เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เพลิงรัก "บทส่งท้าย บทที่ 2 ในที่สุด พระเอกกับนายเอกก็นั่นกันครบสามครั้ง เฮ้อ" (26/3/2010)  (อ่าน 238090 ครั้ง)

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
«ตอบ #90 เมื่อ29-01-2010 21:48:17 »

ไม่ได้ตามเรื่องที่แล้ว มาตามเรื่องนี้แล้วกันนะคุณนาย

ออฟไลน์ amito

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-0
Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
«ตอบ #91 เมื่อ29-01-2010 21:49:41 »

ทัศนคติเกี่ยวกับความรักของทั้งคู่ แรง พอๆกัน

หมากฝรั่งเคี้ยวรู้รสแล้วคายทิ้ง ไม่นอนกับใครเกินสามครั้ง โอ้มายบุดด้า  :a5:แล้วจะจูนกันติดยังไงละเนี่ย

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
Re: เพลิงรัก บทที่ 2 (25/1/2010)
«ตอบ #92 เมื่อ31-01-2010 23:21:24 »

ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ พักนี้ผู้เขียนยุ่งสุดๆ รักแล้วรอหน่อยนะ

เพลิงรัก บทที่ 3

ชาลีดึงนามบัตรจากมือของพันตำรวจตรีกัณต์แล้วเดินจากไปโดยเร็ว ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายพยายามจะขอนามบัตรของเขา ชาลีได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตนเองสองครั้งแล้วแต่ไม่ได้รับสาย พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของโรงพยาบาลเขาจึงรีบโทรกลับ ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่บอกว่าเควินปลอดภัยแล้ว ตอนนี้นอนพักอยู่ห้อง 2305
ชาลีไม่ได้โทรบอกเอกภพ เขาไม่อยากให้เพื่อนตกใจกลางดึก ชาลีจอดรถหน้าโรงพยาบาล ยื่นกุญแจให้ทินกร หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่เขาสนิทด้วย
“พี่กร ผมรีบ ฝากรถด้วย อ้อ พี่รู้จักเควินไหมครับ ดาราช่องเจ็ด”
ทินกรพยักหน้าแล้วรีบบอกว่ามีนักข่าวมาดักรอทำข่าวที่หน้าโรงพยาบาลตั้งแต่เควินถูกนำตัวมาส่งที่ห้องฉุกเฉิน
“ตอนนี้ก็ยังเหลืออยู่ข้างในกันสองสามคน”
“พี่กร กันเอาไว้ด้วยนะ อย่าให้ขึ้นข้างบนได้เด็ดขาด” ชาลีกำชับ “เควินเป็นเพื่อนผม”
“ไม่ต้องห่วงครับหมอ” ทินกรรับปากแข็งขัน แล้วถามว่าชาลีจะค้างที่โรงพยาบาลหรือไม่ แพทย์หนุ่มส่ายหน้าแล้วบอกว่าอีกไม่นานก็ลงมา
วันนี้เขาเหนื่อยมามากพอแล้ว เขาอยากกลับบ้านนอนพัก พรุ่งนี้เขาต้องไปเรือนจำกลางคลองเปรมตั้งแต่เช้าเพื่อช่วยหมอยงยุทธทำโครงการพิเศษ
ทินกรเป็นอีกคนที่มีชื่อคล้องจองกับ “อดีต” ของเขา ชายหนุ่มรุ่นพี่สนิทกับเขาตั้งแต่แรกๆ ที่เข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้ คงเป็นเพราะมิตรภาพที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาออกหน้าเถียงแทนทินกรในกรณีแพทย์คนหนึ่งถอยรถชนรถเข็นคนไข้ที่หน้าโรงพยาบาล ทินกรถูกตำหนิที่ไม่ดูแลการถอยรถ แต่เขาอยู่ในเหตุการณ์และเห็นว่าอะไรเป็นอะไร นายแพทย์คนนั้นจึงเกลียดเขาเข้ากระดูกดำตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
มีคนเกลียดเพิ่มอีกหนึ่งคน แลกกับได้เพื่อนแท้เพิ่มอีกหนึ่งคน ชาลีเห็นว่า “คุ้ม” ทินกรกับเขาช่วยเหลือกันและกันมาแต่ไหนแต่ไร แม้แต่ตอนที่บ้านของทินกรไฟไหม้เขาก็จัดการหาที่ที่พักให้ครอบครัวของทินกรใหม่

ชาลีหยุดยืนหน้าห้อง 2305 ห้องพักพิเศษบนชั้น 23 ของโรงพยาบาล ชั้นพิเศษสำหรับคนพิเศษเท่านั้น ชื่อหน้าห้องเขียนว่า คนไข้ชื่อ นางสุทธิดา สุทธิวิริยะ - ชื่อปลอมเพื่อกันไม่ให้ใครรู้ว่าคนไข้ที่นอนพักอยู่ข้างในคือ เควิน
ห้องเงียบสนิท ไฟในห้องโถงสว่าง กระเป๋านักเรียนสีดำวางอยู่บนโซฟา ลูกบาสเก็ตบอลสีส้มวางอยู่ใกล้ๆ กัน ชาลีเดินตรงไปยังประตูห้องคนไข้ บิดลูกบิดแล้วเปิดประตูให้เบาที่สุดเท่าที่ทำได้
กวิณ หรือเควิน ดาราหนุ่มลูกครึ่งไทย-จีน-ฝรั่งเศสนอนอยู่บนเตียง ท่าทางคงหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา บนโซฟาข้างเตียง เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนนอนขดตัวอยู่ หูฟังสีขาวยังคาอยู่ที่หู
ชาลีถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินเขาไปใกล้เตียงของเควิน ก้มหน้าลงมองเพื่อนใกล้ๆ ใบหน้าหล่อเหลาคมดูเจ็บปวด แม้กำลังนอนหลับ คราบน้ำตาเกรอะกรังบนสองแก้มยังปรากฏให้เห็น
...เควินผู้สดใสร่าเริงบนจอโทรทัศน์ ฉากหลังมีแต่เสียงร้องไห้และความทุกข์…
…ใคร...ใครกันที่ทำให้เควินเป็นได้ถึงขนาดนี้...

เสียงนาวินขยับตัว ชาลีหันไปมองเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนโซฟา น้องชายของเควินอายุย่างเข้า17 ปี แต่ต้องคอยดูแลพี่ชายที่อ่อนแอเสียจนน่าเป็นห่วง เควินกับนาวินมีกันอยู่เพียงสองคน ลุ้มลุกคลุกคลานมาด้วยกันตั้งแต่พ่อแม่ของทั้งสองเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อครั้งที่เควินกับเขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปีเดียวที่คบกัน เขากับเควินกลายมาเป็นเพื่อนกันได้ไม่ยากเพราะประสบชะตาชีวิตคล้ายกัน ปีเดียวในมหาวิทยาลัยรามคำแหงสอนให้เขาเข้มแข็ง จนกระทั่งเขาพบกับพี่ทศ รุ่นพี่ที่ช่วยลากเขาขึ้นมาจากหุบเหวแห่งความทุกข์
เขาพยายามดึงเควินขึ้นมาด้วยทั้งๆ ที่ตัวเองก็อาการปางตาย ชาลีเป็นคนสู้ชีวิต เขาเป็นคนที่ไม่เคยยอมแพ้ เขาเป็นคนที่พยายามกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอด และเขาก็ทำสำเร็จ สอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศได้ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ หลังจากที่สะบักสะบอมเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งมาถึงสามรอบสามมหาวิทยาลัย
...ชีวิตใหม่ที่เป็นชีวิตใหม่จริงๆ เปลี่ยนตัวเองอย่างสิ้นเชิง ทิ้งแว่นตาหนาเตอะกรอบดำ รูปร่างผอม เสื้อตัวโคร่ง กางเกงสีซีดๆ ทรงผมเชยๆ ท่าทางเหนียมอาย ชอบเดินก้มหน้า มาเป็นนายแพทย์ชาลีผู้มั่นใจในตัวเองที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ...
“พี่หมอ...” เสียงนาวินงัวเงีย
“นาวิน” ชาลีหันไปมองเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่กำลังหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง
“พี่วินเขาเพิ่งหลับไป เมื่อกี้นอนร้องไห้อยู่ตั้งนาน” นาวินรายงาน
“ฮื่อ” ชาลีตอบรับในลำคอแล้วถามว่า “เราล่ะกินข้าวหรือยัง”
นาวินพยักหน้า “น้าพู่กำลังมา ผมโทรไปบอกแล้ว”
น้าพู่ คือญาติผู้ใหญ่คนเดียวของสองพี่น้อง กำลังเดินทางมาจากเชียงใหม่
ชาลีปล่อยให้เควินนอน แล้วพยักหน้าให้นาวินเดินตามออกมาข้างนอก เด็กหนุ่มเดินโซเซเพราะเพิ่งตื่น แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องรับแขก มือวางอยู่บนลูกบาส ลูบเล่นไปมา
นาวินหน้าตาดีไม่แพ้พี่ชาย หนุ่มน้อยอายุย่าง 17 ปีฉายแววหล่อเหลามาตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่ม ชาลีรู้ว่าผู้จัดการส่วนตัวของเควินพยายามจีบนาวินให้เข้าสู่วงการบันเทิง แต่หนุ่มน้อยไม่สนใจ มุ่งแต่เล่นกีฬา นาวินบอกว่าเขาอยากเป็นตำรวจหรือไม่ก็ทหาร อยากสวมเครื่องแบบเท่ๆ แทนที่จะยืนทำหน้าหล่ออยู่หน้ากล้อง
“ดีแล้ว” ชาลีเห็นด้วย และพูดกับเด็กหนุ่มและเควินอยู่บ่อย เควินก็เห็นด้วย เพื่อนเขาเป็นคนหัวอ่อน ใครบอกอะไรก็เชื่อ
แต่เขาคิดว่าลึกๆ แล้วเควินหัวรั้นมาก บางอย่างที่เขาเพียรพยายามบอกเควิน เพื่อนเขาก็ไม่เคยใส่ใจเสียที
...ยกตัวอย่างเช่น รักต้องห้าม อย่างที่เควินชอบทำ คล้ายๆ กับเอก
...ชอบตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะไปตกหลุมรัก...
...เจ็บทุกที...

“พรุ่งนี้ต้องเรียนหรือเปล่า” ชาลีถามนาวิน
เด็กหนุ่มพยักหน้า “แล้วก็ซ้อมบาสด้วย วันเสาร์ผมก็จะแข่งแล้ว”
“งั้นก็นอนซะ เดี๋ยวพี่ช่วยดูเอง” ชาลีเปลี่ยนใจ ตอนแรกคิดว่าจะกลับไปนอนบ้าน แต่ตอนนี้คิดว่าน่าจะดีกว่าถ้าได้อยู่เป็นเพื่อนเควิน
“น้าพู่คงมาถึงตอนสายๆ จ้างคนเขาขับรถมาส่ง แต่ว่า...”
“พรุ่งนี้เช้าก็ไปเรียนเลยนะ ใส่เสื้อผ้าตัวเก่านี่ล่ะ ไปถอดเสื้อผ้าแขวนเอาไว้ซะ เดี๋ยวพี่หาคนรีดให้ เอาชุดคนไข้นั่นล่ะใส่นอน”
“แล้วพี่วิน...” นาวินหันไปมองประตูห้องพักคนไข้ สายตาห่วงใยพี่ชาย
“เดี๋ยวพี่ช่วยดูเองจนกว่าน้าพู่จะมาถึง ไม่ต้องห่วงหรอก นี่โรงพยาบาลพี่นะ มีคนช่วยเยอะแยะ หมอเอกก็เข้าเวรเช้า เดี๋ยวก็ขึ้นมาช่วยกันดู แล้วพี่กุ๊กไก่จะมาหรือเปล่า”
“เขาคงมาสายๆ มั๊งครับ ผมมาถึงพี่กุ๊กก็กลับ บอกว่าตื่นเช้าก็จะมาดู” นาวินเล่าถึงผู้จัดการส่วนตัวของเควิน
“พี่หมอ” นาวินเสียงเบา มองชาลีตาละห้อย “พี่วินจะเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมพี่วินต้องฆ่าตัวตายด้วย แค่ผู้ชายคนเดียว”
ชาลีมองใบหน้าคมกริบของนาวินที่ไม่ต่างจากพี่ชายเท่าใดนัก นัยน์ตาของเด็กหนุ่มน่าสงสาร เขารู้ว่านาวินพยายามทำตัวเข้มแข็ง แต่ความจริงนาวินหวาดกลัวนัก ตั้งแต่พ้นวัยเด็ก นาวินเจออะไรมาหลายอย่าง เควินเองก็พยายามดูแลน้องตั้งแต่พ่อแม่เสียชีวิต แต่เควินเองก็ไม่ได้เป็นคนที่จะเป็นเสาหลักให้ใครได้ นาวินจึงได้เขากับพี่ทศคอยช่วยดูแล
...พี่ทศ...อยากให้พี่ทศมาอยู่ใกล้ๆ ด้วยจังเลย อย่างน้อยจะได้ช่วยกันอีก...
...ถ้าหากเควินเกิดเป็นอะไรไป จะทำอย่างไรดี...
“พี่เขาไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็ดีขึ้น คนกำลังเสียใจ อาจทำประชด” ชาลีปลอบ ในใจอดกังวลไม่ได้ว่าเควินอาจไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้ เขาเคยสังเกตว่าเควินมีอารมณ์ผันผวนมากขึ้นและมีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นโรคซึมเศร้า
...เขารู้ว่าบางคนที่พยายามฆ่าตัวตายมักจะมีความคิดนี้ติดอยู่ในหัว และมักจะพยายามอีกครั้งแล้วครั้งเล่า
...ขออย่าให้เควินมีอาการถึงขั้นนั้นเลย...
“ผมรู้ว่าพี่วินคบอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง เคยพาไปที่บ้านด้วย ท่าทางพี่วินรักเขามาก มีอยู่วันหนึ่ง พี่วินร้องไห้โวยวายลั่นบ้าน จะวิ่งตามผู้ชายคนนั้นให้ได้” นาวินเล่า
“รักกันมานานหรือยัง หน้าตาเป็นยังไง” ชาลียกแก้วน้ำขึ้นดื่ม เดินมานั่งที่เก้าอี้ใกล้โซฟา
นาวินส่ายหน้า บอกว่าที่จริงเขาไม่เคยเห็น ได้ยินแต่เสียงเควินกับคนที่พี่ชายพามาบ้าน แต่คิดว่าเควินคงรักมาก เพราะไม่เคยเห็นเสียใจมากมายเช่นนั้น
“บางทีผมเห็นพี่วินนอนขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งวัน พอออกมาก็พร่ำแต่ว่า เขาไม่ได้รักพี่ เขาไม่ได้รักพี่ ทำไมพี่ต้องรักคนไม่มีหัวใจด้วย พี่ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อนเขา แต่เขาไม่สน เขาไม่แคร์” นาวินส่ายหน้า “คนเรามันรักกันถึงขนาดนั้นได้เลยหรือพี่หมอ”
“เฮ้อ นาวิน เรื่องแบบนี้บางทีมันก็อธิบายยาก” ชาลีส่ายหน้าเช่นกัน ตามด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่
...รักขนาดนั้นได้สิ...กับเจตรินไง...แม้โดนเจตรินหักหลังและทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส เขายังตามไปงอนง้อผู้ชายไม่มีหัวใจแบบเจตรินได้เลย...
...พูดผิดไป...เจตรินมีหัวใจ แต่หัวใจเจตรินเป็นสีดำ เหมือนก้อนเนื้อทิ้งไว้นอกตู้เย็นหลายคืน เย็นชืด ไร้ความรู้สึก กลิ่นเน่าเฟะน่าสะอิดสะเอียน
...หัวใจพี่ทินก็พอๆ กัน...
...หัวใจไวโรจน์ดีกว่าหน่อย แต่ก็เลือดเย็นกว่า...
...แบบที่เควินเจอ เขาเคยเจอมาแล้ว หนักยิ่งกว่านี้อีก ที่นอนอยู่บนเตียงเพราะพิษแห่งความรักเขาก็เคย แต่ไม่ใช่เพราะเขาพยายามฆ่าตัวตาย หากเพราะโดนทำร้ายจากคนที่เขารัก จากคนที่บอกว่ารักเขา...
...นาวิน...คนที่บอกว่ารักกัน คนที่เคยเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเรา คนที่เข้ามาในชีวิตเราเหมือนเทพบุตรมันทำกันได้ถึงขนาดนี้เลยล่ะ แค่นี้ยังน้อยไป พี่ขออย่างเดียว ขออย่าให้น้องได้มาเจออะไรแบบนี้เลย...
“ไปนอนซะ นอนให้หลับนะ ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนนอนด้วย” ชาลีตัดบท
“รู้แล้วคร้าบ ผมไม่ใช่เด็กนะ” นาวินลากเสียงยาว ลุกขึ้นยืน ถอดเสื้อนักเรียนออก แล้วเดินไปค้นหาชุดคนไข้ออกมาจากตู้ที่อยู่มุมห้อง
นาวินโตเป็นหนุ่ม ร่างกายบึกบึนไม่น้อยเพราะเล่นกีฬาเป็นประจำ อายุย่าง 17 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้า แต่ดูราวกับเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย
“พี่หมอ แล้วพี่ล่ะ” นาวินหันมาถามชาลี ในมือถือชุดคนไข้โรงพยาบาล “มีอยู่แค่ชุดเดียว”
“พี่โตแล้ว ไม่ใช่เด็ก ไม่ต้องใส่ชุดคนไข้” ชาลีล้อยิ้มๆ ก่อนจะบอกให้เด็กหนุ่มแขวนเสื้อนักเรียนให้เรียบร้อย และบอกให้นาวินไปถอดกางเกงในห้องน้ำ ก่อนจะเดินย้อนกลับเข้าไปดูเควินอีกครั้ง
เพื่อนของเขายังนอนหลับอยู่บนเตียง หายใจแผ่วเบา แต่หัวคิ้วกระตุกราวกับฝันร้าย
“เควิน หลับให้สบายนะ พรุ่งนี้ค่อยลุกขึ้นมาสู้ต่อ เราจะอยู่เคียงข้างนายเอง ไม่ทิ้งเพื่อนหรอก สู้ต่อนะเพื่อน” ชาลีกระซิบข้างหูเควินเบาๆ ก่อนจะหันไปนั่งลงบนโซฟาที่นาวินนอนเฝ้าพี่ชายอยู่เมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมา

สารวัตรกัณต์วางปืนลงบนโต๊ะ ทุกคืนก่อนนอนเขาจะหยิบ Colt 911 คู่ชีพขึ้นมาตรวจก่อนจะสอดใส่ซองปืนแล้ววางไว้ในลิ้นชักข้างหัวเตียง
ตอนนี้เขาอดตำหนิตัวเองไม่ได้ เมื่อช่วงค่ำที่จอดรถวิ่งลงไปเพื่อไล่จับคนร้าย เขาลืมหยิบปืนลงไปจากรถ ตอนนั้นเขาเพิ่งออกมาจากบ้านของวิพัฒน์ และตั้งใจจะตรงกลับบ้านทันที ออกจากคอนโดของนายธนาคารหนุ่มได้ไม่นาน เขาก็ได้รับโทรศัพท์ที่ทำให้เขายุ่งยากใจ ไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมา เขามัวแต่ครุ่นคิดกังวลใจ ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรดีกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เมื่อใกล้ถึงปากซอย เขาก็เห็นเหตุการณ์ผู้ร้ายชิงทรัพย์จะๆ เขารีบเร่งความเร็วรถเพื่อเข้าใกล้เหตุการณ์นั้นให้มากที่สุดแต่ช้ากว่าชายหนุ่มอีกคนที่ไปถึงก่อนและวิ่งตรงเข้าไปหาผู้ชายที่ทรุดฮวบลงกองกับพื้นถนน
หมอหนุ่มหน้าตาดี ท่าทางเอาเรื่อง และที่สำคัญไม่ยอมให้ปากคำและเป็นพยาน
ชาลี...นายแพทย์ชาลี โรงพยาบาลชั้นนำเสียด้วย...เขาได้นามบัตรชายหนุ่มมาจากป้านวลศรีที่เขาขับรถไปส่งที่บ้านหลังจากสอบปากคำเสร็จ
พรุ่งนี้เขาจะลองไปขอ 'สอบปากคำ' หมอหนุ่มคนนั้นดู โรงพยาบาลอยู่ไม่ใกลจากบ้านเขาเท่าใดนัก
...รูปร่างหน้าตาถูกใจ แต่บุคลิกท่าทางกวนๆ รั้นๆ แบบนั้นไม่เคยอยู่ในสเป็คของเขา แต่ก็ดูท้าทายอยู่ในที ที่ผ่านๆ มาเขาเจอแต่คนที่ 'ยอม' เขาทั้งนั้น ไม่แน่ คราวนี้อาจขอเปลี่ยนรสชาติดูสักครั้ง ท่าทางน่าสนุก...
กัณต์เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา บันทึกเบอร์โทรของนายแพทย์รูปหล่อเข้าไปในเครื่อง แล้วกดไล่ตัวอักษรจาก C D E ไปเรื่อยๆ จนถึงใครคนหนึ่งที่เขาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะลบออกไป
...ลบให้หายออกไปจากชีวิต...
...จบกันแล้ว...
...พอกันที...
...ถึงเวลามีคนใหม่...

ชาลีตัวสั่น มือที่เกาะราวระเบียงของห้องพักคนไข้เย็นจัด เกร็งจนปวด กรามขบกันแน่น ก้อนแข็งๆ ติดอยู่ที่คอ ปิดกั้นเสียงของเขาไม่ให้เปล่งออกมาได้
...เสียงที่เขาร้องตะโกนว่า “ไม่ ไม่ ไม่”
น้ำตาอุ่นเริ่มเอ่อล้นออกมา หยาดน้ำตาใสหยดออกจากตาของเขา ลอยละล่องลงไปยังเบื้องล่าง หายลับไปกับสายตาในอากาศว่างเปล่าซึ่งเขากำลังมองผ่านลงไปยังร่างหนึ่งในชุดคนไข้ที่นอนอยู่บนพื้น แขนขาหักผิดรูป ร่างกายคงชุ่มโชกไปด้วยเลือด
เสียงร้องไห้คร่ำครวญของเด็กหนุ่มที่นั่งกองอยู่ใกล้ๆ เท้าของเขาดังไม่หยุดราวกับหัวใจจะแตกสลาย นาวินทรุดตัวลงกับพื้นทันที่ที่เห็นภาพเบื้องล่าง
เควิน...ในที่สุด เควินก็ประสบความสำเร็จ...
ชาลีรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่เช้ามือ เขาไม่เห็นเควินอยู่บนเตียงจึงเดินไปดูที่ห้องน้ำแต่เพื่อนของเขาก็ไม่อยู่ข้างใน เขาวิ่งออกไปที่วอร์ดพยาบาลก็ไม่มีใครเห็น
เสียงร้องของนาวินทำให้เขาวิ่งกลับไปที่ห้องพักคนไข้ เด็กหนุ่มเกาะราวระเบียง เข่าเริ่มงอเหมือนหมดแรง ก่อนจะทรุดตัวลงร้องไห้โหยหวน ชาลีวิ่งไปหยุดยืนอยู่ข้างๆ ชะโงกหน้าลงไปมองเบื้องล่าง แม้อยู่สูง เขาก็ยังมองเห็นว่าร่างที่นอนอยู่คือเพื่อนของเขา ร่างนั้นคือเควิน พี่ชายของนาวิน เด็กหนุ่มที่กำลังร้องไห้อย่างเสียสติ
“พี่หมอ...พี่วินทิ้งผมไปแล้ว ทิ้งไปแล้ว พี่เค้าทิ้งผมไป พี่ไปแล้ว พี่ตายแล้ว” นาวินคร่ำครวญ มือเริ่มไขว่คว้า หันมากอดขาของชาลี ซุกหน้าร้องไห้อย่างน่าเวทนา
“เควิน ทำไม...ทำไมทำแบบนี้” ในที่สุดชาลีก็เอาบีบเสียงให้แทรกผ่านก้อนแข็งๆ ที่ลำคอออกมาได้ เสียงนั้นแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ เบาโหวง เบาจนเขารู้สึกว่าแม้แต่ตัวเขาเองยังแทบไม่ได้ยิน
เมื่อคืนนี้เควินรู้สึกตัว ชายหนุ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าใครกำลังนอนเฝ้าอยู่ ทันที่ที่ชาลียื่นมือไปจับเควิน เมื่อสั่นเทาเย็นจัดของดาราหนุ่มบีบมือเขาแน่นจนเจ็บ เควินกำลังหาที่ยึดเหนี่ยว เขาเป็นเสาที่จะให้เพื่อนเกาะขณะที่กำลังจะจมน้ำตาย
เควินคร่ำครวญถึงคนที่เขารักและโดนปฏิเสธรัก ชายคนนั้นไม่มีเยื่อใยต่อเควินเลย ตามที่เพื่อนเขาเล่าให้ฟัง “เขา” คนนั้นที่เควินไม่เอ่ยชื่อ เป็นคนที่ทำให้เควินอยากเลิกเป็นนักแสดงด้วยซ้ำ และมีชีวิตรักที่ธรรมดาๆ ไม่ต้องหลบซ่อน ไม่ต้องมากลัวสื่อมวลชนจะแอบถ่ายรูป ไม่ต้องมากลัวว่าจะเป็นข่าว
“พอเราออกจากวงการแล้ว ก็ไม่มีใครมาสนใจดาราตกกระป๋อง ที่นี้เราก็เป็นแฟนกับเขาได้อย่างสบายใจ” เควินบอกชาลี นัยน์ตาเหม่อลอยเมื่อพูดถึง “เขา”
“แต่เขาไม่ใยดีเราเลย เขาตัดสัมพันธ์เราอย่างเลือดเย็น บอกว่าไม่เคยรักเรา ใครอยากได้เขาก็จะได้แต่ร่างกายเป็นครั้งคราว ใจของเขาไม่ได้มีเอาไว้แจกจ่ายให้ใคร ที่คบกับเรา เขาแค่อยากสนุก พอหมดสนุกแล้วเขาก็จะอยากจะไปต่อ”
น้ำตาของเควินหลั่งไหลอีกครั้งหนึ่ง แล้วถ้อยคำน้อยเนื้อต่ำใจก็พรั่งพรูออกมาจากปากของดาราหนุ่ม ชาลีฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เขาต้องปลอบอยู่นานกว่าเควินจะสงบสติอารมณ์ได้
“เควินยังมีน้องนะ นาวินกำลังโตเป็นหนุ่ม ต้องอยู่กับน้อง นาวินรักเควินมาก ขาดเควินไปอีกคน เด็กมันจะอยู่ยังไง เควินต้องสู้นะ จำตอนที่เรานั่งกอดคอกันร้องไห้ที่หน้ารามได้ไหม คืนนั้นเราบอกว่าชีวิตยังไม่สิ้นต้องดิ้นกันต่อไป เราต้องเรียนหมอให้ได้ แล้วเควินต้องเป็นดาราดัง ได้ตุ๊กตาทอง เห็นไหมว่าเราประสบความสำเร็จกันแล้ว เราก็ต้องสู้ต่อ เดี๋ยวเควินก็ได้โกอินเตอร์เล่นหนังฮอลลีวู้ด ในอนาคต เราก็จะเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลนี่ล่ะ” ชาลีปลอบเพื่อนเสียยืดยาว “แล้วนาวินก็จะเป็นตำรวจ และเป็นนักกีฬาทีมชาติ”
สิ้นเสียงปลอบ เควินร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิมเมื่อชาลีพูดถึงนาวิน เขาไม่เข้าใจ ปลอบเควินมากว่าชั่วโมง กำลังสงบลงแล้ว เควินกลับคร่ำครวญขึ้นมาอีก พร่ำรำพันว่าอย่าให้นาวินเป็นตำรวจ ชาลีจึงต้องเริ่มปลอบเควินอีกครั้ง คราวนี้นาวินเดินเข้ามาในห้องพักคนไข้เพื่อช่วยปลอบอีกแรง สองพี่น้องกอดกันร้องไห้อย่างน่าสงสาร นาวินปลอบพี่ชายให้เข้มแข็งและสัญญาว่าเขาจะไม่เป็นตำรวจและขอร้องให้พี่ชายรักษาสัญญาที่จะดูแลเขาให้โตเป็นผู้ใหญ่สอบเข้าเรียนวิศวกรรมให้ได้ หากเควินอยากให้เรียนวิศวกรรมเขาก็จะเรียน ชาลีบอกว่าจะช่วยติวให้ รับรองว่านาวินเข้าเรียนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้สบายมาก และจะช่วยซ้อมบาสเก็ตบอลให้จนติดทีมชาติ
หลังจากที่เควินสบงลงแล้วและสัญญาว่าจะช่วยกันดูแลน้องชาย ชาลีก็บอกนาวินให้ออกไปนอน แต่เด็กหนุ่มบอกว่าจะนอนอยู่ในห้องกับพี่ชาย ชาลีจึงต้องให้เด็กหนุ่มเอาเบาะที่วางอยู่บนโซฟานอกห้องมานอนหน้าโซฟาในห้องนอนคนไข้ ส่วนเขานอนขดอยู่บนโซฟา มองเควินอยู่ชั่วครู่ก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
...เพื่อที่จะตื่นขึ้นมาพบว่าเควินได้ทิ้งเขากับนาวินไปเสียแล้ว...

นายแพทย์วิทวัส แพทย์เจ้าของไข้ของเควินเป็นคนที่มาแกะมือชาลีออกจากราวระเบียง อ้อมแขนอบอุ่นของนายแพทย์รุ่นพี่ทำให้ชาลีตระหนักว่าเขายังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ
...งานแรกคือดึงนาวินขึ้นมาจากพื้น...
“นาวิน” ชาลีก้มลงมองเด็กหนุ่มที่ยังนั่งสะอึกสะอื้นอยู่ตรงหน้า ดวงตาคู่นั้นมองเขาอย่างเจ็บปวด ก่อนจะหันไปมองมือขาวสะอาดของเขาที่ยื่นไปตรงหน้า
“ไปเถอะ ลงไปข้างล่างกัน ไปหาพี่” เสียงของชาลีแผ่วเบา...

~~~ 3 ~~~


katawoot

  • บุคคลทั่วไป
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #93 เมื่อ31-01-2010 23:34:00 »

เพลิงรัก บทที่ 4

พ.ต.ต. กัณต์ ถอนหายใจเบาๆ แล้วพยักหน้ากล่าวขอบคุณพยาบาลที่เคาท์เตอร์ จากนั้นนายตำรวจเดินลงบันไดชั้นสามของโรงพยาบาลมาข้างล่างช้าๆ สายวันนี้เขามาหาหมอชาลีแต่พยาบาลบอกว่านายแพทย์หนุ่มไม่สะดวกให้ใครพบ แม้จะเป็นตำรวจ
“หมออยู่ที่ห้องดับจิตค่ะ คงอีกนานกว่าจะเสร็จเรื่อง สารวัตรฝากโน๊ตไว้นะคะ เดี๋ยวพยาบาลจะแจ้งให้หมอทราบตอนหมอกลับวอร์ด” พยาบาลชื่อสาวิณีบอกเขาเสียงเรียบ ใบหน้าเศร้าซึมเมื่อพูดถึงนายแพทย์ชาลี ทำให้กัณต์รู้สึกว่าคงจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้น
กัณต์ตัดสินใจที่จะกลับไปก่อน ยังไม่อยากจะรบกวนชาลีในตอนนี้ เขาเดินทอดน่องมองซ้ายมองขวาไปเรื่อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาในโรงพยาบาลเอกชนราคาแพง โรงพยาบาลนี้หรูหรามาก ตกแต่งราวกับโรงแรมชั้นหนึ่ง
นายตำรวจชะงักเมื่อเด็กชายร่างกลมป้อมคนหนึ่งวิ่งเข้ามาเกือบชนเขา ก่อนจะหยุดยืนแหงนหน้ายิ้มกว้างให้เขา แก้มย้วยน่ารัก สองตากลมโตเป็นสีน้ำตาลเข้ม แต่งตัวชุดแบทแมน เขายิ้มให้ เด็กน้อยยิ้มตอบ แล้วทำท่ายิงปืนใส่เขาคงเพราะเห็นเขาเป็นตำรวจ เด็กหญิงอีกคนที่น่ารักพอๆ กันวิ่งตามมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ ท่าทางเป็นฝาแฝดเพราะหน้าตาเหมือนกันมาก เสียงแม่เด็กร้องเรียกลูกทั้งสอง กัณต์เงยหน้าขึ้นมองแล้วส่งยิ้มให้พร้อมเอามือดันเด็กทั้งสองให้เดินกลับไปหาแม่ที่ยืนอยู่กับนายแพทย์หน้าขาวคนหนึ่งที่ส่งยิ้มกว้างให้เขา...
...ไม่ใช่สิ...ให้เด็กสองคนนั่นต่างหาก แต่กัณต์กลับรู้สึกว่านายแพทย์คนนั้นยิ้มให้เขา...
...อืม...น่ารักเหมือนกันแฮะ...
กัณต์คิดในใจแล้วเดินต่อไป ก่อนจะหันกลับไปมองอีกครั้ง นายแพทย์คนนั้นหันมามองเขาอีกพอดี ตาคมกริบใต้แว่นกรอบทองทำท่าอายๆ แต่กัณต์เห็นประกายความพึงพอใจ เขาจึงอมยิ้ม พยักหน้าให้เล็กน้อยแล้วเดินจากไป
...หมอสองคน โรงพยาบาลเดียวกัน ลองจีบใครก่อนดี...
...คนนี้ท่าทางจะไม่อยาก รอก่อนดีกว่า ลองหมอชาลีก่อนเถอะ ท่าทางร้ายๆ คงน่าสนุก พักนี้เขาเบื่อๆ อยากหาอะไรท้าทายทำเสียบ้าง...

น้าพู่ของเควินกับนาวินมาถึงก็ได้รับข่าวร้าย เสียงร้องไห้ของนาวินกับน้าพู่จึงดังขึ้นประสานกัน ชาลีเบือนหน้าออกไปด้านข้าง สบตากับทินกร หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่มาให้กำลังใจเขา
ทินกรบอกว่าจะช่วยกันปิดข่าวและจะไปคุยกับที่เห็นเหตุการณ์ไม่ให้ “พูด” เรื่องนี้กับใคร มีคนเห็นเควินนอนเสียชีวิตอยู่พื้นกันไม่กี่คน เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อตอนรุ่งสาง มีเฉพาะพนักงานโรงพยาบาลที่เห็น และคาดว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็คงพยายามจะไม่ให้เป็นข่าวด้วยเช่นกัน
“พี่กร ทำไมมันเป็นแบบนี้” ชาลีพูดไม่ออก เขารู้สึกแย่มาก คืนที่ผ่านมาเจอเหตุการณ์ที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเฉียดตายมาแล้ว เช้านี้เจอความตายที่เกิดขึ้นกับเพื่อน เขารู้สึกแย่จริงๆ
“มันเป็นเรื่องของโลกครับหมอ” ทินกรปลอบ “เขาไปดีแล้ว ไปสบาย คนที่อยู่ข้างหลังนี่สิต้องดิ้นรนต่อ”
ทินกรรู้ซึ้งถึงสัจธรรมข้อนี้เช่นกัน ชาลีจำได้ เขาเองก็ปลอบทินกรอย่างนี้เมื่อครั้งที่บ้านของทินกรเกิดไฟไหม้และสูญเสียมารดาในกองเพลิง
ชาลีหันไปมองนาวิน เด็กหนุ่มที่กำลังเติบโต นาวินเสียพ่อและแม่ไปเมื่อหลายปีที่ผานมา แล้วก็ต้องมาเสียพี่ชายไปอีกคน ตอนนี้เหลือตัวคนเดียว แม้จะมีน้าพู่ แต่น้าพู่ก็เป็นผู้หญิง อยู่ภายใต้อำนาจของสามีที่กดขี่ข่มเหงเธอตลอดเวลา ไหนจะต้องดูแลครอบครัวที่ต่างจังหวัดที่แต่ละคนก็มีปัญหาหนักหน่วงไม่ใช่น้อย เควินเคยให้นาวินไปอยู่กับน้าพู่แล้ว แต่เด็กหนุ่มทนอยู่ไม่ได้ และน้าพู่ก็ไม่อยู่ในสภาวะที่จะปกป้องและดูแลนาวินได้
...จะทำอย่างไรดี...

ทินกรขอตัวไปทำงาน ปล่อยให้ชาลีนั่งมองน้าพู่กับนาวินอยู่คนเดียว สมองเขาตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออก ตอนนี้เขารอเอกภพที่กำลังตรวจคนไข้อยู่ เอกภพบอกว่าพอคนไข้หมด จะรีบมาหา
เวลานี้เขาต้องการใครสักคนที่เข้มแข็งพอจะช่วยให้คำปรึกษาเขาได้
...ถ้าพี่ทศยังอยู่ ก็คงจะดี พี่ทศมีคำแนะนำดีๆ อยู่เสมอ ทำไมนะ คนดีๆ มักจะอยู่กับเราไม่นาน คนที่ไม่ดีไม่เคยหายไปไหนเลย กลับเสวยสุข ไม่เป็นโรคเป็นภัย แข็งแรงสมบูรณ์ราวกับกินยาอายุวัฒนะ...
น้าพู่กับนาวินร้องไห้จนหมดน้ำตา ทั้งสองเดินมาหาชาลีอย่างเศร้าซึม นัยน์ตาสองคู่นั้นมองเขาเหมือนจะถามว่า...ต่อจากนี้ไปจะทำอย่างไรดี
...จะทำอย่างไรดีล่ะ...ชาลีถามตัวเอง
...งานศพล่ะเป็นอย่างแรก หรือจะปิดเอาไว้ว่าเควินยังไม่ตาย หากนักข่าวรู้ คงวุ่นวายน่าดู...
...คนตายแล้วก็ตายสิ ยังไงก็ต้องมีงานศพ ส่งเขาไปสู่สุขคติ จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่าง...อีกเสียงหนึ่งในหัวของชาลีแย้งขึ้นมา
ชาลีถอนหายใจเฮือกใหญ่ หันไปพูดกับน้าพู่และนาวิน พยายามทำเสียงเข้มแข็ง “ตอนนี้จัดการเรื่องงานศพซะก่อน คงเป็นงานศพเล็กๆ ผมคิดว่าไม่น่าจะให้เป็นข่าวใหญ่ นาวินว่าไง” ชาลีหันไปถามเด็กหนุ่ม
นาวินส่ายหัว ก้มหน้ามองพื้น
“หมอ น้าไม่รู้จะทำยังไง” น้าพู่เสียงเบา มือที่โอบหลานกระชับแน่นเข้า ท่าทางจะร้องไห้อีกรอบ
“น้าพู่ไม่ต้องห่วง ผมจัดการเอง น้าพู่อยู่เป็นเพื่อนนาวิน ระหว่างนี้ก็ไปอยู่บ้านผมก่อน” ชาลีคิดได้เพียงเท่านี้
...ผมจัดการเอง จัดการอย่างไรล่ะ...

ชาลีพานาวินกับน้าพู่กลับขึ้นมาที่ชั้นสามของโรงพยาบาล ให้ทั้งสองนั่งรอหน้าห้องตรวจ พยาบาลหลายคนเข้ามาแสดงความเสียใจ โดยเฉพาะสาวิณีพยาบาลคนสนิท
“หมอมีตรวจคุณรัฐศาตร์เป็นคนแรก จะให้เลื่อนนัดให้ไหมคะ ยังพอมีเวลานะ” สาวิณีเสนอ
“ขอคุณรัฐศาสตร์คนเดียวก็แล้วกันพี่สา คนอื่นคงต้อง...”
“พี่จะขอโอนให้หมอเจี๊ยบ หมอไม่ต้องห่วง” พรรณราย พยาบาลอาวุโสแทรก “หมอไปคุยกับ ผ.อ. ก่อนดีกว่าว่าจะเอายังไงต่อ”
...จริงสิ คุยกับผู้ใหญ่ ขอคำแนะนำน่าจะดีกว่า จะว่าไป คนช่วยก็พอมี แม้ไม่มีญาติ แต่เพื่อนร่วมงานก็ช่วยได้
เอกภพขึ้นมาบนชั้นสามพอดี ชาลีฝากให้ดูแลนาวินกับน้าพู่ เขาขอตัวไปพบผู้อำนวยการโรงพยาบาล แล้วจะกลับมาตรวจคนไข้ จากนั้นจะลางานครึ่งวันเพื่อจัดการเรื่องต่างๆ
“เอกเตือนนาวินเรื่องลาโรงเรียนด้วยนะ เดี๋ยวเรากลับมา” ชาลีย้ำกับเพื่อนแล้วรีบเดินไปที่ลิฟท์ เพื่อขึ้นไปพบนายแพทย์เดชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาล

สิ่งที่เคยคิดว่ายุ่งยากก็เริ่มง่ายขึ้น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่ชาลีหลายอย่างและจะจัดการกับเรื่องการเสียชีวิตของเควินในโรงพยาบาล ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์จะดูแลเรื่องสื่อมวลชน กฤษณาหรือกุ๊กไก่ผู้จัดการของเควินจัดการเรื่องงานศพ หญิงสาวคล่องจนชาลีแปลกใจว่ากฤษณารู้ไปเสียทุกเรื่อง พยาบาลในแผนกต่างช่วยออกความเห็น พรรณรายที่อาวุโสที่สุดในวอร์ดให้คำแนะนำหลายอย่างเพราะเคยผ่านประสบการณ์ญาติเสียชีวิตมาแล้วหลายคน
“หมอดูเด็กเถอะ คนที่น่าเป็นห่วงน่ะคนนั้น” พรรณรายหันไปมองนาวินที่นั่งซึมอยู่บนเก้าอี้รอตรวจ น้าพู่ไปห้องน้ำ เอกภพกลับไปตรวจคนไข้
“ขอบคุณพี่พรรณมากนะครับ ขอบคุณทุกคน นี่ถ้าไม่มีทุกคน ผมคงแย่” ชาลีหันไปรอบๆ กล่าวขอบคุณพยาบาลในวอร์ดที่พร้อมใจกันช่วยเหลือเขา
“ขอสิ่งตอบแทนอย่างเดียวค่ะหมอ” สาวิณีพูดขึ้น พยาบาลคนอื่นรีบทำเสียงฮึ่มฮั่มห้ามกันเป็นแถว แต่สาวิณีไม่สนใจ “ขอให้หมอเขียน diagnosis ให้อยู่ในกรอบกระดาษเข้าเครื่องสแกนก็พอ”
คำพูดของสาวิณีทำให้ชาลียิ้มกว้าง เป็นครั้งแรกตั้งแต่ค่ำวานนี้ที่เขายิ้มออก วันอันหมองหม่นสดใสขึ้นมาอีกนิด
ชาลีเหลือบไปเห็นรัฐศาตร์ คนไข้นัดแรกและนัดเดียวของเขาวันนี้กำลังเดินมา จึงหันไปหานาวินที่นั่งซึมอยู่
“นาวิน รอพี่เดี๋ยวเดียว พี่ตรวจคนไข้คนนี้คนเดียวเสร็จแล้วเราค่อยไปกัน”
เด็กหนุ่มรับคำสั้นๆ แล้วเอนตัวพิงพนัก ศรีษะเอนชิดกับผนังห้อง นัยน์ตาเหม่อลอย
“นาวิน...ทีมชาติ กับเข้าวิศวะ อย่าลืม” ชาลีก้มหน้าลงเกือบชิดเด็กหนุ่ม ยิ้มให้กำลังใจ นาวินยิ้มตอบบางๆ
...แววตายังเข้มแข็ง...ชาลีบอกตัวเองว่าเห็นความเข็มแข็งในดวงตาคมกริบคู่นั้น
นายแพทย์หนุ่มถอนหายใจเบาๆ แล้วยืดตัวขึ้น เดินไปยังห้องตรวจ ยิ้มทักทายรัฐศาสตร์แล้วเข้าไปนั่งรอในห้อง
ที่จริงวันนี้เขาไม่อยากตรวจคนไข้เลย ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้เขารู้สึกปวดหัว เหมือนถูกจับเอาไปยัดใส่เครื่องซักผ้าแล้วหมุนปั่นจนเขาหัวหมุนไปหมด รู้สึกอยากจะอาเจียน แต่เขาจำต้องต้องตรวจรัฐศาสตร์ ผลเอ็มอาร์ไอที่เขาไปบีบบังคับเอามาจากยุทธนาเมื่อคืนอยู่ไหนก็ไม่ทราบ เขาตั้งใจจะอ่านล่วงหน้าก่อนตั้งแต่เมื่อคืน แต่เหตุการณ์สองอย่างเมื่อคืนที่ผ่านมาทำให้เขาไม่มีโอกาสได้อ่านผลของรัฐศาสตร์ ส.ส. หนุ่มเลือดใหม่ไฟแรงที่เขายอมรับในความเก่ง
รัฐศาสตร์งานยุ่งมาก กว่าจะนัดกับเขาได้ก็ใช้เวลานานพอสวร เขาจึงไม่อยากเลื่อนนัด อีกประการหนึ่ง เหตุการณ์ที่เกี่ยวพันกับความตายเมื่อคืนนี้ทำให้เขาอยากจะได้มีโอกาสตรวจ ส.ส. หนุ่มคนนี้ที่เขาสงสัยว่าจะเป็นมะเร็ง รัฐศาสตร์ยังหนุ่มมาก อายุแก่กว่าเขาไม่กี่ปี ฉลาดและเก่ง ถ้าจะเสียคนดีๆ ไปก็น่าเสียดาย
ชาลีวางมือบนแป้นคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ พิมพ์ชื่อรัฐศาสตร์ เรียกข้อมูลคนไข้ขึ้นมาดู หลังจากอ่านรายงานผลตรวจปฏิบัติการไม่ถึงนาที เขาก็ต้องถอนหายใจ เอนตัวกระแทกกับพนักพิงเก้าอี้
...บ้าจริงๆ ทำไมวันนี้มันหนักหนายังงี้นะ...

ช่วงเวลาอันหนักหน่วงช่วงแรกกำลังจะผ่านพ้นไป นาวินกับน้าพุร้องไห้ไม่หยุด ยังไม่ยอมเดินลงจากเมรุเผาศพแม้เอกภพจะพยายามดึงให้ถอยห่างออกมาเพราะสัปเหร่อกำลังจุดไฟ
พิธีศพของเควินจัดขึ้นง่ายๆ ที่วัดบ้านเกิดของชายหนุ่ม คนมาร่วมงานไม่มาก มีเฉพาะคนสนิทไม่ถึงยี่สิบคน ที่เหลือเป็นแฟนคลับ นักข่าว  และชาวบ้านที่ต้องการเห็นดาราภาพยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอย่างดีเพราะรัฐศาสตร์ช่วยประสานงานให้ผู้ใหญ่ในจังหวัดเข้ามาช่วยเหลือในการจัดงาน
...
รัฐศาสตร์คงสังเกตเห็นความผิดปกติ วันก่อนขณะที่ชาลีกำลังอธิบายเรื่องการเจ็บป่วยให้ ส.ส. หนุ่มฟัง คนไข้ก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมาว่า “หมอเป็นอะไรครับ”
ชั่วขณะนั้นเองที่ชาลีตระหนักได้ว่าตัวเองก็ยังเป็นคนที่อ่อนแอคนเดิมเหมือนๆ กับสมัยเรียนมัธยมปลาย เขาทำเป็นเข้มแข็งมาตลอด แต่พอประสบกับเรื่องราวที่หนักหน่วงเขาก็ไม่รู้ว่าจัดการอย่างไรดี รัฐศาตร์เสียอีกที่แกร่งกว่า ทั้งที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดก็ยังมั่นคง มีสติ และปลอบใจเขาที่เพิ่งสูญเสียเพื่อนไป
...
ท้ายที่สุด คนเราก็กลับกลายไปเป็นธุลีดิน ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นจากเมรุประหนึ่งจะส่งเควินขึ้นสู่สวรรค์ ปลดปล่อยชีวิตอันทุกข์ระทมของชายหนุ่ม...
...และทิ้งอีกหลายชีวิตไว้เบื้องหลัง...
...อย่างน้อยก็เขาและอีกสองชีวิตที่กอดเอวเขาอยู่นี่ล่ะ...น้าพู่อยู่ทางซ้าย นาวินอยู่ทางขวา สองแขนของเขากำลังโอบปลอบทั้งสองคน สองแขนของเขาที่ต้องเข้มแข็ง เป็นพลังผลักดันและประคับประคองให้อีกชีวิตหนึ่งก้าวต่อไป
...ไม่คิดเลย จะกลายมาเป็นพี่ชายคนเพียงชั่วข้ามคืน...

ทินกรเป็นคนขับรถ เอกภพนั่งเคียงข้าง เบาะหลังมีชาลีนั่งชิดประตูด้านซ้าย น้าพู่นั่งอยู่ตรงกลาง นาวินเอนพิงประตูขวาของรถ นัยน์ตาเหม่อมองออกไปนอกรถที่กำลังวิ่งกลับที่พัก
ชาลีหันไปมองข้างหลังเพื่อดูว่ามีรถของนักข่าวตามมาหรือไม่ ที่งานศพ เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบที่แฝงตัวทำทีเป็นเจ้าภาพคอยช่วยกันนักข่าวได้เป็นอย่างดี แต่กระนั้น ก็มีบางคนเข้าถึงตัวนาวิน และถ่ายรูปน้องชายของดาราดัง นักข่าวพยายามจะสัมภาษณ์เด็กหนุ่ม ชาลีต้องรีบเข้าไปลากตัวนาวินออกมาแล้วปล่อยให้กฤษณาเป็นคนจัดการ
เมื่อไม่เห็นว่ามีนักข่าวตามมา ชาลีก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ใจจริงเขาไม่อยากพักค้างคืนที่บ้านของกำนันธงชัยต่ออีกคืน แต่สงสารนาวินกับน้าพู่ที่ดูเหนื่อยอ่อนแทบไม่หลับไม่นอน คืนนี้จึงคิดว่าจะให้นาวินทานยาคลายเครียดซักเม็ด เด็กหนุ่มดูเครียดมาก ความอ่อนเยาว์ทำให้นาวินยังทำใจไม่ได้ แม้จะรู้ว่าตัวเองมีน้าพู่กับเขา หรือเอกภพอยู่เคียงข้าง แต่นาวินก็คงรู้สึกว่าเหลือตัวคนเดียว
“น้าพู่ ไปถึงบ้านแล้วทานข้าวนะ นาวินด้วย คืนนี้เราพักที่บ้านกำนันอีกคืน พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับกรุงเทพฯ” ชาลีบอก
“ผมอยากกลับบ้าน” นาวินเสียงเบา
“พักก่อนเถอะ เราแทบไม่ได้นอนเลย เดี๋ยวเป็นอะไรไป พี่ทินกรก็คงอยากพัก ขับรถมาตั้งใกล นะ นาวิน นะ”
นาวินเงียบ ไม่ขัดแย้งอะไร เด็กหนุ่มทำตัวเหมือนตุ๊กตา บอกให้ทำอะไรก็ทำ เพียงแต่บางครั้งอาจพูดแย้งขึ้นมาบ้าง แต่หากชาลีพูดอะไร ก็พยักหน้าทำตาม
“นาวิน ตอนเย็นไปปั่นจักรยานกัน” เอกภพชวนคุย “พี่อยากหัดปั่นจักรยาน”
“อย่าได้ไปหลวมตัวหัดให้หมอเอกนะนาวิน ขอบอกว่าเป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก” ชาลีเตือน ก่อนจะทำให้ทุกคนหัวเราะเบาๆ
“ว่าเราเข้าไป ตัวเองหัดว่ายน้ำให้ได้เถอะ” เอกภพได้ที ขุดปมด้อยของชาลีขึ้นมาพูด
“เราไม่ได้มีเหงือกเหมือนนายนี่นา คนอะไร เกิดมาตัวก็มีเกล็ด” ชาลีเหน็บแนมเพื่อน
เสียงสองหนุ่มเถียงกันเบาๆ ตลอดทางจนรถจอดหน้าบ้านทรงไทยหลังใหญ่ของกำนันธงชัยซึ่งรู้จักกันดีกับรัฐศาสตร์ กฤษณากับเพื่อนดาราของเควินอีกสามคนเพิ่งมาถึงไม่นาน ทั้งหมดกำลังลงจากรถ เมื่อบีเอ็มดับบลิวสีดำของชาลีแล่นเข้าไปจอด กฤษณาก็เดินเข้ามายืนรออยู่ข้างๆ
“หมอชาลีคะ กุ๊กไก่ต้องกลับก่อนนะคะ”
“ขอบคุณคุณกุ๊กไก่มากนะครับ ถ้าไม่ได้คุณเราคงแย่” ชาลีกล่าว
“ไม่เป็นไรค่ะ เควินก็เหมือนน้อง” หญิงสาวตอบ แล้วหันไปหานาวินที่เดินมายืนทำหน้าซึมๆ อยู่ข้างชาลี “นาวิน มีอะไรก็โทรไปคุยกับพี่บ้างก็ได้นะ”
นาวินพยักหน้าแล้วยกมือขึ้นไหว้ผู้จัดการส่วนตัวของพี่ชายซึ่งเขารู้จักดี ชาลีบอกว่าพอถึงกรุงเทพฯ จะรีบนัดกฤษณาเพื่อจัดการเรื่องเอกสารและเรื่องการเงินของเควินให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด
“ผมคิดถึงพี่วิน” นาวินพึมพำเบาๆ “พี่วินไม่น่าทิ้งผมไป”
ชาลีนิ่งไปชั่วครู่ สามวันที่ผ่านมา นาวินพร่ำพูดประโยคนี้อยู่ไม่ยอมหยุด
“พี่วินไปดีแล้ว” ชาลีปลอบ “ทีนี้ก็เหลือน้าพู่กับนาวินแล้วล่ะ จำไว้นะนาวิน ยังมีพี่อยู่ พี่ไม่ทิ้งนาวินหรอก และนาวินก็ต้องสัญญากับพี่ด้วย ว่าจะไม่ทิ้งพี่ไปเหมือนกัน”
“ครับ” นาวินพยักหน้า ดวงตาเศร้าสร้อยยังมีแววเข้มแข็ง
“เข้มแข็งเอาไว้นะน้อง” ชาลีบีบไหล่เด็กหนุ่ม “ตอนนี้ ใช้ความเข็มแข็งของตัวเองไปช่วยขนของจากท้ายรถลงมาก่อน แล้วค่อยไปเดินเล่นกัน”
“อ้าว แล้วหัดจักรยานล่ะ” เอกภพทักท้วง
“ให้ปลัดตาโศกหัดให้สิเอก” ชาลีล้อ “เห็นมองเขาตั้งนานแล้วนี่ มางานศพไกลถึงขนาดนี้ ยังจะมาตกหลุมรักอีก มองตากันเป็นปลากัดอยู่ได้ แล้วก็ปล่อยให้เขาเดินไปขึ้นรถขับหายไปเฉยๆ นี่นะ เฮ้อ”
เอกภพทำเสียงฮึดฮัดแล้วจับมือน้าพู่เดินจากไป ทิ้งให้ชาลีกับนาวินถือของที่อยู่ท้ายรถตามหลังมา
ชาลีหันไปมอง เห็นนาวินอมยิ้มเศร้าๆ ก็ทำรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง ต่อจากนี้ไป เขาคงก็ต้องมีภาระทำให้เด็กหนุ่มคนนี้หายซึมเศร้า กลายมาเป็นพี่ชายคนใหม่ของนาวินแทนเควินผู้จากไป
...ใครกันนะที่ช่างทำให้เควินเสียใจได้มากมายจนตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเอง ไม่ทิ้งคำร่ำลาอะไรไว้แม้แต่นิดเดียว...
...คืนนั้นที่เขาปลอบเควินให้สงบสติอารมณ์ได้ เพื่อนของเขาดูเหมือนจะเข้าใจและยอมรับความเป็นจริงแล้ว เควินยิ้มเศร้าแล้วหลับตาลงเพื่อนนอนพักผ่อน เขามองนาฬิกา ตอนนั้นเป็นเวลาตีสี่ เขานอนเงียบอยู่ชั่วครู่ ทอดสายตามองนาวินที่นอนอยู่บนเบาะที่วางกับพื้นหน้าโซฟา สลับกับมองไปยังเควินที่นอนสงบอยู่บนเตียงคนไข้ ไม่นึกเลยว่าอีกเพียงแค่ชั่วโมงเศษๆ เควินก็จากเขาทั้งสองไป
*** 4***

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #94 เมื่อ31-01-2010 23:38:24 »

ต้วอย่างตอนต่อไป  :z1:

เพลิงรัก บทที่ 5

กัณต์เก็บสมุดโน้ตเล็กๆ ใส่กระเป๋ากางเกง ยกมือขึ้นแตะไหล่ของพายัพ เด็กหนุ่มใจกล้าที่เข้าไปช่วยเหลือหญิงวัยกลางคนที่ถูกปล้น พายัพอายุเพียงสิบแปดปี เพิ่งเป็นนิสิตใหม่ได้ไม่กี่เดือน แต่กล้าหาญจนกัณต์ต้องชมเชย
“ไม่ต้องห่วง สารวัตรจะจับมันมาเข้าคุกให้ได้” กัณต์ยิ้มให้เด็กหนุ่มที่เพิ่งให้ปากคำเสร็จ อาการของพายัพดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มมีกำลังใจที่ดี พ่อและแม่ของเขานั่งเฝ้าลูกทั้งวัน พี่สาวก็มาเยี่ยมทุกวันหลังเลิกงาน ครอบครัวเล็กๆ ที่อบอุ่น และทำให้เขาอิจฉา
...อิจฉาที่เขาไม่เคยมีครอบครัวเช่นนี้...
กัณต์สวัสดีอำลาพ่อและแม่ของพายัพ แล้วเดินออกจากห้องพักคนไข้ของโรงพยาบาล เขาแปลกใจไม่น้อยที่รู้ว่าคนที่รับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายคือนายแพทย์ชาลี คนที่ทำท่าทางไม่สนใจที่จะให้ความร่วมมือในการสืบสวนหาตัวคนร้าย

(ไม่กล้าโพสหลายบทต่อกันเยอะเกินไป กลัวถูกตำหนิว่าโพสอะไรนักหนา อ่านม่ายหวาย) :call:


ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #95 เมื่อ31-01-2010 23:50:19 »

 :a5:

อะไรกัน ๆๆๆ
เรื่องของเควินนี่จะเกี่ยวกับคุณตำรวจมั๊ยอ่ะ


ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #96 เมื่อ01-02-2010 00:12:07 »

ดูท่าทางจะโศกกันทั้งเรื่องป่ะคับเนี่ย

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #97 เมื่อ01-02-2010 00:19:52 »

คุณนาย เราก้อหลงดีใจ
นึกว่าจะได้นอนอ่านสามตอนแล้วคืนนี้
สำหรับสองตอน  :กอด1: :กอด1:
คริ คริ
น่าสงสารนาวิน
อย่าบอกว่าสารวัตรกันต์คือหนุ่มปริศนาคนนั้นนะ
 :เฮ้อ:

prawy

  • บุคคลทั่วไป
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #98 เมื่อ01-02-2010 00:43:00 »

 :o12:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #99 เมื่อ01-02-2010 01:34:56 »


แค่สองตอนแล้วยังมาบอกว่า "จุใจ"   ชิส์


ปล. ต่อจาก E แล้วคงจะไม่ได้ไหลไปถึง K  หรอกนะ

ไม่งั้น  เรื่องนี้  คงต้อง "ตั้งใจอ่าน" กันยาวววววววววววววววววววววววววววววววววว

ว่าแต่  หมอชาลีคะ  เจ้ขอยาแก้เครียดสักแผง  จะได้กินไปอ่านเรื่องของหมอไป ไงคะ


ปลล.  จำนำด้วย  o13 ไว้ก่อนนะคะ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
« ตอบ #99 เมื่อ: 01-02-2010 01:34:56 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ~l3aml3ery~

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #100 เมื่อ01-02-2010 07:47:52 »

สงสารนาวิน :monkeysad:

อยากรู้ๆ.. ว่าตำรวจคนั้นเป็นใคร :serius2:

+1 :bye2:

ออฟไลน์ railay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 983
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #101 เมื่อ01-02-2010 09:19:16 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #102 เมื่อ01-02-2010 09:49:46 »

คุณนายเคอะ

เปิดเรื่องมากะให้คนอ่านตายกันไปข้างหนึ่งเลยชิมิคับ

ใจร้ายมากกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #103 เมื่อ01-02-2010 10:02:38 »

โห คุณนายทำไมเรื่องนี้ตัวละครมันเยอะจัง
ปมต่างๆมีมากมาย ทุกคนต่างมีปมในใจทั้งนั้น

เริ่มงงแทนคนแต่ง

ออฟไลน์ SANDSEAME

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #104 เมื่อ01-02-2010 10:33:22 »

+1 ให้ค่ะ
ถ้าคนหักอกเควินเป็นกันต์
ท่าทางจะต้องมีการล้างแค้นกันมั่ง
 :call:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #105 เมื่อ01-02-2010 12:28:59 »

 o22 ถึงชีวิตกันเลยเหรอ
ขออย่าให้มีแก้แค้นอะไรกันเลย เฮ้อ :z3:

ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #106 เมื่อ01-02-2010 12:48:55 »

หรือว่าใครคนนั้นจะเป็น.... แล้วมันจะ....ไหม แล้วชาลีจะ.....หรือเปล่า

จงเติมคำตอบในช่องว่าง อิอิ

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re:
«ตอบ #107 เมื่อ01-02-2010 13:21:18 »

อดีตของหมอชาลีค.รักทำให้เค้าเคยตายทั้งเปนมาแล้วแต่ภาพปัจจุบันนี่สิรักร้ายๆของเควินนำมาซึ่งค.สูญเสียอย่างเฉียบพลันเฮ้อสงสารพี่น้องคู่นี้สุดๆแล้วแบบนึ้รักดีๆของชาลีจะเริ่มต้นใหม่ได้ยังไงกันเพราะยึดติดแต่อดีตที่เลวร้ายส่วนกันย์คิดจะเล่นกับชาลีมันคงง่ายแบบที่ผ่านมาหรอกฮึๆ

Jinkle

  • บุคคลทั่วไป
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #108 เมื่อ01-02-2010 14:35:39 »

 :กอด1:วันใหม่แล้ว มาโพสต์ต่อเถอะ



ว่าแต่  หมอชาลีคะ  เจ้ขอยาแก้เครียดสักแผง  จะได้กินไปอ่านเรื่องของหมอไป ไงคะ

กินยาไปอ่านเรื่องนี้ไป ระวังจะทานยาเกินขนาดนะคะ
เดี๋ยวคนเขียนต้องไปนั่งเฝ้า ไม่มีคนมาโพสต์ต่อ :z2:


ออฟไลน์ zolof26

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +268/-0
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #109 เมื่อ01-02-2010 15:10:00 »

คิดสั้นมากมายอาาา  ไม่น่าคิดสันเลย    แล้วจะบอกว่า  ไม่ต้องกลัวโดนด่า    ลงได้ เยอะๆ เลย ^^ :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
« ตอบ #109 เมื่อ: 01-02-2010 15:10:00 »





ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #110 เมื่อ01-02-2010 18:02:15 »

 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ SweetSacrifice

  • I always get,what I aim for
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +479/-1
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #111 เมื่อ01-02-2010 18:15:06 »

ตำรวจที่ว่าขออย่าให้เป็นสารวัตรเลยน่ะ
ปล.ลงห้าตอนรวดก็ได้ค่า

princehoo

  • บุคคลทั่วไป
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #112 เมื่อ01-02-2010 20:39:40 »

สะเทือนใจ


 :monkeysad:


รออ่านตอนต่อไปนะครับ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #113 เมื่อ01-02-2010 21:14:35 »

ปวดค่ะปวด...อ่านแล้วปวดใจมากมาย
ทำไมมันหนักอึ้งอย่างเน้ล่ะ :monkeysad:
คุณพี่สารวัตรท่าทางจะเจ้าชู้ไม่เบา
อย่างนี้มันน่าหลอกให้รัก แล้วหักอกทิ้งซะจริงๆ เนอะๆหมอชาลี :z1:
ขอบคุณที่มาต่อคร้า :L1:

ออฟไลน์ tutu

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #114 เมื่อ01-02-2010 21:22:15 »

ลงมากกว่านี้ก็สู้จร้า  o13 o13......สะเทือนอารมณ์ดีแท้ :monkeysad:

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #115 เมื่อ01-02-2010 21:26:00 »

สงสารนาวิน  :o12:  เควินทำไมต้องคิดสั้นด้วยน้าาาาาา :o12:

ตอนนี้ เศร้า 

ว่าหนุ่มคนนั้นจะเป็น กัณย์เปล่าวะ ที่เป็นคนหักอกเควิน

แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น ชาลีจะแก้แค้นคืนชิมิ  :z10:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #116 เมื่อ01-02-2010 21:55:20 »

พี่นาย เรื่องนี้ทำไมปมมันมากมายอย่างงี้หา

แต่ก็พอเดา ๆ ได้  มันเหมือนงูกินหาง หรือจุดไต้ตำตอ ซะงั้น

+1 ให้เป็นกำลังใจครับ

ปล. ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้นก็ได้ จัดลงมาเลย ยาวไปว่า ถ้าสั้น  :m16:

The_miracle

  • บุคคลทั่วไป
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #117 เมื่อ01-02-2010 22:50:04 »

อ่านเรื่องนี้แล้วชอบมากเลยครับ แต่ละคนเหมือนจะมีปม


น่าติดตามจริงๆๆๆ ชอบนายเอกแนวนี้มาก

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
Re: เพลิงรัก บทที่ 4 (31/1/2010)
«ตอบ #118 เมื่อ01-02-2010 23:05:52 »

เพลิงรัก บทที่ 5

กัณต์เก็บสมุดโน้ตเล็กๆ ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วยกมือขึ้นแตะไหล่ของพายัพ เด็กหนุ่มใจกล้าที่เข้าไปช่วยเหลือหญิงวัยกลางคนที่ถูกปล้น พายัพอายุเพียงสิบแปดปี เพิ่งเป็นนิสิตใหม่ได้ไม่กี่เดือน แต่กล้าหาญจนกัณต์ต้องชมเชย
“ไม่ต้องห่วง สารวัตรจะจับมันมาเข้าคุกให้ได้” กัณต์ยิ้มให้เด็กหนุ่มที่เพิ่งให้ปากคำเสร็จ อาการของพายัพดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มมีกำลังใจที่ดี พ่อและแม่ของเขานั่งเฝ้าลูกทั้งวัน พี่สาวก็มาเยี่ยมทุกวันหลังเลิกงาน ครอบครัวเล็กๆ ที่อบอุ่น และทำให้เขาอิจฉา
...อิจฉาที่เขาไม่เคยมีครอบครัวเช่นนี้...
กัณต์สวัสดีอำลาพ่อและแม่ของพายัพ แล้วเดินออกจากห้องพักคนไข้ของโรงพยาบาล เขาแปลกใจไม่น้อยที่รู้ว่าคนที่รับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายคือนายแพทย์ชาลี คนที่ทำท่าทางไม่สนใจที่จะให้ความร่วมมือในการสืบสวนหาตัวคนร้าย
กัณต์สอบปากคำเกือบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ป้านวลศรีให้การได้ไม่ชัดเจนเท่าใดนักเพราะกลัวเสียจนเสียขวัญ พนักงานร้านขายของสะดวกซื้อในย่านที่เกิตเหตุชิงทรัพย์ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากพอสมควร เขาพอได้ลาดเลาอะไรบ้างแล้ว ยิ่งวันนี้ได้คุยกับพายัพ เขาก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าจะปิดคดีได้ไม่ยาก
...แต่จะยิ่งดีมากขึ้น หากนายแพทย์ชาลีให้ปากคำ เขาเชื่อว่าชาลีเห็นใบหน้าของคนร้ายชัดเจน แต่เขายังตามชายหนุ่มไม่เจอ หมอหนุ่มรูปหล่อลางานได้สี่วันแล้ว พนักงานที่โรงพยาบาลก็ไม่ยอมบอกอะไรมากไปกว่าว่านายแพทย์ชาลีลากิจไปต่างจังหวัด...
...เอ หรือจะเป็นเรื่องนั้น เช้าวันที่เขาไปหาชาลีเช้า พยาบาลคนนั้นพูดว่าหมอชาลีอยู่ที่ห้องดับจิต...
...ใครเสียชีวิตหรือ เกี่ยวข้องกับชาลีหรืออย่างไร วันถัดมาถึงได้ลากิจไปถึงสี่วัน...
...เกิดอะไรขึ้น...
สี่วันที่ผ่านมามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมากมาย ไม่นับถึงเรื่องที่ทำให้เขาตกใจอยู่พอสมควรที่รู้ว่าคนที่เขารู้จักถึงสองคนเสียชีวิต
คนแรกคือดนุพล...อดีตพยานปากสำคัญคนหนึ่งที่เคยช่วยเขาจนปิดคดีของสังหารปลัดอภิสิทธิ์ได้
คนที่สองเป็นข่าวใหญ่ ใครก็รู้จักและให้ความสนใจ...
ข่าวเสียชีวิตของกวิน หรือเควิน ดาราชื่อดัง....
...เควิน...ช่างกระทันหันอะไรเช่นนี้ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าชายหนุ่มมีโรคประจำตัว ท่าทางเควินเป็นคนแข็งแรง ไม่นึกว่าจะมาเสียชีวิตเพราะเส้นเลือดแตกในสมอง!

ชาลีกับเอกภพต่างก็ตักอาหารวางบนจานของนาวิน เย็นนี้ทั้งสองพาเด็กหนุ่มมาทานอาหารที่ร้าน Capricious ของเพื่อนที่เรียนแพทย์มาด้วยกัน แต่กลับมาทำธุรกิจร้านอาหาร
นาวินเงยหน้าขึ้น ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกก่อนจะอุทธรณ์ว่า “ผมกินไม่ไหวแล้ว”
ชาลีรู้สึกตัว ตั้งแต่เริ่มทานอาหารเขาก็พยายามตักอาหารอร่อยๆ ให้เด็กหนุ่มทาน นาวินก็ไม่ปฏิเสธ จนลืมนึกไปว่า อาหารส่วนมากนั้นมีนาวินเป็นคนทานคนเดียว เอกภพก็ทานไม่มาก เขาเองก็ทานแค่ไม่กี่อย่างและหนักไปทางสลัดเสียเป็นส่วนมาก
“เราเป็นห่วงนาวินนี่นา” เอกภพพูด
“ขอบคุณครับ แต่ผมจะท้องแตกตายอยู่แล้ว” นาวินทำหน้ามุ่ย
“อิ่มแล้วก็ไม่ต้องกิน เอก นายเอาไป” ชาลีตักอาหารคำที่เพิ่งวางบนจานของนาวินให้เพื่อน
“เฮ้ย ไม่เอานะ เรากินไม่ไหวแล้ว” หมอเอกภพพยายามปัดป้องไม่ให้ชาลีวางอาหารบนจานของตัวเอง
“เหอะน่า คำเดียวเอง เสียดายของ” ชาลีเซ้าซี้
“นายก็กินสิ”
“เราอิ่มแล้ว” ชาลีให้เหตุผลง่ายๆ
“เราก็อิ่มเหมือนกัน” เอกภพพูด แล้วหันไปมองอีกด้านหนึ่งของร้านอาหารเพราะเห็นผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งเดินเข้าไป เปิดโอกาสให้ชาลีวางอาหารชิ้นนั้นลงบนจาน
“ชาลี” เอกภพทำปากยื่น “จะบีบให้เรากินให้ได้ใช่ไหม”
ชาลีพยักหน้า “นะ ถ้ากินคำนี้ เราสัญญาว่าจะไปช่วยดูลูกของคนไข้คนนั้นให้ เปิดโอกาสให้เอกได้จีบพ่อเขาไงล่ะ ชวนไปดรีมเวิล์ด์สุดสัปดาห์นี้ซะเลย จับลูกเขาขึ้นนั่งรถไฟเหาะตีลังกา นายก็ไปเดินจูงมือคุยกุ๊กกิ๊กกับพ่อ พอลูกเขาลงมาก็เวียนหัว มองไม่ออกว่าได้ผู้หญิงหรือผู้ชายมาเป็นแม่ใหม่”
“บ้าหรือ” เอกภพหน้ามุ่ย รู้ว่าชาลีเหน็บแนม
นาวินอดอมยิ้มไม่ได้ที่เห็นเพื่อนพี่ชายทั้งสองคนยั่วเย้ากัน เขายอมรับว่าหมอชาลีกับหมอเอกภพทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากเรื่องเศร้าๆ ที่เกิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตอนนี้เขาย้ายมาอยู่กับหมอชาลีชั่วคราว น้าพุอยู่เป็นเพื่อนอีกไม่กี่วันก็ต้องกลับเชียงราย พรุ่งนี้หมอชาลีจะพาเขาไปพบกับกฤษณาเพื่อสะสางเรื่องการเงินของพี่ชายเขา
“ห้ามไปตกลงจะเข้าวงการบันเทิงเด็ดขาดนะนาวิน” เขาจำได้ถึงคำสั่งของชาลีที่พร่ำพูดอยู่หลายครั้ง “เสือสิงห์กระทิงแรดทั้งนั้น นาวินตั้งใจเรียน สอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ เอาเรื่องนี้ก่อน”
“เป็นอะไรเอก” ชาลีถาม เมื่อเห็นเพื่อนชะงักและปรายตาไปมองอีกด้านหนึ่งบ่อยเกินไป
“เปล่า” เอกส่ายหน้า ก้มลงเขี่ยอาหารที่เหลืออยู่บนจาน
...เอกไม่เคยโกหกอะไรเขาได้ นัยน์ตาของเอก สีหน้าของเอก ไม่เคยปิดบังความรู้สึกได้เลย...
ชาลีหันไปมอง แล้วรีบหันกลับโดยเร็วเมื่อเห็นว่าใครนั่งอยู่อีกฟากหนึ่งของร้านอาหาร
“หล่อไหม” เอกภพพึมพำถามเพื่อนเสียงเบา ชาลีเบ้ปาก ไม่ตอบคำถามของเพื่อนออกมาเป็นคำพูด
“พี่หมอ ผมไปห้องน้ำนะครับ” นาวินขอตัว
“ระวังตัวด้วยนะนาวิน” ชาลีเผลอเตือน
นาวินพยักหน้าอย่างคุ้นเคยกับคำเตือน
“นี่ นาวินโตแล้วนะ และนี่ก็แค่ไปห้องน้ำ ไม่ได้ไปออกสนามรบที่ไหน” เอกภพเตือนชาลี “นายนี่ทำยังกับเป็นพ่อนาวินยังงั้นล่ะ”
“ก็ห่วงเขานี่นา ไม่เห็นหรือว่าเด็กมันกำลังโตเป็นหนุ่ม รูปร่างหน้าตาแบบนี้ มีพวกเสือหิวจ้องจะกระโดดเข้าขย้ำ ถ้าไม่มีพ่อเสือคอยห่วงคอยหวง เดี๋ยวก็โดนลากไปเขมือบซะก่อนเข้ามหาลัยได้หรอก” ชาลีให้เหตุผล
“อ๋อ พอเข้ามหาลัย นายถึงจะปล่อยงั้นหรือ ยิ่งเป็นนิสิต นายยิ่งดูแลเขาไม่ไหว take it easy น่าชาลี”
“รู้แล้ว มันอดไม่ได้นี่นา” ชาลียักไหล่ “ก็พวกพรานล่าเหยื่อสมัยนี้เยอะนักนี่”
...รวมถึงตำรวจคนนั้นด้วย ท่าทางไม่เบา...
เอกภพนิ่ง ชาลีรู้ว่าเพื่อนกำลังคิดอะไร จึงพูดขึ้นว่า “เอก นายก็เถอะ ระวังตัวเอาไว้ จะตกเป็นเหยื่อของคนเจ้าชู้”
“บ้า” เอกภพทำตาค้อน “ทำเป็นรู้ดี”
“อ้อ พูดผิดไป พูดใหม่ก็ได้” ชาลียิ้มเหยียดๆ “ระวังจะกลายเป็นแม่เลี้ยงคนใหม่ของคนไข้ตัวน้อยๆ แล้วจะหาว่าเพื่อนไม่เตือน”
"พูดอะไรก็ไม่รู้" เอกภพพึมพำเสียงเบา "เรารู้อยู่ว่าอะไรเป็นอะไร อะไรเป็นไปได้ อะไรเป็นไปไม่ได้ เราก็แค่ชื่นชมเพราะเขาเท่ก็แค่นั้น แล้วถ้าเขาไม่สนใจเราก็ไม่เห็นเป็นไร ขอแค่ได้มองก็เพลินดี โลกมันก็มีสีสัน ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ"
"ครับคุณหมอ" ชาลีล้อเลียน "แต่อย่าให้รู้นะว่าไปเสียตัวให้พ่อคนไข้"
"บ้า" เอกภพทำหน้าอายๆ แล้วเหลือบตาไปมองชายหนุ่มที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่คนเดียวเงียบๆ อาการของหมอหนุ่มไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้ามได้เลย ชาลีจึงพูดเตือนขึ้นมาเบาๆ ว่า
"แล้วบุคคลต้องห้ามด้วย ระวังเอาไว้ รถไฟ เรือเมล์ ยี่เก ตำรวจ อย่าได้เข้าไปเสี่ยงเด็ดขาด โดยเฉพาะตำรวจเจ้าชู้ พรานล่าเหยื่อ" ชาลีพูดกับเอกภพ แต่สายตาเหลือบมองไปยังชายหนุ่มในเครื่องแบบที่เขาไม่ชอบหน้าตั้งแต่เจอกันครั้งแรก
"รู้ได้ยังไงว่าเขาเข้าชู้ กลัวเขาหักอกเราใช่ไหมชาลี” เอกภพมองหน้าเพื่อน จ้องตานิ่ง” แต่คิดๆ ไป เราก็กลัวเหมือนกัน กลัวจะเจอคนเหมือนชาลีที่มีงานอดิเรกแบบที่กำลังทำอยู่"
ชาลียักไหล่แล้วตักอาหารเข้าปาก ไม่ตอบโต้ เอกภพจึงพูดต่อไปว่า "ชาลี เมื่อไหร่จะเลิกเสียที เรากลัวว่าชาลีจะโดนพิษของมันตลบหลัง"
"มือชั้นนี้แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก อีกอย่างเราก็เลิกแล้วนี่ไง ตอนนี้ไม่มีใครซักคน โสดสนิท"
"เลิกหรือพัก แล้วอีกไม่กี่อาทิตย์ก็หาเหยื่อรายใหม่ หลอกให้เขารัก แล้วก็ทิ้งเขา จะว่าไป ตัวเองนั่นล่ะก็ควรจัดอยู่ในกลุ่มบุคคลต้องห้าม เราอยากจะรีบวิ่งเข้าไปบอกคนที่เข้ามาจีบนายเหลือเกิน"
"อย่านะ" ชาลีใช้ซ่อมชี้หน้าเพื่อน "ห้ามเด็ดขาด ห้ามมาแทรกแซงภารกิจพิชิตหนุ่ม แต่จะว่าไป เราก็ไม่ได้ทำอะไรโหดร้ายเกินไป ก็แค่คบไม่กี่เดือน พอให้รู้สึกว่ารักแล้วก็เลิก ไม่ปล่อยให้ผูกพันกันจนเขาเสียใจจะเป็นจะตาย เท่าที่เห็น คนที่โดนเราทิ้งก็เห็นเขาแฮปปี้กันดีอยู่ทุกคน"
"เรากลัวว่าใครบางคนที่ชาลีคิดว่าอยากเล่นสนุกๆ ด้วย ท้ายที่สุดเขาจะกลายเป็นเหมือนเควิน" เอกภพเสียงหม่น "จริงๆ นะ ชาลี ใครซักคนที่รักนายเข้าเต็มหัวใจอย่างจริงจัง อยากมีชีวิตรักที่มั่นคงด้วย แต่ในที่สุดก็ต้องผิดหวัง และบางที ชาลีก็อาจจะเจอใครซักคนที่ใช่ แต่ก็..."
"ไม่ต้องห่วงหรอกเอก เรารู้ว่าตอนไหนควรหยุด เราไม่ให้มันถลำลึกจนถอนตัวไม่ขึ้นหรอก และที่แน่ๆ เราจะไม่รักใคร ความรักมันเข้าไปในหัวใจเราไม่ได้หรอก มันด้านชาไปตั้งนานแล้ว เราจะไม่ยอมเจ็บอีก แค่ที่เจอมาก็เกินทน พอกันที" ชาลีเสียงกร้าว ในใจนึกย้อนกลับไปเมื่อในอดีต ภาพแห่งความเจ็บปวดทั้งกายและใจย้อนกลับมาเพียงเสี้ยววินาทีแล้วเขาก็รีบสลัดให้มันหายไป ตามองไปยังนาวินที่เดินกลับมา ผ่านโต๊ะชายหนุ่มสองคนที่กำลังนั่งทานข้าวและมองตาม 'น้องชายคนใหม่' ของเขาตาเป็นมัน
...นาวิน เขามีภาระดูแลนาวิน อย่างน้อยเขาก็ไม่มีเวลาไปปั่นหัวใครให้รักอีกซักระยะ ตอนนี้ต้องพานาวินข้ามแม่น้ำเชี่ยวกรากให้รอดเสียก่อน จนกระทั่งนาวินแกร่งพอที่จะอยู่ได้ด้วยตัวเองแล้วค่อยว่ากันอีกที...

ชาลียืนรอเอกภพกับนาวินที่หน้าร้านอาหาร พอเดินออกมาถึงหน้าร้าน สองคนนั้นก็ขอกลับเข้าไปข้างในอีก เพื่อเข้าห้องน้ำจนเขาล้อว่าเป็นโรคช้ำรั่วหรืออย่างไร เข้าห้องน้ำอยู่ได้ชั่วโมงละสองครั้ง
คืนนี้เขาแต่งตัวเนี้ยบกว่าปกติ ซึ่งก็ได้ผล อย่างน้อยชายหนุ่มสองคนที่เดินออกจากร้านอาหารไล่เลี่ยกันส่งสายตาแสดงความสนใจเขาอย่างเปิดเผย เขาโปรยเสน่ห์ อมยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะหันหน้าหนีทำเป็นไม่สนใจเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเดินเข้ามาคุยด้วย
“อาหารอร่อยไหมครับคุณหมอ” เสียงห้าวๆ ดังขึ้นข้างๆ
ชาลีสะดุ้ง หันไปมองก็พบว่าเป็นนายตำรวจคนนั้นเอง เขาไม่ตอบ เพียงแต่พยักหน้าช้าๆ
“ผมตามหาคุณหมอตั้งนาน เห็นว่าลากิจไปหลายวัน พร้อมที่จะให้ปากคำหรือยังครับ ผมยังต้องการให้หมอเป็นพยานอยู่นะ”
“ป่านนี้ยังจับคนร้ายไม่ได้หรือ” ชาลีพูดเสียงเบา
“ใกล้แล้ว ผมได้ตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว ถ้ามีพยานที่น่าเชื่อถือได้อีกซักคนผมก็เข้าจับกุมตัวได้” เสียงของกัณต์หนักแน่น ใบหน้าเรียบนิ่ง จริงจัง “ขึ้นอยู่กับว่าคุณหมอจะมีใจอยากจะช่วยหรือเปล่า”
...มีใจอยากจะช่วย ฮึ เข้าใจพูดนะ...
“ไม่ต้องมาประชดนะหมวด” ชาลีเค้นเสียง “ผมก็มีเรื่องของผม”
“ครับ ผมเข้าใจ คุณก็มีเรื่องของคุณ นัดทานข้าวในร้านหรู กับหนุ่มสองคนพร้อมกัน”
...ประชดอีกแล้ว และยังมีหน้ามาเดินหนีอีก...
ชาลีมองแผ่นหลังกว้างนั้น ในใจคิดอยากจะขว้างโทรศัพท์ในมือใส่คนตัวโตที่พูดเสร็จแล้วก็เดินหนีไปทันที
...กล้าดียังไงมาพูดกับเขาแบบนี้ ตำรวจก็ตำรวจเถอะ...
“นี่คุณตำรวจ พูดแบบนี้ไม่สวยนะ” ชาลีเดินตาม
“พรุ่งนี้ผมจะไปหาที่โรงพยาบาล” กัณต์หันหน้ามายังแพทย์หนุ่มที่ทำหน้าบึ้งตึง “ผิดนัก ผมจะขอเข้าพบผู้อำนวยการโรงพยาบาล ขอคุยกับแพทย์ของโรงพยาบาลต่อหน้านายแพทย์เดชาให้รู้แล้วรู้รอด”
“คิดว่าผมกลัวหรือ” ชาลีท้าทาย
“เด็กคนนั้นอยู่ที่โรงพยาบาล...รามอินทรา กม. 8 ตึกชาย 2 ห้อง 209 ถ้าคุณอยากจะไปเยี่ยม” เสียงกัณต์ดังห่างออกไปเพราะนายตำรวจเร่งความเร็วขึ้น และชาลีเดินช้าลงเพราะเลิกคิดที่จะเดินตามคนตัวใหญ่ที่ท่าทางกวนอารมณ์ยิ่งนัก
...ไม่ต้องมาบอก เขารู้แล้วล่ะ พรุ่งนี้ตั้งใจจะไปเยี่ยมพายัพอยู่พอดี นี่คงคิดว่าเขาไม่สนใจใยดีเด็กหนุ่มคนนั้นล่ะสิ บ้าจริงๆ ตำรวจอะไร กวนโมโหเป็นที่สุด...

พายัพไม่รู้จักหน้าตาของนายแพทย์ชาลีคนที่วิ่งเข้าไปช่วยเขา เด็กหนุ่มทำหน้างงๆ เมื่อชาลีเดินเข้าไปเยี่ยม แต่ครั้นเขาแนะนำตัว พายัพก็ยิ้มกว้างแล้วบอกว่าเขาจำชื่อชาลีได้ ป้านวลคนที่ถูกชิงทรัพย์มาเยี่ยมเขาและเล่าเรื่องราวให้ฟัง สารวัตรกัณต์ก็เล่า
“ผมขอบคุณคุณหมอมากนะครับ ถ้าไม่ได้คุณหมอ ผมคงต้องตาย” พายัพพูดด้วยเสียงนุ่มนวล
“ถ้าไม่ได้ป๋องต่างหาก ป้านวลอาจจะอาการหนัก หรืออาจโดนทำร้ายถึงตาย ป๋องกล้าหาญมากที่สุดเลยรู้ไหม” ชาลีชื่นชมชายหนุ่มที่นอนเจ็บอยู่บนเตียง แล้วปรายตาไปมองนาวินที่ยืนอยู่ไม่ห่าง
“ป๋องต้องสู้นะ อีกไม่นานก็หาย นี่ก็ดีมากเลยที่ไม่กี่วันก็อาการดีขึ้นมาก”
“ผมสู้อยู่แล้วครับ ผมไม่ตายง่ายๆ หรอก ผมมีพี่สาวกับพ่อและแม่ต้องดูแล” พายัพพูดเสียงหนักแน่น
“ให้มันได้ยังงี้สิ” ชาลียกนิ้วโป้งชูให้เด็กหนุ่ม แสดงท่าทางชื่นชมให้รู้ว่า...เยี่ยมที่สุด
“อ้อ นี่น้องชายพี่ ชื่อนาวิน อายุคงน้อยกว่าป๋องมั๊ง”
“ผมเพิ่งเข้ามหาลัยครับ” พายัพยิ้มให้นาวิน แล้วหันมาพูดกับชาลี 'น้องชายคนใหม่' ของนายแพทย์หนุ่มพยักหน้าให้คนที่นอนอยู่บนเตียง พร้อมส่งรอยยิ้มบางๆ ให้
“งั้นป๋องก็เป็นพี่”
“แต่ตัวเล็กกว่าเยอะ” พายัพยิ้ม
“คนเล็ก แต่ใจใหญ่” ชาลีหัวเราะ แล้วหันไปชี้นาวิน “คนนั้น ตัวใหญ่ และใจก็ใหญ่เหมือนกัน”
ทั้งหมดหัวเราะประสานกัน ไมตรีจิตก่อตัวขึ้น ชาลีมีความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะได้น้องชายเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
พายัพเป็นคนที่มีทัศนคดีในด้านดี มีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่เกินตัว และเป็นคนที่เข้มแข็งมาก ขยันและไม่เคยท้อแท้ เด็กหนุ่มทำงานเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวมาตั้งแต่ชั้นมัธยมปลาย และเมื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็ส่งตัวเองเรียน ค่าเล่าเรียนเทอมแรกได้มาจากเงินเก็บของเขาที่ทำงานหนักมาปีกว่า
“นี่ผมคงไปเรียนไม่ได้อีกหลายเดือน” พายัพเบ้ปาก “ไม่รู้จะดรอปได้หรือเปล่า พ้นกลางเทอมมาแล้ว ผมกลัวว่า...”
“ได้สิ คุยกับอาจารย์ ท่านต้องเห็นใจแน่ ถ้ามีปัญหา พี่จะช่วยพูดให้” ชาลีเสนอตัว “รู้ไหม นาวินก็จะสอบเข้าเรียนคณะเดียวกันกับป๋องด้วยล่ะ อีกไม่นาน ป๋องอาจจะได้รับน้องใหม่”
“อีกตั้งปีกว่าๆ นะครับพี่หมอ” นาวินพูด เด็กหนุ่มยังเรียกเขาว่าพี่หมอเพราะคุ้นปาก ชาลียังไม่ได้บอกพายัพว่าที่จริงแล้ว นาวินไม่ใช่น้องชายแท้ๆ ของเขา
ชาลีกับนาวินคุยกับพายัพอีกครู่ใหญ่แล้วจึงขอตัวกลับ หลังจากร่ำลากันแล้วและก่อนที่จะเดินออกจากห้อง พายัพถามเขาว่า “พี่หมอครับ ตำรวจเขาจะจับคนร้ายได้ไหมครับ”
“ได้สิ ตำรวจเขาเก่ง คนร้ายไม่รอดหรอก คนที่ทำไม่ดีต้องได้รับการลงโทษ” ชาลีหันไปพูดกับคนเจ็บบนเตียงที่นอนมองเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง
...เขานี่ล่ะ จะเป็นคนชี้ตัวผู้ต้องหา...
...คนทำผิด ต้องได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม...

 เพลิงรัก บทที่ 6

ชาลีกับนาวินเดินออกมาจากอาคารผู้ป่วยของโรงพยาบาลช้าๆ ชาลีคุยกับนาวินเรื่องทั่วๆ ไปและลงท้ายด้วยการย้ำเรื่องการเดินทางกลับบ้านหลังเลิกเรียน
“ถ้าตอนที่รอพี่มีคนเข้ามาคุยด้วยหรือชวนไปถ่ายแบบ ห้ามตอบตกลงเด็ดขาด เรื่องเรียนต้องมาก่อน” ชาลีสั่งสอน “เรื่องจะเข้าวงการนี่เอาไว้คิดตอนจบปริญญาโท ตอนนี้เรายังเด็กอยู่ โลกภายนอกนี่มันร้ายกาจ พี่ไม่อยากให้นาวินเจอพวกคนไม่ดี”
“ผมรู้แล้วน่า” นาวินตอบ

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: เพลิงรัก บทที่ 5 (1/2/2010)
«ตอบ #119 เมื่อ01-02-2010 23:22:36 »

คุณตำรวจรู้จักกับเควินด้วย :m21: เกี่ยวกันมะ
นึกว่าจะลงต่อตอนที่6ซะอีก :jul3: ฟิตจริงพ่อคุณ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด