"คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ  (อ่าน 82736 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ใกล้จะถึงความจริงล่ะ  :interest: :interest: :interest:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

...................จาได้รู้แว่ใครเป็นนางมารร้าย......... :laugh5: :laugh5:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
"ตอนที่ 6/5"


ผมกับบูมนั่งรอแพทสักครู่ใหญ่ แพทก็นั่งรถมาถึงและตรงเข้ามาคุยกับพวกเราด้วยความตื่นเต้น.........
“ได้เรื่องแล้วล่ะโย เมื่อตอนเย็นเราแกล้งบอกว่าจะซื้อคอมพิวเตอร์เลยนัดอาร์ทไปที่พันธุ์ทิพย์ ตอนที่พวกเรากำลังเดินๆอยู่ เราเห็นอาร์ทมี PCT ด้วยแหละ”แพทเล่าอย่างตื่นเต้นขณะนั่งลงสนทนากับพวกผม

“หรอ......อืมมม....อย่างนี้ก็น่าจะเข้าเค้านะ” บูมสนับสนุน

“แต่มันก็แปลกนะ เพราะอาร์ทจะรู้เบอร์โทรศัพท์มือถือของเราได้ยังไง ยิ่งเบอร์บ้านด้วยแล้วยิ่งลำบากนะ”ผมพูดด้วยความสงสัย

“อืมม...มันก็จริงนะ แต่ไม่เป็นไร เราว่าเดี๋ยวเราจะตามสืบต่อ” หญิงสาวพูดอย่างมาดมั่น

“แล้วที่แพทมานี่ เพราะเรื่องแค่นี้เองอ่ะนะ”บูมเอ่ยถาม

“อืมมม.....ก็คนกำลังตื่นเต้นนิ......แหม ไม่ได้คิดจะมาเป็น กขค หรอกน่า”แพทยิ้มอย่างรู้ทัน

“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เราก็ขอบใจแพทมาก ๆ แล้ว อีกอย่างเรากับบูมก็ไม่ได้สวีทอะไรกันหรอก พวกเรามาออกกำลังกายกันแค่นั้นเอง”ผมกล่าวขอบคุณหญิงสาวที่แสนดี

“นิบูม....หัดดูโยเค้าเอาไว้เป็นตัวอย่างซะบ้าง....แพทช่วยบูมตั้งกี่ครั้งแล้วยังจะมาพูดแบบนี้กับแพทอีก”แพทหันไปว่าบูม (จ๋อยไปเลย) แล้วหันมายิ้มให้ผม

“ช่วยก็ส่วนช่วยสิ.....ตอนนี้มันเวลาไหนกันแล้วแพท” บูมเถียงน้ำเสียงซีเรียสนิด ๆ

“เวลาอะไรของใคร แพทไม่สนใจหรอก....โย... คือ แพทอยากจะไปเดินซื้อของขวัญให้แฟนน่ะ ทีนี้แพทไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรให้เค้าดี โยไปเป็นเพื่อนแพทหน่อยได้ไหม.....ครั้งที่แล้วนะ แพทเอาอีตานี่ไปอ่ะ จะให้แพทซื้อแต่นาฬิกาอยู่นั่นแหละ”แพทเอ่ยชวนผมพลางหรี่ตาไปบอกบูม

“ได้สิ.....จะไปตอนนี้เลยไหมล่ะ เราว่างอยู่พอดีเลย” ผมพูดยิ้ม ๆ

“ได้ไงล่ะ....แพทอ่ะไปวันหลังเลย วันนี้เค้าไม่ว่าง” บูมหันไปทำหน้าไม่พอใจแพท

“วันหลังได้ยังไง พรุ่งนี้วันเกิดเค้าแล้วนะ ไปกันเถอะโย อย่าไปฟังตานี่เลย.................”แพทหันมาฉุดผมลุกขึ้นเดิน

“แพท..............”บูมร้อง

“จะไปไหม มัวแต่นั่งเซ่ออยู่ได้” แพทหันกลับมาเรียก

“ไป ๆ ๆ เดี๋ยวไปหยิบกุญแจรถก่อนนะ” บูมหน้าบึ้งและเดินไปหยิบกุญแจรถแล้ววิ่งตามออกมา

ระหว่างทางที่เราขับรถไป ผมรู้สึกเหมือนกับว่ามีรถขับตามหลังมาตลอดทาง แต่ผมเองก็ไม่คิดอะไรมากเพราะนี่เป็นชีวิตจริงไม่ใช่ละครจะได้มีคนขับตามรถเราออกมา อีกอย่างพวกผมก็ไม่ได้เป็นคนเด่นดังอะไรนักหนา ผมเลยเฉย ๆ คิดว่าเค้าน่าจะไปห้างเดียวกันกับพวกผมซะมากกว่า.......

ผมกับแพทเดินเลือกซื้อของเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อยู่เป็นชั่วโมง จนในที่สุดแพทก็ตัดสินใจเลือกกระเป๋าตังค์ให้เป็นของขวัญวันเกิดของแฟน

“บอกแล้วว่าซื้อนาฬิกาก็จบตั้งนานแล้ว ดูสิมืดแล้ว ต้องไปส่งแพทอีก”บูมบ่น ขณะนั่งทานน้ำอยู่ในร้านฟาสต์ฟูดส์แห่งหนึ่ง

“นี่บูม แพทเคยซื้อให้เค้าไปแล้วนะ ก็บูมนั่นแหละที่เป็นคนไปเลือก ยังจะให้ไปซื้อแต่นาฬิกาอีก” แพทหันกลับมาว่าบูม

“ก็ใส่สลับกันไง”บูมยังคงเถียงต่อไป จนผมต้องออกมาห้ามทับ

“พอเลย...บูมอ่ะ...แพทเค้าจะซื้ออะไรก็เรื่องของเค้า ว่าแต่บูมไม่ต้องซื้อนาฬิกาให้เรานะ เรามีแล้ว...”บูมพูดแซวพลางหัวเราะพร้อม ๆ กับแพท

“ใครบอกว่าเราจะซื้อนาฬิกา เราจะซื้อคอมดอมมาฝากสักโหลต่างหาก”บูมแอบมากระซิบข้าง ๆ หูผม จนผมหน้าแดง

“ซุบซิบอะไรกัน ทำไมโยต้องหน้าแดงด้วยล่ะ”แพทถามด้วยความสงสัย

“ไม่มีอะไรหรอกแพท...อย่าไปสนใจเลย”ผมพยายามบ่ายเบี่ยง....


“ว่าไงจ๊ะ...มาเดินเที่ยวกันหรอ นั่งด้วยคนสิ” อาร์ทเดินมาจากไหนไม่รู้อยู่ดี ๆ ก็แทรกขึ้นมาและลงไปนั่งข้างแพท (ตรงข้ามกับบูม)

“อาร์ทมาได้ยังไง ไหนว่ามีธุระไงล่ะ” แพทเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ก็พอดีเราทำธุระเสร็จเลยกะว่าจะมาหาอะไรทานสักหน่อย แล้วเหมือนฟ้ามีตาให้เราได้มาเจอกับบูม”อาร์ทหันกลับมาทำตาหวานกับบูม จนผมต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้ (อาร์ทหันมาจ้องผมเหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้ออย่างงั้นแหละ)

“อ้าวหรอ เรากำลังจะกลับพอดี งั้นดีเลย อาร์ทเอารถมาใช่ไหม” บูมถาม

“อืมม....”อาร์ทพยักหน้า ยิ้ม ๆ (สงสัยนึกว่าบูมจะขอกลับด้วย)

“งั้นเดี๋ยวแพทจะกินต่อใช่ไหม............อาร์ทช่วยไปส่งแพทด้วยนะ พอดีเรามีธุระต่อ เราไปละ....ไปกันเถอะโย” บูมพูดจบก็สะกิดให้ผมลุกขึ้น แล้วรีบเดินหนีออกไปด้วยความรวดเร็ว

“อ้าวทำไม ไม่อยู่คุยกับเค้าต่อล่ะ สนุกดีออก”ผมแซวบูม

“โยอยากให้เราคุยกับเค้าหรอ”บูมถามกลับยิ้ม ๆ

“อืมม...เห็นความพยายามน่ะ เราว่านะ อาร์ทน่าจะขับรถตามเรามา เพราะตอนขามาเราว่าเราเห็นอยู่ แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร”ผมพูดขณะกำลังเดินอยู่ตรงที่จอดรถ

“อ้าวหรอ....เราว่าแบบนี้ อาร์ทยิ่งน่าสงสัยใหญ่เลย” บูมพูดพลางไขกุญแจเพื่อสตาร์ทรถ

“อืมมม....แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่า ตกลงอาร์ทเป็นคนทำ” ผมถาม

“เราว่า แพทน่าจะจัดการได้นะ รายนั้นน่ะ แผนเยอะจะตาย”บูมพูดพลางถอยรถ และขับออกไป

“เดี๋ยวไปส่งเราที่หน้าบ้านก็พอนะ จะได้ไม่ต้องถอยเข้าถอยออก ดึกแล้ว”ผมเสนอเพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มเสียเวลาถอยรถ

“โห....ไล่กันเลยหรอ ไม่เอาหรอก วันนี้เราจะค้างที่บ้านของโย”บูมพูดพลางอมยิ้ม

“ไม่ได้....เดี๋ยวม๊าก็ว่าเอาหรอก ยังไม่เข็ดอีกหรอ วันนั้นน่ะ”ผมเตือนความจำ

“วันนั้นก็ส่วนวันนั้นสิ วันนี้ก็วันนี้ ไม่เชื่อเดี๋ยวเราโทรไปถามเลยดีกว่า” บูมพูดพลางหยิบมือถือขึ้นมากด

“ม๊า วันนี้บูมไปค้างบ้านโยนะ พอดีช่วงนี้มีไอ้โรคจิตมันมารังควาญบ่อย ๆ... ครับ ๆ ๆ...ได้ครับ แล้วเดี๋ยวบูมจะบอกให้โยเค้าระวังตัว....ม๊ากับป๊าก็อย่าทำงานดึกนะ....อ๋อ ได้ ๆ ๆ แล้วบูมจะบอกย้ำให้ ครับ ๆ ๆ หวัดดีครับ”บูมพูดกับม๊าเสร็จก็หันมาบอกผม

“เห็นมะว่าม๊าไม่ว่าอะไร แถมฝากเราบอกโยด้วยว่าให้ระวังตัวเองดี ๆด้วย...และที่ขาดไม่ได้คือจะให้เราย้ำแม่ของโยเรื่องนัดไปทานข้าวอีกด้วย”บูมพูดยิ้ม ๆ

“ถึงม๊าบูมไม่ว่า...แต่แม่เราอาจจะไม่ชอบก็ได้”ผมพยายามหาทางหลีกเลี่ยง (ขนลุกกับคำพูดเมื่อตอนอยู่ในฟาสต์ฟูดส์)

“ใครบอก เราเห็นเวลาเราไปค้างทีไร แม่กับพ่อโยชอบทุกทีเลย ไม่เห็นจะว่าตรงไหน” เฮ้อ เถียงไม่ขึ้นเลยเรา

“ตามใจ ๆ .....”

“กลัวล่ะสิ.....”บูมพูดพลางทำสีหน้าเจ้าเล่ห์

“กลัวอะไร ทำไมต้องกลัวด้วย....”ผมพยายามทำใจดีสู้เสือ

“จริงอ่ะ....ดูดิ ขนลุกไปหมดแล้ว”บูมพูดพลางเอามือมาลูบที่ขาผมเบา ๆ

“นี่....พอเลย แค่นี้ก็รู้แล้วว่า จะมาค้างทำอะไร”ผมตีที่แขนบูมเบา ๆ

“555....ล้อเล่นน่า....อยากจะไปนอนเป็นเพื่อนโยแค่นั้นเอง เราจะได้สบายใจด้วย”บูมหัวเราะ

“ให้มันจริง เถอะ............”

หลังจากที่เราขับรถมาจอดที่บ้านผมแล้ว ผมกับบูมก็เดินเข้ามาทักทายพ่อกับแม่ผม พร้อมกับบอกย้ำเรื่องที่ม๊าของบูมจะนัดทานข้าวกับแม่ของผมด้วย และพวกเราก็ขอตัวไปอาบน้ำนอน.....

“บูม...พี่วิทย์จะมาเยี่ยมนะ”ผมเอ่ยขณะกำลังนั่งเล่นเกมส์กับบูม

“อืม....วันไหนล่ะ”บูมพูดแบบประมาณไม่สนใจ จนผมอดแปลกใจไม่ได้

“วันยังไม่รู้......ว่าแต่บูมไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ”ผมถามอย่างไม่แน่ใจ

“อืม....ทำไมล่ะ”บูมยังคงสนใจกับเกมส์มากกว่า

“ปะ ปะ เปล่า..........”ผมยิ่งแปลกใจเพิ่มขึ้นไปอีก

“ว่าแต่ เราไม่เข้าใจทำไมพี่วิทย์ยังตื้อไม่เลิกก็ไม่รู้เนอะ มีการส่งข้อความมาว่ายังงั้นอย่างงี้ .....เฮ้อ.....” นั่นไงจับได้แล้ววววววววววววววววว

“หึ หึ หึ....มิน่าถึงไม่สนใจ แอบเอามือถือเราไปกดอ่านข้อความนี่เอง.........”ผมหันไปตีแขนบูม

“อ้าว....แฟนกัน แค่อ่านข้อความไม่เห็นจะแปลกเลย อ่ะนี่เอาของเราไปอ่านดิ” ผมรับมือถือของบูมมาแต่ก็ไม่ได้กดดูอะไร

“ไม่กดดูล่ะ....โยอ่ะแทบจะไม่ส่งข้อความถึงเราเลยนะ”บูมวางเกมส์ลงหันมาพูดกับผม

“เจอกันทุกวันอยู่แล้วนิ ไม่เห็นต้องส่งข้อความเลย ปกติก็หวานจนเลี่ยนแล้ว” ผมพูดยิ้ม ๆ แต่ว่า.....

"เราว่า......มีแต่เราละมั้งที่ยังรักโยเหมือนเดิม...ว่าแต่โยเถอะยังรักเราเหมือนเดิมหรือเปล่า...ลองคิดดูเอาเองละกันว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราต้องเป็นฝ่ายไปหาโยก่อนตลอดเลย และก็เป็นเราอีกนั่นแหละที่ต้องคอยทำนั่นทำนี่ เพื่อความสัมพันธ์ของเรา แต่โยกลับไม่เห็นที่จะพยายามทำอะไรเพื่อพวกเราเลย แต่เราก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เพราะมันรักไปแล้วนิ จะให้ทำยังไงได้”บูมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง จนผมอดที่จะทบทวนเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้ว่ามันก็เป็นจริงอย่างที่บูมบอกมาจริง แต่ที่ไม่จริงคือ ผมไม่ได้รักบูมเท่าเดิม แต่กลับรักมากขึ้นกว่าเดิมต่างหาก

“โห...แค่นี้ก็น้อยใจด้วย...ใครจะกล้าไม่รักบูมล่ะ ดูสิ แฟนเราน่ารักออก”ผมเอื้อมมือไปโอบบูมเอาไว้

“ไม่ต้องมาทำพูดดีเลย น้อยใจนะเนี่ย”บูมพูดอย่างคนที่กำลังน้อยใจ

“หัวก็ยังไม่ล้านนิ...555….(รักนะครับ)”ผมหัวเราะ แล้วหันไปกระซิบที่ข้างหูของบูมเบาๆ

จากนั้นเราสองคนก็นอนกอดกัน (แค่กอดกันจริง ๆ)ตลอดคืน จนตอนเช้าผมตื่นขึ้นมาแขนนี่แทบจะยกไม่ขึ้นเลยอ่ะ (เป็นเหน็บนานมาก ๆ)

เช้านี้ผมกับบูมมามหาวิทยาลัยด้วยกัน (ไม่ต้องสงสัย ชุดนักศึกษา กางเกง กกน. ก็ของผม ทีแรกว่าจะให้ใช้ตัวเดิมละ แต่บูมอ่ะดิบอกว่าแฟนกันไม่เห็นเสียหายแถมยังไปรื้อมาใส่เองอีก เฮ้อ.....) เราเดินไปหากลุ่มเพื่อน ๆ ที่ห้องสมุดเพราะจะได้วางแผนกันต่อไป

“ว่าไงครับคุณชาย เห็นว่าเล่นกันจนบ้านช่องไม่ยอมกลับเลยนะ”โบแซวผมกับบูม

“ใคร ๆ ๆ ไม่กลับ เรากลับโว๊ยยยย ใครบอกไม่กลับ”ผมตอบกลับไป

“ก็คนข้าง ๆ แกไง โทรไปก็ปิดเครื่อง โทรเข้าบ้านถึงรู้ว่า พาแฟนไปนอนค้างนี่เอง”ไอ้โบทำสีหน้าเจ้าเล่ห์

“คิดอกุศล ตลอด ใครกันแน่ที่ชวนแฟนไปนอนค้างที่บ้านแล้วเค้าไม่ยอมไป”ผมได้ทีเลยแซวกับไปบ้าง (ปอนด์เล่าให้ฟัง) แต่ไอ้โบมันกลับทำสีหน้าจ๋อย

“เออ ๆ ๆ ไม่แซวละ ว่าแต่มีใครได้ข้อมูลอะไรมาใหม่บ้างล่ะ”ผมเห็นสีหน้าไอ้โบเลยรีบเปลี่ยนเรื่องไป

“อืมม...ตกลงอั๋นไม่ใช่แน่นอน ตกไปหนึ่ง....เหลือ พีท กับอาร์ท” ออฟพูด

“เราว่าอาร์ทมีภาษีดีกว่านะ เพราะล่าสุด แพทเห็นว่าอาร์ทมี PCT ด้วย อีกอย่างเมื่อคืนโยบอกว่า เค้าขับรถตามพวกเราด้วยล่ะ” บูมเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ

“งั้นเราว่า พุ่งไปที่อาร์ทเลยดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลา อีกอย่าง พีท คงจะไม่ใช่หรอก”กายเสนอความเห็นซึ่งเพื่อน ๆ ก็พยักหน้ารับ

“งั้นโอเค เดี๋ยวเราจะให้แพทตามสืบต่อ เราว่าน่าจะได้ความจริงในไม่ช้า”บูมพูดด้วยความมั่นใจ เฮ้ออออ....จะได้จบเรื่องซะที

จากนั้นบูมกับผมก็เดินออกมาจากห้องสมุดเพื่อโทรศัพท์ไปหาแพท ส่วนผมก็เดินแยกออกมาเพื่อไปเข้าห้องน้ำ......

ขณะที่ผมอยู่ในห้องน้ำ ไอ้โรคจิตก็โทรเข้ามาหาผมอีก จนผมรำคาญมาก ๆ เพราะว่ามันหัวเราะอยู่ได้ และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อผมได้ยินเสียงใครคนหนึ่งดังมาจากหน้าห้องน้ำ ด้านที่เป็นที่ล้างมือ ขณะที่ผมกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ......

จบตอนที่ 6/5 แล้วครับ ตอนที่ 6 นี้จะยาวสักหน่อยนะครับ ขอบคุณครับที่ติดตาม....

 
**********************************************************************************************************************

ออฟไลน์ LiliLiN

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 406
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-10
 :o เสียงหัวเราะรึปล่าวเอ่ย   

 :pigangry2: :pigangry2:  พังประตูลากไส้มันออกมาเลยค่า

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ ใกล้เจอตัวไอ้โรคจิตแล้ว  :angry2:

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
ใกล้รู้ตัวแว้ววว อาร์ทแน่ๆเลย  :pigangry2:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

.........ง่ะ....ต่อด่วน....จะได้รู้ซักที.... :13223: :13223:

.................จะได้จับล้างซวยในห้องน้ำเลย.... :laugh5: :laugh5:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
"ตอนพิเศษ"

    ตอนพิเศษวันเกิด

    “ฮัลโหล...”ชายหนุ่มรับสายด้วยน้ำเสียงเหมือนกับคนยังไม่ตื่นนอนดี

    “บูม...นี่กี่โมงแล้วอ่ะ ยังไม่ตื่นอีกหรอ วันนี้เรานัดกันไว้ไม่ใช่หรอ” ผมโทรไปปลุกชายขี้เซาเพราะนี่ปาเข้าไปเที่ยงแล้ว ทั้ง ๆ ที่นัดกันไว้สิบโมงเช้า

    “เออใช่....ลืมไปเลย ก็เมื่อคืนอ่ะโยชวนเราคุยจนถึงตีสอง เราก็เลยตื่นไม่ทันอ่ะดิ” ยังจะมาโทษเราอีกตัวเองนั่นแหละบอกให้วางก็ไม่ยอมวาง

    “ยังจะมาโทษเค้าอีก...เร็ว ๆ นะ...แค่นี้นะ”ผมพูดและวางสายไปอย่างอารมณ์เสียนิด ๆ

    หลังจากนั้นประมาณ ชั่วโมงนึงเห็นจะได้ เสียงแตรรถก็ดังขึ้นจากนอกบ้านผม ผมเลยหยิบของและเดินออกไปหาชายหนุ่ม

    “ไหนบอกจะไม่สายไง”ผมต่อว่าชายหนุ่มที่ผิดนัดอย่างไม่พอใจนิด ๆ

    “น่า....อย่าโมโหเลยนะ ว่าแต่โยจะไปไหนอ่ะ เดี๋ยวเราพาไป”บูมแกล้งมาบีบนวดที่แขนผมเป็นเชิงเอาใจ

    “ตามใจบูมละกัน...ไปเหอะ เดี๋ยวตอนเย็นเราไม่ว่าง” ผมทำฟอร์มดูสิว่าบูมจะจำได้หรือเปล่าว่าวันนี้วันเกิดผม พลางเอี้ยวตัวแกล้งเอาของไปวางไว้ที่เบาะหลังเพื่อดูว่ามีกล่องของขวัญหรือเปล่า ..........แต่ปรากฏว่า........ไม่มีอะไรเลย............ T T

    “งั้นไปหาอะไรกินก่อนได้ป่ะเราหิวแล้วอ่ะ”บูมถามด้วยสีหน้าที่แสดงอาการจำอะไรไม่ได้เลย

    “อืม จะไปไหนก็ไปเถอะ........”ผมพูดพร้อมทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจนิด ๆ

    จากนั้นบูมก็พาผมไปทานข้าวที่ร้านอาหารในห้างแห่งหนึ่ง และตลอดมื้อนั้นบูมก็ไม่ได้พูดหรือแสดงอาการอะไรเลยที่จะบ่งบอกว่าวันนี้วันเกิดผม....จนทำให้ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกน้อยใจ อย่างมาก

    “โย เราไปดูหนังกันไหม”บูมชวนขณะกำลังรอเงินทอน

    “ไม่เอา เบื่อล่ะ....อยากกลับบ้าน”ผมพูดด้วยความรู้สึกน้อยใจนิด ๆ

    “อ้าวเป็นอะไรอ่ะ ไม่สบายหรือเปล่า เดี๋ยวเราพาไปหาหมอ”บูมพูดพลางยื่นมือมาแตะที่หน้าผากผม

    “ไม่มีอะไรหรอก ไปเหอะ”ผมเอี้ยวตัวหนี พลางลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นพนักงานเอาเงินมาทอน

    “รอก่อนดิ.........”บูมรับตังค์ทอนแล้วรีบเดินตามออกมา

    “เป็นอะไรไปอ่ะ...โมโหอะไรเราหรือเปล่า”บูมถามขณะที่วิ่งตามมาทันผมแล้ว

    “เปล่า......แค่เราเบื่อ ๆ แค่นั้นเอง”ผมพูดพลางพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด (ตอนนี้ความรู้สึกน้อยใจเริ่มที่จะเพิ่มขึ้นจนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว จำก็จำวันเกิดแฟนตัวเองไม่ได้)

    “เบื่ออะไรล่ะ....งั้นไปนั่งรถเล่นกัน”บูมฉุดผมให้เดินตามไป

    หลังจากนั้นบูมก็ขับพาผมไปที่นั่นที่นี่ จนกระทั่งเย็น บูมก็ขับรถมาส่งผมที่บ้าน.....

    “เดินเข้าบ้านดี ๆ นะครับ” บูมเอ่ยลา

    “อืม...บูมก็ขับรถกลับดี ๆ นะ” ผมพูดพลางนั่งรออยู่สักพักเผื่อจะแกล้งเซอร์ไพส์

    “................................”บูมมองผมอย่าง งง ๆ (ตกลงเข้าใจละว่าลืมจริง ๆ)

    “.............................” ผมจ้องบูมด้วยแววตาน้อยใจปนไม่พอใจอย่างมาก

    “อ้าวไม่ลงล่ะ....หรือว่าลืมอะไรไว้ในรถ.....”บูมถามพลางมองซ้ายมองขวาเพื่อช่วยหาของ (ลืมหยิบปืนมาจะได้ยิงคนไงตอนนี้)

    “ไม่มี......เราไปแล้วนะ...........”ผมพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจสุด ๆ

    หลังจากนั้นผมก็เดินคอตกเข้าบ้านด้วยความรู้สึกเซ็งสุด ๆ กับวันเกิดปีนี้ ….จนเวลา ประมาณ สองทุ่ม พ่อกับแม่ผมกลับมาถึงบ้าน พร้อมด้วยกล่องเค้ก และของขวัญ....

    “สุขสันต์วันเกิดจ๊ะ ลูก.....”พ่อกับแม่ผมอวยพรพร้อมกับแกะกล่องเค้ก

    “มาช่วยจุดไฟกันลูก”พ่อผมกวักมือเรียกผมที่นั่งอยู่อีกด้านนึง

    “Happy Birthday to You……………”

    “…………….” ผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นเมื่อเป่าเค้ก เพราะอย่างน้อย คนที่รักผมที่สุดสองคนก็จำวันเกิดของผมได้ (ไม่เห็นต้องง้อเลย)

    “นี่จ๊ะ ของขวัญของพ่อกับแม่...เราโตเป็นหนุ่มแล้วนะ อย่าทำตัวเป็นเด็ก ๆ เหมือนเมื่อก่อนล่ะ”แม่พูดพลางอมยิ้ม

    “แกะดูสิว่าชอบไหม” พ่อพูดยิ้ม ๆ

    “...............................”ผมแกะกล่องของขวัญออก

    “ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณครับแม่........ผมอยากได้มานานแล้วอ่ะ”ผมยกมือไหว้พร้อมกล่าวขอบคุณพ่อกับแม่ที่ซื้อ นาฬิกา ยี่ห้อนึงให้

    “ใส่เลยสิจ๊ะ....”แม่คะยั้นคะยอ

    “ครับ...........”ผมถอดนาฬิกาอันเก่าไว้และใส่นาฬิกาอันใหม่ทันที หลังจากนั้นสักพักนึง ป้ากับลุงของผมก็โทรศัพท์มาอวยพร รวมทั้งเพื่อน ๆ ของผมด้วย.......(มีแต่บูมคนเดียวนั่นแหละที่ลืม หึ......ไม่สนใจก็ได้)

    หลังจากนั่งทานเค้กและพูดคุยกับพ่อแม่ผมได้สักพัก ผมก็ขอตัวขึ้นไปนอนเพราะมันดึกมากแล้ว..........

    ทันทีที่ผมขึ้นไปบนห้อง ความรู้สึกเหงา น้อยใจ และ เสียใจ มันก็ระเบิดออกมาทันทีเมื่อผมหันไปเห็นรูปถ่ายของชายหนุ่มคนนึงที่ไม่สามารถจำวันเกิดของผมได้

    ทำไมบูมถึงจำวันเกิดของเราไม่ได้นะ.....หรือว่าเราไม่สำคัญ.....หรือว่าแค่จะเล่น ๆ กับเรา....เห็นเราเป็นตัวอะไร....ฯลฯ สารพัดความคิดมากมายเกิดขึ้นกับผมพร้อม ๆ กับน้ำตาที่เริ่มรินไหลออกมาทีละน้อย......ผมนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นไปรู้ว่านานแค่ไหน จนกระทั่งผมหลับไป........

    ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด........เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น........

    “คร๊าบบบบบบบบบ......หาววววววว”ผมงัวเงียรับสาย

    “โย.....ออกมาข้างนอกหน่อยสิ” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นจากปลายสาย

    “จะให้ออกไปไหน ดึกแล้ว พรุ่งนี้แล้วกันนะ”ผมตอบอย่างงัวเงียเพราะเพิ่งตื่นนอน

    “ก็ออกมาหน้าบ้านไง เรารออยู่เร็ว ๆ นะ”บูมพูดเร่ง

    “มาทำไมอ่ะ ดึกดื่น.....อืม...เดี๋ยวเราลงไป”ผมกดสายทิ้งพลางลุกขึ้นอย่างงัวเงีย

    ผมเดินออกไปข้างนอกบ้านด้วยความรู้สึกเพลียมาก ๆ เพราะอาจจะร้องไห้มากไปและเพิ่งตื่นนอนด้วย ทำให้รู้สึกเหมือนกับตัวชา ๆ ยังไงบอกไม่ถูก.........

    “มีอะไรหรอ”ผมถามอย่างงัวเงีย

    “Happy Birthday นะครับ” บูมอวยพรพร้อมกับหยิบเค้กที่จุดไฟแล้วออกมาจากรถ

    “เฮ้ย......................”ตอนนี้สติผมเริ่มจะกลับมาสัก แปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วครับ

    “อธิษฐานดิ.........”บูมยิ้ม

    “..............................”ผมอธิษฐานพร้อมกับเป่าเค้ก (น้ำตาเริ่มเอ่อ ๆ แล้ว)

    “…………..”บูมวางเค้กลงพร้อมกับหันไปหยิบอะไรออกมาจากรถ

    “อ่ะนี่ สำหรับคนพิเศษที่สุดของบูมครับ”บูมยื่นของขวัญให้ผมชิ้นนึง

    “.........................ฮือ ฮือ ฮือ..............นึกว่าจะจำวันเกิดเราไม่ได้ซะอีก”ผมร้องไห้ออกมา

    “ใครบอกจำไม่ได้....วันนี้เราขับรถพาโยไปสถานที่ที่เรากินข้าวกันครั้งแรก ไปเที่ยวกันครั้งแรกตอนเป็นแฟนกัน และ ฯลฯ แต่โยนั่นแหละมัวแต่งอนอยู่นั่นอ่ะ”บูมพูดพลางหัวเราะ

    “ก็ใครจะไปรู้ล่ะ.....ฮือ ฮือ ฮือ..... นึกว่าบูมจำวันเกิดเราไม่ได้ซะอีก”ผมยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก เมื่อนึกย้อนไปว่าบูมขับรถพาผมไปสถานที่เหล่านั้นจริง ๆ แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เอาแต่งอนท่าเดียว.....

    “จำได้สิครับ...แต่ที่เราต้องทำแบบนี้ เพราะว่าเราอยากจะเป็นคนที่ได้พูดกับโยเป็นคนแรก และคนสุดท้ายของวันที่สำคัญที่สุดนี้.......และเราก็อยากจะเป็นคนสุดท้ายที่มาอวยพรโยและอยู่กับโยจนหมดวันไง”บูมพูดพลางชูนาฬิกาให้ดู (เวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วล่ะ)

    “ขอบใจนะบูม....ขอบใจจริง ๆ”ผมพูดทั้งน้ำตา

    “...................จะไม่แถมจูบสุดท้ายของวันหน่อยหรอ..........”บูมยื่นหน้าออกมา

    “...........xxx.......รักบูมนะ”ผมหอมแก้มบูมและกระซิบที่ข้างหูบูมเบา ๆ

    “รักโยเหมือนกันครับ”บูมกระซิบที่หูผมอย่างแผ่วเบา

    หลังจากนั้นเราก็จับมือคุยกันจนกระทั่งเข้าสู่วันใหม่.........

    ขอบคุณสำหรับสิ่งที่ทำให้เราในวันพิเศษของเรา.....ขอบคุณจริง ๆ

    จบตอนพิเศษ ตอนวันเกิดแล้วครับ ส่วนตอนปกติ รอสักพักนะครับแล้วจะมาต่อให้
***************************************************************************************************************

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
 :impress: :-[ น่ารักจางงงง

ว่าแล้วก็นึกถึงวันเกิดเราปีนี้ที่กำลงจะมาถึงอีกไม่นานนั.ก.... ปีนี้ คงไม่มีใครคนนั้นแล้วซิ......... :เศร้า1:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เพราะว่าเราอยากจะเป็นคนที่ได้พูดกับโยเป็นคนแรก และคนสุดท้ายของวันที่สำคัญที่สุดนี้
น่าร้ากกกกกกกกกกกกก  :-[  :-[  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






gobgab

  • บุคคลทั่วไป

...............ถ้าเอาใจใส่กันและกันทุกวัน.....ความรักมันก็คงยั่งยืนและสวยงามทุกวัน....... :impress3: :impress3:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50

"ตอนที่ 6/6"

    และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อผมได้ยินเสียงใครคนหนึ่งดังมาจากทางด้านหน้าห้องน้ำตรงส่วนของอ่างล้างหน้า ในขณะที่ผมกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำพอดี......มันเป็นเป็นเสียงหัวเราะของชายหนุ่มคนนึง แม้จะไม่ใช่เสียงเดียวกันกับไอ้โรคจิตซะทีเดียว แต่ลักษณะการหัวเราะ รวมทั้งจังหวะการหยุดหายใจ มันใช่เลย เพราะผมได้ฟังเสียงจริงสลับกับในมือถือจนแน่ใจจึงชะโงกหน้าออกมาดูอย่างตื่นเต้น

    “เฮ้ยนั่นมัน.....ไอ้พีทนี่” ผมรู้สึกตกใจอย่างมาก และรีบแอบเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งจากนั้นผมก็มองลอดออกไปทางช่องประตูที่เปิดแง้มเอาไว้ สลับกับฟังเสียงไอ้โรคจิตในมือถือ

    และแล้วในที่สุดสิ่งที่ผมสงสัยมาตลอดหลายอาทิตย์ สิ่งที่สร้างความรำคาญ และบั่นทอนสุขภาพจิตของทุกคนในบ้านของผมรวมทั้งผมด้วย สิ่งที่พวกเราต่างก็ค้นหามาตลอดและคาดเดาต่าง ๆ นาๆ กลับถูกค้นพบได้อย่างง่ายดายและบังเอิญที่สุด แต่สิ่งที่ผมยังคงสงสัยในตอนนี้คือ พีททำแบบนี้ไปเพราะอะไร และเค้าต้องการอะไรกันแน่ แล้วสิ่งที่สะกิดใจผมและดังก้องอยู่ในหัวของผมก็คือ คำที่บูมเคยบอกกับผมว่า พีทเคยโทรไปจีบบูมหลายครั้ง สิ่งนี้เองที่น่าจะเป็นคำตอบของคำถามทั้งหมอ นั่นก็คือ พีทแอบชอบบูม...แต่ทำไมเค้าต้องทำแบบนี้กับผมด้วย แม้ว่าเราจะไม่ได้สนิทอะไรกันมากมาย แต่ผมก็ไม่เคยไปคิดร้าย หรือ ไปทำร้ายอะไรเค้า เวลาเดินผ่านผมก็ยิ้มทักทายปกติ แต่ทำไมสิ่งที่ผมได้รับกลับตรงกันข้าม.....

    ผมกดตัดสายโทรศัพท์ และรอจังหวะให้พีทเดินออกไปจากห้องน้ำ จากนั้นผมก็รีบเดินเข้าไปฉุดบูมที่กำลังคุยโทรศัพท์กับแพทอยู่หน้าห้องสมุดให้ไปรวมกับกลุ่มของผมทันที

    “เฮ้ย...ตกลงเรารู้แล้วนะว่ามันเป็นใคร” ผมพูดด้วยอารามตกใจปนตื่นเต้นเล็ก ๆ

    “จริงดิ.....แกไปรู้มาจากไหน...ตกลงสรุปว่า แพทบอกว่าเป็นอาร์ทชัวร์ใช่ไหม” ไอ้โบเดาเหตุการณ์

    “ไม่ใช่ เรื่องนี้อาร์ทไม่เกี่ยว แต่ไอ้คนที่มันเกี่ยวน่ะ ไอ้พีท.........” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “แกแน่ใจหรอโย ฉันว่าไม่น่าจะเป็นพีทหรอก เพราะเค้าก็ไม่ได้อะไรกับแกนี่”ออฟค้าน

    “จะไม่ใช่ได้ไงออฟ ก็เมื่อกี้ตอนที่เราไปเข้าห้องน้ำ แล้วไอ้โรคจิตโทรเข้ามา แกรู้ไหมว่าอะไรเกิดขึ้น” ผมถามพร้อมกับหยุดเพื่อรอจังหวะสักครู่

    “ก็ไอ้พีทอ่ะสิ ดันโชคร้ายมาแอบโทรแกล้งเราที่ห้องน้ำเดียวกับที่เราอยู่พอดี หึ โชคดีนะที่มันไม่เห็นเรา ไม่อย่างงั้นพวกเราก็ยังคงเดาว่าเป็นอาร์ทกันอยู่”ผมพูด

    “จริงเหรอวะ แกไม่ได้ตาฝาดนะ”กายถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ

    “จะไปฝาดได้ยังไงล่ะกาย ได้ยินมาเต็มสองรูหูขนาดนั้น แล้วแกรู้ไหมว่า ไอ้พีท น่ะ โทรไปจีบบูมบ่อยๆ แสดงว่ามันแอบชอบบูมอยู่ นี่ไงล่ะเหตุผล” ผมย้ำคำพร้อมหาเหตุผลมาสนับสนุน

    “อืม.....เราก็ไม่นึกว่าเค้าจะเป็นคนแบบนี้นะ รู้งี้เราไม่อ้างโยไปซะก็ดี โยจะได้ไม่ต้องลำบากแบบนี้” บูมพูดอย่างสำนึกผิด

    “ไม่ใช่เพราะบูมหรอก เราว่ามันอยู่ที่คนมากกว่า เราก็ไม่คิดนะว่าเค้าจะทำได้ถึงขนาดนี้” ออฟพูดพลางส่ายหน้า

    “ใช่ๆ.....ปกติก็เห็นว่านิสัยดี ไม่นึกว่าจะบ้าได้ขนาดนี้”กายสนับสนุน

    “อืมมม.....ปกติฉันก็เห็นมันก็ไม่ได้อะไรกับแกนี่หว่า อานุภาพความรัก”โบส่ายหน้า

    “แล้วแกจะทำยังไงต่อไปล่ะเนี่ย จะเรียกเค้ามาคุยกันเลยไหม”ออฟถาม

    “เราก็ไม่รู้อ่ะ ออฟ ไม่รู้จริง ๆ”ผมมึนไปหมด

    “เราว่า อย่างงี้ต้องแก้เผ็ดซะบ้างนะ”ไอ้โบเสนอ

    “ใช่.....ใครทำอะไรไว้มันก็ต้องได้รับผลของกรรมนั้น......เกลือมันต้องจิ้มเกลือ.....”บูมพูดพลางยิ้มอย่างน่ากลัว

    “เราว่าอย่าไปทำอะไรเค้าเลย แค่เรียกเค้ามาคุยก็พอแล้วล่ะ อย่าให้มันต้องมีอะไรมากไปกว่านี้เลย”ผมพยายามทำให้ทุกอย่างมันจบง่าย ๆ

    “ไม่ได้........โยจำไม่ได้หรอว่าตัวเองโดนมายังไงบ้าง พ่อกับแม่โยล่ะ แล้วความรู้สึกของเรากับเพื่อน ๆ ที่เป็นห่วงโยล่ะ เราว่ามันถึงเวลาแล้วที่เค้าต้องรับรู้รสชาติซะบ้าง” บูมพูดพลางทำสีหน้าเคียดแค้น

    “แล้วบูมจะไปทำอะไรเค้า”ผมถามอย่างหวาด ๆ นิด ๆ เพราะบูมชอบคิดแผนอะไรพิเรนท์ ๆ อยู่เรื่อย

    “ก็ง่าย ๆ มันทำอะไรไว้ เราก็ทำแบบนั้นกับมันบ้าง แต่ผิดกันที่ตรงมันทำแค่คนเดียว แต่พวกเราน่ะ นับสิ กี่คน และถ้าพวกเราโทรพร้อม ๆ กันล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น” บูมยิ้มมุมปาก

    “เราว่าก็ดีนะ ให้เค้ารู้บ้างก็ดี แค่วันนึงก็น่าจะหลาบจำแล้วล่ะ” กายสนับสนุนรวมทั้งพวกเพื่อน ๆ ผมก็สนับสนุนเช่นกัน

    “แล้วพวกเราจะทำยังไงดีล่ะ มี PCT กันซะที่ไหน” ออฟถาม

    “ง่ายนิดเดียว เดี๋ยวเราไปยืมเพื่อนปอนด์มาให้ก็ได้ มีตั้งหลายเครื่อง”ไอ้โบยิ้มร่าอาสา

    “เออ จริงสิ เพื่อนปอนด์ส่วนใหญ่ใช้ PCT นิ”ผมนึกขึ้นได้

    “อืมมม....เดี๋ยวเราจัดการเอง ตกลงตามนี้นะ เดี๋ยวเราไปขอยืมโทรศัพท์ให้ก่อน ไปละ”ไอ้โบได้โอกาสรีบชิ่งเลย

    “รีบเชียวนะแก แยกจากกันไม่ได้เลยนะ”ไอ้ออฟเริ่มแขวะ

    “ทีแกล่ะ วันอาทิตย์จะลากออกมาก็ยากเหมือนกันแหละ ไปแล้ว แล้วเจอกันที่ห้องนะ”ไอ้โบสวนกลับแล้วรีบเดินจ้ำออกไป

    “เฮ้อออออ ตกลงว่าโบมันชอบปอนด์จริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย” ออฟส่ายหน้าช้า ๆ ส่วนผมได้แต่แอบกังวลในนิด ๆ เพราะนึกถึงคำที่ปอนด์เคยพูดกับผม


    ระหว่างที่พวกผมนั่งทานข้าวกลางวันกันอยู่ ไอ้โบก็เดินเข้ามาหาพวกผมพร้อมกับทำสีหน้าภูมิใจเพราะได้ PCT มา 4 เครื่องด้วยกัน...

    “เห็นมะ บอกแล้วโบจัดให้....”ไอ้โบขี้คุย

    “เออ....รู้แล้ว ว่าเก่ง”ออฟพูดพลางทำสีหน้าหมั่นไส้

    “พอเลย ๆ คู่นี้....แล้วตกลงพวกเราจะทำยังไงต่อไป”กายดักคอ

    “รอคนคิดแผนการมาก่อนดีกว่า ว่าตกลงจะเอายังไง” ผมเสนอ เพราะตอนนี้บูมแยกไปนั่งกินข้าวกับเพื่อน ๆ เค้า

    “อืมม...ก็ดีนะ ว่าแต่ทำไมโยไม่ไปกินข้าวกับบูมล่ะ”ออฟถาม

    “ไม่หรอก ห่างกันบ้างก็ดี ข่าวยิ่งดัง ๆ อยู่ ดีนะที่เพื่อน ๆ บูมไม่ว่าอะไร”

    “แล้วเค้าจะไปว่าอะไรได้ล่ะ มันเรื่องของบูมกับโยนะ”กายแย้ง

    “ใช่....ความรักมันเป็นเรื่องระหว่างคนสองคนนะ แล้วอีกอย่าง พ่อแม่เค้าก็ยอมรับแกแล้วไม่ใช่หรอ”ออฟสนับสนุน

    “เราว่า โย อ่ะคิดมาก ชอบคิดไปเรื่อย คิดจากเรื่องไม่เป็นเรื่อง จนกลายเป็นเรื่องขึ้นมา เมื่อไหร่จะเลิกสนใจคนอื่นซะที”ไอ้โบพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

    “ไม่รู้อ่ะโบ บางทีเราก็ไม่อยากที่จะสนใจนะ แต่มันก็อดไม่ได้สักที”ผมพูดด้วยสีหน้าซีเรียส

    “ก็เป็นซะอย่างงี้ไง ไอ้พีท มันถึงทำแบบนี้กับโยไง”กายพูดพลางส่ายหน้า

    “เออ ๆ ๆ ต่อไปนี้จะไม่สนใจละ พอใจหรือยัง”ผมรับคำ

    “ดี แล้วนี่บูมจะมาเมื่อไหร่ล่ะ”ออฟถาม

    “คงจะตอนเลิกเรียนละมั้ง ช่วงนี้เค้าไม่ค่อยได้อยู่กับเพื่อนเลยนิ”

    “มันก็จริง เห็นวัน ๆ ไม่ทำอะไร ขลุกอยู่กับแฟนทั้งวัน”ออฟสนับสนุน (หรือว่ามันแอบกัดวะ)

    “งั้นไปจองที่กันเหอะ เดี๋ยวไม่มีที่”กายชวนพลางลุกขึ้นยืน

    จากนั้นพวกผมก็เดินไปจองที่ในห้องเรียน ระหว่างที่นั่งรออยู่นั้น พีทก็เดินเข้ามาในห้องกับกลุ่มเค้าพอดี.....

    “ว่าไงโย ใกล้จะสอบ final แล้ว อ่านหนังสือหรือยัง” พีทตีหน้าตายเดินยิ้มเข้ามาทักทายผม (ปกติก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก เจอกันก็ทักทายนิดหน่อยเป็นพิธี แต่นี้เล่นยิ้มเข้ามาแบบนี้น่าจะแจก ตุ๊กตาทอง เมขลา ควบ สุพรรณหงส์ให้ไปเลย)

    “ยังเลยอ่ะพีท...พอดีเรามีเรื่องนิดหน่อยน่ะ เลยไม่ค่อยมีสมาธิอ่าน”ผมตอบไปแกน ๆ เพื่อล่อเหยื่อ

    “เรื่องที่เป็นข่าวอ่ะหรอ...เราว่าอย่าไปสนใจเลยนะ ข่าวมันก็คือข่าวไม่ใช่เรื่องจริงหรอก”พีทตีหน้าตาย

    “ใครบอก....ข่าวมันมีมูลตะหาก (ผมกระซิบใส่หูพีทว่า เรากับบูมเป็นแฟนกันจริง ๆ)” ผมพูดพลางทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้

    “................................”พีทเงียบ แต่ก็มีอาการโกรธให้เห็นนิดหน่อย

    “แต่ก็ช่างเถอะ เราไม่ได้ใส่ใจอะไรหรอกนะ ขอแค่เค้าเข้าใจเราก็พอ”ผมพูดพลางยิ้ม (เยาะ)

    “แหมว่าไป แค่เข้าใจที่ไหน เห็นว่าไปนอนเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นเลยไม่ใช่หรอ แถมยังไปค้างด้วยกันอีก น่าอิจฉาจริง ๆ คู่นี้ จริงป่ะพีท”มาแล้วครับกำลังเสริม ออฟพูดพลางเอามือเกาะที่ไหล่พีท

    “เฮ้ย....อย่าพูดดังดิ....เดี๋ยวก็เป็นข่าวอีกหรอก”ผมสะกิดออฟพอประมาณ (ไอ้กายกับโบอมยิ้มจนแก้มแทบจะระเบิดอยู่แล้ว)

    “หรออืม....งั้นเราไปก่อนนะ” พีทกระแทกเสียงออกไป

    “สะใจว่ะ.......เออ แล้วไหนว่าอย่าไปยุ่งกับเค้ายังไง เล่นซะสะบัดก้นหนีเลย”กายหัวเราะเบา ๆ

    “เออใช่.....ไหนจะแสดงบทพ่อพระไง”ไอ้โบกัด

    “ก็ดูมันดิ...รู้ทั้งรู้ยังจะมีหน้ามาถามอีก โดนซะมั่ง”ผมพูดพลางอมยิ้ม

    “เห็นมะ ทนฟังไม่ได้เดินหนีไปเลย....อ้าวนั่นไง ตัวต้นเหตุเดินยิ้มมานั่นแล้ว”ออฟว่า พลางชี้ไปทางบูมที่เดินยิ้มร่าเข้ามานั่งข้างผม

    “ไม่ไปนั่งกับเพื่อน ๆ ล่ะ”ผมถามบูมหลังจากที่เค้ามานั่งแล้ว

    “ทำไมล่ะ ก็อยากนั่งกับแฟนไม่ได้หรือไง เพื่อนน่ะนั่งเมื่อไหร่ก็ได้...อีกอย่างพวกมันก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย แถมยังสนับสนุนอีกตะหาก (เป็นงั้นไป ไปพูดอีท่าไหนล่ะเนี่ย)” บูมพูดพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ

    “จะทำอะไร......”ยังไม่ทันที่จะพูดจบ บูมก็แอบเอามือทำเป็นเชิงให้ดูพีทที่กำลังจ้องมาที่คู่เราอยู่

    “......xxx.....” ผมเลยตัดสินใจ จูบบูมไปทีนึง

    “โห.....แค่นี้เอากำไรหรอ.....เดี๋ยวคืนนี้ต้องเอาทุนคืนมั่งละ”บูมกระซิบที่ข้างหูผมจนผมหน้าแดง

    “นี่ พอ ๆ ๆ เลย คู่นี้ อย่าสวีทกันมากนักเลย....เห็นใจคนไม่มีแฟนอย่างกาย กับคนแฟนไกลอย่าง ชั้นบ้างนะ” ออฟเข้ามาห้ามทัพ

    “555…….”บูมได้แต่หัวเราะเขิน ๆ

    หลังจากเลิกเรียนแล้ว พวกผมก็เรียกแพทมาเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง รวมทั้งแผนการเอาคืนด้วย ซึ่งแพทก็เห็นด้วยและสนับสนุนเต็มที่ งานนี้เลยมีรายการรวมกันเฉพาะกิจของพวกผม บูมและก็แพทที่บ้านของผมในตอนเย็น เพราะในคืนนี้จะมีรายการพิธีจองเวรไอ้โรคจิตกัน.......

    “แล้วตกลงจะเอายังไงดีล่ะ.....”โบถามขณะนั่งอยู่บนเตียงในห้องผม

    “ก็นี่ไง PCT คนละเครื่องนะ แล้วจัดการเลย แพทโทรเข้าเบอร์บ้านนะเบอร์ xxx-xxxx ออฟ เบอร์ xxx-xxxx ส่วน กายโทรเข้ามือถือนะ แล้วค่อยผลัดกัน คนละชั่วโมง” บูมอธิบายแผน

    “แล้วมันจะไม่ไปรบกวนคนอื่นเค้าหรือไงอ่ะ”ผมถามเพราะรู้สึกสงสารพ่อกับแม่รวมถึงคนอื่นในครอบครัวของพีทที่ต้องมาวุ่นวายด้วย

    “ช่วยไม่ได้....มันจะได้รู้ไง ว่ามันเป็นยังไงเวลาที่มันทำกับคนอื่น”บูมพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

    “แล้วคืนนี้พวกเราจะได้นอนไหมเนี่ย”ไอ้โบบ่น

    “ใครจะนอนก็ไปนอนอีกห้องนึง หรือนอนบนเตียงเราก็ได้นะ”ผมเสนอ

    “นอนที่ห้องนี้แหละ เพราะเดี๋ยวพวกเราจะไปนอนอีกห้องนึง” โห....บูมไม่มากไปหรอเนี่ย

    “นี่ไม่ได้เกรงใจเพื่อนเลยใช่ไหม....ให้พวกเรามานั่งกดโทรศัพท์ พวกแกก็ไปจู๋จี๋กันสองคน”ไอ้ออฟเหน็บ

    “555…..ล้อเล่น” บูมหัวเราะ (ไม่เชื่อหรอก)

    “เริ่มเลยหรือเปล่า..........”ไอ้โบเริ่มคันมือ

    “เดี๋ยวก่อนโบ อ่ะนี่.....เอาไปเผื่ออยากจะหัวเราะใส่มัน”บูมโยนเครื่องอะไรสักอย่างนึงไปให้โบ

    “นี่อะไรอ่ะ”โบชูเจ้าเครื่องนี้อย่างสงสัย

    “ก็เครื่องเปลี่ยนเสียงไง เราไปยืมมาจากเพื่อน จะได้ครบสูตรไง”บูมอธิบายและสอนวิธีการใช้...

    จากนั้นเมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อม พวกผมก็จัดการลงมือโทรศัพท์ไปแกล้งพีท โดยเริ่มจากที่เบอร์บ้านก่อน

    “สวัสดีค่ะ บ้าน....ขอสายใครคะ” เสียงผู้หญิงมีอายุรับสาย
    ......................... พวกผมก็กดวางสายไป

    “เฮ้ย....ไอ้พีทมันไม่ได้รับว่ะ...ใครก็ไม่รู้รับสายเสียงแก่ ๆ หน่อย จะเอายังไงดี”ไอ้กายถาม

    “หรือว่ามันยังไม่กลับถึงบ้านวะ โทรไปที่มือถือมันเลยดีกว่า”ไอ้โบเสนอ

    “เออ ได้”

    “ฮัลโหล พีทครับ”เสียงไอ้พีทดังขึ้นเมื่อมันรับสาย
    …………………… ไอ้กายกดสายทิ้ง แล้วทำท่าโอเค

    “ฮัลโหล....”ยังไม่ทันที่พีทจะพูดจบไอ้กายก็ตัดสายทิ้งไปอีก

    จากนั้นไอ้กายมันก็ทำแบบนี้อีกประมาณ 5-6 ครั้ง จนกระทั่ง.........

    “ฮัลโหล.........โหล.......ใครอ่ะ.......บ้าหรือเปล่าทำไมโทรมาถึงไม่พูด โรคจิตหรือไง”ไอ้พีทพูดด้วยอารมณ์โมโหจัด

    “............................”ไอ้กายเงียบ

    “มึงจะเอายังไงว่ามาเลยอย่ามาแกล้งบ้า……”
    จากนั้นพวกเราก็ตัดสายไป และเพื่อเป็นการไม่ให้มันปิดมือถือ บูมก็แกล้งโทรไปหาพีท ทำทีว่าจะชวนไปซื้อของขวัญให้ม๊าของบูม ก็เป็นพวกน้ำหอมอะไรพวกนี้แหละ เพราะพีทจะเชี่ยวชาญเรื่องนี้มาก ๆ และจากนั้นบูมก็ทำเป็นมีธุระเดี๋ยวโทรกลับไปหาอีก โดยที่ระหว่างการคุยระหว่างบูมกับไอ้พีทอยู่ ไอ้โบก็ใช้ PCT โทรไปหาพีทเป็นสายซ้อนด้วยเช่นกัน เพื่อที่มันจะได้ไม่สงสัยในตัวบูม (คิดได้ไงอ่ะแผนเค้าเฮ้อ......)

    หลังจากที่บูมวางสายเรียบร้อยแล้ว คราวนี้พวกผมแน่ใจแล้วว่ามันอยู่บ้านแน่ ๆ เพราะบูมจัดการแกล้งถามมาให้เรียบร้อยแล้ว พวกเราเลยดำเนินการ โทรศัพท์ไปป่วนมันทั้งเบอร์บ้านและเบอร์มือถือของมัน.......

    นับว่าบูมคาดการณ์ไม่ผิด เพราะพีทแกล้งโทรมาหาผม (น่าจะสืบดูว่าผมเป็นคนโทรหรือเปล่ามากกว่า) ผมก็เลยต้องคุยกับพีทสักพัก โดยที่พวกไอ้โบก็ยังโทรไปป่วนอยู่เป็นระยะ.....และหลังจากที่พีทแน่ใจแล้วว่านั่นคงจะไม่ใช่ผมแน่ ๆ เค้าก็ทำทีว่าง่วงนอนและขอวางสายไป

    พวกเราผลัดกันโทรไปหาพีททั้งเบอร์บ้าน และมือถือเป็นระยะ ซึ่งระยะหลัง ๆ ไอ้โบก็แกล้งทำเป็นหัวเราะบ้าง...ด่ามันไปบ้าง...บางทีก็ตะโกนด่าใส่หูโทรศัพท์ไปเลยก็มี....จนกระทั่งดึกดื่นเที่ยงคืน มันก็ยังเปิดมือถือไว้อีก (เสน่ห์แรงนะบูม แค่พูดว่าจะโทรไปหาแค่นี้ ดูดิพีทไม่ยอมปิดมือถือเลย ขนาดว่าเจอคนป่วนขนาดนี้นะเนี่ย).......

    หลังจากเที่ยงคืนผ่านพ้นไป ตอนนี้พวกผมอยู่ในสภาพที่อิดโรยมาก ๆ พลางคิดว่า ทำไมไอ้พีทถึงได้อึดขนาดนี้ เพราะนี่ขนาดพวกผมผลัดกันโทร ผลัดกันกด แค่วันเดียวยังเหนื่อยขนาดนี้ แต่นี่เค้าคนเดียวสามารถทำได้เป็นอาทิตย์ ๆ จนมาตอนหลัง ๆ พวกผมก็เริ่มจะทนไม่ไหว ขอบายและเข้านอนเอาแรงดีกว่า...(ขนาดว่าผลัดกันต้องหลายคนนะเนี่ย).....

    วันรุ่งขึ้นพวกผมไม่มีเรียนเลยสบายสามารถตื่นสายได้ ผมว่าพีทเองก็เช่นกันเพราะตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่มีไอ้โรคจิตโทรมาเลย (เพราะมันโดนคนโรคจิตกว่าเล่นงานอ่ะ)....พวกผมเลยลงความเห็นว่าวิธีนี้ไม่ได้ผลหรอกน่าจะใช้วิธีใหม่ดีกว่า......

    “บูม...เราว่าเปลี่ยนแผนเหอะ มันสำนึกที่ไหน”ไอ้โบเสนอ

    “เราก็ว่าอย่างงั้น ขนาดตอนตีสอง มันยังมารับสายเสียงแจ๋วเลย”ไอ้กายสนับสนุน

    “อืม........ขอคิดดูก่อน”บูมนิ่งคิดไปครู่นึง แล้วก็เลยเสนอแผนใหม่ออกมา............


    “ฮัลโหล พีทหรอ....เราโยนะ”ผมโทรศัพท์ไปหาพีท

    “อ้าวโยหรอ มีอะไรหรือเปล่าโทรมาแต่เช้าเลย” พีทถามเสียงใส (ทำไมอึดแบบนี้วะ)

    “เรามีเรื่องขอเคลียร์หน่อย.........”ผมพูดและเว้นระยะเอาไว้

    “เคลียร์เรื่องอะไรหรอ” พีทแกล้งทำเป็นใสซื่อ

    “วันนั้นเราเห็นนะว่าพีททำอะไรในห้องน้ำ....” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “วันไหน..........” พีทแกล้งถาม

    “ก็วันที่มีไอ้โรคจิตโทรมาแกล้งหัวเราะใส่เราไง.....เรารู้นะว่าพีทเป็นคนทำ....พีททำไปทำไม เราไปทำอะไรให้หรอ ถึงได้มาแกล้งเรา มาป่วนที่บ้านเราแบบนี้” ผมถามซีเรียส

    “เราเปล่านะ โยพูดอะไรน่ะ เราไม่รู้เรื่อง.....” พีทแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

    “ไม่รู้ได้ยังไงเราเห็นมากับตา เพราะตอนนั้นเราอยู่ในห้องน้ำด้านในกำลังจะออกมา เราเห็นพีทกำลังหัวเราะอยู่พอดี.........” ผมเริ่มขึ้นเสียง

    “เราหัวเราะกับเพื่อนเราต่างหาก โยอย่ามาใส่ร้ายเราสิ เราจะทำไปทำไม” พีทเถียงกลับอย่างไม่ลดละ

    “เลิกเสแสร้งได้แล้วพีท เราก็รู้ ๆ กันอยู่ ว่าอะไรมันเป็นอะไร เลิกมาตีสองหน้าได้แล้ว....” ผมพยายามกระชากหน้ากากพีทออกมา

    “นี่โยพูดอะไรอ่ะ เราไม่เข้าใจ.........” พีทยังคงแกล้งทำเป็น อินโนเซ้นท์ ( ไม่ใช่ Innozent นะครับไม่ต้องตกใจ)

    “พีท....บูมบอกเราหมดแล้วว่าพีทโทรไปจีบบูมหลายครั้ง ทั้งๆที่บูมก็บอกไปแล้วว่าเค้ามีแฟนแล้ว....” ผมพูดเสียงเข้ม

    “..............................” ได้ผลครับ ไอ้พีทเริ่มเงียบ ผมเลยได้ทีรีบรุกต่อ

    “เราจะบอกให้นะเรื่องแค่นี้เราไม่ใส่ใจหรอก ดีซะอีก เราจะได้มีข้ออ้างให้บูมมาค้างที่บ้านของเราไง....หรือไม่เราก็จะได้ไปค้างที่บ้านของบูม.....ยังไงก็ต้องขอบใจมาก ๆ เลยนะที่ทำให้เราสองคนแนบแน่นกันมากขึ้น แต่ทางที่ดีวันหลังช่วยหามุขใหม่ ๆ มาหน่อยนะ เราจะได้มีข้ออ้างทำอย่างอื่นไง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยในที (ยั่วโมโหนิด ๆ)

    “....................................” พีทยังคงเงียบ

    “ทีแรกบอกตามตรงว่าเราก็หงุดหงิดนะที่พีทโทรมาแกล้งเราแบบนี้ แต่ตอนนี้เราไม่ว่าอะไรหรอก เพราะเราพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเราจะได้อ้อนขอนอนกับบูมทุกวันเลยไง ขอบใจนะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงยั่วโมโหสุด ๆ

    “อีหน้าด้าน...เออ ใช่ กูเป็นคนโทรไปแกล้งมึงเองแหละมีปัญหาอะไรไหม..มึงมันไม่มียางอาย....ทำเป็นคนดี... ที่ไหนได้ มารยา นัก กูก็กะไว้แล้วว่าทำไมบูมถึงได้หลงมึงนัก ก็เพราะมึงมันแพศยา มึงจำเอาไว้นะ กูไม่มีวันยอมแพ้มึงหรอก กูรู้จักบูมมาก่อนมึง กูจะไม่มีวันปล่อยบูมให้มึงไปหรอก จำเอาไว้ด้วย...............”ยังไม่ทันที่พีทจะพูดจบ บูมก็พูดแทรกขึ้นมา (ผมทำเป็นโทรศัพท์สามสายอ่ะครับ)

    “โยเค้าไม่ได้ทำอะไรเราเลยนะ เราจะบอกให้ก็ได้พีทว่า เราแอบชอบโยมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว.......” บูมพูดแทรกขึ้นมา (เพิ่งรู้ความจริงนะเนี่ย)

    “..................บูม....................” พีทร้องอย่างตกใจ (นึกไม่ถึงล่ะสิ)

    “ใช่เราเอง เราจะบอกให้รู้เลยนะ ว่าเราจะไม่มีวันทิ้งโยไปหรอก ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เพราะเรารักโย เข้าใจไหมว่าเรารักโย.....อ้อ อีกอย่างไม่ต้องโทรมาตามตื้อเราแล้วนะ เรารำคาญ....และที่สำคัญนายก็น่าจะรู้ตัวเองดีนะ ว่าคนที่ไม่มียางอายน่ะใคร....เลิกมาวุ่นวายกับพวกเราสักที.....แล้วก็ขอบใจนะที่ช่วยบอกความจริงกับพวกเรา จริง ๆ แล้วพวกเราก็รู้อยู่ก่อนแล้วแหละ แค่อยากจะอัดเทปเสียงนายเอาไว้ เผื่อบางทีจะเอาไปให้เพื่อน ๆ ในคณะได้ฟังกันบ้าง.....ขอบใจนะ” บูมพูด

    “................กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด..................” พีทแผดเสียงออกมาจนแสบแก้วหูไปหมด แล้ววางสายลงไปทันที

    หลังจากที่บูมวางสายลงไปแล้ว เพื่อน ๆ ก็ปรบมือให้ แล้วยังว่าบูมพูดจาได้เฉียบขาดมากๆ....เฮ้อ....คราวนี้ผมได้สบายใจ และโล่งอก ที่ไอ้เรื่องบ้า ๆ แบบนี้จะได้จบลงไปสักที...ผมเลยขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงสุกี้พวกเพื่อน ๆ ผมเพื่อเป็นการตอบแทน.......

    หลังจากนั้นไอ้โรคจิตก็หายไปจากโทรศัพท์ของผมอย่างถาวร รวมไปถึงพีทด้วยที่ตอนนี้ เพื่อน ๆ ในกลุ่มของพีทและพีท ไม่ยอมพูดคุยกับผม เพื่อน ๆของผม รวมไปถึงบูมด้วย ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพีทไปพูดอะไรให้เค้าฟัง เค้าถึงเป็นแบบนี้ แต่ยังไงก็ตามผมกับเพื่อน ๆ ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย ต่างคนต่างอยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว ผมคิดแบบนั้น....

    นับจากเรื่องของพีทยุติลงไป ผมก็นึกว่าจะได้อยู่อย่างสงบสุขทั้งที แต่ที่ไหนได้ ดันมีข้อความส่งเข้ามาเครื่องผมทำให้ผมต้องมานั่งกังวลอีก เฮ้อ......

    อาทิตย์หน้าพี่จะลงไปเยี่ยมนะครับ คิดถึง...อ้อ...แจนก็ไปด้วยนะครับ เห็นว่าอยากจะไปเจอโยมาก....แล้วเจอกันนะครับ...หัวใจพี่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน...พี่วิทย์

    จบตอนที่แสนจะยาวนาน 6/6 แล้วครับ เหลืออีกไม่กี่ตอนหลัก ๆ เรื่องนี้ก็จะจบบริบูรณ์จริง ๆ แล้ว หวังว่าจะยังคงอยู่เป็นเพื่อนกันต่อไปนะครับ ขอบคุณครับ

******************************************************************************************************

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

...........คู่นี้อุปสรรคเยอะจิงๆ......... :เฮ้อ:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :เฮ้อ: ปัญหาเก่าหมดไป ปัญหาใหม่ก็ทำท่าว่าจะตามมา  :เฮ้อ:

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกเจงงงงง คู่นี้พอเรื่องนี้จบ มีเรื่องใหม่มาจ่อคิวปั๊บเลยยย  :o


แต่ยังไงความรักและความเข้าใจ รวมทั้งกัลยานมิตรที่มี คงช่วยให้ผ่านเรื่องราวต่างๆไปได้ด้วยดี  :yeb:

น่ารักจังคับคู่นี้  :give2:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
"ตอนที่ 7/1"

    นับจากเรื่องของพีทยุติลงไป ผมก็นึกว่าจะได้อยู่อย่างสงบสุขทั้งที แต่ที่ไหนได้ ดันมีข้อความส่งเข้ามายังเครื่องผม ทำให้ผมต้องมานั่งกังวลอีก เฮ้อ......

    “อาทิตย์หน้าพี่จะลงไปเยี่ยมนะครับ คิดถึงนะ...อ้อ...แจนก็ไปด้วยนะครับ เห็นว่าอยากจะไปเจอน้องโยมาก....แล้วเจอกันนะครับ...หัวใจพี่ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน...พี่วิทย์”

    หลังจากอ่านข้อความจบผมก็ต้องมานั่งกลุ้มใจและกังวลใจเรื่องพี่วิทย์อีก ผมเลยคิดว่าน่าจะสมควรบอกให้บูมรู้เรื่องนี้เอาไว้ก่อนดีกว่าจะได้ไม่มีเรื่องกันอีก……

    “ว่าไงครับ...เพิ่งแยกกัน ยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลยนะ...คิดถึงหรอครับ...”บูมพูดเสียงหวาน

    “ไม่ได้คิดถึงแต่โทรหาได้หรือเปล่าล่ะ...หรือว่าจะให้เราโทรไปหาเฉพาะตอนที่เราคิดถึงอ่ะ” ผมแกล้งกวนบูมเล่น ๆ

    “โห....อย่างงั้นก็แสดงว่าโยไม่ค่อยจะคิดถึงเราเลยอ่ะดิ...เห็นไม่ค่อยโทรมาหาเราเลยอ่ะ”บูมตัดพ้อเสียงงอน ๆ

    “555...จะไปคิดถึงยังไงล่ะ พวกเราอยู่ด้วยกันวันละเกือบจะสิบห้าชั่วโมงเห็นจะได้...รู้ป่ะเราอยู่กับบูมมากกว่าอยู่กับที่บ้านเราอีกนะ” ผมพูดอย่างอารมณ์ดี

    “อ้าว...ก็แฟนกันก็ต้องอยู่ด้วยกันดิ...เอางี้ไหมให้เราย้ายไปอยู่ที่นั่นเลยได้ป่ะ หรือว่าโยย้ายมาอยู่กับเราเลยก็ได้ เดี๋ยวเราให้ม๊าโทรไปขอแม่โยให้” บูมเสนอความคิด

    “พอเลย ๆ ไปกันใหญ่แล้ว...ที่เราโทรมาเนี่ยเราจะโทรมาบอกบูมว่า อาทิตย์หน้าพี่วิทย์กับแฟนเค้าจะมากรุงเทพฯแล้วนะ เห็นว่าแฟนเค้าอยากจะเจอเราด้วยอ่ะ” ผมพูดเสียงเครียด

    “อ้าว...ก็ดีอ่ะดิ เราจะได้ไปด้วยไง เค้าจะได้รู้สักทีว่า โยมีแฟนแล้ว” บูมพูดแบบไม่ใส่ใจ

    “มันก็จริงนะ แต่พี่วิทย์อ่ะดิ ดันมาขอร้องเราให้ช่วยเค้า เรื่องผู้หญิงคนนั้นอ่ะดิ พี่วิทย์เค้าไม่ได้ชอบ แต่พ่อเค้าจะจับให้แต่งงานด้วยอ่ะ” ผมอธิบาย

    “ก็ดีสิ เค้าจะได้เลิกยุ่งกับโยอย่างถาวรไง...จะไปช่วยเค้าทำไม” บูมพูดอย่างดีใจ

    “เฮ้อ.....แต่เราเข้าใจพี่วิทย์นะ การที่ถูกคนบังคับให้ทำในสิ่งที่เค้าไม่ต้องการทำโดยเฉพาะเรื่องความรักเนี่ย มันลำบากมาก ๆเลยนะ เรากับบูมก็เคยโดนมาแล้วนิ” ผมพูดด้วยความรู้สึกเห็นใจพี่วิทย์จริง ๆ

    “แล้วโยจะให้เราทำยังไงล่ะ...จะให้โยแกล้งทำตัวเป็นแฟนพี่วิทย์แบบนั้นอ่ะหรอ เราว่าอย่าเลย เดี๋ยวมันจะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่” บูมพูดอย่างขยาด

    “เราก็ไม่รู้เหมือนกัน...แต่ก็ช่างเถอะ เพราะเราแค่อยากให้บูมรับรู้เรื่องนี้เอาไว้แค่นั้นเอง เดี๋ยวจะมางอนเค้าอีก” ผมพูดแบบเซ็ง ๆ นิด ๆ

    “เค้างอนที่ไหน...ตัวเองอย่าพูดแบบนี้ดิ”บูมพูดเสียงน่ารัก

    “บูมอย่าพูดแบบนี้ได้ป่ะ เราขนลุกอ่ะ” ผมรีบห้าม

    “จะให้เค้าพูดแบบไหนอ่ะ เค้าก็เห็นแฟนกันพูดกันแบบนี้ น่ารักดีออก ตัวเองอ่ะคิดมาก” บูมยังคงพูดแกล้งผมต่อไป

    “ยังอีก...เวลาบูมพูดแบบนี้แล้วเรารู้สึกจั๊กจี้ยังไงไม่รู้อ่ะ...”ผมพูดเสียงดุ

    “โห...ไรอ่ะ...ก็ได้ ๆ พูดแบบเดิมก็ได้ ว่าแต่ตัวเองไม่เปลี่ยนใจแน่นะ เค้ารอคำตอบอยู่นะ...” บูมพูดพลางหัวเราะ

    “พอเลย ๆ ...”

    “555…เออ แล้วนี่พีทยังโทรไปรังควาญโยอีกหรือเปล่า” บูมถามอย่างเป็นห่วง

    “ไม่มีแล้วล่ะ ตั้งแต่วันนั้นก็หายไปเลย เฮ้ออ....ค่อยโล่งหูหน่อย...” ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก

    “ดีแล้วล่ะ...แล้วโยอ่านหนังสือไปถึงไหนแล้วล่ะ ใกล้สอบแล้วนะ”

    “ก็ได้พอสมควรแล้ว ว่าแต่บูมเหอะ อย่ามัวแต่ไปคุยกับคนที่โทรมาจีบล่ะ ถ้าเกิดได้ F มาอย่ามาพูดนะ” ผมแกล้งแหย่บูม

    “ไม่กล้าแล้ว...เข็ดแล้วล่ะ คุยกับโยคนเดียวก็พอแล้วจริงป่ะ ว่าแต่ไม่ให้เค้าพูดแบบนี้จริง ๆ หรอ” บูมพูดเสียงหวาน

    “ยังอีก.....” ผมเอ็ดเบา ๆ “แล้วอย่าให้รู้นะว่าแอบไปคุยกับใครแล้วทำให้เราต้องเดือดร้อนอีก”

    “ไม่กล้าแล้วครับผม..เออ...โยเดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปกินข้าวเช้าด้วยนะ” บูมพูดเสียงอ้อน

    “ก็มาสิ...เดี๋ยวจะบอกแม่เราให้ อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” ผมพูดไปอมยิ้มไปอย่างเอ็นดู (ชอบเสียงแบบนี้มาก ๆ)

    “อยากกินโยได้ป่ะ ไม่รู้เป็นไงพักนี้เปรี้ยวปากอยากจะกินแต่โยทั้งวัน 555” บูมหัวเราะชอบใจ

    “แล้วจะปล่อยให้มันอยากทำไมล่ะ ก็มากินเลยดิ รออยู่เลย 555” ผมได้ทีเลยแกล้งยั่วกลับไป

    “อย่าท้านะ เดี๋ยวจะไปหาทั้งชุดนอนเนี่ยแหละ” บูมพูดราวกับว่าจะทำจริงๆ

    “เอาจริงดิ...ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง...ไปนอนดีกว่า เดี๋ยวใครแถวนี้จะคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เรากลัวจะโดนข่มขืนอ่ะ ฝันดีนะครับ จุ๊บ ๆ ๆ” พอเข้าแผนผมเลยรีบแกล้งหาเรื่องชิ่งดีกว่า

    “ไม่เอาอย่าเพิ่งวางดิ มายั่วแล้วจากไปแบบนี้ได้ไง หึ.......” บูมยังคงพูดต่อไปแต่ผมไม่สนใจรีบปิดเครื่องหนีเลย อิอิ

    เช้าวันรุ่งขึ้นบูมขับรถมาหาผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันจะโห่เลย พอบูมมาถึงก็ขออนุญาตแม่ของผมขึ้นมาปลุกผมบนห้องเพราะผมยังไม่ตื่นเลย (ก็จะรีบตื่นไปทำไมอ่ะ วันนี้มีเรียนบ่าย แล้วท่านพี่ก็เล่นมาซะ ก่อนเจ็ดโมงเช้าซะอีก....เฮ้อ)

    พอบูมเข้ามาที่ห้องผมในขณะที่ผมกำลังหลับสนิท (ไปเอากุญแจสำรองมาจากไหนก็ไม่รู้ สงสัยคงจะขอมาจากแม่ผมแน่ ๆ เลย) บูมก็เริ่มแผนการณ์ร้ายทันที

    ต่อไปนี้คือความรู้สึกของผมตอนที่กำลังหลับสบาย ๆอยู่บนเตียงนะครับ

    • ในขณะที่ผมกำลังหลับอย่างสบายอยู่บนเตียงอันแสนจะอบอุ่น ทันใดนั้นผมก็เริ่มจะรู้สึกรำคาญนิด ๆ เพราะมีอะไรก็ไม่รู้ มาจักจี้ที่ท้องน้อยจนผมต้องเอามือปัด ๆ ออกไป จากนั้นผมก็นอนต่อไป ไม่ได้คิดอะไรเพราะเราอยู่คนเดียว

    • สักพัก กำลังเคลิ้ม ๆ ได้ที่ ก็เหมือนจะมีอะไรก็ไม่รู้มาเกาะแกะที่ตัว โดยเฉพาะช่วงล่าง ๆ เนี่ยะแหละ แต่ก็ช่างเถอะ เอามือปัด ๆ ไปก็หายไป

    • ผมกำลังหลับได้ที่ แต่เอ๊ะ ทำไมมันเริ่มรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ยังไงพิกล จนต้องเอามือลูบตามแขนเบา ๆ แต่ผมก็ยังไม่อยากตื่นเลยอ่ะ แอร์คงจะเย็นไปมั้ง...

    • ตอนนี้ผมเริ่มจะหนาวมาก ๆแล้ว และเริ่มรู้ตัวมีสตินิด ๆ ละ แต่เอ๊ะ ทำไมมันมีอะไรหนัก ๆ มาทับที่ตัวเราล่ะเนี่ย หรือว่าเราจะโดนผีอำนะ

    • ตอนนี้ผมเริ่มจะดิ้นกระดุกกระดิกไปมาเพราะอึดอัดมาก ๆ แล้ว แต่ผมว่าไม่น่าจะเป็นผีอำแล้วล่ะ น่าจะเป็นผีทะเลซะมากกว่า เพราะเล่นคลึงเล่นเลียกันแบบนี้ ผมเลยลืมตาขึ้นมาดูให้ชัด ๆ

    • นั่นไงใช่แล้ว ผีทะเลที่ชื่อบูมนี้เอง เหอ เหอ เหอ เล่นถอดเสื้อผ้าผมซะหมดเลย แถมกำลังเลียผมอยู่อีก (ทำไมเราไม่รู้ตัวหว่า) พอเห็นผมลืมตาแทนที่จะหยุด ไม่มีล่ะ แถมยังแกล้งทำแววตาบ้ากามใส่ผมอีกต่างหาก


    “ทำอะไรอ่ะบูม อ๊อยยยยย...ยังเช้าอยู่เลยนะ” ผมเริ่มมีสติพูดกับชายหนุ่มที่กำลังรุกไล่เล้าโลมผมอย่างหนัก

    “ใครบอกว่าเช้า........โทรไปยั่วเราตั้งแต่เมื่อคืนแถมยังปิดมือถือหนีเราอีก.....ดูดิเรานอนก็นอนไม่หลับ.....ทีแรกกะจะมาตั้งแต่เมื่อคืนตอนตีสองละ ถ้าไม่ติดเกรงใจแม่กับพ่อของโยนะ....ฮืม ไม่งั้นเรียบร้อยไปแล้ว......”บูมพูดสลับกับเลียผมไปมา

    จากนั้นก็……………กบว มาแล้ว………….censor……………………

    โย....บูม ลูกลงมาทานข้าวได้แล้วนะจ๊ะ........เสียงแม่เรียกเหมือนเสียงสวรรค์เป็นระฆังหมดยกพอดี (น่าจะเรียกช้าอีกหน่อยนา)

    “พอได้แล้วบูม....เดี๋ยวแม่ขึ้นมาเห็นเข้านะ”ผมพูดกับบูมอย่างอ่อนโยน

    “ไม่เอาอ่ะ อีกนิดได้ป่ะ นะ นะ นะ”บูมอ้อน

    “ไม่เอาแล้ว ไว้คราวหลังแล้วกัน แม่เรียกแล้วนะ ต้องไปอาบน้ำแต่งตัวอีก เดี๋ยวแม่รอนานจะสงสัย" ผมพูดแบบซีเรียส

    “อืม.....ก็ได้ ๆ แต่ให้เราอาบน้ำด้วยนะ ดูสิมีแต่น้ำลายเต็มไปหมด เดี๋ยวแม่ก็สงสัยหรอก” บูมลังเลสักครู่นึงแล้วพูดออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

    “อ่ะก็ได้ เร็ว ๆ เข้า.......” ผมพูดยิ้ม ๆ พร้อมกับส่ายหน้าในความเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่ม

    หลังจากนั้นประมาณ สามสิบนาที (หรือเปล่าไม่แน่ใจ) บูมกับผมก็เดินลงมาพร้อมกัน (กว่าจะได้อาบน้ำ เฮ้อ.......ไหนจะเป่าตัวให้แห้งอีก แม่จะสงสัยหรือเปล่าไม่รู้)

    “ว่าไงจ๊ะ ทำไมเรานอนขี้เซาอย่างงี้ล่ะลูก นี่ขนาดบูมขึ้นไปปลุกแล้วนะ กว่าจะยอมลงมาได้”แม่ดุผมเบา ๆ

    “ก็คนมันง่วงอ่ะครับแม่..แล้วไหนจะต้องอาบน้ำอีกอ่ะมันเลยลงมาสายหน่อย..ว่าแต่วันนี้พ่อไปทำงานแต่เช้าเลยนะครับ” เฮ้อ ค่อยยังชั่วแม่ไม่สงสัย แต่บูมตัวดีสิ ยิ้มซะแก้มปริเลย (ขำมากนักนะ ก็ใครทำให้มันสายล่ะ)

    “จ๊ะ...เดี๋ยวพวกลูก ๆ ทานข้าวกันไปเลยนะ เพราะแม่ก็จะรีบออกไปเหมือนกัน พอดีแม่เพิ่งนึกออกว่าแม่มีนัดกับเพื่อนแม่เอาไว้น่ะจ๊ะ” มิน่าแม่ถึงไม่สงสัยท่าทางจะโทรคุยกับเพื่อนจนลืมเหมือนกัน อิอิ

    “อ้าว...แล้วนี่แม่จะไปทันหรอครับ” ผมถามอย่างสงสัย

    “แม่นัดเพื่อนเอาไว้ช่วงบ่าย ๆ น่ะ แต่แม่กะจะเลยไปทำผมสักหน่อยก่อนนะ...ถ้างั้นแม่ไปก่อนนะจ๊ะ บูมทานตามสบายนะลูก แม่ทำเผื่อเราไว้แล้วล่ะ แม่ไปก่อนนะจ๊ะ” แม่เอ่ยลาแล้วเดินออกไป

    “ขอบคุณครับแม่” บูมกับผมพูดพร้อมกันจนผมหันกลับไปมองบูม..(นี่ตกลงบูมเรียกแม่ผมว่าแม่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย)

    หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา บูมก็มักจะเรียกแม่ผมว่า แม่ ตลอดโดยอ้างว่าผมก็เรียกแม่ของเค้าว่าม๊าเหมือนกัน ซึ่งแม่ผมก็ยินดีแถมยังชอบอีกต่างหาก แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันน่ะ คือ บูมชอบตีสนิทและทำตัวเป็นที่รักของแม่ผมได้อย่างเร็วมาก ๆ จนผมเริ่มที่จะหมั่นไส้เล็ก ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วปกติเค้าก็เป็นขวัญใจของแม่ผมอยู่แล้ว เดี๋ยวนี้ยิ่งกลับมากขึ้นไปอีก ขนาดที่ว่าผมจะดุจะว่าอะไรบูมต่อหน้าแม่ผมไม่ได้เลยนะ เพราะจะโดนสายตาพิฆาตมากำหราบทุกที เฮ้อ......

    วันนี้เป็นวันที่พี่วิทย์กับแฟนเค้าจะมานัดเจอผมที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งพี่วิทย์เป็นคนจองเอาไว้ล่วงหน้าและโทรมานัดกับผมไว้ ผมเลยโทรไปหาบูมกะจะให้เค้าไปเป็นเพื่อนผมสักหน่อย.....

    “บูมว่างอยู่หรือเปล่า.....”ผมถามบูมเสียงแจ๋ว

    “เอ่อ...โย มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”บูมพูดด้วยน้ำเสียงตกใจนิดหน่อย

    “อ๋อ...ก็กะจะชวนบูมไปทานข้าวเป็นเพื่อนเราหน่อยอ่ะ วันนี้พี่วิทย์กับแฟนเค้าโทรนัดเราให้ไปทานข้าวด้วย บูมไปด้วยกันนะเราไม่อยากไปคนเดียวอ่ะ” ผมพูดเสียงอ้อนนิด ๆ

    “เอ่อ......คือ ตอนนี้เราไม่ว่างอ่ะ เราติดธุระอยู่ ขอโทษด้วยนะ” บูมปฏิเสธเสียงอึกอัก ๆ

    “ว้า....บูมติดธุระอยู่หรอ น่าเสียดายจัง แล้วอีกนานหรือเปล่าล่ะ” ผมบ่นเสียดายแต่ก็ยังแอบหวังนิด ๆ

    “คือ...ก็พอสมควร โยไปก่อนเถอะไม่ต้องรอเราหรอก” บูมยังคงยืนยัน

    “ธุระอะไรอ่ะ ถ้าไม่นานเราจะรอ เพราะเรานัดไว้อีกสองชั่วโมง” ผมถามอย่างสงสัย

    “คือ....เราว่าไม่ต้องรอเราหรอก เพราะท่าทางจะเสร็จดึกน่ะ โยก็ไปทานข้าวกับเค้าเถอะ” บูมรีบตัดบท (วันนี้มาแปลกนะ)

    “อืมม...ก็ได้ตามใจ งั้นแค่นี้นะ” ผมตอบเสียงเศร้าแต่ในใจก็อดตะขิดตะขวงใจนิด ๆ ไม่ได้ว่าตกลงบูมต้องไปทำธุระเรื่องอะไรกันแน่ เพราะปกติถ้าผมชวนไป ไม่น่าจะปฏิเสธเลยนะเนี่ย

    “ครับ...บายครับ” บูมตัดบทวางสายไปเลย

    ผมวางสายจากบูมด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ปน ๆ กับความตะขิดตะขวงใจยังไงก็ไม่รู้ แต่มาคิด ๆ ดูอีกที ก็คงจะไม่มีอะไรหรอก ผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ ผมเลยกะจะเรียกพวกไอ้โบไปเป็นเพื่อน แต่มาคิดอีกทีถ้าชวนพวกมันไปก็ใช่เรื่อง เพราะพวกมันก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับพี่วิทย์มากมายนัก อีกอย่างผมจะต้องไปเจอแฟนพี่วิทย์ซะด้วยสิ เอาพวกมันไปก็ไม่ค่อยจะสะดวก ผมเลยต้องตัดสินใจบุกตะลุยเดี่ยวไปด้วยตัวเองไปเลย...เฮ้อ แล้วนี่ผมจะมีชีวิตรอดกลับมาไหมเนี่ย...........

    จบตอนที่ 7/1 แล้วครับ ต้องขอโทษที่ทำให้รอนานนะครับ....
**********************************************************************************************

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เหอ เหอ มีพิรุธจิง ๆ ตาบูม  :angry2:

ออฟไลน์ LonelyBoiZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
มี พิรุธแล้ว บูมๆๆๆๆ นอกใจแหงๆ  :kikkik:

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2:  ไม่นะ ไมบูมดูมีพิรุธจัง  สัญชาตญาณหึงหวงมานบอก อิอิ

หวังว่าคงไม่มีไรน๊า ...วางแผนทำเซอร์ไพรซ์โยแน่ๆเลย :myeye:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50

"ตอนที่ 7/2"

    ผมวางสายจากบูมด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ปน ๆ กับความตะขิดตะขวงใจยังไงก็ไม่รู้ แต่มาคิด ๆ ดูอีกที ก็คงจะไม่มีอะไรหรอก ผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ ผมเลยกะจะเรียกพวกไอ้โบไปเป็นเพื่อน แต่มาคิดอีกทีถ้าชวนพวกมันไปก็ใช่เรื่อง เพราะพวกมันก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับพี่วิทย์มากมายนัก อีกอย่างผมจะต้องไปเจอแฟนพี่วิทย์ซะด้วยสิ เอาพวกมันไปก็ไม่ค่อยจะสะดวก ผมเลยต้องตัดสินใจบุกตะลุยเดี่ยวไปด้วยตัวเองไปเลย...เฮ้อ แล้วนี่ผมจะมีชีวิตรอดกลับมาไหมเนี่ย...........

    “น้องโยทางนี้ครับ..........”ชายร่างสูงที่ผมคุ้นเคยกำลังโบกไม้โบกมือให้ในขณะที่ผมกำลังเดินเข้าไปในร้าน

    “..............สวัสดีครับพี่วิทย์ สบายดีหรือเปล่าครับ....................”ผมเดินเข้าไปหาพร้อม ๆ กับเอ่ยทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    “สบายดีครับน้องโย....ไม่เจอกันตั้งนาน น่ารักขึ้นนะเนี่ย”พี่วิทย์ยิ้มทักทายแถมหยอดใส่ผมอีกตามเคย

    “ขอบคุณครับ....เอ่อแล้วนี่”ผมกล่าวขอบคุณพร้อมกับจ้องไปยังผู้หญิงร่างสูง หน้าตาจิ้มลิ้ม ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พี่วิทย์

    “อ้อ....นี่แจน คนที่พี่เคยเล่าให้ฟัง.....แจนนี่โย คนที่ผมพูดถึงบ่อย ๆ น่ะ”พี่วิทย์เริ่มแนะนำอย่างเป็นทางการ

    “สวัสดีค่ะ น้องโย....ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ พี่ชื่อแจนค่ะ....มิน่าพี่วิทย์ถึงชมน้องให้พี่ฟังตลอดเลย น้องโยน่ารักจริง ๆ ด้วยนั่นแหละ” หญิงสาวตรงหน้ายิ้มให้และแนะนำตัวด้วยท่าทางเป็นมิตร

    “ไม่หรอกครับพี่ พี่แจนเล่นพูดชมกันแบบนี้เดี๋ยวผมก็นึกว่าเป็นเรื่องจริงหรอกครับ 555...ว่าแต่พวกพี่จะมาเที่ยวกี่วันครับ” ผมเกาศีรษะด้วยความเขินและหันกลับไปถามพี่วิทย์

    “พี่ก็กะจะมาสัก สาม สี่วันน่ะ” พี่วิทย์ตอบยิ้ม ๆ

    “แล้วช่วงนี้น้องโยว่างไหมจ๊ะ มาเที่ยวกับพวกพี่ด้วยกันไหม เที่ยวด้วยกันคนเยอะ ๆ สนุกออก จริงไหมคะวิทย์” พี่แจนชวนผมยิ้ม ๆ และหันไปถามความเห็นพี่วิทย์

    “อืม...จริงด้วย ว่าแต่น้องโยว่างไหมครับ” พี่วิทย์ชวนผมอีกคน

    “เออ....คือ ผมต้องขอโทษจริง ๆ ครับพี่ พอดีช่วงนี้ผมใกล้จะสอบแล้วอ่ะครับ.... แต่เอาอย่างนี้แล้วกันนะครับ เดี๋ยววันเสาร์นี้ผมจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวพวกพี่ ๆ แทนแล้วกันนะครับ”

    “ว้า...น่าเสียดายจัง เลยไม่ได้ไปเที่ยวกับน้องโยเลย...แต่ไม่เป็นไรวันเสาร์ก็วันเสาร์จ๊ะ น้องโย สัญญาแล้วนะ”พี่แจนยิ้มให้อย่างจริงใจ หลังจากนั้นเราก็คุยกันต่อไปอีกสักพักพี่วิทย์ก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

    “อืม...งั้นเดี๋ยวน้องโยคุยกับแจนไปพลาง ๆ ก่อนนะ เดี๋ยวพี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” พี่วิทย์ขอตัวแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ (ก่อนจะไปพี่วิทย์แกล้งทำเป็นหรี่ตาเป็นสัญญาณให้ผมจัดการพี่แจนให้ประมาณนั้น) หลังจากที่พี่วิทย์เดินไปเข้าห้องน้ำ พี่แจนก็หันมาคุยกับผม

    “น้องโยคะ คือพี่จะไม่พูดจาอ้อมค้อมนะคะ คือ พี่รู้เรื่องระหว่างน้องโยกับวิทย์หมดแล้ว และตัวพี่เองก็เข้าใจดีและไม่ได้ว่าอะไร หรือว่ารังเกียจอะไรวิทย์เค้าด้วย แต่พี่อยากจะขอร้องให้น้องโยช่วยพี่หน่อยจะได้ไหมคะ...” พี่แจนถามผมสีหน้าเครียดลงอย่างเห็นได้ชัด (เอาละสิงานนี้พี่แจนบุกก่อนเลย)

    “เอ่อ...ช่วยเรื่องอะไรครับพี่แจน” ผมถามกลับไป (ในใจก็คิดประมาณว่า คงจะหน้าไหว้หลังหลอกแหงเลยแบบนี้ ประมาณนางอิจฉาในละคร)

    “คือ....พี่รักวิทย์เค้าจริง ๆนะ พี่ก็ไม่รู้และไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม ทีแรกที่พี่รู้เรื่องที่วิทย์เค้าชอบน้องโย พี่ก็ตกใจและเสียใจอยู่เหมือนกัน แต่จนแล้วจนรอดพี่ก็ตัดใจจากเค้าไม่ได้สักที จนในที่สุดพี่ก็ตัดสินใจว่าพี่ต้องพยายามทำทุกอย่างให้วิทย์หันมาชอบพี่ให้ได้ ดังนั้นพอวิทย์บอกกับพี่ว่าจะมาหาน้องโยที่กรุงเทพฯ พี่ก็เลยต้องขอตามเค้ามาด้วย เพื่อที่จะมาหาน้องโยด้วยเช่นกัน เพราะพี่เองก็อยากรู้ว่าน้องโยเป็นคนแบบไหนกันแน่ ทำไมวิทย์เค้าถึงได้หลงรักมากขนาดนี้ และจะเป็นไปได้ไหมนะถ้าพี่จะมาขอร้องให้น้องโยช่วยพี่เกี่ยวกับวิทย์ น้องโยจะตกลงไหมนะ จนวันนี้พี่ได้เจอเราและได้พูดคุยกับเรา พี่ก็คิดว่าน้องคงจะเป็นที่ปรึกษาให้พี่ได้อย่างแน่นอน พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพี่ถึงไว้ใจเราขนาดนี้ พี่รู้แต่ว่าน้องโยต้องช่วยพี่ได้อย่างแน่นอน จริง ๆ นะคะ น้องโย ช่วยพี่หน่อยนะ” พี่แจนอธิบายเหตุผลให้ผมพร้อมกับขอร้องให้ผมช่วยเหลือ

    “เอ่อ.........คือ” ผมอึกอักเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี (พี่วิทย์ก็ให้ช่วย พี่แจนก็มาขอร้องอีก)

    “นะคะ ได้ไหมจ๊ะ พี่เข้าใจดีว่า วิทย์เองก็คงอยากจะให้พี่ล้มเลิกความคิดนี้ และอาจจะขอร้องน้องโยด้วยเช่นกัน แต่ยังไงซะพี่ก็จะไม่ยอมแพ้แน่นอน ว่าแต่ว่าน้องโยจะช่วยพี่ได้ไหมจ๊ะ” พี่แจนพยายามอ้อนวอน

    “คือ..............” ผมพูดอย่างกำลังตัดสินใจ

    “นะจ๊ะ พี่ขอร้อง....ทีแรกพี่ก็กลัวเหมือนกันว่าน้องโยจะเป็นคนยังไงนะ พี่วาดภาพในใจต่าง ๆ นา ๆ แต่พอพี่เจอตัวเราจริง ๆ พี่เลยมั่นใจว่า น้องโยต้องช่วยเหลือพี่ได้แน่นอน”

    “อืม....ผมไม่รับปากนะครับว่าจะช่วยได้มากเท่าไหร่ เอาเป็นว่าผมจะตอบเท่าที่จะตอบได้ แต่ผมคงจะไม่ทำอะไรมากไปกว่าเป็นที่ปรึกษานะครับเพราะผมเองก็เกรงใจพี่วิทย์เหมือนกัน” ผมพูดอย่างตัดสินใจแล้วว่าผมควรจะทำยังไงดี (ผมก็ไม่รู้ว่าผมคิดถูกหรือเปล่าที่จะช่วยพี่แจน แต่ถ้ามีคนที่รักพี่วิทย์จริง ๆ และเข้าใจเค้ามากขนาดนี้ ผมก็คิดว่าผมควรจะสนับสนุนเค้าตามความสามารถที่ผมพอจะทำได้และไม่ล้ำเส้นจนเกินไปนัก เพราะต่างคนก็มีทัศนคติเกี่ยวกับความรักไม่เหมือนกัน และผมเองก็ไม่อยากจะยัดเยียดให้ใครไปรักกับใคร เพราะถ้าเป็นตัวผมเองก็คงจะทำไม่ได้เช่นกัน)

    “ไม่เป็นไรจ๊ะ แค่น้องโยรับปากว่าจะช่วยพี่ พี่ก็ดีใจแล้ว สัญญานะ....” พี่แจนยิ้มอย่างอารมณ์ดี

    “ครับ...........” ผมรับคำและคุยกับพี่แจนต่อไปอีกสักครู่พี่วิทย์ก็เดินเข้ามาและเราสามคนก็ลงมือทานอาหารกันต่อจนกระทั่งมื้อนั้นจบลง....

    หลังจากที่เราทานอาหารเสร็จและ ผมก็เอ่ยลาพี่วิทย์และพี่แจน เพราะผมกะจะไปเดินซื้อของที่ห้างแห่งหนึ่งบนถนนสุขุมวิท ทีแรกพี่ ๆ เค้าก็จะตามผมไปด้วย แต่ผมปฏิเสธเพราะอยากไปเดินคนเดียวมากกว่า (ไม่อยากไปกันสามคนอ่ะ ท่าทางคงจะอึดอัดน่าดู) และในขณะที่ผมกำลังเลือกซื้อของใช้ในห้างอยู่นั้นเองก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาผม....

    “ฮัลโหล...ว่าไงจ๊ะ ทำไมโยน่าสงสารจังเลยล่ะ ต้องไปกินข้าวคนเดียว โถ โถ โถ....โง่จนเขางอกออกมาซะขนาดนี้แล้ว ยังไม่รู้เรื่องอีก มิน่าถึงโดนคนสวมเขาให้ 555” เสียงชายหนุ่มออกสาวนิด ๆ ดังกระแนะกระแหนมาจากอีกฟากนึงในขณะที่ผมรับสาย

    “ใครน่ะ....อ๋อ อาร์ทหรอ มีอะไรหรือเปล่า...แล้วพูดอะไรน่ะใครเขางอกพูดใหม่ดิ๊” ผมถามอย่าง งง ๆ

    “ก็จะใครซะอีกล่ะ ไอ้โง่ ทำไมแกมันโง่อย่างนี้นะ ก็จะใครซะอีกล่ะ ก็แกไง อู๊ยยยย...นี่ไม่รู้หรอว่าบูมเค้ากำลังสวมเขาให้แกอยู่ยังไม่รู้ตัวอีก....อุ๊ย...ลืมไป ไม่พูดดีกว่า ไม่พูด” อาร์ทจีบปากจีบคอพูดอย่างน่าหมั่นไส้

    “นี่อาร์ท...อย่ามาพูดจาเพ้อเจ้อได้ป่ะ มุขมันเก่าแล้ว เอามุขใหม่มาใช้ได้ไหม บอกตามตรงว่าเบื่อ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจกับคำของอาร์ทเท่าไหร่นัก

    “เชอะ...ฉันอุตส่าห์หวังดี ไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ฉันว่าแกไปให้เห็นกับตาดีกว่าที่ร้าน แอนนาคาเฟ่ ตรงศาลาแดงน่ะ แล้วจะได้ไม่มาหาว่าฉันเมาท์” อาร์ทพูด

    “ทำไมร้านแอนนาทำไม...บูมอยู่ที่นั่นหรอ” ผมถามอย่างสงสัย

    “ก็ใช่น่ะสิยะ... เค้าอยู่กับแฟนเค้าอีกคนยังไงล่ะ ไอ้โง่” อาร์ทว่าผมจนผมเริ่มฉุน (หลอกด่ากันแน่เลย)

    “นี่อาร์ท เราถามจริง ๆ เถอะ นายเป็นโรคจิตหรือเปล่า เห็นคนเค้ารักกันไม่ได้หรอไงอ่ะ หรือว่าว่างมากจนไม่มีอะไรทำ” ผมพูดอย่างเหลืออดนิด ๆ

    “ไม่เชื่อก็ตามใจ แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือน ตอนที่ฉันเป็นแฟนกับเค้า ฉันเองก็โดนมาแล้วเหมือนกัน ฉันเลยไม่อยากให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอย ฉันหวังดีนะเนี่ยจะหาว่าไม่เตือน” อาร์ทพูดเสียงจริงจัง

    “เค้าอาจจะอยู่กับเพื่อนเค้าก็ได้นิ” ผมคิดไปในทางที่ดี

    “จ๊ะ ... อย่างกับฉันไม่รู้จักเพื่อนเค้าอย่างนั้นแหละ ไม่เชื่อก็ตามใจนะ” อาร์ทพูดจริงจัง

    “อืม........แล้วเค้าอยู่ที่แอนนาหรอ” ผมถามอย่างลังเล

    “แกก็ไปดูเองสิ จะมาถามอะไรกันมากมาย ไม่เชื่อก็ไม่ต้องไป แค่นี้นะ รำคาญพวกคนมีเขา 555” อาร์ทหัวเราะอย่างสะใจแล้ววางสายลงไป

    หลังจากที่ผมวางสายจากอาร์ทแล้ว ผมก็เริ่มรู้สึกสับสน ลังเล และ คิดทบทวนไปมาว่าตกลงจะไปดีหรือไม่ เพราะร้าน แอนนาคาเฟ่ กับห้างที่ผมอยู่มันก็ไม่ไกลกันมากนัก ถ้าผมไปแป๊ปเดียวก็ถึง แต่ถ้าไปแล้วโดนหลอกล่ะ อาร์ทก็คงจะสะใจ แต่ถ้ามันเกิดเป็นเรื่องจริงล่ะ ผมจะทำยังไงดี โอ๊ยยยยยย.....อะไรกันนักกันหนา

    จนในที่สุดผมเลยตัดสินใจว่า ตกลงผมต้องไปแอบดูที่แอนนาคาเฟ่ เพื่อให้มันรู้กันไปเลย ว่าตกลงเรื่องที่อาร์ทพูดมันเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง.....ดังนั้นผมเลยนั่งรถไปที่ร้านแอนนาคาเฟ่ตามที่อาร์ทบอก....จากห้างที่ผมอยู่ ผมใช้เวลาไม่ถึง ยี่สิบนาที ก็ไปถึงที่ร้านแอนนาคาเฟ่ ผมยืนลังเลอยู่ที่หน้าร้านสักครู่ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน....

    จบตอนที่ 7/2 แล้วครับขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
*******************************************************

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2: ไม่นะ ทำไมเป็นแบบนี้อ่า...........


วันนี้เป็นไรอ่ะ อ่านเจอแต่เรื่องเศร้า  :seng2ped:....


ความรักที่สวยงาม ความซื้อสัตย์ยไปไหนโหม๊ดดดด  :เฮ้อ:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

...........อุปสรรคเยอะจิงๆ.......... :110011: :เชิป2:

...................สุขได้ไม่นาน..........ก็มีทุกข์แทรกทุกที........ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :serius2: ลุ้น ๆ จาเจอบูมรึเปล่าหว่า  :serius2:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
"ตอนที่ 7/3"

    ในที่สุดผมก็ตัดสินใจว่า ตกลงผมต้องไปแอบดูที่แอนนาคาเฟ่ เพื่อให้มันรู้กันไปเลย ว่าตกลงเรื่องที่อาร์ทพูดมันเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง.....ดังนั้นผมเลยนั่งรถไปที่ร้านแอนนาคาเฟ่ตามที่อาร์ทบอก....จากห้างที่ผมอยู่ ผมใช้เวลาไม่ถึง ยี่สิบนาที ก็ไปถึงที่ร้านแอนนาคาเฟ่ ผมยืนลังเลอยู่ที่หน้าร้านสักครู่ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน....

    ผมเดินเข้าไปในร้านพร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วๆ ในขณะที่บริกรหนุ่มคนนึงก็เดินเข้ามาถามผมตามปกติว่า มากี่ที่ จองไว้หรือเปล่า แต่ผมก็ยังคงกวาดตามองไปรอบ ๆ จนบริกรคนเดิมต้องถามซ้ำอีกครั้งว่า ผมนัดกับใครไว้หรือเปล่า ผมจึงได้สติและแกล้งพยักหน้ารับ แบบขอไปที และทันใดนั้นเอง สายตาของผมก็ไปสะดุดกับโต๊ะ ๆ นึง ด้านขวามือที่มีชายหนุ่มหน้าตาคุ้นเคยคนที่ผมกำลังตามหาอยู่กำลังสนทนาอย่างออกรสออกชาติ กับชายหนุ่มที่หันหลังให้อีกคนอย่างมีความสุข (ท่าทางกระหนุงกระหนิงกันมาก ๆ)

    ด้วยความโกรธ ผนวกกับเสียงของคำโกหก หลอกลวงของบูมที่บอกผมเมื่อตอนก่อนผมจะไปทานข้าวกับพี่วิทย์ มันทำให้อารมณ์ของผมในตอนนี้เริ่มที่จะประทุขึ้นมาแล้ว ไหนจะมีแรงหนุนจากสิ่งที่อาร์ทได้พูดกรอกใส่หูผมเอาไว้ตอนก่อนที่ผมจะมาเจอภาพเหล่านี้อีก มันยิ่งทำให้อารมณ์ของผมเริ่มที่จะเดือดจนแทบจะฉุดเอาไม่ค่อยจะอยู่แล้ว... ดังนั้นผมเลยเดินตรงรี่เข้าไปที่โต๊ะของชายหนุ่มในทันที........

    ผมเดินไปหยุดที่โต๊ะ และยืนกอดอกอยู่ด้านหลังของชายหนุ่มคนที่นั่งทานข้าวกับบูมพร้อมๆ กับจ้องมองไปยังชายหนุ่มด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรอย่างมาก (รู้สึกว่าตอนนั้นตาเกือบจะถลนออกมานอกเบ้าได้แล้วมั้ง) และทันทีที่บูมเห็นผมก็แสดงสีหน้าตกใจและหันรีหันขวางเหมือนกับจะพยายามมองหาใครก็ไม่ทราบ หน้าตาของชายหนุ่มก็เริ่มที่จะซีดและสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่บูมจะได้พูดอะไร ชายหนุ่มที่หันหลังให้ผมก็หันกลับมามองผมที่อยู่ทางด้านหลังเค้า อาจเพราะรู้สึกถึงความผิดปกติของคู่สนทนาฝั่งตรงข้าม (บวกรังสีอัมมหิตของผม) อืมมมม....มิน่าล่ะ ทำไมถึงได้แอบมานัดทานข้าวด้วยกันสองคน ชายหนุ่มคนนั้นหน้าตาและท่าทางดีเลยทีเดียว (ผมคิด).....

    ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังจะควบคุมอารมณ์ตัวเองที่กำลังประทุเอาไว้ไม่ค่อยจะอยู่แล้ว ผมเลยตัดสินใจหันหลังกลับและเดินออกจากร้านไปด้วยความรวดเร็ว ทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่ได้พูดอะไรกับใครทั้งสิ้น......

    หลังจากที่ผมเดินออกมาจากร้าน ผมก็รีบเดินตรงรี่เข้าไปที่รถ ในขณะที่หางตาของผมก็รู้สึกเหมือนจะเห็นบูมรีบวิ่งไล่ตามผมออกมาและกำลังพยายามตะโกนร้องเรียกผมพร้อม ๆ กับฌบกไม้โบกมือเรียก แต่ถึงตอนนี้มีหรือที่ผมอยากจะรับฟังคำแก้ตัวใด ๆของเค้า ยิ่งพูดก็ยิ่งเคลียร์กันไม่ลงตัว ผมเลยตัดสินใจบึ่งรถออกไปจากตรงนั้นอย่างเร็ว........

    ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้อยากจะร้องไห้ และไม่รู้สึกตัวว่าเสียใจ แต่ทำไมน้ำตาของผมมันถึงได้ไหลออกมาโดยที่ผมไม่รู้สึกตัวและสามารถบังคับมันไว้ได้เลย ( อาจจะเป็นเพราะว่าหัวสมองของผมในตอนนี้มันชาไปหมด เลยไม่รับรู้ความรู้สึกอะไรทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเสียใจมากก็ตาม ) ....ผมตัดสายที่บูมโทรเข้ามาหาผมครั้งแล้ว ครั้งเล่า หลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจโทรไปบอกแม่ของผมว่าวันนี้ผมขอไม่กลับบ้านโดยอ้างว่าวันนี้ผมจะไปนอนค้างที่บ้านเพื่อน....แต่จริง ๆ แล้วผมยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ผมจะขับรถไปที่ไหนดี แต่ที่รู้ ๆ ก็คือ ตอนนี้ผมอยากที่จะอยู่เงียบ ๆ คนเดียว......แล้วผมก็ปิดมือถือทิ้งและโยนไปไว้ที่หลังรถ.......จบสิ้นกันทีคนหลอกลวง......

    จบตอนที่ 7/3
***********************************************************************************

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เจอแบบจัง ๆ  :เฮ้อ: คงทำใจยากหน่อย  :เฮ้อ:
แต่หวังว่าคงจะไม่มีอะไรอย่างที่โยคิดหรอกนะ  :myeye:

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
เจอจังๆแบบนี้เลย  :monkeycry2:  :13223:

แต่มองโลกในแง่ด๊มันอาจจะไม่อะไรก็ได้นะ ....ขอให้เป็นเรื่องเข้าใจผิดเถอะนะ :call:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

..............คุยกันเถอะ....พูดกันเถอะ........

.......................ถ้ามันจะจบก็ขอหั้รู้ว่าเพราะอะไร........... :impress3:

..............แต่หวังว่าจะไม่ใช่อย่างนั้น........... :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
"ตอนที่ 7/4"

    ผมขับรถมาเรื่อย ๆ อย่างคนไร้จุดหมาย มาเริ่มรู้สึกตัวเองอีกทีก็ตอนเจอป้าย จะเข้าไปพัทยาแล้ว....( ทำไมมาถึงที่นี่ได้วะ ผมคิด ) ผมเลยเลี้ยวรถเข้าไปแวะเติมน้ำมันที่ปั้มข้างทางแห่งนึง พร้อมกับแวะเข้าห้องน้ำเพื่อไปล้างหน้า ล้างตาที่เต็มไปด้วยรอยคราบน้ำตา พร้อม ๆ กับสงบสติอารมณ์ให้เป็นปกติ ....ผมกลับมาที่รถอีกครั้งและขับรถต่อไปเพื่อเข้าไปแวะค้างคืนที่พัทยา เพราะตอนนั้นก็ประมาณ 4 ทุ่มกว่าเห็นจะได้ ผมเลยต้องหาที่พักชั่วคราวก่อน...จนผมได้มาพักที่โรงแรมแห่งนึง ....

    ผมเข้าไป check-in และเดินขึ้นไปบนห้องด้วยความอ่อนแรง....ผมทิ้งตัวลงนอนอย่างกับคนไร้วิญญาณ น้ำตาที่มันเพิ่งจะแห้งไปเมื่อสักครู่นี้ มันกลับเริ่มที่จะไหลออกมาในทันทีที่ผมนึกถึงภาพของบูมขณะกำลังหัวเราะมีความสุขกับชายหนุ่มคนนั้นอยู่ และคำพูดที่เค้าปฏิเสธคำชวนของผมเพียงเพราะต้องการไปทานข้าวกับชายหนุ่มคนนั้น....ผมนอนจมอยู่กับความทุกข์ ความเศร้า และเสียงร้องไห้ อยู่นานมากๆ จนกระทั่งผมนอนหลับไปทั้ง ๆ ที่ยังคงมีน้ำตาอยู่ทั้งสองแก้ม......

    ผมสะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะรู้สึกเหมือนกับว่าจะลืมอะไรบางอย่างไป..ผมนึกขึ้นได้ว่าลืมโทรไปบอกไอ้โบเรื่องที่ผมบอกกับแม่ว่าจะไปค้างบ้านเพื่อน เพราะถ้าเกิดไอ้โบโทรไปที่บ้านแล้วแม่ของผมถามขึ้นมา ไอ้โบจะได้ช่วยพูดแก้ต่างไว้ให้ ไม่งั้นเรื่องมันคงจะไปกันใหญ่...ผมเลยรีบลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา และเปิดมือถือเพื่อโทรไปหาเจ้าเพื่อนตัวดีของผม......

    “ฮัล......โหล..........หาวววว ว่าไงครับปอนด์” ไอ้โบรับสายด้วยน้ำเสียงงัวเงียที่สุด ( คำก็ปอนด์ สองคำก็ปอนด์ )

    “โบหรอ...เราเองไม่ใช่ปอนด์” ผมพูดกับไอ้โบพร้อม ๆ กับมองไปดูนาฬิกา เออ...เพิ่งจะตีสี่เองนี่ ( ดีนะที่มันไม่ด่าเข้าให้โทรไปปลุกแต่เช้า )

    “ว่าไงนะ....โย.....โยยยยยยยยยย แกไปไหนมา เค้าตามหากันให้วุ่นไปหมด นี่แกอยู่ไหน อยู่กับใคร เป็นยังไงบ้าง กำลังทำอะไรอยู่ ฯลฯ” ทันทีที่ไอ้โบรู้ว่าผมโทรไปหา ก็ยิงคำถามใส่ผมเป็นชุด ๆ เลยครับ

    “นี่พอ ๆ ๆ เลย ตามหาเราทำไมวะ....”ผมถามกลับไปเพื่อที่จะหยุดคำถามที่ห้าร้อยของไอ้โบ

    “ถามมาได้...แกทำอะไรไว้ก็น่าจะรู้ ดูสิ เพื่อน ๆ เค้าไม่ได้หลับไม่ได้นอนตามหาแกกันให้วุ่นไปหมด...แล้วนี่ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร ทำอะไรอยู่ บอกมาเลยเดี๋ยวจะรีบไปหา” ไอ้โบใส่มาเป็นชุดเลยครับ

    “จะมาตามหาเราทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย....”ผมพยายามซ่อนความรู้สึกของตัวเองเพราะไม่อยากให้เพื่อนเป็นกังวลเพราะผมรู้ดีว่าถ้าผมลองได้บอกเรื่องของผมให้มันรู้มันคงจะรีบขับรถตรงดิ่งมาที่พัทยาแน่นอน...

    “อย่ามาทำเป็นฟอร์มเลย เค้ารู้กันหมดแล้ว โกหกหน้าตายตลอดเลยนะ แล้วนี่เป็นบ้าอะไรอีกล่ะทำไมต้องปิดมือถือหนีด้วย พวกเพื่อน ๆ พยายามกดไปหาเป็นร้อย ๆ รอบ แกก็ไม่ยอมเปิดมือถือ...พยายามโทรไปแกล้งถามเพื่อน ๆ คนอื่น ก็ไม่มีใครรู้ว้าแกอยู่ไหน..ดีนะตอนที่โทรไปที่บ้านแก พอแม่แกถาม เราเลยแกล้งทำเป็นโยนไปให้คนอื่น ไม่งั้นวุ่นกว่านี้อีก....เออ...แล้วรู้ไหมว่าบูมเค้าเป็นห่วงแกแค่ไหน เค้าขับรถตระเวนหาแกเกือบจะทั่วกรุงเทพฯแล้วมั้งเนี่ย นี่เค้าก็เพิ่งแยกกับพวกเราไม่ถึงสามชั่วโมงเลยมั้ง” ไอ้โบพูดเสียงเครียด

    “เราขอร้อง อย่าพูดถึงคน ๆ นี้อีกได้ป่ะ....เออ...แล้วนี่แม่เราสงสัยหรือเปล่า.....”ผมพยายามกลั้นอารมณ์ตัวเองสุด ๆ (แอบไปมีคนอื่นยังมีหน้ามาทำแบบนี้อีก)

    “ไม่ได้สงสัยอะไรนี่ ว่าแต่แกควรจะหัดฟังคนอื่นเค้าบ้างได้ป่ะ” ไอ้โบพูดเหมือนกับพยายามจะสอนผม

    “จะให้เราฟังคำแก้ตัวอะไรอีกล่ะ แค่ภาพที่เราเห็นยังไม่พออีกเหรอไง หึ...ทีแรกเราก็เอ๊ะใจอยู่แล้วที่อยู่ดี ๆ ก็ปฏิเสธที่เราชวนให้ไปกินข้าวเป็นเพื่อนกับพี่วิทย์ด้วยกัน...” ผมเค้นเสียงออกมาอย่างโมโห......(น้ำตาเริ่มจะซึม ๆ อีกแล้ว)

    “แล้วโยไปเจอบูมได้ยังไงล่ะ” ไอ้โบถาม

    “ก็อาร์ทโทรมาบอกเราอ่ะดิ”

    “ไอ้อาร์ทเนี่ยอ่ะนะ...นี่แกไม่รู้เลยเหรอไง ว่ามันหวังดีกับแกแค่ไหน ทำไมถึงได้โง่อย่างนี้วะ หูน่ะไปหาอะไรมาถ่วงไว้หน่อย ทำไมถึงได้หูเบาไปเชื่อไอ้อาร์ทได้” ไอ้โบว่าผมด้วยน้ำเสียงจริงจังมาก

    “ใครกันแน่ที่หูเบา แกเห็นมากับตาหรือเปล่าโบ พอเค้าพูดอะไรหน่อยแกถึงได้เชื่อเค้าขนาดนั้น เราเห็นมากับตานะโบจะให้เราคิดยังไง” ผมกระแทกเสียงใส่ไอ้โบอย่างสุดจะกลั้น

    “แล้วไอ้ที่แกเห็นน่ะ แกพิสูจน์หรือถามไถ่อะไรเค้าหรือยัง...หา.......ฉลาดนักเรื่องคิดไปเอง.....ทีเรื่องอื่นไม่เห็นจะฉลาดแบบนี้เลย” ไอ้โบด่าผมเป็นชุดเลย (จำไว้เลย หลอกด่านี่หว่า )

    “พอเลย ถ้าแกไม่ฟังในสิ่งที่เราพูด เราจะโทรไปหาไอ้ออฟแทนแล้วนะ”ผมเริ่มที่จะโมโหนิดหน่อยแล้ว (ด่าอยู่ได้)

    “เออ ๆ ๆ ลืมบอกไป หาคำแก้ตัวไว้ด้วยนะเพราะเมื่อคืนบูมเล่นโทรไปถามแม่แกทุกชั่วโมงว่าแกกลับบ้านหรือยังจนถึงห้าทุ่มเห็นจะได้ แล้วนี่แม่แกจะไม่สงสัยหรอ”

    “โทรมาทำไม หรือจะมาแก้ตัวอะไรอีก.....หึ.....อืมมม ขอบใจนะ เดี๋ยวเรื่องแม่เรา เดี๋ยวเราจัดการเอง”

    “เออ......ตามใจแล้วนี่ตกลงแกอยู่ไหน”

    “เอาน่า แกอย่ารู้เลย เอาไว้ถ้าเราสบายใจกว่านี้แล้วเราจะกลับไป ไม่แน่อาจจะเป็นพรุ่งนี้เย็นๆ”

    “นี่ตกลงแกจะฟังไหมว่าตกลงเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง บูมเล่าให้พวกเราฟังหมดแล้ว”

    “แล้วแกก็เชื่อเค้า??????” ผมถามอย่างฉุน ๆ

    “ก็จะไม่ให้เชื่อได้ไงล่ะ ก็พี่ชายเค้าพาเพื่อนเค้ามาเป็นพยานน่ะ”

    “แล้วพี่บอมบ์เกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ( พี่บอมบ์คือพี่ชายของบูมที่เรียนอยู่ต่างประเทศ ) แล้วเพื่อนพี่เค้าอีกจะมาเป็นพยานทำไม”

    “นี่แกโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่เนี่ย เฮ้อ.... ก็แกเป็นซะอย่างนี้ไง คนอื่นเค้าถึงได้รู้จุดอ่อนของพวกแกหมด เอ้านี่จะเล่าให้ฟัง...............................................................”

    จากนั้นไอ้โบก็เริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่เริ่ม ก็ประมาณว่า พี่ชายบูมกลับมาเยี่ยมเมืองไทยกับเพื่อนเค้าอีกคน พวกเค้าทั้งสามคนเลยนัดกินข้าวกันเพราะบูมค่อนข้างสนิทกับเพื่อนพี่ชายเค้าคนนี้ด้วย แต่ก็บังเอิญอีกนั่นแหละ ที่ไอ้เพื่อนของพี่บอมบ์ พี่ชายบูม เนี่ยดันไปรู้จักและค่อนข้างสนิทสนมกับอาร์ท แถมพี่บอมบ์ก็รู้จักอาร์ทด้วย พวกพี่เค้าเลยชวนอาร์ทออกมาด้วย โดยที่ไม่ได้บอกบูมไว้ก่อน ทีนี้พอบูมมาเจอเข้าเลยก็ต้องปล่อยเลยตามเลยไป แต่อาร์ทก็ค่อนข้างที่จะฉลาดและหัวไวเพราะแค่บูมพูดกับผมนิดหน่อยก็คิดแผนการได้รวดเร็ว จนผมมาเจอบูมกับเพื่อนพี่บอมบ์เข้าเพราะตอนนั้นพี่บอมบ์เค้าไปเข้าห้องน้ำพอดี ( มิน่า เห็นหันรีหันขวางอยู่นั่นแหละ แล้วไม่แก้ตัวออกมา หึ )

    หลังจากที่ผมฟังเรื่องที่ไอ้โบเล่ามา ผมก็แทบจะไม่เชื่อหูตัวเองเลยเพราะอะไรมันจะประจวบเหมาะขนาดนี้ เพราะถ้าเกิดผมไปช้ากว่านั้นอีกนิดเดียวผมก็จะเจอพี่บอมบ์ แล้วเรื่องต่าง ๆ มันก็ไม่เกิดขึ้น หรือถ้าบูมบอกความจริงกับผมในตอนนั้น ผมก็คงจะไม่ว่าอะไรเช่นกัน ( เฮ้อออ หลงเข้าใจผิดตั้งนาน ร้ายมากนะอาร์ท )

    “แล้วนี่ตกลงจะบอกได้หรือยังว่าแกอยู่ที่ไหน”ไอ้โบถามด้วยน้ำเสียงง่วงนอนเต็มที่

    “อยู่ที่พัทยา โรงแรม....”ผมตอบ

    “หา........จะบ้าหรอ แกไปทำอะไรที่พัทยาวะ”ไอ้โบถามด้วยความตกใจ

    “เออน่า.....แล้วจะเล่าให้ฟัง โบก็ไปนอนเถอะเดี๋ยวเราก็จะนอนพักอีกสักหน่อยแล้วก็กะว่าจะขับรถกลับบ้านพรุ่งนี้”

    “เออ ๆ ๆ หาวววววว........บายนะ แล้วขับรถกลับดี ๆ นะ บาย”

    “เออ บาย”

    ผมวางสายจากไอ้โบด้วยความสบายใจเหมือนกับว่าภูเขาที่ทับอยู่ในอกของผมมันพังทลายลงไป เพราะตอนนี้ผมได้รู้ความจริงทั้งหมดแล้ว ผมเลยล้มตัวลงนอนอย่างมีความสุข............(อยากกลับกรุงเทพเร็ว ๆ จัง)

    ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งประมาณ เกือบจะ เก้าโมงเช้า ก็จะไม่ให้ผมตื่นได้ยังไง ใครก็ไม่รู้ดันมาเคาะประตูห้องผมตั้งแต่เช้าเลย..........(ใครวะ ผมคิด)

    ผมงัวเงียลุกขึ้นมาเพื่อไปเปิดประตูดูว่าใครเป็นคนมาเคาะประตูห้องผม ( กะว่าถ้าเป็นพนักงานโรงแรมจะต่อว่าพนักงานซะหน่อย ไม่เห็นป้ายข้างนอกหรือไงว่าห้ามรบกวน คนยิ่งกำลังนอนสบาย ๆ อยู่ด้วย ) ...... แต่แล้วสิ่งที่ผมเห็นหลังจากเปิดประตูออกไปแล้ว.....................................................................

    จบตอนที่ 7/4 มาต่อให้ตามสัญญาแล้วนะครับ.....

********************************************************************************

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

...................มีไรก็หั้ยคุยกาน............... :110011: :เชิป2:

.........อย่าหั้ยอารมณ์มาอยู่เหนือสติ.......... :เฮ้อ:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
สงสัยจิง ถ้าโยไปช้าหรือเร็วกว่านี้ ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนี่นา
แสดงว่าแจ๊คพ๊อตจิง ๆ  :เฮ้อ:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด