Memorial~รักแรก รักสุดท้าย [แจ้งข่าวหน้า 516: 29/ก.ย/57]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Memorial~รักแรก รักสุดท้าย [แจ้งข่าวหน้า 516: 29/ก.ย/57]  (อ่าน 3409476 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ball

  • He exists now only in my memory.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-0
คิดถึงพี่เมตรกับสลิ่มมมมมม  :z3:

ออฟไลน์ makone

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เมื่อไหร่จะถึง ตอนที่พี่เมตรจัดเต็มให้กับสลิ่มอ่ะ หลังจากเก็บกดมานานนนนนนนนนนนนนนน

ออฟไลน์ candynosugar+

  • กลัวแล้ว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-2
    • CDNSG+
อ่านทันแล้วววว อ้ากกกกก
มาทันเอาซะตอนพิเศษ  :sad2: แถมตอนพิเศษก็จะจบแล้วอีกต่างหาก  :z3:

อยากมาคอมเม้นให้มากกกก
หลังจากเจอคำสาปแช่งของพี่เบบี้ ประมาณว่า เอิ่ม..ตูดด้านเหมือนหน้า :z3: :z3:

พี่แต่งสนุกมากกก ชอบตั้งแต่ตาร์ข้าวละ
(แต่ตอนนั้นยังไม่ได้สมัครอ่ะ - -;; )
เดี๋ยวจะไปตามอ่านเรื่องอื่นของพี่ต่อละ โฮ่ะๆๆ อ่านจนตาแฉะละเนี่ย แต่หยุดมิด้ายย o9

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
คิดถึงสลิ่ม >/////<

ออฟไลน์ nutty2554

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
อ่านรวดเดียวจบ ใช้เวลาหลายวันเลยค่ะ 
อยากจะบอกแค่ไม่กี่ประโยคนะ

1. เ้ราเซิร์จเพลง และกดตามลิงค์ทุกลิงค์ที่แปะไว้
2. ฟังแล้วจินตนาการตามสลิ่ม   :impress2:
3. ตอนนี้ใช้ Erase me Kid Cudi Ft. Kanye West เป็นเสียงเรียกเข้า พร้อมคิดภาพสลิ่มเป็นคนร้อง


4.  สุดท้าย ตอนนี้ ... คิดถึงสลิ่มมมมมมมมมมมมมมมม

เฮียเมตรก็คิดถึงนะ แต่เค้าหลงรักสลิ่มมมมม  :o8:

love u so so

  • บุคคลทั่วไป
ชอบๆๆๆๆๆ.....

มาต่อเร็วๆ นะ  :3123:

ออฟไลน์ skynotebook

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
มาเม้นก่อนหน่อยนึง
อ่านเรื่องจบซะที แต่ยังไม่ได้อ่านตอนพิเศษเลยนะค่ะ

อ่านเรื่องนี้ช่วงแรกก็แอบเครียดแทนพี่เมตรเหมือนกันว่าทำไมน้องสลิ่มใจแข็ง
และชอบกวนพี่เมตรมากๆเลย อ่านไปเลื่อยๆเริ่มจะเข้าใจน้องสลิ่มมากขึ้น ถ้าเราเป็นสลิ่มเราก็อาจทำแบบที่สลิ่มทำก็เป็นได้
อ่านแล้วก็เครียดและลุ้นแทนพี่เมตรหลายครั้งมากทั้งเรื่องบรรดาเมียๆทั้งหลาย
ทั้งเรื่องยอมให้สลิ่มใจอ่อน พออ่านมาถึงตอนนี้ก็ต้องยินดีกับพี่เมตรจริงๆ ที่พิสูจน์ให้สลิ่มเห็น คนอ่านนี้ยิ้มหน้าบานเลยนะค่ะเนี่ย
เดี๋ยวไปอ่านตอนพิเศษต่อแล้วจะกลับมาเม้นอีกครั้ง

ออฟไลน์ loverken

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 504
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

ออฟไลน์ bookie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
    • facebook
อีก 2 วัน ก็วันเกิดพี่เมตรแล้ว ฉลองกัน



 :b:

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
ผลงานที่ผ่านมาของ "เบบี้" ชี้แจงเพื่อทราบ ดังนี้...

1. [ ลงเวปปี 2551 ] สุดท้ายกรูก็รักมึงจนได้..ไอ้โรคจิต
- มีลงให้อ่านทางเวปไซด์ Thaiboyslove และบอร์ดเบบี้เท่านั้น
- ได้จัดทำเป็นหนังสือแล้ว ตีพิมพ์ 1 ครั้งและไม่ทำการตีพิมพ์ในรูปแบบหนังสือซ้ำในอนาคต
- หนังสือขายหมดแล้ว

2. [ ลงเวปปี 2552 ] เพราะว่ารัก..แน่รึเปล่า
- ไม่ตีพิมพ์เป็นหนังสือ มีให้อ่านในบอร์ดเบบี้ที่เดียวเท่านั้น

3. [ ลงเวปปี 2552 ] ชุลมุนวุ่นรัก
- มีลงให้อ่านทางเวปไซด์ Thaiboyslove และบอร์ดเบบี้เท่านั้น
- ได้จัดทำเป็นหนังสือแล้ว ตีพิมพ์ 1 ครั้งและไม่ทำการตีพิมพ์ในรูปแบบหนังสือซ้ำในอนาคต
- หนังสือขายหมดแล้ว

4. [ ลงเวปปี 2553 ] Momorial~รักแรก รักสุดท้าย
- มีลงให้อ่านทางเวปไซด์ Thaiboyslove เท่านั้น
- จัดทำในรูปแบบหนังสือในปี 2558 (ตีพิมพ์ 1 ครั้งและจะไม่ทำการตีพิมพ์ในรูปแบบหนังสือซ้ำในอนาคต)
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ "แจ้งข่าวหน้า 516" หรือที่ลิ้งค์นี้ค่ะ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=13100.15450

6. Summer~ร้อน Summer~ รัก
- ไม่มีโพสที่หน้าเวปไซต์ใดๆ  ตีพิมพ์ร่วมเป็นหนังสือของโปรเจคของทาง Thaiboyslove เท่านั้น

7. [ ลงเวปปี 2554 ] ~Limited Lovers~
- มีลงให้อ่านทางเวปไซด์ Thaiboyslove และบอร์ดเบบี้เท่านั้น
- ได้จัดทำเป็นหนังสือแล้ว ตีพิมพ์ 1 ครั้งและไม่ทำการตีพิมพ์ในรูปแบบหนังสือซ้ำในอนาคต
- หนังสือขายหมดแล้ว

ขอบคุณค่ะ
เบบี้




ตอนพิเศษ14  My love style..End



โรงแรม..
เมื่อถึงโรงแรมพวกเราแยกย้ายกันไปห้องของใครห้องของมัน  กูนอนกับสลิ่ม  ไอ้วิทย์กับไอ้เว  ส่วนไอ้เชลโลก็หวานหมูปลาทูเค็มเพราะมันได้นอนสองต่อสองกับไอ้เขต  ส่วนวงของไอ้เจ๋งก็แยกกันไปซึ่งกูไม่รู้ว่าใครนอนกับใครบ้าง  เท่าที่รู้คือไอ้เจ๋งนอนกับไอ้ติส  และมีห้องที่ต้องนอน 3 คนอยู่ 2 ห้อง
ตอนนี้เกือบบ่ายโมงครึ่ง  วันนี้ไม่มีแผนต้องไปทำอะไร  ใครอยากไปไหนก็ไปตามอัธยาศัย  พรุ่งนี้บ่ายทุกคนต้องพร้อมกันโดยแต่งตัวกันให้เสร็จเรียบร้อย  การแสดงมีพรุ่งนี้ประมาณสองทุ่มเป็นต้นไป  แต่นักดนตรีจะต้องเข้างานตั้งแต่หกโมงเย็น  ต้องเข้าไปเซ็นชื่อแสดงตัว
“เฮ้อ” กูถอนหายใจ  หยิบเอาเป้ไปวาง
“เมื่อกี้..ตอนที่อยู่บนเครื่อง” สลิ่มพูดขึ้น  กูหันกลับไปมอง
“มึงบอกว่าสองอาทิตย์ สองอาทิตย์อะไร” มันถามแต่กลับไม่จ้องหน้ากูตอบ
“เปล่า” กูตอบ  ถอดรองเท้าและถุงเท้าเหวี่ยงไปเรื่อย
“เปล่าไร..มึงมีไรปิดบัง บอกมานะ” มันหันหน้ามาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ทีมึงยังปิดบังกูได้ตั้งหลายเรื่อง ไม่แฟร์ว่ะ” กูยักคิ้วกวน  ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
“บอกมา!!” มันตะโกนเสียงดัง  กูนอนหัวเราะและเขยิบตัวเองไปจนถึงหัวเตียง
“บอกมานะ” มันขึ้นมาบนเตียงตามแผนที่กูวางไว้ในหัว  สลิ่มคลานเข้ามาใกล้  กูแกล้งทำเป็นนอนหลับ มันเข้ามาเขย่าตัวกูเหมือนต้องการจะรู้ให้ได้  กูเลยพลิกตัวนอนคว่ำแทน 
“ไอ้เมตร..บอกกูมาเด้” มันเอามือทุบเข้าที่หลังกูไม่หยุด  มันเป็นคนสาระแน  กูว่ามันคงอยากรู้จริงๆนั่นแหละนะ
“โอ้ย..หึ” กูร้องเพราะโดนสลิ่มจับหน้ากูให้หงายไปทางด้านหลัง
“สลิ่ม เชี้ยนี่” กูพลิกตัวกลับมานอนหงายอย่างเดิม  ถ้ายังนอนคว่ำอยู่กูอาจจะโดนทำร้ายร่างกายได้
“หื้มมม..อยากรู้นักรึไงห๊ะ” กูรั้งเอวมันเข้ามากอดอย่างแรงจนสลิ่มตัวเซล้มลงมาทับบนตัวกู 
“ก็บอกมาดิ” มันทำหน้างอ
“ก็เปล่า..มึงไม่สังเกตอะไร แต่กูว่ามึงสังเกต ว่ากูไม่ได้แตะต้องตัวมึงมาถึงสองอาทิตย์เชียวนะ” กูบอก  สลิ่มชะงักและหน้าเริ่มแดง
“ก็ดีแล้วนี่” มันพูดขึ้นเสียงอีก  กูยิ้ม  กูไม่คิดจะบอกถึงสาเหตุจริงๆหรอกว่าทำไมกูถึงไม่แตะต้องมันถึงสองอาทิตย์  ถ้าบอกกูก็ซวยสิ..
“เสียงสูงเชียว” กูขำ
“ปล่อยเลย ไม่ต้องมายุ่ง..หิว จะลงไปหาไรกิน” มันบอก
“ไม่” กูเล่นหน้าเล่นตาใส่


ก๊อก  ๆ  ๆ


“ไอ้หลิ่ม..กูเขตเอง ไปหาไรแดกกันเปล่า” ไอ้เขตตะโกนถาม
“ไม่ไป!” กูตะโกนตอบแทน
“ไป..เอ้ ปล่อย” มันร้อง  กูจูบปิดปาก  มันจะได้เลิกพูดเถียงสักที  สลิ่มดิ้นพยายามจะให้หลุดออกจากแขนของกู  แต่กูกอดไว้แน่นและผลักมันให้ลงไปนอนแทน
“อื้อ” สลิ่มเอียงคอหนีเมื่อกูเข้าไปไซร์ต้นคอของมัน  มันหลับตาปี๋และตัวเริ่มสั่น  สลิ่มพยายามดันหน้ากูไว้แต่กูกลับซุกไซร์มันไม่หยุด  ยิ่งมันดันมากเท่าไหร่กูก็ยิ่งชอบ..มันคงลืมนึกถึงตรงนี้ไป
“อ๊ะ” สลิ่มสะดุ้งเมื่อมือของกูไล่ลงไปลูบเอวและต้นขาของมัน  กูบีบและเน้นคลึงสะโพกมันอย่างแรง 
“ฮะ” สลิ่มคราง  กำแขนกูแน่น  มันพยายามหนีบขาของตัวเองเพื่อไม่ให้กูรุกล้ำไปมากกว่านั้น
“ไวจัง” กูแกล้งแซว  สลิ่มหน้าแดงขึ้นกว่าเดิม
“ช่วยตัวเองบ้างรึเปล่า แอบไปช่วยตัวเองบ้างไหมครับ” กูอมยิ้ม  สลิ่มฟาดมือเข้ามาเต็มๆหน้ากูทันที
“เจ็บ..แต่ก็ ชอบนะ” กูหัวเราะ
“หยุด เมตร..หยุดก่อน” สลิ่มห้ามเสียงเบา  มันมองลงไปที่ส่วนล่าง  ด้านล่างของกูไม่ยอมหยุดที่จะสีกับน้องชายของมัน  สลิ่มไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากูแม้แต่น้อย  กูก้มลงไปหอมแก้มและจูบปากมันอีกครั้ง
“อื้อ” สลิ่มเงยหน้าขึ้นสูง  มันเอาแขนมาปิดปากของตัวเอง  สลิ่มสะดุ้งตัวโยนเมื่อกูก้มลงกัดหัวนมมันผ่านเสื้อบางๆนั่น 
“ชู่..” กูจับมือของสลิ่มออกไปเพราะรู้สึกเกะกะขึ้นมา   จังหวะที่มันดิ้นพยายามหนีมือของกูยิ่งทำให้กูย้ำมือลงที่เนื้อตัวของมันมากขึ้น  สลิ่มครางกระเส่า  กูถอดเสื้อของตัวเองออกแต่กูไม่ถอดเสื้อให้สลิ่ม  เพราะกูชอบเวลามีเสื้อผ้าเล็กๆน้อยๆประดับร่างกายไว้มากกว่าที่จะถอดออกหมด  และแน่นอนว่าสลิ่มไม่มีทางถอดเสื้อออกเองแน่ๆ 
“อ๊ะ เมตร..ป ปล่อย อื้อ”


................
................


ณ  วันงานแสดง..
“สลิ่ม” ไอ้เขตเรียก
“อะไร” สลิ่มตอบเสียงห้วน
“มึงเดินขาถ่างไปนะ”
“หึ” กูหลุดขำทันที
“ไอ้เหี้ยเขต!!” สลิ่มร้องเสียงหลง  ไอ้เขตโดนส้นตีนเพื่อนรักไปเรียบร้อย
ตอนนี้กู  สลิ่ม  ไอ้เขต  ไอ้วิทย์  ไอ้เวและไอ้เชลโลรวมตัวกันอยู่ที่ห้องของไอ้วิทย์  ทุกคนแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ตอนนี้รอให้ไอ้เชนโทรมาตาม  คอนเซปของวงสลิ่มวันนี้คือแต่งตัวเรียบร้อยเยี่ยงผู้ดี  โดยเน้นการแต่งตัวเป็นสีเทาทั้งวงเพราะวงของไอ้เจ๋งเน้นสีดำไปแล้ว 
โดยสลิ่มและไอ้เชลโลที่ใส่กางเกงและสวมสูทเต็มยศแตกต่างกันเพียงแค่ไอ้เชลโลใส่เนคไท  แต่สลิ่มไม่ใส่เท่านั้น  ไอ้เขตกางเกงสีเทา  เชิ้ตสีขาวและสายเอี๊ยม  กูว่าเหมาะกับมันดีเพราะดูติงต๊องๆเหมือนคนใส่ ไอ้วิทย์ใส่ทุกอย่างเหมือนสลิ่มแต่จะต่างก็ตรงที่แขนเสื้อจะเป็นแขนสั้นถึงข้อศอกและจะเด่นก็ตรงที่รองเท้าของมัน  ส่วนไอ้เวแต่งตัวเหมือนเพื่อนทุกอย่างยกเว้นมันไม่ใส่แจ๊กเก็ต  มีเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบๆที่เข้ากันดีกับกางเกงสีเทาของมัน  ส่วนกูเลยต้องใส่สูทตามคอนเซปของพวกมันไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้..
“วันนี้มึงไม่ได้เล่นด้วยซะหน่อย แต่เอาซะเต็มยศเลยนะมึง” ไอ้วิทย์แซวน้องเล็กของวง  ไอ้เชลโลยิ้มเขิน
“แล้วไง..เมื่อคืน เป็นไงบ้าง” ไอ้วิทย์ยักคิ้วอย่างเจ้าเล่ห์  อยู่ๆไอ้เชลโลก็หน้าแดงขึ้นมา
“ค..ยนี่” ไอ้เขตว่าพร้อมกับง้างขาจะถีบเพื่อนมัน
“ไอ้เหี้ย เดี๋ยวสูทเปื้อน” ไอ้วิทย์หลบ
“สั่งสอนผัวมึงบ้างนะเหี้ยเว หุบปากบ้างเหอะ” ไอ้เขตบ่น
“หึ..” ไอ้เวนั่งอมยิ้มตามสไตล์
“มึงไม่ได้ทำ มึงจะเดือดร้อนเหี้ยอะไร” กูแซวบ้าง
“เฮียยยย” ไอ้เขตทำเสียงยานคาง  เล่ห์ตามองหน้ากู 
“หรือไง” กูยักคิ้วแกล้ง
“อย่าแกล้งเพื่อนกู” สลิ่มเข้ามาผลักหัวกูเบาๆเหมือนต้องการทำเพื่อแกล้งแซวไอ้เขตด้วย
“.......................” อยู่ๆในห้องก็เงียบลงซะเฉย  กูได้ยินเสียงไอ้วิทย์หัวเราะในลำคอ
“คนไม่ได้คิดไรกัน” สลิ่มพูดแล้วเดินเข้าไปใกล้ไอ้เชลโล
“จุ๊บ~” อยู่ๆสลิ่มก็ก้มลงหอมแก้มไอ้เชลโลที่นั่งอยู่อย่างหน้าตาเฉย  ไอ้เชลโลเบิกตาโพรง 
“หรือมึงคิด” สลิ่มหันมายักคิ้วให้ไอ้เขตที่นั่งอยู่ข้างกู  ไอ้เขตอ้าปากเหวอ  กูนั่งมองว่าไอ้เขตจะตอบว่ายังไง
“หอมกูบ้างดิ!” ไอ้เขตลุกขึ้นโวยวาย
“เหี้ย” สลิ่มว่าด้วยความระอา
“ก็ถ้ามึงไม่ได้คิดไร มึงก็หอมกูบ้างเด้..ทีไอ้โล่มึงยังหอมได้เลย” ไอ้เขตโวยวายไม่เลิก  เหมือนคดีจะพลิกเล็กน้อย  สลิ่มคงไม่คิดว่าไอ้เขตกำลังอยากให้สลิ่มหอมตัวเองแบบนั้นบ้าง  คงมีแค่กูกับไอ้วิทย์ที่ดูออกเท่านั้น
“เมียกู” กูเอามือไปตีแก้มไอ้เขตเบาๆ
“มึงก็หอมไอ้โล่ให้กูดูก่อนดิ แล้วกูจะหอมมึง” สลิ่มย้อนหน้าตายก่อนที่มันจะเดินหนีไปหยิบกระเป๋ากีตาร์ของตัวเองขึ้นและเดินออกจากห้องไป
“ให้กูหอมมึงแทนก่อนไหม กูฟรีนะ” กูบอกไอ้เขต
“ฮ่าๆๆ” ไอ้วิทย์กับไอ้เวหัวเราะ
“โหย” ไอ้เขตทำเสียงและลุกหนีไปหยิบกระเป๋าเบสของตัวเองขึ้นมาถือไว้และเดินออกจากห้องไปอีกคน
“กูแนะนำ จับทำเมียแม่งคืนนี้เลย..เจ็บแต่จบ” กูบอกไอ้เชลโล
“หรือเมื่อคืนมึงอะไรๆไปแล้ว” ไอ้เวถามหน้านิ่งมาก  มันลุกขึ้นส่องกระจกอีกครั้งเหมือนไม่แคร์ที่จะได้คำตอบ
“เปล่าครับ” ไอ้โชลโลตอบ  แต่กลับไม่ยอมสบตาพวกกู
“นั่นสิ..ไอ้เขตคงจะยอมมึงหรอก ไอ้อ่อนเอ๊ย” ไอ้วิทย์หัวเราะและลูบหัวไอ้เชลโลอย่างเอ็นดู  ไอ้เชลโลยิ้มหน้าเศร้า
“ไปเหอะ” ไอ้เวบอก  พวกกูเตรียมของตัวเองให้พร้อมและเดินออกจากห้องมา  คนอื่นๆเตรียมตัวรออยู่ที่ล๊อบบี้ของโรงแรมแล้ว  พวกกูเดินทางไปที่งานโดยรถแท็กซี่ที่ไอ้เชนเตรียมไว้ให้พร้อม  ดูเหมือนการที่พวกกูจะทำอะไรก็สะดวกสบายไปซะหมด  เพราะไอ้เชนจัดการไว้ให้ทุกอย่าง  แต่ช่างแม่งเหอะ  กูไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าคนอย่างมันจะเหนื่อยรึเปล่า  เพราะกูไม่ชอบหน้ามันสักเท่าไหร่


................
................


ตอนนี้ในงานคนค่อนข้างเยอะ  ส่วนมากจะมีแต่นักดนตรีและส่วนมากเป็นผู้ชายกับชาวต่างชาติเดินหัวทองเต็มงานไปหมด  พวกสลิ่มพร้อมกับไอ้เชนและตากล้องเข้าไปเก็บตัวในห้องแล้ว  ตอนนี้มีเพียงกู  ครู  ไอ้ดอนและไอ้เชลโล  สถานที่จัดงานเป็นผับหรูแห่งหนึ่ง  คืนนี้ต้องเล่นที่นี่  ส่วนพรุ่งนี้เย็นการอัดวงเล็กแบบอคูสติกจะจัดอีกที่หนึ่ง  ซึ่งในนั้นจะมีการจัดเอาใจคนรักเครื่องดนตรีโดยเฉพาะ  เพราะยี่ห้อเครื่องดนตรีชื่อดังทั่วโลกต่างมาตั้งร้านประชันกันอย่างเต็มที่ 
คืนนี้ทุกคนจัดหนักกันทุกวง  เรียกได้ว่าคนดูที่มาก็เมาเกรียนปล่อยผีไม่คิดชีวิต  รวมถึงกูด้วย  แจ็กเก็ตจากที่ใส่อยู่ดีๆก็ต้องถอดออกเพราะไอ้วิทย์เป็นตัวการเริ่มถอดออกคนแรก  และเอาแจ็คเก็ตเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเมามัน  พวกกูลืมไปชั่วขณะว่าสูทที่สั่งตัดมานั้นแพงมาก  เมื่อวงของสลิ่มได้ขึ้นเล่นก็สามารถเรียกเสียงร้องจากคนดูได้มากยิ่งขึ้นเพราะทุกคนต่างสนุกจากวงอื่นๆเป็นทุนอยู่แล้ว  บอกตามตรงว่าทุกคนเกือบหมดสภาพ  กล้องที่กูนำติดตัวมาด้วยแทบเละ  เมาและหยิบไปถ่ายกันมั่วไปหมด  กว่าจะออกมาจากผับได้ปาไปเกือบเที่ยงคืน
“โอยยยยยยย” สลิ่มร้อง  กูเปิดประตูห้องเดินนำเข้ามาก่อน
“เอิ้ก” กูเรอ  เบียร์แม่งอืดขึ้นคอไปหมด
“หึ” สลิ่มหัวเราะ  มันเดินตามเข้ามา  ตอนนี้พวกกูกลับมาที่โรงแรมแล้ว  ไอ้วิทย์  ไอ้เขต  ไอ้เจ๋งและไอ้ติสลงไปกินเหล้าต่อที่บาร์ของโรงแรม  ส่วนคนอื่นๆขอโบกมือเพราะบางคนสภาพไม่ไหวแล้วจริงๆ  อย่างไอ้เอมือกีตาร์วงของไอ้เจ๋งและไอ้ดอนรุ่นน้อง  เมาเรียกว่าไม่ได้สติ  ไม่มีการเมาเกรียนแต่สลบแน่นิ่งไปเลย  พวกกูต้องช่วยกันหามมันเข้าไปนอนเมื่อกี้นี้เอง..
“ห่า..เหงื่อเต็มตัวเลยเชี้ย” กูบ่น  รีบถอดเสื้อเชิ้ตออก  ถ้าไม่เสียดายเสื้อกูจะกระชากให้กระดุมแม่งหลุดเองคงจะง่ายกว่าเยอะ
“ก็มึงเล่นเต้นซะขนาดนั้น หึ..ไม ตอนอยู่วัดมึงไม่ได้เต้นเหรอ” สลิ่มหัวเราะ
“ค..ยเหอะ” กูว่าแกมขำ
“อาบก่อนนะ” กูบอก
“อื้อ” สลิ่มพยักหน้าตอบ  กูเหวี่ยงเสื้อผ้ากองไว้กับพื้น
“กูไม่ใช่ไอ้มิ้วค์ กูไม่เก็บให้หรอกนะ..อาบเสร็จมาเก็บด้วย รกลูกตา” มันว่า  ตาขวางมองเสื้อผ้าที่กองอยู่ที่พื้น
“ค้าบ” กูตอบส่งๆและเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อจัดการตัวเอง  ไม่ถึงห้านาทีก็อาบน้ำเสร็จ  สลิ่มอาบน้ำต่อ  กูยังไม่ง่วงเท่าไหร่  เพราะเหมือนสารเอ็นโดรฟินเมื่อกี้มันยังหลั่งไม่หยุดและคงเพราะเมื่อเช้าพวกกูตื่นกันเกือบเที่ยงได้ละมั้ง  ตอนนี้เลยตาแข็งนอนไม่หลับ  กูเปิดดูโทรทัศน์ไปไปเรื่อยจนสลิ่มอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ 
“ปวดเท้าจัง” สลิ่มบ่น  มันเดินมานั่งลงบนเตียง 
“ปวดเท้าจางงง” มันร้องอีกพร้อมกับหันหน้ามามองหน้ากู
“พูดเพราะก็เป็นนิ” กูแซวและลุกขึ้นนั่ง  จับขามันมาวางไว้บนตัวกูและนวดเท้าให้มัน  มันหัวเราะชอบใจที่กูทำแบบนี้ให้ 
“จุ๊บ” กูยกเท้ามันขึ้นมาจูบที่ผ่าเท้าเบาๆ 
“ไอ้เมตร” มันร้องแต่กลับไม่ชักเท้ากลับ
“นวดให้กูด้วย” กูเอาขาไปยื่นให้มันบ้าง
“เท้ามึงใหญ่ กูปวดมือ” มันอ้างและหันหน้าหนี
“ตีน” กูด่าพร้อมกับถีบหน้าท้องมันเบาๆ
“นวดตีนให้พี่เดี๋ยวนี้สลิ่ม” กูบอก  มันเบะปากแล้วจับเท้ากูไปนวดให้อย่างช่วยไม่ได้
“หนังเรื่องนี้เคยดูแล้ว” มันพูดขึ้นเมื่อหันไปมองที่โทรทัศน์
“ไปดูกับใคร” กูถาม  เพราะเป็นหนังเมื่อปลายปีที่แล้วซึ่งกูเพิ่งได้ดูที่นี่ตอนนี้นี่แหละ
“กับไอ้เขต” มันตอบ
“สองคน” กูถามอีก
“อื้อ” มันพยักหน้าตอบ  ตาจ้องแต่โทรทัศน์  หลังจากนั้นก็เงียบลง  กูไม่ได้รู้สึกอะไรที่มันไปดูหนังกับไอ้เขตสองคน  แต่มันไปดูโดยที่กูไม่รู้เรื่องอีกแล้ว..
“เงียบทำไม” มันถาม
“เปล่า” หลังจากนั้นทั้งกูและมันเงียบจนสถานการณ์แปลกไป
“เหมือนจะหิว” กูหาเรื่องคุยเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสลิ่มเพราะกูขี้เกียจจะทะเลาะกันเรื่องนี้บ่อยๆแล้ว
“ไปกินกัน!” มันยิ้มกว้างในทันทีเหมือนรอประโยคนี้มานาน
“แต่เมื่อตอนบ่ายมึงก็กินไปเยอะแล้วนะ” กูพูดไปงั้นแต่ที่จริงตอนนี้กูก็หิวเหมือนกันล่ะนะ
“โหย กูเต้นมันก็เผลาผลาญไปหมดละเหอะ” มันแก้ตัวทันที  กูยิ้มให้
“พอแล้ว..ไปเร็ว จะได้กลับมานอน” กูบอก
“เย้..กินๆๆ” มันรีบลุกขึ้นในทันที  กูเปลี่ยนเป็นกางเกงผ้ายืดสีขาวขายาว  ส่วนสลิ่มต้องเปลี่ยนเอากางเกงสะดอมาใส่แทน  ถ้าพวกกูใส่บ๊อกเซอร์เดินโทงๆออกไปมันคงไม่เจริญสายตาสักเท่าไหร่นักน่ะนะ
“กินไหน บาร์ที่โรงแรมเหรอ..หรือเซเว่น” กูถามเพราะไม่รู้
“ฟูดคอร์ดKopitiam..แต่ต้องเดินหน่อยนะ ไม่ไกลหรอก..กูมีบัตรอยู่สองใบ เติมเงินก็ใช้ได้เลย คราวก่อนมาแม่ซื้อไว้สองใบอ่ะ..คงใช้ได้อยู่” มันตอบ  กูพยักหน้ามองเข้าไปในบาร์  เห็นไอ้พวกเปรตนั่งเมากันอยู่ในนั้น
“ถ้าพรุ่งนี้มันแฮงค์นะ” กูหัวเราะ
“ดีที่มีจัดงานตอนเย็น” สลิ่มพูดอย่างเห็นด้วย
“แล้วพรุ่งนี้ไปไหนกัน” สลิ่มเงยหน้าถามอย่างมีความหวัง  มันเดินนำส่วนกูเดินขนาบข้างและเดินตามมันไปแบบไม่รู้ทาง
“แล้วแต่” กูตอบ
“หมายความว่าแล้วแต่กู” มันยักไหล่
“ผมคงหมายความว่าอย่างนั้นแหละครับ” กูตอบ  มองไปทางนู้นทีทางนี้ทีสำรวจพื้นที่ไปเรื่อย
“งั้นช็อปปิ้ง!” มันสรุป
“อืม” กูพยักหน้า  รู้อยู่แล้วว่าบทสรุปคงไม่พ้นเรื่องนี้  ตอนนี้เกือบตีหนึ่งแล้ว  มีคนเดินไปเดินมาสวนทางกันไม่เยอะเท่าไหร่นัก  ส่วนมากบนถนนมีแต่แท็กซี่ที่ไม่มีผู้โดยสาร  ตรงนี้อยู่ใจกลางเมืองแต่กลับเงียบสนิท  คนที่นั่งรออยู่ตรงป้ายรถเมล์ก็มีเพียงแค่สองสามคนเท่านั้น 
กูหันไปมองสลิ่มที่กำลังมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงป้ายรถเมล์ตั้งแต่หัวจรดเท้า  เธอแต่งตัวเปรี้ยวจัดมาก  กระโปรงสั้นและหน้าตาสวยมากทีเดียว  พอเธอหันมาเห็นว่าสลิ่มมองอยู่  เธอยิ้มให้น้อยๆ  สลิ่มยิ้มตอบแต่ทำหน้าเหมือนเขินเค้าซะงั้น
“หึ..มึงจะแดกเค้ารึไง” กูพูด
“เหี้ย..กูแค่มอง” มันรีบตอบ
“อยู่ไทยคงโดนลากไปข่มขืนละมายืนแบบนี้น่ะ” มันพูด
“มึงใช่ไหมคือคนที่ลากไปน่ะ”
“ก็จะดีนะ” สลิ่มรับมุข   กูยิ้มและเอื้อมมือไปจับมือมัน  มันจะสะบัดออก
“เดี๋ยวหลง” กูยิ้มหน่อยๆ
“เหตุผลครวยมาก” มันเล่นเสียง
“หึหึ” กูหัวเราะอย่างไม่สนใจและกำมือมันแน่นกว่าเดิม  สลิ่มปล่อยแรงไม่ยื้อมืออีก  มันปล่อยให้กูเดินจับมือมันอย่างนั้น  ไม่มีใครสนใจอะไร..คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างตั้งหน้าตั้งตาเดิน  เหมือนกับ “ช่างหัวแม่งมึงสิ มือพวกมึงนี่”  ประมาณนั้น..
“จะกินน้ำแข็งใสอาม่าล่ะ คิดถึง” สลิ่มพูดขึ้น  กูฟังอย่างที่ไม่รู้ว่าน้ำแข็งใสอาม่าที่มันหมายถึงนั่นคืออะไร
“แล้วก็..” หลังจากนั้นสลิ่มมันก็พูดพร่ำนู่นนี่มาตลอดทางเหมือนทั้งกูและมันไม่มีอาการว่าจะง่วงเลย  คืนนั้นพวกกูพากันกินอาหารกว่าจะเสร็จก็เกือบตีหนึ่งครึ่ง  กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบตีสองนู่นแหละ


..................
..................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-08-2015 21:52:54 โดย เบบี้ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

เช้าวันรุ่งขึ้น  กูกับสลิ่มออกจากโรงแรมมาตั้งแต่แปดโมงครึ่ง  พวกคนอื่นๆยังคนนอนแฮงค์อยู่ที่โรงแรม  มีเพียงครูสิทธิ์และไอ้ดอนที่แยกออกไปเที่ยวตั้งแต่เช้าแล้ว  ส่วนคนอื่นๆกูกับสลิ่มไม่คิดที่จะไปปลุกให้มาด้วยเพราะวันนี้จะรีบซื้อของและต้องรีบกลับโรงแรมเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวสำหรับงานในเย็นนี้..
ก่อนที่จะมาที่สิงค์โปร  กูกับสลิ่มมีการเช็คราคานู่นนี่กันไว้นิดหน่อยแต่ไม่ได้เช็คอย่างละเอียดนัก  อย่างว่า..ของที่สวยและถูกใจอยู่ที่ไหนก็จะเตะตา  นั่นหมายความว่า..ถ้าสลิ่มต้องการของแบบนั้นมันก็คงจะต้องเอาให้ได้ไม่ว่าจะที่ไหน  จะอังกฤษหรือที่อเมริกาจะราคาถูกกว่าก็ช่างหัวแม่ง  ถ้าที่ตอนนั้นมีของที่มันต้องการจะถูกหรือแพงก็ควรจะได้ในตอนนั้น  ข้อนี้กูรู้นิสัยของเมียกูดีที่สุดแต่ดูเหมือนแม่สลิ่มจะรู้จักมันดีกว่ากูล่ะนะ
“Marciano สอง..Gucci สอง” กูยืนมองสลิ่มที่กำลังหยิบขวดน้ำหอมใส่ตะกร้าอย่างเพลิดเพลิน
“เดี๋ยว” กูปรามพร้อมกับจับมือมันไว้
“แม่กับองุ่นไง” สลิ่มพูดบอกเหมือนกลัวว่ากูจะห้าม
“อืม” กูปล่อยมือออกและยอมให้มันไปก่อน
“เอาไหม..รูดบัตรแม่นั่นแหละ แม่ไม่รู้หรอก” มันหัวเราะแล้วหยิบขวด DKNY มาให้กูดม  กูหัวเราะและพยักหน้าตอบ
“มึงจะเอากลิ่นเดียวกันทำไม ในเมื่อก็ใช้ด้วยกันอยู่ดี” กูบอก
“เออ..จริง” มันนึกขึ้นได้  เลยเปลี่ยนขวดอื่นมาลองในทันที  สรุปว่าทั้งกูและมันได้ DKNY มาอีก 2 ขวด
“Polo กลิ่นนี้นะ..พ่อชอบกลิ่นนี้” มันพูดไปงั้น  กูพยักหน้าตอบประมาณว่า “แล้วแต่มึงเหอะ” เพราะมันถูกกว่าบิ้วตี้ฟรี  ดังนั้นตอนนี้กูจะยังไม่ห้ามปล่อยให้มันซื้อได้ตามใจชอบ
“ให้พี่โมทขวดนึงด้วย”
“Marry me ด้วย..แต่แม่ชอบบูลกาเรีย แต่แพงเท่าไทยเลยเชี้ย” มันบ่นแล้ววางขวดไว้ที่เดิม
“เดี๋ยว” กูปรามอีกครั้ง
“ให้มิ้วค์ขวดนึงไง แล้วกูก็ขวดนึง” มันบอก  ในมือถือ Marry me ไว้พร้อมแล้ว
“แต่มันเป็นกลิ่นผู้หญิง แล้วมิ้วค์ก็ไม่ชอบใส่น้ำหอมด้วย” กูพูด
“ก็กูชอบอ่ะ มิ้วค์ต้องชอบด้วย” มันยักไหล่อย่างไม่สนใจและหยิบมาใส่ตะกร้าอีก
“พอ” กูล็อกคอมันไว้ก่อน
“เอ้..จะไปดูลาคอส” มันยื้อตัวจะพุ่งตัวไปที่ลาคอสให้ได้
“แพงเท่าที่ไทยเลย กูดูแล้ว” กูบอกพร้อมกับออกแรงยื้อมันไว้
“จะดูก่อน ดูราคาเฉยๆ” มันโวยวาย
“พอแล้วเหี้ย..ไปจ่ายเงิน” กูล็อกคอมันแน่นมากและลากตัวมามาที่เคาร์เตอร์จนสำเร็จ  สลิ่มยังมองไปรอบร้านไม่วางตา  ตามันละห้อยเหมือนหมากำลังโดนเจ้าของทิ้ง  กูยื่นบัตรเครดิตของแม่มันให้พนักงาน  พนักงานยื่นบิลมาให้กูเซ็น  มันคงคิดว่ากูเป็นเจ้าของบัตรละมั้ง  กูยื่นบิลไปให้สลิ่ม  สลิ่มรับไปเซ็นหน้างอ
“แค่นี้ก็จะเป็นหมื่นละสลิ่ม ไม่คิดจะเอาอย่างอื่นรึไง” กูว่าเสียงเรียบ  มันหยิบถุงไปถือและเดินหนีไปเลย  กูรับบัตรเครดิตมาเก็บใส่กระเป๋าแล้วรีบเดินตามไป  สลิ่มรีบจ้ำเท้าหนีกู  กูรีบวิ่งตามไปขนาบข้างไว้  ไม่ได้จะง้อ..แต่เดี๋ยวกูหลง
“ไม่ได้โกรธ” มันหันมาพูด
“หึ..” กูหัวเราะอย่างรู้สึกผิดคาด
“แต่จะรีบไปดูนาฬิกาต่างหาก” มันยักคิ้ว  กูส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจแต่ก็เดินตามมันเข้าไปอีกห้างหนึ่ง
“เมตร..ถือให้หน่อย โทรศัพท์” สลิ่มยื่นถุงน้ำหอมมาให้กูถือไว้  กูรับมา  สลิ่มกดรับโทรศัพท์  กูกับสลิ่มซื้อซิมไว้หนึ่งเบอร์  หนึ่งคู่เปิดหนึ่งเบอร์เท่านั้นเพราะมันแพง  แต่ถ้าบางคนไม่อยากเสียเงินซื้อซิมก็ไม่ต้องเปิดก็ได้แล้วแต่สถานภาพทางการเงินของแต่ละคน  แต่กูกับสลิ่มต้องมีไว้เพราะต้องเอาไว้โทรติดต่อกับพวกไอ้เขต
“ครับ” กูยืนมองอย่างอยากรู้ว่าใครโทรมา
“อยู่.................ครับ เดี๋ยวจะไปซื้อหมูที่ไชน่าทาวน์ก็กลับแล้วครับ” กูคิดว่ามันน่าจะคุยกับไอ้เชนเพราะพูดซะเพราะเชียว
“พี่เชนเอาอะไรไหม ไม่ครับ..สลิ่มอยากไปดูเองมากกว่า ไว้พรุ่งนี้ค่อยไป”
“อืม..ว่าจะกลับไปนอนต่ออีกหน่อย ครับ..ถึงแล้วเดี๋ยวไปหา”
“หวัดดีครับ”
“พูดเพราะเนอะ” กูว่าทันทีที่สลิ่มวางสายพร้อมกับดึงโทรศัพท์มือถือจากมือสลิ่มมาถือไว้เอง
“ถ้ามันโทรมาอีก กูจะรับเอง” กูบอก
“อย่ามาไร้สาระ” มันขมวดคิ้ว
“เปล่าไร้สาระ” กูย้อน
“แต่ไม่ชอบ ไม่ได้หึง..แต่เกลียดเหี้ยเชน ชัดไหม” กูบอก
“.....................” สลิ่มยืนจ้องหน้ากูเหมือนเหนื่อยใจ
“มึงชอบไปหาเรื่องพี่เค้า กูเบื่อจริงๆ” มันบ่นและเดินหนีเข้าห้างไป  กูรีบเดินตาม
“ชอบอ่ะ” กูยังกวนตีนมันไม่หยุด
“Swatch เรือนนี้สวยจัง” มันเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อเจอสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าจะมากวนตีนตอบกู
“เรือนนี้เท่อ่ะ” กูชี้บ้างเพราะเจอเรือนที่เตะตาตัวเองเข้าให้  สลิ่มรีบมองตามมือกู  กูมองราคาและคำนวณอยู่ในหัว  Ted Baker เรือนที่กูชี้น่าจะตกประมาณสี่พัน 
“......................” สลิ่มเงียบ  มันเงยหน้าขึ้นมองหน้ากู  กูมองหน้ามันตอบ  ตอนนี้เหมือนต่างคนต่างลองเชิงกันและกัน
“กูเอา!” กูกับมันพูดขึ้นพร้อมกัน  กูว่าแล้วว่ามันจะต้องพูดแบบนั้น  เพราะเมื่อกี้ตามันเป็นประกายมากๆ
“ตีน..กูจะเอา” กูไม่สนใจ  รีบจิ้มๆไปที่เรือนนั้น  พนักงานรีบหยิบออกมาให้ดูทันที  กูหยิบนาฬิกาขึ้นมาดู  สลิ่มเข้ามาจับนาฬิกาในมือกูเหมือนจะแย้งไปให้ได้
“อย่ายื้อดิสลิ่ม เดี๋ยวก็ตกหรอก” กูขำและรีบเอานาฬิกามาลองใส่  แต่ใส่ไม่ถนัดเพราะหนังมันแข็งมาก
“จะเอาเรือนนี้อ่ะ” มันโวยวาย  พนักงานยืนหัวเราะทั้งๆที่ฟังที่พวกกูพูดไม่รู้เรื่อง
“ก็ไปเอาSwatch เรือนนั้นเซ่..ห่านี่ ไรมึงวะ..โรคจิตป่ะเนี้ย” กูโวยวายไปขำไป
“แต่มันแพง” มันเถียง
“ช่วยไม่ได้ เสือกหัวสูงเอง” กูยักคิ้ว  พนักงานมองหน้ากู  พนักงานถามประมาณว่ากูต้องการเรือนนี้เหรอ  กูที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ไฟแลบอย่างสลิ่มจึงรีบพยักหน้าตอบ  สลิ่มยืนหน้างอกว่าเดิม
“เสียใจด้วยนะน้อง” กูขำเยาะเย้ย
“กูเอาเรือนนี้ก็ได้ โถ่..ของถูก” มันเบะปากใส่  พอมันแพ้กู  มันก็รีบทับถมกูด้วยราคานาฬิกาSwatch ที่มันบอกว่าสวยเมื่อกี้ในทันที  แน่นอนเพราะราคาของSwatchที่มันชี้ต้องแพงกว่าเรือนของกูเกือบเท่าตัว  กูเบะปากอย่างไม่แคร์  พอกูทำท่าทางไม่สนใจแบบนั้นเลยยิ่งทำให้สลิ่มหงุดหงิดมากกว่าเดิม  สุดท้ายกูกับมันก็ได้นาฬิกามาคนละเรือน  และเดินวนดูนาฬิกาอยู่ในนั้นนานมากเกือบหนึ่งชั่วโมงได้ 
กูกับสลิ่มเดินทางไปไชน่าทาวน์ต่อด้วยบัตรMRT ที่สลิ่มมีอยู่แล้วตั้งแต่มากับครอบครัวของมัน  มันให้ไอ้วิทย์กับไอ้เวยืมไปสองใบและเอามาใช้เองสองใบ  สำหรับกูหนึ่ง  สำหรับมันหนึ่ง
“ฮัลโหล” กูกดรับโทรศัพท์ในทันทีเมื่อเห็นว่าไอ้เชนโทรเข้ามา  สลิ่มกำลังเลือกซื้อหมูไปฝากคนที่บ้านอยู่ในร้าน
“ขอสายสลิ่มหน่อย” อีกฝ่ายพูด
“พูดอยู่” กูตอบ  ระหว่างที่ตอบกูก็ยิ้ม  กูกำลังรู้สึกว่าบางทีตัวกูนั้นจะกวนตีนมากเกินไปแล้ว
“ไม่ตลก กูบอกว่าขอสายสลิ่มหน่อย” ไอ้เชนพูดเสียงแข็ง
“มีเหี้ยไรล่ะ มึงก็พูดมาสิครับ” กูย้อน
“เรื่องของกู ไม่ยักรู้ว่าเป็นแค่แฟน..เสือกก็ได้ด้วย” มันย้อนอีก  กูยืนกัดฟันเพราะไม่คิดว่าไอ้เชนจะตอบกลับมาแบบนี้..กูตั้งตัวไม่ทัน(เล็กน้อย)
“โทษทีนะ เป็นผัว..ไม่ใช่แค่แฟน” กูหัวเราะ
“.....................” ไอ้เชนเงียบไป
“ตกลงมีเหี้ยไร”
“ใครโทรมาอ่ะ” กูหันไปมองตามเสียง  สลิ่มยืนมองหน้ากูอย่างสงสัย
“ไอ้เหี้ยเชน” กูบอกอย่างไม่แคร์ว่าไอ้เชนจะได้ยินที่กูเรียกมันแบบนั้น  กูยื่นโทรศัพท์มือถือให้สลิ่ม
“ครับพี่..ขอโทษทีครับ” สลิ่มพูดหน้าเสีย  กูเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกหมันไส้ขึ้นมาเพราะมันเหมือนกูเป็นฝ่ายผิด  และด้วยอากาศร้อนเป็นทุนอยู่แล้วยิ่งทำให้กูหงุดหงิดไปกันใหญ่  อยู่ๆมือของกูก็กระชากมือถือออกมา  บอกตามตรงว่ามือไปก่อนความคิดซะอีก..
“ไอ้เมตร!” สลิ่มว่า  คิ้วมันขมวดเข้าหากันด้วยความโมโห  กูยักคิ้วตอบและกดปิดมือถือเดี๋ยวนั้น
“กูร้อน และกูไม่มีอารมณ์มาเล่น” มันพูด  ย้ำเสียงตัวเองอย่างรำคาญ
“ร้อนเหมือนกัน” กูลอยหน้าลอยตา
“มึงชักจะเอาใหญ่แล้วนะ เหี้ย..ทำตัวเป็นเด็กไปได้ มึงไม่กวนตีนพี่เค้าสักวัน มึงจะตายไหม” มันว่า
“.....................” กูเงียบ  ที่จริงกูกำลังหงุดหงิดด้วยเหมือนกันแต่กูไม่อยากเถียงออกไปเพราะเดี๋ยวจะไปกันใหญ่
“เอ็คสควิซ มี” พนักงานในร้านเรียกกูสองคนที่ยืนอยู่หน้าร้าน  นั่นคงเพราะสลิ่มยังไม่ได้จ่ายเงิน  กูเดินหนีเข้าร้านไปเพื่อจ่ายเงินเพราะบัตรเครดิตอยู่ตรงกู  พอหันกลับไปที่หน้าร้านอีกทีสลิ่มกลับหายไปแล้ว  กูรีบวิ่งออกไปดูแต่ไม่เห็นมันอยู่แถวนั้นเลย  บอกตามตรงว่าตอนนี้กูอึ้งมากเพราะไม่คิดว่ามันจะหายไปโดยที่ไม่บอกกล่าวกูสักคำแบบนั้น  กูกลับเข้าไปในร้านและต้องควักเงินสดออกมาจ่ายเพราะไม่มีคนเซ็นอยู่ด้วยแล้วนี่นะ..
เมื่อกูจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย  กูหยุดยืนอยู่ที่หน้าร้านและกำลังตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อดี  ตอนนี้มือถืออยู่ตรงกูและสลิ่มไม่มีมือถือ  นั่นก็คือกูกับมันติดต่อกันไม่ได้แล้ว  บัตรMRT ก็อยู่ตรงมันด้วย  บอกตามตรงว่าค่อนข้างงงกับทางที่มาเล็กน้อย  เพราะกูเดินตามสลิ่มมาตลอด  ถึงแม้จะจำทางได้บ้างแต่สลิ่มเข้าออกร้านนู้นร้านนี้และกูต้องคอยตามไปจ่ายเงินให้มันตลอดเวลา  กูตัดสินใจยืนรออยู่ที่หน้าร้านอยู่อย่างนั้นเกือบยี่สิบนาทีเพราะคิดว่าสลิ่มน่าจะกลับมาแต่ก็เปล่า  กูเดินไปเรื่อยหวังว่ามันคงจะอยู่ในร้านไหนสักร้าน..แต่ก็เปล่าอีก  ด้วยความที่อาการตอนนี้คือค่อนข้างโมโห  โกรธและบวกกับน้อยใจทำให้จิตใจกูเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  ความรู้สึกเหมือนถ้ากูเผาไชน่าทาวน์ในตอนนี้แล้วไม่โดนจับกูก็จะทำ   
“ฮัลโหล” กูต่อสายโทรหาไอ้วิทย์
“ว่าไงพี่” ไอ้เวรับสาย
“ไอ้เว..กูทะเลาะกับสลิ่มนิดหน่อย” กูบอก
“อ่าว” ไอ้เวอุทาน
“ตอนนี้กูอยู่ไชน่าทาวน์ และมัน..ทิ้งกูหายหัวไปไหนก็ไม่รู้”
“อ่าว” ไอ้เวอุทานอีกครั้งก่อนที่จะเรียกให้ผัวตัวเองมาคุยแทน
“อยู่ไหนพี่” ไอ้วิทย์ถาม
“หน้าสถานีไชน่าทาวน์”
“ทะเลาะเรื่องไรกันอีกอ่ะ..แล้วมันไปไหน” ไอ้วิทย์ถามทันที
“กูจะรู้ไหม ทิ้งกูไปเฉยเลย..บัตรรถไฟฟ้าก็อยู่ตรงมัน เหี้ย” กูบ่นอย่างเหลืออด
“กูจะกลับโรงแรม กูต้องขึ้นไปลงสถานีไหนเนี้ย” กูถาม
“เออ..เฮ้ย เดี๋ยวผมไปรับ” ไอ้วิทย์บอก
“ไม่ต้องหรอก กูกลับเองได้..หลงแล้วค่อยว่ากันอีกที” กูพูดติดตลกแต่หน้ากูไม่ยิ้มเพราะจริงๆแล้วกูขำไม่ออกด้วยซ้ำ
“เออเดี๋ยวผมไปรับ ผมกับไอ้เวกำลังจะออกไปหาไรกินอยู่พอดี..พี่จะรออยู่ตรงไหน เดี๋ยวผมไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“กูอยู่ร้านอาหารแถวหน้าสถานีก็แล้วกัน มึงถึงแล้วโทรมา..เดี๋ยวกูจะออกไปยืนรอ” กูบอก 
“อ่อ เคครับ..ผมพอจะนึกออก อยู่แถวนั้นก็แล้วกัน” ไอ้วิทย์บอก
“เค” กูตอบและตัดสายไป  กูเดินไปนั่งรออยู่ที่ร้านอาหารไม่ไกลจากสถานีเพราะจะได้สังเกตเห็นง่ายๆ  สั่งเบียร์มากินย้อมใจและกูกำลังคิดไปต่างๆนาๆว่า “มันทิ้งกูไปแบบนี้ได้ยังไง”


.................
.................


ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีไอ้วิทย์  ไอ้เวและไอ้เจ๋งก็โผล่หัวมา  ที่จริงไอ้เขตกับเชลโลจะมาด้วยแต่ไอ้วิทย์บอกให้รอสลิ่มอยู่ที่โรงแรม  แน่นอนว่าไม่มีใครเป็นห่วงสลิ่มหรอกเพราะมันเที่ยวประเทศนี้จนชำนาญไปแล้ว  แต่ที่ห่วงคือห่วงที่พวกกูทะเลาะกันมากกว่า  กูชวนให้พวกมันนั่งแดกเหล้ากับกูต่อเพราะกูยังไม่อยากกลับโรงแรม  จนตอนนี้เกือบบ่ายสามโมงแล้ว..
“ไอ้เขตโทรมา” ไอ้เวบอก  มันกดรับสาย  กูหันหน้าหนีเพราะคิดว่าสลิ่มคงกลับไปที่โรงแรมแล้ว
“เออ อยู่โรงแรมแล้วเหรอ..มันว่าไง” ไอ้เวพูดกับปลายสาย
“อืม..อยู่กับพี่เมตรนี่แหละ เดี๋ยวจะกลับแล้ว โอเค..มึงแต่งตัวกันไปเลย อืม...เหรอ เออ เออ..บาย”
“ว่าไง” ไอ้วิทย์ถามทันที
“สลิ่มเพิ่งถึงโรงแรม” ไอ้เวตอบ
“มันไปไหนมา” ไอ้วิทย์หน้าเครียด
“Esplanade” ไอ้เวตอบ
“อยู่เอสพลานาดจนถึงบ่ายสามนี่นะ” ไอ้วิทย์ย้ำอย่างไม่เชื่อ  ไอ้เวพยักหน้าตอบ
“คงอยู่กับลุงเปิดหมวกแถวนั้นจนถึงเมื่อกี้นี้แหละถึงกลับ” ไอ้เวพูดแกมขำ
“กลับเหอะ” กูตัดบทและถอนหายใจ  ไม่อยากถามอีก  ตอนนี้กูรู้สึกหงุดหงิดไปหมด  ไอ้วิทย์เรียกพนักงานมาเก็บเงิน  มันรีบชิงจ่ายเงินให้กูก่อนพอกูให้เงินมัน  มันก็ไม่ยอมรับอีก..กูเลยปล่อยเลยตามเลย
“เฮียก็อย่าไปโมโหใส่มันนะ ผมขอ” ไอ้เวพูดขึ้นระหว่างที่ตอนนี้พวกกูกำลังนั่งแท็กซี่กลับโรงแรม
“......................” กูเงียบ
“มันก็คงไมได้ตั้งใจทิ้งเฮียไว้หรอก เฮียอย่าคิดมากดิ” ไอ้เจ๋งพูด
“ไม่ตั้งใจเลย..หึ มึงพูดมาได้นะไอ้เหี้ยเจ๋ง มึงลองคิดว่าถ้ามึงเป็นกูดิ แล้วเมียมึงทำกับมึงแบบนี้ มึงจะรู้สึกยังไง” กูพูดบ้าง  ทั้งหมดเงียบไปสนิท  เงียบตลอดทางหลังจากนั้นจนถึงโรงแรม  มากกว่าความโกรธคือกูน้อยใจ..เท่านั้นเอง
พอถึงโรงแรม  พวกมันแห่พากันมาส่งกูถึงห้อง  พอเปิดประตูเข้าไปพบว่าไอ้เขตกับไอ้เชลโลนั่งอยู่ในนั้นด้วย  สลิ่มกำลังแต่งตัว  กูเดินเข้าไปโดยไม่ได้หันไปมองหน้ามัน 
“ซื้อไรมาบ้างอ่ะเฮีย” ไอ้เขตถามเสียงใสเหมือนต้องการให้สถานการณ์ดีขึ้น  กูวางของทั้งหมดลงบนเตียงและถอดเสื้อออกเพราะรู้สึกเหนียวตัวไปหมด  กูเดินไปหยิบเสื้อยืดที่พาดอยู่บนกระเป๋าเดินทางมาใส่อย่างลวกๆ  ในห้องเงียบสนิทเหมือนกำลังดูสถานการณ์ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า
“อ่าว..เขตยังไม่แต่งตัวอีกเหรอ” ไอ้เชนเดินเข้ามา
“แต่เขตอาบน้ำแล้วครับ” ไอ้เขตตอบและทั้งหมดก็เงียบลงอีกครั้ง 
“พี่จะไปไหน” ไอ้วิทย์ถาม  มันเข้ามาขวางทางกูไว้
“แดกเหล้า” กูตอบ  ไอ้เชนยืนมองอย่างงงๆ
“อ่าวแล้ว จะไม่ไปงานด้วยกันเหรอ” ไอ้เขตถาม
“จำเป็นเหรอ” กูย้อน  ไอ้เชนกับสลิ่มหันมาจ้องหน้ากูอย่างไม่พอใจ  เหมือนกูเป็นคนเดียวที่มากเรื่อง
“มีปัญหาอะไร” กูถามสลิ่มอย่างหาเรื่อง
“แล้วมึงมีปัญหาอะไรกับกูล่ะไอ้เมตร” สลิ่มวางแจ็คเก็ตตัวเองลงอย่างเบามือ  เหมือนมันพร้อมที่จะสู้และมีเรื่องลงไม้ลงมือกับกูเต็มที
“เพราะกูเหรอ” ไอ้เชนพูดขึ้น
“หึ..” กูหัวเราะ
“ถ้ากูจะบอกว่า ไม่ใช่เพราะมึง แล้วกูจะบอกว่า..กูขอโทษ หลังจากนั้นมึงช่วยออกไปจากห้องกูได้ไหม” กูมองหน้าไอ้เชน  ไอ้เชนจ้องกูเขม็ง
“กูขอโทษ” กูพูด  ไอ้เชนเงียบ  มันพยักหน้าก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
“......................” ในห้องเหลือเพียงไอ้เชลโล  ไอ้เขต  ไอ้วิทย์  ไอ้เวและไอ้เจ๋งที่กำลังยืนเหมือนต้องการจะห้ามทัพ  สลิ่มหันหน้าหนีไปอีกทาง  มันถอนหายใจ..
“ใจเย็นๆกันเถอะครับ” ไอ้เขตพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนฟังดูแปลกหู  กูได้ยินเสียงประตูปิดลง  ไอ้เจ๋งเดินกลับเข้ามายืนที่เดิม  มันยิ้มแหยให้กูเมื่อเห็นว่ากูยืนมองอยู่
“สลิ่ม..มึงก็ขอโทษพี่เค้าดิวะ มึงทิ้งพี่เค้ามา มึงก็ผิดนะ” ไอ้เวพูด  สลิ่มยืนเงียบ  มันจ้องหน้ากูเขม็ง
“มันจะรู้ตัวเหรอว่ามันผิด ไม่มีทาง..” กูแสยะหัวเราะ
“ไอ้เมตร!” สลิ่มตะคอก
“มึงก็ผิดเหมือนกันแหละ” มันว่า
“เออกูผิด!” กูตะคอกกลับ  เสียงกูดังมากจนกูกลัวว่ากูจะห้ามตัวเองไม่ให้โมโหกว่านี้ไม่ได้  กูไม่ได้ทะเลาะกันมันโดยขึ้นเสียงแรงๆแบบนี้มานานมากแล้ว  ตั้งแต่ที่มันรถล้มกับไอ้มิ้วค์ครั้งนั้น  แต่ครั้งนี้ดูเหมือนกูจะโมโหกว่าครั้งที่แล้ว  ความรู้สึกแย่มันมีมากกว่า  ความรู้สึกที่เสียใจมันต่างกัน..
“กูจะไม่ถามว่าทำไมมึงทิ้งกูมาแบบนั้น กูจะไม่ถาม..เพราะกูไม่อยากรู้คำตอบ” กูข่มเสียงตัวเอง
“แต่ถ้ากูเป็นมึง กูจะไม่ทำ”
“.......................” สลิ่มเงียบไป  มันหันหน้าหนีและถอนหายใจอีกครั้ง
“แต่มึงมีมือถือ” มันพูดเสียงเบาลง
“มันไม่ใช่ประเด็นหรอกสลิ่ม ไม่ใช่”
“ก็ใช้..กูกลับเองได้ กูมีปากถาม กูมีตีนเดิน”
“แต่ถ้าไม่ใช่ที่ที่มึงไม่คุ้นเคย โกรธแค่ไหน..กูก็จะไม่มีวันทิ้งมึง” ใจกูเต้นแรงและกูไม่อยากจะพูดออกไปมากกว่านี้
“.......................”
“ถอยไปไอ้วิทย์” กูบอก
“แต่” หน้าไอ้วิทย์ลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด
“ไปด้วยกันเหอะพี่ วันนี้เล่นวันสุดท้ายแล้วนะ” ไอ้วิทย์พูด  กูเข้าใจว่ามันรู้สึกยังไงแต่กูก็ไม่สามารถที่จะเย็นลงได้เดี๋ยวนี้จริงๆ
“มือถืออยู่ตรงกูนี่” กูพูดติดตลกและเดินหลบออกมา  กูได้ยินเสียงคนวิ่งตามออกมา  กูรู้แน่ว่าคงไม่ใช่สลิ่มอย่างแน่นอน
“เฮีย” ไอ้เขตเรียก  กูหันกลับไป
“ผมจะรีบกลับ อย่าเมามากล่ะ แล้วก็..รับโทรศัพท์ผมด้วย” มันยิ้ม
“เออ” กูยิ้มตอบ
“ท่าเฮียแม่งเท่โคตรอ่ะ” ไอ้เขตพูดแกมขำ
“หึ..” กูหัวเราะให้และขึ้นลิฟต์  ไอ้เขตโบกมือให้จนลิฟต์ปิดลง..
กูเดินไปที่ร้านเหล้าแถวๆนั้น  ตอนแรกว่าจะซื้อเบียร์กินที่เซเว่น  แต่คิดว่าคงจะอยู่นาน  กูยังไม่อยากกลับห้องไปทั้งที่อารมณ์แบบนี้  เลยต้องพึ่งร้านเหล้าแถวนั้นแทน..


................
................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2012 10:52:05 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
กี่ครั้งที่กูต้องรู้สึกน้อยใจแบบนี้  กี่ครั้งที่เราสองคนต้องทะเลาะกัน  หรือเพราะกูรู้สึกบ้าๆบอๆแบบจุกจิกมากเกินไปหน่อย  ทั้งทั้งที่บางครั้งสลิ่มดูจะเป็นคนนิสัยแบบนี้น้อยกว่ากูด้วยซ้ำ  มันไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยแบบกู  ไม่เคยใส่ใจอะไรแบบไร้สาระหรือแม้กระทั่งมันไม่เคยที่จะชวนทะเลาะถ้าเรื่องนั้นไม่สุดทนจริงๆ  แต่บางครั้งการกระทำของสลิ่มก็ทำให้กูอดน้อยใจไม่ได้  ถึงแม้บางครั้งกูจะรู้ตัวว่ากูผิดเองแต่กูก็ทนไม่ได้จริงๆ..
“ฮัลโหล เฮีย..อยู่ไหนอ่ะ” กูกดรับโทรศัพท์  ไอ้เขตถามเสียงดัง  กูเรียกสติตัวเองให้กลับมาและมองนาฬิกา  ตอนนี้เกือบสี่ทุ่มครึ่งแล้ว
“ร้านเหล้า แถว..” กูนึกสถานที่ที่ใกล้ที่สุด
“แถว!” ไอ้เขตย้ำเสียงดัง
“เสียงดังทำไม” กูบ่น
“เฮียจะกลับยัง เออ..แต่ยังไม่ต้องกลับหรอก เดี๋ยวไปหา” มันพูด
“ร้านอยู่แถวสถานี Bras Basah หาเอาเอง..เจอก็เจอ ไม่เจอมึงก็ไสหัวกลับโรงแรมไป” กูบอกและตัดสายไปเลย  ไอ้เขตไม่โทรมาอีก  กูกำลังหวังว่าสลิ่มจะมาง้อกู  กูนั่งหวังอยู่อย่างนั้นจนเวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาที
“เฮียกวนตีนมากรู้ตัวป่ะ” ไอ้เขตพูด  กูเงยหน้าขึ้นมองและยิ้มตอบให้พวกมันที่ยืนค้ำหัวกูอยู่ 
“อืมหื้ม..นี่ กินคนเดียวหมดเลยเหรอพี่ ยังนั่งตัวตรงได้นี่..สุดยอดอ่ะ” ไอ้ติสขำ  พวกมันนั่งลงและจัดแจงสั่งเหล้ากันเสร็จสรรพ  กูมองหาสลิ่ม
“อยู่โรงแรมนู่น” ไอ้วิทย์พูดเหมือนรู้
“พวกผมไม่ได้ด่ามันให้เฮียหรอกนะ” ไอ้เวพูดขึ้น  มันกวักมือเรียกพนักงาน
“อืม..กูมันไม่สำคัญนี่” กูพูดแกมหัวเราะ
“โหย เฮียก็พูดเหมือนไม่รู้นิสัยไอ้หลิ่มมัน..ยิ่งไปรุมด่ามัน ถ้ามันรู้สึกเสียหน้า แล้วโมโหพวกผมมากกว่าเดิม มันจะยิ่งไม่มาง้อเฮียหรอก ปล่อยให้มันรู้สึกผิดเองนั่นแหละดีที่สุด” ไอ้เขตพูด
“มึงคิดว่ามันจะรู้สึกผิดด้วยเหรอ” กูพูด
“ไม่รู้ดิ..หึ” ไอ้เขตกับไอ้เจ๋งประสานเสียงกัน 
พวกกูนั่งกินเหล้ากันต่อจนเกือบเที่ยงคืน  ไอ้เวต้องช่วยเป็นเสาหลักให้กูเดินกลับถึงโรงแรมได้อย่างสวัสดิภาพ  ส่วนพวกเหี้ยที่เหลือก็มึนไม่แพ้กันเพราะเล่นจัดกันไม่ยั้ง
“ใจเย็นนะพี่ ไม่มีพวกผมคอยห้ามแล้ว..เดี๋ยวได้ใช้บริการโรงบาลที่นี่กันพอดี” ไอ้เวเตือน  กูพยักหน้าตอบยิ้มๆและไขกุญแจเข้าไป  สลิ่มนั่งอยู่บนเตียง  มันกำลังนั่งเล่นโน๊ตบุ๊คอยู่  กูไม่ได้หันไปมอง  ไม่ได้โกรธแล้วแต่ยังรู้สึกน้อยใจอยู่  สรุปคือ..ที่จริงแล้ว  กูงอนอย่างแรง 
กูพยายามถอดเสื้อผ้าออกอย่างทุลักทุเลและกองซากเสื้อผ้าไว้บนพื้นอย่างทุกที  กูแก้ผ้าโทงๆเดินรอบห้องอย่างไม่สนใจสลิ่มมัน  รู้ดีว่าถ้าตอนนี้ไม่ได้ทะเลาะกันมันคงจะด่ากูไปแล้ว  แต่ครั้งนี้มันเงียบ  หลังจากที่อาบน้ำเสร็จกูหยิบเสื้อผ้ามาใส่อย่างลวกๆ  หยิบน้ำเปล่ามาจิบและล้มตัวลงนอนเดี๋ยวนั้น  ไม่สนใจ..มันอยากทำอะไรก็ทำไป  และตอนนี้..กูเมา (-_-)
“....................” กูพยายามข่มตาให้หลับแต่ดูเหมือนกูจะนอนไม่หลับ  อนาถตัวเอง..งอนอย่างที่ไม่รู้อนาคตว่าเค้าจะง้อตัวเองรึเปล่า
“ขอโทษ” กูลืมตาขึ้นแต่ยังไม่ได้หันตัวกลับไป  ยังคงนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นเมื่อได้ยิน  หลังจากนั้นสลิ่มก็เงียบไปเกือบห้านาที
“ไม่ได้ตั้งใจ หงุดหงิดไปหน่อย” มันบอกเหมือนรู้ว่ากูยังไม่หลับ  นี่ถ้ากูหลับไปแล้วจริงๆกูจะได้ยินไหมเนี้ย..เฮ้อ
“ถ้าอากาศหนาวเหมือนอยู่ขั้วโลกเหนือกูคงไม่เดินหนี เพราะกูคงไม่หงุดหงิดขนาดนั้น” มันพูดแก้ตัวอีก  แต่กูเกือบขำออกมาเพราะคำแก้ตัวมันปัญญาอ่อนมาก  บอกได้เลยว่าถึงมันจะไม่ง้อกู  กูก็ไม่มีทางโกรธมันได้นาน  นี่คือหนึ่งสิ่งที่กูเกลียดตัวเองมาตลอด
“มึงจะโทษอากาศทำไม มันอยู่ที่ตัวมึง..ที่ไม่เคยจะแคร์กู” กูพูดบ้าง
“มึงก็ผิด” มันว่ากูอีก  สงสัยอยากให้กูร่วมด้วยช่วยกันผิดให้ได้
“......................” กูเงียบ
“แต่กูผิดกว่า” มันพูดเสียงหงอยลง
“กูผิดกว่าก็ได้..” มันพูด  กูยังคงนอนเงียบไม่ตอบโต้
“กว่ามากๆก็ได้” มันพูดอีกครั้ง  กูแอบยิ้มที่มุมปากอีกด้านเพราะกลัวสลิ่มมันจะเห็น  แค่นี้กูก็หายโกรธมันแล้ว  อย่างนี้จะไม่ให้กูน้อยใจบ่อยๆได้ยังไง  ในเมื่อเรื่องราวสะสมบ่อยมากขนาดนี้และกูหายโกรธง่ายขนาดนี้ด้วย  มันก็เหมือนกับกูยอมให้สลิ่มทำแบบนั้นบ่อยๆซ้ำๆนั่นแหละ  กูไม่ตอบอะไรอีก  กูได้ยินเสียงมันปิดโน๊ตบุ๊ค  มันเดินไปปิดไฟที่หน้าห้องน้ำและกลับมานอน
“หายโกรธรึยัง” มันถามขึ้นท่ามกลางความมืด  กูเงียบแทนคำตอบ  อยู่ๆมันก็ซุกเข้ามากอดกูจากด้านหลัง  ทำให้กูหลุดยิ้มกว้างมากกว่าเดิมแต่ยังคงทำนิ่งรักษาฟอร์มไว้อยู่
“หายโกรธเซ่!” มันขึ้นเสียงนิดหน่อยอย่างเอาแต่ใจ  พร้อมกับดึงเสื้อกูเรียกร้องความสนใจด้วย
“น้า..” แต่อยู่ๆมันกลับลดน้ำเสียงลงเหมือนสลด
“มึงไม่คิดจะไปหากู กลับมานั่งเล่นโน๊ตบุ๊คสบายใจ” กูพูดเสียงเรียบ
“ก็..ไอ้พวกเหี้ยนั่นไปเยอะ กู...อาย มัน อ่ะ” มันตอบเสียงเบาลงเรื่อยๆ  กูแทบจะหลุดหัวเราะแต่กูต้องกลั้นไว้  ถ้าพุงกูขยับเพียงนิดเดียวมันจะต้องรู้แน่ๆว่ากูกำลังขำมันอยู่
“ไอ้เมตร..มึง ตัว สั่น” สลิ่มพูดด้วยน้ำเสียงสงสัย
“กูร้องไห้” กูบอก
“มึงขำกูเหรอไอ้สัตว์!” สลิ่มเหวี่ยงในทันทีเมื่อรู้ความจริง
“กูน้อยใจจริงๆนะ” กูหันกลับไปกอดมันไว้เพราะมันทำท่าจะหันหลังหนีกูไป  สลิ่มเงียบไม่ขยับตัว  กูกอดมันแน่นกว่าเดิม
“อืม..ขอโทษ” มันพูด  นี่คงเป็นครั้งแรกที่กูได้ยินสลิ่มพูดขอโทษบ่อยเหลือเกิน  กูกับมันนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน  กูก้มลงจูบที่หน้าผากมันเบาๆ
“เมาจัง” กูบอกเพราะรับรู้ได้ถึงกลิ่นเหล้าจากลมหายใจของตัวเองและความรู้สึกที่เกิดง่ายกว่าปกติ
“อย่าไซร์” สลิ่มนอนนิ่ง
“หึ..” กูหัวเราะอย่างไม่ฟังเสียงและเริ่มซุกไซร์ตัวมันต่อ
“ไอ้ห่าเมตร กูบอกว่าอย่าๆ..พรุ่งนี้จะออกไปซื้อของแต่เช้า” มันดันตัวและพยายามหันตัวหนีกู
“พรุ่งนี้ไอ้พวกนั้นจะไปด้วย แล้วมึงอย่าคิดเลยว่าจะได้ออกแต่เช้า..พวกมันเมาเป็นหมานี่” กูบอก  สิ้นเสียงกูสลิ่มเงียบลง  ขนาดมืดกูยังเห็นว่ามันหน้างอด้วยอาการไม่สบอารมณ์
“ผิดที่มึงอีกแล้วนะ ชวนมันแดกอ่ะ” มันโวย
“เออน่า..ออกสักสิบเอ็ดโมงแม่งไม่ตายหรอก กูจะให้มึงช็อปให้เต็มที่ยันเที่ยงคืนเลยเป็นไง” กูพูดปัดไปอย่างนั้น
“จริงนะ” แต่แม่งเสือกเอาจริง TT
“อื้อ” กูตอบส่งๆและก้มลงหอมแก้มมัน  มือกูเลื่อนชายเสื้อมันขึ้น  สลิ่มหุบปากเงียบ  มันก้มหน้าเหมือนต้องการจะหนีกู  กูก้มลงจูบคางมันเบาๆก่อนจะเลื่อนปากไปทั่วแก้มและใบหู
“ขอโทษนะ” กูกระซิบ
“อือ ไม่ได้โกรธ..แล้ว” มันหลบตา
“เปล่า” กูพูด
“จะขอโทษเรื่องต่อไปนี้ต่างหาก” กูพูดแกมหัวเราะและขบใบหูมันพร้อมกับบีบหัวนมอีกฝ่ายอย่างแรงจนสลิ่มสะดุ้ง
“อ๊ะ!..ฮึ” ไม่รู้ว่าเพราะกูเมาเลยทำให้กูมีอารมณ์มากกว่าปกติ  หรือเพราะเพิ่งทะเลาะกันมาก็ไม่รู้  แต่กูมีแรงเท่าไหร่ก็ใส่ให้สลิ่มเต็มที่  อารมณ์เมามันที่กูหักห้ามใจตัวเองไม่อยู่  กูรู้ว่าสลิ่มมันเจ็บแต่ดูเหมือนกูจะรู้ด้วยเหมือนกันว่าสลิ่มก็มีอารมณ์มากเหมือนกัน  คืนนั้นกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบตีสาม..


................
.................


เข้าเช้าวันที่ 4  ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ทุกคนเที่ยวและพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย  งานหมดลงเมื่อวาน  คือวันที่กูไม่ได้ไปร่วมด้วยนั่นแหละ  พรุ่งนี้ต้องเช็คเอ้าท์จากโรงแรมก่อนสิบเอ็ดโมงเพื่อขึ้นเครื่องกลับไทย  วันนี้จึงเป็นเหมือนวันปล่อยผีในการเสพสุขของพวกมันได้อย่างเต็มที่
แต่วันนี้กูกับสลิ่มตื่นค่อนข้างสาย  เกือบสิบเอ็ดโมงเช้า  ไอ้เขตมาปลุกก่อนหนึ่งรอบเพราะจะได้ไปกินข้าวกลางวันพร้อมกันแต่กูกับสลิ่มกลับนอนต่ออย่างที่เห็น 
“อื้อ..” สลิ่มพยายามดิ้นให้ออกจากอ้อมกอดของกู
“นอนต่ออีกหน่อยน่า” กูบอก  ไม่อยากลืมตา..ง่วง
“ไม่อาววว ปล่อยดิ้” มันร้อง  กูออกแรงกอดมันแน่นกว่าเดิม
“อื้อ” มันร้องโวยวายพยายามจะดิ้นออกให้ได้แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
“เอ้..เอ้อ เหนื่อย..หายใจ ไม่ออก” มันร้องด้วยอาการหมดแรงที่จะต่อสู้กับแขนและขาของกูที่เกี่ยวตัวมันไว้  หลังจากนั้นมันนอนแน่นิ่งไป
“ไอ้เขตบอกว่าไอ้วิทย์ยังไม่ตื่นเลยเหอะ” กูพูดทั้งๆที่หลับตาเพราะรู้แล้วว่าคนที่ถูกกอดอยู่เริ่มไม่พอใจ
“ก็เรื่องของไอ้วิทย์ดิ”
“กูง่วง..เมื่อคืนมึงเสือกให้กูออกแรงเยอะทำไม” กูว่า
“แล้วใครใช้ให้มึงทำเล่า!” มันพลิกตัวหันกลับมาโวยวายใส่  กูลืมตาขึ้นและก้มลงมองคนตรงหน้า
“หึ..วันหลังกูจะให้มึงขยับเองบ้างนะ มึงจะได้รู้ว่าแต่ละครั้งกูต้องรับผิดชอบมึงมากแค่ไหน” กูพูดแกมหัวเราะ
“ไอ้ควาย แม่ง..อุบาทว์” มันก้มหน้าบ่น
“อุบาทว์!” สลิ่มตะโกนใส่อีกครั้ง
“โอ้ยยยยยยยยย!!” กูร้องเสียงหลงทันทีที่มือของสลิ่มเข้ามาหยิกที่หัวนมกู
“ไอ้เชี้ยหลิม มึงแม่ง เอาอีกแล้วนะ..สัตว์” กูด่า  รีบเอามือจับหน้าอกตัวเองปิดไว้  เดี๋ยวนี้เวลาที่มันจะแพ้เมื่อไหร่แม่งชอบมายุ่งกับหัวนมกูตลอดตลอด  กูก็แพ้ตลอดตลอด..
“หึหึ” มันหัวเราะ  กูยิ้มตอบพร้อมกับส่งสายตาให้
“อะไร..ไม่ต้องมามอง” สลิ่มหลบตา  เอามือมาตีหน้าอกกูเบาๆ  กูหัวเราะและเข้าไปกอดมันอีกครั้ง
“กลับไทยไป กลับไปภูเก็ตกับกูนะ”
“ออกค่าเครื่องให้กูดิ”
“ของมันแน่อยู่แล้ว มันอยู่ที่มึงจะไปกับกูด้วยรึเปล่า” กูพูด
“กูเรียน” มันบอก
“โดดดิ”
“ส้นตีนนิ” มันว่าให้
“น้า..กลับด้วยกัน นะครับ” กูก้มลงเข้าไปคลอเคลีย
“อะไรเล่า ฟันก็ยังไมได้แปรง” มันดันหน้ากูออก  กูเอาหน้าเข้าไปซุกที่ต้นคอสลิ่มและแช่นิ่งไว้ท่านั้น
“นะ” กูพูดอีก
“อื้อ..ดูก่อน” มันตอบเสียงเบา
“หึ..” กูหัวเราะด้วยความพอใจ
“ลุกได้แล้ว กูจะอาบน้ำ” สลิ่มดันตัวกูออกอีกครั้ง
“เออ รอให้ไอ้เหี้ยเขตมาตามอีกรอบก่อนค่อยอาบ” กูบอก
“เดี๋ยวมันได้ด่ามึงพอดีอ่ะ” สลิ่มหัวเราะ
“กูชอบตอนมันเหวี่ยง น่ารักดี..ตอนเขิน ก็น่ารัก” กูพูด
“.......................” อยู่ๆสลิ่มก็นิ่งไป  กูเงียบเพราะไม่คิดว่าตัวเองพูดอะไรผิด  กูคิดอย่างนั้นจริงๆและไม่ได้มีอะไรแอบแฝงด้วย  ไอ้เขตจะต่างจากสลิ่มนิดหน่อย  เวลาที่มันเขินมันก็จะยอมรับว่ามันเขินไม่ปากแข็งเหมือนสลิ่ม  ถึงแม้จะมีบ้างบางครั้งที่กูคิดว่าไอ้เขตก็น่าจับทำเมียให้รู้แล้วรู้รอดไป  มันจะได้หยุดปากดีบ้างสักที..
“เหรอ” สลิ่มพูด  น้ำเสียงเรียบ..ไม่ได้โกรธหรือประชด  มันเล่ห์สายตาไปอีกทาง  แต่อาการของมันนิ่งมากจนกูรับรู้ได้ว่าผิดปกติ
“อะไร” กูพูด  ในสมองกูประมวลไม่ทันเพราะไม่คิดว่าสลิ่มจะหึงกู  กูไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเท่าไหร่อะนะ
“มึง..หึงกูเหรอ”
“เปล้า” มันลากเสียงตอบทันที  มันหันหน้าหนีไปอีกทางก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคงข้างหันหลังให้กู  กูเขยิบเข้าไปกอดมัน  สลิ่มเงียบไป
“ไม่ได้คิดอะไรนะ” มันพูดขึ้นเหมือนต้องการจะห้ามความคิดของกู
“พี่นี้มีน้อง..อยู่ในดวงใจ เท่านั้น” กูร้องขึ้น  เพลงหนึ่งในดวงใจ ของเอื้อ สุนทรสนาน  กูชอบฟังเพลงเก่า ๆ มาก  ชอบฟังตามพ่อ  เพลงนี้ก็เป็นอีกเพลงที่ร้องติดปาก  แถมยังทำเสียงต่ำลงเหมือนเจ้าของเพลงแกล้งสลิ่มด้วย
“ฮือหึ..” สลิ่มหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินกูร้องอย่างนั้น  กูเองก็หัวเราะด้วย
“ชายอื่นหมื่นพัน  จะมาเทียมทัน ที่ไหน” กูยังคงร้องต่อแต่กลับมาทำเสียงตามปกติเพราะไม่สามารถทำเสียงแบบนักร้องต้นฉบับได้
“หึหึหึ ชายอื่นหมื่นพัน..ไอ้บ้า” สลิ่มขำไม่หยุด  มันกลิ้งหน้าลงกับหมอนและตัวมันสั่น  มันยิ้ม  เหลือบตาขึ้นมองหน้ากูอย่างกับเด็ก
“แต่รักของพี่ซ่อนอยู่  กลางใจ ข้างใน
หนึ่งในดวงใจ คือเธอคนเดียว แท้เทียว”
“พอแล้ว!” สลิ่มว่าพร้อมกับทุบมือลงที่อกกูอย่างเบามือ
“เอ้า..ไม่ชอบเหรอ กูออกจะชอบเพลงนี้” กูบอก  กูชอบเพลงนี้  กูว่าเนื้อหามันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก  ตอนกลับบ้านกูจะได้ยินพ่อเปิดเพลงสุนทราภรณ์บ่อยๆ  กูเลยต้องฟังไปด้วยจนติด  แม่ชอบฟังเพลงร็อคแต่พ่อชอบฟังเพลงสุนทราภรณ์  ถ้าอยู่ที่บ้านบางครั้งกูก็ปรับตัวไม่ถูกเหมือนกัน
“หากน้องได้รู้ ว่าพี่รักน้อง หนักหนา
ขอให้เมตตา แก่ดวงวิญญา โดดเดียว
ผิดบ้างพลั้งบ้าง ก็ไม่จืดจาง ขาดเกลียว” สลิ่มนอนฟัง  กูร้องต่ออย่างไม่สนใจ  มันอมยิ้มยังคงนอนมองหน้ากูอยู่อย่างนั้น
“เนี้ย..กูชอบประโยคนี้มากเลย ผิดบ้างพลั้งบ้างเนี่ย” กูบอก
“ตีน..ผิดบ่อยๆ กูก็พลั้งตีนได้เหมือนกันนะ” สลิ่มว่าให้  กูหัวเราะ
“พี่นี้มีน้อง อยู่ในดวงใจ เสมอ
รักแต่เพียงเธอ ยิ่งกว่าชีวัน เชื่อฉัน”
“พอแล้ว ฮ่าๆๆ..ไอ้เมตรรรรร หยุดโว้ยยยยย” มันเอามือมาปิดปากกูเหมือนห้ามไม่ให้ร้อง
“อะไรเล่า ที่พ่อมึงยังร้องเพลงวันเดอร์ฟลู ทูไนท์จีบแม่มึงได้เลย พ่อกูก็ร้องเพลงนี้จีบแม่กูอ่ะ..มึงไม่ชอบเหรอ เพราะออก” กูพูด  ระหว่างที่กูพูดสลิ่มหัวเราะอยู่ตลอดเวลา
“พี่ปองรักเจ้า เฝ้าแต่ผูกพัน แจ่มจันทร์
มีเธอเท่านั้น ที่เป็นที่หนึ่ง ครองใจ..” กูเข้าไปร้องใส่หูมัน  สลิ่มเอามือปิดหูตัวเองในทันที
“ตลกอ่า” มันเงยหน้าบอกพร้อมกับขำไม่หยุด
“อะไร..ออกจะเพราะ” กูทำหน้างอบ้าง
“เพราะอะไรถึงร้อง..เสียงมึงตลกอ่า” มันยิ้ม  กูยิ้มตอบเพราะมันกำลังทำหน้าทำตาและทำเสียงน่ารัก  เหมือนตอนที่มันชอบยิ้มเมื่อตอนเด็กๆ  น่าร๊ากกกกอ่ะ..กูแพ้เวลามันยิ้มอย่างลืมตัวแบบนี้ทุกที
“เพราะรักมึงไง” กูพูดแกมขำ
“แหวะ..ไปอาบน้ำแล้ว” มันโวยวายและลุกขึ้นจากเตียง
“พี่นี้มีน้องอยู่ใน ดวงใจ เสมอ..” กูแกล้งร้องต่อ
“โอ้ยยยยย” สลิ่มครวญคราง  ปิดหูตัวเองและรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป  กูนอนขำอยู่บนเตียง
“ไอ้เหี้ยเมตร เตรียมเสื้อผ้าเลยจะได้รีบอาบน้ำ” มันตะโกนสั่งเสียงดัง
“เออ” กูตอบส่งๆ  นอนต่ออีกสักพักก่อนจะลุกขึ้นเตรียมเสื้อผ้าที่จะใส่ไว้ 


ก๊อก  ๆ  ๆ


กูเดินไปเปิดประตูห้อง  ไอ้เขตยืนยิ้มรออยู่พร้อมกับไอ้เชลโล
“หวัดดีครับคุณผัวเมีย” กูแซวมันสองคน
“แหม คืนดีกันได้ก็อารมณ์ดีเชียวนะ” ไอ้เขตทำหน้าทำตาใส่
“ยังไม่อาบน้ำอีก” ไอ้เขตขมวดคิ้ว  กูยิ้มตอบ  มันสองคนเดินเข้ามาในห้องทั้งๆที่ยังไม่ได้รับอนุญาต
“ไอ้หลิ่มอ่ะเฮีย”
“ในห้องน้ำ” กูตอบ  เดินกลับไปที่เตียงและล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
“ล้า..ล่า ลา~” เสียงคนในห้องน้ำฮัมเพลงอย่างมีความสุข  กูไอ้เขตอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์  มันชูนิ้วขึ้นปิดปากเหมือนบอกให้กูและไอ้เชลโลเงียบไว้  ไอ้เขตเดินไปที่ห้องน้ำและเอาหูไปแนบกับประตู
“สบู่กลิ่นยาสีฟัน สตอเบอรี่~”
“ฟื้ดดด” กูกับไอ้เขตแทบกลั้นขำไม่ทันเมื่อได้ยินคนในห้องน้ำร้องเพลง  ไอ้เขตยืนขำอยู่หน้าห้องน้ำอย่างเงียบๆ  มันพยายามกลั้นไม่ให้เสียงมันดังออกมา  กูนอนมองไอ้เขตและก็อดขำไม่ได้  ไอ้เชลโลนั่งยิ้มด้วยเหมือนกัน  กูลุกขึ้นแล้วเดินไปแอบฟันที่หน้าห้องน้ำบ้าง  เมียกูมีความสามารถจริงๆที่บรรเลงร้องเพลงโดยเนื้อร้องที่ไม่ได้ความหมายแบบนั้นได้
“~ล้า สบู่กลิ่นยาสีฟันสตอเบอรี่” สลิ่มร้องด้วยน้ำเสียงร่าเริง  มันคงไม่รู้ว่ามีพวกกูแอบฟังอยู่  กูไม่รู้ว่ามันมาอารมณ์ไหนแล้วมันร้องมาแบบนั้นได้ยังไง  ไอ้เขตขำจนลงไปนอนกับพื้น 
“ไอ้เชี้ย ห้ามขำเมียกู” กูปิดปากไอ้เขตไว้  มันดิ้นแต่ก็ยังขำอยู่  กูกับไอ้เขตพากันกลับมานั่งที่เตียง
“ออกจะน่ารัก” กูบอก  เมื่อกี้ทำให้กูนึกถึงสมัยมันเด็กๆอีกแล้ว  มันชอบร้องเพลงแล้วก็ชอบอ้อนทำเสียงเล็กเสียงน้อยแบบเมื่อกี้นี้เลย  พอกูได้ยินแบบนั้นความหลังมันก็ผุดขึ้นมาและทำให้รู้ว่านานมากแล้วที่กูไม่ได้ยินเสียงร้องอันบริสุทธิ์นั่น..
“แม่งโคตรหลงมันอ่ะ” ไอ้เขตว่าเสียงเบา
“ก็เมียกูน่ารัก เนอะไอ้โล่” กูหาแนวร่วม  ไอ้เชลโลอมยิ้มพยักหน้าตอบ  ไอ้เขตเบะปาก  พวกกูนั่งกันเงียบๆจนสลิ่มอาบน้ำเสร็จ


แกรก~


“......................” สลิ่มยืนนิ่ง  มองหน้าไอ้เขตอย่างตกใจ
“มาเมื่อไหร่อ่ะ” สลิ่มถาม
“ตั้งแต่ สบู่กลิ่นยาสีฟัน..สตอเบอรี่มึงละ” ไอ้เขตทำเสียงเลียนแบบสลิ่ม
“เอ้..มึงอ่ะ” สลิ่มเหวี่ยงผ้าขนหนูใส่ไอ้เขตอย่างเขินๆ 
“หึหึ..เพลงเหี้ยไรของมึง สาด..ปัญญาอ่อนได้อีก” ไอ้เขตหัวเราะไม่หยุด
“ก็สบู่มันกลิ่นเหมือนยาสีฟันสตอเบอรี่จริงๆนี่หว่า” สลิ่มว่าลอยหน้าลอยตาไปมา
“ไม่เชื่อลองดมดิ” สลิ่มบอกพร้อมกับยื่นแขนมาให้ไอ้เขต
“มันไม่ค่อยได้กลิ่นหรอก ต้องดมที่ตัว” ไอ้เขตพูดพร้อมกับทำท่าจะเอาหน้าเข้าไปดมตรงหน้าท้องของสลิ่ม


เพี้ย !!


กูมือไวเข้าไปตบหัวมันได้ทัน  ไอ้เขตหน้าหงายไป
“เจ็บ..อ่ะ ไอ้เหี้ยเฮีย” มันร้องเหมือนต้องการจะด่ากู  ไอ้เขตเอามือปิดหน้าผากตัวเองด้วยความเจ็บปวด 
“ทะลึ่งละไอ้เชี้ย ปากว่ามือถึง..ไม่เคยเข็ด” กูพูดแกมหัวเราะ  ไอ้เขตหัวเราะเพราะว่ากูเสือกรู้ทันมัน 
“อะไร..ปัญญาอ่อน” สลิ่มบ่นด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจกูกับไอ้เขต  ก่อนจะเดินหนีไปแต่งตัว
“แล้วก็ห้ามมาว่าสบู่ของกูนะ ก็กลิ่นมันเหมือนยาสีฟันสตอเบอรี่ของเด็กอ่ะ อันนี้องุ่นซื้อมาให้ให้ด้วย..กลิ่นเดียวกับองุ่นใช้เลย” สลิ่มอมยิ้มด้วยความภูมิใจกับอีแค่สบู่ที่น้องสาวตัวเองซื้อให้ใช้
“กลิ่นยาสีฟันสตอเบอรี่อะนะ” ไอ้เขตยังไม่หยุดกวนตีน  พวกกูได้แต่หัวเราะเพราะดูเหมือนสลิ่มจะไม่พอใจจริงๆที่พวกกูไปรุมหัวเราะสบู่ขององุ่นแบบนั้น..


....................
....................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-08-2015 21:55:02 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
ตอนนี้พวกกูอยู่ร้านอาหารญี่ปุ่นในห้างแถวOrchard ที่โต๊ะอาหารมีเพียงกู  ไอ้เขต  ไอ้เชลโลและไอ้เว  คนอื่นๆแยกย้ายกันไปเที่ยวตามสไตล์ตัวเอง  ส่วนไอ้เหี้ยวิทย์กับสลิ่มหายหัวไปตั้งแต่ตีนแตะถึงห้างได้แล้ว  ตอนแรกมันจะให้กูไปด้วย  แต่กูหิวและกูเถียงจนกูชนะมัน  มันงอนกูเลยลากไอ้วิทย์ไปแทน
“เดี๋ยวมันก็งอนเฮียอีกอ่ะ” ไอ้เขตพูด
“เสียใจ คราวนี้มันต้องง้อกู..เพราะบัตรเครดิตมันอยู่ตรงกูนี่” กูยักคิ้ว


ปึก !!


พวกกูตกใจหันไปมองที่กระจก  พอมองออกไปเห็นสลิ่มมายืนเกาะกระจกมองมาที่โต๊ะอาหารที่พวกกูนั่งอยู่  มันทำหน้างอเรียกร้องความสนใจจากกู
“หึ..” ไอ้เวหัวเราะก่อนจะหันหน้าหนีเหมือนรับไม่ได้  สลิ่มกับไอ้วิทย์เดินเข้ามาในร้านและนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆกู
“กระเป๋าอ่า” มันพูดหน้างอพร้อมกับเขย่าเองตัวไปมา  กูไม่สนใจ  หยิบโค้กขึ้นมาดื่ม
“River Island อ่ะเมตรรรร” มันครวญครางไม่หยุด
“กินก่อนสิ แล้วค่อยไปดู..” กูขมวดคิ้ว
“ฝากน้ามึงซื้อสิ” ไอ้เวบอก
“ไม่เอา..ก็กูเห็นตอนนี้ ที่นี่ กูจะเอาตอนนี้” มันว่า
“นะเมตร..ไปดูก่อน เดี๋ยวมันหมด” มันทำหน้าเครียดใส่กูอีก
“กินก่อนน่าสลิ่ม แป๊บเดียว..ใครมันจะไปเอากัน” กูพูด  หันไปรับอาหารที่พนักงานเพิ่งนำมาเสิร์ฟ  ไอ้เขตกับเชลโลลงมือกินนำไปก่อน 
“......................” สลิ่มนั่งเงียบ   หน้างอยิ่งกว่าเดิม
“สั่งอาหารสิ” กูบอกแล้วยื่นเมนูให้  เพียงไม่กี่นาทีไอ้วิทย์ก็สั่งอาหารนำไปก่อนเรียบร้อย  สลิ่มรับเมนูจากกูไปและหน้ายังคงงออยู่อย่างนั้น  กูไม่สนใจ  เพราะตอนนี้คือเวลาอาหาร  ถ้ากูไม่กินตอนนี้กูได้ทะเลาะกับมันอีกแน่ๆ  ถ้าหิวขึ้นมามากๆก็จะหงุดหงิดใส่กันอีก 
หลังจากที่สลิ่มยอมสั่งอาหารมากิน  พวกกูนั่งกินมื้อเที่ยงนั้นเกือบครึ่งชั่วโมง  พอจัดการเคลียร์เงินเสร็จเรียบร้อย  ต่อไปก็เป็นเวลาแห่งการช็อปปิ้งอย่างเต็มที่  ส่วนเย็นนี้มีแผนเรียบร้อยแล้ว  ไอ้เชนจองโต๊ะที่ร้านอาหารที่หน้า Esplanade ไว้  พวกกูมีหน้าที่เดินทางไปให้ถึงเท่านั้นเป็นพอ..
“.....................” กูหยุดชะงักตามสลิ่มที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้า
“อะไรเหรอ” กูถามด้วยความสงสัย  สลิ่มยืนค้าง  เบิกตาโต
“กะ..กระเป๋า กระเป๋าใบนั้นหายไปไหนอ่ะ!” มันชี้ไปที่ชั้นวางกระเป๋า  บนชั้นมีกระเป๋าวางเรียงอยู่ห้าหกใบ  ล้วนเป็นผ้าและหนังสไตล์ผู้ชายลุยๆ  แต่มีส่วนหนึ่งที่โล่งไป
“กระเป๋า กระเป๋าหายไป..ใครซื้อไปอ่ะไอ้วิทย์” สลิ่มเขย่าตัวไอ้วิทย์อย่างแรง  กูคาดว่างานจะเข้ากูเข้าให้แล้ว  ดูเหมือนหน้าตาสลิ่มจะผิดหวังเอามากๆที่ไม่มีกระเป๋าใบที่มันต้องการวางอยู่ที่เดิม
“นั่นไง!” ไอ้วิทย์อุทานเสียงดัง  มือชี้ไปที่มือของพนักงาน  ในมือของเธอมีกระเป๋าเป้สีฉูดฉาดของ River Island อยู่ในมือ  สลิ่มรีบวิ่งเข้าไปเดี๋ยวนั้น  ก่อนจะเข้าไปจับกระเป๋าใบที่พนักงานถืออยู่พร้อมกับยิ้มสยามให้เธอและพูดบอกเธอว่ามันต้องการกระเป๋าใบนั้น  เธอยิ้มตอบให้มันเดี๋ยวนั้นและกูใจชื้นขึ้นมาในทันทีเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ดีขึ้น
“เฮ้อ เกือบไปแล้วไหมล่ะกู” กูลูบหัวตัวเอง
“หึ..” ไอ้วิทย์ยืนขำ
“บางทีเฮียก็น่าจะรู้ว่าเฮียไม่ควรเสี่ยง เฮียก็ยังจะทำอะนะ” ไอ้วิทย์ว่าพร้อมกับส่ายหัวก่อนจะเดินหนีไป 
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ ใบนี้ใบสุดท้ายแล้วด้วย..ใบเมื้อกี้น่ะมีคนเอาไปแล้ว” สลิ่มหันมาว่าใส่
“ครับ ขอโทษ” กูบอก  สลิ่มเดินหนีเชิดหนีไปทางด้านของของผู้หญิง
“ใบนี้ก็เหมาะกับองุ่น ใบนี้ก็เหมาะกับองุ่น” มันหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาถือสามสี่ใบ 
“กูชอบใบนี้กับใบนี้” กูชี้ใบสีชมพูเหมือนผลเชอร์รี่ใบเล็ก  กับใบหนังสีน้ำตาลอีกใบ
“งั้น..เอาสองใบเลย เอาใบนี้ให้แม่ด้วย” มันหยิบมาถือไว้สามใบ  กูหยิบมาดูราคาและคำนวณในใจ  ราคาพอไปได้จึงยังไม่ห้ามปราม  มันเดินไปต่อที่มุมแว่นตาก่อนจะหยิบมาลองใส่ 
“แบบนี้ยังไม่มีเลย” มันยิ้มให้ 
“มีความสุขออกหน้าออกตาเชียวนะ” กูบ่นและหยิบแว่นออกจากมันมาลองใส่บ้าง
“มึงก็ใส่ได้” มันมองหน้ากู  กูยิ้มตอบหน่อยๆ
“ก็กูหล่อนี่” กูยักไหล่ 
“เฮอะ” สลิ่มแสยะปาก
“เอากระเป๋าไปจ่าย แล้วเดี๋ยวแว่นกูจ่ายเอง” กูยื่นบัตรเครดิตให้มัน  มันพยักหน้าตอบ  หลังจากคิดเงินเสร็จเรียบร้อย  พวกกูพากันเข้าร้านนู้นออกร้านนี้  ไอ้เชลโลได้เสื้อกับกางเกง  ส่วนมากไอ้เขตเป็นฝ่ายเลือกให้  แต่ถึงไอ้เขตไม่เลือกให้ไอ้เชลโลก็ถามความคิดเห็นจากไอ้เขตอยู่ดี  ส่วนไอ้เขตได้รองเท้าหนังไปหนึ่งคู่  ดูเหมือนหลังจากนั้นก็ยังไม่ได้ซื้ออะไรอีก  เห็นมันบอกว่า “เงินหมด”  ไอ้วิทย์ซื้อของจ่ายเงินแบบไม่คิดพอๆกับสลิ่ม  ดูเหมือนไอ้วิทย์จะไม่แคร์มากกว่าสลิ่มด้วยซ้ำ  อย่างสลิ่มยังคิดบ้างว่าจะซื้อดีหรือไม่ซื้อดี  แต่ไอ้วิทย์ออกแนวนิ่งๆ  เห็นอีกทีคือจ่ายเงินไปเรียบร้อยแล้วประมาณนั้น  สุดท้ายก็คงจะเป็นไอ้เวที่ไม่ได้ซื้ออะไรเลย  สาเหตุก็คือไม่มีเงินนั่นแหละ  อย่างที่เคยบอกว่ามันมาที่นี่ได้เพราะแม่ของไอ้วิทย์ช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่ง  จากที่กูเห็นแต่พยายามทำเป็นไม่เห็นคือ..ไอ้วิทย์พยายามซื้อให้แต่ไอ้เวบอกปัดตลอด
พวกกูเดินตระเวนไปทั่วแต่ดูเหมือนเวลาใกล้จะหมดลงเต็มที  ไอ้เชนนัดให้ไปเจอกันที่ร้านตอนหกโมง  แต่ตอนนี้ปาเข้าไปบ่ายสามครึ่งแล้ว  ไอ้วิทย์ขอให้เข้าไปที่ห้างหงี่ อาน ซิตี้ก่อนเพราะมันต้องซื้อของที่แม่มันสั่งมา  พวกกูเพลิดเพลินกันอยู่ในนั้นเกือบชั่วโมง  ไม่มีใครได้ของอะไรออกมาสักอย่างนอกจากไอ้วิทย์เพราะมันก็แพงเกินกว่าพวกกูจะอาจเอื้อม  พวกกูตกลงไปต่อกันที่ Shopping Gallery เป็นที่สุดท้ายสำหรับการช็อปปิ้งในวันนี้..
“อันนี้เป็นไง” ไอ้วิทย์ถามความเห็นจากสลิ่ม  มันลองแว่นตาของเรย์แบนมาได้สองสามอันแล้ว
“กูชอบอันนี้มากกว่านะ” กูกับสลิ่มพูดพร้อมกัน  โดยส่วนตัวเรย์แบนกับผู้ชายกูว่าเป็นของคู่กัน  ยิ่งหน้าตาแบบไอ้วิทย์แล้วใส่เรย์แบนได้สบาย  กูกับไอ้โมทก็ชอบแต่ไม่ถึงกับคลั่งไคล้อะไรมากมาย และถ้าแบบของมันนั้นไม่โดนใจจริงๆก็คงไม่ซื้อเพราะคงไม่มีเงินมากมายมาเสียกับของพวกนี้  อย่างกับกูไอ้โมทมีแว่นตาของเรย์แบนกันคนละอันเท่านั้น  ส่วนมากจะเอาไว้ใส่ตอนขับรถออกต่างจังหวัด
“ไม่รู้ดิ กู..รู้สึกเฉยๆกับเรย์แบน” สลิ่มยักไหล่อย่างไม่สนใจเท่าไหร่นัก
“แต่อันนี้ดูดีสุด” มันยังคงย้ำบอกเพื่อนมัน
“งั้นเอาอันนี้ แล้วก็อันนี้ให้เวนะ” ไอ้วิทย์หันไปบอกไอ้เว
“บอกว่าไม่เอาไง” ไอ้เวบอกปัดด้วยสีหน้าไม่พอใจ  วันนี้ไอ้เวคงพูดประโยคนี้เป็นรอบที่ร้อยได้แล้วมั้ง
“น่า..ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง” ไอ้วิทย์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“วิทย์” ไอ้เวย้ำเสียง
“จ่ายเงินก่อนนะ” ไอ้วิทย์หันมาบอกพวกกูแล้วเดินไป  ไอ้เวรีบเดินตามไปในทันที
“สงสารเว” สลิ่มพูดหน้าเศร้า
“ที่จริง..กูก็เกรงใจที่เอามันมาเที่ยวแบบนี้ด้วย แต่กูก็ทิ้งมันไว้ไม่ได้..แล้ว กูก็ไม่สามารถที่จะไม่ออกมาซื้อของแบบนี้ได้ด้วย” มันหันมาทำหน้าเซ็งใส่กู
“ไอ้เวมันไม่ใช่คนคิดมากขนาดนั้นหรอก มันแค่เกรงใจไอ้วิทย์แหละ” กูขยี้หัวสลิ่มเบา
“อืม ช่างมันเหอะ..แต่Prada อันนี้นี่เกิดมาเพื่อกูจริงๆนะ” มันเปลี่ยนอารมณ์ในทันที  พร้อมกับหยิบแว่นตาPrada ขึ้นลองสวมให้กูดู
“ฮื้ม” กูถอนหายใจกับอารมณ์ของมัน  ก่อนจะหยิบป้ายราคาขึ้นมาดู
“ราคาเท่าเรย์แบนแล้วเนี้ย ห่า..วางเลย” กูว่า
“ไม่” มันตอบเสียงดังฟังชัด  กูเบะปาก  เดินล้วงกระเป๋าหนี  ดูของทำท่าไม่สนใจมันบ้าง  ถึงจะ 450 เหรียญสิงค์โปร  แต่มันก็แพงเกินไป  มันรูดบัตรไปเกือบสามหมื่นแล้ว  ดูเหมือนการที่แม่มันฝากบัตรไว้ให้กูถืออภิสิทธิ์จะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่  เอ๊ะ..หรือได้ผล  ถ้าไม่มีกูวงเงินอาจจะเต็มไปแล้วก็ได้(รึเปล่า)
“......................” สลิ่มเงียบไป  กูเหลือบไปมองมันที่ยืนหน้างอเป็นสากะเบือ  ในมือถือแว่นอยู่สี่อันยืนจ้องกูเขม็ง  กูเดินกลับไปหาอย่างช่วยไม่ได้
“ถ้ามึงเอาPrada อันนี้มึงจะได้อันเดียว แต่ถ้ามึงเอาMarcอันนี้กับBurberryอันนี้..มึงจะได้ทั้งสองอัน” กูเข้าไปชี้แว่นตาในมือของมัน  สลิ่มนิ่งเงียบไปนานกว่าเดิม  หน้าตามันหนักใจเอามาก
“งั้น..งั้นไม่เอาอันนี้กับอันนี้” สลิ่มรีบวางแว่นตาBurberry ที่อยู่ในมือทั้งสองอันไว้ที่เดิม  ในมือมันตอนนี้จึงเหลือเพียงแว่นของ Prada และ Marc
“เอาสองอันนี้” มันเงยหน้ามองหน้ากู
“กูหมายถึงถ้ามึงจะเอา..” กูพยายามจะอธิบาย
“น้า..” มันทำเสียงเล็กเสียงน้อยตัดบทขึ้นมาในทันที
“พวกกูไปนั่งรอกันตรงนู้นนะ” ไอ้เขตตะโกนบอก  พวกมันเดินออกจากร้านไปพร้อมกัน  กูหันกลับมามองสลิ่มอีกครั้ง
“เลือกอันเดียว เร็ว..พวกมันรอ” กูเร่ง
“เร่งทำไมเล่า” มันว่าใส่ทันที
“งั้นไปนะ” กูบอก
“อ้า..” สลิ่มร้อง  กูทำท่าจะเดินหนีออกมา
“เมตรดูสิ เหี้ยเมตร” มันเรียกเสียงดังขึ้นเมื่อกูไม่ยอมหันกลับไปมองมัน  กูกลัวว่าพนักงานจะหาว่ากูไร้มารยาทกูเลยต้องหยุดเดินและหันกลับไปมอง  มันหยิบแว่นตาของPrada ขึ้นสวมใส่อีกครั้งเหมือนต้องการความแน่ใจว่าแว่นอันนั้นเหมาะกับตัวเองจริงๆ
“มันเกิดมาเพื่อกูอ่ะ..ดูสิๆ” มันร้องบอก
“มันเกิดมาเพื่อกูอ่าเมตร” มันทำเสียงเล็กเสียงน้อยไม่หยุด  กูพยายามทำตัวเองให้ใจแข็งเข้าไว้  แต่ในใจกูกลับปฏิเสธไม่ได้เลยว่า  ไอ้แว่นเหี้ยนั่นไม่ได้เกิดมาเพื่อสลิ่ม  เพราะมันใส่แล้วดูเหมาะมากจริงๆ
“นะ..นะ น้า ขาดใจตายแน่ๆเลย ขาดใจตายแน่ๆ” มันทำเสียงเหมือนจะขาดใจตายเข้าให้จริงๆ  พร้อมกับส่ายหัวทำแก้มป่องไปมา  แม่ง..ทำตัวน่ารักอีกละ  ไอ้เชี้ย..แพ้เมียตัวเอง
“โอเค..สองอันเท่านั้นนะ พอแล้ว โอเคไหม” กูตัดใจ
“อื้อ” สลิ่มยิ้มกว้างในทันที  มันรีบวิ่งมาที่เคาร์เตอร์คิดเงิน
“จ่ายเงินๆ” มันพูดบอกด้วยน้ำเสียงลั้นลา  กูเดินเข้าไปจ่ายเงินอย่างช่วยไม่ได้  สุดท้ายกูก็แพ้มันอีกจนได้..หลังจากจ่ายเงินเสร็จกูกับมันเดินมาหาพวกไอ้เขตที่นั่งรออยู่ไม่ไกลนัก
“โว้~ Tiffany Co” สลิ่มยืนยิ้มกว้าง  ไม่เท่านั้นมันรีบก้าวขามุ่งตรงไปที่ร้านทันที
“มานี่ๆ” ไอ้เขตกระซิบ  ทำท่าเรียกให้พวกกูวิ่งหนีตามมันไป  พวกกูรีบวิ่งตามไอ้เขตไปในทันที  พอหันกลับไปมองสลิ่มอีกครั้งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่สลิ่มหันกลับมามองหาพวกกูพอดี  และมันพบว่าพวกกูวิ่งหนีมันออกมาแล้ว
“ไอ้..” กูเห็นสลิ่มอ้าปากแค่นั้น  มันยืนอึ้งตาโต
“ฮ่าๆๆๆๆ ไอ้เชี้ย” พวกกูพากันหัวเราะร่วน  เพราะหน้าสลิ่มที่ตกใจจนเหวอเมื่อกี้มันตลกมากจริงๆ  เหมือนเด็กที่เพิ่งโดนผู้ปกครองทิ้งอย่างนั้น
“ทางนี้ๆ” ไอ้วิทย์เรียกแล้ววิ่งลงบันไดเลื่อนไป
“ไอ้เพื่อนเหี้ย!” สลิ่มด่าไล่หลังมาเสียงดัง  พวกกูแทบจะลงไปขำกับพื้น  พอนึกภาพหน้าสลิ่มเมื่อกี้ยิ่งทำให้หยุดขำไม่ได้  ดูเหมือนการหนีของไอ้เขตครั้งนี้จะทำให้สลิ่มเลิกหันเหความสนใจที่จะดูยี่ห้ออื่นๆไปได้  พวกกูพากันขึ้นรถแท็กซี่เพื่อไปที่ Esplanade ต่อ  สำหรับการกินอาหารมื้อเย็นและการเสพสุขกับสุราในค่ำคืนนี้..


..................
..................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2012 11:07:32 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
@ Esplanade..
“บันทึกแล้ว” ตากล้องแพลนกล้องไปรอบๆบริเวณร้านก่อนที่จะหันกล้องมาทางพวกกู  สลิ่มกับไอ้เขตและไอ้เจ๋งชูป้ายขึ้น  บนกระดาษเน่าๆเขียนว่า ~Kasabian We love you~ อย่างลวกๆ  ตอนนี้พวกกูอยู่ร้านเหล้าที่หน้าเอสพลานาด
วงของสลิ่มและวงของไอ้ติสวางแผนกันเพื่อให้ตากล้องบันทึกวิดีโอไว้  ไอ้เจ๋งบอกว่าอย่างน้อยก็จ้างมาแล้วก็ควรใช้ให้คุ้มเงิน  หลังจากที่มาถึงที่นี่พวกกูได้บันทึกไปหลายวิดีโอแล้ว  เป็นวิดีโอที่ทำขึ้นเพื่อวงดนตรีที่พวกมันต้องการจะบอกรักและเก็บไว้เป็นที่ระลึก  ก่อนหน้านี้ไปร้องเพลงทำบ้าๆบอๆบันทึกให้กับOasis ต่อด้วยไปร้องบ้าๆบอๆบันทึกให้วงThe Subways ที่หน้าโรงแรมFullerton ต่อด้วย MGMT ท่าเต้นของพวกมันอุบาทว์มากแถมยังไปชวนชาวต่างชาติแถวนั้นมาแจมด้วยอีก  ประเด็นคือกูอายแทนพวกมันมากแต่ไม่รู้จะทำยังไง  ได้แต่ขำ..ขำและขำอย่างเดียว
“Hey son
I'm looking forward
You're leaning backwards
Of this I'm sure” เพลงที่ทางร้านเปิดดังขึ้น  ไอ้เขต  ไอ้วิทย์และไอ้เวร้องพร้อมกัน  เพลงนี้ไอ้เชนไปขอให้ทางร้านเปิดให้  ตอนนี้ฝรั่งในร้านหันมามองที่โต๊ะพวกกูกันเป็นตาเดียว  กูอยากจะเอาหน้ามุดหนีแต่ก็ทำไม่ได้เพราะวงนี้กูเองก็ชอบด้วยเหมือนกัน  เลยอยากมีส่วนรวมในกล้องบ้างอะไรบ้าง
“Have you had enough?
Are you feeling rough?
Does your skull hurt?
Well if it's warm” กู  สลิ่มและไอ้เชลโลที่นั่งอยู่ข้างๆร้องต่อในท่อนนี้  พร้อมกับทำท่าโยกไปมาอย่างที่นัดกันไว้ก่อนหน้า  กล้องแพลนไปเรื่อยคนต่อคนที่ได้จัดไว้แล้วว่าใครจะร้องท่อนไหนบ้าง  จนครบรอบโต๊ะและวนมาที่กู  สลิ่มและไอ้เชลโลอีกครั้ง
“บอกว่าอย่ายิ้มไงไอ้เหี้ยเมตร” สลิ่มว่าเพราะกูเสือกหลุดยิ้มระหว่างที่ร้อง
“ก็กูขำอ่ะ เขินด้วย” กูว่าตอบไปทั้งๆที่กล้องกำลังบันทึกกูและมันอยู่นี่แหละ
“Days. Days are forgotten
Now it's all over
Simply forgotten
How to disappear” พวกกูทั้งหมดร้องพร้อมกันปิดท้าย
“วู้~ We love you Kasabian” เรียกว่าพวกกูแหกปากกันดังมากเสียจะดีกว่า  พวกกูปรบมือเฮฮาไปตามประสาทำให้โต๊ะข้างๆต้องปรบมือเรียกเสียงเกรียวกราวไปด้วย  ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงอย่างทุลักทุเลเพราะบางคนจำเนื้อเพลงไม่ได้  ที่จำได้แน่นๆมีแค่กู  ไอ้เขต  ไอ้วิทย์  สลิ่มและไอ้เจ๋งเท่านั้น  นอกนั้นร้องผิดๆถูกๆกันหมด
“อายฉิบหาย” สลิ่มหัวเราะเบาๆพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“มึงกล้าพูดดดด” ไอ้เจ๋งว่า
“กูนี่ ออกจะหน้าบาง” กูพูดบ้าง
“ค้าบบบบ” ไอ้เจ๋งทำหน้าทำตาใส่กูเหมือนเอือมกับคำพูดของกูเต็มที
“ไปเดินเล่นกันไหม” สลิ่มถามขึ้น  กูหันไปมองรอบๆว่ามันชวนใคร  นี่ตกลงว่ากูเป็นผัวมันรึเปล่าบางทีกูก็หลงๆลืมๆไปเพราะบางครั้งกูไม่อยากที่จะเข้าข้างตัวเองมาก  เพราะมันจะทำให้เราสองคนทะเลาะกันบ่อยๆ
“ชวนกูเหรอ” กูถาม  คงใบหน้าให้เป็นปกติ
“เออสิ” มันตอบแทบประชด
“หึ..กูก็นึกว่ามึงจะไม่นึกถึงกูซะแล้ว” กูยิ้มตอบ  มันเงียบไปครู่หนึ่ง
“กูทำแบบนั้นเมื่อไหร่กัน” มันทำหน้าทำตาไม่รู้ไม่ชี้
“เปล่า” กูยิ้ม
“ไปสิ..นำไป แล้วห้ามทิ้งกูอีกล่ะ” กูพูดกัดมันบ้าง
“ห่านี่” มันขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่พอใจนิดหน่อย
“เดี๋ยวกูมานะ ไปเดินเล่น” สลิ่มบอกไอ้เขต  ไอ้เขตพยักหน้าตอบ  ที่โต๊ะตอนนี้มีครบเกือบทุกคน  ยกเว้นไอ้ติส  ไอ้วิทย์และไอ้เชลโลที่หายหัวไปในทันทีที่บันทึกวิดีโอเสร็จ  อากาศเย็น  ลมแรงดี  เสียงเพลงของแต่ละร้านประชันกัน  รวมถึงนักดนตรีเยาวชนที่กำลังตั้งเครื่องเสียงอยู่ด้านหน้าด้วย  ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืดเท่าไหร่  เพียงแค่ไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์ก็เท่านั้น..
กูหยิบกล้องออกมาถ่ายรูป  ที่จริงตรงไอ้สิงโตบ้าบอพวกกูไปถ่ายร่วมกันตั้งแต่มาถึงแล้ว  กูไม่ได้รู้สึกพิศมัยอะไรกับมันเท่าไหร่  สำหรับกูมันก็แค่รูปปั้นแล้วพ่นน้ำออกมาได้  กูชอบถ่ายวิวทิวทัศน์  คนหรือสถาปัตยกรรมเก่าแก่มากกว่า  อย่างน้อยดูแล้วก็เพลินตาดี
“เบอร์ที่ไทยโทรมา” สลิ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างสงสัย  มันกดรับ  กูเดินนำมันมาเรื่อยๆจนเดินมาอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ  ฝั่งตรงข้ามกับMarina Bay Sands มีวัยรุ่นมานั่งกันเป็นคู่ๆบ้าง  นักท่องเที่ยว  คนที่มาออกกำลังกันบ้าง  มีคละกันไปแต่ไม่เยอะจนน่าปวดหัว  ตอนนี้ค่อนข้างเงียบ  ลมเย็นเหมาะแก่การพักผ่อนสมองเป็นอย่างมาก
“ครับ..ว่าไง พี่ซื้อของไปให้เยอะแยะเลยนะ” สลิ่มยิ้ม  สายที่โทรเข้ามาคงไม่พ้นองุ่น  ถ้ามันพูดเสียงอ่อนเสียงหวานขนาดนี้
“อ..องุ่น ร้องไห้เหรอ” สลิ่มหน้าเสีย  กูหยุดถ่ายรูปและหันกลับไปมอง
“เป็นอะไรครับ องุ่น..เป็นอะไรน่ะ” สลิ่มถามปลายสายด้วยน้ำเสียงร้อนรน  หลังจากนั้นมันเงียบไปเกือบห้านาที  กูจับแขนสลิ่มให้เดินตามมาเพื่อมานั่งที่เก้าอี้ยาวที่ว่างอยู่
“ใจเย็นๆนะ มิ้วค์..ไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก เชื่อพี่สิ” กูยิ้มมองสลิ่มที่เข้าข้างไอ้มิ้วค์อย่างออกหน้าออกตาเป็นครั้งแรก
“องุ่น..คือ พี่” ระหว่างที่สลิ่มพูด  นิ้วของสลิ่มกระดิกอยู่ตลอดเวลาเหมือนคนที่ต้องการจะปลดปล่อยอะไรออกไปสักอย่างแต่กลับไม่ทำ
“อืม พี่เข้าใจ ครับ..พี่เข้าใจ ไม่ร้องไห้นะ”
“หื้ม..อยู่กับเมตรเนี้ย ครับ..ไม่ได้คุย อืม”
“บอกให้มิ้วค์มาหาที่บ้านสิ แล้วคุยกันให้รู้เรื่อง..พี่ไม่ให้ออกไปหานะครับ ครับ..อื้ม เดี๋ยวดึกๆพี่จะโทรไปอีกที ครับ..บายครับ” สลิ่มวางสายไป
“มีอะไร” กูถามด้วยความอยากรู้  ที่จริงกูรู้สึกแปลกๆระหว่างองุ่นกับไอ้มิ้วค์มาหลายวันแล้ว  ไอ้มิ้วค์แปลกไปแต่กูก็ไม่มีเวลาที่จะจับเข่าคุยกับมันอย่างจริงจังสักที
“ไอ้มิ้วค์ มันหลบที่จะคุยเรื่องนี้ใช่ไหม” สลิ่มถามกลับ
“เรื่องนี้ องุ่นเหรอ..อืม กูสังเกตเห็นมันแปลกๆมาหลายวันละ” กูพยักหน้าตอบ
“องุ่นได้ทุนไปเรียนทางด้านดนตรีที่ออสเตรียน่ะ จบม.หก ก็ไปได้เลย” สลิ่มพูด  กูอึ้งเพราะกูไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย
“ที่จริง องุ่นก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปหรอกนะ..แต่แม่ก็อยากให้ไป เพราะองุ่นโดดเด่นทางด้านนี้มามากกว่าที่จะไปเรียนต่อทางด้านอื่น ส่วนพ่อ..ก็ตามใจอีกตามเคย” สลิ่มพูดหน้าเครียด  กูได้แต่เงียบและพอจะนึกออกว่าเรื่องมันเป็นมายังไง
“แต่กูน่ะ อยากให้น้องไปมากๆเลย..ของมันแน่อยู่แล้ว สาขาดนตรี..ที่ออสเตรียเชียวนะ อย่างนั้นน่ะ..เมืองแห่งดนตรีคลาสสิกเลยนะ ที่จริง..องุ่นอยากไปจะตาย” กูมองหน้าสลิ่มที่ดูจะลำบากใจที่จะพูด  กูเข้าใจดีว่ามันต้องการจะบอกอะไรกู
“แต่น้องมึงแม่งเลว อยู่ดีๆก็มาบอกเลิกน้องกูเฉยเลย” มันหันมาแยกเขี้ยวใส่กู 
“เฮ้ย” กูอุทาน
“ไม่จริงหรอก” กูบอก
“จริง..องุ่นร้องไห้เลยด้วย มันบอกเลิกไปแล้ว แล้วก็คุยกันไม่รู้เรื่องเนี้ย..องุ่นก็คิดว่าไอ้มิ้วค์มีคนอื่น หรือ..น้องมึงมีคนอื่น!” สลิ่มโวยวาย  มันพยายามนั่งให้ตัวตรงเหมือนต้องการระงับสติอารมณ์ของตัวเอง
“ไม่ หรอก..มั้ง” กูพูดเสียงเบาด้วยความที่ไม่แน่ใจขึ้นมา
“แต่ถ้าไอ้มิ้วค์จะบอกเลิกจริงๆ คงไม่ใช่เพราะไม่ได้รักน้องมึงหรอก..ไอ้มิ้วค์ไม่ใช่คนอย่างนั้นนะ” กูพูดเข้าข้างน้องชายสุดที่รักของตัวเองไว้ก่อน  สลิ่มเงียบไป
“กูก็ เข้าใจ..แต่องุ่นน่ะ เสียใจมากเลยนะ เวลาแบบนี้ กูไม่น่ามาอยู่ที่นี่เลย”
“สลิ่ม น้องมึงโตแล้วนะ”
“กูว่า..ลองให้เค้าสองคนตัดสินใจกันเองเถอะนะ”
“เรายังเลือกทางเดินของเราเลย” กูเอื้อมมือไปจับมือของสลิ่มมากุมไว้
“นั่นสินะ” สลิ่มบ่นเสียงเบา  หน้ามันเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
“แต่กูน่ะ..ไม่อยากให้องุ่น เลือกความรัก มากกว่า..อนาคต” สลิ่มเงยหน้าขึ้นมองหน้ากู  กูยิ้มตอบให้ถึงแม้กูจะยิ้มไม่ออกสักเท่าไหร่  มันจะเรียกว่าฝืนยิ้มคงจะถูกมากกว่า
“กูขอโทษเมตร” อยู่ๆมันก็ออกแรงจับมือกูแน่นกว่าเดิม
“.....................” เราเงียบลงพร้อมกัน มือยังคงไม่ปล่อยมือของกันและกัน
“ไม่เป็นไร” กูจับมือมันตอบให้แน่นขึ้น  เพื่อให้มันแน่ใจว่าไม่ว่าตอนนี้มันกำลังคิดอะไรอยู่  กูก็จะอยู่ข้างๆมัน
“กู พูดได้ ใช่ไหม” มันพูดตะกุกตะกักเหมือนขออนุญาต
“หึ..ได้สิ” กูพูดแกมหัวเราะ  หันไปยิ้มให้มันก่อนจะหันกลับมามองวิวด้านหน้าแทน
“ถ้าเป็นกู..กูจะเลือกสิ่งที่กูรัก และการสร้างอนาคตมากกว่า..ถ้ามันคือโอกาส” กูได้แต่นั่งนิ่ง  กูไม่อยากหันกลับไปมองหน้ามันในตอนนี้  กูอยากฟังทั้งหมดก่อนเพื่อฟังเสียงหัวใจของกูด้วย  กูถึงจะกล้าหันกลับไปมองหน้ามันตรงๆอย่างลูกผู้ชาย
“กูไม่อยากให้องุ่น เลือก..มิ้วค์ แต่กูไม่ได้หมายความว่ากูอยากให้องุ่นเลิกกับมิ้วค์หรอกนะ ไม่ได้อยากให้เลิกกัน” สลิ่มขึ้นเสียงดังขึ้นเหมือนกลัวว่ากูจะเข้าใจผิด
“แต่นี่มันคือโอกาส แทบจะเรียกว่าหนึ่งในล้านคนด้วยซ้ำ..มึงเข้าใจใช่ไหม”
“อื้อ” กูพยักหน้าตอบ  หลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างเงียบลงอีกครั้ง  เหมือนทั้งกูและมันกำลังคิดอะไรอยู่  มือของเราจับกุมกันไว้แน่นตลอดเวลา
“กูเคยบอกมึงใช่ไหม..” สลิ่มพูดขึ้น
“ว่าถ้า มึงนอกใจกูเมื่อไหร่..กูจะเป็นฝ่ายไปน่ะ”
“แต่ ถ้า..ถ้ามึงคิดว่ากู ให้ความสุขมึงไม่ได้เท่าที่มึงต้องการ เมื่อไหร่ก็แล้วแต่..มึงก็บอกกูได้นะ มึงจะเป็นฝ่ายไปจากกูก็ได้..กูไม่โกรธมึงหรอก” สลิ่มพูด  กูหันกลับไปมองสลิ่มอีกครั้ง  มือของมันสั่นทั้งๆที่กำมือกูไว้แน่น
“กูมีความสุขดีสลิ่ม” กูยิ้มให้  หน้ามันเศร้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้แต่กลับไม่มีแม้แต่น้ำตาคลอ
“จริงนะ” มันย้ำถาม
“ครับ”
“กูขอโทษ ที่กูเป็นคนแบบนี้” มันก้มหน้าลง
“กูสับสนไปหมด ทั้งๆที่กูก็รักมึง..มาก แต่กูกลับเลือกที่จะเห็นแก่ตัว” กูกำลังมองคนตรงหน้า  คนที่บอกว่าตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัวด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“กูไม่สามารถ ทิ้งสิ่งที่กูรักได้..กูเกิดมาพร้อมกับมัน เกิดมาพร้อมกับการที่กูเป็นคนแบบนี้..ทุกอย่างที่กูกำลังแสวงหา มันแปลกใหม่สำหรับกูเสมอ” มันเงยหน้าขึ้นมองหน้ากูอีกครั้ง
“ทุกครั้ง กูจะมีความคิดขัดแย้งขึ้นมาในหัว ว่าถ้าต้องเลือกมึง หรือสิ่งที่กูรักทั้งหมด..กูกลับ” มันทิ้งเสียงลง  ไม่ต้องพูดอะไรต่อก็พอจะเข้าใจว่ามันต้องการจะพูดบอกอะไรต่อจากนั้น
“พอมาเจอเรื่องระหว่างมิ้วค์ กับ..องุ่น กูกลับภาวนา อย่าให้มึงมีใคร..” สลิ่มหันหน้าหนีไปอีกทาง
“หึ” กูหัวเราะออกมาเบาๆ
“แต่ที่จริงแล้ว กูไม่ต้องการจะเสียอะไรไปสักอย่าง..เมตร ถ้ามึง..จะไม่มีวันนอกใจกูจริงๆ ถ้ามันจะไม่มีวันแบบนั้น” สลิ่มก้มหน้าลงมองมาที่มือของเราสองคนที่กุมมือกันไว้
“มึงจะอยู่ข้างๆกู มึงจะเข้าใจกูไปตลอดใช่ไหม” มันพูดด้วยสีหน้าอ้อนวอนที่กูไม่ได้เห็นอย่างเคย
“วันนี้มึงพูดเยอะแฮะ” กูแซวไปอย่างนั้นเพราะไม่อยากให้สลิ่มเครียด  แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล  เราต่างฝ่ายต่างยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะเงียบลงอย่างใช้ความคิด
“ไม่ว่ากูจะทำอะไร ที่ไหน..หรือไกลมากแค่ไหน นานมากเท่าไหร่ หรือบางครั้ง..ถ้าเราต้องหายจากกันเป็นเดือน หรือเป็นปี ที่มันอาจจะเกิดจากการเห็นแก่ตัวของกูซ้ำๆ มึงก็จะอยู่ข้างๆกูใช่ไหม”
“แน่สิ..ถ้าถึงเวลานั้นแล้วมึงยังต้องการกู” กูยิ้มตอบ
“.......................” อยู่ๆลมก็พัดแรงจนผมของสลิ่มยุ่งไปหมด  กูเอื้อมมืออีกมือที่ว่างไปจัดผมของมันให้เข้าทรงอย่างเบามือ  กูได้ยินเสียงสลิ่มหัวเราะในลำคอ
“กูนิสัยเสียมากเลยใช่ไหม มึงกำลังคิดแบบนั้นใช่ไหม” มันหน้างอ
“กูคิดมานานแล้วต่างหาก” กูพูดแกมหัวเราะ
“กูจะพยายามนะ” สลิ่มเงยหน้ายิ้มให้กู
“พยายามทำทุกอย่างให้มันไปด้วยกันได้ดี กูรักที่จะเรียนรู้..กูไม่สามารถหยุดหาสิ่งแปลกใหม่ได้หรอกเมตร ทั้งเรื่องดนตรี เรื่องเรียน เรื่องของอนาคต และทุกอย่างที่กูรัก มันคือรากฐานของชีวิตกูนอกจากครอบครัว กูขาดมันไม่ได้ ลมหายใจเข้าออกในตัวกูคือการเรียนรู้ มันหล่อเลี้ยงหัวใจของกูเมตร..แต่แค่มึง มึงเป็นคนเดียวที่กูอยากให้เข้าใจในตัวกูมากที่สุด มึงเป็นคนเดียวที่กูอยากให้รอ ไม่ว่ากูจะทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่..กูแค่อยากให้มึงรู้และ เข้าใจ” กูได้แต่เพียงนั่งมองหน้าของมันและฟังอย่างตั้งใจ
“กูอาจจะทำหน้าที่ แฟน..ได้ไม่ดีพอ” มันพูดเสียงเบาลงแทบจะไม่ได้ยิน  นี่คงเป็นครั้งแรกมั้งที่มันยอมรับกับปากของตัวเองว่ามันเป็น “แฟนกู”
“หรืออาจจะไม่ดีเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า กู..ไม่ได้ไม่นึกถึงมึงนะ แต่กู..คิดว่า เอ่อ คิดว่า..แค่ตอนนี้ เราได้อยู่ด้วยกัน ก็น่าจะดีมากแล้ว” มันหันหน้าหนีไปอีกทาง  และแก้มมันแดง
“ถ้ามึงจะไม่มีเวลาให้กู กูจะเข้าใจ..แต่ถ้ากูจะไม่มีเวลาให้มึง กูก็หวังว่ามึงจะเข้าใจ” กูพูดบ้าง  สลิ่มหันกลับมามองในทันที
“แต่ถ้าเวลาของเรามีไม่ตรงพร้อมๆกัน กูก็จะคิดถึงมึง..ทำเหมือนทุกๆวันนั้นมีมึง” กูยิ้มให้
“กูไม่เคยไม่เข้าใจมึงตอนไหนเหรอสลิ่ม กูพร้อมจะเข้าใจมึงได้เสมอ..มึงอยากทำอะไร ก็ตามใจมึงเถอะ ไม่ว่าเมื่อไหร่..กูขอให้มึงรู้ว่ากูรอมึงได้ ขอแค่มึงพูดบอกกูเท่านั้นเอง..บอกกันบ้าง ว่ามึงกำลังคิดอะไร ต้องการทำอะไร” สลิ่มจ้องหน้ากูเขม็ง
“กูจะไม่ห้าม ไม่เคยคิดจะห้ามด้วยถ้านั่นเป็นสิ่งที่มึงต้องการ..ถ้าเราจะต้องจากกัน กูจะรออยู่ที่เดิม ที่บ้านกู บ้านพ่อแม่กู หรือที่บ้านมึง..ที่ของเรา” กูบอก
“กูก็แค่รู้สึกผิด กูกลัวว่ามึง..” สลิ่มพูดเสียงเบา  ถ้ากูคิดไม่ผิด  มันคงจะคิดว่ามันเป็นแฟนที่ไม่ดีพอและคิดว่าสักวันกูคงจะเป็นฝ่ายที่ทิ้งมันไปหรือบอกเลิกอย่างที่ไอ้มิ้วค์ทำ
“แค่มีมึงก็พอแล้วสลิ่ม แค่มึงมีชีวิตอยู่ก็พอ..กูไม่ขออะไรมากกว่านั้น” กูยิ้มให้
“อ..อื้อ ขอบคุณ ขอบคุณที่เข้าใจ” มันพยักหน้าก่อนจะก้มหน้าลง
“มึงน่ะ” กูพูดขึ้น  สลิ่มเงยหน้าขึ้นมองหน้ากูอย่างสงสัย
“รักกูมากสินะ” กูยิ้มด้วยหัวใจที่รู้สึกว่าพองโตสุดๆ
“อะ..อะไร ไอ้เชี้ยเมตร” สลิ่มขึ้นเสียงขึ้นมาในทันที  มันพยายามจะสะบัดมือออกแต่กูกำไว้แน่น
“หึหึ รักกูอ่ะดิ..ว้าย กลัวกูทิ้ง” กูแซว  สลิ่มหน้าแดงกว่าเดิม
“ไอ้เหี้ยเมตร ไปตายซ้า..” กูลุกขึ้นวิ่งหนีสลิ่มที่พุ่งตัวเข้ามาหา  กูหยุดยืนตั้งรับและคว้าตัวสลิ่มเข้ามากอดไว้  คนที่อยู่แถวนั้นหันมามองเพราะกูกับมันเสียงดังมาก
“รักนะครับเหี้ยน้อยหอยสังข์ของพี่” กูกระซิบเข้าที่ใบหูของมัน  มันนิ่งไป
“มึงก็อย่าทิ้งกูนะ กูหว่าเว้” กูพูดแกมหัวเราะ
“หึหึ..ไอ้บ้า” สลิ่มหัวเราะ  ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองหน้ากู
“แต่” มันพูดขึ้น  กูชะงัก
“กูเคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าห้ามเรียกว่าเหี้ยน้อย!” สลิ่มตะโกนเสียงดัง
“งั้น..หอยสังข์ก็ได้” กูแกล้งไม่เลิก
“หอยสังข์ก็ห้ามโว้ยยยยย!!” มันโวยวายทำท่าอย่างกับกระทิงจะเข้ามาขวิดกู  กูหัวเราะรีบวิ่งหนีมันในทันที  กูรู้ว่าการที่มันพูดเปิดอกออกมาแบบนี้เพื่ออะไร  ต่างฝ่ายต่างกลัว  มันบอกว่ามันไม่เลือกกูถ้าสักวันมันจำเป็นต้องเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  ถ้าคนรักอย่างกูนั้นไม่เข้าใจมันและถ้ารับนิสัยของมันแบบนี้ไม่ได้เหมือนกับคนรักคนอื่นๆที่มีให้เห็นพร่ำเพื่อ  สำหรับกูมันเป็นคำพูดที่ฟังดูไม่ได้น่าเศร้าไปทั้งหมดเพราะมันไม่ได้บอกว่ามันไม่เสียใจ  และตลอดเวลาที่มันพูดถ้าหน้าตาของมันไม่ทรมานขนาดนั้น  กูคงจะเศร้าแดกไปแล้ว 
แต่เปล่าเลย..มันต่างหากที่กลัวว่าสักวันกูคงจะไม่เข้าใจการใช้ชีวิตของมัน  สำหรับกู  กูพร้อมที่จะเข้าใจมันได้เสมอไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม  คำพูดของสลิ่มทำให้กูมั่นใจว่ามันคงจะไม่มีทางทิ้งกูไปแน่ถ้ากูเข้าใจมันอย่างดีและถ้ากูนั้นจะไม่ไปมีคนอื่น  กูไม่คิดหนักถ้าจะเกิดกรณีกูบ้างานจนลืมแฟน  เพราะสลิ่มเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย  ถ้าเทียบกันกับเรื่องของการรักอิสระระหว่างกูกับมันแล้ว..มันคงจะเอากูไปอยู่ในบรรทัดฐานของมัน  สลิ่มน่ะสักวันหนึ่งคงจะกลายเป็นขั้นแอดว้านซ์ส่วนกูก็จะกลายเป็นเด็กน้อยสำหรับบรรทัดฐานของมันในทันที 
กูเชื่อว่าคนอย่างสลิ่มจะสามารถเข้าใจกูได้เสมอถ้าเวลาของกูและมันจะไม่ตรงกัน  กูไม่ว่างหรือถ้าเราต้องห่างกันไปนานๆ  แต่กรณีของกูนั้นความต้องการมันแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว  สิ่งนั้นแหละมั้งที่ทำให้สลิ่มคงหนักใจมาตลอด  ถ้ามันไม่พูดออกมาในตอนนี้เราคงจะไม่เข้าใจ  ดีแล้ว..และ ไม่เป็นไร
ถ้ากูพร้อมที่จะเข้าใจมันตลอดไป  และถ้ามันเองก็เป็นของมันในแบบนี้  เราสองคนก็คงจะเดินไปด้วยกันได้ไม่ยากเท่าไหร่  เราคงไม่มีทางที่จะแยกทางกัน  นั่นคือความมั่นใจที่สลิ่มคงต้องการได้ยินจากปากของกู  และกูเองก็ยินดี..ยินดีเสมอไม่ว่ามันจะต้องการอะไร  แน่นอน..กูไม่สามารถขัดมันได้ตั้งแต่เด็กแล้วน่ะนะ  ก็กูรักมันจะตายไป..



................My love style END.................


หมายเหตุ..

แจ้งข่าวสำคัญที่หน้า 516 อ่านรายละเอียดได้ที่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=13100.15450

ตอนพิเศษนี้จำนวน 47 หน้าเวิร์ด ตอนพิเศษแบบจบจริง*

- ใครที่ยังไม่ได้อ่านประกาศ รบกวนช่วยเลื่อนขึ้นไปด้านบนและอ่านประกาศก่อนด้วยนะคะ ^^
- ใครที่มีความประสงค์ที่จะฟังเพลงสุนทราภรณ์ กด.."หนึ่งในดวงใจ"
- ใครที่มีความประสงค์ที่จะฟังเพลงที่บาร์หน้าเอสพลานาด กด..Kasabian - Days Are Forgotten
- ใครที่ไม่มีความประสงค์ใดๆเลย กด..ปิด


Happy Birthday to เหี้ยเมตร @ 7 เมษยน 2555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2015 12:15:02 โดย เบบี้ »

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
ก่อนอื่น ต้อง :a: :a: พี่เมตรนะค่ะ   

 :กอด1: ขอกอดเบบี้ที่ค่ะ ขอบคุณนะค่ะที่มีเรื่องดีๆให้ได้อ่าน อ่านแล้วได้มากกว่านิยายเรื่องหนึ่ง ทั้งสุข  ทุกข์ ข้อคิดอะไรดีๆ ขอบคุณมากๆค่ะ  ประทับใจมากๆเลยค่ะ   รักพี่เมตร รักสลิ่ม  รักเขต เว วิทย์   พี่โมท  มิ้วค์ และทุกๆคนเลยค่ะ 

ขอให้เบบี้ มีผลงานดีๆออกมาเรื่อยๆ  จะติดตามผลงานตลอดไปค่ะ  o13     


ปล. จะรอรวมเล่มนะค่ะ ไม่พลาดแน่นอน          :bye2: :bye2: :bye2:  ไปรอพี่คิวนะค่ะตอนนี้ :m13:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2012 18:30:00 โดย Tiamo_jamsai »

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
รอวันรวมเล่มค่ะ

yolp

  • บุคคลทั่วไป
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รู้อยู่แล้วว่าสลิ่มก็รักเมตรมาก แต่ก็ดีใจที่ได้รู้ความรู้สึกในใจสลิ่มชัดๆ
เมตรเก่งมากที่เข้าใจได้สลิ่มตลอด 5555
ดีใจมากเหมือนกันตอนสลิ่มพูดเองว่าเมตรเป็นแฟน อ่านมาทั้งเรื่องก็รอคำนี้อยู่เหมือนกัน 555

อยากอ่านพีทัวร์จังเลยน้าา จะมีพีทัวร์ต่อหรือรวมเล่มพีทัวร์พิเศษมั้ยคะ  :o8:

ออฟไลน์ nopkar

  • เป็ด indy
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2159
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-3
รักทุกๆตัวละครในเรื่องนี้เหมือนกันน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

จบวันเกิดเมตรพอดีเลยยย : )

ออฟไลน์ Karn12

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +165/-2
ประทับใจและมีความสุขมากทุกครั้งที่ได้อ่านเรื่องนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pornvrin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
กรี๊ดดดดด เค้าจะแอบเก็บตังค์รอๆๆๆ ทั้งหมดที่เบบี้มีโปรเจ็คเลย XD

lookfa

  • บุคคลทั่วไป
I love you, Baby
ขอบคุณมากค่ะ. สำหรับคนๆหนึ่งที่มานั่งแต่งนิยายที่ยาวมากๆ ให้คนอื่นได้อ่าน อันนี้จากใจ.…
จบอีกหนึ่งเรื่องแล้ว และไม่รู้สึกผิดหวังเลยที่ติดตาม และจะติดตามเรื่องอื่นๆ ด้วย

ถ้ายี่ห้อ baby. รับรองไม่ผิดหวัง อิฉัน confirm o13

ฺ13eLIEve

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ยยย จบแล้วอ่ะ ตามมานาน ชอบมาก ไ่ม่ดิ รักมาก โอ๊ยยย
ไม่รู้จะเขียนอะไรดี

ขอบคุณเบบี้ที่สร้างสรรค์ินิยายดีๆมาให้อ่าน
ขอบคุณเมตร คนในนิยาย...ที่ทำให้เราหลงรักหัวปักหัวปำ.. คืออยากบอกว่า รักเมตรมากอ่ะ
ขอบคุณสลิ่มที่น่ารัก
ขอบคุณตัวละครทุกคนในเรื่อง...

ีัรักนิยายเรื่องนี้มากค่ะ ^^

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ladymoon_yy

  • บุคคลทั่วไป

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
เป็นตอนพิเศษสุดท้ายที่ประทับใจมาก ทั้งฮาทั้งซึ้ง ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ
  :impress3: o13

ออฟไลน์ โดดเดี่ยวแต่ไม่

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-6
น่ารักและน่าติดตามมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอ่านนิยายเรื่องนี้ได้ข้ามปี
แต่มีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านและติดตามนิยายของเบบี๋ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อุดหนุน
แต่เชื่อว่าน้องเบบี๋คงเข้าใจเป็นอย่างดี ให้กำลังใจคนเขียน ความรักของข้าวต้าร์
ขนมและทาย อีกทั้งของใครหลายๆคนและตัวละครของสลิ่มและเมตร
ความรักเกิดขึ้นตั้งแต่เด็กจน มา ณ ทุกวันนี้ ขอให้มีความสุขและตลอดไปนะครับ
 :pig4: :L1: :3123: :L2:

ออฟไลน์ michiko_love

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-3
รักสลิ่มมากๆๆๆๆ รักนิยายเรื่องนี้มากๆๆๆ
ขอบคุณเบบี้มากๆๆสนุกครบรสจริงๆๆกับเรื่องนี้   :pig4:

สุขสันต์วันเกิดเฮียเมตรด้วยจ้า  :L1:

ออฟไลน์ Madness69

  • Love@Sickness
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +235/-0
    • Madness69 Fanpage
โอววววว บร๊ะจ้าวววว มันยาวววมากกก

ปิดม่านจบตรอดกาลแบบสวยสดงดงามเต็มอิ่มสมกับที่คอย
อยากจะเมนท์อะไรให้ยาวกว่านี้แต่เวิ่นไม่ออกว่ะ เพราะมันเต็มอิ่มแล้วจริงๆ
เอาสั้นๆ ไปอีกนิดนุงและกัน เรื่องนี้จะเป็นอีกเรื่องที่ต้องเก็บขึ้นหิ้งหนังสือสะสมของพี่อีกเรื่องนึงแน่นอน

สุดท้ายนี้ขอบคุณไอ้น้องบี้ที่แต่งนิยายสนุกมากให้อ่านแล้วได้ผ่อนคลาย
ไม่สัญญาว่าจะตามผลงานน้องตรอดไป ((เพราะเดี๋ยวต้องไปติดตามใช้หนี้เหมือนคุณเมตร...เอิ๊กๆ)) บอกได้แต่ว่าถ้าน้องยังเขียนให้อ่าน ก็จะตามอ่านแหละนะ ส่วนเรื่องคอมเมนท์ เมนท์บ้าง ไม่เมนท์บ้างต้องขออภัยและออกตัวไว้ก่อนคงไม่ว่ากันนะไอ้น้อง เพราะพี่เป็นประเภทนิสัยไม่ค่อยดีอ่ะยอมให้ด่า แหะๆ

+++++

 :กอด1:

ออฟไลน์ milkteabeige

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Happy Birthday to H.P.Meter ^________^   :กอด1:


ึิึิคิคิ  แอบลืมวันเกิดอิพี่เมตรเหมือนกันนะเนี่ย คิคิ


ตอนสุดท้ายแล้วอ่ะ อยากจะร้องไห้ ต่อไปก็ไม่มีอะไีรหวานๆ น่ารักๆ แบบนี้แล้วอ่ะ
ฮืออออ  ชอบเรื่องนี้มากเลยนะเอาจริงๆๆ

ตอนแรกที่พี่สาวส่งให้อ่านก็เฉยๆๆ อ่านไปได้หน่อยนึงก็เลิกอ่าน
แล้วอะไรก็ไม่รู้ดลใจให้กลับมาเปิดอ่านอีกที
แล้วมันก็ติดหง่อมเลย อ่านรวดเดียวไปร้อยกว่าตอน

อ่านจนรักอิพี่เมตรกับน้องสลิ่มสุดๆๆๆ ชอบคู่นี้   o13


ตอนสุดท้ายยาวมากค่ะ แต่บอกก่อนเลยนะ ไม่จุใจหรอก   :sad11:
คิคิ  ก็อยากอ่านอีกเรื่อยๆ นิน๊าาา


คิดถึุงเบบี้นะจ๊ะ จุ๊บๆๆ  :o8:

ออฟไลน์ beery25

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 808
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +130/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด