ่งนี้ว่าจะแวะไปตัดเสื้อผ้าใหม่ด้วย…นี่วันนี้ไม่ว่างเลยเหรอ  ได้มาดูหนังด้วยกันหน่อย” นี่ก็อีกที่ผิดปรกติเพราะราเชลไม่เคยดูภาพยนตร์ตามห้าง         
“นายอยู่ในอันตรายใช่ไหม?”
“ไม่แน่ใจ...แต่เขาว่าเรื่องนี้สนุกมากนะ...ตกลงนายมาใช่ไหม  ฉันจะได้มีเพื่อนดู...ริชเขาติดธุระมาดูกับฉันไม่ได้”
ราเชลพยายามส่งสัญญาณหวังว่าเจอร์รี่จะเข้าใจว่าเขาไม่ต้องการให้ริชมา 
“ฉันจะบอกริชให้ว่านายไม่อยากให้ไป   ตกลงไปรอที่โรงหนังนะ…รอบไหนล่ะ?”       
“บ่ายแล้วกัน”         
“โอเค”
พอราเชลปิดโทรศัพท์  บอร์ดี้การ์ดหน้าใหม่ก็ค่อยๆถอยไปยืนห่างๆอีกครั้ง  ราเชลเลือกหนังสืออย่างใจเย็น  พยายามยืนอยู่ในจุดที่คนพลุกพล่าน  คอยลอบสังเกตบอร์ดี้การ์ดทั้งสองขณะเดียวกันก็แอบชำเลืองดูนอกร้านไปด้วย
เด็กหนุ่มใจหายวาบเมื่อเห็นริช  ชายหนุ่มเดินมากับบอร์ดี้การ์ด2คนเหมือนเคย ราเชลกระวนกระวาย สมองหมุนจี๋หาทางบอกให้ริชรู้ตัว  แต่ดูเหมือนริชจะไม่ได้รู้สึกถึงอันตราย  ชายหนุ่มยิ้มกว้างและคว้าร่างบางเข้าไปจูบแก้มแรงๆ         
“ไหนซื้ออะไรได้บ้าง?”       
 “ริช…”         
“โอ้โห!นี่จะเหมาร้านหนังสือเลยหรือไง  ใจคอจะอ่านหมดนี่เลยเหรอจ๊ะที่รัก”   ริชแซวยิ้มๆเพราะราเชลเลือกหนังสือมาวางไว้กองโต     
“ผม..”         
“ล้อเล่นน่า…ไปหาอะไรทานกันดีกว่า”
ราเชลจำต้องออกเดินตามแรงดึง  ทันที่ออกมานอกร้านเด็กหนุ่มก็แทบสะดุ้งเมื่อมือที่โอบเอวเขาบีบกระชับแล้วคลายออกเป็นจังหวะ  และเมื่อมืออุ่นเลื่อนมาจับมือเขา  วัตถุเย็นเยือกขนาดปากกาก็ถูกสอดประกบไว้ในมือ  นั่นแปลว่าริชรู้ตัวแล้ว
ราเชลได้แต่ปล่อยตัวให้ดูสบายๆเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต ทันที่ถึงห้อง อาหารกัปตันก็ปราดเข้ามาต้อนรับ
“จองไว้หรือเปล่าครับ?”
“ครับ…ริช…”
“สักครู่ครับ…เชิญทางนี้เลยครับ”
ชื่อที่จองดูเหมือนธรรมดาเกินไป แต่เมื่อเจอตัวคนจองโต๊ะก็ถูกเปลี่ยนแบบปัจจุบันทันด่วน  สังเกตได้จากการที่บริกรทำหน้างงๆเมื่อกัปตันนำริชไปยังอีกด้านของห้องอาหาร  โต๊ะฝั่งนี้ค่อนข้างห่างและเป็นส่วนตัวมาก  การประดับตกแต่งก็หรูหราเต็มที่  บอร์ดี้การ์ดทั้ง 4 ถอยออกไปยืนด้านข้างแต่ไม่ไกลเกินกว่าจะได้ยินคำสนทนาของริชและราเชล         
วันนี้ริชเลือกรายการอาหารค่อนข้างพิถีพิถัน  ที่สำคัญเขายื่นเมนูมาชี้ให้
ราเชลดูหลายรายการ  เด็กหนุ่มจ้องมองปลายนี้ยาวที่เคาะไปตามตัวอักษรบนเมนู ‘ห้องน้ำ’
เมื่อริชเลือกไวน์ราเชลจึงขอตัวไปห้องน้ำ  ตอนแรกบอร์ดี้การ์ดจะลุกตามเขาไปทั้งสองคน  แต่เมื่อริชรับโทรศัพท์หนึ่งในสองก็หยุดอยู่ที่เดิม  ราเชลเลี้ยวเข้าประตูห้องน้ำไปเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องน้ำห้องแรกเปิดออก  ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งเดินสวนกับบอร์ดี้การ์ดออกไป
ปึ้ก!! บอร์ดดี้การ์ดร่างใหญ่ทรุดลงกองในทันที  ราเชลหันกลับมาหาคนข้างหลังอย่างยินดี

“เท็ด!”
“ไงเด็กดี…หัวไวเหมือนกันนี่เรา”
“ริชครับ…มีอีก3คนประกบริชอยู่”
“อืม…ไม่เป็นไร  ทางโน้นริชจัดการได้  เราไปกันเถอะ”
“แต่ผมห่วงริช”
“เชื่อมือริชเถอะน่า…ถ้าเราอยู่ริชจะห่วงหน้าพะวงหลัง  เจฟเขาดูแลริชได้น่า”
ชื่อเจฟฟรี่ทำให้ราเชลยิ้มออก ยอมวิ่งตามอาการกึ่งจูงกึ่งลากของหนุ่มร่างใหญ่ไปแต่โดยดี  เท็ดพาราเชลเดินผ่านเข้าไปในครัวหน้าตาเฉย  ทุกคนเหลียวมามองอย่างตกใจ แต่เชพร่างใหญ่กลับเดินสวนไปสั่งงานราวกับคนทั้งสองเป็นอากาศ-ธาตุ ทำให้คนอื่นๆได้แต่มองตามแล้วหันไปก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ         
ราเชลรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเท็ดพาเขาข้ามถนนไปพร้อมๆกับผู้คนจำนวนมาก  ขบวนพาเหรดที่ใกล้เข้ามาทำให้ผู้คนริมถนนหนาแน่นมากขึ้น  แม้เท็ดจะบอกว่าทางริชไม่มีปัญหาแต่เด็กหนุ่มก็อดหันไปดูไม่ได้ 
ริชกำลังออกมาจากร้านอาหารพร้อมๆกับชายร่างท้วมชุดขาว มีคนใส่สูทสีดำประกบติดมา5-6คน  ที่สำคัญ!หนึ่งในนั้นมีทั้งคนที่ตามเขามาจากบริษัทและคนที่เท็ดซัดหมอบที่ห้องน้ำ!     
“เท็ด!ไอ้หมอนั่นมันตามริชมา  กลับไปช่วยริชเร็ว!”     
“ไม่ได้ราเชล…วิ่ง!” ราเชลถูกกระชากจนเกือบล้ม เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อหันไปเห็นชายในชุดดำ2คนกำลังแหวกฝูงชนตรงมาที่เขา  เท็ดดันเขาเข้าไปกับฝูงชนและมีมือคู่หนึ่งปราดเข้ามาล็อคตัวเขาให้เดินไปท่ามกลางคนมากมาย
ราเชลเย็นวาบตลอดตัว เดาได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น  เด็กหนุ่มพยายามดิ้นแต่เจ้าของมือทั้งสองกลับล็อคตัวเขาไว้แน่น         
“ไม่!ปล่อยผม…ผมจะไปช่วยริช…ปล่อยผมสิ…ปล่อย!” ไม่ว่าเขาจะตะโกนดังแค่ไหนแต่เสียงดนตรีจากขบวนพาเหรดก็กลบหมด  ราเชลทั้งดิ้นทั้งสะบัดแต่ไม่มีทีท่าว่ามือที่ล็อคตัวเขาไว้จะคลายง่ายๆ
นานแสนนานในความรู้สึกของเด็กหนุ่มกว่าที่ทั้งสามจะพ้นจากฝูงชนออก- มาได้  ราเชลถูกลากออกมาหยุดที่ร่มไม้ในสวนสาธารณะ ไม่ห่างจากถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากนักแต่เสียงดนตรีก็เบากว่าอยู่ในขบวนมาก  นักท่องเที่ยวตัวเล็กคนตัวใหญ่คนถอดหมวดถอดแว่นออก  ราเชลถึงกับอึ้งเมื่อเห็นหน้าคนทั้งสอง
“เจอร์รี่!ปีเตอร์! พวกนายมาได้ยังไง” เจอร์รี่หันไปมองปีเตอร์ก่อนจะยักไหล่นิดๆ  แต่ไม่มีแววทะเล้นเหมือนเคย  ปีเตอร์หน้าเจื่อนก่อนจะผละไปดื้อๆ
“เจอร์รี่…ทำไมนายลากฉันมา…นายรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”
“เรามีหน้าที่พานายออกมาให้พ้น   ส่วนริชเขาจะจัดการที่เหลือเอง”
“แล้วเจฟล่ะ…ไม่…โอ…พระเจ้า…ริช…” ราเชลเย็นวาบตลอดไขสันหลัง  เมื่อสำนึกได้ว่าเท็ดโกหกเขา  ไม่มีเจฟ  ไม่มีใครทั้งนั้น คนทั้งหมดที่อยู่กับริชเป็นคน ของศัตรูทั้งสิ้น  เท็ดมีหน้าที่กันเขาออกมาให้พ้น  และเท็ดคงย้อนกลับไปช่วยริช
“ไม่…ปล่อยฉันนะเจอร์รี่…ฉันจะไปช่วยริช…ปล่อย…บอกให้ปล่อยไง”
“เร็วปีเตอร์” ปีเตอร์วิ่งกลับมายึดราเชลไว้อีกคน  รถสปอร์ตสีดำปิดประทุนวิ่งปราดเข้ามาเทียบ  ราเชลถูกดันขึ้นไปโดยมีเจอร์รี่ประกบไว้ส่วนปีเตอร์นั่งหน้าคู่คนขับ
ราเชลทั้งร้องทั้งอาระวาดแต่ไม่มีใครสนใจ  ทุกคนทำเฉยขณะที่คนขับเปิดวิทยุจนสุดแล้วเร่งความเร็วรถขึ้นไปอีก 

…………..

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
....
ราเชลทั้งดิ้นทั้งร้องจนหมดแรง  มือทั้งสองข้างเจ็บระบมจากการที่ทุบเบาะเพื่อขอให้จอด เด็กหนุ่มพิงศีรษะกับเบาะ  จ้องมองออกไปนอกรถด้วยหัวใจที่รุ่มร้อนได้เต่สวดภาวะนาให้ริชปลอดภัย เด็กหนุ่มจมอยู่ในความคิดสับสนทุรนทุรายจนไม่ได้สังเกตสิ่งใด นาน…ช้า…กว่าที่เขาจะสังเกตว่ารถแล่นออกจากตัวเมืองเข้าสู่เขตชนบท  สองข้างทางเป็นไร่นาและสวนเป็นระยะ 
“พวกนายจะพาฉันไปไหน?”
“เดี๋ยวก็รู้น่า…พักก่อนเถอะนายเครียดมากนี่…ใจเย็นๆเพื่อน  พวกเราเป็นเพื่อนนายนะ ยังไงความปลอดภัยของนายก็สำคัญที่สุด” เจอร์รี่ปลอบเบาๆ
“ถ้านายเป็นเพื่อนเรานายต้องปล่อยให้เราไปช่วยริช…ชีวิตเรามันไม่สำคัญเลยถ้าเทียบกับความปลอดภัยของริช…นายเข้าใจไหม?”
“เราเข้าใจ…นายต่างหากที่ไม่เข้าใจ”
“เราไม่เข้าใจอะไร?”
“นายไม่เข้าใจเหรอว่าริชก็คิดเหมือนนายเขาถึงได้พยายามกันนายออกมา  หากเรื่องราวมันเกินควบคุมเขาก็ยังอุ่นใจว่านายปลอดภัย  ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังนะ”
“แล้วนายจะปล่อยให้ริชกำลังตกอยู่ในอันตรายตามลำพังงั้นเหรอ?”
“เท็ดก็อยู่…เขาไม่ปล่อยให้ริชเป็นอะไรหรอกน่า”
“แต่แค่สองคน…พวกมันตั้งกี่คน…เรากลับไปช่วยริชกันเถอะนะเจอร์รี่…นะปีเตอร์…ได้โปรด…”
“ใครบอกว่าแค่ริชกับเท็ดสองคน  ตอนนี้เจฟฟรี่รู้เรื่องแล้วเขาต้องจัดการทุกอย่างได้แน่…เลิกกังวลเถอะราเชลยังไงเดนเซลก็ไม่ปล่อยให้เพื่อนซี้เขาเป็นอะไรหรอกน่า”
คนขับที่นั่งเงียบมาตลอดตะโกนสวนขึ้นมาลอยๆ  ราเชลหันขวับไปพบกับรอยยิ้มอ่อนโยนและเข้าใจจากคนข้างหน้า         
“ลอว์ลี่!”         
“ดีใจที่ได้เจอนายอีก…ฟาร์มกามเทพ ยินดีต้อนรับ” ประโยคหลังลอว์ลี่พูดพร้อมกับเปิดประทุนออกช้าๆ  สายลมเย็นพัดหอบเอากลิ่นหญ้าอ่อนมาปะทะใบหน้า  ราเชลลุกขึ้นนั่งตัวตรงมองไปรอบๆอย่างประหลาดใจ  รถแล่นผ่านทุ่งหญ้ากว้างเข้าสู่ดงไม้ร่มครึ้มแน่นหนาเลี้ยววกวนอยู่หลายเที่ยวกว่าจะโผล่มาสู่ถนนกว้างที่ตรงเข้าสู่คฤหาสน์หลังงาม  ร่างสูงใหญ่คุ้นตายืนรอรับอยู่แล้ว  ทันที่รถจอดลอว์ลี่ก็กระโดดจากรถเข้าสู่อ้อมแขนของเดนเซล         
“เราทำสำเร็จ…เห็นไหมราเชลปลอดภัยแล้ว”         
“เด็กบ้า!นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะเกิดพลาดมาจะทำยังไง?”         
“แต่เราไม่พลาดนี่…เราช่วยราเชลได้ปลอดภัยแถมยังเร็วกว่าคนของเจฟด้วยซ้ำ”         
“ยังจะมาคุยอีก…ดีนะว่าคนของเจฟจำพวกเธอได้ ไม่งั้นได้โดนเป่าแน่…ทีหลังอย่าทำอะไรโดยพละการอย่างนี้อีกรู้ไหม?”
ลอว์ลี่ทำปากยื่นอย่างแสนงอนแต่แล้วก็กลับยิ้มหวานและคลอเคลียเดนเซลเหมือนลูกแมว  ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาปนเอ็นดู  ราเชลมองคนทั้งสองอยู่นานแม้จะเดาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้ตั้งแต่เห็นลอว์ลี่โผไปกอดเดนเซลแล้ว แต่ที่ไม่เข้าใจคือทั้งคู่เคยทะเลาะกันถึงขนาดที่ลอว์ลี่ต้องถูกหามส่งโรงพยาบาล แล้วทำไมกลายมาเป็นคู่รักหวานแหววไปเสียได้  เดนเซลหันมายิ้มปลอบโยนให้ราเชล         
“พักก่อนนะ…เรื่องริชไม่ต้องห่วง พวกเราไม่มีใครยอมให้ริชเป็นอะไรแน่ๆวางใจเถอะ”         
“เกิดอะไรขึ้นครับ…ทำไมจู่ๆถึงมีคนปองร้ายริช”         
“ผลประโยชน์!” เดนเซลทำเสียงขึ้นจมูกอย่างชิงชัง         
“ใครกันครับที่จะได้ผลประโยชน์จากเรื่องนี้”         
“คนของเราน่ะรู้ตัวแล้วแต่คนที่หนุนหลังอยู่นี่สิยังไม่แน่ใจ”         
“คนของเรา…ใครครับ?”       
“เหลียง…”         
“ไม่จริง…เป็นไปไม่ได้”         
“เหลียงเป็นคนรับพวกนั้นเข้ามาและหายตัวไปตั้งแต่เมื่อวานติดต่อไม่ได้”         
“แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นคนร้ายนี่ครับ…เหลียงอยู่กับริชกับเจฟมานานจนเป็นเหมือนคนในครอบครัวไปแล้ว”         
“เงินน่ะทำให้พี่น้องแท้ๆฆ่ากันตายมาเยอะแล้ว”         
“แต่เหลียงได้จากตระกูลแฮมิลตันเยอะนะครับ..ทั้งเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง  แล้วยังมีหุ้นอีก”         
“ถ้าคนเรารู้จักพอจะโลกทุกวันนี้คงไม่วุ่นวายอย่างนี้หรอกราเชล”         
“ผมไม่อยากเชื่อ…แต่…ถ้าเป็นเหลียง…ริชแย่แน่” ราเชลครางเสียงสั่นด้วยความกลัว  หากเจฟฟรี่เป็นมือขวา เหลียงก็เป็นเสมือนมือซ้ายของริช  แล้วอย่างนี้ริชจะเป็นอย่างไร         
“ผมทนไม่ไหวแล้ว…ขอผมไปหาริชเถอะครับ…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้ผมได้อยู่กับริช”         
“เธอคือจุดอ่อนที่สุดของริช…ถ้าพวกมันได้ตัวเธอไว้ก็เท่ากับปิดประตูรอดของริช เลยเชียวล่ะ”         
“แล้วจะให้ผมนั่งฟังข่าวอยู่อย่างนี้เหรอครับ?”         
“เธอต้องทนราเชลถ้าอยากให้ริชรอด!”เดนเซลตะคอกอย่างเหลืออด ราเชล หยุดกึก หน้าเผือดขาวและค่อยๆทรุดลงคุกเข่ากับพื้น  เดนเซลเองก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขาใช้อารมณ์มากไป         
“ขอโทษนะราเชลที่ตะคอกเธอ…พวกเราไม่มีใครปล่อยให้ริชเป็นอันตรายหรอก”         
ราเชลหลับตาลงใบหน้าซีดขาวนั้นเต็มไปด้วยความทรมาน  ก่อนจะลืมตาแห้งผากขึ้นมองเดนเซลอีกครั้ง         
“ผมต้องทำอะไรบ้างครับ?”         
“รอ…เราทำอะไรไม่ได้หรอกราเชลนอกจากรอ”
ราเชลพยักหน้าช้าๆ  ดวงตาคู่งามแห้งผากเลื่อนลอยไปไกล เจอร์รี่ปราดเข้ามาประคองเพื่อนไปนั่งพักที่โซฟา  ราเชลจ้องมองไม้กางเขนนิ่งนาน         
‘พระเจ้า…ครั้งหนึ่งผมเคยขอให้ตัวเองไกลแสนไกลจากเขา…แต่ตอนนี้ผมขอเปลี่ยนคำขอได้ไหมครับ…ขอให้ผมได้อยู่กับเขาจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต…แม้ที่นั่นจะเป็นนรกอเวจีก็ตาม’
คนของเจฟฟรี่เริ่มทยอยเข้ามาที่บ้านของเดนเซล…เกือบทุกคนจะแวะเวียนมาดูนายน้อยด้วยความเป็นห่วงโดยเฉพาะคนที่คุ้นเคยกับราเชลมักจะเข้ามาดูบ่อยๆ…แม้จะไม่มีวี่แววของเหลียงแต่ราเชลก็เชื่อมั่นว่าเหลียงไม่ใช่คนทรยศ 
      ..................................
       
ริชโล่งอกเมื่อได้รับสัญญาณว่าราเชลปลอดภัยจากใบมิ้นส์บนขอบจาน  พร้อมๆกับที่ประตูร้านเปิดเข้ามา  ร่างสูงแต่ค่อนข้างท้วมในชุดสูทหรูหราสีขาวทั้งชุดเดินเข้ามาช้าๆโดยมีบอร์ดี้การ์ดครึ่งโหลตามประกบเข้ามา  แม้ใบหน้าอูมสะอาดนั้นจะเกลื่อนด้วยรอยยิ้มแต่รังสีอัมหิตก็แผ่ซ่านจนสัมผัสได้  คนในร้านต่างหันมามองและส่วนใหญ่จะรีบเช็คบิลด้วยแน่ใจว่าอาจจะเกิดเรื่องเร็วๆนี้         
“แปลกใจจังที่เจอคุณที่นี่”         
“สบายดีหรือเปล่าหลานรัก” 
เกลเซอร์ยิ้มเย็นอย่างสะใจ  เขาเพียรพยายามลอบฆ่าราฟและคนในครอบครัวหลายปี  แต่ตอนนี้เขามีอำนาจและอิทธิพลหนุนหลังแกร่งพอที่จะไม่ต้องหลบๆซ่อนๆอีกแล้ว       
“ก็ถ้าไม่ต้องคอยตามเช็ดตามล้างของเน่าๆที่คุณทำไว้ก็คงจะสบายดีกว่านี้ครับ”         
“เจอทีไรก็ปากเสียเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ”         
“ผมก็เป็นของผมอย่างนี้มานานแล้วนี่ครับ…หรือเกิดจะทนไม่ได้ขึ้นมาวันนี้”         
“ใช่และฉันก็เตรียมคนสอนมารยาทในการพูดกับญาติผู้ใหญ่แบบสุภาพชนไว้ให้แกแล้ว”         
“ก็ดีครับ…แต่หวังว่าคงจะเป็นคนละคนกับที่อบรมคุณนะครับ…เพราะถ้าอบรมแล้วยังสำรากได้ต่ำอย่างนี้คงไม่ไหว”         
“ไอ้ริช…กำแหงกับฉันมากไปแล้ว…เงาหัวไม่มีแล้วยังไม่เจียมอีก…วันนี้ฉันจะทำให้แกคลานมากราบตีนฉันให้ได้”
ริชยกมือขึ้นอุดจมูกและปัดๆในอากาศด้วยท่าทางรังเกียจ  ลิ่วล้อคนหนึ่งปราดจะเข้ามากระชากคอเสื้อเขาเพื่อเอาใจนายแต่กลับถูกชายหนุ่มถีบเก้าอี้พุ่งเข้าสกัดจนล้มคว่ำไปทั้งคนทั้งเก้าอี้           
“แก!” นายตาลุกวาบขณะที่ลูกน้องกระชากปืนออกมาจ้องเข้าหาชายหนุ่มพร้อมกันพรึ่บ เสียงหวีดร้องอย่างตื่นตระหนกของคนในร้านทำให้คนเป็นนายได้สติรีบหันไปตวาดเบาๆให้ลูกน้องเก็บปืน         
“ลุกขึ้นริช…อย่าให้ต้องใช้กำลัง”
ริชยักไหล่แต่ผุดลุกขึ้นช้าๆอย่างเกียจคร้าน  คนเป็นนายหันรีหันขวางอย่างหงุดหงิด         
“คู่ขามันหายไปไหน?”         
“ไปห้องน้ำครับ”         
“ตายคาห้องน้ำแล้วมั้งป่านนี้ยังไม่มา”
ลูกน้องคนหนึ่งวิ่งปราดไปดู  ครู่หนึ่งก็กลับมาพร้อมกับร่างเปียกมะล่อกมะแลกของคนที่ตามไปเฝ้าราเชล         
“ทำไม?”         
“มีคนช่วยมันไปครับ”         
“ไอ้สวะ…งานนี้แกต้องรับผิดชอบ…ไปกลับ”
คนของเกลเซอร์เบียดประกบริชไว้ตรงกลาง ส่วนที่เหลือต่างทยอยออกจากร้านอาหารออกมาขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าร้าน
ริชยังคงนิ่งแต่ในใจกำลังคำนวณสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ  ชายหนุ่มพิงศีรษะกับพนักและหลับดื้อๆ ทิ้งให้คนรอบข้างนั่งเกร็งระวังตัวแจกันไปตลอดทาง 
      ..................................
         
ราเชลเปิดประตูออกมาหลังจากเข้าไปหมกตัวอยู่นาน  คนของเจฟและเดนเซลทำหน้าเลิกลั่ก  หลายคนพยายามจะซ่อนอาวุธบนโต๊ะ  แต่เนื่องจากกองอยู่จำนวลมากขนาดนั้นซ่อนอย่างไรก็คงไม่ทัน  เดนเซลลุกมาหาเด็กหนุ่มอย่างกังวล         
“ผมขอไปด้วยได้ไหมครับ…สัญญาว่าจะไม่เกะกะกีดขวางการทำงานของทุกคน  ให้อยู่ตรงไหนผมก็จะอยู่”
“คงไม่ได้หรอก  ครั้งนี้อันตรายมาก…ฉันกำลังจะเข้าไปบอกให้เธอเก็บของไปอยู่กับอาลินดาชั่วคราว จนกว่าเรื่องยุ่งๆนี่จะจบ”         
“แต่ผมห่วงริช…นะครับขอผมไปด้วยคน”         
“เสียใจราเชล  คราวนี้เรื่องมันรุนแรงกว่าที่คิด  ฉันว่าเธอกลับไปรอริชที่บ้านดีกว่า”
ราเชลนั่งนิ่ง  ดวงตาแห้งผากด้วยความกดดันที่สะสมมาหลายชั่วโมง  เด็กหนุ่มเหลือบมองบอร์ดี้การ์ดและคนของเดนเซล  สายตาทุกคู่จับจ้องมายังเขาอย่างเห็นใจ  ราเชลเห็นแววเครียดและมุ่งมั่นของทุกคน  เด็กหนุ่มไตร่ตรองเงียบอยู่ครู่ใหญ่จึงผุดลุกขึ้นกลับเข้าห้อง  เดนเซลเดินตามมาด้วยความเป็นห่วง
“…เอ่อ…ความจริง…ถ้าจะไปก็…ก็ได้นะ…แต่ว่า…”
ราเชลหันกลับยิ้มเศร้าๆ  เป็นครั้งแรกที่เห็นคนจริงจังแบบเดนเซลติดอ่าง  คงเพราะลำบากใจที่จะให้เขาไปด้วย         
“ไม่ละครับ…ผมจะกลับไปอยู่กับคุณย่าสักพัก…ที่นั่นน่าจะช่วยให้ผมดีขึ้น”
เดนเซลยิ้มออก  สีหน้าเครียดขมึงคลายลง         
“ได้ข่าวยังไงแล้วเราจะติดต่อไปนะราเชล”       
“ขอบคุณครับ  ไม่ต้องห่วงผมนะครับ  เมืองที่ผมอยู่ไม่พลุกพล่านเหมือนที่นี่ หากใครแปลกปลอมเข้าไปก็รู้ได้เร็ว  อีกอย่างคนที่ฟาร์มของเท็ดก็คอยมาดูแลให้อยู่แล้ว”   
ราเชลยืนมองทุกคนทยอยกันออกไปจากฟาร์ม  เขาเองก็ต้องกลับไปอยู่กับบ้านเช่นกัน  ‘พระเจ้าครับ...ขอเพียงให้ริชปลอดภัย หากต้องแลกด้วยชีวิต ผมก็ยินดี’
      ..................................     

แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ  :z13:


รอตอนจบนะคะเร็วๆนี้พร้อมตอนพิเศษ
 :pig4:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
จะจบแล้ว  o22 แต่ก็นะ ไม่มีมุขให้เล่นแล้วนิ เริ่มจะรำคาญหนูราเชลขึ้นมานิดๆ แล้ววุ้น

รออ่านต่อนะจ๊ะ  :L2: :L2:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
ใกล้จะจบแล้ว
ตอนนี้ชวนให้อยากรู้ว่า พรรคพวกจะไปช่วยริชได้ยังไง
แล้วกายจำเท็ดไ้ด้มั้ยเนี่ย
ขอบคุณคนโพสมากค่ะ บวก 1 แต้มนะคะ

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
ใกล้จบแล้ว...
ช่วยบอกที เรื่องนี้จะจบอย่างแฮปปี้ใช่ไหม
 :monkeysad:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
กำ จะจบแล้วหรอเนี่ย

เอิ๊กกกกกกก

ขอบคุณที่มาต่อนะครับ

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
  เรื่องทั้งยาวทั้ง :m25: แต่ราเชลระแวงเสียจนไม่มีความสุขรึเปล่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อิตาริช จะโดนลุ้นจนเละม่ะ เดี๋ยวใช้การไม่ได้พอดี 5555  :m20:
ว่าแต่วันนี้จะได้อ่านตอนจบ + ตอนพิเศษมั้ยค่ะ แอบตื่นเต้นนะเนี่ย
แวะมารอเรื่องนี้ทู้กกกกวันเลย  :-[

ปล. คู่เท็ดกะกาย กับ คู่ริชกะราเชล คู่ไหนเจอเรื่องเลวร้ายกว่ากันเนี่ย

sunflower

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ได้เข้าบอร์ดมานานเข้ามาก็เจอนิยายของคุณใบปอเลย  :mc4:

เคยอ่านแต่ เท็ด-กาย หาเรื่องของ ราเชล-ริชมานาน

ในที่สุดก็ได้อ่านสักที  :impress3:

ฝากบอกคุณใบปอนะคะว่าแต่งได้ดีมาก และจะรออ่านเรื่องอื่นๆ ต่อนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
THIP : ขอบคุณที่ติดตามมาโดยตลอดนะคะ
namtaan : ขอบคุณมากคะ
@BUA@ : ลองลุ้นดูซิคะว่าจบยังไง
zandwizz : ขอบคุณที่ติดตามเช่นกันคะ
 M@nfaNG : ราเชลเคยถูกทิ้งมาก่อนย่อมหวาดระแวงเป็นธรรมดาคะ
dahlia  : เดี๋ยวก็ได้ลุ้นคู่ของเท็ดกับกายแล้วคะในเรื่องหน้า
sunflower : เป็นแฟนคลับคุณใบปอแน่เลยคะ นอกจากริช-ราเชล / เท็ด-กาย คุณใบปอยังแต่งอีกเรื่องนะคะ เป็นนิยายที่มีตัวละครที่ผูกพันกัน 3 เรื่องคะ แล้วจะทยอยนำมาลงคะ

ขอบคุณที่ติดตามทุกๆคนเลยคะ มาอ่านกันต่อเลยคะ
...............
42ชั่วโมงพอดีที่ริชถูกพาขึ้นรถลงเรือให้วุ่นไปหมด เพื่อกันคนของเขาติดตาม  สุดท้ายเขาถูกพาขึ้นเครื่องบินเล็กแล้วพามาที่โกดังร้างแห่งหนึ่ง ริชบิดตัวอย่างเมื่อยขบ  ทันทีที่เขาขยับตัว ลิ่วล้อของเกลเซอร์ก็สะดุ้งเฮือกมือก็ล้วงเข้าไปในอกเสื้อกันทุกคน  ริชหมั่นเขี้ยวขณะที่ถูกกุมตัวให้เดินไปตามทางเดินรกๆด้านหลังตึกใหญ่ ริชก็แกล้งให้ลิ่วล้อเหล่านั้นผวาไปตลอดทาง  บางครั้งก็ก้มลงดึงเศษหญ้าออกจากร้องเท้าดื้อๆ  เหล่าสมุนของเกลเซอร์ต้องผวาตามจนอ่อนแรงกันไปหมดกว่าที่จะนำชายหนุ่มไปถึงตึกร้างได้ 
“ฮะๆ...อุตส่าห์พาฉันขึ้นรถลงเรือไปจนรอบ  สุดท้ายพามาที่นี่เนี่ยนะ  คิดได้ไงเนี่ย  ตื้นชะมัด”
“เชอะ!คนของแกมันนึกไม่ถึงหรอกว่านายจะเอาแกมาเชือดอยู่ใต้จมูกพวกมันนี่เอง  ไอ้เจฟมันส่งคนไปตามที่อื่นให้พล่านหมดแล้ว”
“แกคิดว่าเจฟมีสมองเท่านายแกหรือไง?”
“หุบปากไปเลย  นายคอยแกนานเกินไปแล้ว”     
เกลเซอร์นั่งคอยหน้าบึ้งอยู่ก่อนแล้ว  ดูเหมือนจะเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมพรัก ลูกสมุนยืนเรียงรายกันเป็นสิบ  แต่คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเกลเซอร์ต่างหากที่เรียกความสนใจจากริชได้ชะงัด เกลเซอร์ยิ้มกว้างมองตามสายตาริชไปข้างหลังและเย้ยด้วยเสียงดังอย่างสะใจ         
“จะไม่ทักทายลูกน้องคนใหม่ของฉันหน่อยเหรอริช…เหลียงมาอยู่กับฉันได้เกือบปีแล้ว  หลังๆนี่แกถึงหลบคนของฉันไม่ค่อยพ้นยังไงล่ะ”       
ริชหัวเราะก้อง ท่าทางไม่ครั่นคร้ามของเขาสร้างความหงุดหงิดปนหวาด -หวั่นให้แก่เกลเซอร์จนนั่งไม่ติด           
“กลัวจนเป็นบ้าไปแล้วหรือไงริช?”         
“ใครกันแน่ที่กลัว…ฉันว่าเสียงแกมันสั่นๆนะเกลเซอร์”       
“หุบปากแล้วเอาดิสค์มาให้ฉัน” เกลเซอร์ตวาดลั่น 
ริชยิ้มเย็นล้วงเข้าไปในอกเสื้อ ลูกน้องของเกลเซอร์ยกปืนขึ้นจ้องอย่างระมัดระวัง
นิ้วยาวคีบซองใส่แผ่นดิสค์เล็กจิ๋วร่อนลงกลางโต๊ะ  ลูกน้องของเกลเซอร์ปราดเข้าไปหยิบแล้วออกไปจากห้อง ครู่เดียวก็กลับเข้ามากระซิบที่หู
เกลเซอร์หัวเราะร่าอย่างโล่งอก  หลักฐานการค้ายาเสพติดของเขาถูกคนของริชแฮกเกอร์ไปได้  โชคดีที่เขาไหวตัวทันใช้ครอบครัวของเหลียงเป็นตัวประกัน
เหลียงจึงยอมเป็นสายให้         
“อย่างนี้ค่อยน่าปราณีหน่อย  เอาเถอะฉันสัญญาว่าแกจะตายไม่ทรมานมากนัก  แล้วฉันส่งไอ้คู่ขาแกลงไปจ้ำจี้กันต่อในนรก”         
“งั้นเหรอ…ฉันว่าแกต่างหากที่ควรหาคนลงไปเป็นเพื่อน” ริชตอบยิ้มๆ
เกลเซอร์ชะงักเมื่อวัตถุเย็นเฉียบกดแนบที่ศีรษะ  ลูกน้องทำท่าจะยกปืนขึ้นแต่ปากกระบอกเย็นเฉียบเบื้องหลังทำให้พวกมันยอมโยนปืนลงอย่างง่ายดาย         
“มาช้าจังนะเท็ด” ริชกระโดดลุกขึ้นบิดตัวอย่างเมื่อยขบ
เท็ดเป่าลมจากปากอย่างหมั่นไส้มาดของคุณชาย  ริชเดินไปหยุดยืนจนใกล้เกลเซอร์และยิ้มเยาะเมื่อคนของเขาเอาแผ่นดิสต์กลับมาคืนให้
“สุดท้ายมันก็กลับมาอยู่กับฉัน…อ้อ!แล้วก็ขอบใจที่ช่วยจ่ายเงินเดือนให้
เหลียงมาตั้งหลายเดือน ประหยัดเงินของฉันไปเยอะเลย”
ริชตบบ่าเกลเซอร์เบาๆก่อนจะเดินผิวปากออกไป  เกลเซอร์กัดกรามกรอดแต่ปืนที่จ่ออยู่ที่ศีรษะทำให้ไม่กล้าขยับ สมุนของเกลเซอร์ถูกต้อนไปมัดรวมกันทางหนึ่งส่วนเกลเซอร์พิเศษกว่าหน่อยตรงที่ถูกใส่กุญแจมือแยกไว้ต่างหาก  ริชต่อโทรศัพท์หาสหายสนิทของบิดาเพื่อให้มารับตัวเกลเซอร์พร้อมหลักฐานที่เขามี
“นายส่งข่าวให้เดนเซลรู้หรือยัง?”
“ว่าจะย่องไปเซอร์ไพร์ทหมอนั่นเสียหน่อย”
“ระวังเดนเซลจะเอาลูกปืนต้อนรับเพราะไม่รู้ว่าเป็นนาย”
“โด่โทรไปบอกก็ได้…อ้าวแบตหมด  เท็ดยืมโทรศัพท์หน่อยสิ”
“นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบพก”
“อ้าว!แล้วกายไม่บ่นเอาเหรอเวลาตามตัวไม่เจอ”
“กายรู้หรอกน่าว่าฉันไม่ได้ไปไถลที่ไหนเหมือนนาย”
“เฮ้ย!ฉันไม่เคยไปไถลที่ไหนนะ”
ริชอุทานพร้อมกับเหลียวมองรอบตัว แต่พอนึกได้ว่าราเชลไม่ได้มาด้วยก็ชะงักไป เท็ดหัวเราะก๊ากอย่างขบขันทำให้หน้าคร้ามๆแดงด้วยความอาย
“ขำอะไรนักหนา?”
“ขำคนเก่ง…โธ่เอ๊ยริช! นึกว่าจะแน่ที่แท้ก็กลัวราเชลแทบตายแล้ว”
“หยุดพูดไปเลย ใครว่าฉันกลัว ฉันแค่ไม่อยากให้ราเชลเขาไม่สบายใจก็แค่นั้นแหละ”       
“จริงอะ?”         
 ริชหน้าบึ้งเดินลิ่วออกมาที่รถโดยมีเท็ดวิ่งเดินมาติดๆ  รถสปอร์ตของเขาจอดอยู่ที่ลานด้านนอก  กุญแจยังคาอยู่ที่รถ ริชโดดขึ้นรถขับออกมาโดยมีเท็ดนั่งเคียงมาด้วย           
“ทางโน้นว่าไงบ้าง?”   เท็ดถามขณะที่ดึงเข็มขัดนิรภัยไปคาดเพื่อความปลอดภัย  ด้วยรู้ฝีมือขับรถของริชดี     
“ชีครามิลกำลังจัดการอยู่”         
“ชีครามิล…คนนี้หรือเปล่าที่แจ็คหลงรักอยู่?”         
“ใช่…ดูเหมือนตอนที่ฉันมาจะมีเรื่องยุ่งๆอยู่เหมือนกัน”         
“ทำไม?”         
“ฉันกับชีครามิลทำเป็นสนิทสนมกันเพื่อให้พวกมันเคลื่อนไหว  ซึ่งก็ได้ผล  แต่แจ็คไม่รู้เรื่องนี้เลยหึงจนน่ามืด”         
“แล้วทำไมนายไม่บอกแจ็คล่ะ”         
“มีโอกาสที่ไหน  พวกมันคอยประกบแจออกอย่างนั้น แต่ชีครามิลคง
อธิบายเองแหละ”ริชตอบพร้อมกับจอดรถที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ
“ขอบใจนะว่าจะโทรหากายอยู่พอดี” เท็ดโดดลงไปก่อนหน้าตาเฉย  ริช แยกเขี้ยวตามหลังแต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรนัก  ไม่นานเท็ดก็ออกมาและส่งการ์ดให้
“เอ้า…ให้ยืม”
“ขอบใจ” ริชรับการ์ดรีบกดไปหาราเชลด้วยความคิดถึง  เสียงสัญญาณดังจนตัดไปหลายครั้งแต่ไม่มีคนรับสาย  คิ้วเข้มขมวดอย่างกังวล
“เอ…ราเชลเอาโทรศัพท์ไปไว้ที่ไหน?” ชายหนุ่มตัดสินใจโทรหาเดนเซล
“ฉันเอง”
“ริช!ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?”
“อยู่ที่ถนนเข้าโกดังร้างของคุณอาสุดที่รัก”
“นายปลอดภัยดีใช่ไหม…อีกสักครู่คนของเจฟคงไปถึงที่นั่น”
“เฮ้ย!ไม่มีอะไรแล้วน่า…ราเชลเป็นไงบ้าง?”         
“ราเชลกลับอยู่กับย่าที่บ้าน”         
“มิน่าโทรเท่าไหร่ก็ไม่มีคนรับสาย…ขอบใจมากเดนเซลเดี๋ยวฉันขอโทรหาราเชลก่อน”
         ..................................

เจ้าเมฆขาวห้อสุดตัวอย่างร่าเริง  ด้วยนานหนักหนาแล้วที่ไม่มีใครพามันออกมาวิ่งอย่างนี้  ราเชลปล่อยให้มันควบตามใจชอบ  สายลมเย็นบาดผิวหน้าจนชาแต่ไม่ได้ทำให้ความร้อนรนในใจลดลง   ไม่มีการติดต่อกลับมาของเดนเซล  ทุกคนเงียบหายกันไปหมดแม้แต่เท็ด 
เมื่อคืนกายโทรมาหาเขา บอกว่าสถานการณ์ยังไม่คืบหน้า  ราเชลอดทึ่งไม่ได้ที่กายไม่ปริปากอะไรเลย เงียบสงบอยู่ได้ทั้งที่เท็ดก็ขาดการติดต่อไปพร้อมๆกับริช  ราเชลยอมรับว่าตัวเองทำไม่ได้เหมือนกาย  แต่ที่ไม่ได้แสดงอะไรออกมาก็เพราะไม่อยากให้คุณย่ากังวลไปด้วย  ท่าทางท่านดีใจมากที่เขากลับมา
แมททิวโบกมือให้อย่างร่าเริงเมื่อเห็นเขากับเจ้าเมฆขาว  สีหน้าดีใจสุดขีดของชายหนุ่มบอกให้รู้ว่าคงเพิ่งโดนเจอร์รี่เล่นงานมาหนักแน่ๆ  ราเชลฝืนยิ้มให้เมื่อแมททิวปราดเข้ามารับบังเหียนไปจากเขา         
“ราเชล…คุยให้หน่อยนะ…ท่าทางเขายังใจแข็งอยู่เลย”
ราเชลเหลือบมองไปที่ศาลาน้ำชากลางสวน  คุณย่าของเขานั่งดูอะไรบางอย่างสนใจโดยมีเจอร์รี่กำลังอธิบายจ้อยๆ
เด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้จึงเห็นว่าเจอร์รี่กำลังวางไพ่ใบสุดท้ายลง  สีหน้าของคุณย่าดูสดใสแถมยังหัวเราะนิดๆอีก  หากเป็นเมื่อก่อนคุณย่าคงเอ็ดตะโรไปแล้วว่าไร้สาระ  นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์หนักๆขึ้นหลายครั้งติดๆกัน  ดูเหมือนคุณย่าจะเปลี่ยนไปมาก         
“มาพอดี…ดวงคุณย่าดีมากเลยนะราเชล  นายไม่สนใจจะดูบ้างเหรอ?”
เจอร์รี่ทักทายยิ้มแย้ม  เพราะตกลงกันไว้แล้วว่าจะไม่แพร่งพรายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้คนนอกรู้  แต่เจอร์รี่ก็ตามมาคอยดูแล เพื่อไม่ให้ราเชลคิดมากจนเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง         
“ไม่ละ…มีคนอื่นอยากดูกว่าฉันอีก  ทำไมนายไม่ดูให้ล่ะ”         
“ไม่เห็นมีใครอยากดูนี่”         
“มีคร๊าบ…ผมอยากดู  ดูให้ผมหน่อยนะ” แมททิวปราดเข้ามานั่งแปะตรงหน้า  แต่เจอร์รี่มองเมินเขาเป็นอากาศธาตุ  ทำให้แมททิวหน้าเจื่อนไปทันที       
“คุณย่าครับพอดีผมเพิ่งนึกได้ว่านัดเพื่อนๆไว้  ขอตัวกลับก่อนนะครับ”         
“อ้าว!จะกลับแล้วเหรอ  แล้วจะกลับยังไงล่ะ  ให้คนที่บ้านไปส่งไหม?”         
“ไม่เป็นไรครับผมไปส่งเอง” แมททิวรีบอาสา         
“ผมให้ปีเตอร์มารับแล้วครับคุณย่า  เรากลับก่อนนะราเชล”
แมททิวรีบลุกขึ้นวิ่งตามไปติดๆ  คุณย่ามองตามงงๆก่อนจะหันมาหาราเชล         
“วันนี้มีของว่างหลายอย่างนะ…ไอ้หน้าตาแปลกๆนี่ของเจอร์รี่กับแมททิว”         
“ขอแต่ชาดีกว่าครับ…สองคนนั้นมานานแล้วเหรอครับ?”         
“เจอร์รี่มาก่อน สักประเดี๋ยวแมททิวก็ตามมา  พ่อคนนี้แกก็อดทนดี  เป็นคนอื่นโดนเมินขนาดนี้คงเลิกตื้อไปแล้ว”         
“ครับ  เจอร์รี่เขาใจแข็ง  เขายอมยกโทษให้ลอว์ลี่เพราะลอว์ลี่เป็นน้อง  แต่คงไม่ยกโทษให้แมททิวง่ายๆ”         
“แล้วลอว์ลี่เขาหายไปไหนล่ะ…ไม่เห็นหน้ามาตั้งแต่ราเชลป่วยได้ละมัง”         
“ตอนนี้เขาย้ายไปอยู่กับคนรักที่ฟาร์มครับ…”
ราเชลเงียบไปเมื่อเอ่ยถึงคนรักของลอว์ลี่  เดนเซลไม่ส่งข่าวให้เขารู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง  เด็กหนุ่มนั่งเหม่อจนไม่รู้ว่าย่าลุกออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่  หากสาวใช้ไม่มาตามให้ไปรับประทานอาหารเย็นเขาคงนั่งอยู่อย่างนั้นอีกนาน         
เสียงฝนฟ้าคะนองภายนอกลอดเข้ามาแว่วๆ อากาศเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับ- อากาศแต่ราเชลก็ยังพลิกกระสับกระส่ายอยู่จนดึก 
เสียงบางอย่างดังแว่วๆ  ราเชลตะแคงหูฟังอยู่นานกว่าจะรู้ว่าเป็นเสียงโทรศัพท์  ราเชลกดรับเข้ามาที่เครื่องของเขาด้วยไม่อยากให้รบกวนคนอื่น         
“สวัสดีครับ”
“.....”
“…สวัสดีครับ…นั่นใครครับ…ถ้าไม่พูดผมจะวางหูแล้วนะครับ”         
“….เชล…ผม…ไหม….”   เสียงอู้อี้ถูกกลบด้วยเสียงแทรกซ่าจนฟังไม่รู้เรื่อง     
“ผมไม่ได้ยินที่คุณพูดเลย…พูดดังหน่อยครับ”         
“…ราเชล…ผมเอง….ไป…ผมจะรอที่นั่น”         
“ใครน่ะ…ริช!…ริชใช่ไหม…ริชผมไม่ได้ยินเสียงคุณ…ริช!”         
“…ไปรอที่บ้านของเรา แค่นี้นะ…”
“ริช!”  โครม!!   
ราเชลตะลึงได้ยินเสียงเท็ดตะโกนก่อนจะได้ยินเสียงดังสนั่นลอดเข้ามาในโทรศัพท์และสัญญาณก็ตัดไป  เด็กหนุ่มเดินวนเวียนรอโทรศัพท์อยู่นานแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าริชจะโทรมาอีก 
‘เกิดอะไรขึ้นกับริชหรือเปล่า?’
ราเชลนึกทบทวนคำพูดของริช…ริชให้เขาไปรอที่บ้าน ‘บ้านของเรา’ ไม่ใช่ที่บ้านบิดามารดาหรือที่คอนโดแน่ๆ  ที่ๆเป็นบ้านสำหรับเขามีที่เดียว  ราเชลผลุนผลันไปเปิดตู้เสื้อผ้า คว้าเสื้อกางเกงยัดใส่กระเป๋าลวกๆ  ไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าเป็นชุดอะไร  เด็กหนุ่มกวาดของหน้ากระจกและในห้องน้ำใส่กระเป๋าใบเล็กแล้วยัดลงกระเป๋าเดินทางอีกที คว้ากุญแจรถแล้ววิ่งลงไปยังโรงจอด  ราเชลพุ่งรถออกอย่างรวดเร็วจนยามที่เฝ้าแทบเปิดประตูรั้วให้ไม่ทัน
เสียงสัญญาณมือถือดังกรุ๋งกริ๋งทำให้เด็กหนุ่มเพิ่งรู้ตัวว่าลืมโทรศัพท์ไว้ในรถ  ราเชลควานแฮนฟรีมาใส่หู         
“ครับ”         
“ราเชลริชติดต่อไปหรือยัง?”         
“เพิ่งติดต่อมาเมื่อครู่ครับ…คุณกายอยู่ที่ไหน?”         
“ผมอยู่ที่บ้านริมบึง…มาที่นี่เลยนะ”         
“ครับ”
ราเชลแทบร้องไห้ด้วยความดีใจ  อีกไม่นานเขาจะได้เจอริชแล้ว ทั้งที่สภาพอากาศข้างนอกย่ำแย่ด้วยพายุและฝนฟ้าคะนองแต่ราเชลฮัมเพลงอย่างแสนสุขไปตลอดทาง   
ฝนเพิ่งซาเม็ดไปเมื่อราเชลไปถึงบ้านหลังเล็กริมทะเลสาบ ไฟในบ้านเปิดสว่าง  ร่างสูงเพรียวยืนรอรับอยู่หน้าบ้าน  ราเชลรีบลงจากรถด้วยความยินดี         
“ริชละครับ?”         
“ผมกำลังรอพวกเขาอยู่เหมือนกัน  เมื่อคืนเท็ดโทรหาผมให้มารอที่นี่ผมก็เลยโทรไปบอกราเชล  แต่ติดต่อไม่ได้  โทรเข้าไปที่บ้านก็แทบไม่มีเสียงสัญญาณเพราะพายุ  โชคดีที่ติดต่อได้  แล้วนี่ราเชลมากับใคร?”         
“ผมมาคนเดียวครับ  พอได้รับโทรศัพท์ริชก็รีบมาเลย...นึกว่าริชมาถึงแล้วเสียอีก” ราเชลยกนาฬิกาขึ้นดู  เกือบ 6 ชั่วโมงกว่าจะมาถึงบ้านริมทะเลสาบ  แสดงว่าริชคงอยู่ไกลมากถึงยังมาไม่ถึง         
“แล้วบอกคุณย่าหรือยัง?”         
“ยังครับ…ผมรีบจนลืม  มัวแต่ดีใจที่ริชโทรมา”         
“งั้นเข้าไปข้างในกันเถอะ โทรไปหาคุณย่าเสียก่อน  ป่านนี้คงรู้แล้วว่าราเชลออกมา คงกำลังเป็นห่วงกันแน่ๆ”         
“ไว้เช้าค่อยโทรไปไม่ดีกว่าเหรอ?” เสียงท้วงเบาๆมาจากร่างสูงใหญ่ที่ยืนคอยอยู่หน้าประตู  กายหันไปตอบเครียดๆ
“ต้องบอกเลยครับ...นี่ก็…ตี5กว่าแล้ว...ป่านนี้ยามคงโทรไปบอกแล้วว่า
ราเชลออกมา ถ้าท่านไม่รู้ว่าไปไหนท่านจะกังวล  ราเชลนี่ลุงรอน…คนรักของริชครับรอน”         
“สวัสดีครับ”         
“ยินดีที่ได้พบ  เข้าไปข้างในกันดีกว่า ข้างนอกไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่”
ราเชลเดินตามกายเข้าไปในบ้านโดยมีรอนเดินรั้งท้าย  กลิ่นอาหารหอมฟุ้งลอยมาต้อนรับ  ร่างบางเล็กยกถาดใบโตออกมาวางกลางโต๊ะ         
“ยินดีต้อนรับหนูน้อย  นี่เป็นของรับขวัญของฉันกับรอนนะ”           
“นี่พ่อทูนหัวของผม”  กายแนะนำยิ้มๆ  ราเชลรีบเข้าไปจับมือทักทาย       
“สวัสดีครับ”         
“น่าเราคนกันเอง…ถึงจะเช้าไปหน่อยแต่ฉันเตรียมอาหารไว้ให้พวกเธอแล้ว  ความจริงฉันก็แค่อุ่นมาให้  แต่รอนเป็นคนทำ”         
“ขอบคุณมากครับ…ทุกคนดีกับผมมากเลย”         
“ไม่ต้องห่วงนะ  อีกสักครู่พวกนั้นคงมาถึง” 
ราเชลมองตามพ่อทูนหัวของกายอย่างทึ่งๆ  ผู้ชายคนนี้ทำอะไรรวดเร็วไปเสียหมดจนเวียนหัว  แถมยังใจร้อนและขี้โมโห  ผิดกันกับลุงรอน ผู้ชายตัวโตเหมือนตึกแต่ใจเย็นเหมือนน้ำแข็ง  มักมีรอยยิ้มนิดๆอยู่ตลอดเวลา 
แต่เมื่อเวลาผ่านไปจากสายเป็นบ่าย  ทุกคนก็เริ่มกังวลแม้แต่ลุงรอนก็ยิ้มไม่ออก         
“ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่ถึงกันอีก…น่าจะมาถึงแล้วนะ”โรเจอร์โยนรีโมทโทรทัศน์อย่างหงุดหงิด 
โทรทัศน์เครื่องนี้เพิ่งถูกติดตั้งตอนที่ราเชลมาพักที่นี่บ่อยๆ  ริชติดเคเบิ้ลให้เพื่อให้ราเชลไม่เหงาเกินไป โรเจอร์เปิดๆปิดๆมันมาพักใหญ่ๆแล้ว  แต่ก็แทบไม่สนใจภาพในจอ 
หลังจากหมุนไปหมุนมาอยู่พักใหญ่โรเจอร์ก็คว้ารีโมทมากดอีก  ภาพเหตุการณ์ไฟไหม้อาคารร้างนอกเมืองแต่กลับมีคนติดอยู่ภายในเรียกร้องความสนใจของทุกคนได้เล็กน้อย  ราเชลมองภาพแต่หูกลับคอยฟังเสียงรถจากภายนอกมากกว่า         
ภาพข่าวตัดกลับมาที่ถนนสายหนึ่ง  แสงไฟจากรถตำรวจวูบวาบ  ขณะที่ผู้ประกาศชายยืนบังรถซากคันหนึ่ง  ข้างตู้โทรศัพท์ที่พังยับเยิน ราเชลมองรถคนนั้นอยู่นานก่อนจะทะลึ่งพรวดขึ้นทั้งตัว         
“เขาโทรหาผม...เขาบอกให้ผมมาที่นี่...แล้ว...ไม่ริช...ไม่นะ...ไม่จริง”
โรเจอร์หน้าซีดเผือดขณะฟังรายงานจากข่าว  กายเองก็หน้าไม่มีสีเลือดเช่นกัน  แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา  ผู้ประกาศยืนยันว่าพบชายสองคนในซากรถที่ไหม้เกรียม  ขนาดและรูปพรรณสัณฐานใกล้เคียงกับริชและเท็ด
“ไม่!ริช…โอริช!…พระเจ้า!…ไม่!”
ราเชลผวาออกไปที่ประตูแต่กายคว้าตัวไว้ได้ เด็กหนุ่มสะบัดหลุด แต่ติดที่รอน  มือใหญ่คว้าไหล่เขาไว้และลากกลับมายังโซฟากลางห้องอีกครั้งราเชลแผดเสียงโหยหวนพยายามจะดิ้นเพื่อจะไปหาริช  แต่รอนยึดไว้แน่นไม่นานเด็กหนุ่มก็ฟุบลงหมดสติ
      ..................................

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
.............

ซอเรนมองตามร่างบางที่แทบปลิวไปกับลมด้วยความผ่ายผอม  เกือบสองเดือนมาแล้วที่ราเชลแทบไม่แตะอาหารเลย  นับจากวันที่ทราบข่าวการตายของคนรักจนถึงวันนี้ราเชลก็แทบไม่พูดอะไรเลย    ตอนแรกทุกคนพากันโล่งใจที่ราเชลไม่กลับคลุ้มคลั่งอาระวาด  แต่เมื่อเวลาผ่านไปการเงียบเฉยของเด็กหนุ่มกลับน่ากลัวยิ่งกว่า 
อีกคนที่อาการน่าเป็นห่วงคือกาย พอลลิ่ง เด็กหนุ่มคนนั้นมีอาการแตกต่างกับราเชลอย่างสิ้นเชิง  ตอนไปรับศพที่ไหม้จนมองไม่ออก เด็กหนุ่มก็ล้มฟาดลงข้างเตียง  แต่เมื่อฟื้นขึ้นมากายกลับสดใสร่าเริง  ไม่พูดไม่เอ่ยอะไรถึงอุบัติเหตุ กลับพูดคุยราวกับเท็ดยังมีชีวิตอยู่  ทุกคนได้แต่สงสารแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรเพราะนอกจากอาการเหล่านี้กายไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ  เมื่อเด็กหนุ่มขอไปรับการผ่าตัดสะโพกครั้งที่สองที่เยอรมันจึงไม่มีใครค้าน นอกจากมารดาจะตามไปด้วยเท่านั้น         
ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมดเมื่อริชตาย หลักฐานที่จะมัดตัวเกรเซอร์ก็ไม่มี และเกลเซอร์ก็ไม่โง่พอที่จะเข้ามายุ่งกับทุกคนในครอบครัวของริชด้วยรู้ว่าตำรวจจับตาดูอยู่  เรื่องจึงเงียบหายเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง
ราเชลออกจากโรงพยาบาลก็ย้ายมาอยู่ที่กระท่อมริมบึงนี่เป็นการถาวร  แรกๆทั้งย่าและเพื่อนๆต่างก็แวะเวียนมาเยี่ยมไม่ได้ขาด  แต่เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มปกติดีจึงค่อยๆหายหน้ากันไป  เหลือเพียงย่าที่มาอาทิตย์ละครั้งเท่านั้น
ดูเหมือนราเชลจะไม่ได้เดือดร้อนใจแต่อย่างใด  เด็กหนุ่มชอบทำอะไรคนเดียวเงียบๆ จนบางวันก็แทบไม่ได้พูดกับซอเรนด้วยซ้ำแต่ชายหนุ่มก็ยังอดทนมาหาทุกวัน  เวลาของราเชลหมดไปกับการทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆเดินลัดเลาะไปตามริมทะเลสาบ  แรกๆซอเรนก็กลัวว่าเด็กหนุ่มจะคิดสั้นแต่เมื่อสังเกตดูก็พบว่าราเชลไม่ได้มีความคิดแบบนั้นแน่ก็สบายใจขึ้น         
ราเชลลอบมองคนที่เดินตามห่างๆด้วยความไม่สบายใจ  เขารู้ว่าซอเรนห่วง แต่เขาไม่ต้องการ  เด็กหนุ่มรู้ดีว่าเขาอยู่ที่นี่เพื่ออะไร... ราเชลกำลังรอ  เขาแน่ใจว่าริชต้องกลับมา  แม้ผลการชันสูตรจะยืนยันว่าศพที่พบเป็นศพของริชก็ตาม 
แต่ราเชลเชื่อลางสังหรณ์ของตัวเอง  เขาแน่ใจว่าริชยังไม่ตาย  และริชต้องกลับมา  ราเชลเชื่อในปาฏิหาริย์เสมอ  ขนาดกายหายไปเกือบ7ปีก็ยังกลับมาหาเท็ดได้  แล้วริชเพิ่งหายไปไม่กี่สัปดาห์จะให้เขาเชื่อว่าริชตายนั้นเขายอมรับไม่ได้
ราเชลขมวดคิ้ว ไม่แน่ใจว่าตาเขาฝาดไปหรือเปล่าแต่เขาเห็นสุนัขวิ่งอยู่ริมบึงฝั่งตรงข้าม  หรือว่าเจ้าของบ้านหลังนั้นกลับมาจากต่างประเทศแล้ว  ราเชลเพ่งมองเมื่อสังเกตเห็นเงาวูบวาบ       
“ราเชลกลับกันเถอะครับ” เสียงที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้ราเชลสะดุ้ง  เขาหันกลับมาเจอหน้าเจื่อนๆของหมอ         
“ขอโทษทีผมไม่คิดว่าคุณกำลังเพลินอยู่เลยเรียก  ดูอะไรอยู่ครับ?”         
“ไม่มีอะไรหรอกครับหมอ…กลับก็ได้ครับ” ราเชลเหลือบมองบ้านนั้นอย่างเสียดาย  เงาวูบวาบที่เห็นหายไปแล้ว  สงสัยเจ้าของบ้านนั้นคงกลับมาหรือไม่ก็คงจ้างคนมาตกแต่งซ่อมแซมบ้าน เด็กหนุ่มละความสนใจเดินกลับบ้านพร้อมหมอ         
ทันที่มื้อค่ำผ่านไปก็มีโทรศัพท์ตามตัวซอเรนจากโรงพยาบาล  แม้จะค่อนข้างห่วงราเชลแต่หมอก็จำต้องรีบไป         
“ปิดประตูล็อคเลยนะ  ไม่ต้องไปส่งผมที่รถ  แล้วถ้ามีอะไรก็โทรหาผมทันทีเข้าใจนะ”         
“ครับ…หมอไปเถอะผมอยู่ได้”
ซอเรนออกมาขึ้นรถด้วยความกังวล  ไม่ค่อยสบายใจนักที่ต้องทิ้งให้ราเชลอยู่คนเดียว แต่เมื่อมองไปทางคอกม้าก็เห็นร่างสูงๆซึ่งคงจะเป็นลุงไมค์ซอเรนก็รีบตะโกนบอก         
“ฝากราเชลด้วยนะครับ” ลุงไมค์โบกมือตอบ  ซอเรนขับรถออกไปด้วยความสบายใจกว่าเดิม
เสียงเพลงแผ่วหวานที่ดังขึ้นกลางดึกปลุกให้ราเชลตื่นขึ้นมาด้วยความแปลกใจ  ครั้งแรกที่ได้ยินนั้นนึกว่ากำลังฝัน  แต่เมื่อฟังจนแน่ใจเด็กหนุ่มก็อดลุกขึ้นไปมองหาที่มาไม่ได้  กระท่อมหลังเล็กของลุงไมค์ยังเปิดไฟสว่าง  ราเชลมองอย่างแปลกใจเมื่อแน่ใจว่าเพลงที่ได้ยินดังมาจากที่นั่น เพิ่งรู้ว่าลุงไมค์ก็เป่าเม้าท์ออแกนด์ได้เพราะจับใจ  ราเชลเปิดหน้าต่างออกกว้าง   ขึ้นไปนั่งนขอบหน้าต่างฟังเพลงอย่างสบายใจ  เสียงเพลงไพเราะค่อยๆเบาลงและเมื่อเพลงใหม่ดังขึ้น ราเชลก็สะท้านไปทั้งตัว  น้ำตาอุ่นๆไหลลงมาช้าๆ  เมื่อได้ยินเสียงเพลงที่คุ้นหู       
“ริช…คุณอยู่ที่ไหน…เมื่อไหร่คุณจะกลับมาหาผมเสียที”
ราเชลหลับตาลง ปล่อยใจบอบช้ำให้ลอยไปหาอดีตอันวันชื่นนับจากครั้งแรกที่ได้สบตาริชจนถึงคืนวันที่ได้อยู่ด้วยกันที่นี่  เด็กหนุ่มมัวจมอยู่กับอดีตจนไม่ได้สังเกตว่าเสียงเพลงดังใกล้เข้ามาทุกทีจนกระทั้งเสียงเพลงหยุดลง
ราเชลลืมตาขึ้น  สิ่งแรกที่เห็นคือดวงตาวาววามที่เป็นประกายล้อแสงไฟแรงต่ำข้างหน้าต่าง           
“ริช…ไม่…เห็นภาพลวงตาอีกแล้ว…” ราเชลหลับตาลงและร้องไห้ด้วยความปวดร้าว  เขาไม่เคยบอกหมอว่าเห็นภาพหลอนของริชอยู่บ่อยๆ           
“ภาพลวงตาจูบเธอไม่ได้หรอกที่รัก” เสียงกระซิบอ่อนโยนตามด้วยลมหายใจร้อนๆริดรดหน้าผาก  ราเชลผวาทั้งตัวเด็กหนุ่มเบิกตากว้างจ้องคนตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง         
“…ริช!…พระเจ้าผมไม่ได้ฝันไป  ริชนี่คุณจริงๆใช่ไหม?” ราเชลละล่ำละลักออกมาหลังจากอึ้งอยู่นานกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ  เด็กหนุ่มโผเข้าหาอ้อมแขนกว้างที่โอบรัดและดึงร่างบางออกมานอกหน้าต่าง         
“ริชๆๆ…ใช่คุณจริงๆนี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม…ผมไม่ได้เห็นภาพลวงตาใช่ไหม…คุณกลับมาแล้วจริงๆ คุณทำตามสัญญา  คุณบอกแล้วว่าจะไม่ทิ้งผมอีก…ริช” ราเชลพร่ำพูดปนสะอื้น สองมือลูบไล้ไปทั่วใบหน้าคล้ำกร้าน         
“ที่รัก…ฉันกลับมาอยู่กับเธอแล้ว  ฉันไม่ใช่ภาพลวงตา เธอไม่เคยเห็นภาพลวงตาหรอกนะราเชล  ทุกครั้งเธอเห็นฉันจริงๆนะ…อ้อยกเว้นในฝัน นั่นก็ฝันถึงฉันอยู่ดี”         
“หมายความว่ายังไง?”       
“ฉันอยู่ใกล้ๆเธอตลอดเวลานั่นแหละที่รัก  แต่ที่ไม่ได้มาหาเพราะมันจำเป็นหากพวกมันรู้ว่าฉันยังไม่ตาย พวกมันต้องหาทางเอาตัวเธอไปต่อรองแน่…ครอบครัวเธอก็ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
ราเชลได้แต่อึ้งริชเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง           
“เกลเซอร์เป็นทั้งญาติและหุ้นส่วนบริษัทที่เอเซีย  เขายักยอกเงินบริษัทไปหลายร้อยล้านเพื่อไปเป็นทุนค้ายาเสพติด คนในบริษัทส่วนใหญ่เป็นคนของเขา  เรื่องคงไม่แดงหากเขาไม่หันไปโกงหุ้นส่วนรายใหญ่ของบริษัทใหม่ของฉัน  ทางนั้นตรวจสอบเงียบมากและติดต่อมาคุยกับฉันโดยตรง  ฉันถึงได้หลักฐานการโกงของเขา  ฉันกับเท็ดเข้าไปสืบจนเกือบได้เรื่องอยู่แล้ว มาพลาดที่เลขาของหุ้นส่วนดันเป็นคนของเกลเซอร์  ทางโน้นเลยซ้อนแผนโดยเอาคนของเข้ามาแทรกซึม  รู้ไหมใคร?”
ราเชลได้แต่ส่ายหน้า ไม่กล้าเดา เพราะเท่าที่รู้คนของริชส่วนใหญ่อยู่มาตั้งแต่ริชยังเด็ก         
“คนรักของเหลียง  เหลียงไม่รู้ตัวเลยกระทั่งครอบครัวตกอยู่ในอันตราย  เขาลอบส่งข่าวบอกเท็ดแล้วยังแทรกซึมฝ่ายนั้นให้จนกระทั่งเท็ดช่วยครอบครัวเขาได้ 
เหลียงเลยทำเป็นล่อให้ฉันไปติดกับ เราเกือบจับมันได้อยู่แล้ว แต่ตำรวจท้องที่ที่เป็นคนของพวกปล่อยให้มันหนีได้  พวกมันเลยเผาโกดังทำลายหลักฐาน แล้วฆ่าคนของเราไปหลายคน  แถมยังส่งคนตามมาฆ่าฉันกับเท็ด ดีว่าเหลียงตามมาช่วยทัน เราเลยซ้อนแผนแต่งศพคนของพวกมันหลอกให้มันคิดว่าฆ่าได้สำเร็จ”         
“แต่ผลการชันสูตรก็ยืนยันว่าเป็นศพที่ไหม้เกรียมนั่นเป็นคุณกับคุณเท็ดนี่ครับ”         
“คนของหุ้นส่วนฉันเขามีทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญ  เขาทำการตกแต่งฟันศพให้เหมือนกับฉันและเท็ด  อีกอย่างหมอชันสูตรก็เป็นคนของเรา  ตรวจกี่ครั้งผลก็เป็นไปตามที่เราสั่งทั้งนั้น” 
“แต่หลักฐานที่คุณมีก็เอาผิดพวกมันได้  ไม่เห็นต้องเสี่ยงขนาดนั้น”
“แค่ที่แฮกเกอร์มามันไม่พอที่จะเอาตัวเกลเซอร์เข้าคุกหรอกนะ  อย่างมากก็พวกปลาซิวปลาสร้อยที่เกลเซอร์จะบังคับให้มาเป็นแพะรับบาปเท่านั้น”       
“แล้วทำไมคุณไม่บอกผมสักคำ?”         
“ขอโทษที่รัก  ฉันไม่กล้าปรากฏตัวเกรงว่าจะพลาดให้พวกมันไหวตัว  แต่ผลก็คุ้มค่านะตอนนี้พวกมันโดนจับข้อหาขนยาเสพติดล็อตใหญ่  งานนี้ได้ตัวทั้งแก็งค์เพราะเกลเซอร์ประมาทที่ใช้เรือของตัวเองขนยา คงกะถอนทุนคืนเพราะของล๊อตที่แล้วถูกเผาทำลายหลักฐานไปหมด  งานนี้ตำรวจสากลคงไม่ปล่อยให้หลุดง่ายๆ  เส้นสายที่จะวิ่งเต้นก็ไม่มี  อีกอย่างพ่อลงเล่นด้วยตัวเองคงไม่มีใครกล้ายื่นมือมาจัดการให้อีกแล้ว”         
ราเชลจ้องมองหน้าคร้ามที่คล้ำและผอมลงกว่าเดิมมาก เด็กหนุ่มลูบไล้ใบหน้าระคายด้วยหนวดอย่างอ่อนโยน ถอนใจยาวแล้วซบหน้ากับอกอุ่นอย่างโล่งใจ
ริชประคองกอดคนรักไว้แนบแน่น  ราเชลผอมเหลือเกิน  เพราะเขาที่ทำให้เด็กหนุ่มต้องทุกข์ใจครั้งแล้วครั้งเล่า         
“ขอโทษนะที่รัก  ฉันผิดสัญญาอีกแล้ว…ทั้งๆที่เคยพูดว่าจะไม่ทำให้เธอทุกข์ใจอีก  แต่วันนี้เธอก็ต้องร้องไห้เพราะฉันอีกแล้ว…หากต้องการให้ฉันทำอะไรฉันก็ยินดีทั้งนั้น  ขอแค่เธอให้โอกาสฉันอีกครั้ง  ต่อจากนี้ไปฉันจะไม่ทำให้เธอเจ็บอีก”         
“ผมไม่ต้องการหรอกริช  ผมจะขอจากคุณอย่างเดียวเท่านั้น…ต่อไปนี้จะทุกข์หรือสุข  จะเป็นหรือตายขอให้เราอยู่ด้วยกันได้ไหม  ผมไม่อยากรออีกแล้ว  การรอคอยมันทรมาน สู้ให้ผมเผชิญไปพร้อมๆกับคุณเสียดีกว่า  ให้ได้ไหมครับริช?”         
“แล้วถ้าเรื่องนั้นมันอันตรายล่ะ?...เหมือนคราวนี้ พวกนั้นเจาะจงตัวเธอมากกว่าฉันเสียอีก  มันรู้ว่าต้องได้ตัวเธอถึงจะบีบให้ฉันติดกับได้  หากไปด้วยกันอะไรจะเกิดขึ้น…ฉันไม่สนหรอกราเชลว่าชีวิตฉันจะเป็นยังไง ขอแค่รู้ว่าเธอปลอดภัยก็พอแล้ว”
“ผมก็คิดแบบนั้น…สัญญาสิริชไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นให้ผมไปด้วย  หากคุณทิ้งผมไว้อีก  ครั้งหน้าผมอาจไม่รอคุณก็ได้”
“อย่าขู่สิ…รู้หรอกน่าว่ามีคนคอยดูแลอยู่ถึงได้วางใจ”
“ไม่หึงหมอแล้วเหรอ?”
“หึง…แต่ทำไงได้ล่ะ…นอกจากเท็ดกับเจฟ คนที่ไว้ใจได้ว่าจะปกป้องราเชลด้วยชีวิตก็มีแต่เขาคนเดียว  หมอรักเธอมากนะ  ทั้งรักทั้งเสียสละอย่างที่ฉันทำไม่ได้  หากต้องเสียเธอให้คนอื่นก็ต้องให้ฉันตายไปแล้วนั่นแหละ เพราะถ้ายังมีชีวิตอยู่ฉันก็ต้องไปเอาตัวเธอกลับมาจนได้”
“คนเห็นแก่ตัว”
“แน่ล่ะ…อะไรที่เป็นของฉันจะไม่มีวันยกให้ใคร  หากต้องเสียเธอฉันฆ่าเธอให้ตายไปด้วยกันเสียดีกว่า”
“จำไว้นะครับว่าวันนี้พูดอะไรไว้…ถ้าวันหน้าคุณผิดคำพูดผมจะทำอย่างที่คุณสัญญานี่แหละ  ตายด้วยมือผมดีกว่ายอมให้คนอื่นจริงไหม?”
ริชยิ้มแห้งๆ  ราเชลหัวเราะเสียงใสแต่ลูกนัยน์ตาวาววับจนชายหนุ่มหนาวหลังวาบๆ   
         ..................................     

สนามหน้าคฤหาสน์เวลบอร์นวันนี้คึกคักเป็นพิเศษ  เด็กหญิงสามคนที่หน้าเหมือนกันราวกับพิมพ์เดียววิ่งไล่กวดกันไปมาจนสาวใช้ที่ช่วยกันยกอาหารออกมาจัดที่โต๊ะต้องคอยหลบ  เสียงพูดคุยเฮฮาดังมาจากกลุ่มหนุ่มๆที่ยืนดื่มกันอยู่อีกด้าน  ขณะที่เจ้าภาพสาวใหญ่คนงามหัวเราะเสียงใสอยู่ตรงกลางราวกับดาวล้อมเดือน 
ราฟกับลินดานั่งคุยอยู่กับหญิงเหล็กแห่งเวลบอร์นด้วยสีหน้าสดใส  นานๆสาวน้อยแฝดสามก็จะมาอ้อนขอขนมจากคุณตาคุณยายเสียทีแล้วก็กลับไปวิ่งเล่นใหม่  รถเบนส์สีทองคลานเข้ามาจอดอย่างนุ่มนวล  แฝดสามหยุดกึกร้องวี๊ดอย่างตื่นเต้นวิ่งถลาออกไปรับมารดาทันที  ฟลอเรนพาร่างอุ้ยอ้ายลงจากรถอย่างยากเย็น  โดยมีหมอโจนาธานคอยประคอง           
“พอแล้วจ๊ะสาวๆ  ให้คุณแม่เดินหน่อยลูกเดี๋ยวจะล้มไปเสียก่อน  มาจ๊ะมาทางนี้”  ลินดาส่งเสียงปรามแฝดสามด้วยความเป็นห่วงเพราะเกรงว่าจะพันแข็งพันขาจนฟลอเรนล้มไป           
“ไงจ๊ะแม่ลูกแมว  ผลการตรวจเป็นไง  แฝดอีกหรือเปล่า?”ริชแซวยิ้มๆ       
“หมอบอกว่าน่าจะแฝดสาม  หรืออาจจะมากกว่าก็ได้นะ” ฟลอเรนตอบหน้าตาเฉยแล้วหัวเราะคิกเมื่อเห็นหน้าแหยๆของพี่ชาย  ริชชะโงกไปมองที่รถแต่ไม่เห็นใคร
“เจฟละ?”
“เดี๋ยวตามมา  เห็นป๋าบอกว่าจะไปธุระนิดหน่อย” ฟลอเรนเรียกเจฟตามพวกเด็กๆจนติดปาก  เจฟกลายเป็นคุณพ่อตัวจริงไปมากกว่าพ่อแม่แท้ๆของสามแฝดที่งานยุ่งอยู่ตลอดแต่กระนั้นก็มีเวลาผลิตทายาทตัวน้อยๆได้ไม่หยุด 
“พี่สะใภ้ฉันละ” ฟลอเรนชะเง้อหาเมื่อไม่เห็นราเชลอยู่แถวนั้น
“อย่าเรียกให้ได้ยินเชียวนะงอนตายเลย  โน้นบงการให้เขาจัดเปียโนอยู่ตรงที่ศาลาโน่น”
“ว้าว!ราเชลจะโชว์เปียโนเหรอ  แหมเราโชคดีจังนะคะคุณที่เลื่อนงานออกไปได้  ไม่ได้ฟังมาตั้งนานแล้ว”
“ใครบอก ลูกศิษย์เขาเล่นต่างหาก” ริชตอบขันๆ
“หือ…ใคร?”
“น่าถึงเวลาก็รู้เอง…ไปนั่งก่อนดีกว่าแม่มองตาเขียวแล้ว”
“ไปก็ได้…อ้าว!บ้านพอลลิ่งมาแล้ว”
เชฟโรเลตกลางเก่ากลางใหม่แล่นเข้ามาจอดเทียบ  ร่างบางโดดลงมาก่อน  แล้วปราดเข้าไปประคองบิดา  ดาน่า พอลลิ่งโดดตามลูกชายลงมาอย่างคล่องแคล่วแล้วหันมาช่วยกันประคองแดนนี่  แต่แดนนี่โบกมือปฏิเสธและใช้ไม้เท้าแทน
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ๊ะ…ไงจ๊ะฟลอเรนมีน้องให้สามแฝดแล้วเหรอเนี่ย…กี่เดือนแล้วจ๊ะ?”
“เจ็ดเดือนค่ะ”
“แล้วมีแววว่าจะแฝดอีกหรือเปล่าครับ?”
“แฝดค่ะ  เพิ่งไปอัลตร้าซาว์มา  สงสัยพวกเด็กๆจะได้ช่วยกันเลี้ยงน้องทุกคน”
“หา!นี่แฝดสามอีกแล้วเหรอ?”
เท็ดที่เดินตามหลังมาอุทานอย่างตกใจ  ฟลอเรนหัวเราะคิกอย่างสนุกสนานที่ได้เห็นสีหน้าแหยๆของทุกคน  ลำพังแค่สามสาวของเธอก็ซนจนทุกคนเวียนหัวไปตามๆกันแล้ว  นี่ยังจะมีมาเพิ่มอีกสาม  คงได้หัวปั่นกันยิ่งกว่าเดิม 
แต่ฟลอเรนรู้ว่าทุกคนทำเป็นตกใจไปอย่างนั้นเอง ถึงเวลาพวกลูกๆของเธอก็กลายเป็นสุดที่รักของทุกบ้านอยู่ดี
“ไงโจนาธานไม่เห็นพูดอะไรเลย” ริชแซวน้องเขยยิ้มๆ  หมอหนุ่มเพียงแต่ยิ้ม คนตอบกลับเป็นภรรยาคนสวย
“ก็ฉันพูดแทนหมดแล้วเขาจะพูดอะไรอีกล่ะ”
“จริงจ้ะ…เธอน่ะพูดจนไอ้หมอมันจะเป็นใบ้อยู่แล้ว”
ฟลอเรนเชิดหน้าอย่างอวดๆ ก่อนจะบงการให้สามีพาไปนั่งกับลินดา โดยมีแดนนี่และดาน่าตามไปติดๆ  พอมีเท็ดกับกายเข้ามาสมทบการสนทนาก็ดูจะครึกครื้นกว่าเดิม           
 ราเชลหันกลับมาเมื่อมีแก้วเย็นเฉียบแตะแก้ม  ริชอมยิ้มส่งแก้วบรรจุน้ำผลไม้สีสดให้คนรัก  ราเชลขอบคุณเบาๆรับแก้วไปดื่มและเกือบสำลักเมื่อโดนโอบเอวไว้แน่น         
“อย่าทำอะไรรุ่มร่ามสิครับ”         
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย  คนอื่นๆเขาหวานกว่านี้อีก” ริชตอบหน้าตาเฉยแถมวางคางไว้บนไหล่บาง  ราเชลหน้าแดงเมื่อเห็นช่างเปียโนเหลือบมองมาและรีบหันกลับไป  เด็กหนุ่มกระทุ้งศอกเข้าใส่หน้าท้องแข็งข้างหลัง  ริชแกล้งโอดโอยเสียงดังแต่ไม่ยอมปล่อย  แถมยังก้มลงจูบแก้มเนียนแรงๆ  ราเชลเหยียบเท้าชายหนุ่มเต็มแรง  คราวนี้ริชสะดุ้งโหยง  พออ้อมแขนคลายเด็กหนุ่มก็เดินหนีไปหาย่า  ริชหัวเราะหึๆตามหลัง  แต่แยกมารวมกลุ่มกับเพื่อนๆอีกครั้ง         
“นี่ริชอย่าให้มันหวานมากนักนะ  อย่าลืมสิว่านี่งานฉลองครบรอบแต่งงานของฉันกับชาล์ลนะไม่ใช่ของเธอ” ริวาน่าแซวเสียงใส  ขณะที่คนอื่นๆหัวเราะกันครืน  เจอร์รี่ส่งไพ่ให้ริวาน่าตัดแล้วรับมาวาง
“ดวงคุณดีจังฮะ…หืม…คุณกำลังจะมีโชคลาภครั้งใหญ่  อาจหมายถึงการเจรจาธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหรือ…อาจหมายถึง…เด็ก! ริวาน่าคุณอาจกำลังจะมีเจ้าตัวเล็กก็ได้” เจอร์รี่อุทานอย่างตื่นเต้น  ทุกคนหัวเราะชอบใจ  ริวาน่าอายุเกือบ40 แล้วแม้จะดูสดใสและอ่อนกว่าวัยมาก  แต่ก็ไม่น่าจะมีลูกได้  ขณะที่ทุกคนหัวเราะริวาน่ากลับนิ่งอึ้งจนทุกคนเอะใจ
“ริวาน่า…คุณกำลังจะมีเด็กเหรอ?” ริชอุทานอย่างตกใจ  คนอื่นๆพลอยจ้องอย่างตื่นเต้น  ริวาน่ายิ้มหน้าแหยๆแต่กลับพยักหน้า
“หา!แล้วนี่ชาร์ลรู้หรือยัง?”
“คือ…ตอนแรกฉันยังไม่ค่อยมั่นใจก็เลยไม่ได้บอก…แต่…แต่ก็มาแน่ใจเอาเมื่อวาน  ฉันไปซื้อที่เทสต์มาตรวจ  นี่กะว่าพรุ่งนี้จะไปหาหมออีกที”
“ว้าว!ดีจังครับ  ถ้าราเชลรู้ต้องดีใจมากแน่ๆ”กายอุทานอย่างตื่นเต้น  ริชวิ่ง
ถลาไปหาคนรักอย่างเอาหน้าเต็มที่
“ราเชล…มานี่หน่อยสิ” ริชโอบเอวบางดึงให้ลุกออกมาด้วยกัน  ราเชลยิ้มให้ผู้ใหญ่ทุกคนอายๆก่อนจะรีบลุกตามมาและอดดึงมือริชออกไม่ได้
“อย่าทำอะไรรุ่มร่ามต่อหน้าผู้ใหญ่ได้ไหม?…ว่าแต่เรียกผมออกมามีอะไรเหรอ?”
“ดุจัง…งอนแล้วนะ  ไม่บอกหรอกถ้าไม่พูดหวานๆก่อน”
“นี่ริชผมไม่ได้อยากรู้  อยากจะงอนก็งอนไปเลยผมไปละ”
“อ้าวเดี๋ยวดิ…จะไม่ง้อหน่อยเหรอ?”
“ไม่ง้อครับ…นี่ปล่อยสิมากอดผมทำไมเนี่ย ริช!ผมอายเขานะ  มาเที่ยวกอดต่อหน้าคนได้ไง?”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย  ดูโน้นกายกับเท็ดก็หวานกันออก  เจอร์รี่กับแมททิวก็นัวเนียหนุงหนิงกันมาตั้งแต่เช้าแล้ว  หมอกับฟลอเรนก็ออกจะนอกหน้า  ไม่รู้ว่าเธอจะอายไปทำไม”
“ไม่ต้องมาพูดเลย  คนอื่นไงผมไม่รู้แต่ผมอายแล้วก็ไม่ชอบให้ริชทำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นอีก…ถ้าทำอีกเราแยกห้องกัน”
“ราเชลจ๋า…ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว  ผมมีเรื่องตื่นเต้นมาบอก”
“อะไรครับ?”
“ริวาน่ากำลังจะมีเด็ก”
“อะไรนะครับ”
“เธอกำลังจะมีน้อง  ริวาน่าตั้งท้องแล้วนะ”
“โอ๊ย!จริงเหรอเนี่ย…นี่คุณพ่อรู้หรือยัง?”
“เธอยังไม่ได้บอกคนในบ้าน  ที่พวกเรารู้เพราะเจอร์รี่ทายไพ่ให้  แล้วทักว่า
ริวาน่ากำลังจะมีลูก  เธอถึงสารภาพว่าเพิ่งแน่ใจเมื่อวานนี้เอง  กำลังจะไปตรวจอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ”
“ผมต้องบอกคุณย่าก่อน  โอ๊ยนี่ถ้าพ่อรู้ต้องดีใจแทบตายแน่ๆ”
“ฉันว่าให้ริวาน่าบอกคุณย่าเองดีกว่า  โน้นเดินมาโน้นแล้ว”
“ราเชล…เอ่อ…รู้แล้วใช่ไหม…โกรธหรือเปล่า?” ริวาน่าอึกอักอย่างไม่ค่อยสบายใจ 
“ริวาน่าครับดีใจด้วยที่กำลังจะมีลูก ครอบครัวเราจะได้มีเด็กเล็กๆเสียที”
“ราเชลไม่โกรธเหรอ…ฉันแย่งคุณพ่อมาหนหนึ่งแล้ว แล้วนี่ยังมามีลูกกับพ่อเธออีก  ฉันไม่สบายใจเลย”
“ผมรักคุณนะฮะ ผมไม่เคยคิดว่าคุณเป็นคนอื่นกลับรู้สึกเหมือนคุณเป็นแม่แท้ๆด้วยซ้ำ ไปครับไปบอกคุณย่าเถอะท่านต้องดีใจมากแน่ๆ”
ริวาน่ายิ้มให้ราเชลอย่างตื้นตัน  เธอไม่กล้าปริปากบอกใครด้วยเกรงว่า
ราเชลจะไม่พอใจ  หากเป็นเช่นนั้นเธอก็จะไปคลอดลูกที่อื่นและจะแอบเลี้ยงโดยไม่ให้คนในตระกูลเวลบอร์นรู้ แต่ผลกลับตรงกันข้าม ทันทีที่มารดาของสามีรู้นางถึงกับน้ำตาซึมด้วยความดีใจ  ทุกคนต่างเข้ามารุมล้อมแสดงความยินดีเป็นการใหญ่  ริวาน่าตั้งปณิธานกับตัวเองเงียบๆ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรเธอจะไม่ให้ลูกของเธอแข่งขันชิงดีกับพี่ชายเด็ดขาด  เธอไม่อยากเห็นความแตกร้าวเหมือนกับที่ตระกูลแฮมิลตันต้องเผชิญมา 
เสียงรถแล่นเข้ามาจอด  เจฟโดดลงมาก่อน  ตามด้วยเดนเซลและลอว์ลี่  เจอร์รี่โบกมือหยอยๆอย่างตื่นเต้น  ลอว์ลี่วิ่งตัวปลิวมากอดพี่ฝาแฝด เดนเซลเดินตามมาเงียบๆและหัวเราะร่าเมื่อเห็นท้องป่องนูนของฟลอเรน 
ริชเหลือบมองลอว์ลี่กับเดนเซลก่อนจะหันมามองหน้าเจฟฟรี่     
“นี่เหรอธุระของนาย?”   
“ความจริงต้องมีแจ็คมาด้วยครับ  แต่รู้สึกว่ากำลังฮันนีมูนอยู่ที่ไซบีเรีย”
เจฟฟรี่ตอบยิ้มๆ  ริชเหลือกตาขึ้นฟ้าออกจะทึ่งๆคนรักของแจ็ค  เห็นวางท่าราวกับหงส์อย่างนั้นแต่กลับทรหดอดทนสมกับมีเลือดทะเลทรายอยู่ในตัวจริงๆ  แต่จะว่าไปเขากับแจ็คตอนนี้ต้องนับว่าเป็นคู่แข่งกันเสียแล้วเพราะดูเหมือนกิจการหลายอย่างที่แจ็คไปช่วยคนรักบริหารจะมาแข่งกับกิจการของเครือแฮมิลตันอยู่ไม่น้อย           
“นี่พี่ถ้าจะมาคุยกันสองคนละก็ กลับไปบ้านเลยไป”
เสียงน้องสาวตะโกนแซว  ริชหันกลับไปพบว่าทุกคนพร้อมกันอยู่ที่สนามแล้วรวมทั้งเจ้าของงานก็มาถึงแล้วเช่นกัน เจฟฟรี่กับริชหันมามองหน้ากันก่อนจะหัวเราะแล้วตามไปสมทบ  สามสาวน้อยวิ่งตัวกลมมาหา เจฟฟรี่คว้าตัวยกขึ้นอุ้มจนหมดทั้งสามคน ได้ยินเสียงอวดแจ้วๆว่าพวกเธอจะเล่นเปียโนให้ฟังเป็นการเซอร์ไพร์ททุกๆคน
ริชเดินตามเข้าไปนั่งบนเท้าแขนเก้าอี้ตัวที่ราเชลนั่ง เด็กหนุ่มเงยขึ้นมาหัวเราะอย่างสดใส  วันวานที่เลวร้ายได้ผ่านพ้นไปอย่างสิ้นเชิง  ราเชลในวันนี้เติบโตและหยัดยืนได้ด้วยตัวเองแล้ว           
“ขอบคุณครับที่ทำให้ผมมีวันนี้...ผมรักคุณที่สุดในโลกครับ” ราเชลกระซิบบอกริชเบาๆ   
ขณะที่ทุกคนส่งเสียงโห่ฮาเมื่อชาร์ลอุ้มภรรยาขึ้นจนตัวลอยเมื่อได้ฟังข่าวดี  จึงไม่มีใครสังเกตว่ามีคู่รักแอบจูบกันอย่างดูดดื่ม
                                                 จบแล้วจ้า…

...............................

ขอบคุณทึ่ติดตามอ่านมาโดยตลอดนะ หวังว่าคงชอบนิยายทีมีชื่อภาษาอังกฤษกัน เพราะจะต้องทนอ่านกันอีก 2 เรื่อง
เดี๋ยวมีตอนพิเศษมาลงให้คะแต่ไม่ใช่คู่ริชและราชลนะ จะเป็นคู่ของใครตามอ่านกันนะ
 :L1: :pig4:

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
.........
ภาคพิเศษ

เดนเซลขมวดคิ้วแทบชิดกันขณะวางโทรศัพท์ลง  ริชเพิ่งโทรมาบอกให้เขาดูแลงานแทนราเชล  เพราะราเชลป่วยอยู่ที่บ้านริช  เขาก็พอรู้ว่าริชรู้สึกพิเศษกับราเชลแต่ไม่คิดว่าจะสนิทกันถึงขั้นไปพักอยู่ที่บ้านด้วยกัน  ที่สำคัญยังสั่งไม่ให้เขาบอกใครว่าราเชลอยู่ที่ไหน   เดนเซลกดอินเตอร์คอมสั่งงานเลขา
   “ให้เลขาของคุณเวลบอร์นมาพบฉันด้วย”
   “ครับท่าน”
   ไม่ถึง5นาทีเลขาของราเชลก็มาพบเขาตามคำสั่ง
   “ช่วงนี้คุณราเชลจะลางาน2-3วัน  เขาให้อำนาจการตัดสินใจไว้ที่ผม”
“ครับท่าน”
“เอกสารเร่งด่วนส่งมาให้ผมทั้งหมด  แต่โครงการให้รออนุมัติจากคุณราเชล เอง”
“ครับท่าน...เอ่อ..ไม่ทราบว่าคุณราเชลไปไหนครับ?”
“ไปดูงานต่างประเทศกับริช...ทำไมมีปัญหาอะไรหรือไง?”
“เปล่าครับ...คือเพื่อนคุณราเชลมาหาน่ะครับ  ผมให้รออยู่ที่ห้อง”
“ใคร?”
“คุณลอว์ลี่ มอล์เล่ย์ครับ...เดี๋ยวผมจะไปบอกให้ทราบว่าคุณราเชลไม่อยู่”
   ชื่อนั้นกระตุกหัวใจคนฟังวูบ  ใบหน้าหวานปนโศกปรากฏในห้วงสำนึก  เดนเซลลุกขึ้นเร็วจนเลขาราเชลตกใจ
“เอ่อ...ไม่เป็นไรฉันไปดูเอง”
“ครับท่าน”
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปร่างเล็กๆก็โถมเข้ามากอดจนเขาเซ
“เซอร์ไพร์ท...เอ๊ะ!” ลอว์ลี่สะดุ้ง  ถอยกรูดเมื่อพบว่าร่างที่เขากอดสูงใหญ่เกินกว่าจะเป็นราเชล
“ขอโทษ...ผมคิดว่าเป็นราเชล”
“ราเชลไม่อยู่”
“...เอ่อ...ถ้างั้นผมก็ขอตัว  ขอโทษอีกครั้งที่ทำให้คุณตกใจ”
“ไม่เป็นไร...เอ่อ...เธอมาที่นี่หลายวันแล้วเหรอ?”
“เพิ่งมาครับ  ขอตัวก่อนนะครับ” ลอว์ลี่รีบเผ่น  รู้สึกหน้ายังชาๆที่ดันไปกระโดดกอดญาติของริชเข้า  โชคดีที่เป็นผู้ชายหากเป็นผู้หญิงเขาคงโดนตบหน้าชาไปแล้ว
เดนเซลยืนมองจนลับตา  นึกโมโหตัวเองที่เอาแต่อ้ำอึ้งจนเด็กหนุ่มกลับไปเสียก่อน  ทั้งๆที่ตั้งใจจะชวนลอว์ลี่ออกไปทานข้าวด้วย  แต่ดูท่าเด็กหนุ่มจะไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด
น่าตลกที่คนอย่างเขาหลงใหลเด็กหนุ่มคนนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น  ครั้งแรกที่เจอกันเขาไปหาริชที่บ้านและเกือบขับรถชนเพราะเด็กหนุ่มวิ่งพรวดพราดมาบนถนน  ดีที่เขาเบรกทัน แต่ลอว์ลี่เองก็ตกใจพยายามหลบจนล้มกลิ้ง 
‘เฮ้!เป็นไงบ้าง  เจ็บหรือเปล่า?’ เดนเซลรีบลงไปประคองด้วยความตกใจ
‘ไม่...ไม่ครับ...ขอโทษด้วยที่วิ่งตัดหน้ารถคุณ’
‘เธอจะรีบไป....’ เดนเซลอ้าปากค้าง  ลืมหมดว่าจะต่อว่าที่อีกฝ่ายรีบร้อนจนเกือบเกิดอุบัติเหตุ  ดวงตาหวานปริ่มด้วยน้ำตาสะกดลมหายใจเขาให้สะดุดอยู่แค่นั้น  ทั้งๆที่คนแข็งอย่างเขาเคยเห็นเรื่องรักแรกพบเป็นเรื่องตลก  แต่ความรู้สึกว่า ‘ใช่แล้วคนนี้เอง’ มันดังก้องอยู่ในหัวเมื่อได้เห็นใบหน้างามน่ารักนั้น
‘เจ็บหรือเปล่า...ไปหาหมอไหม?’
‘ไม่ละครับขอบคุณ...ผมต้องรีบไปแล้ว’
‘เดี๋ยวสิ...เอ่อ...ถ้าเธอรู้สึกไม่ดีหรือเจ็บที่ไหนก็โทรหาฉันได้เลยนะ   นี่นามบัตรฉัน’
‘ขอบคุณครับ...’ เด็กหนุ่มก้มลงอ่านนามบัตรแล้วกลับส่งคืนให้  หน้าหวานตึงสนิทเหมือนขึงด้วยแพร
‘ฉันไม่รับความสมเพชจากคนตระกูลนี้’
‘เดี๋ยวสิ...เธอ...นี่...’
ในวันนั้นเดนเซลได้แต่งงกับปฏิกิริยาของเด็กหนุ่ม  เขาไม่ได้รู้แม้แต่ชื่อของเด็กหนุ่มด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายเดนเซลก็ได้รู้จักลอว์ลี่ตอนที่ไปร่วมงานประกาศรางวัลนักธุรกิจดีเด่น  ทันทีที่เห็นร่างบอบบางเดนเซลก็ปราดเข้าไปหาทันที
‘สวัสดี...เจอกันอีกแล้วนะ’
‘เหรอครับ...เราเคยเจอกันที่ไหน?’ รอยยิ้มหวานระยับแกมขี้เล่นทำให้เขาชะงัก
‘เอ๊ะ!...ขอโทษครับ  ผมคงทักคนผิด’
‘เฮ้ๆ...นี่คุณรู้ด้วยเหรอว่าทักผิด’
‘เขาหน้าเหมือนคุณมากครับ  แต่รอยยิ้มไม่เหมือน’
‘ว้าว! นี่เป็นครั้งแรกนะที่มีคนแยกผมกับลอว์ลี่ออก’
‘หมายความว่า...’
‘สงสัยคุณจะเคยเจอเขา  โน่นเดินมาโน่นแล้ว’ เด็กหนุ่มบุ้ยใบ้ไปด้านหลัง  เดนเซลหมุนตัวตามก็หันไปเจอกับคนที่เขาถวิลหา
‘เจอร์รี่พ่อให้มาตามนาย’
‘สวัสดีครับ’
ตาใสเหลือบมองเขาอย่างงงๆชั่วขณะก่อนจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาฉับพลัน
‘คุณ!...เจอร์รี่พ่อรอนายอยู่’
‘จะไม่เสียมารยาทไปหน่อยเหรอ...ทักทายเขาหน่อยสิ’
‘ไม่ใช่เรื่องของนาย’ ลอว์ลี่สะบัดหน้าหนีไปดื้อๆ  เดนเซลหน้าชาไม่คิดว่าจะโดนเกลียดขี้หน้าทั้งๆที่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย
เจอร์รี่หันมาทำตาโตใส่เขาแล้วไหวไหล่ก่อนจะเดินตามคู่แฝดไป
เดนเซลมองตามและยิ้มออกเมื่อเห็นว่าพ่อของคู่แฝดเป็นใคร  เขารอจนได้จังหวะจึงเข้าไปทัก
‘สวัสดีครับคุณมอล์เล่ย์’
‘เดนเซล! โอ้ดีใจจังที่ได้เจอเธอ  ทีมงานที่เธอแนะนำให้นี่สุดยอดจริงๆ  ลูกค้าฉันพอใจมาก  ฉันยังว่าจะขอต่อสัญญากับเขาแต่เขาไม่รับ  เสียดายที่สุดเลย…แต่ก็ขอบใจมากนะที่ช่วย  ถ้าไม่ได้เธอโครงการนั้นคงเสร็จไม่ทันกำหนดแน่เลย’
‘ไม่เป็นไรครับ  เราคนกันเองอยู่แล้ว’
‘เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ยินคำนี้  อ้าว!ลืมแนะนำไป  เจอร์รี่  ลอว์ลี่  คุณเดนเซล  แฮมิลตัลเป็นนักธุกิจฝีมือเยี่ยมที่พ่อเคยเล่าให้ฟังไง...นี่ลูกๆของฉัน   ต่อไปคงได้มีโอกาสร่วมงานกัน’
‘ยินดีที่ได้รู้จักครับ  ผมเจอร์รี่’
‘ผมลอว์ลี่’
‘ยินดีที่ได้รู้จักเธอสองคนเช่นกัน...ทีนี่เราก็รู้จักกันเป็นทางการแล้วนะ…
ลอว์ลี่’
‘เอ๊ะ!เคยเจอกันมาก่อนหรือไงครับ’ นายมอล์เลย์ถามอย่างแปลกใจ
‘ครับ  ผมเจอคุณลอว์ลี่ตอนไปเยี่ยมญาติ’
‘ไม่เห็นเล่าให้พ่อฟังเลยลอว์ลี่’
‘เรื่องมันนานมาแล้ว  ผมจำไม่ได้’
เดนเซลหน้าชา ขณะที่นายมอล์เล่ย์ก็ทำหน้าไม่ถูก  เจอร์รี่มองคนโน้นทีคนนี้ทีก่อนจะไหวไหล่ด้วยความเคยชิน  ในขณะที่สถานการณ์กำลังอิหลักอิเหลื่อมองหน้ากันไม่สนิท  ก็มีตัวช่วยโผล่เข้ามาร่วมวง
‘มอล์เลย์ คุณแฮมิลตัน  ดีใจจังที่ได้เจอพวกคุณ  นี่โครงการของผมไปถึงไหนแล้ว  คุณราฟว่าไงบ้างคุณทราบไหม?’
‘ไม่ทราบครับ  ผมไม่สนิทกับอาราฟ  คุณมอล์เล่ย์ผมขอตัวก่อน’ เดนเซลเดินหนีอย่างรำคาญ  เขาไม่อยากเสวนากับนายเวลบอร์นนัก  รำคาญที่ชาร์ลชอบถามถึงแต่เรื่องโครงการที่ไปเสนอกับอาเขา  ซึ่งเขาก็ไม่ได้รู้เรื่องด้วยแต่หมอนี่พยายามคาดคั้นราวกับเสนอโครงการมาให้เขาพิจารณาก็ไม่ปาน
หลังจากวันนั้นเดนเซลก็ไม่ได้เจอลอว์ลี่อีก  แต่เขากลับเจอคู่แฝดของลอว์ลี่แทน  อยู่ๆเด็กหนุ่มก็พรวดพราดเข้ามากอดแขนเขาและกระซิบกระซาบร้อนรน
‘คุณเดนเซล...จำผมได้ไหม...ช่วยผมทีสิครับ’
‘เจอร์รี่นี่เราต้องคุยกันนะ’เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งวิ่งตามเจอร์รี่มาอย่างร้อนรน
‘ไม่!ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย  ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังเดทอยู่’
‘แต่เธอเข้าใจผิด  ฉันไม่ได้มีอะไรกับลอว์ลี่นะ  ลอว์ลี่เขาวางแผนให้เราเลิกกัน’
‘อย่ามาว่าน้องฉันนะ  นายมันทุเรศ’
‘แต่มันเรื่องจริงนี่  ลอว์ลี่เขาเจตนาให้เราเข้าใจกันผิด  เธอไม่รู้จักนิสัยเขาหรือไง?’
‘หุบปากไปเลย  จะเข้าใจผิดหรือถูกฉันก็ไม่สนอยู่แล้ว  เพราะตอนนี้ฉันมีคนใหม่แล้ว  และเรากำลังเดทกัน  นายเลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว’
‘เจอร์รี่...เจอร์รี่เดี๋ยวก่อน’
เจอร์รี่ดึงแกมลากให้เดนเซลเดินมาด้วยกัน  ใบหน้าของเด็กหนุ่มซีดเผือด  จนเดนเซลกลัวว่าจะเป็นลมไปเสียก่อน
‘จะลากฉันไปไหน?’
‘เอ๊ะ! เอ่อ...ขอโทษครับ...ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณวุ่นวาย’
‘ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร...คนรักของเธอเหรอ  โกรธกันเรื่องอะไร?’
‘ไม่มีอะไรหรอกครับ  เรื่องของคนมักง่ายสองคนเท่านั้น’
เดนเซลใจหายวูบ  เขาอยากให้เจอร์รี่ปฏิเสธว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง  แต่เมื่อเห็นสีหน้าเจ็บช้ำของเด็กหนุ่มเขาก็แน่ใจว่าสิ่งที่คนรักเจอร์รี่พูดคงมีส่วนจริงอยู่ไม่น้อย  หมายความลอว์ลี่แย่งคนรักของคู่แฝดอย่างนั้นเหรอ?
‘ผมขอตัวนะครับ เย็นมากแล้ว  ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งที่คุณช่วยผมไว้’
‘ไม่เป็นไร...เอ่อ...’
‘ครับ?’
‘เปล่า...ไม่มีอะไร’
เจอร์รี่ทำหน้าฉงนแต่พอเห็นเดนเซลไม่พูดก็ยิ้มให้แล้วเดินจากไป  เดนเซลยืนนิ่งขึง  ภาพงดงามในใจมีรอยร้าวเป็นทางยาวเสียแล้ว  เขาไม่ได้คาดหวังให้ลอว์ลี่ดีเลิศอะไรนักหนา  แต่สิ่งที่ได้รับรู้มันร้ายกาจเกินกว่าจะคาดถึง
         ..................................

สายฝนที่ตกกระหน่ำมาตั้งแต่เช้าไม่มีทีท่าว่าจะหยุด  ลอว์ลี่เดินวนเวียนอย่างร้อนใจ  เมื่อวานเขาทำให้ราเชลเข้าใจผิดริชได้ วันนี้เขาควรไปกระตุ้นเตือนให้ราเชลเข้าใจผิดมากยิ่งขึ้น  แต่ฝนที่ตกหนักกลับมาเป็นอุปสรรคเสียได้  เสียงโทรศัพท์กรีดกังวานในความเงียบ ลอว์ลี่ขยับจะไปรับแต่ร่างเปรียวที่เพิ่งเข้ามาไปรับเสียก่อน 
เด็กหนุ่มเมินมองไปทางอื่นไม่กล้ามองหน้าคู่แฝด  ด้วยสิ่งที่ทำไว้น่าละอายและน่าขยะแขยง  แม้จะเป็นแค่การแสดงก็ตาม
“อะไรนะครับ!…พระเจ้า…แล้วตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลไหน?…ครับ…ครับ…ขอบคุณมากครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” เจอร์รี่วางโทรศัพท์แล้วปรี่เข้าหาคู่แฝด 
ลอว์ลี่เงยขึ้นมองทันได้เห็นดวงตาลุกวาบด้วยโทสะของพี่ชายก่อนที่หมัดลุ้นๆจะซัดโครมจนเขาล้มกลิ้งลงไปกับพื้น
“นายกล้าดียังไง?…นายมันทุเรศได้ยินไหมลอว์ลี่  ไอ้ทุเรศ”
“นายเป็นบ้าหรือไงเจอร์รี่ นายต่อยฉันทำไม?”
“ฉันอาจจะแค่ต่อยนาย  แต่ถ้าแฮมิลตันรู้ว่านายจงใจวางแผนให้เกิดเรื่องรับรองว่าได้นายตายคามือเขาแน่”
“พูดอะไรบ้าๆ วางแผนอะไรฉันไม่รู้เรื่อง”
“อยากเล่นบทไร้เดียงสาก็เชิญ สาสมใจนายแล้วนี่ เกลียดราเชลนักไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันไม่เคยเกลียดราเชล”
“ถ้างั้นก็รักจัดเลยสิ มิน่าล่ะถึงได้วางแผนจนราเชลช็อกเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว”
“อะไรนะ!…ราเชลเป็นอะไร?”         
“อย่ามาเล่นละครดีกว่า ทำเป็นตกใจ ตกใจทำไมลอว์ลี่ หัวเราะสิ! หัวเราะไปเลย  ราเชลช็อกจนขาดสติ หมอจับมัดติดกับเตียงแบบคนบ้าไง  สะใจดีใช่ไหม?”         
“ไม่จริง…ไม่จริง...ฉันไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนั้น...นายโกหกใช่ไหมเจอร์รี่ บอกสิว่านายแค่จะแกล้งฉัน?”         
“ไปดูให้เห็นกับตาที่โรงพยาบาลดีกว่า  หมอซอเรนบอกว่าราเชลอาการน่าวิตกมาก   เขาอาจจะเป็นบ้าก็ได้นะลอว์ลี่  สมใจนายหรือยัง?”         
“ไม่! โอพระเจ้า! ไม่…ฉันไม่ได้ต้องการอย่างนี้ ฉันแค่อยากให้เขาเกลียดริช  ฉันอยากให้ราเชลรักฉันต่างหาก  ฉันอยากให้เขารู้ว่าโลกนี้นอกจากฉันไม่มีใครที่รักเขาจริงสักคน  ทำไม…ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้”         
“เชิญเล่นละครไปคนเดียวเถอะ ฉันไม่มีเวลามาดูละครน้ำเน่าของนายหรอก  ฉันจะไปเยี่ยมราเชล”         
“ฉันไปด้วย”         
“ไปสิ ถ้าอยากให้แฮมิลตันฆ่านายก็เชิญไปเลย  เขาไม่มีวันปล่อยนายไว้แน่ๆ” เจอร์รี่เยาะเสียงขื่นแล้วผลุนผลันออกไป 
ร่างบอบบางทรุดฮวบลงกับพื้น  ไม่เคยสักครั้งที่จะคิดว่าผลของการกระทำของเขาจะทำให้ราเชลเจ็บปวดขนาดนี้
      ..................................

ลอว์ลี่ไปที่โรงพยาบาลเกือบหมดเวลาเยี่ยมแล้ว  แต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้เพราะหน้าห้องมีคนมากมายรอดูอาการราเชลรวมถึงเจอร์รี่ด้วย  เด็กหนุ่มฝากดอกไม้เยี่ยมไว้กับพยาบาลแล้วออกมาด้วยหัวใจที่ปวดร้าวโดยไม่รู้ว่าการมาถึงของเขาอยู่ในสายตาคู่หนึ่งโดยตลอด
ลอว์ลี่กดรีโมทก่อนถึงรถเล็กน้อย  ยังไม่ทันจะเปิดประตูเขาก็ถูกกระชากและผลักเข้าไปด้านหน้ามีร่างหนาแทรกตามมาติดๆ
“โอ๊ะ!…นายอีกแล้วเหรอ นี่จะทำอะไร?...นี่ออกไปจากรถฉันนะ นายเดนเซล!”
ใบหน้าดุหันขวับมามองด้วยดวงตาลุกโชน  ลอว์ลี่เย็นวาบตลอดตัว เด็กหนุ่มตะกายไปปลดล็อคแต่รถระบบเซ็นทรัลล็อคก็ทำงานเสียก่อน  เดนเซลกระชากรถออกเสียงสนั่นโดยมีเด็กหนุ่มนั่งตัวสั่นงั้นงกด้วยความหวาดกลัวไปตลอดทาง
         ................................

ลอว์ลี่ขยับตัวอย่างปวดร้าว  ร่างกายร้าวระบมเกินกว่าจะเคลื่อนไหว  หัวหนักและปวดเป็นริ้วขณะที่ลมหายใจร้อนผ่าวด้วยพิษไข้  ไม่มีเงาของร่างสูงที่เขาเกลียดชัง  คนโหดเหี้ยมคนนั้นทิ้งเขาไว้หลังจากที่ทำลายศักดิ์ศรีเขาจนแหลกราญ  เสียงคลื่นดังสนั่นบอกให้รู้ว่าเขาอยู่ไม่ไกลจากทะเลมากนัก  เด็กหนุ่มกัดฟันลุกขึ้นสำเร็จ  ทันทีที่ขยับตัวของเหลวร้อนๆก็ไหลออกมาจากช่องทางแคบด้านหลัง  ลอว์ลี่ก้มมองและฟุบหน้าลงกับเข่าอย่างคั่งแค้น  ผ้าปูที่นอนสีขาวมีคราบเลอะเทอะเต็มไปหมด  รวมทั้งคราบเลือดทั้งเก่าและใหม่เป็นด่างดวงทั้งผืน           
“ไอ้สาระเลว…ฉันฆ่าแก  ได้ยินไหม ฉันจะฆ่าแก!”ลอว์ลี่ตะโกนลั่นห้องด้วยความแค้น  เด็กหนุ่มกัดฟันลุกขึ้นด้วยทิฐิแต่ร่างกายที่บอบช้ำและพิษไข้ก็ทำให้เขาล้มฟาดลงบนพรมแล้วหมดสติก่อนจะไปถึงห้องน้ำ        
ลอว์ลี่รู้สึกตัวอีกครั้งเพราะอาการเจ็บแปลบที่ต้นแขน  ใบหน้าเกลี้ยงเกลา
ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน         
“รู้สึกตัวแล้วเหรอครับ…ปวดหัวมากไหมครับ  ทานยาแล้วพักมากๆ...อีกไม่กี่วันก็หาย...สบายใจได้ครับ”
ประโยคหลังหมอหันไปบอกกับคนที่ยืนกอดอกพิงกรอบประตูระเบียง  ลอว์ลี่ตาลุกวาบเมื่อเห็น เด็กหนุ่มโผเข้าหาร่างสูงด้วยโทสะ แต่ร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรงจึงทำได้เพียงลุกขึ้นนั่งแล้วฟุบลงไปอีก         
“ขอบคุณมากครับหมอ  เฟรดดี้ไปส่งคุณหมอด้วย”         
“ครับผม”
เดนเซลตามไปล็อคประตูแล้วกลับมายืนชิดเตียง         
“ไอ้…สาระเลว…” ลอว์ลี่ด่าด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น เดนเซลบีบแก้มซีดๆแรงจนเจ็บ แต่เด็กหนุ่มไม่ร้อง  ดวงตาที่สบกันลุกโชนด้วยความโกรธ         
“ฉันว่าฉันคงเลวน้อยกว่าเธอ  เพราะฉันไม่เคยทำร้ายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อน...ไม่สิเพื่อนรักต่างหาก  ฉันไม่เคยทำให้เพื่อนรักของฉันเสียใจจนหัวใจสลายเหมือนเธอแน่”
ดวงตาลุกโชนด้วยความโกรธแปรเปลี่ยนเป็นเจ็บปวด  ลอว์ลี่ดึงมือที่บีบกรามเขาออกอย่างร้อนรน         
“ราเชล…เป็นไงบ้าง?…เขาดีขึ้นหรือยัง?”         
“ถามทำไม  หรือต้องให้แน่ใจในผลงานด้วย?”         
“บอกฉันหน่อยว่าเขา…เป็นยังไงบ้าง?”         
“ราเชลไม่ฟื้น  เขากลายเป็นมนุษย์ผักไปแล้ว  สะใจไหมลอว์ลี่ คราวนี้แผนนายนี่ได้ผลเกินร้อยนะ”         
“ไม่จริง…พระเจ้า…ราเชล  ฉันขอโทษ  ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นอย่างนี้”         
“นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนายยังทำได้ขนาดนี้  ถ้าตั้งใจป่านนี้ราเชลคงตายไปแล้วละมั้ง”         
“หุบปากนะ  คนเลวๆอย่างนายจะไปรู้อะไร”         
“อย่างน้อยฉันก็รู้ว่าเธอเหี้ยมโหดแค่ไหน  คราวที่แล้วก็แย่งคนรักของพี่ชาย  คราวนี้ก็คนรักของเพื่อน  รสนิยมเธอนี่เลือกแต่ของรักของคนอื่นเท่านั้นสินะ”
ลอว์ลี่พุ่งหมัดเข้าใส่แต่เดนเซลตบฉาดสวนมา  เด็กหนุ่มหน้าหันและฟุบลงกับที่นอน  เดนเซลกระชากร่างบางขึ้นมาเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน         
“ฉันไม่ใช่ราเชลที่จะทนเจ็บแล้วปล่อยให้นายลอยนวลต่อไป  สำหรับฉันถ้าใครทำฉันเจ็บมันต้องเจ็บกว่าหลายเท่า…จำไว้!” เดนเซลผลักร่างบางจนฟาดลงบนที่นอนแล้วลุกออกไป
ลอว์ลี่ประคองตัวลุกขึ้นช้าๆ  ความเจ็บปวดที่เขาได้รับช่างน้อยนิดเมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาทำกับราเชล  เด็กหนุ่มมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง         
“ราเชล…หากสิ่งที่ฉันเผชิญอยู่ตอนนี้จะไถ่บาปที่ฉันทำกับนายได้…ฉันก็ยินดี” เด็กหนุ่มฟุบหน้าลงบนเข่า  ปล่อยให้น้ำตารินไหลราวกับไม่มีวันเหือดแห้ง
      ..................................

ลอว์ลี่กัดฟันแน่นเมื่อร่างหนาแทรกลึกเข้ามา  เจ็บเจียนใจจะขาดแต่ไม่มีเสียงโอดครวญ  เดนเซลตาลุกโชนด้วยความโกรธ  อยากรู้ว่าเด็กหนุ่มจะอดทนได้นานแค่ไหน  มือกร้านและหยาบด้วยงานหนักขยับเลื่อนแก่นกายตึงร้อนหนักหน่วง  ใบหน้าเนียนแดงซ่านด้วยความทรมาน  แต่ไม่มีเสียงครวญคราง  สะโพกเล็กขยับเลื่อนตามมือเขาในที่สุด  ร่างบางบิดเร่าด้วยไม่อาจฝืนไว้ได้อีกต่อไป  เดนเซลยิ้มหยันเร่งจงหวะมือรัวเร็วจนทางแคบบีบรัดเขาแรงขึ้นทุกที  แต่เมื่อเด็กหนุ่มเกือบถึงจุดสุดยอด เขากลับหยุดมือดื้อๆ  ร่างหนาโหมกายเข้าออกรุนแรง
ลอว์ลี่ผวาทั้งตัว  ความเสียวซ่านกำลังจะถึงจุดสูงสุดหายวับเมื่อความเจ็บปวดเข้ามาแทน  ร่างหนาหนักขยับโยกอย่างเมามันสร้างความทุกข์ทรมานจนแทบทนไม่ไหว  นานจนความเจ็บร้าวกลายเป็นชา  และความเสียวซ่านค่อยเพิ่มมากขึ้นทุกที  ลอว์ลี่ไม่รู้ตัวเลยว่าร่างกายเขาขยับเลื่อนรับแรงแทรกสอดทุกจังหวะ 
เดนเซลแสยะยิ้มทั้งที่ความเสียวกระสันกำลังพาเขาทะยานสูงขึ้นทุกที  แรงบีบรัดแสนหวานทำให้เขาไม่อาจหยุดตัวเองได้อีกต่อไป  ร่างหนากระหน่ำกายระรัวเพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุด
ลอว์ลี่หนลับตาแน่นเมื่อความเสียวซ่านจากหน้าท้องกระจายไปทั้งร่าง  แต่แล้วความเจ็บปวดก็ทำให้เด็กหนุ่มหลุดออกจากทางสวรรค์  ฟันคมที่กัดยอดอดจนห้อเลือดทำให้เด็กหนุ่มน้ำตาไหลพราก  แต่ไม่มีเสียงครางหลุดลอดออกมา 
เสียงคำรามต่ำก้องอยู่ข้างหู ไอร้อนพลุ่งผ่านเข้ามาในกายรุนแรงพร้อมกับร่างหนากระแทกตัวเข้ามาครั้งสุดท้าย เดนเซลเกร็งค้างอยู่ในท่านั้นชั่วขณะแล้วถอนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว  ลอว์ลี่กัดปากแรงจนลิ้มรสเค็มคาวของเลือดเพื่อกั้นเสียงร้อง  ไม่มีวันที่เขาจะยอมร้องขอความกรุณาจากคนอำมหิตอย่างเดนเซล 
ทรวงอกบางยังสะท้อนสะท้านด้วยแรงหอบหายใจแต่ร่างหนากลับทาบทับอีกครั้งลอว์ลี่เบือนหน้าหนีไปอีกทาง  ซอกคอขาวถูกรุกรานด้วยลมหายใจร้อนระอุเด็กหนุ่มไม่ขัดขืนแต่ไม่ร่วมมือ  ดวงตาเจ็บช่ำลอยไกลและปิดลงในที่สุด
      ..................................

เดนเซลจ้องมองร่างบางที่นับวันจะผอมบางจนแทบปลิวลมด้วยความขัด -เคือง  ไม่ว่าเขาจะทำรุนแรงแค่ไหนลอว์ลี่ก็ไม่เคยร้องขอความเห็นใจ  เซ็กที่เขาเจตนาให้เด็กหนุ่มไม่ถึงจุดสูงสุดเลยแม้แต่ครั้งเดียวนั้นต้องสร้างความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานไม่น้อย แต่ลอว์ลี่ก็ไม่เคยปฏิเสธเมื่อเขาต้องการ  สิ่งแลกเปลี่ยนคือเขาต้องบอกอาการของราเชลให้รู้ทุกวัน  เดนเซลเคยคิดว่าไม่กี่วันลอว์ลี่ต้องร้องขอความกรุณาจากเขาแต่เกือบ4เดือนแล้วที่ลอว์ลี่ยินยอมให้เขาใช้ร่างกายราวกับโสเภณีและไม่เคยขอสิ่งแลกเปลี่ยนอื่นเลย
ลอว์ลี่ลุกขึ้นยืนช้าๆ  สีหน้าของเดนเซลกระด้างและเยาะหยันไม่เปลี่ยนแต่วันนี้มันมีบางอย่างแปลกไปจนรู้สึกได้         
“ราเชลเป็นไงบ้าง?”         
“คืนนี้ฉันจะบอกเอง” เดนเซลตอบห้วนๆและเดินหนีไปที่คอกม้า  ลอว์ลี่หลับตาหน้าเผือดขาวก่อนจะลืมตาแห้งผากเหม่อมองไปยังฝูงนกนางนวลด้วยหัวใจหดหู่         
“สักวัน…ฉันจะเป็นอิสระ  ฉันจะได้โบยบินเหมือนพวกเจ้า”
      ..................................

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
......
เดนเซลเข้ามาในห้องดึกมากแล้ว  กลิ่นเหล้าโชยฟุ้งนำมาก่อน  ลอว์ลี่ผุดลุกขึ้นจะถอดเสื้อผ้าแต่ชายหนุ่มปัดมือเขาออก
แควก! มือกร้านกระชากทีเดียวเสื้อก็ขาดแล่งติดมือ  ลอว์ลี่ใจหายวาบแต่ไม่ขยับหรือถอยหนี  ร่างหนาโถมเข้าใส่จนล้มกลิ้งลงไปบนเตียง  มือหยาบขยำขยี้ทรวงอกจนเจ็บร้าวแต่ลอว์ลี่นอนเฉย จู่ๆปากร้อนที่ซุกไซ้ที่ซอกคอก็ถอนออกร่างหนาลุกขึ้นมองเด็กหนุ่มด้วยดวงตาลุกโชน        
“วันนี้ฉันมีเรื่องสำคัญของราเชลจะบอก…แต่ต้องแลกกับบริการที่ถึงใจหน่อยเป็นไร”
ลอว์ลี่ก้มหน้านิ่งอยู่นานจึงเงยขึ้นสบตาหยามเหยียด          
“คุณต้องการอะไร?”        
“โสเภณีไง…ฉันอยากนอนกับโสเภณี”
ลอว์ลี่พยักหน้าหันกลับไปที่โทรศัพท์ข้างเตียงแต่เดนเซลกระชากเขาจนปลิวกลับมา        
“จะทำอะไร?”        
“คุณต้องการโสเภณีผมก็จะโทรสั่งมาให้”        
“ฮะๆๆ…นี่ยังไม่รู้อีกเหรอว่าฉันหมายถึงอะไร?”
ลอว์ลี่สบตาหยันๆด้วยความงุนงง  แต่ไม่นานนักก็เข้าใจ  ความเจ็บแค้นแน่นขึ้นมาจนอยากจะฉีกทึ้งคนตรงหน้าให้แหลกคามือ  แต่เด็กหนุ่มกลับกลืนความแค้นกลับลงไป  เขาพยักหน้าช้าๆอย่างยอมจำนน  เดนเซลหัวเราะก้องอย่างสะใจ  ร่างหนาถอยไปพิงหัวเตียงมือประสานกันอยู่ที่ท้ายทอยอย่างสบายอารมณ์  
ลอว์ลี่กัดปากแน่น  ถึงจะไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มากนัก แต่เขาก็พอรู้ว่าเดนเซลต้องการอะไร  เด็กหนุ่มแหวกสาบเสื้อคลุมออกจากกัน  ความกำยำร้อนผ่าวชูชันรับมือทันทีที่เขาสัมผัส  ลอว์ลี่ครอบครองไว้ในปากและขยับรูดขึ้นลงอย่างทุลักทุเลด้วยความไม่เคย  เดนเซลมองเฉยไม่คิดจะให้ความช่วยเหลือ  ครู่หนึ่งลอว์ลี่ก็รู้ว่าควรทำอย่างไร เด็กหนุ่มครอบครองความร้อนผ่าวได้ลึกยิ่งขึ้นและรู้จักใช้ลิ้นช่วย สัมผัสได้ถึงอาการเกร็งของหน้าท้องแน่นแข็ง  เดนเซลกัดกรามกรอด แม้จะรู้สึกเสียวซ่านจนต้องเกร็งตัวไว้แต่ความรู้สึกเจ็บร้าวและปวดลึกในอกกลับทวีขึ้นทุกที ชายหนุ่มกระชากไหล่บางจนถลาขึ้นมาบนอกเขาก่อนที่อะไรๆจะเป็นไปอย่างที่ควร
ลอว์ลี่กระพริบตาถี่อย่างงุนงง  ไม่เข้าใจอารมณ์ของชายหนุ่มเลย  แต่ยังไม่ทันตั้งหลักปากร้อนก็ประกบแนบลงมา  จูบร้อนผ่าวที่ดึงเอาสติสัมปชัญญะให้หลุดลอยหาย  ลอว์ลี่อ่อนระทวยลงในอ้อมแขนแข็งแรงที่รัดแน่นราวกับงู  ร่างหนาเบียดเสียดสีกับร่างบางจนแทบลุกเป็นไฟ  มือกร้านกอบกุมแก่นกายอุ่นนุ่มไว้และขยับพลิกจนเต้นระริกไปตามมือ  ลอว์ลี่หลุดเสียงครางอย่างไม่ทันตั้งตัว ช่องทางคับแคบถูกสำรวจอย่างเชี่ยวชาญจนสะโพกบางยกร่อนตามจังหวะนิ้ว  เมื่อความกำยำแทรกลึกจึงได้รับการต้อนรับอย่างเต็มใจ  
ลอว์ลี่กอดรัดบ่ากว้างแน่น  ผิวหนังเห่อร้อนและเสียววูบวาบตลอดทั้งตัว ไม่มีความเจ็บปวดหรือหากมันเกิดขึ้นเขาก็คงไม่ทันสังเกต ในกายเดือดพล่านราวกับเนื้อหนังถูกหลอมละลาย        
“ขอร้องฉันสิลอว์ลี่”        
“เดน…เดนเซล…ได้โปรด…เร็วเข้า…โอ้ว…” ลอว์ลี่ร้องเสียงหลง  ความเสียวซ่านจากการแทรกสอดกระจายจากหน้าท้องแล้วลามไปทั่วร่าง เด็กหนุ่มผวาเข้ากอดรัดร่างหนาแน่นเมื่อจู่ๆปมประสาทที่เขม็งเกลียวก็ขาดออก ความเสียวซ่านแผ่ไปทั่วทั้งกายแม้แต่ปลายนิ้วมือและเท้า เดนเซลหัวเราะเบาๆอย่างพอใจ  แรงบีบรัดรุนแรงทำให้ความอดทนของเขาสิ้นสุดเช่นกัน  ชายหนุ่มโหมร่างระรัวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะระเบิดทุกอย่างในบ่อลาวาที่แสนหวาน หูยังได้ยินเสียงครางระรัวและร่างแอ่นเกร็งตอบรับเขาอีกครั้ง ร่างหนาฟุบลงกอดรัดร่างบางแน่น
นานเท่านานกว่าที่ลมหายใจหอบกระชั้นจะจบลง  ลอว์ลี่หลับตาอย่างปวดร้าว เสียงหัวเราะเยาะหยันอยู่ข้างหูเมื่อร่างหนาถอดถอนออกไป  เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ลอว์ลี่ได้สัมผัสกับจุดสูงสุดในการร่วมรัก  ความอิ่มเอมหอมหวานที่ชวนให้มึนเมาและทุรนทุรายจนต้องวิ่งวอนร้องขอ  กลายเป็นหนามที่กลับมาเสียดแทงจนแทบทนไม่ได้        
“ชอบไหมลอว์ลี่  คงถูกใจสินะ...ร้องซะเสียงหลงเลยนี่...ไหล่ฉันงี้แสบไปหมด เพิ่งรู้นะว่าเธอนี่ก็ร้อนแรงไม่ใช่ย่อย…”
ลอว์ลี่กัดฟันแน่น  พยายามไม่ฟังคำพูดหยามหยันของชายหนุ่ม        
“คุณบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะบอก”        
“อ้อ!ใช่สิ  วันนี้ฉันเจอหมอซอเรน เขาบอกว่าอาการราเชลค่อยๆดีขึ้นแล้ว”        
“หมายความว่าราเชลจะกลับมาเป็นคนเดิมใช่ไหม?”        
“ใช่…และคงเร็วกว่าที่เธอกลัวเยอะ” เดนเซลมองสีหน้ายินดีนั้นอย่างดูแคลน  
ลอว์ลี่หลับตาลง ความรู้สึกผิด ความเสียใจและความเครียดที่เกาะกินใจมานานค่อยๆบรรเทาลง  เดนเซลมองสีหน้าโล่งอกโล่งใจนั้นอย่างหมั่นไส้ ชายหนุ่มกดร่างบางจมลงในที่นอนเพื่อรองรับบทรักรุนแรงบทต่อไป
      ..................................

เดนเซลตื่นขึ้นมาด้วยสัญชาติญาณ  ชายหนุ่มขนลุกซู่ สังหรณ์บอกเขาว่าบางอย่างกำลังเกิดขึ้น  บ้านเงียบสนิท เงียบจนเกินไป เดนเซลควานหาลอว์ลี่แต่พบกับที่นอนเย็นเฉียบ  ชายหนุ่มเปิดโคมไฟแล้วมองกราดไปรอบๆ  ไม่มีวี่แววของเด็กหนุ่มอยู่แถวนั้น  เดนเซลเกือบลุกออกไปตามข้างนอกแล้วแต่กลับเปลี่ยนใจไปดูที่ห้องน้ำก่อน
ประตูห้องน้ำล็อคแน่นหนา  ชายหนุ่มเคาะแรงแต่กลับไม่มีเสียงตอบ        
“ลอว์ลี่…ลอว์ลี่เปิดประตูซิ  ลอว์ลี่…บอกให้เปิดประตูไม่งั้นฉันพังนะ…”
เดนเซลวิ่งไปหยิบกุญแจมาไข  ทันที่เปิดเข้าไปละอองน้ำเย็นก็กระจายไปทั่วทั้งห้อง  แต่ผ้าที่กั้นรอบอ่างอาบน้ำปิดมิดชิด  ชายหนุ่มปราดไปกระชากออกหวังจะเขย่าเจ้าหนูตัวแสบให้หัวสั่นหัวคลอน  แต่น้ำสีแดงฉานเต็มอ่างทำให้เลือดในกายเขาเย็นเฉียบ          
“ลอว์ลี่!” เดนเซลตะโกนสุดเสียง  ถอดเสื้อนอนของเขาออกมัดแขนที่แดงฉานไว้แน่น  นิ้วยาวสั่นระริกค่อยๆรอที่จมูก วูบแรกใจเขาหายวับเมื่อไม่อาจสัมผัสลมหายใจของเด็กหนุ่มได้  แต่เมื่อตั้งสติให้ดีก็พบว่าลอว์ลี่ยังหายใจ  แม้จะอ่อนเบาแทบไม่รู้สึกก็ตาม  เดนเซลอุ้มร่างเปียกโชกกลับมาที่เตียงและใช้น้ำอุ่นเช็ดตัวเย็นเฉียบแรงๆ แล้วโทรหาหมอประจำฟาร์ม นานแสนนานในความรู้สึกของชายหนุ่มกว่าหมอกับคนสนิท2คนจะเข้ามา        
หมอตรวจดูบาดแผลแล้วฉีดยากันบาดทะยักให้ ก่อนจะตัดสินใจพาลอว์ลี่ไปโรงพยาบาล  ลอว์ลี่เสียเลือดไปมากจนต้องให้เลือดก่อน  ยังดีที่คนสนิทของเดนเซลเลือดกรุ๊ปเดียวกับลอว์ลี่สถานการณ์จึงไม่เลวร้ายลงไปกว่านั้น
สายวันรุ่งขึ้นลอว์ลี่ก็พ้นขีดอันตราย  เดนเซลทรุดลงนั่งอย่างอ่อนล้า  ไม่ใช่ร่างกายที่เหน็ดเหนื่อย  แต่เป็นใจที่เหนื่อย เจ็บปวดและวาบหายอย่างประหลาด  
เดนเซลสั่งให้คนโทรแจ้งให้ครอบครัวของลอว์ลี่ทราบ  คนที่มารับลอว์ลี่คือพี่ชายคู่แฝด  เจอรร์รี่ไม่พูดอะไรเลยเมื่อชายหนุ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังแต่เข้าไปอยู่กับคู่แฝดตลอดเวลา  และทันทีที่พบหมอเด็กหนุ่มก็แจ้งความจำนงขอย้ายน้องชายไปรักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน  ก่อนที่รถพยาบาลจะพาคู่แฝดไปเจอร์รี่ถึงได้พูดกับชายหนุ่มเป็นครั้งแรก        
“ลอว์ลี่ฝากบอกคุณว่า  เรื่องของคุณกับเขาขอให้มันจบแค่นี้…อย่ามายุ่งเกี่ยวกับเขาอีกชั่วชีวิต”        
“…” เดนเซลพูดไม่ออก ได้แต่มองตามรถพยาบาลไปจนลับตา  เขาแน่ใจว่าเขาไม่รู้สึกอะไรมากไปกว่ารู้สึกผิดนิดหน่อย  เพราะเขาแน่ใจว่าเลิกรักลอว์ลี่ไปตั้งแต่รู้ว่าเด็กหนุ่มทำเลวๆกับเพื่อนรักอย่างราเชล  แต่น่าแปลกที่หัวใจเขามันว่างเปล่าและหนาวเย็นเหลือเกิน
      ..................................        
เจอร์รี่เข้าไปในห้องเงียบๆ  ลอว์ลี่นั่งพิงเก้าอี้เหม่อมองไปนอกหน้าต่าง  ใบหน้าเรียวซูบ แขนข้างหนึ่งยังพันผ้าพันแผลไว้  แผลที่ข้อมือคงหายในอีกไม่นาน แต่แผลในจิตใจคงยากจะหายง่ายๆ  เจอร์รี่เข้าไปนั่งข้างๆอยู่ครู่ใหญ่กว่าลอว์ลี่จะรู้ตัว        
“เห็นแม่บ้านบอกว่านายทานอาหารไปนิดเดียว?”        
“ไม่ค่อยหิวน่ะ  กินแต่ยาจนอิ่มจะแย่แล้ว” ลอว์ลี่พูดยิ้มๆแต่ดวงตาหมอง เจอร์รี่มองหน้าซีดๆเขม็งจนลอว์ลี่ขยับตัวอย่างอึดอัด        
“ทำไมมองฉันอย่างนั้นละ?”        
“นายยังเสียใจเรื่องราเชลหรือว่านายกำลังเป็นทุกข์เรื่องอื่นกันแน่?”        
“…นายพูดถึงอะไร?…”        
“ถามตัวเองสิลอว์ลี่ว่านายกำลังหนีอะไร?”        
“ฉันก็อยากไปหาราเชล แต่หมอซอเรนห้ามไว้นี่นา”        
“เฮอะ…โกหกใครก็ได้ลอว์ลี่  แต่นายโกหกตัวเองไม่ได้หรอก  ถ้าเอาแต่หนีนายก็ต้องเจ็บไปตลอดชีวิตนั้นแหละ”        
“ไหนนายว่ายกโทษให้ฉันแล้วไงเจอร์รี่  แล้วทำไมนายต้องมาพูดจาเยาะเย้ยฉันอีก…ฉันต้องทำยังไงนายถึงจะให้อภัยฉันจริงๆเจอร์รี่”        
“ตามใจ…หากนายคิดว่าฉันถามเพราะอยากเยาะเย้ยนายก็แล้วแต่นายก็แล้วกัน”เจอร์รี่ไหวไหล่แล้วออกจากห้องไป  
ลอว์ลี่น้ำตาคลออย่างคับแค้น  เจอร์รี่เป็นแบบนี้เสมอ  วาจาตรงๆที่แสนเสียดแทงแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธว่าไม่จริง  ลอว์ลี่ยกข้อมือขึ้นมอง แล้วแกะผ้าที่พันออก  ความสามารถของแพทย์ทำให้แผลเรียบค่อนข้างสนิทแผลแห้งแล้วอีกไม่นานก็คงหาย  หมอรับรองว่าจะเหลือแผลเป็นเล็กน้อยเท่านั้น  แต่ลอว์ลี่กลับอยากให้แผลเป็นเหลือมากๆ จะได้ไว้คอยเตือนใจให้ในสิ่งเลวร้ายที่เขาเคยทำกับราเชลและผลตอบ- แทนที่แสนเจ็บปวด  ลอว์ลี่สลัดศีรษะแรงๆไม่อยากคิดถึงใครอีกคน
         ..................................

แสงแดดเจิดจ้าและร้อนระอุจนทุกคนรู้สึกเหมือนเป็นเกาลัดกำลังถูกคั่วอยู่ในกะทะ  เจอร์รี่ยังรีรออำลาหนุ่มหน้าคมตาเข้มที่มาจีบตั้งแต่ที่สนามบินราวกับจะไม่ลงจากเครื่อง  ลอว์ลี่ขี้เกียจรอจึงลงไปพร้อมกับปีเตอร์  ท่าทางตื่นเต้นจนระงับไม่อยู่ของปีเตอร์ทำให้ลอว์ลี่ดีใจที่ชวนมาด้วย  
ปีเตอร์ยังเป็นแค่นักมวยสมัครเล่นยังไม่ได้เป็นนักมวยอาชีพ  เงินทองที่มีจำกัดทำให้ปีเตอร์แทบไม่มีโอกาสได้เที่ยวไหน  นี่เป็นการไปต่างประเทศครั้งแรกของปีเตอร์แถมยังได้มาไกลคนละทวีปทีเดียว        
“ลอว์ลี่ไม่รอเจอร์รี่ก่อนเหรอ?”        
“ไม่ต้องหรอก  เจอร์รี่น่ะย่ำมาซะค่อนโลกแล้ว หนทางแค่นี้เขาไม่หลงหรอกน่า  ว่าแต่นายเถอะมีเสื้อผ้าสำหรับลุยทะเลทรายกับเขาหรือเปล่า?”
ปีเตอร์ยิ้มแห้งๆทำท่าจะตอบแต่ลอว์ลี่พยักหน้าให้อย่างเข้าใจ        
“ไม่เป็นไร  งั้นเดี๋ยวเราไปซื้อของที่ยังขาดกัน แล้วค่อยตามเจอร์รี่ไปที่โรงแรม”        
“อ้าว!แล้วจะบอกเจอร์รี่ยังไง?”        
“ก็นี่ไง” ลอว์ลี่ชูโทรศัพท์ในมือให้ดูแล้วโทรบอกเจอร์รี่
         .................................

ปีเตอร์มองข้าวของในมืออย่างไม่ค่อยสบายใจนัก  ลอว์ลี่ซื้อเสื้อผ้าและข้าว-ของให้เขาหลายอย่างจนเกรงใจ  ครั้งพอทักท้วงก็โดนดุเอาเสียอีก  หนุ่มนักมวยยืนมองสาวๆที่ผ่านไปผ่านมาแก้กลุ้มขณะรอลอว์ลี่เลือกเสื้อคลุม  
สัญชาติญาณของนักสู้ทำให้ปีเตอร์รู้สึกเย็นวาบที่ท้ายทอย  เขาหันขวับไปประสานสายตากับชายคนหนึ่ง  ใบหน้าเย็นชาเรียบเฉยแต่รังสีอำมหิตคุกคามจนสัมผัสได้ชัดเจน จู่ๆชายคนนั้นก็เดินหายไปท่ามกลางฝูงชน  ปีเตอร์มองตามพยายามทบทวนว่าเขาเคยทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือไม่แต่ก็นึกไม่ออก เขาเพิ่งเหยียบแผ่นดินนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตไม่น่าจะทำให้ใครเขม่นเอาได้        
“ปีเตอร์!นายดูอะไรอยู่น่ะ?  ฉันเรียกตั้งหลายครั้งแล้วยังไม่รู้ตัวอีก”        
“มีผู้ชายคนหนึ่งมองฉันน่ากลัวชิบเป๋ง”        
“ฮ้า! นายมีหนุ่มมาเหล่เหรอปีเตอร์”        
“ไอ้บ้า  ฉันหมายถึงหมอนั่นมองเหมือนกับฉันเป็นศัตรูต่างหาก”        
“เฮ้ย!จริงเหรอ…นายไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจล่ะ?”        
“เปล่านะ  ฉันก็อยู่กับนายตลอดจะไปทำอะไรให้คนเขาเกลียดได้ล่ะ”        
“นั่นสิ…ว่าแต่แน่ใจเหรอว่านายไม่ได้คิดไปเอง  เขาอาจจะมองคนอื่นแล้วนายเข้าใจผิดก็ได้นะ?”        
“แหม!อยากให้นายเห็นสายตาหมอนั้นจริงๆเลย จะได้รู้ว่ามันน่ากลัวแค่ไหน  ฉันงี้เย็นหลังวาบเลย”        
“เห็นทีต้องระวังตัวกันให้มากๆเสียแล้ว  ไปเถอะรีบกลับกันดีกว่า…”
         ..................................

ลอว์ลี่ตรวจดูข้าวของจนมั่นใจว่าจัดทุกอย่างพร้อมแล้ว จึงไปเคาะเรียก -
เจอร์รี่        
“เข้ามาเลย”        
“นายจัดของเสร็จหรือยัง?”        
“ยังเลย  นายมาก็ดีแล้ว ฝากจัดของหน่อยนะ  ฉันจะไปข้างนอกหน่อย”         “ไปไหน?  นี่มันดึกแล้วนะ”  
“ไปแถวๆนี้แหละน่า  ไปละ...จัดของเสร็จล็อคห้องให้ด้วยแล้วกัน” เจอร์รี่
วิ่งปร๋อออกไปทันที ลอว์ลี่ส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะรวบรวมข้าวของที่กระจัดกระจายเต็มเตียงเรียงลงกระเป๋า  กว่าจะเสร็จก็เกือบเที่ยงคืน  
ลอว์ลี่เกือบจะเข้านอนอยู่แล้วเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู          
“ของไม่ครบเหรอปีเตอร์  บอกแล้วว่าจะช่วยจัดก็ไม่…คุณ!” ลอว์ลี่ผงะเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู        
“ผิดหวังมากไหมลอว์ลี่ที่กลายเป็นฉันแทนที่จะเป็นไอ้หนุ่มนั่น”        
“คุณเข้ามาทำไม?…ออกไปนะ!”        
“ทำไม ที่หมอนั่นเธออยากจะไปช่วยจัดของใจแทบขาด  พอเป็นฉันไล่ใหญ่เชียวนะ”        
“ออกไปจากห้องนี้นะ”        
“ทำให้ฉันออกไปให้ได้สิลอว์ลี่”
ลอว์ลี่หน้าซีดเผือดเมื่อเดนเซลย่างสามขุมเข้าหา  เด็กหนุ่มวิ่งไปคว้าโทรศัพท์กดหาโอเปอร์เรเตอร์ข้างล่างแต่เดนเซลตามเข้าไปกระชากปลั๊กออกและเหวี่ยงร่างบางลงไปบนเตียง  ลอว์ลี่ตะกายหนีไปอีกด้านเมื่อตั้งหลักได้แต่เดนเซลคว้าข้อเท้าเล็กกระชากกลับมาแล้วทาบทับร่างบางไว้แน่น        
“ไม่นะ…ปล่อย! คุณไม่มีสิทธิ์ทำกับผมอย่างนี้นะ” ลอว์ลี่ผวาตามแรงดึง กระดุมเสื้อนอนขาดกระจาย เปิดเปลือยทรวงอกขาวให้เดนเซลคลุกเคล้าอย่างเมามัน          
“ไม่คิดถึงฉันบ้างหรือไงลอว์ลี่…ไม่เจอกันเกือบปีน่าจะคิดถึงฉันบ้างนะ?”        
“ไม่…คิด..ปล่อย…บอกว่าให้…ปล่อย” ลอว์ลี่ห้ามและครางปะปนกันวุ่นวาย  ปากร้อนผ่าวดูดดึงยอดอกตึงสร้างความเสียวซ่านจนร่างบางดิ้นพล่าน  ฝ่ามือร้อนสอดเข้าไปในกางเกงนอนอย่างง่ายดาย  ผิวเนียนแทบลุกเป็นไฟเมื่อมือสากระคายบีบเคล้นและหยั่งแหย่ทางแคบอย่างชำนาญ        
“เธอนี่ปากแข็งนะ  ร่างกายยังซื่อสัตย์กว่าเสียอีก” เดนเซลหัวเราะใส่หน้า เมื่อสะโพกกลมขยับยกตามมือเขาอย่างไม่อาจขัดขืน  ลอว์ลี่หลับตาด้วยความอดสู ร่างกายเขาสั่นระริกไปตามที่เดนเซลชักนำอย่างง่ายดาย          
“ผมไม่ได้ติดค้างอะไรกับคุณอีกแล้ว…ปล่อยผมไปเสียที…ได้โปรด” หางเสียงเครือสั่นพลิ้ว…น้ำตาแห่งความคับแค้นไหลพรู  เดนเซลชะงัก  มือที่ขยำขยี้บนสะโพกตึงเลื่อนมาประคองหน้านวลไว้  น้ำตาของลอว์ลี่ทำให้เขาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก        
“ชู่วววว…ลอว์ลี่หยุดร้องไห้เถอะ…เอ่อ…ฉันขอโทษ…หยุดร้องเสียทีได้ไหม?”
แทนที่จะหยุดลอว์ลี่กลับสะอื้นจนตัวโยน เดนเซลลุกขึ้นนั่งหน้าตาตื่น ตลอดเวลาที่ถูกเขากักขังและทรมานอยู่ที่เกาะลอว์ลี่ไม่เคยร้องไห้หรือวิงวอนอะไรเลย  เด็กหนุ่มยโสจนน่าหมั่นไส้  ทำให้เขาต้องแก้เผ็ดด้วยการทำให้ลอว์ลี่ต้องทรมานกับเซ็กส์ที่รุนแรงและไม่เคยไปถึงจุดสูงสุดแม้แต่ครั้งเดียว นอกจากครั้งสุดท้ายก่อนที่ลอว์ลี่จะฆ่าตัวตาย  
เวลาเกือบปีที่ต้องแยกจากกันทำให้ทิฐิจางลง และเดนเซลก็แน่ใจว่าการที่เขาทำร้ายลอว์ลี่ไม่ใช่เพื่อแก้แค้นให้ราเชล  แต่เป็นเพราะเขาหึงที่ลอว์ลี่ยอมพลีกายให้ริชง่ายๆต่างหาก  แม้ริชกับลอว์ลี่จะไม่มีอะไรกันแต่เขาก็โกรธจนกลายเป็นความบ้าคลั่ง ทำเรื่องเลวๆกับเด็กหนุ่มสาระพัดเพียงเพื่อให้ลอว์ลี่เจ็บเหมือนที่เขาเจ็บ จนวินาทีที่คิดว่าต้องสูญเสียลอว์ลี่ไปทำให้เขาได้สำนึก แต่ลอว์ลี่ก็ถูกพรากมาไกลจากเขาเสียแล้ว  เขารีรออยู่หลายเดือนกว่าจะตัดใจยอมไปง้อ แต่กลับพบว่าลอว์ลี่มีเด็กหนุ่มนักมวยคนนั้นอยู่เคียงข้าง  เดนเซลจึงได้ทราบซึ้งว่าคนอกหักทำไมถึงต้องฆ่าตัวตาย  ชายหนุ่มกลับไปทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง เหนื่อยจนแทบขาดใจแต่ก็ยังไม่วายคิดถึงลอว์ลี่  จนความอดทนสิ้นสุดเขาจึงกลับมานิวยอร์คอีกครั้งและได้รู้ว่าคู่แฝดจะมาเที่ยวที่นี่เขาก็ตามมา  
หลังจากที่ความคับแค้นถูกระบายเป็นน้ำตาอยู่ครู่ใหญ่  ลอว์ลี่ก็รวบรวมสติได้อีกครั้ง  เด็กหนุ่มค่อยๆยันตัวลุกขึ้น มือกำสาบเสื้อที่ไม่มีกระดุมสักเม็ดไว้แน่น
เดนเซลถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก  แม้ดวงตาโตจะยังแดงช้ำแต่ลอว์ลี่ก็ดูสงบลงแล้ว        
“คุณมีธุระอะไรกับผม?”        
“ฉัน…แค่อยากคุยกับเธอ”        
“มีอะไรก็พูดมาเลย  ผมพร้อมจะฟัง”        
“ฉันอยาก…เอ่อ…ขอ…ขอโทษที่ทำให้เธอเกือบตาย”        
“ผมทำตัวเองต่างหาก  ไม่เกี่ยวกับคุณหรอก  เสร็จธุระแล้วใช่ไหม  เชิญคุณกลับไปได้แล้วผมต้องการพักผ่อน”        
“แต่ฉัน…เอ่อ…ก็ได้…พรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่”        
“พรุ่งนี้ผมจะไปเที่ยวคงไม่มีเวลาเจอคุณหรอก  เลิกตอแยผมเสียทีเถอะ”        
“แต่ว่าฉัน…”          
“เชิญครับ”
เดนเซลถอนใจเฮือกยอมออกจากห้องแต่โดยดี  ลอว์ลี่รีบกดล็อคแน่นหนา เด็กหนุ่มพิงประตูน้ำตาที่เพิ่งแห้งไหลพรูราวกับทำนบแตก  ไม่เข้าใจว่าเดนเซลต้องการอะไรจากเขาอีก ในเมื่อที่ผ่านมาชายหนุ่มก็ทำเขาเจ็บขนาดนั้นแล้ว  น่าจะปล่อยให้เขาเป็นอิสระได้แล้วไม่ใช่ยังตามหลอกหลอนเขาไม่เลิกแบบนี้  
ลอว์ลี่ทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วทะลึ่งพรวดขึ้นนั่ง กลิ่นน้ำยาหลังโกนหนวดของเดนเซลติดอยู่บนที่นอนราวกับเจ้าตัวยังนอนอยู่ตรงนั้น  ลอว์ลี่กัดปากแน่นไม่อยากนอนซ้ำรอยเดนเซล  แต่พรุ่งนี้เขาต้องเดินทางแต่เช้า เด็กหนุ่มจำต้องนอนลงไปอีกครั้ง  
กลิ่นน้ำยาหลังโกนหนวดลอยกรุ่นจนผิวหนังร้อนผะผ่าว สัมผัสร้อนๆยังวูบวาบอยู่บนผิวไม่วาย  อกเปลือยเสียดสีกับที่นอนอย่างทรมาน  มือสากร้อนกับฟันคมๆเคยกัดทึ้งจนมันตึงและปวดร้าว
ลอว์ลี่บิดกายอย่างทรมาน  ลมหายใจร้อนๆที่รินรดยอดทรวงกับฝ่ามือสากที่สอดแทรกเข้ามาสร้างความปวดร้าวและซ่านเสียวจนไม่อาจทานทน  ร่างบางขยับไถลไปกับที่นอน ภาพการร่วมรักที่ดุดันรุนแรงของเดนเซลปรากฏในมโนภาพจนเลือดร้อนระอุไปหมด  ลอว์ลี่จิกทึ้งผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อร่างกายเกร็งกระตุกและปลดปล่อยไอร้อนออกมาจนเปียกชุ่มไปทั้งกางเกง  เด็กหนุ่มร้องไห้โฮ  เพียงแค่คิดถึงเดนเซลเขาก็เป็นไปถึงเพียงนี้แล้วเขาจะตัดใจจากคนใจร้ายคนนั้นได้อย่างไร  ลอว์ลี่พลิกตัวทุรนทุรายอยู่จนเกือบสว่างจึงผลอยหลับไปอย่างอ่อนเพลีย
         .................................

ปีเตอร์เหลือบมองเจอร์รี่อย่างไม่สบายใจ  เมื่อเช้าลอว์ลี่ไม่ได้ลงมารวมกลุ่ม เขาจะไปตามแต่เจอร์รี่ห้ามไว้ บอกว่าลอว์ลี่ไม่สบาย  เขาอาสาอยู่ดูแลแต่โดนเจอร์รี่ตอกเอาหน้าหงาย
‘นายจะอยู่ทำไม  ไอ้ที่พวกฉันพานายมาก็เพราะอยากให้นายได้มีโอกาสเที่ยวเปิดหูเปิดตากับเขาบ้าง  ลำพังไอ้ทุนที่นายได้น่ะ แค่เรียนอย่างเดียวนายก็แย่แล้ว  แล้วไง…อยากเป็นบุรุษพยาบาลก็ไปอาสาที่โรงพยาบาลสิ  มาเที่ยวทำซากอะไร ลอว์ลี่มันแค่แพ้เวลาให้นอนพักสักวันพรุ่งนี้ก็เที่ยวปร๋อแล้ว  เขาให้เที่ยวก็เที่ยวไปเถอะอย่าเรื่องมากได้มะ’
         เจอร์รี่อมยิ้มเมื่อเห็นสายตากรุ้งกริ่งของหนุ่มผมดำที่นั่งอยู่เบาะหน้า  เขาหันมาหาปีเตอร์เพื่อชวนคุยแต่กลับเจอหน้าจ๋อยๆชวนให้หมั่นไส้        
“เป็นอะไรปีเตอร์”        
“รู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้ที่ทิ้งลอว์ลี่ไว้คนเดียว”        
“อย่าพิรี้พิไรเป็นผู้หญิงได้ไหม  รำคาญว่ะ”        
“ก็แน่ล่ะ  ใครจะน่ารักเท่าไอ้หนุ่มผมดำเบาะหน้าได้ล่ะ  เอามะฉันจะแลกที่นั่งกับหมอนั่นให้”        
“เฮ้ย!อย่าบ้าน่า  ฉันก็แค่แหย่เล่นสนุกๆไปงั้นแหละ”        
“ก็ดีไอ้แมททิวมันจะได้ไม่อกหัก”        
“เลิกพูดถึงคนๆนั้นได้เลยปีเตอร์ ไม่งั้นฉันจะเอารองเท้าอุดปากนาย”        
“โอ้ยกลัวจัง…หึ…พวกปากแข็ง”
เจอร์รี่หน้าบึงกระแทกตัวกับพนักพิงแรงๆและเบือนหน้าหนีไปมองข้างนอก ไม่สนใจสายตาอ่อนเชื่อมที่พยายามส่งมาจากเบาะหน้าอีกต่อไป  ปีเตอร์ได้โอกาสแยกเขี้ยวเข้าใส่  หนุ่มผมดำหน้าเจื่อนแล้วรีบหันกลับไปทันที
         .................................


ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
...............
ลอว์ลี่ตื่นขึ้นมาด้วยอาการหนักหัวอึ้ง  เด็กหนุ่มควานมือไปที่หัวเตียงด้วยความเคยชินแต่ไม่พบของที่หา  ลอว์ลี่กดสวิตช์เปิดโคมไฟข้างเตียง  ลวดลายแปลกตาทำให้งงอยู่นานกว่าจะนึกออกว่าเขาอยู่ที่โรงแรมในตะวันออกกลางไม่ใช่ที่บ้าน         
“เฮ้ย!”
ลอว์ลี่ทะลึ่งพรวดขึ้นอย่างตกใจ  หันไปคว้านาฬิกาข้อมือมาดู 10.30น!
“ตายโหง…โอ้ย…อดไปเที่ยวจนได้” ลอว์ลี่ครางอ๋อย นอนกลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความเจ็บใจ  พรุ่งนี้เขาต้องเล่นงานปีเตอร์ที่ไม่ยอมมาปลุก  เจอร์รี่น่ะไม่ต้องพูดถึงไม่รู้ว่ากลับมานอนที่ห้องหรือเปล่าด้วยซ้ำ 
ก่อนเที่ยงเล็กน้อยลอว์ลี่ก็ลงมาถึงสวนอาหารแสนน่ารักของโรงแรม  บนโต๊ะสานลวดลายละเอียดมีกระถางแคสตัสต้นเล็กจิ๋วที่ออกดอกเหลืองสดน่ารัก 
ลอว์ลี่แตะกลีบบางเบาๆอย่างอ่อนโยน  อดคิดถึงราเชลไม่ได้  ราเชลชอบต้นแคสตัสมาก  เขาว่ามันแข็งแกร่งและอดทนต่ออากาศที่โหดร้ายแต่กลับให้ดอกที่สวยงามเหลือใจ             
“ยิ้มให้ฉันเหมือนที่เธอยิ้มให้ต้นไม้บ้างได้ไหมลอว์ลี่”         
“คุณ!” ลอว์ลี่สะดุ้งเฮือกเมื่อเงยหน้าขึ้นเจอกับเดนเซล       
“อ้าวเดี๋ยวสิ…พอฉันมาก็จะหนีเชียวนะ?”       
“ปล่อยผมนะ  นี่ปล่อยสิคนเขามองกันใหญ่แล้ว”         
“ช่างปะไร  คนรักเขาจะจู๋จี๋กันไม่เห็นจะหนักหัวใครสักหน่อย”
ลอว์ลี่บิดมือน้ำตาคลอ  คำพูดของเดนเซลเหมือนหนามแหลมทิ่มแทงใจจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่         
“ลอว์ลี่  ฉัน…เอ่อ…ขอโทษทีไม่ได้ตั้งใจ  เธอเจ็บมือมากเลยเหรอ?”         
“ผมไม่ได้เจ็บมือ”         
“อ้าว!แล้วร้องไห้ทำไม?”         
“คุณจะสนุกไปถึงเมื่อไหร่  ปล่อยผมไปซะทีไม่ได้เหรอ จะตามมาเสียดสี
ดูถูกกันไปถึงไหน”
“ฉันไปเสียดสีอะไรเธอ”         
“ก็เมื่อกี้คุณ….ช่างเถอะ มันคงเป็นนิสัยของคุณละมั้งที่จะทำให้คนอื่นเจ็บได้อย่างธรรมชาติขนาดนี้” ลอว์ลี่เมินมองไปทางอื่นอย่างขัดเคือง
เดนเซลขมวดคิ้วมุ่น  ไม่เข้าใจสิ่งที่ลอว์ลี่พูด  ชายหนุ่มทบทวนคำพูดตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก็ยิ้มกว้าง  เขาลากร่างบางออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว         
“นี่ปล่อยนะ  จะลากผมไปไหน?”         
“ไปคุย”         
“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”         
“แต่ฉันมี”
ลอว์ลี่จำต้องซอยเท้าตามไม่อย่างนั้นคงล้มไม่เป็นท่า  เดนเซลลากเขาเข้าไปในลิฟต์แล้วกดขึ้นไปที่ชั้น 4 ลอว์ลี่เหลียวไปรอบๆตัวอย่างหมดหวัง  เขาไม่มีโอกาสหนีแน่เพราะเดนเซลกำข้อมือเขาไว้แน่น
ทันทีที่ลิฟต์เปิดออกกลิ่นหอมอวลก็ลอยมาต้อนรับ  ลอว์ลี่หัวซุนไปตามแรงดึงจนถึงห้องสุดทางเดิน  เด็กหนุ่มขืนตัวหนีแต่ไม่สำเร็จ  เดนเซลอุ้มร่างบางเข้าไปในห้องและโยนลงที่เตียงกว้าง
ลอว์ลี่กลิ้งหนีไปยืนตาโตอยู่อีกฟากของเตียง แต่เดนเซลกลับเดินไปเปิดม่านให้แสงสาดเข้ามาในห้อง  ผนังกระจกตลอดแนวถูกเลื่อนเปิดกว้างสายลมพัดเอาไอเย็นฉ่ำจากลำน้ำเบื้องล่างเข้ามาจนม่านปลิวไสว         
“คุณพาผมมาที่นี่ทำไม?”         
“ฉันอยากคุยกับเธอ”         
“ก็พูดมาสิ  ผมสั่งอาหารไว้แล้วต้องรีบลงไป”         
“เหรอ…ฉันว่าเธอเพิ่งไปถึงนี่  สั่งอาหารตอนไหนเหรอ?”         
“…เอ่อ…สั่ง…โทรสั่งตั้งแต่บนห้องแล้วต่างหาก”         
“งั้นเหรอ  ไม่เป็นไรงั้นฉันจะโทรให้เขาเอามาส่งที่นี่”         
“ไม่ได้นะ…ผมอยากกินที่นั่นมากกว่า…คุณมีอะไรก็รีบๆพูดมาสิ”         
“ฉันอยากขอโทษที่ทำให้เธอเจ็บจนเกือบตาย”         
“คุณพูดไปแล้ว  แล้วผมก็บอกแล้วว่าไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ…แค่นี้ใช่ไหมผมจะได้ไป”         
“มีอีกเรื่อง”         
“อะไรอีกล่ะ?”         
“ไปอยู่กับฉันที่ออสเตรเลียนะ”         
“…คุณพูดบ้าอะไร?”         
“ฉันรักเธอ  อยากแต่งงานกับเธอ อยากให้เธอไปอยู่กับฉันที่ออสเตรเลีย บ้านฉันอยู่ที่นั่น”         
“คุณเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ…พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า?”         
“เธอนั่นแหละรู้ใจตัวเองดีหรือเปล่า?”         
“รู้สิ รู้ดีว่าเกลียดคุณแค่ไหน”         
“ถ้าเกลียดแล้วทำไมต้องเจ็บปวดกับคำว่าคนรักด้วยล่ะลอว์ลี่  เธออยู่แบบคนไม่มีวิญญาณมานานแค่ไหนแล้ว  ยังยอมรับไม่ได้อีกเหรอว่าเธอก็รักฉัน”         
“…ไม่จริง…”         
“จริง!เธอรักฉันลอว์ลี่ ที่เธอทรมานอยู่ทุกวันนี้เพราะเธอรักฉัน ถ้าเธอเกลียดเธอจะไม่มีวันเจ็บแบบนี้หรอก”         
“ไม่จริง!ไม่ได้รัก  ผมเกลียด ได้ยินไหมว่าเกลียด!”
เดนเซลปราดเข้าไปชิดร่างบางอย่างรวดเร็วจนเด็กหนุ่มผงะ         
“พิสูจน์สิลอว์ลี่  พิสูจน์ว่าเกลียดฉัน  แสดงความเกลียดให้ฉันดูหน่อย”               
“ผมเกลียด เกลียดๆๆๆๆๆ” ลอว์ลี่ตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มแล้วชกอกหนาเต็มแรงไปหลายหมัด  แต่รูปร่างที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงทำให้เดนเซลแทบไม่ระคายผิว  ชายหนุ่มมองคนที่ตะโกนใส่เขาน้ำตาไหลอาบหน้าอย่างสงสาร 
ลอว์ลี่ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกอย่างไรแต่เขาห้ามน้ำตาไม่ได้  เด็กหนุ่มชกจนหมดแรงหอบฮัก เจ็บใจที่ไม่สามารถทำให้คนตรงหน้าเจ็บปวดได้เหมือนที่เขาเจ็บ 
เดนเซลรวบร่างบางเข้ามากอดไม่สนใจอาการดิ้นรนของเด็กหนุ่ม เมื่อเห็นว่าดิ้นไปก็ไม่มีประโยชน์ลอว์ลี่ก็หยุดดิ้นได้แต่ร้องไห้จนหมดแรง  มือสากลูบผมให้เบาๆอย่างอ่อนโยน  อ้อมแขนกว้างแสนอบอุ่นจนลอว์ลี่ผล็อยหลับไปในที่สุด
ลมเย็นๆไล้ผิวจนหนาว  กลิ่นอาหารหอมกรุ่นทำให้ท้องลั่นโครก  ลอว์ลี่ลืมตามองไปรอบๆอย่างงุนงง  เด็กหนุ่มทะลึ่งพรวดขึ้นนั่งเมื่อนึกออก         
“ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาแล้วมาทานอาหารกัน”
ลอว์ลี่อยากบอกว่าไม่จำเป็น แต่เสียงท้องอุทธรณ์จนเด็กหนุ่มต้องรีบจ้ำหนีด้วยความอาย  นี่เป็นอาหารมื้อแรกที่ลอว์ลี่กินอย่างเอร็ดอร่อยทั้งๆที่ร่วมโต๊ะกับ
เดนเซล  ชายหนุ่มเลื่อนจานผลไม้เข้ามาให้อย่างเอาใจและลอว์ลี่ก็กินจนเกลี้ยงเช่นกัน
หลังจากบริกรเข็นรถออกไป  ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอย่างน่า
อึดอัด  ลอว์ลี่เม้มปากแล้วคลายแล้วเม้มอยู่อย่างนั้น  ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรในบรรยากาศแบบนี้  จู่ๆเดนเซลก็อุ้มเขาไปวางบนเตียงดื้อๆ  ลอว์ลี่ผวาหนีแต่ชายหนุ่มกอดรัดเขาไว้แน่น         
“ตกลงเราจะแต่งงานกันเมื่อไหร่?”         
“…จะ…จะบ้าเหรอ ใครจะแต่งกับคุณ”         
“ก็เธอไง  น่า…เรารักกันออกอย่างนี้จะปฏิเสธฉันไปทำไม?”         
“บ้าแล้ว…ใครรักคุณ  ผมเกลียดคุณต่างหาก  แล้วผมก็เป็นผู้ชายจะแต่งกับผู้ชายได้ยังไง”         
“ก็แค่จัดงานเลี้ยงในหมู่เพื่อนฝูง ไอ้ทะเบียนสมรสมันก็แค่กระดาษใบเดียว  ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร”         
“บ้ากันใหญ่แล้ว  นี่ปล่อยผมนะ พ่อผมฆ่าคุณแน่ถ้ารู้ว่าคุณทำบ้าๆแบบนี้”         
“เรื่องนั้นสบายใจได้  ฉันคุยกับพ่อเธอแล้ว  บอกไปแล้วว่าฉันรักเธอ  ท่านก็ไม่เห็นว่าอะไรกลับชอบใจเสียอีกที่ธุรกิจของเราจะได้ราบรื่นยิ่งขึ้น”         
“คุณ!”         
“ตื้นตันจนพูดไม่ออกเลยเหรอ…ใจเย็นๆที่รักอย่าเพิ่งเป็นลมไปเสียก่อน”         
“ปล่อยผมนะ  เชิญคุณบ้าไปคนเดียวเถอะ  ผมจะกลับห้องแล้ว”         
“จะไปไหน?  นี่แหละห้องเรา”         
“หมายความว่าไง?”         
“ฉันให้เขาจัดการย้ายข้าวของของเธอมาไว้ที่ห้องนี้แล้ว  ต่อไปนี้เราจะอยู่ด้วยกัน ถือว่าเป็นการฮันนีมูนก่อนแต่งก็แล้วกัน”         
“ไม่!ผมไม่อยู่กับคุณ  ปล่อยผมนะ บอกว่าให้ปล่อย”       
“ฉันไม่อยากทำให้เธอเจ็บ  เพราะฉะนั้นเลิกดิ้นได้แล้ว”เดนเซลกระซิบข้างหูนิ่มแล้วซุกไซ้ปากร้อนๆไปทั่ว
ลอว์ลี่แผดเสียงเต็มที่แต่ปากร้อนดูดกลืนเข้าไปจนหมดรวมทั้งลิ้นของเด็กหนุ่มด้วย  เสื้อผ้าถูกทึ้งออกไปอย่างรวดเร็ว  ร่างหนากดร่างบางให้เลื่อนไถลไปบนกล้ามเนื้อแข็ง ผิวเปลือยเปล่าเสียดสีกันจนร้อนฉ่าอย่างรวดเร็ว  ลอว์ลี่ไม่รู้ว่าเลิกขัดขืนตอนไหน  รู้แต่ว่าหัวหมุนไปหมดจนต้องหวีดลั่นเมื่อปากร้อนผ่าวครอบครองเขาไว้และขยับเลื่อนอย่างชำนาญ ร่างบางบิดเร่าและครวญครางไม่หยุด  จนกระทั่งความเสียวกระสันพุ่งถึงจุดสูงสุด  ลอว์ลี่หยัดเกร็งขึ้นทั้งตัวและรู้สึกใจจะขาดเมื่อเดนเซลดูดแรงจนถึงที่สุดติดๆกันอีกครั้ง  ไอร้อนในตัวเขาถูกกลืนหายไปในโพลงปากร้อนผ่าว 
ลอว์ลี่แทบหลับด้วยความอ่อนเปลี้ย  หากช่องทางแคบไม่ถูกรุกรานจนต้องยกสะโพกหนีเพราะทนความเสียวกระสันไม่ไหว  มือกร้านบีบเคล้นสะโพกนุ่มและตรึงไว้จนขยับหนีไม่ได้  ทางแคบบีบรัดรุนแรงเมื่อลิ้นร้อนตวัดไล้ไปภายใน  ลอว์ลี่ร้องลั่น สะโพกขยับไม่ได้แต่ความเสียวซ่านก็ทำให้เขาทนอยู่เฉยๆไม่ได้เช่นกัน         
“มาเถอะ…เดนเซล…มาเถอะ” ลอว์ลี่ได้ยินตัวเองเรียกร้องอย่างน่าขายหน้า แต่ปลายเท้าเขากลับแยกกว้างเพื่อรับร่างหนา         
“อา…ฮ้า…”ลอว์ลี่ครวญครางอย่างสาสมใจเมื่อความกำยำขยับลึกเข้ามา  ทั้งที่เจ็บแทบขาดใจแต่ความเสียวซ่านก็ทำให้เด็กหนุ่มเปิดรับอย่างเต็มใจ  ลอว์ลี่เหนี่ยวรั้งสะโพกหนาอย่างลืมตัว  ขาเรียวโอบรัดเอวแข็งแน่น  ขณะที่สะโพกร่อนรับทุกแรงกระทั้นอย่างเร่าร้อน 
เดนเซลครางอย่างเหลืออด  ความปรารถนาของลอว์ลี่กระตุ้นให้เลือดเขาร้อนฉ่าจนขาดความเหนี่ยวรั้ง ร่างหนาโหมเข้าใส่ร่างเล็กรุนแรง  เสียงครางประสานกันลั่นห้อง  แรงปะทะกระชั้นถี่ขึ้นทุกที  ในที่สุดลอว์ลี่ก็ร้องเรียกชายหนุ่มเสียงกระเส่าปลดปล่อยไอร้อนออกมาอย่างรุนแรง  ก่อนที่ร่างหนาจะครางระโหยแล้วปล่อยไอร้อนเข้าไปในร่างบางจนทะลักล้นออกมาภายนอก  สองร่างเกร็งค้างอยู่ท่านั้นครู่หนึ่งจึงค่อยฟุบลงกอดรัดกันแนบแน่น
ลอว์ลี่หอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย  ทั้งสุขทั้งเหนื่อยจนเหมือนใจจะขาด  อ้อมแขนกำยำโอบรัดแน่นหนา เช่นเดียวกับความเสียดร้อนที่ยังแทรกลึกไม่ได้ถอดถอนออกไป  เหงื่ออาบร่างทั้งคู่เป็นมันวับภายใต้แสงแดดยามบ่าย...
         ..................................

   เจอร์รี่ลงจากรถด้วยสีหน้าไม่ค่อยสนุกเท่าที่ควร  คำพูดของปีเตอร์รบกวนใจจนไม่หมดอารมณ์เที่ยวและยิ่งเซ็งมากขึ้นเพราะผู้ร่วมขบวนทัวร์คนหนึ่งเกิดแพ้แดดอย่างรุนแรง แต่ดันตามสามีมาด้วยความที่กลัวสามีจะพาอีหนูมาเที่ยวเลยได้เรื่อง
ยังดีที่เป็นในช่วงเที่ยวในเมือง  ยังไม่ได้ไปเที่ยวในทะเลทราย  ไม่อย่างนั้นอาจตายได้ง่ายๆ  แทนที่จะได้เที่ยวกลายเป็นต้องโกลาหลพาคุณนายขี้หึงไปหาหมอ 
   “เป็นอะไรไปหน้าบึ้งเชียว?”
“เซ็งจะตายอยู่แล้ว”
“ทำไม...ก็เห็นเมื่อเช้ายังกระตือรือร้นจะเที่ยวอยู่เลย”
“แล้วได้เที่ยวไหม  ดูสิเพราะยัยป้าขี้หึงนั่นคนเดียว เลยไม่ได้ไปพิพิธภัณฑ์เลย”
“ก็เห็นเขาพาไปช้อปปิงสนุกกันใหญ่”
“แต่ฉันไม่สนุกนี่...ฉันอยากเที่ยว...อยากรู้ประวัติศาสตร์...อยากรู้จักฟาโรห์ ฉันถึงต้องถ่อมานี่  ถ้าจะช้อปปิ้งฉันนอนตีพุงอยู่นิวยอร์กแล้วสั่งของทางอินเตอร์เน็ต เอาก็ได้”
“น่า...ไว้พรุ่งนี้นายก็จะได้ไปตะลุยทะเลทรายแล้ว  ฉันไปหาลอว์ลี่ดีกว่า  ไม่รู้ป่านนี้ด่าฉันจนเป็นลมตายไปแล้วหรือยัง”
“ถ้าลอว์ลี่รู้ว่าเราไม่ได้เที่ยวไหนเอาแต่ไปเดินลากขากันอยู่ในย่านชอปปิ้ง คงหัวเราะฟันโยกแน่” 
“อ้าว!แล้วนั่นจะไม่ขึ้นไปด้วยกันเหรอ?”
“ไม่เอา...ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว  ขอพักตรงนี้ดีกว่า  นายขึ้นไปคนเดียวแล้วกัน”
“งั้นเดี๋ยวฉันมา”
พอปีเตอร์ลับหลังไป  พนักงานต้อนรับสาวก็เดินเข้ามาเมียงมองใกล้ๆ
“คุณมอล์เล่ย์หรือเปล่าคะ?”
“ครับ”
“มีจดหมายถึงคุณค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
‘ลอว์ลี่ย้ายไปอยู่กับฉัน  ถ้าตกลงกันได้  อีกไม่กี่วันเราจะแต่งงานกัน  ถ้าไม่ได้ฉันจะพาเขาหนีสัก2-3เดือนจนกว่าเขาจะใจอ่อนยอมแต่งงานด้วย...เดนเซล’
เจอร์รี่กระพริบตาถี่ๆ  นั่งงงอยู่นานก่อนจะอ่านจดหมายทวนอีกรอบ  ยังไม่ทันไรปีเตอร์ก็วิ่งตาเหลือกออกมาจากลิฟต์
“แย่แล้วเจอร์รี่  ลอว์ลี่คงโกรธเรามาก  เขาหนีไปแล้ว เสื้อผ้าข้าวของก็เก็บไปหมดเลย”
เจอร์รี่ไหวไหล่ก่อนจะส่งจดหมายให้  ปีเตอร์รับมาอ่านแล้วมองหน้าเจอร์รี่งงๆ
“นี่มันอะไรกัน...แล้วนายเดนเซลนี่ใคร?”
“คนที่ทำให้ลอว์ลี่อกหักซึมเป็นปี เป็นลูกหลานตระกูลแฮมิลตัน  และอนาคตคือว่าที่สามี๊...ของลอว์ลี่” เจอร์รี่สรุปทุกอย่างสั้นๆตามที่เข้าใจ
“เอ่อ...แล้ว...งั้น...ไงละหว่า”
“ช่างเถอะ  เรามาเที่ยวก็เที่ยว  เรื่องหัวใจใครคนนั้นก็แก้เอาเอง”
“แล้วพรุ่งนี้?”
“ไปตะลุยทะเลทรายกัน  ถือซะว่าเที่ยวเผื่อลอว์ลี่ด้วย  อีกหน่อยแต่งงานแล้วเขาคงอ้อนให้สามีพามาฮันนีมูนที่นี่เองแหละ”
      ..................................

   ลมทะเลกับลมจากท้องทุ่งกว้างต่างกันแค่ไม่มีกลิ่นไอเค็มเท่านั้น  แรงลมที่ปะทะจนแทบเซทำให้ลอว์ลี่เร่งม้าให้เร็วขึ้นอีก  เมื่อขึ้นมาถึงจุดสูงสุดบนยอดเนิน  เด็กหนุ่มก็รั้งบังเหียนหนักๆ  แม้ม้าที่ขี่มาจะยกขาหน้าชูขึ้นด้วยความพยศเล็กน้อยแต่ลอว์ลี่ก็ยังประคองตัวอยู่ได้  เด็กหนุ่มโดดลงจากหลังม้าและปล่อยให้มันเดินเล็มหญ้าไป 
   “ทำอะไรอยู่ครับ?” ลอว์ลี่ตะโกนถามขณะเดินลุยหญ้าสูงเกือบถึงเอวไปหา  เดนเซลนอนหนุนแขนมองท้องฟ้ากว้างโล่งอย่างตั้งอกตั้งใจ
“มานี่มา...ฉันมีอะไรให้ดู”
ลอว์ลี่เดินไปทรุดลงนั่งข้างๆ  แต่เดนเซลรั้งร่างบางให้นอนหนุนไหล่  เต็มตื้นกับการมีคนรักมานอนเคียง  3ปีกว่าที่เขากับลอว์ลี่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมีทั้งเรื่องดีๆและขัดแย้งเกิดขึ้นมากมาย  เพราะการใช้ชีวิตคู่ย่อมต้องมีความขัดแย้งกันเป็นเรื่องธรรมดา  แต่ทุกครั้งที่โมโห เดนเซลจะหวนนึกถึงวันที่เขาอยู่ตามลำพังโดยไม่มีลอว์ลี่  มันน่ากลัวจนเขาต้องพยายามปรับตัวเพื่อประคับประคองชีวิตคู่เอาไว้
“สวยไหม?”
“อะไรครับ?”
“ท้องฟ้าวันนี้ไง...สวยไหม?”
“สวยครับ  ให้คนไปตามผมมาดูท้องฟ้าด้วยกันเหรอครับ?” 
“เปล่า...แค่ชวนมา...”
ลอว์ลี่ไม่ทันตั้งหลักเมื่อจู่ๆอกอุ่นที่เขาหนุนจะพลิกตัวเขาลงเบื้องล่าง  ปากร้อนลากจุมพิตไปทั่วซอกคอ  แต่มือกลับเลื้อยปราดลงไปลูบไล้เบื้องล่างผ่านกางเกงขี่ม้าหนักๆ
“เดนเซล! อย่านะครับ...อื้ม...อา...”
“ไหนว่าอย่า...เธอกระตือรือร้นออก” เดนเซลแซวขำๆ  ปากก็ห้ามอยู่หรอก  แต่สะโพกบางกลับยกไหวระริกรับมือเขาไม่หยุด  ที่สำคัญมือเล็กยังดึงทึ้งชายเสื้อเขาออกจากกางเกงอีกต่างหาก
“ก็คุณน่ะ...อือ...ให้ผม...ตั้งตัวหน่อยสิครับ...เดนเซล...”
“ยากที่รัก  เพราะฉันตั้งใจไว้แล้ว...ว่าจะหลอกเธอมาข่มขืนตรงนี้”
“เอาจริงเหรอ...คิก...นี่อย่านะ...แขกออกเต็มบ้าน  แต่คุณดันมานอนอยู่นี่”
ลอว์ลี่หัวเราะคิกดิ้นหนี  แต่เดนเซลก็ดึงกางเกงขี่ม้าออกจากสะโพกบางจนได้  เด็กหนุ่มถอยออกห่างแต่ยิ้มยั่วหวานระยับ
“ก็แขกเต็มบ้านนะสิ  ฉันถึงต้องหาทางชวนเธอออกมาจู๋จี๋กันข้างนอก”
เดนเซลลากข้อเท้าที่ยังมีกางเกงขี่ม้าพันอยู่ไถลขึ้นมาบนตัก  ปากร้อนซุกไซร้ทรวงอกขาวที่ตอนนี้กระดุมถูกปลดโชว์ยอดสีสดอะร้าอร่าม  มือร้อนกอบกุมเนื้อตึงนุ่มไว้เต็มมือ 
“คุณเป็นเจ้าบ้าน...อืม...ที่แย่...มาก...” ลอว์ลี่เริ่มหอบ  มือเล็กสอดเข้าไปปลดปล่อยเดนเซลเช่นกัน  ไม่นานเสียงลมหายใจก็หอบกระชั้นเมื่อต่างลูบไล้และปรนเปรอกันไม่หยุด
“แต่ฉันกำลังทำหน้าที่สามีที่ดีนะ...อา...ดีจริงๆ…” เดนเซลครางกระหึ่มเมื่อฝากฝังกายเข้าไปในทางแคบได้สุดตัว  เสียงลอว์ลี่ครางหงิงขณะที่เขาเริ่มโยกสะโพกไปมาช้าๆ
“เร็วเข้าเถอะครับ....ผม...อยากกลับไป....ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีด้วย...อ๊ะ...”
ลอว์ลี่ร้องอุทานเบาๆอย่างสุขสมเมื่อเดนเซลรั้งร่างบางขึ้นนั่งบนตัก  รองเท้าบู๊ตจิกหญ้าด้านหลังเดนเซลแน่นเพื่อเป็นหลักขณะที่สะโพกบางเริ่มโบกโบยตามอารมณ์  เสียงครางหายไปเมื่อลอว์ลี่ยัดเยียดลิ้นเข้าไปในปากเดนเซล  ได้ลิ้มรสความกระหายผ่านลิ้นร้อน  แขนเรียวโอบรัดรอบไหล่หนาแน่นเพื่อประคองตัว  ขณะที่มืออุ่นก็ช่วยเหนี่ยวรั้งเอวบางให้เร่งกระชั้นได้ตามใจ
เสียงเนื้อปะทะกันระรัวก่อนที่ลอว์ลี่จะครางเสียงหลงแล้วเกร็งขึ้นทั้งตัว  เดนเซลกัดกรามกรอดๆ  เส้นเลือดที่คอปูดโปนเมื่อเขากระชากเอวบางถี่ยิบก่อนจะพ่นทุกหยดหยาดเข้าไปในทางแคบจนหมดตัว  ลอว์ลี่ซบหน้ากับไหล่หนาอย่างเหนื่อยอ่อน  แต่ก็ยังไม่วายขยับบีบรัดเนื้อร้อนๆที่แทรกอยู่ในกาย
“ยั่วกันเหรอที่รัก...”
“เปล่า...สักหน่อย...ผมแค่โปรดปรานช่วงเวลาคุณอยู่ในตัวผมเท่านั้นเอง”
เดนเซลคว้าคางแหลมไว้ขณะฉกลิ้นเข้าไปในปากนุ่ม  เสียงลอว์ลี่ครางเบาๆ ยิ่งเขาดูดดื่มลิ้นนุ่มหนักแค่ไหน  กล้ามเนื้ออุ่นก็บีบรัดเขาแรงขึ้นเท่านั้น
“เฮ้!นี่เจ้าของบ้าน...จะจู๋จี๋กันอีกนานไหม  แขกหิ้วท้องรอจนจะเป็นลมกันหมดแล้ว” ริชตะโกนแซวอยู่ไกลๆ  ถึงหญ้าจะสูงจนบังทั้งคู่ไว้  แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าของบ้านกำลังติดธุระสำคัญ
“ไอ้บ้าริช! อยากตายหรือไงถึงโผล่มาตอนนี้”
“เพราะไม่อยากตายนะสิถึงต้องมาเร่งพวกแก  รีบๆเข้าหน่อยเถอะ  หิวจะตายอยู่แล้ว  แกอิ่มอยู่คนเดียวนี่หวา”
เดนเซลชูกำปั้นหลาขณะที่ลอว์ลี่หัวเราะคิก  ริชควบม้ากลับไปทันทีหลังจากโวยวายจบ
“เรากลับกันเถอะครับ  แขกหิวกันใหญ่แล้ว”
“ช่างหัวมัน  มาต่อให้จบกันดีกว่า...อากาศเป็นใจอย่างนี้ไม่ใช่มีทุกวันสักหน่อย” 
ลอว์ลี่ทำตาโต  พยายามจะอุทธรณ์   ไม่นานเสียงต่อต้านก็กลายเป็นกระซิบเร่งระริกระรัวตราบจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป
         ..................................


ไว้เจอกันเรื่องหน้านะคะ  :bye2: :pig4:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
จบแบบมีความสุข แต่ก็ลุ้นก่อนจบว่าจะลงเอยยังไง
แถมตอนพิเศษที่ทำให้เข้าใจลอว์ลี่มากขึ้น
รอเรื่องต่อไปนะคะ
ขอบคุณคนแต่ง และคนโพสต์มากๆค่ะ
บวกอีก 1 แต้มนะค  :L2:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
จบไปอย่าง happy ending

ขอบคุณมาก ๆ นะครับ ทั้งคุณใบปอ และคุณผู้โพสนะครับ ( tianqin )

ยังไงจะเป็นกำลังใจในเรื่องต่อ ๆ ไปนะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mutoo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-37
อยากอ่านเรื่องกำแพงหัวใจที่คุณใบปอแต่ง

ถ้าขอเอามาโพสต์ได้
จะดีมากๆๆๆๆเลยจ๊ะ
 :call:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
จบแล้วเย้ๆๆๆ   :-[ :-[ ได้อ่านตอนพิเศษด้วย  :z2: :z2:

เรื่องนี้ทำให้เราติดใจตั้งแต่ตอนเริ่มเรื่อง บรรยายได้เยี่ยมจริงๆ แต่พอเข้าบทนิยายกลับลดบรรยากาศตอนนั้นลงอย่างน่าเสียดาย

แต่ก็ยังอยู่ในขั้นที่น่าพอใจ  โดยรวมแล้วชอบเรื่องนี้ค่ะ  o13

จะติดตามเรื่องต่อไปนะคะ 

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
แอบเสียดายนิดหนึ่งเหมือน part จะจบมันดูรวบรัดมากเกินไป เหมือนอย่างที่คุณ THIP บอกไว้เลย
อารมณ์เหมือนมันยังไม่ค่อยอิ่ม แต่จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ก็ดีแล้ว เรามีความสุข  :m1:

ขอบคุณคุณใบปอ กับคุณ tianqin ด้วยนะคะ สำหรับเรื่องสนุกๆๆ

รอเรื่องต่อไปนะ

ปล. ชอบตอนพิเศษอะ อ่านแล้วเพิ่งเข้าใจลอร์ลี่ แอบใส่ร้ายไปด้วยนะเนี่ย  :m23:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
 :pig4: สนุกดีค่ะรอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ
อย่างอ่านเรื่องของกายเหมือนกัน :3123:

ออฟไลน์ archi_10_001

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
ว้าวววว เรื่องนี้....ไม่คิดว่าจะได้อ่านใน อินเตอร์เน็ต ฮุๆ....

เคยอ่านแต่เรื่อง เท็ด-กาย เจ้าค่ะ สำหรับเรื่องนี้ได้อ่านจากที่คุณ "ใบบอ" รวมเล่ม

สนุกมาก เครียดมาก เหมือนจะมี 3 เล่มนะเจ้าคะ สนุกทุกเล่มเลย

ขอบคุณมากเจ้าค่ะ

อ่านกี่รอบก็สนุก  :m25: :m25: :m25: :m25:

เลือดพุ่งทุกรอบ ฮุๆๆๆ

ออฟไลน์ the_pooh9

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-3

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ไหนบอกว่า จะมาต่อคู่เท็ด กับ กาย ไงค่ะ หายไปเลย อย่าลืมแวะมาต่อนะ เรารออยู่  :monkeysad:

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1


เจออีกเรื่องของคุณใบปอแล้ว


เย้ๆ ดีใจ  มาเม้นก่อนอ่านค่ะ

 :z2:


OhJa

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมากๆเลยค่ะ

ตอนแรกก็คาใจในเรื่องของลอว์รี่ แต่ก็มาเฉลยในตอนพิเศษนี่เอง

แต่ว่า..ตัวละครแอบเยอะไปนิด  อ่านแล้วมึนๆเล็ก  แต่็สนุกค่ะ  :3123:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด