Memorial~รักแรก รักสุดท้าย [แจ้งข่าวหน้า 516: 29/ก.ย/57]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Memorial~รักแรก รักสุดท้าย [แจ้งข่าวหน้า 516: 29/ก.ย/57]  (อ่าน 3409393 ครั้ง)

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
รู้หน้าที่กันดีนิ กร๊ากกก :m20:

Jangjoong

  • บุคคลทั่วไป
สวัสีคีค่ะ เพิ่งสมัครเล้าเป็ดเป็นครัั้งแรกค่ะ

หลังจากที่ตามอ่านมานานมาก เพิ่งจะเปิดเผยตัว  คุคุ...

อ่านถึงตอนที่ 44 แล้ว  อยากจะบอกว่า  " มึงแต่งได้สุดยอดอ่ะเบบี๋"

แหะ ๆ อ่านมานานอยากออกคำหยาบบ้างอะไรบ้าง   กร๊า ก กก  

ลืมตัวค่ะ.....


จะติดตามต่อไปค่ะ  ขอบคุณมาก

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...

ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
 :m22:
แวะมาดู เผื่อคุณเบบี้จะใจดี มีตอนพิเศษมาให้อ่าน  :m13:



 :L2: :L2:

ออฟไลน์ kuku

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1

WoNnZ

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ kuku

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
รู้หน้าที่กันดีนิ กร๊ากกก :m20:

เพราะฉะนั้นรีบมานะจ๊ะสุดสวย >///< 555

Testsu

  • บุคคลทั่วไป
เม้นท์แล้วก็เม้นท์อีก เม้นท์แล้วก็เม้นท์อีก นู๋จาเม้นท์อ่ะ ก็มันชอบนินา ชอบพี่เมตรกับน้องสลิ่มอ่ะ
ไม่รู้ยังไง รู้สึกประทับใจกับสองคนนี้มาก ชอบมาก ๆ ด้วย
มาเร็ว ๆ นะเบบี้ รออยู่ ไม่อย่างนั้นก็จะเม้นท์อีก

golly*

  • บุคคลทั่วไป
ทิ้งให้รอนาน ต้องจัดหนักๆนะเบ่บี๋~




ด๊วฟฟฟ

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jimmeiiii*

  • แสงสุดท้าย*
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3161/-192
ปวดเอวอยู่โว้ยยยย !! :z3: o22

ไปทำไรมาถึง :z1:มาต่อออออออออได้เว้ยย

ออฟไลน์ kuku

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1

ออฟไลน์ aphanite

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 487
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0

ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
ปวดเอวอยู่โว้ยยยย !! :z3: o22

ปวดเอวก็พิมพ์ได้นี่คะ  :laugh:
แหะ แหย่เล่นนะ
มาเมื่อพร้อมนะคะ รออ่านได้ เรื่อยๆ
หายปวดเอวไวๆ
 :L2: :L2:

ออฟไลน์ Ferfa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-2

ออฟไลน์ kuku

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
NC = เบบี้   ปล. จะนอนแล้วฝันดีนะค่ะทุกคน

ออฟไลน์ Oḇlivïaté℠

  • I believe I can fly ~ ~ *
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อ่านจบแว้ว ว วว ว ว ... สุดยอดเลยครับ

อ่านไปก็ยิ้มไป เศร้าบ้าง
บางครั้งสงสารเมตร บางครั้งสงสารสลิ่ม
น่ารักที่ซู้ดด ด ดด

ปล. คุณเบบี้ก็น่ารักที่สุด ... รอตอนต่อไปอีกเรื่อยๆ นะคร้าบ :)

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
ตอนที่78  ได้โปรดเถอะ..ความกลัว (สลิ่ม)


“สลิ่มก็ซ้อมเพลงรอไว้สักสองสามเพลงก็แล้วกัน เอาตามคอนเซ็ปที่พี่บอกไปล่ะนะ”
“ได้ครับ แค่ร้องฆ่าเวลาใช่เปล่า”ผมถาม
“ใช่..แต่พี่จะให้สลิ่มร้องก่อนเปิดงานนะ ไงก็เตรียมตัวไว้แล้วกัน เรื่องค่าจ้างเดี๋ยวพี่บอกอีกทีนะ”พี่เชนพูด
“ได้ครับ”ผมตอบ
“งั้นแค่นี้นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นๆพี่จะแวะเข้าไปฟังแล้วกัน โทรมานะครับ”พี่เชนบอก
“คร้าบ”ผมตอบรับ พี่เชนหัวเราะชอบใจกับเสียงทีเล่นที่จริงของผม ก่อนที่จะวางสายไป
“ค้าบเคิบอะไรของมึงอยู่ได้ น่ารำคาญ”เสียงไม่พึงประสงค์จะฟังพูดขึ้น ผมเหล่สายตาหันไปมองมันหน่อยๆ มันเงียบปากไปแต่ก็ยังคงทำหน้าไม่พอใจอยู่ดี  ผมนั่งจ้องมันที่นั่งอยู่บนเตียงผมอย่างถือวิสาสะในหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะด่า ว่า ถีบ ตบหรืออะไร แต่มันก็ไม่เคยสะทกสะท้านอะไรมากมาย รวมๆแล้วหน้าด้านแบบหาที่ติไม่ได้ แต่ก็ช่างมันเหอะเพราะเหมือนกับว่าผมจะเริ่มชินหน่อยๆแล้วล่ะ
หลังจากวันนั้นที่ผมได้สารภาพรักออกไป ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงกล้าพูดออกไปแบบนั้นทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะไม่มีทางพูดอยู่แล้วเชียว ไม่ใช่แค่การกระทำของเมตรมันหรอกที่ทำให้ผมยอมรับ แต่มันขึ้นอยู่กับความรู้สึกในใจผมทั้งหมดเอง ลึกๆแล้วใจผมยอมรับมันมาโดยตลอด แต่กำแพงที่ผมสร้างขึ้นมาก็เพราะเป็นเกราะป้องกันความเจ็บปวดของผมเองก็เท่านั้น
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ผมเฝ้าคอยที่เราจะได้เจอกันอีก นานเท่าไหร่ที่ผมเฝ้าดูมันอยู่ห่างๆมาตลอด วันเวลาที่ผ่านมา ผมนับจนเลิกนับไปแล้ว บอกตามตรงว่าถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจในตัวมันเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อผมเองเป็นคนเลือกมันลงไปแล้ว ผลที่ตามมาจะเป็นยังไงนั้นมันก็คงสุดแล้วแต่เวรแต่กรรมของผมเองแหละมั้ง
“มึง กูหิวท้องกิ่วแล้วกิ่วอีกแล้วเนี่ย เมื่อไหร่มึงจะอ่านเสร็จสักทีอ่ะ”มันพูดบ่นแถมนอนกลิ้งตัวไปมาบนเตียงอันแสนสะอาดของผม
“................”มองด้วยความอนาถนิดหน่อย แต่แม่งไม่เคยรู้ตัวหรอก
“มึงก็ลงไปกินสิ บ่นอยู่ได้น่ารำคาญ”ผมบ่น เพราะว่าผมรำคาญจริงๆ มันบ่นมาอย่างนี้ตั้งแต่สิบโมงเช้า ผมก็ไล่ให้มันกลับบ้านมันก็ไม่ยอมกลับ ผมบอกว่าผมจะอ่านหนังสือ มันก็ยืนยันว่าจะอยู่เฝ้าเองด้วยซ้ำ ทีนี้เสือกมาบ่นว่าหิว
“อะไรๆก็น่ารำคาญ คนเป็นแฟนกันเค้าพูดกันงี้หรอวะ”มันพูดหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“คู่อื่นกูไม่รู้ แต่กูจะพูดอย่างนี้ มีปัญหาไหม”ผมย้อน ผมยอมรับว่าผมก็ไม่ได้ดีเด่อะไร ออกจะปากเสีย หยาบและกระด้างทางการแสดงออกนิดหน่อย ผมไม่รู้ว่าผมต้องทำตัวยังไงถึงจะพอดีกับการเป็นแฟนกัน ในเมื่อผมก็เป็นของผมมาอย่างนี้อยู่แล้ว อีกอย่าง ถ้ามากไปกว่านี้ผมก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะชอบอยู่รึเปล่า แล้วเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายจะเบื่อผม เรื่องนี้แหละมั้งเป็นสิ่งที่ผมกลัว
“งอน”มันพูดแล้วทำหน้าทำตาใส่
“ประสาท”ผมว่า เพราะทนดูไม่ได้จริงๆ -_- เหอะๆ
ผมไม่รู้ว่าผมรับพฤติกรรมของไอ้พี่เมตรนี่ไปได้ยังไง แต่ก่อนเรียกมันว่า “พี่เมตร” แต่เดี๋ยวนี้เรียกไม่ค่อยลงเท่าไหร่ ก็ดูมันทำตัวสิ น่านับถือมาก เหอะๆ อดีตที่ผ่านมาตลอดสิบปี ถึงบางอย่างมันจะเลือนรางไปบ้าง แต่ผมก็ยังจำอะไรหลายๆอย่างได้ดี ผมจำความรู้สึกที่ผมมีต่อมันได้ ผมจำทุกเหตุการณ์ที่ผมประทับใจได้เสมอ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้ผมรู้จักมันมาก่อนแล้ว รู้ว่ามันย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพกับน้องชาย และ พี่ชายของมัน รู้ว่ามันเรียนที่ไหน เกเรยังไง รู้ว่ามันเจ้าชู้ขนาดไหนก็ด้วย ความรักในตอนเด็กไม่ได้เหมือนความรักในตอนโตแบบนี้ ผมรักและชอบมันในตอนเด็กและก็ในแบบเด็กๆ ผมคิดว่าผมคงไม่ได้ชอบมันจริงๆหรอก แต่พอผมได้รับรู้เรื่องราวของมันทั้งหมด ผมกลับไม่กล้าไปเจอมันตรงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะหลบ จะทำไม่รู้จักมันไปทำไม แต่แค่ผมอยากทำก็แค่นั้นเอง ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าผมรู้สึกยังไงกันแน่ ในเวลาเดียวกันผมอ่านมันออกทั้งหมดตั้งแต่ตอนแรกที่ได้เจอ ว่ามันต้องการอะไรจากผม มันเลยทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมเป็นแบบคนอื่นๆที่มันเคยเจอรึเปล่า
เวลาที่ผ่านไปมากเหลือเกิน ก็ไม่ต่างอะไรกับใจคนที่มีเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา มันอาจจะดูติงต๊องไปหน่อยกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับมัน ขนาดผมเองผมยังว่ามันดูแปลกๆยังไงชอบกล ผมรักมัน มันรักผม ตลกเป็นบ้า อะไรมันจะลงตัวขนาดนั้น แต่มันก็เป็นไปแล้ว ครั้งแรกที่มันเริ่มจีบผม ที่จริงผมก็ตกใจอะนะ ไม่คิดว่ามันจะกล้าขนาดนั้น แต่ใจจริงแล้วก็โกรธและเคืองในอารมณ์นิดหน่อย มันเล่นอยากจะจีบใครมันก็จีบเลยรึไงวะ ก็แน่ล่ะ..แม่งมั่วขนาดนั้น ตอนนั้นคิดได้แค่ว่า “กูจะดัดสันดานซะให้เข็ด” เหอะๆ แต่ไม่รู้เป็นไงมาไง จะไปดัดสันดานมัน แต่ผมกลับรู้สึกแปลกๆขึ้นทุกทีๆ ผมเริ่มคิดถึงมันมากกว่าเดิม เริ่มนึกแต่เรื่องของมัน นึกถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตที่กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เริ่มคิดฟุ้งซ่านว่ามันต้องการอะไรจากผมกันแน่ แค่ร่างกายงั้นหรอ ปากมันที่พูดบอกว่าชอบ รักและบอกว่าผมไม่เหมือนคนอื่น มันจริงอย่างที่ปากมันพูดรึเปล่า มันไม่มีอะไรที่ทำให้ผมแน่ใจในตัวมันได้เลย ถึงแม้ว่ามันจะพยายามทำให้ผมเชื่อใจได้มากแค่ไหนก็ตาม แต่มันกลับมีตาชั่งมันชั่งน้ำหนักของการกระทำมันได้ตลอดเวลา จนบางทีผมเองก็อดสงสารมันไม่ได้ แต่ผมก็ยังเป็นคน มีความเห็นแก่ตัวเป็นเรื่องธรรมดา ถึงแม้ว่าผมจะสงสารมันแต่สุดท้ายผมก็ต้องสงสารตัวเอง กลัวว่าตัวเองจะเจ็บหนักถ้าเกิดผมเผลออะไรไปมากกว่านี้
แต่ก่อนผมเคยคิดว่ามันเป็นฮีโร่สำหรับผม ผมเกลียดที่ผมเป็นคนตัวเล็ก เบาะบาง และเกลียดหน้าตาตัวเองที่เป็นแบบนี้มาตลอด มันทำให้อะไรๆลำบากสำหรับกับการเป็นผู้ชาย แต่ก่อนผมเป็นคนขี้กลัว กลัวอะไรไปซะหมด แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ผมกลัว ผมก็จะมีมันคอยอยู่ข้างๆเสมอ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเหตุการณ์เล็กๆสำหรับเด็กสองคน แต่ผมกลับจำมันได้ดีและยิ้มได้ทุกครั้งที่นึกถึง หลังจากที่ผมต้องย้ายกลับมาอยู่กรุงเทพกับพ่อและแม่ ผมก็ต้องเริ่มต้นใหม่ให้ชีวิต ถึงแม้ตอนแรกมันจะยากไปสักหน่อย และที่สำคัญผมเกลียดการย้ายโรงเรียนเป็นที่สุด ผมเกลียดการที่ต้องเริ่มต้นกับสิ่งที่แปลกไปกับคนที่แปลกไป บางทีผมก็ไม่รู้ว่าผมต้องทำตัวยังไงถึงจะพอดี  ไม่มีมันมาคอยดูและช่วยเหลือผมอีกต่อไปแล้ว ผมเริ่มอยู่ตัวคนเดียวมากขึ้น ไม่คุยกับพ่อกับแม่จนพ่อกับแม่เริ่มแปลกใจและเป็นห่วง แต่คนเราเกิดมาเป็นคนก็ต้องต่อสู้ชีวิตกันไป ช่วงนั้นเริ่มได้รู้จักกับเพื่อนแต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรมากนัก และด้วยความที่ว่าผมไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร เลยทำให้ผมโดนแซว โดนว่าและโดนแกล้งอยู่บ่อยครั้ง แต่ผมก็อดทนมันมาตลอดนั่นแหละ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เหมือนกันที่ผมลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเอง คงเป็นตอนที่ผมโดนรุมกระทืบแหละมั้ง จำได้ดีว่าตอนนั้นแม่พาเข้าโรงพยาบาลแทบไม่ทัน
“มองหน้าพวกกูทำไมวะ”เสียงไอ้พวกเหี้ยนี่แซว ไอ้พวกนี้ไม่รู้มันเป็นโรคจิตหรืออะไร แม่ง แกล้งผมตั้งแต่ผมย้ายเข้าโรงเรียนนี้มาละ
“...............”ผมยืนจ้องหน้ามันตอบเพราะผมไม่เคยพูดกับพวกมันเลยสักคำตั้งแต่จำความได้อะนะ
“ไอ้เหี้ยนี่”มันสบถด่า ตอนนั้นผมจำความรู้สึกของตัวเองได้ดี ผมกลัว กลัวทั้งมันและกลัวคนรอบข้างด้วย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงกลับจ้องไปที่มันอย่างไม่กระพริบตา ผมไม่รู้ว่าตอนที่พี่เมตรคอยปกป้องผมนั้นมันรู้สึกกลัวแบบผมตอนนี้รึเปล่า แต่ผมจำได้ว่าทุกครั้งที่พี่เมตรเข้ามาปกป้องผม มันจะไม่เคยกระพริบตาใส่คู่ต่อสู้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
“สลิ่ม”เสียงเด็กผู้หญิงคนนึงเรียก แต่ก็ได้แต่เรียกล่ะนะ
“แกล้งสลิ่มทำไม”เสียงคนอื่นๆโวยวาย แต่ดูท่าคนอย่างพวกมันคงคิดได้ มันยืนยิ้มมองผมที่โดนมันผลักล้มลงกับพื้นเมื่อกี้
“...............”ผมเงียบไม่ตอบโต้อะไร แต่ยืนขึ้นจนอีกฝ่ายถีบผมจนล้มลงไปอีกครั้ง พวกสมุนมันหัวเราะเยาะเหมือนสะใจกับความเลวของตัวเองก็ไม่ปาน
“แน่จริงมึงสู้กูสิ”มันพูด ผมได้แต่กำหมัดแน่น ทั้งโกรธมันและข่มความกลัวของตัวเองไว้ไม่ให้ลอดผ่านสายตานี้ไปได้เด็ดขาด ตอนนั้นผมคิดได้แค่ว่า ทำยังไงให้ไอ้พวกนี้มันเจ็บปวดแบบผมบ้าง
“มึงเลิกจ้องกูแบบนี้ ไอ้สัตว์”มันด่าพร้อมกับผลักหัวผม ผมจำได้ว่านี่เป็นโรงเรียนนานาชาติที่มีชื่อเสียงมากที่แม่ผมเสียเงินไปเยอะพอสมควรแต่มันก็ทำให้ผมได้รับรู้ด้วยว่าคนมีเงิน ยิ่งรวยมากแค่ไหน ยิ่งไม่เคยรับรู้สันดานของตัวเองและยังคงชอบในการทะนงตัวเองด้วย
“หึ จะสู้กูหรอ”มันพูดแล้วเหยียบเข้าที่อกผมอย่างแรง ผมได้แต่เอามือทั้งสองมือจับเท้ามันไว้แน่นด้วยความเจ็บที่ตรงหน้าอก
“จะฟ้องครู”เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น แล้ววิ่งหนีไป อีกฝ่ายมันก็คงตกใจไม่ใช่น้อย จังหวะนั้นเองผมดันขามันที่เหยียบผมอยู่ขึ้น แล้วถีบเข้าที่ท้องมันสุดแรงเท่าที่มี อยู่ดีๆเท้ามันก็ไปเองโดยอัตโนมัติ เพื่อนมันก็ดูจะตกใจอยู่เหมือนกัน อย่าว่าแต่มันเลย ผมเองก็ตกใจตัวผมเองอยู่ไม่น้อย พอผมลุกขึ้นยืนได้ อีกฝ่ายมันก็เข้ามาหาผมทั้งทีกำหมัดมาด้วยแต่ผมหลบทัน ตอนนั้นรู้สึกจะตกใจเล็กน้อยที่ตัวเองหลบได้เร็วขนาดนั้น แต่สุดท้ายก็สู้มันไม่ไหวแหละนะ โดนยำตีนไปตามระเบียบ กว่าครูจะมาก็เล่นเอาผมน่วมไปเหมือนกัน นั้นเป็นเหตุการณ์พลิกพลันทำให้ผมเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองเลยแหละ แม่จะให้ผมย้ายโรงเรียนแต่ผมไม่ยอมย้าย แม่เลยส่งผมไปเรียนเทควันโดตั้งแต่เด็ก ผมบอกกับตัวเองว่าผมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ทั้งหมดเพื่อความอยู่รอดของตัวผมเอง ผมเริ่มเล่นกีฬามากขึ้น เริ่มพูดคุยมากขึ้นจนได้รู้จักเพื่อนเยอะขึ้น ไปพร้อมๆกับมีศัตรูเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน  พอเริ่มโตมากขึ้น เริ่มปีกกล้าขาแข็ง สู้คน ไม่ยอมคน ปากเสีย มันก็เริ่มฉุดไม่อยู่ ผมเป็นคนอารมณ์ร้อนมากขึ้นเรื่อยๆจนแม่เองก็แทบเอาไม่ไหว ผมรู้ตัวผมดีนะว่าผมกำลังทำอะไรแต่บางทีมันระงับอะไรไม่อยู่จริงๆ ผมเริ่มเปลี่ยนโรงเรียน ตอนเรียนประถมก็เปลี่ยนถึงสองครั้ง มัธยมต้นอีกที่หนึ่งกับมัธยมปลายอีกที่หนึ่ง ผมเป็นคนเลือกเองเพราะว่าอยากเจอเพื่อนใหม่ๆและอยากรู้ด้วยว่าตัวเองจะปรับเปลี่ยนและยังคงเป็นคนแบบนี้เหมือนเดิมได้อยู่ไหม
จนได้มารู้จักพี่สิง ได้เริ่มชกมวย ผมค้นหาตัวเองมาตลอดว่าตัวเองต้องการอะไร ไม่ต้องการอะไร และพ่อแม่ก็ไม่เคยบังคับด้วยเช่นกัน ด้วยความที่ว่าผมเป็นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ด้วยแหละมั้ง เป็นเพราะว่าถ้าผมไม่รักและไม่ชอบก็อย่าหวังจะมาบังคับว่าจะทำ พ่อแม่ก็คงเอือมเรื่องนี้ด้วยแหละ
ผมรู้จักกับไอ้เขตกับไอ้วิทย์ตอนม.ต้น ย้ายโรงเรียนตามกันมาเรียนที่ม.ปลายอีกแห่ง และได้รู้จักกับไอ้เวและเพื่อนๆคนอื่นๆ ผมเริ่มตั้งวงดนตรีเพราะว่ามาเจอไอ้พวกนี้นี่แหละ ตอนแรกก็เรียนกีตาร์คลาสสิก เรียนร้องเพลง เรียนฟลูตมาเรื่อยๆตั้งแต่เข้าม.ต้น พอมาม.ปลายก็เป็นตัวในวงโยธาวาทิต เริ่มเล่นเป็นวงดนตรี เป็นนักร้องในงานต่างๆให้อาจารย์ อยู่ชมรมประสานเสียง เรียนวาดรูป เรียนเต้น ทำกิจกรรมนู่นนี่นั่นตามที่ใจสั่งมาล้วนๆ เหอะๆ พออะไรมันมากขึ้นเรื่อยๆ วงโยธาวาทิตผมก็เลยต้องขอถอนตัวออก กีตาร์คลาสสิกก็ไม่ได้ไปเรียน เรียนร้องเพลงก็ไปบ้างไม่ไปบ้าง แต่ดนตรีนี่ซ้อมกับเพื่อนประจำ ส่วนวงประสานเสียงก็ร้องบ้างเป็นครั้งคราวเมื่อมีงาน
“หลิม”
“หลิ่ม”
“หลิม”มันจะเรียกให้มันได้อะไรขึ้นมาวะ
“อะไร”ผมถามส่งๆ แล้วเริ่มพลิกหน้ากระดาษไปมาเพราะว่าเริ่มไม่มีสมาธิละ ง่วงก็ง่วง แถมยังมีไอ้ห่านี่มาคอยกวนอีก
“หิว”มันพูดรอบทีร้อยแปดได้
“รำคาญอ่า”ผมร้องบ่นแล้วปิดหนังสือลง
“อะไร..ใครให้นอน ลงไปกินข้าวด้วยกันก่อนเลย”มันพูดก่อนเพราะว่าผมนั่งลงบนเตียงพร้อมกับหยิบผ้าห่มพร้อมห่มแล้วเรียบร้อย
“สั่งมากินดิ ขี้เกียจลง”ผมพูด
“กินร้านกับกินห้องมันรสชาติไม่เหมือนกันอ่ะ ลงเหอะ หิว”มันพูดอีกแล้วเดินมาดึงแขนผม
“ไม่”ผมบอกแล้วยื้อแขนกลับมากอดหมอนข้างเตรียมนอน
“ไอ้หลิ่มมมมมม”มันเรียกแล้วดึงตัวผมขึ้นไปนั่งจนได้ ไอ้บ้านี่แรงควายชัดๆ
“ไรเล่า”ผมบ่น มันง่วงนี่ ขี้เกียจอีกด้วย
“ลุก”มันสั่ง
“...............”ผมเงียบ นั่งเงยหน้าจ้องหน้ามันที่ยืนมองหน้าผมอยู่แบบจะให้ผมลุกให้ได้
“ไม่อยากลงอ่ะ”ผมบอก ขี้เกียจแต่งตัวด้วย
“ลงๆไปเหอะน่า กินเสร็จค่อยขึ้นมานอน”มันบอก
“ไม่เอา”ผมบอกแล้วทำหน้าอ้อนวอนใส่มันนิดหน่อยถึงปานกลาง
“สั่งให้เค้าเอาขึ้นมาให้เหอะ..นะ”ผมบอก
“...............”มันเงียบจ้องหน้าผมอีก
“สั่งแม๊คให้ด้วยนะ อยากกิน”ผมบอก
“มึงก็อย่างนี้ตลอดอ่ะ”มันพูดหน้างอนิดหน่อย
“น่า”ผมบอกปัดๆแล้วเอาผ้าห่มๆพันตัวเองแล้วนอนต่อ แอร์เย็นๆ มองผ่านกระจกออกไปเห็นแดดที่ร้อนระอุ มันช่างดูมีความสุขชวนง่วงมากมาย เหอะๆ

ตื้ดด ๆ   ๆ  

“เอามา”ผมพูดบอก เพราะผมลุกไม่ทัน พอมือถือมันสั่นแค่ไม่กี่ที ไอ้ห่าเมตรมันก็ไปคว้ามือถือผมที่อยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือไว้แล้วเรียบร้อย
“มันนี่ธุระเยอะกับมึงเหลือเกินนะ”มันพูดใส่เมื่อมองที่จอโทรศัพท์ของผมเสร็จ
“เอามา”ผมบอกแล้วลุกขึ้น มือถือมันก็ยังสั่นไม่หยุด
“กูจะรับเอง”มันพูดบอกแล้วยกมือถือชูขึ้นสูง
“ฮัลโหล”ไม่ทันขาดคำ มันเร็วมากๆ กดรับแล้วเอามาพูดเลยทันที ผมได้แต่ยืนยื้อมือถือจากมัน แต่เหมือนจะไม่สะเทือน
“สลิ่มนอน..แล้วครับ”มันพูดเสียงแข็ง งั้นไม่ต้องเติมครับก็ได้ไอ้ห่า
“ไม่ปลุก”มันพูดเสียงแข็งกว่าเดิมอีกกกกก
“มีอะไรก็ฝากไว้สิ”ระหว่างที่มันพูดไป ผมก็พยายามแย่งมือถือออกมาเพราะว่ามันเริ่มจะปานปลายละ  ผมรู้นะว่ามันรู้สึกยังไงแต่คือไงอ่ะ จะพูดออกไปตอนนี้ก็ไม่ทันละ แต่ไม่ว่ายังไงความจริงก็คือผมกับพี่เชนไม่ได้เป็นอะไรกัน ก็แค่พี่น้องกัน ถึงความรู้สึกของพี่เชนผมจะรับรู้ได้ดีว่าพี่เค้ารู้สึกยังไง ก็ไม่แปลก..ก็พี่เค้าเคยขอผมคบเป็นแฟนนี่ เมื่อปีที่แล้วนี้เองคงเพราะอยู่ด้วยกันบ่อยมากเกินไปมั้ง หรือว่าพี่เค้าชอบของแปลกรึเปล่าก็ไม่รู้ เหอะๆ ผมรู้จักกับพี่เชนก็ตั้งแต่ตอนที่ผมเริ่มเรียนดนตรีที่สถาบันสอนดนตรีนั่นแหละ พี่เชนเป็นคนแรกที่เข้ามาคุยกับผม ดูแลผม แนะนำเรื่องดนตรีมากมาย พอม.ปลายผมก็ย้ายไปเข้าโรงเรียนที่พี่เชนเคยเรียนเพราะมีชื่อเสียงในด้านดนตรีกับกีฬา โดยส่วนตัวผมก็ชอบด้วย ก็เลยตั้งใจสอบเข้ามันจนได้ ตอนนั้นผมปฏิเสธพี่เชนไปแล้วนะ แล้วก็ตกลงว่าจะเป็นพี่น้องกันแค่นั้น ผมยอมรับว่าที่ผ่านมาผมก็ใช้พี่เชนเป็นเครื่องมือนิดหน่อย รวมถึงไอ้เต็มก็ด้วย ก็แค่คุยโทรศัพท์เล่นๆไม่ได้คิดจะทำอะไรไปมากกว่านั้น เพราะผมไม่ชอบที่มันเกินตัวและมันก็ดูแปลกๆที่เวลาถ้าผมจะทำ มันก็เหมือนผมโกหกไป ผมรู้สึกไม่ชอบนิดหน่อย แต่ดูไอ้หมอนี่มันจะกระวนกระวายเกินเหตุไปนิด อะไรๆก็โมโหหงุดหงิดไปซะหมดจนบางทีผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมากับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของมัน พี่เชนเค้าก็ใช่ย่อยที่ไหน เค้าก็คงชอบด้วยแหละที่ผมคอยไปอ้อนๆไรแบบนี้ เพราะแต่ก่อนผมก็คอยอ้อนพี่เค้ามาตลอด แต่พอพี่เค้ามาสารภาพรัก ผมก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย วางตัวให้มันพอดีมากขึ้นจนบางทีพี่เค้าก็เคยพูดว่าอยากให้ผมเป็นเหมือนเดิม ผมก็พยายามแล้วแหละให้รักษาความสัมพันธ์ของเราไว้ให้อยู่คงทนทั้งสองฝ่าย ผมเองก็รักพี่เชน ส่วนพี่เชนเองก็รักผม ถึงมันจะรักแตกต่างกันไปหน่อย ถึงยังไงก็ยังมีความห่วงใยให้กัน ผมว่ามันก็คงเป็นเรื่องที่ดี

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
“พูดไม่รู้เรื่องรึไงวะ ห่า”ไอ้คนที่พูดอยู่กับปลายสายเริ่มขึ้นเสียง
“เออ..กูไม่ให้คุย”มันพูดเสียงกระแทก ผมก็ไม่กล้าด่าว่าอะไรออกไปด้วย เพราะกลัวว่าพี่เชนจะรู้ว่าผมไม่ได้หลับอย่างที่ไอ้เมตรมันบอก
“แม่ง มึงหัวเราะไรวะ..”มันพูด ผมยืนมองมันก็แทบหลุดขำ สงสัยโดนพี่เชนเล่นเข้าให้ละ
“เมียกูโว้ย มึงห้ามยุ่ง”มันกระแทกเสียงด่า ก่อนที่จะกดวาง
“................”มันหันมาจ้องหน้าผมเขม็ง คงยังอารมณ์ขึ้นอยู่ ผมกลั้นหัวเราะเอาไว้ เพราะหน้ามันตอนนี้ฮาโคตรๆ
“มึงเลิกยุ่งกับมันได้ไหม ห๊ะ..เลิกยุ่งกับมันได้ไหม”มันพูดซะรัวเชียว
“ไม่ได้”ผมบอก ก็ไม่ได้จริงๆนี่นา
“พูดไม่รู้เรื่อง ซ้ำซากจำเจ..มึงหางานให้กูทำได้ไหมล่ะ”ผมพูดย้อน
“ก็กลับมาร้องที่ร้านทุกวันสิ”มันพูด พอดีอ่ะ..ไม่ต้องอ่านหนังสือ ทำการบ้านละ ที่ผมไปร้องที่ร้านในตอนนั้นก็เพราะเรื่องวงด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งก็เพราะมันนี่แหละ ไปปั่นหัวมันเล่น ส่วนอีกเรื่องก็คืออยากลองร้องที่ร้านดูว่าจะเป็นยังไง หาประสบการณ์ก็แค่นั้นเอง
“เฮ้อ เอามานี่”ผมพูดแล้วแย่งมือถือออกจากมือมัน แล้วเดินกลับไปที่เตียง
“ไปไหนก็ไปปะ”ผมบอกแล้วหยิบผ้าห่มมาห่มแล้วนอนลง ขยับกายให้เข้าที่เข้าทาง
“................”มันยืนเงียบ ผมเงยหน้าไปมองมันหน่อยๆ มันก็ยืนจ้องหน้าผมอยู่เหมือนยังโกรธอยู่นั่นแหละ ปล่อยมันไปเหอะ..เดี๋ยวมันก็หาย เชื่อเหอะ เดี๋ยวมันก็คิดได้ว่าเรื่องที่มันพูดอยู่นี่ปัญญาอ่อน
“เออ”มันกระแทกเสียงแค่นั้น แล้วเดินไปหน้าห้อง ใส่รองเท้า แล้วเหมือนจะลืมกระเป๋าสตางค์ มันเดินกลับมาหยิบกระเป๋ากับมือถือของตัวเองที่บนหัวเตียง แล้วเดินเปิดประตูแล้วปิดซะดังก่อนที่จะเงียบหายไป
“เฮ้อออ”ผมถอนหายใจกับนิสัยมันนิดหน่อย ไม่รู้จะขำดีหรือยังไงกับมันดี จะเซ็งเพราะมันบ่อยเกินแต่บางทีก็รู้สึกว่า ปล่อยๆมันไปเดี๋ยวมันก็คิดได้เองประมาณนั้น  ผมหลับตานอนเพราะอาการง่วงเริ่มครอบงำ และถ้าเวลาอย่างนี้ผมหลับได้ตลอดอยู่แล้วแหละ เพราะเป็นเวลาประจำ เดี๋ยวตื่นมามันก็คงกลับมาแล้วล่ะมั้ง ค่อยตื่นมากินแล้วอ่านหนังสือต่อแล้วกัน


...............
...............


แกร๊ก

เคร้ง~~
“เสียงห่าไรวะ”ผมนึกแต่ก็ยังหลับตาอยู่ เพราะว่ามันหนักที่เบ้าตามากๆ  แต่เสียงเหมือนคนทำอะไรอยู่ในห้องผม กินข้าวหรอวะ อืม..คงเป็นไอ้เมตรแหละ ผมก็เลยหลับต่อ แต่ระหว่างที่หลับเสียงมันก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
“................”พอผมลืมตาขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ก็เห็นไอ้ตัวดีนั่นนั่งเคาะจานกับแก้วน้ำอยู่บนโต๊ะเล็กที่ปลายเตียง แล้วมองมาที่ผม
“ห่า แม่ง”ผมบ่นเบาๆแล้วหยิบหมอนข้างเข้ามากอด
“มึงไม่คิดจะง้อกูบ้างเลยรึไง”มันพูด ผมก็หลับ ไม่ต้องไปตอบมัน ไอ้บ้านี่..มึงงอนบ่อยขนาดนั้น ใครจะไปง้อไหววะ อีกอย่างผมง้อคนเป็นซะที่ไหนล่ะ ขนาดองุ่นผมยังง้อไม่ค่อยจะเป็นเลย พวกเพื่อนผมก็ไม่ค่อยง้อด้วย จะพูดทีเล่นทีจริงซะมากกว่า ถ้าทะเลาะกันแรงๆก็จะพูด “ขอโทษ” แค่นั้นเอง ผมเข้าถึงเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยเป็นจริงๆอ่ะ พอทำทีไรมันเขินตัวเองแปลกๆทุกที
“สลิ่ม”มันเรียกด้วยน้ำเสียงงอนอย่างเห็นได้ชัด
“มึงอ่ะ”มันพูดแล้วเสียงวางจานที่กระแทกกับโต๊ะนี่ดังลั่น แต่ผมก็ยังนิ่ง นอนต่อไป
“คนเค้าอุตส่าห์ขับไปซื้อแม๊คมาให้”ขับไปทำห่าไรล่ะ สั่งให้มาส่งที่ห้องกูก็ได้นี่..ท่าจะประสาท
“กับข้าวก็ไปซื้อร้านที่ชอบมาให้ด้วย ร้อนก็ร้อน”มันพูดบ่นไม่เลิก
“ร้อนแล้วไปทำไมล่ะ”ผมพูดเสียงเบาตอบไป
“..................”เสียงเงียบไป ผมหรี่ตาดูหน่อยๆก็ยังเห็นมันยืนอยู่ปลายเตียงอยู่ มันยืนจ้องผมอยู่อย่างนั้น ไอ้ผมเองก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงอ่ะ เลยได้แต่นอนหรี่ตามองไม่ให้มันรู้ว่าผมมองมันอยู่ พอเห็นมันยืนจ้องอย่างนั้นแล้วผมเองก็ทำตัวไม่ถูกนี่น่า อยู่ดีๆมันก็เดินไปหยิบกระเป๋ากับกุญแจรถของมันที่วางอยู่บนโต๊ะที่วางกับข้าว แล้วอยูดีๆมันก็เดินออกนอกห้องไปซะเฉย ผมดีดตัวเองลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“งอนจริงๆหรอวะ”ผมนึกในใจ เริ่มทำตัวไม่ถูกมากขึ้นกว่าเดิม ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปที่ประตูห้อง ก่อนที่จะมองตาแมวก็ไม่เห็นมันอยู่หน้าห้อง แต่คนอย่างมันไว้ใจได้ที่ไหน กะล่อนจะตายชัก มันอาจจะแกล้งงอนผมให้ผมตายใจแล้วเปิดประตูออกไปง้อมัน แล้วมันก็จะเอ๋ผมแล้วต้องพูดว่า “ว้ายย โดนหลอก” แน่ๆอ่ะ ผมไม่หลงกลมันหรอก ผมเลยเดินไปที่โต๊ะกับข้าว เห็นมันซื้อแม๊คมาให้ผมจริงๆด้วย สั่งเฟรชฟรายจัมโบ้มาตั้งสองชุด ผมเป็นคนชอบกินเฟรชฟรายมากๆ แล้วไปกี่ทีๆก็จะสั่งสองชุดตลอด กับข้าวมันก็ซื้อมาตั้งห้าอย่าง แม่ง มันเห็นว่าผมกินเยอะขนาดนั้นเลยหรอ เหอะๆ ผมนั่งลงที่เก้าอี้รอมันอยู่เกือบสิบห้านาที ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆว่ามันจะโกรธผมจริงๆหรือว่ามันหลอกผมกันแน่ ผมเดินไปหยิบกุญแจห้องก่อนที่จะใส่รองเท้าแตะแล้วล็อกห้องก่อนที่จะเดินไปที่ลิฟต์ พอลงที่ที่ล็อบบี้ก็ไม่เห็นมีมันอยู่ เดินไปที่ร้านกาแฟก็ไม่มีมันอยู่ด้วย เลยเดินไปที่ลานจอดรถแต่ก็ไม่เห็นรถมันจอดอยู่แล้ว
“เอ่อ..ลุงครับ ไอ้นั่นมันไปแล้วหรอ”ผมถาม ลุงยามแกก็คงเข้าใจแหละว่าผมหมายถึงใคร เพราะว่ามันมาห้องผมบ่อยที่สุดแล้วตอนนี้
“อ๋อ ออกไปตั้งนานแล้วนิ”ลุงบอก
“อ่อ หรอครับ”ผมตอบเอ๋อๆแค่นั้นแล้วเดินกลับขึ้นห้องมา
“เฮ้อ..แม่ง ไอ้บ้า นึกจะกลับก็กลับ”ผมนึกแล้วนั่งเขี่ยถุงกับข้าวไปมาอย่างเซ็งๆว่าจะเอายังไงต่อดี ผมหยิบมือถือของตัวเองมาถือไว้ กดเบอร์โทรออกเป็นเบอร์ของมัน ไม่รู้ว่าจะโทรไปดีไหม แล้วโทรไปจะต้องพูดว่าอะไร ผมไม่รู้เลยว่าผมต้องทำตัวยังไง
บางทีผมก็แปลกๆ อยากเจอมัน อยากได้ยินเสียงมัน แต่บางทีผมก็อยากมีเวลาเป็นส่วนตัว ไม่อยากให้มันมาอยู่ด้วย อยากอ่านหนังสือคนเดียวเงียบๆ อยากไปนู่นไปนี่คนเดียวตามประสาเหมือนแต่ก่อน แต่บางครั้งก็อยากให้มันอยู่ด้วยในสถานการณ์ต่างๆ แต่มันน่ะอยากให้ผมอยู่กับมันด้วยตลอดเวลา แต่ผมกลับไม่อยากอยู่กับมันตลอดเวลา ผมกลัว กลัวว่าสักวันมันจะเบื่อผม กลัวนู่นนี่นั่นไปหมด มันดูจะรักผมมากแต่ผมเองก็รักมันมากด้วยเหมือนกันไม่ใช่รึไง มันที่แสดงออกว่ารักผมตลอดเวลา ใส่ใจ ดูแลขนาดนี้ มันทำให้ผมกลัวว่าสักวันมันจะหมดไป คำสัญญาที่มันมีให้ผม เป็นสิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจในตัวมันก็เท่านั้น แต่ไม่รู้นี่ว่านานเท่าไหร่ที่คำสัญญามันจะเริ่มจางลงไป มันจะลืมคำสัญญานี้ไหม เมื่อไหร่ล่ะที่มันจะเริ่มรำคาญนิสัยผม เมื่อไหร่ล่ะที่มันจะเริ่มเบื่อร่างกายของผม แล้วเมื่อนั้นผมกลับนึกย้อนมองตัวเองได้ว่า ตอนนั้นผมคงเจ็บปวดสุดๆ เพราะผมคงรักมันมากๆกว่านี้ไปแล้ว มันไม่แปลกที่ผมจะกลัว ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงกลัวเหมือนๆผม  มันที่เคยเจ้าชู้ขนาดนั้นจะมาหลงรักผมตลอดเวลาเหมือนที่มันเป็นอยู่ตอนนี้ได้นานขนาดไหนเชียวนะ เมื่อไหร่นะ..
“ฟื้ดดดด~~”พอคิดขึ้นมา อยู่ดีๆน้ำหูน้ำตามันก็ดันไหลออกมาเองซะงั้น  ผมอยากให้มันเป็นอย่างนี้ไปตลอด ปฏิบัติต่อผมอย่างนี้สม่ำเสมอ ตายจากกันก็ได้ไม่เป็นไร แต่แค่อย่าเบื่อผมก็พอ แค่มันรักผมและทำอย่างที่มันเคยเป็นอยู่ทุกๆวันแค่นี้ก็พอ

แกร๊ก~~

“.................”อยู่ดีๆก็โผล่มา ผมว่ามันคงบ้าไปแล้วจริงๆ ห่า..เช็ดน้ำตาไม่ทันแล้วด้วย ไอ้บ้า
“ร้องไห้ทำไมอ่ะ”อะไรมันจะเห็นชัดขนาดนั้นว่าผมร้องไห้ ทั้งๆที่มันยืนอยู่ตรงประตูห้องนะ ถ้าเป็นผมๆคงมองไม่เห็นเพราะว่าสายตาสั้นและค่อนข้างไปทางเกือบแย่เลยล่ะ พอจะมองเห็นใกล้ๆ ระยะไม่ไกลตัวมากนัก แต่ถ้าเป็นตัวหนังสือบนจอคอมที่ขยายใหญ่ที่ไกลสักประมาณสามเมตรนี่มองไม่เห็นแล้ว อะไรที่เล็กๆไกลสักเมตรสองเมตรนี่อย่าหวัง ต้องใส่แว่นอย่างเดียว ผมจะใส่เฉพาะตอนที่อ่านหนังสือในบางครั้ง ตอนเลือกซื้อของกับตอนนั่งเรียนหนังสือแค่นั้นแหละ ไม่ชอบใส่เดินไปไหนมาไหนเพราะว่ารำคาญ
“ไม่ได้ร้องสักหน่อย”ผมบอกแล้วลุกขึ้นเช็ดน้ำตาไปด้วย
“ก็ร้องอยู่เห็นๆ”มันพูดแล้วเดินมาหาผมอย่างรวดเร็ว รองเท้าก็ไม่ถอด
“ถอดรองเท้าเลยนะ”ผมพูดบอกไม่สบตามัน ผลักมันเบาๆแล้วเดินไปที่เตียงจะนอนกลบเกลื่อนไปก่อน
“ร้องไห้ทำไมอ่ะ ร้องทำไม”มันไม่เลิกรา พอถอดรองเท้าเสร็จก็เดินมาที่เตียงแล้วพร่ำพูดไม่หยุด
“ไม่ต้องมายุ่งได้ไหมเล่า”ผมบอกปัดแล้วเอาผ้าห่มคลุมโปง
“อะไรวะ คนเค้าอุตส่าห์เป็นห่วง..ไอ้เราก็กลับมาเพราะหายงอน งอนหนีไปก็ไม่มีการโทรตาม นิสัยแม่ง”มันพูดบ่น
“................”มึงก็นิสัยเหมือนกันแหละ ทำกูเครียดได้ตลอดๆ
“หลิม”มันเรียกแล้วสะกิดตัวผม
“ร้องไห้ทำไมครับ”มันพูด เกลียดเสียงมันเวลาพูดเพราะ ตอนมันแก้ตัวหรือว่าต้องการอะไร แม่งชอบพูดเพราะ ไอ้แรด..
“โอ๋ ไม่ร้องน้าไม่ร้อง”มันพูดแล้วเขย่าตัวผมไปมา
“ไอ้บ้า”ผมว่ามัน
“ถ้ามึงยังไม่เอาผ้าออก กูจะคิดว่าที่มึงร้องนี่เพราะคิดถึงกูนะ”มันพูด
“เอ้..”ยังไม่ทันยอมให้เอาออก มันก็เสือกดึงผ้าออกไปเอง ไม่รู้จะพูดก่อนทำไมงั้นอ่ะ
“หึ ยกโทษให้ก็ได้ ไม่โกรธละ”มันพูดยิ้มๆมองหน้าผม
“อะไร กูไม่ได้ร้องให้มึงสักหน่อย”ผมพูด
“เค้าไม่หนีตัวเองไปไหนหรอกน้า..ที่รัก”มันพูดยิ้มหน้าบาน แล้วก้มลงมากอดผมเอาหน้าซุกไปมา
“ปล่อย ไอ้บ้า..”ผมพยายามดันหน้ามันออก แต่มันกลับซุกไปซุกมากับความภาคภูมิใจในตัวเองไม่เลิก
“...................”มันเงียบหันมายิ้มให้ ผมก็เงียบตอบหันหน้าหนีมัน เกลียดสายตามันด้วย เกลียดนิสัยมัน เกลียดไปหมด
“บอกมาว่าร้องไห้ทำไม”มันพูดขึ้น
“เปล่า”ผมตอบ
“บอกมาสิ ไม่งั้นกูก็ไม่สบายใจนะ”มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมา
“บอกว่าเปล่าก็เปล่าสิ”ผมบอก
“มึงอ่ะมีอะไรไม่ค่อยจะบอก กูไม่สบายใจนะรู้ไหม มึงคิดอะไรอยู่ มีปัญหาอะไรอยู่กูก็อยากรู้ทั้งหมดนั่นแหละ”มันพูด ผมเหลือบสายตาไปมองมัน เห็นมันพูดด้วยสีหน้าจริงจังแบบนั้น มันก็อดคิดไม่ได้อีกแล้วว่า “ผมสำคัญกับมันมากเลยหรอ มากแค่ไหน..มากกว่าทุกคนรึเปล่าและจะสำคัญตลอดไปไหม” ใจนึงก็รู้สึกดีใจพิลึก แต่อีกใจก็โหวงๆไงบอกไม่ถูกเหมือนกัน
“กู..”
“..ขอโทษ”ผมพูด ตอนแรกจะถามว่าผมสำคัญสำหรับมันมากไหม แต่อยู่ดีๆทำไมมันเป็นขอโทษไปได้ฟ่ะ
“หึ..คิดมากน่า กูก็บ้าบอไปเอง”มันพูดปนหัวเราะหน่อยๆ แล้วหยิกเข้าที่จมูกผมเบาๆ
“แต่กูก็ยังไม่ชอบไอ้ห่าเชน และไม่อนุญาตให้มันเจอกับมึงโดยไม่มีกูหรอกนะ”มันพูดขึ้น
“จิ้..กูเบื่อเรื่องนี้ กูขอซื้อได้ไหม”ผมพูด
“ได้”มันตอบทันทีแล้วยิ้มกริ่มให้ ผมเริ่มระแวงกับสีหน้าท่าทางมันมานิดหน่อย
“จ่ายมาดิ”มันพูดแล้วมองลงไปที่ตัวผมที่มีผ้าห่มปิดเพียงนิดเดียว

ผลัวะ !!

มือมันไปเองอ่ะ -_-
“ไอ้หลิ่ม”มันร้องเรียกชื่อแล้วจับหัวตัวเองที่โดนผมตบเข้าให้
“มึงผิดเองนะ”ผมพูดบอกแล้วรีบลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่โต๊ะกับข้าวกลบเกลื่อนอารมณ์ตัวเองตอนนี้ไปก่อน
“เออ มึงระวังตัวได้แค่ไหนก็ระวังไปเลย..อย่าเคลิ้มเหมือนรอบก่อนอีกล่ะ”มันพูด รอบก่อนห่าไรล่ะ..มีสักรอบที่ไหน ล่าสุดก็ไอ้ตอนหลังจากที่โดนมันขืนครั้งแรกนั่นแหละ
“ไอ้..”ผมชี้หน้าจะด่ามัน แต่เหมือนจะด่าไม่ออก ทำไมมันนิสัยแบบนี้วะ
“ได้ มึงท้าเองนะ”ผมพูด
“ไม่  ม่ายยยยย เค้าพูดเล่น”มันรีบเดินเข้ามาหาทำท่าจะเข้ามากอดผมไว้อีก
“เค้าขอโต๊ดดดดดดดดดดด”มันร้องเรียกแล้วคุกเข่าลงกอดเอวผมไว้ก่อนที่จะโยกไปมา ผมพยายามผลักดันหัวมันให้ออกไปจากท้องผม แต่แม่งกอดโคตรแน่น
“ไอ้บ้า~~”ด่าไปก็เท่านั้น รู้สึกเหมือนมันจะไม่รู้สึกหรือสะเทือนอะไร กลับพร่ำพูดไร้สาระเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยตามสไตล์มัน ผมก็ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ไปได้ถึงเมื่อไหร่ ไอ้ความรู้สึกที่หงุดหงิดและปนความสุขแปลกๆนี้ ความรู้สึกที่ทำให้ผมยิ้มออกมาได้ทั้งๆที่ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ยิ้มได้มากขนาดนั้น ความรู้สึกที่โหยหาแต่มันและความรู้สึกดีใจและมีความสุขที่มันเฝ้าคอยและดูแลแต่ผม ผมอยากให้มันเป็นแบบนี้ไปตลอดทุกๆวัน ได้โปรดอย่าได้มีวันที่มันต้องทำตัวห่างเหินไปจากผมเลย ได้โปรดอย่าได้มีวันที่มันเริ่มรู้สึกเบื่อผมเลย ได้โปรดอย่าให้มีวันนั้นเลย..



.....................>>>><<<<.....................


ตอนแรกว่าจะเว้ยไปสักอาทิตย์ เพื่อการอ่านหนังสือของตัวเอง..
แต่ !! กูดันติดอีโรมมี่กับอีน้ำหวาน ละครหลังข่าว..ทำให้ไม่ได้อ่านหนังสือ :a5: เลยคิดได้ว่า..ไหนๆก็ไม่ได้อ่านละ ต่อนิยายมันไปเลยละกัน :jul3: กร๊าก
ปล.ขอหัวเราะให้กับตอนนี้ :laugh: โฮ๊ะ โฮ๊ะ โฮ๊ะ..สะใจว่ะ ไร้ซึ่ง NC กร๊าก :m20:
ปล2.ตอนหน้าก็คาดว่า NC :oo1: ยังไม่ปรากฏ กร๊ากกกกกกกกก :m20:
ปล3.เมื่อไหร่อีกไม่รู้ :z2:
นอนกันเหอะที่รัก
ฝันดี้ดี.. :man1:




ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
อ่านพาร์ทสลิ่มแล้วเข้าใจแจ่มแจ้งเลยว่า สลิ่มคิดอะไรรู้สึกยังไง
ไม่ได้แปลกใจเรื่องสลิ่มรักเมตร เพราะคิดว่าสลิ่มต้องมีความหลังอะไรกับเมตรซักอย่างตอนอยู่ภูเก็ต
(ได้คำตอบแล้วเมื่อตอนที่แล้ว)
แต่ไม่ได้คิดว่าสลิ่มคิดเรื่องเมตรมากขนาดนี้
สงสารสลิ่มตอนเด็กๆ ไม่คิดว่าจะถูกแกล้งบ่อย  :กอด1:
อยากให้เมตรรู้จริงๆว่าสลิ่มคิดอะไรรู้สึกยังไง
เมตรขี้ง้อนนนนนนนนขี้งอน  :-[
สลิ่มอ้อนเชนด้วยอ่ะ แล้วคนอ่านจะได้เห็นสลิ่มอ้อนพี่เมตรบ้างมั้ยน้าาาา  :m13:
 :กอด1:คุณเบบี้ ไม่เสียแรงที่แวะมาดู ขอบคุณมากนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-09-2010 01:18:05 โดย knightofbabilon »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
NC ไม่ปรากฏไม่เป็นไร

มาเรื่อยๆก็แล้วกันน๊า

ปล.  เค้ารีเควซตอนหวานๆได้ป่ะอ่ะค่ะ


ออฟไลน์ iiดาวพระสุขლii

  • คิดการใหญ่ ใจต้องเหี้ย(ม),,
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +746/-3
^^
โอ๊ะโอ....สลิ่มมาเองรือนี่....

เข้าใจความรู้สึกสลิ่มนะ....
แต่สลิ่มเข้าใจเมตรบ้างรึเปล่า...
สลิ่มเองก็ยัง ต้องการให้เมตร ดูแลเอาใจใส่ เป็นแบบนี้ตลอดไป...
แล้วไม่คิดว่าเมตรเอง..ก็ต้องการ สิ่งเดียวที่หลิ่มต้องการหรอกหรือ??

คำว่า เรารักกัน...ไม่ได้หมายความว่า ให้ทั้งสองฝ่ายหรอกหรือ....
สลิ่มอาจจะ  กลัวเสียใจที่วันนึงเมตรจะเบื่อ แล้วก็จะเปลี่ยนไป...
แต่สลิ่มคิดรึเปล่าว่า....ถ้าถึงวันนั้น  สลิ่มอาจจะไม่ได้เสียใจเพราะเมตรไปรักคนอื่น...หรือเสียเมตรไป...
แต่เสียใจเพราะว่า เสียดายที่ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน.หลิ่มไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้เลยว่า ตนเอง รักและห่วงใย ไม่น้อยไปกว่าสิ่งที่เมตรมีให้...
สุดท้าย...เราก็จะเสียดายวันเวลาที่ล่วงเลย...




เอิ่ม....กูอินไปมั้ย...- -"







(ไอ้เมตร..จ่ายค่านายหน้าให้ด้วยนะ   กร๊ากกก)

alive

  • บุคคลทั่วไป
ติดรมมี่กะน้ำหวานเหมือนกันเลยอ่ะ

แมร่ง  เกลียดน้ำหวานชิหาย

คนไรสะตอที่สุด 

 :fire: :fire: :fire:

aekporamai2

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
นึกภาพเมตรตอนที่กอดเอวหลิ่มแล้วบอกขอโทษ
นึกถึงเดี่ยว8ยังไงก็ไม่รู้ตอนที่โนสบอกว่า "ที่ร๊ากกกก เค้าขอโทษษษษษษษษ" แล้วลากเสียงยานๆอะ 555

mutaru

  • บุคคลทั่วไป
ประมาณว่า โปรด...อย่าปล่อยมือชั้น ใช่มะ

มีร้องไห้ด้วย ไปไหนไม่รอดแล้วสลิ่มเอ้ย..5555+



faNg

  • บุคคลทั่วไป
สลิ่ม มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม แม้งงงงงง น่ารักว่ะ  :impress2: :impress2: :impress2:

อิพี่เมตรนี่นิสัยแบบนี้โคดดดดดชอบอ่าส์ ๕๕๕๕๕  o13 o13 o13

รอตอนต่อไปนะค๊า   :pig4:

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
NC ไม่ปรากฏไม่เป็นไร

มาเรื่อยๆก็แล้วกันน๊า

ปล.  เค้ารีเควซตอนหวานๆได้ป่ะอ่ะค่ะ


ไม่ให้ กร๊ากก :laugh:

^^
โอ๊ะโอ....สลิ่มมาเองรือนี่....

เข้าใจความรู้สึกสลิ่มนะ....
แต่สลิ่มเข้าใจเมตรบ้างรึเปล่า...
สลิ่มเองก็ยัง ต้องการให้เมตร ดูแลเอาใจใส่ เป็นแบบนี้ตลอดไป...
แล้วไม่คิดว่าเมตรเอง..ก็ต้องการ สิ่งเดียวที่หลิ่มต้องการหรอกหรือ??

คำว่า เรารักกัน...ไม่ได้หมายความว่า ให้ทั้งสองฝ่ายหรอกหรือ....
สลิ่มอาจจะ  กลัวเสียใจที่วันนึงเมตรจะเบื่อ แล้วก็จะเปลี่ยนไป...
แต่สลิ่มคิดรึเปล่าว่า....ถ้าถึงวันนั้น  สลิ่มอาจจะไม่ได้เสียใจเพราะเมตรไปรักคนอื่น...หรือเสียเมตรไป...
แต่เสียใจเพราะว่า เสียดายที่ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน.หลิ่มไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้เลยว่า ตนเอง รักและห่วงใย ไม่น้อยไปกว่าสิ่งที่เมตรมีให้...
สุดท้าย...เราก็จะเสียดายวันเวลาที่ล่วงเลย...




เอิ่ม....กูอินไปมั้ย...- -"







(ไอ้เมตร..จ่ายค่านายหน้าให้ด้วยนะ   กร๊ากกก)
กูว่าแล้วว่ามึงต้องพูดแบบนี้ :a5: ซื้อหวยไม่ถูก..กร๊าก ไม่เป็นไร กูตั้งใจ :jul3: เอิ้กกก..ไม่สนใจไอ้เมตรต่อไป นั่นคือเป้าหมาย :m20:

นึกภาพเมตรตอนที่กอดเอวหลิ่มแล้วบอกขอโทษ
นึกถึงเดี่ยว8ยังไงก็ไม่รู้ตอนที่โนสบอกว่า "ที่ร๊ากกกก เค้าขอโทษษษษษษษษ" แล้วลากเสียงยานๆอะ 555
คิดได้นะ กร๊ากกก :m20: กลายเป็นว่านึกภาพไอ้โน้ตอุดมเลยนิ -_-" o22

ประมาณว่า โปรด...อย่าปล่อยมือชั้น ใช่มะ

มีร้องไห้ด้วย ไปไหนไม่รอดแล้วสลิ่มเอ้ย..5555+



คนนี้ o22 มาแนวน่ากลัวลึกๆ เหอะๆ..

ออฟไลน์ K2KARN

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3084
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +393/-6
โอ่ย พี่เมตรมันหลงขนาดนี้ไม่มีวันทิ้งสลิ่มล่ะ
ดูดิ๊มันงอนเองยังต้องกลับมาหาเล้ย
ไปไหนได้ไม่ไกลหรอก ฮ่าๆ

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด