[story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม  (อ่าน 132585 ครั้ง)

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ขอบคุณนะครับที่อนุญาตให้รวบรวมเรื่องราวนี้ไว้ที่นี่เพราะอยากเพื่อนๆได้อ่านกัน
เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีและเป็นประสบการณ์ชีวิตที่เตือนใจได้ดี

ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่นำเรื่องราวดีๆมาให้อ่าน
ติดตามประกาศเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆนะครับ
http://thaiboylovestory.ueuo.com/webboard/index.php?topic=459.0

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://thaiboylovestory.ueuo.com/webboard/index.php?topic=459.0







***************************************************

ต้นเหตุที่หัวใจ
ดีครับเป็นเรื่องแรกที่เขียนนะครับจริงมั่งโม้มั่งแบบนิยายอะครับ ขำๆครับ
บทที่1 รักคืออะไร
“มึงว่าไอ้หน้าขาวหล่อปะวะ” อีนังต้องเพื่อนรักถามผมที่กำลังกึ่มๆด้วยดีกรีของอัลกอฮอล์
“ไหนวะ มึง” ผมพยายามใช้สติที่กำลังจะเตลิดหรี่ตามองไอ้หน้าขาวที่เพื่อนผมมองอยู่ หน้าแบบนี้คุ้นมากครับไอ้คนนี้หละครับที่ทำให้ผมเสียใจเมื่อ 2 ปีก่อนจนผมต้องหนีหัวซุนมาจากบ้านนอก
“เหมือนนายแบบนะเว้ย เฮ้ยไอ้นี่ที่แสดงเป็นพระรองในทีวีไง ตัวจริงแม่งโครตหล่อเลยวะ” มันเขย่าผมเมื่อเห็นผมเฉยๆ
“เออ กูรู้แล้วว่ามันหล่อแล้วมึงจะได้กินมันปะที่มาเหล่มัน กูว่ากลับดีกว่า มึงกับมันหนะคนละชั้น มึงเข้าใจปะคนละชั้นหนะ” ผมย้ำให้มันเจ็บ ขณะที่เตือนตัวเองไปในตัว มึงเคยเจ็บเพราะมันมาแล้วนะโว้ย กับไอ้คำว่า รัก คำเนี้ยะ
“มึงเป็นไรวะอีเป้ ทำงานมากจนเม็นส์ไม่มาหรือไง หงุดหงิดจัง ไหนว่าจะมาจับผู้ชายกินทั้งผับไง อีนี่”
“เออ มีแต่น่ากินทั้งนั้นนี่ วันนี้กูปวดหัว กูกลับก่อนได้ปะวะมึง” ผมแกล้งฟุบกับโต๊ะเมื่อไอ้คนหน้าขาวพยายามมองมา ฮึ มันคงจำผมไม่ได้หรอก จากเด็กบ้านนอกหน้าตาซื่อๆตาแป๋ว ที่มันแกล้งจนร้องไห้ ซ้ำร้ายมันเองหละที่ประกาศลั่นมหาลัย ว่าผมเป็นตุ๊ดที่แอบรักมัน แล้วมันยังด่าผมอีก ว่าร่านผู้ชาย ผมผิดเหรอที่ไปแอบรักมัน ทำเพื่อมันหลายๆอย่าง รายงานเอย การบ้านเอย แม้กระทั่งข้อสอบผมก็ยังให้มันลอก และสุดท้ายผมก็ไปสารภาพรักกับมันก่อนวันที่จะจบปี 4 ไม่กี่วัน เชื่อไหมครับ มันหัวเราะเยาะผม ทั้งที่เมื่อก่อนนี้เคยแสนดีหนักหนา แถมโพนทะนาอีก ว่าผมร่านผู้ชาย กูเนี่ยนะมึง แค่รักมึงคนเดียว มึงยังว่ากูร่านผู้ชาย วันต่อมาครับมันไม่พูดกับผม แถมเพื่อนกลุ่มมันเวลาผมเดินผ่านมักพ่นคำแสบๆให้ผมได้ยินประจำ “เฮ้ย ทางนี้ห้ามตุ๊ดผ่านวะ” ผมทนในสภาพที่ไม่มองหน้ากันระหว่างผมกับมันรวมทั้งเพื่อนมัน ดีที่ไม่กี่วันจะจบแล้วผมถ้าอยู่ที่นี่คงเจอกับมันอีกแถมบ้านมันกับบ้านผมก็ไม่ไกลกัน ทางที่ดีผมไม่ขอเจอมันดีกว่า เจ็บครั้งเดียว แล้วอยู่ให้เหมือนตายจากกันจะดีกว่า แล้วผมก็เข้ามาทำงานที่กรุงเทพโดยไม่คิดแม้แต่จะบอกมันแม้แต่คำเดียว
“อีเป้ อีนี่เมานะมึง ไหวปะเฮ้ย กลับบ้านปะเดี๋ยวกูไปส่ง”
“ไม่ต้องเลยมึง กูกลับเอง แค่นี้เองไม่ตาย กูอยากให้มึงสนุกต่อวะ มึงนานๆมาทีไม่ต้องห่วงกู ว่าแต่กูไปแล้ว มึงดูแลตัวเองดีๆนะเว้ย กูว่าไอ้เสื้อดำโต๊ะโน้นมันเล็งมึงมานาน”
ผมเดินเซมากูเตะออกจากผับแห่งนั้นยังไม่ทันถึงประตูทางออกผมก็ชนกับผู้ชายคนหนึ่งครับแว่บๆแรกผมก็ว่ามันหล่อดี ผมก็ดันไปขอโทษมัน พร้อมกับเงยหน้ามองจากที่แรกชนเห็นแว่บๆว่าหล่อ ไอ้หน้าขาวนี่เองครับที่ผมเซไปชนมัน อะไรวะ ว่าอุตส่าห์อ้อมออกทางที่ไม่เฉียดโต๊ะมันแล้วนะ วูบหนึ่งผมเห็นแววตาดีใจระคนยินดีแต่ก็วูบเดียวหละครับ
“นึกว่าใคร นอกจากร่านผู้ชายแล้วยังซุ่มซ่ามอีกไม่เคยคิดจะเปลี่ยนตัวเองมั่งเลยหรือไงหือมึงอะอีตุ๊ด”
เดี๋ยวมาต่อนะครับขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้อ่านที่รักทุกคนคับ


“ทำตัวเป็นผู้ชายเลยนะมึงอีตุ๊ด แต่ยังงัยกูก็จำมึงได้”มันตะโกนใส่หน้าผมเพราะเพลงที่เปิดอยู่เสียงดังมาก
“กูไม่รู้จักมึง”ผมตะโกนใส่หน้ามันบ้างพลางสะบัดมือออกผลักประตูออกมาตอนนี้เริ่มสร่างหละครับ แต่มันยังเดินเซตามผมมาอีก
“มึงจะไปไหน” มันทำท่าจะตามมาประชิดผมอีก แต่ผมก็ไวกว่าครับเพราะว่ามันยังเมาอยู่
“ถ้ามึงตามกูอีกนะ มีเรื่องกะกูแน่ กูไม่เคยรู้จักกับมึง”เจ็บกับการที่ต้องโกหกตัวเองครับ ความจริงยังไงๆผมก็ยังรักมัน แต่ไอ้หน้าขาวมันดันโผเข้ามากระชากคอเสื้อผมครับ
“อีตุ๊ด มึงอย่าคิดนะว่ากูจำมึงไม่ได้ ไม่ว่านานแค่ไหนมึงก็ยังร่านผู้ชายอยู่ กูดูตามึงก็รู้” หน้ามันชิดกับผมมากจนได้กลิ่นเหล้าของกันและกัน แต่ตอนนั้นผมโกรธมากครับ แต่ก่อนผมอาจจะแสดงออกบ้างแต่กาลเวลาและสังคมทำให้ผมเปลี่ยนไปท่าทางมือไม้ที่เคยกรีดกรายเสียงที่เคยพูดสะบัดๆดูเปลี่ยนไปไม่ผิดกับผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งถ้าไม่สนิทกันมากหรือไม่รู้จักกันนานๆก็ดูแทบไม่ออกเลยว่า...ผมเป็น มันจ้องหน้าผมแววตากวนๆของมันหาเรื่องเหมือนเดิม
“ปล่อยกู”
“มึงจะทำไมกูถ้า กูไม่ปล่อย” ไม่มีคำตอบจากผมครับ นอกจาก กำปั้นที่ผมตะบันหน้ามันอย่างแรงจนมันปล่อยคอเสื้อผมและเซออกไป ผมก็ไม่รอดูผลงานหรอกครับ ตัวมันโตกว่าผมมาก แต่ตอนนั้นมันโกรธมากจริงๆผมเปิดประตูแท็กซี่พลางบอกจุดหมาย ดูเหมือนพี่เขาจะเห็นเหตุการณ์พาผมออกมาจากตรงนั้น นั่งรถมาก็คิดถึงเวลาเก่าๆ
น้ำตาผมไหลรินออกมา
เดี๋ยวมาต่อให้นะครับขอความสุขสวัสดีมีแด่ผู้อ่านทุกคนครับ...อีเรียม

“เฮ้ย เป้ รอเราด้วยดิหน้าขาวๆวิ่งมาหาผมพร้อมกับรอยยิ้ม ทำการบ้านยังอะ เราทำเคมีไม่ได้เลยอะ ขอลอกได้ปะ”
ไอ้หน้าขาวหละครับมันวิ่งผมตั้งในชุดนักเรียนม.ต้นมาหาผม ยิ้มตาหยี
ความจริงเราสองคนรู้จักกันมานานหละครับ เรียนที่เดียวกันมาตั้งแต่อนุบาลหละ แต่ว่าเราไม่สนิทมาก เห็นหน้ากันทุกวันเล่นกับเพื่อนคนละกลุ่มแล้วไอ้ผมมันก็ชอบเล่นกับพวกผู้หญิงแถมหน้าตาก็ยังน่ารักกว่าผู้หญิงที่เล่นด้วยซะอีก แก้มใสไว้ผมยาว น่ารักมีคนมาอุ้มเล่นทั้งวัน แล้ววันแรกที่เรารู้จักกันก็ตอน 6 ขวบ ไอ้หน้าขาวร้องไห้ตามแม่ ที่มาส่งโรงเรียนวันแรก แต่ผมเข้าเรียนมานานก่อนมันจะย้ายมาซะอีก ผมก็เดินต้วมเตี้ยมๆไปหามันที่มันร้องไห้แงๆอยู่ ผมเอานิ้มจิ้มแก้มมัน
“ร้องไห้แงๆเดี๋ยวแม่ไม่มายับนะ”
ไอ้หน้าขาวตัวเล็กๆดูเหมือนว่าจะตัวโตกว่าผมนิดหน่อย ก็มันเกิดก่อนผมตั้ง 6 เดือนนี่นา มองผม พูดสะอื้นตัวโยน
“คิดถึงแม่”
“โอ๋ๆๆๆ อย่าย้องนะ”ผมดึงมันมากอดตอนนั้นผมพูด ร.เรือไม่ชัด จนขึ้นป1.ถึงได้พูดชัดขึ้น (อันนี้แม่บอก)
“ต๊าย น้องเป้ดูดิรู้จักปลอบเพื่อนด้วย น่ารักจัง” อาจารย์พี่เลี้ยงพูดเสียงดังที่เห็นผมกอดไอ้หน้าขาวตัวกลม
“เราไม่ร้องไห้ พ่อบอกว่า ไม่ให้ร้องไห้ต่อหน้าผู้หญิง”
ไอ้หน้าขาวพูดเสียงสั่น ส่วนผมนะเหรอครับยิ้มอย่างเดียวหละครับเพราะว่าไม่รู้เรื่องอะครับ
จากนั้นไอ้หน้าขาวก็ติดผมแจครับ แถมหวงผมไม่ให้เล่นกับเด็กผู้ชายอีกบางครั้งขนาดเด็กผู้หญิงมันยังหวง แต่ความลับมันไม่มีในโลกครับ 10 วันต่อมามันก็รู้ครับว่าผมป็นผู้ชายเพราะผมชนะวาดรูประดับอนุบาล ต้องรับโล่ห์
รางวัลชนะเลิศจากท่านอาจารย์ใหญ่ จะต้องมีการประกาศชื่อด้วย มันมองผมเขม็งตอนที่ประกาศว่าเด็กชาย.......
ตอนนั้นครอบครัวเราเริ่มรู้จักกันและไปหาหาสู่กันหละครับเพราะบ้านใกล้ๆกัน แต่ไอ้หน้าขาวนี่สิครับ มันหลบผม แบบไม่ค่อยกล้าพูดคุยด้วยเท่าไร ทั้งที่เมื่อก่อนมันจะมาพูดกับผมเอาใจผม ตอนเช้าจะมีขนมมาฝาก ถ้ามีใครมารังแกผม ไอ้หน้าขาวนี่หละครับที่กระโดดเข้าไปจัดการให้ ทำให้มันมีเรื่องชกต่อยกับเด็กคนอื่นเพราะผมค่อนข้างเยอะเหมือนกันแล้วมันก็จะเรียกผมว่าน้องเป้ๆทุกวัน ตอนหลังๆมันไม่ค่อยพูดกับผมครับ
แต่ก็ยังมองอยู่ห่างๆตอนนั้นผมยังเด็กเลยไม่ได้สนใจมากครับใครมาเล่นด้วยก็เล่นแล้วอีกอย่างคุณครู และผู้ใหญ่ที่มาโรงเรียนก็เอ็นดูผมเยอะครับ มีของฝากมาให้ทุกวัน แถมวันอาทิตย์ครอบครัวผมต้องไปกินข้าวบ้านมันส่วนวันเสาร์ครอบครัวมันจะมากินข้าวบ้านผม ทำให้ความสัมพันธ์ของครอบครับเราแน่นแฟ้น แต่ความสัมพันธ์ของผมกับมันสิครับเท่าเดิมครับคือจะว่าห่างก็ไม่ห่าง จะชิดใกล้ก็ไม่ใช่ ตอนที่มันยังไม่รู้ว่าผมเป็นผู้ชายมันยังสนิทกันมากกว่านี้ครับ ตอนนั้นผมก็ยังพูดจ๊ะจ๋าไปตามเรื่องหละไม่ได้พูดครับพูดผมกับใคร ตัวอย่าง ถ้าผู้ใหญ่เข้ามาถามว่า “ชื่ออะไรจ๊ะ” ผมก็จะตอบว่า
“ชื่อน้องเป้จ้า” ตอนนั้นยังไม่รู้จักคำว่าครับว่าผมหรอกเลยหลอกไอ้หน้าขาวได้หลายวัน 5555
เดี๋ยวมาต่อให้นะครับขอความสุขสวัสดีมีแด่ผู้อ่านทุกคนครับ....อีเรียม


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-02-2007 21:10:03 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #1 เมื่อ07-02-2007 08:33:13 »



กรีดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


นักเขียนคนโปรดของผมเลยอะบลู


ดีใจจังที่บลูเอามาลง  ชื่นใจจริงๆ  มิเสียแรงไม่ไปตามหานิยายที่ไหนอ่านอีกเลยนอกจากรออ่านในเวปนี้  อิอิ

ปล.  คนชื่อ เป้ มักจะหน้าตาน่ารักครับ  ผมชอบคนชื่อ เป้  อิอิ  :haun2:

need_not2know

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #2 เมื่อ07-02-2007 10:37:04 »

เคยอ่านเรื่องนี้แล้ว มาให้กำลังใจและคอนเฟิร์มความสนุก :yeb:
(รุสึกพักนี้คอนเฟิร์มหลายเรื่องจิงกุ :try2:)
อ้างถึง
ปล.  คนชื่อ เป้ มักจะหน้าตาน่ารักครับ  ผมชอบคนชื่อ เป้  อิอิ
เห็นด้วยง่ะ กร๊ากกก :laugh:

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #3 เมื่อ07-02-2007 10:55:02 »

เรื่องเก่ายังอ่านไม่หมดเลย มีเรื่องใหม่อีกแล้วอะค่ะ แต่ก็จะตามอ่านให้ทันนะคะ  :yeb: :yeb:

jammy

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #4 เมื่อ07-02-2007 11:53:38 »

น่าติดตามดีครับจะรออ่านนะครับ :monkeylaugh2:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #5 เมื่อ07-02-2007 20:15:31 »

ถึงจาเคยอ่านแล้ว  แต่ว่ามาทบทวนความหลังอีกทีดีกว่า :interest:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #6 เมื่อ07-02-2007 21:14:33 »

ขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามให้กำลังใจนักเขียนและคนโพสที่น่ารักอย่างป๋ม อิอิ
***************************************************
เสียงเพลงดังลั่น จังหวะมันระเบิด นังต้องเต้นโยกอยู่ข้างๆ แต่ผมสิเบื่อๆยังไงก็ไม่รู้ผมโยกตัวไปมาพลางสอดส่ายสายตามองไปทางโต๊ะตัวนั้นที่เคยเห็นไอ้หน้าขาวมานั่งกินกับเพื่อนๆ วันนี้กลายเป็นชะนีดง สี่ตัวที่เจ้าหล่อนทั้งเด้งทั้งส่ายอย่างไม่กลัวมดลูกจะหลุดออกมา ข้างๆโต๊ะนั้นก็เป็นกลุ่มเพื่อนที่เคยจีบผมทีเล่นทีจริงจนไม่รู้ว่ามันเป็นผู้ชายจริงๆหรือเปล่า มันยิ้มให้ผมแล้วยกแก้วชูมาทางผม และผมก็ยิ้มกลับไปให้ทางกลุ่มของมันกับเพื่อนๆของมันครับ
“แหม มาไม่ทันถึงสิบนาทีมีเหยื่อมาติดเบ็ดแล้ว วันนี้ท่าจะเฮง มีผู้ชายตกถึงท้อง มึงคิดเหมือนกูปะวะ”
นังต้องเอียงตัวมากระซิบกระซาบกับผมพลางเหล่ไปทางโต๊ะนั้นอย่างไม่เก็บอาการ
“กูว่าน่ากินทุกคนวะมึง ล่อมาเยอะๆนะมึงวันนี้กูจะมอมผู้ชายแล้วจับกินให้พุงกางเลย”
นังต้องบัญชาการมาทางตัวล่อ พลางชายตาชะเง้อไปทางโต๊ะนั้นจนผมอดขำไม่ได้
“มึงเหล่พวกนั้นจนตาจะเขแล้วหละมึง รักษาสุขภาพคอมั่งนะมึงเดี๋ยวมันจะเคล็ดซะก่อน หน้าตามึงเหมือนอดอยากทำท่าจะไปตระครุบกินเหมือนปอบ ระวังผู้ชายกลัวนะมึง เดี๋ยวเขาก็ว่ามึงเป็นอีหื่นหรอก”
ผมหยอกมันจนมันหันมาทำตาพองค้อนควับใส่ผมครับ
“เออ อีแสนดี อีกุลเกย์ อีงามพริ้ง อีดอก”
นังต้องกับผมพูดใส่กันกัดกันแรงๆตั้งแต่ไหนแต่ไรจนไม่มีใครถือสาใครหละครับแต่มันก็รู้เวลานะครับเพราะว่าสังคมของเราต่างคนก็มีเวลาไหนควรพูดยังงัยทำให้ผมกับมันคบกันมาอย่างสนิทใจตั้งแต่ผมเข้ามาในกรุงก็ได้นังต้องนี่หละครับเป็นเพื่อนแท้
“เฮ้ย มึงดูดิวะ อนาคตผัวกูมาอีกคนแล้ววะ คนนี้นัมเบอร์วันเว้ย มังล่อมาให้ได้นะโว้ยคนนี้กูชอบ”
ผมหันไปมองแล้วตัวชาเลยครับ ไอ้หน้าขาวครับ มันมาเที่ยวแถมมันยังเดินเข้ามายังโต๊ะผู้ชายกลุ่มแรกที่ทักทายผม ผมก็ไม่รู้ว่ามันไปรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน เพราะสองปีที่ผ่านมา ผมบอกตัวเองว่าจะต้องลืมมันให้ได้ เลยไม่ได้ติดตามข่าวคราวของมัน มันขึ้นช้างลงม้าที่ไหนไม่เคยได้ถาม กลับบ้านแม่ก็พูดให้ฟั งแต่ผมก็ไม่ได้สนใจ แม่ก็ได้พูดๆตามหลังผมทุกครั้งที่เดินหนี เมื่อได้ยินเรื่องของมัน
“เฮ้อ คนแสนงอน”
แม่พูดตามหลังผมที่เดินหน้าบึ้งออกไป
ผมมองไปทางโต๊ะนั้นอย่างอดที่จะไปมองมันไม่ได้ มันก็มองมาทางผมแน่นิ่ง และนานแววตาเราสองคนเหมือนถ่ายทอดอะไรบางอย่างแก่กันและกันจนนังต้องมาสะกิดผมนั่นแหละถึงได้ผละสายตาจากมันมามองแก้วตรงหน้า
“กูว่า กูอยากรู้จักคนนั้นจนทนไม่ไหวแล้วหวะ ทำไงดีวะอีนี่”
“มึงก็ทำหน้าด้านๆเข้าไปคุยดิ หน้ามึงหนากว่าคำว่า หน้าด้าน อยู่แล้วนี่”
ผมกัดมันครับ ไม่อยากให้มันไปทำความรู้จักกับคนในโต๊ะนั้น เพราะผมรู้จากสายตาเมื่อกี้แล้วว่ามันจำผมได้แน่ๆ สองปีที่ผ่านมาผมว่ามันหล่อขึ้นนะ ขนาดตัวผมเอง ยังว่าตัวเองเปลี่ยนไปจนแทบจะไม่เหลือคราบนักศักษาหน้าตาเซ่อซ่าอีกเลย
อีนังต้องครับมันลุกขึ้นตรงไปโต๊ะนั้นเลยครับทั้งที่มันไม่รู้จักใครสักคน เออ อีนี่ ช่างกล้าดีแท้ๆ แถมมันยังชนแก้วกับทุกคนพลางคุยแล้วหัวเราะยังกะสนิทกันมาสักสิบปี ทำให้ผมอารมณ์หงุดหงิดแถมไอ้หน้าขาวยังชนแก้วกับอีนังเพื่อนผมซะถี่ยิบขาดนั้นแถมพูดคุยกันกระซิกๆทำให้ผมเดือดได้เหมือนกัน ขนาดว่าจะไม่สนใจมันแล้วเชียว แต่มันก็...นะ หรือว่าผมหึงมันหว่า...
ผมพยายามนับหนึ่งตั้งใจจะนับให้ถึงล้านครับไม่มองไปทางมัน
“อีนังเป้ มันด่ามึงนะ มันเกลียดมึง ท่องเอาไว้” ผมบอกตัวเองในใจพลางหลับตาไม่รับรู้
“มาคนเดียวเหรอครับ นั่งเงียบเลย ผมนั่งคุยด้วยได้ปะครับ” เสียงนุ่มปลุกผมให้เปิดตาขึ้นมาครับ เบื้องหน้าคือชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมหน้าใส ริมฝีปากชมพู ผิวขาวมานั่งใกล้ จนได้รับรู้ถึงสัมผัสความใกล้ชิด ผมยิ้มให้ตามความเคยชิน
“มากับเพื่อนหนะครับ แต่เพื่อนไปทักทายเพื่อนโต๊ะโน้นครับ” ผมหันไปมองทางด้านโน้นเห็นนังต้องกระแซะไอ้หน้าขาวซะชิดขนาดนั้น จึงต้องรีบหันกลับมาไม่อยากเห็นภาพบาดตา แต่ผมก็เห็นนะครับว่าไอ้หน้าขาวมองผมตาเขม็งเหมือนกัน

*************

ผมยิ้มให้กับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ชักแน่ใจแล้วหละครับว่าเขาคือชาวเราแน่นอนและที่สำคัญเฟอร์นิเจอร์ที่คุณชายท่านบรรทุกมาส่อถึงฐานะ และความไฮโซของอีกฝ่ายได้ดี
เฮ้อ จะเจอกระเทยไฮโซอีกปะวะเนี่ย
คำว่ากระเทยไฮโซนี้ก็ได้มาจากนังต้องหละครับที่ อดีตเคยมีชายหนุ่มหน้าตาดีมาติดพันอยู่พักหนึ่ง แต่หนุ่มคนนั้นคุณหนูมากๆและสาวออกมาให้นังต้องเห็น จนมันต้องบัญญัติคำว่า กระเทยไฮโซ เป็นที่รู้กันระหว่างเราสองคน
ผมพยามจับผิดสุดฤทธิ์ครับ เพราะว่าถ้าเป็นกระเทยไฮโซจะได้ เบรกความสัมพันธ์แค่เพื่อนไม่สานต่อหรือทำให้เขาต้องเหวอไปอีกเพราะเดี๋ยวจะได้แม่บ้านที่แมนกว่าพ่อบ้านซะอีก แต่จนแล้วจนรอด ผมยังไม่เห็นคนตรงหน้าแตกสาวซักที แถมคุยสนุกด้วยสิ แต่คำว่าเทวดากับนังขี้ข้านี่สิ คำนี้สิทำให้ผมไม่ค่อยสนิทใจ ที่มีเพื่อนรวยๆสักที จะมีก็แต่นังต้องนี่หละครับ ที่บ้านรวยแต่ชอบทำตัวจน เลยทำให้คบกันได้สนิท แล้วพ่อแม่มันก็รักผมดี พอกับพ่อแม่ผมที่รักมันเหมือนกัน จำได้ว่าผมคุยกับหนุ่มไฮโซคนนี้นานมาก จนอีนังต้องแว่บมาที่โต๊ะนั่นแหละ
“อะ แฮ้ม ลืมเพื่อนฝูงไปเลยนะเป้”
นังต้องครับไม่ได้มาคนเดียวแถวยังพาคนหน้าขาวที่ทำหน้าหงิก มายืนข้างโต๊ะพลางส่งสายตาคมดุๆมาทางผม จนผมต้องหลบตาไปมองคนหน้าตี๋อีกคน
“เป้ รู้จักเพื่อนเราดิเพื่อนใหม่นะน่ารักมากเลย คนจังหวัดเดียวกับนายเลย นี่ไงยอด เป็นไงหล่อปะ” นังต้องหน้าระรื่น โธ่มึงจะฆ่ากูหรือไงวะพามันมาทำไม ผมเลยต้องยิ้มแต่มันคงเป็นยิ้มที่แหยๆนะครับ เพราะครานั้นที่ผมชกมันไปจนเซถลาไป ผมก็ไม่ได้เตรียมใจที่จะมาเจอมันถึงกับต้องพบปะพูดคุยกันอีก ผมรู้นิสัยมันดีครับว่ามันเป็นคนที่ไม่ยอมอะไรง่ายๆ แล้วนิสัยอย่างมัน ต้องเอาคืนอย่างแน่นอน
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องเป้” ไอ้หน้าขาวมันเน้นหนักตรงคำว่าน้องเป้ แล้วยื่นมือมาทางผม
“ครับเช่นกันครับคุณยอด” ผมยื่นมือไปสัมผัสกับมือของมัน รู้สึกเจ็บเพราะแรงบีบจากมือใหญ่ที่บีบมือผมอย่างแรงแล้วคลายออก
“พี่บอยครับนี่เพื่อนเป้ครับชื่อต้อง แล้วนี่ก็เพื่อนต้องเขาชื่อยอดครับ”
ผมแนะนำทุกคนให้รู้จักกันโดยไม่สนสายตาดุๆของคนหน้าขาวที่อยู่ใกล้ๆทักทายกันไปกันมา สรุปแล้วนังต้องก็ดึงผมไปนั่งกับโต๊ะผู้ชายที่มันหมายปองอยู่ดี
“เฮ้ย วันนี้น้องเป้ให้เกียรติมาร่วมโต๊ะกับเรา เอ้า ชนแก้วครับ” พี่ชายครับหนึ่งในขาเที่ยวที่แวะเวียนมาที่โต๊ะผมเวลาไปเที่ยวเสมอเพราะว่าแกคิดว่าจะง่าย สุดท้ายเกือบโดนนังต้องมอม....
ช่วงหนึ่งครับที่ผมต้องเข้าห้องน้ำก็อย่างว่าหละครับที่ห้องน้ำวันศุกร์คนเที่ยวมันเยอะต้องรอคิวเป็นตับจะยืนฉี่ก็ไม่ชอบที่จะโดนบีบไหล่นวดต้นคอแบบว่ามันฉี่ไม่ออกจริงๆเลยรอห้องน้ำที่มันมีประตูมันจะได้โล่งใจหน่อยผมรอนานแล้วห้องยังไม่ว่างสักที จนสะดุ้งเมื่อมีเสียงแข็งๆอยู่ใกล้ตัว
“ข้างนอกนั่นมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ ถึงมาอ่อยที่ห้องน้ำนี่อีก ยังร่านไม่เลิกนะมึง”
ผมจำสายตาดูถูกของมันได้ครับก่อนที่มันจะออกไปมันบีบคางผมแรงๆ เมื่อห้องน้ำว่างผมรีบแทรกตัวเข้าไปน้ำตามันไหลออกมา ทำไมต้องมาเจอกันอีกนะ....ไม่เข้าใจ



jammy

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #7 เมื่อ07-02-2007 21:44:31 »

เริ่มสนุกเเล้วละซิเนี่ย555  ชักอยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆซะละ  :impress2:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #8 เมื่อ08-02-2007 07:11:50 »

เข้ามาคอร์นเฟิร์มด้วยอีกคนว่าเรื่องนี้หนุกจริง  :yeb:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #9 เมื่อ08-02-2007 07:43:26 »



เอามาต่อด่วนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

อิจฉาคนสวยจัง  มีคนมาจีบมากมายเลยอะ

เจ้สิ  ต้องเอาไฟลนติ่งเล่นแก้เซ็งตลอดเลย  :monkeycry2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
« ตอบ #9 เมื่อ: 08-02-2007 07:43:26 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






฿oomb@b@

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #10 เมื่อ08-02-2007 08:04:16 »

อีกเรื่องล่ะ ชอบเหมือนกานโดน เอิ้กๆๆๆๆ :kikkik:
หนุกหนานแน่นอน มาแนวนี่อ่า เอิ้กๆๆ :haun6:
จะตามอ่านต่อน่ะครับ   :monkeylove2:

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #11 เมื่อ08-02-2007 10:55:50 »

ชอบด้วยคนนะจ๊ะ หนุก ๆๆๆ  :pigha2: :pigha2:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #12 เมื่อ08-02-2007 19:09:56 »

มันส์มากกกกกก  เรย์เข้าเล้าได้ยาง  มาต่อให้ไว ทวง ๆ  :kikkik:

สงสัยไอ้หน้าขาวจะชอบน้องเป้แฮะ  มาแนวรักแต่แอ๊บไว้ก่อนปะ อยากอ่านต่อสุด ๆ  :impress:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #13 เมื่อ08-02-2007 19:23:00 »

บทที่2 เพราะรัก
เดือนต่อมาครับผมก็ยุ่งมากขึ้นเนื่องจากมีลูกค้าเข้ามาติดต่องานมากขึ้น ผมซึ่งเป็นฝ่ายขายจะต้องออกพบลูกค้ามากขึ้น เพราะบริษัทที่ทำงานเน้นตลาดเชิงรุก ที่พนักงานขายจะต้องออกไปพบลูกค้า แถมเวลาที่จะเจอกับนังต้องก็ไม่ค่อยได้มี จนมันบ่นมาตามสายบ่อยๆ ว่าผมแอบ “มีผัว” ซ่อนไว้ แต่คนที่ผมจะเจอบ่อยในช่วงนี้คือ พี่บอยครับเพราะแกขยันโทรหาผมซะเหลือเกิน แล้วยังขยันมารับไปทานข้าวซึ่งผมก็ขยันปฏิเสธซะเหลือเกิน ก็มันไม่ค่อยว่างเหนื่อยมากๆแถมบางทีออกตะลอนๆพบลูกค้ากว่าจะตกลงนัดทำสัญญากันได้ต้องเหนื่อยกับการเกลี้ยกล่อมอยู่นานบางทีงานบางงานลูกค้าก็เน้นอีกหละ ว่าให้ผมเนี่ยตรวจงานให้เขาก่อน เออเน๊าะ ผมก็ไม่ได้อยู่ฝ่ายออกแบบซะหน่อย แต่ทำไมลูกค้าจุกจิกแบบนี้นะ จะไปบ่นก็ไม่ได้เฮ้อ...ไอ้เรื่องไปเที่ยวกลางคืนหนะเหรอครับ ลืมไปได้เลยกลับจากที่ทำงานก็เหนื่อยหละครับดีที่มีกำลังใจดี ก็คนที่ผมรักที่สุดในโลกสองคนไงครับขยันโทรมาให้ความห่วงใยเหลือเกิน ทุกวันผมจะต้องรับสายจากแม่บ้างพ่อบ้างตามประสา ลูกรัก หละครับบางทีก็บอกผ่านทางแม่เลยหละว่า
“แม่ปลุกน้องเป้ด้วยนะครับ ตีสามครึ่งเป้จะต่างจังหวัด”
แล้วคุณนายแสนดีของผมก็โทรมาปลุกตอนตี3ครึ่งตรงทีเดียวแถมจะโอ้เอ้ก็ไม่ได้ เพราะคุณนายแสนดีของผมเนี่ยเจ้าระเบียบครับตื่นต้องเป็นตื่น วันนี้คุณนายแสนดีก็โทรมา
“น้องเป้ต้องกลับบ้านนะลูกห้ามเบี้ยวเลยคราวนี้ แม่ไม่อยากเข้ากรุงเทพแล้วหละ คราวนี้วันหยุดติดกันตั้งหลายวัน แม่โทรถามน้องต้องแล้วว่า น้องเป้ว่าง ถ้าให้แม่ไปหาคราวนี้ แม่ไม่ไหวแล้วหละ หายใจไม่ออกอึดอัด เอ...หรือว่าแม่ จะให้น้องยอดแวะรับกลับมาพร้อมกัน จำพี่ยอดลูกคุณลุงผู้พิพากษาได้หรือเปล่ าน้องเป้ ที่จบมหาลัยพร้อมกันกับหนูไง ตอนนี้พี่เขาอยู่กรุงเทพ ให้เขารับกลับบ้านด้วยกันหละดีแล้ว หลายปีแล้วที่น้องเป้ไม่ได้เจอพี่เขาเลย กลับบ้านก็ไม่พร้อมกันซักที คราวนี้จะได้เจอกัน เดี๋ยวแม่จะโทรบอกพี่เขาใ ห้มารับหนูนะลูก ไม่ต้องขับรถมานะ มากับพี่เขานั่นหละ ประหยัดดี”คุณนายแสนดีของผมพูด แบบไม่ให้ผมแย้งเลยสักคำ แย่หละสิ ต้องกลับบ้านกับคนที่ไม่อยากเจอ ผมจะทำไงดี แกล้งหนีไปที่ไหนไกลๆสักที่ ปิดมือถือสักพัก ไอ้ทำหนะมันทำได้ครับแต่ผลที่เกิดขึ้นตามมาจะใหญ่ไปซะเปล่า คุณนายแสนดีแกยิ่งห่วงผมมากอยู่ เดี๋ยวแกจะไม่สบายใจเกิด เป็นอะไรขึ้นมา วันนั้นเลยเครียดทั้งวันครับ คิดไปคิดมานังต้องคงช่วยค้นหาทางออกให้ผมได้
“อีนี่ แอบผัวมาโทรหาเพื่อนได้แล้วสิ เป็นไงหย่ากันแล้วเหรอถึงโทรหาเพื่อนได้” นังต้องมันต่อว่าผมมาตามสาย
“กูกลุ้ม ดูดิคุณนายแสนดี จะให้คนที่กูไม่ชอบมารับกูกลับบ้าน แล้วกูก็ทำอะไรไม่ได้ด้วยขืนเลี่ยง อีกคุณนายแสนดีโกรธกูแน่ หาทางช่วยกูหน่อยดิ กูไม่อยากไปกับมัน”
“ถ้ามันเรื่องมากนัก มึงก็หลับตาจับมันทำผัวซะสิ เผื่อมึงจะรักมันขึ้นบ้าง ยังไงก็ผัวคนแรกนะเว้ย”
“อีนี่ คนกำลังกลุ้ม” ผมไม่มีอารมณ์ไปต่อปากต่อคำกับมันหรอกครับ เพราะนังต้องมันไม่ยอมแพ้จนผมต้องยอมเงียบให้มัน
“อย่าเครียดสิมึง มันไม่ฆ่ามึงหรอก เพื่อนบ้านกันนี่นา ดีออก ประหยัดเงินเติมน้ำมันตั้งเยอะ ถ้ามึงเกลียดมันมากเวลาเจอมัน มึงก็เฉยๆสิ จะได้ไม่ต้องยุ่งกับมันมาก”
“กูจะเลี่ยงไม่ได้ใช่ไหมเนี่ย”
“ถ้ากูไม่ติดว่าจะต้องไปกับป๋ากู ที่ญี่ปุ่นนะมึงกูจะไปเป็นเพื่อน งวดนี้มึงไปก่อนละกัน แม่มึงก็โทรมาหากูวันก่อนบอกว่าห่วงมึงที่ต้องขับรถไกลๆคนเดียว จะให้แกมาหามึงทุกเดือนมันไม่ไหวหรอก แกบอกจะให้ลูกชายเพื่อนบ้านมารับมึงนี่ หรือว่าคนนี้เป็นคนที่มึงเกลียด”
“เออ ไอ้ห่านี่แหละ ที่กูเกลียดมัน”
“ทำไมมันไม่เอามึงเหรอถึงแค้นขนาดนี้” นังต้องย้อนกลับมาทำเอาผมจุกไปเลย
“อีนี่ มันเป็นผู้ชาย มันไม่มาสนใจกูหรอก เจอหน้ากูแม่งกัดได้ทุกวัน ตั้งแต่เรียนแล้ว แถมเพื่อนมันทั้งกลุ่มปากหมาทุกคน”
“แล้วมันหล่อปะหละ”
“หน้าขาวๆ ยังกะหน้าลิง ไม่รู้สิกูไม่เคยเห็นมันหล่อ”
เออ มึงนะมึงทำตัวน่าสงสัย ไปบ้านมึงคราวหน้ากูจะไปเจอไอ้เพื่อนบ้านของมึง จะได้เคลียร์ เรื่องมึงกับมันซะ
มึงทำตัวแปลกนะมึงกับคนนี้ กูไม่เคยเห็นมึง จริงจังกับใครขนาดนี้ อีนี่ เกลียดมากระวังจะรักมากนะเว้ย”
นังต้องพูดแทงใจดำผม นังต้องมันไม่รู้หรอกว่าไอ้เพื่อนบ้านคนนี้เป็นคนเดียวที่มันกรี้ดในผับ แถมยังลากตัวมันมาแนะนำให้รู้จักกับผมซะอีก ถ้ามันรู้หละก็ มันคงกรี้ดใส่ผมอีกหลายตลบ โทษฐานที่รู้จักกัน
“เออ ยังงัยมึงจัดของเตรียมตัวได้แล้ว แล้วเพื่อนมึงจะมารับกี่โมง”
“มันไม่ใช่เพื่อนกู” ผมพูดกับมันเสียงแข็ง
“เออ ไอ้เพื่อนบ้านมึงหละ นัดกันกี่โมง”
“กูไม่รู้ แม่กูไม่บอกอะไรไว้”
“อีโง่ มึงก็เอาเบอร์โทรของมันโทรไปถามมันสิว่าจะมารับมึงกี่โมง”
“ก็กูไม่มีเบอร์มันนี่ อีคนฉลาด กูโทรถามคุณนายแสนดีแล้ว รู้มั้ยเจ้าหล่อนบอกว่า เดี๋ยวพี่เขาจะติดต่อเข้าไปเอง โว้ย..กูไม่อยากไปพร้อมกับมัน”


****************************

แล้วเช้าแห่งความเครียดก็มาถึง ผมก็รอครับ ตื่นตั้งแต่ตอนตี 3 บอกไม่ถูกว่าตื่นเต้นหรือเปล่า ที่ได้กลับบ้านกับไอ้คนหน้าขาว แต่มันก็นอนไม่หลับกังวลว่าเจอหน้ามันจะทำหน้ายังไงดี เอาแบบเข้มๆแมนๆอยากถามก็ตอบ หรือว่า จะทักมันก่อน แบบใสซื่อบริสุทธิ์ดี หรือว่าสวย เริ่ด เชิด หยิ่ง มองมันเหยียดๆ โอ้ยปวดหัว แปดโมงเช้าก็ยังไม่มา แถมคุณนายแสนดียังบอกมาตอนเช้าตรู่ว่า “เดี๋ยวพี่เขาก็แวะรับเองหละ” โอ้ย..จะบ้าตายจะมารับตอนไหนเนี่ยดูดิ สิบโมงยังไม่มีวี่แววจะมา จำได้ว่าเข้าห้องน้ำหลายรอบกว่าทุกวัน พยายามตัดความกังวลใจเรียกความเป็นตัวของตัวเองกลับคืนมา ใช่สิครับผมต้องหาอะไรทำ ก่อนที่จะเป็นบ้า นังต้องก็ไปญี่ปุ่น แล้วผมก็ทำอะไรแก้เครียด ตัดสินใจเดินเข้าร้านเสริมสวย เสริมหล่อซะเลย เอาแบบว่าเปลี่ยนลุคใ ห้หลุดโลกไปเลย ยิ่งเครียดๆอยู่
“พี่ทำทรงอะไรก็ได้นะครับ ให้มันหน้าแปลกๆไปเลย แล้วทำสีผมให้เจ็บๆไปเลยนะพี่มันเบื่อๆเครียดๆหนะพี่”
“อกหัก มาเหรอคะน้องเป้ ถึงได้คิดทำผมแบบหลุดโลกขนาดนั้น” พี่บุญดีช่างผมประจำตัวของ ผมคิดได้ยังไงเนี่ย
จะว่าไปก็ได้พี่บุญดีนี่หละครับ ที่ช่วยหายเครียด เพราะแกเป็นอะไรที่สาวแตกมากๆ แถมแกยังตัวอวบๆใหญ่ๆที่ชอบชมตัวเองว่าสวย โดยมีสโลแกนตามเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง เพราะแกมักจะพูดพร้อมกับทำหน้าตา ที่ทำให้ผมขำได้โดยตลอด “นี่แหละคะน้องเป้ คุณค่าที่พี่คู่ควร” แถมแกยังให้ผมเรียกแกว่า ดีดี้ อีก โอ้ย ตอนแรกก็ขำหลังๆมาก็ชินผมหลับตานั่งเครียดให้พี่ดีดี้แต่งหัวผม นานมากสามชั่วโมงกว่าหละมั้ง ตามแบบวิธีการของแก จนแกหันเก้าอี้ให้หน้าผมอยู่ตรงกระจกนั่นแหละเลยทำให้ผมคิดว่าไอ้ที่เห็นในกระจกนี่มันเราปะวะ มันหน้าแปลกๆ แถมสีผมจะว่าทองก็ไม่ทองจะว่าขาวก็ไม่ขาว จะน้ำตาลมันก็ไม่ใช่ แถมเซ็ตผมก็ทำให้ ผมนึกเสียใจตะหงิดๆ “แล้วจะกล้าเดินตามถนนหรือเปล่าวะเนี่ย อีเป้ เอ้ย..”
“โห พี่ดีดี้ อย่างงี้เป้จะกล้าเดินไปไหนเหรอพี่ แรงจังเลย ยังกะนกหัวขวาน แถมหัวหงอกอีก” ผมเอามือลูบทรงผมที่ถูกซอยและเซ็ตไว้อย่างดี อย่างเสียดายๆ
“อย่างนี้แหละค้า...ดีแล้ว ดูหน้าเด็กใสเชียวคะน้องเป้ ดูไปก็เหมือนเด็กสาวๆ17-18 น่ารักดีออกนะคะ”
“เป้ว่ามันสาวไปนะ แล้วต้องกลับบ้านนอกด้วย เดี๋ยวคนก็ล้อทั้งอำเภอหรอก” ผมพูดอย่างปลงๆด้วยความกังวล
“ไม่หรอกคะ อย่างนี้เหมาะกับน้องเป้แล้ว หน้าเด็กลงตั้งเยอะ พี่ยังอิจฉาน้องเป้เลย ว่าผิวดี หน้าใส ทรงผมทรงเดิมพี่ว่าน้องเป้เหมือนผู้หญิงกว่านี้อีก แต่ทรงนี้ดูดีกว่า แถมแปลกตาด้วย ใหม่ๆก็งี้หละคะ เดี๋ยวพอชินตาแล้ว ความมั่นใจจะกลับมาเอง เผลอๆอาจจะแรงกว่านี้อีกก็ได้”
ดูพี่ดีดี้แกพูดซะผมขยาด เพราะว่าผมคงทำอะไรที่แรงๆ ครั้งนี้ครั้งเดียวหละครับ เพราะถ้านังต้องเห็น มันคงกรี้ดใส่ผมแล้ว หาว่าผมอกหัก ประชดชีวิตแน่ๆเลย เฮ้อ.....
ผมกลับคอนโดครับหลังจากทำผมเสร็จ ร้องเพลงรอไอ้คนหน้าขาวมารับกลับบ้าน แต่ไอ้หน้าขาว มันจะเอาไงกับผมเนี่ย ตอนนี้ก็บ่ายสามเข้าไปแล้ว ยังไม่ติดต่อมาอีก รอจนไม่รู้จะรอยังงัยไหวแล้ว คนอุตส่าหืตื่นมากลางดึกมารอดูดิบ่ายแล้วยังไม่มา ขอให้จีดๆ เลยไอ้คนที่ให้คนอื่นรอเนี่ย ทีตัวมันหละเน้นนักหนาว่าไม่ชอบให้รอ พอทำกับคนอื่นหละ ปล่อยให้รอซะ..... ผมกำลังจะเข้าห้องน้ำครับเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ครับผม” ผมรับสายครับ
“ รีบเอาของลงมารอ อีก 5 นาทีจะถึงหน้าคอนโด อย่าให้ต้องรอให้เสียเวลานะ รู้ใช่มั้ยว่าไม่ชอบรอใคร”ห้วนและก็วางสายไป
ไอ้ผมก็ขนของฝากสัมภาระลงมาหน้าคอนโดเผื่อจะได้ง่ายๆหน่อยเวลามันมารับจะได้ออกเดินทางไม่เสียเวลา รู้สึกว่ามีคนมองหลายคนเหมือนกัน เพราะตอนเดินเข้ามา ยามก็ทักว่าแปลกไป ชักจะไม่มั่นใจแล้วสิว่า พี่ดีดี้แกทำอะไรกับ หน้าตา ทรงผม ของผมให้เป็นตัวประหลาดหรือเปล่าเนี่ย ตอนแต่งตัว ผมก็ว่า เสื้อผ้า หน้า ผม มันก็โอเคอยู่นะแม้มันจะแรงไปสักนิดก็ตาม …




ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #14 เมื่อ08-02-2007 19:28:03 »

หุหุ เรื่องนี้อ่านแล้ว สนุกดีนะ  :yeb:
ขออนุญาตผ่านละกัน  :seng2ped:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #15 เมื่อ08-02-2007 20:14:44 »

อิอิ  จะได้เจอกันแร้ววววว  น้องเป้ กับไอ้หน้าขาว  ท่าจะกัดกันมันส์ดี 
รออ่านตามเคย :yeb:

jammy

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #16 เมื่อ08-02-2007 22:48:47 »

ง่ายังไม่จุใจเลยอะ นิดเดียวเองเหอๆ รอต่อไปก็ด้ายยยยย :haun2:

฿oomb@b@

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #17 เมื่อ08-02-2007 23:37:45 »

อ่า ซะงั้น มาต่อไวๆน่ะคร้าบ :kikkik:
กะลังมันส์ เลย :yeb: :yeb:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #18 เมื่อ09-02-2007 08:55:14 »



เอามาลงจ่อเด๋วนี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

อิจฉาคนสวยอะทำผมทรงอะไรก็สวยไปหมด  ถ้าเป็นเจ้ทำนะ.....ซวยไปหมด  :monkeycry2:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #19 เมื่อ09-02-2007 11:36:03 »

ทะเลาะกันรุนแรงขนาดนั้น

แล้วจะลงเอยกันยังไงหว่าเนี่ย

ตามอ่านครับ :yeb:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
« ตอบ #19 เมื่อ: 09-02-2007 11:36:03 »





FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #20 เมื่อ12-02-2007 19:19:22 »

โห

ท่าทางจะมันส์นะครับเรื่องนี้

ต่อด่วนๆ

เนื้อเรื่องแรงๆแบบนี้ผมชอบ

inimeg

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #21 เมื่อ12-02-2007 20:27:10 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ชอบๆ นิยายพี่เป้ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาเจอที่เล้า

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เผลออกสาวไปเลย พี่เป้นะพี่เป้

5555 เป็นการทักทายปรกติของต๊อบกับ พี่เป้อ่า ไม่ต้องตกใจ อ่านจบแล้วอ่ะ มันส์มากๆ แทบจะร้องไห้ตามเลย ซึ้งจริงๆ ไม่บอกละ รู้แต่ว่า

ต้องตามอ่านให้ได้

ปัจฉิมลิขิต : ไม่ได้อ่านรีพลาย แต่ว่า พอย้อนกลับไปอ่าน อ้าว.... นี่อ่านมาหมดทุกคนแล้วรึ

555 ได้รับการยืนยันว่าสนุกจริงโดย หมึกหมด ทั้งนั้นเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2007 20:30:52 โดย กระต๊อบ »

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #22 เมื่อ13-02-2007 07:49:03 »

กระต๊อบบ้าไปแย้วอ่ะ  คิกคิก
*********************************
รถเก๋งป้ายแดงเลี้ยวเข้ามาตรงประตูทางเข้าผมมองเห็นมันแล้วครับ ไม่ว่ามันจะเป็นยังไ งมันยังตรึงอยู่ในใจผมตลอดมา โจทย์ที่เคยตั้งเอาไว้ว่า ผมจะเอาไงดี ทักมันก่อน หรือเฉยๆไม่พูดกับมันดี ผมยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้เพราะว่ามันขับรถเลยตรงที่ผมรออยู่ไปนิดหนึ่งครับ อิอิ มันจำผมไม่ได้ ก็ทำสีผมซะแหวกตลาดขนาดนั้น แถมยังใส่แว่นดำไว้อีก มันโทรหาผมครับ
“ทำไมไม่ลงมาอีก เล่นตัว ไม่อยากจะรอนะเว้ย”
“มารอ นานแล้วขับรถเลยไปทำไม” มันถอยรถกลับมาพลางจ้องหน้าผมนิ่ง
“ขึ้นมาเร็วๆ สิ แม่ง..ลีลา” ผมหน้าบึ้ง เตรียมสวนกลับเหมือนกัน เพราะตอนเรียนผมก็ได้รางวัลชนะเลิศระดับจังหวัดในการโต้วาทีทุกปี เรื่องตีฝีปากผมว่าไม่เป็นรองใครเหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมเลือกที่จะเฉยครับ ไม่อยากสนใจมัน แค่เปิดประตูด้านหลัง เอากระเป๋าวาง แล้วเปิดประตูมานั่งคู่มันด้านหน้า ไอ้หน้าขาวมันปรายตามามองผมนิดนึงแล้วออกรถ นั่งเงียบกันทั้งคู่ครับ มันก็ไม่คุยกับผม ผมก็ไม่คุยกับมัน ตาผมก็มองดูวิวริมทาง ตอนนั้นก็โกรธและน้อยใจมันหละครับ ไอ้หน้าขาวมันก็ชำเลืองมองผมบ้างเหมือนกัน แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไร ครึ่งชั่วโมงที่นั่งรถมากับมันทำให้ผมอึดอัดเหมือนกับสักครึ่งปี เพราะไอ้หน้าข่วเปิดแค่แอร์ มันน่าจะเปิดเพลงหรืออะไรที่มันมีเสียงที่น่าจะคลายความอึดอัดลงได้บ้างแต่มันก็ไม่เปิด จนผมทนไม่ไหว
“น่าจะเปิดเพลงมั่งนะ จะได้มีอะไรฟัง” มันหันมามองผมนิดนึง
“ก็เปิดดิ ไม่ได้เป็นง่อยไม่ใช่เหรอ” ผมแทบจะเอาหมัดประเคนปากมันไปซักผลั๊วะ ตั้งแต่ตอนขึ้นรถแล้ว ปากมันช่างไม่สร้างสรรค์จริงๆ
ผมหยิบซีดีแผ่นนึงไม่ได้ดูหรอครับว่าเป็นของใคร ยัดใส่เข้าไปในเครื่องอย่างกระแทกกระทั้น อยากให้มันพังไปเลย
มีดวงใจหนึ่งดวง จะมอบให้เธอไว้ครอง เมื่อยามสองเราต้องห่างกัน........
โห ดูเพลงของมันดิ เก่าเชียว แต่ว่ามันก็ตรงกับความของผม รู้สึกที่ห่างไกลกันมาก และรู้สึกคิดถึงมันมาตลอด
แต่ดูท่าทางของมันสิ มันไม่เคยคิดถึงผมเลย นับตั้งแต่หลังจากวันที่...................................
วันที่ผมเปิดเผยความในใจ ให้มันรู้ เมื่อสองปีก่อนโน้น...... ผมลอบมองเสี้ยวหน้ามันที่กำลังขับรถ เสี้ยวหน้านี้ที่ผมแอบมองมันยามเผลอ ยามที่มันหัวเราะกับเพื่อนๆ ก็จะมีแต่ผมที่แอบมองมันอยู่ข้างเดียว ทั้งๆที่รู้ว่ามันมีน้องกิฟต์น้องผู้หญิงปีสอง เป็นแฟนอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังอดมองมันไม่ได้ และผมบ้าที่จะไปสารภาพรักกับมัน ทั้งๆที่รู้.........
“พี่ยอด เป้ขอคุยกับพี่ยอดได้มั้ย ขอคุยส่วนตัวด้วยแป๊บนึง”ผมบอกกับมันในวันที่สอบเสร็จวันสุดท้ายขณะที่มันนั่งคุยกันเรื่องผู้หญิงกับกลุ่มเพื่อนปากหมาของมัน
“เฮ้ย จะบอกรักกันหรือไงวะ ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่ยังไม่ลึกซึ้งพอหรือไงวะยอด”
ไอ้เพื่อนกลุ่มของไอ้หน้าขาวแซวมาตามลม แต่เราสองคนไม่ได้สนใจที่จะตอบ มันเดินตามผมมายังร่มไม้ที่ห่างไกลจากคนอื่นมากพอสมควร
“ครับ ว่าไงครับเป้” มันยิ้ม เมื่อผมยืนหันหลังแล้วหยุดนิ่ง เหมือนกำลังจะตัดสินใจ ที่จะพูดอะไรบางอย่าง ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เฮือกหนึ่ง
“พี่ยอดกับเป้ ก็รู้จักกันมาหลายปีแล้วตั้งแต่ตอนเด็กๆ อีกอย่างอย่างคงรู้แล้วหละว่า เป้ไม่ได้เป็นผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์” มันนิ่งเงียบ คงจะงง ว่าผมต้องการสื่ออะไรกันแน่
“มาถึงวันนี้เป้รู้ดีว่าไม่ควรพูดออกมา แต่เป้ไม่อยากฝืนใจตัวเองอีก อย่างน้อยก็ได้ระบายออกมาบ้าง ดีกว่าที่จะปล่อยไว้อย่างนี้ เป้อยากบอกพี่ยอดมานานแล้ว ว่าเป้รักพี่ยอด ถึงแม้.............................................”
ผมยังพูดไม่จบครับไอ้หน้าขาวมันเดินออกไปทันที ผมยืนนิ่งพลางเหลียวมองกลับไป เห็นมันทำท่าเหมือนโกรธใครมาสักคน คงโกรธผมนี่หละครับ มันเดินไปหยิบหนังสือ ที่วางบนโต๊ะม้านั่งหินอ่อนก่อนเดินหนีไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อนๆมันเลย...... ผมมองตามเงาหลังของมันไป รู้ดีว่า ผมคงโดนมันเกลียดแล้ว อย่างแน่นอน เกือบยี่สิบปีที่รู้จักกันมา มิตรภาพ รอยยิ้ม ความดีงามที่มีต่อกัน ถูกผมพังทลาย ลงภายในวันนี้เพียงแค่ไม่กี่นาที..........
เย็นวันนั้นผมไปหามันที่บ้านมันแต่มันหลบหน้าผม โดยไปดูหนังกับน้องกิฟต์ แน่หละ กระเทยออกสาวอย่างผมในตอนนั้น ผู้ชายที่ไหนจะมาสนใจ ดีเท่าไรแล้ว ที่มันไม่เอาเท้าถีบผมออกมา เพราะว่าไปแล้วมันมีหญิงแท้และชายเทียมสนใจตรึมๆ แต่นอกจากผมกับน้องกิฟต์แล้ว มันยังไม่เคยใส่ใจใคร แถมมันเกลียดกระเทยเข้ากระดูก
ผมรอมันในบ้านจนได้ยินเสียงรถเลี้ยวเข้าบ้านมา พอมันเห็นผมมันเดินหนีขึ้นห้องมันทันที
“พี่ยอด” ผมเรียกมัน จนมันชงัก
“ขอคุยด้วยได้มั้ย ครั้งสุดท้าย” ผมเน้นคำว่าครั้งสุดท้าย
มันเปิดประตูห้องของมัน พลางเดินเข้าไปก่อน ผมเดินตามเข้าไป และปิดประตู
“กูขอร้องได้ไหม มึงอย่าตามรังควาน กูเลย มึงก็รู้ กูมีแฟนแล้ว อีกอย่างกูเกลียดกระเทยร่านๆผู้ชาย แบบกระเทย อย่างมึงไง” มันมองผมด้วยสายตาหยามเหยียด ผมยืนนิ่งหน้าซีด เหมือนโลกถล่มทลายต่อหน้า จากคนที่ พูดพี่- พูดน้อง กลับกลายเป็นพูด มึง-กู น้ำตาผมไหลออกมา มันมองผมอย่างสมเพช
“ไม่ต้องมามารยาร้องไห้หรอก มึงรู้มั้ยเพื่อนกูล้อกูแค่ไหน ยิ่งมึงมาบอกรักกู กูยิ่งทุเรศ มึงกลับบ้านไปเลยไป อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก ถ้ามึงตามตอแยกูอีก มึงจะมาว่ากูร้ายไม่ได้”
ผมไม่ฟังต่อไปแล้ว ผู้ชายคนนี้ คือผู้ชายที่ผมรักหรือเปล่าเนี่ย ภาพข้างหน้าบนม่านน้ำตา คือผู้ชายที่จ้องหน้าผมด้วยแววตาที่เกลียดชัง แล้วผมจะอยู่ได้อย่างไร.....
ผมวิ่งออกมาจากบ้านหลังนั้นทั้งน้ำตา วิ่ง วิ่ง วิ่ง แต่น้ำตาก็ไม่หยุดไหลในหูทั้งสองข้าง มีแต่เสียงดังก้องๆ
ไม่ยอมหยุด กูเกลียดมึง กูเกลียดมึง.................
ผมวิ่งเตลิดออกมาจากบ้านไอ้หน้าขาว ด้วยน้ำตา แล้วตรงเข้าห้องนอนของผม ท่ามกลางความตกใจของพ่อกับแม่ เสียงเคาะประตูห้องรัว พร้อมเสียงแม่ผมลอดเข้ามา
“น้องเป้ เป็นอะไรหรือเปล่าลูก บอกแม่มา เปิดประตูสิลูก เปิดประตูให้แม่หน่อย” แม่ผมทุบประตูห้องพร้อมกับเสียงของพ่อผมที่เรียกให้เปิดปะตู
“แม่จ๋า พ่อจ๋าเป้ขออยู่คนเดียวก่อนนะแม่ เป้ไม่อยากเจอใคร เป้ไม่อยากเจอใคร” ผมตะโกนบอกแม่ทั้งที่ยังร้องไห้โฮๆ เสียงพ่อกับแม่ผมเงียบไป แต่ผมรู้หละครับว่าท่านทั้งสองอยู่หน้าห้องผมหละครับ ผมร้องไห้ ร้องจนแทบจะไม่มีน้ำตาไหล ยิ่งคิดถึงตอนที่ไอ้หน้าขาวมันด่าผมน้ำตาผมก็ไหลออกมาอีก..............

jammy

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #23 เมื่อ13-02-2007 10:02:22 »

โอยไมเรื่องมันเดินช้างี้อะไม่ทันใจเลย :serius2: รอตอนต่อไปอยู่นะครับ  :sad4:

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #24 เมื่อ13-02-2007 10:57:20 »

ต่ออย่างเร็ว เลย  :pigangry2:

inimeg

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #25 เมื่อ13-02-2007 22:02:40 »

เง้อ.

อ่านกี่รอบก็สนุก.....

อยากเขียนได้หนุกๆ แล้วมีคนตามกรี๊ดให้แบบนี้มั่งจังเรยง่า.....

ว่าแต่ พี่เป้เคยแวะมาเล้าเป็ดเป่าหว่า... กลัวกรี๊ดแล้วพี่เป้ไม่เห็น

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #26 เมื่อ13-02-2007 23:40:20 »

น่าสงสาร

รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังรัก  :monkeysad:

เวรกรรมของมนุษย์จริงๆ

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #27 เมื่อ14-02-2007 16:38:46 »

น่าสงสารเป้จัง.............ไปทนรักทำไมหนอ

แต่ก็เพราะรักอ่ะเนอะ........... :impress:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #28 เมื่อ14-02-2007 17:31:55 »

สุขสันต์วันวาเลนไทน์ ขอให้มีความสุขกับความรักมากๆนะครับทั้งคนเขียนและคนอ่าน

***********************************************************************

“น้องเป้ ออกกินข้าว มาเร็วลูก อย่าให้แม่เป็นห่วงมากกว่านี้เลยลูก” แม่ผมเคาะประตู พูดด้วยเสียงเครือๆ เหมือนจะร้องไห้ ผมปาดน้ำตาที่กำลังรินไหลออกมา แล้วเหลือบมองนาฬิกาบนโต๊ะหัวนอน เที่ยงคืนกว่าแล้ว นี่ ผมร้องไห้ มาตั้งแต่สามทุ่มกว่าเชียวหรือนี่
“เดี๋ยวน้องเป้ ล้างหน้าก่อนนะแม่” เมื่อผมเปิดประตูออกมาภาพที่ผมเห็นภาพแรก คือใบหน้าของแม่ ที่มีสีหน้ากลุ้มกังวลใจ นัยน์ตาของแม่มีน้ำตาคลออยู่ ถัดจากแม่ก็เป็นพ่อและพี่ชาย พี่สาวผม รวมถึงป้าพรพี่เลี้ยงของผม ทุกคนมองผมด้วยสายตาที่ห่วงใย ผมเข้าไปกราบที่อกแม่พลางสะอื้น
“แม่จ๋า ฮือๆๆ” ผมกอดแม่สะอื้นตัวโยน
“น้องเป้ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว อย่าร้องลูกแม่ บอกแม่สิ ว่าหนูเป็นอะไร” แม่พูดด้วยน้ำตา
“เป้ บอกไม่ได้แม่ เป้อาย ทำไมมีแต่คนเกลียดเป้ เป้ทำผิดอะไร ฮือๆ”
“ไม่อยากบอกแม่ตอนนี้ใ ช่มั้ยลูก ไม่ต้องร้องนะลูก ยังไงน้องเป้ก็เป็นลูกของแม่ ถึงไม่มีใครรัก แต่พ่อกับแม่และพี่ๆของเป้ ก็รักเป้ ห่วงเป้ทุกคน ถ้าน้องเป้อยากร้อง ก็ร้ องตรงนี้ ร้องไห้กับแม่ ร้องให้พอ ต่อไปเราจะได้เข้มแข็งนะลูก” ผมกับแม่กอดกันร้องไห้ ตรงหน้าห้องนั่นเอง……..
วันต่อมาผมไม่ไปมหาลัยครับ สอบเสร็จแล้ว คงเหลือแค่ ขอทรานสคริปต์หลังจากที่ผลเกรดออกมาแล้วเพื่อจะได้นำไปประกอบเป็นหลักฐานในการสมัครงาน ซึ่งผมสมัครเอาไว้แล้วหลายที่ รวมทั้งที่กรุงเทพฯด้วย ถ้าหากโชคดีได้งานทำ ผมคงจะไป ไปให้พ้นๆ จากที่ ที่มีไอ้คนที่ทำร้ายจิตใจผมอยู่ หลังจากนั้นมาผมก็เหม่อลอย เซื่องซึม เหมือนคนที่ไม่มีชีวิตจิตใจ โดยมีแม่ และคนในครอบครัวผมมองดูห่างๆด้วยความเป็นห่วง แต่ทุกคนก็ไม่ได้ถามถึงสาเหตุ หรือมาซักไซร้ อะไรกับผมเลย ผมคิดอะไรเงียบๆ ของผมคนเดียว บางทีแอบร้องไห้ไม่ให้ใครเห็น โดยเฉพาะแม่ ที่ผมไม่อยากให้แกต้องมาคิด มาคอยเป็นห่วงผม แม่ดูซูบลงไปมาก ไม่รื่นเริง ไม่ค่อยยิ้มเหมือนก่อน อาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์ ครอบครัวผมก็อยู่ในบรรยากาศที่เงียบ ทุกคนคอยมองผม คอยปลอบประโลมผม ให้เวลา ในการรักษาแผลใจของผม อาทิตย์ต่อมา ผมทำใจได้มากขึ้น เริ่มยิ้มแย้มบ้าง ทานข้าวได้ ที่สำคัญผมได้ใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดครอบครัว ทำให้ความเจ็บปวดจางลงไป แต่ใครจะรู้ ทุกครั้งจะมีภาพไอ้หน้าขาว ลอยเข้ามาหลอกหลอนผม ในช่วงยามค่ำคืนที่ผมต้องอยู่คนเดียว ตอนนั้นน้ำตาคือเพื่อนผมทุกค่ำคืน.......
เดือนต่อมาผมเริ่มมีความหวังเมื่อบริษัทแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านผมได้เรียกตัวผมเข้าไปสัมภาษณ์งาน และหนึ่งในผู้ที่ได้รับการคัดเลือกคือ...ไอ้หน้าขาว มันมารอสัมภาษณ์งานเกือบพร้อมกับผม แว่บเดียวที่ผมเห็นมัน แผลในใจที่ตกสะเก็ด กลับแตกปริออกมา ผมแอบร้องไห้ในห้องน้ำจนตาบวม ผมเจ็บ เหมือนใจจะขาด มันมากับน้องกิฟต์ ซึ่งมีญาติเป็นถึงระดับผู้บริหารในบริษัทนี้ ผมคิดว่าผมคงไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป ผมทนไม่ไหวแน่ๆที่จะเจอคนที่ผมรักมาก และทำร้ายให้ผมเจ็บมากที่สุดเช่นกัน ผมตัดสินใจ สละสิทธิ์ เดินตาบวมออกมาจากห้องน้ำและสวนกับคนที่ผมไม่อยากเจอพอดี มันมองผมด้วยสายตาที่เกลียดชัง น้ำตาผมเริ่มปริ่ม ทำท่าจะไหลออกมา ผมฝืนยิ้มให้มัน
“ยังดีอยู่นี่ เห็นแม่บอกว่าไม่สบายมากมาเป็นเดือน ยังดีนะที่ไม่คิดสั้นเหมือนกระเทยโง่ๆ”
ผมไม่ตอบ ได้แต่หันหลังเดินลิ่วออกมา น้ำตาเจ้ากรรมดันไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่....... ผมกลับบ้านมาด้วยอาการเดิม แต่คราวนี้มันเริ่มจะชิน ไม่หนักเหมือนก่อน แม่ได้แต่มองดูผมห่างๆ และหมั่นมาดึงตัวผมไปกอดแล้วบอกว่า “เข้มแข็ง นะน้องเป้” ยอมรับว่าอาทิตย์นั้น ผมหมดกำลังใจ ท้อมาก จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ ออกไปไหนก็เจอแต่ภาพเก่าๆ คนเก่าๆในสังคมต่างจังหวัดที่แคบๆ บางทีเจอเพื่อนไอ้หน้าขาว ที่เมื่อก่อนเคยทักทายพูดกันดี แต่มาตอนนี้สิ มันพาลเกลียดผมเหมือนเพื่อนมัน คำพูดที่เคยดี ตอนนี้ พ่นคำแสบๆมาให้ผมต้องช้ำลงมากกว่าที่เป็นอยู่…..
“น้องเป้ มีจดหมายมาสามฉบับนะลูก” แม่บอกผมในเย็นวันหนึ่ง ผมรับมาพลางแกะดู มันเป็นจดหมายเรียกตัวไปสัมภาษณ์งานและเรียกเข้าทำงานของบริษัทที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพ ฯ ผมมานอนคิดและตัดสินใจที่จะไป ดีกว่าอยู่ที่นี่ แล้วช้ำลงทุกวันๆ ยิ่งบ้านผมกับไอ้หน้าขาวก็ใช่ว่าจะไกลกันมาก ผมต้องเจอมันแน่ๆ ครอบครัวผมไม่ได้ห้ามอะไร ทุกคนเหมือนรู้..อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นกับผม แม่กับพ่อเป็นห่วงผมมาก แต่ผมสัญญาว่า ผมจะเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็ง กรุงเทพฯคือที่ ที่ผมจะขอไปพักรักษาแผลใจ ไม่นานผมคงลืมมันลงได้ ไอ้หน้าขาว...................

“เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น ปรักปรำฉันเป็นจำเลยของคุณ นี่หรือพ่อนักบุญ แท้จริงคุณคือคนบาป” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของผมดังขึ้นมา ตอนนั้นผมใช้เสียงเรียกเข้าเสียงนี้ไว้เตือนใจผมเสมอๆ ผมเหลือบไปมองหน้าคนที่นั่งข้างๆในรถ แว่บหนึ่ง มันไม่สนใจอะไร ผมก็หรี่เสียงเพลงในรถลงนิดนึง
“ครับผมเป้พูดครับพี่ ครับอยู่บนรถครับนี่ พี่บอยอยู่ไหนครับเสียงอู้อี้ๆ ไม่สบายปะครับ” พี่บอยโทรมาครับผมก็คุยกับพี่บอยจุ๋งจิ๋งๆ ตามประสาพี่น้องหละครับ ไอ้ผมหนะคิดกับพี่เขาเหมือนพี่ แต่พี่บอยจะคิดเหมือนผม หรือเปล่าก็ไม่รู้ พวกคุณหนูไฮโซ นี่ดูลำบากพิลึก รู้สึกว่ารถจะเร่งความเร็วขึ้น ผมเหลือบตามองหน้าปัดเข็มชี้ที่ร้อยห้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง มันบ้าไปแล้วแน่ๆ ผมยังไม่อยากตายร่วมกับมัน ไม่อยากตามไปทะเลาะกับมันในเมืองผีอะครับ
“ขับรถช้าหน่อย จะรีบไปตายหรือไง”
“ทำไม กลัวจะไม่ได้อยู่อ่อยผู้ชายหรือยังไง”
“ไม่ได้กลัว ผู้ชายมีเยอะแล้วไม่ต้องอ่อย” สวนกลับมันไปมั่งผมไม่ยอมโดนมันว่าข้างเดียวแน่นอน
“เออ รู้มานานแล้วว่าร่าน ตุ๊ดยังไงก็คือตุ๊ด แร่ด” มันพูดเสียงห้วนๆ
“รู้ก็ดี จะได้ไม่ต้องยุ่งกันอีก คราวหน้าไม่จำเป็นก็อย่าเจอกันอีกเลย ต่างคนต่างอยู่ แล้วจะกรวดน้ำไปให้”
“ยังกับกูอยากเจอมึง ดูสารรูปสิ หัวแดง ยังกะกระเทยข้างถนน” มันโกรธจริงๆครับขึ้นมึงขึ้นกูกับผมเลยถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคง กรี้ด ใส่มัน แล้วร้องไห้ตาบวม วิ่งหนีไปแล้ว แต่ตอนนี้หนะเหรอ.....
“กูก็ไม่อยากเจอกับมึงเหมือนกัน”
“แล้วอีตัวไหนวะ ที่มันมาสารภาพรักกับกู แม่ง ขำวะ ไม่เจียม” มันหัวเราะเยาะผม มันเจ็บมากนะครับ ทำไมนะต้องเจอมันเชือดเฉือนตลอดเวลา มึงไม่รักกูมึงก็ปล่อยกูอยู่สงบๆไม่ได้เชียวหรือวะ
“ตอนนั้นกูโง่ไง เสือกไปเล่นหยอกกับหมา”
“มึงว่าใครเป็นหมาวะ ไอ้ห่า” มันเรียกผมจาก อีเป็นไอ้ ไปแล้วครับไอ้คนที่ผมรัก วินาทีนี้ผมเกลียดมันมากครับ
ผมเลือกที่จะเงียบไม่ตอบกับมัน ผมรำคาญ รถที่ผมนั่งมาก็แล่นสู่ตลาดในจังหวัดแห่งหนึ่งทางผ่านไปบ้านผม
“ไม่ต้องทำตาแดงๆให้กูสงสารหรอก หมั่นใส้”
“มึงจอดรถเลยนะ ไอ้ยอด อย่าคิดนะว่ากูจะเห็นมึงดีเหมือนเมื่อก่อน มึงรู้ไว้เลยว่ากูก็เกลียดมึง กูไม่เคยลืมว่ามึงเคยทำอะไรกูไว้ จอดรถ อย่าคิดนะว่ากูอยากไปกับมึง ไอ้ทุเรศ”ผมโวยขึ้นมาทันที ไอ้หน้าขาวมันก็จอดรถทันทีเหมือนกัน
“รีบลงไปเลย คิดเหรอว่า อยากไปรับมาด้วย ถ้าไม่ติดที่แม่เขาขอมา จ้างกูก็ไม่ไปรับ”
ผมรีบลงจากรถด้วยความโกรธ พลางลากกระเป๋าลงมาจากเบาะหลัง ไม่แม้แต่จะชายตามองมัน....
ผมหารถรับจ้างได้คันหนึ่งเพื่อไปสถานีขนส่ง นั่งรถไปน้ำตาก็ไหลไป ผมนั่งน้ำตาไหลมาเกือบตลอดทาง เจ็บกับคนที่ผมรักที่ทำร้ายผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า โชคดีที่ ที่นั่งที่ที่นั่งข้างๆเป็นป้าแก่ๆขี้เซา ที่แกหลับไม่รู้เรื่องมาตลอดทาง
เมื่อรถถึงที่หมายผมก้าวลงจากรถ ตอนแรกว่าจะเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาก่อน แต่ผมต้องตกใจเมื่อต้องเจอหน้าขาวๆหยิ่งๆที่มองผมอย่าบึ้งตึงบริเวณประตูทางออกของรถ มันกระชากกระเป๋าออกจากมือผม แล้วลากแขนผมไปยังลานจอดรถที่มีรถมันจอดอยู่ ตอนแรกผมดีใจมากที่มันห่วงผม แต่มันมีสิทธิ์อะไรมาลากแขนผมไปแบบนี้ ผมก็ดิ้นพัลวัน
“ปล่อย”
“อย่าสะดิ้งให้มันมาก แม่เป็นห่วง รออยู่ที่บ้านกันหมดแล้ว”มันพูดตะคอกใส่หน้าผม
คำว่า แม่ผมรออยู่ ทำให้ผมหยุดดิ้นรนชั่วขณะ มองมันแน่นิ่ง
“อย่าเรื่องมาก อย่าลีลา กูรำคาญ ยิ่งเกลียดๆกระเทยท่ามากอยู่” เออไอ้หน้าขาว คราวนี้ทีของมึง อย่าให้ทีของกูมั่งนะมึง ผมรักมันมากครับ แต่ผมก็แค้นมันมาก เราสองคนนั่งเงียบมาตลอดทาง ไม่มีการคุยกัน หรือความสัมพันธ์ของผมกับมันจะสิ้นสุดลงแค่นี้ หัวใจผมเริ่มแกร่งขึ้น ภูมิคุ้มกันของผมคงมีแรงต้านทานขึ้นมาเยอะ ในที่สุดความอึดอัดและทรมานมันก็สิ้นสุดลง เมื่อผมเห็นคุณนายแสนดีของผมวิ่งมากอดที่ตัวผมพลางซักถามจนผมโอดขึ้นมาบ้าง
“แม่ น้องเป้หิวข้าว” นั่นหละครับ คุณนายแสนดี งจูงแขนผมเข้าบ้าน ทิ้งคนร่างสูง หน้าขาวๆ ที่หิ้วกระเป๋าตามมาไม่ห่างนัก
“เป็นไงมั่งน้องเป้ สวยขึ้นเยอะนะเรา แหมทำผมทำหน้าซะสวยจนจำไม่ได้” ไอ้พี่ปอครับพี่ชายคนโตของผมแซว
“เฮ้ย สาวมากเลยเหรอพี่ แล้วแบบนี้จะกล้าออกจากบ้านหรือเปล่าเนี่ย” ผมหน้าเสียเอามือลูบผมของตัวเองเบาๆ
“ยอดว่าไงหละ น้องเป้มันสาวปะ”พี่ป่านพี่สาวคนรองถามเอากับไอ้หน้าขาว ผมเห็นมันทำหน้าอึกอักนิดนึง
“ก็น่ารักดีนี่ครับพี่ป่าน” หัวใจผมไหววูบด้วยความยินดีแต่ทว่า..........
“แล้วเตรียมงานหมั้นไปถึงไหนแล้วหละ มะรืนนี้แล้วนี่...” ผมตัวชาวูบรู้สึกแปลบที่หัวใจ คราวหนึ่ง นี่หมายความว่า....ที่ทุกคนให้ผมกลับบ้านมาคราวนี้ เพื่อให้ผมได้ร่วมงานหมั้นของไอ้หน้าขาว หรือเนี่ย ผมมองหน้ามันแน่นิ่ง กลั้นสะอื้นไว้ในอก ข่มใจแสดงความยินดีกับมัน มันไม่รู้หรอกว่าภายใต้หน้าซีดๆ ที่มีน้ำใสๆรื้นๆอยู่ในดวงตาคู่นี้กำลังเจ็บปวด คงไม่มีแล้ว พี่ยอดในวัยเด็ก ที่คอยปกป้องน้องเป้อีกต่อไป ที่เหลือต่อจากนี้ไป ความสัมพันธ์ของเราสองคือคนไกลห่าง......
“เดี๋ยวเป้ขอตัวอาบน้ำแป๊บนะแม่” รู้สึกตัวครับว่าเสียงมันสั่นๆแต่ผมควบคุมมันไม่ได้อีกต่อไป ผมหันหลังเดินลิ่วเข้าห้องของตัวเอง ร้องไห้หรือนี่ เสียใจกับตัวเองที่อ่อนไหว จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แบบนี้ ทำไมนะผมต้องเจอเรื่องร้าย ในวันที่ผมกลับมาหาความอบอุ่นของที่แห่งนี้ เพื่อปลอบปะโลมให้ใจ ให้ยืนสู้ต่อไปแล้วทำไมผมต้องมาเจอ.........

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #29 เมื่อ14-02-2007 17:59:36 »

คงมีสักวันที่เป้กับยอดเข้าใจกันได้อีกครั้ง
น่าจะยังรักยังเป็นห่วงกันอยู่นา  ทำไมคนเรามันทิฐิเยอะกันขนาดนี้เนี่ย   :impress3:

รออ่านต่อน้า เรย์  :impress:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด