"อือ..." ร่างที่หลับใหลบนเตียงพลิกตัวน้อย ๆ อย่างรำคาญ สัมผัสแผ่วเบาลูบไล้ส่วนอ่อนไหว ทั้งวาบหวามทั้งจั๊กจี้อย่างบอกไม่ถูก เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก รู้สึกได้ว่ามีมือใครบางคนกำลังยุ่งกับของหวงห้ามในกางเกงตัวสั้นของเขา ดวงตางุนงงลืมขึ้นอย่างง่วงงุน
...หรือจะฝันไป?
แต่สัมผัสนั้นกลับยังอยู่ แถมยัง...รู้สึกดีอีก...เฮ้ย!
นัตสึร้องเสียงดังลั่นอย่างตกใจ ดึงผ้าห่มที่คลุมร่างออกอย่างรวดเร็ว
ใต้ผ้าห่มผืนนุ่ม เรือนร่างสุดเซ็กซี่ยังคงคร่อมอยู่ตรงหน้าขา เล่นเอาคนมองใจหายลงไปถึงตาตุ่ม นิ้วเรียวชำนาญการยังคงซุกซนล้วงลึก ลูบไล้จนเกือบเคลิ้ม เล่นเอาร่างกายตื่นตัวไวของเขา เกือบจะตื่นมาทักทายยามเช้าด้วยโดยไม่ได้รับเชิญเสียแล้ว ดีว่ายังพอตั้งสติได้ทัน เด็กหนุ่มรีบดึงมือนั้นออก พลางถดถอยร่างไปชิดหัวเตียงโดยสัญชาตญาณ รู้สึกเหมือนเป็นสาวน้อยกำลังจะโดนปล้ำก็ไม่ปาน
"อ้าว ตื่นซะแล้วแฮะ" เสียงใสพึมพำขึ้นอย่างเสียดายเล็กน้อย
"อ่ะ…จะทำอะไรน่ะครับ!"
คานาเมะชันตัวขึ้นจากเตียง เปลี่ยนจากท่ากึ่งคลานเมื่อครู่เป็นนั่งพลางตอบว่า "ก็จะมาปลุกน่ะสิ แต่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นซะที ก็เลย..." ราชินีหนุ่มตอบง่าย ๆ ราวมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาซะอย่างนั้น ร่างบอบบางอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ยังดีที่มีเสื้อผ้าครบครัน ขืนแต่งตัวแบบเมื่อวานสิ เขาเสียความบริสุทธิ์แน่
เพราะเมื่อคืนนอนคิดมากทั้งคืน ก็เลยนอนไม่พอ ถ้านอนน้อย จะหลับเป็นตาย นัตสึรู้นิสัยแก้ไม่ได้ของตัวเองดี แต่ว่า...เขาไม่ตื่น มันไม่ใช่ประเด็นสักหน่อย ใครให้มายุ่งกับน้องชายสุดรักสุดหวงของเขาล่ะ ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยให้ผู้ชายที่ไหนจับเลยนะนั่น!
พลันนึกเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาได้ ความโกรธยังคงคุกรุ่น เด็กหนุ่มข่มใจอย่างยากเย็น เขาจะทำให้สงสัยไม่ได้ ว่าเมื่อคืนไปแอบดูแล้วรู้เรื่องอย่างนั้นเข้าแล้ว
"ทำอย่างนี้มันไม่ดีนะครับ พี่อิทต้องไม่ชอบแน่ ๆ" เขาสวนกลับเสียงเข้ม
คนฟังลุกขึ้นจากเตียง ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม ไม่ได้ใส่ใจกับคำตำหนิแกมขู่นั้นเลย นิ้วเรียวยาวจรดที่ริมฝีปากเชิงบอกใบ้ "ก็อย่าบอกอิทจังสิ"
"คุณคานาเมะ!"
คานาเมะส่ายหน้าเบา ๆ "บอกแล้วไง ว่าอย่าเรียกคุณ แหม เรียกดุ ๆ แบบนี้ เหมือนอิทจังเด๊ะ สมแล้วที่เป็นพี่น้องกัน" ว่าพลางทำสีหน้าเคลิบเคลิ้ม เล่นเอาคนมองอารมณ์ขึ้น
"ผมจะเรียกงี้น่ะ คุณเป็นคนแปลกหน้าสำหรับผมนะ ไม่ใช่ญาติซักหน่อย!" นัตสึเริ่มเหลืออด
"แหม ใจร้ายจริง อิทจังก็แนะนำแล้วนี่นา เราเป็น 'คนในครอบครัวเดียวกัน' แล้วนา ต้องสนิทกันไว้ไม่ใช่เหรอ"
"ผมไม่ญาติดีกับคนอย่างคุณหรอก!"
คนฟังหัวเราะอย่างขบขัน ทำให้ร่างบนเตียงถลึงตาใส่อย่างลืมตัว "ขำอะไรครับ"
"ก็น้องชายเธอไม่เห็นบอกงั้นเลยนี่นา แค่จับนิดจับหน่อย มันก็ตื่นมาทักทายดีแล้ว"
"คะ...คุณ..." เด็กหนุ่มอึ้งไป หน้าของเขาแดงเรื่ออย่างเขิน ๆ มัน..ตื่นจริง ๆ นั่นล่ะ ก็นะ ใครให้จับแบบนั้นล่ะ
ขณะจะว่าต่อ ก็เห็นอีกฝ่ายเปิดประตูออกไปแล้ว "รีบแต่งตัวเข้าล่ะ ชั้นหิวข้าวแล้ว วันนี้อิทจังไม่ค่อยสบาย เมื่อวานนัตสึจังบอกเองนี่่ ว่าทำอาหารให้กินได้ไม่ใช่เหรอ"
มาปลุกเพราะเรื่องแบบนี้น่ะนะ? แสดงว่าทุกที คงไม่เคยทำอาหารเลยสิท่า
แม้จะไม่พอใจอยู่บ้าง แต่เพราะคำที่ว่า อิทสึกิไม่สบาย เลยทำให้เด็กหนุ่มรีบล้างหน้าแต่งตัวว่องไวกว่าเก่า พอเดินออกมาจากห้อง เขาก็แทบอึ้ง บ้านเนี้ยบใสปิ๊งที่เห็นเมื่อวาน กลับรกได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพียงชั่วข้ามคืน
เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?
หรือว่าเพราะพี่ชายเขาไม่สบาย เลยไม่มีใครคอยดูแล?
แล้วคน ๆ นี้ก็รื้อของซะเลอะเทอะไปหมด
"อ้าว มาแล้วเหรอ" ราชินีหนุ่มหันมายิ้ม ๆ ท่าทางวุ่นวายในครัวที่ราวกับสนามรบก็ไม่ปาน ทำให้นัตสึอดส่ายหน้าไม่ได้
"คุณทำอะไรกันเนี่ย?"
ใบหน้างามยิ้มแห้ง ๆ ตอบว่า "ก็อาหารเช้าน่ะสิ แต่ว่านะ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ให้เธอทำน่าจะดีกว่า"
"อ่ะ มันจะไหม้แล้ว!" ร่างว่องไวรีบไปปิดไฟบนเตา ของข้างในหม้อใบนั้นดูน่ากลัวชอบกล จนเขาไม่กล้าถามว่ามันคืออะไร มือคล่องแคล่วรีบจัดการแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าวุ่นไปหมด
"นัตสึจังทำข้าวต้มหน่อยนะ" คนวุ่นวายเมื่อครู่ขยับไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว นั่งมองอย่างสบายใจพร้อมพากย์สั่งราวราชินีแทนที่ เล่นเอาคนทำหันมาค้อนให้อย่างเคือง ๆ พลางเปิดตู้เย็น หยิบข้าวของออกมาทำใหม่ ดีที่ท่าทางอิทสึกิจะเตรียมของสดไว้ไม่น้อย พร้อมทุกอย่างสมเป็นพี่ชายเขาจริง ๆ
เหลือบมองหม้อใบนั้นพลางคิดต่อ เขาคงไม่กล้ากินอะไรแบบนั้นแน่ ...อดีตข้าวต้มหรือเปล่าไม่แน่ใจ สีและหน้าตาสุดประหลาดนั่น... ช่างทำได้น่ากลัวเกินคาดจริง ๆ
อาหารเช้าฝีมือเขาเสร็จได้ในเวลาไม่นานนัก หน้าตาน่าทานเสียด้วย นัตสึมองมันอย่างภาคภูมิใจ สมัยเด็ก ๆ เขาชอบเข้าครัวพร้อมพี่ชายอยู่แล้ว แต่พออิทสึกิแยกตัวออกมา ก็มีเพียงเขา ที่ต้องทั้งดูแลบ้าน ทำอาหาร และดูแลบรรดาพี่ ๆ ฝาแฝดที่ไม่เคยคิดจะทำอะไรเลยนอกจากหาเรื่องวุ่น ๆ มาให้พอ ๆ กัน
ไม่ต่างอะไรกับคนที่นั่งยิ้มหวานอยู่ตรงนี้เลย
ร่างสูงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย พลางวางจานอาหารบนโต๊ะ อ๊ะ...ว่าจะไม่ทำให้ เขาก็เผลอทำเผื่อจนได้ นิสัยใจอ่อนอย่างเขาเนี่ย แก้ยากจริง ๆ ยิ่งเห็นสีหน้าตื่นเต้นยามชิมของคานาเมะ เด็กหนุ่มก็ยิ่งเผลอยินดีเสียอีก
"อา...อร่อยจัง สมแล้วที่เป็นน้องของอิทจัง" คานาเมะเอ่ยชื่นชมหลังชิมแล้ว ขณะจัดวางจานอีกใบลงบนถาด "เดี๋ยวเอาไปให้อิทจังก่อน จะได้หายไว ๆ"
"ขอบคุณนะ นัตสึจังน่ารักที่สุดเลย" ริมฝีปากนุ่มหอมแก้มเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวก่อน เล่นเอาเด็กหนุ่มทำตัวไม่ถูกอีกครั้ง พึมพำตอบไปอย่างเขิน ๆ "ไม่เป็นไรครับ"
แต่คนตรงหน้าไม่ได้สนใจ เพราะรีบเดินตัวปลิวออกไปจากห้องพร้อมถ้วยอาหารเสียแล้ว
ทิ้งให้ร่างแข็งแรงทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะอย่างทำตัวไม่ถูก มองไปรอบ ๆ แก้เขินอยู่ลำพัง ข้าวของการจัดวาง ก็คุ้นตา ทุกอย่างต้องเป็นฝีมือพี่ชายแน่ ๆ แสดงว่า คน ๆ นี้ ไม่คิดจะจับจะทำอะไรเลยสินะ เด็กหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอา เขาไม่คิดเลย ว่าคนที่อิทสึกิเลือก จะแย่ขนาดนี้
พี่เขาเลือกเก่งมาเสมอ ไม่น่าเชื่อว่าจะเลือกคนรักแบบนี้ได้
ภาพเร่าร้อนเมื่อคืนเข้ามาในหัว นัตสึรีบสลัดความคิดน่ากลัวทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
จริงสิ ปล่อยให้จี๋จ๋ากันสองต่อสองแบบนี้ไม่ได้แล้ว ยิ่งตอนไม่สบาย ทำคะแนนง่ายอยู่ เขาก็มัวแต่เคลิ้ม ฟีโรโมนของคานาเมะนั้นแรงไม่เบา เข้าใกล้ทีไรแม้คิดจะต่อต้าน แต่สุดท้ายแค่คำพูดหวาน ๆ กับรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ ก็ทำให้เขาเคลิ้มจนเผลอทำตามประสงค์ราชินีเสียแล้ว
คิดดังนั้นจึงรีบผลุนผลันตามออกไป จะว่าไปเขาก็ยังไม่ได้ไปดูเลย ว่าพี่ ชายของเขาเป็นอะไรมากหรือเปล่า เจอครัวสภาพน่ากลัวเกินจนลืมไปเสียสนิท
พอย่างเท้าเข้าไปในห้องคนป่วย เขาก็อึ้งอีกครั้ง
ถ้าบอกว่าในบ้านนั้นรกแล้ว มาเจอห้องนี้กลับรกกว่าอีก เตียงใหญ่กลางห้องยังคงตั้งเหมือนเดิม แต่ทุกชั้นทุกช่องที่สามารถรื้อค้นได้ ถูกรื้อกระจัดกระจายราวโจรปล้นบ้านก็ไม่ปาน
ยาสารพัดชนิดกองอยู่เต็มโต๊ะจนเป็นภูเขาขนาดย่อม ยามนี้ไม่ได้รับการสนใจอีกต่อไป ร่างบอบบางนั่งข้างเตียง ตั้งโต๊ะขนาดเล็กให้คนป่วยนั่งแล้วทำท่าป้อนอาหารให้อย่างสุดสวีท
"กินอีกหน่อยนะอิทจัง ข้าวต้มของนัตสึจังอร่อยนา" เสียงหวานยังคงคะยั้นคะยอ คนบนเตียงมองอาหารแบบไม่ค่อยอยากทานเท่าไหร่ตามประสาคนป่วย หากยังคงพยายามกินตามบัญชาราชินีอย่างเชื่อฟัง
คนมองคล้ายเป็นคนนอกชอบกล เพราะบรรยากาศในห้องเป็นสีชมพูเกินกว่าเขาจะคาดคิด กว่าเด็กหนุ่มจะตั้งสติได้ก็เพราะคนป่วยเหลือบไปเห็นแล้วทักขึ้นนั่นแหละ
"อ้าว นัตสึ เข้ามาสิ" อิทสึกิพูดเสียงเบา ยังคงมีไข้อยู่ ทำให้เขาเบลอ ๆ "ขอโทษนะ วันนี้เลยยังไม่ได้เตรียมอาหารเช้าเลย"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ" นัตสึว่าพลางทรุุดนั่งฝั่งตรงข้าม มองปีศาจร้ายในคราบราชินีที่ออเซาะพี่ชายของเขาอยู่อย่างหมั่นไส้
หน้าผากสวยขยับเข้าใกล้คนป่วย แตะวัดอุณหภูมิเบา ๆ "ดูซิ ตัวยังร้อนอยู่เลย อิทจังไม่ต้องห่วงหรอก นัตสึออกจะเก่ง ช่วยชั้นได้หลายอย่างเลย"
"อืม" คนป่วยรับคำอย่างอ่อนแรง คานาเมะขยับเก็บชามข้าวต้ม แล้วประคองอีกฝ่ายให้นอนลงอีกครั้ง
"นอนเยอะ ๆ จะได้หายไว ๆ เรื่องอื่นชั้นจัดการเอง" เสียงหวาน ๆ ย้ำอีก คนฟังที่ยืนมองอย่างไม่พอใจนิดหน่อยอยู่ด้านข้างแอบขมวดคิ้ว คิดในใจว่าทุกอย่างที่ต้องจัดการ คงไม่พ้นเขาที่ต้องจัดการให้แน่ ๆ
ฝันไปเถอะ เรื่องอะไรจะทำให้!
ไหน ๆ พี่ชายของเขาก็ป่วย คงไม่มารับรู้อะไรกับสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำอยู่แล้ว พี่สะใภ้ก็พี่สะใภ้เถอะ วันนี้เขาจะป่วนให้ร้องไห้กลับบ้านไปเลย คอยดูสิ!
.....................................
และแล้วตอนนี้ ก็เหลือเขากับพี่สะใภ้เพียงสองต่อสอง
ในห้องนั่งเล่นรวม ร่างได้รูปของอีกฝ่าย นั่งอิงหมอนบนโซฟายาวตัวนุ่ม ที่ตั้งอยู่หน้าโทรทัศน์อย่างสบายอารมณ์ ดวงตาคู่สวยยังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอ โดยไม่สนใจต่อสิ่งใด ข้าวของที่รกราวไม่ได้เก็บมาเป็นแรมปี แม้จริง ๆ แล้ว มันพึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเช้าหยก ๆ ยังคงถูกปล่อยปละไว้ที่เดิม โดยเจ้าตัวไม่คิดจะจัดการอะไรอย่างที่ได้รับปากพี่ของเขาไว้
เด็กหนุ่มมองดูอยู่ห่าง ๆ อย่างใช้ความคิด แม้จะเค้นคิดมาตั้งแต่เมื่อคืนจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน เขาก็ยังคิดแผนการรับมือพี่สะใภ้ตัวแสบนี้ไม่ได้สักที อาจจะเพราะเคยแต่โดนแกล้ง โดยไม่เคยแกล้งใครได้สักทีด้วยกระมัง มันเลยทำให้เขาหมดมุกเอาดื้อ ๆ
แต่ยังไงก็ปล่อยเอาไว้ไม่ได้หรอก คนแบบนี้ ไม่ได้คู่ควรกับพี่ของเขาเลยสักนิด ทำตัวก็ไม่สมกับเป็นกุลสตรีเลยด้วย อ๊ะ ไม่สิ จะคิดแบบนั้นไม่ได้สินะ ก็พี่สะใภ้คนนี้ ไม่ใช่ผู้หญิงนี่นา แต่ว่า…
แล้วจะให้พี่ชายเขาเป็นกุลสตรีแทนเรอะ!
ไหนจะตกแต่งบ้าน ทำอาหาร ไหนจะซักเสื้อรีดผ้า แน่ ๆ เลยว่า คน ๆ นี้คงทำไม่เป็นแหง ๆ
แล้วดูซิ ขนาดเมื่อคืนก็สนุกกับร่างกายของพี่ชายจนป่วยแล้ว เช้านี้ก็ยังแอบแต๊ะอั๋งเขาที่เป็นน้องชาย แถมยังยั่วยวนจนเกือบ…
คิดแล้วก็เริ่มหน้าแดงไม่รู้ตัว…ปฏิเสธไม่ออกว่าทีเด็ดของพี่สะใภ้คนนี้ ต้องไม่เบาแน่ ๆ แต่แค่นั้น ทำให้พี่ชายติดใจไม่ได้หรอก พี่เขาออกจะช่างเลือกขนาดนั้น ตอนนี้ก็คงแค่หลงเสน่ห์ชั่วครั้งชั่วคราวหรอกน่า
จริงสิ…แค่แสดงตัวตนเจ้าชู้หลายใจนี่ให้พี่ชายเห็น พี่ชายที่แสนจะรักเดียวใจเดียวของเขา ถ้ารู้ความจริง จะต้องรับไม่ได้แน่ ๆ แล้วก็เขี่ยคานาเมะทิ้งไปเลย
อีกอย่าง เมื่อเช้าที่ทำแบบนั้น ต้องหลงเสน่ห์เขาแล้วชัวร์ ๆ
ตอนนี้ก็แค่…ล่อให้กินเบ็ดอีกหน่อย
แล้วให้พี่ชายมาเห็น จะต้องสำเร็จแน่!
..............................................
เด็กหนุ่มเหลือบมองคนบนโซฟาอีกครั้ง ร่างบอบบางยังคงจดจ่อกับภาพตรงหน้า นิ้วเรียวถือปากกากับกระดาษ และกำลังจดอะไรบางอย่างลงไปอย่างตั้งใจ
ยั่วงั้นเหรอ…? แต่เขายั่วไม่เป็นนี่สิ
…ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือ คงยากจะได้ลูกเสือสินะ…
เอาก็เอา!
เพื่อพี่ที่รัก เขาจะต้องทำให้ได้!
............................................
ร่างสูงของเด็กหนุ่มทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาด้านข้าง โปรยยิ้มที่คิดว่ามีเสน่ห์ที่สุดไปให้ คานาเมะหันมายิ้มตอบเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปสนใจกับรายการทีวีนั้นอย่างเดิม คิ้วเรียวยาวขมวดมุ่น คล้ายตกอยู่ในภวังค์ไปเรียบร้อยแล้ว
นัตสึผู้ยั่วเก้อ ได้แต่นั่งทื่ออย่างเงอะงะ เขาก็เคยเห็นผู้ชายที่เจ้าชู้จีบสาวอยู่หรอก แต่นั่นมันไม่ใช่นิสัยเขาเลยสักนิด ถ้าจะรักใครสักคน มันก็ต้องจริงจังกับคน ๆ นั้นคนเดียวสิ!
อ๊ะ ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งทำตัวเป็นคนดีนะ เด็กหนุ่มเตือนตัวเองครั้งที่ร้อย เขาจะต้อง…เอ้อ คงต้องยั่วมากกว่านี้สินะ คิดพลางลอบมองช่องว่างระหว่างเขา กับอีกฝ่าย
ถ้าจะยั่ว คงต้องกระแซะเข้าไป…ใกล้อีกนิด ทีละนิดไม่ให้เหยื่อไหวตัว
จากนั้นก็ค่อย ๆ รุก แอบแต๊ะอั๋ง แล้วก็ลวนลามให้เคลิบเคลิ้ม…แล้วทีนี้ ก็เสร็จเรา
ของง่าย ๆ!
ขยับจะเข้าไปใกล้อีกนิด แต่เสียงเรียกด้านข้าง เล่นเอาคนร้อนตัวผวา
“นัตสึจัง?”
ร่างบอบบางขยับกระแซะเข้าหาเอง ก่อนที่เขาจะทำซะอีก ขนาดแค่คิดเองนะนั่น
เด็กหนุ่มเองกลับเป็นคนถอยซะงั้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากร่างอีกฝ่าย เล่นเอาสติชักหลุดลอย เขายังไม่ทันได้รุก จะถูกรุกก่อนหรือไงเนี่ย!
เมื่อเช้าก็ทีนึงแล้ว อ่ะ หรือว่า…
ไม่นะ พรหมจรรย์ของเขา!
ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่รุกเข้ามาดังคาด มีเพียงกระดาษแผ่นหนึ่งยื่นส่งมาให้ พร้อมรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มอย่างเดิม
“นัตสึจังทำอาหารตามรายการนี้เป็นมั้ย”
“อ่ะ..เป็น…ครับ..” เด็กหนุ่มรับคำเสียงอ่อย หลังจากอ่านข้อความในกระดาษแผ่นนั้นแล้ว ในกระดาษเขียนด้วยลายมือหวัด ๆ คาดว่าคงจดอย่างเร่งรีบ จากรายการโทรทัศน์เมื่อครู่ เป็นเมนูอย่างง่ายที่บำรุงสุขภาพสำหรับคนป่วยนั่นเอง
“งั้นดีเลย ช่วยทำให้หน่อยนะ กลางวันนี้เลยได้ไหม”
ว่าพลางขยับเข้ามาใกล้อีกนิด เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก เมื่อมือได้รูปนั้นโอบลงที่บ่าของเขา
“ดีจริง ๆ ที่นัตสึจังอยู่วันนี้ อาหารฝีมือชั้น…อิทจังก็กินอยู่หรอก แต่ไม่รู้ทำไม กินแล้วกลับอาการไม่ดีซะทุกที ชั้นเลยไม่ค่อยมั่นใจ” เจ้าตัวทอดถอนหายใจ โดยยังไม่ได้รู้เลยสักนิด ว่าฝีมือทำอาหารของตัวเองห่วยขนาดไหน นัตสึคิดต่ออย่างสยองเล็กน้อย อดีตอาหารเมื่อเช้า…เอ้อ คงเป็นข้าวต้มสินะ ฝีมือคานาเมะ ขนาดแค่มองยังขนลุกเลย แล้วแบบนี้ พี่ชายยังกินลงอีกนะนั่น ไม่แปลกหรอกถ้าจะอาการหนักขึ้นน่ะ
แต่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจกับท่าทีของเด็กหนุ่มนัก ก่อนจะเล่าต่อไป “ในทีวีบอกว่า เมนูนี้จะบำรุงร่างกายและทำให้หายป่วยได้รวดเร็วทันใจเลยล่ะ”
มือนั้นตบไหล่เด็กหนุ่มเบา ๆ “ถ้าให้นัตสึทำ อิทจังกินแล้วต้องหายไวแน่ ๆ รู้มั้ย นัตสึจังทำอาหารอร่อยขนาดนี้ เป็น ‘เจ้าสาว’ ที่ดีได้แน่นอน ชั้นรับรองเลย”
“เอ้อ..ผมไม่ใช่…เจ้า..”
ตั้งท่าจะแย้ง แต่คานาเมะกลับลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้นไปแล้ว ร่างบอบบางหยิบผ้ากันเปื้อนเตรียมพร้อมเข้าครัว ช่างเป็นคนที่กระฉับกระเฉงเสียจริง
“เรามาช่วยกันทำดีกว่า” คานาเมะว่าก่อนจะดึงร่างเด็กหนุ่มขึ้นจากโซฟา แผนนั่งกระแซะยั่วแล้วจับลวนลาม เลยเป็นหมันไปซะอย่างนั้น
“คุณคานาเมะไม่เคยเข้าครัวเลยสินะครับ” นัตสึถาม หลังจากเห็นท่าทางเงอะงะไม่คล่องตัวอย่างเห็นได้ชัดของอีกฝ่าย
ร่างบอบบางยิ้มเจื่อน ๆ “เคยสิ ตอนที่อยู่ด้วยกันใหม่ ๆ กับอิทจังน่ะ แต่ว่านะ…ทำไมอิทจังต้องเตรียมเครื่องดับเพลิงไว้ข้างตัวทุกทีก็ไม่รู้ แค่ทำไฟไหม้หม้อไปไม่กี่ใบเอง แถมสุดท้าย อิทจังก็แย่งทำเองซะหมด”
“เอ่อ…ผมว่า ผมทำเองดีกว่านะครับ” คนฟังเริ่มเหงื่อตก ถ้าไฟไหม้บ้าน หรือหม้อระเบิด เขาจะมีปัญญาดับมั้ยเนี่ย
“เอาแบบนั้นเหรอ…อืม ก็ได้นะ ไว้อิทจังหายป่วยก่อน ชั้นค่อยลองใหม่คงจะดีกว่า เผื่อกินอาหารฝีมือชั้นแล้วอาการทรุดลงคงจะลำบาก” คานาเมะว่าพลางทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ด้วยท่าทางดุจราชินีเหมือนเมื่อเช้า นั่งมองเขาทำอย่างอารมณ์ดี
กว่านัตสึจะรู้ตัวว่าโดนใช้งาน เขาก็เผลอทำจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว แถมอย่างภาคภูมิใจเสียด้วย เมื่อได้รับคำชมเชย
…ทำไมกันนะ คำขอร้องจากคานาเมะ เขาถึงปฏิเสธไม่ได้สักที…
....................................................
TBC