เรื่อง เลห์รัก บทประพันธ์ของ "ใบปอ"
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่อง เลห์รัก บทประพันธ์ของ "ใบปอ"  (อ่าน 167966 ครั้ง)

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
..........
ขอบคุณทุกคอมเมนท์คะ อ่านกันต่อเลย

......
         “อ้าว!วันนี้ทำไมกลับเร็วจัง จีนส์เพื่อนลูกมาหาแน่ะ” ร่างที่นั่งอยู่ที่โซฟาลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นคนที่จีนส์คล้องแขนอยู่  เด็กหนุ่มผมสีทองหน้าสวยราวกับเด็กสาวส่งยิ้มหวาน ดวงตาที่มองจีนส์เป็นประกายท้าทาย
         “รามอส!” จีนส์หงุดหงิดไม่พอใจเมื่อเห็นเพื่อน เขากอดแขนของเท็ดแน่นขึ้น เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของให้อีกฝ่ายรับรู้ แม้จะเป็นเพื่อนที่รู้จักกันในวงสังคมชั้นสูงเพราะนิสัยใกล้เคียงกัน แต่ลึกๆแล้วต่างฝ่ายต่างต้องการเอาชนะซึ่งกันและกันในทุกๆด้าน
         “พี่เท็ดครับนี่รามอสเพื่อนผมครับ…รามอสนี่พี่เท็ดของฉันไง” จีนส์เน้นเสียงท้ายประโยคมองเพื่อนอย่างรู้ทันขณะที่แนะนำให้อีกฝ่ายได้รู้จักเท็ด  ท่าทางรามอสสนใจเท็ดมากถึงตามเขามาถึงเมืองเล็กๆนี่ เขาแกล้งโทรไปคุยอวดให้อีกฝ่ายอิจฉาเล่นแต่ไม่คิดว่ารามอสจะตามมาจริงๆ รามอสเดินเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมโชยชาย
         “รามอสครับ”
         “เท็ด พอลลิ่งยินดีที่ได้รู้จักครับ” มือเรียวยื่นให้เท็ดจับและยึดปลายนิ้วอุ่นไว้อ้อยอิ่งไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
         “ได้ยินจีนส์โทรไปเล่าถึงคุณจนผมอยากเห็น เท่ห์ขนาดนี้นี่เองจีนส์ถึงไม่ยอมกลับซานฟรานฯ”
         จีนส์หน้าเผือดด้วยความโกรธ ขณะที่เท็ดขมวดคิ้วนิดๆ เขาไม่แน่ใจท่าทีของเด็กหนุ่ม2คนนี้นัก ดูเหมือนเป็นศัตรูมากกว่าเป็นเพื่อนกัน
         “ผมพาจีนส์มาส่งแล้วคงต้องกลับเลยนะครับ”
         “อ้าว!” สามเสียงอุทานพร้อมกัน แต่คนละความหมาย
         “ทำไมรีบกลับล่ะจ๊ะ ป้านึกว่าเท็ดจะอยู่ทานมื้อค่ำกับป้าซะอีก”
         “ขอโทษครับป้า จินนี่ไม่สบาย ผมเลยให้กลับไปพัก นี่ก็ต้องกลับไปทำงานต่ออีกน่ะครับ”
         “แหม..เสียดายจัง ไม่เป็นไรจ้ะวันหลังมากินมื้อค่ำกับป้าบ้างนะลูก”
         “ครับ”
         “เอ่อ…ไม่ทราบว่าคุณเท็ดผ่านโรงแรมปริ้นอาราเบียนหรือเปล่าครับ?”
รามอสผุดลุกขึ้นมายืนข้างๆ
         “อ๋อ..ผ่านครับ คุณรามอสพักที่นั่นหรือครับ?”
         “ครับถ้าไม่เป็นการรบกวน ผมขอติดรถไปลงที่นั่นด้วยคนนะครับ” รามอสพูดด้วยรอยยิ้มแพรวพราว ขณะที่จีนส์ตาลุกวาบด้วยความโกรธ คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าขนาดนี้
         “ได้สิครับเชิญเลย ผมไปนะครับป้า ไปนะจีนส์ไว้เจอกัน”
         “ไปนะครับคุณป้า บายจีนส์” รามอสส่งยิ้มหยันให้ จีนส์กำมือแน่นด้วยความเจ็บใจจนพูดไม่ออก

         เท็ดขับรถออกจากห้องพักแต่เช้า วันนี้เขารับปากป้าว่าจะพาจีนส์กับเพื่อนไปเที่ยว เขาแวะรับรามอสก่อนเพราะเป็นทางผ่าน พนักงานต้อนรับบอกว่าเด็กหนุ่มให้เขาขึ้นไปรอที่ห้อง
         “รามอส ผมนะ..เท็ด”
         “เชิญครับประตูไม่ได้ล็อค”
         เท็ดขมวดคิ้วไม่ชอบใจในความประมาทของเด็กหนุ่ม เขาเปิดประตูเข้าไป เสียงน้ำไหลบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายอาบน้ำอยู่ ชายหนุ่มปิดประตูตามเดิมเดินไปยืนริมระเบียง แล้วต้องตกใจเมื่อแขนคู่หนึ่งสวมกอดเขาจากด้านหลัง เนื้อตัวเปียกชื้นเบียดกระชับติดแผ่นหลังได้กลิ่นสบู่โชยมาอ่อนๆ เท็ดได้สติดึงแขนเรียวออกแล้วหันกลับไปเผชิญหน้า
         “รามอส!”
         “เท็ด..ผมชอบคุณนะ” รามอสโผเข้ากอดพร้อมแนบริมฝีปากกับอีกฝ่าย ร่างกายเปลือยขาวโพลนเบียดชิดกับแผ่นอกกว้าง  
         เท็ดเบี่ยงหน้าหนีดันร่างบางออกห่าง“ทำอะไรน่ะ”
         รามอสหัวเราะคิก ทอดมองตาหวานเชื่อมก่อนก้าวเข้ามาด้วยท่าทางยั่วยวน        
         “เท็ด…ไม่รู้เหรอว่าทำอะไร…  กอดผมสิ”
         เท็ดยิ้มเย็น มือที่ดันอยู่เลื่อนลงมาจับที่เอวบางยกขึ้นสูงก่อนโยนร่างเด็กหนุ่มลงบนเตียง  รามอสยิ้มหวานตาวาววับท้าวศอก ลากขาข้างหนึ่งขึ้นด้วยท่าทางเชิญชวน  เท็ดหัวเราะในลำคอเบาๆ
         “ถ้ายังอยากไปเที่ยวก็รีบแต่งตัวซะ ให้เวลา5นาที ถ้าไม่ลงไปถือว่าเธอสละสิทธิ์” พูดจบเขาก็ออกจากห้องไปโดยไม่รอฟังคำตอบของอีกฝ่าย
         “บ้าที่สุดเลย” รามอสตบบนที่นอนอย่างเดือดดาล  
         “ชิ…ยั่วถึงขนาดนี้แล้วยังไม่รู้สึก นายก็หมดหวังเหมือนกันแหละจีนส์ ทุเรศจริงๆบอกมาได้ว่าชอบผู้ชาย อุตส่าห์ลงทุนเดินทางมาตั้งไกลลำบากจะตาย”
เด็กหนุ่มบ่นกระฟัดกระเฟียดล้มตัวลงนอนต่อด้วยความเซ็งในอารมณ์ เมื่อรู้ว่าหมดหวังแล้วก็ขี้เกียจจะไปตากแดดตากลมให้ผิวเสียเปล่าๆ จึงไม่สนใจตามเท็ดไปข้างนอกอีก
         ‘ก๊อกๆ’เสียงเคาะประตูทำให้รามอสผุดลุกขึ้นวิ่งออกมาเปิดประตูด้วยท่าทางยั่วยวนเพราะคิดว่าเท็ดอาจเปลี่ยนใจกลับขึ้นมาง้อ แต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นบริกรหนุ่มยืนอยู่หน้าประตู
         “เอ่อ…ขอโทษครับ”บริกรหนุ่มหน้าเจื่อนรีบหันหลังกลับเมื่อเห็นเจ้าของห้องอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อย
         “เดี๋ยว!” รามอสเรียกไว้ บริกรหนุ่มชะงักแต่ไม่กล้าหันไปมอง
         “มีอะไร?…ฉันแน่ใจว่ายังไม่ได้สั่งอะไรนี่นา”
         “ครับ คือ…คุณพอลลิ่งฝากให้มาเรียนว่าจะรีบไปครับ”
         “หันมานี่สิ”บริกรหนุ่มกลืนน้ำลายหันกลับมาแต่โดยดี สายตาหลุบมองพื้นแต่ก็ยังเห็นปลายเท้าขาว  รามอสยิ้มดวงตาเป็นประกายระยับรู้สึกถูกใจกับบริกรหนุ่มตรงหน้า นอกจากจะรูปร่างหน้าตาดีแล้วบุคลิกยังดีเกินกว่าจะเป็นพนักงานธรรมดา
         “มานี่สิ  ปิดประตูด้วย” รามอสถอยหลังเข้ามากลางห้อง
         “ครับ”บริกรหนุ่มปิดประตูแล้วก้าวเข้ามา ร่างเปลือยก้าวเข้าไปยืนชิด  ดวงตาหวานระยับทั้งเปิดเผยและเชิญชวน
         “ชื่ออะไร…แจ๊ค…เป็นคนฝรั่งเศสเหรอ?” รามอสแตะป้ายชื่อบนหน้าอกกว้าง แล้วลากนิ้วบนอกไปมา
         “ครับเป็นนักศึกษาฝึกงาน”บริกรหนุ่มกลืนน้ำลายเสียงสั่น ร่างเปลือยตรงหน้าสวยงามไร้ที่ติ
         “เธอเลิกงานกี่โมง?”
         “เลิกแล้วครับกำลังจะกลับ ผมอยู่กะดึก”
         “งั้น…ถ้าฉันจ้างเธอเป็นพิเศษให้ทำอะไรให้หน่อยจะได้ไหม?”
         “ไม่ต้องจ้างครับ หากท่านมีอะไรทางโรงแรมยินดีรับใช้ครับ”
         “ว้าว!เป็นพนักงานที่ดีจริงๆมานี่สิแจ๊ค” รามอสดึงแจ๊คเข้าไปในห้องน้ำ เสียงน้ำไหลถูกกลบด้วยเสียงครางกระเส่าดังลอดออกมาจนพนักงานที่จะมาทำความสะอาดรีบถอยออกไปแทบไม่ทัน

         กริ้งๆๆๆๆเสียงกริ่งระรัวปลุกให้ร่างที่ก่ายเกยกันอยู่บนเตียงสะดุ้งตื่น แจ๊คผุดลุกขึ้นคว้าผ้าขนหนูมาพันตัวอย่างรวดเร็ว
         “ดูสิแจ๊คว่าใครมา”รามอสสั่งง่วงๆ เขากับแจ๊คเพิ่งได้นอนใกล้รุ่งนี่เอง หนุ่มเลือดฝรั่งเศสคนนี้ร้อนแรงจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเพิ่งกอดผู้ชายเป็นครั้งแรก
         “รามอส!ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลยนะ!”เสียงจีนส์ตวาดแหวรามอสลืมตาขึ้นมองอย่างรำคาญ
         “ทำไม?”
         “เมื่อวานนายทำอะไรลงไป…บ้าที่สุด นายทำแผนฉันพังหมด!” จีนส์กระแทกตัวนั่งบนเตียงด้วยความไม่พอใจ
         รามอสยันตัวขึ้นส่งยิ้มหวานเมื่อแจ๊คถือแก้วไวน์มาส่งให้ มือหนึ่งรับแก้วอีกมือโน้มคอชายหนุ่มลงมาจูบหนักหน่วง ขณะที่แจ๊คมีทีท่าขัดเขินเพราะมีบุคคลที่สามอยู่ด้วย แต่พอถูกลิ้นนุ่มรุกไม่หยุดก็เริ่มลืมอาย
         “นี่รามอส! นายหยุดฟังฉันก่อนได้ไหม!” จีนส์เริ่มโกรธที่อีกฝ่ายไม่สนใจเขา
         “อืม…ก็ได้ อ่ะ..ว่าไป” เด็กหนุ่มขยับขึ้นมานั่งบนตักของคู่ขา ปล่อยให้อีกฝ่ายซุกไซ้ลำคอ
         “เพราะเมื่อวานนายไม่ไปด้วยเท็ดเลยขอเลื่อนพาเที่ยวเลย ฉันก็เลยอดเที่ยวด้วย” จีนส์หน้าบูดสนิท
         “อืม…แล้วไง” รามอสตาปรือยกมือขึ้นลูบแก้มสากที่ซุกซนอยู่ข้างแก้มและใบหู
         “ฉันว่าฉันคงต้องรุกเขาแบบไม่ให้ตั้งตัวแล้วล่ะ…ส่วนนายห้ามยุ่งกับเท็ดอีกเด็ดขาด ไม่งั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน!” จีนส์ขู่เพราะเริ่มไม่มั่นใจกับเสน่ห์ของตัวเองว่าจะเอาชนะรามอสได้ แม้เท็ดจะใจแข็งยังไงเขาก็ไม่ไว้ใจในความเจ้าเล่ห์แสนกลของรามอสอยู่ดี  ดูหรือชั่วข้ามคืนยังคว้าหนุ่มหล่อมากกได้อีก
         “อืม…อา…รู้แล้วล่ะน่า อย่างนายคนนั้นน่ะเชื่อเลยว่าจุดไฟยังไงก็ไม่ติด ฉันขี้เกียจตอแยแล้ว เวลาเที่ยวของฉันยิ่งมีน้อยอยู่ด้วยแล้วนาย..จะใช้แผนไหนล่ะ..อ๊ะ..” รามอสสะดุ้งเมื่อฟันคมขบที่ติ่งหูแผ่วเบา และมือร้อนกำลังเลื้อยลงไปที่ต้นขา
         “ฉันสืบจนรู้แล้วว่าคอนโดเขาอยู่ไหน แต่ฉันกำลังคิดว่าจะเดินเข้าไปหาเขาดื้อๆหรือใช้ยาช่วยอีกทางดี” จีนส์เริ่มหงุดหงิดเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ฟังเขาเท่าไหร่เลย  ความที่ชอบเที่ยวเหมือนกัน ทำให้เขากับรามอสมักสังสรรค์กันเป็นกลุ่มบ่อยๆทั้งเรื่องยาเรื่องเซ็กส์ การแสดงออกในเรื่องเหล่านี้จึงถือเป็นเรื่องธรรมดา   
         “ฉันว่า…อ่ะ..นาย..ต้องใช้ยาด้วยมั้ง…อืม…แจ๊ค..เดี๋ยว…นายคนนั้นน่ะไม่ธรรมดาเลยนะ…อ๊ะ” รามอสเริ่มกัดฟันพูดเมื่อมือไม้ของบริกรหนุ่มเกาะกุมส่วนไวต่อความรู้สึกของเขาและไม่หยุดง่าย ๆ
         “โอเคงั้นจะใช้ยาช่วย…ขอบใจนะนายช่วยได้มากจริงๆเลย!” จีนส์ประชดผุดลุกขึ้นโยนหมอนใส่แล้วปิดประตูดังปังใหญ่ ขณะที่เจ้าของห้องกำลังนัวเนียโรมรันกันโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างสักนิด
            
           เท็ดเปิดประตูรับจีนส์  พนักงานข้างล่างโทรขึ้นมาบอกว่าจีนส์มาหา เขาแแปลกใจแต่ก็อนุญาตให้ผ่านขึ้นมา คอนโดแห่งนี้เป็นคอนโดพิเศษแต่ละชั้นจะมีเพียง1ห้องและมีลิฟท์แยกเป็นสัดส่วน ระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด แม้เจ้าของห้องเองก็ต้องสแกนมือและตาทุกครั้งที่จะขึ้นมา เรื่องราคาไม่ต้องพูดถึง แต่นี่เป็นของขวัญจากริชที่ยัดเยียดให้เท็ดแลกกับบ้านหลังเล็กริมทะเลสาบที่ราเชลชอบ จีนส์ตื่นเต้นนิดๆ แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาคิดจะมอมยาเพื่อรวบหัวรวบหาง แต่เท็ดทำให้เขารู้สึกกลัว
         “หวะ…หวัดดีฮะ”      
         “เข้ามาสิ….มีธุระอะไรรึเปล่า” เท็ดรินน้ำเย็นมาส่งให้  จีนส์รับแก้วแล้วยึดมือใหญ่ไว้แน่น
         “เท็ดครับ ผมกลุ้มใจมากเลย ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี…ผม…ฮึก” จีนส์ก้มหน้าน้ำตาหยดลงบนตัก  เท็ดทรุดลงนั่งข้างๆลูบผมนุ่มอย่างอ่อนโยน จีนส์โผเข้ากอดร้องไห้สะอึกสะอื้น
         “ใจเย็นๆ  มีอะไรค่อยๆเล่าสิจีนส์”
         “ผมเล่าไม่ได้ ผมไม่กล้า”  จีนส์เบียดชิดมากขึ้นจนเท็ดรู้สึกอึดอัด
         “แล้วเธอจะให้พี่ช่วยยังไง…จีนส์หยุดร้องก่อนน่า” เท็ดดันร่างบางออก จีนส์นั่งก้มหน้าอยู่นานกว่าจะหลุดคำพูดออกมา
         “เท็ดครับ ขอผมดื่มเหล้าได้ไหมครับ เขาพูดกันว่าดื่มเหล้าแล้วจะกล้าพูด”
เท็ดถอนใจยาวเขาไม่ชอบให้เด็กดื่มเหล้าแต่จีนส์ก็ไม่ใช่เด็กแล้วอายุ 19-20 ก็ถือว่าโตพอสมควร เท็ดไปรินเหล้ามาส่งให้แต่จีนส์ส่ายหน้า
         “ผมขอทั้งขวดได้ไหมฮะ?…แล้วขอให้เท็ดดื่มเป็นเพื่อนด้วย” เท็ดเดินกลับไปหยิบเหล้าและแก้วแล้วกลับมานั่งตรงข้ามกับจีนส์  รินเหล้าลงในแก้วอีกใบ  จีนส์ยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่มรวดเดียวหมด
         “แค๊กๆๆๆ..โอ๊ย!…ขมมากเลย…แหวะขมๆ” เท็ดยิ้มขำหน้าตาเหยเกของจีนส์
         “ก็ใครเขาใช้ให้กินทีละมากๆอย่างนั้นล่ะ…ค่อยๆจิบสิ”
         “ไม่เอาเดี๋ยวไม่เมาแล้วไม่กล้าพูด…ผมเลิกคบกับรามอสแล้วฮะ”  
         “อ้าว!ทำไมล่ะ?” เท็ดขยับตัวตรงสนใจฟังคนตรงหน้า
         “ผมก็รู้จักเขาได้ไม่นาน รู้ว่าเขาเป็นคนชอบเที่ยวแต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นเด็กใจแตกชอบมั่วยามั่วเซ็กส์”
         “หืม…ทำไมถึงว่าเพื่อนแบบนั้นล่ะ?”
         “ก็เมื่อเช้าผมไปหาเขาที่ห้องเจอเขาอยู่กับคู่ขา เมายากันด้วยนะฮะ” จีนส์ใส่ความหน้าตาเฉย ถึงเมื่อเช้าจะไม่เห็นยาแต่พวกเขาก็ใช้กันเป็นประจำอยู่แล้ว  
         “ใจเย็นๆน่าจีนส์…พี่ว่าเราอาจจะเข้าใจรามอสผิดไปก็ได้นะ”
         “ไม่ผิดแน่ฮะ เขาเลวจริงๆนะฮะ เขาเอ่อ…เขา…ผมพูดไม่ได้” จีนส์ยกเหล้าขึ้นดื่มทั้งขวด  เหล้าไหลเลอะเป็นทางลงมาบนคอและอกจนเปียกชุ่ม  เท็ดรีบดึงขวดออก
         “เอ้า!เดี๋ยวก็ตายกันพอดี เหล้านะจีนส์ไม่ใช่น้ำ  นั่นไง…ว่าแล้ว”
         จีนส์ฟุบลงบนโซฟา ศีรษะตกห้อยลงมาเล็กน้อย เท็ดขยับเข้าไปประคองเห็นแก้มเนียนแดงกล่ำกลิ่นเหล้าโชยฟุ้ง
         “เท็ดช่วยผมด้วย” จีนส์เบียดเข้ามาในอ้อมอกกว้างแต่เท็ดกลับดันเขาออกห่าง
         “มีอะไรจีนส์…เมาขนาดนี้จะคุยรู้เรื่องไหมเนี่ย?”
         “รามอสเขาขู่ผมว่าถ้าผมไม่เลิกกับเท็ด ไม่ยกเท็ดให้เขา…เขาจะเอาผมไปแฉที่มหาวิทยาลัยว่าผมติดยา…คู่ขาเขาก็ขู่ว่าจะทำร้ายผม”
         เท็ดส่ายหน้าเรื่องนี้ดูท่าจะเดือดร้อนถึงแมรี่แน่ แต่คำพูดของจีนส์ก็ดูมีพิรุธหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องที่รามอสให้จีนส์เลิกกับเขา
         “หมายความว่ายังไงที่ว่าให้จีนส์เลิกกับพี่ ก็เราเป็นพี่น้องกันจะให้เลิกเรื่องอะไร” จีนส์อึ้งไปครู่หนึ่งก่อนสะอึกติดๆกันและทำท่าจะอาเจียน เท็ดรีบเข้าไปหยิบถังใส่ขยะใบเล็กออกมาให้แต่จีนส์ก็ไม่อาเจียนกลับนอนเงียบเท็ด กลับเข้าไปเปิดน้ำใส่อ่างใบเล็กกับผ้าขนหนูออกมาคราวนี้จีนส์ลุกขึ้นได้แล้วแถมยังถือแก้วเหล้าไว้ทั้งสองใบ
         “อ้าว!ลุกไหวแล้วเหรอ?…ไปกลับบ้านกัน” จีนส์ส่ายหน้า เท็ดดึงแก้วเหล้าออกส่งผ้าขนหนูให้เช็ดหน้า
         “เท็ดอย่าบอกเรื่องนี้กับแม่นะ”
         “ได้สิ ไป..พี่จะพาไปส่ง”
         “ไม่เอาผมอยากดื่ม…ดื่ม เท็ดดื่ม” จีนส์รินเหล้าเพิ่มให้เขาและตัวเองยกแก้วขึ้นชูให้เท็ด แต่เท็ดส่ายหน้า
         “ไม่ล่ะ พอเถอะ”
         “ไม่เอา…เท็ดน่ะ แค่นี้ก็ไม่ได้…ดื่มกันนะเท็ดนะ”
         “งั้นอีกแก้วเดียวแล้วกลับ”
         “ตกลง…เชียส!”
         เท็ดยกแก้วขึ้นดื่มขณะจับตาดูจีนส์ คราวนี้ไม่มีทีท่าว่าจีนส์จะขมสักนิด  ท่าทางจับแก้วกรีดกรายกับคำชวนดื่มสะดุดหู
         “ไป…ลุกขึ้นเดี๋ยวพี่พาไปส่งบ้าน”
         “ผม…อยาก…เอ่อ…” จีนส์วิ่งเข้าห้องน้ำปิดประตูเงียบ เท็ดถอนใจเฮือก
หยิบเสื้อคลุมเตรียมจะออกไปส่ง
         “จีนส์…เป็นไงบ้าง?”
         “เดี๋ยวครับ”
         “อาเจียรหรือเปล่า?”
         “เปล่าครับ”
         เท็ดกลับมานั่งรอที่โซฟา คิ้วเข้มขมวดเมื่อรู้สึกแปลกๆในท้องร่างกายร้อนผ่าวราวกับจะเป็นไข้ รู้สึกเหมือนผิวเห่อหนาขึ้นมาและเสียวยิบๆบนผิวทั่วร่าง  เหงื่อผุดพราวทั้งตัว
         “…เท็ด…” เท็ดหันกลับไปมองเขาไม่รู้ว่าจีนส์ออกจากห้องน้ำตั่งแต่เมื่อไหร่
         “สงสัย…จีนส์ต้องนั่งแทกซี่กลับไปเองแล้ว…พี่ทำท่าจะ…ไม่สบาย”
         “ผมรู้  ผมจะช่วยให้เท็ดสบายขึ้น”
         “จีนส์!…เดี๋ยว!จะทำอะไรน่ะ!”เท็ดดันร่างที่โถมเข้ากอดออกห่างแต่จีนส์ขืนไว้เด็กหนุ่มคุกเข่าลงบนพื้นรูดซิบกางเกงเท็ดออกอย่างรวดเร็วแต่เท็ดกระชากมือจีนส์ออก ผุดลุกขึ้นไปยืนกลางห้อง
         “ทำไมทำแบบนี้? หรือว่า….เธอวางยาพี่!ทั้งหมดนี่เป็นแผนเธองั้นสิ”
         “เท็ดผมรักเท็ดนะ กอดผมสิ…ผมเหมือนกายไม่ใช่เหรอ?คิดซะว่าผมเป็นกายก็แล้วกัน” จีนส์พุ่งเข้ากอดจูบพัลวัล แต่เท็ดเหวี่ยงร่างบางออกไป  เขาคว้าโทรศัพท์มากดหมายเลขมือสั่น
         “อีฟ…ผมเอง..คุณอยู่ที่ไหน…ผมให้เวลาคุณ10นาทีมาให้ถึงห้องผม แล้วผมจะมีรางวัลให้…ไม่! ถ้าช้ากว่านั้นธุรกิจเราจบ!” เท็ดปิดโทรศัพท์ใบหน้าแดงก่ำ  แต่แววตาที่มองจีนส์แข็งกร้าว
         “บ้าที่สุดเท็ด!พี่เรียกคนอื่นมาทำไม? ผมอยู่ตรงนี้ทั้งคนให้ผมช่วยพี่นะ”
         “กลับไปซะจีนส์  อย่าให้ฉันต้องใช้ความรุนแรงกับเธอ!”  จีนส์ยักไหล่ถอดเสื้อโยนทิ้ง ก้าวเข้ามาหาเท็ดช้าๆ
         “ลองใช้ความรุนแรงดูสิเท็ด…ผมชอบอะไรแรงๆ” จีนส์ก้าวเข้ามาจนชิด เขย่งขึ้นเลียริมฝีปากล่างของเท็ดเบาๆมือลูบไล้แผงอกหนาอย่างยั่วยวน
         “เห็นไหม ตัวพี่กำลังต้องการผม กอดผมสิเท็ดแล้วพี่จะรู้ว่าผมเหนือกว่ากายแค่ไหน…”
         เท็ดยิ้มเย็นช้อนร่างบางขึ้นอุ้ม จีนส์พริ้มตาซุกหน้ากับอกกว้างเสียงเปิดประตูเบาๆแล้วจู่ๆเท็ดก็ปล่อยเขาลง…ตุ๊บ! “โอ๊ย!” จีนส์อุทานอย่างตกใจ  เท็ดดึงประตูห้องปิด  ทิ้งให้จีนส์นอนเปลือยอกอยู่ตรงหน้าลิฟท์ซึ่งกำลังเปิดออก
         “ต๊าย!เล่นอะไรกันจ๊ะ”
 ขายาวเรียวก้าวผ่านจีนส์ไปยืนที่หน้าประตู เคาะเบาๆเป็นสัญญาณ เท็ดเปิดประตูรับ  จีนส์แทรกตามเข้าไปจนหญิงสาวเซ
         “อุ๊ย! เด็กบ้าทำอะไรยะ?”
         “แกต่างหากเข้ามาทำอะไร ไสหัวไปเลยนะ!” จีนส์พยายามผลักผู้หญิงคนนั้นออกไปแต่เท็ดกลับดึงเจ้าหล่อนไว้
         “กลับไปซะจีนส์  ฉันเรียกอีฟเพราะฉันต้องการเขาไม่ใช่เธอ!” อีฟหัวเราะคิกเบียดหน้าอกคู่งามกับอกกว้าง ตาที่มองจีนส์เยาะหยันสะใจ
         “เท็ดจ๋า ใจร้ายไปหรือเปล่าเนี่ย? ดูสิ!จะร้องไห้แล้วนะ”
         จีนส์ปราดเข้าไปกระชากแขนอีฟยกมือขึ้นจะตบ แต่วูบเดียวแขนก็ถูกบิดไพล่หลังจนอกแอ่น
         “โอ๊ย!อีบ้า  ปล่อยนะ! ปล่อยสิโว้ย!”
         “หน้าตาก็ดี แต่พูดจาเหมือนไอ้ตัวชั้นต่ำ!อย่าดูถูกคนอื่นนัก ฉันน่ะยูโดสายดำนะยะ ถ้าจะหักแขนนายละก็สบายมาก ไสหัวไปซะ!” อีฟผลักหัวจีนส์ออกมานอกห้องปิดประตูโครม!จีนส์กรีดร้องโหยหวนอย่างแค้นใจ จู่ๆประตูห้องก็เปิดออก อีฟชะโงกหน้าออกมากรีดนิ้วโยนเสื้อกับกระเป๋าของจีนส์ออกมา แล้วปิดประตูใส่หน้าจีนส์อีกครั้ง
..........


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2009 11:37:50 โดย tianqin »

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
.........
         กริ๊ง!ๆๆๆๆ  ปัง!ๆๆๆๆเสียงกริ่งเสียงทุบประตูดังระรัว  รามอสถอนใจเฮือกอย่างหงุดหงิด  แจ็คคว้าผ้าขนหนูมาพันเอวลุกออกไปเปิดประตูให้  จีนส์แทรกเข้ามาอย่างรวดเร็ว เหวียงเป้ที่สะพายลงบนพรมไม่สนใจว่าของข้างในจะเสียหาย
         “ไอ้บ้า!ไอ้ทุเรศ!คอยดูนะรามอส ฉันจะทำให้เท็ดคลานมาคุกเข่าอ้อนวอนฉัน  แล้วฉันจะเขี่ยเขาทิ้งเหมือนขยะ!”
         รามอสสบถเบาๆผุดลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด “นี่จีนส์!ขอล่ะ นายอย่ามาขัดความสุขฉันนักได้ไหม? อยากทำอะไรก็ไปทำไป๊!ฉันรำคาญนะ”
จีนส์แบะปากดึงบุหรี่มาจุดสูบพ่นควันโขมงแต่แจ็คเดินมาดึงไปดับหน้าตาเฉย
         “อะไร!กล้าดียังไงมาดับบุหรี่ฉัน?จุดมาให้ฉันใหม่เดี๋ยวนี้นะ!”แจ็คยักไหล่ดวงตาเย็นชา  รามอสหัวเราะคิกกวักมือเรียก แจ็ครีบเดินเข้าไปหา
         “หงุดหงิดหรือที่รัก?มานี่สิฉันช่วย” รามอสปลดผ้าขนหนูของแจ็คออก โชว์ความเข้มแข็งของแจ็คให้จีนส์ดู  จีนส์จ้องเขม็งขณะที่แจ็คหน้าแดงเพราะความเขิน  รามอสครอบครองแจ็คไว้ในปาก ชายหนุ่มหลุดเสียงครางแผ่วสะโพกแอ่นเกร็งหน้าแดงก่ำ มือลูบไล้ผมนุ่มที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ที่สะโพกเขาเพื่อระบายอารมณ์ 
จู่ๆรามอสก็หยุดเหลียวกลับมามองจีนส์ยิ้ม ๆ “สนใจจะร่วมวงกับเราไหม?”
         “คุณรามอส!” แจ็คอุทานอย่างตกใจ  รามอสเงยขึ้นสบตายิ้มหวาน
         “ทำไมล่ะ?ฉันให้เธอเปลี่ยนรสชาติบ้างไง…ดูสิฉันใจกว้างขนาดไหน”
         “ไม่!ผมทำไม่ได้หรอก เราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ?แล้วจะให้ผมนอนกับคนอื่น ผมทำไม่ได้!”
         จีนส์ร้องกรี๊ด!คว้าแก้วบนโต๊ะขว้างไปถูกผนังแตกกระจาย
“อย่ามาผยองเลย! ฉันก็ไม่พิศวาสแกหรอก เชอะ!ฉันจะคอยดูว่าแกจะถูกรามอสเขี่ยทิ้งวันไหน แฟน เหรอ…ไอ้ปัญญาอ่อนเอ๊ย!” จีนส์คว้ากระเป๋ากระแทกเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว
         รามอสหัวเราะคิกเหนี่ยวร่างสูงให้นั่งลง“แจ็ค…อย่าโกรธสิ…ไม่เอาน่า ฉันแค่แหย่จีนส์เล่นเท่านั้นนะ…ฉันไม่บ้ายกแฟนตัวเองให้คนอื่นจริงๆหรอก” 
         แจ๊คเม้มปาก หน้าคมคายเครียดเขม็ง มือใหญ่หยาบประคองหน้าเนียนสวยไว้อย่างนุ่มนวล“ผมรักคุณนะรามอส คุณเป็นผู้ชายคนแรกที่ผมกอดแล้วผมก็ไม่คิดจะกอดใครอีก…อย่าพูดว่าจะให้ผมนอนกับใครต่อใครล้อเล่นก็ไม่เอา ผมรับไม่ได้...นะครับ”
         รามอสยิ้มหวานตาวาว สอดแขนเข้าคล้องคอชายหนุ่มไว้
“ตกลง…ไม่ล้อเล่นแบบนี้อีก…ฉันสัญญา”รามอสเผยอปาก  แจ็คเบียดปากแนบประกบ ผ่อนร่างบางลงบนเตียง บทรักดำเนินต่อไปอย่างเร่าร้อน

         “ทุเรศ!หล่อตายล่ะ คนอย่างฉันไม่เห็นต้องง้อพวกแกเลย ไปตายซะ  เท็ด ลงนรกไปเลยไอ้แจ็ค! โธ่โว้ย!ทำไมฉันต้องถูกผู้ชายทุเรศๆปฏิเสธถึง2คนด้วย  บ้าที่สุด!”จีนส์สบถลั่นกระชากรถอออกจากโรงแรมอย่างหงุดหงิด เด็กหนุ่มเบรคเอี๊ยดเมื่อถึงไฟแดง กระแทกตัวกับเบาะเพื่อระบายอารมณ์  รถสปอร์ตคันหนึ่งขับมาจอดใกล้ๆ หลังคารถไม่ได้ปิดเห็นชายหญิงในรถกำลังทุ่มเถียงกัน  จีนส์เหลือบมองแล้วมองซ้ำ คงไม่น่าสนใจถ้านักถ้าผู้ชายคนนั้นไม่หล่อบาดใจขนาดนี้  หล่อกว่าเท็ดหล่อกว่าแจ็ค ตาคมเหลือบมาสบกับจีนส์โดยบังเอิญก่อนที่สัญญาณไฟจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้วรถคันนั้นก็กระชากออกไป จีนส์ถอนใจแผ่วๆอย่างเสียดาย อดไม่ได้ที่จะขับตามรถคันนั้น จู่ๆรถสปอร์ตคันนั้นก็จอด ฝ่ายชายลงจากรถแล้วเดินไปตามฟุตบาทขณะที่ฝ่ายหญิงกระชากรถออกไปอย่างรวดเร็วจีนส์ตาเป็นประกายขับรถเข้าไปเทียบฟุตบาทช้าๆ ร่างที่เดินอยู่ตรงหน้าเพอร์เฟคไปหมด ไหล่กว้าง เอวสอบ สะโพกแคบ ช่วงขายาว จีนส์เลื่อนรถขึ้นไปเทียบ ชายหนุ่มเหลียวมามองก่อนจะเปิดประตูรถขึ้นมานั่ง
         “จะไปไหน?”
         “แล้วแต่คุณ”
จีนส์ยิ้มหวาน“ผมไม่ใช่คนที่นี่”
         “งั้นคุณขับรถตรงไปก่อน พอถึงทางแยกข้างหน้าเลี้ยวซ้าย”จีนส์ขับรถไปตามที่ชายหนุ่มบอก…………….
            
         “ท่านคะ  คุณจีนส์มาขอพบค่ะ”
         “ให้เข้ามาเลยจินนี่” เท็ดวางปากกาเงยขึ้นมองประตูที่เปิดออก จีนส์ก้าวเข้ามาในสภาพที่แปลกตา  เสื้อยืดคับติ้วเอวลอยกับกางเกงหนังรัดรูปเอวต่ำเผยช่วงท้องเนียนแน่น  จีนส์ยิ้มหวานปนหยันๆ
         “แหม!อุตสาห์มาทำงานไหวนะฮะ ผมคิดว่าคุณจะสลบไปแล้วซะอีก อึดเหมือนกันนี่”
เท็ดเอนตัวพิงพนักเก้าอี้  สีหน้าและแววตาเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ         
         “เมื่อคืนเธอไม่ได้กลับบ้าน  แม่เธอเป็นห่วงนะ”
         “ตายจริง!ผมลืมโทรบอกแม่ไป ก็เคย์น่ะสิรั้งผมไว้จนเช้า อ้อ!คุณคงไม่รู้จัก เดี๋ยวนะ” จีนส์ชะโงกออกไปเรียก  ผู้ชายคนหนึ่งก้าวเข้ามา  จีนส์คล้องแขนเขาไว้ยิ้มหยันปนโอ้อวดให้เท็ด
         “นี่เคย์แฟนผม เคย์พี่ชายผมน่ะ”เคย์ยักไหล่ยิ้มกวนๆแต่ไม่เข้ามาทักทาย 
เท็ดเพียงแต่เหลือบมองแล้วกลับมามองจีนส์อีกครั้ง“ขอคุยด้วยหน่อยสิ”
จีนส์ยักไหล่ยิ้มเยาะ“ไม่จำเป็น ผมไม่มีอะไรจะพูด”
         “นายออกไปก่อน ฉันจะคุยกับน้องฉัน” เคย์ชะงักทำท่าไม่พอใจ แต่พอสบตากันก็นิ่งขึง หน้าบึ้งกระทืบเท้าออกไป
         “มีอะไร…ทำไมต้องไล่แฟนผมออกไปด้วย?”
         “แฟนเหรอ? เธอเพิ่งรู้จักเขาเมื่อคืนก็เรียกว่าแฟนได้แล้วเหรอ? นี่จีนส์ฉันไม่อยากจะยุ่งเรื่องของเธอหรอกนะ แต่ผู้ชายคนนี้ดูไม่น่าไว้ใจ”
         “ถ้าไม่อยากยุ่งก็ไม่ต้องยุ่ง!เรื่องของผม ผมเอาตัวรอดเองได้!”จีนส์สะบัดหน้าออกไปอีกคน  เท็ดถอนใจเฮือกตั้งใจว่าถ้าเจอจีนส์จะอัดสักเปรี้ยงโทษฐานที่วางยาเขา  แต่พอเจอเข้าจริงๆกลับนึกเป็นห่วงพฤติกรรมของเด็กหนุ่ม
         เคย์นั่งหน้าบึ้งไม่ยอมพูดด้วยแม้จีนส์จะพยายามเอาอกเอาใจสารพัด
         “เคย์เมื่อไหร่จะหายโกรธผมล่ะ?”
         “เธอเห็นฉันเป็นอะไร? ถึงได้พาฉันไปให้ไอ้ขี้เก๊ก!นั่นเบ่งทับ มันทำเหมือนฉันเป็นขยะ”
         “เคย์ขอโทษนะ  เอางี้ถ้าทำอะไรแล้วคุณหายโกรธก็บอกมาเลย  ผมยอมทุกอย่าง”
         “จริงนะ?”
         “จริงสิฮะ”เคย์ตาวาวมองจีนส์อย่างมาดหมายก่อนจะกลับไปยังโรงแรมเดียวกับรามอส
         จีนส์อึ้งเมื่อรู้ว่าเคย์จะพาเพื่อนมา‘แจม’กับเขาอีกคน  แต่ช่างเถอะไม่ใช่ว่าจะไม่เคย  เขากับรามอสเคยใช้ผู้ชายร่วมกันบ่อยไป  เสียงกริ่งประตูดังขึ้นขณะที่จีนส์แช่อยู่ในอ่างได้ยินเสียงทักทายกันแว่วๆ ประตูห้องน้ำเปิดออกเคย์ก้าวเข้ามานั่งบนขอบอ่าง  มือใหญ่แต่เรียวสวยวักน้ำขึ้นลูบไล้และบีบหลังให้จีนส์เบาๆ  จีนส์เงยหน้าขึ้นมองงอนๆ
         “ผมไม่เคยยอมใครอย่างนี้เลยนะ”
         “ขอบใจจ้ะที่รัก…อ่ะ…นี่…เพิ่มความสนุกของพวกเรา”
         จีนส์มองยา2เม็ดในมือเคย์ “เอ๊ะ!…ทำไมตั้ง2เม็ดล่ะ แค่เม็ดเดียวคุณก็รับศึกไม่ไหวแล้วน่า” จีนส์หัวเราะคิกคักอย่างมีจริต  เคย์ยิ้มหวานแต่นัยน์ตาเย็นเฉียบ
         “น่า…นะผมก็กิน  รับรองคืนนี้สนุกแน่”
         จีนส์เผยอปากรับแต่เคย์กลับเอายาใส่ปากเขาแล้วแนบประกบลงมา มืออีกข้างจุ่มลงมาในอ่าง ลูบไล้ยอดอกเล็กขยี้เบาๆแล้วลากลงไปกอบกุมแก่นกายของเด็กหนุ่ม  จีนส์ขยับขาออกกว้างสอดแขนขึ้นโอบบ่าเคย์ไว้ปากยังคงบดเบียดกันแนบแน่น  เคย์ช้อนร่างบางขึ้นจากอ่างเข้ามาในห้องนอน  ทั้งคู่ทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยกัน  จีนส์รู้สึกว่าร่างกายช่วงล่างถูกรุกรานด้วยปาก  เด็กหนุ่มขยับขาออกกว้างโดยอัตโนมัติ  อยากเห็นผู้ที่กำลังรุกรานแต่เคย์ก็ประกบจูบไม่ปล่อย  เคย์พลิกร่างจีนส์ขึ้นมาบนอกเขาปากยังคงประกบไว้  จีนส์นิ่วหน้าเมื่อรู้สึกว่าสะโพกถูกยกขึ้นสูง นิ้วแทรกเข้ามาในร่างเขาอย่างรวดเร็ว เจ็บปนเสียวนิดๆแต่พอมีเจลช่วยหล่อลื่นความเจ็บก็หายไปเหลือแต่ความเสียวซ่าน  จีนส์หายใจหอบหนัก ยาเริ่มออกฤทธิ์ เขากำลังต้องการมากกว่านี้  ดูเหมือนเคย์ก็รู้ ชายหนุ่มบีบคลึงยอดอกแรงๆ
         “อือ…อื้ออออ”
 จีนส์ครางอยู่ในลำคอเมื่อความคับแน่นแทรกเข้ามารวดเดียวสุด  ยังไม่ทันตั้งหลักความกำยำนั้นก็ขยับลึกแรงจนสะท้านทั้งตัว  นี่หมายความว่าเขาถูก‘รุม’งั้นหรือ?  สัญชาตญาณบอกให้จีนส์หนี!  แต่ร่างกายกลับตอบรับอย่างเร่าร้อนด้วยฤทธิ์ยา  เคย์ลุกขึ้นนั่งดึงหน้าจีนส์ให้ครอบครองเขา  จีนส์หลับตาแน่นร่างกายรองรับการแทรกสอดทั้งจากปากและช่องทางแคบความเจ็บจางหายเหลือเพียงความปราถนา  อารมณ์ดิบฉุดกระชากเขาขึ้นสูงลิบแล้วตกลงมาได้ยินเสียงครางดังลั่นของเคย์และอีกคน  ของเหลวร้อนๆพุ่งเข้ามาในปากและร่างกาย  เคย์เลื่อนตัวไปด้านหลังขณะที่ผู้ที่ครอบครองเขาอยู่ก่อนถอนตัวออกไป แล้วเคย์ก็ชำแรกลึกเข้ามาแทน  จีนส์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เสียงพูดคุยที่จับใจความไม่ได้และเสียงเปิดประตู  จู่ๆเคย์ก็ใช้ผ้าสีดำคาดตาเด็กหนุ่มไว้แน่น
         “เคย์…อ่ะ…เล่นอะไร…โอว!…เดี๋ยว!เคย์…ผมกลัวนะ…อ๊าา…” จีนส์ห้ามไปครางไปเพราะร่างกายยังรับแรงกระแทกอยู่  เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกว่ามีมือมากมายกำลังสัมผัสเขา         
         “อย่า!…เคย์…อะไรเนี่ย!…ปล่อย!…โอ๊ย!…”   
         “อาาาา!!…..” 
         “โอ๊ววววว!!!….” จีนส์กรีดร้องดังบ้าง เบาบ้าง เขารู้ว่ามีคนไม่ต่ำกว่า3กำลัง กรุ้มรุมเขาอยู่  แต่ฤทธิ์ยาก็ทำให้เขารองรับพวกมันครั้งแล้วครั้งเล่า  ไม่ว่าจะเจ็บปวดสักแค่ไหนความปรารถนาก็พาจีนส์ตะเกียกตะกายไปถึงสวรรค์ทุกครั้ง

         รามอสยืนบิดมืออย่างกระวนกระวาย ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาเมื่อเห็นเท็ดออกมาจากลิฟท์  เท็ดจับไหล่รามอส ดันให้เดินไปด้วยกัน
         “ที่ไหนรามอส?”
         “ที่โรงแรมที่ผมพักนั่นแหละ  เมื่อเช้าพอผมกลับเข้ามาเพื่อนของแจ็คก็รีบมาบอก  เขาเข้าไปยุ่งไม่ได้เลยต้องรอให้ผมกับแจ็คกลับมาก่อน นี่ผมให้แจ็คเฝ้าไว้ กลัวพวกมันพาจีนส์ย้ายที่จะตามไม่ถูก”
         เท็ดขับรถปราดออกจากที่จอดยังไม่ทันจะพ้นลานจอดรถสปอร์ตสีเงินก็เลี้ยวมาดักหน้า
         “เฮ้!…จะไปไหนกัน…เอ๊ะ! เอ๋?”
         “มาพอดีเลยริช ไปด้วยกันหน่อย”
         “ไม่ได้!เดี๋ยวราเชลรู้หักคอฉันแน่ เชิญนาย อะแฮ่ม!…คนเดียวแล้วกัน”
         “ไอ้บ้า!ไม่ใช่โว้ย!น้องฉันมีเรื่อง  นี่เพื่อนเขา”
         “อ้าว!ที่ไหน?”
         “ตามมาสิ!พูดมากอยู่ได้”เท็ดพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วโดยมีรถสปอร์ตสีเงินขับตามไปติดๆ  ‘ตื้ดดดดดดด’เสียงโทรศัพท์มือถือของเท็ดดังขึ้น “ว่าไง?”
         “นายมีอะไร เล่ามาก่อน” น้ำเสียงของริชจริงจังไม่ล้อเล่นอีกต่อไป
         “จีนส์ถูกพวกแกงค์อะไรไม่รู้หลอก  ตอนนี้อยู่ที่โรงแรมปริ้นฯ”
         “ฮ้า! ป่านนี้ไม่….เออเดี๋ยวจัดการให้” ริชวางสายไปดื้อๆ เท็ดดึงหูฟังออก สายตาจับอยู่ที่ถนน

         “อย่า!…พอแล้ว…ไม่ไหวแล้ว…โอ๊ย!…อย่า…ผมเจ็บ…ไม่!…” จีนส์พยายามจะดิ้นหนีแต่ไม่มีแรง ร่างกายยังถูกรุกรานหนักหน่วง  เสียงพูดคุยด้วยภาษาที่เขาฟังไม่ออกเซ็งแซ่  เสียงหัวเราะหยาบหยามดังอยู่ข้างหู  มือหนากร้านขยำขยี้ทั่วร่างจนระบมไปหมดทั้งตัว  จีนส์บ้วนทิ้งเมื่อรู้ว่ายาถูกยัดเข้ามาในปาก  แต่มือแข็งเหมือนคีมกลับบีบขากรรไกรเขาไว้จนต้องอ้าปากเพราะความเจ็บ  ยาถูกดันเขามาในปาก  อีกมือบีบจมูกเขาไว้  จีนส์จำต้องกลืนยาเข้าไปเพื่อให้มีอากาศหายใจ
         “เคย์…พอที…อย่า!…พอแล้ว…”
         “หุบปากน่าจีนส์!เดี๋ยวยาออกฤทธิ์นายก็จะสนุกเองแหละ  ดูเมื่อวานสิ นายเร่าร้อนยังกับไฟ  แค่นี้สบายมากน่า” เสียงหัวเราะดังลั่น  คำพูดหยาบโลนหลายประโยคแปร่งหู จีนส์แน่ใจว่าคนพวกนี้ต้องมีคนต่างชาติปนอยู่ด้วย เด็กหนุ่มน้ำตาไหลพราก  นี่ถ้าเขาเชื่อเท็ดสักนิดเขาคงไม่ต้องตกนรกแบบนี้
         “เท็ด!…ช่วยด้วย!..เท็ด!”
         “หุบปากนะ!ทำไมพวกฉันสนองไม่สะใจหรือไงถึงเรียกหาผัวเก่า ได้!ถ้าทีละคนไม่สะใจก็ลองทีละ 2 ดีไหมจ๊ะที่รัก?”
         “โอ๊ย! อย่า…อย่า!!” จีนส์กรีดร้องก่อนจะถูกอุดปากแน่น  ร่างกายเหมือนจะฉีกออกเป็นเสี่ยงๆเมื่อต้องรองรับคน2คนที่แทรกเข้ามาพร้อมกัน ฤทธิ์ยาทำให้เสียงห้ามเสียงกรีดร้องเปลี่ยนเป็นเสียงคราง พวกมันหัวเราะชอบใจ ขณะที่จีนส์ดิ้นพล่านก่อนจะเกร็งกระตุกปลดปล่อยตัวเองจนหมด  แต่แรงขยับลึกหนักยังคงโหมเข้าใส่  เสียงประตูเปิด  เสียงเอะอ่ะโวยวาย พร้อมๆกับที่จีนส์กรีดร้องเมื่อไปถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง  ในสติจะลางเลือนจีนส์รับรู้ถึงอ้อมแขนอบอุ่นที่ช้อนตัวเขาลอยขึ้นแล้วโลกก็มืดลง

         เท็ดผุดลุกขึ้นพร้อมๆกับรามอสและแจ็ค เมื่อหมอก้าวออกมาจากห้อง 
         “เป็นไงบ้างวะหมอ?”  ริชที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำเป็นคนถามแทน
         “ไม่ดีเลยว่ะ ไม่เคยเจออะไรอย่างนี้เลย   เอ่อ….นี่…” 
         “ผมเท็ดครับ เป็นพี่ของคนไข้ส่วนนี่ก็เพื่อนๆเขา  อาการเขาเป็นไงบ้าง?”
         “ครับคนไข้ได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง ปากแตกมุมปากฉีก ลิ้นบวม ฟันบางซี่โยก ตามตัวก็มีแต่รอยฟันกับรอยฟกช้ำเต็มไปหมด  ส่วนทวารหนักก็ฉีกขาดค่อนข้างมากแต่เราเย็บตกแต่งให้แล้ว  ที่สำคัญคือมีอาการติดเชื้อด้วย   ผมอยากตรวจเลือดพวกนั้นอย่างละเอียดเกรงว่า…เอ่อ…”
         “ผมจะลากพวกมันมาตรวจทุกคนเลยครับ”
         “คุณแจ้งความหรือยัง ผมว่าพวกมันโดนหนักแน่เพราะพวกมันคงมอมยาด้วย เราตรวจพบสารกระตุ้นในร่างกายเขา ปริมาณสูงมากจนน่ากลัวจะช็อก”   เท็ดเหลือบมองรามอส  เด็กหนุ่มหลบตาวูบ
         “คงไม่แจ้งหรอกครับ” 
         “อ้าว!ทำไมล่ะครับ?” 
         “ยานั่นน้องผมคงกินเข้าไปเอง”  หมออ้าปากค้างแล้วหุบฉับ พยักหน้าหงึกๆ ก้มลงเขียนเอกสารในมือโดยไม่พูดอะไรอีก
         ริชเรียกคนของเขาเข้ามาสั่ง ไม่ถึงชั่วโมงพวกมันทั้ง5คนก็เดินเรียงเข้ามาตรวจเลือดอย่างสงบเสงี่ยม  แม้ทุกคนจะมีผ้าพันแผลตามหัวและแขนขา  แต่ก็ไม่กล้าปริปากใดๆ  เคย์ยืนตัวงอขณะรอเซ็นชื่อ แขนที่หักนั้นเจ็บไม่ได้ครึ่งของกึ่งกลางตัว  ใบหน้าหล่อเหลาแตกยับและเริ่มบวม  พวกมันผงะถอยกรูดจนเกือบล้มเมื่อเห็นริชโผล่เข้ามาใกล้ ๆ
         “อย่าทำอย่างนี้อีกนะ คราวหน้าแกอาจไม่แค่แขนหักแต่เจ้าหนูของแกอาจจะพลอยหักไปด้วยจำใส่กระโหลกไว้!”ริชยิ้มเย็น ชะโงกไปพูดข้างหูเคย์แล้วตบแก้มช้ำด้วยหลังมือเป็นเชิงหยอกล้อ  แต่สายตาเย็นเฉียบที่กวาดมองทำให้พวกมันหลบตาวูบ
         รามอสยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง ตัวสั่นระริกจนแจ็คต้องกอดไว้แน่น  สภาพของจีนส์น่ากลัวเกินกว่าที่เขาจะคาดถึง เท็ดเป็นคนอุ้มจีนส์มาส่งโรงพยาบาล เลือดไหลเลอะเต็มต้นขาและเปียกผ้าห่มที่ห่อตัวจนชุ่มไปหมด ตอนที่จีนส์ฟื้นครั้งแรกเขาร้องโหยหวนหวาดกลัวจนต้องให้ยาระงับประสาท  จิตแพทย์ประจำตัวของราเชลมาช่วยดูแลบำบัดจิตให้
         “แจ็ค…ถ้าเราไม่ออกไปค้างคืนข้างนอก เราคงช่วยจีนส์ได้เร็วกว่านี้”  แจ็คกระชับอ้อมแขน เช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
         “ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงอย่างนี้นี่ครับถึงคุณอยู่ก็คงช่วยไม่ได้…คุณรามอสอย่าใช้ยาอีกนะครับ คุณคงเห็นแล้วว่าจีนส์แทบตายนี่ก็เพราะยาบ้าๆนั่น” รามอสพยักหน้าขนลุกเมื่อนึกว่าจีนส์ต้องนอนกับพวกนิโกรและพวกผิวเหลือง ‘พวกชั้นต่ำ’แบบนั้นเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวด้วย  ถ้าหน้าตาดีๆแบบเคย์ก็ว่าไปอย่าง
         “แจ็ค คืนนี้เรานอนที่ไหนล่ะ?”
         “อ้าว!ก็กลับไปที่ห้องสิครับ”
         “ไม่เอาหรอก…เกิดพวกมันกลับไปแก้แค้นเราล่ะ?”
         “เรามีระบบรักษาความปลอดภัยชั้นดีครับ  แต่เรื่องที่เกิดกับคุณจีนส์มันสุดวิสัยเพราะคุณจีนส์เซ็นอนุญาตให้พวกนั้นขึ้นไปหาบนห้องเอง”
         “อืม…งั้นกลับกันเถอะ ฉันเหนื่อยมากเลย”  แจ็คจูงรามอสออกมาขึ้นรถกลับโรงแรม

         จีนส์ลืมตาขึ้นมองไปรอบๆความทรงจำไหลกลับมาเป็นฉากๆ เด็กหนุ่มตัวสั่น ทั้งขยะแขยงทั้งเจ็บปวดและหวาดกลัว แม้ว่าจิตแพทย์จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นกว่าตอนแรกมากแล้ว  หากแต่น้ำตาก็ยังไหลพราก 
         “จีนส์…เป็นไงบ้าง ดีขึ้นไหม?” จีนส์ร้องไห้โฮเมื่อเห็นผู้ที่เข้ามานั่งข้างๆ 
         “เท็ด…ช่วยผมด้วย เพราะผมไม่เชื่อเท็ด ถึงได้ถูก…ฮือ”
         “ใจเย็นๆจีนส์ ไม่เป็นไรแล้ว  ปลอดภัยแล้วนะ”
         “เท็ด…พวกมันถ่ายวีดีโอด้วย ผมได้ยินแต่ผมช่วยตัวเองไม่ได้”
         “ไม่ต้องห่วงวีดีโอพวกนั้นเราทำลายทิ้งหมดแล้ว  จีนส์ทำใจให้สบายแล้วนอนพักซะ…พรุ่งนี้เมื่อตื่นขึ้นมาก็ลืมเรื่องทุกอย่างให้หมด แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่”
         “เท็ด…เท็ดรังเกียจผมแล้วใช่ไหม? ผมสกปรกแล้ว ผมถูกข่มขืน!”
         “ไม่เลยจีนส์…พี่ไม่เคยรังเกียจจีนส์เลยนะ”
         “งั้นถ้าผมออกจากโรงพยาบาลเท็ดคบกับผมได้ไหม?” เท็ดถอนใจยาวเหมือนกำลังตัดสินใจบางอย่าง  ก่อนจะลูบผมนุ่มเบาๆ
         “ไว้จีนส์ออกจากโรงพยาบาลก่อน พี่มีเรื่องจะบอก”จีนส์สบตาเท็ดก่อนจะยิ้มกว้าง หลับลงอย่างเป็นสุขและสมหวัง
..........


เจอกันอีกทีอาทิตย์หน้านะคะ เพระจะไปในที่ๆไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้คะ
ขอบคุณคะ :pig4:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :m31: ไม่รู้จะสมน้ำหน้าหรือสงสารจีนส์ดีอ่ะ

 :z3: :z3:

ปล.คิดถึงกายนะ  :z2:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
สมน้ำหน้าจีนส์ อิอิ

เจ้สอง  :bye2:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
โธ่เอ๊ย จีนส์ หาเรื่องใส่ตัวเองแท้ๆๆ โดนซะเละเลย แต่ก็ยังดื้อเหมือนเดิม

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
สงสารจีนส์เหมือนกันนะ
สิ่งที่เจอมันรุนแรงไปจริงๆ
แล้วเท็ดจะตัดสินใจบอกอะไรจีนส์น่ะ
บวก 1 แต้ม ขอบคุณนะคะ
คนโพสต์ไปไหนเอ่ย เดินทางปลอดภัยนะคะ
จะรออ่านต่อจ้า


ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
เฮ้อ นี่แหละฤทธิของยา น่ากลัวจริงๆ
รอกายอยู่นะ หายไปนานแล้ว  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ดันรอกายกับเท็ด อิอิ  :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
วันนี้จะมามั๊ยน้า  :monkeysad: :monkeysad:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
โห เรื่องนี้ทิพลงบ่อยมากกกกก  :laugh: เดี๋ยวลองตามอ่านดีกว่า อิิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ทำไมยังไม่มาอีก  :z3:  :z3:
วันนี้มาได้แล้ว นะๆๆๆ

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
กลับมาต่อแล้วคะ ไปไตหาหัวจาม  แต่ไม่เจอ555+ มาอ่านกันต่อเลยคะ
...........

          “จีนส์จัดกระเป๋าเสร็จหรือยังลูก…อ้าว! ยังร้องไห้อยู่อีกหรือนี่?” 
         “แม่ฮะ!” จีนส์กอดเอวแมรี่แน่นน้ำตาไหลพราก  เขาออกจากโรงพยาบาลได้ 1 สัปดาห์แล้ว  วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล เท็ดเป็นคนไปรับ  เด็กหนุ่มรีบทวงสัญญาที่เท็ดเคยให้เมื่อตอนเขาป่วย  คำตอบของเท็ดทำให้เขาหัวใจสลาย 
         “จีนส์…พี่รักจีนส์เหมือนน้อง แต่ไม่เคยคิดเกินเลยไปกว่านั้น  พี่ไม่เคยรู้สึกอะไรไปในทางชู้สาวกับจีนส์” 
         “พี่จะบอกว่าพี่ไม่ได้รักผู้ชายใช่ไหม?แล้วทีกายล่ะหรือพี่คิดว่ากายเป็นผู้หญิง”
         “พี่รักกายก็เพราะรัก  ไม่ได้แบ่งแยกว่ากายเป็นชายหรือหญิง  แต่รักจนสุดหัวใจและไม่มีใครแทนกายได้…ต่อให้จีนส์เป็นคู่แฝดกับกายพี่ก็รักจีนส์แบบที่รักกายไม่ได้  พี่ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้ยังไง จีนส์ถึงจะเข้าใจ”
         “แต่กายเขาตายไปตั้งนานแล้ว”  จีนส์เสียงสั่น
         “ไม่หรอกจีนส์ กายยังอยู่…อยู่ตรงนี้ อยู่ในหัวใจพี่ อยู่ในอากาศที่พี่หายใจเข้าไป…กายเป็นคนสำคัญ   สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของพี่ซะอีก ทุกวันนี้พี่มีชีวิตอยู่ก็เพื่อดูแลคนที่กายรักแทนกาย สักวันพี่จะได้ไปอยู่เคียงข้างเขาอีกครั้ง” 
         จีนส์ร้องไห้โฮ “แล้วผมล่ะ!ผมก็รักเท็ดนะ ผมคบกับเคย์ก็เพราะผมอยากประชดเท็ด   อยากให้เท็ดหึง เท็ดจะไม่รับรู้ความรู้สึกของผมเลยเหรอ?”
         “พี่ขอโทษจีนส์แต่พี่รักใครไม่ได้อีกแล้ว”
         “งั้นให้ผมอยู่ข้างๆพี่เป็นตัวแทนของกายก็ได้”จีนส์รีบคว้าแขนเท็ดไว้แน่น  เท็ดปลดมือจีนส์ออกอย่างนุ่มนวล
         “อย่าเสียเวลาเลยจีนส์…พี่รู้สึกกับจีนส์เหมือนน้องเท่านั้น  ขอโทษนะ”
หลังจากวันนั้นเท็ดก็ไม่มาอีกเลย จีนส์ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหล  แม่ชวนเขาไปเที่ยวรอบโลกกัน2คน จีนส์ตกลงเพราะรู้ว่าอยู่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไป  แถมยังอับอายญาติๆอีก  รามอสก็แจ้นกลับบ้านไปแล้วเพราะพี่ชายเรียกตัวด่วน ทิ้งให้แจ็คอกหักเป็นบ้าเป็นคลั่งจนริชต้องพาไปอยู่ด้วย
         “แม่ฮะ ผมด้อยกว่ากายตรงไหนทำไมเท็ดไม่รักผม?”
         “จีนส์…เท็ดกับกายเขารักและผูกพันกันมาตั้งแต่เกิด  ใครก็แทรกเข้าไปไม่ได้หรอกลูก”
         “ทำไมฮะแม่?ทำไมถึงไม่มีใครรักผมแบบนั้นบ้าง  กายตายไปตั้งนานแล้วเท็ดก็ยังรักไม่เปลี่ยน  ขนาดคนอย่างรามอสยังทำให้แจ็คแทบฆ่าตัวตายตอนถูกเขาทิ้ง แล้วทำไมไม่มีใครรักผมจริงสักคน”
         “อย่าพูดอย่างนั้นสิลูก  สักวันลูกก็จะได้เจอคนที่รักลูก   และลูกก็รักเขา ถ้าลูกรักด้วยหัวใจลูกก็จะได้หัวใจตอบแทน  แม่เชื่อว่าลูกต้องได้เจอคนๆนั้น….ไม่แน่นะไปเที่ยวคราวนี้ลูกอาจได้เจอคนในฝันของลูกก็ได้นี่จ๊ะ”
         “จริงนะฮะแม่”
         “อืม!น่าจะเป็นอย่างนั้นนะจ๊ะ  ก็จีนส์ของแม่น่ะสวยออก”  จีนส์หัวเราะคิกคักใบหน้าเริ่มสดใส คนอย่างเขาไม่เคยทุกข์ร้อนอะไรนานๆอยู่แล้ว  จีนส์หันไปจัดกระเป๋าอย่างกระตือรือล้น พร้อมทั้งฝันถึง‘คนที่ใช่’ที่กำลังรอเขาอยู่ที่ไหนสักแห่ง
       
         ลังปลาใบสุดท้ายถูกลำเลียงขึ้นรถ  โทนี่ดึงผ้าใบลงมามัดให้แน่นอีกชั้นหนึ่ง
         “เอ้า!รีบไปเรามีเวลาไม่มากนักนะถ้า2ทุ่มยังไม่มาถูกทิ้งไว้ที่นี่แน่ อย่าเสือกไถลอีกล่ะไอ้โทนี่…ซูหลินนี่รายการของ เอ๊ะ!นั่นจะเอาไอ้หัวทองไปด้วยหรือไง”
         “จ้ะเจ็ก ซันเขาพูดฝรั่งเศสคล่องคงช่วยเรื่องต่อรองราคาได้  คราวที่แล้วโดนตาพ่อครัวนั่นตัดราคาไปตั้งเยอะ เห็นว่าเราพูดกับมันไม่รู้เรื่อง คราวนี้จะเอาคืนซะให้เข็ด!” 
         “เออๆรีบไปรีบกลับแล้วกัน ลื้อก็ห้ามไถลนะ ถ้าช้าอั้วก็ทิ้งไว้นี่เหมือนกันแล้วถ้าป๊าลื้อมารับเองคงรู้นะว่าจะโดนอะไร” 
         “โห!เจ็กอย่าขู่สิ หนูจะรีบไปรีบกลับเลย  ไปซันขึ้นรถ”
         เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึก ขนาดรถคันนี้กว้างและใหญ่อย่างนี้เขายังใจหวิวๆ  มือเล็กหยาบกร้านลูบที่แขนเขาเบาๆ
         “ซัน…ไหวนะ”
         “ไม่เป็นไรซูหลิน รีบไปเถอะ”
โทนี่ปรายตามองยิ้มเยาะกระชากรถออกอย่างแรง เสียงซาตะโกนด่าตามหลังลอดเข้ามาในรถ
          “ไอ้โทนี่!กลับไปแกโดนเจ็กด่าเละแน่  เกิดลังหล่นไปจะว่ายังไง”
          “โว้ย!นี่กูอยู่อเมริกานะ  ยุคนี้มันยังมีทาสอยู่อีกหรือไง โอ๊ย!เจ็บนะซูหลิน”
          “หุบปากแล้วขับรถไป…ปัญหาเยอะนักนะ…ขึ้นฝั่งคราวหน้าฉันจะให้ไป่-หลงมาขับแทนแก” โทนี่ทำปากขมุบขมิบแต่ไม่มีเสียง ซูหลินส่ายหน้าอย่างระอาหันกลับมามองคนนั่งริมหน้าต่าง ลมจากหน้าต่างพัดผมสีน้ำตาลทองปลิวไสว เปิดให้เห็นแผลเป็นขนาดใหญ่พาดยาวจากขมับลงมาถึงโหนกแก้ม  แผลที่เกือบคร่าชีวิตของซัน…
         “ซัน…มีอะไรคุ้นตาบ้างไหม?”  หน้าเรียวซีดหันกลับมา ตาโตหม่นเศร้า
         “ไม่มีเลย”
         “ไม่เป็นไร…ถ้าเห็นอะไรคุ้นๆก็บอกฉันได้เลยนะ” ซันพยักหน้าหันกลับไปมองข้างทางเลื่อนลอย
         
         “บอกว่าลดไม่ได้แล้วไงล่ะ…ปลางวดนี้ออกไปจับตั้งไกล แถมช่วงนี้ยังมีมรสุมอีก  เนี่ยฉันเลือกแต่ตัวสวยๆมาให้เลยนะ น่า…ไว้คราวหน้าจะลดให้เป็นพิเศษเลย”
         “จริงนา…คราวที่แล้วเธอก็บอกว่าจะลดๆแล้วก็ไม่ลดให้สักเซน…เอ้า!เอาไปยายเขี้ยว”  ซูหลินหัวเราะคิกรับเงินมานับอย่างคล่องแคล่ว
         “ซูหลิน…คนสวย ๆ ที่มาด้วยนั่นใครน่ะ?”
         “สวยมากไหมจ๊ะ?”
         “สวยมาก…ขนาดผอมๆอกไม่ค่อยมี ยังน่ารักเลยนาหุ่นอย่างนี้น่าไปเป็นนางแบบ”
         “นั่นน่ะซันเพื่อนฉันเอง”
         “ทำไมชื่อยังกับผู้ชาย?”
         “ก็ผู้ชายน่ะสิ”
         “เฮ้ย!โกหก!…ผู้ชายอะไรจะสวยขนาดนั้น?” 
         “ไม่เชื่อเหรองั้นดูนะ ซัน!…มานี่หน่อย”  ร่างผอมบางขยับจากริมกำแพงเดินมาหาช้าๆ  แสงไฟสว่างจับใบหน้าซีกซ้ายซึ่งเจ้าตัวดึงผมที่ปรกไปเหน็บหู ทำให้เห็นรอยแผลเป็นนูนเด่น
         “มีอะไรซูหลิน?”
         “อ๋อ!เพื่อนเขาอยากรู้จักน่ะ  เขาชื่อชาง…ชางนี่ซัน”
         “สวัสดีครับ” ซันทักขึ้นก่อน
         “หวัดดี…เอ่อ..ถ้าเรียบร้อยแล้ว เราไปก่อนนะเดี๋ยวเจ้านายด่า”
         ซูหลินหัวเราะคิกขำท่าทางรีบร้อนของชาง แทบทุกคนที่เห็นซันก็มักจะเป็นอย่างนี้ ตอนแรกก็อยากรู้จักแทบตายแต่พอเห็นรอยแผลเป็นก็เผ่นกันหมด  ซูหลินถอนใจเหลือบมองซันอย่างสงสาร แต่ดวงหน้าเรียวกลับเรียบเฉยเหมือนไม่รู้สึกรู้สมกับปฏิกิริยารังเกียจของคนอื่นๆ 
         “ซันหิวหรือยัง?”
         “หิวนิดหน่อย…ซูหลินเสร็จธุระแล้วเหรอ?” 
ซูหลินก้มลงตรวจรายการส่งปลาในมือจนแน่ใจว่าส่งครบทุกที่
         “เสร็จแล้วอ้อ!ยังสิ ลืมไปว่าต้องไปเอาลูกวัวที่ฟาร์ม  ขืนไม่ไปเอาให้เจ็กซาด่าตายเลย”ซูหลินลากซันไปหาของกินก่อนจะพากันออกมายืนคอยรถซึ่งน่าจะมาจอดรออยู่แล้ว แต่กว่าโทนี่จะมาก็ผิดเวลาไปเกือบ2ชั่วโมง
         “หายไปไหนมาโทนี่  ฉันคอยแกจนขาแข็งแล้ว  เดี๋ยวไปลงเรือไม่ทันก็โดนเจ็กทิ้งกันพอดี  นี่ยังต้องไปเอาลูกวัวให้เจ็กอีก”
         “น่า…ก็แค่แวะไปหาเพื่อนแถวนี้หน่อย  เอ้า!ขึ้นมาสิรีบนักไม่ใช่เหรอ?”
         ซูหลินตาเขียวเพราะรู้ว่าโทนี่จงใจประชดซันที่ยังรีรอไม่ค่อยกล้าขึ้นรถนัก
          รถบรรทุกลังเปล่าขับออกนอกเมืองไปยังเขตทุ่งเลี้ยงสัตว์ที่นี่มีฟาร์มใหญ่ๆหลายแห่ง  จู่ๆรถที่กำลังวิ่งก็เกิดกระตุกแล้วดับดื้อๆ  ซูหลินเหลียวมองหนุ่มหน้าตี๋ชื่อฝรั่งอย่างเดือดดาล 
         “โทนี่! แกไม่ได้เติมน้ำมันอีกแล้วใช่ไหม?…หา!” 
         “เติมแล้ว  บ้าเหรอ  มันอาจจะดับเพราะสาเหตุอื่นหรอก”
         “อย่ามาตอแหล นี่เข็มน้ำมันตกลงไปอย่างนี้ยังจะเถียงอีก”  ซูหลินฟาดหลังโทนี่ดังฉาด โทนี่หลังแอ่นหน้าเบี้ยวโดดลงไปยืนอยู่ข้างรถ
         “เอ้า!นั่งอยู่ได้ลงมาช่วยกันเข็นแอบข้างทางสิวะ”  โทนี่หันมาตะคอกใส่ซัน
         “ซันไม่ต้องลง แกเข็นไปคนเดียวเลย ซันถือพวงมาลัยให้หน่อย”  ซูหลินโดดลงไปช่วยเข็นเพราะขับรถไม่เป็น  ซันหมุนพวงมาลัยเข้าข้างทางเมื่อรถเริ่มขยับ
         “โชคดีนะที่เป็นทางลาดลงไม่อย่างนั้นได้เข็นกันอ้วกแน่  รถบรรทุกนะไม่ใช่-
ซาเล้ง…อ้าว!ซันเป็นอะไรไป…ซัน!ตายแล้วทำไมหน้าซีดอย่างนี้” ซันตัวสั่นหน้าขาวซีด  วูบหนึ่งขณะที่หมุนพวงมาลัย ความรู้สึกหวาดกลัวและเจ็บปวดก็ผุดขึ้นมา
         “มะ…ไม่เป็นไรแล้ว…จู่ๆ ก็หน้ามืดนะ” 
         “เออดีนะ…นั่งหมุนพวงมาลัยอยู่บนรถเสือกหน้ามืด  สงสัยถ้าให้ลงไปเข็นคงขาดใจตายโอ๊ย!”  ซูหลินหันไปกระทืบบนเท้าโทนี่เต็มแรง  โทนี่กระโดดโหยงก้มลงคลำเท้าป้อย 
         “แล้วมันความผิดใครที่ต้องเข็นห๋า! ไปเลยนะไปหาน้ำมันมาเติมเลย”
         “โว้ย!จะไปหาที่ไหนวะ?” 
         “เลยไปอีก2โค้งมีปั๊มน้ำมันเล็กๆฉันเคยเห็นตอนมาเอาวัวรุ่นที่แล้วกับเจ็ก”
         “ไปด้วยกันสิ”
         “จะไปดีๆหรือจะไปทั้งน้ำตา”
         “ก็ได้วะ!”โทนี่เดินสะบัดหัวไปอย่างหงุดหงิด  ซูหลินดึงซันลงมาจากรถ
         “มาสูดอากาศหน่อยเดี๋ยวคงดีขึ้น…เธอจำอะไรได้หรือไงซันถึงได้เป็นอย่างนี้” 
ซันเม้มปากหน้ายังซีดเผือด 
         “อือ!ก็เหมือนจะแว๊บๆขึ้นมา แต่มันน่ากลัวแล้วก็รู้สึกเจ็บไปหมดทั้งตัวเลย…เฮ้อ!…ผมจำได้แค่นี้เองขอโทษนะซูหลิน“
         “บ้า!มาขอโทษทำไม?จำไม่ได้ก็ช่างปะไรยังไงซันก็มีซูหลินนะ เรามันเพื่อนซี้ไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว”ซันยิ้มอ่อนโยน ซูหลินหัวเราะคิกจูงกันเดินเล่นอยู่ข้างทาง  ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้วแต่ยังไม่มีทีท่าว่าโทนี่จะกลับมา ซูหลินกระสับกระส่ายมากขึ้นเรื่อยๆ
          “โทนี่มันทำบ้าอะไรอยู่เดี๋ยวก็กลับเรือไม่ทันกันพอดี สงสัยต้องไปตามแล้ว”   ซูหลินโดดลงจากรถซันรีบตามลงมา
          ”ผมไปด้วย”
          “ซันเฝ้ารถเถอะซูหลินไปคนเดียวก็ได้”
         “ไม่ได้!ซูหลินเป็นผู้หญิงเดินคนเดียวมืดๆมันอันตราย ในรถก็ไม่มีอะไรต้องห่วงนี่เราเดินไปด้วยกันดีกว่า”ซูหลินพยักหน้าอดปลื้มไม่ได้ในหมู่บ้านใครๆก็ปฏิบัติกับซูหลินเหมือนซูหลินเป็นผู้ชาย แต่ซันกลับให้เกียรติและอ่อนโยนด้วยเสมอจน
ซูหลินแอบหวังว่าสักวันซันจะมีใจให้เธอบ้าง ทั้งสองพากันเดินห่างรถออกมาเรื่อยๆ  แสงไฟจากหน้ารถผ่านวาบไปด้วยความเร็ว ก่อนจะเบรคเอี๊ยดแล้วค่อยๆถอยกลับมา  ซูหลินเอื้อมมือไปจับมือซันแน่นเมื่อเห็นวัยรุ่นกลุ่มใหญ่นั่งกันเต็มคัน เสียงเอะอะบอกให้รู้ว่ากำลังอยู่ในอาการมึนเมา 
         “ท่าจะไม่ดีแล้วซัน วิ่ง!”  ซูหลินกับซันออกวิ่งทำให้เห็นอาการเขยกขาซ้ายของซันได้ชัดเจน  รถคันนั้นชะลอก่อนถอยพรวดมาดักหน้า  ซูหลินผงะเมื่อพบว่าพวกมันบางส่วนเดินตามมาด้านหลัง  พวกที่อยู่บนรถโดดลงมารายล้อมอย่างรวดเร็ว 
         “ว่าไงจะแม่สาวผิวเหลือง…มาวิ่งเล่นอะไรกันป่านนี้ ให้พี่ไปส่งไหม?”   
ซูหลินถอยกรูดดึงมือซันไว้แน่น  หนึ่งในนั้นขยับเข้ามาใกล้ซันอีกนิด
         “ว้าว!น่ารักเป็นบ้าเลยหุ่นก็ดี ถึงจะไม่อวบเหมือนน้องหมวยก็เถอะ… มานี่ดีกว่าน้องคนสวย” ไม่มีใครสังเกตเห็นหน้าส่วนที่มีแผลเพราะผมยาวปิดไว้
         “ไปให้พ้นนะ!พี่ชายฉันอยู่แถวนี้ ถ้าขืนมาวุ่นวายกับฉันเขาไม่พอใจแน่” 
         “โอ้กลัวจัง!ไหนละพี่ชายเรียกมาคุยกันหน่อยสิ”ซูหลินปัดมือที่เอื้อมมาสัมผัสแก้มออก เจ้าหน้าเสี้ยมกระชากแขนเธอไว้ 
         ปึ้ก!!!ซันถีบเข้าที่ท้องมันเต็มแรง หมอนั่นล้มลงไปกลิ้งอยู่กับพื้นจุกจนลุกไม่ขึ้นพวกที่เหลือชะงักเมื่อรู้ว่าไม่หมูอย่างที่คิด พวกมันให้สัญญาณแล้วรุมเข้ามาพร้อมกัน
         “อย่านะปล่อย!…โอ๊ย!”ซูหลินเตะผ่าหมากไอ้คนแรก แต่ถูกอีกคนชกเข้าที่ลิ้นปี่จุกจนไม่มีแรงขัดขืนจึงถูกพวกมันลากลงไปข้างทาง ซันผวาตามแต่ถูกอีก2คนกระชากไว้  เสื้อเชิ๊ตเนื้อบางที่สวมขาดแล่งตลอดตัว 
         “เฮ้ย!ผู้ชายนี่หว่า อื้ย!..แผลเต็มเลยทุเรศฉิบ” เมื่อไม่ต้องการพวกมันก็รุมทำร้ายซันทันที เด็กหนุ่มขาพิการพยายามสู้แต่ถูกรุมเตะต่อยจนถลาล้มไปบนถนน  แสงไฟจากรถที่เลี้ยวพ้นโค้งมาสาดเข้าจับกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังรุมทำร้ายซัน  พวกมันชะงักเมื่อรถคันนั้นจอดลง  เสียงกรี๊ดของซูหลินทำให้คนบนรถโดดลงมาทันที
         “อย่าแส่นะโว้ย!” เจ้าหัวเกรียนกระชากมีดจากเอว 
         ปัง!!!เสียงปืนดังขึ้นแทนคำตอบรับจากคนที่เข้ามา‘แส่’เล่นเอาเดนมนุษย์ทั้งกลุ่มแตกกระจาย วิ่งกลับไปขึ้นรถแล้วขับหนีไป  ซันพยายามยันตัวลุกขึ้น เด็กหนุ่มห่วงซูหลินมากกว่าจะสนใจความเจ็บปวดของตัวเอง 

...............

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
......

         “ซูหลิน!ซูหลิน!เป็นไงบ้าง” 
         “ฮือ!ซัน…ซัน” ซูหลินโผเข้ามกอดร้องไห้โฮ เสื้อฉีกขาดแต่กางเกงยีนส์คับติ้วทำให้พวกมันถอดไม่ออก
         “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
         “ซัน…ซั๊น!” ซูหลินร้องกรี๊ด เมื่อซันล้มพับต่อหน้าต่อตา  แสงไฟจากหน้ารถไม่สว่างนัก  แต่ก็เห็นเลือดอาบเต็มหน้าและอกของซัน 
         “เป็นไงบ้าง เร็วไปโรงพยาบาลกัน” ร่างสูงใหญ่เข้ามาช้อนซันขึ้นอุ้มอย่างง่ายดาย  ซูหลินวิ่งตามเขาไปที่รถ
         “เปิดประตูหลังเลย…แล้วเธอคอยประคองหัวเขาไว้…ตั้งสติหน่อยอย่าเอาแต่ร้องไห้สิ” ชายคนนั้นวางซันลงบนเบาะอย่างระมัดระวัง แล้วรีบขับพาซันไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว  ซูหลินสะดุ้งเมื่อเสื้อแจ็คเก็ตถูกถอดส่งมาให้จากเบาะหน้า  ความกลัวกับความตกใจทำให้เธอไม่รู้ตัวว่าเสื้อถูกฉีกขาดจนหมด  ซูหลินลนลานรับมาคลุมก้มหน้างุด เอ่ยขอบคุณเบาๆด้วยความอาย  เสียงครางเบาๆของคนบนตักเรียกความสนใจจากคนทั้งสอง
          “ซันเป็นไงบ้าง?”
          “ซูหลิน…ที่ไหน…?”
          “บนรถ…กำลังจะไปโรงพยาบาลกัน”
           “ไม่!…อย่า!…เราจะลง…”  ซันหอบฮักแน่นหน้าอก  รถแคบจนเขาหายใจไม่ออกและกำลังบีบแคบเข้ามาเรื่อยๆ
         “อุ๊บ!”ซันอาเจียรพรวดออกมา หอบหายใจแรงและดิ้นทุรนทุราย 
         “ทนหน่อยกำลังจะถึงโรงพยาบาลแล้ว” เสียงชายที่ขับรถปลอบมาจากตอนหน้า
         “ขอโทษคะ!เดี๋ยวฉันจะล้างรถคุณให้สะอาดเลย ขอโทษนะคะเพื่อนฉันเขานั่งรถเก๋งไม่ได้เขากลัว”ซูหลินละล่ำละลักขอโทษ ยึดร่างทุรนทุรายในอ้อมแขนแน่นขึ้น
         “ไม่ต้องสนใจหรอกเรื่องรถน่ะว่าแต่เพื่อนเธอไหวไหมอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว ทนหน่อยนะ”ชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าตึกวิ่งมาเปิดประตูหลังให้บุรุษพยาบาลที่เข็นเตียงออกมารับ  แต่ซันอาเจียรออกมาอีกและดิ้นจนเกือบหล่นจากเบาะ ชายหนุ่มจึงช้อนตัวออกมาให้พ้นรถ
         “ไม่!ผมกลัว ให้ผมเดิน อย่า!ผมกลัว!” บางอย่างในน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น นั้นคุ้นหู ชายหนุ่มขมวดคิ้วก้มลงพิจารณาใบหน้าเปื้อนเลือดในอ้อมแขน
          “เอ๊ะ!?!!!”
         “คุณวางผู้ป่วยลงได้แล้วครับ” บุรุษพยาบาลยืนงงเมื่อชายหนุ่มอุ้มคนเจ็บเดินลิ่วเข้าไปแทนที่วางลงบนเตียง
         “คุณ!คุณครับ!วางคนเจ็บลงสิครับ” 
บุรุษพยาบาลรีบเข็นเตียงตามและส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่อีก2คนรู้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ญาติคนไข้จะแสดงอาการเช่นนี้  โดยเฉพาะญาติคนไข้จากอุบัติเหตุซึ่งมักจะตกใจจนทำอะไรแปลกๆ เจ้าหน้าที่ทั้ง3คนแทรกเข้ามาดึงคนไข้ออกจากอ้อมแขนของ‘ญาติ’ได้อย่างนุ่มนวล  พยาบาลอีกคนปราดเข้ามารับหน้าที่ต่อ  ชายหนุ่มวิ่งตามเตียงมาจนถึงห้องที่ปิดป้ายห้ามเข้า เขาถูกกันออกมาก่อนที่ประตูจะปิดลง
         ซูหลินวิ่งตามมายืนข้างๆเงยขึ้นมองชายหนุ่มอย่างงุนงง  ใบหน้าคมคายซีดเผือดราวกับตกใจอะไรสักอย่างทั้งที่เมื่อตอนที่เขาไปช่วยเธอกับซันก็ไม่เห็นว่าเขาจะตื่นตระหนกอะไรนัก
          “คุณคะ…มีอะไรหรือเปล่า?”
         “บอกฉันหน่อยเพื่อนเธอชื่ออะไร?”
         “ซันค่ะ” 
         “เขาเป็นอะไรกับเธอ!รู้จักกันเมื่อไหร่?แล้วแผลพวกนั้นมันเกิดจากอะไร  เขามีครอบครัวไหม?” 
         “เดี๋ยวค่ะ!หยุดก่อน ฉันมึนไปหมดแล้ว   คุณเป็นอะไรไป?”
          “เด็กคนนั้น…พระเจ้า!กาย!ใช่กายของพี่หรือเปล่า?บอกฉันทีเถอะเด็กหนุ่ม
นั่นเป็นอะไรกับเธอ” ซูหลินนิ่วหน้าเพราะถูกบีบแขนแน่นจนเจ็บ  ท่าทางลุกลี้ลุกลนของคนตรงหน้าทำให้เธองง ‘จู่ๆทำไมชายคนนี้ถึงต้องมาซักประวัติของซันหรือว่า….เขาจะรู้จักกับซันมาก่อน’ 
         “คุณตอบฉันก่อนได้ไหมคะ  คุณอยากรู้ประวัติซันไปทำไม”
         “เขาเหมือนน้องชายของฉันมาก  น้องฉันประสบอุบัติเหตุหายสาบสูญไป7ปีแล้ว”ซูหลินอ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน‘ซัน…นี่ไงล่ะซันครอบครัวของเธอ ใช่หรือเปล่าหนอ  ขอให้ใช่ด้วยเถิดพระเจ้า’  แต่ประสบการณ์ก็สอนว่าอย่าไว้ใจใครง่ายๆซูหลินเม้มปากนิ่งก่อนจะตั้งคำถามอีก
         “คุณมีหลักฐานอะไรละคะว่าเขาเหมือนน้องชายคุณ  แล้วปล่อยแขนฉันเถอะค่ะฉันเจ็บ!” ชายหนุ่มปล่อยแขนซูหลินแต่โดยดี เขาสูดลมหายใจลึกเพื่อตั้งสติ  ก่อนจะดึงกระเป๋าสตางค์ออกมาเปิดส่งให้ซูหลินดู   ภาพเด็กหนุ่มหน้าสวยที่ยิ้มสดใสอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มทำให้ซูหลินนิ่งอึ้ง น้ำตาไหลพรากออกมาโดยไม่รู้ตัว  ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์เธอก็แน่ใจว่าซันคือเด็กหนุ่มในภาพนี้  เพียงแต่ซันที่เธอรู้จักไม่เคยมีรอยยิ้มสดใสเช่นนี้ให้เห็นเท่านั้น เธอเคยคิดเสมอว่าอยากเห็นซันยิ้มอย่างเป็นสุขสักครั้งแล้วเธอก็ได้เห็นจริงๆ   ซูหลินหัวเราะทั้งที่น้ำตายังไหลไม่หยุด
         “ซัน…ในสุดพระเจ้าก็ไม่ทิ้งเธอจริงๆพระองค์ส่งเธอถึงฝั่งแล้วนะซัน เธอกำลัง …ฮึ้ก!…จะได้กลับบ้าน” 
         “หมายความว่า…พระเจ้า!กายน้องจริงๆสินะ…โอ!…พระเจ้า”ร่างสูงพรวดไปเกาะกระจกหน้าห้องไหล่กว้างสั่นสะท้าน    ซูหลินเช็ดน้ำตาก่อนจะอ่านรายละเอียดบนบัตรของชายหนุ่ม 
         ‘เท็ด พอลลิ่ง  ประธานบริษัทกายคอปเปอร์เรชั่นจำกัด  ผู้ชายคนนี้เป็นประธานบริษัทเชียวหรือนี่ทั้งๆที่ดูยังหนุ่มอยู่มากไม่น่าจะมีตำแหน่งสูงขนาดนั้น  แต่อาจจะเป็นพวกลูกเศรษฐีก็ได้เลยได้เป็นประธานบริษัทตั้งแต่อายุน้อยๆ’  พยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาหาชายหนุ่ม
         “คุณเป็นญาติของเด็กหนุ่มที่ถูกทำร้ายร่างกายหรือเปล่าคะ?”
         “ครับ” 
         “งั้นช่วยกรอกประวัติคนไข้ด้วยค่ะ อีกสักครู่สารวัตรเพอร์กิ้นจะมาสอบ ปากคำคุณกับเด็กสาวคนนี้คงต้องรอพบก่อน” 
         “ได้ครับ” ชายหนุ่มรับแฟ้มมากรอกรายละเอียดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตัดสินใจโทรหาริช 
         “ฮัลโหล”  เสียงหงุดหงิดทำให้เท็ดยิ้ม
         “โทษทีริชที่โทรมาตอนนี้”
         “ทำไมนะเท็ด!นายเลือกเวลาโทรได้…เอาเหอะมีอะไรว่ามา?”
         “ฉันเจอกาย”
         “อือ..แล้วไง…ห๊า!เจอกาย เท็ดนายอยู่ที่ไหน? ฉันจะไปหา”
         “ฉันไม่ได้ขาดสติ ไม่ได้เมา ไม่ได้กินยาอะไรทั้งนั้น  ฉันเจอกายแล้วริช  กายจริงๆถึงจะเปลี่ยนไปแค่ไหนฉันก็จำได้”
         “พระเจ้า! เท็ดนายไม่ได้อำฉันเล่นใช่ไหม?  ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนเท็ด”
         “โรงพยาบาล”
         “ทำไม  กายเป็นอะไร?”
         “เขาถูกทำร้าย ตอนนี้หมอตรวจอยู่…”
         “ฉันกับราเชลจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เท็ดปิดโทรศัพท์หันกลับมาพบว่าซูหลินยังมองเขาอย่างพินิจพิจารณา  เด็กสาวส่งกระเป๋าคืนให้พร้อมกับตั้งคำถาม
         “คุณกับซันหน้าไม่เหมือนกันเลยนะคะ”
เท็ดอมยิ้ม ‘เด็กคนนี้ฉลาดช่างสังเกตไม่น้อย’ ดวงตายาวรีนั้นเป็นประกายเหมือนจะประเมินเขาอยู่ตลอดเวลา  ท่าทางราวกับแม่เสือปกป้องลูกก็ไม่ปาน  จะว่าไปกายก็ยังโชคดีที่มีเพื่อนเช่นนี้ เท็ดชี้ไปที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินแล้วเดินไปนั่งด้วยกัน ก่อนจะตอบคำถามของซูหลิน
         “ผมเป็นลูกบุญธรรม  พ่อผมกับพ่อกายเป็นเพื่อนสนิทกันพอพวกท่านเสียชีวิต
ครอบครัวกายก็รับอุปการะผมแทน” เด็กสาวหน้าพยักหน้าแม้จะรู้สึกผิดที่ทำเหมือนก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของชายหนุ่ม แต่การที่จะให้ไว้ใจจนปล่อยให้ซันไปกับเขาง่ายๆก็ไม่ใช่เรื่องสมควร
         “ที่ผ่านมากายอยู่กับเธอมาตลอดเลยเหรอ?” เท็ดเป็นฝ่ายตั้งคำถามบ้างเมื่อเห็นเด็กสาวเงียบไป ซูหลินเหลือบมองเมื่อรู้สึกถึงน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้าดูเขาพูดจานุ่มนวลขึ้นกว่าตอนที่เจอกัน
         “ค่ะ…ตอนนั้นเป็นช่วงคริสมาสต์  พ่อกับอาขึ้นฝั่งมาส่งปลาขากลับก็แวะซื้อวัวที่ฟาร์มแล้วก็เห็นอุบัติเหตุก็เลยช่วยซันไว้ได้พอดี พ่อพาซันกลับไปรักษาที่เกาะ”
         “ทำไมพ่อเธอถึงไม่ส่งกายไปโรงพยาบาลล่ะ”
         “…เอ่อ…”ท่าทางอึกอักของซูหลินทำให้เท็ดเริ่มเข้าใจบางอย่าง
         “ไม่ต้องห่วงเรื่องที่เราคุยกันจะเป็นความลับและจะไม่กระทบกระเทือนให้พ่อเธอเดือดร้อนเด็ดขาดเพราะพ่อเธอมีบุญคุณกับกาย  เล่าให้ผมฟังเถอะนะ”
         “พ่อกับอาลักลอบเข้าเมือง พ่อกลัวตำรวจเลยไม่กล้าพาซันไปโรงพยาบาล  ต้องพากลับไปที่เกาะ  ที่นั่นเรามีซินแส…หมอแผนโบราณน่ะค่ะ ซินแสรักษาชีวิตซันไว้ได้แต่เขาก็มีแผลเป็นทั้งตัว พอฟื้นขึ้นมาซันกลับจำอะไรไม่ได้  ซินแสบอกว่าศีรษะซันกระทบกระเทือนมากเกือบไม่รอดด้วยซ้ำ”
         “กาย…โอ!พระเจ้า!ขอบคุณที่พระองค์ยังเมตตาเรา…ขอบคุณนะ…เอ่อ…”
         “ซูหลินค่ะ”
         “ขอบคุณมากซูหลิน  ขอบคุณพ่อของเธอ  ขอบคุณซินแสท่านนั้น  ถ้ามีอะไรที่ผมช่วยได้ขอให้บอกผมยินดีทำให้ทุกอย่างเลย”
         “ไม่เป็นไรหรอกค่ะซันเป็นเพื่อนฉัน เขาสอนหนังสือให้ฉันด้วย ฉันพูดภาษาอังกฤษคล่องก็เพราะซัน ฉันเองก็อยากตอบแทนเขาบ้างเพราะซันชอบเก็บตัวอยู่คนเดียวนั่งเหม่อดูทะเล เขาสงสัยมาตลอดว่าจะมีใครรอเขาอยู่บ้างไหม เขาจะมีครอบครัวหรือเปล่า เขาว่าเขากลัวจะไม่เหลือใครเลย  พ่อกับอาฉันพยายามตามข่าวของครอบครัวซันแต่ก็ไม่มีข่าวอุบัติเหตุของซันก็ไม่ได้ลงหนังสือพิมพ์  พ่อเองก็ติดตามได้จำกัดเพราะกลัวจะถูกจับ  ซันก็เลยอยู่กับเรามาตลอด ช่วยสอนภาษาอังกฤษให้เด็กๆที่เกาะ เขาเคยขอช่วยงานอย่างอื่น แต่ร่างกายเขาไม่เป็นปกติก็เลยช่วยได้แต่งานเล็กน้อยๆทำงานหนักนักไม่ได้…”
         “เท็ด!…กายเป็นไงบ้าง?” ร่างสูงใหญ่เดินนำหน้าลิ่วเข้ามา มีร่างเพรียวบางวิ่งตามหลัง  ซูหลินจ้องมองเพลิน ผู้หญิงคนนี้สวยยังกับดาราทั้งสวยทั้งน่ารัก
         “ริช  ราเชล…กายอยู่ข้างในหมอยังไม่ออกมาเลย”
 เท็ดผุดลุกขึ้นตอบรับทั้งสอง  ริชเหลือบมองซูหลินก่อนหันกลับไปมองหน้าเท็ด 
         “แล้วนั่น…?”
         “นี่ซูหลินเป็นเพื่อนกาย  ครอบครัวเธอช่วยชีวิตกายไว้”
         “ขอบคุณมากครับ  ผมราเชลนี่ริชเราเป็นเพื่อนคุณกายครับ” 
ร่างบางเป็นฝ่ายเข้ามาจับมือทักทาย เรือนร่างที่เห็นใจระยะใกล้ทำให้ซูหลินอ้าปากค้างก่อนจะเผลอยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าเกือบปล่อยไก่ทั้งเล้า  นี่ก็อีกคนสินะผู้ชายหน้าสวย แต่คนนี้เหมือนผู้หญิงมากกว่าซันซะอีก  ซันถึงจะดูเพรียวๆแต่ก็ดูคมเข้มกว่า  แต่คนที่ชื่อราเชลนี่ดูยังไงก็เหมือนผู้หญิงขนาดเสียงยังเล็กหวานยิ่งกว่าผู้หญิงอีก
         “สวัสดีค่ะ…ฉันซูหลินเป็นเพื่อนซันเหมือนกันค่ะ”
         “ซัน?…”
         “ชื่อของกายตอนอยู่ที่เกาะน่ะ…กายความจำเสื่อมเพราะอุบัติเหตุ”ราเชลทำท่างงๆจนเท็ดต้องรีบชี้แจง
         “เขาจำอะไรไม่ได้ เราเลยเรียกเขาว่า‘ซัน’…ชื่อนี้ฉันเป็นคนตั้งเองแหละค่ะ”
ซูหลินอธิบายท่าทางภูมิใจนิดๆนั้นน่าเอ็นดู  ก่อนที่จะได้พูดคุยกันมากกว่านั้นประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก  นายแพทย์สูงวัยก้าวออกมา เท็ดปราดเข้าไปหาอย่างร้อนใจ
         “หมอครับ  น้องผมเป็นไงบ้าง?”
         “ก็บอบช้ำมากเหมือนกัน  แต่ก็ไม่มีกระดูกแตกหัก อวัยวะภายในไม่เป็นอะไรมาก  แต่ที่หนักเห็นจะเป็นที่สะโพกคงเพราะโดนกระแทกที่รอยแผลเก่า”
         “แล้วตอนนี้เขาเป็นไงบ้างครับ?”
         “เขาปลอดภัยแล้วครับ แต่คงต้องให้อยู่ดูอาการสักคืนถ้าไม่มีอะไรพรุ่งนี้สายๆก็กลับบ้านได้แล้ว”
         “ผมเข้าไปเยี่ยมได้ไหมครับ”
         “เชิญครับ”
         “หมอครับ…” ริชเข้าไปคุยกับหมอ ขณะที่เท็ดผลักประตูเข้าไปอย่างร้อนรน  พยาบาลที่อยู่หน้าเคาเตอร์เงยขึ้นมอง
         “ผมเป็นญาติของคนไข้ที่ถูกทำร้ายร่างกายน่ะครับ”
         “ค่ะ…เตียงริมสุดเลยค่ะ”
         เท็ดเดินไปที่เตียงสุดท้าย พยาบาลที่ปรับสายน้ำเกลือหันมามองก่อนจะถอยออกไปและรูดม่านข้างเตียงให้  เท็ดก้มลงมองร่างบอบบางที่ยังไม่ได้สติ ใบหน้าแตกยับเริ่มบวมแต่ก็ยังดูดีกว่าตอนแรกที่โชกไปด้วยเลือด ชายหนุ่มประคองมือเล็กขึ้นมาจุมพิตมือเขาสั่น ตัวก็สั่นหัวใจเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น 
         ‘กายในที่สุดพี่ก็ได้เจอน้องอีกครั้ง คำอธิฐานต่อพระเจ้าทุกค่ำคืนได้ยินถึงพระองค์จริงๆ  ทรงใจอ่อนยอมให้คนบาปเช่นพี่ได้รับการอภัย ในที่สุดก็ทรงยอมคืนน้องให้แก่พี่  ขอบคุณพระเจ้าขอบคุณในความเมตตาของพระองค์’  มือใหญ่ลูบไล้บนใบหน้าเรียวแผ่วเบา เส้นผมที่เคยนุ่มสลวยแห้งกระด้าง รอยแผลเป็นใหญ่พาดผ่านจากขมับลงมาถึงโหนกแก้ม แดงนูนเด่น ปากบางจุมพิตบนรอยแผลแผ่วเบา  รอยเขียวช้ำที่โหนกแก้มข้างแผลทำให้ชายหนุ่มกัดกรามแน่นดวงตาวาวโรจน์ด้วยความแค้น  เขาจำเลขทะเบียนรถคันนั้นได้ ไม่ช้าหรอกเขาต้องเอาคืนให้สาสมกับที่พวกมันทำ
         ซูหลินยืนมองภาพนั้นน้ำตาคลอไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว เธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนมีท่าทางอ่อนโยนเช่นนี้ การแสดงออกของคนตรงหน้าต่อเพื่อนรักดูทะนุ-ถนอมราวกับซันเป็นแก้วบอบบางที่พร้อมจะแตกหัก  ความรักความห่วงใยที่เขาแสดงออกผ่านภาษากายโดยไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูด ชัดเจนจนแม้แต่พยาบาลยังอดเมียงมองมาไม่ได้  ร่างสูงคุกเข่าอยู่ข้างเตียงเนิ่นนานจนบุรุษพยาบาลที่จะเข้ามาเข็นเตียงต้องกระแอมให้เสียง 
         “เท็ดเราจะย้ายกายไปห้องพิเศษนะ”   ริชเดินตามบุรุษพยาบาลเข้ามาพูดกับเท็ดเบาๆเพราะไม่อยากให้รบกวนผู้ป่วยคนอื่นๆ
         “ขอบใจริช”
         ด้วยการจัดการของริช ซันได้ย้ายจากห้องรวมในห้องฉุกเฉินมาอยู่ห้องพิเศษ ทันทีที่บุรุษพยาบาลออกไปเท็ดก็เข้าไปนั่งกุมมือซันอยู่ข้างเตียง  ริชกับราเชลมองหน้ากันอย่างอ่อนใจก่อนจะหันมามองเพื่อนใหม่ที่จ้องมองเท็ดกับกายนิ่งงัน
         “เอ๊ะ! คุณซูหลินได้รับบาดเจ็บด้วยหรือครับ?”
เสียงอุทานของราเชลทำให้ริชกับเท็ดเหลียวมามองซูหลินพร้อมกัน  เท็ดอึ้งไปอย่างเสียใจที่เขามัวแต่ตกใจจนละเลยซูหลิน  เด็กสาวเพิ่งเจอเรื่องชวนตระหนกมาไม่แพ้กาย แต่ยังไม่ได้ให้หมอตรวจเลยด้วยซ้ำ  ใบหน้ากลมขาวนั้นมีรอยเขียวที่โหนกแก้มกับมุมปาก เนื้อตัวมีรอยฟกช้ำแถมยังใส่เสื้อแจ็คเก๊ตของเขาอยู่เพราะเสื้อของเธอฉีกขาดหมด 
         “ผมขอโทษนะซูหลิน  มัวแต่ตื่นเต้นที่ได้เจอกายเลยไม่ได้ดูแลเธอเลย”
         “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ โธ่!อย่าทำหน้าตกอกตกใจกันอย่างนั้นสิ ฉันน่ะแข็งแรงจะตาย  แค่นี้สบายมากค่ะ”
         “แต่ผมว่าคุณซูหลินให้หมอตรวจสักหน่อยก็ดีนะครับ เผื่อมีอะไรจะได้แก้ไขทัน”
         “โอ๊ย!ไม่เอาเด็ดขาด ขืนตรวจหมอก็ต้องหาเรื่องฉีดยาฉันแน่ๆไม่ตรวจเด็ดขาด  ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ไม่เป็นไรจริงๆ”
         ‘ซูหลินคนเก่งกลัวเข็ม’ ราเชลกับเท็ดสบตากันก่อนจะเหลือบมองริช  นี่ก็อีกคนที่กลัวเข็ม  ริชพยักหน้าหงึกท่าทางเข้าอกเข้าใจกันดี
         “ถ้าเธอว่าไม่เป็นไรก็ไม่ต้องตรวจหรอก  เดี๋ยวไปให้พยาบาลเข้าทำแผลให้ก็ได้  รับรองเขาไม่ฉีดยาแน่”
         “แล้วกัน! แทนที่จะได้ให้หมอตรวจคุณซูหลินดันมาสนับสนุนไม่ให้ตรวจซะอีก  พอเลยริช  ขืนพูดอะไรไม่เข้าท่าอีกผมจะหมอฉีดยาคุณแทนคุณซูหลิน”
ริชหน้าเจือน ปล่อยให้ราเชลพาซูหลินออกไปให้หมอตรวจ  ชายหนุ่มเข้าไปตบไหล่เท็ดเบาๆ   
         “แล้วจะโทรบอกพ่อกับแม่นายเมื่อไหร่?”
         “พรุ่งนี้เช้า…คงต้องดูอาการกายก่อน  รอให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาค่อยบอก  ขืนพ่อรู้ตอนนี้อาจจะช๊อคไปง่ายๆ”
         “นายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีไหม?”
         “ไม่ล่ะฉันอยากอยู่กับกายอยากรู้ว่าเขาจะจำฉันได้ไหม เขาอาจจำฉันได้นะริช” ริชแอบถอนใจ  หากกายจำได้ก็เป็นเรื่องน่ายินดีแต่ถ้ากายจำเท็ดไม่ได้ เท็ดจะเจ็บปวดขนาดไหน เวลาเกือบ7ปีที่เท็ดทุกข์ทรมานอยู่กับอดีต เฝ้าแต่โทษว่าเป็นความผิดของตัวเองนั้น ใช่ว่าคนรอบข้างจะไม่รู้ แต่เมื่อเท็ดไม่พูดก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง ต้องปล่อยให้เท็ดใช้ชีวิตขมขื่นตลอดมา เพราะเท็ดไม่เคยเปิดใจยอมรับใครเข้ามาอีกเลย
         “ริช…ร้านเสื้อผ้าผู้หญิง  ร้านไหนยังเปิดอยู่บ้างเนี่ย?”  จู่ๆเท็ดก็ถามขึ้นมาเล่นเอาริชงง
         “อะไรนะ…ร้านเสื้อผ้าผู้หญิงเหรอ…นายจะทำอะไร?”
         “ซูหลินเขาเสื้อขาดหมด  นี่ให้ใส่เสื้อฉันอยู่  ว่าจะหาเสื้อผ้าให้เขาใหม่”
         “เสื้อขาด…มิน่าถึงดูแปลกๆ  นี่มันเกิดอะไรขึ้นบ้างเนี่ย  นายเล่ารายละเอียดมาดีกว่า”เท็ดเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ริชฟัง หนุ่มเลือดร้อนถึงกับตาลุกวาบอย่างเดือดดาล  ราเชลกับซูหลินกลับมาได้ยินเข้า ซูหลินจึงเล่าให้ฟังตั้งแต่ตอนที่รถเสียจนกระทั่งเธอกับซันได้รับการช่วยเหลือจากเท็ด  ทั้งหมดเหลียวไปมองคนบนเตียงอย่างสงสาร  เท็ดดึงมือเรียวขึ้นมาจูบทีละนิ้วในอกหนักอึ้ง หากเขาไปช้ากว่านั้น...หรือหากเขาไม่ไปหาพ่อกับแม่ที่ฟาร์มกายจะเป็นอย่างไร  ริชขอออกไปโทรศัทพ์ข้างนอกครู่เดียวก็กลับเข้ามาเรียกราเชลไปคุยกันเบาๆ 
         “เท็ดเดี๋ยวฉันกับราเชลจะพาซูหลินออกไปซื้อเสื้อแล้วจะหาอะไรกินด้วย  นายเอาอะไรบ้าง?”
         “ไม่ล่ะไปเถอะ ฝากซูหลินด้วยแล้วกัน  ขอโทษนะซูหลินที่ไม่ได้ดูแลเธอเลย”
         “ไม่เป็นไรค่ะ   แต่ว่าฉันไม่อยากไปไหนเลย กลัวซันตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอฉันเขาจะตกใจ”
         “คืนนี้กายนอนยาวแน่ครับ  หมอฉีดยาให้เขาได้พักเต็มที่คิดว่ากว่าจะตื่นก็คงเป็นพรุ่งนี้เช้า”
         “แต่…”
         “ไปเถอะครับคุณซูหลิน  ผมว่าคุณก็ควรได้พักสักหน่อย  คืนนี้จะเปลี่ยนกันเฝ้าคุณกายไงครับ”  ราเชลหันมาคะยั้นคะยอจนซูหลินใจอ่อนยอมไปด้วย  ริชอมยิ้มไม่พูดอะไรเลย  ลองราเชลอ้อนอย่างนี้มีหรือจะไม่สำเร็จ  ขนาดเขายังไม่เคยขัดได้สักครั้ง
         “เดี๋ยวมา”
         “ฮื่อ…ขอบใจริช”
เสียงประตูห้องปิดลง  เท็ดไม่ได้เหลียวไปมอง สายตาจับจ้องแต่ใบหน้าเรียวซีดของคนบนเตียง  กายผอมเหลือเกิน  ผิวที่เคยนวลเนียนแห้งผาก  ปากซีดขาว  แขนขาเรียวเล็กยิ่งกว่าตอนเด็กๆ  เส้นผมสีน้ำตาลทองแห้งหยาบ แม้จะดูสูงขึ้นกว่าเดิมแต่กลับดูซูบเซียว เท็ดคลี่นิ้วยาวผอมออกดู มีรอยด้านบริเวณฝ่ามือกับปลายนิ้ว  รอย-
พรุ่นจุดๆที่ปลายนิ้วเหมือนกายต้องทำงานที่ใช้เข็มหรือของปลายแหลมๆสักอย่าง มีรอยบาดเล็กๆกระจายให้เห็นทั้งที่ฝ่ามือและแขน  สายตาที่ระเรื่อยลงมาบริเวณลำคอชะงักค้าง มือใหญ่ค่อยๆพลิกศีรษะกายไปด้านข้างเบาๆ  ต้นคอด้านหลังตั้งแต่ตีนผมถึงไหล่เป็นรอยแดดเผาจนไหม้เกรียม บางแห่งลอกเป็นขุย นี่กายต้องใช้ชีวิตแบบไหนที่เกาะนั่น  เขารู้ว่ากายคงไม่ได้นั่งเฉยๆรอให้ใครมาหาให้กินแน่  กายคงลำบากไม่น้อย เท็ดยกมือบางขึ้นจุมพิตและแนบไว้ที่แก้ม  ตอนนี้เขาได้กายกลับคืนมาแล้ว  ต่อให้ต้องตายเขาก็จะไม่ยอมพรากจากกายอีก 


.........

กายกลับมาให้หายคิดถึงแล้วนะ
ขอบคุณคะ :pig4:

ออฟไลน์ CHOKUN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ดีใจจังเลยที่กายไม่ตายอ่ะ อยากให้กายฟื้นแล้วจำได้จัง  รออ่านตอนต่อไป    :impress2: :impress2: :impress2:ห

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
กายมาแล้ววววว   :impress2: :impress2:   ฟื้นมาจะเป็นไงน้า   :man1: :man1:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
กรี๊ดดดดดด เป็นกายจริงๆ ใช่ม้าย  :man1:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
กายกลับมาแล้วยังดีที่ไม่ตายนะ
เอาใจช่วยให้ฟื้นความจำไวๆค่ะ :impress3:

ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
เจอกันแล้วๆๆ ดีใจจังเลยจ้า

อยากทราบจังตอนหน้าเป้นไงมั่ง กายจะตื่นแล้ว แต่เฮียเท็ดแบบหวานได้ใจมาก รู้สึกถึงความรักของเท็ด ซึ้งจัง  :m15:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
เท็ด กาย ได้เจอกันเสียที
คราวนี้จะเป็นยังไงต่อไปนะ
บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากนะคะ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
วันนี้จะมาม้ายยยยยยยย  อยากอ่านต่อแล้ว :monkeysad:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
กายกลับมาแล้ว น่าสงสารจังทั้งความจำเสื่อมแล้วยังต้องลำบากอีกไม่รู้ถ้าฟื้นกลับมาแล้วจะเป็นยังไง มารออ่านนะครับ

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
ไม่ได้ไปเที่ยวไหนคืนฮาโลวีน มาอ่านกายกันต่อเถอะ
........

         สารวัตรเพอร์กิ้นมาสอบปากคำเท็ดกับซูหลินไม่นานก็ลากลับ เพราะดึกมากแล้วและเท็ดก็เป็นคนมีชื่อเสียงมากคนหนึ่งของเมืองเล็กๆแห่งนี้  สารวัตรรับปากว่าจะออกตามจับวัยรุ่นกลุ่มนั้นให้ได้เร็วที่สุด 
         ซูหลินบิดตัวอย่างเมื่อยขบ ชั่วระยะเวลาไม่ถึง24ชัวโมงแต่เธอกลับรู้สึกว่ายาวนานราวกับผ่านมาหลายวัน  นับตั้งแต่ที่สารวัตรกลับไปเธอก็ต้องเล่าเรื่องราวของซันให้ทุกคนฟังอย่างละเอียดเท่าที่เธอจะนึกออก ไม่ใช่แค่คำร้องขอของเท็ด  หากแต่สายตาที่เพ่งมองจับจ้องราวกับจะดูดซับทุกถ้อยคำของเธอไว้  ความกระหายใจจดจ่อกับทุกรายละเอียด ที่เขาไม่มีโอกาสได้รับรู้ในช่วงเวลา7ปีนี้  ความรักความห่วงหาอาทรจากสายตายามที่เขาจ้องมองซันเป็นแรงพลักดันให้เด็กสาวอยากถ่ายทอดทุกรายละเอียดให้เขารับรู้    ใบหน้าคมคายนั้นสงบนิ่ง  หากแต่แววตายังคงไหววูบตามแรงอารมณ์ทุกครั้งที่ซูหลินเล่าถึงความเจ็บปวดที่ซันได้รับ  ไม่ว่าจะเกิดจากบาดแผลทางกายหรือเกิดจากการกระทำของคนรอบข้าง  โดยเฉพาะเมื่อเธอเล่าถึงครั้งที่ซันเกือบถูกเพื่อนๆของโทนี่รุมข่มขืน  โชคดีที่ไป่หลงมาช่วยไว้ทัน  บิดาในฐานะผู้ใหญ่บ้านจึงไล่เพื่อนของโทนีออกไปจากเกาะ ทำให้พวกมันถูกจับเพราะเคยก่อคดีไว้แล้วหนีไปหลบตำรวจที่เกาะ  ร่างสูงยังนั่งนิ่งแต่มือที่กุมอยู่กับมือของซันสั่นระริกดวงตาวาววับ  แต่คนที่ทนไม่ได้คือริช  ชายหนุ่มซักถามชื่อนามสกุลของเพื่อนๆโทนี่ก่อนจะลุกออกไปโทรศัพท์ ราเชลหน้าหมองน้ำตาคลอลุกขึ้นไปลูบแขนซันเบาๆก่อนจะตามริชออกไปอีกคนและไม่นานทั้งคู่ก็กลับเข้ามาขอตัวกลับ  เท็ดรู้ว่าริชคงตั้งใจจะทำอะไรสักอย่างแน่ๆและเขาก็ไม่คิดจะห้ามปราม
         “ซูหลิน…ขอบคุณมากนะที่ช่วยดูแลกายตลอดเวลาแล้วยังคนที่ชื่อไป่หลงนั่นอีก  ฝากขอบคุณเขาด้วยนะ”  ซูหลินอมยิ้ม
         “อย่าฝากเลยค่ะ  แค่ซันเจอครอบครัวนี่ไป่หลงก็แทบบ้าตายแล้วเพราะเขาหลงรักซันอยู่  ตอนที่ไปช่วยซันเขาจับพวกมันหักแขนหักขาซะเกือบตาย  ดีนะที่เจ็กห้ามไว้ทันไม่งั้นพวกนั้นได้ตายก่อนติดคุกแน่ๆ”
         “หืม?ไป่หลงเขา…หลงรักกายงั้นเหรอ?”
         “ค่ะ…หลงหัวปักหัวปำ  ขนาดพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ยังแอบส่งจดหมายรักมาให้ซันเลย…ขำจะตาย ตัวโตยังกับหมีแต่ถือดอกไม้กระมิดกระเมี้ยนมาส่งให้ซัน โอ๊ย!เล่นเอาหัวเราะกันกลิ้ง  ซันก็ขำแต่ก็สงสารเลยไม่กล้าหัวเราะ  กลั้นขำจนหน้าแดง  ไป่หลงเลยเข้าใจว่าซันเขินที่นี่เลยเดินตามทุกวัน ไปรับไปส่งระหว่างบ้านกับโรงเรียนจนซันต้องไล่ให้กลับ  แต่พอเกิดเรื่องเข้าไป่หลงเลยได้ตำแหน่งองค์รักษ์อย่างถาวร”
         “แล้วซันชอบไป่หลงหรือเปล่า?”
         “โอ๊ย!ซันเหรอคะจะชอบใคร วันๆเอาแต่เหม่ออยากจะจำอดีตให้ได้อย่างเดียวแหละค่ะ  นี่ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าเจอครอบครัวแล้วซันคงดีใจ”
         “นี่ก็ดึกมากแล้ว  ซูหลินนอนเถอะ “
         “ดึกอะไรคะจะสว่างแล้วต่างหาก”
         “นั่นสิ แต่ยังอีกหลายชั่วโมง นอนพักสักหน่อยเผื่อตอนเช้าจะได้ช่วยดูแลกายระหว่างที่ผมไปรับพ่อกับแม่”
         “ก็ได้ค่ะ…ความจริงก็ง่วงเหมือนกัน  ถ้ามีอะไรก็ปลุกได้เลยนะคะ”  ซูหลินนอนเงียบไปครู่ใหญ่จู่ๆก็ได้ยินเสียงพูดปนสะอื้นขึ้นมาเบาๆ
         “ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันกับซันไว้ ขอบคุณมากๆ ถ้าไม่ได้คุณป่านนี้…ฮึก…ขอบคุณค่ะ”
         เท็ดวางมือเรียวลง  ไปคุกเข่าลงข้างเตียงเล็กชิดฝาลูบศรีษะเล็กเบาๆ ได้ยินเสียงสะอื้นลอดออกมาจากใต้ผ้าห่มดังขึ้นกว่าเดิม ซูหลินเองก็คงยังตกใจอยู่ไม่น้อยแต่เพราะมีเรื่องให้ตื่นเต้นมากกว่าเลยลืมๆไปแต่พอหายตื่นเต้นเรื่องซัน อาการช็อค ย้อนหลังก็กลับมา มือเล็กหยาบยื่นออกมานอกผ้าห่ม  เท็ดจับไว้และบีบเบาๆอย่างปลอบโยน  เมื่อเสียงสะอื้นจางลงก็ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอเข้ามาแทน  ร่างสูงจึงค่อยๆวางมือของเด็กสาวลงขยับชายผ้ามาคลุมให้ก่อนจะกลับไปกุมมือคนบนเตียงอย่างเดิม
…………
         “ซัน…เป็นไงบ้าง?”
         “ซูหลิน…นี่ที่ไหน?”
         “โรงพยาบาล…ซัน…เจ็บมากไหม?”
         “ไม่เท่าไหร่หรอก…อย่าร้องไห้สิ”
         “ซัน…เมื่อวาน  คนที่เขามาช่วยเราน่ะ…ซันจำเขาได้ไหม?”
         “คนที่มาช่วย…ไม่รู้สิผมจำไม่ได้  ตอนนั้นมันชุลมุนกันไปหมด”
         “เขาเฝ้าซันตลอดคืนเลยนะ…นี่ออกไปคุยกับหมออยู่…นั่นไง”
         “กาย…ฟื้นแล้วเหรอ…กายเป็นไงบ้าง เจ็บมากไหม?”
         แสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างจับผมและซีกหน้าด้านข้างของร่างสูงเป็นประกาย  ภาพที่คล้ายๆกันหากแต่ผู้ที่เข้ามาเยาว์วัยกว่าผุดวาบขึ้นมาในหัว  ซันตะลึงตัวแข็งจู่ๆภาพนั้นก็หายวับไป
         “ไม่!อย่าหายไปสิ…อย่าหายไป ผมอยากจำได้…โอ๊ย!”ซันยกมือขึ้นบีบศรีษะแน่น เจ็บแปลบขึ้นมาจนทนไม่ไหว
         “กาย!…กาย!…หมอ!” ซูหลินยืนงง ขณะที่เท็ดช้อนร่างบางขึ้นมากอดแน่น  แถมยังคว้าคอร์เนิสขึ้นมากดเป็นการใหญ่  ซันตัวงอหน้าซีดขาวแต่คนที่กอดก็หน้าซีดไม่แพ้กัน  แพทย์และพยาบาลทยอยเข้ามาในห้อง ซูหลินและเท็ดถูกกันออกมาข้างนอก  ร่างสูงเดินวนเวียนอย่างกระวนกระวาย 
         “อ้าว!…ทำไมออกมาอยู่ข้างนอกกันหมด  หรือว่า…กายเป็นอะไร!”
ริชกับราเชลที่เพิ่งมาถึงหน้าตาตื่นอย่างตกใจ  เท็ดได้แต่ส่ายหน้า หน้าซีดเซียว 
         “เขาคงจำอะไรได้มั้งคะ”
         “หา!…จำอะไรได้…จำได้เหรอกายจำได้เหรอ?” เท็ดกับริชอุทานออกมาพร้อมกัน แทบจะเข้ามาเขย่าซูหลิน
         “เอ่อ…เวลาที่เขาเจออะไรคุ้นๆตา ซันเขาจะมีอาการอย่างนี้แหละค่ะ…อย่างเวลาที่เขาขึ้นรถ  เขาจะกลัวแล้วก็ปวดหัวมาก นอนซมทั้งวันเลย”
         “หมายความว่ากายอาจจำได้  อาจจะหายจากความจำเสื่อมใช่ไหม?”
 เท็ดตาเป็นประกายอย่างยินดี  ซูหลินอึกอักพูดไม่ออก เธอไม่อยากเห็นความผิดหวังของเขาเลยแต่ก็ไม่กล้าโกหก
         “เอ่อ…คือ…ไม่แน่ใจค่ะ  บางทีเขาก็จำได้แวบเดียวแล้วก็หายไปอีก  บางทีก็จำได้เลยอย่างเรื่องว่ายน้ำเขารู้ว่าเขาว่ายน้ำไม่ค่อยเก่งนัก แล้วเขาเกิดจำได้ว่าตอนเด็กๆเขาเคยเกือบจมน้ำตายก็เลยกลัวน้ำ  แต่ก็จำได้แค่นั้น”
         “ใช่…ตอนกายสัก4-5ขวบเขาหัดดำน้ำแล้วเกิดหลงน้ำหาทางขึ้นมาไม่ได้จนเกือบจมน้ำตาย  แต่ตอนหลังพ่อก็จับเขาไปหัดจนหายกลัวไปแล้วนี่นา ทำไมยังกลัวอยู่อีก” เท็ดขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ ราเชลที่นั่งเงียบมานานเสนอความคิดขึ้นมา
         “ผมว่าเราให้คุณหมอซอเรนมาดูอาการคุณกายจะดีไหมครับ”
         “หมอนั่นเกี่ยวอะไรด้วย กายมีปัญหาที่สมองนะไม่ได้ป่วยทางจิต”  ริชค้าน
         “แต่คุณหมอซอเรนก็มีเพื่อนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมองหลายคนนี่นา อีกอย่างถ้าได้รักษาควบคู่กันคุณกายอาจจำได้เร็วๆก็ได้”
         “แต่ฉันไม่เห็นด้วย” ริชหน้าบึ้ง ตาขุ่น ราเชลถอนใจเฮือกอย่างอ่อนใจ
         “คุณหมอออกมาแล้วค่ะ”  ซูหลินรีบห้ามทัพ
         “หมอครับ  น้องผมเป็นไงบ้าง?”
         “รู้สึกว่าจะเป็นอาการทางจิตใจมากกว่านะครับ  คงต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจ แต่อาการโดยทั่วไปก็ปกติดีแล้ว จะมีบ้างก็เรื่องขาเพราะที่สะโพกมีอาการอักเสบขึ้นมาคงต้องดูแลเป็นพิเศษหน่อย”
         “หมายความว่ากายยังต้องอยู่โรงพยาบาลอีกหลายวันหรือครับ”
         “คงต้องรอดูอาการก่อนนะครับ  หากไม่มีอาการแทรกซ้อน คิดว่าคงให้กลับได้ภายใน2-3วัน หมอขอตัวก่อนนะครับ”
         “ขอบคุณครับ”
แพทย์และพยาบาลพากันออกไปจนหมด  เท็ดเดินลิ่วไปที่เตียง  ร่างบางลุกขึ้นนั่งได้แล้ว  หน้าเรียวนั้นจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างแต่พอได้ยินเสียงฝีเท้าก็หันกลับมา  คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยขณะที่จ้องมองเท็ด  ดวงตาโตก็ไหววาบแล้วจางหาย  แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นยินดี  เท็ดขยับเข้าไปหาแต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าสายตายินดีคู่นั้นไม่ได้มองเขาหากแต่เป็นซูหลิน  เด็กสาววิ่งเข้าไปกอดคนบนเตียง แขนผอมๆโอบรัดร่างกลมขาวเบาๆก่อนจะคลายออก  ภาษาที่ทั้งสองพูดคุยทำให้ที่เหลืออึ้งเพราะฟังไม่ออก  แต่ก็พอจะเดาได้ว่าคงเป็นภาษาจีน  ซูหลินพูดบางอย่างและเด็กหนุ่มก็เหลือบมองมาที่คนทั้ง3ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ที่เท็ด  ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าไปชิดเตียง 
         “กาย…จำพี่ได้ไหม?”
         “ขอโทษครับ….ผมจำคุณไม่ได้  แต่ซูหลินบอกว่าคุณเป็นพี่ผม”
         “ใช่!พี่เป็นพี่ของกาย   พี่ชื่อ‘เท็ด’พวกเรานามสกุล‘พอลลิ่ง’คุ้นหูบ้างไหม?”
         “พอลลิ่ง?…ไม่ครับผมนึกไม่ออก แล้วผมเคยชื่อ‘กาย’งั้นเหรอครับ?”
         “น้องชื่อกาย…กาย พอลลิ่ง พ่อชื่อแดนนี่ แม่ชื่อดาน่า…ไม่คุ้นหูเลยหรือกาย?”
         “ผม…ผมจำไม่ได้  แต่…ผมมีครอบครัวใช่ไหม?”  หน้าเรียวซีดเงยขึ้นสบตากับเท็ด ตาโตคลอด้วยน้ำใสๆดูอ้างว้างและหวาดกลัว  เท็ดรวบร่างผอมบางเข้ามากอด  เด็กหนุ่มสะดุ้งพยายามจะดันอ้อมแขนแน่นหนานั้นออก หากแต่สัมผัสที่อบอุ่นนั้นคุ้นเคย จนทำให้ซันเลิกดิ้นรนและเผลออิงแอบกับอกกว้าง เสียงเคาะประตูทำให้เด็กหนุ่มผวา รีบดันตัวออกจากอ้อมแขนของเท็ด  ซึ่งชายหนุ่มก็ยอมปล่อยแต่โดยดี
         “อรุณสวัสดิ์ค่ะเจ้านาย  อรุณสวัสดิ์ค่ะทุกคน”
         “อรุณสวัสดิ์ครับคุณจินนี่” ริชรีบส่งเสียงและสายตาแพรวพราวไปทักทาย 
ร่างโปร่งระหงส์ก้าวฉับๆเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในอ้อมแขนมีแฟ้มขนาดใหญ่หลายเล่ม  ริชเดินไปรับแฟ้มจากจินนี่มาวางที่โต๊ะรับแขกมุมห้อง 
         “กาย…นี่คุณจินนี่เลขาของพี่…คุณจินนี่ครับน้องชายผมครับ”
         “สวัสดีค่ะ”
         “สวัสดีครับ…เอ่อ….ผมรู้จักคุณมาก่อนหรือเปล่าครับ?”
         “อุ๊ย!มามุขเดียวกับคุณริชเลยนะคะเสียดายจังค่ะที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”
         “มุขเดียวกัน…สงสัยริชคงใช้บ่อยสินะครับ” เสียงหวานเยือกเย็นดังขึ้นเบื้องหลัง
         “ค่ะ…ชอบทักทายพนักงานสวยๆเข้าใหม่แบบนี้ทุกที…อุ๊ย!คุณราเชลอยู่ด้วยหรือคะ  เอ่อ…ขอโทษนะคะไม่ทราบว่ามาด้วย”จินนี่ทำเสียงเหมือนตกใจ แต่ใบหน้าระรื่นแถมยังแอบมองริชขำๆ ราเชลยิ้มแค้นๆก่อนจะพึมพำขอตัวออกไปสูดอากาศข้างนอก ริชหน้าซีดตาเหลือกรีบตามออกไปแทบไม่ทัน  ได้ยินอธิบายระรัวก่อนที่ประตูระเบียงจะปิด
         “เจ้านายคะ  ถ้าไม่มีอะไรแล้วดิฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
         “ผมคงไม่เข้าอีกหลายวัน  ฝากด้วยนะคุณจินนี่”
         “ค่ะเจ้านาย   ขอให้หายเร็วๆนะคะคุณกาย แล้วเจอกันค่ะคุณ…”   
         “ซูหลินค่ะ”
         “ค่ะ…แล้วเจอกันนะคะสวัสดีค่ะ”
ร่างเปรียวก้าวออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนขามา  ซูหลินมองตามอย่างชื่นชม
         “เธอไม่รู้จักผม?”
         “ไม่รู้จัก คุณจินนี่มาทำงานกับพี่เมื่อ5ปีมานี่เองแล้วพี่ก็ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไร  บอกแค่น้องถูกทำร้ายร่างกายพี่จะอยู่เฝ้าเลยให้เขาเอางานมาให้ที่นี่”
         “ถ้าคุณมีงานก็ไปทำเถอะครับ  ผมไม่อยากรบกวน”
         “กาย!พูดอะไรอย่างนั้น สำหรับพี่ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากายหรอกนะ”
         “แต่…..”
         “กายนอนพักดีกว่า…หน้ากายซีดจังเป็นอะไรหรือเปล่า?”
         “เอ่อ…นั่งนานๆแล้วมันปวดขาน่ะครับ”
         “อ้าว! ปวดมากหรือเปล่า?ตามหมอดีกว่านะ”
         “ไม่ต้องครับ…ผมเป็นบ่อยๆเดี๋ยวก็หาย”
         “งั้นนอนเถอะนะจะได้ไม่ปวดมาก…หิวไหม?” ซันส่ายหน้า  เท็ดจึงหันไปหา
ซูหลิน
         “ซูหลินล่ะหิวไหม?”
         “ก็…นิดหน่อยค่ะ”
         “เดี๋ยวพี่ให้ที่ร้านเขามาส่งให้  กายอยากกินอะไร…ซูหลินล่ะเอาอะไรดี?”
         “อะไรก็ได้คะ”
         “ผมยังไม่หิว”
         “ไม่หิวก็ต้องกินสักหน่อย  เดี๋ยวนะ”
เท็ดออกไปโทรศัพท์ข้างนอกครู่เดียวอาหารก็มาส่ง  ซันได้ซุบน้ำใส  ส่วนของซูหลินนั้นหลายอย่างมากจนเจ้าตัวตาค้าง 
         “ทำไมสั่งเยอะขนาดนี้คะ”
         “ก็ผมไม่รู้ว่าซูหลินชอบทานอะไร  เลือกเอานะครับ…กายทานซุบก่อนนะ พี่ไปถามคุณหมอมาแล้วเขาขอให้ทานอาหารอ่อนๆก่อน…ซุบร้านที่กายเคยชอบไง”
เท็ดตักซุบป้อนให้ถึงปาก  เด็กหนุ่มหน้าแดงไม่กล้าขัดขืนได้แต่ยอมให้เท็ดป้อนแต่โดยดี  ซูหลินมองเพลินจนซันเหลือบมาเห็น เด็กหนุ่มเขินจนสำลัก เท็ดรีบวางถ้วยลง คว้ากระดาษมาซับให้แต่ซันหลบดึงกระดาษมาเช็ดเองพร้อมกับขอบคุณเบาๆ  เท็ดมองหน้าแดงๆของซันก่อนจะเหลียวมามองซูหลิน เห็นเด็กสาวจ้องตาค้างก็อมยิ้ม
         “ไม่ทานเหรอครับซูหลิน?”
         “คะ…เอ่อค่ะ…กินค่ะ…เอ่อ…ฉันขอออกไปกินข้างนอกดีกว่า”  พูดจบก็ผลุน ผลันออกไป  ซันมองตามอย่างตกใจที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังกับเท็ด  เด็กหนุ่มหน้าแหยเมื่อหันมาสบตากันก็หลบตาวูบ  เท็ดขยับเข้าไปจนชิดเตียง ดึงมือเรียวผอมขึ้นมากุมไว้  ซันสะดุ้งทำท่าเหมือนจะดึงมือออกแต่กลับถอนใจยาวแล้วปล่อยให้เท็ดจับมืออยู่อย่างเดิม 
         “กาย…พี่ดีใจเหลือเกินที่ได้เจอกายอีก พี่คิดอยู่เสมอว่ากายยังไม่ตาย น้องต้องอยู่ที่ไหนสักแห่ง แล้วสักวันพี่คงจะได้เจอน้อง  แล้ววันนี้พี่ก็ได้เจอกายจริงๆ”
         “คุณแน่ใจหรือครับว่าผมคือน้องของคุณจริงๆ?”
         “แน่ใจสิต่อให้กายเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนพี่ก็จำได้”
         “ผม…ผมไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี…ผมอยู่คนเดียวมาเกือบ7ปี จู่ๆก็มีครอบครัวขึ้นมาทั้งๆที่ผมหมดหวังไปแล้ว  นี่คือความฝันหรือเปล่า?  ผมอาจจะกำลังฝันแล้วพอตื่นขึ้นมาผมก็ไม่มีใครเหมือนเดิม” หางเสียงของเด็กหนุ่มสั่นเครือ  หน้าเผือดซีดด้วยความกลัว
         “ไม่ใช่ความฝันหรอก…นี่เป็นความจริง  กายมีครอบครัวนะ กายมีพ่อ  มีแม่  และมีพี่ด้วย”
         เด็กหนุ่มก้มหน้ามือกำผ้าห่มแน่นเหมือนจะให้ช่วยถ่ายเทความอัดอั้นในใจ  ก่อนจะเงยขึ้นสบตาเท็ดช้าๆ มีน้ำใสๆคลออยู่ในดวงตาโต ปากซีดเม้มนิ่ง  เท็ดประคองหน้าเรียวไว้ด้วยสองมือ เกลี่ยปลายนิ้วโป้งบนแก้มขาวช้าๆ หยดน้ำใสกลิ้งพรูลงมา  ชายหนุ่มดึงร่างผอมเข้ามาโอบไว้  ซันถอนสะอื้นซบหน้าลงบนบ่ากว้างอย่างยอมจำนน   ไม่มีประโยชน์ที่จะขัดขืน  เขาเหนื่อยเกินกว่าที่จะสู้แล้วตอนนี้เขาอยากเป็น ‘กาย’ แม้ว่าวันพรุ่งนี้ ‘กาย’ ตัวจริงอาจจะกลับมาทวงทุกอย่างคืนไป  แต่เวลานี้ขอเพียงอ้อมแขนอบอุ่นเป็นที่พักพิง  แม้จะเพียงชั่วคืนเขาก็พอใจแล้ว
               
         เสียงเคาะประตูเรียกให้สายตาทุกคู่จับจ้องโดยปริยาย  ซูหลินลุกพรวดเมื่อเห็นผู้ที่ก้าวเข้ามา
         “ป๊า!…ฮือ”เด็กสาวร้องไห้โฮโผเข้าไปกอดผู้เป็นบิดา มือหยาบลูบหลังลูกสาวอย่างอ่อนโยน โทนี่ยืนหลบอยู่นอกห้องห่างๆ ทุกคนในห้องได้แต่นิ่งเงียบรอจนเสียงร้องไห้ของซูหลินเบาลงจึงได้ยินภาษาอังกฤษค่อนข้างชัดจากร่างท้วม
         “เอาล่ะ เงียบได้แล้ว…ลูกจะไม่แนะนำให้พ่อรู้จักคนอื่นๆเลยเหรอ?”
         “จ้ะ!นี่คุณเท็ดจ้ะป๊าเขาเป็นคนช่วยหนูกับซัน  ป๊ารู้ไหม?เขาเป็นพี่ชายซันด้วยนะ  ไม่น่าเชื่อเลยนะป๊าว่าโลกมันจะกลมได้ขนาดนี้….คุณเท็ดคะพ่อซูหลินค่ะ”
         “สวัสดีครับ ยินดีที่ได้พบคุณพ่อของซูหลิน  ขอบคุณมากครับที่ช่วยชีวิตน้องผมไว้”
         “ยินดีที่ได้พบ  ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณที่ช่วยลูกสาวผม….แต่เพิ่งทราบว่าคุณเป็นพี่ซัน”
         แม้จะดูสูงอายุหากแต่แววตาที่สบกับเท็ดกลับดูเฉียบคมสายตาที่มองเหมือนกำลัง‘อ่าน’เขาอยู่ในที เท็ดยิ้มแสดงความจริงใจออกมาทั้งสีหน้าและแววตา  ทำให้ตาคมกล้านั้นดูอ่อนแสงลง  สายตาที่จ้องเขาเขม็งจึงเลื่อนไปมองร่างผอมบนเตียงก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ 
         “ดีใจด้วยนะซัน ในที่สุดลื้อก็เจอครอบครัวของลื้อซะที แน่ใจไหมว่าเขาเป็นพี่ชายลื้อ?”
         “ผม…ผมจำเขาไม่ได้ แต่ผมรู้สึกคุ้นเคยกับเขามาก  ผมคิดว่าเขาคงเป็นพี่ผมจริงๆ”
         “ถ้าลื้อว่าอย่างนั้นอั๊วก็เบาใจ  อั๊วขอให้ลื้อโชคดีและขอให้จำอดีตได้เร็วๆ”
         “ขอบคุณครับ”  ทั้งสองสื่อสารกันด้วยภาษาจีนบอกให้รู้บิดาของซูหลินยังไม่ไว้ใจเขา  เมื่อได้คำตอบเป็นที่พอใจแล้วชายจีนจึงหันกลับมาสบตากับเท็ดอีกครั้ง
         “ผมรู้เรื่องลูกก็รีบมาทันที  หากไม่มีอะไรแล้วผมขอพาลูกสาวกลับเพราะผมเกรงว่าจะหลบตำรวจได้ไม่นาน”  คำพูดเปิดเผยไม่สะทกสะท้านทำให้เท็ดนับถือในความเป็นคนจริงของชายจีนผู้นี้ยิ่งขึ้น 
         “ไม่ต้องห่วงครับ  ผมจะจัดการให้คุณกลับบ้านอย่างเรียบร้อย”
         “งั้นเรากลับบ้านกันเถอะซูหลิน”
         “จ้ะ…ซัน…เรากลับบ้านแล้วนะ…ถ้าซันหาย…ซัน…กลับไปหาเราบ้างนะ”  หางเสียงของเด็กสาวสั่นเครือ
         “ซูหลิน…ผม…”  ซันพูดไม่ออกลำคอตีบตันไปหมด  มือของทั้งสองยื่นมายึดกันแน่น  สายตาประสานกันสื่อถึงความห่วงใยและอาลัยอาวรณ์  มือหยาบใหญ่ดึงบ่าของลูกสาวเบาๆ ซูหลินยอมปล่อยมือซันแต่น้ำตาไหลพรูลงมาแทน 
         “ลาก่อนซัน…เราจะคิดถึงซันทุกวันเลย…ฝากซันด้วยนะคะคุณเท็ด”
         “ครับ…ผมจะดูแลกาย…เอ่อ…ซันด้วยชีวิตผมเลย  ผมสัญญา” ซูหลินยิ้มทั้งน้ำตาก่อนจะตัดใจจากไป 
         ซันตัวสั่น ใจหายวาบ รู้สึกโดดเดี่ยว ตั่งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเขาจะเหลือตัวคนเดียวแล้ว แขนผอมกอดรัดตัวเองด้วยความเคยชิน   อ้อมแขนอุ่นโอบเขาเข้าไปกอดไว้เบาๆดึงศรีษะเขาให้ซุกซบกับอก  เสียงทุ้มอ่อนโยนดังอยู่ข้างหู
         “กาย….อย่ากลัว…อย่ากังวล  กายมีพี่ มีพ่อ มีแม่   มีเพื่อนๆ  ทุกคนรักกายและรอกายมาตลอด  กายไม่ได้โดดเดี่ยวอยู่คนเดียวอีกต่อไป  กายมีครอบครัวแล้วนะ”
         “ผม…ผมไม่แน่ใจ…ถ้าเกิด….ผมไม่ใช่กายตัวจริงล่ะ?”
         “น้องคือกายของพี่แน่นอน”
         “แต่….”
         “พี่จะอยู่ข้างๆกายตลอดเวลาจะไม่ปล่อยให้กายอยู่คนเดียวอีกแล้ว  กายเชื่อใจพี่ได้ไหม?”
         “ผม…”มือใหญ่ประคองหน้าเขาให้เงยขึ้นสบตา ประกายในตาคมทำให้อบอุ่นหัวใจอย่างประหลาด  นิ้วยาวเกลี่ยไรผมออกจากหน้าผาก  ก่อนจะก้มลงมาจุมพิตแผ่วเบา ซันถอนใจซุกตัวในอกกว้างยอมวางทุกอย่างไว้ในอุ้งมือของชายคนนี้ อย่างน้อยอ้อมแขนนี้ก็อบอุ่นคุ้นเคยหากไม่มีสายใยเกี่ยวพันกันเขาคงไม่รู้สึกเช่นนี้ สักวันเขาคงจำทุกอย่างได้ เด็กหนุ่มหลับไหลลงในอ้อมแขนอุ่นอย่างวางใจ

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
.......
เท็ดประคองร่างผอมบางลงจากรถ  เด็กหนุ่มกลัวรถเก๋งทุกชนิดจนเขาต้องใช้รถบรรทุกของบริษัทมาส่งที่ฟาร์ม  ทันทีที่แพทย์เซ็นอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลชายหนุ่มก็รีบส่งข่าวมาให้ดาน่ารู้  แต่ยังไม่ได้บอกแดนนี่เพราะเกรงว่าแดนนี่จะรออยู่เฉยๆไม่ได้ 
         “กาย…คุ้นตากับที่นี่ไหม?” คิ้วเรียวขมวดมุ่นแล้วก็คลายออก  หน้าเผือดลงกว่าเดิม 
         “ไม่คุ้นเลยครับ…ผมขอโทษ”
         “ขอโทษทำไม  กายไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา…เข้าบ้านกันเถอะป่านนี้พ่อกับแม่คงรอเราอยู่แล้ว…ตื่นเต้นไหม?”คำชวนราวกับเด็กเล่นซนทำให้ซันอดยิ้มไม่ได้ ทั้งที่ใจสั่นระรัวมือก็เย็นเฉียบ  เขากำลังจะได้เจอกับครอบครัวแล้ว  ประตูเปิดออกพร้อมๆกับร่างโปร่งบางก้าวพรวดเข้ามาหา
         “กาย!…กายของแม่”  แขนเรียวหอมกรุ่นกอดรัดแน่นจนซันผวา  เด็กหนุ่มดิ้นหนีอย่างตกใจ
         “ไม่!…ปล่อยผม  ปล่อย!” ดาน่าคลายอ้อมแขนออกอย่างตกใจ ร่างผอมบางถอยกรูดไปอยู่ในอ้อมแขนของเท็ด ดวงตาโตที่มองเธอตื่นตระหนกแต่เมื่อสบตากันและได้เห็นความปวดร้าวในสายตาของดาน่า  เด็กหนุ่มก็หน้าเผือดอย่างเสียใจ
         “ขอ…ขอโทษครับ…ผมตกใจ…ไม่ได้ตั้งใจจะหนีคุณเลยครับ…ผม…”
ซันเงยขึ้นมองเท็ดอย่างขอความช่วยเหลือ น้ำใสคลอเต็มตา สับสนและอัดอั้นที่จำคนในครอบครัวไม่ได้
         “กาย…อย่าเสียใจเลยลูก แม่ต่างหากที่ต้องขอโทษ  แม่ดีใจมากไปเลยโผเข้าไปกอดอย่างนั้นเป็นใครก็คงตกใจ  กายเองก็ต้องการเวลาปรับตัวเหมือนกันใช่ไหมลูก...หรือว่าแม่จะแก่มากไปลูกเลยจำไม่ได้หือเท็ด?” ประโยคหลังทำให้บรรยากาศตึงเครียดคลายลง  เด็กหนุ่มขยับเข้ามาหาดาน่าช้าๆดูลังเลไม่แน่ใจ แต่จู่ๆซันกลับเป็นฝ่ายกอดดาน่า  ความอบอุ่นคุ้นเคยหลั่งไหลเข้ามาท่วมท้น 
‘แม่’ คนคนนี้คือแม่ของเขา  แม่ที่เขาเคยใฝ่ฝันมาตลอดว่าคงมีสักวันที่เขาจะได้เจอ
แขนเรียวกอดกระชับขึ้นอีก  ดาน่ายืนตะลึงเงยขึ้นสบตากับเท็ดก่อนจะยิ้มปากสั่น  กอดตอบร่างผอมแนบแน่น
         “แม่…แม่ครับ”
         “กาย…โอ! กายของแม่…แม่คิดถึงลูกคิดถึงเหลือเกิน  แม่ฝันถึงลูกทุกคืนอยากกอดอยากจูบลูก  แต่พอได้กอดลูกก็กลายเป็นอากาศว่างเปล่าทุกครั้ง  คนดีของแม่  ต่อไปนี้แม่จะไม่ยอมให้ลูกไปไหนอีกแล้ว”   เท็ดยืนนิ่งลำคอตีบตัน  ดาน่าทั้งหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน  ไม่มีความยินดีใดมากไปกว่านี้อีกแล้ว   
นับแต่เท็ดโทรมาบอกเธอก็เฝ้ารอด้วยความหวาดหวั่น กลัวเหลือเกินว่าจะเป็นเพียงความฝัน  แต่ตอนนี้เธอได้กอดลูกอีกครั้งแล้วจริงๆ
         “ดาน่า เสียงรถเท็ดมาไม่ใช่เหรอ  แล้วนี่หายไปไหนกันหมด  ดาน่า…”
เสียงแดนนี่เรียกหาดังมาจากในบ้าน   ดาน่าคลายอ้อมแขนออก  เช็ดน้ำตาบนหน้าเซียวอย่างทะนุถนอม  ยิ้มกว้างอย่างยินดี
         “กาย…ไปลูกไปเซอร์ไพร์สพ่อกัน…ถ้าพ่อรู้ว่ากายยังไม่ตายพ่อต้องดีใจมากแน่ๆเลย  ไปเท็ดเดินบังน้องไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยเปิดตัว” ดาน่ารีบดันไหล่เท็ดนำเข้าไป  อีกมือจูงซันไว้แน่นราวกับกลัวหาย  แดนนี่นั่งอยู่บนรถเข็นหน้าห้องรับแขก เขาเหลียวกลับมาเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู 
         “เท็ด!…ฮะฮะพ่อว่าแล้วเชียวว่าต้องเป็นเสียงรถของเท็ด  แม่นะสิหูเพี้ยนเขาว่าไม่ใช่  อ้าว!แล้วนั่นพาใครมาด้วยล่ะ?”
         “ดูสิคะนี่ใคร” ดาน่าดึงไหล่บางมาข้างหน้าช้าๆ  แดนนี่ขมวดคิ้วจ้องมองเด็กหนุ่มเขม็ง
         “หืม?คุ้นๆนะ…เหมือน…กาย!กายลูก!” แดนนี่ผวาขึ้นจากรถเข็นจนเกือบล้ม  เท็ดกระโดดเข้าไปคว้าไว้ได้ทัน พยายามจะประคองให้แดนนี่นั่งแต่แดนนี่ปัดแขนของเท็ดออกเพื่อจะตะเกียกจะกายมาหาลูก  ซันผงะ ภาพซ้อนทับผุดวาบขึ้นมาในหัว เป็นภาพผู้ชายคนนั้นกำลังกระชากคอเสื้อเท็ดขึ้นมาต่อยเลือดแดงฉานอาบเต็มหน้าเท็ด 
         “ไม่!…อย่านะ!…อย่า!…อย่าทำร้ายเขา!”ร่างบางโผเข้าไปผลักจนแดนนี่ล้มลงอีกมือพยายามลากเท็ดให้ออกห่าง  เท็ดตะลึงพอได้สติก็พยายามจะเข้าไปจับแดนนี่แต่ซันกลับดึงเขาไว้  ดาน่าอ้าปากค้างพอได้สติก็รีบเข้ามาประคองแดนนี่ซึ่งก็ตกใจไม่แพ้กัน
         “ไม่!…อย่าทำร้ายเขานะ…เท็ดหนีไปสิ…ไป!”
         “กาย!กาย!หยุด!ได้ยินไหมกาย?นี่กายผลักพ่อทำไม  กายตั้งสติหน่อยสิ”
เท็ดจับไหล่บางไว้แน่น  ภาพซ้อนทับในหัวหายไปซันยืนนิ่งงัน  นี่เขาทำอะไรลงไป?  เขาผลักคนพิการจนล้ม? ทำไมเขาเห็นผู้ชายคนนี้ทำร้ายเท็ด? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา  หรือว่าเขาวิกลจริตไปแล้ว! 
         “ผม…ผมขอโทษ…ผมไม่ได้ตั้งใจ…ขอ…ขอโทษครับ” ซันผงะถอยหลังกรูด  สายตาตกใจของคนทั้งสามทำให้เขาเสียใจ  ก่อนจะวิ่งหนีออกมาอย่างเสียขวัญ   
         “กาย!เดี๋ยวกาย…อย่าไปกาย!…กายฟังพี่…กาย!” เท็ดวิ่งตามมาทันที่บันไดขั้นล่างสุด   ซันพยายามจะสะบัดมือออกแต่เท็ดรัดร่างผอมมากอดแน่น  เด็กหนุ่มตัวสั่นน้ำตาไหลพราก  ร่างที่ดิ้นรนค่อยๆสงบลงเหลือแต่เสียงสะอื้น
         “ผมขอโทษ…ผมไม่ได้ตั้งใจจะผลักเขา….ผมไม่ได้ตั้งใจ…ไม่รู้เหมือนกันว่าทำอย่างนั้นทำไม…ขอโทษครับ…ขอโทษ…ฮือ”
         “กาย…อย่าร้องไห้คนดี ไม่ต้องกลัวไม่มีใครโกรธน้อง  ทุกคนเข้าใจกายนะ”
         “แต่…แต่ผมผลักเขา…ผมไม่ได้ตั้งใจแต่จู่ๆผมก็เห็นภาพเขาทำร้ายคุณ  ผม…ผมไม่รู้…ไม่รู้ว่าทำไมต้องทำแบบนั้น”
         “เห็นพ่อทำร้ายพี่เหรอ…กาย…พระเจ้า!…น้องจำได้!” เท็ดอุทานอย่างยินดี คลายอ้อมแขนออกเพื่อมองเด็กหนุ่มให้ถนัดขึ้น  ตาโตดูสับสนกังวลและตกใจ
         “ผม…ผมจำได้…จำได้ใช่ไหม…เขาเคยทำร้ายคุณจริงๆเหรอ?”
         “ใช่…แต่มันเป็นความผิดของพี่แล้วพ่อก็แค่โมโหไปชั่ววูบเท่านั้น”
         “แต่ผมเห็นเขาทำร้ายคุณจนเลือดไหล…แล้ว…ไม่!นึกสิ…นึกให้ออก…นึกสิ…โธ่!”  เด็กหนุ่มบีบขมับตัวเองแรงๆพยายามจะนึกให้ออก  เท็ดดึงมือที่กดขมับออกและรวบร่างบางมากอดไว้
         “กาย…อย่าทำอย่างนี้  ช่างมันนึกไม่ออกก็ช่าง  อย่าบังคับตัวเองอย่างนี้มันไม่ดีกับตัวกายเลยนะ”
         “แต่ผมอยากนึกให้ออก…ผม” 
         “เท็ด…กายเป็นไงบ้าง?”ดาน่าตามออกมามองอย่างเป็นห่วง 
         “ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ…ผมขอโทษ” ซันหน้าสลดด้วยความเสียใจ  ดาน่าเดินมากอดร่างผอมไว้ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยชวนเบาๆ
         “เข้าไปข้างในกันไหมลูก…พ่อเขาอยากเจอกาย”
เด็กหนุ่มเหลียวมองเท็ดก่อนจะพยักหน้าช้าๆ  ดาน่าโอบร่างบางกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง  แดนนี่นั่งอยู่บนรถเข็นเรียบร้อยแล้ว  ใบหน้าอูมแดงกล่ำ  สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
         “กาย…กายมาหาพ่อสิลูก” 
         ซันเดินเข้าไปหาช้าๆแต่เมื่อแดนนี่ยื่นมืออกมา  ภาพที่แดนนี่ทำร้ายเท็ดก็ผุดขึ้นมาในหัวอีก  ซันเงยขึ้นสบตา ใบหน้าเย็นชาเกรียวกราดซ้อนทับเข้ามา  เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกถอยหลังกรูดแต่แดนนี่คว้าข้อมือเขาไว้แน่น 
         “ไม่!…อย่า…อย่าจับตัวผม…เท็ด…ช่วยด้วย!” ซันพยายามสะบัดมืออก  แต่ภาพซ้อนทับก็หายไปเหลือเพียงหน้าซีดเผือดที่ดูตกใจและเสียใจของแดนนี่ 
         “ผม…ผมขอโทษ  อึก…” ซันคู้ตัวลงและอาเจียรออกมา  เท็ดช้อนร่างผอมขึ้นมาอุ้มอย่างตกใจ  เด็กหนุ่มกดศรีษะแน่นหน้าซีดขาวและเริ่มดิ้นทุรนทุรายเพราะอาการปวดศรีษะ
         “กาย!..กาย!อย่าเป็นอะไรนะลูก เท็ดช่วยน้องด้วย!” แดนนี่ตัวสั่น ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
         “กาย…กายเป็นไงบ้าง…กายตอบพี่หน่อย”
         “ดาน่าลูกเป็นอะไร?…เท็ดน้องเป็นอะไร?”
         “ผมจะพากายไปโรงพยาบาล…แม่ครับดูพ่อก่อนนะ เดี๋ยวผมโทรมา”
เท็ดช้อนร่างอ่อนพับขึ้นอุ้มวิ่งออกไปที่รถ  แดนนี่พยายามจะเข็นรถตามไปแต่ดาน่ายึดเขาเอาไว้
         “อย่าค่ะ!…เท็ดกำลังจะพากายไปโรงพยาบาลแล้ว”
         “ผมจะไปด้วย…เร็วดาน่าไปโรงพยาบาลกัน  เท็ดรอพ่อก่อน”
         “ไม่คะ!เราไปไม่ได้ ยิ่งเราไปด้วยเท็ดจะยิ่งช้านะคะ ให้เท็ดพากายไปโรง-พยาบาล ก่อนเดี๋ยวเราค่อยเอารถตามไปนะคะ” แดนนี่นั่งนิ่งขึงมองตามรถของเท็ดไปอย่างผิดหวังขณะที่ดาน่าวิ่งไปคว้ากุญแจรถกับเสื้อคลุมของเธอและแดนนี่ แต่เมื่อกลับมาที่ห้องโถงก็เห็นแดนนี่ฟุบอยู่บนรถเข็น
         “คุณคะ!…ตายแล้วหน้าคุณซีดจัง เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
         “ดาน่า…ลูกเกลียดผมคุณเห็นไหมดาน่า…กายเกลียดผม เขาไม่ยอมให้ผมถูกตัวเขาด้วยซ้ำ  เขาทั้งเกลียดทั้งกลัวผม  ผมเป็นปีศาจไปแล้วในสายตาลูก 
ดาน่านี่ผมทำผิดขนาดนี้เชียวหรือนี่?”
         “คุณคะ…แดนนี่!…ตายจริง!…เดี๋ยวค่ะเดี๋ยวใจเย็นๆค่ะ อ้าปากค่ะแดนนี่ อมไว้นะคะ ใจเย็นๆค่ะที่รัก” ดาน่ารีบเอายาให้แดนนี่อม อาการโรคหัวใจของแดนนี่กำเริบอีกแล้ว ดาน่าเข็นรถของสามีกลับไปที่ห้องนอน ค่อยๆประคองให้แดนนี่นอนลงบนเตียง  ครู่ใหญ่อาการของแดนนี่ก็ค่อยทุเลาลง  ดาน่าลูบศรีษะสามีอย่างอ่อนโยน  หัวใจของคนเป็นพ่อกำลังแหลกสลาย  ปฏิกิริยาของกายทำให้แดนนี่ตกใจ 
         “ที่รักคะ…กายความจำเสื่อมน่ะคะเขากลัวคนแปลกหน้าทุกคน เท็ดเองกว่าจะทำให้เขายอมรับได้ก็ตั้งนาน แล้วนี่เราเพิ่งเจอลูกครั้งแรกลูกอาจจะสับสนไปบ้าง  อย่ากังวลเลยค่ะ  เดี๋ยวพอลูกหายตกใจก็จะยอมรับคุณเองแหละค่ะ”
         “คุณก็รู้ว่าไม่จริงดาน่า กายยอมรับคุณ แต่ลูกไม่ยอมรับผม เขาไม่ยอมให้ผมถูกตัวเขาด้วยซ้ำ”แดนนี่เหลียวกลับมาสบตาภรรยา น้ำตาลูกผู้ชายไหลริน  มันเป็นความเจ็บปวดที่แสนสาหัสไม่น้อยกว่าครั้งที่เขาคิดว่ากายตาย   ดาน่าสะอื้นบีบมือสามีแน่น
         “ให้เวลาลูกอีกหน่อยนะคะแดนนี่”
         “แล้วถ้ากายไม่ยอมรับผมตลอดไปล่ะดาน่า…ผม…ผมจะทำยังไง?”
         “ที่รักคะ…อย่าเพิ่งคิดอะไรไปก่อนเลยนะคะ  ไว้ถึงเวลานั้นแล้วเราค่อยมาคิดกันว่าจะทำยังไง” แดนนี่พยักหน้าช้าๆความหวังดูริบหรี่และเลือนลางเหลือเกินสองสามีภรรยากุมมือกันแน่นเหมือนจะช่วยปลุกปลอบกันและกัน
                   
         “หมอครับ   กายเป็นไงบ้าง?”
         “เขาเครียดนะครับ  เครียดมาก  คงพยายามจะนึกให้ออก  บีบคั้นตัวเองจน
ช็อค” จิตแพทย์หนุ่มใหญ่ดูกังวลอย่างเห็นไห้ชัด  อาการของเด็กหนุ่มทำให้เขาวิตก  เท็ดถอนใจยาวหน้าหมอง  ริชเดินมาตบไหล่เพื่อนเบาๆ  ราเชลก็เข้ามายืนข้างๆ  อาการของกายทำให้ต้องตัดสินใจเรียก‘ซอเรน’มาดูแลจนได้
         “ผมจะทำยังไงดีครับหมอ?”
         “ผมว่าคุณน่าจะพาเขาไปพักผ่อนที่ไหนสักแห่ง เป็นที่ๆเขาไม่เคยไปเลยยิ่งดี เพราะหากไปเห็นอะไรที่คุ้นตาเขาต้องพยายามนึกอีกแน่ๆ ผมว่าแทนที่เขาจะจำได้กลับจะทำให้แย่ไปมากกว่านี้”
         “ฉันว่าพาไปที่รีสอร์ทก็ดีนะ  ที่นั่นค่อนข้างเงียบ  คงช่วยให้กายรู้สึกดีขึ้น”
 ริชเสนอความเห็นขึ้นมาเบาๆ เท็ดเองก็เห็นด้วย 
         “ดีเหมือนกัน กายไม่เคยไปที่นั่นคงไม่มีปัญหาเรื่องคุ้นตาจนต้องพยายามนึกให้ออกอีก”
         “งั้นฉันจะให้ทางโน้นเตรียมรอรับ  ว่าแต่นายจะพากายไปเมื่อไหร่?”
เท็ดหันกับมาปรึกษาหมอ เมื่อรู้ว่าสามารถไปได้ทันทีริชก็ออกไปโทรศัพท์สั่งลูกน้องแต่ก็ไม่วายคว้าข้อมือราเชลออกไปด้วยเพราะไม่อยากให้อยู่ใกล้ชิดกับซอเรน นาย-แพทย์หนุ่มมองตามอย่างอาวรณ์  เท็ดเองก็สงสารแต่เรื่องนี้คงไม่มีทางที่จะช่วยให้ซอเรนสมหวังได้ เขาได้แต่ภาวนาให้คนดีอย่างซอเรนได้เจอคนที่เขามีสิทธิ์รักได้เร็วๆ


         “พ่อกับแม่นายว่าไงบ้าง?”  ริชถามขณะที่ช่วยเท็ดขนของขึ้นรถตู้
         “แม่เห็นด้วย ส่วนพ่อตั้งแต่วันที่ถูกกายผลักก็เอาแต่ซึมไม่ยอมกินอะไรเลย  นี่แม่ต้องพาไปบำบัดอีกแล้ว หมอก็ขอให้แม่พาพ่อไปพักผ่อนเสียที  คราวนี้เห็นว่าจะไปหาป้าแมรี่ที่สิงค์โปร์ คงช่วยให้อะไรๆดีขึ้นบ้าง” เท็ดดึงท้ายรถปิดลง  วันนี้เขาจะพากายไปพักผ่อนที่รีสอร์ทบนเกาะส่วนตัวของตระกูลแฮมิลตัน ที่นั่นต้อนรับนักท่องเที่ยวเกรดเดียวคือญาติมิตรและคนในตระกูลแฮมิลตันเท่านั้น  แม้เกาะนี้จะค่อนข้างใหญ่แต่ก็ไม่มีคนภายนอกเข้าไปอยู่ ชาวบ้านที่นั่นคือครอบครัวของพนักงานที่ทำงานให้รีสอร์ทเท่านั้น   ริชจัดการเคลียร์ไม่ให้มีใครเข้าไปพักได้อีกจนกว่าเท็ดกับกายจะกลับเพื่อให้กายได้เป็นส่วนตัวมากที่สุด
         “ทางโน้นเอาเครื่องบินมารอรับที่ท่าเรือแล้ว   โชคดีนะเท็ด….ขอให้นายทำให้กายกลับมาเป็นกายคนเดิมได้สำเร็จ”
         “ขอบใจมากริช”
                         ……………
         “กาย…ดูโน่นสิ…สวยไหม…นั่นแหละเกาะที่เราจะไปพักกัน”
         “สวยจัง…เกาะนั่นของริชหรือครับ?”
         “จะว่าอย่างนั้นก็คงได้  แม้ตอนนี้จะเป็นของตระกูลแฮมิลตันแต่อนาคตก็ต้องเป็นของริชอยู่ดี…กายเตรียมตัวนะเครื่องจะลงแล้ว”
เครื่องบินโดยสารขนาดเล็กร่อนลงจอดบนลานอย่างนุ่มนวลแสดงถึงฝีมือของคนขับ  ร่างสูงโดดลงมาก่อนจะหันไปช้อนร่างผอมบางอุ้มเข้าไปในอาคาร  ซันหน้าแดงพยายามจะลงเดินเองแต่ก็ถึงเสียก่อน  ชายหนุ่มวางเขาลงเบาๆบนเก้าอี้ตัวใหญ่ในห้องรับรอง 
         “สวัสดีครับคุณเท็ด คุณกาย  รีสอร์ทแฮมิลตันยินดีต้อนรับครับ”
         “แจ็ค!นี่นายมาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย?”
         “คุณริชส่งผมมาทำงานที่นี่ครับ  ยินดีที่ได้รับใช้คุณเท็ดอีกครั้งครับ”
         “กาย…นี่แจ็คเพื่อนเก่าของพี่กับริช”
เท็ดก้มลงบอกเด็กหนุ่มเบาๆซันเงยขึ้นยิ้ม แจ็คมองการแสดงออกของเท็ดอย่างเผลอๆ สายตาที่เปี่ยมด้วยความรักความห่วงใยของทั้งสองทำให้เขาเต็มตื้นและเจ็บปวดอยู่ลึกๆเมื่อนึกถึงตัวเอง   
         “โอ้โห!อย่าเรียกว่าเพื่อนเก่าเลยครับ   สวัสดีครับคุณกายยินดีรับใช้ครับผม”
         “ครับ…เอ่อ  ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณแจ็ค”
         “ว้า!อย่าเรียกผมซะหรูอย่างนั้นสิครับเดี๋ยวผมตกงานกันพอดี” 
ซันหน้าแหยแต่แจ็คกับเท็ดหัวเราะชอบใจ  แจ็คนำเท็ดและกายไปยังบ้านพักด้วยรถไฟฟ้าที่ใช้ในสนามกอล์ฟ   รีสอร์ทขนาดใหญ่ประกอบด้วยหมู่อาคารหรูหราและบ้านพักนับสิบหลัง แต่หลังที่ริชเลือกไว้ให้เป็นบ้านพักขนาดเล็กตั้งอยู่ริมน้ำตกค่อนข้างห่างจากบ้านหลังอื่นๆ สวนที่จัดให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติงดงามจนเด็กหนุ่มตะลึง ทางเล็กๆทอดยาวจากตัวบ้านไปจรดชายหาดท่ามกลางดงสนและป่าโปร่งร่มรื่น แสงแดดยามเย็นสาดส่องทั่วบริเวณจนกลายเป็นสีเหลืองทองอ่อนๆ
         ซันเดินสำรวจบ้านอย่างตื่นเต้น  บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้สองชั้นบันไดทางขึ้นอยู่ด้านหน้า ซึ่งเป็นระเบียงกว้างตลอดแนวโปร่งโล่ง  หลังคาระเบียงเป็นวัสดุกันความร้อนสามารถพับเก็บได้  มีไม้สนกั้นเป็นราวรอบ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆนอกจากเก้าอี้นอนปูด้วยเบาะสีสดใสตั้งชิดด้านใน    ห้องนอนสองห้องอยู่ติดกันแต่ด้านหลังมีระเบียงแยกกันเป็นสัดส่วน  กลางห้องตั้งเตียงขนาดใหญ่สี่เสา มีมุ้งโปร่งสีครีมตกแต่งให้สวยมากกว่าจะใช้งานจริง  ด้านที่ติดกับระเบียงหลังเป็นกระจกใสทั้งแถบแต่มีม่านสีอ่อนปิดไว้ หากต้องการความโล่งสบายก็สามารถรูดเก็บได้  ใต้ระเบียงด้านหน้าเป็นสวนสวย  แต่ระเบียงด้านหลังจะติดกับน้ำตกจำลองสูงประมาณ 3-4เมตร น้ำที่ตกลงมาค่อนข้างแรง ยามที่ลมแรงๆจะพัดเอาละอองน้ำมาถึงระเบียงทีเดียว ซันเพิ่งสังเกตว่าแม้จะเป็นสองห้องนอนแต่กลับมีห้องน้ำเพียงห้องเดียว โดยตั้งอยู่ระหว่างสองห้องนอน ยังดีที่มีล็อคอยู่ด้านในทั้งสองประตู
         แม้จะไม่มีคำพูดใดๆแต่สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีนั้นก็ทำให้เท็ดพอใจแล้ว   แก้มซีดเซียวเริ่มเป็นสีระเรื่อเพราะเด็กหนุ่มเดินไปจนทั่วบริเวณ  ลมแรงที่เริ่มเย็นทำให้เท็ดนึกเป็นห่วง แต่ยังไม่อยากขัดใจ
         “ไปเดินดูหาดได้ไหมครับ?”
         “ลมแรงนะ  จะไปเดินริมทะเลตอนนี้เลยเหรอ?”
         “ครับ…แต่ถ้าคุณเท็ดเหนื่อยค่อยไปพรุ่งนี้ก็ได้”
         “พี่ไม่เหนื่อยหรอก  ถ้ากายอยากเดินเล่นก็ไปกันเลย” 
ซันสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ กลิ่นเค็มที่คุ้นเคยมาตลอด7ปี ลมแรงปะทะหน้าเย็นเยือกจนต้องห่อไหล่นิดๆ ยังไม่ทันขยับเสื้อคลุมตัวใหญ่ก็ถูกสวมให้ราวกับเขาเป็นเด็กเล็กๆ 
         “วันนี้ค่อนข้างเย็นใส่ไว้หน่อยนะจะได้ไม่เป็นหวัด”
หางเสียงที่ทอดอ่อนโยนอบอุ่น    ซันขอบคุณเสียงเบาอย่างเขินๆ ก่อนจะเสมองไปรอบๆถึงจะเป็นเกาะเหมือนกัน แต่ที่นี่กลับให้ความรู้สึกแตกต่างกับที่ๆเขาเคยอยู่  ที่นั่นเต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติที่เข้าไปอยู่เพื่อหลบซ่อนจากสายตาเจ้า-หน้าที่ รอจนได้รับกรีนการ์ดแล้วก็ไป  แต่บางส่วนก็สมัครใจที่จะอยู่ที่นั่นเพราะลงหลักปักฐานไปแล้วหรือไม่ก็ไม่มีที่ไปเพราะเคยมีคดีติดตัว  ส่วนเขาเองก็เหมือนเด็กหลงทางที่ไม่มีปัญญาบอกแม้แต่ชื่อตัวเอง  ซันถอดรองเท้าออกแล้วเดินลุยไปบนทรายนุ่มๆ  หากอยู่ที่เกาะขืนทำแบบนี้เท่ากับฆ่าตัวตายทางอ้อมเพราะที่นั่นเต็มไปด้วยเศษแก้ว ขยะ เปลือกหอย เปลือกปูฯลฯ  หางตาเขายังเห็นปลายรองเท้าผ้าใบก้าวตามมาเงียบๆ  ซันปล่อยอารมณ์ไปกับความเขียวครึ้มของต้นไม้รอบกาย  หาดทรายขาวทอดยาวและไปสิ้นสุดที่ผาหินเตี้ยๆ  นกทะเลโฉบผ่านลงมาใกล้ราวกับไม่กลัวมนุษย์  เด็กหนุ่มเหลียวไปมองคนข้างหลังนิดหนึ่งทำให้เสียจังหวะการเดิน  อาการเจ็บแปลบบริเวณสะโพกเป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดี  ขาที่ก้าวได้สบายๆเริ่มขัดๆทำให้ต้องเขยกมากขึ้น  ซันหน้าร้อนผ่าว เป็นครั้งแรกที่นึกอายความพิการของตนเอง  นับแต่ฟื้นจากความตายเขาไม่เคยแยแสต่อสายตาของคนรอบข้าง ไม่สนใจว่าใครจะสมเพชเวทนาแค่ไหน  เพราะการที่ลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าสมองว่างเปล่า ไม่ใครหรือความทรงจำใดๆนั้นทุกข์ทรมานยิ่งกว่าที่จะมานั่งอับอายกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ  แต่ครั้งนี้เขากลับไม่อยากให้ผู้ชายคนนี้เห็นความพิการของตัวเอง ทางเดียวที่ทำได้คือหยุดเดิน  ซันหันกลับมาเผชิญหน้ากับร่างสูง รอยยิ้มอ่อนโยนรอรับอยู่ก่อนแล้ว
         “เหนื่อยหรือยัง?…เดินมาตั้งไกล พักก่อนนะ”   
ร่างสูงทรุดลงนั่งก่อนจะตบพื้นทรายข้างตัวเบาๆซันค่อยๆหย่อนตัวลงเพราะสะโพกเริ่มตึงและปวดมากขึ้น
         “คุณริชดูสนิทกับคุณมากเลยนะครับ”
         “ไม่รู้ว่าเริ่มญาติดีกันตอนไหน แต่กว่าจะรู้ตัวพี่กับริชก็กลายเป็นเพื่อนซี้กันไปแล้ว  เมื่อก่อนตอนที่เขาสนิทกับกาย….”
         “ทำไมครับ?”
         “เปล่า…แค่จะบอกว่าเขาเคยเป็นคู่หูกับกายมาก่อนนะ”
         “งั้นหรือครับ….ฮะ…ฮัดเช้ย!”
         “เราคงเดินกันนานไปแล้วล่ะ  เข้าบ้านเถอะเดี๋ยวจะไม่สบาย”
         “เอ่อ…นั่งอีกเดี๋ยวได้ไหมครับ…ฮัดเช้ยๆ!”
         “ไม่ไหวแล้วมั้ง  พี่ว่าเรากลับบ้านพักกันดีกว่า”
ซันอึกอักเพราะอาการปวดสะโพกเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนไม่อยากเคลื่อนไหวตอนนี้   ร่างสูงผุดลุกขึ้นพร้อมๆกับดึงเขาลุกขึ้นมาด้วย ปัดทรายที่ติดบนสะโพกและต้นขาออกให้เบาๆก่อนจะช้อนตัวเขาขึ้นอุ้มหน้าตาเฉย  ซันสะดุ้งดิ้นจะลงแต่ก็เจ็บสะโพกจี๊ดขึ้นมาจนต้องหยุด  ได้แต่ปล่อยให้ชายหนุ่มอุ้มเดินลิ่วราวกับตัวเขาไม่มีน้ำหนัก 
อ้อมแขนนี้อบอุ่น..ซันหลับตาซบบนอกกว้าง  กลิ่นหอมอ่อนๆคุ้นเคยเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอชวนให้เพลิดเพลินอยากให้ทางเดินทอดยาวไกลไปเรื่อยๆไม่มีวันสิ้นสุด…กลิ่นหอมของดอกไม้อบอวล  รอบๆตัวเริ่มอุ่นขึ้น  ไม่มีเสียงลมหวีดหวิวมาปะทะ ซันยังคงหลับตาพริ้มแม้จะรู้สึกว่าจังหวะการก้าวเดินเปลี่ยนไปแต่อ้อมแขนนี้กลับโอบล้อมความคิดของเขาให้หมุนวนอยู่ในนี้เท่านั้น  จู่ๆแผ่นหลังก็สัมผัสกับความนุ่มหยุ่น กลิ่นดอกไม้ผสมกับกลิ่นแดดหอมกรุ่น  ผ้านุ่มๆคลุมลงมาบนอกพร้อมๆกับลมหายใจร้อนแตะเบาๆที่หน้าผาก
         “ฝันดีนะ  คนดีของพี่”
         “อืม…”  แล้วอนุสติก็ลางเลือนไป
……………
“กาย…กาย…ลุกไหวไหม?”
         “อืม…คุณเท็ด…กี่ทุ่มแล้วครับ?”
         “เกือบ5ทุ่มแล้ว…กินซุบสักนิดนะจะได้กินยา” เด็กหนุ่มตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น อาหารถูกยกมาถึงเตียง  รสชาติของซุบถูกใจเด็กหนุ่มมากจนกินหมดอย่างรวดเร็ว 
         “เอาอีกไหม?”
         “พอแล้วครับ  เอ่อ…ที่นี่เขาทำซุบอร่อยจังครับ”  ซันออกตัวเขินๆเมื่อเห็นตาคมเป็นประกายระยับ
         “กายชอบใช่ไหม?”
         “ครับ…มันอร่อยกว่าที่ร้านอีก”
         “ถ้างั้นพรุ่งนี้จะให้มีซุบอีกนะ”
         “ขอบคุณครับ…คุณเท็ดละครับทานอะไรหรือยัง?”
         “เรียบร้อยแล้ว…ถ้าอิ่มแล้วก็นอนต่อนะ”
         “ผมตาสว่างแล้ว…ขอออกไปรับลมที่ระเบียงได้ไหมครับ?”
         “เอาสิ…เดี๋ยวนะ” ชายหนุ่มลุกออกไปที่ระเบียงแล้วกลับเข้ามาหอบผ้าออกไปหลายผืน  ซันนั่งงงไม่เข้าใจว่าเท็ดทำอะไร
         “เอาละเรียบร้อย  มาสิ…”
         “ครับ…ทำไมผ้ามันเยอะอย่างนี้ละครับ?”
         “ก็อากาศค่อนข้างเย็น  กลัวว่ากายจะเป็นหวัดเอานะสิ”
         “ขอบคุณครับ” ร่างผอมแทบจะจมหายลงไปในกองผ้าห่ม  เท็ดทรุดลงนั่งข้างๆ ไอตัวร้อนผะผ่าวจากร่างหนาทำให้เด็กหนุ่มเผลอกลั้นใจ  หัวใจเต้นระรัวขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล   ลมทะเลหอบเอากลิ่นหอมของดอกไม้และไอเย็นจากน้ำตกขึ้นมาถึงบนระเบียง  ซันสูดลมหายใจยาวลึกเพื่อให้หัวใจเต้นช้าลง  เสดึงผ้ามาห่มเพื่อให้เกิดระยะห่างจากร่างสูง  แต่ชายหนุ่มกลับเข้าใจไปอีกทาง
         “หนาวเหรอ…อุ่นขึ้นไหม?”
ซันใจหายวาบเมื่อถูกรวบเข้าไปไว้ในตักกว้าง ปากซีดเผยอเหมือนจะกล่าวคำปฏิเสธแต่กลับไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ร่างกายกลับเอนซบลงอย่างง่ายดาย  ปากร้อนสัมผัสบนหน้าผากแผ่วเบา  เด็กหนุ่มหลับตาลง แต่กลับเผยอปากเหมือนรอคอยบางอย่าง… ‘รอคอยงั้นเหรอ  นี่เรากำลังรออะไร?’  ซันลืมตาขึ้นแล้วก็รีบหลับลงไปใหม่เพราะเห็นชายหนุ่มกำลังจะก้มลงมา ลมหาย ใจรินรดที่หน้าผากและแก้มจนร้อนผ่าวทั้งหน้า 
         “ถ้าง่วงก็หลับไปเลยนะ”
         ‘เฮ้อ!…ใครจะไปหลับลง ก็เล่นกอดซะแน่นขนาดนี้…จะว่าไปก็อุ่นดีนะ’ เด็ก-หนุ่มเผลอคิดโน่นคิดนี้และผลอยหลับไปด้วยฤทธิ์ยา 
...............


 :pig4:

hene2526

  • บุคคลทั่วไป
ขอจิ้มก่อนอ่าน...อิอิ

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
คงจะค่อยๆดีขึ้นสินะกาย
แต่ว่าจะมีอะไรแทรกเข้ามาอีกหละเนี่ย
บวก 1 แต้ม ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :-[ :-[ :-[ หวานมากๆ   นี่แค่เริ่มต้นใช่มะ เดี๋ยวต้องมีอะไรต่ออีกแน่ 

แค่คิดก็สนุกแระ   :impress2: :impress2:

ขอบคุณคนโพสต์จ้า   :pig4:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
แอร๊ยยยยย คู่นี้ทำเบาหวานกำเริบ น้ำตาลพุ่งพรวด  น่ารักมากกกกก  :o8:

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
กายคงจะหายดีในไม่ช้านี้นะครับ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ดันๆ  :z2: :z2: คืนนี้มามั๊ยเอ่ย  :z2: :z2:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เท็ด กะ กาย ไปลอยกระทงหรือเปล่า ทำไมยังไม่มาอีกอะ  :z3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด