Memorial~รักแรก รักสุดท้าย [แจ้งข่าวหน้า 516: 29/ก.ย/57]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Memorial~รักแรก รักสุดท้าย [แจ้งข่าวหน้า 516: 29/ก.ย/57]  (อ่าน 3409236 ครั้ง)

ออฟไลน์ nopkar

  • เป็ด indy
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2159
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-3
เจ๋งๆๆนายเมตร...คิดเสร็จแล้วทำด้วยนะ...ทำให้น้องมันเห็นว่าทำได้อ่ะ

ออฟไลน์ jara

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
หูยยยพี่เมตรสุดยอดดดดดดดดดด

ทำงานจนลืมสลิ่มเลยอะ  กร๊ากกกกกกกกกก

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
โห เมตรสามารถ ไม่น่าเชื่อเลย  :laugh:

อย่าลืมห้าพันจากแม่นะ 555 อ้อ โทรหาหลิ่มด้วย  :z2:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป

จริงใจ

  • บุคคลทั่วไป
บางทีเมตรก้อคิดอะไรดีดีเป็นเหมือนกันเนอะคนเรา
มีหลักการเป็นขั้นเป็นตอนเล้ย แล้วงี้สลิ่มจะรู้ไหมนะ อยากรู้จริงๆ ว่าสลิ่ม
จะคิดถึงไอ้เมตรบ้างป่ะเนี่ย ฉงฉานเมตรจังทุ่มสุดตัวแล้วนะเนี่ย สลิ่มยังไม่เห็นใจอีก
อดีตอ่ะ มันไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว แต่เด็กไอ้เมตรก็ตื้อกันจัง เสน่ห์เหลือเกิน :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Youch06

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
พี่เมตรสุดยอด

แต่เบบี้สุดยอดกว่า
5555

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
ชื่อตอน ฮามากอ่ะ
แล้วยิ่งคุณพ่อมาแบบ ... "ไม่น่าเชื่อ"
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก
มั่นใจในตัวลูกชายสุดๆเลยนะคะ
เหอะๆ  ^^

พี่เมตรโคตรเท่
ไอ่ที่โดนพี่เมตรไล่ออกไป ... อย่ามากวนอะไรนะเว้ย!!

ออฟไลน์ kuku

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1

YongaMO

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ผิดหวังที่อยู่ข้างพี่เมตร พี่เมตร สู้ ๆ  :m4: เย้ ๆ

ออฟไลน์ aphanite

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 487
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
ตอนที่77  ทิ้งกู..มึงตาย


พอกลับมาจากที่พ่อพากูไปกินข้าวเลี้ยงเมื่อกลางวันนั้น กูก็ต้องกลับมาเขียนไอ้แผนบ้าบอให้พ่อต่ออีก แบบระเอียดยิบ ซึ่งระหว่างที่เขียนไปใจกูมันก็เหมือนไม่ได้จดจ่อกับงานแล้ว ยิ่งกูโทรหาสลิ่มมันเท่าไหร่ แล้วมันโทรไม่ติดมันยิ่งทำให้กูอยู่ไม่เป็นสุข
“เป็นไรของแก”พ่อถามหลังจากที่ไปสั่งงานกับลูกน้องพึ่งเข้ามาถึงห้อง
“เปล่า”กูตอบแล้ววางมือถือลงบนโต๊ะ
“แฟนหรอ”พ่อถามอีก
“เปล่า”กูตอบอีกแล้วทำท่าเขียนต่อ
“จะกลับเมื่อไหร่”พ่อถาม
“พรุ่งนี้”เปล่าหรอก ที่จริงวันมะรืนน่ะที่กูจองตั๋วกลับไว้ แต่ดูเหมือนใจกูจะไมเป็นสุขแล้วดิตอนนี้ แล้วถ้าบอกพ่อไปว่าตั๋วมันเป็นวันจันทร์ไม่ใช่วันอาทิตย์นะ โดนด่าแน่นอนแถมจะน้อยใจสั่งลาให้กูอีกน่ะสิ
“อ่าว จะกลับแล้วหรอ”พ่อถามด้วยความตกใจนิดหน่อย
“ครับ”กูตอบ หลังจากนั้นพ่อก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก  กูแอบพ่อเดินออกมาข้างนอก แล้วกดโทรศัพท์โทรเลื่อนตั๋วเครื่องบินแบบไม่รีรออะไร เหอะๆ  เสร็จแล้วก็เดินเนียนๆกลับเข้ามาในห้องเหมือนเดิม นั่งทำงานไปก็มองมือถือตัวเองไปจนเย็นก็กลับบ้านพร้อมกับพ่อนั่นแหละ  พอกลับมาถึงบ้านพ่อก็บอกว่าจะพาไปกินข้าวข้างนอก รอให้แม่กลับมาก่อนจะได้ไปพร้อมกัน กูก็เลยขอตัวขึ้นมาอาบน้ำอาบท่าก่อน ก่อนอาบน้ำกูก็อดโทรหามันไม่ได้อีกนั่นแหละนะ

ตู๊ดดๆ  ๆ   ๆ    ๆ

“เฮ้ย ติดละ”กูดีใจขึ้นมาเปราะหนึ่ง ใจเต้นตุ๊บๆต่อมๆว่าเมื่อกี้มันอาจจะแบตหมดก็ได้ (หมดตั้งแต่เช้าเลยหรอ) แต่คิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนเป็นดีที่สุด

ตู๊ดดๆ  ๆ  ๆ   ๆ

กูต่อสายอยู่อย่างนั้นเกือบสิบครั้งเพราะว่าสลิ่มมันไม่ยอมรับโทรศัพท์เลย และเหมือนมันจะชัดเจนนิดหน่อยถ้ากูไม่เข้าข้างตัวเองเกินไปอะนะ
หลังจากนั้นกูก็เลยโทรหาไอ้เขตมัน แต่ไอ้เขตมันก็บอกว่าไม่ได้อยู่กับสลิ่ม มีการถามว่ามีอะไรหรอ ทะเลาะกันรึเปล่า นี่พี่ทำมันงอนอีกแล้วใช่ไหม พี่นี่นะ..ทำเพื่อนผมอยู่ได้ แล้วไอ้ที่มันว่ากูมานี่มันยังไม่ได้รู้เหตุผลจากกูเลยสักนิด ไอ้ห่าเด็กพวกนี้นี่มันน่านัก
พอแม่กลับมาถึงบ้าน พ่อก็เรียกให้กูลงไปข้างล่างได้แล้วเพราะว่าถ้าออกช้ากว่านี่มันจะดึกมากเกินไป  ออกเดินทางโดยที่กูขับรถเพราะพ่อบ่นว่าเหนื่อย แล้วกูไม่เหนื่อยเลย ทำงานแม่งทั้งวันอ่ะแต่ก็ต้องขับนั่นแหละวะ ก็เป็นลูกนี่หว่า..เหอะๆ
“เออเมตร คืนนี้เขียนแบบเรื่องเสื้อให้พ่อให้เสร็จได้เปล่า”พ่อพูดขึ้นระหว่างที่รออาหาร
“ห๊ะ..”กูอ้าปากค้างหน่อยๆ
“ก็พรุ่งนี้เช้าแกจะกลับแล้วไม่ใช่รึไง พ่อจะได้รีบเอาไปให้ป้อมมันจัดการแล้วมีอะไรแก้ตรงไหนพ่อจะได้ส่งให้แกดูได้ไง ว่าชอบแบบนี้รึเปล่า”พ่อพูด
“พ่อก็ตัดสินใจไปเองเลยก็ได้”กูบอก
“แกทำแกก็ตัดสินใจสิ เดี๋ยวนี้ในบริษัทมีแต่วัยรุ่นๆด้วย พ่อตัดสินใจไปมันจะไม่ถูกใจวัยรุ่นเอา”พ่อพูด
“ให้เสร็จคืนนี้เลยหรอพ่อ เดี๋ยวมันจะออกมาไม่สวยนะรีบๆอ่ะ”กูพูด
“เออ คิดมาก่อนเหอะน่า..สวยไม่สวยไงเดี๋ยวลองดูอีกที ทำหลายๆแบบไว้ให้เลือกล่ะ”พ่อพูดอีก
“พ่ออ่ะ”กูบ่นนิดหน่อย
“เออ เอาให้เสร็จล่ะ..ไม่เสร็จพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมีเงินกลับบ้าน”นั่น..ขู่กูอีก
“เออแม่ ห้าพันอ่ะ”กูทวงก่อนเลย เดี๋ยวลืม
“................”แม่เบะปากใส่กูแล้วทำหน้าแบบจมูกบานเหมือนตั้งใจทำใส่ให้กูหน่อยๆแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา กูแบมือยิ้มรับรอก่อนเลย  แม่นับแบงค์แล้วหยิบมาวางไว้บนมือกู
“มาแล้วกูก็ต้องเสียเงิน ไม่รู้จะมาทำไมงั้นอ่ะ”แม่บ่น
“มาไม่มาแม่ก็ต้องเสียเงินเหมือนกันแหละน่า”กูบ่นบ้าง
“พ่อ พรุ่งนี้ถ้าจะให้นี่ไม่เอาเลขซ้ำแล้วนะ..เบื่อเลขห้า”กูพูด
“เลขสองแล้วกัน”พ่อพูดยิ้มๆ
“ได้เสื้อครึ่งตัวอ่ะ”กูพูดย้อนแล้วยักคิ้วให้
“หืม..เจ้าเล่ห์ได้ใครเนี่ย”พ่อบ่น
“................”กูเงียบ แล้วยักคิ้วไปทางแม่ แม่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วยักไหล่กวนๆตอบใส่พ่อ
หลังจากนั้นกูกับพ่อและก็แม่ก็นั่งกินข้าวกัน คุยกันไปเรื่องงานบ้างอะไรบ้าง ไม่นานไอ้มิ้วค์ก็โทรมาหาแม่ มาอ้อนไรแม่ก็ไม่รู้มัน แล้วไอ้โมทก็ถามสารทุกข์สุขดิบกูนิดหน่อย กูก็บอกมันว่าให้มันมารับกูที่สนามบินพรุ่งนี้เกือบสิบเอ็ดโมงด้วย มันก็รับปากเพราะว่ามันหยุดอยู่แล้ว พอกินข้าวกันเสร็จกลับมาถึงบ้านกูก็เก็บของ อาบน้ำแล้วโทรหาสลิ่มมันอีก แต่มันก็ยังไม่รับโทรศัพท์กูอีก กูส่งข้อความไปบอกให้มันรับโทรศัพท์กูหน่อยมันก็ไม่ยอมรับอีกอ่ะ จนกูยอมตัดใจไม่โทรแล้วค่อยไปหาพรุ่งนี้ดีกว่า ก็เลยนั่งคิดแบบเสื้อให้พ่อต่อ หลายแบบแม่งปวดมือไปหมด เขียนสีเขียนอะไรด้วย ลบแล้วลบอีก วุ่นวายได้อีกวุ้ย
“ขอบคุณคร้าบ เหอะๆ”กูหัวเราะแล้วรีบรับเงินจากมือพ่อมา
“ให้น้องมันด้วยสองพัน”พ่อบอก
“ไรอ่ะ”กูย้อนแล้วรีบเก็บเข้าใส่กระเป๋าตัวเอง
“ไอ้นี่นิ”พ่อบ่น
“เอาน่าพ่อ เงินน้องก็เหมือนเงินเมตร”กูพูดยิ้มๆแล้วรีบขนกระเป๋าเดินทางขึ้นรถ
“ไปนะแม่”กูเดินไปไหว้แม่แล้วกอดแม่ไว้ แม่ดึงหน้ากูไปหอม
“เป็นเด็กดีนะรู้ไหม”แม่พูด..อืมหื้ม เหมือนกูอายุห้าขวบ
“คร้าบ”กูบอก แล้วรีบไปขึ้นรถของพ่อ วันนี้แม่ต้องไปทำงานแต่เช้า พ่อก็เลยจะไปส่งกูแทน พ่อแม่กูเอารถไปคนละคันอยู่แล้ว ไม่เหมือนคู่สามีภรรยาคนอื่นไปที่ไหนมาไหนด้วยกัน พ่อกูกับแม่กูถ้าไม่อยากไปด้วยกันก็คือจะไม่ไป และยิ่งสมมุตว่าแม่รู้ว่าพ่อไม่ชอบไปตรงไหนแต่ที่ตรงนั้นแม่ไม่ชอบไป อย่าหวังเลยว่าแม่กูจะปริปากชวนพ่อกู เหอะๆ


..............
..............


“พี่เมตร..พ่อฝากเงินมาให้เปล่า”ไอ้มิ้วค์รีบโดดเข้ามาหากูทันที
“โฮะ..”กูทำเสียงใส่แล้วหยิบกระเป๋าเงินออกมา นี่กูยังไม่ทันก้าวออกจากสนามบินเลยนะเนี่ย ห่า
“เอาไป”กูยื่นแบงค์พันให้มันใบเดียว
“อะไร พ่อบอกว่าให้สองพันอ่ะ”มันทำหน้างอใส่อีกแถมแบมือค้างไม่เลิก
“เออ”กูกระแทกเสียงใส่แล้วเอาอีกแบงค์วางไว้บนมือมัน ทำเอาไอ้โมทที่ยืนมองอยู่ขำออกมา
“ส่วนมึง พ่อโทรหาแล้วใช่เปล่า”กูถามไอ้โมท
“เออ”มันตอบ
“มึงไปส่งกูที่หอสลิ่มมันก่อนนะ”กูบอก
“ไมวะ”มันถามทันที
“มันไม่รับโทรศัพท์กูอ่ะ เป็นอะไรรึเปล่าก็ไม่รู้”กูพูด ไอ้มิ้วค์มันก็แย่งกระเป๋าจากมือกูที่กูลากอยู่ไปลากแทน
“มึงไปทำไรให้น้องมันโกรธอีกล่ะ สามวันดี สี่วันทะเลาะกันนะพวกมึงเนี่ย”ไอ้โมทพูดบ่นๆ
“เปล่านะเว้ย กูก็แค่ไม่ได้โทรหามันแค่วันเดียวเอง”กูพูดเสียงเบาลงหน่อย
“หึ”ไอ้โมทหัวเราะพร้อมกับไอ้มิ้วค์แล้วเกาะราวบันไดเลื่อนเหมือนไม่สนใจกู
“ไอ้พวกเวร”กูด่าใส่หน้ามันเรียงตัวซะเลย ไม่เคยให้กำลังใจกูกัน  หลังจากที่พวกมันแดกดันกูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันก็ไปส่งกูที่หอสลิ่ม ตลอดทางกูก็กดโทรหามันตลอด ถึงแม้มันจะเช้าไปหน่อยเพราะว่าปกติวันอาทิตย์สลิ่มมันจะตื่นตอนบ่ายโมงประมาณนั้น เช้าสุดของมันคือสิบเอ็ดโมงครึ่งแต่ถ้าจะเช้ากว่านั้นคือตื่นมาดูโคนันแล้วก็ไปนอนต่อ เหอะๆ

ก๊อก ๆ  ๆ

ก๊อก  ๆ  ๆ   ๆ

ยังไม่เปิดอีก

ก๊อกๆๆ
“คร้าบ”เสียงข้างในขานตอบ
“ใครอ่ะ”มันถามจากด้านใน เพราะว่ากูเอามือปิดรูไว้อยู่
“ใครอ่ะครับ”มันถามย้ำอีกแต่ก็ยังไม่ยอมเปิดประตู
“...............”กูเงียบไม่ยอมตอบอะไร ส่วนมันก็เงียบไปสักพักนึงเหมือนกัน  กูเลยจัดการเคาะประตูอีกครั้ง

แกร๊ก~~

“................”กูกับมันยืนมองหน้ากันเมื่อสลิ่มมันเปิดประตูออกมา
“เดี๋ยว”กูรีบดันประตูไว้ไม่ให้สลิ่มมันปิดประตูหนีกู
“ปล่อยเด้”มันพูดหน้างอแล้วพยายามดึงประตูไว้อีก
“ไม่..คุยกันก่อนดิ”กูพูดแล้วดันประตูมันอีก
“สลิ่มปล่อยดิ เดี๋ยวประตูหนีบตีนกู”กูพูดเพราะว่ากูดันมันเข้ามาได้ครึ่งตัวแล้ว แต่ว่าสลิ่มมันยังไม่ยอมดันประตูของมันไว้อยู่
“ตีนมึงนิ”มันย้อนแบบไม่ยอม ไอ้ห่านี่ยังใส่ชุดนอนอยู่เลย..แสดงว่าพึ่งตื่น
“เหม็นขี้ฟันว่ะ”กูพูดใส่แกล้งมัน
“โอ้ย..”ดูเหมือนจะได้ผล ระหว่างที่กูแกล้งมัน มันก็เงยหน้ามองกูแบบโมโหนิดหน่อยพอมันลืมตัวกูก็รีบดันประตูจนสลิ่มที่ไม่ได้ตั้งตัวล้มก้นจ้ำเบ้าไป
“ก็บอกแล้วว่าให้ปล่อยๆ”กูรีบปิดประตูแล้วจะไปพยุงมันขึ้น แต่มันปัดมือกูออกแล้วยืนขึ้นเอง
“ออกไปเลยนะ”มันพูด
“ไร กูอุตส่าห์รีบกลับมาหามึงนะ”กูพูด
“ใครอยากเจอ”มันพูดใส่อีก
“กูนี่ไง ก็พูดอยู่หยกๆ”หน้าด้านไว้ก่อน แม่สอนไว้..กร๊าก
“...............”มันหน้างอจ้องหน้ากูอีก
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์”กูยิงคำถามก่อนเลย
“พอใจอ่ะ ทำไม”มันย้อนอย่างกวนๆ
“อย่ามากวนได้ไหม”กูพูดเสียงจริงจัง
“................”มันเงียบทำหน้าไม่สนใจกูอีก
“กูต้องทำงานให้พ่อน่ะ เลยไม่มีเวลาโทรหา”กูพูด
“................”มันก็ยังคงเงียบอีก
“ไม่เอาน่า”กูเดินเข้าไปหามัน มันก็เดินถอยหลังหนีกูอีก
“สลิ่มครับ”กูเดินเข้าไปใกล้ มันเงียบเอาแต่ถอยหนี กูจะเข้าไปจับไว้มันก็ปัดมือกูอีก
“ไม่ต้องมาจับได้ไหมเล่า”มันพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“มึงก็อย่างนี้ตลอด”กูพูด
“กูอย่างไหน”มันย้อนอย่างเอาเรื่อง
“ก็อย่างนี้ไง ไม่ยอมฟังอะไร..ฟังก่อนไม่ได้รึไง”กูพูด
“ก็ฟังอยู่ไม่ใช่รึไง”มันย้อนอย่างไม่ยอม
“สลิ่ม”กูเน้นเสียงให้มันฟังกู
“เอ้..”มันปัดมือออกเมื่อกูจับเข้าที่แขนมัน
“ขอโทษอ่ะ กูไม่โทรหา ทีหลังมึงก็โทรหากูบ้างก็ได้นี่”กูพูดบอก
“ทำไมกูต้องโทร”มันพูด
“แล้วทำไมกูต้องโทรอยู่ฝ่ายเดียวอ่ะ”กูพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจบ้างเล็กน้อย ตอนแรกก็ไม่ได้น้อยใจหรอกนะ พอมาเถียงกันพึ่งน้อยใจนี่แหละ
“...............”มันเงียบ
“แล้วทำไมกูต้องโทรเล่า”มันพูด
“...............”กูไม่ตอบอะไร
“...............”มันก็เงียบอีก
“ปล่อย”มันพูดแล้วพยายามดันตัวกูออก กูจับแขนมันไว้ทั้งสองข้างไม่ยอมปล่อย
“ขอโทษแล้วไงครับ”กูพูด
“ไม่ต้อง..มาพูด”มันพูดตอบ แล้วทุบเข้าที่ตัวกูอีก กูรั้งแขนมันไว้ มันก็ดิ้นจนกูแทบจะเอาไม่อยู่ กูกับมันงียบทั้งคู่พยายามยื้อกันไปมา
“โอ้ย หลิ่ม”กูร้องเพราะว่ามันกระทืบเท้าตัวเองทั้งสองเท้าเข้าที่เท้ากูอย่างแรง จนกูรีบปล่อยตัวมันโดยไม่ได้ตั้งตัวแล้วล้มก้นจ้ำเบ้าซะเอง
“กลับไปเลยนะ จะนอน”มันพูดใส่
“ไม่กลับ”กูตอบ
“บอกให้กลับไปไงเล่า”มันพูดกระแทกเสียง
“มึงอ่ะ คุยไม่เคยรู้เรื่อง”กูรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหามัน
“ไม่เห็นต้องงอนขนาดนี้เลยนี่น่า”กูพูด
“ใครงอน มึงอย่าหลงตัวเองหน่อยได้ไหม”มันย้อนใส่
“หึ ตัวเองงอนอยู่แท้ๆ ยังจะมาเถียงอีก”กูหัวเราะใส่ มันหันมาค้อนกูทันที
“แค่ไม่โทรหาวันเดียว คิดถึงกูอะดิ”กูพูดแกล้ง
“................”มันเงียบยืนจ้องตากูเขม็ง  อยู่ดีๆมันก็ทำหน้าเหมือนกับว่าที่กูพูดเมื่อกี้กูทำผิดพลาดลงไปอีกแล้ว
“เออดิ มึงไม่โทรหากูมันก็สิทธิ์ของมึงนิ”มันพูด
“คือ..กูไม่ได้”กูอ้าปากจะแก้ตัว
“กูคงผิดที่กูไม่โทรหามึงเอง แต่มึงเป็นคนโทรหากูเองนี่ มึงเป็นคนโทรนะจำไม่ได้รึไง”มันกระแทกเสียงใส่ กูเริ่มจับประเด็นไม่ถูกว่ามันกำลังว่าอะไรกับกูอยู่ ตกลงกูผิดหรือมันผิดวะ
“มึงเป็นคนโทรมาเองตลอดแท้ๆ”มันพูดเสียงเครือ
“สลิ่ม”กูเข้าไปจับแขนมันไว้ มันก็สะบัดออกอีก
“กูทำงานจริงๆนะ ให้ตายเหอะ..เชื่อกูหน่อยได้ไหม”กูพูด ที่จริงถ้ามันจะไม่เชื่อกูก็ไม่แปลกอะไร เพราะตอนที่กูคบกับคนอื่นๆ กูก็โกหกว่ากูเรียนอยู่ ทำงานอยู่ ทั้งๆที่จริงมันไม่ใช่แล้วลิสความเหี้ยกูมันติดหลังซะเต็มขนาดนี้ มันไม่เชื่อกู กูก็ไม่แปลกใจอะไรมากนักหรอกนะ
“กูขอโทษอ่ะ โทรถามแม่ก็ได้นะ กูอยู่กับพ่อกับแม่ตลอดเลย”กูบอก กูก็ไม่รู้ว่าทำไมกูต้องแก้ตัวขนาดนี้ทั้งๆที่กูกับมันความสัมพันธ์ยังคลุมเครือแต่แค่มันเท่านั้นที่กูอยากให้รับรู้ และอีกอย่างกูกลับรู้สึกดีใจขึ้นมาซะงั้นที่มันมีท่าทีแบบนี้ตอบกับกู
“จะนอน”มันพูดเสียงห้วนตอบ
“สลิ่ม”กูเรียก แต่มันกลับเดินไปที่เตียงแล้วเอาตัวเองสอดไปใต้ผ้าห่มแล้วเรียบร้อย แถมยังหลับตาหนีกูอีก กูยืนมองหน้ามันอยู่ประมาณห้านาที แต่มันก็ยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น กูนั่งยองๆลงข้างเตียง มันก็คงรู้ว่ากูนั่งลงอยู่ตรงหน้ามัน มันก็รีบพลิกตัวเองให้นอนตะแคงไปอีกด้านหันหลังให้กู  กูลุกขึ้นยืนแล้วเอาแขนคร่อมตัวมันไว้
“ถ้าอีกห้านาทีมึงยังไม่ออกไป”มันพูดขึ้นทั้งๆที่หลับตาอยู่
“ก็ได้”กูตอบแล้วก้มลงหอมแก้มมัน
“ออกไป”มันหันมาตะคอกใส่กูอย่างหงุดหงิดที่กูไปหอมแก้มมันนั่นแหละ
“คร้าบ”กูรีบยกมือแบบยอมแพ้ แล้วรีบเดินไปใส่ร้องเท้าที่หน้าห้องทันที  ที่จริงแล้วกูก็ง่วงด้วยแหละ เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาไปเกือบตีสาม ตื่นก็ต้องตื่นเช้าอีก ขึ้นเครื่องกูก็นอนไม่หลับอยู่แล้ว การเดินทางเป็นอะไรที่เหนื่อยสำหรับกูเป็นที่สุด พอมาถึงมันก็ล้าๆด้วยอะไรด้วย จะให้มาต่อล้าต่อเถียงกับมันอีกกูก็ไม่ไหว ไว้ไปช๊าตพลังเพิ่มก่อนค่อยมาว่ากันอีกที
“เดี๋ยวเย็นๆมาหาใหม่นะ”กูบอก มันไม่ตอบอะไร รีบเอาผ้าห่มคลุมโปงแล้วนอนลงไปทันที กูล็อกห้องให้มันก่อนที่จะเดินไปขึ้นลิฟต์ อะไรวะ..มาแค่นี้ต้องเสียเงินกลับบ้านอีกละ อนาถตัวเองจริงๆกู


...............
...............


ก๊อก ๆ ๆ

“อื้อ”กูขานตอบ
“แดกข้าวเปล่า”เสียงไอ้โมทถามจากข้างนอกห้อง
“เออ เดี๋ยวลงไป”กูตอบ แล้วงัวเงียลุกขึ้นหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา บ่ายสองเข้าไปแล้วหรอวะเนี้ย แต่ทำไมกูรู้สึกเหมือนยังนอนไม่เต็มอิ่มเลยวะ แต่เอาไว้ก่อนลุกไปแดกข้าวก่อนดีกว่า เดี๋ยวร่างกายมันจะงงกับระบบซะหมด  กูลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ จัดการอาบน้ำชำระร่างกายตัวเองอยู่ไม่ถึงสิบนาที ออกมารื้อกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองเอาลงตะกร้าเตรียมให้ไอ้มิ้วค์เอาไปซัก กร๊าก เป็นพี่ที่ดีเสมอ แล้วจัดของเข้าที่ให้เรียบร้อย(พูดเหมือนห้องของตัวเองเรียบร้อย)
“เออ”กูนึกในใจ เมื่อนึกได้ถึงกระดาษที่เขียนไว้ให้สลิ่ม อยู่ดีๆก็ตงิดใจขึ้นมา เลยเดินไปที่กระเป๋าสะพายของตัวเอง ก่อนที่จะหยิบสมุดโน้ตของตัวเองออกมา
“ไม่มี”ไม่เป็นไร มันคงอยู่อีกหน้านึง
“ไม่มี”ไม่เป็นไร ยังนิ่งอยู่ มันคงอยู่อีกหน้านึงนั่นแหละ กูเลยพลิกแม่งให้หมดทุกหน้าซะเลย แต่ทำไมมันไม่มีซักกะหน้าเลยวะ ใจกูเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาทันที กลัวว่ากระดาษที่เขียนมาซะดิบดีจะหายไป หรือว่าไปร่วงหล่นอยู่ที่ห้องนอนที่บ้านละก็ซวยแน่ จะซวยถ้าพ่อเห็นเพราะกูยังคิดว่าพ่อคงยังรับไม่ได้มากนัก จะอายก็เพราะแม่กูเห็นด้วยนี่แหละ กูรีบพลิกกระเป๋าหาอย่าสุดชีวิตก็ไม่เจอ หาที่กระเป๋าใส่เสื้อผ้าก็ไม่เจอ หาในสมุดโน้ตทุกซอกทุกมุมอีกก็ไม่เจอ เลยกลับมานั่งลงบนเตียงทั้งๆที่มือก็ถือสมุดโน้ตอยู่แล้วรำลึกความหลังกับภาพทั้งหมด
“ตอนแรกนั่งอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือที่ห้อง”
“แล้วก็ลงไปนอน ก่อนที่จะหยิบสมุดโน้ตที่จดงานกับพี่ป้อมเมื่อกลางวันออกมา”
“ตอนนั้นกระดาษมันก็ยังอยู่นี่หว่า เอ๊ะ..หรือว่าไม่อยู่แล้ววะแม่ง กูจำไม่ได้อ่ะ” นี่เหล้าก็ไม่ได้กินนะโว้ย ทำไมกูจำไม่ได้วะ กูว่าบางทีคนเราลืมที่จะมีสติไปช่วงขณะนั้น ลืมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ กำลังจดจ่ออยู่เรื่องเดียว มันถึงได้ลืมได้ถึงขนาดนี้ กูนั่งคิดแล้วคิดอีก คิดยังไงก็คิดไม่ออก
“ไม่หรอกมั้ง”กูคิดขัดขึ้นมาในใจ คิดว่ามันจะอยู่ที่ห้องสลิ่มรึเปล่า เพราะว่าที่กูไปที่ห้องมันกูก็สะพายไอ้กระเป๋าเป้ใบนี้ของตัวเองไปด้วยนี่หว่า แต่กูก็ไม่ได้วางกระเป๋าลงเลยด้วย และก็ไม่ได้เปิดกระเป๋าแต่ปกติกูไม่ค่อยปิดปากกระเป๋าอยู่แล้วอะดิ ม่ายยยย..เหี้ยอะไรของกูเนี่ย นึกได้อีกทีกูเลยกดโทรหาสลิ่มมันก่อน เพราะถ้าใครเห็นก็ไม่เท่าไอ้สลิ่มมันเห็น กูจะต้องเอาหัวมุดดินหนีแน่ๆให้ตายเหอะ

ตู๊ดดๆ   ๆ    ๆ

“รับดิวะ”กูด่าใส่โทรศัพท์

ตู๊ดดๆ  ๆ   ๆ

“รับสิโว้ยยยย”กูกระแทกเสียงใส่อย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะเดินไปเดินมา ไอ้กระดาษเหี้ยเอ้ย รู้งี้กูเผาทิ้งไปก็ดีละ ว่าจะเสียดายก็เสียดายอะนะถ้ามันหายไปเพราะใจจริงกูก็อยากให้สลิ่มมันอ่าน แต่กูก็ไม่อยากให้มันอ่านอยู่ดีนี่หว่า ข้อความน่าอายขนาดนั้นอะนะ ม่ายยยย..กูเขินนิ แล้วยังจะ..ไอ้นั่นอีก ไม่นะ
“โหล”สุดท้ายมันก็รับจนได้
“อยู่ไหนอะ”กูรีบถามทันที เพราะได้ยินเสียงคนอื่นอยู่ด้วย
“ทำไม”มันย้อน
“อยู่ไหนเล่า”กูถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“จะทำไมเล่า”มันย้อนอีก
“เออๆ มึง..เห็นกูทำอะไรตกไว้รึเปล่า”กูถาม
“อะไรตก”มันถามกลับ
“ก็เห็นไหมเล่า”กูถามกลับ
“ไม่เห็นโว้ย”มันย้อนเสียงดัง
“มึงจะเสียงดังทำไม”กูเริ่มจับผิด
“ก็มึงขึ้นเสียงก่อนทำไม”มันย้อนบ้าง
“เออๆ ช่างมันเหอะ แล้วนี่อยู่ไหนกูจะไปหา”กูถาม เพราะถึงยังไงกูก็ยังไม่เชื่อมันอยู่ดี
“ไม่บอก”มันกระแทกเสียงตอบ ก่อนที่จะตัดสายกูทิ้งอย่างรวดเร็ว เด็กเปรตตตตตต!! แต่เอาไว้ก่อนให้มันกวนตีนกูไปแค่นั้นพอ กูกดโทรศัพท์โทรหาไอ้เขตดีกว่าเผื่อจะได้ความบ้าง
“ฮัลโล้วววววว..ว่าไงครับเฮียยยย”ไอ้เหี้ยเขตรับได้กวนส้นตีนกูมาก ในเมื่อโทรหาสลิ่มมันไม่ยอมรับ ก็โทรหาไอ้นี่แทนเอาก่อนแล้วกัน
“สลิ่มล่ะวะ”กูรีบถามทันที
“อยู่ในรถนู่น ทำไมเฮียไม่โทรเข้าหามันเล่า”มันพูด
“ในรถ รถไหน ไปไหนกัน”กูรีบถาม
“ไปสวนแหละ วันนี้เปิดหมวกฉลองสอบเสร็จกันสักหน่อย”ไอ้เขตพูดเสียงดี้ด้า
“อ่าว แล้วนี่อยู่ไหนกันแล้ววะ”กูถามอีก
“อยู่บ้านไอ้เวพี่ พอดีไอ้วิทย์ไปรับสลิ่มแล้วก็เลยมารับผม แล้วก็มารับไอ้เวนี่แหละ แต่ขึ้นมาเอาเครื่องดนตรีกัน..แต่ไอ้คุณชายมันรอในรถ”ไอ้เขตพูดบอก
“มึงจะไปร้องตรงไหนวะ”กูถาม
“ก็ที่พี่เคยให้นามบัตรพวกผมนั่นแหละ”มันพูดด้วยน้ำเสียงแซวๆ
“เฮ้ย งั้นเดี๋ยวกูไปหานะ มึงก็อย่าหนีไปไหนกันล่ะ”กูพูดบอก
“ได้ครับ”มันตอบ
“เออแค่นี้แหละ”กูพูดก่อนที่จะวางสายลง ที่จริงกูก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่หรอกนะว่ากระดาษจะอยู่ตรงสลิ่มมันรึเปล่า เพราะกูเองก็จำไม่ได้ด้วยว่ามันจะตกอยู่ที่บ้านหรือว่าที่ทำงาน เพราะกูหยิบสมุดออกมาจดงานบ่อยมาก แล้วกูจำได้ตอนนึงเลยว่าตอนที่อยู่ในห้องนอนที่บ้านกู กูหยิบมันออกมาดูข้อมูลจากที่จดจากพี่ป้อมไว้เมื่อกลางวัน แล้วกูก็เก็บสมุดลงแต่ก็จำได้อย่างนึงว่าบนโต๊ะไม่ได้มีกระดาษอะไรนี่หว่า แล้วที่กลัวจะไปตกอยู่ตรงสลิ่มเพราะไอ้ความสัพเพร่าของกูที่ไม่ค่อยปิดกระเป๋าตัวเองด้วย มันก็เลยระแวงๆไปหมด ถ้ามันอ่านไปแล้วก็ดีเหมือนกันกูจะได้ไม่ต้องทำใจสักเดือนสองเดือนที่จะให้มันอะนะ แต่กูคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไวตรงไหนเหมือนกัน เขียนเองกูยังรับไม่ได้เลยเนี่ย
กูรีบแต่งตัวแล้วเอาพวกของสำคัญใส่กระเป๋าเป้อีกใบให้มันเข้ากับเสื้อผ้ากับกางเกงและรองเท้าที่แพลนไว้ในหัวแล้วเรียบร้อย แล้วรีบลงมากินข้าวที่โต๊ะกับข้าวโดยมีไอ้มิ้วค์กับไอ้โมทมันกินนำไปก่อนแล้วเรียบร้อย พอกินเสร็จกูก็รีบขับมอเตอร์ไซด์คู่ใจออกตามหารักทันที (ถุ้ย เน่า)


............
............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-08-2015 21:08:15 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
พอกูมาถึงที่ไอ้สวนตลาดที่กูเคยเจอมันครั้งแรก กูก็กดโทรหาไอ้เขตมัน แต่ว่ามันไม่รับสายกูแล้ว คาดว่ามันคงเปิดหมวกกันแล้วเรียบร้อยนั่นแหละ กูเลยเสี่ยงเดินไปหามันที่เดิม พอไปใกล้มากขึ้น เสียงเพลงก็ดังมาจากตรงนั้น กูเริ่มมั่นใจมากขึ้นเพราะเสียงร้องแบบนี้ กูจำได้ดี  คนเริ่มมุงเข้าไปดูเยอะขึ้นจนกูงง เห็นคนชะเง้อมองไปมาแต่ไกลไปที่จุดตรงนั้น กูรีบเดินเข้าไปให้ใกล้มากขึ้นด้วยความอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

หลังจากสิ้นเสียงคนพูด เสียงกลอง เสียงกีตาร์ และ เสียงเม้าออร์แกนดังขึ้น คนเริ่มมุงด้วยความอยากรู้มากขึ้น ทั้งๆที่ตามทางที่เดินมาก็มีการแสดงของเด็กนักเรียนเยอะแยะเต็มไปหมด

พอกูเดินไปถึงที่หมาย และแทรกคนไปได้แค่นิดเดียว และไม่อยากเบียดไปมากกว่านั้น เพราะต่างชาติมุงและยืนถ่ายรูปกันเต็มไปหมด กูอดยืนขำออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นไอ้ตัวดีมันแต่งตัว มันไม่ได้ขำอย่างเดียว มันน่ารักด้วย  มันใส่รองเท้าหนังสีน้ำตาลเข้มมาก กางเกงเดฟสีน้ำตาลอ่อนลงมาจากสีรองเท้าหน่อยเดียว มีการใส่ถุงเท้าสีขาวไว้ข้างในด้วยนะ มันใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวคู่กับสายเอี๊ยมหนังสีน้ำตาลเข้มตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวของมัน แล้วใส่หมวกเหมือนแฟชั่นยุค 60 รวมๆแล้วมันแต่งตัวเหมือนฝรั่งจ๋าในยุค 60 อย่างเห็นได้ชัด แต่มันน่ารักมากๆอ่ะ อย่างกับเด็กอายุสิบสองสิบสามเอง ส่วนคนอื่นๆในวงก็แต่งกันพอประมาณ ไอ้วิทย์นี่แค่เสื้อยืดแขนสามส่วน กางเกงยีนกับรองเท้าบู๊ทสีดำ ไอ้เขตนี่ดูจะหลุดโลกไปหน่อย กางเกงนี่ล่อสีเขียวไปแล้ว ไอ้เวก็ดูดี รวมๆแล้วไม่บ้าทำไม่ได้หรอกนะ แต่ก็นั่นแหละเดินไปเดินมาที่นี่ เด็กวัยรุ่นที่แต่งแบบนี้ถือว่าปกติด้วยซ้ำ เอ๊ะ..หรือว่าไม่ปกติวะ กร๊าก

สลิ่มมันไม่ได้ร้องธรรมดา มันเล่นทั้งเต้น ทั้งเอนเตอร์เทนคนดูสุดฤทธิ์สุดเดช ตอนนั้นมันก็คงไม่เห็นกูด้วยแหละ เพราะว่ามันกำลังเมามันกับเพลงของมันมาก กูหันไปเห็นเด็กอีกสองคนมันถือกล้องวีดิโอถือถ่ายพวกสลิ่มมันเล่นดนตรีกันอยู่ จำได้ว่าน่าจะเป็นพวกรุ่นน้องของสลิ่มที่เจอที่บ้านไอ้ติสทุกครั้งที่ไปส่งมันซ้อมดนตรีที่บ้านไอ้ติสอะนะ 

พอมันเต้นไป ร้องไป มันถือหมวกไปด้วยเต้นไปด้วย เดินเรี่ยรายเงินโดยที่ไอ้พวกสามตัวที่ยืนเล่นดนตรียืนเป็นแบคกราวไปพลาง กูหยิบเงินออกมาร้อยนึง แล้วเอื้อมมือข้ามหัวไอ้ฝรั่งตรงหน้าไปยื่นมือเอาเงินใส่หมวกมัน พอมันจะเอาหมวกกลับ กูก็ดึงหมวกมันไว้ก่อน สลิ่มมันเงยหน้ามามองหน้ากูทันที พอมันเห็นหน้ากูมันก็ตกใจเหมือนชะงักไปเลย กูยืนยิ้มให้กับความน่ารักของมันอย่างกับเด็กๆ ตอนนี้ลืมเรื่องไอ้เหี้ยกระดาษนั่นไปก่อนแล้วกัน พอมันเห็นหน้ากู หูก็แดงรามมาที่แก้ม มันรีบดึงหมวกกลับทันทีแล้วรีบเดินหนีไปที่อื่น

พอมันเรี่ยรายเงินเสร็จ มันก็เดินเอาเงินจากในหมวกของมันไปใส่ในกล่องที่วางอยู่บนพื้น ก่อนที่จะหันกลับมาร้องเพลงเหมือนเดิม พอถึงจุดพีคของเพลงมันก็เต้นไม่เหลือชิ้นดี เหมือนกับถนนอันนี้เป็นของมันคนเดียว มันเต้นแนว Rock & Rollบ้างผสมกับแท็ปด้วยความสนุกสนาน กูเห็นฝรั่งที่ยืนดูอยู่ยิ้มกันแก้มไม่หุบกันเลยทีเดียว ระหว่างนั้นเองสลิ่มมันก็หยิบหมวกจากหัวตัวเองออก ก่อนที่จะผายหมวกของตัวเองไปพร้อมกับแขนเหมือนเชิญให้ฝรั่งผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้ามันให้ออกมาเต้นด้วย คุณเธอก็ยินดีออกมาเต้นเต็มที่ ส่ายเอวไปมาคู่กับสลิ่ม มันเล่นส่ายตัวไปมาเอนกันไปคนละด้านด้วยความสนุกสาน ก่อนที่จะสลิ่มมันจะคำนับอีกครั้งเหมือนเป็นการขอบคุณ ฝรั่งปรบมือกันเกรียวกราว หลังจากนั้นสเต็ปเท้าไม่ต้องพูดถึง มันรัวเท้าอย่างกับคนเต้นแท็ปเป็นก็ไม่ปาน กูไม่รู้เลยนะว่ามันเต้นแบบนี้ก็เป็นด้วย ถึงเวลาที่มันร้องเพลงไม่ว่าจะร็อก ป๊อป หรือ ตอนที่มันฟังเพลงฮิพฮอพ กูจะเห็นท่าทีที่ออกมาจากอารมณ์ของมันจริงๆอย่างเป็นธรรมชาติและดูดีมากๆอย่างกับฝรั่งมาเองเหมือนมันอยู่ในสายเลือดก็ไม่ปาน แต่ไม่คิดว่ามันจะเต้นเก่งขนาดนี้อะดิ มันผสมกันจนออกมาธรรมชาติมากๆอ่ะ
“น่ารักว่ะ”เสียงคนข้างๆกูพูด พร้อมกับกรี๊ดกร๊าดกันอยู่สามสี่คน
“ถ้าหน้าตาไม่ดี ทำนี่เหี้ยเลยนะมึง”อีกคนพูดขำๆ
“กล้าว่ะ กูชอบ”ผู้หญิงอีกคนพูดขึ้น เสียงแม่งโคตรแมน กูนี่แทบจะขำออกมาแต่ก็ยังมีมารยาทอยู่อ่ะนะ

หลังจากที่มันร้องไปพร้อมกับหยุดร้องแล้วจับหมวกที่อยู่บนหัวของตัวเองแล้วอีกมือก็เกาะเอวตัวเองอยู่อย่างนั้นแล้วเอาขาเต้นกระโดดไปมา ก่อนที่จะผายหมวกลงอีกครั้งแล้วเต้นเล่นหน้าเล่นตาใส่คนดูไปทีละคนอย่างสนุกสนาน ไอ้คนที่เล่นดนตรีอยู่ข้างหลังก็ประสานเสียงกันดีเหลือเกิน กูละเชื่อพวกมันเลย กว่าจะจบเพลงกูละเหนื่อยแทน เพราะมันแทบไม่ได้หยุดเต้นเลย แล้วการเต้นสเต็ปเท้าอย่างเดียว เหมือนการเต้นด้วยปลายเท้ากับหลังเท้าไปมา มันจะต้องใช้แรงมากและเพลงมันก็เร็วมากด้วย มันก็ต้องไปตามจังหวะของเพลงซึ่งตรงนี้มันเหนื่อยมากๆถ้าใครเต้นแนวแท็ปเป็นก็จะรู้ดี ซึ่งกูยืนดูเฉยๆกูยังเหนื่อยแทนเลยเนี่ย แต่กูนับถือมันจริงๆมันเอนเตอร์เทนคนเก่งมากๆ ทั้งๆที่ปกติก็ไม่ค่อยจะพูดแท้ๆ พอเพลงจบกูเห็นมันยืนหน้าอกกระเพื่อมกันเลยทีเดียว พร้อมกับหันไปบ่นใส่เพื่อนว่า
“เหนื่อยว่ะ” ก็สมควรเหนื่อยล่ะไอ้ห่า เต้นซะขนาดนั้น ฝรั่งปรบมือให้มันแต่ดูมันจะยังไม่หยุดอารมณ์ที่อยู่นิ่งดี มันยินดีถ่ายรูปให้กับฝรั่งทุกคนอย่างยิ้มแย้ม รวมถึงชะนีไทยที่เข้าไปขอถ่ายรูปด้วย ไอ้เขตมันก็รีบเติมโดยการบอกว่า
“ถ่ายรูปกับนักร้องเราแล้ว ขอเงินค่าน้ำให้นักร้องบ้างก็ได้นะครับคนสวย”ไอ้ห่านี่ปากตอแหลตลอดศกจริงๆ  กูยืนดูมันต่อเพราะไม่รู้ว่ามันจะเล่นต่ออีกรึเปล่า ยืนอยู่นานมากๆเพราะว่ามันใช้เวลาถ่ายกับคนเยอะแยะมากมาย เค้าคงเห็นว่ามันเป็นตัวประหลาดกล้าทำแหละกูว่าอ่ะ
“น่ารักอ่ะ น่ารักๆ”เสียงผู้หญิงที่เดินดูรูปจากกล้องมือถือของตัวเอง กรี๊ดกร๊าดกันมาชมชอบรูปไอ้สลิ่มที่ถ่ายกับตัวเองเมื่อกี้
“อย่างกับเด็กเลยอ่า”อีกคนพูด กูจะดีใจดีไหมที่มีคนชมเมียกูแบบนี้ กูไม่ดีใจเท่าไหร่ว่ะเอาตามตรง เพราะกูไม่ชอบให้มาเชยชมกันเยอะขนาดนี้นี่หว่า
“มีแฟนยังวะ”อีกคนบ่น  เอ่อ..มันมีแล้วนะ ยืนอยู่นี่
“อย่ามีแฟนเป็นผู้หญิงนะมึง กูรับไม่ได้”ผู้หญิงอีกคนพูดขึ้น กูรีบหันขวับไปมองทันทีว่าใครพูดวะ
“อ่ะ อีห่า”ผู้หญิงอีกคนด่าเหมือนไม่สบอารมณ์นิดหน่อย
“ห่า หน้าตาดีขนาดนั้นอ่ะ น่ารักด้วย มีแฟนเป็นผู้หญิง..ผู้หญิงต้องแรดมากๆ กูฟันธงเลย เพราะมันต้องหวงไอ้น้องคนนี้มากๆ”ผู้หญิงคนเดิมวิเคราะห์
“ห่า มึงคิดได้นะ ไกลมากเลยนะมึง”ผู้หญิงอีกคนพูดขำๆ
“เล่นอีกเพลงแล้ว”เธอพูด
“หืม ไม่เหนื่อยรึไงวะ”ผู้ชายไอ้ที่ยืนอยู่ข้างๆกูพูดขึ้นเหมือนบ่นแทน  กูยืนดูอีกสองเพลง สลิ่มมันก็เรี่ยรายเงินก่อนที่จะขอบคุณทุกคน แล้วก็เก็บสำภาระของตัวเอง กูเดินเข้าไปหาแล้วยื่นน้ำให้มันที่พึ่งเดินไปซื้อมาเมื่อกี้ มันไม่เงยหน้ามามองหน้ากูแต่ดึงขวดน้ำไปเปิดดื่ม ไอ้วิทย์กับไอ้เวเห็นกูมันก็ยกมือไหว้ให้ยิ้ม ไอ้เขตแม่งยืนยักคิ้วให้กูละ
“อะไร”มันพูดขึ้นแล้วยื้อกระเป๋ามันคืน กูดึงกระเป๋ามันไว้แบบนั้น
“ขอดูหน่อย”กูพูด หาเรื่องไว้ก่อน กูอยากรู้นี่หว่าว่าอยู่ที่มันไหม
“อะไร ไม่มี”มันพูดขึ้นก่อน ทำเอากูเริ่มตงิดๆนิดๆละ
“รู้รึไงว่าไม่มีอะไรอ่ะ”กูถาม มันหน้าเหรอหราทันที
“มานี่”กูจับมือมันแล้วดึงให้เดินตามมาด้วย สลิ่มมันพยายามยื้อไว้แต่สุดท้ายก็เดินตามมาในที่สุด กูได้ยินเสียงไอ้พวกนั้นมันแซวส่งท้าย กูพามันเดินมาเรื่อยๆจนเดินออกไปตามถนน แล้วเดินไปทางสวยที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก สลิ่มมันไปมันก็บ่นไปเรื่อย
“มึงปล่อยก่อนดิ”มันพูดแล้วพยายามยื้อกระเป๋าที่กูก็ไม่ยอมปล่อยด้วย
“ไม่”กูบอกแล้วลากมันมาเรื่อยๆ จนถึงที่เงียบๆไม่ค่อยมีคนมากนัก ถึงแม้ว่ามันจะมีอยู่ก็เหอะ แต่มันก็น้อยกว่าเมื่อกี้เยอะเลยแหละ เพราะส่วนมากตรงนี้มีแต่คนมานั่งเล่นนอนเล่นเป็นคู่รักกันมากกว่า
“ม่ายยยยยยยย”อยู่ดีๆมันก็ร้องซะเสียงดัง กูเอ๊ะใจแล้วทีนี้ กูรีบกระชากกระเป๋าอย่างออกแรงนิดหน่อย
“ปล่อยเด้ ไอ้บ้านี่”มันร้องแล้วพยายามกอดกระเป๋าตัวเองไว้กับตัว แต่กูก็ยังล้วงเข้าไปแบบไม่หยุดยั้ง
“อยู่ที่มึงใช่ไหม ไอ้เด็กนี่”กูบ่นบ้างแบบไม่ยอมแพ้
“ไม่มี”มันกระแทกเสียงใส่หน้ากูแบบไม่ยอม กูรีบใช้ไม้ตายโดยการเข้าไปกอดมันไว้ มันลุกลี้ลุกลนมองไปทางนู้นทีทางนี้ทีเหมือนกลัวคนอื่นจะเห็น
“หือ มีคนมองด้วย”กูทำเสียงแกล้งใส่
“อย่าเปิดนะเว้ย เอามา”มันร้องและพยายามกระโดดเอากระเป๋าจากมือกูที่ชูกระเป๋าไว้ซะสูงลิ่ว แล้วรีบควานหาของสำคัญในนั้น  กูหันหลังให้สลิ่มมัน แล้วเปิดกระเป๋าดู ไม่เห็นกระดาษอะไรอยู่ในนั้นเลย มีแต่กล่องแว่นตา กระเป๋าสตางค์ มือถือ ปากกา แล้วก็อะไรของมันก็ไม่รู้ แต่กูหยิบไอ้สิ่งที่จะเป็นไปได้มากที่สุดออกมาจากกระเป๋ามัน
“เอาคืนไป”กูคืนกระเป๋าให้สลิ่มมัน แล้วเปิดสมุดโน้ตของมันที่กูเห็นมันพกไว้ประจำ เพราะว่าไม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกูก็เห็นมันจดใส่หนังสือเล่มนี้ตลอด
“.................”เงียบถึงกับเป่าสากกันเลยทีเดียวคราวนี้ พอกูเปิดสมุดออกมาก็เห็นกระดาษที่คุ้นตา ก็คือกระดาษของกูนั่นแหละ
“เฮ้ย”กูร้อง เพราะว่าพอกูเจอกระดาษปุ๊บ สลิ่มมันก็เดินมาปัดกระดาษปั๊บจนมันปลิวออกจากมือกูไป
“ไอ้หลิ่ม”กูร้องแล้วรีบวิ่งตามกระดาษไป ใครเคยวิ่งตามกระดาษหรือเงินตอนที่มีลมก็คงจะรู้ดี ห่า เหมือนโดนผีหลอก มันปลิวไปได้ตลอดจริงๆ  กูกับสลิ่มวิ่งแย่งกัน กูก็ไม่รู้ว่ามันจะแย่งทำไม ในเมื่อคนที่อายสมควรจะเป็นกูด้วยซ้ำ กูสมควรจะเป็นคนรีบไปเก็บแล้วรีบหนีโลกไปให้ไกล แต่สลิ่มมันดันวิ่งตามกระดาษเหมือนกู
“อะไรมึงอ่ะ มึงจะแย่งกูทำไมเล่า”กูผลักมันเบาๆ เพราะกลัวมันจะล้ม แล้วรีบวิ่งตามกระดาษไปอีก สลิ่มมันรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว
“มึงตาย”มันร้องแล้วกอดตัวเองก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่ตัวกูสุดแรง กูด้วยความที่กำลังงงๆกับท่าไม้ตายของมันที่พุ่งมาชนอย่างกับกระทิงขวิดนั้น กูก็เลยล้มลงโดยไม่ได้ตั้งตัว
“ปล่อยยยยยยยยยยยย”มันร้อง เพราะกูจับขามันไว้ทันจนตัวมันเองก็ล้มลง ไม่รู้เหมือนกันว่ากูจะไปห้ามมันทำไม แต่มันเป็นสัญชาตญาณนี่หว่า ยิ่งมันแสดงท่าทีแบบนี้ แสดงว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ
“เอ่อ..กระดาษของพวกคุณรึเปล่าครับ”เสียงหนึ่งพูดขึ้น กูกับสลิ่มเงยหน้าไปมองคนที่ยืนอยู่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-08-2015 21:09:05 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
“ใช่ครับ”กูรีบตอบแล้วรีบเอาขาเกี่ยวแล้วนั่งทับตัวสลิ่มมันไว้ ก่อนที่จะดันตัวเองขึ้นแล้วรีบเดินไปหาไอ้ผู้ชายที่ยืนถือกระดาษของกูอยู่
“ขอบคุณมากครับ”กูยิ้มสยามบอก ไอ้นั่นก็มองงงๆ ก่อนที่จะยิ้มให้แล้วเดินไป กูพลิกกระดาษกลับมาดู
“..................”กูยืนยิ้มแล้วรีบหันกลับไปมองไอ้ตัวดีที่หมวกมันพึ่งหลุดออกจากหัวเพราะล้มเมื่อกี้ มันรีบเอาหมวกของตัวเองมาใส่ พอมันเห็นกูยืนยิ้มมองไปที่มัน มันก็รีบหันหลังกลับทันที  มันหยิบกระเป๋าเป้สีไข่ไอ้ที่ตัวกระเป๋ามีอันเล็กนิดเดียว สายกระเป๋าก็เล็กนิดเดียวแต่ก็เหมาะกับตัวมันดีไปสะพายไว้แล้วเดินหนีกู
“มึงเซนให้กูด้วยอ่ะ หลิ่ม”กูเดินพูดไปยิ้มไปแล้วยื่นกระดาษให้มันดูด้วยความดีใจ เพราะตอนนี้ไม่ได้อายกับข้อความของตัวเองแล้ว
“หลิ่ม..มึงกับกู”กูพูด
“โอ้ยยยยยยยยยย มึงจะพูดอีกมากไหมห๊ะ”มันหันมากระแทกเสียงใส่กู กูยืนยิ้มมองหน้ามัน ปากกูจะฉีกทะลุแก้มไปแล้วไหม อยู่ดีๆมันก็ทำท่าหงุดหงิดก่อนที่จะเดินไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้ใกล้ๆ พอมันนั่งลงมันก็ก้มตัวมันเอากอดเข่าตัวเองไม่ยอมเงยขึ้นมาเลย กูรีบเดินไปนั่งลงตรงพื้นหญ้าข้างล่างตรงเท้ามัน
“ดีใจอ่ะ”กูพูดไปยิ้มไป บ้าไปแล้ว
“ดีใจจนจะบ้าอยู่แล้วอ่ะรู้เปล่า กูไม่ได้ฝันใช่ป่ะ”กูพูด

ปึกกกก !! 

ไม่น่าพูดเลยกู ตีนที่อยู่ตรงหน้ากูถีบเข้าที่ท้องกูเหมือนเตือนสติให้ว่ากูไม่ได้ฝัน มันก็ยังจะมีแรงมากวนกูอ่ะเนอะ ทั้งๆที่ตัวเองอายจนไม่กล้าโผล่หน้าออกมาด้วยซ้ำ  กูจับเท้าข้างที่มันถีบไว้ให้มันอยู่บนตักกูอยู่อย่างนั้น



//----“มาเล่นด้วยกันดิไอ้หลิ่มน้อย”เสียงเด็กหัวโจกคนหนึ่งท้าทายเด็กน้อยน่ารักคนหนึ่งอย่างอวดเก่ง
“ไม่เล่น เราเล่นไม่เป็น”เด็กน้อยตอบด้วยความหวาดกลัวนิดหน่อยกับคนที่อยู่ตรงหน้า
“เฮ้ย มันเล่นบอลไม่เป็นเว้ย”เด็กชายคนนั้นพูดโอ้เสียงดังเหมือนจงใจแกล้ง เด็กคนอื่นได้แต่นั่งมองยืนมองด้วยความสงสาร เพราะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เด็กน้อยคนนี้ก็โดนเด็กนักเลงหัวโจกนี่แกล้งตลอด
“ลุกขึ้นมาเด้ เป็นผู้ชายยังไงวะ”เด็กผู้ชายหัวโจกปัดมือเข้าที่หัวเด็กน้อยเบาๆ เด็กน้อยหลบด้วยสัญชาตญาณของตัวเองด้วยความหวาดกลัว
“จะ..จะฟ้องพี่เมตร!”เสียงเด็กน้อยตะโกนเสียงดังเหมือนขู่ให้คนตรงหน้าเกรงกลัวต่อบารมีของคนที่ถูกเอ่ยชื่อขึ้น
“ฮ่าๆๆ พี่เมตรมึงจะทำอะไรกูได้”เด็กนักเลงหัวโจกพูดอย่างไม่หวาดกลัวอะไร ทั้งๆที่ในใจแล้วก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าตัวเองกลัวชื่อนี้มากแค่ไหน
“อ๋อ นี่มึงไม่กลัวกูเลยงั้นสิ กูพึ่งรู้นะเนี่ย”อยู่ๆ เสียงเจ้าของชื่อก็โผล่ออกมา เค้าจะออกมาช่วยเด็กน้อยคนนี้เสมอเพราะว่าไม่ว่าจะมีเวลาว่าเมื่อไหร่ เค้าก็จะวนเวียนอยู่รอบๆตัวเด็กคนนี้โดยไม่ให้เจ้าตัวรู้ตัวเลยสักนิด
“เอ่อ..พี่เมตร”เสียงเด็กหัวโจกพูดตะกุกตะกักด้วยความตกใจ ใครๆก็รู้ดีว่าคนที่ชื่อเมตรนี้เป็นใหญ่ที่สุดในระดับสายชั้นป.6และทุกๆสายชั้นอยู่แล้ว(ซึ่งโรงเรียนก็มีถึงแค่ป.6อ่ะนะ กร๊าก)
“กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับน้องกู ดูท่ามึงจะพูดไม่รู้เรื่องเนอะ”เด็กหนุ่มคนชื่อเมตรพูดด้วยความหงุดหงิด
“เอ่อ คือผม”เด็กหัวโจกคนนั้นตอบด้วยท่าทีที่หวาดกลัวสุดๆ ก่อนที่จะเดินถอยหลังหนีเด็กคนชื่อเมตรที่เดินเข้าหาพร้อมกับกระชากคอเสื้อไว้อย่างแรง
“ถ้ากูรู้ว่ามึงยุ่งกับสลิ่มอีก กูจะโทรบอกแม่กูให้บอกผอ.ว่ามึงต่อยกูจนหน้าช้ำและกูเจ็บมาก ซึ่งจริงๆกูไม่ช้ำและกูไม่เจ็บ”เด็กคนชื่อเมตรพูดด้วยน้ำเสียงขู่จนอีกฝ่ายกลัว ก่อนที่จะปล่อยคอเสื้อออก แล้วทำท่าจะชกเข้าที่หน้าของอีกฝ่ายจนอีกฝ่ายก้มหน้าหลับตาปี๋
“เพราะมึงจะช้ำและเจ็บแทนกูและกูจะบอกว่ากูป้องกันตัว ดีไหมน้องรัก”เด็กหนุ่มที่ชื่อเมตรตีเข้าที่แก้มของอีกฝ่ายเบาๆเหมือนเป็นการหยอกล้อ
“ผมขอโทษครับพี่”เด็กหัวโจกคนนั้นรีบยกมือไหว้ ก่อนที่จะรีบวิ่งไปกับเพื่อนของตัวเองในทันที
“มึงนี่หน้าด้านเนอะ”เพื่อนของเด็กหนุ่มที่ชื่อเมตรพูดขำๆ แต่เมตรไม่ได้สนใจอะไรแต่กลับรีบเดินไปหาเด็กที่นั่งอยู่ข้างสนามบอลไม่ยอมขยับไปไหน
“สลิ่ม..เป็นอะไรอ่ะ”เด็กหนุ่มเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง
“...............”เด็กน้อยคนนั้นได้แต่นั่งก้มหน้าส่ายหัวตอบแล้วจับเข้าที่มือของหนุ่มน้อยที่จับมือของเด็กน้อยนั่นไว้
“พี่เมตร ฮึก..หลิ่มกลัว~”เด็กน้อยกุมมือของหนุ่มน้อยนั่นไว้แน่น
“พี่อยู่นี่แล้วไง จะไม่มีใครทำอะไรสลิ่มได้หรอกนะ”เด็กหนุ่มบอกเหมือนให้ความสบายใจแก่อีกฝ่าย
“จริงนะ”เสียงของเด็กน้อยพูดขึ้นอย่างดีใจทันที
“จริงสิ”เด็กหนุ่มยิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงสีหน้าดีใจเช่นนั้นให้
................................
“โหหห..น่ารักจัง”เด็กน้อยพูดขึ้น สลิ่มที่อายุเพียงหกขวบ หน้าตาสดใสร่าเริง ผิวพรรณขาวผ่อง ตากลมโต  หน้ารูปไข่มีรูปคางที่มนแหลมได้รูป 
“อืม น่ารักใช่ไหมล่า..พ่อพี่ซื้อให้ล่ะ”หนุ่มน้อยอีกคน เมตรที่อายุเพียงสิบสองขวบ เป็นหัวโจกของกลุ่มเพื่อนๆนักเรียนด้วยกัน หน้าตาคม ซึ่งหน้าตากวนส้นตีนแต่เด็ก หล่อเหลาเอาการเลยทีเดียว
“ขะ..ขอสลิ่มจับได้ไหม”เด็กน้อยหน้าหวานแบบมืออย่างกล้าๆกลัวๆ
“ได้สิ”หนุ่มน้อยหน้าคม ที่หลงรักเด็กน้อยหน้าหวานโดยไม่รู้ตัว รักที่ครอบคลุมไปมากกว่าพี่น้อง ความห่วงใยที่มีให้ก็มากกว่าพี่น้องและมากกว่าที่เด็กอายุเพียงเท่านั้นจะเข้าใจมันด้วย
และในทุกวันตอนเย็น เค้าจะมาขลุกอยู่ที่บ้านตลอด ไม่ค่อยไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ เพราะว่าต้องการเจอเด็กน้อยหน้าหวานคนนี้ที่อยู่บ้านหลังติดกัน
“หว่า..มันดิ้นด้วยอ่ะ”มือน้อยๆนั่นจับหัวลูกหมาพันธ์ลาบาดอลตัวเล็กที่เพิ่งเกิดได้ไม่กี่วัน เป็นของขวัญจากคุณพ่อของเด็กหนุ่มที่ให้สำหรับที่เขาสอบได้ที่หนึ่งของห้อง
“หึ.. พี่จะตั้งชื่อมันล่ะ”เด็กหนุ่มพูดขึ้นและมองเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู
“ตั้งชื่อ!!”เด็กน้อยพูดอย่างตื่นเต้น
“อื้ม สลิ่มจะช่วยกันตั้งไหม”เด็กหนุ่มถามเมื่อเห็นอาการของเด็กน้อยหน้าหวานที่ดูตื่นเต้นสนใจ
“ได้หรอ”เด็กน้อยถามกลับแววตามีความหวัง  เด็กหนุ่มพยักหน้าให้ทันที มันแน่นอนอยู่แล้ว ก็เค้าชอบเด็กคนนี้มากๆเลยนี่นะ
“งั้นชื่อ..ชื่อปีโป้”เด็กน้อยพูดขึ้น
“ไม่เอาอ่ะ..ปีโป้ ยังไม่เท่เลย”เด็กหนุ่มครุ่นคิดว่าชื่อนี้ยังไม่เจ๋งพอ
“หรอ งั้น..ชื่อแบ๊ทแมน”เด็กน้อยพูดขึ้น เมื่อนึกถึงการ์ตูนที่พ่อได้เปิดให้ดูเมื่อเช้า
“ตัวมันไม่มีสีดำนะสลิ่ม”เด็กหนุ่มบอก
“อืม..จริงด้วย”เด็กน้อยคิ้วขมวดติดกันเมื่อใช้ความคิดมากเกินไป
“โลออน”เด็กหนุ่มบอกยิ้มๆและคิดว่าชื่อของตัวเองเจ๋งแล้ว
“โหย..ชื่อนี้นึกถึงจักกะแร้พ่อสลิ่มเลยอ่ะ”เด็กน้อยทำหน้าแหยงๆนิดหน่อย 
“แฮะๆ..เปลี่ยนก็ได้”เด็กหนุ่มบอกยิ้มๆ ลูบหัวตัวเองแก้เก้อ
“...................”เด็กน้อยทั้งสองคนเงียบไปสักพักเหมือนต่างคนต่างใช้ความคิด
“หม้อข้าวววววววว..”เด็กน้อยพูดเสียงดังแทบตะโกน  เด็กหนุ่มคิดนิดหน่อยกับชื่อที่ได้รับ
“หม้อข้าว หม้อข้าว..หูมันมีสีเข้มๆด้วยเห็นไหมฮะ”เด็กน้อยชี้ให้ดูด้วยความตื่นเต้น
“อืมม..จริงด้วย งั้นชื่อหม้อข้าวแล้วกัน”เด็กหนุ่มบอก แล้วเด็กชายทั้งสองคนก็ได้นั่งมองชื่นชมกับชื่อที่ตนเองตั้งให้ลูกหมาตัวน้อยตัวนี้
เด็กหนุ่มถึงแม้จะกล้าหาญ เป็นเสมือนหัวหน้ากลุ่มของเด็กวัยเดียวกันแต่เค้าก็ยังกลับมาเล่นกับเด็กน้อยหน้าหวานนี่ตลอด  คอยปกป้อง คุ้มครองเวลาโดนแกล้ง เขารู้สึกมีความสุขอย่างประหลาดทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกัน แต่แล้ววันเวลาก็ล่วงเลยไป  หน้าที่การงานของพ่อแม่ไม่เป็นใจให้เค้าทั้งสองคนได้อยู่ใกล้ชิดกันจนโต  เด็กน้อยสลิ่มต้องออกเดินทางไปอยู่ที่กรุงเทพพร้อมกับพ่อแม่ของตนเองที่ได้บรรจุกลับไปทำงานที่นั่น 
“สลิ่มให้”เด็กน้อยยื่นการ์ดที่ทำจากกระดาษเอสี่พับครึ่ง เด็กหนุ่มรีบรับมาแล้วเปิดออกดูด้วยความตื่นเต้นปนเศร้านิดๆ แต่เมื่อเค้าได้เห็นรูปวาดในกระดาษ ที่เป็นรูปตัวเค้าเองกับเด็กน้อยจับมือกันอยู่และถูกเขียนประกอบภาพด้วยลายมือที่พยายามเขียนให้อ่านรู้เรื่องอย่างที่สุดว่า “จะคิดถึงพี่เมตร” ทำเอาเด็กหนุ่มยิ้มแทบไม่หุบ
“อ่ะ พ่อบอกว่าให้สลิ่มด้วยใบนึง”เด็กหนุ่มยื่นรูปถ่ายที่ทั้งเค้าและเด็กน้อยได้ถ่ายรูปร่วมกับหม้อข้าว นั่นเป็นรูปแรกและรูปสุดท้ายสำหรับความทรงจำของสุนัขตัวแรกด้วยเช่นกัน
“เราจะได้เจอกันอีกไหม”เด็กหนุ่มถาม 
“..จะ..เจอสิ”เด็กน้อยน้ำตาปริ่มเหมือนจะร้องไห้ออกมา เพราะตัวเด็กน้อยเองแล้ว ไม่ได้อยากไปเลยสักนิด เพราะทั้งกลัวที่จะไปพบเจอเพื่อนใหม่ หรือแม้ว่าจะไม่มีคนคอยคุ้มครองดูแลและก็เป็นห่วงคิดถึงอีกฝ่ายมากๆด้วย
“งั้น..สลิ่มสัญญานะว่าจะกลับมาหาพี่ได้ไหม”เด็กหนุ่มพูด น้ำตาคลอไม่แพ้กัน
“อืมม..สลิ่มสัญญา พี่เมตรรอสลิ่มนะ”เด็กน้อยยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ที่สุดเท่าที่เด็กหนุ่มเคยได้เห็นมา 
“สัญญานะ”เด็กหนุ่มแบบมือขวาเหมือนเป็นการให้สัญญากันอีกครั้ง
“สัญญาฮะ”เด็กน้อยหน้าหวานแบมือซ้ายมากุมไว้  ทั้งสองยืนยิ้มและมีความสุขกันอยู่ได้ไม่นาน  ก็ต้องถึงเวลาที่ต้องแยกจากกันจริงๆ  เด็กน้อยได้แต่โบกมือน้อยๆผ่านกระจกใสของรถยนต์พ่อตนเอง 
เหลือแต่เด็กหนุ่มวัยสิบสองขวบที่กำลังโตและก็มีหัวจิตหัวใจสามารถรับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดแต่ก็ไม่สามารถห้ามอะไรไว้ได้  ทั้งสองคนต้องแยกจากกัน ณ ที่ตรงนั้นและตั้งแต่นั้นมา วันเวลาเริ่มผ่านไป จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี  เค้าทั้งสองต่างก็เติบโตขึ้นและเริ่มลืมเลือนสิ่งต่างๆที่เคยเกิดขึ้นถึงแม้ก้นบึ้งของหัวใจจะเก็บเป็นความทรงจำมาตลอด แต่เพราะว่ามีสิ่งใหม่ๆเข้ามาในชีวิตมากมายแต่ความทรงจำนั้นก็ไม่เคยจางหายไป ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเรารู้กันดีคือ คนเราถ้าเกิดมาคู่กันแล้วไม่ว่าอะไรที่มาแยกให้พัดพรากจากกัน  สักวันก็จะได้กลับมาเคียงคู่กันอยู่ดี...----//


“มึงสัญญาแล้วด้วย”ไอ้ตัวดีพูดทั้งๆที่ตัวเองก็ยังไม่ยอมเงยหน้ามามองหน้ากู เอาแต่ก้มขดตัวกอดกระเป๋าของตัวเองไว้
“รู้แล้วน่า กูไม่ผิดสัญญาเหมือนใครบางคนหรอก”กูพูด
“กูไม่เคยเหอะ”มันเงยหน้ามาพูดเถียงจนได้
“หรอ”กูย้อนทำเสียงใส่
“หึ..ทำตัวดีนักนิ ใครจะอยากเจอล่ะ”มันพูดแสยะใส่กูหน่อยๆแล้วหันหน้ามองไปทางอื่น
“อะไร หมายความว่าไง”กูถามด้วยความสงสัยทันที
“ไม่ไง ไม่ต้องมาจับเลย”มันย้อน แล้วชักเท้ากลับ
“ดื้อว่ะ”กูพูด
“................”มันเงียบหันมาทำหน้างอใส่กูอีก
“เป็นแฟนกันแล้วนะ..อย่าดื้อดิ”กูยิ้มบอก
“...............”มันเงียบหน้าแดง หูแดงไปหมด
“มึงต้องทำให้ได้อย่างที่มึงเขียนด้วย”มันพูดแล้วชี้ไปที่กระดาษในมือกู
“คร้าบ”กูตอบรับ
“จริงๆนะ”มันพูดเสียงเบา
“ครับ”กูตอบ
“มึงห้ามโกหกกูเลยนะ”มันพูด
“ครับ”กูตอบ แต่ถ้ามีเหตุสุดวิสัยขึ้นมา โกหกในทางทีดีนี่ผิดเปล่าวะ เหอะๆ
“กู..”มันพูดอ้ำอึ้งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“กู..”มันพูดอีก
“กูจะรักมึงแบบนี้ทุกๆวัน ทุกๆวัน..นะครับ”กูจับมืออีกฝ่ายเบาๆเป็นการย้ำไม่ให้มันกลัวอะไรอีก มันนั่งเงียบไม่ได้ตอบสนองอะไร กูกับมันนั่งอยู่อย่างนั้นอยู่นาน จนมันเองเป็นคนบ่นขึ้นว่าหิว ไม่รู้ว่าหิวจริงๆหรือว่าพูดแก้เขินกันแน่
“เอามาให้กูดิ”มันพูดแล้วยื่นมือเหมือนขอกระดาษ
“เรื่องดิ มันต้องอยู่ตรงกู”กูบอก
“ไม่ กูจะเอาอ่ะ”มันพูด
“ไม่ กูจะเอาไปใส่กรอบบูชา”กูพูดแกล้ง
“.................”
“มึงจะเอาไปทำไมเล่า”กูพูดถามเพราะว่ามันเริ่มหน้างออีกละ
“เดี๋ยวมึงผิดสัญญาข้อไหน กูจะได้ฉีกทิ้งแล้วเลิกกันซะเลยไง..ง่ายดี”มันพูดแล้วทำตาขู่ใส่กูอีก
“โห ไรวะ..งั้นกูเอาไปเคลือบไว้สักสิบชั้นเลยดีกว่าแล้วใส่กรอบ ตอกตะปูอย่างดี”กูพูดแกล้ง
“บ้า”มันพูดว่าเบาๆ กูยิ้มให้มันแล้วเอากระดาษใส่กระเป๋าก่อนที่จะเดินนำมันออกมา เพราะมันเสือกเดินเฉไปเฉียงมาเหมือนคนไม่ปกติเค้าเดินกัน
“พี่..”กูสะดุ้งนิดหน่อย แต่ก็เหมือนหูจะฝาด กูเดินให้ช้าลงเพราะก็อยากรู้ว่ามันจะพูดอะไร
“พี่..เมตร”เสียงเรียกเบาๆจากด้านหลัง ทำเอากูหยุดเดินแล้วยิ้มออกมา แม่ง ไม่ได้ยินมาในรอบสิบปี
“กู  รักมึงนะ”มันพูด มือสองมือก็ยืนกำสายกระเป๋าทั้งสองข้างของตัวเองซะแน่น กูยืนยิ้มให้มันอยู่อย่างนั้น
“พูดให้มันเพราะๆหน่อยไม่ได้รึไง จะบอกรักคนอื่นเค้าเนี่ย”กูแซว
“งั้นมึงก็ไม่ต้องฟัง”มันว่าให้แล้วก้าวยาวจะเดินหนีกูอีก
“โอ๋ ที่รักอ่ะ..แค่ได้ยินว่าเรียกพี่เมตรนี่กูก็จะคลั่งตายละครับ”กูรีบเดินไปง้อทันที
“ไม่ต้องมายุ่งเลย”มันบอกอีก กลายเป็นว่ากูกับมันเดินเถียงกันไปถึงรถนั่นแหละ ว่าจะสงบศึกได้ เฮ้อ..ต้องเลี้ยงข้าวมันอีกมื้อนั่นแหละกูอ่ะ

...............................
......................................
.........................................................
..............................................................................
................................................................................................
**(จากคำสารภาพทั้งหมด หวังว่ามึงจะยกโทษให้กูนะ และจากคำมั่นสัญญาทั้งหมดนี้ ขอให้เชื่อมั่นว่ากูจะทำได้ และกูขอสัญญาว่า มึงเท่านั้น ที่จะเป็นรักสุดท้ายของกู – “เรา..คบกันเหอะนะ” กันต์ศักดิ์ = อริยชาติ ) **
                                                                         ทิ้งกูมึงตาย!!




...................จบ...................

ชี้แจง :angry2:

*สิ่งที่เมตรเขียน ยาว เยอะแยะ..แต่อยากให้จิตนาการเอาเองที่คิดว่ามันจะเขียนและเป็นไปได้ ถ้ากูเขียนให้อ่านกันมันคงจะยาวเพิ่มอีกหกเจ็ดหน้ากระดาษa4 เลยย่อเฉพาะจุดสำคัญไว้ ..จบ..*

1.ขอบคุณ เครดิตเพลงในตอนนี้เพลง Pencil full of lead ของ Paolo Nutini
แปะให้ http://www.youtube.com/watch?v=rcDXhD7hsn8&feature=related แนะนำว่าตอนฟังดูเครื่องดนตรีก่อนถ้าใครฟังเครื่องดนตรีไม่ออกว่ามีอะไรบ้าง(แต่ในเรื่องใส่ไม่ครบ..ดังนั้นไม่ต้องดูมันก็ได้ กร๊าก)หรือไม่ต้องดูวีดิโอเลยฟังแต่เพลงเอาอย่างเดียว(อันนี้ใส่จิตนาการล้ำเลิศไปตามอัธยาศัย กร๊าก ขอให้จิตนาการสลิ่มกูออกมาให้ดูดีด้วยนะ*)..พอดีว่าคนเขียนบ้าบอ ฟังแต่เพลงบ้าบอ ต้องทำใจนะ เหอะๆ

2.ยังคงไม่ย้ายหน้านิยาย เพราะยังมีต่อ จะมีแนะนำตัวละครและก็มีตอนอะไรต่อๆไป คอยติดตามเอาเอง ม๊วบบบบ~ :z1:
3.ตัดสินใจว่าจะย้ายห้องนิยายตอนจบคู่รักคู่ที่ 3 ของในเรื่องนี้อ่ะนะ หึหึ
4.ต่อไปนี้คงมาต่อได้อาทิตย์ละ 1 ตอนหรือ อาทิตย์ละ 2 ตอน..ไม่อาจแน่ใจ(กราบขอโทษงามๆ)
ขอบคุณค่ะ
จบสักที
:bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-08-2015 21:10:09 โดย เบบี้ »

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
กว่าจะลงตัวได้คู่นี้
ขอบคุณนะเบบี้ สำหรับเรื่องสนุกๆ
+1 เป็นกำลังใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-09-2010 04:28:45 โดย Little Devil »

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
เฮ้ย! จบแล้วเหรอ?! o22 เร็วจริงวุ้ย ว่าแต่ที่จะมีต่ออ่ะ หมายถึงคู่อื่นเลยหรือคู่นี้ด้วยอ่ะ :confuse:

แบบว่าถึงจะokที่จบแบบนี้อ่ะนะ แต่ไอก็ยังแอบรู้สึกว่ามัน"ไม่พอ"ไม่ได้อ่ะ ต่อยอดเยอะๆกว่านี้หน่อยเหอะ~ นะ นะ นะ :impress2:

อืมมม... ต่อไปคู่เวย์กะวิทย์แหงๆ(รอลุ้นอยู่เหมือนกัน) o8 แล้วอีกคู่เป็นใครอ่ะ? อย่าบอกนะว่าเขต แอบไม่อยากให้เขตคู่กะใครเลยขึ้นมาไงไม่รู้ดิ แฮะๆๆ :m23:


ขอบคุณค่ะ ไอชอบเรื่องนี้นะ ^^ :กอด1:  :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-09-2010 06:01:40 โดย เกริด้า(๐-*-๐)v »

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
 :กอด1: ในที่สุด ก็เป็นแฟนกันแล้ว
ดีใจอ่ะ
หวังว่าเฮียคงจะรักษาสัญญานะ
แล้วจะรออ่านคู่ต่อๆไปนะคะ

ปล. +1 ให้ไรเตอร์นะคะ
ขอบคุณนะคะ ที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้ได้อ่านกัน

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9
เฮ้ออออ  :serius2: :serius2: ยังไม่ได้หวานกันเลย ขอตอนพิเศษด้วยนะจ๊ะ :กอด1: :กอด1:

IRean

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจๆ

^_^
ชอบนิยายเบบี้ที่สุดเลยคร่า

ออฟไลน์ kuku

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
น่ารักโครตโครต

ออฟไลน์ aohka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

ทิ้งกูมึงตาย!!
ู^
^
อ่ะนะ... หลิ่มๆๆ  เขียนทิ้งท้ายไว้สั้นๆ แต่ได้ใจฟวาม


ถึงน้องเบบี้...
' (อย่า) ทิ้ง (ให้) กู (เค้าๆ รอนานน้า)... มรึง (ต่ะเองๆ ไม่ตาย... แต่เค้าอ่ะจะลงแดง >.< ) ตาย.. !! '


ปล. เห็นเค้่าๆ ให้คะแนนไร้ท์เตอร์กัน  ไม่รู้ิวิธีให้กันยังไง ??
ก็อยากให้บ้าง  ของเค้าดีจิงๆ  เอาไปเลย  +1 (จริงๆ อยากให้ +10)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-09-2010 13:37:49 โดย aohka »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jimmeiiii*

  • แสงสุดท้าย*
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3161/-192
กรี๊ดดดดดดดดด..อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หลิ่มอ่ะ!!!...ทำไมน่ารักแบบนี้หละหนู :o8:

ไอ้พี่เมตร..หัวหลิ่มบอกรักมึงแล้วนะๆๆ เรียกพี่ด้ววยยยยยย เอิ๊กๆๆๆๆ
จบแล้วหรอนี้ เสียดายอ่ะ แต่ไม่เป็นไรยังตอนพิเศษอีก
เบบี้บอกจะย้ายห้องก็ต่อเมื่อ พิเศษคบสามคู่ คู่ไหนบ้าง ?
เมตร-หลิ่ม(ชัวร์), วิทย์-เว(หรือเปล่า),ทัวร์-พี(ถ้ามีคู่นี้จริงๆจะกรี๊ดดดดให้ดังเลยยยยยยย)

 :กอด1: :pig4: เบบี้สำหรับนิยาย มันส์ๆๆ


ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
ความรักความหลังของสองคนนี่น่าสนใจ ผูกพันกันมาเนิ่นนานขนาดนั้น แล้วยังปล่อยเวลาให้สูญปล่าวทำไมกัน หันหน้าเข้าขากันคุยกันให้เข้าใจ คงไม่ต้องทุกข์ใจด้วยความไม่เข้าใจทั้งสองฝ่าย ดีใจที่เข้าใจกันซะทีลุ้นจนเหนื่อยทุกวัน สมหวังซะทีนะเมตรและสลิ่มด้วย รักกันให้เหมือนตั้งใจมั่นไว้นะ
 :กอด1:   :กอด1:   :กอด1:
 :L1:   :L1:   :L1:
 :pig4:   :pig4:   :pig4:

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
อยากตะโกนดังดังว่า น่ารักโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ครอดน่ารักเลย เมตรเท่มากกกกกกกกกก
ชอบอะ บรรยายไม่ถูก จบได้เเบบว่า มรึงน่ารักปัยมั้ย

รอตอนพิเศษ หวานๆๆๆๆๆๆๆๆ อะจึ้ยๆๆๆๆ ดึ๋งดั๋งปาจิงโกะ

อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ขอบคุณมากค่ะที่เขียนนิยายดีดีนี้มาให้อ่าน

จะรอตอนต่อไปเสมอ

ออฟไลน์ booboos

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
จบแบบน่ารักมากๆ ชอบอ่ะ พี่เมตร กับ น้องหลิ่ม
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ นะรอตอนพิเศษ หรือไม่ก็รออ่านเรื่องใหม่น้า
 :L2:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
จบแล้วกี๊ดดดดดดดดด บทจะรักกันก็ไม่ยากจะ มัวเล่นตัวนาน 555
บวกให้บี้ และรออานต่อ เย่ๆๆๆ

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
อิอิ....อยากจะปิดซอยเลี้ยงให้ไอ่พีเมตรกันเลยทีเดียว...

ชอบมากๆๆตอนที่พี่เมตรไปนั่งประชุมกับพ่ออ่ะ...อ่านแล้วแบบ หืมมม......พี่เมตรกรูนี่ก็มีสมองเหมือนกันเว้ย...เอิ๊กกก แมนมากมาย...เจ๋งดี o13

แล้วตอนนี้กับน้องหลิ่มก็ลงเอยแบบน่ารักอ่ะ...ตอบรับสั้นๆ "ทิ้งกรูเมิงตาย"  :laugh:ยังสั้น ห้วน ไม่เปลี่ยนเลย สลิ่มเอ๊ยย  อิอิ

ออฟไลน์ NCJung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 988
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-5
อยากได้แบบแอบหวานกับNCอ่ะ
รอตอนพิเศษนะคะ

ออฟไลน์ ขนมหวาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +190/-2
จบแบบยาวมาก ๆ แหมจะสวีททั้งที น่าจะหวานกว่านี้นิด
ถึงน้องหลิ่มไม่ขู่ พี่เมตรมันคงไม่กล้าทิ้งหละม้างงงงงงงง

ขอบคุณเบบี้นะคะ  :o8:

iiiampond

  • บุคคลทั่วไป
Re: Memorial~รักแรก รักสุด&#
«ตอบ #6628 เมื่อ05-09-2010 09:13:32 »

เอิ่ม  ..   :a5:  <  สภาพกรูตอนอ่านเจอคำว่า  "จบ"

ช็อกอันดับแรก  จากนั้นดีใจแป๊บนึง  แล้วก็แอบเศร้าอีกแป๊บ  T__________T
พอเห็นคำว่าจบกูอึ้งอะ  แบบมึงยังไม่หวานกันเลย  ง้ากกกกกกก ~~~~

หมายถึงยังไม่ได้กันอีกเลย  จบแล้ว (หัวมึงคิดแต่เรื่องแบบนี้)
555  แต่ไอเมตรน่ารักเหี้ยๆ  ><'  สลิ่มก็เหมือนกัน วุ้ย

มันเขียนแค่นั้นเหรอวะ?  โอ๊ยยยยย  พี่เมตร :D
กูอยากบอกว่าตอนย้อนไปวัยเด็กบรรยายไอห่าเมตรแอบไม่เข้า
โหย   ใครจะรุ้โตมาละจะเหี้ยเหอะ  5555  น้องสลิ่มน่าจูบ~~

 o13  เก่งว่ะไรท์เตอร์  ทุกอารมณ์เลยอะตอนนี้  จริงๆว่ะเหอะ

ตอนแรกกูนอยด์สลิ่มไม่ยอมรับโทรศัพท์  ต่อมากูเครียดสลิ่มเข้าใจยากเหี้ยๆ
ต่อมาอีกกูเศร้าเพราะสลิ่มกับเมตรเคืองกัน  ต่อมาอีกกูแอบยิ้มเพราะแอบเขิน
ตอนเมตรมายืนดูตอนเปิดหมวก  จนที่สุดกูหุบยิ้มไม่ลง  ยิ้มหน้าบานโคตรๆๆ

มันคือจุดพีคที่กูอยากอ่านในนิยายเรื่องนี้  แต่พอกูได้อ่านละกูแอบเศร้านะ
T T  จบจริงๆหรอวะ? เครียดว่ะ  ว่าแต่คู่รักคู่ที่สาม?  ใครวะ?  วิท-เว  คู่รองเหอะ

5555 , ย้ายห้องไม่ย้ายยังไงกูก็จะตามไปเป็นผีงี้แหละกู  พอใจที่จะอ่านเรื่องนี้ว่ะ
แม้บางตอนจะทำให้กูเคืองมากๆ  กูก็เลิกอ่านไม่ได้จริงๆ  กูรักตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้

โดยเฉพาะไอเขต  ไม่มีมึง  ไม่จบว่ะ  :D 

ไม่ว่าจะย้ายห้องไม่ย้ายห้องกูก็ยังจะรอตลอดแหละนะ  อัพวันละตอนอาทิตย์ละตอน
ถ้าไม่ทิ้งกูก็จะตามเรื่อยๆ  นี่กูเข้ามาหน้านี้รองจาก FB กับ Twitter กูเลยนะเนี่ย TT

ติดไปแล้วกู  หวังไว้เป็นอย่างยิ่งว่าตอน special จะเป็นอะไรที่สุดยอดๆ  555
เอา on top กูอยากอ่าน  555555555  ตอนนี้ในหัวเห็นสลิ่มถอดเสื้อผ้าละ

ล้อเล่นเหอะ  อ่านเรื่องนี้ไม่ได้คิดแต่อย่างว่าเหอะ  ชอบที่ตัวละครมันเหมือนมีอยู่จริง
อย่างอิเปีย  มันจริงอะ  มีแฟนแต่หนีแฟนมาเอาผัว  อืม  เจริญ  สำส่อนกันมากสมัยนี้

เริ่มไม่เกี่ยว  กูอราธนาพระประริตหรืออะไร  (แต่มันก็ยาวไม่เท่าแต่ละตอนที่เบบี้อัพเลย)
แต่ก็เอาเถอะ  พอละ  เพราะเริ่มจะเหนื่อย  เอาไว้จะมาเม้นท์ใหม่ก็ต่อเมื่อแม่นางมาต่อ
เชื่อว่าแม่นางไม่มีทางทิ้งนิยายเรื่องนี้  เพราะคนอ่านน่ารักน่าถีบอย่างพวกตู  5555555555

 :L2:  มอบให้เบบี้  ที่เหนื่อยพิมพ์เหนื่อยแต่งให้อ่านให้ยิ้มเล่นๆไปวันๆ
 :L1:  สำหรับพี่เมตร  น้องสลิ่ม  ที่น่ารัก
 :man1:  ส่วนนี้  ไอ้เขต  กูรักมึง  5555  คบกันเถอะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-09-2010 09:21:01 โดย iiiampond »

ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
เง้อ จบแล้ว ชอบอ่ะ น่ารักดี เห็นความเป็นไปเรื่อยๆ ประทับใจจ้า o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด