ตอนที่11 ครึ่งแรกของครึ่งหลัง (ซอยสามนั่นเอง พี่อามเขียนยาวมากตอนนี้)
.
.
.
จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งอาทิตย์คิมต้องกลับไปจัดการเรื่อง Check out ออกจากหอที่ยังค้างคาให้เรียบร้อย แต่วันนั้นเหมือนว่าฟ้าจะเป็นใจ คิมลืมโทรัพท์มือถือผมเอาไว้ พอได้โอกาสผมรีบเปิดดูทันที และผมว่ามี SMS จนเต็มกล่องจัดเก็บ ถูกต้องแล้วครับ นาวนั่นเองที่ส่งมาประมาณว่า
“พี่อามไปไหนนาวคิดถึงจะแย่แล้ว”
“ทำไมไม่เปิดมือถือ”
“เกลียดนาวแล้วใช่ไหม”
“พี่อามใจร้าย” ผมเลยส่งข้อความบอกกลับไปสั้นๆว่า
“คิมรู้เรื่องหมดทุกอย่างแล้ว ตอนนี้กำลังโดนขังอยู่ไม่รู้อยู่ที่ไหน” เท่านั้นแหละครับ นาวโทรมาหาผมทันที
“พี่อามเป็นไงบ้าง” เสียงนาวขาดห้วง ฟังแล้วรู้เลยว่าร้องไห้
“พี่ก็สบายดี คิมไม่ได้ทำรุนแรงกับพี่หรอก แต่ก็มีเจ็บตัวบ้างเหมือนกัน”
“พี่คิมทำอะไรพี่อาม” นาวอารมณ์เปลี่ยนเร็วมาก ดูโกรธขึ้นมาทันที เมื่อผมบอกว่าเจ็บตัว
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ก็กำลังชดใช้ความผิดไง”
“ให้นาวไปช่วยนะ”
“นาวครับ พี่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ไหน”
“ฮือพี่อามนาวขอโทษ นาวผิดเองที่ทำให้พี่อามเป็นแบบนี้” นาวเริ่มกลับมาร้องไห้อีกครั้ง
“ไม่หรอก พี่เป็นคนเริ่มต้นทุกอย่างเอง”
“แต่นาวสมยอม นาวเต็มใจ แล้วนาวก็ข่มขืนพี่อามด้วย พี่อามจะผิดได้ไง” ผมคิดในใจว่า ผมโดนนาวข่มขืนหรือเหมือนโดนข่มขืนกันแน่ เพราะก็ต้องยอมรับความจริงว่าลึกๆแล้วผมรู้ว่ามันจะเกิดแต่ก็ไม่ได้จะยับยั้งมัน”
“นาวแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่โทรไปใหม่ อย่าโทรมานะ เพราะถ้าคิมจับได้ เราอาจไม่ได้คุยกันอีก” นาวร้องไห้เหมือนน้ำตาจะเป็นสายเลือดเลย ผมฟังแล้วหดหู่หัวใจมากมาย พอพูดกับนาวจบ ผมก็นึกถึงคนๆหนึ่งขึ้นมา
“พี่หมอชาญช่วยผมด้วย”
“เฮ้ย ใจเย็นๆเกิดอะไรขึ้น ค่อยๆพูดดิ” พี่หมอชาญฟังแล้วตกใจคำพูดผมมาก ผมเลยต้องอธิบายคร่าวๆว่าผมโดนคิมจับตัวมา แต่ไม่ได้บอกว่าเกิดจากเรื่องนาว แต่บอกว่ามีปัญหากันแล้วก็เลยถูกจับตัวมา เพราะถ้าเล่าทางโทรศัพท์ตอนนี้คงเล่ารายละเอียดได้ไม่ดีพอแน่นอน
“เฮ้ยลองดูดีๆ ไม่มีอะไรบ่งบอกเลยเหรอว่าอยู่ที่ไหน”
“อืม ไม่รู้ ไม่มีอะไรบอกเลย”
“มีโทรศัพท์ในห้องรึเปล่า ลองโทรไปถามส่วนกลางดู อาจได้คำตอบก็ได้นะ”
“แต่ผมไม่เห็นโทรศัพท์เลยนะ”
“ลองหาดู คิมอาจจะซ่อนไว้ก็ได้นะ เป็นไปไม่ได้หรอก ที่คอนโดหรูๆจะไม่มีโทรศัพท์ไว้ในห้องน่ะ”
“ครับพี่หมอชาญ ผมจะลองดู”
“ได้เรื่องแล้ว รีบโทรมาบอกนะ จะได้รีบช่วย”
จากนั้นผมรีบไปรื้อค้นโทรศัพท์โดยทันที ตอนแรกก็หาไม่เจอไม่รู้ว่าว่าคิมเอาไปไว้ที่ไหน จนกระทั่งมาถึงในห้องน้ำผมก็ค้นไปเรื่อยๆปรากฏว่าเจอครับ คิมเอาโทรศัพท์ไปซ่อนอยู่ในกล่องแล้วเก็บไว้ในตู้เก็บของใต้อ่างล้างหน้า (ถ้าใครเคยไปพักที่โรงแรมบางแห่งก็เป็นประมาณนี้) ผมรีบหาสายโทรัพท์ให้เจอแล้วรีบต่อสายทันที โดยผมโทรไปถามส่วนกลางถึงข้อมูลของคอนโดนี้ โดยให้เหตุผลว่าต้องการเขียนจดหมายแต่จำที่อยู่โดยละเอียดไม่ได้ ก็เลยทำให้รู้ว่าตัวเองอยู่ไหน แอบตกใจเล็กน้อยว่าตัวเองถูกขังกลางเมืองเลยทีเดียว แล้วก็ใช้มุขบอกว่าบังเอิญทำ keycard หายเลยออกจากห้องไม่ได้ พอเจ้าหน้าที่ทราบเขาก็มาจัดการแก้ไขเปิดห้องให้ครับ โดยผมซื้อ keycard ไว้อีกใบ แต่ก็นั่นแหละครับไม่รู้ว่าเป็นอะไร ทำไมถึงมีคนชอบมายุ่งเรื่องของผมอยู่เรื่อย
“ขอโทษนะคะ พี่รู้จักแฟนคุณ....(ชื่อจริงคิม)รึเปล่าคะ” สาวน้อยน่ารักที่มาช่วยผมถามทำไมหรือครับ
“ครับรู้จักดีเลยมีอะไรรึเปล่า” ผมคิดในใจกูนี่แหละ มีอะไรรึเปล่าเนี่ย
“อ๋อเห็นคุณ...บอกว่าจะเอาคอนโดนี้มาไว้เป็นเรือนหอนะค่ะ เลยไม่นึกว่าจะมีใครมาอยู่ที่ห้องนี้ได้ เพราะปกติแล้วดูคุณ...จะหวงห้องนี้มาก” เอาแล้วนี่ถ้าคิมกลับมาความจะแตกมั้ยเนี่ย เอาไงดีวะ
“อ๋อ คิมเขาให้ผมมาพักด้วยเพราะต้องไปทำงานเก็บข้อมูลด้วยกันที่ต่างจังหวัดนะครับ จะได้ทำงานด้วยกันสะดวกๆ” ผมนึกเรื่องที่คิมแต่งเรื่องให้สุดที่รักผมฟังมาใช้โดยฉับพลันครับ แล้วเรื่องก็จบลงไปครับ แต่เรื่องใหม่ก็เกิดเพราะผมคิดว่าถ้าคิมสนิทกับคนที่ส่วนกลางขนาดบอกว่าจะเอาห้องนี้ไว้เป็นเรือนหอ ถ้าวันนี้เกิดผู้หญิงคนนี้บอกว่าได้คุยกับผมจะทำอย่างไรล่ะ ไม่ได้แหละต้องรีบโทรตามพี่หมอชาญมาด่วนเลย
จากนั้นผมรีบโทรไปบอกพี่หมอชาญโดยด่วน พี่หมอชาญขับรถมาหาผมใน 45 นาที แล้วก็รอบคอบมากคือใส่แว่นดำแล้วแต่งตัวปกปิดมาอย่างดี กันกล้องจับได้ ดีอย่างที่คิมกับพี่หมอชาญไม่เคยคุยกันโล่งใจไปอีกดอก อย่างน้อยถ้าผมต้องหนีไปกับพี่หมอชาญคิมคงสืบลำบาก ตอนแรกจะช่วยผมเก็บของหนีโดยด่วน แต่ในตอนนั้นผมรู้สึกว่า การหนีต่อไปไม่มีประโยชน์ เพราะสุดท้ายก็ต้องเจอทั้งสองหนุ่มอยู่ดี ผมเลยตัดสินใจแฉตัวเองอย่างหมดเปลือกต่อหน้าพี่หมอชาญ ผมบอกพี่หมอชาญว่า ถ้าฟังเรื่องจบจะด่าผมก็ได้ แต่ขอให้ช่วยผมหน่อย ผมไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนี้อีกแล้ว ผมเลยเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นยกเว้นเรื่องลีลาสัมพันธ์สวาทบนเตียงเท่านั้น พอเล่าจบพี่หมอชาญก็เงียบสักพักก่อนจะพูดว่า
“เฮ้ย พี่ไม่ด่าแกหรอกว่ะ พี่ออกจะอิจฉาแกด้วยซ้ำ เขาสองคนดูรักแกมากนะเว้ย”
“พี่ครับ แต่ผมน่ะมีอะไรกับน้องตัวเอง แถมนอกใจแฟนอีกต่างหาก มันน่าอิจฉาตรงไหน”
“คนบางคนโหยหาความรักยังไม่มาเลย แต่แกเนี่ยมาเกยให้ถึงที่ เรื่องนี้พี่ว่ามันไม่มีผิดถูกหรอก แต่ว่ามันอยู่ที่ว่าความไม่ลงตัวต่างหาก”
“ถ้าผมเลิกกับทั้งสองคน น่าจะดีกว่านะ”
“อาม พี่ว่าถ้าแกเลิกทั้งสองคน ทั้งสองคนถ้าไม่ฆ่ากันตาย ก็ฆ่าตัวตายแน่ๆ”
“งั้นถ้าผมไปมีใหม่ล่ะ”
“หนักกว่าเดิมแน่นอน”
“โอ้ย งั้นผมไปตายดีกว่า
“แกตาย อีกสองคนนั้นก็ตายตามแกอยู่ดี”
“แล้วให้ทำไง”
“คิมเคยได้ยินเรื่องการแต่งงานของคนอินเดีย สมัยโบราณมั้ยที่ว่า ภรรยามีสามีหลายคนได้ในเวลาเดียวกันน่ะ ในเรื่องมหาภารตะก็มีปรากฏการแต่งงานของพี่น้องปาณฑพทั้งห้ากับผู้หญิงคนเดียวกันด้วยนะ
“เฮ้ย อย่าบอกนะว่า” ผมอึ้งสุดขีด
“เห็นทีว่าต้องอยู่ด้วยกันสามคนแล้วล่ะ”
“ไม่อาววววววววววว แล้วผมจะบอกญาติพี่น้องว่ายังไง มีลูกพี่ลูกน้องน้องตัวเองเป็นแฟนเนี่ยนะ ขนาดคู่ชายหญิงยังโดนวิจารณ์แหลกเลย แล้วผมโดนไม่โดนด่าเจียนตายก่อนเหรอ (รู้สึกว่าช่วงนี้ของผมคล้ายละครชิงชังที่พึ่งจบไปเลย ตอนที่เห็นก้อยกับยงชัยต้องผิดหวังเพราะเป็นพี่น้องกัน คิดถึงตัวเองขึ้นมาทันทีเลยครับ)
“จะยอมโดนด่าเจียนตายหรืออยากเห็นน้องสุดที่รักของตัวเองตายจริงๆล่ะ” ผมอึ้งไม่รู้จะทำยังไงดีครับ
“มันเป็นไปไม่ได้หรอก มันเป็นไม่ได้” ผมได้แต่ส่ายหัว
“หรือว่าจะหนีดีละ อามก็ไม่อยากทำใช่ไหมล่ะ” พี่หมอชาญพูดซะจนหาทางหนีทีไล่ไม่ถูก
“ไม่หนีแต่ขอหลบไปสักพักนึงก่อนละกัน เรื่องนี้คงเร็วเกินไปที่จะพูด คงต้องขอเวลาสักพักหนึ่ง กลับบ้านก่อนละกัน” ผมตัดสินใจ “พักปัญหา”
“เฮ้ย ถ้าแกกลับบ้านนะรับรองมีเฮ รับรองเกิดศึกชิงนายแน่ๆ”
“พี่หมอชาญอย่ากวนดิ คิมไม่รู้จักบ้านใหม่ผมซะหน่อย” ผมแย้ง
“เอาจริงๆ แกคิดเหรอว่าคิมเขาจะหาแกไม่เจอ บ้านรวยขนาดนั้นคิดว่าจะไม่มีเส้นสายหรือไง แค่หาบ้านคนไม่ยากหรอก คิดดูดิขนาดแบกน้องๆหมีอย่างแกมาไว้ที่คอนโดกลางเมือง โดยที่ไม่มีใครตามมาสืบหรือมาเจอแกเลย แบบนี้คิดว่าควรกลับบ้านรึเปล่า” ผมก็เลยแบบว่า เออพี่หมอชาญมันก็พูดจริงว่ะ ประเด็นก็คือแล้วผมจะไปอยู่ไหนล่ะ
“แล้วพี่หมอชาญจะให้ผมไปอยู่บ้านพี่หรือ ผมว่ามีความเสี่ยงที่จะเจอคิมได้ทุกเมื่อเลยนะ”
“ฮื่อ ไม่อ่ะถ้าคิมตามมาเจอ พี่ก็โดนฉีกอกเอาน่ะสิ ขนาดรักแกจะตายแกยังโดนขนาดซะยับเยินเลย” ประมาณว่าฟังผมเล่าแล้วก็ยังกลัวแทน
“แล้วจะให้ไปอยู่ไหนอ่ะ”
“ไปอยู่บ้านสวนยายพี่ละกัน ที่สมุทรสงคราม ติดแม่น้ำ อากาศดี อยู่สบาย ว่าแต่เราเหอะอยู่ได้รึเปล่า ออกจะพ่อแม่หวง แฟนก็ดูแลไม่ห่างเลย เดี๋ยวถูกยายพี่ใช้งานหนัก ร้องไห้หนีไปก่อนจะว่าไง” พอผมได้ยินที่ติดริมน้ำผมก็หูผึ่งแล้วครับ เพราะผมชอบที่ริมน้ำมาก ไอ้พี่หมอชาญยิ้มกวนๆ ดูมันดิกวนไม่เคยเปลี่ยน
“โหพี่หมอชาญ พูดอะไรแบบนั้นผมน่ะติดดินนะ ตอนเด็กๆผมชอบไปสวนผลไม้บ้านน้าที่นราธิวาสบ่อยจะตาย อยู่กับคิมผมก็ทำตัวธรรมดา แม้คิมจะดูแลผดีเกินก็เหอะ”
“ถ้างั้นรีบไปเก็บของเลย ยิ่งช้ายิ่งเสี่ยง พี่ขับรถแบบแวนมาน่าจะขนของได้เยอะนะ เร็วๆเลย” ผมรีบไปเก็บของตัวเองทันที เอาที่คิดว่าต้องใช้ หลักฐานประจำตัวอะไรก็เอาไปด้วยเพื่อต้องใช้ ปกติผมเก็บของช้า แต่วันนั้นเก็บของเร็วมาก ของเยอะมากแต่เก็บเสร็จภายใน 45 นาที ตรวจดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่ลืมอะไรแน่ ก่อนจะไปผมรู้สึกว่าถ้าหายไปเฉยๆเดี๋ยวคิมจะคลั่งแน่ เขียนจดหมายไว้สักหน่อยดีกว่า ผมไม่อยากทำร้ายคิมให้ต้องเจ็บมากไปกว่านี้ ผมเขียนประมาณว่า
"คิมสุดที่รัก
ถ้าคิมได้อ่านจดหมายของเราแล้ว แสดงว่าเราคงไม่อยู่ในห้องนี้แล้วล่ะ เราไม่ได้จะหนีจากคิมไปหรอกนะ อามแค่คิดว่าเรื่องที่เกิดระหว่างเราสองคน บางทีต่างฝ่ายอาจต้องการเวลาพัก ให้แต่ละฝ่ายได้คิดทบทวนบ้าง เพราะบางครั้งการที่อยู่คนเดียวอาจจะพิจารณาได้ถ้วนถี่มากกว่าเหมือนตอนที่เราทำใจให้จิตสงบไง เราไม่สามารถให้ใครมาทำให้เราสงบได้หรอกนะ นอกจากตัวเราเองที่ต้องดูแลใจของตัวเราให้ดีๆ ที่ผ่านมาคิมรักเรามากเกินไป จนทำให้เรารู้สึกผิดที่ไม่ได้มีรักเดียวอย่างคิม คิมอย่าโทษตัวเองนะว่าเป็นเพราะคิมทำอะไรรุนแรงเลยเป็นต้นเหตุที่ทำให้อามหนีไป อามแค่อยากไปพักผ่อนให้สบายใจ คิมแน่ใจได้เลยว่าเราไม่ได้ไปอยู่กับนาวแน่นอน แต่เราไปอยู่ในที่ที่หนึ่งที่รับรองได้เลยว่า สงบและปลอดภัย เป็นที่ในแบบเราชอบ ถ้าเราพร้อมแล้วเราจะกลับมาหาคิมนะ เราสัญญา สิ่งหนึ่งที่อยากขอร้องคือคิมอย่าทำร้ายตัวเองนะ เพราะมันคงจะเป็นตราบาปสำหรับเรามากเลยถ้าคิมทำร้ายตัวเอง เราสัญญาว่าเราจะกลับมา ขอบคุณที่ดูแลเรามาตลอดตั้งแต่เป็นเพื่อนกัน จนมาเป็นแฟนกันคิมก็ยังคงดูแลเราดีมากกว่าเดิม แม้เราจะถูกขังไว้ที่นี่ คิมก็ดูแลเราอย่างดี ชาตินี้อามคงหาใครที่ดีกว่าคิมไม่ได้อีก
อามรักคิม
อาม"
พอเขียนจบผมรู้สึกเศร้าใจมาก แทบจะร้องไห้ออกมา แต่รู้ว่าถ้าร้องไห้จะหมดแรงเดินไหว เลยต้องรีบข่มใจ วางจดหมายในที่ที่เห็นชัด แล้วรีบขนของออกมา พอได้ขึ้นรถพี่หมอชาญตอนที่ขับออกมาแล้ว จึงปล่อยโฮออกมายกใหญ่ เป็นมหกรรมการร้องไห้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตผม มันหลายอารมณ์ความรู้สึกมาก ทั้งเศร้าใจ ผิดหวังในตัวเอง คิดถึงเรื่องเก่าๆระหว่างคิมกับผม ถ้าไม่มีนาวอยู่ด้วยเราแทบไม่เคยห่างกันเลย เป็นห่วงคิม แล้วอีกสารพัดอารมณ์ ร้องไห้เหมือนน้ำตาจะท่วมรถได้อยู่แล้วมั้งครับ พี่หมอชาญต้องคอยปลอบเป็นระยะ ผมร้องไห้จนหลับคารถไปเลยครับ
พอตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองตื่นมาอยู่ในบ้านสวนของคุณยายพี่หมอชาญแล้วครับ ตอนมาถึงก็น่าจะประมาณช่วงบ่ายสองบ่ายสามได้แล้วครับ
พอผมลงจากรถ คุณยายท่านก็รออยู่แล้ว ผมคิดว่าพี่หมอชาญคงโทรบอกคุณยายตอนที่ผมหลับน่ะครับ คุณยายอัธยาศัยดีมาก ต้อนรับผมอย่างดียังกับเป็นหลานตัวเองจริงๆเลย คิดถึงคุณยายตัวเองจัง พี่หมอชาญบอกกับคุณยายว่า เหตุผลที่ต้องมาอยู่ที่นี่เพราะต้องการสัมผัสวิถีชีวิตแบบชุมชนชาวสวน เพื่อไปพัฒนาที่ดินของตัวเองในอนาคต แต่ก็เป็นเรื่องจริงนะครับ เพราะที่บ้านผมมีที่ดินในครอบครองที่รกร้างว่างเปล่าอยู่ ผมว่าเหมาะกับการทำเกษตรที่สุด มาอยู่ที่นี่ก็ดีเลยจะได้เก็บความรู้เยอะๆ แล้วสวนคุณยายก็อยู่ริมน้ำผมก็ชอบมากๆด้วย อยู่ที่นี่คงได้สงบจิตสงบใจเป็นอย่างดี
ตกเย็นคุณยายลงมือทำอาหารเอง เป็นอาหารพื้นบ้านที่รสชาติอร่อย ผมว่าอาหารพื้นบ้านเนี่ยไม่จำเป็นต้องปรุงรสชาติมาก แค่มีวัตถุดิบที่หาได้สดๆตามท้องถิ่นก็อร่อยแล้วครับ คุณยายบอกว่าดีใจที่ผมมาอยู่ด้วย เพราะปกติคุณยายอยู่คนเดียวแล้วก็มีคนงานในสวนที่เป็นคนเก่าคนแก่อยู่ด้วย ลูกๆหลานๆก็ออกไปทำงานข้างนอกหมด แต่คุณยายยืนยันว่าจะอยู่ที่นี่ เพราะรักสวนแห่งนี้มาก เพราะเป็นสถานที่แห่งความทรงจำระหว่างคุณยายกับคุณตาที่เสียชีวิตไปแล้ว ฟังแล้วผมละซาบซึ้งจริงๆ เฮ่อแล้วผมละ คิดแล้วกลุ้ม
พี่หมอชาญกลับหลังทานข้าวเสร็จเพราะพรุ่งนี้ต้องตรวจคนไข้แต่เช้า ผมคิดอะไรได้บางอย่าง เลยเขียนจดหมายถึงคิมและนาวเพราะกลัวจะว่าถ้าหายเงียบไปเลยเรื่องอาจบานปลายมากกว่านี้ โดยให้พี่หมอชาญหย่อนจดหมายที่กรุงเทพแทนที่จะเป็นที่นี่เพราะจะได้ไม่รู้ว่าปลายทางจริงๆคือที่ไหน และคืนนี้จะเป็นคืนแรกที่ผมนอนคนเดียว ผมจำไม่ได้แล้วว่านอนคนเดียวครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ และคืนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะทนกับความเหงาเปล่าเปลี่ยวในค่ำคืนนี้ไปได้อย่างไร
ค่ำคืนผมต้องนอนคนเดียว มันช่างอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว เดียวดาย เมื่อไม่มีคิมหรือนาวมาอยู่แนบกาย การนอนคนเดียวมันทำให้ใจผมว้าวุ่นและยิ่งสับสนในความรู้สึกของตัวเองว่าอันที่จริงแล้วผมรักใครกันแน่ เพราะในตลอดคืนผมก็คิดถึงทั้งสองคนสลับกันไปมา จนแทบจะนอนไม่หลับ พอหลับก็เหมือนได้ยินเสียงของสองคนนี้ร้องเรียกชื่อผมสลับกันไปมา จนพลอยฝันเห็นว่าสองคนนั้นกำลังทำร้ายตัวเองเพราะเสียใจที่ผมหนีไปและไม่ยอมอยู่กับใครสักคนหนึ่ง ที่สุดแล้วผมไม่ได้นอนทั้งคืนจนกลายเป็นหมีแพนด้าไปในบัดดล แต่โดนแบบนี้ซะบ้างก็ดี จะได้ไม่ต้องไปรักใครง่ายๆแล้วตัดใจไม่ลงแบบนี้อีก เฮ่อ
การที่ผมอยู่ในบ้านสวนคุณยาย ก็มีเรื่องสนุกให้ทำเยอะมาก เพราะได้ลองทำอะไรใหม่ๆที่เด็กในเมืองอย่างผมไม่เคยทำมาก่อน ตั้งแต่ขุดดิน เก็บผลไม้ รดน้ำต้นไม้ แปรรูปผลิตผลทางการเกษตร และที่ผมชอบมากคือการได้มีโอกาสใส่บาตรทางน้ำ ซึ่งปกติผมจะเห็นแต่ในละครไทยแนวพีเรียดซะมากกว่า ผู้คนในละแวกใกล้เคียงทั้งคนงานหรือเพื่อนบ้านทั้งหลายก็ใจดีกับผมมาก นอกจากนี้ผมยังได้มีโอกาสเป็นไกด์นำชมสวนของคุณยาย เพราะคุณยายทำโครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์กับนักท่องเที่ยวทั้งหลาย คุณยายท่านก็ใจดี๊ ใจดีอุตส่าห์จ่ายค่าจ้างโดยหักจากเปอร์เซ็นต์จากตค่าบัตรเข้าชมสวนของนักท่องเที่ยว ผมพยายามปฏิเสธแล้วแต่คุณยายท่านก็ยืนยันว่าคนเราทำงานแล้วก็ต้องได้เงิน ผมเป็นเหมือนลูกหลาน ท่านไม่ปล่อยให้ผมทำงานฟรีๆหรอก โธ่คุณยายครับแค่ให้ที่พักพิงกับผมก็เป็นบุญคุณมากแล้วครับ
ในที่สุดเวลาผ่านไปประมาณสองเดือนกว่า รู้สึกว่าอยู่ในช่วงเปิดเทอมใหม่ของพวกมัธยมปลายแล้วมั้ง ผมก็ยังเขียนจดหมายหาคิมกับนาวโดยฝากพี่หมอชาญส่งเป็นประจำแต่ผมก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับไปเคลียร์ปัญหาให้มันจบๆซะที.....
****************************
ตอนนี้ยาวได้อีก ดังนั้น เห็นทีต้องซอยสาม ตอนหน้า ยิ่งมันได้อีก เหอๆๆ อย่าลืมติดตามชม หุหุ