[story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม  (อ่าน 132569 ครั้ง)

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #120 เมื่อ26-02-2007 19:06:43 »

55555  มาขำกับทุกรี  ตบมันเล้ยยยยย  ตบอิเจ้...... เอ้ย ผิด ผิด  :laugh5:
ขอฝากตบอีนังชะนีกิฟท์กับอั้มด้วยคนได้ปะ  เลวมากกกกกกกกกกกกก

เอ่อ... ว่าแต่ระบุชื่อชะนีก็ดีนะจ๊ะ  อิฉันกลัวโดนลูกหลงหง่ะ (ค่อย ๆย่องออกจากกระทู้)  :try2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #121 เมื่อ26-02-2007 21:34:08 »

มีสาวๆกล้าหาญมาอ่านเรื่องนี้แล้ว คิกคิก
สงสัยต๊อบจะไม่พ้นมือสองแน่งานนี้ โทษฐานสวยเกินหน้าสอง กร๊าก
************************************
เมื่อรถทัวร์ค่ายอาสาฯ เริ่มเคลื่อนตัวออกมา ผมชโงกมองที่หน้าต่างไปยังด้านหลังของรถผมเห็นครอบครัวผมและไอ้หน้าขาวโบกมือให้ เห็นน้ำตาของแม่ไหล น้ำตาผมก็เอ่อออกมา ผมเอี้ยวมองภาพครอบครัวของผมที่อยุ่เบื้องหลังจนลับตา
“ร้องไห้อีกแล้วเหรอลูกแหง่”ไอ้คนหน้าขาวในชุดทหารออกรบเอามือใหญ่ๆถือผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาผมเบาๆแล้วโน้มหัวผมไปพิงที่ไหล่ของมัน โดยไม่ได้สนใจที่นั่งอีกด้านที่จ้องมองเราทั้งสองคน เมื่อเห็นว่าผมไม่ร้องไห้แล้วมันจึงเอาผ้าเช็ดหน้าผืนที่มันซับน้ำตาผมนั่นแหละยัดใส่มือผม
“เอาไปซักมาให้ด้วยนะ ทำเปียกหมดเลย คนขี้แย”
เมื่อถึงบ้านเข็กน้อยซึ่งเป็นชาวเขามาอาศัยอยู่เป็นหมู่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเผ่าแม้ว พี่โอประธานชมรมก็เข้าไปติดต่อกับทางกำนันและผุ้ใหญ่บ้านซึ่งคอยให้การต้อนรับคณะนักศึกษาเป็นอย่างดี และมีพิธีการเปิดค่าย น้ำใจของคนไทยชาวเขา ซึ่งยังคงพยายามรักษาประเพณีแบบเก่า ไว้ได้ค่อนข้างมาก ความโอบอ้อมอารีย์และน้ำใสใจจริง ที่พวกเราได้รับมา มันทำให้ผมไม่เคยลืม โครงการแรกที่ทางนักศึกษาได้ทำไว้ คือการสร้างห้องน้ำให้กับโรงเรียน และต่อเติมอาคารห้องสมุด ซึ่งทุกคนร่วมมือร่วมใจกันเป็นอย่างดี ขณะที่ทำงานผมก็มองไอ้หน้าขาวที่เสื้อเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าขาวใสเต็มไปด้วยคราบฝุ่น ผมเดินเอาแก้วน้ำไปยื่นให้มันเมื่อเห็นมันกำลังเลื่อยไม้อยู่เหงื่อท่วมตัว
“ พี่ยอดอะน้ำ” ผมยื่นแก้วน้ำให้แล้วยิ้มให้มัน มันยิ้มตอบกลับมา พลางเอื้อมมือมาจับมือผมที่ถือแก้วน้ำใบนั้นอยู่แล้วดึงไปเอาปากแก้วจ่อที่ปาก โหยช่างไม่อายฟ้าอายดิน อายสายตานักศึกษา และชาวบ้าน ที่เขาทำงานอยู่เลยนะมึง
“วุ้ย....น้ำอีเป้ หวานชื่นฉ่ำไปถึงทรวง ไหมคะยอดขา..” อีนังช้างน้อยครับ ส่งเสียงลอยมาตามลม พลางมีเสียงโห่ตามมาติดๆ
“หวานจนเลี่ยนวะ” ไอ้พวกรุ่นพี่คณะผมมันแซว
ไอ้หน้าขาวมันลดแก้วลงหน้าแดง แล้วยักคิ้วให้ผมทีนึง ใจแทบละลาย ไม่ต้องบอกนะครับว่าผมหน้าแดงหรือเปล่าอายมากๆครับ
“ขอบใจมากนะ น้องเป้”
“อือ ไม่เป็นไร” ผมจะเอาแก้วไปเก็บ
“น้องเป้จ๋า พี่ก็หิวน้ำจังเลย บริการพี่หน่อยสิจ๊ะ” พี่ก๋อย รุ่นพี่คณะผมแซวมา
“ครับได้ครับ เดี๋ยวเป้จะหาให้” ผมตรงไปที่กระติกใหญ่ ยกมาทั้งกระติกครับ เล่นเอาปวดหลังเลยวันนั้น
“กินให้หมดนะครับพี่ก๋อย เดี๋ยวเป้จะป้อนให้ดับกระหาย” ผมยกทั้งกระติก จะป้อนแก
“เฮ้ยๆๆ อย่าเล่นบ้าๆนา เอาแก้วมา กินเองก็ได้ฟะ ใช่ซี้ พี่มันไม่ใช่หนุ่มวิศวะนี่” พี่ก๋อยทำงอน แล้วเหลือบตามองไปทางไอ้เด็กวิศวะหน้าขาว ที่มองมาอยู่ไม่ห่าง ผมกับพี่ก๋อยค่อนข้างสนิทกัน เพราะว่าแกเป็นพี่รหัสของผมเอง อีกอย่างแกก็รู้จักกับไอ้หน้าขาวดี เพราะเคยแข่งฟุตบอลบอลด้วยกันมาก่อน สมัยที่ไอ้หน้าขาวยังเรียนมัธยม
เมื่อถึงวันสุดท้ายของการออกค่ายทางหมู่บ้านและนักศึกษาได้มีการแข่งขันกีฬาเชื่อมสัมพันธ์ นักศึกษาและชาวบ้านมันมีกีฬาอยู่สามอย่างครับ และทุกคนต้องได้ลงแข่งผมจับได้กีฬาที่ผมกลัวมากที่สุดครับ วอลเลย์บอล
ผมหน้าซีดทันที ภาพในอดีตที่ผมถูกลูกวอลเลย์บอลลอยมาประทะใบหน้าจนล้มเลือดกำเดาไหลยังไม่จางไปจากหัวสมอง ไอ้หน้าขาวเห็นผมถือฉลากหน้าซีดเลยเดินเข้ามาครับ
“เป็นไร น้องเป้” ผมยื่นฉลากให้ทันที
“เดี๋ยวพี่จัดการให้”ไอ้หน้าขาวหายไปครู่หนึ่งก็กลับมาพร้อมกับฉลากใบใหม่ชักกะเย่อ เฮ้ออ....โล่งอก นึกว่าจะได้เล่นฟุตบอลเสียแล้ว
ค่ำคืนแห่งการอำลา ก็มีการแสดงรอบกองไฟ มีพิธีการปิดค่าย มีการแสดงของคณะนักศึกษา ชาวค่าย ในแต่ละชั้นปี ซึ่งงานนี้ผมก็ได้รับเลือก ให้เป็นพิธีกรคู่กับธิดา ดาวคณะของปีนี้ ซึ่งก็มีชาวบ้านหนุ่มๆ(แม้ว)บางคน ผิดหวังไปตามกัน เพราะพวกนั้นคิดว่าผมเป็น....ผู้หญิง เมื่อผมได้ประกาศออกไปว่า ต่อไปเป็นการแสดงรายการสุดท้ายซึ่งเป็นการแสดงของนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง ซึ่งการแสดงชุดนี้ผมก็ไม่เห็นมีใคร ได้ซ้อมอะไรเลย เห็นว่าเป็นการเล่นร้องเพลงสด คลอกีต้าร์ ที่ผมได้ข่าวแว่วๆ คิดว่างานนี้ นังช้างน้อยคงไม่เล่นด้วย เพราะงานที่ผ่านมานังช้างน้อย มันมักจะครีเอทการแสดงของทีมมัน ให้อลังการดาวล้านดวง เป็นทิฟฟานี่โชว์ไปโน่น
ผมเห็นเขาจัดอุปกรณ์เวที ผมก็เลยมาทำหน้าที่พิธีกรสนามไปโดยปริยาย ประมาณว่าไล่สัมภาษณ์แม้วหนุ่มๆอะไรเงี้ยครับ
สักพักผมเห็นไอ้หน้าขาว มันเดินไปกลางวงเลย มันหยิบกีตาร์ขึ้นมา ยังไม่ทันทำอะไรเลย ก็มีเสียงกรี้ด ถล่มทลาย ผมยังอยู่ในวงนอกยังได้ยินเสียงสาวชาวบ้าน ชมมันเลยว่าหล่อเป็นดาราหรือเปล่าประมาณเนี้ยะ
“เพลงแรกผมขอมอบให้ใครคนหนึ่ง...” มันเงียบ ดูเหมือนทุกคนจะเงียบตาม มันมองมาที่ผม ตาเราสบกัน ก่อนที่ผมจะหลบสายตาของมัน
“อยากดูแล ............. เมื่อยามเธอหมองเศร้า….
อยากเป็นเงา..........เมื่อเธอเหงาใจ
อยากเดินเคียง...............เมื่อเธอต้องการผู้ใด...ข้างกายสักคน................


มันร้องเพลงนี้ครับคืนนั้นผมนอนไม่หลับครับ ไอ้หน้าขาวมันหมายความว่ายังไง..........................



.......................

หลังจากเที่ยววันนั้นแล้ว ผมก็กลับมาทำงานเช่นปกติ การทำงานช่วงปีนี้ของผม ถือว่าเป็นการทำงาน ที่น่าพึงพอใจมาก เนื่องจากผมได้ทำยอดขายสูงที่สุดของฝ่ายขายแล้ว บริษัทยังได้กำไรเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา และที่สำคัญ ข่าวงในแว่วๆมาที่แผนกขายหละครับว่า จะมี ตำแหน่ง เซลล์ ไดเร็คเตอร์( Directer of Sales Department) เพิ่มขึ้นมาในบริษัททั้งๆที่ มันไม่เคยมีมาก่อน แค่ผู้จัดการแผนกมันก็น่าจะพออยู่แล้ว ยังจะมาอะไรให้วุ่นวายอีก พี่สมพรหัวหน้าผมที่เป็นผู้จัดการแผนก ก็ดูเครียดๆยังไงก็ไม่รู้ ช่วงนั้นแผนกขายที่ผมทำงานอยู่ มันอึดอัดชอบกล ไม่รู้ว่าทางฝ่ายบริหารเขาคิดยังไง แต่ข่าวก็เล็ดลอดออกมาบ้างแล้วว่า ตำแหน่งนี้เขามีให้เฉพาะลูกๆของผู้บริหารหรือหุ้นส่วน ที่ไม่มีอะไรจะทำ มานั่งฆ่าเวลาและจับผิดพนักงาน เพราะตัวเองทำงานไม่เป็น ผมก็สงสารพี่สมพรอยู่ไม่น้อย คนที่เคยใหญ่คับแผนก แต่ต้องมามีคนมาใหญ่กว่า แถมแกจะต้องมาอยู่ใต้อำนาจของคนที่ไม่มีประสบการณ์ เพิ่งจะเรียนจบ และที่สำคัญอายุรุ่นลูกของแก ช่วงนี้ ดูแกเลยดูเครียดๆ พลอยให้แผนกที่เคยยิ้มแย้มแจ่มใส และเป็นหน้าตาของบริษัท อยู่ในสภาวะที่กดดัน อีก3วันเท่านั้น ที่ผู้อำนวยการฝ่ายขายจะเข้ามารับตำแหน่ง ทางพนักงานในแผนกก็ดูจะไม่คิดอะไรมาก แต่คนใหญ่อย่างพี่สมพรสิ แกถึงกับจะลาออก จากการทำงาน และมีหลายคนที่จะออกตาม รวมทั้งผมด้วย โดยจะย้ายไปอยู่กับอีกบริษัทหนึ่ง ที่เคยมาเลียบเคียงขอซื้อตัวแผนกขายของบริษัทเราอยู่เนืองๆ
เมื่อข่าวลือหนักขึน พี่สมพรก็ถูกเรียกตัวขึ้นไปพบ กรรมการผู้จัดการใหญ่ พวกแผนกขายก็พากันลุ้น ผมอีกคนหนึ่งหละ ที่ไม่ยอมรับ ให้เด็กที่เพิ่งเรียนจบ เข้ามาบริหารงานด้านแผนกการขาย โดยยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน มันง่ายที่จะรับพนักงานเข้ามาทำงานแทนพนักงานเก่า แต่ถ้าพนักงานทีมขาย ที่ได้ชื่อว่าเก่งและเป็นมืออาชีพ ที่หลายบริษัทต้องการตัว อย่างทีมของพี่สมพร พากันออกทั้งทีม ไปเข้าบริษัทคู่แข่งหละ บริษัทต้องขบคิดบ้างหละน่า สองชั่วโมงแห่งการลุ้นระทึกครับ พวกเราเห็นพี่สมพรเดินหน้าเครียดออกมา ไม่พูดจากับใคร แต่แกเรียกประชุมแผนกโดยด่วน
“เป็นไงบ้างพี่ พวกเราจะเอาไง”พี่นก ใจกล้า เปิดประเด็นก่อนใคร
พี่สมพร ก้มหน้าเศร้า แล้วบอกว่า……………………..


*****************
“เรายังเป็นทีมฝ่ายขายอยู่ที่นี่เหมือนเดิม ขอให้ทุกคนตั้งใจเต็มที่ เพราะว่าจะไม่มีตำแหน่งข องผู้อำนวยการฝ่ายขายแน่นอน แต่จะมีแต่ผู้ช่วยพี่อีกคน ที่จะมาช่วยเป็นกำลังสำคัญ ของแผนกเราแค่นั้นเอง”
“แล้วพี่ชัย หละพี่ จะเอาไปไว้ไหน” พี่นกอีกแล้ว นี่หละผู้สื่อข่าวประจำแผนก
“อ้าวก็อยู่ที่เดิมสิจ๊ะ พี่จะทิ้งมือขวาของพี่ได้ยังไง ส่วนเป้ เดี๋ยวพี่จะเสนอให้เขาโปรโมทขึ้นเป็นซุปเปอร์ไวเซอร์คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร อ้อ ผู้ช่วยคนใหม่ที่จะมาช่วยงานพี่ คงจะมาพรุ่งนี้ ได้ข่าวว่าเป็นลูกสาวของหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งที่พึ่งเรียนจบ ถ้าพี่บอกหมด พวกเราไม่ตื่นเต้น เอาไว้เจอพรุ่งนี้เลยดีกว่า ยังไงพี่ก็ฝากดูแลน้องเขาด้วยพยายามถ่ายทอดความรู้ ให้น้องเขา เพราะทางผู้บริหารเขาอยากให้ลูกหลานเขา มาเรียนรู้งานด้านการขาย”
“ใครจะกล้าแตะหละคะ เป็นตั้งผู้ช่วยผู้จัดการ ไม่รู้ว่าคิดกันยังไงนะ ทีคุณอภิชาติลูกชายคุณธงชัย ยังมาเป็นพนักงานการตลาดธรรมดา ก่อนที่จะไปเรียนต่อเมืองนอก แล้วนี่มาเป็นตั้งรองผู้จัดการแผนก” ป้าสุดสงวนเซลล์เก่าแก่รุ่นบุกเบิก ของบริษัทเปิดประเด็นขึ้นมาบ้าง เมื่อพูดไปถึงคุณอภิชาติ ลูกชายหุ้นส่วนของบริษัทอีกคนหนึ่ง
“เขาจะมาเรียนรู้งานอะไรคะพี่สมพร ในเมื่อคิดจะมาเป็นผู้บริหาร แต่ยังไม่มีประสบการณ์ แถมยังไม่เคยรู้เลยว่าระบบงานของเซลล์บริษัทเรา มันแตกต่างจากระบบงานของแผนกอื่น มันไม่ใช่ว่าจบปริญญาตรีมา ก็เข้ามาบริหารได้เลย ต่อให้จบเมืองนอกมา ถ้ายังไม่มาฝึกงานระดับพนักงานธรรมดาก่อน ไม่มีทางได้รู้โครงสร้างของการทำงานหรอก เดี๋ยวนี้วงการธุรกิจเขี้ยวกันจะตาย ลูกค้าบางทีนกยังไม่อยากพูดถึง ทางทีดีเขาน่าจะมาฝึกเหมือนคุณอภิชาติก่อน ให้เรียนรู้ระบบงานก่อน หาประสบการณ์ก่อนที่จะมาบริหาร ถ้าไม่แน่จริง ล่มทั้งแผนกนะคะ” พี่นกพูด ดูเหมือนทุกคนจะเห็นด้วยทั้งแผนก
“งั้นให้นกสอนงานให้เขาละกัน เพราะยังไงเมื่อเขาเก่งขึ้นเขาจะต้องมาบริหารงานที่นี่อยู่ดี” พี่สมพรมอบงานให้พี่นกทันที เห็นหน้าพี่นกเหมือนกินยาขม ทำให้ทุกคนหัวเราะ
“อย่าค้านนี่เป็นคำสั่ง” พี่สมพรพูด เมื่อเห็นพี่นกทำท่าเหมือนจะพูดอะไรออกมา
“แล้วอีกอย่าง พี่ก็ขอให้ทุกคน ให้เกียรติน้องเขา ที่จะเข้ามามาเป็นผู้ช่วยพี่ มีอะไรแนะนำน้องเขาก็บอก อย่าเก็บกักความรู้ แล้วเรื่องการเลี้ยงรับน้องเขาจะมอบให้ป้าสุดสงวนละกัน”
เมื่อเลิกประชุมมา ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่บอย ท่ามกลางเสียงแซวจากบบรรดาพี่ๆที่ทำงาน ซึ่งพี่บอยได้พาผมมากินข้าวที่ร้านอาหารเล็กๆแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก ผมเหม่อมองแม่น้ำที่ไหลผ่านเรื่อยๆ พลางรู้สึกเศร้าในใจ เฮ้อ สายน้ำมันไม่เคยไหลกลับเลยจริง ๆ ทั้งที่มีคนหลายคนผ่านเข้ามาในชีวิตที่ค่อนข้างเยอะ รวมทั้งลูกค้าของบริษัท ที่ติดต่อเรื่องการขายอยู่ ก็มีทีท่าว่าจะเข้ามาจีบหลายคน แต่ทำไมนะ ผมถึงได้รู้สึกเหงาขนาดนี้ แม้ว่าจะมีพี่บอย ที่พยายามที่จะเข้ามายึดครองห้องหัวใจของผมก็ตาม แต่ทำไมนะหัวใจของผมถึงโหยหาอะไร.........บางอย่าง

.................


ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #122 เมื่อ26-02-2007 21:35:36 »

อิอิ ขอต่ออีกชุดนะครับ กันความสับสนนิดหน่อย
**************************************************
วันแห่งการรอคอย ก็มาถึง ที่ห้องประชุม ของทางแผนกขาย พวกเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายต่างก็มารอบุคคลสำคัญ กันกันพร้อมหน้า จนพี่นกแกค่อนเอาว่า
“ทำยังกะจะมารับเสด็จ”
เมื่อพี่สมพรเดินเข้ามาในห้องประชุม ทุกคนเงียบสนิท สายตาทุกคู่จ้องไปยังร่างบางๆ ที่เดินตามหลังพี่สมพรมาติดๆ นี่สินะ ที่ย้ำนักหนาว่า
“พี่เป้ จำไว้เลยนะคะว่า วันไหนที่กิฟต์ มีสิทธิ์ มีอำนาจ คนแรกที่กิฟต์จะจัดการ คือพี่เป้”
วันนั้น น้องกิฟต์ได้ส่งสัญญาณเตือนไว้แล้ว แต่ผมไม่ได้ทันฉุกคิด ถึงข้อนี้มาก่อน ถึงว่าสิ หุ้นส่วนของบริษัทนี้บางคน ทำไมถึงเป็นนามสกุลเดียวกับน้องกิฟต์ ที่แท้ผมจุดไต้ตำตอนี่เอง สายตาคมของน้องกิฟต์ โปรยผ่านทุกคน และมาหยุดนิ่งที่ผม ผมจ้องมองตอบ แววตาของน้องกิฟต์เหมือนสื่อให้ผมรู้นัยๆว่า ในที่สุดฉันก็ชนะ ผมพยายามปลอบใจตัวเอง มันคงไม่มีอะไรหรอก เพราะยังไงซะ น้องกิฟต์ยังทำงานไม่เป็น อีกอย่าง คนที่จะสอนงานต่างๆ คือ พี่นก ซึ่งผมคงต้องห่างๆออกมา หรือไม่ก็หลีกเลี่ยง ไม่ไปปะทะกับ ขาใหญ่ อย่างน้องกิฟต์ หลังจากที่ พี่สมพรได้แนะนำน้องกิฟต์ ให้ทุกคนในแผนกได้รับรู้แล้ว ก็ได้มอบหมายให้ให้พี่นก ดูแล และสอนงานให้กับน้องกิฟต์ แต่ ทันทีที่เธอรู้ เธอทำเหมือนที่ เธอสั่งให้ผมจำ เลยครับ
“พี่สมพรคะ กิฟต์อยากจะขอรบกวน เปลี่ยนคนเทรนงานให้กิฟต์ ได้หรือเปล่าคะ กิฟต์อยากให้ พี่เป้เป็นคนสอนงานมากกว่า เพราะว่ากิฟต์ กับพี่เป้ จบมาจากมหาลัยเดียวกันการแนะนำ หรือการสอน มันจะได้ง่ายขึ้น เพราะเราสนิทกัน อีกอย่าง ได้ข่าวมาว่า คนที่เก่งที่สุดในแผนกขาย คือพี่เป้ไม่ใช่เหรอคะ กิฟต์อยากเรียนรู้งาน กับคนเก่งที่สุดคะ เพราะกิฟต์ มาทำงานที่นี่ แค่สามเดือน ก่อนที่จะไปเรียนต่อ”
ผม งงครับ ไหนว่าน้องกิฟต์ จะไปเรียนต่อเมืองนอกเดือนหน้า แล้วมันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ไม่เข้าใจจริงๆ กับคนรวย แถมเข้ามาวันแรก ก็แผลงความเอาแต่ใจตัวเองขึ้นมาทันที เพราะผมสังเกตเห็น สีหน้าของนี่สมพร แกเปลี่ยนไป แต่ก็วูบเดียว แต่ คนที่ผมเห็น และแกแสดงออกอย่าง ไม่พอใจอย่างที่สุด คือ พี่นก ผมรู้สึกเริ่มหนักใจ เมื่อเจ้าหล่อนมาร่วมงานกับผม มันจะเป็นไปได้หรือ ในเมื่อเจ้าหล่อนแสดงความเป็นศัตรู อย่างซึ่งๆหน้า อันไหนทนได้ก็ทนไป เรื่องมากนักจนทนไม่ไหวก็ออก แค่นั้นเอง ผมปลอบใจตัวเอง
เมื่อแยกย้ายกัน ออกมาจากที่ประชุม ผมรีบเดินลิ่วออกมา แล้วสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงนั่นก็คือ น้องกิฟต์เธอเรียกผม แล้วเธอก็ทำให้ผมอึ้ง ยืนตั้งสติอยู่พักใหญ่
“คุณเป้คะ ดิฉันจะขอสถิติและรายชื่อของแขก ที่อยู่ในการดูแลของคุณเป้หน่อยนะคะ ดิฉันจะเอามาศึกษา เผื่อจะได้มีข้อมูล เวลาเรียนรู้งานจากคุณเป้ไงคะ” น้องกิฟต์พูดด้วยเววตาเต้นระริก
“ขอโทษนะ เห็นจะทำตามความต้องการของคุณกิฟต์ไม่ใด้ ตอนนี้มันเวลาพักเที่ยง มันเป็นเวลาส่วนตัว อย่าลืมว่าหลังบ่ายโมง ถึงจะเป็นเวลาทำงาน ตอนนั้น เดี๋ยวผมจะเอาไปให้คุณกิฟต์เอง”
“แต่ดิฉัน ต้องการเดี๋ยวนี้คะ ไม่มีน้ำใจเลยเหรอคะคุณเป้ ไหนเมื่อก่อน ดิฉันไหว้วานไม่เห็น คุณอ้างเรื่องเวลาส่วนตัว เลยนี่คะ”
น้องกิฟต์เน้นเสียงเข้ม นี่เจ้าหล่อนจะไม่ยอมยุติจริงๆ หรือเนี่ย เสียงหล่อนจึงดัง ขนาดพี่นกยังต้องเดินออกมาดู แต่เมื่อน้องกิฟต์ จ้องมองด้วยแววตาดุๆ พี่นกถึงได้ตัวลีบจากไป แน่นอน ผู้สื่อข่าวประจำแผนกเมื่อได้มาเห็น การกระจายข่าวมันเกิดขึ้นแน่นอน แต่ ข่าวมันจะถูกต้องหรือเปล่า ใครจะรู้............
“ถ้าหากว่าคุณต้องการเอา ตอนนี้จริงๆหละก็ คงหาให้ไม่ทัน เพราเอกสารทุกอย่าง มันต้องใช้เวลาในการค้น ซึ่งตามแผนงาน ผมควรจะนำเสนอ ให้คุณตอนพรุ่งนี้ด้วยซ้ำไป แต่ถ้าต้องการตอนนี้หละก้อ สงสัย คุณจะต้องค้นเองหละครับ”
ผมเดินออกมา ทันที อย่างไม่สนใจท่าทีใดๆ ของคนตรงหน้า แค่นี้ก็เสียเวลากินข้าวมากพอดู ภาพน้องกิฟต์ ที่ผมเจอในตอนนี้ มันทำให้ผมผิดหวังกับคำว่า “คนที่เคยดี” อย่างซึ้งถึงแก่นใจ.....................
เสียงของน้องกิฟต์ยังลอยตามหลังมารบกวนผมอยู่
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”..................


........................


เมื่อผมกลับมาจากกินข้าวเที่ยวกับพี่บอยแล้ว ผมก็รีบกลับเข้ามาในบริษัททันที โหย กู มาช้า ตั้งห้านาที ป่านนี้อีนังน้องกิฟต์ คงบ่นแย่ แล้วทันที ที่ผมผลักประตูเข้าไปยังแผนกขาย ผู้สื่อข่าวและประชาสัมพันธ์ของแผนก ก็ตรงมาที่ผมทันที เล่นดักกันตรงทางเข้าแผนกเลย
“น้องเป้ มีเรื่องอะไร กับยัยท่านรองหรือเปล่า พี่เห็นตอนก่อนออกไปกินข้าวหนะ”
“ไม่มีอะไรหรอกพี่นก แหม....รุ่นน้องที่เคยเรียนคณะเดียวกันมาก่อน เลยคุยกันนิดหน่อย” ดูเหมือนพี่นกแกจะไม่เชื่อ ดวงตาแกเหมือนมีเครื่องหมายคำถาม ฉายออกมาจนเห็นได้ชัด
“ว่าแต่พี่นกเหอะ มาดัก ถามเป้เรื่องแค่นี้เองนะเหรอ”
“เปล่า ..ก็ตะกี้นะพี่เห็น ยัยท่านรองมันค้นอะไรก็ไม่รู้ ที่โต๊ะน้องเป้ด้วย ท่าทางจะหัวเสียด้วยนา ระวังตัวดีๆหละลูกท่านหลานเธอทั้งนั้น” พี่นกทำหน้าหวาดเสียว แล้วยกนิ้วสองนิ้วทำท่าปาดคอตัวเอง ก่อนเดินนำหน้าผมเข้าไป
“ทำตัวเหมือนอยู่บ้านเลยนะคะ คุณเป้ ที่นี่ที่ทำงานนะคะ นึกอยากจะเข้ามาเวลาไหนก็เข้ามา ทำตัวขาดระเบียบวินัย นี่เหรอคะ มือหนึ่งของแผนก” ประกายตาที่เหยียดหยามมานั้น ทำให้ หน้าร้อนผ่าว รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
“ขอโทษละกัน ที่เข้างานช้า แต่ต่อไป จะแก้ไขตัวเองให้ดีขึ้น”
“แล้วไหนหละคะ เอกสารที่ ดิฉันขอไว้”
“อีกสิบนาทีเดี๋ยวพี่ เอ้ย ผม จะเตรียมให้ที่ห้องทำงานคุณละกัน”
“คราวหลังหัดเตรียมพร้อม ในการทำงานด้วยนะคะ แล้วขอโทษด้วยนะคะ ที่ค้นโต๊ะทำงานก่อน เพราะว่าถ้ารอคุณเป้ กลัวว่าเลิกงาน คุณเป้ถึงจะเข้ามา ยังรักมั่นคงเหลือเกินนะคะ รักแรกดิฉันเห็นใจคะ คิดถึงจนต้องเอารูปพี่ยอด มาไว้ที่ลิ้นชักเหรอคะ เห็นใจนะคะ แต่เป็นไปไม่ได้คะ ยังไงพี่ยอดก็หมั้นกับดิฉันแล้ว” แล้วร่างบางของน้องกิฟต์ก็เดินจากไป ทิ้งผมยืนนิ่งอยู่ข้างหลัง.....................อย่างนั้น
ผมเดินเข้าห้องน้ำ เพื่อดูหน้าตัวเอง ภาพที่เห็นในกระจกคือหน้าผม ที่ซีดเผือด โธ่นี่ผมแคร์ คำพูดของเด็กรุ่นน้อง เชือดเฉือนผมด้วยหรือเนี่ย คิดถึงการทำงานที่สนุก คิดถึงทีมงาน ที่ผูกพันกัน งานที่นี่ ผมยอมรับว่าผมมาทำแล้ว มันมีความสุขมาก ตั้งแต่ผมเสียใจจากไอ้หน้าขาวครั้งนั้น แล้วผมได้รับจดหมายเรียกตัว จากบริษัทสามบริษัท และผมก็เลือกที่บริษัทแห่งนี้ และทำงานมา จนรู้สึกว่า ที่นี่เป็นบ้านหลังที่สองของผมด้วยซ้ำ ตอนแรกๆ ที่เข้างานบริษัทนี้ทีมงานขายเก่าๆ ก็ยังอยู่จนกระทั่งผมเข้ามาทำงานได้ไม่กี่เดือน ทีมงานเก่าก็ลาออกกว่าครึ่ง จนกระทั่ง พี่สมพรก้าวเข้ามาบริหารและคัดเลือกทีมงานฝ่ายขายด้วยตัวเอง แล้วพี่สมพรก็เคี่ยวงานกับผมมากกว่าคนอื่น แต่ผมก็ยังไม่อึดอัดใจ เท่าทำงานร่วมกับน้องกิฟต์ เพราะผมรู้ครับว่า พี่สมพรหนะแกหวังดีกับผม
“พี่ว่าเป้สมควรที่จะเดินให้มั่นใจกว่านี้นะ”
“พี่ว่า เปลี่ยนชุดทำงานให้ทันสมัยหน่อยมั้ย ทำทรงผมให้ทันสมัยหน่อย ทรงนี้เหมือนย่าทวดสมัยเก่าเลย”
“เป้ เอกสารที่จะให้ลูกค้าเซ็นต์ ต้องอ่านก่อนนะ แล้วพยายามสรุปชี้แจงให้ลูกค้าฟังก่อน”
“เป้ การเป็นการเป็นคนขายของที่ดี ไม่ใช่แค่ว่า เราจะต้องนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้เขาพึงพอใจเท่านั้น มันต้องอาศัยจิตวิญญาณของนักขายที่ดีด้วย การเอาใจใส่หลังการบริการขายก็เป็นสิ่งสำคัญ ทางที่ดี ขั้นตอนจริงๆหนะมันอยู่ที่ วิธีการเปิดการขายแค่นั้นหละ แต่การปิดการขาย มันไม่มีเป็นตัวตน การปิดการขายที่ดี อันนี้นอกตำรานะเป้ มันคือการที่เปิดการขายในอนาคตที่ใกล้เข้ามา เป้จำไว้เลยนะว่า การขายที่ดีคือผู้ซื้อได้รับความพึงพอใจที่สุด และให้เราได้ดูแลรับใช้เขาอย่างต่อเนื่อง การขายของพี่ จึงไม่มีการปิดการขาย จำเอาไว้นะเป้ อย่าท้อกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า จงก้าวข้ามไป แล้วสิ่งที่ดีกว่า จะรอเราอยู่ตรงนั้นเอง”พี่สมพรตบบ่าผมแล้วเดินออกไป ผมนึกถึงคำสั่งสอนของพี่สมพรแล้วผมมีแรงฮึดสู้ทันที น้ำตาที่กำลังจะเอ่อ มันเหือดไปทันที ใช่สิ ผมต้องเข้มแข็ง พ่อจ๋า แม่จ๋า เป็นกำลังใจให้น้องเป้ด้วยนะ ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อ.......เผชิญความจริง
ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ รักทุกคนนะครับ............อีเรียม



ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #123 เมื่อ26-02-2007 22:27:05 »

เป็นผู้หญิงที่งับไม่ปล่อยจริงๆ คับ  :serius3: :try2: :try2:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #124 เมื่อ27-02-2007 01:31:42 »

โหนังกิ๊ฟต์ร้ายขนาดนี้เลยเหรอ อย่างนี้ต้องเอาน้ำกรดสาด  :laugh5:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #125 เมื่อ27-02-2007 03:46:34 »

น้องนีนิสัยเชี่ยยังงี้อย่าเอามันไว้

เอานำกรดมาราดหน้ามัน แล้วเอากระดาษทรายเบอร์1,000ขัดหน้า ตามด้วยโบ๊ะเครื่องแกงปักษ์ใต้

แล้วจับมันมัดไว้พร้อมกับเปิดเพลง I will survive กรอกหูมันด้วยระดับความดังสูงสุดจนเยื้อแก้วหูมันแตก

แล้วก็นำร่างมันไปโยนใส่รางรถไฟฟ้าบีทีเอสให้ไฟช็อทมันให้ตาย  :laugh5: :laugh5: :laugh5:

สะใจโว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

มาต่อไวๆนะครับของกำลังขึ้น :pigangry2:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #126 เมื่อ27-02-2007 06:13:06 »

ไมในนี้มีแต่ตุ๊ดส์ใจร้ายเคอะ  เจ้ไม่เข้าใจเลย

น้องกิฟต์ก็คนนะคะ  มีจิตใจเช่นกัน

ย่อมรู้สึกหวงแหนคนที่ตัวรักได้เหมือนกัน  ทำไมต้องมาว่าน้องกิฟต์ของเจ้ด้วย  ทำไมเคอะ?

ปล. อิเจ้ปางใสซื่อดุจนางฟ้า....มาเอง อิอิ  :laugh5:











 :o ไม่น่าเชื่อว่าอินังชะนีตัวนี้มันจะเป็นทายาทอสูรของอิชั้นเอง  เล่นอาฆาตกันแบบนี้  เหมือนอิชั้นแป๊ะเลย

น่ากลัวๆ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #127 เมื่อ27-02-2007 10:19:27 »

เฮ้อ กรูนึกแล้วไม่มีผิด

อย่ายอมแพ้นะน้องเป้ เอาใจช่วย

ว่างๆ ขอที่อยู่ อีแสดกิฟต์หน่อยสิ

จะจัดการให้ตายห่าไปข้างหนึ่ง

สันดานหมาจิงๆ กัดไม่ปล่อย

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #128 เมื่อ27-02-2007 10:43:54 »

นังกิ๊ฟมันร้ายเนอะ....ถึงว่าเหมือนใคร.....

เหมือนเจ๊สองนี่เอง.... :laugh: :laugh:

อย่างนี้ต้องส่งเจ๊ไปปราบ.... :pigha2: :pigha2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #129 เมื่อ27-02-2007 21:06:37 »

ท่าทางสองจะร้ายกว่ากระมัง กร๊าก
*********************
ผมใช้เวลาไม่เท่าไรหรอครับ ในการค้นหาเอกสาร เพราะผมเตรียมพร้อมเสมอ เรื่องการพัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้าขึ้น ยังจำได้ว่า ภายในเวลาไม่ถึงสามปี ผมยังเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไปได้ถึงเพียงนี้ จากเด็กบ้านนอกที่เซ่อซ่า กีฬาก็เล่นไม่เอาไหน นิสัยก็ซื่อๆตามใครไม่ทัน ถึงจะจบออกสถานศึกษา ด้วยเกรดที่สูงลิบลิ่ว แต่ปริญญาชีวิตนั้น ผมกำลังเรียนรู้ อย่างไม่มีวันจบวันสิ้น จากสิ่งที่เข้ามาในแต่ละวัน....ทำให้ผมแกร่งขึ้นจากที่เป็นอยู่เดิมมาก
“ยังทำงานเชื่องช้า เหมือนสมัยเรียนเลยนะคะคุณเป้” เจ้าหล่อนยิ้มเยาะ
แต่ผมไม่ตอบมันหรอกครับ ให้มันศึกษางานจากเอกสารเอามั่ง ทีนี้หละสนุกหละ ทำเชิดๆไปเหอะ ออกภาคสนามเมื่อไรหละคอยดู อย่าคิดว่า ไอ้ท่าคอแข็ง วางท่าปั้นปึ่งเหมือนนางพญา มันจะใช้ได้ เมื่อไปพบลูกค้า รวมทั้งกลเม็ด ต่างที่จะถ่ายทอดออกมาจากประสบการณ์ ที่มันไม่สามารถหาอ่านได้จากหนังสือ ผมคงไม่บอกมันหรอก เรื่องอะไรที่จะบอกหละ “ สัญชาติคางคก เลือดมันไม่ตก ไมรู้สึกตัวหรอก” ผมนึกในใจ
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ ผมจะได้ออกไปพบลูกค้า”
“พบลูกค้าหรือไปพบใครคะ ดีนะคะ เกิดมาเป็นคุณเป้เนี่ย จะขึ้นเขาลงห้วยยังไงก็ไม่ท้อง อย่าลืมนะคะ ว่าเท่าที่ดิฉัน เจอคุณเป้มาเนี่ย แต่ละครั้งไม่เคยเจอผู้ชายซ้ำหน้าสักคน เดี๋ยวจะเล่าให้พี่ยอดรู้ จะได้ชื่นชมคุณเป้เพิ่มขึ้นไงคะ”
ผมกำมือตัวเองแน่น พยายามที่จะข่มอารมณ์ ที่พุ่งขึ้นสูงไว้อย่างยากเย็น รู้สึกทั้งตัวร้อนผ่าวไปด้วยความโกรธ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวละกันนะ”
“เชิญคะเชิญ”
หล่อนผายมือให้ แล้วยิ้ม ผมรู้ดีครับ ว่ายิ้มแบบนี้ มันหมายความว่าอย่างไร ผมเดินออกมาจาก ห้องยัยท่านรอง ก็พอดีมาเจอกับ พี่สมพร ที่แกเดินสวนมาพอดี
“เป็นไงบ้างเป้ น้องเขาตั้งใจเรียนรู้งานดีมั้ย” ผมมองหน้าพี่สมพร พลางยิ้มเจื่อนๆ
“พี่เข้าใจ อดทนนะ” แกยิ้ม ตบบ่าผมเบาๆ แล้วเดินออกไป วันนั้นหลังจากพบลูกค้าแล้วผมก็ไม่กลับบริษัทเลย คิดในใจว่า ป่านนี้อีนังน้องกิฟต์ มันอ่านเอกสารจนหัวฟูแน่ๆ ถ้ามันไม่โง่นะ มันต้องหาคนมาอธิบายเล้ว แต่ว่าเชิดๆ แบบมัน ใครเขาอยากจะช่วยหละ


........................
เย็นวันนั้นเอง ผมได้นำเรื่องที่ทำงาน มาปรึกษาพี่บอย กับนังต้อง อาจเป็นเพราะช่วงนี้ ผมไม่ได้ติดต่อ กับนังต้องมากนัก ผมเห็นมันมาคราวนี้ แก้มที่เคยตอบเพราะกินเหล้าเยอะ มากกว่ากินข้าวจนทำให้มันผอม แต่คราวนี้ ที่ผมเห็นตรงหน้า คือ นังต้อง ดูหน้าอิ่มขึ้น รอยแผลเป็น และริ้วรอยของสิว ที่บนใบหน้าของนังต้องหายไปเยอะ มีแววตาทีเปี่ยมประกายแห่งความสุข ทำให้ผมสะท้อนใจลึกๆ ที่ไม่ค่อยได้ติดต่อมันในช่วงที่ผ่านมาเลย
“เป็นไงวะมึง แหม....มีผู้ชาย แล้วลืมเพื่อนเลยนะมึง” ผมพูดไป ด้วยความรู้สึกน้อยใจ
“ช่วยไม่ได้วะ ผู้ชาย รอบนี้ กระเทยผี รอบหน้า”
“เออ...มึงอีหื่น จำไว้ไว้เลยนะมึง แหม....มารอบนี้ สวยพลิกนรกเลยนะมึง”
“แน่นอน กูหนะสวยด้วยแพทย์โว้ย ลงทุนตั้งสามหมื่นเก้า ยังได้แค่นี้นะมึง รออีกนิดนะมึงอีเป้ กูไม่สวยกว่ามึง ก็แล้วไป”
“ทางที่ดี กูว่ามึงต้องหมดอีกสามล้านเก้าวะ กว่าจะสวยได้ครึ่งของกู”
“เออมึง...ชาติหน้า กูจะสวยกว่ามึงใหได้” นังต้อง มันยังหวังไม่ถึงชาติหน้าอีก ยังงี้หละครับ ผมกับมันเจอกันทีไร ก็เถียงกันทุกที บางครั้งคุณป้าเอนกประสงค์ ยังคอยเชียร์และเป็นกรรมการห้าม บนเวทีซะงั้นเอง
“วุ๊ยยย.....ป้าก็นึกว่าจะฆ่ากันตายซะแล้ว เถียงกันจนป้าใจหาย ใจคว่ำ คุณต้องก็ดีนะคะที่ยอมคุณเป้”
“เรื่องอื่นยอมได้ แต่เรื่องสวย นี่ไม่ยอมเด็ดขาด อีนี่...มันมีดี ที่เป็นคนเหนือหรอก ถ้ามันเป็นคนใต้ มันคงสวยเหมือนจรกา”
“จ้ามึง....กูไม่สวยเท่ามึงหรอก”
ผมขี้เกียจเถียงกับมันครับ เมื่อพี่บอยมาถึง ผมก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง รวมทั้งเรื่องที่นังต้อง มันไม่เคยรู้...เลยว่า ผมกับไอ้หน้าขาว เคยรู้จักกันมาก่อน ตอนที่มันรู้มันนิ่งเงียบไปเหมือนกัน เราคุยกัน เรื่อง ยัยท่านรอง ซึ่งพี่บอย บอกว่า ถ้าทนไม่ไหวให้ไปทำงาน กับบริษัทของแม่เขาก็ได้ ซึ่งตำแหน่ง รองผู้จัดการฝ่ายขาย เขาก็ฝากได้ ผมก็ได้แต่รับปากไปว่า ถ้าผมทนไม่ไหว จะอาศัยพี่บอยหละกัน
หลังจากที่พี่บอยกลับไปแล้ว ผมรู้ครับว่านังต้องมันน้อยใจ เพราะมันพูดน้อยผิดสังเกต
“มึงเห็นกูเป็นเพื่อนสนิทมึงปะวะเป้” มันเริ่มก่อน ถามพลางจ้องหน้าผมครับ
“มึงคือเพื่อนที่กูสนิทที่สุดวะ”
“แล้วทำไมกูถึงไม่เคยรู้ เรื่องมึงกับคุณยอดมาก่อนเลย”
“กูขอโทษนะต้อง กูไม่อยากรื้อฟื้นอีก มันมีคู่หมั้นแล้วนะ แถมคู่หมั้นมันยังมีเรื่องกับกูทุกวัน กูอยากให้เรื่องมันจบเป็นอดีตไป ทุกวันนี้มันก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ทั้งที่ มึงยังรักเขาอยู่เนี่ยนะ” นังต้องทำเสียงสูง
“ความรักของกู คือรักมันแค่นั้นแหละ ขอกูได้รัก กูก็พอใจแล้ว”
“แม่งเอ้ย...ทั้งๆที่มันหยามเหยียดมึง ขนาดนี้เนี่ยนะเป้”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2007 21:12:13 โดย b|ueBoYhUb »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
« ตอบ #129 เมื่อ: 27-02-2007 21:06:37 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #130 เมื่อ27-02-2007 21:18:08 »

เป้  แย่งไอ้หน้าขาวมาจากนังกิฟท์เล้ยยยย  แค้นเป้ซะขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีเบื้องหลัง  :110011:  :110011:

ปล  เรย์ลงซ้ำนิดนึงอะ  ไอ้อ่านน้อยเรยยย   :serius2:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #131 เมื่อ27-02-2007 21:33:07 »

 :call: :call: :call: :call:

เป็นสุข เป็นสุขเถิด

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #132 เมื่อ27-02-2007 21:52:05 »

 :ped144: รอบนี้อ่านไม่จุใจเลย ต่ออีกหน่อยนะคุณเรย์  :impress3: :impress3: :impress3:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #133 เมื่อ28-02-2007 10:29:24 »

“ความรักของกู คือรักมันแค่นั้นแหละ ขอกูได้รัก กูก็พอใจแล้ว”

น่าสงสารน้องเป้จัง... :impress3: :impress3:

ป.ล.  ทำไมช่วงนี้ลงซ้ำหลายคนจัง... :confuse:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #134 เมื่อ28-02-2007 13:40:06 »

เป็นกำลังใจให้เป้ครับ :yeb:



ตบมันเลยครับ ทั้งอีหญิงโฉดชายชั่ว ไม่ต้องเอามันไว้ซักคนหรอก

วางยาแล้วฆ่าหั่นศพมันเลย :laugh5:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #135 เมื่อ28-02-2007 13:41:39 »

หนูบลูโหมดเบลออะ

เกลียดอีกิฟต์ว้อยยยยยยยยยย :pigangry2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #136 เมื่อ28-02-2007 21:09:02 »

อิอิ แก้ไขให้แล้วนะครับ แบบว่า ปกติก็เบลออยู่แว้ว  :really2:
 ช่วงนี้อ่านนิยายไม่ทันยิ่งเบลอใหญ่
 :laugh5:
************************************************************


วันที่สอง ของการทำงานของ ผมกับน้องกิฟต์ครับ ผมอารมณ์ดีมาทำงาน แต่เช้าครับเพราะว่า มาก่อนเวลาเข้างานตั้งครึ่งชั่วโมง อีกอย่าง งานเราไม่ได้เป็นการทำงานแบจำกัดเวลา แบบงานออฟฟิศทั่วไป บางทีลุกค้าว่างสามทุ่มสี่ทุ่มถึงพบได้ก็มี เพราะฉะนั้น การเข้างานตามเวลา ที่จะต้องเข้างานก่อนใครเพื่อนนั่นก็คือ เลขาของพี่สมพร กับใครที่เป็นเวร Sales on duty จะต้องเข้างานตามเวลาออฟฟิศ ซึ่งแผนกขาย ก็จะเปลี่ยนกัน คนละวัน สำหรับอีตำแหน่ง เซลล์รายวัน พวกเนี้ย ซึ่งถ้านอกเวลางานในออฟฟิศ ลูกค้าจะติดต่อที่เบอร์โดยตรง กับเจ้าหน้าที่ขาย ที่รับผิดชอบลูกค้ารายนั้นเอง ผมเข้าออฟฟิศมาก็เจอเซลล์รายวัน ของวันนี้...ก่อนใครเพื่อนเลย...พี่นก
“หวัดดี พี่นก วันนี้อยุ่เวรเหรอพี่”
“อือ มาเช้าจังเลยเป้ เดี๋ยวมาทานฝรั่งกับพี่นะ เดี๋ยวพี่เติมแป้งนิดนึงก่อน อ้อ ท่านรองมาแล้วนะ เมื่อวานเป้ไปหาลูกค้า แหม...ตามหาตัวเป้ใหญ่ แถมหน้าบึ้ง ไม่ยอมถามใครเลยนะ เนี่ย...เข้ามาก่อนหน้าเป้นิดเดียว ว่าไป ก็ก็ทำตัวน่าเกลียดมาก พี่ทักดีๆไม่ทักตอบ แถมทำหน้าบึ้งใส่พี่อีก เด็กอะไร ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกท่านหลานเธอหละก้อ ได้เสีย”
“ฝรั่งที่ชวนเป้กินหนะหล่อปะหละ ถ้าหล่อถึงจะกิน” ผมเย้าแกเล่นๆครับ
“หล่อสิคะ หัวเขียวกลมบ๊อกเลย”พี่นกรับมุกแล้วหัวเราะคิกเสียงหัวเราะของเราสองคน ทำให้ ท่านรอง เดินหน้าตึงออกมา
“คุณนก คุณเป้หัวเราเบาๆหน่อยนะคะ เกรงใจกันมั่ง แล้วคุณเป้พบดิฉันด้วยนะคะ”
ผมมองหน้าเจ้าหล่อน แล้วยกข้อมือเพื่อดูนาฬิกา
“หลังแปดโมงก็ได้คะ”
เจ้าหล่อน เดินสะบัดหน้า เข้าห้องทำงานหล่อนไป พี่นก แกก็แล่บลิ้น ตามหลังพลางเลียนแบบ ท่าทางเชิดๆของคนที่เพิ่งเดินออกไป ทำให้ผมหัวเราะคิกคักขึ้นมาได้
เมื่อสองดมงผมได้ปรากฏกายที่ห้อง ท่านรอง ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มส่งผ่านถึงกัน ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
“เมื่อวานดิฉันก็คิดว่าคุณจะเข้าที่ทำงานอีกก็ได้แต่รอ” เสียงเจ้าหล่อนลดความเข้มเสียงลงเล็กน้อยพลางกางแฟ้มตรงหน้าผม
“ดิฉันไม่เข้าใจเอกสารที่คุณเป้ให้มาหลายจุด ก็เลยอยากขอให้คุณเป้ช่วยอธิบายตรงนี้คะ”
ผมแอบยิ้ม โธ่หลายจุด มันก็เกือบทั้งหมดหละว้า....
วันนี้ ดูจะดีกว่าเมื่อวาน เพราะว่าผมอธิบายงานให้น้องกิฟต์เข้าใจแล้ว ผมก็ออกมา วันนี้นึกแปลกใจ ที่เจ้าหล่อนไม่ตามมาแขวะผม เหมือนเคย เพียงแต่ ทำหน้าและแววตาให้ผมสงสัย ว่าเจ้าหล่อนจะต้องทำอะไรสักอย่าง แต่หน้าเจ้าหล่อน ก็ยังตึงไม่ได้ยิ้มแย้มอะไรกับใคร ไม่เข้ามาสุงสิงกับใคร นอกจาก พี่สมพร กับ คุณป้าสุดสงวน นอกนั้นคุณเธอ เชิ่ดใส่ ทุกคน ยิ่งพี่นกกับผมแล้ว ไม่ต้องพูด แล้วเมื่อเช้าก็หักหน้าพี่นกเรื่องฝรั่ง ที่ผมกับพี่นกกำลังกินกันอยู่
“คุณนกกับคุณเป้คะ ที่นี่มันที่ทำงานนะคะ ปกติเขาไม่ให้นำของกินมาทานไม่ใช่เหรอคะ” แล้วท่านรองก็เดินเข้าไปในห้อง
“คุณนกกับคุณเป้คะที่นี่มันที่ทำงานนะคะ ปกติเขาไม่ให้นำของกินมาทานไม่ใช่เหรอคะ”พี่นกทำเลียนแบบก่อนที่ทั้งแผนกจะหัวเราะ
“พี่สมพรเขายังไม่ว่าเลยนะแก” แล้วพี่นกก็หันไปทางต๊ะของคุณป้าสุดสงวน
“ป้าหงวน สหายต่างวัยป้านี่แสบเหมือนกันนะ”
“น้องกิฟต์ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมาก” แล้วแกก็ก้มหน้าทำงานของแกต่อไป
“ดีคะป้าหงวนที่ น้องกิฟต์ไม่มีอะไร ถ้ามีอะไรคงสนุกกว่านี้” พี่นกพูด แต่ผมว่าวันนี้มันก้ดีเหมือนกันนะที่น้องกิฟต์ไม่มายุ่งกับผมมาก แต่ผมก็สงสัยในใจ....ไม่วาย

..............
เที่ยงวันนี้ผมเลยนัดกินข้าวกับนังต้อง เพื่อปรึกษาแผนการรับมือ ท่านรอง แต่มันก็ยังไม่มีแผนไหน จะเข้าท่าเลย เพราะแผนที่นังต้องมันเสนอมานั้นมัน จะพาตัวผมเข้าคุกซะมากกว่า เช่น
“มึงก็จับมันไปขังไว้ สักสามเดือน พอถึงเวลา มันไปเมืองนอกมึงก็ปล่อยให้มันนั่งเครื่องบิน ไปตามทางของมัน”
“ไม่งั้นมึงก็ลงทุนจ้างมือปืน มาเก็บซะ ถ้ากลัวจะแพง มึงก็ลงมือเองเลย ลูกปืนไม่กี่ตังค์หรอก”
“ถ้ามันหาเรื่องมากๆ มึงก็กระโดดตบมันเลย ทางที่ดีกูว่า หาเหล็กหรือไม้ตบมัน จะดีกว่า มึงจะได้ไม่ต้องเจ็บมือ”
นังต้องมันบอกแผนการ ผมเยอะแยะ แต่ทุกแผนการ มันโดนผมด่าซะเละเลยครับ สรุปแล้ว ปรึกษานังต้องท่าทางจะไม่ได้เรื่อง งานนี้ต้องช่วยตัวเองซะแล้ว
ตอนบ่าย ผมต้องเข้าออฟฟิศครับ งานนี้ผู้สื่อข่าวประจำแผนก ไม่มาดักผมไว้ เหมือนเมื่อวาน แสดงว่าพี่นก กำลังเม้าท์ใครสักคนกับพี่สุดสงวนแน่นอน เพราะพี่สุดสงวนเป็นสาวแก่ ที่เม้าท์เรื่อง ผู้คน หรือหมู หมา กา ไก่ กับพี่นกได้ เป็นวรรคเป็นเวร ผมเคยเห็นรูปแกตอนสาวๆ ดูแกก็สวยเหมือนกัน น่าแปลกที่แกรอดปลอดภัยจากผู้ชาย มาได้ถึงปัจจุบัน
“เมื่อก่อนนะเป้ พี่สุดสงวนเนี่ย มีผุ้ชายมาจีบแกเยอะแยะ ออฟฟิศเราเนี่ย มีคนเข้าแถวตามจีบแกทั้งนั้น แต่พี่หงวนของเราหนะ เลือกมาก ผู้ชายคนไหนก็ไม่เหมาะสมกับแก อ้วนไปมั่ง เรียนน้อยมั่ง เป็นไงหละ ในที่สุดแกก็ขึ้นคาน หาใครเอาก็ไม่ได้ ยิ่งตอนนี้เกย์มันก็มีเยอะ ยังกะผักตามตลาดสด เดินไปทางไหนก็เจอ แล้วผู้หญิงก็เยอะขึ้นๆ แล้วผู้ชายก็ไปรักกันเองอีก พี่หงวนของเรา ก็เลยนอนกอดคานของแก มาจนเหี่ยวถึงทุกวันนี้”
พี่นก เคยพูดถึงป้าสุดสงวนให้ผมฟัง สมัยที่ผมเข้ามาทำงานตอนแรกๆ
เมื่อผมเดินเข้าไปถึงออฟฟิศ ก็เห็นพี่นกกับป้าสุดสงวน เม้าท์ถึงท่านรองอย่างสนุกปาก
“จริงๆนะป้า ไม่น่าเป็นไปได้ คะๆ ขาๆ ไม่วางท่าเหมือนนางพญาแบบทุกครั้ง มาสั่งกาแฟ พี่สมศรี นะป้า พูดงี้เลย” พี่นกแกก็ลุกขึ้น เหมือนนางสาวไทยตอนรับมงกุฎ
“พี่สมศรีค่ะ เดี๋ยวกิฟท์รบกวน ขอกาแฟให้แขกด้วยนะคะ” แล้วแกก็เดินนวยนาดไปนั่งเม้าท์ต่อ ผมเดาเอาว่าคงเม้าท์เรื่อง ท่านรองกับแขกของท่านรองแน่ๆ ซึ่งผมยังไม่ได้จับใจความได้อย่างชัดเจนแค่นั้นเอง พอดีพี่นกหันมาเห็นผมเข้าพอดี
“น้องเป้ มาพอดีเลย เมื่อพักใหญ่ๆ ท่านรองให้หาแน่ะ แหมวันนี้มีแขกหนุ่มหล่อมาด้วยนะ หน้างี้ บานกะโท่โล่” แล้วพี่นก ก็ทำท่านางสาวไทยอีกรอบ
“พี่นกค่ะ ถ้าพี่เป้เข้ามา รบกวนพี่นก บอกบอกพี่เป้ว่า กิฟต์เชิญที่ห้องหน่อยนะคะ” แล้วแกก็เดินนวยนาด ไปนั่งที่แกอีกรอบ ผมก็เลยขำแกครับ
“สงสัยหวานเอาใจ ผู้ชายมั้ง ใช่มั้ยป้า” พี่นกไปถามเอากับป้าสุดสงวน
“ไม่รู้ เรื่องของท่านเราไม่ควรไปยุ่ง”
“แหม....ป้า ตะกี้แล้วตั้งใจฟัง ซะหูผึ่งเลยน๊า.. มาตอนนี้ บอกว่าไม่รู้ได้ไง”
“แล้วแต่จะเข้าใจสิ” ป้าสงวนตอบกลับมา ทำให้ผมหัวเราะได้อีกครั้ง กับท่าทางที่พี่นกที่แกทำปากขมุบขมิบ ไปทางป้าสุดสงวน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเคาะประตูห้องท่านรอง ก่อนเปิดประตูเข้าไป
แล้วผมก็ชาวาบไปทั้งตัว เมื่อผมเห็น หน้าตา ของแขกท่านรองได้อย่างถนัด หลายเดือนที่ไม่ได้เจอกันจังๆ ดูไอ้หน้าขาวมันตัวใหญ่และล่ำขึ้นเยอะ ร่างที่เคยผอมเพรียวคุ้นตาคุ้นใจของผม ดูมันจะมีกล้ามเนื้อเหมือนคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและมีสุขภาพดี ดูหน้าขาวๆไรเคราครึ้มๆแล้วผมใจสั่นขึ้นมาทันที ยิ่งมันแต่งชุดทำงานดูดี ภูมิฐานเข้ากับมันอย่างลงตัวเหมาะเจาะแบบนี้ ความรู้สึกที่ผมพยายามลืมและเก็บกดมันเอาไว้ มันกลับมาก่อกวนให้ใจผมสั่นไหวอีกระลอกหนึ่ง
“นั่งก่อนสิคะพี่เป้” เสียงของท่านรองทำให้ผมเข้าสู่ภาวะปัจจุบันทันที ผมยิ้มให้คนทั้งคู่ที่อยู่ตรงหน้า......................

ผมค่อยๆ นั่งบนเก้าอี้ ตรงหน้าคนของหัวใจผม พลางยิ้มไปให้ แน่นอนหละ ถ้าใครมา
เจอ ผู้ชายหล่อผู้หญิงสว ที่นั่งชิดกันอยุ่เบื้องหน้า ทำให้แผลหัวใจ ที่เริ่มตกสะเก็ด

มันเริ่ม ปริและมีเลือดซึมอีกครั้งหนึ่ง ผมมองดูหน้าของคนทั้งสองคน ตรงหน้า

แววตาของน้องกิฟต์ ดูเหมือนจะสะใจและพึงพอใจ

อะไรสักอย่าง ดูเธอจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ส่วนไอ้หน้าขาวยังตีหน้าตายของมัน

เหมือนเดิม แต่ผมก็ทันได้เห็นแววตาไหววูบ มีประกายแว่บนึง แต่มันก็จางหายไปอย่าง

รวดเร็ว ผมยังยิ้มฉาบหน้าอยู่ แต่ในใจของผมมันเหี่ยวแห้งไปหมดแล้ว

“มีอะไรกับพี่หรือเปล่าคุณกิฟต์”

ผมถามออกไปเนื่องจากว่าไม่รู้ว่า คนตรงหน้าต้องการอะไร อีกอย่างผมไม่อยากที่จะเห็น

ภาพแสลงใจตรงหน้านี้นานนัก ทั้งๆที่ควรจะจบไปแล้วและไม่ควรมาเจอกันอีก แต่ก็ยังมา

เจอ แสดงว่าชาติที่แล้วผมคงร่วมทำกรรมทำเวรกับคนสองคนนี้มาอย่างแน่ๆ ชาตินี้ถึง

ต้องมาชดใช้กรรมด้วยการเจ็บที่หัวใจอยู่ตลอดมา


แต่น้องกิฟต์ไม่ได้ตอบคำถามแต่หันไปคุยกับไอ้หน้าขาวแทน


“ดูพี่เป้สิคะพี่ยอด นี่แหละคะพนักงานฝ่ายขายดีเด่น ของแผนกฝ่ายขายปีนี้หละคะ คน

ดีของเราคนนี้ ทำยอดผลกำไรให้บริษัทหลายล้านคะปีนี้”

หล่อนหัวเราะเบาๆ พลางถามต่อมาว่า

“วันนี้พี่เป้จะออกไปพบลูกค้ากี่โมงคะ”

“เดี๋ยวสักพักก็ต้องออกไปแล้ว”

“งั้นดีเลย เดี๋ยวกิฟต์ จะวานพี่เป้ไปส่งพี่ยอด ที่อู่ซ่อมรถหน่อยสิคะ ทางผ่านของพี่

เป้อยุ่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”


ผมไม่อยากให้มันไปกับผมจริงๆ เพราะแผลหัวใจ ของผมมันเหวอะขนาดนี้ ยิ่งได้

ต้นเหตุ ของอาการที่หัวใจ ไปด้วยอย่างนี้ ผมกล้วว่า ผมจะลืมไอ้หน้าขาว

ไม่ได้แน่ๆ


“ดูเขาไม่เต็มใจให้พี่ไปด้วย น้องกิฟต์ ไม่ต้องไปไหว้วานอะไรหรอก อู่รถแค่นี้พี่มี

ปัญญาจ้างแท็กซี่ไปถึ ง วานทำไมคนแล้งน้ำใจ”


ไอ้หน้าขาวมันพูด เสียงแข็งตามประสาของมัน แต่ผมรู้สึกสะท้อนใจ อย่างบอกไม่ถูก

ตั้งแต่ได้ยินคำว่า “คนดี” แล้ว


“น้องเป้เป็นไรไปครับ หือ..คนดีอย่าร้องนะ เป็นเด็กดี ไม่ร้องนะครับคนดีของพี่ยอด”


เมื่อตอนเด็กๆ ใครหนอที่เรียกผมว่าคนดี


ครหนอที่ปลอบประโลมและกอดผมไว้


ลูบหัวผมเบาๆ กระซิบถ้อยคำที่อบอุ่นไปทั้งใจ


“นิ่งซะนะ คนดีของพี่ยอด”


แต่เขาจะรู้หรือเปล่าว่า คนที่พูดตอนนั้น กับคนที่นั่งตรงหน้า


เวลาเปลี่ยนไป ใจคนและนิสัยก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย


“ไปด้วยกันก็ได้”


ผมพูดออกมาเบาๆ


“ให้พี่เป้ไปส่งหนะดีแล้วคะพี่ยอด เดี่ยวไปเอารถมาแล้ว มารับกิฟต์ไปกินข้าวนะคะ เดี๋


ยววันนี้กิฟต์จะรอหลังเลิกงานคะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2007 21:13:33 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #137 เมื่อ28-02-2007 21:24:33 »

 :call: สาธุให้พี่ยอดมารักน้องเป้สักทีเถอะ จะได้สะใจนังน้องกิฟต์ :laugh5: :laugh5:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #138 เมื่อ28-02-2007 22:05:30 »

โปะยาสลบ แล้วพาแวะม่านรูดจับมันทำเมียเลย

แล้วก็เอามาประจานนังกิฟท์มันว่า "ผัวของมรึงอ่ะ เคยเป็นเมียกรู" :laugh5:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #139 เมื่อ28-02-2007 22:59:43 »

กะแล้วเชียว  :try2: :try2: :try2: :try2:


 :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
« ตอบ #139 เมื่อ: 28-02-2007 22:59:43 »





฿oomb@b@

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #140 เมื่อ28-02-2007 23:34:55 »

อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :angry2:
อยากตบชะนีก้อวีนนี้แหละ :pigangry2:

สู้ ๆน่ะคุณน้องเป้

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #141 เมื่อ01-03-2007 04:16:37 »

เมื่อไหร่จามาลงต่อเคอะ

ช่วงนี้เจ้ยิ่งเครียดๆ เขียนนิยายไม่ออก  เพราะขาดผู้ชายมาหลายวัน

ขออ่านเรื่องของชาวบ้านไปพลางๆ ก่อนนะ  :monkeycry4:

ปล.  อินังกิฟต์ใจร้าย  อิชะนีไม่มีป่า  อินังหอยไม่มีคนแคะ  อินังทั่นรองโรคจิต  อินังชะนีสวยประดิษฐ์  อินัง......สัตว์โลกผู้น่ารัก  :angry2:


ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #142 เมื่อ01-03-2007 09:11:54 »

ชิชิ

หญิงก็ร้าย ชายก็เลว

แสดหมาจิงๆ

 :pigangry2:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #143 เมื่อ01-03-2007 12:44:45 »

ปล.  อินังกิฟต์ใจร้าย  อิชะนีไม่มีป่า  อินังหอยไม่มีคนแคะ  อินังทั่นรองโรคจิต  อินังชะนีสวยประดิษฐ์  อินัง......สัตว์โลกผู้น่ารัก  :angry2:

ขำเจ๊ว่ะ..... :laugh5: :laugh5:

ถ้าทนไม่ได้เจ๊ไปตบเองเลย.... :angry2: :angry2: :angry2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #144 เมื่อ01-03-2007 19:54:40 »

คนเราก็มีความรักได้ทั้งนั้นไม่ว่าหญิงหรือชาย
ขอเพียงถ้ารู้ว่าเขาไม่รัก ก็อย่าไปฝืนหัวใจใคร
ผมไปเที่ยวสามวันนะครับ เจอกันวันอังคารนะครับ
********************************
ผมต้องขับรถมาส่งมันครับ เวลาที่นั่งรถมาด้วยกัน มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัดมาก เพราะทั้ง
ที่รู้แล้วว่า มันมีคู่หมั้นแล้วเต็มอก และท่าทีที่เขาแสดงออกต่อกัน เมื่อตะกี้นี้เองที่ทำให้

ผมรู้ดีว่าผมไม่มีทางที่ จะย้อนคืนเหมือนเมื่อครั้งก่อนแล้ว........

“เดี๋ยวนี้เก่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะนะ เที่ยวเก่งขึ้น ทำงานก็เก่งขึ้น”

ไอ้หน้าขาวมันเปรยขึ้นมา เมื่อในรถมันเงียบ ผมก็ไม่ยอมเปิด แม้กระทั่งเพลง ทั้งที่
ปกติเวลาขับรถเนี่ย ผมชอบที่จะขับรถไป แล้วร้องเพลงตามไปด้วย แต่คราวนี้มัน
หมดอารมณ์ที่จะฟังเพลงไปเลย เพราะภาพที่ยังติดตามาถึงขณะนี้ คือภาพของคน
สองคนที่กระหนุงกระหนิงกัน ในห้องทำงานของท่านรอง ยังตามมาหลอกหลอน
ความรู้สึกของผมอยู่ เมื่อมันพูดออกมา ผมก็เงียบ คร้านที่จะตอบมัน

“เออ ถามดีๆ ก็ไม่ตอบ ตั้งแต่ทำงานดีๆ แต่งตัวดีๆ หยิ่งนะโว้ย”

ผมก็เงียบครับ ไม่อยากจะตอบมัน ไอ้รถข้างหน้าก็ติดกันเป็นแพ แถมไฟแดงก็ไม่มีที่
สิ้นสุดอีก ผมหนะอยากให้ถนนมันโล่งๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลามานั่งใกล้ไอ้หน้าขาว
ให้ตัวเองเจ็บใจ ที่มันคอยพูดถากถางอีก
“เห็นว่า ควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้าเลยเหรอ นี่ก็อีกหนึ่งของความก้าวหน้าสินะ ยังไงซะ ก็
นึกถึงทางบ้านมั่งนะ พ่อแม่ก็มีหน้ามีตา แต่ลูกเข้ากรุงเทพ มามั่วผู้ชายไม่ซ้ำหน้า”
ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆครับ มันดูถูกผมทุกอย่าง ผิดด้วยหรือที่จะไปเที่ยว ผิดไหมที่
จะต้องมีสังคม ทำไมมันต้องด่ากันขนาดนี้

“จะลงตรงไหน ถ้ามันอึดอัดใจมาก หรือนั่งเงียบไม่ได้จนต้องเห่าออกมา ก็บอก จะ
ได้ให้ลงไปเห่านอกรถ”

หมดสิ้นกันไปนานหละครับ สำหรับความนับถือ ตั้งแต่มันตามด่าตามเช็ด ว่าผมเป็นอี
ตุ๊ด โน่นหละครับ มันหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ น้อยครั้งมากครับที่ผมจะพูดจาไม่
เพราะกับมัน อีกอย่างผมมีแม่เป็นครู เรื่องการพูดการจา ไม่ต้องห่วงครับ ลูกครูมันต้อง
วางตัวมากกว่าปกติบ้างอยู่แล้ว แถมทางบ้านนอก ชื่อของคุณนายแสนดี ก็เป็นที่
เคารพยกย่อง ของคนในอำเภอรวมทั้งในจังหวัด ที่แม่ผมเป็นที่รู้จัก และให้ความ
เคารพอย่างกว้างขวาง ลูกศิษย์กี่รุ่น ต่อกี่รุ่น ที่จบออกไปต่างแวะมาเยี่ยมเยือนไม่ขาด
หาย บางครั้งมีครอบครัวแล้ว ก็ยังพาครอบครัวมากราบคุณแม่ผมในทุกๆปีเหมือนกัน
จึงไม่แปลกเลยว่าลูกๆของคุณนายแสนดี จะต้องทำตัวให้ดี และอยู่ในกรอบมาก
เพียงใด แม้แต่ พี่ปอพี่ชายผมที่มันเรียนเทคนิค มันเฮ้ว มันร้ายแค่ไหน ก็ยังไม่เคย
ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน จะมีบ้าง ที่มีเรื่องมาบ่อยๆตามประสาเด็กช่าง แต่ว่าไอ้พี่ปอ
มันก็เคลียร์เรื่องของมันได้ดี โดยไม่พาความเดือดร้อนมาสู่ครอบครัวเราเลย แถม
พี่ชายผม มันยังจบวิศวะมาจากมหาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง ด้วยคะแนนระดับเกียรตินิยม
ทีเดียว

“อืม....เพิ่งรู้อีกอย่าง ว่าปากคอก็เราะร้ายไม่ใช่เล่น”

ไอ้หน้าขาวพูดขึ้น หลังจากที่มันข่มความโกรธ จนหน้าขาวๆของมันแดงก่ำไปหมด ลง
ได้ แล้วมันก็หยิบโทรศัพท์ออกมาครับ ผมก็ได้ยินหละครับว่า มันโทรหาช่างที่อู่ซ่อม
รถเรื่องรถของมันยังไงนี่หละ ไอ้เตอร์ๆ เซ่อๆ ศัพท์แสงทางช่างที่มันคุยกัน ผมก็
ไม่รู้เรื่องด้วยหรอก รถผมหนะขับได้อย่างเดียวเท่านั้นหละ ไอ้จะมาบอกช่าง เรื่อง
เตอร์ๆ เซ่อๆ นี่บอกไม่เป็น นอกจากเอารถไปเช็คที่ศูนย์บริการเดือนละครั้งแล้ว ผม
ก็ไม่ได้จับหรือดัดแปลงรถเลยคุณ รถเขามีไว้ขับไม่ใช่หรือ........

ไอ้หน้าขาวมันจบวิศวะเหมือนพี่ชายผม แต่ถามว่ามันเก่งเหมือนพี่ชายผมมั้ย มันไม่เก่ง
เพราะสมัยก่อนที่เรายังเรียนด้วยกัน เป็นประจำที่มันลอกการบ้านเพื่อนๆ

ผมจับใจความได้ว่า มันโทรหาช่างเรื่องเปลี่ยนอะไรๆ เตอร์ๆ เซ่อๆ นี่หละแต่ว่าทางอู่
ซ่อม ศูนย์บริการบอกว่า อะไหล่ยังมาไม่ถึง ต้องรอไปอีกสอง สามวัน แล้วมันก็หัว
เสีย อึดฮัด อยู่สักครู่ มันก็ถือโทรศัพท์ โทรหาน้องกิฟท์ครับ............................

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #145 เมื่อ01-03-2007 22:25:36 »

เข้ามาให้กำลังใจน้องเป้  :loveu: :loveu: :loveu:


เที่ยวให้สนุกนะคุณเรย์  :yeb:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #146 เมื่อ01-03-2007 23:01:17 »

ถ้าคุยกันดีๆเหมือนในอดีตเนี่ย จะเป็นอะไรที่น่ารักมากเลยนะผมว่า :myeye:


 :yeb:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #147 เมื่อ02-03-2007 01:02:39 »

อึดอัดอ่ะ หงุดหงิดด้วย  :serius2: :serius2:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #148 เมื่อ02-03-2007 10:50:23 »

ยัยน้องกิฟท์อีกและ....แล้วยัยน้องเป้เนี่ย....ไม่เคยคิดถึงเลยใช่มั้ย... :pigangry2: :pigangry2:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #149 เมื่อ02-03-2007 17:47:41 »

 :o

ไปส่งมันทำไม? :serius2:

ไล่มันลงจากรถไปเลย  ไอ่ปู้ชายเฮงซวย   :angry2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด