กำแพงใจ ผู้ประพันธ์ "ใบปอ"
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กำแพงใจ ผู้ประพันธ์ "ใบปอ"  (อ่าน 256557 ครั้ง)

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

........................



เรื่องนี้เป็นบทประพันธ์ของ “ใบปอ” ซึ่งได้ทำการแต่งจนจบไว้นานแล้วนะคะ อาจจะมีผู้เคยอ่านผ่านตามาบ้างแล้ว  แต่ก็อาจจะมีนักอ่านที่ยังไม่ได้อ่านอีก ข้าพเจ้าจึงได้ทำการขออนุญาต ใบปอ  นำมาโพสให้ทุกท่านได้อ่านกันอีกครั้ง  และได้รับอนุญาตเป็นที่เรียบร้อยแล้วคะ


ข้าพเจ้า เทียนฉิน เป็นแต่เพียงผู้นำมารีโพสใหม่เท่านั้นนะคะ

.....................

ปฐมบท

เสียงฝีเท้าม้าดังกึกก้องไปทั้งปราสาทไม่อาจกลบ
บรรยากาศวังเวงชวนหนาวเหน็บหัวใจ  ทหารยามและเหล่านางกำนัลในที่เคยเดินไปมาขวักไขว่หายหน้ากันไปหมด  ร่างโปร่งค่อนข้างบางด้วยเพิ่งย่างเข้าสู่วัยรุ่นโดดตัวปลิวลงจากหลังม้าและวิ่งเข้าไปในห้องบรรทมด้านในอย่างรวดเร็ว
ในห้องบรรทมมืดสลัวและเย็นเยือกอย่างประหลาด  ร่างโปร่งถลันเข้าไปหาคนบนเตียง  แต่นางกำนัลสองคนเข้ามากันเอาไว้
“นี่อะไรกัน  เราจะมาเฝ้าเสด็จแม่”
   “อย่าเพคะทูลกระหม่อม...พระชายาทรงพระประชวร...หมอหลวงห้ามใครแตะพระวรกายเพคะ”
“ไม่แตะก็ไม่แตะสิ  ถอยไป”
“แต่...พะ...เพคะ”  นางกำนัลทั้งสองถอยกรูดเมื่อเห็นตาคมเป็นประกายกร้าวอย่างไม่พอใจ ร่างโปร่งบางเข้าไปทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง
“...แม่จ๋า...ทรงเป็นอย่างไรบ้าง?”
ใบหน้าที่ผินมาช้าๆทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ  ใบหน้าที่เคยขาวนวลเนียนกลายเป็นสีดำคล้ำราวกับสวมหน้ากาก หนุ่มน้อยถลันเข้าไปกอดร่างดำคล้ำบนเตียงด้วยความลืมตัว
“แม่จ๋า..แม่เป็นอะไร!”
“อย่าเพคะอย่าถูกองค์  หมอหลวงเกรงจะได้รับพิษไปด้วยเพคะ”
“เราไม่กลัว  แม่...ใครทำกับแม่อย่างนี้?”
“ไนท์...อย่าลูก...แม่ถูกพิษ...ลูกอย่าโดนตัวแม่”
“ลูกไม่กลัว  ใครกัน  ใครมันกล้า!” ดวงตาคมเป็นประกายเคียดแค้นและเกรี้ยวกราด  ใครที่ทำร้ายพระมารดาเขาจะไม่ให้มันได้ตายดี
“ไนท์ปล่อยแม่เถอะลูก”
“ไม่เป็นไรฝ่าบาท...พิษไม่แพร่ด้วยการสัมผัส” หมอหลวงทั้งคณะที่เพิ่งกลับเข้ามาอีกครั้งกราบทูลเบาๆ  หลังจากออกไปประชุมเครียดกันอยู่อีกห้อง
“เสด็จแม่ปลอดภัยแล้วใช่ไหม...พวกท่านรักษาได้ใช่ไหม?”
ไนท์เหลียวมองหน้าหมออย่างมีความหวังแต่หมอทั้งคณะหลบตาวูบ  ต่างถวายความเคารพแล้วก้มหน้านิ่ง  กิริยานี้ให้ใครก็เดาได้ว่าอาการของพระชายาโซฟียาอยู่ในขั้นอันตรายแค่ไหน
“...นี่! ทำไมนิ่งกันไปหมด  เราถามก็ตอบมาสิ!”
“ฝ่าบาท...” หมอหลวงทุกคนลงไปคุกเข่า  แนบหน้าผากติดพื้นไม่มีใครกล้าเงยขึ้นสบตากริ้วโกรธและหวาดกลัวนั้น
“ตอบเรามาว่ารักษาได้หรือไม่...ถ้าไม่ได้เราจะได้ตัดหัวพวกเจ้าให้หมดทั้งคณะ”  
“พระอาญาไม่พ้นเกล้า...ฝ่าบาท...คือว่า...เอ่อ...”  หมออ้ำอึ้งพูดไม่ออก  ด้วยความสงสาร  หากทูลความจริง  หัวใจของเจ้าชายหนุ่มน้อยคงแหลกสลาย
“หมอ...ออกไปก่อน...เราขอคุยกับรามิลตามลำพัง”
“กระหม่อม”
ไนท์มองตามหมอทุกคนอย่างกังวล  ดวงตาแดงก่ำสบกับพระมารดาอย่างห่วงใย  พระชายาโซฟียายิ้มอ่อนโยนปลอบประโลม  ด้วยสงสารและห่วงใยลูกรักจับหัวใจ
“ไปหาท่านราชครู...อย่า...อยู่ที่นี่...สัญญากับแม่นะไนท์...ว่าลูก...จะไม่อยู่ที่นี่...อีก...”
“ทำไมละจ๊ะแม่...ทำไม?...เกิดอะไรขึ้นกับแม่...บอกลูกสิจ๊ะ...ใครทำกับแม่อย่างนี้?”
“อย่าถาม...ไปหาท่าน...ราชครูนะ...ไนท์...อย่าอยู่ที่นี่...แม้แต่วันเดียว...”
 “ท่านราชครูมาเฝ้าแล้วเพคะ”
นางพระกำนัลหน้าห้องรีบเข้ามากราบทูล  ดวงตาเลื่อนลอยด้วยความเจ็บปวดเป็นประกายแจ่มใสขึ้นเล็กน้อย    
“เชิญท่าน...เข้ามา”
ราชครูเข้ามาทันควันด้วยความร้อนใจ  หากเป็นภาวะปรกติคนเคร่งครัดธรรมเนียมอย่างราชครูไม่มีวันเข้ามาในห้องบรรทมเป็นอันขาด  แต่ด้วยรู้ว่าอาการของพระชายากำลังทรุดหนัก ราชครูจึงยอมแหกกฎของตนเอง  กระนั้นนางพระกำนัลก็ถูกเรียกเข้ามาอีกเกือบสิบคน  รวมถึงราชองครักษ์ประจำองค์พระชายาอีกด้วย  
“ฝ่าบาท”
“ฝากไนท์...ด้วย...เราคงไม่ไหวแล้ว”
“กระหม่อมให้คนตามหมอพิษที่เก่งที่สุดมาแล้ว  ฝ่าบาทจะต้องปลอดภัยกระหม่อม”
“เรา...รู้ตัวดี  ห่วงแต่ไนท์เท่านั้น...เราฝากท่านราชครู...ดูแลลูกเราด้วย”
“แต่ฝ่าบาท...”
“สัญญาสิ...เรา...มีเวลาไม่มากแล้ว”
“กระหม่อมให้สัญญา  กระหม่อมและทุกคนในตระกูลจะปกป้ององค์รัช-ทายาทด้วยชีวิต”
“ขอบใจมาก...ไนท์...สัญญากับแม่นะลูก...ว่าต่อไปลูกจะเชื่อฟังท่านราชครู   ลูกจะต้องเข้มแข็งให้สมกับที่เป็น รามิล ราจีสอับดุล......แม่เสียใจ...ที่แม่อยู่ช่วยลูกไม่ได้...แม่วางลูกไว้บนกองไฟแท้ๆ...อำนาจ...ตัณหา...จะทำให้ผู้คนแก่ง แย่ง เพื่อจะได้เป็นใหญ่...หนทางข้างหน้าของลูก...หนักหนาเหลือเกิน”
ประโยคหลังเป็นคำพูดพึมพำเลื่อนลอยด้วยความรันทดและเวทนาต่อชะตากรรมของลูกรัก แม้ไม่เหลือเรี่ยวแรงให้ขยับอีกแล้วแต่พระชายาโซฟียา ก็ยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยนเสมอ  โลหิตสีดำไหลจากจมูกและปากหยดลงบนหมอน  ไนท์ผวาขึ้นตัวด้วยความตกใจ
“แม่!...แม่จ๋า อย่าทรงเป็นอะไรนะ  หมอ! หมออยู่ที่ไหน?”
“รามิล! ลูกเป็นใคร  ฟูมฟายเหมือนไร้สติได้อย่างไร  แม่เพิ่งสอนลูกไปแท้ๆ...” ดวงตาคู่งามเป็นประกายกล้า  น้ำเสียงเฉียบขาดผิดกว่าทุกครั้งทำให้ไนท์หยุดร้องไห้ด้วยความดีใจ
“แม่!...ทรงดีขึ้นแล้วหรือ?...แม่ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม  ลูกดีใจที่สุด”
“กลัวแม่ตายหรือไนท์  กลัวทำไมกัน...ความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุด  แต่ความตายคือการเริ่มต้นต่างหาก...รู้ไหมว่าเริ่มอะไร?”
ดวงเนตรงามของพระชายาโซฟียาสดใสขึ้นจนเจ้าชายหนุ่มน้อยคลายความกลัว  แม้แต่น้ำเสียงก็ไม่กระท่อนกระแท่นอีกแล้ว  แต่ราชครูกลับหนาวเยือกไปทั้งใจเมื่อสังเกตเห็นเส้นสีแดงในพระเนตร  วาระสุดท้ายของพระชายากำลังจะมาถึง
“ไม่รู้กระหม่อม”
“ลูกอย่างไรล่ะ...ลูกคือตัวแทนของแม่ ลูกคือจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ของแม่ ถ้าอยากให้ชีวิตใหม่ของแม่ดี  ลูกก็ต้องทำแต่สิ่งดีๆทำได้ไหมลูก?”
“ได้กระหม่อม  ลูกทำได้”
“ดี...มาให้แม่กอดลูกหน่อยสิจ๊ะ”
ไนท์ขึ้นไปนอนหนุนต้นพระพาหาทันที  อ้อมพระกรหอมกรุ่นโอบรัดร่างผอมบางแน่น
“แม่รักลูก...และแม่จะอยู่ข้างๆลูกเสมอ...เพียงแค่ลูกคิดถึง...แม่อยู่ที่หัวใจลูกอย่างไรเล่า...ดวงใจของแม่...” หางเสียงแผ่วหายไปในลำคอ  ดวงเนตรหรี่ปรือสบตากับราชครู เยือกเย็นและไร้ความหวาดกลัวรอยพระสรวลน้อยๆยังแต้มบนเรียวปากสีเขียวคล้ำแม้ลมหายจะออกจากร่างไปแล้วก็ตาม
   “ฝ่าบาท...พระชายาทรง...บรรทมแล้ว...กระหม่อม”
“เรารู้แล้ว  แต่เราอยากกอดแม่อีกสักนิดไม่ได้เหรอ?”
“กระหม่อมหมายถึง...”  
ราชครูพูดไม่ออกได้แต่กลืนคำพูดกลับไป ลำคอปวดร้าวด้วยความเศร้าโศกและเคียดแค้น  เจ้าชายยังซบอกพระมารดาเพลินจนไม่ได้สังเกตว่าอกอุ่นที่ซุกซบอยู่ไม่ไหวกระเพื่อมอีกแล้ว
“พี่หญิง...พี่หญิงเป็นอย่างไรบ้าง?” เสียงร้อนรนนำมาก่อนที่ร่างค่อนข้างสูงขาวจะเข้ามาอย่างร้อนรน  ทหารองครักษ์หน้าห้องปล่อยเฉพาะร่างในชุดขาวปักเลื่อมผ่านเข้ามาเพียงลำพัง ส่วนทหารคนสนิทเกือบ10 คนถูกกันไว้ด้านนอก
“ชูววว...แม่หลับแล้วเสด็จอา” ไนท์ผงกศีรษะขึ้นตอบเบาๆก่อนจะซบลงนอนอย่างเดิม  ผู้มาใหม่ชะงักหันกลับมาสบตากับราชครูด้วยสีหน้าเก้อกระดาก
“อย่างนั้นเหรอ?...อาพาหมอพิษที่เก่งมากมาด้วย  ว่าจะให้ดูอาการพี่หญิงเสียหน่อย”
“คงไม่จำเป็นอีกแล้วกระหม่อม” ราชครูเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ทำไมกันท่านราชครู  หรือคิดว่าหมอของเราเก่งสู้หมอของท่านไม่ได้”
ใบหน้าขาวขมวดบึ้งฉับพลันด้วยความโกรธเกรี้ยว  
“พระชายาทรง....เสด็จดาวดึงส์แล้วกระหม่อม”
“อะไรนะ?” ชีคฟาฮัสหันขวับไปมองบนเตียงด้วยสีหน้าแตกตื่น  ไนท์ผวาลุกขึ้นมองพระมารดาด้วยความตกใจ
“ไม่จริง  ท่านครูพูดอะไร  แม่หลับต่างหาก...แม่จ๋า...ทรงคุยกับลูกหน่อย”  ไนท์เขย่าพระมารดาแรงๆหวังจะปลุกให้ตื่น   แต่รางบางกลับนอนนิ่งไม่ไหวติง  แม้ผิวสัมผัสยังอบอุ่น แต่ไร้ร่องรอยของชีวิต ไนท์เขย่าร่างบางด้วยมือสั่นระริก
“ไม่จริง! แม่  แม่...เมื่อครู่แม่ดีขึ้นแล้วนี่นา...ท่านครู...ท่านครูช่วยแม่ที”
“รามิล...แม่เขาตายแล้วจริงๆหลาน”ชีคฟาฮัสเข้าไปโอบไหล่เล็กเพื่อปลอบประโลม
เหล่านางพระกำนัลเบือนหน้าไปซับน้ำตาและพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไว้สุดความสามารถ  แม้แต่ทหารองครักษ์ด้านนอกก็เงยหน้าขึ้นสูงด้วยไม่อยากให้คนนอกเห็นน้ำตา
“ฝ่าบาท  ทรงลืมที่พระชายาทรงสอนแล้วหรือกระหม่อม?”
น้ำเสียงเนิบนาบนุ่มนวลของราชครูกลับทำให้เจ้าชายหนุ่มน้อยได้สติ  ไนท์นั่งนิ่งขึง  น้ำตาไหลพรากแต่ปราศจากเสียงร่ำไห้  มือเรียวขาวค่อยๆลูบไล้ใบหน้าดำเกรียมของพระมารดาแผ่วเบา...ไม่ว่าเมื่อไหร่  ใบหน้าของแม่ก็ฉายแววกรุณาปราณีเสมอ....
“แล้วนี่เจ้าพี่ละ  ทรงทราบหรือยังว่า...เอ่อ...พี่หญิงสิ้นแล้ว”
“เสด็จพ่อไปไหน...” ไนท์เพิ่งนึกได้  ความน้อยใจพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที  แม้แต่ตอนแม่ตายพ่อก็ไม่มา  
“องค์ฮัสซาทรงบาดเจ็บสาหัส...แม้จะพ้นขีดอันตรายแล้ว  แต่ยังทรงเคลื่อนย้ายไม่ได้...กระหม่อมจึงไม่ได้ทูลเรื่องพระชายา”
คำตอบที่ได้รับทำให้หัวใจดวงน้อยไหวเยือก หนาวเหน็บไปทั้งตัวด้วยความหวาดหวั่น
“...เสด็จพ่อ...จะไม่เป็นอะไร...ใช่ไหมครู?”
 “ทรงปลอดภัยกระหม่อม  ให้ทรงแข็งแรงอีกนิด  ก็เสด็จกลับมาได้กระหม่อม”
“ตอนนี้เสด็จพี่อยู่ที่ไหน?” ใบหน้าขาวใสบัดนี้ซีดเผือด  แต่ดวงตาวาววับด้วยความโกรธ  ราชครูเหลือบมองดวงตาใบหน้าเผือดสีของชีคหนุ่มด้วยสายตาเยือกเย็น
“ทรงอยู่ในที่ปลอดภัยกระหม่อม  แต่มีรับสั่งไม่ให้แพร่งพรายว่าทรงอยู่ที่ไหน“
“แม้แต่เราก็บอกไม่ได้รึ?” ดวงตาคมเป็นประกายกร้าว
“กระหม่อม...ขอฝ่าบาทโปรดอภัย”
เสียงชีคหนุ่มสูดหายใจลึกอย่างเกรี้ยวกราด  แต่ไม่อาจทำอะไรได้จึงได้แต่เบือนหน้าหนี  ความโกรธทำให้ลืมตีหน้าเศร้าเสียสนิท
“แจ้งข่าวออกไป พระชายาโซฟียาสิ้นพระชนม์แล้ว ด้วยโรคพระหทัย”ราชครูสั่งทหารองครักษ์เพื่อให้ไปแจ้งแก่ฝ่ายสำนักราชวัง
ชีคฟาฮัสเหลือบมองอย่างแปลกใจ แต่พอสบตาเยือกเย็นที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้วก็รีบหลบตาวูบ  เมินมองไปทางอื่น ก่อนจะหันไปโอบร่างเล็กดึงออกมาจากเตียง  นางพระกำนัล 4 คนเข้ามาช่วยกันเตรียมเปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่  ทุกคนๆจึงต้องออกไปนอกห้อง  ไนท์ยึดมือกรุ่นกลิ่นน้ำหอมของชีคฟาฮัสแน่น  แม้ไม่อบอุ่นเหมือนพระมารดา  แต่ในยามนี้เขามองไม่เห็นใคร...........



***เิข้ามาแก้หัวเรื่องเฉยคะ***

*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2010 22:24:22 โดย THIP »

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
.......

เสียงระฆังก็ดังกังวานขึ้น 7ครั้ง  เสียงร่ำไห้ระงมไปทั้งเมือง กลิ่นน้ำมันหอมจากทุกบ้านถูกจุดเพื่อส่งพระวิญญาณ  พายุทะเลทรายที่พัดมาหลายวันหยุดลง  ราวกับจะรอส่งพระวิญญาณเป็นครั้งสุดท้าย 
ขบวนเกียรติยศในชุดสีขาวอัญเชิญเสด็จพระศพในโลงแก้วไปยังสุสานของราชวงศ์  ประชาชนมากมายยืนรอส่งเสด็จพระชายาเป็นครั้งสุดท้ายตลอดแนวสองฟากถนน  ร่างโปร่งบางของเจ้าชายรัชทายาทชักม้าเคียงคู่โลงแก้ว  ใบหน้าขาวซีดแต่ดวงตาแห้งผาก  นอกจากชีคฟาฮัสกับราชครูแล้ว  ก็มีเพียงเหล่าทหารองครักษ์เท่านั้นที่มาส่งเสด็จ  ด้วยสงครามระหว่างเผ่าที่ยังวุ่นวายทำให้บรรดาจอมทัพทั้งหลายต้องออกไปประจำแต่ละแค้วน จึงไม่มีใครมาร่วมงานได้ 
แต่ลึกลงไปเจ้าชายหนุ่มน้อยก็ทราบดีว่าทุกคนต่างก็รอดูท่าทีว่าใครที่จะได้ดำรงอำนาจ  แน่นอนว่าทุกคนต่างรู้เรื่องตราประทับหายไป  ตอนนี้ไม่มีใครกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ  เว้นแต่ว่าองค์ฮัสซาจะปลอดภัยเท่านั้น
โลงแก้วถูกวางลงบนแท่นในห้องสุสานอย่างบรรจง  ร่างโปร่งบางยืนข้างโลงแก้วเดียวดาย  เพราะนอกจากราชวงศ์  แม้แต่ทหารที่หามโลงแก้วเข้ามาก็ต้องออกไปรอข้างนอกตามธรรมเนียมโบราณ แม้ใบหน้าจะดำเกรียมด้วยผลของยาพิษ  แต่มุมปากงามยังแย้มสรวลน้อยๆราวกับจะปลอบประโลมหัวใจลูกรัก  ไม่ให้แหลกสลายลงไปเสียก่อน
“แม่จ๋า...แม่จะอยู่ในหัวใจลูกตลอดไป...” ปากสีสดแตะบนโลงแก้วแผ่วเบา  ดอกลิลลี่ขาวถูกวางบนโล่งแก้วอย่างบรรจง  แล้วจึงถอยออกมาถวายความเคารพ  เจ้าชายหนุ่มน้อยหมุนตัวกลับออกจากห้องเก็บพระศพ  เสียงประตูปิดตามหลังเสมือนความรักความอ่อนโยนในหัวใจถูกปิดตาย  นับแต่นี้จะดำรงพระชนม์อยู่ด้วยความแค้นและชิงชัง  มันผู้ใดที่ทำร้ายพระมารดาย่อมไม่อาจอยู่ร่วมแผ่นดินอีกต่อไป............

ร่างผมบางที่ดูเหมือนจะผอมยิ่งกว่าเดิมนั่งนิ่งราวกับหุ่น ทหาร-องครักษ์วัยเยาว์ที่เป็นทั้งทหารและเพื่อนเล่นต่างเหลือบมองตากันแล้วได้แต่นั่งเงียบ แม้แต่เสียงลมหายใจก็พยายามให้เบาที่สุด 
เจ้าชายรามิลทรงเงียบขรึมและดูน่ากลัวมากขึ้นทุกวันนับแต่สูญเสียพระมารดาไป  ยิ่งสองสามวันมานี้ก็เสด็จมารอท่านราชครูกลับจากราชการทุกวัน
เสียงตบปืนทำความเคารพดังลอดเข้ามาเบาๆ  ร่างที่นั่งนิ่งผุดลุกขึ้นแล้วเสด็จออกอย่างรวดเร็ว จนองครักษ์รุ่นเยาว์ทั้งหลายเกือบลุกตามแทบไม่ทัน
   ถึงจะรีบร้อนอย่างไรเจ้าชายรามิลก็ยังหยุดเคาะประตูห้องพระอักษร รอจนได้ยินเสียงอนุญาตจึงเสด็จเข้าไปเพียงลำพัง
“ได้ความว่าอย่างไรครับครู?”
“เป็นอย่างที่สงสัยกระหม่อม  พิษที่พระชายาทรงได้รับมาจากเผ่าของพระชายาองค์ใหม่แน่นอน” 
ไนท์รับเอกสารผลการตรวจพระโลหิตของพระมารดามาอ่านแล้วกำไว้แน่นจนแทบแหลก  ดวงเนตรคมเป็นประกายเรืองด้วยความคั่งแค้น
“หมายความว่า...”
“กระหม่อมไม่อยากให้ทรงด่วนตัดสินเร็วนัก เรื่องนี้อาจมีเงื่อนงำกว่าที่ทรงคิด”
“แต่ที่แน่ๆคือชายาใหม่ของเสด็จพ่อมีส่วนรู้เห็นแน่”
“แต่กระหม่อมว่าฝ่าบาทต้องพระทัยเย็นๆ อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวอะไรตอนนี้”
“คงไม่ทันแล้วล่ะ  เพราะตอนนี้นางอยู่ที่ห้องใต้ดินแล้ว”
“ฝ่าบาท!”
“ขอโทษนะครับครู  แต่เราจะไม่ปล่อยให้คนที่ทำร้ายแม่ได้อยู่ดีเป็นอันขาด มันต้องชดใช้อย่างสาสม”
เจ้าชายรามิลเสด็จออกจากห้องพระอักษรมุ่งตรงไปยังห้องใต้ดินทันที  โดยมีเหล่าองครักษ์ตามติด  ราชครูถอนใจยาวด้วยความกังวล  ดูท่าเรื่องนี้จะบานปลายแน่แล้ว  เพราะแน่ใจได้ว่าเจ้าชายรามิลต้องไม่ทรงปล่อยให้พระชายาองค์ใหม่มีชีวิตรอดไปได้  นั่นอาจหมายถึงสงครามกวาดล้างเผ่าพันธุ์ครั้งใหญ่ก็เป็นได้
   พระชายาองค์ใหม่ผวาลุกขึ้นนั่งตัวสั่น  เมื่อฟื้นขึ้นมาเห็นร่างบอบบางที่นั่งอยู่บนพระแท่นห่างออกไป  แม้จะเพิ่งแรกรุ่น  แต่ดวงเนตรคมกล้าด้วยอำนาจก็ทำให้คนทั่วไปไม่ค่อยกล้าสบตาด้วย...ยิ่งคนที่มีชนักปักหลัง ยิ่งแล้วใหญ่!
   “เจ้า..เจ้าชายรามิลทำอย่างนี้ได้อย่างไร  เราเป็นพระชายานะ  จะมากุมตัวเราแบบนี้ไม่ได้” นางละล่ำละลักปากคอสั่น  ทั้งตกใจทั้งงุนงง  ก็เมื่อคืนได้ข่าวว่าองค์ฮัสซากำลังจะเสด็จกลับจากชายแดน นางจึงแต่งตัวมารอในห้องบรรทม  แต่พอตื่นขึ้นมากลับมาอยู่ในห้องใต้ดินแทนเสียนี่
   “งั้นเหรอ...แล้วมีใครกล้าช่วยเจ้าไหมล่ะ?”
“เราจะฟ้องฝ่าบาท”
“...แล้วขวดนี้ล่ะ  จะบอกเสด็จพ่อด้วยไหม?”
พระชายาองค์ใหม่สะดุ้งวาบทั้งตัวเมื่อเห็นขวดยาที่ถูกโยนมาตรงหน้า  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหมอเฒ่าคงถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้ว
“ขวดอะไร?...เราไม่รู้เรื่อง”
“เราได้มันมาจากหมอประจำตัวเจ้า”
“อย่ามาใส่ความกันดีกว่า  เด็กอย่างเจ้าจะมารู้อะไร  นี่แม่เจ้าคงเสี้ยมสอนไว้ละสิว่าเราเป็นคนวางยาพิษ  ขี้อิจฉาทั้งแม่ทั้งลูก  อิจฉาใช่ไหมล่ะที่ฝ่าบาทโปรดปรานเรามากกว่าแม่เจ้า”
“รู้ได้อย่างไรว่าพระชายาทรงโดนวางยา  ในเมื่อคนที่รู้เรื่องนี้มีแค่องค์รัชทายาทกับเราเท่านั้น” ราชครูเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับก้าวเข้าไปในห้อง  ใบหน้าเชิดๆของพระชายาองค์ใหม่ขาวเหมือนกระดาษฉับพลัน  ดวงตาส่ายล่อกแล่กไปมาอย่างตื่นตระหนก  พยายามหาคำแก้ตัวแต่ก็จนปัญญา 
ไนท์ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ราชครูไวกว่า  มือแข็งแรงยึดไหล่บางไว้อย่างรวดเร็ว
“อย่าทรงวู่วามกระหม่อม”
“ทำไม!...นางเป็นคนฆ่าเสด็จแม่แท้ๆ  ยังจะปล่อยไว้อีกเหรอ?”
“เราต้องรู้ให้ได้ฝ่าบาท  ว่าใครสั่งนางมา”
“จะมีใครก็ไอ้ความอิจฉาริษยาของนางนะสิ”
“เราน่ะเหรออิจฉา  เราน่ะเป็นว่าที่สนมเอกเชียวนะ เป็นรองตำแหน่งรานีแค่ขั้นเดียวเท่านั้น  องค์ฮัสซากำลังจะประกาศแต่งตั้งเรา...รู้ไว้เสียด้วย”
“เจ้าก็เลยฆ่าเสด็จแม่เพื่อจะเป็นรานีเสียเองงั้นสิ”
“ถึงแม่เจ้ายังอยู่เราก็ควรได้รับแต่งตั้งอยู่แล้ว เผ่าเรามีอำนาจมีทรัพย์สินเท่าไหร่  ยังไงๆฝ่าบาทก็ต้องเห็นความสำคัญของเรามากกว่าเจ้าหญิงลูกครึ่งที่ไม่มีอะไรเลยอย่างแม่เจ้า”
“สามหาว!” ดวงตาคมเป็นประกายกร้าวทำให้คนที่กำลังลอยหน้าถึงกับลนลานถอยหนีจนล้มกลิ้งด้วยความหวาดกลัว  กระนั้นนางก็ยังไม่วายปากดีด้วยแน่ใจว่าอย่างไรเสียเจ้าชายรัชทายาทย่อมไม่กล้าฆ่านางแน่
“อย่านะ!ถ้าขืนเจ้าทำอะไรเราเจ้าเดือดร้อนแน่ แค่เรื่องตาเจ้าลอบทำร้ายองค์ฮัสซาน่ะเจ้าก็แย่แล้ว  ขืนแตะต้องเราเจ้าจะไม่มีเงาหัว  เฮอะ!ไม่รู้ตัวเลยละสิว่าความชั่วช้าที่ตาเจ้าทำน่ะทำให้ทั้งเจ้าทั้งแม่เจ้า ยิ่งเป็นที่เกลียดชังของราชวงศ์แค่ไหน ที่แม่เจ้าต้องตายนี่น่ะ  เป็นคำสั่งโดยตรงจากฝ่าบาทฟะ...อึ๊ก!”
ประกาย โลหะสว่างวาบ! 
ราชครูถลันเข้าบังไนท์ทันควัน แต่ใบมีดคมกริบปักเข้าที่ลำคอขาวของพระชายาใหม่จนมิดด้าม เลือดสดๆไหลพรูราวกับท่อน้ำแตก ร่างอวบสะท้านเฮือก ตาเหลือกค้างด้วยความเจ็บปวดแล้วล้มลงจมกองเลือด  เงาดำที่แอบอยู่ข้างบันไดเผ่นหนีไปทันที  คนสนิทของราชครูวิ่งตามเงาดำไปติดๆ  เสียงต่อสู้ดังลอดมาแว่วๆ......ไม่นาน  องครักษ์ร่างใหญ่ก็กลับมาก้มหน้านิ่ง
“หนีไปได้เหรอ?”
“มันฆ่าตัวตายแล้วขอรับท่านราชครู”
“เสด็จพ่อต้องรับผิดชอบ!” ไนท์ตะโกนก้องด้วยความแค้น  แม้จะรู้ว่าตอนนี้องค์ฮัสซามีปัญหากับดินแดนทางเหนือ  ซึ่งเป็นของพระบิดาพระชายาโซฟียาหรือพระอัยกาของเจ้าชายรามิล  ถึงขั้นจะทำสงครามกัน  และองค์ฮัสซาถูกลอบทำร้ายอาการสาหัส  แต่ไม่คิด...ไม่คิดว่าพระบิดาจะสั่งฆ่าแม่ได้ลงคอ
“ฝ่าบาท!”
“เราจะตัดหัวมันส่งไปให้เสด็จพ่อ!”
“อย่าทรงทำอย่างนั้นนะฝ่าบาท เรื่องมันจะบานปลายไปกันใหญ่   แค่นางตายในมือเราก็เป็นเรื่องใหญ่พออยู่แล้ว”
“เราไม่สน  ถ้าเสด็จพ่อจะเอาเรื่องก็ให้มาจัดการเราเลย!”
“องค์ฮัสซาคงไม่เอาเรื่องฝ่าบาทหรอกเพราะอย่างไรก็เป็นพระโอรส  แต่เผ่าของพระชายาจะต้องไม่พอใจ  นั่นอาจหมายถึงสงคราม  ฝ่าบาททรงนึกบ้างไหมว่าจะต้องสูญเสียอะไรไปบ้างหากเกิดสงครามขึ้น  ราษฎรจะเดือดร้อนแค่ไหน  ทรงนึกถึงบ้างหรือเปล่ากระหม่อม?”
ปากบางเม้มแน่นด้วยความแค้นเคือง  ความคั่งแค้นกับความถูกต้องตีกันยุ่งอยู่นานกว่าที่เสียงแผ่วเบาจะหลุดออกมา
“...เราขอโทษที่วู่วาม...แล้วจะจัดการอย่างไร?”
“นางเป็นถึงพระชายา  การที่จู่ๆจะหายตัวไปคงไม่ใช่เรื่องเล็ก  กระหม่อมจะจัดการเรื่องนี้เอง  ฝ่าบาทควรเสด็จไปอยู่ที่วังขององค์ซารีฟก่อนดีกว่า”
“แต่เรา...”
“อย่าทรงกังวล  กระหม่อมจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“ขอบคุณครับครู”
“ไคซัค...” องครักษ์หนุ่มน้อยที่รูปร่างสูงใหญ่กว่าอายุก้าวออกมาค้อมคำนับ
“เตรียมเชิญเสด็จฝ่าบาทไปที่วังขาว  ระวังตัวด้วยล่ะ”
“ขอรับท่านพ่อ”
ราชครูยืนมองร่างที่จมกองเลือดด้วยดวงตาไตร่ตรอง ยังดีที่คนปลิดชีวิตพระชายาใหม่หนีไม่รอด  อย่างน้อยคนที่บงการก็ยังไม่รู้ว่านางตาย  เห็นทีเขาจะต้อง ‘ส่งพระชายากลับไปที่วังอย่างปลอดภัย’ เสียแล้ว ............

ไนท์ชะงักกึกเมื่อเห็นร่างอวบในชุดคลุมแพรวพราวตามเสด็จขึ้น เครื่องบินไปกับพระบิดา…ถึงจะเห็นหน้าไม่ชัด  แต่รูปร่างกับกิริยาท่าทางนั้นเป็นพระชายาองค์ใหม่แน่นอน...เป็นไปได้อย่างไรในเมื่อได้เห็นกับตา ว่านางถูกฆ่าไป แล้ว! 
แต่การเสด็จประพาสโรงแรมตากอากาศที่เพิ่งเปิดใหม่กับพระบิดา เป็น เสมือนเป็นการประกาศตัวว่านางคือว่าที่องค์รานีองค์ต่อไป  ความข่มขื่นน้อยใจ ในเรื่องหลังทำไนท์ลืมเรื่องที่สงสัยแต่แรกไปทันที
“มีอะไรหรือหลานถึงได้ทำหน้าอย่างนั้น” มือเย็นหอมกรุ่นที่แตะไหล่ทำให้ไนท์ต้องหันไปทำความเคารพ  ความสนิทสนมทำให้ไนท์หลุดความในใจออกไป
“หลาน...ไม่มีอะไรกระหม่อม  แค่หลานนึกไม่ถึงว่าเสด็จพ่อจะทรงพา พระชายาองค์ใหม่เสด็จประพาสทั้งๆที่เสด็จแม่เพิ่งสิ้นไปไม่ถึง3เดือน...ทรงทำได้”
ชีคฟาฮัสหรี่ตาอย่างครุ่นคิด ยังไม่ทันแสดงความคิดเห็นใด ราชองครักษ์ รุ่นเยาว์ก็โผล่เข้ามาห้อม ล้อมรอบองค์รัชทายาท
“ได้เวลาเสด็จแล้วกระหม่อม”
“จริงสิ…ขอบใจไคซัค  หลานขอตัวก่อนกระหม่อม”
“นั่นหลานจะไปไหน?”
“เสด็จอาซารีฟชวนหลานไปที่วังกระหม่อม”
“งั้นรึ...งั้นก็ไปเถอะ”
“ทูลลากระหม่อม”
ชีคฟาฮัสมองตามร่างเล็กๆที่รายล้อมด้วยองครักษ์รุ่นเยาว์ด้วยดวงตาวาววับ  คนสนิทปราดเข้ามาเคียงข้างทันที
“หามือสังหารเจอหรือยัง?”
“ยังกระหม่อม  สงสัยไอ้ราชครูเจ้าเล่ห์มันจะได้ตัวไปแล้วกระหม่อม”
“บัดซบ!”
“ไม่ต้องกังวลฝ่าบาท  มันไม่มีทางซัดทอดแน่กระหม่อม”
“เจ้าแน่ใจนะ?”
“แน่กระหม่อม  มันรักลูกยิ่งกว่าชีวิต  ตราบใดที่ลูกมันยังอยู่ในมือเรามันไม่กล้าทรยศแน่  แต่กระหม่อมจะหาศพมันให้เจอกระหม่อม”
“ดี...แปลกนะที่รามิลยอมปล่อยคาร์เมียน”
“คงไม่มีหลักฐาน  อีกอย่างไอ้ราชครูเจ้าเล่ห์มันอยู่ด้วย  มันคงไม่ยอมให้ทำอะไรวู่วามแน่กระหม่อม”
“แล้วคาร์เมียนว่าไงบ้าง?”
“เอ่อ...เกล้ายังไม่ได้พบกระหม่อม”
“ทำไม?”
“พระชายาเข้าเฝ้าองค์ฮัสซาตลอดคืนเลยกระหม่อม  แล้วก็เสด็จประพาสด้วยกันกระหม่อม”
“หึ...รีบแจ้นไปฟ้องเสด็จพี่สินะ  ก็ดีที่นางรู้จักหลบหลีก  เพิ่งรู้ว่านางก็มีสมองเหมือนกัน  คิดว่ามีแต่หัวไว้ตั้งบนบ่าอย่างเดียวเสียอีก”
“แล้วจะให้กระหม่อมจัดการอย่างไรต่อไปกระหม่อม”
“เฉยไว้ก่อน  อย่างเพิ่งเคลื่อนไหวอะไรตอนนี้”
ตลอดเวลาที่ทั้งคู่สนทนากัน  มีสายตาของทหารพื้นเมืองตัวเล็กแกร็นที่ยืนเข้าแถวส่งเสด็จอยู่ห่างๆคอยจับจ้องริมฝีปากของทั้งคู่อยู่ตลอดเวลา  และทุกถ้อยคำได้ถูกถ่ายทอดไปสู่ท่านราชครูในอีกชั่วโมงถัดไป ............      
ข่าวใหญ่สร้างความตื่นตระหนกให้กับคนทั้งประเทศอีกครั้งเมื่อโรงแรมที่สร้างใหม่ถูกลอบวางระเบิด  องค์ฮัสซาได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่พระชายาองค์ใหม่หายสาบสูญไปในกองซากตึก!
เจ้าชายรามิลกลับมาเข้าเฝ้าอย่างรีบเร่งทันทีที่ทราบข่าว แต่เปิดประตูเข้าไปในห้องบรรทมกลับพบว่าองค์ฮัสซายืนอยู่กลางห้องแทนที่จะนอนอยู่บนเตียง
“เสด็จพ่อ! ทรงลุกขึ้นได้แล้วหรือกระหม่อม?”
“หรือต้องให้เราตายไปด้วยถึงจะสะใจเจ้า”
“เสด็จพ่อ!?”
“หากไม่เพราะความเอาแต่ใจของเจ้า เรื่องราวมันคงไม่บานปลายอย่างนี้หรอก  สำนึกบ้างหรือไม่ว่าเจ้าทำผิดแค่ไหน?”
“...กระหม่อมผิดที่พยายามจะหาตัวคนฆ่าแม่ของกระหม่อม...แต่กระหม่อมไม่ได้มือเปื้อนเลือดเหมือน...ใครบางคน”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรรามิล”
“หรือไม่จริง...ทรงคิดว่าตบตาใครๆได้ แต่หลอกกระหม่อมไม่ได้หรอกนะ  ทรงคิดว่าท่านตาส่งคนไปลอบทำร้ายเลยแก้แค้นโดยให้นางมาวางยาฆ่าเสด็จแม่!” 
“เจ้าพร่ำเพ้อบ้าบออะไรรามิล”
“นางบอกกระหม่อมก่อนที่จะถูกฆ่าว่าคนที่ช่วยหนุนหลังนางคือฝ่าบาท  ทรงสั่งฆ่าปิดปากนางเองแล้วจะมาโยนให้กระหม่อมรับผิดชอบหรืออย่างไร?”
กษัตริย์ฮัสซาตาลุกวาบด้วยความโกรธ  รามิลคิดได้อย่างไรว่าทรงสั่งฆ่าหญิงที่ทรงรักที่สุด  ทั้งๆที่พระองค์ต้องทรงระเบิดโรงแรมใหม่เพื่อสร้างเรื่องให้พ้นตัวรามิลไปแท้ๆ  แต่ลูกกลับคิดว่าพระองค์คือคนบงการ
“เราคือใครรามิล! ในฐานะของกษัตริย์สิ่งที่เจ้ากล่าวหาเราก็ต้องโทษประหารแล้ว  หากในฐานะของพ่อเจ้าก็เป็นลูกอกตัญญู!”
“ก็ทรงประหารเสียเลยสิ  กระหม่อมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนี่”
“รามิล!”
“ทรงทำได้อย่างไร?  ไหนว่าทรงรักเสด็จแม่นัก...ปากว่ารักแต่ทรงทำร้ายหัวใจเสด็จแม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า  แล้วยัง...”  เสียงขาดหายกระท่อนกระแท่นด้วยความสะเทือนใจ  ไนท์เมินหน้าหนีไปทางอื่น  จึงไม่ได้เห็นแววตาเจ็บปวดขององค์ฮัสซา
“กระหม่อมยินดีรับโทษที่บังอาจล่วงเกินกษัตริย์  แต่กระหม่อมไม่มีโทษอื่นเพราะกระหม่อมไม่มีพ่อ!”
ฉาด!!!! ใบหน้าเรียวเล็กสะบัดไปตามแรงตบ  รอยแดงเป็นปื้นผุดขึ้นทันที 
กษัตริย์ฮัสซายืนนิ่งขึง  ไม่เคยสักครั้งที่จะลงโทษใครป่าเถื่อนแบบนี้  แต่คำพูดของพระโอรสที่ทรงเสน่หาที่สุดเหมือนมีดกรีดใจจนพลั้งมือ  ดวงตาเป็นประกายรวดร้าวของลูกทำให้หัวใจพ่อแทบสลาย 
ไนท์จ้องมองพระบิดาด้วยความปวดใจก่อนจะหลับตาลง  ภาพแม่ที่ทุรนทุรายอยู่บนเตียงผุดวาบขึ้นมา  ความน้อยใจถูกแทนที่ด้วยความเคียดแค้น 
กษัตริย์ฮัสซาชาวาบทั้งตัวเมื่อเห็นดวงตาที่ลืมขึ้นสบตาอีกครั้ง  ความรู้สึกหนาวเยือกเกาะกุมหัวใจ  ดวงตากลมโตไม่มีความน้อยใจเสียใจอีกต่อไป มีเพียงความว่างเปล่าเย็นชาเท่านั้น
“รามิล...พ่อ...”
เสียงเคาะพระทวารดังแทรกขึ้น  ก่อนที่ทหารองครักษ์จะเข้ามาค้อมกายเคารพอย่างร้อนรน
“ฝ่าบาทฟาฮัสมาขอเข้าเฝ้ากระหม่อม”
คำขอโทษถูกกลืนหายไปในลำคอ ทิฐิทำให้องค์ฮัสซาเชิดหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว พระองค์เป็นทั้งกษัตริย์และพระบิดา  แต่ลูกกล้ากล่าวหาเช่นนี้  การลงโทษแค่นี้ถือว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ
“รับรองที่ห้องน้ำเงินก่อน แล้วอีก15นาทีค่อยให้เข้ามา บอกไปว่าหมอตรวตอาการเราอยู่”
“กระหม่อม”
กษัตริย์ฮัสซาเสด็จไปนั่งที่แท่นข้างเตียงโดยไม่ยอมตรัสอะไรกับโอรสอีกเลยพร้อมๆกับหมอหลวงก็เข้ามาเตรียมพันผ้าถวายเพื่อให้ดูสมจริงที่สุด  ไนท์ค้อมกายเคารพตามธรรมเนียมแล้วเดินแยกไปอีกทางสายใยของพ่อลูกสะบั้นลงตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

                  ♜...........♜...........♜



ขอบคุณที่ติดตามคะ  :pig4:
เรื่องที่สามของใบปอนำมาลงให้แล้วนะคะ มีตัวละครเกี่ยวพันกับสองเรื่องแรกเหมือนกันคะ ลองอ่านดูสนุกคนละแบบกับคู่ของ เท็ดกาย แต่สนุกไม่แพ้กันเลยคะ

Donpopper

  • บุคคลทั่วไป
รออ่านตอนต่อไปครับ

อิอิ

ออฟไลน์ Cha Ris Ma

  • สาระไม่ค่อยมี...หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +670/-0
 :z2:
รอด้วยคนครับ

Lost_walker

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งเคยอ่านครับ 

ตัวผมชอบเรื่องแนวโบราณ อย่างราชวงศ์หรือขัตติยา พวกเลือดสีน้ำเงินที่ทำสงครามชิงไหวพริบหักเหลี่ยม มากล่ะครับ

แต่ผมยังเดาไม่ออกเลยว่า ตกลงซีคฟา(เรียกย่อๆนะครับ) กับราชครูใครเป็นโจ๊กเกอร์กันแน่

ไม่อยากให้ซีคฟาร้ายเลย แต่ดูท่าจะร้ายน่าดูแฮะ

ผมชอบนะครับ 

แล้วจะติดตามเรื่อยๆครับ


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ยัไงม่ได้อ่าน แต่ขอวิ่งเข้ามากรี๊ดก่อน  นิยายคุณใบปอ  :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
แอร๊ยยยยยยยยย คุณ THIP ตัดหน้า  :z3:

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด้วยคน รอตั้งหลายวันแล้ว  :mc4:

jokirito

  • บุคคลทั่วไป
 :mc4:  โย้ โย เย้ เย  เรื่องที่ 3 มาแว้วววว  เหมือนจะฉีกไปคนละแนวกันเลยนะนี่

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 o13 o13 o13 o13 o13



รออ่านตอนต่อไป ครับบ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
ชอบจัง ขอบคุณที่เอามาลงให้อ่านค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
เจ้าชายน้อยน่าสงสารนะครับ  มาติดตามเรื่องใหม่ครับ

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
ขอบคุณทุกคนที่คอมเมนท์นะคะ มาอ่านกันต่อเลยคะ

..............
♚…2…♚

แสงแดดยามบ่ายค่อนข้างแรง แต่ร่างโปร่งที่นอนทอดตัวอยู่บนเก้าอี้ชายหาดดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ ดวงตาภายใต้แว่นกันแดด ราคาแพงจับอยู่ที่คู่รักเดินคลอเคลียกันไปตามหาดทราย ร่างเล็กโดดขึ้นขี่หลังและร่างสูงใหญ่ก็พาเดินลุยน้ำห่างออกไป
“เอ่อ…ร้อนแล้วนะครับ  ฝ่าบาทยังไม่อยากขึ้นอีกเหรอ?”
ท่าทางเฉยเมยเหมือนไม่ใส่ใจของคนที่ถูกถาม กับเสียงขลุกขลักในลำคอของชายร่างยักษ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังทำให้คนถามหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ 
ลอเรนซ์  โซว์วาร์ด ตวัดตามองคนที่อยู่ห่างออกไปอย่างเกรี้ยวกราด แต่คนถูกมองตีหน้าเฉยหากแต่ดวงตาเป็นประกายเยาะหยัน
นายแบบหนุ่มผุดลุกขึ้นถอดเสื้อโชว์เรือนร่างเพรียวแน่นด้วยกล้ามเนื้อ เจตนาจะดึงดูดสายตาของชีคหนุ่ม ยื่นมือให้ด้วยมาดที่ถูกฝึกมาอย่างดีพร้อมกับยิ้มเก๋อย่างมั่นใจ
“ไปเล่นน้ำกันดีกว่าครับคุณไนท์...เอ่อฝ่าบาท”
คำพูดตีเสมอถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อลอเรนซ์เหลือบไปสบตาดุดันขององครักษ์ร่างยักษ์  ชื่อเล่นของชีครามิลเป็นชื่อเฉพาะคนในราชวงศ์เท่านั้น
“ตามสบายลอเรนซ์  เราอยากพักยังไม่อยากลงน้ำตอนนี้”
“แต่มาทะเลทั้งทีไม่ลงเล่นน้ำก็เสียเที่ยวแย่…นะครับ”ลอเรนซ์ยังพยายามต่อไป  แต่สีหน้าของชีครามิลยังคงไร้แววกระตือรือร้น
“เรารองานอยู่น่ะ…อีกสักครู่คนของเราคงส่งข่าวมา”
“เดี๋ยวนายยักษ์นั่นก็ไปบอกฝ่าบาทเองแหละน่า…นะครับน้าาา”
“ไคซัคไม่กล้าไปเรียกหรอก  เขารู้ว่าเราไม่ชอบให้รบกวนเวลาพักผ่อน” ลอเรนซ์หน้าชารู้สึกเหมือนกำลังโดนตำหนิ แต่ท่าทางเฉยๆนั้นทำให้เดาไม่ถูกว่าอีกฝ่ายเจตนาหรือไม่
“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องเล่นน้ำคนเดียวซะแล้ว”ลอเรนซ์ข่มอาการหงุดหงิดไว้เต็มที่  ด้วยไม่อยากให้เสียภาพลักษณ์  นายแบบหนุ่มจำต้องลงทะเลไปลำพัง
องครักษ์ร่างใหญ่ถอนใจยาวอย่างรำคาญ หากไม่ติดที่อีกฝ่ายเป็นลูกชายของหุ้นส่วนธุรกิจของฝ่าบาท เขาคงเขี่ยไปไกลๆไม่ปล่อยให้มาป้วนเปี้ยนเกะกะอยู่อย่างนี้  อีกอย่างฝ่าบาทก็เจตนาให้หมอนี่ตามมา  แต่จะด้วยเหตุผลใดนั้นเขาไม่รู้
ดวงตาคมกริบตวัดตามไปยังคู่รักที่เห็นอยู่ไกลๆ ‘จีนส์’ หนุ่มน้อยหน้าสวยคู่ควงคนล่าสุดของทราวิส คือเหตุผลที่ชีคหนุ่มปล่อยให้ลอเรนซ์ตามมา เพื่อทดสอบอะไรบางอย่าง...
ถึงจะแน่ใจว่าจีนส์ไม่ได้หวังจะจับทราวิสเพราะเงิน  แต่เท่าที่เขาให้คนตรวจสอบดูเด็กนั่นก็มีประวัติฉาวโฉ่ไม่ใช่ย่อย  ด้วยรูปลักษ์สะดุดตาทำให้ลอเรนซ์สนใจจีนส์มาก  คอยหาโอกาสแทะโลมอยู่เสมอ  แต่จีนส์จะคอยหลบเลี่ยงและอาศัยทราวิสเป็นเกราะกำบังทำให้ลอเรนซ์เข้าไม่ถึง แม้พฤติกรรมที่เห็นตอนนี้จะไม่เหมือนกับข่าวที่ได้มา  แต่ไนท์ก็ไม่แน่ใจว่านี่จะเป็นการสร้างภาพของเด็กหนุ่มหรือไม่  สักวันจีนส์อาจเผยสันดานแท้ๆออกมา  และถ้าเป็นเช่นนั้นเขาจะทำให้จีนส์ได้ซาบซึ้งว่าการทรยศต่อความรักของทราวิสนั้นเป็นอย่างไร
เพียงแค่การขยับตัวของคนสนิทก็ดึงความสนใจของไนท์กลับมาทันที
 “ทางไกลจากฮาลีกระหม่อม”  ไคซัคค้อมตัวลงส่งโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กบางให้    แล้วถอยออกไปยืนอยู่ที่เดิม
“ขอบใจ…ว่าไงได้อะไรมาบ้าง?”
“ทางเราตรวจสอบแล้วกระหม่อม…ของถูกเปลี่ยนด้วยสินค้ามีตำหนิและถูกตีตราปลอม  มากกว่าครึ่ง”
“ใครทำเรื่องนี้?” น้ำเสียงเรียบเรื่อยราวกับคุยเรื่องดินฟ้าอากาศไม่ใช่สินค้ามูลค้าหลายล้านเหรียญ
“มีคนของเราร่วมด้วยแน่ แต่การเปลี่ยนสินค้าต้องลงมือที่โน่นกระหม่อม”
“แน่ใจเหรอ?” สีหน้าของชีคหนุ่มไม่เปลี่ยนแต่ดวงตาหลังแว่นเย็นเยือก
“กระหม่อม ตอนสินค้าลงที่ท่าเรือยังอยู่ในสภาพเรียบร้อย แต่คงสับเปลี่ยนระหว่างขนส่งกระหม่อม”
“แฮมิลตันกล้าเล่นตุกติกกับเรา?”
“เท่าที่เคยร่วมงานกันมา...กระหม่อมไม่เชื่อว่างานนี้ริช แฮมิลตันจะเป็นคนทำ  หมอนี่ถึงจะเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวแต่ไม่นิยมเล่นสกปรกอย่างนี้กระหม่อม”
“แล้วคิดว่าใครทำ ในเมื่อสินค้าอยู่ในมือแฮมิลตัน?”
“ให้ทีมเช็คอยู่แล้วกระหม่อม  คิดว่าคงรู้ผลในสองสามวันนี้”
“รู้ผลแล้วส่งข่าวทันทีนะ”
“กระหม่อม”
ไนท์ส่งโทรศัพท์คืนให้ไคซัคแล้วผุดลุกขึ้น เรือนร่างเพรียวเมื่อยืนเคียงกับร่างสูงใหญ่แทนที่ถูกข่มให้ด้อย กลับแผ่ซ่านด้วยพลังแห่งอำนาจ
“เราจะไปที่ห้อง...อย่าให้ใครไปกวน”
“กระหม่อม”
ชีคหนุ่มเดินลิ่วขึ้นไปยังบ้านพักเพื่อพักผ่อน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อเหลือบเห็นลอเรนซ์เดินวนเวียนรออยู่หน้าบ้านพัก ไนท์นิ่วหน้าอย่างหงุดหงิด ดูท่าเขาคงไม่ได้พักอย่างที่ตั้งใจเสียแล้ว
“กระหม่อมจะจัดการเอง”
“ไม่ต้อง...เราจะออกไปข้างนอกสักพัก  ไม่ต้องให้ใครตาม”
“แต่ฝ่าบาท...”
“ไม่ต้องห่วงหรอก  เราจะไม่ออกนอกเขตอารักขา”
“กระหม่อมขับรถนะให้”
“ก็เราอยากขับรถเล่น  จะให้เจ้าขับให้ทำไม”
“...กระหม่อม...”
ชายหนุ่มเดินลิ่วไปยังลานจอดรถ ทันทีที่พนักงานนำรถมาให้เขาก็ขับออกไปด้วยความเร็ว    ธุรกิจตัวใหม่ของเขาน่าจะไปได้สวย  ด้วยคู่ค้าคือตระกูลแฮมิลตัน ตระกูลใหญ่ที่ได้ชื่อว่าทรงอิทธิพลในโลกธุรกิจที่สุดตระกูลหนึ่งก็ยังไม่วายมีปัญหาอีกจนได้
ดวงตาสีน้ำตาลทองเป็นประกายกร้าวเมื่อนึกถึงสินค้ามูลค่าหลายล้านเหรียญ หากแฮมิลตันกล้าเล่นตุกติกกับเขาจริง  การจัดการกับตระกูลใหญ่อย่างนี้คงไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่เชื่อเถอะ อย่างไรเสียก็ฮาลีก็จะสืบหาความจริงมาให้เขาจนได้  ขนาดเรื่องลับๆของคู่ควงคนใหม่ของพี่ชาย เขายังได้รายละเอียดมาภายใน24ชั่วโมงนี่นะ
ไนท์กดเท้าที่คันเร่งมากขึ้นเมื่อนึกถึงจีนส์ คู่ควงที่ดูเหมือนจะกลายเป็นคู่รักจริงๆไปแล้ว  ทราวิสไม่เคยจริงจังกับใครขนาดนี้มาก่อน  เมื่อตอนที่เด็กคนนั้นกินยานอนหลับเกินขนาดทราวิสคร่ำครวญราวกับคนเสียสติ  ไม่อยากจะเชื่อว่าคนสุขุมเยือกเย็นอย่างทราวิสจะเป็นไปได้ถึงเพียงนั้น
รถสปอร์ตคันงามเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง จู่ๆก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งวิ่งออกมาจากทางแยกเล็กๆขึ้นมาบนถนน  ไนท์หักหลบทำให้รถที่วิ่งด้วยความเร็วสูงพุ่งข้ามราวกั้นข้างทางลงสู่ทะเลเบื้องล่าง ทันทีที่รถปะทะเข้ากับผิวน้ำระบบก็ล็อคทันทีโดยอัตโนมัติ เครื่องยนต์สำลักแล้วดับลงในที่สุดเมื่อรถจมลงสู่ใต้ผืนน้ำ
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาไม่กี่วินาที  แต่ชีคหนุ่มก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว เขาปลดเข็มขัดนิรภัยออกและพยายามเปิดประตูแต่ไร้ผล  แรงดันมหาศาลของน้ำทำให้ประตูเปิดไม่ออก  อีกไม่นานเขาก็จะขาดอากาศหายใจอย่างแน่นอนรามิลมองหาอุปกรณ์ที่จะช่วยทุบกระจกให้แตกแต่ก็หาไม่เจอ
แสงสว่างจากข้างบนค่อยๆลดลงทุกทีเมื่อรถจมลึกลง รถไหวยวบทั้งคันก่อนจะค่อยๆหยุดนิ่งอยู่กับที่ ฟิล์มกรองแสงทึบทำให้รอบตัวสลัวลางจนแทบไม่เห็นสิ่งใด  ชีคหนุ่มพยายามหาวิธีออกไปจากรถ ก่อนที่ออกซิเจนจะหมด
กึก!ๆๆ…ไนท์เกือบผวาเมื่อจู่ๆก็มีเงาใหญ่มาปรากฏที่กระจกหน้า  แต่เมื่อร่างนั้นเคลื่อนไหวจึงรู้ว่าเป็นคน  แม้จะยังไม่รู้ว่ามาดีหรือมาร้ายแต่เขาก็รู้สึกดีกว่าอยู่ลำพัง  ร่างที่มีเพียงแว่นดำน้ำแนบมองมาในรถก่อนจะชี้ไปที่เบาะหลังและให้สัญญาณมือว่าเขาจะทุบกระจกก่อนจะพุ่งตัวหายไป  ชายหนุ่มเลื่อนตัวไปเบาะหลังอย่างรวดเร็ว พร้อมกับถอดรองเท้าและถุงเท้าออก  เขาต้องให้ร่างกายเบาที่สุดคล่องตัวที่สุดก่อนออกจากรถ
ร่างนั้นหายไปครู่หนึ่งจึงกลับมา  รถสะเทือนยวบๆอยู่หลายครั้งกว่าที่กระจกหน้าจะแตก  น้ำพุ่งปราดเข้ามาด้วยแรงดันภายนอกทำให้ชายหนุ่มต้องก้มลงบังหลังเบาะเพื่อหลบเศษกระจกและวัสดุที่พุ่งเข้ามากับน้ำ
ทันทีที่แรงดันน้ำเริ่มอ่อนลงชีคหนุ่มก็พุ่งตัวผ่านกระจกหน้าออกไป เท้าเปล่าเปลือยกระแทกกับอะไรบางอย่างจนเจ็บแปลบ แต่ไนท์มุ่งความสนใจไปที่แสงสว่างข้างบนมากกว่า โดยมีมือหนึ่งคอยช่วยดึงเขาขึ้น
แต่กว่าจะถึงผิวน้ำอากาศก็หมด  ทำให้เขาสูดเอาน้ำทะเลเข้าไปเต็มที่  ในอกอึดอัดและมือเท้าอ่อนแรงลง ไนท์เกือบจมลงไปอีก โชคดีที่มือแข็งแรงนั้นดึงเขาพ้นจากน้ำเสียก่อน
“คุณ!เป็นไงบ้าง?”
ชายหนุ่มไอโขลกอาเจียนน้ำเค็มๆออกมา  แสบไปหมดทั้งโพรงจมูก
“...ค็อกๆ...ผม...ไหว...ผมว่ายเองไหวแล้วครับ”
“โอเค...ลอยตัวนิ่งๆดีกว่า ผมจะไปเอาเรือมารับ”
มือที่ช่วยดึงเขาขึ้นมาปล่อยแล้วก็ผละว่ายไปหาเรือที่ลอยลำอยู่ไม่ไกล  ไนท์ว่ายตามไป  คนที่นำมาก่อนจึงช่วยดึงเขาขึ้นเรือ
“ขอบคุณครับ”ไนท์ขอบคุณหอบๆขณะลูบน้ำออกจากใบหน้าและดวงตาที่แสบจนพร่า ใบหน้าคล้ำแต่ฟันขาวเป็นระเบียบสวยยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายอย่างอารมณ์ดี
“ไม่เป็นไรครับ…แต่ตอนเขาลากรถขึ้นมาคุณอาจขอบคุณผมไม่ออกก็ได้ผมต้องใช้ไอ้นี่...ถึงทุบกระจกหน้ารถคุณแตก”
ไนท์มองตามที่อีกฝ่ายชี้ถึงเห็นกุญแจเลื่อนเปียกๆวางอยู่ข้างลังเครื่องมือซ่อมรถที่ท้องเรือ  ชายหนุ่มหันไปมองหน้าอีกฝ่ายอย่างระแวง
“ออกทะเลต้องใช้ด้วยเหรอครับ?”
“ผมไปช่วยพี่สาวซ่อมรถที่เกาะโน้นแล้วลืมเอาไว้ นี่เพิ่งไปเอามาครับ”ชายหนุ่มตอบพร้อมกับรอยยิ้มกว้างขวาง
ไนท์มองใบหน้าคล้ำๆนั้นอย่างทึ่งๆเมื่อสังเกตเห็นความคมคายบนใบหน้าคล้ำเกรียมแดด  รูปร่างสูงได้สัดส่วนด้วยกล้ามเนื้อแบบคนที่ทำงานหนักทำให้ดูแปลกตาสำหรับเขา
สำหรับไนท์ รามิล ราจีสอับดุล เขาเห็นมนุษย์รูปงามมามากเสียจนเอียนแต่สิ่งที่สะดุดตาของคนตรงหน้าคือรอยยิ้มซื่อ แจ่มใส ที่เขาไม่ได้เห็นมานาน  มันทำให้เขาอดยิ้มตอบไม่ได้
“ผมชื่อแจ็ค  มิเคเน่  เรียกแจ็คเฉยๆก็ได้ครับ”
“ผมชื่อไนท์…ไนท์  จิงเจอร์  คุณเรียกผมว่าไนท์แล้วกัน”
“แล้วคุณไนท์จะให้ผมไปส่งที่ไหนละครับ?”
“ผมพักที่…คุณส่งผมที่หน้ายอร์ชโฮเทลก็ได้ครับ” ไนท์เปลี่ยนใจที่จะบอกที่พักแก่หนุ่มชาวประมง ภัยที่อยู่รอบตัวมาตั่งแต่เกิดทำให้เขาระวังตัวแจ
“ได้ครับ  ข้างหลังคุณมีเสื้ออยู่ตัว  เหม็นสาบหน่อยแต่คงแก้หนาวได้”
“ขอบคุณครับ”
ไนท์หยิบเสื้อแจ็คเก็ตมาสวมทับ  ได้กลิ่นโคโลจน์ปนกลิ่นเหงื่อนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้เหม็นเหมือนที่เจ้าของออกตัว นับว่าเป็นชาวประมงที่สำอางไม่น้อยสำเนียงฝรั่งเศสปนอังกฤษน่าฟัง ชีคหนุ่มมั่นใจว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ชาวประมงธรรมดาแน่  อย่างน้อยก็ต้องมีการศึกษาพอสมควร
แจ็ครู้สึกถึงความกดดันในดวงตาคมดุที่มองมาอย่างพินิจ  ถึงจะคุ้นเคยกับดวงตาเปี่ยมด้วยอำนาจของนายจ้าง แต่บรรยากาศกลับต่างกัน อาจเพราะหนุ่มแปลกหน้าที่เขาช่วยเป็นหนุ่มหน้าสวยแต่ตาดุอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  แม้จะเพิ่งเจอกันแต่ชายหนุ่มกลับเก็บรายละเอียดของหนุ่มต่างชาติได้มากมาย
เรือนร่างเพรียวค่อนข้างสูง ผิวสีทรายละเอียดจนเห็นสีระเรื่อบนแก้ม ปากบางแบบคนที่มีนิสัยเด็ดขาด  ผมสีน้ำตาลเหลือบแสงกับดวงตาสีน้ำตาลอมทองล้อมกรอบด้วยขนตายาวหนาเป็นแผงบอกถึงเลือดผสม   ถึงจะอยู่ในสภาพเปียกปอนแต่คนตรงหน้าก็ดูโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์และอำนาจที่แผ่ซ่านออกมาจนสัมผัสได้
โดยเฉพาะดวงตาคมกล้า เป็นความงามที่ผสมผสานกับความเหี้ยมโหดชวนให้มองแต่ก็น่าเกรงขามในที
 “คุณเก่งนะครับ  ลงไปช่วยผมได้เร็วมากเลย”  แม้จะวางท่าสบายๆแต่
แจ็คก็สัมผัสได้ถึงความระแวงระวังของคนตรงหน้า
“ดวงคุณดีมากกว่า  ผมเห็นตั้งแต่ตอนรถพุ่งมาจากข้างบน ไม่ทราบว่ารถขัดข้องอะไรเหรอครับถึงได้เกิดอุบัติเหตุ?”
“รถน่ะไม่มีปัญหาหรอกครับ  ผมขับเร็วแล้วเผอิญมีคนตัดหน้า”
“คนที่นี่ก็เป็นแบบนี้แหละครับ เขาเคยชินกับถนนว่างๆแล้วนิสัยสบายๆไม่รีบร้อน  แต่บางทีก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เหมือนกัน”
“แต่ว่าผมยังโชคดีที่ได้คุณช่วยไว้  ผมอยากตอบแทน…” ไนท์เอ่ยยังไม่ทันจบประโยค ชายหนุ่มตรงหน้าก็โบกมือว่อนแถมตอบสวนขึ้นมาทันควันด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ต้องพูดเรื่องนั้นเลยครับ  เป็นใครมาเจออย่างผมก็ต้องช่วยทุกคน…คุณโชคดีเพราะรถคุณมีระบบกันภัยที่ดีนะครับ  นี่ถ้ากระจกแตกตั้งแต่ตกน้ำคุณคงแย่กว่านี้”
“ครับ”
ไนท์รับคำยิ้มๆทั้งที่ยังไม่คลายความระแวง  มันบังเอิญมากไปหรือเปล่าที่เขาเกิดอุบัติเหตุแล้วหมอนี่ก็เห็นเข้าพอดี  แม้จะทำเป็นไม่รับการตอบแทนแต่ก็ใช่ว่าควรไว้ใจ  เมื่อไม่มั่นใจว่าคนตรงหน้าจะเป็นคนของศัตรูหรือแค่บังเอิญผ่านมาเจอเขาก็ควรนิ่งไว้ก่อน  หากหมอแสดงพิรุธออกมาเขามั่นใจว่าสามารถจัดการกับแจ็คได้ไม่ยาก
เรือเบนเข้าเทียบท่าอย่างนิ่มนวลบอกถึงฝีมือคนบังคับได้เป็นอย่างดี  ร่างสูงโดดขึ้นบนท่าอย่างคล่องแคล่วก่อนจะหันมาส่งมือให้ราวกับเขาเป็นผู้หญิง  ไนท์เกือบกระโดดสวนขึ้นไปให้หมอนี่หน้าแตกเล่นหากไม่เห็นดวงตาห่วงใยจริงใจเสียก่อน ชีคหนุ่มจำต้องส่งมือให้อีกฝ่ายดึงขึ้นเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ
ทันทีที่ขยับตัวอาการเสียวแปลบที่ข้อเท้าทำให้เขาต้องก้มลงมองอย่างประหลาดใจ  เลือดไหลทะลักออกมาจากแผลค่อนข้างยาวไหลอาบเท้าเปล่าเปลือยจนชุ่มโชก
“อ้าว!คุณได้รับบาดเจ็บนี่...ขอผมดูหน่อยครับ”
แจ็คก้มลงพิจารณารอยแผลอย่างละเอียดรอยบาดยาวอยู่ด้านหน้าคงไม่โดนเส้นเลือดที่สำคัญแต่ก็คงลึกเอาการเพราะเลือดไหลเยอะมาก
“สงสัยกระจกหน้าบาด ผมว่าคุณไปทำแผลก่อนดีกว่าครับ” ชายหนุ่มเงยขึ้นบอกอย่างหวังดี ทันได้เห็นสีหน้าอิหลักอิเหลื่อของคนเจ็บ
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอกลับโรงแรมดีกว่า ผมหายมานานเกรงทางโน้นจะเป็นห่วง”
“ไม่ได้ครับ ท่าทางแผลคุณจะลึก  ผมนี่สะเพร่าจริงไม่ได้สังเกตตั้งแต่แรกจะได้ห้ามเลือดไว้ก่อน” ประโยคหลังชายหนุ่มบ่นตัวเองงึมงำก่อนจะโดดกลับลงไปในเรือ  ร่างสูงปีนกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว  แล้วเอาเสื้อยืดสีขาวมาพันข้อเท้าให้ ไนท์เกือบสะดุ้งเมื่อแจ็คย่อตัวหันหลังให้เขาขี่  ชีคหนุ่มถอยก้าวหนึ่งอย่างลำบากใจ
“ผมว่า…ผมพอจะเดินเองได้นะครับ”
“ไม่ได้หรอกคุณ  ผมว่าเรารีบไปหาหมอดีกว่า  แผลลึกขนาดนั้นอาจจะติดเชื้อได้ง่าย  อีกอย่างเราก็ไม่รู้ว่ามีเศษกระจกค้างอยู่ในแผลหรือเปล่า  ถ้าคุณเคลื่อนไหวมากๆผมกลัวมันจะหลุดเข้ากระแสเลือด  คราวนี้ละเรื่องใหญ่แน่  มาครับรีบไปกันเถอะ”
ไนท์จำต้องขึ้นขี่หลังกว้างๆท่ามกลางสายตาของชาวเรือที่อยู่บริเวณท่าแผ่นหลังเปลือยค่อนข้างลื่นและร้อนเพราะเหงื่อ ยิ่งเดินไกลเหงื่อก็ยิ่งมากขึ้นแต่คนแบกเขาก็ยังเดินลิ่วๆด้วยความเร็วที่ไม่ลดลงสักนิด  ชีคหนุ่มหน้าชาเมื่อเหลือบเห็นคนที่เดินสวนมามองเขาแล้วหันไปซุบซิบกันใหญ่
“คุณแจ็คผมว่าผมเดินเองก็ได้นะครับ  ท่าทางคุณจะเหนื่อยแล้ว”
“ไม่ต้องห่วงครับเพราะถึงแล้ว  คุณหมอครับ!  คุณหมอ!...มาธาร์หมออยู่
ไหมครับ?”
“เด็กทะลึ่ง!มาถึงก็ส่งเสียงเอะอะเชียว หมอตรวจคนไข้อยู่สิยะ... อ้าว! แล้วนั่นพ่อคนนี้เป็นอะไรมา?” สตรีชรารูปร่างผอมบางหยอกเย้าอย่างสนิทสนม  แจ็คยิ้มกว้างตามเคย  ในคลินิกค่อนข้างเล็กสะอาดโล่ง         
“สงสัยจะกระจกบาดครับ  เขาเพิ่งเกิดอุบัติเหตุ ผมอยากให้คุณหมอช่วยตรวจให้ละเอียดหน่อย”  แจ็คอธิบายขณะวางคนเจ็บลงบนเก้าอี้  มาธาร์พลอยชะโงกเข้ามาดูข้อเท้าที่บัดนี้เสื้อยืดที่พันไว้ชุ่มไปด้วยเลือด
“เดี๋ยวฉันไปดูให้ว่าคุณหมอตรวจเสร็จหรือยัง” มาธาร์เดินหายเข้าไปในห้องด้านหลัง  แจ็คหันกลับมายิ้มให้อย่างปลอบประโลม
“ปวดมากไหมครับ?”
“ชาๆมากกว่าครับ”
“เดี๋ยวให้คุณหมอตรวจสักหน่อยดีกว่าครับ…”
“พาเข้ามาได้เลยจ้ะหมอว่างแล้ว” มาธาร์ออกมาเรียก  แจ็คผุดลุกขึ้นตั้งท่าจะอุ้มอีกครั้ง
“ไปครับ”
“ผมขอเดินเองดีกว่า”  ไนท์รีบห้าม  ด้วยไม่ชอบให้ใครถูกเนื้อต้องตัว
“ได้ครับ มาผมประคองให้”  ท่าทางกุลีกุจอนั้นดูจริงใจเสียจนไนท์ไม่อยากทำลายน้ำใจ  จึงยอมให้แจ็คช่วย
“ขอบคุณครับ”
ไนท์ถูกพาไปยังห้องตรวจด้านใน  แจ็คทักทายคุณหมอสูงวัยอย่างคุ้นเคยก่อนจะออกจากห้องไป หมอตรวจอาการอย่างละเอียดและทำแผลที่ข้อเท้าให้  โชคดีที่ไม่ต้องเย็บเพราะแผลไม่ลึกอย่างที่คิด
“อย่าให้โดนน้ำสักอาทิตย์ก็แล้วกัน”
“ขอบคุณครับหมอ”
“เป็นไงบ้างครับ ต้องเย็บหรือเปล่า?”  แจ็คชะโงกหน้าเข้ามาดูก่อนจะรี่เข้ามาประคอง
“ไม่ต้องเย็บครับ”
“แล้วนี่คุณจะกลับไปโรงแรมเลยหรือเปล่าครับผมจะได้ไปส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปแท็กซี่ได้  ต้องขอบคุณคุณแจ็คมากนะครับ ที่ช่วยผมไว้”
“เรื่องเล็กน้อยครับ  ส่วนรถคุณ...ผมว่าคงต้องรีบแจ้งให้เขามาเอาขึ้นให้นะครับ  เผื่อจะยังซ่อมได้”
“ขอบคุณครับ  คิดว่าเพื่อนผมคงจัดการให้ได้”
“รอเดี๋ยวนะครับผมจะไปเรียกแท็กซี่ให้” แจ็คผลุนผลันออกไปเร็วจนไนท์ ห้ามไม่ทัน  ครู่เดียวหน้าคล้ำๆก็โผล่เข้ามายิ้มเผล่
“ไปครับรถมารอแล้ว”
“ขอบคุณคุณแจ็คอีกครั้งนะครับ”
“ด้วยความยินดีครับ  โชคดีนะครับ” แจ็คยืนมองตามแท็กซี่ไปจนลับตา  ใจกระตุกวูบอย่างประหลาด  ลางสังหรณ์บอกเขาว่า บางอย่างในชีวิตเขากำลังจะเปลี่ยนไป

......ƒ......

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
ไคซัคชะงักเมื่อเห็นชีคหนุ่มลงมาจากแท็กซี่ เขากำลังจะออกตามเพราะทราบข่าวจากลูกน้องว่าชีคออกไปนกเขตและทหารองครักษ์ก็ตามไม่ทัน แต่จู่ๆชีครามิลก็กลับมาด้วยรถแท็กซี่ในสภาพที่เปียกปอนไปทั้งตัวและสวมเสื้อแจ็คเก็ตปอนๆเข้ามาในโรงแรม
ร่างเพรียวเดินลิ่วลงมาด้วยสีหน้าเฉยเมย  ทั้งที่เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้า
“ฝากจ่ายค่าแท็กซี่ด้วยไคซัค” น้ำเสียงราบเรียบไร้แววขึ้งโกรธ  แต่องครักษ์หนาวๆร้อนๆไปตามๆกัน  เพราะสายตาตำหนิของไคซัคที่ตวัดมองอย่างคาดโทษ
“กระหม่อม”
ไคซัคจ่ายเงินเสร็จกลับมาไม่เจอชีคหนุ่มจึงตามไปที่บ้านพัก   เสื้อผ้าเปียกชื้นอยู่ในตะกร้าแต่เสื้อแจ็คเก็ตถูกพับวางไว้บนโต๊ะ  ประตูห้องน้ำเปิดออกร่างโปร่งในชุดคลุมเดินเช็ดผมออกมา  ชายเสื้อคลุมที่พันทบไว้เรียบกริบทำให้ร่างโปร่งมองดูบอบบางยิ่งขึ้น
“ฝ่าบาท…เอ่อ...”ไคซัคตั้งใจจะถามถึงสาเหตุที่ทำให้บาดเจ็บแต่ไนท์กลับถามหาเรื่องงานขึ้นเสียก่อน
“ทางโน้นส่งข่าวมาหรือยัง?”
“ยังกระหม่อม”
“ถ้ามีข่าวก็เข้ามาบอกด้วย เราจะนอนพัก  ถ้าไม่มีเรื่องด่วนห้ามกวน”
“กระหม่อม”ไคซัครับคำแล้วหันไปหยิบตะกร้าผ้ากับเสื้อแจ็คเก็ตบนโต๊ะ
“นั่นจะเอาเสื้อไปไหน?”
“จะส่งซักกระหม่อม”
“ตัวนั้นไม่ต้องวางไว้บนโต๊ะนั่นแหละ”
“กระหม่อม”
ไนท์กินยาที่หมอให้แล้วหยิบโทรศัพท์ออกไปนั่งรับลมที่ระเบียง  นึกถึงคนที่อุตส่าห์แบกเขาไปจนถึงคลินิก ตาคมเหลือบไปมองเสื้อแจ็คเก็ตบนโต๊ะแล้วขมวดคิ้วนิดๆ เพราะมัวแต่วุ่นวายเรื่องทำแผลทำให้ลืมคืนเสื้อให้ ไม่รู้ว่าหมอนั่นจะลำบากหรือเปล่า  แม้จะยังไม่มั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องบังเอิญหรือเกิดจากการจัดฉากขึ้นมา แต่ก็ต้องให้คนเช็คประวัติแจ็คดู  คงน่าเสียดายไม่น้อยถ้าคนที่มีรอยยิ้มจริงใจแบบนั้นจะเป็นมนุษย์สองหน้า  RRRRRR…
เสียงโทรศัพท์ภายในปลุกให้ตื่นจากภวังค์  ไนท์เดินไปกดรับสายทันที
“ว่าไง?”
“ฮาลีติดต่อมาแล้วกระหม่อม”
“ดี…เอากาแฟมาแก้วด้วย”
“กระหม่อม”
ทันทีที่มีเรื่องงานเข้ามาความคิดเรื่องอื่นก็หายวับ ดวงตารื่นรมย์อ่อนแสงกลับเย็นชาดังเดิม  ชีคหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วแล้วตรงดิ่งเข้าห้องทำงานทันทีที่นั่งลงสัญญาณภาพก็ปรากฏขึ้น  หนุ่มหน้าทะเล้นผมดำยิ้มแป้นทั้งที่เรื่องที่จะรายงานเครียดจนแทบเดือด
“ไงฮาลี” รามิลทักทายหัวหน้าฝ่ายข่าวกรองอย่างสนิทสนม
“กระหม่อมได้หลักฐานชิ้นใหญ่มาถวายด้วย...แต่ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะโปรดไหม?”
“ว่ามาเลย”
“คนของเราเช็คจนแน่ใจแล้วกระหม่อม…มีปลวกรังใหญ่จะพยายามเจาะฐานบัลลังค์แฮมิลตันกับเรา ดูเหมือนเจ้าปลวกพวกนั้นพยายามแหย่ให้เราเล่นงานแฮมิลตันเพราะงานนี้อยู่ในความรับผิดชอบของริช  แฮมิลตันกระหม่อม”
“แล้วรู้จักปลวกตัวนั้นหรือยัง?”
“ขอเช็คเพื่อความแน่ใจอีกครั้งกระหม่อม” รอยยิ้มทะเล้นจางลงแสดงว่าคนที่ฮาลีสงสัยต้องไม่ธรรมดา
ไคซัคเข้ามาวางถ้วยกาแฟแล้วถอยออกมายืนด้านหลัง  ไนท์ยกกาแฟขึ้นจิบ  ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อยอย่างใช้ความคิดก่อนจะวางแก้วกาแฟลงเมื่อตัดสินใจได้เด็ดขาด
“เรากำลังจะย้ายไปพักร้อนที่ฮาวาย”
“อา…ดีจัง ที่นั่นมีโรงแรมชั้นหนึ่งในเครือแฮมิลตัน กระหม่อมคิดว่าเจ้าของควรไปต้อนรับแขกทรงเกียรติอย่างฝ่าบาทด้วยตัวเอง” ฮาลีแนะนำยิ้มๆและได้รับรอยยิ้มเย็นตอบแทน
“ดี!จัดการได้เลย”
“กระหม่อม”
สัญญาณภาพตัดวาบไป ไนท์ยังครุ่นคิดเงียบๆ ถึงจะได้รับการยืนยันจากฮาลี แต่ก็ควรต้องตรวจสอบ ริช แฮมิลตันอีกครั้ง เห็นทีคงต้องเลื่อนงานอื่นออกไปก่อน
“สงสัยเราต้องเดินทางกันอีกแล้ว”
“กระหม่อม…”
“จะไปไหนกันครับ?”
เสียงแทรกดังมาจากหน้าประตู ไนท์และไคซัคหันไปมองพร้อมกัน
“นี่เป็นบ้านพักส่วนตัวของฝ่าบาทคุณไม่มีสิทธิ์เข้ามา”ไคซัคตำหนิอย่างเหลือทน  นึกโมโหคนของเขาที่ปล่อยให้ลอเรนซ์เข้ามาโดยพละการ  เห็นทีต้องจัดระเบียบกันใหม่เสียแล้ว
ลอเรนซ์หน้าเจื่อนรีบหันไปมองชีครามิล  ดวงตาคมดุมองนิ่ง ใบหน้าเรียบเฉยไม่บอกอารมณ์ทำให้อีกฝ่ายได้ใจ  ลอเรนซ์หันกลับไปมองไคซัคตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเหยียดหยามเต็มที่
“นายเขาจะคุยกันไม่ใช่เรื่องที่แกควรสอดจมูกเข้ามา”
“ไคซัคเป็นทั้งราชองครักษ์และเป็นเพื่อนของเรา  ถ้ามิสเตอร์โซว์วาร์ดไม่มีธุระอะไรขอเราพักผ่อนตามลำพัง”
รอยยิ้มเย็นๆยังปรากฏบนใบหน้าเนียนสวย แต่คนฟังหน้าชา ยืนเซ่อราวกับถูกตบอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะกัดกรามกรอดแล้วจ้ำพรวดๆกลับไปบ้านพักด้วยความ แค้น
“ไคซัค...ไปตรวจสอบประวัติ ริช แฮมิลตันให้ที...ละเอียดยิบด้วยนะ”
“กระหม่อม”
“แค่นั้นแหละ...เราจะพักหน่อย”
“เอ่อ...บาดแผลของฝ่าบาท...”
“เรื่องเล็กน่า  ไปหาหมอมาแล้วด้วย”
“ทูลลากระหม่อม”
ไคซัคค้อมกายเคารพก่อนจะออกจากห้องไปอย่างเงียบกริบ  ไนท์ขยับข้อเท้าไปมาเพื่อทดสอบว่าเคลื่อนไหวได้ดีอยู่หรือไม่  แม้จะยังมีอาการเจ็บระบมอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนัก  ดวงตาดุทอดมองไกลไปยังทะเลกว้างและหาดทรายเบื้องล่างน่าเสียดายที่งานเร่งรัดจนต้องไปจากที่นี่ทั้งๆที่ยังไม่ได้เที่ยวให้ทั่วอย่างที่ตั้งใจ  ชีคหนุ่มลุกออกไปด้านนอกองครักษ์ที่เฝ้าอยู่ไม่ไกลรีบผุดลุกขึ้นทำความเคารพกันพรึบ  รามิลโบกมือไล่แล้วกลับเข้าบ้าน  ล้มเลิกความตั้งใจจะเดินเล่น  เบื่อที่จะต้องชักแถวตามกันเป็นพรวน ......ƒ.....                     

   เกือบเที่ยงคืนสัญญาณภาพจากฮาลีถูกส่งเข้ามา      ไนท์วางมือจากแฟ้มทันที
“ว่าไงฮาลี?”
“กระหม่อมมีข่าวไม่ค่อยดีฝ่าบาท”
“ว่ามา”
“เราได้ภาพจากวงจรปิดด้านหลังโกดังเก็บสินค้า กับที่ลานจอดรถขนส่งคนที่เข้ามาปลอมตราเราตรวจสอบแล้ว  เป็นคนของ...ฝ่าบาทฟาฮัส”
ไนท์นั่งตะลึงตัวแข็ง เย็นวาบไปทั้งหัวใจแล้วเปลี่ยนเป็นขมขื่น  แต่เสียงที่เอ่ยออกมากลับราบเรียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คนของเสด็จอาฟาฮัสงั้นเหรอ?”
“กระหม่อม”
“ตรวจสอบแน่แล้วเหรอ?”
“กระหม่อม”
“เช็คให้ละเอียดอีกที...เราต้องการหลักฐานที่มากกว่าภาพจากกล้องวงจรปิด”
“กระหม่อม”
ภาพสัญญาณตัดไปตั้งนานแล้ว  แต่ไนท์ยังจ้องหน้าจอมอนิเตอร์เขม็ง  ข่าวที่ได้รับใช่จะเป็นเรื่องใหม่ แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้ พยายามปลอบใจตัวเองว่ามันอาจเป็นเพียงการเข้าใจผิด  หรืออาจเกิดจากความผิดพลาดอะไรบางอย่าง  แม้อีกใจจะค้านด้วยรู้ถึงประสิทธิภาพของหน่วยข่าวกรองเป็นอย่างดีก็ตาม  แต่มันยากที่จะทำใจว่าคนที่ถือมีดซ่อนหลังไว้คือเสด็จอาฟาฮัส  คนที่เขารักและเทิดทูนมาตลอด  อาผู้แสนดีที่เคยเข้าอกเข้าใจเขาเสียยิ่งกว่าบิดาแท้ๆ
ชีคหนุ่มนั่งตัวตรงแน่ว หลับตานิ่งแต่คิ้วขมวดจนแทบชิดกัน  ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยเย็นชา ดูดุกระด้างขึ้นอีกเท่าตัว ทำให้องครักษ์ที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมแก้วกาแฟชะงัก  แล้วค่อยๆถอยออกไปโทรศัพท์หาไคซัค
   “หัวหน้าครับ”
“มีอะไรอามิล”
“เมื่อครู่มีข่าวจากคุณฮาลี  แล้วฝ่าบาทก็มีสีพระพักตร์ไม่ดีเลย”
“คอยดูแลห่างๆแล้วกัน  ถ้าไม่จำเป็นอย่าเข้าไปรบกวนเด็ดขาด  ฉันจะรีบกลับทันทีที่งานทางนี้เสร็จ”
“ครับผม”
                                       ............

ไนท์ถอนใจยาวเมื่อนึกถึงความโกลาหลของบรรดาองครักษ์ที่หา
เขาไม่เจอ  แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องไม่สมควรที่จะไปไหนเพียงลำพัง แต่ปัญหาหนักๆ ที่เผชิญอยู่ในเวลานี้ มันทำให้เขาหงุดหงิดจนไม่อยากเห็นหน้าใคร  อยากมีช่วง เวลาส่วนตัวที่จะได้คิดอะไรคนเดียวเงียบๆ หากไคซัคหรือฮาลีอยู่ด้วย ก็ยังพอหา คนพูดคุยได้บ้าง
ชีคหนุ่มเลือกใช้บริการรถเช่า เพราะทำให้ยากแก่การติดตามและไม่ค่อยเป็นที่สนใจนัก สองข้างทางมีแต่ร้านรวงและนักท่องเที่ยว  เมื่อคนมากขึ้นทิวทัศน์สวยๆก็เริ่มน้อยลงและถูกแทนที่ด้วยเมือง ความจอแจของการจราจรทำให้เขาไม่มีเวลาครุ่นคิดสิ่งใดนอกจากตั้งสมาธิอยู่กับการขับรถ
ขณะที่กำลังจอดติดไฟแดง  รถจี๊ปกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดในเลนส์ข้างๆ  ไนท์เหลือบมองด้วยสัญชาติญาณระวังภัย  ชีคหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเห็นคนขับได้ถนัด ไม่อยากเชื่อว่าโลกจะกลมกว่าที่เขาคิด 
ชั่วข้ามคืนเขากลับได้เจอแจ็คอีกครั้งจนได้  แต่ดูเหมือนแจ็คกำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตนเองเช่นกันจึงไม่เห็นเขา ทันทีที่สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว  ไนท์ก็ขับตามรถจี๊ปไปทันที 
แจ็คเลี้ยวรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง  ที่ดูเหมือนจะเพิ่งได้เวลาเปิดทำให้มีคนมาซื้อของยังไม่มาก  ลานจอดรถค่อนข้างโล่งและกว้าง  ไนท์ เลือกจอดรถห่างจากรถจี๊ปเพื่อไม่ให้แจ็ครู้ตัว
แจ็คตรงดิ่งเข้าไปแผนกของเด็กเล่นทำให้ชีคหนุ่มแปลกใจ  วัยขนาดนี้ไม่น่าที่แจ็คจะสนใจของเล่นพวกนี้  ดูเหมือนแจ็คจะเจาะจงเลือกเฉพาะของเล่นสำหรับเด็กเล็กเสียด้วย หรือว่าแจ็คจะซื้อของเล่นไปให้ลูก...
แจ็คเดินดูโน่นดูนี่อยู่ครู่หนึ่งก็เดินเลยไปแผนกหนังสือโดยไม่ได้ของเล่นแม้แต่ชิ้นเดียว  ไนท์เดินตามไปเรื่อยๆความตั้งใจจะเข้าไปทักทายแจ็คหายไป นึกสนุกกับการเป็นนักสืบเฉพาะกิจขึ้นมาทันที
ไนท์เกือบหัวเราะเมื่อเห็นแจ็คชะงักหยุดเดินแล้วเหลียวมองไปรอบๆอย่างระแวง นับว่าสัญชาติญาณของหมอนี่ใช้ได้ที่รู้สึกตัวว่ากำลังถูกตามเพราะมั่นใจว่าเขาพรางตัวได้ดี  จู่ๆแจ็คก็หันกลับมา  ดีที่เขามองผ่านเงาสะท้อนจากกระจกร้านขายเกมทำให้แจ็คไม่สังเกตเห็น  แจ็คเหลียวมองไปรอบๆช้าๆราวกับชมข้าวของ แต่ไนท์แน่ใจว่าแจ็คกำลังมองหาคนที่สะกดรอยมากกว่า  ชีคหนุ่มเกือบเดินตามอยู่แล้วหากไม่สังเกตว่าแจ็คมองผ่านเขาไปยังด้านหลังเขม็ง  ไนท์จึงมองตาม 
ชีคหนุ่มใจหายวูบแล้วเปลี่ยนเป็นโกรธ  เขาโกรธตัวเองที่ประมาทจนไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกตาม  ไนท์เปลี่ยนใจแยกจากแจ็ค  เขาไม่อยากดึงชายหนุ่มให้เข้ามาพัวพันด้วย  ชีคหนุ่มเข้าร้านโน้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น จนแน่ใจว่าสลัดคนที่สะกดรอยได้แล้วจึงย้อนกลับมาที่รถเช่า
จังหวะที่บิดกุญแจเพื่อสตาร์ท  จู่ๆลางสังหรณ์ก็ทำให้เขาหนาวเยือกทั้งตัว  ชีคหนุ่มเปิดประตูแล้วพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว  อากาศรอบๆตัวเขาเหมือนหยุดนิ่งก่อนที่จะระเบิดกึกก้องจนหูเขาอื้อ  แรงดันมหาศาลเหวี่ยงร่างเขาจนกระเด็นไถลไปใต้ท้องรถที่จอดอยู่ห่างออกไป  เนื้อตัวถูกลวกด้วยไอร้อนจนแสบวูบไปทั้งตัว  โดยเฉพาะแผ่นหลังเจ็บจนชาหมดความรู้สึก ทั้งที่ร่างกายหนักและปวดหนึบ  ในสมองเบลอมึนงงไปหมด  หูทั้งสองข้างถูกแรงอัดจนอื้อและเจ็บร้าว แต่สัญชาติญาณทำให้ชีคหนุ่มก็ยังกัดฟันลากตัวเองลึกเข้าไปใต้ท้องรถคันที่อยู่ในสุด    แรงระเบิดทำให้ไฟลุกโหมซากรถและระเบิดติดๆกันอีกสองครั้ง เพราะรถที่อยู่ข้างๆ ก็พลอยระเบิดไปด้วย
รองเท้าหนังเป็นมันปลาบสองคู่วิ่งผ่านรถคันที่เขานอนหลบอยู่  ได้ยินเสียงสนทนากันแว่วๆด้วยหูยังอื้อจากเสียงระเบิดเมื่อครู่
“หาให้เจอเร็ว”
“ระเบิดขนาดนี้ไม่เหลือซากหรอก”
“อย่าประมาท  ถ้าไม่เห็นศพก็ยังวางใจไม่ได้”
“แล้วจะไปดูได้ยังไง  ไฟลุกแรงขนาดนั้น”
“รอดูก่อนเดี๋ยวเจ้าหน้าที่ของห้างต้องหาทางมาดับไฟแน่”
“มาพอดี...แน่ะ!มากันเยอะเลย”
“หลบก่อนอย่าพวกมันเห็น”
เจ้าหน้าประจำห้างวิ่งมาพร้อมถังดับเพลิง  ไม่นานบริเวณนั้นก็คลาคล่ำไปด้วยฝรั่งมุง  ไนท์ค่อยๆคลานลอดออกมาให้พ้นจนถึงบันไดหนีไฟด้านหลัง  ชีคหนุ่มเกือบไปถึงบันไดแล้วหากแต่เหลือบไปเห็นรถจี๊ปของแจ็คเสียก่อน   ไนท์รีบปีนขึ้นไปบนรถที่เปิดโล่งทั้งคัน  ข้าวของด้านหลังจัดไว้เป็นระเบียบ  ไนท์กวาดรื้อข้าวของทุกอย่างให้กองสุมกันเพื่อพรางตัวก่อนจะสอดตัวเองลงไปใต้ผ้าเต็นท์สีเข้ม  ไม่ถึงอึดใจพวกมันก็วิ่งผ่านรถของแจ็คไป
“มันไม่อยู่ในรถได้ยังไง?”
“ก็มันมาคนเดียว  ใครจะสตาร์ทรถถ้าไม่ใช่มัน”
“รีบหาดูเถอะ  มันคงไปได้ไม่ไกลหรอก”
“โธ่โว้ย!ทำให้กูลำบาก  เจอเมื่อไหร่จะเชือดแม่งทีละชิ้นเลย”
เสียงฝีเท้าค่อยๆห่างออกไป  ไนท์ค่อยๆผ่อนอาการเกร็งตัว  เลือดจากบาดแผลไหลจนบริเวณที่เขานอนแฉะชื้นไปหมด  ตอนนี้ชีคหนุ่มไม่มีแม้แต่แรงจะขยับตัวด้วยซ้ำ  เขาไม่มีทางเลือกใดๆนอกจากรอให้เจ้าของรถกลับมา
   แจ็คไม่ได้ผลีผลามออกมาดูที่เกิดเหตุเร็วนัก  ชายหนุ่มลอบสังเกตการณ์อยู่ห่างๆจนกระทั่งแน่ใจว่าชายแปลกหน้าสองคนที่ตามเขาอยู่เมื่อครู่ไม่ได้อยู่แถวนั้นจึงกลับไปที่รถ
กว่าแจ็คจะฝ่าการจราจรที่กลายเป็นจลาจลด้วยความแตกตื่นของคนที่หนีออกมาจากห้างได้ก็เกือบครึ่งชั่วโมง  ยังดีที่เขารู้จักซอกเล็กซอยน้อยแถวนี้ดีจึงไม่ต้องติดเป็นตังเมอยู่บนถนนใหญ่
“...คุณแจ็ค...”
แจ็คเกือบสะดุ้งเมื่อจู่ๆก็ได้ยินเสียงครางแผ่วๆจากด้านหลัง  เขาเหลือบมองกระจกส่องหลัง  เห็นใบหน้าซีดเผือดโผล่ขึ้นมาจากกองข้าวของด้านหลังก็อุทานอย่างตกใจแกมประหลาดใจ
“คุณ!”  ชายหนุ่มค่อยๆชะลอรถแอบเข้าข้างทาง  แล้วเอี้ยวตัวไปดู
“เกิดอะไรขึ้นครับ...แล้วนี่คุณมาอยู่บนรถผมได้ยังไง?”
“เรื่องมันยาว...ตอนนี้ช่วยออกรถก่อนได้ไหม?” ไนท์พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วใบหน้าขาวซีด  เพราะอาการชาหายไปแล้ว ความเจ็บปวดกำลังแผ่ซ่านไปทั้งตัว
“แล้วคุณจะไปไหนครับ?”
“ไปคลินิก...แต่ไม่ใช่แถวนี้นะ...ขอเป็นไกลๆหน่อย เลือกที่ไม่ค่อยมีคนนะ...ได้ไหม?” ไนท์พยายามอธิบายทั้งๆที่ตาเริ่มพร่ามัว  สติเริ่มลอยไกลจนแทบทรงกายไม่อยู่ 
“คุณไม่สบายเหรอครับ?”
      “อย่า...เพิ่งซักเลย...รีบออกรถเถอะ” ไนท์ผลุบหน้าหายไปหลังเบาะอีกครั้ง
แจ็ครีบออกรถทันที ชายหนุ่มขับรถอยู่ครู่ใหญ่จึงหลุดออกมานอกเขตเมือง  ก็เห็นคลินิกแห่งหนึ่งจึงเลี้ยงรถเข้าไปจอด
“ถึงแล้วครับ...คุณไนท์...คุณไนท์ครับ...”
เงียบกริบ  ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ  แจ็คชะโงกไปมองข้างหลังอย่างสงสัย 
เต็นท์ผ้าใบกับข้าวของที่เขาจัดเรียงไว้ถูกรื้อจนกระจัดกระจายกองสุมกัน  ใบหน้าขาวซีดโผล่ออกมาจากกองเต็นท์เพียงนิดเดียวเท่านั้น  แต่ที่ทำให้แจ็คชะงักคือกลิ่นคาวฟุ้งของเลือดกับกลิ่นเหม็นไหม้คล้ายๆกลิ่นกำมะถัน  ชายหนุ่มแหวกผ้าเต็นท์ออกอย่างร้อนใจ
ร่างค่อนข้างเพรียวขดตัวตะแคงอยู่ชิดเบาะ  เสื้อเชิ้ตสีขาวมีรอยไหม้และมีคราบเลือด โดยเฉพาะด้านหลังที่ขาดวิ่นและโชกด้วยเลือดจนมองไม่เห็นว่าบาดแผลสาหัสแค่ไหน  แต่เลือดที่ไหลนองบอกให้รู้ว่าชายหนุ่มเสียเลือดไม่น้อย
 แจ็คประคองร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นมาอย่างตกใจ
“นี่คุณได้รับบาดเจ็บนี่  คุณไนท์...คุณไนท์...”
แจ็คคว้าเสื้อแจ็คเก็ตมาคลุมร่างบางก่อนจะอุ้มเข้าไปในคลินิกอย่างรวดเร็ว  โชคดีที่ไม่มีคนไข้อยู่ในร้าน  พยาบาลที่อยู่เคาเตอร์ด้านหน้ารีบวิ่งมาเปิดประตูให้เมื่อเห็นแจ็คอุ้มร่างโชกด้วยเลือดเข้าไป
“หมอครับเป็นไงบ้าง?”
“นี่เขาไปโดนอะไรมา  เหมือนไฟลวกแต่มีเศษโลหะกับคราบกำมะถันติดมาด้วย?” หมอเลื่อนถาดให้ดู  นอกจากเศษผ้ากอซชุ่มเลือด ยังมีเศษโลหะชิ้นเล็กๆหลายชิ้น  ตลอดเวลาไนท์แทบไม่รู้สึกตัวเลย
“เขาโดนลูกหลงระเบิดรถที่ห้างนะสิครับ”
“ไอ้ที่กำลังออกข่าวเนี่ยเหรอ?” สีหน้าระแวงของหมอทำให้แจ็ครีบรับสม-อ้างเพื่อกันไนท์ออกจากความยุ่งยากที่ตามมา
“ครับ  เขาออกมาเก็บของที่รถก่อนผมเลยโดนลูกหลงเข้าเต็มที่”
“ยังดีนะที่ไฟลวกแค่หลัง ถึงแผลไม่ลึกแต่กินบริเวณกว้างมาก แล้วเศษ
โลหะพวกนี้ก็ฝั่งอยู่ค่อนข้างลึก เขาถึงได้เสียเลือดไปมาก คงต้องคอยดูแลให้ดีเพราะแผลจะติดเชื้อได้ง่าย”
“ขอบคุณครับหมอ”
“ทางที่ดีคุณควรพาไปโรงพยาบาลนะ  จะได้เช็คให้ละเอียดอีกที?”
“ครับผมจะพาเขาไป  ขอบคุณหมอมากครับ”
แจ็ครีบพาไนท์ออกมา แต่สีหน้าของหมอทำให้ชายหนุ่มไม่กล้าพาไนท์ไปโรงพยาบาล  เพราะชักมั่นใจว่าไนท์คงมีส่วนพัวพันกับเหตุระเบิดที่ห้าง แต่เขาก็เชื่อว่าไนท์ต้องไม่ใช่คนร้ายแน่ 
ดูท่าตอนนี้ในเมืองคงไม่ปลอดภัยสำหรับไนท์ เพราะตำรวจน่าจะควานหาตัวผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ให้ควั่กไปหมดแล้ว  สภาพหมดสติเช่นนี้อาจทำให้ไนท์ได้รับอันตรายถ้าตกไปอยู่ในมือคนที่จ้องทำร้าย
          ♜...........♜...........♜

ขอบคุณที่ติดตามคะ :pig4:


ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
กี๊สสส ท่านไนท์เจอชายหนุ่มรูปงามซะแล้ว

รออ่านต่อจ้า

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
ตามมาเจอเรื่องที่สามแล้ว

เป็นเรื่องของแจ็คนี่เอง

อ่านเรือง เท็ดกาย ริชราเชล แล้ว สนุกมากค่ะ อ่านสองวันติดเลย ปวดตาไปหมด

รอตอนต่อไปค่ะ ขอบคุณที่นำเรื่องดี ๆมาแบ่งปันนะค่ะ o13



namtaan

  • บุคคลทั่วไป
บวก 1 แต้ม เป็นกำลังใจกับเรื่องใหม่นะีคะ
เห็นตั้งแต่วันแรกที่ลง แต่ยังไม่มีเวลาอ่าน
แค่ชื่อผู้แต่งก็รับประกันความสนุกแล้ว
ท่าทางเรื่องนี้ก็สนุกไม่แพ้สองเรื่องที่แล้ว
แถมตัวละครยังเกี่ยวข้องกันอีก ชวนติดตามมากๆค่ะ
ขอบคุณคนโพสต์มากๆนะคะ



ออฟไลน์ Cha Ris Ma

  • สาระไม่ค่อยมี...หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +670/-0

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
ตอนแรกนึกว่าเรื่องของใคร
รออ่านนะ :mc4:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เจอกันแต่ละทีท่านชีคแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ท่าทางคู่นี้จะทรหดสุดในบรรดา 3 คู่   :m2:

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1


เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เรื่องที่สามแล้ว


 :mc4:


ตามติดๆ 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
เรื่องนี้ออกแนวบู๊นะครับ  ยังไงก็ติดตามต่อไป

jokirito

  • บุคคลทั่วไป
ฮ่าๆๆๆๆ  มันส์ๆๆๆๆๆ   :z2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หืมเรื่องนี้พล้อตน่าสนใจมาก   :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
มารอค่าาาา

คิดถึง :L1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

OhJa

  • บุคคลทั่วไป
ว้าวๆๆๆ เรื่องที่สามแล้ว
แอบลุ้นไว้ว่าน่าจะเป็นแจ็ค   แล้วก็เป็นแจ็คจริงๆ
เรื่องน่าสนใจดีค่ะ  ดูลุ้นแล้วก็น่าติดตามดีค่ะ   :L2:

ออฟไลน์ in_nov

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
อ่านครบทั้ง 2 เรื่องแล้ว
สนุกมากค่ะ มีครบทุกรส ทุกอารมณ์
เรื่องที่ 3 รู้สึกว่าตัวละครจะเกี่ยวพันกับสองเรื่องแรก
เนื้อเรื่องน่าสนุกและน่าติดตาม

รออ่านค่ะ

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
ขอบคุณที่ติดตามผลงานของ คุณใบปอ นะคะ มาอ่านกันต่อเลยคะ

......

แจ็คตัดสินใจพาไนท์ไปยังหมู่บ้านริมทะเล ที่นั่นห่างจากตัวเมืองพอสมควรและยังรายล้อมด้วยป่า  ทำให้ง่ายแก่การหลบหนีหากถูกติดตาม ที่สำคัญที่นั่นเป็นถิ่นของเขาย่อมต้องปลอดภัยกว่าไปพักตามโรงแรมแน่
แม้แจ็คจะพยายามให้เบาแสนเบาแค่ไหนแต่ไนท์ก็สะดุ้งทุกครั้งที่รถตกหลุม   ดูท่าแผลคงบอบช้ำมาก ชายหนุ่มเอารถเข้าไปจนถึงบ้านแล้วจึงค่อยๆช้อนอุ้มร่างบอบบางเข้าไปอย่างระมัดระวัง
“...อือ...” ดวงตาที่เคยดุคมบัดนี้ลอยคว้างด้วยยังไม่รู้สึกตัวดีนัก
“คุณ...เป็นไงบ้างครับ?” แจ็คก้มลงมองจนใกล้  ดวงตาโตยังลอยไกล
“ไค...เราเป็นอะไร...ทำไมร้อน...อย่างนี้?”ภาษาอาหรับกระท่อนกระแท่นและแผ่วเบา  แต่ก็พอฟังรู้เรื่อง
“คุณได้รับบาดเจ็บครับ”
“...ใคร?...” คราวนี้ตาหรี่ปรือไหววับและพยายามจ้องหน้าเขาให้ชัด
“ผมแจ็คไงครับ...เมื่อวานเราเจอกันที่ทะเล  จำผมได้ไหม?”
“แจ็ค?...”
“ครับ” แจ็ครับคำหนักแน่นทั้งที่พอจะรู้ว่าไนท์คงยังจำอะไรไม่ได้แน่
“...แล้ว...นี่ที่ไหน?...” สีหน้าระแวงขึ้นมาฉับพลัน ไนท์ทำท่าเหมือนจะดิ้น  แต่บาดแผลที่หลังช่วยยับยั้งการเคลื่อนไหวไว้ ใบหน้าขาวซีดบิดเบี้ยวอย่างเจ็บปวด แจ็ควางร่างบางลงบนเตียงโดยให้ไนท์นอนคว่ำเพื่อกันไม่ให้แผลกระเทือน
ไนท์ยังคงพูดพึมพำไม่ได้หยุด แต่เสียงอยู่ในลำคอทำให้ได้ยินไม่ถนัด ท่าทางกระวนกระวายทำให้แจ็คต้องตบหลังมือขาวเบาๆเพื่อปลอบโยน  ขณะอีกมือกดไหล่บางไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว
“คุณไนท์ครับ...ไม่เป็นไรแล้วนะครับ  คุณปลอดภัยแล้ว”
ผมชื้นเหงื่อตกลงมารกใบหน้าซีดเซียวแจ็คจึงเสยขึ้นเบาๆ  ผิวสัมผัสเนียนละมุนมือจนชายหนุ่มแปลกใจ แม้คิ้วเรียวจะยังขมวดมุ่นแต่คงเพราะฤทธิ์ยาทำให้อาการทุรนทุรายจะลดลง  มีเพียงลมหายใจตื้นและแรง แบบคนเจ็บเข้ามาแทน
  แม้จะห่วงและกังวลกับอาการของคนเจ็บ แต่เขาก็ต้องตัดใจทิ้งไนท์ไว้คนเดียว  แจ็ครีบขับรถไปซ่อนไว้ที่ไร่อีกฟากของแม่น้ำเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอย เพราะหากถูกตามล่าจริง ก็จะทำให้ตามได้ยากขึ้น
ขากลับแจ็คเดินแกมวิ่งลัดเลาะไปตามป่าอย่างร้อนใจ  เขาทิ้งไนท์ไว้คนเดียวนานเกินไปแล้ว แต่นอกจากซ่อนรถแล้วเขายังต้องเข้าไปขอความช่วยเหลือจากคนในหมู่บ้านให้คอยเป็นยามให้ ถึงจะมั่นใจว่าเขาระวังตัวได้ดีแล้วแต่จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด
บ้านยังคงมืดและเงียบกริบจนเขากังวล  แจ็คภาวนาให้ไนท์ปลอดภัยและชายหนุ่มก็ถอนใจเฮือกอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าไนท์ยังหลับอยู่ในสภาพที่เขาจัดไว้ 
แจ็คจุดเตาผิงเพื่อให้ห้องอบอุ่นขึ้น  แล้วยกกะละมังน้ำอุ่นมาวางเตรียมเช็ดตัวให้  เสื้อคนไข้ที่หมอให้สวมมาแทนเสื้อเชิ้ตขาดวิ่นทำให้ถอดง่าย  ชายหนุ่มชะงักเมื่อเห็นรอยไหม้รอบๆนอกเหนือจากบริเวณที่ปิดผ้าพันแผลไว้  เพราะมันกินเนื้อที่เกือบตลอดแผ่นหลังขาวก็ว่าได้  ชายหนุ่มประคองร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นพิงอก  ใบหน้านวลแดงจัดด้วยพิษไข้ กลิ่นคาวเลือดและกลิ่นยายังไม่อาจกลบกลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างเพรียวได้ 
ดวงตาโตค่อยๆเผยอขึ้นและลอยคว้างอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะจับที่หน้าเขา ลมหายใจจากหน้าที่ห่างเพียงคืบร้อนระอุด้วยพิษไข้ ปากแห้งแตกขมุบขมิบพูดบางอย่างแต่ไม่มีเสียง แจ็คค่อยๆหยอดน้ำทีละน้อยแม้จะรู้ว่าหิวแต่ไนท์ยังไม่รู้สึกตัวดีนักอาจทำให้ไนท์สำลักได้ง่าย
“..ขอน้ำ...อีก”
“พอแล้วครับคุณต้องจิบทีละน้อย  ถ้าดื่มรวดเดียวคุณจะสำลัก”
“...อือ...”
“ผมจะเช็ดตัวให้”
ไนท์หลับตาอย่างอ่อนล้า มือใหญ่ค่อนข้างหยาบเช็ดคราบเลือด คราบไคลจากเขม่าและฝุ่นละอองออกจากร่างบางอย่างนุ่มนวลคล่องแคล่ว
ความที่มัวกังวลกับบาดแผลและอาการเจ็บป่วยทำให้แจ็คแทบไม่ได้สังเกตอะไรนอกจากตั้งหน้าตั้งตาเช็ดตัวจนไนท์สะอาดเอี่ยม ชายหนุ่มเลือกเสื้อเชิ้ตตัวโตที่ดีที่สุดมาสวมกลับหน้ากลับหลังเพื่อเปิดด้านหลังให้โล่งไว้  ก่อนจะประคองร่างบอบบางลงนอน
ไนท์ไข้ขึ้นจนเขาต้องคอยเช็ดตัวให้ทั้งคืนจนใกล้รุ่งอาการไข้จึงค่อยทุเลา แต่แจ็คก็ยังไม่วางใจพอที่จะนอนหลับได้ลง  เขาวนเวียนดูไนท์ระหว่างที่จัดข้าวของและทำความสะอาดบ้าน  เพราะไม่ได้มาพักที่นี่นานทำให้บ้านค่อนข้างรก  ยังดีที่เขาจ้างคนในหมู่บ้านมาทำความสะอาดห้องนอนให้อาทิตย์ละครั้ง ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องพาไนท์มานอนทั้งๆที่ฝุ่นเต็มห้องแน่
เสื้อผ้าที่เขาทิ้งไว้ที่นี่มีไม่กี่ชุดและเขาต้องแบ่งให้ไนท์สวม  แจ็คอยากออกไปซื้อของใหม่มาให้  แต่อาการของไนท์ยังหนักหนาจนไม่กล้าทิ้งไว้คนเดียวจึงทำได้เพียงซักสลับเปลี่ยนมาให้เท่านั้น
หลังจากเคี่ยวซุปจนข้นได้ที่แจ็คก็กลับเข้าไปดูคนป่วยอีกครั้ง  มือใหญ่ค่อนข้างหยาบแตะหน้าผากและซีกหน้าเกลี้ยงเบาๆ ดูเหมือนความร้อนจะลดลงแล้ว หน้าผากและไรผมชื้นด้วยเหงื่อ  แจ็คจึงเช็ดตัวให้อีกครั้งเพื่อให้คนเจ็บนอนได้สบายขึ้น
“อือ...” ไนท์ห่อตัวแล้วเบือนหน้าหนีผ้า  แจ็คยึดไหล่บางไว้ทันก่อนที่ไนท์จะพลิกตัวนอนหงาย
“ผมเช็ดตัวให้คุณจะได้ดีขึ้นไงครับ?”
“อย่า...หนาว...”
“คุณยังมีไข้ ต้องลดไข้นะครับ  เจ็บแผลไหม?”
“...เจ็บ...หิว...น้ำ...”
แจ็คค่อยๆหยอดน้ำลงปากแห้งผากทีละน้อยจนคนเจ็บประท้วง
“ขออีก”
แม้จะอยู่ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นแต่น้ำเสียงของไนท์ก็ยังวางอำนาจจนแจ็คนึกขัน
“ทีละนิดนะครับ  ดื่มรวดเดียวมากๆเดี๋ยวสำลัก...ทานซุบนิดนะครับจะได้ทานยา”
เปลือกตากว้างขยับขยุกขยิกอยู่ครู่หนึ่งจึงปรือขึ้นมองเขา  แต่ยังคงลอยๆคว้างๆเหมือนเมื่อคืน
“...ขอน้ำอีก...”
“ทานซุปนะครับ”
ไนท์จำต้องกลืนซุปขมขื่นในความรู้สึกลงไป  แต่เพียงไม่กี่คำเขาก็อาเจียนออกมา หลังหายอาเจียนแจ็คก็พยายามให้ไนท์กลืนยาลงไปจนได้ ชีคหนุ่มพยายามขยับตัวแต่ความเจ็บปวดทำให้ขยับไม่ได้อย่างใจ
“อย่างเพิ่งลุกนะครับ  คุณได้รับบาดเจ็บที่หลังต้องนอนนิ่งๆก่อน”
“...อึดอัด...”
“แต่ต้องทนก่อนนะครับ   แผลที่หลังคุณกว้างมากแล้วก็กำลังอักเสบด้วย”
“...ขอน้ำ..”
“นี่ครับ ช้าๆครับเดี๋ยวสำลัก”
“อืม” พอได้กินน้ำจนสมใจไนท์ก็ผล็อยหลับไปอีกครั้งอย่างอ่อนเพลีย
            ...... .......

ไนท์รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อมีสัมผัสแผ่วเบาที่ไล้ผ่านผิวหน้า ทิ้งความ เย็นชื้นเหลือไว้ทำให้สติสัมปชัญญะกลับคืนมาเต็มที่  ดวงตาที่พร่าพรายจับภาพ คนที่เคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆอยู่ครู่หนึ่งถึงจำได้
“…แจ็ค...”
“เป็นไงบ้างครับ...ปวดแผลไหม...หิวหรือเปล่า?”
“...นี่...ที่ไหน?”
“บ้านผมเอง...เฮ้!...นี่คุณรู้สึกตัวแล้วนี่” แจ็คอุทานอย่างยินดีเมื่อสังเกต
เห็นดวงตาคมกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แม้จะดูอิดโรยอยู่มากก็ตาม       
“...ผม...เป็นอะไรไป?”         
“คุณได้รับบาดเจ็บ  หนักเอาการ...เจ็บแผลมากไหมครับ?”         
“...ยังทนไหว...ผมอึดอัด...อยากนอนหงาย”         
“ไม่ได้ครับ  หลังคุณมีแผลไฟลวก” 
คำว่าไฟลวกกระตุ้นความทรงจำให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว  ไนท์สูดลมหายใจลึก  ความเป็นชีครามิล ราจีสอับดุลกลับคืนมาอีกครั้ง   น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจึงเย็นเยือกด้วยความเคยชิน     
“งั้นเหรอ...ลึกไหม?”         
“หมอบอกว่าลึกแค่ชั้นผิวเท่านั้นครับ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้  เพราะแผลค่อนข้างกว้าง  อีกอย่างมีเศษโลหะฝังในด้วย หมอต้องผ่าออกให้ อาจติดเชื้อได้ง่ายนะครับ”         
“แต่ให้นอนอยู่แบบนี้ทั้งวันคงไม่ไหว…” เสียงเย็นกลับทอดอ่อนอีกครั้งด้วยชีคหนุ่มเพิ่งสำนึกว่าเผลอแสดงความเป็นตัวตนมากไป  แม้สีหน้าแจ็คจะยังดูสงสัยแต่ความห่วงใยทำให้ชายหนุ่มมองข้ามกิริยาของไนท์ไปเสีย       
“ผมจะช่วยประคองลุกขึ้นนะครับ...ช้าๆ...เอาละ เจ็บมากไหมครับ...ต้องนั่งตัวตรงๆครับ  พิงไม่ได้”         
“ยังดีกว่านอนน่า..” ไนท์ตอบแต่นิ่วหน้าด้วยความเจ็บและแสบร้อนตลอดทั้งหลัง
 “ทานซุบนี่สักหน่อย จะได้ทานยาไงครับ”
ไนท์ฝืนกลืนซุปไปได้ไม่กี่ช้อนก็เลิกเพราะปากคอขมจนปร่าด้วยพิษไข้  แจ็คจัดยาให้ไนท์ก็ยอมกินแต่โดยดี  ยาแรงออกฤทธิ์เร็ว ทำให้ไนท์ทั้งง่วงและเพลียแต่ไม่อยากนอนคว่ำอย่างเดิม  แจ็คมองร่างบางที่ตาปรือแต่ยังทนนั่งโงนเงนไปมาอย่างแปลกใจ 
“นอนพักเถอะครับ”
“...ไม่เอา...อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว...ผมอยากนอนหงายหรือนอนตะแคงก็ได้”         
“แต่คุณมีแผลที่สีข้างด้วยนะครับ  นอนอย่างเดิมเถอะ  ดูสิคุณเพลียจนนั่งไม่ไหวแล้ว”       
“...ไม่...ขอผมนั่งหลับ...ก็ได้...”         
“เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ...พิงผมแบบนี้ดีขึ้นไหม” แจ็คเลื่อนตัวคนเจ็บเข้ามาพิงอกเขาเต็มที่  ไนท์ทำท่าเหมือนจะขืนๆตัว  แต่แล้วก็กลับยอมซุกซบแต่โดยดี           
“เจ็บ...กระดุมเสื้อ...” ไนท์นิ่วหน้า  กระดุมเสื้อเชิ้ตของแจ็คกดผิวจนเจ็บ  อาจเพราะไฟลวกทำให้ร่างกายเขาระบม ไม่ว่าจะโดนตรงไหนก็เจ็บไปหมดทุกที่ 
“อ้าว...เดี๋ยวนะครับ...เป็นไงบ้างครับ  สบายขึ้นไหม?” แจ็คปลดกระดุมเสื้อออกเพื่อไม่ให้ไนท์เจ็บ  แต่พิงอกกว้างอยู่ครู่เดียวไนท์ก็นิ่วหน้าอีก  เพราะเมื่อนั่งนานๆก็ทำให้รู้สึกแย่  หัวหมุนคว้างจนไม่อยากขยับเขยื้อนร่างกาย 
“ผมอยากนอนแล้วแจ็ค” ชีคหนุ่มกัดฟันบอกเบาๆ  ถึงจะเกลียดการนอนคว่ำ แต่เขาทนนั่งเวียนหัวอยู่อย่างนี้ไม่ไหว  แจ็คกลับเป็นฝ่ายเข้าใจด้วยคุ้นชินกับการดูแลบรรดาหลานๆดี
“อย่างนี้สบายกว่านอนคว่ำไหมครับ?” แจ็คถามขณะรั้งร่างบอบบางลงนอนบนอกเขาแทนที่จะนอนบนที่นอน
“อืม”
ไนท์หลับตาพริ้มทั้งที่รับรู้ได้ถึงหัวใจที่เต้นหนักๆจากอกเปลือย  กล้ามเนื้อ ตึงแน่นค่อนข้างเย็นอาจเพราะตัวเขาร้อนจากพิษไข้    การได้นอนแบบนี้จึงช่วยให้สบายขึ้นมาก ไนท์ขยับตัวอีกนิดเพื่อให้นอนได้สบายขึ้น  แม้ทั้งร่างจะแนบประกบชิดกับร่างหนาโดยมีแค่เนื้อผ้าบางๆของเสื้อกั้นไว้  แต่ไนท์กลับไม่รู้สึกรังเกียจ  ชีคหนุ่มนอนฟังเสียงหัวใจเต้นหนักสม่ำเสมอจนผล็อยหลับไป
แจ็คหยิบปอยผมนุ่มมาขยี้เล่นเบาๆ  ผมนุ่มเหมือนไหมทำให้เขานึกถึงบรรดาหลานชายที่ชอบมานอนเล่นบนอกเขาจนหลับไป  ถึงคนที่นอนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆแต่ความรู้สึกสงสารปนเอ็นดูนี้ก็แทบไม่ต่างจากที่เขารู้สึกกับหลานชายตัวน้อยๆของเขาเช่นกัน.......ƒ......   

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
.....
แสงสลัวรางยามเช้าทำให้ห้องสว่างขึ้น  แจ็คก้มมองผมยุ่งๆที่ซบอยู่บนอกเขาอย่างกังวล  แม้อุณหภูมิของร่างที่เขาสัมผัสจะไม่ร้อนจัดนัก  แต่ดูท่าจะยังมีไข้อยู่แน่นอน  เสียงลมหายใจสม่ำเสมอทำให้เขาไม่กล้าขยับตัวด้วยเกรงจะเป็นการปลุกคนป่วยขึ้นมาจึงได้แต่นอนนิ่งๆ  กลิ่นหอมน้ำหอมอ่อนอวลชวนให้เขาฉงนว่าทำไมยังคงอยู่ทั้งที่ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว   
มือที่เคยกำสาบเสื้อเขาไว้แน่นเลื่อนตกลงข้างตัว  แจ็คเหลือบมองก่อนจะดึงขึ้นมาดูใกล้ๆ  ดูท่าคนๆนี้คงได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี และคงไม่ใช่คนระดับเดียวกับเขา  ผิวเนียนละเอียดบางใสราวกับผิวเด็ก ไม่มีรอยด้าน  นิ้วยาวเรียวสวย  ปลายเล็บเจียนไว้สั้นแต่มีรอยคราบเลือดติดแห้งกรังทำให้แจ็คนึกตำหนิตัวเองที่ละเลยไม่ได้ทำความสะอาดให้เรียบร้อย ชายหนุ่มเหลือบมองแสงสลัวด้านนอกก่อนค่อยๆวางร่างบางลงบนที่นอน  เพื่อไปจัดเตรียมมื้อเช้าให้คนป่วย
ไนท์ขยับตัวแล้วนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ  แม้อาการแสบร้อนราวกับอยู่กลางกองเพลิงจะทุเลาแล้ว แต่สิ่งที่ตามมาคืออาการปวดตึงและระบมจนไม่อยากเคลื่อนไหว  เสียงกุกกักจากอีกห้องบอกให้รู้ว่าคนที่อุทิศตัวเป็นที่นอนให้เขาหายไปไหน
ทั้งๆที่ร่างกายยังปวดร้าวไปทั้งตัวแต่สภาวะเร่งเร้าตามธรรมชาติทำให้นอนอยู่ไม่ได้  ไนท์กัดฟันลุกขึ้น แม้ร่างกายจะไม่ไหวแต่ใจเขาสั่งว่าต้องทำให้ได้  ความเคยชินต่อการบังคับกายและใจมาตลอดชีวิตทำให้ไนท์ลุกขึ้นนั่งจนได้  หัวหมุนคว้างจนเหมือนพื้นจะตีตลบขึ้นหน้าแต่ไนท์ก็เท้าแขนยันพื้นไว้แน่น  เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องเปิดเข้ามา
“อ้าว!ลุกไหวแล้วเหรอครับ?”
“...ครับ...”
“โห!หน้าคุณซีดจัง ไม่น่าลุกขึ้นมาเลย  จะเอาอะไรก็บอกสิครับผมหยิบให้”
“ผม...อยากไปห้องน้ำ”
“ได้ครับ...มาครับผมช่วย”
แจ็คประคองร่างบางขึ้นช้าๆ แต่ท่าทางโงนเงนทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจอุ้มไปเสียเลย ไนท์จำต้องปล่อยให้ชายหนุ่มจัดการทุกอย่างให้แม้แต่ประคองให้เขาปลดทุกข์ เพราะหัวเขาหมุนคว้างจนทรงตัวเองไม่ไหว
ความอับยศอดสูทำให้ชีคหนุ่มต้องกัดกรามกรอด ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย  แจ็คเหลือบมองสีหน้าทุกข์ทนอย่างเห็นใจ  รีบแต่งกายให้แล้วอุ้มร่างเพรียวกลับมาที่ห้องจัดการป้อนอาหารและยา 
ตลอดเวลาไนท์นั่งพิงอกเขานิ่ง  หน้าแดงก่ำเมื่อครู่กลายเป็นซีดเผือด เมื่อแจ็คประคองร่างบางลงนอนจึงได้ยินคำขอบคุณเบาๆก่อนที่จะหลับตาเหมือนเพลียจัด  แจ็คเก็บถาดอาหารและเสื้อผ้าใช้แล้วออกไปจากห้องเงียบๆ
ทันทีที่ได้ยินเสียงปิดประตูไนท์ก็ลืมตาฉับพลัน  พยายามยกมือขึ้นแต่กลับสั่นไปทั้งตัวด้วยความเจ็บปวด ชีคหนุ่มตาลุกวาบในอกเดือดพล่านด้วยความ แค้น ใครก็ตามที่มันทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้ จะต้องได้รับการตอบแทนอย่าง -
สาสม  หากคราวนี้แจ็คไม่ช่วยไว้เขาคงเอาชีวิตไม่รอด  ดวงตากราดเกรี้ยวอ่อนแสงลงเมื่อนึกถึงแจ็ค ดูท่าแจ็คคงรู้ว่าเขาอายถึงได้พยายามทำทุกอย่างให้อย่างรวดเร็วและไม่พูดอะไรเลย...คนแปลกหน้าที่แสนอ่อนโยน...
เขาเป็นหนี้ชีวิตแจ็คถึง 2 ครั้งแล้ว  เห็นทีเขาคงต้องหาทางตอบแทนคนๆนี้ให้จงได้...........    

แจ็คชะโงกมองแล้วยิ้มให้เมื่อเห็นคนป่วยตะแคงหน้ามองเขาตาใส ความจริงเขาเข้ามาดูแล้วหลายครั้ง แต่เห็นไนท์ยังหลับเขาเลยไม่อยากรบกวน  สีหน้าและแววตาของไนท์ดูสดใสขึ้นมาก 
แจ็คแตะหน้าผากขาวเบาๆ ไออุ่นที่เกือบเป็นปกติทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้าง อย่างยินดี
“ไข้ลดแล้วละครับ...เดี๋ยวผมจะเช็ดตัวให้แล้วจะได้ทานอาหาร ทานยากัน”
“ขอบคุณคุณแจ็คมากเลยนะครับ  คุณช่วยชีวิตผมอีกครั้งแล้ว”
“คิดอะไรมากครับเราคงชะตาต้องกันมั้ง ผมจะประคองคุณลุกนะครับ...เจ็บหรือเปล่าครับ ค่อยๆนะครับ”
“...คุณเป็นบุรุษพยาบาลหรือครับ?” ไนท์ถามเสียงแผ่ว  ด้วยแปลกใจกับ ความคล่องแคล่วในการดูแลคนป่วยของแจ็ค
“หึๆ...ทำไมคิดอย่างนั้นละครับ?”
“ผมเห็นคุณดูแลผมคล่องยังกับเป็นมืออาชีพก็เลยสงสัย” ไนท์ตอบเก้อๆ รู้สึกหน้าร้อนๆ  เป็นครั้งแรกที่เกิดความไม่มั่นใจและกังวลใจว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้คนฟังขุ่นเคือง
“คงเป็นความเคยชินน่ะครับ สมัยเป็นนักศึกษาผมเคยเป็นอาสาสมัครตามโรงพยาบาลกับหน่วยฉุกเฉิน  แถมผมยังมีหลานๆหลายคน ก็เลยชินกับการดูแลคนป่วย”
“มิน่า...คุณถึงได้คล่องนัก”
แจ็คยิ้มกว้าง  มือใหญ่และหยาบเช็ดตัวได้นุ่มนวลรวดเร็วจนไนท์มองตามอย่างพิศวง  ทั้งๆที่ดูแข็งแกร่งแต่คนๆนี้กลับนุ่มนวลได้อย่างไม่น่าเชื่อ  มืออย่างนี้หากได้ปกป้องดูแลใคร คนๆนั้นคงอบอุ่นและวางใจได้อย่างแน่นอน
“ผมว่าคุณคงเป็นคุณพ่อที่ดี” ไนท์หลุดปากอย่างเผลอตัว
  แจ็คเงยขึ้นสบตายิ้มกว้างเหมือนเคย
“ฮะๆ...คงงั้นมั้งครับ  ถ้าผมหาเจ้าสาวได้นะ”
แจ็คหลิ่วตาให้อย่างล้อๆก่อนคว้าเสื้อผ้าที่ใส่แล้วออกไป ครู่เดียวก็กลับเข้ามาพร้อมถาดอาหาร  มื้อนี้ก็ยังเป็นซุปเหมือนเคย  แต่แปลกที่รสชาติถูกปากเสียจนไนท์กินได้หมด  แจ็คยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“ลองคุณทานได้อย่างนี้รับรองคุณต้องหายป่วยเร็วแน่”
“ผมละอายใจจริงๆที่ต้องมาเป็นภาระให้คุณอย่างนี้”
“อย่าคิดมากสิครับ  แล้วคุณอยากให้ผมติดต่อเพื่อนหรือญาติให้ไหมครับ?”
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนคุณจนเกินไป”
“ไม่เลยครับ...ป่านนี้ครอบครัวคุณคงเป็นห่วงแย่แล้ว”
“ผมมีองคะ...โอ๊ย!” ไนท์พยายามยั้งปากไว้จนเผลอกัดลิ้นตัวเอง  แจ็คเองก็ตกใจที่เห็นเลือดกบปากจึงรีบกุลีกุจอทำแผลให้จนลืมเรื่องที่คุยกันเสียสนิท ทำให้ไนท์โล่งใจ มันคงเป็นการไม่สมควรหากเขาจะเผลอเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนอื่นฟัง
หลังจากทำแผล  ยาก็ออกฤทธิ์จนไนท์ผล็อยหลับไปอีก
“อ้าว!เลยไม่ได้ถามเรื่องที่อยู่ญาติเขาเลย  ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”
แจ็คโคลงหัวก่อนจะลุกออกไปเตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็นของคนป่วย.............

   ไนท์ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เกือบค่ำแล้ว  ชีคหนุ่มกวาดสายตาไปรอบๆ
แต่ไม่เห็นแจ็ค บ้านเงียบจนรู้สึกวังเวง เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกังวลกับการที่ต้อง อยู่คนเดียว ทั้งที่ตลอดชีวิตเขาชื่นชอบเวลาที่ได้อยู่ลำพังที่สุด
เสียงประตูลั่นเอี๊ยดแผ่วเบา  ไนท์ขนลุกซู่ ความที่ต้องระวังตัวตลอดเวลา ทำให้ชีคหนุ่มระแวงขึ้นมาทันที  แม้ร่างกายจะเจ็บร้าวไปหมด แต่ไนท์ก็กัดฟัน ลุกขึ้นยืนจนสำเร็จ  ถึงจะเวียนหัวจนต้องเกาะข้างฝาไว้เพื่อพยุงตัว  แต่ไนท์ ก็ลากเท้าหนักอึ้งเลาะเรียบไปตามผนัง 
เสียงฝีเท้าเบาอย่างคนที่ถูกฝึกทำให้ชีคหนุ่มหลับตาลงอย่างคับแค้น  เขาไม่มีอาวุธใดๆในมือสักชิ้น  ร่างกายที่อ่อนแอขนาดนี้คงไม่มีทางเอาตัวรอดได้แน่  แต่เขาก็ขอเลือกที่จะไปตายเอาดาบหน้าดีกว่ารอให้คนอื่นมาฆ่า  ไนท์ตัดสินใจ ผลักหน้าต่างออกกว้างเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูเปิดผลัวะเข้ามา
“คุณไนท์!” แจ็คกระโจนทีเดียวเข้าไปรับร่างอ่อนเปียกที่ทรุดฮวบลงได้ทัน  ร่างที่เขาประคองไว้สั่นระริกทั้งตัว  เหงื่อเปียกโชกพอๆกับเลือดที่ซึมออกมาจาก ผ้าพันแผลด้านหลัง  ทำให้แจ็ครีบประคองไนท์กลับไปที่เตียง
“เกิดอะไรขึ้นครับ  คุณลุกขึ้นมาทำไม?  แย่ละเลือดซึมออกมาอีกแล้ว”
“ผมคิดว่าเป็น...ขโมย”
“อย่ากังวลเลยครับแถวนี้ไม่มีขโมยหรอก  ผมไปซื้ออาหารกับยา  ขอโทษ ด้วยนะครับที่ไม่ได้บอกคุณก่อน  เพราะเห็นคุณหลับอยู่  ไม่คิดว่าจะทำให้ตกใจ”
“ไม่ใช่ความผิดคุณหรอก...ผมต่างหากที่ไม่ดูให้ดี...ตื่นตูมไปเองแท้ๆ”
“ทนเจ็บหน่อยนะครับ  ผมต้องทำแผลให้คุณ”
ไนท์ไม่ปริปากเลยตลอดเวลาที่แจ็คทำแผลให้  กล้ามเนื้อแก้มกระตุกเป็นระยะเมื่อแจ็คค่อยๆลอกเอาผ้าพันแผลออก  ไฟลวกทำให้แผลแดงและเยิ้มด้วยน้ำเหลือง  ถึงหมอจะเลาะผิวหนังบางส่วนออกไป  แต่สภาพแผลก็ไม่น่าดูนัก  แจ็คทำแผลส่วนที่เศษโลหะเข้าไปฝังเรียบร้อยแล้วจึงประคองไนท์ลงนอน   ก่อนจะค่อยๆชโลมน้ำสีทองลงไปที่แผลไฟลวก
“อะไรครับ?”
“น้ำผึ้งครับ  น้ำผึ้งช่วยรักษาแผลสดให้แห้งได้เร็วขึ้น  ผมไม่อยากพันแผลคุณไว้มันจะอบและร้อน  เวลาแกะผ้าออกคุณก็เจ็บเปล่าๆ  เด็กๆในหมู่บ้านผมขนาดโดนไฟคลอกเขายังเอาน้ำผึ้งทา จะทำให้ไม่เหลือรอยแผลเป็น  นอกจากแผลลึกมากๆ…แสบหรือเปล่าครับ?”
“ไม่ครับ...เย็นๆ”
“เอาละครับเสร็จแล้ว  เหนียวหน่อยแต่ก็ไม่มีอันตรายอะไร  พักไปก่อนนะครับ ขอผมไปทำอาหารแป๊บเดียว”
“ครับ” ไนท์ยิ้มให้ทำให้แจ็คชะงักคล้ายลืมหายใจไปชั่วขณะ  ท่าทางของแจ็คทำให้รอยยิ้มของไนท์ค่อยๆจางลงด้วยความเก้อกระดาก
“เอ่อ...มีอะไรเหรอครับ?”
“คุณยิ้มสวยจัง...ทำไมถึงไม่ยิ้มบ่อยๆละครับ” แจ็คอุทานเสียงแจ่มใส  ไนท์ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆให้  ชายหนุ่มจึงค้อมตัวล้อเลียนแล้วออกไป ....... ƒ.....
........

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
....
สัญชาติญาณระแวงภัยทำให้ไนท์สะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก เงาของใครบางคนเคลื่อนเข้ามาชิดเตียง  ไนท์คลายอาการเกร็งตัวลงเมื่อจำสัมผัสของมืออุ่นที่แตะไหล่เขาได้
“อย่าส่งเสียงนะครับ” แจ็คกระซิบเสียงแผ่ว 
ไนท์เพิ่งสังเกตว่าห้องมืดผิดกว่าเคย เสียงนกดังขึ้นแว่วๆจากภายนอก  ไนท์นอนฟังอยู่ครู่หนึ่งจึงจับสังเกตได้ว่าเสียงนกเป็นจังหวะถี่ห่างกันเป็นระยะ  ในความสลัวรางแจ็คเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว  ครู่เดียวชายหนุ่มก็นำอะไรบางอย่างที่เย็นลื่นเป็นแผ่นยาวๆมาแปะจนทั่วแผลก่อนจะพันทับด้วยผ้าพันแผลจนแน่นแล้วจึงสวมเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งทับให้อีกที  แม้จะเจ็บแต่ไนท์ก็กัดฟันทน  ด้วยรู้ว่าแจ็คพยายามเบามือที่สุดแล้ว
“ทนหน่อยนะครับ  ผมต้องพาคุณไปแล้ว  มีคนตามเรามาที่นี่  เพื่อนผมส่งข่าวมา” 
แจ็คกระซิบเบาๆก่อนจะคลุมผ้าห่มผืนใหญ่ห่อตัวเขาไว้อีกชั้น  จากนั้นก็ค่อยๆประคองเขาขึ้นหลัง ไนท์คล้องแขนรอบลำคอแข็งแรงทันที เขาต้องทำตัวให้เป็นภาระน้อยที่สุดเพราะนอกจากตัวเขาแจ็คยังสะพายเป้ใบย่อมมาด้วย  แม้จะแปลกใจที่แจ็คไม่ถามถึงสาเหตุที่มีคนตามล่าเขา  แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลามาอธิบาย   แจ็คพาไนท์ลัดเลาะเข้าไปในป่ารกชัฏบนเนินสูง  ครู่หนึ่งจึงก็หยุดสังเกตการณ์หลังพุ่มไม้ใบหนา
รถยนต์สองคันดับไฟมืดแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน  คนในรถกรูกันเข้าไปในบ้าน  ถึงไม่มีแสงไฟเลย แต่แสงดาวก็ส่องให้เห็นเงาตะคุ่มเหล่านั้นได้  ไม่นานนักพวกมันก็ออกมา  และเริ่มกระจายกันค้นหา 
แจ็คหันมาประคองไนท์ขึ้นหลังอีกครั้งแล้วพาเดินลัดไปในความมืดอย่างรวดเร็ว  ท่าทางคุ้นเคยและคล่องแคล่วทำให้ไนท์วางใจ  ชีคหนุ่มเม้มปากแน่นด้วยความคับแค้น  โกรธที่เขาช่างอ่อนแอจนต้องพึ่งพาคนอื่นอยู่ตลอดเวลา  นี่ถ้าเขาไม่บาดเจ็บแจ็คคงไปได้เร็วกว่านี้...ไม่สิ ถ้าเขาไม่บาดเจ็บ  พวกมันจะไม่เหลือรอดกลับไปแม้แต่คนเดียวต่างหาก 
   ทางที่แจ็คพาเขาไปเริ่มสูงชันขึ้นเรื่อยๆ เสียงแจ็คหายใจหนักและแรงขึ้น
แต่ความเร็วของชายหนุ่มไม่ลดลงเลย  ไนท์แทบครางออกมาอย่างผิดหวังเมื่อแจ็คนำเขามาถึงหน้าผาสูงเบื้องหน้า...ทางตัน? 
แต่แจ็คกลับพาเขาบุกดงไม้ทึบเข้าไปจนถึงรอยแยกของแผ่นผา เป็นถ้ำลึกเข้าไปและมืดทึบ  ปากถ้ำมีเถาวัลย์ปกคลุมอยู่หนาแน่น  หากไม่ใช่คนรู้เส้นทางคงไม่มีทางหาเจอแน่  แจ็คคาดไฟติดหน้าผากแล้วเปิดจนสว่างเป็นลำ แสงจากไฟฉายกระทบหินงอกหินย้อยสะท้อนเป็นประกายเหมือนโรยด้วยกากเพชร  ภายในค่อนข้างอับและไม่สูงมากนัก แจ็คค่อยๆเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังเพราะไม่อยากให้คนที่อยู่บนหลังกระทบกระเทือนไปมากกว่านี้
   สิ้นสุดทางคดเคี้ยวคือห้องในถ้ำค่อนข้างใหญ่  มีช่องทางเล็กๆหลายช่องทางแยกออกไป  แต่แจ็คกลับหยุดแหงนมองผนังตะปุ่มตะป่ำด้วยหินงอกหินย้อยค่อนข้างชัน  ไนท์แหงนมองอย่างตกใจเมื่อเห็นแจ็คดึงเชือกขดใหญ่ออกมาจากเป้
   “แจ็ค...คุณจะทำอะไร?”
“เราต้องปีนข้ามไปครับ  บนโน้นมีถ้ำใหญ่  เราจะไปอาศัยกันที่นั่น”
“แต่คุณจะปีนทั้งๆที่แบกผมอยู่เนี่ยเหรอ?”
“ครับ”
“อย่าดีกว่าแจ็ค  มันอันตรายนะ  คุณวางผมลงเถอะ  มาถึงนี่แล้วพวกมันคงตามมาไม่เจอหรอก”
“มันก็ไม่แน่หรอกครับ  เพราะไม่ใช่จะมีแต่ผมที่รู้จักปากถ้ำนี้  แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ  ถ้ำบนโน้นมีผมคนเดียวที่รู้รับรองได้”
“แต่คุณจะปีนขึ้นไปยังไง?”
“เชื่อมือผมน่า รับรองว่าผมพาคุณขึ้นไปได้แน่” 
แจ็คเหวี่ยงตะขอขึ้นไปจับกับแง่หินด้านบนอย่างแม่นยำ  ชายหนุ่มลองกระตุกดูความมั่นคงแล้วหันมายิ้มอย่างมั่นใจ
“เจ็บหน่อยนะครับ ผมต้องยึดคุณไว้ให้แน่น” แจ็คอธิบายขณะคล้องผ้าผืนยาวมัดตัวไนท์ติดกับหลังเขาแน่นขึ้น  ไนท์ไม่ปริปากแม้จะรู้สึกเจ็บแผล  เพราะไม่ต้องการให้เป็นภาระให้แจ็คมากกว่านี้
ไนท์อยากห้ามแต่แจ็คเริ่มไต่ผนังสูงชันอย่างรวดเร็ว ถึงจะรู้สึกว่าแจ็คเตรียมตัวมาพร้อม  แต่เชือกที่โรยลงมายึดพวกเขาก็เส้นไม่ใหญ่นัก  ไม่น่าจะทานน้ำหนักคนสองคนได้   แน่นอนว่าถ้าพลาดทั้งเขาและแจ็คอาจจะต้องร่วงลงไป  ไนท์มองเสี้ยวหน้าชุ่มเหงื่ออย่างพิศวง ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่ไม่เคยมีสนิมสนมคุ้นเคยกันมาก่อนเหตุใดถึงต้องช่วยเหลือผู้อื่นจนเอาชีวิตตัวเองเข้ามาเสี่ยงขนาดนี้
   แจ็คหยุดพักถึง3ครั้งกว่าที่จะพาเขาขึ้นมาถึงชานกว้างด้านบนได้  ลมเย็นพัดผ่านทำให้อากาศบนนี้โปร่งกว่าข้างล่าง  แจ็คหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่งจึงแบกเขาเดินลึกเข้าไปด้านใน  มีโพรงเล็กโพรงน้อยเต็มไปหมด  ชายหนุ่มเลี้ยวเข้าซอกโน้นออกซอกนี้หลายครั้งกว่าที่จะพาเขามาพักที่โพรงไม่กว้างนักและค่อนข้างอับลมทำให้ลมเย็นจัดพัดเข้ามาไม่ถึง
แจ็คค่อยๆประคองร่างในห่อผ้าห่มลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง  ผ้าในเป้ที่สะพายมาถูกลาดลงกับพื้นอย่างรวดเร็วก่อนที่จะประคองไนท์ลงนอนคว่ำบนนั้น
   “เอามาให้ผมรองนอนจนหมดแล้วคุณจะห่มอะไร?”
“อย่าห่วงเลยครับ  ที่นี่ไม่หนาวหรอก  แต่คุณยังมีไข้อาจรู้สึกว่าหนาว”
“เราก่อไฟไม่ได้เหรอ?”
“ตรงนี้ค่อนข้างอับลม  ควันจะไม่มีทางระบายออก เราจะเป็นอันตรายได้ แต่ถ้าเลือกบริเวณที่โล่งนักเกรงว่ากลิ่นควันจะทำให้พวกนั้นตามเราได้ครับ  ทนหนาวสักคืนนะครับ  พรุ่งนี้ผมจะพาคุณเข้าเมือง  รับรองว่าคุณจะปลอดภัย”
ไนท์นอนมองหนุ่มลูกทะเลอย่างไม่สบายใจนัก  ขนาดเขามีทั้งผ้าห่มผ้ารองนอนยังเย็นเยือก  แต่แจ็คไม่มีอะไรเลยนอกจากเสื้อผ้าชุดเดียว  ถึงจะอ้างว่าเขามีไข้แต่ไนท์แน่ใจว่าอากาศต้องหนาวไม่น้อย  แจ็คนั่งกอดอกพิงผนังถ้ำนิ่ง แต่ไนท์รู้ว่าเขายังไม่หลับ
   “คุณแจ็ค”
“ครับ...เป็นอะไรหรือเปล่า?”แจ็คขยับเข้ามาหาทันทีที่เรียก
“คุณมาห่มผ้ากับผมก็ได้  ทนนั่งอยู่อย่างนั้นทั้งคืนไม่ไหวแน่”
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ คุณพักผ่อนเถอะ”
“แต่ผมว่าห่มสองคนจะอุ่นกว่านะ  มาเถอะครับ  ขืนคุณนั่งอยู่อย่างนั้นผมคงนอนไม่หลับแน่”
แจ็คลังเลเล็กน้อยก่อนจะเข้ามานอนข้างๆ  ผ้าห่มดูเหมือนอุ่นขึ้นเมื่อมีไอตัวของแจ็คเข้ามา  ไนท์พยายามนอนนิ่งๆแต่อาการปวดที่หลังก็ทำให้ทรมานขึ้นทุกที 
“ปวดแผลหรือเปล่าครับ?” แจ็คถามเบาๆเพราะสัมผัสได้ถึงอาการหายใจสะดุดๆของคนข้างๆ
“...ครับ..”
แจ็คประคองไนท์ลุกขึ้น  ค่อยๆคลายผ้าที่พันออกเล็กน้อย  ก่อนจะดึงร่างบอบบางขึ้นมานอนบนอกเหมือนเคย ทำให้นอนได้สบายขึ้น  ไนท์หลับตาลงแม้จะรู้สึกประหลาดใจที่ตนเองไว้ใจแจ็ค แต่เมื่อได้นอนบนอกอุ่นกลับผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว ......ƒ......   
   
เสียงนกและเสียงสัตว์ร้องได้ยินไกลๆ  ไนท์ตื่นขึ้นมาเพราะอาการปวดระบมทั้งตัว  ดูเหมือนเขาเริ่มจะมีไข้และแผลก็ปวดกว่าเมื่อวานมาก แจ็คคงตื่นนานแล้วเพราะทันทีที่เขาลืมตาก็เห็นดวงตาวาววามจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว
    “อรุณสวัสดิ์ครับ”
“อรุณสวัสดิ์ครับ...ทำไมไม่ปลุกละครับ  ผมเลยนอนสบายอยู่คนเดียว”
ไนท์ต่อว่าเบาๆ  ใบหน้าร้อนผ่าวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ชีคหนุ่มได้แต่โทษว่าเป็นผลของพิษไข้ที่ทำให้เขารู้สึกใจเต้นผิดปรกติอย่างนี้
“ก็เพราะเห็นคุณนอนสบายถึงไม่ปลุก  เมื่อคืนคุณนอนกระสับกระส่ายทั้งคืนเพิ่งมาหลับสนิทเอาตอนใกล้สว่างนี่เอง”
“ผมเลยทำให้เราเดินทางช้าลงไปอีก” 
“ไม่ใช่หรอกครับ ยังไงๆก็ต้องรอจนสัญญาณจากทางหมู่บ้านก่อนแล้วเราค่อยเดินทาง”
“หมายความว่าเพื่อนคุณรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหนเหรอครับ?”
“เขารู้ว่าผมอยู่ในป่า  แต่ไม่รู้หรอกครับว่าอยู่ตรงไหน?”
“แล้วเขาจะส่งข่าวให้คุณรู้ได้ยังไงครับ?”
“ควันไฟไงครับ”
“ยังไงครับ  ทำแบบอินเดียแดงสมัยโบราณนะเหรอ?”
“คล้ายๆอย่างนั้นแหละครับ วัสดุที่เอามาก่อไฟจะให้ความหนาแน่นของควันที่แตกต่างกัน  เป็นสัญญาณที่รู้กันในหมู่พวกเรา  ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร”
ไนท์พยักหน้า  ท่าทางไม่ประหลาดใจนัก   ทั้งที่ควรจะสงสัยว่าทำไมหมู่บ้านเล็กๆต้องมีการส่งสัญญาณควัน  คนในหมู่บ้านช่วยกันคิดวิธีนี้ขึ้นมาเพื่อปกป้องแจ็คโดยเฉพาะ  ทำให้เขารอดพ้นจากการตามล่ามาตลอด
 แจ็คเปิดกระป๋องซุปสำเร็จรูปมาให้ไนท์และขนมปังสำหรับตัวเอง  หลังมื้อเช้าแจ็คก็ทำแผลให้ไนท์ใหม่  สิ่งที่ไนท์คิดว่าเป็นแผ่นเจลที่แท้คือว่านหางจระเข้ แจ็คตัดก้านใหญ่ใส่มาในเป้อีกหลายอัน  ชายหนุ่มปอกเอาเปลือกออกและนำเนื้อที่เป็นเจลใสๆไปล้างจนหมดยางแล้วแบ่งเป็นแผ่นบางๆ ก่อนจะแปะลงไปบนแผลแล้วจึงพันผ้าทับอีกครั้ง  สิ่งนี้เองที่ทำให้แผลไม่ติดกับผ้าจนเจ็บ 
   “ทนหน่อยนะครับ ผมต้องพาคุณเดินไปอีกนานต้องระวังไม่ให้แผลติดเชื้อ”
“ผมทนได้ครับ  ขอบคุณที่เป็นห่วง”
“เดี๋ยวผมจะออกไปรอดูสัญญาณ  คุณพักผ่อนไปก่อนนะครับ”
แจ็คหายไปครู่ใหญ่จึงกลับเข้ามา สีหน้าชายหนุ่มไม่ค่อยดีนัก
“ไม่มีสัญญาณเหรอครับ?”
“พวกนั้นยังอยู่ในหมู่บ้านครับ  ผมเกรงว่าจะไม่ได้มีแค่ในหมู่บ้าน  อาจจะดักรอเราอยู่รอบนอกด้วยก็ได้”
“แล้วจะทำยังไงครับ?”
“มีทางเชื่อมต่อกับในเมืองอีกเส้นทางหนึ่งครับ  แต่คุณจะลำบากมาก”
“ผมทนได้  ความจริงคุณไม่น่าจะต้องมาเดือดร้อนเพราะผมด้วยซ้ำ  แต่คุณอุตส่าห์ช่วยผมขนาดนี้แล้วผมจะเป็นภาระให้คุณได้ยังไง”
“อย่าคิดอย่างนั้นสิครับ  เอาเถอะครับ  ถ้าคุณคิดว่าไปไหว เราจะเดินทางกันเลย  คิดว่าค่ำๆคงถึง”
แจ็คแบกร่างบางขึ้นไหล่อีกครั้ง  ชายหนุ่มไม่ได้พาไนท์กลับเส้นทางเดิมอย่างที่ไนท์คิด  แต่พาไต่ลงอีกด้าน  ซึ่งดูจะเป็นป่าหนาทึบกว่าด้านที่ผ่านเข้ามาเมื่อคืน  ไนท์มองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง  แม้แจ็คจะดูชำนาญเส้นทางแต่เขาก็อดห่วงไม่ได้  ด้วยไม่รู้ว่ากลุ่มที่ตามมาจะมีความเชี่ยวชาญมากแค่ไหน 
แผ่นหลังกว้างเปียกโชกด้วยเหงื่อ แต่แจ็คเร่งเดินไม่หยุด  ป่าที่หนาทึบ อบร้อนด้วยไม่มีลมพัดผ่าน  กิ่งไม้คมเฉียวผ่านผิวจนแสบ  ขนาดแจ็คคอยแหวกให้ก็ยังมีบางส่วนที่เล็ดลอดมาโดนเอาบ่อยๆ  ไนท์ลอบมองหน้าชุ่มเหงื่อด้วยความเป็นห่วง จู่ๆแจ็คก็ชะงักเหลียวขวับมามองจนเขาหลบตาไม่ทัน
“เจ็บแผลหรือเปล่าครับ  ผมมัวแต่รีบเดินไม่ทันนึก  พักก่อนไหมครับ?”
“คนที่ควรถามน่าจะเป็นผมมากกว่า คุณแบกผมเดินมาตั้งนานแล้ว  น่าจะ พักได้แล้วนะ”
“ยังหรอกครับ  แถวนี้ไม่ค่อยปลอดภัยนัก  ถ้าคุณไม่เหนื่อยเกินไป  เราคงต้องเดินกันอีกหน่อย”
“แต่คุณไม่พักเสียหน่อยเหรอแจ็ค?”
“ยังไม่ได้ครับ...ไปต่ออีกหน่อยนะครับ”
แจ็คเดินดุ่มไปข้างหน้า ยาวนานในความรู้สึกของไนท์กว่าที่แจ็คจะหยุดมองไปรอบๆก่อนจะค่อยๆปลดเขาลงวางที่โคนไม้ใหญ่
“พักได้แล้วครับ...ปวดแผลมากไหมครับ?” แจ็คถามเสียงอ่อนขณะช่วยแกะผ้าห่มที่ห่อตัวเขาออกอย่างระมัดระวัง  กิริยาที่แตะต้องบาดแผลเขาอย่างอ่อนโยนนั้นทำให้หัวใจของชีคหนุ่มไหววูบอย่างประหลาด
ไนท์จ้องหน้าคล้ำนิ่งจนชายหนุ่มหันมาสบตา  ดวงตาที่เหมือนจะสื่ออะไรถึงกันได้มากกว่าคำพูด  แจ็คเกือบสะดุ้งเมื่อมือขาวเช็ดเหงื่อออกจากหน้าเขาอย่างนุ่มนวล  ผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่ติดอยู่ในกระเป๋ากางเกงเปื้อนเป็นคราบทันที 
“โธ่!ผ้าเช็ดหน้าสกปรกหมดแล้วครับ”
“เปื้อนก็เปื้อนสิ  ผ้าเขาเอาไว้เช็ดหน้านี่  ไม่ได้เอาไว้ประดับ”
“ทราบครับ  แต่ผมเสียดาย  หน้าผมมอมขนาดนี้คุณเอามาเช็ดมันจะซักไม่ออกเอาสิครับ”
“ดี..ผมจะได้เก็บไว้เป็นที่ละลึก  จริงสิ! วันก่อนผมลืมคืนเสื้อให้คุณ”
“ไม่เป็นไรครับ  คุณจะได้มีของที่ละลึกจากผมหลายๆอย่างไง”
“ถึงไม่มีอะไรเลยผมก็ไม่มีวันลืมคุณหรอก”
ทั้งๆที่คำพูดของไนท์ไม่ได้มีความหมายอะไรลึกซึ้ง  แต่แจ็คกลับหน้าร้อนวูบ หัวใจเหมือนจะโลดแรงขึ้นมาดื้อๆ
   เสียงครางครืนไกลๆเหมือนระฆังช่วย  แจ็คแหงนขึ้นมองท้องฟ้าที่ค่อยๆมืดครึ้มอย่างกังวล 
   “สงสัยฝนจะตก  เราต้องรีบไปให้ถึงที่หลบฝน  แถวนี้เป็นร่องน้ำ หากฝนตกหนักมากๆอาจมีน้ำป่าไหลบ่าลงมาได้”
แจ็คประคองร่างบางขึ้นหลังอีกครั้ง  คราวนี้เขาเร่งเดินแทบเป็นวิ่ง  ไนท์ยึดไหล่กว้างแน่น  เพื่อให้แจ็คเคลื่อนไหวคล่องตัวที่สุด   ลมพัดจนใบไม้ปลิวว่อนเมื่อแจ็คพาเขาไต่ขึ้นหน้าผาชันอีกครั้ง  ฝนเริ่มหยดลงมาเม็ดใหญ่ทำให้การปีนยากขึ้นด้วยความลื่น
กว่าจะถึงซอกถ้ำเล็กๆบนหน้าผาแจ็คก็หอบจนตัวโยน  ชายหนุ่มปลดร่างบางลงวางกับพื้นแล้วนอนแผ่หลาข้างๆทันที  เสียงลมและฝนดังสนั่นไล่หลังมา  ไม่นานไอฝนเย็นเฉียบก็สาดเข้ามา  แจ็คยันตัวลุกขึ้นอุ้มร่างบางเดินโซเซเข้าข้างในจนฝนสาดมาไม่ถึงจึงค่อยนั่งพัก 
ไนท์พยายามคลายผ้าที่ห่อตัวออกเอง  ด้วยไม่อยากเป็นภาระให้แจ็คมากนัก  แต่ดูเหมือนแจ็คจะหลับไปแล้วด้วยความอ่อนเพลีย  ชีคหนุ่มพยายามเก็บเศษไม้เท่าที่เห็นมารวมเพื่อก่อไฟ  แต่ขาที่สั่นเทาไม่ให้ความร่วมมือ  ร่างกายปวดร้าวแม้ขยับเพียงเล็กน้อยทำให้เคลื่อนไหวไม่ถนัด เศษไม้จำนวนน้อยนิดไม่สามารถทำอะไรได้  ไนท์กำมือแน่นด้วยความโมโหตัวเอง  ดูเขาช่างอ่อนแอและเป็นภาระให้ แจ็คตลอดเวลา 
“บ้าจริง!” ไนท์ปัดกิ่งไม้ที่รวมมาได้จนกระจายด้วยความโกรธ  มือเย็นเฉียบเอื้อมมาแตะแขนเขาเบาๆ  ชีคหนุ่มหน้าร้อนผ่าวด้วยความอาย ไม่แน่ใจว่าแจ็ค ตื่นขึ้นมาเห็นเขานานแล้วหรือยัง
“ผมทำเองครับอย่าหงุดหงิดไปเลย คุณยังบาดเจ็บอยู่นะครับอย่าเคลื่อน ไหวมากนัก”
“ทำผมถึงอ่อนแออย่างนี้นะ  ผมเป็นภาระให้คุณจริงๆ”
ไนท์คำรามตาวาววับในความมืด ทำให้แจ็คตระหนักได้ถึงความเครียดและความโกรธเกรี้ยวที่สภาพร่างกายไม่พร้อมอย่างใจ
“บอกแล้วไงครับว่าอย่าคิดมาก  เดี๋ยวผมก่อไฟให้”
“แต่เศษไม้มีแค่นี้จะทำอะไรได้”
“มีอีกครับ  คนที่เคยมาอาศัยหลบฝนที่นี่ต้องเตรียมไว้เสมอ  แต่เรามีที่เก็บของพวกเรา  เดี๋ยวผมมานะครับ”  แจ็คลุกหายไปครู่หนึ่งจึงกลับมาพร้อมฟืนหอบใหญ่  ไม่นานกองไฟอุ่นก็ลุกเรืองขึ้นในถ้ำ  ไนท์มองตามควันไฟอย่างกังวล
“ไม่ต้องห่วงนะครับ  ถ้ำนี้มีปล่องเล็กปล่องน้อยมากมาย  รับรองว่าไม่มีใครสังเกตเห็นแน่ว่ามีควันลอดออกไปข้างนอก  มาเถอะครับพักผ่อนเสียดีกว่า  ถึงอย่างไรก็ต้องรอจนฝนหายถึงจะไปต่อได้”
ไนท์เหลือบมองใบหน้าคร้ามอย่างทึ่งๆ แค่ปฏิกิริยาเล็กๆน้อยๆ แจ็คก็อ่านใจเขาได้ทะลุปรุโปร่งอย่างนี้เชียวหรือ เห็นทีเขาต้องระมัดระวังความคิดตัวเองให้มากกว่านี้เสียแล้ว
“อีกนานไหมครับกว่าฝนจะหยุด?”
“ปรกติไม่นานนะครับ เพราะนี่ไม่ใช่หน้ามรสุม อีกสักพักคงหยุด  แต่เราคงไปถึงตัวเมืองดึกหน่อย”
“แล้วเราจะเข้าเมืองยังไง?”
“ผมมีคนรู้จักขับรถส่งของอยู่ที่ท่าเรือ  คิดว่าคงอาศัยรถเขาเข้าเมืองได้”
ไนท์อึดอัดใจ  อยากบอกแจ็คว่าคนที่ตามล่าเขามีเส้นสนกลในมากแค่ไหน ไม่อย่างนั้นแค่เขายกหูโทรศัพท์กริ๊กเดียวคนของเขาก็จะรีบมารับทันที  แต่ป่านนี้สายโทรศัพท์ในเขตนี้คงถูกดักฟังหมดแล้ว  และเขาก็ไม่อาจบอกให้แจ็ครู้ฐานะที่แท้จริงได้จนกว่าจะเขาจะกลับไปถึงถิ่น
เมื่อฝนหายแจ็คก็ค่อยๆพาไนท์ไต่ลงมาอีกครั้ง  การไต่ลงเขาที่ลื่นและมีคนถ่วงอยู่บนหลังอีกคนเป็นเรื่องยากลำบาก  หลายครั้งที่แจ็คลื่นถลา  แต่อาศัยเชือกที่เขามัดเอวและมือที่เหนียวแน่นทำให้ลงมาเหยียบพื้นดินได้สำเร็จ  กระนั้นมือแจ็คก็โดนเชือกบาดจนเลือดซึม  ไนท์เหลือบมองแผลแล้วเงยขึ้นมาเจอกับรอยยิ้มกว้างก็ยิ้มตอบเก้อๆ  ถึงไม่มีคำพูดใดๆแต่สายตาห่วงใยของไนท์ก็ทำให้แจ็ค อิ่มเอิบใจจนแทบหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง  และแจ็คมั่นใจว่าเป็นความรู้สึกดีๆของการได้ช่วยเหลือผู้อื่นเท่านั้น...เท่านั้นจริงๆ?
          ♜...........♜ ...........♜

มาลุ้นกันนะคะว่าจะหนีผู้ตามล่าได้ไหม

แล้วพบกันคะ :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด