(เรื่องสั้น)เรื่องสั้น ๒๔ ชั่วโมง : มิใช่ไม่รักกัน วันที่ 11 ส.ค 57 (หน้า3)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น)เรื่องสั้น ๒๔ ชั่วโมง : มิใช่ไม่รักกัน วันที่ 11 ส.ค 57 (หน้า3)  (อ่าน 24429 ครั้ง)

patz

  • บุคคลทั่วไป
ก็ไม่ได้เลิกรักกันนี่นา...(รึเปล่า) แค่ต่างคนต่างต้องไปทำงานของตัวเองอะ

แต่การจากลานี่ มันเจ็บแปลบๆจริงๆเนาะ

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
อ่านแล้วมันหนึบๆไงไม่รู้
การแยกจากกันมันทำใจกันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ เฮ้อ :เฮ้อ:

Givesza

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1

 :pig4:


อ่านแล้วรู้สึกถึงอารมณ์ละเมียดละไม


(รู้สึกคนเดียว เอิ๊กๆ)


อืม สุดยอดมากกกก


+1 จัดไป


CaroL

  • บุคคลทั่วไป
ตามมาอ่านแล้วจนได้

เรื่องแรกลุ้นมากมาย

เรื่องที่สองก็ได้อารมณ์เหงาแบบเข้าใจ

ขอบคุณมากครับ

หายคิดถึงได้อีกหน่อย

 :man1:

PrinceTR

  • บุคคลทั่วไป
ชอบมากเลยครับ

ผมจะตามอ่านผลงานต่อๆ ไปนะครับ  :sad4:

benxine

  • บุคคลทั่วไป
อ่านไม่รู้เรื่องเลยยยยยย!!!~











ก็น้ำตามันบังตาหมดเลยอ่ะ ไหลตอนไหนก็ไม่รู้

รู้ว่าเศร้าฉิบ !!~

มาอีกเรื่อยๆนะ

 :sad4: :sad4:

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
ประทับใจมากเลยครับ

ขอบคุณมากครับ

แล้วจะมาต่ออีกป่าวเนี่ย

ppgf

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ: :o8: :o8: :o8: ชอบทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องสุดท้าย

CaroL

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับคุณเมศ  อ่านอีกรอบดีกว่า :man1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
เรื่องสั้น ๒๔ชั่วโมง


รักไร้กาล


อะไรเอ่ย?.....มีก็เป็นทุกข์ไม่มีก็เป็นทุกข์

อะไรเอ่ย?...ยิ่งวิ่งหนียิ่งเข้าหา

อะไรเอ่ย?....ยิ่งโหยหากลับขาดแคลน

คำตอบของคนผ่านโลกมามากมายอย่าง ‘กษิดิส’ นั้นคือ ‘ความรัก’

ทว่าความรักไร้กาลเล่า ...ใครจะเข้าใจ?



ในอพาร์ทเม้นต์เล็กๆที่เจ้าของเป็นหญิงชราหูไม่ค่อยดีคนหนึ่ง กษิดิสเพิ่งย้ายเข้ามาขอเช่าอยู่ห้องย่อยในห้องชุดเดียวกันได้ราวๆครึ่งปีด้วยการเรียนไปรับทำงานก๊อกแก๊กเก็บสะสมเงินไปตามเรื่องตามประสานักเรียนนอกที่ไม่ได้มีเงินทุนเป็นถุงเป็นถัง ยามสุดสัปดาห์มักมีเสียงเจี้ยวจ้าวหัวเราะเล่นหัวของเหล่านักเรียน จนบางครั้งเพื่อนบ้านถึงกับเรียกตำรวจมาเจรจา แต่หญิงชราเจ้าของห้องกลับไม่ได้ยินเสียงเอะอะนั้น

“คุณเชื่อไหม มิสแก ไม่ได้ยินเสียง ทั้งที่พวกเราหัวเราะเล่นหัวกันเสียงดังไปแปดตึก” คนฟังฟังเท้าคางกับโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ยในส่วนห้องนั่งเล่นอย่างตั้งใจ ดวงตางดงามเป็นประกายอย่างอยากรู้อยากเห็น

“ถ้าชิงเชื่อก่อนคุณก็ไม่เล่าน่ะสิ”

“แน่สิ ให้ความร่วมมือกันหน่อยแล้วกันนะติลา” คนเล่ายิ้มด้วยแววตาแพรวพราว ก่อนจะเล่าต่อไป พร้อมกับรอยยิ้มบางๆบนริมฝีกปากหยักสวย

“ด้วยความว่าแกแก่มากแล้ว แกเลยไม่ได้ยินนั่นแหล่ะ แถมเวลาพวกนักเรียนไทยไปหรือมา เอาของมาฝากแกกันทั้งนั้น มีหรือแกจะไม่ชอบ แกเลยว่า เด็กๆพวกนี้น่ารัก ไม่ได้เสียงดังเกะกะระรานใคร”

“อย่างนี้ ต่อให้เพื่อนบ้านมาร้องเรียนให้ตาย ตำรวจทำอะไรไม่ได้สิ” ไตติลาออกความเห็น

“ถ้าทำอะไรได้ คงไม่อยู่มาจนถึงป่านนี้ เจ้าของบ้านไม่ได้ยินเสียอย่างนี่”กษิดิสหัวเราะ

“แล้วคุณดิสต้องเรียนอีกกี่ปี?”ไตติลาถามพลางเปิดตำราเรียนของตนเอง ก่อนจะพูด

“ติลายังเตรียมแพทย์อยู่เลย สงสัยกว่าจะจบคงจะแก่เสียก่อน”

“ปีสุดท้ายแล้ว เคยคิดจะเลิกเรียนเสียก็หลายหน” คนฟังอุทาน กษิดิสยิ้มขัน แก้มสองข้างบุ๋มลึก ดวงหน้าคมสันจึงดูอ่อนโยน

“แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว…นะครับ” คนพูด พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ปลายนิ้วยาวแตะสัมผัสปลายนิ้วอีกฝ่ายแผ่วเบา

“คุณมาเรียนที่นี่กี่ปีแล้ว?”ไตติลาซักไซ้ต่อไป คนถูกถามยกนิ้วนับปีแทบไม่ไหว

“สิบปีพอดีเลย มาตั้งแต่อายุสิบหก”ไตติลาทำตาโต

“ผมเพิ่งมาได้สองสามปีเอง มิน่าล่ะคุณเรียนจะจบแล้ว ผมเพิ่งจะเริ่ม” เสียงเพลงที่ไม่รู้ที่มาดังขึ้น กษิดิสเหลียวหา ไตติลากลับสะดุ้งสุดตัวก่อนจะรีบหยิบ ‘กล่องสี่เหลี่ยม’ ขนาดกระทัดรัดออกมา

“อะไรน่ะ?” กษิดิสยื่นหน้าเข้ามาจนชิด

“โทรศัพท์มือถือ คุณไม่มีหรือ?” คนฟังส่ายหัว ไตติลากระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะขอตัวพูดธุระสักครู่ กษิดิสคว้าแก้ว จะไปรินน้ำอุ่นจากในครัว เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเสียก่อน

“คุยกับใครวะ?”เพื่อนสนิทของเขาถามอย่างสงสัยพลางยื่นหน้าเข้ามาในห้อง

“ไม่ได้เอาสาวซ่อนไว้นะเว้ย” ขณะกษิดิสกำลังคิดว่าจะแนะนำตัวกันอย่างไร เพื่อนของเขากลับพูดว่า

“ไม่เห็นจะมีใคร พูดคนเดียวอีกแล้วหรือวะ?” กษิดิสยิ้มพลางออกปากเชื้อเชิญเพื่อนให้เข้ามาในห้อง ชั่ววินาทีที่เขาเปิดทางให้เพื่อนสนิทเข้ามาจึงได้เห็นกับตาว่า ในห้องว่างเปล่า ไม่มีหนุ่มน้อยไตติลา คนๆนั้นหายไป ราวเป็นเพียงเงา



กษิดิสยังจำได้ระยะก่อนที่เขาจะเจอไตติลา บางคืนขณะเขากำลังจะหลับมักจะได้ยินเสียงเหมือนคนเดินไปรอบห้อง ได้ยินเสียงพลิกหน้ากระดาษ เสียงเหลาดินสอ เสียงคนเครื่องดื่มในแก้ว หรือแม้แต่เสียงเพลง กษิดิสเคยเปรยอย่างขบขันกับเพื่อนว่า อาจจะมีผี ทว่าเขาไม่เคยกลัว ‘สิ่ง’นี้เลย จนในคืนหนึ่ง เพียงแค่เขาหันหลัง ไปเปิดประตูตู้เก็บจานในส่วนห้องครัว ที่เป็นครัวเปิดติดกับห้องนั่งเล่น ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดอยู่บ้านยืนจ้องเขาเขม็ง

“คุณเป็นเพื่อนรูมเมตผมหรอ?” กษิดัสถึงกับงง เขาจะมีรูมเมตก็แค่หญิงชราเจ้าของห้องเท่านั้นแหล่ะ

“แล้วคุณเป็นเพื่อนรูมเมตผมหรอ” จะว่าเป็นหลานก็คงไม่ใช่ มิสแกคงไม่มีหลานหน้าตาเอเชียนขนาดนี้

“คุณเป็นคนไทยหรือ?” กษิดิสอดปากไม่ได้ เมื่อเห็นสร้อยพระที่ห้อยอยู่ที่คออีกฝ่าย

“คุณตอบคำถามผมก่อนดีกว่า” คราวนี้คนถามคาดคั้นด้วยภาษาไทยบ้าง

“คุณตอบก่อนดีกว่า” กษิดิสบอกอย่างใจเย็น ดวงตาหลังกรอบแว่นหนาของอีกคนเต้นระริกด้วยประกายโทสะจางๆ ริมฝีปากบางเม้มอยู่อึดใจหนึ่ง

“อย่ากวนจะดีกว่า” คนเริ่มมีน้ำโห ทำตาดุใส่ กษิดิสยกมือทำท่ายอมแพ้

“โอเคครับ ผมเป็นเพื่อนรูมเมตคุณ”

“คนไหนล่ะ? ฮวน หรือ วิโตลิโอ้”

“วิตโตลิโอ้ก็ได้เอา”

“ท่าทางวันนี้เขาคงกลับดึก คุณก็รอไปแล้วกัน” คนพูดเสร็จก็คว้าแก้วน้ำเดินตึงตังหายไปที่ห้องด้านใน

“คุณนั่นห้องผม!” เจ้าของห้องโวย แต่เมื่อเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง ในห้องกลับว่างเปล่า ไม่มีใคร หรืออะไรที่ผิดแปลก ชายหนุ่มงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ทว่าไม่ทำให้กษิดิสรู้สึกกลัวแม้แต่น้อย







“คุณนี่ทำไมมาบ่อยจริง” คนเจ้าอารมณ์โวยเมื่อเห็นเขาในห้องนั่งเล่นบ่อยๆเข้า กษิดิสชักสนุกที่ได้เห็นคนๆนี้แสดงท่าทางต่างๆ ทั้งตกใจที่เห็นเขา ทำหน้าบูดแบบชักหงุดหงิดเมื่อเขากวนโทสะ

“ก็ผมยังไม่เจอเพื่อนผมนี่?”

“ทำไมไม่โทรหาเขาละ?”

“ผมไม่มีโทรศัพท์” คนฟังฟังแล้วคอแข็ง ทำท่าจะโต้กลับ

“เราจะนั่งลงคุยกันดีๆไม่ได้หรือ” น้ำเสียงนุ่มนวลที่ไม่ได้แผงแววล้อเลียนยวนโทสะใดๆ ทำให้คนเจ้าอารมณ์สงบลง ก่อนจะตัดสินใจยอมนั่งลงบนโซฟาเก่าๆข้างๆเขาจนได้

“แป๊บเดียวนะ ผมจะอ่านหนังสือ”

“คุณชื่ออะไร?”

“แล้วทำไมคุณไม่บอกชื่อตัวเองก่อนล่ะ?” กษิดิสถึงกับร้องอ้าว

“ผมชื่อกษิดิส”

“ไตติลา”

“คนอะไรชื่อไต” ไตติลามองตาเขียว

“ครับๆ” กษิดิสรีบหุบยิ้ม เกรงจะถูกล้มโต๊ะเสียก่อน

“ไตติลา แปลว่าเทพเจ้า แม่เรียกติลา เพราะไม่อยากเรียกไต” ทั้งคู่เงียบเสียงลงต่างไม่รู้จะพูดสิ่งใด

“คุณรู้หรือเปล่า ว่าทำไมธนบัตรหนึ่งเหรียญถึงมีพีรามิดกับลูกกะตาหนึ่งข้าง”กษิดิสรอดูปฏิกิริยาคนฟัง ทว่าไตติลายังนิ่ง จึงเล่าต่อไป

“เขาว่าดวงตาเป็นตาพระเจ้า เป็นสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณแบบหนึ่ง หมายถึงความรู้ที่สูงขึ้น หรือเกี่ยวกับพวกเวทมนต์ ทีนี้ตาอยู่เหนือพีระมิด เก๊อะหมายถึง เวทย์มนต์เกี่ยวกับการรู้แจ้งของพระเจ้าในไบเบิล...”คนเล่าเงียบเสียงลง คราวนี้คนฟังจ้องตาเขาอย่างใคร่รู้

“แล้วยังไงอีกครับ?” บทจะน่าเอ็นดู ดวงตาที่เคยฉายประกายขี้หงุดหงิด ก็สดใสชวนมองได้เช่นกัน กษิดิสยิ้ม ก่อนจะเล่าต่อไป

“เขาก็เลยว่า ถ้าพกหนึ่งดอลล์ไว้ในกระเป๋า พระเจ้าจะได้คุ้มครอง เกิดอะไรไม่ดีขึ้นจะได้แคล้วคราด”

“ก็น่าจะแคล้วคลาดอยู่ ตกรถตกเรือจะได้มีเงินจ่าย” ไตติลาออกความเห็น คราวนี้กษิดิสหัวเราะเสียงดัง

“ช่างคิด!”


กษิดิสไม่เคยเฝ้ารอใครอย่างใจจดจ่อเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเป็นสุขทุกครั้งที่ได้พบไตติลา ยิ่งนานวันเข้าความรู้สึกเหล่านี้ยิ่งทวีขึ้นงอกงามเป็นสิ่งที่เรียกได้อย่างเต็มปากว่าความรัก ชายหนุ่มรู้สึกได้ ไตติลาไม่ใช่คนในยุคสมัยเดียวกันกับเขา มันเป็นเรื่องจริงที่เหนือธรรมชาติ เหนือกว่าใครจะคาดฝัน รวมถึงตัวไตติลาเองด้วย เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่รู้เลยว่าเวลาเป็นช่องว่างใหญ่ที่สุดที่แยกกษิดิสและไตติลาจากกันบ้างพบกันบ้างเช่นนี้

“คุณนี่โบราณจริงๆ”ไตติลาหัวเราะ เมื่อกษิดิสงกๆเงิ่นๆอยู่กับการใช้คอมพิวเตอร์ กษิดิสเคยเห็นแต่คอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ยักษ์มาบ้าง แต่ไม่ใช่เล็กกะทัดรัดแบบนี้

“อ้าว ก็ผมไม่ได้ใช้นี่ ปุ่มไหนเปิดไหนปิดกันล่ะ”

“ถามจริงเหอะคุณ คุณเกิดปีไหนเนี่ย ไปอยู่ที่ไหนมา คอมพิวเตอร์เดี๋ยวนี้ ไม่ได้เครื่องใหญ่เท่าบ้านเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เล็กกว่าเจ้าเครื่องนี้ยังได้เลย”

“บอกแล้วจะตกใจเชียวล่ะ ท่าทางผมจะแก่กว่าคุณเยอะ” ไตติลาฟังแล้วขันอย่างไม่เชื่อ จะเชื่อได้อย่างไร ในเมื่อขณะนี้กษิดิสอายุยี่สิบหกปี ขณะที่ไตติลาอายุยี่สิบสี่ปี

“ติลาเชื่อไหม ในโลกนี้มีตั้งหลายเรื่องที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้”

“แน่สิ แต่ถ้าคิดจะเปิดประเด็นเรื่องผีละก็ ขอผ่านเลยดีกว่า”

“แล้วเรื่องมิติเวลาล่ะ?”

“นี่ตกลงเรียนสถาปัตย์ หรือ สถาปัดไปตามกรรมเนี่ย เปิดประเด็นทวิภพเสียด้วย” กษิดิสทำหน้างง จนไตติลาต้องเสริม

“นิยายไง นิยาย เรื่องเขาออกจะดัง” กษิดิสยิ้มเก้อพลางส่ายหัว

“สงสัยเราจะมาจากคนละเวลากันเสียละมั้ง คุณดิสถึงได้โบราณนัก” ไตติลายิ้มเย้า ก่อนจะสอนให้ในสิ่งที่อีกฝ่ายไม่รู้ อย่างเต็มใจ ทว่าพอสอนได้สักหน่อย ไตติลาก็ลุกวิ่งไปหยิบแก้วน้ำ ทุกอย่างสลายหายไปต่อหน้ากษิดิส เพียงชั่วกระพริบตาเดียว เหลือเพียงชายหนุ่มนั่งเดียวดายอยู่ตามลำพัง


ชายหนุ่มนั่งนับวันรอ หนึ่งวัน สองวัน สามวัน จนเกือบหนึ่งสัปดาห์ ไตติลาไม่เคยได้กลับมาให้เขาเห็นอีกเลย หรือจะสิ้นโอกาสเสียแล้ว? ชายหนุ่มคิดพลางเปิดน้ำล้างหน้า ดวงตาของเขาแดงก่ำจากการอดนอนมาหลายคืน เขาไม่กล้าหลับ เกรงว่าหากหลับแล้ว ไตติลามาแล้วจะคลาดกัน ชายหนุ่มไม่รู้เลย ว่าเขาเหลือเวลาให้พบใครอีกคนนานเท่าไหร่ ไม่รู้เลยว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ทั้งที่หัวใจรักกำลังอัดแน่นอยู่ในอก ทุกอย่างดูสับสนไปหมด เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดกับไตติลาอย่างไรให้เข้าใจด้วยซ้ำ เมื่อเขาก้าวเท้าออกจากห้องน้ำ ร่างโปร่งคุ้นตายืนอยู่หน้าเตียงเขา จ้องมองกลับมาด้วยดวงตาสับสน

“คุณดิส...”เสียงที่อ่อนล้านั้น บีบหัวใจคนฟังได้อย่างน่าประหลาด

“ติลา ผม....”กษิดิสพูดสิ่งใดไม่ออก ทั้งยินดี และเจ็บปวดไปกับความไม่แน่นอนและสับสน

“คุณดิส นี่ผมฝันไปหรือเปล่า? มันเกิดอะไรขึ้น?” ไตติลากุมศีรษะทุกอย่างสับสนกับเรื่องราวเกินคาดเดา

“ถ้าติลาฝัน ผมก็คงฝันด้วย” มือแข็งแรงอบอุ่นกอบกุมมืออีกคู่ที่เย็นชื้นไว้ ด้วยปรารถนาให้คนตรงหน้าหลุดพ้นจากความอลหม่านในหัวใจ

“ถ้าเป็นฝัน มันก็เป็นฝันดีใช่ไหม?” นี่อีก น้ำเสียงนุ่มนวลที่ไตติลา ‘รัก’ ที่จะฟังหนักหนา

“ผมบังเอิญไปเจอหนังสือบันทึกผู้จบการศึกษา....มันมีชื่อคุณ ....กับปีที่จบ.....มันห่างจากปีที่ผมอยู่ หลายสิบปี” ไตติลาพยายามเล่าลำดับเรื่องราว ทั้งที่ยังสับสน

“เมตของผมบอกกับผมว่าไม่เคยรู้จักคุณ แล้วก็อีกหลายๆเรื่อง มัน.... ทุกอย่าง มันดูสอดคล้องกันไปหมด” ดวงตาที่กษิดิสนึกชมว่าสวยนัก เอ่อคลอด้วยน้ำตา

“ไตติลา ผมรู้ ว่ามันเหมือนเรื่องล้อเล่น เป็นเรื่องตลกที่ไม่มีใครเชื่อ แต่มันเกิดขึ้นจริงแล้ว ไม่ว่าด้วยเพราะอะไร” ริมฝีปากหยักสวย ประทับลงบนปลายนิ้วอีกฝ่ายแผ่วเบา ชายหนุ่มรู้สึกได้ ว่าร่างตรงหน้านี้กำลังสะอื้นเบาๆ

“ความรู้สึกพวกนี้ ผมสาบาน...ว่ามันเกิดขึ้นจริงเช่นกัน”

“หลายวันมานี้ผมทนกระวนกระวายใจไม่ไหว พยายามหาทางติดต่อคุณ แต่ไม่มีทางไหนเลย ไม่มีใครรู้ว่าคุณเป็นใคร คุณไม่ได้อยู่ที่ไหนๆเลย” กษิดิสเข้าใจ ความรู้สึกสิ้นไร้หนทางขณะทนทุรนทุรายนั้นมันเป็นเช่นไร

“เราจะยังเหลือเวลาอีกเท่าไหร่? เราควบคุมมันไม่ได้เลย” คำถามที่แผ่วเบาเพียงกระซิบ ทำให้กษิดิสส่ายหน้าเงียบๆ ก่อนจะโอบแขนรอบร่างโปร่ง ด้วยเพราะไม่รู้ ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นเช่นไร

“อย่ากลัวเลย ดิสอยู่นี่แล้ว” น้ำเสียงอ่อนโยนและอ้อมกอดราวกับจะคุ้มภัยนี้ ทำให้ไตติลาไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป

“อย่ากลัวไปเลย ดิสจะอยู่กับติลาเสมอ ไม่ว่าที่ไหน ไม่ว่าเมื่อไหร่”กษิดิสกระซิบแผ่วเบา เพียงชั่วพริบตา อ้อมแขนที่เคยโอบหัวใจไว้กับอก พลันกอดไว้เพียงความว่างเปล่า....เหลือเพียงตัวเขา ให้เดียวดาย




เวลายังคงดำเนินไปสม่ำเสมอ เพียงชั่วกระพริบตาเสี้ยววินาทีหนึ่งได้กลายเป็นอดีตไปพลัน ระยะเวลาบนเส้นทางชีวิตที่ยาวไกลของกษิดิสก็กำลังจะล่วงผ่านอย่างไม่อาจห้ามเช่นกัน ทว่าทุกครั้งที่เขามองย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับใครคนหนึ่งในอดีตอันเหนือจินตนาการนั้น งดงาม แจ่มกระจ่างเสมอ กษิดิสเชื่อมาทั้งชีวิต ว่าความรักของเขาไม่เคยไปไหนเขาจะกอดมันไว้จนข้ามผ่านไปสู้ชีวิตใหม่ แม้จะไม่รู้ว่า ผู้เป็นดั่งหัวใจรักอยู่ ณ ที่แห่งหนไหน

“ปู่ครับลืมตาขึ้นหน่อยได้หรือเปล่า?” เสียงหนึ่งเรียกให้เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทั้งที่ร่างกายนี้เหนื่อยล้ามากแล้ว

“มีคนมาเยี่ยม” ร่างกายที่แก่ชรานี้หนังอึ้งเกินกว่าจะขยับไปไหน เกินกว่าจะออกแรงทำอะไร ทว่าความทรงจำของเขายังแจ่มชัด

“คุณดิส” ใช่แล้ว...เขายังจำเสียงนี้ได้ จำประกายสุกใสในดวงตาคู่นั้นได้ทั้งในยามเป็นสุข หรือทุกข์ รอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะ ทุกอย่างกระจ่างชัดยิ่ง

“อย่าร้องไห้เลย สังขารก็อย่างนี้ ตัวฉันอยู่มานานเสียจนเกือบจะเกินไปแล้ว” กษิดิสไม่รู้ ว่าเหตุใด เสียงของตัวเองถึงแผ่วเบานัก ไตติลาที่แปลกตาไปเล็กน้อย ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ดวงตาคู่งามมีน้ำตาหล่อเลี้ยงจวนเจียนจะหยาดหยด



















“ติลา เธอจะยังรักฉันไหม? ถ้าฉันเป็นตาแก่ใกล้ตายอย่างนี้?”















กษิดิสหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า สัมผัสอุ่นร้อนที่แตะลงบนเปลือกตาของเขาทีละข้าง เป็นคำตอบที่น่าพอใจยิ่ง กษิดิสยิ้มจาง ความตายตรงหน้าเขานี้ไม่ได้น่ากลัวแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้มีความรัก ที่ไร้กาลเวลาเช่นนี้แล้ว ไม่มีสิ่งใดให้กลัวอีกต่อไป เพราะความรักนี้ยังส่องสว่างอย่างแรงกล้าในหัวใจ ไม่ว่าเวลาจะหยุดนิ่งหรือเดินต่อไป ไม่ว่าหัวใจรักจะอยู่ที่ไหน เขารับรู้ได้ว่าผู้เป็นที่รักจะอยู่เคียงใจเหนือห้วงกาล



รักไร้กาล





๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

นานๆทีจะเขียนได้เร็ว เริ่มเมื่อวาน เสร็จวันนี้ สั่งได้ดั่งใจ เขียนได้อย่างนี้ทั้งปีคงจะไม่มีรายการดองนิยาย เเต่ทำไม่ค่อยจะได้นี่สิคะ ฮ่าๆ


ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ   :กอด1:

patz

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
เข้ามาจิ้มครับ



เรื่อง บัวขาว ตอนแรก นึกว่าเป็นเรื่องของคนรักต่างวรรณะจริงๆซะอีก ที่ไหนได้ เป็นนิยายในเรื่องสั้นซะงั้น โดนหลอกเลย หุหุ

ส่วนเรื่อง รักไร้กาล อ่านแล้วแอบงง ตกลงไม่ใช่ผีใช่ไหมครับ แค่ส่งจิตข้ามมิติเวลาเฉยๆใช่รึเปล่าครับ

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
รักข้ามภพ อยากมีอีกคนที่อยู่ต่างมิติแบบนี้มั่งจัง
มันคงคิดถึงแบบทรมานเนอะ เพราะไม่รู้เค้าอยู่ตรงไหนจริงๆ :เฮ้อ:

CaroL

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วมีน้ำตาซึม

แต่ก็ซึ้งจัง

ดีใจจังครับ

คุณเมศใจดีจัง

มีให้อ่านบ่อยๆแล้วฮิ้วๆๆๆ

ขอบคุณครับ :man1:

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
เอ...งงเเล้ว ตกลงมีกี่หน้า ปรับหน้าเว็บใหม่ หน้านี้ยังเป็นหน้าที่สอง  (งึมงำ)

 :L2:

อ่า...อากาศมันเปลี่ยนเเปลงบ่อย ขอ"พูดถึง"(ไม่ได้บ่นนา :m20:) ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นที่คนเม้นต์น้อยที่สุดเท่าที่เคยเขียนมา ขนาดลงไปสามบอร์ดเเล้ว สงสัยอ่านจบเเล้วอาจจะงง เเล้วจากไปอย่างเงียบๆ 55+

ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นนะคะ

ปล.จริงๆมาเเก้หน้าอ่ะ ตอนเเรกเป็นหน้า๓ ตอนนี้เป็นหน้าสองเเล้ว

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
อ่านงานเขียนของคุณเมศหลายเรื่องแล้วนะคะ
แต่ไม่ได้มีโอกาสเม้นท์เลย...พอสมัครสมาชิกที่เล้าก็ขอให้กำลังใจคุณเมศค่ะ
งานของคุณเมศมันไม่ตายตัวอ่ะ...หมายถึงเขียนได้หลายแนวน่ะค่ะ
เรื่องสั้นที่คุณเมศเอามาลงที่เล้าปรับเป็นเรื่องยาวได้เลยนะคะ
แต่รักไร้กาลนี่...เจ็บปวดอ่ะ :m15:
เวลาที่เรารอที่จะเจอใครซักคนที่เริ่มผูกพันธ์...แต่ไม่สามารถพบได้...
ต้องรอประตูกาลเวลาเท่านั้น
มันเหมือนเราต้องนั่งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ กลางห้องมีเทียนจุดอยู่หนึ่งเล่ม
รอให้เปลวเทียนมันค่อย ๆ ดับลง  โดยที่เราทำอะไรไม่ได้เลย
...ทรมานแทนจริงจริง

ถ้าคุณเมศมีโอกาสแต่งเรื่องสั้นอีกก็เอาแปะไว้นะคะ
ชอบงานเขียนของคุณค่ะ
 :pig4:
   

NUKWUN

  • บุคคลทั่วไป
ชอบชื่อตอนที่ว่า "รักไร้กาล"
มันกินใจอย่างบอกไม่ถูก

ออฟไลน์ Phing

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
เรื่องสั้น ๒๔ ชม.
King of Any things


   สายตาคู่หนึ่งกำลังทอดมองออกไปยังถนนด้านนอก ที่มีฝนกำลังสาดเทอย่างไม่กริ่งเกรงต่อสิ่งใด ลมแรงเสียจนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมทาง กิ่งก้านส่ายไหวและใบร่วงปลิดปลิว  ชายหนุ่มทอดสายตามองสภาพการจราจรข้างนอกนั่นพลางนึกไปถึงแผนการเดินทางกลับบ้านของตน ที่ต้องข้ามฝั่งเมืองไปเสียครึ่งค่อน เพื่อกลับบ้าน

“ฟังอยู่หรือเปล่า น้องอัณณ์?” ชายหนุ่มที่อาวุโสสุดในโต๊ะพูดขึ้น เรียกความสนใจของชายเจ้าของชื่อ

“ครับ” อัณณ์ตอบรับ ทั้งที่จริงแท้ ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ   ชายหนุ่มใช้ช้อนกาแฟก้านบาง คนในแก้วกระดาษของตนเองต่อไปเงียบๆ  ก่อนจะก้มหน้าลงแอบวาดตัวการ์ตูนลงในสมุดบันทึก

“เราคงต้องแบ่งงานกันใหม่”  ชายคงนั้นยังคงพูดต่อไป   อัณณ์ลอบถอนใจเบาๆ พลางคิดไปว่า ถ้าลุกขึ้นขอตัวเดินจากไปเสียตอนนี้จะผิดมารยาทที่ตรงไหนหรือไม่

“มันต้องแบบนี้ ถึงจะดี” อัณณ์ ได้ยินเสียงผู้ร่วมโต๊ะคนอื่นๆ ถกเถียงกันไม่จบสิ้น  ชายหนุ่มไม่อยากฟัง เวลางานมันผ่านไปแล้ว เขากำลังจินตนาการตัวเองเป็นตัวการ์ตูนตัวเล็กๆ เดินไปมาบนกระจกที่มีหยาดน้ำเกาะพราวก่อนจะไหลลื่นลงมายังโต๊ะกาแฟที่ตนนั่ง  กระโดดหลบหลีกไปตามถ้วยชามบนโต๊ะ ก่อนจะเดินชนเค้กก้อนใหญ่ล้มลงก้นจ้ำเบ้า เพราะมือใหญ่คู่หนึ่ง เลื่อนมันเข้ามาอย่างกระทันหัน

“แล้วจะให้น้องอัณณ์จับคู่กับใครดีล่ะ” เจ้าของชื่อยังคงปิดปากเงียบ

“หรือเราควรจะให้น้องอัณณ์ทำเดี่ยวไปเลย” อีกเสียงหนึ่งเริ่มเสนอความคิดเห็นบ้าง  ตัวการ์ตูนอัณณ์น้อยลุกขึ้นปัดกางเกง ปีนขึ้นไปบนก้อนเค้ก นั้น ก่อนจะกัดลงที่มุมหนึ่งเต็มคำ  เมื่อเห็นส้อมเงินเงื้อง้าจะปักลงมาจึงกระโดดหลบอย่างทันท่วงที  อัณณ์มองเจ้าของส้อมนั้น ที่ตัดเค้กคำใหญ่ใส่ปาก  ดวงตาคมหลังกรอบแว่นนั้น มองชายหนุ่มอยู่เช่นกัน

“แต่น้องอัณณ์ยังใหม่มากกับงานนี้นะ” อัณณ์กำลังมอง ชายคนที่นั่งตรงข้าม มือแข็งแรงนั้น หยิบปากกาวาดบางอย่างลงในกระดาษ  ไม่กี่อึดใจต่อมา กลายเป็น เด็กผู้ชายหน้าตาเกเรที่บนอกเสื้อมีรูปหมี

“งั้นมาทำกับฉัน”  อัณณ์จิตนาการไปว่า ตัวการ์ตูนเด็กผู้ชายสองคนนี้กำลังปีนป่ายไปตามโต๊ะ อัณณ์กำลังกระโดดไปตามช้อนส้อมบนจานกระเบื้องที่ว่างเปล่า เหลือเพียงเศษขนมชิ้นเล็กๆ  ในขณะที่เด็กผู้ชายหน้าตาเกเรคนนี้ แอบปีนขึ้นไปซุกซบบนหน้าอกของเพื่อนร่วมงานสาวสวย

“ไอ้นุต  ไอ้หมีคณุตม์!” เสียงเรียกอันดังนั้น ทำให้ทั้งเจ้าของชื่อและอัณณ์สะดุ้งสุดตัว อัณณ์แอบหัวเราะ ที่เด็กชายหน้าตาเกเรในจินตนาการร่วงลงมานอนแผ่กับพื้นโต๊ะ  เจ้าของชื่อเกาแก้มเขินๆ

“ว่าไงนะ?” เสียงทุ้มนุ่มนั้นถามแก้ขวย  อัณณ์ท้าวโต๊ะมองชายผู้นั่งตรงข้ามด้วยสายตาล้อเลียน

“คิดว่าน้องอัณณ์ควรจะทำงานนี้เดี่ยวๆหรือจับคู่ทำกับใคร?” ชายหนุ่มผู้ถูกถามทำหน้าคิด  แต่อัณณ์กลับเห็นเด็กชายหน้าตาเกเรในจินตนาการกำลังกระโดดลิงโลดไปมา

“เอ....เจ้าตัวเขาก็นั่งอยู่ตรงนี้ ผมว่าให้เจ้าตัวตัดสินใจเองดีกว่า”  อัณณ์หลุดจากห้วงจินตนาการของตัวเองโดยฉับพลัน  เจ้าตัวมักเป็นคนหัวอ่อน ใครให้ทำอะไรก็ทำ แทบจะไม่มีปากมีเสียง  จนกลายเป็นว่า มีแต่คนตัดสินใจอะไรๆให้ไปเสียหมด  เพิ่งจะมีคราวนี้เองที่เปิดโอกาสให้เจ้าตัวเลือกเอง

“ว่าไง?” อัณณ์กวาดสายตามองทุกคนในโต๊ะที่หันมองตนเป็นจุดเดียวอย่างลำบากใจ

“นั่นไง ก็บอกแล้ว น้องอัณณ์มาทำงานกับพี่ดีกว่า” ชายที่อาวุโสสุดในกลุ่มกล่าวอย่างสรุปรวมเอาเสียเอง ด้วยน้ำเสียงราวกับหยั่งรู้ทุกสิ่งบนโลกใบนี้  ทุกคนจึงละสายตาไปจากอัณณ์   เหลือเพียงสายตาคู่หนึ่งหลังกรอบแว่นเท่านั้น ที่มองตรงมา อย่างให้กำลังใจ และเชื่อมั่น  อัณณ์สูดลมหายใจลึกๆรวบรวมความกล้าให้ตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้น ผมทำกับพี่คณุตม์ดีกว่า พี่เขาเชียวชาญด้านนี้ น่าจะเป็นที่ปรึกษาของผมได้ดี จริงไหมครับ?”   คณุตม์ ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่พยักหน้ารับเบาๆ  อัณณ์เห็นเด็กชายหน้าตาเกเรคนนั้น ยิ้มยียวนก่อนจะชูหัวแม่โป้งขวาให้   



อัณณ์ยิ้มรับกว้าง การมีสิทธิ์ตัดสินใจด้วยตัวเอง ให้ความรู้สึกปรอดโปร่งแบบนี้เอง


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


   ฝนที่เคยตกหนักร่วมชั่วโมง สร่างซาลงมากแล้วในเวลานี้  ทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะกันมานานจึงเริ่มออกปากขอตัว  อัณณ์เก็บแทบกระโดดลิงโลด  ปากกาหลากสีที่วางไว้บนโต๊ะ ถูกกวาดลงกระเป๋าเรียบในคราวเดียว   อัณณ์ยิ้มให้ตัวการ์ตูนที่เขาวาดอีกครั้ง ก่อนจะปิดสมุดเก็บลงกระเป๋า  ร่ำลาพี่ๆขอตัวกลับบ้านอย่างรวดเร็ว

“พี่ไปส่ง” ผู้มีอาวุโสที่สุดในกลุ่ม รีบเอ่ยปากคล้ายจะบังคับ  อัณณ์ลอบทำสีหน้าลำบากใจ

“น้องเขากลับรถไฟฟ้า พี่เอารถมานี่ครับ  เขาไม่ให้เอารถขึ้นรถไฟฟ้านะครับพี่” คณุตม์เอ่ยปากแซว ทำให้เจ้าตัวหน้าหงายไป  อัณณ์นึกขอบคุณคณุตม์ในใจ  ผู้ชายชื่อเหมือนหมีคนนี้ ช่วยเขามาสองครั้งแล้วสำหรับวันนี้

“ปะ” มือแข็งแรงคู่นั้นตบลงบนบ่า อัณณ์ ดวงหน้าคมสันของคณุตม์ที่หันมายิ้มให้น้อยๆ  อัณณ์ทำได้เพียงมองอย่างสงสัย

“รถไฟฟ้า.....ใช่ไหม?” อัณณ์ยังทำหน้างง แม้ว่าชายหนุ่มจะพูดอย่างนั้น

“อ้อ”  คณุตม์หัวเราะ  กับหนุ่มน้อยผู้ไม่รู้ตัวเลยว่า ตนน่าเอ็นดูอย่างไร  อัณณ์ได้ยินเสียงคล้ายจะต่อว่าพี่คณุตม์ ว่าขี้โกง  ทว่าไม่ได้สนใจ

“ผมจอง!” อัณณ์ได้ยินเสียงพี่คณุตม์ว่า ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง  อัณณ์ได้แต่ทำตาปริบๆ...สงสัยอีกเหมือนเดิม

“รีบไปกันเถอะ” คณุตม์เปิดประตูให้อีกฝ่าย  ก่อนจะเดินไปตามทางเท้าด้วยกัน

“เคยมาขึ้นหรือเปล่า?” คณุตม์พยายามเปิดประเด็น หลังจากทั้งคู่เดินมาด้วยกันอย่างเงียบๆ   และอัณณ์เอาแต่ก้มหน้าเดิน ซึ่งเป็นนิสัยของเจ้าตัว

“ไม่ครับ”

“แหม เหมือนกันเลย ลองของใหม่เน๊อะ”

“อัณณ์ชอบวาดการ์ตูนหรือ?” คนถูกถามเพียงแต่พยักหน้า  ชายหนุ่มผู้มากคำถามมาจนปัญญาก็คราวนี้ 



   ชานชาลาในยามนี้ค่อนข้างเงียบเหงา อาจเพราะฝนเพิ่งตกไปหมาดๆ อากาศรอบข้างจึงเย็นชื้น  มองเห็นทิวทัศน์บริเวณรอบข้างได้กว้างไกล อัณณ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาชอบกลิ่นของอากาศหลังฝนตกใหม่ๆ มันชวนให้สดชื่น เย็นสบาย  นาฬิกาบอกเวลาว่า อีกราวเกือบสิบนาที ขบวนต่อไปจึงจะมา

“แถวที่ทำงานเราเจริญแล้วเน๊อะ” อีกครั้งที่คณุตม์พยายามหาเรื่องชวนคุย

“ครับ”อัณณ์ยังคงพูดน้อยเหมือนทุกที  คณุตม์เริ่มรู้สึกจนปัญญาจริงๆเสียแล้ว  มือนวลบางหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเป้  เป็นโทรศัพท์มือถือ เพื่อถ่ายภาพเก็บไว้

“มาพี่ถ่ายให้” ชายหนุ่มรับขันอาสาก่อนจะรับมือถืออีกฝ่ายมา  ปลายนิ้วมือได้สัมผัสผิวเนื้อนวลเพียงเสี้ยววินาที กลับทำให้หัวใจเต้นแรง

“ย้อนแสง อัณณ์เลยดำเลย” เจ้าของรับกลับไปดูรูปก่อนจะกัดริมฝีปากอย่างเสียดาย   ก่อนจะยกมือถือขึ้นถ่ายใหม่ คราวนี้เปลี่ยนทิศทางไม่ให้ย้อนแสง  แต่ติดชายหนุ่มอีกคน ที่ยื่นหน้าเข้ามาในเฟรมราวกับนกรู้ 

“กล้องชัดดีนะ”  คณุตม์ ยังพยายามเปิดประเด็น  แอบยิ้มภูมิใจหน่อยๆ ที่ปลายจมูกตนเองในรูปเข้าใกล้แก้มใสนั้นอย่างหมิ่นเหม่

“ก็พอใช้ได้ครับ” มือนวลยกขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ ก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋า อีกครู่เดียว รถไฟฟ้าก็มาเทียบชานชาลา


   ภายในตู้โดยสาร มีผู้โดยสารนั่งเต็มทุกที่นั่ง  ทั้งคู่จึงเลือกยืนที่เสาใกล้ประตูอีกด้าน อัณณ์มองรอบตัวอย่างค่อนข้างตื่นเต้น  ก่อนที่จะสะดุ้งเพราะเสียงประตูที่ปิดดัง เช่นเดียวกับผู้โดยสารอีกกว่าครึ่ง  คณุตม์ มองพลางอมยิ้มเอ็นดู 

“มองอะไรครับ?” คนพูดน้อยเริ่มสงสัยบ้าง

“มองน้องอัณณ์”  คณุตม์มองอีกฝ่ายด้วยดวงตาเป็นประกาย คล้ายจะหยอกเล่น  คนถูกมองจึงก้มหน้างุดเหมือนเดิม

“มองพี่หน่อยไม่ได้หรือ?” ชายหนุ่มทำใจกล้ากระซิบเบาๆ  ดวงหน้าขาวของอีกฝ่ายเริ่มซับสีเรื่อ

“ไม่เอา”

“พี่ไม่ใช้หมีนะ  มองแล้วไม่ตะปบหรอก”

“พี่ชื่อเลียนแบบหมี?” คณุตม์อยากจะขำ กับสีหน้าท่าทางจริงจังของอีกฝ่าย ราวกับการถามคำถามนี้เป็นการทำความผิดมากมาย

“พี่เกิดก่อนหมีคนุต หมีสิเลียนแบบชื่อพี่”


ทั้งคู่ยืนเคียงกันไปเงียบๆ  ยิ่งแวะสถานีถัดไป คนยิ่งเข้ามาในขบวนรถมาก  ชายร่างสูงใหญ่กว่า จึงช่วยบางบังอีกคนไว้ ไม่ให้ต้องเบียดเสียดกับฝูงชน   อัณณ์มองออกไปนอกหน้าตาอย่างเพลิดเพลิน  จนลืมไปแล้วว่า ตนเองต้องลงที่สถานีไหน

“เอ..เราต้องลงสถานีอะไรนะ?” คณุตม์เองก็ลืมเช่นกัน   อัณณ์ขมวดคิ้วพยายามนึกชื่อสถานีด้วยอีกคน

“สถานีนี้!”  มือแข็งแรงฉุดข้อมืออีกคนให้พุ่งออกไปจากขบวนรถ ตามหลังกลุ่มผู้โดยสารอื่นๆไปได้ ก่อนประตูขบวนรถจะปิดหวุดหวิด

“เอ๊ะ ไม่ใช่นะครับ ถัดไปต่างหาก” อัณณ์นึกได้ช้าไปเสียแล้ว ขบวนรถวิ่งฉิวจากไปต่อหน้าต่อตาคนทั้งคู่ 

“พี่หมี!” อัณณ์เรียกเสียงเข้ม คล้ายจะตัดพ้อ แต่แล้วคนทั้งคู่กลับหัวเราะดังลั่นชานชาลาที่แทบร้างผู้คนนี้  ก่อนจะนั่งลงที่ม้านั่งในชานชาลานั้นอย่างเสียไม่ได้ ...เหลืออีกราวสิบนาที กว่าขบวนต่อไปจะมา

“เป็นแกะน้อยในเมืองใหญ่” คณุตม์ออกความเห็น

“พี่เป็นหมีแล้วไม่ใช่แกะ ตัวก็ไม่น้อยอีกตะหาก”

“แล้วน่าจะรักหรือเปล่าล่ะ?” คนถามทำเสียงหวาน ส่งสายตาลึกซึ้งอย่างไม่ปิดบัง อัณณ์ส่ายหน้าเบาๆ 

“ส่ายหน้า คือ?”

“ไม่เข้าใจ”

“โธ่เอ๋ย” มือแข็งแรงขยี้เส้นผมอีกฝ่ายเบาๆ อย่างหมั่นไส้เต็มแก่  ก่อนทั้งคู่จะนั่งอยู่ด้วยกันเงียบๆ  ฟังเสียงการเคลื่อนไหวรอบตัว  อัณณ์ชอบจิตนาการถึงตัวเองเป็นตัวการ์ตูนตัวเล็กๆ  ตอนนี้มันกำลังเดินกลับไปกลับมาบนชานชาลาอย่างกระวนกระวาย  โดยมีตัวการ์ตูนอีกตัว เป็นเด็กชายท่าทางเกเร คอยต้อนหน้าต้อนหลัง

“รถไฟมาแล้ว” คณุตม์เตือน ก่อนทั้งคู่จะก้าวเข้าสู่ตัวขบวนรถอีกครั้ง 


   อัณณ์เลือกที่นั่งไม่ได้อีกเช่นเดิม เพราะผู้โดยสารค่อนข้างมาก  จึงได้แต่ยืนเกาะเสาที่ตำแหน่งเดิมเช่นก่อนหน้า เพราะอาศัยโดยสารแค่สถานีเดียวเท่านั้น  สัมผัสอุ่นร้อนที่แตะกันเบาๆที่มือข้างที่ใช้ยึดเกาะไว้ให้ทรงตัวอยู่ ทำให้อัณณ์รู้สึกหัวใจเต้นแทบกระดอนออกมา

“คนเยอะเน๊อะ” คณุตม์ว่า พลางเคลื่อนกายเข้ามาใกล้อีกนิด จนใบหน้านวลนั้นแทบซุกซบบนอก

“พี่คณุตม์ลวนลามผม” อัณณ์อุบอิบกับตัวเองเบาๆ  คนถูกกล่าวหาหัวเราะ และยิ่งหัวเราะมากขึ้นเมื่อเห็นหูอีกฝ่ายแดง

“เปล่านะ”

“พี่แค่ ขอชื่นใจหน่อย” อีกฝ่ายส่ายหน้าอีก

“ อะไรๆก็ส่ายหน้า” คณุตม์ทอดเสียงอ่อน นึกเอ็นดูเด็กขี้อาย

“น้องอัณณ์รักพี่หน่อยไม่ได้หรือ?” คณุตม์กระซิบข้างหูอีกฝ่าย ใกล้เสียจนรูสึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ  คราวนี้อีกฝ่ายก้มหน้ามากยิ่งกว่าเดิม พลางส่ายหน้า

“อย่างนี้พี่ก็เสียใจแย่สิ…เอ๊ะ หรือต้องบังคับ”

“พี่ลำเอียงเสียด้วยสิ”   ชายหนุ่มหัวเราะแห้ง  เริ่มรู้สึกว่าหากหนุ่มน้อยตรงหน้านี้ไม่เล่นด้วยเสียแล้ว เขาคงจะแห้วอกหักดังเป๊าะเสียเป็นแน่


   เสียงประกาศถึงสถานีปลายทางของทั้งคู่  ผู้โดยสารรอบกายต่างเดินออกจากขบวนรถ เช่นเดียวกับคณุตม์และอัณณ์ที่ต้องตามกระแสคลื่นมนุษย์ออกมาด้วย  ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หยุดรออีกฝ่ายที่ทางลงจากสถานี แค่เพียงมองสบตา  อัณณ์ก็แทบจะหัวใจกระดอนออกมาจากอก   นี่คณุตม์กำลังให้เขาเป็นฝ่ายตัดสินใจเองใช่หรือเปล่า   แล้วถ้าเขาปฎิเสธเล่า จะทำร้ายความรู้สึกให้อีกฝ่ายเจ็บปวดหรือเปล่า  แล้วถ้าเขาตอบรับ แน่ใจหรือว่าตัดสินใจถูก  จะไม่ต้องมาเสียใจทีหลังให้น้ำตาใช้หัวเข่าแน่หรือ?

“ตัดสินใจได้หรือยังครับ?” 

“พี่คณุตม์ใจร้อน” อัณณ์จับจ้องสีหน้าอีกฝ่าย ที่ปิดบังความตื่นเต้นไว้ไม่มิด

“นะ?” คณุตม์ทำเสียงอ่อนราวกับจะอ้อนวอน

“ให้ผมตัดสินใจ....ใช่ไหม?”

“แน่สิ เรามีสิทธิ์เต็มที่”

“แม้ว่า คำตอบจะทำให้พี่ไม่มีความสุขนะหรอครับ?”  ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อัณณ์ผู้เป็นน้องคนเล็กของครอบครัว มีคนตัดสินใจในชีวิตให้ตลอด จนเข้าเรียน ไปจนถึงชีวิตทำงาน  พูดไปแล้วอาจจะไม่มีใครเชื่อ ว่าคนประเภทนี้มีอยู่จริง แต่อัณณ์รู้ ว่าเขาคือตัวอย่างของคนกลุ่มนั้น   และในวินาทีนี้ ชายตัวใหญ่เหมือนหมีคนนี้ กำลังหยิบยื่นสิทธิ์การตัดสินใจให้เขา 











“รัก.....หน่อยนึงก็ได้”









   เมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างขวางบนดวงหน้าคมสันของใครอีกคน ทำให้หัวใจของอัณณ์พองฟูขึ้น ด้วยความรู้สึกยินดีถึงอำนาจในมือตนเอง  อำนาจแห่งการตัดสินใจ และความกล้าหาญราวกับราชา  ที่ทรงสิทธิ์ขาด แห่งหัวใจตนเอง

จบ


เรื่องสั้น ๒๔ ชม. เรื่องที่เท่าไหร่ของเมศก็จำไม่ได้นะคะ 55+ (ใครจำได้ช่วยบอกที)

เขียนเเบบสนองตัวเองโดยเเท้ เลยเป็นเรื่องสั้นที่ไม่มีอะไรเลย ที่สุดในตระกูล ๒๔ ด้วยกัน

อาจเพราะช่วงนี้อากาศฝนๆฟ้าๆนะคะ เมศเป็นมนุย์ฝนฟ้าตามสภาพอากาศ เลยเจอเพลงๆหนึ่งเข้า ฟังเเล้วมันช่างสดใส ขัดกะวันเฉาๆของเมศ เลยจัดมาสักหนึ่งที พลอตไม่มี เขียนไปเรือยๆ ออกเเนวตามเพลงไปเรื่อยๆค่ะ  ชื่อเรื่องก็ไม่คิดเอง เอาชื่อเพลงง่ายๆงี้เลย 

(ทำไมยิ่งพูดยิ่งดูเป็นคนไม่เอาไหน ฮ่าๆๆๆ เเต่มันเป็นเรื่องจริงมากซะด้วยสิคะ55555+/*หัวเราะลั่นก้องป่า)เเว๊บมาเขียนเรื่องสั้นเเนวสดใสเเทนเรื่องยาวเเนวเฉาๆ สัก ๒๔ ชม(ตามคอนเซป) ชื่อตัวเอกของเรื่องนี้มีความหมาย มากกว่าชื่อเหมือนหมีด้วยนะคะ

คณุตม์ = ประเสิรฐกว่าคนทั้งหลาย

อัณณ์ = เเม่น้ำ,ตัวหนังสือ

ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ


ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อ่านตอนฝนพรำๆๆ พอดีเลย น้องอัณณ์เป็นคนแบบนี้เหมาะแล้วที่จะมีอิตาพี่หมีมาคอยดูแล
ชอบตอนที่นึกว่าเป็นตัวการ์ตูนน่ารักดี แต่ทำไมอ่านแล้วกลับนึกถึง Tom & Jerry ก็ไม่รู้ :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ตามอ่านของคุณเมศ จากอะกาลิโก  อ่านแล้วก็จี๊ดๆ  หัวใจปวดหนึบๆเลย :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ thehackzzi

  • <?php echo "Hello world!";?>
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-31
MOBILE UPDATE
«ตอบ #51 เมื่อ06-02-2011 13:17:25 »

เข้ามากล่าวคำขอบคุณแล้วเดินออกกระทู้เงียบๆ

OhJa

  • บุคคลทั่วไป
โ้อ้ยๆๆๆ โคตรจะชอบเลย
ชอบมากกกกกกกกก ทุกเรื่องเลย
แอบเสียน้ำตาให้กับรักไร้กาล สะเทือนใจ
แต่ก็มายิ้มได้กับเรื่องน้องอัณญ์กับหมีคณุตม์

+1 แรงๆคร้าบบบ

ปล.เรื่องสั้น 24 ช.ม.ยังมีอีกไหมคะ  อยากอ่านๆๆๆ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ยังมีอีกหรือเปล่าครับ? ชอบจัง โดยเฉพาะเรื่อง King of Anything น่ารักดี ^^

ออฟไลน์ pure_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
อ่านแล้ว ทึ่งค่ะ  เป็นเรื่องที่เดินไปอย่างราบเรียบมาก  แต่ละมุนละไมที่สุด
ขอบคุณนะค่ะที่แต่งเรื่องดีดีให้อ่านกัน  ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

KanomPhing

  • บุคคลทั่วไป
ชอบคุณดิสมากๆ
น่ารักชะมัด

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
เรื่องล่าสุด น่ารักจัง

 :-[ :-[

ออฟไลน์ yunjae123

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
อยากจะบอกว่า....
ชอบทุกเรื่องเลยอ่ะ อิอิ
แต่แอบชอบเรื่อง king of anything
น่ารักดี ชอบๆๆ ><~~~

Jaajaa

  • บุคคลทั่วไป
มาต่ออีกนะคะ
ชอบมากทุกเรื่องเลย o13

AB^Ton^

  • บุคคลทั่วไป
ลุ้นตัวโก่ง เลย เรื่องนี้ ขอบคุณคนแต่งมากครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด