
2.
“ เอ้าชนแก้ว!” พี่อิงว่า ผมก็ชูแก้วขึ้นชนกับพี่เขาทั้งชิดทั้งพี่ฟ้า รวมถึงพี่เบิ้ม แฟนพี่ฟ้าด้วย
“ จุม หมดแก้ว จุมหมดแก้ว!” พี่อิงว่า ทุกคนก็ร้องตาม ผมมองแก้วเหล้า ชิดบอกว่าชงอ่อนที่สุดแล้ว
“หมดแก้ว จุมหมดแก้ว!” พี่ฟ้าเอาช้อนเคาะจานไปด้วย (เริ่มเมา)
“ ไม่หมดได้ไหมครับ” ผมบอก เพราะผมคออ่อน ถ้ากินหมดแก้วนี้ คงต้องเมาล้มพับไปแน่นอน
“ งั้นครึ่งแก้ว” พี่อิงต่อรอง ผมยกแก้วขึ้นกิน พอผ่านคอทำให้รู้อุ่นเหมือนจะบาดคอได้
ขม ยิ่งกินมันก็ยิ่งกลืนไม่ลง จนผมต้องยอมแพ้
“ จิบไปนิดเดียวเอง” พี่อิงพูดเหมือนน้อยใจ
“จะมอมจุมหรือไง กินไม่เป็นก็ไม่ต้องกิน เดี๋ยวสั่งโค้กให้” ชิดที่นั่งข้างๆผมบอก
วันนี้เป็นวันเกิดพี่อิง พี่เขาเลยมาฉลองกันที่นี่ เป็นร้านปลาเผา ไม่ไกลจากจากอาพาร์ทเม้นต์ผมเท่าไร ส่วนมากลูกค้าที่มากินถ้าไม่มาเป็นครอบครัวก็เป็นนิสิตที่มากินหลังเลิกเรียน( แบบโต๊ะญี่ปุ่นปูบนเสื่อ)
“ ใครจะกล้าทำแบบนั้น กับน้องสะใภ้วะ” พี่อิงพูด หน้าพี่เขาแดงกว่าเดิม
“ พี่อิงครับ” ผมพูดออกแนวอ่อนใจ เพราะพี่อิงชอบพูดแบบนี้บ่อยๆ ถึงผมจะรู้ว่าพี่เขาพูดแบบไม่คิดอะไร บางทีพี่ก็คงพูดเพราะติดปาก
“ อย่าปฎิเสธ พี่เข้าใจ ฮ่าๆ”(พี่อิง) ผมหันหน้าไปมองชิด ว่าให้ช่วยกันหน่อย
“พร้อมเมื่อไรก็บอก” ชิดพูด?
“ พร้อมอะไร?” ผมถาม รับแก้วโค้กจากเด็กเสริ์ฟ
“ ก็พร้อมจะเป็นภรรยาชิดไง” พูดแล้วยิ้มทะเล้น
“ … ……………………….”ผมพูดไม่ออก
“ เว่ย เว้ย! จีบกันมดไต่ ต้องกินน้ำปลาดับหวาน หรือน้ำปลาจะไม่พอ ต้องใช้เกลือทั้งโรงงาน” พี่อิงพูดต่อ ผมแหละอายไม่มีที่จะอยู่ เวลาพี่อิง กับพี่ฟ้ามาที่ไร ไม่ว่าจะทำอะไร พูดอะไรก็วกเข้าเรื่องนี้ทุกที
“ นั่นดิ ไหนๆก็ไหนแล้ว เป็นแฟนกันเถอะ จะได้มีความสุขเหมือนพวกพี่ไง” พี่เบิ้มว่า พร้อมกอดเอวพี่ฟ้า แล้วก็โดนพี่ฟ้าตีมือ พี่เบิ้มทำหน้าหงิก
“……………………” ผมเผลออมยิ้ม มองพี่ฟ้าและพี่เบิ้ม มือผมที่วางบนตักมีอีกมือมากุมไว้
ชิด
“ ชิด?” ผมมองชิดกลืนน้ำลายไม่ลงคอ ด้วยความลำบากใจ ถึงแม้จะเคยพูดเรื่องนี้ กับชิดไปแล้ว แต่ชิดก็บอกว่าไม่เป็นไร รอได้
แต่ผมไม่อยากให้รอ อยากให้ชิดไปเจอคนอื่นมากกว่า ก็ยังไม่ลืม
ยังไม่ลืม ทุกๆเรื่องในอดีต แม้แต่ความรู้สึก แม้เวลาจะผ่านไป………….
“ ลำบากใจก็ดึงมือกลับไป” ชิดบอก ผมดึงมือตัวเองออกจากมือชิด สีหน้าอีกคนเจ็บปวด ผมหันหน้าไปอีกด้านไม่อยากเอาความสงสารไปทำร้ายชิด
ที่ผมทำแบบนี้ เพราะชิดจะได้ตัดใจสักที
สายตาผมสบตากับผู้ชายวัยกลางคนโต๊ะข้างๆโดยบังเอิญ เป็นผู้ชายคนนั้นที่หันหลบผม?
“……………………” ทำให้ผมสังเกตเห็น ว่าโต๊ะนั้นมีผู้ชายคนนี้กับผู้ชายอีกคนนั่งอยู่ ซึ่งอีกคนก็หันหน้าไปอีกซึ่งทางตรงข้ามโต๊ะผม
คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
แต่พอผมเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ผมก็เห็นว่าเขากำลังมองผมอยู่ ก่อนที่หันกลับไป
คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
ผมคิด แต่ไม่สบายใจ
ผ่านไปตั้งนานแล้ว ไม่มีมีอีกแล้ว ไม่มีใครตามผมแล้ว
“ จุมเป็นอะไร?” ชิดถาม ผมเงยหน้ามองชิด
“ เ ปล่า”
“……………………”(ชิด)
เมื่อปีที่แล้ว ผมทำงานที่ร้านอาหาร ที่ชลบุรี มีคนมาถามถึงผม เมื่อผมไปทำงานในตอนเย็น ผมถึงได้รู้ว่า พี่วุฒิ พี่แบงค์ และพี่ชนะไปหาผมที่นั่น ผมไม่เห็นใครนอกจากพี่ชนะ ตอนนั้นผมยอมรับว่ากลัว กลัวว่าพี่วุฒิจะมาพาผมกลับไป
“ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” ชิดถามอีก ผมส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร
“ ชิด………เออ พี่อิง พี่ฟ้า พี่เบิ้ม ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ พรุ่งนี้ต้องทำงานตอนเช้า” ผมบอก
“ เพิ่ง 2 ทุ่มเอง” พี่อิงว่า “ วันนี้วันเกิดพี่นะจุม”
“ แต่ผม………” ผมเอามือมากุมไว้ รู้สึกว่าอากาศมันหนาวขึ้นมา
“ จุมหนาวเหรอ?” ชิดถามอีก ผมส่ายหน้ามองไปที่โต๊ะนั้นอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้มองมาที่ผมแล้ว
ไม่ใช่หรอก
ไม่ใช่
“ ไม่หนาว แล้วทำไมตัวสั่น”
“ ก็ หนาวอยู่เหมือนกัน” ผมตอบหางตามองโต๊ะผู้ชาย 2 คนนั้น
“ ชิดกอดให้ไอ่อุ่นจุมดิ” พี่อิงว่า ชิดยกแขนขึ้นจะกอดผมตามที่พี่อิงบอก
“ อย่าชิด อายคนอื่นเขา” ผมว่าขยับตัวหนี
“ อายทำไมคนเยอะแยะ” พี่เบิ้มเสริม แต่เหล่มองพี่ฟ้า
“ ก็จุมไม่ได้หน้าด้านเหมือนมรึงไง” พี่ฟ้าว่า ออกแนวประชด
“ หน้าด้านแต่รักจริง ชอบอ่ะดิ” พี่เบิ้มว่า
“ รู้แล้วจะพูดเพื่อ?”พี่ฟ้าว่า พี่เบิ้มยิ้มหน้าแป้นแล้วกอดไหล่พี่ฟ้า
“ กรูอ้วกได้ไหมวะ เพื่อนมรึง” พี่อิงพูด
“ อิจฉาละสิมรึง คนไม่มีแฟนก็งี้แหละขี้อิจฉา!”(พี่เบิ้ม)
“ ไอ้เพื่อนฟายยยยย”(พี่อิง)
“ ฮ่าๆ”
ทุกคนหัวเราะ ผมก็พลอยหัวเราะไปด้วย แต่สายตายังมองผู้ชายสองคนนั้นอยู่ ซึ่งตอนนี้เช็ดบิลและกำลังลุกขึ้นแล้ว ผมค่อยโล่งใจ
“……………………”
# # #
ผมเดินถือถุงเค้กที่ร้านให้มากลับอาพาร์ทเม้นต์ รู้สึกว่ามีคนเดินตาม ผมหันกลับไปดูรวดเร็วเพื่อไม่ให้ใครก็ตามที่อยู่ข้างหลังหลบทัน
ว่างเปล่า ผมกวาดสายตาไปรอบๆ หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
“………………?……”
ไม่มีใคร ?
ผมคิดมากไปจริงๆ
ไม่มีใคร
“……………………” ผมมองด้านซ้ายด้านขวา อีกรอบ
ไม่มี
ไม่มีใคร ผมคิดแบบนั้น
แต่กลับวิ่งสุดกำลัง อยากให้ถึงอาพาร์ทเม้นต์เร็วๆ วิ่งขึ้นบันได 4 ชั้น ไขประตูเข้ามาในห้องก่อนที่ปิดตามเสียงดัง
ผมยืนพิงประตูด้วยเพราะเหนื่อย ในใจเผลอคิดว่าอีกด้านของประตูอาจจะมีใครอยู่
“…………แฮ่กๆ…………”(หายใจหอบ)
ผมกำลังกลัว
น้ำตาผมไหลอาบหน้าลงมาเฉยๆ ผมเอามือเช็ดออก ผมบ้าเกินไปที่คิดว่ามีคนกำลังตาม
ผมรู้ว่าตัวเองคิดมาก
ผมคิดจะปรึกษาเรื่องนี้กับชิด พี่อิง พี่ฟ้า แต่มีแต่จะทำให้คนอื่นเป็นห่วง เพราะความจริงอาจจะไม่มีอะไรก็ได้
“……………………” ผมเดินเข้ามาในห้องหลังจากที่พิงประตูอยู่นาน วางถุงเค้กไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะถอดเสื้อกางเกงแล้วนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ
# # #
“ พี่ครับ เจ็บ” ผมบอกผ่านริมฝีปากแตกๆยกมือไหว้พี่วุฒิไม่รู้ครั้งที่เท่าไร เพราะมันไม่ได้ผลเลย แต่ผมก็ทำ
“ ก็อยากให้เจ็บ!?” พี่วุฒิว่า กระชากหัวผมให้เงยหน้ามองพี่เขา
มือไม้ผมสั่นไปหมด จะบังคับให้มันอยู่นิ่งก็ไม่ได้ ผมโดนแน่
“ ไม่ทำแล้ว ไม่ทำแล้ว ฮือๆ” คำพูดกระท่อนกระแท่น กับร่างกายที่สั่นไม่หยุด ท้องที่โดนชกไม่มีทีท่าว่าจะหายปวด
ช่วยผมด้วย ผมกลัว
“ อย่าครับ ผมกลัวแล้ว อย่าทำผม” ผมขอร้อง ร่างกายถูกพี่วุฒิดึงให้ลุกขึ้นยืน
“ แล้วใคร ทำให้พี่ต้องทำแบบนี้!?” ผมส่ายหน้า ผมไม่รู้เลยว่าวันนี้ผมทำอะไรผิด
“ ยกโทษให้ผมด้วย อย่าครับ!!?"
"อ ย่ า! ! ? "ผมลืมตา มองเห็นเพดานสีขาว ผมมองไปรอบๆตัว ผมถึงได้รู้ว่าเมื่อกี้ผมแค่ฝันไป
…ไม่มีแบบนั้นอีกแล้ว
“……………….” ผมนอนหายใจหอมแฮ่กๆบนเตียง ร่างกายนิ่งไม่ขยับ บ้างเปียกชื้นเพราะเหงื่อที่ไหลออกมา
ผมแค่ฝัน แต่ความรู้สึกที่หลงเหลืออยู่ตอนนี้ ไม่ต่างจากฝันเมื่อกี้
เหมือนความจริง ราวกับคือ ความจริง
3 ปีแล้ว พี่เขาคงไม่ตามหาผมแล้ว ไม่ต้องกลัว ผมบอกตัวเอง ก่อนที่ลุกขึ้นนั่ง ผมรู้สึกหนาวทั้งที่ประตูระเบียงปิดอยู่ พัดลมก็ไม่ได้เปิด แต่ผมหนาว จนต้องขดตัวกอดตัวเองแล้วมองไปรอบๆห้อง( ข้างนอกสว่างแล้ว)
ที่นี่ไม่มีพี่เขาหรอก ไม่ต้องกลัว
คงเป็นเพราะ 3 วันมานี้ผมรู้สึกเหมือนมีใครสะกดรอยตาม ทำให้ผมฝันแบบนี้ ทั้งที่ไม่ได้ฝันถึงอดีตมาพักหนึ่งแล้ว
ตั้ง 3 ปี หลายอย่างก็เปลี่ยนไป พี่เขาเองก็ด้วย ป่านนี้ก็คงมีคนอื่นไปแล้ว ไม่มาตามหาผม ที่พี่เขาทั้งเกลียดทั้งแค้นหรอก
คงมีแต่ผม ที่ยังไม่เปลี่ยน……………
“……………….” ผมลุกขึ้น เดินเข้าห้องน้ำ จะได้ไปทำงาน ที่ต้องเข้า 8 โมงเหมือนทุกวัน
ผมอาบน้ำเสร็จ ก็แต่งตัวเสื้อเชิ้ต กางเกงดำที่เป็นยูนิฟอร์มของร้าน จำได้ว่ายังไม่ได้กินเค้กเมื่อวาน เดี๋ยวกินเป็นอาหารเช้าวันนี้เลยดีกว่า ไม่งั้นจะหมดอายุ
กริ่งๆ เสียงแจ้งข้อความจากโทรศัพท์ ทำให้ผมหันไปมอง คงจะเป็นข้อความจากชิด ที่ส่งมาทุกเช้า พอใส่เข็มขัดเสร็จแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
จากชิดอย่างที่คิด จริงๆ
ผมเปิดดู
‘ ตื่นหรือยังคนดี วันนี้เย็นๆไปหานะ จุ๊บๆ’
ผมพิมพ์ตอบกลับชิด
‘วันนี้เงินเดือนผมออก ตอนเย็นจะเลี้ยง’
อย่างน้อยผมก็ได้ตอบแทนชิดบ้าง
ก๊อกๆ
ผมหันไปมองประตูเพราะมีเสียงคนเคาะ ไม่น่าจะใช่ชิด ก็ไหนบอกว่าจะมาตอนเย็น หรือจะเป็นพี่ฟ้า หรือพี่อิง
แกร๊ก!? ผมเปิดประตู
“!?” ผมจ้องคนที่ยืนตรงหน้า หน้าชา ตัวชา มือเย็นจนรู้สึกได้ ขาเดินถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
ร่างกาย หัวใจเหมือนโดยหอกน้ำแข็งแทงจนทะลุ ทำให้เย็นยะเยือก
“ จุม” เสียงทุ้มกว่าเมื่อก่อนเรียกชื่อ ก่อนที่จะเดินเข้ามา (มือผมปล่อยลูกบิดประตูทันที)
ผมต้องยังฝันอยู่แน่ๆหัวผมรู้สึกเบลอๆ
ฝัน ผมฝันอยู่แน่นอนไม่งั้น
พี่วุฒิ จะมาอยู่ตรงหน้าผมได้ยังไง
“ จุม” พี่วุฒิในความฝันพูด ก่อนที่ดึงแขนผมเข้าไปกอด
“ จุม ในที่สุดพี่ก็หาจุมเจอ”
ไม่ใช่
นี่ไม่ใช่ความจริง ผมฝัน
ผมฝัน
“……………….” ผมต้องรีบตื่น
ต้องตื่น ไม่งั้น ผมคงต้อง โดนทำร้ายแน่ ก่อนจะเป็นโดนชกที่ท้องก่อน แล้วก็…
“……………….”
ตื่นสักทีสิ !! ตื่นได้แล้ว ผมบอกตัวเอง
เร็วเข้า !! ผมพยายามดิ้น แต่ยิ่งดิ้น ผมก็ยิ่งโดนกอดแน่นกว่าเดิม
“ จุมจะหนีพี่ไปอีกหรือไง?” ผมผลักพี่วุฒิเต็มแรง จนพี่วุฒิผงะ พี่เขาจ้องหน้าผม ไม่ได้มีสีหน้าโกรธผม “……………….”
หนีใช่ผมต้องหนี ไม่งั้นผมตายแน่ ถึงแม้จะเป็นความฝันก็ต้องหนี เพราะฝันก็ไม่ต่างจากความจริง ผมมองประตูด้านหลังที่พี่วุฒิ ก่อนที่พุ่งไปที่ประตู แต่พอผมผ่านพี่วุฒิ พี่เขาก็ดึงแขนผมไว้ แล้วกระชากจนผมเซถลาไปซบพี่วุฒิ
“ปล่อยครับ!!” ผมพยายามดิ้น
“จุม!” พี่วุฒิจับแขนผมทั้งสองข้างไว้
“ ปล่อยครับ! ปล่อยผม!”
“ พี่ไม่ปล่อย”
“ ขอร้องล่ะครับ ปล่อยผม”
“…………………………………..รู้ไหม กว่าพี่จะตามหาจุมเจอ พี่รอคอยนานแค่ไหน พี่ต้องทรมานแค่ไหน เพราะงั้นพี่จะไม่ปล่อยจุมไปแน่นอน กลับไปกับพี่เถอะ พี่เข้าใจทุกอย่างดีแล้ว” ผมส่ายหน้า (น้ำตาเปียกหน้า)
ผมไม่อยากกลับไปแล้ว กลับไปพี่ก็ทำร้ายผมอีก ผมพูดอะไรพี่ก็ไม่เชื่อ ถึงพี่จะดีกับผมแต่แค่ 1 นาที พี่ก็เปลี่ยนเป็นคนละคนได้ โดยที่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพราะอะไร
ผมกลัว
เหตุการณ์ ในอดีต ตามมาหลอกหลอนผม เสียงผมกรีดร้อง ถ้อยคำขอร้องที่ไม่ได้รับการสนใจ เนื้อตัวเจ็บปวดจนไม่กล้าขยับ ได้แต่ยอมรับการกระทำที่รุนแรง ในห้องเงียบกริบ ผมมีน้ำตาเป็นเพื่อน
“ ปล่อย ไป ผม เถอะ” ตัวผมสั่นเมื่อนึกถึง และไม่อยากเจออีกแล้ว
“ กลับไปกับพี่ พี่เข้าใจทุกอย่างแล้ว พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ ยกโทษให้พี่เถอะ” ผมไม่เคยโกรธพี่
“ ผมไม่เคยโกรธ พี่” ไม่เคยเลยสักครั้ง
“ ดีแล้ว” พี่วุฒิว่าเอานิ้วมาเกลี่ยน้ำตาบนหน้าผม
“ แล้วพี่จะปล่อยผมไปได้หรือยังครับ?” ผมถาม นิ้วที่เกลี่ยบนหน้าชะงัก
“ ทำไมล่ะจุม พี่รักจุม เราเข้าใจกันแล้วก็ต้องอยู่ด้วยกัน”
“ ไม่ครับ ผมไม่” ผมดิ้นจะหลุดจากมือพี่วุฒิ พี่วุฒิรวมตัวผมไปกอด(แขนผมติดลำตัว)
“ ต้องกลับ!” พี่วุฒิพูดเสียงดัง ผมตัวชา
“……………….” ผมไม่กล้าแม้จะขยับ
“………………กลับไปกับพี่นะ”( เสียงอ่อนลง)
ผมไม่กลับ
ปล่อยผมครับ ไม่กลับไปแล้ว
“ ฮือๆ ฮือๆ อึก” ผมพยายามจะไม่ร้อง เพราะรู้ว่าพี่วุฒิไม่ชอบ แต่มันไม่หยุด
“……………….” พี่วุฒิไม่พูด และยังไม่ได้ตะคอกหรือสั่งให้ผมหยุด
“ ฮือๆ”
“……………….” ทำไมพี่วุฒิไม่ว่าผม หรือว่าพี่วุฒิจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว
ไม่ทำกับผมแบบนั้นอีกแล้ว ใช่ไหมครับ?
ไม่ตะคอกผม
ไม่ตีผม
ไม่ข่มขืนผม
“……………….” มือพี่วุฒิลูบหลังผมเบาๆ ผมรู้สึกดี นั่นเพราะผมกำลังฝัน ถ้าเป็นพี่วุฒิในโลกของความจริง ผมร้องไห้ขนาดนี้ อย่างน้อยผมต้องโดนตบหน้าไปแล้ว
พี่เขาคงไม่กอดผมแบบนี้……………….
ผมกำลังฝันอยู่จริงๆ
“ พี่ขอโทษ จากนี้ พี่จะเชื่อจุม”
จริงหรือครับ พี่จะเชื่อที่ผมพูด
พี่รู้ใช่ไหมครับว่าผมกับพี่แบงค์ไม่ได้มีอะไรกัน ผมไม่ได้รักพี่แบงค์ เพราะผมรักพี่คนเดียว
“……………….” ผมกำลังฝันดี อย่างที่ไม่เคยฝัน
# # #
ลงน้องจุมให้ท่านๆหายคิดถึงเน้อ