เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว  (อ่าน 186602 ครั้ง)

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586


เทนนิส.....กีฬาของไฮโซตัวจริง

เจ้เล่นได้แต่กระโดดหนัง  แต่ว่ากันไม่ได้นะเคอะ  เจ้อะ  แชมป์กระโดดหนังยางแถวบ้านนะเคอะ  :laugh5:

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
เช้าวันเสาร์......

ศิวะมาถึงโรงแรมในตอนสายๆ เพราะมีประชุมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของโรงแรม เนื่องจากเขามีภารกิจสอนหนังสือในช่วงวันธรรมดา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้วันหยุดสุดสัปดาห์เป็นวันทำงานและนัดหมายการประชุมต่างๆ โดยที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารทุกคนก็เข้าใจเป็นอย่างดี

ภารกิจส่วนใหญ่ที่ศิวะกระทำเป็นปกติ นอกจากเข้าร่วมประชุมคือการอนุมัติหรือลงความเห็นในเอกสารต่างๆที่ผู้จัดการโรงแรมส่งเรื่องเข้ามาถึงเขาในฐานะผู้อำนวยการโรงแรม รวมถึงการเข้ามาพูดคุยเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่พนักงานทั่วไปที่ทำงานหนักในช่วงเสาร์อาทิตย์ เพราะมีแขกมาพักมากกว่าวันธรรมดาหลายเท่าตัว ตลอดจนเข้ามาพักผ่อนออกกำลังกายร่วมกับจอมยุทธ์และภูฟ้าทุกๆสัปดาห์

โรงแรม Royal Chiang Mai Health & Spa เป็นหนึ่งในโรงแรมขนาดกลางที่แตกสาขามาจากโรงแรมรอยัลเชียงใหม่ซึ่งเป็นโรงแรมต้นตำรับของตระกูลรัตนพงค์คิรี พี่ชายทั้งสามคนของศิวะได้รับมอบหมายให้บริหารงานในสาขาต่างๆแตกต่างกันไปรวมทั้งสิ้นห้าสาขาทั่วประเทศ ส่วนเขาขอรับผิดชอบบริหารงานแค่โรงแรมเดียวเท่านั้น เพราะสถานภาพบังคับ

แม้ศิวะจะได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในการบริหารงาน แต่ก็เป็นการบริหารงานแบบไม่เต็มตัวนักเพราะยังมีภาระงานสอนที่มหาวิทยาลัยอยู่ โชคดีที่เขามีผู้จัดการโรงแรมที่เป็นเพื่อนสนิทที่ไว้วางใจได้ รวมถึงพนักงานโรงแรมที่น่ารักและตั้งใจทำงาน เพื่อช่วยกันผลักดันให้โรงแรมขนาดกลางแห่งนี้ติดอันดับโรงแรมยอดนิยมที่มีนักท่องเที่ยวมาพักโดยตลอดทั้งปี ไม่ต่างอะไรกับโรงแรมในเครือของตระกูลที่พี่ชายดูแลอยู่ทั้งหมด

จุดเด่นของโรงแรมนี้อยู่ที่ทำเลพื้นที่ เพราะหลบหนีความสับสนวุ่นวายในตัวเมืองออกมาสู่ชนบทเล็กน้อย โดยก่อสร้างอยู่บนพื้นที่ราบต่างระดับขนาดใหญ่ติดชายเขา พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น สระว่ายน้ำ สปอร์ตคลับที่ทันสมัย สนามขี่ม้า สนามยิงปืน สนามกอล์ฟ รวมถึงสนามเทนนิสทั้งในล่มและกลางแจ้ง

ลักษณะการจัดวางแผนผังของโรงแรมและสิ่งก่อสร้างต่างๆ เน้นให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติ ซึ่งก็ช่วยสร้างความสำราญใจให้แขกผู้มาเยือน และเป็นสิ่งกระตุ้นให้ผู้เข้าพักได้ผ่อนคลายความเครียด โดยมีกิจกรรมหลากหลายให้เลือกทำ ทั้งการนวดตัว การนวดบำบัด การเล่นกีฬากลางแจ้งและในร่ม ตลอดจนกิจกรรมอื่นๆที่ทางโรงแรมจัดบริการไว้ให้ 

ดังนั้นภายหลังการดำเนินงานมากว่าสามปี ทีมงานบริหารและพนักงานโรงแรม Royal Chiang Mai Health & Spa ทุกคนภายใต้การดูแลอยู่ห่างๆของศิวะ ก็สามารถสร้างความน่าเชื่อถือและความสำเร็จในสายตาของคณะกรรมการบริหารเครือธุรกิจอันมีบิดาของเขาที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้ และสามารถทำผลกำไรคืนแก่บริษัทในแต่ละปีมีมูลค่าสูงทีเดียว

สาเหตุสำคัญที่ศิวะต้องหันมาจับงานธุรกิจนั้นมีเพียงประการเดียว ก็เพื่อจะสร้างฐานะที่มั่นคงกับลูกชายคนเดียวของเขานั่นเอง แม้ว่าทางตระกูลของบิดาที่แท้จริงทั้งสองของภูฟ้าจะจัดว่าเป็นมหาเศรษฐีก็ตาม ประกอบกับฐานะของจอมยุทธ์ก็ไม่ด้อยไปกว่าใครทั้งหมด แต่ศิวะไม่ต้องการให้หลายๆคนคิดว่าเขาจะมีส่วนได้ส่วนเสียในสมบัติเหล่านั้น ดังนั้นศิวะจึงต้องพยายามสร้างฐานะเพื่อให้มีความทัดเทียมกันและสุดท้ายเพื่อความสบายใจของเขาเอง........

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ศิวะกระทำ...ทุกลมหายใจเข้าออก คือ อนาคตของลูกชายยอดดวงใจของเขา....ภูฟ้า .......ชีวิตล้ำค่าที่กลับคืนมาหลังการสูญเสียหัวใจสองดวงไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ




ล่วงเข้าตอนบ่าย......

จอมยุทธ์จึงพาภูฟ้ามาสมทบกับศิวะที่โรงแรมพร้อมด้วยพี่เลี้ยงคือคุณภาวดี เพื่อให้หลานชายได้ออกกำลังกาย ว่ายน้ำ รวมถึงทำกิจกรรมต่างๆ ที่สร้างความแข็งแรงทางร่างกาย โดยที่เขาเป็นคนดูแลอยู่อย่างใกล้ชิดร่วมกับพี่เลี้ยง

เช่นเดียวกับในบริษัทของจอมยุทธ์ พนักงานโรงแรมทุกคนหลงรักคุณหนูภูฟ้าด้วยกันทั้งสิ้น เพราะภูฟ้าเป็นเด็กดี น่ารัก ร่าเริงแจ่มใส และรู้จักการวางตัวที่ดี แม้ว่าอายุจะเพียงแค่ห้าขวบ แต่การอบรมสั่งสอนของทุกๆคนในครอบครัว หล่อหลอมให้เด็กน้อย มีมารยาทและเป็นดวงใจของทุกๆคน......รอยยิ้มและแววตาหวานซึ้งที่ถอดแบบมาจากบิดาที่จากไปทั้งสอง ล้วนสร้างความประทับใจและความรักให้แก่ผู้ที่พบเห็นภูฟ้าเป็นครั้งแรกอย่างมิมีข้อสงสัย

เนื่องจากวันนี้แสงอาทิตย์ไม่ร้อนแรงมากนัก เพราะมีเมฆบางส่วนมาปกคลุมท้องฟ้าช่วยลดความร้อนแรงของแสงแดดไปได้พอสมควร จอมยุทธ์จึงอนุญาตให้หลานชายตัวน้อย ลงเล่นน้ำในสระสำหรับเด็ก ร่วมกับเด็กอื่นๆ โดยที่เขาก็นั่งมองดูอยู่ที่ริมสระ

สายตาของจอมยุทธ์จับจ้องไปที่ร่างเล็กๆของหลานชายตลอดเวลา....ทุกรอยยิ้มและทุกการกระทำของภูฟ้า จอมยุทธ์จะสังเกตเห็นเสมอ....หัวใจของเขาถูกครอบครองโดยของขวัญล้ำค่าชิ้นนี้...ของขวัญที่แลกมาด้วยชีวิตของคนที่ตนเองรัก....รักมาก....และจะรักตลอดไป...

ก่อนจะถึงเวลานัดหมายประมาณหนึ่งชั่วโมง จอมยุทธ์จึงเรียกภูฟ้าขึ้นมาจากสระ เพื่อพาไปอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่

“ภูครับ....อาจอมว่า ภูไปอาบน้ำดีกว่ามั้งครับ...เพราะใกล้เวลานัดของอาจอมแล้วครับ” จอมยุทธ์ปลูกฝังเรื่องการการตรงต่อเวลาให้หลานชายเสมอ

“ครับ อาจอม” ภูฟ้ายิ้มหวาน ก่อนจะเดินเข้าลุยน้ำเข้ามาหาผู้เป็นอา

“เดี๋ยวอาจอมจะพาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วก็ให้คุณภา พาไปกินขนมนะครับ” จอมยุทธ์จูงมือเล็กๆของภูฟ้าให้เดินมาที่เก้าอี้ เขาหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ เช็ดตัวให้หลานชายอย่างทะนุถนอม หลังจากนั้นจึงอุ้มหลานรัก เดินเข้าไปสู่ในตัวโรงแรม เพื่อไปยังห้องพักประจำของครอบครัว

หลังจากอาบน้ำและแต่งตัวให้หลานชายเรียบร้อยแล้ว จอมยุทธ์จึงให้คุณภาวดี.....พี่เลี้ยงทำหน้าที่ดูแลภูฟ้า พาไปรับประทานขนม และอาจจะไปไปนั่งเล่นหรือทำกิจกรรมต่างๆหรือพาไปดูเขาและศิวะเล่นเทนนิสก็ได้ตามแต่ภูฟ้าต้องการ

จากนั้นจอมยุทธ์จึงแยกจากหลานชายชั่วคราวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสำหรับเล่นเทนนิส จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เช่นไม้เทนนิสคู่มือของทั้งตนและศิวะ สุดท้ายจึงเดินไปตามศิวะที่ห้องทำงาน
 
ทั้งคู่จึงเดินออกจากตัวโรงแรม มุ่งหน้าสู่สนามเทนนิส ในเวลาเดียวกันกับยุทธจักรและท่านรองฯ นครินทร์ มาถึงโรงแรมพอดี ทั้งสองหนุ่มหยุดรอแขกรับเชิญทั้งสองคนเพื่อเดินมุ่งหน้าไปสู่สนามเทนนิสด้วยกัน

ท่านรองฯนครินทร์และยุทธจักรสวมชุดสำหรับเล่นเทนนิสเน้นสีโทนขาว ซึ่งประกอบด้วยกางเกงขาสั้น รองเท้าทันสมัย เสื้อยืดที่ทำจากผ้าที่สามารถระบายความร้อนได้ดีเป็นอย่างดี และอุปกรณ์จำเป็นอื่นๆอันได้แก่ ไม้เทนนิสประจำตัว กระบอกน้ำ และกระเป๋าสะพายที่คาดว่าจะบรรจุของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าขนหนู และอุปกรณ์อาบน้ำเป็นต้น

“อ้าว...เฮ้ย...เอ.....นายมาได้งัยนี่” ศิวะทักทายเพื่อนสนิททันทีที่เห็นหน้า....ทั้งคู่ไม่ได้พบหน้ากันเกือบปี เพราะต่างคนต่างมีงานรัดตัวกันทั้งคู่ แต่ก็โทรศัพท์ทักทายกันบ้างในบางครั้ง

“สวัสดีครับ พี่เอ” จอมยุทธ์กล่าวทักทายเพื่อนสนิทของผู้เป็นพี่ชาย...

“สวัสดีครับจอม” นครินทร์ทักทายตอบ ก่อนจะหันกลับไปที่เพื่อนสนิท ตอบคำถามถึงการมาปรากฏตัวในเวลานี้

“ไอ้นี่ มันลากมา.....” ท่านรองฯ ปลายตามาทางยุทธจักร และพบว่าคนที่ถูกเรียกว่า “ไอ้นี่” กำลังจ้องมองไปที่หน้ากึ่งหวานของจอมยุทธ์ที่ยืนข้างศิวะอยู่อย่างเงียบๆ อย่างไม่วางตา

“แสดงว่ารู้จักกันมาก่อน....” ศิวะเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย หันมองหน้าคนมาใหม่ทั้งสองคน

“ครับ” ยุทธจักรจำเป็นต้องละสายตาออกจากใบหน้าของจอมยุทธ์เพื่อเป็นฝ่ายตอบข้อสงสัยนั้น

“เฮ้ย.....เรื่องมันยาว... เดี๋ยวข้าเล่าให้ฟัง....แต่ว่าเราเดินไปสนามเทนนิสก่อนดีกว่ามั้ย.....จอมว่างัยครับ” ประโยคหลังท่านรองฯหันมาคุยกับจอมยุทธ์ที่ยืนอยู่อย่างเงียบๆ พยายามไม่ใส่ใจกับประกายดวงตาสดใสของหนุ่มร่างสูงที่จับต้องมาที่เขา

“อืม...”ศิวะพยักหน้ารับคำ

“ครับ..”จอมยุทธ์และยุทธจักรรับคำชวนพร้อมกัน

Andreas

  • บุคคลทั่วไป

ทั้งสี่หนุ่มจึงเดินมุ่งหน้าสู่สนามเทนนิสที่จองไว้ หลังจากเอาข้าวของที่ติดตัวมาวางลงบนโต๊ะที่เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ยุทธจักรจึงขอตัวออกวิ่งรอบสนามเป็นการอุ่นเครื่อง ในขณะที่อีกสามหนุ่มยืนทำกายบริหารอยู่ใกล้ๆกันเพื่อพูดคุยและเตรียมความพร้อมของร่างกายสู่เกมเทนนิสที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า

“ตาภูไปไหนล่ะ เสือ..” นครินทร์ถาม ขณะยังทำกายบริหาร

“อยู่กับคุณภา...คุณภาคงพาไปกินขนม เดี๋ยวคงพามาที่นี่”

“ดี......จะได้เจอหลานชายซะที ไม่ได้เจอกันเกือบปี ไม่รู้โตเท่าไหนแล้ว”

“ภูฟ้า โตขึ้นมากครับ....พี่เอ” จอมยุทธ์ช่วยตอบคำถามแทนศิวะ
 
“แต่ว่านายมากับคุณแซมได้งัย” ศิวะถามเพราะสงสัยมาตั้งแต่แรกที่พบกัน

“ข้าเคยทำงานร่วมกับแซมมันเมื่อหลายปีก่อน...ก่อนที่ข้าจะย้ายมารับตำแหน่งที่เชียงใหม่” นครินทร์ตอบ

“เคยทำงานด้วยกัน......แสดงว่าคุณแซมเป็นตำรวจเหรอเอ” ศิวะสันนิษฐาน

“....อ้าว....นายไม่รู้เหรอเสือ.....”

“ไม่รู้......ถ้ารู้ข้าคงไม่ถามหรอก” ศิวะตอบอย่างรวดเร็ว

“แสดงว่าไอ้แซมมันไม่ได้บอกล่ะซิว่ามันเป็นตำรวจ...แต่อย่างว่า.....งานของมันเป็นงานลับเสียส่วนใหญ่ มันเลยไม่ค่อยบอกใครว่ามันทำงานอะไร” นครินทร์อธิบาย ก่อนจะกวักมือเรียกยุทธจักรที่กำลังวิ่งเหยาะๆ อยู่รอบสนามให้เข้ามาหา

“เฮ้ย......ไอ้แซมตัวดี มานี่...มาแนะนำตัวใหม่....ขอแบบจริงจังหน่อย” นครินทร์บอกความประสงค์ให้ยุทธจักรทราบ

ยุทธจักรเดินเข้ามาหาทั้งสามคน เขาสบตานายตำรวจรุ่นพี่เป็นเชิงถามถึงความเหมาะสมและความปลอดภัยที่เขาจะต้องแนะนำตัวและหน้าที่การงานให้ศิวะและจอมยุทธ์ได้รับทราบ

งานส่วนใหญ่ของยุทธจักร คืองานที่ต้องใช้ความชำนาญในการวางแผน การใช้อาวุธที่ทันสมัย และจำเป็นต้องมีความคล่องตัวสูง เช่น ตอบโต้จารกรรม การก่อการร้ายภายในประเทศหรือความไม่สงบต่างๆ งานบุกชิงตัวประกัน งานปราบปราบอาชญากรรมรุนแรงที่ใช้อาวุธสงคราม และงานสนับสนุนองค์กรต่อต้านการก่อการร้ายสากล

เกือบทั้งหมดนั้นเป็นการปฏิบัติการนอกเครื่องแบบเสียส่วนใหญ่ ดังนั้นยุทธจักรและลูกน้องในทีมเกือบยี่สิบชีวิตจึงต้องระมัดระวังการแนะนำตัวเอง โดยพยายามจะไม่เปิดเผยหน้าที่การงานของตนแก่บุคคลทั่วไป เพื่อเหตุผลในการปฏิบัติงานที่บางครั้งต้องเป็นความลับ และไม่ต้องการให้ฝ่ายศัตรูรู้ตัว

ภายหลังนครินทร์พยักหน้าเป็นเชิงรับรอง...ยุทธจักรจึงแนะนำตัวอีกครั้ง....

“ผม..... พันตำรวจตรี ยุทธจักร ประภาภูวดล หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่หนึ่ง สังกัดกองบังคับการสนับสนุนอาวุธและยุทธวิธีพิเศษ สำนักงานกองบัญชาการ(ร่วมพิเศษ)ต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรง.... ครับผม......” แม้จะใช้เสียงที่เป็นปกติ แต่ความองอาจและความหนักแน่นของสุ่มเสียงก็บ่งชี้ความเป็นผู้นำของยุทธจักรได้เป็นอย่างดี

“ต้องขอโทษคุณศิวะและคุณจอมยุทธ์ด้วยครับ ที่ไม่ได้บอกตั้งแต่ตอนแรก... เพราะปกติผมจะใช้ยศตำแหน่งในเวลาราชการที่จำเป็นเท่านั้นครับ....เวลาปกติ ผมจะเป็นแค่นายยุทธจักร ธรรมดาครับ” ยุทธจักรกล่าวขอโทษ และอธิบายเหตุผลสั้นๆ ให้ฟัง

“ไม่เป็นไรครับ....ผมและจอมเข้าใจดีครับ” ศิวะเป็นฝ่ายบอก โดยไม่ได้แสดงอาการแปลกใจหรือไต่ถามถึงชื่อต้นสังกัดของพันตรีหนุ่มที่ไม่คุ้นหูสำหรับคนทั่วไป

“แซม.....มันเป็นตำรวจรุ่นใหม่ไฟแรงและมีคุณภาพ..แถมพ่วงด้วยการเป็นนักเรียนนอก ยศเลยพุ่งเร็วทั้งๆที่เพิ่งจะสามสิบ อีกไม่นานคงสูงว่าข้าแน่นอน” นครินทร์กล่าวชื่นชมอดีตลูกน้องให้ศิวะและจอมยุทธ์ฟัง

“หน้าที่การงานมันดี เสียอย่างเดียว ยังหาแฟนไม่ได้....”ประโยคหลังนายตำรวจรุ่นพี่หันมายักคิ้วให้กับยุทธจักรที่ยืนนิ่งๆอยู่ข้างๆ

“ตอนนี้ได้ข่าวว่าไปชอบเค้า......แต่คิดว่าคนนั้นจะไม่เล่นด้วย....จริงมั้ยแซม” ประโยคหลังหันมาถามยุทธจักรซึ่งๆหน้า ส่งให้คนสูงใหญ่ต้องรีบตัดบทสนทนาเพื่อกลบอาการเขินเป็นการใหญ่

 “เอ่อ......ผมว่าเราแข่งกันเลยดีกว่ามั้ยครับ....ออกกำลังกายมาพอสมควรแล้ว”

“ครับ..ดีเหมือนกัน..ว่างัยจอม” ศิวะหันมาถามจอมยุทธ์

“ครับพี่เสือ...แต่ว่าจะเล่นคู่หรือเล่นเดี่ยวก่อนครับ” จอมยุทธ์หันมาถามทุกๆคน

“เล่นคู่ดีกว่ามั้ยครับ...จะได้เล่นพร้อมกัน...ผมขออนุญาตท้าแข่งกับคุณศิวะและคุณจอมยุทธ์ครับ” ยุทธจักรเสนอ

“จอมว่างัย” ศิวะหันมาถามจอมยุทธ์

“ไม่มีปัญหาครับพี่เสือ”

“อืม..ดี.....ตำรวจแข่งกับนักธุรกิจล่ะว๊ะคราวนี้...ใครแพ้เลี้ยงข้าวแล้วกัน” นครินทร์ตั้งกติกาง่ายๆเพื่อให้เกมส์ในวันนี้สนุกสนานมากขึ้น

เพราะการออกกำลังกายสม่ำเสมอแม้ว่าจะไม่เป็นประจำทุกวันเนื่องจากงานรัดตัว แต่ก็ทำให้นครินทร์ในวัยสามสิบสามปี ยังดูหนุ่มและปราดเปรียวอยู่มาก ประกอบกับความสูงที่ทัดเทียมกับศิวะคือประมาณร้อยแปดสิบเซนติเมตร จึงทำให้สามารถเล่นกีฬาเทนนิสที่ต้องใช้ความคล่องตัวและพละกำลังอย่างมากได้ในระดับดีทีเดียว

สำหรับทั้งสามหนุ่มที่เหลือที่นั้นออกกำลังกายเป็นประจำ จึงมีความสูสีในเชิงของพละกำลัง แต่คู่ของศิวะและจอมยุทธ์ดูจะมีความได้เปรียบมากซักหน่อย เพราะเล่นกีฬาชนิดนี้อยู่เป็นกิจวัตร.....เทนนิสเป็นกีฬาที่เคยเล่นด้วยกันสี่พี่น้อง...เมื่ออดีตที่ผ่านมา....เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของทั้งสี่ให้หลอมรวมกัน...ภูผา..ฟ้าลั่น..ศิวะ..และจอมยุทธ์น้องเล็ก

ผ่านเกมมาไม่นานนัก.....จอมยุทธ์และศิวะสังเกตได้ถึงความคล้ายคลึงระหว่างยุทธจักรกับคนสองคนที่ตรึงอยู่ในความทรงจำ....ทั้งในเรื่องของความปราดเปรียว ความร่าเริง ตลอดจนเทคนิคที่ใช้....แววตาที่มั่นคงยามเสิร์ฟและตั้งรับ รอยยิ้มที่เปิดกว้างทุกครั้งเมื่อสร้างความลำบากให้คู่ต่อสู้ในเกมรุกของตน......สุดท้ายเรื่องความเด็ดเดี่ยวและกล้าตัดสินใจในสถานการณ์ฉับพลัน

ความคล้ายคลึงดังกล่าวพัดพาเอาความทรงจำในอดีตของศิวะและจอมยุทธ์กลับคืนมาอีกครั้ง.....ความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับคนสองคนในอดีต....ผู้ที่กุมดวงใจของทั้งคู่ไว้ตลอดมาและจะตลอดไป....ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ สองหนุ่มก็จะไม่มีวันเอาใครมาแทนที่อย่างเด็ดขาด....รอยยิ้มที่จำได้ติดตา...ความสุขสนุกสนานที่ติดตรึงใจ....และสุดท้ายความเศร้าที่ยากจะทานทน......

ครึ่งหนึ่งของพื้นที่หัวใจของศิวะและจอมยุทธ์ที่ปิดตายนั้น คือที่อยู่ของความทรงจำดีๆ ที่มอบให้แก่......ภูผาและฟ้าลั่น...... ผู้ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ....ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือก็ถูกครอบครองโดยความรักที่มอบให้แด่..ภูฟ้า...ตัวแทนของทั้งคู่นั่นเอง

หลังเวลาผ่านไปตลอดเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม จอมยุทธ์และศิวะซึ่งมีคะแนนนำมาตลอดจึงเอาชนะคู่ตำรวจผู้ท้าชิงได้สำเร็จสองเซตรวด และเป็นการเอาชนะด้วยชั้นเชิงและลีลาการเล่นเกมส์ล้วนๆ

“เหนื่อยชิบ....” นครินทร์บ่นหลังจากกลับมานั่งพักดื่มน้ำเย็นๆที่พนักงานโรงแรมนำมาเสิร์ฟให้

“ฝีมือยังไม่ตกเลยนะเสือ.....จอมด้วย” นครินทร์ชม

“พี่เอก็ยังใช้ได้อยู่นี่ครับ...ขนาดไม่ได้เล่นเสียนานยังฟิตขนาดนี้” จอมยุทธ์พูด

“พี่มันคนยังไม่มีแฟน ก็ต้องฟิตไว้ครับ......ไปหมดแรงต่อหน้าคนอื่นขายหน้าเค้าแย่เลย” ท่านรองฯยิ้มอารมณ์ดี

“เอาสาวๆจากจอมมาเป็นแฟนซิเอ....ขานั้นเค้ามีเยอะ” ศิวะหยอกเพื่อนสนิทเล่นๆ อย่างไม่จริงจัง

“เอามั้ยครับพี่เอ....เดี๋ยวผมจะส่งไปให้.....”จอมยุทธ์รับลูกส่งจากศิวะอย่างทันทีทันใด

“ขอบคุณล่วงหน้าครับ....แต่จอมพอจะแบ่งปันไปให้เจ้าแซมมันมั่งได้หรือเปล่าครับ.....มันก็โสดเหมือนกัน” ประโยคหลังนครินทร์หันไปส่งยิ้มให้กับยุทธจักรที่นั่งพักเหนื่อยอยู่ใกล้ๆ

ยุทธจักรสั่นหัวเล็กน้อย พลางหัวเราะกับความช่างแหย่ของนายตำรวจรุ่นพี่ที่ตนเองนับถือ 

“ตอนนี้ผมกำลังจะไม่โสดแล้วครับ....ขอบายครับ” ยุทธจักรบอกทั้งสามคน....เขาอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาหวานไปให้จอมยุทธ์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างเคยชิน

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
“คุณจอมเหนื่อยหรือยังครับ...มาต่อเกมเดี่ยวกับผมซักเกมหนึ่งได้มั้ยครับ” ยุทธจักรเปิดเกมรุกอีกครั้ง เพื่อจะได้หาโอกาสเข้าใกล้ชิดและทำความรู้จักกับจอมยุทธ์ให้มากขึ้น รวมถึงเขาต้องการให้ นครินทร์ มีโอกาสอยู่กับศิวะสองต่อสอง เพื่อที่จะได้มีโอกาสซักถามคำถามที่เขาเตรียมไว้ให้ก่อนล่วงหน้าได้อย่างเต็มที่

“ครับผม......ยินดีครับ” ครั้งนี้จอมยุทธ์มิได้รับคำโดยมารยาท แต่รู้สึกสนุกกับลีลาการเล่นของหนุ่มร่างสูงคนนี้ ประกอบกับเกมที่ผ่านมาได้สลายความเยือกเย็นที่เกาะกุมหัวใจบางส่วนของตนให้อบอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง.....ส่งผลให้เขากลับมาร่าเริงและเปิดโอกาสที่จะเรียนรู้นิสัยของสหายใหม่อย่างยุทธจักรให้มากขึ้น....และที่สำคัญการปรากฏตัวของท่านรองฯนครินทร์ คนที่จอมยุทธ์นับถือ ก็ช่วยเพิ่มความไว้วางใจในชายหนุ่มร่างสูงที่มีรอยยิ้มและดวงตาสดใสคนนี้ได้ในระดับหนึ่ง
 
นครินทร์ ก็ไม่รอช้า เขาเปิดคำถามใส่ศิวะทันทีที่ทั้งสองหนุ่มเดินเข้าไปในสนามเพื่อเปิดศึกดวลกันอีกครั้ง

“เสือ....นายยังอยู่บ้านเดียวกับกับจอมอยู่หรือเปล่า”

“อืม...อยู่ซิ” ศิวะรับคำอย่างเป็นปกติ แต่สายตาที่คนฟังมองมาอย่างกระหายใคร่รู้อย่างอื่น ทำให้เขาต้องหัวเราะออกมาเบาๆ

“เฮ้ย....ห้ามคิดลามกโว้ย.....ไอ้เอ” ศิวะเรียกเพื่อนสนิทอย่างสนิทสนมเมื่ออยู่กันสองต่อสอง

“เราเป็นพี่น้องกัน...จอมเค้าช่วยข้าดูแลตาภูตั้งแต่อยู่อังกฤษ เค้ารักตาภูมากและตาภูก็รักเค้ามากเช่นกัน......เราสามคนจึงตัดสินใจอยู่บ้านเดียวกันหลังจากนั้นเป็นต้นมา...แกก็รู้นี่นา” ศิวะอธิบายให้ผู้เป็นเพื่อนสนิทเข้าใจอีกครั้ง

ศิวะไม่มีอะไรปิดบังกับนครินทร์ เพราะเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กและไปเรียนไฮสคูลต่อที่อเมริกาด้วยกัน ที่นั่นเองที่ทำให้ศิวะกลายเป็นผู้ชายที่สามารถมีสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันได้ และนครินทร์ก็เป็นคนแรกที่ศิวะเปิดปากเล่าให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง

“เราเคยรักคนคนเดียวกัน...นายก็รู้....ข้ากับจอมเป็นได้แค่เพียงพี่น้องเท่านั้น”

“หัวใจของข้า...มันไม่มีที่ว่างให้ใครแล้วว่ะเอ....มีแต่ตาภูคนเดียวเท่านั้น” ศิวะยังคงพูดต่อ.... ดวงตาอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด ยามพูดถึงลูกชายตัวน้อย.....ลูกชายที่เฝ้าเลี้ยงดูทะนุถนอมมาตลอดห้าปีกว่าๆ ทุกความคิดทุกการกระทำของศิวะ...อยู่บนพื้นฐานของความรักที่มีให้กับภูฟ้าเสมอ

“อืม.....”นครินทร์พยักหน้าแสดงความเข้าใจ....เขาพยายามไม่รื้อฟื้นอดีตที่เจ็บปวดของเพื่อนรัก

“แล้วจอม....เค้ามีแฟนหรือยัง” นครินทร์ถามต่อ

ศิวะหันหน้ากลับมายังเพื่อนสนิทของตนทันที เลิกคิ้วข้างหนึ่งสูงขึ้นแสดงความสงสัยในประโยคนั้น

“เฮ้ย.....ข้ายังชอบผู้หญิงอยู่ว่ะ........อย่ามาทำเป็นสงสัย” นครินทร์อ่านคำถามในแววตาของศิวะออกจึงต้องรีบปฎิเสธอย่างรวดเร็ว

“แล้วอยากรู้ไปทำไม” ศิวะถามเพราะพอจะระแคะระคายความผิดปกติบางอย่างได้บ้าง

“เอ่อ....มีคนเค้าฝากถามมาว่ะ”

“ใครว๊ะ......แซมเหรอ” ศิวะเดา

“ทำไมเดาออกว๊ะ” ท่านรองฯเก็บอาการสงสัยไว้ไม่อยู่เลยต้องถามออกมา

“ไม่เห็นยาก...ก็เพื่อนรุ่นน้องแก เล่นส่งตาหวานให้จอมอยู่บ่อยๆ...ถึงข้าไม่ใช่ตำรวจแต่ก็ช่างสังเกตนะโว้ย”

“แต่ท่าจะยาก....เห็นจอมเค้าหน้าสวยอย่างนั้นน่ะ....รสนิยมเค้าตรงกันข้ามกับหน้าตา.....จอมคงไม่ตกเป็นของใครง่ายๆหรอก”

“ขนาดนั้นเชียว” ท่านรองฯถามอีกครั้ง

“ถึงจอมเค้าจะดูอายุน้อย...แต่เค้าก็ฉลาดมากนะ....อีกอย่างเค้าไม่อยากเป็นฝ่ายเสียเปรียบหรอก...นอกจากเค้าจะรักจริงๆ .....ถ้าแซมทำให้จอมรักได้อย่างคนในอดีตของเค้า.....มันก็ไม่แน่”

“แต่แซม.......เค้าชอบจอมจริงๆหรือเปล่าล่ะเอ.....ในส่วนเรื่องความดี ข้ามั่นใจว่าถ้าแซมไม่ดีจริงแกคงไม่ช่วยเหลือเค้าหรอก..ข้ามั่นใจในวิจารณญาณของแก.....แต่”

“แต่อะไรเสือ” นครินทร์ถาม

“แต่ขอให้จริงจัง.....แล้วถ้ามาทำให้คนที่ข้ารักเจ็บปวดล่ะก็ คงต้องเอาคืนกันบ้างล่ะ....แม้แต่แกเองข้าก็ไม่เว้น” ศิวะพูดหนักแน่นและจริงจัง จนนครินทร์เองก็เริ่มหวั่นใจ เพราะยังไม่มั่นใจนักกับการตัดสินใจของนายตำรวจรุ่นน้อง แม้เขาจะทราบว่ายุทธจักรเป็นคนจริงจังกับการทำงาน...แต่เรื่องของหัวใจเช่นนี้ เขาเองก็ตอบแทนเจ้าตัวไม่ได้

“ข้าต้องถามแซมมัน....เรื่องนี้ข้ายังตอบไม่ได้ตอนนี้”

“ถามเค้าให้ดี....หรือให้เค้าบอกมาตรงๆ ข้าและจอมเป็นคนตรงไปตรงมา” ศิวะเปิดทางเพราะโดยส่วนตัวก็เริ่มพึงพอใจในนิสัยของยุทธจักร.....ยิ่งได้เพื่อนสนิทมารับรองความดีที่มีในตัวชายหนุ่ม เขาก็พึงพอใจมากขึ้น...ที่สำคัญศิวะต้องการเห็นจอมยุทธ์มีความสุขกับความรักอีกครั้งหนึ่ง....อยากให้น้องรักไม่ต้องจมอยู่กับอดีตที่เจ็บปวดเหมือนกับที่เขาเผชิญอยู่ตลอดเวลาและจะตลอดไป

“เดี๋ยวข้าจะไปคุยกับแซมดู....ขอบใจแกมากนะเสือที่เข้าใจ” นครินทร์เอื้อมมือมาตบไหล่ศิวะเบาๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปจับตามองเกมการเล่นระหว่างยุทธจักรและจอมยุทธ์ที่กำลังสูสี ทั้งคู่ได้ยินกรรมการประจำสนามประกาศไทเบรกเกอร์ เนื่องจากทั้งมีคะแนนเซ็ตพอยท์เท่ากัน

ในวันเสาร์-อาทิตย์ ณ. สนามเทนนิสของสปอร์ตคลับแห่งนี้.......ทางโรงแรมจะเตรียมพนักงานไว้เพื่ออำนวยความสะดวกผู้เล่น โดยจะรับผิดชอบทั้งการประกาศคะแนนและช่วยฝึกสอนนักเล่นมือใหม่ทั้งหลายที่เป็นสมาชิกของสปอร์ตคลับหรือผู้มาพักโรงแรม....ไม่เพียงเฉพาะสนามเทนนิสเท่านั้น ทั้งสนามยิงปืน สนามขี่ม้า สระว่ายน้ำ สนามศิลปะป้องกันตัว และกิจกรรมกีฬาอื่นๆ ทางโรงแรมก็จัดสรรบุคคลากรที่มีความรู้เฉพาะทางในกีฬานั้นๆ เพื่อคอยฝึกสอนและอำนวยความสะดวกแก่ทุกๆคนที่เข้ามาเยือน และในบางครั้งศิวะและจอมยุทธ์ก็ต้องรับทำหน้าที่นี้บ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลายและในกรณีที่พนักงานป่วยหรือไม่สามารถมาปฏิบัติหน้าที่ได้

“แกว่าใครจะชนะว๊ะ....เสือ” นครินทร์หันมาถามความเห็นเพื่อนสนิท เพราะทราบว่าฝีมือทางกีฬาของยุทธจักรนั้นเก่งกาจพอตัว แต่ก็ทราบว่าฝีมือของจอมยุทธ์ก็ไม่เป็นรองใคร

“ตอบลำบากว่ะ....แต่ขออย่างเดียวอย่าให้แซมแกล้งแพ้แล้วกัน...ถ้าจอมรู้คงโกรธตาย” ศิวะตอบเพราะรู้ใจจอมยุทธ์เป็นอย่างดี

แม้ว่ายุทธจักรจะอยู่กลางสนาม....แต่ดูเหมือนว่าเขาจะทราบเช่นเดียวกับที่ศิวะพูดมา....ตอนแรกเขาตั้งใจจะแกล้งแพ้เพื่อจะได้เป็นข้ออ้างในอนาคตที่จะขอแข่งแก้มือ...แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาคงต้องแกล้งทำเป็นแพ้โดยตลอด เพราะถ้าอยู่ดีๆฝีมือการเล่นผิดแปลกไป จอมยุทธ์ผู้เล่นกีฬาชนิดนี้เป็นประจำคงจะสังเกตเห็น และทราบว่าเขาอ่อนข้อให้ตั้งแต่แรก จอมยุทธ์คงจะโกรธเขาไม่น้อย......ดังนั้นยุทธจักรจึงตัดสินใจเล่นอย่างเต็มที่ เพราะคิดว่าหนุ่มหน้ากึ่งหวานที่เป็นเจ้าของหัวใจของเขาในตอนนี้น่าจะชอบการเล่นแฟร์ๆแบบนี้

หลังจากไทเบรกเกอร์ ทั้งคู่ต้องเล่นต่อไปอีกอย่างน้อยเจ็ดแต้มจนกว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงเป็นการพิสูจน์ฝีมือและพละกำลังกันอย่างแท้จริง....ทั้งสองหนุ่มกลับเข้ามาพักดื่มน้ำและเช็ดเหงื่อที่ริมสนามก่อนจะเริ่มดวลเกมกันอีกครั้ง .....

หลังจากเริ่มเกมใหม่มาประมาณกว่ายี่สิบนาที ในที่สุดยุทธจักรก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ได้สำเร็จ ด้วยคะแนน 11 ต่อ 9 ซึ่งถือว่าเป็นการเอาชนะแบบหืดขึ้นคอพอสมควร

และเป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด ชัยชนะที่ยุทธจักรได้รับมาอย่างยากลำบากนี้ส่งผลดีให้กับเขาจริงๆ

เพราะจอมยุทธ์เป็นคนชอบการท้าทาย ยิ่งพบว่าคู่ต่อสู้มีฝีมือที่สูสี ไม่แตกต่างกันมากนัก รวมถึงประเมินแล้วว่ายุทธจักรเล่นอย่างเต็มที่ไม่ได้ออมมือ ดังนั้นจอมยุทธ์จึงรู้สึกสนุกสนานกับเกมนี้เป็นอย่างมากและเริ่มมีความเป็นกันเองกับยุทธจักรมากขึ้น

หลังจบเกม....จอมยุทธ์เดินมาจับมือกับนายตำรวจหนุ่มเข้าของรอยยิ้มหวาน และกล่าวว่า

“เอาไว้คราวหน้ามาเล่นกันใหม่นะครับพี่แซม” สรรพนามเรียกขานที่เปลี่ยนไป ทำให้ยุทธจักรถึงกับตั้งตัวแทบไม่ทันและเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“ได้เลยครับจอม....”ยุทธจักรเรียกจอมยุทธ์อย่างเป็นกันเองมากขึ้นเช่นกัน

เพราะรอยยิ้มและดวงตาของยุทธจักรนั้นช่วยกระตุ้นความทรงจำในอดีตถึงพี่ชายอีกสองคนของจอมยุทธ์ขึ้นมา อีกทั้งการเล่นเทนนิสที่ผ่านมา ยังพัดพาเอาความรู้สึกดีๆ ที่พี่ชายทั้งสองช่วยสอนวิธีการเทนนิสให้กับเขา และระลึกย้อนไปถึงการแข่งขันต่างๆ ที่จอมยุทธ์ไม่เคยเอาชนะพี่หมอกและพี่ฟ้าลั่น....บิดาของหลานรักได้เลยซักครั้ง.....

ความทรงจำดีๆที่ผ่านมา ช่วยทำให้เกราะบางอย่างที่จอมยุทธ์สร้างไว้เพื่อป้องกันยุทธจักรเริ่มคลายลงบ้าง....ดังนั้นสรรพนามคำว่า “พี่แซม” จึงหลุดออกจากริมฝีปากคู่สวยนั้นอย่างไม่ตั้งใจ

ที่สำคัญจอมยุทธ์บอกตนเองตั้งแต่ก่อนแข่งขันแล้วว่า ถ้ายุทธจักรแกล้งแพ้หรือทำทีอ่อนข้อต่อเขา...จอมยุทธ์จะเพิ่มระยะห่างให้มากขึ้น เพราะแสดงว่ายุทธจักรกำลังหวังผลอะไรซักอย่างในการอ่อนข้อนั้นอย่างแน่นอน แต่โชคดีที่ยุทธจักรไม่ได้ทำเช่นนั้น ดังนั้นระยะห่างที่สร้างไว้ จึงหดสั้นเข้ามาอีกนิด

จากเหตุผลดังกล่าว สรรพนาม “พี่แซม” ที่หลุดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจในตอนแรก....จอมยุทธ์จึงไม่คิดที่จะเปลี่ยนกลับไปเป็นอย่างเดิมที่เรียก “คุณแซม” เพราะอย่างน้อยเกมกีฬาและการทำความรู้จักกันในวันนี้ก็ทำให้จอมยุทธ์ไว้ใจยุทธจักรขึ้นมาในระดับหนึ่ง...แต่ถึงกระนั้น แววตาแปลกๆที่ชายหนุ่มร่างสูงมองมา ก็ยังรบกวนจิตใจของเขาอยู่บ้างในบางครั้ง



ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
พี่แซม.... ฮิ้ววววววววววววววววววววววว  เปลี่ยนสรรพนามเรียกแย้ววว  :fox2:
เท่ห์มากเลยพี่  จ๋อมบอกว่าเรื่องเป็นแนวสืบสวนสอบสวนเหรอ  จะเกี่ยวอะไรกับตำแหน่งพี่แซมป่าวเนี่ย 

รออ่านต่อค๊าบบบบ  พี่จ๋อม  :like6:

jammy

  • บุคคลทั่วไป
เริ่มเข้าใกล้ได้อีกนิดเเล้วสินะครับยุทธจักร อิๆ  :give2:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586


จอม.................จ๋อม?


ว้ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


พี่แซม?   อืมๆๆๆๆๆๆ   น่าคิดๆ  หลุดมาได้ไงฟะตาจอม  หรือว่ามันจะ...... :3063:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
พี่แซม............... :like6: :like6: :like6:

พี่แซมจะทำหั้ยความทรงจำดีๆเก่าๆกลับมาหรอ..... :impress3:

kYos

  • บุคคลทั่วไป
ความสัมพันธ์คืบหน้าเข้าไปอีกนิดแล้วสิ อิอิ..

เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมจ้า  :yeb:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
มาเป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ :110011: :110011: :110011:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ ใกล้เข้าไปอีกนิด  :kikkik:
แซมสู้ ๆ  :yeb:

RoosT

  • บุคคลทั่วไป
มาให้กำลังใจค๊าบบบบบบบบ

มาต่อไวๆค๊าบบบบบ

 :yeb: :yeb: :yeb:

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
“หวดกันมันส์จริงๆ...นั่งพักก่อนซิ” นครินทร์ชมสองหนุ่มที่เพิ่งเดินออกจากสนามกลับเข้ามาที่เขาและศิวะนั่งอยู่

“เสือจะเล่นต่ออีกหรือเปล่า...หรือว่าจะพักซักครู่หนึ่ง แล้วไปอาบน้ำ กินข้าวเย็นกัน” นครินทร์เอ่ยถามเพื่อนสนิท

“เล่นแค่นี้ก่อนดีกว่า.......นี่ก็เย็นมากแล้ว...เดี๋ยวตาภูคงมาชวนไปกินข้าวเย็น” ศิวะตอบ

ยังไม่ทันที่ศิวะจะพูดอะไรต่อ....คุณภาวดี..พี่เลี้ยงก็พาภูฟ้าเดินเข้ามาในสนามเทนนิส

“อ้าว...ตาภูมาพอดีเลยเอ.....ท่าจะหิวข้าวแล้ว”

ศิวะเรียกลูกชายให้เดินเข้ามาหา ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนยิ่งนัก

“ภูมาหาพ่อซิลูก.....”

ภูฟ้าได้ยินดังนั้นจึงเดินเข้ามาหาบิดาของตนอย่างช้าๆ

“ตาภูจำได้มั้ยครับลูก...นี่ใครเอ่ย” ศิวะก้มหน้าลงถามลูกชาย

“จำได้ครับพ่อเสือ......สวัสดีครับ...ลุงเอ” เด็กน้อยกล่าวตอบบิดา ก่อนจะยกมือเล็กๆทั้งสองข้างขึ้นพนมแสดงกริยาไหว้เคารพต่อเพื่อนสนิทของบิดาอย่างนอบน้อม

นครินทร์ย่อตัวคุกเข่าลง เขาพูดตอบภูฟ้าว่า

“สวัสดีครับตาภู....จำลุงเอได้ด้วย....ขอลุงเอ กอดได้มั้ยครับ”

“ได้ครับลุงเอ” ภูฟ้าตอบคำถามพร้อมมอบรอยยิ้มหวานให้
 
นครินทร์กอดภูฟ้าด้วยความรักและเอ็นดู ก่อนจะอ้มภูฟ้าขึ้นแนบอก และยืนขึ้น....อดไม่ได้ที่จะหอมแก้มใสๆของลูกชายเพื่อนสนิทที่น่ารักคนนี้

“ตาภูหล่อมากเลยนะครับ.....โตขึ้นไปสาวๆคงตามกันเป็นพรวน” นครินทร์กล่าวชมหลานชาย

“ภูหิวแล้วเหรอลูก” ศิวะถามลูกชายที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของเพื่อนสนิท

“ครับพ่อเสือ”

“งั้นขอพ่อเสือ อาจอม ลุงเอ และอาแซม ไปอาบน้ำก่อนนะครับ....แล้วเดี๋ยวพ่อเสือจะพาไปกินข้าวเย็นครับ”

“ภูรอได้หรือเปล่าครับ” ศิวะถามลูกชาย

“ได้ครับพ่อเสือ....” ภูฟ้าตอบ

“คุณภา...พาตาภูไปรอที่ลอบบี้ก่อนนะครับ...เดี๋ยวพวกผมอาบน้ำเสร็จแล้วจะไปหาครับ”

“ค่ะ คุณเสือ” คุณภาวดีรับคำ ก่อนจะรับภูฟ้าจากอ้อมกอดของนครินทร์

ทั้งสี่หนุ่มใช้เวลาไม่มากในการอาบน้ำชำระล้างร่างกาย หลังจากนั้นทั้งคณะจึงเดินทางออกจากโรงแรมมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารเฮือนโบราณบ้านร้อยปี ซึ่งเป็นร้านอาหารบรรยากาศเงียบสงบริมแม่น้ำปิง เหมาะแก่การสังสรรค์ในหมู่คนสนิท

ลักษณะของเฮือนโบราณบ้านร้อยปีเป็นร้านอาหารขนาดไม่ใหญ่มากนัก โดยแบ่งพื้นที่เป็นสองส่วนคือบริเวณลานกลางแจ้ง ซึ่งจัดแต่งเป็นลักษณะส่วนหย่อมอย่างสวยงามประดับประดาด้วยโคมไฟหลากสี สำหรับต้อนรับแขกผู้พิสมัยการรับประทานอาหารท่ามกลางแสงไฟในบรรยากาศกลางแจ้งและรับลมเย็นๆที่พัดผ่านมาจากแม่น้ำปิง...

ส่วนที่สองของร้านอาหารคือบ้านร้อยปี ซึ่งเป็นลักษณะเป็นบ้านเปิดสองชั้น ที่ดัดแปลงเป็นพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารเช่นกัน โดยที่ภายในประดับตกแต่งด้วยเครื่องใช้โบราณแบบล้านนาแท้ๆ

นายตำรวจทั้งสองนายผู้เป็นเจ้ามือ ตัดสินใจเลือกที่จะพาสมาชิกทุกคนเข้าไปรับประทานอาหารเย็นภายในบ้านร้อยปี เนื่องจากมีบรรยากาศที่เงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่านเหมือนบริเวณพื้นที่กลางแจ้ง

ทั้งสี่หนุ่มรับประทานอาหารและพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง แม้ว่าจะมีเด็กเล็กอย่างภูฟ้าอยู่ด้วยก็ไม่มีปัญหาอะไร....

ภูฟ้าไม่เคยสร้างความรำคาญ ปัญหาหรือแสดงที่ท่าเอาแต่ใจตนเองแต่อย่างใด เนื่องจากภูฟ้าเคยชินที่จะร่วมรับประทานอาหารกับเพื่อนสนิทของบิดาและอาจอมที่รักของตน และด้วยการอบรมสั่งสอนด้วยความรักของบุคคลทั้งสอง ทำให้ภูฟ้ามีมารยาทและเป็นเด็กที่เรียบร้อย แม้ว่าจะอายุยังน้อยอยู่ก็ตาม

ภูฟ้านั่งรับประทานอาหารอย่างเงียบๆกับคุณภาวดีที่มุมหนึ่งของโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ โดยที่ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส

“พรุ่งนี้นายต้องไปทำงานที่โรงแรมหรือเปล่าล่ะเสือ” นครินทร์ตั้งคำถาม

“ไม่ต้องทำงาน...แต่ว่าจะพาตาภูไปขี่ม้าที่โรงแรมในตอนเช้า”

“แล้วจอมล่ะครับ” นครินทร์หันมาถามจอมยุทธ์

“พรุ่งนี้ผมต้องไปแทนครูฝึกที่สนามยิงปืนครับ”

“จอมชอบยิงปืนหรือครับ....” ยุทธจักรถามทั้งๆที่ทราบคำตอบอยู่แล้ว เพราะเป็นความชำนาญที่ถูกระบุในประวัติของจอมยุทธ์ที่ลูกน้องส่งมาให้อ่าน

“ไม่เชิงครับ....เพียงแค่ฝึกมาบ้างครับ” จอมยุทธ์ตอบเลี่ยงๆ พยายามไม่สร้างความน่าสนใจอะไรมากนัก

“จอมถนัดยิงปืนแบบไหนครับ” นครินทร์ถามต่อด้วยความแปลกใจเพราะไม่คิดว่าหนุ่มรุ่นน้องหน้าหวานคนนี้จะชื่นชอบกีฬายิงปืน และถึงขนาดเป็นครูฝึกของสนามยิงปืนในสปอร์ตคลับ

“ได้ทั้งแบบเป้านิ่งและเป้าบินครับ...แต่ชอบเป้าบินมากกว่าครับ...มันท้าทายดีครับ”  จอมยุทธ์ตอบ

“น่าสนใจจังเลยนะครับ...ผมชักอยากทราบแล้วว่าจอมจะยิงปืนเก่งเหมือนเล่นเทนนิสหรือเปล่าครับ” ยุทธจักรพยายามชวนคุยต่อ เพื่อหาทางเข้าถึงตัวของจอมยุทธ์ให้มากขึ้น

“ไม่เก่งหรอกครับ...พี่เสือเก่งกว่าครับ” จอมยุทธ์พยายามเปลี่ยนจุดสนใจของทั้งสองหนุ่มจากตนเองไปสู่ศิวะแทน....และก็ประสบความสำเร็จเนื่องจากนครินทร์หันกลับไปที่ศิวะทันที พร้อมเปิดคำถามต่อมาด้วยความสงสัย

“เสือ..แกยิงปืนด้วยหรือว๊ะ..ทำไมข้าไม่รู้”

ศิวะเตรียมพร้อมกับคำถามที่ตามมาเพราะการเปลี่ยนความสนใจของจอมยุทธ์....เขาเตรียมคำตอบไว้สำหรับคำถามนี้อยู่แล้ว...รวมถึงการโต้กลับน้องชายเจ้าเล่ห์ด้วยเช่นกัน

“ข้ากับจอมเคยฝึกยิงปืนตอนอยู่ที่อังกฤษ....พอดีไม่มีอะไรทำ.....แล้วก็สนามยิงปืนอยู่ใกล้ๆบ้านพักพอดี”

“อืม...แสดงว่าเริ่มมากว่าห้าปีแล้วซิ” นครินทร์คิดทบทวนเรื่องเวลา

“อีกอย่างข้าและจอมเป็นนักธุรกิจ..เราก็ต้องเรียนรู้พวกนี้ไว้ป้องกันตัวบ้าง” ศิวะอธิบายให้เพื่อนสนิทฟัง ก่อนจะหันไปหายุทธจักร แล้วพูดประโยคต่อมาที่ทำให้จอมยุทธ์ผู้นั่งฟังอยู่เพลินๆหันมาทำตาขวางใส่โดยทันที

“ถ้าคุณแซมอยากทราบว่าจอมเค้ามือแม่นขนาดไหน.....พรุ่งนี้ก็เชิญที่สนามซิครับ.....เริ่มตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงเที่ยงครับ”

“ผมยินดีครับ...แต่ไม่ทราบว่าจอมเค้าจะลำบากใจหรือเปล่า”

“เชิญครับพี่แซม..ตามสบายครับ” จอมยุทธ์จำเป็นต้องเล่นไปตามเงื่อนไขของศิวะโดยมารยาท

“ขอบคุณครับจอม”

“อย่างนี้นอกจากยิงปืนแล้วทั้งพี่เสือและจอมฝึกพวกศิลปะป้องกันตัวหรือเปล่าครับ...” ยุทธจักรถามอีกครั้ง...ทั้งๆที่ทราบคำตอบแล้วเช่นกัน...เพียงแต่เขาต้องการตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดและพยายามหาช่องทางเข้าหาสองหนุ่มนี้ให้มากที่สุด

“อืม....จำได้ว่าตอนไฮสคูลเราเคยเล่นเทควันโด้ด้วยกัน...ตอนนี้แกยังฝึกอยู่หรือเปล่าเสือ” นครินทร์รำลึกถึงอดีตและเอ่ยถาม

“ก็ยังฝึกต่อเรื่อยๆ ไม่มีอะไรมาก.....ก็แค่ไม่อยากให้ลืมเท่านั้น” คำตอบของศิวะสร้างความประหลาดใจให้คนฟังอย่างยุทธจักรเป็นอย่างมาก เพราะคำตอบนั้นดูคล้ายกับว่าศิวะฝึกฝนเพื่อความสนุกสนานและเพื่อให้ร่างกายเกิดความเคยชินเท่านั้น...ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วชายหนุ่มผมสีน้ำผึ้งตรงหน้าสามารถสอบได้ระดับสายดำเลยทีเดียว

“อย่างที่เอบอกนั่นแหละครับคุณแซม...ผมฝึกเทควันโด้ครับ” ประโยคหลังศิวะหันมาตอบยุทธจักรผู้ตั้งคำถามในตอนแรก

แม้จอมยุทธ์เริ่มที่จะเป็นกันเองกับยุทธจักรมากขึ้น...รวมถึงสรรพนามที่เรียกยุทธจักรจะเปลี่ยนไป..แต่จิตใต้สำนึกยังคอยเตือนให้จอมยุทธ์ระวังชายหนุ่มคนนี้อยู่.....ดังนั้นจอมยุทธ์จึงค่อนข้างที่จะพูดน้อย เน้นการนั่งฟังเสียเป็นส่วนใหญ่ หรือตอบคำถามที่ถามเขาโดยตรงเท่านั้น....ที่เหลือก็มอบใช้ศิวะเป็นผู้ตอบแทน....

“ผมฝึกคาราเต้ครับ....” จอมยุทธ์ได้จังหวะตอบคำถามของยุทธจักร

“จอมเค้าตัวเล็กกว่าผม.....ผมเลยให้ฝึกคาราเต้ดีกว่าครับ...” ศิวะช่วยสร้างความกระจ่างเพราะสังเกตเห็นว่าจอมยุทธ์ค่อนข้างเงียบผิดปกติ

“แต่ว่าข้าสนใจเรื่องยิงปืนว่ะเสือ....ข้าชักอยากเห็นแกกับจอมยิงปืนซะแล้ว....ไม่แน่ข้าอาจได้แก้มือที่แพ้เทนนิสในคราวนี้ว่ะ...แต่ว่าแกกับจอมจะกล้าแข่งหรือเปล่า....ข้าต่อให้ซักยี่สิบห้าแต้มดีกว่า..ไหนๆข้าก็เป็นตำรวจ” นครินทร์เริ่มสนใจความสามารถพิเศษทางด้านนี้ของทั้งศิวะและจอมยุทธ์ขึ้นมา.....และคิดว่ามันจะไม่ยุติธรรมนักถ้าท้าแข่งยิงปืนกับบุคคลธรรมดาโดยไม่ให้แต้มต่อทั้งๆที่เขาเป็นตำรวจที่น่าจะเชี่ยวชาญมากกว่า

ศิวะหันมาถามจอมยุทธ์โดยใช้เพียงการส่งสายตา...ภายหลังจอมยุทธ์พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย ศิวะจึงตอบกลับทันที

“เอาซิ.....แต่แกจะต่อให้ยี่สิบห้าแต้มจริงดิ....มากไปหรือเปล่า” ศิวะถามยิ้มๆ

“เฮ้ย..ข้าพูดคำไหนคำนั้นโว้ย...อย่างน้อยข้าก็มีนักแม่นปืนของกรมตำรวจอย่างเจ้าแซมมัน....แข่งเป็นคู่แบบนี้ข้าใจป้ำต่อแต้มให้ยี่สิบห้าแต้มเลย”

“แต่ว่าถ้าพี่เอกับพี่แซมแพ้อีกล่ะครับ....จะทำอย่างไรครับ” คราวนี้จอมยุทธ์เป็นฝ่ายพูดหยอก พร้อมรอยยิ้มกวนๆ

“เอางัยดีว๊ะแซม.....” นครินทร์หันมาถามยุทธจักร ชักเริ่มไม่มั่นใจตนเองขึ้นมาซะแล้ว

“คงแล้วแต่พี่เสือ จอมและตาภูแล้วล่ะครับ...ว่าอยากได้อะไร” ยุทธจักรตอบ

“แต่ว่าถ้าทีมข้าชนะล่ะเสือ....แกจะให้อะไร” นครินทร์หันมาถามศิวะ

“ข้ากับจอมจะเลี้ยงข้าวหนึ่งมื้อ....แค่นี้แหละ...เพราะไหนๆแล้วแกก็เป็นต่ออยู่ดี” ศิวะพูด

“อืม...เอางั้นก็ได้ว๊ะ...ว่างัยแซม” ประโยคหลังนครินทร์หันมาถามยุทธจักร

“ครับ” ยุทธจักรรับคำ

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
หลังจากทั้งสี่หนุ่มตกลงกันเรื่องกติกา เวลาและสถานที่ที่จะพบกันในวันพรุ่งนี้เช้าเพื่อพิสูจน์ฝีมือยิงปืนกัน ก็ได้เวลาที่ศิวะจะต้องพาภูฟ้ากลับบ้านและอาบน้ำเพื่อเข้านอน  ดังนั้นศิวะ จอมยุทธ์ ภูฟ้า และคุณภาวดีพี่เลี้ยงจึงต้องขอตัวกลับออกมาก่อน โดยปล่อยให้ทั้งสองนายตำรวจนั่งคุยกันต่อ

เมื่ออยู่กันแค่สองคน..ยุทธจักรจึงได้เวลาสอบถามถึงข้อสงสัยที่เขาฝากนครินทร์หาข้อมูล ในขณะเดียวกันนครินทร์เองก็มีเรื่องที่จะคุยกับนายตำรวจรุ่นน้องด้วยเช่นกัน

“พี่เอครับ....สรุปว่าพี่เสือเป็นแฟนกับจอมหรือเปล่าครับ” โดยไม่รอช้ายุทธจักรเปิดคำถามใส่นครินทร์ทันที

“เปล่า...เค้ารักกันแบบพี่น้อง” นครินทร์ตอบสั้นๆ

“แปลกจังนะครับ...แล้วทำไมถึงอยู่บ้านเดียวกัน แล้วก็ท่าทางสนิทสนมกันขนาดนั้น” ยุทธจักรถามต่อด้วยความสงสัย

“เสือกับจอมเคยรักคนคนเดียวกันมาก่อน.....แต่รายละเอียดข้าไม่รู้......รู้แต่ว่าต่างช่วยกันเลี้ยงตาภูมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก.....จึงสนิทเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน”

“ครับ...”แม้ยุทธจักรจะรับคำเหมือนเข้าใจ แต่ก็อดสงสัยประเด็นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ได้

“คราวนี้ก็สบายใจได้แล้ว...ไอ้เสือเพื่อนข้ามันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น...ถ้ามันบอกไม่มีอะไร ก็แสดงว่าไม่มีอะไรจริงๆ”

“แต่ข้ามีคำถามให้แกว่ะแซม” นครินทร์ลดเสียงลง เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ

“แกคิดว่าแกจะรักจอมเค้าจริงๆ หรือเปล่า....หรือว่าแกจะจีบเค้าเล่นๆ ......ยังไม่ต้องตอบข้าตอนนี้ก็ได้ถ้ายังไม่มั่นใจ...กลับไปคิดมาก่อน..แล้วค่อยมาคุยกัน”

“พี่เอครับ....แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าเร็วไปที่ผมจะบอกว่าผมจริงจังกับความรู้สึกที่ผมมีต่อจอม....แต่มันก็เป็นความจริงครับ....พี่เอก็ทราบ ผมตามหาคนที่ใช่สำหรับผมมานานมาก....คราวนี้ผมมั่นใจว่า จอมคือคนที่ผมรอคอยมาทั้งชีวิตครับ” ยุทธจักรพูดกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นกัน...

ยุทธจักรรับรู้ถึงหัวใจตนเองมาตลอด...เขารู้ว่าเวลานี้ หัวใจที่ว่างเปล่ามานานของเขา กลับเริ่มมีคำว่า “รัก” พอกพูนขึ้นมา เพียงเมื่อได้พบสบตาชายหนุ่มที่ชื่อจอมยุทธ์.....หนุ่มหน้าหวานที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว

“ทั้งๆที่แกก็รู้ว่า..แกต้องพยายามมากที่จะทำให้จอมเค้ายอมรับแก...หรือแม้กระทั่งไม่มีโอกาสที่จอมจะรักแกเลยนี่นะ”

“ครับพี่....ผมยอมรับครับ....แม้จอมเค้าจะไม่รักผม...แต่ขอให้ผมได้อยู่ใกล้เค้า...อยู่ในสายตาของเค้าบ้าง...อย่างน้อยก็ให้ผมมีโอกาสที่จะดูแลเค้า...และที่สำคัญขอให้เค้ายอมรับการมีตัวตนของผมบ้างก็พอครับ...”

“แล้วแกจะมีความสุขหรือแซม”

“มีซิครับ...ความสุขที่ได้รักงัยครับ...และความสุขที่ความรักของผมเป็นที่ยอมรับของจอม...แม้ว่าจอมไม่สามารถตอบแทนความรักของผมได้”

“ทำไมแกไม่หาคนใหม่ละแซม...แกเองก็มีพร้อม...คนที่รักแกก็มีให้เลือกหลายคน..” นครินทร์ถาม

“ข้อสำคัญคือผมไม่เคยสนใจคนเหล่านั้นเลยครับพี่เอ...ผมไม่เคยมีความรู้สึกอย่างที่ผมมีกับจอม ให้กับพวกเค้าเลยครับ”

“อืม...” นครินทร์พยักหน้า พยายามสร้างความเข้าใจในคำอธิบายของยุทธจักร

“ไอ้เสือ.....เพื่อนข้าฝากมาบอกว่า ทั้งมันและจอมเป็นคนตรงไปตรงมา...ถ้ารักหรือชอบก็บอกมาตรงๆจะดีกว่า”

“ผมเองก็อยากจะบอกจอมเค้าตรงๆเหมือนกันครับ...แต่กลัวว่าระยะห่างที่เค้าสร้างขึ้นมากันผมไว้มันจะห่างไปยิ่งกว่าเดิมครับ....ผมคงต้องขอเวลาซักหน่อย..อย่างน้อยก็ให้จอมเค้ายอมรับผมมากกว่านี้”

“บางทีแกน่าจะไปคุยกับเสือมันดูนะแซม....บางทีมันอาจช่วยแกได้” นครินทร์ให้คำแนะนำ

“ขอบคุณครับพี่ที่แนะนำ...ผมคงต้องไปคุยกับพี่เสืออย่างที่พี่บอกนั่นแหล่ะครับ...”

“เอาเป็นว่าข้าเอาใจช่วยเต็มที่...แล้วมีอะไรให้ช่วยก็บอกมา...”

“ขอบคุณครับพี่....ตกลงจะเอาเบนซ์อยู่อีกหรือเปล่าครับ” ยุทธจักรยักคิ้วถามพร้อมทั้งยิ้มกว้าง

“เอาดิ....แหม...ข้าเต็มใจช่วยก็จริงๆ แต่ถ้ามีของตอบแทนเล็กน้อยๆแบบนี้...มันก็ดีว่ะ” นครินทร์หยอกกลับ

“ครับผม....” นายตำรวจรุ่นน้องหัวเราะเบาๆ

“แต่ว่าตอนนี้ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับพี่....ต้องรีบกลับไปพักผ่อนก่อนครับ...พรุ่งนี้เกิดไปแพ้เค้าอีก...ผมว่าเราคงขายหน้าน่าดูนะครับ”

“อืม...ข้าเห็นด้วยว่ะ...ประมาทไม่ได้แล้ว...ลืมไปว่าเพื่อนข้ามันยิ่งอัจฉริยะอยู่ ..จอมเองก็ใช่ย่อย...ข้าต้องรีบกลับไปนอนบ้างเหมือนกัน...”

“งั้นเดี๋ยวผมจ่ายเงินแล้วเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านเลยดีกว่านะครับ...แล้วเจอกันที่โรงแรมพี่เสือพรุ่งนี้ตอนแปดโมงครึ่งนะครับ”

“อืม..ดีเหมือนกัน”

ทั้งสองหนุ่มแยกย้ายกันกลับบ้านหลังจากจ่ายเงินค่าอาหารเย็นเสร็จ......เพื่อพักผ่อนเตรียมพร้อมสำหรับการยิงปืนในตอนเช้าวันพรุ่งนี้...โดยมีศักดิ์ศรีของนายตำรวจเป็นเดิมพัน....





Andreas

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับทุกคน....

ช่วงนี้ผมไม่มีเวลาว่างเลยนะครับ...งานยุ่งมาก....เลยขออนุญาตยังไม่ตอบรีพลายนะครับ....

ขอไว้ว่าถ้าว่างจากงานเมื่อไหร่จะมาทักทายกันนะครับ.... อย่างอนนะครับ...

ช่วงนี้มรสุมงานพัดกระหน่ำเหลือเกินครับ....ต้องรอให้มันลดระดับความรุนแรงลงมาน่ะครับ...

หวังว่าคงจะตามอ่านกันไปเรื่อยๆ นะครับ.... ตอนแรกๆ มันคงเป็นแบบนี้แหละครับ....การดำเนินเรื่องมันมีเงื่อนไขของมันแบบนี้ครับ...

ไปละครับ...หวังว่าคงสบายดีกันนะครับ...

Andreas

ปล. ผมเห็นชื่อไม่คุ้นอยู่สองท่านครับ....คุณ Bosatlas และคุณ Roost ซึ่งผมไม่เคยเห็นชื่อนี้ตั้งแต่กระทู้นิยายเรื่องแรกครับ.... ไม่ทราบว่าเคยเข้าไปอ่านนิยายเรื่องแรกของผมหรือยังครับ... ถ้ายัง....แนะนำให้ไปอ่านนะครับ....เพื่อจะได้อ่านเรื่องนี้ได้อรรถรสมากขึ้นครับ.... แต่ถ้าไม่อยากอ่านเรื่องแรกก็ไม่เป็นไรครับ...เรื่องนี้พยายามแต่งไม่ให้ไปติดกับเรื่องแรกซักเท่าไหร่ครับ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2007 09:05:18 โดย Andreas »

jammy

  • บุคคลทั่วไป
เข้าใจครับจ๋อม ตั้งใจทำงานละ จะได้เสร็จไวๆ จะติดตามอ่านไปเรื่อยๆนะครับ  :yeb:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

งานยุ่งก็ช่าง  แต่อิฉันอยากอ่านนิยาย

หล่อนจะไม่รีพลายก้ได้ยะยัยจ่อม  แต่กรุณาลงนิยายอย่างต่อเนื่อง

เพราะเจ้ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ  :like6:



นะๆ  ได้โปรดเถอะนะเคอะคุณน้องจ๋อมสุดสวย  :dont2:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
“แล้วแกจะมีความสุขหรือแซม”

“มีซิครับ...ความสุขที่ได้รักงัยครับ...และความสุขที่ความรักของผมเป็นที่ยอมรับของจอม...แม้ว่าจอมไม่สามารถตอบแทนความรักของผมได้”

ประทับใจ...... :like6: :like6: :like6:.....พูดได้โดนโคตร.....

ป.ล...ไม่ตอบไม่ว่าคับพี่จ๋อม....แต่กรุณาลงนิยาย.... :laugh3: :laugh3:(ลอกเจ๊แกมา)

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
จอม--------จ๋อม

เรียนวิดยา จบโทเหมือนกัน

และยังเป็นโสด


555555


ตัวละครจากชีวิตจริง

 :kikkik:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ความสุขที่ได้รัก  :like6:
ประโยคนี้ชอบมั่ก ๆ   :myeye:

เป็นกำลังใจให้นะคะ  :yeb:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






kYos

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อ.. รู้สึกเข้าใจแซมเลยแฮะ  เรื่องของหัวใจนี่มันห้ามกันไม่ได้จริงๆ

“พี่เอครับ....แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าเร็วไป ที่ผมจะบอกว่าผมจริงจังกับความรู้สึกที่ผมมีต่อจอม....แต่มันก็เป็นความ จริงครับ....พี่เอก็ทราบ ผมตามหาคนที่ใช่สำหรับผมมานานมาก....คราวนี้ผมมั่นใจว่า จอมคือคนที่ผมรอคอยมาทั้งชีวิตครับ

เป็นกำลังใจเหมือนเดิม  :yeb:  ไม่ต้องรีบร้อนหรอก เคลียร์งานให้เรียบร้อยก่อนดีกว่าน้า

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
คุณ Andreas หนึ่งติดตามผลงานของคุณตั้งแต่ภูผากะฟ้าลั่นแล้วค่ะแต่ตอนนั้นไม่ได้โพส ขอโทษจริงๆค่ะ ต่อไปนี้จะติดตามตลอดเลย :yeb:

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
  ^
  !
  !

ไม่เป็นไรหรอกครับ...คุณBosatlas...ไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ....แค่ตามอ่านเรื่องของผม...ผมก็ดีใจแล้วครับ.... ที่ผมถามเพราะเกรงว่าอาจจะไม่ได้อรรถรสเท่าที่ควรในการอ่านน่ะครับ....

ผมเขียนนิยายเรื่องนี้ มันจะมีมุมมองอยู่สองแบบ....คือแบบที่หนึ่ง คนที่อ่านเรื่องเพราะเราต้องรักกันฯ จะมีมุมมองและความเข้าใจคล้ายๆกับศิวะและจอมยุทธ์ คือเวลาอ้างถึงบิดาของภูฟ้าแล้วจะเข้าใจได้ทันที....

ส่วนอีกมุมมองหนึ่ง...คือมุมมองของยุทธจักร....ที่ไม่เคยรับรู้เรื่องราวต่างๆในอดีต....เขาก็จะมีข้อสงสัยอยู่ตลอดเวลา....และเรื่องราวก็จะเฉลยออกมาจนหมดในตอนสุดท้าย....มุมมองนี้ก็คล้ายกับว่า คนไม่เคยอ่านเรื่องแรกงัยครับ...ก็จะสงสัย...และพยายามอ่านไปเรื่อยๆ เพื่อหาคำตอบ....

ดังนั้นไม่ว่าจะอ่านหรือไม่อ่านเรื่องแรก ก็จะได้รับอรรถรสในการอ่านเหมือนกัน.... ยกเว้นคนที่ใจร้อน...ผมก็จะแนะนำให้ไปอ่านเรื่องแรกเสียก่อนครับ....

วันนี้ตื่นสายครับ....ตื่นมาก็ได้เวลาทานข้าวกลางวันพอดีตอนบ่ายสามครับ...หลังทำกับข้าวเสร็จแล้ว...จึงแวะเข้ามาตอบกระทู้....และนั่งทานข้าวกลางวันไปด้วย....

ขอบคุณกำลังใจของ jammy, shell, gobgab, ฟ.ฟัน, เจ้สอง, และ bosatlas ที่ให้มาครับ....

ส่วนที่หนูพูห์มาจุดประกาย....(จริงๆแล้วอีเจ้สองก็แอบมาจุดคล้ายกัน)...ว่าผู้เขียนกับตัวละครช่างมีคุณลักษณะที่คล้ายคลึงกัน.....ก่อนอื่นคงต้องปฏิเสธหมดครับ...ยกเว้นแนวความคิดเรื่องรัก...อาจจะคล้ายๆกันบ้าง.....

เอาเป็นว่า...นายจอมยุทธ์นี่....เป็นแค่ตัวละครในจินตนาการครับ....ไม่มีลักษณะทางกายภาพที่เหมือนผู้เขียนเช่นผมแต่ประการใดครับ.......

ไปก่อนแล้วครับ...

Andreas

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ขอบคุณนะคะคุณ Andreas ที่มาอธิบายตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ ตัวเองเป็นคนใจร้อน คือเหมือนอ่านหนังสือสักเล่มถ้าอ่านไม่จบเล่มก็จะไม่วางเลยจนกว่าจะอ่านจบ เหมือนเข้ามาอ่านที่นี่ก็จะโพสประมาณว่ามาต่อไวไวนะ ถ้าค้างๆคาๆนอนไม่ค่อยหลับเดี๋ยวฝันร้าย :serius2: ยังงัยก็มาต่อไวไวนะคะ :yeb:

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 4: หนทางแห่งรัก

เช้าวันรุ่งขึ้น.......

นครินทร์และยุทธจักรมาถึงโรงแรมด้วยอารมณ์ที่สดชื่นเพราะพักผ่อนมาอย่างเพียงพอ ทั้งคู่เดินตรงไปยังสนามยิงปืนทันที และพบว่าจอมยุทธ์กำลังตรวจสอบดูความเรียบร้อยของสนามและอุปกรณ์ต่างๆ

“จอมมาเช้าจังเลยนะครับ....” นครินทร์ทักทายเพื่อนรุ่นน้อง

“สวัสดีครับพี่เอ..สวัสดีครับพี่แซม” จอมยุทธ์กล่าวคำทักทายแก่ผู้มาใหม่ทั้งสอง

“ผมต้องมาตรวจดูความเรียบร้อยก่อนสนามเปิดครับ...ก็เลยต้องมาแต่เช้าครับ” จอมยุทธ์ตอบคำถาม

“แล้วไอ้เสือไปไหนล่ะจอม...”นครินทร์ถาม

“พี่เสือพาตาภูไปขี่ม้าตั้งแต่เจ็ดโมงกว่าๆครับ...เดี๋ยวก็คงตามมา หรือไม่ก็พาตาภูไปรับประทานข้าวเช้าที่ห้องอาหารครับ”

“พี่เอกับพี่แซม ทานอะไรมาหรือยังครับ...ถ้ายังเราไปทานข้าวเช้ากันที่ห้องอาหารก่อนดีมั้ยครับ...เพราะกว่าสนามจะเปิดก็เก้าโมงครับ...” จอมยุทธ์ชวนเพราะเห็นว่ายังเช้าอยู่ และคาดว่าทั้งสองหนุ่มยังคงไม่ได้รับประทานเช้ามาอย่างแน่นอน

“ดีเหมือนกันครับจอม...ผมยังไม่ได้ทานอะไรเลย...หาอะไรรองท้องซักหน่อยดีกว่า...พี่เอว่างัยครับ” ยุทธจักรตอบคำถามของจอมยุทธ์ ก่อนจะหันมาขอเสียงสนับสนุนจากนายตำรวจรุ่นพี่

“ดีเหมือนกัน..ข้าเริ่มหิวแล้ว” นครินทร์ตอบ ก่อนจะหันมาบอกกับจอมยุทธ์ว่า

“ครับจอม...พี่เริ่มหิวพอดีครับ”

“อย่างนั้น...เชิญที่ห้องอาหารเลยครับ” จอมยุทธ์พูดเสร็จก็เดินนำทั้งสองหนุ่มไปที่ห้องอาหารของโรงแรมที่อยู่ไม่ไกลออกนัก

โรงแรม Royal Chiang Mai Health & Spa มีห้องอาหารทั้งสิ้นสองหลังด้วยกัน หลังแรกอยู่ในบริเวณโรงแรม ซึ่งเอาไว้บริการแขกที่พักอยู่ในตัวตึกตามห้องพักต่างๆ ลักษณะของห้องอาหารเน้นการตกแต่งโดยใช้รูปแบบผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมล้านนาและยุโรป ทำนองเดียวกับรูปแบบตกแต่งหลักของตัวโรงแรม

ห้องอาหารที่สองอยู่ในส่วนที่จัดไว้สำหรับกิจกรรมกีฬากลางแจ้ง เพื่อรองรับสมาชิกของสปอร์ตคลับโดยเฉพาะ  โดยมีลักษณะเป็นเรือนเปิดขนาดใหญ่แบบล้านนาเสาค่อนข้างสูง รอบๆ บริเวณห้อมล้อมด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ ช่วยสร้างร่มเงาและความเย็นสบาย

การขึ้นเรือนกระทำได้โดยผ่านบันไดทั้งสามด้าน ทอดขึ้นสู่ตัวอาคารที่ภายในมีทั้งห้องที่จัดไว้สำหรับรับประทานอาหารส่วนตัวหรือแบบกลุ่มระหว่างเพื่อนสนิท และห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีโต๊ะรับประทานอาหารเรียงรายอยู่ หลายสิบตัว

เนื่องจากห้องอาหารนี้อยู่สูงกว่าระดับพื้นดิน ดังนั้นแขกผู้มาเยือนจึงสามารถชมวิวทิวทัศน์ส่วนที่เป็นสนามกว้างและลานกิจกรรมต่างๆ ตลอดจนภูมิสถาปัตยกรรมที่เลื่องชื่อของโรงแรมแห่งนี้ ขณะรับประทานอาหารหรือขึ้นมานั่งพักผ่อนเพื่อเตรียมทำกิจรรมต่างๆต่อไป

นอกจากการประดับตกแต่งที่เน้นแบบเรียบง่ายแต่คงความหรูหราแล้ว จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของห้องอาหารแห่งนี้คือ การบริการอาหารแบบบุฟเฟต์ ทั้งตอนเช้า กลางวันและเย็น ทั้งนี้เพื่อให้ผู้มาใช้บริการเกิดความความสะดวกรวดเร็ว โดยเฉพาะหลังจากการออกกำลังกาย หลายๆคนคงจะเกิดอาการหิวมาก ดังนั้นการบริการแบบบุฟเฟต์จึงเป็นทางเลือกที่ดีและเหมาะสม

นอกจากจะมีบริการบุฟเฟต์ ทางห้องอาหารก็มีอาหารว่างประเภทแซนวิช ขนมปังแบบฝรั่งเศส และอื่นๆรวมถึงน้ำชา กาแฟและเครื่องดื่มหลากชนิด ไว้สำหรับสมาชิกและผู้มาใช้บริการสปอร์ตคลับแห่งนี้

ขณะที่สามหนุ่มก้าวขึ้นไปยังห้องอาหารเข้าสู่ห้องโถงรวม ก็พบศิวะและภูฟ้ากำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่ด้วยกัน โดยมีคุณภาวดีพี่เลี้ยงร่วมโต๊ะอยู่ด้วย

ศิวะหันมาเห็นผู้มาเยือนทั้งสามหนุ่มจึงลุกขึ้นและกล่าวทักทายทันที

“เฮ้ยเอ...มาแต่เช้าเลยนะ...สวัสดีครับคุณแซม” ประโยคหลังศิวะหันมาทักทายยุทธจักร  

“ไม่ได้ว่ะเสือ..คนกำลังฟิต...”นครินทร์กล่าวตอบ

“สวัสดีครับพี่เสือ” ยุทธจักรกล่าวทักทายตอบ

“สวัสดีครับลุงเอ....สวัสดีครับอาแซม” ภูฟ้ากล่าวสวัสดีพร้อมทั้งยกมือไหว้นครินทร์และยุทธจักรที่เดินมาพร้อมคุณอาหนุ่ม

“สวัสดีครับ..ภู” ทั้งสองหนุ่มใหญ่พูดขึ้นพร้อมกันพร้อมมอบรอยยิ้มให้หลานชาย

“เมื่อวาน...ผมยังไม่ได้แนะนำให้รู้จักพี่เลี้ยงของลูกชายผมเลยครับ....คุณแซม....” ศิวะหันมาคุยกับยุทธจักร พร้อมเตรียมแนะนำคุณภาวดีให้เป็นที่รู้จัก

“คุณภาครับ..นี่คือคุณแซม...เพื่อนของท่านรองนครินทร์และ คุณแซมครับนี่คุณภาวดี พี่เลี้ยงของตาภูครับ”

“สวัสดีค่ะคุณแซม” ภาวดียกมือไหว้และกล่าวทักทายอย่างเรียบร้อย

“สวัสดีครับ...คุณภา” ยุทธจักรทักทายตอบ

คุณภาวดีเป็นผู้หญิงชาวเหนือผิวขาว หน้าตาดี สวยสมวัย ผมยาวดำเป็นมันขลับ รูปร่างสมส่วน เพราะการออกกำลังกาย รวมถึงมีมารยาทเรียบร้อย คุณภาวดีทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงของภูฟ้าตั้งแต่ยังไม่ทันจบปริญญาตรีสาขาพยาบาลด้วยซ้ำ จนกระทั่งบัดนี้ที่อายุที่เข้าสู่วัยเบญจเพสพอดี

ศิวะและจอมยุทธ์พบภาวดีโดยบังเอิญ เมื่อตอนพาภูฟ้าซึ่งยังเป็นเด็กอายุเกือบ 2 ขวบไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะสวนบวกหาดในตอนเย็นๆ ในเวลาเดียวกันกับที่ภาวดีกำลังช่วยบิดาและมารดาขายเครื่องดื่มและขนมอยู่ข้างรั้ว

ภูฟ้าซึ่งกำลังอารมณ์ดีมาตลอดนั้น อยู่ๆก็ร้องไห้จ้าขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทั้งคุณพ่อมือใหม่และคุณอาหนุ่มต่างก็พยายามปลอบขวัญและหาสาเหตุไม่ชอบมาพากลใรครั้งนี้ แต่จนแล้วจนรอดภูฟ้าก็ไม่ตอบคำถามหรือหยุดร้องแต่อย่างใด

ภาวดีได้ยินเสียงร้องของภูฟ้า จึงเดินมาดูและเสนอตัวเข้าช่วย ภาวดีเดาว่าหนูน้อยคนนี้น่าจะปวดท้อง เนื่องจากลองใช้มือคลำและใช้นิ้วเคาะบริเวณท้องตามหลักสูตรการดูแลเด็กที่เรียนมาในห้องเรียน แล้วพบว่าภายในท้องของเด็กน้อยมีลมค่อนข้างมาก

“คุณสองคนมียาแก้ปวดท้องของเด็กมั้ยคะ”

“ดิฉันเดาว่าแกน่าจะปวดท้องค่ะ”

“มีครับ...”ศิวะตอบก่อนที่จะค้นในตะกร้า หยิบเอาขวดยาขึ้นมาให้

“ดิชั้นว่าน่าจะให้แกทานยานะคะ...” ภาวดีพูดต่อ

“Phu...... your tummy hurts, don’t you?”  จอมยุทธ์ได้ยินดังนั้น จึงถามหลานชายเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาแรกที่เด็กน้อยเรียนรู้ตั้งแต่เกิด เนื่องจากตอนอยู่ประเทศอังกฤษนั้น คริสมีบทบาทสำคัญในฐานะพ่อทูนหัวคนหนึ่งของภูฟ้า และช่วยเลี้ยงดูภูฟ้ายามที่ทั้งสองคนไม่ว่างและมีภารกิจเร่งด่วนที่ต้องปฏิบัติ ทั้งสามคนจึงตกลงที่จะใช้ภาษาอังกฤษในยามสื่อสารพูดคุยกับภูฟ้า เพื่อป้องกันความสับสนทางภาษาที่อาจจะเกิดขึ้น

อีกเหตุผลประการหนึ่งคือ ศิวะและจอมยุทธ์ต้องการให้ภูฟ้าสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อให้ฝังเข้าไปในระบบความจำส่วนลึก เพราะว่าหลังจากกลับเมืองไทยแล้วภูฟ้าต้องพูดและเรียนภาษาไทย ดังนั้นถ้ามาเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตอนเริ่มโตแล้ว ก็จะทำให้เกิดปัญหาการเรียนรู้ได้ และที่สำคัญภูฟ้าอาจไม่สามารถพูดคุยอย่างคล่องแคล่วกับคริส.....พ่อทูนหัวที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่งได้ในขณะที่อายุยังน้อยอยู่

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
ภูฟ้าพยักหน้า ก่อนจะบอกว่า

“yes อาจอม”

“Then you gotta take this medication, OK?” ศิวะเป็นผู้กล่าวประโยคนี้ ก่อนจะรินยาน้ำใส่ช้อนเล็กๆ ป้อนให้ลูกชาย และกล่าวสอนอย่างนุ่มนวลว่า

“Next time, if your tummy hurts....tell พ่อเสือ and อาจอม right away....don’t be quiet...OK?”

“yes, พ่อเสือ” เด็กน้อยกล่าวคำ

หลังจากให้ลูกชายรับประทานยาแล้ว...ซักพักภูฟ้าก็มีอาการดีขึ้น โดยภาวดียังคงยืนดูอยู่เพื่อความแน่ใจว่าหนูน้อยน่ารักคนนี้จะไม่มีอาการปวดตรงไหนอีก

ศิวะเห็นอาการเอาใจใส่ของภาวดีต่อลูกชายของตน จึงรู้สึกชื่นชมและถูกชะตากับหญิงสาวคนนี้มาก จึงตัดสินใจเอ่ยถาม

“คุณเป็นพยาบาลหรือคุณหมอครับ....”

“ดิชั้นกำลังเรียนพยาบาลอยู่ค่ะ...ปีสุดท้ายแล้วค่ะ ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะ” หญิงสาวตอบ

“จบแล้วจะไปทำงานที่ไหนครับ..” จอมยุทธ์ถามต่อ

“ยังไม่ทราบเลยค่ะ..แต่ดิชั้นต้องหางานให้ได้ค่ะ” ประโยคหลังภาวดีถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แม้ดวงตาใสๆจะเปี่ยมไปด้วยความหวัง แต่ก็แฝงไว้ด้วยความกังวลบางอย่าง

ศิวะสังเกตเห็นความกังวลที่แฝงอยู่ในดวงตาคู่นั้น จึงคิดอยากจะสอบถาม เพื่อว่าตนเองจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้บ้าง

“ผมนี่แย่จังครับ...ยืนคุยกับคุณมานานผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลยครับ...ผมชื่อศิวะ และนี่จอมยุทธ์ น้องชายผม แล้วก็ลูกชายของผม....ชื่อ ภูฟ้าครับ”

“สวัสดีค่ะ..ดิชั้นชื่อภาวดีค่ะ...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ภาวดีทักทายตอบพร้อมยกมือไหว้ทั้งสองหนุ่มที่คาดว่าจะมีอายุมากกว่าตน


ศิวะและจอมยุทธ์พึงพอใจกับมารยาทและความเรียบร้อยของหญิงสาวตรงหน้า ในขณะเดียวกันด้วยบุคลิกที่ดีของศิวะและจอมยุทธ์ ก็สร้างความมั่นใจในระดับหนึ่งที่ทำให้ภาวดีตัดสินใจอยู่พูดคุยด้วย แทนที่จะรีบขอตัวกลับไปขายของต่อ

“ถ้าคุณภาวดีว่าง....ผมขอคุยด้วยซักห้านาทีได้มั้ยครับ...ตรงนี้แหละครับ...ไม่ได้ไปไหนไกล” ศิวะรีบพูดขึ้นทันทีก่อนที่ผู้ฟังจะเข้าใจผิดเป็นอย่างอื่น

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำสั้นๆ แม้จะสงสัยอยู่บ้างถึงวัตถุประสงค์ของขายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้ง แต่ก็มิได้หวั่นเกรงแต่อย่างใด เนื่องจากบริเวณที่ทั้งสี่ยืนคุยกันอยู่ นั้นอยู่กลางแจ้งและมีผู้คนหลากหลายคนเดินไปมา ประกอบกับบิดามารดาของตนก็คอยแอบชำเลืองมองดูอยู่อย่างเป็นระยะๆ

ศิวะจึงพยายามซักถามถึงประวัติส่วนตัวคร่าวๆของภาวดีและเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวบางส่วน...แม้ว่าศิวะและจอมยุทธ์จะไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก เนื่องจากภาวดีไม่ต้องการจะเปิดเผยในบางเรื่องบางประเด็น แต่ทั้งคู่ก็พอจะทราบคร่าวๆว่าหญิงสาวเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน และยังมีน้องชายสองคนที่กำลังเรียนหนังสือ ภาวดีเป็นความหวังเดียวของครอบครัวที่จะช่วยรับภาระในการส่งเสียน้องชายทั้งคู่แทนบิดามารดา

นอกจากนั้นศิวะและจอมยุทธ์ยังเห็นพ้องต้องกันว่า ภาวดีเป็นหญิงสาวที่มีมารยาทเรียบร้อย มีความเป็นผู้ใหญ่ สังเกตจากกิริยาท่าทางและคำพูด รวมถึงมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดอีกด้วย ทั้งสองคนจึงยื่นข้อเสนอที่ทำให้ภาวดีแปลกใจและดีใจในเวลาเดียวกันทันที

“คุณภาสนใจมาเป็นพี่เลี้ยงลูกชายผมมั้ยครับ....ผมให้ค่าตอบแทนสองเท่าของเงินเดือนที่พยาบาลจบใหม่จะได้รับครับ......” ศิวะหยุดหยุดพักเล็กน้อย เขากล่าวต่อว่า

“ยังไม่ต้องตอบผมตอนนี้ก็ได้ครับ เอานามบัตรผมกับน้องชายไปก่อนนะครับ...ลองสืบประวัติพวกเราดูก่อนก็ได้ ว่าน่าไว้ใจขนาดไหนนะครับ...ถ้าตัดสินใจได้อย่างไร ก็โทรศัพท์บอกผมนะครับ....”

“คุณภาวดีอาจสืบข้อมูลของเราทั้งคู่ได้จากอาจารย์คนึงนิจได้อีกทางนะครับ...อาจารย์เค้าเป็นอาจารย์คณะของคุณ และเป็นเพื่อนของเราสองคนครับ...คิดว่าคุณภาวดีคงจะรู้จักท่าน” จอมยุทธ์พูดขึ้นมาบ้าง

“ค่ะ..ดิชั้นรู้จักอาจารย์คนึงนิจค่ะ” ภาวดีตอบ

“ดีเลยครับ...ลองปรึกษาอาจารย์คนึงนิจดูก่อนก็ได้นะครับ...” ศิวะพูด

“งั้นพวกเราไม่รบกวนคุณภาวดีแล้วครับ...ถ้าตัดสินใจอย่างไร รบกวนโทรศัพท์บอกผมหรือจอมยุทธ์...คนใดคนหนึ่งก็ได้ครับ”

“ค่ะ..ดิชั้นขอตัวก่อนนะคะ..... สวัสดีค่ะ” ภาวดีกล่าวคำอำลา และเดินออกมาอย่างงงๆ เนื่องจากทั้งตื่นเต้นและแปลกใจอยู่ในที เพราะไม่คิดว่าจะมีคนเสนองานให้ตั้งแต่ตนเองยังเรียนไม่จบอย่างนี้

และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ภาวดีได้พบกับศิวะและจอมยุทธ์ หลังจากนั้นไม่นานภาวดีก็กลายมาเป็นพี่เลี้ยงของภูฟ้า และอาศัยอยู่เป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกัน โดยมีป้าสมคุณแม่บ้านช่วยดูแลความเป็นอยู่ให้อย่างดี และภาวดีมีห้องพักส่วนตัวอยู่ในเรือนเดียวกับป้าสม แต่ก็แยกออกมาจากสมาชิกคนอื่นๆ

ภาวดีรักและเคารพศิวะกับจอมยุทธ์เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากเจ้านายทั้งสองจะให้ค่าตอบแทนเป็นจำนวนเงินที่สูงแล้วดูแลเอาใจใส่เธออย่างดี อีกทั้งยังรับเป็นผู้อุปการะส่งเสียน้องชายทั้งสองคนของเธอให้เรียนในโรงเรียนที่ดีอีกด้วย ไม่รวมถึงการยื่นข้อเสนอให้บิดาและมารดาของภาวดี เข้ามาเปิดร้านขายของที่ระลึกในโรงแรมของครอบครัว โดยศิวะเป็นผู้ออกเงินลงทุนให้ทั้งหมดในช่วงแรก และอนุญาตให้ผ่อนส่งได้โดยไม่มีกำหนดสิ้นสุด ตามแต่สะดวกและกำลังทรัพย์ที่มี

ด้วยความเมตตาดังกล่าวที่ศิวะและจอมยุทธ์มอบให้.....ภาวดีจึงให้คำสัญญาอย่างหนักแน่นกับศิวะและจอมยุทธ์ว่าเธอจะอยู่ช่วยดูแลภูฟ้าตลอดไปจนกว่าจะไม่เป็นที่ต้องการแล้ว และสัญญาว่ากับตนเองว่าจะปกป้องภูฟ้าด้วยชีวิตหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันใดๆเกิดขึ้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-02-2007 07:46:11 โดย Andreas »

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
เอาล่ะซิเพราะภาษาไทยห่วยๆของผม....มันได้สร้างความเข้าใจผิดให้ผมกับคุณBosatlasจนได้...

ผมมิได้มีเจตนาว่าคุณBosatlas เป็นคนใจร้อนหรอกนะครับ... ผมอาจจะเขียนคลุมเคลือไปเอง....

คือพยายามอยากจะบอกว่า ถ้าคนอ่านเป็นคนใจร้อนอยากทราบเรื่องอดีตของภูฟ้า...ก็จะแนะนำให้ไปอ่านเรื่องเพราะเราต้องรักกันฯ น่ะครับ....

ไม่ได้หมายความว่า....คุณBosatlas เป็นคนใจร้อนกับการอ่านนิยายเรื่องนี้.... (เฮ้อ...ผมอธิบายขึ้นมั้ยนี่......)

ไอ้ประโยคที่ว่า..."มาต่อไวๆน๊ะ".... ผมเข้าใจครับ....เพราะถ้าผมตามอ่านนิยายซักเรื่องหนึ่ง...ผมก็จะคิดอย่างนี้เหมือนกันครับ.... อย่างนี้ไม่เรียกใจร้อนหรอกครับ....

ปกติเวลาผมรีพลายจะพยายามคิดแล้วคิดอีก....สรรหาคำที่นำมาใช้ให้ถูกต้อง...เพื่อลดความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น....สงสัยกรณีนี้..ผมคงตรวจสอบไม่ดีเองครับ...

ต้องขออภัยด้วยครับ.... ผมไม่มีเจตนาว่าใครจริงๆ

สวัสดีครับ

Andreas

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
เข้ามาให้กำลังใจอีกรอบ ทันใจดีค่ะ :yeb:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ หนทางแห่งรักเริ่มขึ้นแล้ว  :monkeylove2:
รออ่านต่อไป  :yeb:

jammy

  • บุคคลทั่วไป
อย่าคิดมากเลยน่าพี่จ๋อม คนอ่านเค้าคงเข้าใจเเหละครับ  :like6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด